Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63  (อ่าน 62367 ครั้ง)

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
เรื่องที่เกิดในห้องส่งณเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแบบสดๆเลยครับ พวกเขากำลังดูถ่ายทอดสดกันอยู่ ที่ออกอากาศแค่ในห้องเท่านั้น

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
.............................

ระหว่างทางที่เดินออกจากห้องควบคุม วรุฒได้เจอกับอาเธอร์ลูกครึ่งอเมริกันซึ่งวรุฒก็เดินเข้าไปทักทายอย่างรู้จักกันดี อาเธอร์เดินมาด้วยท่าทีซึมเศร้า และอุ้มเด็กทารกไม่ถึงขวบปีอยู่ในมือ

“เธอหนีกูอีกแล้วว่ะ” อาเธอร์พูดไทยชัดเจน
“ก็คนอย่างซาร่า ยังมีนิสัยรักความตื่นเต้นผจญภัย เธอคงไม่เหมาะจะเป็นแม่คนเท่าไหร่” วรุฒยิ้มอย่างเพลียๆ กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
“แต่เราสัญญากันแล้ว ว่าเราจะไปกันให้รอด เรารักกัน” อาเธอร์พูดเสียงเศร้า
“เฮ้อ..... นี่กูไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับพวกมึงเลย! แต่เอาเหอะ มันผ่านมาแล้ว และกูก็ให้อภัยมึงแล้ว ซาร่าไปไหน ไม่ไกลหรอก กูให้คนคุมตัวขึ้นรถตู้ไปแล้ว ตอนนี้รถคงจอดรออยู่ข้างล่าง เรื่องเครื่องบินกูจัดการให้แล้ว พวกมึงไปเคลียร์กันที่อเมริกาเถอะ” วรุฒเดินไปตบไหล่อีกฝ่าย ทั้งที่อีกมือหนึ่งยังอุ้มชานนท์อยู่

“อืม ขอบใจสำหรับทุกอย่างนะ ขอบใจสำหรับมิตรภาพที่เคยมี ขอบใจสำหรับเรื่องการเดินทางด้วย เครื่องบินส่วนตัวมันดีมากๆ เลย” ชายที่เตี้ยกว่าวรุฒเล็กน้อยพูดด้วยสีหน้าอมยิ้มบางๆบนใบหน้า

“แล้วก็ บนที่นั่งมีซองจดหมายอยู่ ถือว่าเป็นค่าทำขวัญหลานสาวก็แล้วกัน” วรุฒยิ้มกลับ
“อะไรน่ะ ไม่เอาแล้วนะ พอแล้ว แค่นี้นายก็ช่วยเรามากแล้ว”
“เอาเหอะ แล้วก็ไปได้แล้ว” วรุฒพูดจบก็หันตัวเดินไปอีกทางทันที คนโดนอุ้มอยู่ได้แต่ทำหน้าลำบากใจ เพราะพวกเขาสนทนาเหมือนชานนท์เป็นแค่ตุ๊กตาไม่มีชีวิต ทันทีที่วรุฒหันกลับไปชานนท์ก็หันไปพบกับวงหน้าหล่อเหลาระดับดาราฮอลลีวูดที่ยิ้มทักและก้มศรีษะทักทาย ชานนท์ได้แต่ยิ้มตอบไปด้วยอาการขวยเขิน

ที่ดาดฟ้าของอาคารเรียนคณะนิเทศฯ สถานที่เกิดเหตุ ชานนท์ถูกปล่อยลงนั่งที่พื้นต่างระดับใกล้กับประตูทางออก ชานนท์และวรุฒต่างนั่งมองท้องฟ้ายามพลบค่ำที่มีแสงดาวต่างพากันแข่งเรืองแสงระยิบระยับประดับฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ล่วงเลยไป ลมเย็นๆ เริ่มโชยอ่อนจนรู้สึกสบายตัวมากขึ้น ตั้งแต่เขาถูกพามาที่นี่ วรุฒก็ได้แต่นั่งมองดาวอยู่ข้างเขาแบบไม่ไหวติง ยิ่งทำให้ชานนท์รู้สึกอึดกับเหตุการณ์นี้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่หลังจากที่ชานนท์แอบมองไปที่แววตาคนนั่งข้างๆ แล้วทำให้ความหงุดหงิดที่ถูกทิ้งอยู่กับความเงียบที่มลายหายไป แววตาที่เศร้าหมองและลังเล

“รุฒ.....จะเล่าให้เราฟังได้ไหมว่า..... เรื่องพวกนี้มันเป็นมายังไง?” ชานนท์ยื่นมือไปวางบนมืออีกฝ่ายที่เย็นเย็บ
“หายโกรธเราแล้วใช่ไหม? เราก็รอให้นายพร้อมก่อน อยากให้นายยกโทษให้เรา เรารู้ว่าหากนายเริ่มต้นพูดกับเรา คือเวลาที่นายให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว” วรุฒร่ายยาวเหมือนเรื่องอัดอั้นเมื่อครู่ถูกปล่อยออกมาหมด แววตาเกรี้ยวกราดที่เขาเห็นที่ชั้นล่าง มันหายไปหมดสิ้น ตอนที่วรุฒอยู่กับเขา มันเหมือนคนละคนกับเวลาที่วรุฒอยู่กับคนอื่น
“เฮ้อ.... เราต่างหากที่รอนาย รุฒบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับเราแล้วรุฒก็เงียบ เราก็รอ สรุปว่าต่างคนต่างรอ...”

หมับ!

วรุฒดึงอีกฝ่ายเขาสวมกอดแน่นจนชานนท์รู้สึกตกใจปนเขิน แต่ก็คิดถึงความอบอุ่นเหล่านี้จนไม่อาจปฏิเสธคนตัวสูงได้ ปล่อยให้วรุฒกอดเขาเนิ่นนานจนแขนเริ่มชา

“ค่อยหายคิดถึงหน่อย! ตอนนี้เรามีกำลังใจที่เล่าเรื่องทุกอย่างให้นายฟังแล้ว!” วรุฒฝืนยิ้มมุมปาก

“ไม่เป็นไรนะ ไม่อยากเล่า เราก็เข้าใจ” ชานนท์จับมืออีกฝ่ายแน่น เท่าที่เขารู้มาวันนี้มันก็มากพอแล้ว โดยเฉพาะในส่วนที่วรุฒไม่ใช่พ่อของเด็กที่น่าสงสารคนนั้น และไม่ใช่คนไม่รับผิดชอบแบบนั้น

“ไม่ได้หรอก เราไม่อยากปิดบังนนท์อีกต่อไป เราไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีก ไม่ให้ความลับไม่กี่เรื่องมาทำลายความสัมพันธ์ของเรา!! ที่ตอนแรกเราไม่พูดกับนายตรงๆ เพราะไม่อยากให้นายรู้เรื่องที่แสนมืดมนของเรา เลยกลายเป็นว่า มันทำให้เราถูกข่มขู่ได้ง่าย” วรุฒแววตาหนักแน่น จนทำให้ชานนท์ได้แต่พยักหน้าตามน้ำไป ยอมรับฟังแต่โดยดี

“ซาร่าเธอขู่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้นายฟัง หากไม่ทำตามที่เธอต้องการ แต่เธอก็ไม่บอกจนเรื่องมันบานปลายในวันงานดาวเดือนนั่นแหละ......ช่างมันเถอะ” วรุฒกำหมัดแน่น

“เรื่องแบบนี้มันไม่น่าเช่ือเท่าไหร่ แต่ช่วยฟังหน่อยนะ” วรุฒส่งสายตาที่แสนปวดร้าวไปที่ชานนท์ ที่เขาทำได้แค่ยิ้มบางๆ ส่งกลับมาให้กำลังใจ แม้เขาจะไม่อยากฟังเลยก็ตาม หากมันทำให้วรุฒเจ็บเขาก็ไม่อยากรู้ แต่หากเป็นความต้องการของวรุฒ เขาก็จะรับฟังอย่างตั้งใจ

เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน วรุฒถูกส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตามความตั้งใจของผู้เป็นบิดา แม้ดร.ภาผู้เป็นแม่พยายามจะคัดค้านแต่ก็ต้านทานความหัวดื้อของผู้เป็นพ่อไม่ได้ โดยอ้างว่า อยากให้โตเป็นผู้ใหญ่ดูแลตัวเองได้ ความจริงคือพยายามให้วรุฒตัดขาดกับเพื่อนๆ สมัยมัธยมที่แสนจะเป็นตัวแสบในหน้าข่าวสังคมไฮโซ (ก็ไอ้กลุ่มเดอะสตาร์ของมหาวิทยาลัยนี้นี่แหละ ถึงพวกนั่นจะไม่มีปัญหาเรื่องเรียน แต่ความเกเร แก่แดด เป็นที่รู้กันทั่ว เพราะต่างมีบุพการีเป็นผู้มีอำนาจในสังคม) 

วรุฒถูกส่วตัวไปเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ด้วยความที่วรุฒเป็นคนเรียนเก่งอยู่แล้วจึงไม่ปัญหาในการปรับตัวเรื่องภาษาและเรื่องเรียน ใช้เวลาปรับพื้นฐานไม่นานก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง  ในระหว่างนี้เขาได้พบกับเพื่อนคนหนึ่งที่กลายเป็นเพื่อนสนิท

‘อาเธอร์’ นั่นเอง

พวกเขาได้เรียนที่เดียวกัน และคณะเดียวกัน พวกเขาเหมือนกันหลายอย่างจึงทำให้สนิทกันได้อย่างรวดเร็ว ทั้งเรื่องหน้าตาที่ถือว่าเป็นตัวทัอป ความสูงที่อาเธอร์สูงกว่าวรุฒเพียง 2 เซ็นติเมตร วรุฒถือว่าเป็นลูกเสี้ยวไทย-อังกฤษ ส่วนอาเธอร์เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน นิสัยของอาเธอร์ก็ค่อนไปทางคนไทยมากกว่าเพราะถูกเลี้ยงโดยแม่ที่เป็นคนไทย นิสัยการกินก็คล้ายกัน ต่างกันอยู่เพียงสิ่งเดียวคือ เรื่องฐานะทางบ้าน วรุฒเรียกได้ว่าอยู่ที่ต่างประเทศอย่างสุขสบายจากเงินที่ทางบ้านส่งให้ ส่วนอาเธอร์นั้น แม้ไม่ได้ยากจน แต่ก็ยังต้องทำงานพิเศษเพิ่มเติมหากจะต้องการอะไรเป็นพิเศษนอกเหนือจากค่ากินอยู่ (ประเภทเดือนชนเดือน) พูดง่ายๆว่ามีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตหากอยู่กับบรรดาเพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัย

เนื่องจากอาเธอร์โชคร้ายที่ไม่สามารถจองหอพักของมหาวิทยาลัยได้ทัน จึงต้อหาที่อยู่เองใกล้สถาบัน ซึ่งราคาแพงกว่ากันมาก ทำให้สองสามเดือนแรกอาเธอร์ลำบากมากในการหมุนเงินและทำงานหนักขึ้น วรุฒจึงชวนอาเธอร์ไปอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่าแถวมหาวิทยาลัยซึ่งพ่อของเขาเช่าไว้ให้ มันกว้างพอที่จะอยู่ด้วยกันสองคนอย่างสบายๆ ด้วยเหตุการณ์นี้จึงทำให้วรุฒกับอาเธอร์สนิทสนมกันมากกว่าเดิน ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องปาร์ตี้ ทุกจังหวะของชีวิตอาเธอร์ได้เข้าไปอยู่ร่วมกับวรุฒโดยตลอด จนกระทั่งเรื่องเกินเลยไปถึงระดับ friend with benefits คือเพื่อนที่สามารถมีอะไรด้วยกันได้ซึ่งอาเธอร์ก็เต็มใจ แต่คนที่คิดเกินเลยไปก่อนนั่นคือวรุฒ แม้จะมีเพื่อนแสบๆเยอะ แต่วรุฒเมื่อ 2 ปีก่อนนั่นก็อ่อนต่อโลกพอควร เขารู้สึกผูกพันธ์กับอาเธอร์เกินเพื่อน ด้วยความเป็นคนใจกว้าง และที่บ้านมีฐานะ ตั้งแต่อาเธอร์ย้ายมาอยู่กับชานนท์ ก็แทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ยิ่งทำให้อาเธอร์ลำบากใจที่จะย้ายออกพอสมควรแม้เขาจะไม่ชอบที่รู้สึกว่าความรู้สึกของวรุฒนั้นเริ่มเปลี่ยนไปจากความใกล้ชิดที่มากเกินไป

แต่ความรู้สึกเหล่านั้น..... มันก็คงอยู่ได้ไม่นาน เพราะการเข้ามาในชีวิตของซาร่า หญิงสาวอาชีพนางแบบที่เข้ามารู้จักกับวรุฒและอาเธอร์ในปาร์ตี้งานหนึ่ง

ด้วยกิริยา อุปนิสัย และหน้าตาที่เรียกได้ว่าถูกใจผู้ชายทุกคน และเป็นที่หมายปองของชายหลายคน แต่เธอกลับเลือกที่จะเข้าหาวรุฒ จนทำให้วรุฒหลงรักเธอคนนี้อย่างโงหัวไม่ขึ้น จนถึงขั้นบางวันคลุกตัวอยู่กับซาร่าทั้งวันไม่ไปเรียน

ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีจนกระทั้งวันหนึ่ง อาเธอร์มีเรื่องทะเลาะกับวรุฒเพราะเห็นวรุฒเริ่มเสียการเรียน จึงมาตักเตือนบ่อยครั้งและ พยายามกันไม่ให้ซาร่าเข้าใกล้วรุฒ จนเป็นเหตุให้ทั้งสองทะเลาะกัน

อาเธอร์พยายามจะย้ายออกแต่วรุฒไม่ยอมให้ไปเพราะเห็นแก่ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้กัน ดังนั้นแม้จะอยู่ด้วยกันแต่ทั้งวรุฒและอาเธอร์ทะเลาะกันบ่อยมาก

จนกระทั้งเหตุการณ์ในวันหนึ่งซึ่งเปลี่ยนชีวิตของทุกคนในบ้านหลังนั้น วันนั้นวรุฒโดนอาจารย์ประจำภาควิชาหลัก เรียกไปตักเตือนถึงการขาดเรียนและผลคะแนนเก็บตกต่ำจนเรียกได้ว่าสามารถให้ออกจากมหาวิทยาลัยได้เลย เพื่อให้สามารถตีตื้นขึ้นอยู่ในสถานะที่ปลอดภัย วรุฒจึงขอไปเจรจากับอาจารย์ในภาควิชาต่างๆ ให้หาวิธีที่ทำให้เขาได้อยู่ที่นี่ต่อไป วรุฒไม่ได้กลัวการกลับประเทศไทย เพราะเขารู้สึกผูกพันธ์กับซาร่าจนถอนตัวไม่ขึ้น เขาจินตนาการว่าการไม่มีซาร่าอยู่ในชีวิตเขาไม่ออก โชคดีที่อาชีพนางแบบของเธอทำให้ต้องเดินทางบ่อยและไปครั้งละหลายวัน ช่วงนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่วรุฒทุ่มเทให้กับการเรียนชดเชยและทำงานส่งอาจารย์เป็นพิเศษหลายงานจนแทบไม่ได้กลับที่พัก

วันหนึ่งวรุฒรู้สึกปวดหัวมากจนไม่สามารถทำงานอยู่ที่หอสมุดซึ่งใช้เป็นที่ทำงานเป็นประจำไหว โดยปกติเขาจะนั่งทำรายงานจนกว่าหอสมุดจะปิดตอนสองทุ่ม แต่วันนี้ หกโมงครึ่งเขาก็ไม่ไหวเสียแล้ว ใบหน้าที่อ่อนโยนของซาร่ายามที่นุ่งห่มน้อยชิ้นบนเตียงของเขา มันคงช่วยเยียวยาเขาได้ เขาหวังว่าเขาจะได้เจอเธอที่ห้องของเขาวันนี้หลังจากที่ไม่ได้เจอมาหลายวันแล้ว

วรุฒมาถึงที่บ้านพักของเขาไม่ไกลมหาวิทยาลัย ณ ตอนที่เดินเข้าไป บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยเสียงเพลง เพลงที่ซาร่าชอบแบบจังหวะ EDM ทำให้วรุฒรู้ทันทีว่าวันนี้เขาคงสมปรารถนาแล้ว วรุฒค่อยๆ บรรจงย่างเท้าเข้าไปในตัวบ้าน และปิดประตูด้วยเสียงอันแผ่วเบา เขาย่องไปที่ต้นทางของเสียงที่ห้องรับแขกส่วนตรงกลางของบ้านที่ซาร่ามักจะคลุกตัวอยู่บนโซฟาฟังเพลงและขยับตัวตามจังหวะเบาๆ อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงทางเข้าห้องรับแขก ก็ได้ยินหัวเราะคิดคักดังแทรกจังหวะเพลงที่เร่งเร้า

“คิก คิก คิก เดี๋ยวสิ! ตรงนี้ไม่ได้!!” เสียงซาร่าดังขึ้น ทำให้วรุฒหยุดฝีเท้าลงทันที เธอเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว
“จะกลัวอะไร ป่านนี้ไอ้เด็กเรียนนั่นน่าจะยังอยู่หอสมุดเหมือนทุกวันนั่นแหละ เรายังมีเวลาน่า!” เสียงของคนที่คุ้นเคยดังขึ้นทำให้วรุฒรีบทำตัวลีบไปกับผนังข้างหนึ่งใกล้ห้องรับแขก
“แหม..... อาร์ท.... (ชื่อเล่นอาเธอร์) นึกถึงหน้าเธอเวลาแกล้งเกลียดชั้นเนี่ย ผิดกับตอนนี้เลยนะ เนียนชะมัด!” สาวเสียงใสพูดขึ้น

“เธอก็เหมือนกัน แสร้งทำเป็นรักไอ้เด็กบ้านรวยนั้น มันสนุกนักหรือไง?”
“ก็เงินมันดีนี่นา ตอนรับงานมาจากพ่อวรุฒ ยังคิดเลยว่าจะทำได้ไหม? กลัวว่าจะทำด้วยไม่ลง เพราะหน้าตาก็ไม่เคยเห็น ไหนจะบอกว่ากลัวลูกเป็นเกย์ ฉันล่ะไม่มั่นใจเลย!”
“แต่ก็ทำสำเร็จ!”
“ ใช่! ตอนแรกที่เจอเธอ ฉันก็นึกว่าเป็นเธอปรากฎว่าเป็นเด็กหน้าอ่อนนั้น ถึงจะไม่ถูกสเปคเท่าเธอ แต่ลีลาก็ใช้ได้อยู่”
“อย่าพูดแบบนั้นได้ไหม รู้สึกไม่ดีเลย เมื่อไหร่เธอจะเลิกทำแบบนั้นกับไอ้ลูกคุณหนูนั้นเสียที”
“หึง?”
“ก็ใช่น่ะสิ กว่าจะยอมให้มันกลับไปโฟกัสเรื่องเรียนนี่ก็แทบตาย ต้องไปรายงานพ่อของมันให้ส่งเรื่องให้มหาวิทยาลัยช่วยจัดการ รุฒจะได้เลิกยุ่งกับเธอเสียที”
“อ้อ.... จะว่าไปก็ต้องขอบใจเธอนะอาร์ทที่รัก หากไม่เป็นเพราะเธอไม่ไปนอนกับคุณชายนั้น ทั้งที่ถูกจ้างมาแค่จับตามองและช่วยดูแลความเป็นอยู่ ฉันก็คงไม่ได้งานนี้หรอก!!”

“เฮ้อ!! ตอนที่พ่อมันแรกฉันไปคุยเนี่ย ตอนสืบได้ว่าฉันไปมีอะไรกับลูกมัน ฉันโดนขู่ฆ่าแทบแย่ โชคดีที่ฉันบอกไม่คิดอะไร  พูดถึงตรงนี้..... มันน่ากลัวนะ หากพวกเรายังทำงานให้พ่อมันต่อ อีกอย่างฉันว่าเธอเลิกทำงานแบบนี้เถอะ มันไม่ต่างกับโส...”
“อย่าพูดคำนั้น!! ฉันไม่ได้รับพร่ำเพรื่อนะ ไม่ใช่ one night stand ด้วย ชั้นถือว่ารับจ้างเป็นคนรักก็แล้วกัน แต่คนอย่างเธอน่ะ ฉันชอบฉันให้ฟรี”
“ยังไงก็ไม่พูดคำว่า ‘รัก’ สินะ”

ต่อจากประโยคนั่นจบก็ตามด้วยเสียงจูบ จ๊วบจ๊าบที่คนที่ฟังอยู่นั้นน้ำตาเอ่อล้นแบบไม่รู้ตัว มันเจ็บจนเกินจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ วรุฒกัดฟันจนฟันแทบหักเพื่อสะกดไม่ให้ตัวเองล้มทั้งยืน

ต่อจากเสียงจูบ ต่อเนื่องด้วยเสียงสวบสาบและเสียงอิดโอยจากคนในห้อง วรุฒกำมือแน่นจนเล็บแทบจิกเนื้อขาด ความเจ็บปวดปวดทางร่างกายตอนนี้เทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดทางใจที่เขาได้รับ ในสมองของวรุฒว่างเปล่า เขาคิดไม่ออกว่าจะหาทางออกอย่างไรกับเหตุการณ์ตอนนี้ ทั้งคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนสนิทที่นอกจากจะคิดไม่ซื่อแล้วยังเป็นแค่เพื่อนรับจ้างอีก ที่ผ่านมาทั้งหมดมันแค่การแสแสร้งหรอกหรือ อีกคนก็เป็นคนรักปลอมที่พ่อจ้างมาเพราะไม่อยากให้เขาออกนอกลู่นอกทาง เดินไปในทางที่พ่อตนเองไม่ชอบ โลกที่เขาเคยคิดว่าสวยงามมันพังทลายไปตรงหน้า ทั้งๆ ที่เขาคิดว่า เขาลำบากใจที่เห็นแก่ตัว ที่จะเก็บคนทั้งสองคนที่เขารักไว้ที่เดียวกัน เขาไม่อยากเสียใครไป แต่วันนี้เขากลับเสียมันไปทั้งคู่!!

“บอกกี่ทีแล้วว่า อย่าใส่ after shave ยี่ห้อนี้ มันเหม็นจะตาย!!” อยู่ๆสาวสวยก็โวยวายขึ้นหลังจากทำการแลกเปลี่ยนของเหลวในปากกับชายหนุ่มรูปงาม
“เธอเคยขอบนี่นา....”

“ไม่เอาแล้ว!! ไปล้างออกแล้ว กลับขึ้นทำบนห้องดีๆ ดีกว่า ฉันไม่สบายใจกับการอยู่ตรงนี้เลย”
“โอเค! ที่รัก เดี๋ยววันไหนเราเก็บเงินได้มากพอ เราก็ไม่ต้องไปง้อไอ้ลูกเศรษฐีคนนนี้แล้ว”
ไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งสองชายหญิงที่ไร้ยางอาย ต่างเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นในสภาพกึ่งเปลือย วรุฒที่กำลังเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัวว่าทั้งสองคนในห้องจะเดินออกมา จึงเจอพวกเขาในสภาพที่ช้อคสุดขีด

“ว้าย!! วรุฒ!!”
“เฮ้ย!! นาย.... กลับมาเมื่อไหร่?”
“เพิ่งมาถึง.....” วรุฒตอบกลับไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่ดวงตาทั้งสองดวงกลับร้อนผ่าว และจ้องมองคนตั้งคำถามอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เอ่อ..... พวกเราว่าจะ.... ไปแก้ผ้าเล่นน้ำ ที่สระหลังบ้านเสียหน่อย มาด้วยกันไหม?”
“นี่มัน มืดแล้วนะ อุณหภูมิแค่สององศาแบบนี้ คิดหาข้อแก้ตัวได้ดีแค่นี้หรือ?” วรุฒตอบกลับไปเสียงเรียบ
“เอ่อ.... นายอยู่ตรงนี้นานแล้วหรือ?” อาเธอร์หยั่งเชิงถามดู
“ไม่นาน ..... แต่ก็นานพอจะรู้ว่าพวกนาย มันเป็นไอ้พวกหลอกลวง!!” วรุฒขึ้นเสียงขึ้นมาเล็กน้อย

“เดี๋ยวนะเรา อธิบายได้ คือจริงๆ เรารู้จักนายก่อนที่พ่อนายจะติดต่อมานะ เราก็แค่.... คิดว่า ยังไงเราก็ต้องดูแลนายในฐานะเพื่อนสนิทอยู่แล้ว จะขอรับเงินพ่อนายสักหน่อยก็ไม่น่าจะมีปัญหา!!” อาเธอร์อธิบายหมดเปือกอย่างลนลานเพราะสายตาของวรุฒตอนนี้เหมือนสามารถฆ่าคนได้ทุกเมื่อ
“ แต่สุดท้าย....นาย.... ไม่เคย..... บอกเรา...” วรุฒกัดปากไปด้วยระหว่างพูด

วรุฒสัญญากับทั้งสองว่า หากทั้งสองพูดความจริง เขาจะยกโทษให้ หลังจากนั้นก็เป็นมหกรรมของการเปิดโปงของทั้งสองคน ทั้งซาร่าและอาเธอร์ต่างโยนเรื่องต่างๆ ออกมาใส่กัน  เล่าจนกระทั้งถึงเรื่องที่ซาร่าถูกส่งมาเมื่อพ่อของวรุฒสืบทราบพฤติกรรมทางเพศระหว่างลูกชายตัวเองกับอาเธอร์ ถึงแม้จะไม่จริงจังแต่พ่อของเขาก็ปล่อยผ่านไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้ซาร่าก้าวเข้ามาในชีวิตจองเขาทั้งสอง ซาร่าพยายามลวงหลอกทั้งสองคนด้วยมารยาหญิงมืออาชีพจนทั้งสองติดกับ ซาร่าไม่ได้หลอกคบแค่คนเดียวแต่คบซ้อนเพื่อแยกสองคนนี้ออกจากกัน ส่วนอาเธอร์เองก็โดนพ่อของวรุฒส่งคนมาจัดการและขู่ว่าจะเลิกส่งเงินมาหากไม่ยอมหลีกทางให้ซาร่า เป็นเหตุให้อาเธอร์ระเคะระคายเรื่องของซาร่า จนกระทั่งอาเธอร์แน่ใจในหลักฐานหลายๆสิ่ง จึงทำให้อาเธอร์ตัดสินใจไปคุยกับซาร่าเพื่อเปิดโปง ทำให้ทั้งซาร่าและอาเธอร์ได้คุยกัน แต่กลับกลายเป็นว่าแทนที่จะทะเลาะและเกลียดกัน กลับทำให้ทั้งสองเข้าใจมากขึ้นจนมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยจริงจัง เพราะทั้งสองมีพื้นเพใกล้เคียงกันจึงตกหลุมรักกันไม่ยาก และวางแผนจะเก็บเงินหนีไปด้วยกัน โดยวางแผนลวงวรุฒไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตั้งตัวได้

วรุฒฟังจนมาถึงตรงนี้.... จะบอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ได้ เขาได้แต่นิ่งและคิดทบทวนไปมาหลายรอบ เขาไม่อยากโกรธคนทั้งสองที่เปรียบเสมือนเพื่อนและคนรัก แต่เขาโกรธพ่อตัวเองมากที่ทำกับเขาเหมือนตุ๊กตาชักใย คอยบงการชีวิตเขาอยู่เบื้องหลังมาเกือบตลอดทั้งชีวิต

ในขณะที่เขากำลังนั่งทบทวนว่าจะทำยังไงต่อกับละครฉากใหญ่ที่พ่อเขาเป็นคนกำกับ ซาร่าที่เริ่มหน้าซีดเพราะความวิตกกังวลก็วิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ อาเธอร์รีบตามไปดูแลเธอทันที

“ไม่ต้องเข้ามาอยู่ตรงนั้นแหละ อาร์ท!! After shave เธอมันกลิ่นแรงจนฉันคลื่นไส้จะแย่แล้ว!!”
“ฉันไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ!!”
“เดี๋ยวก่อนนะ!!” วรุฒเหมือนคิดอะไรออก
“อะไร?” ซาร่าที่กำลังผะอืดผะอมอยู่หน้าชักโครกอย่างอ่อนแรงหันมาทักท่าทีประหลาดของคุณชายเจ้าของบ้าน
“ประจำเดือนเธอมาครั้งล่าสุดเมื่อไหร่?” วรุฒถามทันที
“บ้าน่า ฉันไม่ได้ท้องหรอกน่า ฉันกินยาคุมตลอด อีกอย่างเวลาฉันกินยาคุมประจำเดือนมันก็มาไม่ปกติอยู่แล้ว” ซาร่ารีบปฏิเสธทันทีเรื่องที่วรุฒต้องการจะสื่อ
“ฉันป้องกันทุกครั้ง นายล่ะอาร์ท?” วรุฒหันไปถามเพื่อนร่วมบ้านทันที (ร่วมเมียด้วย)
“ก็ป้องกันบ้าง ไม่ป้องกันบ้าง” อาเธอร์ทำท่านึก
“ไปตรวจครรภ์ด้วยกันตอนนี้เลย!!”

หลังจากนั้นทั้งสามคมก็เดินทางไปที่คลินิกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล และผลออกมาว่าซาร่าตั้งครรภ์ได้ ห้าสัปดาห์แล้ว ในขณะที่ทราบผล ซาร่าแทบจะล้มทั้งยืน อาชีพนางแบบของเธอกำลังไปได้สวย เธอจะทำอย่างไร ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกเลย ในหัวของเธอว่างเปล่าไปหมด โดยเฉพาะในเรื่อง.... ใครคือพ่อของเด็ก (หมอบอกว่าแม้จะปัองกันยังไงแต่ก็มีโอกาสแบบนี้เกิดขึ้นได้)

“ดี!!” วรุฒพูดขึ้นมาอย่างลิงโลด
“ดีตรงไหน? พวกเรายังเรียนไม่จบเลยนะ ใครจะดูแลซาร่า ใครจะดูแลเด็กที่คลอดออกมา แล้วนี่ลูกใครก็ไม่รู้?!?” อาเธอร์ลนลานไปหมด
“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง แค่พวกนายทำตามที่เราบอกแล้วจะสบายทั้งชาติ เดี๋ยวเราจัดการเอง!!” วรุฒยิ้มร้ายออกมาอย่างน่ากลัว เพราะเขารู้วิธีเอาคืนพ่อของเขาแล้ว

แผนที่ว่าก็คือ วรุฒแจ้งพ่อของเขาเลยว่าซาร่าเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาและวรุฒจะแต่งงานกับซาร่าเป็นการรับผิดชอบ  โดยวรุฒข่มขู่ทั้งอาเธอร์และซาร่าว่า ห้ามบอกพ่อของตัวเองเด็ดขาดเรื่องที่วรุฒรู้เรื่องหลอกลวงเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว ไม่งั้นเขาจะบอกความจริงพ่อของเขาทั้งหมด ซึ่งรับรองเลยว่า นอกจากจอมหลอกลวงทั้งสองจะไม่ได้เงินเดือนประจำแล้ว ยังหมดอนาคตกับสิ่งที่วางแผนไว้แน่นอน เพราะพ่อวรุฒนั่นทั้งสองคนรู้ดีว่าน่ากลัวแค่ไหน!

เรื่องนี้ทำให้พ่อของวรุฒร้อนรนได้จริงๆ ไม่คิดว่าคนที่ตัวเองส่งมาเพื่อสอนให้ลูกชายตัวเองสมชายชาตรี ไม่ใช่พวกลักเพศ กลับกลายมาเป็นตัวปัญหาเสียเอง

พ่อของเขาใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะสืบและให้ซาร่าสารภาพได้ว่าลูกที่อยู่ในท้องเธอนั้นเป็นของใคร ซาร่าเองก็แน่ใจว่าเด็กในท้องไม่ใช่ของวรุฒแน่นอน เพราะเธอระวังตัวเองเสมอเวลาอยู่กับวรุฒ แต่กับคนที่เธอรัก เธอจึงไม่ได้เตรียมตัวป้องกันมากนัก

จนเป็นเหตุให้พ่อของวรุฒเดินทางมาจัดการปัญหานี้ด้วยตนเอง พ่อของเขาใช้เงินฟาดหัวทั้งสองให้เอาเด็กออก  เพราะถึงแม้ว่าซาร่าจะยืนยันว่าเด็กในท้องไม่ใช้ของวรุฒแต่คนอย่างพ่อของเขา ไม่มีคำว่าผิดพลาด ไม่ต้องการให้เกิดเหตุไม่ดีในภายหลัง เขาจึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม ทั้งสองยินดีรับและหนีหายไปทันที เพราะเกรงกลัวอิทธิพลของพ่อวรุฒ ก่อนไปยังได้สารภาพว่า แผนทั้งหมดมาจากวรุฒที่รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เป็นเหตุให้พ่อของวรุฒ บังคับวรุฒให้กลับประเทศทันทีเพื่อไปรับโทษที่กระด้างกระเดื่อง แต่ด้วยความช่วยเหลือของแม่วรุฒ เขาจึงสามารถหลบหนีจากพ่อของเขาได้ และหายไปหลายเดือนขาดการติดต่อ จนกระทั้งแม่ของวรุฒเจรจากับพ่อของวรุฒได้สำเร็จและใช้วิธีให้มาเรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้อย่างลำบากเหมือนนักศึกษาทั่วไป ให้กักบริเวณไม่ให้เดินทางไปเที่ยวไหนตามใจ โดยอยู่ในความรับผิดชอบของแม่ตนเองอย่างเข้มงวด (คำว่ายากลำบากของวรุฒนี่เป็นแบบไหน ชานนท์ไม่เข้าใจเพราะ นอกจากห้องแล้ว ทุกอย่างที่คุณชายใช้ มันก็ดูเป็นลูกคุณหนูคนรวยอยู่ดี)

และเรื่องหลังจากนี้ก็เป็นเรื่องที่ชานนท์รู้ดีอยู่แล้ว

หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ชานนท์รู้สึกหนักอึ้งไปหมด เขาไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตของแฟนตัวเองมันจะผ่านอะไรที่แสนจะหนักหน่วงขนาดนี้มาก่อน เขาเคยคิดว่า วรุฒก็แค่คุณชายที่เกิดมาในตระกูลที่รำ่รวยและถูกตามใจเสียจนเสียคน เขาเคยอิจฉาความเป็น ‘วรุฒ’ มาก่อน แต่หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด ชีวิตของวรุฒแทบไม่เคยมีความสุขเลย ไม่เคยเจอคนที่จริงใจ หรือคบด้วยใจจริง ทุกอย่างคือสิ่งที่พ่อเขาสร้างมาให้ทั้งหมด ชานนท์มองหน้าแฟนตัวเองที่มีสีหน้าหนักอึ้งจนแทบมองไม่เห็นเค้าความเกรี้ยวกราดที่เคยเป็นมาตลอดเลย และเขาก็เข้าใจในทันทีถึงเหตุผลต่างๆ นานาที่เขาโดนวรุฒมองด้วยวายตาดูถูกและเกลียดชังเขาใจช่วงแรกได้อย่างดี ยิ่งรู้แบบนี้เขายิ่งรู้สึก ‘สงสาร’ คนตรงหน้าเขาอย่างมาก

“ตั้งแต่เรากลับมา ก็เลยทำตัวประชดพ่อกับแม่ โดยการทำตัวเหมือนพ่อมันเสียเลย พ่อเราน่ะเจ้าชู้ เอาไม่เลือก ผู้หญิงคนไหนสวยก็จัดการเสียหมด เที่ยวเก่ง ในเมื่ออยากให้เป็นเหมือนเขา เราก็จะทำให้ดู ดูสิจะภูมิใจกับชื่อเสียงเสียๆ อย่างที่เขาเป็นหรือเปล่า!!” วรุฒพูดต่อด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“แต่กับ ดร.ภา เอ่อ.... คุณแม่... ก็ไม่ควรไปประชดประชันหรือเปล่า?” ชานนท์สงสัย
“แม่น่ะเหรอ....... เราไม่ค่อยได้อยู่กับแม่หรอกนะ แม่น่ะ.... บ้างาน ประชดพ่อเราเพราะความเจ้าชู้นั่นแหละ เลยแยกกันอยู่มานานแล้ว แม่ทิ้งเราให้เราอยู่กับไอ้พ่อจอมบงการนั้น!!”

มาถึงจุดนี้ยิ่งทำให้ชานนท์พูดไม่ออกและเข้าใจในตัววรุฒมากขึ้น สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือการโอบกอดร่างที่แข็งแรงแต่สั่นเทาด้วยความอ่อนแอทางอารมณ์ร่างไว้กระชับแน่น สาวนวรุฒเองก็ไม่ได้ขัดขืน เขากลับขดตัวลงไปในอ้อมกอดของชานนท์เหมือนเด็กตัวเล็กๆ (ทั้งที่ความเป็นจริง เขาโอบคนนี้ไม่รอบเสียด้วยซ้ำ)

ชานนท์จุมพิตวรุฒลงที่แก้มเพื่อให้กำลังใจ และอีกฝ่ายก็หันขึ้นมาตอบโต้ด้วยริมฝีปากต่อริมฝีปากอย่างแผ่วเบา เขาดูดกลืนซึ่งกันและกัน เพื่อเพิ่มกำลังใจให้กันอย่างนั้นไปสักพักใหญ่ก่อนที่วรุฒจะถอนปากออกและพูดออกมาว่า

“ไปต่อที่ห้องกันเถอะ!”
“เดี๋ยวนะ!!”
“เอาน่า..... นายเริ่มก่อนนะ!”
“นายช่วยเศร้าให้มันเต็มวันได้ไหม ในหัวนายมีแต่เรื่องพวกนี้หรือไง?!?”
“นายช่วยทำให้เราหายเศร้าหน่อยได้ไหม? มีแต่นายคนเดียวนะที่ทำได้”
“เฮ้อ.......... งั้นก็รีบไป!” ชานนท์ถอนหายใจแต่ก็ยอมตามใจแฟนตัวสูงของเขาอยู่ดี

..................................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่ะนะ  คิดดู  เรื่องหื่นนี่ชนะทุกสิ่ง แม้แต่ความเศร้าอ่ะ 

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 26

Additional chapter : Only pain nor love

“เออๆ ทางนี้เรียบร้อยดี ไม่ต้องเป็นห่วง รับรอง มันไม่มีทางให้มันไปกวนมึงทางโน้นได้แน่นอน!!”

เสียงที่กัองกังวาลอยู่ในหัวท่ามกลางความมืด เต๋าค่อยๆ รู้สึกตัวเองทีละน้อยท่ามกลางความมืดมิดที่ไม่ใช่เพราะแสงไฟในห้องไม่เพียงพอ แต่เป็นหนังตาของเขาเองที่หนักอึ้งจนแทบยกไม่ขึ้น ร่างกายด้านชาจนแทบขยับตัวไม่ได้ หรือเขากำลังโดนผีอำ! แต่... เต๋านึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แต่มันช่างดูเลือนลางไม่ชัดเจน

“หา! อะไรวะ!! อีกตั้งสองชั่วโมง!! ให้กูทำอะไรกับมันล่ะตั้งสองชั่วโมง!!”

เสียงที่ดังก้องอยู่นี้มันช่างคุ้นหูจนน่าหงุดหงิดไปหมด ทำไมถึงรู้โกรธเพียงเพราะได้ยินแค่เสียงก็ไม่รู้

“เออๆ ก็ได้ เดี๋ยวกูจัดการให้ รับรองกูจะทำให้มันไม่ลืมเลยว่าอย่ามายุ่งกับน้องของกูอีก!! ......... เออ แฟนมึงนั่นแหละ!!”

‘น้อง........ น้องไหนวะ?’ ในห้วงความคิดของเต๋า คิดทบทวนว่าเสียงที่ดังอยู่ไม่ไกลนี้สื่อถึงอะไรอยู่ และเขาก็ขนลุกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะอยู่ก็นึกชื่อคนๆ หนึ่งออก แม้เขาจะมีโจทย์หลายคน (การพรากน้อง พรากแฟนชาวบ้านเป็นงานอดิเรกของเต๋า ด้วยสภาพครอบครัวของเต๋าทำให้เขาไม่เชื่อเรื่องความรักเลย ทำอะไรตามความต้องการของสมองเสมอไม่เคยใช้หัวใจ จนกระทั้งความรู้สึกแปลกใหม่เกิดขึ้นเมื่อเจอชานนท์ เขาไม่รู้ว่านั่นคือความรักหรือเปล่า จึงทำให้ความต้องการเป็นเจ้าของมันพรั่งพรูออกมาอย่างไม่เลือกวิธี)

“แค่นี้นะ ไม่ต้องห่วง มันมีคดีกับกูอยู่ กูจะทำให้มันยุ่งอยู่ตลอดสองชั่วโมงไม่ให้ไปกวนแผนการเปิดโปงผู้หญิงคนนั้นได้แน่นอน!!”

“เชี้ย!! เสียงนี้มัน ‘ไอ้เอก’!!” ไอ้คนที่นอกจากจะไม่ทำตามแผนของเขา มันยังทำแผนของเขาพังเสียย่อยยับ โดยเฉพาะประตูหลังของเขา แม้เขาจะไม่รู้สึกตัวตอนที่ถูกกระทำเท่าไหร่ แต่ความเจ็บปวดหลังจากนั้น เขายังจำมันได้ไม่ลืม เขาพยายามข่มใจฝืนขยับตัว แต่เพราะอาการด้านชาตามจุดต่างๆ ทำให้มันไร้ผล

“เฮ้อ...... ตอนมึงหลับเนี่ย.... ก็ตัวเล็ก หน้าตาน่ารัก น่าทะนุถนอมเหมือนกันนะเนี่ย” หน้าผากของเต๋ารู้สึกคล้ายนิ้วเรียวยาวไล่ลูบศรีษะและเส้นผมให้ลู่ไปทางด้านหลัง

‘เชี้ย!! ปล่อยกู!!’ เต๋ารำพันในใจ แต่ร่างกายยังขาดแรงขัดขืน
“โห..... เริ่มรู้สึกตัวแล้วหรือเนี่ย... กูคงใส่ยาน้อยไปสินะ” ลมหายใจของคนด้านบนที่ทาบมาบนร่างกายของเต๋าไปเกือบครึ่งส่งไปถึงใบหน้าที่เริ่มขมวดคิ้วได้บ้างแล้ว

“เพราะมึงมันมั่นใจเกินไป เลยไม่ระวังตัวเลยสินะว่า กูแอบใส่ยานอนหลับไว้ในไวน์ที่มึงดื่มเป็นประจำ ดีนะที่กูกับไอ้รุฒรู้จักนิสัยกัดไม่ปล่อยของมึงมาแล้ว เลยต้องป้องกันไว้ก่อนที่มึงจะทำแผนพวกกูล่มเสียเปล่าๆ รู้อะไรดีๆ ไหม.... แผนครั้งนี้ คนอย่างวรุฒมันเดินมาก้มหัวข้อร้องกูเลยนะเนี่ย หลังจากที่มันรู้ว่าคนอย่างกูดัดหลังมึงยังไง!!” เอกพล่ามไปเรื่อยเพราะเขารู้สึกว่าเต๋าเริ่มรู้สึกตัวแล้ว แต่ร่างกายยังคงขยับไม่ได้ดั่งใจจากฤทธิ์ยา เขาต้องการให้เต๋ารู้สึกพ่ายแพ้สิ้นหวัง และยอมตัดใจเลิกราวีในที่สุด

เต๋ารู้สึกถึงสัมผัสที่ปลายนิ้วของตัวเองแล้ว และพยายามกำหมัดเพื่อเรียกสติคืน แต่ทุกสิ่งที่เต๋าทำนั้น อยู่ในสายตาเยี่ยวของตี๋หล่ออย่างเอกทุกกิริยา ท่าทางที่กำลังฟื้นตัวของอีกฝ่ายอยู่ในสายตาและรอยยิ้มที่เยียบเย็นของเอก

“กูมีของขวัญให้มึงอยู่พอดี กูกำลังให้มึงถึงจุดที่พอจะรู้สึกตัวบ้างเพื่อที่จะได้รับรู้อรรถรสของขวัญที่กูเตรียมให้!!”
เอกกระซิบข้างหูคนกึ่งไร้สติ

“อะ....อ่าาา” เสียงที่พยายามเปร่งออกมาจากช่องปากที่ปิดสนิท แต่ในใจกลับกรีดร้อง ‘ เชี้ย! อะไร! กูไม่อยากได้ของจากมึง!!’

“คราวที่แล้วกูทำไปเพราะฤทธิ์ยา เลยจำไม่ได้เท่าไหร่ แต่แม่งรู้สึกดีฉิบหาย แถมทำสดแบบไม่มีสารหล่อลื่นอีกต่างหาก แต่ครั้งนี้กูมีของขวัญติดมาด้วยแบบครบ เซ็ตเลย และครั้งนี้จะตั้งใจทำแบบมีสติด้วย!! ดูสิว่า ครั้งไหนจะเด็ดกว่ากัน!!”  คราวนี้ริมฝีปากด้านบนขยับเข้ามาชิดใบหูมากกว่าเก่า ผสมกับลมหายใจที่อุ่นถี่ ทำให้ในใจของเต๋าสั่นไหว สั่นกลัวจนแทบอยากจะถอดวิญญาณหนี

เพียงเวลาไม่นาน เสื้อผ้าของเต๋าก็ถูกบรรจงถอดออกจากร่างกายและโยนทิ้งไปทั่วห้องอย่างลวกๆ

‘อิช.....เอี่ยยยย’ เสียงที่ลอดซี่ฟันที่ปิดสนิทของเต๋าทำให้เต๋าดูทรมานและดูสะใจคนที่ถอดเสื้อผ้าเขาออกอย่างมาก ผิวที่นวลเนียนที่ผ่านการดูแลมาอย่างดี และตุ่มเนื้อนูนเด่นสีชมพูกลางหน้าอกสองข้างช่างเย้ายวนตากระตุ้นอารมณ์ของคนมองอยู่ได้อย่างเพลินตา

จุ๊บ....จ๊วบ
เสียงริมฝีปากปะทะกับเนินอก ไล่ไปตามลำคอจนถึงใบหู ทำให้คนที่เปลือยเปล่ารู้ขนลุกอย่างอธิบายไม่ถูก ในขณะที่ในใจกำลังต่อต้าน แต่ร่างกายของเขากำลังอ่อนปวกเปียกมากกว่าเดิม

“กลิ่นตัวมึง.... ใช้น้ำหอมกลิ่นอะไรวะ? กูชอบวะ มันหอมหวานดี” เอกพูดที่ข้างลำคอก่อนที่ใช้ลิ้นและริมฝีปากไล้และไซ้ไปทั่วบริเวณ ทำให้คนที่ในใจเอาแต่ปฏิเสธ แต่ร่างกายกลับเร่าร้อนและผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัว

ฝ่ามือหนึ่งที่อ่อนโยนลูบไล้ไปทั้วแผ่นอก และอีกฝ่ามือหนึ่งลูบไล่ลงไปที่เบื้องล่างระหว่างลำตัวที่ตอนนี้ยังไม่ตื่นตัวเต็มที่ ไม่ทราบว่าเพราะฤทธิ์ยาหรือใจที่กำลังปฏิเสธอยู่อย่างแข็งขัน จึงทำให้เอกตัดสินใจลดศรีษะลงและลงไปจัดการสิ่งนั้นด้วยริมฝีปาก

“ของมึงนี่สวยน่ามองดีนี่หว่า ขนาดก็ใช้ได้ นึกว่า... ถึงได้มีคนติดใจมึงเยอะแยะ สงสัยจะไม่ใช่แค่ลีลาที่เป็นราคาคุยของมึงนะ!” คนหน้าตี๋ถอนปากออกจากส่วนลำที่ตอนนี้ตื่นตัวเต็มที่และมีของเหลวมันวาวเยิ้มทั่วบริเวณส่วนยอดสุด

‘พ่อง!! กูไม่ต้องการให้มึงชมกู!! ปล่อยกู!! อย่าให้แรงกูกลับมานะ!’ ในใจต่างสบถไปมากมายแต่ร่างกายกลับขยับได้เพียงเล็กน้อยและเสียงอือออที่ลอดออกมาจากปากที่แทบขยับไม่ได้

“กูว่า... มึงพร้อมจะเจอของขวัญของกูแล้ว!!” สิ้นเสียงของเอก ก็ได้ยินเสียงกุกกัก ซ่าซ่า ดังมาจากที่ไม่ไกล

เสียงสวบสาบดังขึ้นด้วยใจที่วาบวามของเต๋า  เสียงพวกนี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่นานเขาก็ถูกพลิกตัวให้นอนคว่ำ ชันเข่า เต๋าถูกจีดศรีษะให้นอนสบายหายใจสะดวก แม้แรงกายจะค่อยๆ ฟื้นคืนมาจากแรงเกลียดชังที่สุมอยู่เต็มอก แต่ร่างกายมันกลับตอบสนองในทางตรงกันข้าม มันร้อนผ่าว อวัยวะกลางลำตัวกลับทรยศความตั้งใจของเขา มันแข็งร้อนและตั้งตรง ไปกับมือหยาบใหญ่ที่กำลังนวดคลึงส่วนนั้นอย่างสนุกมือ มันตอบรับมือนั้นได้อย่างดี

“เต็มไม้เต็มมือดี ไม่เลวเลย” เสียงของเอกทำท่าทีสนุกกับสิ่งตรงหน้า

ไม่นานจากสิ้นเสียงนั้น ของเหลวเหนียวเย็นถูกละเลงไปทั่วช่องทางหลังอย่างลวกๆ เต๋ารู้สึกเปียกแฉะไปหมดทั้งส่วนด้านหลัง

ผลุบ...

อวัยวะเรียวยาวทั้งห้าต่างนวดคลึงส่วนหลังที่เปียกโชกไปด้วยเจลสีใส ตั้งแต่แก้มก้นไปจนถึงช่องทางเข้าที่เอกรู้สึกถึงการตอบรับเกินคาด ในขณะที่เต๋ากำลังสบถด่าเอกในใจด้วยคำหยาบคายทุกชนิดที่นึกได้

“ยาชนิดนี้ กูสั่งมาพิเศษกว่าคราวที่แล้วนะ แค่ให้ชาหมดแรงแต่ยังรู้ตัวครบเลย มันดีจริงๆ ที่เห็นมึงตอบรับนิ้วกูขนาดนี้ มึงไม่เคยรับจริงๆ ใช่ไหมว่ะ?” เอกพูดอย่างล้อเลียน และรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ได้ทำมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก เขาค้นพบด้านมืดในตัวเข้าแล้ว

‘เชี้ยเอ้ย!! มึงเป็นคนเดียวที่กูเสียท่าขนาดนี้ อย่าให้กูหลุดไปได้นะ สัดเอ้ย.!!! .....” เต๋าสบถสวนกลับในใจทันที
“อ๊าาาา...” เสียงของเต๋าดังลอดช่องปากที่เผยอออกเล็กน้อยเพราะการจัดท่าของเอก เพราะตอนนี้เอกกำลัง ใช้นิ้วกลางค่อยๆ สอดเข้าไปที่ช่องทางด้านหลัง ทำให้เต๋ารู้สึกอายกับอากัปกิริยาของตัวเองจนอยากมุดหนีหายไปจากตรงนี้ เขายอมสลบไม่รู้เรื่องอย่างเดิมดีกว่ามารู้สึกแบบนี้!!

จากหนึ่งนิ้วเป็นสอง เป็นสาม เป็นสี่ จากอาการเสียววูบวาบกลับเป็นความเจ็บเสียดแน่นจนอยากจะกรีดร้องเสียงดัง แต่เขาทำได้แค่ร้องโอดโอยในลำคอเบาๆ

“กูว่ามึงพร้อมเจอของขวัญของจริงแล้วว่ะ” เอกพูดจบก็ถอนมือออก และลุกขึ้นถอดเสื้อผ้า คุกเข่าในท่าเตรียมพร้อม
“ของขวัญชิ้นแรกเป็นรสสตรอว์เบอร์รี่ก็แล้วกันนะ!” เอกกัดห่อฟรอยให้ขาดและสวมเข้าร่างตัวเองอย่างชำนาญ

สวบ...

เต๋าพยายามขัดขืนไม่ให้ส่วนแปลกปลอมเข้ามาในร่างกายสุดกำลัง แต่สิ่งนั้นกลับพยายามเสือกสนดันเข้ามาเรื่อยๆ แม้ความรู้สึกของร่างกายยังกลับคืนมาไม่ครบร้อย แต่มันก็ยังเจ็บจนน้ำตาไหล ขนาดที่ไม่ธรรมดาของสิ่งนั้นมันทำให้เต๋ารู้สึกจุกเสียดและแสบซ่าน แต่ที่เจ็บกว่าคือจิตใจของเขา ศักดิ์ศรีของเขากำลังโดนย่ำยีถึงขีดสุด เต๋าได้แต่คิดระหว่างรวบรวมแรงไปด้วยว่า ‘ อย่าให้กูมีแรงกลับคืนมานะ กูจะอัดมึงให้เข้าห้องไอซียูเป็นเดือนเลย! โอ้ย!!’

ความเจ็บแล่นแปรบมาขึ้นอีกครั้งเมื่อเอกดันแก่นกลางลำตัวขนาดเท่าน้ำอัดลมขวดกลางเข้าไปจนมิดลำ

มันเจ็บปวดมากขึ้นเพราะขนาดที่ใส่เข้ามาโดยไม่มีไมตรี หรือยาเริ่มหมดฤทธิ์ก็ไม่ทราบ แต่ตอนนี้เต๋าสามารถกำมือได้แน่นขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่สามารถจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นหนีจากสถานการณ์แบบนี้ได้

“เอาล่ะ งั้นกูจัดล่ะนะ อย่าเผลอติดใจลีลากูล่ะ เพราะกูอยากให้มึงทรมานมากกว่า!!” เอกพูดจบก็ขยับสะโพกเข้าออกแบบไม่ยั้ง เสียงผิวหนังกระทบกันส่งเสียงดังไปทั่วห้อง ความเจ็บปวดที่เต๋าไม่สามารถอธิบายได้ เกิดขึ้นจนนับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั้งถึงจุดหนึ่งในครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ ท่าทางของเต๋าก็ถูกจัดเปลี่ยนไปก็ไม่รู้ตั้งกี่หน ความเจ็บปวดเหล่านั้น กลับกลายเป็นความสุขแบบวาบวามอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน แม้ยิ่งเวลาผ่านไปมากขึ้น เรี่ยวแรงเขาก็กลับคืนมามากขึ้น เขาเริ่มรู้สึกถึงทุกสัมผัสที่เอกกระทำกับเขาทั้งริมฝีปาก และการเปลี่ยนท่าทางในการสอดใส่ เต๋ากลับเผลอรู้สึกดีไปกับทุกสัมผัส

“อ๊าาาาส” เสียงครางยาวจบพร้อมกับการกระทุ้งแรงๆ ครั้งสุดท้ายของเอก หยาดเหงื่อหยดพรายไปทั่วใบหน้าและลำตัว แทนที่เต๋าจะรู้สึกโล่งที่สิ่งเหล่านี้จะสิ้นสุดเสียที แต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกเสียดายเพราะทางฝั่งเต๋านั้นยังไม่ถึงฝั่ง ยังคงรู้สึกค้างคาอยู่

“อันนี้ กูเอาคืนในส่วนของน้องนนท์! และนี่!! รสช้อกโกแลต อันนี้ส่วนของรูมเมทกู ซึ่งน่าจะจำไม่ได้แล้ว แต่มึงรู้ไหม? มันรักแรกของกู!!” เอกพูดจบก็รีบแกะหีบห่อมาสวมใส่อีกครั้งเพื่อปฏิบัติภาระกิจอย่างต่อเนื่อง!!

“เชี้ย.... นี่.... มึง....” เต๋าพูดอย่างหมดแรงและหอบถี่  ในใจสบถต่อว่าไอ้อึดขี้เอาคนนี้อย่างต่อเนื่อง ‘คนอย่างนี้มันก็มีหรือ เสร็จแล้วต่อได้เลย ไอ้สัดเอ้ย!!’ เต๋าใช้แรงทั้งหมดยกศรีษะขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อเหล่มองไอ้ตี่ตาตี่ในร่างเปลือยเปล่าผิวอันเกลี้ยงเกลาผสมกับหยาดเหงื่อพลาย ทำให้เต๋าหัวใจสั่นคลอนไปวูบหนึ่งก่อนจะพยายามยกมือขึ้นชี้หน้าอย่างเครียดแค้น

“เริ่มรู้สึกตัวแล้วหรือว่ะ! ดี!! อย่างนี้กูจะได้ทำให้สนุกขึ้นไปอีก!!” เอกพูดจบก็จัดท่าทางของเต๋าในท่าเตรียมพร้อมเช่นเดิม
“เฮ้ย! ของมึงยังแข็งอยู่เลย กูบอกแล้วไงว่าอย่ามาติดใจกู งั้นแล้วกูสนองด้วยทีเด็ดที่เด็ดกว่าเมื่อกี้เอง!!” ตี๋หล่อยื่นมือไปคว้าแท่นลำแข็งตรงของอีกฝ่ายลูบไล้ขึ้นลงอย่างชำนาญจนอีกฝ่ายได้แต่ร้องเสียงหลง และจัดการจ่อแก่นกายที่พร้อมแล้วเข้าไปที่จุดเดิมอีกครั้ง และครั้งนี้มันเข้าได้ง่ายกว่าครั้งก่อนมาก เหมือนเต๋าเองก็ผ่อนคลายและให้ความร่วมมืออย่างไม่รู้ตัว 
ครั้งนี่เอกทำอย่างโลดโผนมากกว่าครั้งที่แล้วมาก เต๋าแม้จะมีแรงกายกลับมามากขึ้นแต่กลับไม่สามารถขันขืนเกมกามารมณ์ของเอกได้เลย เต๋ากลับปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเอกจนเสร็จสิ้นครั้งสอง จนเขารู้สึกงงกับตัวเองที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความเกลียดชังต่อเอกได้อย่างไร การร่วมรักครั้งที่สองนี้เนิ่นนานไม่ต่างจากครั้งแรก และทุกท่วงท่ากับสอดประสานกันได้ดีกว่าครั้งแรกมาก แม้พอจะมีแรงขัดขืนบ้างในช่วงแรก แต่สุดท้ายแล้วเต๋าก็ปล่อยตัวเองไปตามความสุขสมที่เอกมอบให้ทุกท่วงท่าโดยไร้การแข็งขืนในที่สุด ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่างหมดแรงกับกิจกรรมที่ผ่านมาร่วมสองชั่วโมง ทำให้ทั้งหมอบลงนอนแผ่ขนานกับพื้นเตียงบนห้องชั้นสองของร้านคาเฟ่หลังมหาวิทยาลัยทันที

..........

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

โหย.....อิพี่เอกนี่ก็  ไม่ต่างจากวรุฒนะ   ขี้เอาขี้เงี่ยนเหมือนกัน  555

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1


หลายวันผ่านไป บางสิ่งบางอย่างกำลังรบกวนจิตใจเขาอย่างบอกไม่ถูก แม้เขาจะเห็นว่าชานนท์กลับมาทำกิจวัตรร่วมกับแฟนหนุ่มตัวสูงของเขาเช่นเดิมแล้ว

ข่าวใหญ่เกี่ยวกับวันงานก็ถูกพูดถึงน้อยลงเรื่อยๆ เพราะความรักที่ทั้งสองแสดงให้กันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้แฟนคลับของทั้งสองต่างช่วยประโคมข่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงคนโรคจิตที่นึกคิดจะแยกเขาทั้งสองออกจากกัน บางข่าวก็บอกว่าเป็นเรื่องล้อกันเล่นระหว่างวรุฒต์กับชานนท์ เรื่องลองใจอะไรประมาณนั้น

ส่วนเต๋าเองก็ไม่เคยมาปรากฏตัวใกล้ๆกับชานนท์เหมือนเช่นเคย เหมือนหายไปจากชีวิตของพวกเขาไปแล้ว แต่ทำไมเอกจึงชอบมองออกไปรอบๆ ที่ๆ เต๋าเคยเดินมาพยายามใกล้ชิดชานนท์ ที่ๆ เต๋าเคยมาจอดรถทิ้งไว้ตามที่ต่างๆ เผื่อจะได้เจอชานนท์ เอกก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะไปมองหาไอ้คนแบบนั้นไปทำไม อาจเพราะเขาต้องระแวดระวังแทนรุ่นน้องสุดที่รักของเขา เอกคิดว่าอย่างนั้น แต่ภาพ ณ คืนนั้นมันก็กลับมาในหัวทุกครั้งไป ภาพสุดเซ็กซี่ที่ร่างอันเปลือยเปล่า เร่าร้อน ร้องโอดโอยไปด้วยความทรมานกึ่งยินดีแบบนี้

ทำไมเขาต้องรู้สึกกับเรื่องพรรณนั้นด้วยเอกก็ไม่เข้าใจ?

หลังจากเรียนมาทั้งวันอย่างเหน็ดเหนื่อย (เรื่องเรียนไม่ใช่สิ่งที่ถนัดสำหรับเขาเลย หากป๊าของเขาไม่บังคับให้มาเรียนที่นี่ เขาคงขอทุนไปเปิดร้านขายบิ้กไบค์อย่างที่ตนเองตั้งใจไปแล้ว) เขาขอตัวทุกคนกลับห้องไปนอน แม้จะมีเพื่อนชวนไปหลีหญิง ส่องหนุ่มที่ผับเปิดใหม่ก็ตาม ในคืนวันศุกร์แบบนี้ เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีอารมณ์อยากกลับห้องแต่หัวค่ำแบบนี้ด้วย
 
หลังจากกินมื้อค่ำกับเพื่อนๆ เขาก็ขอตัวกลับทันที ห้องที่มืดและเงียบนี้ เขาอยู่ตัวคนเดียวมาเกือบเทอมแล้ว เพราะเพื่อนของเขาดันไปมีแฟนเพื่อประชดไอ้เต๋า แต่สุดท้ายก็ถอนตัวไม่ขึ้น แทบไม่กลับมานอนหอเลย เอาตัวเองไปคลุกอยู่กับแฟนหนุ่มคณะแพทยศาสตร์ตลอด (อย่างว่าเวลาเรียนมันไม่ตรงกัน เลยไปนอนค้างมันเสียเลย)  นานๆจะกลับมาเสียที

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาต้องอยู่คนเดียว เหตุที่ชอบไปเที่ยวก็เพราะเหงามันก็ส่วนหนึ่ง เอกสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปด้วยการส่ายหน้าแรงๆ ก่อนปลดล้อกและผลักประตูเข้าไปในห้องที่มืดมิดเงียบเหงา ด้วยความเพลียจากการตั้งใจเรียนทั้งวัน เขาจึงเผลอหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน

เฮือก!!”

เอกสะดุ้งตื่นทันทีที่รู้สึกถึงพันธนาการที่ข้อมือและข้อเท้า สายตาที่เพิ่งลืมตาตื่นกำลังปรับการรมองเห็นให้เข้ากับแสงสลัวภายในห้องที่เปิดเพียงโคมไฟที่โต๊ะอ่านหนังสือที่ปลายเตียง เอกพยายามขยับมือและเท้าแต่ทั้งมือและเท้ากลับถูกผ้าผืนยาวพันธนาการไว้ตามมุมทั้งสีของเตียงอย่างแน่นหนา ตอนนี้เขาแทบขยับตัวไม่ได้เลย และที่น่าตกใจไปมากกว่านั้นคือ ผิวหนังทุกส่วนของเขาสัมผัสได้ถึงไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ลงมาที่เขาโดยตรงจนตอนนี้เขารู้สึกขนลุกไปหมด นี่เขากำลังเปลือยล่อนจ้อนอยู่

อาการขนลุกไม่ได้เกิดจากอากาศเย็นเพียงอย่างเดียว แต่เพราะเขาสังเกตเห็นเงาคนที่เตียงอีกเตียงที่อยู่ในอีกมุมหนึ่งของห้อง เงาที่กำลังขยับเข้ามาเขาเรื่อยๆ

“ตื่นเสียที ปล่อยให้กูรอตั้งนาน!!” เสียงที่ดังจากเงาดำนั้นช่างหูเหลือเกิน แต่เอกกำลังมึนกับอาการเวียนหัวแปลกๆ นับตั้งแต่ตื่นมา เลยทำให้การโต้ตอบช้าไปหมด แต่มีชื่อๆหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว

“จะให้กูจัดการมึงทั้งที่มึงไม่รู้สึกตัวนี่มันออกจะ.... น่าเบื่อนะ ว่าไหม?”  ต้นเสียงในความมืดนั้นค่อยๆ ขยับเจ้ามาใกล้แสงสว่างมากขี้นจนเห็นเค้าหน้าชัดเจน

“ไอ้เต๋า!!” เอกพูดด้วยสีหน้าซีดเผือด
“เออ! กูเอง!!” เต๋าแสยะยิ้มเย็นให้คนที่นอนเปลือยกายอยู่ทางด้านล่าง และแสดงอุปกรณ์สำหรับจัดการคนที่ถูกพันธนาการไว้ในมืออย่างเพียบพร้อม ครบครันทั้งถุงยางและเจลหล่อลื่น และโรยทันลงบนเตียงทีละชิ้น

“ปล่อยกู!!” เอกดิ้นรนจนรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ
“ง่ายไปไหม? พูดแบบนี้ มึงคิดว่ากูจะทำตามมึงเหรอ คติของกูคือ ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ มึงเตรียมใจที่โดนแบบเดียวกับที่มึงทำกับกูไว้เลย!” เต๋าพูดจบก็เคลื่อนกายเข้าใกล้และใช้มือบีบปากคนหน้าตี๋ที่นอนแผ่เปลือยเปล่าอยู่  และหยดของเหลวบางอย่างลงไปในปากเอก รสฝาดฉุนเล็กน้อยแผ่คลุมไปทั่วปากของเอกก่อนจะโดนอีกฝ่ายปิดปากบังคับให้กลืนสิ่งนั้นลงไป

“แค่ก แค่ก เชี้ยอะไรเนี่ย?!?” เอกสบถถามทันทีที่ปากเป็นอิสระ
“ไม่ต้องกลัว กูใจดีพอ กูไม่ทำกับคนที่ไม่เต็มใจหรอก ดังนั้นมันไม่ใช่ยาที่มึงใช้กับกู แต่เป็นยากูเคยใช้กับมึงครั้งแรกต่างหาก!! แต่ไม่ต้องกลัว ให้ปริมาณน้อยกว่าเดิมหน่อยจะได้พอรู้สึกตัวบ้าง!!” เต๋ายิ้มเย็นและดวงตาฉายแววเลือดเย็น

“เชี้ย เอ้ย!! มึง.....” เอกสบถไปพร้อมกับพยายามฝืนกระชากผ้าที่พันธนาการตัวเองไปด้วยจนเตียงทั้งเตียงสั่นไหวกึกกัก รู้สึกเสียใจที่เคยสงสารคนอย่างมัน
“ใจเย็น เดี๋ยวกูจะคืนให้ทบต้นทบดอกเลย!” เต๋ารู้สึกแปลกใจกับจังหวะหัวใจในอก มันเต้นเร้าสั่นระรัว ทำไมภาพชายผิวขาวละเอียด เปลือยกายตรงหน้าที่พยายามดิ้นรนขัดขืนตรงหน้ามันช่างเร้าอารมณ์จนเขาแทบอดใจไม่อยู่อย่างนี้

จบกระบวนความคิดเต๋าก็ใช้มือลูบไปที่ส่วนเนินออกที่แน่นและหนา ลูบไปจนถึงยอดสุดที่มีตุ่มสีชมพูตึงแข็งสู้นิ้วมือ เต๋าใช้นิ้วมือลูบไล้วนเวียนอยู่ตรงนั้น จนคนที่ถูกกระทำเริ่มอ่อนยวบคล้อยตาม ไม่รู้ว่า เพราะฤทธิ์ยาหรือความมีอารมณ์ร่วมของอีกฝ่าย ที่ตอนนี้แรงขัดขืนดูอ่อนแรงลงไปมาก

เอกหลังจากที่โดนลูบไล่ทั่วแผ่นอก รู้สึกถึงไออุ่นผ่านนิ้วมือของอีกฝ่าย ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เต๋ามีความนุ่มนวลมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก ไม่รู้ว่าฤทธิ์ยาหรืออะไรก็ไม่ทราบ ความลุ่มร้อนแผ่กระจายไปทั่วตัว เขารับรู้สัมผัสทุกสัมผัสที่เต๋าบรรจงลงมือเค้นคลึงไปทั่วแผ่นอกและยอดเม็ดสีชมพูอ่อนนั้น เรี่ยวแรงที่พยายามขัดขืนมันน้อยลงไปเรื่อยๆ รู้สึกว่ารสสัมผัสจากอีกฝ่ายมันยิ่งเร่งเร้าราคะในใจตนเองมาขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ สัมผัสอันชุ่มลื่นจากลิ้นของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ไล่วนเวียนอยู่รอบเนินตุ่มสีชมพูอ่อนของเขา เอกพยายามสกัดเสียงตัวเองไม่ให้เล็ดลอดออกมาให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ว่า ยาเพิ่มกำหนัดเริ่มออกฤทธิ์แล้ว เอกพยายามฝืนสุดกำลัง

เต๋าเผลอไผลไปกับอารมณ์ชั่ววูบ หลังจากลูกไล้ผิวกายที่เนียนละเอียดของอีกฝ่ายจนหน่ำใจแล้ว ก็ถึงเวลาส่งลิ้นตัวเองไปรอบบริเวณที่เคยสัมผัส ด้วยความเจนศึก เขารู้ว่าต้องทำเช่นไรให้คนบนเตียงมีความสุขจนแทบลืมหายใจ

จากแผ่นอกลากวนไต่ระดับลงสู่เบื้องล่างถึงสะดือและลงไปตรงบริเวณที่ตื่นตัวเต็มที่ แม้สีหน้าของอีกฝ่ายจะดูขัดขืนแต่ส่วนกลางลำตัวกลับทำสิ่งที่ตรงกันข้าม ในตอนแรกเต๋าใช้มือกับส่วนที่เกือบจะตั้งฉากกับพื้นเตียง ลูบไล้ขึ้นลงจนคนที่ถูกกระทำบิดตัวด้วยความสุขสันต์ที่เต๋ามอบให้ จนน้ำใสผุดขึ้นมาที่ปลายยอด เต๋าจึงจบกระบวนการโดยการใช้ปากครอบสิ่งนั้นไว้จนเกือบหมด เต๋ายอมรับว่าแม้ขนาดจะเป็นรองเขาอยู่บ้างแต่การจะให้เขาจัดการจนสุดความยาวนี่ทำได้ก็ลำบากไม่น้อย

เอกยอมรับว่ามันน่าอายที่ตัวเองถูกขืนใจให้ทำเรื่องแบบนี้ ในใจก็คิดว่ามันคงเป็นกรรมที่ตัวเองทำไว้กับไอ้เต๋า แต่ไม่เคยคิดเลยว่าไอ้เต๋าจะแก้แค้นเขาคืนด้วยวิธีนี้!! ในตอนแรกเขาเองก็พร้อม และเตรียมใจที่จะรับแรงแค้นจากอีกฝ่ายอยู่แล้ว ทั้งรถบิ๊กไบค์สุดที่รักของเขาที่อาจโดนแยกส่วน ทั้งถูกซุ่มทำร้ายจากนักเลงแปลกหน้า และเรื่องต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเขาเพื่อเป็นแก้แค้น แต่เต๋าเลือกใช้วิธีเดียวกับเขา

เอกสะดุ้งเฮือกและบิดตัวเองรับกับช่องปากอันเปียกชุ่มและอุ่นร้อนที่ครอบส่วนนั้นของเขา เอกไม่คิดว่าเต๋าจะชื่นชอบการแก้แค้นแบบนี้เลย ทำไมถึงลงทุนกับการล้างแค้นเขาขนาดนี้ ลีลาที่วงปากและลิ้นที่ลากเวียนวนขึ้นลงไปมาทำให้เอกแทบคุมสติไม่อยู่ ‘อาจเพราะฤทธิ์ยา’ เอกย้ำในใจขณะที่ร่างกายทนรับกับสัมผัสอันร้อนผ่าวเหล่านั้นไม่ไหวจนเผลอครางในปากเบาๆ ยิ่งคราง อีกฝ่ายก็ยิ่งเร่งเร้าลีลาลิ้นและวงปากกับคนที่ครางอยู่ไม่หยุด มันเป็นความทรมานที่เอกรู้สึกอับอายที่คนที่เขาเกลียดมากๆ กลับทำให้เขามีความสุขขนาดนี้

“กูจะพูดคำเดียวกับมึงนะ” เต๋าถอนปากออกจากแก่นกลางตัวของอีกฝ่ายที่ชุ่มชื้นไปหมดด้วยน้ำบ่อน้อย
“กูจะให้ของขวัญที่ลืมไม่ลงกับมึง!!” พูดจบเต๋าก็จับอีกฝ่ายถ่างขาออก และชันขึ้นตั้งฉาก โดยที่เอกไม่ได้แสดงอาการต่อต้านใดๆ เพราะฤทธิ์ยา
“เชี้ย!!” เอกสบถเบาๆ เพลย์บอยอย่างเขา แม้ที่ผ่านมาเขาไม่เคยปฏิเสธทั้งหญิงและชายที่เข้ามาหาเขา แต่เอกไม่เคยเป็นฝ่ายตั้งรับเลยสักครั้ง กรรม!! นี่คือกรรมของเขา

เต๋าจัดการกับช่องทางด้านหลังอย่างชำนาญเพียงแต่ไร้ความละเอียดอ่อนอย่างที่เอกเคยทำกับเขา แต่นี่มันคือการแก้แค้น!! เขาจะทำให้ไอ้เอก ไอ้หน้าตี๋ที่กล้าเหยียบหนวดเสืออย่างเขา จดจำว่า อย่าได้มาทำแบบนี้กับเขาอีก!!

อวัยวะกลางลำตัวของเต๋าพร้อมใช้จ่ออยู่หน้าปากทางของชายหน้าตี๋ผิวขาวนวลที่นอนตรึงกับเตียงอย่างอ่อนแรงอยู่ ช่องทางที่แสนคับแคบและเข้าไปอย่างยากลำบาก เหมือนเอกกำลังใช้แรงที่เหลือต่อสู้กับข้าศึกที่กำลังรุกรานเข้ามา พยายามปิดช่องทางไม่ให้สิ่งนั้นฝ่าเข้าไปยึดเอกราชของเขาได้ เต๋าเห็นเป็นแบบนั้นก็แสยะยิ้ม และใช้มือที่ชุ่มเจลหล่อลื่นคลำคลึงแก่นกายที่ตอบสนองกับมืออย่างเต็มที่ด้วยลีลาที่เอกปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเผลอคราออกมาเต็มเสียง

ไม่นานเอกก็สูญเสียเอกราชให้อีกฝ่าย เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาที่สมองของเขา มือเท้าที่ถูกพันธนาการอยู่ดึงรั้งผ้าผืนยาวที่มัดเขาไว้ตึงแน่นจนแทบจะขาด มันจุดเสียด มันแน่นปวดตึบไปหมด นี่หรือคือความรู้สึกของฝ่ายรับ ซึ่งเขายอมรับว่าจะไม่มีเป็นครั้งที่สองอีกแน่นอน แต่เขาจะผ่านจุดนี้ไปได้อย่างไร

“โอ้ย”

เต๋าได้ยินเสียงของอีกฝ่ายก็ยิ่งเร้าอารมณ์ให้โหมทั้งร่างเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างเต็มตัว จนฝ่ายรับร้องโอดโอยไปตามจังหวะที่เต๋าเร่งเร้าไปตามอารมณ์ที่พาไป ร่างกายที่เกร็งบิดไปด้วยความเจ็บปวด ดึงรั้งส่วนที่ถูกพันธการจนตึงขึงเป็นเส้นตรง ผ้าที่พันผูกไว้ตอนนี้เกือบจะสู้แรงของเอกไม่ได้แล้ว มันค่อยๆ คลายปมตัวเองออกโดยที่คนที่ถูกมัดไว้ไม่รู้ตัว เอกรู้แต่ว่าเขาจับมันไว้แน่นเผื่อว่าจะลดอาการเจ็บปวดที่ช่องทางด้านหลังได้บ้าง และมันก็ได้ผล ไม่นานความเจ็บปวดมันก็หายไปพร้อมกับความรู้สึกอย่างอื่นเข้ามาแทนที่

ความรู้สึกที่เอกไม่เคยคิดว่า การถูกกระทำแบบนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าฤทธิ์ยาเร่งกำหนัดมันยังมีฤทธิ์อยู่มากน้อยแค่ไหน แต่เขากำลังเผลอไผลไปกับความรู้สึกสุขเปรี่ยมล้นที่คนที่เขาเกลียดมอบให้ มันไม่ได้น่ารังเกียจเท่าที่เขาคิดไว้

ด้วยท่าทางที่เอกถูกมัดตรึงไว้กับเตียงทำให้เต๋าถูกจำกัดท่าทางในการจัดการคนเบื้องล่าง เขาจึงใส่แรงทั้งหมดไปกับท่านี้จนสุดทาง เต๋าเคลื่อนกายในพื้นที่จำกัดอยู่นานหลายนาทีเพื่อให้คนที่เขาต้องการล้างแค้นเจอเท่ากับที่เขาเจอก่อนที่จะกระตุกตัวสั่นเทาและกระแทกเข้าไปเต็มแรงสองสามรอบสุดท้ายก่อนจะพ่นลมหายใจอันอุ่นร้อนลงไปที่หน้าท้องที่เป็นลอนกล้ามน้อยๆเป็นมันจากเหงื่อสวยงาม คนด้านล่างเอกก็กระตุกตามไปด้วยแต่ยังไม่ได้แสดงอาการเสร็จสมอารมณ์หมาย เพียงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจหลายครั้งที่คนทางด้านบนเสร็จสิ้นถึงฝั่งเสียที

พั่บ.....

เสียงคนตัวเล็กกว่าทางด้านบนล้มตัวลงนอนทับคนที่นอนกางแขนขาบนที่นอน เต๋าดูเหนื่อยเหน็ดและหอบแรง เขานอนไม่หลับอยู่หลายคืนเพื่อเฝ้าดูพฤติกรรมของเอกเพื่อแก้แค้น ตระเตรียมหลายอย่างด้วยความตื่นเต้น เพราะครั้งนี้เขาไม่อาจจะพลาดได้อีก ทำให้เขาใช้แรงเกือบทั้งหมดในการแก้แค้นไอ้คนที่เกลียดเข้าไส้แบบนี้ ตอนนี้เขาจึงขอพักเหนื่อยสักพัก ทั้งที่เขานอนอยู่เหนือคนที่เขาเกลียด แต่การได้ยินเสียงหัวใจเต้นระรัวของอีกฝ่ายมันก็อบอุ่นใจอย่างประหลาดจนเขาเองก็แปลกใจ เขาเผลอนอนไปบนเนินอกอีกฝ่ายด้วยความผ่อนคลาย
‘ยังไงก็ถูกมัดอยู่ คงไม่มีฤทธิ์เดชอะไร ขอนอนพักสักหน่อยก็ไม่เลว’ เต๋าคิด แต่เขาไม่รู้เลยว่า พันธนาการที่แขนทั้งสองนั้นหละหลวมมาได้พักใหญ่แล้ว และด้วยฤทธิ์ยานั่น การที่เอกไม่เสร็จสม มันทำให้เขาทรมานจนมีแรงปลดผ้าที่ผูกมัดแขนเขาไว้และลุกขึ้นมาจับคนที่เกือบไร้เรี่ยวแรงกดลงไปที่เตียงแทน

หลังจากปลดพันธนาการการที่ขาตัวเองเรียบร้อย เอกก็หันมาจัดการคนที่เกือบไร้เรี่ยวแรงทางด้านล่างอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นว่า คนที่จะมาแก้แค้นกลายเป็นเหยื่ออีกครั้งหรือนี่?

เต๋าดิ้นรนอยู่พักใหญ่แต่ด้วยเรี่ยวที่น้อยนิดจากการพักผ่อนน้อยจึงสู้แรงคนที่แข็งแรงกว่าไม่ได้ เต๋าถูกเร้าโลมด้วยเทคนิคขั้นสูงของเอกที่เขารู้สึกคุ้นเคยดี ด้วยฤทธิ์ยาและอารมณ์พาไป เอกจัดการคนทางด้านล่างแบบไร้อุปกรณ์ช่วยเหลือใดๆ คนทางด้านล่างดิ้นพล่านอยู่พักใหญ่กับการจู่โจมแบบคอมมานโด และสุดท้ายเต๋าก็ถูกเอกพาไปสู่ดินแดนที่เคยโดนมาก่อนแบบเจ็บปนสุข จากขัดขืนก็กลายเป็นจำยอม และหลงไหลไปกับมันในที่สุด และเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อเต๋าและเอกกลับใช้เวลาด้วยกันต่อจนตลอดทั้งคืน

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ก็สมกันดีนะ  เอกเต๋า

ผลัดกันรุกผลัดกันรับ  วินวินซิทูเอชั่น  ทั้งสองฝ่าย

ออฟไลน์ Wtftt

  • โอกาสก็เหมือนไอติมถ้าไม่กินมันก็ละลาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ นางฟ้าน้อย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 27

Beautiful sunset


“นนท์ๆ”

เสียงเพื่อนสาวห้าวดังมาแต่ไกลจนชานนท์ต้องรีบหันไปหาต้นเสียง ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างเขาเสมออย่างวรุฒกลับทำหน้านิ่งเฉยและพยายามรั้งให้ชานนท์สนใจเขามากกว่าเสียงหญิงสาวที่กำลังวิ่งมาอย่างหืดหอบ

“นี่!! แกไม่คิดจะหยุดให้ฉันสักหน่อยหรือไง?” หญิงสาวกล่าวตำหนิทันทีพร้อมหายใจหอบถี่ และส่งสายตาค้อนไปที่วรุฒทันทีที่ยืดตัวตรงได้

“เดี๋ยวเข้าเรียนสาย!” วรุฒพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ พูดแทรกชานนท์ที่กำลังอ้าปากตอบ
“เวลาคำพูดนี้มันออกมาจากปากนายนี่มันดูตลกๆ ยังไงไม่รู้นะ พ่อคนแทบไม่เคยตั้งใจเรียน” เมย์แซะอีกฝ่าย
“จะว่าไปก็จริงนะ อีกสิบห้านาทีก็ต้องเข้าเรียนคาบถัดไปแล้วนะ แล้วเมย์ไม่รีบเข้าเรียนหรือไง?”  ชานนท์กล่าวสนับสนุนแฟนตัวเอง
“แหมๆๆ พอดีกันก็เข้าข้างกันเลยนะ ไอ้เราก็อุตส่าห์ช่วยเตรียมที่ ควรจะเกรงใจเราบ้างนะ” เมย์แบะปากใส่
“ช่วย?” ชานนท์ทวนคำด้วยความสงสัย
“ก็ช่วยเรื่องพี่เต๋าไง!! ก็เพราะเรื่องนี้แหละ ก็เลยจะถามหาพี่เอกกับนาย!” เมย์กลับเข้าสู่โหมดเม้าส์มอย
“พี่เต๋า?” ชานนท์หันหน้าไปหาวรุฒเหมือนจะหาคำตอบ
“เธอนี่มัน....... เก็บความลับไม่เป็นใช่ไหม?” วรุฒคิ้วขมวดใส่เมย์ “นี่ไง! ถึงไม่อยากให้เธอเจอกับนนท์บ่อย เพราะคิดว่าสักวันเธอต้องหลุดปาก!!”

“อะไร!?! นี่เธอยังไม่เล่าให้นนท์ฟังทั้งหมดเหรอ?”
เมย์ทำหน้าแปลกใจ
“เธอคิดว่าเรื่องแบบนี้ เพื่อนเธอฟังและจะสบายใจไหมล่ะ?” วรุฒสวนกลับ
“เออว่ะ!” เมย์ยกมือขึ้นปิดปากทาบหัว

“เฮ้อ!!!” วรุฒถอนหายใจเกาหัว
“อะไรยังไง เล่ามาให้หมดเลยนะ!!” ชานนท์มีความสงสัยและขยั้นขยอให้เล่าให้หมดทันที

“เอ่อ......” เมย์รู้สึกแย่กับอาการปากพล่อยของตนเอง
“เฮ้อ....... เอางี้เดี๋ยวเราเล่าให้ฟังเอง!” วรุฒผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแรง พลางส่ายหน้าไปทางสาวห้าวที่ตอนนี้ทำท่าจับต้นชนปลายไม่ถูก

“เอาจริงๆ ยัยเนี่ยก็แค่ไปสืบว่า ไอ้เรื่องทั้งหมดเนี่ยเป็นฝีมือไอ้เต๋าจริงๆ ใช่ไหม เพราะเราเองก็ยังไม่มีหลักฐาน 100% จนกระทั้งยัยเนี่ย ไปเห็นไอ้เต๋าเข้าไปในโรงแรมเดียวกับที่ซาร่าพักอยู่ และดูเหมือนจะไปมีปากเสียงกันที่ห้องอาหารของโรงแรมด้วย คราวนี้เรื่องมันก็ชัดเจนเลย!!” วรุฒใช้นิ้วชี้ไปที่ยัยเมย์จนเกือบสัมผัสศรีษะอีกฝ่ายทุกครั้งที่พูดถึงเมย์

“มีปากเสียง?” ชานนท์ทวนคำ
“นั่นไง!! สงสัยเหมือนเราเลย เราก็เลยปลอมตัวเข้าไปนั่งใกล้ๆ ใกล้พอจะได้ยินเสียงพวกเขาคุยกัน!” ยัยเมย์แทรกขึ้นมา
“แล้วได้ความว่า?” วรุฒถามสวนทันที
“เอ่อ....ฮ่าฮ่า..., แบบ... กลัวจะใกล้ไปเลยได้ยินแค่นิดหน่อย.... รู้แต่ว่าเต๋าโวยเรื่องที่ยัยฝรั่งนั่นทำอะไรเกินไปเท่านั้นแหละ!!”เมย์พูดไปหลบสายตาไป

“เอาเหอะ! แต่ก็รู้ว่า ไอ้เต๋ามันก็ยังเกรงใจพ่อเราอยู่บ้าง! เรื่องที่พ่ออุตส่าห์ปิดไว้ มันคงไม่กล้าเปิดเผยหรอก มันคงคิดว่าคุมยังซาร่าอยู่ แต่มันคิดผิด ผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่เรายังไม่รู้เลย!” วรุฒพูดต่อทันที

“แต่เท่านี้ก็ชัดเลยว่า สองคนนั้นร่วมมือกัน!” เมย์ตบหน้าขาตัวเองเสียงดัง จนต้องเอามือลูบจุดที่ตีไปมา
“คราวนี้ เมย์พูดถูก ดังนั้นเราก็เลยไปขอความช่วยเหลือคนที่ทำให้ไอ้เต๋าเสียเชิง และก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี!!” ดวงตาวรุฒเหมือนฉายแวววูบวาบ

“มีคนแบบนั้น?” ชานนท์ที่พอจะได้ยินวีรกรรมต่างๆ ของเต๋า จากวรุฒบ่อยๆ ก็นึกถึงคนแบบนั้นไม่ออก
“คนที่พูดกี่ทีๆ ก็ไม่น่าเชื่อ คนดีแบบนั้นถึงเวลาจะร้ายก็น่ากลัวอยู่นะ” เมย์เหมือนพูดกับตัวเอง

“คนที่มีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวน่ะ น่ากลัวทุกคนนั่นแหละ นั่นแปลว่าเขาจะทำอะไรเพื่อสิ่งๆนั่นได้โดยไม่ลังเล” วรุฒพูดถึงตรงนี้ก็มองมาที่ชานนท์ แน่นอนว่าวรุฒก็หมายถึงตัวเขาเองด้วยนั่นแหละ

“อย่าบอกนะว่า....” ชานนท์มีภาพคนๆหนึ่งในหัวแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะใช่หรือไม่
“ใช่! พี่เอกนั่นแหละ!!” เมย์ทำนิ้วชี้ไปที่ชานนท์ ประมาณว่า ‘ถูกต้องแล้วคร้าบบบ’
“หา!!!” ชานนท์ร้องเสียงหลง

คงต้องย้อนไปก่อนเหตุการณ์ในวันนั้น วรุฒรู้ว่าแผนการของเขาจะไม่สำเร็จเด็ดขาด หากยังมีไอ้ตัวจอมวางแผนอย่างเต๋า ลอยนวลคอยขัดขวางเขา เพราะเต๋าเองก็เป็นที่กว้างขวางในมหาวิทยาลัยมากกว่าวรุฒเสียอีก ขยับแค่นิดหน่อยอีกฝ่ายก็รู้ความเคลื่อนไหวแล้ว และวรุฒบังเอิญไปสืบเรื่องในวันที่ชานนท์ไปพบรุ่นพี่ในตำนานคนนั้น แล้วก็พบว่า เรื่องทั้งหมดจะไม่ได้ลงเอยแบบนี้หากไม่ใช่เพราะเอกที่ตลบหลังไอ้เต๋าจนเสียเชิง เป็นเหตุให้วรุฒยอมลดอีโก้ของตัวเองไปคุยกับเอกก่อน ถึงขั้นก้มหัวขอร้องให้เอกช่วยเหลือในแผนการครั้งนี้

สุดท้ายเอกก็ยอมรับปากช่วย และพยายามตามไปจับตาเต๋าทุกย่างก้าวจนเต๋ารู้สึกอึดอัด และขยับตัวไปทำอะไรตามแผนได้ลำบาก นั่นทำให้ซาร่าติดกับยอมตกลงไปร่วมรายการปลอมๆนั่นโดยพละการ กว่าที่เต๋าจะรู้ตัวว่าซาร่าติดกับของวรุฒ เขาก็โดนพี่เอกมอมยาไปเสียเรียบร้อยแล้ว

วรุฒบอกกับเอกว่าให้ทำยังไงก็ได้ให้เต๋าไม่มาวุ่นวายระหว่างดำเนินแผนการนี้ ทำให้ยุ่งวุ่นวายเข้าไว้ เอกก็เลยจัดให้เต๋าวุ่นวายอยู่กับเขาอย่างหนัก อยู่หลายชั่วโมงจนแผนการสำเร็จลุล่วง

“จะว่าไป.....ก็ไม่เห็นพี่เอกเลยนะ หลังจากเหตุการณ์วันนั้น” ชานนท์พูดพึมพำขึ้นมาระหว่างเดินไปห้องเรียน
“ความรู้สึกช้าจริงนะ ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว อย่างว่าก็โลกนี้มีแค่สองเราอ่ะเนอะ” เมย์แซวขึ้นมา

“เมย์!” ชานนท์ค้อนใส่เพื่อนสาวห้าวของเขา ในขณะที่วรุฒเดินยิ้มกริ่มไม่พูดอะไร
“นายก็ด้วย ทำเราทั้งเจ็บทั้งเพลีย เรายังไม่ได้ต่อว่าเลยนะ!!!”
ชานนท์หันไปจัดการคนยิ้มกริ่มแบบได้ใจ

“ว้าย!! อะไรนะ?” เมย์ทำท่าล้อเลียน
“พอได้แล้ว!! ไปเรียนได้แล้ว!!” ชานนท์ดุแก้เขิน
“นายไม่อยากรู้เรื่องพี่เอกเหรอ?” เมย์ลั่นให้ชานนท์สงสัย
“หือ??? จริงสิ!! พี่เอกหายไปไหน? หรือว่าเกิดอะไรขึ้น?!?” ชานนท์หันมาหาแฟนและเพื่อนของเขาด้วยสีหน้าตกใจ
“ตอนแรกก็แอบคิดแบบนั้น... แต่เท่าที่ไปสืบมา พี่เอกก็มีไปเข้าเรียนเกือบทุกคาบเป็นปกตินะ แต่ที่ไม่มาปรากฎตัวให้เราเห็นเลยเนี่ย...... ไม่แน่ใจเท่าไหร่? เออ!! รุฒ! แล้วเรื่องนั่นล่ะ!!” เมย์พูดไปทำท่าคิดไป

“อ้อ! ไอ้เต๋า ก็เป็นอย่างที่เธอว่า มีคนเห็นมันไปป้วนเปี้ยนแถวหอพักเรา แต่แปลก! เราไม่เคยเห็นมันนะ!!” วรุฒตอบกลับเสียงเรียบ

“เฮ้ย! จริงน่ะ เราก็ไม่เคยเห็น!” ชานนท์ตอบเห็นด้วย
“นั่นไง!! เข้าเค้าแล้ว!!” เมย์เสียงดังขึ้นมา ซึ่งตอนนี้เดินมาถึงหน้าห้องเรียนแล้ว ทำให้ชานนท์มองเลิ่กลั่กไปหมด กลัวโดนผู้ใหญ่ตำหนิ พร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นคาดปากตัวเองหันไปทางเมย์ในเชิงตำหนิ ส่วยยัยเมย์ทำแค่แลบลิ้นใส่อีกฝ่าย

“ไม่เอาน่า ไอ้ทฤษฎีของเธอมันไม่น่าเป็นไปได้หรอกน่า!!” วรุฒแย้ง
“ทฤษฎีอะไรเหรอ?” ชานนท์เดินไปนั่งที่โต๊ะแถวหน้าสุด จึงทำให้ยัยเมย์ที่กำลังเล่าเรื่องนี้จนสนุกปาก เลยต้องเดินตามไปนั่งข้างๆเพื่อจะได้เล่าต่อ
“ก็แบบ.... สองคน น่าจะแอบคบกันไง แบบศัตรูที่รักอะไรแบบเนี้ย!!” เมย์ทำหน้ามีความสุขจนมีรอยยิ้มแปลกๆให้เห็น

“เพ้อเจ้อ!!” วรุฒพูดขึ้นลอยๆ ในขณะที่เดินไปนั่งข้างชานนท์อีกฝั่งหนึ่ง
“พนันกันไหมล่ะ นายต้องเชื่อในสัญชาตญาณสาววายอย่างฉันนี่!! เรื่องนี้มันต้องจบแบบนี้!!” เมย์มีท่าทางมั่นใจมากกับประโยคนี้ ซึ่งก็ทำให้ชานนท์คิดตาม แต่เขาก็นึกภาพเวลาสองคนนั่นอยู่ด้วยกันแบบคู่รักไม่ออก ผู้ชายที่ดูแข็งแรงกำยำทั้งคู่เนี่ยนะ!

“จะว่าไป.... เราเองก็ยังไม่นึกเลยว่าจะได้แฟนเป็นผู้ชายด้วยกันแบบนี้..... มันคงไม่แปลกมั้ง” ชานนท์พูดลอยๆออกมา ทำให้คนตัวสูงที่นั่งข้างๆ อมยิ้มขึ้นมา

“เอาป่าวรุฒ!!” เมย์ยังคงไม่เลิกล้มความตั้งใจที่จะพนันกับวรุฒ
“ไม่เอาหรอก ฉันไม่อยากได้อะไรจากเธอเสียหน่อย!! จะชนะหรือแพ้ ก็ไม่เห็นน่าสนใจ!!” วรุฒเอนหลังไปพิงพนักและทำท่าเบื่อกับยัยผู้หญิงห้าวจอมจุ้นจ้าน

“เอางี้!! หากนายแพ้ นายต้องพาฉันกับชานนท์ไปเที่ยวทะเล เอาแบบหรูๆ เลยนะ แต่นายชนะ ฉันจะช่วยให้ไอ้พี่พัฒน์จีบยัยมายด์ติดแบบเป็นทางการ และจะช่วยให้พี่พัฒน์มาหมั้นหมายกับยัยมายด์แทนนายเลย โอเคไหม? ยัยมายด์จะได้ตัดใจจากนายเสียที เป็นไง win-win ใช่ไหม?” มายด์ลุกขึ้นท้าทาย ภายใต้สายตาตกใจของชานนท์ เรื่องบางเรื่องที่ชานนท์ไม่ควรจะรู้ ก็ได้รู้จากเพื่อนปากมากคนนี้จนได้

“ยัยบ้าเอ้ย!! ยัยปากไม่มีหูรูด!!” วรุฒต่อว่าเมย์ทันที เมย์ที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าได้พูดเรื่องที่ไม่ควรพูดก็ได้แต่สำนึกและตบปากตัวเองดังเพี้ยะ
“เธอว่าอะไรนะ?” ชานนท์ถามย้ำ
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่จะข่วยให้วรุฒเป็นอิสระไง แบบหาคนมาหมั่นหมายแทนนายรุฒไง” เมย์แก้ตัวจนลิ้นพันกัน
“ไม่ใช่.... ประโยคสุดท้าย!!” ชานนท์พูดโดยที่หน้าไม่มองเมย์

“ก็ win-win ไง!!” เมย์พยายามแถ
“ไม่ใช่!! ทำไม.... ทำไมไม่เคยมีใครบอกเราเลย!!” ใบหน้าชานนท์แสดงออกถึงความสับสนชัดเจน

“นนท์ ฟังนะ เราก็แค่เดาเอา ว่าน่าจะใช่ แต่เราก็ไม่เคยคิดเกินเลยกับมายด์เกินกว่าน้องสาวเลยนะ” วรุฒอธิบาย
“แต่ถึงอย่างนั้น มายด์ก็เพื่อนเรานะ แล้วอย่างนี้เราจะมองหน้ามายด์ติดได้ยังไง หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด มายด์ก็คอยช่วยพวกเรามาตลอด” ชานนท์เริ่มลนลาน กำลังเข้าสู่โหมดคิดมากอีกแล้ว

“แต่มายด์น่ะรู้ตัวดีว่า เป็นไปไม่ได้ และรู้ตัวว่าจะวางตัวยังไง เธอไม่เคยโกรธหรือเกลียดนายเลยนะ ในสถานะปัจจุบันของนายเนี่ย เธอออกจะชอบนายมากนะ” เมย์พูดแก้ทันที

“แต่.......” ชานนท์คิดคำพูดต่อไปไม่ออก มันจุกอยู่ที่อก อึดอัดไปหมด

“นักศึกษา! ทำความเคารพ!” ประธานเอกกล่าวเสียงดังทันทีที่เห็นอาจารย์เดินเข้ามา ทำให้บทสนทนาจบลงแค่นั้น

แต่ชานนท์ก็แทบไม่มีสมาธิเรียนในคาบนั้นเลย ในหัววนเวียนคิดถึงหน้าและความรู้สึกของมายด์วนไปมา

...............................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่....ชานนท์คิดมากเกินไปนะจ๊ะ

อย่างที่วรุฒคิด  ไม่ให้ชานนท์รู้เรื่องอะไรเยอะแยะเป็นดีที่สุด

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

จวบจนสิ้นวันชานนท์ยังคงคิดวนเวียนไปเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับความรู้สึกของมายด์ เพื่อนอีกคนหนึ่งของเขาที่ได้ชื่อว่าสนิทมากคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นเพื่อนคนแรกตั้งแต่มาเหยียบที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้

วรุฒที่เป็นไม่ได้เป็นคนพูดเก่งอะไรเป็นทุนเดิมอยู่แล้วรวมถึงเป็นคนที่ไม่เคยรู้สึกถึงเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่จึงเป็นเรื่องยากพอสมควรที่จะปลอบประโลมความรู้สึกทุกข์ใจแทนคนอื่นอย่างชานนท์ได้ เขาจึงทำได้แค่โอบไหล่ระหว่างเดินเป็นเพื่อนชานนท์เดินกลับหอพักเท่านั้น

‘ยัยปากมากที่ก่อเรื่องไว้ หายไปไหนวะ?’ วรุฒคิดในใจด้วยความหงุดหงิด เพราะแทนที่วันนี้เขาจะได้อ้อนแฟนให้สมใจกับการนั่งจำยอมเรียนอยู่ในคาบเรียนอย่างเรียบร้อยตลอดทั้งวัน ยัยผู้หญิงปากมากอย่างเมย์ที่ทำให้แฟนเขาคิดมากขนาดนี้ ยังหายศรีษะไปทันทีที่หมดคาบเรียน นี่มันหนีปัญาที่ตัวเองก่อชัดๆ!

ระหว่างทางเดินที่ไม่ถึงตัวตึกดี (ช่วงหลังๆ ชานนท์ไม่ยอมให้วรุฒต้องขับรถยนต์มาเรียน เพราะระยะทางระหว่างหอในกับอาคารเรียนมันไม่ไกลขนาดที่ต้องขับรถมา เดินมาดีที่สุด) รถตู้คันหรูที่แสนคุ้นตาก็มาจอดเทียบทางด้านข้างพวกเขา และคนที่ลงมาก็คือคนที่ทำให้วรุฒหงุดหงิดใจถึงที่สุดอยู่ตอนนี้

ยัยเมย์!!

“อ้าว!! โชคยังดีที่ชานนท์น่ะเดินช้า หากพวกนายถึงหอพักแล้ว ฉันคงแย่เพราะกลัวจะไปขัดจังหวะพวกนาย... เอ่อ.... อยู่ด้วยกัน” ยัยเมย์กระโดดลงมาจากรถตู้คันหรูและพูดอย่างเหนื่อยหอบ ในขณะที่วรุฒกลับกร่นด่าอยู่ในใจ
‘เพราะเธอนั่นแหละ แผนฉันถึงล้มไม่เป็นท่า!!’

“อะไรของเธอเนี่ย? แล้วรถคันนี้มัน...?” ชานนท์ทำสีหน้าตำหนิท่าทีกระโตกกระตากของเพื่อนสาวที่ไม่ค่อยทำตัวสมหญิงเสียเท่าไหร่จนเขาแอบดุหลายครั้ง บางครั้งเมย์เองก็เกือบเรียกเขาว่าแม่เสียแล้ว (หรือยายดี? ไอ้ความคิดโบราณๆแบบนี้)

“ใช่ รถเราเอง เราอยากคุยกับนนท์น่ะ” มายด์ที่เดินก้าวออกมาจากรถอย่างเรียบร้อยผิดกับผู้หญิงคนแรกกล่าวขึ้นอย่างเรียบง่าย
“มายด์... พี่ว่า... เวลาแบบนี้....มันยังไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่นะ” วรุฒแย้งขึ้นมาอย่างเกรงใจ
“เวลานี้แหละคะเหมาะ” มายด์กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาขึงขัง
“อืม.... ตามใจ..” วรุฒรู้สึกว่าวันนี้อุปสรรคเยอะจริงในการที่จะได้อ้อนแฟนตัวเอง
“นนท์ เราไปหาอะไรมื้อเย็นกินไปด้วยคุยไปด้วยเถอะนะ” มายด์หันมายิ้มหวานจนชานนท์ไม่กล้าปฏิเสธ ทำได้แค่พยักหน้ายิ้มรับ
“ที่ไหนดี?” วรุฒเอ่ยปากถามทั้งยังก้าวเดินไปที่รถ
“ไม่คะ! พี่รออยู่ที่นี่แหละคะ” มายด์รีบปฏิเสธและทำมือขึ้นปรามอีกฝ่าย
“ใช่! ผู้หญิงเขาจะคุยกัน!!” เมย์มีสีหน้าสะใจกับประโยคของมายด์และก้าวเท้าล้ำหน้าวรุฒไปหนึ่งก้าว ส่วนชานนท์ได้ทำหน้าประหลาดใจกับประโยคของเมย์
“เราขอไปกับนนท์สองคนนะ” มายด์พูดเสียงเชิงขอร้อง
วรุฒส่งสายตาเย้ยและยิ้มเยาะเมย์อย่างเปิดเผย

แล้วทั้งสองคนก็เดินทางด้วยรถตู้คันหรูมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยซึ่งคนในร้านก็ไม่ได้มีมากมายอะไร และโต๊ะที่มายด์พาไปนั่งก็ค่อนข้างเป็นส่วนตัว และบรรยากาศในร้านก็ดีเสียจนอยากจะให้วรุฒพาเขามานั่งกินอะไรกันในโอกาสพิเศษเลยทีเดียว

“ชอบร้านนี้ไหม?” มายด์ตั้งคำถามก่อนเป็นคนแรกทันทีที่ทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะที่มีป้ายจองไว้ เพราะก่อนหน้านี้ชานนท์รู้สึกเกร็งๆ มาตลอดทางที่นั่งรถมาด้วยกัน ส่วนมายด์เองก็นิ่งเฉยไม่ได้พูดอะไรกับเขาเช่นกัน บรรยากาศในรถจึงเงียบกว่าปกติ

“อืม... ชอบสิ บรรยากาศดีมากเลย เนี่ย! ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ........” ชานนท์หยุดปากตัวเองเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดมากไป
“เมื่อก่อนนี้.... ที่นายยังชอบเราอยู่ใช่ไหม?” มายด์พูดแทรก
“ใช่ๆ เราคงมีความสุขมากเลยที่ได้มาเดทกันที่...นี่.... เอ๊ะ! มายด์รู้ได้ไง?” ชานนท์ทำสีหน้าประหลาดใจ
“โอ้ย! ไม่รู้ก็แปลกแล้ว คนซื่อๆ อย่างนายเดียวอ่านง่ายจะตาย โดยเฉพาะที่มีเพื่อนอย่างยัยเมย์” มายด์พูดไปด้วยขำไปด้วยเมื่อถึงประโยคที่กล่าวถึงเพื่อนสนิทตัวเอง
“อ่า.....” ชานนท์ถึงกับอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก

“พอเถอะๆ เลิกนอกเรื่องได้แล้ว! ได้ข่าวว่านายไม่สบายใจเรื่อง....... ความรู้สึกของเรา.... กับพี่รุฒ....” สีหน้าของมายด์ค่อยๆจริงจังขึ้นเรื่อยๆ
“อืม...” ชานนท์พยักหน้า

“จะเป็นคนดีไปถึงไหนเนี่ย! เฮ้อ..... ไม่ต้องคิดมากหรอก เราเลิกฝันลมๆ แล้งๆ แบบนี้มาตั้งนานแล้ว!” มายด์เอนกายพิงพนักและผ่อนลมหายใจออกมา
“............” ชานนท์ยังอยู่ในโหมดพูดอะไรไม่ออกเพียงแต่ทำหน้าตั้งใจฟังอีกฝ่ายเท่านั้น

“รู้ไหม? เราเองก็กลัวนะ กลัวว่า หากนายรู้แล้วเรื่องความรู้สึกของเรากับพี่รุฒ นายจะมีปฏิกิริยาอย่างไร? ที่กลัวที่สุดคือกลัวนายจะพาลเกลียดเราและไม่พูดกับเราไปเลย..... แต่ไอ้อาการแบบนี้ก็เป็นสิ่งที่เราคิดไว้เหมือนกัน ก็ไอ้อาการคิดมากจนเกรงว่าเราจะเกลียดนายที่มาแย่งพี่รุฒของเราไป!”
มายด์ลงเน้นเสียงหนักที่ปลายประโยคจนชานนท์เลิกคิ้ว

“ก็..... เราเป็นเพื่อนกันแล้ว แต่เรากลับไม่เคยรู้ความรู้สึกของมายด์เลย แล้วยัง..... มาคบกับรุฒอีก....” ชานนท์พูดด้วยอาการสับสน

“เรื่องพี่รุฒน่ะ เราเองก็ไม่เคยสารภาพหรอกนะ แต่วันที่พี่รุฒมาปรึกษาเราเรื่องนายน่ะ.... พี่รุฒก็เคลียร์กับเราเรียบร้อยแล้ว เรื่องที่พี่รุฒรับรู้ความรู้สึกของเรา แต่พี่รุฒให้เราเป็นได้แค่น้องสาวเท่านั้น” พูดมาถึงตรงนี้มายด์ที่ดูเข้มแข็งกลับมีเสียงสั่นตลอนเล็กน้อย
“แม้จะยกสถานะขึ้นมาเป็นคู่หมั้นแล้ว แต่มันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงความรู้สึกของพี่รุฒได้อยู่ดี” มายด์พูดด้วยสีหน้าที่หมองลงเล็กน้อย

“........” ชานนท์กลับพูดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก อยากยื่นมือของเขาไปจับมือเรียวยาวเล็กๆ ตรงหน้าแต่มันก็ดูเหมือนไกลเหลือเกิน เวลาเหมือนถูกแช่แข็ง มันยาวนานกว่าปกติมาก ช่วงเวลาที่ไร้คำพูดใดๆ นอกจากความเสียงบรรยากาศครื้นเครงภายในร้าน

“เอาน่า! เรื่องแบบนี้เราทำใจได้พักหนึ่งแล้ว! สบายใจเถอะ เราไม่พยายามแย่งพี่รุฒไปจากนายหรอก เพราะเราก็พยายามบอกพ่อเราตลอด เรื่องถอดหมั้น เราไม่อยากได้มาแต่ตัวแต่หัวใจอยู่กับคนอื่น” มายด์ฝืนยิ้มจนชานนท์รับรู้ได้ ว่ามายด์พยายามเข้มแข็งแค่ไหน? แม้มายด์จะดูแกร่งแต่พอเป็นเรื่องจิตใจ เธอกลับอ่อนแอกว่าที่ชานนท์คิด

“รุฒเป็นรักแรกใช่ไหม?” ชานนท์อ้ำอึ้ง
“อืม.... บ้าเนอะ ไปชอบได้ไงผู้ชายแบบนั้น!” มายด์พูดทั้งที่มีน้ำหล่อเลี้ยงในดวงตา พอชานนท์เจออากัปกิริยาแบบนี้ตอบกลับมาทำเอาหัวใจชานนท์หล่นวูบไปถึงตาตุ่ม หน้าเจื่อนลงทันที

“เรา......ขอโทษ” ชานนท์พูดเสียงสั่น

“นนท์! จะบ้าเรอะ เรื่องแบบนี้มันเป็นความผิดใครเสียที่ไหน? เรื่องจิตใจคนเรามันห้ามกันได้เหรอ? อีกอยาก.... คนที่ไปชอบนายก่อนก็ไอ้พี่ชายตัวดีของเรานี่แหละ! เฮ้อ! เอาเถอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องของเราหรอก นายยังต้องผ่านอุปสรรคอะไรอีกเยอะ ขอให้เข้มแข็งและห้ามทิ้งพี่ชายเราเด็ดขาดก็แล้วกัน!!” มายด์ทำเสียงเข้มขึ้นที่ปลายประโยค

“หมายความว่าอะไรน่ะ?” ชานนท์ทำสีหน้าหวาดหวั่น
“อืม......เอ่อ..... ก็... ชีวิตคู่น่ะมันต้องมีอุปสรรคเป็นเรื่องธรรมดาไง นายสองคนยังต้องเจออะไรอีเยอะไง?” มายด์พยายามคิดหาคำตอบให้อีกฝ่ายคลายความตึงเครียดบนใบหน้า

“เท่านี้ยังไม่พออีกหรือ? เราน่ะโคตรเหนื่อยเลย! ไม่เคยคิดเลยว่ารักในวัยเรียนนี่มันจะเหนื่อยขนาดนี้!!” ชานนท์ผ่อนหายใจยาวและทำหน้าเหนื่อยหน่ายเกินอายุตัวเอง
“นายนี่บ่นเหมือนคนแก่เลยนะ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพี่รุฒถึงไปชอบคนนิสัยคราวป้าแบบนี้ได้!! มายด์ล้อเล่น
“มายด์น่ะ!!” ชานนท์ค้อนใส่
“ล้อเล่นน่ะ คืออย่างนี้นะ หากแฟนนายเป็นคนอื่นน่ะคงไม่เหนื่อยเท่านี้ แต่เพราะเป็นพี่รุฒนี่แหละที่ทำให้เหนื่อย! เก็บแรงของนายไว้รีบมือกับเรื่องพี่รุฒเถอะ!” มายด์จบไหล่คนข้างๆ เสียงดัง
“หมายความว่าไงเนี่ย ใจคอชักไม่ดีเลย!!” ชานนท์โวย
“เอาน่าๆ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” มายด์ทำตลกกลบเกลื่อนไป

..........................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
เวลาล่วงเลยจนดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางฟ้าที่มืดมิด ระยิบไปด้วยหมู่ดาวที่ส่องแสงแผ่วลงเหมือนจะพยายามทำตัวไม่ให้เด่นเท่าแสงจันทร์ รถตู้คันหรูถูกขับมาจอดเทียบที่หน้าหอพักชายที่เปิดไฟส่องสว่างไปทั่วบริเวณ

ชานนท์เดินลงจากรถด้วยท่าทีสบายใจ แม้จะยังไม่สบายใจเต็มร้อยแต่ก็ดีกว่าขาขึ้นไปมาก เขามองขึ้นไปที่ชั้นบนสุด ที่ๆ ห้องของเขาเปิดไฟสว่างอยู่ ห้องที่มีคนที่เขารักรออยู่ ชานนท์แอบยิ้มที่มุมปากที่อะไรๆ ทุกอย่างมันช่างดูลงตัวมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ทั้งๆ ที่ตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะไม่สามารถอยู่ห้องนี้ได้เสียแล้ว

“นนท์ๆ” เสียงหวานดังมาจากในรถ
“ว่าไง?” ชานนท์ตอบกลับเสียงใส
“แหมๆ อารมณ์ดีเชียวนะ” มายด์ทำเสียงแซวดังมาจากในรถจนคนขับรถหันมามองต้นเสียงด้วยท่าทางแปลกใจ
“ขอบใจนะ” ชานนท์ยิ้มให้คนบนรถ
“บ้า! มาขอบจงขอบใจอะไร เราไม่ได้ทำอะไรให้เสียหน่อย!” มายด์เขินนิดหน่อยที่เห็นชายตรงหน้าทำสีหน้าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมานิดหน่อย
“ขอบใจที่บอกความจริงกับเรา” ชานนท์ยังคงยิ้มเช่นเดิม
“จะมาทำซึ้งอะไรเนี่ย! ก็เราเพื่อนกันไม่ใช่หรือไง”
“ใช่ๆ ขอบใจด้วยนะที่เห็นเราเป็นเพื่อน”
“อ่ะๆ ก็ได้! ขืนทำแบบนี้ต่อไปคงไม่ได้กลับห้อง”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า บาย” ชานนท์โบกมือลา

เอี้ยด!!!!

เสียงล้อบดพื้นถนนจนเกิดกลิ่นไหม้ รถยนต์ที่ตกแต่งจนเหมือนรถแข่งขับปาดรถมอเตอร์ไซค์บิ้กไบค์ จนเกือบชนกัน ในที่สุดคนขับรถทั้งสองฝ่ายต่างลงมาจากรถเพื่อเคลียร์กัน ทั้งคู่มีท่าทีอารมณ์ร้อน และเดือดดาล และทั้งสองคนนั้นก็ดูคุ้นตาทั้งชานนท์และมายด์มากๆ

“เฮ้ย!! มึง ไอ้สัด!! ทำไมขับรถได้เลวขนาดนี้!!”  คนขับรถมอเตอร์ไซค์ตวาดกร้าวจนทำให้คนขับรถยนต์รีบเดินจากรถมาเพื่อปะทะกับอีกฝ่ายอย่างเร่งร้อน

“เฮ้ยนั่น!!” ชานนท์อุทานเสียงหลง แต่ก่อนที่ชานนท์จะเอ่ยทักทั้งสองคนนั้นที่อยู่ในนะยะสิบเมตรก็ถูกมายด์ใช้มืออุดปากและลากชานนท์กลับเข้ามาในรถ
“อย่าโวยวาย!!” มายด์กระซิบกระซาบและปิดประตูรถตู้คันหรูทันที
“อะไรของเธอ! นั่นพี่เอกกับพี่เต๋าไม่รีบห้ามเดี๋ยวได้ฆ่ากันตาย!!” ชานนท์กระซิบตอบด้วยท่าทีร้อนรน
“ไม่หรอก เชื่อเรา ได้จังหวะพอดี ว่าจะหาทางเผือกเรื่องนี้พอดี อยู่ๆ ก็มาให้เผือกถึงที่!!” มายด์ส่องมองออกไปนอกรถด้วยท่าทีสนใจ
“เธอน่าจะอยู่ยัยเมย์มากไปนะ!!” ชานนท์แปลกใจกับอาการของมายด์ที่เขาไม่เคยเห็น
“นายนี่.. จะไปรู้อะไรเรื่องของเรา ผู้หญิงมันก็เหมือนกันหมดแหละ!” มายด์พูดทั้งที่ยังคงใช้สายตาเพ่งไปด้านนอกตัวรถ พร้อมใช้มือทำท่าทางให้คนขับรถของตนเองดับเครื่องยนต์ และทุกอย่างในรถก็เงียบสงบลง

“อะไรนะ?!?” ชานนท์อุทาน
“เออน่ะ เงียบๆ ก่อน” มายด์หันไปดุชานนท์ด้วยเสียงกระซิบ
“...........” ชานนท์ปฏิบัติตามและลองส่องออกมาบ้าง

ภาพที่เห็นคือทั้งพี่เอกและพี่เต๋าเหมือนมีปากเสียงกัน แต่เนื่องจากอยู่ในรถจึงได้ยินเสียงเหล่านั้นไม่ชัดเจน สักพักทั้งสองต่างก็ผลักซึ่งกันและกันและแยกย้ายต่างคนต่างไปที่รถของตนเอง

พี่เอกขับเข้าไปเทียบจอดที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ด้านข้างหอพัก ส่วนพี่เอกบึ่งรถออกไปไกลจนเห็นแสงไฟหายลับไป

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!!?” ชานนท์หันไปหามายด์เผื่อว่าจะได้คำตอบจากอีกฝ่าย

“นั่นสิ เห็นยัยเมย์บอกว่า มีคนเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันบ่อยๆ ถ้าไม่ถูกกันทำไมบังเอิญมาเจอกันบ่อยขนาดนี้!!” มายด์ตอบด้วยท่าทีสงสัยไม่แพ้กัน

“เคยได้ยินจากรุฒว่าเต๋าเป็นคนเจ้าเล่ห์ชอบวางแผน ลองไม่ถูกกับใครเนี่ย โดนเอาคืนจนต้องร้องขอชีวิตเลย! แล้วเนี่ยพี่เอกดันไปขัดแข้งขัดขาพี่เต๋าตั้งหลายรอบ พอมาเห็นแบบนี้น่าเป็นห่วงพี่เต๋าเหมือนกันนะ!” ชานนท์พูดด้วยสีหน้ากังวล

“ก็จริงนะ ..... แต่ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำไมพี่เอกยังดูปกติสุขดีอยู่เลยล่ะ?” มายด์ตั้งข้อสังเกต

“เออ! จริงด้วย! แต่พี่เอกคงคิดว่าดูแลตัวเองได้นะ ถึงได้กล้าทำแบบนี้!! รุฒก็พูดแบบนี้!” ชานนท์ทำท่านึกอย่างมั่นใจ
“นายแน่ใจนะ แล้วนายไม่คิดว่าพี่เอกไปจอดรถนานไปหน่อยเหรอ? ดูสิ ป่านนี้ยังเห็นออกมาจากที่จอดรถด้านข้างตึกเลย” มายด์ชี้ออกไปตรงบริเวณลานจอดรถด้านข้างตึกที่มีแสงสลัวน่ากลัว

“เออ! นั่นสิ!! หรือว่าเกิดเรื่อง!!” ชานนท์ตาตื่นและเตรียมตัวลงจากรถ
“เดี๋ยวๆ เราไปด้วยสิ!!” มายด์ดึงเสื้อรั้งอีกฝ่ายให้รอก่อน
“มันมืดแล้วนะ แล้วมายด์ก็เป็นผู้หญิงมันอันตราย!” ชานนท์ทักอีกฝ่ายที่ส่งรอยยิ้มอย่างขบขันตอบกลับมา

“เวลาคำนี้มันพูดออกจากปากนายแล้วมันตลกยังไงไม่รู้ นายกำลังพูดกับใครรู้หรือเปล่า? เราว่านายยังน่าเป็นห่วงกว่าเราอีกนะ!” คำพูดของมายด์ทำให้ชานนท์หวนนึกไปถึงเรื่องราวครั้งที่มายด์ซัดพวกนักเลงชมรมมวยสากล ทำลูกน้องพี่พัฒน์เสียหมอบไปกับพื้นหลายคน จึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป

ทั้งสองเดินอย่างเงียบเชียบมาจนถึงจุดลับตาด้านข้างตึกในช่วงหัวค่ำ มายด์แอบสังเกตเห็นรถแต่งแบบรถแข่งราคาแพงที่น่าจะขับไปไกลแล้วจอดแอบอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่

ทำให้ทั้งสองรีบเร่งฝีเท้าโดยพยายามทำให้เกิดเสียงน้อยที่สุด พร้อมก้มตัวไปเรื่อยๆ จนกระทั้งเจอพี่เอกที่กำลังเผชิญหน้ากับพี่เต๋า ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังยืนเผชิญหน้ากันด้วยบรรยากาศตึงเครียด

“ต้องรีบไปห้ามแล้ว!!” ชานนท์หันไปกระซิบกับมายด์
“เดี๋ยวก่อนก็ได้ พี่เต๋ามาคนเดียว ยังไม่มีอะไรน่าห่วง” มายด์กระซิบกระซาบตอบกลับมาพร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นมาคาดปากอีกฝ่าย

พี่เอกที่โดนอีกฝ่ายกดดันให้เดินถอยหลังจนไปติดกำแพงตึก ทำให้ชานนท์ที่นั่งก้มตัวหลบอยู่ที่มุมจอดรถมุมหนึ่งนั่งไม่ติด  ชั่วอึดใจที่หลังของพี่เอกสัมผัสผนังทางด้านหลัง เขาก็ใช้จังหวะเดียวกันที่อีกฝ่ายหยุดฝีเท้าเข้ามาใกล้ ดึงพี่เต๋าให้เสียหลักและพลิกให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายเอาหลังชนกำแพงเสียเอง พี่เต๋าถึงร้องโอยออกมา แต่เนื่องจากชานนท์ถูกมือของมายด์กำไว้แน่นจึงทำได้แค่ส่งสายตาเป็นห่วงไปที่สองคนตรงนั้น

พี่เอกใช้มือจับคอเสื้ออีกฝ่ายแน่นและดึงขึ้นมาตามความสูงของตนเอง พี่เต๋าที่ตัวเล็กกว่าถึงกับเสียหลักไปเล็กน้อย พยายามเขย่งจนสุดปลายเท้า มือของพี่เต๋าได้แต่คว้าจับแขนของอีกฝ่ายเพื่อยื้อให้ลดแขนลง พี่เอกที่แววตาดุดันใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ยกขึ้นง้างอยู่พักใหญ่ก่อนจะวาดลงมาจับที่ปลายคางของพี่เต๋าให้เชิดขึ้น.........

..........และกดริมฝีปากลงไปที่คนตรงหน้าอย่างดุเดือด คนตัวเล็กกว่าทางด้านล่างกลับไม่มีทีท่าขัดขืน แต่กลับตอบสนองอีกฝ่ายอย่างเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน

“เฮ้ย!!....อุ๊บบบ” ชานนท์เผลออุทานออกมาจากภาพที่เห็นตรงหน้า แต่โชคดีที่มายด์ใช้มือประกบไปที่ปากได้ทัน จึงทำให้เสียงลอดไปได้เพียงคำแรก ไม่งั้นพวกเขาคงได้เปิดเผยที่ซ่อนตัวเองเป็นแน่

พี่เอกกับพี่เต๋าชะงักไปพักใหญ่พร้อมมองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง หลังจากที่ทุกอย่างเงียบสงบลงไปอีกครั้งทั้งสองก็กลับไปจัดการกับริมฝีปากคนตรงหน้าอย่างหื่นกระหาย

“พอก่อน! เราหายใจไม่ออก!!” ในที่สุดชานนท์ก็สามารถสะบัดมือที่แข็งแรงของอีกฝ่ายออกสำเร็จ และหันไปดุมายด์อย่างระมัดระวังเรื่องเสียงดัง (หรือจริงๆแล้วมายด์ผ่อนแรงลงเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว)

“นายนั่นแหละ เป็นบ้าอะไร ร้องออกมาได้!” มายด์ดุแบบกระซิบกระซาบ
“ก็คนมันตกใจ ไม่นึกว่า..... จะเจอแบบนี้!!” ชานนท์หันกลับไปมองคนสองคนที่หัดกันนัวอยู่ไม่ไกล ซึ่งตอนนี้กระดุมเสื้อเชิ้ตของพี่เต๋าถูกปลดออกแล้ว และพี่เอกกำลังจัดการกับลำคอและลูกกระเดือกอีกฝ่ายอยู่

“นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสมมุติฐานของยัยเมย์ ยัยคนนี้เดาแม่นอีกแล้ว!!” มายด์เองก็ส่องดูเหตุการณ์นี้ด้วยท่าทางสนุกสนาน

“อะไรยังไง?!?” ชานนท์กระซิบถามอย่างงงๆ
“เมย์สงสัยว่าสองคนนี้มีท่าทีแปลกๆ เหมือนจะไม่ถูกกัน แต่ก็มีข่าวว่าชวนกันทะเลาะบ่อยมาก แม้จะมีวิวาทกันบ้างแต่ก็ดูเหมือนทั้งสองคนตั้งใจมาเจอกันแบบแปลกๆ เธอเลยเดาว่าน่าจะมีความสัมพันธ์กันในลักษณะแปลกๆแบบนี้ ตอนเราฟังยังงงเลยว่าเมย์เชื่อมโยงกันได้ยังไง แต่พอมาเห็นกับตานี่ อึ้งไปเลย!!” มายด์เล่าอย่างเมามัน

“นั่นสิ! ไปไงมาไงเนี่ย?!?” ชานนท์เกาหัวกับภาพตรงหน้า
“เดี๋ยว!! ก้มลง” มายด์กดศรีษะอีกฝ่ายลง เมื่อเห็นว่าชายสองไซส์ทั้งสองคนหยุดการสัมผัสซึ่งกันและกันอย่างดุเดือด
“มายด์ว่าเขาได้ยินเราหรือเปล่าน่ะ?” ชานนท์ถามด้วยเสียงอันเบาที่สุด หัวใจก็เต้นตูมตามด้วยความตื่นเต้น

“ชู่ส์ เงียบๆ สิ!!” มายด์ดุด้วยเสียงกระซิบ ทำให้ชานนท์หมอบตัวนิ่งและทอดสายตาไปที่ทั้งสองคนตรงนั้นอย่างตั้งใจ

พี่เอกหลังจากหยุดหอบหายใจได้สักพัก เขาจ้องตาอีกฝ่ายที่แฝงด้วยแรงปรารถนาอันเย้ายวน ส่วนพี่เต๋าเองก็มีอาการไม่แพ้กัน จ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่แสนจะยั่วยวน จนชานนท์ที่แอบมองอยู่รู้สึกเขินอายไปด้วย เพียงเสี้ยววินาทีพี่เอกก็ย่อตัวลงไปอุ้มพี่เต๋าที่ตัวเล็กกว่า ท่ามกลางสีหน้าตื่นตระหนกของพี่เต๋าที่ไม่ทันตั้งตัว และร้องเสียง ‘เฮ้ย!!’ ออกมาไม่รู้ตัว

“ไม่รู้แหละ วันนี้มึงต้องเป็นเมียกู!!” เสียงพี่เอกที่ดูขึงขังพูดขึ้น
“เชี้ย!” พี่เต๋าที่สบถอย่างหยาบคายแต่กลับไม่ได้ขัดขืนอะไร

พี่เอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ขัดขืนอะไร ก็ยกริมฝีปากขึ้นข้างหนึ่งด้วยที่เหมือนเต็มไปด้วยความพอใจ หลังจากนั้นก็เดินไปที่รถแข่งคันหรูของพี่เต๋า ส่วนพี่เต๋าก็พร้อมใจปลดล้อกให้ทันใจ แสงไฟรถสว่างขึ้นมาวาบหนึ่งทำให้ชานนท์ตาพล่าไปวูบหนึ่ง ลืมตาขึ้นมาอีกที ทั้งสองก็หายกลับเข้าไปในรถยนต์คันนั้นแล้ว รถคันที่ไม่ได้กว้างขวางอะไรมากแต่กลับบรรจุผู้ชายสองที่เหมือนตั้งใจไปประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะที่เบาะด้านหลัง (เหมือนจะเคยรู้มาว่าเบาะหลังของรถพี่เต๋ามันสามารถทำให้กว้างขึ้นพอจะเป็นที่นอนได้ แต่ตัวพี่เอกน่าจะใหญ่เกินไปนะสำหรับรถคันนี้)

เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นจากรถแต่งคันหรู รถโยกไหวไปเป็นจังหวะไปมาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้คนที่แอบดูอยู่ไม่ไกลถึงกับเขินหน้าแดงกันทั้งสองคน

“เราว่า..... เรา.... ไปกันเถอะ..... เราเผือกต่อไม่ไหวแล้ว!” มายด์สะกิดอีกฝ่าย
“เอ่อ..... เราก็ว่างั้น เราว่าเรารู้คำตอบแล้วล่ะ” ชานนท์เห็นด้วยทันที

แล้วทั้งสองก็ค่อยๆ คืบคลานออกมาจากจุดนั้นมาอย่างเชื่องช้าแม้จะรู้ว่าคนในรถคันนั้นทั้งสองคงจะไม่ได้สนใจพวกเขาแล้วก็ตาม พลางคิดว่า หากมียัยเมย์อยู่ด้วย ยัยนั่นคงไม่ยอมกลับง่ายๆ คงจะเสพโมเม้นต์จนกว่าจะพอใจ

...............................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

น่าเสียดายที่ยัยเมย์ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนนี้ 555

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

บทที่ 28

On vacation


ในที่สุดก็มาถึงวันสุดท้ายของการสอบปลายภาค ชานนท์ทิ้งตัวลงบนชุดโต๊ะม้านั่งใต้อาคารเรียนประจำคณะฯ อย่างหมดแรง รู้สึกเหมือนภาระบนบ่าได้รับการปลดเปลื้องลง เรื่องที่กังวลมาตลอดทั้งสัปดาห์ ในที่สุดก็ได้รับการปลดปล่อย ชานนท์มั่นใจเรื่องสอบในทุกๆ วันพอควร เขารู้ว่าตัวเองทำได้ทุกข้อเข้าใจทุกโจทย์ ต้องของคุณสมุดโน้ตขั้นเทพของรุ่นพี่ในตำนาน และแฟนคนเก่งของเขาที่ทำให้ทุกเรื่องในสมุดเล่มนั้นย่อยได้ง่ายขึ้น

วรุฒเคยหยิบสมุดเล่มนั้นไปอ่าน ปากก็พูดว่า ‘ก็งั้นๆ’ แต่ก็อ่านไปเรื่อยไม่ยอมวาง  แถมยังพูดอีกว่า ‘แบบนี้เราก็เขียนได้นะ’ จนชานนท์ต้องพูดต่อทันที ‘แต่ขี้เกียจใช่ไหม?’ วรุฒตอบด้วยสีหน้าแปลกใจกลับมาเพราะรู้สึกว่าแฟนตัวน้อยของเขาชักจะรู้ใจเขามากเกินไปแล้ว

“เป็นไงบ้าง?” เสียงแฟนตัวสูงของเขาทักมาจากทางด้านหลัง พร้อมยื่นขวดน้ำหวานสีแดงแนบไปที่แก้มนุ่มๆ ของอีกฝ่าย
“โอ้ย เย็น!!” ชานนท์หันไปค้อนใส่คนตัวสูงที่นั่งลงที่ม้านั่งข้างๆเขา
“ออกมาช้าตามเคย” วรุฒคิ้วขมวดใส่อีกฝ่าย เพราะเขารู้ว่าชานนท์ทำเสร็จนานแล้วแต่ติดนิสัยชอบตรวจทานจนวินาทีสุดท้าย
“ก็อยากทำให้มั่นใจว่า ไม่มีอะไรผิดพลาด!” ชานนท์ทำหน้าตาจริงจังใส่ แต่วรุฒมองเขาเหมือนสุนัขพันธุ์ชิวาว่า ที่กำลังแยกเขี้ยวใส่ มันดูไม่ดุร้ายแต่มันน่ารักจนวรุฒอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบศรีษะอึกฝ่ายอย่างเอ็นดู

“อะไรของนายเนี่ย!” พูดพลางปัดมืออีกฝ่ายออกด้วยความเขินอาย แต่คนอย่างวรุฒมีหรือจะยอม ปัดออกก็ยกขึ้นมาลูบใหม่จนชานนท์ผ่อนลมหายใจออกมาและปล่อยเลยตามเลย

“นายเองก็ด้วย เดี๋ยวนี้ทำไมถึงทำข้อสอบช้าล่ะ ปกติออกจากห้องเป็นคนแรกตลอด?” ชานนท์ทำหน้าตาสงสัยซึ่งก็ดูน่ารักไปอีกแบบ

“ก็มีแฟนชอบคนเรียนเก่ง ผลการเรียนดีๆ” วรุฒตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยในขณะที่มือก็ยังลูบศรีษะอีกฝ่ายไม่เลิก แต่ดวงตาของเขากลับจับจ้องไปที่คนตัวเล็กไม่วางตา

“ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเราเลย นายทำนายก็ได้ประโยชน์” ชานนท์พูดในขณะที่เลือดฝาดสูบฉีดไปทั่วหน้า เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมทำอะไรแบบนี้เพื่อให้เขาชื่นชม พลางนึกว่าขนาดเขาชื่นชมรุ่นพี่ที่เรียนเก่งมากๆ ยังไม่ได้เลย
“ก็อยากให้ในใจของนายมีแค่เราคนเดียวก็พอ” วรุฒพูดเหมือนอ่านความในใจคนตัวเล็กทะลุปรุโปร่ง
“ไอ้บ้า!” ชานนท์เขินจนหันหน้านี้และไปเจอยัยเมย์ที่ทำหน้าแปลกใจปนปลาบปลื้มกับเหตุการณ์ที่เห็น

วรุฒยิ้มอย่างมีชัย เขาทำให้อีกฝ่ายอ่อนระทวยได้อีกครั้งแล้ว!!

“ฉันว่า... ฉันไม่อยู่เป็น กอขอคอ ดีกว่า” เมย์ยกมือขึ้นทาบอกหน้าแดง
“บ้าเลย! ฉันไม่ได้ทำอะไรกันเสียหน่อย นั่งลงเลย!” ชานนท์แอบดุ
“โหย.. พูดกันขนาดนี้ใครจะไปกล้านั่ง!” เมย์ชี้นิ้วไปที่คนที่นั่งอยู่ทั้งสองคน
“ตามใจ! แปลว่าไม่อยากรับรู้เรื่องที่ถามมา!!?” ชานนท์ยื่นคำขาด
“แก! ใจเย็นดิ โอเคๆ นั่งก็ได้!” เมย์นั่งลงอีกฝากของวรุฒซึ่งทำให้เห็นตาขวางของวรุฒชัดเจน แต่ความเผือกมาก่อนเลยสงบใจทำเป็นไม่สนใจไป

หลังจากที่เมย์นั่งลงเรียบร้อยดีชานนท์ก็เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นระหว่างพี่เอกและพี่เต๋าและอีกหลายๆเหตุการณ์ที่ชานนท์บังเอิญไปเจอด้วยตนเองในหอพักนักศึกษาชายนั้นอีกหลายหน แม้ทั้งสองจะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับสถานะที่เปลี่ยนไปของทั้งสองแต่อย่างน้อยโลกของชานนท์ตอนนี้ก็สงบขึ้นมาก ส่วนยัยเมย์ก็นั่งฟังด้วยรอยยิ้มจนชานนท์ทำสีหน้าแปลกใจเมื่อเล่าจบ จนถึงตอนนี้ชานนท์ก็ยังไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้หญิงพวกนี้เลย

“เสียดายจัง ไม่ยอมเปิดเผย ฉันคิดว่าบรรดาแฟนคลับของทั้งคนนั้นน่าจะยังไม่มีใครรู้แน่นอน ฉันนี่โคตร exclusive เลย!!” เมย์พูดด้วยสีหน้าที่ปลื้มปลิ่มยิ่งกว่าตอนสอบวิชาสุดท้ายจบลงเสียอีก

“อย่าเลย เราว่าสองคนนั้นคง.... ยังไม่พร้อมหรอก ทุกวันนี้เวลาเจอกันข้างนอกยังทำท่าเขม่นกันอยู่เลย” ชานนท์ถอนใจ

“เขาส่งสัญญาณให้กันหรือเปล่าว่า ‘คืนนี้โอเคไหม?’ อะไรประมาณนี่ อุ้ย!! ขนลุกเลยเธอดูสิ!” เมย์ดูร่าเริงผิดปกติ

“ดีนะที่เธอมีแฟนแล้ว ไม่งั้น หากผู้ชายมาเห็นเธอตอนนี้คงส่ายหน้าเป็นแถว” พูดจบชานนท์ก็ส่ายหน้า
“มันเป็นความสุขของฉันจ๊ะ ฉันแยกแยะออกน่าเวลาอยู่กับแฟนกับงานอดิเรก” เมย์เสยผมให้ดูเรียบร้อยน่ารักกว่าปกติ ชานนท์คิดคำหนึ่งขึ้นมาในหัวทันทีที่เห็น ‘นี่ไงมารยาหญิง!’

“ว่าแต่ปิดเทอมแล้ว มีแผนจะไปไหนหรือยัง?” เมย์โผล่งถามขึ้นขณะที่ชานนท์กำลังหันไปทางแฟนหนุ่มตัวสูงของเขาที่กำลังรั่งคิ้วขมวดรอ ‘สาวๆ’ คุยกัน

“ก็กลับบ้านน่ะสิ แม่อยู่บ้านคนเดียวเราเป็นห่วง” ชานนท์หันมาพูดขณะที่มือก็ยื่นไปให้อีกคนจับเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ร้อนลุ่มของแฟนตัวสูง

“ก็นายพูดถึงแฟนเรา เราก็เลยนึกได้ว่า ยัยมายด์น่ะโดนพี่พัฒน์เซ้าซี้ให้ไปเที่ยวหลังสอบจนต้องยอมตกลง แต่มีข้อแม้ว่าจะพาเพื่อนไปด้วย เพราะมายด์ยังไม่อยากไปกับไอ้ล่ำสีแทนขี้หลีนั่นตามลำพัง ฉันก็เลยว่าจะชวนแฟนไปด้วยเสียเลย นายไปด้วยกันป่าว?” เมย์ทำเสียงเชิญชวนแกมขอร้อง ชานนท์ได้แต่ทำหน้าครุ่นคิด
“น่าๆ ไปเถอะ สอบมาตั้งเหนื่อย ไปผ่อนคลายสมองเสียบ้างเหอะ” เมย์ทำเสียงออดอ้อน

“ขอคิดดูก่อนนะ ไปไหนกันน่ะ?” ชานนท์ตอบแบบเกรงใจ ไม่ใช่เกรงใจเมย์นะ เกรงผู้ชายหน้าเกร็งที่นั่งอยู่ข้างๆ ต่างหาก เพราะวรุฒเคยพูดแล้วว่าหลังสอบแล้วอยากหาที่เงียบๆและอยู่กันแค่สองคน

“ไม่!!” วรุฒตอบสั้นๆ สวนมา
“อ้าว! ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ สนุกออกจะตาย นายทำไมต้องห้ามด้วยล่ะ!!” เมย์โวยลั่น

“ไม่จำเป็นต้องตอบ!! ไปกันเถอะ เราหิวข้าวแล้ว!!” พูดจบวรุฒก็ยกแขนอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นและเดินตามตัวเขาไปทันที ในขณะที่เมย์ยืนอ้าปากค้างเพราะกำลังหาเหตุผลโน้มน้าวแต่กลับไม่ทันเวลา เหมือนวรุฒจะรู้ว่าหากอยู่นานแฟนตัวเล็กของเขาต้องใจอ่อนเป็นแน่

“โอ้ย!! เราเจ็บ!!” ชานนท์ร้องหลังจากเดินมาได้สักพัก
“อ่า... เราขอโทษ!!” วรุฒหน้าเสียทันทีเมื่อได้ยิน
“เอ่อ.... ไม่เป็นไรแล้ว เราพูดเพราะอยากให้นายปล่อยน่ะ” ชานนท์ใช้มือหนึ่งลูบแขนข้างที่โดนจับลากออกมา วรุฒไม่พูดอะไรนอกจากทำหน้าเป็นห่วงและพยายามขอดูมือข้างนั้น

“ไม่เป็นไรน่า เห็นไหม?” ชานนท์ยกมือขึ้นมาแสดงให้เห็นรอยแดงรูปนิ้วมือเป็นจ้ำ แต่เขาก็โบกมือไปมาแสดงให้เห็นว่าไม่เป็นไร

“ไปทะเลกันเหรอ? น่าไปเหมือนกันนะ ไม่ได้ไปตั้งหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าไปไหนกันเนอะ?” ชานนท์พูดขึ้นลอยๆ ก่อนเดินต่อ
“สมุยน่ะ” วรุฒพูดขึ้นเมื่อก้าวเท้ามาเดินเทียบกับชานนท์
“อ้าว! ทำไมนายรู้ล่ะ?” ชานนท์หันไปทางวรุฒด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ก็... มายด์ก็โทรมาชวนน่ะ แต่ปฏิเสธไปแล้ว” วรุฒพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“งั้นเหรอ.....” ชานนท์มีสีหน้าค่อนไปทางผิดหวัง เพราะเขาชอบไปทะเลมากและสมุยก็เป็นหนึ่งในที่เขาอยากจะไป แต่เพราะเขาแอบเห็นวรุฒจองรีสอร์ตที่เชียงรายไปแล้วเลยได้แต่เงียบไว้ เพราะเห็นวรุฒตื่นเต้นกับการจองที่พักอยู่หลายวัน ชานนท์คิดว่าวรุฒคงจะชอบเที่ยวป่ากับภูเขามากเลยไม่อยากขัด

.....................

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1


หนึ่งวันถัดจากวันที่ชานนท์เดินไปส่งมายด์และเมย์ขึ้นรถตู้ส่วนตัวไปพร้อมกับเพื่อนชายคนสนิททั้งสองที่จะเดินทางไปเกาะสมุยที่เขาใฝ่ฝันจะไป ชานนท์เกรงใจวรุฒมากเลยได้แต่ทำสีหน้าร่าเริงตอนไปช่วยทั้งสองสาวขนของขึ้นรถ แต่ก็ไม่พ้นสายตาเยี่ยวของสองสาวได้ พวกเธอจึงได้แต่ปลอบว่า ‘เวลายังมีอีกตั้งเยอะ เดี๋ยวค่อยไปด้วยกันอีก’

วันนี้ชานนท์จัดของทุกอย่างใส่รถเรียบร้อย มีอุปกรณ์ทุกชนิดสำหรับการเที่ยวป่า อีกทั้งยังใส่ชุดสบายๆ เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์บนยอดเขา ส่วนวรุฒนั้นครั้งนี้กลับเตรียมของไปเยอะกว่าปกติมาก พอชานนท์ถามเขาก็ไม่ได้ตอบอะไร นอกจากยิ้มให้อย่างเดียว

วรุฒเป็นคนชอบขับรถเที่ยวมาก ดังนั้นไม่ว่าจะไกลเท่าไหร่ เขาก็จะขับรถไปเอง ชานนท์เคยถามหลายครั้งแล้วว่าทำไมไม่นั่งเครื่องบินไป จากกรุงเทพไปเชียงรายมันไกลมากนะ แต่ก็มักจะได้คำตอบห้วนๆที่ทำให้ชานนท์พูดต่อไม่ได้ ว่า ‘เราชอบ ... อยากใช้เวลาแค่สองคนอยู่นนท์นานๆ’

ส่วนชานนท์นั้น เขาไม่ได้เกลียดการนั่งรถนานๆ โดยเฉพาะรถคันใหญ่ที่แสนสะดวกสบายที่คนขับรถประจำบ้านพ่อของวรุฒจัดเตรียมให้ แต่เขารู้สึกเหนื่อยเวลานั่งอยู่บนรถนานๆก็เท่านั้น โดยที่วรุฒเองก็เพ่งสมาธิกับการขับรถมากจนเขาเหมือนอยู่คนเดียว ต่างจากวรุฒที่เขาชอบให้ชานนท์นั่งอยู่ข้างๆ ก็มีความสุขมากแล้ว

ระหว่างการเดินทางเนื่องจากเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างไกลและวันนี้วรุฒเองก็เงียบกว่าปกติมาก ชานนท์จึงเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ชานนท์รู้ถึงความเงียบภายในที่ผิดปกติ รถที่เหมือนจอดอยู่นิ่งๆไม่เคลื่อนไหว แต่เครื่องปรับอากาศในรถยังทำงานปกติ ชานนท์ค่อยยกหนังตาขึ้นเพื่อมองหาคนที่นั่งอยู่ที่เบาะคนขับแต่เจอเพียงความว่างเปล่า พนักที่นั่งของเขาถูกปรับเอนลงมานอนในท่าที่สบายขนาดนี้เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ อาจเพราะการติวหนังสือแบบหามรุ่งหามค่ำมาตลอดสัปดาห์ และหลังสอบก็โดนกวนใจเวลาอยู่บนเตียงตลอดเวลา ทำให้ร่างกายบอบบางของเขาหมดแรงหลับไปไม่รู้เรื่องขนาดนี้

เขายกร่างกายตัวเองขึ้นเพื่อมองหาแฟนตัวสูงที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ สิ่งที่เขาเจอคือท้องฟ้าสีฟ้าสดใส เมฆสีขาวลอยเอื่อยประปราย และแรงสั่นไหวของพื้นที่โครงเครงตามแรงลมภายนอก รถที่เขานอนอยู่นั้นอยู่ท่ามกลางรถคันหรูอีกจำนวนหลายคัน ถัดไปไม่ไกลเขาเห็นวรุฒที่ยืนพิงเหล็กกั้นใส่แว่นตาดำ ใช้แขนยกขึ้นมากอดอกตัวเองและหันมองไปที่ทิวทัศน์ทางขวาที่ห้องล้อมไปด้วยผืนน้ำสีน้ำเงินเข้ม มันเลื่อมระยิบระยับตามแรงกระเพื่อมของน้ำและแสงแดด ผิวขาวสะอาดของวรุฒยามอยู่กลางแสงอาทิตย์มันเหมือนหลอดไฟที่ส่องสว่างได้เลยทีเดียว เสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายพันธุ์ไม้นานาพันธ์ุสีสดนั้น ยามเมื่อต้องลมแรงภายนอกทำให้มันลู่ไปตามสัดส่วนของชายหนุ่มที่ดูแลตัวเองอย่างดี จนเห็นเป็นลอนคลื่นกล้ามเนื้อชัดสมชาย ชานนท์แอบอิจฉาหุ่นวรุฒไม่น้อย เพราะเขาเองก็พยายามออกกำลังตามแฟนหนุ่มตัวเองแล้ว แต่สัดส่วนของเขากลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากเท่าไหร่เลย

ชานนท์เดินออกจากรถด้วยท่าทีประหลาดใจไปทางคนตัวสูงที่ยืนรับลมอันอบอุ่นของทะเลยามบ่าย

“อ้าว! คนขี้เซา ตื่นแล้วเหรอ?” วรุฒหันมายิ้มทักเมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินเก้ๆกังๆมาทางเขา และมีอาการเซเป็นครั้งคราวเมื่อเรือเจอคลื่นลมแรงเข้ามาปะทะ

“ไหนว่าจะไปเชียงราย?” ชานนท์ถามด้วยความสงสัยพลางสำรวจพื้นที่โดยรอบ ทำให้เขารู้ว่าตัวเองอยู่บนเรือข้ามฟากขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุรถได้มากกว่าสิบคัน ผู้คนบนเรือต่างพากันยืนชื่นชมทิวทัศน์ตามจุดต่างๆ บนเรือ

“เซอร์ไพรส์!” วรุฒยิ้มตอบกลับจนทำให้ชานนท์แก้มแดงร้อนฉ่า รอยยิ้มที่อยู่ภายใต้แว่นดำยิ่งโคตรหล่อจนใจละลาย
“บ้าจริง ไหนบอกว่าอยากไปเที่ยวภูเขา?....โอ้ย!!” ชานนท์เดินมาพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิแต่รอยยิ้มกลับไม่ยอมจางหายไปจากใบหน้า พอรู้ว่าอีกฝ่ายยอมตามใจตัวเองมันทำให้ใจพองโตจนแทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่ อีกไม่กี่ก้าวเขาก็จะเดินถึงแฟนตัวสูงของเขาอยู่แล้ว อยู่ๆ เรือก็โครงเครงจนชานนท์เสียหลักเกือบล้ม โชคดีที่วรุฒวิ่งเข้ามารับได้ทันและโอบรัดชานนท์ไว้แน่น

“ระวังตัวหน่อยสิ เดี๋ยวตกน้ำหายไป เราจะไปหาแบบนี้ได้จากไหน?” วรุฒพูดติดตลก
“ปล่อยได้แล้ว!” ชานนท์ได้แต่ดิ้นรนให้อีกฝ่ายปล่อยตัวเอง
“ไม่อยากปล่อยเลย อยู่แบบนี้ก็ดีนะ” วรุฒยิ้มหยอก

“อ้าว! บังเอิญจัง!! นี่เราขึ้นเรือลำเดียวกันเหรอ?” เสียงคุ้นหูดังขึ้นแต่ไกล
“หลง!!” ชานนท์หันไปทางต้นเสียงร้องทักคนที่กำลังเดินมาทางพวกเขาด้วยเสื้อผ้าลำลอง เสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายดอกที่บางเบาที่ลู่ลมไปกับส่วนสัดแน่นหุ่นนักกีฬาและสไตล์การปลดกระดุมเสื้อให้เห็นถึงหน้าท้องที่เป็นลอนชัด ทำให้ระหว่างเดินมาสาวเล็กสาวใหญ่ต่างพากันมองอย่างชื่นชม

“ไหนบอกว่ามาไม่ได้ไง? ทำไมถึงยอมตามมา?” หลงสาวเท้ามาถึงจุดที่ทั้งสองคนยังอยู่ในท่าที่กอดกันกลมแบบไม่แคร์สายตาใคร
“ตาม? ตามใคร?” ชานนท์ถามด้วยความสงสัยในขณะที่ตอนนี้เขาสามารถสะบัดหลุดจากแฟนตัวสูงของเขาแล้ว อาจจะวรุฒหมดอารมณ์จะหยอกแฟนตัวเองแล้วจึงยอมคลายมือ
“เนี่ยแหละถึงไม่อยากมา!” วรุฒบ่นพึมพำและกลับไปยืนพิงเหล็กกั้นที่เดิม
“นายไม่รู้เหรอว่ากำลังจะไปไหน?” หลงทำหน้าแปลกใจ
“ก็กำลังจะถามอยู่เนี่ย!” ชานนท์หันไปทางแฟนตัวสูงที่ตอนนี้หันไปชื่นชมทะเลอีกครั้ง
“เรามาเจอนายที่นี่นึกว่านายจะไปเซอร์ไพรส์ยัยมายด์เสียอีก!” หลงตอบกลับอย่างเร็ว
“หา! อย่าบอกนะว่า เรากำลังจะไปสมุย!!” ชานนท์มีท่าทางตื่นเต้น
“ก็ใช่น่ะสิ!!” หลงก็ทำท่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“จริงเหรอ?” ชานนท์หันไปถามแฟนตัวเองด้วยความลิงโลด
“เออ!!” วรุฒรู้สึกหงุดหงิดที่มีคนมาเฉลยเรื่องนี้แทนตนเอง เขาอุตส่าห์แอบจองโรงแรมเดียวกับมายด์ ที่เขารู้ว่ามายด์อยู่ที่ไหนเพราะมายด์เองก็มาชวนเขาเช่นกัน แต่เนื่องจากมีแผนอยู่แล้วจึงปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ต้องมาเพราะอยากตามใจแฟนตัวเล็กของเขา
“ขอบคุณครับ” ชานนท์โผวิ่งเข้ากอดวรุฒจนวรุฒตั้งตัวไม่ติด แต่ก็เป็นปฏิกิริยาที่เขาอยากเจอ จึงยิ้มตอบไปอย่างเป็นธรรมชาติ

“โห.... หายากนะที่นายทำหน้าแบบนี้เนี่ย!” หลงแซววรุฒ ทำให้วรุฒแทบจะหุบยิ้มในทันทีและจ้องกลับไปที่หลงอย่างอาฆาต
“เอ่อ.... งั้น....เราไปดีกว่า...” หลงหน้าเจื่อนและพูดลาทันที
“แล้วหลงมากับใคร? แล้วพี่หมอล่ะ?” ชานนท์หันมาถาม
“โน่น! เมาเรืออยู่ท้ายเรือโน่น เขาไล่เราออกมาเดินเล่น ไม่อยากให้เห็นเขาในสภาพนั้น อาการประมาณอยากอยู่คนเดียวมากกว่า เป็นถึงหมอแต่ดันเมาเรือ” หลงส่ายหน้า
“หมอก็คนไหมเนี่ย!” ชานนท์สวนไป
“เออว่ะ..... ฮ่าฮ่าฮ่า” หลงหัวเราะกลบเกลื่อน
“เรานึกว่านายไม่ไปด้วยเสียอีก ตอนแรกก็ว่ามาไม่ได้แต่บังเอิญพี่เอิร์ธแลกเวรได้น่ะ ก็เลยมาช้ากว่าพวกมายด์ จริงๆ น่าจะเป็นคำถามเรามากกว่านะ นึกว่านายจะไม่มาเสียอีก” หลงถามกลับบ้าง จากตอนแรกคิดว่าจะเดินหนีไปพอเจออีกฝ่ายทักก็เลยขอคุยต่อ
“ก็แปลกใจเหมือนกัน.... รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว” ชานนท์เกาหัวมองไปทั่วบริเวณแบะค่อยๆ เดินไปหาหลงเพื่อที่จะได้ยินหลงชัดขึ้นเพราะลมตรงนี้แรงมาก

“ไอ้เย็นชานั่นก็ดูมีหัวจิตหัวใจเหมือนกันเนอะ” หลงพูดขึ้นมาแบบไม่ได้คิดเหมือนเคย เสียงก็เลยลอยไปถึงคนที่ยืนพิงระแนงกั้นเรือ ที่ดวงตาตอนนี้แข็งกร้าวกว่าเดิม
“เราว่าวรุฒเขาเป็นคนน่ารักอ่อนโยนดีนะ นายอาจจะต้องรู้จักเขาดีกว่านี้” ชานนท์พูดด้วยความใสซื่อจนคนทางด้านหลังได้ยินก็อมยิ้มแบบเขินๆ

“เขาก็คงใจดีแต่กับนายนั่นแหละ” คราวนี้หลงกระซิบไปที่ใกล้หูอีกฝ่าย
“อืม.....” ชานนท์พยายามหาคำพูดมาเถียงแต่ก็ค้นหาภาพในหัวค่อนข้างยาก เลยเกิดอาการเถียงไม่ออก

“พอๆ พอเลย ไปเตรียมตัวได้แล้ว ใกล้ถึงแล้ว!!” วรุฒเดินมาข้างหลังทั้งคู่อย่างรวดเร็วทำให้วงสนทนาแตกกระจาย หลงขอตัวไปดูหมอเอิร์ธ ที่ตอนนี้น่าจะนั่งหมดแรงอยู่ที่ไหนสักแห่งท้ายเรือ ส่วนชานนท์ถูกพามาที่รถ และให้นั่งเตรียมพร้อมเพื่อจะขับรถลงจากเรือไปที่เกาะ

..................................

รีสอร์ตที่วรุฒพามาอยู่ห่างจากท่าเรืออยู่เกือบชั่วโมง ถนนทางเข้านั้นกว้างขวางสะอาดสะอาด ประดับตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับสวยงามตลอดสองข้างทาง รีสอร์ตอยู่ติดชายหาดที่เป็นชายหาดส่วนตัว หากมองจากรีสอร์ตที่พักอยู่กว่าจะเห็นรีสอร์ตอีกก็ไกลพอควร ที่นี่มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก ที่ตัวอาคารแต่ละหลังมีการตกแต่งสไตล์บาหลี สูงไม่เกินสองชั้น ตั้งอยู่ห่างกันอยู่ประมาณสามถึงสี่อาคาร (เท่าที่ชานนท์จะสังเกตุเห็น) หลังจากชานนท์ลงจากรถของวรุฒก็ยืนอึ้งกับการสำรวจความหรูหราของรีสอร์ตที่พัก

หลังจากขนของลงจากรถ (ซึ่งมีพนักงานมาจัดการลำเลียงของให้) ทั้งสองคนก็เข้าเช็คอินทันที ซึ่งต้องใช้เวลาสักพักถึงจะมีคนพาไปที่ห้องซึ่งต้องนั่งรถไฟฟ้าขนาดเล็กพาไปส่ง ระหว่างนี้เพื่อนของชานนท์และแฟนหมอก็เดินทางมาถึงเช่นกัน

“พวกนายจะขับรถเร็วไปไหนฟะ!” หลงเดินมาบ่นอุบอิบ เพราะไม่เคยมาที่นี่เลยจะขอขับรถตามมา แต่วรุฒกลับขับเสียเร็วจนหลงที่เป็นคนขับตามไม่ทัน (หมอเอิร์ธยังเมาเรือไม่หาย และเดินตามมาด้วยสีหน้าซีดเผือด)
“ฮะฮะฮะ...” คนขับรถไม่เป็นอย่างชานนท์ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน เขาพยายามปรามแฟนตัวสูงของตนแล้วแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ฟังเลย

ส่วนวรุฒได้แต่ยิ้มเยาะและทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่าย

“ไหนดูหน่อยสิ พักที่ไหน อยากรู้ว่าอยู่ใกล้กันหรือเปล่า?” หลงขอดูชุดคีย์การ์ดเข้าห้องที่อยู่ในซองลวดลายสวยงาม ในขณะที่หมอเอิร์ธเดินไปที่เคาเตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อลงทะเบียนเข้าที่พัก

“โห...... อยู่อาคารนี้เลยเหรอ?” หลงตาโต
“ทำไมเหรอ?” ชานนท์แปลกใจกับน้ำเสียงเพื่อน
“ก็มันเป็นอาคารที่มีไม่กี่ห้อง เพราะแต่ละห้องมันมีแต่ห้องใหญ่น่ะสิ วีไอพีสุดๆ แพงสุดๆ ไปเลย ตอนพี่เอิร์ธก็ว่าจะจองห้องนี้แหละ แต่เราบอกว่ามันแพงไป เอาห้องที่มันถูกหน่อยก็ได้ แต่พูดถึงห้องที่เราจองได้ก็ไม่ถูกเท่าไหร่หรอก ช่วงไฮซีซั่น ห้องถูกจองไปเกือบหมดแล้ว” หลงอธิบายยาวเหยียดจนวรุฒแสดงสีหน้าไม่พอใจเพราะโดนหลงสปอยด์เนื้อหาสำคัญไปแล้ว

“โห.... ดีจัง แล้วมันเท่าไหร่ล่ะ?” ชานนท์ทำท่าทีตื่นเต้น
“คืนละสามหมื่น!!!” หลงชูนิ้วมือมาตามจำนวนที่พูด ชูสามนิ้ว
“โห!!! บ้าน่า!!” ชานนท์พูดจบก็หันมาทางวรุฒ
“แค่นั่นเอง มาเที่ยวกับแฟนทั้งที มันจะดูธรรมดาได้ไง!!” วรุฒพูดด้วยสีหน้าเรียบปนหงุดหงิด ที่โดยสปอยด์อีกแล้ว
“มันเยอะไป!!” ชานนท์สวนไปเสียดัง
“แล้วมันก็มีความเป็นส่วนตัวสูงด้วยนะ มันตั้งอยู่บนยอดเนินตรงแหลมนั่น ส่วนตัวขนาดแก้ผ้าว่ายน้ำที่สระน้ำในห้องยังไม่มีใครเห็นเลย!!” หลงพูดไปควักโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของตนเองขึ้นมาดูไปด้วย
“อ้าว! แบบนี้เราก็ไม่ได้เจอมายด์กับเมย์เลยสิ เรามาเที่ยวด้วยกันไม่ใช่เหรอ?” คนตัวเล็กหันไปหาวรุฒอีกครั้ง จนวรุฒกัดฟันกรอด เพราะไอ้ปากมากหลงจะทำเขาเสียแผนที่จะได้กกกอดชานนท์ท่ามกลางธรรมชาติแต่เพียงลำพัง แผนที่เขาอุตส่าห์คิดมาตลอดช่วงสอบ

“ก็อยู่รีสอร์ตเดียวกันเดี๋ยวก็ได้เจอกัน!!” วรุฒตอบกลับด้วยความหงุดหงิด ในขณะเดียวกันกลับ เจ้าหน้าที่โรงแรมเดินมาตามจึงรีบดึงวรุฒหนีไปทันที
“ยังเป็นคนมนุษยสัมพันธ์แย่เหมือนเดินนะเนี่ย!” หลงส่ายหน้าให้หลัง พร้อมกับหมอเอิร์ธที่เดินมาสบทบ
“แต่พี่เข้าใจนะ” หมอพูดขึ้น
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมจัดเต็มกับพี่แน่นอนครับ ไป!! เข้าที่พักกัน!! มีโอกาสค่อยไปเจอสาวๆ กัน” หลงยิ้มเจ้าเลห์
“ไอ้เด็กบ้า” หมอเอิร์ธต่อว่ากลับไปอย่างเขินๆ

............................

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

รถไฟฟ้าขนาดเล็กขับมาส่งชานนท์และวรุฒพร้อมสัมภาระมากมายถึงอาคารสีเอิร์ธโทนกลืนไปกับสีเขียวของต้นไม้และสีของหินสีต่างๆที่ประดับอยู่บริเวณภูเขาตามธรรมชาติ ต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นอย่างเป็นระเบียบรอบๆ อาคารมันช่างดูตัดกับภาพต้นไม้ตามธรรมชาติที่ขึ้นอยู่ตามเนินเขาที่เป็นฉากหลังของอาคารที่พัก อาคารนี้ถูกปลูกให้อยู่ห่างจากอาคารอื่นเล็กน้อยแต่มีการตกแต่งที่คล้ายคลึงกัน อาคารสองชั้นขนาดใหญ่ที่ดูหรูหราแต่เรียบง่ายสบายตา พนักงานแจ้งว่า แม้ที่นี่จะอยู่ห่างจากอาคารหลักที่เป็นล้อบบี้ แต่ก็มีเจ้าที่ให้บริการตลอดที่ชั่นล่างสามารถติดต่อได้ทางโทรศัพท์ที่ห้องได้ตลอดเวลา พนักงานบริการอธิบายระหว่างเข็นรถขนกระเป๋าเดินทางของทั้งสองไปที่ห้อง

ก่อนพนักงานจะจากไปได้อธิบายถึงคีย์การ์ดและวิธีใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ในห้อง หลังจากพูดจบวรุฒก็ควักธนบัตรสีแดงจำนวนหนึ่งให้ไป โดยมีชานนท์มองอย่างเสียดาย

“อย่าไปเสียดายเลย เขาจะได้ดูแลเราดีๆไง ยังให้เขาต้องช่วยอะไรเราอีกหลายอย่าง” วรุฒพูดขึ้นหลังที่พนักงานเดินออกจากห้องไปเพราะเห็นคนตัวเล็กทำหน้าแบบนั้น
“นายไปรวยจากที่ไหนมาเนี่ย ไหนว่าพ่อนายตัดหางปล่อยวัดแล้ว!! ใช้เงินแบบนี้มันจะดีเหรอ?” ชานนท์มีท่าทีสงสัยปนเป็นห่วง
“เรามีเงินเก็บอยู่บ้าง บางส่วนก็เอาไปลงทุนฯ บางส่วนก็ได้เพิ่มเวลาไปทำงานพิเศษให้แม่น่ะ” วรุฒพูดไปเดินไปสำรวจของในกระเป๋าของตัวเองไป
“มันเยอะขนาดเอามาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้เหรอ? ประหยัดไว้ก่อนดีไหม?” ชานนท์กระแทกตัวลงบนเตียงเพื่อนั่ง เขาพบว่าสัมผัสของเตียงมันนุ่มมาก
“ก็ประมาณแปดหลัก ไม่มากไม่น้อยนะ” วรุฒพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยขณะหยิบของหลายชิ้นออกจากกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่
“ก็....หลักล้านน่ะสิ!!” ชานนท์ตาโตเพราะไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ (ลูกคนรวยนี่มันเป็นอย่างนี้ทุกคนไหมวะ! ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยสัมผัสตัวเลขระดับนี้เลย!)
“พูดมากจริง จัดกระเป๋าก่อนไหม?” ชานนท์ไม่นึกว่าเขาจะเจอคำถามนี้จากคนอย่างวรุฒ
“ก็ได้..... ก็กำลังตื่นเต้นอยู่นี่นา.... อีกอย่าง เราเตรียมมาแต่ชุดแบบรัดกุม นึกว่าต้องไปเดินป่า.....” ชานนท์บ่นอุบอิบไปที่กระเป๋าของเขา
“เอ้านี้ เราเตรียมให้แล้ว!” วรุฒชี้ไปที่กระเป๋าใบที่สองของเขาที่มีความหนาและใหญ่กว่าใบที่วรุฒกำลังจัดการรื้อของอยู่
“โอโห!!! นายเตรียมเผื่อเราเยอะขนาดนี้เลย นี่มันไซส์เราทั้งนั้นเลยนี่นาย.... ซื้อใหม่อีกแล้วใช่ไหม? ทำไมสิ้นเปลืองขนาดนี้!” ชานนท์หยิบเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดออกมาจากกระเป๋าและจัดเรียงเป็นชุดๆ อย่าสวยงามแต่ก็บ่นคุณชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลไม่ได้ แม้จะปลื้มที่อีกฝ่ายดูแลตัวเองดีขนาดนี้ แต่ก็อดเสียดายไม่ได้ตามนิสัยของเขาไม่ได้

“แค่นี้เอง ไม่เท่าไหร่หรอก เสื้อผ้าพวกนั้นไม่ได้แพงอะไร” วรุฒพูดพลางยิ้มมุมปากในความน่ารักของแฟนตัวเอง หากเป็นคนอื่นคงมีปฏิกิริยาปลาบปลื้มเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังด้วยอาการดีใจที่ได้แบบนี้ แต่กลับคนนี้กลับตำหนิเขาที่เขาใช้เงินเพื่ออีกฝ่าย ก็เพราะแบบนี้เลยทำให้ชานนท์มีเสน่ห์อย่างที่เขาเองก็อธิบายไม่ได้

“อย่างนายไม่น่าซักรีดเองแน่ๆ เสื้อผ้าพวกนี้ซักรีดจัดเรียงเรียบร้อย นี่รุฒไปให้ที่บ้านช่วยอีกแล้วใช่ไหม?” ชานนท์บ่นใส่อีกรอบ
“มีลูกจ้างก็ต้องใช้งานเขาสิ!!” วรุฒจัดวางเสื้อผ้าและของทุกชิ้นจากในกระเป๋าอย่างลวกๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ไม่ไกลจากเตียงนอน จนทำให้ชานนท์ขมวดคิ้วกับสิ่งที่เห็น

“ก็เกรงใจนี่นา อยู่บ้านรุฒก็คงงานเยอะอยู่แล้ว ยังไปเพิ่มงานให้เขาอีก” ชานนท์เดินไปจัดระเบียบเสื้อผ้าและของใช้ต่างๆ ตามตู้และโต๊ะตามที่วรุฒไปวางไว้แบบกระจัดกระจาย สร้างรอยยิ้มให้วรุฒที่ตอนนี้ลงไปนอนเอนหลังอยู่บนเตียงและจ้องมองแฟนตัวเล็กที่กำลังวุ่นวายกับข้าวของตนเอง

“ยิ้มอะไร?” คนตัวเล็กเหลือบมาเห็นแววตาของวรุฒ
“ชอบ.... น่ารักดี” วรุฒตอบกลับมาด้วยสายตากรุ่มกริ่ม
“ไอ้บ้า...” ชานนท์รู้สึกร้อนหน้าและพยายามหลบสายตาที่เย้ายวนนั้น

เย็นวันแรกของการมาเที่ยวทะเลที่สวยงามขนาดนี้เขาอยากจบด้วยการไปเดินริมหาดและหาอะไรอร่อยๆ กินเป็นมื้อค่ำ ไม่อยากจบด้วยเรื่องบนเตียง!

หลังจากจัดการเสื้อผ้าและสิ่งของต่างๆที่นำมาด้วยอย่างเป็นระเบียบสวยงาม ชานนท์ก็ล้มตัวลงนั่งบนเตียงที่อ่อนนุ่ม เขาคงลืมไปว่ามีหมาป่าจ้องที่คาบเขาไปรับประทานต่อบนเตียงที่เขานั่งนั่นแหละ

หมั่บ!!

มือใหญ่แข็งแรงคว้าชานนท์ได้ที่เอวอันบอบบางของเขา

“เฮ้ย!!” ชานนท์ตกใจแต่ไม่ทันได้ป้องกันตัวก็ถูกอีกฝ่ายดึงเข้าไปกระชับใกล้ตัวจนแก้มแนบกับแก้มอีกฝ่ายในท่านอนตะแคง
“ขับรถมาเหนื่อยจัง.... ให้รางวัลเราหน่อยสิ!” เสียงวิงวอนจากคนตัวใหญ่ทำให้ร่างเล็กๆ ของเขาร้อนผ่าวไปหมด  ชุดลำลองของวรุฒวันนี้มันมีเสน่ห์เย้ายวนใจเขาตั้งแต่เช้าแล้ว ยิ่งได้เห็นตอนยืนอยู่บนเรือข้ามฝากที่มีทั้งแสงแดดสายลมอยู่ท่ามกลางยิ่งทำให้เขาใจสั่นเมื่อนึกถึง ชานนท์อ่อนยวบทันทีที่ถูกจู่โจม แต่เนื่องจากเขามีเป้าหมายของวันนี้แล้ว จึงพยายามขัดขืนทันทีที่นึกได้

“หยุดเลย!!” ชานนท์พลิกตัวออกห่าง
“ทำไมล่ะ?” วรุฒนิ่วหน้า
“ก็....ก็.. บรรยากาศดีจะตาย ไปเดินเล่น ไปกินข้าวเย็นกันก่อนดีไหม?”
“อืม......” วรุฒดูมีอาการงอนๆ
“น่า....นะ” ชานนท์ทำหน้าอ้อน ซึ่งมักจะใช้ได้เสมอ
“เออๆ งั้นไปอาบน้ำกัน จะได้สดชื่น”
“อย่าดีกว่า อย่านึกว่าเรารู้ไม่ทัน ต่างคนต่างอาบ!!” วรุฒรู้ว่าชานนท์มีจุดอ่อนตรงไหนเมื่อต้องเปลือยกายอยู่ตรงหน้าเขาถึงได้ใช้วิธีนี้
“โอเคๆ” วรุฒพูดอย่างหงุดหงิดนิดหน่อยในน้ำเสียง แต่ชานนท์ก็รู้สึกว่ามันง่ายไปหน่อย

ชานนท์เดินเข้าไปที่ห้องน้ำบริเวณใกล้กับประตูทางออกนอกระเบียง ซึ่งหากเปิดออกไปนอกระเบียงก็จะเห็นสระว่ายน้ำส่วนตัวขนาดกลางอยู่ภายนอก มองเลยผ่านไปก็จะเป็นวิวทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ชานนท์เข้าใจในความแพงของห้องนี้ในทันที

ชานนท์เปิดประตูห้องน้ำเข้าไป พบว่าภายในกว้างขวางไม่ต่างจากห้องนอน แยกบริเวณอ่างล้างหน้า, ห้องอาบน้ำและห้องส้วมอย่างชัดเจน ชานนท์รีบเดินเข้าไปอาบน้ำในหัองฝักบัวทันที ห้องน้ำที่นี่แยกห้องฝักบัวและห้องอ่างอาบน้ำออกจากกัน (อ่างใหญ่มาก) สิ่งที่สะดุดชานนท์ที่สุดคือผนังที่อยู่ติดกับภายนอกชานนั้นมีม่านมูลี่ขนาดใหญ่ติดอยู่ ด้วยความเหนียวตัวเลยไม่ได้ใส่ใจจะสำรวจจึงถอดเสื้อผ้าเปิดฝักบัวให้น้ำเย็นไหลรดตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างสบายใจ

พรึ่บ!! ฟรีดดดดด.....

ม่านที่ปิดอยู่นิ่งๆ อยู่ๆก็พลิกเปิดและร่นขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นคนที่ยืนยิ้มอยู่ด้านนอกอย่างเจ้าเล่ห์ในสภาพเปลือยเปล่า

“เฮ้ย!!” ที่แท้ด้านหลังม่านมูลี่นั่นคือบานกระจกทั้งบานที่เปิดให้เห็นภายนอกชานบริเวณสระว่ายน้ำ วรุฒที่ยืนอยู่บริเวณฝักบัวชำระร่างกายข้างสระว่ายน้ำยืนมองอีกฝ่ายที่ตกใจด้วยร่ายกายเปลือยล่อนจ้อน ชานนท์เอามือป่ายปิดอวัยวะสำคัญทันที

“ว่าไง” วรุฒยืนโบกมืออยู่ข้างนอก
“จะบ้าหรือไง? นายไม่อายบ้างเหรอ ไปยืนโป๊อยู่ตรงนั้น และรีบปิดม่านให้เราด้วย!!” ชานนท์ตะโกนข้ามฝั่งมา
“ไม่ต้องกลัวหรอก ห้องนี้มีความเป็นส่วนตัวสูง วิวที่เปิดอยู่ไม่มีใครพักอาศัยอยู่แถวนี้หรอก เขาบอกว่าแก้ผ้าว่ายน้ำก็ไม่มีใครเห็น!” วรุฒตะโกนกลับโดนที่ไม่ได้ปิดบังสัดส่วนของตัวเองเลย
“โอ้ย!! ไม่เอาอ่ะ ปิดม่านเหอะ!!”
“ไม่ปิด! อยากให้ปิดก็ขออาบน้ำด้วย!”
“อืม........ เออ! จะเข้ามาก็เข้ามา แต่ปิดม่านก่อน!!” ชานนท์รู้สึกโกรธตัวเองที่เสียรู้อีกแล้ว

ชานนท์มารู้ทีหลังจากวรุฒเข้ามาเฉลยว่า ภายในห้องอาบน้ำก็มีสวิทสำหรับปิด-เปิดม่านซ่อนอยู่ เลยยิ่งทำให้หงุดหงิดกว่าเดิม

หลังจากชานนท์รอดพ้นจากจุดอาบน้ำด้วยฝักบัว พยายามทุกวิธีทางที่จะไม่โดนปลาหมึกยักษ์งาบทั้งตัวขณะอาบน้ำ แต่ก็ใจอ่อนเพราะโดนชวนไปสระนวดจากุชชี่ที่ห้องข้างๆ พร้อมทั้งเปิดม่านดูวิวภายนอกไปด้วย ด้วยความสบายตัวและวิวสวยๆ บรรยากาศดีๆ ที่สามารถเปิดเพลงระหว่างแช่น้ำไปด้วย เขาจึงโดนจู่โจมขณะแช่น้ำในอ่างเดียวกัน ลีลาการเนิบนาบเข้ามาลูบไล้ผิวกายภายใต้น้ำลึกแค่อกเวลานั่ง ฟองพรายที่ผุดขึ้นมาทำให้ไม่สังเกตมือที่คืบคลานมานวดคลำท่อนขาช่วงบนอย่างไม่รู้ตัว นิ้วมือที่บรรจงวาดไปมาบนเรียวขาสลับกับการบีบนวดอย่างชำนาญทำให้ชานนท์เผลอลดการ์ดตนเองลงมาจนเคลิบเคลิ้มตามไปจนอีกฝ่ายฝ่าผิวน้ำฝั่งตรงข้ามเข้าประชิดได้ กิจกรรมต่อจากนี้เล่นทำเอาน้ำกระเพื่อมออกไปจนเกินครึ่งอ่าง ทำให้ชานนท์กลับมาอ่อนเพลียเหมือนเดิม!

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1


แสงแดดยามอาทิตย์อัสดง แสงสุดท้ายที่กระทบผิวน้ำขณะพระอาทิตย์ถูกน้ำทะเลกลืนกินไปกว่าครึ่ง คลื่นทะเลที่สะท้อนระยิบระยับจนเกิดประกายเฉพาะตัว มีเสน่ห์ดึงดูดให้ชานนท์เดินชมสิ่งเหล่านี้ในเสื้อฮาวายสีสดกางเกงขาสั้นสีขาวจนลืมอาการหิวและอาการอ่อนเพลียไปเสียหมด ชานนท์เองก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำไมถึงชอบทะเลมากขนาดนี้ รู้แต่ว่าเขาหยุดมองภาพเหล่านี้ไม่ได้เลย

“นนท์.... ไม่หิวข้าวแล้วหรือ?” คนตัวสูงที่เดินตามหลังในชุดแบบเดียวกันเอ่ยขึ้น
“อืม.... แต่ขออีกหน่อยนะ บรรยากาศกำลังดีเลย” ชานนท์เงยหน้ารับลมที่ตีเข้ามาจากทะเล หอบเอากลิ่นเกลือเข้ามากระทบจมูกทำให้ชานนท์ยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

ภาพนี้ทำให้วรุฒรู้สึกตื่นเต้นและเคลิบเคลิ้มยิ่งกว่าศิลปะชิ้นเอกชิ้นไหน ภาพคนที่เขารักกำลังมีความสุขท่ามกลางแสงสุดท้ายของวันและประกายระยิบระยับของชายหาดส่วนตัวที่มีคนอยู่เพียงเบาบาง เขามองสิ่งนั้นโดยไม่คิดจะหยิบกล้องที่ถือห้อยคอมาด้วยขึ้นมาถ่าย เขามองอย่างชื่นชมมันด้วยสายตาตนเองและเก็บไว้ในความทรงจำของตนเองตลอดไป ไม่อยากมองช่วงเวลาแบบนี้ผ่านเลนส์ ยิ่งได้เห็นผมหน้าม้าอีกฝ่ายโบกพัดขึ้นยามโดนลมทำให้ภาพมันมีชีวิตชีวาจนอย่างไสตัวเข้ากอดจับให้นอนลงเสียตรงนี้

อยู่ๆ วรุฒน้อยที่เพิ่งออกศึกก็เหมือนจะคึกคักอีกรอบ!!

“รีบไปกินข้าวเถอะ เราจองโต๊ะไว้แล้ว ดูสินายขาสั่นไปหมดแล้ว!!” วรุฒเดินมาโอบไหล่ทั้งที่หน้าแดงเลือดฝาดฉีดใส่หน้าจนชานนท์สังเกตเห็น มันคือหน้าของคนหื่นที่ชานนท์รู้จักดี

“เพราะใครล่ะ!” ขานนท์อดไม่ได้ที่จะกระแทกข้อศอกเข้าที่ซิกแพคคนตัวสูงหนึ่งดอก
“โอ้ย! จ้าๆ ขอโทษจ๊ะ ต้องโทษบรรยากาศนะ มันพาไป นายขาวเนียนขนาดนี้ใครจะอดใจไหว!” วรุฒใช้มือข้างที่โอบไหล่ลูบไปที่จุดที่เขาสัมผัสอยู่อย่างรู้งาน
“พอเลยๆ ไปกินข้าวเหอะ! หมดกันบรรยากาศดีๆ” ชานนท์พูดจบก็เดินเร่งรีบไปที่อาคารหลักของรีสอร์ตที่ตอนนี้มีแสงสว่างประดับประดาขึ้นแล้ว

.......................


ห้องอาหารของที่รีสอร์ตแห่งนี้ปลูกขึ้นอย่างปราณีต สร้างชานยื่นออกไปที่ทะเลเหมือนท่าเรือ มีโต๊ะอาหารทำจากจากไม้ตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ประดับด้วยเสียงเทียนดาษดาบนโต๊ะและขอบระเบียง วันนี้คราคร่ำไปด้วยผู้คน อาจเพราะพวกเขามาตรงกับวันหยุด

หลังจากแจ้งชื่อที่เคาเตอร์ บริกรหนุ่มผิวเข้มก็รีบพาพวกเขาไปที่บริเวณชานที่ยื่นออกไปที่ทะเล ทำให้ระหว่างเดินไปหัวใจของชานนท์เต้นระรัวอย่างกับจังหวะอีดีเอ็ม ตื่นเต้นจนบรรยายไม่ถูก มันสวยจนเขาไม่อาจจะบรรยายอะไรได้นอกจากคำว่า ‘โอโห’ มาตลอดทาง ท้องฟ้าสีเข้มดุจกำมยีสีนิล ระยิบระยับไปด้วยเสียงดาวพราวพราย เหมือนผ้ากำมยี่ประดับเพชรเต็มฟ้า ปลายขอบฟ้าสีเข้มมืดตัดกับดวงจันทร์ครึ่งดวงที่ลอยเอื่อยเหนือผืนน้ำ รอยเกลียวคลื่นบางเบากระทบแสงจันทร์ก่อให้เกิดประกายบางๆ เหนือผืนน้ำ

ชานนท์รี่ไปยืนจดจ่ออยู่ที่ขอบสุดของชานกว้าง โดยลืมมองว่าบริกรได้เดินแยกไปอีกจุดหนึ่งแล้ว จนกระทั้งบริกรสะดุดหยุดและพยายามหันมาเรียกขาน แต่ก็ถูกมือใหญ่หยาบทำท่าขึ้นมาปรามไว้

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวชี้บอกก็ได้ เดี๋ยวผมไปเอง” วรุฒทักบริกร ด้านบริกรเองก็ยิ้มด้วยความยินดีก่อนจะแจ้งบอกทางอีกฝ่าย

“ท่าทางจะชอบนะ” วรุฒเดินมาโอบไหล่คนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน
“อืม..... เราชอบมากเลย ไม่ได้มาแบบนี้นายแล้ว ตั้งแต่สมัยพ่อยังอยู่ คิดถึงพ่อเหมือนกัน ตอนนั้นพ่อทำงานหนักมากเพื่อเก็บเงินพาพวกเรามาเที่ยว” ชานนท์พูดพลางนำ้ในตาคลอปริ่มเอ่อ

วรุฒเห็นก็ได้แต่อมยิ้มและจับศรีษะอีกฝ่ายมาซบที่อกแน่นของเขา ชานนท์เองก็ไม่ได้มีอาการขัดขืนอะไร ยอมโอนอ่อนตามแรงมือทันที

“ช่วยกลับไปทำแบบนี้ที่ห้องไป พวกเรารอนายจนหิวจะแย่อยู่แล้ว กินน้ำจนฉี่ไปหลายรอบแล้วนะ!” เสียงแหลมคุ้นหู อันมีทักษะยั่วโมโหวรุฒได้เสมอดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“ยัยเมย์!! หิวแล้วทำไมไม่สั่งอะไรกินกันไปก่อน!!” วรุฒหันมาทางต้นเสียงด้วยอาการหัวเสีย ชานนท์หน้าแดงเหมือนเคยเพราะเมย์ทำให้พวกเขาเป็นจุดสนใจ

“ก็ยัยมายด์น่ะสิ จะรอนายท่าเดียว!” เมย์พูดเสียงดัง
“ยัยนั่นก็มารยาทดีไม่เปลี่ยน! โอเคๆ ไปก็ได้” วรุฒพยักหน้าให้คนตัวเล็ก ชานนท์ยิ้มมุมปากเป็นคำตอบ

มื้อนี้เป็นมื้อรวมเหล่าเพื่อนและแฟนเพื่อนอย่างครบครันเป็นครั้งแรก ทำให้ชานนท์ได้รู้จักกับแฟนทุกคนอย่างดีมากขึ้น โดยเฉพาะมุมที่เพื่อนแต่ละคนของเขาอยู่กับแฟน สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับชานนท์ไม่น้อย

เพราะความที่ผ่านมา เขาเป็นคนมีเพื่อนน้อยสังคมคับแคบ แต่พอได้มาอยู่แบบนี้เหมือนเขาได้เจอหนังสือเล่มใหม่ที่น่าเรียนรู้น่าอ่าน มันเป็นหนังสือที่ไม่มีตอนจบด้วย ดังนั้นมันจึงยิ่งน่าสนใจสำหรับเขามาก

พี่พัฒน์เวลาอยู่กับมายด์ กลับเป็นคนสุภาพ อ่อนโยน และมีความเกรงใจมายด์อย่างมหาศาล หมดกันภาพนักเลงโตที่อุตส่าห์สร้างไว้

มายด์เองเวลาอยู่กับพี่พัฒน์ ก็เหมือนคุณแม่ของวรุฒมาก ดูเป็นผู้หญิงที่เด็ดขาด ฉลาดจนน่ากลัว เสียงหวานๆ ของเธอนั้น สามารถสยบบุรุษได้ทั้งโลก อันนี้รู้สึกชื่นชมมากๆ

เมย์เวลาอยู่กับแฟน  ก็เหมือนเดิน ห้าวเป้งไม่เปลี่ยน ขาดความเป็นกุลสตรีเป็นที่สุด แต่อาจเป็นแบบนี้ ตรงๆ ซื่อๆ ง่ายๆ ไม่คิดมาก คิดอะไรก็พูดไม่มีเก็บเลยอาจจะกลายเป็นเสน่ห์ของเธอไป (เพราะหน้าตาน่ารักด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้) เพราะแบบนี้ทำให้แฟนหนุ่มตี๋ ตัวเล็กผิวขาวเรียบร้อยอย่าง ‘ธร’ เลยตกหลุมคนอย่างเมย์เข้าอย่างจัง ธรเป็นคนพูดน้อยต่างจากเมย์ ทุกครั้งที่เมย์พูดมาก ทำตัวเปิ่นๆ ธรก็ได้แต่อมยิ้มและมองอย่างเอ็นดู จนบางครั้งเราลืมไปเลยว่ายัยเมย์พาแฟนมาด้วย

ส่วนหลง...... ก็เรียบร้อยผิดปกติมาก ยังคงเฮฮา ตลกขบขันเหมือนเดิม แต่เวลาถูกสายตาเย็นๆ จากพี่เอิร์ธที่เป็นผู้ใหญ่สุดในโต๊ะก็จะสงบลงชั่วคราว (ที่แท้ก็กลัวเมีย!) พี่เอิร์ธเป็นคนสูงขาวผิวสว่างวาบอย่างกับแสงไฟนีออน ขนาดอยู่ในจุดที่แสงไฟตกกระทบน้อยที่สุดเขาก็ยังดูโดดเด่น ใบหน้าสวยหวาน หากไว้ผมยาวผมคงนึกว่าผู้หญิง วันนี้ชานนท์จ้องพี่เอิร์ธนานผิดปกติเพราะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจนวรุฒถึงกับจับคอของเขาหันกลับมาทางตัววรุฒเอง

“พี่ก็รู้สึกแปลกๆ นะ ไม่เคยตัดสั้นขนาดนี้เลย” พี่เอิร์ธเอ่ยขึ้นยกมือขึ้นลูบผมด้วยท่าทางขวยเขิน ในขณะที่หลงกำลังเหมือนทะเลาะกับยัยเมย์เรื่องแย่งกุ้งตัวใหญ่ในต้มยำกุ้งที่เพิ่งยกมาเสิร์ฟ

“นั่นสิ ผมก็คิดอยู่ว่าพี่เปลี่ยนทรงผมหรือเปล่า?”  ชานนท์หันกลับไปสนทนากับพี่เอิร์ธทั้งๆ ที่มือของวรุฒยังจับอยู่ที่หัวตัวเอง
“ก็หลงน่ะสิเห็นผมพี่ยาวเลยพาไปตัดก่อนเดินทาง บอกกับช่างให้ตัดเสียสั้นเลย” พี่เอิร์ธสัมผัสผมด้านหน้าตนเองไปมา

“เวลาพี่ผมยาวแล้วมันน่ารักเกินไปไง ผมไม่อยากให้ใครเห็นความน่ารักขนาดนั้นของพี่!!” หลงหันควับมาตอบหลังจากได้กุ้งมาอยู่ในจานตนเอง (ไปสนิทกับยัยเมย์ขนาดนั้นตอนไหน ทำไมสองคนนี้นิสัยคล้ายกันขนาดนี้!! หน้าตาดีแต่สติไม่ดี)

ฮิ้วววววววว

ยัยเมย์โห่แซวเสียงดัง ทำให้มายด์ที่นั่งอยู่ถัดหัวเราะไปด้วย

“นนท์ ถูกนายแย่งซีนไป เรายังไม่ได้พูดถึงเลยนะ!!”
หลงหันมาทางชานนท์ด้วยสีหน้าหมั่นไส้
“แย่งซีน?!?” ชานนท์ตอบกลับไปด้วยสีหน้างุนงง

“เอ้า!! ก็นายเล่นใส่เสื้อคู่เหมือน ‘หลงเอิร์ธ’ ไง แต่เสื้อนายดันดูเด่นกว่า เห็นหลงมันบ่นตั้งแต่เห็นอยู่ไกลๆ” เมย์แซวขึ้นมาอีกครั้ง
“หุบปากไปเลยยัยเมย์ยิ่งพูดยิ่งอารมณ์เสีย!! อุตส่าห์เตรียมมาอย่างดี เนอะพี่เอิร์ธ?” หลงหันควับไปทางแฟนหมอของตนเอง พี่เอิร์ธยิ้มแห้งๆตอบกลับมา

“พี่โดนบังคับใส่น่ะ....” พี่เอิร์ธเอ่ยขึ้นเบาๆ
“โห..... พี่เฮิร์ทน่ะ ผมอุตส่าห์ไปหาซื้อมาเลยนะเนี่ย... เดินตั้งหลายที่กว่าจะได้!!” หลงพูดพลางลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงให้เห็นเสื้อของตนเองเต็มตัว พร้อมยื้อแขนพี่เอิร์ธให้ลุกขึ้นมาพร้อมกัน

พี่เอิร์ธลุกขึ้นด้วยสีหน้าจำยอมปนอาย ทำให้เห็นว่าเป็นรูปตัวการ์ตูนผู้ชายสองคนนั่งหันหลัง ด้านหน้าเป็นทะเลยามพระอาทิตย์ตก บนพื้นเสื้อโทนสีฟ้าอ่อน ฝั่งหลงมีคำว่า ‘Love’ ฝั่งพี่เอิร์ธเขียนว่า ‘forever’

‘เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่เอิร์ธถึงได้ดูอายๆ’ ชานนท์ลอบคิดในใจ แต่ยัยเมย์กลับไม่ทำเช่นนั้น

“โคตรเสี่ยว!!” เมย์พูดเสียงดัง จนธรที่นั่งอยู่ด้านข้างสะกิดเร้าเตือนสติ

หลังจากนั้นก็เป็นการแสดงลีลาการเถียงกันเป็นเด็กๆ ของทั้งเมย์และหลง นับว่าเมย์เป็นคนที่ส่งผลกระทบให้กับคนทั้งกลุ่มพอสมควรเพราะใครที่สนิทกับเธอก็จะติดนิสัยบางอย่างจากเธอไปด้วย

ค่ำคืนนั้นการจะจบการกินมื้อคำ่ของผองเพื่อนและแฟนหนุ่มก็ล่วงเลยไปจวบจนร้านใกล้เวลาปิด วรุฒเอ่ยปากว่าจะไม่ขอกินข้าวกับคนกลุ่มนี้แล้วตลอดทริปนี้ เพราะนอกจากจะเสียงดังแล้ว ยังดึงความสนใจของสุดที่รักเขาเสียหมด ภาพบรรยากาศที่เขาวาดไว้พังคลืนลงมาหมดไม่เหลือซาก และแทนที่จะมีเวลากลับไปจู๋จี๋ต่อที่ห้อง ชานนท์กลับหมดเรี่ยวแรงและหลับไปทันทีที่ศรีษะกระทบหมอน จะเป็นแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะเจอทั้งการสลับกันเล่าเรื่องตลกของเมย์และหลง การเล่นเกมส์ไม่ประเทืองสมองของผองเพื่อนสติไม่เต็มที่พัฒน์แฟนของมายด์ที่จริงจังแพ้ไม่ได้ การดวลดื่มแอลกอฮอล์นานาชนิดของยัยเมย์ สุดท้ายคนที่แพ้มีสามคน คือ ธร แฟนยัยเมย์ พี่เอิร์ธแฟนหมอหน้าสวยของหลง และคนตัวเล็กของเขา ชานนท์

วรุฒลงไปนั่งข้างแฟนตัวเล็กของเขาที่หน้าแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปอย่างไม่เจียมตัว คอกเทลรสหวาน เปรี้ยวปนขม มันเลิศรสแต่พิษมันร้ายแรงไม่น้อย คนไม่เจนเหล้าอย่างคนกลุ่มนี้ย่อมพ่ายแพ้เป็นธรรมดา วรุฒใช้มือลูบไปตามเส้นผมที่เริ่มยุ่งเหยิงเพราะแรงลมทะเล บรรจงถอดแว่นสีพิ้งค์โกลด์แวววับลงที่โต๊ะข้างเตียง วรุฒพินิจวงหน้าที่มีความสงบนั้นในความเงียบ

วงคิ้วเข้มโค้ง รูปตากลมโต และแก้มใสที่เปร่งสีเหมือนผลมะเขือเทศใกล้สุกนี้ วรุฒดูอย่างไรก็ไม่เบื่อ เขาถูกใจวงหน้านี้ตั้งแต่แรกพบแล้ว บวกกับความใสซื่อบริสุทธิ์ของชานนท์ทำให้ส่วนประสมต่างๆ มันลงตัวไปหมด
เขานึกสงสารชานนท์ในช่วงแรกๆ ที่เขาตั้งกำแพงสูงไว้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่ชานนท์ก็สามารถพิสูจน์ให้เขามองภาพผู้คนอื่นๆ ต่างออกไปได้ คนเราไม่ได้มีแต่คนเลวร้ายเสมอไป แม้ว่าชานนท์จะรู้ว่าเขาเป็นใคร ฐานะเป็นอย่างไร แต่เขาก็ไม่ได้ปฎิบัติกับเขาแตกต่างออกไป ชานนท์เป็นคนดีจากก้นบึ้ง ที่เขาเองก็ไม่รู้ว่า หากเขาไม่เจอชานนท์ เขาจะได้เจอคนแบบนี้อีกไหม? เมื่อไหร่? เขาโชคดีมากที่ได้เจอชานนท์

วรุฒบรรจงกดริมฝีปากไปที่หน้าผากของคนไร้สติด้านล่างอย่างแผ่วเบา วรุฒเผลอยิ้มกับภาพตรงหน้าไม่รู้ตัว สายตาของเหลือบไปมองบนกระจก ที่มันสะท้อนภาพคนที่ยิ้มอย่างมีความสุข เขาไม่เคยนึกเลยว่าตนเองจะมีรอยยิ้มเช่นนี้ได้อีก หลังจากเรื่องราวต่างๆ ที่เขาเจอมา หรือนี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มายด์สามารถตัดใจจากเขาได้ เพราะชานนท์ทำให้เขายิ้มแบบนี้ได้!

..............

กิจกรรมในวันที่เหลืออยู่คือการท่องเที่ยวอย่างไร ให้ห่างไกลจากเพื่อนของชานนท์ ซึ่งนอกเหนือจากมื้อค่ำที่วรุฒสั่งให้จัดเป็นส่วนตัวและวีไอพีสุดๆ แล้ว ทุกกิจกรรมไม่ว่าจะว่ายน้ำ ดำน้ำ ล่องเรือในช่วงกลางวันก็ถูกมายด์ เมย์ หลง ดึงไปร่วมกิจกรรมด้วยตลอด โชคดีที่เวลากลางคืนชานนท์ก็ทุ่มตัวและเวลาในการดูแลเอาใจใส่เขาเป็นการชดเชย แม้มันจะแลกด้วยการที่ชานนท์จะถูกงดเที่ยวในวันสุดท้ายเต็มๆ หนึ่งวันเพราะป่วยจากการถูกวรุฒดูแลอย่างหนักหน่วงในช่วงกลางคืนทุกคืน แต่ถึงอย่างนั้นชานนท์ก็ยังดูยิ้มได้ เลยทำให้วรุฒสบายใจไประดับหนึ่งและสาบานว่าจะระมัดระวังอารมณ์และความต้องการของตัวเองให้มากขึ้น

“เราขอโทษ” วรุฒพูดด้วยสีหน้าสำนึกผิดปนเป็นห่วงกับชานนท์
“ไม่เป็นไร...” ชานนท์พูดก่อนจะหลับเพราะพิษไข้ในการพักคืนสุดท้ายที่รีสอร์ต

เช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นที่ทุกคนต้องเดินทางกลับ ในขณะที่ทุกคนเป็นห่วงชานนท์จึงพร้อมใจกันเดินมาเยี่ยมชานนท์ที่ห้องพักสุดหรูหราที่อาคารปลายสุดของแหลมหาด

“โหย... รุฒ! แก.... หนักเกินไปหรือเปล่าวะ?!?” เมย์พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเป็นห่วงเมื่อเห็นคนตัวเล็กหน้าซีด นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง

วรุฒ ที่นั่งดูแลอยู่ข้างๆ พร้อมอาหารเช้าของคนป่วยที่ยังคงปิดฝาแน่นหนาและส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมา

“ไม่น่ามีปัญหาอะไรนะ ไข้ลดแล้ว ได้กินยาครบตามที่พี่ให้แล้วใช่ไหม?” พี่เอิร์ธพูดขึ้นหลังจากเข้าไปดูอาการของชานนท์คร่าวๆ เรียบร้อย โชคดีที่เที่ยวนี้มีหมออยู่ในกลุ่มด้วย และโชคดีซ้ำสองด้วยที่พี่เอิร์ธพกยามาด้วย

“โชคดีนะที่พี่หมออยู่! ว่าแต่พี่หมอพกยาพวกนี้เป็นประจำเหรอคะ?” ยัยเมย์พูดกระแทกวรุฒและชิ่งถามไปทางหมออย่างรวดเร็วจนเอิร์ธตั้งตัวไม่ทันได้แต่หน้าแดงตอบกลับมา

“หลง! แปลว่านายก็ดุเหมือนกันนะ!!” เมย์ชิ่งไปแซวหลงอีกคน
“ยัยบ้า! มันใช่เวลาไหมเนี่ย!!” หลงดุกลับด้วยท่าทางขวยเขิน ส่วนพี่เอิร์ธได้แต่เดินหน้าแดงออกจากห้องไป
“เมย์!!” ธร แฟนคนเรียบร้อยของเมย์ทำสายตาดุใส่ แต่ยัยตัวร้ายก็ได้แต่เชิดหน้าใส่แฟนตัวเองที่ทำได้แค่ส่ายหน้ากับความก๋ากั๋นของเมย์

เวลาล่วงเลยจนคล้อยบ่าย หลังจากที่ชานนท์ตื่นมากินมื้อเช้าและกินยาเสร็จสิ้น เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่ที่ห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ ตัดกับแสงแดดด้านนอกที่แผดร้อน บรรยากาศที่เงียบสงบและโดดเดี่ยวทำให้ชานนท์ใจตกลงไปวูบหนึ่ง จนต้องส่งเสียงร้องเรียกคนตัวสูงแต่เนื่องจากเพิ่งตื่นและเพิ่งฟื้นจากอาการไข้ เสียงที่ออกจากลำคอจึงแหบพร่า

“นนท์!! ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงคุ้นหูดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงเปิดประตูนอกชาน
“อืม.... กี่โมง.....แล้ว....เนี่ย?” ชานนท์ถามด้วยเสียงขาดห้วง
“บ่ายสองโมงกว่าแล้ว หิวหรือยัง?” วรุฒมองดูนาฬิกาข้อมือและใช้หลังมือสัมผัสที่หน้าผากคนที่นอนอยู่ที่เตียงผ้าซาตินสีเอิร์ธโทน
“อืม..... นิดหน่อย....” ชานนท์หันไปมองบรรยากาศภายนอก
“งั้นเดี๋ยวเราสั่งอะไรมากินกันที่ห้องนะ” วรุฒลูบศรีษะคนตรงหน้าและยิ้มให้อย่างดีใจที่ชานนท์ไข้ลดและสีหน้าดีขึ้นมากแล้ว แสดงว่ายาของหมอเอิร์ธได้ผล

“เดี๋ยวนะ!! วันนี้! เราต้องกลับแล้วนี่ แล้วทุกคนล่ะ!!” ชานนท์ตกใจเสียงหลง
“อ้อ! พวกเพื่อนๆ กลับไปหมดแล้ว ก็นายเป็นแบบนี้ใครจะใจร้ายลากนายกลับได้ลงคอ”วรุฒพูดไปด้วยมองเมนูอาหารไปด้วย
“เอ่อ.... ไม่เป็นไร เราโอเค” ชานนท์รู้สึกมึนงง
“ไม่เอาอ่ะ เราจัดสินใจพักต่ออีก 2 คืนแล้ว พักเหอะ!” วรุฒหันมายิ้มให้อีกฝ่าย
“แล้วต้องเสียเงินเพิ่มอีกเท่าไหร่เนี่ย?” ชานนท์ดูซึมลงไปเล็กน้อย
“เอาน่าแค่นี้เอง ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องกังวล เราอยากให้นายพักต่ออีกหน่อย” วรุฒพูดเสียงเรียบขณะจดจ่อกับการหาเบอร์ห้องอาหาร
“พักจริงนะ” ชานนท์พูดด้วยสีหน้าเข็ดขยาด
“จริงๆ จ๊ะ” วรุฒเดินมาขยี้ผมคนตัวเล็กที่มีสีหน้ากังวลอย่างเอ็นดู พอเห็นแฟนตัวเองเป็นแบบนี้แล้วใครจะไปกล้าซ้ำต่อ (เว้นระยะให้หายดีก่อนค่อยว่ากัน) หลังจากนั้นเขาก็หันไปคุยกับเจ้าหน้าที่รีสอร์ตเพื่อสั่งอาหารมื้อเที่ยงต่อ

ดังนั้นในวันที่เหลืออยู่จึงเป็นประสบการณ์ที่พวกเขาได้เที่ยวลำพังกันสองคน ได้พักผ่อนในห้อง เล่นน้ำ อ่านหนังสือริมหาดอย่างเต็มอิ่ม เป็นประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืมของพวกเขาทั้งสอง ความรู้สึกที่เหมือนทั้งโลกมีแค่เขาสองคน ไม่มีความกังวลใดๆ เข้ามากล้ำกลาย

................................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 29

Shaking the whole world
 


ในช่วงปิดเทอมระหว่างภาคเรียน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะในช่วงเทอมแรกมีกิจกรรมเยอะทำให้ช่วงเวลาสอบถูกเลื่อนออกมาจนทำให้วันหยุดเหลืออยู่เพียงไม่กี่สัปดาห์

หลังจากกลับจากสมุยแล้ว วรุฒก็พาชานนท์กลับไปที่บ้านของชานนท์ พวกเขาพักอยู่ที่บ้านแม่ของชานนท์ไม่ถึงสองสัปดาห์ดีก็ต้องกลับมาเตรียมตัวเพื่อเรียนในภาคเรียนที่สองเสียแล้ว เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ

ในช่วงเวลาที่อยู่กับแม่จองชานนท์นั้น แม้วรุฒจะรู้สึกอึดอัดอยู่บ่อยครั้งที่ต้องเจอแม่ของชานนท์มีท่าทีกีดกันเวลาที่พวกเขาใกล้ชิดกัน และแม่ของชานนท์ก็ไม่เคยว่ากล่าวหรือตำหนิตรงๆ เพียงแต่ให้ระมัดระวังหารวางตัวบ้าง แม่อ้างว่าเพราะทีที่ต่างจังหวัด ไม่ได้รับเรื่องพวกนี้ได้ทุกคน

‘จะทำอะไรก็อย่าให้มันเกินพอดี’  คำที่แม่ชานนท์มักบ่นลอยเข้าหูเป็นประจำ

ส่วนวรุฒก็บ่นอยากกลับกรุงเทพตั้งแต่สัปดาห์แรก เหตุก็เพราะถูกแม่ของชานนท์จับแยกห้องให้นอนคนละห้อง แต่ด้วยสัญญาที่วรุฒเคยให้ไว้จึงทำได้แค่ กอดจูบชานนท์ก่อนเข้านอน และทำหน้าตาตึงๆ ก่อนเดินเข้าห้องนอนที่แม่ของชานนท์จัดไว้ให้ ส่วนในตอนเช้าตรู่ของทุกวัน วรุฒจะวิ่งเข้ามาเคาะห้องชานนท์เพื่อเข้ามานอนอยู่ข้างๆ ชานนท์แม้ช่วงสั้นๆก็ตาม (หลังจากแม่ของชานนท์ออกไปทำงานปุ๊บวรุฒก็ย่องมาปั๊บ) หลังจากวรุฒมาถึงเตียงก็จะหลับสนิทจนถึงช่วงสาย

“เวลาไม่มีนนท์นอนอยู่ด้วย เรานอนไม่ค่อยหลับน่ะ” วรุฒบอกกับชานนท์แบบนี้ตั้งแต่เช้าวันแรก ชานนท์รู้สึกดีที่ว่า นอกจากจะไม่เจ็บตัวแล้ว ยังได้ดูหน้าตาหล่อๆและไร้เดียงสาแบบนี้ในทุกเช้าด้วย (แค่มองก็เพลินแล้ว)

................

ปี๊บ....... ปิ๊บๆ

เสียงตัวรับสัญาณคีย์การ์ดดังแปลกออกไป หลังจากที่ชานนท์ยื่นการ์ดไปสัมผัสกับตัวเครื่องรับ และที่สำคัญประตูกลับปฏิเสธการปลดล้อก

“อ้าว!! อะไรเนี่ย?” ชานนท์ทำอีกครั้งก็ประสบปัญหาเดิม
“ไหนลองอันนี้ซิ?” วรุฒที่เดินตามมาสมทบได้ลองยื่นคีย์การ์ดของตนเองทดสอบดูบ้าง

ปี๊บ.... แกร็ก!!
“อ้าว!! ก็ไม่ได้เสียนี่!!” วรุฒเอ่ยขึ้นพร้อมช่วยชานนท์หอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าด้านในหอพัก ชานนท์ได้แต่สงสัยว่าการ์ดเขาคงจะเสียแล้ว

หลังจากเปิดห้องเข้าไป ชานนท์พบว่ามีจดหมายฉบับหนึ่งสอดอยู่ตรงช่องประตูทางด้านล่างซึ่งจ่าหน้าถึงเขา เขารีบแกะซองจดหมายนั่นทันทีที่วางกระเป๋าสัมภาระทุกอย่างด้านในเรียบร้อย

“จดหมายอะไร?” วรุฒฉวยจดหมายฉบับนั่นมาอ่านด้วยสีหน้าหงุดหงิดทันที ทั้งๆ ที่ชานนท์เพิ่งจะคลี่ออกมาอ่าน

“รุฒ ทำไมเสียมารยาทจัง!!” ชานนท์พยายามเอื้อมมือไปแย่งคืนและจดหมายนั้นกลับไกลเกินเอื้อม
“ก็แค่อยากรู้ว่าใครมันบังอาจส่งจดหมายมาหาเมียเรา!!” วรุฒใช้มือหนึ่งถือจดหมายส่วนอีกมือหนึ่งดันศรีษะอีกฝ่ายหนึ่งไว้

“อะไรวะเนี่ย!?!” เสียงวรุฒคำรามอย่างอารมณ์เสีย
“อะไรเหรอ?” ชานนท์สีหน้าแปลกใจ
“เรามีเรื่องที่ต้องคุยกับแม่ด่วน!!” วรุฒขย้ำกระดาษแผ่นนั้นพร้อมรี่เดินไปหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนจากบนโต๊ะและกดหมายเลขด่วนโทรศัพท์หาผู้เป็นแม่ทันที

ชานนท์ไม่รอช้ารีบไปหยิบกระดาษที่ยับยู่แผ่นนั้นมาคลี่อ่านทันที

ใจความในจดหมายนั้นทำให้ชานนท์ช้อกและนิ่งเงียบไปทันที

‘ตัดสิทธิ์การให้ทุนการศึกษาและการใช้หอพักนักศึกษาขอให้ดำเนินการย้ายออก โดยมีผลทันทีในเทอมที่สองของปีการศึกษา.....’

กระดาษที่มีตรามหาวิทยาลัยสีขาวขุ่นหลุดร่วงลงไปนอนอยู่ที่พื้นอย่างไร้ระเบียบ ชานนท์ทรุดตัวลงนั่งที่เตียงอย่างหมดแรง ทั้งหมดนี้เกิดเรื่องอะไรกับเขา  เขาพยายามนึกเค้นเรื่องราวทั้งหมดแต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเขาพลาดตรงไหน ทำไมเขาถึงได้โดนปลดออกจากการได้รับทุนการศึกษา

“โถ่....โว้ย!!! ทำไมแม่ไม่รับสายวะ!!!” ชายร่างสูงกำลังหงุดหงิดอย่างมาก เขากดเบอร์โทรศัพท์ด่วนอยู่ซ้ำๆ แต่ปลายสายกลับไร้วี่แววจากคนที่เขาต้องการคุยด้วยที่สุดตอนนี้รับสาย

“อืม.... ช่วยไม่ได้!!” วรุฒเหมือนนึกอะไรออกและใช้นิ้วมือเลื่อนไปที่หน้าจอสมาร์ทโฟนของตนเพื่อค้นหาอะไรบางอย่างและกดเพื่อโทรออกทันที

“สวัสดีคุณเลขา” ไม่นานปลายสายอีกฝั่งก็รับ พวกเขาได้คุยกันสักพัก วรุฒก็หันกลับมามองชานนท์ที่หยิบกระดาษแผ่นเดิมขึ้นมาอ่านซ้ำๆ

“มันไม่มีเหตุผลเลย มันไม่ได้บอกเสียด้วยซ้ำว่าเพราะอะไร!?!” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมีน้ำเอ่อรื้นจนเห็นได้ชัดบริเวณตาขาวมีรอยเส้นสีแดงปรากฎชัดขึ้น คนตัวสูงเห็นภาพเหล่านั้นแล้วรู้สึกเศร้าตามไปด้วยและที่สำคัญเขาเองก็โกรธมากด้วยเช่น และตอนนี้เขารู้แล้วว่าใครมันเป็นคนทำเรื่องนี้!!

จากการสนทนากับเลขาฯ ของแม่ตนเองทำให้รู้ว่า แม่ของเขาได้ถูกเชิญไปเป็นวิทยากรพิเศษที่ต่างประเทศ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ในระหว่างทำงานแม่ของเขาจะไม่รับโทรศัพท์ และกว่าจะกลับมาก็เป็นหลังเปิดเทอมเลย

วรุฒถามกับเลขาฯผู้รอบรู้ เพราะเป็นถึงผู้ช่วยของผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยที่สามารถสั่งการแทนได้ในหลายๆเรื่อง คำตอบที่ได้มาอย่างกระท่อนกระแท่นคือ
‘เรื่องนี้... ดร.ภา ท่านไม่ทราบคะ เพราะ........เป็นคำสั่งจากกรรมการบริหารท่านอื่นๆ ดิชั้น...... จำต้องทำตาม........ส่วนเรื่อง....... คนอนุมัติ..... ดิชั้น..... เอ่อ..... ตอบไม่ได้คะ...... แต่..... คุณ..... น่าจะ....รู้.....” สาวที่มีความคล่องแคล้วมั่นใจตอบอย่างลังเลและแผ่วเบา

“เอาน่า.... อย่างน้อยในเนื้อความจดหมายก็ไม่ได้ไล่ออกเสียหน่อย” วรุฒเดินไปนั่งข้างๆและโอบกอดอีกฝ่ายเพื่อปลอบประโลมพลางเอ่ยขึ้นมา

“แล้วมันต่างกันตรงไหน?!? แล้วเราจะอยู่ที่ไหน? แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายอีก เราไม่อยากให้แม่ต้องเดือดร้อน!!” ตอนนี้น้ำตาของชานท์ที่พยายามกลั้นไว้กลับหลั่งออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มันพรั่งพรูออกมาจาวรุฒรู้สึกเจ็บจี๊ดที่กลางอก

“เรื่องนั้นไม่เป็นไร? เราจัดการเอง!!” วรุฒพูดจบก็ใช้นิ้วเช็ดปาดน้ำตาคนตัวเล็ก และเดินออกไปนอกชานเพื่อคุยโทรศัพท์ทันที
ชานนท์ตอนนี้ได้แต่นั่งสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาทำอะไรผิด?

................


เพียงหนึ่งชั่วโมงนับจากที่วรุฒรับปากชานนท์ว่าจะจัดการทุกอย่างเอง ชานนท์และข้าวของต่างๆ ของเขาก็ถูกย้ายมาที่คอนโดมีเนียม ใกล้ๆมหาวิทยาลัย

ภายในห้องถูกประดับตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์บิ้วต์อินสีเบจและลายไม้โอ๊คสีน้ำตาลอ่อน ภายในห้องแม้สะอาดสะอ้านแต่ก็ยังมีกลิ่นสีและทินเนอร์อยู่อย่างบางเบา พื้นผิวที่เป็นวัสดุแนวกระจกต่างถูกปิดคลุมด้วยแผ่นพลาสติกบางเบาที่พร้อมจะหลุดหากคิดจะดึง ห้องนี้อยู่ที่ชั้น 18 ซึ่งเป็นชั้นที่สูงที่สุด ทำให้เมื่อมองออกไปที่นอกชานและบานหน้าต่าง ทำให้เห็นทิวทัศน์ของมหาวิทยาลัยและบริเวณโดยรอบทั้งหมด

“ห้องใครเนี่ย?” ชานนท์ถามขึ้นขณะเดินสำรวจ
“ห้องของเราไง” วรุฒพูดขึ้นหลังจากจัดการสั่งคนงานที่ช่วยขนย้ายทรัพย์สินของเขาเข้ามาในห้อง
“อะไรนะ?!?” ชานนท์แสดงสีหน้าเหวอออกมาจนวรุฒอดขำไม่ได้
“ใช่ เราซื้อไว้นานแล้ว ตอนนั้นเผื่อว่าเราเจอรูมเมทที่เราไม่ชอบหน้าจะได้หนีออกมาอยู่ที่นี่” วรุฒมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจความเรียบร้อย

“หา!?!” ชานนท์เหวออีกรอบ
“แต่พอมาเป็นแบบนี้ ดันเอารูมเมทมาเป็นแฟนก็เลยคิดว่าจะชวนนายย้ายออกมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ตอนแรกก็กลัวนะว่านายจะไม่ยอมย้าย แต่มาเจอเหตุการณ์แบบนี้เสียก่อนก็เลยได้ย้ายสมใจ” วรุฒหันมายิ้มหวานให้อีกฝ่ายที่ตอนนี้ทำหน้าบอกบุญไม่รับ

“อย่าบอกนะว่า... นายเป็นคนจัดการ!!” ชานนท์เลือดขึ้นหน้า
“จะบ้าเรอะ! ถึงเราจะแผนการเยอะ แต่ทำขนาดนี้ไม่ได้หรอก การปลดเรื่องทุนการศึกษาออกน่ะ มันต้องเส้นใหญ่กว่านั้น!!” วรุฒเดินไปจับไหล่อีกฝ่ายให้สงบสติอารมณ์ ให้ชานนท์ได้มองไปในดวงตาเขาว่าไม่ได้โกหก

“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” ชานนท์กลับสู่โหมดคิดมากอีกแล้ว
“ไม่ต้องกังวลไปเดี๋ยวเราจัดการเอง!!” วรุฒโอบอีกฝ่ายแน่นขึ้น
“ไอ้เรื่องที่อยู่ หมดปัญหาไปแล้วก็จริง! แต่เรื่องค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียนล่ะ ที่นี่มันแพงมากเลยนะ เราไม่อยากให้แม่เดือดร้อน!” ความกังวลใจวิ่งเข้าชนชานนท์เข้าอย่างจังจนเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้

“แต่นั้นเอง! เราดูแลนายได้น่า” วรุฒยิ้มและใช้มือหยิกแก้มอีกฝ่ายเบาๆ แก้มนุ่มๆ สีขาวเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อทันที
“โอ้ย!! ไม่เอา!! เราเกรงใจ นายก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนี่นา” ชานนท์เคยได้ยินว่า พ่อของวรุฒให้เงินก้อนเดียวเพื่อให้วรุฒเรียนจบให้ได้ จะไม่สามารถขอเพิ่มได้ อีกแล้วเป็นการลงโทษ ถึงแม้แม่ของวรุฒจะแอบช่วยเหลือเรื่องค่าเล่าเรียนให้ แต่เงินที่ได้มามันก็ต้องมีวันหมด

“เงินสิบล้านที่ได้มามันไม่มากก็จริง แต่คิดว่าเราจะผลาญใช้ให้มันหมดอย่างเดียวหรือไง? เราเอาไปลงทุน ทั้งเอาไปทำงาน จนมันงอกเงยขึ้นมาตั้งเกือบสามเท่าแล้ว เงินของเรา เราจะใช้อะไรก็เรื่องของเรา แฟนคนเดียวดูแลไม่ได้จะไปทำอะไรได้ล่ะ!! จริงไหม?” วรุฒพูดจบก็ขยี้ศรีษะคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู

“แต่....” ชานนท์ยังมีสีหน้าไม่ดีนัก
“ไม่มีแต่.... หากไม่สบายใจก็เรียนให้จบ หางานทำ แล้วหาเงินมาใช้ก็ได้ ระหว่างนี้..... เราแค่ขอให้นายตามใจเราหน่อยก็เท่านั้นเอง!” วรุฒยิ้มด้วยสายตาที่ทำให้ชานนท์ขนลุกไปทั้งตัว
“เออ..... ก็ได้....” ชานนท์รู้สึกหัวใจสูบฉีดจนเลือดฝาดเติมเต็มใบหน้า

.............



จนกระทั้งในวันเปิดเทอมวันแรก ทุกคนต่างสงสัยว่าทำไมชานนท์กับวรุฒถึงต้องขับรถยนต์มามหาวิทยาลัยด้วย เพราะปกติชานนท์จะใช้วิธีเดินมา

เพราะเนื่องจากที่พักอยู่ไกลขึ้นจึงทำให้ชานนท์จำต้องยอมนั่งรถซูเปอร์คาร์ของวรุฒมาเรียน เพื่อนๆ ทุกคนรู้สึกแปลกใจแต่ก็มีเพียงคนเดียวที่กล้าเปิดปากถามเขาทั้งสองคน

‘ยัยเมย์’

ด้วยความที่อารมณ์ของชานนท์ยังไม่พร้อมจะเล่าจึงทำให้เมย์ต้องยอมถอยทัพเผือกกลับไปนั่งเรียนจนจบวัน ซึ่งกำเผือกร้อนไว้กลางอกจนแทบทนไม่ไหว

“นนท์ ขอถามหน่อย วันนี้นายเป็นอะไรวะ?” เมย์วิ่งปราดเข้ามาถามทันทีที่จบการเรียนของวันแรก ซึ่งเป็นวันที่ไม่ควรจะมาเครียดอะไรได้เลย เพราะเรียนน้อยมาก (วิชาพื้นฐานแบบนี้ไม่ควรเครียดตั้งแต่วันแรกนะ)

“เมย์.. เราขอ” วรุฒพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“อะไรของนาย? อย่าบอกนะว่าทะเลาะกัน!!” เมย์ชี้หน้าวรุฒ
“ใช่ที่ไหนเล่า!!” วรุฒปัดมือคนที่ชี้หน้าเขาตกไป
“ไม่มีอะไรหรอก” ชานนท์ตอบกลับเสียงเรียบ
“มันจะไม่เป็นอะไรได้ไงเนี่ย ดูหน้าตัวเองสิ ตั้งแต่เช้าจรดเย็นแทบไม่แสดงอารมณ์เลย แถมนั่งเหม่อทั้งวัน ทำอย่างกับจะโดนไล่ออก!!” เมย์พล่ามไปเรื่อย แต่สีหน้าของชานนท์กลับซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

“เมย์!! ยัยปากหมาเอ้ย!!” วรุฒยืนขึ้นทันทีที่เห็นหน้าถอดสีของแฟนตัวเอง
“อะไรของนายเนี่ย!!” เมย์โวยลั่นอย่างงงงวยกับสถานการณ์วันนี้

“นักศึกษาคะ!!”
เสียงที่ไม่คุ้นหูและดุดันดังขึ้นจากทางหน้าห้องเรียน

“ค่ะ!!” ยัยเมย์เป็นคนเดียวที่ตอบ หน้าซีดลงเล็กน้อยเนื่องจากเมื่อครู่เธอโวยลั่นทำให้กลัวโดนอาจารย์ที่เดินผ่านมาดุ

“เลิกเรียนแล้ว ทำไมยังไม่ออกจากห้อง!” หญิงสูงวัยใส่แว่นตาอันโตดุกลับ
“เอ่อ..... คือว่า....” เมย์พยายามหาคำแก้ตัวอย่างลนลาน
“ไม่ต้องแก้ตัวแล้ว!! ออกกันไปได้แล้ว เดี๋ยวคลาสถัดไปจะได้เข้ามา!!”  หญิงชราดุเสียงเข้ม
“ครับ / ค่ะ” ทั้งหมดตอบรับพร้อมกัน
“เออ!! แล้วมีนักศึกษาชื่อชานนท์หรือเปล่า?” หญิงชราคิ้วขมวด
“เอ่อ.. ครับ ผมเองครับ” ชานนท์รีบยกมือขึ้นตอบ
“สำนักงานผู้อำนวยการเรียกพบน่ะ ประกาศตั้งแต่บ่ายแล้ว ไปรายตัวหรือยัง? เขาให้บรรดาอาจารย์ในภาควิชาหากันให้ควั่ก!!” หญิงชราแผดเสียงดุ

...........

“ไม่เป็นไร เราไปคนเดียวได้!” ชานนท์หันมาย้ำกับวรุฒที่เดินตามเขาเหมือนเงาตามตัว
“ไม่ได้! มันแปลกๆ แม่เราไม่อยู่เสียหน่อย ใครจะเป็นคนเรียกนายได้!” วรุฒพูดเสียงแข็งแต่สีหน้าแสดงความกังวล

“อืม..... อาจ... จะเป็นคนอื่นก็ได้มั้ง?” ชานนท์รู้สึกไม่ดีเช่นกันแต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วง
“เดินไปเถอะ! หากเราเห็นว่าไม่มีอะไรจริงๆ เราจะกลับ!!” วรุฒดันอีกฝ่ายให้เดินไปตามทางเดินแนวยาวของอาคารชั้นบนสุด

เท่าที่วรุฒสำรวจก็พบว่าชั้นนี้ยังคงเงียบเชียบไร้ผู้คนเช่นเคยในเวลานี้ ทำให้เขาเบาใจไปได้พอสมควร เพราะหากเป็นเรื่องที่เขากังวลว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ สภาพชั้นนี้คงไม่ต่างจากย่านยากูซ่าแน่นอน

ในที่สุดก็เดิมมาจนถึงสำนักงานของผู้อำนวยการ ชานนท์และวรุฒเห็นแสงไฟลอดออกมาจากภายในผ่านกระจกสีขาวขุ่นกึ่งโปร่งแสง วรุฒเองแอบเบาใจไปได้เปราะหนึ่งที่เห็นทุกอย่างเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น

‘หรือแม่เขากลับมาก่อนกำหนด? ดีเลย! จะขอฟังคำอธิบายของแม่เสียหน่อย แค่เคยบอกว่าอยากพาชานนท์ไปอยู่คอนโดฯที่ซื้อไว้ แต่ก็ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย!’ วรุฒคิดในใจ
 
ประตูถูกมือขาวบอบบางผลักเข้าไป แต่ภาพคนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากลับไม่ได้เป็นคนที่เขาคาดหวังว่าจะเจอ

“มาจนได้นะ ปล่อยให้รอเสียนาน อ้าว!! ไอ้ลูกชายนอกคอกก็มาด้วย ดีเลย จะได้พูดทีเดียว!!” ชายวัยสี่สิบปลายๆ นั่งอยู่บนเก้าอี้ของผู้อำนวยการ สีหน้าเข้มขรึมแววตาจริงจัง พูดด้วยน้ำเสียงเข้มเด็ดขาด รอยยิ้มที่แสดงที่มุมปากที่ได้แสดงให้เห็นถึงความปราณีเลยแม้แต่น้อย ดวงตาส่งมานั้นเหมือนมีประกายวูบวาบน่ากลัวแฝงอยู่ ชานนท์แค่เพียงเห็นก็อดขนหัวลุกด้วยความกลัวไม่ได้

“พ่อ!!” วรุฒอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“เข้าไปได้แล้ว!!” คนในชุดสูทสีดำและกรมท่าที่ไม่ทราบว่าไปอยู่ตรงไหนมาเมื่อครู่ได้ปรากฏตัวที่ด้านหลังของทั้งสองคน และพยายามดันหลังทั้งสองคนเข้าไปในห้อง พร้อมเดินตามเข้ามาด้วย และไปหยุดที่ด้านข้างผู้ที่นั่งคอยอยู่

“ลุงว่าลุงเคยเตือนเราแล้วนะนนท์!!” เสียงเย็นเยียบส่งออกมาจากปากสีซีด
“พ่อจะทำอะไร!!” วรุฒโผล่งขึ้นมาในขณะที่ชานนท์ปากสั่นพูดอะไรไม่ออก
“ก็ไม่อะไร แค่ไม่อยากให้แกไขว้เขว่อีกแล้ว!!” ปากที่แสยะยิ้มเย็นพูดออกมาเสียงเรียบ
“ผมไม่เคยไขว้เขว เรื่องของนนท์คือเรื่องที่ผมไตร่ตรองมาดีแล้ว!!” วรุฒสวนกลับไปเสียงดัง
“งั้นก็ทำให้พ่อไม่มีทางเลือก!!” ผู้เป็นพ่อพูดจบก็โยนจดหมายฉบับหนึ่งมาตกลงที่หน้าของชานนท์

ชานนท์ก้มลงหยิบจดหมายที่มีตราของมหาวิทยาลัยด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนที่วรุฒจะห้ามการเปิดผนึกจดหมายได้ทัน ชานนท์ก็คลี่เปิดจดหมายอ่านเสียแล้ว

“มันคืออะไรพ่อ!!? มันหมายความว่าอะไร!!?” วรุฒหันไปตวาดใส่ผู้เป็นพ่อ

กระดาษที่ตรามหาวิทยาลัยร่วงลงบนพื้นทันทีที่คนตัวเล็กอ่านไปได้สักพัก และชานนท์ก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา

“จดหมายพ้นสภาพการเป็นนักศึกษา.....”

“พ่อ!!!!” วรุฒส่งสายตาแข็งกร้าวและก้าวออกไปพร้อมจะไปถามบิดาตนเองว่าทำไมถึงได้ทำแบบนี่!! แต่ก็ถูกชายในชุดสูทจับไว้ได้ทัน

“เพราะทำตัวไม่เหมาะสมน่ะสิ” ผู้เป็นพ่อลุกขึ้นเดินไปหาชานนท์ และวางมือหยาบลงบนบ่าที่สั่นเทาของคนตัวเล็กที่ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ นอกจากหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม แล้วผู้เป็นพ่อก็หัวเราะในลำคอเดินไปที่ประตู

“อ้อ พวกมึง.. ทำยังไงก็ได้อย่าให้ทั้งสองคนมันตามเรามาตอนกลับ กูรำคาญตาภาพพวกมันสองคนแบบนี้ อ้อ แต่ยังไงนั่นก็ลูกกู พวกมึงก็เบามือหน่อยล่ะกัน ส่วนอีกคน..... แล้วแต่พวกมึงเลย!!!” แล้วบุรุษที่มีอำนาจล้นฟ้าคนนั้นก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงเสียงรองเท้าคัทชูหรูหราที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไป

.......................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิพ่อนี่มันเลวเข้ากระดูกจริง ๆ

ชานนท์ไม่ได้ทำอะไรให้มันสักหน่อย

ระวังเถอะ กรรมจะตามสนอง

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

“เป็นไงบ้าง?” ชานนท์ถามวรุฒเสียงสั่น ในขณะที่วรุฒโอบกอดชานนท์แน่นในอ้อมแขนชนิดไม่ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายชานนท์โผล่พ้นร่างกายตนเองเลย

“เรา.. โอย... โอเค... ไอ้พวกนี้แม่งเล่นจริงนี่หว่า” วรุฒคลายอ้อมกอดของเขาออกขณะที่เห็นว่าเหตุการณ์ตะลุมบอนเมื่อครู่หมดไปแล้ว ณ ตอนนี้ห้องผู้อำนวยการกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เพราะเหลือเพียงวรุฒและชานนท์เพียงสองคน

“นายมันบ้ามากเลยรู้ไหม?” ชานนท์พูดตำหนิอีกฝ่ายทั้งที่มีน้ำรื้นอยู่เต็มดวงตา
“นายนั่นแหละที่บ้า!! อยากตายนักหรือไง มือตีนไอ้พวกนั้นมันเบาเสียทีไหน ไอ้พวกบอดี้การ์ดพวกนั้น มันฆ่าคนด้วยมือเปล่าได้เลยนะ!! เนี่ยมันเห็นเป็นเราหรอกนะถึงได้รามือไปง่ายๆ ไม่งั้นนายน่ะได้ไปหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาลไปแล้ว!!” วรุฒพยายามทรงตัวแต่ก็มีอาการเคล็ดยอกจนต้องร้องโอดโอยเป็นระยะ

คำพูดนี้ทำให้ชานนท์ถึงถึงภาพหวาดเสียวเมื่อครู่ที่บอดี้การ์ดสี่คนตรงรี่เข้ามาทำร้ายชานนท์ด้วยรังสีอำมหิตที่แผดมาจากสายตาภายใต้แว่นสีชาเหล่านั้นก็ทำให้ชานนท์รีบก้มลงคุดคู้ป้องกันหมัดเท้าที่กำลังจะประเคนมาให้เขาหลังจากที่คำสั่งของผู้เป็นนายสิ้นสุดลง

โชคยังดีที่วรุฒที่สามารถดิ้นหลุดจากการจับกุมของบอดี้การ์ดอีกคนได้ วรุฒวิ่งปราดเข้ามาสวมกอดและคุ้มครองชานนท์ได้ทันจึงทำให้ชานนท์โดนแค่หมัดและเท้าไปไม่กี่ชุด แต่เท่านั้นก็ทำให้คนร่างบอบบางอย่างชานนท์ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

วรุฒโดนซัดอยู่ไม่กี่ชุดทางบอดี้การ์ดก็รามือเพราะว่ายังไงก็เป็นลูกของผู้เป็นนาย พอจะคุ้นเคยกันอยู่บ้าง จึงยอมเลิกลาไปก่อนที่เจ็บหนัก รวมกับภาพที่เห็นที่วรุฒพยายามรับมือรับเท้าแทนคนที่รักก็สะท้อนใจจนต้องยอมลดแรงมือแรงเท้าไปบ้าง

“มาเราช่วยพยุง” ชานนท์พูดขึ้นทั้งที่หน้าตนเองเริ่มมีอาการเจ็บบวมช้ำจากหมัดแรก อาการบาดเจ็บทั้งหมดจของเขาไม่เท่ากับความเจ็บจี๊ดที่ใจซึ่งหนักหน่วงกว่ามาก เขาไม่สามารถปกป้องคนที่เขารักได้เลย!!
“โธ่!!โว้ย!!” วรุฒใช้หมัดชกไปที่โต๊ะที่อยู่ใกล้ที่สุดหลังจากถูกชานนท์พยุงขึ้นมายืนได้สำเร็จ
“ทำบ้าอะไร เจ็บตัวอยู่ไม่ใช่เรอะ! ชานนท์ดุใส่อีกฝ่ายด้วยปากที่มีรอยเลือดซิบที่ริมฝีปาก
“เราไม่เป็นอะไรแล้ว นายล่ะเป็นไงบ้าง?” วรุฒยืดตัวตรงพยายามทำตัวให้ปกติ และใช้มือเชยคางอีกฝ่ายให้แสงไฟในห้องส่องกระทบใบหน้าที่ตอนนี้มีสีแดงสีม่วงช้ำแต้มอยู่เป็นจุดๆ

“เราโดนไปไม่กี่ทีเองนายนั่นแหละโดนไปเยอะเลย!” ชานนท์เห็นหน้าอีกฝ่าย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้ามีรอยพกช้ำ เสื้อนักศึกษามีรอยฝุ่นรอยเปื้อนหลายหลายขนาดจนหมดหล่อไปเยอะเลย น้ำในตาเริ่มหยดลงมาที่แก้มอย่างไม่ตั้งใจ

“นี่! พวกมันเบามือแล้ว เราโอเค ไป! กลับไปทำแผลกันแล้วคิดกันต่อว่าจะทำอย่างไรกันต่อ?” วรุฒพูดถึงตรงนี้ก็ทำให้สีหน้าชานนท์หมองลงทันที และหันไปมองกระดาษแผ่นนั่น กระดาษที่มีตรามหาวิทยาลัยที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้

“เอาน่า เดี๋ยวเราคุยกับแม่เองว่าจะทำแบบนี้ไม่ได้ แม่มีเหตุผลกว่าไอ้พ่อเฮงซวยนั่นเยอะ!!” วรุฒพูดจบก็โอบไหล่คนหน้าซึมให้ออกเดินแต่ตนเองก็ร้องโอยออกมาจนทำให้ชานนท์ส่ายหน้าและช่วยพยุงกันเดินออกจากห้องไป

...................


เสียงการต่อสายโทรศัพท์หลายต่อหลายครั้งจนทำให้หน้าที่เต็มไปด้วยรอยช้ำของวรุฒหงุดหงิด แม้จะแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าไม่ได้มาก แต่รังสีอำมหิตก็แผ่ออกมาจนชานนท์รู้สึกได้

“ทำไมยังติดต่อแม่ไม่ได้อีกเนี่ย!!” วรุฒเหวี่ยงโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่ลงพื้นที่นอนนุ่มสุดแรงจนโทรศัพท์กระเด้งกระดอนไปทั่วผืนผ้าสีเทาอ่อนลายคล้ายหินอ่อนสีสวย

“..........” ชานนท์ที่กำลังปวดใจกับเอกสารฉบับเดิมที่เขาเก็บมาด้วย พลางเปิดเวปไซต์ภายในมหาวิทยาลัยเพื่อตรวจสอบสถานภาพการเป็นนักศึกษาของเขา ซึ่งตอนนี้ที่หน้าจอปรากฏคำว่า “not found” ชัดเจนเด่นหราที่กลางจอ

“เลิกดูได้แล้ว..... ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้เชื่อเราสิ” วรุฒพยายามใจเย็นและปลอบคนตัวเล็กด้วยการลูบเส้นผมที่นุ่นสลวยไร้เจลแต่งผมเบาๆ ดวงตาที่แดงกล่ำช้ำจากการกลั้นอาการเสียใจมองมาที่วรุฒ ทำให้ก้อนเนื้อที่ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดมันกระตุกเจ็บจี๊ด

วรุฒกำหมัดแน่นกับภาพที่เห็นตรงหน้า เขาสุดทนกับบิดาตนเองที่คอยบงการชีวิตเขาทุกสิ่ง แม้กระมั่งความรักของเขา ที่ผ่านมา เขาไม่เคยมองเรื่องเพศมันสำคัญ แค่ทำตามใจตัวเอง หากใจของเขามีความสุข เขาก็ปล่อยให้มันไปตามความรู้สึกของตนเอง ไม่เคยยึดถือกฏเกณฑ์ทางสังคมเข้ามากีดกั้นความรู้สึกของตนเอง

ที่ผ่านมาวรุฒพยายามหลีกเลี่ยงที่จะปะทะกับพ่อมาตลอดเพื่อปกป้องคนที่เขารัก แต่ในเมื่อพ่อทำร้ายคนที่เขารักขนาดนี้ เขาก็พร้อมที่จะดับเครื่องชนกับพ่อเขาทันที

&£@&£££@&&

เสียงดนตรี เป็นริงโทนจากโทรศัพท์ของชานนท์ดังขึ้น ชานนท์มองไปที่หน้าจอด้วยสีหน้าหวาดๆ ชื่อที่แสดงขึ้นที่หน้าจอคือ ‘แม่’

“ครับแม่” ชานนท์ตอบด้วยอาการเสียงสั่น
“แม่ได้รับหนังสือจากทางมหาวิทยาลัย..” เสียงเรียบที่ตอบกลับมาทางโทรศัพท์ทำให้น้ำตาที่กลั้นไว้ของชานนท์ไหลเป็นเขื่อนแตก แม้ไม่มีเสียงสะอื้น แต่ไหล่นั้นสั่นเทาเหมือนแบกอะไรหนักหนาสาหัสที่มองไม่เห็น วรุฒมองด้วยสายตาเป็นห่วงและกัดฟันกรอด มือได้เอื้อมไปจับไหล่คนตัวเล็กหวังจะแบ่งเบาความหนักอึ้งเหล่านั้นได้บ้าง

“แม่.... คือ....” เหมือนน้ำตาที่ไหลหลากไปกั้นเสียงที่ควรจะกล่าวพูด เสียงทั้งหมดกลืนหายไปในลำคอ

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว....... แม่เข้าใจ..... แม่....” เสียงที่ส่งผ่านลำโพงมานั้นย้ำให้ชานนท์รู้ว่า ความรู้สึกเศร้าและเจ็บปวดของเขานั้น ได้ถูกส่งผ่านผ่านสายโทรศัพท์ล่องหนไปแล้ว แม่ของเองก็ทุกข์ใจเมื่อเห็นเขาทุกข์ใจเช่นกัน ชานนท์เลยค่อยๆ สะกัดกั้นเสียงสะอื้นและกั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมามากกว่านี้

“แม่...” เสียงของชานนท์สดใสขึ้น
“ไม่ต้องพูดอะไร หลับมาบ้านเราลูก!! แม่คิดไว้แล้วว่าการไปยุ่งกับคนในตระกูลนั่นรังแต่จะทำให้มีแต่เรื่องเจ็บปวด!!” แม่พูดเสียงเข้มขึ้น!

“หมายความว่าอย่างไร? ...โอ้ย” ชานนท์คงแสดงสีหน้ามากไปกับประโยคแปลกของแม่เขาจนทำให้แผลที่ถูกใส่ยาไว้ปริแตกจนส่งเสียงร้องผ่านสายโทรศัพท์ไป

“นนท์เป็นอะไรลูก!!” เสียงของผู้เป็นแม่ดังลอดโทรศัพท์จนวรุฒได้ยิน
“ไม่... ไม่มีอะไรครับ ผม... แต่เดินไปหยิบปากกาครับ!” ชานนท์ที่โกหกไม่ได้เรื่องจนติดลบ ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปที่แฟนตัวสูงของเขา
“แม่ครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะปกป้องนนท์เอง!!” วรุฒคว้าแย่งโทรศัพท์ชานนท์ไปพูดตอบ ชานนท์ได้แต่ทำหน้าเหย่เกเพราะถ้อยคำที่ตอบแม่ไปไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย

“เธอ!! เธอเองก็เหมือนพ่อของเธอ!!” แล้วเสียงปลายสายก็ตัดไปอย่างฉับพลัน วรุฒได้แต่ทำหน้าประหลาดใจ

“อ้าว!!” ชานนท์ทำหน้าเหวอ และส่ายศรีษะแรงๆ พร้อมวิ่งแย่งโทรศัพท์มาคืนเพื่อติดต่อหลับไปหาแม่ แต่แม่ตอบเขาเพียง  “เดี๋ยวแม่จัดการเอง!!”

...................


เช้าวันรุ่งขึ้นในขณะที่ชานนท์ทำได้เพียงนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงนุ่ม ณ ห้องในคอนโดฯหรูหราย่านมหาวิทยาลัย อาการบาดเจ็บจากเหตุการณ์เมื่อวานยังคอยตามรังควานความรู้สึกให้เจ็บปวดตึบบ้างเป็นครั้งคราว จนทำให้นอนหลับลำบาก แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้จิตใจเขาขาดความสงบจนแทบไม่ได้หลับทั้งคืน มันเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้เป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้แล้ว สถาบันที่เขาใฝ่ฝันและคว้ามาได้สำเร็จ จบลงในระยะเวลาไม่ถึงปี

“นอนไม่หลับ?” เสียงเบาๆเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“อืม...” ชานนท์พยักหน้าทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่
“มานี่มา!” วรุฒโยนแขนตัวเองไปโอบรั้งร่างเล็กบางที่นอนอย่างกระวนกระวายใจเข้ามากระชับใกล้อย่างอ่อนโยน วรุฒกอดแน่นขึ้นจนชานนท์รับรู้ถึงความอบอุ่นของอีกฝ่ายที่ส่งผ่านเข้ามา เสียงหัวใจที่เต้นอย่างสม่ำเสมอทำให้ชานนท์ผ่อนคลายจนกล้ามเนื้อต่างๆ ในร่างหยุดการหดเกร็ง ความง่วงงุนที่สะสมไว้เริ่มออกฤทธิ์

“เหนื่อยก็นอนนะ” วรุฒพูดใส่กลุ่มผมนุ่มนวลของอีกฝ่าย
“แต่......” ชานนท์เหมือนกำลังจะพูดความรู้สึกออกมา แต่เหมือนมีอากาศจุกอยู่ที่หลอดลมจึงหยุดค้างไว้ แต่วรุฒเข้าใจ.... เขารู้ว่าแฟนตัวเล็กต้องอดทนขนาดไหนที่จะไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้เขาเห็น ชานนท์เป็นคนขี้เกรงใจแม้แต่แฟนตัวเอง ไม่อยากให้วรุฒต้องรู้สึกทุกข์ใจไปกับเขาด้วย
“ไม่มีแต่! นอนไปเถอะ..... เราวางแผนไปเจอแม่ไว้แล้ว ทางเลขาฯ ส่งข้อความมาบอกแล้วว่าแม่เราจะเข้าทำงานบ่ายนี้! เดี๋ยวเราไปด้วยกัน ดังนั้น... ตอนนี้พักผ่อนเอาแรงก่อน!!” วรุฒร่ายยาวเพื่อให้อีกฝ่ายยอมพักผ่อน

“แต่... เช้านี้นายมีเรียน...” ชานนท์เงยหน้าขึ้นมาสบตาคนที่โอบกอดเขาเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่กลัวฟ้าร้อง
“มันไม่สำคัญเท่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราหรอก!” วรุฒจ้องมองอีกฝ่ายกลับด้วยแววตาจริงจัง
“นายมันบ้า” คนตัวเล็กที่ตอนนี้ผมยุ่งรุงรังไปหมดกล่าวต่อว่าอีกฝ่ายก่อนที่จะมุดลงไปให้อ้อมอกแฟนร่างสูงของเขาและนิ่งไปพักใหญ่จนได้ยินเสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอและสงบดี

วรุฒผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาเองก็แทบไม่ได้นอนเหมือนกัน เขากลัวอีกฝ่ายจะทำอะไรโง่ๆ เหมือนที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ชานนท์ขยับตัว เขาก็จะสะดุ้งตื่นด้วยความระแวดระวัง จนถึงเช้า ดังนั้นพอเห็นอีกสงบลง เขาก็ปล่อยตัวเองดำดิ่งไปสู่ห้วงนิทรา ทั้งๆ ที่ยังคงกอดคนที่เขาทั้งรักและหวงไปด้วยอย่างแน่นหนา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่ปล่อยคนคนนี้ หายไปไหนอีก!

.....................

แสงแดดแผดร้อนช่วงตะวันทำมุมฉากกับพื้นจากภายนอกส่องลอดช่องระหว่างม่านสีทึบจนทำให้สองหนุ่มบนเตียงรีบลุกขึ้นดูนาฬิกาที่สมาร์ตโฟนเครื่องใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณหัวเตียง

“เชี้ย!!” เสียงใหญ่จากหนุ่มตัวสูงร้องลั่นหลังจากมองไปที่หน้าจอ
“ทำไมเหรอ?” ชานนท์ลุกขึ้นมาด้วยอาการงัวเงีย มือหนึ่งก็ขยี้ตาและมองไปรอบๆ ห้องที่ยังคงอยู่ในโทนมืดเพราะประสิทธิภาพของม่านผืนใหม่

“สายแล้วน่ะสิ จะถึงเวลานัดกับคุณเลขาฯแล้ว!!” วรุฒผุดลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกทันที
“โอเค! งั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะ!!” ชานนท์นีบกุลีกุจอลงจากจากเตียงด้วยความรีบร้อนจนเกือบล้ม
“ไม่ทันแล้ว!! อาบด้วยกันเลย!!” คนตัวสูงเดินไปคว้าตัวอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้ล้มหน้าคว่ำด้วยร่ายกายที่เปลือยเปล่าเห็นชัดทุกลอนกล้าม
“อย่ามาคิดทะลึ่งเวลาแบบนี้!!” ชานนท์ค้อนใส่เมื่อเห็นอีกฝ่ายล้อนจ้อน เผยให้เห็นความเป็นชายตั้งตระหง่านฉากกับพื้น
“คนเพิ่งตื่นนอนก็แบบนี้ คนมันสุขภาพดี!!” คนตัวสูงพูดจบก็ใช้มือยกอีกฝ่ายในท่าเจ้าสาวเดินเข้าห้องไปทั้งที่ยังใส่ชุดนอนอยู่เลย
“เฮ้ย!!!” ชานนท์ทำได้แค่ร้องเหวอ

........................

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด