Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63  (อ่าน 62173 ครั้ง)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
วรุฒที่หายไปพักใหญ่ได้กลับเข้ามาอยู่ในแถวทันเวลาในสภาพสมบูรณ์แบบอีกครั้ง แม้จะมีอาการเหนื่อยหอบและมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาประปรายที่หน้าผาก แต่ก็ยังหล่อลากไส้ลากดินเหมือนเดิม วรุฒไม่ลืมที่จะขยิบตาส่งยิ้มมาให้ชานนท์ที่มองตนเองอย่างสงสัย

“และก็ได้เวลาปิดการลงคะแนนแต่เพียงเท่านี้ครับ!!”
เสียงของพี่ชาญ ประธานกรรมการจัดกิจกรรมะโกนออกไมโครโฟนเสียงดังลั่น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ที่พยายามเกริ่นนำโดยการเล่นมุกแป๊กไปหลายมุก เขาคงเห็นว่ามุกที่เล่นทั้งหมดใช้ไม่ได้เลยตัดสินใจตัดบทโดยการปิดโหวตเอาดื้อๆ

หลังจากสิ้นเสียงดังกล่าวผู้เข้าร่วมประกวดทุดคนในแถวต่างหยุดอยู่ในความเงียบงัน โดยเฉพาะชานนท์ที่ได้ยินเสียงหัวใจตนเองเต้นจนแทบจะเต้นหลุดออกมาจากอก

“ไม่ต้องตื่นเต้นไป ยังไงนายก็ไม่ได้เป็นหรอก!!” วรุฒหันมาพูดกับเขาเบาๆ คำพูดที่คนอื่นอาจจะฟังเหมือนดูถูกแต่ชานนท์เข้าใจความหมายในน้ำเสียงที่ดูหึงหวงเหล่านั้นได้ดี

“โอโห!!!! ได้ข่าวว่าคะแนนสูสีกันมาก ยิ่งในช่วงท้ายของการลงคะแนนยิ่งดุเดือด!!”  รุ่นพี่ชาญ ประธานกรรมการกิจกรรมร่างสูงโปร่งและทรงผมสีทองอันเป็นเอกลักษณ์พูดใส่ไมค์ด้วยความตื่นเต้น
“และในที่สุด!! เราก็ได้ผู้ชนะครับ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดไปจากการคาดการของพวกเราเท่าไหร่.... ทั้งฝ่ายดาวและฝ่ายเดือน แต่คนที่ได้รองอันดับหนึ่งของฝ่ายเดือนนี่สิ ทำให้ผมประหลาดใจไม่น้อยเลย!!” พี่ชาญกล่าวต่อท่ามกล่างเสียงฮือฮาด้วยความตื่นเต้น

“เราจะประกาศจากฝ่ายดาวก่อนนะครับ ผู้ชนะได้แก่.......” พี่ชาญรับแทปเล็ทเครื่องเล็กจากกรรมการกิจกรรมอีกท่านหนึ่งที่เคยยืนอยู่ทางด้านหลัง ท่ามกลางเสียงในสนามก็เงียบสงบลงเหมือนไร้ผู้คน จนได้ยินเสียงจิ้งหรีดร้องระงมไปทั่ว

“น้อง...... น้อง....... ยูกิ ครับ!!! โห...... แสดงความยินดีด้วยครับ เป็นไปตามคาดจริงๆ ครับ คนอะไร ตอนเหนื่อยโทรมขนาดนี้ยังน่ารักเลยครับ!!  น้องยูกิครับ รบกวนขึ้นมารับช่อดอกไม้แสดงความยินและมายืนถ่ายรูปรับรางวัลกับพวกพี่ๆ คณะกรรมการหน่อยครับ!!” พี่ชาญพูดจบก็เกิดเหตุชุลมุนไปกับการมอบดอกไม้และแย่งตำแหน่งกันถ่ายรูปร่วมกับดาวคณะฯคนใหม่

สาวสวยแสนน่ารักผิวขาวดูหมวยๆ น่ารักพิมพ์นิยมจริงๆ เรื่องความมีออร่าก็ต้องยกให้ยูกิเลย เพราะไม่ว่าเธอจะเดินไปไหน ทุกสายตาก็จะจ้องตามไม่วางตา เธอเหมาะสมกับตำแหน่งนี้แล้ว เพราะความสารถของยูกิเองก็ไม่ธรรมดา นอกจากความกล้าแสดงออกยังมีความเป็นผู้นำสูงอีกด้วย แม้แต่ชานนท์ยังมองด้วยความชื่นชมจนวรุฒส่งเสียงกระแอมใส่หลายครั้ง

“อ้าวๆ ต่อไป เราก็มาถึงรางวัลที่สาวๆหลายคน หรือหนุ่มๆ บางคนเฝ้ารอแล้วนะครับ!!” เสียงพี่ชาญดังผ่านลำโพงอีกครั้ง
“ได้เวลาประกาศ เดือนของคณะฯแล้วครับ!!!!” สิ้นเสียงประกาศ ผู้ชมทางด้านล่างต่างส่งเสียงกรี๊ดร้องด้วยความตื่นเต้น

“และคนที่จะมาเป็นเดือนคณะปีนี้ ได้แก่...... ได้แก่......” ถึงตรงนี้กองเชียร์ที่ยืนห่างออกไปต่างตะโกนชื่อของคนที่ตนเองเชียร์อยู่จนดังไปทั้งสนาม

“เป็นไปตามคาด!! น้องวรุฒ เอกไอทีครับ!!”
สิ้นเสียงประกาศผู้ชนะ ชานนท์ดวงตาเบิกโพลงไปที่วรุฒผู้ยิ้มตอบกลับมาอย่างมีชัย ปากก็ขยับเหมือนพูดคำว่า ‘บอกแล้ว’  ชานนท์ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า วรุฒจะเป็นคนที่ทำได้ตามที่พูดได้เสมอเลย เป็นคนที่ไม่ว่าจะตั้งใจจะทำอะไรก็ทำอย่างพูด ‘มีมนุษย์แบบนี้จริงๆ หรือนี่!!’ ชานนท์คิดในใจ

เสียงโห่ร้องแสดงความดีใจดังไปทั่วสนามกีฬา บางเสียงก็เป็นกรีดร้องแสดงความยินดี บางเสียงก็เป็นเสียงโห่แสดงความผิดหวังกับผลที่ออกมาไม่ตรงใจ ซึ่งชานนท์ทราบดีว่ามาจากกลุ่มไหน

วรุฒเดินไปรับสายคล้องคอและดอกไม้แสดงความยินดีจากอาจารย์ตัวแทนของคณะฯ และถ่ายรูปคู่กับน้องยูกิซึ่งหลายๆ คนในแถวของคนดูก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งสองเหมาะสมกันมาก บางคนถึงขั้นถ่ายรูปและโพสต์ลงเฟซบุ๊คโดนมี แฮชแท็ก ‘คู่จิ้นคู่ใหม่’ ที่แชร์กันเยอะที่สุดของวันนี้เลยทีเดียว

ต่อไปเป็นการประกาศรองเดือนและดาว ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากการคาดการณ์ของทุกคน ฝ่ายเดือนก็คือ ชานนท์ ม้ามืดที่อยู่ๆก็มีคะแนนเทมาในช่วงท้ายของการแข่งขัน ผู้มีแฟนคลับป้ายไฟจำนวนมาก ส่วนฝ่ายดาว ตำแหน่งรองก็ตกไปที่ยัยเมย์ สาวห้าวสุดแสนน่ารักที่เอาชนะใจหนุ่มๆ ในคณะฯ หลายต่อหลายคน

ในช่วงท้ายของการจัดงาน คือการให้ดาวและเดือนกล่าวอะไรเล็กน้อยกับผู้คนที่ให้กำลังใจในวันนี้ โดยเริ่มจากตำแหน่งดาวและต่อด้วยเดือนคณะฯ ประธานจึงได้ส่งรองดาวและเดือนทั้งสองคน หลังจากขึ้นไปรับดอกไม้เรียบร้อยแล้ว ก็ถูกส่งตัวลงมาจากเวทีเพื่อให้สปอร์ตไลท์ส่องไปที่ดาวและเดือนได้อย่างเต็มที่ กองเชียร์หลายต่อหลายคนต่างจดจ่อจะเข้ามาแสดงความยินดีกับรองทั้งสองอย่างเต็มที่ ยัยเมย์ที่เดินลงมาอย่างงงๆ กับตำแหน่งรองที่เธอได้รับ เพราะมีความตั้งใจน้อยมากกับงานๆนี้ เดินลงมาถึงพื้นได้ยังไม่เต็มสองเท้า ก็มาเจอกับเซอร์ไพร์สเป็นดอกไม้ช่อใหญ่จากชายหนุ่มปริศนา หน้าหล่อผิวขาวตัวเล็ก (สูงถึงประมาณช่วงคอของชานนท์) หอบหิ้วช่อดอกไม้เกือบเท่าตัวเองมายื่นให้กับเมย์ถึงทางลงจากเวที

“ก้อง!!” เมย์ร้องเสียงหลง
“ไหนว่ามาไม่ได้ไง” เมย์สาวห้าวกลับมีนำเสียงอ่อนนุ่มลงมาทันที ส่วนดวงตาของเธอกับระเรื่อไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยงอยู่

“เซอร์ไพร์สไง!!” เสียงใหญ่เกินรูปร่างหน้าตาตอบกลับมาพร้อมยื่นดอกไม้ช่อใหญ่เกือบเท่าตัวเขาเองมอบให้กับเมย์
“ไม่เห็นจำเป็นต้องหอบมาให้เลย!! ตำแหน่งก็ไม่ได้เสียหน่อย!!” ยัยเมย์รับดอกไม้มาด้วยรอยยิ้มที่ฉีกไปถึงหูได้เธอก็จะทำ มันเป็นรอยยิ้มที่เบิกบานในมุมที่ชานนท์ไม่เคยเห็นจากเมย์มาก่อน
“หอบมาให้กำลังใจน่ะ ช่วงนี้เราไม่ค่อยไดัอยู่ด้วยกัน เลยอยากมาแก้ตัวเสียหน่อย” ชายหนุ่มยิ้มหวานกลับมา ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่บริเวณนั้นส่งเสียอิจฉากันอื้ออึง

เมย์เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจมากเกินไป เธอจึงตัดสินใจคว้าแฟนหนุ่มตัวเล็กของเธอเดินไปจากจุดเดิมไปไกลจากกลุ่มคน ทิ้งไว้ให้ชานนท์ถูกเพื่อนๆ ในคณะฯ เข้ารุมล้อมแสดงความยินดี หนึ่งในคนกลุ่มนั้นมีเพื่อนคนแรกๆของเขารวมอยู่ด้วย

“มายด์ มาดูเหมือนกันเหรอ?” ชานนท์ทักสาวน้อยน่ารักที่โดดเด่นมากแม้อยู่ในกลุ่มคนเยอะขนาดนี้
“อืม.... ก็โดนตามให้มาช่วยน่ะ” มายด์ตอบไปถอนหายใจไป
“ช่วยอะไร? ช่วยใคร?” ชานนท์งงกับคำตอบของมายด์
“นั่นไง!!” มายด์ชี้ไปที่วรุฒที่อยู่บนเวทีชั่วคราวมี่สูงประมาณช่วงเอว และชี้ไปที่กลุ่มสาวแฟนคลับที่กรี๊ดกร๊าดคนบนเวทีอย่างชื่นชม ในขณะที่ดาวคณะคนใหม่กำลังพูดขอบคุณแฟนคลับทั้งหลายขอแรงใจให้ช่วยสนับสนุนในการเป็นตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัยต่อไป

ส่วนชานนท์ได้แต่ทำหน้าแปลกใจตอบกลับมา

“ก็พี่รุฒน่ะสิ อยู่ๆก็ขอให้ช่วยติดต่อแฟนคลับจากทุกคณะให้มาช่วยลงคะแนน ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ตอนแรกบอกไม่อยากเป็น มันน่ารำคาญ แล้วอยู่ๆก็มาเปลี่ยนใจนาทีสุดท้ายแบบนี้!!”  หลังจากได้ฟังคำบอกเล่าของมายด์ ชานนท์ก็ประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ในทันที และไม่แปลกใจที่ทำไมถึงเป็นมายด์ที่เป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่างได้ เพราะทุกคนจะรู้จักมายด์ในฐานะ ‘น้องสาว’ และ ‘เพื่อนสาวคนสนิท’ ของวรุฒ ทำให้ถูกบรรดาแฟนคลับรบกวนอยู่บ่อยครั้ง การที่มายด์จะเป็นผู้ประสานงานติดต่อแฟนคลับทุกกลุ่มให้ช่วยเหลือเรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องง่ายดายมาก

“อย่างนี้นี่เอง!” ชานนท์พูดลอยๆ เหมือนพูดกับตัวเอง
“ว่าแต่.... นายเลยได้แค่รองเอง...” มายด์แสดงสีหน้าเห็นใจออกมาชัดเจน
“ไม่เป็นไรหรอก เราก็ไม่ได้อยากเป็นหรอกนะ แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่ เราไม่เก่งเรื่องอะไรพรรณนี้หรอก หันกลับไปเอาดีทางเรียนดีกว่า” ชานนท์ยิ้มกลับ
“น่าเสียดายน๊า ดูสินายเปลี่ยนไปตั้งเยอะเลยนะ ดูแข็งแรงขึ้น รูปร่างเข้าส่วนมากกว่าเดิม นายน่ารักอยู่แล้ว พอยิ่งไม่ใส่แว่นแบบนี้เลยยิ่งน่ารักขึ้นไปอีก!!” มายด์กล่าวอย่างชื่นชมพร้อมยิ้มอย่างน่ารักส่งมา หากเป็นเมื่อก่อน ในช่วงที่เขายังหลงรักในรอยยิ้มที่แสนน่ารักนี้อยู่ การมาได้รับคำชมและรอยยิ้มแบบนี้ ตัวเขาคงละลายไปกับพื้นแล้ว แต่ตอนนี้กลับแค่รู้สึกขัดเขินนิดหน่อย ส่วนอีกใจหนึ่งก็รู้สึกแปลกๆ อีกด้วย เพราะแทนที่จะได้ขอมายด์เป็นแฟน แต่กลับได้คนสนิทของมายด์มาเป็นแฟนเสียเอง เรื่องนี้เขาจึงยังรู้สึกเกร็งๆกับคนตรงหน้าไม่น้อย และยังอยากจะเก็บเป็นความลับกับเธอต่อไป

“มิน่าล่ะ” สาวน้อยตรงหน้ามองเขาอย่างฉายแววเจ้าเล่ห์
“อะไร?” ชานนท์ประหลาดใจกับบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปกระทันหัน
“พี่รุฒถึงได้ดูหลงนายหนักหนา นายทั้งน่ารัก นิสัยดีแบบนี้นี่เอง” ยังไม่ทันจบประโยคดีชานนท์ก็รูกสึกตกใจและถอยห่างจากสาวสวยตรงหน้าไปครึ่งก้าว
“เอ่อ.... มายด์......”
“รู้สิ! พี่รุฒไม่เคยมีความลับกับเราสักเรื่อง รวมถึงเหตุผลที่อยากประกวดชนะด้วย! เพราะเขาหวงนายจนไม่อยากให้ใครรู้จักนายไปมากกว่านี้ไง!!” มายด์เดินมาใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าอกของชานนท์อย่างจงใจ ส่วนชานนท์ได้แต่อึ้งทำตัวไม่ถูกว่าจะตอบกลับไปว่าอะไร 
“แล้วมายด์ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ? มายด์โอเคไหมที่เรากับ......” ชานนท์ยิ้มแห้งๆ กลับไปพร้อมกับจบประโยค
“โอ้ย! นี่มันสมัยไหนแล้ว พ่อคุณ! ความรักมันไม่มีเพศหรอกนะ ความจริงพี่รุฒนะก็ผู้ชายทั้งแท่งนะ แม้ว่าจะเคยผ่านประสบการณ์อะไรแบบนี้มาบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะตกร่องปล่องชิ้นกับคนอย่างนาย”
“อย่างเรา?” ชานนท์ใช้นิ้วจิ้มตัวเอง
“ไม่ใช่ในความหมายไม่ดีนะ เพราะที่ผ่านมา ก็จะเจอแต่ระดับตัวท้อปทั้งนั้น.... อืม... ช่างเถอะ!! แต่ว่าในบรรดาคนของพี่รุฒทั้งหมด เราชอบนายมากที่สุดนะ” มายด์ตบไหล่ชานนท์เบาๆ
“เอ่อ..... ขอบคุณนะ” ชานนท์ตอบกลับทั้งที่ยังมีคำถามในใจอีกเยอะ แต่คิดว่ายังไม่ใช่เวลาที่จะมาถามอะไรตอนนี้

“น้องนนท์”

เสียงตะโกนเรียกชื่อเขาดังขึ้นจากที่ไกลๆ ที่ไหนสักแห่งทำให้ทั้งชานนท์และมายด์หันหาต้นเสียงไปพร้อมๆ กัน

“น้องนนท์ พี่ขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้น้องชนะไม่ได้” เสียงดังกล่าวกลับมาอยู่ใกล้ตัวเขาในระยะเวลาอันสั้น ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหัวหน้าใหญ่แฟนคลับของเขานั่นเอง!!
“พี่เต๋า!! เข้ามาได้ยังไงครับเนี่ย!!” เขาถามขึ้นเพราะคนในบริเวณที่เขายืนอยู่มันแน่นเสียจนไม่มีช่องว่างให้สามารถเดินเข้ามาได้เลย
“พี่เป็นนินจาครับ เรื่องแค่นี้สบายมาก!!”
“หา!?!?”
“น้องเนี่ยไม่เข้าใจมุกพี่อีกแล้ว!!”
ชานนท์ยิ้มแห้งๆตอบไป

“เรื่องแบบนี้ไม่มีปัญหาสำหรับพี่ครับ น้องอยู่ที่ไหนพี่ก็สามารถไปหาได้ เพื่อน้องพี่ทำได้ทุกอย่าง!!” พี่เต๋าพูดเสียงดังแข่งกันคนทั้งบริเวณจนทำให้มายด์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ออกสีหน้าแบบเหมือนกินของเลี่ยนๆเข้าไปจำนวนมาก

“อ้าว!! น้องมายด์! มาเชียร์คู่หมั้นตัวเองเหรอจ๊ะ!!” พี่เต๋าทักทันทีที่เห็นหน้ามายด์
“พี่เต๋า!!” มายด์มีสีหน้าตกใจเมื่อสิ้นประโยคของเต๋า
“คู่หมั้น?!?” ชานนท์งงกับคำพูดของพี่เต๋า
“อ้าว!! น้องนนท์ไม่ทราบเหรอครับว่า น้องมายด์น่ะ เป็นคู่หมั้นของไอ้เดือนคณะคนใหม่นั้น!!” พี่เต๋าหันมาทางชานนท์ด้วยรอยยิ้มที่ยกมุมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อยและชี้ขึ้นไปบนเวที

“นนท์ เราขอคุยด้วยหน่อย” มายด์ยกมือขึ้นจับแขนของชานนท์เพื่อดึงไปให้ห่างจากพี่เต๋า และทำสีหน้าเหมือนพยายามพาชานนท์หลบจากงูพิษที่กำลังพ่นพิษใส่ แต่ชานนท์กลับนิ่งไม่ไหวติง
“หมายความว่าไง?” ชานนท์พูดออกจากปากสั้นๆ และท่าทางใจลอย
“งั้นเดี๋ยวพี่จะอธิบายให้ละเอียดอีกที....” พี่เต๋าเดินมาโอบไหล่ชานนท์เป็นเชิงกีดขวางไม่ใช้ชานนท์ไปกับมายด์ ซึ่งเขาก็ทำได้อย่างชำนาญ ชานนท์คล้อยตามไปโดยง่ายเพราะความอยากรู้ของตน ในขณะที่มายด์พยายามเรียกให้ชานนท์หันมาสนใจตนเอง

“เรื่องนี้ เป็นเรื่องภายในครอบครัว มีคนรู้ไม่กี่คน เฉพาะคนในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนสนิท สองคนนั้นน่ะวางแผนที่จะแต่งงานกันหลังเรียนจบ.......”

พอมาถึงคำว่า ‘แต่งงาน’ ในหัวของชานนท์ก็ขาวโพลนไปหมด เขาเริ่มจับใจความสิ่งที่พี่เต๋าพูดต่อไม่ค่อยได้เสียแล้ว เขารู้แต่ว่าพี่เต๋าโอบเขาแน่นขึ้น และพยายามพาเขาออกนอกกลุ่มคนที่แออัดมาเพื่อแสดงความยินดีกับคนที่ชนะการประกวด มีผู้คนมากหน้าหลายตามาแสดงความยินดีกับเขาพอสมควร แต่ในหัวเขามันแสนจะว่างเปล่าจนแทบจำคนที่มาแสดงความยินดีกับเขาด้วยรูปแบบต่างๆ นานาไม่ได้เลย เขารับรู้แต่เพียงบางคนมาขอถ่ายรูปด้วย เขาก็ยิ้มไปตามหน้าที่ บางคนมาขอกอดขอโอบ ขอจับมือ เขาก็ไม่ได้ถือสาอะไร จนกระทั้งเสียงในลำโพงเสียงหนึ่งแผดมาดึงสติเขากลับมา

“นนท์!! ชานนท์!! หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ?!?”
ชานนท์หันไปทางเวทีทันที
“หยุดก่อน!!” วรุฒพูดใส่ไมค์เสียงดัง ทุกคนที่ส่งเสียงโห่ร้อง กลับเงียบเสียงลงทันที วรุฒที่ควรจะอยู่บนเวทีกลับมายืนอยู่ใกล้เขาแค่ระยะมือเอื้อม

ตอนนี้แค่ชานนท์เห็นหน้าวรุฒก็อยากจะเดินออกไปให้ไกลแล้ว เขาจึงไม่เดินไปหาวรุฒ และเต๋าเองก็ยังทำตัวเกาะแกะอยู่กับชานนท์ไม่ห่าง รวมถึงบรรดาแฟนคลับของชานนท์เองด้วยที่ล้อมหน้าล้อมหลังตัวเขาอยู่

วรุฒแสดงออกทางสีหน้าชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์ เขาเดินตรงรี่เข้ามาชานนท์ทันที
“ที่กูเดินลงมาถึงตรงนี้ ก็เพื่อจะมาบอกทุกคนว่า อย่ามายุ่งกับเมียของกู คนนี้คนของกู ใครมาวุ่นวายกับเมียกูก็เตรียมตัวตายได้เลย!!” วรุฒพูดใส่ไมค์เสียงดังพร้อมดึงชานนท์เข้ามาในอ้อมแขนและกดริทฝีปากลงไปที่ปากสีชาดอ่อนๆ ของชานนท์ จนชานนท์ได้แต่ทำเสียงอู้อี้ท่ามกลางผู้คนในงานมากมาย เสียงฮือฮาดังตามมาไม่ขาดสาย

“เชี้ย! กูไม่นึกว่ามึงจะกล้าขนาดนี้!” เสียงพี่เต๋าแว่วมา
“ทำบ้าอะไรเนี่ย!!”  ชานนท์ผลักวรุฒออกสุดแรง เขารู้สึกสับสนระหว่างโกรธและอาย ท่ามกลางสายตานับร้อย เขาทำได้แค่เพียงวิ่งหนีออกจากจุดนั้น เขาได้ยินแต่เสียงวรุฒเรียกชื่อเขาผ่านไมค์ แต่เท้าเขากลับพาเขาออกห่างจากจุดนั้นออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ทิศทาง

...............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2019 16:55:43 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ยกนี้วรุฒชนะแบบขาดลอย555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

ชานนท์นั่งขุดคู้อยู่ในสวนหย่อมใกล้สระน้ำบริเวณอาการหอพักของเขา วันนี้มันมีอะไรหลายอย่างไหลเทลงมากระทบจิตใจเขามากจนเกินไป เกินกว่าที่เขาจะรับไหวอีกต่อไป เขามานั่งในจุดที่เท้าของเขาพามา ชานนท์นั่งลงกับพื้นหญ้าอันอ่อนนุ่มที่ผ่านตัดแต่งมาอย่างดี มีความชื้นเล็กน้อยซึมผ่านกางเกงมาทำให้รู้สึกเย็นที่ผิวสัมผัส ในหัวขอเขามันมีความคิดเรื่องนู่นนั่นนี่ เข้ามาประสบปนเปไปหมด จนไม่สามารถที่จะย่อยเรื่องอะไรได้ก่อน เขาผลุบหน้าลงตรงช่องว่างระหว่างเข่าของตนเองด้วยอาการอ่อนแรงจากการวิ่งระยะไกลอย่างไม่หยุดพัก และอ่อนล้าในจิตใจจากเรื่องที่เขาเพิ่งเจอมา

“มาอยู่ที่นี่เอง วิ่งเร็วจริงนะเรา” เสียงคุ้นหูดังขึ้น ชานนท์เงยหน้าขึ้นมาเจอพี่เอกยืนหอบหายใจถี่อยู่ไม่ไกล
“ทำไม.... พี่รู้ว่าผมอยู่ที่นี่?” ชานนท์พูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาพอดี
“พี่เดาเอาน่ะ พี่ว่านนท์เองก็รู้จักที่เงียบๆ อยู่ไม่กี่ที่หรอกมั้ง”  พี่เอกพูดพร้อมสบตาชานนท์อย่างรู้ใจ เพราะที่นี่เป็นสถานที่ฝึกซ้อมลับของเขาทั้งสองคน มันเป็นที่ค่อนข้างปลอดคน แต่การที่เอกสบตาชานนท์ทำให้เขาคิดได้ว่าไม่ใช่เวลามาทำเป็นเรื่องล้อเล่น สายตาที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำตานั่นกระแทกไปที่ใจของพี่เอกจนเขารู้สึกเจ็บปวดแปลบไปหมดทั้งช่วงอก พี่เอกถอนหายใจพร้อมเดินลงไปนั่งข้างๆ ชานนท์อย่างเงียบเชียบ

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมวิ่งมาแบบนี้? ไม่โอเคเหรอที่โดนทำแบบนั้นต่อหน้าทุกคน? ความจริงหากเราชอบไอ้ขี้แก็กจอมเจ้าชู้นั่นจริงๆ ก็ไม่น่าคิดมากนะ น่าจะดีใจเสียด้วยซ้ำที่คนอย่างไอ้หมอนั่นมันกล้าประกาศว่าตัวเองมีเจ้าของแล้วแบบนี้!” พี่เอกพูดขึ้นมาทั้งที่ยังแหงนหน้ามองท้องฟ้าอยู่ ในใจกลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างประหลาด

“มัน.... มัน.... ไม่ใช่แบบนั่น...... ผมก็ไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าอะไร? ผม.....”
“เอาน่า......... มีอะไรก็พูดมาให้หมดจะได้ไม่เครียด”
“พี่เอก......”
“ว่าไง?”
“ถามหน่อยสิ”
“ว่า?”
“พี่รู้เรื่อง...... วรุฒกับ.....มายด์....หรือเปล่า?”
“เรื่องคู่หมั้นน่ะเหรอ?”

“นั่นไง!! ทำไมทุกคนรู้กันหมด แล้วทำไมผมไม่รู้ แล้วไม่มีใครคิดจะบอกผมเลยหรือไง? ผมรู้สึกเหมือนเป็นไอ้โง่ที่โดนหลอกให้ไปชอบคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วยังนี้น่ะเหรอ?!?!” ชานนท์ร่ายยาวเสียงจนพี่เอกทำสีหน้าแปลกใจ

“อืม....” พี่เอกทำสีหน้านึกถึงคำพูดที่จะพูดตอบไป แต่ในใจมันเหมือนมีเข็มสักร้อยเล่มทิ่มแทงอยู่
“มันเป็นข่าวลือน่ะ ไม่มีใครรู้ว่าหรอกว่าจริงหรือเปล่า?”
“ถ้าพี่เอกเห็นสีหน้ามายด์ตอนพี่เต๋าบอกเรื่องนี้พี่เอกจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง!!” ชานนท์มีท่าทีฉุนเฉียวผิดจากทุกครั้ง

“ไอ้เต๋า!!” พี่เอกกัดฟันกรอด
ทิวทัศน์ต่างๆ ของชานนท์เริ่มพร่ามัว แก้มของเขารู้สึกเปียกชื้น เขาไม่เข้าใจตนเองเลยว่าทำไทถึงรู้สึกสับสนแบบนี้ เขาไม่ได้ฟูมฟายอะไร เพียงแต่เขาหยุดน้ำที่ไหลออกจากดวงตาเขาไม่ได้จริงๆ
“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ ก่อน” พี่เอกยกมือขึ้นลูบศรีษะชานนท์อย่างอ่อนโยน ชานนท์รู้สึกอายตัวเองเลยขอก้มหน้าหลบจากสายตาของพี่เอก

พี่เอกเองเมื่อเห็นแบบนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะจับศรีษะของชานนท์โน้มมาพิงที่ไหล่ของตัวจนเสื้อผ้าบริเวณนั้นเริ่มเปียกชุ่ม

“ร้องให้พอ หลังจากใจเย็นลงแล้วก็จะคิดหาทางออกเอง” พี่เอกพูดขึ้นมาขณะที่ชานนท์ก็ปล่อยตัวให้อยู่ในท่านั้นจนเวลาผ่านล่วงเลยไปหลายนาที

“ผมจะไปคุยกับมันให้รู้เรื่อง!!” ชานนท์พูดขึ้นหลังจากเงียบไปหลายสิบนาที สีหน้าและแววตาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก
“มันต้องแบบนี้สิน้องพี่!!” พี่เอกย้ำเสียงดัง
“แต่.....” ชานนท์มีท่าทีลังเล
“ทำไมครับ ถ้าไม่กล้าไปคนเดียวให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม?” พี่เอกยื่นมือมาสัมผัสไหล่ชานนท์
“คือ.... ผมลืมไปเลยว่าตัวเองแต่งตัวอย่างกับมางานแฟนซี.... เอ่อ......”
“ฮ่าฮ่าฮ่า...... ตอนวิ่งมากลับไม่รู้สึกนะเรา นนท์นี่เป็นคนตลกนะเนี่ย”
“พี่เอกน่ะ พี่เอกไปเอาเสื้อผ้ามาให้ผมเปลี่ยนได้ไหมครับ?”
“ไม่เห็นเป็นไร น่ารักดีนะ!!”
“โอย... พี่เอก ช่วยผมหน่อย ตอนวิ่งมามันอารมณ์มันพาไปแต่ตอนนี้ ผมไม่กล้าแม้แต่เดินกลับ พี่อย่าใจร้ายกับผมเลยนะ!!”
“ไม่ใช่ว่าพี่จะใจร้ายแล้วบอกว่าไม่ไปเอาให้นะ แต่ที่พี่ไม่ไปเพราะ พี่เอามาให้แล้ว!!” พี่เอกค้นกระเป๋าระหว่างพูดและหยิบเอาชุดนักศึกษาของชานนท์ออกจากเป้ในสภาพยับยู่ อาจเพราะพี่เอกรีบวิ่งตามมาเลยไม่ได้ใส่ใจตอนเก็บเข้ากระเป๋าเป้
“ขอบคุณครับพี่!!” ชานนท์ยกมือไหว้รุ่นพี่ที่น่ารักของเขาทันที
“แต่จะเปลี่ยนกลางแจ้งแบบนี้เลยหรือ?”
“อืม.... ผมเป็นผู้ชายไม่ซีเรียสขนาดนั้น ขอแต่.....งั้นผมขอไปเปลี่ยนหลังพุ่มไม้นั่นได้ไหมครับ พี่เอกช่วยไปยืนบังให้หน่อยนะครับ?”
“ได้ๆ” พอสิ้นประโยคของพี่เอก ชานนท์ก็รีบคว้าชุดนักตัวเองรี่ไปที่พุ่มไมสูงประมาณไหล่ตัวเองทันที พี่เอกรีบวิ่งตามไปสมทบทันที ในระหว่างเปลี่ยนเสื้อผ้า พี่เอกซึ่งควรจะหันหลังให้ก็แอบหันมามองผิวขาวๆ เนียนของรุ่นน้องตัวเล็กเป็นระยะ เขารู้สึกห้ามใจมองเรือนร่างที่บอบบางน่ารักนั่นไม่ได้จริงๆ
“พี่เอก!! ดูต้นทางด้วย!!” ชานนท์แอบดุพี่เอกที่มันแต่หาโอกาสหันมาแอบมองเขาเปลี่ยนเสื้อ เขาเองก็รู้สึกอายจึงทำได้แต่พยายามพูดให้พี่เอกหันไปทางอื่น

...............................

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

แสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนซ์สีขาวซีดหน้าห้องพักของชานนท์ที่เงียบสนิท ชานนท์ยืนผ่อนลมหายใจเข้าออกยาวอย่างต่อเนื่อง

“นนท์แต่ใจนะว่าเคลียร์คนเดียวได้?” เสียงพี่เอกดังขึ้นจากระยะ 5 เมตรห่างออกไป เป็นคำพูดเดียวกันกับสิ่งที่เอกพูดขึ้นเมื่อ 2-3 นาที และ เมื่อ 5-6 นาทีก่อน

“พี่เอกกลับห้องเหอะ ผมทำคนเดียวได้” ชานนท์หันไปพร้อมโบกมือเป็นเชิงอำลา
“แน่ใจนะ?” พี่เอกส่งเสียงมาอีกครั้ง
“แน่ครับ! ไปเหอะพี่”
“ดูน้องไม่พร้อมเลยนะ” พี่เอกพูดพร้อมทำท่าทางจะก้าวเดินมาหาชานนท์
“พี่เอก!! ผมขอร้อง ผมขอเรียกกำลังใจอยู่คนเดียวสักพักแล้วผมจะเข้าไปแล้วครับ!!”

ครืดๆๆๆๆ

เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกระเป๋าสั่นอย่างต่อเนื่อง ชานนท์หยิบขึ้นมามองหน้าจอที่ขึ้นชื่อ “ที่รัก” ซึ่งนั่นหมายถึงวรุฒที่แอบมาเปลี่ยนชื่อของตัวเองในการบันทึกในโทรศัพท์ให้เป็นแบบนั้น มันยังทำให้เขางงอยู่จนตอนนี้ว่าวรุฒรู้รหัสผ่านของเขาได้อย่างไร เพียงไม่นานแสงวูบวาบที่หน้าจอก็ดับวูบไป และขึ้นแสดงตัวเลขหลักร้อยของบรรดาเลขหมายที่ไม่ได้รับจาก ‘ที่รัก’

ชานนท์สูดลมหายใจเข้าอย่างแรงเพื่อให้อากาศอุดเข้าไปในปอดให้หนักเพื่อเรียกขวัญกำลังใจและความกล้าในการเข้าไปเผชิญหน้ากับคนที่เขามีคำถามล้านแปดที่ต้องการคำตอบที่เป็นความจริง

“พี่เอกครับ ไปเถอะครับ!!” ชานนท์หันมาพูดเชิงสั่งกับคนที่ยืนเป็นห่วงชานนท์อย่างห่างๆ  พร้อมขยับมือไปทางลูกบิดประตูและใช้คีย์การ์ดปลอดล็อคประตู

ส่วนพี่เอกเห็นดังนั้นจึงพยักหน้าและถอยห่างไปทางช่องทางลงบันไดทันที

ประตูห้องถูกผลักเปิดกว้างออก แสงสว่างจากภายนอกแทรกตัวผ่าความมืดในห้องแยกออกจนเริ่มมองเห็นทุกอย่างในห้องชัดขึ้นเรื่อยๆ  ภายในห้องไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว ความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณโดยรอบทันที่ที่ชานนท์ย่างก้าวเข้าไป เขาเปิดไฟและปิดประตูพร้อมกัน แสงไฟในห้องกระพริบเพียงสองครั้ง ในห้องก็พลันสว่างขึ้น ทุกอย่างดูโดดเดี่ยวเงียบเหงา วรุฒไม่ได้อยู่ในห้องเหมือนที่เขาคาดการณ์ไว้
‘รถก็จอดอยู่หน้าหอ แล้วไปไหนของเขาวะ?’ ชานนท์คิดขึ้นในใจ

เขาวางสัมภาระทุกอย่างลงด้วยความอ่อนเพลีย ในใจเกิดความรู้สึกผิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงหัวค่ำ เหตุการณ์ที่แสดงถึงความงี่เง่าของเขา ความอ่อนแอของเขา ตอนนี้ตาที่บวมแดงช้ำจากการร้องไห้เริ่มอ่อนล้าลงทุกที หลังจากที่ร่างกายได้มาเจอความนุ่มสบายของที่นอนของตนเองก็เกิดอาการเพลียจนไม่อาจรั้งหนังตาได้อยู่ เขาเอียงตัวลงนอนราบที่เตียงเพื่อพักผ่อนสายตา และความมืดที่เงียบสงัดก็เข้าตรอบครองสติของเขา

..............

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 19

Family is matter!!


ชานนท์ไม่เคยมีประสบการณ์หลอนๆ เสียสักเท่าไหร่ แต่วันนี้ไม่รู้ความอ่อนล้าร่างกายจากกิจกรรมทั้งวัน หรืออาการอ่อนล้าทางจิตใจกับเรื่องที่เขาเจอมาตลอดหลายวันที่ผ่าน มันเป็นเดือนที่แสนหนักหนาสาหัสสำหรับเขาที่สุดในชีวิตเลย ชีวิตที่มีแต่บทเรียนและแม่ที่ห่วงใยเขา บัดนี้มันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากการเป็นเงาจางๆ ที่ไม่ค่อยมีใครเห็นความสำคัญ อยู่ๆก็กลับกลายมาจุดสนใจของทุกคน หากมองในแง่ที่ว่าเขาต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง นับว่าเขาทำได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้เลย  แต่ความวุ่นวายที่มาพร้อมกันเหล่านี้มันไม่ใช่ที่เขาเตรียมใจมาพบเลย ความคิดเหล่านี้หลงวนเวียนเข้ามาอยู่ในความฝันของเขาวนซ้ำไปมา ในขณะที่ร่างกายของเขารู้สึกหนักอึ้ง ชานนท์ขยับและหายใจได้อย่างลำบาก แขนขาเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ นี่เขาเพลียถึงขั้นฝันอะไรประหลาดแบบนี้เลยหรือ ?

ความอึดอัดดังกล่าวทำให้ชานนท์ไม่สามารถนอนหลับได้อีกต่อไป เขาสะดุ้งเฮือกลืมตาโพลงขึ้นมาเห็นเพดานห้องภายใต้แสงไฟสลัว ชานนท์เห็นเงาตะคุ่มอยู่เหนือร่างกายของเขา ชานนท์ตกใจจนแทบสิ้นสติ เขาพยายามขยับตัวเพื่อหนีจากน้ำหนักที่กำลังกดทับเขาอยู่ แสงไฟในห้องที่น้อยจนแทบแยกแยะอะไรไม่ออกยิ่งทำให้ชานนท์รู้สึกขนลุกและหวาดกลัว ยิ่งไอ้เงาตะคุ่มๆ นั่นเริ่มขยับและมีลมอุ่นๆ แผ่วออกมาภายใต้เงาดำนั้น ชานนท์ถึงกับกลั้นเสียงกรีดร้องของตัวเองไม่อยู่อีกต่อไป

“อ๊าาาาาาา” เสียงร้องยาวด้วยความตกใจดังขึ้นจากปากของชานนท์ที่พยายามตะเกียกตะกายให้พ้นจากวัตถุหนักๆ ลึกลับนั้น แต่ร่างกายกลับไม่สามารถขยับได้เหมือนถูกตรึงแขนขาไว้กับเตียง เขารู้สึกถึงแขนขาที่ถูกแยกออกจากกันจนเหมือนรูปวาดมนุษย์โดยลีโอนาโด ดาวินชี

“แหกปากทำไมเสียงดังลั่น!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากเงาใหญ่นั่น ก่อนที่เงานั่นลอยวืดไปที่ประตูห้อง และเสียงสวิตช์ไฟก็สปาร์ค ต่อจากนั้นห้องทั้งห้องก็สว่างจ้าจนชานนท์หลับตาเพื่อหลบแสงที่สายตาปรับไม่ทัน
“นาย....” ชานนท์พูดขี้นทันทีหลังจากสายตาปรับให้กลับรับแสงสว่างในห้องได้สำเร็จ
“เออไง!! เราเอง  ปล่อยให้ไปหาเสียทั่วมหาวิทยาลัย แต่สุดท้ายดันมานอนงีบหลับที่ห้องเนี่ยนะ!!” วรุฒพูดอย่างหัวเสีย
“อ้าว! เฮ้ย!!” ในตอนแรกชานนท์คิดว่าจะทำตัวเงียบ กับคำโวยวายเหล่านั้น แต่ตัวเองกลับเป็นตนโวยวายเสียก่อนเพราะความจริงปรากฏพร้อมแสงไฟว่าแขนขาของเขาถูกมัดตรึงไว้กับเตียงจริงๆ
คนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าไม่ได้พูดสิ่งใดนอกเสียจากยืนยิ้มอยู่เงียบๆ ด้วยสายตาแสดงความสะใจ

“มัดเราทำไม??” ชานนท์มองไปที่ชายร่างสูงตรงหน้าด้วยความเกรี้ยวกราด
“จะได้หนีไปไหน ไม่ได้อีกไง!!” วรุฒตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ และสายตาฉายแววอำมหิตจนชานนท์อดขนลุกไม่ได้
“ไอ้บ้า ปล่อยสิวะ!!” ชานนท์พยายามขัดขืนเต็มแรงจนช่วงแขนขาที่โดนพันธนาการเริ่มมีรอยแดง
“หยุด!! ดูสิเป็นรอยหมดแล้ว!!” ชายร่างใหญ่กระโดดขึ้นคล่อมตัวชานนท์ไว้พร้อมล็อกแขนและขาทั้งสองข้างไม่ให้ขยับ แต่เสียงแสดงความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาที่แข็งกร้าวเมื่อครู่ก็ลดลงจนมีแววแสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยน

“ก็ปล่อยสิ มัดเราไว้ทำไม!! แบบนี้มันผิดกฏหมายนะโว้ย!!”
ชานนท์โวยวายใส่คนด้านบนในระยะประชิด พอเห็นว่าวรุฒเริ่มโอนอ่อน เขายิ่งรู้สึกได้เปรียบ
“เราต้องเคลียร์กันให้รู้เรื่องก่อน ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่ปล่อย!!”  คนด้านบนพูดใส่หน้าชานนท์ในระยะประชิด ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลา สมบูรณ์แบบนั้นส่งรัศมีความน่ารักมาในระยะแค่คืบจนชานนท์เผลอใจสั่นไปหมด
“แล้วคิดว่าเรากลับมาที่ห้องทำไมล่ะ ถ้าไม่อยากจะเคลียร์กับนาย!!” ชานนท์หลบสายตาอันแวววาวตรงหน้าและพูดออกไปอย่างเขินๆ “ปล่อยเราก่อนได้ไหมเราเจ็บแล้ว” เขาพูดอย่างอ่อนโยนและออดอ้อนกับอีกฝ่าย วรุฒมีอาการคลายแรงลงเล็กน้อยกับเสียงนั่น แต่ก็เพียงชั่วครู่
“ไม่!! คุยกันทั้งแบบนี้นี่แหละ ไม่เข้าใจกันก็ไม่ปล่อย!! นายก็อย่าขัดขืนสิจะได้ไม่เจ็บ” วรุฒตอบเสียงแข็ง
“โอ้ย!! ก็ได้ ว่ามา!!” ชานนท์ผ่อนลมหายใจยาวๆ ออกมาอย่างรำคาญ เขาคิดว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่กล้าทำแบบนี้กับวรุฒแน่ๆ ตอนนี้เขาแค่ปล่อยตัวตามสบายและหยุดขันขัดขืนคนด้านบน ทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดที่ทับลงมาลดลงอย่างต่อเนื่อง

“นนท์.... ฟังเรานะ.... เรื่องนี้มันซับซ้อนนิดหน่อย..... เราก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากอะไรก่อนดี..... เอาเป็นว่า.... พ่อของเรากับพ่อของมายด์น่ะรู้จักกัน เป็นสนิทตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว บังเอิญว่า... เราเกเร จนมีเรื่องมากมาย สุดท้าย เขาเลยประกาศเรื่องหมั้นหมายเรากับมายด์.... เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้าเปิดเทอมนี่แหละ ความจริงแล้ว เรากับมายด์สนิทกันมาก อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ มายด์เหมือนน้องเราคนหนึ่ง ไม่มีอะไรมากกว่านั่น” วรุฒพูดด้วยสีหน้าตั้งใจ น้ำเสียงอ่อนนุ่มต่างจากก่อนหน้านี้มาก แต่ยังมีแววตาลังเลอะไรบางอย่างอยู่มาก

ชานนท์ไม่ได้พูดอะไรตอบไป เขาแค่คิดว่าจะเชื่อคำพูดของวรุฒได้มากน้อยแค่ไหน แต่เท่าที่รู้จักกันมาวรุฒไม่ใช่คนชอบโกหก แต่ถึงจะเป็นเรื่องจริง ความรักของเขาครั้งนี้มันคงไม่ราบรื่นอยู่ดี ในเมื่อคนที่เขารู้สึกผูกพันธ์อยู่ตอนนี้ดันมีคู่หมั้นคู่หมายเรียบร้อยแล้ว เขาควรจะเดินหน้าหรือควรตัดใจเสียแต่ตอนนี้ดี ก่อนที่จะถลำตัวลึกไปกว่านี้ เขาควรจะทำอย่างไรดี เป็นคำถามที่ถามวนซ้ำๆ ในใจ

“เป็นอะไร? ไม่เชื่อเราเหรอ?” ชายร่างสูงโน้มตัวลงมาใกล้เขาเพียงปลายจมูก
“............” ชานนท์ยังอยู่ในความคิดตัวเอง
“นนท์!!” วรุฒเรียกชื่อชานนท์ อย่างอ่อนโยนพร้อมโน้มตัวลงต่ำกว่าเดิมและขโมยจุมพิตอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว
“เอ้ยยย อุอิอา” ชานนท์ตกใจตอบเสียงอู้อี้ออกมา
“ก็นายใจลอยไม่ตอบเองนี่หว่า?” วรุฒยกหน้าขึ้นมาขนานกับหน้าของชานนท์ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนส่องประกายฉายเข้าหาดวงตาคนที่อยู่เบื้องล่างจนอยากจะหลบสายตาแต่จนปัญญาที่โดนล็อกศรีษะอยู่

“ไปมีเรื่องอะไรมาล่ะ?” คำถามเดียวที่นึกออกจากสมองที่ว่างเปล่าจากจูบเมื่อครู่
“เรื่องมันยาว..... เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังได้ไหม? แต่ก็ต้องขอบใจเหตุการณ์นั้นนะ เพราะไม่อย่างนั้น เราคงไม่ได้เจอกัน” สายตาที่ส่งลงมาเบื้องล่างอย่างต่อเนื่องทำให้ชานนท์ตัดสินใจได้ทันที สายตาที่ทำให้เขารู้สึกลุ่มหลงทุกครั้ง เขายอมแพ้ใจตัวเองทันที
“เออๆ เชื่อก็ได้ แต่เรื่องของเรามันจะยังไงต่อ.... พ่อนาย... จะไม่ส่งคนมาจัดการเราใช่ไหม หากรู้ว่าเราเป็น.....”
“แฟนกัน!!” วรุฒพูดสวนขึ้นมาให้ประโยคสมบูรณ์
“.........” ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรได้แต่พยักหน้าเบาๆ
“นายยอมรับแล้วสิว่าเราเป็นแฟนกัน!!” วรุฒยิ้มหวานจนเห็นฟันหน้าครบทุกซี่
“เรา..... เหนื่อยที่จะ....หนี..... ใจตัวเองแล้วน่ะ......” ชานนท์ใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องหันไปมองทางอื่น ก่อนที่จะละลายกับใบหน้าที่หล่อเหลาด้านบนที่ส่งรอยยิ้มลงมาหาเขาอย่างน่ารัก
“ในที่สุด นายก็ยอม” สีหน้าลิงโลดฉายขึ้นใบหน้าของวรุฒ เขาฉีกยิ้มและก้มต่ำลงมาอยู่ในระยะที่ลมหายใจอุ่นของเขาไหลรดลงมาที่แก้มของชานนท์
“แล้ว.... ปล่อยเราได้หรือยัง?”
“ไม่!!” ดวงตาวรุฒฉายแววร้ายกาจ
“ทำไมล่ะ?”
“เราต้องทำโทษนายก่อน โทษฐานที่ให้เราวิ่งตามหาเสียทั่วมหาวิทยาลัย!!” สีหน้าของวรุฒเปลี่ยนเป็นหื่นกระหายดุจสัตว์ป่าที่หิวโซและเจ้าเล่ห์
“นายจะทำอะไร?!?”
“เดี๋ยวก็รู้!!” วรุฒยกตัวขึ้นและถอยหายหายไปที่โต๊ะของตัวเอง และเดินกลับมาพร้อมกรรไกรที่ส่องประกายวิบวับ
“ทำอะไรน่ะ?!?” ชานนท์ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ก็จัดการนายไง!!”
“เฮ้ย!! เดี๋ยวๆ จะทำอะไรน่ะ?!?” ชานนท์พยายามดิ้นรนที่จะหนีจากพันธนาการอีกตรั้งแต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะสะบัดให้หลุด ไอ้เชือกที่ไม่ควรอยู่ในห้องนี่มาจากไหนก็ไม่ทราบแถมยังผูกมัดแขนขาเขาเสียแน่นหนา  จากบบรรยากาศหนังรักเมื่อครู่ มันกลายมาเป็นหนังสยองขวัญแบบนี้ได้อย่างไร?

ในเมื่อความพยายามในการดิ้นรนไม่เป็นผล เขาจึงตัดสินร้องเรียกให้คนช่วยแต่ก็มีมือหยาบใหญ่ปราดเข้ามาปิดริมฝีปากไม่ให้ขยับจนเสียงที่หลุดลอดฝ่ามือออกไปได้แค่เพียงเสียงอู้อี้

“นายจะกรี๊ดร้องเสียงดังทำไม?”  วรุฒกระซิบข้างหูชานนท์ในขณะที่กรรไกรอันเย็นเยียบแนบติดอยู่กับแก้มชานนท์จนเขาทำเสียงอู้อี้หนักกว่าเดิม
“อ่ะ! ขอโทษนะ เราไม่ทำร้ายนายหรอก นายได้โปรดอย่าร้องโวยวายได้ไหม?” วรุฒยกกรรไกรอออกห่างจากตัวชานนท์และยังคงกระซิบใส่ข้างหูชานนท์อย่างต่อเนื่อง

ชานนท์ทำได้แค่พนักหน้าช้าๆ เพราะปากยังคงถูกมือหนาใหญ่โอบรัดอยู่  วรุฒเห็นว่าคนทางด้านล่างว่าง่ายแล้วก็ปลดมือตัวเองออก ในขณะที่ชานนท์ยังคงมองมือทั้งสองของคนด้านบนไม่วางตา

“เดี๋ยวเราจะช่วยให้นายสบายตัวเอง” วรุฒพูดพร้อมใช้มืออีกข้างจับไปที่เชือกที่ข้างล่างด้านซ้าย ชานนท์เห็นแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจไปได้บ้างจนเผลอผ่อนลมหายใจเสียงดัง และแล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็เผยออกจากใบหน้าของวรุฒ เขาเลื่อนมือลงต่ำและหยิบกรรไกรที่ซ่อนอยู่ จัดการตัดกางเกงให้แหวกออกจนเห็นเนื้อหนังสีขาวเนียนช่วงขาตอนบนชัดเจน
“เฮ้ย!! ทำอะไรน่ะ?!? นั่นชุดนักศึกษา!!” ชานนท์โวยวายทันทีที่ได้ยินเสียงกรรไกรแหวกผ่าเนื้อผ้ากางเกงตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงต้นขา
“แล้วไง!?!”
“นี่มันยี่ห้อ cxxx นะ”
“แค่นั่นเอง!! เดี๋ยวซื้อมาใช้คืนให้สักสิบตัวเลย!!” พูดจบวรุฒก็บรรเลงเพลงกรรไกรตัดแหวกทุกอย่างออกจนเผยให้เห็นผิวกายของชานนท์จนหมด
“ปราการด้านสุดท้ายแล้ว!!” วรุฒพูดขึ้นขณะดึงขอบกางเกงในสีขาวสะอาดขึ้นมาด้วยแววตาซุกซน

ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรทำได้เพียงมองชายตรงหน้าค่อยๆใช้กรรไกรตัดกางเกงในตัวโปรดของเขาออกเป็นชิ้นๆ ด้วยน้ำในตาที่มันวาวด้วยความเสียดาย ในที่สุดร่างกายของเขาก็เปลือยเปล่าในสภาพที่แขนขาโดนตรึงไว้ทั้งสี่ด้าน เขารู้สึกทั้งอายทั้งโกรธ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2019 11:03:32 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:


จากนั้นก็หยิบแส้หยิบเทียน  อิอิ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

......................

แดดอ่อนยามเย็นสาดส่องลงมายังพื้นผิวที่ยังคงร้อนระอุจากความร้อนในช่วงบ่ายที่ผ่านมา ชานนท์เดินออกจากอาคารเรียนด้วยอาการอ่อนเพลียจากการเรียนอันหนักหน่วงตลอดทั้งวัน เพราะอยู่ในช่วงใกล้สอบกลางภาคแล้ว อาจารย์ของทุกวิชาต่างประเคนวิชาความรู้ให้อย่างหนักหน่วงเพราะกลัวสอนไม่ทันกับการสอบกลางภาค บวกกับอาการอ่อนเพลียจาก ‘กิจกรรมตอนเย็น’ และ ‘กิจกรรมยามดึก’ ของเขา ทำให้เขาแทบจะทรงตัวต่อไปไม่อยู่ ร่างเล็กๆ ของเขาแทบจะล้มพับไปกับลมแรงที่วิ่งพาดผ่านระหว่างอาคารระหว่างเดินทางกลับหอพัก

วันนี้เขาขอแยกตัวออกจากเพื่อนของเขา โดยเฉพาะเมย์ที่พยายามขยั้นขยอไปฉลองกับการไม่ได้เป็นดาวเดือนคณะฯของพวกเขาทั้งสอง  แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ดูอิดโรยบวกกับขอบตาที่บวมช้ำของชานนท์ทำให้เมย์เลิกลาการตอแยชานนท์ไป เธอแยกตัวไปฉลองกับคนอื่นๆ ในทีมเชียร์ลีดเดอร์ และแยกเขี้ยวใส่ชานนท์ประมาณว่าเขาติดหนี้เธอเรื่องที่จะไปฉลองกัน รวมถึงเรื่องที่เมื่อวานชานนท์หายตัวไปจนต้องเดือดร้อนไปถึงเธอในการช่วยตามหา เธอต้องการคำตอบที่ชานนท์ยังไม่ยอมตอบตลอดทั้งวันว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น ชานนท์นึกถึงตรงนี้ก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที เขาโชคดีแล้วที่คบกับเมย์แค่เพื่อน ดูจากนิสัยแล้วเขาคงอยู่กับเมย์แบบนั้นไม่ได้แน่นอน มันดูตื่นเต้นเกินไป

เสียงมอเตอร์ไซค์ขับผ่านตัวเขาไปในขณะที่เขาเดินไปได้ครึ่งทาง เสียงทำให้เขาแอบนึกถึงพี่เอกที่จนถึงเวลานี้ เขายังไม่เห็นพี่เอกเลย ‘หากเจอพี่เอกก็ว่าจะขอติดรถกลับหอเสียหน่อย’ เขาคิดเรื่อยเปื่อยนะหว่างพยายามยกขาทั้งสองข้างก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เขามองเห็นหอพักตัวเองอยู่ในระยะสายตาแล้ว แต่ก็ยังแอบถอนใจกับระยะทางข้างหน้า พอเดินมาถึงจุดนี้ทำให้เขานึกถึงแฟนหนุ่มของเขาที่ขอตัวหายไปตั้งแต่รับโทรศัพท์ปริศนาหลังจบคาบเรียนสุดท้าย เพราะช่วงหลังมานี้ เขาแทบไม่เคยเดินกลับหอพักเองเลย วรุฒมักจะบังคับให้เขานั่งรถกลับมาด้วยเสมอ จนเขาเกือบลืมระยะทางระหว่างอาคารเรียนกับหอพักไปเสียแล้ว

ในที่สุดหลังจากใช้เวลาหลายนาที ชานนท์ก็ก้าวเข้ามาถึงเขตอาคารหอพักของตนเองสำเร็จ เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดถึงห้องอาบน้ำ คิดถึงโต๊ะอ่านหนังสือ คิดถึงเตียงนุ่มๆของเขาจนต้องยิ้มออกมาอย่าห้ามไม่อยู่ หากใครมาเห็นเขาตอนนี้คงคิดว่าบ้าไปแล้ว

“น้องนนท์คะ มีคนมาขอพบคะ” ทันทีที่เขาเปิดประตูหอพักเข้าไป เจ้าหน้าที่ประจำหอพักก็รีบเข้ามาทักทายทันที ชานนท์มีอาการแปลกใจเล็กน้อยเพราะด้วยเวลานี้ปกติ เจ้าหน้าที่ดูแลหอพักก็มักจะกลับบ้านไปแล้ว

“คุณเขารออยู่ที่ห้องรับรองนะคะ” เธอพูดจบก็รี่เดินกลับไปที่สำนักงาน และเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านทันที ชานนท์รู้สึกแปลกใจอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ทึกทักอะไร เดินไปที่ห้องรับรองทันที
‘แม่มา? แต่แปลก แม่น่าจะโทรมาบอกก่อน วันนี้วันทำงาน ไม่น่าจะมาได้ แล้วทำไมมาเอาป่านนี้?’ ชานนท์คิดถึงความเป็นไปได้ร้อยแปด เพราะด้วยความที่เขาและแม่ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน คนที่มาเยี่ยมมาหาจึงไม่น่าจะเป็นใครไปได้นอกจากแม่ของเขาเอง

ชานนท์ผลักประตูกระจกกึ่งโปร่งใสเข้าไปในพื้นที่รับรองญาติหรือผู้มาติดต่อด้วยความสงสัย ภายในห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์สีซีดประดับตกแต่งแบบห้องรับแขกเรียบง่าย ดวงไฟในห้องเรืองแสงอ่อนจนเหมือนจะหมดแรง ทำให้ในห้องไม่ได้สว่างมากขึ้นเท่าไหร่นัก โชคดีที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ห้องจึงบรรยากาศไม่ได้น่ากลัวเท่าใดนัก เขาเห็นผู้หญิงในชุดสูททำงานเรียบหรู แต่งหน้าบางๆ ดูเป็นธรรมชาติแต่สีปากโดดเด่นสีแดงด้านสวยหรูแบบที่ไม่ซ้ำแบบใคร เธอยิ้มให้ชานนท์ทันทีที่ชานนท์เดินเข้ามาในระยะสายตา

“สวัสดีครับ” ชานนท์กล่าวทักทายและไหว้อย่างสุภาพกับคนตรงหน้า เขารู้แปลกใจที่เจอคนๆ นี้ในห้องแบบนี้
“สวัสดีจ๊ะ” หญิงสาววัยกลางคนยิ้มทักทายกลับมาอย่างใจดี
“เอ่อ...... อาจารย์ เอ่อ.... ดอกเตอร์....” ชานนท์รู้สึกประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่เป็นเหมือนแรงบรรดาลใจในการเรียนของตนเอง ผู้ที่ประสบความสำเร็จในวงการการศึกษา
“เรียกว่า ‘แม่’ ก็ได้จ๊ะ นี่ไม่ใช่เวลางานแล้ว อีกอย่างแม่มาเพราะเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องงาน” หญิงในชุดสูททำงานสวยสง่ายิ้มอย่างเป็นมิตรตอบกลับชานนท์
“แต่ ... อาจารย์ศศิประภาครับ คือ ....  ผมว่ามันไม่ค่อยเหมาะ...” ชานนท์กำลังอยู่ต่อหน้าผู้อำนวยการมหาวิทยาลัย ระดับ ดอกเตอร์ศศิประภา แบบนี้ เขาจะไปทำตัวตามสบายได้อย่างไร?
“ไม่เป็นไรคะ ลูกเป็นเพื่อนลูกแม่ เรียกอย่างนี้ไม่เห็นแปลกเลยคะ”
‘เพื่อน’ คำนี้ที่หลุดออกจากปากของคนตรงหน้าทำให้เขารู้สึกอึดอัด เขาทำได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป

“กิ๊บ พี่ขออยู่ตามลำพังได้ไหมคะ?”
คุณแม่ที่ยังดูอ่อนกว่าวัยเอ่ยกับผู้ช่วยสาวสวยของเธออย่างสุภาพ ผู้ช่วยที่ยืนเยื้องไปด้านหลังซึ่งยืนได้นิ่งสนิทเหมือนตุ๊กตา เขาแทบไม่สังเกตเห็นเธอเลย เพราะสีเสื้อของเธอแทบจะกลืนไปกับพื้นสีของห้องรับรอง เธอพยักหน้าและยิ้มมาที่ชานนท์ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

“นั่งก่อนสิลูก” ดอกเตอร์สาวสวยยิ้มอย่างเชื้อเชิญ
“ขอบคุณครับ..... เอ่อ .... คุณแม่มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ หรือว่าแวะมาหารุฒ แต่วันนี้รุฒไปไหนก็ไม่ทราบนะครับ ไม่ได้กลับมาพร้อมกันครับ” ชานนท์นั่งลงและพยายามพูดเพื่อลดความประหม่าของตนเอง
“แม่ไม่ได้มาหารุฒเค้าลูก แม่มาหานนท์นั่นแหละ” ดร. ศศิประภา หรือที่ใครเรียกติดปากว่าดร. ภา หรือ อาจารย์ภาวางสายตาอันเฉียบคมมาที่ชานนท์ จนเขารู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย
“เอ่อ.... มาหาผม?”
“ใช่จ๊ะ... แม่ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ แม่มีเวลาน้อย แม่มีนัดต่อจากนี้”
“อ่ะ... ครับ”
“แม่รู้มาว่า เราคบกับตารุฒอยู่ใช่ไหม?”

“!!!!!” หลังจากที่ได้ยินดังนี้ทำให้หัวของชานนท์ขาวโพลนไปหมด เขาพยายามจะคิดหาทางปฏิเสธร้อยแปดแต่มันไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหม เขาได้แต่อ้ำอึ้งใส่คนตรงหน้าไป

“ไม่ต้องมาปฏิเสธหรอกนะ ตอนนี้เขาคงรู้กันทั่วมหาวิทยาลัยแล้ว” ดร.ภาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ดูมีพลังทำลายล้างไม่เบา อาจเพราะชานนท์รู้สึกเกรงคนๆนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

“ในฐานะของผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัย แม่เองก็ไม่ติดใจอะไรเพราะเรื่องแบบนี้มันเรื่องของรสนิยมทางเพศ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือก แม่เองก็ไม่อยากเข้ามาก้าวก่ายอะไร แต่ในฐานะของแม่แล้ว แม่คงอยู่นิ่งเฉยไม่ได้!!”
“ครับ” ชานนท์มีเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
“นนท์..... นนท์เข้าใจแม่นะลูก วรุฒน่ะ ด้วยฐานะและหน้าตาทางสังคมแล้ว ทำให้มีคนมากหน้าหลายตา เข้ามาในชีวิตมากมาย ซึ่งจากที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีคนหวังดีและจริงใจเสียสักเท่าไหร่......” พูดมาถึงตรงนี้ คุณแม่ภาก็จ้องมองมาที่ชานนท์อย่างต้องการหาคำตอบอะไรสักอย่างจากเขา
“นนท์...... คนเป็นแม่ก็ต้องห่วงเป็นธรรมดาถูกไหม?”
“เอ่อ... ครับ”
“แม่ก็อยากรู้ว่าคนที่ลูกของแม่คบด้วยเป็นคนแบบไหน?”
“ครับ” ชานนท์หลบสายตาคนเป็นแม่อย่างไม่รู้ตัว
“อืม.... ลูกก็เป็นเด็กเรียนดีนะ....” แฟ้มบางๆแฟ้มหนึ่งปรากฏอยู่บนมือของ ดร.ภา อย่างทันทีทันเหมือนเนรมิต

“เป็นนักเรียนทุนที่ทำข้อสอบของเราเกือบเต็มเสียด้วย อืม..... เหตุที่ขอทุนเพราะทางบ้านขาดแคลนทุนทรัพย์.... อืม....” ดร.ภาอ่านแฟ้มเล่มนั้นและดูเหมือนจะพูดพึมพำกับตัวเองมากกว่า
“อืม..... แม่ว่าแม่คุ้นหน้าเรามากเลย แต่นึกไม่ออก.... ไม่เป็นไร... ช่างมันเถอะ ที่พูดมาทั้งหมดนั้น เพราะแม่มีอะไรมาเสนอ”
“อะ...อะไรครับ”
“เลิกคบกับรุฒซะ แล้วเรื่องทุนการศึกษา แม่จะช่วยออกให้จนถึงปริญญาเอกเอง เห็นเขียนตอนสมัครสอบทุนฯ ว่าอยากเรียนไม่ใช่เหรอ? แม่ทำให้ฝันนั้นเป็นจริงได้นะ! เพียงแค่เลิกคบกับรุฒซะ เรื่องห้องเดี๋ยวแม่จัดการให้ ไปอยู่ห้องใหม่ทางฝั่งตะวันตกได้เลย ได้ห้องเดี่ยวเลยนะ แล้วก็ แม่จะเพิ่มทุนในการใช้จ่ายแต่ละเดือนให้ด้วยนะ รู้ใช่ไหมว่า รุฒน่ะเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว เรียนจบพร้อมกันก็จะให้แต่งกันเลย แม่อยากให้เขาได้เจอคนดีๆ คนในระดับเดียวกัน เขาจะต้องมีความสุขแน่ๆ” ดร.ภาเอื้อมไปจับมือชานนท์เบาๆ

“ไม่ครับ!!” ชานนท์กลับไปแทบจะทันที จนดร.ภาชักมือกลับแทบไม่ทัน
“ผมยอมรับว่าข้อเสนอมันน่าสนใจ แต่ผมอยากทำตามความฝันด้วยลำแข้งของตัวเองน่าจะภูมิใจกว่า ส่วนเรื่องผมกับรุฒ ผมไม่ได้คบกับรุฒเพื่อเงินหรือฐานะทางสังคม ผมคบกับเขาเพราะผมชอบเขา อนาคตจะเป็นอย่างไร ผมอยากให้เขาเป็นคนเลือกเอง หากเขาคิดได้ว่าอนาคตที่แม่เลือกให้มันดีกว่าการคบกับผมต่อไป ผมก็ให้อำนาจเขาตัดสินใจครับ!!” ชานนท์พูดออกมาจนตัวเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าเขาเป็นคนพูดสิ่งเหล่านี้ออกจากปากตนเอง หลังจากพูดจบเขาต้องเอามือปิดปากพล่อยๆ ของตนเอง เขาลุกขึ้นพร้อมที่จะเดินหนีหากสถานการณ์ตรงหน้าไม่ดีขึ้นมา

“ได้มาทันฟังอะไรดีๆ ด้วย!!” เสียงพูดปนหอบดังมาจากทางด้านหลัง

“รุฒ!!” น้ำเสียงปนความประหลาดใจดังขึ้นจากปากคุณแม่คนสวย

“สวัสดีครับ แม่ ทำไมทำหน้าประหลาดใจแบบนั้นล่ะครับ?” วรุฒเดินมาและยืนอยู่ข้างชานนท์

“เราไม่ได้นัดกันที่นี่นะ ทำไมลูกถึงมาอยู่ตรงนี้!?” ดร.ภา ถอนหายใจเสียงดัง และหันมายิ้มกับลูกชายของตนเอง

 “ผมควรจะถามแม่ก่อนไหมครับว่าทำไม แม่ถึงมาอยู่ที่นี่ ตรงนี้กับคนของผม?” วรุฒถามกลับเสียงหนักแน่น
“แม่แค่ผ่านมา และกะจะมาทักทายกับเพื่อนลูกเท่านั้นเอง” ดร. สาวสวยยิ้มกลับด้วยสีหน้าเหมือนการมาปรากฏตัวของเธอเป็นเรื่องธรรมดา
“แล้วแม่คุยอะไรกับเพื่อนของผม?”
“ก็อยากรู้ว่า เราเข้ากับเพื่อนร่วมห้องได้ไหม?”
“แม่ไม่ควรมาถามผมแบบนี้นะ ทั้งๆ ที่แม่เป็นคนจับผมยัดใส่ที่นี่เสียเอง!! แม่ร่วมมือกับพ่อเพื่อลงโทษผม กับเรื่องๆนั้น!! แล้วแม่ก็ยังไม่ได้ตอบผมเลยว่า ที่นัดผมไปกินข้าวกัน แต่ทำไมแม่มาอยู่ที่นี่!!” วรุฒพูดอย่างเหลืออด
“แม่แค่........”
“แม่ครับ ผมขอความจริง!! แม่จะลงโทษผมเหมือนพ่อไม่ได้นะ เรื่องแบบนี้ผมควรมีสิทธิ์เลือกใช่ไหมครับ?”
“แต่เรื่องคราวที่แล้วมันก็สมควรไหม?!!” ดร.ภามีสีหน้าแสดงอารมณ์ขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนที่จะเลือนหายไป
“หากแม่ไม่ทำแบบนี้ ไม่ไปต่อรองกับพ่อแก รับรองว่ารุฒได้ไปอยู่ในสถานศึกษาแบบประจำที่ต่างประเทศแน่ๆ แม่ไม่อยากอยู่ห่างจากลูกขนาดนั่น แม่ว่ามันเป็นการลงโทษที่เกินขอบเขตไปหน่อย แม่ช่วยรุฒอยู่นะ” ดร.ภามีความปวดร้าวอยู่ในแววตา
“แล้วครั้งนี้ แม่จะบอกพ่อไหมครับ?” วรุฒพูดเสียงเรียบ
“แม่คิดว่า....ไม่..... แม่แค่อยากพิสูจน์ว่าคนที่เข้ามาในชีวิตลูก จะไม่ทำให้ลูกต้องเจ็บปวดซ้ำสองอีก  ครั้งนี้ลูกเลือกได้นะ” ดร. ภายิ้มมาที่ชานนท์อย่างจริงใจ สีหน้าผิดไปตากเมื่อครู่มาก
“แน่นอนครับ ผมพิสูจน์เองหลายครั้งแล้ว!! ผมมีบทเรียนแล้ว ผมจะไม่โง่อีกต่อไป!!” วรุฒใช้มือดึงร่างเล็กๆ ของชานนท์เข้ามากอด
“แม่น่ะ เป็นคนทันสมัย ไม่เหมือนพ่อแก เรื่องพวกนี้แม่ไม่ว่าหรอก ว่าแต่.....” ดร.ภา เห็นภาพตรงหน้าก็อดยิ้มไม่ได้ที่เห็นลูกชายของตนมีสีหน้าแห่งแน่วแน่และมีความสุขเปื้อนอยู่เต็มไปหมด
“ครับ?” ชานนท์สงสัยกับการทิ้งท้ายประโยคแบบนี้
“ไปถึงขั้นนั้นกันหรือยัง?” ดร.ภาถามเสียงเรียบ
“ขั้นไหนครับ?” ชานนท์เริ่มมีอาการหน้าร้อนขึ้นมา
“ถ้าถามว่าได้กันหรือยัง? เรียบร้อยแล้วครับแม่”
วรุฒตอบเสียงดัง
“รุฒ!! ลูกเนี่ย ยังไงแม่ก็เป็นผู้หญิงนะ พูดอะไรแบบนี้ก็เกรงใจแม่หน่อย เอาเป็นว่า อย่าทำอะไรกันแผลงๆ และก็รู้จักป้องกันกันดีๆ ก็แล้วกัน!!” ดร.ภามีสีหน้าเขินอายเล็กน้อยในขณะที่วรุฒหัวเราะแม่ตัวเองด้วยความร่าเริง

ชานนท์พูดอะไรไม่ออกเพราะได้ฟังแบบนี้ทำให้เขานึกถึงเรื่องที่พวกเขาทำกันเมื่อวาน แบบนี้เขาเรียกว่าเล่นแผลงๆ หรือเปล่านะ?
“นนท์ ทำไมทำหน้าแปลกๆ ล่ะลูก”
“ก็เรื่อง.......” ชานนท์รู้หน้าร้อนผ่าวไปหมด มีอาการลังเลว่าควรจะกล่าวสิ่งที่คิดอยู่ในใจหรือไม่
“ทำไมล่ะ มีเรื่องอะไรจะบอกแม่หรือเปล่า?”
“เรื่องป้องกันน่ะครับ รุฒเขาไม่เคยกับผมเลย”

“รุม!! ทำไมไม่รู้จักระวังตัวให้เป็นนิสัย!! แม่บอกหลายครั้งแล้วนะว่าลูกจะทำตัวเหมือนพ่อ แม่ก็ไม่เคยว่าแต่ก็ควรจะป้องกัน!!” ดร.ภากล่าวเสียงเข้ม
“แม่จะโวยวายทำไมเนี่ย ผมก็ไม่เคยลืมที่จะป้องกันเลยสักครั้ง โดยเฉพาะกับพวกผู้หญิงรักสนุกเหล่านั้น แต่กับนนท์เนี่ย... นนท์มันซิงแม่ บริสุทธิ์แบบไม่เคยผ่านมือใครแบบนี้ผมเลยขอแบบสดๆ”
“โอ้ย!! รุฒ!! ลูก!! ไม่ต้องบอกละเอียดขนาดนี้ก็ได้นะ!! ไม่รู้ว่าไปเอานิสัยแบบนี้มาจากใคร แม่ว่าลูกคงได้จากพ่อมาเยอะ เอาเถอะๆ แม่ไม่อยากรู้อะไรแล้ว เอาเป็นว่า ... หากลูกรักนนท์ก็ปัองกันกันไปเถอะนะ” ผู้อำนวยการสาวสวยส่ายหน้ากับพฤติกรรมลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนเอง
“นนท์เองก็อย่ายอมนะลูก” ดร.ภาหันมายิ้มกับชานท์ด้วยความห่วงใย แม้จะมีบุคลิกนิ่งขรึมแต่ก็แสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยวรุฒไม่น้อย
“อ่า....ครับ” ชานนท์ยิ้มตอบกลับอย่างเขิน เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับการยอมรับที่กระทันหันขนาดนี้

“ผมคลีนน่าแม่ ผมตรวจเลือดทุกหกเดือน เมื่อวานก็เพิ่งจัดไปเองใช่ไหม? ทั้งเชือก เทียนไข และโล้ชิงช้า” วรุฒพูดเน้นคำทุกคำและนิ่งอย่างได้ใจ
“รุฒ!! แม่บอกว่าไม่ต้องเล่ารายละเอียด!! แล้วทำไมเล่นกันพิเรนทร์แบบนี้!!” ดร.ภามีท่าทีเกรี้ยวกราดขึ้นมาเล็กน้อย
“แม่ครับ มันไม่ใช่แบบนั้น!!” ชานนท์รีบแก้ตัว
“ดีจัง ยอมเรียกแม่แล้ว” ดร.ภายิ้มกับชานนท์อย่างเอ็นดูจนชานนท์ขวยเขิน
“นายก็ด้วย แม่เข้าใจผิดหมดแล้ว” ชานนท์ดุวรุฒจนวรุฒหัวเราะเสียงดัง
“ดีจังนะ... ปกติไม่มีใครกล้าดุรุฒเขาแบบนี้โดยไม่โดนเขาลงไม้ลงมือนะเนี่ย แปลว่ารุฒเขาจริงจังกับเราน่าดูนะ” ดร.ภาเสริม
ชานนท์ได้แต่ยืนหน้าแดงอยู่นิ่งๆ ในขณะที่แม่ลูกกำลังคุยถึงเขาอย่างสนุกสนาน นิสัยด้านอ่อนโยนของวรุฒน่าจะได้จากแม่ของเขา

......................

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:


ไอ่เราก็นึกว่าจุนแม่จะมาเสริฟมาม่าเสียอีก

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

ในที่สุดก็ถึงช่วงสอบกลางภาค ชานนท์เริ่มวิตกกังวลกับข้อสอบที่จะสอบในไม่กี่วันนี้ เพราะช่วงต้นเทอมนั้นเต็มไปด้วยกิจกรรมเต็มเติมประสบการณ์ชีวิตมหาวิทยาลัยจนแทบจะไม่ได้ใส่ใจการเรียนอย่างเขาที่เคยเป็น แต่เขาก็ยอมรับว่ามันเป็นประสบการณ์แปลกใหม่อย่างที่เขาตั้งใจไว้ ทั้งเรื่องประกวดดาวเดือนที่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้สัมผัสสปอร์ตไลท์ในชีวิตนี้ และเขาก็คิดว่าเขาทำได้ดี จนสามารถคว้าตำแหน่งรองเดือนคณะฯ มาได้ แม้คะแนนเหล่านั้นจะได้มาจากแฟนคลับที่แปลกและแตกต่างจากที่เขาคิดไว้ก็ตาม (แฟนคลับควรจะเป็นสาวน่ารักๆ ตัวเล็กสิ ไม่ใช่ผู้ชายตัวสูงใหญ่พวกนั้น)

ไหนจะเรื่องความรักที่..... ได้คนรักมาอย่างไม่ตั้งใจจากคนที่ไม่ได้คาดหวังด้วยแล้วยิ่งรู้สึกแปลกไปอีก ชานนท์คิดระหว่างอ่านทบทวนหนังสือในช่วงเย็นด้วยหน้าตาที่ตึงเครียด

“เครียดอะไรเนี่ย?” วรุฒซึ่งเดินมาจากมุมไหนของห้องก็ไม่ทราบ แทรกตัวมายืนทางด้านข้างและโน้มตัวลงมาหอมแก้มนุ่มๆของเขาหนึ่งฟอดใหญ่
“ใครจะไปทำตัวตามสบายแบบนายได้ล่ะ” วรุฒตอบกลับพร้อมใช้มือลูบแก้มตัวเองด้วยความตกใจ ความสากของตุ่มหนวดเคราที่กำลังขึ้นของชายร่างใหญ่ทำให้เกิดอาการคันและจั๊กจี้
“แค่สอบกลางภาคเอง นนท์ทำได้อยู่แล้วล่ะน่า พวกสอบย่อยที่ผ่านมานายก็ทำได้เกือบเต็มแทบจะทุกวิชาไม่ใช่เรอะ?” วรุฒทิ้งตัวลงไปนอนเอกเขนกที่เตียงใหญ่ขนาดคิงไซส์ที่กลางห้อง ชานนท์ยังไม่คุ้นกับการจัดห้องแบบใหม่ของวรุฒที่ปรับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และการจัดห้องให้เป็นเหมือนเรือนหอของพวกเขาทั้งสองคน จากสองเตียงเล็กกลายมาเป็นเตียงใหญ่หลางห้อง เพราะช่วงหลังมานี้ ชานนท์ไม่เคยได้นอนเตียงตัวเองเลย และเขาเองก็บ่นบ่อยๆว่า นอนเบียดกันทุกวันจนปวดตัวไปหมด สุดท้ายคุณชายรุฒจึงทำทุกอย่างออกมาแบบนี้ จากที่เคยแยกเป็นสอง ทุกอย่างถูกรวมเป็นหนึ่งทั้งหมดยกเว้นโต๊ะหนังสือที่ชานนท์ขอตั้งแยกเพราะไม่อยากให้วรุฒทำเขาเสียสมาธิอ่านหนังสือ

“อยากทำได้เต็มน่ะ”
“เครียดเกินไปหรือเปล่าครับ”
“ใครจะไปเก่งอย่างนายล่ะ” ชานนท์หันกลับมาจ้องไอ้คนที่แทบไม่ได้จับหนังสืออ่านเลยแต่ดันได้คะแนนเต็มทุกวิชาอย่างอิจฉา
“อยากให้แฟนคนเก่งของนายติวให้ไหมล่ะ?” วรุฒยิ้มกลับอย่างยียวน
“ไม่ล่ะ!!” ชานนท์พูดจบก็หันหลังไปอ่านหนังสือต่อโดยไม่พยายามหันกลับไปมองแววตายียวนปนมีเสน่ห์ทางเพศของคนที่นอนอย่างเชิญชวนบนเตียงที่นุ่มสบาย

พอนึกถึงคำว่า ‘แฟน’ ชานนท์ก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ เพราะทำให้เขานึกถึงสถานะคู่หมั้นระหว่างวรุฒและมายา หรือมายด์เพื่อนของเขา (และคนที่เขาเคยแอบชอบ) ตั้งแต่รู้เรื่องนี้เขาก็เข้าหน้ามายด์ไม่ติดและพยายามเลี่ยงที่จะพบหน้ามายด์มาโดยตลอด แม้ว่าทั้งรุฒและเมย์ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ไม่ต้องคิดมาก เพราะเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่จัดการแบบคลุมถุงชน มายด์และรุฒต่างไม่ได้เต็มใจ’ แต่เขาก็รู้สึกถึงความไม่มั่นคงของตัวเองอย่างมาก รวมถึงความรักแบบนี้คงจะให้ยอมรับในสังคมคงยาก

“คิดเรื่องของเราอยู่หรือเปล่าบอกแล้วว่าไม่ต้องคิดมาก” เสียงวรุฒดังแทรกเข้ามาในความคิดของเขา วรุฒเหมือนมีญาณทิพย์รับรู้ความคิดของชานนท์
“เปล่าเสียหน่อย” ชานนท์แก้ตัวไปอย่างเขินๆ
“นายเนี่ยนะน่ารักจริงๆเลย โกหกได้ไม่เนียนเอาเสียเลยนะ” วรุฒโผเข้ากอดทางด้านหลัง
“อย่ามากวนได้ไหม? จะอ่านหนังสือสอบ!!” ชานนท์มีท่าทางหงุดหงิดใส่อีกฝ่ายแก้เขิน วรุฒเองก็พอจะรู้ว่าชานนท์ทำไปเพื่อแก้เขิน เขาจึงยิ่งกอดแน่นขึ้นพร้อมทั้งหัวเราะในลำคอเบาๆ
“โอย! เบาหน่อย เราเจ็บ ไม่ช่วยก็อย่ามากวนได้ไหม?” ชานนท์เริ่มดีดดิ้นให้อีกฝ่ายถอยห่างออกไปจากการอ่านหนังสือของตน
“ยอมให้เราติวแล้วใช่ไหม?” วรุฒพูดข้างหูอย่างอ่อนโยน
“อืม” ชานนท์พยักหน้าแบบขอไปที เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าโดนเกาะแกะแบบนี้ อีกอย่างมีคนช่วยเขาน่าจะอ่านหนังสือได้เข้าใจได้เร็วขึ้นโดยเฉพาะกับคนที่ได้คะแนนเต็มทุกวิชาอย่างวรุฒ
“ค่าติวเราแพงนะ”
“อะไรวะ? ทำไมถึงคิดเงินด้วยล่ะ!”
“เราไม่อยากได้เงินของนาย”
“แล้วจะเอา.....อะ....ไร.....” ชานนท์ถามกลับในขณะที่เขาเองก็เริ่มรู้ถึงคำตอบของคำถามของตัวเองแล้ว
“ไม่เอาแล้ว.... เราอ่านคนเดียวได้!!” ชานนท์รีบสวนขึ้นมาทันที
“ไม่ทันเสียแล้วล่ะ ตอนนี้เราห้ามตัวเองไม่อยู่แล้ว เรามาจ่ายค่าติวกันเลยก็แล้วกัน!!” วรุฒพูดจบ ชายร่างสูงใหญ่ก็จัดการรวบตัวคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มุมห้องขึ้นมาอย่างง่ายดาย

“เดี๋ยวๆ” ชานนท์โวย
“อย่าดิ้นสิ ตกไปจะเจ็บเอานะ” วรุฒกระชับแขนตัวเองเข้ามาให้ร่างกายอีกฝ่ายแนบชิดกับร่างตัวเองมากขึ้น ความอบอุ่นของคนตัวสูงแผ่เข้ามาในตัวของชานนท์อย่างช้าๆ
“เราจะอ่านหนังสือ!!” ชานนท์พูดอู้อี้เหมือนเด็กน้อยที่โวยวายในอ้อมอกพ่อแม่
“คลายเครียดก่อนไง เครียดไปก็อ่านไม่รู้เรื่องหรอก!!” วรุฒพูดจบก็เดินไปวางชานนท์ที่เตียงอย่างทะนุถนอมและกดริมฝีปากตนเองไปที่ริมฝีปากของชานนท์อย่างเย้ายวน เทคนิคนี้ที่ชานนท์ไม่สามารถต้านทานได้เลยสักครั้ง เพียงไม่กี่พริบตา เสื้อผ้าของเขาก็ถูกบรรจงถอดออกจนเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าให้คนตัวสูงทางด้านบนทำการชำระค่าเสียหายอย่างชำนิชำนาญ ชานนท์ถูกอีกฝ่ายพาเข้าไปสู่วังวนแห่งความหฤหรรษ์จนเขาไม่อาจนึกถึงการอ่านหนังสือได้อีกต่อไป

................................

ช่วงสอบกลางภาคผ่านไปได้อย่างทุลักทุเล เพราะการอ่านหนังสือสไตล์คุณชายวรุฒนั้น เขายอมรับว่ามันทำให้เขาทำข้อสอบได้ง่ายขึ้น เข้าเนื้อหาในทุกวิชาได้ดี วรุฒสอนได้ดีมากและมีความรู้แน่นมากอีกด้วย ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ แต่ที่แน่นไปกว่าเนื้อหาวิชาการที่วรุฒมอบให้นี่ต่างหากที่ทำให้ชานนท์รู้สึกทุลักทุเลในช่วงสอบที่ผ่านมา คือร่างกายแน่นๆของชายร่างสูงที่แนบชิดกับเขาก่อนการอ่านหนังสือ เขาเสียค่าติวโดยการขึ้นเตียงกับแฟนหนุ่มของเขาทุกวันจนเพลียแทบจะทรงตัวไม่อยู่เลยตอนนี้ การทำสองอย่างในคืนเดียวกันและมาสอบในวันถัดไป การทำแบบนี้ทุกวันทำให้เขารู้สึกร่างกายของเขาจะเกินขีดจำกัดอยู่แล้ว ตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ เพราะเจอแบบนั้นมาตลอดสิบวันติดต่อกัน แต่หากผลสอบมันดีได้เท่ากับวรุฒมันก็คุ้มค่า

ชานนท์เดินมานั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้อาคารของคณะฯหลังจากสอบวิชาสุดท้ายเสร็จสิ้น เขามักจะนั่งอยู่ตรงนี้ทุกครั้งหลังสอบเสร็จ เพื่อทบทวนบทเรียนเพื่อสอบวิชาถัดไป และเพื่อนๆของเขาก็มักจะมารอเขาตรงนี้เสมอรวมถึงวรุฒด้วยเช่นกัน แม้ว่าวรุฒจะไม่ได้นั่งโต๊ะเดียวกับเพื่อนๆ เขาแต่ก็จะคอยอยู่โต๊ะข้างๆ เพื่อมาสมทบเมื่อชานนท์มาถึงโต๊ะแล้วเสมอ ชานนท์เคยถามวรุฒว่าทำไมไม่นั่งโต๊ะเดียวกับเมย์และเพื่อนคนอื่นของเขา วรุฒมักจะเดินออกจากห้องสอบคนแรกเสมอ ส่วนชานนท์มักจะออกมาเป็นคนเกือบสุดท้ายประจำเพื่อให้แน่ใจว่า เขาจะไม่ทำข้อสอบพลาดแม้แต่ข้อเดียว ซึ่งมันจะทำให้วรุฒนั่งรอเขานานพอควร แทนที่จะนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ แต่เขากลับนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ เพียงลำพัง วรุฒตอบเขาสั้นๆ แค่ ‘ไม่ชอบคนพูดมาก’ ชานนท์เข้าใจในทันทีเพราะบางครั้งเขาเองก็แอบรำคาญเมย์เหมือนกัน เมย์....เธอเป็นคนประเภทเม้าส์มอยไม่หยุด แม้แต่ในช่วงสอบที่แสนเครียดแบบนี้

วันนี้ชานนท์รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเพราะวันนี้เขาอุตส่าห์รีบทำข้อสอบให้เสร็จเป็นคนแรกๆ (คณิตศาสตร์ มันง่ายมากสำหรับเขา) แต่เขากลับไม่เห็นเงาวรุฒซึ่งออกมาก่อนเขาเพียงสิบนาที ทำให้ชานนท์หันซ้ายหันขวาอย่างรู้สึกกังวล คนที่ปกติจะรอเขาทุกวันไม่ว่าจะนานแค่ไหน วันนี้กลับหายตัวไปเสียอย่างนั้น

“นักศึกษาชานนท์” เสียงราบเรียบและเย็นชาดังขึ้นจากทางมุมอับสายตา
“อ่ะ!! ครับ” ชานนท์ตกใจเล็กน้อยและรีบหันไปทางต้นเสียง
“คือดิชั้นคือผู้ช่วย ดร.ศิริปภานะคะ”
“อ่ะ..ครับ ผมจำได้ครับ” ชานนท์นึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อวันที่แม่ของวรุฒมาหาเขาถึงที่หอพัก หญิงสาวที่แสนจะเงียบและมีเงาจางเหมือนกลืนไปกับพื้นหลังแบบนี้
“ดร.ภา อยากจะพบน่ะคะ” เธอตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่แทบไม่แสดงอารมณ์
“ครับ” ชานนท์ตอบสั้นๆ ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินตามหญิงสาวที่ซีดจางคนนี้ไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยีงมองหาวรุฒระหว่างที่เดินตามผู่ช่วยดร.ดาไปด้วย

หญิงสาวที่แสนเงียบคนนั้นเดินนำหน้าชานนท์ไปอย่างรวดเร็ว เธอก้าวเดินไปเหมือนลอยอยู่เหนือพื้น ความเร็วสม่ำเสมอกันจนถึงห้องประชุมแห่งหนึ่งในอาคารเดียวกัน ชานนท์มีอาการหอบเล็กน้อยกว่าจะตามเธอทัน

ชานนท์มารู้ตัวอีกทีเขาก็มาอยู่ในสถานที่ๆไม่คุ้นตา แม้จะอยู่ในอาคารเดียวกับสถานที่เรียนและสอบ แต่เขากลับแทบไม่เคยเดินผ่านตรงนี้เลย อาจเพราะชั้นบนสุดแบบนี้มักจะเป็นห้องพักอาจารย์และห้องประชุมของอาจารย์ เขาจึงไม่เคยมีโอกาสได้ขึ้นมาเลย  เขาแอบคิดว่าหากเขาไม่เดินตามผู้ช่วยดร.ภามา เขาจะสามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้หรือไม่เพราะ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำชั้นนี้คงไม่อนุญาตให้ขี้นมาแน่นอน ชานนท์คิดขณะยืนหันหลังกลับไปมอง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างใหญ่ที่ยืนหน้าเข้มอยู่ตรงทางเข้า

“เชิญคะ ดร. รออยู่ทางด้านใน” เสียงเย็นๆ ของผู้ช่วยดร.ภา ลอยมาตามลมเย็นๆ ชานนท์คิดว่าหากเขาไม่เคยเจอคนๆ นี้ เขาคงวิ่งหนีเพราะคิดว่าวิญญาณเฝ้าตึกเป็นแน่

ชานนท์เดินเข้าห้องตามคำเชิญของหญิงสาวเสียงเย็น สิ่งแรกที่เขาปะทะในครั้งหลังจากผลักประตูกระจกบานทึบกี่งโปร่งแสงเข้าไปคืออากาศเย็นที่ปะทะใบหน้าและลำตัวของเขาจนรู้สึกขนลุกขึ้นมาทั้งตัว

“สวัสดีจ๊ะนนท์” คุณแม่ของวรุฒนั่งยิ้มทักทายเขาหัวโต๊ะประชุมมุมห้องที่แสนเย็นยะเยือก แม่ลูกคู่นี้เหมือนกันมากกว่าที่คิด อีกอย่างหนึ่งที่เขารู้สึกได้คือ ทั้งสองคนเกลียดอากาศร้อนเอามากๆ
“สวัสดีครับ” ชานนท์ตอบกลับพร้อมทั้งเดินเข้าไปไหว้อย่างสุภาพในระยะสามเมตร
“เข้ามาใกล้ๆ สิจ๊ะ อย่าทำตัวห่างเหินเลย”
“ครับ” ชานนท์พูดพร้อมขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นจนอยู่ในระยะมือเอื้อม
“นั่งลงใกล้ๆแม่สิลูก วันนั้นแม่อยากคุยด้วยเยอะเลย แต่ดันมีเจ้าตัวยุ่งเข้ามาวุ่นวายเลยไม่ได้พูดคุยให้สนิทสนมกันมากขึ้นเลย” ดร. ภายิ้มอย่างเป็นมิตร
“ครับ ดร.ภา” ชานนท์นั่งลงอย่างสุภาพและว่าง่าย
“น่ารักจริงๆ ที่ผ่านเจ้ารุฒมีแฟนแต่ละคนมีแต่ทำให้แม่ปวดหัว ยิ่งตอนไปอยู่เมืองนอก.....” ดร. ภา หยุดไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ไหนแม่มามองหน้าใกล้ๆหน่อยสิจ๊ะ คนแก่แล้วสายตาไม่ค่อยดี” แม้ว่าจะพูดว่าแก่แต่รูปร่างหน้าตาถือว่าอ่อนเยาว์กว่าแม่ของชานนท์ที่อายุน้อยกว่าเสียอีก

ชานนท์ขยับเข้าไปใกล้อย่างว่าง่าย

“โห... ผิวพรรณก็ดี หน้าตาก็ดีหน้าหวานขนตางอนดก ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นคนอีสานเลยนะ” ดร. ภาพูดขณะเชยคางชานนท์พลิกไปมาจนชานนท์รู้สึกเขิน
“เอ่อ.... ความจริง ภูมิลำเนาคุณแม่ไม่ใช่คนอีสานครับ รู้สึกว่าจะย้ายมาจากภาคเหนือ” ชานนท์เสริมแก้เขิน

“อ้อ.....” หลังจบคำว่า ‘อ้อ’ ชานนท์ก็ถูกดร. ภาซักประวัติเสียยิ่งกว่าสอบสัมภาษณ์เข้าเรียนที่นี่เสียอีก แต่เรื่องจากขานนท์เองก็ไม่ได้ทราบประวัติครอบครัวตนเองมากนักเพราะคุณแม่แทบไม่เคยเล่าให้ฟังเลย จึงตอบได้แต่เพียงเท่าที่รู้เท่านั้น

คุณแม่ของชานนท์ย้ายตามคุณพ่อซึ่งเป็นคนภูมิลำเนาแถบภาคอิสาน ไม่เคยรู้เลยว่ามีญาติพี่น้องหรือไม่เพราะคุณแม่ของชานนท์ไม่เคยเอ่ยถึงแม้สักครั้งเดียว หลังจากคุณพ่อของเขาเสียชีวิต ทั้งชีวิตของเขามีเพียงแม่ของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

หลังจากโดนซักประวัติอย่างละเอียดยิบแล้วคุณแม่ของวรุฒกลับมีสีหน้าหนักอึ้งเหมือนบนบ่าแบกโลกมาทั้งใบ แต่หลังจากที่สังเกตเห็นว่าชานนท์มีท่าทีสงสัยอากัปกิริยาของตน เธอก็รีบเปลี่ยนสีหน้าและอริยาบทมาเป็นดร.ภาผู้มั่นใจเช่นเดิม
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ชานนท์ถามถึงกิริยาแปลกๆ ของคนฝั่งตรงข้าม
“ไม่มีอะไรจ๊ะ คือแม่เผลอไปคิดเรื่องงานน่ะจ๊ะ”
“งั้น.... ผมขอตัวนะครับ”
“นนท์ไม่ถามแม่หน่อยหรือจ๊ะว่าทำไมเรียกมาถามอะไรพวกนี้อึกแล้ว” ดร.ภามียิ้มอย่างไม่เต็มที่เท่าไหร่ตอนพูดถึงตรงนี้
“ไม่ครับ ผมเข้าใจนะครับ แม่ก็คงจะรักรุฒมากก็เลยอยากจะคัดกรองคนที่เข้ามาในชีวิตของลูกชายตัวเอง เป็นผม.... ผมก็ทำเหมือนกันครับ” ชานนท์ตอบกลับอย่างฉะฉาน
“แม่กลัวว่า หากนนท์รู้เหตุผล นนท์จะเกลียดแม่เสียเปล่าๆ” ดร.ภาพูดเสียงเบาลงไปตามความยาวของประโยค
“อะไรนะครับ?”
“ไม่มีอะไรจ๊ะ เอ่อ... ไม่ต้องรีบกลับหรอก แม่นัดกับรุฒไว้ ว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน แม่บอกแล้วว่าจะพานนท์ไปด้วย!”
“อ้อ ครับ แล้วรุฒไปไหนล่ะครับ?”
“แม่ให้ไปทำธุระให้หน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวรุฒเขาก็จะไปรอที่ร้านอาหารเลย”
“ครับ” ชานนท์ตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้

........................

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:


เหตุผลที่ซักประวัติคืออะไรหว่า?

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

หลังจากไปรับประทานอาหารมื้อค่ำกับดร. ภาและลูกชายของเธอ ร้านอาหารที่มารับประทานมื้อค่ำร้านนี้ดูเรียบง่ายกว่าที่คิด เป็นอาหารไทยแบบดั้งเดิม คุณแม่ของวรุฒเป็นคนใส่ใจรายละเอียดในการสั่งอาหารมาก เพราะอาหารที่สั่งล้วนเป็นอาหารเพื่อสุขภาพทั้งสิ้น ทั้งข้าวกล้องและอาหารอื่นๆ ที่เต็มไปด้วยผัดหลากสี ทั้งยังสั่งโดยการคำนวนปริมาณของผู้มาร่วมโต๊ะอย่างพอดิบพอดี การสั่งอาหารช่างต่างจากวรุฒมาก ชานนท์มีความรู้สึกอยากรู้ว่าหน้าของวรุฒจะเป็นอย่างไร หากเดินมาเจออาหารเพื่อสุขภาพเต็มโต๊ะขนาดนี้

แม่ลูกคู่นี้แยกย้ายกันกลับหลังจากจบมื้อค่ำ ส่วนชานนท์กลับมาพร้อมกับวรุฒ ในระหว่างมื้ออาหารชานนท์สังเกตถึงอารมณ์ของวรุฒมาตลอดมื้อค่ำ จริงๆแล้วคือตั้งแต่วรุฒเดินก้าวเท้ามาในร้านอาหารเลยมากกว่า แต่ที่ผิดคาดคือวรุฒกลับไม่เรื่องมากกับอาหารที่แม่ตนเองเป็นคนสั่ง เขากวาดตามองและนั่งลงกินอาหารเหล่านั้นอย่างว่าง่ายโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ ชานนท์สงสัยว่าวรุฒคงจะชินกับการกินอาหารเหล่านี้กับแม่ตนเองแล้ว

“เป็นอะไรหรือเปล่า?” ชานนท์ถามขึ้นมาหลังจากเห็นวรุฒที่นั่งอยู่ด้านคนขับมีอาการเงียบและหงุดหงิดอยู่ในที
“...........” แต่วรุฒกลับตอบกลับมาด้วยความเงียบที่ตรึงเครียด
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ชานนท์รู้สึกเป็นห่วงจึงยื่นมือออกไปจับมือของวรุฒที่พวงมาลัย

วรุฒมีอาการสะดุ้งเล็กน้อยหลังจากโดนสัมผัส
“ขอโทษนะ คิดอะไรเพลินๆ เลยไม่ได้ฟัง เมื่อครู่ถามว่าอะไรนะ?” วรุฒหันมาตอบวูบหนึ่งก่อนจะหันกลับมีสมาธิกับการขับรถต่อ
“เราถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า? เห็นดูท่าทางเครียดๆ อาหารไม่ถูกปาก หรือไม่ชอบที่เรามากับแม่นาย” ชานนท์เลือนมือออกจากมืออีกฝ่าย
“ไม่มีอะไร ไม่เกี่ยวกับอาหาร เรากินกับแม่บ่อยแล้วแบบนี้ บ่นไปแม่ก็ไม่เปลี่ยนเมนูหรอก ส่วนนายเราไม่เคยไปโกรธนายเลยนะ เราดีใจด้วยซ้ำที่แม่โอเคกับนาย” วรุฒยื่นมือไปจับมืออีกฝ่ายมาวางบนตักของตัวเองและว่าซ้อนมือตัวเองไว้ด้านบน
“แต่กว่าจะได้มาก็โดนสอบปากคำไปเสียเยอะ”
“อ้าว!! ไหนแม่บอกว่าจะไม่ทำแล้วไง!! สงสัยต้องขอคุยด้วยหน่อยแล้ว ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วจะมาถามซ้ำซากทำไม!!”
วรุฒเกรี้ยวกราด
“ไม่เป็นไรหรอก คราวที่แล้วนายก็มาเสียก่อน ยังไม่ทันได้ถามอะไรกันเลย อีกอย่างแม่นายก็ถามประวัติส่วนตัวทั่วๆไป ไม่มีอะไที่เราต้องปิดบังนี่”
“ก็มันน่าสงสัย” วรุฒคิ้วขมวดชนกันจนแทบจะกลายเป็นเส้นเดียว
“เอาน่า... ไม่เป็นไรหรอก เอ้อ... แล้วนายไปไหมมาเนี่ย อารมณ์ไม่ดีเข้ามาในร้านอาหารเชียว” ชานนท์พยายามเปลี่ยนเรื่อง เพราะเขายังรู้สึกดีกับแม่ของวรุฒมาก จึงไม่อยากให้เรื่องเล็กน้อยแค่นี้มาทำให้แม่ลูกต้องผิดใจกัน

“ไปทะเลาะกับพ่อมา!” เสียงห้วนๆ ของอีกฝ่ายตอบมา
“อ้าว!! ไปทำไมล่ะ?” ชานนท์ยังรู้สึกเสียวสันหลังวูบหลังจากได้ยินคำว่าพ่อของวรุฒจากเหตุการณ์ล่าสุด
“แม่น่ะสิ ให้เอาเอกสารอะไรไปให้ก็ไม่รู้ แล้วพ่อก็ฉุนเฉียวใหญ่เลย สุดท้ายก็มาพาลกับเรา ก็เลยทะเลาะกันบ้านแตก!!”
“เอ่อ.... ไม่ใช่เรื่อง.... ของ... พวกเราใช่ไหม?”
“ไม่ใช่หรอก หากใช่พ่อคงไม่ให้เรากลับมาหรอก แม่ก็บอกเองว่าจะไม่บอกพ่อด้วย แม่เป็นคนรักษาสัญญา ไม่เหมือนพ่อ!!” พอฟังวรุฒพูดมาถึงตรงนี้ ชานนท์ก็ถอนหายใจแบบโล่งอก
“แล้วไป” ชานนท์หลุดปากออกมาอย่างสบายใจ

.......................................

กลับมาถึงที่พัก สิ่งแรกที่ชานนท์ต้องการจะทำหลังผ่านการสอบอย่างทารุณมาตลอดสองสัปดาห์ก็คือ นอนให้เต็มอิ่ม เหยียดกายบนที่นอนที่แสนนุ่มสบายของเขา แต่หลังจากที่ประตูห้องเปิดออก ภาพที่เขาเห็นทำให้ภาพในหัวของเขาพังทลาย เขาลืมไปว่าห้องนี้ถูกเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ไปเสียหมดแล้ว จากเตียงคู่กลายเป็นเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่กลางห้อง แม้ว่ามันจะดูหรูหราและนุ่มสบาย แต่ที่พ่วงมาด้วยคือไอ้ตัวหื่นกามที่พยายามเอาเปรียบเขาได้เกือบทุกวันจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนที่แท้จริง

แต่วันนี้เขาตั้งปณิธานแล้วว่า ยังไงวันนี้ก็ไม่ได้ ยังไงวันนี้เขาก็จะนอนแต่หัวค่ำให้ได้ ชานนท์รีบก้าวเข้าไปในห้องเพื่อที่จะหนีไปอาบน้ำเพียงลำพัง เพราะที่ผ่านมาเขาจะโดนวรุฒลากเข้าไปอาบน้ำด้วยกันตลอด แต่ทันทีที่ขาก้าวเข้าห้องไปได้เพียงสามก้าว เสียงริงโทนที่แสนจะธรรมดาก็ดังมาจากโทรศัพท์เขา ชานนท์รู้ในทันทีว่าใครโทรศัพท์มาหาเขา ชานนท์รีบคว้าโทรศัพท์ออกไปที่นอกชาน ปิดประตู และรับโทรศัพท์ด้วยเสียงอันกระตือรือร้น

.............

“อะไรวะ?!?”
วรุฒทำเสียงหงุดหงิดอยู่บนเตียงที่เขานอนปล่อยตัวตามสบาย สีหน้าของเขาดูเกรี้ยวกราด ส่วนสายตานั้นจ้องมองออกไปที่นอกชาน ที่ซึ่งชานนท์เดินออกไปคุยโทรศัพท์อย่างสนุกสนาน เขาไม่เคยเห็นชานนท์ร่าเริงและพูดเยอะขนาดนี้มาก่อน วรุฒพยายามจะออกไปเพื่อฟังว่าชานนท์คุยกับใคร และคุยอะไรกันบ้าง แต่ก็โดนปิดประตูใส่หน้า และ กันไม่ให้วรุฒออกไปที่นอกชาน เสียงที่เขาได้ยินอยู่ตอนนี้มันเป็นเสียงอู้อี้จนแทบจะจับเป็นศัพท์อะไรไม่ได้ มันเหมือนชานนท์กำลังพูดภาษาต่างประเทศที่เขาไม่รู้จัก แปลไม่ออก

เสียงคุยโทรศัพท์เงียบไปพักหนึ่งแล้วหลังจากที่วรุฒได้ยินเสียงอู้อี้อืออออยู่นานเป็นสิบนาที ไม่นานจากนั้นชานนท์ก็เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าและแววตาที่สดใส ชานนท์มีความยิ้มอารมณ์ดีเดินเข้ามาอย่างที่วรุฒไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนนี้เขาบรรยายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก รู้สึกเหมือนมีทั้งไฟ และพายุโหมอยู่ภายในอก มันทั้งร้อนและกรรโชก เขาไม่สามารถสะกดพายุอารมณ์เหล่านั้นได้อยู่อีกต่อไป เขาไม่เคยต้องทนขนาดนี้มาก่อน กว่าจะได้สติ เขาก็เดินไปกระชากโทรศัพท์จากมือของชานนท์ และขว้างไปที่ผนังอย่างแรงจนแตกละเอียด เขายังดึงตัวชานนท์ยกขึ้นมาและทุ่มลงนอนที่เตียงจนชานนท์ร้องเสียงดังและมีสีหน้าหวาดกลัว สีหน้านั่นเองที่ทำให้สติเขากลับมา

“เอ่อ..... เอ่อ.... ขอ.... ขอโทษนะ” วรุฒเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด เขาสติหลุดอีกครั้งหลังจากไม่ได้เป็นมานาน ทั้งหมดก็เพราะภาพที่เขาเห็นมันช่างขัดตาขัดใจ
“............” ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรไนในทันที เขายังรู้สึกหวาดกลัวเหมือนเมื่อครั้งที่เขาโดนวรุฒทารุณในครั้งแรก เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บที่ร่างกายแต่อย่างใด แต่มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายออกมาได้ มันทั้งโกรธและหน่วงๆ อยู่ที่อก ทั้งใจสั่นกับภาพและการกระทำที่รุนแรงที่เขาต้องเจอ
“เรา... เราขอโทษนะ อยู่ๆก็...ควบคุมมันไม่ได้..” วรุฒพยายามใช้มือลูบหัวอีกฝ่ายที่มีอาการสั่นเทา แต่คนที่นอนอยู่ทางด้านล่างกลับขยับศรีษะหลบอย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้วรุฒรู้สึกหัวใจแหลกสลาย เขาเสียใจกับอาการหน้ามืดของเขามาก ความกลัวบางอย่างก่อเกิดขึ้นมาจับกุมหัวใจอันอ่อนไหวของเขา
“หลบหน่อย” คำพูดอ่อนแรงออกจากปากคนตัวเล็ก เขาทำท่าทางจะลุกหนีไปจากจุดเดิม แต่คนตัวสูงที่คล่อมตัวเขาอยู่กลับใช้กำลังรวบตัวคนตัวเล็กไว้อย่างรวดเร็วแต่ก็ทำอย่างระมัดระวัง วรุฒกอดชานนท์แน่นไม่ยอมปล่อย
“ปล่อย!!” เสียงสั่นเครือที่แฝงไปด้วยความโกรธเคืองออกจากปากคนตัวเล็ก
“ไม่!!” คนตัวสูงดื้อดึง
“ปล่อย” คนตัวเล็กดื้อกว่า
“เราจะไม่ปล่อยจนกว่านายจะยอมยกโทษให้และคุยกันดีๆ” คนตัวใหญ่ปฏิเสธและยื่นขอเสนอ
“เราไม่คุยกันคนอารมณ์ร้ายไม่มีเหตุผล”
“เรา..... ไม่ได้ตั้งใจ ก็คนมัน......หึงน่ะจะให้ทำยังไง ทำไมนายถึงได้แอบไปคุยโทรศัพท์แบบนั้น แถมยังดูมีความสุขมากมายขนาดนั้น นายจะทำแบบนั้นกับเราไม่ได้!!” คนตัวใหญ่พูดออกมาจากใจอย่างตรงไปตรงมาจน ชานนท์รู้สึกอ่อนใจแต่ก็ยังไม่หายโกรธการกระทำของอีกฝ่ายอยู่ดี

“เฮ้อออออ” ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกมายืดยาว
“นายจะไม่พอใจเรา บอกเราได้เลยว่าจะให้เราทำอะไรก็ได้ให้นายหายโกรธ ขอเพียงอย่างเดียวอย่าโกรธเราเลยนะ!” วรุฒยิ่งพูดก็ยิ่งกอดอีกฝ่ายจนแน่น
“รู้ไหมอะไรที่เราโกรธนายที่สุด!!” ชานนท์น้ำเสียงเหวี่ยงใส่อีกฝ่าย
“.......” วรุฒได้แต่นิ่งและยอมรับความเกรี้ยวกราดจากอีกฝ่าย
รู้ไหมทำไมเราต้องออกไปคุยคนเดียว?”
“...............” วรุฒคิดตามแต่ไม่มีคำตอบ
“เฮ้อ.... ทั้งหมดก็เพราะนายนั่นแหละ”
“ทำไมล่ะ?” สุดท้ายวรุฒก็ต้องเอ่ยปากถามเพราะคิดหาคำตอบไปก็เท่านั้น

“รู้ไหม? เราคุยกับใคร” ชานนท์ถอนหายใจก่อนถาม
“เราจะไปรู้นายเรอะ?” วรุฒตอบแบบยียวนแต่แขนก็กอดอีกฝ่ายไม่ปล่อย
“งั้น....ตอบทีละคำถามเลยนะ!!”
“อื้อ!!”

“คนที่เราคุยด้วย ......แม่เราเอง!!”
“เอ่อ......” ท่อนแขนของวรุฒเริ่มอ่อนแรงจนเกือบปล่อยมืออีกฝ่าย
“แล้วรู้ไหม? ทำไมเราไม่อยากให้นายอยู่ด้วยตอนคุยกับแม่!!” 
ฟังมาถึงตรงนี้วรุฒได้แต่ส่ายหน้า
“นี่ไม่รู้ตัวจริงหรือไงว่านายมันเป็นคนนิสัยชอบวอแวเราเวลาเราคุยกับคนอื่น นายต้องกวนเราไม่หยุดแน่ๆ อีกอย่าง..... แม่ยังไม่รู้เรื่อง......”

“เรื่องนายเป็นแฟนเรา?” วรุฒต่อประโยคของชานนท์ได้ทันที ทำให้เขานึกต่อยอดไปได้เองว่าทำไมชานนท์ถึงได้กีดกันตนเองเวลาคุยกับแม่ของเขา เรื่องแบบนี้ใช่ว่าพ่อแม่ของทุกคนจะรับได้ วรุฒเองก็เคยผ่านเรื่องแบบนี้มากับพ่อแม่ของเขาเช่นกัน ถึงแม้ว่าแม่ของวรุฒจะพอยอมรับได้แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าลึกๆ แม่ก็ยังเป็นห่วงเขาเพราะเรื่องแบบนี้อยู่เหมือนกัน ส่วนพ่อของเขานั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึง เรียกได้ว่าต่อต้านสุดโต่งไปเลย
“อื้อ” ชานนท์ทำเสียงตอบในลำคอสั้นๆ และเงียบไปพักใหญ่

“เราขอโทษนะ เราขอโทษจริงๆ นะ เรา...” คำเดียวที่วรุฒนึกออก เป็นครั้งแรกที่เขาพูดขอโทษมากขนาดนี้ คุณชายที่ไม่เคยคิดขอโทษใครกลับพูดถี่เหมือนเป็นคำที่ชินปาก

“และข้อที่สอง!!” ชานนท์พูดเสียงหนักแน่น
“อะไรอีกล่ะ?!?” วรุฒเริ่มมีเสียงตัดพ้อ
“โทรศัพท์นั่น!! แม่เราซื้อให้ ถึงจะเป็นของมือสองถูกๆ แต่แม่เราก็เก็บเงินซื้อให้ มันเป็นของฟุ่มเฟือยชิ้นแรกที่แม่เราซื้อให้ เรารู้ว่ามันไม่ได้มีค่ามากมายในสายตานาย แต่มันมีค่าในสายตาเรา!!”
“.........” ถึงตรงนี้คนตัวสูงยอมจำนนด้วยความจริงทุกอย่างที่ปะทะเข้ามา และคิดในใจว่า ขานนท์ไม่เหมือนคนที่ผ่านๆ มาที่เขาเจอ เขาคงต้องรักษาสติให้ดีกว่านี้เวลาอยู่กับแฟนตัวเล็กของเขา

“ปล่อย!! แค่ขอโทษเรายังไม่หายโกรธหรอกนะ!!”
“ทำยังไง? นายถึงจะหายโกรธ?”
“เราขออยู่คนเดียวได้ไหม? เรายังไม่อยากเจอหน้านาย!!”
“ทำไงล่ะ? เราอยู่ห้องเดียวกัน? เตียงเดียวกันแบบนี้” วรุฒปล่อยอีกฝ่ายและจับชานนท์ให้หันหน้ามาเจอยิ้มหวานยียวนที่ทรงเสน่ห์ของเขา
“นายจะไปไหนก็ไป!! เราขอนอนคนเดียว” คนตัวเล็กยังโกรธมากจึงไม่สนใจหน้าหล่อๆ ของอีกฝ่ายและพูดอย่างตัดเยื่อใย
“นนท์....” วรุฒพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
“ช่วยออกไปก่อนได้ไหม?” ชานนท์ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
วรุฒรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยโดนใครขัดใจขนาดนี้มาก่อน และไม่เคยต้องง้อใครขนาดนี้ด้วย เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ทุกมุกในการขออภัยแล้วอีกฝ่ายไม่ยกโทษให้  ใจหนึ่งอยากจะบังคับขืนใจให้อีกฝ่ายหายจากอารมณ์เสีย แต่หลังจากสมองนึกถึงหน้าที่ดูหวาดกลัวของอีกฝ่ายขึ้นมา เขาก็เปลี่ยนใจทำไม่ลง วรุฒใช้สายตาพิฆาตมองแฟนตัวเล็กของเขาอีกครั้ง แต่ก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมาเช่นเดิม ทำให้วรุฒรู้สึกท้อใจจนเขาเป็นฝ่ายเดินออกจากห้องไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งเขาออกไปยืนที่ประตู ชานนท์ก็ยังไม่เรียกชื่อเขาสักคำ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

ตอนนี้วรุฒยืนทำหน้าเศร้าอยู่ด้านนอกบริเวณประตูที่เปิดอ้าไว้ เขามองเขาไปในห้องและมองไปที่คนตัวเล็กที่นั่งนิ่งใจลอยอยู่ที่เตียงนอน ก่อนที่จะสังเกตเห็นแววตาของเขาที่ส่งเข้าไปอย่างแรงกล้า ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกมาเสียงดังก่อนที่จะเดินมาทางประตูและปิดประตูใส่หน้าวรุฒอย่างดัง

เส้นเลือดตรงขมับของวรุฒปวดตึบตับ คิ้วขมวบเข้มเข้าหากัน
“นนท์!! เปิดประตูมาคุยกับเราก่อน! อย่าทำแบบนี้ ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเรามาก่อน!!”
“ไม่!!” คำๆ เดียวที่เป็นเสียงจากคนภายในแทรกผ่านประตูออกมา
“เปิด!! เปิดมาคุยกันดีๆเราก็ขอโทษแล้วไง!! จะเอาอะไรอีก!!” วรุฒเคาะประตูห้องเสียงดัง
“ไม่!!” เป็นอีกคำที่ส่งผ่านประตูออกมา

คราวนี้ดูเหมือนชานนท์จะโกรธจริงๆ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกแบบนี้กับใครสักคนหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนมันซับซ้อนเหลือเกิน เขาไม่ได้รู้สึกเกลียดอีกฝ่ายหนึ่งเลยเพราะเข้าใจนิสัยของอีกฝ่ายดี แต่เองก็ต้องการสั่งสอนวรุฒให้รู้จักยับยั้งชั่งใจ หัดควบคุมตัวเองบ้าง ไม่งั้นจะไม่มีใครคบเลย หรือแม้แต่เขาเองสักวันก็อาจจะทนไม่ไหว แม้ว่าเขาเองก็รู้ว่าวรุฒเองก็ยอมเขาเยอะมากจริงๆ ช่วงหลังๆ มานี้

“ไม่เปิด ก็ไม่เป็นไร ไม่เปิดก็อย่าเปิด เราจะยืนอยู่ตรงนี้จนกว่านายจะเปิดมาพูดคุยกันดีๆ!!” วรุฒกระโกนใส่ประตูห้องเสียงดังลั่น

“เฮ้ย!!! ไปทะเลาะกันที่อื่นๆด้ไหมวะคนจะนอน!!”
คนจากห้องฝั่งตรงข้ามเปิดประตูห้องออกมาโวยวาย
“เรื่องของกูกับเมียกูมึงไม่ต้องเสือก กลับเข้าห้องไป!!” วรุฒหันกลับไปตอบโต้อย่างเกรี้ยวกราด ส่วนอีกฝ่ายเห็นว่าเป็นวรุฒก็หน้าซีดรีบเข้าห้องปิดประตูไปอย่างรวดเร็ว เพราะใครๆ ก็เริ่มรู้ฤทธิ์เดชของลูกชายเจ้าพ่อนคนนี้ดี

ชานนท์แม้จะได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมด เขาก็ยังใจแข็งและไม่สนใจ เขาตัดสินใจเดินไปอาบน้ำ และพักผ่อนทันที เขารู้ดีแก่ใจว่า คุณชายอย่างวรุฒ พอเมื่อยและเหนื่อยก็คงไปหาพักที่อื่นเอง คงจะกลับมากวนเขาได้อีกก็คงพรุ่งนี้เช้า แต่เขาก็มีแผนที่จะรับมือแล้วเรียบร้อย เพราะกว่าวรุฒจะกลับมาก็คงไม่เจอเขาแล้ว ชานนท์ตัดสินใจใช้วันหยุดยาวหลังสอบไปเยี่ยมแม่ที่ต่างจังหวัดเสียหน่อย พอได้ยินเสียงแล้วทำให้เขาคิดถึงขึ้นมาจับใจ

...............................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

บทที่ 20

Road trip



หลังจากอาบน้ำแต่งตัว เรียบร้อยแล้ว ชานนท์จึงมาเก็บกู้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนโลโก้ผลไม้ของเขา จากการโดนเหวี่ยงทำลายอย่างแรงไปที่ผนังห้องที่ทำจากปูนแข็งหุ้มด้วยวอลเปเปอร์ลวยลายหรูหราที่คุณหนูไฮโซของห้องจัดการมาเมื่อไม่นานนี้ รอยที่ตกกระทบบนวอลเปเปอร์ยังชัดเจนอยู่  รอยมันชัดลึกจนเห็นเนื้อปูนด้านใน ส่วนสมาร์ตโฟนของเขาหน้าจอแตกร้าวไม่มีชิ้นดี ตัวเครื่องก็มีรอยบิ่นรอยแยก แม้จะยังพอสามารถใช้งานได้ หน้าจอยังคงติดสว่างอยู่แต่ชานนท์ก็ไม่กล้าใช้มันในสถาพนี้แน่ ถึงแม้มันจะเป็นเครื่องที่ตกรุ่นไปสองปีแล้ว แต่ก็เป็นน้ำพักน้ำแรงที่แม่เขาอุตส่าห์ซื้อให้เป็นของขวัญในวันที่เขาสอบเข้าที่นี่ได้ เพียงแค่นึกถึงชานนท์ก็รู้สึกถึงน้ำในตามันหล่อเลี้ยงขึ้นมาจนเกือบล้นเอ่อ

“ไอ้บ้าเอ้ย!!” ชานนท์สบถออกจากปากเสียงดัง

“เราขอโทษ” เสียงหนึ่งลอดผ่านประตูเข้ามาในโทนสำนึกผิด
ชานนท์ตกใจกับเสียงดังกล่าวจึงแอบย่องไปที่ประตูห้องและแอบส่องไปที่ตาแมว เขาเห็นวรุฒยังคงยืนอยู่ที่เดิมหน้าประตูไม่ไปไหน ชานนท์รู้ดีกว่าคนอย่างวรุฒหากต้องการจะเข้าห้องของตัวเองไม่น่าใช่เรื่องยากเพราะเจ้าหน้าทั้งตึกต่างเกรงใจวรุฒอย่างมาก แต่ที่วรุฒไม่ทำเพราะว่ายังกลัวว่าจะทำให้เขาโกรธมากกว่าเดิม

‘ไอ้บ้านี่ ทำไมไม่ไปไหนเสียทีนะ’ ชานนท์คิคในใจ
“นนท์... นนท์ อยู่ตรงประตูเหรอ?” คนตัวสูงหน้าประตูอีกฝั่งหนึ่งยื่นหน้าแอบมาส่องที่ตาแมวอีกข้างหนึ่งทำให้ชานนท์ตกใจจนถอยหลังไปครึ่งก้าว
“ไอ้บ้า รู้ได้ไงวะ น่ากลัวจริงๆ” ชานนท์พูดออกมาด้วยความตกใจ
“ไม่ไปไหนก็ตามใจ อยู่ตรงนั้นไปทั้งคืนไปเลย อยากรู้เหมือนกันจะทนได้สักกี่นาที!!” ชานนท์พูดใส่ประตู

...................

เวลาผ่านไปนานขนาดไหนแล้ว ชานนท์เองก็ไม่แน่ใจเพราะเขานั้นเผลอหลับคากองหนังสืออยู่ที่เตียงนอน แม้จะผ่านช่วงสอบมา เขาก็ไม่เคยคิดจะหย่อนยานในการสร้างเสริมความรู้ให้แก่ตัวเอง เขาสะดุ้งตื่นเพราะฝันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาฝันว่าวรุฒแอบเข้าประตูห้องมาและพยายามเอาเปรียบเขาขณะหลับ หลังจากสลัดความงัวเงียออกจากหัวสมองไปได้เขาก็ขยับแว่นเพื่อมองกลอนประตูให้แน่ใจว่าตัวเองลงกลอนแน่นหนาดีแล้ว

ชานนท์ผ่อนหายใจเมื่อเห็นว่า การลงกลอนยังอยู่เรียบร้อยดี แต่อยู่ๆ ในหัวสมองของเขาก็มีความสงสัยหนึ่งแล่นเข้ามาในความคิดทันที
‘รุฒ... ยังอยู่ไหมนะ’ เขาคิดพร้อมมองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่อยู่ไม่ไกล เวลานี้เข็มสั้นชี้ไปที่เลขสองแล้ว ส่วนเข็มยาวก็ชี้ไปที่เลขสี่ ดึกขนาดนี้แล้ววรุฒก็ไม่น่าจะอยู่หน้าห้องอยู่แล้วแน่นอน แต่ความสงสัยใคร่รู้ในตัวเขามันสูงขึ้นจนแทบล้นออกจากตัว เอาชนะความเพลียง่วงนอนของเขาได้ ทำให้ชานนท์รีบลุกขึ้นไปส่องดูที่ตาแมวทันที

“เฮ้ย!!” เขาเผลอร้องออกมาเพราะภาพที่เห็น เขาเห็นคุณชายไฮโซ นั่งอยู่ที่พื้นหน้าห้องด้วยอาการอ่อนเพลีย มือหนึ่งคอยปัดยุงที่ตอมรบกวน มือหนึ่งปาดเหงื่อที่ชุ่มอยู่บนใบหน้า ช่วงนี้แม้จะไม่ใช่หน้าร้อนแต่อากาศก็ไม่ได้เย็นสบายเท่าไหร่ โดยเฉพาะในตึกที่ปิดทึบเกือบทุกด้านแบบนี้

การกระทำไวกว่าความคิด ชานนท์รีบปลดล็อกกลอนประตู และปลดลูกบิดประตูเพื่อเปิดไปหาคนที่นั่งรออยู่หน้าห้องมากกว่าสี่ชั่วโมง แม้แต่เขาเองก็มีความอดทนไม่สูงเท่านี้! ทำไมคนๆนี้ถึงยังสามารถอดทนรออยู่ตรงนี้ได้

“ทำไมยังไม่ไปไหนอีก?!?” คำถามที่เขาพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิดปนเป็นห่วง
“เรา..... เรารู้สึกผิด เราอยากจะเคลียร์ให้เรียบร้อย” ภาพที่เห็นตรงหน้าไม่มีเค้าความหงุดหงิดอยู่บนใบหน้าของคุณชายเจ้าอารมณ์ มีแต่เพียงรอยยิ้มสำนึกผิดปนเปื้อนอยู่
“ไอ้บ้าเอ้ย ทำไมบ้าอย่างนี้วะ!!” ชานนท์บ่นไป สายตาก็มองสำรวจไปทั่วร่างกายที่เคยส่องสว่างมีออร่า ตอนนี้กลับมีรอยยุงกัดอยู่ประปรายและมันเลื่อมไปด้วยคราบเหงื่อไคล
“เรารักนาย เราไม่อยากให้นายโกรธ!!” วรุฒก้มหน้าลงต่ำยิ่งทำให้ชานนท์รู้สึกวูบวาบในช่วงอกอย่างประหลาด

“โอ้ย!! เจอแบบนี้ใครจะไปโกรธนายลงเนี่ย!! มา!! เข้ามาได้แล้ว!!” ชานนท์พูดจบก็คุกเข่าลงไปด้านข้างชายร่างสูงและพยายามจะพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น แต่เนื่องจากขนาดตัวต่างกันเกินไปจึงทำได้แค่ดึงแขนให้สูงขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น วรุฒรอจังหวะที่ชานนท์มาอยู่ในระยะและระดับเดียวกับเขา แล้วเขาก็จัดการโอบดึงชานนท์ให้เข้ามาในอ้อมกอดของเขาอย่างรวบรัด
“เฮ้ยๆ ทำอะไรตรงนี้!”
“นายไม่โกรธเราแล้วนะ”
“เออๆ ไม่แล้ว” ชานนท์ตอบแบบขอไปทีและพยายามแกะมืออีกฝ่ายออกแต่ไม่สำเร็จ
“ดีใจจัง” คราวนี้วรุฒกระชับวงแขนให้รัดแน่นขึ้นอีก
“โอ้ยๆๆ พอเลย เจ็บ ปล่อยก่อน เดี๋ยวจะมีเรื่องให้โกรธนายอีกนะ!!” ชานนท์ตวาดใส่วรุฒเบาๆ เพราะมันดึกแล้วและตอนนี้พวกเขาอยู่ในโถงทางเดินส่วนกลางเสียงดังมากอาจจะไม่เหมาะ
สิ้นประโยคชานนท์ คนตัวสูงก็ปล่อยชานนท์ทันทีพร้อมกับยิ้มหวานที่แฝงความน่ารักเต็มเปี่ยมจนชานนท์เขินหน้าแดง

“กลับเข้าห้องกันเถอะ” คนตัวสูงลุกขึ้น ยื่นมือชวนอีกฝ่าย
“อืม” ชานนท์พยักหน้า ยื่นมือไปจับมือคนตัวสูงและลุกขึ้นเดินตามคนตัวสูงเข้าห้องไป

.........................

หลังจากพาตัวคุณชายเลือดร้อนไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่เรียบร้อย (โดนอ้อนให้อาบน้ำให้ แต่ชานนท์ก็ใจอ่อนทำตานแต่โดยดี) ชานนท์ก็หยิบยาบรรเทาอาการแพ้และอาการคันทาให้อีกฝ่ายตามจุดต่างๆ ทั่วตัวที่ถูกยุงกัด

“ทำบ้าอะไรเนี่ย...” ชานนท์บ่นไปทายาให้อีกฝ่ายหนึ่งไปอย่างเป็นห่วง วรุฒไม่ได้โต้ตอบอะไร เขาแค่ยิ้มกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้อย่างตั้งใจ
“เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก...” ชานนท์บ่นเพิ่ม คราวนี้วรุฒเหมือนจะอดทนต่อสิ่งเล็กๆที่แสนน่ารักตรงหน้าได้อีก เขาคว้าอีกฝ่ายขึ้นมากอดแนบอก
“ทำบ้าอะไรอีกเนี่ย!” ชานนท์ต่อว่าอีกฝ่ายในขณะที่ตัวเองแทบจะขยับตัวไม่ได้พร้อมหลอดยาอยู่ในมือ แต่อีกฝ่ายไม่ตอบกลับยิ่งเพิ่มแรงในการกอดรัดมากขึ้นไปอีก
“เราสัญญานะ เราจะพยายามไม่งี่เง่ากับนาย”
“อืม.....” ชานนท์หยุดฝืนตัวปล่อยให้อีกฝ่ายกอดแน่นจนเกือบหายใจไม่ออก
“นอนเหอะ พรุ่งนี้ต้อง...... เอ่อ....... ตื่นแต่เช้า”
“วันหยุด ทำไมต้องตื่นแต่เช้า?” วรุฒคลายมือให้อีกฝ่ายนั่งลงบนตักตัวเองและมองหน้าคนตัวเล็กอย่างสงสัย
“เอ่อ..... เอ่อ...... ไม่มีอะไร” ชานนท์อ้ำอึ้ง
“นายโกหกไม่เก่งนะ นายน่าจะรู้!!”  วรุฒสังเกตอาการมือไม้ของอีกฝ่ายที่มีอาการสั่นเล็กน้อย มันเป็นอาการเวลาที่ชานนท์รู้สึกผิดกับอะไรสักอย่าง เช่นการโกหก
“เกลียดการรู้ทันของนายชะมัด” ชานนท์ทำท่าจะลุกหนีจากวรุฒแต่ก็ถูกอีกฝ่ายดึงแขนรั้งไว้

“มีนัดแต่เช้าหรืออะไร? นัดกับใครบอกมา!!” แววตาวรุฒเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงจนชานนท์รู้สึกได้
“ไหนว่าจะไม่งี่เง่าไง!” ชานนท์เตือนอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจับผิด
“เอ่อ......... คือเราขอโทษ เราขอเวลาปรับตัวนิดนะ.... ว่าแต่จะไปไหน ให้เราไปส่งไหม?” วรุฒหน้าเปลี่ยนสี และยิ้มแห้งตอบกลับมา
“นายไปส่งเราไม่ได้หรอก! เราจะกลับบ้าน!! เราจะกลับไปหาแม่!”
“บ้านที่ต่างจังหวัดเรอะ ดีเลย!! เราอยากไปเที่ยวต่างจังหวัด เราไปด้วยสิ” สิ่งที่วรุฒพูดออกมาคือสิ่งที่ชานนท์พยายามหลีกเลี่ยง คือการขอตามมาด้วยนี่แหละ
“บ้านเราไม่ได้สะดวกสบายนะ ไม่มีที่ให้เที่ยวด้วย นายไม่ต้องไปหรอก!”
“ไม่เป็นไร เห็นแบบนี้เราไม่กลัวความลำบากนะ เราอยากไปไหว้แม่แฟนเสียหน่อย”
“เดี๋ยวๆ เพิ่งคุยกันไม่ต้องรีบร้อนหรอก!! อีกอย่าง......”
“ยังไม่ได้บอกแม่เรื่องพวกเราสินะ”
“อืม”

วรุฒสีหน้าดูแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่เขาก็กลับมายิ้มเช่นเดิม
“ไม่เป็นไร ครั้งนี้ไปแบบเพื่อนไปก่อนก็ได้ เราอยากไปเห็นบ้านนาย อยากเจอแม่นาย อยากรู้จักนายมากกว่านี้!”
“เฮ้อ..... ตามใจ!” ชานนท์หมดแรงจะไปห้ามปรามความกระตือรือร้นของอีกฝ่าย เขารู้อยู่แล้วว่าหากวรุฒตั้งใจจะทำอะไร ไม่มีเหตุผลอะไรไปเปลี่ยนความคิดอีกฝ่ายได้ จึงได้แต่ยอมตามน้ำไป
“จำไว้นะว่า อยู่กับแม่ ห้ามทำอะไรเกินเพื่อน!!”
“ได้ครับ” วรุฒตอบกลับมาอย่างลิงโลด และคว้าอีกฝ่ายเข้ามากอดและจูบอย่างถี่รัว

..............


เสียงนาฬิกาปลุกร้องดังกังวาลไปทั่วห้อง ชานนท์รีบควานหาที่มาของเสียงด้วยความอ่อนเพลีย  กว่าจะหาและปิดเสียงนาฬิกาปลุกได้ก็ใช้เวลาไปหลายนาทีเพราะแขนที่แสนเกะกะของวรุฒที่พัวพันเขาไม่เลิกแม้แต่ยามที่เขาหลับสนิท

ชานนท์ลุกขึ้นมานั่งห้อยขาลงที่ข้างเตียง ด้วยยังที่เพลียจากการนอนดึกเมื่อคืนจึงยังเวียนหัวอยู่เล็กน้อย

หมับ!!

มือใหญ่หยาบคว้าเอวบางของชานนท์อย่างไม่ทันรู้ตัว ชานนท์เผลอร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ

“จะรีบตื่นทำไมน่ะ มานี่มา มานอนกอดกันอีกพักหนึ่งก่อนแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำนะ” คนตัวสูงที่นอนเอามือมาพัวพันอีกฝ่ายไม่ปล่อยพูดเชิญชวน
“พอเลยนะ เมื่อคืนยังไม่พอใจหรือไง? ดูสิเราเพลียไปหมดแล้ว”
“จัดไปแค่ดอกเดียวมันจะไปพออะไร! เช้านี้ขออีกทีนะ” คราวนี้คนตัวสูงใช้แรงดึงให้อีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอย่างง่ายดาย
“ไอ้บ้า พอเลยนะ หยุด” ชานนท์พยายามดิ้นรนจากอีกฝ่ายอย่างเต็มกำลัง แต่สุดท้ายก็ถูกกดให้นอนหงายติดเตียงจนขยับตัวได้ยาก
“จะรีบร้อนไปไหน ยังไม่ถึงเวลาเลย!” วรุฒที่นอนคล่อมอีกฝ่ายอยู่พูดกับคนที่อยู่ด้านล่างเขา
“เวลาอะไรของนาย เราก็บอกอยู่ว่าเราต้องออกเดินทางแต่เช้า และนี่มันก็จะสายแล้ว” ชานนท์พูดพร้อมมองแสงแดดอ่อนๆ ที่พยายามแทรกตัวผ่านช่องม่านหนาบังแดด

“ถามหน่อยนะ แล้วนายมีโทรศัพท์แล้วเหรอ? ออกเดินทางแล้วจะติดต่ออม่นายยังไง”
“เอ่อ...... ก็ใครมันทำพังล่ะ!!” คนตัวเล็กจ้องอีกฝ่ายด้านบนตาเขม็ง
“ก็น้่นไง! เมื่อคืนก็เลยให้คนที่บ้านช่วยจัดการให้นายแล้ว!!”
“จัดการ จัดการอะไร!!”
“นายนี่เวลาโมโหนี่ก็ยังน่ารักนะ!!”
“หยุดเลย พูดมาให้ชัดเจนก่อน!!”
“ก็ไปหาซื้อโทรศัพท์ให้นายไง แล้วก็ไปเอารถที่มันนั่งสบายกว่านี้สำหรับขับไปต่างจังหวัดมาส่งด้วย”
“หา!?!” ชานนท์ทำหน้าสงสัยตอบกลับไป
“เออน่ะ! ไม่ต้องถามแล้ว เรามาจัดการเรื่องของเราก่อนดีกว่า” วรุฒมีรอยยิ้มมาดร้ายส่งมา

“อะไร?”
“ก็แบบนี้ไง” คนตัวสูงพูดจบก็กดริมฝีปากลงมาจุมพิตอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน  ชานนท์เมื่อได้เจอลีลาแบบนี้ก็ยากจะต้านทาน รวมถึงเขารับรู้ถึงความต้องการของอีกฝ่ายมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เพราะอาการดุดันของอวัยวะกลางลำตัวของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนแปลงสถานะและขนาด สิ่งนั้นได้กดดันเขาอยู่ก่อนแล้ว บวกกับลีลาและแรงกดดันของอีกฝ่ายทำให้ชานนท์ได้แต่ยอมจำนนและไร้ทางหลีกเลี่ยง เขาถูกวรุฒพาไปสู่ป่าแห่งความหฤหรรษ์ในยามเช้าอีกครั้ง

......................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...อยู่ด้วยกันไม่ได้ 

จัด...ทุกรอบเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด