โอย....
ชานนท์โอดหลังจากวิ่งลงจากรถไปถึงจุดหมาย
“ไม่ไหวก็ไม่ต้องรีบ!” วรุฒที่เดินตามหลังมาด้วยท่าทางสบายเอ่ยทัก
“ก็เพราะใครล่ะ ไอ้ที่เจ็บอยู่นี่เพราะใคร แล้วไอ้ที่สายนี่เพราะใคร? ไหนว่าจะไม่ทำไง!!” ชานนท์ชี้หน้าคาดโทษอีกฝ่าย
“ก็ตั้งแต่ย้ายมาก็ยัง.....” วรุฒยิ้มกวนๆใส่อีกฝ่าย ชานนท์ไม่เข้าใจว่าไอ้คนขรึมพูดน้อย อารมณ์เสียทั้งวันสมัยก่อนคนนั้นหายไปไหน?
“แล้วมันใช่เวลาไหม? ดูสิ!! ทั้งที่ตัวเองก็ช้ำไปเกือบทั้งตัวแบบนี้!! เฮ้อ... รีบเดินเหอะ!!” ชานนท์ไม่อยากเอาพลังงานที่เหลือไปกับไอ้คนแบบนี้ เลยตัดบทเดินต่อไปจนถึงที่หมาย เพราะตอนนี้สายกว่าที่นัดหมายมากแล้ว
ตอนที่พวกเขาเดินมาถึงหน้าห้อง เลขาฯของ ดร.ภาก็มายืนรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว
“ขอโทษนะครับ เลยเวลาที่เรานัดกันไปเยอะเลย” วรุฒกล่าวขอโทษตามสไตล์คุณชายใหญ่ สีหน้าไม่ได้ดูสำนึกผิดแม้สักนิด แต่ปฏิกิริยาของคุณเลขาฯ กลับไม่ยินดียินร้ายกับคำพูดของวรุฒทั้งยังยกมือขึ้นมาในท่าห้าม
“รอก่อนคะ ท่านผู้อำนวยการมีแขกคะ“ เลขาฯในชุดสูทเรียบร้อยกล่าวเสียเรียบ
“งั้นผมรออยู่หน้าห้องก่อนก็ได้” กล่าวจบวรุฒก็หันกลับไปนั่งที่โซฟารับรองหน้าห้องทันที เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วจนชานนท์ได้แต่ยืนเลิ่กลั่กอยู่ที่เดิม จนวรุฒขยับศรีษะชวนให้ชานนท์นั่งข้างๆ ตน
“เฮ้อ... ดิชั้นเตือนด้วยความหวังดีนะคะ คุณควรกลับไปก่อนดีกว่านะคะ” คุณเลขาฯถอนหายใจและกล่าวเสียงแข็ง
“ทำไมล่ะครับ?! หรือว่าแม่ผมมีประชุมสำคัญต่อจากนี้ งั้นผมแค่แทรกนิดหน่อยคงไม่เป็นไรมั้งครับ!” วรุฒดื้อรั้นตามสไตล์เขา
“.......” คุณเลขาฯ ไม่ตอบโต้เพียงแต่หยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาพิมพ์อะไรบางอย่าง
“งั้นก็ตามมาคะ” คุณเลขาฯพูดขึ้นหลังจากรอข้อความตอบกลับจากอีกปลายทางหนึ่ง
£&£&£&
เสียงดนตรีเป็นเสียงริงโทนดังขัดจังหวะการลุกขึ้นเดินตามคำเชิญของคุณเลขาฯ ชานนท์ยกหน้าจอขึ้นดูทันทีก็พอว่า “แม่” คือชื่อที่แสดงอยู่ที่หน้าจอ ณ ขณะนี้
“เอาไงดี?” ชานนท์ถามแฟนตนเองด้วยอาการลนลาน
“อย่าเพิ่งรับเลย เข้าไปคุยกับแม่เราก่อน เวลามีน้อย!!” วรุฒไม่เห็นด้วย
“แต่นี่.... แม่นะ เราไม่เคยไม่รับสายแม่” ชานนท์พูดจบก็ใช้นิ้วปาดไปที่หน้าจอและกล่าวคำทักทายที่ปลายสายทันที
วรุฒกรอกตาไปหนึ่งรอบพร้อมบ่นพึมพำว่า ‘แล้วจะถามทำไม?’
“ทำไมรับสายช้า!!” แม่ชานนท์มีน้ำเสียงเกี้ยวกราดอย่างที่รู้สึกได้แม้ตัวจะอยู่ห่างไกล
“คือ... รุฒ.... เขา... จะพาไป....พบแม่เขาเพื่อจะคุยเรื่อง.... การถูก....” ชานนท์อ้ำอึ้ง
“คุยที่ไหน?” เสียงเข้มของมารดาดังลอดโทรศัพท์ออกมา
“ที่... สำนักงานผู้อำนวยการ...”
ตื้ดๆๆๆๆๆ
เสียงอีกฝ่ายตัดสายไปจนชานนท์ถึงกับอึ้งยืนค้าง เขาไม่เคยเห็นแม่เขาเป็นแบบนี้มาก่อน
“จะไปได้หรือยังคะ?” คุณเลขาฯ ถามเสียงสูง คิ้วที่แทบจะชนกันโป่งนูน และมองไปที่ชานนท์ที่กำลังจะกดโทรศัพท์กลับไปหาผู้เป็นมารดา เขารู้สึกกังวลใจแปลกๆ กับอาการนี้ของแม่
“นนท์ไปเถอะ แล้วค่อยไปขอโทษแม่ทีหลัง ไปจัดการเรื่องตัวเองก่อน!!” วรุฒเดินไปโอบรั้งให้ชานนท์เดินไปข้างหน้า ทางที่เลขาฯยืนรออยู่ด้วยท่าทางไม่ชอบใจ
“เจอกันอีกแล้วนะ!” เสียงคุ้นหูพุ่งเข้าสู่โสตประสาตทันทีที่เปิดประตูเข้าไปปะทะกับอากาศเย็นภายใน
ชานนท์ได้เจอใบหน้าที่แสนคุ้นเคย ดวงตาที่ฉายแววอำมหิตภายใต้รอยยิ้มที่แสนเย็นชา แม้โครงหน้าดูหล่อเหลาและดูอ่อนกว่าอายุจริงนั้นจะดูน่ามองก็ตาม แต่เวลามองแล้วยังให้ความรู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบไม่เปลี่ยน
“พ่อ!!...... แม่” เสียงวรุฒมีความตกใจแฝงอยู่ไม่น้อย เขาไม่คิดว่าพ่อของตนเองจะมานั่งอย่างสบายใจอยู่ในห้องทำงานแม่ตนเอง ทั้งๆ สองคนนี้ไม่เคยอยู่ในห้องเดียวกันนานเกินกว่า 20 นาทีเลย ต้องเป็นทะเลาะกันบ้านแตก
ดร.ภา ดูสงบกว่าทุกครั้ง เธอนั่งอย่างสง่าผ่าเผยบนเก้าอี้ของผู้อำนวยการ ความเป็นแม่ที่เข้าถึงง่ายนั้นหายไปจากบุคลิกภาพของเธอโดยสิ้นเชิง ซึ่งทำให้วรุฒและชานนท์รู้สึกแตกต่างออกไปในทางที่ไม่ค่อยดีนัก
“นั่งลงคุยกันดีๆก่อน” ดร.ภากล่าวเสียงเรียบ โดยเจ้าสัวประวิทย์ได้แต่ยิ้มมุมปากอย่างมีนัย
“ผมมาคุยกับแม่วันหลังก็ได้นะครับ” วรุฒนอกจากจะไม่นั่งลงแล้ว เขายังถามกลับไปทางแม่เขาด้วยสายตาดุดัน
“จะมาตอนไหนก็เหมือนกันแหละ” ผู้เป็นแม่ตอบเสียงเรียบ จนหัวใจชานนท์ตกวูบลงไปตาตุ่ม แรงที่ขาแทบหมดจนเกือบทรุดตัวลงไปกับพื้น เขากำหมัดแน่นและฝืนทำตัวนิ่งเฉยไม่แสดงอาการใดๆ
“แม่หมายความว่าไง?” วรุฒฉุนเฉียว
“ก็หมายความว่า เรื่องแฟนผิดเพศของแกจะโดนไล่ออกน่ะ แม่เขาเห็นด้วยกับพ่อไง!!” คนเป็นพ่อตอบแทนด้วยเสียงอันสะใจ
คราวนี้ชานนท์เซเอนตัวไปจนชิดชั้นหนังสือไม่ไกล และพยุงตัวเองไว้ รู้สึกได้เลยว่าหน้าตัวเองคงแย่มาก เพราะหลังจากที่วรุฒมาประคองและมองหน้าเขา วรุฒกัดฟันกรอดจนได้ยินเสียงดังลั่น
ส่วน ดร.ภา เธอทำได้แค่หลบสายตาลูกชายตนเองที่มองมาขอคำตอบ
“แม่! ผมอยากฟังคำอธิบายของแม่!!” ลูกชายร่างสูงมองไปทางผู้เป็นแม่ที่พยายามเลี่ยงการปะทะสายตา แต่หลังจากที่เห็นว่าผู้เป็นพ่อจะเริ่มต้นพูดจึงยกมือห้ามปรามไว้ และพยักหน้าเป็นเชิงว่าจะขอพูดเอง
“ครั้งนี้... แม่เห็นด้วยกับพ่อนะ อยากบอกให้รู้ไว้ที่แม่ทำไปเป็นความหวังดีของผู้เป็นบุพการี” เสียงนิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสนแปลกแยกจากดวงตาทำให้วรุฒรู้สึกต้องการหาคำตอบจากผู้เป็นมารดาของตน แม่ของเขาไม่เคยเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนี้!!
“แม่!!” วรุฒมีคำพูดมากมายแต่จุกอยู่ที่อกไม่สามารถนำออกมาได้ เพราะหากแม้ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยตัดสินใจแบบนี้ร่วมกับพ่อคนหัวแข็งของเขา มันก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือแฟนของเขาแล้ว
ที่ผ่านมาแม่จะเป็นเสมือนตาชั่งที่อยู่คนละฝั่งกับพ่อของเขาเสมอ แม่จะคอยถ่วงให้ชีวิตเขาสมดุลไม่ตามความบ้าอำนาจของพ่อที่มากจนเกินไป แต่คราวนี้กลับไม่ใช่ แม่ของเขากลับไปเข้าข้างพ่อโดยที่เค้นสมองหาเหตุผลมาสนับสนุนการกระทำของแม่ แต่เขามองไม่เห็นเลยว่าที่แม่เขาทำแบบนี้ไปเพราะอะไร แม่ไม่เคยกลัวอิทธิพลของพ่อ เพราะพ่อเองก็เกรงใจแม่เขาอยู่มาก ดังนั้นทุกครั้งที่แม่เขาช่วยเขาตัดสินใจในการใช้ชีวิต พ่อจึงแทบจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวมากจนเกินไป
แม้สถานะปัจจุบันของทั้งสองจะแยกกันอยู่ เพราะความเจ้าชู้ของพ่อ แต่พ่อก็ยังเกรงใจแม่อยู่มากในฐานะเมียหลวง
“เดี๋ยวก่อนคะ!! เข้าไปได้นะคะ!!” เสียงคุณเลขาฯโวยวายลั่นอยู่หน้าห้อง ทำให้ความสนใจของคนทั้งห้องลดลงไปจากสีหน้าของวรุฒที่เครียดจนกัดฟันกรอดและหันไปสนใจที่ประตูห้องแทน
ผั๊วะ!!
ประตูห้องเหวี่ยงเปิดออกอย่างแรง โชคดีที่ประตูมีแท่นยางกันกระแทกไม่อย่างนั้นเสียงประตูปะทะกับผนังคงดังลั่นไปทั้วทั้งชั้น
“นนท์!! ไม่ต้องเสียเวลาไปทำอะไร!! กลับบ้านเราลูก!! แม่มารับแล้ว!!” ผู้เป็นมารดาของชานนท์ในชุดทางการ แต่งหน้าแบบวันทำงาน และรวบผมทั้งหมดมัดไปทางด้านหลัง แม้จะดูเหนื่อยล้า แต่รัศมีความสวยยังโดดเด่นอยู่
“นุช!?!” เสียงของชายผู้ชอบบงการทุกอย่างเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน แบบที่วรุฒไม่เคยได้ยินมาก่อนแม้กับแม่ของเขา
“จำคนผิดแล้วคะ!!” แม่ของชานนท์หันหน้าหลบชายวัยสี่สิบร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ และตอนนี้ทำสีหน้าตกตะลึงมาก
“นุช!! ต่อให้คุณแก่กว่านี้ผมก็จำได้!!” ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นมาจับแขนแม่ของชานนท์แน่น ทั้งที่แม่ของชานนท์ใกล้จะเดินถึงลูกชายของเธอและพร้อมจะนำตัวชานนท์ออกไปให้พ้นจากที่นี่
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากจนคนที่เหลือต่างเหลือบตามองกันเองอย่างสงสัย มีเพียงดร.ภาเท่านั้นที่หลับตาลงและถอนหายใจเงียบๆ
“ปล่อย!! ดิชั้นคะ!! เราไม่รู้จักกัน!!” แม่ของชานนท์สะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดจากมือหยาบใหญ่นั้นง่ายดาย และเดินมาที่ลูกชายตนเองทันที
วรุฒมองหน้าชานนท์เป็นการขอคำตอบ
“แม่เราชื่อแก้วตา ชื่อเล่น ‘ตา’ ไม่ใช่ ‘นุช’ นะ” ชานนท์พูดตอบไปทั้งที่งงอยู่ ทำเอาวรุฒอยากทึ้งหัวตัวเองที่มาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้
“กลับบ้านเรา!!” แม่ของชานนท์คว้ามือของเขาแน่นและพยายามจะลากออกไป
“เดี๋ยวนุช นั่นลูกชายเธอ.... หรือว่า....?” คุณประวิทย์ก้าวมาดักทางออกไว้ และมีอาการสับสนในดวงตา
“ได้คุณประวิทย์!! อยากฟังมากก็จะบอกอะไรให้!!” แม่ของชานนท์รู้สึกหมดความอดทนกับคนตรงหน้า
“ใช่!! นี่มันลูกคุณ ที่ผ่านมาคุณกำลังทำร้ายลูกตัวเอง และลูกชายของคุณทั้งสองคนกำลังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอยู่!! พอใจไหม!! ฉันพยายามในส่วนของฉันแล้ว แต่คุณมันก็เหมือนเดิม!! ดังนั้นฉันจะพูดแค่นี้!! ปล่อยเราสองแม่ลูกไปเถอะ!!” มารดาของชานนท์พูดจบ แข้งขาของคนทั้งห้องก็แทบทรุด โดยเฉพาะวรุฒ.......
มีเพียงคนเดียวที่มองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยแววตาสงบและไร้ซึ่งคำพูดใดๆ
“ขอบใจนะที่ช่วย!” แม่ของชานนท์หันไปทางดร.ภา และฉุดลากลูกชายตนเองที่อยู่ในภวังค์ออกไปจากห้อง ทิ้งไว้เพียงความเงียบที่ดูดกลืนสติของชายทั้งสองคนในห้องให้เข้าสู่ความมืดมิดทางความคิด
..................