Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63  (อ่าน 62393 ครั้ง)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

กิจกรรมตอนเย็นของการรับน้องกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้าหลังจากเลิกเรียนคาบสุดท้าย ชานนท์ที่กำลังปวดหัวกับอาการตัวติดกันของวรุฒจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี เพราะไม่ว่าจะคาบไหน ห้องเรียนไหน หรือแม้แต่ในห้องน้ำ ชานนท์จะถูกวรุฒตามติดไปด้วยจนแทบหาความเป็นส่วนตัวไม่มี

ชานนท์เดินทอดน่องหอบหิ้วหนังสือจากคาบสุดท้ายมานั่งรอกิจกรรมที่ม้านั่งใต้อาคารเอนกประสงค์ใกล้ลานกิจกรรม เขาวางกองหนังสือกองหนึ่งลงบนโต๊ะอย่างหมดแรงพร้อมผ่อนลมหายใจออกอย่างแรง

“เป็นอะไรของแก?” เมย์ที่เดินตามมาสมทบถามขึ้นมา
“เมย์ แกอย่ามาทำเป็นไม่รู้!” ชานนท์กระแทกก้นนั่งลงอย่างไม่สบอารมณ์
“ฉันว่ามันเป็นพัฒนาการที่ดีนะ!” เมย์นั่งลงฝั่งตรงข้ามและมองไปทางวรุฒที่กำลังเดินตามมาพร้อมแก้วน้ำอัดลมจากร้านสะดวกซื้อแถวนั้น
“แกว่างั้นเหรอ?”
“ก็เออนะสิ! ฉันว่ามันดีกว่าที่แกจะอยู่อย่างอึดอัดมากกว่านะ”
“ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าแบบไหนดีกว่ากันแล้วว่ะ”
“เออ! ฉันก็ว่าจะถามอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ฉันแยกตัวออกมา มีอะไรกันหรือเปล่าวะ?” เมย์ยื่นหน้ามากระซิบ
“รู้ได้ไง?”
“แหมๆ ก็พ่อแกตามติดแกมากกว่าเดิมอีก แถมดูหงุดหงิดด้วย!! พี่เต๋านี่ก็มาตามจีบแกอีกคนเหรอวะ?”
“เฮ้อ......” ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากถอนหายใจแล้วทำหน้าตาเหนื่อยหน่าย ส่วนเมย์ก็เข้าใจได้ในทันที
“เร็วดิแก! พ่อแกจะเดินมาถึงแล้ว!!” เมย์มีท่าทีขยั้นขยอ
“ก็อยู่ๆ พี่เอกก็โผล่มาขอคุยด้วย” ชานนท์ให้คำตอบสั้นๆ ที่ทำให้หน้าตาของเมย์ตื่นเต้นถึงขีดสุด
“เชี้ยยยย....... โคตรพีค!! แล้วเป็นไง เกิดศึกชิง ‘นาย’ เลยไหม?” ท่าทางการพูดของเมย์เหมือนผู้ชายกำลังลุ้นกีฬาที่กำลังจะถึงจุดไคลแมกซ์
“นี่ก็พูดเกินไป!  ไม่มีอะไรทั้งนั้น เขาแค่..... มาปรับความเข้าใจนิดหน่อย ไม่มีอะไร พี่น้องกัน แค่นั้น!” ชานนท์ผ่อนเสียงลงเรื่อยๆจนถึงท้ายประโยค
“อย่า.... อย่าบอกนะว่า พี่เอกมาสารภาพรักแล้วแกปฏิเสธ!!”
เรื่องแบบนี้เมย์หัวไวเป็นพิเศษ
“บ้าแล้ว... แค่มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย แค่นั้น!” ชานนท์พยายามกลบเกลื่อนเรื่องที่เมย์มีเซนต์ในการเดาที่แม่นยำ แต่เขาไม่เก่งเรื่องพวกนี้เอาเสียเลย ส่วนเมย์ก็เก่งเกินไป เมย์ไม่ตอบอะไรกลับมาแค่ยิ้ม และทำหน้าเหมือนจะพูดว่า ‘ต้องใช่แน่ๆ’ อยู่

“ร้ายไม่เบานะเรา เห็นเงียบๆแบบนี้” เมย์ตบไหล่ชานนท์เบาๆ ด้วยรอยยิ้ม

“คุยอะไรกัน!?” เสียงคุ้นหูดังขึ้น พร้อมยื่นแก้วน้ำอัดลมมาวางไว้ตรงหน้า
“เรื่องซ้อมกับเรื่องวันงานน่ะ” เมย์ตอบด้วยรอยยิ้มที่แสนเสแสร้ง
“อืม....” วรุฒไม่ได้ตอบอะไรมากมาย เขาพยักหน้าและมองไปที่คนตัวเล็กที่นั่งอยู่อย่างสงสัย

“ไปก่อนนะ” เมย์ลุกขึ้นโบกมือลาชานนท์และวรุฒ แต่ก่อนไปก็โน้มตัวมากระซิบข้างหูชานนท์
“ดีนะที่นาย ตัดใจไม่ตามตื้อจีบฉันต่อ ไม่งั้นฉันคงมองหน้าบรรดาแฟนคลับนายไม่ติด!”
“เมย์!!” ชานนท์พูดขี้นอย่างหัวเสียแต่สาวห้าวก็เดินหัวเราะทิ้งระยะห่างไปไกลแล้ว

“จริงสิ! เหมือนนายเคยคิดจะจีบเมย์อยู่ใช่ไหม?” วรุฒนั่งลงข้างๆและกล่าวเสียงทุ้ม
“เฮ้อ.... ดูกันออกง่ายอย่างนั้นเหรอ?”
“อืม.... นายมันคนซื่อๆ ปิดบังอะไรไม่เก่งนี่นา.... แล้วตอนนี้ล่ะ ยังชอบเธออยู่ไหม?”
“ไม่แล้วล่ะ พอรู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว เราก็คิดกับเธอแค่เพื่อนเท่านั้น”
“จริงเรอะ ค่อยสบายใจหน่อย! ไม่อยากจะทำอะไรรุนแรงกับผู้หญิงเสียด้วย!” วรุฒพูดลอยๆเหมือนพูดกับตัวเอง
“อะไรนะ?” ชานนท์ไม่ค่อยได้ยินเสียงเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ไม่มีอะไร อ่ะ! ดื่มน้ำก่อนสิ!” วรุฒขยับแก้วนำ้มาใกล้ชานนท์มากขึ้น ชานนท์รับแก้วมาอย่างรู้สึกงงงวยกับสีหน้าลิงโลดของคนตัวสูงข้างๆ

..................

การซ้อมวันนี้หนักหน่วงกว่าทุกวัน อาจเพราะใกล้วันที่ต้องขึ้นเชียร์เสมือนจริง ท่ามกลางรุ่นพี่ปีสี่ที่เป็นคณะกรรมการด้วย ยิ่งทำให้ปีสองและปีสามที่ร่วมกันฝึกฝนน้องๆ เฟรชชี่ต่างส่งความกดดันลงมาที่น้องๆ เต็มที่เพราะการแสดงสดนั้นเป็นการวัดการสอนของพวกรุ่นพี่ด้วย พวกเขาจะถูกประเมินเหมือนน้องๆ หากทำได้ไม่ดีไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของคณะฯ พวกรุ่นพี่ปีสองและสามก็เตรียมตัวซ่อมกันได้เลยทั้งคืน

ส่วนคนที่ต้องการเป็นดาวและเดือนคณะฯนั้นจะต้องทำให้ตัวเองโดเด่นที่สุด เพราะในแต่ละเพลงจะให้ทุกคนมีโอกาสได้เต้นนำคนอื่นเพื่อฉายแวว การเป็นดาวเกือนคณะฯนี้นอกจากหน้าตาจะต้องดีแล้ว ความสามารถก็ต้องมากด้วย เพื่อไปประกวดเป็นดาวเดือนของมหาวิทยาลัย ซึ่งจะได้มาจากการโหวตของผู้ที่มาเข้าชมทุกคน ทางเอกวิศวะคอมพิวเตอร์ได้สร้างโปรแกรมในการโหวตเพื่อการนี้โดยเฉพาะโดยคนที่ต้องการร่วมโหวตจะต้องลงทะเบียนล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ และมาสแกนคิวอาร์โค้ดที่แสตนด์ที่นั่งรับชม และจะโหวตได้หลังจากเสร็จสิ้นการแสดง ผู้ชนะจะรู้ผลหลังจากระบบรวบข้อมูลในวันรุ่งขึ้นโดยจะประกาศผลทันทีหลังจบงาน และยังประกาศผ่านเพจของคณะฯ เป็นการจัดการสมกับเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำของประเทศ

จากที่ชานนท์ฟังการอธิบายการคัดเลือกทั้งหมดจากพี่เอก ก็ทำให้ตนเองคิดว่าน่าจะไม่สามารถได้รับเลือกเพราะเขารู้ตัวเองดีว่ามีฐานเสียงค่อนข้างน้อย ผิดกับวรุฒที่มีแฟนคลับตั้งแต่เดินเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว

“โอ้ยยยยย” เมย์โวยวายลั่นหลังจากกระแทกตัวลงนั่งที่ลานสนามหญ้าใกล้อาคารเอนกประสงค์
“นี่ๆ เสียงดังไปไหมเนี่ย?” ชานนท์ดุใส่เมย์
“ก็มันเหนื่อยนี่นา เครียดด้วย ตอนฉันเป็นนักกีฬายังไม่เหนื่อยเท่านี้เลย!!” เมย์ทิ้งตัวลงนอนแผ่ไปกับสนามหญ้า ทำให้ชานนท์แอบผ่อนลมหายใจกับกิริยากระโดกกระเดกของยัยม้าดีดกระโหลกเพื่อนเขาเอง

“เหนื่อยไหมวันนี้” พี่เอกเดินมาทักพร้อมยื่นขวนน้ำดื่มเย็นฉ่ำให้ชานนท์จนเกือบชนกับแก้มของเขา
“อ่ะ..... ขอบคุณครับ” ชานนท์มีสีหน้าแปลกใจนิดหน่อยก่อนจะรับน้ำดื่มเย็นขวดนั้นมาไว้ในมือ
“โหยยยย....... พี่ดิว สปอนเซอร์หนู ดูแลหนูได้สักครึ่งของพี่เอกนี่หนูรักตายเลย!!” เมย์ลุกขึ้นมานั่งแซวและมองด้วยสายตาปนอิจฉา
“เอ้านี้! พี่หยิบมาเผื่อ” พี่เอกยื่นน้ำจากในถุงพลาสติกที่ประทับตราร้านสะดวกซื้อชื่อดังให้รุ่นน้องหญิงห้าวที่ค้อนเขาเสียจนเขารู้สึกผิด พี่เอกมักจะซื้อมาเผื่อเมย์เสมอเพราะเขามักจะโดนเมย์แซวและแซะอยู่เป็นประจำ

“ขอบคุณครับ!” ยัยเมย์ไหว้แบบลิงหลอกเจ้าและรีบคว้าน้ำดื่มจากมือพี่เอกไปดื่มอย่างว่องไว และเป็นเกือบทุกครั้งที่พี่เอกจะหัวเราะกิริยาของยัยเมย์จนตาเป็นเส้นเดียว ชานนท์จึงมักจะสงสัยว่าพี่เอกซื้อมาเผื่อเมย์เพราะสำนึกผิดหรืออยากจะรู้สึกขบขันกับยัยตลกรับประทานคนนี้

”เลิกซ้อมแล้วนะ จะกลับเลยก็ได้” พี่เอกพูดขึ้น
“อ้าว! เห็นเมื่อครู่บอกว่า พักสิบนาที”
“มันดึกแล้ว อาจารย์เดินมาเตือนแล้วนะ ก็เลยให้สปอนเซอร์แต่ละคนช่วยเดินมาบอกน้องๆ น่ะ” พี่เอกเสริม
“อ้าว ! แล้วพี่เห็นพี่ดิวหนูไหมเนี่ย?”  ยัยเมย์โวยถามพี่เอก
“ไม่เห็นครับ แต่เราน่ะก็กลับได้เลยนะ”
“นั่นไง! แอบไปหลีสาวแล้วทิ้งน้องแน่นอน!!” ยัยเมย์โวยเสียงดัง ทำให้พี่เอกอมยิ้มไปกับกิริยาห้าวๆ ของรุ่นน้องตัวแสบคนนี้
“เราล่ะ จะกลับหรือจะซ้อมต่อกับพี่?” พี่เอกหันมายิ้มหวาน
“ไม่แล้วครับ ผมไม่ไหวแล้วครับ” ชานนท์ส่ายหน้าที่ชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
“ฮ่าฮ่าฮ่า โอเคๆ งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งนะ” พี่เอกยื่นมือมาทางชานนท์เพื่อสื่อว่าจะช่วยดึงชานนท์ให้ลุกขึ้น
“อ่า.... ครับ!” ชานนท์ยิ้มรับแต่ก่อนจะยื่นมือออกไปหาพี่เอกเขาแอบชำเลืองมองไปทางทิศที่วรุฒอยู่ เขาเห็นวรุฒกำลังถูกพี่วิล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนเคย พี่วิยังพยายามเรียกร้องความสนใจกับวรุฒจนเขาทำหน้าเอือมระอาอย่างเห็นได้ชัดแม้จะอยู่ในระยะไกลขนาดนี้ พี่วิคงกำลังให้วรุฒอยู่ซ้อมต่อกับตนเองให้ได้เหมือนเช่นทุกวันก่อนหน้านี้ แม้ว่าวันนี้จะมีขายหนุ่มผิวเข้มกล้ามใหญ่มารอรับอยู่ก็ตาม

ชานนท์เห็นตามนั้นเลยตัดสินใจที่กลับไปที่หอพักก่อนเพราะตอนนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะอยู่ต่อแล้ว นอกจากนี้วันนี้เขายังต้องทบทวนเรื่องที่เรียนวันนี้ก่อนนอนด้วย

หลังจากเดินมากับพี่เอกจนออกห่างจากลานเอนกประสงค์ที่ซ้อมกิจกรรมรับน้องมาจนถึงลานจอดรถ พี่เอกยังทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง ทั้งการชวนคุยเรื่องกิจกรรมที่จะจัด สอบถามเรื่องเรียน และหาเรื่องสนุกๆ มาคุยให้ชานนท์คลายเครียดระหว่างเดินมาด้วยกัน แต่ที่แปลกกว่าเดิมคือสายตาที่ซื่อตรงกับความรู้สึกของพี่เอก ที่พยายามจ้องมาที่ดวงตาชานนท์อย่างหวานซึ้ง และมือไม้ที่พยายามสัมผัสชานนท์มากขึ้นอย่างจงใจ ทำให้ชานนท์ค่อนข้างรู้สึกอึดอัดพอควร ชานนท์ไม่ได้รังเกียจที่พี่เอกเปลี่ยนไป เพราะเขาไม่ได้ถือสาเรื่องพวกนี้เขาไม่ได้คิดอะไรกับพี่เอกในทำนองนั้น แต่ที่อึดอัดคือเขาไม่ต้องการให้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนที่ทำตัวเป็นแฟนเขาอย่างวรุฒ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหัวร้อน ทั้งสองฝ่ายเกือบจะปะทะกันหลายครั้งแล้วด้วย เขาไม่อยากให้คนที่เขาห่วงใยทั้งสองคนต้องมีเรื่องกัน

ขณะที่ชานนท์คิดมาถึงจุดนี้ก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เพราะอยู่ๆ เขาก็คิดเป็นห่วงวรุฒขึ้นมามากกว่าปกติได้อย่างไรก็ไม่รู้

“เป็นอะไร หน้าแดงเชียว” พี่เอกขี่รถบิ้กไบค์คันงามของเขามาเทียบหน้าชานนท์ที่ยืนรออีกฝ่ายที่ด้านหน้าลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ของอาคารเอนกประสงค์

“เอ่อ..... สงสัยคงเพราะอากาศร้อนน่ะครับ” ชานนท์ยื่นมือไปรับหมวกที่พี่เอกยื่นมาให้
“พี่ก็นึกว่าเราไม่สบายเสียอีก!” พี่เอกแสดงหน้าตาเป็นห่วง และใช้มือช่วยชานนท์ใส่สลักล็อกหมวกกันน็อค

“อ้าว!! น้องนนท์!! ให้พี่ตามหาเสียแทบแย่!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากที่ไม่ไกล
“พี่..... พี่เต๋า!” ชานนท์หันไปทางต้นเสียง
“วันนี้เรามีนัดกันไงจำได้ไหม?” พี่เต๋าส่งเสียงดังระหว่างซอยเท้าเร็วขึ้น
“อืม...... เออ! จริงด้วย คล้ายจะเป็นแบบนั้น” ชานนท์ทำท่านึกและอุทานออกมาหลังจากนึกถึงคำพูดพี่เต๋าล่าสุดได้
“คล้ายๆ แบบนั้นอะไร? เราก็รู้ว่าพี่จริงจัง” พี่เต๋าทำสีหน้าขึงขังใส่คนตัวเล็กตรงหน้า

“อ่า..... ครับ งั้น.... พี่เอกครับ ขอบคุณนะครับที่จะไปส่ง แต่ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ ผมลืมไปเลยว่ามีนัด” ชานนท์ถอดหมวกกันน็อกออกและยื่นคืนให้รุ่นพี่ที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์กับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“เฮ้ย! ก่อนไปพี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ” พี่เอกรับหมวกกันน็อกมาวางไว้ที่ตัวถังและตั้งขาตั้งเพื่อจอด เขายืดจับชานนท์โดยการใช้มือพาดไหล่และดึงไปในทิศทางตรงกันข้ามกับผู้มาใหม่
“ส่วนมึง!! รออยู่นี่!! ไม่ต่องตามมา รุ่นพี่รุ่นน้องเขาจะคุยกัน!!” พี่เอกหันมาพูดกับพี่เต๋าตาขวาง ส่วนพี่เต๋าที่ทำท่าจะเดินตามมาด้วยถึงกับหยุดฝีเท้าทันที และยิ้มกลับมาแบบใจดีสู้เสือ

“มีอะไรครับพี่?” ชานนท์ถามพี่เอกในขณะที่เดินออกห่างจากจุดเดิมพอควร
“นนท์รู้จักไอ้เต๋าด้วย?”
“เอ่อ..... ครับ บังเอิญรู้จักกัน.... ตอน..... เอ่อ.... ไปทำธุระกับรุฒน่ะครับ เห็นว่าเป็นเพื่อนกัน” ชานนท์ตอบด้วยน้ำเสียงเล่าเรื่องปกติจนทำให้พี่เอกแสดงอาการร้อนรน
“นี่นนท์รู้ใช่ไหมว่ามันเป็นใคร? ไอ้วรุฒนี่มันมีแต่ส่งอิทธิพลแย่ให้คนอื่นจริงๆ!” พี่เอกมีท่าทีหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ..... พี่เอกรู้จักพี่เต๋า?”
“เออสิ!! รู้จักเสียยิ่งกว่ารู้จัก ใครไม่รู้จักบ้าง ความจริงคือรู้จักทั้งแก๊งเลยมากกว่า!!” พี่เอกเริ่มขึ้นเสียงจากเดิม
“..........” ชานนท์มีท่าทีแปลกใจกับอาการของพี่เอก
“ทำสีหน้าแบบนี้ก็แสดงว่านนท์รู้อยู่แล้ว! รู้แล้วยังไปกับมันอีก!!”
“ก็พอรู้เรื่องพวกนี้มาบ้างจากวรุฒน่ะครับ แต่ผมว่าพี่เต๋าน่าจะเป็นคนดีกว่าทุกคนในกลุ่มนะครับ เท่าที่ผมสัมผัส”

“มันน่ะ! เลวร้ายกว่าทุกคนเลย เพราะมันไม่เคยเลือกเหยื่อเลย ใครที่เข้าทางมันมันก็เอาหมด ทุกเพศทุกวัย พอได้จนพอใจมันก็ทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย! มันทำให้คนเสียสูญเพราะไปหลงคารมหลงรักมันนักต่อนักแล้ว!!” พี่เอกดูฉุนเฉียวกว่าทุกที
“เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมพี่เอกดูแปลกๆ” ชานนท์สัมผัสมือที่กำจนแน่นของพี่เอกและพยายามส่งสายตาปลอบประโลม
“มัน......เพราะมัน!! ทำให้.... ปอ.....” พี่เอกกัดฟันกรอด
“อะไรนะพี่?!?” ชานนท์ฟันถ้อยคำที่ลอดผ่านฟันที่บดเบียดกันไม่ถนัดเลยสอบถามอีกครั้ง เขาบีบมือพี่เอกแน่นขึ้นเมื่อเห็นอาการสั่นที่มือซึ่งกำจนแน่น
“อ่ะ.... ขอโทษที เพราะมันทำให้พี่นึกถึงอะไรเลยไปไกล...”
“ไม่เป็นไรแน่นะครับ?”
“อืม...... พี่ไม่อยากให้เราไปกับมันเลย แต่คงไม่ได้แล้วใช่ไหม?” พี่เอกรู้ว่าเด็กซื่อๆ ที่รักษาคำพูดอย่างชานนท์คงต้องไปเพราะรับปากไว้แล้ว
“ครับ”
“เฮ้อ..... ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน อย่าไปตกหลุมมันล่ะ!”
“ครับ... พอผ่านเรื่องคราวก่อนมา ผมก็เลยมีภูมิขึ้นมานิดหน่อยแล้วครับ รับรองคราวนี้ผมไม่ยอมเมาแน่นอน”
“หา!! อะไร!!?”
“เอ่อ... ไม่มีอะไรครับ ผมว่าผมรีบไปดีกว่าเดี๋ยวจะดึกกว่านี้คงไม่ดีแน่!!” ชานนท์พูดจบก็เดินกึ่งวิ่งไปทางเต๋าที่ยืนรออยู่ไม่ไกล ท่ามกลางสายตาที่ดูเป็นห่วงเป็นใยของพี่เอก

..........................

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
..........................

ความเร็วในการขับรถของพี่เต๋าไม่ได้ต่างจากเพื่อนร่วมห้องของชานนท์เลย แต่คนนี้ดูท่าทางจะเป็นเหมือนคนที่หลุดออกภาพยนต์ Fast & Furious เลยทีเดียว เพราะการตกแต่งรถดูจะไม่ธรรมดาเลยทั้งภายในภายนอก ชานนท์ที่นั่งอยู่ที่เบาะหน้าข้างคนขับเลยได้ความรู้สึกเหมือนเป็นหนึ่งในตัวละครในภาพยนตร์นั่นมาก แต่ที่แปลกตาที่สุดคือเมื่อเทียบกับรถก็น่าจะเป็นสไตล์การแต่งตัวของคนขับ เพราะเขาไม่ได้แต่งตัวสไตล์ดิบๆ ง่ายๆ เหมือนพวกคลั่งรถแข่งทั่วไป แต่พี่เต๋ากลับแต่งตัวสไตล์นักธุรกิจสมัยใหม่ เชิ้ตลำลองสวมทับด้วยสูทลำลอง กางผ้าเข้ารูปที่มีสีเข้ากันทั้งชุด ชานนท์เห็นกี่ครั้งก็อดทึ่งกับรสนิยมของพี่เต๋าไม่ได้ มันทั้งเรียบหรูและดูดี พี่เต๋าไม่ได้เป็นคนที่หน้าตาดีขนาดที่เห็นแล้วต้องสะดุด แต่เขามีรสนิยมดีที่ใครเห็นแล้วต้องชื่นชม ชานนท์เองก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้ เขาเองก็อยากลองแต่งตัวสไตล์นี้บ้าง

“ทำไมเงียบจัง?” พี่เต๋าเอ่ยถามหลังทิ้งระยะให้ความเงียบเข้าครอบงำอยู่พักใหญ่
“เอ่อ...... เปล่าครับ ไม่มีอะไร” ชานนท์ที่นั้งจับสายเข็มขัดนิรภัยแน่นตอบกลับไป
“พี่ขับเร็วเกินไป จนทำให้นนท์กลัวหรือเปล่า?” พี่เต๋ายิ้มหวานเมื่อเห็นอาการของคนที่นั่งเบาะหน้าข้างเขา
“เอ่อ..... ครับ.... ผมไม่ค่อยชินกับ การนั่งรถที่ขับเร็วขนาดนี้” ชานนท์แอบชำเลืองมองไปที่หน้าปัดแสดงความเร็วเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่าตัวเลขมันไม่เคยต่ำกว่า 120 เลย
“อ้าว! กลัวความเร็วก็ไม่บอก!” พี่เต๋าชะลอความเร็วลงทันที
“ขอบคุณครับ ..... แล้วจะไปกินข้าวที่ไหนครับเนี่ย?” ชานนท์ถามเพราะรู้สึกว่าเดินทางมาไกลจากตัวมหาวิทยาลัยมากแล้ว
“ร้านประจำพี่เอง”
“ร้านที่อยู่บนดาดฟ้านั่นเหรอครับ?”
“ไม่ใช่ นั่นร้านประจำของกลุ่มพี่ ของพี่มีอีกร้านหนึ่ง”
“อ้อครับ ไกลจังนะครับ”
“มันเป็นร้านในโรงแรมห้าดาวแถวๆ สาทรน่ะ”
“โห....... ไกลมากเลยครับ แล้วจะกลับถึงหอพักกี่โมงเนี่ย?”
“เอาน่า มีรถจะกลัวอะไร เดี๋ยวไปส่ง หากดึกมากก็ค้างเสียที่นั่นแหละ พี่รู้จักเจ้าของโรงแรม”
“อะไรนะครับ ไม่เอาครับ ผมไม่ค้าง!!” มาถึงตรงนี้ ชานนท์นึกถึงคำพูดของพี่เอกขึ้นมาในสมองเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่ล้อเล่น! พี่มาส่งไหว วันนี้พี่ไม่ดื่มครับ” พี่เต๋าหัวเราะร่าเสียงดังก้องไปทั้งรถ แต่ชานนท์ก็ยังไม่รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่นัก

................................

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

บทที่ 17

Trusting issue


ณ ห้องอาหารกึ่งบาร์ที่ชั้นสองของโรงแรมดังแห่งหนึ่งย่านสาทรที่ตกแต่งสไตล์เรียบง่ายแต่ดูดีหรูหรา มีบรรยากาศเงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัว แต่ละโต๊ะถูกจัดวางด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์น และตั้งอยู่ห่างกันชนิดที่ไม่สามารถได้ยินบทสนทนาของอีกโต๊ะได้ ชานนท์ถูกเชิญมานั่งบริเวณใกล้กับบานกระจกใสที่สามารถมองออกไปที่ถนนที่ยังคงพลุกพล่านพล่านอยู่แม้จะเป็นเวลาค่อนข้างจะดึกแล้วเพราะอยู่ใจกลางเมือง

ชานนท์มองออกไปชื่นชมวิวทิวทัศน์เมืองหลวงที่ไม่ค่อยคุ้นตาเท่าไหร่ สลับการมองภาพภายในร้านอันเงียบสงบ มันดูขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัด เขาเหมือนนั่งอยู่ระหว่างสองโลก โลกหนึ่งเงียบสงบ โลกหนึ่งแสนจะวุ่นวาย

“ชอบไหมครับ?” พี่เต๋าซึ่งหายไปหลังจากพาชานนท์มาส่งที่โต๊ะเพราะไปทักทายเจ้าของร้านซึ่งชานนท์เดาว่าเป็นญาติสนิทของพี่เต๋า เขากลับมาพร้อมคำถามและรอยยิ้มที่เห็นฟันเรียงตัวสวยน่าประทับใจ
“เอ่อ...... ชอบครับ” ชานนท์ตอบกลับด้วยท่าทีเกรงใจ เพราะร้านมันดูหรูหรา และเดาว่าอาหารต้องราคาแพง
“น้องนนท์นี่ดูท่าทางเกร็งๆ ตลอดเลยนะ” พี่เต๋านั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามและใบหน้ายังแฝงไปด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“ก็ผม......”
“เกรงใจ!”
“ครับ..... ไม่เห็นจำเป็นต้องพามาร้านอะไรหรูหราและไกลกว่านี้เลย ร้านอาหารดีๆ อร่อยๆ แถวหน้ามหาวิทยาลัยก็ดีมากแล้วครับ”
“ไม่ต้องเกรงใจ นี่ร้านประจำพี่เอง พี่มากินบ่อยๆ แล้วก็ไม่แพงอย่างที่น้องคิดหรอก!!” พี่เต๋าพยายามพูดให้ชานนท์ผ่อนคลาย แต่ชานนท์ทำได้เพียงยิ้มแห้งตอบกลับไปเท่านั้น

เพียงครู่เดียวบริกรก็นำเมนูของทางร้านมาให้ ชานนท์รับมาเปิดดูก็พบว่าสิ่งที่พี่เต๋าพูดนั้นไม่เป็นความจริงเลย อาหารเป็นลักษณะฟิวส์ชั่นฟู๊ดสไตล์อิตาเลี่ยน และราคาก็ถือว่าโหดมากหากเทียบกับร้านดีที่สุดแถวมหาวิทยาลัย ชานนท์แอบมองหน้าพี่เต๋าหลายรอบ แต่เขาก็แอบยอมรับว่าอาหารทุกจานในเมนูช่างน่ากินน่าลองทั้งสิ้น

“เลือกไม่ถูกใช่ไหม? ให้พี่แนะนำไหม?” พี่เอกสั่งอาหารของตัวเองเสร็จสิ้นก็หันมาถามชานนท์ เขาพยักหน้าตอบตกลงอย่างไม่ลังเล ด้วยคำอธิบายของพี่เต๋าที่เขาไม่ค่อยเข้าใจบวกกับภาษาต่างประเทศที่ไม่คุ้นเคยทำให้ชานนท์ตัดสินใจเลือกอาหารที่พี่เต๋าแนะนำอย่างเดาสุ่มที่คิดว่าดีที่สุด อย่างที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าหน้าตามันจะเป็นอย่างไร

หลังจากบริการได้รับรายการอาหารที่สั่งไปเรียบร้อยแล้ว เขาก็พยายามแนะนำเครื่องดื่มประเภทไวน์ให้กับพี่เต๋าและชานนท์ ตัวชานนท์รีบปฏิเสธทันที แต่พี่เต๋ากลับมีท่าทีลังเลในการปฏิเสธ อาจเพราะพี่เต๋าถูกชานนท์เพ่งมองเนื่องจากเขาสัญญากับชานนท์ไปแล้วว่าจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์ในวันนี้ จึงทำให้พี่เต๋ารีบปฏิเสธในชั่วนาทีต่อมา ไม่นานนักน้ำดื่มเย็นๆในแก้วทรงสูงก็ถูกนำมาจัดวางไว้บนโต๊ะ

พี่เต๋าเป็นคนคุยสนุก มีความรู้เยอะ เขามักจะเล่าเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับอาหาร วิธีการปรุง การสรรหาคัดเลือกอาหาร เขาพูดอย่างเพลิดเพลินและชำนาญ เหมือนเป็นเชฟมืออาชีพ ชานนท์ตั้งใจกับการอธิบายเกี่ยวกับสารพัดอย่างบนโต๊ะและบนเมนูจนแทบไม่กระพริบตา เขารู้สึกอาหารที่เขาได้กินวันนี้ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถีน จนทำให้รสชาติเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่ทราบชานนท์รู้แต่ว่าอาหารบนจานเขานั้นหมดไปได้สักพักแล้ว

“ทานของหวานต่อไหมครับ? ช้อกโกแลตเค้กลาวาที่นี่ขึ้นชื่อมากเลยนะครับ?” พี่เต๋าเสนอเมนูของหวานให้หลังจากที่เห็นบริกรเดินมาเก็บจานที่เกือบจะว่างเปล่าของชานนท์
“อืม...... ไม่ดีกว่าครับ” ตอนนี้อาหารแน่นเต็มท้องของชานนท์ไปหมด แม้เขาจะเป็นกินจุ แต่การกินอาหารที่มีจานใหญ่กว่าหน้าของเขาสองเท่านั้น มันก็ทำให้เขาถึงขีดจำกัดได้เช่นกัน
“น้องนนท์ มันอร่อยมากนะครับ มีรายการทีวีหลายร้านแนะนำเลยนะ!!”
“แต่ผมอิ่มแล้วนี่ครับ”
“งั้น.... เอาแบบนี้ เราสั่งมากินด้วยกันไหมครับ กินไม่หมดก็ไม่เป็นไรครับ” เต๋าขยั้นขยอ
“เอ่อ.......” ชานนท์เริ่มลังเลและเกรงใจ
“โอเคนะ! น้องครับพี่ขอสั่ง เบลเยี่ยมช้อกโกแลตเค้กลาวา 1 ที่ครับ” พี่เต๋าเห็นท่าทีลังเลของชานนท์เพียงครู่ก็ตัดสินใจสั่งของหวานทันทีโดยไม่รอเสียงตอบตกลงของอีกฝ่าย จนชานนท์ที่พยายามจะพูดปฏิเสธทันทีที่ได้ยินกลับทำได้แต่เสียงในลำคอ

เพียงเวลาไม่เกินห้านาทีบริกรคนเก่าก็เดินกลับมาพร้อมขวดไวน์สัดำคลับพาดด้วยฉลากสีขาวคลิปทองดูดีหรูหรา

“คุณผู้จัดการให้นำมาให้ครับ ท่านแจ้งว่าลุงของคุณเต๋าให้นำมาให้ชิมพร้อมกับแขกของคุณเต๋าครับ”  บริการที่ตอนนี้ใส่ถุงมือสีขาวสะอาดโอโม่ ยกขวดไวน์ทรงสวยนั่นขึ้นมาแสดงอย่างทะนุถนอม
“ฝากขอบคุณคุณลุงด้วยนะ แต่วันนี้ผมไม่ดื่มครับ”
“คุณท่านบอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดคุณเต๋า ท่านอยากให้คุณเต๋าเป็นของขวัญวันเกิด และหากคุณท่านเสร็จธุระแล้วจะตามมาดื่มด้วยครับ” บริกรกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“อืม...... ลุงลงทุนจัง ขวดนี้แพงนะเนี่ย เอาหนึ่งในคอลเลคชั่นสะสมมาให้ดื่มเลยนะเนี่ย! แต่ผมคงต้องขอปฏิเสธจริงๆ วันนี้ผมพา....... เอ่อ... รุ่นน้องมาด้วย เดี๋ยวต้องขับรถไปส่งที่ห้องอึก ไม่เอาดีกว่า” เต๋าปฏิเสธเสียงแข็ง

“ไม่น่าเชื่อว่าคอไวส์อย่างแกจะปฏิเสธนะเนี่ย !! หากเมาจริงๆจะกลัวอะไร!! ลุงแกเป็นเจ้าของโรงแรม ลุงไม่ขี้เหนียวที่จะให้หลานแท้ๆ มาพักค้างสักคืนหรอกนะ!!” เสียงสากใหญ่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังบริกร

“อ้าว!! อาภพ!!” พี่เต๋ายืนขึ้นพนมมือไหว้ผู้ใหญ่ในชุดลำลองที่ท่าทางใจดี โครงหน้าทั้งสองคนใกล้เคียงกันจนใครเห็นก็น่าจะคิดว่าเป็นพ่อลูกกัน
“เออๆ สวัสดีไอ้หลานชาย! อาเห็นหลานจองโต๊ะไว้ในวันเกิดนึกว่าจะมาปาร์ตี้กับเพื่อนเสียอีก แล้วไหนมากินกันแค่สองคน?” อาภพเดินมาถึงโต๊ะและหันมามองหน้าชานนท์ ชานท์ก็ยกมือไหว้เป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ

“อาก็รู้ว่าผมไม่ชอบจัดงานวันเกิด” พี่เต๋าพูดต่อ
“เอ่อ.....” อาถพเหล่มองชานนท์และเต๋าสลับกัน
“อ้อ!! ครับ!! ผมลืมแนะนำไปเลย นี่ชานนท์ครับ เป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย” เต๋ารู้ความหมายดีเลยรีบแนะนำคนที่พามาด้วยทันที
“สวัสดีครับ”  ชานนท์กล่าวทักทายอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีครับ ลุงเห็นไกลๆ หน้าหวานๆ นึกว่าผู้หญิงเสีย นี่ผู้ชายเรอะเนี่ย? ปกติหลานไม่เคยพาใครมานอกจากเพื่อนสนิท?” อาภพมีสายตาสอดส่องสงสัยมาที่ชานนท์ จนชานนท์แอบชำเลืองหน้าและปมตัวเองในกระจกและคิดว่าเขาควรจะตัดผมให้สั้นเลยดีกว่าไหม?

“นอกจากเพื่อนสนิทก็อยากจะพาคนพิเศษๆ มาบ้างน่ะครับ”
“คนพิเศษ? ..... อ้อ..... ไม่เลวๆ สายตาหลานไม่เลวเลยน่ารักดีนะ อาก็พอรู้มาบ้างนะเรื่องของเราน่ะ ไม่คิดว่า สุดท้ายจะเป็นผู้ชายเหรอเนี่ย?” อาภพตบไหล่เต๋าเบาๆ
“ไม่รู้สิอา ผมว่าของอย่างนี้มันอยู่ที่ใจแหละ ชอบมันก็คือชอบ!!” เต๋าส่งสายตามาทางชานนท์แบบเขินอาย ชานนท์เพิ่งเคยเห็นเต๋าทำท่าทางแบบนี้ต่อหน้าตนเองเลยทำให้วางตัวไม่ถูกไปด้วย
“โลกมันเปลี่ยนไปเร็วว่ะ อาตามไม่ค่อยจะทันเลย แต่เอาเหอะ แกมีความสุขกับอะไร อาก็มีความสุขไปด้วยล่ะวะ” อาภพยิ้มร่าปิดท้าย
“ขอบคุณครับ” เต๋ายิ้มรับอย่างมีความสุข
อาหลานคุยกันเหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ทั้งๆ ที่กำลังพูดถึงชานนท์อยู่ เขารู้สึกอยากกลับหอพักในทันทีและรู้สึกเสียใจที่มาตามพีเต๋าเสียแล้ว

“อาหารที่สั่งได้แล้วครับ ขออนุญาตเสิร์ฟนะครับ” เสียงบริกรดังขึ้นไม่ไกล
“เออ!! วันนี้อาว่างพอดี อารมณ์แบบนี้ต้องฉลอง!! เปิดไวน์มา ไอ้ขวดเมื้อกี้น่ะ เอามา” อาภพกระแทกนั่งลงตรงที่ว่างข้างเต๋า

“เอ่อ...... คือ.......” เต๋ามีท่าทีลำบากใจ ยิ่งได้เห็นสีหน้าขานนท์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามด้วยแล้วยิ่งไม่สบายใจเพราะเขาอุตส่าห์สัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ดื่ม
“ เอาน่า นานๆ จะได้เจอกัน วันนี้วันเกิดเอ็งด้วย ดื่มเป็นเพื่อนอาหน่อยนะ!!” อาภพขยั้นขยอ จนเต๋ายอมรับปากแต่โดยดี เรื่องนี้พิสูจน์ว่าที่เต๋าคอแข็งมากนั้นเพราะกรรมพันธุ์นี่เอง!
“หลานด้วยนะ!!” คำขอร้องเชิงบังคับออกมาจากปากอาภพทำให้ชานนท์ตอบตกลงในที่สุด ทั้งๆ ที่เขาพยายามปฏิเสธแล้ว

.........................

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เสือจะสิ้นลาย หรือจะโชว์หางโผล่มา

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
เวลาผ่านล่วงเลยไปมากกว่าสองชั่วโมงแล้ว คนในร้านเริ่มบางตาจนเหลืออยู่เพียงสองโต๊ะเท่านั้น โชคดีที่อาภพนั้นไม่ได้จูงใจคนเก่งเหมือนพี่เต๋า ทำให้สามารถนั่งคุยอยู่กับสองอาหลานได้โดยที่ดื่มไปไม่ถึงสองแก้ว  สุราสีแดงฉานขุ่นข้นถูกรินใส่แก้วทรงสูงของสองอาหลานแก้วแล้วแก้วเล่า ทำให้หน้าของทั้งสองสีเรื่อแดง ดวงตาฉ่ำวาว จากที่เคยหันมาพูดคุยกับชานนท์เป็นระยะ จนตอนนี้แทบจะคุยกันแค่สองคน คุยกันตั้งแต่เรื่องทั่วๆไป เรื่องผู้หญิง เรื่องกีฬา จนไปถึงเรื่องการเมือง?!?

“เด็กเอ็งนี่พูดน้อยไปนะ” อาภพพูดจาเสียงหน่วงเป็นคำต่อคำ
“แต่น่ารักดีใช่ไหมครับ เขาดูใสซื่อมากๆ เลย ผมไม่เคยเจอใครแบบนี้เลย” พี่เต๋ามีน้ำเสียงที่ไม่ต่างกันมาก
“ผมว่า ..... เราพอก่อนไหมครับ?” ชานนท์หันไปเตือนทั้งสองหลังจากมองไปทางกองขวดไวน์ที่วางเรียงรายเป็นแถวยาวตามความยาวของโต๊ะด้านข้าง
“โอ้ย...... น่ารักจริงๆ ท่าทางเป็นห่วงแกด้วย!!” อาภพหันมาแซวพี่เต๋าที่ยกแก้วไวน์ขึ้นมาเป็นมุมฉากกับริมฝีปาก
“ใช่ครับ น่ารักจริงๆ” พี่เต๋าทำตาเชื่อมใส่คนตัวเล็กพร้อมยกแก้วไวน์ขึ้นมาแกว่งเล็กน้อย เป็นสัญญาณเตือนบริกรให้มารินไวน์ให้เพิ่ม

“โห..... หน้าสวยมากเลย ไม่น่าใส่แว่นนะ” อาภพยื่นมือมาคว้าแว่นออกจากใบหน้าชานนท์ด้วยความรวดเร็ว นอกจากจะมีแขนที่ยาวมากแล้วยังไวมากอีกด้วย
“เอ่อ..... ผมขอคืนด้วยครับ” สายตาที่พร่ามัวของชานนท์ทำให้มองคนด้านหน้าไม่ชัดเจน เลยได้แต่ยื่นมือออกไปขอแว่นตาคืน แต่กลับโดนมือที่สากหยาบดึงกระชากให้ยืนขึ้น หน้าทิ่มเข้าหาอีกฝ่ายหนึ่ง ชานนท์ได้แต่อุทานเสียดัง

“ตาสวยจริงๆ กลมโต ขนตางอนยาวเป็นธรรมชาติ อาเข้าใจแล้วว่าทำไมเอ็งถึงชอบ มือก็นิ่มบอบบาง  แก้มอมชมพูเพราะไวน์แบบนี้นี่เหมือนผุ้หญิงแต่งชายเลยว่ะ” อาภพพูดกับชานนท์ด้วยระยะประชิดจนได้กลิ่นไวน์โชยมาจากลมหายใจ

“โอ้ย... ผมเจ็บครับ ขอโทษครับ อาภพปล่อยผมก่อนครับ” ถึงแม้จะได้รับคำชมแต่ชานนท์กลับไม่ได้รู้สึกดีใจเลย มือที่ถูกจับกุมอยู่เริ่มปวดชา
“อาชักสนใจ ขออาสักครั้งได้ไหมเต๋า?!” อาภพหันไปหาเต๋าทั้งที่ยังจับกุมชานนท์อยู่ “อาเห็นแล้วก็อยากลองเลย!!”

ชานนท์ตกใจกับคำพูดของผู้ใหญ่ตรงหน้ามากๆ และพยายามสะบัดมือให้หลุด ส่วนสายตาก็จ้องแต่ทางหนีทีไล่ว่าจะวิ่งออกไปทางไหน ทั้งๆ ที่สายตาที่ไม่ได้ใส่แว่นนี้ก็มองอะไรไม่ชัดเจนเอาเสียเลย

“ไม่ได้ครับ!! คนนี้ผมจริงจัง!!” เต๋าพูดพลางลุกขึ้นมาแย่งแว่นจากมืออีกฝ่ายและแกะมือของอาภพออกจากมือชานนท์ เต๋าบรรจงใส่แว่นลงไปที่ใบหน้าของคนตัวเล็กอย่างทะนุถนอม

“ขอโทษนะ อาเราเวลาเมา เขาจะหื่นๆ หน่อย แต่ปกติก็นิสัยดีนะ” พี่เต๋าพูดปลอบในขณะที่เอาตัวเข้าขวางอาภพ ชานนท์พยักหน้าและใช้มือลูบไล้กันเพื่อลดอาการชาจากการกดจับอย่างรุนแรง

“อาล้อเล่นน่า”
“เล่นแบบนี้ผมไม่ขำเลยครับ งั้นผมขอตัวนะครับ ดึกแล้ว”
“เฮ้ย!! ไหวเนอะ? นอนที่นี่เหมือนทุกทีก็ได้!!”
“ไม่เป็นไรครับ พรุ่งนี้มีเรียน”
“ปกติไม่เห็นจะเคยห่วงเรียน”
“ผมไม่หวงแต่คนนี้ที่ห่วง” พี่เต๋าชี้มาทางคนตัวเล็กที่ทำท่าทางพร้อมจะออกจากที่นี่มากที่สุด

ชานนท์รีบยกมือไหว้อาภพเป็นการอำลาอีกอีกฝ่าย ส่วนพี่เต๋าก็ทำตามทันที พี่เต๋าเดินนำหน้าชานนท์หลังจากปฏิเสธการชักชวนให้นอนพักที่นี่ต่ออึกครั้ง

“ขอโทษนะนนท์ อาพี่เขาก็ขี้เล่นแบบนี้ จนบางทีก็ดูไม่ออกว่า อันไหนจริงอันไหนล้อเล่น” พี่เต๋าหันมาทำหน้ารู้สึกผิด
“หัวใจผมนี่ตกวูบไปถึงตาตุ่ม..... ว่าแต่... แต่พี่เต๋าเคยทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ?”
“ทำอะไร?”
“แบบ..... ขออะไรกันแบบนี้!!”
“จะให้พี่ตอบแบบรักษาภาพ หรือให้ตอบแบบจริงๆล่ะ”
“แปลว่าก็เคย!”
“ก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่ เขาก็เต็มใจนะ เพราะอาภพเอ็งก็ดูดีมีเสน่ห์ไม่เบาอยู่ ว่าแต่นนท์ไม่สนใจบ้างเหรอ?”

“เอ่อ... ไม่ดีกว่าครับ!” แม้มันจะเป็นความจริงที่อาภพมีเสน่ห์สไตล์อาเสี่ยนิสัยดีที่ยังดูแลตัวเองได้ดีอยู่ แต่ชานนท์ก็ไม่ใช่คนแบบนั้น นึกถึงก็ยังขนลุกอยู่เลย

พี่เต๋าเดินออกห่างจากห้องอาหารเรื่อยๆ แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งเหมือนพี่เต๋ามีขาที่ไม่แข็งแรง เขาเดินช้าลงและมีการหยุดเดินเป็นระยะ รวมถึงพี่เต๋าแทบจะไม่พูดกับชานนท์เลย

“พี่เต๋า เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ชานนท์ถามขึ้น
“อืม...... ความจริงพี่ไม่ค่อยสบายน่ะ พอมาดื่มเยอะขนาดนี้ก็เลยเสียศูนย์นิดหน่อย” พี่เอกหยุดเดินและมีอาการหอบเล็กน้อย
“ไหวไหมครับ พักก่อนไหม?”
“ไหวสิ! ไหว!! ไป!! เดินกันต่อ เกือบถึงลานจอดแล้วครับ”
พี่เต๋าพูดจบก็ก้าวเดินต่ออย่างฝืนๆ
“อย่าเลยครับพี่ นอนพักสักหน่อยก็ได้ครับ หากพรุ่งนี้ออกแต่เช้าก็น่าจะไปเรียนทันคาบแรก” ชานนท์คว้าไหล่อีกฝ่ายไว้ไม่ให้เดินต่อ

“แต่..... พี่ยังไหวจริง!!”
“อย่าเลยครับ อันตราย ผมก็ขับรถไม่เป็นเสียด้วย.... พักเสียที่นี่ก็ได้ครับ!!” ชานนท์ตัดสินใจพูดเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของทั้งพี่เต๋าและตัวเอง
“แน่ใจนะ” พี่เต๋าถามอีกฝ่ายแต่แฝงความดีใจอยู่ในแววตา ภายใต้ใบหน้าที่ดูอ่อนล้า
“ครับ!!” ชานนท์พยัดหน้าด้วยความที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งสองพากันมาที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม พี่เต๋าคุยโทรศัพท์เพื่อขอที่พักจากอาภพด้วยท่าทางสีหน้าแปลกๆ

“เป็นอย่างไรบ้างครับ?” ชานนท์ถามขึ้นหลังที่พี่เต๋าวางสาย
“โอเค..... แต่ว่า....... ช่วงนี้มันไฮซีซั่น มันก็เลยเหลือห้องเดียว ที่เป็นเตียงเดี่ยวแบบคิงไซส์น่ะ...... คือ..... น้องนนท์ นอนเตียงเดียวกับพี่ได้ใช่ไหม?” พี่เต๋ามีท่าทางอึกอักในการตอบคำถาม
“ได้สิครับ” ชานนท์ตอบกลับอย่างไม่คิดมาก
“พี่ก็นึกว่าเราจะกลัวพี่จนไม่กล้าอยู่ห้องเดียวกับพี่แล้ว”
“เอ่อ...... ผมไว้ใจพี่ครับ ผมว่าคนเราคงไม่ทำผิดซ้ำซ้อนหรอกนะครับ อีกอย่างวันนี้พี่ก็ไม่ได้เมาเหมือนวันนั้น!”
“พี่ดีใจนะที่น้องนนท์ยังไว้ใจพี่”

“ห้องพร้อมแล้วคะคุณเต๋า”  พนักงานประจำเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์กล่าวแจ้งกับพี่เต๋าอย่างคุ้นเคยพร้อมยิ้มหวานจับใจ
“โอเค ไปกันเถอะ!” ท่าทีของพี่เต๋าดูกระชับกระเฉงขึ้นมานิดหน่อยหลังจากที่ชานนท์แสดงท่าทียินยอมนอนร่วมห้องกับเขา
“ครับ” ชานนท์ตอบและก้าวเดินตามไป
“ไว้ใจพี่ได้เลย พี่ชอบใคร พี่จะให้เกียรติเขามากนะ อย่างนนท์ พี่ให้แบบสุดๆ ไปเลย!!”

“แต่กูไม่ไว้ใจมึงวะ!!”
เสียงคุ้นหูดังขี้นจนเกิดเสียงกังวานไปทั่วโถงที่ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรา

“เฮ้ย!! มาได้ไงวะ ไอ้รุฒ!!” พี่เต๋ามีท่าทีตกใจ
“มุกโง่ๆ แบบเนี้ยใช้บ่อยจนกูจับไต๋ได้แล้ว ใครเชื่อก็ควายแล้ว!!” วรุฒแผดเสียงมาทางชานนท์
“นายก็ซื่อเกินไปนะ ไม่รู้จักเข็ดหลาบเสียบ้าง!! มานี่มา!! เรามารับกลับแล้ว!!”
“เอ่อ... นายรู้ได้ไงว่าเราอยู่นี่!!” ชานนท์ทำท่าทางแปลกใจ
“ไอ้เต๋ามันมีที่ประจำไม่กี่ที่หรอก!!” วรุฒพูดจบก็เดินมาคว้ามืออีกฝากและใช้แรงดึงให้อีกฝ่ายเดินตามมา
“เดี๋ยวๆ แล้วพี่เต๋าล่ะ?”  ชานนท์รั้งตัวเองพลางมองพี่เต๋าที่ยืนทำสายตาเศร้าสร้อยผิดหวังมาทางชานนท์ ด้วยอาการที่ยืนยันผนังไว้ไม่ให้ตัวเองล้ม

“นายจะไปห่วงมันทำไม ที่นี่ก็โรงแรมในเครือญาติมัน มันมาบ่อยยิ่งกว่าบ้านอีก!” วรุฒหันมาให้ข้อมูลด้วยประโยคสไตล์เขาและยังคงออกแรงลากชานนท์ให้เดินต่อไป

ส่วนชานนท์ได้ยินดังนั้นก็แอบเห็นด้วยจึงได้แต่ยอมก้าวเท้าตามวรุฒแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายไม่สามารถเดินตามฝีก้าวยาวๆ ของวรุฒได้ทัน จนกระทั้งไปสะดุดล้มขาตัวเองตรงบริเวณประตูทางออกไปลานจอดรถยนต์ทางด้านหลังโรงแรม ด้วยปฏิกิริยาอันรวดเร็วของวรุฒ ทำให้เขาหยุดฝีเท้าและหันมาคว้าชานนท์ขึ้นมาอุ้มในท่าทางดุจเจ้าบ่าวอุ่มเจ้าสาวเข้าหออย่างรวดเร็ว ชานนท์รู้ว่าร่างกายตัวเองลอยคว้างอยู่กลางอากาศอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะไปตกลงในอ้อมแขนที่คุ้นเคย วรุฒปฏิบัติกับชานนท์เหมือนตุ๊กตาหมีน่ารักตัวใหญ่ที่เบานุ่มและน่าทะนุถนอม

“นายเนี่ยนะ ต้องให้เป็นห่วงเสียเรื่อย ทำไมไม่เดินดีๆ เกือบล้มแล้วไหมล่ะ!” วรุฒบ่นกับชานนท์ที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างกระชับ
“เพราะใครกันล่ะ ฉุดกระชากให้เดินตามมาจนแทบจะลอยจากพื้น!!”
“เอ่อ...........”
“ไม่ต้องมาเอ่อเลย ก็เพราะนายนี่แหละ” ชานนท์ได้ทีเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีสำนึกผิดเลยใส่อารมณ์ในคำพูดขึ้นนิดหน่อย
“เราขอโทษ ก็เราเป็นห่วงนาย อยากไปให้พ้นๆ จากตรงนี้ เดี๋ยวไอ้เต๋ามันจะหาเรื่องรั้งนายไว้อีก!! เรา..... ”
วรุฒมีท่าทีอ้ำอึ้งลังเลที่จะพูดที่ท้ายประโยค
“อะไรนะ!?!” ชานนท์รู้สึกแปลกกับประโยคที่ตอบกลับของวรุฒ เขาไม่นึกว่าวรุฒจะพูดขอโทษง่ายขนาดนี้ ปกติน่าจะพยามโยนความผิดให้กับเขาตลอดเวลา

“คนมันหึงน่ะ มันทำได้ทุกอย่างแหละ!!” วรุฒพูดขึ้นทั้งที่หน้าแดงและไม่มองหน้าคนตัวเล็กที่เขาอุ้มอยู่
“หึง???? ..... เอ่อ.....” สถานการณ์แบบนี้ทำเอาชานนท์ตอบโต้ไม่ถูกเช่นกัน ทำไมเขาต้องรู้สึกเขินกับไอ้คำแปลกๆแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้

และแล้วทั้งคู่ก็นิ่งไปพักใหญ่ ปล่อยให้บรรยาการอยู่ในความเงียบจนได้ยินเสียงวิ้งภายในหู ก่อนที่วรุฒจะตัดสินใจเดินอุ้มชานนท์ไปที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกล

“ปล่อยเราลงได้แล้วอายเขา!!” ชานนท์พยายามดิ้นให้วรุฒปล่อยตนเองจากอ้อมแขนอันทรงพลัง
“อย่าขยับสิเดี๋ยวตกนะ อุ้มจนจะมาถึงรถอยู่แล้วเพิ่งจะมาอาย” วรุฒขยับแขนกระชับให้ชานนท์ใกล้ชิดตัวเองมากขึ้น

“เอ่อ.... เดี๋ยวนะ.... นั่น” ขณะที่ขยับตัวไปมาอยู่นั้นสายตาก็ไปบรรจบกับรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สีดำคลับที่คุ้นตา พร้อมเจ้าของรถที่ส่งยิ้มแห้งมาทางเขาอย่างไม่จงใจ
“นั่นพี่เอก!!” ชานนท์พูดขึ้นทันทีหลังที่ทรงตัวที่พื้นเรียบร้อย วรุฒได้ปล่อยตัวชานนท์ลงเมื่อมาถึงรถของเขา
“อืม! ก็ต้องขอบใจเขานะ ไม่อย่างนั้น เราก็ไม่รู้จะต้องห่วงนายไปถึงตอนไหน?” วรุฒตอบขณะกำลังจัดร่างกายสูงใหญ่ของตัวเองเข้าไปในรถมินิคูเปอร์ด้านคนขับ
“งั้นเราขอไปทัก....” ในขณะที่ชานนท์กำลังจะก้าวไปหารุ่นพี่ของเขา รถบิ่กไบค์ของพี่เอกก็ขับผ่านหน้าชานนท์ไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ชานนท์มองไฟท้ายสีแดงไปจนลับสายตาอย่างงงงวย

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
.................................

ชานนท์และวรุฒกลับมาถึงหอพักโดยใช้เวลาไม่นาน  ใช้เวลาไปเท่าไหร่ไม่ทราบ เขารู้แต่ว่าเร็วกว่าขาไปมาก

“เป็นอะไรหรือเปล่า เมาเหรอ?” วรุฒเดินมาลูบหัวชานนท์เบาๆ หลังจากเขาเดินโซเซออกมาจากรถ
“ไม่ได้เมาไวน์นะ เราดื่มมานิดเดียว แต่เมารถที่นายขับนั่นแหละ ไม่รู้ว่าจะรีบร้อนอะไรหนักหนา” ชานนท์ปัดมือที่ยังลูบหัวอย่างเอ็นดูของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“ก็เรารู้ว่านายต้องรีบกลับมานอน เพราะพรุ่งนี้เรามีเรียนกันแต่เช้า” วรุฒตอบกลับด้วยรอยยิ้มมุมปากที่ดูมีเสน่ห์จนใครก็ยากจะต้านทาน ‘คนอะไรจะหล่อได้ขนาดนี้วะ’ ชานนท์คิดในใจ
“ มันก็เร็วไป อันตราย!” แม้จะตอบแบบนั่นแต่ก็ได้แต่อมยิ้มกับคำตอบของวรุฒไม่ได้ ทำให้เห็นว่าวรุฒก็เอาใจใส่ชานนท์กว่าที่คิด

ระหว่างเดินไปทางหอพัก ชานนท์ไม่ลืมที่จะเหลือบไปมองไปทางลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ใกล้กับทางขึ้นตัวอาคาร เขาสังเกตเห็นว่ารถของพี่เอกยังมาไม่ถึงหอพัก เขาตั้งใจว่าจะแวะไปทักทายและขอบคุณที่พาวรุฒไปรับเขา แต่ในเมื่อพี่เอกไม่อยู่ ชานนท์เลยตั้งใจว่าจะทำมันในวันพรุ่งหากมีโอกาสได้เจอพี่เอก

ชานนท์โยนตัวเองลงบนที่นอนอย่างหมดแรง แม้จะดื่มไวน์ไปไม่มากแต่ดีกรีความแรงของแอลกอฮอล์ในไวน์ก็ออกฤทธิ์ใส่ชานนท์ผู้ไม่ประสากับการดื่มของมึนเมาพอสมควร

ความเข้มแข็งของเขาที่อุตส่าห์อดกลั้นมาตลอดจนถึงห้องพักพังทลายลงมาทันทีเมื่อมาเจอกับที่นอนนุ่มๆแบบนี้

“อาบน้ำก่อนดีไหม?” เสียงวรุฒที่กำลังถอดเก็บอุปกรณ์ติดตัวทุกอย่างลงบนโต๊ะอ่านหนังสือฝั่งของเขาอย่างช้าๆ แต่สายตากลับจ้องมองคนตัวเล็กอย่างไม่วางตา สายตาของวรุฒไม่สามารถปิดบังแรงปรารถนาบางอย่างได้เลย

“รู้แล้วน่า เรานอนไม่หลับหรอก หากไม่ได้อาบน้ำน่ะ” ชานนท์เถียงกลับด้วยถ้อยคำที่ไร้เรี่ยวแรง
“เออ... ให้มันจริง!” วรุฒพูดย้อนชานนท์ไปด้วยรอยยิ้ม แต่กลับไม่มีเสียงต่อล่อต่อเถียงใดๆโต้กลับมา
“ไหนว่า...... จะไม่หลับไง!!” วรุฒเดินย่องไปคล่อมตัวชานนท์ไว้เหมือนสิงโตกำลังขย้ำกวางน้อยที่หมดสติ
“อืม..... แค่พักสายตาน่ะ” ชานนท์ตอบกลับทั้งๆ ที่ยังหลับตาสนิท
“อืม.......” วรุฒตอบไปทั้งที่กำลังพิเคราะห์ความปล่อยตัวของอีกฝ่ายที่ปล่อยให้เขาพาดคล่อมร่างกายตัวเองอย่างไม่ปฏิเสธขัดขืนหรือแสดงความไม่พอใจ วรุฒสำรวจร่างกายในชุดนักศึกษาหลวมๆของชานนท์อย่างละเอียด ร่างบอบบางที่มึผิวละเอียดขาวเนียนตั้งแต่หัวจรดเท้าที่แสดงถึงความเอาใจใส่ตัวเองอย่างดี ดวงตากลมโตที่หลับพริ้มแสดงให้เห็นขนตาดกหนาจาวพอดี คิ้วโก่งคมได้รูปที่ผู้หญิงหลายคนต้องอิจฉา ใบหน้าเล็กๆ กับผิวหน้าที่เนียนขาวอมชมพูและเรื่อแดงเพราะฤทธิ์ไวน์ที่ดื่มเข้าไป ทั้งหมดทำให้วรุฒรู้สึกหลงไหลกับภาพตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก  เขาเผลอใช้มือลูบไปตามแขนไล่ไปจนถึงเอวและต้นขา มันกระชับได้รูปไปหมด กลิ่นหอมจากตัวผสมกับกลิ่นไวน์ผสมกันกลับเป็นกลิ่นที่ลงตัวจนวรุฒแอบก้มลงไปดมใกล้ๆที่ซอกคอคนตัวเล็กที่นอนอยู่
“ไหนว่าพักสายตา ทำขนาดนี้ยังไม่รู้สึกตัวเลย...” วรุฒกระซิบใส่หูชานนท์เบา
“อืม.... ขอ... อีก....แปปนะ” ชานนท์พูดเบาตอบกลับมาทั้งที่ไม่ได้ขยับตัวเลย
“ไม่ได้!! เดี๋ยวหลับจริง” วรุฒขยับตัวตั้งตรงและใช้มือช้อนร่างเล็กของคนตรงหน้ายกขึ้นสูงเหนือเตียง
“เฮ้ย.!!!!! ทำอะไรน่ะ” ชานนท์สะดุ้งตื่นตกใจ
“จะพาไปอาบน้ำไง!!”
“ไม่เป็นไร!! ไปเองได้!!”
“ไม่เอา! เราตัดสินใจแล้ว!!”
“ใครใช้ให้นายตัดสินใจแทนเรา”
“ด้วยความเป็นแฟนของนาย เราตัดสินใจให้ เพราะหากนายยังนอนแบบนั่นต่อไป เรามีหวังได้ปล้ำนายแน่ๆ”
“แฟนเฟินอะไรกันวะ ใครเป็นแฟนนาย!?!” ชานนท์โวยวายหน้าแดง
“งั้นจะแสดงให้ดูก่อนนอนเอง!!”
“เฮ้ย!! ไม่นะ!!” ชานนท์พยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนอีกฝ่าย แต่วรุฒแข็งแรงเกินไปทำให้ชานนท์ได้แต่จำใจโดนอุ้มเข้าไปในห้องน้ำไป

โชคดีที่ชานนท์รู้จักปฏิเสธมากขึ้น และใจแข็งพอ แม้จะโดนเล้าโลมภายใต้ฝักบัวนานแค่ไหน ชานนท์ก็ไม่โอนอ่อนโดยง่าย จนสุดท้ายเขาก็เลยรอดพ้นจากการโดนเอาเปรียบในห้องอาบน้ำ

”เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย?” ชานนท์ถามขึ้นหลังที่วรุฒเดินไปแต่งตัวอย่างเงียบๆ หลังจากออกจากห้องน้ำ
“นายกำลังทรมานเรา.....” วรุฒพูดสั้นๆ และไม่ได้มองกลับมาที่ชานนท์
“ทรมาน.....???” ชานนท์ทวนคำพูดวรุฒด้วยความสงสัย
“เราไม่เคยต้องเก็บกดขนาดนี้ เวลาเราอยากได้ เราก็ต้องได้!!” วรุฒเดินกลับมาทิ้งตัวนั่งลงที่เตียงในชุดนอนสีขาวสว่างสดใส ผมที่ยังเปียกชื่นไหลตกลงมาปรกหน้าอย่างไม่มีระเบียบ แต่ก็ยังดูหล่อจนชานนท์ละสายตาจากวรุฒไม่ได้ ‘คนอะไรทำอะไรก็น่ามองไปหมด’ ชานนท์แอบคิดในใจ

“นายอยากมาคบกับเราเองนี่นา ก็ต้องอดทน เราไม่อยากเจ็บตัวบ่อยๆ น่ะ เข้าใจเรานะ”
“อืม...... ก็เข้าใจ แต่นายมัน... น่ารัก..... น่ารักเกินไป”  วรุฒพูดไปเขินไป สายตาที่บ่งบอกถึงแรงปรารถนาถูกส่งมาถึงชานนท์จนเขารู้สึกร้อนวูบวาบในช่องอก
“อืม..... นอนเหอะ” ชานนท์ตอบแก้เขินและเดินไปปรับผ้าห่มเพื่อเตรียมตัวเข้านอนที่เตียงแสนสุขของฝั่งตนเอง
“ถ้า อย่างนั้น เราตัดใจก็ได้...... แต่เราขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม? มานอนกับเรา ให้เรากอดก่อนนอนหลับได้ไหม?” วรุฒทำหน้าและส่งสายตาขอร้องที่ดูน่ารักจนอยากวิ่งไปกอด
ชานนท์ได้ฟังอย่างนี้แล้วแทบจะตอบตกลงในทันทีแต่...
“ไม่... ไม่เอาน่ะ เดี๋ยวนอนไม่หลับ” เขาต้องขืนใจทนใจแข็งไว้ ทนกับกับแรงยั่วยุที่ยากจะต้านทานของอีกฝ่ายให้ได้
“นะ.... นะ.... แค่กอดเอง...” วรุฒใช้เสียงโทนพิฆาตที่ยากจะปฏิเสธ วรุฒพูดซ้ำไปมาในขณะที่ชานนท์ข่มตาไม่รับฟัง
“เออๆ ก็ได้” และแล้วชานนท์ก็ใจอ่อนยวบกับท่าไม้ตายของอีกฝ่าย

ชานนท์ล้มตัวลงนอนด้านในติดผนัง เพราะคาดหวังว่าจะให้ร่างอันใหญ่โตของอีกฝ่ายช่วยเป็นกำบังกั้นลมจากเครื่องปรับอากาศที่ถูกปรับทิศทางให้ลงมาที่เตียงฝังนี้แบบเต็มที่

วรุฒปิดไฟในห้องทั้งหมดยกเว้นโคมแอลอีดีรูปพระจันทร์เต็มดวงที่อยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือข้างเตียง แสงสีเหลืองทองอ่อนส่องเรืองทำให้เห็นบรรยากาศในห้องที่เปลี่ยนไป แสงบางเบาทำให้มุมมองต่างๆ ในห้องดูสลัวจนเหมือนไม่ได้อยู่ห้องเดิม

ชานนท์นอนคลุมผ้าห่มจนเกือบมิดศรีษะ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ผ้าห่มและเตียงนอนทพให้รู้สึกผ่อนคลาย วรุฒมุดตัวเข้ามาในผ้าหอบเอาลมเย็นก้อนหนึ่งเข้าภายใต้ผ้าห่มจนทำให้ชานนท์ขนลุกชูชัน เขาใช้มือลูบแขนตัวเองเบาๆ เพื่อใช้แรงเสียดสีลดความหนาวเย็นลง ผิวที่สากเพราะรูขุมขนต่างตั้งกระชับจนเขาแอบบ่นในใจ ‘จะเปิดเครื่องปรับทำไมให้มันเย็นขนาดนี้นะ!?’ ซึ่งเรื่องนี้เป็นหัวข้อแรกๆ ที่เขาเคยปะทะกัน แต่ด้วยนิสัยของชานนท์ สุดท้ายก็ต้องยอมทนหนาวไป หากจะสังเกตดีๆ เตียงทางฝั่งชานนท์นั้น มีผ้าห่มมากกว่า 1 ผืนวางอยู่

“หนาวเหรอ?” วรุฒหันมาถามอย่างอ่อนโยนพร้อมทั้งสอดมือทั้งสองข้างประสานให้ร่างชานนท์อยู่เป็นกึ่งกลาง เวลาผ่านไปไม่นาน ชานนท์ก็เหมือนถูก กลืนเข้าไปในท้องคนตัวใหญ่เสียแล้ว

“อืม” ชานนท์ตอบสั้นๆด้วยความอ่อนเพลีย “ แต่ตอนนี้อุ่นขึ้นแล้ว” ชานนท์พูดจบก็ใช้หน้าซุกเข้าไปหาความอบอุ่นที่อยู่ตรงหน้า แผ่นอกที่หนาใหญ่บึกบึน ความอบอุ่นไหลผ่านมาที่ชานนท์จนเขารู้สึกสบาย บวกกับกลิ่นหอมสบู่อ่อนๆ ที่เป็นกลิ่นเฉพาะตัวของวรุฒทำให้เข้าไม่อยากถอยห่างจากมันเลย

“ไหนว่าแค่กอดกันไง!!” เสียงชานนท์พูดเสียงดุเมื่อรู้สึกถึง ‘ของแข็ง’ บางอย่างใต้ผ้าห่มหลังจากเวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที
“นายทำถึงขนาดนี้ใครจะไปอดใจไหว” วรุฒพูดขึ้นมาด้วยเสียงอันอึดอัด
“เราไปทำอะไร?!?” ชานนท์ภายใต้อ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้นส่งเสียงอู้อี้ขึ้นมา
“นายมาซุกไซ้เราขนาดนี้ ใครไม่เกิดอารมณ์ก็ตายด้านแล้ว!!” วรุฒพูดจบก็จับร่างชานนท์เลื่อนขึ้นจนใบหน้าขนานกัน  ชานนท์ไม่เคยรู้สึกเคยชินกับอาการโดนลากไปลากมาขนาดนี้
“ทำอะไรน่ะ หยุดเลยนะ! เราเพลียจะแย่อยู่แล้ว” ชานนท์ยกมือขึ้นมาปิดปากคนตรงหน้าก่อนที่ริมฝีปากนั่นจะฝ่ามาถึงริมฝีปากตนเอง
วรุฒแม้จะโดนขัดขืนถึงขนาดนี้แต่อารมณ์ตอนนี้ของเขามันรั้งไม่อยู่เสียแล้ว เขาเหมือนคันศรที่วางอยู่บนธนูที่ถูกง้างเสียจนสุดแรงจนไม่สามารถรั้งกลับได้แล้ว เขาใช้มือที่แสนชำนาญของเขาลูบไล้ปลุกปั่นไปตามจุดต่างๆ ของร่างกายของคนตัวเล็กตรงหน้า มือเหล่านั้นเหมือนมีเวทมนต์ ชานนท์อ่อนแรงลงเรื่อยๆ ชานนท์ถูกวรุฒสยบได้เพียงไม่กี่กระบวนท่า เขารู้ตัวอึกทีก็ถูกอีกฝ่ายกดลงไปนอนราบอยู่กับเตียงในขณะที่คนตัวใหญ่ขนาบอยู่ด้านบน แต่ถึงกระนั้นชานนท์กลับรู้สึกถึงแรงกดทับน้อยมาก วรุฒจัดกระบวนท่ากับชานนท์อย่างทนทะนุถนอม วรุฒมองลงมาที่ชานนท์ด้วยสายตาที่มองสิ่งล้ำค่าตรงหน้าจนชานนท์รู้สึกเขินอายจนอุณหภูมิบนใบหน้าสูงขึ้นจนตัวเองรู้สึกได้

“จะทำอะไรก็รับทำสิ!” ชานนท์เบือนหน้าหนี
“บอกมาก่อนสิว่านายก็ต้องการ” ชายร่างใหญ่ที่กดร่างค่อมชานนท์อยู่พูดอย่างได้ใจ
“อะไรน่ะ จะให้พูดอะไรบ้าๆ แบบนั้นเพื่ออะไร!” คนร่างเล็กที่นอนราบอย่างยอมแพ้โวยลั่น
“บอกมา!!” วรุฒก้มลงกระซิบที่ข้างหูพร้อมเป่าลมเข้าช่องหูเบาๆผสมกับจุมพิตที่ใบหูและไซ้ไปมาจนคนที่นอนราบทางด้านล่างบิดตัวด้วยความรู้สึกดีและร้องครางออกมาในคอ

“โอย..... พอ.... พอแล้ว โอเคๆ เราต้องการ!! เราต้องการมัน!!!” ชานนท์ร้องออกมาอย่างจำยอม เพราะทนกับความวูบวาบที่เกิดขึ้นกับตัวเองไม่ไหว
“งั้นก็จัดไป!!” วรุฒเงยหน้าขึ้นพูดด้วยรอยยิ้มพอใจ

เพียงชั่วพริบตาเสื้อผ้าของทั้งสองคนก็ถูกถอดออกและไปกองอยู่ที่ข้างเตียง กระบวนการทั้งหมดกระทำเพียงวรุฒคนเดียว ชานนท์ถูกกอดก่ายและซุกไซ้พร้อมกับถูกปลดเสื้อผ้าออกในเวลาเดียวกัน ตอนนี้ชานนท์เหมือนไม่อายที่จะต้องถูกถอดเสื้อผ้าโดยวรุฒอีกต่อไปแล้ว มันทำให้เขาเข้าถึงสิ่งที่วรุฒมอบให้มากขึ้น ครั้งนี้วรุฒทำทุกอย่างนุ่มนวลขึ้นและเนิบนาบกว่าเดิมมาก ชานนท์ไม่ได้รู้สึกถึงความใคร่ที่ถูกถาโถมมาเหมือนในครั้งก่อน แต่เขารู้สึกถึงความรักที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างตั้งใจ

จนกระทั้งถึงจุดไคลแมกซ์ที่ชานนท์เตรียมใจพร้อมรับ เขาถูกจับให้อกแนบกับพื้นเตียง และชันเข่าขึ้นเล็กน้อย ชานนท์หลับรอรับสิ่งที่จะตามด้วยความเตรียมใจ แต่สิ่งที่เขารู้สึกกลับผิดแผกไป วัตถุอันอ่อนนุ่มเรียวลู่และเปียกชื้นกำลังชะโลมเล้าเย้าหยอกอยู่บริเวณปากทางเผด็จศึก  ความว่องไวและเทคนิคต่างๆ ของคนที่ลงมือเอาหน้าไปอยู่ที่บั้นท้ายของเขานั้นทำให้ชานนท์ร้องโอดครางอย่างเสียอาการ มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดจู่โจมไปที่ชานนท์จนแทบสิ้นแรง ความชื้นลื่นโรมลันรอบปากทางพวกนั้น เขาไม่คิดว่าจุดนี้จะเป็นจุดที่ไวต่อความรู้สึกเช่นกัน

“เดี๋ยวมัน.... สก.... สกปรกนะ”
“ไม่นะ เราล้างมันเอง เรารู้!!”
“นาย... นายนี่มัน... อ่าาาาา”
“นายจะให้เราหยุดก็ได้นะ!” วรุฒหยุดกิจกรรมและพูดขึ้น แต่ชานนท์ก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาหอบหายถี่จนแทบจะพูดไม่ได้ แต่วรุฒยังไม่ทันจะได้รีบคำตอบ เขาก็จัดการสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยทุกเทคนิคที่เขามี จนชานนท์พยายามจะถอยหนีจากมัน

เวลาผ่านไปนับสิบนาที สิบนาทีที่ชานนท์ได้แต่หยิกกำผ้าตู้ที่นอนจนยับเยินเสียรูป ในที่สุดวรุฒก็ถอนปากตัวเองออกจากช่องทางของชานนท์ ในขณะที่ที่ชานนท์กำลังพยายามจับกลุ่มก้อนอ๊อกซิเจนเข้าปอดให้เต็ม หลังจากที่เขาผ่านช่วงหายใจหายคอได้อย่างยากลำบากกับความรู้สึกดุเดือดที่วรุฒมอบให้ เขาก็รู้สึกถึงของเหลวเหนียวเย็นได้ถูกชโลมรอยปากทางที่ถูกกรุยทางด้วยลิ้นสว่านของวรุฒ ทำให้ชานนท์เผลอที่จะสะดุ้งตกใจไม่ได้

“โอ้ย....!! ทำอะไรน่ะ!!”
“รู้แล้วยังจะถาม!”
“ก็.... มันตกใจ....”
“พร้อมนะ...!”
“เราพูดว่า ‘ไม่’ ได้ไหมล่ะ?!?”
“ก็ไม่ได้น่ะสิ วันนี้นายพร้อมกว่าทุกครั้งเลยนะ และอีกอย่างวันนี้ซื้อของดีมาลองด้วย เขาว่าไว้ใช้กับผู้ชายโดยเฉพาะเลย ซื้อมาแพงนะเนี่ย!”

อะไรนะ?...... อ่ะ!!” ไม่ทันที่ชานนท์จะได้คำตอบจากการพรรณนาของวรุฒ บางสิ่งที่ใหญมนถูกดันเข้ามาทางช่องทางที่ชุ่มไปด้วยเจลเย็น ตอนนี้ชานนท์รู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างบอกไม่ถูก ยังไงของๆ เขามันก็แค่โรงจอดรถบ้านธรรมดา มันไม่พอจะให้เครื่องบินลำใหญ่มาจอดแน่นอน แต่ด้วยความพยายามของวรุฒ เครื่องบินลำใหญ่ของคนตัวสูงก็ถูดดันเข้ามาในตัวชานนท์จนสุดลำ

ชานนท์ร้องออกมาเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด และพยายามถอยหนีคนตัวใหญ่อีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จเพราะวรุฒได้โผตัวลงมากอดคนตัวเล็กไว้แน่น และโน้มตัวลงจุมพิตที่ต้นคอและไล่เรียงลงมาจนถึงริมฝีปากเพื่อยับหยั่งการร้องโอดโอยของคนข้างเขา

ไม่นานความเจ็บปวดต่างๆ ก็ทุเลาลง ชานนท์เริ่มเคลิบเคลิ้มกับการถูกคนตัวสูงบดขยี้ริมฝีปากอย่างร้อนแรง เมื่อวรุฒเห็นว่าคนตัวเล็กเริ่มผ่อนคลายก็ก็ค่อยๆ ขยับสะโพกเข้าออกอย่างช้าๆ ชานนท์มีสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยอมผ่อนคลายและขยับไปตามจังหวะที่คนตัวสูงนำไปอย่างช้าๆ

ครั้งนี้ชานนท์ยอมรับว่าไม่เจ็บเท่าที่ควรและเขายังรู้สึกดีกับมันจนไม่อย่างให้วรุฒเอาสิ่งนั้นออกมาเสียด้วยซ้ำ

หลังจากที่วรุฒสังเกตว่าชานนท์มีอารมณ์ร่วมกับตนเรียบร้อย เขาก็จัดการเปลี่ยนท่าทางต่างไปตามความถนัดของตนเอง ชานนท์ที่หลงเข้าไปในมรสุมอารมณ์ตรงนี้แล้วก็ยากที่จะถอนตัวได้ เขาจึงได้แต่เล่นตามบทบาทที่วรุฒมอบให้อย่างว่าง่าย

สะโพกที่ปราดเปรียวของวรุฒขยับอย่างว่องไวจากจังหวะแจ็สเป็นจังหวะร็อคจนไปถึงอีดีเอ็ม ส่วนสะโพกของชานนท์และแก้มก้นกลับร้อนฉ่าไปหมด จนในสุดจังหวะอีดีเอ็มก็หยุดลงพร้อมเสียงร้องอย่างพอใจของคนตัวใหญ่ดังอยู่ข้างหู ชานนท์รู้สึกเหมือนถังน้ำมันของเขาถูกเติมเต็มไปด้วยน้ำมันที่บ่าเข้ามาจนรู้สึกชื้นแฉะ

“เดี๋ยว!!” วรุฒพูดขึ้นขณะชานนท์เริ่มขยับตัวผละออกหลังจากที่วรุฒหยุดนิ่งในสภาพที่ยังคาราคาซังอยู่แบบนั้น
“อะไร?!” ชานนท์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย
“นายก็ต้องสบายตัวด้วย!!” วรุฒพูดจบก็คว้าหมับเข้าที่จุดยุทธศาสตร์ทางด้านหน้า กำบีบลูบไล้จนชานนท์ขนลุกไปทั้งตัว ตัวการใช้นิ้วมือกำหลวมๆ และรูดขึ้นลงอย่างทะนุถนอม ริมฝีปากก็โลมไล้อยู่บริเวณต้นคอ ชานนท์รู้สึกสุขจนแทบจะลอยออกจากเตียง ไม่นานสิ่งที่คิดว่าอ่อนนุ่มไปแล้วก็กลับคืนชีวิตขึ้นอีกครั้ง ช่องทางของคนตัวเล็กกลับมารู้สึกคับแน่นขึ้นมาอีกครั้ง กระตุ้นให้ชานนท์รู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับมือของวรุฒมาขึ้น คนตัวสูงค่อยๆ เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนชานนท์เผลอร้องเสียงน่าอายออกมา กว่าจะรู้ตัวและหยุดปากตัวเองได้ก็ทำไปร่วมนาที ชานนท์พยายามกลั้นเสียงเหล่านั้นในลำคอ แต่ก็กลั้นไม่อยู่เมื่อเครื่องจักรใหญ่โตทางด้านหลังเร่งเร้าอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดเขาก็ถึงสุดทางและเขื่อนที่เขาพยายามกลั้นไว้ก็แตกบ่าออกมา วรุฒเห็นผลงานที่ตนเองทำก็รู้พอใจเร่งเร้ากระบวนรักของเขามากขึ้นจนเขื่อนของเขาก็พังทลายบ่าออกมาเช่นกัน ทั้งสองหมดเรี่ยวแรงและนอนหมอบลงในท่าเดิมจนกระทั้งหลับไป

.....................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...ไม่เสร็จอิพี่เต๋า  ก็มาเสร็จอิตาวรุฒแหละ  แถมเสร็จไปสองรอบด้วย  หุหุ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ patsakon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อาพี่เต๋านี่หื่นจริงๆ แอร๊ยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 18

The competition


ในที่สุดวันแสดงสดเพื่อคัดเลือกดาวเดือนก็มาถึง ชานนท์ใจเต้นตึกตักตลอดทั้งวันจนแทบไม่มีสมาธิเรียนหนังสือเลย บางคาบเรียนเขาถึงกับเหม่อลอยจนไม่ได้ยินเสียงเรียกของอาจารย์ที่เรียกเขาตอบคำถามเลย

“เป็นอะไรน่ะครับ?” วรุฒพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ซึ่งชานนท์ก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรนอกจากผ่อนหายใจออกมายาวๆ

“อืม.... นิดหน่อยครับ.....” ชานนท์ตอบกลับด้วยท่าทีตึงเครียด และรู้สึกขัดๆ นิดหน่อยเวลาวรุฒพูดกับเขาด้วยโทนเสียงและถ้อยคำแบบนี้ เขายังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ เพราตั้งแต่เขายอมรับความรู้สึกตัวเองและยอมรับกับวรุฒเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน วรุฒก็อ่อนโยนขึ้นมาก มากจนเขายังรู้สึกปรับตัวไม่ทัน บางครั้งต้องให้วรุฒพูดถึงสองสามครั้ง เขาถึงจะตอบกลับ

“นาย... ไม่สบายหรือเปล่า? ปกติในห้องเรียนจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ” วรุฒใช้หลังมือทาบไปที่หน้าผากอีกฝ่ายจนชานนท์อุณหภูมิสูงขึ้นด้วยความเขินอาย
“ไม่มีอะไรครับ ........ แค่รู้สึกตื่นเต้น รุฒไม่เครียดเหรอ วันนี้ต้องออกไปแสดงจริงๆ แล้วนะ ได้ยินว่าคนมาดูแต่ละปีหลายร้อยเลยนะ!!” ชานนท์ตีโพยตีพายเล็กน้อย
“เราเฉยๆ นะ เราโดนให้ทำอะไรแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้วก็เลยชิน อีกอย่างไม่ได้คาดหวังเรื่องดาวเดือนอะไรกับเขาหรอก แต่ร่วมกิจกรรมตามหน้าที่ ไม่อย่างงั้นแม่โกรธตาย” แม่ของวรุฒเป็นถึงผู้อำนวยการมหาวิทยาลัย ชานนท์ยังจำภาพอันงามสง่าของ ดร. ศศิประภาได้ ความสวยและความเก่งของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้ชานนท์เรียนอย่างหนักโดยไม่เหน็ดเหนื่อย

“นึกว่าการเกิดเป็นลูกคนเป็นใหญ่เป็นโตแบบนั้นจะทำอะไรก็ได้เสียอีก” ชานนท์หันไปแสดงความคิดเห็นกับวรุฒ
“อืม...... คือ...... มีเรื่องอะไรนิดหน่อยที่ไม่อยากให้แม่โกรธอีกน่ะ  เอาเป็นว่า เราพยายามอยู่นอกเรดาร์แม่อยู่น่ะ”
วรุฒพูดด้วยสีหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออกและซีดลงเล็กน้อย
“ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างนายจะกลัวอะไรกับเขาด้วย แม่นายดุขนาดนั้น!!??”
“ก็ไม่ดุหรอก แต่.........ก็ไม่อยากให้เธอหมดความอดทนกับเราน่ะ ไม่งั้น...... ช่างมันเถอะ” วรุฒมีความอึดอัดในสีหน้า
“ถึงรุฒจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ที่ผ่านมา นายก็กวนบาทาเขาไปทั่วไม่ใช่หรือไง? แล้วไหนจะเรื่องที่มาซ้อมเราอีก แปลกนะที่แม่นายจะไม่รู้เรื่อง”
“เรามีวิธีของเราน่า.... มันมีวิธีเยอะแยะไม่ให้ใครรู้เรื่องที่เราไม่อยากให้รู้!! พูดถึงเรื่องนั้น เรายังรู้สึกผิดอยู่เลยนะ” พูดจบวรุฒก็ใช้นิ้วเชยคางอีกฝ่ายให้เฉิดขึ้นในมุมที่องศาริมฝีปากตรงกัน

‘พั่บ!!’

เสียงฝ่ามือแหวกอากาศมาปะทะทาบบนใบหน้าวรุฒเบาๆ

“เดี๋ยวๆ นี่มันที่สารณะนะ!!” ชานนท์พูดเสียงเข้ม
“ไม่เห็นต้องแคร์!!”
“แต่เราแคร์ไง!!”
“แฟนกันไม่เห็นเป็นไร?”
“ที่นี่ประเทศไทยนะ ต่อให้เป็นแฟนกันมันก็ไม่ดี!!”
“หึ!!”
“ขำอะไร?”
“อย่างน้อยนายก็ยอมรับแล้วไงว่าเราเป็นแฟนกัน!”
“เอ่อ...... ไอ้บ้า!!”

“นี่ๆ สองคนนั้นน่ะจะไปกินข้าวหรือเปล่า!!?” เมย์เดินกลับเข้ามาในห้องส่งเสียงมาจากทางประตู
“เออๆ ไปสิ!” ชานนท์ลุกเดินหนีจากวรุฒที่ยืนยิ้มแก้มปริ ชานนท์ไม่ได้หันกลับไปมองว่าคนตัวใหญ่เดินตามมาหรือเปล่า เพราะรู้สึกเขินเกินกว่าจะมองหน้าอีกฝ่ายตอนนี้

“นี่ๆ นนท์” เมย์เอ่ยถามขึ้นขณะพาชานนท์เดินห่างจากวรุฒในระยะที่คาดว่าอึกฝ่ายจะไม่ได้ยิน
“อะไร..?” ชานนท์หันมาทำหน้าแปลกใจ
“ได้กันแล้วใช่ป่ะ?” เมย์ถามในระยะประชิด
“เฮ้ย!!”
“ตกใจอะไรวะ? คำถามธรรมดาๆ”
“เป็นสาวเป็นนาง ถามอะไรแบบนี้”
“นายนี่ความนึกคิดโคตรจะโบราณ!! ว่าแต่ใช่... ใช่ไหม?”
“เอ่อ.......”
“ชัวร์แล้ว!! ยัยมายด์ เสียพนันแล้ว!!”
“เดี๋ยวนะ!! เอาเรื่องเราไปพนันกันเนี่ยนะ!!? แล้ว....... รู้ได้ไง?” ชานนท์เสียงอ่อนลงที่ปลายประโยค
“เฮ้อ!!! ชัดขนาดนี้ สาววายอย่างเราไม่พลาดแน่นอน พวกนายสองคนมันมีเคมีแปลกๆ กันเรื่อยๆ ยิ่งช่วงนี้ ชัดเลย!!”
เมย์ยืดอกพูดอย่างภูมิใจ

“.......” ชานนท์ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถึงแม้เขาจะยอมรับเรื่องความรู้สึกตัวเองกับวรุฒแล้ว แต่กับคนอื่นเขาก็ยังไม่พร้อมกันจะบอกกับใครอยู่ดี
“ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องแบบนี้มีแต่สาววายเท่านั้นที่ได้กลิ่น หรือไม่ก็พวก.....”เมย์หยุดที่ท้ายประโยคและลังเลที่จะพูด
“เดี๋ยวๆ สาววายนี่อะไร? แล้ว ไอ้ประโยคสุดท้ายนี้ทำไมพูดไม่จบ?”
“เฮ้อ..... เบื่อที่จะคุยกับคุณตาอย่างนายจริงๆ เรื่องสาววายไปถามแฟนนายดู ส่วนเรื่องประโยคสุดท้ายนี้อยากรู้จริงๆเหรอ?”
“อยากรู้สิ!!”
“ก็พวกผู้ชายแฟนคลับนายไง นายไม่รู้รึว่า นายมีแฟนคลับน่ะ”
“หา!!! เราเนี่ยนะ?”
“เออไง รู้สึกคนที่เป็นหนึ่งในตัวตั้วตัวตีแต่งตั้งกลุ่มนี้ขึ้นมาก็เป็นหนึ่งในเดอะสตาร์ของมหาวิทยาลัยด้วยนะ รู้สึกจะชื่อ.... อืม..... เต๋า ใช่ๆ รุ่นพี่เต๋าคนที่แต่งตัวเหมือนนักธุรกิจตลอดเวลาน่ะ”
“!?!?!” ชานนท์ได้แต่ทำสีหน้าตกใจตอบไป

....................

แสงแดดอ่อนๆ ช่วงบ่ายแก่เวลาสี่โมงเย็น คือเวลานัดรวมพลของเหล่านักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ทุกชั้นปีที่มีหน้าที่ในการจัดงานคัดเลือกดาวเดือนคณะฯ พร้อมทั้งยังเป็นการแสดงแสนยานุภาพของการขึ้นแสตนด์เชียร์ที่ไม่เคยพลาดรางวัลประกวดเลยแม้แต่ปีเดียว

ไอร้อนที่ระอุขึ้นจากพื้นหญ้าสีเขียวแกมน้ำตาลที่สนามฟุตบอลของมหาวิทยาลัย ทำให้เกิดภาพบิดเบี้ยวจนเหมือนเกิดแอ่งนำ้เล็กๆขึ้นหลายแห่งกลางสนาม ลานวิ่งสีน้ำตาลอ่อนที่มีการดูแลอย่างดีจากชมรมกรีฑาที่ล้อมรอบสนามขนาดใหญ่นั้นดูสวยงามมากเมื่ออยู่กลางแจ้งแต่ไอร้อนจากแสงอาทิตย์ที่สะสมมาทั้งวันซึ่งสะท้อนมาถึงแสตนด์ที่จัดงานนั้นถือว่าไม่ธรรมดา เพื่อนๆ ในวิชาเอกเดียวกับชานนท์พากันบ่นอุบเมื่อเดินทางมาถึง แต่ชานนท์กลับคิดว่า พวกเพื่อนๆ เขายังโชคดีกว่าเขามาก เพราะไม่ต้องลงไปแต่งตัวแปลกๆ และแสดงท่าเต้นเข้าจังหวะต่อหน้าคนเป็นร้อยแบบนี้

ชานนท์มองบรรยากาศความโกลาหลของบรรดาเพื่อนๆ ของเขาในการขึ้นแสตนด์เชียร์ครั้งแรกอย่างรู้สึกอิจฉา หากเลือกได้เขาอยากขอเปลี่ยนกับใครสักคนบนนี่นตอนนี้เลย

ความวุ่นเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาทีเมื่อพวกรุ่นพี่ว้ากทั้งหลายมาจัดระเบียบด้วยเสียงอันดังสนั่นแบบไม่ต้ิงพึ่งพาเครื่องกระจายเสียงจนเข้ารูปเข้ารอยภายในระยะเวลา ไม่เกินห้านาที แสดงถึงการฝึกระเบียบวินัยของทีมกองเชียร์นั้นแข็งแรงมากๆ ชานนท์รู้สึกทึ่งถึงความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนๆ ที่ต้องฝึกซ้อมแยกกันมาตลอดทั้งเดือน

“ว่าไง? พร้อมหรือยังน้อง?” เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกล พี่เอกเดินยิ้มจนเหลือตาเพียงเส้นเดียวมาแต่ไกล ความขาวสว่างของผิวพรรณพี่เอกท่ามกลางแสงแดดในบ่ายแก่ๆ แบบนี้ ยังคงสร้างความประทับใจให้ชานนท์เหมือนเคย ที่ผ่านมาพี่เอกมีท่าทีเหินห่างจากชานนท์พอควร หลังจากเหตุการณ์ล่าสุด ชานนท์จะเจอพี่เอกก็เฉพาะเวลาฝึกซ้อมเท่านั่น ชานนท์เคยได้ยินจากรุ่นพี่คนอื่นๆ ว่าช่วงนี้พี่เอกเที่ยวหนักมาก เมาจนถึงสว่างทุกวัน ชานนท์สงสัยว่าต้นเหตุมาจากตนเองหรือเปล่า? แต่เขาก็ไม่กล้าที่ถามหรือพูดคุยตรงๆ ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมากับพี่เอกสักที เพราะทุกครั้งที่พี่เอกมาพบกับเขา พี่เอกยังพยายามทำตัวเหมือนเดิมอยู่

“ไม่พร้อมก็คงต้องพร้อมแล้วใช้ไหมครับ?” ชานนท์ตอบกลับไปแบบสั่นๆ ถึงจะผ่านเหตุการณ์นั่นมา เขาก็ยังพยายามทำตัวเป็นรุ่นน้องที่น่ารักเหมือนเดิม
“ฮ่าฮ่าฮ่า ทำไมต้องหน้าซีดขนาดนั้น งั้นเราไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องจัดเตรียมกันเถอะ” พี่เอกยิ้มกลับมาและกวักมือเรียกชานนท์ไปในทิศห้องจัดเตรียม

ห้องเปลี่ยนเสื้อตั้งอยู่ด้านหลังแสตนด์เชียร์ เป็นห้องที่ถูกจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ไว้พร้อมสรรพ ทั้งชุดโต๊ะและเก้าอี้จำนวนมาก บนโต๊ะจัดวางต่างจัดวางกระจก โคมไฟแอลอีดีขนาดเล็ก กล่องเครื่องสำอางค์ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ชานนท์ไม่สามารถระบุได้หมด ภายในห้องขนาดใหญ่เกือบเท่าห้องเรียนอยู่ในความโกลาหลไปหมด ทั้งรุ่นพี่ที่เป็นคนดูแลงาน ทั้งรุ่นพี่ที่เป็นสปอนเซอร์ ทั้งรุ่นน้องที่เป็นตัวแทนของคณะฯ ที่กำลังจะทำการแสดง ทุกคนต่างวุ่นวายอยู่กับหน้าของตัวเอง จนแทบจะแยกแยะใครต่อใครไม่ออกเลย

“ทางนี้นนท์!!” พี่เอกเดินมาคว้ามือชานนท์และเดินนำไปที่เต้นท์เปลี่ยนเสื้อผ้าสีน้ำเงินขนาดใหญ่
“เอ่อ.....”
“ไม่ต้องงง! เอ้านี่ เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วเดี๋ยวเขาก็จะเรียกรวมพลแล้ว!” พี่เอกยื่นเสื้อผ้าที่มีรูปแบบต่างจากเดิมเล็กน้อยมาไว้ในมือ
“นี่มัน...?”  ชานนท์พลิกเสื้อผ้าที่ได้ไปมา เขาสังเกตเห็นว่ารูปแบบมันเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“พี่บอกให้ไอ้คนออกแบบมันปรับใหม่น่ะ ชุดมันล่อแหลมไปหน่อย เดี๋ยวจะโดนอาจารย์เตือนกัน แต่เวลามันจำกัดเลยเปลี่ยนได้เท่าที่เห็น” พี่เอกยิ้มแห้งหลังพูดจบ

“ครับ” ชานนท์ตอบรับและรีบเข้าไปในเต้นเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที หลังจากปลดเสื้อผ้าตนเองออกเรียบร้อย เขาก็กลับมาสำรวจชุดที่ตัวเองจะใส่อีกครั้ง ส่วนที่เป็นผ้าบางใสถูกแทนที่ด้วยผ้าสีเงินและทองมันวาบ ส่วนที่รัดจนนูนเด่นก็มีการเพิ่มดีไซน์ให้ดูมิดชิดมากขึ้น จากที่เคยเป็นเสื้อแขนกุดก็เป็นแขนสั้นแบบรัดรูปแขน โดยรวมถือว่าดีขึ้นมาก แต่ก็ยังอยู่บนพื้นฐานความแปลกประหลาดอยู่ดี และก็ยังใส่ยากเหมือนเดิม

“เงียบไปเลย ใส่ได้ไหม? ให้พี่เข้าไปช่วยไหม?” พี่เอกพูดเสียงดังเข้ามาในเต้นท์
“ไม่... ไม่เป็นไรครับ ผมทำได้ครับ เดี๋ยวผมออกไปแล้วครับ!!” ชานนท์รีบลนลานปฏิเสธ เพราะเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ชานนท์ระวังตัวมากขึ้น

เวลาผ่านไปหลายนาที ชานนท์เดินออกมาด้วยสภาพทุลักทุเล ชุดดูยับเยินบิดเบี้ยวไปจากที่ควรจะเป็น สภาพแบบนี้ทำให้พี่เอกเห็นแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้ เขาเลยปล่อยหัวเราะออกมาแบบพยายามกลั้นไว้แต่ไม่อยู่

“นี่ไงพี่ถึงบอกว่าให้เข้าไปช่วยไหม?” พี่เอกพูดไปด้วยหัวเราะไปด้วย
“ขำอะไรเนี่ย ก็มันใส่ยากจริงๆ” ชานนท์แสดงท่าทีโกรธผสมงอนออกไป
“มาๆ เดี๋ยวจะจัดให้” พี่เอกเดินมาจัดแจงเสื้อผ้าให้ชานนท์อย่างทะมัดทะแมง
“เอ่อ...... พี่เอกครับ” ชานนท์พูดขึ้นขณะที่มือพี่เอกจับจีบจัดแจงความเรียบร้อยเสื้อผ้าให้ชานนท์
“หือ? ว่าไง?” พี่เอกยังคงง่วนอยู่กับเสื้อผ้าของชานนท์
“เรื่อง..... วันนั้น.....?” ชานนท์อ้ำอึ้ง
“อ้อ..... ก่อนอื่นเลย พี่ขอโทษนะ พี่ชอบน้องจริงๆ ขอโทษที่ทำให้อึดอัดนะ แต่เห็นนนท์ยอมมาคุยกับพี่แบบนี้พี่ก็สบายใจแล้ว คงไม่โกรธพี่แล้วนะ” พี่เอกดูใจเย็นกว่าที่ชานนท์คิด
“อืม...... ไม่แล้วครับ.... ผม.... ผมเข้าใจ”
“แต่ถึงน้องจะไม่รับรักจากพี่ แต่พี่ก็ยังชอบเราอยู่นะ พี่จะรอก็แล้วกันนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า จะดีหรือครับ?” ชานนท์หัวเราะกลบเกลื่อน
“พี่ไม่ชอบฝืนใจใคร...... ถ้าเห็นนนท์มีความสุข พี่ก็มีความสุขนะ”  ประโยคนี้จากพี่เอกทำให้ชานนท์ถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไปดี

“แต่งตัวแค่นี้ทำไมต้องเครียดด้วย หรืออยากเปลี่ยนคนช่วยแต่งตัวไหม?”  เสียงคุ้นหูที่ดูหาเรื่องดังจากที่ไม่ไกล ชานนท์หันไปทางต้นเสียงก็พบกับวรุฒที่แต่งตัวแต่งหน้าทำผมเรียบร้อย แต่พี่วิเองก็ยังตามติดดูแลเสื้อผ้าหน้าผมไม่ห่าง จัดตรงนั้นที ตกแต่งตรงนี้ทีไปเรื่อยเปื่อยทั้งที่วรุฒยังก้าวเดินมาหาชานนท์เรื่อยๆ

“รุฒ!! เธอช่วยอยู่นิ่งๆ ได้ไหม? ชุดมันยังไม่ค่อยเรียบร้อยเลย จะรีบไปไหนเนี่ย?!?” พี่วิเริ่มโวยวายขณะที่พยายามมองภาพรวมให้ออกมาดี
“.........” วรุฒคิ้วขมวดแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยืนนิ่งๆให้พี่วิสัมผัสร่างกายของเขาไปทั้งร่าง

ชานนท์มองภาพข้างหน้าตัวเองอย่างอ่อนเพลียกับพฤติกรรมของรุ่นพี่ทั้งสอง ที่ต่างฝ่ายต่างจัดการรุ่นน้องตัวเองอย่างไม่เสร็จสิ้นเสียที

“อุ้ย! เอ่อ.... พี่..... ตรงนั้นมัน...” ชานนท์สะดุ้งเมื่อพี่เอกได้พยายามจัดระบบเสื้อผ้าใต้ช่วงเอวของชานนท์
“ชุดนี้มัน...... เฮ้อ...... พี่ละงงจริงๆ ใครมันรับบรีฟจากพวกเราไปวะ วิ!!? ไม่ได้เรื่องเลย!!” พี่เอกทำหน้าขอโทษ ชานนท์ก่อนจะบ่นกับพี่วิที่กำลังง่วงอยู่จุดเดียวกัน
“นั่นสิ.... ตรงเป้ามัน.... คับไปหน่อยนะ” พี่วิมองเหมือนกำลังจินตนาการอยู่มากกว่ากลุ้มใจ
“ใช่น่ะสิ อุตส่าห์บอกแล้วนะ ว่าเดี๋ยวจะโดนอาจารย์ว่าเอาน่ะ ชุดนี้มันไม่เหมาะสมเสียเลย ถึงมันจะเป็นกางเกงกีฬาก็เถอะ พยายามเอาชายเสื้อหรือพร๊อบส่วนอื่นมาปิดแล้วแต่มันก็ยังเด่นอยู่ดี!!” พี่เอกก็เอาแต่จ้องส่วนนั้นของชานนท์จนเขาเริ่มอึดอัด รุ่นพี่สองคนที่ต่างนั่งชันเขาคุยกับเป้าของรุ่นน้องทั้งสองมันดูเป็นภาพที่ชวนขันจริงๆ แต่วรุฒก็ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจรุ่นพี่ทั้งสอง เขาเอาแต่มองมาทางชานนท์อละคอยถามว่าโอเคไหม? แต่ชานนท์ได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆกลับไป เพราะเขาเห็นตัวเองในกระจกทีไรก็นึกว่าเป็นตัวตลกจากคณะละครสัตว์ที่ไหนสักแห่ง ส่วนวรุฒนั้น แม่จะอยู่ในชุดชวนขันแต่ก็ยังมีรัศมีโดดเด่นแผ่ออกมาอยู่ดี สรุปว่าเป็นคนแต่งอะไรออกมาก็ดูดีจนน่าอิจฉา

“จะนั่งจ้องกันอยู่อย่างนี้อีกนานไหม! ใกล้ถึงเวลาแล้วไม่ใช่เรอะ!!” เสียงหงุดหงิดของคุณชายเอาแต่ใจแผดขึ้น แต่ดวงตาของเขากลับจับจ้องไปที่พี่เอกที่มองรูปร่างที่รัดรึงอยู่ในชุดเข้ารูปของชานนท์อย่างไม่วางตา มันเป็นสายตาที่ตัวเขาเองเข้าใจดี เพราะเขาก็มองชานนท์ตอนนี้แบบนั้นเช่นกัน ยิ่งได้เห็นก้นที่แน่นเนื้อนูนเด่นงอนสวยนั้น ยิ่งทำให้เขาอยากพาชานนท์กลับถึงห้องโดยไว จะได้จัดการให้สมใจ

“เอ้อ!! ใช่ๆ งั้นเราไปดูเรื่องหน้ากับผมกัน ที่ฝั่งโน้น พี่จ้างช่างมาให้ต่างหากเลย!!” พี่เอกรู้สึกหลุดออกจากภวังค์ และลุกขึ้นชวนชานนท์ไปอีกด้านหนึ่งของห้องที่แสนจะคึกคักวุ่นวาย

“รุฒจะไปไหน? ของเราอยู่ทางนี้!!” พี่วิใช้มือฉุดร่างใหญ่ให้มาทางทิศฝั่งตรงข้าม เพราะวรุฒทำท่าเหมือนจะเดินตามแฟนของเขาไป พอเจอการฉุดรั้งของผู้หญิงแรงช้างแบบพี่วิเลยต้องจำใจเดินไปตามหน้าที่ ทั้งที่ดวงตายังคงจับจ้องคนตัวเล็กที่เดินหายไปอย่างไม่วางตา

.................

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่เต๋าเป็นแอดมินแฟนคลับน้องเหรอนี่

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
สุดท้ายกว่าทุกอย่างจะลงตัวก็ทำให้แม้แต่คนที่นั่งและยืนเป็นตุ๊กตาให้คนนั้นคนนี้จับแต่งตัวแต่งหน้าอย่างชานนท์ยังรู้สึกเหนื่อยล้าไปหมด

ชานนท์พื้นฐานเป็นหน้าหวานสวยคล้ายผู้หญิงอยู่แล้วจนมีคนทักเขาผิดหลายครั้งแล้วเพราะเขาหน้าเหมือนแม่มาก หลังจากโดนพี่ช่างแต่งหน้าที่ได้รับบรีฟธีมการแต่งหน้าจากหัวหน้าทีมดีไซน์ ทำให้สีสันต่างๆ จากเครื่องสำอางค์ที่แต่งแต้มใบหน้าแนวแฟนซียิ่งขับให้ใบหน้าของชานนท์โดดเด่น และสวยหวานจนผู้หญิงบางคนมาเห็นจนต้องร้องตกใจ พี่ช่างแต่งหน้าคนนี้ก็เก่งมาก เมื่อเทียบกับช่างแต่งหน้าคนอื่นๆ แล้ว ฝีมือดีกว่ามาก

“พี่เอก พี่เอก!!” ชานนท์เรียกพี่เอกที่ยืนยิ้มชื่นชมผลงานของตนเองอย่างใจลอย
“อ่ะ! เอ่อ!! อะไร?” พี่เอกเหมือนสติเพิ่งกลับมาจากที่ไหนสักแห่ง
“หน้าผมเป็นไงบ้างครับ?” ชานนท์ถามอย่างไม่มั่นใจ
“สวย.... เอ้ย!.... โอเค!! ดูดีมาก!!” พี่เอกยกนิ้วโป้งขึ้นมาสองมือเสมอใบหน้าให้ชานนท์เพื่อเป็นการเสริมกำลังใจ
“จริงนะ ผมรู้สึก... ไม่เป็นตัวเองเลย?” ชานนท์หันกลับไปส่องกระจกที่อยู่ไม่ไกล
“ดี!! มันดีจริง ขอบคุณพี่จูนมากเลยนะครับ!!” พี่เอกหันไปแสดงความขอบคุณพี่ช่างแต่งหน้าเพศชายที่ดูหวานและมีจริตเกินหญิงไป 200%

“หนังหน้าน้องมันดีอยู่แล้วไหมล่ะ ฉันแทบไม่ได้ใช่เทคนิคพิเศษอะไรเลย!! เนี่ยจะว่าไป ลองไว้ผมยาวหน่อยไหม เธอนี่สวยกว่าชะนีในห้องนี้อีกนะ!!” พี่จูนช่างแต่งหน้ายิ้มตอบกลับมา
“แหม... พี่ก็พูดเกินไป” ชานนท์ มีท่าทีขวยเขิน เขาคิดว่าแบบนี้ค่อยคุ้มค่ากับเงินที่เขาไปรักษาสิวดูแลผิวหน้ามาในช่วงปิดเทอมจนแทบใช้เงินเก็บหมดตัว

“เดี๋ยวๆ จะใส่แว่นจริงๆเรอะ?!?” พี่จูนทำท่าปรามชานนท์ที่กำลังหยิบแว่นขึ้นมาสวม
“ก็เดี๋ยวผมมองไม่เห็น”
“โอ้ย!! กูล่ะกลุ้ม ฉันแต่งให้เสียสวยแต่ดันเอาแว่นมาใส่บังหมด!!” พี่จูนมีท่าทีหัวเสียโวยวาย
“ไม่เป็นไรผม ผมเตรียมคอนแทคเลนส์ไว้แล้ว!!” พี่เอกถลามาห้ามเสียงโวยเหล่านั้นด้วยการวางกล่องคอนแทคเลนส์รายวันบนโต๊ะ
“เออ!! ให้มันได้แบบนี้ ดีมาก!!” พี่จูนทำเสียงพึงพอใจกับสิ่งเล็กน้อยที่เห็น
“เอ่อ...... แต่ผมไม่เคยใส่.....” ชานนท์ตอบอ้ำอึ้ง
“ไม่ยากเดี๋ยวพี่ช่วย!!” พี่เอกรีบอาสา

หลังจากทุลักทุกเลให้พี่เอกคลุกวงในอยู่นาน ชานนท์ก็เดินออกจากห้องด้วยอาการระคายเคืองตาอย่างมาก ด้วยความไม่คุ้นเคยจนเกิดอาการไม่มั่นใจในการเดินจึงทำให้เดินได้ช้ากว่าปกติ ท่ามกลางเสียงอึกทึกของบรรดารุ่นพี่ผู้เตรียมงานที่ต่างโกวกแหวกโวยให้บรรดาเชียร์ลีดเดอร์ที่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมให้ออกไปตั้งแถวด้านนอกห้องเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย เวลานี้พวกรุ่นพี่ที่เป็นสปอนเซอร์ถูกห้ามไม่ให้เข้ามาช่วยเหลืออีกแล้ว ต่อจากนี้ไปคือการเริ่มเก็บคะแนนที่แท้จริง!!

“มานี่!!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกล พร้อมกับมีมือหนึ่งคว้ามือเขาและกุมแน่น และพาเขาออกเดินด้วยความเร็วเพื่อให้ทันกับคนในกลุ่มที่ต่างทยอยตั้งแถว

“รุฒ??” ชานนท์พยายามปรับสายตาที่ค่อยๆ ปรับกับการใช้อุปกรณ์ใหม่ในร่างกาย
“ทำไมไม่ใส่แว่น??” รุฒถามขึ้นทันทีหลังจากพาคนตัวเล็กมาถึงที่แถว
“พี่เอกให้ใส่คอนแทคแลนส์”
“แล้ว.. นายเคยใส่หรือไง? เออๆ ช่างเถอะ!!”
“ทำไม? นายว่ามันไม่โอเคเหรอ เราดูแย่ขนาดนั้นเลย งั้นเดี๋ยวเรากลับไปใส่แว่นก็ได้”
“บ้าเนอะ!! ไม่ต้อง!! แต่หงุดหงิดน่ะ!!”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็มันดูดีไง น่ารักมากเลย ไหนจะแต่งแบบนี้อีก เราอยากเก็บไว้ดูคนเดียวได้ไหม เวลาที่นายถอดแว่นน่ะ!” วรุฒตอบแบบไม่เต็มเสียงเท่าไหร่ ดูขวยเขินจนขานนท์รู้สึกแปลกตา สุดท้ายเขาเองก็หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

“เฮ้ย!! อย่าเอาแต่คุยกัน ตั้งแถวตามที่ซ้อมกัน ระหว่างรอการเปิดตัวก็ทำสมาธิไว้!!” เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งตะโกนใส่โทรโข่งอย่างสุดเสียง

ทุกคนในแถวต่างสงบลงและทำท่าเตรียมพร้อม หลายคนสูดลมหายใจลึกจนได้ยินเสียงดังพร้อมกัน หลายคนทำสมาธิโดยการหลับตาและขยับปากเหมือนกำลังสวดมนต์ เช่นเดียวกับชานนท์ที่ระงับอาการตัวสั่นตื่นเต้นด้วยการทำสมาธิเหมือนเช่นที่เขาทำก่อนสอบทุกครั้ง ท่อง ‘พุธโธ พุธโธ’ ในใจไปมานับครั้งไม่ถ้วน

‘หมับ’

เสียงมือหนึ่งมาขย้ำที่แก้มก้นข้างหนึ่งของเขาอย่างแรง
“โอ้ยย !!! ทำอะไรเนี่ย!!” ชานนท์หันไปค้อนคนตัวสูงข้างๆ
“จะได้หายตื่นเต้นไง” แม้จะพูดแบบนั้นแต่สายตามันบอกไปอีกแบบหนึ่ง แรงปรารถนาอันแรงกล้าบางอย่างครุกกรุ่นอยู่ในดวงตานั้น ถึงจะชานนท์จะพยายามทำหน้าหงุดหงิดใส่แต่วรุฒก็ยังพยายามลูบคลำกัอนกลมแน่นตึงนั้นอีกครั้ง
“พอได้ไหม?” ชานนท์ใช้มือหยิกที่หลังมือวรุฒและเหวี่ยงออกไป
“แต่ก็ได้ผลนะ” วรุฒยิ้มย่อง
“ได้ผลอะไร!!”
“ก็นายหายสั่นแล้วนี่ไง”
มาถึงตรงนี้ชานนท์แอบเห็นด้วยกับวรุฒ เลยไม่รู้ว่าเขาควรจะโกรธคนตัวสูงดีหรือไม่ ได้แต่เพ่งมองไปที่ดวงตาทะเล้นคู่นั้นอย่างไม่วางตา ทำให้ชานนท์เห็นว่าวรุฒในขณะที่แต่องค์จนครบเครื่องนี่มันมีทำลายล้างสูงไม่น้อยทีเดียว คนอะไรทำอะไรมันก็ดูดีไปหมด!!

...............

ในที่สุดก็ถึงเวลาเปิดตัวของเชียร์ลีดเดอร์ ผู้เข้าชิงดาวเดือนของคณะวิศวกรรมศาสตร์ปีนี้ ชานนท์และผองเพื่อนต่างตบเท้าเข้าจังหวะเพื่อเดินออกไปยังสนามหน้าอัฒจันทร์เชียร์ ก่อนจะต้องวิ่งกระจายตัวไปเพื่อไปตั้งแถวใหม่อย่างสวยงามตามกำหนดการที่วางไว้ ในขณะที่ชานนท์ยืนตั้งท่าเตรียมพร้อมด้วยหัวใจที่เต้นตูมตามจนแทบจะกระเด็นออกจากอกอยู่นั้น เขาก็ได้เห็นความพร้อมของคนที่อยู่บนอัฒจันทร์เช่นกัน มันช่างน่าตื่นตามาก แสดงให้เห็นว่าทุกคนต่างฝึกซ้อมกันอย่างหนักจนสามารถแสดงความมีวินัย และความพร้อมเพรียงกันได้ถึงเพียงนี้

ขณะที่ชานนท์กำลังมองภาพการร้องบวกกับกิจกรรมเข้าจังหวะ การเล่นอุปกรณ์ต่างๆประกอบการร้องเพลงเชียร์เพื่อเป็นกิจกรรมเปิดการแสดงจริงระหว่างทีมกองเชียร์และทีมเชียร์ลีดเดอร์ เขาเหลือบไปเห็นพี่ๆคณะกรรมการเชียร์ลีดเดอร์ ที่มองมาทางพวกเขาพร้อมปรบมือเบาๆ ทำหน้าปลาบปลื้มกับผลงานตนเองไม่หยุด

ก่อนที่เขาจะกลับมามีสมาธิกับตนเองเพื่อที่จะได้เริ่มเต้นในเพลงถัดไป เขาได้เหลือบไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่หางตาใกล้กับอัฒจันทร์กองเชียร์ กลุ่มคนซึ่งประกอบไปด้วยคนมากหน้าหลายตาที่เขาไม่คุ้นเคย แต่กลับมีป้ายไฟจากหลอกแอลอีดีสว่างไสวที่ประกอบเป็นชื่อของเขาและมีหัวใจดวงโตปิดที่หน้าชื่อและท้ายชื่อจำนวนมาก และในกลุ่มคนเหล่านั้นมีคนที่เขาคุ้นหน้าหนึ่งคนคือ ‘พี่เต๋า’ ในชุดลำลองแบบสุภาพเหมือนเคยทำให้เขาดูโดดเด่นออกมาจากกลุ่มคนเหล่าทันที

กองเชียร์ที่มาสนับสนุนคนที่ตัวเองชื่นชอบมีมากกมายเลยทีเดียว แต่ชานนท์ไม่นึกว่าเขาเองก็จะกลุ่มแฟนคลับกับเขาเหมือนกัน แม้จะเป็นกลุ่มไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับกลุ่มแฟนคลับของวรุฒ แต่ก็ทำให้เขารู้สึกพัวใจพองโตไม่น้อย และมีกำลังใจในการร่วมกิจกรรมครั้งนี้อยู่มากเลยทีเดียว

...................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2019 10:53:36 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
พี่เต๋าเป็นFCอ่ะดีแล้วค่ะให้ลงเอยกับพี่เอกได้มั้ยคะ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

กิจกรรมผ่านไปได้ด้วยดี ชานนท์นั่งกึ่งนอนในบริเวณที่รุ่นพี่จัดเตรียมไว้ให้ เขารู้สึกหมดแรงและเริ่มตาลายจากอาการที่เขายังไม่ชินกับการใส่คอนแทคเลนส์ด้วย เขาหวนนึกถึงช่วงที่เขาต้องเป็นนำเชียร์แถวหน้า เพราะทุกคนจะต้องทำอย่างน้อยหนึ่งเพลง เขาพอใจกับผลงานตนเองพอควรเพราะอย่างน้อยเขาก็ทำมันได้ไม่ผิดพลาดแม้จะไม่ได้มีลีลาสวยงามหรือแข็งแรงเหมือนคนในทีม แต่ก็ไม่เสียแรงที่เขากับพี่เอกทุ่มเทกับเวลาที่ฝึกซ้อมไปหลายสิบชั่วโมง

“ทำได้ดีมาก ดีกว่าที่พี่คิดไว้อีก!!” คนที่เป็นเดือนคณะฯ ปีที่แล้วอย่างพี่เอกเดินมาชมเชยด้วยรอยยิ้มปลื้มปลิ่มกับผลงานชิ้นโบแดงของตัวเอง
“ขอบคุณครับ แต่ผมคงทำให้พี่ชนะพนันไม่ได้แน่เลย” ชานนท์พูดอย่างหมดแรง พูดจบเขาก็หันไปทางคนที่มีเสียงกรี๊ดมากที่สุดตอนแสดง คนที่ตอนนี้หลายๆ คนต่างเข้าไปรุมล้อมชื่นชม คนที่ทำอะไรก็ดูโดดเด่นไปเสียหมด ชานนท์มองที่ไปวรุฒด้วยแววตาชื่นชม
“เอาน่าๆ แค่นี้ก็ว่าเราทำได้ดีกว่าที่เราซ้อมไว้เยอะ ตอนแรกคิดว่าเราจะตื่นคนเสียอีก ปีนี้คนมาดูเยอะกว่าทุกปีด้วย! โดยเฉพาะไอ้ป้ายไฟพวกนั่น!! มาจากไหนกันวะ!!” พี่เอกทำเสียหงุดหงิดที่ท้ายประโยค ทำให้ชานนท์รู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที เขานึกย้อนไปถึงภาพป้ายไฟเหล่านั้นที่มาให้กำลังใจเขา ป้ายเหล่านั้นเขียนชื่อของเขาชัดเจน และมีคนจำนวนไม่น้อยถือมันอยู่ เขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าเขาเองไปมีแฟนคลับเยอะขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือจะเป็นฝีมือพี่เต๋า!!

“ไม่ต้องคิดมากนะ เดือนคณะนี้ได้จากการลงคะแนนผ่าน แอปพลิเคชั่นของคณะฯ ไม่ได้มาจากเสียงกรี๊ดหรือคณะกรรมการของคณะฯแต่เพียงอย่างเดียวหรอก เรายังมีสิทธิ์ลุ้นอยู่!! ก็นนท์เล่นมีแฟนคลับเสียเยอะขนาดนั้น!!” พี่เอกเดินมาตบไหล่ชานนท์เบาๆพร้อมยิ้มให้กำลังใจ ชานนท์ยิ้มแห้งๆตอบกลับไป

“ว่าไง! น้องนนท์!! สุดยอดไปเลยนะเรา!!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกลจนชานนท์ต้องหันไปทางต้นเสียงอย่างคาดไม่ถึง
“เฮ้ย!! มึงเข้ามาได้ยังไง? พื้นที่ตรงนี้มีแต่คนที่มีหน้าที่ในคณะฯถึงจะเข้ามาได้!!” พี่เอกเดินเข้ามาขวางทางผู้ที่เข้ามาใหม่ อย่างเต๋าทันทีที่เห็น
“เรื่องนั้นไม่ยาก แต่มึงคงไม่จำเป็นต้องรู้หรอกมั้ง ไอ้เอก!” พี่เต๋าตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเลห์
“มึงเข้ามาได้ยังไงกูไม่รู้ แต่คนไม่เกี่ยวข้องอย่างมึงกูต้องขอให้มึงออกไปเดี๋ยวนี้!!” พี่เอกเกรี้ยวกราดใส่อีกฝ่ายอย่างไม่มีที่มาที่ไป
“มึงไม่มีสิทธิ์มาไล่กู!!”
“ทำไมกูจะไล่มึงไม่ได้ มึงไม่ใช่แม้แต่คนในคณะนี้!!”
“เพราะนี่ไง!!” เต๋าพลิกป้ายคล้องคอขึ้นมาแสดงให้อีกฝ่ายเห็นชัดขึ้น มันเป็นป้ายที่เขียนว่า ‘VIP’
“เฮ้ย!! คืออะไรวะ?” พี่เอกมองป้ายนั้นอย่างสงสัย ธีมการออกแบบป้ายนั้นเหมือนกับป้ายเจ้าหน้าที่บริหารงานที่เขาแขวนอยู่อย่างมาก
“มึงช่วยไปถามไอ้ชาญเองได้ไหม? กูขี้เกียจอธิบาย” เต๋าชี้ไปทางรุ่นพี่ที่เป็นประธานของงานกิจกรรมครั้งนี้
“เชี้ย!! กูว่าแล้วเชียวว่าทำไมงานปีนี่จัดเสียยิ่งใหญ่เชียว! หรือว่ามึงคือคนใจดีที่ให้เงินทุนในการจัดงานครั้งนี้!!”
พี่เอกสบถเบาๆ ในขณะที่เต๋าได้แต่ยักคิ้วและยิ้มเยาะอย่างสะใจ

“แต่มึงก็ยังไม่มีสิทธิ์มายุ่งย่ามกับรุ่นน้องกู!!” พี่เอกยังยืนกรานที่จะขวางทางเต๋าต่อไป
“มันไม่เรื่องที่มึงจะตัดสินใจ เพราะน้องกับกู เราสนิทกัน ไม่ใช่คนอื่นไกล มึงไม่มีสิทธิ์มาห้าม!! ให้น้องเขาตัดสินใจเอง!” เต๋าไม่ได้สนใจคนตัวสูงกว่าตรงหน้า เขาแทรกตัวผ่านพี่เอกมาอย่างง่ายดาย ตอนนี้มายืนอยู่ตรงหน้าชานนท์ที่กำลังงงกับคำว่า ‘สนิทกัน’ ของเต๋า

“อ่ะ! พี่ให้ เป็นรางวัลให้คนเก่ง” พี่เต๋ายื่นดอกไม้ช่อเล็กๆ ซึ่งไม่ทราบว่าไปเก็บอยู่ตรงไหนของร่างกายที่บางเล็กนั่น จนทำให้ชานนท์รับมาอย่างประหลาดใจ

“ขอบ..... ขอบคุณครับ” ชานนท์รับมาไว้ในอ้อมแขน ดอกไม้นั่นยังดูสวยและสดมาก และดูจากการจัดวางก็น่าจะแพงมากด้วย ตอนนี้ทุกสายตาในห้องนั้นต่างจ้องมาที่ชานนท์เป็นตาเดียว
“เรื่องผลโหวตไม่ต้องห่วงนะ พี่และบรรดาแฟนคลับน้องนนท์จะไม่ทำให้นนท์ผิดหวัง” พี่เอกยิ้มหวานทรงเสน่ห์จนทำให้ผู้หญิงหลายคนในห้องต่างมาแอบกรี๊ดหวีดเล็กๆออกมา ‘เต๋าผู้มีรอยยิ้มเป็นอาวุธ’ สมชื่อจริงๆ

“ใกล้จะสิ้นสุดเวลาการลงคะแนนแล้ว น้องต้องเตรียมตัวเดินไปฟังผลทางด้านหน้ารบกวนผู้ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากพื้นที่ด้วย!!” พี่เอกเดินมาหาเต๋าในระยะประชิด
“กูจะอยู่ มันไม่มีการตกลงเรื่องเวลา กูจะอยู่รอส่งน้องเขาออกไป”
“น้องต้องพัก และต้องแต่งหน้าแต่งตัวใหม่ด้วย มึงอยู่ก็เกะกะเสียเปล่า” พี่เอกเสียงเข้มขึ้นชัดเจน
“กูก็จะดูน้อง แค่นั่งดู และพูดคุยด้วยนิดหน่อย ไม่น่าจะเกะกะอะไร ...... พี่อยู่ด้วยได้ใช่ไหมครับน้องนนท์” เต๋าหันมาพูดกับชานนท์ที่ท้ายประโยคโดยไม่ได้สนใจสีหน้าอันเกรี้ยวกราดของพี่เอก
“มึงจะไม่ไปดีๆ ใช่ไหม?” พี่เอกก้าวเข้ามาขวางระหว่างชานนท์และเต๋า
“เอ่อ.....” ชานนท์พยายามหาคำพูดไกล่เกลี่ยทั้งสองคนก่อนที่จะมีเรื่องราวกันมากกว่านี้ แม้พี่เอกจะตัวสูงใหญ่กว่ามาก แต่เต๋าที่เคยยืนต่อกรกับวรุฒที่ดุดันได้อย่างไม่กลังเกรงนั้น ชานนท์ก็คิดว่าเต๋าเองก็น่าจะมีฝีมือเรื่องวิวาทไม่น้อยเช่นกัน

“พวกมึงไม่ต้องทะเลาะกันให้เสียเวลา เพราะนนท์จะไม่อยู่รอดูให้พวกมึงทะเลาะกัน นนท์ต้องไปกับกู!!”
เสียงดุดันเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากอีกฝั่งของชายทั้งสองที่กำลังปะทะสายตาที่ดุดันใส่กัน ชานนท์ถูกแขนคู่หนึ่งคล้องประคองร่างทั้งร่างขึ้นมาแนบอกกว้างอย่างรวดเร็ว เขาไปอยู่ในอ้อมแขนอันใหญ่และทรงพลังอย่างไม่รู้ตัว กว่าชานนท์จะรู้ตัวว่าเป็นใคร เขาก็ถูกวรุฒอุ้มจากที่เกิดเหตุมาไกลพอควรแล้ว!!

“ปล่อยได้แล้วไหมเนี่ย?” ชานนท์พูดขึ้นเมื่อถูกสายตานับสิบจ้องมอง
“ไม่!!” วรุฒตอบเสียงห้วน
“ทำไมล่ะ? ไม่อายเขาหรือไง จ้องมากันใหญ่แล้ว!!” ถึงแม้ว่าวรุฒจะอุ้มพาชานนท์ข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งของห้องแต่ก็ยังไม่ยอมวางเขา
“จ้องก็จ้องไป เราไม่สนใจ!”
“แล้วนายไม่กลัวเสียคะแนนเสียงหรือไง!! สาวๆ ในห้องนี้แฟนคลับนายทั้งนั้น!!”
“เราไม่.......” อยู่ๆ วรุฒก็เหมือนฉุกคิดอะไรได้และวางเขาลงกับพื้น ทำให้ชานนท์รู้สึกแปลกใจที่วรุฒใส่ใจกับคะแนนเสียงของตนเองมากขนาดนี้!!

“ไม่ต้องมาทำหน้าสงสัย เราไม่ได้อยากเป็นเดือนคณะขนาดนั้น!!” วรุฒรีบตอบกลับสีหน้าของชานนท์
“งั้นทำไมล่ะ?”
“อืม....... เราจะเป็นเดือนคณะเอง!” วรุฒตอบกลับมาด้วยเสียงอันเด็ดเดี่ยว แต่ก็ยังตอบไม่ตรงกับคำถามของชานนท์
“เออ! แปลกดี ไหนเคยบอกว่าไม่สนใจ แต่ทำไมวันนี้เปลี่ยนใจอยากเป็นขึ้นมา?”
“เพราะนาย!!”
“หา?!?”  ชานนท์ได้แต่ทำหน้าตกใจ
“แค่นี้เราก็เหนื่อยกับการตามหวงห่วงนนท์จะแย่! เดี๋ยวถ้านนท์ได้เป็นเดือนคณะฯจริงๆ ขึ้นมา เราคงแย่!!”
“........” คำตอบของวรุฒทำเอาชานนท์ตอบออกไปไม่ถูก ได้แต่รู้สึกวูบวาบในท้องน้อยอย่างประหลาด ใบหน้าร้อนผ่าวและหัวใจเต้นแรงจนได้ยินเต้นไม่เป็นจังหวะ สีหน้าที่วรุฒพูดมันช่างน่าประทับใจจนเขาสะกดการเต้นของหัวใจตัวเองไม่อยู่
“พูดอะไรของนายเนี่ย?” ชานนท์พูดแก้เขิน
“อืม... คิดอะไรออกแล้ว!! รอตรงนี้นะ!!” วรุฒพูดจบก็เดินหายไป ทำให้ชานนท์ได้แต่นั่งเคว้งคว้างอยู่คนเดียวในความอลม่านของห้องสำหรับเจ้าหน้าที่

“อ้าว!! อยู่นี่เอง!!” พี่เอกเดินมาเจอชานนท์ยืนพิงพนังอย่างเหม่อลอย
“ครับ!! พี่เอก?”
“ให้หาเสียทั่วเลย มานี่เร็ว ต้องเก็บหน้ากับแต่งตัวให้เรียบร้อย! ผลโวตจะปิดให้ 5 นาทีแล้ว มาเตรียมตัวไปฟังผลกัน!!” พี่เอกรี่เข้ามาหาชานนท์ด้วยความรีบร้อน และพาเขาไปทำนู่นนี่เหมือนเมื่อตอนเริ่มงาน ชานนท์แอบเห็นพี่เต๋ายืนยิ้มให้กำลังใจเขาจากที่ไกลๆ เนื่องจากเขายุ่งกับการทำหน้าแต่วตัวใหม่เสียจนไม่มีเวลาไปทักทายพี่เต๋าได้จึงได้แค่ยิ้มตอบกลับไป

ไม่นานเสียงกริ่งก็ดังสนั่นลั่นห้องเป็นสัญญาณปิดการลงคะแนนเสียง รุ่นพี่ทุกคนต่างทยอยต้อนรุ่นน้องที่เข้าร่วมประกวดไปที่จุดประกาศผล เพราะมันกำลังจะเริ่มขึ้นใน 10 นาทีหลังจากการแสดงปิดท้ายจากบรรดากองเชียร์

.............

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แฟนของใคร ใครก็หวงอ่ะเนอะ5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด