43
สถานการณ์ตอนนี้วุ่นวายยุ่งเหยิงเหมือนสายหูฟังที่พันกันในกระเป๋า พรุ่งนี้จะถึงสัปดาห์แข่งกีฬาสีแล้วครับ วันก่อนเริ่มงานทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ประจำปี เป็นวันปล่อยว่างเพื่อให้นักเรียนตกแต่งขนตัวเองเหมือนนกยูงเตรียมรำแพนหาง เตรียมความพร้อมซ้อมจริงสำหรับการแข่งขัน นอกจากนักเรียนที่ตกแต่งตัว การตกแต่งโรงเรียนก็เต็มไปด้วยความสดใส ทุกส่วนสัดเต็มไปด้วยป้ายสีป้ายโฆษณาข่มขวัญสีอื่น ดูคึกคักน่าสนุก สวนทางความเป็นจริงอันเคร่งเครียดของเหล่านักเรียนที่ลอยตัวถึงขีดสุด
ตอนนี้ไม่ว่าใครต่างก็วิ่งรอกกันให้วุ่น เสียงโหวกเหวกโวยวายดังครอบคลุมไปทั่วทั้งอาณาเขตโรงเรียนสิงหสารสารทวิทยา เหล่านักเรียนเดินเข้าออกโรงยิมกันจนเหมือนมดงานเดินหาอาหาร ผมที่กำลังถือวิทยุสื่อสารก็สับขาหัวหมุนไม่แพ้ใคร เหล่ากรรมการนักเรียนนอกจากทำหน้าที่สีตัวเองแล้วก็ต้องกลับมารับหน้าที่ตรวจตรางานโดยรอบเป็นครั้งสุดท้าย และหน้าที่สำคัญอีกอย่างคือเป็นไกด์แนะนำโรงเรียน คอยแนะนำ อธิบายกิจกรรมกับเหล่าแขกที่จะมารับชม โดยทีมของผมจะสลับกับคณะกรรมการของฝั่งมัธยมปลายครับ ส่วนฝั่งประถมน้องๆยังเด็กเกินไปจึงไม่มีบทบาทมากนัก
หลังจากวิ่งตรวจงานบนตึกเสร็จ ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ที่โรงอาหารกลางวงล้อมของสภานักเรียนสามคนและกรรมการสีอีกสี่คน โดยมีไอแพดที่เปิดหน้าจอคุยกับคนอื่นๆ เคียงข้างกันก็มีวิทยุสื่อสารที่ดังขึ้นแทบจะตลอดเวลา
"เฮ้ย หมู ไปดูหน้าเวทีมาหรือยัง พี่ว่าตอนเปิดงานจังหวะแสงไฟมันยังช้าไปสองช่วงนะ ไปจัดการให้หน่อยได้หรือเปล่า"
พี่เนศที่ครองตำแหน่งประธานนักเรียนอีกคนเดินหน้าเหมือนซอมบี้แหวกวงล้อมเข้ามาหา เจ้าตัวตบไหล่ทักทาย แต่ผมว่าดูคล้ายหาที่ยึดมากกว่าครับ หน้าตาอ่อนล้าจนดูเหมือนกับว่าถ้าแค่จิ้มพี่เขาเบาๆก็พร้อมล้มลงพื้นแล้วหลับยาวไปอีกสามวัน เพื่อนพี่เขาที่เดินตามหลังก็ดูท่าทางไม่ต่างกันเท่าไหร่
ดูคล้ายแก๊งผีดิบเดินหาหลุมตัวเองไม่เจอชอบกล
หญิงที่กำลังเปิดรูปเสื้อของกองเชียร์ให้ผมดูถึงกับมุ่ยหน้า เมื่อมีคนแซงคิวแย่งตัวพูดคุย
"พี่เนศอย่ามาแย่งตัวหมูตอนนี้นะคะ พวกเราต้องให้หมูช่วยไปคุยเรื่องขออนุมัติเพิ่มเงินก่อน สต็อกเสื้อผ้าไม่พอ ถ้าของมาไม่ครบพรุ่งนี้จะเอาอะไรให้ทุกคนใส่กันเล่า"
พี่เนศโอดครวญเสียงดัง "เสื้อผ้าของสีไว้ก่อนไม่ได้เหรอคะน้องหญิง ของพี่นี่โดนอาจารย์จี้มาสองรอบแล้ว โดนอีกรอบนี่พี่โดนลั่นไกใส่หัวแน่ๆเลยค่ะ...ว่าแต่น้องเปียไม่อยู่ด้วยกันเหรอคะ"
ท้ายประโยคพี่เนศทำหน้าประจบถามเสียงหวานกับเพื่อนสนิทของหญิงสาวที่ตัวเองแอบชอบ อืม...จริงๆก็ไม่เรียกว่าแอบครับ ตามจีบโต้งๆมาหลายปีแต่เลขาผมก็ไม่แลพี่เขาสักทีมากกว่า หญิงหรี่ตามองก่อนบอกเสียงเด็ดขาดเหมือนตอนดุน้องชายตัวเอง สองคนนี้เป็นญาติห่างๆกันครับ เลยสนิทกันมาก
"ไม่ได้ค่ะ ต่อคิวเลยนะคะ! หญิงไม่ยอมให้ทุกคนแก้ผ้าขึ้นสแตนด์หรอกนะ ส่วนเปียตอนนี้คงหัวหมุนอยู่กับพวกไม้แล้วก็ธันวาในห้องกรรมการค่ะ"
จริงๆในจอไอแพดเมื่อตะกี้เปียก็อยู่ครับ แต่สงสัยว่าพอได้ยินเสียงพี่เนศเข้าก็เลยหลบออกไป บนหน้าจอเลยเหลือแค่ธันวายิ้มอยู่คนเดียว
พี่เนศทำหน้าเสียดายปนลำบากใจ แต่ก็ฮึดสู้ด้วยการโปรยยิ้มของเทพบุตรล่อหลอก เก๊กท่าเอ่ยเสียงขรึม "ขอแค่สิบนาทีนะครับทุกคน เดี๋ยวพี่ต้องไปดูฝั่งประถมต่ออีก ไม่ว่างไปจัดการเองจริงๆ ทีมพี่ก็โดนอาจารย์เรียกไปช่วยเกือบหมด" ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติ ใบหน้าหล่อๆและรอยยิ้มหวานๆก็คงได้ผลอยู่หรอกครับ แต่ตอนนี้ที่ใบหน้าหล่อเหลาไม่ต่างจากมัมมี่ตอนถอดผ้าพันออกเหลือแต่หน้าซูบๆและตาดำปี๋ ไม่ช่วยให้คนโดยรอบใจอ่อน
หนึ่งในทีมของผมกรอกตาบอกเสียงเหนื่อยไม่แพ้กัน "โห พี่เนศ พวกผมก็โดนไม่ต่างกันหรอก ชมรมทำอาหารแม่งดันลืมคิดเมนูของคนแพ้แป้ง ทางโรงครัวเขาก็มาต้อนเอากับพวกผมยิกๆ ไหนจะแขกวีไอพีที่โคตรดื้อ ดึงดันจะเอาหมามาดูด้วยให้ได้อีก"
พี่เท่เพื่อนพี่เนศตาโต รีบถามต่อ "ใช่เมียคุณทวิตเจ้าของค่ายมวยไหมวะ พี่เห็นในแชทกลุ่มอยู่ ไม่ใช่ว่าสองรอบก่อนแกบอกเข้าใจแล้วเหรอว่าห้ามเอาสัตว์เลี้ยงเข้ามาด้วยน่ะ"
"ใช่พี่ แต่แกเข้าใจไปรอบหนึ่งว่าห้ามเอาแมวเอาหนูเข้ามา แกเลยเอาหมามาแทน นี่ถ้ารอบนี้ผมบอกว่าห้ามเอาหมามาแกจะเอาพญานาคมาเลยหรือเปล่าวะ โว้ยยย ปวดหัวกับเจ้แกหลายๆ"
พี่เนศพอเห็นรุ่นน้องทึ้งหัวตัวเองก็หัวเราะร่วน ขำจนพอใจแล้วเอ่ยแนะนำแนวทางแก้ปัญหา
"ให้อาจารย์ไปช่วยพูดไหม อันไหนเกินมือเราจริงๆก็ไปขอยืมมืออาจารย์เถอะ อันที่จริงพี่ก็อยากบุกไปช่วยพูดนะ แต่นี่พวกพี่ก็งานล้นมือโคตรๆ แค่เดินผ่านสนามตะกี้เห็นฝ่ายแปรอักษรตอนต้อนรับดันได้ไฟล์พิมพ์ผิด ไปเอาไฟล์ยังไม่แก้ขึ้นบอร์ด จากยินดีต้อนรับเป็นยินดีตายครับเฉยเลย พี่กินน้ำอยู่น้ำแทบพุ่งออกจากจมูก"
"อันนั้นก็เกินไป...พี่รีบไปช่วยแก้เลยนะเฮ้ย ไม่งั้นแมวมองหนีไปจีบเด็กโรงเรียนอื่นกันพอดี ส่วนเรื่องให้อาจารย์ช่วยมันก็..." แจ้หันไปมองเพื่อนอีกคน
"เฮ้อ ส่งไอ้นิวไปขอแล้วครับพี่ แต่จารย์บอก 'แค่นี้พวกเธอยังรับมือได้ ไม่เกินความสามารถจ้ะ ลองหาทางอื่นกันดูก่อนนะ' รับมือได้กับผีอะไร๊ อาจ๊านนนนนค้าบบบบ!"
แล้วคนบอกก็ทึ้งหัวตามอีกคนไป...
พวกผมคณะกรรมการนักเรียน ที่ชักจะไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นกรรมการหรือกรรมกรกันแน่ มองหน้าสบตากัน ก่อนปล่อยเสียงถอนหายใจดังขึ้นอย่างพร้อมเพียง และก่อนที่โรงอาหารจะกลายเป็นศาลาปรับทุกข์คนเหนื่อยยาก ผมก็พูดขัดขึ้น
"ถ้ารอหลังบ่ายสามได้ ผมพอจะเจียดเวลาไปดูได้ครับ"
"บ่ายสามต้องไปซ้อมกับพี่อเล็กเซย์ไม่ใช่เหรอหมู"
"เปลี่ยนไปเป็นช่วงหลังเที่ยงแทนแล้วครับ ช่วงบ่ายประธานสีทุกคนต้องไปประชุมเข้าพบอาจารย์"
"บ่ายสามเลยเหรอ...ได้ งั้นพี่ฝากเรื่องเวทีไว้หน่อยแล้วกันนะ ช่วงซ้อมจริงรอบสุดท้ายสิบเอ็ดโมงพี่คงไม่ได้เข้าไปดูด้วย ต้องไปดูซ้อมการแสดงอันอื่นก่อน แล้วก็เห็นอริญบอกงบประมาณมันแปลกๆอันนั้นก็ฝากด้วย"
"ได้ครับ"
"แต๊งเว้ย"
พอฝากงานเสร็จพวกพี่สามคนก็เดินออกไปอย่างว่องไว พวกผมที่เหลือก็หันมาทำงานกันต่ออย่างรีบเร่งเพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อยและเป็นไปตามกำหนดการเช่นเดียวกัน
***
เมื่อกริ่งดังบอกถึงเวลาพักเที่ยง ผมที่รีบหนีออกมาจากเหล่าซากศพมีชีวิตก็เดินลงมาหาเด็กน้อยของตัวเอง เดินตาม GPS มาเรื่อยจนถึงสวนด้านหลัง เจออาจารย์ที่ยืนเฝ้าก็ยกมือไหว้สวัสดี ทุกอย่างก็เป็นปกติเหมือนที่ผ่านมาที่ผมพาเทมมาฝากไว้กับชั้นอนุบาล เพราะอาจารย์พิเศษของเทมนอกจากเวลาหลังเลิกเรียนก็จะประจำชั้นอยู่ในส่วนของเด็กอนุบาลครับ แต่ภาพที่เห็นก็ทำเอาคิ้วสีทองเหมือนสีผมขมวดฉับ
ภาพตรงหน้าเป็นอะไรที่แปลกประหลาดมากๆ...
ตรงสนามหญ้าสีเขียวขจีใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ มีผ้าปูรองสีชมพูลายหวานแหววปูอยู่ บนนั้นมีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักสองคนกำลังถือตุ๊กตาเล่นสวมบทบาทท่าทางสดใส ใช่ครับ ถ้าแค่นั้นก็ไม่แปลกอะไร และเทมที่เล่นตุ๊กตากับเด็กอนุบาลน่ะก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะเพื่อนซี้ต่างเพศต่างวัยของเขาก็ชวนเล่นด้วยกันเป็นประจำ เป็นภาพที่กลมกลืนชวนอบอุ่นหัวใจเหมือนพี่ชายเล่นกับน้องสาว แต่แขกแปลกหน้าอีกคนต่างหากที่ทำเอาผมต้องชะลอฝีเท้า
เทมที่ถือตุ๊กตาโดเรม่อนกับ...
คาร์โลที่ถือตุ๊กตาบาร์บี้
ภาพชายที่ตัวสูงกว่าเทมแถมถึกกว่ามาก หน้าตาที่เต็มไปด้วยรอยบากแผลกำลังพยายามพาตัวเองขยับนั่งบนเสื่อสีหวานผื่นเล็ก ดัดเสียงสองเล่นเป็นเจ้าหญิงด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ เป็นอะไรที่ทำเอาคนมองกระอักกระอ่วนและขนลุกได้ชะงัด...
ที่ผมยังไม่ได้ก้าวเท้าเข้าไปก็เพราะมีรินอยู่ รินเป็นเด็กอนุบาลที่นิสัยโตกว่าวัยมากครับ เธอเป็นเด็กที่ค่อนข้างดุมากเลยทีเดียว ถ้ายังจำกันได้วันงานวันเกิดเทม น้องชายของผมก็โดนเด็กคนนี้ดุเรื่องไปแซงคิวเข้าแถว เพราะงั้นถ้าเธออยู่ด้วย ผมคิดว่าคาร์โลไม่น่าจะพูดอะไรหรือทำอะไรไม่ดีได้ ไม่งั้นรินได้แจ้นไปฟ้องอาจารย์แล้วครับ ถ้าเทียบนิสัยกันแล้ว รินดูจะเป็นพี่สาวของเทมได้ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันถึงร้อยเซนได้เลยทีเดียว...
และที่ผมยอมปล่อยให้นางฟ้าของผมเล่นด้วยโดยไม่ห่วงเขามาก ก็เพราะเด็กทั้งสองคนพูดจาดีแล้วก็เล่นกันแบบปลอดภัยมากครับ เจอหน้ากันก็คุยแต่เรื่องตุ๊กตาที่จะออกคอลเลกชั่นใหม่ แชร์ขนม อวดของเล่นกัน เทมก็ชอบเพราะได้เพื่อนคุยเรื่องเก็บสะสมตุ๊กตา
"เทม เทมต้องเป็นเจ้าหญิงแบบโลสิ ก็ในเมื่อมี่มี่จะเล่นเป็นราชินีส่วนเราก็จะเป็นพระราชา เทมก็เป็นลูกๆของรินกับมี่มี่ไงคะ"
"แต่ แต่ว่าพี่ม่อนเป็นผู้ชายนะครับ ต้องเป็นเจ้าชายไม่ใช่เหรอครับริน"
"ก็จับตุ๊กตาใส่กระโปรงไปดิวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มึงก็เป็นตุ๊ดไม่ใช่หรือไง"
"ตุ๊ดๆๆๆคืออะไรเหรอครับโล"
"อย่ามาเรียกโลตีซี้กับกูได้มะ เรียกกูคาร์โลสิเว้ย ส่วนตุ๊ดก็คือผู้ชายที่อยากเป็นผู้หญิงไง กะเทยน่ะกะเทย ไม่รู้จักได้ยังไงกันวะ"
"โลอย่าพูดคำหยาบเยอะได้ไหมคะ?"
"ใช่ๆ พี่โลอย่าพูดไม่เพราะกับพี่เทมนะคะ มี่มี่ไม่ชอบเลย! คุณพ่อกับคุณแม่บอกคนพูดไม่เพราะคือคนหยาบคาย เป็นคนไม่ดี ไม่มีมารยาทค่ะ"
"เออๆ โทษๆ"
"แต่ แต่พี่ม่อนไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงนะครับ แล้วจะเป็นตุ๊ดๆๆ เทยๆๆ ได้ยังไงครับ เทมงงๆจังเลย"
"กูหมายถึงมึงต่างหาก"
"เทม เทมก็ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงนะครับ"
"ใช่ พี่เทมเป็นผู้ชายต่างหาก พี่โลสายตาสั้นเหรอคะ อ๊ะ พี่โล! มี่มี่บอกแล้วไงคะว่าก็อตซิลลาต้องผูกโบว์แล้วก็ใส่กระโปรงลูกไม้ไม่ใช่กางเกง!"
"โว้ยยยย อะไรนักหนา เออๆ กระโปรงตัวไหนหยิบมาดิ"
ท่าทางที่ยอมลงให้เด็กหญิงตัวเล็กทำเอาผมแปลกใจอีกครั้ง กับคนที่มีข่าวลือติดตัวว่าทั้งดุและโหดโฉดจนไม่มีเพื่อนคบสักคน ดูเป็นอะไรที่สวนทางมากกับการยอมหยิบกระโปรงลูกไม้สวมให้ตุ๊กตาหญิงสาว และเมื่อเด็กน้อยของผมถามอะไรแม้จะทำหน้าเบื่อหน่ายแต่ก็ยอมตอบและอธิบายเป็นอย่างดี
พี่ชายของมี่มี่กับรินงั้นหรือ?
พี่ชาย...แต่จำได้ว่าตอนหาข้อมูลของเด็กทั้งสองคน มี่มี่เป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวธัศนากิจ ส่วนรินก็มีพี่น้อง แต่เป็นพี่น้องที่เป็นผู้หญิงทั้งหมดนี่น่า...ลูกสาวท่านทูตและลูกสาวของท่านรองนายกไม่มีพี่ชายแน่นอน
และผมก็สัมผัสไม่ได้ถึงสัญญาณอันตราย ยืนนิ่งฟังก็มีแต่บทละครเล่นเป็นพ่อแม่ลูกของคนสี่คน
ผมหรี่ตามองพลางครุ่นคิด
หมอนี่มาทำอะไรกันแน่
สืบเท้าเข้าไปในวงสนทนาของเหล่าราชินีและเจ้าหญิงเจ้าชาย ปรับสีหน้าเย็นเฉียบของตัวเองให้เป็นรอยยิ้ม เมื่อนางฟ้าตัวน้อยสังเกตเห็นผมแล้วยิ้มกว้างลุกขึ้นวิ่งมาหา
"พี่เทมครับ"
"ม-หมูหย็อง! นะ นะ น้อง น้อง น้องหมูหย็องครับ มาหาพี่เทมเหรอครับ!"
"ใช่ครับ แล้วก็มารับไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน หิวหรือยังครับ"
"หิวๆๆๆ เทมหิวแล้วครับ"
"สวัสดีค่ะพี่หมู" มี่มี่ลุกขึ้นตามเทมก่อนจะยกมือไหว้ผมด้วยท่าทางอ่อนช้อย ต่างกับเพื่อนสนิทอีกคน รินแค่นั่งเฉยๆแล้วยกยิ้มเอ่ยทักทายง่ายๆตามประสาเด็กที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง
"สวัสดีค่ะพี่ดิมิทรี มารับเทมแล้วเหรอคะ"
"ครับ แล้วนี่..." ส่งสายตาไปทางผู้ชายอีกคนที่นั่งเท้าค้างมองตรงมา
"อ๋อ...นี่คาร์โลค่ะ เป็นบอดี้การ์ดที่คุณพ่อของรินจ้างมาดูแลในโรงเรียน"
"เฮ้ย! คุณหนูไปบอกเขาทำไมวะ เอ้ย ครับ นี่มันภารกิจลับนะคุณ!"
"บอกได้ไม่เป็นไรค่ะ เขาเป็นคนรักของเพื่อนริน เชื่อใจได้"
อา...ใกล้ช่วงเลือกตั้งแล้วสินะ เลยต้องส่งคนมาคุ้มกันลูกของตัวเอง ผมไม่แปลกใจที่นักเรียนในโรงเรียนจะรับจ๊อบพิเศษหรือมีบอดี้การ์ดแฝงตัวอยู่ในโรงเรียน เพราะที่นี่ลูกท่านหลานเธอเยอะแยะไปหมด จนสามารถเดินสุ่มกระแทกไหล่แล้วเจอลูกผู้มีอิทธิพลดังๆได้อย่างง่ายดาย เท่าที่รู้มาภารโรงหลายคนก็ใช่
แต่ต้องยอมรับว่าแปลกใจไม่น้อยที่คนตรงหน้าถึงกับได้รับการไว้วางใจจากท่านรองนายกให้ช่วยดูแลลูกสาวสุดที่รักด้วยอายุเพียงแค่สิบห้า ท่านรองคงจะไม่จ้างคนไม่มืออาชีพดูแลจุดอ่อนของตัวเองในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานหรอกครับ
"มองอะไรไอ้พวกลูกคุณหนู เหอะ ทำไม กูจะรับจ้างหาเงินในโรงเรียนไม่ได้หรือไง"
คาร์โลตวัดเสียงใส่เมื่อเห็นผมมองไปทางเขา ดูท่ายังโมโหผมอยู่มาก เฮ้อ...ผมไม่ใช่คนหาเรื่องเขาสักหน่อย
"หมูหย็อง น้องหมูหย็องไม่ใช่ลูกคุณหนูนะครับคาร์โล น้องหมูหย็องเป็นลูกของคุณปะป๊ากับคุณหม่าม้าต่างหากครับ"
"คริคริ พี่เทมล่ะก็ เล่นมุกอีกแล้ว"
"เทม...ไม่ใช่ลูกคุณหนูที่เป็นหนูจี๊ดๆแบบนั่นค่ะ..."
"กูล่ะปวดหัวกับมึงจริงๆ โอ้ยยยย ไม่ใช่ลูกหนูเป็นตัวๆเฟ้ย!"
"อ้าว...ถ้าไม่ใช่ลูกหนูเป็นตัวๆๆๆแต่เป็นลูกตัวคนๆๆ ก็ ก็ไม่ใช่นะครับ"
"นี่เราคุยเรื่องเดียวกันหรือเปล่าวะ..." คาร์โลมีท่าทางอ่อนลงกับเจ้าตัวน้อยของผม มี่มี่หัวเราะไม่หยุด ส่วนรินก็ถอนหายใจแล้วเปลี่ยนหัวข้อ
"อืม เทมจะไปทานข้าวกับพี่ดิมิทรีแล้วใช่ไหม งั้นโลไปทานด้วยกันเลยสิ ไม่ต้องเฝ้าเราตอนนอนกลางวันหรอก"
"ได้ไง เดี๋ยวพ่อคุณก็ไล่ผมออกพอดี"
"ขัดคำสั่งเราก็โดนหักเงินเดือนเหมือนกันนะ"
หนึ่งเด็กอนุบาลและหนึ่งเด็กมอสามยืนจ้องตากัน
รินเชิดหน้ามองสบตาผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าสองเท่าอย่างไม่เกรงกลัวใบหน้ากินเลือดกินเนื้อนั่นเลยสักนิด สุดท้ายผู้พ่ายแพ้ก็คือศัตรูของไอ้น้ำครับ คาร์โลยอมพยักหน้า
ทุกการกระทำอยู่ภายใต้ดวงตาสีฟ้าที่จ้องมองเก็บรายละเอียด
...ไพ่ที่เพิ่งได้รู้ จะเอาไปใช้ยังไงดีนะ... น่าสนุกแล้วสิ
"เออๆ เดี๋ยวผมมารับคุณอีกทีตอนเย็นแล้วกัน"
รินยิ้มอย่างพอใจ หันไปตอบรับบอดี้การ์ดของเธอกับบอกเพื่อนชายต่างวัย "ค่ะ แล้วเทมก็อย่าลืมไปที่ห้าง efg นะ เขาจะจัดงานกันตอนสิ้นเดือน มีของลิมิเต็ดมาขายด้วย ไว้ค่อยเจอกันที่งานนะคะ"
พี่เทมพยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบหันมาจับมือผมเขย่าๆ เหมือนเด็กน้อยกำลังจะร้องขออะไรสักอย่างกับพ่อแม่ นัยน์ตาสีน้ำตาลสวยระยิบระยับจับใจ
"หมูหย็องครับ น้อง น้องหมูหย็องครับ! ริน รินบอกว่าที่ห้าง efg จะมีพี่ม่อน จะมีพี่ม่อนมาขายแบบลิมิเต็ดครับ พี่เทม พี่เทมอยากไปจังเลยครับ ไปหา ไปหาพี่ม่อนแล้วก็รับพี่ม่อนมาอยู่ด้วยกับพี่ม่อนที่บ้านนะครับ นะครับ นะๆๆๆครับ นะ?"
ถ้าจะอ้อนกันขนาดนี้ ก็ไปที่รถกันตอนนี้เลยไหมครับ...ยกยิ้มเอ็นดูคนที่ตื่นเต้นจนพูดติดขัดไปหมด ลูบแก้มนุ่มที่ขึ้นสีระเรื่อง่ายดาย
"ได้ครับ ไว้เดี๋ยวน้องหมูจะพาไปนะ"
"เสียดายจัง สิ้นเดือนมี่มี่ไปอิตาลีกับคุณพ่อ ไม่งั้นจะไปเดินเล่นกับพี่เทมกับรินด้วย พี่เทมอย่าลืมไปถ่ายรูปกับโดเรม่อนนะคะ รอบนี้มีโดเรมี่มาด้วยนะ รินก็อย่าลืมซื้อชุดตุ๊กตาให้เราเด็ดขาดเลยนะ แล้วเดี๋ยวเราจะซื้อขนมมาฝากทั้งสองคน"
พี่เทมพอได้ยินคำว่าขนมของฝากก็ตาเป็นประกายสวย ยกมือไหว้ขอบคุณเด็กอนุบาลล่วงหน้า
"ขอบ ขอบคุณครับ ครับๆๆๆ เทม เทมจะถ่ายเยอะๆๆเลยครับ"
"พี่เทมเนี่ยชอบไหว้มี่มี่อยู่เรื่อยเลย...พี่ชายที่ไหนเขาไหว้น้องสาวกันคะ โธ่เอ้ย"
มี่มี่มุ่ยปาก เพื่อนตัวเล็กอีกคนอดไม่ได้จนเอ่ยแซว
"เพราะมี่มี่หน้าแก่หรือเปล่าคะ"
"โธ่ รินล่ะก็ อย่าแกล้งกันสิจ๊ะ!"
ผมปล่อยเด็กสามคนพูดคุยกันอีกนิดหน่อยก็ให้เขาบอกลากัน จะได้พาเด็กน้อยไปทานข้าว ทีแรกก็ตั้งใจมารับคนเดียวนะครับ แต่ขากลับดันพ่วงส่วนเกินมาอีกคนซะได้ ระหว่างทางไปโรงอาหารพี่เทมก็ดูตื่นเต้นกับแขกไม่คุ้นหน้า
"คาร์โล คาร์โลก็จะไปทานข้าวด้วยกันเหรอครับ"
"เออ ก็เจ้านายกูสั่ง"
ทั้งๆที่จะผิดคำพูดก็ได้ ยังไงรินก็ไม่รู้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ทำ...หมอนี่ซื่อตรงกว่าที่คิด ดูเป็นหมาเฝ้ายามที่มีคุณสมบัติใช้ได้เลยทีเดียว
"ดีจังเลยครับ ดีจังจะได้ทานกันเยอะแยะๆ สนุกๆๆๆกับเต้กับน้ำ"
"อะไรนะ!? ไอ้หมากระเป๋าก็มากินด้วยงั้นเรอะ"
"หมากระเป๋าเหรอครับ? ที่โรงเรียน ที่โรงอาหารห้ามพาสุนัขเข้ามานะครับ ผิดกฎนะครับ ไม่มีๆๆน้องสุนัขนะครับ"
"ไม่ใช่หมาสี่ขาแบบนั้น...แต่มันก็หมานี่หว่า เออๆ ช่างมันเถอะ กูหมายถึงเพื่อนมึงน่ะ ไอ้เตี้ยน้ำนั่นน่ะ"
"อ๋อๆๆๆ น้ำ น้ำมาทานด้วยใช่ไหมครับน้องหมูหย็อง"
"ใช่ครับ"
"กูอยากจะบ้าตาย...แดกกันสองคนไม่ได้หรือยังไง เดี๋ยวกูนั่งห่างๆ"
"นั่งห่างๆ นั่งห่างๆเทม เทมต้องคุยเสียงดัง คุยเสียงดังไม่ดีนะครับ เดี๋ยวอาจารย์ดุ"
"ใครจะคุยกับมึง"
เทมปุระยิ้มค้าง ใบหน้าน่ารักเจื่อนลงถามเสียงอ่อย "คาร์โล คาร์โลไม่อยากคุยกับเทมเหรอครับ..."
ผมชักคิ้วกระตุก หันไปมองอีกคนด้วยสายตาอันตราย มีเรื่องกับน้ำผมก็ไม่สนใจหรอกนะครับ จะหยาบคายใส่ใครผมก็ไม่ว่า แต่อย่ามาทำคนของผมเสียใจ ผมไม่ยอม
"ก็ไม่ใช่แบบนั้น โว้ย! มึงนี่แม่งรับมือยากชิบหาย"
คาร์โลยีผมตัวเองแล้วก็ลามไปยีหัวเทมปุระด้วย จนผมเผลอฟาดมือใส่อย่างแรง
"อย่าจับ" บอกเสียงเย็นด้วยความหงุดหงิด
เด็กน้อยที่ทีแรกสะดุ้งโหยง แต่พอตั้งสติได้ก็รีบถลามาจับมือผม จับพลิกมองอย่างเป็นห่วง "หมูหย็องครับ! น้อง น้องหมูหย็องเจ็บไหมครับ!?"
คาร์โลอ้าปากค้างกับปฏิกิริยาของเทมที่เป็นห่วงผิดคนจนลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังโกรธที่ถูกฟาด
"...เดี๋ยวๆ มึงต้องถามกูสิไอ้หนู ไปถามไรคนฟาดวะเฮ้ย กูนี่คนถูกตี"
"อุบ ฮ่าๆๆๆๆ ไม่ใช่แค่มึงหรอกเว้ยที่โดน! กับพวกกูก็เป็น ไอ้หมูลงมือทีไรไอ้ลูกชายคนดีกูก็ไปถามคนลงมือประทุษร้ายว่าเจ็บไหมตลอด"
เต้ในชุดนักกีฬาโผล่ออกมาจากด้านหลัง และเนียนยิ่งกว่าด้วยการเดินไปคล้องคอคาร์โลราวกับเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายสิบปี
"โผล่มาจากไหนวะเนี่ย...อย่ามาตีสนิทกูนะเว้ย!"
"อ้าว ไรวะ กูเห็นพวกมึงเดินมาด้วยกันนึกว่าคืนดีกันแล้วซะอีก"
"คืนดีคว--"
หมับ!
"...อย่าพูดคำหยาบต่อหน้าเทม"
อาศัยช่วงเวลาที่องค์ชายน้อยเอาแต่สนใจดูแลมือขวา ในชั่วเสี้ยววิก่อนคำต้องห้ามจะหลุดออกจากปาก มือซ้ายคว้ากระชากเนคไทของคนตัวใหญ่จนแน่น กระซิบบอกเสียงเบาที่พอแค่ให้ได้ยินกันสามคน แต่ชัดเจนด้วยสีหน้าเด็ดขาดที่ไม่มีใครกล้าปฎิเสธ ไอ้เต้ยิ้มมุมปากถูกใจ ส่วนคาร์โลชะงัก ก่อนจะยอมพยักหน้าแต่โดยดี
เขาดูจะผ่านงานอะไรมาพอควร คงจะรับรู้ได้ว่าอะไรเป็นอะไร...
อะไรสู้ได้
อะไรสู้ไม่ได้ พอเด็กน้อยเงยหน้าขึ้น ผมก็คลายมือออกจากเนคไทมาลูบแก้มคุณหมอจำเป็นที่เพิ่งตรวจมือผมเสร็จแทน นายแพทย์เทมปุระบอกด้วยน้ำเสียงโล่งใจ
"มือหมูหย็อง มือน้องหมูหย็องไม่เป็นอะไรครับ พี่เทมตรวจๆๆให้แล้ว ไม่มีแผลนะครับ แต่ว่าน้องหมูหย็องเจ็บหรือเปล่าครับ"
"ขอบคุณนะครับ มือน้องหมูไม่เจ็บครับ"
"ดีจังเลยครับ งั้นๆๆๆถ้าเจ็บบอกพี่เทมนะครับ พี่เทมจะเป่าเพี้ยงๆให้นะครับ"
"ฮ่าๆๆๆ อึ้งไปเลยอะดิมึง เดี๋ยวก็ชิน ป่ะ ไปโรงอาหาร กูหิวข้าวจะตายละ แล้วไอ้น้ำล่ะ"
"น้ำทำงานช่วยอยู่ที่โรงอาหารครับ คิดว่าอีกประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะตามมา"
"เค"
พวกผมตรงมานั่งกันที่โต๊ะประจำ คาร์โลที่สุดท้ายก็มาร่วมโต๊ะด้วยแบบงงๆยังคงมีสีหน้าเหมือนคนเมากาวที่โดนจับในโทรทัศน์ เขานั่งฟังพวกผมสามคนนิ่งๆโดยไม่ได้พูดอะไร กระทั่งผมอธิบายความเป็นมาว่าทำไมถึงเจอกันยังนิ่ง มีแค่ตอนที่เทมเล่าบอกถึงตอนที่พวกเขาเล่นตุ๊กตากันคาร์โลถึงได้ถลึงตาใส่ไอ้เต้ที่หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังจนเกือบตกเก้าอี้
ตอนนี้พ่อลูกในมโนความคิดกำลังคุยกันเรื่องคำศัพท์คำใหม่ที่เทมเพิ่งรู้จักครับ เป็นคำที่น่าปวดหัวพอสมควรเลยทีเดียว กับคำว่า 'Sexy' คิดว่าอาจารย์ก็คงปวดหัวไม่ต่างกัน เพราะคำอธิบายที่เด็กน้อยของผมจับใจความและเข้าใจมา ดูจะเป็นอะไรที่ไม่น่าจะใช่เซ็กซี่ล่ะนะครับ
"เซะซี่ แบบนี้ๆๆครับ"
"เซ็ก--เซ็กซี่ครับพี่เทม หึหึหึ" ช่วยเขาแก้คำผิดทั้งๆที่แทบจะสำลักข้าว
"เซ็กซี่ยยยย์" ลากเสียงยาวพลางทำปากจู๋แก้มป่อง
เทมปุระที่กำลังทำปากจู๋แล้วบอกว่าตัวเองเซ็กซี่ทำเอาไอ้เต้ที่หยุดหัวเราะแล้วขำลั่นอีกรอบ มันตบโต๊ะดังป๊าบๆอย่างถูกอกถูกใจ
"ฮ่าๆๆๆๆ ไอ้ลูกกกกกกกกกก หยุดดดด หยุดก่อนที่กูจะหัวเราะจนขาดใจตาย ชิบหาย อันนี้เซ็กเสื่อมชัดๆ หน้าตามึงยังกับปลาปักเป้าโดนต่อย ฮ่าๆๆๆๆ"
พี่เทมที่อารมณ์ดียังคงทำปากจู๋แก้มพองลมหันไปให้เต้ดูที ผมดูที
"เทม เทมเซะซี่ คุณกล้วยเซะซี่ แกงเขียวหวานก็เซ็กซี่"
"...ต่อมไหนของกล้วยกับแกงเขียวหวานที่มึงมองแล้วว่าเซ็กซี่วะ"
"น่าอร่อยๆๆๆ หม่ำๆๆๆไงครับ"
"ก็ไม่ใช่น่าอร่อยในความหมายนั้นครับพี่เทม..."
"ปวดหัวแทนอาจารย์ขึ้นมาเลยว่ะ"
เทมที่เป็นพี่เทม เป็นเทมในเวอร์ชั่นที่น่ารักและน่าเอ็นดูมหาศาล และการกระทำพิเศษในช่วงที่เขาเป็นพี่เทมก็ทำเอาน้ำตาแทบจะไหลด้วยความปิติ เมื่อเขาสะกิดให้ผมดูจานข้าวเปล่า ไม่มีเศษผักสีเขียวๆเหลือให้ผมเห็น แม้แต่มะเขือเทศคู่ปรับตลอดกาลสักซีกก็ไม่มีหลงเหลือ
"น้องหมูหย็องครับน้องหมูหย็อง ดูๆๆๆนะครับ ดูนะครับพี่เทมทานผักหมดเกลี้ยงเลยครับ พี่เทมเป็นพี่ชาย พี่เทมต้องทานผักๆๆๆให้ตัวอย่างดูน้อง"
"เก่งมากเลยครับ แต่ต้องเป็นตัวอย่างให้น้องดูนะครับ"
"เป็น เป็นตัวอย่างให้น้องดูครับ"
เด็กน้อยบอกด้วยความภูมิใจ อา...รู้สึกชื้นๆตรงหัวตาเลยครับ พี่เทมของผมเก่งขึ้นทุกวัน วันนี้เขาถึงกับสั่งสลัดจานโตมาทานเอง ถึงจะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลาที่เคี้ยวจนผมลุ้นแล้วลุ้นอีก ถือผ้าเช็ดหน้าเตรียมปลอบเขาเต็มที่ เผื่อเขาร้องไห้กลางคันระหว่างต่อสู้กับผักสลัดจานโต แต่ท้ายสุด สุดท้ายเขาก็ทานหมดครับ
ความรู้สึกเวลามีลูก ผมว่าผมเข้าใจนะ...ความรู้สึกของผมตอนนี้น่าจะพอๆกับตอนพ่อแม่เห็นลูกตัวน้อยๆเรียนจบปริญญาเอกด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเลยล่ะครับ
หยิบผ้าซับน้ำตาก่อนจะลูบผมนิ่มด้วยใบหน้าปลื้มใจไม่ต่างกัน