———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 61 * 23/02/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 61 * 23/02/63  (อ่าน 37029 ครั้ง)

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter

"เอาล่ะลูกๆ ทุกคนของป๊า เอ้ย ของพ่อ วันนี้น้องชายของเราก็คงจะยังงงๆกับธรรมเนียมในบ้าน มาแนะนำตัวกันทีละคนก่อนนะ เริ่มจากลูกเลยแล้วกันดิมิทรี"


กิจกรรมแนะนำตัวเหมือนเด็กอนุบาลเพิ่งเข้าเรียนเริ่มขึ้น ไม่ทำก็คงจะไม่ได้ เด็กในห้องเรียนทุกคนเล่นหันมาทางผมกันหมดแล้ว ผมเอาผ้าเข็ดปาก ซับเบาๆ ก่อนจะแนะนำตัวเสียงนิ่ง

"ดิมิทรี มิคัล ชาโรนอฟครับ ยินดีที่ได้พบทุกคน"


"อ้าว ทำไมหมูหย็อง ไม่ใช่เซอร์กีย์ล่ะปะป๊า"


mooyong? mooyong อีกแล้ว? คำๆนี้อีกแล้ว แล้วทำไมเหมือนคำนั้นจะเป็นคำเรียกชื่อแทนตัวผมล่ะครับ ไม่ใช่เป็นชื่อของอาหารชนิดหนึ่งในประเทศที่คุณพ่อคุณแม่กำลังจะไปลงทุนหรือไง แล้วคำว่าพ่อแม่ที่พวกเขาเรียก ก็ฟังดูสำเนียงแปลกๆนะครับ ฟังดูไม่ใช่ PAPA หรือ MAMA แต่ผมก็นึกว่าแค่พวกเขาไม่ค่อยมีความสามารถอะไร เลยออกเสียงไม่ถูก...แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่


"น้องใช้นามสกุลคุณตาคุณยายครับ แล้วเดี๋ยวพวกเราก็ต้องเปลี่ยนไปใช้กับน้องด้วยนะ"

"โห ทำไมอะ ปลาไม่อยากจำวิธีเขียนใหม่นี่น่า ไม่เอาๆๆๆๆๆๆๆ ไม่อยากเปลี่ยน"

"ทำไมต้องเปลี่ยนเหรอคะปะป๊า กระทันหันจังเลย"


"เด็กๆ ฟังคุณพ่อพูดให้จบก่อนนะ" ความวุ่นวายที่เริ่มก่อตัว ดูท่าจะทำให้การแนะนำตัวหยุดชะงัก และเริ่มจะกลายเป็นความโกลาหลขนาดย่อมๆ เมื่อเด็กๆตั้งท่าจะไม่ยอม


"ม๊าก็ดูสิ ชาโรนอฟเขียนยาวกว่าเซอร์กีย์ตั้งเยอะ ไก่ขี้เกียจเขียนนี่น่า!"
เอ่อ...เหตุผลนั่นหรอกเหรอครับ...


"ป๊าก็ขี้เกียจเขียนเหมือนกันนั่นแหละ แต่ทำไงได้ล่ะ ถ้าไม่ยอมเปลี่ยนเดี๋ยวน้องชายลูกจะเหงานะ ดูสิเป็นชาโรนอฟคนเดียวเลย"


"แบ่งๆกันไปไม่ได้เหรอครับป๊า น้องจะได้ไม่หัวเดียวกระเทียมลีบ เป่ายิ้งชุบเอาก็ได้" กระเทียมที่เป็นโปลิโอนี่หมายความว่าอะไรครับ พี่ชายที่ใส่แว่นทำไมพอนั่งนิ่งๆ ก็ดูปกติดี แต่พอพูดแต่ละที ทำไมถึงได้ดูหลุดโลกแบบนี้นะ


"ไม่ได้หรอก ป๊าไปสัญญากับคุณยายเอาไว้แล้ว เดี๋ยวพวกลูกจะต้องเปลี่ยนจากเซอร์กีย์เป็นชาโรนอฟกันทุกคน ใครไม่เปลี่ยน ขอใช้อำนาจบาตรใหญ่ของคนเป็นพ่อ ด้วยการบังคับ...ช่วงคริสมาสต้องใส่เสื้อไหมพรมที่ถักเองของคุณป้าแจน!"


เสื้อไหมพรมของคุณป้าแจน ดูเป็นอาวุธอันตรายที่ทำเอาเด็กๆเงียบกริบ มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือครับ แย่กว่าคำขู่ก่อนหน้าของคุณแม่ที่ถูกไล่ให้ไปนอนกลางสระน้ำ แต่เด็กๆยังสามารถเล่นสนุกได้ โดยไม่สนใจ แต่ว่ากับแค่เสื้อไหมพรมที่ต้องใส่ กลับยอมเงียบและนิ่งกันเสียแบบนั้น คุณแม่ที่เห็นว่าผมทำหน้างงๆ เลยยื่นโทรศัพท์แล้วสั่งให้พี่คนโตวิ่งเอามาให้ผมดู


"นี่อะ เสื้อไหมพรมคุณป้าแจน"


ภาพในโทรศัพท์รุ่นล่าสุด ทำให้รูปถ่ายชัดเจน สีหน้าทุกคนในครอบครัวที่ใส่เสื้อสีแดงขนปุย พร้อมตัวอักษร Merry x'mas ดูยับยูยี่และอยากร้องไห้ ผมไม่รู้จะอธิบายเสื้อไหมพรมตัวนี้ยังไงดี แต่สภาพมันแย่มากจริงๆครับ ถ้าให้ผมใส่เสื้อแบบนี้...ผมยอมไปนอนกลางสระน้ำสักสามวันดีกว่า พี่ชายทำหน้าตาเข้าอกเข้าใจผมที่เบือนหน้าหนีจากรูปเสื้อในจอตรงหน้า ตบบ่าผมแปะๆ ก่อนจะวิ่งตุบตับกลับไปที่เดิม




"เอ้า แนะนำตัวให้น้องชายลูกรู้จักก่อน เดี๋ยวพ่อแนะนำเป็นตัวอย่างนะ พ่อจ้า แต่ว่าทุกคนจะเรียกพ่อว่าปะป๊านะ อายุสามสิบขวบ ชื่อจริงชื่อ โจวิช จีน เซอร์กีย์ แต่อีกประเดี๋ยวป๊าก็ต้องเปลี่ยนไปเป็น โจวิช เซอร์กีย์ ชาโรนอฟแล้วล่ะนะ"

"อ้าว คุณคะ เล่นเอานามสกุลเก่ามาเป็นชื่อกลางแบบนี้เลยหรือ"

"ก็คุณแม่ไม่ได้ห้ามนี่ อิอิ" พ่อทำท่าหัวเราะแบบ...แบบ...เรียกไม่ถูกน่ะครับ หัวเราะแบบเห็นแล้วอยากจะปาเกาอี้ใส่ทำนองนั่นน่ะครับ คุณแม่เบะปากกลอกตามองบนใส่ แล้วปัดๆมือให้คนอื่นแนะนำตัวเองต่อ


"ผมคร้าบๆๆ ผมต่อไปเองคร้าบ ชื่อเล่นชื่อปลาหย็องครับ ชื่อจริงชื่อโจเชฟ โจวิช เซอร์กีย์คร้าบ อายุสิบห้า เรียกว่าเฮียปลาก็ได้น้าๆๆ" อา ที่แท้เขาก็อายุห่างกับผมขนาดนี้เชียว ท่าทางสวนทางอายุดีนะครับ


"ชาโรนอฟต่างหาก ป๊าก็เพิ่งบอกไปเมื่อตะกี้ โง่แล้วยังความจำสั้นอีกหรือไงเฮียนี่...อือ ชื่อไก่หย็องนะ ชื่อจริงชื่อแอนนา เอเลนนา เซอร์กีย์ แต่ว่าเดี๋ยวก็คงจะเป็น แอนนา เอเลนนา ชาโรนอฟตามนายแล้วล่ะ เป็นพี่สาวที่อายุห่างจากนายห้าปี อายุสิบสาม เรียกอาเจ้ไก่หรือเจ้ไก่ก็ได้นะ ยินดีที่ได้รู้จักไอ้น้องชาย"

คือถ้าฟังแต่คำพูด นี่ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นพี่ชายคนโตของผม แทนพี่ชายคนโตตัวจริงที่กำลังหยิบซ้อมมาหวีผมตัวเองนะครับ


"ชื่อเนื้อหย็อง เรียกเฮียเนื้อหย็องก็ได้ หรือจะเรียกนิโคลัสก็ตามใจ แต่ห้ามย่อชื่อผมให้เหลือแค่เนื้อเด็ดขาด ห้าม-เด็ด-ขาด ชื่อจริงชื่อ นิโคลัส โจวิช เซอร์กีย์ อายุสิบสอง ยินดีที่ได้รู้จักนะดิมิทรี"


ท่าทางของเฮียเนื้อหย็องดูจริงจังมากครับ กับคำห้ามของเขา ว่าแต่คำว่าเฮียกับอาเจ้ หรือเจ้นี่มันคืออะไรครับ? ผมพอจะรู้ว่าคุณแม่ของคุณพ่อเป็นชาวเยอรมัน แต่คำเรียกพี่สาวพี่ชายที่เยอรมัน ก็ไม่ใช่เจ้หรือเฮียมั่งครับ...แล้วชื่อแปลกๆนั่นอีก หย็อง? อะไรคือหย็อง?


"ชื่อหย็องหย็องนะเฮียหมู ชื่อจริงหย็องชื่อ ยูริ โจวิช เซอร์กีย์ หกขวบแล้วววว" ผมตกใจที่จู่ๆเจ้าเด็กน้ำลายย้อยก็มาเกาะขาผมใต้โต๊ะ แล้วก็แนะนำตัวเสียงใส เขาพูดได้นี่!...แถมอายุห่างจากผมแค่ปีเดียวอีกต่างหาก ผมนึกว่าเขายังพูดไม่ได้เสียอีก ท่าทางโ- เอ่อ...ครับ ท่าทางดูยังเด็กอยู่น่ะครับ


"แม่ชื่อเอเลน ดาเลียนา เซอร์กีย์จ้ะ เฮ้อ อุตสาห์หนีมาตั้งนานแต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปตายป้ายหลุมศพปักเป็นชาโรนอฟอีกเหรอเนี่ย เฮ้อออ เพราะคุณแท้ๆเลยนะโจ โง่ให้รถชนไม่พอหัวใจยังล้มเหลวอีก ไหนจะมะเร็งบ้าบอ ดูสิ! คุณต้องชดใช้ให้ฉันด้วยการยอมให้ฉันเปลี่ยนชื่อกลางลูกๆ เป็นเอเลนนา กับเอเลนนิชให้หมดเลยนะ!"


แม่ดูหัวเสียหันไปเขม่นพ่อ แต่คุณพ่อกับยักไหล่ ส่ายหัวไปมาพร้อมสีหน้าภูมิอกภูมิใจ


"ไม่ได้นาเอเลน คุณก็รู้ แพ้ต้องเป็นแพ้ ต้องเล่นตามกฎสิ  กฎบ้านเรา คุณเป่ายิงชุ้บแพ้เอง ผมชนะสามครั้ง ก็ต้องได้สามคน! แล้วผมก็ยอมให้คุณตั้งชื่อเล่นแล้วไง"

"ยอมอะไรล่ะ อย่ามาพูดบ้าๆนะ ฉันชนะเป่ายิงชุ้บต่างหากย่ะ! พูดแล้วก็มาเลย ลูกคนสุดท้าย ใครจะได้สิทธิ์เป็นชื่อกลางของลูก มาสิมา โจ เข้ามาเลย! หึ ฉันจะแสดงให้คุณเห็นวิทยายุทธที่เฝ้าฝึกฝนมาเพื่อวันนี้ตลอดหลายปี! ดิมิทรีจะต้องเป็น ดิมิทรี เอเลนนิช ชาโรนอฟ!"


แม่ลุกขึ้นตบโต๊ะดังปัง ก่อนจะเอามีดชี้หน้าคุณพ่อ พร้อมถกแขนเสื้อขึ้น ท่าทางเหมือนกุ๋ยยุคหนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบ ที่กำลังจะไปท้าตีท้าต่อยไม่มีผิด ผมแทบจะลมจับ ท่าทางเสียมารยาทมากมายบนโต๊ะอาหาร ทำเอาผมอยากโทรฟ้องคุณยายเสียเดี๋ยวนี้ คุณพ่อก็ไม่น้อยหน้า ลุกขึ้นพรวด เอาเท้าเหยียบเก้าอี้ มือกอดอกเชิดหน้าขึ้น


"หึ เพราะผมรักคุณหรอกนะเอเลน ถึงได้ยอมอ่อนข้อให้ชนะไปครั้งนั้น ยังไม่สำนึกอีก! ได้! แล้วคุณจะรู้ว่าพลังของมวลเทพที่อวยพรให้ผมอยู่มันกล้าแกร่งขนาดไหน กับคนที่จับฉลากแล้วได้ทิชชู่ จะมาสู้คนที่จับฉลากแล้วได้เตารีดอย่างผมได้ยังไงกัน ไม่มีทาง! ไม่อยากพูดมาก เจ็บคอ เอาเป็นว่า ดิมิทรี ต้องเป็น ดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟ แน่นอนล้านเปอร์เซน! ไปฝึกคัดชื่อตัวเองเป็นโจวิชได้เลยนะลูก"


แล้วพวกเขาก็ข้ามฝั่งมาประเชิญหน้ากัน มีพ่อบ้านในชุดสูทสีดำสี่คน ที่มาพร้อมกระดานที่เขียนบอกแต้ม และอีกคนที่ถือระฆัง ที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ ผมอ้าปากค้าง...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน


แต่พี่น้องผมทุกคนเลิกสนใจอาหาร เข้ามาตีวงล้อมพลางส่งเสียงเชียร์ เหมือนเชียร์กีฬา เดี๋ยวนะ ถ้าผมมองไม่ผิดเฮียปลากับเจ้ไก่กำลังพนันกันอยู่ใช่ไหมครับ! ผมได้ยินนะ ผมได้ยินนะว่าพวกพี่พนันกันน่ะ


"ม้าชนะพันดอลล์"

"เฮียปลาเชียร์ม้านะ เคๆ เฮียเนื้อหย็องล่ะว่าไง"

"การพนันเป็นสิ่งไม่ดีนะครับ...ป๊าชนะสองพันดอลล์แล้วกัน"

"หย็องว่าป๊าเหมือนกัน ชื่อกลางสามคนมันทนโท่อยู่"

"งั้นไก่เชียร์แม่แล้วกันนะ ดีล"


แล้วกลุ่มเด็กๆก็กระจายตัว


"ตีกัน ตีกัน ตีกัน!"

"ป๊าสู้ๆ แสดงพลังแปลงร่างขั้นสุดยอดปลดปหล่อยพลังไปเลย!"

"หม่าม้าาาาาาาาาา สู้ๆอย่าไปยอมแพ้ปะป๊านะ ตังค่าขนมปลาหมดเกลี้ยงแล้วววววว"


พ่อบ้านที่ดูแก่วัยที่สุด เดินถือไมค์แนะนำตัวคู่ต่อสู้ทั้งสองฝั่งพอเป็นพิธี คือพวกเขาไปเอามาจากที่ไหนหรือครับ คือครอบครัวปกติเขาต้องมีเตรียมอุปกรณ์แบบนี้กันด้วยหรือครับ ครอบครัวปกติเขาเล่นใหญ่จริงจังกันขนาดนี้เลยหรือครับ!?


"กติกาเหมือนเดิมนะครับคุณท่านทั้งสอง เป่ายิงชุ้บสามรอบ ชนะสองครั้งก็ได้สิทธิ์ไปเลย แต่หากเสมอ เราจะเพิ่มจำนวนครั้งไปเรื่อยๆนะครับ เอาล่ะครับ! เรามาเริ่มวอร์มกันก่อนหนึ่งรอบ แล้วเมื่อเสียงระฆังครั้งที่สองดังขึ้น ถือว่าการแข่งจริงได้เริ่มต้นขึ้นแล้วนะครับ!"


แล้วพ่อบ้านอีกคนก็ตีระฆัง


แกร๊ง



คุณป๊ากับคุณม๊าที่ส่งสายตาฆ่าฟันกัน จนเหมือนทั้งคู่จะหยิบปืนหรือมีดมาเข่นฆ่าอีกฝ่าย แต่ที่ทำคือเอามือซ่อนไว้ด้านหลังแล้วพูดบลัฟกันไม่หยุด


"หึ เอเลน ถ้าคุณกลัวจะแพ้ต่อหน้าลูกล่ะก็ ถอนตัวตอนนี้ยังทันนะ ผมให้โอกาส"

"อะไรกันโจเชฟ อย่ามาตาขาวแล้วโบ้ยให้กันแบบนี้ซี่ ถ้าคุณขี้คลาดล่ะก็จะร้องเอ๋งๆแล้วหมุนตัวสามรอบฉันก็ได้นะ แล้วฉันจะยอมให้อภัยแต่โดยดี"

"หึ! / หึ!"

ชุ้บ! ครั้งแรก คุณพ่อแพ้ คุณแม่ชนะ
ชุ้บ! ครั้งที่สอง คุณแม่แพ้ คุณพ่อชนะ
ชุ้บ! ครั้งสุดท้าย คุณแม่ชนะ คุณพ่อแพ้


สรุปคุณแม่ชนะไปด้วยคะแนนสองต่อหนึ่ง


"เยส! หึหึหึหึ แค่วอร์มร่างกายก็รู้แล้วว่าพระเจ้าเข้าข้างใครนะโจ มาสิ มาคุกเข่าอ้อนวอนฉันเร็วๆเข้า โฮะๆๆๆๆ"
คุณแม่ที่เชิดหน้าขึ้นเหมือนนางร้ายเกรดบี ในภาพยนต์สมัยก่อนจิกตาใส่สามี ที่ดูท่าทางสะเทือนใจจนลงไปทรุดกองกับพื้น คุณพ่อเม้มปากแน่น ตวัดสายตาที่มีน้ำตาคลอ ก่อนจะสะบัดมือเช็ดน้ำตาลวกๆ เดินโซเซเกาะโต๊ะพยุงตัวเองลุกขึ้นมา


"น-นี่แค่ผมอ่อนให้คุณต่างหาก!"


แม่ที่ยักไหล่ไม่สนใจ ก่อนจะไปตบมือกับกองเชียร์ของตัวเอง


กรรมการ(?)ในชุดดำแยกทั้งสองฝ่ายห่างกันอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มสัญญาณของการแข่งที่แท้จริง


แกร๊ง


ชุ้บ! ครั้งแรก คุณพ่อชนะ คุณแม่แพ้
ชุ้บ! ครั้งที่สอง คุณแม่ชนะ คุณพ่อแพ้


ตอนนี้กำลังเสมอกัน มีความเป็นไปได้ที่ห้าสิบต่อห้าสิบ ว่าผมจะเป็นได้ทั้ง ดิมิทรี เอเลนนิช ชาโรนอฟ หรือ ดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟ ขึ้นอยู่กับครั้งสุดท้ายนี้ ว่าชื่อกลางของผมจะเปลี่ยนเป็นอะไร...


เสียงเฮดังลั่น เหมือนกับนักวิ่งมาราธอนระยะไกลสามสิบวัน ที่ในที่สุดก็มาถึงเส้นชัย


ชุ้บ! ครั้งสุดท้าย คุณพ่อชนะ คุณแม่แพ้...


คุณพ่อชนะไปด้วยคะแนนสองต่อหนึ่ง


ดิมิทรี มิคัล ชาโรนอฟ ไม่มีอีกต่อไป
 ต่อแต่นี้ ผมคือ ดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟ...









สงครามช่วงทานอาหารเย็นจบลงด้วยเสียงโวยวาย และพ่อที่โดนคุณแม่กระโจนเข้าไปทึ้งหัว แต่คนที่โดนจิกหัวอย่างคุณพ่อกลับหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี ไม่สนใจความเจ็บบนหัวเลยสักนิด เสียงหัวเราะดังลั่นปะปนเสียงร้องไห้แหกปากของเฮียปลาและเสียงกรีดร้องของเจ้ไก่


นอกจากได้ชื่อกลางใหม่ ผมก็ได้ชื่อเล่นใหม่มาอีกด้วยครับ เฮียเนื้อหย็องที่ตีตัวออกมาจากความวุ่นวาย มานั่งข้างๆผม ที่เอาแต่นิ่งค้างตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า ผมที่มักจะได้ทานอาหารเย็นเงียบๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงประกอบ ไม่เคยเจอเหตุการณ์ชวนปวดหัวขนาดนี้มาก่อน พวกเขาคือสิ่งที่ตรงข้ามกับคำว่าระเบียบเรียบร้อยอย่างแท้จริง


เฮียเนื้อหย็องที่ทรุดตัวลงข้างกัน เล่าเรื่องต่างๆที่ผมไม่เคยได้รู้ เริ่มตั้งแต่ที่ผมสงสัยว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงได้ดูอ่อนเยาว์นัก เฮียเนื้อหย็องจึงบอกให้ผมลองคำนวนอายุป๊ากับม๊าดู พอผมบวกลบดีๆ ช่วงอายุที่คุณพ่อคุณแม่มีลูกคนแรกก็คือสิบสี่เท่านั้น แค่เพียงเท่านั้นผมก็พอจะประติดประต่อเรื่องราวได้ คุณยายที่อยู่ในกฏระเบียบมาตลอด รวมกับนิสัยคุณแม่ที่คงจะเข้ากันไม่ได้ คงจะถึงจุดแตกหักหลังจากการตั้งครรภ์เกิดขึ้น


แล้วก็สงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงไม่แปลกใจในตัวตนของผม น้องชายที่จู่ๆก็โผล่มา เฮียเนื้อหย็องขยับแว่นเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องยาว


"ตอนคุณแม่ท้อง พวกเราก็รู้จักนายแล้ว พวกเรายังเป็นผู้ช่วยเตรียมหมูหย็องให้คุณแม่ทานตอนแพ้ท้องอยู่เลย พวกเราเฝ้ารอคอยและนับถอยหลังถึงวันที่นายจะออกมา พวกเราพนันกันเล็กๆว่านายจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย น้องคนใหม่ของเราจะตาสีเหมือนใคร มันก็ควรจะผ่านไปเรื่อยๆและเราได้เจอนาย ได้เล่นกับนาย แต่แล้ววันหนึ่งที่เหตุการณ์ทุกอย่างก็แย่ลง คุณพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวประสบอุติเหตุ พอร่างกายอ่อนแอ อาการป่วยซ้ำซ้อนหลายๆอย่างก็รุมเร้า เข้าโรงพยาบาลหลายเดือน ผ่าตัดหลายครั้ง ค่าหมอเฉพาะทางที่ต้องเชิญมาจากหลายประเทศ มันแพงมาก...แล้วฉันก็ล้มป่วยไปอีก โรคที่ฉันเป็นมันรักษาให้หายขาดได้ แต่ต้องเปลี่ยนอวัยวะหลายอย่าง ค่าใช้จ่ายยิ่งบานปลาย"


เฮียเนื้อหย็องที่ดูมีสีหน้าเจ็บปวดเมื่อนึกย้อนไปถึงอดีตที่ผ่านพ้นมา


"ธุรกิจที่ไม่มีพ่อควบคุม ก็เกินมือของคุณแม่ ค่อยๆถูกคนอื่นกลืนกินไป เพราะไม่ได้เรียนจบกันสูงอะไร นายก็รู้...ท้องตอนอายุแค่นั่น อนาคตต้องไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอยู่แล้ว ทุกอย่างมันยากลำบากไปหมด แม้คุณป้าแจน พี่สาวของพ่อจะช่วย แต่ครอบครัวเขาก็มีภาระของตัวเอง สุดท้ายมันก็พัง วันหนึ่งแม่ให้เฮียปลาไปรับเจ้ไก่ที่โรงเรียน ทั้งๆที่ปกติเธอจะเป็นคนไปรับเองหลังทำงานพิเศษแล้วก็มาดูแลฉันกับพ่อ แต่แม่กลับหายตัวไปสองสามวัน กลับมาพร้อมสีหน้าดูไม่ดีกับเงินจำนวนมหาศาล ฉันคิดว่าแม่คงจะไปกู้ยืมใครสักคน"


ใครคนนั่นคงจะเป็นคุณยายสินะ แล้วคำสัญญาก็ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ผมแลกกับเงิน...แม่ที่ขายลูกตัวเอง ส่วนอีกคนก็เอาเงินซื้อหลานไว้เป็นผู้สืบทอดต่อ


ถึงตอนนี้จะยอมปลดปล่อยผมแล้วก็ตาม แต่พอมารู้แบบนี้ ผมก็อดรู้สึกวูบโหวงขึ้นมาไม่ได้
รักที่ไม่มีเงื่อนไข รักที่ไม่ต้องใช้อะไรแลกเปลี่ยน ในชีวิตนี้ ผมจะเจอมันไหมนะ...


"พวกเราก็รักษาจนหายดี แต่พอถึงวันที่แม่ใกล้คลอด แม่ก็หายตัวไปอีกครั้ง พวกเราร้อนใจกันมาก ตามหากันวุ่นวายไปหมด วันกำหนดคลอดของนายน่ะ พวกเราเตรียมตัวกันมานานมากๆ ถึงได้รู้ทุกอย่างว่ามันวันไหน แต่ก็นะ...พวกเราไม่ได้เจอนาย แม่หายไปสามวัน กลับมากับท้องที่แฟบลง ข้างในนั่นไม่มีนายอีกต่อไปแล้ว...แต่ในอ้อมกอดของแม่...ก็ไม่มีนายเช่นเดียวกัน ตอนแม่บอกความจริง ฉันจำได้ว่าพวกเราร้องไห้กันหนักมาก หนัก...มากๆ ความฝันของฉันพังลงหมดเลย ฉันที่เป็นน้องคนเล็กมาตลอด อยากเป็นพี่ชายนายสุดๆ เฝ้ารอ และก็เฝ้ารอ...แต่ก็ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว"


เฮียเนื้อหย็องดูมีสีหน้าเศร้าสร้อยหมองหม่นลง แม้จะพูดถึงเรื่องราวที่ผ่านพ้นมาแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนยังคงดูสดใหม่เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานก็สะท้อนอยู่ในดวงตาสีเดียวกัน จนผมเชื่อจริงๆว่าในวันนั่น วันที่ผมไม่อยู่แล้ว วันที่ผมจากไป พวกเขาก็คงเสียใจกันมากจริงๆ เพราะความเจ็บปวดในน้ำเสียงยังเจือปนอยู่ทุกคำพูด


"กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต พ่อกับแม่ทะเลาะกันหนักมากแบบที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน เรื่องของนาย เป็นเรื่องเปราะบางที่พูดถึงไม่ได้ไปหลายเดือน แต่พ่อกับแม่เขาก็ผ่านอะไรมาด้วยกันมาก เขาเปลี่ยนความโกรธเป็นมุ่งมั่น ร่วมมือกัน พยายามสร้างเนื้อสร้างตัวใหม่ พยายามทุกหนทางที่จะพานายกลับคืนมา"


รอยยิ้มดีใจที่เหมือนได้ส่วนหนึ่งที่สำคัญกลับคืนมาแล้ว ถูกถักทออยู่บนใบหน้าของพี่ชายของผม


"คุณพ่อกับคุณแม่บอกพวกเราห้ามลืมนายเด็ดขาด แต่ถึงไม่บอก พวกเราก็ไม่เคยลืม เสื้อผ้า ของเล่น ของใช้ทุกอย่าง ไม่ได้มีแค่สี่นะดิมิทรี มันมีห้าเสมอ...ทุกอย่างของครอบครัวเรา...มีนายอยู่ในนั้น"


สายตาจริงใจ สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักดุจมองคนในครอบครัวทอดลงมาที่ผม นิโคลัสลูบหัวผมเบาๆ


"พวกเราขอโทษนายด้วย ทุกๆอย่างเลย...อาจจะรู้สึกประหลาดไปบ้าง แต่ก็ยอมให้พวกเราเป็นครอบครัวนายเถอะนะ มาเป็นน้องชายของฉัน...มาเป็นครอบครัวของพวกเราเถอะดิมิทรี"


ผมเงียบลง ไม่ได้ตอบรับหรือปฎเสธอะไรกลับไป ใช้ความเงียบเป็นคำตอบของทุกอย่าง ผมยังคงสับสนในความรู้สึกของตัวเอง ใจหนึ่งก็เข้าใจพวกเขา แต่อีกใจก็รู้สึกว่าทำไมพวกเขาไม่สู้กันให้มากกว่านี้ ทำไมถึงไม่ยื้อผมเอาไว้ เขาจะรู้ไหมว่าระหว่างที่พวกเขาทานข้าวกันหลายคน ในบางครั้งผมกลับต้องนั่งทานข้าวคนเดียว


และยิ่งครอบครัวเขารื่นเริง สนุกสนาน สว่างสไหวกันมากเท่าไหร่ ผมที่เป็นสีเทาต่างจากพวกเขาก็ยิ่งเด่นชัด มันชัดว่าผมไม่ได้เติบโตถูกเลี้ยงมาแบบพวกเขา โตมาในสถานที่แตกต่าง การเรียนรู้ที่แตกต่าง ความเข้มงวดที่แตกต่าง ช่องวางที่มี ดูทั้งแคบเข้ามา และห่างไกลออกไปพร้อมๆกัน


"ไม่ต้องรีบ ครอบครัวน่ะ มีเวลาให้นายเสมอ...อ้อ นายก็มีชื่อเล่นนะดิมิทรี หมูหย็องน่ะ หมูหย็องคือชื่อเล่นของนาย"


ผมพยักหน้าตอบรับชื่อเล่นใหม่ของตัวเอง และเป็นเชิงขอบคุณ ให้กับสีหน้าท่าทางเข้าใจว่าผมยังต้องการเวลาปรับตัวมากกว่านี้ของเขา หันไปมองด้านหลังก็เห็นสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆแอบมานั่งฟังตาแป๋วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่เลิกตีกันแล้วมาแอบฟังแบบนี้ เสียมารยาทจริงๆเลยครับ เฮ้อ


ผมหันหน้าไปสบตากับคุณพ่อคุณแม่ ตัดสินใจว่าควรพูดตรงๆ


"ผมเข้าใจเหตุผลของพวกคุณนะครับ แต่ต้องบอกตามตรง ว่ามันก็อดโกรธไม่ได้จริงๆ ที่พวกคุณเอาผมไปแลกเงินแบบนั้น เอาเป็นว่าคุณก็มีเหตุผลของคุณ ผมก็มีเหตุผลของผม มันคงจะต้องใช้เวลา แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ปิดใจ และพยายามเปิดใจให้มากขึ้น ก็...พยายามเข้านะครับทุกคน...คุณป๊าคุณม้า เอ่อ อาเฮีย อาเจ้ แล้วก็หย็อง..."





อึก



ผมรู้สึกถึงแรงทับที่มาจากการโถมตัวเข้ามากอดผมแน่นของคนหกคน



สงสัยว่านิสัยมักง่ายคงจะสามารถติดต่อกันได้นะครับ

และเพราะความมักง่าย...ผมเลยขอเหมารวมทั้งหมด


เป็นบ้านหลังเดียวกันก็แล้วกัน


และผมบอกแล้วใช่ไหมครับ ว่า คนบ้านนี้น่ะขี้แง...


พิสูจน์ได้จากใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาทุกคนนี่ไงล่ะ




เฮ้อ ผมยังทานข้าวไม่อิ่มด้วยซ้ำนะครับเนี่ย



























end 18 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง





ตอนหน้าเทมปุระมาแล้วนะคะ กิ_กิ
ใครคิดถึงเทมบ้างงงง ขอเสียงหน่อย ฮิ้วววววว
ใครไม่คิดถึง แต่เทมคิดถึงหมูหย็องนะ(?)

บอกเลยว่าดีนะที่ป๊ากับม้าไปรับหมูเร็ว
ถ้าไปรับสักสิบขวบขึ้นไปนี่
โทนเรื่องได้เปลี่ยนเป็นแนวดราม่าครอบครัวแบบจริงจังแน่นอน O<--<

เจอกันตอนหน้าฮับบบ







ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter


ตอบคุณ Meen2495
@ ดีใจมากค่ะ เฮ้อ โล่งใจเลยค่ะ กลัวว่าถ้าเอามาลงแล้วจะขัดๆเรื่อง แต่ถ้าทุกคนเข้าใจหมูดีขึ้นก้ถือว่าคุ้มค่าทุกอย่างเลย

ใช่แย้วค่าคือตอนโตถึงจะยอมรับและรักกันดีขึ้นมากแล้ว แต่บางครั้งก็จะอดจิกกัดแล้วเผลอมองด้วยสายตาคนนอกไม่ได้ ฮา
ไม่สนิทในสนิทอีกที O<--<

หมูได้คุณคุณยายมาเยอะมากกกกกกค่ะ ไอดอลเขาเลย
แต่ส่วนที่คุณยายไม่ดี หมูหย็องก็จะไม่ผิดพลาดตาม เอามาแก้ไขในเวอร์ชั่นตัวเองกับเทม เอามาเป็นบทเรียนเนอะ
อย่างเช่นคุณยายรัก แต่ไม่แสดงออก ส่วนหมูรักแล้วแสดงออก

ฮี่ เดี๋ยวเทมปุระมาตอนหน้านะคะ
เตรียมลิ้นไว้ดีๆเลยค่ะ น้องจะพูดไม่รู้เรื่องมากๆ ฮาาาาา

ตอบคุณ suikajang
@ ดีใจที่กดเข้ามาอ่านนะคะ TvT ดีใจมากเลยค่ะที่ชอบ
เรื่องนี้ไม่เครียดค่ะ ออกแนวรักใสๆ หน่วงๆเท่านั้น ตีซะ 20-30 เปอร์เซน ที่เหลือหวานล้วนๆ ฮาา
หมูหย็องไม่ปล่อยเทมไปแน่นอนค่ะ กระติกเก็บความสุขของเจ้าตัวเขา ก๊ากก

ตอบคุณ กาแฟมั้ยฮะจ้าว
@ ขอบคุณค่า

ตอบคุณ สีหราช
:L2: :L2: :L2:


ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :กอด1: เข้าใจหมูหยองมากขึ้น และน้องโชคดีที่ได้เจอรักที่ไม่มีเงื่อนไขอย่างน้องเทม รักบริสุทธิ์ รักที่สู้ไปด้วยกัน สิ่งที่เทมเป็นไม่ได้เป็นอุปสรรค แต่มันคือสิ่งที่ทำให้ทั้งสองร่วมกันสู้ไปด้วยกัน และไม่ได้สู้เพียงลำพังด้วย รักทุกตัวละครจ้า
 :L1:  :pig4:  :L1:

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สงสัยจังค่ะ ถ้าบอกว่าตอนนี้ เทมอายุสมองเท่ากับเด็ก ....ขวบ แปลว่าถ้าเทมโตกว่านี้ เทมอายุสมองจะมากขึ้นรึเปล่า แบบดูเป็นผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์ขึ้น เริ่มเข้าใจโลกของ ผู้ใหญ่และคู่รักอะไรเงี้ยอ่า *-*  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :a5: เยี่ยมยอดค่ะ... ตอนนี้เริ่มคิดถึงเวลาหมูหยองอยู่กับน้องเทมแล้วค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter







19








จากก้าวแรกที่ลงจากเครื่อง ร้อน...มาก คือความรู้สึกของผม  ไอแดดและแสงแดดเจิดจ้า แม้จะเป็นยามบ่ายกว่าๆเข้าไปแล้ว ในหนังสือที่ผมเรียนมา ความเป็นจริงอากาศของเดือนนี้ควรจะเริ่มเย็นได้แล้วสิ แต่เดือนที่ใกล้จะถึงฤดูหนาวกลับร้อนระอุ อากาศไม่ได้มีความใกล้เคียงกับคำว่าเย็นหรือหนาวสักนิดเลยครับ ผ้าพันคอสีเทาของผมถูกปลดออก


สามเดือนที่อยู่กับครอบครัวใหม่ ค่อนข้างกลางๆไปถึงแย่บ้างในบางครั้ง การอยู่คนเดียวคือสิ่งที่ผมคิดถึง ผมถูกเลี้ยงมาด้วยหญิงชราและชายชราสองคน ที่ขี้อายกับหลานชายตัวเองน่ะครับ พวกท่านจึงไม่ได้มายุ่มย่ามกับผมนักหรอก วันๆผมจะเอาแต่เรียนแล้วก็เรียน แล้วก็อยู่ลำพังกับกิจกรรมต่างๆเสียมากกว่า


แต่พอมาอยู่กับคนพวกนี้แล้วทุกอย่างก็กลายเป็น เล่น แล้วก็เล่น แล้วก็เล่น จะไปไหนมาไหนแต่ละที ก็ยกโขยงกันไปหมด ขนาดผมกำลังเรียนพิเศษกับคุณครูที่ไปขอให้คุณป๊าจ้างมาใหม่ เฮียปลากับเจ้ไก่ก็ถีบประตูปัง เข้ามาลากผมออกไปอยู่ดี เวลาส่วนตัวของผมเพียงอย่างเดียวคือการเข้าห้องน้ำ และเป็นการเข้าห้องน้ำที่บางครั้งก็มีน้องชายของตัวเองมานั่งรอข้างนอกเสียด้วย


ผมคิดจริงๆนะครับ ว่าพวกเขาต้องเรียนเรื่องมารยาทและความเกรงใจ บางครั้งมันก็ตลกดี แต่บางครั้งมันก็ทำให้ผมหงุดหงิด


เหมือนในตอนนี้


"เลิกเกาะผมกันสักที มันร้อนนะครับ" ผมที่แต่ก่อนคงไม่ใช้น้ำเสียงไม่ดีแบบนี้กับคนอื่น แต่คนเราต้องมีการพัฒนาครับ กับพวกดื้อด้านเป็นพิเศษ เราก็ต้องนิสัยไม่ดีเป็นพิเศษด้วย ผมตวัดเสียงขุ่นใส่หย็องหย็องและเฮียปลาที่มาเกาะไหล่เกาะขาผมตั้งแต่ลงจากเครื่อง สองคนนี้ไม่รู้เป็นอะไร ทำไมถึงได้ถูกอกถูกใจผมนัก


เดี๋ยวนี้ผมพัฒนาถึงกับมีการลงไม้ลงมือกับคนอื่นแล้วด้วย พวกเขากำลังทำให้ผมนิสัยแย่ขึ้นเรื่อยๆนะครับ ถ้าคุณยายรู้ ท่านต้องบินมารับผมทันทีแน่ๆ หรือไม่ก็คงบินมาพร้อมครูสอนมารยาทสักสิบคน กับไม้เรียวมาสั่งสอนผมใหม่...


แต่ผมจะให้ผมทนเฉยๆก็ไม่ไหวหรอกนะครับ มันน่ารำคาญเอาเสียมากๆ โดยเฉพาะเมื่อผมไม่ได้ชื่นชอบการถูกสัมผัสเป็นทุน ผมพยายามสะบัดเจ้าตังเมสองก้อนออก แต่สะบัดอย่างไรก็ไม่หลุด สุดท้ายก็โบกหัวกันไปคนล่ะที ถึงได้ย้ายมือที่เอาแต่เกาะผม ไปกุมหัวตัวเองแล้วโอดครวญ


"เจ็บง่า ก็หมูหย็องตัวเย็นดีนี่ กอดหน่อยก็ไม่ได้ ขี้งก! เฮียไม่เล่นด้วยแล้ว โป้ง!"

"แต่หย็องหย็องยังเล่นกับเฮียหมูอยู่นะ"


ผมที่สับขาไวขึ้นและเปิดประตูรถที่กำลังมารอรับ บอกให้บอดี้การ์ดที่นั่งคู่คนขับย้ายที่ เพื่อที่ผมจะได้นั่งคนเดียว


"อ้าว ทำไมหมูหย็องนั่งตรงนั่นล่ะลูก แล้วนั่นหย็องหย็องกับเฮียปลาทำอะไร" คุณแม่ที่เพิ่งเดินตามมาถึงรถ ก็เจอลูกชายอีกสองคนยืนเบะปาก งอแงกับประตูรถที่ปิดอยู่ เอาแต่กระโดดเขย่งไปมาจะเปิดประตูออกให้ได้


"เฮียปลากับหย็องหย็องกวนหมูอีกแล้วม้า น้องเลยหนีไปนั่งคนเดียว เขาหนีขนาดนั้นยังไปพยายามจะเปิดประตูเข้าไปนั่งด้วยอีก ไก่บอกให้รีบเข้ามาในรถก็ไม่เชื่อ ทิ้งไว้เลยม้า มรดกของพวกหนูจะได้เยอะขึ้น อิอิ"


ผมที่ติดนิสัยใช้ความเงียบเป็นคำตอบกับคุณพ่อคุณแม่ มีเจ้ไก่ช่วยตอบให้ ระยะนี้ผมก็ค่อนข้างคุ้นชินกับวิธีการเรียกว่าป๊าม๊ามากขึ้น แต่บางครั้งก็ยังเผลอตัวเรียกว่าคุณพ่อคุณแม่ในใจอยู่ดีครับ
ได้รู้เรื่องราวใหม่ๆในครอบครัวเยอะแยะ เช่นชื่อเล่นพวกผมมาจากไหน และพอได้รู้ ผมบอกตรงๆว่าผมอึ้งมากครับ และงงมากที่ทำไมชื่อเล่นของผมต้องเป็นของกินที่มีรสชาติหวานด้วย อย่างน้อยก็เป็นของกินที่มีรสเค็ม เผ็ด ไม่ได้หรือไง


ระดับความสัมพันธ์ของผมกับครอบครัวตอนนี้ กับพี่น้องอยู่ที่บวกสอง
บางครั้งก็ศูนย์บ้าง ถ้าพวกเขาก่อกวนผมมากๆ


ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่...ยังคงติดลบอยู่


กับเด็กๆที่ไม่มีอำนาจการตัดสินอะไร ผมสามารถทำความเข้าใจและไม่รู้สึกติดใจอะไรกับพวกเขา แต่กับผู้ปกครอง ที่มีหน้าที่ดูแลแล้ว พวกเขาทำหน้าที่ของตัวเองได้แย่มากครับ มันผิดตั้งแต่พวกเขาตั้งท้องตั้งแต่ยังไม่พร้อม และวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ อันที่จริงถ้าเขาใจเย็นมากกว่านี้ คุณยายมีวิธีเข้าหาอีกมาก แต่เขาก็ด่วนใจ ยอมเอาผมเข้าแลก มันทำให้ผมมีความรู้สึกแย่ เป็นหลุมดำในใจหน่อยๆ ว่าตัวเองมีค่าแค่ใช้แลกเงิน...
และอีกจิปาถะร้อยแปดเหตุผล ที่ทำให้ผมยังคงรู้สึกว่าพวกเขาถูกจัดอยู่ในสัดส่วน...ติดลบ


"หมูเปิดประตูน้าาาาา เฮียนั่งด้วยดิๆๆๆ ขอนั่งด้วยคน นั่งในลิ้นชักก็ได้ นั่งด้วยๆ"

"หย็องนั่งด้วย นั่งบนตักเฮียหมู นั่งด้วยๆๆๆ"


"หย็องขึ้นรถ ปลาขึ้นรถ ไม่งั้นจะให้เดินไปถึงบ้านนะจ๊ะลูกจ๋า" เด็กผู้ชายสองคนที่เอาแต่พยายามดึงประตูข้างๆผมให้เปิดออก ทั้งๆที่ถ้าเขาใช้สมองนิดหนึ่ง ก็น่าจะรู้ว่ามันล็อคจากข้างใน และด้วยเรี่ยวแรงของเด็ก กับรถที่สั่งทำพิเศษ มันจะไปเปิดออกได้ยังไงกันครับ
พอได้รับคำฟังเด็ดขาดจากคุณม้า ทั้งสองคนก็เดินกระแทกเท้าปึงปัง หน้ามุ่ยแต่ยอมขึ้นรถแต่โดยดี


"อย่าลืมนะว่าห้ามพูดภาษารัสเซีย เยอรมันก็ห้าม อังกฤษก็ห้ามนะจ๊ะ พูดภาษาไทยนะเด็กๆ ใครพูดภาษาอื่นจะโดนหักค่าขนม แล้วก็ต้องไปออกงานกับมะม้านะจ๊ะ" เสียงโห่ด้วยความเซ็งดังขึ้นทั่วรถจากเฮียปลาและหย็อง ผู้ยังพูดไทยได้น้อยที่สุดของกลุ่ม ขนาดผมที่เพิ่งมาเรียนก็แซงหน้าไปแล้วครับ


แต่ถ้าให้พูดตามจริง ภาษาไทยค่อนข้างยากนะครับ รายละเอียดเยอะ ตอนนี้ผมก็พูดได้แต่ยังไม่ชัดมาก และถ้าเจอคำศัพท์ที่เจาะลึกนัก ก็ต้องเปิดโทรศัพท์ค้นหาความหมายอยู่ดี สามเดือนี่ไม่พอให้เป็นเซียนหรอกครับ ต่อให้ผมมั่นใจในความเก่งของตัวเองก็เถอะ อัจฉริยะก็ต้องใช้เวลานะครับ


ตอนนี้ที่ผมทำได้ พูด อ่าน เขียน ถ้าให้ตีเป็นตัวเลข ผมว่าผมก็ทำได้ประมาณเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็น ถ้าได้เวลาอีกสักสามเดือน แล้วก็ขอเวลาแก้สำเนียงอีกสักเดือน เปลี่ยนหน้าตาเป็นชาวเอเชีย ผมว่าพวกคุณแยกไม่ออกแน่ๆ ว่าผมเป็นชาวต่างชาติ


ระหว่างการตบตีของเหล่าพี่น้องด้านหลังรถที่ค่อยๆเงียบลง เพราะความเหน็ดเหนื่อยจากสภาพอากาศและนาฬิกาเวลาที่ผิดแผกไป จนเสียงสุดท้ายของน้องคนเล็กเงียบลงไปได้สักพักใหญ่ๆ รถตู้สีดำก็มาจอดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า อา...เหมือนยกบ้านที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมาวางไว้ที่นี่เลยครับ


นี่คุณพ่อคุณแม่คงจะขี้เกียจคิดออกแบบใหม่ แล้วก็คงจะขี้เกียจสร้างความคุ้นชินใหม่ล่ะสินะครับ เลยเอาแบบแปลนมาสร้างหลังที่สองที่นี่เสียเลย เหมือนเป๊ะขนาดที่ว่า


"หาวววว อ้าว ทำไมเรากลับมาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กล่ะ ที่นั่งเครื่องไปไทยนี่ฝันเหรอ???"

"จริงๆแล้วเฮียเสกให้เราวาร์ปกลับบ้านเองแหละหย็องหย็อง เฮียเท่ใช่ไหม ชมสิ ชมเฮียสิ ชมเฮียๆๆๆๆ"


หย็องหย็องที่หลับมาตลอดทางเพราะการจราจรที่ติดขัด พอตื่นขึ้นมา ขยี้ตามองบ้านใหม่ที่เหมือนบ้านเก่าอย่างกับแกะ ก็จ้องมองด้วยความมึนงง


"จะได้ไม่ต้องสร้างความคุ้นชินใหม่ไง อะไรที่มีที่บ้านนู่น บ้านนี้ก็มีเหมือนกันทุกอย่างเลย เป็นไง ป๊าฉลาดใช่ไหม ชมป๊าด้วยสิๆๆ ชมป๊าด้วยๆๆ"

"จริงๆป๊าก็แค่ขี้เกียจคิดมากกว่าใช่ไหมล่ะ ไก่รู้นะ..."

"อย่าเอาความจริงไปพูดสิเจ้ไก่..."


การแข่งขันของเฮียปลากับป๊าที่อยากให้สมาชิกในครอบครัวชม วุ่นวายกันไปจนถึงแยกเข้าห้องนอน



ผมเอาของขึ้นมาเก็บ เวลาที่แตกต่างและความเหนื่อยล้าที่สะสมช่วงวันสองวันมานี้ กำลังกำเริบและเรียกร้องขอพักผ่อน ผมทำได้แค่พยายามพาร่างของตัวเองไปที่เตียง พอสัมผัสได้ถึงระดับความนุ่มที่แสนพอดี เปลือกตาก็หนักอึ้ง ความง่วงงุนเกาะกุมทุกความรู้สึก ผมนอนหลับไปทั้งๆที่มือยังทำท่าจะถอดเสื้อผ้าออก



ตื่นมาอีกทีผมก็พบว่าตัวเองได้นอนหลับข้ามวันเสียแล้ว...



ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและลงมาข้างล่าง เห็นเฮียเนื้อหย็องกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขก หน้าตาผมคงแสดงออกถึงความสงสัย นิโคลัสวางหนังสือลงแล้วหันมาตอบคำถามให้ผมหายฉงน


"ยังไม่มีใครตื่นน่ะ เฮียว่าจะไปเดินเที่ยวข้างนอกดู ไปด้วยกันไหม"

"งั้นไปทานข้าวเช้าข้างนอกด้วยได้ไหมครับ หรือว่าเฮียทานเรียบร้อยแล้ว"

"ได้สิ เฮียก็ยังไม่ได้ทานเหมือนกัน ไม่ไกลจากที่นี่เห็นว่ามีสถานีรถไฟ แล้วก็มีห้างที่มีสวนสาธารณะติดกันอยู่ด้วยนะ ไปที่นั่นไหม ไม่ไกลจากบ้านดี"

"ได้ครับ ผมอยากได้พวกเสื้อแขนสั้นเพิ่มสักหน่อยด้วย"

"งั้นอดัมช่วยเตรียมรถออกให้พวกเราทีนะ แล้วก็ฝากรายงานป๊าด้วย ว่าผมกับหมูหย็องจะไปข้างนอก อืม...สักบ่ายๆคงจะกลับ"
"ได้ครับคุณหนู"


อดัมเป็นพี่เลี้ยงของเฮียเนื้อหย็องครับ ผมเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมรับพี่เลี้ยง คุณม้าตามตื้ออยู่หลายวัน สรุปคือเจอกันที่ครึ่งทาง คือให้พี่เลี้ยงตามผมห่างๆ ไม่เข้ามายุ่งหรือดูแลแบบใกล้ชิด ซึ่งผมก็ยอมตกลงครับ ไม่งั้นม้าก็จะตามมาเคาะห้องผมทั้งวัน จนกว่าเธอจะได้สิ่งที่ต้องการนั่นแหละ ในแง่นี้หล่อนกับคุณยายคล้ายกันมากอย่างน่าทึ่ง เรื่องไม่เลือกวิธีการในสิ่งที่อยากได้น่ะ...


นั่งรถออกมาแป็บเดียวไม่ถึงห้านาที พวกผมก็มาอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าใหญ่ ผมสั่งเมนูอาหารเช้าง่ายๆเป็นครัวซองก์และไข่คน และสลัดเล็กน้อยเพื่อให้มีสารอาหารหลากหลายยิ่งขึ้น เฮียเนื้อหย็องเลือกมื้อแรกของวันด้วยอาหารไทยสีสันท่าทางจัดจ้าน


"หมู ลองชิมนี่ดู อร่อยมาก เผ็ดแต่อร่อย"


เฮียเนื้อหย็องใช้ช้อนกลางตักแกงสีส้มแดงมาให้ผม มีกุ้งตัวโตอยู่ในนั้น รู้สึกว่าจะเรียกว่าต้มยำกุ้งนะครับ ความเป็นจริงผมไม่ชอบทานอาหารรสจัดเท่าไหร่ ผมไม่ชอบความร้อน และความเผ็ดก็มักจะทำให้เหงื่อผุด และใช่ครับ ผมไม่ชอบให้ตัวเองเหงื่อออก มันเหนอะหนะน่ารำคาญ


"เป็นอย่างอื่นได้ไหมครับ ผมไม่อยากทานอะไรเผ็ดๆตอนเช้า"

"งั้นลองนี่นะ ไข่เจียวปูกับข้าว ข้าวที่นี่ต่างจากบ้านเรามากเลย นุ่มกว่า อร่อยมาก"


ผมรับมาลองชิม และให้ความเห็นว่าดีดังที่เฮียเนื้อหย็องโฆษณา ข้าวสวยนุ่มๆร้อนๆกับไข่เจียวปูปรุงรสชาติมาอย่างพอดี ความกรอบของไข่กับความนิ่มของข้าว เนื้อปูสดที่อยู่ในไข่ก็เข้ากันดีมาก ผมพยักหน้าพอใจในรสอาหาร เฮียเนื้อหย็องก็ยิ้มดีใจก่อนจะตักมาให้ผมเสียเยอะแยะ จนสุดท้ายผมก็ทานครัวซองก์ของตัวเองไปได้แค่ครึ่งเดียว


"เราจะแยกกันเดินหรือจะไปเดินซื้อของด้วยกัน เฮียว่าจะไปดูรองเท้า เราจะไปดูเสื้อใช่ไหม?"


ผมค่อนข้างชอบเฮียเนื้อหย็องตรงนี้ครับ เขาไม่เกาะผมติดหนึบ และถามความเห็นออกมาให้ผมตอบ ไม่ต้องอึดอัดกับการต้องเอ่ยขอแยกตัวไปเดินซื้อของคนเดียว


"แยกกันดีกว่าครับ ผมขอนั่งตรงนี้อีกสักเดียว แล้วสักบ่ายสามเราค่อยมาเจอกันที่หน้าร้านนี้ก็แล้วกัน"

"ได้ งั้นเดี๋ยวเฮียไปจ่ายเงินแล้วไปซื้อของก่อนนะ ถ้ามีอะไรก็โทรมาแล้วกัน"

"ครับ"


เฮียเนื้อหย็องและอดัมแยกตัวออกไปแล้ว ผู้ดูแลของผมที่ห่างไปอีกหลายโต๊ะแต่ก็ใกล้พอจะได้ยิน ก็เปลี่ยนท่าทางที่กำลังจะลุกเป็นนั่งทานอาหารต่อแทน


ผมสั่งช็อกโกแลตร้อนไม่ใส่น้ำตาลมาเป็นของหวาน นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง มีวิวต้นไม้เขียวชะอุ่มและสนามเด็กเล่นของสวนสาธารณะข้างๆเป็นที่พักหย่อนสายตา


ในสนามเด็กเล่นมีสไลด์เดอร์อันใหญ่ มีชิงช้าและของเล่นสีสันสดใสหลายอย่างตั้งอยู่ เห็นกลุ่มเด็กๆที่จับกลุ่มเล่นกันท่าทางสนุกสนาน มีผู้ปกครองที่จับกลุ่มนั่งพูดคุยกันอยู่ข้างๆ ทุกคนดูมีเพื่อนเล่นเป็นของตัวเอง ความมีชีวิตชีวากระจายไปทั่วพื้นที่



แต่ จุดหนึ่งเล็กๆกลับดูเป็นเอกเทศ


ท่ามกลางเด็กๆที่วิ่งเล่นและหัวเราะวุ่นวาย มีเขานั่งนิ่งและอมยิ้มกับกองทรายเงียบๆคนเดียว


ดูตัดขาดจากทุกอย่าง อยู่ในโลกของตัวเอง ความสงบและเรียบนิ่งรอบตัว ดึงดูดให้ผมพักสายตาไว้ที่เขา แทนร่มเงา แทนต้นไม้ใหญ่ แทนสิ่งน่าสนใจอื่นใด



เป็นเขา...ที่หยุดสายตาผมเอาไว้ได้



เด็กผู้ชายตัวเล็กนั่งอมยิ้มน้อยๆนิ่งอยู่เนิ่นนาน นอกจากขยับด้วยแรงลมหายใจ ผมก็นึกว่าเขาอาจจะเป็นตุ๊กตาที่ใครเผลอมาลืมเอาไว้ ทุกๆประมาณแปดถึงสิบนาที จะมีผู้หญิงในเครื่องแบบจากร้านขายของของสวนสาธารณะวิ่งมาหา เป็นแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆเวลาเดียวที่เจ้าตัวจะยอมเคลื่อนไหว ผงกหัวขึ้นลง แต่ใบหน้านั้นก็ยังไม่เงยหน้าขึ้น ไม่สบตากับใคร แค่ปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไป


พอแสงแดดเริ่มจ้า คนที่ใส่ชุดยูนิฟอร์มพนักงานร้านสะดวกซื้อก็มาหาเด็กน้อยอีกครั้ง ซึ่งดูท่าทางว่าคงจะเป็นคุณแม่ของเด็กคนนั้น หญิงสาวหยิบหมวกสีฟ้าสดใส เข้ากับเสื้อฮู้ดแขนกุดสีเดียวกันที่สวมใส่ มาใส่ให้ลูกชายตัวเอง เด็กคนนั้นผงกหัวหงึกหงัก ปากบางขยับเป็นคำพูดอะไรสักอย่าง แล้วก็กลับไปสนใจกองทรายอีกครั้ง
ผมอยากรู้จังว่าเขาเห็นอะไรในนั้น ทำไมถึงได้เอาแต่จ้องแล้วอมยิ้ม อะไรในเมล็ดเล็กๆสีขาวนับไม่ถ้วน ที่ทำให้เขาดูมีความสุขกับมันนัก


ไม่รู้ว่านานแค่ไหน จากแค่หยุดพักสายตาแปรเปลี่ยนเป็นตั้งใจเฝ้ามอง


ผมที่เห็นแค่ใบหน้าด้านข้าง แต่ก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้น่ารักมาก...


ผมขมวดคิ้ว


แปลก...ผมไม่เคยคิดว่าอะไร หรือใคร 'น่ารัก' มาก่อน...
มันเป็นคำที่ผมไม่เคยใช้มาก่อนในการนิยามอะไร หรือว่าใคร



ท่าทางผมจะเมาเวลาที่แตกต่าง หรือไม่ก็เพราะผมกำลังเมาโกโก้ร้อนตรงหน้าล่ะมั้งครับ ถึงได้คิดอะไรแปลกๆ


ผมยังคงขมวดคิ้วมองเจ้าก้อนเมฆสีขาวในชุดสีฟ้า ที่นิ่งไม่เคลื่อนย้ายไปไหน เขาตัวขาวและดูอวบๆ แถมแก้มอมชมพูนั่นก็ใหญ่จนมันดูย้อยๆย้วยๆ ปกติผมเกลียดคนที่ไม่ดูแลตัวเองจนน้ำหนักไม่ได้มาตรฐานมากนะครับ มันเหมือนกับว่าทำไมเขาถึงไม่ดูแลตัวเองให้ดี


แต่เจ้าก้อนกลมๆที่เอาแต่อมยิ้มเหม่อลอยนี่
...ทำไมถึงน่ารักนักก็ไม่รู้



ผมอยากเดินเข้าไป แล้วช่วยเอามือหิ้วแก้มเขาไว้มากๆ มันดูคล้ายมาชเมลโล่เหลว คล้ายก้อนเมฆปุกปุยที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าใสตอนนี้ ผมยังคงแอบมองเขา มันก็แปลกอีก ที่ผมถอนสายตากลับคืนมาไม่ได้เสียที



ชั่วขณะหนึ่งใบหน้าที่ผมแอบเฝ้ามองก็เงยหน้ามาทางผม นัยน์ตาที่ไม่ยอมสบกับใคร กลับเหมือนเราได้เชื่อมสายตาสบเข้าด้วยกัน




เสี้ยววิที่สีฟ้าและน้ำตาลผสมผสาน
ไม่ใช่สีเทาอย่างที่ควรจะเป็น แต่คลับคล้ายว่ามันจะเป็นสีของความรัก





ห้วงเวลาที่หยุดนิ่ง และผมที่ชะงัก ก่อนจะสะดุ้งตกใจ รู้สึกอายที่เขาจับได้ว่าแอบมอง จนเผลอทำตัวไถลลงใต้โต๊ะเพื่อหลบซ่อน 



ไม่รู้ว่าทำไปทำไมเหมือนกันครับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเห็นผมจริงๆหรือเปล่า ไม่รู้ว่าเขารู้ไหมว่าผมแอบมอง
แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมถึงรู้สึกร้อนผ่าวๆที่แก้มตัวเอง และหัวใจทำไมถึงได้เต้นแรงนัก



"คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ!?" พี่เลี้ยงของผมวิ่งเข้ามาหาผม ที่จู่ๆก็ทำท่าทางแปลกๆ ด้วยการซ่อนตัวเองมากกว่าครึ่งตัวไว้ที่ใต้โต๊ะ ผมไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่กระแอมไอแก้เก้อ ลุกขึ้นมานั่งหลังเหยียดตรง ก่อนจะค่อยๆชำเลืองมองออกไปด้านนอก


เขายังมองมาทางนี้อยู่หรือเปล่านะ...


 
แล้วก็ต้องตกใจ ไม่ได้มีสายตาคู่นั้น ไม่ใช่แค่ไม่มีเขาที่หันมองมาทางนี้...ไม่มีแม้แต่เงา

ในเมื่อก้อนเมฆน้อยของผมถูกลมพัดหายไปไหนแล้วไม่รู้


ผมลุกพรวดไปเกาะกระจกใส กวาดสายตามองหา เมื่อตะกี้ เขายังนั่งอยู่ตรงนั้นอยู่เลย...

หายไปไหน


ผมพยายามแนบชิดหน้าตัวเองกับกระจก ลูกตาก็หลุกหลิกเพราะมองหาคนไปทั่ว ถ้าคนข้างนอกมองเข้ามามันต้องเป็นท่าทางที่ตลกมากแน่ๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจภาพลักษณ์แบบที่เคยเป็นเสมอมา เอาแต่มองหาเขา


ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ท่าทางที่ดูบ้าบอและประหลาดของตัวเองแบบนี้น่ะ
ผมไม่เคยทำมาก่อนหรอกนะครับ...ครั้งแรกเลย รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองสุดๆ


แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ผมรู้สึกวูบโหวงแปลกๆพอคิดว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว

สัญชาตญาณสั่งให้ผมออกตามหา


"เอ่อ คุณหนูครับ?"

"คุณเห็นเขาไหม เขาอยู่ตรงนั่นเมื่อกี้ แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว...เขาหายไปไหน"

"คุณหนูพูดถึงใครครับ?"

"เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ แก้มย้วยๆที่ใส่เสื้อฮู้ดสีฟ้าแขนกุด กับหมวกสีฟ้าไง!"



ผมตั้งท่าจะวิ่งออกนอกร้าน แต่แจ็คสันก็รีบฉุดรั้งผมไว้ เขาชี้นิ้วไปที่ทางออกของสวนสาธารณะ คุณแม่ของเด็กคนนั้น อุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นรถออกไป ผมอยากจะเข้าไปห้าม อยากบอกว่าอย่าเพิ่งพาเขาไป แต่ต่อให้ผมบอกแจ็คสันรีบเอารถออกตอนนี้ ก็คงตามไปไม่ทัน ผมรู้สึกใจหาย รู้สึกแย่ เหมือนโดนพรากของสำคัญไป



ใจเย็นสิ...
ใจเย็นๆ!


ผู้หญิงคนนั้นทำงานอยู่ที่นี่
นี่ต้องไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เจอเด็กคนนั้น


ต่อให้เธอมาทำงานเป็นครั้งสุดท้าย ผมก็จะสั่งให้คนตามหาให้พบ
เพื่อจะได้เจอ เจอเขา



เด็กชายผู้ทำให้ผมใจสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน









ผมกลับมาบ้านด้วยความเงียบอันแปลกประหลาดกว่าเดิม เฮียเนื้อหย็องเข้ามาถามผู้ดูแลของผม ว่าผมเป็นอะไร ผมได้ยินสองคนพูดคุยกัน แต่ผมก็ไม่นึกสนใจ ผมสลัดใบหน้าขาว แก้มใสอมชมพูที่ดูบวมจนใกล้แตกออกจากหัวไม่ได้ มันติดหนึบอยู่ในทุกห้วงความคิด เป็นเอามากขนาดที่ว่าเห็นอะไรกลมๆ ผมก็คิดถึงเขาไปหมด ขนาดลูกบิดประตู ยังเห็นเป็นแก้มกลมๆด้านข้างของเขาเลยครับ รอยยิ้มน้อยๆนั่นก็ทำผมกลายเป็นสภาวะของเหลวทุกครั้งที่นึกถึง



เฮ้อ


ผมหลงอยู่ในโลกความคิดของตัวเอง ปล่อยผ่านคุณแม่กับพี่ๆและน้องชาย ที่สุ่มหัวนินทาผมในระยะเผาขนต่อไป


"หมูหย็องป่วยใจครับม้า"

"จริงเหรอเนื้อหย็อง!? เชื้อไวไฟนี่มันติดต่อกันได้สินะ หมูหย็องจะทำสาวท้องก่อนอายุสิบขวบไม่ได้นะลูก ถึงม้าจะไม่เหมาะที่จะเป็นคนสอนเรื่องนี้ก็เถอะ แต่ต่ำกว่าสิบขวบนี่ไม่ได้นะหมูหย็อง อย่างน้อยก็สิบห้าก่อน!"

"เห็นแจ็คสันบอกว่าเป็นเด็กผู้ชายนะครับ"

"อ๋อ อย่างนั้นเหรอ งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก เต็มที่เลยลูกหย็องของม้า"

"ห้ามน้องหน่อยเถอะครับม้า"

"แม่จะเอาอะไรไปไปห้ามยะ แม่ก็มีตาปลาหย็องตั้งแต่สิบสี่ แต่บอกได้แค่ว่าลำบากมากกกกก ชีวิตลำบากมากๆ"

"จะไม่โชว์โลกสวยยูนิคอร์นหน่อยเหรอ หม่าม้าล่ะก็ ต้องบอกสิว่าถึงทำงานหนักแต่พอเห็นหน้าลูกก็หายเหนื่อย"

"หายเหนื่อยบ้าบออะไรกันยะตาปลาหย็อง เราน่ะร้องไห้แหกปากตั้งแต่สองทุ่มยันเที่ยงคืนทุกวัน ม้าไม่ได้หลับได้นอน หลับไปงีบเดียวก็ต้องตื่นเพราะเราฉี่แตกอีก ดูดนมไม่พอ กัดจนนมแทบหลุด เจ็บจะตาย สภาพฉันจากอดีตนางงาม กลายเป็นยิ่งกว่าซอมบี้โดนรถทับ เสื้อผ้าสวยๆก็ไม่ได้ใส่ งานก็ต้องทำ ลูกก็ต้องเลี้ยง สิ่งที่ทำให้ฉันหายเหนื่อยคือหมอนวดเท่านั้น! และสิ่งที่ทำให้ฉันผ่อนคลายคือจิตแพทย์ย่ะ!"

"โห ม้าาาาาา ปลาก็ไม่ได้ดื้อนะ"

"ลูกน่ะเกินคำว่าดื้อไปไกลโขแล้ว ปลาหย็อง!"



เสียงโหวกเหวกโวยวายขัดมโนภาพใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักให้สลายลง ผมถอนหายใจก่อนจะตวัดสายตาขุ่นๆ ไปให้กับกลุ่มก้อนที่เอาแต่พูดเสียงดังไม่หยุดตั้งแต่บนโต๊ะทานข้าวแล้ว


"ตามผมมาที่ห้องสมุดทำไมครับ"

"อุ้ย ม้าไม่ได้ตามนะหมูหย็อง ม้ามาหาเอกสารไว้อ้างอิงทำง๊าน" เสียงของคุณแม่ที่สูงจนทะลุเพดาน มองจากดาวอังคารก็รู้ครับว่าไม่จริง ปกติทานข้าวเสร็จทุกคนก็จะเฮกันไปดูหนังที่ห้องนั่งเล่นกันมากกว่า มีแค่ผมที่เป็นแขกประจำ กับเฮียเนื้อหย็องที่นานๆทีจะโผล่เข้ามาในห้องหนังสือเท่านั้นแหละครับ

"เจ้ก็ไม่ได้ตามมาเพราะอยากรู้อยากเห็นเลยนะหมู อย่าเห็นเจ้เป็นคนขี้สอดแบบเฮียปลาสิ นี่น่ะทางผ่านไปห้องนอน"
ห้องนอนเจ้ไก่หย็องอยู่ชั้นสี่ไม่ใช่เหรอครับ...นี่มันชั้นห้านะ...ทางผ่านยังไงครับนั่นน่ะ


คำแก้ตัวอีกสารพัดที่แต่ละคนสรรหา ช่างไม่มีความสมจริงยิ่งกว่าละครต้นทุนต่ำ ผมส่ายหัวก่อนจะวางหนังสือลง แล้วตัดสินใจหนีกลับเข้าห้องนอนดีกว่า


"เดี๋ยวสิๆ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไปสิหมูหย็อง!"

"ใช่ๆ ตกลงว่ายังไงอะหมู ไปเจอรักแรกพบจริงเหรอ แปลกใจจังเลย นี่นายก็มีหัวใจกับเขาด้วยเหรอเนี่ย นึกว่าเป็นตู้เย็นเดินได้เสียอีก"

"น่ารักไหมๆๆ น้องสะใภ้ เอ๊ะ หรือน้องเขยวะ...เออ นั่นแหละ น่ารักไหมๆๆๆ"


ผมอยากจะถอนหายใจให้ยาวไปถึงบ้านที่รัสเซีย มีใครที่ไหนเขาถามเรื่องแบบนี้กับเด็กอายุเจ็ดขวบบ้างครับ
แต่ท่าทางว่า ถ้าผมไม่ยอมตอบอะไรสักอย่างออกไปให้กับกลุ่มคนที่กำลังหูตั้งหางกระดิกรอฟัง คืนนี้ก็คงจะได้นอนในห้องหนังสือนี่แหละครับ ผมทำท่าคิดคำตอบเล็กน้อย




"ก็...น่ารักครับ น่ารักในระดับที่ว่า ต่อให้เอาทุกคนมารวมกัน ก็ยังไม่ได้แม้แต่ครึ่งนิ้วก้อยเขาเลยล่ะมั้ง"


ผมพูดเสร็จก็เดินหันหลังออกมาทันที ก่อนจะปิดประตูลงก็ได้ยินเสียงตะโกนแว่วๆมาว่า เด็กแก่แดด



ผมยักไหล่ไม่สนใจ ก็คงจะเป็นอย่างที่เขาว่า
มันก็ไม่แปลกอะไร ช่วยไม่ได้ ผมก็ลูกแม่นี่น่า


เชื้อแม่คงแรงน่ะครับ


เชื้อไวไฟน่ะ





ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter


หลังจากวันนั้น ผมก็แทบจะย้ายสำมะโนครัว ย้ายที่อยู่มาสิงสถิตอยู่ที่ร้านอาหาร ผมมาติดต่อกันได้สิบห้าวันแล้วครับ...มาติดต่อกันทุกวัน ลงหลักปักฐานจนพนักงานคุ้นเคย เป็นลูกค้าประจำที่สั่งอาหารเยอะแยะแต่ไม่ได้ทานอะไรมาก


บนโต๊ะไม้สีเข้มจะมีป้ายจองตั้งอยู่ที่โต๊ะนี้เสมอ มุมด้านซ้ายของร้าน เป็นมุมโต๊ะที่ดีที่สุดของการแอบมอง เพราะเป็นมุมลับตา ที่มองจากข้างนอกไม่เห็น แต่ข้างในกลับเห็นข้างนอกชัดแจ๋ว และเป็นมุมที่สามารถเห็นเด็กคนนั้นได้อย่างชัดเจน


ผมไปเกริ่นว่าอยากทำความรู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งที่สนามเด็กเล่น และบอกลักษณะจำเพราะเจาะจงของเพื่อนคนนี้ กับเลขาของคุณพ่อ เช้าวันต่อมาก็มีข้อมูลรายละเอียดทั้งหมด อยู่ในรูปแบบของเอกสารสามสิบใบมาวางอยู่หน้าห้องในตอนเช้า และส่งเข้าอีเมลล์ส่วนตัวผมอีกด้วย ...ผมว่าเขาทำงานได้ดีทีเดียว



เจ้าแก้มกลมของผมชื่อ เทม หรือ เทมปุระ อายุเจ็ดขวบเท่ากับผม ตอนรู้อายุเขาผมค่อนข้างจะตกใจเล็กน้อย เพราะเทมดูท่าทางเหมือนเด็กที่ยังไม่ประสีประสาอะไร เขาดูเด็กกว่าหย็องหย็องที่เป็นน้องชายของผมเสียอีก ส่วนสูงน้อยกว่าผมสิบสองเซน เป็นระยะความสูงที่ผมว่าน่ารักมากเลยครับ ตัวเล็กๆกลมๆป้อมๆ ถ้าได้กอดน่าจะพอดีกัน


และในข้อมูลนอกจากข้อมูลพื้นฐานที่ผมอยากรู้เกี่ยวกับเขา ก็มีข้อมูลเจาะลึกไปถึงประวัติครอบครัวด้วยเช่นกัน


คุณพ่อของเทมปุระเคยเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรม แต่เมื่อครั้งยุควิกฤตทางเศรษฐกิจในไทย ก็ทำให้กิจการพังทลาย จากสามีผู้แสนดีก็กลับกลายเป็นชายสารเลวติดเหล้าเมายาเพราะความเสียใจ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มันทำให้แย่ลง เขาทุบตีภรรยาของตัวเอง และมีข้อหาพยายามฆ่าลูกและภรรยาเพื่อเป็นการฆ่าตัวตายหนีหนี้สิน ตอนนี้จำคุกอยู่ ส่วนหญิงสาวที่ถูกพ่อแม่จับแต่งงาน หลังถูกฟ้องล้มละลายก็ถูกบิดามารดาตัดหางปล่อยวัด เป็นคนหัวอ่อน เป็นลูกคุณหนูที่ผันแปรตกอับ คอยเลี้ยงลูกชายคนเดียวด้วยงานสองที่สองกะ ช่วงกลางวันเธอจะมาทำงานเป็นพนักงานขายของที่สวนสาธารณะแห่งนี้ สวนกะดึกจะเป็นร้านอาหารอีกแห่ง



เป็นชีวิตที่ยากลำบาก โดยเฉพาะการมีลูกที่เป็นออทิสติก ที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด และความใส่ใจมหาศาล


ผมว่าผมทำหน้าที่แทนคุณแม่ของเทมได้นะ ไหนๆเธอก็ค่อนข้างจะยุ่งๆกับงานที่ทำ
มีผมช่วยแบ่งเบาภาระ มันก็ดีกว่าไม่ใช่หรือครับ?


หน้าที่ผู้ปกครองของเขาน่ะ ผมจะยึดมาเอง





ผมเปิดหนังสือ 'ว่าด้วยการเลี้ยงลูกที่เป็นเด็กพิเศษ' ไล่สายตากวาดอ่านทุกตัวอักษร ทำความเข้าใจ และจดจำไว้ในสมอง นอกจากหนังสือในมือแล้ว ก็ยังมีกองหนังสือมากกว่าสิบเล่มที่เกี่ยวกับการเลี้ยงเด็ก และโรคออทิสติก วางตั้งอยู่บนโต๊ะ


คุณยายผมบอกเสมอ ว่าเราไม่ควรคิดแค่หนึ่ง เราต้องคิดแบบโดมิโน่ เป็นความคิดที่ต่อๆไปว่าหากทำแบบนี้แล้วจะเกิดผลอะไรตามมา เหมือนโดมิโน่ที่ล้มต่อกันเป็นแถว และผมก็ต้องคิดแบบรอบคอบ ทหารไม่ได้ถูกฝึกให้ตายอย่างเสียเปล่า ทุกก้าวเราวางแผน ทุกการกระทำเราหวังผล เรามองถึงเส้นชัย และดาเลียแอนไม่ชอบคนโง่


ถึงจะไม่เคยมีความรัก แต่ความรู้สึก ชอบ น่ะ
ต่อให้เป็นเด็กห้าขวบก็เข้าใจ



ชอบแล้วอยู่เฉยๆ ไม่ยอมทำอะไรน่ะ โง่ชัดๆ


และผมก็ไม่ใช่คนโง่





ผมนั่งอ่านหนังสือรอเวลาสิบโมง พอเข็มสั้นชี้เลขสิบ ก็ปรากฏร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังอุ้มเด็กผู้ชายตรงเข้ามาในสนามเด็กเล่น เธอปล่อยเด็กน้อยจากอ้อมแขน




เด็กน้อยที่วันนี้ใส่เสื้อคอปกลายทางสีฟ้า เดินตัวเอียงไปมาซ้ายขวา เหมือนลูกตุ้มแกว่งไกวในนาฬิกาเรือนใหญ่ แต่ละย่างก้าวของเขาจะมีเสียง ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ จากรองเท้าสีน้ำเงิมที่สวมอยู่เป็นท่วงทำนองประกอบ พอเด็กน้อยเดินชนอะไร ก็จะรีบประกบสองมือขึ้น ผงกหัวหงึกๆขอโทษ แม้แต่ชนสไลด์เดอร์ เขาก็ไหว้ขอโทษอยู่เสียตั้งนาน ผมอมยิ้มให้กับความน่ารักนั่น เจ้าตัวเดินส่ายไปมาอย่างยากลำบาก ก่อนจะไปนั่งจุมปุกอยู่ที่ประจำของตัวเอง รอเวลาคุณแม่เลิกงาน มาอุ้มรับกลับบ้าน



"Доброе утро"  ผมพึมพำเบาๆกับตัวเองตอนที่เห็นเขา อรุณสวัสดิ์นะครับเทม


หน้าที่ผู้ปกครองของผม จะเริ่มก็ต่อเมื่อผมมั่นใจว่าตัวเองศึกษาทุกอย่างได้มากพอ และดีพอ ภาษาไทยของผมก็ควรจะชัดมากกว่านี้  ช่วงเวลาที่แดดแรงจัดเทมปุระจะย้ายเข้าไปเล่นในร้านกับคุณแม่เพื่อหลบเลี่ยงแสงแดด เขาจะออกมาข้างนอกอีกครั้งตอนบ่ายสอง ช่วงเวลาสามชั่วโมงที่เขาไม่อยู่ให้ผมเฝ้ามอง คือช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ของผม


ไม่นานหลังจากที่คุณแม่มาอุ้มเขาเข้าไปในร้าน อาจารย์ฝึกภาษา และแพทย์เด็กเฉพาะทาง ที่ผมขอให้คุณพ่อช่วยจัดหาให้ ก็เข้ามาถึงที่ร้านอาหารพอดี


ตกบ่ายเด็กน้อยแก้มกลมก็มานั่งตากลม อมยิ้มอยู่คนเดียวที่เดิม ผมสังเกตว่าถ้าคุณแม่ยังไม่มา และไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ เทมจะพูดและหัวเราะคนเดียว มีบ้างบางครั้งที่ผมจะเห็นเขาลุกขึ้นเดินเตาะแตะไปคุยกับชิงช้า ไปคุยกับกระดานลื่น หรือไปคุยกับม้าโยกเยก พอหัวเราะคิกคักพอใจแล้วก็กลับมานั่งที่เดิม และล่องลอยไปในความคิดตัวเองอีกครั้ง


เขาไม่เคยพูดคุยหรือยุ่งใคร และไม่มีใครคุยและยุ่งกับเขาเช่นกัน ต่างคนต่างอยู่ ดูท่าว่าเหล่าพ่อแม่ของเด็กๆที่มาที่สนามเด็กเล่นบ่อยๆ ก็จะพูดห้ามลูกของตัวเองเอาไว้ว่าไม่ให้ยุ่งด้วยน่ะครับ


แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป


มีลูกแมวลายตัวหนึ่งหลุดเข้ามาในสนาม เด็กๆทุกคนต่างไปรุมล้อมและเล่นเจ้าลูกแมวตัวนั้นกัน แต่ด้วยความสนใจที่มากเกินไป จนเกิดการยื้อแย่งกันขึ้น เจ้าลูกแมวร้องเสียงดังที่หัวถูกดึงไปทางและหางถูกดึงไปทาง ผู้ปกครองที่เอาแต่พูดคุยกันไม่ได้สนใจจะมาพูดห้าม ท่าทางเจ้าแมวคงจะเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายถึงได้กัดเข้าที่มือของเด็กคนหนึ่ง จนเด็กคนนั้นต้องปล่อยเจ้าแมวลง


เด็กคนนั้นเลือดไหล และเกิดเป็นความชลมุนวุ่นวายทันที พ่อแม่เด็กรีบมาไล่ตีแมวที่กัดลูกๆของตัวเอง
เจ้าแมวลายแมวตัวเล็กวิ่งไปหลบที่ไหนก็ถูกไล่ตี จนไปขดหลบอยู่กับเด็กน้อยของผม เทมปุระดูงุนงงแต่ก็ปล่อยให้เจ้าแมวเบียดซบโดยไม่ได้ว่าอะไร


ผู้ใหญ่ที่แห่กันมาตามไล่แมว ก็มารุมล้อมเด็กชายผู้ชอบนั่งอยู่คนเดียวตรงกระบะทราย เด็กน้อยเสื้อลายทางดูตกใจและหวาดกลัว แต่พอผู้ใหญ่ชี้ให้ส่งเจ้าแมวที่ตัวสั่นงั่นงกไม่แพ้กันไปให้ เด็กชายก็ไม่ยอม เจ้าตัวเอาตัวเองบัง พอเด็กคนอื่นตั้งท่าจะเข้าไปฉุดแย่ง ร่างเล็กที่ไม่ยอมสบตากับใครก็อุ้มเจ้าลูกแมววิ่งหนี ทั้งๆที่เดินธรรมดายังยากลำบาก ต้องมาอุ้มลูกแมวที่กำลังตื่นตกใจจนข่วนให้วุ่น สองขาเล็กจ้อยเดินเอียงซ้ายเอียงขวา พยายามพาเจ้าแมวน้อยหลบหนีไป แต่ก็สะดุดจนตัวไถลไปกับพื้น ปากบางเม้มแน่น น้ำตาเม็ดโตร่วงลงผล็อยๆ


เด็กชายพยายามลุกขึ้นวิ่งหนีอีกครั้ง


ไม่ทันไรก็ถูกผู้ใหญ่ที่ก้าวยาวๆแค่สองสามก้าวเข้าประชิดตัว ถูกหิ้วปีกขึ้นมา


และตอนนั้นเองที่บอดี้การ์ดของผมเข้าไปถึงพอดี ผู้ใหญ่หลายคนตกใจกับชายรตัวโตกลุ่มใหญ่ พอชายร่างใหญ่สามสี่คนบอกเจ้าแมวนั่นเป็นแมวของเจ้าตัว ท่าทางโกรธโมโหของผู้ปกครองเด็กที่ถูกกัดก็ดูใจเย็นลงอย่างน่าประหลาด เขายอมปล่อยทั้งเจ้าแมวและเด็กชายลง เจ้าแมวน้อยพอถูกปล่อยก็วิ่งหายลับไป เทมปุระก็รีบวิ่งเข้าไปหลบตัวในอุโมงค์ทันที



"ไปเรียกคุณแม่ของเขามาสิ"

 ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ ออกคำสั่งกลุ่มชายที่กำลังยืนเจรจากับพ่อแม่เด็กพวกนั้นอยู่ เสียงตอบกลับมาเป็นภาษารัสเซีย ด้วยประโยคที่ขัดใจผมเหลือเกิน

"คุณหนูครับ คุณแม่ของเด็กคนนี้ไปซื้อของเข้าร้าน อีกครึ่งชั่วโมงถึงจะกลับมาครับ"



ให้มันได้แบบนี้สิน่า...ไปซื้อของอะไรเอาตอนนี้นะ เด็กชายแก้มย้วยของผมตอนนี้คงจะกำลังหวาดกลัวอยู่คนเดียวในอุโมงค์ท่อมืดๆนั่น แค่คิดก็รู้สึกร้อนรนแล้ว





การเจอกันครั้งแรกของผมกับเขา แผนที่ผมตั้งใจวางไว้เสียดิบดีพังครืนลง ผมวิ่งออกมาจากร้านอาหาร ผมเกลียดความร้อน ผมเกลียดการเสียภาพพจน์ เกลียดเหงื่อที่ไหลออกมาในอากาศอันร้อนอบอ้าว ไม่สนใจเหงื่อที่ซึมหลังจนเปียกชื้น ผมยังคงวิ่งไม่หยุด วิ่งไปหาเขา


ผมไปหยุดที่ปากทางเข้าอุโมงค์ ก้มตัวลงไป ในครรลองสายตา คือภาพเด็กผู้ชายที่กำลังเอามือปิดหูซุกเข่าตัวเอง

"อึก ฮือ ฮือ คุ-คุ-คุแม่ คุแม่" เสียงสะอื้นของเขาสั่น อาจจะเพราะเขาอยู่ในนั่น อาจจะเพราะแสงที่ลอดเข้ามา ภาพตรงหน้าถึงได้ดูแสนน่าอาดรู ดูน่าสงสารจนปวดใจ เสียงร้องไห้แผ่วเบาแต่กลับสะท้อนก้องไปทั้งใจ


"ты в порядке?"

ผมที่เอาแต่เป็นห่วงเขาจนลืมเปลี่ยนภาษาพูด และลืมนึกไปเลยว่าเขาคงฟังผมไม่ออก เด็กชายตรงหน้าไม่ได้สนใจฟัง เหมือนเขาหลุดไปอยู่ในโลกของตัวเอง เสียงร้องไห้ที่เอาแต่ร้องเรียกหาแม่ ทำให้ผมค่อยๆมุดเข้าไปหาเขา


ใกล้ขนาดนี้ ใกล้ขนาดที่ผมรับรู้ถึงแรงสั่นของเขาได้ แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกตัวว่ามีใครมาใกล้ อาศัยแสงที่ลอดเข้ามา ผมไล่สายตามองหัวเข่าที่ถลอกจนมีเลือดไหล คงจะเพราะหกล้มเมื่อสักครู่ ผมวางมือลงบนหัวที่ดูฟูฟ่องไม่เป็นทรง


ร่างที่กำลังสะอื้น สะดุ้งตัวโยนกับสัมผัสของคนแปลกหน้าในที่หลบภัยของตัวเอง ก่อนจะถอยหลังพรวดเตรียมมุดหนีออกไปอีกฟากฝั่ง


ผมจับขาเขาเอาไว้ รั้งให้เขาไปไหนไม่ได้ พอหนีไปไหนไม่ได้ เทมก็หันมายกมือไหว้ นัยน์ตาที่ไม่สบกับใครยิ่งก้มลงต่ำ คางชิดอกส่ายหน้าไปมา


"ข-ข-ข-ขอโทดคับ ขอ-โทด-คับ ฮึก ขอ-ขอ-ขอ-ขอโทดคับ"



สองฝ่ามือของผมประกบลงที่แก้มเปรอะคราบน้ำตา เจ้าตัวหลับตาปี๋ขับเบ่งน้ำใสเข้าสู้ผู้บุกรุก


"...เทม อย่าร้อง..."


ผมเรียกชื่อเขา บอกเขาว่าอย่าร้องไห้ นานกว่าเจ้าตัวจะยอมคลายเปลือกตาที่ปิดแน่นออก นัยน์ตาที่ไม่สบกับใครมองตรงมาที่ผม เพราะสองมือของผมยังคงกุมหน้าเขาเอาไว้ ตึกตัก


ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เวลา แต่ใครจะสามารถควบคุมหัวใจตัวเองได้ล่ะครับ พอเห็นว่าเขายอมลืมตามองกัน ผมคลี่ยิ้มบอกเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


"ไม่เป็นไรนะ ปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องกลัว"


ความตกใจ แปลกใจ และประหลาดใจเข้ามาครอบครองแทนความหวาดกลัว ดวงตากลมสีน้ำตาลดูมึนงงว่าผมเป็นใคร และผมรู้จักเขาได้ยังไง คำถามถูกแปะไว้บนใบหน้าในมือผม แต่ผมก็แค่ยิ้มและไม่ได้ตอบอะไร


ถึงจะไม่ได้เป็นไปตามแผนที่ผมคิดเอาไว้ อย่างน้อยหนึ่งในแผนนั่นก็สำเร็จ เขามองกันแล้ว เขามองผมแล้ว


ผมฉีกยิ้มกว้าง


"เรียกดิมิทรีสิครับเทม"


เจ้าตัวเอียงหน้างง พอผมทำหน้าจริงจัง เด็กน้อยก็คล้อยตาม ว่าง่าย ยอมคลายปากที่เม้มแล้วพูดตาม


"ดิดิเหรอ"

"ดิมิทรีครับ"

"ดิตีตี้"



ดิมิทรีคงจะออกเสียงยากเกินไป



"หมูหย็องครับ ไหนลองเรียกหมูหย็องสิครับ"

"มุนอง"

"หมูหย็องครับเทม"

"มุ-มุ มุไหม"

"หมู-หย็อง"

"มุ!"

"หมูหย็องครับ ยอยักษ์นะ หย็อง แล้วก็หมู มอม้าสระอู หมูหย็อง"

"มุงอง?"

"หมูหย็องครับ"

"มุวมอง มุนอง มุ-มุ มุนอง"

"มุก็ได้ครับ..."

"มุ มุ มุ เหรอ"

"ครับหมูหย็อง"

"มุ้ววว"

ท่าทางพยายามจนหน้าดำหน้าแดงของเขาทำผมยอมแพ้ จากหน้าตาบิดเบี้ยวเพราะร้องไห้ก็หัวเราะเอิ้กอ้ากพอใจ รอยยิ้มที่ชอบอมไว้น้อยๆตรงมุมปาก กว้างกว่าทุกวัน ดูดีใจที่ผมยอมตามใจให้เขาเรียกว่ามุ เป็นเด็กที่อารมณ์ดี มีความสุขง่ายมากๆ


"ไคมุเหรอ"

"ว่าไงนะครับ?"

"ไค-มุ-เหรอ-คับ"


เขาคงคิดว่าที่ผมพูดทวนเพราะเขาพูดจาไม่สุภาพ แต่ที่ผมทวนคือผมไม่เข้าใจที่เขาพูดต่างหาก ตาโตๆ ดูสงสัย ไคมุเหรอ? มุนี่คือผมใช่ไหมครับ...อ๋อ


"หมูเป็นใครใช่ไหมครับ เทมจะถามแบบนี้ใช่ไหม"

"ไคมุเหรอ ไคมุเหรอ" เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก ดูดีอกดีใจที่ผมฟังเขารู้เรื่อง ถามคำถามยากจังเลย ผมจะตอบเขาว่าไงดีนะครับ...จะให้ตอบแบบขวานผ่าซากว่า อ้อ ผมมาจีบนายไปพลางๆระหว่างรอนายโตน่ะครับ หรือจะ อ้อ ผมวางแผนจะมาเทคโอเวอร์ทั้งชีวิตนายน่ะครับ หรือว่า อ้อ ผมกำลังจะมายึดตำแหน่งผู้ปกครองพร้อมยึดตำแหน่งคนรักในอนาคตน่ะครับ พูดไปเจ้าตัวก็ไม่เข้าใจ แถมน่ากลัวว่าผมจะโดนมองว่าน่ากลัวอีก


"ตอนนี้ก็คงบอกได้แค่ว่า หมูหย็องจะมาเป็นเพื่อนของเทมน่ะครับ"

"เพิ่นเหรอ เพิ่นเหรอ เพิ่นเหรอไรคับ?"


 เพิ่นเหรอไรคับแปลว่าอะไรครับ...ทำไมมันยากกว่าสี่ภาษาที่ผมเคยเรียนมาเสียอีก...เพิ่นก็เพื่อนใช่ไหมครับ เพิ่นเหรอไรคับ? ใช่คำถามว่าเพื่อนคืออะไรหรือเปล่านะ


"เพื่อนก็คือคนที่จะเล่นกับเทม อยู่กับเทมไงครับ"

"คุแม่เหรอ คุแม่?" 

"คนละอย่างกันครับ คุณแม่เป็นผู้ให้กำเนิดเทมนะ แต่ถ้าเป็นคนแปลกหน้าที่ทำความรู้จักกันแล้วก็พัฒนาต่อไปจนสนิทกัน ก็ถึงจะเรียกว่าเป็นเพื่อนกัน หรือรู้สึกดีต่อกัน คุยแล้วสนุก อืม...หรือบางทีถ้ามีผลประโยชน์ต่อกัน ถึงคุยไม่สนุกก็เป็นเพื่อนกันได้นะครับ"

ท่าทางว่าผมจะพูดเรื่องยากๆมากเกินไป เจ้าเด็กแก้มกลมถึงได้ทำหน้างงเหมือนผมกำลังพูดภาษาต่างดาวใส่


"เอาเป็นว่า ขอหมูเป็นเพื่อนเทมได้ไหมครับ?"

"เพิ่นเทมเหรอ มุเพิ่นเทมเหรอ"

"ใช่ครับ มาเป็นเพื่อนกันนะ ได้ไหมครับ?"

"ได้ๆ เพิ่นกันนะ เปนเพิ่นมุนะ มุเพิ่นเทมนะ" เด็กชายยิ้มกว้าง ทำมือโอเคให้ผมอย่างน่ารัก




ก็ครับ ถึงจะไม่ได้สวยงาม ไม่ใช่ฉากเจอกันอันแสนดูดีตามที่คิดไว้ แต่ผมว่ารอยยิ้มกว้างของเทมก็แทนได้ทุกอย่าง ก้าวแรกของสถานะผู้ปกครองที่สักวันจะเป็นผู้ครอบครองของผม ก็เริ่มต้นในท่ออุโมงค์ในสนามเด็กเล่น ที่มีเสียงโวยวายของผู้ใหญ่อยู่ด้านหลัง และความร้อนอันแผดเผาเป็นจุดเริ่มต้น



สัญญาที่ร่างขึ้นโดยผม และคนเซ็นสัญญาที่ไม่รู้ข้อตกลงก็คือเขา



ผมพับเก็บคำตอบรับของเขาไว้ในใจ



ที่เขาตอบตกลงคือเป็นเพื่อนกัน
แต่สำหรับผม ที่เขาตกลงคือคำตอบรับเป็นของผม



รู้ไหมครับเทม ไม่ใช่แค่กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ


แต่ถ้าได้ตอบตกลงกับปีศาจแล้ว


ปีศาจก็ไม่ปล่อยให้คืนคำเหมือนกัน



บอกแล้วไงครับ ผมก็ลูกคุณแม่นะ แถมยังเป็นหลานปีศาจอีกด้วย


เรื่องวิธีการน่ะ ไม่เลือกหรอกครับ



: )













end 19 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



เทม หนีไปลูกกกกกก
จะโดนจับกินแล้วววว
ตอนหน้ากรุณาเตรียมพจนานุกรมแปลภาษาเทมไว้นะคะ
อะฮิ

โซเฟียริน
zofiarin lll moore










ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter


ตอบคุณ suikajang
@ กอดดดดดดดดดดดด ขอบคุณมากค่ะ ฮืออออ อ่านแล้วชื่นใจนอนหลับฝันดีไปสองวันเลยค่ะ
รอดูเด็กๆไปจนถึงจุดหมายปลายทางนะคะะะ ♥

ตอบคุณ เพียงเพื่อน
@ อืม จะสปอยไปไหมนะ ฮา ไม่เจ้าเล่ห์ค่ะ เรื่องเจ้าเล่ห์พวกนี้ยกให้หมูหย็องเขาไปแทนนะคะ
จากการเลี้ยงดูของหมู ที่เทมอยากได้ก็อะไรก็ตามใจ ไม่มีได้เจ้าเล่ห์หรอกค่ะ เพราะพูดตรงๆหมูก็ให้แล้ว ก๊ากก
เข้าใจ น้องจะเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ

ตอบคุณ catka12
@ พามาแล้วค่าาาาาา เทมกับหมูหย็องงงงง เคลียร์ปมนี้เสร็จ น่าจะอีก1-2 ตอนก็จะกลับสู่โลกปัจจุบันแล้วค่ะ ฮึบเดียวน้า

ตอบคุณ กาแฟมั้ยฮะจ้าว
@ ขอบคุณมากค่า



ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
รุ่นคุณแม่ไวไฟ ลูกในยุคต่อมาก็3G เร็วแรงง  :m20:
แหมๆๆ 7 ขวบวางแผนได้ขนาดนี้ มิหน้าเทมถึงไปไหนไม่รอด รอชมความน่ารักในตอนต่อไปค่ะ
 :L1:  :pig4:  :L2:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
นี่ใช่ไหมค่ะที่เค้าเรียกว่าภาษาใจ  :hao3: “เพิ่นเหรอไรคับแปลว่าอะไรครับ...ทำไมมันยากกว่าสี่ภาษาที่ผมเคยเรียนมาเสียอีก” ยากขนาดนั้นยังจะแปลออกอีก  o13 รักน้องเทมมากแน่นๆ  :hao7:
รอค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter









20








จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ


เสียงดูดขวดนมดังขึ้นเป็นจังหวะ


ฟี้...


ก่อนจะตามด้วยเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หลับตาพริ้มทั้งๆที่ปากจิ้มลิ้มยังคาไว้ด้วยหัวนมยาง ดูดไว้ไม่ยอมปล่อย สองแขนกอดขวดเหมือนเป็นหมอนข้าง แล้วเข้าสู่นิทราไป ตอนเที่ยงคือช่วงเวลานอนกลางวันของเทมปุระ ก่อนจะนอนได้ ต้องมอบเจ้าขวดมีจุกที่บรรจุนมรสหวานต่างๆให้เขา เป็นเครื่องบรรณาการ เทมยังคงติดขวดนมอยู่ แม้จะอายุเจ็ดขวบแล้วก็ตาม ต้องได้ดื่มนมจากขวดใสอย่างน้อยวันละครั้ง ไม่อย่างนั้นจะแก้มบวมตุ่ยไปทั้งวัน หลังจากได้รู้จักกันสักพัก เทมเป็นเด็กที่ไม่ดื้อเลยครับ ยกเว้นแค่กับเรื่องของกินเท่านั้น...ที่จะดื้อเอาเรื่องเลยทีเดียว


ผมเดินไปหยิบขวดนมวางเปล่าออก แต่เสียงครางฮือฮือ เหมือนกำลังถูกแย่งของรักของหวง ก็ดังมาจากเด็กผู้ชายในชุดเอี๊ยมสีฟ้าสีโปรด ที่กำลังเปลี่ยนหน้าที่ขวดนมให้เป็นตุ๊กตานอนกอด ผมเอี้ยวตัวไปหยิบตุ๊กตาจริงๆให้มาทำหน้าที่แทนขวดพลาสติก พอมีตัวแทนนุ่มนิ่ม เสียงก็เงียบลง ก่อนเจ้าตัวจะเอาหน้าซุกพุงตุ๊กตาแมวไร้หูสีฟ้าหลับไป


ผมนั่งเพ่งพินิจคนนอนหลับ เห็นเหมือนอมยิ้มสบายใจผ่อนคลาย แล้วสุขใจตาม


หลังจากเกิดเรื่องวันนั้นก็ผ่านมาเกือบสามเดือนแล้วครับ พอคุณแม่ของเทมกลับมา ผมก็รีบตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ใส่ไฟเสียลุกลาม ว่าเทมโดนรังแก ปล่อยเด็กไว้คนเดียวในที่แบบนั้นไม่ได้ ผมเป็นเพื่อนของเทม เห็นเทมถูกแกล้งมาหลายวันแล้ว พอคุณป้าได้ยินเรื่องราว ก็ตกใจร้องไห้ยกใหญ่ ได้แต่เข้ามากอดลูกชายตัวเองพร้อมพูดขอบคุณผมที่ช่วยลูกชายตัวเองไว้ ระหว่างที่จิตใจคนเป็นแม่กำลังอ่อนแอ ผมก็ตีเหล็กตอนมันยังร้อนทันที พูดจาโน้มน้าว ให้ลาออกจากงาน หางานใหม่ทำ


ผมเตรียมพร้อมเรื่องนี้ ด้วยการส่งข้อความบอกเลขาของพ่อให้จัดการอะไรเล็กๆน้อยให้มาสักพักใหญ่แล้วครับ แผนที่ผมวางไว้ไม่ได้ครอบคลุมแค่เทมปุระ แต่ครอบคลุมไปถึงคุณแม่ของเด็กชายด้วย เพราะถ้าเธอยังไม่เป็นตัวหมากของผม การที่ผมจะรุกฆาตเข้าไปชิงพระราชาของเกมกระดานนี้ก็คงจะยุ่งยากไปหมด ผมโทรไปปรึกษาคุณตาและท่านก็ช่วยวางแผนทุกอย่าง มันราบรื่นจนน่าตกใจ ตัวต่อทุกชิ้นหันมุมปะติดกันได้อย่างพอดี


จิตใจของมารดาที่เป็นห่วงลูกชายยิ่งกว่าอะไร ไขว้เขวอ่อนไหวง่ายเป็นทุน พอเจอกับคุณแม่ของผมที่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันที่ฝรั่งเศษช่วยพูดคะยั้นคะยอ ทุกอย่างก็ลงล็อค...


ตอนนี้คุณแม่ของเทมมาทำงานเป็นหัวหน้า รปภ. ที่คอนโดฝั่งตรงข้ามของบ้านผม และคอนโดนั้นก็ถูกผมซื้อต่อมาเองครับ โดยใช้ชื่อของคุณพ่อ ผมใส่สวัสดิการของหัวหน้ายามรักษาความปลอดภัย เป็นเพนท์เฮาส์หรูของตึกสิบเจ็ดชั้น และทุนการศึกษาของลูกพร้อมด้วยค่าเลี้ยงดูและวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เงินเดือนที่สูงพอกับคนจบปริญญาเอกคือค่าตอบแทนของหน้าที่เฝ้ายาม


คุณป้าตกใจและมึนงง ว่าเรื่องราวมันมาลงเอ่ยแบบนี้ได้อย่างไร รู้ตัวอีกทีก็เซ็นสัญญารับงานและย้ายเข้ามาอยู่บ้านใหม่เรียบร้อย วันย้ายเข้ามาอยู่ผมได้ไปช่วยขนของด้วยครับ อืม...เรียกว่าพาคนไปช่วยมากกว่า จริงๆแค่อยากไปดูที่อยู่อาศัยของเทมปุระน่ะครับ พอได้เห็นก็รู้สึกคิดถูกแล้วที่ลงมือจัดการอย่างฉับไว ห้องที่แคบกว่าห้องน้ำของผม ไม่ควรค่าแก่การเป็นที่ซุกหัวนอนของคนที่ผมชอบแม้แต่น้อยเลยครับ


คุณป้าแทบจะยกมือไหว้ขอบคุณเพื่อนของลูกชายตัวที่ช่วยเหลือทุกอย่าง
หญิงสาวผู้หัวอ่อน ไม่ได้นึกเอะใจสักนิด ว่าลูกชายของตัวเองมีเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่...



และช่วงเวลาที่คุณป้าทำงาน ผมก็ขอพาเทมมาเล่นที่บ้านครับ แรกๆเทมก็ดูต่อต้านบ้าง เพราะเด็กพิเศษมักจะคุ้นเคยกับอะไรที่เป็นแบบแผนและการกระทำแบบซ้ำๆเดิมๆ จะเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆค่อนข้างยาก แถมคุณป้าก็ไม่ค่อยได้ดูแลเทมแบบเต็มที่เพราะติดขีดจำกัดกับการทำงาน เทมปุระจึงถูกปล่อยปละเรื่องการพัฒนาพอสมควร แต่ดีว่าจุดอ่อนของเขานั่นแสนเอาใจง่าย เพียงเอาของหวานมาล่อ เทมปุระก็คล้อยตามขนมเชื่อฟังผมอย่างง่ายดาย


ผมเริ่มฝึกพัฒนาทักษะและสมองของเขาตามที่คุณหมอเฉพาะทางช่วยแนะนำ และเริ่มให้เขาเข้าพบคุณหมอเป็นประจำ แค่เพียงหนึ่งเดือน เขาก็เริ่มสามารถเริ่มฟังประโยคยาวๆได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น เริ่มสบตา และเข้าสู่โลกส่วนตัวและให้ความสนใจอย่างอื่นมากขึ้น ผมว่าผมมาถูกทาง


คนที่บ้านของผมตื่นเต้นตกใจกันยกใหญ่ ที่ลูกชายคนเล็กที่ดูท่าทางนิ่งๆจัดการอะไรที่ดูยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เข้ามาเห่อและวุ่นวายกับเทมปุระกันเต็มที่ จนผมแทบจะต้องขอบอดี้การ์ดทีมใหม่มาคุ้มกันเทมจากสมาชิกในบ้าน คุณแม่ก็เอาแต่ยิ้มไม่ได้ว่าอะไร ท่านแค่เพียงบอกว่าเข้าใจว่าเวลามีความรักคนเราก็จะทำอะไรเพี้ยนๆแบบนี้เท่านั้น ขอแค่คนอื่นไม่เดือดร้อนก็พอ มีแค่คุณพ่อที่มารู้เรื่องราวทีหลังก็โวยวายไม่หยุด ว่าทำไมไม่มาขอเงินเจ้าตัว ไปใช้เงินของคุณตาคุณยายทำไม อา ส่วนคุณตาคุณยายก็ตกใจนิดหน่อยครับ ท่านก็บ่นทำนองเชื้อใจร้อนด่วนได้มันคงส่งผ่านทางสายเลือด


หลังจากเราสนิทกันมากขึ้น พวกท่านก็ดูอ่อนข้อให้ผมลงมาก เหมือนเหล็กแข็งที่ชื่อว่าทิฐิและศักดิ์ศรีของคุณยายมันคลายตัวลง เมื่อผมไม่ได้เป็นชาโรนอฟเพียงคนเดียวที่แบกรับตะกูล เป็นเพียงอดีตอนาคตผู้นำในสายตานักข่าว ถึงตอนนี้แม้แท้จริงแล้วอำนาจทุกอย่างยังคงอยู่ในมือผม แต่หุ่นที่ถูกชักใยและถูกจับตามองจากสังคมก็เป็นคุณพ่อแทน ตัวจริงอย่างผมเลยไม่ถูกจับตามองทุกฝีก้าว สามารถทำอะไรได้ตามชอบ คุณตาคุณยายที่อยากให้ผมเติบโตแบบเด็กทั่วไปก็ทำใจเอาไว้แล้วครับ ว่าหากห่างไกลผมก็คงจะต้องดื้อรั้นต่างจากเดิม แต่ก็ไม่คิดว่าความดื้อของผมคือการไปถูกใจเด็กผู้ชาย จนอยากได้มาครอบครองเบ็ดเสร็จขนาดนี้


อา...ทำไงได้ครับ


ความผิดของผมเสียที่ไหน หากจะโทษใคร
ก็ต้องโทษเด็กน้อยที่กำลังหลับตาแล้วคลายมือจากตุ๊กตามาจับมือผมนี่ต่างหาก


ถ้าเขาไม่ถูกใจผม ถ้าเขาไม่ทำให้ผมชอบ
ผมก็คงจะไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก ถูกไหมครับ?


ผมยกแขนข้างซ้ายให้เทมนอนกอดแทนเจ้าแมวสีฟ้าที่ตกเตียงไป ผมนั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสือ พร้อมฟังบทเพลงลมหายใจเข้าออกของคนข้างตัวเป็นเพลงบรรเลงประกอบ นึกดีใจที่เขาเชื่อใจผมขนาดนี้แล้ว สองอาทิตย์แรกค่อนข้างยากมากครับ แม้ตอนคุยกันเล่นกันจะไม่เป็นปัญหา แต่เทมก็ยังไม่ไว้ใจพอที่จะนอนหลับข้างๆผม พอเที่ยงก็จะให้คุณป้ามารับไปนอน พอบ่ายถึงให้พามาส่งเพื่อเล่นกับผมต่อ


เห็นว่าเพราะคุณพ่อเจ้าตัวเคยเข้ามาทำร้ายตอนนอน เลยผวากับคนแปลกหน้า ถ้ามีคนที่ไม่รู้จักอยู่ จะหลับไม่ลงถ้าไม่มีคนที่เชื่อใจคอยเฝ้าหรืออยู่ใกล้ครับ และผลพวงของการถูกทำร้าย และคุณแม่ของตัวเองถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา ทำให้เด็กน้อยกลัวความรุนแรงทุกชนิดครับ เสียงดังเสียงตะคอก ถูกตี หรือถูกต่อว่าดังๆ เจ้าตัวจะหวาดกลัวมาก

แค่เฮียปลาต่อยกับเจ้ไก่ หรือหย็องหย็องถูกตบหัว เทมปุระก็ร้องไห้วิ่งหนีเตลิดแล้วครับ


ข้อห้ามหลายอย่าง จุดอ่อนไหวเยอะแยะ ยากลำบากในการดูแล แต่ผมกลับชอบใจ
เขาดูแสนเปราะบาง แสนมีค่า คอยให้ผมปกป้อง เขาเหมือนหนังสือที่ไม่มีวันอ่านจบ
น่าตื่นเต้นและน่าค้นหา


เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุด


"อือ...มุ" สิ่งมหัศจรรย์งัวเงียตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาเรียกหาคือผม ผมวางหนังสือลง เคลื่อนไปหยุดมือที่กำลังขยี้ตาของเขา คลี่ยิ้มอ่อนหวานรับยามบ่ายให้เขา

"อย่าขยี้ตาครับเทม เดี๋ยวเจ็บตานะ หลับสบายหรือเปล่าครับ?"

"อือ บายเหรอคับ? สาบายสาบาย มุ มุทำไรคับ"

"ครับต้องออกเสียงให้ชัดนะครับเทม หมูอ่านหนังสือครับ"


ผมเกลี่ยขนตาที่เรียงตัวสวย เรื่อยไปถึงลูบแก้มนุ่มที่นึกอยากจับมาตลอด กอบกุมเอาไว้ เด็กชายเทมปุระก็ให้ความรวมมือ เปลี่ยนจากหนุนหมอนมาเป็นเอาแก้มหนุนมือผมแทน


"คะรับ ครับ มุหิวไหมคะรับ-ครับ" ผมยิ้มมุมปากให้กับคำถามและสายตาที่ช้อนมองขึ้นมา ที่ถามนี่เพราะห่วงผมหิวจริงๆ หรือเจ้าตัวคนถามเป็นฝ่ายหิวกันแน่นะ ทั้งๆที่เพิ่งดื่มนมขวดใหญ่ไปเมื่อตอนก่อนนอนแท้ๆ

"หิวนิดหน่อยครับ เทมหิวไหมครับ"

"หิวหิว หิวกัน หิวเมินกันเลยยยย"

"เหมือนกันเลยครับ"

"เหมื๋อนกังเลยยยยยยย"

"งั้นเทมไปล้างหน้านะ เดี๋ยวลงไปทานขนมกัน"

"ขนม! ขนมย่อยๆเหรอ หนมร่อยๆเหรอ"

"ทานผลไม้ด้วยนะครับ"

"ผมไม้ด้วยก้อได้ ขนมเหรอด้วยนะ"

"ขนมด้วยครับ ล้างหน้าเสร็จเดี๋ยวหมูพาไปนะครับ"

"ล้างหน้าเหรอ ล้างหน้าเนอะๆๆๆ เทมมาเวลาหน่อยนึง"

"เอาผ้าเช็ดหน้าให้แห้งก่อนนะ ไม่ต้องรีบนะ เดี๋ยวหมูนั่งรอ"

"เคโอเลยคะรับ ครับ"

"โอเคต่างหากครับ..."

"ได้ๆเคโอๆนะ"

"โอเคครับ"

"อ๋อๆๆๆ โอเกครับ"


เทมปุระดึงแก้มตัวเองกลับคืน ปีนป่ายลงจากเตียง วิ่งดุกดิกเข้าห้องน้ำไป ผมสอนให้เขาล้างหน้าแปรงฟันด้วยตัวเองได้แล้วนะครับ ถึงจะเปียกเลอะไปทั่วอ่างล้างหน้าทุกครั้งที่เจ้าตัวจัดการตัวเองก็เถอะ แต่ก็ถือว่าน่าภูมิใจมาก ใช้เวลาไม่นานเทมก็วิ่งออกมาด้วยเสื้อที่ชื้นไปครึ่งตัว และผมที่เปียกไปครึ่งหัว มีแค่หน้าที่เขาเช็ดให้แห้งตามที่ผมบอกเท่านั้น


อัญมนีสีเอนสตาไทต์ส่องประกายวิบวับ รอคอยฝ่ามือของผมจับจูงลงไปทานขนม แต่ผมส่ายหัวขัดความหวังนั่นเสียก่อน เทมเอียงคอ เหมือนเป็นคำถามกลายๆว่าทำไมไม่พาไปเหรอ

"ขนม...?"

"มาหาหมูก่อนครับ เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อกับเป่าผมให้แห้งก่อนนะ"

"เทมทำเปียกแล้วอีก ขอโทดคับ..."

"ไม่เป็นไรครับ เทมเก่งมากเลยนะครับที่ล้างหน้าเองได้ เปิดปิดก็อกน้ำเองด้วยใช่ไหม"

"ไจ้ๆๆๆๆ ปิดเองเหรอ ปิดเองเหรอ"

"เก่งมากเลยครับ"

"มุก้อเก่ง ชมเก่งจังเลยเหรอ ดีใจ ฮิฮิ"

"หึ...มานี่สิครับ ชูมือไชโยนะ" พอเด็กน้อยชูมือขึ้นสองข้าง ท่าทางไม่คล้ายไชโยเลยครับ เหมือนท่าทางยอมแพ้มากกว่า ผมหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะปลดสายเอี๊ยมแล้วดึงเสื้อยืดของเจ้าตัวออก เดินไปหยิบเสื้อยืดสีเทาของตัวเองมาสวมให้แทนเสื้อตัวเดิมที่เปียก เทมปุระจับเสื้อที่ใส่แล้วมุ่ยปากเล็กน้อย อา...ไม่ใช่สีฟ้าน่ะครับ


"มุๆๆๆๆครับ สีฟ้าไม่ใช่นี่มุ มุฟ้าไหม มุมีสีฟ้าไหมครับ"

"ขอโทษนะครับ หมูไม่มีเสื้อผ้าสีอ่อนๆเลย ไว้วันหลังจะซื้อมาไว้ให้นะครับ"

"ขอไม่โทดนะมุ เทมไม่ได้โกดมุนะครับ สีนี้ก้อได้ เสื้อมุหอมหอม หอมเมิ๋นมุเลยยย"


ผมชะงักมือที่กำลังถือไดร์เป่าผมเขาเล็กน้อย มาแอบดมกลิ่นผมตอนไหนครับนั่นน่ะ อย่ามารังแกหัวใจคนฟังแบบนี้นะครับเทมปุระ ผมกลั้นยิ้มระหว่างที่รอผมเขาแห้ง พอมั่นใจว่าแห้งสนิทผมก็จูงมือเทมลงบันได ใช่ครับผมพาเขาลงบันไดแทนลิฟท์ นอกจากเพื่อฝึกเขาเดินแล้ว ก็จะได้ลดไขมันลงด้วย...เจ้าก้อนเมฆก้อนนี้น้ำหนักเยอะกว่าผมที่สูงกว่าเขาอีกครับ ถึงจะน่ารักแต่ก็เพื่อสุขภาพเขาครับ ต้องตัดใจลดน้ำหนักเขาลง ได้แต่หวังว่าเจ้าแก้มกลมๆนั่นจะเหลือให้ผมฟัดบ้างเมื่อเขาผอม


เทมเกาะราวบันไดแล้วค่อยๆลงทีละขั้น พอลงได้หนึ่งชั้นก็หันมาฉีกยิ้มแฉ่งให้ผม ดวงตาสีน้ำตาลทอประกายดีใจและออดอ้อนขอคำชม


"เก่งมากเลยครับ"

"เทมเก่งเหรอ เทมเก่งเหรอ มุก้อเก่ง มุเก่งที่จุดเยย"


เด็กผู้ชายในเสื้อยืดสีเทาหันมาชูสองนิ้วโป้งให้ผม เราพลัดชมกันไปชมกันมาจนถึงชั้นล่าง ผมพาเทมไปนั่งรอที่โซฟา เด็กชายก็นั่งเรียบร้อยรอคอย กับขนมก็จะน่ารักเชื่อฟังเป็นพิเศษสินะครับ ผมหันไปบอกคนดูแลให้เอาขนมเข้ามา แค่ครู่เดียว ขนมหลากหลายในจานกระเบื้อง พร้อมเครื่องดื่มสีสวยก็ถูกเอามาวางไว้ตรงหน้าเด็กน้อยที่กำลังตื่นเต้นที่จะได้ทานขนมหวานที่เจ้าตัวชอบ ในจานมีผลไม้หลายอย่างและขนมหลากชนิด


เป็นขนมที่ผมขอให้แม่ครัวทำขึ้นมา ไม่ก็เป็นขนมสั่งทำจากข้างนอก หรือไม่ก็เป็นขนมแบรนด์เฉพาะจงเจาะเท่านั้นครับ ขนมที่เทมทานจะเป็นขนมที่ผสมพวกสิ่งที่มีประโยชน์เข้าไปและไม่ใส่น้ำตาล แต่ใช้สารให้ความหวานจากธรรมชาติเช่นหญ้าหวานแทน วันนี้มีคัพเค้กแครทและมัฟฟินกล้วย มีคุ้กกี้บล็อคโคลีที่เจ้าตัวเล็กเขาเข้าใจว่าเป็นชาเขียวด้วยครับ


เทมเลือกหยิบคัพเค้กที่สีสันสดใสที่สุดมาก่อน จับเข้าปากจมแก้มที่ใหญ่อยู่แล้วยิ่งบวมออก ตอนเขาเคี้ยวก็เหมือนเจ้าแก้มขาวชมพูนั่นจะเด้งดึ๋งไปมาเหมือนลูกบาสเด้งขึ้นลงกับพื้น


ผมนั่งจิบชาดูภาพนั้นอย่างสบายอารมณ์ คิดถูกจริงๆที่เลือกไปเรียนช้าหน่อย แล้วเอาเวลามาอยู่กับเขา


อา ผมไม่ได้เหลวไหลทิ้งการเรียนนะครับ พอดีว่าผมไปสอบเทียบจนจบประถมหกไว้แล้วเรียบร้อย ระดับผลคะแนนสอบของผมเต็มร้อยคะแนนเต็มจนคุณพ่อคุณแม่ค้านอะไรไม่ได้ เอาตามจริงแล้วถ้าจะสอบเทียบจนจบมัธยมสาม หรือจะหกถ้าตั้งใจหน่อยก็ทำได้ไม่ยาก แต่ผมก็เลือกแค่สอบเทียบจบประถมหก พร้อมโอนหน่วยกิจของตอนที่เรียนโฮมสกูลที่มอสโกมาด้วย ทำให้ตอนนี้ต่อให้ผมไม่ไปโรงเรียนก็ไม่เป็นอะไรครับ ค่อยไปเริ่มเรียนตอนประถมหกเลยก็ยังได้ แต่ผมคิดว่าจะจับเทมปุระมาติวหนักในสามเดือน พร้อมใช้เส้นสายนิดๆหน่อย ให้เขามาเริ่มชั้นเรียนประถมสามพร้อมกับผมปีหน้า


ที่เทียบจบหกก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมจะใช้สามปีเน้นอยู่กับเขาน่ะครับ ถ้าเทียบจบแค่สาม กลัวจะมีเผลอไม่ตั้งใจเรียนแล้วผลการเรียนที่จะส่งให้คุณยายจะดูไม่ดี เลยเทียบให้จบหก แล้วค่อยตั้งใจเรียนแบบเด็กทั่วไปตอนขึ้นมัธยมแทน ไม่งั้นโรงเรียนก็จะน่าเบื่อเกินไปหน่อยน่ะครับ ถ้าเทียบจบยันมัธยมหกไปเลย


แทบจะอดใจรอไปเรียนกับเขาไม่ไหวแล้ว


"เออะ ทำไมทำหน้าตาเจ้าเล่ห์น่ากลัวจังอะเฮียหมู" เสียงหย็องหย็องที่หัวฟูกลับจากโรงเรียนเข้ามาหาอะไรกินขัดจังหวะความคิดของผม ไม่ต้องสงสัยครับ ทุกคนเริ่มไปโรงเรียนแล้วครับ มีแค่ผมที่ยังไม่ไป แล้วพวกเราก็เรียนคนละโรงเรียนกันหมดเลยครับ แยกกระจายไปคนละที่ แถมแทบจะคนละฝากของเมืองเลยทีเดียว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่เห็นว่าตอนอยู่รัสเซียทุกคนก็เลือกเรียนแยกกัน คิดว่าคงจะเบื่อขี้หน้ากันมั้งครับ ถ้าจะอยู่บ้านก็เจอ ไปโรงเรียนก็เจอขนาดนั้น


มีแค่ผมที่เทมเปิดใจกว้างให้ แต่กับคนอื่นถึงจะผ่านมานานแล้วแต่ก็ยังไม่คุ้นชินด้วยเท่าไหร่ครับ เทมเขยิบมาใกล้ผม ก่อนจะใช้ตัวผมเป็นตัวกลางกั้นบังเจ้าตัวกับหย็องหย็อง แล้วค่อยๆ โผล่หน้ามาทักทาย


"เอ่อ ส-สะหวัดดีคับงองงอง"

"หย็องหย็องไหมล่ะเทม งองงองนี่อย่างกับชื่องูเก็งกอง ไหน พูดใหม่สิ หย็องหย๊องงงงงงง!"

"เทมก้อเรียกงองงองว่างองงองนะ เทมปิดเรียกเหรอครับมุ"
เทมที่ตกใจเสียงหย็องหย็องจนลนเล็กน้อยรีบมาเกาะติดผม

"ไม่ผิดครับ เทมทานขนมต่อนะ หย็องอย่าเสียงดัง จะเสียงดังทำไมอยู่ใกล้กันแค่นี้ พูดเสียงเบาๆหน่อยสิ"
ผมเลื่อนจานขนมมาไว้ตรงหน้าเพื่อเบี่ยงความสนใจของเขา ก่อนจะตำหนิน้องชายตัวเองเล็กน้อย พอโดนดุหย็องหย็องทำปากเบะก่อนจะตรงมานั่งข้างๆผม พร้อมพูดตัดพ้อแกมประชด

"เฮียหมูอ่ะ อยากจะแหมให้ถึงดาวพลูโต ลำเอียงตลอดดดดดดดดดดดดดด หย็องพูดเสียงเบากว่านี้ก็กระซิบแล้วเถอะ...รู้แล้วน่า ไม่ต้องมาทำตาเข้ม เสียงเบาลงก็ได้ แล้วนี่คนอื่นยังไม่กลับอีกเหรอ"


หย็องหย็องที่ถามเฉยๆไม่ได้ต้องเอื้อมมือไปแย่งขนมบนจานของเทม เด็กน้อยของผมก็ไม่ห้ามอะไร แค่น้ำตาคลอหน่วยเงียบๆ บนถาดก็มีเยอะแยะ มาแย่งเทมทำไมนะ ผมตีมือเจ้าขโมยตัวดีดังเพียะ ก่อนจะค่อยตอบคำถามให้


"เห็นว่าเฮียปลาจะค้างกับเพื่อน เจ้ไก่กลับดึก เฮียเนื้อหย็องก็กลับดึกๆเหมือนกัน"

"เฮียแม่งงงงงง ตีไม่ออมแรงเลย แล้ว อ้าว ไหงไม่อยู่กันหมด ป๊าม้าก็ไม่รับโทรศัพท์ งั้นหย็องขออนุญาตกับเฮียแทนแล้วกัน คืนนี้ไปเล่นเกมบ้านเพื่อนนะ" หย็องที่ตอนนี้พอมีเพื่อนก็เลิกวอแวกับผม กลายไปเป็นติดเพื่อนแทน

"ไกลหรือเปล่า กลับกี่โมง"

"ไม่ไกลๆ คอนโดมันอยู่ตรงบีทีเอสหน้าปากซอยเราเอง น่าจะสองสามทุ่มอ่ะ เดี๋ยวหย็องหนีบแม็กไปด้วย นะๆๆๆ เกมออกใหม่เลยอ่ะเฮีย ของหย็องยังส่งมาไม่ถึงไทยเลย"

"สองทุ่มถึงบ้านนะหย็อง พรุ่งนี้ก็ต้องไปเรียน แล้วนี่มีการบ้านหรือเปล่า ถ้ามีก็เอามาทำให้เสร็จก่อนค่อยไป"

"มีคณิตอ่ะ ค่อยทำ สบายยยย" วิชาใดๆที่ล้วนไม่ใช่วิชาทางภาษา หย็องทำได้ดีมากครับ เห็นท่าทางโง่ๆแต่ก็ฉลาดมากกว่าที่คิดหลายสิบเท่าเลยทีเดียว ผมเลยยอมปล่อยผ่าน พยักหน้าตกลงให้เจ้าตัว

"เย้! งั้นหย็องไปละ เดี๋ยวได้เล่นน้อย ไปนะเทม ไปนะเฮีย"


จะไปยังไม่วายแอบหยิบคุ้กกี้ในจานเทมไปอีกครับ ผมอยากตีให้มือหักแต่ก็ไม่ทันเจ้าลิงที่วิ่งออกนอกห้องครัวไปแล้ว เทมที่มองผมตาแป๋ว เลิกสนใจขนม ผมเลิกคิ้วงงๆกับสายตาวิบวับของเขา


"มุ มุ มุ มุกับงองงองพุดพาสา ภาษาอะไรเหยอ เหรอ เท่จัง"


ผมลืมว่าเวลาพูดกับคนในบ้านเวลาที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้าคุณแม่ ก็จะเผลอกลับไปพูดภาษารัสเซียครับ เพราะถ้าจะให้พูดภาษาไทยกับหย็องหรือเฮียนี่ผมปวดหัวและรำคาญมาก กว่าจะคุยกันรู้เรื่องแทบจะต้องทานพาราสามเม็ด เลยตัดจบด้วยการพูดเฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าคุณแม่แทน ลับหลังก็คุยปกติ เทมที่คงฟังไม่ออกว่าพวกผมพูดอะไรกันก็เลยงงๆ แต่สายตาชื่นชมของเขาก็ทำเอาผมเขินอายขึ้นมาไม่น้อย


"ภาษารัสเซียครับ เป็นภาษาบ้านเกิดหมูเอง"

"บ้านเกิดมุเหรอ บ้านเปนคุแม่เหรอ คุแม่มุไม่ใช่มะม้าเหรอ"


เอ่อ ไม่ใช่แล้วนะครับเทม ไม่ใช่เกิดแบบนั้นครับ...


"บ้านเกิดคือประเทศที่เกิดน่ะครับ อย่างเทมก็เกิดที่ประเทศไทย บ้านเกิดก็จะเป็นประเทศไทย แต่ถ้าบอกว่าคนให้กำเนิด ถึงจะหมายถึงคุณแม่ครับ"

"อ๋อๆๆๆ มุเท่จัง! มุเก่ง มุเก่ง พูดได้เยอะภาษามากจังเลย"

"ให้หมูสอนภาษารัสเซียให้ไหมครับ?"

"เล่นเปนคุคูเหรอ มุเป็นคุคูของเทมเหรอครับ"

"ใช่ครับ"

"เย้ๆ โอเก โอเก เทมจะตั้งใจนะครับคุคูมุ้วววว"


เทมที่สวมบทนักเรียนนั่งหลังตรง จ้องมองผมด้วยดวงตาตั้งอกตั้งใจ ท่าทางพร้อมเรียนรู้ของนักเรียนจำเป็น เล่นเอาคุณครูเพิ่งเป็นอย่างผม คิดจะผิดจรรยาบรรณของครูผู้สอน ด้วยการจับนักเรียนตัวเองมาฟัดเสียแล้วครับ


"งั้นมาเริ่มด้วยคำแรกนะครับ"

"ได้เลยครับ!"

"Я тебя люблю"


ผมพูดด้วยเสียงที่เนิบชาและชัดเจน เพื่อในนักเรียนฟังและพูดตามได้ง่ายๆ แอบนึกขำว่าเขาคงจะแอบลิ้นพันกันจนพูดไม่ได้ แต่ตรงกันข้าม แม้สำเนียงจะไม่ได้ แต่เขาเก็บทุกตัวอักษรมาได้ครบ จากผู้กลั่นแกล้งที่หวังใช้ภาษาที่เขาไม่เข้าใจ เป็นเกราะกำบังความขี้ขลาดของตัวเอง เพื่อบอกความในใจ
กลับเป็นผู้พ่ายแพ้ และแทบตายเมื่อใบหน้าที่หันมามองกัน อัญมณีสองสีสบตากันไม่เบือนไปไหน ดวงตาสีเอนสตาไทต์ฉายชัดถึงความแน่วแน่ และเสียงที่ตั้งใจ แสดงถึงความจริงจัง


"ยา...ยา ทิบยา...ยา ทิบยา ลูบลู? ยา ทิบยา ลูบลู!"


อา...แค่เพียงครั้งเดียวก็แทบสิ้น แต่พูดถึงสองครั้งปลิดขั้วหัวใจคนฟังจนขาดออก
ผมได้ตายลง ณ โซฟาตัวนี้แล้วครับ เหมือนจู่ๆมวลเทพและเหล่าเทวดานางฟ้าก็ย้ายสวรรค์มาไว้ที่ข้างล่างนี้ ผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว โดยเฉพาะใบหน้า ทั้งหน้าผากและพ่วงแก้มร้อนจัด น่ากลัวว่าถ้าเอามือไปโดน มือก็อาจจะไหม้เอาได้ หัวใจเต้นตึกตักตึกตักด้วยจังหวะหนักหน่วงจนแทบจะหายใจไม่ทัน รู้สึกมีระเบิดระเบิดตู้มต้ามอยู่ในหัวตัวเอง หูอื้ออึงและสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก



ไม่คิดว่าเขาจะพูดได้ แถมพูดเสียชัด พูดด้วยใบหน้าตั้งอกตั้งใจใส่กัน



Я тебя люблю
ยา ทิบยา ลูบลู
ผมรักคุณ



"มุ ไม่สบายเหรอ แดง แดงจังเลย!"


แดงเพราะใครล่ะครับ
อา...นี่ผมทำร้ายหัวใจตัวเองทำไมกันนะ สงสัยผมคงจะเจ็บแล้วไม่จำเหมือนกับหย็องเสียล่ะมั้งครับ ผมถึงได้ถามคำถามเขาออกไปอีกครั้ง ไม่สนเจ้าหัวใจที่เต้นแรงจนเจ็บไปหมด ความสุขที่พุ่งขึ้นสูงเหมือนกับยาชาและสิ่งเสพย์ติดชั้นดีทำผมลุ่มหลงตกเหวลึก เป็นหุบเหวที่ผมกระโจนตัวยินยอมตกลงไปเอง
เป็นอาหารเลิศรสที่ผมหวังจะได้ลิ้มลองอีกครั้ง


"หมูจะถามว่าเทมชอบทานขนมไหมเป็นภาษารัสเซียนะครับ เทมแค่พยักหน้ารับก็พอ...ได้ไหมครับ"


เทมดูเป็นห่วงผมที่นั่งตัวตรงหน้าแดงจัด แต่พอผมเอ่ยปากขอเขาก็ยอมเชื่อฟัง
พอเห็นเขาพยักหน้ารับ ผมก็เอ่ยถามออกไป ถามเขาหลายประโยค แต่เขาก็ใจดีพยักหน้าตอบรับทุกคำถาม



"Я не могу без тебя"
ผมเสพย์ติดคุณ



คำถามชอบขนมหวานแปรเปลี่ยนเป็นคำสารภาพรักของคนขี้ขลาดที่พรังพรูออกมาไม่หยุด



"Ты мне очень нравишься...Это была любовь с первого взгляда...Ты так дорога мне"
ผมชอบคุณมากๆ...คุณเป็นรักแรกพบของผม...เป็นสิ่งล้ำค่าของผม


เขาพยักหน้ารับรู้...




"Я тебя люблю...Я люблю тебя от всего сердца"
ผมบอกรักเขาซ้ำอีกครั้ง บอกเขาอีกครั้งว่า

ผมรักคุณ ผมรักคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ


แล้วเขาก็พยักหน้าตอบรับคำสารภาพรักของผม



"Я хочу быть с тобой всю оставшуюся жизнь"
ผมอยากอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต


เขาตอบรับคำพันธสัญญา



"Будь моей?"
เป็นของผมนะ? ผมถามหยั่งเชิง


...และเขาพยักหน้าตอบรับ



"дорогой...Выходи за меня замуж"
ที่รัก...แต่งงานกับผมนะ


และเขาตอบตกลง



น้ำตาไหลซึมอยู่ที่ขอบตา ความสุขประเดประดังเข้ามาไม่ขาดสาย



นับแต่นี้ไป
เขาเป็นของผมแล้ว















end 19 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง


เราอยู่ด้วยกันมาครบ 30 วันแล้วนะคะ
Я не могу жить без тебя
I can’t live without you : )

โซเฟียริน
zofiarin lll moore




ออฟไลน์ Lautenyu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-3

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter









21










"ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยยยยยยยย เธอช่างไม่รู้อะไรบ้างเล้ยยยย ว่าเพื่อนคนหนึ่ง มันแอบ มันคิด อะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกันนนนนนนนนน ♪ "


วิมารที่ผมสร้างแตกสลายพังทลายโดยพลัน เมื่อเยื่อใยที่สบกันถูกตัดขาด ด้วยเสียงร้องเพลงของพี่ชายที่บอกจะไปค้างบ้านเพื่อน ผมกระเด้งตัวออกมาจากเทม ยกมือขึ้นปิดหน้า เพิ่งรู้ตัวเองว่ายื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาเอาเสียมากๆ...ใกล้...มากๆ


"หึหึ...เพลงเพราะเนอะเทม คิดเหมือนเฮียไหม"


เทมปุระที่ดูมึนงงกับสถานการณ์ที่จู่ๆผมก็นิ่งเงียบแล้วตัวแดงฉาน กว่าผมจะรู้สึกตัวก็ตอนโดนเฮียปลาหย็องเข้ามาประชิดถึงโซฟาพร้อมตะโกนร้องเพลงเนื้อหาน่าต่อยให้ฟันร่วง ในมือเจ้าตัวถือโทรศัพท์ส่ายไปมา ยกยิ้มเจ้าเล่ห์...ให้ตายสิ ไหนบอกว่าจะไปค้างบ้านเพื่อนไงครับ โผล่มาได้ไงกันนะ ผมตวัดสายตาขุ่นมัวที่ถูกขัดจังหวะไปให้แขกผู้มาใหม่


"เฮี้ยปาสวัดดีครับ"

"เฮียลูก ไม่ต้องเสียงสูง ไม่ใส่ไม้โทเนอะ ออกเสียงต่ำๆเข้าไว้นะครับ"

"เอี๋ยปา"

"นั่นก็ต่ำไป๊"

"เฮียปา"

"ดีมากกกกก แล้วทำไรกันอยู่อะ เฮียเล่นด้วยคนสิ" เฮียปลาหย็องเอื้อมมือไปขยี้หัวเทมปุระ เทมที่ชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะยอมให้ลูบแต่โดยดี ก่อนจะยิ้มรับคำชมจนแก้มตุ่ย ผมเห็นแล้วจากที่เคืองเป็นทุน ก็หงุดหงิดขึ้นมา

"ไม่ใช่ว่าจะไปค้างบ้านเพื่อนหรือยังไงครับ ทำไมถึงกลับมาเสียได้ล่ะ หรือว่าเพื่อนเลิกคบแล้วครับ"

"หูย เสียงเย็นชาที่หายไปนาน กลับมาอีกทีจำปานี่ขนลุกเลยค่ะพี่หมู เพื่อนยังรักดีอยู่จ้า คือแบบว่าเฮียต้องค้างเพิ่มสองสามวันอ่ะ เลยกลับมาเอาหนังสือไปเพิ่ม จริงๆว่าจะโทรมาบอก แต่โทรศัพท์เฮียพังมั้ง โทรเข้าออกไม่ติดเลย"

"พังก็ซื้อใหม่เสียสิครับ แล้วก็ไปเตรียมหนังสือได้แล้ว จะมายืนเสียเวลาให้รกหูรกตาอยู่ทำไม"

"ยอมแล้วจ้า งั้นเฮียไปแล้วนะ อ้อ...ถ้าอยากได้คลิปหรือรูปฉากเด็ดเมื่อตะกี้...บอกเฮียได้นะหมูหย็อง เฮียถ่ายไว้ให้ชัดแจ๋วเลย หึหึ ทันตั้งแต่ Я тебя люблю เลยล่ะไอ้น้องชาย"


ผลัวะ


เสียงผมปาหมอนอิงไล่หลังโจเชฟไป หวังให้โดนจุดที่เจ้าตัวจะเจ็บที่สุด แต่พี่ชายคนโตของผมหลบได้แบบหวุดหวิด วิ่งฉิวไปที่ประตู เมื่อเห็นผมหยิบอาวุธหนักเป็นแก้วน้ำชา ก่อนจะพ้นประตู ไม่วายยังจะหันมาโบกโทรศัพท์ในมือยั่วโมโหผมอีกครั้ง


ผมอุตสาห์พยายามคิดว่าเขาคงจะเข้ามาไม่ทันเห็นหรือได้ยินอะไรแล้วนะ บ้าจริง...นี่เขาดันเห็นและได้ยินหมดทุกอย่างเลย เห็นผมมัดมือชกเด็กน้อยใสซื่อ เห็นผมใช้ความเจ้าเล่ห์ เห็นผมใจร้อน ร้อนรนจนหลุดภาพลักษณ์ ผมครวญครางในลำคอ ผมอยากให้เป็นแค่เทม...อยากให้เป็นแค่เทมปุระที่ได้เห็นผมในช่วงเวลาที่ดูน่าอายแบบนั้นมากกว่า


ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นระเบิดเวลาที่กำลังจะแตกตัวภายในวินาทีข้างหน้า ผมพยายามข่มใจตัวเองให้เย็นลง แต่แก้มที่ร้อนผ่าวๆกลับไม่ให้ความร่วมมือ ถูกคนในครอบครัวมาเห็นตอนจีบหนุ่มนี่น่าอายจะตายชัก


แปะ


"มุ มุ มุเป็นอะไรครับ หิวหิวเหรอ ไม่สบายเหรอ" มือนุ่มนิ่มแปะลงมาที่แก้มของผม ผมที่กำลังอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองสะดุ้งตกใจเล็กน้อย พอตั้งสติ เห็นท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของเด็กชายตรงหน้า ก็ทำให้ใจที่ไม่สงบกลับมาเต้นด้วยจังหวะที่มั่นคงอีกครั้ง ผมทาบทับฝ่ามือตัวเองไปบนมือเล็กอีกที หวังให้สัมผัสของผมสื่อถึงเขาได้ ว่าผมไม่ได้เป็นอะไร


ช่างมันเถอะ ใครจะเห็นก็ช่าง...การได้แสดงความรักต่อเด็กผู้ชายคนนี้ มันเป็นเรื่องที่ดีและผมควรภูมิใจ


"หมูไม่ได้เป็นอะไรครับ แค่ตกใจเฮียปลาที่จู่ๆก็เข้ามาเฉยๆ"

"อ๋อ อ๋อ เทมก็ใจตกนะ แต่ก้อเห็นเฮี้ยปาย่องๆมาหามุ ทำมือ จุ๊ๆๆๆ แบบนี้ด้วย"


โจเชฟ โจวิช ชาโรนอฟ....!! บัดซบ...เขามันมารผจญชัดๆ!


"วันหลังถ้าเขาเข้ามาใกล้ บอกหมูนะครับเทม รู้ไหมครับ"

"โอเก โอเก ตีแรกเทมก้อว่าจะบอกมุมุนะ แต่ว่ามุดูตั้งใจ เทมก็เลยไม่ก้าบอก ฟังมุเพลินๆด้วย เสียงมุพูดราดเซียเพราะมาก แต่ทำไมคำถามมันพุดไม่เมิ๋นกันล่ะมุ"


ประโยคยาวๆที่นานๆครั้งเทมปุระจะพูด เป็นประโยคที่ที่รวบรวมความเขินของผมไว้ในนั้น ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีเลยครับ ไม่อยากโกหกแต่ก็ไม่อยากพูดความจริงด้วย...ในความกล้าหาญก็มีความขี้ขลาดมากมายอยู่ ผมตัดสินใจพูดจาเสเปลี่ยนเรื่อง ดึงความสนใจเขาออกไปในประเด็นการกระทำอันน่าอายของผม


"เทมสอนหมูพูดภาษาไทยบ้างสิครับ"

"ได้สิๆๆ โอเก งั้นมุไม่คูแล้วนะครับ เทมคูแทน ไหนๆ พุดว่าไรดี มุอยากพุดว่าไร สั่งขาหนมไหม เทมสั่งเก่งมากมากคุแม่บอก"


ผมอมยิ้มให้คุณครูเทมปุระที่ตั้งอกตั้งใจสอนผมด้วยคำพูดคำจาที่หาความชัดเจนหรือถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ไม่ได้สักนิด แต่แปลกที่ถูกใจผมเสียเหลือเกิน ผมพยักหน้าตอบรับคุณครูสอนภาษาไทยจำเป็นของผม ให้เริ่มการสอนวิธีพูดสั่งขนมได้เลย 


"ขอปลอกกี้ ไม่ใส่ผัก กล่องไม่แกะหนึ่งห่อครับ ไม่หนมจีบไม่ซาลาเปา ไมโครเวฟไม่ต้องแช่ ขอบคุณครับ"


ผมพยายามกลั้นยิ้มแทบตาย กับคำสั่งซื้อขนมสุดแสนน่ามึนงงนั่น คำสั่งซื้ออะไรของเขาครับนั้นน่ะ ทั้งเรียงประโยคไม่ถูก ใช้คำได้ผิดและมั่วสุดๆ ใบหน้าน่ารักที่พยายามบังคับริมฝีปากตัวเองให้พูดชัดๆนั่น น่ารักจนผมแทบขาดใจ และผมแทบจะสำลักลมหายใจตัวเอง เมื่อใบหน้าจิ้มลิ้มของเทมปุระทำหน้าจริงจัง แบบว่ามั่นใจสุดๆกับความถูกต้องของประโยคตัวเอง แถมยังพูดช้าๆพยายามพูดให้ชัด แล้วพูดซ้ำๆให้ผมฟังเสียตั้งหลายรอบ เป็นคุณครูที่มีความตั้งใจสอนสูงมากเลยครับ หึหึ ถ้าอาจารย์สอนภาษาไทยของผมมาได้ยินเข้า คงจะต้องร้องไห้และหอบหนังสือกลับไปเรียนใหม่แทบไม่ทัน กับภาษาไทยของอาจารย์เทมปุระน่ะ ใครก็สู้ไม่ได้จริงๆ


"โอเคครับ หึหึหึ...หมูต้องพูดว่าไงบ้างนะครับคุณครูเทม"

"มุต้องพูดว่า ขอปลอกกี้ ไม่ใส่ผัก กล่องไม่แกะหนึ่งห่อครับ ไม่หนมจีบไม่ซาลาเปา ไมโครเวฟไม่ต้องแช่ ขอบคุณครับ"

"ขอป็อกกี้ ไม่ใส่ผัก กล่องไม่แกะหนึ่งกล่องครับ ไม่เอาขนมจีบไม่เอาซาลาเปา ไม่ต้องอุ่นไมโครเวฟ ขอบคุณครับ"

"ยังไม่ช่ายนะคับมุ ต้องไมโครเวฟไม่ต้องแช่ ขอบคุณครับจิ"

"ไมโครเวฟเราใช้คำว่าอุ่นนะครับเทม"

"อ๋อ...เทมก้อว่าอยุ่ พี่พานักงานดุงงๆ...เทมขอโทดนะครับ เทมสอนมุผิดเลย มุเก่งจัง เอาไปสิบแต้มๆๆๆๆเลยครับ"



ความน่ารักของเขาที่ผมชอบมาก คือเขาไม่อายเลยในการพูดขอโทษและยอมรับผิด เขาไม่มีกำแพงทิฐิที่สูงเฉียดฟ้า มีเพียงกำแพงดินเล็กๆน่ารัก พร้อมประตูใบจิ๋วที่พร้อมเปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นของผมเสมอ ยิ้มเอ็นดูติดริมฝีปาก


"ไม่เป็นไรครับ เทมก็สอนหมูเก่งมากเลย ไว้หวันหลังเราไปซื้อขนมด้วยกันนะ"

"โอเกเลยครับ อ๊า จิงสิๆๆๆ เทมก้อพุดภาษาอื่นได้นะมุ มุยินไหม"

"หมูฟังไหมครับ หืม...เทมพูดภาษาอื่นนอกจากไทยได้ด้วยเหรอครับ ภาษาอะไรครับ ไหนลองพูดให้หมูฟังสิ"

"หมูฟังไหมครับ โอเกเหรอ ได้ๆ ยินเทมนะ เอ้ย ฟังเทมนะครับ KJSDA(*@(@&#()@+!)leddfspo+=-@#$%"



เอ่อ...ผมว่าน่าจะเป็นภาษามนุษย์ต่างดาวนะครับ...
เกินความสามารถของผมจริงๆ ภาษานี้...


เทมยังคงพุดกุ๊กแก๊กกุ๊กกู๋ให้ผมฟัง ผมก็นั่งฟังเขาพูดแม้ว่าจะไม่เข้าใจ แต่ท่าทางตั้งใจของเขาก็น่ารักมากเกินกว่าผมจะขัดเขาได้ลงครับ คุยกันไปสักพัก เมดคนหนึ่งก็เดินมาพร้อมโทรศัพท์บ้าน


"คุณหนูดิมิทรีคะ มีสายเข้ามาค่ะ บอกเป็นธุระสำคัญ ต้องการคุยกับคุณท่านกับคุณผู้หญิง"

"โอนสายไปไม่ได้หรือครับ ตอนนี้ผมมีแขกอยู่นะ"

"ต้องขอโทษที่รบกวนด้วยนะคะ พอดีว่าโอนสายไปไม่ติดเลยค่ะ เลขาของทั้งสองท่านแจ้งว่ากำลังในอยู่ประชุมทั้งคู่"


ผมเลยจำใจหยุดพักบทสนทนากับเด็กน้อยของผม แล้วมาทำหน้าที่เจ้าบ้านที่พอจะว่างอยู่คนเดียวตอนนี้


"หมูรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ"

"โอเคครับ เทมจะจุ๊ๆๆๆไว้นะ"



[ ฮัลโหลครับ เอ่อ คือว่าใช่พ่อแม่ของเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้หรือเปล่าครับ? ]

"ไม่ใช่ครับ พอดีคุณพ่อคุณแม่ไม่ว่างรับสายตอนนี้ ถ้ามีอะไรก็ฝากไว้ได้เลยครับ"

[ เจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้กำลังบาดเจ็บสาหัสอยู่น่ะครับ แต่ในกระเป๋าไม่มีข้อมูลอะไรเลย คิดว่าอาจจะถูกปล้น ถ้ายังไงรบกวนมาที่โรงพยาบาล xxxx ตรง xxxx ได้ไหมครับ พอดีต้องมีคนเซ็นยินยอมเรื่องผ่าตัด เดี๋ยวผมส่งพิกัดที่อยู่ไปให้ทางข้อความ ]


"!!"


ผมรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเบอร์โทรทันที ในหัวคิดเทียบตัวเลขสิบหลักว่าเป็นของใคร
...หย็องหย็อง เจ้าเด็กโง่!!


[ รบกวนรีบๆมาด้วยนะครับ เจ้าของเครื่องอาการหนักมากและแย่มากๆ ]

"รบกวนส่งที่อยู่มาได้เลยครับ ผมจะรีบไปทันที"


ผมกดตัดสายด้วยความร้อนใจ ไม่รู้เจ้าเด็กบ้านั่นไปโดนปล้นได้ยังไงกัน แค่หน้าปากซอยไม่ใช่เองหรือ ผมร้อนรนไปหมด ก่อนจะรีบเรียบเรียงความคิด ผมว่าผมควรไปที่โรงพยาบาลเสียก่อน ไม่ว่ายังไงตอนนี้ความปลอดภัยของหย็องหย็องก็สำคัญที่สุด ผมรีบบอกเมดให้เตรียมรถเพื่อไปตามที่อยู่ที่เขาให้ไว้ทันที


"มุ มุ มุไปไหนครับ" เทมเดินตามผมออกมา เขาเห็นสีหน้าแตกตื่นของผมจนตกใจตาม ผมต้องไปโรงพยาบาล และผมรู้ว่าเขากลัวโรงพยาบาล แต่ผมก็ไม่อยากปล่อยเทมไว้คนเดียว คืนนี้คุณป้าเข้าเวรดึกเสียด้วย ในบ้านก็ไม่มีใครที่เขาสนิทใจ


"หย็องหย็องบาดเจ็บครับ หมูต้องไปที่โรงพยาบาลนะ เทมจะไปกับหมูไหมครับ หรือว่าจะรอหมูอยู่ที่ห้อง"

"งองงองไม่สบายเหรอ ร-ร-ร-ร โรงพยาบาลเหรอ ท-เทม เทมไปด้วยนะครับ" ผมยิ้มรับ แม้ว่าเขาจะกลัว แต่ความเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น เขาก็ยอมก้าวข้ามความกลัวของตัวเอง ผมหยักหน้ารับ
พอเมดเดินมาบอกว่ารถเตรียมพร้อมแล้ว ผมก็จูงมือเทมไปขึ้นรถทันที


รถเคลื่อนตัวออกมาด้วยความเร็วสูง


ระหว่างทางผมเอาแต่ร้อนใจ และพยายามโทรหาคุณพ่อคุณแม่เพื่อแจ้งข่าวเรื่องน้องชายคนเล็กที่บาดเจ็บหนัก แต่ก็ไม่มีคนรับสาย เฮียปลาหรือเฮียเนื้อหย็องก็ไม่รับ กระทั่งเจ้ไก่ก็มีเพียงตอบรับอัติโนมัติตอบกลับมาเท่านั้น


วันนี้มันวันอะไรกันนะ...จู่ๆก็มาติดธุระพร้อมกันเสียได้
ผมฝากข้อความเสียงและส่งข้อความทิ้งเอาไว้ให้คนอื่นๆ


หลังจากวุ่นวายกับโทรศัพท์เสร็จ ผมก็มองออกไปนอกหน้าต่างรถที่กำลังแล่นออกนอกตัวเมือง


สองข้างทางดูเปลี่ยวและไร้บ้านคนมากขึ้นเรื่อยๆ ความวังเวงห่างไกลฝูงชนและความเจริญดูไม่ใช่สถานที่ที่น้องชายของผมจะมาเที่ยวเล่น


ผมขมวดคิ้วแน่น แปลก หย็องหย็องมาทำอะไรแถวนี้...


ไม่ใช่...


สัญชาตญาณของผมกู่ร้องดังลั่น
เรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากลแล้ว!


ผมดึงเทมปุระที่นั่งเงียบมาใกล้ตัว ก่อนจะส่งเสียงบอกคนขับรถที่ดูไม่คุ้นหน้าคุ้นตา


"วกกลับไปที่บ้านก่อน คุณพ่อคุณแม่บอกให้รอท่านแล้วไปพร้อมกัน"


ผมตัดสินใจพูดโกหกออกไป ไม่อยากให้สัญชาตญาณตัวเองแม่นยำขนาดนี้มาก่อน คนขับรถเหลือบมองผมทางกระจกมองหลัง ชายร่างใหญ่ยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนเสียงหัวเราะน่ากลัวจะดังขึ้น


ภาษารัสเซียบ้านเกิด ที่ผมไม่คิดอยากจะได้ยินในตอนนี้ดังมาจากคนที่ควบคุมพวงมาลัยรถ


"หึหึหึ...รู้ตัวเร็วจริงนะคุณหนู แต่ผมคงจะวนรถกลับไปไม่ได้หรอกครับ มีแต่ต้องพาคุณไปส่งให้ได้เท่านั้น"


บัดซบ...ทุกอย่างกระจ่างขึ้นมาทันที มันแปลกตั้งแต่ทุกอย่างดูผิดแผกไปหมด ไม่มีคนอยู่ที่บ้าน ไม่มีคนรับสาย ผมควรเอะใจตั้งแต่หย็องหย็องบอกป๊าม๊าไม่รับสายแล้ว ไหนจะโทรศัพท์ของเฮียปลาที่โทรเข้าโทรออกไม่ได้อีก ความบังเอิญไม่มีจริง ผมควรจะรู้ตัวให้เร็วกว่านี้ ควรจะใจเย็นให้มากกว่านี้ ควรจะตัดสินใจให้รอบคอบมากกว่านี้ ขึ้นรถมาโดยที่ไม่ได้มองหน้าคนขับให้ดีนี่มันโง่ชัดๆ


การที่ผมมาอยู่กับครอบครัวคุณพ่อคุณแม่นานเกินไป ทำให้ผมลดหย่อนความตื่นตัวและความระแวงลง ไม่คิดเลยว่าพอหลุดพ้นจากชาโรนอฟแล้วการลักพาตัวยังจะเกิดขึ้นอีก


ผมไม่ห่วงอะไรเลย...



ถ้าหากมีเพียงผมถูกจับตัวมาคนเดียว ผมจะไม่ลังเลที่จะเปิดประตูรถตู้ออกแล้วกระโจนออกไปกลางถนน ไม่สนใจรถที่วิ่งแล่นด้วยความเร็วสูง ความเร็วของรถคันนี้ถ้าหากเปิดประตูและกระโจนลงไปแน่นอนว่าต้องเจ็บตัว และที่ร้ายกาจคืออาจจะถึงขั้นแขนขาหักได้ แต่ผมที่เคยฝึกฝนมาแล้ว รู้ท่าทางการลงที่ถูกต้อง บวกกับร่างกายที่ไม่ได้หนักมากของเด็ก ทำให้อย่างมากแค่ฟกช้ำ ถลอกและจุกเท่านั้น สามารถวิ่งเข้าไปหลบซ่อนตัวและหาความช่วยเหลือได้อย่างต่อเนื่อง


แต่ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่เคลือบไปด้วยความเป็นห่วงหย็องหย็อง ความใสซื่อและไม่รู้เรื่องรู้ราวของคนข้างตัว...
เขาเป็นความเป็นห่วงเพียงหนึ่งเดียวของผม



ผมไม่กล้าเอาทุกความเสี่ยงมาเล่น ไม่กล้าใช้ทุกความบ้าบิ่นมาต่อกร
ความปลอดภัยของเขาเป็นหนึ่งเดียวที่ผมคำนึง


"คุณเป็นใคร จับผมมาทำไม ถ้าต้องการเงิน บอกตัวเลขมา ผมสามารถโอนให้คุณได้ตอนนี้ เดี๋ยวนี้"


ผมเริ่มต่อรอง ถ้ามันเป็นพวกหน้าเงิน แค่เพียงจับผมมาเรียกค่าไถ่ ทุกอย่างจะจบลงอย่างง่ายดาย ได้แต่หวังว่าให้มันใช่ แม้ความเป็นจริงมันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม เซอร์กีย์ถึงไม่ใช่ตะกูลทางทหาร แต่ก็เป็นตะกูลนักธุรกิจ ในบ้านเก็บงำความลับของบริษัทมูลค่ามหาศาลไว้มากมาย การที่คนคนหนึ่งจะแฝงตัวมายุ่มย่ามไม่ใช่เรื่องง่าย และเศษเงินก็คงไม่ใช่เป้าหมายที่ควรค่าเสี่ยงชีวิต


"จุ๊ๆ คุณดิมิทรี คุณก็รู้ค่าตัวของคุณเองนะครับ เศษเงินที่คุณจะให้น่ะ ไม่คุ้มค่าเท่ามีตัวคุณเอาไว้หรอก"

"คุณคิดว่าจับตัวผมมาแล้วจะรอดหรือ ถ้ารู้จักชาโรนอฟดี คุณก็น่าจะรู้ว่าอำนาจการทหารในมือเรา เรื่องแค่นี้ก็แค่เรื่องตลกก่อนมื้อเย็นเท่านั้น เลือกให้ดีๆ เจ้านายของคุณมีอำนาจพอคุมกะลาหัวได้หรือไง ปล่อยผมไปซะ ในระหว่างที่มีโอกาส"

"ขู่ฟ่อๆเลยโว้ยยย ฮ่าๆ ที่นี่ประเทศไทยนะครับคุณหนู ไม่ใช่รัสเซีย ต้องให้เป็นดาเลียแอน ก็ไม่สามารถหายตัวมาช่วยคุณได้ภายในวินาทีนี้หรอก ไม่ต้องแตกตื่นไป อีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว นั่งให้สบายนะครับ อาจจะเป็นรถเที่ยวสุดท้ายที่คุณจะได้นั่งก็เป็นได้ ฮ่าๆๆๆๆ"


มันไม่โง่...มันไม่หลุดแม้แต่ข้อมูลหรือแสดงท่าทางลังเล
ผมสังเกตทุกอย่างรอบตัวและค้นพบว่าเสียงหัวเราะที่ดัง เพราะไม่ได้มาจากมันแค่คนเดียว แต่มีพรรคพวกของมันที่นั่งข้างหลังสุดของรถตู้อีกสองคน ตลับปืนแม้ข้างนอกจะเริ่มมืดมันก็สะท้อนแสงดำขลับเข้าตา...พวกมันมีอาวุธครบมือ มองเลยกระจกด้านหลังไป ก็มีรถสีดำสนิทขับประกบตามมา


เทมที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเขิยบเข้ามาใกล้ผม


"มุ มุ อีกไกลเหรอ งองงองจะไม่เปนไรเหรอ ไกลจังเลยเหรอ" ผมสบดวงตาใสกระจ่างแล้วปวดหนึบในอก ผมไม่ควรพาเขามาด้วยเลย เขาไม่ควรมายุ่งเกี่ยวและประสบพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้


ผมเป็นคนลากเขาเข้ามา...
ผมจะปกป้องเขาเอง


ผมยิ้มอ่อนโยน ลูบแก้มกลมนุ่ม


"ไม่เป็นไรครับ ทุกอย่างจะไม่เป็นอะไร เชื่อหมูนะ"
เชื่อหมูนะครับ ต่อให้ต้องแลกด้วยอะไร หมูก็จะทำให้เทมปลอดภัยให้ได้

"เชื่อมุนะ"
เทมปุระยิ้มหวานจ๋อยส่งคืนกลับให้ผม


ผมภาวนาให้เขาไม่รู้เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น ภาวนาให้ผมรักษารอยยิ้มนี้เอาไว้ได้ตลอดไป




ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter

ใช้เวลานานกว่าที่พวกมันบอก กว่าผมจะมาถึงโกดังร้างห่างไกลผู้คน กลิ่นสนิมของโรงสีเก่าฉุนกึกเข้าจมูกทันทีที่ก้าวย่างลงจากรถ ของแข็งที่ดุนหลังให้เดินตรงไป ไม่ต้องหันหลังไปมองผมก็พอรู้ว่ามันคืออะไร

"เอ้า เดินตามพี่ชายคนนั้นไปเลยคุณหนู อย่าตุกติดล่ะ ถ้าไม่อยากตัวเป็นรู"

ผมถูกผลักให้เดินไปตามทางเข้าโกดังที่มีแสงไฟริบหรี่ เทมที่เริ่มตัวสั่นเข้ามากอดแขนผมไว้แน่น

"มุ มุ มุ พี่คนขับหลงเหรอ โรงพะยาบาลเหรอ อะไรโดนหลังเหรอ" เทมที่เริ่มตกใจและดูหวาดกลัวเพราะชายชุดดำหลายคนเข้ามารุมล้อมพวกเรา เขาทำท่าจะหันไปมองสิ่งที่โดนหลัง ผมรีบจับคางเล็กให้เงยขึ้นมองผม

"นี่เป็นการเล่นนะครับ เล่นตำรวจจับผู้ร้ายไง เราเป็นประกัน เทมต้องเชื่อฟังหมูแล้วก็ทำตัวดีๆนะครับ เอาล่ะ เดินไปพร้อมหมูแล้วอย่าหันไปมองข้างหลังนะครับ" ผมยิ้มให้เขา เทมดูอยากจะพูดอะไรต่อ แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางจริงจังของผม เขาก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ผมเดินจูงมือเขาไปตามชายเสื้อดำที่เดินนำไปข้างหน้า

ข้างในปรากฏชายที่ดูท่าทางแข็งแรงหลายสิบคน ทุกคนล้วนมีอาวุธประจำกาย สถานการณ์ไม่สู้ดีเอาเสียเลย

"มาแล้วหรือ ยินดีต้อนรับนะ พอดีฉันก็เพิ่งมาถึงไม่นาน ถ้ายังไงก็หาๆที่นั่งตามสบายแล้วกันชาโรนอฟตัวน้อย"

ภาษารัสเซียเปล่งๆถูกพูดมาจากชายร่างท้วมที่สวมใส่ฟันปลอมสีทองอันใหญ่ล้นปาก ชายแก่คนนี้มันหนึ่งในสมาชิกพรรคที่เคยมาขอคำปรึกษากับคุณยาย...ผมจำเอกลักษณ์ฟันทองที่แสนไม่พอดีแต่ยังฝืนใส่ของมันได้ขึ้นใจ

"มิสเตอร์มารัต สวัสดีครับ ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นคุณ คะแนนเสียงการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็ดูดีไม่ใช่หรือครับ"

ผมทักทายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย วางท่าราวเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่กำลังพูดคุยกับแขกที่ฐานะต้อยต่ำกว่า ไม่ใช่เรื่องฉลาดที่จะพูดจายั่วโมโหคนที่มีอำนาจในมือที่สามารถสั่งการให้เหล่าชายผู้ถืออาวุธ ยกปืน และลั่นไกฆ่าผมได้ในตอนนี้ แต่ถ้ามันจับผมมาเป็นๆ คิดว่าตัวตนผมแบบมีลมหายใจคงจะมีค่ามากกว่าร่างไร้วิญญาณที่ใช้ต่อรองอะไรไม่ได้


ถ้าหากผมตายไปก่อน นอกจากมันจะไม่ได้อะไรแล้ว...มันยังต้องรองรับความแค้นของสองตะกูลใหญ่ตามไล่ล่า



ผมยั่วโมโหมัน เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าชายผู้ลงเล่นทางการเมืองมานับสิบปีแต่ไม่สามารถไต่เต้าให้ขึ้นไปได้สูงดังที่ฝันใฝ่ได้ เป็นพวกถูกยุขึ้นได้ง่ายและแสนปากสว่าง


"หึ จะตายยังไม่รู้ตัว ยังทำมาเป็นอวดดี ฉันล่ะเกลียดชาโรนอฟ ตะกูลสุนัขโสโครกตั้งแต่เป็นหมารับใช้ของราชวงศ์แล้ว คะแนนเสียงเลือกตั้งที่ฉันแพ้ไปมันก็เพราะยายของแกมันเป็นนกสองหัว ไว้ใจไม่ได้ ให้คำปรึกษาฉันคนเดียวไม่พอ ยังไปให้คำปรึกษาคริสโตเฟอร์ ศัตรูของฉันอีก ที่ฉันพ่ายไปก็เพราะความลับเรื่องธุรกิจของฉันถูกปล่อยออกมาจนเป็นข่าว! ทำให้ฉันถูกปลดออก และคนที่รู้เรื่องนี้ก็มีเพียงหยิบมือ หนึ่งในความเป็นได้ที่จะคาบข่าวไปป่าวประกาศก็คือยายของแก ดาเลีย แอน ชาโรนอฟ!"


เป็นดังคาด ชายร่างท้วมเลือดขึ้นหน้ากับท่าทางยโสโอหังของผมจนเส้นสติขาดสะบั้น เผลอพูดความในใจและหนึ่งในต้นเหตุที่จับผมมาให้ได้รับรู้...ธุรกิจของมารัตเป็นธุรกิจค้ามนุษย์ ผิดศีลธรรมและแน่นอนว่าผิดกฏหมาย คุณยายเป็นเพียงนกต่อช่วยรัฐบาลเก็บหลักฐาน โดยการทำให้เชื่อใจและคอยเก็บรวบรวมจิ๊กซอว์ทุกอย่างส่งให้ตำรวจ


ทว่าภายในพรรคของมารัตล้วนเน่าเฟะ ใช้อำนาจในทางมิชอบ ปลาเน่าหลายตัวล้วนช่วยปกป้องกันและกัน เป็นที่รู้ดีกันไปทั่ว ที่เบื้องบนยังทำเฉยเพราะการจะกวาดล้าง ไม่ใช่แค่จับเข้าคุกตัวเดียวแล้วก็จบ นอกจากจะเหมือนเป็นการตบหน้าองค์กรว่าคัดเลือกคนมาไม่ดี การจะจับพวกนี้ต้องใช้แหที่กว้างและใหญ่ เป็นการถอนรากถอนโคนจนหมดสิ้น ไม่ให้มีหลุดเล็ดรอดไปได้แม้แต่ตัวเดียว ไม่อย่างนั้นปัญหาจะเกิดขึ้นไม่มีหยุด


ดูท่านี่มันคงยังไม่รู้ตัว ว่าเบื้องบนกำลังไล่กวาดล้างพวกมันอยู่ คงจะโมโหจัดที่ถูกปลดประจำจากการเมือง ไร้อำนาจคอยเอื้ออำนวยต่อธุรกิจ และไร้บันไดที่จะไต่เต้าไปสู่จุดที่วาดหวังไว้ จนวางแผนจับตัวผมมาแก้แค้นคุณยาย


"อย่าเดินตามแผนของเด็กมันสิมารัต ทำตัวให้สมเป็นผู้ใหญ่หน่อย"

"คุณอลัน..."


ผมที่โล่งใจได้กึ่งหนึ่ง เพราะหากเป็นมารัต ผมคิดว่าวิธีการของมันคงไม่ฉลาดนัก แต่บุรุษในชุดสูธสีดำท่าทางดูเฉลียวฉลาดที่เดินแหวกวงล้อมเข้ามา...เขาดูตรงกันข้ามกับชายฟันทอง คนคนนี้ดูเป็นพวกใช้สมองและเล่นเกมเป็น ดวงตาที่ตวัดเฉียงขึ้นดูดุและแสนเจ้าเล่ห์ กอปรกับรอยยิ้มเหี้ยมลึกที่กดลงทำให้เขาเหมือนกับจิ้งจอกที่กำลังล่อหลอกเหยื่อก่อนจะจับกิน...


"สวัสดี เธอคงจะเป็นดิมิทรีสินะ ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของพ่อเธอน่ะ มาทำความสนิทสนมกันเอาไว้ก็แล้วกัน ดูท่าเราคงจะได้อยู่ด้วยกันอีกนาน"

อา...ให้ตายเถอะ...ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่เป็นถึงสอง ไม่ใช่แค่ชาโรนอฟแต่แม้กระทั่งเซอร์กีย์ก็ด้วย นามสกุลและตะกูลผมไม่ว่าจะทางไหนก็ล้วนเป็นปัญหาทั้งนั้น...


"เอาไว้เราติดต่อพ่อแม่ตายายของเธอได้ เราจะมาบอกแล้วกันนะว่าพวกเธอต้องทำอะไรบ้าง ตอนนี้ก็ไปพักผ่อนกันก่อนแล้วกัน พาเด็กๆไปพักสิ"


ผมถูกชายที่ขับรถพามาดันตัวออกไป เห็นทางหางตาว่าพวกมันกำลังรุมล้อมกับคอมพิวเตอร์อยู่ คิดว่าคงกำลังจะหาทางติดต่อคุณพ่อคุณแม่ หรือไม่ก็คุณตาคุณยายของผม ผมคาดเดาไว้หลายอย่างถึงสิ่งที่พวกมันต้องการจากสองมหาอำนาจทั้งทางธุรกิจและทางทหาร ความเป็นไปได้ที่เลวร้ายหลายอย่างล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น


ผมต้องหนีออกไปให้ได้...ก่อนที่อะไรที่แย่ๆจะเกิดขึ้น


มันพาผมกับเทมมาที่กรงขังสุนัข กรงเหล็กที่ดูแข็งแรงกว้างพอที่จะให้ผู้ใหญ่หนึ่งคนพอจะนั่งยองๆได้เท่านั้น มันแคบและเล็ก อยู่ในบริเวณที่เต็มไปด้วยการเดินตรวจตราเฝ้ายาม


"เอ้า เข้าไปสิ เสียดาย ขาดแค่หมอนนุ่มๆ ไม่งั้นกรงนี่ก็ไม่ต่างอะไรจากโรงแรมห้าดาวหรอกใช่มั้ยล่ะครับคุณหนู"


พวกมันหันไปหัวเราะให้กันเมื่อผลักผมกับเทมเข้ามาในกรงและล็อคกุญแจ ผมมองลูกกุยแจที่ถูกคล้องไง้ที่เอวของมัน จดจำรายละเอียดทุกอย่างภายในเสี้ยววิ เทมที่ยอมนิ่งเงียบมาตลอดกอดผมไว้แน่น


"ฮึก มุ มุ มุ กะ เกม เกมไม่สนุกมากเลย ฮือ เทม ม-ม-ม ไม่อยากเล่นแล้ว เลิกเล่นไม่ได้เหรอคะ-รับ ครับ"
ผมเสียใจที่เห็นเขาหวาดกลัว ผมนึกอยากให้เขาไม่รู้เรื่องไปตลอด แต่ท่าทางไม่เป็นมิตรของคนจำนวนมากมันก็คงพอจะทำให้เขารู้ว่านี่มันกำลังแย่ ผมดึงตัวเทมปุระมากอดเอาไว้ กดหน้าของเขาให้ซบลงที่บ่าของตัวเอง โยกตัวไปมา ลูบผมนุ่มนิ่มอย่างปลอบโยน


"อดทนไว้ก่อนนะครับเทม ไม่เป็นไรนะครับ หมูอยู่ตรงนี้" ผมพูดพร่ำปลอบเขาจนเทมเลิกสะอื้นและค่อยๆสงบลง ตัวนุ่มนิ่มในอ้อมกอด ทำให้ผมคิดอะไรแย่ๆขึ้นมาไม่ได้ ว่าอย่างน้อยก็ดีเหลือเกินที่เขาอยู่กับผมตรงนี้ ถ้าผมอยู่คนเดียวอาจจะไม่ใจเย็นขนาดนี้ก็ได้ อาจจะตื่นกลัวจนตัวสั่นไปแล้วก็เป็นได้ แต่พอมีสิ่งให้ผมคอยปกป้อง มันก็ทำให้ใจเย็นและลดความหวาดหวั่นลง


ผมจะมาเสียสติร้องไห้คร่ำครวญตอนนี้ไม่ได้ ร้องไห้น่ะ จะเมื่อไหร่ก็ร้องได้ ตอนนี้ผมต้องหาทางรอดให้เทมเสียก่อน
กับผมพวกมันคงจะไม่ฆ่าทิ้งหากยังไม่ได้ผลประโยชน์ แต่กับเทมปุระ ผมไม่รู้เลยว่าพวกมันจะนึกรำคาญและลงมือทำร้ายเขาเมื่อไหร่ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความอดทนเป็นพิเศษกับเด็กพิเศษอย่างเขา


"ท-เอม เทมกลัวจังเลยครับมุ ฮึก มุ มุกลัวไหม" เขาเงยหน้าจากไหล่มาสบตาเข้ากับผม ดวงตาเขาดูแดง จมูกเขาก็แดงจากการผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ผมยิ้ม ยิ้มผ้าเช็ดหน้ามาจากในกระเป๋ากางเกงและเช็ดน้ำมูกให้เขา

"มีเทมอยู่ หมูเลยไม่กลัวเลยครับ" เทมเบิกตาโต แพขนตาสวยกระพริบขึ้นลงดูเขินอาย

"ง-ง-งั้นเทมก้อ ม-ไม่กลัวมั้ง พ-เพราะมีมุอยู่ด้วย แฮะๆ" เทมยิ้มแฉ่งให้ผม

อา...ผมกระชับอ้อมกอดเขาให้แน่นขึ้น ใช้ร่างอบอุ่นซับทุกความหวาดกลัวของผมออกไปจนหมด


เทมเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยจากการร้องไห้ ดีแล้วที่เขาหลับไป ผมถอดเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองออก เอามันคลุมร่างเล็กเอาไว้ เขาดูตัวสั่นเพราะอากาศที่หนาวและชื้นแฉะภายในโกดังเก่านี่ หวังว่าเสื้อผมจะพอทุเลาให้เขาอบอุ่นขึ้นมาได้บ้าง ผมขยับตัวไป สังเกตพวกเดินยามว่ามันไม่ได้หันมาสนใจก่อนจะค่อยๆเอื้อมลอดลูกกรงเพื่อสำรวจกุญแจที่ขังผมอยู่


โชคไม่เข้าข้างที่มันเป็นกุญแจแบบที่ถ้าไม่ใช้เครื่องมือโดยเฉพาะไม่สามารถสะเดาะออกได้ ผมคงจะต้องฝากความหวังเอาไว้ที่พวกผู้ใหญ่แล้วล่ะครับ


ผมเผลองีบไปนิดหน่อยก่อนเสียงปึงปังจะดังจนปลุกผมและเทมที่นอนหลับจนสะดุ้งตื่น


เคร้งๆๆๆๆๆๆๆ



"ตื่นเว้ยไอ้ลูกคุณหนู เจ้านายกูเรียก" ผู้ชายตัวโตคนอื่นที่ไม่ใช่คนที่ขับรถพาพวกผมมาที่นี่ เป็นคนเอาด้ามปืนคาะกรงเหล็ก และแรงสั่นสะเทือนก็มาจากการถีบกรงไม่หยุดของมันสองคน เทมปุระตื่นตกใจจนเขาเริ่มกลัวจัด ดวงตาสีน้ำตาลมีน้ำตาคลอ ผมใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาให้เขา นึกทรมาณใจที่ดวงตาสวยของเขาแห้งได้ไม่ทันไรก็ชื้นไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง


"เปิดประตูออกสิ เคาะเรียกแบบนี้ถ้าใช้สมองก็น่าจะรู้นะครับว่าถึงยังไงพวกผมก็ออกไปไม่ได้"

"มึง! ปากดีนักนะ เหอะ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายสั่ง กูจะตบให้ฟังร่วงเลย"


แก๊ก


ประตูกรงถูกเปิดออก ผมเดินออกมา

"ไม่ต้องให้เขาไปด้วยหรอก ต้องการแค่ผมไม่ใช่หรือไง"

"โทษทีว่ะไอ้คุณหนู แต่นายกูเขาบอกสอง กูก็ต้องสองล่ะนะ เอ้า ออกมาสักทีวะ ไอ้เด็กนี่!"


เทมปุระที่ตกใจจนตัวแข็งค้าง นิ่งอยู่ท่าเดิม จนผู้ชายที่ตะคอกใส่ผมต้องมุดตัวเข้าไปกระชากเขาออกมา ด้วยแรงกระชาก ทำให้หัวของเทมโขกเข้ากับกรงดังปั้ก หัวเขาบวมปูดขึ้นมา เจ้าตัวร้องไห้จ้า


"ฮึก อ-อย่า อย่า กลัว กลัว ฮืออออออออออ ม-ไม่มานะ ไม่เข้ามานะ! ฮือ เอ็บ เอ็บ เจ็บนะ ฮือ"


เทมพยายามฝืนตัวออกจากฝ่ามือใหญ่ที่บีบข้อมือเล็กขาวจนแดงจัด ผมตรงเข้าไปพยายามปลดข้อมือที่บีบข้อมือเล็กเอาไว้ ทั้งข่วนทั้งทุบตี


"ปล่อยเขา! ผมจะพาเขาไปเอง ปล่อยสิ!"


ผมพยายามแกะมือมันออก จนมันคงทนรำคาญไม่ไหวจึงยอมปล่อย
ผมคว้าตัวเทมมากอดเอาไว้ รีบปลอบเขา บอกเขาให้เงียบลง เทมพยายามเชื่อฟังผม เจ้าตัวพยายามกลั้นสะอื้นจนตัวโยน ผมแทบจะน้ำตาไหลเมื่อเห็นเขาเจ็บตัว หน้าผากสวยบวมเป่งด้วยแรงกระแทก

"เออ เรื่องของมึงเหอะ รีบๆตามกูมาเร็วๆ ชักช้ากูจะตื้บไอ้เด็กนั่นให้ไม่เหลือซากเลยแม่งเอ้ย น่ารำคาญ!"


ผมจูงมือเทมที่ยังตื่นกลัวและเจ็บแผล

"เทมครับ อดทนไว้นะครับ ถ้าเทมงอแงตอนนี้ พวกนั้นจะยิ่งทำนิสัยไม่ดีใส่นะครับ หมูขอร้อง ขอร้อง อดทนไว้ก่อนนะครับคนเก่ง คนเก่งต้องพยายามนะครับ รู้ไหม"

"ฮือ เทมกลัวจังเลยมุ คุแม่อยู่ไหน ฮืออออ เอ็บ เอ็บหัวจังเลย"

"คุณแม่กำลังมาครับ เทมต้องอดทนไว้ก่อนนะ นะครับ"

เทมยอมพยักหน้า มือเล็กเช็ดน้ำตาป้อยๆ กัดริมฝีปากตัวเองแน่นเพื่อกลั้นเสียง


ผมพยายามจำเส้นทางทั่วๆเท่าที่จะเป็นไปได้ อะไรที่พอทำได้ ผมก็จะทำให้หมด เดินกันมาสักพัก ผมก็มาตรงที่ลานกว้างกลางโกดังที่เดิมกับเมื่อวาน เป็นที่เดียวที่ไฟดูส่องสว่างทั่วพื้นที่ และมีคอมพิวเตอร์หลายเครื่องตั้งอยู่


"อ้าว มาแล้วเหรอดิมิทรี มาได้จังหวะพอดี มาสวัสดีพ่อแม่กับตายายเธอสิ"


ผมถูกผลักออกไปยืนตรงหน้าจอใหญ่ ในนั้นมีช่องเล็กๆแบ่งเป็นสามช่อง ช่องแรกฉายเป็นรูปของผมและอลันคนที่อ้างตัวว่าเป็นหุ้นส่วนของคุณพ่อ ช่องที่สองเป็นคุณพ่อคุณแม่และพี่ๆทั้งสามคนและน้องชายของผม อีกช่องเป็นคุณยายและคุณตา ทุกคนดูสีหน้าเคร่งเครียดและดูอิดโรยเหมือนไม่ได้หลับไม่ได้นอน พอเห็นผมเข้ามาในครรลองสายตา ทุกคนก็รีบสอบถาม


"หมู! หมูเป็นอะไรไหมลูก พวกมันทำอะไรลูกหรือเปล่า คุณคะ ช่วยลูกด้วย ลูกอยู่นั่น คุณคะ ฮึก"

"หมูไม่เป็นอะไรใช่ลูก บัดซบ! อลันแกมันสารเลว!"


ครอบครัวฝั่งทางคุณพ่อคุณแม่โวยวายสอบถามผมกันยกใหญ่ แย่งกันพูดจนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง แม้จะอยู่ในสถานการณ์อันตราย แต่น้ำหูน้ำตาและสติที่ดูหายไปเพราะเป็นห่วงผม ก็ทำให้ผมรู้สึกดีกับพวกเขานิดๆ


"ดิมิทรี..."


ตรงกันข้ามกับอีกช่อง คุณยายเพียงไล่สายตามองสำรวจผม ใบหน้าที่ดูห่วงใยดูผ่อนคลายลง คนนอกคงดูไม่ออกและแทบจะไม่เห็นถึงความแตกต่าง แต่ผมที่อยู่กับท่านมาทั้งชีวิต ขยับเพียงน้อยผมก็พอจะรู้


แปะ แปะ แปะ แปะ
เสียงตบมือดังขึ้น


"เอาล่ะ หมดเวลาครอบครัวสุขสันต์แล้ว เรามาพูดถึงข้อตกลงของเรากันดีกว่า อ้อ ขอบคุณสำหรับคำชมด้วยนะโจวิช...นี่เป็นของตอบแทน"


เพียะ!


ผมหน้าหันไปตามแรงตบ เรี่ยวแรงที่เขาใส่มาเต็มที่ทำให้ตัวผมถึงกับลงไปกองกับพื้น ก่อนจะถูกหิ้วปีกให้ลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง เลือดกำเดาผมไหล และใบหน้าก็รู้สึกเจ็บแสนจนชา


"ดิมิทรี!" คุณยายลุกพรวดจากเก้าอี้ ใบหน้าดุดันแผ่รังสีน่าเกรงขาม

"มึง! มึงกล้าตบลูกกู...!" พ่อที่โวยวายกลับเงียบขรึมลงและปรากฎร่องรอยของความอำมหิตบนสีหน้า

"หมู!"



"มุ มุ!!!!! ปล่อย ปล่อยมุนะ!" เทมที่ตกตะลึงรีบวิ่งเข้ามาหาผม เจ้าตัวพยายามปลดมือผู้ชายที่จับแขนผมไว้อยู่ แต่แรงเด็กน้อยก็สู้แรงผู้ใหญ่ไม่ได้ เทมปุระตัดสินใจกัดลงไปที่แขนใหญ่


"โอ้ย!!! ไอ้เด็กเหี้ยนี่กัดกู!"


มันสะบัดแขนอย่างแรงจนเทมปุระกระเด็นถไหลตัวไปกับพื้น ร่างเล็กกระแทกพื้นอย่างจังจนดูมึนเบลอ เจ้าตัวพยายามคลานเข้ามาเพื่อช่วยผม มือน้อยพยายามเอื้อมมาหาผม แต่สุดท้ายก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหวสลบไป
"...อยะ อย่าทำมุ..."  คำพูดสุดท้ายเสียงแผ่วเบาคือชื่อของผม


"เทม!!! เทม!!!! เทม! ไม่นะเทม เทม เทม! เทมครับ! เทม!!!"


ผมพยายามสะบัดตัวเองให้พ้นเพื่อจะได้วิ่งไปหาเขา แต่พวกมันก็เข้ามารั้งตัวผมไว้อีกหลายคน ผมแทบจะคลั่งตายเมื่อเห็นร่างเล็กแน่นิ่งไป ผมร้องไห้ออกมาอย่างมากมาย ใจแทบจะสลายลงตรงนั้น เมื่อพยายามเรียกเท่าไหร่ ร่างที่นอนกองอยู่กับพื้นก็ไม่มีการตอบสนอง


"เทม! เทม!!! เทม!"


"หนวกหูจริงๆ เฮ้ย พวกแกน่ะ ทำอะไรสักอย่างสิวะ ให้มันเงียบลงหน่อย"

มารัตเอามือแคะฟันก่อนจะโบกๆไล่ให้ลูกน้องจัดการกับผมที่เอาแต่ตะโกนเรียกเทมอย่างบ้าคลั่ง

"ปิดปากมันไว้สิ ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน"


เทปสีดำถูกเอามาพันรอบศรีษะของผม ปิดทุกเสียงไม่ให้ออกไป มีเพียงอู้อี้ภายใต้เทปสีดำ และมีเพียงผมที่เข้าใจว่ามันคือชื่อเรียกของร่างที่สลบห่างออกไป


ท่ามกลางบรรยากาศเคร่งเครียดของอีกฝ่าย คุณแม่กำหมัดแน่น ก่อนจะยืดตัวตรง พูดเสียงเรียบ


"ระวังหน่อยอลัน คนที่คุณกำลังแหย่เล่นน่ะ เป็นลูกของสิงโตและเป็นหลานของราชสีห์นะ คงไม่อยากถูกขย้ำตายก่อนจะได้สิ่งที่ต้องการหรอก จริงไหม..."


มันนั่งไขว่ขาวางมือไว้บนตักอย่างสบายอารมณ์ ไม่สนใจคำเตือนที่ถูกส่งถึง เจ้าจิ้งจอกกดยิ้มร้ายบนเก้าอี้ที่คล้ายบัลลังก์ของผู้เหนือกว่า ผายมือมาทางอาวุธที่มีอำนาจเหนืออาวุธใดๆสำหรับฝั่งตรงข้ามอย่างผม



"หึหึหึ...เห็นแก่อดีตวันวาน ผมจะไม่ถือสาคำพูดพวกนั่นแล้วกันนะครับ"

"เอาล่ะชาโรนอฟ เซอร์กีย์ อย่าดีแต่เป็นเจ้าป่าที่เห่าเก่งเลยครับ เรามาพูดถึงข้อตกลงแลกเปลี่ยนของเรากันดีกว่า..."




ชัยชนะที่ได้มาไว้ในกำมือ ปลดรอยยิ้มที่ถูกกดไว้มุมปากให้ฉีกกว้างออก




"ไม่งั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน...ว่าจะเผลอถลกหนังเจ้าลูกสิงห์ตัวน้อยมาเป็นพรมเช็ดเท้าเมื่อไหร่"




รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหด



การเผชิญหน้าของจิ้งจอกที่มีหัวใจของราชสีห์ไว้ในอุ้งเท้า ดูเป็นเกมที่ราชสีห์ไม่มีหนทางชนะ





แสงเทียนท่ามกลางความมืดนั้นดูสั่นไหวและริบหรี่
คล้ายพร้อมจะมอดดับลงทุกเวลา...


















end 21 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง


All in ONE
หวานได้ ดราม่าก็ได้ บู๊ก็ยังได้ #เพื่อนผู้ปกครอง เป็นทุกอย่างให้เธอแร้ว



ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เพิ่งเข้าอ่านจ้า แวะมาทักทายก่อน เพิ้เพิ่งอ่านบทแรกจบก็รู้เลยว่านิยายเรื่องนี้ต้องสนุกแน่ๆ ติดตามอยู่น้า

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter








22









"ข้อตกลงแลกเปลี่ยนก็ง่ายๆ ผมไม่ขออะไรเกินความสามารถคุณหรอกโจวิช ไม่ต้องกังวลไป...ก็แค่โครงการสัมปทานที่เป็นเหตุผลที่นายยอมลงทุนย้ายมาที่ไทยน่ะ...เซ็นโอนมาให้บริษัทฉัน โทรไปถอนตัวกับทางรัฐบาล แล้วก็กลับรัสเซียไปซะ หนังสือสัญญาฉันส่งเข้าอีเมลล์นายเรียบร้อย มันขาดแค่ลายเซ็นอนุมัติจากนาย"


ใบหน้าที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เป็นนิจ ยิ่งเมื่อเพิ่มความพึงพอใจ รอยยิ้มนั่นยิ่งกว้างขึ้นมากว่าเดิมจนดูพิลึกพิลั่น มือที่ประสานอยู่ตรงต้นขา เคลื่อนมารองรับปลายคาง ขยับหน้าเข้าไปใกล้จอ น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยคล้ายหลอกล่อ


"เห็นไหมโจวิช แค่จรดปลายปากกา กับยกหูโทรศัพท์ เรื่องง่ายๆแค่นี้เท่านั้นเอง"


สัมปทานที่มีมูลค่ามหาศาลถึงขนาดทำให้นักธุรกิจที่กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงยอมทิ้งทุกอย่าง และมาลงหลักปักฐานในประเทศอันห่างไกลจากบ้านเกิดตัวเอง ต้องไม่ใช่แค่มูลค่าหลักพันล้านแน่นอน...กับเงินจำนวนขนาดนั้นคงจะไม่สามารถใช้คำว่า 'เรื่องแค่นี้' จำกัดความ


คุณพ่อตีสีหน้าเรียบเฉย แต่หากเลื่อนสายตาลงไปที่มือใหญ่ จะเห็นได้ว่ามือแกร่งกำแน่นจนเส้นเลือดปูด ฟันสวยขบกันแน่นจนได้ยินเสียงเสียดสีกันแว่วเข้ามาให้ได้ยิน ดวงตาสีฟ้าดูเข้มข้นแปรเปลี่ยนเป็นสีไพลิน มันคมกริบและเยาะหยัน มุมปากที่กดลึก เสียงทุ้มมีอำนาจเอ่ยเสียงเรียบเคลือบไปด้วยความดูแคลน


"ความสามารถของนายดูแลสัมปทานระดับประเทศแบบนี้ไม่ไหวหรอกนะ อย่างมากสัมปทานหมู่บ้านก็คงจะพอไหว เอาไปแล้วจะมีปัญญาดูแลหรือยังไงอลัน"


เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์หน้ากระตุก รอยยิ้มที่ถูกขึงไว้เป็นนิจดูตกลง จนคล้ายริมฝีปากจะเรียบตึง แต่แค่เพียงชั่วระยะหยดน้ำตกกระทบพื้นมันก็ถูกขึงขึ้นอย่างเก่า เสียงหัวเราะเล็กแหลมแหวกอากาศ


"หึหึหึ ขอบคุณมากนะโจวิชที่ช่วยชี้ทางให้ฉัน ฉันก็กำลังคิดอยู่เลย ว่าแค่ธุรกิจของตัวเองก็เหนื่อยยากจะตายแล้ว เอาแบบนี้เป็นไง ไหนๆนายก็อุตสาห์มีความสามารถเยอะแยะ ไม่ได้ใช้มันก็น่าเสียดาย มาทำให้ฉันฟรีๆเป็นยังไงล่ะโจ ไหนๆเราก็เป็นเพื่อนเก่าแก่กัน ฉันเป็นเจ้าของ นายก็มาเป็นลูกน้องให้ฉัน เงินเดือนก็เป็นลมหายใจของลูกนาย...เยี่ยม! ฉันจะส่งสัญญาไปเพิ่มให้นายเดี๋ยวนี้แหละโจ ขอบคุณนายจริงๆ"


สายตาที่มองผ่านหน้าจอมา ดูเหมือนแทบจะอยากเอื้อมมือมาขย้ำคนตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ เสียงกดคีย์บอร์ดร่างสัญญาขึ้นมาใหม่ คลอเคล้าไปกับเสียงหัวเราะของอีกคน


ชายร่างท้วมเดินต้วมเตี้ยม หัวเราะเสียงดังลอดรูจมูกอย่างสุขใจ เดินมาใกล้กับคู่หูของตัวเอง มืออวบที่สวมแหวนมากมายไว้ทุกนิ้วลูบหนวดของตัวเองไปมา เมื่อเสียงหัวเราะแผ่วลง คำขอของคนต่อไปก็เริ่มขึ้น


"แหม คุณอลันก็ขอเสียง่ายเชียว งั้นผมคงจะขออะไรเกินหน้าเกินตาไม่ได้สินะ งั้นเอาเป็นว่ารบกวนชาโรนอฟช่วยผลักดันกฎหมายที่ช่วยเอื้ออำนวยต่อธุรกิจของผม อย่างเช่น...ธุรกิจค้าขายเป็นไงที่มีรัฐช่วงส่งเสริมเป็นยังไง"


มารัตกดที่คีย์บอร์ดเพื่อขยายหน้าจอฝั่งคุณยายให้ขยายเต็มจออีกเครื่องหนึ่ง มันสบตากับกล้องก่อนจะเอ่ยขอต่อไป


"แล้วก็คงจะต้องฝากศิษย์รักของคุณให้เซ็นสัญญาคุ้มครองให้ผมด้วย แล้วก็แอน...ผมรู้นะว่าคุณมีมันอยู่ในมือ ไอ้เจ้าสัญญาที่เหนือกฏหมายหนึ่งครั้งนั่นน่ะ ไม่นานคุณก็ต้องลงโลงแล้ว ยกให้ผมไม่ดีกว่าหรือแอน ผมสัญญาว่าจะใช้มันอย่างคุ้มค่าเลยล่ะ แถมหลานคุณจะได้เติบโตต่อไปอีกด้วย เห็นไหมว่าคุณน่ะได้เปรียบสุดๆเลย"


มืออวบเปลี่ยนมาลูบพุงใหญ่ของตัวเองไปมา ใบหน้าเหนือกว่าดูไม่กังวลต่อคำเรียกร้องเลยสักนิด ท่าทางมั่นอกมั่นใจว่าตนเองจะได้ในสิ่งที่เรียกร้องขอ คุณยายเหลือตามองคนตรงหน้า เมื่อได้ยินคำว่า สัญญาเหนือกฏหมาย  มันเป็นสัญญาที่ผู้คนชอบเล่าขาน ว่าดาเลีย แอน ชาโรนอฟผู้ได้ของขวัญชิ้นสำคัญและแสนล้ำค่าในวันแต่งงาน คือสัญญาเหนือกฎหมายหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะเป็นอะไร รัฐบาลและเบื้องบนจะไม่เคลื่อนไหว จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและปล่อยไป


ระดับของสัญญาอันตรายว่ากันว่าสูงมาก ต่อให้เดินถือมีดปอกผลไม้เข้าไปปล้นธนาคาร วันต่อมาคุณยายก็สามารถจิบน้ำชาได้อย่างสบายใจ ข่าวที่จะออกทางโทรทันศ์และหน้าหนังสือพิมพ์คือชายร่างใหญ่สูงเกือบสองเมตรและพรรคพวกบุกเข้าไปปล้น เงินที่ได้มาจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณยายทันที หรือแม้แต่การฆ่าคนเป็นร้อยก็ไม่ใช่เรื่องเกินเลยของสัญญานั้น กับแค่ทำปล่อยปละละเลยธุรกิจสีดำ...ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้


เป็นสัญญาแลกเปลี่ยนที่ดาเลียแอน ยอมสละบัลลังก์ของอิสตรีที่มีอำนาจมากที่สุดลง


กับธุรกิจค้ามนุษย์ก็จะกลายเป็นแค่เรื่องเล่นขายของไปในทันที มารัตที่แค่เพียงคิดถึงธุรกิจ ที่จะงอกงามเป็นดอกไม้ที่ไม่มีผึ้งแมลง ไม่มีคนมาคอยขัดขวางถ้าหากได้สัญญานั่นมาครอบครอง ก็ถึงกับน้ำลายส่อ นิ้วทั้งห้าปาดไปมาที่ริมฝีปาก ตัวสั่นใคร่กระหายอย่างเก็บอาการไว้ไม่อยู่


เงินไม่ใช่สิ่งเดียวที่มารัตต้องการ แต่เป็นความสนุกในเส้นทางสีมืดมิดควบคู่นี่ไปด้วยต่างหาก การได้กดหัวมนุษย์ด้วยกันให้ตกต่ำ และค้าขายพวกมันเหมือนเป็นแค่สัตว์สิ่งของ กดพวกมันให้มีค่าแค่หมูตัวเมียตัวหนึ่งมันช่างสร้างความรื่นเริงใจให้เขามากกว่าสิ่งอื่นใด


"มารัต ฉันถึงได้บอกให้คุณไปตรวจไขมันเสียบ้างอย่างไรล่ะ ไขมันอุดตันในสมองไปหมดแล้วหรือ ถึงได้คิดเชื่อเรื่องเพ้อเจ้อปรัมปราเป็นจริงเป็นจังแบบนี้ หืม...อ้อ ไม่ใช่สินะ ขอโทษจริงๆฉันก็ลืมไปว่าเธอมันไม่มีสมอง ไม่อย่างนั้นคงจะคิดได้ว่าถ้าของอันตรายแบบนั้นมีอยู่จริง มันจะมาอยู่ในมือผู้หญิงแก่ๆอย่างฉันได้อย่างไรกัน น่าตลกจริงๆ"


เพราะมันอยู่ในมือหลานของเธอแล้วต่างหากล่ะ...ความในใจที่ทุกคนคงจะไม่ล่วงรู้ แต่ผมรู้...เอกสารแค่เพียงไม่กี่แผ่นที่อยู่ในธนาคารที่มีความปลอดภัยที่สูงที่สุดในโลก มันอยู่ในนั้น ภายใต้ชื่อของ ดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟ


"คุณสิตลก! อย่ามาเล่นลิ้นไปหน่อยเลยแอน ผมอยู่ในสภามาเกือบสิบปี มันมีจริง และผมรู้ว่าคุณมีมันอยู่!"


หญิงชรายังคงใบหน้าเฉยเมย ไม่แสดงอารมณ์และไม่แสดงความหวั่นไหวตกใจใดๆ มือที่เหี่ยวย่นยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบช้าๆ ลิ้มรสชาติละมุนของชาชั้นดี ท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจราวกับกำลังพักผ่อนอยู่ในสวนแสนสวย เสียงที่ทรงอำนาจเสมอต้นเสมอปลายค่อยๆเอ่ยคำเชื่องช้า


"มีมันอยู่แล้วอย่างไร คุณไม่ใช่ชาโรนอฟนะมารัต ไม่คิดหรือว่าตอนร่างสัญญาขึ้นมา ฉันที่เป็นสุนัขรับใช้ผู้จงรักภักดีต่อตะกูลยิ่งชีพ จะไม่ใส่พันธสัญญาว่ามีเพียงคนในตะกูลที่ใช้ได้" นัยน์ตาที่หลุบมองของเหลวสีน้ำตาลใสในแก้วกระเบื้องในมือ ดวงตาสีฟ้าที่ดูซีดจางค่อยๆเสมาสบตาชายร่างท้วมที่แสนยั่วยุได้ง่าย


"งั้นคุณก็คงต้องมาเป็นฝ่ายผมแล้วล่ะแอน! ไม่ว่ายังไงธุรกิจของผมต้องมีอยู่ต่อไป!"


"อย่าเรียกมันว่าธุรกิจเลยมารัต ไอ้สิ่งน่ารังเกียจนั้นน่ะ ไม่มีคุณค่าพอให้คำหยาบใดๆจำกัดความเสียด้วยซ้ำ"


"หึหึหึหึหึ แล้วคุณจะรักมันเลยล่ะแอน คุณก็เคยลิ้มรสมันมาแล้วนี่ อำนาจในการเหนือผู้คนน่ะ มันหอมหวานใช่ไหมล่ะ ไม่มีรสชาติอะไรจะเลิศล้ำเท่านี้อีกแล้ว ความจริง อยู่บ้านเฉยๆมันก็น่าเบื่อ คุณไม่คิดจะมาเป็นหุ้นส่วนของผมหรือไง คิดดูสิว่าทั้งสัญญาและอำนาจในมือของคุณ ถ้ารวมกันมันจะไปได้ไกลแค่ไหน มันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน"


"ฉันถึงได้มองว่าคุณมันไม่มีสมองยังไงล่ะ สิ่งสำคัญที่มีคุณค่ามากกว่าอะไรของยายแก่คนนี้ ก็คือหลานชายที่คุณจับไปรังแกต่างหาก นองเลือดน่ะมันความชอบของฉันเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าตอนนี้ฉันก็ยังคงรักมันอยู่ แต่ฉันมีสิ่งที่รักมากกว่าแล้ว เพราะงั้นคงต้องขอปฎิเสธเข้าไปจมปักในโคลนล่ะนะ"


"ดี! ดี ดี ปฏิเสธชัดถ้อยชัดคำเหลือเกิน งั้นผมจะทำลายให้ย่อยยับเลย ไอ้หลานคนสำคัญของคุณคนนี้น่ะ! ลากไอ้เด็กนั่นมานี่สิ!!!"


ผมถูกหิ้วปีกเข้ามาใกล้ชายอ้วนที่หน้าแดงเพราะแรงโทสะ ในมือที่ประดับประดาไปด้วยแหวนเพชรมีมีดปลายแหลมถืออยู่ ใบมีดคมไล้ใบหน้าผมพร้อมกดแรงขึ้น ความคมของมันแค่ถูแผ่วเบาก็ทำเอาหยาดโลหิตซึม


คุณยายวางแก้วน้ำชาลง นัยน์ตาสีฟ้าซีดฉายแววกระหายเลือดขึ้นมาชั่วขณะก่อนจะซีดจางดั่งเดิม


"หมูหย็อง!!! คุณแม่ครับ! ถ้ามีสัญญาอะไรนั่น ก็ให้พวกมันไปเถอะครับ!"

"คุณแม่คะ...ให้ไปพวกมันไปเถอะนะคะ ความปลอดภัยของหมูหย็องต้องมาก่อนสิคะ คุณแม่!"


คุณพ่อคุณแม่ที่เห็นหยาดเลือดของลูกชายตัวเองก็ลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ สายตาเจ็บปวดของพวกท่านสบมาที่ผม ใบมีดกดแรงขึ้น ผมขยับดิ้นหนีไม่ได้ นอกจากมือที่ถูกจับและมือของอีกฝ่ายที่บีบหน้าผมไว้ ก็เป็นเพราะปืนที่จี้เอวอยู่ตลอดเวลา และหากยิ่งขยับ ผมจะยิ่งเจ็บตัว ทุกนิ้วที่เคลื่อนไหว ผิวเนื้อจะยิ่งเสียดสีกับแผ่นเหล็กแหลมคมตรงหน้า


"ใจเย็นก่อนมารัต ฉันก็บอกแล้วไงว่าเขาสำคัญ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณไปรู้เรื่องสัญญาพวกนั้นมาได้ยังไง แต่ของที่มีค่ามากกว่านั้นน่ะ...ฉันพอจะมีมันเพื่อแลกเปลี่ยนกับหลานชายของฉันอยู่"


หูของมารัตกางผึ่งออกทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้นจบ
ใบหน้าอวบอูมจากที่กำลังเกรี้ยวกราด ดูแปลกใจ และเปลี่ยนเป็นกระหยิ่มยิ้มย่อง นัยน์ตาเล็กเพราะไขมันที่ปกปิดฉายแววกระหาย มันแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง ปล่อยมืดลงแล้วเดินตรงไปที่หน้าจอ


"อะไร! คุณมีอะไรแอน บอกผมมาสิ บอกผมมา!" หากคุณยายอยู่ต่อหน้า เจ้ามือแสนสกปรกนั่นก็คงจะจับท่านเขย่าไปมาเพื่อจะได้ฟังข้อเสนอที่ว่านั้นแน่นอน ดวงตาเล็กพราวระยับยิ่งกว่าดาวศุกร์เสียอีก เมื่อคุณยายรับเอกสารมาจากคุณตาที่นั่งเงียบ เอาแต่เฝ้ามองอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา


ซองสีน้ำตาลดูหนา มันคงไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียว จากความหนาที่กะได้จากสายตา มันคงจะมีมากกว่าร้อยใบ


มือเรียวสีขาวซีดหยิบสามสี่แผ่นจากในนั้นออกมาจ่อหน้ากล้อง ชายร่างท้วมสูดหายใจเฮือกเข้าปอดอย่างแรง ความกระเหี้ยนกระหือรือฉายชัด เขาพยายามจะจับเจ้ากระดาษแผ่นนั้น แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมันอยู่อีกฝากหนึ่ง


"พระเจ้า...โอ้...พระเจ้า! นี่มัน...นี่มันสุดยอดยิ่งกว่าสัญญาบ้าบอนั้นเสียอีก...!"

"มันอยู่ในนี้ทั้งหมดมารัต ทุกอย่างและทุกคน ฉันรู้ว่าคุณรู้วิธีใช้มัน..."

"คุณต้องเอามันมาให้ผมนะแอน! พระเจ้าช่วย...คุณนี่มันปีศาจอย่างที่ทุกคนว่าเอาไว้จริงๆ มิน่าล่ะ ทำไมทุกคนถึงได้เกรงใจและพยายามเขี่ยคุณไปให้ไกลนัก ดูนี่สิ ขนผมลุกไปหมดเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ พระเจ้า พระเจ้า นี่มันสุดยอด!"


มารัตดูสติหลุด เขาดูดีใจจนแทบจะควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ ได้แค่ครวญไปมา หน้าตานั้นกระหายซองเอกสารนั่นชัดเจน อลันที่นิ่งเงียบฟังก็ไม่เข้าใจเพื่อนร่วมเกมของตน ว่าทำไมชายร่างท้วมถึงได้ดูดีใจนักกับเอกสารสองสามใบที่มีรูปถ่าย


"มันคืออะไรมารัต"

"พระเจ้า ให้ตายสิคุณอลัน! คุณดูให้ดีๆสิ ไม่คุ้นเลยหรือยังไง!"


อลันหรี่ตามองเอกสารตรงหน้า ก่อนดวงตาสีเขียวสว่างนั่นจะเบิกกว้างและนิ่งค้าง และกลายเป็นมารัตไปอีกคน...


"พระเจ้าช่วย...นี่มัน...คุณไปเอามันมาจากไหนกัน!"


ดาเลียแอนไม่ได้ตอบอะไร เธอทำเพียงเก็บเอกสารลงในซองและวางไว้ในระยะที่กล้องมองเห็นได้ แก้วกระเบื้องสีสวยเป็นจุดสนใจของเธออีกครั้ง เมื่อเธอยกมันขึ้นมาเป่าช้าๆ ก่อนจะจิบอย่างใจเย็น ต่างกับผู้ชายสองคนที่จับผมมา พวกเขาแทบจะเต้นเร่า อยากได้คำตอบและเจ้าเอกสารพวกนั้น ภาพลักษณ์จิ้งจอกถูกถอดออก หัวโขนคนโลภมากและกระหายอำนาจถูกสวมแทน


"ฉันเป็นที่ปรึกษานะคุณอลัน ที่ปรึกษาที่ต้องล่วงรู้ทุกความเป็นไปถึงจะสามารถให้คำปรึกษาและคำตอบได้"


เพียงแค่ประโยคเดียว ความเย็นยะเยือกก็เข้ามาโอบล้อมหัวใจทุกคนทันที บรรยากาศหนักอึ้งที่แม้แต่จะทรงตัวยืนยังยากลำบาก กุมความลับของอีกฝ่ายและเอามาใช้ประโยชน์ แบล็คเมลล์ คือคำที่โผล่ขึ้นมาในหัวทุกคน



"มีใครบ้างแอน...ลองบอกให้ผมรู้มาสักสองสามคนสิ เผื่อผมจะอารมณ์ดี อยากปล่อยหลานชายคนสำคัญของคุณไปเร็วๆ" มารัตเลียริมฝีปากของตัวเองไปมา เหมือนหมูแก่ที่หิวโหย หน้าของมันแทบจะแนบติดกับจออยู่แล้ว คุณยายทำเพียงปรายตามองด้วยหางตา ทำเป็นไม่ได้ยินคำถามอะไร


"ฉันให้คุณดูมามากพอแล้วมารัต ในเมื่อท่าทางของคุณมันตอบตกลงชัดเจน ก็รีบๆบอกขั้นตอนการแลกเปลี่ยนมาซะทีสิ"


"เดี๋ยวสิแอน ถ้าเกิดในนั้นมันมีแต่ปลาสิวปลาสร้อย ไม่มีปลาตัวใหญ่ๆ ผมจะมั่นใจได้ยังไงว่านี่มันคุ้มกัน"


ท่าทางละโมบของมารัตทำเอาผมขยะแขยงจนแทบจะอาเจียน เมื่อคุณยายยังคงเงียบไม่ยอมตอบ มันก็สะบัดมือเป็นเชิงออกคำสั่งลูกน้องที่คุมตัวผมไว้ให้เข้ามา มัดปลายแหลมที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้มันเลื่อนต่ำลง ละจากใบหน้า เป็นลำคอของผม...


"บอกมาเถอะแอน ผมกลัวลำคอหลานชายของคุณจะขาดหวิ่นเอาเสียก่อน คุณก็รู้ ผมมันพวกไม่มีน้ำอดน้ำทน"
"วางมีดลงซะมารัต ถ้าเธอกระหายอยากจะรู้นักฉันก็จะบอกให้ ความลับตั้งแต่นายพล ถึงสมาชิกวุฒิสภาระดับสูงมากกว่าครึ่ง และถ้าเธออยากรู้ว่าสูงขนาดไหน ซมิเซอร์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันก็เป็นหนึ่งในนี้ แม้แต่เจ้านาย สุนัขอย่างฉันก็คาบเก็บไว้เหมือนกัน"


ลมหายใจของทุกคนสะดุดเฮือก แทบจะลืมวิธีหายใจ มันไม่ใช่แค่เรื่องใหญ่ แต่นี่มันยิ่งกว่านั้นไปมาก...ความลับของผู้มีอิทธิพลเพียงหนึ่ง ก็มากพอจะทำให้ถูกตามล่าจนอยู่ไม่เป็นสุข สองคนก็กลายเป็นร่างกายไร้วิญญาณแล้ว แต่ในมือของหญิงชรากลับกุมความลับไว้นับร้อยคน และความลับเหล่านั้นก็ไม่ใช่ของบุคคลที่มีฐานะธรรมดา


แต่เป็นความลับของคนที่มีฐานะมหาอำนาจอยู่ในมือ แค่พลิกฝ่ามือก็สามารถเคลื่อนประเทศได้ ไม่เพียงแต่ฐานะที่ไม่ธรรมดา แม้แต่สายเลือด...ก็เป็นสายเลือดที่อยู่เหนือทุกคน


พระเจ้า...ผมครางในลำคอ คุณยายจะเอาของที่มีค่าขนาดนั้นมาแลกกับผมไม่ได้นะ ไม่ได้เด็ดขาด มันไม่ใช่แค่เรื่องลักพาตัวเด็กแล้ว นี่มัน...


เพียงสร้างข้อต่อรองโดยใช้ความลับของอีกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ความลับ ที่คุณยายเก็บงำเอาไว้ คงจะไม่ใช่แค่เรื่องพวกเขาอู้งานหรือโดดงานแน่ๆ เพราะอย่างนั้น คนที่กำลังจะถูกแฉคงจะต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อเก็บมันเอาไว้ ยอมกระทั่งเชื่อฟังทุกๆอย่าง แม้แต่เรื่องที่ผิดกฏหมาย หรือกระทั่งทำอะไรบางอย่างให้มันถูกขึ้นมาแทน เปลี่ยนดำให้เป็นขาว และเปลี่ยนขาวให้เป็นดำ ไม่ใช่เรื่องยากเลย...


หากคนที่เก็บความลับไม่ใช่คุณยาย เกรงว่าเรื่องน่ากลัวมากมายที่เกินจินตนาการออกจะต้องเกิดขึ้นเป็นแน่
และตอนนี้...มันกำลังจะกลายเป็นของคนอื่น
คนที่ท่าทางเตรียมพร้อมจะใช้ผลประโยชน์จากมันทุกหยาดหยด โดยไม่สนความถูกต้องและศีลธรรมอันใด


"โจวิช ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่าคุณมีแม่ยายที่น่ากลัวขนาดนี้"


อลันที่อึ้งค้างหันมาครวญกับอดีตหุ้นส่วนของตนเอง เป้าหมายทีแรกคือเงินมหาศาล แต่ตอนนี้...อำนาจมหาศาลที่มีมูลค่ามากยิ่งกว่าสัมปทานนับสิบกำลังจะมาอยู่ในกำมือ ขนทุกเส้นในกายลุกชันด้วยความตื่นเต้น


"ส่งมาให้ผม ส่งมาให้ผมเดี๋ยวนี้!"

"ถึงไม่มีสมอง แต่อย่างน้อยก็ช่วยมีความคิดหน่อยมารัต ออกมาเป็นกระดาษแบบนี้ เขาก็หาว่าคุณตัดต่อได้น่ะสิ...ฉันมีไฟล์วิดีโอเก็บเอาไว้ คลิปเสียง รูปต้นฉบับ ทุกอย่าง...แต่เราคงจะต้องใช้วิธีนัดรับต่อหน้านะ ว่ายังไงล่ะ"

"หึหึหึหึ คุณคิดว่าผมโง่หรือไงแอน อำนาจของคุณเพิ่งจะประจักรต่อสายตาผมวินาทีนี้ คิดว่าผมจะโง่ถึงขนาดไปเจอคุณด้วยตัวเองหรือยังไง จากรัสเซียมาไทยใช้เวลาราวๆสิบชั่วโมง ผมจะให้คนของผมไปรับของๆคุณในอีกสองชั่วโมงข้างหน้า เปิดรั้วสีชาดของคุณต้อนรับไว้ดีๆล่ะ"

"สองชั่วโมงสินะ...ได้สิมารัต ฉันจะเตรียมเอาไว้ให้ หวังว่านอกจากไม่มีสมองแล้ว คุณจะยังพอมีศักดิ์ศรีอยู่บ้างนะ"
"หึ แน่นอน ผมจะปล่อยหลานชายคุณไปทันทีเลยล่ะ เมื่อคนของผมได้มันมา หวังว่าคุณจะไม่เล่นตุกติกนะแอน"

"คิดว่าฉันเป็นคนยังไงกัน" คุณยายสบตาอีกฝ่ายนิ่ง เสียงหัวเราะในลำคอของมารัตบ่งบอกถึงความพอใจ

"ก็ดี งั้นระหว่างสองชั่วโมงนี้ก็เชิญพักผ่อนตามอัธยาศัยแล้วกันนะ"



มารัตพูดไม่ทันขาดคำ เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์มือถือของอลันก็ดังขึ้น ขัดจังหวะที่ดูเป็นไปอย่างราบรื่นให้หยุดชะงัก



 "มีอะไร...ว่าไงนะ!!...อืม"

รอยยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตาของอลันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย หลังจากวางสายบรรยากาศตื่นเต้นของเขาดูนิ่งสงบและหายไป กลายเป็นความโกรธภายใต้คลื่นอันสงบที่แผ่กระจายออกมาแทน เจ้าจิ้งจอกกดแตะไม่กี่ทีก็ปรากฎหน้าจอของคุณพ่อคุณแม่ขึ้นมาอีกครั้ง


"หมูหย็อง! เป็นไงบ้างลูก"

"อย่าเสียงดังสิเซอร์กีย์ มีมารยาทหน่อย...ไม่สินะ คนอย่างนายคงจะไม่มี ใช้ได้ที่ไหนกัน ระหว่างพวกเรากำลังทำข้อตกลงกันแท้ๆ กลับให้คนมาสะกดรอยตาม...หึ ไปแล้วเจออะไรไหมล่ะเซอร์กีย์ นอกจากโกดังร้างๆที่ไม่มีคนอยู่ คิดว่าฉันจะโง่ไม่รู้หรือไงว่าลูกของแกมี GPS ในโทรศัพท์ แล้วก็ไม่ต้องเสียเวลานะโจวิช โปรแกรมติดตามในรถของนาย ถูกคนของฉันเอาไปโยนไว้ที่แม่น้ำแล้วล่ะป่านนี้"


คุณพ่อดูสะดุ้งตกใจที่ถูกล่วงรู้ถึงแผนการ เจ้าตัวทำหน้าแตกตื่นก่อนจะสงบลง


"รู้ได้ไงว่าเป็นฉันอลัน อาจจะเป็นแค่ตำรวจที่ตรวจตราทั่วไปเท่านั้นเอง"

"ตำรวจที่ยกโขยงมาเป็นสิบ นี่คงจะไม่ใช่ตรวจตราธรรมดามั้งโจวิช"

"ว่าไงนะ! นี่แกกล้าเล่นตุกติกกับพวกฉันงั้นเหรอเซอร์กีย์!!!"

"หึหึหึ...ใจเย็นก่อนสิคุณมารัต กับพวกสุนัขดื้อด้านที่คอยเอาแต่แว้งกัดน่ะ ฟาดมันไป พวกมันก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก เราต้องแสดงให้มันดูตั้งหาก ว่าถ้าเล่นไม่ซื่อแล้วจะเป็นยังไง"

"จะให้ใจเย็นได้ยังไงคุณอลัน นี่มันกล้าทั้งๆที่ลูกของมันอยู่ในมือพวกเราแท้ๆ...!!! อา หึๆ นั่นสินะ"

มารัตยกยิ้มกว้างจนแก้มอูมถูกดันขึ้นจนแทบชิดตา มันส่งเสียงหึหึไปมาในลำคอไม่หยุด มืออวบจัดการเปิดหน้าจอแบบสามจออีกครั้ง คุณยายที่นั่งประสานมือเงียบรอเวลา ดูแปลกใจที่พวกมันติดต่อท่านไปอีกครั้งรวดเร็วขนาดนี้


"กลัวคุณจะเบื่อน่ะแอน ตั้งสองชั่วโมง ผมเลยอยากจะชวนคุณมารับชมเรื่องสนุกๆ ต้องขอบคุณลูกเขยของคุณนะ ที่เล่นตุกติกส่งคนมาสะกดรอยตามพวกเรา ทั้งๆที่ผมอุตสาห์ใจดีด้วย ถ้าได้รับของเมื่อไหร่ก็จะปล่อยตัวไปแบบปลอดภัยแท้ๆ ตอนนี้คงจะต้องลงโทษกันหน่อยล่ะนะที่ไม่อยู่ในความสงบแต่โดยดี"


"กับคำพูดคนที่จับลูกฉันไป คำพูดแกมันเชื่อไม่ได้!" คุณพ่อดูมีโทสะและโกรธจัด คุณแม่ที่ยืนเม้มปาก กำหมัดแน่น
คุณยายดูเข้าใจเรื่องราวในทันที ท่านถอนหายใจเล็กน้อย

"ทำไมไม่ใจเย็นๆเซอร์กีย์ ฉันบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง"

"จะให้ผมใจเย็นยังไงไหว! นั่นลูกผมนะ ลูกชายผมทั้งคน!"


คุณยายกับคุณพ่อคุณแม่มีปากเสียงกันอยู่นาน มารัตดูพออกพอใจที่เห็นความแตกแยก อลันส่งเสียงกระแอมไอแก้ขัดบททะเลาะกันของครอบครัวผม


"ก็ไม่อยากจะขัดอะไรหรอกนะ แต่คิดว่าเราควรเริ่มเชือดได่ให้ลิงดูได้แล้ว ดูแล้วจำไว้นะโจวิช จนกว่าจะส่งมอบเสร็จ อย่าคิดเล่นตุกติกอะไรอีกเป็นอันขาด..."


อลันส่งสายตาให้ลูกน้องพาผมเข้ามา เจ้าหมาจิ้งจอกเฒ่าเดินไปหยิบสนับมือมาสวม ทุกย่างก้าวของมันดังก้องในหัวของผม ที่สวมเหล็กนั่นมันคงไม่ได้เอามาเกาหลังให้ผมแน่นอน


"หยุดนะอลัน! ฉันจะเซ็นสัญญาให้แกเดี๋ยวนี้ อย่าทำอะไรลูกชายฉัน"

"หยุดเดี๋ยวนี้! ห้ามแตะต้องลูกชายของฉันนะ!!"


คุณพ่อคุณแม่ตะโกนห้ามปรามสุดเสียง เมื่อเห็นชายตรงหน้าผมเงื้อหมัดขึ้นสุดแขน


ผลัวะ


อึก


"แค่ก แค่ก"
มันชกเข้ามาที่ท้องผมเต็มๆ หมัดธรรมดาที่หากถูกชกเข้ามาตรงๆก็แทบจะกระอักเลือด บวกกับสนับมือเหล็ก ผมแทบจะสิ้นสติ ในความพร่าเบลอผมเห็นมันง้างกำปั้นขึ้นอีกครั้ง

ผลัวะ ผลั่ก ตุ้บ



หลายหมัดถูกรัวใส่ไม่ยั้งจนเกินกว่าผมจะนับทัน ผมอาเจียนออกมา แต่เทปที่กั้นเอาไว้ก็ทำให้ผมต้องกลืนมันลงไป พยาพยามกัดฟันแน่นไม่ร้องครวญครางให้มันได้ใจยิ่งขึ้น แม้จะเจ็บจนแทบจะขาดใจก็ตาม 


"มึง!! อลัน! หยุดทำร้ายลูกกูเดี๋ยวนี้ Fuxk!"

"หมูหย็อง หมูหย็อง ลูก ลูก!!!!"


"ว้าว! ลูกชายนายนี่เป็นกระสอบทราบที่ดีจริงๆเลยโจวิช เอาล่ะ คุณคงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหมดาเลียที่ผมเผลอรังแกหลายชายคุณไปนิดหน่อย ไม่ต้องห่วงนะ ผมเว้นๆส่วนสำคัญไว้ให้ แต่ถ้าคุณยังตุกติดกันอีกล่ะก็..."


ปืนสีดำสนิทถูกหยิบออกมาจากชุดสูทสีเดียวกัน ใบหน้าที่ยิ้มแย้มหุบลง มือใหญ่ปลดสนับมือเปื้อนเลือดออก มันเล็งปลายปืนมาทางผม ก่อนจะลันไกโดยไร้ความลังเล


ปัง



ลูกกระสุนเฉียดถากหัวไหล่ผมไป ความใกล้ของวิถีกระสุนทำเอาเสื้อผ้าขาดเป็นรอย รอยเลือดซึมออกมาเด่นชัดจนน่ากลัว


"ดิมิทรี!" คุณยายที่นิ่งสงบมาตลอดลุกขึ้นมาตบโต๊ะเสียงดัง เสียงที่มักจะราบเรียบตะโกนออกมาผิดภาพลักษณ์

"กรี๊ด! หมูหย็อง!" คุณแม่ที่ท่าทางจะเป็นลมจนต้องจับโต๊ะคำยันเอาไว้ และคุณพ่อที่โกรธจนตัวสั่น คำรามก้อง

"หมูหย็อง! บัดซบ! แกมันไอ้จิ้งจอกเฒ่าสารเลวอลัน!"

เหตุการณ์ดูห่างไกลออกไปเมื่อผมรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะหมดสติลงทุกที

"คงจะเข้าใจแล้วสินะ ว่าถ้าเล่นแล้วจะเป็นยังไง"

คุณยายนิ่งลง คุณพ่อคุณแม่ก็เช่นกัน...
ท่ามกลางกลิ่นเลือด ผมได้ยินเสียงโหวกเหวกรอบตัว


"ใช่...มันจะไม่มีการเล่นอีกต่อไปแล้วอลัน มีแต่ของจริงเท่านั้น..."

"เมื่อยหน้าจริงๆต้องมาแสดงละครแบบนี้ วันหลังไม่เอาแล้วนะคะ กลั้นขำจนปวดแก้มไปหมดแล้ว"

สีหน้าแตกตื่นและทุกอย่างเลือนหายไปจากโจวิช คุณแม่นิ่งเงียบลงและเผยรอยยิ้มที่กดลึก สองไหล่ที่สั่นสะท้านตั้งตรง นัยน์ตาทั้งคู่มีเหมือนกันคืออำมหิตและเหี้ยมโหดอาบเอาไว้

"พวกแกพูดเรื่องอะไร..."


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-10-2018 19:04:06 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter

ปัง!


เสียงประตูที่เปิดออกกว้าง พร้อมชายในชุดกันกระสุนแห่แหนกันเข้ามา


ปัง! ปัง! ปัง!


เสียงปืนที่ทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นยิ่งใส่กันดังต่อเนื่องไม่หยุด คนมากมายล้มลงไปกองที่พื้น เลือดสีแดงฉานอาบไปทั่วพื้นที่ เสียงกรีดร้องดังระงมกอปรไปกับเสียงร้องโหยหวนครั้งสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจ


เสียงฝีเท้ามากมายดังเข้ามาใกล้ เสียงฝีเท้าที่ผมคุ้นเคย


"ทุกคนวางอาวุธลง ยกมือขึ้นเหนือหัวทั้งสองข้าง!!"
"บุก! บุก! บุก! จับมันทุกคน ใครขัดขืนยิงทิ้งไม่ต้องสนใจ!!"



ท่ามกลางความวุ่นวายของทหารมากกว่าครึ่งร้อย ที่บุกเข้ามา เหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วกระพริบตาก่อนจะสงบลง เมื่อกลุ่มทหารมืออาชีพจับตัวลูกน้องของพวกมันไว้ได้ทั้งหมด มีเพียงผมที่ถูกกระชากมาติดตัวไว้กับมารัตที่หน้าซีดตัวสั่น ในมือมันถือมีดจี้คอผม อลันที่ยิงขัดขืนถูกยิงเข้าที่กลางลำตัว


"พวกมึง! อึก..."


"พวกมึง พวกมึงวางแผนกันเอาไว้แล้วใช่ไหม! อีแก่! นี่มึงเล่นไม่ซื่ออย่างนั่นเหรอ! รู้ได้ยังไง รู้ได้ยังไงกันว่าพวกกูอยู่ที่นี่! กูให้ลูกน้องไปจัดการพวกตำรวจหมดแล้วนี่น่า!"


คุณยายของผมนั่งลงที่เก้าอี้ มือเรียวหยิบแก้วกระเบื้องเติมน้ำชา ก่อนจิบช้าๆไม่สนใจท่าทางบ้าคลั่งไร้สติของมารัต คุณตาที่ยิ้มตาหยีอยู่เคียงข้างหัวเราะเบาๆ


"ไม่บอกเขาหน่อยหรือดาเลียที่รัก อย่างน้อยเวลาเขาตายไปจะได้ไม่มีเรื่องติดใจอย่างไรล่ะ"


เสียงเย็นดูขี้เล่นแต่เนื้อหาตรงกันข้าม จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่น่ากลัวที่สุดที่ผมเคยเจอ กลับมาแล้ว คุณตาในภาพลักษณ์นี้ ผมไม่ได้เห็นเสียตั้งนาน คุณยายเหลือบตามองสามีตัวเองก่อนจะถอนหายใจ


"คุณนี่รสนิยมไม่ดีจริงๆนะเลโน่ ไอ้เรื่องชอบแหย่เหยื่อเล่น ฉันบอกให้เลิกตั้งกี่ครั้งแล้ว เอาล่ะมารัต ฉันจะบอกให้ก็ได้ เผื่อยมฑูตถาม แกจะได้บอกไปว่าไม่มีเรื่องติดใจอะไรแล้วลงๆนรกไปซะ...แกคิดว่าในร่างกายหลานคนสำคัญของฉันมีแค่ GPS โง่ๆที่ลูกเขยของฉันใช้หรือยังไง ตราบใดที่แกไม่ได้ถอนฟันหลานฉัน ต่อให้เขาจมดิ่งไปถึงใต้ก้นมหาสมุทรฉันก็หาเจอ...แล้วที่พวกฉันทำก็แค่พยายามถ่วงเวลาและเบี่ยงเบนความสนใจของพวกแกเท่านั่น"


"บัดซบ!" มารัตคำรามลั่น ใบหน้าอวบซีดขาวเหมือนกระดาษ ดวงตาล่อกแล่กไปมาด้วยความตื่นกลัว


"วางมีดลงซะมารัต นี่มันถึงทางตันแล้ว"


ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พ่อแม่ของผมไม่ได้อยู่แค่ในจอ แต่กลับกำลังเดินแหวกวงคุ้มกันของทหาร เข้ามาประชันหน้ากับผมที่ถูกมารัตจับตัวเอาไว้


"เซอร์กีย์!!! นี่แก...แกมาได้ยังไง!!!! นี่พวกแกร่วมมือกันปั่นหัวพวกฉันใช่ไหม!!?!"


ชายร่างสูงเดินตัวตรงสง่างามเข้ามาพร้อมกับหญิงสาว ทั้งสองคนที่มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับผมยืนหยุดนิ่ง มองสบตากับร่างท้วมที่พันธนาการผมเอาไว้ ใบมีดกดลงมาที่คอตามแรงโทสะและความสั่นหวาดหวั่นที่ยืนอยู่ท่ามกลางปากกะบอกปืนนับร้อยที่หันมาทางตนเอง


"ยังจะต้องถามอีกหรือมารัต โง่สมเป็นคนที่รวมมือกับนายจริงๆเลยนะอลัน"

"มึง! ไอ้โจวิช!!"

"เรื่องแค่นี้ก็คิดไม่ออก ดีจริงๆที่สามีของฉันไล่นายออกจากหุ้นส่วน ที่พวกเราส่งคนไปตาม GPS มันก็แค่แผนสำรอง และแผนเบี่ยงเบนความสนใจ หลุมที่พวกนายขุดล่อพวกฉัน พวกฉันก็ทำเป็นติดกับ ทำท่าเป็นว่ายังหาพวกนายไม่เจอ กว่าพวกนายจะรู้ตัวก็ตกหลุมที่ตัวเองขุดไปเสียแล้ว ความจริงตั้งแต่ก่อนพวกนายติดต่อมา พวกฉันก็อยู่ในรถห่างจากที่นี่ไปแค่หนึ่งกิโล รอคุณแม่ของฉันดำเนินเรื่องขอหน่วยรบกำลังพิเศษเสร็จแค่นั่นเอง...แต่ก็ยังช้าไปหน่อย ขอโทษนะหมูหย็องลูก..."


คุณแม่ที่อธิบายด้วยใบหน้าเฉยชา หันมาสบตากับผม ในดวงตาสีสวยเออคลอไปด้วยหยาดน้ำใส


"พวกมึง!! พวกมึงมันเลว! ปล่อย ปล่อยกูไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นไอ้เด็กนี่ตาย!!!"


มารัตดูเสียสติไปแล้ว ร่างท้วมเอามีดชี้ขู่คนรอบๆ ก่อนจะเอามาไว้ที่คอเหมือนเดิม ชั่วขณะที่มั่นปล่อยมีดจากลำคอ
ผมที่ไม่ได้ถูกมัดมือเอาไว้ กับอีแค่คนถือมีดจี้คอด้วยท่าทางปวกเปียก มีแต่อารมณ์บดบังตา ผมเคลื่อนมือตัวเองไปที่หัวแม่โป้งของมัน จับแน่นและบิดหัก เสียงกร๊อบดังขึ้น ความเจ็บปวดส่งผลให้มันปล่อยมือออกทันที ก่อนมีดในมือจะร่วงผล็อยลง


"อ๊ากกกกกกกกกกกก นิ้ว นิ้วกู!" มันจับนิ้วของตัวเองแน่น ทหารที่ถูกฝึกมาเป็นพิเศษ รู้หน้าที่รีบเข้ามาอุ้มผมออกไปทันที


"จับมัน!" เสียงของพ่อตะโกนทันทีที่ผมหลุดออกจากอ้อมแขนที่รัดตัวผมไว้


"ตากำลังรอดูเลย ว่าเมื่อไหร่หลานจะเลิกทำตัวเป็นตุ๊กตาถูกมันเหวี่ยงไปมาเสียที"

"ท่าทางครั้งนี้ดูไม่ค่อยคล่องนะดิมิทรี ถ้ายังไงจบเรื่องนี้แล้ว ยายจะส่งคนไปฝึกหลานเพิ่มเติม"


เสียงในจอของคุณตาคุณยายพูดขึ้น หน่วยพยาบาลเข้ามารุมล้อมผม  ผมได้แต่ยิ้มเหนื่อยๆกับคำพูดนั้น ไม่โต้ตอบอะไร คิดเพียงว่าเรื่องนี้จบลงได้สักที...


ปัง! เสียงปืนแหวกอากาศ


คนที่ทุกคนคิดว่าเสียเลือดมากจนตายไปแล้วกลับลุกขึ้นมาพร้อมกับปืนที่ฉวยมาจากศพ วิ่งฝ่าวงล้อมเข้ามาหาผม
พยาบาลที่กำลังรักษาแผลผมทรุดตัวลง ก่อนที่ทุกคนจะตั้งตัวทัน มือหนาคว้าเข้าที่ลำคอของผม ก่อนจะหอบหายใจเหนื่อยอ่อน อลันหิ้วปีกผมขึ้นมาอีกครั้ง


"อย่าเข้ามาไม่งั้นได้เด็กนี่ตาย!" อลันที่ไม่เหลือภาพลักษณ์เจ้าเล่ห์ ใบหน้าที่ขึงยิ้มอยู่ตลอดเวลามีแต่เพียงความกลัวเท่านั้น เจ้าตัวขยับทีเหลือที่ลำตัวก็ทะลักไหล เสียงซี๊ดปากพร้อมกับคำขู่ให้ทุกคนกระจายตัวออกไป


"โจวิช สั่งทุกคนให้วางปืนลง! วางปืนลงแล้วยกมือขึ้น กูไม่ได้ขู่ ลูกมึงตายแน่ๆถ้ามึงเล่นตุกติก!"


ท่าทางเอาจริงและรอบคอบมากกว่ามารัต ที่เอาเนคไทด์ผูกรอบมือผมแน่น ทำให้พ่อที่กำลังเดินมาหาผมต้องชะงักลง ความเด็ดขาดฉายชัดในแววตาของผู้ถือปืนจ่อผม เมื่อพ่อผมไม่ได้สั่งการรวดเร็วอย่างใจ มันยิงปืนใส่ที่ฝ่าเท้าของผม เลือดไหลทะลัก คุณแม่กรีดร้องขึ้นทันที


"ทุกคนวางปืนลง!" เสียงคุณพ่อประกาศลั่น นายทหารทุกคนค่อยๆวางปืนลงช้าๆ ก่อนจะยกสองมือขึ้นเหนือศรีษะ


"ดี! ดีมาก ทีนี้เตรียมรถให้กูซะ เตรียมเงินให้พร้อมด้วย พากูไปส่งที่สนามบิน ไม่งั้นลูกมึงตาย อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!"


เสียงของอลันแหกปากร้องขึ้นดังลั่น เมื่อจู่ๆก็มีร่างเล็กที่หลุดพ้นจากสายตา ตรงเข้ามากัดมือเจ้าตัว มือหนาคลายตัวผมออก เสี้ยววินาทีอลันเล็งปืนมาทางผม ผมเห็นเขาลันไก แต่ก็ไม่ทันได้เห็นลูกกระสุนปืน เพราะร่างเล็กที่กระโจนเข้ามาช่วยผมให้ถูกปล่อยตัว เอาตัวเองมากอดผมเอาไว้แน่น เขาเอาตัวเองบังผมเอาไว้


เสียงกระสุนปืนเจาะผ่านเนื้อหนังแว่วมาให้ได้ยิน ผมรู้สึกใจจะขาด ผมนึกว่าเทมปุระถูกยิง


แต่ไม่ใช่...


นอกเหนือจากร่างเล็กที่ใช้อ้อมแขนกอดผมอยู่ ก็มีคุณแม่ที่รวบผมกับเทมเอาไว้ และมีคุณพ่อที่รวบพวกเราทั้งสามคนเอาไว้อีกที พวกเขาตรงเข้ามาปกป้องผมโดยไม่คิดชีวิต ใช้ตัวเองบังเอาไว้ เอาตัวเองเป็นเกราะ เพื่อให้ผมปลอดภัย อ้อมกอดแน่นดูแข็งแกร่งและแขนแกร่งก็รัดแน่น ดังประกาศิตจะไม่ให้ภัยอันตรายใดๆได้เข้ามากล้ำกรายแตะต้องผมได้


เมื่อเสียงเหล่าทหารตรงเข้าไปจัดการคนที่ก่อเรื่องเรียบร้อย อ้อมกอดที่รัดผมแน่นถึงสองชั้นนอกถึงจะยอมคลายตัวออก เว้นเพียงปราการขั้นสุดท้ายที่สลบไปเสียแล้ว


ทั้งๆที่เขาเป็นคนที่ถูกยิง แต่ใบหน้าคมสันและใบหน้าสวยหวานกลับร้อนรนถามผมด้วยความเป็นห่วง ไม่สนใจร่างกายที่เป็นรูพร้อมโลหิตที่ทะลักออกมา ไม่สนใจความเจ็บปวดที่แล่นริ้วขึ้นมา จนสติแทบขาดสะบั้น
สนแต่เพียงความปลอดภัยของเด็กน้อยในอ้อมแขนเท่านั้น


"หมูหย็องไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก!"

"หมูหย็องเจ็บตรงไหนหรือเปล่า!"


ผมค่อยๆเงยหน้าไปมองตามเสียง ภาพที่ทำเอาหัวใจร่วงหล่นก็ปรากฎขึ้น เลือดแดงฉานจากคุณพ่อคุณแม่ ลูกกระสุนทะลุร่างของผู้ใหญ่สองคนก่อนจะมาถึงตัวผมกับเทม เทมปุระที่ตกใจเสียงปืนจนสลบไปทั้งๆที่ยังกอดรัดผม
พวกท่านจ้องมองสำรวจผม เมื่อเห็นว่าผมไม่เป็นอะไร ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเลื่อนสายตามามองคนที่ยังคงโอบผมไว้ ทั้งๆที่ไม่มีสติ


"เด็กคนนี้นี่สุดยอดไปเลยนะ ดูสิกลัวจนตัวสั่นแต่ก็ตรงเข้ามาหาลูกไม่ลังเลเลย อู้ย...เพิ่งรู้ว่าโดนยิงแล้วจะเจ็บขนาดนี้"

"สงสัยฉันต้องไปเข้าคลินิกรักษารอยแผลเป็นแล้วล่ะ ทำไมคุณไม่หยุดกระสุนไว้แค่ที่ตัวเองนะโจ ถ้าฉันมีแผลเป็นล่ะน่าดู"


พวกท่านพยายามทำเป็นเล่นเมื่อเห็นสีหน้าตกใจจนซีดขาวของผม มืออุ่นที่เป็นมือเดียวกันกับที่ช่วยปกป้องผมเอาไว้ เอื้อมมือมาเช็ดหยาดน้ำตาที่ผมไม่รู้ว่ามันไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไม...ทำไมถึงยอมปกป้องผมล่ะ


"ไม่ต้องร้องไห้นะลูกรัก พ่อกับแม่ไม่เจ็บเลย ไม่เจ็บเลยสักนิด"

ทั้งๆที่บอกว่าไม่เจ็บเลยแท้ๆ แต่ใบหน้าซีดขาวและท่าทางที่พร้อมจะล้มลงไปกองกับพื้นได้ทุกเมื่อกลับตรงกันข้าม

"อย่าร้องไห้นะหมูหย็อง มดกัดแค่นี้ แลกกับลูกปลอดภัย แลกกับลูกไม่เป็นอะไร มันคุ้มค่าที่สุด"

"อย่าร้องไห้สิ ไม่ต้องกลัวนะ"

"ไม่ต้องกลัวนะหมูหย็องพ่อกับแม่มาช่วยลูกแล้ว เรามาช่วยลูกแล้ว เราจะปกป้องลูกเอง"


ใบหน้าที่ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ไม่มิดของคุณแม่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ท่านประทับรอยจูบอุ่นที่หน้าผากของผม พร่ำปลอบผมว่าไม่ต้องกลัว ไม่เป็นอะไรแล้ว พวกท่านมาช่วยแล้ว อ้อมกอดรัดแน่นลงมาอีกครั้ง อ้อมกอดที่ผมเคยโหยหา ทุกคำถามก่อนหน้าได้รับคำตอบในวันนี้ ไม่เหลือคำถามใดๆอีกต่อไป


ความอบอุ่นแทรกซึมจนทำกลอนที่ขังหัวใจไว้หลุดออก ผมสะอื้นเรียกพวกท่านเสียงสั่น


"คุณพ่อ...คุณแม่..."



นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเรียกเขาว่าพ่อแม่ เป็นครั้งแรกที่ผมยอมรับพวกเขาจริงๆ ยอมรับจากก้นบึ้งของหัวใจว่าพวกท่านทั้งสองคนว่าเป็นพ่อกับแม่ของผม


รอยยิ้มดีใจปรากฎให้เห็น และนั่นเป็นรอยยิ้มสุดท้ายก่อนที่พวกท่านจะสลบไป








 เมื่อผมไปถามคุณยายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ว่าคุณยายจัดการอย่างไร


"คุณยายได้จัดการพวกเขาขั้นเด็ดขาดไหมครับ"
"รู้ไหมดิมิทรี ความลับจะยังคงเป็นความลับเสมอ หากคนรู้มีเพียงหนึ่ง และตอนนี้มีเพียงยายเท่านั้นที่รู้ และมันจะเป็นแบบนั้นตลอดไป เพราะคนตายไม่นับเป็นคน และไม่สามารถพูดได้อย่างไรล่ะ..."



เรื่องราวในค่ำคืนนั้นจบลงที่คำว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น


ในเรื่องเลวร้ายก็มีข้อดีของมันอยู่ ผมสามารถเปิดใจและสามารถนับคนในบ้านเป็นครอบครัวได้จริงๆเสียที คุณพ่อคุณแม่ปลอดภัย นอนหลับอยู่อีกห้อง ทุกอย่างดูราบรื่น


ตอนที่ผมนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล โดยที่มีเตียงข้างกันเป็นของเด็กชายผู้กระโจนเข้ามาช่วยปกป้องผมโดยไม่คิดถึงชีวิตนอนหลับอยู่ ใบหน้ายามหลับของเขาวันนั้นดูเหน็ดเหนื่อยและเต็มไปด้วยฝันร้าย เขาละเมอเรียก 'มุ...มุ...มุ' ไม่หยุด แม้ผมจะจับมือเขา คอยส่งเเสียงกระซิบตลอดคืนว่าผมไม่เป็นอะไร แต่เทมก็ยังคงเฝ้าถามผมในความฝัน เฝ้าปลอบผมในความฝัน 'มุ...มุ..ไม่เปนไรนะ...เทม...เทมช่วย'


ความชื้นของหมอนฟ้องสายลมและอากาศ บอกว่าผมขี้แงอีกครั้ง
ผมรักเขาเหลือเกิน รักเขาที่ช่วยตัวเองไม่ได้ รักที่เขาทำอะไรไม่เป็น แต่ก็พยายามช่วยผม พยายามปกป้องผม
ยามอ้อมกอดที่สั่นสะท้านของเขาแนบชิดลงมา มันสื่อผ่านสัมผัสบ่งบอกผม ว่าเขากลัวมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยแขนออก ยังคงยึดมันเอาไว้แน่นจนสลบไป


ต่อให้เขาไม่ทำแบบนี้ ผมก็รักเขา ยิ่งเขาทำแบบนี้ผมก็ยิ่งรักเขา
ผมเฝ้ามองเทมปุระไปจนถึงยามใกล้รุ่งสาง
ภายในรุ่งเช้าที่บรรยากาศคล้ายคลึงกับวันนี้ ตอนนี้


ผมทอดสายตามองใบหน้าของคนข้างๆ


แสงแดดลอดผ่านผ้าม่าน ไม่ต้องมีดาบหรือองค์ราชีนีที่ผมคุกเข่าให้
มีเพียงเขาที่นอนหลับ และผมที่กุมมือเล็กมาประทับจุมพิต สายตาแน่วแน่จริงจัง
เมื่อยามนั้นผมได้ก่อร่างคำสัญญา และปฏิญาณตนต่อเขา โดยมีแสงอาทิตย์แรกของวันเป็นพยาน


ผมจะปกป้องเทม จะปกป้องเขาไปชั่วชีวิต

และด้วยเกียรติของชาโรนอฟ
...ผมจะรักเขาไปจนวันสิ้นสุดลมหายใจ


ผมประทับริมฝีปากที่มือน้อยอีกครั้งก่อนจะกุมมือเขา เผลอจ้องมองเขาอีกนานกว่าจะเผลอหลับไป






ส่วนในตอนนี้ ผมผละริมฝีปากออกจากหน้าผากคนที่หลับตานิ่ง


ร่างที่นอนหนุนหมอนใบเดียวกันค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น เหมือนเจ้าหญิงนิทราที่ตื่นขึ้นเพราะได้รับจุมพิตจากเจ้าชาย นัยน์ตาสีน้ำตาลสวยดูงุนงงเมื่อเจอใบหน้าของผมในระยะประชิด เมื่อความสงสัยหายไป คงเหลือไว้แต่ความดีใจที่ได้เห็นผม ผมลูบมือไปที่แก้มนุ่มเหมือนวันวาน เทมปุระฉีกยิ้มสดใส เป็นของขวัญยามเช้าสำหรับผม


"หมูหย็อง อรุณสวัสดิ์ครับ"

"อรุณสวัสดิ์ครับเทม"


ในตอนเช้าบนเตียงกว้าง มีผมกับเขาตื่นนอนขึ้นมาบนหมอนใบเดียวกัน เราทั้งสองต่างมีรอยยิ้ม

เพียงเท่านี้ก็พร้อมแล้วสำหรับวันใหม่...





















end 22 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง




เรื่องนี้ก็จบลงแล้วนะคะ...ล้อเล่นค่ะ! ยังไม่จบนะคะ 555555
เหตุผลหลายๆอย่างเราว่าน่าจะเคลียร์ในบท วัยเยาว์ ครบแล้วเนอะ
เพราะเอามาไว้ในเนื้อเรื่อง เลยดูรวบรัดนิดหนึง
คือถ้าเขียนจริงๆ วัยเยาว์จะลากยาวไปประมาณ 15 บทได้...
จะบู๊แล้วก็อะไรมากกว่านี้ แต่จะผิดคอนเซปแนวรักใสๆของเรา
เลยมาแค่นี้พอค่ะ เขียนยากด้วย O<--<

คำผิดตรงไหนบอกได้นะคะ เราเบลอมากวันนี้
ตอนหน้ากลับสู่ปัจจุบัน!

โซเฟียริน
zofiarin lll moore




ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :mew1: ต้องเรียก(ลูก)พี่หมูหยองคนบู๊กับน้องเทมคนกล้าแล้วค่ะ ...  :hao3:  :hao3:  :hao3: ตอนหน้าขอแบบหวานๆนะค่ะ สุดจะคิดถึง moment หมูเทม  :hao7:  :hao7:  :hao7:  o13  o13  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
เป็นวัยเยาว์ ที่เป็นเหตุผลหนักแน่นที่สุด
นับแต่อ่านนิยายวายมา .. 1,000 กว่าเรื่อง
ว่า ทำไมหนอถึงรักกันได้ขนาดนี้

แบบว่า สมเหตุสมผลมากที่สุดเลยค่ะ
กับสิ่งที่หมูเป็น และเทมทำให้หมูรัก
สุดยอดค่ะ ...

ส่วนคำพิมพ์ผิด กับคำสะกดผิดก็เยอะอยู่นะคะ
ที่เห็นชัดและขัดตา คือ ปอก ... มีดปอกผลไม้ ใช้ ปอก นะคะ
ถ้า ปลอก คือ  ปลอกมีด ปลอกหมอน ปลอกดาบ ... ทำนองนั้นค่ะ

แต่โดยรวม ความสนุกของเนื้อหา ทำให้พอจะอ่านผ่าน ๆ ไปได้
แต่ถ้าแก้ จะดีที่สุดเลยค่ะ

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :กอด1: ขอกอดน้องเทมมม  :ruready << ใจเย็นๆค่ะ น้องหมู น้องน่ารักขอกอดนิสสสนุงเน๊าะ 555+
จะรอติดตามคู่นี้ว่าจะแต่งงานกันเมื่อไร อย่าลืมส่งการ์ดเชิญมาด้วยนะค่ะ  :mew1:
   :L1:  :pig4:  :L1:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
พึ่งได้อ่านดีมากๆเลย

รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter





23







ผมเฝ้าเก็บทุกรายละเอียดการเคลื่อนไหวทุกส่วนของร่างสูง ตั้งใจไว้ว่าถ้ามีอะไรผิดแปลกแม้เพียงนิด หรือสัมผัสได้ถึงความไม่สบายใจ อึดอัด หรือรู้สึกไม่ดีของเขา ผมจะยังให้เทมหยุดอยู่บ้านต่อไป ผมไม่สนใจว่าเทมจะเรียนไม่ทันเพื่อน ไม่สนใจว่าเขาจะซ้ำชั้นหรืออะไรทั้งนั้น เรียนไม่ทัน ผมก็สอนเขาได้ ถ้าเลวร้ายขนาดขาดเรียนนานจนต้องซ้ำชั้น ผมก็เรียนเพิ่มอีกปีเป็นเพื่อนเขา มันไม่ใช่ปัญหาเลย


สิ่งเดียวที่ผมสนใจและห่วงใยคือความรู้สึกเขาเท่านั้น มันสำคัญมากกว่าอะไรทั้งหมด



"หมูหย็องครับ หมูหย็อง เทมหากระเป๋านักเรียนไม่เจอ" เทมปุระที่แต่งตัวเสร็จแล้วเดินมาหาผมที่นั่งรอเขาอยู่ ผมมองสำรวจคนตรงหน้าก่อนจะยิ้มให้ กวักมือเรียกเด็กน้อยเข้ามาใกล้ ก่อนจะเริ่มปลดกระดุมที่เขากลัดผิด ใส่เรียงให้ถูกต้องเสียใหม่

"กระเป๋า ยังอยู่ในล็อกเกอร์ที่โรงเรียนครับ วันนี้เราไปกันตัวเปล่าแล้วกันนะครับเทม"

"แต่สมุดสะสมสติ๊กเกอร์ของเทมอยู่ในกระเป๋า ถ้าไม่มีสมุด แล้วคุณลุงสันจะแปะสติ๊กเกอร์ให้เทมที่ไหนล่ะครับ"


ผมผูกเนคไทให้เขาเรียบร้อย มองผลงานที่ออกมาสมบูรณ์แบบบนเรือนร่างที่สมบูรณ์ด้วยความพอใจ แล้วจึงเอ่ยตอบคนที่สีหน้าเป็นกังวล


"งั้นเดียวเราหาสมุดว่างๆสักเล่มไปให้คุณลุงติดก่อนไหมครับ แล้วเทมค่อยตัดกระดาษแล้วเอาไปแปะที่สมุดเล่มหลักอีกที แบบนี้ดีไหมครับ"


ผมเสนอทางเลือกให้เด็กน้อยที่ดูไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องใหญ่นี้ดี แม้จะดูยุ่งยากกว่าการรอถึงพรุ่งนี้ แล้วค่อยเอาไปติดทีเดียว แต่การได้ทำอะไรเดิมๆ การใช้ชีวิตประจำวันเป็นแบบเป็นแผน สำหรับเด็กพิเศษแล้วถือว่าเป็นเซฟโซนครับ เขาจะรู้สึกปลอดภัย และสบายใจกว่า รอยยิ้มกว้างถูกส่งมาให้ผมทันที เป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าเขามีความสุขมากกับทางเลือกที่ผมเสนอ


"หมูจลาดจังเลยครับ งั้นเดียวเทมไปหาสมุดก่อนนะ ขอบคุณที่ช่วยแต่งตัวนะครับ"

"ฉลาดครับเทม ไม่ใช่จลาดนะ เทม! เทมครับอย่าวิ่ง" ไม่ทันแล้วครับ เด็กน้อยของผมวิ่งวุ่นหาสมุดไปทั่วห้อง เขายังมีท่าทางที่ควบคุมไม่ค่อยอยู่หลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือ อาการคล้ายๆสมาธิสั้น ที่จะทำอะไรรวดเร็วทันทีทันใด คิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าเขาจะค่อยๆนิ่งลง และควบคุมตัวเองได้ดีเหมือนเดิม


พอเจ้าตัวค้นหาสมุดว่างเปล่าเจอ ก็รีบวิ่งเอามาให้ผมดูทันที


"หมูหย็องครับ หมูหย็อง เล่มนี้ได้ไหมครับ"

"ลายกระดาษมันคนละแบบกันนะครับเทม หมูจำได้ว่าหมูซื้อเล่มสำรองไว้ให้เทมอยู่นะครับ ลองหาในตู้หนังสือดูหรือยัง ชั้นที่สามด้านขวามือ...นี่ไงครับ เหมือนกันเลยใช่ไหม"

"เหมือนกัน เหมือนกัน เหมือนกันเลย" ผมยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่กอดหนังสือไว้แน่นแล้วยิ้มตาหยี


เห็นเขาไม่กังวลเรื่องไปโรงเรียนแล้วผมก็เบาใจ ตั้งแต่เมื่อคืน ผมก็บอกเทมไปแล้วครับ ว่าพวกสิงห์ออกจากโรงเรียนไปหมดแล้ว ส่วนเหตุผลที่ออกผมก็ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไร ปฏิกิริยาของเทมที่ได้ยินชื่อพวกมัน ทำเอาผมอยากจะย้อนเวลาไปบีบคอมันให้แน่นๆและนานกว่าเดิมสักสิบนาที อาการที่ดีขึ้นดูจะทรุดลงในช่วงระยะเพียงหนึ่งคำพูด จนผมต้องบอกเขาซ้ำๆ ว่าพวกนั้นไม่อยู่แล้ว เทมถามย้ำกับผมอีกหลายครั้งทั้งชั่วโมงจนเริ่มวางใจ


พอรู้ว่าไม่มีพวกนั้นเทมก็ดูกลับมาเป็นปกติรวดเร็วขึ้น และไม่ได้ต่อต้านโรงเรียนขึ้นมาอีก



RRRRRRrrrrrrr



ผมหยิบโทรศัพท์ออกมา เห็นชื่อบนจอแล้วก็รู้สึกอยากหยุดอยู่บ้านกับเทมปุระไปอีกสักยี่สิบวัน ผมตั้งใจจะไม่รับสาย แต่เด็กน้อยของผมก็ตื่นเต้นกับชื่อบนจอเหลือเกิน ผมใจแข็งทำลายสายตาวิบวับนั่นไม่ลง ได้แต่เคลื่อนปลายนิ้วไปรับสาย


"ครับน้ำ"

[ ฮัลโหลลลลลลลลลลลลล! ถึงโรงเรียนหรือยวงงงงงงงงงงเทมมมมมมมมม! ]

"ไม่ใช่เทมครับ"

[ อ้าว หมู มึงมารับโทรศัพท์ทำไม กูจะคุยกับเทม ]

"นี่เบอร์ผมนะครับ ถ้าไม่ให้ผมรับจะเป็นใคร"

[ เอ้า ก็มึงไม่ให้เทมใช้โทรศัพท์ กูจะติดต่อยังไง กูขอเบอร์บ้านเทม มึงก็ไม่ให้ จะให้กูติดต่อยังง๊ายยย บอกกูที๊ หรือจะให้ถามกระจกวิเศษหรือไงวะ แบบกระจกวิเศษเอย บอกข้าเถิด เจ้าหญิงเทมผู้งามเลิศในปฐพีจะมาโรงเรียนหรือยังจ๊ะ มันก็ไม่ได้ไหมวะ เดี๋ยวแม่เลี้ยงใจร้ายจะตามมาเอาแอ็ปเปิ้ลพิษให้กูกิน ข้อหาขโมยกระจกนางอีก ]


ตั้งแต่ผมไม่ให้พวกเขาหรือว่าใครเข้ามาเยี่ยมเทมตั้งแต่วันวุ่นวายนั่น น้ำกับเต้และคนอื่นๆ ก็สลับกันโทรมาหาเทมทุกวันเลยครับ และมันก็ทำให้โทรศัพท์ผมแทบลุกเป็นไฟ ด้วยสายที่โทรเข้าตลอดทั้งวัน ทุกชั่วโมง จนผมทนรำคาญไม่ไหวกดปิดเครื่องไป เพิ่งเปิดเจ้าเครื่องมือสื่อสารอีกครั้งเมื่อเช้า ไม่ทันไรมารผจญก็โทรมาเสียแล้ว


"เทมเป็นผู้ชายนะครับน้ำ เทมเป็นเจ้าหญิงนิทราไม่ได้นะ ต้องเป็นเจ้าชายสิ"


เสียงของไอ้น้ำดังขนาดที่ว่าผมไม่ได้เปิดลำโพง แต่ร่างสูงที่ยืนข้างกันยังได้ยินเสียชัดครบทุกประโยค เทมดูขำกับเพื่อนของตัวเองที่บ่นเสียยืดยาว ก็เป็นเรื่องดีครับที่พอเทมได้คุยกับทุกคนก็ดูกระตือรือร้นอยากกลับไปเรียน แต่ผมก็อดเสียดายเวลาที่ได้อยู่กันสองคนกับเขาไม่ได้อยู่ดี และที่สำคัญ เวลาที่เหลือน้อยนับถอยหลัง ก็ไม่อยากถูกขัดด้วยเสียงโทรศัพท์นะครับ...


[ ถ้ามึงเป็นเจ้าชาย งั้นไอ้หมูแม่งต้องเป็นแม่มดใจร้ายแน่เลยวะ เป็นแม่เลี้ยงใจร้ายที่ลอบฆ่าลูกเลี้ยงตัวเองที่ไปอ่อยเจ้าชาย แต่แม่มดเวอร์ชั่นนี้คงไม่ต้มยาพิษแล้วเอาแอ็ปเปิ้ลจุ่ม น่าจะผลักลูกเลี้ยงลงหม้อต้มแม่งเลยมากกว่า แม่งใช่มาก... ]

"โทรมามีอะไรครับน้ำ ถ้าไม่มีก็แค่นี้นะครับ" ผมรู้สึกหน้าตึงๆขึ้นมากับประโยคของมัน จนรู้สึกไม่อยากเสวนา และไม่อยากให้คนของผมเสวนาไปด้วยมากกว่านี้

[ เดี๋ยวๆๆๆๆ ใจเย็นจ้าแม่มด เอ้ย หมู กูจะถามว่ามาโรงเรียนกันหรือยัง เมื่อคืนวันก่อนกูลืมบอก ปีนี้กีฬาสีเริ่มเร็วหน่อย ให้พวกมึงเอาชุดพละมาทิ้งไว้ที่โรงเรียนได้เลย ]


ผมเลิกคิ้วให้กับคำบอกของน้ำ...นี่มันเดือนกันยาเองนะครับ
ปกติโรงเรียนผมจะมีกีฬาสีช่วงเดือนตุลาครับ เพราะอากาศจะได้ไม่ร้อน และจะได้ถูกจับไปรวมกับสามเดือนกิจกรรม สามเดือนกิจกรรมเป็นชื่อเรียกของสามเดือนสุดท้ายของปีของโรงเรียนผมครับ เพราะท้ายๆปี เรียกได้ว่ามีงานใหญ่หลายงานติดต่อกันเลย ลอยกระทงเอย คริสต์มาสเอย และถัดไปก็งานเลี้ยงอำลาที่จัดควบคู่งานวันปีใหม่อีก เรียกได้ว่าสามเดือนสุดท้ายของปีมีกิจกรรมเยอะกว่าเรียนอีกครับ


แถมเทอมสองเป็นเทอมที่ผมจะยุ่งจนหัวหมุนมากๆ งานสภากองท่วมหัวจนอยากลาออก แล้วค่อยกลับมาสมัครเรียนใหม่เฉพาะเทอมหนึ่ง แล้วนี่ทำไมจู่ๆงานกีฬาสีก็ถูกย้ายมากระทันแบบนี้ล่ะครับ ทีมสภาทำอะไรกัน


[ อย่า! กูรู้ว่ามึงจะถามกูว่าทำไม กูก็ไม่รู้ แต่ในบอร์ดประกาศเลื่อนมาเร็วกว่าเดิม เลยมาบอกข่าวพวกมึงเฉยๆ ]

"ไม่ถามคนไม่มีสมองหรอกครับ ถ้ามีเรื่องจะบอกเท่านี้ งั้นนก็แค่นี้นะครับ"


ผมกดตัดสาย ไม่รอฟังเสียงโวยวายของมันที่ตะโกนตะแง้วๆออกมา เทมดูตาวาววับกับคำว่ากีฬาสี
ไม่อยากบอกเลย...ไม่อยากทำลายความหวัง และความสนุกของเขาด้วย แต่ก็มีแต่ต้องทำเท่านั้นครับ


"ปีนี้...หมูขอให้เทมไม่ลงแข่งกีฬานะครับ..."


ผมเบือนสายตาหลบเจ้าลูกแก้วสีน้ำตาลที่สั่นไหว ใบหน้าเปื้อนยิ้มตอนนี้คงจะหุบลง และกลายเป็นใบหน้าเตรียมพร้อมร้องไห้แล้วแน่ๆ ผมหลับตารอฟังเทมที่ต้องประท้วงไม่ยอม แต่ผมก็คงจะอ่อนข้อให้เขาไม่ได้ งานกีฬาสีของโรงเรียนผม แน่นอนว่าโรงเรียนที่ขึ้นชื่อกิจกรรม ต้องซ้อมกันโหดมากครับ เทมชอบลงแข่งวิ่งวิบาก ไม่เคยชนะเหรียญทองเลยก็จริง แต่ก็ไม่เคยหลุดจากที่สาม เป็นกิจกรรมส่วนรวมไม่กี่อย่างที่เขาเอ่ยปากขอทำเอง


"ท-ท-ท-ทำไมล่ะครับหมูหย็อง เทม เทมไม่สบายหายแล้วนะครับ ไม่ตัวร้อน ไม่ไอแค่กๆแล้ว เดิน...เดินก็ ม-ไม่เอียงๆแล้วนะครับ ลง ลงแข่งไม่ได้เหรอครับ"


เสียงเขาดูสั่น สั่นมาถึงหัวใจของผม ถ้ายังสบตากันอยู่ผมต้องยอมแพ้เขาแน่ๆ


"มันเร็วเกินไปนะครับเทม ไว้เป็นปีหน้า หรือปีอื่นๆได้ไหมครับ"


ผมกลั้นใจหลับตาพูดออกไป บอกตรงๆคือผมยังไม่ไว้ใจอาการของเขา ถ้าเกิดเขาถูกกดดันในตอนซ้อมล่ะ ถ้าเป็นปกติ เขาคงแค่กลัวหรืองอแง แต่ตอนนี้ ตอนที่หัวใจเขาเพิ่งสมานกัน ผมกลัวมันจะเลยเถิด ไหนจะซ้อมวิ่งอีก เทมยังควบคุมร่างกายตัวเองไม่ค่อยได้เลย เกิดเขาวิ่งแล้วมีอุบัติเหตุจะทำยังไง...ผมจะไม่เสี่ยง ผมจะไม่ยอมเสี่ยงเด็ดขาด


"แต่ แต่ แต่ว่า...ฮึก เทม เทม อยากแข่งนี่ครับ ฮือออออออออ"


อา...ในน้ำตาที่หลั่งรินออกมาทั้งชีวิตของเขา แม้แต่ครั้งเดียว ผมก็ไม่อยากเป็นเหตุผลที่ทำให้มันไหลออกมาเลย ผมปวดแปลบกลางอก ดึงร่างสูงเข้ามากอดเอาไว้


"ฮือ เทม เทมอยากแข่งครับ อยะ-อยากแข่ง"


เทมปุระเอ่ยเสียงสั่นคลอ น้ำตาเม็ดโตไหลลงบนบ่าผมไม่หยุด ผมลูบผมนุ่มไปมา ผมรู้ว่าสุดท้ายเขาจะเชื่อฟังที่ผมพูด เพราะเทมให้ความสำคัญกับทุกคำของผมเสมอ เขาสะอื้นฮักอยู่บนไหล่ พึมพำเสียงน่าสงสาร ว่าเขาอยากลงแข่งมากแค่ไหน จนผมแทบจะใจอ่อน



"ฮึก ถะ-ถ้าเทมไม่ได้แข่ง ฮึก...เทมก็จะ ฮึก เทมก็จะไม่ได้กินขนมกรอบกรอบในปี๊บแล้วใช่ไหมครับ ฮืออออออออออ ขนมปี๊บของเทมมมมม"






นั่นแหละครับ...


เหตุผลการลงแข่งกีฬาสีของเด็กน้อยของผม เขาอยากทานขนมในถังสีเงินๆนั่นแหละครับ


ขนมประจำงานกีฬาสี ของรางวัลโง่ๆที่แข่งแทบตายแต่ให้ขนมบ้าบอมาตอบแทน




เรื่องมันเกิดเพราะเมื่อหลายปีก่อน ไอ้สารเลวเต้ลงแข่งบาสแล้วชนะ ได้ขนมปี๊บมาถังใหญ่ มันเอามาแบ่งเพื่อนในห้อง แล้วเทมก็ทานไปด้วย ตอนนั่นผมไม่อยู่ครับ แล้วเทมที่ทั้งชีวิตตั้งแต่เจอกันกับผม เขาก็ไม่ได้ทานขนมไร้สาระหรือไม่มีประโยชน์แบบนั่นอีกเลย พอได้กลับมาทานก็ติดใจยกใหญ่ งอแงอยากทานตลอดเวลา


ผมก็ทำใจไม่ได้ที่จะให้เขากินขนมที่กรรมวิธีการทำไม่ได้มาตรฐาน ไม่รู้ส่วนผสมมาจากยังไง สะอาดไหม ใช้ของดีหรือเปล่า แค่คิดว่าเทมจะทานของน่ากลัวแบบนั้นผมก็ทำใจไม่ได้แล้วครับ แต่เทมก็ยังคงงอแง อย่างที่รู้กันถ้าเป็นเรื่องขนมเทมจะดื้อและตั้งใจเป็นพิเศษ


จนผมต้องจำใจลากคอไอ้เต้มาพูดให้ บอกเขาว่ามันเป็นขนมที่ต้องชนะกีฬาสีเท่านั้นถึงจะได้มา ไม่มีขายทั่วไป
ผมก็นึกว่าเทมปุระจะยอมแพ้ ที่ไหนได้ เด็กน้อยของผมฮึดสู้ แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเพื่อเจ้าขนมก๊องแก๊งนั่น ถึงขนาดยอมไปลงแข่ง ยอมไปเจอคนแปลกหน้าเลยครับ


ส่วนผมพอเห็นแบบนั้น จะกลับคำก็ไม่ได้เสียแล้ว จะห้ามไม่ให้เขาทานก็ไม่ได้ เขาตั้งใจเสียขนาดนั้น เรื่องมันบานปลายเลยเถิด จะให้ผมไปซื้อให้ หรือจะแอบสั่งทำพิเศษมาให้เขา ก็ไม่ทัน ผมไม่อยากเป็นคนโกหกในสายตาเทม แม้จริงๆแล้วผมจะบีบคอไอ้เต้ให้เป็นคนไปพูดก็เถอะ...


นั่นแหละครับที่มาของแรงฮึดของเทมปุระ แรงจูงใจทุกปีที่จะลงแข่งกีฬาสี และต้นเหตุที่ทำให้เด็กน้อยของผมงอแงอยู่บนไหล่ของผมตอนนี้ ก็เพราะอยากทานเจ้าขนมสองกิโลร้อยนั่นแหละครับ...


"ไม่ร้องนะครับเทม ไว้หมูจะพาไปทานเค้กร้านโปรดแทนดีไหมครับ?"

"ฮึก ฮือ ต-แต่ว่า เค้กมีทั้งปี แต่ แต่ แต่ว่าขนมปี๊บมีปีละครั้งนะครับหมูหย็อง ฮือ ขนมแห่งเกลียดตะยดนะ"

"เกียรติยศครับเทม..."

"ฮืออออออ เกียรติยศ"


ไอ้ขนมถังๆสีเงินนั่นมันกลายไปเป็นขนมที่มีคุณค่าขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเทม...ผมล่ะเสียใจกับตัวเองในอดีตจริงๆ ที่ใจร้อนรีบอธิบายเทมไปแบบนั้น จนต้องมาปวดหัวในตอนนี้


เทมดูไม่มีทีท่าจะหยุดร้องไห้จนผมปวดหนึบไปทั้งใจจนจะตายอยู่แล้ว ผมกอดร่างสูงแน่นอยู่นาน ลูบหัวปลอบก็แล้ว ลูบหลังปลอบก็แล้ว


ผมเกลียดเหงื่อ เกลียดการกระทำโง่ๆ เกลียดกีฬาที่ดูทำให้เสียภาพพจน์ที่ดี เช่นกีฬาบ้าๆที่วิ่งๆไปแล้วก็ต้องเป่าแป้ง เพื่อใช้ปากคว้านหาของ กระโดดไปมาเพื่อกินขนมปังที่ห้อยอยู่ หรือทำตามภารกิจอย่างเดินไปพาคนที่เกลียดมาวิ่งเข้าเส้นชัย


ผมเกลียดมัน


แต่ผมรักเขา
รักเขามากพอที่จะตัดสินใจ



"เด็กดี หยุดร้องไห้นะครับ"

"เทมเสียใจ ฮึก"

"หมูรู้ครับ ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องร้องไห้นะครับเทม...ปีนี้หมูจะแข่ง หมูจะลงแข่งแล้วเอารางวัลมาให้เทมเองนะ"



ตัดสินใจลงแข่งเพื่อชนะเอารางวัลที่เขาอยากได้มาให้ แม้ความจริงผมจะอยากเดินไปสั่งแม่บ้านให้ไปซื้อให้ที่ตลาดก็ตามทีเถอะ



"จริงเหรอครับ" เทมเงยหน้าพรวดออกมาจากไหล่ของผม ดวงตาเขาขึ้นสีแดงเพราะการร้องไห้ที่ยาวนาน เจ้าตัวซูดน้ำมูกก่อนจะรีบถามผมย้ำๆ


"จริงเหรอ จริงเหรอหมูหย็อง แต่ แต่ว่าหมูหย็องไม่ชอบกีฬาปิ้งแดดนี่ครับ เทม เทมอยากทานขนม แต่ แต่ว่าก็ไม่อยากให้หมูหย็องทำสิ่งที่ไม่ชอบด้วย ไม่...ไม่ทานก็ได้ครับ"

"กีฬากลางแจ้งครับเทม ไม่ใช่ปิ้งแดดนะ"

"กีฬากลางแจ้งครับ"


ผมยิ้มให้เด็กน้อยที่ดูทั้งตื่นเต้นและสับสนจนลนลานไปหมด น้ำตาที่แห้งเหือดทำเอาผมใจชื้น
ในคำว่ายอมของเขามันมีคำว่าอยากทานแปะหราเด่นชัดอยู่นะครับ และจากเหตุการณ์สะเทือนใจของเขา ผมถือว่าผมเห็นแก่ตัวเองมากเหมือนกันที่ไปห้ามเขาในสิ่งที่อยากทำ เพื่อความสบายใจของผม ที่จริงอะไรที่ทำให้เขามีความสุข ผมไม่อยากขัดหรอกครับ แต่อะไรที่มันไม่ดีต่อเขา ผมก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน...


รอยยิ้มของเขาสำคัญต่อผมมาก ผมชอบเขาตอนมีความสุข และตอนเขาทานมันเขาก็มีความสุข และความสุขของเขามันเหนือกว่าคำว่าไม่ชอบของผมมาก


"หมูก็อยากลองแข่งกีฬาสีดูสักครั้งเหมือนกันครับ"

"จริงเหรอครับ"

"จริงส่วนหนึ่งครับ"

"จริงส่วนหนึ่งคืออะไรเหรอครับ"

"จะสายแล้วนะครับเทม"

"จริงด้วย! สติ๊กเกอร์ของเทม สมุดๆๆๆ"


ผมเปลี่ยนเรื่องเบนความสนใจของเขาไป และโชคดีจริงๆที่เด็กน้อยผมคล้อยตามอย่างง่ายดาย เราออกจากห้องตอนหกโมงสี่สิบห้า เทมที่ตาปูดเพราะร้องไห้แต่ดูอารมณ์ดีจัดดูเป็นภาพที่ขัดแย้งและน่ารัก เขาร้องเย้ๆดูมีความสุขไปตลอดทาง และผมก็ยิ้มมองภาพนั่นอย่างสุขใจไปจนถึงโรงเรียน






ผลัวะ


"โอ้ย! อะไรวะไอ้หมู ตีกูทำไมเนี่ย" พอถึงห้องเรียน พอเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่เป็นตัวต้นเหตุ ผมก็แอบพาลไม่ได้ จนเดินตรงเข้ามาโบกหัวมันหนึ่งที จนมันที่กำลังจะทักทายพวกผมยกมือกุมหัวอย่างงงงวย ผมส่งยิ้มที่ไปไม่ถึงตาให้มัน

"แมลงเกาะหัวน่ะครับ"

"ใช่เหรอวะ..." ผมยิ้มไม่ตอบอะไร

"อ้าว พวกมึงมากันแล้วเหรออออออออ" น้ำที่เพิ่งมาถึงห้อง เดินตรงเข้ามาหาพวกผมที่นั่งกันอยู่ก่อนแล้ว


"เต้ๆๆๆ น้ำๆๆๆๆ ปีนี้! ปีนี้นะ ปีนี้" เทมที่ดูตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นประโยค พอเห็นเพื่อนมากันครบ เหมือนในที่สุดความอดทนก็สิ้นสุดลง เขาเม้มปากกลั้นยิ้มไว้ตั้งแต่ลงจากรถ พอเจอลุงยามก็ตรงเข้าไปคุยฟุ้งให้ฟังใหญ่ ว่าปีนี้ผมจะลงแข่งกีฬาสี ตื่นเต้นดีใจจนไม่ได้สังเกตสายตาคนรอบตัวที่มองมาที่ผมกับเขา ซึ่งผมถือว่ามันเป็นเรื่องดี พอขึ้นมาถึงห้อง ก็บอกผมว่าอย่าเพิ่งบอกเต้กับน้ำนะ เขาจะบอกเอง แล้วก็อมยิ้มแก้มป่องรอน้ำมานี่แหละครับ


"อะไรวะเทม ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆพูดๆโว้ยยย ไม่ได้จะหนีไปไหนเล้ยยย"

"เออ ใจเย็นๆมึง เกิดไรขึ้น ไหนบอกพ่อสิลูก"

"เอ เต้ไม่ใช่พ่อเทมนะครับ ไม่ได้เป็นแฟนคุณแม่นี่น่า"

"แค่ก แค่ก มุกโว้ย มุก ล้อเล่นอ่ะล้อเล่น"

"อ๋อๆๆๆ"

"แล้วตกลงมีอะไรวะ"

"คือว่า คือว่า ปีนี้นะ ปีนี้นะ หมูจะลงแข่งกีฬาสีล่ะ!!!"

"ก็นึกว่าอะไร ที่แท้ก็แค่ไอ้หมูลงแข่งกีฬาสี...!!!!!...."

"!!!"

"หาาาาาาา มึงพูดว่าอะไรนะ!? / หาาาาาาา มึงพูดว่าอะไรนะ!?"


ผมขมวดคิ้ว เมื่อจู่ๆไอ้เต้กับไอ้น้ำก็หันคอแทบหักมาตะโกนถามผม สองเสียงของแฝดนรกแหกปากประสานเสียงพร้อมกันดังไปทั่วห้อง เรียกสายตาทุกคนหันมามองเป็นจุดเดียว


"ไอ้หมูจะลงแข่งกีฬาสี / ไอ้หมูจะลงแข่งกีฬาสี!"


พวกมันถามย้ำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หน้าตาพวกมันสองคนตลกมากครับ เหมือนโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ


"อะไรนะ!? หมูจะลงแข่งกีฬาสี!?"


เอ่อ...แม้แต่คนในห้องที่เหลือก็ตะโกนด้วยเสียงตกใจตามไปด้วย แล้วนี่แอบฟังพวกผมคุยกันหรือไงครับ พอผมหันไปมองรอบๆ ทุกคนก็แกล้งก้มหน้าลงอ่านหนังสือ จัดกระเป๋าต่อไปแบบไม่เนียน ไม่ได้ซ่อนหูที่กางออกเหมือนพร้อมตั้งใจแอบฟังเต็มที่


ไอ้น้ำเอามือมาวางบนหน้าผากผม ทำท่าเหมือนกับจะวัดไข เทมที่พอเห็นฝ่ามือคนอื่นมาสัมผัสผมก็มุ่ยหน้า รีบปัดมือไอ้น้ำที่เอาแต่อ้าปากค้างออกทันที


"ไม่เอานะ ไม่แตะหมูหย็องนะ"

"เออๆ โทษๆ กูลืมตัวว่ะ แค่จะวัดไข้มัน นึกว่าแม่งไม่สบายนะเนี่ย หรือมันไม่สบายจริงๆ เอ๊ะ หรือมันไปเดินแล้วลื่นล้ม หัวโขกที่ไหนหรือเปล่าวะ"

"มึง กูดูพยากรณ์อากาศเมื่อกี้ ฝนไม่ตกนะเว้ย เฮ้ย หรือพายุจะเข้าทีเดียวแบบถลมประเทศเลยวะ"


ผมอยากจะถอนหายใจกับพวกมันที่เล่นใหญ่ ไอ้เต้หยิบโทรศัพท์มาเปิดดูพยากรณ์อากาศ ไอ้น้ำก็หยิบโทรศัพท์มาทำเป็นโทรหาโรงพยาบาลให้ส่งรถฉุกเฉินมารับผม


"จริงๆนะ หมูบอกว่าจะลงแข่งเอารางวัลให้เทม"

"รางวัลปีนี้เขาให้เครื่องบินส่วนตัวเป็นรางวัลเหรอวะมึง ทำไมไอ้หมูถึงยอมลงแข่ง"

"ใช่เหรอวะ กูก็เห็นแม่งให้แต่ขนมปี๊บทุกปีอ่ะ"

"ใช่ๆๆๆๆๆ ขนมปี๊บของเทมๆๆๆๆ หมูจะเอามาให้เทม"

"วิ่งวิบากที่มึงแข่งป่ะ ปีนี้โหดนะเว้ย ห้องไอ้กานต์ปีนี้มันบอกจัดเต็มมาก"

"อ้อออออออออออออออออออออออออออ ทำเพื่อเทมนี่เอง กูก็นึกว่าแม่งไม่สบาย ไม่ก็โดนเอเลี่ยนมายึดร่าง ถึงได้สมองกลับคิดจะลงแข่งกีฬาสี ปกติแค่แม่งเดินออกไปข้างนอกก็หงุดหงิดแล้วแท้ๆ โอ้ยย"


ผมเหยียบเท้าไอ้น้ำใต้โต๊ะ เมื่อมันเริ่มพูดมากเกินไป ผมเหลือบตาไปมองเทม กลัวเขาจะคิดมาก ดีว่าเจ้าตัวกำลังคุยฟุ้งใกับเต้เรื่องการลงแข่งเลยไม่ทันฟังน้ำ


"น้ำว่าอะไรนะครับ เรียกเทมหรือเปล่า เมื่อกี้เทมคุยกับเต้อยู่"

"เปล่าๆ กูแค่จะถามว่าแล้วปีนี้มึงจะแข่งกีฬาอะไรไหม"


ไอ้น้ำยิ้มเหยเกเมื่อผมสบตากดดันมัน เทมที่พอได้ยินคำถามจากน้ำก็หันมาทางผม ใบหน้าดูสงสัยทั้งๆที่เป็นเรื่องของตัว เอียงคอส่งคำถามมาให้ผม เหมือนเด็กน้อยที่รอพ่อแม่ตัดสินใจให้


"ปีนี้เทมไม่แข่งครับ เป็นกองเชียร์เฉยๆ"

"ปีนี้เทมไม่แข่งครับ เป็นกองเชียร์เฉยๆ"


เทมยิ้มกว้างเมื่อได้คำตอบ ก่อนจะคัดลอกคำพูดผมไปตอบคำถามน้ำ ไอ้น้ำทำหน้าละเหี่ยใจกรอกตาไปมาใส่ผมสองคน


"เออๆ เอาที่พวกมึงสบายใจ"







ไอ้เต้กับไอ้น้ำกำลังเค้นคอผมให้สารภาพอยู่ครับ


"กูว่ามึงชัดๆอ่ะหมู ในไอจี ในทวิตเขาแอบถ่ายรูปมึงอยู่ที่สถานีได้ด้วย แคปชั่น 'หนุ่มฝรั่งนายแบบสุดหล่อควงแฟนหนุ่มเที่ยว แสนใจบุญแจกเหรียญบนบีทีเอส' กูนี่อยากจะหำ เอ้ย ขำ แม่งคงแลกเหรียญแล้วไม่มีที่เก็บอ่ะดิ มนุษย์ไม่เก็บเหรียญอย่างมันอ่ะ บ้านนอกที่แท้ทรู ไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้า ว้าย ว้าย"

"เออ มึงกับไอ้เทมชัดๆ! พวกมึงแม่ง แอบหนีเที่ยวกันก็ไม่บอกพวกกู นี่ไม่อยากจะโม้ พวกกูควงสาวไปเที่ยว ตรงนี้นะ อะฮืม อะฮืม บะเริ่มเทิ่ม ใหญ่อย่างงี้!"

"ในคาเฟ่กูไดิยินเสียงโทรศัพท์มึงด้วย มึงใช่ไหม!"

"มึงใช่ไหมบักดิมิทรี ยอมรับมา!"


แรงสะกิดที่ต้นแขนทำให้ผมหันหน้าออกจากวงสนทนา ทิ้งพวกมันแหกปากถามต่อไปโดยไม่สนใจ


"หมูหย็อง หมูหย็อง เทมไปห้องน้ำนะครับ"


ไอ้ความรู้สึกเดจาวูนี่มันคืออะไรกันครับ เหตุการณ์คล้ายๆเหมือนเคยเกิดขึ้นนี่มัน...คำว่าเข้าห้องน้ำของเทมปุระ ทำเอาแฝดนรกชะงักกึก มันกุมท้องทำท่าโอดโอย


"โอ้ยยยยยย ปวดฉี่โว้ยยยยยยย"

"เออว่ะ ปวดฉี่ชิบหายเลย จะราดอยู่แล้ว"

"เทมมึงจะไปฉี่เหรอวะ ได้ยินแว่วๆ กูไปด้วยดิ"

"อะไรนะ ใครจะไปห้องน้ำ กูไปด้วยๆๆ"

"เต้กับน้ำก็ปวดเหรอๆๆ งั้นไปห้องน้ำกันนะ แต่ว่าแบบนี้ห้องน้ำอาจารย์ก็เข้าไม่ได้น่ะซี่คนเยอะ"

"ไปข้างล่างก็ได้ กูไม่ปวดขนาดนั้น หรือมึงจะเข้าก่อนก้ได้ เดี๋ยวพวกกูยืนรอแล้วค่อยไปเข้าแถวกัน"

"เออ กูไม่ได้ปวดขนาดนั้นอ่ะ รอมึงก่อน"

"อ้าว ไหนน้ำกับเต้บอกว่า..."

"เออน่ะ ลุกๆ จะไปห้องน้ำใช่มะ มาๆๆ รีบๆไป เดี๋ยวเข้าแถวช้า โดนประกาศดุใส่ไมค์น่าอายนะมึง"

"จริงด้วยครับ งั้นไปห้องน้ำกันนะ"


ผมเบิกตามองพวกมันสองคนที่จู่ๆก็เกิดนึกจะมาปวดห้องน้ำพร้อมกันแล้วอดหัวเราะไม่ได้


"อืม หมูก็อยากเข้าห้องน้ำเหมือนกัน"

"หมูหย็องด้วยเหรอ โหๆๆๆ เท่จังเลย ปวดห้องน้ำพร้อมกันเลย"


เทมยิ้มร่าเริงแล้วเดินนำออกจากห้อง เจ้าตัวไม่รู้เรื่องอะไรเลย ว่าตอนนี้ตัวเองได้กลายเป็นเจ้าหญิง ที่มีองครักษ์ถึงสามคนกำลังพิทักษ์พาไปเข้าห้องน้ำ ผมหัวเราะในลำคอมองเพื่อนทั้งสองคน พวกมันหลบสายตาทำเป็นผิวปาก ชมนกชมไม้ไม่ยอมสบตากับผม ทีกับเรื่องดีๆนี่ทำแล้วดันหน้าบาง ทำเขินอายนะครับ ผมล่ะงงกับพวกมันจริงๆ


"อ้าว ไปไหนกันวะ" อเล็กซ์ที่เดินผ่านมาถามพวกผม

"เทมปวดฉี่ จะไปห้องน้ำ" ไอ้เต้หันไปตอบเสียงดัง

"อ้าวเหรอ เออ มึงพูดแล้วก็ก็ปวดขึ้นมาเลยว่ะ ไปด้วยๆๆๆ"


แล้วก็ได้องครักษ์เพิ่มมาอีกหนึ่งคน

"อ้าว พวกมึงไปไหนอะ"


ไม้กับธันวาที่เดินคู่กันมา เมื่อเห็นพวกผมเดินลงบันมาเป็นกลุ่มใหญ่ก็ถาม
เหตุการณ์เดจาวูนอกจากเทมเข้าห้องน้ำช่วงเช้า ก็คือเจ้าหญิงได้องครักษ์คุ้มครองเพิ่มหลังจากประโยค


"อ๋อ เทมไปเข้าห้องน้ำ"


"รู้ใจกูจัง ไปด้วยๆ แหม ส้มตำเจ้ดาเมื่อคืนทำพิษกูซะแระ ตดปู้ดป้าดปี้ดปู้ดตั้งแต่เช้า ต้องไประเบิดสักหน่อย" ธันวา

"ไปด้วย" ไม้ เหรัญญิกของสภาผู้แสนเงียบขรึม ขอไปด้วยด้วยถ้อยคำสั้นๆ

ในระหว่างทางไปห้องน้ำ ขบวนของเจ้าหญิงเทม ยังได้รับผู้ร่วมทางเพิ่มมาอีกหลายคน





ไม่เว้นแม้กระทั่ง




"อ้าว พวกเธอจะไปไหนกัน" เปียและหญิงที่เพิ่งเดินออกมาจากทางไปห้องน้ำก็ทักขึ้น


"เทมจะเข้าห้องน้ำ" เสียงหลายคน หลายเสียงประสานกันจนเป็นเสียงดัง


"อุ้ย เหมือนจะลืมหวีไว้ในห้องน้ำอ่ะเปีย"

"เออ เราก็ว่าเราลืมอะไรสักอย่างไว้ที่ห้องน้ำนะหญิง"

"เพราะงั้นก็..."


"ไปด้วยดิ / ไปด้วยดิ"




องครักษ์หญิง...






แทบจะเป็นจะต้องจดบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนสิงหสารสารทวิทยา กับการเข้าห้องน้ำพร้อมกันมากกว่ายี่สิบคน ไม่ใช่สิ...ต้องบอกว่าเข้าหนึ่งคน




"123456...โห โห เยอะจังเลย ทุกคนปวดพร้อมกันเลย ห้องน้ำจะพอไหมนะ หมูหย็องครับ หมูหย็อง ห้องน้ำโรงเรียนเรามีกี่ห้องครับ จะไม่พอหรือเปล่า เทมวิ่งขึ้นไปเข้าข้างบนดีไหมครับ"


"หึหึหึๆ พอสิครับเทม"




เพราะคนเข้าน่ะมีคนเดียว



ที่เหลือน่ะ



ผู้ติดตามมาส่งล้วนๆ






แน่นอนว่าการเข้าห้องน้ำครั้งนี้...


เป็นไปอย่างราบรื่นครับ




















end 23 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-10-2018 21:05:38 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter


ตอบคุณ Lautenyu
@ จริงๆแล้วน้องหมูเป็นตัวร้ายของเรื่องนี้ค่ะ บอสลับสุดแล้ว 55555555555

ตอบคุณ catka12
@ กำลังทยอยหวานให้นะคะ หวานโครมเดียวกลัวคุณ catka12 จะหมั่นไส้แทน ก๊ากกก จะมาเรื่อยๆไม่เยอะมาก แต่ไม่ขาดตอนนะคะ สำหรับสองคนนี้ >v< ♥

ตอบคุณ Meen2495
@ ช่วยด้วยค่ะ เรากำลังจะตายเพราะคอมเมนต์ของคุณ Meen2495 ฮือออออออ ดีใจจนจะตายอยู่แล้ว
แค็ปเก็บไว้รัวๆ O<--< ฮือออ คิดว่าตัวเองยังไม่เก่งขนาดนั้น แต่ว่าดีใจมากค่ะ
ถ้าทำให้คุณ Meen2495 รู้สึกมีส่วนร่วมไปกับเด็กๆได้ เท่านั้นเราก็บรรลุแล้วค่ะ ลอยขึ้นฟ้าาาาาาา
ขอบคุณมากนะคะ กอด กอด กอดดดดดด
แก้ไขแล้วนะคะ แฮ่ แต่ภาพรวมเรื่องเดี๋ยวรายละเอียดจะมานั่งแก้ดีๆอีกครั้งนะคะ
ตอนนี้กำลังมีไฟ ขอเขียนไปยาวๆก่อนค่ะ แฮ่ แต่ท้วงติงขึ้นมาได้ตลอดนะคะ อันไหนพลาดใหญ่ๆ บอกได้เสมอเลยค่ะ ^___^

ตอบคุณ suikajang
@ จะช่วยกั้นหมูไว้ให้สิบวินาทีนะคะ! รีบๆกอดเลยค่ะ ฮาาา
ปาดเหงื่อ ไม่รู้เลยค่ะว่าหมูจะลักพาตัวเทมหนีไปแต่งสองคนเงียบๆที่เกาะไหนหรือเปล่า ก๊ากกก
จะร่อนการ์ดเชิญเลยนะคะ

ตอบคุณ aoihimeko
@ U///U ขอบคุณมากค่า ♥ ตอนต่อไปมาแล้วนะคะ อย่าลืมมาอ่านน้า

ตอบคุณ กาแฟมั้ยฮะจ้าว
@ ขอบคุณค่าาาา






ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o13 ok เทม ..เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำด้วย.... ประมาณว่าปวดก็ได้  o13
รักคนเขียนค้าาาาา  :mew1:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
จริงอยู่ที่ขนมปี๊บมันดูก๊องแก๊ง แต่!!  มันดีจริงๆนะ เพราะมันอร่อย. อิอิ

อยากเห็นเชียร์ๆจากหนูเทมเร็วๆจัง

งุ้ย...เอ็นดู :กอด1:

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 o22  โห 10วิ งั้นไม่ต้องค่ะเกรงใจ กลัวลูกหลงจะไปทำคนอื่นๆ เดือดร้อน เฮียหมูของเขาแรงงงส์  :m20:
เอาเป็นว่าให้น้องหมูกอดไปคนเดียวเลยค่ะ แล้วดูดู๊ แค่เพื่อนแตะวัดไข้น้องเทมก็ไม่ให้แตะล่ะ ยอมใจคู่นี้ค่ะ
ต่างคนต่างหวง ห่วงกันเกิ๊น ชอบจังบรรยากาศเพื่อนๆ น่ารักกันทุกคนเลย  o13
ปล. ชักคิดถึงแม่จำปาล่ะ จะมีทางรักษาเขาให้ไหมค่ะ เพลียจริงๆ  :jul3:
    :กอด1:  :pig4:   :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด