พิมพ์หน้านี้ - ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 61 * 23/02/63

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: ZOFIARIN ที่ 01-09-2018 21:04:08

หัวข้อ: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 61 * 23/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 01-09-2018 21:04:08
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0





(https://i.imgur.com/1b5jyAM.png)


(https://i.imgur.com/3Nz1jdN.png)

เรื่องราวของเด็กชายออทิสติก ผู้ถูกแอบรักโดยเพื่อนสนิท
ที่สถาปนาตัวเองเป็นผู้ปกครองเขา
ความรักที่ท่วมท้น กับอีกคนที่ใสซื่อเกินจะรู้
ผู้ปกครอง
ที่สักวัน
หวังจะเป็น

...ผู้ครอบครอง…


.
.
.



คำเตือน

เนื้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับความรักของชายรักชาย
และอาจมีข้อผิดพลาดทางการเขียน ทางเหตุผล ทางความสมจริง
เรื่องราวและความรู้ในนิยายถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

นิยายอาจจะมีการแก้ไขเนื้อหา Rewrite อยู่ตลอดเวลาจนกว่าจะจบ



zofiarin lll moore
นัก(อยาก)เขียนผู้อวยพระเอก.



ใครเล่นทวิตเตอร์ อยากบ่น พูดคุยเกี่ยวกับนิยาย
 twitter #เพื่อนผู้ปกครอง นะคะ
ขอบคุณมากค่ะ


: )



(https://i.imgur.com/1b5jyAM.png)


ขอบคุณพี่ Meen2495 ที่คอยช่วยแก้ไขคำผิดด้วยค่า
M(_ _)M





 
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 2 * 1/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 01-09-2018 21:07:59







▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    1    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇










          “เธอช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ~ ในความคุ้นเคยกันอยู่ มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น ~ ♪ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเล้ยยยยยยยย ว่าเพื่อนคนหนึ่ง มันแอบ มันคิดอะไร ไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน ♪ ...ขอเสียงคนคิดไม่ซื่อกับเพื่อนตัวเองหน่อยพี่น้องคร้าบบบ!”



          เสียงเพลงประจำชาติของคนแอบรักเพื่อน ดังกรอกหูผมด้วยเสียงร้องที่คุ้นเคย



              อา...นี่ผมอุตสาห์สั่งเปลี่ยนกลอนประตู เป็นแบบล็อกด้วยรหัสและคีย์การ์ดแล้วนะครับ พาสเวิร์ดผมก็เปลี่ยนทุกอาทิตย์ ยังอุตส่าห์จะเดารหัสแล้วบุกรุกเข้ามาทรมานกันอีกจนได้

          ผมคร่ำครวญในใจ สั่งให้สมองตัวเองจำไว้ว่าอย่าลืมหาประตูแบบอื่นมาติดตั้ง เพื่อป้องกันตัวอันตรายเข้ามาจู่โจม



          ยามเช้าที่แสนซ้ำซากและน่าเบื่อ

          สาบานเถอะ ให้สุนัขฉี่รดสังกะสีเสียงยังเพราะน่าฟังกว่าร้อยเท่า

          แม้ว่าผมจะพยายามคำรามในลำคอเป็นเชิงไล่กลายๆ แต่ต้นตอของเสียงร้องแห่งหายนะ ยังคงตะเบ็งเสียงกรีดร้องโหยหวนดำเนินต่อไป ไม่ได้สนใจคำเตือนที่ผมมีให้เลยสักนิดเดียว



          เสียงบาดหูยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดังขึ้นเรื่อยๆไม่มีทีท่าจะหยุดลง




          “ให้ตายเถอะโจเชฟ พี่มันน่ารำคาญ!" ผมรำคาญเขา จนเผลอหลุดพูดสบถภาษาบ้านเกิด

               "ภาษาไทยสิจ๊ะคุณหลวง" ปกติคำร้องขอของเขาจะถูกผมเมินเฉยโดยสิ้นเชิง แต่ในวันนี้ วันเปิดเทอมวันแรกแบบนี้ ผมไม่อยากปวดหัวและอารมณ์เสียตั้งแต่วันแรกนะครับ

               ผมยอมลดเสียงให้เรียบนิ่งลง เอ่ยด้วยภาษาที่พี่ชายตัวเองต้องการ

               "เฮียปลาครับ รบกวนหยุดร้อง หยุดการกระทำอันป่าเถื่อนของเฮียเดี๋ยวนี้ เพลงเขาเสียหายหมดแล้วครับ!”

          "ขออีกท่อนได้ไหมจ๊ะคุณหลวง จำปาไม่อยากค้างคาเหมือนขี้คาก้น ....เธอช่างไม่รู้วววววววอะไรบ้างเลย ~ ในความคุ้นเคย เอย เอย เอย ~ กันอยู่ มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่าน้านนน ~ ♪"



          ผมลุกขึ้นพรวด ถีบผ้าห่มตกเตียง วางคำว่ามารยาทเอาไว้ในโลกแห่งความฝัน เอื้อมมือคว้าคอเสื้อของพี่ชาย ผู้กำลังทำหน้าวอนอวัยวะเบื้องล่างของผมอยู่ คิ้วที่เลิกขึ้นสองสามครั้ง บอกได้เลยว่าเขาไม่ได้กลัวกันสักนิด แถมยังทำท่าสะดุ้งเกินจริงได้น่าต่อยย้ำลงไปเอามากๆ


          เขายังคงร้องเพลงแห่งความตายออกมา


          มือของผมที่กุมคอเสื้อคนตรงหน้า เขย่าไปมา พยายามให้พี่ชายตัวเองหยุดฆ่ากันด้วยเสียง มันเป็นวิธีที่เหี้ยมโหด และเป็นสาเหตุการตายที่อเนจอนาถ น่าสมเพชเกินกว่าจะรับได้ ถ้าจะต้องตายเพราะเสียงร้องของเฮียปลาหย็อง สู้ให้ผมเดินเตะโต๊ะนิ้วก้อยเท้าหลุด แล้วติดเชื้อในกระแสเลือดดับสูญไป ยังนับเป็นการตายที่มีเกียรติ ดูดี และคุ้มค่าที่เติบโตมามากกว่าเป็นไหนๆ



               "ผมบอกแล้วไงครับ ว่าห้ามเข้ามาในห้องของผมก่อนได้รับอนุญาต" ผมบ่นเขาเป็นภาษารัสเซียด้วยใบหน้าหงุดหงิด เสี้ยวหนึ่งเจ้าปีศาจในใจ กระซิบบอกให้ผมเตะเขาออกนอกระเบียงชั้นเจ็ดไปซะ

          “อะไรกันหย็องที่สี่ นี่เฮียปลาจ๋าสุดน่ารัก อุตส่าห์ร้องเพลงอวยพรต้อนรับเปิดเทอมนะ ชิชะ ทำมาเป็นรำคาญพี่รำคาญน้อง จำปางอนนะจ๊ะงอน”



           พูดอย่างเดียว เฮียปลาหย็องคงเกรงว่าผมจะไม่เชื่อว่าเขางอนจริง ใบหน้าที่มีส่วนคล้ายกัน ทำปากจู๋แก้มป่องใส่ผมเป็นภาพประกอบ ซึ่งมันไม่ได้น่ารักน่าชังเลยแม้แต่น้อยครับ ไม่ใกล้เคียงคำนั้นเลยสักนิดเดียว...แล้วให้ตายเถอะ หน้าของเฮียปลาหย็องตอนนี้ ทำเอาผมคิดไปถึงภาพศพปลาทองขึ้นอืดในโถสักสิบวันลอยซ้อนทับกันมาเลยทีเดียว




               พลั่ก!



          เสียงผมถีบอาเฮีย พี่ชายบังเกิดเกล้าของตัวเองแบบแน่นๆเน้นๆ จนเจ้าตัวล้มลงไปนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น ไม่ต้องตกใจไปครับ บ้านผมเป็นพวกใช้ความรุนแรงแทนการบอกรัก เลี้ยงด้วยลำแข้งกันมาแต่เล็กแต่น้อย ครอบครัวของผมเลี้ยงกันมาแบบเพื่อนกัน มากกว่าจะแบ่งศักดิ์ด้วยอายุ เพราะแบบนั้นเรื่องถึงเนื้อถึงตัวในด้านการใช้กำลังจึงเป็นเรื่องสามัญ เหมือนมุกตลกหรือสูตรอาหารประจำบ้านนั่นล่ะครับ



          นับว่าได้ด้านสีขาวช่วยรั้งเอาไว้ ดีแค่ไหนกันที่ผมไม่ไปเตะเขาที่ชานระเบียง...



          และยิ่งเป็นอาเฮียปลาหย็องท่านนี้ มีป้ายติดไว้บนหน้าว่าเป็นพวกมาโซคิสชอบโดนรุนแรงใส่ ไม่โดนสักวันแล้วจะกินข้าวไม่ลง ยืนตรงๆไม่ได้ ต้องเข้าไปก่อกวนพี่น้องสักคน แล้วโดนตบตีกลับมาให้สบายกายสบายใจ ยิ่งไม่ต้องเป็นห่วงไปนะครับ

          ความเจ็บปวดเป็นเชื้อเพลิงในการใช้ชีวิตของอาเฮียเขา



แต่แล้วผมก็ต้องนึกเสียใจ...

          อา...ผมไม่น่าถีบเฮียแกไปเลยครับ น่าจะลุกเอาหมอนไปอุดหน้าให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเสียมากกว่า

เพราะเหมือนลูกถีบยามเช้าเมื่อสักครู่นี้ จะไปสะกิดต่อมเรียกความน่ารำคาญของเฮียเข้าซะแล้ว



เสียงสะอึกสะอื้นดังทดแทนเสียงร้องเพลง แต่ก็ให้ผลทำลายประสาทพอกัน



          “คุณหลวง! คุณหลวงถีบจำปาทำไมเจ้าคะ จำปาทำอะไรผี้ดดดด จำปาจะฟ้องหม่อมแม่! ให้คุณหญิงแม่ไม่ให้คุณหลวงกินข้าวเช้า ฮืออออ คนใจร้าย คนใจดำ!”



          จำปาเสียงใหญ่เหมือนคิงคองตอนกำลังเกรี้ยวกราด ทำท่าบีบน้ำตาพลางเอามือปิดปาก แล้วลุกขึ้นวิ่งหนีพร้อมท่าสโลวโมชั่นออกนอกประตู พร้อมเสียงเพลงประกอบที่เจ้าตัวฮัมเพลงเอง เป็นทำนองประกอบการย่างกรายออกจากห้องไป

          ออกจากห้องไปแล้วยังไม่วายเดินลงส้นเท้าปึงปังเพื่อบ่งบอกความไม่พอใจให้ชัดเจนอีกครั้ง



         

          ในที่สุดห้องผมก็กลับมาเงียบสงบอย่างที่ควรจะเป็น เช้าวันเปิดเทอมของมัธยมสาม ช่างเป็นการเริ่มต้นได้บัดซบตั้งแต่วันแรกเลยทีเดียว จริงๆนอกจากความกวนของเฮีย ผมจะไม่อะไรเลยครับ เพราะชาชินกับความไม่เต็มของพี่คนโตมาเนิ่นนาน แต่เพลงที่ร้องนี่มันตอกย้ำ ซ้ำเติม สะท้านสะเทือนไปถึงทรวงใน ไม่ต้องถามถึงหัวใจที่เจ็บแสบเหมือนใครเอาเข็มมาจิ้ม แล้วราดซ้ำด้วยพริกน้ำปลา

          จะปล่อยปละละเลยนอนนิ่งเฉยฟัง โดยไม่ทำอะไร

          ทำไม่ได้จริงๆครับ แค่เตะนี่มันยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ นับว่าผมยังมีจิตใจปรานี



          ผมลุกขึ้นมาจากเตียง พร้อมเริ่มด้วยกิจวัตรประจำวันเดิมๆ ที่ทำจนไม่รู้ว่ามันมาลงเอยแบบนี้ได้ยังไง เริ่มแรกด้วยการหยิบกรอบรูปถ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมา โต๊ะข้างเตียงสีดำสนิทเคลือบเงาสวย บนนั้นมีกรอบรูปบรรจุรูปถ่ายแห่งความทรงจำเอาไว้มากมาย

         มันเยอะเสียจนเลือกไม่ถูกเลยครับ มีหลายขนาด หลายอารมณ์และหลากอิริยาบถ



          แต่ที่เหมือนกัน ก็คือ

          ทุกๆรูป เป็นรูปของคนๆเดียว...



          ผมเลือกไม่ได้ เลยตัดสินใจหยิบรูปสุ่มๆมาอันหนึ่ง ได้เป็นรูปเจ้าตัวตอนอนุบาลนุ่งกางเกงสีแดงที่ดึงจนสูงเกือบถึงอก ปากสีชมพูอมส้มน่าจุ้บ แก้มขาวนวลปะแป้งเสียขาววอก กำลังยิ้มกว้างจนตาหยีอัญมณีสีน้ำตาลที่เผย แวววาว ทอประกายไปด้วยความสุข

          หัวใจที่หงิกงอของผมผ่อนคลายออก

          แม้จะไม่มีปีกสีขาวติดอยู่ด้านหลัง หรือไร้วงแหวนอยู่บนหัว แต่เขาก็เป็นนางฟ้าของผม

          อา...นางฟ้า นี่มันนางฟ้าชัดๆ



          ผมบอกเลยนะครับ เหตุผลเดียวที่ทุกวันนี้โลกนี้ยังน่าอยู่ ก็เพราะมีนางฟ้าไร้ปีกคนนี้เดินไปเดินมาเท่านั้นแหละครับ



          ผมหยิบกรอบรูปขึ้นมาพลางเริ่มพิธีประจำวัน ผมยิ้มอ่อนโยน ลูบรูปถ่ายแผ่วเบา



          “ขอให้เป็นวันดีๆอีกหนึ่งวันนะครับ ขอให้เป็นอีกวัน ที่ทำให้เรารู้จักกันดีมากยิ่งขึ้น...แล้วก็ขอให้เด็กน้อยที่ผมแอบรัก เติบโตในด้านความรู้สึกขึ้นอีกนิด เติบโตให้พอที่จะเรียนรู้ความรู้สึกรักอันแสนพิเศษ จะได้รับรู้ความรู้สึกพิเศษนี้ไปด้วยกัน...จะได้เป็นของผมสักทีนะครับ...เทม





          ผมมองรูปที่อยู่ในมือตาหวานเชื่อม แอบรู้สึกว่าตัวเองช่างดูเพ้อฝัน เหมือนคนที่กำลังมัวเมาในความรักจนไร้สติ ลุ่มหลงจนทำตัวแปลกประหลาดและดูบ้าบอ ไม่มีเหตุผล ถ้าคนนอกมาเห็น อาจจะหาว่าผมโรคจิตก็ได้



         แต่ว่าผมก็คงทำอะไรไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าผมก็เถียงไม่ได้เสียด้วยสิ

         ว่าตัวเองไม่ได้กำลังหลุ่มหลงเขา...



          เอาเป็นว่าผมจบท้ายพิธีด้วยการประทับจูบลงไปบนรูปเบาๆก็เป็นอันเสร็จ นี่แหละครับ ศาสตร์ใสๆ ไม่ได้ด้วยกลก็ต้องเอาด้วยเล่ห์ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลนี่ล่ะครับ

          ผมขอดักไว้ทั้งสองทางเพื่อความมั่นใจดีกว่าครับ



          เพราะผมจะใช้ทุกวิธีทาง ทุกวิธีทางที่ได้นางฟ้ามาครอบครอง

               จะสร้างกรงไว้ดักขัง หรือสร้างโซ่ไว้พันธนาการ ผมก็ไม่เกี่ยงวิธี

               ขอแค่ดักจับนางฟ้าไม่ให้หลุดรอดไปไหนได้ก็เป็นพอ...



          แต่ให้ตายเถอะ

          ทั้งๆที่ก็ทำบ่อยแท้ๆ แต่ความเขินอายที่ปะทุขึ้นมาทุกครั้งที่ทำเสร็จกูดูไม่มีวี่แววจะลดลง ทำเสร็จผมก็ต้องมานั่งเอามือกุมหน้าตัวเองเพราะความอาย ขนาดเป็นแค่รูปยังรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วหน้าขนาดนี้ ไม่อยากคิดถึงในวันข้างหน้าเลยครับ ถ้าสักวันในอนาคตได้ทำกับตัวจริง ผมจะเขินขนาดไหน คาดว่าไส้เดือนที่บิดเพราะน้ำร้อนลวกยังต้องยอมแพ้ ผมอาจจะบิดจนเลขแปดต้องร้องขอมาเป็นลูกศิษย์ก็ได้



          เพราะงั้นนี่ก็ถือเป็นการซักซ้อมไปในตัวด้วย ไม่ใช่แค่งมงายทำไปส่งๆนะครับ

          มันคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้หัวใจครับ







          ผมเดินไปอาบน้ำแต่งตัว ใส่ชุดนักเรียนเตรียมพร้อมไปสู้รบกับความรู้อีกหนึ่งวัน แต่กว่าจะเตรียมพร้อมลงมาข้างล่างได้ก็แอบล่าช้าไปเล็กน้อย เพราะตารางเรียนของโรงเรียนผมจะเปลี่ยนทุกเทอม ทำให้ต้องมาจัดกระเป๋ากันใหม่  เมื่อวานผมก็ยุ่งๆเลยไม่ทันได้เรียงหนังสือให้เขาที่

          พอเช็คว่าทุกอย่างไม่ขาดเหลืออะไร ผมก็ลงลิฟต์ตรงเข้าไปในห้องอาหาร

          โต๊ะหินอ่อนตัวยาวประดับทองอันวิจิตรวางเด่นอยู่กลางห้อง ผมเคยได้ยินเฮียปลาหย็องแอบถามคุณหญิงเขาว่าทองแท้ไหม ก็ไม่ยอมบอกกัน เพราะกลัวเหล่าลูกๆที่น่ารัก จะแอบเอาช้อนมาขูดมาแซะ แอบเอาไปขายครับ

          ซึ่งต้องขอบอกเลยนะครับว่าไม่เป็นความจริงนะครับ เพราะคนบ้านนี้จะไม่มานั่งเอาช้อนมางัดแงะหรอกครับ ไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้นกัน

          แต่จะยกไปขายทั้งโต๊ะเลยต่างหาก...

           นี่ต่างหาก ความเป็นไปได้ที่แท้จริง



          โต๊ะตัวยาวมีเก้าอี้ทั้งหมดสามสิบสองตัว แต่มีคนนั่งอยู่แล้วหกคน นับจากหัวโต๊ะคือคุณท่านของบ้าน คุณพ่อของผมเองครับ ด้านซ้ายประกบด้วยคุณหญิง ก็คุณคือคุณของแม่ผม ด้านขวาของคุณพ่อ ก็คืออาเจ้ พี่สาวของผมเองครับ ถัดๆไปก็ช่างมันเถอะ แค่เหล่าๆอาเฮียกับน้องชายน่ะครับ



          จากสมาชิกที่นั่งกันอยู่ คงจะพอเดาได้ว่าผมมีครอบครัวค่อนข้างใหญ่ครับ มีคุณพ่อคุณแม่ ที่ไม่รู้คึกอะไรถึงมีลูกออกมาตั้งห้าคน มีพี่ชายคนโตที่ชื่อปลาหย็อง ก็คืออาเฮียที่ไปปลุกผมนั่นเองครับ พี่สาวคนถัดมาชื่อไก่หย็อง คนถัดมาเป็นพี่ชายอีกคนครับชื่อเนื้อหย็อง และถัดมาก็คือผม



          จะชื่ออะไรครับคุณคิดว่า?

          อย่าตลกร้ายด้วยการบอกว่าเหล่าเนื้อหมด แล้วจะให้ผมชื่อผักหย็องนะครับ คิดดูดีๆยังเหลือเนื้ออีกอย่างนะครับ
เฉลยก็คือ ชื่อของผมก็คงหนีไม่พ้น หมูหย็อง จริงๆแล้วคุณพ่อคุณแม่ผม ก็คิดจะปิดบัญชีที่หมูหย็องนี่แหละครับ แต่ดันปิดไม่ได้ มีมารโดนถีบมาเกิดอีกคน น้องเล็กจบท้ายตะกูลหย็อง น้องชายตัวแสบของพวกผม ชื่อหย็องหย็องครับ

          นี่ถ้าเกิดยังมีหย็องอีกคนโดนถีบมาเกิด คุณท่านคุณหญิงก็บอกจนปัญญาจะหาอะไรมาหย็อง ก็จะตั้งเป็นหย็องหย็องหย็อง ถัดไปอีกคนก็จะเป็น หย็องหย็องหย็องหย็อง และยังมีความคิดเป็นห่วงเผื่ออีกคน ว่ากลัวชื่อจะยาวไป คนที่เจ็ดถ้าสมมุติว่ามีก็จะเรียกว่า หย็องรุ่นที่เจ็ด เพื่อความกระชับในการเรียก



          จริงๆควรหยุดตั้งแต่สี่หย็องแล้วล่ะครับผมว่า...

          ผมที่เป็นพี่ชาย ก็อดดีใจแทนน้องที่ยังไม่ได้เกิดมาไม่ได้ เกิดมาทั้งทีต้องมีชื่อหย็องหย็องหย็อง เป็นผมขอกลับเข้าไปในท้องแม่จะดีกว่า กว่าจะเรียกเสร็จลิ้นพันกันกี่รอบก็ไม่รู้ เวลาจะแนะนำตัวนี่ผมคิดว่าต้องมีเผลอแนะนำเกินแน่ๆเลยครับ เพราะต้องขี้เกียจนับบ้างล่ะ ว่ากี่หย็องเข้าไปแล้ว

          สรุปง่ายๆ ครอบครัวผมก็มี คุณพ่อ คุณแม่ ปลาหย็อง ไก่หย็องพี่สาวคนเดียว เนื้อหย็อง หมูหย็อง หย็องหย็องครับ จบครบถ้วนกระบวนความหย็อง



          ฟังจากชื่อและวิธีการเรียก พวกคุณอาจจะคิดว่าพวกผมคือครอบครัวชาวจีน ที่โล้สำเภามาตั้งรากฐานที่เมืองไทย ผิวขาวเหลือง ตาตี่ เป็นอาตี๋และอาหมวย

          แต่ความจริงคือพวกผมหัวทองและตาสีฟ้า ผิวสีขาวจัด หรือถ้าจะให้เรียกกันตามแบบง่ายๆ ก็ฝรั่งนั่นเองครับ คงจะคิดสินะครับว่า อ๋อ สงสัยคุณพ่อหรือคุณแม่ หรือไม่ก็คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายสักคนเป็นคนจีน หึ...ไม่ใช่เลยครับ ฝรั่งแท้ๆ ฝรั่งสดจากต้นร้อยเปอร์เซนทั้งคู่เลยครับ อิมพอร์ตจากอังกฤษและรัสเซีย เมดอินโดยฝรั่งตั้งแต่หัวจนเท้าเชียวครับ



          แต่ทั้งๆที่ไม่มีเชื้อเอเชียแม้แต่น้อย แล้วทำไมถึงลงเอยแบบนี้


         นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณหญิงเขาเป็นมิสซิสเอเลน จิบชาอยู่รัสเซียสบายๆแล้วดันไปเปิดช่องหนังจีนย้อนยุคเข้า พอตั้งท้องจะตั้งชื่อลูกๆว่าจอร์จ ว่าอเล็กซ์ก็ไม่ชอบใจ ติดซีรี่ย์หนังจีนงอมแงม อยากให้เหล่าลูกๆเรียกขานตัวเองว่าหม่าม้า ป่าป๊า เรียกพี่น้องของตัวเองว่าอาเฮีย อาเจ้ เหมือนในหนังที่ตัวเองดูมาครับ จริงๆชื่อพวกผมเกือบจะเป็นฮองเฮา ปี่เซียะ ฮ่องเต้ ตามซีรี่ย์ย้อนยุคศึกชิงบัลลังก์ตามหนังจีนที่คุณแม่โปรดปรานแล้วครับ


          แต่พอดีว่าตอนท้อง ก็เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญขึ้นเสียก่อน ระหว่างที่ตั้งครรภ์ คุณแม่แพ้ท้องขั้นหนัก มีความอยากกินอยากทานสารพัดหย็อง ทานเยอะจัดวันละหลายกิโล พยาบาลห้ามก็ไม่ฟัง เกรี้ยวกราดจะทานให้ได้ จะหลับจะตื่นก็เรียกหา ชอบจัดขนาดสั่งทำน้ำหอมกลิ่นหมูหย็องเลยนะครับ คิดดูเอาเถอะ


          ความคลั่งไคล้จนแทบจะขอหมูหย็องมาปั่นมาบดแล้วฉีดเข้าเส้นเลือด ทำเอาคุณป๊ากุมขมับ แทบจะต้องสร้างโรงงานผลิตเฉพาะให้เลยทีเดียวครับ และเหตุการณ์แพ้ท้องครั้งนั้นมันตราตรึงใจพวกท่านมากกว่า


          เลยสรุปได้ชื่อเล่นตะกูลหย็องมาแทนปี่เซียะกับฮ่องเฮาครับ ส่วนชื่อจริง ดีว่าคุณท่านใหญ่ทนการกระดกลิ้นชื่อจีนไม่ไหว แค่ชื่อไทยก็ทำเอาลิ้นแทบเปลี้ย เลยตั้งเป็นภาษารัสเซียตามคุณยายไปครับ


          แต่จริงๆเห็นว่าคุณแม่พ่ายแพ้เกมเป่ายิงฉุบต่างหาก เลยเสียสิทธิ์การตั้งชื่อจริงไป


          เป็นครอบครัวบันเทิงที่แท้จริง...





          ส่วนที่ย้ายมาอยู่เมืองไทย เพราะคุณป๊าเขาเกิดนิมิตว่าผมต้องมาได้คนรักที่เมืองไทย ก็เลยย้ายมาครับ ....ก็คงไม่ใช่เหตุผลแบบนั้นหรอกครับ....



          เห็นว่ามาเปิดบริษัทที่เมืองไทย เพราะแลเห็นว่าเหมาะสมกับการลงทุน และพัฒนาต่อยอดได้ง่ายครับ ที่ประเทศไทยมีทรัพยากรล้ำค่าหลายอย่าง และทำเลติดเพื่อนบ้านที่เอื้ออำนวยดีมากต่อการส่งออก ซึ่งก็นับว่าคุณพ่อและเฮียปลาหย็องทำได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว เพราะบริษัทของบ้านผมได้รุกเข้าตลาดในไทย และครอบครองแทบจะเรียกได้ว่าผูกขาดตลาดอาหารและร้านค้าสะดวกซื้อได้อย่างรวดเร็ว ทุกตรอกซอกซอย คุณจะเห็นร้านสะดวกซื้อที่เป็นแบรนด์ของครอบครัวผมแน่นอนครับ


          ที่มีหมาแมวนอนอยู่หน้าร้าน นั่นแหละครับ...ใช่เลย


ด้วยสาขาที่เยอะมากมาย และทำโรงงานผลิตสินค้าเกี่ยวกับอาหารหลากหลายอย่าง ที่จำหน่ายทั้งในร้านสะดวกซื้อของตัวเอง และรับผลิตอาหารวางตามร้านอาหารอื่นๆอีก จะวัตถุดิบ หรือเครื่องปรุงไว้ทำอาหารก็มีพร้อมครบจบ เรียกว่าเงินในไม่ให้ออก ดึงเงินนอกเข้ามา เรือล่มในหนองทองจะไปไหน ตามเฮียเนื้อหย็องว่าไว้

          นอกจากนั้นป๊ายังเอาเงินต่อเงิน ด้วยการสรรหาธุรกิจร่วมลงทุนกับหลากบริษัท ทั้งอสังหา ของอุปโภค บริโภค สัมปทานที่ผูกขาดกับทางรัฐบาล ฟันกำไรปีละหลายพันล้าน เยอะแยะยิบย่อยไปหมด ทำให้ยกระดับจากครอบครัวมีเงินธรรมดา เป็นอภิมหาเศรษฐีได้ภายในไม่ถึงสิบปี



          แต่ครอบครัวเรานอกจากบ้านใหญ่อลังการด้วยตึกสิบชั้น ที่ตั้งอยู่บนทำเลทองใกล้รถไฟฟ้าเพียงแค่เดินเจ็ดนาที สระว่ายน้ำที่กว้างระดับโอลิมปิกต้องอายและมาขอยืม กอปรกับโรงรถกว้างขวางที่มีรถหรูหรามากกว่าสี่สิบคัน เครื่องบินส่วนตัวอีกสองลำ พร้อมคนรับใช้มากกว่ายี่สิบคน บอดี้การ์ดที่เดินกันให้วุ่นวาย...ก็เป็นครอบครัวธรรมดาครับ

          ครอบครัวธรรมดาที่รวยมากเท่านั้นเองครับ



          นอกจากความร่ำรวยแล้ว พวกเราก็ยังหน้าตาดีมากอีกด้วย อันนี้ไม่ได้ยอหรือถือหางสายเลือดตัวเองนะครับ แต่ไม่ว่าใครๆก็บอก เดินไปทางไหน เสียงคำชมไล่หลังมักจะตามติดมาด้วยคำว่า ดูดี หล่อ เท่  งดงาม อะไรทำนองนี้เสมอ จนเกิดเป็นความเคยชินและสร้างความมั่นอกมั่นใจ จนคล้ายคลึงกับคำว่าหลงตัวเองให้พวกผมพอตัวเลยทีเดียว


          เกิดมานอกจากโตมาด้วยน้ำนมและอาหาร ก็เหมือนจะเติบโตขึ้นมาด้วยคำชมว่าหน้าตาดีกันนี่ล่ะครับ หน้าตาดีปัญญาทางการเรียนรู้ก็สูงส่ง ความสามารถพิเศษก็เพียบ ใกล้เคียงกับคำว่าสมบรูณ์แบบ


          ประหนึ่งพระเจ้านั่งคัดสรรคัดเลือกเซลล์ให้พวกผมทีล่ะชิ้นส่วน ถึงได้แต่ส่วนที่ดีที่สุดมาหล่อหลอมเป็นพวกผม

          แต่แน่นอนว่าการที่ใครสักคนจะเกิดมาสมบรูณ์แบบไปหมด มันยากครับ และพระเจ้าก็กลัวคนจะริษยาอิจฉากันมากเกินไป



          ทำให้ครอบครัวผมนอกจากหน้าตา ปัญญา และฐานะที่ดี


         ก็มีสตินี่แหละครับ...ที่ไม่ค่อยดีเอาเสียเลย...



          ดูได้จากอาเฮียพี่ใหญ่สุด ที่อายุอานามก็ปาไปตั้งยี่สิบสองเข้าไปแล้ว ยังทำตัวบ้าบอเล่นใหญ่
 

สวมบทบาทเป็นจำปา มาหลอกหลอนผมทุกเช้าอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ถ้าคุณได้มีโอกาสเห็นเฮียปลาหย็องนุ่งสไบสีเขียวเรืองแสง ที่ขาดเป็นรูโชว์หัวนมสองข้าง พร้อมที่คาดผมเทเลทับบี้ นั่งจิบชาพร้อมฮัมเพลงฉันขี่ไอ้ทุยตะลุยท้องนา พลางนั่งหัวเราะฮิฮะคนเดียวเสียงดังลั่นบ้าน คุณจะเสียดายความหล่อเหลามาก จนอาจจะนึกอยากเดินไปหยิบขวานจามหัวให้หลุด เพื่อไม่ให้ใบหน้าอันงดงามต้องแปดเปื้อน และต่ออยู่กับบนร่างกายที่สวมชุดอันแสนทุเรศสายตาก็เป็นได้ครับ



          ส่วนพี่สาวคนเดียวอาเจ้ไก่หย็อง อายุกำลังเป็นวัยดอกไม้แรกแย้มกำลังเบ่งบาน วัยยี่สิบปี ที่ควรจะรักสวยรักงาม เป็นคุณหนูผู้เรียบร้อย ตามแบบฉบับจินตนาการความโรแมนติกของผู้ชาย ที่มองเด็กสาวแสนสวยที่เรียนโรงเรียนหญิงล้วนมาตั้งแต่เกิดควรจะเป็น


          แต่ความจริงก็คือ...อาเจ้ก็บ้าพลังชกต่อยกับพวกผมตั้งแต่เด็ก ความสกปรกซกมก ไม่เป็นสองรองใครในปฐพีนี้ อายุอานามแค่นี้ก็เข้าบ่อนบ่อยเทียบเท่าอาเสี่ยอายุห้าสิบ ชอบการพนันมากถึงขนาดเอาเงินไปลงทุนเปิดบ่อนที่ต่างประเทศเลยครับ แถมมีลูกน้องหน้าตาเถื่อนๆคอยรองมือรองเท้าอีก


                บ้าพลังแถมเดินทางเข้าสายสีเทาไม่พอ


               ยังบ้าบอลสุดๆ อยากโดนเตะก้านคอพับ คอหักเป็นปลาทู ขอให้ไปล้อเลียนทีมอาเจ้ได้เลยครับ หย็องหย็องเคยปากเสียไปที...เล่นเอาคอเคล็ด เดินคอเอียงเป็นสัปดาห์



          ถัดมาอาเฮียเนื้อหย็อง อายุอานามห่างกับอาเจ้แค่หนึ่งปี คือสิบเก้า


          บอกตรงๆ ทุกคนกลุ้มใจกับการเรียกชื่อเฮียนอกบ้านมากครับ เพราะชื่อเฮียแกดันไปเหมือนคำทับศัพท์ของยาเสพติดชนิดหนึ่งในไทย ทำให้เจ้าตัวเหมือนติดเนื้อ เสพสิ่งผิดกฎหมายตลอดเวลา เมื่อถึงคราวไปเรียกข้างนอก ก็เสียวคุณตำรวจจะมาเรียกไปสอบสวนกันทุกที เพราะงั้น ทั้งๆที่คนในบ้านหรือเพื่อนๆ จะเรียกกันแค่ชื่อต้นคำเดียวเพื่อความสะดวก แต่เฮียเนื้อหย็องได้ขอร้องไว้ว่า ให้เรียกชื่อเล่นแกแบบเต็มๆสองพยางค์ครับ


          เฮียเนื้อหย็อง ค่อนข้างปกติที่สุดในบ้าน เพราะเงียบๆ เป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยยุ่งวุ่นวายกับใคร ดูเป็นฝรั่งหล่อเนิร์ดๆ อาจจะเป็นเพราะแว่นตาที่สวมใส่ แต่ไม่รู้ทำไม ชอบพ่นสำนวนโบราณๆออกมาตลอด จนบางทีก็งงกันไป บางครั้งบางหนก็โบราณจัด จนต้องไปหยิบพจนานุกรมมาเปิด เพื่อหาความหมายที่เฮียเนื้อหย็องต้องการจะสื่อเลยครับ



          ส่วนตัวผม ผมก็คิดว่าปกติในระดับหนึ่งนะครับ

     เอาเป็นว่าค่อยทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆแล้วกันนะครับ



        ส่วนหย็องหย็องตัวแสบ นิสัยแสนดื้อด้าน แสนเอาแต่ใจ โหวกเหวกโวยวาย น้องชายที่อายุห่างจากผมหนึ่งหนึ่งปี คือสิบสี่ปี (ผมสิบห้าครับ) ด้วยความเป็นน้องเล็กของบ้าน คนในครอบครัวก็เลยไม่ค่อยโกรธเท่าไหร่ครับ เวลาเจ้าตัวทำผิด ทำให้เอาแต่ใจสุดๆ จะมาดัดนิสัยตอนโตก็ไม่ทันแล้ว ได้แต่เอาแข้งพาดหน้าให้สงบ  เวลาเจ้าตัววอแวถึงที่สุดเท่านั้นล่ะครับ


          นอกจากความเอาแต่ใจ นิสัยแปลกประหลาดที่เป็นดังสิ่งพิสูจน์สายเลือดของบ้านนี้ ก็คือความบ้าคลั่งตัวด้วงครับ เลี้ยงเป็นร้อยตัวพันตัว จนคุณพ่อต้องสร้างห้องเลี้ยงด้วงโดยเฉพาะให้ ตอนเด็กๆ เด็กคนอื่นอาจจะเขียนอาชีพในอนาคตว่าอยากเป็นหมอ ทหาร ตำรวจ


          แต่หย็องหย็องเขียนว่าโตไปอยากเป็นด้วงครับ จะเป็นราชาด้วงที่อยู่เหนือด้วงทั้งปวง...


 เฮ้อ พี่ชายอย่างผมเหนื่อยใจมากนะครับ ด้วงมันเป็นอาชีพไม่ได้นะครับหย็องหย็อง มันไม่ได้เงิน






หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 2 * 1/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 01-09-2018 21:11:50
          ผมตรงมานั่งที่ประจำ พลางโบกมือบอกแม่ครัวให้เอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟได้

เริ่มต้นมื้ออาหารแรกของวัน ทานไปได้ไม่ถึงสามคำ เสียงบาดหูก็เริ่มต้น


          “คุณผู้หญิงเจ้าขาา ดูคุณหลวงสิเจ้าคะ เมื่อเช้าจำปาอุตสาห์หวังดีไปปลุก กลัวตื่นสายไปโรงเรียนไม่ทัน กลับเตะจำปาจนตัวเกือบขาดสองท่อน กระซุกๆ กระซิกๆๆ”


เฮียปลายกผ้าเช็ดปากเช็ดน้ำตาปลอมๆ พลางเล่นใหญ่ฟ้องคุณแม่ด้วยเสียงสองที่ดัดจนน่าขนลุก


          “ต๊าย จริงหรือจ๊ะจำปา นังคุณหลวงนี่แย่จริงๆเลยเชียว คุณแม่จะจัดการให้นะจ๊ะ จำปาไม่ต้องเล่นใหญ่รัชดาลัยไป”


          คุณหญิงเล่นใหญ่กว่าด้วยการหยิบพัดมากลางออกโบกไปมา พลางจิกสายตามาใส่ผมแล้วหัวเราะโฮะๆ ใส่


          “ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่จริงๆ”


           เฮียเนื้อหย็องพูดขึ้นเบาๆพลางยกมือดันแว่นขึ้น จะไปดันทำไมบ่อยๆครับเฮีย ผมนี่งงจริงๆ ดั้งก็โด่งจนจะตากผ้าได้อยู่แล้ว แค่แว่นมันจะร่วงอะไรบ่อยนักหนา


          “พูดงั้นมันก็ไม่ถูกนะเฮียเนื้อหย็อง เราที่เป็นลูกด้วยล่ะ...”

เจ้ไก่หย็องยอมรับความเพี้ยนของสองแม่ลูกไม่ได้ จนไม่อยากนับเป็นพวกด้วยเลยทีเดียว


          “ไก่ไม่ต้องกลัวไป จริงๆแล้วพ่อสามารถผสมพันธุ์ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งเพศเมีย ทำเอง ท้องเอง คลอดเอง นักเลงพอ ส่วนหม่าม้าของลูกกับอาเฮียน่ะ พ่อไปซื้อน้ำยาล้างจานแล้วเขาแถมมาเฉยๆ”


          พ่อถึงกับยอมถอนสายเลือดพร้อมตัดสัมพันธ์ภรรยารักเลยครับ...

          แต่ผู้ชายที่ไหนท้องได้ครับคุณพ่อ... ดีไม่สุดจริงๆนะครับ คนๆนี้


          “ป๊าๆ วันนี้ที่ไปเอาของก่อนเปิดเทอมที่โรงเรียน หย็องไปรถไฟฟ้าเองนะ จะไปแว๊นรถไฟฟ้ากับเพื่อน”  น้องเล็กพูดผ่ากลาง แทรกขึ้นกลางวงอาหารที่กำลังวุ่นวาย


          ...ว่าแต่รถไฟฟ้านี่มันแว๊นได้หรือหย็องหย็อง หรือผมตกข่าวไป แถลงไขให้ผมรู้ทีครับ


          “อ้าว ไหงงั้นล่ะคุณชาย ไปแย่งงานลุงแช่มอีกแล้ว แบบนี้ลุงแช่มจะแหกขี้ตาตื่นมาแต่เช้าเพื่อรอไปส่งเราที่โรงเรียนทำไมล่ะครับลูก ป๊าบอกแล้วไง ไม่ให้ไปส่งต้องบอกลุงเขาก่อน”

          “ผมบอกลุงแช่มแล้วป๊า แต่มาขอป๊าทีหลัง”

          “อุ้ย คุณหญิงแม่ ได้ยินเหมือนที่จำปาได้ยินไหมคะ ได้ยินไหมคะ”

          “ใช่เสียงคนไม่สำคัญหรือเปล่าลูกปลา นอกจากเสียงก็มีกลิ่นหัวเน่าด้วยนะคะเนี่ย อะโฮะๆๆๆ สำคัญน้อยกว่าคนขับรถ บอกทีหลังด้วยนะ คนมาทีหลังก็ต้องดูแลตัวเองมากเลยอ่ะค่ะคุณลูกปลาขา โฮะๆ”

          ทีมจำปาได้ไปหนึ่งแต้มครับ เหมือนตอนนี้ผมเห็นลูกศรพร้อมคำว่าพ่ายแพ้ พุ่งตรงตกลงมาปักคาหลังพ่อตัวเอง อืม หลายดอกเสียด้วย...




          ผมนั่งมองความวุ่นวาย เหมือนเป็นละครบรรเทิงยามค่ำเงียบๆ ก่อนจะเลิกให้ความสนใจ มุ่งมั่นต่อการทานอาหารเช้าของตัวเองให้เสร็จ ปล่อยบทสนทนาให้ห่างไกลออกไป


          กว่าเหตุการณ์สงครามบนโต๊ะอาหารยามเช้าจะจบ คุณพ่อก็เสียแต้มไปหลายแต้ม โดนลูกดอกปักอกปักหลังเสียเกือบพรุน เลือดแทบจะกระอัก ส่วนผู้ชนะศึกวันนี้ก็คือทีมจำปาครับ วันนี้เล่นได้ดี ฝีปากนับว่าคมกริบ ประชดประชันที ทำเอาคุณพ่อมืออ่อนตักข้าวเข้าปากไม่ถูกเลยทีเดียว



          ระหว่างที่ผมใส่รองเท้าเตรียมตัวไปขึ้นรถ



          ก็หันไปเห็น...นางฟ้า

          ...นางฟ้าของผมเองครับ...



        ว่าแต่ทำไมนางฟ้าของผมถึงไม่รออยู่ที่บ้าน ทำไมถึงวิ่งมาหาผมแบบนี้ ผมที่ตกใจกับการมาแบบกระทันหันด้วยตัวคนเดียวของเขา ก็ถึงกับอุทานถามออกไปอย่างร้อนรน


     “เทม! เทมครับ มาได้ยังไงครับ หมูกำลังจะออกไปรับเลย มาคนเดียวไม่ได้นะครับ ข้ามถนนอันตรายนะรู้ไหม”


          นางฟ้าของผมวิ่งเข้ามาในตัวบ้าน พอเห็นผมก็ยิ้มกว้างสว่างโร่เข้ามาหา รอยยิ้มเจิดจ้าจนทำให้สมองผมติดขัด เหมือนผมจะเห็นแสงสว่างผุดขึ้นรอบตัวเขา เหมือนมีปีกสีขาวคู่ใหญ่แนบติดอยู่บนแผ่นหลังกว้าง มีวงแหวนสีขาวนวลลอยอยู่บนศรีษะ

          เด็กผู้ชายมัธยมต้น ที่ตัวสูงใหญ่กว่าผมมาก วิ่งเข้ามาหยุดตรงหน้าผม พลางหอบหายใจเล็กน้อย เหงื่อผุดเต็มใบหน้าใส แก้มยุ้ยๆและหน้าผากแดงระเรื่อ



          ...น่ารัก

          คนอะไรทำไมน่ารักขนาดนี้



         คำว่าน่ารักเหมือนถูกเทไหลออกมาจนท่วมสมอง และสมองผมเอาแต่ตะโกนคำๆนี้ไม่หยุด

            น่ารัก น่ารัก น่ารัก เทมน่ารักจังเลย



          แต่ก่อนผมจะโดนความน่ารักทำลายล้างจนไม่เหลือสมองไว้คิดอะไรอื่นได้อีก ต้องดุเจ้าตัวเล็กที่สูงเกือบสองเมตรตรงหน้านี้เสียก่อน แต่ไม่ทันที่ผมจะได้รวบรวมแรงกำลัง เพื่อที่จะทำใจดุคนตรงหน้าลง เสียงทุ้มที่ติดสั่นก็เอ่ยตัดหน้าขึ้น

     “แฮ่ก ค-ค-ค-คือว่า เทมรอหมูหย็องนานแล้วคะ-ครับ แต่หมูหย็องยัง ม-ม-ม-ม ไม่มา เทมเป็นห่วงหมูหย็อง เลยวิ่งมาหา คุณแม่พาข้าม ไม่น่ากลัวเลย หมูหย็องไม่โกรธนะ ถนนว่างมากๆ ไม่มีรถเลยสักนิดครับ ครึ่งคันก็ไม่มีเลยนะครับ”



          เจ้าตัวสลดลง ก้มหน้าคางชิดอก ยืนตัวตรงแหน่ว ละล่ำละลักอธิบายให้ผมฟัง

   ท่าทางน่าอาทร เรียกความอาดูรของผมที่มีต่อเขาให้พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว

          โถ่ ตัวเล็กของหมู



          อย่างที่เห็นครับ

เทมหรือเทมปุระเป็น ...เด็กพิเศษ...



          ถ้าเรียกในทางการแพทย์ก็คือออทิสติก ปัญหาของเทมคือการเรียนรู้ในเรื่องชีวิตประจำวัน ที่ช้ามากกว่าคนปกติ ไม่สามารถเข้าใจหรือแยกแยะอารมณ์ที่ลึกซึ้งหรืออะไรมากๆ ได้ง่ายเหมือนคนทั่วไป ไม่เข้าใจในสถานการณ์ ไม่สามารถอ่านอารมณ์คนอื่นๆออก ไม่สามารถรับรู้ได้ทันทีทันใด ว่าอะไรจริงหรืออะไรล้อเล่น วิธีการคิดของเขาจะไม่เหมือนคนอื่นๆครับ บางครั้งดูเรียบง่ายแต่ทว่าซับซ้อน กลับกันในบางครั้งการกระทำที่ดูเข้าใจยากกลับเป็นสิ่งที่เรียบง่าย



          และจิตใจของเขาเปราะบางมากกว่าคนปกติมาก ด้วยความคิดที่มักจะหมกมุ่นไม่หยุด การมีเรื่องสะเทือนใจ จะทำให้เด็กพิเศษเก็บความเศร้า หรือเรื่องไม่ดีนั้นไว้อย่างยาวนาน ถ้ารุนแรงอาจจะฝันร้ายซ้ำไปมา เป็นการย้ำคิดย้ำทำ หมกมุ่นกับมันจนทำร้ายความรู้สึกตัวเองไปมาไม่หยุด จนกระทั่งวันหนึ่งมันก็จะแตกสลายไปในที่สุด...



          และจุดเด่นคือค่อนข้างโตช้า โตช้าที่ไม่ใช่สภาพร่างกายภายนอก แต่คือสภาพจิตใจและสมอง

          ไปหาหมอวัดความรู้ครั้งก่อน คุณหมอบอกไว้ว่า สมองของเจ้าตัวพัฒนาช้ากว่าอายุจริงห้าปีครับ เท่ากับแม้ว่าคนตัวโตตรงหน้าจะอายุเท่าผม ตัวโตกว่าผม แต่ลักษณะนิสัย และการพึ่งพาตัวเองอยู่ที่สิบขวบเท่านั้น

          แต่สำหรับเรื่องความจำเทมไม่มีปัญหาเลยครับ ระบบความทรงจำของเจ้าตัวเป็นแบบภาพ เหมือนกล้องถ่ายรูปที่กระพริบตาแล้วมีเสียงแชะ แล้วเจ้าตัวก็สามารถจำได้ เรียกได้ว่าความทรงจำดีมาก

          แต่กระนั้นการเรียนก็ยังค่อนข้างยากมากสำหรับเขาครับ เพราะถึงจะจำได้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะนำมาใช้อย่างไร แต่นับว่ายังดี ที่ข้อสอบและการเรียนในไทยเน้นอ่านแล้วจำไปทำข้อสอบ ช่วยเอื้ออำนวยต่อเจ้าตัวค่อนข้างมาก

          แต่ถ้าเป็นวิชาที่ต้องคิดวิเคราะห์เยอะๆ หลายขั้นตอน หรือใช้อารมณ์จินตนาการในระดับที่ลึกซึ้งมาก ก็จะยากไปสำหรับเจ้าตัวครับ ต้องใช้วิธีอธิบายที่ใจเย็นและรู้วิธีการเรียงลำดับการสอนที่ถูกต้อง ถึงจะทำให้เจ้าตัวเขาเข้าใจได้



          แต่โดยรวมแล้วเรื่องเรียนเด็กน้อยของผมทำได้ดีมากครับ ยิ่งมีผมคอยติวให้ทุกอาทิตย์ แน่นอนว่าคะแนนต้องติดอันดับต้นๆ 1 ใน 10 ตลอด แม้จะเป็นเรื่องยากที่ต้องทำตัวเข้มงวดกับเขา คนที่ผมมักใจอ่อน และนึกอยากตามใจตลอดเวลา แต่การเรียนในช่วงพื้นฐาน ก็สำคัญมากจนผมไม่สามารถปล่อยปะละเลยไปได้อย่างง่ายดาย



          แต่ทั้งๆที่อายุสมองแค่สิบขวบ แต่กลับสามารถเรียนมัธยมสามได้

          เห็นไหมครับ? เด็กชายเทมปุระของผมนี่อัจฉริยะชัดๆ 



          ส่วนปัญหาที่หมอค่อนข้างเป็นห่วงสำหรับเทม ก็เหมือนเด็กออทิสติกคนอื่นๆ ก็คือการเข้าสังคมที่ถือว่าค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ยาก ทั้งการไม่ยอมสบตา การทำอะไรซ้ำๆกันไปมา เรื่องบางอย่างเจ้าตัวจะเหมือนถูกโปรแกรมไว้เลยครับ เช่นการมาหาผมทุกวันเป็นต้น




          “ใจเย็นๆนะครับเทม ค่อยๆพูด หมูไม่ได้โกรธนะครับ แล้วคุณป้าไปไหน ทำไมไม่มาพร้อมกับเทมล่ะครับ?”



          อาการแทรกซ้อนของเทมสำหรับผม ที่น่าห่วงที่สุดคงเป็นอาการพูดจาติดอ่าง แม้ว่าตอนนี้จะดีขึ้นมากจนแทบจะเรียกได้ว่าการพูดคุยเป็นปกติ แต่ถ้าหากมีตัวกระตุ้น เช่นตกใจ เสียใจ หรือหวาดกลัว อาการติดอ่างก็จะกำเริบ...ต้องทำให้เจ้าตัวใจเย็นลง

          เทมสูดหายใจเข้าลึกแล้วอมลมไว้ในแก้ม จนแก้มยุ้ยขาวใสพองกลม เหมือนหนูแฮมสเตอร์ที่แอบอมเมล็ดทานตะวันไว้ข้างในแน่นเอี๊ยด



          ก่อนจะรู้ตัวก็หยิบโทรศัพท์จากในกระเป๋าขึ้นมากดถ่ายรูปแล้วครับ..

          แชะ

          “ฟู่วววว เป็น-ปกติ-แล้วคร้าบบบ เป็นปกติแล้วเห็นไหม หมูหย็องเห็นไหมครับ คุณแม่ไม่ได้ตามเทมมาครับ แค่พาข้ามแล้วก็ไปเฝ้ายามต่อ อู้ อู้งานไม่ได้ เดี๋ยวโดนบอสหักเงินเดือนครับ”

          เทมว่าก่อนจะสังเกตเห็นกล้องในมือผม เลยชูสองนิ้วสู้กล้อง ฉีกยิ้มยิงฟัน โชว์ฟันขาวสะอาดกับเจ้าเขี้ยวเจ้าสเน่ห์ใส่ ความเคยชินต่อการโดนผมถ่ายรูปแบบไม่ทันตั้งตัวนับว่าสูงมาก

          แต่ทั้งๆที่เป็นรอยยิ้มที่ส่งให้กับกล้องแท้ๆ แต่กลับมีอานุภาพสูง จนเผื่อแผ่มาทำลายผมด้วย

               ละลาย ละลายแล้วครับ ไอติมในหน้าร้อนยังไม่สู้หัวใจผมตอนนี้ สภาวะของหัวใจผมตอนนี้ได้กลายเป็นของเหลวไปแล้วเรียบร้อย...



          “ถ้าบอสกล้าหักเงินคุณป้า มาฟ้องหมูได้เลยนะครับ หมูจะจัดการให้”

          คุณแม่ของเทมทำงานที่คอนโดตรงข้ามบ้านผมเองครับ และคอนโดที่ว่าก็เป็นคอนโดของที่บ้านผมเองเช่นกัน เรียกได้ว่าห่างกันแค่เพียงถนนกั้นเท่านั้น สามารถไปมาหาสู่กันได้สบายๆ แต่จะดีกว่านี้ถ้าอยู่ด้วยกันไปเลยในความคิดผมล่ะนะ แต่จะไปพรากแม่พรากลูกก็ไม่ดีครับ ถ้าเทมอายุบรรลุนิติภาวะเมื่อไหร่...อันนั้นก็แล้วค่อยว่ากันอีกที พรากได้แบบถูกกฎหมายหน่อย...



          “บอสใจดีในบ้าน แต่พอเจอบอสนอกบ้านทีไร บอสดูดุๆ ดุๆน่ากลัว น่ากลัวครับ”

          บอสที่ว่าก็ป๊าผมอีกนั้นล่ะครับ อย่างว่า ในบ้านจะติ๊งต๊องกิ่งก่องแก้ว บ้าบอสติหลุดแค่ไหน แต่ถ้าออกไปข้างนอกก็ต้องวางตัวภูมิฐาน ให้ลูกน้องวางใจว่าบริษัทกำลังเดินไปข้างหน้า

          ไม่ใช่มุ่งตรงไปศรีธัญญาน่ะครับ...



          “เป็นเกมไงครับเทม ใส่หน้ากากให้คนเชื่อถือเรา เหมือนที่หมูเคยอธิบายให้ฟังไงครับ จำได้ไหม”

          “ได้ครับ จำได้ครับ เทมจำได้ๆ จำที่หมูพูดได้ทุกอย่างเลยครับ แล้วทำไมวันนี้หมูหย็องมาหาเทมช้า ไม่สบายหรือเปล่า ไปหาคุณพี่หมอกันไหมครับ?”

          เจ้าตัวว่าพลางจับมือผมตั้งท่าจะดึงไปจริงๆ

          “หมูไม่ได้ไม่สบายครับ วันนี้เปิดเทอมวันแรก หมูเลยตื่นเต้นนิดหน่อย เลยตื่นสาย ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ หมูขอโทษนะครับที่ไปรับเทมช้า”

          “อ๋อๆๆๆ ไม่เป็นไรครับ เทม เทมแค่เป็นห่วงหมูหย็องเฉยๆ งั้นไป ไปโรงเรียนกันนะครับ เทมช่วยหมูหย็องใส่รองเท้านะ เทมผูกเชือกรองเท้าเป็นคุณโบว์ได้ด้วย”

          “เทม! เทมครับ ไม่ต้อง ไม่ต้อง ไม่ต้องครับ! หมูใส่เองได้ครับ!”



          ไม่ทันแล้วครับ ร่างสูงก้มลงนั่งขัดสมาธิ จริงจังกับการสวมรองเท้า พลางผูกเชือกรองเท้าให้ผมเสียแล้ว ใบหน้าจริงจังของฝ่ายตรงข้ามทำเอาเจ้าก้อนในอกเต้นถี่รัว ถ้าเทมเงยหน้าขึ้นมามองกันตอนนี้ ต้องบอกให้ผมเลิกทานมะเขือเทศแน่นอน เพราะเจ้าตัวต้องคิดว่าที่แก้มผมแดงแจ๋ขนาดนี้ เพราะกินเจ้าผลสีแดงกลมนั้นมากเกินไป

          แต่ที่จริงไม่ใช่เลย...

          ที่หน้าของผมร้อนผะผ่าวกลายเป็นสีแดงจัดแบบนี้

เพราะการกระทำแสนใส่ใจของนายต่างหากล่ะ...เทมปุระ





          มือใหญ่อุ่นร้อนสัมผัสที่ข้อเท้าผมเบาๆ พลางพับถุงเท้าให้อย่างบรรจง ตอนที่มือร้อนสัมผัสถูกเนื้อผิว ก็เหมือนกับหยดสีเข้มลงไปในน้ำใส ความร้อนแผ่กระจายไปรอบบริเวณ

          จากหน้าที่แดงอยู่แล้ว คิดว่าตอนนี้จุดแดงบนซาลาเปาก็คงยังแดงไม่เท่าหน้าผม แม้กระทั่งไฟแดงก็น่ากลัวว่าจะต้องพ่ายแพ้ หัวใจที่เต้นตึกตักในอก ล้นเต็มตื้น มากมายไปด้วยถ้อยคำบางอย่าง เป็นถ้อยคำที่ผมเก็บเอาไว้ในใจมาแสนนาน



     “เทมครับ...”

เทมเงยหน้าตามเสียงเรียกชื่ออันแผ่วเบาของผม

      “ครับ...?”



          เจ้าตัวเงยหน้ายิ้มรับ พร้อมคำตอบรับและน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวล ที่น่ากลัวว่าจะทำเอาหัวใจผมต้องทำงานหนักจนหัวใจวาย เนื่องจากขยับด้วยจังหวะที่ถี่เร็วเกินไป ความรู้สึกหวานๆในอกแผ่ซ่านออกมา นัยน์ตาสวยที่สบกันอยู่ เหมือนมีแรงดึงดูดที่มักจะทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองเสมอ



          ท่ามกลางบรรยากาศดีๆยามเช้าของสองเรา ระหว่างผมและเด็กน้อยของผม

ระหว่างบรรยากาศกำลังเป็นใจ ดูเป็นคำอวยพรดีๆ ของยามเช้าของวันเปิดเทอม



           ก็ถูกตัดฉับ...



          “พี่จะแว๊นนนนนนนนนน น้องก็มาซ้อนนน พี่จะซ้อน น้องก็มาแว๊น หากเราได้แว๊นด้วยกันก็คงจะดี  ~ ถึงตอนสุดท้ายจะแหกโค้งรถสิบล้อชน ไม่ตายดี พี่ก็โอเคคคคค ชะเอิงเอิงเอยยย ~ ♪ ”



          เสียงขัดจังหวะจากน้องชาย ที่ผมลดขั้นให้เป็นแค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงก็ดังขึ้น ทำความหวานที่แผ่ซ่านเมื่อสักครู่แตกเป็นเสี่ยงๆ แหลกสลายพังเสียไม่มีชิ้นดี



          ผมหันไปตวัดสายตาเย็นยะเยือกใส่ นี่ถ้าตาผมมีแสงเลเซอร์เหมือนในหนังแอคชั่นฮีโร่ที่เทมชอบดู หย็องหย็องที่กำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี คงได้ตัวขาดสามร้อยยี่สิบสี่ท่อน พร้อมถูกเผาจนแหลกเป็นจุลไปแล้วครับ...



          ขัดขวางความบรรยากาศดีๆเสียหมด

  ผมหน้าตึง หันไปมองสบกับนัยน์ตาสีฟ้าเหมือนกันด้วยความเย็นชา

          “อ้าว ไรอ่ะเฮีย มายืนค้างเป็นพระเอกเอ็มวีอยู่ได้ เกะกะว่ะ ถอยไปดิ ผมจะรีบไปแว๊นเดี๋ยวสาย”

      น้องชายบังเกิดเกล้าของผมใช้ตีนเขี่ยผมที่ยืนนิ่งค้างอยู่ พอเจ้าตัวสังเกตเห็นเทม ใบหน้าที่เหมือนจะมีคำว่า 'อ๋อ' แปะหราขึ้นมา ก็ทำตาเจ้าเล่ห์ใส่

          “เอาะ เอาะ อ๋ออออออ ไม่ได้มายืนนิ่งเป็นพระเอกเอ็มวี แต่มาจู๋จี๋ดู๋ดี๋กันนี่เอง แหม โทษๆนะ น้องชายผู้น่ารักไม่เห็นว่าเทมอยู่ตรงนี้ ไม่งั้นผมออกประตูหลังไปแล้ว ซอรี่นะบราเธอะะะะ”

          หย็องหย็องลงเสียงคำว่าเธอะรุนแรงเสียน้ำลายกระเด็น ผมที่หลบไม่ทันก็ได้แต่รับความเปียกชื้นบนใบหน้า เหมือนจะได้กลิ่นตุๆ คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นโจ๊กปลาเมื่อเช้า ลอยมาตามน้ำลายเลยทีเดียว นึกขยะแขยง จนอยากจะกลับขึ้นห้องแล้วอาบน้ำใหม่สักสามรอบเลยครับ



          ผัวะ!

เสียงผมโบกหัวเจ้าตัวไปหนึ่งที เป็นการอวยพรเริ่มต้นวันเปิดเทอมจากผมเอง



“หมูหย็องเจ็บมือหรือเปล่าครับ”

          เทมรีบลุกขึ้นยืน จับมือข้างที่ผมโบกกะโหลกเจ้าน้องชาย จับพลิกไปมามองหาร่องรอยช้ำจากการตบกระโหลกที่แสนหนาของน้องชายไป เด็กน้อยของผมคงจะตกใจเสียงผัวะน่ะครับ เลยดูลนลานใหญ่เลย



          “เดี๋ยวนะ เดี๋ยวๆๆๆๆๆ เทมต้องห่วงใยน้องหย็องไหมอ่ะ หย็องเป็นคนถูกเฮียหมูตบนะ ไม่ใช่เฮียหมูถูกหย็องตบ เทมครับ ผู้บาดเจ็บอยู่ทางนี้ครับ เฮลโล่ววว ขอความยุติธรรมให้ผู้ถูกกระทำด้วยครับเทม”

          หย็องหย็องเรียกร้องความเป็นธรรมจากร่างสูงทันที

          “อ๋อๆ จริงด้วย หย็องหย็องเจ็บไหมครับ เอายาหม่องหรือเปล่า เทมมีๆ แล้วก็มียาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายขี่จรวดด้วยนะ เอามาทาไหม ทาถู ทาถู หายเพี้ยง หายเพี้ยงเลยนะครับ” เทมปุระเปิดกระเป๋าเป้ หยิบขวดยาสีขาวเตรียมเปิดฝามาทาให้หย็องหย็อง น้องชายผมรีบโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน

          “หย็องไม่เอานะเทม โธ่ เอายาธาตุมาทาแก้เจ็บหัวที่โดนตบ คงจะหายในสามนาทีเนอะ...ก็ไม่ใช่ไหมล่ะครับเทมครับ ทาไปแล้วมันจะหายไหมล่ะนั่นน่ะ โอ้ย ปวดหมองมากกว่าโดนเฮียโบกอีก”

          “อย่าพูดมาก จะไปแว๊น ไปสู่สุคติที่ไหนก็ไปเถอะครับหย็อง”

          ผมเอื้อมมือไปผลักหัวเจ้าตัวแสบเบาๆอีกที นึกหมั่นเขี้ยวนัก ที่สองคนนี้มักจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยในเรื่องที่แสนน่าปวดหัว ผมยิ่งไม่อยากให้เทมปุระติดนิสัยแปลกๆจากคนในบ้านอยู่ เจ้าตัวแสบเผ่นแน่บออกไป ก่อนจะพ้นสายตา ยังไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่ผมอีก

          เจ็บแล้วไม่จำนี่สายเลือดตะกูลหย็องจริงๆนะครับ...



          “มือหมูไม่เป็นอะไรหรอกครับเทม ไม่เจ็บเลยครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ตอนนี้หมูว่าเรารีบไปโรงเรียนกันดีกว่า เดี๋ยวสาย เทมจะอดได้สติกเกอร์นะครับ”

          ผมพลิกมือเทมที่ยังคงกุมมือผมพลิกไปมา ท่าทางคงจะอยากสำรวจจนแน่ใจว่าเสียงดังเมื่อสักครู่ ไม่ได้ทิ้งร่องรอยหรือสร้างบาดแผลให้ผมจริงๆ ผมสอดประสานปลายนิ้วของตัวเองกับเทมปุระ พลางออกแรงเล็กน้อย จับจูงเจ้าตัวน้อยของผมไปยังรถตู้ที่เปิดประตูรอรับอยู่หน้าบ้าน



          “สวัสดีครับลุงชื่น”

          “สวัสดีครับคุณหนูเทม คุณหนูหมูครับ คุณท่านฝากบอกว่าเย็นนี้ให้กลับมาเร็วๆหน่อยนะครับ ชวนคุณเทมมาทานข้าวเย็นด้วย”



          เด็กน้อยของผมยกมือไหว้ลุงชื่นคนขับรถเหมือนทุกวันอย่างน่ารัก ลุงชื่นยกมือรับไหว้ก่อนจะทักทายเล็กน้อย ก่อนจะถ่ายทอดคำสั่งของคุณพ่อออกมาให้ผมรู้

          สงสัยคุณป๊าจะออกอีกประตูทำให้คลาดกัน เลยฝากลุงชื่นมาบอกแทน อยู่ต่อหน้าเลขาแล้วจะโทรศัพท์มาบอกด้วยตัวเองก็ยากครับ เดี๋ยวจะเผลอปล่อยตัว จะพูดจางุ้งงิ้งใส่ลูกก็ไม่ได้ครับ ดูไม่ดี ดูไม่งาม ดูเป็นบ้าน่าไล่ไปหลังคาแดง



          ผมนึกถึงตารางเรียนและแผนการต่างๆของวันนี้ในสมอง ก่อนจะตัดการไปสมัครเรียนพิเศษออกไปก่อน แล้วพาลูกรักของบอสมาหาแทน ไม่ได้พาเทมแวะมาทานข้าวเย็นด้วยหลายวันแล้วครับ เพราะใกล้เปิดเทอม ผมจึงยุ่งวุ่นวายกับการติวเนื้อหาเตรียมพร้อมการเรียนสำหรับเทอมหน้าให้เทม ไหนจะพาเทมไปหาซื้ออุปกรณ์การเรียนใหม่ แล้วเราสองคนก็มักจะจบด้วยการทานข้าวที่ห้างหรือแถวโรงเรียนพิเศษ ด้วยไม่อยากให้นอนดึกจนเกินไป กว่าจะเสร็จธุระในหนึ่งวันก็ดึกแล้ว ผมจึงส่งเจ้าตัวกลับบ้านนอนเลยทันทีตลอด  มื้อเย็นที่เทมปุระมักจะมาร่วมรับประทานกับบ้านผมบ่อยๆ จึงถูกงดไปเสียหลายวัน

          ถึงเวลาคุณท่านเรียกร้อง ยื้อแย่งเวลาของเด็กน้อยของผมอีกแล้วครับ เฮ้อ



          ระหว่างปลงตก ผมก็จูงมือเด็กชายเทมปุระขึ้นประจำที่ คาดสายรัดนิรภัยให้เจ้าตัว ก่อนเด็กดีจะพูดขอบคุณเบาๆ มือใหญ่ยื่นมือมาคาดสายให้ผมเช่นกัน และแน่นอนว่าผมก็ยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยขอบคุณให้คนข้างตัว





          เอาล่ะครับ ไปโรงเรียนเพื่อต่อสู้ในวันแรกของเทอมสองมอสามกันครับ











 



(https://i.imgur.com/1b5jyAM.png) end 1.
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง


ลองอ่านให้ถึงตอนที่ 20 นะคะ
แล้วค่อยตัดสินใจว่าใช่แนวตัวเองหรือไม่ สิบบทแรกยังตัดสินไม่ได้ค่ะ : )

โซเฟียริน
zofiarin lll moore
 


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 2 * 1/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 01-09-2018 21:13:36














▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    2    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇









          รถติดแน่นไม่ขยับเขยื้อน จนผมเกือบจะต้องขอลุงชื่นลงกลางทาง แล้วเรียกวินมอไซค์นั่งไปกันแทนซะแล้วครับ เทมเครียดจนนั่งกัดเล็บ ผมต้องห้ามกันยกใหญ่ ปลอบกันได้แค่พอทุเลา จนรถถึงหน้าประตูรั้วสีขาวตะหง่านแสนคุ้นตา เจ้าตัวถึงลดอาการกังวลกลับมาสดใสร่าเริงเหมือนเดิม

          เทมยกมือไหว้ขอบคุณลุงชื่น พลางรีบแกะสายรัดนิรภัยทั้งของตัวเองและของผม แล้วจูงมือผมตรงดิ่งไปที่ป้อมยามหน้าประตูโรงเรียน



          “ลุงสันครับ ลุงสัน สวัสดีวันเปิดเทอมครับ”

          “อ้าวๆ! คุณเทม คุณหมู สวัสดีครับ มาแล้วหรือครับ ลุงกำลังคิดเลยว่าจะมาทันกันไหมน้า ถ้ามาไม่ทัน สติ๊กเกอร์ของลุงต้องเป็นหมันแน่ๆเลยเชียว”

          “หา สติกเกอร์ของเทมท้องหรือครับ? ท้อง ท้องแล้วใครเป็นคุณพ่อครับ แสตมป์ที่ลุงสันสะสมหรือเปล่า”

          “เย้ย ไม่ใช่ครับๆ ฮ่าๆ ไม่ได้ท้องแบบนั้นครับคุณเทม ลุงจะสื่อว่ามันคงเสียใจถ้าคุณหนูมาไม่ทัน”

          “อ๋อๆๆๆ โอ๋ๆนะครับคุณสติกเกอร์ เทมก็เสียใจถ้ามาไม่ทัน แต่หมูหย็องบอกว่ามาทันแน่ๆ แล้วก็ทันจริงๆด้วย ลุงชื่นขับเก่งมากเลยครับ มุดๆๆๆ แล้วก็ ตู้มๆ โผล่มาหน้าประตูโรงเรียนเลย สุดยอดมากๆเลยครับ”



          เทมยืนคุยเจื้อยแจ้วเรื่องการขับรถของลุงชื่นให้ลุงยามหน้าโรงเรียนฟังอย่างออกรส ที่บอกว่ามุดนั่นก็เพราะผมขอให้ลุงชื่นใช้ทางลัดเองครับ เส้นทางจึงดูลัดลดคดเคี้ยวไปมา จนดูเหมือนมุดซอยนู่นออกซอยนี้

          จริงๆปกติผมออกจะชอบใช้เส้นทางธรรมดามากกว่านะครับ...

          และถ้าตื่นเร็วและพอมีเวลา ลุงชื่นก็จะรู้ใจพาขับแบบวนอ้อมครับ เพราะจะมาถึงช้ากว่าปกติ

จะได้ยืดเวลาถึงโรงเรียนออกไปอีกหน่อย เพราะผมอยากถนอมเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันสองคน ให้ยืดยาวออกไปอีกนิดก็ยังดี



          แต่วันเปิดเทอมวันแรกก็อย่างที่รู้กันครับ รถมักจะติดเป็นพิเศษ จะมาอ้อมไปอ้อมมา ก็กลัวเทมจะพลาดสติกเกอร์แล้วเศร้าใจอีก เสียดายแต่ก็ไม่อยากเห็นเด็กน้อยเศร้า

          แต่ก็เสียดายเวลาอยู่บนรถกันสองคนกับนางฟ้าเหลือเกินครับ เฮ้อ



          เทมเปิดกระเป๋าเป้ที่สะพาย หยิบสมุดปกสีฟ้าสดใสลายเจ้าแมวแห่งโลกอนาคตออกมา เทมชอบโดราเอม่อนมากครับ บอกว่าเท่มาก แมวหูกุด มีมือเป็นลูกชิ้น นี่ถ้าคนพูดเป็นคนอื่น ผมคงมองเหยียดใส่ตั้งแต่หัวจรดเท้า เพราะผมเกลียดแมวในระดับที่ถ้ามีผมยืนอยู่ ในระยะสิบเมตรต้องไม่มีเจ้าขนปุยพวกนั้น แต่พอเทมเป็นคนพูดชม

          ผมก็ชักจะรู้สึกว่ามัน...น่ารักขึ้นมานิดๆเลยครับ



          และเพราะว่าชอบมาก ข้าวของเครื่องใช้แทบจะทุกอย่าง ก็จะมีเจ้าแมวหุ่นยนต์ตัวกลมร่วมอยู่ด้วยเสมอ กอปรกับสีฟ้าที่เจ้าตัวชอบอีก เด็กน้อยของผมจึงกลายเป็นก้อนความสุขสีฟ้า เป็นก้อนนุ่มนิ่มกลมๆที่มีสีฟ้าเป็นส่วนประกอบ



          เทมยื่นสมุดที่กางออกไปให้ลุงสัน ลุงยามประจำโรงเรียนของผมก็รู้หน้าที่ หยิบสติกเกอร์ลายเจ้าแมวหุ่นยนต์แห่งโลกอนาคต แปะลงบนสมุดตรงหน้า  ได้มาแล้วอีกหนึ่งแต้ม

          เทมยื่นสมุดมาให้ผมดู ยิ้มดีใจยกใหญ่ เหมือนมีคำว่า มีความสุขจังเลย ลอยละล่องแผ่อยู่รอบกายคนตัวสูง  จนผมเผลอยิ้มตามและมีความสุขไปด้วย



          สดใสกว่าสีฟ้าบนสมุด ก็รอยยิ้มของเทมเวลามีความสุขนี่แหละครับ



          เด็กน้อยของผมเก็บสมุดสะสมสติกเกอร์ 'เด็กนักเรียนดีเด่นผู้มาทันเวลาเข้าเรียน' ลงกระเป๋า ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง แล้วบอกลาลุงยามเพื่อเตรียมเข้าห้องเรียน ระหว่างที่ผมเดินผ่านลุงยามที่อยู่ในป้อม ผมก็ยื่นซองสีดำสนิทที่ข้างในบรรจุเงินจำนวนสามพันบาทใส่เอาไว้ส่งให้ไป ลุงสันยกมือไหว้ขอบคุณผม ก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ประจำของตนเองต่อ



          กิจกรรมสะสมสติกเกอร์ของลุงยามกับเทม กฎก็ง่ายๆครับ ถ้าไปสายก็จะอดได้ เพราะอย่างนั้นต้องตื่นแต่เช้ามาโรงเรียนให้ทันทุกวัน เก็บสะสมครบสิบแต้ม จะได้ขนมที่เจ้าตัวชอบ เป็นขนมที่ผมสั่งทำขึ้นโดยเฉพาะ แน่นอนว่าหาซื้อทานตามร้านทั่วไปไม่ได้

          เกมเล็กๆในยามเช้า เป็นแรงจูงใจที่ผมจ้างลุงยามของโรงเรียนทำเอง แรงจูงใจสำหรับเทมค่อนข้างสำคัญครับ อย่างที่เคยบอก เทมถึงแม้จะตัวโตและอายุเท่ากับผม แต่ข้างในเจ้าตัวยังคงเป็นเด็กน้อยอยู่ การตื่นแต่เช้ามาโรงเรียนค่อนข้างจะลำบาก เพราะงั้นแรงจูงใจที่ผมคิดออก คือการทำให้โรงเรียนเป็นเหมือนเกม ที่เจ้าตัวจะต้องเก็บแต้ม สะสมคะแนนแล้วจะได้รางวัล



          ไม่มีเด็กที่ไหนไม่ชอบของขวัญของรางวัลหรอกใช่ไหมล่ะครับ?

          โดยเฉพาะเด็กชายเทมปุระ ที่ชื่นชอบขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจ



          ผมเลยมายื่นข้อเสนอกับลุงสัน แรกๆแกก็ทำเพราะเงินนั่นล่ะนะครับ แต่หลังๆก็ดูจะชอบใจคุณเทมที่ยิ้มเป็นดอกทานตะวันมาหาทุกเช้า จนเริ่มไม่ยอมรับเงินผมเลยทีเดียว แถมเตรียมสติกเกอร์เจ้าแมวสีฟ้าไว้เพียบเลยอีกต่างหาก แต่ผมรู้สึกว่าให้เงินลุงเขาดีกว่า ไม่ใช่ว่าดูถูกน้ำใจแกนะครับ



          แต่คนที่ดูแลเจ้าเด็กน้อยที่ยืนยิ้มรอผมให้เดินไปหาน่ะ มีผมแค่คนเดียวก็พอ...





ผมเดินตรงไปหาคนที่ยิ้มกว้างแผ่บรรยากาศความสุขกระจายไปรอบตัว

          “ดีใจด้วยนะครับ อีกเก้าแต้มก็จะได้ทานขนมที่เทมชอบแล้วใช่ไหม”

          “ใช่ครับ ไม่อยากให้ติดเสาร์อาทิตย์เลย จะได้ทานไวๆ”

          “อ้าว แต่เสาร์อาทิตย์ได้อยู่กับหมูสองคนทั้งวันนะครับ ไม่ดีหรือ”

          ผมแกล้งช้อนตาขึ้นมองเจ้าเด็กน้อยตัวโตข้างๆ พลางทำหน้าเสียใจ คิ้วขมวดใส่ เทมรีบส่ายหัวพรึ่บพรั่บเป็นการใหญ่ ปฏิเสธจริงจังจนผมนึกสงสาร จนผมต้องจับปลายคางเจ้าตัวเบาๆให้นิ่งลง

          “ดี ดีที่สุดเลยครับ อยู่กับหมูหย็อง ดีที่สุดเลย เทมชอบที่สุดเลยครับ แต่ก็จะดีมากๆ ดีแบบพิเศษ ถ้าได้ทานขนมที่ชอบกับหมูหย็องที่ชอบด้วยกัน...”



          เจ้าตัวทำเสียงอ่อย จับชายเสื้อรั้งผมไว้



          ผมอยากจะสบถคำหยาบต่างๆนาๆ ดุด่าให้เจ้าหัวใจตัวดีเลิกเต้นแรงเสียที

          คำว่าชอบของเด็กชายเทมปุระ ช่างอนุภาพรุนแรงยิ่งกว่าระเบิดนิวเคลียร์ชุบแป้งทอดเสียอีก ทั้งๆที่ไม่ใช่การสารภาพรักต่อผมแท้ๆ ทั้งๆที่มีคำว่าชอบขนมในประโยคด้วยแท้ๆ

          แต่ก็...รุนแรงเหลือเกิน

          หัวใจผมแทบจะต้านทาน ทนทานไม่ไหวกับคำว่าชอบนั่น

          ความสุขที่ล้นปรี่ออกมาจุกที่คอจนอยากร้องไห้นี่มัน...

เจ้าหัวใจแสนใจง่ายที่แสนอ่อนข้อให้เขา นับวันยิ่งเอาใหญ่ แค่ถ้อยคำสั้นๆก็ตั้งรับไม่ไหวเสียแล้ว



          ผมต้องกลั้นหายใจ สลับกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อตั้งสติ  ใจเย็นไว้ก่อนไอ้หมู



          บอกตัวเองว่าจะมาเป็นลมเพราะความดีใจ กลางทางเดินไปห้องเรียนไม่ได้

เกิดโดนถ่ายรูปตอนลงไปนอนวัดกับพื้น แล้วโดนจับไปลงหนังสือพิมพ์โรงเรียน 'ท่านประธานมัธยมต้น เป็นล้มคาทางเท้า เพราะโดนพลังศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างของนางฟ้าไร้ปีก อ่านต่อหน้าสาม' คงได้อายยันลูกของผมกับเทม(?)บวชกันพอดี




          “รู้แล้วครับ หมูก็ชอบอยู่กับเทมที่สุดเหมือนกัน เมื่อกี้หมูล้อเล่นนะครับ ไม่ได้โกรธเทมเลย ไม่ต้องคิดมากนะ เอากระเป๋าไปเก็บแล้วเตรียมตัวเข้าแถวกันนะครับ”

          เทมพยักหน้ารับหงึกๆ พลางรีบเดินนำหน้าผมก่อนจะหันมาเร่งผม ด้วยการกวักมือทั้งสองข้างเหมือนเจ้าแมวกวักขึ้นลง เป็นเชิงเรียกให้ผมเดินตามเขาไวๆ



          ต้องเดินกันสักพักเลยครับกว่าจะถึงตึกมัธยมต้น เนื่องจากโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ค่อนข้างมีพื้นที่กว้างขวาง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักเรียนในการทำกิจกรรมกลางแจ้งมากเกินไป จึงกว้างได้อย่างน่าเหลือเชื่อเลยครับ



          โดนฟาด สั่งทำการบ้าน ไม่น่ากลัวเท่าวิ่งรอบสนาม เป็นวลีที่เด็กโรงเรียนผมพูดกันบ่อยๆ มันกว้างขวางระดับที่ใช้การวิ่งรอบสนามเป็นการลงโทษยามทำผิด เพียงแค่นั้นก็สามารถปราบความซนของเด็กในวัยที่อยู่นิ่งไม่ได้อย่างพวกผมอยู่หมัดเชียวล่ะครับ



          ยิ่งสำหรับเด็กสมัยใหม่ ที่เน้นจับเครื่องมือเทคโนโลยีแล้วนั่งเฉยๆ การวิ่งรอบสนามขนาดใหญ่ขนาดนี้ นับว่าโหดเหี้ยมได้เลยทีเดียว ไม่นับอากาศร้อนของประเทศไทย ที่ถึงแม้จะมีโดมช่วยบังกันแดดอยู่ แต่บอกเลยครับ กันได้แค่แสง แต่ไอร้อนนี่เต็มๆ



          ตึกเรียนมัธยมต้นของโรงเรียนผมจะแบ่งเป็นสามตึกครับ ตึกละห้าชั้น การเดินขึ้นชั้นเรียนแต่ละเช้า ลงมาเข้าแถวและเดินขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าเป็นโรงเรียนที่ทำออกมา ได้ท้าทายศักยภาพร่างกายของเด็กดีจริงๆ  แต่สิทธิ์พิเศษของเหล่าคณะกรรมการนักเรียน คือสามารถใช้ลิฟต์ได้ครับ เพราะงั้นผมก็สบายกันไป



          พอประตูลิฟต์เปิดอ้าออก เจอหน้าคนที่ยืนดักรออยู่ ผมก็ทำหน้าเหม็นเบื่อออกมาทันที

          “สวัสดีคร้าบ เทมเทมและคุณท่าน-ประ-ธาน-นัก-เรียน เหี้ยเอ้ย มาช้าเชียวนะมึง รู้ไหมว่าเขาจับฉลากที่นั่งกันหมดแล้ว มึงต้องเห็นสงครามเมื่อเช้า แทบจะยกเก้าอี้ตบกันแย่งนั่งข้างมึง”

          ผู้ชายหน้าตาดีท่าทางกวนๆ โผล่หัวออกมาทักทายเหมือนตุ๊กตาจ๊ะเอ๋ในกล่องตกใจ

              เต้ เพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กของผมเองครับ มันเล่นทักทายด้วยเสียงที่ต่อให้เฝ้ายามอยู่หน้าประตูโรงเรียนก็อาจจะได้ยิน พร้อมข้อความที่ทำเอาผมขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม จับฉลากที่นั่งไปแล้ว?



          ได้ยังไงกัน ปกติต้องจับตอนเข้าแถวเสร็จแล้วไม่ใช่หรือ



          “อย่าพูดคำหยาบต่อหน้าเทม แล้วทำไมถึงจับกันตอนเช้า ผมจำได้ว่าต้องหลังเข้าแถวไม่ใช่หรือ”



          ผมตวัดสายตาคาดโทษเต้เล็กน้อย การพูดคำหยาบต่อหน้าเทม สำหรับผมถือเป็นเรื่องต้องห้าม เทมกำลังอยู่ในวัยกำลังลอกเลียนแบบพฤติกรรม จะทั้งการกระทำหรือคำพูด เจ้าตัวมักจะพูดทวนและนำมาใช้ บางครั้งก็นำมาใช้แบบไม่เข้าใจ ทำให้เกิดปัญหาเหมือนกัน



          และหัวใจผมต้องแหลกสลายไม่เป็นชิ้นดีแน่ ถ้าได้ยินคำว่าเหี้ยจากเจ้าชายน้อยผู้แสนบริสุทธิ์ของผม...



          “โทษทีๆ เทมอย่าพูดตามเต้นะ เออ ก็นั่นแหละ ก็เดิมๆ แตมเขาคงเห็นว่าโอกาสแบบนี้ ไม่ได้มีบ่อยๆที่มึงจะมาช้า เลยชวนกลุ่มสาวๆทำฉลากแล้วจับที่นั่งกันเอง แล้วทำฉลากอีท่าไหนไม่รู้ ดันมีชื่อมึงตั้งหกแผ่น คนที่จับได้ก็เถียงกันใหญ่ ว่าของใครเป็นของจริง ใครมีสิทธิ์จะได้นั่งข้างคุณประธานนักเรียนกันแน่ ฮึ กูนี่แทบจะบอกไอ้น้ำให้ไปซื้อป๊อปคอร์นมานั่งชมศึกชิงเก้าอี้ สนุกชิบหาย”



          เต้พูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง ขัดกับผมที่ถอนหายใจเบาๆ เพราะเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาสองสามครั้งแล้ว และก็เกิดการทะเลาะเบาะแว้งของเด็กในห้องทุกครั้งครับ ทุกคนต่างล้วนมีคนที่ตัวเองอยากนั่งใกล้ จนอาจารย์ต้องเป็นคนทำฉลากขึ้นมาเอง เพื่อป้องกันการโกงกันที่จะเกิดขึ้น ผมไม่นึกเลย ว่าจนถึงตอนนี้ ก็ยังจะมีคนดื้อดึงทำกันขึ้นมาอีก



          “ที่นั่งข้างผม ก็ต้องเป็นเทมอยู่แล้ว ทำไมชอบทำให้เรื่องมันวุ่นวาย”



          ใช่ครับ ผมได้ดำเนินเรื่องทั้งการย้ายห้องและย้ายที่นั่ง กับทางผู้อำนวยการโรงเรียนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของคุณป๊าไว้ตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอะไร ที่ถ้าหากมีการจับคู่ หรือต้องห่างกัน ขอให้เทมได้อยู่กับผม แน่นอนว่าผมใช้ความพิเศษของเทมเป็นข้อต่อรองอีกข้อ เพื่อเป็นเหตุผลรองรับ ว่าผมมีเหตุจำเป็นต้องช่วยดูแลเทมระหว่างเรียนหนังสือหรือทำกิจกรรมใดๆก็ตามแต่ ทำให้ผู้อำนวยการต้องจำยอมในเหตุผล และสามารถใช้เหตุผลข้อนี้ เพื่อบอกอ้างอาจารย์ท่านอื่นๆให้เข้าใจด้วยได้



          ปาท่องโก๋แห่งสิงหสารสาทรวิทยา โรงเรียนเอกชนชื่อดัง ก็เป็นหนึ่งในฉายาที่ทุกคนใช้เรียกผมกับเทมปุระครับ



          “มึงลืมไปแล้วเหรอว่าห้องเรามันจัดแถวแบบ สามสามสาม 3-3-3  ถ้ารอบไหนมึงจับที่นั่งไม่ได้ชิดในกำแพงหรือติดหน้าต่าง ถ้าเทมอยู่ด้านซ้าย ด้านขวาก็ว่าง ถ้าด้านขวาเทมนั่ง ด้านซ้ายก็ว่าง ใครๆก็อยากแย่งชิงเพื่อสร้างโอกาสทั้งนั้น หึๆ ปีนี้ไม่รู้จะโชคดีเป็นกูหรือไอ้น้ำที่นั่งติดมึง เป็นไม้กันหมาเป็นปีที่สามหรือเปล่า ถ้าไม่เป็นงั้น กูคงโชคดี ได้ดูมึงอาละวาดกลางเวลาสอนอีกแหงๆ อดเห็นตั้งแต่ประถมแล้ว ขออีกสักทีก่อนขึ้นมอปลายสิวะ”



          เต้พูดเกินไปครับ ผมไม่ได้ว้ากหรือโวยวายขนาดนั้น แค่ลุกขึ้นแล้วยกโต๊ะตัวเองกับเทมไปอยู่หลังห้องสุดในระหว่างคาบ ด้วยความรำคาญเพื่อนผู้หญิงร่วมห้องอีกคน ที่เซ้าซี้ถามผมทุกๆสิบนาที ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องส่วนตัว

          ทีแรกผมเตือนเธอดีๆว่าให้ตั้งใจฟังก่อน ไม่เข้าใจ จบคาบค่อยเข้าไปถามอาจารย์ดีกว่า ครูผู้สอนยังไงก็ต้องอธิบายได้ดีกว่าเพื่อนร่วมเรียนอยู่แล้ว แต่เธอช่างแสนดื้อดึงและดื้อด้าน พูดไปก็เหมือนพูดกับกำแพง เส้นความอดทนผมขาดลงในที่สุด

          ...การกระทำครั้งนั้นส่งผลให้ผมได้อยู่อย่างสงบได้เป็นอาทิตย์เลยทีเดียว



          “เทม เทมอยากนั่งข้างหน้าต่างครับ ท้องฟ้าตอนสิบเอ็ดโมงสดใสมาก”



          เทมคงจับประเด็นได้แค่ว่าพวกผมกำลังพูดคุยถึงการย้ายที่นั่ง น่าดีใจจัง การฟังจับใจความสนทนาของเทมพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว อย่างน้อยก็จับหัวข้อได้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ทำแค่พูดทวนคำสุดท้าย ผมรู้สึกปลื้มใจ จนอยากจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาจริงๆเลยครับ ผมอดหันไปยิ้มให้เทมปุระไม่ได้



          “ได้ครับ ถ้าหมูจับได้ข้างหน้าต่าง เรามาแลกกันนะ”

        “ไม่เป็นไรครับ ภาพท้องฟ้าสดใสที่มีหมูหย็องอยู่ด้วย สดใสและสวยงามมากกว่าเยอะเลย สวยกว่าแบบพิเศษ เหมือนก๋วยเตี๋ยวเพิ่มเกี๊ยวเลย พิเศษมากๆ เทมชอบ”



          อา...

         ทำไมถึงได้ถนัดสร้างความเสียหายต่อหัวใจผมขนาดนี้ก็ไม่รู้ คำพูดน่าดีใจถูกเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างง่ายดาย

          เป็นผู้ฟังอย่างผมเสียอีก ที่ยุ่งยากกับการจัดการความรู้สึกพองฟูให้ยุบตัวลงอย่างยากลำบาก

          ตั้งแต่เข้าโรงเรียนมาแค่ไม่กี่นาที หัวใจของผมก็อยู่แทบไม่เป็นสุข เอาแต่ร่ำร้องว่าให้กระชากเจ้าเด็กน้อยตัวสูงข้างๆ มากอดแน่นๆเสียที

          ผมยกมือขึ้นมาปิดใบหน้า หลบสายตาของเต้ที่มองมาอย่างล้อเลียน กว่าจะตั้งสติเดินต่อได้ ก็เล่นเอาเต้พูดแซวไม่หยุด



          “โดนจีบแต่เช้าเลยว่ะเพื่อนเรา เปิดเทอมวันแรกก็ชื่นใจแต่เช้าเชียวนะมึง น่าหมั่นไส้จริงๆ ไม่ไหวๆ อยู่ด้วยนานๆ กูจะเป็นเบาหวานตายห่า”

          “หุบปากเถอะครับเต้ ไม่งั้นผมจะเอารองเท้าอุดให้คุณเอง”

          “เขินแล้วรุนแรงนะเชี้ยหมู เอ้ย! หมู เทมดูดิ ดูๆ หมูมันจะรังแกเต้อีกแล้วเว้ย”

          ไอ้คุณเต้หันไปทำท่ากลัวห่อไหล่ตัวสั่นใส่เทม เทมหัวเราะกับท่าทางของเต้ที่เล่นใหญ่สุดๆ

          “หมูหย็อง หมูหย็องไม่รังแกใครครับ หมูหย็องเป็นเพื่อนที่ดี” นางฟ้าของผมพูดแก้ต่างให้ผม

          “ดีกับมึงแค่คนเดียวล่ะสิไม่ว่า...กับคนอื่นนี่ดุร้ายเย็นชาใส่อย่างกับปีศาจ”

          เต้บ่นพึมพำเบาๆในลำคอ จนผมได้ยินไม่ชัด

          “เต้ว่าไงนะครับ?”

          “เปล๊า เออ กูลงไปกินข้าวเช้ากับไอ้น้ำก่อน ลืมกินมาว่ะวันนี้ ยังไงเดี๋ยวเจอกันในแถวเว้ย ไปละๆ”

          เต้โบกมือหยอยๆให้ผมกับเทมก่อนจะรีบสับขาวิ่งออกไป ดูท่าจะหิวมากจริงๆ

ไม่ดีนะครับ การทานข้าวเช้าไม่ตรงเวลา ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง และอาจจะทำให้กลายเป็นคนกวน...เหมือนเต้ก็ได้

          เพราะงั้นอย่าลืมทานข้าวเช้ากันนะ



          ผมอดไม่ได้ที่จะหันมาย้ำกับเทมถึงความสำคัญของอาหารเช้า

          “เทมต้องทานข้าวเช้าให้เป็นเวลานะครับ เห็นเต้ไหมครับ ลืมทานเลยต้องมารีบร้อนที่โรงเรียน”

          ผมหันมาบอกกับเด็กน้อยข้างกาย เจ้าตัวพยักหน้ารับจริงจัง น่าเอ็นดูจนอดจะเอื้อมมือไปลูบหัวไม่ได้ หืม สูงขึ้นอีกแล้วหรือเปล่านะ ระยะที่ต้องเอื้อมมือ รู้สึกว่าต้องยืดขึ้นมากเรื่อยๆเลยเชียว

          ระหว่างที่ผมคิดว่าควรดื่มนมเพื่อตามสูงของเทมบ้าง ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายภายในห้อง



          “เธอสิขี้โกง! เราเห็นนะว่าเธอแอบพับหัวมุมฉลาก จะได้รู้ใช่ไหมล่ะว่าอันไหนเป็นชื่อของหมู!”

          “อ้าว อย่ามาพูดหมาๆแบบนี้นะเตย พูดแบบนี้เราก็เห็นเธอแอบเอาปากกามาร์คไว้บนกระดาษเหมือนกันนั้นแหละ!”

          “นี่พวกเธอโกงกันเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ อยากได้จนตัวสั่น หึ"

          “ว่าไงนะ ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย!”

          “พูดเหมือนแกไม่อยากได้งั้นแหละ ถ้างั้นก็สละสิทธิ์ไปเลยสิยะนังก้อย”

          “ทำไมฉันต้องสละ ในเมื่อฉันจับได้เองจริงๆ พรมหลิขิตขนาดนี้  ไม่ใช่ใช้วิธีการโกงเหมือนพวกเธอ ว้าย น่าสงสาร! พวกต้องใช้เล่ห์มาแย่งคนอื่นเขา”



          แล้วเสียงเหมือนคนกำลังตีกันก็ดังขึ้น จนผมต้องรีบก้าวพรวดเข้าไปในห้อง ภาพสถานการ์ณที่เห็น ไม่ดีเลยครับ กลุ่มผู้หญิงหลายคนต่างกำลังกระชากคอเสื้อฝ่ายตรงข้ามและเงื้อมือจะฟาดใส่อีกคน พอทุกคนเห็นผมเข้าห้องไป ก็เหมือนกับวีดีโอถูกกดหยุดเวลาเอาไว้ ทุกคนนิ่งค้างและเบิกตากว้างมองผม



          “มะ-หมู คือนี่มัน...”

แตม หญิงสาวสวยน่ารักประจำห้องที่กำลังง้างมือรีบหดมือลงมาไว้ข้างตัว เดินตรงมาหาผม

          “ไม่ใช่แบบที่เห็นนะหมู คือพวกเรากำลังหารือกันเฉยๆ ไม่ได้มีเรื่องอะไรกันเลย”



          ผมเบิกตานิดๆ แปลกใจกับข้อแก้ตัว เป็นคำแก้ตัวชนิดที่ว่าแถจนสีข้างน่าจะถลอก แถเปื่อย แถสด แถน้ำร้อนลวกมากๆเลยครับ กลุ่มหญิงสาวที่เกาะกลุ่มกันตรงกลางห้อง ต่างรีบถลาเข้ามาทางผมที่ยืนอยู่ตรงประตู จนผมต้องยกมือขึ้นห้ามไว้ ให้ไม่ต้องเข้ามาใกล้อีก



          “ช่วยกรุณาอยู่ในความสงบกันด้วย ที่นี่ห้องเรียน ถ้าพวกคุณจะทะเลาะกัน ก็ขอให้ไปทำที่อื่น ไม่งั้น...ผมคงจำเป็นต้องจดชื่อคนมีปัญหาเข้าบัญชีนะครับ”



          สมุดบัญชีที่ประธานนักเรียนทั้งสามระดับชั้นต่างมีกันติดตัว เปรียบเทียบได้กับสมุดบัญชีหนังหมาของพญายมราช ที่เอาไว้จดชื่อของคนที่เตรียมถูกลงทัณฑ์ในขุมนรก จะเปรียบเทียบแบบนั้นก็ไม่ผิดเลยครับ

          เพราะโรงเรียนของผมสนับสนุนกิจกรรมนักเรียนกันมากๆ การทัศนศึกษาเป็นชื่อเล่นของการท่องเที่ยวที่สนุกสนานและหรูหราของเด็กนักเรียนโรงเรียนนี้ กิจกรรมงานเลี้ยงที่โรงเรียนก็มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศ ถ้าเกิดพลาดงานขึ้นมา เสียดายแทบขาดใจ โคตรพลาดจนเป็นปมไปตลอดชีวิต คงเป็นคำที่อธิบายความรู้สึกคนไม่ได้เข้าร่วมได้เป็นอย่างดี

          การมีชื่อในบัญชีทำให้สิทธิ์การเข้าร่วมในกิจกรรมสันทนาการต่างๆถูกงดเด็ดขาด ทำได้แค่เป็นผู้ช่วยภารโรงทำความสะอาดหลังจบงานเลี้ยงเท่านั้น เป็นการลงโทษที่เด็กวัยรักสนุกแบบพวกผมไม่อยากโดนและหวาดกลัว เป็นอำนาจเล็กๆน้อยๆที่ทำให้สภานักเรียนช่วยควบคุมนักเรียนได้ดีมากยิ่งขึ้น



          ผมกวาดสายตามองเหล่าเด็กหญิงที่สงบเสงี่ยมตรงหน้า แล้วได้แต่นึกเบื่อหน่ายเหตุการณ์ซ้ำซากนี่ และผมก็ต้องพูดประโยคเดิมซ้ำๆกัน ราวกับกลอเทปไปมาไม่จบไม่สิ้น



          “จับฉลากเลือกที่นั่ง ไม่ใช่หน้าที่ที่พวกคุณจะมาทำตามอำเภอใจ อาจารย์ประจำชั้นจะเป็นคนเตรียมการเอง เข้าใจใช่ไหมครับ เข้าใจแล้วก็แยกย้าย เตรียมตัวไปเข้าแถวกันได้แล้ว”



          เด็กในวัยนี้แน่นอนว่ากำลังอยู่ในวัยต่อต้านและพูดให้เชื่อฟังได้ยาก หลายคนทำท่าเหมือนจะเถียงขึ้นมา แต่ผมก็กดสายตาให้นิ่งลึกขึ้นไปอีก จนพวกเธอต้องยอมตอบรับเสียงอ่อย แล้วแยกย้ายกันออกไปจากห้อง





          “หมูหย็อง หมูหย็องเท่จังเลยครับ พอพูดแล้วทุกคนก็ทำตาม เหมือนหน้ากากเรดเลย เป็นฮีโร่ล่ะ เป็นพระเอก เป็นพระเอกเท่ๆ”

          ร่างสูงทำตาโตอ้าปากกว้างๆพูดชม ท่าทางตื่นเต้นทุกครั้ง เวลาผมอยู่ในมาดประธานนักเรียนผู้ดุดัน ในสายตาคนอื่น ผมในโหมดนี้น่าจะดูน่าเกรงขามมากกว่าคำว่าเท่นะครับ

          แล้วก็คงจะไม่ใช่พระเอกแต่เป็นตัวร้ายแทน...



          “แต่ยิ้มหน่อยดีกว่านะครับ ยิ้มยิ้มนะ ยิ้มแล้วโลกจะสดใส”



          พูดแล้วเอานิ้วมาลูบไล้บนแก้มคนอื่นแบบนี้ นี่เรียกลวนลามได้หรือเปล่า

          แจ้งจับแล้วขังไว้ในใจไม่ให้ออกไปไหนได้ไหมครับ?

 

          ผมยิ้มขำคนตรงหน้า ที่พอเห็นผมยังเก๊กวางท่าขรึมอยู่ ก็เลยดึงมือตัวเองกลับ แล้วไปจับปากตัวเองฉีกยิ้มแทน นิ้วมือที่ดึงมุมปากจนกว้างกว่าปกติทำให้รอยยิ้มไม่เหมือนทุกครั้ง แต่เป็นรอยยิ้มที่เหมือนลูกหมาขนฟูแยกเขี้ยวใส่พิกลน่ะครับ ฮ่าๆ



          “ฮ่าๆ พอแล้วครับเทม เดี๋ยวเจ็บปากนะครับ เอากระเป๋าไปเก็บในล็อกเกอร์แล้วลงไปเตรียมเข้าแถวกันเถอะ”

          “โอเค โอครับคุณหัวหน้า เทมปุระจะปฎิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดครับ”



          เด็กน้อยยืนตัวตรงแหน่ว ยกมือตะเบ๊ะท่า เหมือนเวลาทหารรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาใส่ผม ก่อนจะรีบทำท่าโค้งตัว แล้วหยิบกระเป๋าทั้งของตัวเองแล้วก็ของผม ไปเก็บให้ที่หลังห้อง

          ทะเล้นจริงๆเด็กชายเทมปุระ ผมมองตามร่างสูงไป เห็นท่าทางการหมุนรหัสปลดล็อกแสนคล่องแคล่ว เลขสี่หลักแสนจำง่าย รหัสของผมเป็นเวลาเกิดของเทมปุระ ส่วนรหัสของเทมปุระคือเบอร์โทรศัพท์ตรงกลางของผมเองครับ

          กว่าเทมจะจัดของ เรียงหนังสือเข้าที่จนพอใจก็เกือบได้เวลาเข้าแถวพอดี




          “ขอบคุณนะครับเทม”

ผมเงยหน้าสบตา แล้วยิ้มหวานให้คนที่ตั้งอกตั้งใจ จัดของในล็อคเกอร์ของผมจนเป็นระเบียบเรียบร้อย

          “ขอบคุณที่ให้เทมจัดเหมือนกันครับ”

เจ้าตัวยิ้มหวานแข่งกับผม



          อา..ถ้าคุณอยากรู้ว่านางฟ้ามีจริงไหมล่ะก็ ผมขอบอกเลยนะครับว่ามีจริง

          นางฟ้าไร้ปีกที่กำลังเดินเคียงข้างผมตรงนี้ยังไงล่ะ...



         * ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 2 * 1/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 01-09-2018 21:22:36
ปวดหัวกับบ้านนี้ มีทุกอย่างยกเว้นสติจริงๆ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 2 * 1/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: TheBig ที่ 02-09-2018 09:03:07
เทมน่ารักจังค่ะ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 2 * 1/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 02-09-2018 12:49:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 2 * 1/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 02-09-2018 19:53:50

          พอลงมาถึงสนาม แถวของฝั่งน้องอนุบาลและเด็กประถมก็ถูกจัดเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ผมกวาดสายตามองไปยังแถวของห้องตัวเอง ก่อนจะพาเจ้าเด็กน้อยของผม ไปต่อแถวที่เต้กับน้ำกำลังยืนคุยน้ำลายแตกฟองกันอยู่ ผู้ชายที่ตัวสูงพอๆกับเทมหันมา ก่อนจะรีบโบกไม้โบกมือเรียกให้พวกผมเดินเข้าไปหา และคนที่ตัวเล็กกว่าที่ยืนข้างกันก็โบกมือมาอย่างแจ่มใสเช่นเดียวกัน



          “ไงมึง ไม่เจอกันตั้งเดือนเลยไหมวะ กูเอาของฝากมาจากอิตาลีให้ด้วย รอบนี้ไม่มีแอลกอฮอล์ สาบาน”



          น้ำพูดพลางฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วหัวเราะในลำคอ ครั้งก่อนไอ้แสบนี่เอาของฝากมาให้เทมปุระ

          ...เป็นช็อกโกแลตไส้เหล้ารัมครับ...

          ผมก็เพิ่งมาทราบเรื่องตอนคุณป้าบอก เทมโยเยหน้าแดงร้องหาแต่ผมไม่ยอมนอน ผมตกใจจนเรียกรถพยาบาล และโทรเรียกคุณหมอประจำตัวเทมมากลางดึกเลยทีเดียว

          ภาพที่เปิดประตูเข้าไปเจอ คือนางฟ้าไร้ปีกของผมนั่งตาเยิ้ม ยิ้มหวาน กอดตุ๊กตาแมวสีฟ้าสดใสอยู่กลางห้อง พอเห็นผมก็รีบลุกขึ้นวิ่งเข้ามากอดนัวเนียใหญ่ ร้องห่มร้องไห้ว่าหาผมไม่เจอ ผมจะทิ้งเจ้าตัวไป

          น่ารักและแสนเย้ายวนจนผมแทบจะหัวใจวายอยู่ตรงนั้น

          กว่าจะหายเมา กว่าจะหลับได้ กว่าจะปลอบกันเสร็จ

          เล่นเอาผมเกือบจะจับตัวเองมัดเชือก ไม่ให้วิ่งไปฟัดเด็กขี้อ่อยแทบไม่ทัน นอนไม่หลับเลยครับคืนนั้น  ข่มตาไม่หลับแถมเดินไปห้องน้ำหลายครั้งจนเช้าอีกต่างหาก...เช้ามาตาคล้ำเสียแยกไม่ออกระหว่างผมกับหมีแพนด้า น่ากลัวว่าถ้าออกไปเดินข้างนอก อาจจะถูกเจ้าหน้าที่จับกลับสวนสัตว์ด้วยความสับสนก็เป็นไปได้



          พอซักถามหาสาเหตุจากคุณป้า ก็ค้นพบว่าคือไอ้ช็อกโกแลตเวรจากนายน้ำที่ให้มาเป็นของฝาก



        เช้าวันมาโรงเรียน บอกเลยครับ ผมจะไม่ทน ความอดทนของผมมีให้แค่คนเดียวเท่านั้น

         และคนๆนั้น ก็ไม่ใช่คนที่ผมเดินตรงดิ่งไปหา



          เจ้าคนที่นั่งเล่นเกมสบายใจ ไม่ล่วงรู้ว่าชะตากรรมตัวเองใกล้ขาด



          น้ำโดนผมโบกกะโหลกไปสามครั้งติด ชกหน้าซ้ำลงไปอีกหน พร้อมสั่งลงโทษกักบริเวณ อยู่เย็นคัดหนังสือสิบเล่ม ข้อหานำของอบายมุขเข้ามาในโรงเรียน แค่นั้นไม่สาแก่ใจ ผมใช้อำนาจของประธานนักเรียนที่มี สั่งให้ล้างห้องน้ำอีกครึ่งเดือน...เล่นเอาไอ้น้ำเจอหน้าผมก็มองค้อน ขมุบขมิบปากด่าผมไปเป็นเดือน แต่ก็ต้องทำตามคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นล่ะครับ



          ถ้าครั้งนี้ของฝากพิเรนท์อีก ผมจะเอาให้ก้านคอหมุนได้สามร้อยหกสิบองศาเลยครับ

        แล้วไม่ต้องล้างแล้วห้องน้ำ จับมันโบกปูนถ่วงน้ำคงง่ายกว่า...


          “ก็ดีแล้วครับ ผมก็กำลังคิดอยากพิสูจน์อยู่พอดีเลย เมื่อปิดเทอม โรงเรียนทำระบบท่อประปาใหม่ เห็นว่าแรงดันน้ำดีมาก เห็นว่าต่อให้มีอะไร หรือศพใครอุดตัน ก็คงไหลลงทะเลได้แบบสบายๆเลยทีเดียว”

          ผมพูดแล้วยิ้มเย็นใส่ตาน้ำ เจ้าตัวเบิกตากว้างหน้าซีดเล็กน้อยจะหัวเราะเสียงแห้ง

          “เหี้ยยยยย โหดสัตว์ ไอ้เต้เพื่อนเกลอ ถ้ากูหายไป โปรดรู้ไว้กูเป็นสาหร่ายอยู่ใต้ทะเลนะมึง คุณชายแม่งโหดจริงโว้ย ไม่กล้าแล้วครับท่าน กระผมสำนึกผิดแล้วจริ๊งจริ๊ง”

          “เออ อย่าไปกวนลูกชายคุณเขาสิวะไอ้นี่ พูดแล้วเสียดายชิบหาย เมื่อเช้าหิวข้าวไปหน่อย ไม่งั้นจะรอดูไอ้หมูมันว้ากใส่พวกแม่หญิงในห้อง คงสนุกพิลึก”

          “ระวังคำพูดด้วยครับ เทมก็อยู่ แล้วเรื่องเมื่อเช้ามันก็ไม่มีอะไรครับ ผมไม่ได้ว้ากอะไร แค่พูดให้เข้าใจแล้วสั่งแยกย้ายเฉยๆ”



          ผมเหลือบมามองเทมปุระที่กำลังเงยหน้ามองท้องอยู่ ก่อนจะถอนหายใจในใจอย่างโล่งอก ดีกว่าเขาไม่ทันได้ฟังเจ้าคู่แฝดนรกพูดกัน

          เฮ้อ สักวันถ้าเทมติดคำหยาบมาจากพวกนี้ ผมต้องทนไม่ให้ตัวเองพุ่งเข้าไปบีบคอแล้วเขย่าๆสองคนนี้ให้หัวหลุดไม่ได้แน่ๆ ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่รุ่นพ่อแม่นี่ผมคงเลิกคบตั้งแต่เจอเทมแล้วครับ คนอะไรหยาบคายเหมือนหนังหน้า



          “โหย ไรว้า แต่ก่อนมึงก็พูดอ่ะ ใช่ไหมเต้ เถื่อนกว่าพวกกูอีก อะ โทษครับ ไม่พูดแล้วครับ อย่าโบกหัวกูแต่เช้าขนาดนี้สิวะ เดี๋ยวกูฉี่แตกกลางห้องเรียนทำไง”         

          เด็กน้อยของผมเลิกมองคุณท้องฟ้า แล้วพยายามตั้งใจฟังบทสนทนา พอได้ยินว่าเพื่อนตัวเองจะปัสสาวะราดกลางห้องเรียน ใบหน้าอ่อนเยาว์ก็ตกใจ

          “ใส่แพมเพิร์ดไหมครับน้ำ หรือถ้าปวดฉิ่งฉ่องฉิ่งฉ่องบอกเทมก็ได้นะครับ เดี๋ยวเทมพาไปห้องน้ำเป็นเพื่อนนะ ไม่ราดกลางห้องเรียนนะครับ”

          เทมว่าแล้วมองน้ำอย่างเป็นห่วง ผมมองความเป็นห่วงเป็นใยนั่น แล้วอดเสียดายไม่ได้ เสียของจริงๆครับ ความเป็นห่วงของเทมนี่ควรเป็นของผมทั้งหมดเลยแท้ๆ



          “โธ่ นางฟ้าของน้ำ ใครจะแสนดีเท่ามิมี อย่าไปยืนใกล้ไอ้ปีศาจหมูหย็องนะเทม เดี๋ยวเชื้อความโหดเหี้ย เอ้ย โหดเหี้ยมจะติดเอา”



          น้ำดึงเทมที่ยืนอยู่ข้างผมไปหลบอยู่ข้างหลังมันเอง ไอ้เต้รีบรับไม้ต่อ ทำตัวเหมือนเป็นนักบวช กระโดดมายืนข้างหน้าขวางกั้นน้ำกับเทมอีกชั้นหนึ่ง ปากขมุบขมิกทำทีเป็นท่องคาถา มือสองข้างทำท่าไม้กางเขน สร้างบาเรียป้องกันเทมจากปีศาจอย่างผม



          ไหนบอกหมอสิครับ

          อาการมันเป็นยังไง จะหลังคาแดงหรือศรีธัญญา เลือกมาเลย เดี๋ยวให้คนขับรถขับไปส่ง

          หรือจริงๆแล้วระหว่างทางมาเข้าแถว ผมมาตึกผิดตึก นี่มัธยมต้นใช่ไหม หรือผมเข้าใจผิด

          จริงๆแล้วตึกนี้เป็นตึกของเด็กเล็กที่กำลังจะเข้าเตรียมอนุบาล

          บอกผมที...



          “อย่าเข้ามานะเจ้าผีร้าย โอม ดุ๊กดิ๊กกระดุ๊กกระดิ๊กกิ๊กกิ๊กกระดู๊ว”

          ทำท่าสร้างบาเรียไม่พอ มันยังทำท่าปล่อยคลื่นลำแสงใส่ผมอีก ระหว่างผมคิดว่าเส้นความอดทนน่าจะตึงได้ที่ และฝ่ามือกำลังจะได้ฟาดลงบนหัวคน ก็มีคนมาห้ามทัพได้ทัน


 “ดิมิทรี”



          เสียงของอาจารย์ประจำชั้นเรียกชื่อผม ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้กลุ่มพวกเรา การปรากฎตัวอย่างกระทันหันของอาจารย์ที่เคารพ ทำให้ทั้งสี่คนรีบยกมือไหว้อาจารย์ที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานเป็นเดือน อย่างพร้อมเพียงทันที



          “สวัสดีครับอาจารย์พะนอรัตน์”

          “สวัสดีจ้ะเด็กๆ ไม่เจอกันไม่นาน สูงขึ้นเยอะเชียวนะ ยกเว้นเธอนะจ๊ะ ตรัณ”

          นายตรัณหรือไอ้น้ำ ทำท่าเหมือนถูกคำพูดของอาจารย์ทิ่มแทงอก แล้วเอนตัวเสไปมา ก่อนจะซบลงกับไหล่ไอ้เต้ เหมือนโดนคำพูกเล่นงานจนไม่สามารทรงตัวอยู่ได้

          “โห 'จารย์คร้าบบบบบ รุนแรงต่อผมแต่เช้าเชียวนะครับ ปรานีผมหน่อย นี่ผมก็ไปโด๊บนมมาเป็นแกลลอนแล้วนะครับ สูงขึ้นตั้งครึ่งเซน”

          “อาจารย์ล้อเล่นจ้า เดี๋ยวก็สูงขึ้นนะตรัณ ไม่ต้องกลัวไปหรอกจ้ะ”



          ไอ้น้ำนี่ตัวเล็กที่สุดในพวกเราสามคนเลยครับ สูงสุดจะเป็นเทม รองลงมาจากเทมจะเป็นเต้ ผม แล้วก็น้ำ ซึ่งไอ้น้ำนี่เตี้ยห่างจากผมไปมากครับ ตัวก็บาง หน้าก็อ่อน เหมือนเด็กยังไม่หลุดพ้นจากเลขหลักเดียว แต่สันดารนี่เป็นพวกลามก เฒ่าหัวงูสวนทางรูปร่างมากครับ อย่าไปโดนร่างกายภายนอกหลอกเชียว

          “มันจะไปสูงได้ไงวะน้ำ มึงเล่นแดกเป็นเต้า ไม่ใช่แดกเป็นกล่อง เอ้ย อาจารย์ ผมขอโทษครับ”

          ไอ้เต้ที่เผลอหลุดปากพูดจาทะลึ่งต่อหน้าผู้ใหญ่ รีบยกมือไหว้อาจารย์พะนอรัตน์ที่หน้าตึงขึ้นมาทันที ไอ้น้ำรีบถีบเพื่อนตัวสูงของมันเป็นการลงโทษ

          “พูดไปเรื่อยนะมึงเชี้ยเต้ ไม่มีหรอกครับอาจารย์ ฮ่าๆ ฐานทัพเขาล้อเล่น”

เสียงหัวเราะไอ้น้ำแห้งเหี่ยวมากครับ สัมผัสได้เลยว่าไอ้เต้พูดเรื่องจริงแน่นอน



          ย้อนเวลากลับไปปิดหูเทมได้ไหมครับ ไม่อยากให้ความจัญไรของไอ้น้ำระคายหูเทมเลยจริงๆ



          “อะแฮ่ม จ้ะ อาจารย์ก็หวังว่าจะไม่มีอย่างที่เธอพูดนะนายตรัณ เธอเพิ่งจะอายุสิบห้า เพิ่งจะวัยมัธยมเท่านั้น เรื่องพวกนี้ รอโตกว่านี้ดีกว่านะจ๊ะ นายฐานทัพก็ระวังคำพูดหน่อยล่ะ เกิดอาจารย์คนอื่นได้ยินเข้า โดนลงโทษขึ้นมา จะหาว่าอาจารย์ไม่เตือนไม่ได้นะ”

          โชคดีเป็นของนายตรัณและนายฐานทัพจริงๆครับ ที่คนที่กำลังพูดด้วยคืออาจารย์พะนอรัตน์ อาจารย์ที่ติดในสามใจดีและเข้าใจเด็ก

          เกิดเป็นเจ้ดารุณีล่ะก็

          หึ...รอบสนามสิบรอบยังนับว่าปรานีครับ ผมขอใช้ตำแหน่งประธานนักเรียนรับรอง



          ระหว่างที่ผมมองไอ้เพื่อนตัวดีสองตัวหาเรื่องใส่หัว ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อสักครู่อาจารย์พะนอรัตน์เข้ามาเรียกผม คิดว่าน่าจะมีธุระกับผม แต่เพราะโดนไอ้คู่แสบชวนคุยเลยลืมผมไป



          “อาจารย์เรียกผมเมื่อสักครู่ มีอะไรหรือเปล่าครับ”

          “อุ้ย ตายจริง ขอโทษทีจ้ะ อาจารย์ลืมเลยว่ามีธุระกับเธอ พอดีว่าอาจารย์ธิติอยากให้มีตัวแทนนักเรียนกล่าวต้อนรับเปิดเทอมน่ะจ้ะ แต่พอดีว่าอาจารย์หานายทเนศพลไม่เจอ เลยคิดว่าเป็นเธอแทนก็ได้”



          ทเนศพลคือประธานนักเรียนของฝั่งมัธยมปลายครับ ประธานนักเรียนของสิงหสารสาทรวิทยาจะแบ่งเป็นสามตำแหน่ง สามคน เป็นของชั้นประถม ชั้นมัธยมต้น และมัธยมปลาย รวมทั้งหมดสามคน และมีทีมสภานักเรียนของแต่ละช่วงชั้นอีกทีม ทีมละสิบคนครับ ทเนศพลหรือพี่เนศ คือรุ่นพี่ชั้นมอหกที่ดำรงตำแหน่งประธานฝั่งมัธยมปลายอยู่ตอนนี้



          “พี่เนศบอกในกลุ่มไลน์เมื่อคืนก่อน ว่าเจ้าตัวกลับมาไทยไม่ทันวันเปิดเทอมครับ พอดีว่าสนามบินพายุเข้า ไฟล์ทบินเลยต้องเลื่อน”

          “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะอาจารย์ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ ถ้าอย่างนั้น ยังไงอาจารย์ขอฝากดิมิทรี ช่วยขึ้นไปพูดต้อนรับเปิดเทอมแทนทีนะจ๊ะ เดี๋ยวสักก่อนเลิกแถว หลังผู้อำนวยการพูดจบ เธอก็เดินไปข้างเวทีเตรียมขึ้นไปได้เลยจ้ะ”

          “ครับ”

ผมตอบรับสั้นๆ อาจารย์พูดขอบคุณก่อนจะเดินท่าทางสบายใจจากพวกผมไป

          ต้องสบายใจแน่ล่ะครับ โยนภาระให้คนอื่นเรียบร้อยแล้ว



          ระหว่างสมองผมกำลังร้อยเรียงคำพูดเพื่อเตรียมขึ้นไปพูด เสียงนกเสียงกาก็เริ่มขึ้น นี่ใจคอพวกมันจะไม่กลัวบาปกันเลยใช่ไหมครับ ระหว่างสวดมนต์ ยังมีกระจิตกระใจมาแซะคนอื่นอีก ที่กระทะทองแดงยังเดือดไม่ยอมดับ ก็เพราะรอพวกมันลงไปถูกต้มแน่ๆเลยครับ


          “คนจริงว่ะ ต้องขึ้นเวทีกระทัน หน้ายังไม่กระดิกตื่นเต้นสักเซน”

          “อ้าว ฉายาประธานปีศาจไม่ได้มาจากสอยดาวงานกาชาดนะครับผมมมม แค่นี้ไม่สะกิดเกล็ดบนหนังหน้าคุณดิมิทรีเขาหรอกครับคุณเต้”

          “จริงว่ะ ดูดิ ขนาดอาจารย์ยังต้องเสียงสองใส่ ทีพูดกับพวกเรานี่เสียงหนึ่ง ระบบลำเอียงมันออโต้กับคุณประธานนักเรียนเขาจริงๆเหวย”



              สองแสบจอมแซะ นินทากันข้ามหัวผมไปมา เรื่องจิกกัดชาวบ้านนี่ต้องยกให้พวกมันจริงๆครับ เล็กๆน้อยก็ขอให้ได้จิก ผมว่าตอนเกิดมันไม่น่าจะคลอดแบบคนอื่นนะครับ คิดว่าคงออกมาจากไข่แทน จิกเก่งเป็นไก่เลย

          ผมยกเท้าแล้วยื่นไปเหยียบขยี้เท้าไอ้น้ำที่ยืนอยู่ไม่ไกล เจ้าตัวสะดุ้งซี๊ดปาก ก่อนจะรีบทำตัวยืนนิ่งสงบเสงี่ยมเจียมตัว เก็บปากเก็บคำ ส่วนไอ้เต้ผู้ยังไม่รู้ชะตากรรมหัวแม่โป้งเท้าของตัวเองก็ยังคงแซะไม่หยุดปาก

           ผมกำลังยื่นปลายเท้าไปตัดสินชะตากรรมของมัน อีกนิดเดียวจะได้ขยี้ให้สาแก่ใจ

แต่ผมก็รับรู้ถึงแรงสะกิดจากข้างหลังเสียก่อน



          “หมูหย็องครับ หมูหย็อง”

          เทมเรียกชื่อผมเสียงเบา สงสัยเด็กน้อยกลัวอาจารย์จะดุที่พูดคุยเล่นกันระหว่างเข้าแถว เต้ยิ้มรู้ทันก่อนจะแอบสลับที่ตัวเองกับเทมปุระให้ เพราะเป็นการเข้าแถวเรียงระดับความสูง ระหว่างผมกับเทมจึงถูกขั้นกลางด้วยมารผจญหนึ่งตน คือนายฐานทัพนั้นเองครับ

          พอสลับที่เสร็จ เทมหันไปพูดขอบคุณเต้เบาๆ ก่อนจะถามผมด้วยระดับเสียงเดียวกัน

        “หืม? มีอะไรหรือเปล่าครับเทม อยากเข้าห้องน้ำเหรอ”

          “ไม่ใช่ๆๆครับ ไม่ใช่ห้องน้ำครับ เทม เทมจะถามหมูหย็อง ถามหมูหย็องว่าตื่นเต้นหรือเปล่าครับ ทำไหวไหมครับ”

          ผมแอบเหลือบมองสีหน้าของเทม คนน่ารักของผมทำหน้าวิตกกังวลเสียยิ่งกว่าผม ที่เป็นคนต้องขึ้นไปพูดบนเวทีเสียอีก ผมอยากหันไป แล้วลูบหัวทุยที่ตอนนี้เหมือนกับมีหูโผล่ และหางงอกที่ส่ายไปมาอย่างกังวลใจ หูที่กำลังลู่ตกลงด้วยความเป็นห่วงนั่น ช่างน่ารักมากมายเสียจริงๆ

         

               รอยยิ้มเอ็นดูติดริมฝีปากเสมอ ยามได้ยินคำพูดจาจากอีกฝ่าย เป็นคุณก้อนความสุข ที่พูดอะไรก็ทำให้ผมมีความสุขไปหมดเลยจริงๆ



          ผมไม่ตื่นเต้นอะไรหรอกครับ สำหรับผมเรื่องแค่นี้มันก็ง่ายๆ แค่จู่ๆต้องขึ้นเวที พูดให้นักเรียนสามพันกว่าคนฟังเอง สิ่งที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าคนสามพันคือคำพูดที่เขาจะพูดกับผมมากกว่า

          น่าตื่นกว่ากันมากหลายสิบเท่าเลยครับ



          แต่จู่ๆ ผมก็เกิดนึกอยากรู้

          ว่าถ้าผมบอกว่าตื่นเต้น ร่างสูงจะทำอย่างไร

 ผมเลยแกล้งขมวดคิ้วเสียแน่น ตีสีหน้ากังวลไม่แพ้กัน พลางพูดเสียงแผ่ว



          “อืม หมูก็กังวลนิดหน่อยนะครับ ไม่รู้จะทำได้ไหม”



          นายตรัณกับนายฐานทัพ ที่กางหูออกกว้างเหมือนจานดาวเทียมคอยแอบดักฟังพวกผมพูดกันอยู่ พอได้ยินประโยคที่ผมพูด ก็พร้อมใจกันทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ผม เหมือนจะได้ยินเสียงแว่วๆ ของทั้งสองคน พึมพำอะไรสักอย่าง คล้ายๆว่า ตออะไรสักอย่างนี่แหละครับ...



          “ง-ง-ง-งะ งั้น งั้นงั้น เทมจะบอกอาจารย์ให้นะครับ ท-เทมก็อยากทำแทนหมูหย็อง ต-ต-ต แต่ว่าถ้าเปลี่ยนเป็นเทม คงไม่มีใครอยากฟัง”

          ร่างสูงหันตัว เตรียมออกเดินไปหาอาจารย์ที่อยู่ใกล้ๆทันที

          ผมต้องรีบหมุนตัวไปจับคว้ามือใหญ่ ให้คนที่กำลังเป็นห่วงผมขั้นหนักหยุดนิ่งลง ผมกำข้อมือใหญ่นั่นหลวมๆ ก่อนจะลูบข้อนิ้วเจ้าตัวเบาๆ เป็นเชิงปลอบประโลมให้เด็กน้อยที่ตื่นตะหนกใจเย็นลง



          รู้สึกผิดเลยครับ

          ที่การล้อเล่นของผม ทำให้คนตรงหน้าวิตกจนอาการพูดติดอ่างกำเริบขึ้นมา

          หน้าตากังวลจนเหมือนจะร้องไห้ของเขานั้นทำผมใจเสีย

          ...น่าสงสารจริงเชียวเด็กพิเศษของผม



          “ไม่เป็นไรนะครับ หมูแค่ตื่นเต้น ทำได้แน่นอน แล้วเทมอย่าพูดแบบนั้นรู้ไหม อย่าดูถูกตัวเองเด็ดขาดเลยนะครับ ทำไมจะไม่มีใครอยากฟัง นี่ถ้าป๊ารู้ว่าเทมจะขึ้นเวทีพูดนะ ป๊าต้องโดดงาน แล้วจ้างช่างกล้องมาถ่ายรูปแน่ๆเลยครับ รู้ไหมคนเก่ง”

          “แล้วถ้าสมมุติ สมมุติ สมมุติเทมได้พูดจริงๆ...หมูหย็องจะอยากฟังไหมครับ?”



          จะเหลือหรือครับเทมปุระ...

          ไม่อยากจะพูดเลยครับ ถ้าป๊าผมเอ็นดูคนตรงหน้า ผมคงต้องเรียกว่าคลั่งไคล้เจ้าตัวสุดๆ ถ้าขนาดแค่ป๊าที่เอ็นดู ยังจ้างช่างกล้อง ระดับความคลั่งของผมที่มีต่อเทมนี่น่ากลัวว่าผมคงสั่งบอดี้การ์ดปิดโรงเรียน แล้วหวงเจ้าตัวไว้ไม่ให้ใครมานั่งฟังเขาพูด แล้วคงตั้งกล้องอัดวีดีโอ 4K 3D 4D ทุกมุม ทุกองศาอัดไว้ดูคนเดียว ไม่แบ่งปันเขาร่วมกับใคร



          ความคลั่งไคล้หลงใหลในตัวเทมปุระของผม มันมาก...มากเสียจนใครก็คาดไม่ถึงเลยล่ะครับ



          “อยากแน่นอนสิครับ แล้วเทมก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ หมูทำได้แน่นอน คอยดูหมูดีๆนะรู้ไหม หมูก็จะมองหาเทมตอนพูดอยู่บนเวทีนะครับ”



          เด็กน้อยที่เชื่อฟังผมทุกคำพูด แน่นอนว่าครั้งนี้เขาก็เชื่อ เทมปุระยิ้มดีใจที่ผมทำได้

          พอเจ้าตัวใจเย็น การพูดจาและบรรยากาศสดใสก็กลับมาแผ่กระจายเหมือนเดิม เหมือนดอกทานตะวันได้รับแสงอาทิตย์เต็มที่ ผมสังเกตอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง ว่าไม่มีอารมณ์กังวลใจเหลือตกค้างบนใบหน้าร่างสูง ถึงได้วางใจ



          ไอ้สองหน่อผู้ชมที่แอบฟังเนียนๆ กลอกตาเป็นเลขเก้าไทยใส่ผม พลางเบะปาก หน้าตาท่าทางน่าเอารองเท้าลูบหน้าจริงๆครับ ให้ตายเถอะ เสียบรรยากาศจริงๆ

          แต่เห็นแก่ที่อุตสาห์รู้งานเอาตัวช่วยมาบังผมกับเทม จะยอมหยวนๆให้สักครั้งก็แล้วกัน







          อีกนิดเดียวก็จะถึงเวลาผมขึ้นไปพูดแล้ว ผมจึงบอกให้เต้กับน้ำช่วยพาเทมขึ้นเรียนแทนผมหลังเลิกแถว ไม่ต้องรอผมขึ้นห้อง เพราะอาจารย์อาจจะมีเรื่องพูดคุยด้วยอีก



          ระหว่างที่ผมกำลังจะแยกตัวออกมา ร่างสูงก็กระตุกชายเสื้อผมไว้อีกครั้ง



      “หมูหย็องครับ หมูหย็อง แบมือออกสิครับ สองข้างเลย”



ผมยื่นมือทั้งสองข้าง ที่แบออก ส่งไปให้ตามคำขอของเขาอย่างงงๆ

          เทมจับมือผมที่แบออก แล้วดึงไปตรงหน้าตัวเอง ใบหน้าที่ผมนึกรักก้มลงมาใกล้ ริมฝีปากร้อนผะผ่าวที่สัมผัสโดนเพียงเสี้ยววิ ก่อนที่ลมหายใจร้อนจะถูกเป่าลงมาบนมือผม ก่อนที่มือที่จับซ้อนทับกับมือของผม จะจับให้มือของเราทั้งสองคนกำลง

          เหมือนกับให้กักเก็บลมหายใจอุ่นเมื่อสักครู่นี้เอาไว้

     ร่างสูงที่คงไม่รู้ ว่าเพิ่งทำอะไรกับหัวใจผมลงไป หันมาฉีกยิ้มกว้างใส่

ก่อนขยับริมฝีปากที่น่าหลงใหลนั่น เป็นคำพูดที่แทบจะทำให้ผมล้มลงไปกองอยู่ตรงนั้น





          “ให้กำลังใจนะครับ”

















(https://i.imgur.com/1b5jyAM.png) end 2.
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 4 * 3/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 03-09-2018 22:25:23






▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    3    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇










          ผมไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเมื่อเช้าบนเวที ผมพูดอะไรออกไปบ้าง ได้แต่ภาวนาให้สติที่แทบไม่มีเหลือ และร่างกายที่คอยแต่จะล้มลงบนพื้น ได้ขยับปากออกเสียงตามบทที่ร้อยเรียงไว้ในความคิดได้ครบถ้วนและถูกต้องไม่ผิดเพี้ยน ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ระเบิดทุกความคิดให้พังกระจายนั้นขึ้น...



          หลังจากการ ให้กำลังใจ ของเทม วินาทีนั้นผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันขาวโพลนไปหมด อาจจะเป็นเหมือนอาการของคนที่เคยเจอระเบิดลงใกล้ๆตัว ตามที่ผมเคยอ่าน แสงสว่างจ้าจากแรงปะทุของระเบิด จะทำให้โลกสว่างไปวูบหนึ่ง ก่อนจะไม่รู้สึกอะไรอีกเลย



          อืม...อานุภาพของวิธีการ ให้กำลังใจ ของเทมก็ไม่ต่างกันนัก

          แรงปะทะจากคำพูดและลมหายใจอุ่นร้อน สัมผัสเพียงเสี้ยววิจากริมฝีปาก

               รุนแรงมากเหมือนกันไม่มีผิด



           วูบนั้น ผมไม่สามารถตั้งสติและมองเห็นอะไรได้เลย มีแต่ความอบอุ่นที่ฝ่ามือ และภาพใบหน้าของชายที่แอบรักอกำลังยิ้มให้ตรงหน้าเท่านั้นที่อยู่ในครรลองสายตา รอบข้างเหมือนถูกทาทับด้วยสีขาว ความรู้สึกเหมือนถูกดึงขึ้นสูงสุด แล้วฉับพลันก็รู้สึกเหมือนกับโดนน้ำร้อนๆสาดไปทั้งตัว โดยเน้นหนักที่ใบหน้า เลือดทั้งร่างวิ่งพล่านไปทั่วกาย ผมไม่รู้ว่าหน้าตัวเองจะแดงได้ขนาดไหน แต่น่ากลัวว่ามันจะต้องแดงจัดเป็นอย่างมาก



          ไม่เคยรู้ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ...

          ว่าหัวใจคนเราจะสามารถเต้นแรงและถี่รัวได้ขนาดนี้ แรงจนผมคิดว่า ผมควรหยิบโทรศัพท์และเรียกรถพยาบาล เพราะมันน่าจะถึงขีดอันตราย

          ความรู้สึกแตกตู้มเหมือนพลุอยู่ในสมองและหัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า เหมือนทุกๆอย่างในร่างกายของผมกู่ร้องเสียงดัง ไม่ไหว ไม่ไหว! เทมร้ายกาจเกินไป



          สัญญาณสีแดง แจ้งเตือนไปทั่ว แล้วก็ตัดฉับ

          ผมรู้สึกตัวเองครึ่งๆกลางอยู่ที่เวที รู้สึกเท้าไม่ติดพื้นพิกล ตัวลอยๆ มาถึงห้องด้วยการจับจูงของเทม ที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังยืนรอผมอยู่ แม้ว่าผมจะบอกให้เต้กับน้ำไม่ต้องรอ พาเทมขึ้นห้องไปก่อนแท้ๆ



          แต่เห็นว่าเทมไม่ยอม...

บอกว่าเป็นห่วง คิดว่าผมไม่สบาย เป็นไข้หนัก เพราะทั้งตัวและหน้าแดงเถือกไปหมด...



          ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ!

ก็เพราะเขา เป็นเพราะเขา! ก็เพราะนายนั้นแหละ เทมปุระ เจ้าเด็กซื่อบื้อ!

          ไม่ใช่เชื้อไวรัสตัวไหนที่ทำให้ผมไม่สบาย แต่เป็นการกระทำจู่โจมแบบกระทันหันของเขาต่างหาก!

ที่ทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ อยากจะโกรธ อยากจะโวยวายใส่ อยากคุกเข่าลงขอร้อง อ้อนวอนว่าอย่าทำแบบนี้ใส่กันได้ไหมครับเทมปุระ คนดี เชื่อฟังกันหน่อย



          เพราะมันทำให้หมูยิ่งคิดไปไกล....และห้ามตัวเองลำบาก



          บอกผมทีสิ ว่าผมควรทำยังไง กับความรู้สึกที่อยากครอบครองเขาแทบขาดใจ แต่ทำอะไรไม่ได้

ในตอนนี้สถานะของผมและเทมยังเป็นแค่เพื่อนกันอยู่ ถึงในอนาคต แน่นอนผมว่าจะลบเส้นมิตรภาพนี้ออก และแต่งแต้มสีความรักลงไป เขาจะถูกผมพันธนาการไว้ด้วยความรักอันมากมาย



          แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นแค่เพื่อนนะครับ



          ได้แต่เข่นเขี้ยวไว้ข้างใน ฝากไว้ก่อน ฝากไว้ก่อนนะครับเทมปุระ

หมูต้องเอาคืนแน่ๆ หัวใจเต้นแรงแทบคลั่งแบบนี้ สักวันเทมจะต้องได้รู้สึกเหมือนหมูแน่นอน



          ผมก่นบ่นกับตัวเองในใจ สู้รบตบมือกับความรู้สึกตู้มต้ามในอก ขนาดขึ้นมานั่งในห้องสักพักแล้ว ก็ยังไม่ดีขึ้นสักนิด เจ้าหัวใจนี่ก็ไม่รู้จะขยันขนาดนี้ไปเพื่ออะไร ผมไม่มีค่าโอทีให้หรอกนะ



           ใจเย็นสิ ใจเย็นๆ!

ผมบอกตัวเองเป็นรอบที่ล้านได้แล้วมั้ง



          ที่เย็นลงไม่ได้สักที มันเพราะอะไรกันนะ

เพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้น หรือเป็นความอุ่นร้อนที่ยังตราตึงอยู่ที่ฝ่ามือกันแน่

          หรืออาจจะเป็นเพราะฝ่ามือใหญ่ที่แนบชิดอยู่ตอนนี้หรือเปล่า ตั้งแต่จับจูงขึ้นมา เทมก็ยังไม่ยอมปล่อยมือผมให้เป็นอิสระเลยสักนาที มือใหญ่นั้นสามารถจับมือผมได้จนมิด ความร้อนที่เชื่อมต่อกัน ทำเอาพาลคิดไปถึงความร้อนฉ่าจากริมฝีปากนุ่มนิ่มที่ทาบทับลงมาเมื่อเช้า...



          แล้วก็ ตู้ม อีกครั้ง...



          ความตั้งใจที่พยายามเย็นลงก็เข้าสู่วัฏจักรวนลูป เย็นได้เพียงนิด แรงบีบกระชับที่มือก็กระตุ้นให้เอาแต่คิดถึงเหตุการณที่เพิ่งเกิดขึ้น แล้วก็ ตู้ม! วนไปไม่รู้จักจบสิ้น



          “หมูหย็องครับ หมูหย็อง...ไปหาคุณพี่หมอกันเถอะนะครับ”

น้ำเสียงร้อนรนห่วงใย ที่เหมือนคนเอื้อนเอ่ยกำลังจะขาดใจ ถูกกระซิบเบาๆที่ข้างใบหู



          แล้วมันก็ ตู้มมมมมมมม!! อีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้ง

          ครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยแรงผลักดันจากลมหายใจ ที่ไล้อยู่บนใบหูใจง่ายที่ไวต่อสัมผัสของเขาเหลือเกิน น้ำเสียงอ่อนโยนเป็นห่วงเป็นใยกับการกระซิบชิดใกล้ในตอนนี้  ไม่ได้ทำให้ผมดีขึ้นหรอกนะครับเทม ไม่เลยสักนิดเดียว!



          กลับกันยิ่งทำให้ผมแย่ลง

          ใจเจ้ากรรมจะวายแล้วเอย...

     ผมสามารถเบิกตัวช่วยได้จากที่ไหนครับ     



          ไม่ไหว สู้ไม่ไหวเลย รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนมาก อาจารย์ที่ตอนนี้กำลังพูดต้อนรับเปิดเทอมข้างหน้าห้อง ต้องได้ยินเสียงหัวใจผมเต้นแน่ๆ เล่นเต้นแรงเสียขนาดนี้ ดังเสียขนาดนี้ ผมเม้มปากแน่น รวบรวมความพยายามที่แตกซ่านมากองรวมกันอีกครั้ง



          ต้องบอกเทม บอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ตอนนี้เด็กน้อยต้องปล่อยมือผมก่อน ให้ผมได้มีเวลาตั้งสติ แต่ปราสาททรายที่เรียกว่าสติ ยังคงโดนคลื่นซัดจากทะเลระลอกแล้วระลอกเล่า



          ขยับได้แต่ปาก แต่เสียงไม่ออกมาครับ

          เป็นเอามากจริงๆ

          ...ผมยอมรับ...



          แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ระหว่างผมกับเทมปุระแม้จะเสพติดการสัมผัสซึ่งกันและกัน

          แต่บริเวณนั้น ...บริเวณริมฝีปากน่ะ

มันก็ต้องห้ามไม่ใช่หรือ บริเวณต้องห้าม เขตหวงข้ามที่ไม่ใช่คนเป็นเพื่อนกันจะสัมผัสแตะต้องได้

แม้ว่าผมเคยจะล่วงละเมิดเล็กน้อย แต่ก็แค่สัมผัสด้วยปลายนิ้ว และผมเคยทำแค่แอบสัมผัสตอนช่วงเขาหลับ



          ไม่ใช่จู่ๆก็มาจู่โจมกันแบบนี้ แบบที่เขารู้สึกตัวและทำไปด้วยตัวเองแบบนี้ ความรู้สึกช่างต่างกันลิบลับ ตอนผมแอบทำในความมืดเป็นความรู้สึกลึกซึ้งและหัวใจเต้นอย่างนุ่มนวลแต่ก้องกังวาน

ไม่ใช่เต้นบ้าบอจนจะทะลุออกปาก ผมแทบจะต้องเอามือมาปิดปากตัวเอง ด้วยกลัวเจ้าก้อนในอกจะทะลักออก



          “หึหึ เทมเอ้ย ถ้าอยากช่วยให้ไอ้หมูมันหายป่วย ก็แค่ปล่อยมือ แล้วก็นับหนึ่งถึงร้อย มันก็หายแล้ว เชื่อกูดิ”

          “กูว่าไม่น่าจะพอนะมึง วันนี้คุณเขาโดนหนักว่ะ สักสองชั่วโมงคงพอเรียกสติกลับมาได้สักครึ่ง ตอนนี้ให้มันเลิกนั่งตัวแดงหน้าแดงได้ก็เก่งแล้ว น่ากลัวชิบหาย ช็อกจนระบบสมองพังไปแล้วหรือเปล่าวะเพื่อนกู”



          เหมือนเสียงระฆังช่วยชีวิตดังขึ้น

          ทุกครั้งผมจะเกลียดการถูกขัดจังหวะในบรรยากาศดีๆที่มี แต่ครั้งนี้ ผมแทบจะลงไปคุกเข่าขอบคุณฟ้าดินที่ดลใจให้ไอ้สองแสบจิกกัดผมได้ถูกเวลา ผมพยายามเบี่ยงเบนความสนใจและความนึกคิดทุกอย่างของตัวเอง ไปที่การตอบโต้ของสองเพื่อนช่างแซะ



          “จริงๆเหรอครับเต้ จริงๆนะ ถ้านับหนึ่งถึงร้อยแล้วหมูหย็อง หมูหย็องยังไม่หาย เทมจะโทรบอกคุณปะป๊าแล้วนะครับ แล้วตอนนับต้องหลับตา เหมือนตอนเล่นซ่อนแอบหรือเปล่าครับ”

          เด็กน้อยปากพูดตอบโต้กับเต้ก็จริง แต่ผมยังรู้สึกได้ถึงสายตาของเจ้าตัวที่ยังคงเอาแต่มองผมอย่างเป็นห่วง สายตาที่ลูบโลมมองเหมือนอยากช่วยปลอบประโลมผม ที่เป็นไข้ใจนั่งตัวแข็งทือ กลับยิ่งทำให้ร้อนผะผ่าว



          ช่วยด้วยครับ บอกเทมทีว่าขอสักสามร้อยวิ ไม่สิ! สักพันวิไปเลย หลับตาด้วย ใช้เปลือกตาสีไข่มุกนั่นบดบังอัญมณีสีน้ำตาลมองกันแสนหวานเสีย ผมจะทนไม่ไหว หัวใจแทบจะทะลุออกจากปาก มาเต้นซุมบ้ากลางห้องเรียนอยู่แล้ว!



          “ฮ่าๆ เออ หลับตาด้วยก็ดี หายแน่นอน เชื่อกูดิ มันก็หน้าแดงบ่อยๆไม่ใช่หรือไงล่ะ น่า ปล่อยมือแล้วหลับตาไปซะ”

          “ต-ต-ต-แต่ว่า แต่ว่า หมูหย็อง หมูหย็องปกติแดงแล้วไม่เงียบแบบนี้นี่น่า กังวลจนตรงหน้าอกมันเจ็บๆไปหมด ล-แล้วครับ”

          “จะบอกว่าเป็นห่วงจนปวดใจสินะ...ชิบหาย ขนาดกูไม่ใช่ไอ้หมู ยังหัวใจแอบเต้นแรงไปสองจังหวะเลยว่ะ”

          “เหี้ย! มึงก็อย่าไปเดเมจมันเพิ่มสิวะไอ้เทมเอ้ยยย ไอ้หมูมันเลยจะตายเอา ให้เวลามันหายใจหายคอบ้างพ่อคุณ ฮ่าๆๆๆๆ”



          ใช่ จะตายอยู่แล้ว ปรานีกันด้วยนะครับเทม หมูขอร้องล่ะนะคนดี



          “เต้กับน้ำพูดงงๆจังเลยครับ ง-ง งั้นๆๆๆ เทมรีบหลับตาล่ะนะ หมูจะได้หายไวๆ หายเพี้ยงๆนะครับหมูหย็อง” เทมบีบกระชับมือผมแน่นๆอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยมือออกอย่างอ้อยอิ่ง

          เสียงเจ้าตัวเงียบไป หลังพยายามคุยกับผมอยู่สักพักใหญ่ แต่ผมมัวแต่สติแตกจนไม่สามารถพูดเป็นคำได้ จึงไม่ได้ตอบอะไรกับคนข้างกายไปสักคำเดียว



          ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ พอไม่มีตัวการหลักในตัวเร่งปฎิกิริยา ผมว่าผมโอเคขึ้นแล้วครับ คำแซวของไอ้สองแสบ และตีนที่สะกิดยิกๆเป็นเชิงล้อเลียนนี่สกัดจุดเขินอายได้ชะงัก ตอนนี้จากเขินอายจนนิ่งค้าง กลายเป็นอยากชกคนให้นิ่งสลบแทนแล้วครับ



          ผมหันไปจ้องหน้าเทมที่หลับตาปี๋ คิ้วขมวดแน่น พลางขมุบขมิบปากนับเลขหนึ่งถึงร้อย เห็นแว่บๆว่าเจ้าตัวนับข้ามไปจาก 67 ไป 72 เฉยเลย ผมหลุดขำออกมา นั่งมองคนที่หลับตาปี๋อย่างเอ็นดู หัวใจเริ่มกลับมาสงบลงนิดหน่อย มองสำรวจใบหน้าน่ารัก ยังเป็นแค่เด็กน้อยไร้เดียงสาที่นับเลขยังผิดแท้ๆ มาทำให้หัวใจผมทำงานหนักแบบนี้ได้ สุดยอดไปเลยนะครับเทม



          ผมยื่นนิ้วมือไปสะกิดเทม เจ้าตัวก็ยังไม่ลืมตา จนผมต้องสะกิดซ้ำอีกที ก็ยังไม่ยอมลืมตา

          “เต้อ่า น้ำอ่า ย-ย-อย่าเพิ่งสะกิดเทมสิครับ เทม เทม เทมเพิ่งนับได้ถึง อะ อะ อะ แย่แล้ว แย่แล้ว...ลืมว่านับไปถึงเท่าไหร่ เอ่อ แปดสิบสามแล้วเนอะ แปดสิบสาม แปดสิบสี่ แปดสิบห้า..."



          ผมยิ้มมุมปาก หัวเราะในลำคอ แปดสิบสามที่ไหนกันล่ะครับเทม...

เจ้าเด็กน่ารัก เมื่อตะกี้เพิ่งถึงเจ็ดสิบเก้าเอง ไปแปดสิบสามได้ยังไงกันนะ พอกังวลแล้วก็รนไปหมดเลยนะครับเทมปุระ อาการติดอ่างก็เริ่มกำเริบแล้วด้วย ผมต้องรีบดึงเจ้าตัวกลับมาแล้วล่ะครับ

          “หึหึ ไม่ใช่กูกับไอ้เต้สักหน่อย ลืมตาดูดิ ว่าใครสะกิด”

          “ต-แต่ว่า...เต้บอกว่า...”

เทมดูลังเล ขนตาสีอ่อนที่เรียงตัวสวยขยับยุกยิกไปมา เมื่อเจ้าของตัดสินใจไม่ได้ว่าจะลืมตาดีหรือไม่

          “หมูไม่เป็นอะไรแล้วครับเทม แค่ตื่นเต้นนิดหน่อยอย่างที่บอกไงครับ”



พรวด



          “หมูหย็อง!!!”



          ผมกับไอ้เต้ไอ้น้ำสะดุ้งเลยครับ จู่ๆเทมก็ลุกพรวดขึ้นยืน คนในห้องที่กำลังฟังอาจารย์บอกแนวทางของการเรียนเทอมนี้ ก็หันมามองพวกผมที่อยู่ท้ายสุดของห้องกันเป็นตาเดียว เทมเหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอตะโกนออกไป จึงหัวเราแฮะๆอย่างน่ารัก แล้วหันไปยกมือไหว้ขอโทษอาจารย์และเพื่อนๆที่ก่อกวนในชั้นเรียน แล้วค่อยๆนั่งลง ก้มหน้างุดๆ พึมพำเสียงแผ่ว



          “กะ-ก้อ ก็เทมดีใจ ดีใจ ดีใจที่หมูหย็องพูดด้วยแล้วนี่ครับ”



          ก็เป็นซะแบบนี้ เป็นนางฟ้าไร้ปีกแบบนี้ไงครับ เป็นความน่ารักที่ไม่ใช่ที่หนึ่ง เพราะไม่มีอะไรน่ารักพอจะเอามาเทียบกับเขาได้แบบนี้ เป็นความน่ารักที่สุดของที่สุด จะไม่ให้ผมเป็นเอามากกับทุกการกระทำของเขาได้อย่างไงกันนะ

         

          “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับเทม หมูตื่นเต้นไปหน่อย เป็นห่วงหมูแย่เลย”

          “ค-ค-ค-แค่หมูหย็องไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ เทม เทมตกใจหมดเลยครับ" เทมปุระพยายามคิดหาคำอธิบายให้พวกผมเข้าใจ แต่เหมือนคิดไม่ออกว่าจะพูดอย่างไร เขาเอียงคออย่างน่ารัก

          "ปก-ปกกาติหมูหย็องจะตัวแดงๆเฉยๆ แต่รอบนี้ตัวแดงแล้วก็ดู ดู..? เทมไม่รู้เรียกว่าอะไร เขาเรียกว่าอะไรเหรอครับน้ำ หมูหย็องแบบเมื่อเช้าน่ะ”

          “เรียกว่าบ้าหรือเปล่าวะเทม กร๊ากกก”

               ไอ้น้ำไม่ปล่อยโอกาสจิกผมไป ได้โอกาสจากเทมก็สอดขึ้นทันที ผมหันไปส่งสายตาเย็นชาใส่มัน

          “เทมครับ ปกตินะครับ ไม่ใช่ปกกาติ" เอ่ยเสียงอ่อนโยนบอกเทมปุระ เขาพยายามบังคับริมฝีปากและออกเสียงให้ถูกต้องตามที่ผมบอกอีกครั้ง

          "ปกติครับ" ผมพยักหน้าให้เขาเป็นเชิงชมเชยว่าเก่งมาก เด็กน้อยยิ้มกว้างอย่างดีใจ ผมเสพรอยยิ้มของเทมด้วยความอบอุ่นในหัวใจ ก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้น้ำด้วยสีหน้าราบเรียบ

          "นั่นมันอาการทางจิตของคุณไม่ใช่หรือครับ คุณตรัณ อยากถูกแรงปะทะให้ตัวสั้นเหลือแค่เสาหลักกิโลหรือไง”

          “อูย พ่อคัมแบ็คแล้วว่ะมึง พ่อกลับมาแล้วอย่างนี้ น้ำก็ต้องขอส่งไม้ต่อล่ะครับ รับไม้ผมไปครับคุณฐานทัพพพ”

          น้ำทำท่าโยนไม้ต่อให้แฝดคนละฝาของตัวเอง

          “หึๆ เขาเรียกเขินจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวน่ะเทม โดนมึงจูบไปทีก็ไปไม่เป็นแบบนี้แหละ”

          “อ๋อๆๆๆๆ” เทมพยักหน้ารับหงึกหงัก เหมือนจะเข้าใจแต่ก็คงไม่เข้าใจเท่าไหร่อยู่ดีนั้นแหละครับ ทำหน้างงๆ ปนมึนๆแบบนั้น



          ผมเคลื่อนสายตารำคาญจากไอ้น้ำ เป็นเย็นชาและกดดันใส่ไอ้คนที่เพิ่งพูดอะไรไม่เข้าท่าให้เทมฟัง

          “อย่ามาสอนอะไรแปลกๆให้เทมนะสัตว์เต้”

          ผมขยับปากพูดแบบไร้เสียงให้ไอ้เต้ที่ทำหน้าเหนือกว่าใส่ผมเห็นกันสองคน ท่าทางยักไหล่ไม่ยี่หระของมัน ทำเอาผมอยากจะเสยคางให้มันกลิ้งลงไปกับพื้น แต่เด็กน้อยที่นั่งข้างกันก็เป็นก้อนน้ำแข็งชั้นดีที่คอยลูบผมให้ใจเย็น ไอ้เต้ก็รู้ ต่อหน้าเทมผมจะไม่ทำตัวเกเร เพราะอยากเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กชายของผม และเพราะมันรู้...มันแลบลิ้นใส่ผมอีกครั้ง ผมถลึงตาใส่ไอ้เต้ที่กวนไม่เลิก



          “อ้าวๆ หยาบคายนะครับคุณหมูหย็อง พูดจงพูดจา สัตว์เสิดอะไรกัน ต่อหน้าเด็ก คุณทำแบบนี้ไม่ถูกต้องนะครับ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะครับคุณดิมิทรี”

          “ก๊ากกก กูขำ! เชี้ยหมูแม่งหัวร้อนมากอ่ะ หลุดคำหยาบขนาดนี้ ยังควบคุมตัวเองไม่อยู่ กูว่าสติคงยังกลับมาไม่เต็มร้อยว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ ”

          “หัวหมูเป็นเตาแก๊สเหรอครับ ร้อนได้ด้วยเหรอ ร้อนๆ ร้อนแบบฟู่ๆเลยเหรอครับ เอาเตามาปิ้งหมูกระทะบนหัวหมูหย็องกันได้ไหมครับ”



          เทมที่ไม่รู้เรื่องราว หันมาลูบหัวผมเบาๆแล้วเบิกตางงงวย เหมือนกับต้องการพิสูจน์ว่าหัวผมร้อนจริงหรือไม่

          ถ้าไม่ใช่เทมนางฟ้าตัวน้อยๆของผมทำ เป็นคนอื่นแล้วทำแบบนี้

          ...ผมต้องคิดว่าอีกฝ่ายกำลังหาเรื่องฆ่าตัวตาย และผมจะไม่ลังเลเลยที่จะช่วยตอบสนอง โดยเป็นคนดับชีพมันให้... แต่พอเป็นเทมปุระ มือที่ลูบอยู่ก็อุ่นดี ผมจึงไม่ว่าอะไร นั่งยิ้มและปล่อยให้เทมลูบอยู่แบบนั้นต่อไปโดยไม่ทักท้วง



          “ก๊ากกกกกกกกกกกก มุกนี้กูซื้อ! เท่าไหร่ว่ามา ก๊ากกก ไอ้เต้ มึงไปหยิบกระทะจากป้าแจ่มมาเลยนะ เที่ยงนี้กูจะกินหมูกระทะจากไฟอันแน่นทรวงของไอ้หมู แม่งคงอร่อยพิลึก ฮ่าๆๆๆ”









          พวกผมที่กำลังสุมหัวกัดกันได้ที่ ก็ต้องพับโครงการและฝากความแค้นครั้งนี้เอาไว้ลง เสียงอาจารย์เรียกไล่ระดับเลขที่จากน้อยไปมากที่หน้าห้อง เป็นเสียงระฆังขัดจังหวะชั้นดี



          “เลขที่ต่อไป มาจับฉลากได้เลยจ้ะ”



         เสียงอาจารย์พะนอรัตน์ร้องบอก จากนั้นคนที่ส่วนสูงน้อยที่สุดในกลุ่มของผมก็ทำท่าสะบัดเสื้อเท่ๆ เดินออกไปหน้าห้อง ไม่วายทำมาขยิบตาใส่พวกผมอีก ผมอยากจะป้องปากแล้วตะโกนบอกมันว่า น่ารังเกียจ! มากเลยครับ แต่เกรงใจอาจารย์ ผมมองมันเหมือนเป็นแค่ธาตุอากาศไม่มีตัวตน ส่วนคู่แฝดเพื่อนซี้ของไอ้น้ำอย่างไอ้เต้ ก็แอบชูนิ้วกลางให้อย่างเนียนๆ...



          “หวังนั่งตรงไหนจ๊ะตรัณ เทอมนี้”

          “แฮ่ ขอไกลๆจากกระดานก็ดีครับ พอดีว่าผมสายตาไกล๊ไกลไก๋ไก่ไก๊”

พูดอย่างเดียวไม่พอ มันยังทำท่าเต้นไก๊ไก๋ไก่ของมันประกอบด้วยครับ เรียกเสียงฮาครืนจากทั้งห้อง

และเรียกสายตาเหม็นเบื่อจากผมกับไอ้เต้อย่างพร้อมเพียงกัน



          “แหม จะได้ไกลสายตาอาจารย์ล่ะสิไม่ว่า เอ้า จับเลยจ้ะ ดูสิว่าจะได้นั่งไหน...หืม ดีใจด้วยนะจ๊ะ!”



          ไอ้น้ำสายตาพราวระยับเลยครับ คิดว่าคงจับได้ที่หลังสุดของห้องเหมือนเดิม ตามที่มันปรารถนาเอาไว้ มันหันมายักคิ้วให้พวกผม ทำนองว่า เป็นไงล่ะคนมันเก่ง คนมันดวงดี จับได้ที่นั่งดีๆติดกันสามปี



          “ได้นั่งชิดติดโต๊ะอาจารย์สุดาเลย เอ้า ไปนั่งเลยจ้ะพ่อหนุ่มสายตาไกล”



          ไอ้น้ำเกิดภาวะช็อกค้าง พลางค่อยๆหันหน้าไปที่หน้าห้องอีกด้านหนึ่ง ที่มีโต๊ะของอาจารย์สุดาผู้หน้าดุ แต่นิสัยดุยิ่งกว่าวางอยู่ ห่างไปเพียงเอื้อมมือถึง ก็เป็นหลุมศพที่ไอ้น้ำต้องเข้าไปอยู่ครับ

           เทอมที่แล้วเพชรจ้าได้นั่งที่ตรงนั้น มันแทบจะสติแตกไปเลย เมื่อต้องหันมาสบตาอาจารย์สุดาทุกครั้งที่เงยหน้ามองกระดาน จะขยับตัวหรือเปลี่ยนหน้าหนังสือยังลำบากใจ กลัวองศาที่ขยับจะดูไม่เรียบร้อย ไม่ถูกใจเจ๊ระเบียบแห่งสิงหสารสารทวิทยา

          เห็นว่าเทอมนี้ มันแทบจะไปบนบานทุกศาลที่ว่าศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ได้นั่งห่างไกลจากเจ๊สุดามากที่สุด ซื้อแผงไข่นับสิบมาบน ไม่พอยังไปขอจากโรงอาหาร จนป้าแม่ครัวแทบจะไม่มีไข่ใช้ ต้องออกไปซื้อไข่จากข้างนอกเข้ามาเพิ่มเลยครับ



          แต่สำหรับอาจารย์ที่ได้ขึ้นชื่อว่าดุจัด และระเบียบจัด ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเพชรจ้าและไอ้น้ำถึงกลัวและเกร็งขนาดนั้น กับความโหดและดุของท่าน เพราะอาจารย์สุดานี่สอนวิชาสังคมมารยาทครับ เนื่องด้วยโรงเรียนของผมค่อนข้างจะเป็นโรงเรียนที่เหล่าลูกคุณหนูมาเรียนเยอะมาก วิชานี้จึงถือกำเนิดขึ้นมา และภาพลักษณ์อาจารย์ที่จะมาสอนมารยาทให้เหล่าลูกลิงทโมนแสนซน และดื้อด้าน แน่นอนว่าต้องไม่ใช่อาจารย์ที่ดูใจดีแน่ล่ะครับ

          แน่นอนว่าต้องตรงกันข้ามกับคำว่าใจดีแบบสุดๆ...



          ผมมองหน้าเพื่อนสนิทของตัวเองที่ซีดลง แล้วยิ้มมุมปาก

R.I.P. นะครับน้ำ บาปกรรมที่ก่อเอาไว้กับผม ถือว่าผมอโหสิกรรมให้แล้วกัน

          ไหนๆก็จะตกนรกไปทั้งเทอมอยู่แล้ว...



          เคยเห็นผ้าขี้ริ้วซีดๆไหมครับ หน้าไอ้น้ำตอนนี้เป็นอย่างนั้นเลยครับ แทบจะแยกไม่ออกว่าอันไหนผ้าขี้ริ้วหรืออันไหนหน้ามัน จืดเจี๋ยนตรงกันข้ามกับท่าทางร่าเริงระริกระรี้ ตอนออกไปทีแรกมาก ผมที่เห็นเพื่อนได้ดิบได้ดี ก็อดจะยิ้มกว้างขึ้นอีกนิดไม่ได้

          หลังจากไอ้น้ำหน้าหงอยเดินมาบอกลาพวกผมเหมือนลาไปตาย เลขที่ถัดๆไปก็ถูกเรียก จนมาถึงไอ้เต้ ผู้เห็นเพื่อนเกลอได้ที่นั่งดีๆ ก็หัวเราะลั่นอย่างไม่เกรงใจใคร หัวเราะจนน้ำตาเล็ด ขำจนไอ้น้ำแทบวิ่งมาบีบคอเพื่อนรักให้หักแล้วกระทืบซ้ำ



         
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 4 * 3/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 03-09-2018 22:25:56
เต้เดินออกไปด้วยท่าทางสบายๆ คงคิดว่ายังไงที่นั่งที่อันตรายที่สุดก็ถูกน้ำจับไปแล้ว นั่งตรงไหนก็ดีกว่าทั้งนั้น



          “ฐานทัพจับได้ตรงที่นั่งตรงหน้าอาจารย์สมศรีนะจ๊ะ”



          ห้องเรียนของที่สิงหสารสารทวิทยา จะประกอบไปด้วยอาจารย์ผู้ดูแลประจำห้องสามคนครับ

โดยจะนั่งร่วมเรียนกับนักเรียนตลอด เพื่อช่วยอาจารย์หลักประจำวิชา ช่วยเดินเข้ามาสอนให้เข้าใจกันอย่างทั่วถึงระหว่างเรียน ในส่วนของโต๊ะอาจารย์ประจำห้อง หรือที่เรียกว่าอาจารย์ประจำชั้น คือทั้งสองมุมของหน้ากระดาน และด้านหลังห้องครับ



          ที่ต้องมีอาจารย์ดูแลเยอะขนาดนี้ ก็เป็นเพราะว่านักเรียนแต่ละห้อง มีประมาณสี่สิบคนขึ้นไป จำนวนถือว่าเยอะเอาเรื่อง ไม่ว่าจะความยับยั้งชั่งใจในการพูดคุย หรือการไม่ตั้งใจเรียนในห้องนั้นก็หักห้ามยาก เพราะอยู่ร่วมกับเด็กในวัยเดียวกัน เป็นธรรมดาที่มักจะเกิดความวุ่นวาย เกินความสามารถของผู้ใหญ่คนเดียวเสมอๆ  อาจารย์แค่คนเดียว คงไม่สามารถดูแลได้ทั้งหมด



           จึงออกนโยบาย อาจารย์สามคนต่อหนึ่งห้อง เพื่อที่จะได้ช่วยสอนอย่างทั่วถึง หรือเรียกอีกอย่าง ก็จะได้มาช่วยกันควบคุมความประพฤติกันง่ายๆ และทั่วถึงนั่นล่ะครับ



          จริงๆคือผู้อำนวยการเห็นว่า ไหนๆก็เก็บเงินค่าเทอมสูงลิบลิ่วแล้ว ก็ทำให้ดูแตกต่างไปเลยดีกว่า ด้วยการแสดงความใส่ใจลูกหลานของท่านด้วยการจ้างผู้คุมช่วยเข้ามาดูแลถึงห้องละสามคน ให้ความมั่นใจว่าจะไม่วอกแวกระหว่างเรียนแน่นอน ผลการเรียนที่ถูกเข้มงวดตอนเรียน แน่นอนว่าให้ผลลัพท์ที่ดีมาก



          ค่าเฉลี่ยเด็กเรียนดี กีฬาเด่นของโรงเรียนผม ติดหนึ่งในสามของประเทศ



          เบื้องหลังโรงเรียนหัวกะทิ ไม่ใช่ฉายาที่ซื้อผงซักฟอกแล้วแถมมานะครับ เรียกว่ากดดันในระบบรอบทิศทางเลยจริงๆ แต่เอาเข้าจริง แบบนี้มันก็ดีนะผมว่า เพราะช่วงเวลาพักทุกคาบ สิบนาที จะเล่นซนโหวกเหวกแค่ไหนก็ได้ อาจารย์ไม่ว่าเลยครับ แต่เวลาเรียน ต้องตั้งใจเท่านั้นเอง



          แต่ดูท่าจะมีคนที่ไม่ได้คิดว่ามีอาจารย์เยอะแบบนี้แล้วดีแบบผมอยู่หลายคน เช่นน้ำและเต้เป็นต้น

          เต้ที่ทำหน้าเหมือนโลกอันสวยสดงดงามถล่มลงมาตรงหน้า ก่อนจะหันไปมองไอ้น้ำที่ยิ้มระรื่นเหมือนได้ผู้ร่วมชะตากรรม แต่สักพักไอ้เต้ก็กลับมาทำท่าเหนือกว่าใส่ไอ้แฝดคนละฝาของตัวอีกครั้งครับ ถ้าผมเดาจากความคิดของมันก็คงจะเป็นทำนอง

          'ได้นั่งใกล้อาจารย์แล้วไงวะ อาจารย์สมศรีใจดีจะตายห่า เป็นคุณป้าขี้เล่น ไม่ใช่อาเจ้ที่ตั้งท่าจะงับหัวมึงแดกตลอดเวลาเหมือนเจ๊สุดาโว้ยยยยยยยย'

          ประมาณนี้แน่ๆครับ



          “แต่เทอมนี้อาจารย์สมศรีย้ายไปฝ่ายประถมนะจ๊ะ และเนื่องจากยังหาอาจารย์คนใหม่ไม่ได้ โค้ชบำรุงจะมาทำหน้าที่ในเทอมนี้แทนอาจารย์สมศรีไปก่อน หรือจนกว่าจะหาอาจารย์คนใหม่ได้ แต่แหม เธอนี่โชคดีจริงๆเลยนะฐานทัพ เป็นโค้ชที่ช่วยดูแลทีมบาสอยู่พอดี คงจะสนิทกันดีสินะ”



          นายฐานทัพที่อาจารย์บอกว่าโชคดี อ้าปากเหวอ กว้างระดับที่ผมว่ารถบรรทุกเข้าไปกลับรถยังได้เลยครับ มันปากสั่นถามอาจารย์พะนอรัตน์ เหมือนถามหาเชือกฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย

          “ม-ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมครับจารย์ บอกผมที ว่าจารย์ล้อผมเล่น”

          “เรื่องจริงจ้ะ ดีใจจนปากคอสั่นเชียวนะ เอ้า ไปนั่งที่ได้แล้ว เดี๋ยวโค้ชบำรุงจะเริ่มเข้ามาคาบบ่ายนะ”



          ผมได้เสียเพื่อนไปอีกหนึ่งคนแล้วครับ ไอ้เต้เดินโซเซเหมือนลูกตุ้มแกว่งไกวไปนั่งประจำที่

ท่าทางที่คล้ายวิญญาณออกจากร่าง อย่างน้อยๆก่อนมันตาย ผมกับมันก็เคยเป็นเพื่อนกัน ผมทำมือเป็นท่าไม้กางเขนสวดส่งให้มันเป็นครั้งสุดท้าย สู่สุคตินะครับ



          ต้องขอบอกที่มาที่ไปของโค้ชบำรุงที่ทำให้ไอ้เต้ตกนรกเหมือนไอ้น้ำนะครับ โค้ชบำรุงเรียกได้ว่าเป็นคู่รักคู่แค้นไอ้เต้เลยครับ ไม้เบื่อไม้เมากันสุดๆ เนื่องจากว่ามันอยู่ทีมบาสตัวจริงของโรงเรียน แล้วโค้ชบำรุงก็เป็นที่ปรึกษาของทีมครับ นานๆทีถึงจะเข้าไปช่วยฟอร์มทีมที แต่ไม่รู้ทำไม เหมือนแกถูกใจ ถูกชะตาไอ้เต้มันมากครับ



              น่าจะเพราะเต้มันเก่งบาสสุดๆ ต้องยอมรับเลยว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่ง นานๆหลายร้อยปีถึงจะมีโดนเตะมาเกิดสักคน ตั้งแต่ยังเล็กมันก็กวาดรางวัลมาหลากหลาย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำชื่อเสียงให้โรงเรียนเยอะมาก ในวงการกีฬามันดังมากครับ ทำให้โค้ชบำรุงแกพลอยได้ยืดไปด้วย เวลาเจอหน้าไอ้เต้แต่ละครั้ง จะพุ่งเข้าไปโม้ชวนพูดชวนคุยไม่หยุดหย่อน



          ไม่ใช่ชื่นชมไอ้เต้นะครับ แต่เป็นชื่นชมตัวเองให้มันฟัง ที่สำคัญคือแกพูดไม่หยุดจริงๆครับ พูดเป็นต่อยหอย พูดจนลิงหลับ แถมเรื่องที่ยกเอามาคุยนี่ก็เรียกได้ว่าน่ารำคาญสุดๆ



          อย่างเช่น เรื่องราวในอดีตที่แกเคยได้เหรียญทองระดับชาติ (ที่เห็นว่าได้แค่ครั้งเดียว แถมเจ้าตัวเป็นแค่ตัวสำรองที่ได้เล่นในสนาม ได้ลงแค่ครึ่งหลังของเกม ประมาณสิบนาทีสุดท้ายเองด้วยครับ...) ที่โม้มาแล้วสักสามพันรอบได้ ตามที่ไอ้เต้ว่าเอาไว้ ยังไม่พอ ยังชอบสั่งให้ไอ้เต้ไปวิ่งรอบสนามด้วยครับ สนามที่นักเรียนทุกคนในโรงเรียนขยาดกันนั่นล่ะครับ....



          'สมัยโค้ชน่ะนะ ต้องวิ่งทุกวัน วันละเป็นสิบยี่สิบกิโล เด็กสมัยนี้น่ะมันเหลาะแหละ ใช้ไม่ได้ ฐานทัพ เธอดูโค้ชไว้เป็นตัวอย่าง ถ้าจะเล่นบาสให้ประสบความสำเร็จ ไปถึงทีมชาติได้ ต้องเอาฉันเป็นแบบอย่าง เพราะอย่างนั้น ไปวิ่งรอบสนามสักสิบรอบด้วยนะฐานทัพ เอ้า ปฎิบัติ!'



          แบบนี้เป็นต้นครับ เพราะงั้นไอ้เต้จึงหลบหน้าแกตลอด เรียกได้ว่าถ้าแกอยู่โรงยิมสอง ไอ้เต้จะหนีไปโรงยิมห้า แกไปโรงยิมห้า ไอ้เต้หนีไปโรงยิมสอง

          แล้วคิดดูสิครับ กับคนที่พยายามหนีขนาดนั้น กลับต้องมานั่งใกล้กัน ห่างกันเพียงเอื้อมมือ...

แล้วผมไม่อยากจะคิด ทุกคาบทุกชั่วโมงที่เรียนเสร็จ พวกผมจะมีเวลาพักสิบนาที เพื่อเตรียมตัวสำหรับคาบต่อไป ทุกครั้งไอ้สองหน่อแฝดคนละฝา จะใช้เวลาสิบนาทีนั้นมานั่งคุยกัน จิกกัดคนอื่นไปทั่ว



          แต่ช่วงเวลาพักสิบนาทีต่อจากนี้ไป คงไม่เหมือนเดิม...

ช่องว่างที่แคบแค่เพียงลมหายใจขว้างกั้น ระหว่างนายฐานทัพคนโปรดกับโค้ชบำรุง



          อา...แค่คิด ก็บันเทิงเสียแล้วสิครับ

ทั้งเทอมนี้ นั่นคงเป็นสิบนาทีที่ยาวนาน และนรกแตกมากสำหรับไอ้เต้อย่างประมาณหาที่สุดไม่ได้แน่นอน พิมพ์ 99 ไว้อาลัยให้ไอ้เต้มันด้วยนะครับ...



          การจับฉลากที่นั่งยังดำเนินต่อไป ท่ามกลางเสียงโหยหวนของเหล่านักเรียน ที่ได้ที่นั่งไม่ได้ดังใจยังคงระงมอย่างต่อเนื่อง จนอดคิดไม่ได้ ว่านี่เป็นการจับฉลากเลือกที่นั่ง หรือการชุมนุมจับคนผีเข้า มาสาดน้ำมนต์ไล่ผีออกจากร่างกันแน่นะ



          จนมาถึงเลขที่ของเทมปุระ เทมยกมือลูบอกตัวเอง พลางหันมามองหน้าผม เหมือนขอกำลังใจ ผมยิ้มให้กำลังใจเขา มองสบดวงตาสีน้ำตาลที่กำลังสั่นไหว เขาเลขที่ก่อนผมครับ แน่นอนว่าชะตาที่นั่งของผมก็อยู่ในกำมือของเขา เพราะผมจะตามไปนั่งเคียงข้างกัน และเด็กน้อยก็กังวลทุกครั้ง เพราะกลัวผมจะไม่ได้นั่งที่ผมอยากนั่ง



          “ไม่ว่าตรงไหนก็ได้ครับ ไม่ต้องกังวลนะครับเทม หมูนั่งตรงไหนก็ได้”



               ใช่ครับ นั่งตรงไหน ตรงไหนก็ได้ที่มีเทมนั่งอยู่ด้วยก็พอ

               ผมชอบหมดเลยครับ ที่ที่มีเขาอยู่ข้างกายน่ะ



          เทมพอได้รับรอยยิ้มให้กำลังใจจากผม ก็ตั้งท่าฮึดสู้ มือที่กำไว้แน่นเหมือนจะไปรบกับข้าศึก หน้าตาเคร่งเครียดก็เหมือนเตรียมตัวขึ้นศาล เพื่อให้ศาลตัดสินความผิดอย่างไรอย่างนั้น ท่าทางแสนจริงจังของเด็กน้อยดูแสนขึงขัง ทั้งๆที่แค่ไปจับฉลากเลือกที่นั่งเท่านั้นเองแท้ๆ

          และท่าทางตื่นเต้นแต่ก็ยังฮึดสู้ สูดลมหายใจลึกจนจมูกบานนั่น ก็ทำเอาผมอดขำไม่ได้



          “ฟ้าประทานอยากนั่งตรงไหนจ๊ะ” เสียงของอาจารย์พะนอรัตน์อ่อนลงหลายส่วน เสียงนุ่มที่ถาม เหมือนกับว่าถ้าเทมบอกว่าอยากนั่งตรงไหน เจ้าตัวก็จะให้ไปนั่งโดยไม่ต้องจับฉลากอย่างไรอย่างนั้นเลยครับ ถ้าจะถามผม สำหรับคนที่อาจารย์พะนอรัตน์ลำเอียงให้มากที่สุด คงจะเป็นคนที่กำลังยิ้มเขินอาย ตอบด้วยเสียงเบาหวิวเสียมากกว่า



          “อยาก...อยากนั่งข้างหน้าต่างครับ”

          “หืม ปีนี้ก็อยากนั่งข้างหน้าต่างอีกหรือจ๊ะเราน่ะ”

          “ค-ครับ...นั่งข้างหน้าต่าง แล้ว...แล้ว...หมูหย็องกับท้องฟ้าสวยมากเลย”



          ผมได้ยินเสียงกรี๊ดจากฝั่งผู้หญิง กอปรกับเสียงกัดผ้าเช็ดหน้าด้วยความอิจฉา และเสียงโห่แซวจากฝั่งผู้ชายดังขึ้นจนลั่นห้อง ผมยิ้มรับสายตาอายๆของเจ้าตัว ที่เหมือนเผลอพูดความลับของตัวเองให้คนอื่นรู้ ถ้าระดับความหวานขนาดนี้ ผมพอรับมือได้ครับ แม้ว่าเจ้าหัวใจอ่อนแอที่แพ้ทางเขาตลอด จะขยับตัวเต้นเร็วขึ้นสองสามจังหวะก็ตาม แต่ยังนับว่าผมยังเอาอยู่  ไม่เขินจนสติหลุด เหมือนเมื่อเช้า...



          เสียงโห่แซวยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เรื่องผมกับเทมคนทั้งโรงเรียนรู้ครับ

          สำหรับอาจารย์คือรู้ในเชิงญาติพี่น้องที่สนิทสนมกันเป็นอย่างมาก และให้มีความอะลุ่มอลวย ไม่ต้องตกใจในความสัมพันธ์น้องติดพี่เป็นพิเศษ ตามที่ผู้อำนวยการฝากฝังไว้



               แต่ฝั่งนักเรียน ก็รู้กันว่า ภายใต้คำว่าญาติพี่น้องปลอมๆ 'เขาเป็นคนของผม'

               

               นักเรียนในห้องนี้ถ้าไม่นับพวกผู้หญิงเจ็ดแปดคน ก็นับว่านิสัยดี สมที่ผมขอเลือกมาอยู่ และโชคดีว่าคนในห้องของผมไม่มีปัญหากับเทม เท่าที่ให้คนสืบนิสัยใจคอดู ก็ไม่มีคนมีปัญหากับชายรักชาย หรือว่าอคติกับเด็กพิเศษ หรือลึกๆในใจอาจจะมี แต่ผมไม่รู้ก็ได้ครับ...เพราะไม่เคยเห็นใครกล้าลุกมาท้าท้ายสักครั้ง เทมที่ตัวติดกับผมตลอด แน่นอนว่าต้องไม่มีใกล้กล้ามาทำอะไร

            หากมีใครกล้าแตะต้องคนของผม

               ชีวิตมันต้องไม่ตายดีอย่างแน่นอน...





          มือใหญ่ยกมือไหว้ขออนุญาต ก่อนจะจับฉลากที่ถูกม้วนอย่างดีในโถขึ้นมา แล้วส่งให้อาจารย์พะนอรัตน์ที่ยิ้มรอรับอยู่ ท่าทางที่อาจารย์ค่อยๆคลี่ม้วนกระดาษออกอ่าน กับเทมปุระที่ลุ้นจนตัวโก่ง ก่อนจะเป็นเด็กน้อยที่ยิ้มกว้าง เมื่อเห็นตัวเลขบนกระดาษสีขาว

          “อุ้ย ตายจริง ดูท่าฟ้าจะประทานให้สมชื่อเลยนะจ๊ะ ไปจ้ะ บอกดิมิทรีขยับไปอีกสองโต๊ะ ก็ที่ของเราแล้วจ้ะ”

          เด็กน้อยของผมอ้าปากเป็นตัวโอสลับยิ้มไม่หยุด นัยน์ตาสีอ่อนหยีลงด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะชูมือร้องเย้ออกมาด้วยความดีใจ รอยยิ้มนั่นทำเอาผมเจ็บจี๊ดขึ้นมากลางหัวใจ คล้ายศรรักปักอกซ้ำแล้วซ้ำเล่านับไม่ถ้วนเลยครับ เหมือนได้ยินคิวปิดที่แผลงศรสะบัดปีกอยู่ไม่ไกล



          ที่นั่งอีกสองแถวถัดไปจากผม เรียกได้ว่ามุมดีที่สุดในห้อง ปกติหน้าต่างที่พวกผมนั่งอยู่จะมีเหล็กดัด เพื่อป้องกันเวลานักเรียนเปิดหน้าต่างแล้วผลัดตกลงไป แต่แถวตรงนั้น ตรงโต๊ะที่นั่งใหม่ของเรา บานหน้าต่างใสแจ๋ว ไม่มีเหล็กดัดหรืออะไรมาบดบังสายตา ทำให้เห็นท้องฟ้าใสสะอาดได้อย่างเต็มที่

          ทีนี้เด็กน้อยของผมคงได้เลิกบ่นงึมงำว่า อย่ามาบังคุณท้องฟ้านะครับ เสียที



          เหมือนได้ยินเสียงสาปแช่งแว่วๆมาจากเพื่อนที่นั่งอยู่คนละมุมของห้อง



               แต่ใครจะสนล่ะครับ



               ในเมื่อเจ้าท้องฟ้าอันสดใสของผม ฉีกยิ้มกว้างเดินเข้ามาหา และนั่งลงข้างๆกันแล้ว

ความสนใจทั้งหมด รวมเป็นจุดเดียวที่คนข้างกาย



 













(https://i.imgur.com/1b5jyAM.png) end 3 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง








หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 4 * 3/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 03-09-2018 23:54:57
 o13 น่ารักมากค่ะ  :hao3: ตามอ่านค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 5 * 4/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 04-09-2018 21:21:59






▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    4    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇









          "เหอะ พวกชีวิตดี๊" น้ำส่งเสียงหึขึ้นจมูก พลางทำท่าสะบัดสะบิ้งใส่ผม ตั้งแต่ออกจากห้อง ยันลงบันไดมาที่โรงอาหาร ก็ตั้งท่าประชดประชันใส่ผมกับเทมปุระไม่หยุด

          "อะไร ทำไม ทำไม๊ มองแบบนี้ มึงมีปัญหากับพวกกู แก๊งนั่งใกล้ชิดติดอาจารย์หรือครับท่านประธานนักเรียน"

          น้ำทำเสียงหาเรื่องพร้อมตาที่เขม่นมอง มันยังคงบ่นอย่างต่อเนื่อง เทมที่เดินข้างๆผมมองอย่างสนใจ เพราะน้ำช่างสรรหาคำมาประชดประชันได้ไม่ซ้ำกัน แถมทำท่าได้ตลกจนเจ้าตัวขำจนหน้าแดงไปหลายรอบ

          "ต่อให้เป็นนางฟ้าของโรงเรียน กูก็ไม่เว้นหรอกนะ ไอ้ฟ้าประธาน ไอ้ฟ้าลำเอียง ทำไมมึงจับได้ที่ดีๆ ขณะที่กูต้องจ้องตากับแม่มดทั้งชั่วโมงด้วยวะ ฮืออออ เต้ ช่วยกูด้วยย กูจะถูกสายตาคู่นั้นสาปให้กลายเป็นกบแห้งแน่ๆเลย เจ้แกจ้องกระทั่งตอนกูเผลอจาม ขนาดแค่ขนจมูกขยับยังเหมือนเจ้แกจะด่ากูว่ามารยาททรามเลยอ่ะ"

          ผมหน้าตึงใส่คนที่ปากขมุบขมิบไม่หยุด ไอ้น้ำนี่พาลจริงๆเลยครับ แล้วพาลใส่ใครไม่พาล มาพาลใส่เทม ความโกรธของผมพุ่งขึ้นมา อย่ามาพาลใส่เทมปุระของผมนะครับ ผมจะไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่ ผมมองมันด้วยสายตากดดันและบอกเสียงแข็ง

          "อย่าพาลใส่เทม โชคร้ายเองก็ช่วยไม่ได้ เทอมนี้ก็ทำตัวดีๆไปแล้วกัน"

          ผมมองเหยียดใส่เจ้าคนงอแง ที่หันมาส่งสายตาขวางใส่ เมื่อผมไม่เข้าข้าง ก่อนจะรุดหน้าไปคล้องคอเพื่อนเกลอของตัวเอง ที่ตั้งแต่ออกจากห้องมาก็เงียบกริบ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปาก สวนทางกับคู่แสบอีกคนที่ยังคงบ่นไม่หยุด

          "จิ๊ๆ มึงนี่ก็ไม่มีหยวนเลยนะ กูกำลังเสียใจแท้ๆ แล้วไอ้เต้นี่เป็นไรวะ สติหลุด วิญญาณหายออกไปไหน กูต้องเคาะจานข้าวเรียกไหม เอ้า โมะๆๆๆๆ มาเว้ยมา กลับมานะจิต กลับมานะสติ โมะๆๆๆๆ"

          "นั่นมัน นั่นมันวิธีเรียกน้องหมากินข้าวไม่ใช่เหรอครับน้ำ" เทมถามขึ้นมาอย่างสงสัย

          "เออ ใช้วิธีเดียวกันเนี่ยแหละ สปีชี่ย์เดียวกัน ไม่ต้องแบ่งแยกวิธีเรียกหรอก แอร้ก"


          เสียงสุดท้ายเป็นเสียงเจ้าคนตัวเล็กของกลุ่มที่โดนโบกโดยคนที่เงียบเป็นเป่าสากครับ เต้หันหลังกลับมาพร้อมฝ่ามืออรหันต์ฟาดลงที่แสกกลางหัวของนายตรัณได้อย่างพอดิบพอดี เหมือนเอาไม้บรรทัดมาวัดองศาเลยทีเดียว
          คนโดนฟาดกลางกบาลแบบไม่ทันตั้งตัวก็เผลอกัดลิ้นตัวเองเข้าไปเต็มๆ เจ็บจนน้ำตาเล็ด ร่างเล็กวิ่งไปหลบหลังเทมที่ยืนตกใจกับความรุนแรงตรงหน้า


          "ไอ้เหี้ยเต้!! สารเลว ไอ้สัตว์! เจ็บนะเว้ย! ฟาดลงมาไม่อ้อมแรงกูไม่ว่า แต่ทำกูกัดลิ้นตอนจะแดกข้าวแบบนี้ไม่ได้! ส้มตำกูจะกินอร่อยไหมวะวันนี้ ฮือออ"


          ไอ้น้ำหลบหลังเทม โผล่แค่หัวและมือออกมา พลางชูนิ้วกลางสัญลักษณ์คำด่าแสนหยาบ ชี้ใส่หน้าคนที่ลงมือเมื่อสักครู่ ส่วนคนลงมือ หน้าที่ปกติจะกวนแสนกวนนั้น กลับกำลังฉายแววหงุดหงิดปนเหนื่อยล้า


          "อย่าพูดมาก มึงยังดีโดนแค่จ้องตา มึงลองมาฟังโค้ชบำรุงโม้ทุกชั่วโมงแบบกูก่อนเถอะ ไหนอาจารย์พะนอรัตน์บอกว่าจะมาบ่ายไงวะ นี่โผล่มาตั้งแต่คาบแรกเลย กูจะบ้าตาย กูต้องตายแน่ๆเลยว่ะเทอมนี้...กูดร็อปแม่งดีไหมวะเนี่ย ย้ายโรงเรียนแม่งเลย"

          เต้พึมพำในลำคอไม่หยุด เท่าที่เห็นคือโค้ชแกชวนเต้คุยไม่หยุดเลยจริงๆครับ ใช้เวลาพักสิบนาที่ได้คุ้มค่ามากๆ ไอ้เต้ที่ทำท่าจะขอตัวมาปรึกษาเรื่องงานกับผมก็ไม่ได้ แกดึงตัวไว้สุดๆ พูดน้ำไหลไฟดับ ระดับไอ้จันทร์ที่นั่งข้างๆไอ้เต้ ยังต้องหลีกหนีมาไกลถึงหลังห้อง เพราะรำคาญเสียงโค้ชแกเลยครับ

          ไอ้น้ำจากที่โกรธ พอเห็นเพื่อนรักเหี่ยวเฉาใกล้จะตายกว่าตัวเองหลายเท่านัก ก็นึกเวทนา เดินออกมาจากเกาะป้องกัน แล้วตบไหล่สูงเป็นเชิงปลอบ


          "อดทนเอาไว้เว้ยมึง แค่ไม่กี่เดือนหรอกมั้ง ถ้าหาอาจารย์คนใหม่ได้เร็ว มาๆ อย่าเครียด เดี๋ยววันนี้ไอ้หมูเลี้ยงข้าว" ผมหันไปมองไอ้น้ำที่พูดจาตุตะเอาเอง กำลังจะแย้งขึ้น แต่เด็กน้อยของผมก็ออกตัวเสียก่อน

          "งั้นเทม เทมจะเลี้ยงขนมเต้ด้วยนะครับ เต้สู้ๆนะ โค้ชคงไม่ได้อยากแกล้ง แค่ แค่ดีใจที่ไม่ค่อยได้เจอเต้เท่านั้นเองครับ" เทมปุระปลอบใจเพื่อนตัวเอง ขนาดเทมที่ไร้เดียงสายังรู้เลยครับ ว่าเต้ไม่ชอบโค้ชบำรุงขนาดไหน หลีกหนีทุกครั้งที่โค้ชเดินผ่านในระยะยี่สิบเมตรจริงๆ


          ผมหันมามองคนข้างกายด้วยสายตาปลาบปลื้ม นางฟ้าน้อยของผม ช่างเห็นอกเห็นใจคนอื่น น่ารักเหลือเกิน เหมือนครั้งนี้ไอ้เต้จะซาบซึ้งกับคำปลอบโยนของเทม และเห็นด้วยกับผม ถึงขนาดหันมาตบไหล่เจ้าตัวเบาๆ


          "ขอบใจพวกมึงว่ะ โค้ชแกจัดหนักใส่กูจริงๆ นี่ตอนเย็นแกก็เรียกตัวไว้ วันนี้ขั้นต่ำสั่งวิ่งสิบรอบแหงๆ แล้วดูอากาศวันนี้ กูจะไม่กลายเป็นไอน้ำ ระเหยไปกับแสงแดดใช่ไหมวะ"

          เทมทำสีหน้ากังวลตาม เห็นเต้แสดงออกว่ากำลังเครียดจนไม่มีอารมณ์พูดจาล้อเล่น ทั้งๆที่ปกติจะต้องกวนและทำตัวแสบ คอยแหย่คนนู้นคนนี้คู่กันกับน้ำ ยิ้มหัวเราะอยู่ตลอดเวลา พอมาทำหน้าเครียดๆแบบนี้ เจ้าตัวก็คงเป็นห่วงเพื่อนมากนั้นล่ะครับ

          ผมก็พอเข้าใจ แม้จะดูเล็กน้อย แต่ในระยะยาวก็คงไม่ดีทั้งต่อตัวเต้เองและต่อคนของผม สิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี นี่ส่งผลต่อความสุขของคนเราอย่างมากนะครับ อย่าดูถูกไป ที่สำคัญก็คือ เทมปุระสามารถซึมซับเอาความรู้สึกด้านลบได้ง่าย ผมไม่อยากให้คนรอบตัวส่งต่อความรู้สึกด้านลบให้เจ้าตัว


          อยากให้เทมอยู่ในสิ่งแวดล้อมดีๆ ที่อ้อมล้อมไปด้วยความสุข
          และถ้าจะมีอะไรมาทำลายความสุขนั้น ผมก็คงยอมอยู่เฉยไม่ได้

          ...ผมคิดว่าผมคงจะต้องยื่นมือเข้าช่วยเล็กๆน้อยๆแล้วล่ะ


          "ผมจะไปคุยกับผู้อำนวยการ เรื่องหาอาจารย์ประจำชั้นใหม่ให้เร็วยิ่งขึ้นแล้วกันนะครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาได้เร็วขนาดไหน แต่ผมให้สัญญาว่าคงไม่เกินสิ้นเดือนนี้"


          แม้ผมจะพูดด้วยเสียงปกติ แต่เต้ที่หันมาคงไม่คิดแบบนั้น จากสีหน้าของไอ้เต้ คงเห็นผมเป็นผู้ช่วยชีวิตที่ดึงมือมันขึ้นมาจากหุบเหวโลกันต์ ทั้งที่ปกติจะมองผมเป็นพวกปีศาจมีเขางอกและหางแหลม แต่ดูจากสีหน้าคราวนี้ ทดแทนเขางอกและปีกสีดำ คงจะเป็นวงแหวนและปีกเทวดาสีขาวสะอาดแทนแล้วล่ะครับ

          ไอ้เต้หันหลังกระโจนตัวมาคว้าผมไปกอดหมับ พลางแหกปากกลางบันได เด็กมากมายที่กำลังจะลงไปทานข้าวที่โรงอาหาร ถึงกับตกใจและหันมามองไอ้เต้ที่จู่ๆก็มาทำอนาจารใส่ผม


          "มึงงงงงงงงงงงงงงงงง ไอ้เชี้ย โอ้ยยย กูขอบใจมึงมากนะเว้ยไอ้หมู มึงมันพระผู้ช่วยของแท้ กูยกเทมให้มึงเลย มึงมันคู่ควรกับนางฟ้าที่สุด พ่อเทวดา พ่อพระเอกของกู!! เห็นมึงชั่วช้ามาตลอดจนวันนี้ถึงตะหนักแท้ มึงมันคนดีที่หนึ่งเลยโว้ยยย"


          ผมดันหน้ามันออกห่างๆทันที ขยะแขยงครับ ถึงจะค่อนข้างพอใจกับคำยกยอปอปั้นของมัน ที่ว่าผมเหมาะสมกับเทมนั่นก็เถอะ แต่หมาที่ดีใจนี่ขัดขวางมันยากจริงๆ เกาะผมหนึบเป็นหมากฝรั่งติดรองเท้าเลยครับ ผลักยังไงก็ไม่หลุด  ระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าควรถีบมันให้ตกบันไดไปซะ ก็มีมือใหญ่ช่วยแกะไอ้เต้ที่มัวแต่ดีใจที่จะได้หลุดพ้นจากบ่วงของโค้ชบำรุงในเร็ววันออกไป


          "อย่า อย่า อย่ากอดหมูหย็องนะครับ ไม่เอานะ ไม่จับหมูหย็อง"


          เทมหน้าบึ้ง แกะมือเต้ออก เมื่อกี้ยังเป็นห่วงกันอยู่เลยแท้ๆ...แต่พอเห็นว่าเต้รวบตัวผมเข้าไปกอดด้วยความเผลอเพราะความดีใจ มาดองครักษ์ที่ไม่ได้เห็นมานานของเทมก็กำเริบ เจ้าตัวไม่ชอบให้ผมถูกใครมาถึงเนื้อถึงตัวครับ นอกจากเจ้าตัวเองกับคนในครอบครัว

          ถ้ามีใครมาแตะ หน้าที่อารมณ์ดี ยิ้มหวานอยู่เป็นนิจจะบึ้ง คิ้วจะขมวด และถ้าขืนผมยังถูกกอดอีกต่อไปสักหนึ่งนาที เชื่อได้เลยครับว่านัยน์ตาสวยจะผุดน้ำตาเม็ดโตๆ ร่วงออกมาจากตาคู่งามที่ฉายแววหงุดหงิดไม่พอใจนั้นอย่างแน่นอน


          "ปล่อยกูไอ้เหี้ยเต้ ไม่งั้นกูจะสั่งให้โค้ชอยู่กับมึงไปยัน ม.6 เลยไอ้สัตว์"


          ผมกระซิบเบาๆ พอให้ได้ยินกับไอ้เต้สองคน คำขู่ที่โคตรได้ผล
ทำให้มันได้สติ รีบยกมือทำท่ายอมแพ้ใส่ผมกับเทม แต่ยังคงหัวเราะอารมณ์ดี

          เทมที่เห็นผมถูกปล่อยแล้วก็มาจับตัวผมเป็นการใหญ่ พลางทำท่าปัดๆ เช็ดตัวผมให้

เอ่อ...นี่ถ้าเทมไม่ได้ใสซื่อ ผมจะนึกว่าเทมคิดว่าเต้เป็นตัวเชื้อโรคแล้วนะครับ


          อาการ 'หวง' แบบนี้ เทมปุระเป็นมาตั้งแต่สนิทกับผมแล้วครับ เป็นท่าทางที่นานๆครั้งจะได้เห็น เพราะผมไม่ชอบถูกเนื้อต้องตัวใครเป็นนิสัย แต่ได้เห็นกี่ครั้งก็ชื่นใจชะมัด

          ถึงตอนนี้จะยังไม่ใช่หึงหวงแบบคนรัก แต่การถูกหวงจากคนที่แอบรัก
          ไม่ว่าอย่างไร ก็รู้สึกดีใช่ไหมล่ะครับ

          "โทษทีว่ะ กูดีใจไปหน่อย มึงแม่ง โคตรช่วยชีวิตกูไว้เลย มาๆ วันนี้กูเลี้ยงพวกมึงเอง"

          ไอ้น้ำได้ยินว่าไอ้เต้จะเลี้ยง ก็รีบส่ายหางกระดิกเข้าไปหาเลยครับ ไอ้เต้คว้าคอเพื่อนเกลอมากอดหมับ  พลางผิวปากเดินนำลงบันไดไปอย่างอารมณ์ดี

          รู้แบบนี้ ผมน่าจะบอกว่าสักสามเดือนนะครับ...



          "ไม่มีอะไรหรอกครับเทม เต้แค่ดีใจที่ไม่ต้องนั่งติดกับโค้ชตลอดเทอมน่ะครับ ไม่หน้าบึ้งนะครับ ไปทานข้าวกันดีกว่า"

          ผมลูบหลังมือเทมเบาๆ ก่อนจะปล่อยออก คนยังมองกันอยู่เยอะมากครับ ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมห้องที่ชาชินกับการกระทำของผมแล้ว แต่ยังมีคนอื่นและชั้นอื่นๆร่วมอยู่ด้วย ผมเลยทำอะไรมากมายนักไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียชื่อประธานนักเรียน

          เทมยังคงดูบึ้งตึง แก้มนุ่มยังคงพองลมอยู่เล็กน้อย แต่พอผมยิ้มหวานให้เจ้าตัว เด็กน้อยของผมก็คงใบหน้าที่บึ้งตึงได้อยู่ไม่นาน ยิ้มหวานจ๋อยก็ถูกทอตอบกลับมา นางฟ้ายิ้มง่ายกลับมาแล้ว


          "เทม เทม เทมรู้ว่าเต้ดีใจครับ แต่เทมแค่ไม่ชอบให้ใครมาจับหมูหย็องนี่น่า ไม่โกรธกันนะครับ?"


          เทมถามผมเสียงอ่อนอ่อย ร่างสูงเหมือนตัวหดเล็กลง ไหล่กว้างห่อลงเล็กน้อยดูน่าสงสารจนผมใจอ่อนยวบ ใครจะโกรธลงล่ะครับ ไม่มีทางเลยที่ผมจะโกรธเด็กน้อยของผมลง
          ผมรีบส่ายหน้า แต่จะให้บอกเขาไปตรงๆว่า เปล่านะ ชอบที่เทมหวงกันมากเลย ก็น่าอายออกไม่ใช่หรือ ผมเลยเสพูดอย่างอื่นไปแทน


          "ไม่โกรธครับ หมูเป็นเพื่อนสนิทของเทมนะครับ เทมมีสิทธิ์หวงอยู่แล้ว"


          ใช่ครับ ผมใช้คำว่าเพื่อนสนิท เพื่อนสนิทเป็นพิเศษ มาอธิบายพฤติกรรมแปลกๆของผม ที่บางครั้งก็เผลอทำเกินเลยออกไปกับเทม มาเป็นข้อแก้ตัวบังหน้า และใช้คำว่าเพื่อนสนิทพิเศษอธิบายอาการและความรู้สึกแปลกประหลาดที่เทมมีต่อผมเช่นกัน ผมคิดว่าผมไม่ได้เข้าใจผิดคิดไปเองคนเดียวนะครับ ว่าความรู้สึกของเทมที่มีต่อผม


          มันค่อนข้างจะพิเศษ พิเศษกว่าที่มีให้คนอื่นๆ และพิเศษกว่าเพื่อนกันธรรมดา เป็นความรู้สึกที่มีให้แค่คนเดียว เป็นเพื่อนที่แบบนี้มีคนเดียวในโลก


               แต่ก็นั่นล่ะครับ ข้ามขั้นมากเกินไปก็ไม่ได้ นอกจากความรู้สึกที่พิเศษ เทมก็ยังเป็นคนพิเศษอีกด้วย ต้องค่อยๆใช้วิธีตะล่อมและให้เข้าใจได้ด้วยตัวเอง ผมอยากให้เรื่องของเรามันเป็นไปอย่างธรรมชาติ


          แต่ก็อาจจะเป็นธรรมชาติปนเปื้อนสารเคมีเร่งโตจากผมสักหน่อย
          เพราะบางครั้งก็มีแอบใจร้อน อยากเปลี่ยนฐานะจากเพื่อนที่เป็นผู้ปกครองกลายๆ

          เป็นผู้ครอบครองเต็มตัวเสียที



          "งั้น งั้นเหรอครับ ถ้างั้นๆๆๆ ถ้างั้นเวลาหมูหย็องมีคนมาแตะต้อง ก็หวงได้ใช่ไหมครับ เพราะหมูหย็องเป็นเพื่อนสนิทคนพิเศษของเทมใช่ไหมครับ"


          เจ้าตัวยิ้มโล่งใจให้ผม ผมก็ไม่แน่ใจนักว่าเจ้าสถานะเพื่อนสนิทคนพิเศษนี้ ในอนาคตจะทำพิษให้ผมหรือเปล่า แต่ในตอนนี้ มันทำให้ผมพิเศษกว่าคนอื่นขึ้นมา และเทมยังไม่ฉุกใจในความรู้สึกที่แปลกประหลาดของตัวเองที่มีต่อเพื่อนคนนี้ จนไม่รีบปิดกั้นมันเอาไว้ ผมก็ถือว่าดีแล้วล่ะครับ


          หลายครั้งที่คนเรามักจะกลัวสิ่งที่ไม่รู้จัก ขนาดคนปกติธรรมดา ยังกลัว กับเทมที่เป็นคนพิเศษ ผมก็กลัวใจของเขาจะตื่นตกใจ และหนีจากผมไป จนอะไรๆที่ผมคาดหวังจะพังลงมา


          ผมพังไม่ได้ และผมไม่ถูกรักจากเขาไม่ได้ ผมมาไกลเกินกว่าจะผิดหวังแล้วครับ ...ผมรู้ตัวผมดี



          "ใช่แล้วครับ ฟังหมูนะครับ เทมมีสิทธิ์ในตัวหมู ทุกๆอย่างของหมูเป็นของเทม เทมจะทำอะไรก็ได้ จะรู้สึกยังไงด้วยก็ได้ รู้ไหมครับคนดี"


          ผมเผลอตัวยื่นมือไปลูบไล้ใบหน้าที่เริ่มส่อแววความหล่อเหลาอย่างหาจับตัวได้ยากนั้นอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาที่ฉ่ำเยิ้ม มองตรงมาที่ผม แก้มใสระเรื่อเจือสีแดง ดูท่าคำพูดที่ใส่อารมณ์บางอย่างเข้าไปด้วยของผม จะทำให้เจ้าตัวรับรู้ แม้จะไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร แต่สัญชาติญาณก็คงพอสัมผัสได้ ถึงได้หน้าแดงขึ้นมาขนาดนี้


          ผมเลื่อนสายตาลงไปที่ปากสวย ที่ทำให้ผมใจแทบหยุดเต้นเมื่อตอนเช้า
นึกอยากลองประกบจูบลงไปบนริมฝีปากชมพูอมส้มแสนสวยนั่น ทุกครั้งที่ใกล้กัน ผมรู้สึกถูกดึงดูดด้วยแรงมหาศาลที่มองไม่เห็นตลอดเวลา


          "ไอ้หมู กูหิวจะตายอยู่แล้วววว ไอ้เต้บอกถ้าลงมาช้าไม่เลี้ยงแล้วนะเว้ย!"


          อา...
          ตัวขัดจังหวะนี่มันตัวขัดจังหวะจริงๆเลยครับให้ตายเถอะ


          เสียงโหวกเหวกของไอ้น้ำที่ดังขึ้นมาเรียกสติของผมกลับคืนที่เดิม
แล้วให้ตายสิ นี่ผมเพิ่งจะด่าไอ้เต้ไปว่ามาทำอนาจารผมกลางบันได แต่นี่ตัวผมเองก็เกือบจะเผลอทำอนาจารกับเทมกลางโรงเรียนไปด้วยซะได้ ผมเหลือบสายตาไปเห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกรี๊ดกร๊าด ยกโทรศัพท์ขึ้นมาทางนี้ คิดว่าคงจะถ่ายวิดีโอ ถ่ายรูปไปลงเพจแปลกๆอีกตามเคย


          มีเพจแปลกๆที่ผมเคยเห็นจากที่ไอ้น้ำเอามาให้ดูครับ เป็นเพจที่เอาไว้ 'จิ้น' ผู้ชายสองคนในโรงเรียน โดยจะถ่ายรูปพฤติกรรมที่ดูแล้วเกินเลยมากกว่าเพื่อน มากกว่าพี่น้องร่วมโรงเรียนกันไปลง ไอ้เต้ไอ้น้ำก็โดนบ่อยครับ รูปที่ถูกถ่ายลง สองแฝดคนล่ะฝายังถึงกับตะลึง เพราะคนถ่ายจับจังหวะการถ่ายได้น่าคิดไปไกลมาก รูปเพื่อนกอดคอหัวเราะกันธรรมดา พอมาโผล่ที่เพจ กลับกลายเป็นเหมือนคู่รักที่ตะกองกอดกันอย่างลึกซึ้ง ไม่รวมประโยคบรรยายที่ผมนึกว่าเชคสเปียร์ลงมาเขียนเองนั่นอีก หวานจนผมนึกขนลุกเลยทีเดียว


          เห็นว่าห้ามไปก็เท่านั้นด้วยครับ คนที่ให้ความร่วมมือก็มี แต่บางคนก็ดื้อดึงจะลงจนทำให้มีเรื่องมีราว สำหรับผม ตำแหน่งประธานนักเรียนค่อนข้างค้ำคอ แม้ที่จริงผมจะทั้งไม่ชอบใจแต่ก็มีปนด้วยความพอใจไม่น้อย แต่ความไม่ชอบใจก็ชนะ เพราะการที่จะมีสายตาสอดรู้สอดเห็นมามองผมกับเทมตอนอยู่ในโลกส่วนตัว ค่อนข้างน่ารำคาญไม่น้อย


          แต่ต้องยอมรับว่าบางครั้งรูปที่ถ่าย ก็ออกมาสวยจับใจจริงๆครับ ผมก็เคยแอบไปเซฟรูปของเทมกับผมบ่อยๆจากในเพจนั้น เรียกได้ว่าเป็นผลประโยชน์ลับๆ...แต่เนื่องด้วยอย่างที่ว่ามาข้างต้น ในความชอบก็มีความไม่ชอบมากกว่า


          และความจำเป็น ความเหมาะสม ที่มากกว่าความชอบหรือไม่ชอบ
          ผมจึงเดินตรงไปที่กลุ่มเด็กสาวเหล่านั้น พวกเธอพอเห็นผมเดินเข้าไปหา ก็ดูตกใจกันมากจนลนลาน รีบเอ่ยอธิบาย


          "ขะ-ขอโทษค่ะ คือพวกเราเห็นว่าน่ารักดี ไม่ได้คิดจะรบกวนหรือเอารูปไปทำอะไรไม่ดีนะคะ มือมันไปเองโดยอัตโนมัติน่ะค่ะ"

          เหมือนพวกเธอรู้ว่าผมจะเข้ามาพูดอะไร จึงรีบออกตัวก่อน

          "มันไม่ดีนะครับ ที่จะถ่ายรูปคนอื่นก่อนโดยไม่ขออนุญาต ถ้ายังไง รบกวนช่วยลบรูปแล้วไม่เผยแพร่ต่อที่ไหนด้วยนะครับ"
         
           "ค่ะๆ ได้ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ"

          พวกเธอรีบหยิบโทรศัพท์มาลบรูป และวีดีโอออกต่อหน้าให้ผมดู อืม ถ่ายไว้ครบถ้วนดีจริงๆ รูปเทมหน้าแดงก็อยากได้อยู่หรอก แต่จะให้หลุดว่อนบนอินเตอร์เนท ผมก็หวงเหมือนกัน ทำใจลำบากจริงๆ

          "ขอบคุณมากครับ"

ผมพูดขอบคุณก่อนจะเดินหันหลังออกมาหาเทมที่ยืนรอผมกับน้ำอยู่ที่มุมบันได


          "โอ้ย! ดุมากกกก! ชอบ มาดราชินีมากกกกกกก เอ๊ะ หรือราชาวะ"

          "ฮือ เคะผมท้องสวยหยิ่งแสนมาดแมน กับเมะใสซื่อน่ารักนี่มันดีต่อใจ ช่วยด้วย ทำไมไม่อ่อนโยนต่อใจ"

          "บ้าเหรอแก ฮือ เทมเป็นเคะน่ารัก ส่วนหมูเป็นเมะผมทองแสนดุดันต่างหาก โอ้ยใจฉัน"

          "อะไรก็แล้วแต่"

          "เออ อะไรก็แล้วแต่"

          "อยากให้เขาได้กัน! / อยากให้เขาได้กัน!"

          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดด"


          ระหว่างที่ผมจับจูงเทมเดินลงบันได ก็ได้ยินเสียงกลุ่มเด็กสาวกรี๊ดไล่หลังตามมา หืม? ผมพูดดุไปงั้นเหรอ ทำไมถึงต้องกรี๊ดกันขนาดนั้นนะ?




          ไอ้เต้ที่อารมณ์ดีแทบจะหาพรมมาปูให้ผมเดิน ท่าทางที่โคตรประจบประแจง บอกตรงๆเลยครับ ว่าเป็นการกระทำที่น่าขนลุกสุดๆ ผมมองเหยียดร่างที่สูงกว่าตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เจ้าตัวก็ไม่ถือสา พลางบอกอย่างอารมณ์ดี

          "จะแดกไร มึงเลือกเลย เดี๋ยวทั้งเดือนนี้กูเลี้ยงข้าวพวกมึงเอง ไอ้น้ำด้วยข้อหาที่ตบซะลิ้นเกือบแยกแฉก เอ๊ะ หรือปกติลิ้นมึงก็แยกสองแฉกอยู่แล้ววะ ฮ่าๆๆๆ ทำไมวันนี้มันสดใสแบบนี้วะเนี่ย"


          ไอ้น้ำที่มองเหยียดใส่ไอ้เต้เหมือนกับผม เริ่มตีตัวออกห่างคนบ้า ที่ทำท่าเหมือนจะเต้นรำกลางโรงอาหาร


          "กูไม่ใช่เหี้ยนะสัตว์เต้ มึงใจเย็นๆได้ไหม กูรู้ว่ามึงดีใจ แต่เก็บอาการหน่อยโว้ยยย มึงทำคนเขากลัวกันหมดแล้ว"

          "มึงไม่เข้าใจอารมณ์พลุดพ้นหรอกโว้ยยยยยยย หูกูจะได้เป็นสุขเป็นสุขแล้ว อา ช่วงเวลาอันแสนสงบของกูกำลังจะกลับมา ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว!"

          "หลุดจากโค้ช ก็มีอาจารย์คนอื่นอยู่ดีหรือเปล่าวะ แล้วนี่มึงยังต้องอยู่กับโค้ชแกไปอีกเกือบยี่สิบวันนะ จะดีใจอะไรนักหนา"


          เหมือนคำพูดไอ้น้ำจะเป็นความจริงตีแสกหน้าไอ้เต้ที่กำลังฟ้อนรำด้วยความดีใจ จนมันหยุดชะงัก วิ่งเข้ามารัดคอไอ้คนตัวเล็กกว่า พลางหมุนกันไปรอบๆ จนมันล้มกองกันอยู่กับพื้น

          เป็นภาพที่อุบาทว์สายตาจริงๆครับ ผู้ชายสองคนนอนทับกันกลางโรงอาหารเนี่ย ผมล่ะอยากสั่งให้พวกมันไปคัดคำขอโทษสามร้อยหน้ากระดาษเอสี่ มาส่งให้ทุกคนที่กำลังนั่งทานข้าวกลางวันในโรงอาหารเป็นการขอโทษที่ต้องมาเจอภาพอุจาดตาในครั้งนี้จริงๆ

          "โว้ยยยย ปากมึงมาโดนแก้มกูด้วยไอ้เต้ ไอ้เวรเอ้ย อี๋ๆๆ"

          ไอ้น้ำรีบถีบไอ้เต้ออกจากตัวแล้วเอาเสื้อเช็ดหน้าตัวเองทันที ไอ้เต้ทำหน้าพะอืดพะอมจะอ้วก ก่อนทั้งสองคนจะมองหน้ากันแล้วหันไป


          "แหวะ / แหวะ"


          นั่นแหละครับ...
          ระหว่างที่พวกมันยังคงตบตีกัน ผมก็หันมาหาเทมที่ดูท่าทางลังเลกับมื้อเที่ยง ดูท่าเจ้าตัวจะเลือกไม่ถูกว่าจะทานอะไรดี

 

          โรงอาหารโรงเรียนผมใหญ่มาก และมีถึงสามโรงด้วยกันครับ อาหารก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะร้านอาหารญี่ปุ่น ที่มีทั้งราเม็ง ซูชิ ถึงจะอร่อยกว่าซูชิข้างทางคำละห้าบาทไม่มาก แต่ก็นับว่าอร่อยกว่าโขอยู่ มีร้านไก่ทอดที่สาขาแฟรนไชน์กระจายอยู่ทั่วประเทศอยู่หนึ่งร้าน ร้านอาหารสำหรับมังสวิรัติสำหรับคุณหนูที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ก็มี กระทั่งร้านหมูกระทะ ที่โรงอาหารผมก็มีนะครับ สั่งเป็นเซทแล้วพี่เขาจะเอาเตามาวางให้ที่โต๊ะ นั่งปิ้งย่างพลิกหมูกันได้ตามสบาย

          ส่วนอาหารประจำวันสำหรับคนสิ้นคิดก็มีให้ เป็นอาหารจากทางโรงเรียน ที่นอกจากสารอาหารที่ดีครบห้าหมู่ ก็ไม่มีอะไรเลยครับ ไม่มีจริงๆกระทั่งรสชาติ ไม่มีเลยสักนิด เป็นได้แค่ซากอาหารจืดๆ ที่มีไว้สำหรับคนรีบเร่งหรือลืมหยิบกระเป๋าเงินหรือบัตรประจำตัวนักเรียนมาเท่านั้นครับ เรียกง่ายๆก็อาหารคนจนตรอกไม่มีทางเลือกว่าจะทานอะไร


          "เทมอยากทานอะไรครับ? อุด้งไหม ที่เป็นเส้นใหญ่ๆน่ะครับ เมื่อวันก่อนบอกอยากทานไม่ใช่หรือ"

          "คุณแม่ คุณแม่เพิ่งทำให้เทมทานเมื่อเช้าครับ อยากทานหมูกระทะ ย่างบนหัวร้อนของหมูหย็อง"


          แล้วเจ้าตัวก็หัวเราะคิกคักอย่างพอใจ ดูท่าเพิ่งจะเข้าใจว่าที่เองพูดออกไปนั้นเป็นมุกแล้วล่ะครับ
จะเข้าใจช้ากว่าชาวบ้านเป็นประจำ เห็นท่าทางยิ้มอารมณ์ดีแล้วผมก็อยากแกล้ง เลยยื่นนิ้วไปจี๋เอวร่างสูง จนเจ้าตัวสะดุ้ง หัวเราะพลางหันตัวหลบหนีไปมาจนหน้าแดงก่ำ


          "ฮ่าๆๆๆๆ พ-พ-พ-พ-พอแล้ว พ-พอแล้วครับ เทมขอโทษครับ ก็มันตลกนี่น่า น้ำบอกว่าหัวหมูหย็องจะลุกฟู่ๆ เทมคิดว่าต้องเป็นพลุตู้มต้ามเลย"

          "มาล้อว่าหัวหมูร้อนเหรอครับเจ้าเด็กแสบ มาให้หมูจักจี้ซะดีๆนะครับ"


          ผมพยายามจักจี้เอวเจ้าตัว จนเจ้าเด็กโข่งวิ่งชลมุนไปพักใหญ่เลยครับ สุดท้ายก็เป็นผมที่ต้องยอมรามือเอง พอเอวไม่โดนก่อกวนจากนิ้วของผมก็หันไปคิดเรื่องอาหารต่อด้วยท่าทางสบายๆ เรื่องพละกำลังนี่อย่าไปดูถูกเด็กซนเขานะครับ ชอบนักล่ะ เล่นไปทั่วเนี่ย เห็นสูงๆแบบนั้น แต่ไม่ได้สูงแห้งแรงน้อย ตัวบางไร้กล้ามนะครับ สูงมากแรงเยอะต่างหาก ผมมีตารางออกกำลังกายสำหรับเด็กน้อยของผมด้วย

          ไอ้น้ำกับไอ้เต้ที่คงจะเพิ่งตีกันเสร็จเหมือนกัน ก็เดินกอดคออารมณ์ดีเข้ามา

          "อ้าว ยังไม่สั่งข้าวมาแดกกันอีกเหรอวะ ตกลงจะกินไรกันล่ะ"

          ผมหันไปสบตาเจ้าเด็กซน ที่ยิ้มซุกซนยิ่งกว่า เสียงทุ้มพูดบอกชัดเจน

          "หมูกระทะครับ เพราะหัวหมูหย็องร้อนมากๆๆๆๆเลย ฟู่ๆเลยครับ"

          "อุบ ฮ่าๆๆๆๆๆ มุกนี้ยังอยู่ว่ะมึง ก๊ากกก" ไอ้น้ำที่ดูพออกพอใจกับมุกนี้เหมือนกัน หัวเราะยกใหญ่
พลางเดินมาลากพวกผมไปที่ร้านหมูกระทะเพื่อเลือกเมนู


          "เอาผักมาอีกหน่อยครับ อย่าเอามาแต่เนื้อสิ ขอชุดผักรวมอีกสองชุดด้วยครับ"

          "เอากุ้งมาอีกๆๆ"

          "ไม่อยากทานคุณผักเขียวๆเลยครับ ขม ขม ขม ไม่อร่อยเลย"

          "ต้องทานนะครับเทม ผักมีประโยชน์ ไม่ทานไม่ได้นะครับ"

          "กูเอาข้าวผัดกระเทียมอีกสองถ้วย พวกมึงเอาป่ะ"

          "ผมกับเทมคนละสองด้วยครับ"

          "กูอยากกินกับขนมจีนว่ะ ส้มตำย่างด้วย"

          "มาอีกละ ไอ้น้ำแดกแปลก หมูกระทะกับขนมจีนส้มตำย่าง มึงคิดว่ามันจะไปตีกันในท้องมั้งไหม"

          "ก็กูจะแดก สั่งมาๆๆ"

          "เออ มีใครเอาไรอีกไหม"

          "พอแล้วๆ ส่งใบให้พี่เขาเลย"



          พอเลือกเมนูกันเสร็จ ก็จัดการส่งใบเมนูให้พี่ที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่ พอสักพักพี่ที่ร้านอาหารก็จัดชุดเตาไฟมาให้ ถ่านสีแดงพร้อมเตาร้อนและกลิ่นน้ำซุปกระจายออกมา เรียกให้ท้องที่ไม่มีอะไรตกถึงมาหลายชั่วโมง เริ่มประท้วงให้หาอาหารเติมลงไปทันที

          "มาแล้วคร้าบบบ หกร้อยแปดสิบสี่บาทครับผม"

          พี่ร้านอาหารเดินมาอีกครั้ง พร้อมด้วยสารพัดจานที่ประจุเนื้อหมูไก่ปลากุ้ง ที่พวกผมสั่งกันมาเยอะแยะ ไอ้เต้ควักบัตรยื่นให้พี่เขา บัตรประจำตัวนักเรียนของพวกผมเป็นบัตรเงินสดไปในตัวครับ สามารถรูดซื้ออะไรก็ได้ในโรงเรียนหรือกระทั่งนอกโรงเรียน เป็นอะไรที่สะดวกสบายมากๆ

          ไอ้น้ำผู้ชอบสวาปามไม่รอช้า จับก้อนไขมันชิ้นโต ถูไถรอบกระทะร้อนๆ จนเกิดเสียงซู่ซ่า แล้วเจ้าตัวก็เริ่มเอาบรรดาเนื้อไล่เรียงลงไป โดยเจ้าเบ่ค่อนชิ้นหนากินพื้นที่ไปเกินกว่าครึ่ง
          ไอ้น้ำนี่ลัทธิเบค่อนครับ กินเหมือนยัด ความฝันเพ้อๆ ของมันคืออยากนอนบนที่นอนที่ทำจากเบค่อน และอาบน้ำด้วยแผ่นเบค่อนครับ


         








หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 4 * 3/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 04-09-2018 21:24:09

          ตอนได้ฟังครั้งแรก ผมอยากจับมันไปอยู่กับน้องชายคนเล็กของตัวเองมากครับ จับพวกมันมัดแล้วไปอยู่ในโรงด้วงกับโรงเบค่อนน่าจะดี เหมาะสมกันเสียยิ่งกิ่งทองใบหยก อีกคนอยากโตเป็นด้วง อีกคนยามหลับยามตื่นก็อยากอยู่กับเบค่อน คงจะเข้ากันได้เป็นอย่างดี


          "โอ้โห เชี้ยน้ำ มึงสั่งเบค่อนมาแปดจานเลยเหรอวะ แดกคนเดียวไปเลยนะมึง กูกำลังลดหุ่นอยู่ จะเร่งรีดไขมันออกโชว์กล้ามก่อนไปแข่งโว้ย"

          "เรื่องของพุงมึงเลยจ้า แปดจานนี่ไม่คณาท้องกูหรอก บอกเลย"


          บางครั้งผมก็นึกอยากให้มันไปตรวจพวกคลอเรสเตอลอลบ้างนะครับ ผมว่าถ้าตรวจอาจจะมีพุ่งทะลุเกินสี่ร้อยก็เป็นไปได้


          "เอาผักลงหม้อด้วยครับ อย่าทานแต่เนื้อ"


ผมดุออกไป ไอ้พวกนี้มาทางสายเนื้อครับ ผักเผิกไม่แตะ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเทมปุระสักนิดเดียว


          "ครับคุณพ่อ ได้ครับคุณชาย กระผมจะใส่เดี๋ยวนี้แหละขอรับ"

 ไอ้น้ำเบ้ปากใส่ ก่อนจะยอมหยิบถาดผักที่ตั้งแต่เริ่มเปิดเตามาไม่มีใครแตะต้อง เทมปุระของผมที่ทำเนียนๆ นั่งทานเงียบๆ เห็นผักลงหม้อก็แอบมุ่ยหน้าจนแก้มตุ่ย

          ไม่ได้เลยครับ เรื่องทานผักนี่เทมดื้อมากจริงๆ ถ้าไม่เฝ้าจับตาตอนทานดีๆ มีแอบอมแล้วไปคายทิ้งในห้องน้ำประจำ ดีว่าเดี๋ยวนี้ยังแค่ดื้อเงียบ ยังพอทานบ้างไม่ทานบ้าง แต่ก่อนไม่ทานเลยสักนิดครับ และหนักข้อถึงขนาดลงไปงอแงดิ้นกับพื้นเพราะไม่อยากทานเลยด้วย


          "ทานผักด้วยนะครับเทม หมูไม่อยากบังคับนะครับรู้ไหม แต่มันดีต่อสุขภาพนะครับ"


          สายตาที่จ้องมือผมที่ตักผักใส่ถ้วยให้ นี่ยังกับสายตาที่มองผมลุกไปต่อยตุ๊กตาตัวโปรดเจ้าตัวเลยครับ ลำบากใจแต่ก็ต้องทำจริงๆ พอผักในจานเริ่มเยอะขึ้น เทมเริ่มทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ใส่ จนผมก็มือไม้อ่อนกระทันหัน ทำใจแข็งตักผักใส่ถ้วยเพิ่มขึ้นไม่ลง เฮ้อ วันนี้ทานแค่นี้ไปก่อนก็ได้


          "นี่ครับ ทานให้หมดนะ ไม่หมดหมูจะเสียใจมากๆ"


          เทมพยักหน้ารับอย่างจำยอม เจ้าตัวหันไปคีบหมูมาโปะผัก พลางเทน้ำจิ้มเสียเยอะ
คิดว่าคงจะเอามากลบรสชาติขมๆของผักครับ ในมือยังมีแก้วน้ำที่เตรียมเอาไว้เป็นตัวช่วยกลืนอีกอย่าง

          เฮ้อ เทมกับผักนี่ศัตรูคู่อาฆาตกันจริงๆเลย


          ถ้วยนั้นกว่าจะหมด ก็เล่นดื่มน้ำจนเกือบอิ่ม ผมจึงปลอบใจด้วยการย่างกุ้งแล้วแกะเปลือกให้เจ้าตัวทาน


          "นี่ครับ รางวัลคนเก่งนะ เทมเก่งมากเลยครับ ทานผักหมดด้วย"

          "หมูหย็องทานด้วยครับ ทานด้วยนะ เทมแกะให้เอง เทมแกะให้นะครับ"


          พอถูกชมว่าเก่ง ก็อารมณ์ดีผิดหูผิดตาเลยครับ แต่ผมที่เป็นคุณหนูของตะกูลที่มีคนดูแลล้อมรอบมาตลอดชีวิต ยังแกะกุ้งได้ดีกว่าเด็กชายเทมปุระเสียอีก เจ้าตัวแกะออกมาอีท่าไหนไม่รู้ เหลือแค่เศษเนื้อ ถ้าไม่บอกว่าเป็นกุ้ง ผมก็ไม่รู้นะครับนั่นน่ะ นึกว่าซากอะไรสักอย่าง ที่ไม่ใช่กุ้งแน่นอน แกะกุ้งยังไงให้ไม่เหลือสภาพเป็นกุ้งได้ เก่งจริงๆเลยเชียว...


           แต่ผมก็ไม่อยากขัดจังหวะความกระตือรื้อร้นและตั้งอกตั้งใจ เลยปล่อยให้เจ้าตัวแกะให้ เลยตามเลย อ้าปากรับคำเศษเนื้อกุ้ง แล้วผมก็นั่งป้อนเจ้ากุ้งตัวใหญ่ที่แกะเองให้เขาไปแทนครับ


          "นี่กูแดกหมูกระทะหรือบัวลอย ทำไมมันหว๊านหวานวะเพื่อนเต้"

          "กูยังงง นี่พี่เขาเอาน้ำตาลมาให้กูจิ้ม หรือซอสสุกี้วะ ตายห่าละ เลิกเรียนสงสัยกูต้องไปตรวจเบาหวานหน่อยแล้ว"

          "น่ากลัวจังเลยเคอะพี่เต้ หน่องน้ำขอไปด้วยนะเคอะ"

          "ได้เลยจ้ะน้องน้ำ ไปแล้วก็ตรวจคลอเรสเตอลอลไปด้วยเลยนะจ๊ะ นี่แดกหรือยัดห่าจ๊ะเนี้ย เบค่อนแปดจานพวกกูไม่ได้แดกกันสักคำ!"

          "อุ้ย นึกว่าพวกพี่ๆจะไม่รู้ตัวกันเสียอีก อุฮิ"

          "อุฮิเหี้ยไรของมึ้งงงงงงง เอาเบค่อนกูคืนมาาา"

          "ไหนมึงบอกจะไม่แดกไง สัสเต้ อย่า! อย่าเอาตะเกียบของมึงมาแตะ! นั่นมันเบค่อนของกูโว้ยยย อย่ามาแย่งเมียรักของกูนะไอ้สัสสสสสส เอ้า เอาผักบุ้งไปแดกซะ บำรุงงูบนหัวมึงไอ้เฒ่า"

          ไอ้เต้กับไอ้น้ำเริ่มสงครามปาผักใส่กัน ผมล่ะหน่ายพวกมันจริงๆเลยครับ

          "จบมอสามจะไปเที่ยวที่ไหนกันครับ"



          ผมพูดผ่าแทรกจังหวะขึ้นไป เพื่อตัดจบสงครามผัก
          ทุกปีหลังเลื่อนชั้น พวกผมสี่คนจะออกไปเที่ยวด้วยกันครับ จะเป็นที่ต่างจังหวัดต่างๆ รอบล่าสุดก็ไปเที่ยวบางปะกงกันห้าวันสี่คืน ปีนี้จบมอสามทั้งที ก็คิดว่าน่าจะถามตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะพวกนี้ชอบเล่นใหญ่ไปกันหลายวัน ประเดี๋ยวต้องไปเที่ยวกับที่บ้าน จะได้จัดเวลาให้พอดีกันได้



          "อืม มึงถามเร็วจังวะ ยังไม่ทันคิดเลย แต่อยากไปน้ำๆอีก ไม่ค่อยอินภูเขาว่ะ พวกมึงอยากไปไหนกัน"

          "ว่ายน้ำจ๋อมแจ๋มเทมก็ชอบครับ อยากไปอีกๆ กุ้งตัวโต๊โต นอนเปลก็สบาย ขนมเค้ก ขนมเค้กตรงที่พักรถก็อร่อย อร่อยมากๆเลย"

          "หืม เทมอยากไปเล่นน้ำอีกเหรอวะ โห สองเสียงละดิ จริงๆรอบนี้กูแอบอยากจัดหนักว่ะ จบมอสามทั้งที ถ้าเทียบกับแต่ก่อนคือนี่ถึงวัยทำบัตรประชาชนแล้วนะเว้ย สิบห้าอ่ะ แบบอีกขั้นของความใกล้เป็นผู้ใหญ่"

          "จัดใหญ่ขนาดไหนของมึงวะ ฟังดูน่ากลัวพิกล"

          "ลองเสนอความคิดมาสิครับ เผื่อน่าสนใจแล้วพอจะไปกันได้"

          "ก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่ะ แต่อยากจัดหนักๆ แต่ไม่รู้จะจัดไง มันตันๆ ติดตรงปลายสมอง"

          "มึงมีสมองด้วยเหรอเต้! เหี้ย ไม่เคยบอกกันวะ คบกันมาตั้งหลายปี กูเพิ่งรู้ว่ามึงมีกับเขาด้วย"

          "เดี๋ยวกูปั๊ดคว่ำหม้อใส่หน้าไอ้ห่านี่ มีใครอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษไหมวะ"

          "ที่ไหนก็ได้ครับที่มีขนมอร่อยๆ อยากทานขนมเยอะๆ"

          "ขนมเยอะๆเหรอวะ ไปเซเว่นไหมล่ะเทม แหม เดี๋ยวกูซื้อให้กินก็ได้ บอกอย่างอื่นด้วยดิ"

          "งั้นเหรอครับ... งั้น งั้น งั้นก็ที่หมูหย็องไปด้วย!"

          "โว้ยยย พูดอย่างกับถ้ามึงไปแล้วมันจะยอมปล่อยมึงไปคนเดียวงั้นแหละ สถานที่ดิสถานที่"

          "อ๋อๆๆๆ งั้นก็ๆ มีที่นี่ๆๆๆ เทมเห็นในโทรทัศน์ครับ เสาแดงๆ มีคุณกวางเยอะแยะเลย มีขนมก้อนกลมๆขาวๆ ดูยืดๆ น่าทานมั่กมากด้วยครับ"

          "ที่ไหนวะ เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารีป่ะ ก็เคยไปกันมาแล้วไงเทม"

          "ไม่ใช่ๆๆๆ ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ที่เชียงใหม่ครับ หมูหย็องครับหมูหย็อง ช่วยเทมค้นในโทรศัพท์หน่อยครับ ที่เราเคยดูกันในโทรทัศน์เมื่อเดือนก่อนไงครับ"



          อา เสาแดงๆ? กวางเยอะๆ? คุ้นๆนะครับ เหมือนตอนดูโทรทัศน์กับเจ้าตัว จะเห็นตื่นเต้นอยู่ แต่ตอนนั้นผมก็นั่งทำงานอยู่ด้วย เลยไม่ค่อยแน่ใจว่าจะใช่ที่ผมคิดหรือเปล่า


          "แอฟริกาเหรอวะ อันนั้นก็จัดหนักเกิ๊น ลำบากเกิ๊น หม่อมแม่กูคงไม่ให้ไป"

          "ไม่น่าจะใช่นะครับ ขอเวลานึกสักครู่"


          เสาแดงๆ กวางเยอะๆ คุ้นๆนะครับ เหมือนในทีวีเขาจะบอกชื่อเมืองอยู่ ผมก็มัวแต่ทำงานกับบันทึกรอยยิ้มเด็กน้อย เลยเก็บรายละเอียดในโทรทัศน์มาได้ไม่ครบเหมือนกัน จำได้แค่ว่าเป็นที่ญี่ปุ่น ยานาหรือเปล่านะ? รารา หืม ไม่ใช่แฮะ


          อ๋อ! นะระกับเกียวโตที่ประเทศญี่ปุ่น



          "ผมจำได้แล้วครับ ที่นะระ ที่เขาเชื่อว่ากวางเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัตว์ของเทพเจ้าเลยปล่อยกวางให้เดินทั่วเมืองเลยน่ะครับ ที่สวนกวางเห็นว่าสามารถป้อนขนมให้ทานได้ด้วย ส่วนเสาแดงๆนี่ที่เกียวโต  ศาลเจ้าเสาแดงหมื่นต้น คนนิยมไปกันมากเลยครับ"

          "เฮ้ยๆๆ อันนี้ดี ดีมากเจ้าเทม เอาไปห้าแต้มกริฟฟินดอร์ โซนนั้นกูยังไม่เคยไปเลย เคยไปแต่โตเกียวกับฮอกไกโด โกเบ โอเคไหมวะ ไปกันไหมมึงงงง ไปเถอะ น้ำอยากไป๊"

          "แฮะๆ ได้มาห้าแต้มแหนะ งั้นเทมแบ่งให้หย็องสี่แต้มนะครับ"

          "เก่งมากๆ กูว่าที่เทมเลือกมาก็ดีเลยนะ ไปต่างประเทศกัน เคยไปเที่ยวด้วยกันแต่ในประเทศ ลองไปกันเองดูก็ดีนะเว้ย ญี่ปุ่นความปลอดภัยสูงจะตายห่า อย่างมากก็หลงทางรถไฟกันนั้นแหละ"

          "ผมก็ไม่มีอะไรคัดค้านครับ พาเทมไปเที่ยวต่างประเทศดูก็ดีเหมือนกัน เทมยังไม่เคยออกนอกประเทศเลย"

          "เยส สรุปญี่ปุ่นนะเว้ย ไปกี่วันดีวะ โซนนั้นมันมีสวนสนุก universal ที่โอซะก้าด้วยนี่หว่า เหี้ย ตื่นเต้นขึ้นมาเลยอ่ะ"

          "ผมจำได้ว่าพาสปอร์ตไทยฟรีวีซ่าสิบห้าวันนะครับ งั้นก็ไปเจ็ดวันไหม?"

          "โหยย น้อยว่ะ ขออีกๆ กูอยากจัดหนักๆ!"

          "มึงจะย้ายไปถาวรเลยไหมล่ะไอ้เต้ งั้นจัดไปสิบสองวันสวยๆเลยคร้าบพี่น้องคร้าบบบ"

          "อืม ก็ได้นะครับ ยังไงก็ปิดเทอมใหญ่สองเดือนอยู่แล้ว"

          "ยี้ปุ่นเหรอ ยี้ปุ่นเหรอครับ ต่างประเทศเหรอ ไกลกว่าเชียงใหม่อีกเหรอครับ"

          "ญี่ปุ่นครับเทม"

          "ญี่ปุ่นๆๆๆๆ"

          "ใช่แล้วววว ไกลแบบนั่งเครื่องบินหกชั่วโมงอ่ะ ตอนไปเชียงใหม่นั่งเครื่องบินชั่วโมงเดียวใช่ไหมล่ะ"

          "โห โห นานกว่านั่งรถไฟไปลพบุรีอีก"

          "เออ นานกว่า ไกลกว่า แล้วก็สนุกกว่าด้วย มีสวนสนุกใหญ่มากกกก มีขนมของกินอร่อยๆเพียบ มึงต้องชอบแน่ๆอ่ะเทม เอาหัวไอ้น้ำเป็นประกัน"

          "อ้าว หัวกูไปเกี่ยวอะไร๊"

          "แต่ว่ามันฟังดูไกล ดูไกลๆ ต้องใช้เงินเยอะใช่ไหมครับ เทมกลัวคุณแม่ไม่มีเงินนะครับ ไปไกลด้วย กลัวคุณแม่เหงาๆๆๆ ไม่มีเทม อยู่คนเดียว"



          พวกผมชะงักกันไป เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าในกลุ่มสี่คน สามคนเรื่องฐานะการเงินสำหรับพวกผมไม่ใช่ปัญหา ต่อให้ไปเที่ยวยุโรปสักสามเดือนหรือสามปีก็ไม่ลำบากเรื่องค่าใช้จ่ายอะไร แต่สำหรับเทมปุระนั้นไม่ใช่
          เทมมีคุณแม่เพียงคนเดียว แถมยังทำงานที่ไม่ได้เงินเดือนเยอะแยะอะไรถ้าเทียบกับพวกผม เงินเดือนแสนกว่าๆของคุณแม่เทม เป็นได้แค่สองในห้าของเงินค่าขนมไอ้เต้ด้วยซ้ำครับ
          และเจ้าตัวเองก็รู้ ถึงจะดูเป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไร แต่กับความลำบากของแม่ที่กลับบ้านไปก็เห็นทุกวัน ก็รับรู้ได้ครับ


          เทมไม่ใช่เด็กฟุ่มเฟือย มีบ้างกับบางครั้งที่อดใจไม่ไหวกับขนมหรือไอศกรีม แต่เงินที่ได้มาโรงเรียนทุกวัน ผมรู้ครับว่าเจ้าตัวใช้ไม่เคยหมด แล้วเก็บไปยอดใส่กระปุกพี่ม่อนของเจ้าตัวตลอด พอถึงวันเกิดคุณแม่ ก็ยกพี่กระปุกไปให้เป็นประจำทุกปี บอกให้คุณแม่เอาไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆใส่


          จริงๆแล้วค่าเทอมที่นี่ก็แพงติดอันดับต้นๆของประเทศเหมือนกัน แต่ผมก็แอบใช้เส้นสาย ให้เทมได้ทุนบังหน้า แต่ในความจริงเป็นผมเอง ที่เป็นคนใช้เงินค่าขนมส่วนตัวมาจ่ายค่าเทอมให้เทม ค่าขนมค่าเสื้อผ้าเขาทุกอย่างผมก็ออกให้เองครับ แต่ก็มีบางครั้งที่เทมจะงอแงขอจ่ายเอง


          เรื่องนี้คุณป๊าคุณม้าผมก็รู้ครับ ไม่ว่าอะไร บอกเสียอีกว่าไม่ต้องใช้เงินค่าขนมส่วนตัว เดี๋ยวจะออกให้เอง เคยเข้าไปพูดจาทำนองขอช่วยเหลือค่าใช้จ่ายกับทางคุณแม่ของเทมแล้ว แต่คุณป้าเป็นคนที่ค่อนข้างเด็ดเดี่ยวมากครับ บอกว่าถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆจะไม่ขอรับความช่วยเหลือ


          จนวันหนึ่งที่ผมไปทำข้อตกลง ถึงได้มีส่วนร่วมช่วยออกได้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยจ่ายทั้งหมดครับ ท่านรับแค่ครึ่งเดียว


          ผมคิดว่าจริงๆท่านก็พอรู้ ว่าผมแอบจ่ายอะไรให้เทมบ้าง แต่ก็ทำหยวนๆไป เพราะเทมติดผมมาก ถ้าจับแยกกันก็ไม่ดีต่อตัวเทมเอง และจะห้ามผมไม่ให้ทำอะไรเพื่อเจ้าตัว ก็ยากเสียยิ่งกว่าอะไร เพราะผมทนเห็นคนที่รักลำบากไม่ได้ครับ และในสัญญาของผมกับคุณป้า เรื่องนี้ผมก็ขอช่วยรับผิดชอบเทมเองด้วย
          แต่ในส่วนเรื่องค่าเที่ยวเล่น คุณป้าขอเอาไว้ว่าจะออกให้เอง และในทุกวันเกิดของผม ผมมักจะได้ของขวัญที่มีมูลค่าสูงจากคุณป้าทุกที


          เป็นสิ่งเดียวที่ผมเสียใจ ที่ไทยไม่มีกฎหมายรองรับการสมรสกันของเพศเดียวกัน ไม่อย่างนั้นพออายุสิบเจ็ด ผมจะขอให้คุณป๊าคุณม้าไปแต่งเทมเข้าบ้าน พวกผมจะได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของเทมในฐานะคนของครอบครัวได้อย่างสบายใจกันเสีย ไม่ต้องทำแบบหลบๆซ่อนๆ


          ท่องเที่ยวแต่ละครั้ง นอกจากความเป็นห่วงในฐานะผู้ให้กำเนิด คุณป้าก็ไม่เคยห้ามไม่ให้ไปเลยครับ สนับสนุนตลอด เพราะอยากให้ลูกชายได้สนุกสมวัย ได้เจอโลกกว้างภายนอก ไปเที่ยวกับผม คุณป้าไม่เคยต้องกังวลเลย เพราะรู้ว่าผมจะดูแลเทมปุระอย่างดี แต่ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวแต่ละครั้ง พวกผมก็จะพยายามไม่เลือกที่เที่ยวที่ค่าใช้จ่ายเยอะ หรือกิจกรรมที่แพงมากนักครับ เพราะเกรงใจคุณแม่ของเทมกัน


          แต่คราวนี้จะไปญี่ปุ่น ค่าใช้จ่ายคงไม่จบแค่หลักพันหลักหมื่นเหมือนที่แล้วมา...


          พวกผมสามคนหันมามองหน้ากัน ไอ้เต้กระทุ้งแขนไอ้น้ำยิกๆ เหมือนเป็นการบอกว่าให้หาวิธีอะไรสักอย่างมาแก้ปัญหา ไอ้น้ำที่โดนโบ้ย ก็ถลึงตาใส่ พลางบุ้ยปากมาที่ผม อา...ออกค่าใช้จ่ายค่าเที่ยวให้เทมไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมหรอกครับ ลำพังแค่ค่าขนมของผมแค่เดือนเดียวก็พอเพียงจะพาไปสักสามร้อยเทมแล้ว ไม่นับงานพิเศษที่ผมรับจากคุณยายมาทำด้วยอีก ไม่มีปัญหาเลยครับสำหรับเรื่องเงิน


          ปัญหามันอยู่ที่คุณป้านี่ล่ะครับ ไอ้เต้ไอ้น้ำก็รู้ถึงความ อืม...ค่อนข้างดื้อรั้น ทิฐิของผู้ใหญ่น่ะครับ พวกท่านก็คงคิดว่าการรับความช่วยเหลือจากเด็กๆก็คงดูไม่ดีนัก อายุมากกว่าก็ควรเป็นฝ่ายดูแล เป็นฝ่ายให้มากกว่ารับ ค่าขนมค่าเที่ยว บางครั้งคุณป้าก็ให้มาเผื่อพวกผมเสมอเลยครับ ไม่มากมายอะไร แต่น้ำใจกับความสม่ำเสมอก็ทำให้พวกผมซึ้งใจตลอด


          ครั้งนี้ดูท่าคงต้องหาวิธีแล้วล่ะครับ ลองไอ้น้ำกับไอ้เต้ตัดสินใจจะไปแล้ว คงดื้อดึงกันถึงที่สุด ผมเองก็คงจะต้องขอดื้อด้วยในครั้งนี้ บรรยากาศดีๆที่ญี่ปุ่น...ผมก็อยากไปเที่ยวกับเทมเหมือนกัน



          "มึงๆ หรือบอกคุณป้าว่าไปต่างจังหวัด แต่ลักพาตัวไปยุ่นกันได้ไหมวะ ค่าใช้จ่ายเดี๋ยวพวกกูช่วยออกก็ได้อ่ะ ไม่ใช่ปัญหา แต่อย่าล่มทริปนะเว้ย เมื่อตะกี้กูวาดฝันไว้เต็มที่แล้ว จะพังภายในสองนาทีมาม่ายังไม่สุกไม่ได้!"


          ไอ้น้ำลุกอ้อมโต๊ะมากระซิบกระซาบกับผม เทมมองอย่างสงสัยว่าคุยอะไรกัน พอผมหันไปบอกว่าคุยเรื่องผักที่เหลือบนเตา เจ้าตัวก็รีบหันไปคุยเล่นกับเต้แทนทันที


          "ติดปัญหาที่ทำพาสปอร์ตนี่สิครับ พวกเรายังไม่บรรลุนิติภาวะ จะไปทำพาสปอร์ต ผู้ปกครองก็ต้องไปด้วย จะหาคนมาแกล้งทำก็ไม่ได้ ต้องตัวจริงเท่านั้น ค่าใช้จ่ายผมไม่เป็นห่วงหรอกครับ แค่ค่าเที่ยวของเทมน่ะเรื่องเล็กน้อย ให้เลี้ยงเจ้าตัวทั้งชีวิตยังได้ ติดแต่คุณป้านี่สิ..."

          "ยังไงดีวะ โอ้ย กูปวดหัว ทำไมคุณป้าไม่รับความช่วยเหลือง่ายๆวะ ฮือ ยุ่นปี่ญี่ปุ่นของกู๊"

          "หรืออาจจะต้องย้ายแผน ไปตอนอายุพอจะทำพาสปอร์ตเองได้..."

          "ไม่เอาาา ไปตอนโตกับตอนนี้มันต่างกันนะเว้ย แถมมาพูดให้อยากแล้วจากไปก็ไม่ได้ไหมวะ"

          "งั้นก็คิดวิธีมาสิครับ"



          พวกผมมองตากันแล้วเห็นแต่แววตาหนักใจและจนมุม ไม่รู้จะหาวิธีอะไรมาตะล่อมคุณป้าดี ค่าใช้จ่ายน่าจะเยอะมาก ถึงจะไม่ต้องเสียค่าเครื่องบินเพราะนั่งเครื่องบินส่วนตัวผมไปก็ได้ก็ตามที ยิ่งพวกผมเป็นพวกใช้เงินกันค่อนข้างบ้าระห่ำแล้วด้วย ลำบากคุณป้าเกินไปแน่นอน แต่จะไม่ให้ไป ความอยากก็ถูกจุดขึ้นมาแล้ว ก็เหมือนระเบิดเวลาที่ถูกกดปุ่มไปเรียบร้อย มีแต่ต้องระเบิดเท่านั้นครับ


          มีแต่ต้องไปเท่านั้นจึงจะดับความอยากนี้ได้



          "ใช่ๆ ใช่ครับ แล้วก็นะ แล้วก็ แล้วร้านนั้นก็มีจับฉลากด้วย อาแปะบอกว่ารางวัลใหญ่ได้เงินสองร้อยเลยนะครับ แต่ว่าเทมจับได้แต่ลูกอม แต่ที่จริงเทมก็อยากได้ลูกอมนั่นแหละ เลยไปจับ"

          "เอ้า งี้ซื้อเอาก็ได้ไหมวะลูกอมน่ะ ใครจับฉลากก็ต้องหวังรางวัลที่หนึ่งทั้งนั้นนั่นแหละ ไอ้นี่นิ รอบหน้าไปกับกูเลย เดี๋ยวจะสอยรางวัลที่หนึ่งในครั้งเดียวให้ดู!"

          "โห โห โห เต้เท่สุดๆไปเลยครับ จับครั้งเดียวได้เลยเหรอ สุดยอดๆๆ ฉลากเยอะมากๆเลยนะครับ เด็กๆไปจับ แป่วตั้งหลายคน"

          "เออ หน้าโรงเรียนใช่มะ-"

          "ใช่!!! นั่นแหละ! / ใช่!!! นั่นแหละ!"


          เต้สะดุ้งที่ผมกับน้ำชี้นิ้วแล้วตะโกนใส่พร้อมๆกัน คงไม่นึกว่าพวกผมจะพร้อมใจกันตอบขนาดนี้
พวกผมที่จนปัญญาหาทางออก จึงหันไปนั่งแอบฟังเพื่อนทั้งสองคนคุยกันอย่างสนุกสนานแทน ก็บังเกิดไอเดียจากการแอบฟัง นี่ไงครับ คำตอบ!


          อา ทำไมผมถึงคิดไม่ถึงกันนะ


          "พวกมึงก็รู้จักอาแปะแกเหรอวะ ไหงกูไม่รู้จักอยู่คนเดียว"

          "มึงนี่ไม่รู้เรื่องจริงๆเลยไอ้เต้ ไป เอาหัวมึงมุดหม้อไปซะ"

          "อะไรว้า บอกกูด้วยดิ"



          ไอ้น้ำกลอกตาครบทิศ เล่นตัวอีกนิดหน่อย ก็ไปกระซิบบอกแฝดคนละฝาของตัวเอง


          "น้ำกับหมูหย็องก็จะไปจับฉลากด้วยเหรอครับ แต่ว่า แต่บางวันลุงเขาก็ไม่ขี่จักรยานมานะ"


          อาแปะที่เทมพูดถึงคือคุณลุงคนหนึ่งที่อายุค่อนข้างเยอะมากแล้วครับ ถีบจักรยานมาขายไอศกรีมที่หน้าโรงเรียนประจำ นอกจากไอศกรีม ก็มีอย่างอื่นขายด้วย เรียกว่าร้านโชว์ห่วยเคลื่อนที่ยังได้เลยครับ ของเล่น ขนมเก่าแก่ที่เคยเห็นแต่ในอินเตอร์เนท แกก็ขนมาขาย ทีเด็ดคือฉลากสองบาทของแก ที่เด็กๆชอบไปจับกัน เห็นว่าตื่นเต้นดี เป็นฉลากที่เอามาขูดๆ รางวัลที่หนึ่งก็ได้เงิน ที่สองก็ได้ไอศกรีม ที่สามก็ได้ขนมอื่นๆ ที่เหลือก็ลูกอมที่เทมชอบนั่นแหละครับ


          ส่วนนี่เป็นทางออกของแผนการท่องเที่ยวของผมยังไงน่ะเหรอ?
          หึหึหึ



          "เฮ้ย ฉลาดว่ะ พวกมึงคิดได้ไงวะ สมแล้วที่เป็นลูกพ่อ"

          ไอ้เต้เอื้อมมือไปลูบหัวคนตัวเล็กของกลุ่มไปมา พลางทำหน้าตาซาบซึ้งปนปลื้มปิติ ประหนึ่งลูกได้รับปริญญาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งใส่ชุดครุยมาอยู่ตรงหน้า ไอ้น้ำก็ดิ้นขลุกขลักหลบลี้หนีมือใหญ่เป็นพัลวัน


          "ใครลูกมึงงงง มีมึงเป็นพ่อ กูเกิดจากกระบอกไม้ไผ่ดีกว่าอี้กกก ก็เมื่อกี้ได้ยินมึงคุยกับเทมไง"

          "โห ไอ้เทมนี่ก็เจ๋งนะเนี่ย สร้างปัญหา แก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองจบ เสร็จในคนเดียว"

          "อย่าปากหมาว่าเทมสร้างปัญหานะครับคุณฐานทัพ ถ้ายังอยากห่างไกลกับโค้ชบำรุง"

          "กระผม นายฐานทัพ ต้องกราบขออภัยมิสเตอร์ดิมิทรีด้วยขอรับกระผ๋ม"

          "งี้ก็ได้ไปแล้วแน่นอนสิวะ"

          "เออ / ครับ"

          "เยสสสสสสสสสสสสสสส!!!"



          เทมที่ยังงงๆก็หันมาเอียงคอสงสัยถามผม


          "ไปไหนกันเหรอครับ หมูหย็องจะไปไหนเหรอครับ เทมไปด้วยคนๆๆ"

          "เทมต้องไปกับหมูด้วยแน่นอนอยู่แล้วสิครับ หึหึหึ ไปเที่ยวด้วยกันตอนปิดเทอมไงครับ"

          เจ้าเด็กแสนขี้กังวลข้างตัวผมก็ทำหน้ากังวล สมที่ผมเรียกเจ้าตัว ผมเลยต้องยื่นมือไปลูบผมนิ่มเบาๆ

          "ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เชื่อหมูนะ ไม่มีปัญหาแน่ๆครับ มีอะไรที่หมูทำไม่ได้บ้าง"


          ใบหน้าที่กำลังวิตก พอหันมาสบตาอันแสนมั่นใจของผม ก็เหมือนกับก้อนเมฆฟ้าคะนองที่ถูกสายลมพัดให้กระจายออกไป เจ้าตัวยิ้มแฉ่งออกมา พลางทำท่ายืดอกภูมิอกภูมิใจในตัวผม


          "ไม่มีครับ! ซูเปอร์หมูหย็องของเทมเก่งที่สุด เก่งที่หนึ่งในโลกเลย!"


          ผมขยี้ผมเจ้าเด็กปากหวาน จนเจ้าตัวหัวเราะร่วนออกมา ผมเหม่อมองรอยยิ้มของเขา หลุดเข้าไปในภวังค์แสนสุข ยินดีที่ทำให้เขายิ้มได้
          แค่รอยยิ้มนี้ ขอแค่ได้มองรอยยิ้มที่มีความสุขนี้เท่านั้น  ไม่มีอะไรที่ผมทำไม่ได้เพื่อรอยยิ้มนี้หรอกครับ


          จะยากกว่านี้ก็จะทำ

          จะลำบากกว่านี้ก็จะหามาให้

          เพื่อรอยยิ้มของเด็กน้อยเพียงคนเดียวของผม จะได้ยิ้มให้ผมแบบนี้ตลอดไป




          "ซูเปอร์หมูนี่คือหมูที่อ้วนเป็นพิเศษหรือเปล่าวะ"

          "โง่จริงสัสเต้ ซูเปอร์หมู คือหมูพิเศษ ที่มีขาที่ห้างอกออกมาบนหัวต่างหาก!"



          อา


          ถ้าทำเพื่อให้ไอ้สองคนนี้หายไป ผมคิดว่าผมก็ทำได้ทุกอย่างเหมือนกันนะครับ....


          ขัดจังหวะจริงๆ


 








(https://i.imgur.com/1b5jyAM.png) end 4 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง





หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 5 * 4/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 04-09-2018 21:57:06
 :hao7: น้องเทมน่ารักกกกกกน่าฟัดมากกกกกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 5 * 4/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 07-09-2018 19:04:16






▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    5   ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇





          เขาว่ากันว่า วันแรกมักจะเป็นวันที่เรารู้สึกว่ายาวนานเป็นพิเศษ ผมค่อนข้างเห็นด้วยนะครับ แค่เปิดเทอมวันแรก ผมก็รู้สึกว่าหลอดเลือดพลังชีวิตที่เก็บสะสมมาตลอดช่วงปิดเทอม ถูกดูดออกไปจนหร่อยหลอลงแล้ว
          หรืออาจจะเป็นเพราะอยู่แบบเอื่อยเฉื่อยมานาน พอต้องปรับตัวมาเป็นนักเรียนผู้ขยันขันแข็ง ร่างกายยังปรับสภาพไม่ทัน ผมก็ไม่ใคร่แน่ใจนัก

          "กว่าจะเลิกเรียน กูนี่แทบจะท่องตามโค้ชพูดได้ ถ้วยรางวัลนั่นน่ะ โค้ชต้องตั้งโชว์ไว้แบบแอบๆ กลัวคนรู้แล้วจะเกร็งที่ต้องคุยกับนักกีฬาทีมชาติที่เก่งขนาดนี้ โอ้โห เพื่อนกูกวาดมาเป็นสิบยี่สิบถ้วย เพื่อนกูยังไม่พรู่ดดด"

          ไอ้น้ำที่สะพายกระเป๋าเป้เรียบร้อย เดินมารอพวกผมที่กำลังเก็บหนังสือลงกระเป๋านักเรียน พูดนินทาครูประจำชั้นจำเป็นอย่างออกรส

          ไอ้เต้ลากแฝดไปลงนรกสิบนาทีด้วยกันมาครับ เรียกได้ว่า พอถึงช่วงพัก ไอ้เต้ก็รีบวิ่งพรวดไปลากคอไอ้น้ำมานั่งแหมะกับตัวเองทันที ถือคติถ้ายังไงก็ต้องโดน ขอลากคนอื่นไปทนทุกข์ด้วยนั่นเอง

          จากที่มีแค่ไอ้เต้หน้าเปื่อย ไอ้น้ำที่ถูกเกือบสาปเป็นกบแห้งจากเจ้ระเบียบประจำโรงเรียน และหมูหย็องหัวร้อน ตอนนี้ก็กลายเป็นไอ้เต้หน้าเปื่อย กับไอ้น้ำที่หัวร้อนบ่นไม่หยุดแทนครับ

          วันๆหนึ่ง คนเราสามารถพูดได้มากขนาดไหนกันแน่ อย่างไอ้น้ำนี่เอามันไปบันทึกสถิติโลกได้หรือเปล่า พูดเก่ง บ่นเก่งเหลือเชื่อเลยจริงๆ


          "เข้าใจความรู้สึกกูหรือยังล่ะ ครั้งหนึ่งกูเคยแซะกลับไปว่า อ๋อ ถ้าถ้วยรางวัลชนะทีมชาติ ของผมก็มีชนะเลิศจูเนียร์รุ่นเยาว์ที่เคยไปแข่งที่ฝรั่งเศษอยู่นะครับ แล้วมึงรู้ไหมโค้ชแม่งว่าไง มันบอกก็แค่รุ่นเยาว์จะเทียบอะไรกับรุ่นผู้ใหญ่ กระจอกๆ โอ้โห กูนี่อยากจะแหมไปให้ถึงดวงอาทิตย์ โคตรหัวร้อนแบบมึงเลยวันนั้น"


          ไอ้เต้ยิ่งฟังไอ้น้ำผู้ร่วมชะตากรรมมาด้วยกันพูด เหมือนโยนฟืนลงกองเพลิง มันนึกย้อนไปถึงอดีต ขุดทุกเรื่องราวที่คับอกคับใจมาเล่าแบบน้ำไหลไฟดับ จากที่ทำหน้าเปื่อย ตอนนี้สองเพื่อนเกลอแข่งกันบ่นไม่หยุดเลยครับ มากกว่าหัวร้อน ก็หัวลาวาไอ้พวกนี้นี่ล่ะ...


          "หมูหย็องครับ หมูหย็อง เราต้องไปนั่งฟังโค้ชช่วยเต้กันด้วยไหมครับ"


เทมยกมือป้องปากแล้วเอนตัวมากระซิบกับผมเบาๆ คงเห็นว่าเพื่อนลำบากก็น่าจะไปช่วยเพื่อนแบ่งเบา


          "บางครั้ง วิธีการช่วยที่ดีที่สุดคือการไม่ทำอะไรนะครับเทม ให้เพื่อนได้เติบโตด้วยตัวเองเถอะนะครับ..."


พอผมพูดจบ เพื่อนที่ผมอุตสาห์หวังดีให้ได้เติบโตด้วยลำแข้ง ก็หันมาถลึงตาใส่ทันที


          "มีแต่หูกูสิที่โต อย่าอื่นนี่ฟีบไปหมดแล้ว ด้วยเฉพาะสมองกูเนี่ย ฟังจนหลอน ถ้าคืนนี้กูเก็บไปฝันนะ กูจะแอบเอาหมามุ่ยไปโปรยใส่เก้าอี้แก เอาให้คันจนโม้ไม่ออกเลย"


          ตัวตนของผมในฐานะเพื่อนและประธานนักเรียนกำลังตีกันอยู่ครับ ระหว่างช่วยเพื่อนไปเดินเก็บหมามุ่ยกับหยิบโทรศัพท์มาอัดเสียงเก็บหลักฐาน ไม่รู้ควรจะเลือกทำอย่างไรดีเลยจริงๆ ไอ้เต้พยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย นี่ผมควรจดรายชื่อลงบัญชีหนังหมาเลยดีไหมครับ คิดว่าเหรียญตรานักเรียนดีเด่นปีนี้ ผมน่าจะได้สามปีซ้อนเลยทีเดียว




          "หมู เราขอเวลาสักแป๊บได้ไหม ขอคุยเรื่องตารางงานหน่อย"

          เปีย สาวน้อยที่มีเอกลักษณ์คือผมเปียสมชื่อ ตะโกนเรียกผมจากนอกห้อง ด้านหลังเปียมีคนในทีมคณะกรรมการที่คุ้นหน้าคุ้นตา ถือแฟ้มตามหลังอยู่อีกสองสามคน


          อา...
          คำว่าแป๊บเดียวของเปียนี่เชื่อถือไม่ได้พอๆกับเวลาที่ผู้ชายถูกถามว่าเคยดูหนังโป๊ไหม แล้วตอบว่าไม่เลยครับ


          "เต้กับน้ำกลับกันไปก่อนเลยแล้วกัน เทมจะลงไปเล่นข้างล่างรอหมู หรือจะไปห้องกรรมการนักเรียนกับหมูด้วยกันดีครับ?"

          เต้กับน้ำพยักหน้าเข้าใจ ว่าเย็นนี้สำหรับผมคงอีกยาวนานกว่าจะได้กลับบ้าน จึงหันไปกอดคอ เดินไป นินทาโค้ชจากไป พวกนี้มันรู้ตัวไหมครับ ว่ายังอยู่ในโรงเรียน เกิดแกเดินผ่าน แล้วได้ยินขึ้นมานี่ผมไม่ช่วยแน่ๆล่ะครับ


          เทมลังเล ท่าทางไม่อยากห่างจากผม แต่พอหันไปมองเหล่ากรรมการนักเรียนที่ส่งยิ้มมาให้ก็สองจิตสองใจ


          เทมที่ตัวติดหนึบกับผมตลอดเวลา แต่ถ้าต้องเข้าไปในห้องกรรมการนักเรียน เจ้าตัวยังยอมแพ้เลยครับ นอกจากมีคนที่ไม่รู้จักเยอะเดินเข้าออกเยอะ เพราะต้องมาดำเนินเรื่องต่างๆ ยังคุยกันแต่เรื่องที่ฟังดูน่าปวดหัว แถมมีแรงกดดันมากมายลอยละล่องเต็มห้องอีก ถึงเด็กน้อยของผมพอได้นั่งลงทำอะไรแล้วจะไม่สนใจโลกภายนอก แต่ก็ยกเว้นเสียงของผมเอาไว้ครับ ถ้าได้ยินเสียงผมอารมณ์ไม่ดี เจ้าตัวจะรีบวิ่งมาหาเลยทันที


          ไม่นับเวลาน้ำเสียงจิกกัด ยามคำโต้ตอบเฉือดเฉือนเวลาที่ข้อมติไม่ตรงกันของทีม เรียกได้ว่าถ้าไปนั่งฟังเฉยๆ ก็เหมือนพาตัวเองเข้าไปในดงสงครามย่อยๆนั่นแหละครับ กับเทมที่ยังเด็กอยู่ ก็คงคล้ายๆภาพพ่อแม่ตีกัน พวกผมเคยทะเลาะกันเพราะหาข้อตกลงร่วมกันไม่ได้ จนเทมร้องไห้จ้ากลางห้องเลยเชียวครับ ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่หนีบเจ้าตัวไปอีก เลือกถามความสมัครใจแทนดีกว่า


          แต่ข้อที่ยื่นให้เลือก ก็อยู่ในขอบเขตเซฟโซน เป็นเขตปลอดภัยที่อยู่ในสายตาผมนะครับ


          "อ้าว ให้เล่นข้างล่างทำไมล่ะ ไปห้องกรรมการด้วยกันสิ นี่หญิงเขาได้สมุดระบายสีโดเรม่อนแบบใหม่มาด้วยนะ ได้มาจากญี่ปุ่นเลย เห็นว่าเป็นแบบลิมิเต็ด จำนวนจำกัดเชียวนะเทม ไปด้วยกันสิ"


          เสียงของเปียฟังดูล่อหลอกเด็กน้อยไร้เดียงสาข้างตัวผมเป็นอย่างมาก
          เปิดเทอมใหม่มานี้ เตรียมตัวมาดีถึงขนาดร่วมมือกับหญิงให้หาเครื่องมาล่อเชียวหรือ
          ยัยตัวแสบ...


          เปียรู้ครับ ว่าถ้าเทมไปด้วย ผมจะไม่สามรถกลายร่างเป็นท่านประธานผู้เด็ดขาด หรือท่านประธานปีศาจอย่างที่พวกเธอชอบเรียกกันได้ แน่นอนล่ะว่าผมไม่ชอบเกรี้ยวกราดให้เทมเห็น ผมไม่อยากให้ภาพลักษณ์น่ากลัวๆติดตาคนที่ผมแอบรักไปหรอกนะครับ

          ใครๆก็อยากดูดีในสายตาคนที่ตัวเองชอบกันทั้งนั้นแหละ

          ผมหันไปสบตาเลขาของตัวเองเล็กน้อย รอยยิ้มเรียบร้อยบนใบหน้าน่ารักนั่น เหมือนกับกำลังท้าทายผมไปในตัว ผมคิ้วกระตุก ตั้งใจจะปฏิเสธ


          "โดราเอ่ม่อน! พี่ม่อนเหรอครับ จริงเหรอ จริงเหรอ งั้นเทมขอไปด้วยนะครับ!"


          อา ไม่ทันเสียแล้ว นางฟ้ากระโดดตะครุบเหยื่อซะแล้วล่ะ ผมถอนหายใจเล็กน้อย ถือว่าครั้งนี้ให้เธอชนะไปก่อนก็แล้วกัน เปียหันไปตีมือกับหญิงที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะเดินยิ้มหวานไปรอที่ห้องกรรมการนักเรียน


          ผมหันมามองเด็กตัวโย่งที่ยิ้มหวาน ฮัมเพลง อัง อัง อัง เพลงเปิดเรื่องของเจ้าหุ่นยนต์แมวแห่งโลกอนาคตอย่างอารมณ์ดี เห็นแก่ที่เทมอารมณ์ดี ผมจะไม่เก็บหนี้แค้นครั้งนี้ไว้แล้วกันนะครับเปีย


     "เทมครับ วันนี้ประชุมวันแรก มันจะหนักหน่อยนะรู้ไหม ถ้าไม่ไหวก็บอกหมูนะครับ เดี๋ยวหมูจะพาเดินไปส่งที่สนามเด็กเล่น"

          "ได้ๆๆๆ ได้ครับ ถ้าเทมหนักเดี๋ยวจะวางนะ"

          ไม่ได้หมายถึงกระเป๋าที่เอาของผมไปสะพายนะครับเทม เฮ้อ เจ้าเด็กน้อยแสนซื่อ




          พอเปิดประตูเข้ามาให้ที่คุ้นเคย สายตาเห็นแฟ้มที่ตั้งเรียงกันสูง พร้อมสมาชิกทีมสภาที่ตั้งหน้าตั้งตาเตรียมงานมาให้ผมตัดสินใจ ผมต้องรีบยกมือห้าม

          "ผมมีเวลาไม่มากนะครับ ได้ถึงแค่หกโมงเย็นเท่านั้น พอดีมีนัดทานข้าวกับคุณพ่อ"

          "หกโมงเองเหรอ... ได้ๆ ขอเวลาไปเลือกหัวข้อแป๊บนะท่านประธาน"

          ผมรีบเอ่ยบอกเวลาเส้นตาย ขีดเส้นเวลาไว้ก่อนเป็นดีครับ เรื่องที่ยังหามติไม่ได้ตั้งแต่เทอมก่อน ยังยาวเป็นหางว่าว กลัวคึกกันตั้งแต่วันแรกจนไม่ปล่อยให้ผมกลับบ้านก่อนตะวันตกดิน อันที่จริงเราประชุมกันทุกวันอังคารกับพฤหัส
          แต่มาเรียกผมตั้งแต่วันจันทร์ วันแรกที่เปิดเทอม...น่าจะคึกคักกันได้ที่เลยล่ะครับ


          "เทมจ๋าาา นี่ไง หญิงเห็นแล้วคิดถึงเทมเลย เห็นไหมว่ามีเพื่อนของโดเรม่อนตัวอื่นด้วยนะ"


          หญิงหยิบสมุดภาพเล่มใหญ่ออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้เทมที่นั่งเรียบร้อยรอ ต่อให้เป็นเพื่อนกัน แต่เทมก็ยังยกมือไหว้ขอบคุณเวลาได้รับของจากคนอื่นอยู่ดีครับ หญิงรีบโบกไม้โบกมือเป็นพัลวันว่าไม่เป็นไร


          "ขอบคุณครับ หญิงใจดีจัง แต่ถ้าเทมระบายหมดเดี๋ยวหญิงไม่มีเล่นไหมครับ เทมขอระบายแค่หน้าเดียวก็ได้นะ แต่ที่เหลือขออนุญาตยืมโทรศัพท์หมูหย็องมาถ่ายรูปไว้ดูก่อนนะ ได้ไหมครับ"

          "ไม่ต้องๆ หญิงให้เทมทั้งเล่มเลย หญิงซื้อมาตั้งหลายเล่มเลยนะ อันนี้ตั้งใจซื้อมาฝากโดยเฉพาะเลย"

          "จริงเหรอ จริงเหรอครับ ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวระบายเสร็จจะให้หญิงดูเป็นคนแรกเลยนะครับ อะ แต่ต้องให้หมูหย็องดูก่อน งั้นหญิงที่สองเลย! รอบก่อนหญิงบอกเทมระบายสีม่วงสวยใช่ไหม งั้นจะระบายสีม่วงเยอะๆเลยนะ"


          เทมยิ้มหวาน เหมือนเด็กชายตัวน้อยที่ประจบผู้ใหญ่ที่ให้ขนมตัวเอง พอเจอรอยยิ้มน่ารักประจบ หญิงทำท่าจะเป็นลม สงสัยจะโดนแอ็ทแท็คหัวใจไปน่ะครับ...ผมเข้าใจ ผมเข้าใจ


          หญิงมีน้องชายที่อายุห่างจากตัวเองมากสองคน แต่ซนยังกับลิง พอมาเจอเทมที่ดูนิสัยน่ารักหัวอ่อน ก็เลยอดจะโอ๋ไม่ได้ เห็นว่าเลือดพี่สาวมันร่ำร้อง เอาของเล่นของฝากน้องชายตัวเองมาแบ่งปันให้เทมเสมอๆ


          ทีแรกทุกคนก็รู้สึกแปลกๆนะครับ ที่เพื่อนวัยเดียวกัน จะมานั่งระบายสีเทียนหรือเล่นตุ๊กตาหุ่น แล้วก็แสดงออกเหมือนเด็กทั้งๆ ที่ตัวโตกว่าตัวเองไม่รู้ตั้งเท่าไหร่  แถมช่วงแรกที่ผมรับตำแหน่ง เทมยังไม่รู้จักใคร อาการเด็กพิเศษของเจ้าตัว ที่ไม่ยอมสบตา ไม่พูดกับคนแปลกหน้านั้นยังรุนแรงอยู่ แต่พอคุ้นชิน ทุกคนก็เข้ากันได้ดี


          ออกจะดีเกินไปด้วยซ้ำ เมื่อขนาดไม้ เหรัญญิกผู้แสนเงียบขรึม ยังเดินไปหยิบน้ำส้มจากตู้เย็นมาวางไว้ให้บนโต๊ะตรงหน้าเทม


          เทมนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำที่ของผมตรงท้ายห้องครับ กลางห้องจะเป็นโต๊ะยาวกับเก้าอี้อีกสิบตัว  ในห้องเต็มไปด้วยเอกสารต่างๆ มีตู้เย็นที่เอาไว้ใส่น้ำ ใส่ขนมเอาไว้ เพราะว่าบางทีก็อยู่ดึกลากยาวกันไปถึงค่ำมืด และวุ่นวายเกินกว่าจะเดินลงไปที่โรงอาหารยามหิว แล้วหน้าห้องก็จะเป็นไวท์บอร์ดขนาดใหญ่ ไว้ขีดเขียน อภิปรายเรื่องที่พูดคุยกัน


          อย่างที่บอกว่าโรงเรียนของผมเน้นกิจกรรมนักเรียนมาก และการปกครองกันด้วยตัวเด็กนักเรียนเอง ก็ดูจะเป็นการเด็กเข้าใจเด็กมากกว่า และเป็นการเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์และเข้าสังคมของนักเรียนด้วย เลยเป็นอะไรที่จริงจังขนาดมีห้องแยกให้นี่แหละครับ

          ไม่ใช่แค่เฉพราะห้องสภาของประธานนักเรียน แต่ชมรมของที่นี่ก็มีห้องประจำให้หมดเลยครับ นักเรียนทุกคนต้องมีชมรมอยู่อย่างน้อยสองชมรม เรียกว่าให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่นักเรียนสนใจกันสุดๆ จนถึงขั้นยัดเยียดเลยล่ะครับ ไม่ทำก็ไม่ได้ เป็นคะแนนช่วยได้ดีเวลาคะแนนสอบไม่สวยเสียด้วย


          "มีน้ำแอปเปิลด้วยนะ นายจะกินไหม"


          ไม้เอ่ยถามเสียงเรียบ ท่าทางดูดุ ขัดกับนิสัยใจดี เทมส่ายหัว ก่อนยกมือไหว้ขอบคุณไม้ด้วยความเคยชิน ไม้ตบหัวเทมปุๆ ก่อนจะเดินออกมานั่งประจำที่ พอเด็กน้อยของผมเริ่มหยิบสีเทียน ก้มหน้าก้มตาระบายสีอย่างตั้งอกตั้งใจ จนผมแน่ใจว่าสมาธิของเจ้าตัวมุ่งตรงไปแค่ที่สมุดระบายสีตรงหน้าแล้ว ผมก็เดินไปที่หน้ากระดาน


          "เริ่มที่งานจบของรุ่นพี่มอหกเป็นไง"

          เลขาคนเก่งของผมหยิบหัวข้อได้น่าปวดหัวมากครับ ข้อแรกก็เหนื่อยแล้ว เสียงโอดครวญของหลายคนในห้องดังขึ้นมาอย่างพร้อมเพียง


     เลี้ยงส่งพี่มอหก ยังตัดสินใจกันไม่ได้ครับว่าจะทำยังไง คอนเสิร์ต แน่นอนว่ามีทุกปี แต่แขกรับเชิญพิเศษที่จะเชิญมา จะจองตัวไว้นานๆก็ไม่ได้ เพราะก็ต้องดูกระแสความนิยมด้วย ถ้าถึงช่วงเดือนที่จัดงาน เกิดไม่เป็นที่นิยมแล้ว งานก็คงจะกร่อยน่าดู เลยต้องจับกระแสลมความดังของแขกรับเชิญ ที่สุดแสนจะแปรปรวนและไม่แน่นอนให้ถูกจังหวะ ยากนะครับ เพราะความนิยมชมชอบของเหล่าเด็กวัยรุ่น เปลี่ยนแปลงแทบจะรายวันจนเหมือนเล่นหุ้นก็ไม่ปาน


          เรื่องเซอร์ไพรส์ก็เป็นอีกเรื่องที่เราจะทำส่งท้ายให้รุ่นพี่ที่จบ เรียกได้ว่าน่าปวดหัวกันมากครับ คิดกันหัวแทบแตกตั้งแต่ต้นปีก่อน จนตอนนี้ก็ยังลังเลตัดใจเลือกกันไม่ได้สักที พวกรุ่นพี่ก็ต่างคาดหวัง จะทำออกมาง่อยๆ ทำแบบมักง่ายก็คงไม่ได้ ที่สำคัญก็คือ เราต้องดำเนินเรื่องขอความร่วมมือกับหลายชมรมมาก เพื่อให้งานออกมาเป็นไปได้ด้วยดี และต้องกระจายงานให้ครบทุกชมรม เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วม ซึ่งชมรมมีอยู่ทั้งหมดยี่สิบแปดชมรมครับ...ดีว่าไม่ต้องกระจายให้ชมรมย่อยด้วย ไม่งั้นเห็นที กว่าจะดำเนินแจกจ่ายงานเสร็จ น่ากลัวว่าพวกรุ่นพี่คงจะได้เรียนจบมหาลัยกันเสียก่อน


          "เอาเรื่องยากให้จบๆไปก่อนเถอะ มีงานกีฬาสีอีกนะ กับคริสต์มาส เคลียร์สามเรื่องใหญ่เสร็จ ปีนี้พวกเราก็นอนตีพุงกันได้แล้ว"


          เปียว่าอย่างเหนื่อยๆเหมือนกัน ก็จริงครับ ผมว่าทำเรื่องยากให้สำเร็จเสร็จสิ้นก่อนดีกว่า เผื่อเวลาผิดพลาดขึ้นมาจะได้มีเวลาแก้ไขให้ทันด้วย



          "แล้วแบบสอบถามที่ผมส่งให้ไปทำล่ะครับ ผลออกมาว่ายังไงบ้าง"

          "ส่งไปถามของรุ่นน้อง1-3กับรุ่นพี่4-5แล้ว ก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่าไหร่ มีเฮลิคอปเตอร์ กับลิมูซีนไปรับเหมือนเดิม"

          "ลิมูซีนขอให้ใช้เป็นบรรทัดฐานของทุกปีเลยครับ ผมว่าเฮลิคอปเตอร์ มันลำบากเกินไปสำหรับชุดราตรี เวลาใส่เข็มขัดนิรภัยรัดชุดยับ กับลมแรงๆ ทำผมที่เซทไว้พัง ผู้หญิงไม่น่าจะชอบใจ"

          "ที่หมูพูดมาก็ถูกนะ เราว่าใช้รถไปรับสวยคลาสิคที่สุด นั่งมาสวยๆกันดีกว่า แถมเอางบประมาณของเฮลิคอปเตอร์มาใช้ในส่วนของการจ้างศิลปินดีกว่าไหม"

          "คอนเสิร์ตปีนี้ ศิลปินรับเชิญที่คิดเอาไว้มีใครบ้าง"

          "ก็มีวง abc กับศิลปินเดี่ยว xxx หรือไม่ก็ดาราคู่ขวัญ xyz"

          "โห ดังเอาเรื่องเลยนี่น่า!! ดึงตัวมาได้เหรอ คุณ xxx น่าจะอยู่ในช่วงดังเปรี้ยง ขาขึ้นสุดๆเลยนี่"

          "เป็นญาติของเพื่อนสนิทน่ะ เลยขอตัวมาได้"

          "เออ ชมรมดนตรีขอให้รีบตัดสินใจเรื่องเลือกศิลปินรับเชิญก่อนเลยนะ เพราะต้องไปตกลงเรื่องเพลง กับหาวันซ้อมให้ตรงกันก่อนสักสามครั้ง"

          "ได้ แต่ถ้าดูจากงบประมาณ เฉลี่ยความชอบแล้ว เราว่านักร้องวง  abc ดีที่สุดนะ"

          "แต่เราว่าถ้าเป็นดาราคู่ขวัญ xyz ดีกว่านะ ช่วงจัดงานเลี้ยงจบ ละครก็เปิดออนแอร์ภาคต่อพอดีด้วย"

          "แต่เราว่าศิลปิลเดี่ยวคนนี้ ร้องเพลงโทนกินใจได้มากกว่า แถมแค่คนเดียว ทำให้ชมรมดนตรีไม่ต้องปรับอะไรเยอะมากนักด้วยนะ"

          "ขอค้าน ยิ่งเป็นคนเดียว ยิ่งน่าจะยาก แล้วแนวดนตรีก็คนล่ะทางกับชมรมดนตรีของเรา ที่ถนัดแนวร็อค แนวป็อบมากกว่า"

          "งั้นอาจจะต้องไปขอความร่วมมือกับชมรมดนตรีคลาสสิคสิ"

          "ไม่ได้หรอก คลาสสิคถูกจองคิวไว้ช่วงเต้นรำแล้ว ยังไงช่วงเต้นรำก็เปิดแผ่นไม่ได้ ต้องดนตรีสดเท่านั้น"



          ยิ่งเสนอความคิดก็ยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆครับ ผมที่ต้องฟังทุกคนพูดให้ทันแล้วเก็บมาชั่งน้ำหนักทางความคิดยิ่งหนักใจ แต่ละคนความคิดก็ดี แต่พอเสนอความคิดเห็น ฝ่ายค้านจะค้านมาเรื่อยๆ เมื่อเห็นช่องปัญหา ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายผมต้องรีบรุดแยกก่อน


          "รบกวนเอาผลโพลแบบสอบถามมาเสนอด้วยครับ"

          "อะ จริงด้วย มีทำโหวตไว้ในเว็บบอร์ดโรงเรียนนี่น่า"

          "อืม...มีวง abc กับดาราคู่ขวัญที่คะแนนเท่ากันอยู่นะ เอายังไงดีหมู"

          "ทุกคนเขียนชื่อคนที่ตัวเองต้องการให้มาเป็นแขกรับเชิญ แล้วส่งกระดาษขึ้นมาให้ผมครับ เปียรบกวนรวบรวมมาให้ผมที สามนาทีนะครับ เริ่มได้เลยครับ"


          เปียพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะฉีกกระดาษแล้วเขียนโหวตของตัวเองส่งให้ผม แล้วเดินไปรับโหวตจากเพื่อนๆกับมือ พอครบทุกคนแล้วก็เอามาให้ผมที่ยืนรอนับคะแนนอยู่


          "มติเป็นเอกฉันท์ที่ดาราคู่ขวัญนะครับ แต่ถ้าการมาพูดคุยเฉยๆ ผมว่ามันธรรมดาไปหน่อย รบกวนให้แขกรับเชิญ หาเพลงมาร้องคู่กัน แล้วก็การแสดงละครสดคู่กันสักหน่อยเพิ่มไปด้วยนะครับ ส่วนเรื่องที่ใช้แสดง ขอให้ทางชมรมนักเขียนเขียนบทมาให้นะครับ จัดการประกวดแต่งเรื่องมาด้วย แล้วค่อยเอาผู้ชนะกับชมรมนักเขียนมาเปิดโหวตอีกที เพื่อเป็นกิจกรรมของนักเรียนคนอื่นให้ร่วมสนุก ผู้ชนะจะได้สิทธิ์พิเศษได้เข้าไปพูดคุยกับนักแสดงบนเวที"

          "ระยะเวลาการประกวดล่ะคะ?"

          "หนึ่งเดือนครับ เริ่มประกาศตั้งแต่พรุ่งนี้ได้เลย"


          ขิมฝ่ายประชาสัมพันธ์พยักหน้ารับหน้าที่ไปทันที เปียลุกขึ้นมาเขียนหัวข้อที่สรุปกันได้แล้วบนกระดาน ระหว่างที่ผมกำลังเลือกหัวข้อที่จะมาพูดคุยกันต่อไป


          "หัวข้อต่อไปคือเรื่องเซอร์ไพร์สครับ กับของขวัญ"

          "ฉันอุตส่าห์ไม่แตะหัวข้อนั้นแล้วเชียว..." เปียบ่นพึมพำออกมาเบาๆ

          "ของขวัญปีก่อนที่เป็นน้ำหอมสั่งทำพิเศษ ผลตอบรับก็ค่อนข้างโอเคนะครับ ปีนี้ทุกคนคิดว่าควรเป็นอะไรดีครับ?"

          "เอาเงินใส่ซองแจกเลยได้ไหม ฮือ คิดไม่ออก"

          "เออ เอาเงินใส่ซองไปเถ๊อะะะ เล่นจะเอาไม่ให้ซ้ำกันทุกปีแบบนี้ โรงเรียนเปิดมาตั้งกี่สิบปีแล้ว"

          "อย่าโอดครวญครับ เสนอความคิดเห็น สามนาที เดินมาเขียนไอเดียของขวัญที่ไม่ซ้ำกับรุ่นพี่ที่เรียนจบไปปีก่อนๆบนกระดานคนล่ะสามอย่างด้วยครับ"

          "โหหหหหหหห / โหหหหห / โหหหห / โห สามเลยเรอะ!"

          "อย่างเดียวยังคิดไม่ออกเลย..."

          "อีกสองนาทีนะครับ ใครมาเขียนก่อนได้เปรียบนะครับ คนที่เขียนซ้ำ จะได้เป็นของขวัญพิเศษ คือรับหัวข้องานคิดชุดธีมแต่งตัวเป็นอันดับต่อไป"


          ผมกวาดสายตามองทีมสภาของตัวเองรอบๆห้อง สบตานับสิบคู่แล้วยิ้มเย็นที่มุมปาก

          ไม่ถึงเสี้ยววิ เสียงเลื่อนเก้าอี้ของทุกคนพร้อมเสียงรองเท้าวิ่ง ก็กู่กันมาตรงหน้ากระดาน พลางแย่งกันเขียนเสนอความคิดกันยกใหญ่

          ความกดดันนี่ดีต่อความคิดสร้างสรรค์จริงๆเลยนะครับ ว่าไหม?



          "เฮ้ย กูเขียนก๊อน อย่า อย่าเขียนอันนั้นลงไป กูจองไว้แล้วในความคิดเมื่อกี้ เอาน้ำลายป้ายไว้แล้วด้วย!"

          "ใครเร็วใครได้สิยะ"

          "เฮ้ย ปากกาหมึกหมด อย่า อย่าเริ่มเขียนตัวอักษรนั้นเชียวนะ! กูรู้นะว่ามึงจะลอกความคิดกู๊"

          "ไอ้คนทรยศศศศศ"



          สงครามแย่งชิงไอเดียจบลงที่สี่นาทีกว่าๆ ถือว่าเวลาดี พอจะหยวนให้ได้ครับ
          กระดานสีขาวที่เคยสะอาดตา ตอนนี้เต็มไปด้วยหลากลายมือ ที่กระจายเขียนชื่อสิ่งของ สิ่งต่างๆมากมายจากสมองที่ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีนำเสนออยู่ทั่วกระดาน


          ผมกวาดสายตาไล่อ่านแต่ละอย่างอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะสะดุดกึก


          "ใครเป็นคนเขียนเหล้ายาดองประจำรุ่นครับ จากลายมือ...อืม ตี๋ คุณมาทำความสะอาดห้องกรรมการสองอาทิตย์ แล้วก็ไปคัดกฎของโรงเรียน ข้อที่ว่าด้วยห้ามนำสิ่งของมึนเมาเข้ามาในโรงเรียน สิบหน้ากระดาษเอสี่มาส่งผมก่อนวันศุกร์ด้วยนะครับ"

     "อ้ากกก! เผลอตัวเขียนไป ท่านประธานอภัยให้ผมเถอะครับ"


          ผมสบตาตี๋ ปากขยับเป็นรอยยิ้มเย็น เป็นรอยยิ้มประจำตัวที่มีไว้ไม่ให้ใครปฏิเสธ กอปรกับสายตากดดันส่งไปให้ ตี๋คอตกก้มหน้ารับชะตากรรมไปอย่างยอมแพ้ พอเห็นว่าเขายอมรับโทษแล้ว ผมก็เลิกสนใจ หันมาอ่านบนกระดานต่อ



          อืม...ที่น่าสนใจก็มีหลายอย่าง
          ผมเดินไปหยิบปากกาเมจิคสีแดงวงสิ่งที่น่าสนใจ และอยู่ในงบประมาณความเป็นไปได้

          แล้วก็ต้องมาสะดุดอีกครั้ง...

          กรรมการนักเรียนท่านนี้นี่ถูกเลือกมาโดยการเอาสแตมป์ไปแลกหรือเปล่าครับ

          เกาะส่วนตัว


          เขียนมาได้...


          แจกเกาะส่วนตัวรุ่นพี่ที่เรียบจบทุกคนได้นี่ก็ไม่ต้องเปิดมันแล้วครับโรงเรียน เอาเงินไปซื้อแผ่นดินเลยไม่ดีกว่าหรือ แจกเกาะส่วนตัวนักเรียนสักสองร้อยคน ได้พอดีล่ะครับ คงซื้อที่ได้สักจังหวัด
          ผมตวัดสายตาไปมองเอ็ม เหมือนเจ้าตัวจะรู้ตัวว่าเขียนอะไรออกมา หัวเราะแห้งแล้งให้ผมก่อนจะรีบหลบสายตาผมแล้วทำเนียนเป็นก้มหน้าก้มตาตั้งใจอ่านเอกสารตรงหน้า


          "ครับ ที่ผมวงไว้ก็คือสิ่งที่น่าสนใจ และเป็นไปได้ในหลักของความเป็นจริง แน่นอนว่าจะไม่มีรุ่นพี่มอหกคนไหนได้เกาะส่วนตัวไปเป็นของขวัญเรียนจบนะครับ"

          "ตั๋วพร้อมที่พักท่องเที่ยวนี่ก็โอเคนะ เพราะมอหก อาจารย์ให้โฟกัสเรื่องเรียนต่อ จนรุ่นพี่บางคนก็ยุ่งเรื่องหามหาลัย ทำให้ไม่ได้เข้าร่วมทัศนศึกษากันก็เยอะ ได้ความทรงจำก่อนจะจากกันแยกย้ายไปเรียน เราว่าก็ดีไม่น้อย งบเท่ากับทัศนศึกษาด้วย คิดง่ายเลยใช่ไหมไม้"


          หญิงออกความคิดเห็นพลางถามความคิดเห็นผู้ดูแลเงินงบประมาณ

          "ได้" หัวหน้าฝ่ายเหรัญญิกผู้เงียบขรึม เอาจริงเอาจังตอบรับสั้นๆ

          "มันจะไม่ไปซ้ำกับรุ่น 46 หรือ เหมือนจะจำได้ว่ารุ่นนั้นก็ไปเที่ยวยกรุ่นไหมอะ"

          "ไม่หรอกครับ เราก็ไปคนละที่ แค่นี้ก็ไม่ซ้ำแล้ว"

          "เล่นง่ายงี้เลยเรอะ..."

          "ถ้ามีความคิดที่ดีกว่าก็เสนอมาได้นะครับ"

          "แฮ่ เป็นความคิดที่เลิศประเสิรฐศรีมณีเอี่ยมอ่องสุดๆไปเลยครับผ้มมม"

          "งั้นก็ได้ข้อสรุปของขวัญเรียนจบเป็นการท่องเที่ยวนะครับ วิธีการเซอร์ไพร์ส ผมคิดว่าการหาสมับติทั่วโรงเรียนแบบคราวก่อนๆ ค่อนข้างวุ่นวายและรบกวนเวลาเรียนของคนอื่นมากเกินไป มีวิธีอื่นที่น่าสนใจไหมครับ?"

          "เอาบัตรเชิญซ่อนไว้ที่โต๊ะหรือไม่ก็ล็อกเกอร์แบบครั้งน้ำหอมไหม? สะดวกดีนะ เรียบง่ายแต่คลาสสิค"

          "ซ้ำซากไปครับ ไม่ผ่าน"

          "ส่งนกฮูกบินไปหาเหมือนแฮร์รี่พอตเตอร์เลยไหมล่ะ"

          "เอาไปยี่สิบคะแนนเรเวนคลอเลยแจ้ ชอบว่ะ ฮ่าๆ"

          "ติดลบร้อยคะแนนเรเวนคลอเลยครับ อยากโดนข้อหาทารุณกรรมสัตว์หรือไงกัน แจ้กับโอม ไปคัดข้อกฎหมายมาคนละสิบหน้าเอสี่ส่งวันศุกร์พร้อมกับเอ็มด้วยนะครับ"



          เอ็มหันไปยักคิ้วให้เพื่อนร่วมชะตากรรมคัดสิบจบอย่างแจ้กับโอม ที่อ้าปากค้างเพราะความซวยตกทับหัว



          "งั้นเป็นใส่ไว้ในลูกโป่ง แล้วขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง ให้เอาไปไว้ในห้องนอนไหม แบบนี้ก็ดูดีนะ ตื่นเช้ามาต้องตกใจแน่ๆ คงคิดไม่ถึงว่าเราจะรุกเข้าไปถึงในห้องนอน"

          "เป็นความคิดที่ดีครับ ยกมือถ้าเห็นด้วยครับ"



          สภานักเรียนลงมติอย่างท้วมท้น



          "ต่อไปก็เป็นเรื่องอาหารกับธีมชุด..."


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 6 * 7/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 07-09-2018 19:14:40

          ขนาดวันแรกของการเรียน โรงเรียนจะเลิกไวเป็นพิเศษ
วันนี้พวกผมเลิกเรียนตั้งแต่บ่ายสองโมง แต่กว่าผมจะได้โบกมืออำลารั้วประตูสีขาวที่ติดตราประทับสิงโตสามหัว สัญลักษณ์ของโรงเรียนสิงหสารสารทวิทยา ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสี เข้มสั้นของนาฬิกาชี้ไปที่เลขหก  การประชุมลากยาวไปถึงสี่ชั่วโมง...


          กว่าการประชุมจะเลิกก็เล่นเอาโทรศัพท์ของผมสั่นครืนไม่หยุดด้วยสายเรียกเข้าจากคุณพ่อที่โทรตาม แรงสั่นทำเอาเทมปุระที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเผลอหลับไปตอนไหน เดินงัวเงียถือโทรศัพท์มาหาผม บอกคุณป๊าให้รีบกลับบ้านด่วน ผมถึงได้เพิ่งรู้สึกตัว ว่าควรจบการพูดคุยแต่เพียงเท่านี้


          ตอนนี้พวกผมอยู่บนรถตู้ที่ลุงชื่นขับมารับอย่างตรงเวลา ผมเอ่ยขอโทษคุณลุงคนขับประจำของผมเล็กน้อย เนื่องเพราะผมสะเพร่าลืมโทรแจ้งว่าวันนี้ผมจะกลับเย็น ทำเอาลุงชื่นต้องรอผมถึงสามชั่วโมง


          บนรถตู้สีดำคันใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรถแรงกี่ร้อยแรงม้า จะรถสปอตเปิดประทุนคันตรงหน้า หรือรถมอไซค์แต่งเครื่องเพิ่มความเร็วด้านข้าง ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อไฟแดง ที่คงสีแดงไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลายกว่าสิบนาทีแล้ว การจราจรยามเย็นเป็นไปอย่างติดขัด และโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุดในกระเป๋ากางเกงของผมก็น่ารำคาญไม่ใช่เล่นเลย


          ผมเลือกที่จะหยิบออกมาแล้วเข้าไปในกลุ่มไลน์ เพื่อบอกให้ใครสักคนช่วยบอกคุณพ่อให้สงบ เรากำลังจะถึงบ้านใน...อืม ผมคิดว่าน่าจะภายในชาตินี้นะครับ ถ้าไฟมันจะเขียวสักที


LINE

กลุ่ม FML ฟมล แฟมิลี่ที่แปลว่ากรอบคั่ว เอ้ย ครอบครัว


MOO DIMITRI : อยู่บนรถกำลังกลับ บอกป๊าหยุดกระหน่ำโทรมาที

J DAD&HUS : ทำไมไม่รับโทรศัพท์พ่อวววววววงงงงครับรูกกกก

J DAD&HUS : เอาน้องเทมเทมไปซ่อนไว้ที่ไหน วาร์ปมาเดี๋ยวนี้

เรียกข้าว่าราชาด้วง : เฮียหมูๆ บอกรหัสห้องหน่อยดิ จะเข้าไปยืมหนังสืออ่ะ

KAI ไก่ไม่ใช่ใคร : นังด้วงตอแหล มันจะเข้าไปขโมยแม็คบุ้คแกมาเล่นเกม ของตัวเองลืมไว้ที่โรงเรียนนู่น ยังไม่เปิดเทอมเลยเข้าไปโรงเรียนไม่ได้ จะลงแดงขาดเกมตาย

เรียกข้าว่าราชาด้วง : อ้าว อาเจ้ ทำไมมาแฉกันอย่างนี้ล่ะ ป๊าาาาา เจ๊ไก่ด่าหย็องว่าตอแหล

J DAD&HUS : รับสายพ่อหน่อยยยยยยยยยยยย ใจจะขาดแล้วเอยยย

เรียกข้าว่าราชาด้วง : พ่อๆ ลูกอยู่นี่ไง ลูกหย็องเอง

เ นื้ อ ห ย อ ง : หมาหัวเน่าเขียนแบบนี้

เรียกข้าว่าราชาด้วง : ....ใบลาออกจากตะกูลอยู่ไหน!

ปา ปลากดว่าเป็งปลาป๋อง : จำปาจำไม่เคยได้เลยค่ะ ว่ามีคนคนนี้อยู่ในตระกูลด้วย @หญิงแม่ เคยคลอดคนคนนี้ออกมาด้วยเหรอคะ อุต๊ะ ตกใจ

MRS.EREN : นอกจากจำปาลูกสาวหม่อมแม่ ที่เหลือซื้อข้าวสารแล้วเขาแถมมาค่ะคุณลูกขา

เรียกข้าว่าราชาด้วง : ป๊าๆ งี้ส่วนแบ่งมรดกก็เหลือแค่ไม่กี่คนใช่เปล่า

KAI ไก่ไม่ใช่ใคร : รักป๊าที่สุดในโลก

เรียกข้าว่าราชาด้วง : เฮ้ย เจ้ไก่ขี้โกง บอกตัดหน้า หย็องรักป๊ามากกว่าเจ้ไก่พันๆๆๆเท่า

J DAD&HUS : อุ้ย ลูกรุมรัก เบื่อความฮอตของตัวเอง อิอิ เอาหุ้นไปเพิ่มคนละสิบเปอร์เซนเลยจ้าาา

MRS.EREN : นังสามีไม่รักดี นังสามีแพศยา เห็นของแถมดีกว่าเมียในไส้ เรื่องนี้ต้องถึงคุณครูเอนเดอร์สันแน่!

ปา ปลากดว่าเป็งปลาป๋อง : กรี๊ด กรี๊ด หม่อมแม่อย่าไปยอมนะคะ เราต้องฮุบสมบัติของพวกนังลูกเลี้ยงมาให้ได้ จำปามีปราด้าอีกหลายคอลเลคชั่นที่อยากได้ กรี๊ด กรี๊ด



          แล้วผมก็กดออกจากกลุ่มหลังจากเสียงกรี๊ดครั้งที่สี่ของเฮียปลาครับ...
บอกลุงชื่นขับออกนอกประเทศไปเลยได้ไหมครับ จู่ๆก็รู้สึกว่าดีแล้วที่รถติดขึ้นมาเลยครับ

          อยากอยู่นั่งมองไฟแดงไปนานๆเลยทีเดียว


          ผมหยิบโทรศัทพ์ไปใส่กระเป๋าเป้ไว้แทน ก่อนจะหันมามองคนที่กอดตุ๊กตาแมวสีฟ้านั่งตาปรืออยู่ข้างๆ บนรถมีอีกหลายตัวเชียวครับ ทั้งแบบเป็นหมอนรองคอ ผ้าห่ม แบบเป็นตัวใหญ่เลยก็มี แผ่นติดกันแดดด้านฝังของเทมก็เป็นลายเดียวกันกับหุ่นยนต์แมวที่เจ้าตัวกอดอยู่ พร้อมแก้วน้ำเก็บความเย็นครบเซ็ท ตรงกระเป๋าข้างหน้าก็มีรูบิก กับเกมปริศนาต่างๆที่ไม่พ้นเป็นลายที่เจ้าตัวชอบ ที่ผมซื้อมาติดรถไว้ให้เองครับ แก้เบื่อเวลารถติดนานๆ


          เทมที่ตาปรืออ้าปากหาวหวอด ดูเหมือนองค์ชายตัวน้อยที่มัวแต่เล่นซนจนอดหลับอดนอน
          อ่า ไม่น่ารีบเก็บโทรศัพท์ไปเลยครับ น่าจะถ่ายรูปเจ้าชายใกล้นิทราตรงหน้านี้ก่อน


          แต่ถึงจะอยากยื่นหมอนยื่นผ้าห่มแล้วร้องเพลงกล่อมฝันดีเจ้าตัวแค่ไหน ก็ให้นอนตอนนี้ไม่ได้หรอกครับ ไม่งั้นเดี๋ยวตอนกลางคืนจะงอแงไม่ง่วง ไม่อยากนอนเอา เมื่อเย็นก็เผลองีบไปแล้วด้วย  น่ากลัวว่าคืนนี้เจ้าตัวอาจจะนอนไม่หลับยันดึกดื่นเป็นแน่แท้ ผมเอื้อมมือไปเขย่าคนที่กำลังจะเคลิ้มหลับ


          "เทมอย่าเพิ่งนอนนะครับ นอนตอนนี้เดี๋ยวกลางคืนจะไม่ง่วงเอานะ"

          "แต่เทมง่วงมากเลยครับหมูหย็อง ระบายสีก็ยังไม่เสร็จเลยด้วย หิวด้วย รถติดนานจังเลยครับ หมูหย็องก็ไม่ให้เทมนอนอีก"


          เทมมุ่ยปาก พูดพึมพำออกมาเบาๆ คงจะทั้งหิวแล้วก็ง่วงมากนั่นแหละครับถึงได้งอแงขึ้นมา เจ้าตัวเอาหน้าซุกตุ๊กตาพลางหันหนีผมไปอีกทาง หึ ง่วงแล้วมาพาลงอนผมนะ เจ้าเด็กโข่งขี้งอนนี่


          "หันมาทางนี้สิครับ ไหนเอาสมุดระบายสีมาโชว์หมูหน่อย ว่าเสร็จไปถึงไหนแล้ว"


          ผมลูบหัวที่มีผมนุ่มนิ่มกระจายตัวอยู่แผ่วเบา ใบหน้าอ่อนวัยที่เริ่มหล่อเหลาขึ้นเรื่อยๆ นั้นค่อยๆเอียงคอหันมามองผม แต่ร่างสูงยังไม่ยอมโผล่หน้าออกมาดีๆ โผล่ออกมาแค่ลูกตาสองข้าง ซ่อนใบหน้าครึ่งล่างไว้ที่พุงตุ๊กตาสีฟ้าสดใส

          หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปทันไหมครับ...องศานี้น่ารักกระแทกใจผมมาก


          "งั้นหมูหย็องก็เล่ามาก่อนสิครับ วันนี้หมูหย็อง...เหนื่อยหรือเปล่า?"


          ผมสบตาสีน้ำตาลอ่อน ที่ตอนนี้ความมืดของรอบข้างผลักดันให้สีน้ำตาลอ่อนใสนั้นดูเข้มขึ้นเล็กน้อย
นัยน์ตาแสนสวยนั่นมองมาที่ผมด้วยความเป็นห่วง


          อา...

         รู้สึกเรี่ยวแรงที่ใช้ออกไป ได้รับการชาร์ตพลังกลับคืนมาเต็มหลอดเลยครับ การที่เราเหนื่อยๆ แล้วแค่มีคำถามใส่ใจอย่างเหนื่อยไหมจากคนที่เป็นห่วงเรานี่มันดีจริงๆนะครับ

          เทมผละมือที่โอบกอดตุ๊กตานุ่นนั่น แล้วมาหยุดที่ใบหน้าของผม มือของเขาลูบลงมาที่แก้ม เกลี่ยไปมา
เหมือนกับอยากช่วยขับไล่ความเหนื่อยล้าให้ออกไป ก่อนจะหยุดนิ่งค้าง

          เรายังคงสบตากัน ผมเอียงคอแนบใบหน้ากับมือแกร่งที่อุ่นร้อน


          "บางที..."

          "ถ้าได้กำลังใจจากเทมอีก...สักครั้ง..."

          "หมู...ก็คงหายเหนื่อย...ล่ะมั้งครับ?"


          ผมทอดเสียงหวานเอ่ยทิ้งช่วงออกไปอย่างจงใจ พร้อมแนบใบหน้าชิดใกล้ฝ่ามือร้อนที่เกร็งขึ้นมาเล็กน้อยนั่นมากยิ่งขึ้น มือใหญ่เหมือนจะผละออก แต่ผมก็ใช้มือที่เล็กกว่าของตัวเองซ้อนทับเอาไว้


          แก้มที่แดงระเรื่อบ่งบอกว่าสัญชาติญาณเขารับรู้ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจ
          ว่าอะไรคือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น


          เทมดูตกใจและแปลกใจ
          แต่ผมก็ยังไม่ปล่อยเขาไป


          อีกนิด

          อีกนิดเดียว

          ขอแค่อีกนิดเดียวเท่านั้น

          ผมเอ่ยเสียงอ่อนหวานออดอ้อนสำทับเขาไปอีกครั้ง


          "...นะครับ?"


          และผมเป็นคนรอบคอบ...

          นึกกลัวว่าเขาจะลืมวิธีการให้กำลังใจ ว่าแบบไหนที่ผมต้องการ
          จึงแสดงให้เขาดู

          ด้วยอะไรที่ชัดเจนยิ่งกว่า คำอธิบายใดๆ

          เรียวปากร้อนของผมประทับลงกับฝ่ามือของเขา


          นิ่งค้างและยาวนาน


          ดวงตาสีฟ้าสดของผมเหมือนจะเข้มขึ้นมาเมื่อตอบรับสายตาประหลาดจากนัยน์ตาสีน้ำตาล แสงจากเสาไฟที่พาดผ่าน ยามรถเคลื่อนตัว เป็นแสงสว่างเพียงอย่างเดียวที่อาบไล้พวกผมอยู่ ความมืดของราตรีห่อหุ้มพวกเราไว้ และบรรยากาศแปลกประหลาดที่ห่อพวกเราเข้าไว้ด้วยกันอีกชั้น

          ก็ทำให้สายตาที่เรามองกันนั้น แปลกประหลาดขึ้นมาเฉกเช่นเดียวกัน


          ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่านะ ว่าใบหน้าของเทมขยับเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม


          อา...

          ผมว่า ผมไม่ได้คิดไปเองนะ ใบหน้านั่นใกล้เข้ามาจริงๆ และยังคงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สายตาสวยจัดที่ตรึงผมไว้ตั้งแต่แรกพบนั้นเคลื่อนเข้ามา จนผมสามารถเห็นความใสกระจ่างนั้นได้อย่างชัดเจน นัยน์ตาที่ผมว่ามันช่างสุกใส


          ครั้งนี้กลับอาบไล้ไปด้วยบางสิ่งที่...แปลกประหลาด
ผมก็ไม่รู้จะอธิบายมันยังไง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันบนตาของเขา


          แปลกประหลาด น่าอึดอัด


          แต่กลับทำให้ใจเต้นแรง
          รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว
          ปลุกความรู้สึกตื่นเต้น และเขย่าให้หัวใจเต้นในจังหวะที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


          สัญชาติญาณของผมสั่งให้ผมหลับตาลง
แต่ก็เหมือนผมเมินเฉยต่อเสียงเตือนภัย เปล่าหรอก ไม่ใช่เลยครับ
          ความจริง ผมเองก็อยากหลับตาลงหลีกหนีสายตาแสนซื่อ ที่ยามนี้กลับดูคล้ายคมกริบขึ้นมานั่นเหมือนกัน

          แต่ก็ทำไม่ได้ ผมยังคงลืมตามองเขาตาเชื่อม ยังคงถูกเขาดึงดูดเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน

          ผมว่าผมรู้นะ ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น แนนอนล่ะ ว่าผมเป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นมา
           แต่ผมก็เพียงแค่นึกว่า..ที่มือ ไม่ใช่อะไรที่เกินเลยไปมากกว่านั้น

          เอาล่ะ ผมจะโยนความผิดไปก็ไม่ใช่เรื่อง ผมควรยืดอกรับความผิดที่ก่อเรื่องนี้ขึ้นมาเอง
ผมควรยอมรับโทษทัณฑ์จากเทมด้วยความเต็มใจ ผมจึงผละใบหน้าห่างมือของเขาเล็กน้อย

          เพื่อขยับไปให้เขาลงโทษได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

          ใกล้กัน กั้นกลางเพียงแค่ลมหายใจร้อน
















                    ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ














                         บัดซบ!!!!!
















          ผมไม่รู้ตัวเลยว่ารถจอดนิ่งสนิทที่หน้าบ้านตอนไหน
แต่เสียงกระจกที่ถูกเคาะก็ทำให้ผมกับเทมสะดุ้งผละออกจากกัน หน้าของเทมแดงแจ๋ และผมว่าหน้าของผมก็แดงไม่แพ้เทมเช่นเดียวกัน

          โธ่เว้ย ให้ตายเถอะ ผมควรบอกลุงชื่นให้ขับออกนอกประเทศไปจริงๆ
          โอกาสที่เฝ้ารอมาตั้งหลายปีพังทลายลงเพราะพ่อที่แนบหน้าเบียดกระจก เหมือนจิงจิ้กเกาะพนังนั้นแท้ๆ ผมยกมือหยีหัวตัวเองอย่างหัวเสีย ลุงชื่นที่สบตาทางกระจก ส่งสายตาขอโทษมาทางผม


          เฮ้อ เอาล่ะ เสียไปแล้วก็เสียไป...


          โธ่เว้ย!

          ครั้งหน้้า ครั้งหน้าจะไม่ให้พลาดแน่นอน


          ผมเคลื่อนมือไปแตะที่บ่ากว้างนั่น เทมสะดุ้งตัวโยน พลางหน้าแดงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
อย่างน้อยๆ ปฎิกิริยาที่แสดงออกมา ก็แตกต่างไปจากทุกครั้ง นับว่าเป็นการเร่งใส่ปุ๋ยที่ดี...
          ผมลอบยิ้มกับตัวเองเล็กน้อย หยิบขนแกะขึ้นมาสวม พลางเดินไปต้อนเจ้าหมาน้อยที่ดูหลงทาง


          "เทมครับ?"

          "ค-ค-ค-ค-ครับ!?!"


          ปกติทุกครั้งที่อาการติดอ่างของเทมกำเริบผมจะกังวลใจ มีแค่ครั้งนี้ที่ผมรู้สึกอุ่นใจ ว่าไม่ใช่แค่ผมที่ถูกอิทธิพลของเขาครอบงำ แต่เขาเองก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน


          "ไปทานข้าวกันนะ คุณป้าเลิกงานแล้วใช่หรือเปล่า ไปเรียกท่านมาทานข้าวด้วยกันนะ?"

          "อ๋อๆๆๆ เอ่อ ค-ค-ครับ"


          หึหึ เด็กพิเศษของผมหน้าแดงดูมึนงงไปหมด มนต์ของบรรกาศเมื่อกี้ยังคงหลงเหลืออยู่จางๆ
เสียงเคาะกระจกที่เร่งรัดให้พวกผมลงจากรถ ยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดูท่าจะไม่หยุดจนกว่าพวกผมสองคนจะลงไป ผมสะกิดเทมอีกครั้งให้หยิบกระเป๋า เตรียมลงรถเพื่อไปทานข้าวกัน


          จังหวะที่ผมกำลังจะกดรีโมทเปิดประตูรถ เทมก็จับมือผมไว้ ผมหันไปมองอย่างแปลกใจ เทมเอื้อมมือมาแย่งรีโมทกดปลดล็อกประตูเอง จังหวะที่ประตูกำลังเคลื่อนแยกห่างออกจากกัน เด็กพิเศษก็ทำการอุกฉกาจ ด้วยการจับมือผมขึ้นมาจุมพิตเร็วๆ พลางแทรกตัวลงจากรถไป ก้มหน้าคางชิดอกพูดจาระรัวจนน่ากลัวว่าลิ้นจะพันกัน


          "คุ-คุงป๊า ส-สวัสดีครับ คือ คือ คือว่า ท-ท-ทะเทม เทม-เทม เทมจะไปเรียกคุณแม่มาทานข้าว ดะ-ด-เดี๋ยวมานะครับ"


          แล้วร่างสูงก็วิ่งปรู๊ดจากไป ให้ผมทันเห็นแค่หูแดงๆที่ชัดเจนแม้กระทั่งยามค่ำคืน


          "เทมเทมอย่าวิ่งลูก มันอันตราย!! อ้าว ทำไมเทมเทมรีบร้อนจังเลยล่ะ"


          คุณป๊ายกมือเกาหัวอย่างฉงน เมื่อปกติเทมเทมของเจ้าตัวต้องวิ่งมาหาแล้วกอดเจ้าตัวแน่นๆ แต่นี่ยังไม่ทันได้พูดคุยด้วย ก็วิ่งไปนู่นเสียแล้ว


          ผมได้แต่ยกมือที่ถูกเทมจับ ค้างไว้กลางอากาศ พลางห้ามใบหน้าที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆไม่ได้
          ปากก็เอาแต่จะยกยิ้มกว้างไม่ยอมหุบ


          "อ้าว แล้วลูกป๊าคนนี้เป็นอะไรไปอีกคนครับ นั่งหน้าแดงแยกเขี้ยวใส่ลมใส่แล้งที่ไหนครับลูก"


          ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่พ่อตัวเองแล้วเดินตัวปลิวเข้าบ้านไป ทิ้งให้คุณป๊ายืนงงทำหน้าสงสัยใส่ลุงชื่น


          แยกเขี้ยวอะไรกันล่ะ


           เขาเรียกว่ายิ้มกว้างเพราะมีความสุขต่างหาก!








(https://i.imgur.com/1b5jyAM.png) end 5 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง












หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 6 * 7/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 07-09-2018 19:15:57









▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    6    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇









          "ศึกนอกไม่สู้ศึกใน"


          เฮียเนื้อหย็องพูดขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าที่อยากลุกออกจากเก้าอี้แล้ววิ่งขึ้นห้องของผม
          ศึกนอกบ้านไม่น่าปวดหัวเท่าในบ้านจริงๆครับ


          โดยเฉพาะในบ้าน ที่สมาชิกครอบครัวอยู่กันครบถ้วนพร้อมหน้าขนาดนี้ เฮียเนื้อหย็องยังไม่เปิดเทอม ผมก็พอเข้าใจ หรือเฮียปลา มนุษย์มหาลัยผู้ใช้ชีวิตแทบจะเรียกได้ว่ากินอยู่ที่นั่น วันนี้ก็ยังกลับมาบ้านได้ ก็ยังเข้าใจได้
แต่ขนาดคุณม้ายังอยู่บ้านได้นี่น่าตกใจจริงๆครับ  ถ้าถามว่าในบ้านสามารถเห็นหน้าใครได้บ่อยที่สุดก็จะเป็นหย็องหย็อง และถ้าถามว่าใครที่ไม่อยู่บ้านบ่อยที่สุดก็คือนายหญิงของบ้านครับ


          ม้าเดินทางไปมาต่างประเทศบ่อยมากๆ ทั้งงานการกุศล งานเดินแบบ งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต่างเรียกร้องหาคุณม๊าทั้งนั้น หนึ่งอาทิตย์ได้เจอกันสักครั้งก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว


          อาทิตย์นี้ผมเจอคุณม้าไปแล้วเมื่อวาน เลยนึกว่าจะได้เจอกันอีกทีหลังแฟชั่นวีคที่ลอนดอนจบเสียอีก อ้อ คุณแม่ผมทำงานแบรนด์เกี่ยวกับเสื้อผ้าครับ มีห้องเสื้อชั้นสูงที่รับลูกค้าต่อเดือนไม่กี่คนแต่สวนทางรายได้อยู่หนึ่งแบรนด์


          ห้องเสื้อหลักของคุณแม่ไม่มีเปิดจองลากยาวไปอีกสิบปีข้างหน้าเลยครับ เรียกได้ว่าเต็มมากๆ ไม่สามารถรับเพิ่มได้อีกแล้ว แต่ทุกคนก็ยังพยายามหาหนทางใช้เส้นสายเพื่อจะได้ชุดของห้องเสื้อของคุณแม่สักครั้ง เรียกว่า ยิ่งน้อย ยิ่งหายาก คนยิ่งอยากพิชิต คำนี้ใช้ได้จริงครับ

          และยังมีแบรนด์เสื้อผ้าทั่วไปอีก ไม่นับธุรกิจคาเฟ่ที่เจ้าตัวชอบไปเปิดตามประเทศต่างๆ ที่เจ้าตัวเคยเล่าให้ฟัง แต่พอเริ่มถึงร้านที่สิบ พวกผมก็กระจายตัวหนีแล้วครับ เลยไม่รู้สักทีว่าตกลงมีกี่ร้าน เรียกได้ว่าเป็นเวิร์กกิ้งวูแมนที่แท้จริง


          "ไม่ใช่ว่าหม่าม้าต้องอยู่สิงคโปร์เหรอครับตอนนี้"


          คุณหญิงของบ้านที่ตอนนี้ติดละครหลังข่าว มองเหยียดใส่ผม ไม่ต้องตกใจไปครับ ผมเคยเล่าแล้วใช่ไหมว่าคุณแม่ของผมติดซี่รี่ย์จีนจนเกือบจะตั้งชื่อพวกผมเป็นฮ่องเต้ ติดขนาดที่ว่าให้พวกผมเรียกว่าตัวเองว่าหม่าม้ากับปะป๊า เรียกเหล่าพี่น้องของตัวเองว่าอาเฮีย อาเจ้ที่ขัดกับสายเลือดและสภาพกายหยาบของพวกผมโดยสิ้นเชิง ตอนเด็กๆผมก็เคยนึกสงสัยครับว่าทำไมเวลาเรียกแม่ว่าหม่าม้า ปะป๊า เรียกพี่ชายพี่สาวตัวเองว่าอาเฮีย อาเจ้แล้วคนชอบมองมาอย่างแปลกใจ จนโตถึงได้รู้นี่แหละครับ ว่าคำเรียกมันสวนทางผมทองๆ ตาสีฟ้าๆนี่แค่ไหน


          และตอนนี้คุณแม่ก็ติดละครไทยครับ...ยัดเยียดอีกครั้ง ด้วยการอยากให้พวกผมเรียกว่า 'หม่อมแม่' หรือ 'คุณหญิงแม่' ซึ่งแน่นอนครับว่าพวกผมปฎิเสธ.... ม้ากับป๊าเป็นคำเรียกที่พวกผมชินไปแล้ว เลยแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่จะให้มาเรียกหม่อมแม่หรือคุณหญิงแม่อีกนี่ก็ไม่เอาล่ะครับ ขอบาย


          มีเพียงคนเดียวที่ยอมตามใจคุณหญิงเขาก็คือลูกชายคนโปรดนั้นแหละ จำจำปาได้ไหมครับ
มีอยู่คนเดียวนั่นแหละครับ ที่จะยอมเล่นบทละครน้ำเน่ากับหม่าม้าเขา...


          ส่วนพวกผมที่ไม่ยอมเรียก เลยกลายเป็นลูกชู้กับลูกคนใช้ ไม่ก็ลูกที่เก็บมาเลี้ยงกันไปแทนครับ
สายตาที่มองเหยียดอยู่นี่ ก็เป็นสายตาของคุณหญิงในบทบาทของเมียหลวงที่มองลูกเมียน้อยในหนังไทยครับ


          "ฉันจะอยู่ที่ไหนก็ได้ก็เรื่องของฉัน นี่มันบ้านของสามีฉัน ฉันจะไปจะมาก็ได้ไม่ต้องบอกใคร หึ ลำไย เสิร์ฟอาหารสิ"


          ลำไย ที่คุณแม่เรียกคือแซ็ค พ่อบ้านส่วนตัวควบตำแหน่งบอดี้การ์ด ชาวแอฟริกาตัวสูงสองเมตรที่ยืนอยู่ด้านหลัง... เดาจากชุดสูทเต็มยศที่ลำไยของแม่ใส่ และกระเป๋าเดินทาง พร้อมด้วยอารมณ์หงุดหงิด คิดว่าคงจะมีเหตุทำให้ไปไม่ได้มั้งครับ


          "สาขาหลักมีปัญหา ม้าเลยต้องเปลี่ยนไปอเมริกาแทนน่ะ แล้วพรุ่งนี้มีละครเรื่องโปรดฉาย เจ้าตัวเลยหงุดหงิดที่ไม่ได้ดูแบบสดๆ ตอนฉันกลับมาแอบได้ยินหม่าม้านั่งไล่รายชื่อไล่คนออกไปหลายคนเลย ซวยจริงๆ ทำงานพลาดไม่เท่าทำคุณหญิงเขาพลาดละคร โดนจัดหนักเต็มๆ"


          เจ้ไก่หย็องที่เพิ่งลงมา กำลังจะเดินไปนั่งที่ประจำตัวเอง ระหว่างที่เดินผ่าน แล้วเห็นผมกำลังโดนแม่ของตัวเองมองจิกใส่อยู่ก็เดินตรงเข้ามากระซิบบอก


          อา...เข้าใจแล้วครับ เรื่องเป็นแบบนี้นี่เอง


          "หม่อมแม่อย่ากริ้วอย่าโกรธไปเลยค่ะ พอลงจากเครื่องปุ๊บ จำปาจะรีบบอกให้จอเจียเอาให้ดูทันทีเลย แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้ จำปาดูแทนให้เอง อิอิ"

          "จำปา หล่อนจะเป็นลูกคนใช้อีกคนใช่ไหม ดูสดกับดูย้อนหลังมันไม่เหมือนกัน ฮือ ฉันจะไม่ไป ยกเลิกตั๋วไปซะ ฉันจะไม่ไปปปป แล้วทำไมฉันจะต้องไปนั่งเครื่องบินส่วนรวม ทั้งๆที่มีเครื่องบินส่วนตัวด้วย ไม่ไปๆๆๆ"

          "ขอโทษด้วยครับมิสเอเลน เพราะงานด่วนกระทันหัน ทำให้ยื่นเรื่องขอเอาเครื่องบินส่วนตัวไปไม่ทัน ทางหอบังคับการมีกฏว่าต้องยื่นเรื่องเอาเครื่องบินขึ้นก่อนอย่างน้อยสามชั่วโมง"

          เลขาอีกคนของคุณแม่โค้งตัวพูดขออภัยอย่างสุภาพ แต่ก็ถูกคุณแม่ถลึงตาใส่ หม่าม้างอแงตบโต๊ะดังปังปังไม่ยอมหยุด ตั้งแต่ติดละครไทยนี่เล่นใหญ่มากเลยนะครับคุณแม่


       "ไม่ไปก็ดีนะครับ หุ้นจะได้ร่วง ผมกำลังอยากช้อนหุ้นของบริษัทเอเลชพอดี"


         เฮียเนื้อหย็องวางไอแพดพลางหันไปยิ้มให้แม่ตัวเอง เล่นเอาแม่หัวร้อนแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ลูกชายตัวเองเลยครับ นี่เป็นกิริยาของผู้หญิงอายุสี่สิบกว่าแน่เหรอ...ให้ตายเถอะ ผมล่ะอยากจะถ่ายวีดีโอไปให้คุณยายที่รัสเซียดูมากๆเลยเชียว รับรองว่าทั้งบ้านได้ถูกจับเข้าคอร์สอบรมมารยาทเป็นเดือนแบบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่นอน


          "ไม่มีทางได้หุ้นม้าไปหรอกย่ะตาเนื้อหย็อง บอกเลยว่าปีนี้ผลประกอบการพุ่งกระฉูด ปีนี้ม้าชนะแน่นอน โฮะๆๆๆ"


          เป็นสงครามแย่งชิงวันหยุดของครอบครัวผมเองครับ ข้อเสียของการที่ป๊ากับม้าแยกกันทำงาน คือไม่มีคนช่วยทำงาน และเหล่าลูกๆก็ไม่มีใครสนใจจะรับสืบทอดเท่าไหร่ อย่างเฮียเนื้อหยองที่ตอนนี้ก็ตั้งใจจะเรียนหมอแล้วเปิดโรงพยาบาลของตัวเอง ก็กำลังศึกษาเล่นหุ้นควบคู่ไปด้วยเพื่อหาทุน เจ้ไก่ก็ไม่สนใจแนวทางแฟชั่นครับ เสื้อที่เจ้แกใส่ยังซื้อมาจากตลาดนัดของสามปีที่แล้วอยู่เลย(ม้าเคยขนเอาไปทิ้งในถังขยะ แต่เจ้ไก่แกซื้อแบบยกโหลมาครับ...ม้าหัวร้อนแทบพ่นไฟใส่ ลดระดับไปเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงเป็นเดือนเชียว)


          จะมีก็แค่เฮียปลาที่ยังพอยอมไปช่วยงานบ้าง ทำให้ป๊ากับม้าพอจะมีวันหยุดยาวให้ตัวเอง แต่พอลูกๆเริ่มโตมากยิ่งขึ้นก็เริ่มออกอาการงอแง อยากหนีเที่ยว แต่จะปล่อยตำแหน่งว่างก็ไม่ได้ เลยทำให้เกิดเกมนี้ขึ้นมานั่นเองครับ แต่ผมกับไก่หย็องยังไม่ต้องเล่น เพราะยังเด็กอยู่ แต่กับเฮียปลา เจ้ไก่ กับเฮียเนื้อหย็องนี่ไม่รอดครับ ห่ำหั่นกันน่าดู


อ๋อ ไม่ต้องกลัวไม่ยุติธรรมนะครับ เพราะจำนวนเงินที่ลูกๆหามาได้ จะถูกคูณด้วย 100 ครับ

อย่างปีก่อนเฮียปลาหาได้สามล้านกว่าจากการรับทำงานพิเศษ 3,000,000 x 300 = 300,000,000 เท่ากับเฮียปลาหาได้สามร้อยล้านครับ กติกานี้หม่าม้ากับปะป๊าช่วยเพิ่มเข้ามา เพื่อความยุติธรรม ไม่งั้นจะสู้บริษัทยักษ์ใหญ่กำไรสุทธิต่อปีหลายพันล้านได้ยังไงกัน จริงไหมครับ?


          แพ้มาก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่จะเสียเวลาทั้งปิดเทอมไปทำงานดูแลแทน...ส่วนผู้ชนะก็ทิ้งงานไปเที่ยวได้ตามใจชอบ


          แต่ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ป๊าม้าก็ได้รับผลประโยชน์ทั้งนั้น ถึงแพ้ก็ถือว่าได้ฝึกลูกให้สามารถหาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ ชนะก็ได้ฝึกลูกทำงานของตัวเองอีก เผื่อมีคนเปลี่ยนใจรับสืบทอดกิจการ แถมยังสามารถทิ้งงานไปตะลอนๆได้อีก ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องที่แท้จริง ฉลาดมากครับ



          "ปีนี้หนูบอกเลยนะคะว่า อย่าประมาทไป เตือนด้วยความหวังดี หึๆ ภัตตาคารกับโรงแรมที่หนูลงทุนไปที่มาเก๊านับว่าไปได้ดีมาก หม่าม้าได้มาเป็นเด็กเสิร์ฟร้านหนูทั้งเดือนแน่นอน"


          เจ้ไก่หย็องที่ยังเคียดแค้นคุณแม่ที่ลากตัวเองไปตะลอนออกงาน จนพลาดแมทช์ฟุตบอลไปหลายแมทช์ยิ้มยียวนใส่อีกคน หม่าม้าถึงกับอยู่ไม่สุข กระซิบบอกลำไยให้จองตั๋วใหม่อีกรอบแทนที่แคนเซิลไป ปีนี้เจ้ไก่เอาจริงมากครับ เอาของสะสมไปขาย เก็บค่าขนมทุกบาท เอาไปลงทุนเปิดภัตตาคารกับโรงแรม ทีแรกที่ผมได้ยินก็คิดว่ารายได้มันก็น่าจะไม่เยอะมาก เพราะโรงแรมถ้าไม่ใช่หน้าฤดูท่องเที่ยว คนก็คงจะน้อย ภัตตาคารก็เหมือนกัน


          แต่เจ้ไก่หย็องบอกว่าอาหารอร่อยและที่พักสวยมาก ที่สำคัญบ่อนในโรงแรมก็ใหญ่มากเช่นกัน...นั่นแหละครับ เปิดบ่อนแข่งขนาดนี้ ถ้าปีนี้เจ้ไก่เป็นผู้ชนะ ผมก็ไม่แปลกใจ


          เฮียปลาก็ไม่น้อยหน้า หยิบไอแพดมาสไลด์เปิดดูฟอเรกซ์(คล้ายๆเล่นหุ้น แต่การเป็นค้าค่าเงินแทน) ว่าส่วนต่างของค่าเงินที่ตัวเองกว้านซื้อไว้ ส่วนต่างดีงามขนาดไหนให้ป๊าดู ป๊าก็ไม่ยอมแพ้ครับ วิ่งไปหยิบหนังสือพิมพ์ข่าวธุรกิจ ที่หน้าหนึ่งเขียนพาดหัวข่าวโชว์ความสำเร็จของบริษัท ที่กำลังตะลุยขยายขอบเขตธุรกิจไปถึงประเทศเพื่อนบ้านขึ้นมาข่ม


          เหมือนกับเห็นกระแสไฟฟ้าจากตาแต่ละคนแล่นใส่กันจนเกิดเสียงแปลบปลาบ บนโต๊ะบรรยากาศสู้รบตลบอบอวล

          เอ่อ...เรายังเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่หรือเปล่าครับ?




          "เทม เทมมาาแล้วคร้าบบบบบบ เทมขอโทษนะครับที่มาช้า แต่คุณแม่บอกให้อาบน้ำก่อน แฮ่ก"


          เหมือนระฆังหมดยกถูกตีดังขึ้นด้วยเสียงของเทมที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เจ้าตัวอยู่ในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อนลายตัวการ์ตูนที่ชอบ เนื้อผ้าที่ดูนุ่มนิ่ม ทำให้เจ้าตัวดูน่าฟัดน่ากอดกว่าสิ่งอื่นใด ผมลุกจากเก้าอี้ไปหาคนที่เข้ามาใหม่ทันที


          "เทมวิ่งมาทำไมครับ ถ้าหกล้มขึ้นมาจะทำยังไง"

          "ให้หมูหย็องเป่าเพี้ยงๆๆๆให้ เทมก็หายเจ็บแล้วครับ"


แสนรู้นักนะครับ ว่าจะทำยังไงให้ผมโกรธเจ้าตัวไม่ลง ผมยกมือยีหัวเด็กน้อยอย่างอดไม่ได้


          "แล้วคุณป้าล่ะครับเทม? ไม่มาทานด้วยกันเหรอ"

          "คุณแม่บอกว่าทานแล้วครับ เดินมาส่งเทมแล้วก็ขึ้นไปทำงานต่อแล้ว คุณแม่ คุณแม่งอนตุ๊บป่องๆด้วย ที่ไม่ยอมชวนก่อน งอนแก้มบวมแบบนี้เลย"


          แล้วเจ้าตัวก็ทำแก้มพองลมกลมๆให้ผมดู ผมขำออกมากับท่าทางน่าเอ็นดูนั่น


          ร่างสูงที่รีบวิ่งมายังไม่ทันหายหอบดี คุณท่านของบ้านก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วอ้าแขนออกกว้าง

          "เทมเทมของปะป๊าาาาาา"

          "คุณป๊า!" เทมวิ่งดุกๆ เข้าไปในอ้อมกอดป๊า ก่อนจะถูกป๊าพยายามอุ้มขึ้นเพื่อเหวี่ยงไปมารอบๆเหมือนตอนเด็กๆ แต่ไม่ได้ดูเลยครับ ว่าตอนนี้เทมตัวสูงจนเกือบเท่าตัวเองแล้ว น้ำหนักก็ไม่ได้แค่หลักสิบต้นๆเหมือนแต่ก่อน แถมตัวเองก็อายุมากขึ้นตั้งเท่าไหร่ สังขารไปไกลกว่าความอยากมากนัก ผลสภาพออกมาคือตอนนี้ป๊าต้องคลำหลังตัวเองป้อยๆ สงสัยจะยอกเสียแล้วล่ะมั้งครับนั่น


          "ไม่ค่อยโตขึ้นเลยนะเราเนี่ย ยังตัวเล็กเหมือนเดิมเลย"


          ตัวเล็กที่ไม่ค่อยโตที่ป๊าว่าคือเด็กอายุสิบห้าที่สูงร้อยเจ็ดสิบนะครับ...แต่ผมก็พอเข้าใจครับ เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็อดเห็นเด็กน้อยแก้มใสตรงหน้า ยังเป็นแค่เด็กชายตัวเล็กๆไม่ได้


          ป๊ารักและเอ็นดูเทมมากครับ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เคยถามเหมือนกันนะครับ แต่ป๊าไม่ยอมบอก พูดแค่ว่าจะเล่าให้ฟังสักวัน ต้องขอบอกก่อนเลยนะครับว่าต่อให้เป็นเพื่อนสนิทของผมอย่างเต้แล้วก็น้ำ ก็ยังไม่เคยเห็นป๊าในโหมดน็อตหลุดแบบนี้

          โหมดเฮฮาบ้าบอของบ้านผม จะเปิดขึ้นกับเฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้น กับคนนอกก็อาจจะมีเล่นตลกบ้าง แต่ไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวกันเต็มที่แบบนี้ครับ ป๊าม้าที่เต้กับน้ำรู้จัก จึงค่อนข้างเคร่งขรึมและใจดีในเรื่องที่ควรใจดี ส่วนเรื่องที่ต้องดุ ก็ดูดุมากครับ แต่กับเทม ป๊ากับม้าปล่อยตัวตามสบายด้วยแบบหมดคราบเลย



          "แต่เทม เทมสูงที่สุดในห้องเลยนะครับคุณป๊า ไม่เชื่อถามหมูหย็องดูเลยๆๆๆๆ"

          "จริงๆเหรอ คนเอเชียตัวเล็กกันนี่น่า"

          "ตัวเล็กๆก็น่ารัก หมูหย็องตัวเล็กๆ"

          "แหนะ มาจีบลูกป๊าแบบนี้คิดค่าสินสอดนะรู้ไหมเจ้าตัวแสบ"

          "ค่าสินสอดคืออะไรเหรอครับ"

          "ที่เอาไว้จ่ายให้พ่อแม่เวลาที่เราจะมาขอตัวลูกชายเขาไปอยู่ด้วยกันไง"

          "เทมมี มีเงินเก็บไว้ในกระปุกพี่ม่อนอยู่นะ จะพอหรือเปล่าครับ ขอหมูหย็องนะครับ"

          "หือ มีอยู่เท่าไหร่ล่ะ"

          "ปีก่อน ปีก่อนๆๆๆ คุณแม่บอกว่าเทมเก็บได้หมื่นเจ็ดครับ มีเลขเจ็ดแล้วก็ศูนย์อีกสี่ตัว แต่เทมก็ให้คุณแม่ไปหมดเลย ถ้าต้องจ่ายค่าหมูหย็อง เอาไว้ปีหน้าได้หรือเปล่าครับคุณป๊า"

          "มีขอผ่อนด้วยเจ้าตัวเล็ก อะๆ ยอมๆ ขายให้เทมเทมคนเดียวเลยลูก"


          ผมเลิกตามองสองหนุ่มคุยกันเรื่องค่าสินสอดสู่ขอตัวผม นี่ถ้านักข่าวรู้ว่านักธุรกิจผู้มีมากอิทธิพลในวงการกาเงินอย่าง โจวิช เซอร์กีย์ ชาโรนอฟ ขายลูกชายแค่หมื่นเจ็ด คงเป็นเรื่องเขย่าวงการธุรกิจโลกน่าดูเลยนะครับเนี่ย
เทมปุระทำนิ้วก้อยไปเกี่ยวก้อยสัญญาขอผมกับคุณป๊า ซึ่งคนที่อุ้มเจ้าตัวอยู่ก็ยอมเกี่ยวก้อยด้วย
ผมหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเทมหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ผม


          "เทม เทมซื้อหมูหย็องแล้วนะครับ"

          "เทมไม่ต้องจ่ายหรอกครับ หมูยกตัวเองให้ไปฟรีๆเลย" ผมดึงเทมออกจากอ้อมกอดของป๊าแล้วพาเจ้าตัวมานั่งลงข้างๆกัน คุณป๊าฮึดฮัดยกใหญ่ เพราะเจ้าตัวอยากให้เทมไปนั่งด้วยข้างๆ

          ไม่ได้หรอกครับ ป๊าน่ะบังคับเทมให้ทานผักไม่ได้ เกิดไปนั่งข้างกัน ไม่แคล้วจะโดนป๊าตักแต่ของชอบให้จนเสียนิสัย เสียการปกครองไปเสียหมด


          "อ้าว ทำไมใจง่ายงี้วะเฮียหมู หม่าม้าๆ ดูลูกม้าดิ ค่าสินสอดก็ไม่เอา จับตัวเองใส่พานให้เขาเฉยเลย!"

          "ทำไมลูกคนใช้ถึงโง่อย่างนี้คะ ไม่ได้สินสอดก็ดีขนาดไหนแล้ว นี่ดีไม่ดีฝ่ายเราต้องเป็นคนไปจ่ายค่าเสียหายให้น้องเมย์เขาอีก ลูกชายคนรองดันเช้าถึงเย็นถึงลูกชายเขาขนาดนี้ เดี๋ยวคืนนี้ก็คงถึงอีก เฮ้อ ลำไยขอยาดม ...เอาลำโพงมาให้ฉันทำไม ยาดมจ้ะยาดม ไม่ใช่ลำโพง!"

          "หม่อมแม่ จำปาคิดว่าเราควรขัดขวางนะคะ เราต้องเล่นบทแม่ผัวใจร้ายกับพี่สาวร้ายกาจใส่"

          "แต่หม่อมแม่แกล้งลูกน้องเมย์ไม่ลงนี่คะจำปาลูกกก ถ้าหนูแกล้งเทมลง หม่าม้าก็โอเค"


          เฮียเล่นใหญ่ด้วยการตบโต๊ะปัง ชี้หน้าเทมที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ่ยๆ พอสบตาแป๋วๆของเทม เจ้าตัวก็เม้มปากแน่นก่อนจะค่อยๆนั่งลงเหมือนเดิม


          "ฮืออออออ คุณหญิงแม๊ จำปาใจไม้ไส้ระกำใส่คนที่เคยช่วยไล่หมาไม่ให้กัดจำปาตอนเด็กๆไม่ล๊ง"


          เฮียปลาหย็องบีบเสียงเล็กเสียงน้อย หยิบผ้าเช็ดปากขึ้นซับน้ำตาหลอกๆไปทั่วหน้า เฮียปลากลัวสุนัขครับ จะใหญ่เป็นพิทบูลหรือตัวเล็กเป็นชิวาวาแคระแกร็น เจ้าตัวก็กลัวหมดไม่แบ่งแยก

          ตอนเด็กๆเฮียปลาโดนปอมปอมวิ่งไล่ตาม เพราะอยากเล่นด้วย แต่เจ้าตัวกลัวสุดๆ วิ่งหนีไม่คิดชีวิต ปีนขึ้นต้นไม้ไปถึงปลายสุด เจ้าลูกหมาก็เห่าบ็อกบ็อกเฝ้าไม่ห่าง เฮียปลาจะลงก็ไม่กล้า จนได้เทมที่เดินผ่านมาพอดี อุ้มเจ้าปอมปอมไปคืนเจ้าของ เฮียปลาซาบซึ้งใจจนจะรับเทมเป็นลูกบุญธรรมเลยครับตอนนั้น ซึ่งตอนนั้นเฮียเพิ่งจะอายุสิบเจ็ด จะมารับเด็กห้าขวบเป็นลูกบุญธรรมได้ไงกัน


          "เฮียปลา เฮียต้องอัญเชิญวิญญาณจำปาออกจากร่างก่อนนะ ไก่กินข้าวไม่ลงอ่ะ รำ"

          "รำวงเหรอไก่น้องรักของเฮีย"

          "รำคาญ!"


          หย็องหย็องตบไม้ตบมือชอบใจใหญ่ เฮียทำท่ากระเง้ากระงอดก่อนจะทำตัวสั่นๆ เหมือนวิญญาณกำลังออกจากร่างแล้วหันมาทำหน้าเก๊กหล่อใส่พวกผม เฮียเนื้อหยองถึงกับกรอกตาเป็นเลขแปดไทยใส่พี่ชายคนโตของตัวเอง


          "เปิดเทอมวันแรกเป็นไงบ้างล่ะสามหนุ่ม" เจ้ไก่หันมาถามพวกผมกับเฮียปลา

          "ผมยังไม่เปิดเทอม แต่ได้ตารางเรียนมาแล้ว ปีนี้ไม่ดีเลยอ่ะอาเจ้ ตารางเรียนสามวันแรกนี่วิชาที่เกลียดติดกันเป็นพรืด ป๊าๆหยองขอโดดเรียนสักสามวันได้ไหมครับ เรียนแค่พฤหัสกับศุกร์พอ" หย็องหย็องพูดแทรกขึ้นมา ท่าทางเบื่อหน่ายกับตารางเอามากๆ คุณป๊าที่ได้ยินแบบนั้นก็วางมีดส้อมลง หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปาก ก่อนจะยิ้มหวานให้ลูกชายคนเล็กของตัวเอง

          "ได้สิหย็องหย็องลูกป๊า ลาออกจากโรงเรียนได้เลย บ้านเราจะได้มีคนทำสวนกับคนขัดห้องน้ำเพิ่ม"

          "โห ปะป๊าาาาา!!"

          "ป๊าใจร้ายกับน้องหย็องหย็องเกินไปแล้วนะคะ!"

          "อาเจ้จ๋า..." หย็องหย็องทำหน้าปลื้มปริ่ม ส่งสายตาซาบซึ้งให้พี่สาวตัวเองที่ออกโรงปกป้อง

          "ถ้าไอ้หย็องหย็องโดดเรียนแล้วโดนไล่ออก ไก่จะให้มันไปขัดพื้นที่ภัตตาคารไก่เอง" เจ้ไก่แสยะยิ้มเหี้ยม

          "เชอะ!! บ้านนี้มีแต่คนไร้หัวใจ!"


          หย็องหย็องทำท่ากอดอก อมลมไว้ในแก้ม เห็นแล้วน่าชังน่าตบให้หัวสั่นหัวคลอนมากครับ


          "ของผมค่อนข้างวุ่นวายนิดหน่อยครับ ต้องเคลียนร์งานให้เสร็จ เพราะเป็นปีสุดท้ายที่จะส่งต่อตำแหน่งประธานให้กลุ่มอื่นแล้ว"

          "หืม ทำไมต้องส่งต่อล่ะ ไม่ใช่ว่าก็เป็นไปเรื่อยๆแบบนั้นงั้นเหรอ" หม่าม้าหันมาถามด้วยความงงงวย

          "ที่โรงเรียนของผม ประธานจะถูกเลือกตอน ม.2 กับ ม.5 ครับ นี่ก็มีแค่รุ่นผมที่พิเศษ เพราะเป็นประธานตั้งแต่ ม.1 แถมเป็นลากยาวมาถึง ม.3 อีกต่างหาก"

          "ทำไมต้องทำอะไรให้ยุ่งยากด้วยล่ะ ป๊าล่ะเหนื่อยใจแทน ย้ายไปโรงเรียนวัดแทนไหมหมู"

          "เดี๋ยวๆป๊า มันใช่เหรออออออ หย็องว่ามันไม่ใช่มั้งง"


          ผมมองเมินข้อเสนอแนะของป๊าไป พลางหันไปอธิบายให้ม้าฟังต่อ


          "ผู้อำนวยการบอกว่า อยู่ในอำนาจนานเกินไปจะทำให้ติดนิสัยบ้าอำนาจน่ะครับ เลยสลับๆกันไป แต่กลุ่มพวกผมถูกโหวตคะแนนชนะทุกปี เลยหยวนๆกันมาสองปีตามใจเด็กนักเรียน เทอมหน้าผู้อำนวยการเลยบอกว่าให้ไปใช้ชีวิตแบบนักเรียนปกติได้แล้ว ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไร ให้คนอื่นลำบากบ้าง"

          "เออ ก็ดีนะแบบนี้ม้าว่า ตอนเราจะเรียนโรงเรียนนี้ม้าก็ว่าดูไม่ค่อยดี เพราะเป็นโรงเรียนเพื่อนของป๊าเขา"

          "อ้าว นี่คุณจะบอกว่าผมคบแต่พวกไม่ดีหรือไง"

          "อุ้ย ทำไมเตงฉลาด"

          "ข่นบ้าาาาาาาาาาาาา มาว่าเค้านะ ฮึ คืนนี้ไปนอนที่โรงจอดรถเลย!"



          พ่อทำเสียงสูงแล้วสะบัดบ๊อบใส่แม่ เดี๋ยวนี้โลกพัฒนาการถึงขั้นสามารถกรองดีเอ็นเอออกจากเซลล์ได้หรือยังครับ ช่วยกรองออกไปให้ผมที ก่อนที่ผมจะกลายเป็นแบบนี้ไป...



          "เทมครับ เขี่ยผักออกจากจานไม่ได้นะครับ"


          ผมเหลือบตามองคนที่เวลาทานข้าวจะเงียบลง เพราะชอบทำตัวเนียนจากสายตาคนอื่นแล้วแอบหยิบผักออก คลาดสายตาไม่ได้เลยนะครับคนนี้ เด็กน้อยของผมมุ่ยหน้าลงแต่ ก็ยอมตักบร็อคโคลี่ที่ผมตักไว้ให้เข้าปากอย่างจำยอม เจ้าตัวหลับตาปี๋รีบเคี้ยวเร็วๆแล้วดื่มน้ำตาม พอผมเห็นเทมปุระทานผักแล้ว ก็หันมาเข้าประเด็นที่ต้องการ


          "ปะป๊าครับ ไม่ใช่ว่าบริษัทกำลังจะมีโปรโมชั่นจับฉลากชิงรางวัลลุ้นโชค ผู้ชนะได้ไปญี่ปุ่นสิบสองวันเหรอครับ?"


          ป๊าหันมามองหน้าผมด้วยสายตาที่งงยิ่งกว่าไก่ตาแตก ก็สมควรอยู่หรอกครับ เพราะมันไม่มีหรอกจับฉลากชิงโชคอะไรนั่น แคมเปญล่าสุดของบริษัทที่ชิงรางวัลแจกบ้านก็เพิ่งจบไป


          "หา? มีด้วยเหรอ...อะ อ๋อ สงสัยจะมีล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ" ผมส่งสัญญาณทางสายตามาทางเทม เพื่อบอกกลายๆว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเทมเทมของป๊า ป๊าจึงเออออห่อหมกด้วยความมึนงง ถูกผมมัดมือชกเรียบร้อยแล้วก็ตักข้าวทานต่อแบบมึนๆ


          "นี่ไงครับเทม ถ้าเทมส่งจดหมายลุ้นโชคกับคุณป๊า ถ้าโชคดีได้รางวัล ก็ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นฟรีนะครับ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย คุณป้าจะได้ประหยัดเงินด้วยนะ"

          "จริงๆเหรอครับ จริงๆเหรอ!? ดีจังเลยๆๆ ต้องทำยังไงบ้างเหรอครับคุณป๊า"

          "อ๋อ เอาเลขบัญชีมาเดี๋ยวป๊าโอนเงินให้ เอ้ย ไม่ใช่สิเนอะ ก็ เอ่อ ก็ เอ่ออ--"

          "นายก็ไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อร้านนี้นะ ไส้กรอกพริกก็ได้ พอเขาให้ใบเสร็จก็เอามาเขียนชื่อแล้วเอามาให้ป๊า เดี๋ยวป๊าจะเอาไปส่งที่บริษัทให้"


          ป๊าที่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้เฮียเนื้อหย็องผู้ฉลาดเฉลา เพราะตัวเองคิดไม่ทันได้แต่ถอนหายใจโล่งอกที่มีคนแก้ปัญหาให้ตัวเอง พลางทำปากขมุบขมิบทำนองว่า 'ทำไมต้องทำให้ยุ่งยาก เดี๋ยวนั่งเครื่องบินที่บ้าน แล้วไปนอนพักที่โรงแรมเราก็ได้แล้วเนี่ย ไม่ก็เลขบัญชีมา รับรองโอนเสร็จไวในสี่วินาที...'


          "จริงเหรอครับเฮียเนื้อหย็อง แบบนี้เทมก็จะได้ไปญี่ปุ่นกับหมูหย็องกับน้ำกับเต้แล้วใช่ไหม เย้ๆๆๆ เที่ยวกับเพื่อน เที่ยวกับเพื่อนๆ เที่ยวกับหมูหย็อง เที่ยวกับหมูหย็อง" เทมดีใจจนหันมายิ้มตาหยีกับผม ผมเผลอลูบหัวเขาอีกครั้งด้วยความเอ็นดู


           หย็องหย็องหันไปพึมพำกับเจ๊ไก่หย็อง ดูฉงนกับวิธีการของผม

          "เทมเข้าใจคำว่าจับฉลากชิงลุ้นโชคไหมวะเจ้ไก่หย็อง มันคือผู้ชนะ 1 ในล้านคนเลยนะ แต่นี่คือไหงมั่นใจแล้วว่าจะชนะวะ"

          "เออ เอาน่า แคมเปญนี้เกิดมาเพื่อคนคนเดียว คนส่งก็มีคนเดียว ไม่ใช่สุ่มจากหนึ่งในล้าน แต่เป็นล็อคผู้ชนะว่าคนนี้ได้แบบหนึ่งล้านเปอร์เซนแทนไง"

          "แบบนั้นก็ได้เหรอวะ...."


       
          ใช่ครับ นี่แหละครับทางออก ออกให้ตรงๆไม่ได้ ก็ออกให้อ้อมๆแทนแล้วกัน ทำว่าเทมเป็นเป็นผู้โชคดีจากการลุ้นรางวัล โดยรางวัลคือทริปไปเที่ยวญี่ปุ่นกับพวกผมพอดีเป๊ะๆ คุณป้าไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งนั้น


          "ซื้อไอศกรีม ซื้อไอศกรีมได้ไหมครับ ไส้กรอกพริกสีแดงๆมันเผ็ดๆ เทมทานเผ็ดไม่เก่งเลยครับ" เทมพูดเสียงอ่อยขึ้นมา เพราะเคยโดนเจ้าน้ำแกล้งให้กินไส้กรอกพริก ที่เผ็ดสุดๆ เล่นเอาเผ็ดจนน้ำหูน้ำตาไหลไม่หยุด เลยทำให้เด็กน้อยของผมกลัวไส้กรอกไปเลยครับ แน่นอนว่าไอ้น้ำโดนผมชกหน้าเสียปากม่วงไปหลายวัน ข้อหามาแกล้งเทมปุระของผม


          "เทมซื้ออะไรก็ได้ครับ แค่ลูกอมก็ได้ครับ"

          "ต้องซื้อส่งแบบเยอะๆไหมครับหมูหย็อง แบบที่เต้เคยซื้อแผ่นแพลงวง FNK จับฉลากหรือเปล่าครับ"

          "ซื้อแค่อันเดียว เทมก็ได้แล้วล่ะหย็องว่า ผลจับฉลากล็อคผู้ชนะซะขนาดนี้...โอ้ยๆๆๆๆ! ล้อเล่นนะล้อเล่น โอ้ยๆๆ"


          ผมยื่นเท้าออกไปขยี้เท้าเจ้าหย็องหย็องน้องไม่รักดีที่จะทำแผนผมพัง


          "แต่ว่า...คุณแม่อยู่คนเดียว เทมกลัวคุณแม่เหงา..." เทมว่าเสียงแผ่ว

          "งั้นเดี๋ยวคุณหญิงแม่ผู้ใจดีและงามเลิศคนนี้ จะชวนน้องเมย์ไปเที่ยวด้วยกันเอง เพราะงั้นลูกคนข้างบ้านก็ไม่ต้องห่วงแม่ไปนะจ๊ะ ไปเที่ยวกันได้เลย"

          "คุณหญิงแม่จะพาคุณแม่ไปเที่ยวเหรอครับ"

          "ใช่แล้วจ้าลูกคนข้างบ้าน นี่ดีนะว่าจะไม่อยู่กันพอดี ไม่งั้นน้องเมย์ก็คงไม่กล้าทิ้งเธอไว้แล้วหนีเที่ยวกับฉันหรอก ไปเลยนะ ไปๆเที่ยวกันเลย โฮะๆๆๆๆ"


          ผมหันไปผงกหัวเป็นเชิงขอบคุณคุณม้าที่ช่วยแก้ปัญหาให้ ม้าหันมาแสยะยิ้มใส่ พลางขมุบขมิบปากเป็นคำที่อ่านได้ว่า 'ติด-หนี้-ม้า-1-หน-นะ-จ๊ะ!' ....รู้สึกว่าช่วงเวลาพักผ่อนปิดเทอมไม่ปลอดภัยขึ้นมาซะแล้วล่ะครับ...




* ต่อข้างล่าง



หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 6 * 7/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 07-09-2018 21:30:06
 :hao7: น้องเทมมมมม สงสัยจนหมูหยองหมดแรงกลายร่างเป็นหมูแดดเดียวไปเลย  :hao7:  :hao7:  :hao7: เริ่มเห็นอนาคตลางๆของหมูหยอง ว่าควรอยู่ position ไหนละ...  :hao3: :hao3:  :hao3:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 6 * 7/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 10-09-2018 19:49:26

          "ดีจังเลยนะครับเทม แบบนี้ก็ได้ไปเที่ยวกับหมูแล้ว" ผมหันไปยิ้มอ่อนโยนให้เจ้าตัวที่ทำหน้าดีใจสุดๆอยู่ข้างๆ

          "ป๊าก็อยากไปด้วยอ่า เราก็ไม่ได้เที่ยวด้วยกันมานานแล้วนะเทมเทม ตั้งแต่เทมเทมยังใส่กางเกงแดงอยู่เลย"

          "ม้าๆ ป๊าโดนเทมแย่งไปอีกแล้วอ่ะ"

          "ฉันมีน้องเมย์ของฉันก็พอแล้วจ๊ะ โฮะๆๆๆๆ" คุณแม่ที่ไม่รู้หยิบพัดขึ้นมาจากไหน เอามาป้องปากหัวเราะแบบมาดร้าย น้องเมย์ที่แม่เรียกนี่คือชื่อเล่นของคุณป้า คุณแม่ของเทมครับ


          แม่ของเทมเป็นผู้หญิงเรียบร้อยน่ารักอ่อนหวานมากๆ ซึ่งไปถูกใจคุณหญิงเขาเต็มๆ เพราะในครอบครัวเราก็มีแต่ผู้ชายเสียส่วนใหญ่ มีลูกสาวคนเดียวก็ห้าวสุดๆ ไม่นิยมชมชอบการโดนคุรแม่จับแต่งตัวเป็นตุ๊กตา ขัดใจคุณแม่ตั้งแต่หัวจนเท้า
          ลูกรักคนเดียวที่พอจะหยวนๆให้ได้ ก็เป็นผู้ชายแท้ๆที่สูงเกือบสองเมตร จะจับมาเล่นแต่งตัวก็ไม่ได้อีก ถึงเฮียปลาจะยอม แต่รสนิยมตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงครับ


           พอเจอหญิงสาวน่ารักๆอย่างคุณป้าเข้า ก็เลยจับมาเป็นน้องตัวเองเสีย อีกอย่าง เห็นว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้วด้วย


          แล้วไม่ต้องกลัวว่าคุณป้าที่เป็นผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวาน จะทำงานเป็นยามได้ยังไงนะครับ แค่อยู่ในห้องส่วนตัวคอยดูกล้องวงจรปิด แล้วถ้ามีอะไรก็ส่งสัญญาณแจ้งเตือนยามคนอื่นๆเท่านั้นเองครับ จะเหนื่อยหน่อยก็ตรงทำงานไม่ค่อยเป็นเวลาเท่านั่นเองครับ


          เรียกได้ว่าครอบครัวผมชอนไช้ไปทุกตารางนิ้วของการใช้ชีวิตของครอบครัวเทมปุระเรียบร้อยแล้วครับ

          เรียบร้อยแบบเบ็ดเสร็จมากๆเสียด้วย




          "ได้ที่พักหรือยังล่ะ ไปพักโรงแรมเพื่อนเจ้ไหม ตรงสถานีชินจูกุเลย เดินทางสะดวกสบาย"

          "เดี๋ยวขอดูแผนการอีกทีแล้วกันนะครับแล้วจะมาถามดูอีกที"

          "อะไรๆๆๆ งั้นเอาตั๋วสวนสนุกของเฮียไปสิ เฮียได้มาตอนไปแสดงคอนเสิร์ตอ่ะ แฟนๆส่งมาให้"


          ไม่รู้ผมบอกไปหรือยังนะครับ ว่าเฮียปลาที่บ๊องๆ และชอบทำเสียงอุบาทว์น่าสมเพชท่านนี้ เป็นนักร้องนำของวงที่ฟอร์มกับเพื่อนที่มหาลัย เป็นวงมีชื่อเสียง ดังมากพอตัวเลยครับ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ทำจริงจังนัก แค่ทำเป็นงานอดิเรกเฉยๆ ส่วนที่ชอบมาร้องเพลงด้วยเสียงบาดหู

          ...ผมบอกแล้วไงครับว่าเฮียปลาหย็องน่ะ ชอบมาหาเรื่องให้ถูกตบตี...


          "นี่แกข่มฉันเหรอยะ นังเฮียปลา"

          "ถ้าใช่แล้วทำไมยะนังไก่ จะตบไหมล่ะ ไม่รู้เหรอว่าที่นี่บ้านใคร ฉันจะให้คุณหญิงแม่ไล่แกออกกก"

          "ป๊า เฮียปลามันไล่ไก่ออกจากบ้าน!"

          "อะไรนะ! คุณดูลูกคุณสิมารังแกลูกสาวของผม!"

          "แล้วนังจำปาไม่ใช่ลูกของคุณพี่เหรอคะ นี่คุณจำคืนวันใต้ต้นกล้วยของเราไม่ได้ใช่ไหม๊!"

          "ตีกัน ตีกัน ตีกัน ตีกัน"

          หย็องหย็องที่นั่งตบมือเสี้ยม บอกแม่บ้านให้เอาป๊อบคอร์นมาให้เจ้าตัว แล้วเริ่มดูศึกสองทีมฟาดฟันกันด้วยความบันเทิงใจ มีแค่ผม เทมปุระ และเฮียเนื้อหย็องที่ยังคงทานข้าวกันต่อไป ได้ยินเสียงถอนหายใจแว่วเข้ามา

          "เฮ้อ เดี๋ยวกลับไปนอนหอดีกว่า" เฮียเนื้อหย็องถึงกับจะหนีกลับหอเลยครับ...


     มื้อเย็นวุ่นวายเละเทะไปหมดเลยครับ กว่าจะทานกันเสร็จก็นู่นเลย เกือบสี่ทุ่ม หม่าม้าเกือบตกเครื่องบิน ได้แต่รีบเดินมากอดพวกผมทีละคนแบบไวๆ จุ๊บแก้มปะป๊าแบบลวกๆ แล้วรีบวิ่งขึ้นรถตรงดิ่งไปสนามบิน


          "เทมเทมคืนนี้นอนกับปะป๊าสิ เดี๋ยวป๊าก็ต้องไปทำงานตั้งหลายอาทิตย์นะ"


          ป๊าว่าพลางดึงเทมที่กำลังเดินตามหลังผมไปเข้าห้องนอนออกมาจากลิฟต์เฉพาะตัวของผม คืนนี้เทมจะค้างคืนกับผมครับ เพราะผมว่ามันดึกแล้วครับ เดินกลับบ้านมันอันตราย...ครับ...แค่ข้ามถนนก็อันตรายครับ คุณไม่รู้เหรอว่าการข้ามถนนแล้วถูกรถชน เป็นสาเหตุการตายอันดับแรกๆของโลกเลยนะครับ


          ...โอเคครับ ผมยอมรับก็ได้
          ที่ผมรั้งเทมปุระเอาไว้ ก็แค่เพราะว่าอยากนอนกอดเขาเท่านั่นเองครับ ถูกต้องแล้ว


          แต่ตอนนี้ผมกำลังโดนแย่งเทมไปจากอก ด้วยน้ำมือของบิดาตัวเองครับ
          "พรุ่งนี้คุณป๊าไปทำงานแต่เช้าไม่ใช่เหรอครับ ให้เทมไปนอนด้วย เดี๋ยวก็เอาแต่ชวนเทมเล่นเกมกันจนไม่ได้นอนอีก ไม่ให้ไปครับ แยกย้ายกันไปนอนเลย"


          คู่นี้เคยเล่นเกม XO กันถึงเช้ามาแล้วครับ ผมไม่ให้เด็กน้อยของผมไปนอนกับป๊าด้วยอีกเด็ดขาดเลย ป๊าตั้งท่าจะเถียง แต่โทรศัพท์ก็สั่นส่งเสียงเรียกเจ้าตัวไปก่อน ทำให้ป๊าต้องยอมแพ้ศึกแย่งชิงเทมยกนี้ไปอย่างช่วยไม่ได้


          "เทมเทมหลังเลิกเรียนแวะไปเล่นกับป๊าที่บริษัทบ้างนะลูก ป๊าเหงา"

          "แต่เทม เทมต้องเรียนพิเศษตอนเย็นๆๆนะครับ งั้น งั้น เดี๋ยวให้หมูโทรหานะคุณป๊านะครับ"

          "ทำไมเด็กสมัยนี้ต้องเรียนพิเศษๆๆๆๆ ลูกสาวก็ไม่มาหา ลูกชายก็ไม่ไป นี่ลูกรักยังไม่ยอมมาอีก อะไรก็ไม่รู้ ใช่ซี่ ป๊าก็เป็นแค่ป๊านี่" คุณป๊าทำหน้าถูกขัดใจ ก่อนจะเริ่มงอแง เทมปุระก็เดินไปกอดคุณป๊าโยกไปมา

          "โอ๋เอ๊ โอ๋เอ๊ คุณป๊าตั้งใจทำงานนะครับ สู้ๆ สู้ๆนะครับ หมูหย็องกับเทมส่งกำลังใจให้เสมอ เสมอเลยครับ"


          ท่าส่งกำลังใจของเทมคือทำนิ้วชี้ไว้บนหัวสองข้างแล้วโยกตัวไปมาครับ ร่างสูงที่โยกเยกไปมา น่ารักมากจนน้ำตาผมแทบไหล ป๊าจับเทมกอดรัดฟัดเหวี่ยงอีกรอบ บอกฝันดีพวกผม ก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ของตัวเองไป


       

   "เทมนอนกับหย็องหย็องดิ เนี่ย ได้ด้วงตัวใหม่ เขางี้โค้งงอได้องศาเป๊ะๆ แถมเป็นด้วงเผือกด้วย หายากมากนะ ไปนอนดูกันๆๆๆ จะเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของมัน"


          แค่คุณพ่อคนเดียวยังไม่พอ ไอ้หย็องหย็องยังมากระโดดเกาะหลังเทมอีกคน ผมนี่อยากจะติดป้ายห้ามเข้าใกล้เทมปุระเกินสองเมตรมากๆเลยครับ เอาที่เป็นแบบไม้กั้นได้ด้วยยิ่งดี


          ท่าทางของหย็องหย็องดูอยากให้เทมไปนอนด้วยมากครับ เพราะเด็กน้อยของผมเป็นผู้ฟังที่ดีมาก ไม่มีใครสามารถทนคุยเรื่องด้วงกับหย็องหย็องได้หรอกครับนอกจากเทม น้องชายของผมถึงชอบลากเทมไปเป็นผู้ฟัง ซึ่งนั่นน่ะมันการทรมานกันชัดๆ ผมจะไม่ยอมให้เทมต้องไปนั่งปวดหูกับการพล่ามเรื่องด้วงของน้องชายผมแน่


          "หย็องจะนอนดึกไม่ได้ นี่มันใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว หม่าม้าสั่งไว้ว่ายังไง"


          หย็องหย็องเป็นเด็กดื้อมากครับ ชอบนอนเช้าตื่นสายประจำ กลางคืนเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องด้วงไม่หลับไม่นอน ทำให้ม้าออกกฏระยะเวลาในการเข้าห้องสัตว์เลี้ยงของเจ้าตัว เคอร์ฟิวอยู่ที่สี่ทุ่มครับ หลังจากนั้นห้องจะถูกล็อค ซึ่งมีแค่ม้ากับเฮียเนื้อหย็องที่รู้รหัส


          "โห ไรอะ ก็เข้าไปแป๊บเดียว แล้วเดี๋ยวก็ไปนอนแล้ว"

          "อยากโดนคุณม้าล็อคห้องด้วงไปสองอาทิตย์ก็ตามใจนะครับหย็อง ถือว่าเฮียเตือนแล้ว"


          แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ดื้อ แต่หย็องหย็องเป็นคนที่เอาแต่ใจมากครับ ขัดคำสั่งม้าหลายรอบมากเรื่องออกเกินเวลา จนม้าต้องใช้วิธีลงโทษ ด้วยการแยกเจ้าตัวจากด้วงที่รักทุกครั้งที่ผิดข้อตกลง ถึงจะได้ผล


          "เฮียหมูขี้ฟ้อง ฮึ้ย ไปนอนแล้ว!" เจ้าตัวแสบสะบัดหน้า เชิดคอตั้งเดินออกไป

          "อ้าว ยังไม่เข้าห้องนอนกันอีกเหรอ" เจ้ไก่ที่เพิ่งเดินมาตรงหน้าลิฟต์ที่จะแยกย้ายขึ้นไปที่ชั้นส่วนตัวของแต่ละคน เห็นพวกผมที่เพิ่งยืนคุยกับหย็องเสร็จก็ทักขึ้น

          "กำลังจะเข้าห้องครับ เฮียเนื้อหย็องกลับหอแล้วเหรอครับ"

          "ช่าย นี่เพิ่งไปช่วยกับเฮียปลาขนหนังสือขึ้นรถให้"

          "กลับเร็วจัง อีกตั้งห้าวันไม่ใช่เหรอครับ ถึงจะเปิดเทอม"

          "เห็นเจ้าตัวว่าจะไปเตรียมตัวก่อนน่ะ อุ้ย คืนนี้มีแมทซ์สำคัญ ทีมที่เจ้เชียร์แข่ง ไปละๆ แล้วก็..."


          เจ้ไก่หย็องมองนาฬิกาแล้วเตรียมตัววิ่งขึ้นลิฟต์ไปเข้าห้องดูแข่ง แต่ตอนจะประตูจะเลื่อนปิดสนิทก็ยังไม่วายแง้มประตูออก แล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้


          "คืนนี้จะทำอะไรกันก็อย่าเสียงดังนักล่ะ เจ้อยู่โต้รุ่ง อาจจะได้ยินนะจ๊ะหนุ่มๆ หึหึ ว้าย! ไอ้หมู ไอ้น้องบ้า เฮ้ยยยย อย่า อย่าโยน! ไปแล้วๆ!"


          ผมหยิบดอกไม้ในแจกันที่วางตกแต่งบ้านปาใส่เจ้ไก่ที่มาแซวกันซึ่งๆหน้า

          ผมอุตส่าห์ทำใจไม่คิดถึงเรื่องในรถนั่นแล้วเชียว ผมหน้าแดงขึ้นมาหน่อยๆเมื่อนึกถึงเรื่องราวเมื่อตอนเย็น ถ้าหากว่าป๊าไม่ได้ขัดจังหวะล่ะก็... ผมกับเทมก็คงจะ...จูบ...


          ผมรีบส่ายหน้าไล่ความคิดนั้นออกไป เพราะคืนนี้ตัวต้นเหตุที่มักจะทำให้จิตใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก็จะมานอนด้วย ทั้งๆที่ปกติก็มานอนประจำแท้ๆ แต่พอเกิดเรื่องแปลกๆ แล้วก็รู้สึกเก้อเขินขึ้นมา

          ผมพยายามยุติความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะหันมายิ้มหวานให้เด็กน้อยที่เรียบร้อยรอผมอยู่




ขึ้นมาถึงห้อง ผมก็เตรียมตัวไปชำระล้างร่างกายตัวเองที่สกปรกมาทั้งวัน

          "เทมอาบน้ำมาแล้วใช่ไหมครับ งั้นรอหมูอาบน้ำก่อนนะ ไปนอนรอที่เตียงเลยก็ได้นะครับถ้าง่วง"

          อา...ทำไมรูปประโยคมันดูแปลกๆนะครับ

          "เทมยังไม่ค่อยง่วงเลยครับ..."

          นั่นไงครับ เพราะแอบหลับไปในห้องกรรมการแท้ๆ เด็กน้อยของผมเลยเกิดอาการตาแข็งขึ้นมา ปกติเวลาสี่ทุ่มเป็นเวลานอนประจำของเทมปุระครับ แค่เข็มสั้นชี้เลขสาม ก็เริ่มตาปรือ หาวหวอดๆ อยากนอนแล้ว

          "งั้นนั่งอ่านหนังสือหรือดูทีวีรอหมูอาบน้ำก่อนนะครับ"

          "โอเคครับผม"

          เทมทำตัวว่าง่ายตรงดิ่งไปที่โซฟาแล้วเปิดโทรทัศน์ดูนั่งรอ





          ระหว่างที่ผมอาบน้ำ ก็เกิดรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ ก็ทำมาเป็นประจำ อาบน้ำเตรียมเข้านอนกับเทมปุระ แต่วันนี้กลับรู้สึกหัวจิตหัวใจไม่สงบเลย ไม่ใช่แค่ระลอกคลื่นเบาๆที่โต้เข้าฝั่งสม่ำเสมอ แต่เป็นคลื่นยักษ์ลูกโตอย่างสึนามิที่ซัดเข้าฝั่งโครมๆ
          เหตุการณ์วันนี้ไหลวนไปมาเหมือนหนูติดจั่นที่ได้แต่วิ่งไปไหนไม่ได้ ผมอาบน้ำฟอกสบู่สะอาดกว่าทุกวัน ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าทำไม เดินผ่านกระจก ก็มองสำรวจตัวเองว่าทุกอย่างดูเรียบร้อยไหม....

          ให้ตายเถอะ หมูหย็อง...นี่นายคาดหวังอะไรให้เกิดขึ้นคืนนี้กันนะ


ทั้งๆที่วันนี้มันก็พัฒนาขึ้นมาหลังจากหยุดอยู่แค่จับมือกอดหอมแก้มมาตั้งหลายปีแล้วแท้ๆ

          เฮ้อ ผมพรูลมหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากโซนตู้เสื้อผ้า เพื่อมาเรียกเทมขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยกัน
ออกจากห้องแต่งตัวไป ก็เห็นเทมกำลังนั่งหน้าแดงเหม่อมองโทรทัศน์ ที่ดูเหมือนเจ้าตัวไม่ได้ให้ความสนใจ ได้แต่ปล่อยให้สารคดีเล่นต่อไปทั้งๆที่ดวงตาคู่สวยไม่ได้มอง


          "เทมครับ? ง่วงแล้วหรือ?"


          เทมสะดุ้งตัวโยน จนผมแปลกใจ ตกใจอะไรกันนะ ผมมองสำรวจใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนั่น แล้วก็เกิดพลันเข้าใจ อา...นี่เขาก็กำลังคิดเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นวันนี้เหมือนกันหรือเปล่านะ?

          เหมือนอาการหน้าแดงจะโรคที่ติดต่อกันได้ ผมรู้สึกอุ่นร้อนที่แก้มทั้งสองข้างขึ้นมา นึกดีใจที่ไม่ได้ปั่นป่วนอยู่แค่คนเดียว ผมย่างกรายเข้าไปหาเด็กน้อยแก้มแดงช้าๆ นั่งลงข้างร่างสูงที่ดูเกร็งกว่าทุกวัน เทมกลั้นหายใจเมื่อผมขยับเข้าไปใกล้

               หึ ผมอดจะนึกขันอีกฝ่ายที่กลั้นหายใจเสียจากหน้าแดงๆจะกลายเป็นเขียวไม่ได้

               "ฮ่าๆๆๆ เกร็งอะไรขนาดนั้นน่ะครับเทม โธ่ อย่ากลั้นหายใจสิครับ หายใจดีๆเร็วครับ หึหึ"


          ท่าทางของเทมที่เหมือนต่อสู้กับตัวเอง พอสบตาผมก็ตกใจ แต่ก็เหมือนอยากมองอีก พอขยับลูกตากลมนั้นมามองผม ก็ดูเจ้าตัวจะเขินอายขึ้นมาจึงหลบตาไปอีกครั้ง พอผมเขยิบตัวเข้าไปใกล้ ก็นั่งหลังตรงแหน่ว กลั้นหายใจเสียอีกรอบจนแก้มพองออก ท่าทางน่าขันน่าอาดูร เสียจนผมหัวเราะออกมาเสียงดัง พอเสียงหัวเราะของผมถูกบรรเลงขึ้น บรรยากาศของคนข้างตัวก็ผ่อนคลายลง


          "เทม เทมก็...ไม่รู้...ไม่รู้เหมือนกันครับ" เทมยิ้มแล้วตอบผมเสียงอ่อย ใบหน้านั้นยังคงขึ้นริ้วสีแดงพาดไปทั่ว เขาน่าเอ็นดูจนผมยอมช่วยเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย

          "โทรบอกคุณแม่แล้วใช่ไหมครับ ว่าจะค้างกับหมูคืนนี้"

          "ตอนหมูหย็องอาบน้ำอยู่ เทม เทมโทรบอกคุณแม่แล้วครับ" ฝ่ามือที่เล็กกว่ามือของคนที่ตอบคำถามถูกวางลงบนผมนุ่มนิ่ม ผมลูบผมเขาเบาๆ เทมปุระทำหน้าเคลิ้มตามสัมผัสอ่อนโยน

          "งั้นเทมง่วงหรือยังครับ"

          "เทม เทมยังไม่ง่วงเลยสักหน่อย ตาโตๆๆไม่หลับเลยครับ งั้นๆๆๆ หมูหย็องเล่าต่อสิครับ วันนี้หมูหย็องทำงานเหนื่อยไหม"


          ผมยิ้มให้เด็กน้อยที่ความจำดีเหลือเกิน ขนาดเรื่องที่ผมพูดไปตั้งแต่เย็นยังจำได้ รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ คำพูดของผม เทมให้ความสำคัญเสมอ


          "ก็นิดหน่อยครับ แต่วันนี้ไม่มีทะเลาะกันเลยนะครับ ค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดีเลยล่ะ หลายๆอย่างก็ได้มติอย่างเป็นทางการแล้วด้วย แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่ยังจัดการให้ลงตัวไม่ได้ครับ หมูคงต้องประชุมต่อกันอีกหลายวันเลย เหนื่อยเทมต้องตามไปเฝ้าแล้วนะครับ"


          ผมช้อนตาขึ้นมองร่างสูงที่ดูงงกับคำยากๆบางคำที่ผมใช้ ผมพยายามใช้คำที่หลากหลาย เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เทมเรียนรู้คำศัพท์เยอะๆครับ


          "ม้าติคืออะไรเหรอครับหมูหย็อง คุณม้าติคนอื่นเหรอครับ"

          "มะ-ติ มติครับเทม มติที่หมูพูดหมายถึงความคิดเห็นครับ ทุกคนได้ความคิดเห็นที่ตรงกันแล้ว เข้าใจกันแล้ว"

          "มติๆๆๆ อ๋อๆ ดีจังเลยครับ อย่างน้อยก็เสร็จแล้ว เสร็จไปหนึ่งข้อใช่ไหมครับ"

          "ใช่ครับ"

          "ไม่ต้องห่วงนะ เทมจะตามไปให้กำลังใจทุกวันเลย ไปเฝ้าไปเฝ้า เป็นองค์รักษ์ของหมูหย็องเองครับ"

          "ไม่ใช่ว่าไปเพราะสมุดระบายสีที่หญิงเอามาให้นะครับ?"

          "ม่ายช่ายซ้ากกกกกะหน่อย เทมน่ะ เทมไปเพื่อหมูหย็องต่างหากล่ะครับ!"


          เจ้าตัวยืดอกแล้วตบลงเบาๆอย่างยืนยันคำพูดให้ผมเชื่อ ผมยิ้ม
องค์รักษ์เทมปุระทำจมูกฟุดฟิดก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้หัวผม ผมชะงักกับความใกล้กันแบบกะทันหัน ยังไม่ได้ทันตั้งตัว จมูกโด่งก็แปะลงมา ก่อนจะใช้ปลายจมูกเขี่ยเส้นผมบนหัวผมไปมา สูดลมหายใจดังฟืด ผมจั๊กจี้จนหัวเราะออกมาอีกรอบ


          "ทำอะไรครับเทม หมูจั๊กจี้นะครับ"

          ผมดันคางร่างสูงออกเบาๆ เพราะอาการใจเต้นแรงและความคิดที่เริ่มกลับมาฟุ้งซ่าน

          "กลิ่น กลิ่นไม่คุ้นเลยครับ หมูหย็องครับ หมูหย็องเปลี่ยนแชมพูเหรอครับ"

          "หืม กลิ่นนี้หรือครับ เหม็นหรือเปล่า ไม่ชอบเหรอครับ?"


          ผมยกมือขึ้นมาดมกลิ่น บนร่างกายที่สะอาดสะอ้านกรุ่นไปด้วยกลิ่นที่ออกแนววานิลลาเหมือนขนมที่เพิ่งอบจากเตา
          กลิ่นแนวไม้หอมที่ใช้ประจำเพิ่งหมดไปเมื่อวันก่อน ตัวที่ผมใช้เป็นกลิ่นพิเศษที่จำนวนจำกัดและต้องสั่งทำครับ ยุ่งๆกับปิดเทอมเลยยังได้สั่งสำรองมาไว้ ก็เลยต้องใช้กลิ่นอื่นที่มีไปก่อน แม้ว่าจริงๆแล้ว ผมค่อนข้างติดเจ้ากลิ่นนั้น และไม่อยากใช้กลิ่นอื่น แต่จะไม่อาบน้ำสระผม ผมก็ทนไม่ได้หรอกครับ


          ไม่งั้นจากหมูหย็องคงได้เป็นหมูเน่าแทนแน่นอน แต่พอเทมทักขึ้นมาผมก็กังวลใจ ถ้าเจ้าตัวไม่ชอบกลิ่น คืนนี้ร่างสูงอาจจะไม่ดึงผมเข้าไปกอดก็ได้...ไม่เอานะ ผมอยากนอนหลับในอ้อมแขนแข็งแรงนั่น อยากใช้ความอบอุ่นของร่างกายอีกคนแทนไออุ่นจากผ้าห่มผืนใหญ่


          ผมขมวดคิ้ว พลางนึกในใจว่าควรลุกไปหยิบขวดน้ำหอมมาพรมบนร่างกลบกลิ่นนี้ดีไหม หรือควรอาบน้ำอีกครั้งดี ระหว่างที่ชั่งใจ ก็มีนิ้วเรียวสวย ขยับมาจิ้มเบาๆที่ระหว่างคิ้วที่ขมวดแน่นเป็นปมของผม หยุดความคิดเสียก่อน



          "ไม่เหม็นๆๆๆ ไม่เหม็นครับ หอมมากๆ มากเลยครับ กลิ่นอะไรที่อยู่บนตัวหมูหย็องก็หอมไปหมด...แต่กลิ่นนี้"

          "หืม? กลิ่นนี้มันทำไมหรือครับเทม?"

          "กลิ่นน่าหม่ำๆๆๆจังเลย เหมือนขนมที่เทมชอบเลยครับ เทมขอชิมหมูหย็องหน่อยได้ไหมครับ? หอมมากเลย"



          คำพูดที่คลับคล้ายกับถูกเกี้ยวพาราสี และการกระทำที่ราวกับจะพิสูจน์เพื่อยืนยันคำพูดว่าใช่ จมูกโด่งสวยเคลื่อนย้ายมาที่ลาดไหล่ ชุดนอนตัวหลวมที่ถูกออกแบบมาเพื่อสะดวกแก่การนอนหลับ กลับกลายเป็นว่าทำผิดหน้าที่ เมื่อมันแปรเปลี่ยนเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกแก่จมูกของร่างสูงให้แตะต้องผมได้อย่างง่ายดาย

           สัมผัสกำลังลากไล้จากหัวไหล่กลมมาถึงต้นคอขาวที่แข็งเกร็งของผม ทุกมิลลิเมตรที่ปลายจมูกเกลี่ยโดน อุณหภูมิร้อนผ่าวสูงขึ้นและสูงขึ้น ราวถูกจุดกองไฟใต้ผิวหนัง และการขยับของเขา ก็เป็นการราดน้ำมันลงไปให้เปลวเพลิงลุกลามไปทั่ว

          ผมเอียงคอเพื่อให้เทมปุระได้สูดดมกลิ่นไอได้ชัดมากขึ้น เจ้าตัวตอบแทนด้วยการแนบริมฝีปากร้อนประทับตราไปทั่วลำคอ เหมือนผมสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นจากลิ้นร้อนที่ลากเลียไปทั่ว เหมือนกำลังลิ้มลองขนมชิ้นโปรด

          ความรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้อง ทำให้ผมยกมือสองข้างขึ้นไปขยุ้มผมนุ่มหนักหน่วงสลับแผ่วแบวเพื่อระบายความรู้สึกออกไป แต่นั่นกลับทำให้เกิดเสียงครางพึงพอใจ จากร่างสูงที่ดอมดมและดูดเลียชิมรสผมอยู่

          ผมไม่รู้เลยว่าเราใกล้กันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หลังผมราบไปกับโซฟาหนังชั้นดี และเทมก็กำลังนอนราบทาบทับกับร่างกายของผมอีกที

          ยาวนานราวชั่วกัลป์ ชั่วคณะที่ผมกำลังเตลิดไปกับความรู้สึกรุ่มร้อนที่เทมมอบให้ จากทั้งปลายจมูกและริมฝีปาก รวมทั้งลิ้นร้อนที่รุกรานไปทั่ว


          เทมที่ผมคิดว่าจะคลอเคลียแทะโลมซอกคอผมตลอดไป ก็เงยหน้าขึ้นมาสบตา นัยน์ตาใสซื่อ ที่ตอนนี้ทรงพลังผิดแผกไปจากทุกที่ กำลังไล่มองผมทั่วใบหน้าที่ร้อนผ่าวและแดงจัดของผม แม้ความเปียกชื้นและความหนักของร่างสูงที่กดทับจะทำให้ผมรู้สึกไม่สบายตัว แต่ผมก็เลือกจะส่งยิ้มให้เขา บุรุษด้านบนที่หน้าแดงก่ำพร้อมกับสีหน้างงงวย



          "ท-ท-เทม ไม่รู้เป็นอะไรไปครับ ตั้งแต่ในรถ...เทมก็ ก็ ก็ ก็รู้สึกหิวหมูหย็องมากๆ รู้สึกเหมือนอยากกิน อยากทานไปหมดทุกส่วนเลย เทมกลัว กลัวว่าหมูหย็องจะเกลียดกัน เทมแปลกไป หยุดตัวเองไม่ได้ ห้ามตัวเองไม่ได้เลยครับ อึก"


          เทมร้องไห้ออกมา ทุกหยาดน้ำตาของเทมปุระไม่เคยทำให้ผมสบายใจ กลับกัน น้ำตาของเทมปุระเปรียบเสมือนน้ำกรดที่มีฤทธิ์แรงกล้าเสมอ ทุกหยดน้ำตาของร่างสูงมักจะกัดกร่อนหัวใจของผม ให้เจ็บปวดและทุกข์ทนทรมานแทบขาดใจ
          แต่น้ำตาที่มาพร้อมคำสารภาพครั้งนี้ ให้ผลตรงกันข้าม มันทำให้หัวใจพองฟู เหมือนสารละลายบางอย่าง ที่ผมให้ผมรู้สึกหลอมเหลวไปทั้งเนื้อทั้งตัวและหัวใจ หัวใจที่เต้นตึกตัก ขยับขยายแผ่ออกกว้างจบคับอก


          เขากำลังมีอารมณ์ และเขามีอารมณ์เพราะผม
          เขาอยากกลืนกินผมเข้าไป

               ดีใจจัง...


          น้ำตาที่ไหลเป็นสายจากร่างสูง ตกกระทบใบหน้าของผมจนชุ่มฉ่ำไปด้วย ผมผละมือที่จากขยุ่มผมนุ่มนั้นเป็นลูบปลอบโยน และเอื้อมมาลูบน้ำใสที่กำลังรวยรินจากคนขี้แง



             "ความรู้สึกที่หมูมีให้เทม มันตรงข้ามกับเกลียดไปไกลมาก ไกล...มากๆ หมูเคยบอกแล้วใช่ไหมครับ? ว่าหมูเป็นของเทม ไม่ว่าจะลำคอนี้ หรือริมฝีปากนี้ ใบหูข้างขวา หรือใบหูข้างซ้าย แขนทั้งสองข้าง ทุกๆส่วน ทุกๆพื้นที่...เป็นของเทม เป็นเสมอมา เพราะแบบนั้น ไม่ว่าเทมจะทำอะไร จะลิ้มรสร่างกายนี้ หรืออยากกัดกิน....ก็เชิญตามสบายเลยครับ..."

ผมเคลื่อนตัวไปหอมแก้มนุ่ม บอกเขาซ้ำอีกครั้ง

          "ใช้ร่างกายของหมูได้ตามสบายเลยนะครับ"



          เทมสบตาผมด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว เจ้าตัวยังคงดูสับสน แต่มือแกร่งทั้งสองข้างก็ก้มลงมากอดผมไว้แน่น เสียงสะอื้นราวกับร่ำไห้บอกลาเส้นกั้นของสองเรา เส้นที่เพิ่งขาดลงไป ผมคิดว่าเป็นเส้นสำคัญที่ขีดกลางขวางกั้นเราสองคนให้เป็นแค่เพื่อนสนิทมากธรรมดามาโดยตลอด ถึงเวลาที่เส้นนี้ควรจะหายไป และเทมจะต้องก้าวข้ามมาหาผม               

แล้วเราจะต้องเดินไปสู่ความสัมพันธ์แบบใหม่


          ผมโอบกอดร่างสูงที่ซุกตัวเข้ามาหา


          "หยุดร้องไห้นะครับคนดี"

          "เทมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยครับหมูหย็อง กับเต้กับน้ำ กับหญิง กับเฮียปลาเฮียไก่ กับคุณป๊า คุณแม่ กับทุกๆคน หมูหย็องไม่เหมือนใครเลย ความรู้สึกตรงนี้ มันแปลกๆ หมูหย็องพิเศษ พิเศษมากๆ ยิ่งกว่าผัดกระเพราเพิ่มไข่ดาว ยิ่งกว่าบะหมี่พิเศษเกี๊ยว มันเอาแต่ร้องว่าอยากอยู่ใกล้ๆหมูหย็อง ชอบหมูหย็องมากๆๆๆเลยครับ มากกว่าทุกคน ไม่อยากให้หมูหย็องยุ่งกับใคร อึก"


          เทมละล่ำละลักสารภาพออกมา เหมือนเด็กที่แอบซ่อนความผิดมานาน รวบตัวผมไปกอดไว้แน่นกว่าเดิม


           "เทมไม่อยากเป็นคนนิสัยไม่ดี ที่หวงหมูหย็องเหมือนของเล่น คนเราต้องรู้จักแบ่งปัน ฮือ แต่กับหมูหย็อง เทมเป็นคนเห็นแก่ตัว เป็นคนนิสัยไม่ดี เทมแบ่งให้ใครไม่ได้เลย แบ่งหมูหย็องให้ใครไม่ได้เลยครับ อยากให้หมูหย็องเป็นของเทมคนเดียว"


          เทมผละตัวออกมาคร่อมร่างผมไว้ ทำให้ผมเห็นสีหน้าของร่างสูงได้ชัดเจน สีหน้าของเทมดูหลากหลายความรู้สึก ทั้งทุกข์ ทั้งสุข ทั้งทรมาน ทั้งความสับสนมึนงง และไม่รู้จะทำอย่างไร ราวกับเด็กตัวเล็กที่กำลังหลงทางในเขาวงกต ไม่สามารถหาทางออกได้


          มือแกร่งเคลื่อนมากอบกุมมือของผมให้เลื่อนไปสัมผัสบริเวณหน้าอกด้านซ้าย ที่มีหัวใจดวงนั้นที่ผมอยากได้บรรจุเอาไว้อยู่ ข้างในนั้นเต้นแรง เป็นความรู้สึกที่คุ้นชิน


          ผมคุ้นเคยกับจังหวะการเต้นของหัวใจดวงนี้ เพราะมันคล้ายคลึงกับจังหวะการเต้นของหัวใจของผม
          มันเป็นจังหวะการเต้นของหัวใจ ที่กำลังพร่ำบอกว่ารัก


           "มันแปลกมาตลอด แต่พอบนรถ ความรู้สึกประหลาดมันก็ยิ่งมากขึ้น มากขึ้น มองหมูหย็องทีไร ก็สึกทรมานตรงนี้ด้วยครับ เทมกลัว กลัวหมูหย็องจะเกลียด กลัวจะทำอะไรไม่ดีลงไปครับ ฮือ"


           เสียงร้องไห้โฮดังยิ่งขึ้น กับร่างสูงที่คงจะรู้สึกสับสนกับความรู้สึกที่ตัวเองไม่เข้าใจ เทมจับมือผมที่อยู่บนหน้าอก จากสัมผัสหัวใจที่กำลังเต้นแรง กลับเคลื่อนไปอยู่บนบางอย่างที่กำลังตื่นตัวและแข็งค้าง


          ผมตกใจและหน้าแดงจัดกับความแข็งขืนใต้ฝ่ามือ พอฝ่ามือผมไปถูกเทมน้อย เจ้าของก็สะดุ้งเฮือก น้ำตาหยดแหมะๆ เบ้ปากฟ้องผม


          "หมูหย็องครับ หมูหย็อง ดูสิครับ ฮือ มันดุกดิกใหญ่เลย ท-ท-ทเทมนอกจากโง่ เป็นคนบ้า ปัญญาอ่อน แล้วยังเป็นโรคอะไรอีกหรือครับ"


          บรรยากาศความรักแบบแปลกๆ ที่เหมือนโซดารสสตรอเบอร์รี่กลิ่นส้มและเหล้าองุ่น ที่กระจายตัวอยู่ล้อมรอบตัวหายไปทันที หลังจากที่เทมพูดคำนั้นออกมา ผมหน้าตึง  สีหน้าดุจัด พลางละมือจากเจ้าเทมน้อย ประกบใบหน้าที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาให้แน่นิ่ง เทมตกใจกับการกระทำของผม แต่ก็กลั้นสะอื้นและรอฟังผมทันที


          "ทำไมเทมว่าตัวเองแบบนั้นครับ เป็นคำเรียกตัวเองในแง่ลบที่ไม่ดีเลย และมันไม่ใช่ความจริง เทมไม่ได้เป็นคนบ้า เทมไม่ได้ปัญญาอ่อน และที่สำคัญเทมไม่ได้โง่เลยสักนิด เทมแค่เรียนรู้ช้า บกพร่องทางอารมณ์นิดหน่อย หมูขอร้อง ขอร้องนะครับ..."


          น้ำเสียงผมที่อ้อนวอนขอร้องเขาราวกับจะขาดใจ ผมทนไม่ได้ ทนไม่ได้ให้ใครมาว่าเขา แม้แต่ตัวเขาเองก็ห้ามว่าเด็ดขาด เทมปุระของผมเป็นสิ่งที่ล้ำค่า และแสนวิเศษที่สุด


          "อย่าเรียกตัวเองแบบนั้นอีกนะครับ เทมเป็นเด็กที่พิเศษ เป็นเพื่อนที่พิเศษ คำในแง่ร้ายพวกนั้นไม่ควรใช้อธิบายเทมของหมู ไม่ว่าใครก็ห้ามเรียกเทมแบบนั้น แม้แต่ตัวเทมเองก็ห้ามนะครับ เพราะมันไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่เทมเลยสักนิด"


          ผมไม่รู้จะบอกเขาว่ายังไง เทมไม่เคยสบายใจเลย เจ้าตัวรู้ว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่นๆ และคอยดูถูกตัวเองเสมอมา เทมมีความรักใส่ตะกร้าที่พร้อมมอบให้คนอื่นเสมอ มีความห่วงใยที่พร้อมจะนึกถึงคนอื่นตลอดเวลา แต่กับตัวเอง เทมกลับไม่ให้ความสำคัญ ผมอยากให้ความรักของผมช่วยอุดรูตะกร้าที่ขาดของเทม อยากให้เทมรักตัวเองเหมือนที่ผมนึกรัก


         
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 6 * 7/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 10-09-2018 19:55:49


"มีแค่หมูหย็อง มีแค่หมูหย็องเท่านั้นแหละครับที่รักเทม"


          อา ใจจริงผมอยากเก็บเครดิตตรงนี้ไว้คนเดียวนะครับ เพราะผมก็แอบสอนเขามาตลอดว่าผมเป็นคนที่รักเขามากที่ แล้วเป่าหูเจ้าตัวให้เชื่อว่าทั้งโลกใบนี้มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่รักเขา และต่อให้เอาความรักของคนทั้งโลกมารวมกัน ก็ไม่เท่าความรู้สึกที่ผมมีให้เขาหรอก


         แต่ก็นั้นแหละครับ ผมทำไม่ได้ ผมต้องให้เขารับรู้ว่าไม่ใช่แค่กับผม แต่เขาสามารถได้รับความรักจากทุกคน เป็นคนที่คู่ควรแก่การถูกรักที่สุด


          "อีกหลายคนเลยนะครับที่รักเทม คุณแม่ คุณป๊าหม่าม้า เฮียปลาเจ้ไก่เฮียเนื้อหย็อง หย็องหย็องก็รัก เต้ก็รักน้ำก็รัก...หมู...ก็รัก"


          เทมที่โดนผมดุจนสลดแล้วก้มหน้าซุกตรงอกผม ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกครั้ง ตาที่แดงก่ำเพราะเสียน้ำตาไปมากมายสบตามามองผม ผมนึกสงสารเจ้าตัวในวันพรุ่งนี้ว่าจะต้องปวดหัวปวดตา เพราะร้องไห้มากเกินไปแน่นอน ได้แต่หวังให้ไม่เป็นหนักถึงไข้ขึ้น ใบหน้าที่แดงก่ำไม่แพ้ตาคู่สวยกำลังฉีกยิ้มหวานมาให้ผม


          "แต่หมูหย็อง หมูหย็องก็จะรักเทมที่สุดใช่ไหมครับ"


          ตรงนี้ ผมว่าผมควรได้หน้าไปคนเดียวนะครับ ก็เพราะมันเป็นเรื่องจริงนี่น่า...
ผมลูบหัวเด็กน้อยที่งอแง อยากฟังคำบอกรักจากผม มองมาด้วยดวงตาเป็นประกายอ้อนกัน


          "ใช่ครับ หมูรักเทมที่สุดเลย" ผมยิ้มพร้อมถักร้อยอารมณ์ใส่ลงไปในคำพูดและแววตาที่สบกัน
เทมอมยิ้มจนแก้มบวมเมื่อได้ฟัง แต่สุดท้ายร่างสูงก็พ่าย กลั้นร้อยยิ้มกว้างไว้ไม่ไหว ร่างสูงก้มลงมากอดผมพลิกไปมา เราหัวเราะด้วยกันจนเหนื่อยหอบ บนโซฟาตัวใหญ่มีผมกับเขานอนตะกองกอดกัน ด้วยแววตาหวานเชื่อมที่เคลือบไปด้วยความรักใคร่


          ภายใต้บรรยากาศหวานๆ ความใคร่ก็เริ่มเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง

          ผมคิดว่าผมจะสอนวิธีการ ปลดปล่อยของผู้ชาย ให้กับเทม


          เทมที่ระหว่างกอดผมแน่น เจ้าเทมน้อยก็ดันลุกขึ้นอย่างแข็งขันถูไถต้นขาผมอยู่ ใบหน้าทรมานดูอึดอัดแต่ไม่รู้วิธีการ สัญชาติญาณของเจ้าตัวแค่สั่งให้ทำตัวยุกยิกไปมา แต่เหมือนกลับว่านั่นจะยิ่งทำให้แรงอารมณ์สูงขึ้น แรงเสียดจากสะโพกสอบ ทำเอาผมหน้าแดงฉานและร้อนดังเปลวไฟ แม้ผมจะเขินอายขนาดไหน อายแทบเป็นบ้า


          แต่ผมคิดว่าผมควรเป็นคนสอนเขา ครั้งแรกของเขาควรเป็นของผม
          แม้ว่าจะเป็นแค่การช่วยตัวเองก็เถอะ

          ไม่ว่าอะไรที่เป็นครั้งแรก ผมก็อยากเป็นคนแรกของเขาเสมอ
          อยากให้เขาเป็นคนแรกของผม เป็นคนแรกของผมเฉกเช่นเดียวกัน


          "เทมครับ เทมรู้ไหมว่าเทมกำลังโต" ผมบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นมากนัก ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะสกัดถ้อยคำมาอธิบาย ทั้งๆที่สติของผมใกล้ขาดลงเต็มทน หลังคำสารภาพรักกลายๆของเขา ยิ่งทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง อยากจะเร่งรัด รวบหัวรวบหางให้เขาเป็นของผม ให้เราหลอมหลวมเป็นหนึ่งเดียว ให้ผมเป็นของเขา ให้เขาเป็นของผมสิ้นเรื่องสิ้นราวไป

               แต่คำสัญญาที่มีไว้กับคุณป้าก็เหมือนสายโซ่ที่คล้องคอผมอยู่
               อา...ไม่น่าไปสัญญาด้วยเลยจริงๆ


          แต่แรงอารมณ์ที่หาทางออกไม่ได้ของผู้ชายนี่ทรมานมากนะครับ ถือว่าผมละเมิดข้อตกลง แต่ยังอยู่ในข้อตกลงก็แล้วกัน เพราะใบหน้าแดงก่ำและลมหายใจร้อนที่เป่าอยู่ข้างใบหูก็ทำเอาผมนึกสงสาร ผมจะพยายามไม่ให้เตลิดไปถึงขั้นสุดท้ายแล้วกันนะครับ


          "เทมรู้ครับ" เทมตอบรับคำถามของผม

          "ไปที่ห้องน้ำกันนะครับ" ผมสะกิดให้เทมลุกออกจากตัวผม เจ้าตัวดูขัดใจเล็กน้อย เหมือนไม่อยากแยกออกจากผมไปไหน ผมยิ้มและปลอบเด็กน้อยหน้ามุ่ยที่อยากทำตัวติดกับผม ด้วยการเอื้อมมือไปจับมือใหญ่นั้นไว้ แล้วจูงไปที่ประตู ผลักให้ร่างสูงเข้าไปยืนในอ่างอาบน้ำก่อนจะค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเขาออกทีละเม็ด มือใหญ่รวบมือผมเอาไว้


          "หมูหย็องครับ เทมอาบน้ำมาแล้วนะครับ"


          เทมเอียงคอมองอย่างสงสัย เจ้าตัวคงนึกว่าที่ผมถอดเสื้อ คือผมจะอาบน้ำให้

          อืม...ครั้งนี้ไม่ใช่หรอกครับเทมปุระ ไม่ใช่ชำระล้างออกให้
          แต่ครั้งนี้หมูกำลังจะอาบสีที่ในชีวิตนี้เทมไม่เคยรู้จักให้ต่างหาก


          "หมูจะสอนวิธีการปลดปล่อยให้นะครับ ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะมีปฏิกิริยาเวลาถูกกระตุ้นอารมณ์ ความรู้สึกที่เทมรู้สึกกับหมู เขาเรียกว่ามีอารมณ์ทางเพศ เจ้าสิ่งนี้ ตรงนี้น่ะ ตรงเทมน้อย ต้องได้รับการปลดปล่อยแล้วจะดีขึ้น หมูจะสอนวิธีให้นะครับ เขาเรียกว่าการช่วยตัวเอง"


          แต่ขั้นต่อไป นอกเหนือจากนี้เอาไว้เราได้คบกันจริงจัง แล้วหมูจะสอนอีกครั้งนะครับ


          ผมพยายามพูดให้ช้า และอธิบายให้กระจ่างในครั้งเดียว ด้วยกลัวเทมจะถามซ้ำ เพราะผมกลัวว่าตัวเองจะไม่มีสติพอที่จะอธิบายอีกแล้ว ผมจะข้ามไปแสดงให้เข้าใจโดยทางภาคปฎิบัติเลย...


           ผมเม้มปากพยายามให้หัวใจที่สั่นไหวระรั่วเต้นช้าลง หมูหย็องคนเก่ง ผู้ไม่เคยเกรงกลัวต่ออะไร แม้กระทั่งต่อหน้านักเรียนสามพันกว่าคน ผมก็สามารถขึ้นไปพูดคุยได้อย่างสบายๆ ต่อหน้าผู้ร่วมทำธุรกิจกับพ่อที่มีอำนาจมหาศาล หรือต่อหน้านางแบบ คนดังระดับโลกผมก็ไม่เคยตื่นเต้นอะไร แต่เวลานี้ผมกับมือสั่น และใจที่สั่นยิ่งกว่า


          ท่อนบนที่เปลือยเปล่าทำเอาสมองผมร้อนวูบ ช่วงคอแกร่ง ช่วงแขนแน่นตึง ไหล่กว้างสมส่วนและเอวสอบตอบรับกันเป็นอย่างดี  หน้าท้องแบนราบที่มีซิกแพคให้เห็นเบาบางดูเรียงตัวสวย กล้ามเนื้อคล้ายตัววีไล่เรียงหายไปในกางเกงเนื้อนุ่ม ผมใช้เวลาตั้งสติหลายวินาที กว่าจะทำลายมนตร์สะกดแสนร้ายกาจของร่างกายตรงหน้าได้ สูดลมหายใจเข้าลึกอยู่นาน กว่าจะดำเนินภารกิจต่อด้วยการปลดปราการชิ้นสุดท้าย

          กางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นที่ปกปิดอะไรอะไรที่อยู่ข้างใต้ไม่ได้เลย


          "หมูหย็องครับ..." เทมก้มหน้าลงมาเรียกชื่อผมแผ่วเบา สัมผัสได้ถึงการเกร็งตัวของร่างสูงเมื่อผมยื่นมือที่สั่นแตะต้องโดนเจ้าตัว ความร้อนราวกับเหล็กอังไฟของท่อนกลางกายของเทม เหมือนคบเพลิงที่จุดไฟในร่างของผม ผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนจัดจนแทบจะเป็นลม ทั้งๆที่ในห้องน้ำควรจะเย็นสบาย แต่บริเวณที่ผมกับร่างสูงยืนอยู่กับเหมือนมีมวลไอความร้อนแผ่ซ่านออกมา


          ผมเริ่มขยับมือสาธิตวิธีให้เจ้าตัว แรกๆก็ติดขัดเล็กน้อย เพราะผมไม่เคยจับของใครนอกจากตัวเอง แล้วก็เริ่มคล่องขึ้น ถ้าให้ผมเดา สังเกตจากสีหน้าบิดเบี้ยวของเจ้าตัว และหน้าท้องที่เกร็งจนเห็นกล้ามเนื้อสวยแล้ว ผมว่าผมทำครั้งแรกได้ไม่เลวเลย...เทมน่าจะมีความสุขมาก


          ริมฝีปากสวยพร่ำเรียกชื่อผมไม่ขาดปาก เทมตัวน้อยที่ไม่ได้น้อยสมชื่อ เริ่มร้องไห้ เป็นหยาดน้ำตาที่ไม่ได้ใสเหมือนหยดน้ำจากตา แต่เป็นหยาดน้ำสีขาวขุนที่เริ่มเปรอะเปื้อนไปทั่วมือผม ภาพตรงหน้าช่าง...ลามก
เสียงที่กำลังดังไปทั่วห้องน้ำก็สุดแสนน่าอาย


"อะ อา...หมูหย็อง หมูครับ"


           เสียงครางทุ้มแหบพร่าดังไม่ขาดสาย เพียงไม่นานเทมก็ปลดปล่อยออกมา ท่อนขายาวพยุงตัวเองไว้ไม่ไหว ต้องนั่งลงในอ่าง มือแกร่งดึงผมให้ทรุดฮวบลงไปซบกับแผ่นอกกว้าง เสียงหอบเหมือนเหน็ดเหนื่อยจากการวิ่งหลายสิบกิโลดังสะท้อนห้องน้ำใหญ่ แทนเสียงเสียดสีเมื่อสักครู่ ผมขยับตัวนั่งลงบนตักแกร่งที่ยังสัมผัสได้ถึงความแข็งร้อน


          ครั้งเดียวคงไม่พอสินะ...


          ผมบดเบียดสะโพกลงไปแผ่วเบา แต่เทมน้อยกลับเด้งตัวต่อต้านผมอย่างแรง เทมที่เพิ่งเคยเสร็จสมเป็นครั้งแรกเงยหน้ามองผมที่นั่งอยู่บนหน้าตักแข็งแรง ใบหน้าหล่อเหลาที่แดงเรื่อจากแรงอารมณ์ พร้อมนัยน์ตาฉ่ำเยิ้ม ดูน่ารัก น่าใคร่เสียจนผมอดใจไม่ไหว ก้มลงใช้เรียวปากของตัวเองจูบซับเหงื่อบนใบหน้างงงวย


          "รู้สึกดีไหมครับเทม?"

          เทมพยักหน้าตอบรับราวกับคนยังไม่ตื่นจากฝันดี

          "เทม เทมรู้-รู้สึกแปลกๆครับ ไม่รู้เรียกว่าอะไร"


          ผมยิ้มให้เด็กน้อยไร้เดียงสาตรงหน้า ยื่นใบหน้าตัวเองไปใกล้ใบหูที่แดงไม่แพ้ส่วนใดของร่างกายคนข้างใต้ แนบริมฝีปากเข้าไปใกล้ พูดเสียงกระเส่า


          "เขาเรียกว่าเสียวครับ"

          "เรียกว่าเสียวงั้นเหรอครับ อือ มือหมูหย็องเสียวมากเลยครับ เทมไม่รู้เลยว่าตรงนั้นใช้ทำอย่างอื่นได้ด้วยนอกจากแกว่งไปมากับฉิ่งฉ่อง"


          แย่แล้วครับ ผมอดใจไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมกำลังล่อลวงเทมปุระให้กลายเป็นเด็กใจแตกเสียแล้ว คำว่าเสียวจากร่างแกร่งด้านใต้ฉุดอารมณ์ผมขึ้นสูง ถ้อยคำลามกง่ายๆ กลับก่อพายุรุนแรงในร่างกายของผม


          "หมูอยากเสียวบ้างจัง เทมช่วยหมูหน่อยได้ไหมครับ?"


          ผมทอดเสียงหวานราวกับนางเงือกที่ใช้เสียงเพลงขับร้องล่อลวงเหล่ากะลาสีให้ลุ่มหลง ชักชวนและชักจูงไป ให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ เทมทำหน้าหน้าเคลิบเคลิ้ม พยักหน้าอย่างเลื่อนลอย


          "หมูหย็องให้ทำอะไร เทมจะทำให้ทุกอย่างเลยครับ"










          กว่าการเรียนรู้ครั้งแรกของเทมจะจบลง ผมก็พ่ายแพ้ไปหลายยก เทมแข็งแรงมากจริงๆครับ มีแค่สองรอบแรกเท่านั้นที่เจ้าตัววิ่งนำเข้าเส้นชัยไปก่อน รอบหลังๆนี่ผมทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น

          ครั้งแรกกับเขา ผมประหม่ามากเกินไป ตื่นเต้นมากเกินไป รักเขามากเกินไป จนควบคุมความรู้สึกที่อยากเอาแต่พรั่งพรูออกมาไม่ได้ แต่ครั้งหน้าผมจะไม่ยอม


          เหนื่อยยิ่งกว่าวิชาพละทั้งเดือนรวมกัน เทมช่างเป็นเด็กขี้สงสัย จับตรงนู่นตรงนี้ของผมทดลองไปทั่ว พยายามหาส่วนที่ผมเสียวมากที่สุด และรังแกเน้นยำอย่างไม่ปรานี ในความใสซื่อ และผมที่เผลอไร้สติ ทำให้ถ้อยคำที่เริ่มพูดคุยกันลามกขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องเอามือปิดปากเทมเอาไว้ ด้วยกลัวจะสามารถถึงเส้นชัยได้เพียงลมปากของคนตรงหน้า


          เราสลับกันปรนเปรอ และทำไปพร้อมๆกัน หลากหลายท่วงท่า เรียกได้ว่า ถ้าก่อนเข้าห้องน้ำคือเลเวลหนึ่ง เทมที่อุ้มผมออกมาจากห้องน้ำก็เลเวลใกล้จะตันแล้วล่ะครับ

          หลังผมยืนยันว่าไม่ไหว ยืนยันขอให้รอบนี้เป็นรอบสุดท้าย เทมก็ช่วยเข้ามาพยุงผมอาบน้ำ แต่ก็ลงท้ายด้วยการเกินเลยผมอีกครั้งและอีกครั้ง
         

          จนผมต้องให้เทมยืนรอแล้วรีบอาบน้ำให้เสร็จด้วยแข้งขาที่อ่อนแรงของตัวเอง
ผมเหลือบตามองนาฬิกา จำได้ว่าตอนเข้าไปคือช่วงประมาณสี่ทุุ่ม แต่ตอนนี้ตีสี่กว่าเข้าไปแล้ว อีกแค่ชั่วโมงกว่าๆ ผมก็ต้องอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียน


          ใบหน้าของผมที่นอนสบตากันบนเตียงตอนนี้ดูเหนื่อยอ่อนกันทั้งคู่ แต่กลับมีรอยยิ้มและดวงตาอิ่มเอมเปี่ยมสุข



          ผมว่ามันคุ้มค่า


               เพราะต่อให้เหนื่อยกว่าวิชาพละทั้งปีรวมกัน ก็มีความสุขมากกว่าความสุขทั้งปีรวมกันเช่นกัน
               การได้ใกล้ชิดกับคนที่ตัวเองรัก...มันช่างเป็นความสุขที่แสนสุขจริงๆนะครับ


               เทมที่ตาเริ่มปรือ เพราะนอนผิดเวลาไปหลายชั่วโมง แต่ยังคงพยายามเบิกตาเอาไว้ เพียงเพราะอยากนอนมองหน้าผมนั้นช่างน่าเอ็นดู ผมที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงแสนอบอุ่นก็เคลื่อนตัวขึ้นไปจูบที่ปลายคางของเขา



          "มีเวลาแค่ชั่วโมงเดียวก็จริง แต่ว่าหลับสักหน่อยก็ดีนะครับ ฝันดีนะครับเทมปุระ"


อ้อมกอดที่รัดแน่นยิ่งขึ้นทำให้ผมลอบยิ้ม และเสียงทุ้มต่ำก็ทำให้ผมเชื่อ ว่าคืนนี้ผมจะหลับฝันดี



          "ฝันดีนะครับหมูหย็อง"









(https://i.imgur.com/1b5jyAM.png) end 6 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

     





หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 7 * 10/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 10-09-2018 23:35:30
  :hao3: น้องเทมนี่ไม่น้องละ... skillความไสแบบน่าจับฟัดนี่ต้องเรียกพี่  :hao3: น่ารักค่ะ ชอบเรื่องนี่ อ่านแล้วหุบยิ้มไม่ได้เลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 7 * 10/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 11-09-2018 20:46:34











▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    7    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇









          ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการคอแห้งผาก เหมือนกับเพิ่งเดินฝ่าทะเลทรายอันแห้งแล้ง
น่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์เสียน้ำมากเมื่อคืน...

          ผมควานมือหาสวิตช์โคมไฟ กดแตะเพื่อเรียกแสงสว่างให้กระจายไปทั่วห้อง รอสักพักกว่าสายตาที่พร่ามัวจะเริ่มกระจ่าง สิ่งแรกที่อยู่ในครรลองสายตาคือร่างสูงที่กำลังนอนมองผมนิ่งอยู่ พอเห็นผมลืมตาตื่นขึ้น
เหมือนกับต้นไม้ที่ขาดน้ำได้รับการรดให้ชุ่มฉ่ำในที่สุด รอยยิ้มถูกถักทอขึ้นทันทีเมื่อเราสบตากัน


          "หมูหย็อง อรุณสวัสดิ์ครับ"

          "อรุณสวัสดิ์ครับ...เทม"


          ผมเอ่ยเสียงแผ่วเบา พอตื่นเต็มตาและมีสติ ถึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องน่าอายมากมายขนาดไหน ผมรู้สึกว่าไม่สามารถสบตาหวานฉ่ำนั้นได้ จึงเสมองส่วนอื่นของใบหน้าเขาแทน
          เทมยังคงหน้าแดง ผมเดาว่าคงเป็นสีแดงที่ผสมผสานจากทั้งความเขินและความอาย กอปรกับร่างสูงดูเหมือนจะมีไข้นิดหน่อย จากอุณหภูมิที่แผ่ออกมาจากอ้อมแขนเขาที่โอบกอดผมอยู่ มันค่อนข้างร้อนมากกว่าปกติ
         
          ผมข่มความอายและหันกลับไปสบตาเจ้าตัว

          และรู้สึกว่าเป็นความคิดที่ผิดถนัด

          เพราะมัน ตู้ม

          สติที่กว่าผมจะรวบรวมมาได้แต่ละเล็กแต่ละน้อย แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไม่มีเหลือ ด้วยนัยน์ตาหวานๆ และรอยยิ้มหวานๆ ที่กำลังส่งให้กัน

          ผมเหมือนถูกดึงดูด ได้แต่ขยับตัวเลื่อนลอยขึ้นไปหาเป้าหมายสีชมพูอ่อนตรงหน้า ริมฝีปากสุขภาพดีที่ยามนี้เหมือนกำลังโบกมือเรียกให้ผมเข้าไปหา ก่อนจะถึงตรงนั้น ผมเม้มปากตัวเองแน่นแล้วตัดใจเปลี่ยนทิศทางไปที่ปลายคางของเขาแทน

          เสียงจุ้บเบาๆดังออกมาทันทีที่ผมสัมผัส แม้จะเบาแสนเบา แต่ด้วยความที่ห้องนี้มีเพียงเราสองคน และเสียงเครื่องปรับอากาศชั้นดีก็ทำงานได้ดีเกินไป ทั้งห้องจึงเงียบสนิท เสียงแผ่วเบา ดูดังก้องขึ้นมา เรียกเลือดทั่วร่างให้มาทำหน้าที่แดงฉานบนใบหน้าผม

          เทมฉีกยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะลงมือลอกเลียนแบบ แต่เพราะผมนอนซุกอกเขาอยู่ เจ้าตัวจึงไม่สามารถจูบรับอรุณที่ปลายคางของผมได้ นางฟ้าของผมปลี่ยนเป้าหมายมาที่ติ่งหูด้านซ้ายที่ไร้การป้องกันแทน

          ผมรู้สึกสะท้านไปทั้งร่างกาย ไม่เคยนึกผูกใบหูกับสัมผัสวาบหวามหวิว แต่เทมปุระกลับเปิดเผยข้อมูลนี้ให้ผมรู้  ตั้งแต่เมื่อคืน ใบหูใบเล็ก ติ่งหูอันจิ๋ว แต่กลับสามารถรวบรวมความรู้สึกมหาศาลอัดแน่นเอาไว้ได้ แค่แตะต้องเหมือนแมลงปอเกาะผิวน้ำเบาๆ ก็เรียกความร้อนให้พุ่งทะยานไปไกลถึงไหนต่อไหน

          เทมดูพออกพอใจกับท่าทางสะดุ้งโหยงของผม เขาตั้งท่าจะจู่โจมลงมาอีก จนผมผวายกมือปิดกั้น จนริมฝีปากสวยๆ ประทับลงหลังมือที่ยกขึ้นป้องกันแทน

          ผมรู้สึกว่าพ่ายแพ้ ไม่ใช่แค่ติ่งหู และไม่ใช่แค่ที่ซอกคอ แต่ไม่ว่าจะเป็นตรงไหนของร่างกาย ทุกๆจุด ทุกๆส่วน
ขอแค่ให้คนที่สัมผัสโดน คือชายที่กำลังกอดรัดผมอยู่ ...ก็ทำให้รู้สึกอย่างรุนแรงไม่ต่างกัน

          ผมกัดปาก พยายามไม่ส่งเสียงแปลกๆออกไป ระหว่างที่โดนเทมจู่โจมไม่เว้นจังหวะ
เทมจูบไปทั่วตัวผม ราวกับเด็กเห่อของเล่นใหม่ ที่เล่นไม่ยอมหยุด ราวกับเด็กเล่นของเล่นชิ้นโปรดที่แสนรักแสนหวง

          แม้จะเว้นบริเวณริมฝีปาก แต่ส่วนอื่นก็ถูกเรียวปากสวยๆนั่นประทับไม่ว่างเว้น

          นี่ผมคงไม่ได้ไปเปิดประตูสู่อะไรแปลกๆให้เทมใช่ไหมครับ
ทำไมนางฟ้าของผมถึงได้กลายเป็นเหมือนเจ้าหมาน้อยที่ฟันเพิ่งขึ้น แล้วคันเขี้ยวจนฟัดผมไม่หยุดแบบนี้


          จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ


          "อือ...."
          "ท-เทม...หยุดก่อนครับ เช้าแล้วนะ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย"
          "ทะ-เทม เทมครับ เทม..."

          เทมที่น้อยครั้งนักที่จะดื้อกับผม กลับยังคงทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงห้าม
          ผมจนใจและ...มีความสุข การกระทำเอาแต่ใจของเทมกลับทำให้ผมอมยิ้มไว้จนปวดแก้ม

          ท่าทีดื้อดึงนั่นก็ทำให้ผมใจเต้นตึกตักไม่หยุด

          ผมยอมนอนนิ่งเฉย และรอดูเจ้าหมาน้อยที่เขี้ยวเพิ่งงอก ว่าเจ้าตัวจะพึงพอใจเมื่อไหร่

          แต่ห้านาทีก็แล้ว สิบนาทีก็แล้ว จนผมต้องห้ามอย่างจริงจัง ไม่งั้นผมกลัวว่าผมจะสามารถกลายเป็นหมูแห้งได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

          เพราะมันตื่นขึ้นมาแล้ว...เจ้าสิ่งที่ตื่นขึ้นมาเคารพธงชาติ กำลังยืนตรงอย่างแข็งขัน ผมหน้าแดง รีบระล่ำระลักบอก

          "เทมครับ จะสายแล้วนะครับ จะไม่ได้สติกเกอร์นะครับถ้าไปสาย"

          เทมหยุดชะงักกึก พลางสบตาผมแล้วมุ่ยหน้าขัดใจ สีหน้าของเทมที่ถูกขัดอก ดูน่าเอ็นดู ผมของเทมยุ่งเหยิง และนัยน์ตาที่มักใสกระจาง ดูแดงเล็กน้อย ใต้ตาดูมีรอยคล้ำและบวมเป่ง ผมเอื้อมมือไปลูบใต้ตานั้นแผ่วเบา ผิวขาวของมือผมเมื่อทาบลงกับใต้ตา ยิ่งทำให้ร่องรอยที่มีเด่นชัดจนผมนึกเป็นห่วง

          "ทำไมตาดูแดงจังครับ เมื่อคืนไม่ได้นอนเลยหรือ" แม้มีเวลาแค่พอได้งีบชั่วโมงกว่าๆก็ต้องตื่น แต่ดูจากหลักฐานทุกอย่างบนใบหน้าของคนตรงหน้า กลับแสดงชัดเจน ว่าเจ้าตัวคงจะไม่ได้นอนเลยแม้สักวินาทีเดียว

          ลูกตากลมสีน้ำตาลสวยนั่นเสหลบตาผม เหมือนเด็กๆที่ถูกจับได้ว่ากระทำผิด เทมอ้อมแอ้มตอบผมเสียงแผ่วเบา ด้วยกลัวว่าจะถูกผมดุ

          "ก็...ก็เทมไม่อยากนอนนี่ครับ เทม เทมกลัวว่าเมื่อคืนเทมจะฝันไปเฉยๆ แล้วก็อยากมองหมูหย็องเยอะๆๆๆๆแล้วก็นานๆๆๆๆเลยด้วยครับ"

          เจ้าเด็กคนนี้นี่ จะทำให้ผมอมยิ้มจนปวดแก้มแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ แล้วผมก็นึกขึ้นได้ ว่าผมไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องกลั้นยิ้มเลย ผมฉีกยิ้มกว้างกับถ้อยคำแสนน่าดีใจนั่น พลางเอื้อมมือสุดแขนหวังจะกอดรัดรั้งคอร่างสูงให้มาใกล้ชิด

          "พิสูจน์ไหมครับ ว่าฝันไปหรือเปล่า? เขาบอกว่าในฝัน คนเราจะไม่รู้สึกเจ็บ เพราะงั้น..."

          ผมเคลื่อนหน้าไปหาใบหน้าที่กำลังเหรอหรา เพราะตกใจในการกระทำอันอุกอาจ

          ผมไล่สายตาสำรวจรอบใบหน้าแสนรัก

          ทั้งๆที่ผมหักห้ามใจตัวเองไว้แล้วเชียว ว่าไม่ว่ายังไง ตรงริมฝีปากนั้นน่ะ ก็อยากเว้นไว้ก่อน คิดว่าริมฝีปากสวยๆนั่นควรตกเป็นของตัวผมในอนาคต อยากให้เราอยู่ในฐานะคนรักที่แน่นอน
          ไม่ใช่ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนสนิทแบบนี้
   
          ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทที่แบบนี้มีคนเดียวในโลกก็เถอะ....

          อา...แต่ก็คงต้องพูดขอโทษตัวเองในอนาคตเสียแล้วล่ะครับ

         ใครใช้ให้เทมพูดจาน่ารักใส่ผมขนาดนี้กันล่ะ ขอผมชิมก่อนที่จะได้ครอบครองเขาก็แล้วกัน

          ผมแลบลิ้นร้อนชื้นลากเลียไปที่ริมฝีปากของร่างสูง เทมที่ตกใจจนเผลออ้าปากค้าง ยิ่งทำให้ผมสามารถแทะโลมเขาได้สะดวกยิ่งขึ้น ผมขบเม้มสลับลิ้มรสผิวเนื้ออ่อนนุ่ม และเริ่มลงมือพิสูจน์ว่านี่ไม่ใช่ฝัน ด้วยการใช้ฟันขบปากสวยแผ่วเบาสลับหนักหน่วง

          แรกเริ่มผมคิดว่าจะหยุดอยู่ที่ตรงนั้น แต่โอกาสอันหอมหวานที่นานๆจะมีสักครั้ง
          และความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของที่ผมมีก็ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หลังจากค่ำคืนของสองเรา

          ฟันขาวมุ่งหาเป้าหมายถัดไป เรื่อยไปถึงสันกรามได้รูปสวย และจบลงที่ต้นคอแกร่ง แนบริมฝีปากลงไปดูดกัด
แรงขึ้น และแรงขึ้น จนขึ้นสีแดงคล้ายดอกกุหลาบ

          ผมไม่เคยคิดว่าดอกไม้มันสวย จนกระทั่งมันเบ่งบานอยู่บนผิวของคนตรงหน้า

          อืม...ผมว่าดอกไม้ ควรอยู่ด้วยกันเป็นช่อถึงจะยิ่งงดงาม
ร่องรอยคิสมาร์กที่ผมปลูก เบ่งบานอีกหลายดอก กระจัดกระจายเต็มไปหมด จนกระทั่งร่างสูงครางประท้วง

          "เทมเจ็บคอจังเลย หมูหย็องแกล้งเทมทำไมครับ แกล้งกันไม่ได้นะครับ" เทมทำเสียงเสียอกเสียใจ เพราะโดนผมกัด จะเถียงว่าไม่ได้แกล้ง หลักฐานก็คาต้นคอเขาเสียขนาดนั้น ผมจึงหันไปหอมแก้มเอาใจคนโดนผมรังแก

          "ไม่ได้แกล้งเทมนะครับ หมูกำลังพิสูจน์ไงครับ ว่าเทมไม่ได้ฝันไป เจ็บไหมครับ หมูขอโทษนะ" ผมยิ้มและลูบที่ลำคอเขาปลอบประโลม รอยยิ้มของผมถูกส่งให้เทมอย่างอ่อนหวาน เทมยิ้มกว้างส่ายหัวจนผมชี้ฟูนั่นกระจาย

          "เจ็บจี๊ดๆนิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นไรแล้วฃ เพราะรู้แล้วว่าไม่ได้ฝันไป ดีจังเลยครับที่ไม่ใช่ฝันไป ดีจังๆๆๆ...แต่เมื่อกี้ เมื่อกี้"

          หลังจากสีหน้าดีอกดีใจ ก็เป็นสีหน้าสับสนพร้อมแก้มที่ชมพูเปล่งขึ้นมาเหมือนกลีบดอกบัว

          "หืม เมื่อกี้? มีอะไรเหรอครับ? "

          เทมดูลุกลี้ลุกลน ยอมปล่อยผมจากอ้อมกอด ลุกขึ้นนั่ง เจ้าตัวเหมือนหุ่นยนต์ที่เครื่องกำลังรวน ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง ยิ่งผมลุกขึ้นนั่งตาม แล้วขยับเข้าไปใกล้ เพื่อฟังให้ชัดว่าเด็กน้อยกำลังพึมพำว่าอย่างไร ดอกบัวที่เปล่งปลั่ง ก็ผลิบานยิ่งกว่าเดิม แดงจนผมฉงน ว่าเจ้าเด็กแสนขี้อายของผม กำลังเขินอายด้วยเรื่องอะไรอยู่...

          "ใจเย็นๆนะครับเทม ค่อยๆอธิบายนะครับ" ผมลูบมือแกร่งไปมาเพื่อกล่อมให้คนตรงหน้าใจเย็น นัยน์ตาใสฉาบไปด้วยความเขินอาย เทมเม้มปากแน่นพลางดึงมือออกจากการกอบกุมของผม ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างงงวย

          สองมือปิดหน้าตัวเองแน่น พูดเสียงค่อยจนผมฟังไม่ชัด จับใจความได้แค่

          จูบ...

          แย่ล่ะสิ เด็กน้อยดันรู้จักการจูบซะได้
          เอาไงดีนะ

          เทมคงเห็นผ่านละครโทรทัศน์ นิยาย หรือสิ่งต่างๆ ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าถึงจะจำกัดการเข้าถึงสื่อขนาดไหน แต่รอบๆตัวของเทม ก็มีสื่อเยอะแยะมากมายที่ไม่ได้จำกัดแค่จากหนังสือหรือทีวี มากขนาดที่ต่อให้ผมไม่ให้เทมมีโทรศัพท์ไว้ใช้ หรือสร้างขอบเขตไว้อย่างดีขนาดไหน ก็ต้องมีหลุดรอดออกมาให้เด็กน้อยรู้จนได้

          ผมครุ่นคิดหาคำอธิบาย ว่าจะอธิบายไปตรงๆหรืออย่างไรดี
          ถึงนั้นจะเรียกว่าจูบได้ไม่เต็มปากก็เถอะ เพราะก็ยั้งตัวเองไว้แค่ริมฝีปากล่างเท่านั้น

          และเทมรู้สึกยังไงกับการที่ผมจูบเขา กำลังรังเกียจกันหรือเปล่านะ?

          เพียงแค่คิดว่าจะถูกคนตรงหน้าเกลียด เลือดในกายของผมพลันเย็นเฉียบ
สัมผัสไม่ได้ถึงอารมณ์ความอยากมีชีวิตอยู่ ผมพยายามเอื้อมมือไปแกะมือที่กั้นอยู่นั่นออก แต่ปราการปิดกั้นสีหน้าที่ต้องการจะมองนั่นก็ดูแล้วแข็งแรง แม้ว่าผมอยากจะจับมือเขาออก เพื่ออ่านสีหน้า แต่ก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง

          เพียงแค่คิดยังรู้สึกเจ็บจนร่างกายสั่นสะท้าน น้ำตาเอ่อขึ้นอยู่ที่ขอบตา
ผมรู้สึกว่าหายใจไม่ออก แน่นหน้าอกจนนึกว่าตัวเองกำลังจะตายภายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า หากไม่ใช่เพราะเสียงแผ่วเบาหลุดรอดออกมาจากฝ่ามือให้ได้ยิน

          "เทมได้จูบกับหมูหย็องด้วย"

          เสียงทุ้มที่ต่อให้ฟังยังไง ก็รับรู้ได้ถึงความดีใจในนั้น พร้อมมือแกร่งที่ผ่อนมือลง รอยยิ้มขวยเขินประดับไปด้วยความสุข ดวงตาหยีลงเพราะรอยยิ้มมองตรงมาที่ผมอย่างแสนรัก แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นผม เทมชะงัก ก่อนจะรีบดึงผมให้เข้าไปหา


          "หมูหย็องครับ! หมูหย็อง หมูหย็องเป็นอะไรครับ ม-ม-ม ไม่สบายเหรอ ไม่สบายหรือเปล่า หา หา หา หาหมอ หาหมอ ไปหาหมอกันนะ ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา ไม่ร้องไห้ อย่าร้องไห้นะ เจ็บตรงไหน ปวดตรงไหนบอกเทมหน่อยครับ หมูหย็อง หมูหย็องไม่เป็นอะไรนะครับ"


          ผมที่นั่งหน้าซีดตัวสั่นด้วยกลัวถูกเทมเกลียด คลายความตึงเครียดขั้นสูงสุดของร่างกายลง อ้อมกอดร้อนจัดทำให้ผมสบายใจ เทมดูตื่นตะหนกตกใจ ที่พอโผล่หน้าออกมาหลังความขวยเขินลดลง ก็ดันเห็นผมนั่งหน้าซีดตัวสั่น ตาแดง ทำท่าร่ำๆจะร้องไห้อยู่ตรงหน้า มือใหญ่ลูบคลำผมไปทั่ว จับมือซ้ายมือขวายกขึ้นดูเหมือนหาร่องรอยที่เป็นต้นเหตุ ร่างสูงลุกขึ้นพรวดพลางตั้งท่าจะอุ้มผม จนผมต้องรีบกระตุกมือใหญ่ให้ใจเย็น


          "ไม่ได้นะ ไม่ได้นะครับ หมูหย็องต้องไปหาหมอ ไม่สบายต้องไปหาหมอนะครับ เทมไม่อยากให้หมูหย็องเจ็บปวด เทมจะไปบอกคุณป๊าเดี๋ยวนี้แหละ"


          ความเป็นห่วงที่ฉายชัด ความร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูกของเขาทำให้ผมนึกตลกตัวเอง


               คิดไปได้ยังไงนะว่าเทมปุระจะเกลียดผม ไม่มีทางหรอก
          เขารักผม รักผมมากขนาดที่แทบจะอุ้มผมตัวลอยออกนอกห้อง ทั้งๆที่โป๊เชียวนะ

          ผมหัวเราะออกมากับความคิดบ้าบอของตัวเอง จนเด็กน้อยยืนงง สับสนกับความผีเข้าผีออกของผม


               "หมูไม่ได้เป็นอะไรครับ แค่ตกใจที่เทมไม่ยอมให้เห็นหน้า นึกว่าโกรธกันเสียอีก"


                    เทมร้องอ๋อในลำคอ พลางลูบอกตัวเองเรียกขวัญเป็นการใหญ่ ผมที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาเสียขวัญก็ช่วยลูบด้วย เทมกลับมานั่งลงบนเตียงกับผมตามเดิม เจ้าตัวดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างด้วยสีหน้าเขินอายอีกครั้ง


               ผมยิ้มกริ่มให้กับท่าทางแสนขี้อายของคนตรงหน้า เมื่อคืนพอผมอาบน้ำเสร็จก็เหนื่อยจัด แค่ยืนให้ตรงๆยังทำได้ยาก เทมจึงจับผมนั่งบนเก้าอี้ แล้วเช็ดตัว เช็ดผมจนแห้งสนิท จับผมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วอุ้มผมไปวางลงที่เตียง พอเจ้าตัวจะไปแต่งตัวมานอนบ้าง ผมก็เกิดนึกไม่อยากให้ร่างใหญ่ห่างกายไปแม้แต่วินาที จึงอ้อนให้เขานอนด้วยทั้งๆที่ร่างกายเปลือยเปล่า เทมก็แสนดี ยินยอมผมไปเสียทุกอย่าง ทำให้เช้านี้เทมไม่ได้อยู่ในชุดนอนตัวเก่งอย่างเคย


          "เทม เทม เทมไม่ได้โกรธครับ ไม่ได้โกรธหมูหย็องนะครับ" เทมปุระเม้มริมฝีปาก กัดๆปล่อย คล้ายลังเลที่จะพูด

          "ค-ค-แค่รู้สึกหน้ามันจะไหม้ยังไงก็ไม่รู้ครับ หน้าร้อนนี่เหมือนหัวร้อนไหมครับหมูหย็อง"


          ผมใช้สัมผัสปลอบเขา สบดวงตาฉายแววประกายสับสน ผมยิ้ม และรอเขาพูดอย่างใจเย็น


          "แล้ว แล้วก็เทมเคยดูในโทรทัศน์กับเต้เล่าให้ฟัง ในโทรทัศน์เขาบอกว่าคนรักกันถึงจะจูบกันได้ เต้ก็บอกว่าจูบกับแฟน แต่หมูหย็องกับเทมเป็นเพื่อนกันแล้วทำไมถึงจูบกันได้ล่ะครับ แปลกใจจังเลย แล้วคนรักกับแฟนคืออะไรกันแน่ เอาปากมาชนๆกันนี่เรียกว่าจูบใช่ไหม หรือว่าเทมเข้าใจผิดไปเองครับ?"


          เขาเอียงคอสงสัย คำพูดประโยคยาวๆที่หาได้ยากจากเด็กชายตัวน้อยของผมหลั่งไหลออกมาไม่หยุด เหมือนคนตรงหน้าถึงขีดจำกัดของความอดทนแล้ว เขาต้องการคำตอบมากๆ มากพอกับที่ผมต้องการจะตอบเขาเช่นเดียวกัน


          "เทมงงๆๆจังเลย ถ้าต้องเป็นแฟนถึงจูบกันได้ แล้วทำไมเราสองคนที่เป็นเพื่อนถึงจูบกันล่ะครับ แต่ แต่เทมก็รู้สึกดีมากเลย ในนี้เต้นตุ้บๆ ตุ้บตั้บใหญ่เลย ดีใจใหญ่เลย ปกติหมูหย็องจะให้จุ้บๆแค่ตรงอื่น แต่ตรงปากจะไม่ให้จุ้บจุ้บ เลยดีใจมากๆ รู้สึกดีมากๆ มีความสุขมากๆเลยครับ"


          เสียงทุ้มพูดรัวเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน พยายามอธิบายให้ผมฟัง ถ้อยคำที่แสนซื่อตรงมุ่งตรงไปดึงส่วนที่อ่อนโยนที่สุดของผม และปลุกความอาดูรอย่างที่สุดขึ้นมา นึกสงสารเด็กชายเทมปุระที่โดนผมปั่นหัวจนสับสนวุ่นวาย
 
          เพราะประครองความเป็นเพื่อนมาเป็นเส้นกราฟตรงตลอด มีขึ้นสูงเล็กน้อย ในบางคราที่ผมอดกลั้นไม่ไหว
แต่คงเส้นคงวา ไม่เกินเลยมากไปเสมอมาตลอดหลายปี

          แต่ความอดทนก็ถูกกาลเวลากัดกร่อน จนโซ่ที่ตรึงผมไว้ขาดไปหลายเส้น เรี่ยวแรงรั้งที่ลดน้อยยถอยลง ก็ทำให้ผมกระโดดเข้าใส่เทมปุระอย่างรุนแรง ทำให้คนที่ไม่เคยเจอผมในโหมดออกล่า และรุกอย่างรุนแรงถึงกับมึนงง วุ่นวายใจ

          สีหน้าของเด็กเจ้าปัญหาตรงหน้าทำผมอารมณ์ดี นิ้วเรียวสวยชี้ไปที่หน้าอกตัวเอง ฟ้องว่าตรงไหนที่เต้นตุ้บตั้บตามที่บอกเล่า ผมก็อยากจะบอกเหมือนกันว่าตอนที่ผมทำ ตรงนั้นของผมก็เต้นตุ้บๆไม่แพ้เทมปุระเลยสักนิด
 
          ผมพยายามเรียบเรียงคำอธิบายดีๆให้คนตรงหน้า พลางคิดหาบทลงโทษให้กับไอ้เต้ที่มาเล่าอะไรบ้างก็ไม่รู้ให้เทมฟัง ผมต้องการเป็นคนสอนเขาเองทั้งหมดแท้ๆ มาตัดหน้ากันนี่ยอมไม่ได้ครับ


          "หน้าร้อนนี่เขาเรียกเขินครับ คล้ายๆกับอาย ส่วนตามโทรทัศน์แล้วก็ที่เต้บอก...ถูกต้องแล้วครับ เฉพาะคนรักกันเท่านั้นถึงจูบกันได้ หมูถึงไม่เคยให้ปากเราแตะกันเลย เพราะเราเป็นแค่เพื่อนกัน"


          มือขาวจัดอมชมพูตามสายเลือดตะวันตกของผมเลื่อนขึ้นมาไล้ริมฝีปากของตัวเอง เพื่อบ่งบอกถึงบริเวณต้องห้าม สายตาของเทมที่มองตามการเคลื่อนไหวของปลายนิ้ว ราวกับต้องมนตร์สะกด ผมอมยิ้มให้กับท่าทางกำลังอดทนของเขา ท่าทางที่มองตามการเคลื่อนไหวของผมไม่ละสายตา สายตาทอแสงความหิวโหย คล้ายเขาอยากก้มลงมาฟัดผมมากกว่าฟังคำอธิบาย


          แต่ยังหรอก ผมยังไม่ให้เขาฟัดผมตอนนี้
          ตอนที่ถึงหัวเลี้ยวหัวต่อ ถึงส่วนสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ของสองเรา



          "เทมรู้ไหมครับว่าแฟน หรือคนรักหมายถึงอะไร?"

          เทมทำท่าครุ่นคิด พยายามลากสายตาออกจากริมฝีปากของผม ที่กำลังกลั้นยิ้มให้กับความกระหายของคนตรงหน้า

          "เพื่อนสนิทสุดๆๆๆๆๆ?"

          "หึหึ ครับ นั่นก็ใช่ เพื่อนสนิทสุดๆ แต่ก็เป็นมากกว่านั้นด้วย แฟนก็คือชื่อเล่นของคำเรียกของคนรัก เป็นคนรักกัน ก็คือสองคนที่คบกัน ไม่ใช่คบกันฉันท์เพื่อนสนิทเท่านั้น แต่คนรักกันจะเป็นมากกว่านั้น เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งน้อง ทั้งที่ปรึกษา เป็นครอบครัว อยู่เคียงข้างกัน คอยช่วยเหลือ พึ่งพากันและกัน เป็นคนที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต"

          "เพื่อนก็ทำแบบนั้นไม่ใช่เหรอครับหมูหย็อง อยู่ด้วยกัน เล่นด้วยกัน ช่วยดูแลกัน หมูหย็องกับเทม เราสองคนก็ไม่เห็นแตกต่างไปจากที่หมูหย็องบอกเลยนะครับ แบบนี้เราก็เป็นคนรักกันแล้วหรือเปล่าครับ?"


          ผมชะงักกึก หัวใจเต้นหนักหน่วง กับคำว่าคนรักที่ออกมาจากปากร่างสูง พาลเอาคำพูดในหัวกระเจิดกระเจิงหายไปหมด ผมได้แต่นั่งบีบมือตัวเองแน่น ใช้ความพยายามขั้นสูงสุด ที่จะไม่จบเรื่องการอธิบายลงแค่นี้ แล้วลากเทมขึ้นไปกกกอดกันบนเตียงต่อ


          "ตอนนี้ยังไม่ใช่ครับ" เทมทำหน้าผิดหวัง เสียใจสุดๆออกมา จนผมนึกอยากจะเปลี่ยนคำพูดตัวเองให้ถูกต้องตามใจเขา แต่ก็เลือกที่จะกลั้นใจอธิบายต่อไป เพื่อผลลัพท์ที่ดีกว่า


          "ฟังหมูบอกก่อนนะคนดี หมูบอกว่ายังไม่ใช่ ก็เพราะหมูอยากให้เทมเข้าใจคำว่าคนรักดีเสียก่อน คำว่าคนรักหรือแฟน มีได้แค่คนเดียวเท่านั้น ไม่เหมือนกับเพื่อน ที่จะมีกี่คนก็ได้ เป็นคนพิเศษที่สุดเพียงหนึ่งเดียว เป็นคนที่มีเพียงหนึ่งเดียวบนโลก เป็นคนๆเดียว ที่เรามีความรู้สึกพิเศษให้"


          ผมมองดวงตาสวยของเขาตลอดเวลาเอื้อนเอ่ย


          "เป็นความรู้สึกที่เรียกว่ารัก รักที่เหมือนครอบครัว เหมือนเพื่อน เหมือนพี่เหมือนน้อง แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว รักแบบคนรักมันลึกซึ้งกันคนละแบบ แบบที่เรารู้สึกว่าเรายอมทำได้ทุกอย่างเพื่อเขา อยากอยู่ใกล้เขา แต่ก็ไม่อยากให้เขาอยู่ใกล้ใคร อยากให้เขามองเราแค่คนเดียว สนิทกับเราแค่คนเดียว หึงเขา หวงเขา อยากปกป้องเขา อยากให้เขามีความสุข..."


          ถึงส่วนสำคัญของการอธิบาย ผมค่อนข้างเขินเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพูดต่อไป สบตาเขา ไม่หลีกหนีไปไหน


          "แล้วก็สามารถสัมผัสกันได้มากกว่าคนอื่นๆ เพื่อนกันก็จะแค่มีกอดกันเวลาดีใจ พ่อกับแม่ก็หอมแก้มหรือลูบหัว แต่กับแฟนเราจะมีอะไรกัน จูบกัน กอดกัน หอมแก้มกัน ลึกซึ้งด้วยกัน ร่วมรักแนบชิดกันและกัน แบบที่หมูอธิบายให้เทมฟังเมื่อคืนนะครับ"


          ผมกลั้นใจรอคนที่มีท่าทางครุ่นคิดตามคำพูดของผม ความรู้สึกตื่นเต้นมากมายประเดประดังเข้ามา ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจไหม ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกเหมือนกันไหม การรอฟังเขาตอบเหมือนกับการพนันที่ผมทุ่มเทให้ทั้งชีวิต และตอนนี้ก็ถึงเวลาสุดท้าย เป็นช่วงเวลากำลังรอลูกเต๋าที่ทอยออกไปตัดสินชี้ชะตา ผมบีบมือตัวเองแน่นขึ้นไปอีก

          ได้แต่ภาวนาให้ตัวผมเป็นผู้ชนะในการพนันอันยิ่งใหญ่


         
          "เทมก็รู้สึกว่ารักหมูหย็องพิเศษกว่าใครเลย ไม่เหมือนทุกๆคนนะครับ หมูหย็องต่างมากๆ โดดเด่นออกมาจากทุกคน พิเศษกว่าใครทั้งหมด มีแค่คนเดียวในโลกครับ"


          เทมพยายามอธิบายความรู้สึกของเขาให้ผมฟัง มันตะกุกตะกักนิดหน่อย เพราะเขาตั้งใจสื่อสารกับผมมาก
เขาพยายามเต็มที่ที่จะพูดให้ถูกต้อง


          ผมเบิกตากว้างมองเขา รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะร้องไห้ คำว่ารักจากเขา เหมือนน้ำเหมือนสายลม ช่วยรดช่วยเป่าหัวใจอันตีบลีบของผมให้พองฟูขึ้น ความรู้สึกของผมมันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ เหมือนหัวใจที่ว่างเปล่าถูกเติมเต็มจนเต็ม เหมือนความพยายามทุกอย่างประสบความสำเร็จ รู้สึกมีความสุข รู้สึกเป็นผู้ชนะคนทั้งโลก


          "อยากให้หมูหย็องมีความสุข อยากให้หมูหย็องไม่เป็นไข้ อยากให้สุขภาพแข็งแรง" เทมเอื้อมมือใหญ่มาจับมือที่กุมกันเอาไว้แน่นของผม เขาลูบมันเบาๆ แล้วพยายามอธิบายต่อด้วยแก้มขาวขึ้นสีระเรื่อ


          "เวลาหมูหย็องอยู่ใกล้ใคร เทมก็รู้สึกร้อนใจไปหมดเลยครับ ไม่ชอบให้หมูหย็องยุ่งกับใคร ไม่ชอบให้ใครจับหมูหย็อง หรือว่าหมูหย็องไปจับใคร ถ้าเพื่อหมูหย็องเทมก็ยอมได้ทุกอย่างครับ ทำให้หมูหย็องได้หมดเลย ไม่ให้ทานขนม เทมก็จะไม่ทาน ให้ทานผักเยอะๆๆๆเทมก็จะหม่ำให้นะ แต่ขอทานวันละน้อยๆแต่หลายๆวันแทนนะครับ"

           ผมแอบหัวเราะเบาๆให้เด็กน้อย กับคำออดอ้อนขอต่อรอง

          "เทมยอมทุกๆๆๆอย่างเลยครับ อยากปกป้องหมูหย็อง อยากเป็นองครักษ์ของหมูหย็อง เวลาหมูหย็องยืนอยู่ในดงคนเยอะๆ เทมก็มองเห็นแค่หมูหย็องคนเดียวด้วย เห็นเป็นคนแรกด้วย แนบชิดตัวติดๆๆๆกัน ก็อยากตัวติดกันกับแค่หมูหย็อง กับคนอื่นไม่เคยรู้สึกแบบนี้ด้วยเลย"


          เทมหยุดพูด นัยน์ตางดงามสบผมอย่างตรงไปตรงมา เอ่ยประโยคคำถามที่ทำให้ผมแทบจะล้มตายอยู่ตรงนั้น


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 7 * 10/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 11-09-2018 20:52:45



          "แล้วทำไมเรายังไม่ใช่คนรักกันล่ะครับ ในเมื่อเทมรักหมูหย็องขนาดนี้?"



          ให้ตายเถอะ! พระเจ้า นี่เขากำลังสารภาพรักกับผมนะ นี่เขากำลังขอผมคบอยู่หรือเปล่า!?


          เขาจะรู้ตัวบ้างไหมว่าพูดอะไรออกมา เขารู้ใช่ไหม ว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่!?


          ผมรู้สึก ตู้ม ตู้ม ตู้ม ติดต่อกันหลายครั้งจนสมองพร่าเบลอไปหมด สีขาวสว่างโร่เคลือบไปทุกห้องของความคิด แก้มที่เห่อร้อนราวกับอังไฟ ความดีใจที่ไม่รู้มาจากไหนมากมาย กำลังตะเกียกตะกายกระจายไปทั่วร่าง ความสุขที่พุ่งขึ้น น่ากลัวว่าความสูงของมันจะทะลุออกนอกชั้นบรรยากาศของโลก รู้สึกเตียงที่ตัวเองนั่งกลายเป็นปุยเมฆนุ่มนิ่มที่กำลังล่อยลอยอยู่บนอากาศ


          ผมพลาดไปตรงไหนนะ ทำไมมันถึงมาจบลงแบบนี้ได้?


          แบบที่ผมนึกว่าเขาไม่รับรู้ความรู้สึกของตัวเอง
          แต่ความจริงเขาเข้าใจ เขารับรู้ เขาแค่ไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกนั้นว่าอะไร เขาแค่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับความรู้สึกพิเศษนั้น


          ผมเป็นคนผูกความสัมพันธ์นี้ให้ยุ่งเหยิง  และเรื่องมันก็ยุ่งเหยิงมากจริงๆ


          ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง ในเมื่อเรื่องราวของเรามันข้ามขั้นแบบก้าวกระโดดผิดไปจากคนอื่น คนอื่นอาจจะเริ่มจากจีบ เป็นแฟน และสัมผัสกัน แต่ความสัมพันธ์ของผมกับเทม กลับก้าวกระโดดสลับกันไปมาจนน่ามึนงง ขึ้นไปยืนบนแท่นเพื่อนสนิทบ้างล่ะ แท่นของคนพิเศษบ้างล่ะ หมุนวนปนกันมั่วไปหมด


          เป็นผมที่ขีดเส้นให้เป็นแค่คำว่าเพื่อนกัน ระหว่างที่เขาสับสน ผมตั้งชื่อความรู้สึกว่าเพื่อนสนิทขึ้นมาเป็นคำตอบให้เขา เขาที่เชื่อทุกอย่างที่ผมพูด จึงไม่นึกสงสัย และเชื่อผมเสมอมา


          ผมที่วางแผนให้ระหว่างเรามันค่อยๆพัฒนา ค่อยๆให้เขารักผม รักผมในแบบที่ผมรักเขา แต่วันนี้ ณ ตอนนี้ ผมก็เพิ่งรู้สึกตัว ว่าเขาก็รู้สึกแบบเดียวกันกับผมตลอดมา


          ม่านหมอกที่ปกคลุมอยู่ ก็กระจ่างแจ้งชัดทันตา


          สิ่งที่ผมควรทำ ก็แค่สารภาพรักออกไป และเปลี่ยนชื่อความสัมพันธ์ของเราใหม่ซะ


          เพราะเทมพร้อมเป็นทุกอย่างให้ผมแล้ว...



          "เทมครับ..."

          ผมกำลังจะเอ่ยถามเขา ว่าถ้าในเมื่อความรู้สึกของเราตรงกันขนาดนี้แล้ว...


          เราเลิกเป็นเพื่อนที่แบบนี้มีคนเดียวในโลก มาเป็นคนรักคนนี้มีคนเดียวในโลกกันไหมครับ
          มาคบกันไหมครับเทม มาเป็นคนรักกันนะ?



          แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยถามออกไป คนที่ผมเข้าใจว่าเขาไม่รู้อะไร ก็เอ่ยถ้อยคำที่ผมไม่เคยคิดฝันว่าจะออกมาจากปากน่าจูบคู่นั้น



          "อ๋อๆๆๆๆ หรือว่าเพราะเทมยังไม่ได้จีบหมูใช่หรือเปล่าครับ?"


          "เทมครับ!?" ผมรู้สึกเหมือนเลือดในกายของตัวเองกลายเป็นลาวา มันลวกร้อนและแดงฉาน คล้ายได้ยินเสียงฉ่าบนหน้าของตัวเอง ความร้อนบนผิวระอุ ถ้าเอามือไปทาบทับอาจจะไหม้ก็เป็นได้


          เทมปุระเอียงคออย่างน่ารัก ท่าทางคิดมากของเขาน่าเอ็นดู


          "เต้บอกว่ากว่าจะมีแฟนแต่ละคนก็ยาก ต้องจีบให้ติดก่อน เพราะงั้น..."


เขายกมือขึ้นมาสองข้าง นิ้วชี้กับนิ้วโป้งแตะเข้าหากัน ส่งยิ้มกว้างจนตาหยีมาให้ผม



          "เทมขอจีบหน่อยนะครับ ขอจีบหมูหย็องมาเป็นแฟนเทมนะ"

           "!!!?!"







          ผมลุกไปอาบน้ำแต่งตัวสวมชุดนักเรียน ด้วยสมองพร่าเบลอที่ก้องไปด้วยคำสองคำ


          ขอจีบ


          คนที่ใจตรงกันแล้วยังต้องจีบกันอีกหรือ? เป็นผมหรือเทมปุระกันแน่นะที่มึนงง แต่อันที่จริงผมกับเขาก็ดูมึนๆ งงๆ มั่วๆ กับความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดนี้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะแบบนั้น ต่อให้ประหลาดไปมากกว่าเดิม ก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งครับ


          ผมส่องกระจกระหว่างกลัดกระดุมเสื้อ แล้วก็ค้นพบกับภาพสะท้อนของคนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนบ้า
กระจกฉายภาพของชายที่หน้าตาดูมีความสุขที่สุดในโลกจนน่าหมั่นไส้กว่าใครๆทั้งหมด คนที่ได้รับความรักจากคนที่ตัวเองแอบรักมานานหลายปี


          คนที่กำลังจะถูกคนที่ตัวเองแอบรัก จีบ


          ผมอารมณ์ดีจัด ถึงขนาดฮัมเพลงในลำคออย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ไม่ว่าจะอะไรรอบตัวก็ดูละมุนละไมไปเสียหมด ห้องนอนกว้างที่ตกแต่งสีคุมโทนด้วยดำ น้ำเงิน เงิน และเทา สีโทนเคร่งขรึม แต่วันนี้กลับดูเป็นเฉดสีดำที่อบอุ่นหัวใจ เป็นสีดำพาสเทลที่อยู่บนหน้าปกนิทานของเด็กน้อย


          ผมไม่นึกมาก่อนว่าวันนี้จะมาถึงได้ไวขนาดนี้ ใจจริงอยากจะไปเช่าป้ายบนตึกสูงๆ หลายๆแห่ง ซื้อพื้นที่ว่างหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์ จัดโต๊ะตั้งแถลงและประกาศ ว่าในที่สุดเราก็รักกัน และเทมคนนั้นก็กำลังจะจีบผม หมูหย็องคนนี้


          ผมไม่รู้หรอกครับว่าเทมจะจีบผมยังไง จะใช้วิธีการอะไร หรือเทมรู้จักคำว่าจีบมากแค่ไหน เพราะผมสุขใจเกินกว่าจะคิดอะไรออกแล้ว


          ผมที่กำลังนวดแก้มตัวเองเพราะชักจะเริ่มเมื่อย ด้วยเพราะยิ้มนานเกินไป มากเกินไป  ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจากข้างนอกห้องแต่งตัว เทมที่วิ่งตึงตังขอเข้าไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวเสร็จก่อน กำลังเคาะห้องเรียกผมอยู่


          "หมูหย็องแต่งตัวเสร็จหรือยังครับ"


          ผมรู้สึกเขินอายเกินกว่าจะชวนเขาเข้ามาแต่งตัวด้วยกันเหมือนยามปกติ จึงให้เขารอด้านนอก แล้วเข้ามาหลบพักสงบจิตสงบใจ แต่ก็คงยืดเวลาได้นิดหน่อย เพราะเด็กน้อยมาตามหาผมเสียแล้ว ผมสูดลมหายใจลึก พยาพยามตั้งสติครั้งที่ร้อยของวัน ได้แต่หวังว่าเทมจะไม่ใจร้ายทำพวกมันระเหิดหายไปอีก


          "ให้นะครับ เทมให้หมูหย็องนะ"


          ผมเปิดประตูออกมา และเจอเข้ากับคนใจร้ายที่ทำทุกสติระเหิดหายกลายเป็นไอ


          วิธีการจีบแสนคลาสสิคและแสนเก่าแก่ถูกเทมเลือกใช้ คงเพราะเคยเห็นผ่านตาตามภาพยนต์ ผมเคยคิดว่าแค่ผู้ชายคุกเข่าและให้ดอกไม้โง่ๆหนึ่งดอก ทำไมถึงทำให้คนรับรู้สึกดี มาวันนี้ผมเพิ่งเข้าใจ ว่าต่อให้สิ่งที่หยิบยื่นให้เป็นคางคกน่าเกลียด เราก็พร้อมจะรู้สึกดีและมีความสุขไปกับมัน

               ขอแค่ให้คนที่คุกเข่าข้างหน้าคือคนที่เรารักก็เพียงพอแล้ว


               และก็ใช่

               ชายที่กำลังนั่งคุกเข่า ยื่นกระดาษที่ถูกวาดเป็นดอกไม้มาให้ผม คือคนที่ผมรัก
               ความตกใจและดีใจตีเข้ากลางแสกหน้า ผมชะงักตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นถี่รัว การจีบจะเริ่มขึ้นรวดเร็วถึงขนาดนี้เลยหรือครับ ไม่มีเวลาให้ตั้งตัวมากกว่านี้เชียวหรือ


          ผมเอื้อมมือสั่นๆออกไปรับ แผ่นกระดาษตรงหน้า กระดาษขนาดเอสี่สีขาวสะอาดถูกวาดดอกไม้แต่งแต้มลงไป แม้ไม่สวยงามเท่าจิตกรชื่อดัง แต่ผมรับรู้ได้ถึงความพยายามและใส่ใจ และข้อความบนกระดาษ ก็ทำให้ภาพใบนี้มีคุณค่ามากกว่าลายเซ็นของศิลปินจรดปากกาเซ็นลงผืนผ้าใบใดๆในโลก


          เทมรักหมูหย็องครับ


          ตัวอักษรแม้ไม่ได้เขียนด้วยลายมือสวยงาม กลับกัน มันกลับโยกเยกโย้เย้ เรียกได้ว่าไก่เขี่ย แต่ไม่รู้ทำไมทำให้ผมตื้นตันได้ขนาดนี้ ผมโถมตัวเข้าใส่ร่างสูงที่คุกเข่ายิ้มหวานให้ผมอยู่


          "เทมรักหมูหย็องครับ"


          เสียงทุ้มนุ่มที่ผมแสนรัก พูดคำที่ผมรักให้ผมฟังข้างใบหู เสียงกระซิบแสนเบาที่ได้ยินกันเพียงสองคน ทำให้เหมือนเวลาหยุดลง กระบอกตาผมร้อนผ่าว และหยาดน้ำตามากมายแห่งความดีใจและสุขใจ แข่งกันไหลออกมาไม่มีหยุด เทมกอดผมนิ่ง มือแกร่งคอยลูบศรีษะผมไม่ห่าง

          ผมรู้สึกว่าตัวเองจะปลอดภัยหากอยู่ในวงแขนแกร่งที่โอบกอดไว้อย่างแน่นหนา ต่อให้ตอนนี้เกิดอุกบาตพุ่งชนโลก ผมก็เชื่อว่าผมจะปลอดภัย



          "หมูก็รักเทมครับ รักมากๆ รักมากๆ" ผมสะอื้นตอบเขาไป

          "อยากจีบหมูหย็องให้ติดไวๆจังเลย อยากเป็นแฟน อยากเป็นคนรัก"



          ผมอยากจะบอกเขาเหลือเกิน ว่าไม่ต้องจีบอะไรทั้งนั้น ผมยอมเป็นของเขาแล้ว
ยอมเป็นแฟน ยอมเป็นคนรัก ยอมทุกๆอย่าง


          แต่ความรู้สึกดีที่ถูกเทมจีบ ก็เหมือนสารเสพติด เมื่อได้ลอง ก็มักจะเสพติดสมชื่อ
ผมจึงนิ่งเงียบ เงยหน้าสบตาสีน้ำตาลสวย พลางส่งยิ้มหวานให้ กลั้นก้อนสะอื้นลงคอ กระซิบตอบคำ


          "หมูก็อยากเป็นแฟนเทมเร็วๆเหมือนกัน เพราะงั้น...สู้ๆนะครับ"


          เทมผละหน้าออกมามองผมแล้วเช็ดน้ำตาให้ เมื่อคืนเป็นเขาที่หลั่งน้ำตา และเช้าวันต่อมาก็เป็นผมเอง สภาพหน้าตาของเราดูไม่ได้ ทั้งตาบวมแดงและใต้ตาหมองคล้ำ แต่บรรยากาศรอบตัวและสีหน้ากลับฉายชัดถึงความสุข


          ผมและเขาขยับใบหน้าเข้าหากันเพื่อประทับตราแห่งการเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่








          ก๊อก ก๊อก ก๊อก



          "เฮียหมูววววววววว เทมมมมม เจ้กุ๊กๆไก่ให้มาเรียกไปกินข้าววว ตื่นกันหรือยัง ตื่นๆๆๆ ไฟ้ไหม้ๆๆๆ! น้ำร้อนลวก เป็นแผล ใช้นาฟโทววว ตื่นได้แล้ว ตื่นได้แล้วเจ้าข้าเอ้ยยยย ตะวันแยงก้นแล้วจ้าา นอนกินบ้านกินเมืองไปไหน นี่กินไปยันดาวพลูโตแล้วมั้งเนี่ย ตื่นๆๆ!"



          ไม่ได้เลยใช่ไหมครับ...

          จะไม่มีใครมาขัดจังหวะพวกผมสองคนนี้ไม่ได้เลยใช่ไหม!?



          ผมได้แต่ฮึดฮัดออกไป แต่ทำอะไรไม่ได้จากเวลาที่ค้ำคอจ่อว่ากำลังจะไปโรงเรียนสายแล้วจริงๆ ถ้ายังเอาแต่นัวเนียกันไปมาไม่ยอมลงไปทานข้าวกันเสียที ผมได้แต่เหลือบมองปากสวยอย่างเสียดาย หมายมาดเอาไว้ในใจว่าจะกลับมาเอาคืนอย่างแน่นอน



          "ลงไปทานข้าวกันนะครับ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย"

          "ครับ..."


          เสียงอ่อยตอบรับเจือปนไปด้วยความเสียดาย ผมต้องกลั้นยิ้มจนปวดแก้มไปถึงอีกเมื่อไหร่กันครับ ไม่ไหวเลยนะเทมปุระ เจ้าก้อนสร้างความสุขนี่ช่างน่ารักเสียจริงๆ ผมลูบแก้มใสแผ่วเบา ก่อนจะสังเกตเห็นความ 'งานเข้า' แบบกระจ่างตา


          ร่องรอยที่ผมประทับตราไปทั่วแผงอกและลำคอแกร่ง ตอนอยู่ใต้แสงจากโคมไฟสลัว ดูไม่มากมายเด่นชัดอะไร
แต่ภายใต้แสงสว่างของยามเช้า ดอกกุหลาบแผ่ดอกผลิบานปกคลุมไปทั่ว มันชัดเจนจนกระแทกตา


          ให้ตายเถอะ นี่ผมเพิ่งคิดไปไม่นานว่าเทมปุระเป็นเจ้าหมาน้อยที่เขี้ยวเพิ่งงอก จนฟัดผมไม่หยุด
แต่ร่องรอยนี่มัน...เกินกว่าหมาน้อยไปไกลโข นี่ผมฟัดเทมไปหนักหน่วงขนาดนี้เลยหรือครับ?


          ไม่เห็นจะรู้ตัวเลยสักนิด...

          นี่ผมกลายเป็นหมาป่าวัยแตกเนื้อหนุ่มหรือวัยฉกรรจ์จอมลามกไปแล้วหรือไง

          อา...แย่ล่ะสิ ไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด กลับกัน ดันคิดว่าก็ไม่เห็นเป็นอะไร ถ้าผมจะประทับตราความเป็นเจ้าของในของของผมซะได้

          แย่แล้ว ผมอยากบอกให้เทมปุระวิ่งหนีไปจากคนอันตรายอย่างผมซะ แต่ที่ผมทำคือเดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบพลาสเตอร์ลายเจ้าหุ่นยนต์สีฟ้าออกมา
          เป็นพลาสเตอร์ของเด็กชายเทมปุระครับ สมัยก่อนเทมซุ่มซามมาก เดินก็ไม่ค่อยตรง เอนเอียงไปชนนุ่นชนนี้ให้มีแผล ให้คอยเป็นห่วงเสมอ จนผมมีพวกอุปกรณ์ทำแผลติดตัวตลอดเวลา
          ไม่มีสีเนื้อที่กลมกลืนกับสีผิวเสียด้วย มีแต่เป็นลายที่เทมชอบ เพราะไม่อย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ยอมติด


          ผมจำใจหยิบพลาสเตอร์สีสันสดใสออกมาสี่แผ่น ก่อนจะมอง พลางคำนวนพื้นที่ที่เจ้าพลาสเตอร์สีฟ้านี้ต้องทำหน้าที่ปกปิด อา...ผมว่าผมหยิบไปเผื่ออีกสองแผ่นดีกว่า


          "หมูหย็องครับ หมูหย็อง หมูหย็องเอาพลาสเตอร์มาทำไมเหรอครับ เทมไม่ได้เป็นแผลเลยนะ อาทิตย์นี้ยังไม่หกล้มเลยสักรอบด้วยนะครับ ไม่มีแผลเลยๆๆๆ"

          "คือหมูพิสูจน์กับเทมแรงไปหน่อยน่ะครับ เลยขึ้นเป็นรอยช้ำเลย"

          "อ๋อๆๆๆ งั้นก็ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ รอยช้ำเฉยๆๆ ทายาก็หายใช่ไหมครับ ไม่ต้องปิดหรอก"



          ผมจนใจไม่รู้จะอธิบายยังไง ว่าเด็กในวัยเราไม่ควรมีรอยจูบพันวนรอบคอจนเป็นเหมือนพวงมาลัยแบบนั้นติดตัว ถ้าอาจารย์เห็น อาจจะถึงขั้นเป็นลมล้มพับกันได้เลยทีเดียว ไม่นับคุณป้าอีกคน ที่คงจะต้องนั่งดมยาดมแล้วบอกให้ผมใจเย็นๆ รอเทมปุระโตกว่านี้เสียก่อน


          "คือเทมครับ..." ผมตั้งใจจะอธิบาย แต่เสียงเคาะประตูก็ดังระรัวขัดขึ้นไม่หยุด

          "เฮ้ยยย เฮีย กินข้าววววว เจ้ไก่จะแดกหัวผมอยู่แล้ว ได้โปรดคุณชายเชิญที่ห้องอาหารด้วยครับ เจ้ไก่บอกถ้ายังไม่ลงไปอีก จะให้แม่บ้านเก็บโต๊ะแล้วนะะ"


          ผมถอดหายใจออกมาเบาๆ นี่ก็จะเจ็ดโมงแล้ว เจ้ไก่คงร้อนใจกลัวพวกผมไปสายกัน แต่ความเป็นห่วงที่มาผิดเวลานี่น่าขัดใจมากจริงๆเลยครับ ผมได้แต่เก็บงำคำอธิบาย แล้วแปะแผ่นพลาสเตอร์ทั้งหกแผ่น รอบลำคอสวย
เทมถึงจะสงสัยแต่ก็เอียงคอตอบรับ ยืนนิ่งให้ผมกระทำตามชอบใจแต่โดยดี


          ผมอยากจะอุทานออกมาให้สมกับความบ้าของตัวเอง
          หกแผ่น...หกแผ่นเชียวนะ


          นี่มันไม่ใช่หมาป่าวัยแตกเนื้อหนุ่มแล้ว นี่มันหมาป่าเฒ่าจอมลามกชัดๆ!


          หกแผ่น ก็ยังไม่เพียงพอที่จะปกปิด จนผมต้องเดินกลับไปเปิดลิ้นชัก และหยิบแผ่นเหนียวหนึบนั้นออกมาอีกสี่
หวังว่าคราวนี้คงจะพอนะ ถ้ายังไม่พอ ผมคิดว่าผมต้องหาที่ครอบปากสุนัขมาใช้แล้วล่ะครับ กลัวใจตัวเองจะจับนางฟ้าเด็ดปีกแล้วกลืนกินเข้าไปจริงๆเข้าสักวัน...


          โชคดีที่มันพอ...ผมเลยไม่ต้องมีที่ครอบปากเดินไปไหนมาไหนให้เป็นแฟชั่นสุดพิลึก
          จบกันไปที่สิบแผ่น ขนาดปกคอเสื้อนักเรียนช่วยคลุมไปตั้งเยอะ แต่ก็ยังใช้ไปถึงสิบ
รอบต้นคอจนแทบจะถึงปลายคาง กลายเป็นลวดลายของพลาสเตอร์แมวแห่งโลกอนาคต

          เหมือนเทมใส่เสื้อคอเต่าเลยครับ...



          ได้แต่หวังว่าคงจะไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้...







          "อ้าว คอเทมเป็นไรอะ ทำไมติดพลาสเตอร์ซะลายพร้อยเป็นตุ๊กแกขนาดนั้น"


          แค่ก้าวออกจากห้องก็โดนสังเกตเสียแล้วล่ะครับ....
          เทมปุระมองหน้าผม ด้วยเจ้าตัวไม่รู้จะตอบคำถามของหย็องหย็องยังไง ผมจึงเก๊กเสียงขรึม


          "ยุงกัดน่ะ"

          "โห ยุ่งบ้านเราเยอะขนาดนั่นเลยเหรอเฮีย บอกม้าให้จ้างคนมาฉีดไล่อีกสักรอบไหม"

          "อืม ไล่สักหน่อยก็ดี"


          ผมเออออไปกับหย็องหย็องที่พร่ำบ่นว่ายุงน่ากลัว ดีนะว่าห้องเจ้าตัวไม่มี
          ห้องผมก็ไม่มีหรอกครับยุงที่ว่านั้นน่ะ มีแต่ยุ่งกันมากกว่า...


          "มาช้ากว่านี้ เจ้จะให้เอาแซนด์วิชไปกินกันบนรถแทนแล้วนะยะ อ้าว...แล้วนั่นคอเทมเป็นอะไร"


          ผมคิดผิดหรือคิดถูกนะครับ ที่เอาเจ้าแผ่นสีฟ้ามาติด ทำไมมันเหมือนกลับยิ่งขับให้เด่นเรียกให้ทุกคนสนใจกันนะ ผมขอโยนโทษความผิดทั้งหมดทั้งมวลให้กับเจ้าแผ่นสีสดนั่น เกิดมาเป็นพลาสเตอร์ยังไงให้สีสันสดใสเรียกร้องความสนใจคนอื่นขนาดนี้กัน

          แย่จริงๆเลยเชียว ...ผมมองเมินความผิดที่ตัวเองก่อไปอย่างสิ้นเชิง


          "ยุงกัดอ่ะอาเจ้ หม่าม้าไม่ได้จ้างคนมาไล่แมลงประจำปีไปแล้วหรือ ไม่ไหวเลยนะเจ้านี้ สงสัยต้องบอกม้าเปลี่ยนเจ้าแล้วแหละ ดูดิ ปิดเยอะขนาดนี้ ยุงแม่งต้องเยอะแล้วก็ตัวใหญ่มากแน่ๆ เทมจะเป็นไข้เลือดออกไหมอะ หย็องเพิ่งเรียนเกี่ยวกับโรคนี้ไปเอง ตายได้เลยนะ"


          ผมนี่แยกไม่ออกเลยครับ ว่าหย็องหย็องใสซื่อจริงๆ หรือว่ากำลังพูดจาแดกดันผมทางอ้อมอยู่กันแน่...
          แต่คงจะเป็นอย่างแรกล่ะครับ ดูท่าทางเจ้าตัวกังวลเสียขนาด สีหน้ากวนๆ หายไปเกือบหมด

         เพี่สาวของผมเบิกตาโต เลิกคิ้วเป็นเชิงถามผมว่าจริงอย่างที่หย็องหย็องพูดหรือเปล่า ก่อนหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในบ้านจะกวาดสายตาทั่วลำคอของร่างสูง ก่อนสีหน้าเข้าใจในอะไรบางอย่าง และรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฏบนใบหน้าแสนสวยนั่น

          บัดซบ...


          "แหม ยุงนี่มันก็แย่จริงๆเลยนะหย็อง ดูสิ กัดแค่เทมคนเดียว ไม่เห็นจะกัดอาเฮียเราเลย ยุงนี่มันช่างกินยากเลือกคนเสียจริง สมแล้วที่เป็นยุงห้องไอ้หมู แล้วปิดเยอะขนาดนี้นี่ยุงกินหรือยัดห่าวะเนี่ย บอกยุงเพลาๆ ใจเย็นๆหน่อยนะ"

          "บอกยุงแล้วมันจะรู้เรื่องเหรออาเจ้ ทำไมหย็องคุยกับยุงไม่รู้เรื่องอะ เฮียหมูคุยกับยุงรู้เรื่องเหรอ?"

หย็องหย็องที่ตื่นเต้นผิดประเด็น พูดแทรกขึ้นมาเสียงดัง

          "จริงเหรอครับ!? หมูหย็อง หมูหย็องคุยกับยุงรู้เรื่องด้วยเหรอ? โห โห สุดยอดๆๆ! เท่มากเลย"

          และเหยื่อของยุงตัวยักษ์อย่างผม ก็ดันไปตื่นเต้นกับเขาด้วยซะอย่างนั้น ผมถอนหายใจออกมาอีกละลอกใหญ่ เจ้ไก่หัวเราะคิกคัก พร้อมภาพประกอบเป็นเทมกับน้องชายของผม ที่สุมหัวคุยกันอย่างออกรสเรื่องของยุงในห้องผม


          "เฮลโล่ววววววววววววว กู้ดมอนิ่ง เอเวรี่บอดี้ ว่าจั๋งใด๋ มายซิสเตอะะะะะะ มายบราเธอะะะะะะะ เช้านี้มีอะไรให้เฮียผู้หล่อเหลารับประทานบ้างจ๊ะ"

          เสียงเฮียปลาที่ดังมาก่อนตัว หันเหความสนใจไปให้ตกไปที่แขกคนใหม่ ผมลอบถอนหายใจ เรื่องยุงจะได้จบไปเสียที ผมหวังว่าทุกคนจะเลิกสนใจร่องรอยบนคอของเทมปุระ แล้วหันไปจิกกัดอาเฮียผู้ชอบถูกเหล่าพี่น้องของตัวเองกลั่นแกล้งแทน


          แต่ความหวังที่เพิ่งถูกสร้าง ก็พังทลายภายในไม่ถึงหนึ่งนาที ด้วยประโยคคำถามที่ว่า


            "อ้าว...คอเทมเป็นอะไรอ๊ะ"
                "ยุงกัด / ยุงกัด / ยุงกัด"


          สามเสียงที่นั่งอยู่บนโต๊ะ ประสานเสียงตอบออกมาอย่างพร้อมเพียง
          ผมได้แต่นั่งเอามือกุมหัวอยู่บนโต๊ะ


          เฮียปลาจอมเล่นใหญ่ทำตาโต ลอยยิ้มเจ้าเล่ห์เข้าใจติดริมฝีปากผุดขึ้นและเลือนหายไป ก่อนจะทำท่าวิ่งส่ายก้นน่าหมั่นไส้เข้าไปสุมหัวพูดคุยกันเรื่องของยุงอีกคน


          "ต๊าย นังยุงบ้านนี้มันร้ายกาจนะคะขุ่นน้อง เฮียนี่กลั๊วกลัว"

          "หึหึหึ ยุงมันเลือกกัดหรอกเฮีย อย่างเราๆนี่ไม่ต้องกลัวไปหรอก ยุงไม่ชายตาแล ใช่ไหมหมู"

          "ยุงห้องเฮียหมูนี่แม่งยังไงวะ หรือเฮียหมูมันเล่นของ บังคับยุงได้ เหมือนบังคับกุมารทอง"

          "แต่ๆๆๆ แต่ว่าหมูหย็องไม่ได้เลี้ยงกุมารทองนะครับ หมูหย็องเลี้ยงเทมคนเดียว"

          "เจ้ว่าเลี้ยงยุงสายพันธุ์ใหม่ด้วยหรือเปล่าเทม ต้องไม่ใช่ยุงธรรมดา พันธุ์นี้มันพิเศษ ถึงได้ไม่ดูดเลือดเฉยๆ แต่กัดจนเป็นรอยฟันด้วยเฉยเลย"

          "อุ้ยๆ ยุงพันธุ์นี้น่ากลัวนะไก่เฮียว่า ทั้งกัดทั้งดูดจนคอเหยื่อขึ้นรอยไปหมดเนี่ย ยุงพันธุ์นี้คุ้นๆ เหมือนเฮียเคยเรียนในหลักกามสูตรมาว่าชื่อสายพันธ์ 'คิสมวกกกส์' นะ อันตร๊าย อันตราย เป็นยุงหื่นๆอ่ะ"



          และเรื่องคอของเทมที่ถูกยุงกัด และสายพันธุ์ของยุงที่แสนอันตราย ก็เป็นหัวข้อใหญ่ของเช้าวันนั้น



          พลาสเตอร์...ไม่ช่วยอะไร



          ยุงก็เช่นกัน














(https://i.imgur.com/1b5jyAM.png)  end 7 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง





หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 8 * 11/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 14-09-2018 20:39:44







▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    8    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇






          "อ้าว เทม คอเป็นอะไรวะ"

          มาถึงโรงเรียน จากคำทักทายอย่างสวัสดีที่ควรจะเป็น กลับกลายเป็นประโยคคำถามเหมือนกันไปหมดทุกผู้ทุกคน ไม่ว่าจากลุงชื่น คนขับรถรับส่งพวกผมเป็นประจำ ลุงสันยามเจ้าประจำกับหน้าที่แปะสติกเกอร์ลงบนสมุดพกของเทมปุระ อาจารย์ที่เดินผ่าน รุ่นน้องที่เดินผ่าน รุ่นพี่ที่เดินผ่าน

          ไม่ว่าเทมปุระจะผ่านไปทางไหน หากพบเจอคนรู้จักเข้า คำถามที่ว่า 'เทม คอเป็นอะไร' ก็จะถูกถามขึ้นโดยทันที

          จนผมกลัวว่ามันอาจจะเป็นเทรนด์การทักทายแบบใหม่ไปเลยก็เป็นได้....


          และแน่นอนครับ ว่าขนาดแค่คนรู้จักยังถาม สองแฝดผู้นิยมสอดรู้สอดเห็นเป็นอย่างมาก จะไม่เกิดความสงสัย และสอบถามถึงความเป็นมาของพลาสเตอร์สีฟ้าสดใสรอบคอของคนข้างกายผมได้อย่างไร

          ยังไม่ทันจะเก็บกระเป๋าเข้าล็อกเกอร์ สองเกลอเพื่อนซี้กอดคออารมณ์ดีกันตั้งแต่เช้าก็เดินมาวนเวียน หมุนวนรอบร่างสูง อีกคนทำตาเจ้าเล่ห์ และอีกคนเผยสีหน้าอยากรู้อย่างเต็มที่ ส่วนเด็กน้อยของผมที่ตั้งแต่เช้ามา ก็โดนถามด้วยคำถามเดียวกันนับครั้งไม่ถ้วน เอ่ยตอบเพื่อนอย่างง่ายดาย

          "ยุงกัดเทมน่ะครับ" เทมปุระเด็กน้อยแสนน่ารักของผม คัดลอกคำตอบเดิมๆ บอกออกไป

          "หืมมมมมมมมม ยุงอะไรวะ กัดเยอะแยะขนาดนี้ ไม่ใช่ม้าง~ ไม่สบายหรือเปล่าวะ นอนคอตกหมอน? โดนไอ้หมูประทุษร้าย? ไม่สิ ข้อหลังไม่น่าเป็นไปได้ โดนใครแกล้งหรือเปล่าวะ...อันนี้ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ หมูแม่งตามติดมึง หวงมึงยิ่งกว่างูจงอางหวงไข่...แล้วตกลงมึงเป็นอะไรเนี่ยยย"


          ไอ้น้ำสันนิษฐานมั่วไปหมด เพราะเทมเอาแต่ยิ้มแล้วไม่ได้ตอบคำถามเพิ่มเติม ครั้นพอจะมาบีบคอคาดคั้นเอากับผม มันก็รู้ดีว่าต่อให้เอาชะแลงมางัดปาก ถ้าผมไม่อยากพูด ผมก็จะไม่ยอมตอบเด็ดขาด


           ระหว่างที่ไอ้น้ำเพ้อเจ้อสร้างข้อกล่าวหาให้ทุกสิ่งในโลกที่พอจะเป็นสาเหตุของอะไรใต้แผ่นสีสดใสนั่น  กลับมีคนท่าทางรู้จริง แต่เลือกจะไม่พูด แล้วเอาแต่ยิ้มแซวผมเงียบๆ แทน

          ท่าทางที่บอกว่า รู้นะ แต่กูจะไม่พูด แต่กูรู้นะว่าคืออะไร ทำเอาผมคิ้วกระตุก

          "มีอะไรก็พูดมาเถอะครับเต้ มองเงียบๆแล้วผมอดจะขนลุกด้วยความขยะแขยงไม่ได้ ถ้าเกิดผมบังคับเท้าไม่อยู่ แล้วมันกระตุกพาดบ่าเต้ ก็อย่าว่ากันนะครับ"


          ผมตวัดสายตาข่มขู่คนทำหน้าเหมือนนักปราชญ์ผู้ล่วงรู้ทุกสิ่ง ไม่ให้มันพูดอะไรไม่สมควรออกมา


          ผมล่ะเกลียดพวกไหวพริบดี รู้มากรู้ทันแบบนี้ที่สุดเลยครับ กับไอ้น้ำที่ทำเหมือนรู้ทุกเรื่อง แต่ความจริงมันสุดแสนจะซื่อบื้อ บางครั้งก็ตามเรื่องราวไม่ทัน ไม่ค่อยสร้างความปวดประสาทให้ผมเท่าไหร่ แต่กับแฝดนรกอีกคน มันดันรู้ลึกรู้จริง รู้ดีสมท่าทางที่ชอบทำตัวเป็นผู้รู้ ผู้มากประสบการณ์เสียได้


          "เปล๊า จะมีอะไร๊ กูก็แค่แปลกใจ ยุงอะไรวะ กัดดุชิบหาย ดูสิ คอเพื่อนกูเป็นรอยหมด ยุงพันธุ์นี้แม่งคุ้นๆด้วยนะ เหมือนกูจะรู้จักจากหนังเอวีว่ะ"


          ผลัวะ!


          เสียงผมหยิบหนังสือฟาดหัวไอ้เต้เองครับ มันยกมือกุมหัว ดูมึนงง แต่พอตั้งสติได้มันก็หัวเราะร่วน ไอ้เต้นี่สมควรโดนฟาดซ้ำอีกสักหลายๆที จะแซวจะอะไรผมไม่ว่า เพราะยังไงเมื่อเช้าก็โดนอาเฮียอาเจ้แซวเสียบจนพรุน จิตใจด้านชาเสียแล้ว


          แต่มันจะมาพูดถึงหนังเอวงหนังเอวีต่อหน้าเด็กน้อยของผมไม่ได้! เทมปุระของผมจะมาแปดเปื้อนด้านกามโลกีย์จากคนอื่น ผมไม่ยอม!


เทมปุระดูตื่นเต้น เหมือนเจอพรรคพวกสมาคมคนรักยุงเพิ่มอีกคน

          "โห โห เต้ก็รู้จักเหรอครับ เห็นเฮียปลาหย็องบอกว่าชื่อพันธุ์คิสมวกกกส์นะครับ แต่เฮียปลาบอกว่ารู้มาจาก เอ่อ กามา กา? มากา? เอ่อ..กามาอะไรสักอย่างนี่แหละครับ เทมพูดไม่ถูก แต่ในหนังเอวีก็มีเหรอ แล้วหนังเอวีคืออะไรเหรอครับ ชื่อรายการสารคดีหรือเปล่าครับ"

          เทมถามอย่างฉงน วันนี้มีหลากหลายคำแปลกประหลาดที่เจ้าตัวไม่รู้จักโผล่มาเยอะแยะไปหมด
มันก็แน่นอนล่ะครับว่าเทมต้องไม่รู้จัก เด็กชายฟ้าประทานสุดไร้เดียงสาของผมจะไปรู้จักคำพรรค์นั้นได้ยังไงกันครับ คำต้องห้ามทั้งนั้น!

          "เทมครับ เทมบอกหมูว่าอยากไปเข้าห้องน้ำก่อนเข้าแถวไม่ใช่หรือ? ให้หมูพาไปไหมครับ"

          ผมเอ่ยขัดประโยคไอ้เต้ที่กำลังจะพูดตอบด้วยใบหน้ายิ้มอ่อนหวานเจือไอเย็น ไม่ว่ามันจะตอบว่าอะไร สัญชาตญาณของผมก็กู่ร้องเตือนว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน และผมก็เชื่อเสียด้วย ผมจึงลงมือดึงความสนใจของเทมปุระออกมาทันที

          "จริงด้วยๆๆๆ งั้นเดี๋ยวเทมมานะครับ จะเอาอะไรจากห้องน้ำกันไหมครับ"

          "ห้องน้ำนี่มันมีอะไรให้รับฝากด้วยเหรอวะ จะฉี่ใส่ขวดมาให้กูเรอะ...ไม่เอาเว้ย ไปเถอะพ่อคุณ"

          "เทมเข้าห้องน้ำของอาจารย์เลยนะครับ ไม่ต้องลงไปเข้าข้างล่างนะ"

          ผมเอ่ยบอกเจ้าตัวด้วยเสียงนุ่ม

          ห้องน้ำของนักเรียนอยู่ข้างล่างครับ ชั้นบนมีแค่ห้องน้ำของเหล่าอาจารย์ ที่อนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะเวลาเรียนเท่านั้น ถ้าเวลาปกติต้องไปเข้ากันชั้นล่าง แต่กับสภานักเรียนก็ถือว่าอนุโลมให้ใช้ได้ตลอดเวลา กับเทมที่เป็นเด็กพิเศษก็ด้วยเช่นกัน เนื่องว่ากลัวจะเกิดอุบัติเหตุ ถ้าหากไปไกลๆคนเดียว

          นางฟ้าของผมทำมือเป็นสัญลักษณ์รูปตัวโอ หมายถึงโอเคส่งมาให้ผมอย่างน่ารัก ผมลุกออกไปส่งเขาหน้าประตู และยังคงมองตาม พอเห็นว่าเขาเดินพ้นหัวมุมไปแล้ว จึงเดินกลับเข้ามาในห้อง ระหว่างทางกลับไปนั่งที่ มือก็เผลอคว้าเก้าอี้ว่างไร้คนนั่งติดมือมาด้วย...



          "ไอ้หมูวววววววววววว ใจเย็นเพื่อนนนนนนนนนน มึงจะฟาดมันด้วยเก้าอี้ไม่ได้!! ไม่ได้นะเว้ยยย มันจะตายเอา!! วางลงๆ พุทโธ ธัมโม สังโฆนะเว้ยเพื่อนนนนน ใจเย๊นนนนนนน เอานี่ไป เอานี่ไป! ฟาดมันด้วยอันนี้พออออ"


          ผมรู้สึกตัวอีกที ก็กำลังจะยกเก้าอี้ฟาดกระบาลของไอ้เต้เสียแล้ว ไอ้น้ำลุกพรวดมาดึงเก้าอี้รั้งเอาไว้อย่างสุดแรง ใช้ความพยามยามยื้อยุดฉุดกระชากอยู่สักพัก ก็ดึงเก้าอี้ออกจากมือผมได้ แล้วหยิบหนังสือที่ถูกม้วนมาให้ผมแทน ผมรับมาถือไว้ ก่อนจะลงมือฟาดใส่ไอ้เต้ที่กำลังยกมือกำบังตัวเองสุดชีวิต


          ป้าบ! ผลัวะ ป้าบ ผลัวะ ป้าบๆๆๆๆ!!!


          "โอ้ะ! โอ้ยๆๆๆๆ กูขอโทษๆๆๆ กูพลั้งปากไปปปปป เชี่ยยยยยยยหมู ใจเย็น โอ้ะๆๆ เจ็บบบบบบ ไอ้สัตววว์!"

          ผมใส่แรงและฟาดติดกันไม่ยั้ง ฟาดมันจนเนื้อตัวคล้ำแดดของมันขึ้นสีแดงเป็นจ้ำ ถึงได้พอใจ ลดโทสะลง ผมมองมันด้วยสายตาคมกริบ ก่อนจะลงนั่งเก้าอี้ตามเดิม ส่งหนังสือที่ถูกใช้เป็นอาวุธลงทันณฑ์เพื่อนสาระแนของตัวเองกลับคืนให้ไอ้น้ำ ที่รับไปอย่างผวา

          ผมค่อนข้างจะหงุดหงิดเอามากๆเลยครับ ผมดูแลเทมมากับมือ แน่นอนว่าผมไม่ต้องการให้เขารู้อะไรในเรื่องที่ผมยังไม่กรองให้เขา


          "อูย...กูเจ็บแทน" ไอ้น้ำพึมพำพลางสูดปากอย่างหวาดเสียว

          "บอกแล้วไง ว่าอย่าเสี้ยมอะไรเทมไปทางนั้น มันลำบากกู มึงรู้ไหม"


          ผมพูดคำหยาบกับมันเหมือนสมัยยังเด็ก เมื่อก่อนพวกมันเคยหลอกผมว่าประเพณีคนไทย หากเป็นเพื่อนแล้วสนิทกันต้องพูดแบบนี้ครับ กว่าผมจะรู้ตัวว่าไม่ใช่ ก็ผ่านไปหลายเดือน เพราะอาจารย์และคนรอบตัวผมไม่พูดคำหยาบกัน พอรู้ทีหลังว่าตัวเองเผลอพูดคำหยาบไปมากมายขนาดไหน ผมก็วิ่งไปต่อยกับพวกมันสองคนเสียกำเดาไหล แน่นอนว่ามันก็สวนหมัดกลับคืนมา พวกเราต่อยกันจนสภาพเราสามคนดูไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นครับ

          จุดสำคัญที่แย่ ก็คือเวลาหลายเดือนมันทำให้ผมเผลอติดคำหยาบมาครับ

          จนบางที บางครั้ง เวลาที่ผมโมโหพวกมันมากๆ ก็จะหลุดพูดออกมา

          ...เหมือนที่กำลังเป็นตอนนี้


          "อะไรวะ นี่เทมก็อายุสิบห้าแล้วนะเว้ย มึงจะไม่ให้มันเรียนรู้หน่อยเรอะ อูย ระบมแน่กู มึงแม่งฟาดมาไม่ออมมือเลย ไอ้ทารุณ ไอ้โหดเหี้ย โอ๊ะๆๆ อย่าครับลูกพี่ อย่าจับหนังสือ"


          ผมทำท่าจะฟาดมันอีกรอบ ถือว่าคิดบัญชีที่มันแอบไปพูดคุยกับเทมลับหลังผมด้วยเลยทีเดียว ถึงจะได้ผลลัพท์ที่ดีและน่าพึงพอใจก็เถอะ แต่ผมก็ยังไม่ไว้ใจ กลัวว่ามันจะเป่าหูเทมด้วยเรื่องอะไรที่เลยเถิดมากกว่านั้น จึงเอ่ยถามสำทับไปอีกครั้ง


          "มึงบอกอะไรเทมไปมั่ง ทำไมเทมรู้พวกเรื่องมึงมีแฟน เดทอีก อะไรอีก"

          "ก็ตอนมึงให้กูไปนั่งเฝ้าเทมที่สนามเด็กเล่น กูก็เบื่อๆ เลยนั่งโม้เรื่องแฟนให้เทมฟัง เทมมันก็งงว่าคืออะไรกูก็เลยเผลออธิบายๆไปอ่ะดิ ลืมคิดไปนี่หว่า ขอโทษทีว่ะ อันนั้นไม่ได้ตั้งใจจริง แล้วไงวะ มันมาขอมึงคบหรือไง"


          ผมเผลอหน้าแดงไปกับคำถามแสนขวานผ่าซาก นึกไปถึงคนร่างสูงที่ไม่ได้อยู่ด้วยตอนนี้ คิดไปถึงตอนที่เขาพูดขอจีบกันโต้งๆเมื่อเช้าแล้วให้ความรู้สึกล่องลอย ระคนเขินอายจนแทบจะควบคุมหัวใจให้เต้นอย่างรุนแรงไม่ได้

          ระหว่างเผลอไผลนิ่งเงียบไปในความทรงจำแสนหวานยามรุ่งอรุณ ไอ้เต้กับไอ้น้ำก็รีบกระดิกหางสอดรู้สอดเห็นเข้ามาถามทันที


          "จริงดิ!? มันขอมึงคบจริงๆเหรอวะ เฮ้ย เทมมันโตแล้วเหรอวะ โอ้ยยย ชิบหาย กูรู้สึกเหมือนน้องชายวัยสามขวบของกูกำลังจะโตเลยว่ะ ไอ้น้ำ เอาผ้าเช็ดหน้ามาดิ ขอเช็ดน้ำตาหน่อย...ไอ้สัตว์! เอาถุงเท้ามาให้ทำไม๊"

          "น้ำตาของมึงต้อยต่ำเกินกว่าผ้าเช็ดหน้าของกูจะสัมผัสว่ะ แล้วตกลงเรื่องจริงเหรอวะ? เทมมันรู้เรื่องพวกนี้แล้วหรือ กูนึกว่ามันจะไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แล้วมึงก็คงทำได้แค่ตอดไปวันๆ แบบมันไม่รู้ตัวยันโตเสียอีก ได้แต่เป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อยันอายุสามสิบไรอะไรทำนองนั้น"


          ผมหันไปทำท่าจะบ้องหูน้ำ ข้อหาพูดจาเหมือนแช่งกัน ไอ้ตัวดีทำเป็นหัวเราะเสียงแห้ง แล้วยกมือขอโทษขอโพย สีหน้าอยากรู้อยากเห็นของพวกมันสองคนทำเอาผมตีหน้าเบื่อหน่ายใส่ แต่ก็พอเข้าใจว่าในความอยากรู้อยากเห็น ก็คงมีความเป็นห่วงความเป็นไปของผมกับเทมลึกๆอยู่บ้าง


          ซึ่งลึกมากๆครับ ต้องมองผ่านผ่าความสอดรู้สอดเห็นหนาเป็นกิโลให้ได้ก่อน

          ถึงจะเห็นจุดเล็กๆสีแดง จุดเล็กเท่าเมล็ดถั่วเขียว เมล็ดความเป็นห่วงของพวกมัน



ผมพยายามตีสีหน้าเรียบเฉยตอนเอ่ยบอกเพื่อนสนิทตัวเอง

          "ก็เมื่อเช้า...เทมขอจีบครับ" ผมเอ่ยราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ทั้งๆที่ถ้าเทียบกันจริงๆ เรื่องนี้น่าจะเป็นข่าวใหญ่ประมาณการเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรกของมวลมนุษย์ชาติมากกว่า

     
          "หา!? ขอจีบมึง!?"

          "เฮ้ยยยยยยย!? มึงพูดจริง?!"


          ไอ้เต้กับไอ้น้ำตาเบิกกว้างจนลูกตาแทบถลนออกมาจากเบ้า พวกมันทำท่าหยิกเนื้อตัวอีกฝ่ายไปมา เพราะคิดว่ากำลังฝันไป ไอ้น้ำผู้ชอบเล่นใหญ่รัชดาลัยอีกคน ก็ถึงขนาดหยิบปากกามาแคะหู


          "แต่เดี๋ยวๆๆๆๆ เดี๋ยวก่อน มึงจะเล่าข้ามขั้นไปไหน อย่างเทมน้อยกลอยใจ ไม่อยู่ดีๆ ล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็เกิดนึกตรัสรู้อยากจีบมึงขึ้นมาหรอกมั้ง หรือว่า....เชี่ยยยยยหมูววววว นี่มึงไม่ได้ไปอ่อยมันจนมันใจแตกใช่ไหมวะ ร้ายแรงกว่าหนังเอวีกูไปอี้กกกก"

          "อ้าว งี้ที่คอเทมก็ไม่ใช่ยุงพันธุ์อะไรนั่นเหรอวะ กูก็งงไปดิ ว่ายุงพันธุ์ห่าอะไรวะ ไม่เคยได้ยินชื่อ"

          "น่าจะเป็นยุงพันธุ์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เพราะไม่เสือกเรื่องของคนอื่นนะครับ"  ผมพูดเสียงเย็นตอบไอ้น้ำ ที่ไม่ยอมจบเรื่องยุงเสียที 

          ทำไมทุกคนต้องติดใจเรื่องยุงขนาดนั้นกันด้วยครับ ผมล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ


 
          ไอ้น้ำหัวเราะเสียงดัง ยักคิ้วไปมากวนประสาท

          "อูย พ่อดุเลยว่ะ แต่เสือกจริง ไม่แคร์ อิอิ" มันขยิบตาใส่ผม เห็นแล้วอยากหยิบหนังยางมาดีดใส่ให้ตาบอดมากครับ

          "แล้วตกลงว่าไง เมื่อคืนมีไรเกิดขึ้นวะ เล่ามาๆ ทำไมพี่หมูของเราถึงพัฒนาไปได้ไกล ถึงขนาดนุ้งเทมของพี่เต้ขอจีบ"


          ผมเหลือบตามองไอ้เต้ สบตามันด้วยความจริงจัง และพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังยิ่งกว่า


          "เทมไม่ใช่ของมึง เทมเป็นของกู"


ไอ้เต้กับไอ้น้ำตบโต๊ะไปมาเหมือนถูกอกถูกใจหนักหนา ก่อนจะประสานเสียงหัวเราะกันลั่นห้อง


          "นิดหนึ่งก็ไม่ได้เลยเนอะ แหมมมมมมมมมมมมมมมมมม"

          "เพลงนี้ต้องมาว่ะ ฉันก็รักของฉันนนนน เข้าใจบ้างไหมมมม ♪"

          ผมกลอกตาให้กับเสียงแย่บัดซบพอกันกับเฮียปลา ก่อนจะตัดสินใจเล่าเหตุการณ์คร่าวๆที่เกิดขึ้นเมื่อคืนและตอนเช้าให้ไอ้สองหน่อที่กางหูรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ


          กับเรื่องเรียนตั้งใจเรียนแบบนี้ไหมครับ?






          "สรุปก็คือ ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือขนมจีบ?"

          น้ำสรุปเรื่องเล่าของผม ด้วยประโยคเดียวที่ครอบคลุมได้ทั้งหมด

          "มึงแม่งทนได้ไงวะ กูนี่คิดทุกวันว่าความอดทนมึงช่างเป็นเลิศ ไอ้เทมแม่งก็อ้อยธรรมชาติขนาดนั้น รุกใส่มึงตาใสๆ อยู่ทุกวี่ทุกวัน เป็นกูนี่รวบหัวรวบหางไปแล้ว"

          "กูไม่อยากรีบ ไม่ได้อยากรวบรัดเทมนักหรอก เกิดเทมหนีกูไปก่อน กูคงทำใจไม่ได้ กูอยากให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างมั่นคง รอบคอบและรัดกุมที่สุด เอาให้เทมรักกู หลงกูมากๆก่อน อีกอย่างก็อยากให้เขาโตกว่านี้อีกหน่อย จริงๆนี่ก็พัฒนาไปเร็วกว่าที่คิดมากแล้ว"

          "แค่นี้ยังรักยังหลงไม่พอเหรอวะ มันตามติดมึงยังกับขี้ติดตูดปลาทองแล้วไหมหมู เอะอะไรก็หมูหย็องครับ หมูหย็องครับ หมูหย็องอย่างนู้น หมูหย็องอย่างนี้"



          ไอ้น้ำที่ทำท่าครุ่นคิดอยู่เงียบๆ หันมาตบไหล่ผม ก่อนคำพูดที่ฟังดูใช้สมองคิดจะถูกกลั่นออกมาจากปากมัน



          "อืม แต่กูก็เห็นด้วยกับหมูนะมึง มึงคิดดูนะเต้ เทมมันไม่ได้เหมือนพวกเรา กูว่าเป็นเพื่อนกันไปก่อน พร้อมค่อยๆเรียนรู้อีกฐานะหนึ่งไปด้วยก็ดี ระหว่างนี้มึงก็ค่อยๆสอนมันไป ให้เข้าใจความรักได้ดีขึ้น ตอนนี้เทมมันก็รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง กระโตกกระตากไป เกิดไก่ตื่นก็ไม่ดี กันไว้ยังไงก็ดีกว่า"


          "น้ำ..." ผมมองหน้ามันพลางนึกทึ่ง

          ไม่คิดว่าอย่างมันจะสามารถเข้าใจความคิดผมได้ดีขนาดนี้ ผมก็คิดเอาไว้ประมาณนี้ล่ะครับ ตอนเทมขอจีบ ผมเลยไม่ปฎิเสธแล้วขอเทมคบไป


          เพราะคิดว่ามีเวลาอีกหน่อยก็ดีเหมือนกัน เป็นเพื่อนสนิทกันต่อไปอีกนิดก็ไม่เสียหาย อยากให้เรื่องระหว่างเราค่อยเป็นค่อยไป ให้เขาได้ค่อยๆเรียนรู้คำว่ารักไปพร้อมๆกับผม


          ผมมีเวลาเฝ้ารอเทมเติบโตอย่างช้าๆทั้งชีวิต เพราะไม่ว่าจะในฐานะไหน เทมก็พิเศษสำหรับผมเสมอ ผมรอมาตั้งหลายปี รอต่อไปอีกนิดหน่อยก็ไม่เห็นเป็นอะไร

          ตราบใดที่เขายังอยู่กับผมแบบนี้...ตลอดไป





          "กูพูดดีใช่ป่ะ กูยังงงเลย เต้มึงเอาสมุดมาจดหน่อย กูจะเอาไปโชว์หม่อมแม่ หม่อมแม่กูต้องดีใจ"

          พัง...พังราบคาบเลยครับกับคำชมของผม หายไปหมดเกลี้ยงภายในไม่ถึงเสี้ยววิ คำชมจากผมอุตส่าห์ตกถึงมันสักทีแท้ๆ ท่าทางยืดอก จมูกยืดยาวนั่นน่าหมั่นไส้จนผมต้องหันหน้าหนี

          "อีกเรื่อง ถ้าจะสอนอะไรเทม ก็อย่าให้มันเลยเถิดนัก เข้าใจว่าบางทีคำถามของเทม มันก็ยากที่จะไม่ตอบ เห็นหน้าแล้วใจอ่อน ผมก็เข้าใจ แต่บางเรื่องเทมก็แยกแยะยังไม่ได้ ว่าดีหรือไม่ดี จำตอนที่เทมติดคำหยาบไม่ได้หรือไงครับ"

          ผมพูดออกไปเตือนย้ำถึงอดีตที่เคยผิดพลาดมาก่อน สมัยที่เต้กับน้ำเจอกับเทมใหม่ๆ พวกเรายังติดคำหยาบกันมากอยู่ครับ คิดว่ามันก็เป็นเรื่องปกติในการพูดเล่นกันกับเพื่อน เราก็ใช้คำหยาบ เล่นมุกสัปดน พูดกันเองโดยไม่ได้คิดอะไร แต่กับผู้ใหญ่หรือสถานการณ์ที่ไม่ควรพูดคำหยาบ พวกเราก็มีวิจารณญาณในการใช้อย่างเหมาะสม

          แต่กับเทมไม่ใช่ เทมแยกแยะไม่ได้ว่าควรพูดตอนไหนหรือไม่ควรพูดตอนไหน  นั่นมุกหรือความจริง ควรใช้แค่กับใคร ไม่ควรใช้กับใคร

          เรื่องบางเรื่องเขาต้องใช้เวลาในการเข้าใจครับ เทมไม่สามารถเข้าใจอารมณ์ หรือบางเรื่องที่ทุกคนเข้าใจกันได้ด้วยจิตสามัญสำนึก  หรือกับสถานการณ์แบบคนทั่วไป ที่แค่มองแวบเดียวก็รู้ได้ว่าควรประพฤติตัวยังไง

          ประพฤติตัวให้ถูกต้องตามสถานการ์ณอย่างถูกกาลเทศะ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเด็กพิเศษ

          เพราะแบบนั้นก็ไม่แปลก ที่ผมจะดูระแวดระวังไปเสียทุกเรื่อง ก็เพราะผมเป็นห่วง เพราะเขาสำคัญ สำคัญมากๆ จนไม่อยากให้เขาถูกมองไม่ดี เพราะสายตาไม่ดีที่จดจ้องมา มันทำให้เขาเสียใจ   

          เขาไม่รู้ก็จริงนะครับ แต่เขาก็สัมผัสได้ และเทมปุระของผมก็ซึมซับความรู้สึกด้านลบได้อย่างรวดเร็วเสมอ

          ผมอยากให้เขามีแต่ความสุข เป็นก้อนความสุขที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ตลอดไป

          ผมรู้ครับ ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่ผมไม่จับเทมขังไว้แค่ในบ้าน ไม่ให้เจอผู้คน ก็หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่อย่างน้อยก็ขอยืดเวลาให้รอยยิ้มนั้นยังไร้เดียงสาได้นานที่สุด นานที่สุดเท่าที่ผมจะช่วยปกป้องเอาไว้ได้





          "เออว่ะ บางทีเทมมันก็เหมือนไม่ได้เป็นอะไร เป็นคนปกติทั่วไป จนกูก็เผลอบ่อยๆ ...แต่หนังเอวีนี่ไม่อันตรายไหมวะ"

          ผมถลึงตาใส่ไอ้เต้ที่ยังเถียงตอบกลับมา ไม่อันตรายต่อมัน แต่อันตรายต่อผมน่ะสิครับ ขนาดยังไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว นางฟ้าของผมยังรุกเข้าใส่ตาใสขนาดนี้ มากกว่านี้ผมคงสลบคาอกเทมปุระตายพอดี...

          แล้วเรื่องอะไร ทำไมผมต้องให้สายตาเทมไปดูคนอื่นโป๊นอกจากผมด้วย ถ้าอยากดูหนังอย่างว่า เดี๋ยวผมจะแสดงให้เจ้าตัวดูเองครับ คนอื่นไม่ต้องยุ่ง


          "สีหน้าไอ้หมูตอนนี้ กูว่าในใจมันน่าจะกำลังด่ามึงว่าเสือก ด้วยความเร็วสี่ร้อยคำต่อสามวินาทีว่ะ"

          "อย่ายุ่งเรื่องบนเตียงของพวกกู กูจะสอนเทมเรื่องนี้เอง"

ไอ้เต้หัวเราะ ดูพอใจกับการทำให้ผมหลุดพูดคำหยาบได้ มันยักคิ้วหลิ่วตาใส่

          "พูดเหมือนมึงเคยยยยยยยยยยย"

          "เออ แล้วมึงจะเอาประสบการณ์ที่ไหนมาสอนมันวะ"

          แน่นอนล่ะครับว่าผมไม่เคย แต่ถ้าแค่ช่วยตัวเอง ใครก็ทำเป็นทั้งนั้น ส่วนเรื่องลงลึก ผมก็กำลังศึกษาอยู่ แน่นอนครับว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสองคนตรงหน้า

          "ถ้ามีสมองก็จะรู้ครับว่าศึกษาด้วยตัวเองได้ หนังสือก็มี อินเตอร์เน็ตก็มี ถามกับแพทย์ก็ได้"



          แต่แล้วคนตัวเล็กของกลุ่มก็ชะงักกึก

          "ไอ้หมู คือมึง...คือแบบว่า คือกู..."

          น้ำพูดขัดขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงจ๋อยๆ หน้าตาเหมือนเด็กยังไม่โตของมันดูล่อกแล่กชอบกล

          "อะไรครับ?"

          ผมถามด้วยเสียงไม่ไว้ใจ ท่าทางของมันเหมือนกับคนที่เพิ่งทำความผิดอย่างมหันต์ลงไป แล้วกำลังจะสารภาพต่อหน้าผู้เสียหาย

          และดูท่าผู้เสียหายคนนั้น ก็คือผมเอง...



          "เทมอ่ะ เทมปุระอ่ะ" ไอ้น้ำสูดหายใจลึก พลางหลับตาปี๋ รีบพูดรัวเร็วออกมาเหมือนกลัวใครแย่ง

          "เคยดูหนังโป๊แล้วนะ แฮะๆ ...ก็วันนั้นกูได้แผ่นมาใหม่ พวกมึงก็นั่งทำรายงานอยู่ในห้องหนังสือข้างล่าง กูเบื่อๆเลยเปิดแผ่นดู เทมมันเดินขึ้นมาเรียกกูพอดี กูเลยชวนมันนั่งดูด้วยกัน ทีนี้ก็เห็นมันงงๆ ถามกูว่า 'หนังอะไรทำไมเขาไม่ใส่เสื้อผ้าครับ' แล้วกูก็เลยแบบว่า ก็เพื่อนไม่เข้าใจอ่ะเนอะ เพื่อนอย่างเก๊าก็หวังดีอะโนะ ก็แบบว่า...กูก็เลย ก็เลยอธิบายพวกเรื่องอะจึ้กอะจึ้ก"
           
               ไอ้น้ำทำนิ้วชี้สองข้างจิ้มกันไปมา ประกอบประโยคบอกเล่าแสนน่าฆ่าทิ้ง

          "....ไปแบบหมดเปลือกเลยว่ะ แฮะๆ"





          "ไอ้หมู ไอ้หมู! ไอ้หมูวววววววววววววว โต๊ะไม่ได้ โต๊ะไม่ได้นะเว้ยยยยยยย ใจเย๊นนนนนนน วางโต๊ะลงก๊อนนนน ไอ้น้ำมึงวิ่งหนีไป๊ปปป หนีไปปป กูจะรั้งไม่อยู่แล้วววววววววววววววววววววววววววววว!!!"




          ไอ้น้ำเกือบถูกผมฆาตกรรมตายด้วยเพลิงพิโรธกลางห้องเรียน ผมวิ่งไล่ล่ามันจนมันจนมุม ไอ้เต้แทบจะจับผมมัดไว้กับกำแพง คนในห้องแตกตื่น วิ่งวุ่นหลบลูกหลงไปมุมตรงกันข้ามของห้อง


          ผมนั่งประมวลผลจากเหตุการณ์เมื่อคืน แล้วก็รับรู้ได้ถึงความสมเหตุสมผล ผมก็ว่าทำไมเทมปุระถึงดูไม่ตกใจนัก ดูตื่นเต้นและแปลกใจกับสิ่งแปลกใหม่มากกว่า  ระหว่างที่ผมสอนเขา เขาก็ดูเข้าใจได้ง่ายมากกว่าปกติ ไม่ต้องย้ำหลายครั้งอย่างที่แล้วมา
 
          ที่แท้ก็มีหนอนบ่อนไส้ ชิงมาสอนเทมปุระของผมตัดหน้านี่เอง...

          ส่วนที่ไอ้เต้พูดถึงหนังเอวีแล้วเทมไม่รู้จัก ก็คงเป็นเพราะไม่รู้ว่าเอวีก็คือคำเรียกหนังโป๊เหมือนกัน  ดูเด็กใสซื่อขนาดเอวีกับหนังโป๊เขายังไม่รู้จักคนนี้สิครับ เทมผู้ใสซื่อขนาดนี้ของผม ต้องถูกหนังโป๊ของไอ้น้ำล่อลวงไปหรือครับ

          มันน่าจับมาทรมานจนต้องร้องขอชีวิตจริงๆ


          ไอ้น้ำที่นั่งทำหน้าเจื่อน ตรงมุมปากของมันมีรอยหมัดประทับของผมติดไว้ มันชำเลืองมองผมจากด้านหลัง ไอ้ตัวแสบกำลังหลบอยู่หลังไอ้เต้มองผมที่สงบลง แล้วจึงยอมเลิกเกาะหลังเป็นลูกหมีโคอาล่าติดแม่ มานั่งตรงเก้าอี้ที่ห่างออกไป เพื่อป้องกันผมเท้ากระตุกยกขึ้นฟาดคอมันอีกรอบ

          "โทษงะมึง ตอนนั้นกูก็กำลังตื่นเต้นกับน้องคิโยมิของกู ไอ้เทมถามไรก็เลยอธิบายหมดเลย"

          ยิ่งได้ฟังผมยิ่งตากระตุก อยากลุกไปตบกระบาลมันให้สั่นอีกสักร้อยที เอาให้สมองมันแหลกเหลวเป็นน้ำสมชื่อเจ้าตัว

          ผมตวัดสายตาขวางไปให้มันก่อนจะถอนหายใจ เอาเถอะครับ จริงๆก็ถือว่าทุ่นแรงให้ผมไปบ้างเหมือนกัน ผมก็คิดไม่ออกว่าตัวเองจะไม่เขินเทมจนเป็นลมไปก่อนที่จะอธิบายให้เจ้าตัวเข้าใจรู้เรื่อง


          แต่มันก็อดหวงไม่ได้ ทำไมเทมจะต้องไปดูคิโยมิอะไรนั่นของไอ้น้ำด้วยครับ แถมไอ้น้ำยังมาแย่งครั้งแรกที่ดูหนังโป๊กับเทมไปอีก อย่างน้อยถ้าจะต้องดูเพื่อเป็นกรณีศึกษา ก็อยากให้เทมดูกับผมมากกว่า ไม่ใช่กับไอ้หน้าอ่อนแต่เป็นไอ้เฒ่าลามกยิ้มแหย่ตรงหน้าผม


               "น่าๆถือว่ากูเป็นอาจารย์ผู้ช่วยสอนไง เนอะ แฮ่"


               ไอ้น้ำเดินมาบีบๆนวดๆด้วยท่าทางประจบประแจงถึงที่สุด ส่วนไอ้เต้พอสำรวจดูท่าทางผม ว่าใจเย็นลงแล้วแน่นนอน จะไม่ลุกพรวดไปบีบคอเพื่อนเกลอของตัวเองจนหัวสั่นหัวคลอนอีกครั้ง ก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก


          ก่อนที่ผมจะได้ปฎิเสธหน้าที่อาจารย์ผู้ช่วยของไอ้น้ำ ตรงหน้าประตูห้องก็มีเสียงตะโกนเรียกชื่อผมเสียดังลั่นซะก่อน



               "เฮ้ย หมู! หมูอยู่หรือเปล่า!?"



          อเล็กซ์ หนึ่งในทีมสภา และเป็นเพื่อนต่างห้องของผมวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา ดวงตาสีใบไม้กวาดตามองไปทั่ว จนสบเข้ากับคนที่อยู่มุมห้อง เพื่อนที่นั่งอยู่มุมห้อง ชี้นิ้วมาที่พวกผม เพื่อบอกถึงเป้าหมายที่อเล็กซ์กำลังตามหา



               ผม...สังหรณ์ใจไม่ดีเลย





          อเล็กซ์วิ่งพรวดเข้ามาหาผมที่นั่งกันอยู่หลังห้อง ไอ้เต้เอ่ยแซวผู้ชายที่กำลังทำหน้าตาตื่นตกใจ


              "อะไรของมึงวะเล็กซ์ อาจารย์ใช้มาเรียกไอ้หมูหรือไง"


          เล็กซ์ที่เต้เรียก กลับไม่ได้สนใจคำพูดเอ่ยแซวนั่น แต่ตรงเข้ามาคว้าหมับเข้าที่แขนของผม ผมชะงักเล็กน้อย คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างข้องใจ ไม่ใช่แค่คว้าธรรมดา แต่เพื่อนต่างห้องยังดึงผมให้ลุกจากเก้าอี้ที่กำลังนั่งอยู่ พลางลากผมออกมาจากห้องด้วยความรวดเร็ว ไอ้น้ำกับไอ้เต้ก็วิ่งตามออกมาอย่างงงๆ

          "มีอะไรหรือเปล่าครับอเล็กซ์ ปล่อยผมก่อน" ผมรั้งแขนตัวเองเอาไว้ พลางฝืนขาทั้งสองข้างที่กำลังเคลื่อนไหวให้หยุดลง ด้วยไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอีกฝ่ายถึงได้ดูรีบร้อนนัก

          "โทษทีว่ะ กูร้อนใจ มึง พวกมึงต้องตามกูมาเดี๋ยวนี้เลย!"


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 8 * 11/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 14-09-2018 20:40:08

พวกผมสามคนหันมามองหน้ากัน แล้วความคิดแง่ร้ายก็ผุดขึ้นมา


          เทม...

          เทมปุระอยู่ไหน?

          ทำไมเขาไปเข้าห้องน้ำตั้งนานแล้ว เด็กน้อยของผมถึงยังไม่กลับมาอีก


          ใจที่สงบราบเรียบของผม กลับเต้นอย่างตื่นตะหนก เมื่อตะหนักได้ว่าคนสำคัญที่มักจะอยู่ข้างๆเสมอ แต่ตอนนี้กลับไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน ความรู้สึกใจหายวาบ ความหวาดกลัว กลัวว่าเขาจะเกิดอันตรายเข้าครอบงำจนมือเท้าเย็นเฉียบ


          "เทม? เทมเป็นอะไร!?!" คนถูกผมตวาด ตกใจเสียงตะคอกถามของผมจนหยุดช็อกค้าง อเล็กซ์ที่ไม่ได้สนิทกับผมมากนัก ไม่เคยเจอผมในท่าทางแบบนี้มาก่อน

          "ไอ้เทมอยู่ไหน มึงมีอะไรกันแน่ พูดมาเร็วๆสิวะ" ไอ้น้ำที่ร้อนใจขึ้นมา จึงรีบคาดคั้นคนวิ่งมาตามพวกผมด้วยอีกคน เสียงไอ้น้ำดึงสติของอเล็กซ์ให้กลับเข้าที่


          คำบอกเล่าจากเพื่อนต่างห้อง ทำเอาหัวใจผมหนาวเย็นเยียบเป็นน้ำแข็ง


          "เมื่อกี้กูจะลงไปเตรียมเข้าแถว แต่เกิดปวดฉี่เลยไปหลังตึกจะเข้าห้องน้ำ เห็นคนมุ่งอะไรกันก็ไม่รู้ กูก็เลยเดินเข้าไปดู เห็นเทมยืนร้องไห้อยู่กลางวง กูยังไม่รู้เรื่องอะไร แต่เห็นท่าไม่ดีเลยรีบวิ่งมาเรียกมึงก่อนนี่แหละ"


          ผมกระชากไหล่อเล็กซ์เข้ามาหาตัวเอง นัยน์ตาสีฟ้าสว่างแลดูเข้มขึ้นอย่างน่ากลัว


          "บอกกูมา! ตอนนี้เทมอยู่ไหน!!!"


          มือไอ้เต้ที่ตบลงมาบนไหล่ ไม่สามารถช่วยปลอบผมที่ร้อนรนจนแทบลุกเป็นไฟได้
เทมกำลังยืนร้องไห้อยู่คนเดียว ประโยคไม่สั้นไม่ยาวดั่งมีดนับพันเล่มฟาดฟันใส่หัวใจของผม


          ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ต้นเหตุที่ทำให้เขาเสียน้ำตา มันต้องได้รับโทษอย่างสาสม


          ผมวิ่งลงมาที่ห้องน้ำหลังตึก สถานที่เกิดเหตุตามที่อเล็กซ์บอก แต่เจ้าตัวที่วิ่งตามผมมาไม่ทันไม่รู้หายไปไหน ไอ้เต้กับไอ้น้ำที่ผมปล่อยทิ้งไว้ด้านหลังก็เช่นกัน


          หลังจากได้คำตอบที่เทมอยู่ ผมก็วิ่งแบบไม่คิดชีวิต สองขาสับรอกอย่างรวดเร็ว เซลล์ทั้งร่างกายถูกใช้ถึงขีดสุดเพื่อไปหาเขา ใจผมอยากหายตัวได้แล้วไปปรากฏตรงหน้าเขาเสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ จึงได้แต่พยายามวิ่งให้ไวที่สุด ได้แต่นึกเกลียดที่ตัวเองต้องเสียเวลาวิ่งลงมา นึกเกลียดตึกหลายชั้น เกลียดขั้นบันไดที่ทำให้เวลาที่ผมจะไปหาเทมช้าลง ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะกระโดดตึกลงไปเลยเหมือนกัน



          พอใกล้ถึงที่หมาย ผมก็เห็นกลุ่มคนประมาณสิบกว่าคนกำลังยืนล้อมรอบบางคนอยู่

          ด้วยส่วนสูงของเทมจึงทำให้ผมเห็นเขาได้ชัดเจน

          ผมไม่รู้ว่าใคร แต่ผมผลักคนที่กำลังยืนขวางทางผมออก


          ภาพตรงหน้าทำผมปวดใจจนแทบร้องไห้



          เด็กชายเทมปุระที่ผมเฝ้าทะนุถนอม กำลังยืนร้องไห้สะอึกสะอื้น มือใหญ่พยายามเช็ดน้ำตาตัวเอง แต่เจ้าน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด ก็ทำให้เจ้าตัวไม่สามารถซับให้หมดได้เสียที


          ร่างสูงดูสั่นสะท้าน อาบไล้ไปด้วยความตื่นกลัว เสื้อผ้าดูยับเยิน ผมที่ผมหวีให้เขาเมื่อเช้าก็ยุ่งเหยิง ตามตัวขาวจัดมีร่องรอยฟกช้ำกระจัดกระจายไปทั่ว


          และทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาชื้นแฉะ เสื้อผ้าพร้อมกางเกงสีน้ำเงินก็เปียกโชก...



          เสียงร้องไห้ของเขาทำหัวใจผมขาดหวิ่น ผมเดินตรงเข้าไปใช้สองแขนโอบกอดเขาเอาไว้ รั้งหัวร่างสูงให้มาซบไหล่ตัวเอง ทั้งร่างของคนที่กำลังร้องไห้อย่างหนักเกร็งจนแข็งทือ อีกฝ่ายตัวสั่นสะท้านไปหมด แต่พอรู้ว่าเป็นผม เจ้าตัวก็ซุกลงมาอย่างหมดแรง  เสียงร่ำไห้ที่เจ้าตัวพยายามกลั้นไว้ ดังอยู่ข้างหูผม มือสองข้างของผมลูบหลังปลอบประโลมเด็กน้อยไปมา


          "เทมร้องไห้ทำไมครับ เจ็บตรงไหน ปวดตรงไหน บอกหมูสิครับ หรือมีใครมาแกล้งเทมของหมูหรือเปล่า ไหนบอกหมูสิคนดี หยุดร้องไห้เถอะนะ หมูปวดใจจะตายอยู่แล้ว"


          ผมไม่สนใจเสียงดังจากรอบกาย สนใจแค่คนในอ้อมกอดที่ยังคงเอาแต่ร้องไห้  สองแขนใหญ่กอดผมแน่นเหมือนเป็นที่พึ่งสุดท้าย เทมไม่ตอบอะไร เอาแต่สะอื้นจนสะอึกอยู่แนบบ่าผม น้ำตามากมายที่ชุ่มอยู่บนไหล่ มากมายเสียจนผมใจคอไม่ดี



          มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เทมไม่เคยร้องไห้ราวจะขาดใจ และดูหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน



          ผมกอดเขาพลางไล่สายตามอง คลับคล้ายคลับคลาว่าทุกครั้งที่ผมเห็นร่องรอยช้ำจุดใหม่บนเนื้อตัวของเด็กน้อยตัวสั่นด้วยความผวา ดวงใจของก็ผมก็ถูกเชือดเฉือนจนเป็นริ้วแหว่ง ผมมองไล่ขึ้นมาจนเห็นเส้นผมของเขามีรอยไหม้เกรียมคล้ายถูกไฟเผา ผมสูดหายใจลึก ในอกหนาวเหน็บ เมื่อคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่เขาเผชิญมา



          ใครมันกล้าทำร้ายเขาขนาดนี้ ใครมันกล้าทำร้ายดวงใจของผมขนาดนี้


          "อ๋อออออ มาแล้วเหรอวะ ผู้ปกครองของมึงน่ะไอ้ปัญญาอ่อน สำออยชิบหาย แค่นี้ก็ต้องร้องห่มร้องไห้"


          ผมหันควับไปมองตามเสียง เห็น สิงห์ เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่คนละห้อง กำลังยืนกอดอก ด้านหลังมีกลุ่มเพื่อนของเจ้าตัวอีกสี่ห้าคนกำลังยืนหัวเราะกันอยู่


          "มึงมองอะไรกูแบบนั้นไอ้ประธานนักเรียน มึงต้องขอบคุณพวกกู พร้อมซึ้งใจต่างหากนะ ที่อุตสาห์ช่วยลงโทษคนทำผิดกฏให้ หึหึหึ"


          "มึงทำอะไรเทม" น้ำเสียงของผมเย็นชาจัดมันปนเปเต็มไปด้วยโทสะจนข้นคลั่ก เทมสะดุ้ง เจ้าตัวขยับเข้ามากอดผมแน่นกว่าเดิม


          "กูจะทำอะไรวะ พวกกูก็แค่ช่วยบอกทางไอ้ปัญญานิ่มนั่นแค่นั้นเอง เห็นแม่งจะเดินเข้าห้องน้ำอาจารย์ กูก็นึกว่าแม่งโง่จนไม่รู้ว่าห้องน้ำนักเรียนอยู่ไหน กูก็หวังดีเลยช่วยลากมันลงมาเข้าให้ถูกที่ แต่ดูดิ ความหวังดีกูสูญเปล่าหมด เหี้ยนี่เสือกฉี่ราดกางเกงเอากลางทาง เพราะแม่งมัวแต่ตัวสั่นกลัวห่าไรก็ไม่รู้ มึงต้องไปขอโทษป้าแม่บ้านเขาด้วยนะรู้ไหม ที่ต้องมาเช็ดฉี่ให้คนที่โตเป็นควายอย่างมึงเนี่ย สร้างเรื่องเดือดร้อน ลำบากป้าเขาจริงๆ ...จริงไหมวะพวกมึง"


          แล้วเสียงหัวเราะที่ฟังดูน่ารังเกียจและน่าขยะแขยงที่สุดในชีวิตที่ผมเคยได้ยินก็ดังขึ้น ถ้อยคำแสนต้องห้ามหลุดออกมาจากปากของไอ้สิงห์ไม่หยุดหย่อน ทุกถ้อยคำของมันล้วนกระชากเส้นความอดทนของให้ขาดไปทีละเส้น


          จนตอนนี้มันหมดสิ้น ไม่เหลือแม้แต่เส้นเดียว


          ทุกครั้งที่น้ำคำร้ายๆเหล่านั้นถูกพูด ร่างสูงที่กอดผมอยู่ก็สะอื้นหนักขึ้น และหนักขึ้น เทมตัวสั่น ทั้งๆที่เขาตัวสูงใหญ่กว่าผม แต่เวลานี้กลับดูเล็กจิ๋วและแสนเปราะบาง คล้ายแก้วที่กำลังจะแตก


          แม้ผมจะแนบสองมือปิดหูเทมไว้ หวังให้เขาไม่ได้ยินคำพูดร้ายกาจ แต่เสียงพูดแสนดังของสวะตรงหน้า ก็คงทำให้เจ้าตัวได้ยินอยู่ดี


          ใจผมพังไปหมด เมื่อเห็นใบหน้าที่มีร่องรอยถูกทำร้ายอาบไปด้วยหยดหยาดน้ำตา ช่วงขณะที่เงยขึ้นสบตากัน เพียงชั่วเสี้ยววิที่ผมเห็น อัญมณีสีน้ำตาลสวยคู่นั้นแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เด็กชายของผมถูกทุบทำลายจนยับเยิน

          เป็นชั่ววินาทีที่ความเจ็บปวดของอีกฝ่ายไหลทะลักเข้ามาให้ผมรู้ นัยน์ตาสีน้ำตาลสุกไสที่มักเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความโศกและความเสียใจมากมายเหลือคณา


          แก้วตาดวงใจของผมไม่ได้ใกล้แตกสลาย

          แต่เขาแตกสลายไปเรียบร้อยแล้ว




          เทมเลือกที่จะไม่พูดอะไรและดึงชายเสื้อผม เหมือนต้องการไปจากตรงนี้ ผมแกะมือของเทมออกเบาๆ ยื่นหน้ากระซิบด้วยเสียงอ่อนโยน


          "เทมครับ ปล่อยหมูสักครู่หนึ่งก่อนนะครับ หมูขอเวลานิดเดียว แล้วเราจะไปจากตรงนี้กัน"


          ความลังเลฉายชัดจากท่าทางที่เหมือนไม่อยากปล่อยผมไปไหน  ท่าทางของเทมดูหวาดกลัวเกินกว่าจะต้องออกห่างจากผมไป แต่ต่อให้เจ้าตัวกำลังเสียขวัญและตื่นกลัวมากเพียงไร คนใจดีก็ยอมเชื่อฟังผมเสมอ หากผมพูดเขาก็พร้อมจะทำให้


          ผมใช้ฝ่ามือปิดบังสายตาของเขา พูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง


          "ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไร ก็อย่าลืมตาขึ้นมานะครับรู้ไหม หลับตาให้แน่น แล้วก็อุดหูเอาไว้นะ"


          เด็กน้อยแสนดีของผมหลับตาปี๋อย่างเชื่อฟัง มือใหญ่ยกมือขึ้นอุดหู พยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย


           ผมลูบผมนุ่มนั้นแผ่วเบา เสียงของพวกไอ้เหี้ยสิงห์ ยังคงพูดจาหมาไม่แดกให้ได้ยินมาอย่างต่อเนื่อง เด็กที่แสนดีขนาดนี้ เหตุใดถึงต้องมาเสียน้ำตาให้ไอ้พวกสารเลวปากวอนหาที่ตายพวกนี้กันด้วยนะ


          ผมดูแลเขามาเป็นอย่างดี ให้เกียรติเขาเสมอมา ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมระมัดระวังคำพูดตัวเองทุกครั้ง ถ้อยคำไหนไม่ดี ถ้อยคำไหนจะทำให้เขาคิดมาก คิดแล้วคิดอีก คิดแล้วก็คิดอีก ประโยคไหนจะทำให้เขาเสียใจ ผมไม่เคยปล่อยให้หลุดออกไป หัวใจดวงน้อยของเทมไม่เคยมีบาดแผลเพราะผม


          แต่ทั้งๆที่ผมระมัดระวังขนาดนั้นแท้ๆ ทั้งๆที่ผมทะนุถนอมเขาขนาดนั้นแท้ๆ แต่ไอ้สวะไร้ค่าพวกนี้กลับกล้าเอาคำพูดเลวๆ มาทำร้ายคนของผมเสียเป็นแผลเหวอะหวะ


          และไม่ใช่แค่คำพูด ไม่ใช่แค่ล่วงเกินด้วยถ้อยคำที่ไม่ควรจะกล่าว แต่มันยังกล้ายื่นมือสกปรกโสโครกมาแตะต้องเขาอีกด้วย


          ผมหันไปมองกลุ่มคนจำนวนมาก


          ไร้ความลังเลบนสีหน้า




          ความบ้าคลั่งฉายชัดบนดวงตาของผม

          ความเกรี้ยวกราดของผมต้องมีที่ลง

          ความแค้นที่ก่อตัวต้องได้ระบาย

          โทสะที่หมุนวนแน่นอกต้องมีคนรับผิดชอบ

          และน้ำตาของเทมปุระ




          ....ต้องมีคนชดใช้






          ผมตรงเข้าไปต่อยหน้าคนที่พูดจาทำร้ายแก้วตาดวงใจของผมอย่างแรง จนมันล้มลงกับพื้น มันดูมึนงง แต่ผมก็ไม่ปล่อยให้มันตั้งตัว ผมรัวหมัดนับไม่ถ้วนใส่มัน จนเหล่าเพื่อนของมันมากระชากตัวผมออก


          "เฮ้ย! มึงต่อยเพื่อนกูทำไมวะ!!?"


          ใครสักคนในกลุ่มของพวกมันจับผมตรึงเอาไว้ พลางชกสวนเข้ามาที่ท้อง ไอ้สิงห์ที่พอตั้งสติได้ก็เข้ามารุมมือรุมตีนใส่ผมอีกคน แต่มันคงคิดผิด


          แค่คนสี่คน ตอนนี้ ตอนที่อารมณ์ของผมพุ่งถึงขีดสุดแบบนี้...รั้งผมไว้ไม่ได้หรอกครับ


          ยิ่งเห็นหน้ามันใกล้ๆ ความโกรธผมยิ่งระเบิดออก ผมสะบัดไอ้พวกคนที่จับผมเอาไว้จนกระเด็น พลางพุ่งตัวเข้าไปหาไอ้สิงห์ที่ทำหน้าตกใจ ปนไม่เชื่อว่าผมจะสามารถหลุดจากการเกาะกุมของเพื่อนของตัวเองได้


          "ไอ้เหี้ยเอ้ย!! จะเปิดวอร์ก็ไม่บอกพวกกู! ปล่อยเพื่อนกูนะโว้ยยย!"


     ไอ้เต้กับไอ้น้ำ แม้กระทั่งอเล็กซ์ยังเข้ามาช่วยผม พวกมันกั้นเพื่อนของไอ้สิงห์ออกไป ตรงที่ผมยืนจึงมีแค่ไอ้เหี้ยที่กล้ามาลูบคม รังแกคนของผมเท่านั้นที่ยืนอยู่ ผมพุ่งเข้าไปหามันด้วยสติที่ขาดสะบั้น


               ไอ้สิงห์ตัวใหญ่และหนากว่าผมมาก แต่นั่นก็ไม่ช่วยอะไรเลย

               ไม่ช่วยให้ผู้นำเกมนี้คือมัน เพราะผู้ชนะการห่ำหั่นในครั้งนี้คือผม


          ผมทั้งสะบัดหมัดใส่หน้ามันนับครั้งไม่ถ้วน เตะอัดลำตัวมันอีกมากมายคณานับ พอมันล้มลงนอนนิ่งกับพื้น ได้แต่ส่งสายตาหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดมาให้ ผมก็ขึ้นคร่อมมันเอาไว้ แสยะยิ้มเย็นยะเยือกให้มัน


          ไม่ว่าจะจมูกไร้ค่าที่เอาแต่พ่นมลพิษให้โลก หรือริมฝีปากที่บังอาจกล้าพ่นถ้อยคำร้ายๆใส่เด็กน้อยของผม ตอนนี้ก็ไม่สามารถแยกออกได้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน เพราะเลือดสีแดงสดทะลักออกมามากมายกลบอยู่เสียมิด แม้กระทั่งดวงตาแสนน่ารังเกียจที่จ้องมายังเทมอย่างจาบจ้วง ผมก็ลงโทษมันให้เข็ดหลาบ จนเบ้าตาของมันบวมปูดออกมาอย่างน่ากลัว


          รอยยิ้มเย็นเฉียบของผม ค่อยๆหุบลง พร้อมแรงมือที่บีบรัดรอบลำคอของมันแน่นขึ้นเรื่อยๆ

ทุกครั้งที่มันพยายามตะเกียกตะกายสูดลมหายใจ เพื่อต่อชีวิต ผมยิ่งขยี้ย้ำไปที่ลูกกระเดือกของมัน น่าขำชะมัด มันตัวกระตุกเหมือนปลาถูกทุบหัว ดูเหมือนสัตว์ใกล้ตายดิ้นทุรนทุรายอยู่ในกำมือของผม

          ดูเป็นภาพน่าสมเพช จนผมอดหัวเราะออกมาเสียงดังไม่ได้



          ผมมองสภาพก้อนเนื้ออาบเลือดตรงหน้าด้วยสีหน้าว่างเปล่า

          ปากของมันขยับคล้ายคำพูดว่า ขอโทษ และร้องขอให้ปล่อยมันไป


          มันขอโทษเรื่องอะไรกันนะ?

          เรื่องที่พูดไม่ดีใส่เทม? เรื่องที่ทำร้ายเทม? เรื่องที่ทำให้เทมอับอาย? หรือเรื่องที่มันคงไม่รู้ว่าได้ฝากบาดแผลครั้งยิ่งใหญ่ขนาดไหนให้กับเขา เด็กชายผู้ใสซื่อ มันร้ายแรง จนหัวใจของเด็กชายตัวน้อยของผมเหวอะหวะไปหมด


          แววตาของเทมที่ผมเห็น ในนั้นมีรอยกรีดลึก มันร้าวรานยากหยั่งถึง

          ที่ผมไม่รู้เลย ไม่รู้เลยจริงๆ  ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะสามารถสมานบาดแผลนั้นได้


          มันไม่ใช่เรื่องที่ขอโทษแล้วจะจบลง  และไม่ใช่เรื่อง ที่แค่ตายแล้วจะสาสม...




ตายไปโดยไม่รับรู้ความเจ็บปวดน่ะ


          มันง่ายเกินไป




          เสียงไอ้เต้กับไอ้น้ำที่ตะโกนห้ามและแรงดึงลากผมให้ลุกออกจากซากตรงหน้า ทำให้ผมค่อยๆคลายมือที่รัดรอบลำคอมันออก ไอ้สิงห์สูดหายใจเข้าปอดเฮือก ไอค่อกแค่กอย่างรุนแรง


          ผมเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้เศษเนื้อสีแดงฉานที่กำลังหายใจรวยริน ผมกระซิบเสียงเบาแต่หนักแน่น หวังให้คำพูดพวกนี้สลักลึกไปถึงจิตวิญญาณ และตามหลอกหลอนมันไปชั่วชีวิต






          "มึงอย่าคิด...ว่าเรื่องนี้จะจบลงง่ายๆ กูจะทำให้มึงรู้...ว่าตายยังดีกว่ามีชีวิตอยู่...มันเป็นยังไง"









(https://i.imgur.com/1b5jyAM.png) end 8 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง




หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 11 * 14/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 14-09-2018 20:46:49








▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    9    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇








          ผมเดินเข้าไปหาเทม เช็ดมือที่เปื้อนเลือดลงกับเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเอง อันที่จริง มันก็ไม่เป็นสีขาวมาสักพักแล้ว และถ้าจะให้พูดตรงๆ ตอนนี้ส่วนที่ยังเหลือสีเนื้อผ้าเดิมก็น้อยเต็มที เสื้อนักเรียนสีขาวสะอาดกลับคลับคลายว่ากลายเป็นผ้ามัดย้อมสีชาด
         
         ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเช็ดส่วนที่ยังไม่แห้งหมาดดี จนแน่ใจว่าไม่มีคราบชื้นของหยาดโลหิตหลงเหลือ  มือที่แห้งดีแล้วสัมผัสแผ่วเบาที่แนวแก้มของเทมปุระ

          เจ้าตัวสะดุ้งจนตัวเกร็ง แต่พอจำสัมผัสไออุ่นที่คุ้นเคยได้ ก็ทำท่าจะปล่อยมือที่อุดหู และขยับเปลือกตาขึ้นมอง แต่ก็มีมือของผมอีกครั้ง ที่ใช้ป้องกันไม่ให้เขาเห็นภาพตรงหน้า มีแค่หูของเขาที่ผมยอมปล่อยให้ได้ยินสรรพสิ่งอื่นนอกจากความเงียบงัน

          "อย่าเพิ่งลืมตานะครับคนดี จับมือหมูไว้แล้วเดินตามมานะ เชื่อใจหมูใช่ไหมครับ?"

          เทมพยักหน้าโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด เปลือกตาสีสวยกลับไปครอบคลุมนัยน์ตาสีอ่อนอีกครั้ง เทมจับมือผมแน่น ท่าท่างของเขาเหมือนบอกเป็นนัย ว่าต่อให้ผมจะพาเขาไปไหน ไม่ว่าทางที่ไปจะเป็นหุบเหว หรือตกนรก หนทางจะเป็นอะไร มือหนานั้นก็จะไม่ยอมปล่อยผมไปเด็ดขาด เขาพร้อมจะเชื่อและเดินไปพร้อมกับผมเสมอ

     เต้กับน้ำและอเล็กซ์เดินเข้ามาหาผม ผมแปลกใจกับสภาพพวกมันที่กระเซอะกระเซิงเหมือนถูกหมาฟัด จนหลุดหัวเราะออกมา


          "หัวเราะอะไรของมึ๊ง ยังจะมีอารมณ์ขำขันอี้กกก กูรอดมาได้เพราะไอ้อเล็กซ์ช่วยเอาไว้แท้ๆ ไม่งั้นกูจมตีนตายไปแล้ว พูดก็พูดเถอะ มึงโคตรน่ากลัวอ่ะหมู กูนึกว่ามึงจะฆ่ามันตายซะแล้วเสียอีก..."

          ไอ้น้ำเหลือบตามองผม พลางทำท่าขนลุกขนพอง

          "ก็คิดไว้แบบนั้นเหมือนกัน" ผมตอบด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ท่าทางของน้ำที่หัวเราะเมื่อสักครู่ชะงักลง เต้มองผมด้วยแววตาตกใจ และอเล็กซ์มองผมด้วยสายตาที่ตื่นตะหนก

          "มึงจะฆ่าคนไม่ได้นะ" น้ำพูดเสียงเบา ก่อนมันจะก้มหน้าลงเพื่อหลีกหนีสายตาของผม ที่ยังจุดประกายให้อบอุ่นขึ้นไม่ได้ มันยังคงเคลือบไว้ด้วยคราบความเย็นดุจแม่น้ำที่ถูกเยือกแข็ง อุณหภูมิของดวงตาสีฟ้ายังคงติดลบ

          เต้ที่เห็นบรรยากาศไม่ดี ก็รีบพูดแทรกขึ้นมา

          "เออ มึงฆ่าคนตอนนี้ก็ติดคุกนะเว้ย อดพาไอ้เทมไปญี่ปุ่นนะ เดี๋ยวนางฟ้าร้องไห้นะมึง"

          "ปะ-ไปญี่ปุ่นกันเหรอ น่าสนุกดีนะ" อเล็กซ์ที่รับบทสนทนาที่เต้ส่งต่อ ฝืนพูดขึ้นมาด้วยเสียงแห้งๆ



ตัวผมในตอนนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์มาสนใจใครสักเท่าไหร่ มือแกร่งที่จับกุมผมยังคงสั่นไม่หยุด


          "อีกเดี๋ยวอาจารย์คงมาเห็นพวกนี้ พวกมึงไปเปลี่ยนเสื้อแล้วเข้าแถวเถอะ กูจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง"


          ผมไม่อยากลากใครเข้ามาลำบากด้วยเรื่องของคนของผม โดยเฉพาะอเล็กซ์ที่เหมือนโดนพายุอันบ้าคลั่งพัดพามาเป็นลูกหลง

          แต่ทั้งๆที่ผมพยายามช่วยพวกมันให้พ้นโทษ แต่ดูเหมือนเพื่อนทั้งสองคนของผมจะไม่ดีใจ ไอ้เต้หน้าตึง ส่งเสียงแค่นหัวเราะ ดูท่าทางมันจะไม่พอใจมาก พอๆกับไอ้ตัวเล็กของกลุ่ม ที่พอผมไล่ให้หนีไป  กลับกล้าเชิดหน้าขึ้นมาสู้สายตาผมอีกครั้ง


          "พูดอะไรของมึงวะ เพื่อนกันเขาไม่ทิ้งกันหรอก ถ้าจะโดนลงโทษ กูก็จะโดนไปกับมึงนี่แหละ"

          "เออ ถูกของไอ้เต้ จะโดนลงโทษเหี้ยไรก็ช่างแม่งดิวะ มันมาแกล้งเพื่อนกูให้ฉี่ราดต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนนี่มันใช่เรื่องที่จะยอมอยู่เฉยๆหรือไง ตอนพุ่งเข้ามาช่วยมึง กูก็ทำใจไว้แล้ว"

          "กูก็ไม่อะไรนะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ในชีวิตอ่ะ แค่ตกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าประธานนักเรียนของเราจะบ้าดีเดือดขนาดนี้ โคตรโหด กูนึกว่าจะมาสายเวทย์ นี่แม่งมาสายกายภาพชัดๆ กูนี่กลัวขาสั่นไปสองนาทีเลย"

          "มึงติดเกมใช่ไหมไอ้เล็กซ์ อธิบายซะเป็นภาษาเด็กติดเกมเลยโว้ย"


          บรรยาศที่เครียดเขม็ง ผ่อนคลายขึ้น เมื่อไอ้เต้กับไอ้น้ำหันเหไปคุยกันเรื่องเกม

          ผมสบตาพวกมัน นึกใจอ่อนกับมิตรภาพที่พวกมันมีให้ผม แต่นี่มันเรื่องใหญ่ ทะเลาะวิวาทในโรงเรียน คนอื่นๆที่ไอ้เต้ไอ้น้ำกับอเล็กซ์จัดการไปน่ะ ไม่เท่าไหร่ เพราะพวกนั้นค่อนข้างเป็นหมาที่ดีแต่เห่า พอถูกตีก็กระจายตัววิ่งหนีกันไปหมด แต่ไอ้ซากที่สลบนอนเลือดกลบหน้าอยู่นี่ ผมว่าโทษคงไม่น่าจะจบแค่ลงโทษ ด้วยการทำเวรความสะอาดไปสักสองสามอาทิตย์หรอกครับ

          สำหรับผม ผมไม่สนใจหรอกครับว่าจะโดนไล่ออกหรือเสียประวัติ และติดคุกยิ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับชาโรนอฟ

          "ว่าแต่มันยังไม่ตายใช่ไหมวะ ทำไมมันนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิกเลย โทรเรียกรถพยาบาลกันไหมมึง"

          ไอ้น้ำเริ่มกังวลมากขึ้น เมื่อเหลือบตาไปมองสภาพของเหยื่อที่ถูกผมเล่นงาน ซากนั่นนอนแน่นิ่ง ลมหายใจดูอ่อนแรง ผมหันไปมองตามด้วยสายตาเย็นชา

          "ไม่ตายหรอก ยังยั้งแรงไว้ไม่ได้เล่นจุดตาย" ผมพูดขึ้นมาเสียงเรียบ ไอ้อเล็กซ์ได้ฟังก็ทำตาโตแทบถลน  สองเพื่อนซี้อ้าปากเหวอ ผมขมวดคิ้วใส่ท่าทางของพวกมันที่ทำท่าตกตะลึงใส่ผม

          ...อะไรของพวกมันอีกครับ


          "ยั้งแรงไว้!? มึงจะบอกสภาพมันใกล้ลงหลุมขนาดนี้ยังยั้งแรงไว้แล้ว!?"

          "นี่กูมีเพื่อนเป็นนักฆ่ามาจากไหนหรือไง ชิบหายละ วันหลังต้องงดกวนตีนมันเด็ดขาด"

          "ต่อไปนี้กูเลื่อนยศให้มึงจากหมูหัวร้อน เป็นลมบ้าหมู ไอ้เหี้ย ไม่ให้เกียรติความตัวโตของมันเลย ใส่แม่งซะยับเป็นผ้าขี้ริ้วเลยสัส"

          "แล้วมึงเห็นตอนแม่งสะบัดตัวเองให้หลุดออกจากพวกเพื่อนไอ้สิงห์สี่คนจับมันไว้ไหม กูนี่นึกว่ากำลังถ่ายหนัง"

          "ต้องตอนแม่งรัวหมัดใส่ดิ เลือดกระฉูด กูนี่สยอง นึกว่าดูหนังฆาตกรรม"

          "เชี่ย ขนลุก"



          เสียงพวกมันสุมหัวพึมพำงุ้งงิ้งกันไม่หยุด ผมได้ยินไม่ถนัดว่าพวกมันพูดอะไรกัน เพราะเล่นหันไปกอดคอกันกระซิบกระซาบเสียงเบา ส่งแต่สายตามาทางผม



          ผมคิดว่าช่างพวกมันก่อนแล้วกันครับ ตอนนี้สิ่งสำคัญคือผมต้องพาเทมไปในที่ๆสงบเสียก่อน แต่ยังไม่ทันได้ไปไหน เสียงฝีเท้าวิ่งกรูกันเข้ามา อาจารย์หลายคนที่คุ้นหน้า วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมอาจารย์ห้องพยาบาลอีกสามสี่คน

          พอเข้ามาเห็นพวกผม ท่านก็ทำหน้าตกใจเหมือนไม่คิดว่าจะวิ่งมาเจอคนที่ก่อเรื่อง คือประธานนักเรียนผู้รักษาความประพฤติอันดีไว้มาตลอดสามปี กำลังยืนนิ่งพร้อมหลักฐานสีชาดที่กระจายเต็มตัว

          อาจารย์พยาบาลวิ่งเข้าไปดูซากที่แทบจะสัมผัสไม่ได้ถึงสัญญาณของการมีชีวิต ก่อนที่อาจารย์ท่านอื่นจะเดินมาหาพวกผม ผมสบแววตาเครียดขึงของพวกผู้ใหญ่อย่างนิ่งสงบ ต่างกับไอ้เต้ไอ้น้ำและอเล็กซ์ที่สลดลงทันที


          "ตามอาจารย์มาไปที่ห้องผู้อำนวยการ"


          อาจารย์สั่งเสียงเด็ดขาด พวกผมก็ว่าง่าย เดินตามหลังอาจารย์ไปโดยดี



          พอออกมาจากโซนห้องน้ำ การจะไปห้องผู้อำนวยการต้องเดินผ่านสนาม ที่ตอนนี้มีคนทั้งโรงเรียนเข้าแถวอยู่

          พอพวกผมเดินผ่าน ก็เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้น เสียงพูดคุยของคนกว่าสามพันดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ

          เสียงชื่อผมถูกเอ่ยพูดถึงจากทั่วทิศทาง มากกว่าสภาพเหมือนไปฟัดกับหมาของสามคนด้านหลัง จากสภาพหน้าตามีรอยฟกช้ำดำเขียว กับเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ที่ดูยังไงก็คงแค่ไปมีเรื่องชกต่อยกันเท่านั้น

           ผู้คนให้ความใจกับสภาพของผมที่เลือดของไอ้สิงห์แปดเปื้อนไปทั้งตัว จนแดงเหมือนไฟแดงเดินได้ และมือด้านขวาจับจูงเทมปุระกำลังหลับตาแน่น  ไม่ว่าจะทั้งสถานภาพในโรงเรียน และสภาพที่ไม่เหมือนไปมีเรื่องทะเลาะวิวาท แต่กับเหมือนผู้ร้ายที่เพิ่งลงมือฆ่าหั่นศพคนไปเสียมากกว่า ก็ดูจะเป็นประเด็นเด่น ทุกคนพุ่งความสนใจตรงมาที่ผม


          แน่นอนว่าไม่ว่าใครก็อยากรู้ จนมันทำให้เกิดความอลวนวุ่นวาย เด็กนักเรียนหลายร้อยคนแตกแถวเข้ามามุงล้อมดู จนอาจารย์ที่อยู่บนเวทีต้องประกาศออกลำโพง ให้อาจารย์ประจำชั้นมาควบคุมเด็กให้อยู่ในความสงบ แต่ก็เป็นไปได้ยากกับความอยากรู้อยากเห็นของคนจำนวนมาก เด็กแต่ละคนวิ่งเข้ามาเขย่งตัวเพื่อมองพวกผม

          พวกผมถูกบีดอัด จนจะเดินไปข้างหน้าแค่สักครึ่งก้าวยังยากลำบาก


          เทมที่ตื่นกลัวอยู่แล้ว พอเจอคนจำนวนมากเข้าไปก็เกิดอาการเครียดจนตัวแข็งเกร็ง ใจผมล่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม คำแรกที่หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากสวย แว่วมาให้ได้ยินคือคำว่า 'กลัว'


          ผมเหมือนจะสติขาดไปอีกรอบ ตะคอกตวาดออกไปสุดกำลัง ตัดสรรพเสียงที่กำลังวุ่นวายให้หยุดชะงัก


          "หุบปาก!!! ถอยออกไปให้หมด!"


          ผู้คนที่กำลังจอแจนิ่งค้างเหมือนถูกกดสวิตช์ปิดการเคลื่อนไหวลง เหล่าคนที่อยู่ใกล้พวกผมแตกหือกระจายออกไปด้วยความตกใจ แม้กระทั่งอาจารย์ก็เผลอทำตามคำสั่งที่เต็มไปด้วยอำนาจของผมโดยไม่รู้ตัว


          "ทีมสภา! มาเปิดทางให้พวกผม!"


          ผมตะโกนเรียกหา ภายใต้ความเงียบที่ทุกคนตกใจกับภาพลักษณ์ดุดันแสนเกรี้ยวกราดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของผม
          ทีมสภาที่ถูกเรียกก้าวเท้าออกมาจากคนจำนวนมากอย่างมึนงง แต่เมื่อสบตาเข้ากับผม ก็สะดุ้งเฮือก ก่อนจะทำตามคำสั่งด้วยการจับมือกั้นเป็นแถวยาว คอยผลักผู้คนที่แน่นเนื่องออกไป เว้นช่องทางว่างให้พวกผมเดิน
 

          "เชิญอาจารย์เดินต่อครับ"


          ผมหันไปหาอาจารย์ที่เอาแต่ทำตัวนิ่งค้างเป็นหุ่นไล่กา ดูเขายังไม่เชื่อสายตาตัวเอง เอาแต่มองผมด้วยความตกตะลึง ผมขมวดคิ้ว ในเมื่อเขาไม่เดินนำ ผมจึงเดินนำขบวนเสียเอง


          ตอนนี้ผมต้องการพาเทมปุระไปที่สงบปลอดคนให้เร็วที่สุด ไม่อยากเสียเวลาให้กับอะไรทั้งนั้น








          กางเกงนักเรียนที่เปียกชื้นไปด้วยฉี่ถูกผมถอดทิ้งเอาไว้ ก่อนจะหาตัวใหม่มาให้เขาสวม เทมนิ่งเงียบแม้กระทั่งตอนผมถอนกางเกงและเปลี่ยนตัวใหม่ให้เขา หลังจากคำพูดที่แทบจะปลิดขั้วหัวใจของผมให้หลุดลง เทมก็เงียบมาตลอดทาง

          เทมที่ผมอนุญาตให้ลืมตาหลังจากผมเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เสร็จ กำลังนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ กอดเข่าซุกหน้าอยู่กับขาของตัวเอง ร่างสูงพยายามเบียดตัวเองไปกับเบาะนุ่มเหมือนสัตว์ตัวน้อยพยายามหาที่ปลอดภัย ผมเดินไปขอผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาคลุมรอบกายเจ้าตัวอีกชั้น ดึงมือสั่นของเขามากอบกุมเอาไว้

          ตอนนี้อาจารย์ให้พวกผมมารอในห้องพักอาจารย์ ระหว่างกำลังรอผู้ปกครองมาพูดคุยกันครับ

          "เทม...โอเคไหมวะ? "

          ความเงียบถูกทำลายด้วยคำถามของเต้ นัยน์ตารีเรียวฉายแววเป็นห่วงเพื่อนร่างสูงที่เอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ยอมมองหน้า ไม่สบตาใครสักคน อาการของเด็กพิเศษดูแย่เสียแม้แต่คนอื่นยังรู้สึกได้

          ผมหันไปส่ายหน้าให้เต้ ทั้งเป็นการบอกว่าเทมไม่โอเค และไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้อีก น้ำกับอเล็กซ์ก็เข้าใจสัญญาณ จึงหาหัวข้อสนทนาอื่นมาพูดคุย เพื่อหยุดความเงียบที่ทำห้องพักอาจารย์ให้กลายเป็นป่าช้า

          "เอ้อ ไม่รู้ว่าป่านนี้หม่อมแม่กูจะขี่ม้าขาวมาช่วยหรือยัง เกเรรอบนี้สงสัยจะโดนสั่งงดเล่นคอมไปเป็นเดือนเลยว่ะ"

          "มึงยังดี โดนสั่งงดเล่นคอมเฉยๆ กูนี่มีหวังโดนพ่อสั่งไปเลี้ยงหมาเป็นปีแน่ มึงก็รู้หมาบ้านกูอย่างเยอะ นี่ก็เพิ่งคลอดคอกใหม่มาอีก สนใจเอาไปเลี้ยงกันไหมวะ สายพันธุ์แชมป์อย่างดีเลยนะเว้ย กันเองลดสิบเปอร์เซน กูจะได้ค่านายหน้ากินขนมด้วย อิอิ"

          "โห ไอ้ห่าเล็กซ์ เกริ่นมาซะกูนึกว่าจะให้ฟรี แหม"

          "ให้ฟรีพ่อกูตีกูตาย รักหมากว่าลูก บ้านกูเองจ้า"



          ความกระอักกระอ่วนยังดูอบอวลในอากาศ แม้ว่าในห้องจะประดับไปด้วยบทสนทนา ใจผมจดจ่อกับเทมปุระ ไม่ว่าผมจะพูดคุยกับเจ้าตัวยังไงก็ไร้ซึ่งการตอบสนอง อาการเทมดูแย่มาก จนผมได้แต่ภาวนาให้รถมารับเร็วๆ

          "อเล็กซิส ฐานทัพ ตรัณ ดิมิทรี ฟ้าประทาน ผู้ปกครองมาถึงแล้วจ้ะ"

          อาจารย์เข้ามาเรียกให้พวกผมเข้าไปในห้อง สีหน้าวิตกกังวลของอีกสามคนดูเหมือนกับกำลังถูกเรียกเข้าสู่แดนประหาร ผมลุกขึ้นตั้งใจว่าจะเดินนำออกไปคนแรก โดยไม่ลืมกระซิบบอกเทมที่ยังคงนั่งกอดเข่านิ่งอยู่

          "เทมครับ รอหมูอยู่ที่นี่ก่อนนะ หมูต้องไปคุยกับอาจารย์ข้างนอกก่อน เดี๋ยวจะบอกให้คุณป้าเข้ามาหานะครับ"

          แต่เทมปุระกลับผวาเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าน่ารักขาวอมชมพูสุขภาพดีกลับซีดจัด ตอนที่ผมบอกว่าจะออกไป น้ำตาที่เหือดแห้งกลับมาคลอหน่วยอีกครั้ง เทมปุระเบะปากแล้วเริ่มต้นงอแง

          "ม-ม-ม-ม-ม-ไม่เอาค-ครับ ไม่เอานะ  ม-ไม่ ม-ม-ม ไม่เอาครับ ม-ม-ไม่ให้ไป หมู-อยู่ หมู-อยู่นะครับ"


          คำพูดตะกุกตะกักที่แทบฟังไม่ได้ศัพท์ ทำเอาผมปวดใจเจียนตาย ความเจ็บปวดแล่นพล่านทำเอาแทบล้มทั้งยืนอยู่ตรงนั้น

          ดวงหน้าน่าเอ็นดูกำลังเศร้าสลดของเทมยิ่งดูเสร้าสร้อยหนักกว่าเดิม เมื่อเห็นใบหน้าทุกข์ระทมของผม มือใหญ่กอดรัดรอบขาตัวเอง ผละออก แล้วยกขึ้นมาซับน้ำตาให้ผม น้ำตาที่ผมไม่รู้ตัวเลยว่ามันไหลออกมาตอนไหน


          "โทด-โท-โทษ ข-ข-ขอโทษนะครับ ม-ม-หมูอ็อง เทมงะ-โง่เอง หมูอ็อง-เสีย-ใจ ร้อ-ง ร้องไห้ ไม่เอา ม-ไม่ พ-พ-พะพูดแล้วครับ"


          ผมรู้สึกว่าใจผมมันพังไปหมด ยิ่งเห็นเขาโทษตัวเองผมยิ่งร้องไห้ ที่เจ้าตัวไม่ยอมพูดอะไรสักคำเพราะนึกรู้ว่าผมต้องเป็นห่วง ทั้งๆที่เขากำลังกลัว กำลังแย่ขนาดนี้ แต่ก็ยังคงเป็นห่วงผม ยอมเก็บไว้ ยอมอดกลั้นเอาไว้คนเดียว ไม่ระบายออกมาให้ผมฟัง


          อาการตื่นตะหนก ความหวาดกลัวและความรุนแรงต่อเด็กพิเศษนั้นสร้างผลกระทบที่ใหญ่หลวง อาการพูดติดอ่างของเทมบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวหวาดกลัวแค่ไหน



          ปกติเทมจะอยู่กับคนที่คุ้นเคยหรือรู้จักเท่านั้น ถ้าจะไปเจอคนอื่นก็ต้องมีคนที่เจ้าตัววางใจไปด้วย แต่วันนี้กลับโดนกลุ่มเด็กผู้ชายหลากหลายคนเข้ามารุม คงจะตกใจมาก และตื่นกลัวมาก

          ยิ่งจากสภาพของเทมที่ผมเข้าไปเจอเขา มันแย่จนคิดไม่ได้ว่าคงจะไม่การจับมือแล้วจูงเขาเดินแบบที่ผมทำ เด็กน้อยของผมคงจะถูกรุมกระชากลากลงมา


          การละเล่นของเด็กผู้ชายในวัยกำลังโตที่ไม่มีหัวคิด คงจะไม่ได้ถนอมออมแรงไว้เลย จากชั้นหนึ่งถึงชั้นห้า ผมไม่รู้เลยว่าเขาได้รับถ้อยคำร้ายกาจไปมากเท่าไหร่ แก้วแสนสวยแสนบอบบางของผมจะโดนทำร้ายไปมากมายขนาดไหน


          แค่ผมเจอพวกมันไม่ถึงสิบนาที คำแสนฉือดเชือนหัวใจยังมากมายนับไม่ถ้วน แล้วเขาล่ะ เขาที่หายไปจากอ้อมอกผมตั้งนานจะโดนพวกมันถูกจาทำร้ายจิตใจใส่มากขนาดไหน



          "ฟังนะครับคนเก่ง เทมของหมูไม่ใช่คนโง่ แต่เป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลก อย่าว่าตัวเองแบบนั้นนะครับ ไม่เอานะครับ ไม่ต้องเชื่อใคร เชื่อแค่หมูก็พอนะครับ"


          ทุกครั้งที่ผมพูดแบบนี้เทมมักจะหันมายิ้มให้อย่างสดใส แม้เจ้าตัวจะไม่เคยเชื่อในตัวเอง
แต่เขาเชื่อในตัวผม ทุกครั้งที่ผมชมเขา แม้เขาจะไม่แน่ใจในตัวเอง แต่ก็ยอมเชื่อผม แต่คราวนี้ มันกลับไม่เป็นผล เมื่อสีหน้าหม่นหมองกับดูลังเลและไม่แน่ใจ


          ผมไม่อยากให้เขาสงสัยในตัวเอง ไม่อยากให้เขาคิดในแง่ร้าย ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่ตอนที่ผมไม่สามารถกอดเขาไว้แน่นๆได้ และล้มตัวลงนอนพร้อมพร่ำบอกว่าเขาวิเศษขนาดไหน


          ผมสูดหายใจเข้าลึก สงบสติอารมณ์ เอ่ยถ้อยคำชวนเขาเพื่อเบนความสนใจจากอารมณ์ที่กำลังดิ่งวูบลงเหวของคนตรงหน้า




          "งั้นไปกับหมูนะครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หมูจะปกป้องเทมเอง"






.
.
.





          แค่ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้าไป เสียงโวยวายที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวก็ดังกระแทกหู


          "ไหน!! ไอ้คนไหนมันทำลูกชายผมปางตายขนาดนี้! ผมไม่ได้เสียเงินบริจาคให้โรงเรียน เพื่อให้มีไอ้เด็กบ้าที่ไหนมารังแกลูกผมนะอาจารย์ ลูกผมมันเป็นเด็กดี ไม่สู้คน จิตใจดี มดสักตัวมันยังไม่กล้าฆ่า มันถูกแล้วหรือไงที่ลูกผมกับเพื่อนลูกผมต้องมาโดนใครรังแก!"


          ภาพตรงหน้าเหมือนกับเกมอะไรสักอย่างที่มีอยู่สี่ฝ่ายด้วยกัน ฝ่ายที่หนึ่งคือผู้อำนวยการที่นั่งอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่ ฝ่ายที่สองคือเหล่าพ่อแม่ของไอ้สิงห์และเพื่อนๆของมัน ดูจากท่าทางและน้ำเสียง คงจะกำลังมีโทสะได้ที่

          แต่ละคนล้วนทำหน้าตาเอาเรื่องฝ่ายตรงข้าม แน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามคือพ่อแม่ของพวกไอ้เต้ไอ้น้ำและอเล็กซ์ ขาดก็แต่ไม่มีพ่อแม่ผมอยู่ในนั้น มีเพียงเลขาคนคุ้นตาทั้งสองคนมาแทน

          และอีกฝ่ายคืออาจารย์ที่กำลังพยายามห้ามฝั่งพ่อแม่เหล่าลูกๆที่บาดเจ็บไม่ให้มากระชากพ่อแม่พวกผม
          เป็นภาพที่ตลกดีครับ อีกฝั่งหัวร้อนจนไฟลุกท่วม แต่อีกฟากฝั่งกลับดูใจเย็นนั่งเฉยๆ เมื่อรวมกันแล้วดูเหมือนยอดภูเขาหิมะที่กำลังเกิดไฟป่าพิกล

           พอพวกเข้าก้าวเท้าเข้ามาภายในห้อง เสียงเอะอะมะเทิ่งก็เงียบลงชั่วขณะ ก่อนจะดังขึ้นยิ่งกว่าเดิมด้วยเสียงนำทัพจากคนที่หน้าตาคล้ายกับก้อนเนื้อที่ผมเพิ่งยำตีนใส่ไป

          อา...คิดว่าคงเป็นพ่อไอ้สิงห์น่ะครับ เอะอะเสียงดังดีเหมือนลูกชายไม่มีผิด หรือลูกเหมือนพ่อ อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจนัก


               เป้าหมายของเสียงขู่กรรโชกเบียงเบนทันที ร่างสูงใหญ่หันมาเตรียมพร้อมเอาเรื่องผม


          "มึง มึงใช่ไหมไอ้ตัวดี ลูกกูบอกว่าไอ้คนหัวทองหน้าฝรั่งเป็นคนทำ หึ หน้าตาท่าทางนักเลงเสียไม่มีดีล่ะ อายุแค่นี้ทำมาเป็นหัวโจกเที่ยวไล่รังแกคน ไหน ไอ้คนนี้มันเป็นลูกใคร บอกมาสิวะ จะรับผิดชอบยังไงถ้าลูกผมเป็นอะไรขึ้นมา!"


          พ่อไอ้สิงห์แหกปากตวาดกร้าว ผมไม่ได้สนใจ เดินดึงมือเทมปุระไปหาคุณป้าที่ดูนิ่งสงบอย่างแปลกใจ เพราะปกติแม่ของเทมปุระค่อนข้างเป็นคนอ่อนไหวมากครับ เป็นผู้หญิงอ่อนหวาน บอบบางที่ขี้กลัวไปเสียหมดเหมือนกับลูกชายของเธอ

          แต่คราวนี้กับดูนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้า พอท่านหันมาเห็นผมกับเทม ก็รีบลุกปรี่ขึ้นมากอดรวบพวกผมสองคนเอาไว้ อ้อมแขนเล็กๆกอดรัดพวกผมแน่น น้ำเสียงอ่อนโยนถูกไถ่ถามอย่างเป็นห่วง



               "ไม่เป็นอะไรใช่คะไหมเด็กๆ เกิดเรื่องอะไรกันขึ้นคะ พวกหนูเป็นอะไรกันหรือเปล่าคะ บอกคุณแม่นะคะ ถ้าเจ็บตรงไหน"


          คุณป้าละลั่กถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงจัด สายตาไล่มองทั่วร่างกายของลูกชายสุดที่รัก เด็กน้อยของผมพอเห็นคุณแม่ตัวเองก็เกิดสะอื้นขึ้นมาอีกครั้ง ร่างใหญ่โถมตัวเข้าใส่สตรีร่างเล็ก ก่อนจะร้องไห้แทบขาดใจ


          ผมโล่งใจขึ้นมา การที่เทมร้องไห้ฟูมฟายนั้นดีกว่านิ่งเงียบมากครับ เพราะอย่างน้อยเจ้าตัวยังได้ระบายความไม่สบายใจออกไป คุณป้าลูบหัวลูบหลังเทมอยู่พักใหญ่กว่าเทมจะนิ่งสงบลง


          "พวกผมไม่เป็นอะไรครับ ขอโทษนะครับคุณป้าที่ผมดูแลเทมไม่ดี จนเกิดเรื่องกับเขาได้"

          "ไม่ใช่ความผิดของน้องหมูหย็องเลยค่ะ อย่าโทษตัวเองแบบนั้นนะคะ ถึงจะยังไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไร แต่ป้าก็เชื่อในตัวพวกหนูนะคะ แล้วไม่บาดเจ็บตรงไหนกันใช่ไหม น้องเต้กับน้องน้ำ แล้วก็เอ่อ..."

          "ผมชื่ออเล็กซ์ครับ พวกผมไม่เป็นอะไรครับ นอกจากฟกช้ำนิดหน่อยก็สบายปรื๋อครับ"


          คุณป้าพยักหน้ารับอย่างโล่งใจ ก่อนจะพาพวกผมไปนั่งบนเก้าอี้ ที่มีพ่อแม่ของอเล็กซ์และคุณพ่อของไอ้เต้ กับหม่อมแม่ของไอ้น้ำนั่งอยู่ก่อนแล้ว

          พวกท่านยิ้มให้พวกผม ใบหน้าของพวกท่านประดับความเครียดขึงไว้สองส่วนสี่

          นับว่าเรื่องราวคงไม่ได้แย่นัก อย่างน้อยฟังจากพ่อของสิงห์พูด มันก็ฟื้นแล้ว และมีเรี่ยวแรงมากพอขนาดอ้าปากฟ้องพ่อตัวเองได้


          "คุณดิมิทรีครับ ท่านประธานกำลังมาครับ พวกผมถูกส่งมารับหน้าก่อน คิดว่าอีกประมาณสิบห้านาทีคงจะถึง"


          เลขาของคุณแม่กับคุณพ่อที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาเดินเข้ามาบอกด้วยเสียงนอบน้อม ผมพยักหน้ารับรู้


          เมื่อพวกผมนั่งลงเรียบร้อย เสียงกระแหนะกระแหนจากอีกฝ่ายก็เริ่มต้นขึ้น


          "มันจะไปเจ็บไปปวดอะไรกันคะคุณ ถามแปลกๆ ไม่ใช่คนที่ถูกอัดเสียน่วมเสียหน่อย หึ ตลกเหลือเกินค่ะ ยังมีหน้ามาถามกันอีก มาถามอาการของลูกพวกดิฉันดีกว่าไหมคะ นี่น้องณัฐปากแตก จมูกหักไป ตอนนี้ยังร้องไห้หวาดกลัวอยู่เลย"

          "ใช่ค่ะ คุณพี่พูดถูก ลูกของน้องโดนต่อยเสียหน้าเหนอนี่แทบจะดูไม่ได้ ไม่เข้าใจเลยค่ะ นี่พวกคุณเลี้ยงดูลูกกันยังไงคะ ให้มาไล่รังแกชาวบ้านเขา แล้วนี่ไม่ใช่ว่าเป็นประธานนักเรียนหรือยังไง น้องคุ้นหน้า เหมือนเคยเห็นรูปในทางเว็บของโรงเรียน แย่จริงเชียว แทนที่จะช่วยดูแลเพื่อนๆ กลับมาใช้อำนาจบาตรใหญ่ ข่มแหงคนอื่น มันใช้ได้หรือคะคนแบบนี้ พวกเราจะไม่ยอมความแน่ๆเชียวค่ะ"

          "นี่เป็นถึงประธานนักเรียนเชียวเรอะ! นี่มันคงจะไล่ตี ไล่ข่มขู่นักเรียนคนอื่นไปทั่วล่ะซี้ ถึงได้คะแนนเสียงมา ไม่งั้นใครมันจะไปเลือกนักเลงมาเป็นหัวหน้า สารเลวตั้งแต่เด็กจริงๆ ลูกเต้าเหล่าใคร ทำไมถึงได้ทำตัวเถื่อนถ่อยขนาดนี้"


          เสียงคำถากถางดังขึ้นไม่หยุด ก่อนที่หม่อมแม่ของไอ้น้ำจะเริ่มพูดโต้แย้งขึ้นบ้าง


          "ก่อนจะเริ่มพูดอะไร ฟังเด็กๆเล่าก่อนดีไหมคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น"

          "ยังต้องฟังอะไรอีก! แค่สภาพลูกพวกผมก็ชัดเจนพอแล้ว ว่าถูกลูกพวกคุณทุบตีรังแกกัน แต่ถ้าอยากฟังนัก ผมก็จะบอกให้!"


          พ่อของสิงห์ตวาดขัดเสียงแม่ของน้ำขึ้นมา ท่าทางเกรี้ยวกราดบ่งบอกว่าจะไม่ยอมให้ใครพูดแก้ตัว ดวงตาอีกฝ่ายจ้องพวกผมอย่างกินเลือดกินเนื้อ


          "ลูกสิงห์ของผมเล่าว่า พวกเขาเห็นคนทำผิดกฏโรงเรียนจะไปใช้ห้องน้ำอาจารย์ เลยเข้าไปตักเตือน พอเห็นว่าคนที่ไปบอกไม่สมประกอบ ก็ใจดีเข้าไปช่วยพูด ช่วยชี้แนะบอกทาง ใจดีขนาดจูงมือพาไปถึงห้องน้ำ แต่คนดีมันทำดีไม่ได้ดี! ดันมีพวกนักเลงหัวไม้เข้ามารุมรังแกลูกพวกผม แล้วเด็กดีๆมันจะไปสู้พวกชอบใช้กำลัง ที่ดีแต่กลั่นแกล้งชาวบ้านเขาได้ยังไง! ดูสิดู ยังมีหน้ามาตีหน้านิ่ง มาให้กูเอาเลือดหัวมึงมาล้างเท้าหน่อยสิ ไอ้ฝรั่งขี้นก!"


          ผมไม่แสดงอารมณ์ใดๆกับคำบอกเล่าพวกนั้น ทำแค่ลูบมือร่างสูงข้างกายเบาๆ มองคนโวยวายเป็นแค่ธาตุอากาศไม่มีตัวตนในสายตา และดูว่าท่าทางของผมคงจะยิ่งไปกระตุ้นให้เขาโมโหมากยิ่งขึ้นจนถลาจะเข้ามากระชากตัวผมไปเอาเลือดออกอย่างปากว่า


          อาจารย์หลายคนรีบเข้ามาหยุดรั้งเอาไว้


          "ใจเย็นๆก่อนนะคะคุณพ่อน้องสิงห์! และผู้ปกครองทุกๆท่านด้วยนะคะ" อาจารย์พะนอรัตน์เข้ามาเป็นกรรมการห้ามทัพ รีบแยกพ่อของไอ้สิงห์ออกไป ก่อนที่เจ้าตัวจะพุ่งเข้ามาหาผม


          ถึงอาจารย์พะนอรัตน์จะไม่เข้ามาห้าม ก็เข้าไม่ถึงตัวผมหรอกครับ เพราะเลขาที่พ่อส่งมา นอกจากจะเก่งด้านการดูแลงาน ก็เป็นบอดี้การ์ดมืออาชีพเสียด้วย ทันทีที่พ่อของไอ้สิงห์ตั้งท่าจะบุกเข้ามาทำร้ายผม ชายชุดดำก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมแล้ว น่ากลัวว่าถ้าอาจารย์พะนอรัตน์ไม่เข้ามากั้นกลาง อาจจะมีคนโดนไฟฟ้าช็อตจนชักกลางห้องก็ได้ครับ น่าเสียดายจริงๆ...อีกนิดเดียวแท้ๆ


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 11 * 14/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 14-09-2018 20:47:13
         


          "ฟังจากเด็กทั้งสองฝ่ายพูดก่อนนะคะ อาจจะเป็นแค่การทะเลาะเบาะแว้งของเด็กๆ หรือเป็นการเข้าใจผิดกันก็ได้ ดิมิทรี เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ เป็นตัวแทนเล่าหน่อยได้ไหม"


          อาจารย์พะนอรัตน์เอ่ยถามผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล เธอดูตกใจมากครับตั้งแต่เห็นผมก้าวเข้ามาในห้อง คงไม่คิดว่าคนที่ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้จะเป็นผม


          "ครับ เรื่องที่เกิดก็ไม่มีอะไรมาก พวกผมชกต่อยพวกสิงห์จริง แต่ก็เพราะสิงห์เข้ามาแกล้งเพื่อนของพวกผมก่อน ตอนไปเจอ ก็กำลังรุมล้อม พูดจาล้อเลียนเพื่อนผมอยู่ และสภาพของเพื่อนผมก็เหมือนถูกกลั่นแกล้งรุมทำร้ายมา"


           ผมพูดเสียงเย็นชา ด้วยใบหน้าที่เย็นชามากกว่า ไม่จำเป็นต้องเกรี้ยวกราดแบบพ่อของไอ้สิงห์ แต่แค่สายตาผม ก็สื่อได้ชัดเจนมากเพียงพอจะบอกว่าพร้อมกินเลือดกินเนื้อคนที่เข้ามากลั่นแกล้ง เพื่อนของผม เช่นเดียวกัน


          "อ้าว นี่ไม่ใช่ว่าลูกของพวกคุณแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรอกเหรอครับ เด็กวัยนี้ก็รักเพื่อนพ้องเป็นใหญ่อยู่แล้ว คุณมีลูกก็น่าจะเข้าใจ เจอเพื่อนตัวเองถูกแกล้ง ยืนอยู่เฉยๆ ไม่เข้าไปช่วยก็แย่แล้วครับคุณ"


          พ่อของเต้ที่แต่งตัวได้ไม่แคร์สภาพอากาศประเทศไทย ด้วยเสื้อหนังสีดำมันปล๊าบและรองเท้าบู๊ทสีเดียวกัน นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าไปมา น้ำเสียงเอ่ยพูดก็ฟังดูสบายๆไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร

         ส่วนลูกชายถึงกับกลอกตาไปมากับความไม่อนาทรร้อนจิตของพ่อตัวเอง เสียงมันพึมพำเบาๆ   
           
          "...พ่อมาทำไมเนี่ย ทำไมไม่ให้แม่มา เอาพ่อมา เดี๋ยวก็ได้ต่อยกันกลางห้องพักครูอีกรอบหรอก..."



คุณหญิงคนหนึ่งส่งเสียงแค่นหัวเราะ ก่อนจะตีสีหน้ารำคาญใจ

          "พวกคุณก็เชื่อลูกที่ตัวเองพูดกันสิคะ เชื่อลงไปได้ยังไงกัน อย่าถือหางลูกตัวเองไปกันหน่อยเลยค่ะ ลูกใคร ใครก็รัก ดิฉันก็เข้าใจ แต่หลักฐานมันก็คาตากันอยู่ ว่าลูกของพวกเราต่างหากโดนลูกพวกคุณรังแกจนเลือดตกยางออก แถมเด็กๆฝ่ายนี้ก็มากกว่าด้วย คำให้การเหมือนกันทั้งสิบคนเลยนะคะ กับฝ่ายนั้นที่มีแค่ห้าคน แถมอีกคนก็ไม่ใช่คนปกติ เป็นเด็กปัญญาอ่อนดูไม่รู้เรื่องอะไร จะมาสู้คำพูดของคนสิบคนที่สติดีได้ยังไงกัน"


          ผมคิ้วกระตุก ส่งสายตาเอาเรื่องใส่คุณหญิงที่จีบปากจีบคอพูด จะไม่อะไรเลยครับกับคำจิกกัดเสียงแหลมน่าปวดหูนั่น ถ้าไม่ได้พาดพิงถึงเทมปุระของผม


          "แล้วที่อยู่บนหน้าลูกของพวกดิฉันนี่คือบลัชออน หรือมาสคาร่าหรือยังไงกันคะ มีเรื่องชกต่อยก็บาดเจ็บฟกช้ำกันทั้งสองฝ่ายเป็นปกติอยู่แล้ว แล้วขนาดคุณหญิงยังพูดขึ้นมาเอง ว่าฝ่ายนั้นมีตั้งสิบคน ไม่ใช่ว่าฝ่ายลูกของพวกดิฉันจะต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรอกหรือ ต๊าย หมาหมู่หมาหมู่"


          หม่อมแม่ของน้ำยกมือทาบอก ทำน้ำเสียงเสียอกเสียขวัญ ลอกเลียนโทนเสียงการจีบปากจีบคอพูดของอีกฝ่ายเสียเหมือนกันจนนึกว่าฝาแฝด ท่าทางของคุณป้าคงจะดูขัดหูขัดตาน่าดู เพราะพ่อแม่ของฝั่งไอ้สิงห์คิ้วกระตุกกันเป็นทิวแถว จนคุณหญิงที่จีบปากจีบคอเถียง ตวัดพัดในมือปิดดังฉับ ท่าทางไม่พอใจจนเลือดขึ้นหน้า


          "ก็อย่างที่คุณศรว่าเอาไว้ ลูกของพวกน้องล้วนแต่เป็นเด็กหัวอ่อน! ว่านอนสอนง่าย! และเป็นเด็กดี เรียบร้อย! ไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไรกับใครสักคน พวกน้องเลี้ยงลูกมาให้มีจิตใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อคนอื่น เพราะงั้นต่อให้มีเป็นสิบยี่สิบคน ก็เห็นทีจะไปสู้พวกแรงกรรมกรจิตใจหยาบช้าไม่ไหวหรอกค่ะ!"

          คุณหญิงเอ่ยกระแทกเสียง เน้นย้ำทุกคำพูดพร้อมเควี้ยงสายตาเป็นค้อนวงโตใส่คุณหญิงอีกคนที่มุมปากยิ้มเรียบ ไม่สะทกสะท้าน


          "ใช่ครับ ที่คุณหญิงอรอาพูดมาถูกต้องที่สุด ผมว่าผู้อำนวยการตัดสินกันมาเลยดีกว่า บอกมาเลยว่าลูกพวกผมถูกรังแกโดยไร้สาเหตุ คุณเป็นเจ้าของโรงเรียน ก็ต้องให้ความยุติธรรมต่อนักเรียนอยู่แล้ว จะมาให้ลูกชายผมเจ็บตัวฟรีได้อย่างไร และต่อให้ตัดสินที่โรงเรียนแล้ว ผมก็บอกเลยนะครับว่าจะเอาเรื่องถึงโรงพักด้วย พวกเด็กใจทราม ใจคอโหดเหี้ยมแบบนี้ต้องถูกจับขังคุกให้เข็ดหลาบ โดยเฉพาะหัวโจกอย่างนายหมูอะไรนั่น"



          ผมว่าไอ้สิงห์น่าจะใส่ไฟผมเต็มที่เลยล่ะครับ นัยน์ตาที่ฉายแววเอาเรื่องของพ่อเจ้าตัวถึงได้ตวัดจ้องเขม็งมาที่ผมโดยตรง แต่ผมก็ไม่แยแส ยังคงนั่งนิ่งจับมือเทมปุระอยู่เช่นเดิม



          แต่กลับมีคนเป็นเดือดเป็นร้อนแทน เมื่อมีชื่อของผมหลุดออกมา



          "ม-ม-มะ หมูอ็องไม่ผะ-ผิกนะค-ครับ เท-ม ทะ-เทม ผิ-ผิ-ผิดเอง มะ-ไม่วะ-ไม่ว่าหมูหย็องนะครับ!"



          เด็กน้อยเสียขวัญหลบสายตาทุกคนแล้วซุกอยู่บนไหล่คุณแม่ตัวเอง กลับหลับตาปี๋ตะโกนออกมา ผมตกใจกับโทนเสียงทุ้ม ปกติเทมไม่เคยขึ้นเสียงใส่ผู้ใหญ่เลยนะครับ และแปลกใจขึ้นไปอีก แม้เจ้าตัวจะไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่การที่มีคนมาว่าผมให้เจ้าตัวได้ยิน ก็ทำเด็กน้อยของผมฉุนขาด แม้อาการไม่สบตาผู้คนและตัวสั่นจะยังคงอยู่ แต่เขาก็ลุกขึ้นมาปกป้องผมแม้จะหวาดกลัว


          องครักษ์ผู้แสนเก่งกาจและกล้าหาญของผม...ท่าทางของเทมทำให้ภายในใจของผมราวกับมีกระแสอันอบอุ่นไหลวนอยู่ในหัวใจ แม้ท่ามกลางเรื่องราวเลวร้าย เขาก็กางแขนออกปกป้องผม


          ผมลอบยิ้มท่ามกลางความเงียบ ตอนนี้ต่อให้ผมต้องไปสู้กับมังกรด้วยมือเปล่า ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ


          ผมกระตุกมือเทม เจ้าตัวที่เอาแต่ก้มมองพื้นก็ยอมหันลูกตากลมสีสวยมาสบตา แววตานั้นยังคงสั่นไหวด้วยแรงผวา ในนัยน์ตาสีน้ำตาลใสยังเผยร่องรอยแผลไว้อย่างชัดเจน


          แต่กระนั้นเขาก็จะไม่ยอมให้ใครมารังแกผม ไม่ยอมให้ใครมาว่าร้าย


          ผมส่งยิ้มให้เขา ใช้รอยยิ้มอ่อนโยนปลอบประโลมเด็กน้อยให้ใจเย็นลง เทมค่อยๆนั่งลงที่เก้าอี้ดังเดิมแล้วหันมาซุกไหล่ผมแทนไหล่คุณป้า


          "ขอบคุณนะครับเทมที่ปกป้องหมู แต่เรื่องนี้ให้หมูเป็นคนจัดการเองนะครับ" ผมกระซิบเสียงนุ่มข้างหูร่างสูง เด็กน้อยพยักหน้าขึ้นลงเบาๆกับบ่าของผม มือสั่นของเขายื่นมาจับชายเสื้อผมเอาไว้แน่น




     พ่อของสิงห์ตวาดอย่างเหลืออด ความไม่พอใจผสมกับความโกรธกลายเป็นโทสะลูกใหญ่เมื่อถูกพูดขัดจังหวะ

          "พูดอะไรของแกวะ ฟังไม่รู้เรื่อง! ....อ๋อ นี่ใช่ไหมไอ้เด็กปัญญาอ่อนที่ว่า ที่ลูกสิงห์ของผมอุตส่าห์หวังดีพาไปห้องน้ำ เอ้า! มานี่สิ มาบอกคนอื่นๆเขา ว่าลูกฉันแสนดีขนาดไหน มาบอกสิ ว่าลูกพวกฉันถูกพวกเด็กนั่นรังแก"


          เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วจนไม่มีใครตั้งตัวทัน


          พ่อของสิงห์รุดเข้ามากระชากเทมปุระอย่างแรง จนเด็กน้อยของผมตัวลอยหลุดไถลลื่นลงจากเก้าอี้ บอดี้การ์ดที่เอาแต่ตั้งท่าป้องกันผม ไม่ทันคิดว่าเป้าหมายความโกรธจะถูกลงกับอีกคน เทมที่จากเก่าก็ตกใจจนขวัญเสีย ยังถูกกระชากรุนแรงจนตกเก้าอี้ยิ่งขวัญหาย เด็กชายเทมปุระที่หยุดร้องไห้ไปแล้ว กลับมาร้องไห้จ้าอีกครั้ง


          "เทมครับ!"

          "เทมปุระ ลูก!"

          "เฮ้ย ไอ้เทม!"




          ผมกับคุณป้าและไอ้เต้กับไอ้น้ำเผลอตะโกนออกมาด้วยความตกใจพร้อมกัน


          เด็กน้อยล้มลงไปกองกับพื้นด้วยใบหน้าถอดสี ผมรีบตรงเข้าไปอุ้มเขาขึ้นมา ก่อนจะกระชากฝ่ามือที่กอบกุมข้อมือคนของผมอยู่ออกอย่างแรง ผมจับเทมหลบด้านหลัง ก่อนจะจ้องหน้าผู้ใหญ่ตรงข้ามเขม็ง


          สติของผมขาดสะบั้นลงอีกครั้งเมื่อเห็นเขาถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา


          ผมผลักพ่อของไอ้สิงห์สุดแรง จนเจ้าตัวเซเสียหลักล้มก้นจ้ำเบ้าลงกระแทกพื้น ผมตั้งท่าจะเข้าไปต่อยซ้ำให้สาสม แต่แรงดึงเสื้อจากข้างหลัง ทำให้ผมหันไปสำรวจร่างสูงเพื่อหาบาดแผลที่ล้มเมื่อครู่แทน คำเรียกจากเขาสำคัญกว่าแรงโทสะใดๆ


          "เทมครับ! เทม เจ็บตรงไหนไหมครับ!?"


          นางฟ้าของผมไม่ตอบ ทำแค่กลับมาร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วซุกตัวเบียดเข้าหาอ้อมอกของผม ผมกอดเขาไว้แน่น ลูบหลังลูบหัวเจ้าตัวไปมา ทั้งๆที่เขาหยุดร้องแล้วแท้ๆ ผมตวัดสายตาอำมหิตไปมองคนกล้ามาแตะต้องคนสำคัญของผม



          "เฮ้ย ทำอะไรของแกวะไอ้เด็กเวร ฉันแก่กว่าแกตั้งเท่าไหร่ มาทำแบบนี้กับผู้ใหญ่ได้ยังไง! ไอ้เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน!"

          "เฮ้ย!! ลุง ทำไมพูดจาแบบนี้ล่ะ ก็เห็นๆกันอยู่ว่าลุงเข้ามากระชากจนเพื่อนผมลงไปกองกับพื้น!"

          "ว้าย! ตายแล้ว คุณศรคะ! กรุณากลับไปนั่งที่ด้วยค่ะ ฟ้าประทานเป็นอะไรหรือเปล่า!"

          "แค่เดินไปจับเบาๆ มันก็ทำสำออยล้มลงไปเอง ผมไม่ผิด มันแสดงละคร! โกหกเก่งนักนะ นี่ที่ปัญญานิ่มปัญญาอ่อนก็แกล้งทำใช่ไหม มาเป็นตัวล่อลูกกูให้ออกไปโดนรุมซ้อมล่ะซี่!"


          เหตุการณ์วุ่นวายเพราะพ่อของไอ้สิงห์จะเข้ามากระชากตัวเทมปุระอีกหนให้ไปยืนยันความบริสุทธิ์ของลูกชายตัวเอง บอดี้การ์ดทั้งสองคนพยายามกันตัวออกไป แต่เจ้าตัวก็ยังพยายามยื้อตัวเข้ามา


          "บอกให้มันพูดสิ เรื่องจะได้จบ เอามันมาบอกให้ทุกคนรู้ไปเลยว่าลูกผมเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นเด็กตาดำๆที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ โดนพวกมันรังแก! คอยดูนะฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นประธานบริษัทใหญ่ขนาดไหน พี่น้องของฉันก็เป็นตำรวจยศใหญ่ ฉันจะลากพวกแกเข้าคุกให้หมด!"


          ผมส่งสายตาเย็นเฉียบไปมองพ่อไอ้สิงห์ สายตาอันตรายไม่ได้ช่วยให้คนบ้าสงบ ตรงกันข้าม เจ้าตัวเหมือนความบ้าเลือดขึ้นหน้าเสียจนไม่สนใจอะไร ถ้าไม่ติดเด็กน้อยในอ้อมกอด ผมจะพุ่งเข้าไปชกให้หมาบ้าสงบสติอารมณ์ลงเสียที




          ก่อนเหตุการณ์จะเลยเถิด และเส้นความอดทนของผมจะขาดลงอีกครั้ง

          ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น


          ประตูที่เปิดอ้าออกเผยให้เห็นบรุษสามคน

          ด้านหลังทางขวาเป็นชายที่ดูฉลาดและทรงภูมิ เขาสวมแว่นกรอบเล็กสีเงินสะท้อนแสงแวววาว ดวงตาสีนิลฉายแววเฉียบขาดจริงจัง หน้าตาของเขาคุ้นตาแทบทุกคนที่เคยดูข่าวคดีดัง เพราะคดีใหญ่ๆ ระดับประเทศล้วนมักจะมีเขาอยู่ด้วยเสมอ
          ทนายฐิติกร เป็นที่รู้กันทั่วว่าเป็นทนายฝีมือดีระดับพระกาฬ รับทำให้แต่คดียากๆ และเงินถึง อัตราส่วนว่าความชนะคดีเมื่อเขารับทำงานให้สูงมาก ตีค่าความสำเร็จเป็นตัวเลขได้ถึง 90%

          ด้านหลังซ้าย เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดที่เป็นทางการแบบเต็มยศ เข็มกลัดที่ปักอก และป้ายชื่อที่ติด บ่งบอกยศศักดิ์ฐานะเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี ว่าเป็นตำรวจยศใหญ่มีอำนาจเป็นอย่างมากคนหนึ่ง...

          และบุรุษที่เดินนำหน้า เปรียบดั่งเป็นผู้นำของทนายความที่มีชื่อเสียง และนายตำรวจมีอำนาจเดินติดตามหลังไม่ห่าง คือผู้ชายในชุดสูทสีเทาเข้ม ผมสีทองสว่างจัดหวีเรียบไปข้างหลัง เปิดใบหน้าที่ยังดูหล่อเหลาแม้อายุล่วงเลยไปเยอะแล้วก็ตาม ใบหน้าขรึมติดเย็นชาและหยิ่งยโส ท่าทางไว้ตัวดูสูงส่งและมีอำนาจ แค่เพียงก้าวเท้าเข้ามา กลิ่นอายความกดดันก็แผ่ฟุ้งจนแน่นห้อง นัยน์ตาสีฟ้าเข้มทรงพลังแสนดุดันกวาดตามองทุกคน ก่อนรอยยิ้มเหี้ยมจะถูกแสยะออกมา



          โจวิช เซอร์กีย์ ชาโรนอฟ

          บิดาของเด็กชาย ดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟ




          พ่อของผมเอง...













(https://i.imgur.com/1b5jyAM.png) end 9 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง


























หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 11 * 14/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 14-09-2018 20:51:11










▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    10    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇








          "ท่านประธานเซอร์กีย์..."


          เสียงแผ่วคล้ายเสียงร้องของกวางกำลังประเชิญหน้าเจ้าป่า เรียกชื่อบุคคลเข้ามาใหม่ คนที่กำลังโกรธาเต็มที่เหมือนเชือกป่านของว่าวที่ล่องลอยขึ้นสูงตามแรงลม เชือกป่านที่แล่นตึงนั้น กลับขาดกระทันหันเมื่อรอยยิ้มนั้นหุบลง


          ความเงียบกัดกินเข้าไปในส่วนลึก ความกดดันแผ่คลุมทำเอาหายใจไม่ทั่วท้อง


          ไม่มีใครไม่รู้จัก และไม่มีใครไม่เกรงใจเขา


          น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่าเป็นเช่นไร ในวงการธุรกิจก็ต้องล้วนต้องพึ่งพาเขาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม

          เซอร์กีย์คอร์ปอเรชั่น แม้จะโด่งดังทางเรื่องสิ่งบริโภคไปถึงอุปโภค แต่โลกทางการเงิน ไม่ว่าใครก็รู้ เขาคือนักลงทุนมือหนา ในประเทศมีธุรกิจนับแสน เชื่อกันว่ามากว่าสิบเปอร์เซนจะมีเซอร์กีย์เป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ ไม่ว่ามือแกร่งนั้นจะอุ้มช้อนบริษัทใด ล้วนจะทำให้บริษัทนั้นรุ่งโรจน์ขึ้นมาทันที ด้วยความสามารถและการอ่านเกมขาดของท้องตลาด ทุกก้าวที่เขาย่างกราย ทุกหมากที่เขาเดินไม่มีคำว่าขาดทุน

          ไม่นับเสียงเล่าลือลับๆว่านายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันสนิทกับเขาเป็นอย่างมาก ถึงขนาดให้ชาวต่างชาติอย่างเขามามีบทบาทในธุรกิจสัมปทานผูกขาดกับทางรัฐบาลมูลค่านับหลายพันหลายหมื่นล้านบาท


          เป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นตำนานที่ยังคงไล่ล่าเมล็ดเงินมหาศาลด้วยเขี้ยวเล็บที่แสนคมอยู่ทุกวินาที


          ตำนานงดงามก้าวย่างเข้าไปหาเด็กชายผู้กำลังเศร้าโศกอยู่แนบอกเด็กชายอีกคน เมื่อมายืนใกล้เคียงกันแบบนี้ เหมือนกับจับราชสีห์ย้อนวัย หน้าตาที่คล้ายคลึงกันมากกว่าเจ็ดในสิบส่วน บ่งบอกสายเลือดที่ไหลวนอยู่ในร่างของราชสีห์น้อยตรงหน้าอย่างชัดเจน


          ป๊าที่ตอนนี้อยู่ในมาดของคุณพ่อ เดินตรงเข้ามาหาผมที่ประคองกอดเทมปุระอยู่ ฝ่ามือหนักถูกตบลงมาบนไหล่ของผมเบาๆ เป็นเหมือนคำพูดที่ไร้เสียง 'ทุกอย่างจะโอเค ลูกจะปลอดภัย'


          ผมยิ้มมุมปากตอบรับคำพูดที่ไม่มีใครได้ยิน พ่อเคลื่อนนิ้วทั้งห้าออกจากผม เลื่อนไปจับปลายคางของลูกรักขึ้นมาแทน แต่เทมที่กำลังเสียขวัญและตื่นกลัว ก็ปัดมือนั้นออก ก่อนจะยิ่งกระชับอ้อมกอดรัดผมแน่นขึ้น ท่าทางที่บอกชัดเจนว่าจะไม่ยอมสบตามองหน้าใคร และไม่ให้ใครสัมผัส ทำเอาพ่อผมขมวดคิ้วแน่น จากสายตาที่ดูลุกโชน ผมว่าต้องมีเหยื่อสังเวยจากการที่ป๊าถูกเทมปุระลูกรักปฏิเสธ


          และเหยื่อที่ว่าก็กำลังหน้าซีด ยืนตัวแข็งหน้าถอดสีอยู่ไม่ไกล


          อา...ดูท่าว่าบริษัทที่ป๊าหว่านแหลงทุน ท่านประธานบริษัทที่ยืนอยู่ไม่ไกลท่านนั้น ก็คงจะติดอวน เป็นปลาตัวอ้วน เป็นโง่ไร้ความสามารถหนึ่งในจำนวนมากที่กินเบ็ดของเจ้าป่าเสียด้วยสิ


          ผมลอบยิ้มที่ไม่แสดงอารมณ์ อะไรกัน... เรื่องนี้ดูท่าจะจบง่ายกว่าที่คิด ไม่จำเป็นต้องถึงคุณยายดาเลียเลยด้วยซ้ำ


          "สวัสดีคุณศร ผมไม่คิดเลยนะครับ ว่าคนที่เจ้าลูกชายไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดีจากพ่อแม่อย่างผม จนเที่ยวไปรังแกคือลูกของคุณ ...แย่จริงๆเลย ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่ค่อยมีเวลาอบรมลูกของตัวเอง พอดียุ่งๆกับการถอดถอนทุนลงทุนกับบริษัทปลาซิวปลาสร้อยน่ะครับ เลยไม่ค่อยมีเวลาสอนสั่งเท่าไหร่"


          รอยยิ้มแตะไปไม่ถึงดวงตา กับประโยคบ่งบอกว่าคนตรงหน้ามาทันตั้งแต่ประโยคว่ากล่าวใดบ้าง ทำเอาคนบางคนแทบจะเข่าทรุด


          "คะ-คุณเซอร์กีย์คือว่าผม-ผม..."


          พ่อของไอ้สิงห์ทำท่าจะวิ่งปรี่เข้ามาหาป๊าเพื่ออธิบาย แต่เสียงของผู้อำนวยที่นั่งเงียบเป็นหุ่นประกอบฉากอยู่นาน ก็ตบมือขัดจังหวะ เอ่ยสั่งเสียงเฉียบ


          "เชิญคุณศรและคุณเซอร์กีย์นั่งที่นะครับ เมื่อมากันครบทุกท่านแล้ว ผมจะได้เปิดประชุมหาข้อตกลงของเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้กัน"


          คุณศรหรือพ่อไอ้สิงห์ท่าทางกระอักกระอ่วน แต่ก็ยอมลงไปนั่งที่เก้าอี้ของเจ้าตัวด้วยท่าทีสงบ สงบไปทุกส่วนแม้กระทั่งปาก


          ผู้อำนวยการสั่งให้ลุงยามคนคุ้นหน้าคุ้นตาเข้ามาในห้อง ยามก็ไม่ใช่ใครอื่นเลยครับ นอกจากลุงสันของคุณหนูเทมน่ะเอง
          ลุงสันเดินเข้ามา ในมือถืออะไรบางอย่างมาด้วย ชายมีอายุยื่นซองสีน้ำตาลบรรจุบางสิ่งส่งให้ผอ. ก่อนจะโค้งตัวแล้วเดินจากไป ชั่วขณะที่ลุงสันเดินผ่าน ผมเห็นดวงตาชายชราขยิบให้อย่างมีเลศนัย


          ผู้มีอำนาจสูงสุดในโรงเรียบรับเอาไว้ ก่อนจะหันหน้ามาพูดต่อจากเมื่อสักครู่


          "คุณเซอร์กีย์เพิ่งมาถึง งั้นผมจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นคร่าวๆให้ฟังนะครับ"

          "เรื่องนั้นไม่ต้องหรอก จริงๆแล้วผมก็มาทันพอได้ยินเรื่องราวที่คุณศรอธิบายให้ฟังพอดี เสียงดังฟังชัดดีนะครับ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมมาช้า อย่างที่บอก พอดีว่ากำลังประชุมหารือเรื่องถอนการลงทุนอยู่น่ะครับ"


          อา...เหมือนจะเห็นท่านผู้ปกครองของฝ่ายนั้นสะดุ้งกันหลายคนเลยนะครับ โดยเฉพาะคุณศร ดูสะดุ้งแรงกว่าใครเพื่อน สงสัยจะตกใจรุนแรงไปหน่อย ใบหน้าที่เอาแต่บูดบึ้ง ตอนนี้ใบหน้านั่นกลับแทบจะไม่มีสีเลือดเลยสักนิด ดูซีดจัดจนเกือบแยกไม่ออกกับกำแพงสีขาวด้านหลัง


          "ไม่เป็นไรครับคุณเซอร์กีย์ คุณมาได้เวลากับที่ผมให้ยามรวบรวมคลิปจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดมาให้พอดี"

          "กล้องวงจรปิด? กล้องวงจรปิดอะไรกันผู้อำนวยการ?"


          พ่อแม่ผู้ปกครองของอีกฝ่ายดูร้อนอกร้อนใจขึ้นมาทันที หืม...อาการร้อนรนแบบนี้ คงจะพอรู้นิสัยลูกๆของตัวเองกันดีสินะครับ และคงจะเดาได้ว่าในวีดีโอภาพวงจรปิดจะมีอะไรบ้าง


          คุณลุงศักดิ์หรือผู้อำนวยการ ยิ้มหวานพลางตอบคำถาม


          "ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อในคำพูดของนักเรียนของตัวเองหรืออะไรหรอกนะครับ แต่ผมคิดว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว อุตส่าห์ติดกล้องวงจรปิดอย่างดีรอบๆโรงเรียนเพื่อป้องกันเหตุร้ายทั้งที ครั้งนี้ผมก็ไม่อยากให้ผู้ร้ายลอยนวล และถ้าจะจับไปลงโทษ เราก็ควรมีหลักฐานที่แน่นหนาถูกไหมครับ? แถมจะสะดวกกว่าด้วย ถ้าหากเอาไปพร้อมทั้งภาพและเสียง เผื่อคุณศรจะได้เอาไปแจ้งความได้สะดวก"


          ป๊าที่นั่งประสานมือไว้หน้าตักยกยิ้มร้าย เสียงที่ดูมีเมตตาแสนจริงใจจนน่าขนลุกถูกพูดต่อบทสนทนาทันทีราวกับเตี๊ยมกันเอาไว้


          "พอดีจริงเชียว วันนี้ผมก็พาท่านพลตำรวจตรีให้มาช่วยดูเรื่องราวด้วย ถ้ายังไงจะแจ้งความ ก็ฝากเรื่องได้นะครับ หรือถ้าต้องการทนายความ ฝากคุณฐิติกร ทนายประจำตัวผมให้ช่วยหาคนก็ไม่ได้ลำบากอะไร แต่อาจจะยากหน่อย ถ้าจะหาทนายที่เก่งเทียบเท่าเขา"


          คำพูดดูมีน้ำใจแต่แฝงไปด้วยการยกตนข่มท่าน ถ้าหย็องหย็องมาได้ยิน น้องชายคนเล็กของผมคงจะต้องกลอกตาหมุนวนเป็นไวกิ้งพร้อมเบะปากใส่คุณป๊าแน่นอน


          "ม-ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ จริงๆเรื่องราวพวกนี้ ก็คงเป็นเพราะเด็กๆยังอายุน้อย คงเล่นซนกันตามภาษา ถ้ายังไงก็ลงโทษให้ทำเวรอยู่เย็นสักเดือน ก็น่าจะดีกว่านะครับผมว่า"

          "เอ๊ะ ได้ยังไงกันคะ!!? คุณคะ! ลูกสิงห์ของเราซี่โครงหัก แขนหัก ฟันหลุดสี่ซีก แถมจมูกแตกเชียวนะคะ จะมาให้จบลงง่ายๆกะอีแค่ทำเวรเย็นได้ยังไงกัน ฉันไม่ยอมหรอกค่ะ!"


          คุณผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนไอ้สิงห์ใส่วิก ตวัดสายตาดุสามีตัวเอง จากที่นิ่งเงียบ ยิ้มสบายใจดูสามีตัวเองเกรี้ยวกราดใส่พวกผม แต่พอคนเป็นสามีจู่ๆก็กลายเป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสี ยอมอ่อนข้อลงเหมือนเยลลี่นุ่มๆ ก็นึกไม่พอใจ จนตั้งท่าพูดทวงความยุติธรรมให้ลูกชายของตัวเองทันที

          คุณลุงศรตวัดสายตาฉับ ท่าทางอยากจับเมียตัวเองมาเขย่าให้มีความคิดอ่านสถานการณ์ออก เจ้าตัวส่งสายตาทำนองว่าให้เงียบปาก ก่อนจะหันมาฝืนยิ้นพูดต่อ


          "คุณก็พูดอะไรไม่รู้เรื่อง เด็กวัยนี้ก็หยอกล้อกันแรงแบบนี้แหละ ให้เรื่องจบลงแค่นี้ดีกว่า ผมว่าเราไม่ควรทำให้บานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ รบกวนเวลาเรียนของเด็กๆนะครับ ฮ่าๆๆๆๆ"


          เหล่าผู้นำครอบครัวของฝั่งนั้นหัวเราะเสียงแห้งแล้ง พร้อมสีหน้าจืดเจื่อนไปพร้อมกับลุงศร แต่คุณหญิงคุณแม่ของเหล่าเด็กๆที่โดนประทุษร้ายกลับหน้าตึง ตั้งท่าไม่ยอมให้เรื่องจบลงโดยง่าย


          และคนที่จะไม่ยอมให้เรื่องจบอีกคนก็คือหม่อมแม่ของไอ้น้ำ ที่อมยิ้มก่อนจะแสร้งทำท่าจีบปากจีบคอพูด คัดลอกท่าทางของคุณหญิงฝ่ายนั้นมาได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน


          "ต๊าย!! คุณศรเอาอะไรมาพูดคะ! ตะกี้คุณศรก็เพิ่งพูดไปอยู่แหม่บๆ ว่าจะเอาเรื่องไอ้พวกเด็กเวรเหล่านี้ให้ถึงที่สุด จะต้องจับเข้าคุกไม่ใช่หรือคะ หึ น้องว่าที่คุณเซอร์กีย์พาตำรวจมาก็ดีค่ะ จะได้รู้ชัดเห็นแจ้งกันไปเลย ว่าลูกๆของพวกเรารังแกลูกของพวกคุณจริงไหม นี่ถ้าน้องน้ำรังแกเพื่อนโดยไม่มีเหตุผลจริงๆ ดิฉันจะปล่อยให้คุณตำรวจจับไปโดยไม่ว่าอะไรสักคำเลยค่ะ หึ"


          คุณหญิงของทางฝ่ายนั้นกระโจนเข้ามาในหลุมของคุณแม่ของน้ำขุดแต่โดยดี เป็นกวางโง่อ้วนพี ถูกนางพญาล่อลวงอย่างง่ายดาย

          "ใช่! คงรู้อยู่แก่ใจสินะคะ ว่าลูกของตัวเองสันดาร อุ้ย ขอโทษค่ะ นิสัยเป็นยังไง ถึงได้ยอมรับแล้วสินะคะ เปิดกล้องเลยก็ดีค่ะ น้องสิงห์เพื่อนของน้องต้องลูกดิฉันที่เป็นเด็กดีเรียบร้อยน่ารัก ก็ต้องเป็นเด็กดีเหมือนกันอยู่แล้ว พวกดิฉันสั่งสอนลูกให้เป็นเด็กดี ไม่มีทางไปรังแกใครก่อน เหมือนเด็กบางจำพวกหรอกนะคะ ใช่ไหมพวกเรา"


แม่ของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนรักของไอ้สิงห์พูดขึ้น พลางจิกสายตาไปให้หม่อมแม่ของไอ้น้ำ พ่อของไอ้เต้ผิวปากหวือ พึมพำกระซิบกับลูกชายของตัวเองที่นั่งข้างๆ ด้วยประโยคที่ผมเห็นด้วย


          "ดูไว้นะเต้ บัวใต้โคลน มีดพาดคอแล้วยังวิ่งเข้าใส่ จุดจบจะเป็นยังไง"


          อา คุณลุงนี่จิกกัดได้เจ็บสมเป็นพ่อไอ้เต้จริงๆเลยนะครับ ไม่ต้องส่องดีเอ็นเอดูก็รู้ ผมนึกสงสารเหล่าพ่อๆที่เป็นผู้นำครอบครัว ที่จะพูดหักหน้าภรรยาตัวเองก็ไม่ได้ เป็นห่วงลูกก็เป็นห่วง แต่หุ้นที่กำลังตั้งท่าจะดิ่งลง และเงินลงทุนที่เหมือนกำลังจะรั่วไหลออกจากบริษัท ก็ทำให้ระสำระส่าย นั่งไม่ติดเก้าอี้กันหมด


          เสียดายจริงๆเลยครับ ที่ไอ้พวกซากนั่นอยู่นอกห้อง ไม่ได้เห็นสีหน้าพ่อแม่ของตัวเองน่าตลกขำขันขนาดนี้


          "งั้นก็อย่าเสียเวลาเลยครับ เดี๋ยวเชิญไปที่ห้องโปรเจคเตอร์ดีกว่า จะได้ดูกันให้ชัดๆไปเลย"


          ผู้อำนวยการลุกขึ้นยืน ก่อนจะคว้าซองสีน้ำตาลไปด้วย ดูท่าที่ลุงสันเอามาให้ คงจะเป็นวีดีโอจากกล้องวงจรปิดนั่นเองครับ ผู้ใหญ่หลายคนมีสีหน้าแตกต่าง ยอมเดินตามผู้อำนวยการไปด้วยลางสังหรณ์ไม่ดี


          ผมลูบหัวเทมที่เสียงสะอื้นยังคงมีให้ได้ยินอยู่ตลอดจนพาลทำเอาหัวใจผมปวดหนึบไปหมด


          "คุณป้าครับ คุณป้าไม่ต้องเข้าไปดูหรอกครับ เรื่องนี้ผมกับคุณป๊าจะจัดการเอง คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คุณป้าพาเทมปุระกลับบ้านไปก่อนได้เลยครับ ผมโทรเรียกคุณหมอมารออยู่ที่บ้านแล้ว"


     คุณแม่ของเทมพยักหน้ารับ ไม่ว่าในวีดีโอนั้นจะเป็นอย่างไร แต่การได้เห็นลูกชายถูกแกล้ง ก็คงไม่ใช่ภาพที่ดีต่อจิตใจของคนเป็นแม่ และผมก็ไม่ต้องการให้เทมปุระอยู่ในบรรยากาศแย่ๆอีกต่อไป ใจจริงผมก็อยากกลับไปพร้อมกับเขา

แต่ผมต้องดู ต้องดู เพื่อหาผลลัพท์ของคนที่รังแกแก้วตาดวงใจของผมเสียก่อน


          ผลลัพท์ ที่ผมจะขีดเส้นให้พวกมันเอง ว่าควรเลวร้ายขนาดไหน



          "เทมครับ กลับบ้านไปกับคุณแม่ก่อนนะ พี่หมอกำลังรอเทมอยู่นะ ครั้งนี้ต้องได้ขนมอร่อยๆมาเพียบอีกแน่เลยเนอะ" ผมพูดจาหว่านล้อมเทมน้อยที่เกาะผมแน่นเหมือนลูกลิงติดแม่ คุณป้าก็พยายามช่วยพูดเหมือนกัน


          "น้องเทมครับ กลับไปบ้านกับคุณแม่ก่อนนะครับ ตอนนี้หมูหย็องต้องไปทำธุระนะครับ ปล่อยน้องหมูก่อนเนอะ ไปหาคุณพี่หมอกับคุณแม่ก่อนนะคะลูก"


          คุณป้าลูบหลังปลอบโยนลูกชายของเธอ แต่เด็กน้อยที่กำลังงอแงก็ไม่ยอมปล่อย แถมยังแนบชิดเข้ามามากกว่าเดิม ท่าทางดื้อรั้นของเทมปุระทำผมใจอ่อน นึกอยากพาเขากลับบ้าน อาบน้ำ พาขึ้นเตียงแล้วกล่อมนอน บอกเขา ปลอบเขาให้คิดซะว่านี่เป็นฝันร้าย ที่พอพรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมา มันก็จะหายไป


          แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และมันใหญ่เกินกว่าผมจะสามารถปล่อยผ่าน จุดสีดำกระด่างในใจของผม มันต้องได้ระบายออกไป ผมเป็นคนที่อดทนอดกลั้นไม่เก่ง หากเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องของเทมปุระ


               และความเจ็บปวดของนางฟ้าของผมก็ต้องมีคนรับผิดชอบ


          ผมก้มลงไปจูบหน้าผากคนในอ้อมกอดเบาๆทว่ายาวนาน ก่อนจะผละออกมา เอ่ยน้ำเสียงขอร้องเขาอีกครั้ง


          "เทมครับ ไปหาพี่หมอก่อนนะครับ ดูสิครับ ตอนนี้เทมตัวร้อนเหมือนไข้จะขึ้นเลย ถ้าเกิดเทมไม่สบาย แล้วหมูจะอยู่กับใครครับ แล้วคุณป้าก็ต้องไปทำงานนะ จะให้คุณป้าโดดงานเหรอครับเด็กดี"


          เด็กน้อยมือเกาะผมแน่นยอมคลายอ้อมกอดลง แต่ก็ดูยังลังเลอยู่มากกับการจะปล่อยผมไป


          "น้องเทมครับ น้องหมูทำธุระแค่แป๊บเดียวนะครับ คุณแม่พาน้องเทมไปหาคุณพี่หมอเสร็จ น้องหมูหย็องก็กลับมาหาแล้วนะคะ เพราะงั้นปล่อยน้องหมูก่อนนะคะคนเก่ง"


          เทมยังไม่ยอมสบตาผมดีๆเท่าไหร่ แต่เจ้าตัวก็กระตุกเสื้อผม เหมือนเป็นคำถามว่าจริงหรือเปล่า กระตุกเสื้อไปมาขอคำยืนยันจากผม ผมลูบแนวแก้มที่ชั่วเวลาแค่ไม่นานแต่กลับดูอ่อนแรงและซูบโทรม ดึงมือที่กอบกุมชายเสื้อผมไว้มาจรดริมฝีปากจูบพิต


          "หมูจะกลับไปหา ไม่เกินสามชั่วโมงนะครับ" ผมพูดทั้งๆที่ริมฝีปากยังแนบชิดกับปลายนิ้วของร่างสูง รอยประทับที่หลังมือเหมือนเป็นลายเซ็นลงใบคำสัญญา ที่ผมไม่คิดจะผิดคำพูด


          แต่เทมปุระยังดูไม่พอใจ เจ้าตัวเม้มปากเน้น ไม่พูดอะไร แต่มืออีกข้างกับชูหนึ่งนิ้วมาให้ผม ผมยิ้มกับท่าทางต่อรองแสนน่ารัก จนอดไม่ได้ที่จะต้องก้มลงไปจูบที่ปลายนิ้วที่กำลังเจรจาด้วยเช่นกัน


          เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาและน้ำมูกจนดูไม่ได้ แต่กลับน่ารักน่าเอ็นดูมากมายนักในสายตาผม สีแดงที่กำลังไล่ระดับความเข้มขึ้นบนใบหน้าเขา ทำเอาผมหัวเราะออกมา


          "ชั่วโมงเดียวคงไม่ทันหรอกครับ ขอสองนะ แล้วหมูจะไปหาถึงบ้านเลย รอหมูนะครับ"


          เด็กน้อยของผมยอมพยักหน้าตอบรับในที่สุด ยอมปล่อยผมเป็นอิสระ คุณป้าหันมายิ้มขอบคุณให้ผม ก่อนจะจูงมือเทมปุระออกไป ผมเดินออกมาส่งทั้งสองคนที่ประตูอีกทาง ตรงกันข้ามกับที่มีพวกเพื่อนไอ้สิงห์นั่งอยู่ เปิดประตูมาก็เจอคนในชุดสูทสีดำสองคน เห็นป้ายสัญลักษณ์คนของป๊า ท่านประธานเซอร์กีย์คงจะรู้ว่าผมคงไม่ยอมให้ทั้งสองคนอยู่ด้วย จึงจัดคนมารอไว้ให้


          "พาคุณเทมกับคุณป้าไปส่งที่รถที"

          "ครับคุณหนู"


          เทมดูอาลัยอาวรณ์ในการจากผมไปอย่างมากมาย แต่แรงดึงมือของคุณแม่ตัวเองก็ทำให้เจ้าตัวยอมก้าวขาออกไป เทมหันหลังมามองผมอยู่หลายครั้ง จนผมต้องชูสองนิ้วบอกเขา ว่าอีกสองชั่วโมงเจอกัน ร่างสูงถึงยอมเดินไปขึ้นรถดีๆ


          ส่งเด็กน้อยกลับบ้านเรียบร้อย รอจนได้โทรศัพท์ยืนยันว่าถึงรถโดยสวัสดิภาพ แล้วผมก็เดินตามเข้าไปในห้อง


           พวกผู้ใหญ่กำลังนั่งหน้าเครียดกันอยู่อีกมุม ข้างหน้ามีอาจารย์กำลังจัดเตรียมฉายวีดีโอขึ้นจอโปรเจคเตอร์ ไอ้เต้กับไอ้น้ำและอเล็กซ์เห็นผมเดินเข้ามาทีหลังก็เดินเข้ามาถามถึงคนที่หายไป


          "ไอ้เทมล่ะ"

          "ส่งกลับบ้านแล้ว ไม่อยากให้คุณป้าดู แล้วกูก็ไม่อยากให้เทมเห็นเหตุการณ์ไม่ควรเข้าด้วย"



          สองเกลอพยักหน้าเข้าใจ พวกผมเงียบเสียงลง เมื่อบนจอใหญ่เริ่มปรากฏภาพขึ้น

          สมเป็นกล้องราคาแพงที่ผอ.กัดฟันลงทุน ทั้งภาพและเสียงชัดเจนเหมือนถูกดึงไปอยู่ในเหตุการณ์จริง


          เหตุการณ์แรกที่ถูกเลือกขึ้นมาฉาย คือต้นเหตุของเรื่อง ภาพเริ่มเล่าตั้งแต่เทมปุระออกจากห้อง เดินพ้นหัวมุม ตัดมาที่อีกทาง เทมที่กำลังวิ่งเยาะๆ เพื่อเร่งความเร็วไปที่ห้องน้ำ ระหว่างทางปลอดคน เพราะเด็กนักเรียนต่างเริ่มลงไปเตรียมตัวกันเข้าแถวยามเช้า แต่เมื่อใกล้ถึงจุดหมาย นัยน์ตาสุกใสก็เห็นกลุ่มเด็กผู้ชายกลุ่มใหญ่ เทมชะงักฝีเท้าลงแล้วเลือกที่จะเดินไปชิดกำแพงแล้วค่อยๆเดินผ่าน แต่ไม่พ้นดี


          หนึ่งในกลุ่มคนพวกนั้นกลับกระชากเทมปุระมายืนกลางวง


          'นี่มันเด็กเอ๋อของไอ้ประธานนักเรียนที่แย่งแฟนมึงไม่ใช่หรือวะสิงห์ น้องแตมอะไรของมึงนั่นอ่ะ'


เด็กผู้ชายตัวผอมแห้งบีบหน้าของเทมปุระ ที่กำลังตกใจกับการถูกกระชากมาอยู่กลางวงล้อมของคนหมู่มาก
ร่างสูงพยายามฝืนตัวออก แต่เด็กอีกสองคนก็มาช่วยจับตัวเขาเอาไว้


          'ใช่จริงด้วยว่ะ ปกติเห็นตัวติดกันตลอด ไหงวันนี้แม่งมาคนเดียววะ'

          'เฮ้ย ไอ้ปัญญาอ่อน พ่อมึงไปไหนวะ'

ผลัวะ

          คำถามที่ถูกตะคอกถาม มาพร้อมกับฝ่ามือที่ตบลงบนหัวคนที่ถูกตรึงแขนแน่นจนขยับไปไหนไม่ได้ แรงตบนั้นแรงพอจนทำเอาเด็กชายน้ำตาซึม แต่เจ้าตัวก็ยังฝืนยิ้มแม้จะปวดหัวตุบจากแรงที่ฟาดลงมา ยอมตอบคำถามของเพื่อนนักเรียนด้วยกันเสียงอ่อน


          'เอ่อ ถามเทมเหรอครับ ท-ท-ท-เทมก็ไม่รู้ คุณแม่ไม่เคยบอก'

          'เหี้ย โตเป็นควายใครเขายังพูดแทนตัวเองด้วยชื่ออีกวะ ตลกว่ะมึง ฮ่าๆ'

          'กูไม่ได้ถามถึงพ่อที่เอาแม่มึงจนคลอดลูกผิดปกติแบบมึง หมายถึงไอ้พ่อคุณทูนหัวที่คอยเฝ้ามึงน่ะ ไอ้เหี้ยหมูหย็องอะไรนั่นไง'


          คนถามเอานิ้วจิ้มไปที่หัวของร่างสูงที่กำลังเริ่มสั่นกลัว เสียงตวาดกระโชกโฮกฮาก และเสียงหัวเราะของกลุ่มใหญ่ ดูน่าหวาดผวาสำหรับเด็กชายเทมปุระ เสียงขำขันที่ดูน่ากลัว ไม่เหมือนของเพื่อนกัน ไม่เหมือนของเต้หรือน้ำ


          'อ-อย่าด่าหมูหย็อง น-นะ คะ ครับ'

         'ทำไม มึงจะทำไมกู หา!? มึงกล้าหือกับกูเหรอไอ้โง่ ไม่รู้หรือไงว่าพ่อของกูเป็นใคร!'

         'กูหมั่นไส้มานานละ ทำเป็นเดินกร่างไปทั่วโรงเรียน เก่งนักเหรอมึง พออยู่คนเดียวก็ไม่กล้า!'

        'ไปบอกเพื่อนมึงเลยนะ ไอ้เหี้ยหมูอ่ะ สันดารหมา แม่งเคยจดชื่อกูลงบัญชีทำเอากูพลาดทัศนศึกษา แค่สูบบุหรี่ในโรงเรียนนิดเดียว ทำมาเข้ม ถุ้ย'


          น้ำลายจากปากคนกำลังโกรธถูกถุดออกมาใส่หน้าของเด็กชายที่เริ่มร้องไห้ ร่างสูงเริ่มตัวสั่นเกร็งมากยิ่งขึ้น เมื่อยิ่งพยายามสะบัดตัวให้ออกมากจากการจับกุมเท่าไหร่ คนที่กำลังจับก็ยิ่งตรึงไว้แน่นมากยิ่งขึ้น ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด


          การกระทำที่เหมือนเป็นกรรไกรตัดเส้นเริ่มเกม ทำให้เหล่าเด็กผู้ชายคนอื่นทำถาม ต่างหัวเราะกันร่วนพลางถุยน้ำลายใส่คนตรงหน้า เพียงเท่านั้นเหมือนไม่สาแก่ใจ หลากมือหลากไม้ต่างฟาดเด็กชายเทมปุระระบายอารมณ์โทสะและเพื่อความสนุกสนาน


ผลัวะ! เพียะ! ผลัวะ ผลัวะ เพียะ!


     ด้วยความที่มีหลายมือยื้อแย่งกันฟาดเหยื่อเพียงหนึ่ง เป้าหมายที่เป็นหัวจึงเลยเถิดไปถึงใบหน้าและลำตัว ฝามือของเด็กชายหลายคนรุมตบจนเกิดเสียงดังอย่างต่อเนื่อง


          'อ-อ-อย่าตี ทะ-เอม-เทมครับ จะ-เจ็บครับ เทม เทมเจ็บครับ อึก ตีเทมทำม-ไม'

          'เฮ้ย มันร้องไห้แล้วว่ะ หน้าตาตลกชิบหาย ฮ่าๆๆๆๆๆ ทำไมขี้แงงี้วะ เป็นผู้ชายจริงหรือเปล่าเนี่ย'

          'มึงจับแม่งถอดเสื้อเช็คดูเลยดิ กูว่าแม่งอาจจะไม่มีแบบพวกเราก็ได้นะเว้ย'


เสียงครื้นเครงของเหล่ากลุ่มเด็กชาย ทำให้เด็กบางคนที่ยังอยู่ในห้องโผล่หน้าออกมาดู


          'มองหาพ่อมึงเหรอไอ้สัตว์ ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็ไสหัวออกไป อย่าให้พวกกูรู้นะว่าใครเอาไปฟ้อง กูจะกระทืบให้ไส้ปลิ้นเลยแม่ง!'


          เด็กชายตัวใหญ่ที่ดูเป็นหัวหน้าของกลุ่ม ตะคอกเสียงเกรี้ยวกราด จนทำเอาเด็กที่ออกมาดูรีบวิ่งหายไป
สิงห์หันกลับมาที่เป้าหมาย พยายามกระชากเสื้อเจ้าตัวตามที่กลุ่มเพื่อนตนเองยุ แต่เทมปุระก็พยายามขัดขืน


          'ไอ้เหี้ยนี่ ดิ้นอะไรนักหนาวะ แม่งเอ้ย!'

          'อย-อย่าถอดครับ ปละปล่อยเทมนะ ทะ-เอม-เทม จะไปเข้าห้อ-ห้องน้ำครั-บ'


          เด็กชายที่น้ำตาไหลอาบน้ำตื่นกลัวจนรู้สึกแทบจะเป็นลม ในใจกู่ร้องหาหมูหย็องและเพื่อนที่ห้อง แม้จะตะโกนเรียกในใจแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครมา นรกร้ายยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไม่มีวี่แววสิ้นสุด


          'เฮ้ย สิงห์ ช่วงสงเคราะห์มันหน่อยสิวะ พามันไปห้องน้ำ จับไป'แช่น้ำ'สักหน่อย เผื่อจะใจเย็นหยุดโวยวายได้'


เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ สิงห์ยิ้มตอบรับ


          'จัดไปครับเพื่อน มึงไม่ต้องมามองหน้ากูแบบนั้น ความผิดของเพื่อนมึงนั่นแหละ! ชอบมายุ่งวุ่นวายกับพวกกูนัก มาแย่งแฟนกูไม่พอ ยังมาจดรายชื่อพวกกูเข้าบัญชีเหี้ยๆนั่นอีก รู้ไหมว่าพวกกูต้องมาทำความสะอาดห้องน้ำระหว่างที่พวกมึงไปสนุกกับทัศนศึกษากัน! วันนี้แหละกูจะเอาหน้ามึงไปถูชักโครกแทนผ้าขี้ริ้ว! ตามกูมานี่ไอ้โง่!!'


          กลุ่มเด็กชายพยายามลากเทมปุระที่พยายามดิ้นขัดขืดเต็มที่ ขายาวพยายามดันไว้เพื่อฝืนตัวไม่ให้ไปตามแรงลาก แต่ก็สู้แรงเด็กชายหลายคนไม่ไหว


          เด็กน้อยถูกลากออกไป


          ภาพตัดมาที่บันได เทมปุระที่เริ่มสติแตกด้วยความกลัวก็สะบัดตัวแรงยิ่งขึ้น นายสิงห์ที่กำลังผลักให้เจ้าตัวลงบันได จึงเกิดความขัดใจที่เหยื่อไม่ยอมเดินไปอย่างง่ายดาย ฝ่าเท้าจึงถีบร่างสูงลงไปแทนการเดินลงธรรม เทมปุระกลิ้งตกบันไดจนหลังฟาดที่ราวกั้น


ผลั่ก


          เด็กน้อยเจ็บหลังจนน้ำตามากมายร่วงผล็อย สิงห์ตรงเข้าไปกระชากร่างที่ทรุดนั่งขึ้นมา ด้วยความรำคาญใจที่ไปไม่ถึงที่หมายสักที่ ทันใดนั้นก็เกิดความคิด มือหยาบหยิบไฟแช็คที่เอาไว้สูบบุหรี่ขึ้นมา จุดไฟแล้วยื่นไปใกล้บุคคลตัวสั่นหยาดน้ำตานองเต็มหน้า


          'มึงเห็นอะไรนี่ไหมไอ้เอ๋อ ถ้ามึงไม่ยอมลงไปกับพวกกูดีๆ กูจะเผาหน้ามึงให้เละเลย ทีนี้นอกจากมึงจะเกิดมาสติไม่สมประกอบ เป็นไอ้บ้าโง่เง่าแล้ว มึงก็จะหน้าเละเป็นผี เป็นไอ้หน้าผีปัญญานิ่มที่ไม่มีใครต้องการ ถ้ามึงไม่อยากโดนก็ลงมาเร็วเข้า!'


          เปลวไฟจากไฟแช็คถูกยื่นเข้าไปจ่อผิวเนื้อ เปลวเพลิงขยับเข้ามาใกล้ถึงเส้นผมจนไหม้ไปบางส่วน ความร้อนและคำขู่แสนน่าตะหนก พร้อมเสียงโหฮาจากกลุ่มคนรอบตัวพาเอาสติของเด็กชายเทมปุระหลุดลอย ความหวั่นวิตกถึงขีดสุดทำเอาเด็กชายเทมปุระปัสวะราดกางเกง



          'ไอ้เหี้ยเอ้ย! มันฉี่แตก น่าขยะแขยงจริงโว้ย!'



ผลัวะ!


          'โว้ย ฮ่าๆๆๆ แค่นี้ก็กลัวจนฉี่แตก พวกมึงดูดิ เหยี่ยวราดกางเกงท่วมเลยว่ะ มึงถ่ายรูปไว้ดิ กูจะเอาไปลงให้ว่อนอินเตอร์เนตเลย ฮ่าๆๆๆ'

          'กูถ่ายไว้เป็นคลิปเลยโว้ย ฮ่าๆๆๆ แม่งขี้ขลาดชิบหาย เดี๋ยวกูส่งให้ อย่างตลก'

          'ไอ้ปัญญาอ่อนฉี่แตก ไอ้ปัญญาอ่อนฉี่แตก!'


          คำพูดล้อเลียน เหมือนเทปเพลงที่ถูกอัดแล้วกดเล่นวนซ้ำไปมา เสียงด่าทอและมือมากมายที่กลับมาทำร้ายกันอีก ทำเทมปุระปวดหนึบไปทั้งใจ เด็กน้อยไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงถูกรุมทำร้ายจากคนไม่รู้จัก


          ท่ามกลางเสียงหัวเพราะ มีเสียงแผ่วเบาคลออยู่ในนั้น

          เป็นเสียงของหัวใจดวงน้อยกำลังแตกสลาย


          'เฮ้ย พวกมึงรีบลากมันไปเร็วๆ เดี๋ยวจารย์แม่งก็มาเจอก่อน ยิ่งจมูกดีเป็นหมากันอยู่ เอามันไปเร็วๆ'







          ภาพวิดีโอยังคงฉายต่อเนื่องไปจนจบถึงเหตุการณ์ที่เทมถูกลากเข้าไปทางห้องน้ำ แต่กล้องจับภาพได้ถึงต้นทาง


          ได้ยินเพียงเสียงเหมือนบางคนถูกทำอะไรสักอย่าง เสียงติดอ่างที่ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือขาดห้วง


          กว่าสิบนาทีที่เหล่าเด็กชายนับสิบหัวเราะเฮฮา ผสมปนเปไปกับเสียงร่ำไห้ เสียงสรวลมากมายดังต่อเนื่องจนดูเหมือนทุกคนจะพึ่งพอใจแล้ว จึงลากร่างของคนที่หน้าตาเปียกชื้นออกมา เสียงล้อเลียนความไม่สมประกอบของเด็กน้อยผู้น่าสงสาร แปรเปลี่ยนเป็นคำล้อว่า  ผ้าขี้ริ้วขัดห้องน้ำ บ่งบอกสถานะใหม่ของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี




       
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 11 * 14/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 14-09-2018 20:53:32
 


        เสียงวีดีโอเงียบลง ภายในห้องเงียบกริบ แต่สัญญาณอันตรายภายในใจของผู้ปกครองหลายคนกลับร้องเตือนขึ้น เหล่าผู้ใหญ่มากมายหน้าซีดเซียว ความเครียดในชั้นบรรยากาศพุ่งขึ้นสูงสุด


          ผมไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะตั้งแต่ฝ่ามือแรกของใครสักคนที่ทุบลงไปที่ศรีษะที่ผมเพิ่งลูบปลอบเขาไปอย่างแผ่วเบา หรือร้องตั้งแต่ที่เขาถูกกระชากเข้าไปยืนกลางวงล้อม


          ความเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศไม่สามารถสู้อะไรได้กับหัวใจที่เย็นจัดของผม ผมยกมือขึ้นมากุมหน้าอกที่ปวดหนึบไปหมดจนหายใจลำบาก


          ผมแทบจะหายใจไม่ออก ยืนทรงตัวยังแทบไม่ไหว ผมดูแลเขามาหลายปี ภาพร้ายแรงที่สุดคือเขาหกล้มเลือดไหลเท่านั้น แค่เพียงเท่านั้นผมยังแทบจะขาดใจ แต่นี่มัน...


          ความทรมานของการเห็นคนที่รักเจ็บปวดโดนรุมทำร้ายโดยทำอะไรไม่ได้ เหมือนดั่งหัวใจถูกน้ำกรดหยดใส่ เจ้าน้ำกรดนั้นมีฤกธิ์กัดกร่อนอย่างรุนแรง มันกัดกินเสียงขาดแหว่ง ขาดหวิ่นไม่เหลือชิ้นดี


          ผมขยุ้มหน้าอกด้านซ้ายของตัวเองแน่น หวังบรรเทาความสาหัสของบาดแผลในใจลง แต่ความร้าวระทมก็ไม่หายไปเพียงเพราะแค่ผมจับมันเอาไว้ ภาพสะเทือนอารมณ์ที่ยังคงฉายแจ่มชัดแล่นต่อไปในสมอง


          ผมครางในลำคอเหมือนสัตว์บาดเจ็บสาหัส ความเจ็บปวดเจียนขาดใจตายอยู่รอมร่อ ทำเอาผมแทบคลั่ง ความรู้สึกมากมายปะทุขึ้นในอก ผมแทบจะกลายเป็นคนบ้าไร้สติ



          นี่ผมปล่อยให้เขาไปเจออะไรแบบนี้หรือ...

          นี่ผมปล่อยเทมปุระของผมให้ไปเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายขนาดนี้เชียวหรือ...

          เด็กชายที่ผมเฝ้ามองเขาเติบโต เด็กชายที่ผมเฝ้าดูแลเขาทุกฝีก้าว...

          แก้วใสแสนบอบบางที่ผมเก็บไว้ในสถานที่ปลอดภัยมาตลอด

          เด็กชายที่ผมเฝ้าทะนุถนอมมาเป็นอย่างดี นางฟ้าของผม คนรักของผม...


          กลับมาโดนพวกมัน...


          มาโดนพวกมัน...!!



          ไอ้เหี้ยเอ้ย!



          ความอำมหิตแตกพล่านภายในจิตใจ

          ผมน่าจะบีบคอมันให้หมดลมหายใจไปซะ

          ผมน่าจะวิ่งออกไปบีบคอมันให้ตายซะ



          ความเคียดแค้นไหลไปทั่วทั้งสรรพางค์ ความเดือดดาลกระตุ้นให้ผมตัดสินใจ


          ผมหันหลังเตรียมเดินไปหาเป้าหมายก็รับรู้ได้ถึงแรงบีบรัดที่ข้อมือ ไอ้เต้ที่ยืนนิ่งน้ำตาไหลกำมือผมไว้แน่น


          "กูรู้มึงจะทำอะไร แต่มึงทำไม่ได้ มึงต้องกลับบ้านนะหมู กลับไปหาเทม เดี๋ยวนี้!"

          ไอ้เต้ที่ทำสีหน้าโกรธจัดแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนตะโกนเสียงดังขึ้นมา เสียงตะโกนของไอ้เต้เหมือนปลุกสติของทุกคนให้กลับคืนเข้าที่


          เต้พูดถูก ...ผมควรกลับไปหาเทม

          กลับไปหาเด็กน้อยของผมที่ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง

          ดวงใจที่แตกสลาย นัยน์ตาที่เผยแผลกรีดลึก ผมควรไปสมานและดูแล


          ผมไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์จะเลวร้ายถึงขนาดนี้ ความวิตกกังวลถาโถมเหนือความโกรธ ความเป็นห่วงคนสำคัญเหลือคณาจนท่วมโทสะ ผมอยากเจอเขา ผมต้องไปหาเขา หัวใจของผมตะกุยตะกายเรียกร้องหาเด็กชายที่ถูกทำร้าย เด็กน้อยที่เอาแต่เม้มปากแน่นไม่ยอมบอกเรื่องราวเหล่านี้กับผม ผมต้องรีบไปหาเขาให้เร็วที่สุด!!



          แต่ไอ้พวกสารเลวนั่นก็จะไม่ได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน

          หากได้ลูบคม พวกมันก็ต้องเตรียมใจถูกบาด

          และแน่นอน ความแหลมคมของผมก็จะบาดพวกมันให้ลึก บาดให้ถึงจิตวิญญาณอันเน่าเฟะของพวกมัน

          กรีดเนื้อเถือหนัง สลักให้มันรู้

          ว่าเขาผู้แสนพิเศษ ไม่ใช่คนที่เศษเดนอย่างพวกมันมีสิทธิ์อาจหาญเอานิ้วโสมมโสโครกมาแตะต้องได้



          ผมเดินเข้าไปหาคุณพ่อที่สีหน้านิ่งสนิท แต่หากพินิจดูให้ดู จะเห็นเปลวไฟที่ร้อนดั่งไฟนรกลุกโชติอยู่ในนั้น สีหน้าเงียบสงบที่ซ่อนลุแก่โทสะเอาไว้หันมามองหน้าผม


          ผมก้มลงเข้าไปกระซิบข้างหู


          "อย่าปล่อยพวกมันไปง่ายๆ ผมไม่ต้องการให้จบแค่ถอนหุ้น เอาให้มันล้มละลายและไม่มีที่ยืนในสังคม ถอนรากถอนโคนพวกมันให้หมด ทำยังไงก็ได้ให้มันรู้สึกว่าตายดีกว่าอยู่"


          คุณพ่อหันมาแสยะยิ้มเย็นยะเยือกให้ผม


          "ไม่ต้องบอก พ่อก็จะเอาให้มันจมดินอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง จะไม่มีปลาตัวไหนหลุดรอดไปสักราย ลูกไปหาเทมเถอะ"


          นัยน์ตาสีเดียวกัน สบมองกันนิ่ง เห็นความเด็ดขาดและเลือดเย็นในนั้นเด่นชัด ผมจึงพอใจ ผมพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินออกมา ระหว่างที่เดินผ่านผู้ปกครองของไอ้พวกเศษเดน สายตาเย็นเยียบของผมกวาดมอง หวังดูหน้าตาของต้นกำเนิดความชาติชั่วของพวกมัน




          ผมยืนหยุดนิ่งต่อหน้าพวกเขา เผยรอยยิ้มไร้อารมณ์




          "สอนลูกได้ดีนะครับ ถึงได้โตมา...เป็นเศษเดนนรกขนาดนี้ พ่อแม่สวะอย่างไร ลูกก็ออกมาได้เหลือเดนไม่แตกต่างกันสักนิดเดียว ผมนับถือความชาติชั่วของพวกคุณมากๆเลยครับ"



          ผมไม่อยู่รอพวกเขาหายตกตะลึง พอเอ่ยกล่าวชมเสร็จ ผมก็เดินออกมาทันที ปล่อยเรื่องราวไว้ด้านหลัง ให้ท่านประธานเป็นคนจัดการ



          ตอนนี้มีเรื่องเดียวที่ผมควรทำ


          คือกลับไปหาเขาให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้


          และกอดเขาให้แน่นที่สุดเท่าที่จะแน่นได้









          หมูหย็องออกจากห้องไปแล้ว ความเงียบยังคงโรยตัวอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยม สีหน้าไม่สู้ดีของผู้ปกครองเหล่า 'เด็กดีที่ถูกรังแก' ต่างถอดสี เหล่าอาจารย์ที่ตีหน้าไม่ถูก เมื่อไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าเหตุการณ์กลั่นแกล้งกันที่รุนแรงถึงขนาดนี้ จะเกิดขึ้นภายในโรงเรียน ใกล้เพียงใต้จมูกของพวกเธอ


          "ร-รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ลูกผมต้องโดนลูกคุณศรดึงเข้ามาแน่ๆ! ลูกผมไม่มีทางรังแกใครหรอก!"

          "ช-ช-ช ใช่ค่ะ! ลูกเก่งของดิฉันไม่มีทางที่จะไปแกล้งใครด้วยตัวเองหรอก หะ-เห็นๆกันอยู่ในวีดีโอ หัวโจกน่ะมันนายสิงห์ลูกคุณศรชัดๆ นี่คงมาข่มขู่ลูกเก่งของดิฉันให้แกล้งเพื่อนตามไปด้วย"

          "จริงด้วยค่ะ ลูกคุณศรนั่นแหละที่แกล้งเด็กคนนั้น แล้วบังคับคนอื่นให้แกล้งด้วย!!"

          "ทำไมพวกหล่อนพูดจาหมาๆแบบนี้ล่ะยะ อย่ามาว่าลูกสิงห์ของฉันนะ ลูกพวกเธอนั่นแหละเต็มใจทำเอง ลูกสิงห์ของฉันคบเพื่อนไม่ดี ถึงได้ทำอะไรผิดๆไป!!"

          "ลูกชายดิฉันแค่เล่นซนไปนะคะ ก็อย่างที่พวกคุณรู้ เด็กๆแค่หยอกเล่นกัน หยอกกันเล่น แต่มีหลายคนเลยดูรุนแรงไปบ้างตามประสาเด็กผู้ชาย"

          "ในวีดีโอนี่ตัดต่อหรือเปล่า นั่นไม่ใช่ลูกผมสักหน่อย!"


ปึ้ง!



          เสียงทุบโต๊ะจากคนมาทีหลัง ทำเอาเสียงโหวกเหวกที่กำลังโยนขี้ให้แก่กันหยุดลง


          "ผู้อำนวยการตัดสินมาเถอะครับ"


          น้ำเสียงน่าเกรงขามเอ่ยสวนขึ้น บรรยากาศรอบตัวของเขาที่มักอ้อมล้อมไปด้วยความเฉียบขาด บัดนี้ความฉุนเฉียวและโทสะอันคลุ้มคลั่งกลับเด่นชัด แม้ว่าเจ้าตัวจะปิดไว้มากแล้วก็ตาม แต่ความขุ่นแค้นที่มากมายเหลือคณาก็ไม่สามารถถูกซ่อนไว้ได้มิด

          นัยน์ตาที่สะท้อนความโหดเหี้ยมเอาไว้ ไม่สบตาใคร ราวกับกลัวว่า หากเผลอไปมองหน้าเข้าแล้วความอดทนเส้นสุดท้ายจะขาดลง


          "ตามกฎแล้ว การรังแกกันในโรงเรียนถือว่าเป็นการทำผิดสูงสุด คือไล่ออกจากโรงเรียนครับ จากในวีดีโอ ผมคงตัดสินให้กลุ่มดิมิทรีถูกลงโทษด้วยการทำความสะอาดโรงเรียนไปหนึ่งเดือน ส่วนอีกฝ่าย...ผมเกรงว่าต้องขอไล่ออกนะครับ"

          "อะไรกัน! นี่มันบ้ากันไปแล้วหรือยังไง ก็แค่เด็กๆเล่นกัน มันจะอะไรหนักหนาคะ!?"

          "ใช่ครับ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอแบบนี้ ปัญหาของเด็ก พวกเราผู้ใหญ่จะไปยุ่งกันทำไม?"

          "โทษมันไม่ลำเอียงไปหน่อยหรือไงครับ อีกกลุ่มโดนไล่ออก อีกกลุ่มแค่ทำความสะอาด?"

            "พกบุหรี่เข้ามาในโรงเรียน แกล้งเพื่อน ใช้ความรุนแรง ไม่นับที่กลุ่มของเด็กชายสิงห์เคยติดทัณฑ์บนกันอีก แต่ละคนในกลุ่ม ผมคุ้นหน้าคุ้นตาจากรายชื่อนักเรียนติดทัณฑ์บนทั้งนั้น ทางโรงเรียนเราคงไม่มีความสามารถมากพอจะดูแลหรอกครับ คงต้องขอให้ทางผู้ปกครองหาโรงเรียนอื่นแทน"


          เสียงโวยวายแข่งแย่งกันพูดของผู้ใหญ่หลายคนที่ไม่พอใจต่อการตัดสินดังขึ้น ความวุ่นวายเริ่มบังเกิดจนแทบจะเป็นกลุ่มประท้วงเล็กๆในห้อง เหล่าอาจารย์ต้องลุกขึ้นมาขวางกั้นผู้ปกครองอารมณ์ร้อน


          แต่ผู้อำนวยการที่ไม่ได้สนใจอะไรกลับลุกขึ้นยืน ปากฉีกยิ้มการค้า


          "ส่วนเรื่องหลังจากไล่ออก ทางโรงเรียนขอไม่ยุ่งเกี่ยวนะครับ แต่ถ้าท่านใดต้องการวีดีโอไปเป็นหลักฐานการแจ้งความตามที่คุณศรพูดเอาไว้ สามารถไปขอได้ที่ห้องธุรการนะครับ การประชุมผมขอจบลงเท่านี้ เชิญแยกย้ายกลับบ้านได้เลยครับ เอกสารต่างๆ สามารถมาดำเนินเรื่องออกได้ที่ห้องธุรการเช่นกัน ขอบคุณครับ"


          พูดเสร็จเจ้าตัวก็หันหลังควับเดินจากไป ทิ้งความอลหม่านวุ่นวายไว้ข้างหลัง




          "อ๊า เสร็จแล้ว งั้นก็กลับบ้านไปหาเมียรักดีกว่า ทำดีมากไอ้เต้ลูกพ่อที่ช่วยปกป้องเพื่อน ป่ะ เดี๋ยวบอกแม่ให้ทำไข่เจียวเป็นรางวัลให้นะไอ้ลูกชาย อ้อ ถ้าจะแบล็คลิตส์ขึ้นบัญชีดำใครที่ธนาคารผม ก็ส่งรายชื่อมาได้นะครับคุณเซอร์กีย์ เงินหายไปสักร้อยสองร้อยล้าน ถ้ามันทำให้หายคันตีนได้ ผมก็โอเคล่ะนะ นี่คันมาตั้งแต่ลูกฉันเป็นคนดีละ บรึ๋ย ขนลุก"

          "งั้นดิฉันก็ขอตัวก่อนเหมือนกันนะคะ เสียเวลาเข้าสปาหมดเลย ไปค่ะน้องน้ำ คุณแม่จะกลับไปสระผมต่อ อ้อ ถ้าอยากได้ความช่วยเหลือจากทางสื่อ ก็โทรมาบอกกันได้นะคะคุณเซอร์กีย์ ช่วงนี้ทางช่องกับหนังสือพิมพ์ของเราก็อยากได้ข่าวน่าสนุกๆอยู่พอดี ไม่คิดเงินเชียวค่ะ อย่างไรก็คนกันเอง"


          คุณหญิงสายพิณส่งยิ้มให้กับร่างสูง เพื่อนสมัยเด็กของเธอ เรื่องราวกระตุกหนวดราชสีห์เช่นนี้ เธอรู้ดีเชียวล่ะ ว่าคงจะไม่จบลงแค่ที่ลูกของใครโดนไล่ออก และก็แย่เสียจริงที่แม้แต่เธอก็เป็นสิงโตสาว ที่ไม่ชอบให้ใครมาแหย่เล่นเฉกเช่นเดียวกัน เพื่อนของลูก ก็เหมือนลูกของเธออีกคน การมารังคัดรังแกลูกของเจ้าป่าแบบนี้ ไม่ฉลาดเอาเสียเลย

          โดยเฉพาะเจ้าป่าสามตัว ที่ครอบครองธุรกิจที่แทบจะสามารถเคลื่อนไหวประเทศได้แบบนี้



          วัฒณวงคีรีย์
          เจ้าของธนาคารเก่าแก่


               กิตติศักดิ์วัฒนาตระกูล   
               ผู้ครอบครองสื่อรายใหญ่


               และชาโรนอฟ
              ผู้ครอบครองธุรกิจทั่วประเทศ



                อา ช่างเป็นสามราชสีห์สุดแสนอันตราย ที่ไม่ควรให้จับมือหรือร่วมมือกันเลยเสียจริงๆ

          แค่หนึ่งก็จมดินไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด นี่รวมไปสามเท่า


          ไม่อยากจะคิด...


          ขอยืนสงบนิ่งสามวิ ไว้อาลัยล่วงหน้า



          ตะกูลไร้ชื่อเสียงและเป็นคนธรรมดาทำงานธุรกิจส่วนตัวได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ให้กับภาพสามบุคคลสำคัญของประเทศ สามคนที่ยิ้มธรรมดา แต่กลับเหมือนมีสายฟ้าฟาดและบัลลังก์ทองเป็นฉากหลัง


          มารดาและบิดาของอเล็กซ์อดเอียงหน้าเข้าไปหาลูกชายตนเองไม่ได้


          "นี่ไม่เคยไปแกล้งเด็กคนนั้นใช่ไหมลูก พ่อยังไม่อยากไปนอนคุยกับรากมะม่วงนะอเล็กซ์"

          อเล็กซ์ที่ได้ยินคำถาม ก็รีบส่ายหน้าหวือจนหัวแทบหลุด

          "แกล้งอะไรเล่าพ่อ! ไอ้หมูหวงเป็นจงอางหวงไข่ ไม่ต้องถึงพ่อแม่พวกมัน แค่เจ้าตัวผมก็สู้ไม่ไหวแล้ว!"

          "ดีแล้วลูก ดีแล้ว อย่าเอาไม้จิ้มฟันไปงัดกับไม้ซุงเลย แม่ขอ"



          เสียงพูดคุยพึมพำของครอบครัวอเล็กซ์ ทำเอาเต้กับน้ำขมวดคิ้ว
          ด้วยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปยืนหลบมุมห้องอยู่สามคน




          จากการบอกลาของสามผู้ยิ่งใหญ่และหนึ่งครอบครัวธรรมดา โจวิช เซอร์กีย์ ชาโรนอฟก็ขึ้นมาบนรถตู้สีดำสนิท บอดี้การ์ดถอดเสื้อสูทที่สวมอยู่ออก พลางจุดบุหรี่ให้อย่างรู้หน้าที่

          ควันสีเทาลอยเอื่อยบนรถที่มีเลขาสองคนนั่งอยู่ และนายตำรวจและทนายฝีมือดีรอฟังคำสั่ง

          เมื่อครู่กว่าจะท่านเซอร์กีย์จะแยกตัวออกมาได้ ก็โดนเหล่าผู้ปกครองเด็กที่มีชาโรนอฟเป็นหุ้นส่วนกำลังหลักกรูกันเข้ามาขอพูดคุยด้วยไม่หยุด คำขอโทษขอโพยแทนเหล่าลูกๆ ดังระงม พลางขอร้องว่าอย่าให้กระทบไปถึงเรื่องงาน แต่ยิ่งคำพูดไหลพรูออกมาเท่าไหร่ ใบหน้าที่นิ่งขรึมเป็นนิจยิ่งฉายแววโกรธขึ้ง โจวิชหันหลังกลับโดยไม่ทิ้งคำพูดที่มีความหวังว่าจะสานต่อธุรกิจใดไว้ให้ นอกจากคำว่า


          "รักษาหัวบนบ่าไว้ให้ดี"


          บนรถความเงียบไม่ใช่สิ่งน่าอึดอัด เมื่อรู้ว่าเป้าหมายที่จะถูกเล่นงานไม่ใช่ตนเอง

          พวกเขาแค่เฝ้ารอคำสั่งเท่านั้น


          "หึหึหึ"


          เสียงหัวเราะทะลุออกมาฉีกความสงบ เสียงหัวเราะที่ควรหมายถึงความสนุกและความสุข แต่เสียงหัวเราะนี้กลับเคลือบไปด้วยไอเย็นแสนน่าสยดสยอง


          "ช่างกล้าพูดกันเหลือเกิน ว่าใม่ให้เอาเรื่องส่วนตัวไปลงกับเรื่องธุรกิจ ทั้งๆที่ทีแรกจะใช้อำนาจเท่ามือมดนั่นมาบีบลูกชายสุดที่รักของฉันแท้ๆ หึหึหึ ถ้ารักธุรกิจกันขนาดนั้น ฉันก็จะจัดให้ล่ะนะ ฐานะที่อุตส่าห์เลี้ยงดูลูกๆได้โตมาดิบดี ขนาดมาช่วยดูแลเทมเทมของฉันขนาดนี้ ลงทุนในธุรกิจของมันให้หมด"


          คำสั่งที่ฟังดูแล้วควรจะต้องตรงกันข้ามด้วยการถอนเงินลงทุน ทำให้เหล่าบอดี้การ์ดฉงน
          แต่กลับกันเลขามือซ้ายมือขวากลับนิ่งสงบ แม้กระทั่งทนายฐิติกรหรือพลโทธวัชก็เช่นกัน
          ด้วยนึกรู้ ว่าคนคนนี้ไม่เคยปรานีคนที่มาลูบคม ขนาดเรื่องธุรกิจยังจัดการได้อย่างเด็ดขาดจนน่ากลัว


          เรื่องของครอบครัวที่รัก คงไม่จบลงด้วยแค่การเลิกสนับสนุน...


          "คนเราน่ะยิ่งสูงตกลงมายิ่งเจ็บ ผลักดันให้พวกมันได้ดิบได้ดีไปซะ ค่อยๆลงทุนไป ให้มันตายใจ แล้วหุบมาให้หมด แล้วค่อยไล่พวกมันออก อา...ก่อนจะหุบก็ทำให้มันติดหนี้สินไว้ด้วยล่ะ ล่อให้พวกมันลงทุนคว้าน้ำเหลว ระดับหนี้สินเอาเป็นต่อให้พวกมันอายุยืนยาวถึงพันปีหมื่นปี ก็ไม่มีทางชดใช้ได้หมด"


          เสียงราบเรียบก่อนหน้าตอนนี้กลับกำลังระรื่น เสียงดูสนุกสนานราวกับสิงโตที่กำลังเพลิดเพลินกับการได้ไล่บี้ต้อนเหยื่อให้จนมุม เล่นสนุกกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายของลูกกวาง
          ก่อนจะเข้าไปขย้ำคอแล้วกลืนกิน


          "ลูกๆพวกมันนี่ตัวดีทั้งนั้น...น่ารักกันทุกคน อนาคตพ่อแม่ก็ดับไปแล้ว ก็ดับตามๆกันไปเสียเลยแล้วกัน ส่งคลิปวีดีโอที่พวกมันรุมทำร้ายเทมปุระลงอินเตอร์เนตไปซะ เบลอหน้าเบลอเสียงเทมออกให้หมด อย่าให้ใครรู้ว่าเป็นลูกชายฉัน โพตส์ไปพร้อมกับประวัติส่วนตัวพวกมัน ให้สังคมตัดสินโทษ ระหว่างนี้ก็ดำเนินเรื่องจับกุมพวกมันเข้าคุกข้อหาเจตนาฆ่า แน่นอนว่า จะไม่มีใครถูกประกันตัว เข้าใจใช่ไหมธวัช ฉันฝากเธอด้วยนะ ช่วยให้ผู้คุมต้อนรับดูแลเด็กๆเป็นอย่างดีด้วยล่ะ เจตนาฆ่านี่จำคุกกี่ปี? ...แย่จริงเชียว เด็กพวกนี้มันยังไม่พ้นบรรลุนิติภาวะ ติดไม่กี่ปี แถมแค่ไปสถานพินิจอีก เฮ้อ เอาไงดีนะ"


          ท่านประธานใหญ่ทำท่าทางหนักอกหนักใจ ก่อนจะกดยิ้มลึก


          "อืม ไหนๆสันดารก็ไม่ใช่คนอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเป็นมันเลยแล้วกัน ส่งคนไปลบฐานข้อมูลมันให้หมด ลบตัวตนของมันออกจากฐานข้อมูลซะ ให้พวกมันเร่ร่อนไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร อืม เสียงที่ว่าฉันหมายถึงเสียงจริงๆด้วยนะ เสียงไม่ต้องมี แขนขามีอย่างละข้างก็พอมั้ง จะได้ไม่ไปหาเรื่องใครเขาอีก อ้อ แม้แต่สิทธิ์รักษาตามโรงพยาบาลสามสิบบาทก็ไม่ต้องมี เงินก็ไม่ต้องใช้หรอกเนอะ ถูกลบตัวตนออกแล้ว ขาดอะไรอีกนะ อา...พวกญาติพี่น้องคนน่ารำคาญนี่ก็คงเป็นแมลงน่ารำคาญเหมือนกัน"


          "เรื่องนั้นธุรกิจของท่านเซอร์กีย์ก็เข้าควบคุมอยู่ค่ะ ดูจากรายชื่อแล้วล้วนอยู่ในมือ ถ้าจะจัดการให้ไม่มีปากมีเสียง คิดว่าทำได้ไม่ยากค่ะ เรื่องอื่นๆที่ท่านสั่งจะทำให้เสร็จภายในสองเดือน มีเรื่องอื่นที่ต้องการไหมเพิ่มเติมไหมคะท่านเซอร์กีย์"

          "ไม่มีแล้วล่ะนะ ฐิติกร เธอก็อย่าลืมยัดๆไปให้มันหลายๆกระทงหน่อยล่ะ อา...จริงสิ ทนายความของฝ่ายนั้นน่ะ เลือกที่ดีๆมาด้วยล่ะนะ เอาเป็นเพื่อนของเธอคนนั้นก็ดี ล้มมวยได้สมจริงมาก ฉันชอบเขามากทีเดียว"

          "ได้ครับ แล้วผมจะเรียกตัวเขามาให้"

          "เรื่องการลบตัวตนไม่ต้องเป็นห่วงครับ แล้วผมจะสั่งตำรวจชายแดนไล่พวกเขาออกจากประเทศให้เรียบร้อย"

          "อืมๆ เอาตามนี้ล่ะนะ ถือว่าลงโทษเบาๆที่มาแกล้งเด็กๆแล้วกัน อย่างที่พวกเขาว่าน่ะแหละ เด็กๆเล่นกันก็เล่นกันแรงไปนิด พวกเราผู้ใหญ่แก้แค้น...ก็แก้แค้นกันแรงไปนิดเช่นเดียวกัน"


          ท่าทางนิ่งขรึมหายไป มีเพียงรอยยิ้มรักสนุกติดอยู่บนริมฝีปาก พร้อมดวงตายักโค้งยิ้มอย่างมีความสุข
          ที่หาบทสรุปให้คนที่มาเล่นๆกับเหล่าลูกชายของเขาได้เสียที




          หากเทมปุระเป็นยอดดวงใจของดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟ
          ดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟ ก็เป็นยอดดวงใจของคนเป็นพ่ออย่างโจวิช เซอร์กีย์ ชาโรนอฟเฉกเช่นเดียวกัน

          รังแกหัวใจของลูกชายของเขา ก็เหมือนเหยียบย่ำหัวใจลูกชายเขา
          หัวใจลูกชายเขาเจ็บปวด เขาที่เป็นพ่อก็เจ็บปวดเช่นเดียวกัน

          ดิมิทรีโกรธเท่าใดยามมีคนรังแกฟ้าประทาน

          โจวิชก็โกรธมากเท่านั้นยามมีใครมารังแกลูกชายของเขา

          และความโกรธของชาโรนอฟ  ต้องมีที่ลง



            แน่นอน



          ว่าพวกมันต้องไม่ตายดี













(https://i.imgur.com/1b5jyAM.png) end 10 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง






หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 11 * 14/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 14-09-2018 21:44:44
 :m15: โอ๊ยยยยย ร้องไห้เลยตอนที่เขียนบรรยายที่น้องเทมโดนทำร้าย แล้วไหนจะอาการของเทมอีก... บรรยายเห็นภาพชัดเจนมากกกก สะเทือนใจมากค่ะ  :m15:
หมูสู้ๆนะ... :mew2: ขอให้เทมอาการดีขึ้นไวไค่ะ  :mew6:
รออ่านนะค่ะ   o13
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 12 * 16/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 16-09-2018 17:55:13








▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    11    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇







“ too fragile , please be kind . ”






          ป่วยกายและป่วยใจเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นพร้อมกันมากที่สุด หากแค่ป่วยกายแต่ใจแข็งแรง ก็ยังมีกำลังใจสู้ต่อ หากป่วยแค่ใจ แต่อย่างน้อยร่างกายแข็งแรง ก็ไม่ทำให้อะไรๆมันแย่ลง


          แต่ตอนนี้สิ่งที่แย่ที่สุดกำลังเกิดขึ้นพร้อมกัน กับคนที่ผมรักที่สุด

          เทมป่วย ทั้งทางร่างกายและจิตใจ...


          "หมอก็ไม่อยากทำแบบนี้นะครับ แต่หมอคิดว่าน้องเทมคงจะต้องกลับมาทานยา..."

          สีหน้าของคุณพี่หมอที่เทมปุระชอบเรียก ฉายชัดถึงความกังวลและความจริงจัง ตอนนี้ผมกำลังอยู่บนคอนโดที่เป็นบ้านของเทมครับ ตอนผมมาถึง ก็เจอคุณป้ากำลังนั่งร้องไห้อยู่กับพยาบาล ผมที่ร้อนใจอยู่แล้วก็ยิ่งรู้สึกใจคอไม่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก จึงรีบถามหาคนที่ผมต้องการเจอมากที่สุด จนได้คำตอบมา


          แต่คำตอบไม่มีประโยชน์อะไร เพราะแม้จะรู้ว่าเขาอยู่ไหน แต่ผมก็ไม่สามารถเข้าไปหาเขาได้


          ...เทมขังตัวเองไว้ในห้อง
          ประตูนั้นถูกล็อคเอาไว้...ด้วยฝีมือของเจ้าตัวเอง



          ผมตั้งใจจะพังประตูเข้าไปหา จะไม่ยอมให้ประตูมาเป็นตัวเกะกะขวางทางผมไปหาสุดยอดความห่วงหาของผมได้ แต่หมอประจำตัวของเทม ก็เรียกผมเข้ามาพูดคุยถึงอาการกำเริบขั้นหนักที่สุดในชีวิตของเด็กน้อยหลังประตู ปรึกษาหารืออาการที่เขากำลังเป็นอยู่ตอนนี้เสียก่อน


               และมันแย่...
            แย่...เอามากๆ


          "ตอนนี้สภาพจิตใจของน้องจากที่หมอได้วินิจฉัย อาการออทิสติกของเจ้าตัวกำเริบขึ้นมาอย่างมาก ทั้งไม่ยอมสบตา พูดไม่รู้เรื่อง อาการพูดติดอ่าง และข้อสำคัญที่ทำให้หมอคิดว่าน้องเทมควรได้รับการรักษาด้วยการทานยา คือมีความก้าวร้าว และอาการหมกหมุ่นจนเกินไป ตอนนี้เจ้าตัวไม่ยอมให้ใครเข้าไปหาในห้อง ปฎิเสธผู้คนขั้นรุนแรงแม้กระทั่งคุณแม่ของเจ้าตัว และนั่งพูดคุยกับตุ๊กตาอยู่คนเดียวมาสองชั่วโมงแล้วครับ"


          ความร้าวรานหยั่งลึกลงถึงจิตวิญญาณ มันกรีดกว้างจนผมแสบไปหมด ผมแทบนั่งทนฟังต่อไปไม่ได้ ผมอยากให้คุณหมอหยุดพูด หยุดพูดว่าเทมปุระเด็กน้อยของผมอาการหนักแค่ไหน แต่ผมก็ทำไม่ได้ ทำได้แค่นั่งนิ่ง และฟังต่อไปจนจบ แม้หัวใจจะถูกประโยคเหล่านั้นบิดความรู้สึกให้ทรมานแทบตายขนาดไหนก็ตาม


          "หมอเกรงว่าถ้าเราไม่รักษาเขาให้ดีขึ้นในระยะเวลาที่รวดเร็ว จะมีผลต่อการพัฒนาการของสมอง ทำให้ถอยหลังลงไปมากกว่าเดิม...คุณหมูก็รู้ใช่ไหมครับ ว่ามันหมายความว่าอย่างไร..."


          ทำไมผมจะไม่รู้ ผมรู้ดีเลยล่ะ ในเมื่อผมพยายามหลีกเลี่ยงมันมาตลอด


          การเจริญเติบโตของเด็กออทิสติก ไม่เหมือนกับคนปกติที่จะเติบโตไปข้างหน้าอย่างเดียว ความแตกต่างกับกลุ่มเด็กพิเศษ ก็คือ หากไม่ได้รับการดูแล หรือสั่งสอนอบรมอย่างที่ถูกที่ควร หรือแม้แต่หากมีเรื่องไปกระตุ้นเขามากๆ การพัฒนาจะหยุดชะงัก หรือที่แย่กว่านั้น คือถดถอยลง...


          การพัฒนาที่ถดถอย เป็นคำที่รุนแรงยิ่งกว่าอาวุธชนิดใดจะเทียบได้ มันยิงหัวใจคนฟังจนเป็นรูพรุน เป็นปลายมีดกระซวกความรู้สึกให้พังจนย่อยยับ เป็นคำสั้นๆที่ไม่มีใครอยากได้ยิน


          เพราะมันหมายความว่าเขาจะไม่เหมือนเดิม ทั้งอาจจะหยุดพูดไป หยุดการเรียนรู้ ไม่สามารถทำความเข้าใจได้แม้แต่กระทั่งคำพูดง่ายๆ ไม่สามารถบอกความต้องการ หรือแม้แต่แสดงความรู้สึกก็ยังทำไม่ได้  อารมณ์ที่ไม่คงที่ มีความก้าวร้าวสูง ไม่สามารถควบคุมตัวเอง เหมือนกลับไปเป็นแค่เด็กอายุไม่กี่ขวบเท่านั้น


          เทมปุระจะกลายเป็นแค่หุ่นเชิดของโรค ทำให้เขาทรมาน... และหากปล่อยไว้นานๆ
          ผมอาจจะไม่ได้เขากลับมาอีกเลย


          ส่วนยาที่หมอพูดถึง...หากเป็นไปได้ก็จะไม่ใช้กัน และจะเลือกใช้วิธีอื่นกันเสียมากกว่า การรักษาด้วยยามักจะเป็นหนทางสุดท้าย ไว้สำหรับเหตุการณ์ที่เกินรับมือไหวจริงๆเท่านั้น
          เพราะผลรักษาของยาสำหรับเด็กออทิสติก ไม่เหมือนยาแก้ไขหรือแก้หวัด หรือยารักษาโรคใดๆ ที่ทานแล้วช่วยฆ่าเชื้อไวรัสให้หายไป ยาไม่ได้ทำให้เขาดีขึ้นแบบถาวร หรือแก้ไขอาการที่กำเริบให้หายดี

          แต่เป็นการใช้เพื่อควบคุมความประพฤติ ใช้เพื่อควบคุมให้เขานิ่งสงบลงเท่านั้น
หากเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ ยาเม็ดเล็กๆก็คือพัศดี ที่จะจับทุกความนึกคิดของเจ้าตัวคุมขังเอาไว้ในเรือนจำ

          ผลของยาจะทำให้เจ้าตัวเอาแต่ง่วงนอน ซึมกระทือ ไร้ชีวิตชีวา ซึ่งมันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ พอหมดฤทธิ์ยาเขาก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ช่วงเวลาที่ไม่ได้ทานยาก็จะกลับมาก้าวร้าว เหม่อลอย และหากแก้ปัญหาไม่ได้ ก็จะทำให้ต้องทานยาไปตลอดชีวิต ...ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี

          ยาทำให้จินตนาการของเขาหายไป กักขังความคิดไว้ภายใต้ความง่วงซึม ไร้เสรีแม้กระทั่งความนึกคิด ไม่มีอิสระกระทั่งความรู้สึกของตัวเอง ผมว่ามันเป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก...
          เพราะแม้ใจจะอยากทำอะไร แต่ยาก็บังคับให้คิดอะไรไม่ออก เป็นเพียงเหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกป้อนคำสั่งจากสมองให้นิ่งค้าง เย็นชืดไร้จิตใจ


          ซึ่งมันทรมานนะครับ ถ้าจะต้องมาเห็นคนที่เรารักกลายมาเป็นอะไรที่เหมือนการฝึกสัตว์ด้วยยาชายาสลบ ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบที่เขาต้องการและเป็นอิสระ


          ผมทำใจไม่ได้ ผมทนไม่ได้ที่จะเห็นเทมปุระที่ไร้สีสันของชีวิตแบบนั้น เทมปุระที่น่ารักของผมไม่ควรถูกสิ่งใดมาบดบัง ไม่ควรมีสีใดสีหนึ่งมาทาทับสีสันของเขา


          ตั้งแต่ผมเข้ามาในชีวิตของนางฟ้าตัวน้อย ผมปฏิเสธห้ามการใช้ยาขั้นเด็ดขาด


          ผมรักษาเขาด้วยการเรียนรู้และสิ่งแวดล้อมที่ดีเสมอมา  ค่อยๆสั่งสอนปรับพฤติกรรมของเขา เยียวยาเขา พัฒนาเขาด้วยความใส่ใจทั้งหมดของผม ใช้ความรักอุดทุกรูโหว่และช่องว่าง  ผมใช้สิ่งดีๆ ใช้ความพยายาม ความเข้าใจ และความสม่ำเสมอทดแทนยาเม็ดเล็ก


          พัฒนาการของเขากำลังเป็นไปได้ด้วยดี เป็นไปด้วยดีตลอดมา


          แต่มันก็พังครืนลง


          ยอดตัวต่อที่ผมและทุกคนเฝ้าพยายามระมัดระวังสุดชีวิตในการวางตัวต่อทีละขั้น ทีละขั้น พวกผมกลั้นหายใจวางทีละตัว ทีละตัว จนยอดของมันสูงขึ้นมากๆจากแต่ก่อน


          แต่แค่เพียงชั่วระยะเวลาเพียงครู่เดียว เพียงแค่ชั่วครู่เดียว ก็โดนคนนอกเข้ามาเตะมันจนแตกกระจายพังครืนลง


          แผลที่กายไม่กี่วันก็หาย แค่ผมใส่ยา พาเขาไปหาหมอ ไม่นานนางฟ้าของผมก็จะหายดี แต่แผลที่จิตใจ... ต้องใช้เวลาเท่าใดซ่อมแซม หัวใจที่แตกสลายต้องใช้เวลายาวนานแค่ไหนกว่าผมจะกอบกู้หัวใจดวงเดิมให้กลับมาสมบรูณ์ดีอีกครั้ง


          และแม้แผลใจจะหาย แต่แผลนั้นก็จะทิ้งร่อยรอย เป็นแผลเป็นในใจเขาตลอดไป หัวใจสลายแตกลง ประกอบอย่างไรก็มีรอยร้าว ประกอบอย่างไรก็ไม่มีทางเหมือนเดิม


           แต่ผมจะรักษาอย่างปราณีตที่สุด แนบชิดเศษซากทุกชิ้นด้วยความรักของผม


          และครั้งนี้ผมจะปกป้องมันไว้ให้ดีที่สุด ไม่ให้ใครแตะต้อง ไม่ให้ใครมาทำลายมันลงได้อีกเด็ดขาด



          "ผมขอเวลาหนึ่งวันครับ ถ้าเทมไม่ดีขึ้นจริงๆ ยังปฎิเสธการพบเจอผู้คนอยู่ ถ้าหาก...ถ้าหากว่าเขาปฏิเสธกระทั่งผม...ผมจะยอมอนุญาตให้ใช้ยากับเขาได้..."


          ดวงตาของผมฉายประกายเด็ดเดี่ยว

          คุณหมอดูมีท่าทางลังเล อาจจะเพราะไม่เคยเห็นเทมอาการหนักขนาดนี้มาก่อน

          ผมก็ไม่เคย แต่ผมเชื่อว่าผมรับมือเขาได้ ผมจะทำให้เขาดีขึ้น กลับไปเป็นเทมปุระคนเดิม ผมเชื่อว่าต้นอ่อนที่ผมลงมือปลูก เฝ้าดูแล คอยรดน้ำพรวนดินตลอดมา ไม่ใช่ต้นไม้อ่อนแอ ที่ไม่สามารถผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ เทมปุระเป็นเด็กชายผู้กล้าหาญและแข็งแกร่งกว่าที่ใครๆคิด เขาจะผ่านมันไปได้     


          เหมือนที่เขาเชื่อในตัวผม...ผมเชื่อในตัวเขา


          คุณหมอดูท่าทางคล้อยตามตามความตั้งใจจริงของผม แต่ก็ยังต้องขอถามความคิดเห็นจากผู้ปกครองตัวจริงของเด็กชาย คุณหมอหันไปสบตาเป็นเชิงถามสตรีผู้มีสิทธิ์ขาดในตัวของผู้ป่วยตัวน้อย
          คุณป้าที่กำลังสะอื้นอยู่เบาๆ ก็พยักหน้ารับโดยไร้ความลังเล คุณป้าหันมาสบกับดวงตาของผม ก่อนจะยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้

          แม้ท่านจะเป็นห่วงเทมปุระสุดหัวใจ แต่ท่านก็ยอม...ยอมให้ผมได้ดูแลหัวใจของท่านอีกครั้ง


          "ให้น้องหมูหย็องได้ลองดูเถอะค่ะคุณหมอ แกดูแลของแกมานาน ฉันก็ทำไม่ได้ คุณหมอก็ทำไม่ได้ ไม่มีใครทำได้...แต่ฉันคิดว่าน้องหมูหย็องทำได้ค่ะ...พาน้องเทมคนเดิมกลับมานะคะ ฮึก คุณป้าขอรบกวนด้วยนะคะ ช่วยน้องเทมด้วยนะคะลูก"


          ผมเดินเข้าไปกอบกุมมือที่โอบอุ้มเลี้ยงดูเทมมาตั้งแต่เด็ก เพราะความเครียดและความเป็นห่วงที่เกาะกุมจนแน่น ทำให้คุณป้าที่ยังดูสาวสวยเสมอมา กลับดูโรยราอ่อนล้าและชราลงมาก ภายในชั่วเวลาเดียว


          "ขอบคุณนะครับที่เชื่อในตัวผม ผมสัญญาว่าจะพาเทมปุระคนเดิมของพวกเรากลับมาให้ได้ คุณป้าไปพักผ่อนเถอะนะครับ ส่วนคุณหมอผมขอบคุณมาก แต่ยังไงช่วยอยู่สแตนด์บายกันไว้สักสี่คนนะครับ"


          หญิงสาวตรงหน้าซับน้ำตาเอ่ยขอบคุณผมด้วยดวงตาฝากความหวัง ผมยิ้มรับความหวังนั้น เอ่ยคำสั่งกับทีมแพทย์ส่วนตัว


          ก่อนจะเดินออกมาตามเส้นทางที่แสนคุ้นเคย ต่อให้ถูกมัดปิดตา ไร้ภาพนำทาง ผมก็สามารถเดินไปหาห้องของเทมได้อย่างสบาย เพราะผมมาที่นี่บ่อยจนคล้ายกับเป็นบ้านหลังที่สอง
          คอนโดแบบเพนท์เฮาส์สองชั้น ชั้นบนเป็นเหมือนอาณาจักรขององค์ชายเทมปุระ บันไดสีขาวพาดวนขึ้นไป ตามพนังมีรูปถ่ายทุกช่วงการเติบโตของเขาติดเอาไว้ไล่เรียงกันไปจนถึงสุดปลายทาง


          รูปภาพถ่ายไล่ตั้งแต่เทมยังเป็นเด็กทารกตัวกระจิดริด ตอนแรกเกิด คุณป้าเคยเล่าให้ฟังว่าเจ้าตัวไม่ร้องไห้จนเหล่าคุณพยาบาลใจคอไม่ดี เทมปุระเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนดถึงสี่เดือน ตัวเล็กกระจ่อยร้อย หายใจแผ่วเบาเสียทุกคนต้องช่วยลุ้น ท่ามกลางความหวังอันน้อยนิด ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงเติบใหญ่


          และอาจจะไม่รอดชีวิตถึงค่ำคืนต่อไป...


                ปาฎิหารย์ได้เกิดขึ้น ณ ตอนนั้้น


          เทมปุระ เด็กชายตัวน้อยผู้ไม่ร้องไห้ยามเกิด แต่กลับเกิดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
เป็นตัวแทนของความสิ้นหวังและความหวังไปพร้อมๆกัน


          จนถึงเขาในปัจจุบัน

ผมอมยิ้มตามริมฝีปากสวยที่แย้มออกในรูปภาพ


          รอยยิ้มของเขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

          เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมนึกรักเขาเสมอ


เป็นรอยยิ้มที่ผมอยากจะครอบครอง และปกป้องไปตลอดชีวิต



          ...เขาเป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตผม...






          ประตูไม้สีฟ้าสดใส ที่มีสติกเกอร์ลายเจ้าตัวชอบแปะอยู่เต็มไปหมด นอกเหนือจากนั้นก็มีรูปวาดจากปากกาเมจิค ถูกวาดเป็นรูปหมู และรูปวาดคนง่ายๆ อย่างวงกลมและขีดเส้นแขนขา เขียนชื่อกำกับไว้ด้วยลายมือแสนยึกยือ เป็นชื่อของคุณป้า เป็นชื่อของคุณป๊า หม่าม้าและพี่น้องของผมทุกคน มีเต้และมีน้ำ เป็นบานประตูที่รวบรวมคนสำคัญเอาไว้บนนั้น
          เทมเคยบอกว่า เวลาเปิดประตูเข้าห้องนอน ถ้าได้เห็นหน้าทุกคนก่อน จะได้หลับฝันดี เพราะเอาทุกคนมานอนด้วยกันไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆก็ยังมีตัวแทนให้อุ่นใจ คำพูดที่น่ารักพอกับการกระทำ ทำให้นึกเอ็นดูทุกครั้งที่นึกถึง


          สีฟ้าสดใส วันนี้กลับดูหม่นหมองผิดแปลกไปจากทุกวัน


          ประตูที่ทุกครั้งจะเปิดกว้างต้อนรับเสมอ วันนี้ปิดลงและไม่มีทีท่าจะเปิดออก อาณาจักรสดใสร่าเริง เต็มไปด้วยความสุขของเขาดูไม่ต้องการเปิดรับแขกคนใดให้เข้าไปหา องค์ชายน้อยของอาณาจักรสั่งปิดทางเชื่อมทุกอย่างเอาไว้


          ความอึดอัดซ้อนทับข้างในจนเนืองแน่นไปหมด แขนขาที่จะก้าวไปข้างหน้าหนักอึ้งเหมือนมีเหล็กหลายสิบตันถ่วงเอาไว้


          ความจริงแล้ว ผมก็กลัว...กลัวภาพที่จะได้เห็นข้างหน้า กลัวหัวใจของผมจะพังตามเขาไป กลัวว่าตัวเองจะประคองสติเอาไว้ไม่อยู่ และคงทำได้แค่สิ้นสติต่อหน้าเขาโดยยังไม่ทันได้ทำอะไร

          ภาวนาให้ตัวเองแข็งแกร่งพอที่จะพยุงร่างกายและหัวใจร้าวรานไปกอดปลอบเขาไหว


          บนบานประตูมีกระจกใสที่สามารถมองเห็นความเป็นไปในห้อง ผมกับคุณป้าตกลงให้มีกระจกมองทะลุตรงนี้ได้ เพราะเทมน้อยตอนเด็กๆมักจะฝันร้ายจนเผลอกลิ้งตกเตียง และเทมก็ไม่ชอบไปโรงพยาบาลนัก เราจึงใช้ห้องนอนเป็นห้องรักษา และกระจกก็มีเพื่อดูความเป็นไปตอนเขาถูกตรวจ


          วันนี้กระจกใสก็ได้ทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง ผมกลั้นใจเงยหน้ามองลอดเข้าไปในห้องที่ปิดไฟมืดสนิท มีเพียงแสงจากโคมไฟตัวเล็กที่ให้ความสว่าง แสงสีส้มนวลที่แลดูอ่อนโยน อาบไล้ไปตามพื้นห้อง ผมไล่สายตามองหาคนสำคัญของตัวเอง ก่อนจะแปลกใจที่ไม่พบเงาร่างสูงอยู่ที่ใด


          เสียงกุกกักพร้อมเสียงพูดคุยด้วยภาษาแปลกประหลาด เรียกความสนใจจากผมไป


          ใต้เตียงที่แสงส่องไปไม่ถึง เห็นแค่เพียงเงาเลือนลางที่สั่นไหวในความมืด เทมปุระนอนหลบซ่อนอยู่ข้างใต้นั้น พร้อมตุ๊กตาตัวใหญ่หลายตัวที่เจ้าตัวเอามาตั้งเรียง เสมือนเป็นเกาะกำบัง หลบพ้นซ่อนตัวจากทุกสิ่งและทุกคน


          ผมสะท้านในอก

          เขาทนความโหดร้ายที่เจอไม่ได้ จนต้องหลีกหนีไปอยู่ในโลกของตัวเอง...


          ผมรู้สึกเหมือนความเจ็บปวดทั้งหมดในชีวิตมารวมกระจุกกันอยู่ข้างใน เยอะมากเสียจนล้นทะลักมาถึงลำคอ ดวงตาผมร้อนผ่าว ทำนบน้ำตาแทบจะพังทลายลงเดี๋ยวนั้น


          ผมสูดหายใจลึกอยู่นานกับภาพที่เห็น ลูบอกปลอบใจตัวเองว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้น


          ผมอยู่ที่นี่แล้ว

          ผมมาหาเขาแล้ว






          ผมตะโกนเสียงดัง หวังให้เสียงดังพอที่จะทะลุเข้าไปในห้อง และในโลกที่เขาสร้างขึ้น

          แม้ผมจะมีกุญแจสำรองสามารถไขเข้าไปข้างในห้องเขาได้ตามใจ แต่ผมเลือกลองหยั่งเชิงเด็กน้อยอารมณ์แปรปรวนดูเสียก่อน และอีกแง่ก็เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เขามีปฎิกิริยาตอบรับจากผู้อื่น


          "เทม! เทมครับ เทม! เปิดประตูให้หมูหน่อยสิครับ"


เพล้ง! เพล้ง!



          ผลตอบรับไม่ดีเอาเสียเลย เสียงแตกหักพาเอาใจผมวูบโหวง


          เสียงเขาเขวี้ยงปาข้าวของใส่ประตู เป็นความรุนแรงก้าวร้าวที่คุณหมอพูดถึง
          เทมปุระใช้วิธีปฏิเสธผู้คนรุนแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ...มิน่าล่ะทั้งคุณหมอและคุณป้าถึงได้กังวลหนัก ถึงขนาดคิดจะใช้ยากัน


          ผมพยายามเรียกหาเขาอีกหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่เรียก เสียงทำลายข้าวของยิ่งหนักขึ้น และหนักขึ้น


          หากการที่เขาเขวี้ยงปาทำลายสิ่งของ สามารถระบายอารมณ์ที่คุกรุ่นในใจออกไป แล้วอาการดีขึ้น ผมจะไม่ว่าอะไรเลยครับ

          ยินดีซื้อทุกสิ่งให้เขาทำลายทิ้งอย่างไม่เสียดายสักนิด ไม่ว่าสิ่งที่เขาอยากพังคือโทรศัพท์ราคาแพง เหล้าหายาก ไวน์อย่างดี หรือสิ่งของล้ำค่าหรูหราขนาดไหนก็ตาม ผมจะซื้อมากองให้เขาตอนนี้เดี๋ยวนี้

          แต่นี่นอกจากไม่หาย ถ้าเขากลับมาเป็นปกติเมื่อไหร่ ความรู้สึกผิดจะห่อหุ้มตัวเขาจนแน่น เด็กชายเทมปุระของผมจะรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม ผมไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว


          และที่สำคัญที่สุด คือ...


          "เทมครับ อย่าปาข้าวของนะ อันตรายนะครับ เดี๋ยวจะเผลอเหยียบไป! เทมครับ เทม..."


          ผมเป็นห่วงว่าเขาจะถูกเศษแตกหักเหล่านั้นบาด


         แม้ผมจะตะโกนเสียงดัง ทุบประตูเท่าไหร่ นานแค่ไหน ก็ไม่มีเสียงตอบรับ แม้กระทั่งเสียงสิ่งใดกระทบประตูขับไล่อีก มีเพียงเสียงทุ้มที่กลับไปพูดคุยกับตุ๊กตาตามเดิม เหมือนสวิตช์ถูกกดสับ สลับไปมา เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยแม้แต่นิดเดียว

หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 12 * 16/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 16-09-2018 18:01:26


          ครั้งนี้ผมตัดสินใจที่จะไม่เคาะประตู และเลือกใช้กุญแจสำรองไขเข้าไป พวงกุญแจที่เราสองคนไปเลือกซื้อด้วยกัน กระดิ่งที่ติด ประสานเสียงดังออกไปทำลายความเงียบที่เกาะกุมไปทั่ว
          เสียงกระทบกันของกระดิ่ง ไม่ใช่เสียงดังอะไร แต่กลับเหมือนเป็นเสียงไซเรน กู่ร้องแจ้งเตือน ยามภัยวิบัติกำลังใกล้เข้ามาสำหรับคนที่หลบซ่อนตัวอยู่


               เสียงตึงตังดังออกมาจากใต้เตียง เหมือนกับร่างสูงขุดคู้ตัวเข้าหากันเพื่อหลีกหนี


          ผมสืบเท้าเข้าไปใกล้ เดินเข้าไปหาเตียงใหญ่ที่วางอยู่กลางห้อง ใช้แสงสว่างน้อยนิดเป็นตัวหลบเลี่ยงของที่แตกกระจายเกลื่อนบนพื้น


          แต่แม้จะหลบไป ก็ดูไม่มีประโยชน์ ในเมื่อจิตใต้สำนึกยังสั่งให้เจ็บปวดแสนสาหัสทุกวินาที


           ทั้งๆที่ทั่วทั้งห้องถูกปูด้วยพรมหนานุ่มชั้นดี แต่สำหรับผมตอนนี้ ความนุ่มที่อยู่ใต้ฝ่าเท้ากลับแข็งกระด้างและแหลมคม ในความรู้สึกไม่ใช่เนื้อผ้าชั้นดีอย่างที่เป็นเสมอมา แปรเปลี่ยนเป็นเข็มพิษนับพันที่กำลังทิ่มแทง ปล่อยพิษร้ายกาจเล่นงานให้เจ็บแปลบปลาบทุกก้าวที่ย่างเดิน


          "ข-เข้า คะ-ใคร-ใคร ม-ไม่!!"


          เสียงตะโกนก้าวร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็น ถูกตะคอกออกมาจากข้างในใต้นั้น ผมชะงัก

          เทมปุระไม่เคยขึ้นเสียงใส่ผม ใจผมร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม แม้ใจจะปลิวหายไปแล้ว แต่ผมพยายามเรียกขวัญกำลังใจใหม่ ก้าวด้วยความมั่นคงเข้าไปใกล้ให้มากกว่าเดิม


          ระยะทางจากประตูห้องถึงเตียงใหญ่ ไม่ไกลเลยสักนิด ใช่เวลาไม่ถึงนาทีก็ถึง แต่วันนี้กลับดูยืดยาวออกไปแสนไกล



          แปลกเหลือเกินที่วันนี้หลายๆอย่างดูแปลกไป
          รวมทั้งเจ้าของห้องเองก็เช่นกัน...


          "ฮือ ฮือ ชะ-ช่วยด้วย ดะ-ด้วย กะ-ก-กลัว กลัว กลัว มะ-ไม่เอ-า เอา ไม่ละ-แอว แล้ว!"


          จิตใจของผมแหลกละเอียด น้ำเสียงหวาดผวาแสนหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจของเขา ทำก้อนสะอื้นของผมจุกอก เทมปุระแค่จะพูดให้เรียงเป็นประโยคยังทำไม่ได้ แต่เพียงชั่วครู่เดียว เจ้าชายน้อยของห้องก็กลับหันไปพูดคุยด้วยภาษาที่ผมไม่เข้าใจกับตุ๊กตาอีกครั้ง อารมณ์ไม่คงที่และเริ่มหมกหมุ่นกับบางอย่าง ทำเอาผมกังวลห่วงเขาจนแทบคลั่ง


          สองขาหนักอึ้งกลับดูเบาหวิว ผมรีบวิ่งตรงเข้าไปหาเขา ดึงตุ๊กตาที่กองกันเป็นภูเขาให้เขาหลบซ่อนออก เทมหวีดร้องออกมาเสียงดัง กระเสือกกระสนยื้อแย่งเจ้าผ้ายัดนุ่นกลับคืนไป เขาคำรามเหมือนสัตว์ตัวน้อยบาดเจ็บ เมื่อกองนุ่นพวกนั้นถูกผมปัดออก เสียงกรีดร้องโหยหาอ้อนวอนขอพวกมันกลับคืน ดังเจ้าตุ๊กตาพวกนั้นเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงอย่างเดียวที่เขามี



          "อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ม-ไม่ ไม่ ไม่!!! ม๊ายยยยยยยยยยย!!!!!



          ผมตกใจจนเผลอปล่อยมือ เห็นเพียงครึ่งร่างของเขาที่โผล่พ้นจากขอบเตียง ทั้งตัวของร่างสูงสั่นเทิ้มไปหมด เจ้าตัวกระวีกระวาดรวบกอดเหล่าตุ๊กตากลับคืน ก่อนจะรีบดันตัวเองกลับเข้าไปในที่ซ่อนตัวลึกยิ่งกว่าเดิม


          นัยน์ตาแข็งค้าง อัญมณีสีสวยไม่สะท้อนสิ่งใด หน้าตาหวาดกลัวขั้นสุดของเทมทำสติผมแตกกระจาย

          จิตใจที่ร้าวแทบแหลกของผม ขาดสะบั้นลงเดี๋ยวนี้


            ผมทนไม่ไหวอีกแล้ว...


          น้ำตามากมายไหลออกมา ผมร้องไห้โฮเสียงดัง อย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ผมเจ็บ

          เจ็บเหลือเกิน เจ็บไปหมด

          เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ

          เจ็บ...



          ทำไมเรื่องราวเลวร้ายต้องเกิดขึ้นกับเทมปุระของผมด้วย เป็นผมแทนไม่ได้หรือ

          พวกมันโกรธผม เกลียดผม ก็ควรมาลงกับผมสิ

          ไม่ใช่เทม มันไม่ควรเป็นเขาที่ถูกทำร้าย


          ทำไมถึงเจ็บได้ถึงขนาดนี้นะ ความเจ็บนี่ไม่มีขอบเขตหรืออย่างไร ทำไมมันถึงได้แผ่ขยายไปกว้างไกลนัก ทำไมความร้าวรานดูไม่มีขอบเขตสิ้นสุดเสียที



          "ม-อูออง?"


          เสียงร้องไห้ของผม ทำเจ้าตัวที่หลบหนีโลกความเป็นจริง เดินออกมา กลับมายังโลกที่มีผมอยู่ โลกที่มีผมที่ต้องการเขาให้อยู่ด้วยกันอย่างสุดหัวใจ


          "ม-อูออง?"


          เสียงทุ้มถามซ้ำออกมา มือที่ผมชอบกอบกุ่มรับไออุ่นถูกยื่นออกมาหา ดูสั่นกลัวแต่เขาก็ยื่นมันออกมาหาผม ผมปาดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองออกอย่างลวกๆ กลั้นสะอื้นแล้วรีบรุดตัวเข้าไปหาเขา


          "หมูเองครับเทม หมูหย็องของเทมไงครับ"


          ผมเสียงสั่น พอกันกับมือของเขา ผมวางมือของตัวเองลงบนมือที่ดูลังเล ความอบอุ่นที่แสนผูกพันธ์และคุ้นชิน หลั่งไหลออกมาจากการแนบชิดของสองมือ ร่างที่สั่นเกร็งอยู่ตลอดเวลาดูผ่อนคลายและนิ่งสงบลง ผมปล่อยให้ความเงียบครอบครองเราเอาไว้ทั้งสองคน ไม่กี่นาทีแต่เหมือนนิจนิรันด์


          "เอม-ทะ-เทม...หมูออง เอี-เรียก ไม่มา เรียก-ไร ก้อ ไม่ มา"


          แม้เด็กชายตัวน้อยของผมจะพูดเสียงปนสะอื้นจนฟังดูแทบไม่รู้เรื่อง รูปประโยคที่ไม่ปะติดปะต่อจนแทบจะไม่สามารถจับใจความ แต่ผมฟังรู้เรื่อง


          เขากำลังบอกผมว่า ...เทมเรียกหมูหย็อง เรียกหมูหย็องเท่าไหร่ หมูหย็องก็ไม่มา...


          ตอนที่เขากำลังโดนรุมทำร้าย เขาเรียกหาผม เรียกหาผมเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ไปหาเขา
ผมก็ไม่ได้อยู่ข้างกายของเขา ผมไปช่วยเขาไว้ไม่ได้ ผมไปไม่ทัน


          ผมรู้ว่าเทมปุระไม่คิดจะกล่าวโทษผม แต่ประโยคนั้นก็เหมือนเหล็กแหลมที่ทิ่มแทงผมจนเป็นรู
ความเจ็บป่วยทางร่างกายและจิตใจ ทำให้เขาอ่อนแอจนยอมเผยส่วนลึกในจิตใจ


          "เอาะ-เพราะเอม-เทม-ปัญญาอ่อน เอมโง่ อู-หมูอองเลย ไอ่-หา"

          "ไม่จริง! ไม่ใช่! ไม่ใช่นะครับเทม ฟังหมูนะคนดี ถ้าหมูรู้ ไม่มีทางที่หมูจะไม่ไปหา ไม่มีทางที่หมูจะปล่อยเทมไว้คนเดียวนะครับ ฮึก เชื่อหมูนะ เชื่อหมู อย่าฟังใคร เทมไม่ใช่คนโง่ เป็นคนเก่งที่สุดของหมู"


          ผมละล่ำละลักพูดบอกเขา น้ำตาที่ยังไม่แห้งเหือดดีกลับไหลลงมาอีก เมื่อเขาพูดเหมือนไม่เชื่อใจกัน


          "อัยอ้อง มั่ย-ไม่ร้องอับ! ดี ละ-ล-แล้ว ไม่มา ม-ไม่ต้อง-มา มันเจ-เอ็บ เจ็บ อัน-มันน่ากลัว เดี๋ยวหมูอองเจ็บนะคับ"


          ทั้งที่ๆเขาจะพาลโทษเป็นความผิดของผมก็ได้ เพราะผมเคยให้สัญญาชั่วชีวิตกับเขาไว้ในอดีต ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เขาเรียกหา ผมจะไปหาเขาเสมอ...เหมือนที่เขาจะมาหาผมเสมอ เมื่อผมเรียกร้อง

          เป็นสัญญาขององครักษ์ที่จะพิทักษ์กันและกัน
          และครั้งนี้ผมก็ผิดสัญญา...ผมทำตามสัญญาที่ให้เขาไว้ไม่ได้


          เขามีสิทธิ์ต่อว่า แต่เขาก็ไม่ทำ เขากลับบอกว่าดีแล้วที่ผมไม่ไปหาเขา เพราะมันน่ากลัว เพราะมันเจ็บ แล้วเขาไม่กลัวหรือ เขาไม่เจ็บหรือ


          เขาให้อภัยผมหรือ ที่ทำตามสัญญาที่เคยให้สัตย์สาบานเอาไว้ไม่ได้...


          ผมสะอื้นและกำมือเขาแน่น กำแรงจนผมคิดว่าเขาจะต้องเจ็บมากแน่ๆ เพราะผมควบคุมตัวเองไม่ได้ น้ำตามากมายทะลักออกมาจนผมมองภาพข้างหน้าไม่เห็น ทุกอย่างพร่าเลือนดูไม่จริงจนเหมือนภาพฝัน


          แต่แรงโอบกอด ที่ดึงรั้งผมเข้าไปซุกอก ไออุ่นร้อนจากอีกฝ่ายคือสิ่งที่บอกผมว่าคือความจริง


          "ไอ่อ้องคับ-ไม่-มะ-ไม่ร้อง เอมรู้-อู-หมูมาช่วย"


          ฝ่ามือใหญ่ลูบลงบนศรีษะของผม ทั้งๆที่เขากำลังแย่ ทั้งๆที่เขาก็แหลกลาญไม่มีชิ้นดี แต่พอเห็นผมร้องไห้ เขาก็ยอมกระโดดก้าวข้ามกำแพงของตัวเองเข้ามาปลอบโยน สองมือผมกอดรัดร่างเขาเอาไว้แน่น ผมร้องไห้จนเหมือนแทบจะขาดใจอยู่ในอ้อมกอดของเขา เรากอดกันอยู่นาน นานจนผมหยุดสะอื้น


          แม้ผมจะหยุดสติแตกแล้ว แต่ผมก็ยังคงกอดรั้งร่างของเขาเอาไว้แน่น


          อยากให้เวลาหยุดเคลื่อนไหว อยากให้ทุกสิ่งหยุดลง ตอนที่ผมอยู่ในอ้อมกอดของเขาแบบนี้


          "หมูขอโทษที่ไปช่วยเทมเอาไว้ไม่ทันนะครับ กลัวไหมครับ เจ็บมากหรือเปล่า ขอโทษนะ หมูขอโทษ อึก ขอโทษนะครับ"


          ผมที่พูดได้ไม่กี่คำน้ำตาก็พาลจะไหลอีกรอบ จนเทมต้องเอามือมาปิดปากผมเอาไว้ ดวงตาที่แข็งกระด้างเมื่อสักครู่ ตอนนี้ดูอ่อนแสงลง ความอ่อนโยน และสายตาแสนรักที่ผมคุ้นเคยสะท้อนพราวระยับอยู่ในนั้น


          "อาทันคับ มาทัน ตอนไอ-ไหนก็ทัน ขอแค่อู-หมูมา"


          รอยยิ้มที่แม้จะดูบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย แต่ก็เป็นรอยยิ้มแสนคุ้นเคย


          เป็นรอยยิ้มที่ผมรัก


          ผมโถมตัวใส่เขา ซุกเข้าไปที่คอแกร่ง กอดเข้าไว้แน่น แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
          แนบแน่นใกล้ชิด จนเหมือนได้เสียงของเขาหัวเราะชิดอยู่ที่ข้างหู
          เทมกอดผมตอบ พลางประทับริมฝีปากลงมาซับน้ำตาที่หางตาให้อย่างอ่อนโยน


          เทมของผม เทมปุระของผม เทมปุระของผมกลับมาแล้ว...


          เขากลับมาหาผมแล้ว



          ความหวาดกลัวทั้งหมด ถูกรอยจูบซับหายไป
          ความหนาวเหน็บที่กัดกินก็ถูกไออุ่นหลอมละลาย
          ความมีชีวิตชีวากลับคืนมา ความสุขที่หายไปกลับคืนมา


          จิตวิณญาณอีกครึ่ง และครึ่งหนึ่งของชีวิตผม
          ก็กลับคืนมาเช่นเดียวกัน



          "ขอบคุณนะครับ ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ"





          ขอบคุณที่ให้อภัย ขอบคุณที่ไม่โกรธกัน


          ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ


          ขอบคุณที่ยอมกลับมา


          ขอบคุณนะครับเทมปุระ


          ความรัก ความหวัง และปาฏิหาริย์ของผม
         ขอบคุณจริงๆ










(https://i.imgur.com/1b5jyAM.png) end 11 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง






หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 12 * 16/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 16-09-2018 23:23:31
สงสารเทมจังเลย  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 12 * 16/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 17-09-2018 06:42:10
 :m15: สงสารน้องเทมและหมูมากเลย..... พวกพูดไม่คิดและพวกนักเลงโต .... มันน่า...  :z6:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 12 * 16/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 21-09-2018 19:58:45







* ตอนที่ 12 กำลังแก้ไขเนื้อเรื่องค่ะ สามารถอ่านของเดิมได้อีกที่ที่เราลงไว้ก่อน เสิจในกูเกิ้ลได้เลยค่ะ *


13





ภายในแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมง เทมก็อาละวาดโวยวายหาผมไปแล้วเจ็ดครั้ง มีสามครั้งที่รุนแรงจนผมต้องเรียกพี่พยาบาลเข้ามาช่วย และทุกสี่ชั่วโมงที่ผมเข้าไปเยี่ยมสิบนาที แล้วต้องหันหลังออกมา เสียงครางคล้ายสัตว์บาดเจ็บไล่ตามหลัง พร้อมร่างสูงที่ทำท่าอยากจะรั้งผมไว้มากมาย แต่ก็ทำเพียงข่มใจหันหน้าไปซุกหมอนแล้วสะอื้นเพียงลำพัง ผมอยากจะหมุนตัวแล้วกระโจนเข้าไปโอบกอดแล้วพร่ำบอกว่าจะไม่ห่างเขาไปไหน แต่ก็ทำไม่ได้ ถ้าผมอยู่เกินเวลา เจ้านาฬิกาสีฟ้าสดใสข้างเตียงก็ส่งเสียงเตือนสัญญาณแห่งการห่างไกล มันน่าจับแล้วปาใส่พนังให้พังจริงๆเลยครับ ถ้าไม่มีเสียงเตือนนั่นเทมก็คงจะยอมให้ผมนั่งอยู่ใกล้ๆเขาตลอดไปแท้ๆ


ตอนนี้เวลาก็ใกล้หมุนวนครบสี่ชั่วโมงอีกครั้ง อีกเพียงแค่สิบนาที ก็จะสี่ทุ่ม แม้จะเป็นเวลาค่อนข้างดึก ยามปกติสี่ทุ่มคือเวลาเข้านอน เข็มสั้นที่ชี้เลขสิบ เด็กน้อยของผมคงจะหลับอุตุไปแล้ว แต่วันนี้ดูท่าเจ้าตัวจะเฝ้ารอ ฝืนตาแข็ง ใจจดใจจ่อกับการนับถอยหลังเสียเหลือเกิน


ว่าไม่ได้เสียด้วยสิครับ...
เพราะผมก็เอาแต่ภาวนาให้เข็มวินาทีหมุนเร็วขึ้นเพียงสักนิดก็ยังดี
ผมอยากไปอยู่ใกล้ๆเขา เร็วๆจังเลย


ผมกระตุกสายที่เชื่อมสัมผัสเพียงอย่างเดียวของพวกเราเอาไว้ ถือแก้วกระดาษมาจ่อที่ปาก กรอกเสียงพูดคุยกับเขาเหมือนที่ทำมาหลายชั่วโมง ในจอไอแพดปรากฏสีหน้าของคนที่ผมคะนึงหาตลอดเวลา กำลังตื่นเต้นกับระยะเวที่เริ่มน้อยลง


"เทมจะอ่านนิทานเรื่องอะไร คิดไว้หรือยังครับ"


ตอนนี้เรื่องราวเหมือนย้อนกลับไปสมัยก่อน ตอนที่ผมกับเขายังเด็ก สมัยที่เทมยังคงพูดไม่ชัด และเรียนไม่ทันคนอื่น สี่วันในหนึ่งสัปดาห์ ผมมักจะมานอนค้างที่บ้านเขา หรือเขาไปนอนค้างที่บ้านผม ผมจะคอยพาเขาอ่านนิทาน พูดคุยกับเขาเยอะแยะไปหมด เราสรรหาเรื่องมาคุยกันได้มากมาย ตั้งแต่เรื่องแมวที่หลุดเข้ามาในบ้าน หรือขนมไอศกรีมรสใหม่ที่ออก ผมพยายามให้เขาฝึกพูดเยอะๆ เพื่อที่จะได้คุ้นชินกับคำศัพท์ และรูปประโยค ตอนนี้ก็คล้ายกับว่าเรามาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ แบบฝึกหัดของเด็กอนุบาลหลายเล่มวางอยู่ข้างเตียง


ตั้งแต่สมุดคัด ABC หรือ ก-ฮ ต่างสีสัน วิธีบวกเลขต่างๆ
ผมกับคุณหมอยังไม่แน่ใจ ว่าเขาแค่มีปัญหาด้านการพูดกับการบังคับควบคุมร่างกาย หรือส่งผลไปถึงความทรงจำด้านการเรียนรู้ของเขาด้วย ผมไม่อยากเสี่ยงรอจนเทมหายถึงค่อยมาตรวจ ระหว่างที่เขายังกำเริบอาการ ผมก็ฝึกเขาไปด้วยดีกว่า ถือว่ารื้อพื้นฐานกันใหม่พอดี


เทมที่นั่งทำแบบฝึกหัดไปด้วย มองนาฬิกาไปด้วย ดูน่าเอ็นดูจนผมอยากแอบเข้าไปหมุนเข็มทั้งหมด ให้ไปถึงเวลาสี่ทุ่มเสียเดี๋ยวนี้ เทมเงยหน้าขึ้นมามองผมในจอ ที่เจ้าตัวเอาตั้งไว้กับหมอนเสียใกล้ชิด กล้องที่อยู่ใกล้เกินไป ทำให้ผมเห็นใบหน้าเขาเสียแทบจะล้นจอ ดูตลกปนน่ารักมากๆ


"ม่ายอยากอ่าน อยากพังมู๋ย็องคับ"


ไม่อยากอ่าน อยากฟังผมพูด...ผมหัวเราะกับความเอาแต่ใจ ที่ไม่ได้เห็นมานานแล้วของเทม ผมพยักหน้าตกลงไปในกล้อง เทมดูดีใจแล้วรีบเร่งก้มหน้าไปทำแบบฝึกหัดให้เสร็จ
 

"น้องหมูคะ ป้าเอานมมาให้ค่ะ"


คุณป้าที่อยู่ในชุดยามที่สงสัยว่าคงเพิ่งจะเลิกงาน เดินมาพร้อมถาดที่มีนมสองแก้วอุ่นๆสำหรับผมกับเทม ผมรับเอาไว้ก่อนจะเอ่ยขอบคุณ ตอนนี้ผมให้คนที่บ้านหาซื้อที่นอนมานอนหน้าห้องเทมแล้วครับ ถึงคุณป้าบอกให้ไปนอนห้องนอนอีกห้องดีกว่า แต่ผมก็ไม่อยากไปไกลจากคนขี้งอแงที่ตอนนี้ติดผมหนึบเป็นตังเมเสียด้วยสิครับ เจ้าเด็กน้อยที่พอสักพักก็เอาแต่กระตุกเชือก เหมือนคอยเช็คตลอดว่าผมยังอยู่ข้างนอกไหม ทั้งๆที่ในจอก็เห็นผมแท้ๆ แต่ก็ยังเขย่าเชือกไปมาไม่ยอมหยุด จนกว่าผมจะดึงตอบ


หายไปเข้าห้องน้ำครู่เดียว เทมก็กระจองอแงหาแล้วครับ


บอกตรงๆเลยนะครับ...
ว่าผมโคตร...โคตรรรรรรรร โคตรของโคตรๆ จะคิดถึงความรู้สึกนี้เลย!
ความรู้สึกที่เทมต้องการผมมาก จนควบคุมตัวเองไม่ได้นี้น่ะ ตามติดผมเหมือนลูกเจี๊ยบตามแม่นี้น่ะ


คิดถึงมากจริงๆ


เหมือนมันผ่านมาหลายปีแล้วเลยครับ ที่เทมติดผมขนาดหนักขนาดนี้
พอเทมโตขึ้นมาหน่อย เขาก็มีความอดทนและรู้จักการรอคอยมากยิ่งขึ้น ไม่ค่อยเอาแต่ใจตัวเองแล้วครับ
ซึ่งจริงๆแล้วผมนะ อยากให้เขางอแงหาผมตลอดเวลาที่สุดเลย ไอ้น้ำไอ้เต้เคยบอกว่าผมเป็นโรคเสพย์ติดเทมมากเกินไป ไม่เถียงหรอกครับ เพราะผมเสพย์ติดเทมที่เสพย์ติดผมมาก ใครจะกล้าปฎิเสธคนที่ตัวเองรักได้ลง แล้วเวลาเป็นที่ต้องการน่ะ เป็นความรู้สึกที่วิเศษสุดๆไปเลย


"น้องหมูจะนอนตรงนี้จริงๆหรือคะ ป้าว่าน่าจะนอนไม่สบายนะ ให้ป้ามานอนเฝ้าน้องเทมแทนไหมคะลูก"


คุณป้าที่ว่าอย่างกังวล เพราะเตียงที่หามาแบบกระทันหัน ไม่ใช่ที่นอนยี่ห้อที่ผมใช้นอนประจำ จะไปสั่งทำตอนนี้กว่าจะเสร็จเทมก็หายป่วยพอดีครับ...ปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะผมก็นอนเตียงเดียวกับเทมตลอด แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่นอนเลยครับ เข้าไปใกล้มากๆ เจ้าหมาน้อยนี่ก็ขู่ขนฟู ทัตวพองฟู่ใส่แล้ว เฮ้อ ความขัดแย้งที่อยากให้เทมหายดีกับไม่หายตลอดไปตีกัน จนผมก็ชักรู้สึกอยากลงไปงอแงกับพื้นแล้วเหมือนกัน


"ไม่เป็นไรครับ ผมนอนตรงนี้ได้ เดี๋ยวเทมหาผมไม่เจอจะงอแงอีก"


ผมแกล้งหันไปอมยิ้มมุมปากเล็กๆแซวเจ้าคนที่ยื่นหน้ามาเสียชิดจอ เมื่อเห็นคุณแม่ของตัวเองถือนมรสโปรดมาให้


"นมขง ของเทม คุุนแม่ ขอบคุนคับ"


เทมปุระฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันเขี้ยว คุณป้าหัวเราะจนน้ำตาไหล ที่เห็นลูกชายตัวเองเอาหน้ามาชิดติดจอ แนบชิดขนาดที่จมูกเจ้าตัวดันขึ้นไปข้างบน คล้ายจมูกหมูเลยครับ ผมกับคุณป้าขำจนสำลัก แต่เทมที่ไม่รู้ว่าพวกผมหัวเราะอะไรกัน ก็ยิ่งพยายามยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เพื่อจะแอบฟังด้วยเข้าไปอีก พวกผมก็เลยกลายเป็นว่าหัวเราะกันแบบหยุดไม่ได้เลยทีเดียว


"แค่ก แค่ก ฮึๆ ฮ่าๆ น้องเทมคะลูก ไม่เอาหน้าชิดกล้องขนาดนั่นนะคะ อุ้บ คุณแม่ขำไม่ไหวแล้วนะ โธ่ เด็กคนนี้นี่ล่ะก็"

"ขามไรอ่า พังด้วยคน เทมพังด้วยคนคับ"

"ฟังครับน้องเทม ฟอฟันนะครับ ฟัง"

"เทมก็บ-บอกว่าฟางนะ แต่ลิ้นมันม่ายกาด๊ก กาดก กระดก! คับ"

"พยายามเข้านะคะลูก ถ้ากลับมาพูดชัดๆเหมือนเดิม จะได้คุยกับน้องหมูชัดๆไงเนอะ จะได้กลับไปโรงเรียนด้วย..."


พอคุณป้าเอ่ยถึงโรงเรียน เด็กน้อยก็ชะงัก ร่างสูงสะดุ้งจนตัวโยน มือที่จับปากกาเขียนคำตอบ ดูเกร็งแน่นขึ้นมา ใบหน้าที่เงยหันมาอย่างสดใส ดูซีดขาวลง คุณป้าที่รู้แล้วว่าเผลอไปเหยียบกับระเบิดเข้า ก็ใจหายวาบ


"อะ-เอ่อ คุณแม่ขอโทษนะคะน้องเทม..."


เทมปุระที่เงียบไป แต่พอได้ยินเสียงเศร้าของมารดาก็รีบเงยหน้ามายิ้มให้


"กิงนมนอนเนอะ คุนแม่ก็นอนๆน้าคับ นอนน้านอน พันดีคับ"

"ครับ น้องเทมก็ฝันดีนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าคุณแม่ทำบัวลอยให้ทานนะ หมูหย็องก็ฝันดีนะลูก อยากได้อะไรก็ไปเรียกแม่ได้นะครับ"


คุณป้าหันมาบอกผมอย่างอารี ก่อนจะหันมายิ้มหวานให้ลูกชายกับผมก่อนจะเดินลงไป


ผลจากวันนี้ ที่ผมโดดเรียนอยู่กับเขาทั้งวัน ชวนคุยกันไม่หยุด กระตุ้นเขาหลากหลายวิธีการ เทมเริ่มกลับมาพูดชัดเจนขึ้น เรียงประโยคได้ดีขึ้นมากแล้วครับ นอกจากนับเวลาถอยหลังเข้าไปหาเขา นี่ผมยังต้องนับถอยหลังเตรียมตัวทำใจกับเขาที่โตแล้วอีกหรือครับเนี่ย เฮ้อ ให้เทมเป็นเด็กสามวัน เป็นผู้ใหญ่สามวันไม่ได้หรือไงกันนะ


ผมหันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาสี่ทุ่มตรงเป๊ะ เชือกก็ถูกดึงถี่รัวทันที


"มู๋ววววอ็องงงง หมุหย็องงงงงงง สี่ท่วมแล้วคับ! นี่ๆเล็กสี่แล้ว!"


เทมตีปีกพรึ่บพรั่บ มือหนาชี้นาฬิกาให้ผมดู พลางทำท่าจะวิ่งลงจากเตียงมาหา


"เทมอย่าวิ่งครับ! รอหมูที่เตียงนะ เดี๋ยวหมูเข้าไป"



ผมหันไปดุเจ้านกที่กระพือปีกอย่างดีใจ จะถลาเข้ามาหา โดยที่เจ้าตัวก็ลืมไปสิ้นว่ายังบังคับตัวเองไม่ค่อยคล่องนักอยู่ เทมพยักหน้ารับผมหลายรอบ จนผมกลัวว่าเขาจะปวดหัว ถึงได้รีบถือถาดนมเข้าไปหาร่างสูงที่นั่วยิ้มกว้างตาเป็นประกายรอยู่บนเตียง



"ขอบคุนคับผม"

"ดื่มเสร็จแล้วเดี๋ยวหมูเอากะละมังมาให้แปรงฟันนะครับ"

"หมุหย็อง แปง แปง ป-แปลงด้วยกันนะคับ?"

"ได้ครับ งั้นเดี๋ยวหมูไปหยิบแปรงมาแปรงด้วยกันนะ"



เทมทำมือโอเค ทั้งๆที่ริมฝีปากเปรอะไปด้วยคราบนมเป็นวงกลม หึๆ เหมือนกลายเป็นลุงเทมเพราะฟองนมที่กลายเป็นหนวดให้เจ้าตัวเลยครับ ดีจริงๆที่คุณป้าเอานมขึ้นมาให้เทม เพราะรอบก่อนๆ เทมกลัวผมติดหวัด จนใส่ผ้าปิดปากเอาไว้ตลอดเวลา ทำให้ผมได้มองเขาในระยะใกล้ๆเพียงแค่ครึ่งใบหน้า ตอนนี้ได้เห็นเต็มๆแล้ว...


"เทมกลายเป็นคุณลุงไปแล้ว" ผมวางแก้วนมที่ว่างเปล่าของผมลง แล้วเอ่ยแซวเทมปุระวัยสิบห้าที่มีหนวดสีขาวขึ้นรอบปาก เทมทำตาโตดูงงงวย จนผมชี้มือไปที่แก้วแล้วก็ปากของเขา เจ้าตัวถึงทำเสียงอ๋อในลำคอ แต่เทมก็ไม่ได้เช็ดออก กลับทำท่าหลังค่อมเป็นคนแก่ แล้วทำเสียงให้ยานค้างเหมือนคนอายุเยอะ


"หมุน่อย แบบนี้เหมือนคุนลุงเทมหรือยัง หงึกหงึก"


ผมขำก๊ากออกมากับท่าทางของอีกฝ่าย ที่ทำหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยเสียสมจริง ผมขำจนน้ำตาเล็ดอีกรอบ เทมก็ยังคงไม่เลิกเล่น สรรหาท่าทางตลกๆมาทำให้เขากับฟองนมหนวดนั่นไม่หยุด มีทำท่าเป็นนักปราชลูบหนวดไปมา พลางหยิบแบบฝึกหัดชั้นอนุบาล มาเก๊กหน้าขรึมเหมือนกำลังดูตำรายากๆเสียด้วย


"ตามลา เอ้ย ต้มลา ตะ-ตัมลา ต-ตำราเล่มนี้ช่างยากนัก"


ผมหัวเราะจนแทบจะหายใจไม่ทัน เทมทำท่าล้อเลียนนักปราชในซีรี่ย์หนังจีนที่คุณม๊าเคยเปิดให้ดู แต่นักปราชท่านนี้ไม่ได้ถือตำราวิชายุทธิ์ที่สามารถปราบคนนับสิบในสองกระบวนท่า แต่เป็นแบบฝึกหัดคณิตบวกเลขหลักเดียวต่างหาก หน้าตาทรงภูมิมีความรู้ ดูไม่เข้ากันกับสมุดนั่นเอาเสียเลย ก่อนผมจะขาดใจตายเพราะหัวเราะมากเกินไป


เทมที่จู่ๆก็เลิกแกล้งเป็นชายชรา ก็มองสบผมด้วยดวงตาละมุน จนผมสำลักลมหายใจตัวเอง...
เมื่อสักครู่เด็กชายเทมปุระ ยังเป็นแค่เด็กชายตัวน้อยที่เล่นมุกตลกแป้กๆแต่ผมดันขำ แต่จู่ๆก็ดูนิ่งขึ้นมา ตอนนี้แววตาที่ผมหลงใหลเคลือบไปด้วยความละมุน จนผมรู้สึกหวานแปลบขึ้นมาในอก ผมรู้สึกร้อนผ่าวกับสายตาแบบนี้ของเขา...


"ม-หมุ หมูหย็องยิ้มแล้ว"


เทมว่าอย่างดีใจ อา...จู่ๆก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเลยครับ เขาคงคอยสังเกตผมมาตลอดทั้งวัน แม้ผมจะไม่ได้แสดงอะไรออกไปมากมายนัก แต่ที่จริงผมก็ค่อนข้างกังวลเรื่องของเขามาก จนความรู้สึกมันขึงจนตรึงอยู่ข้างใน ผมกลัวว่าเขาจะต้องใช้เวลานานกว่าจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันของตัวเองได้ กังวลว่าอาการของเขาจะกำเริบตอนไหน สารพัดอย่างที่ผมเป็นห่วงเขาไปหมด จนลืมไปว่าอีกฝ่ายก็คงกังวลที่รอยยิ้มของผมน้อยลงกว่าทุกวันเหมือนกัน


"เพราะเทมไงครับ เพราะเทมทำให้หมูยิ้มได้นะ รู้ไหม"

"ต-แต่ เทมก้อให้ ทัมให้หมุหย็องล้องไห้ ขอโทกนะคับ..."

"เรื่องวันนี้ไม่ใช่ความผิดของเทมนะครับ เพราะเจ้าเชื้อไข้หวัดไม่สบายต่างหาก เหมือนตอนหมูป่วย หมูก็งอแงใช่ไหมครับ เทมก็เหมือนกัน เวลาคนเราไม่สบาย เราก็จะเผลอทำตัวแปลกไปจากเดิมนะครับรู้ไหม ไม่ต้องโทษตัวเองนะ แต่ถ้าเทมอยากขอโทษหมูจริงๆ ก็หายไวๆนะครับ"

"เทมขอโทกนะ...เจ็บหมายคับ"


มืออุ่นร้อนของเขาแตะลงมาแผ่วเบาที่รอยช้ำตรงต้นคอของผม
ผมเอื้อมมือออกไปกุมมือเขาที่เกร็งแน่น ดวงสีน้ำตาลฉาบไปด้วยความรู้สึกผิด มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลย แต่เขาก็เอาแต่โทษตัวเอง ร่องรอยที่เขาปาของใส่ผมจนฟกช้ำตอนที่เขาไร้สติ ก็ทำเอาเด็กน้อยของผมเสียใจทุกครั้งที่มองเห็น ผมขยับปกเสื้อเพื่อหลบสายตาเขาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ทัน ดวงตาใสปิดบังความเจ็บปวดเอาไว้ไม่มิด มันล้นทะลักออกมาจนผมปวดหน่วงไปด้วย


"ไม่เจ็บเลยครับ ไปเล่นฟุตบอลกับเต้กับน้ำยังเจ็บกว่านี้อีก จำได้ไหมที่หมูโดนชนจนเข่าถลอกเลย เจ็บสุดๆเลยตอนนั้น แต่ตรงนี้ ที่เทมทำ...หมูไม่เจ็บเลยครับ"


ผมยิ้มกว้าง เผยความจริงใจให้เขารู้ เพราะมันไม่เจ็บเลยจริงๆ ของแค่นี้ผมไม่รู้สึกอะไรเลย เมื่อเทียบกับตอนที่เห็นเขาทุรนทุรายน่ะ ต่อให้มากกว่านี้ ก็ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น แถมที่จริงเพราะผมผิวขาวจัดตามสายเลือดด้วยแหละครับ เจ้ารอยช้ำนี่ถึงได้ดูเด่นชัดนัก นัยน์ตาโศกยังแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกผิด จนผมทนไม่ไหว


"งั้นรอยของเทมที่หมูทำ...เจ็บไหมครับ?"

"ละ-ละ รอยอะไย อะ-ไรครับ? หมุหย็องทัมอะไรเทม?"


เทมที่ถูกผมถามกระทันหันก็เอียงคอทำหน้าสงสัย เพราะนอกจากรอยบาดของสิ่งของแตก กับรอยช้ำจากฝีมือไอ้พวกซากพวกนั้น ก็ไม่ได้มีฝีมือผมเลย...แต่เด็กชายเทมปุระคงจะลืมร่องรอยสีกุหลาบที่ผมปลูกเอาไว้เสียแล้ว แต่ก็ไม่แปลก เพราะผมทำให้เสียรอบคอ นอกจากจะลุกไปส่องกระจก ก็ไม่มีทางเห็นหรอกครับ


ทีแรกที่พี่หมอกับทีมพยาบาลมาเช็ดตัว มาตรวจเทม ถึงกับจะบอกให้โทรเรียกตำรวจมาแจ้งข้อหาเจตนาฆ่าอีกราย เพราะนึกว่ารอยสีแดงช้ำรอบคอเทมคือรอยบีบคอ จนผมต้องเดินไปกระซิบบอกความจริง ถึงได้ร้องอ๋อกันถ้วนหน้า เล่นเอาผมไม่กล้าสบตาใครไปหลายชั่วโมงเลยครับ...ก็ไม่นึกว่าจะมีเหตุการณ์อะไรแบบนี้ขึ้นนี่น่า เฮ้อ อยู่กับเทมแล้วผมก็ห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำอะไรรุ่มร่ามกับเขาไม่ค่อยได้เสียด้วย


ผมชี้นิ้วไปที่ลำคอของตัวเอง เทมก็ลอกเลียนแบบผมด้วยการชี้นิ้วเข้าหาลำคอตัวเองเช่นเดียวกัน ผมที่เริ่มรู้สึกร้อนๆขึ้นมาแถวผิวหน้า ก็ได้แต่พยายามงัดความกล้าขึ้นมาบอกเขา ด้วยการหยิบไอแพดขึ้นมาเปิดกล้องแล้วหันมาให้เทมดู ดวงตาสวยเบิกกว้างดูตกใจกับสภาพผิวตัวเอง


"เทมเป็งอิสุกอิไสอีกรอบเหร๋อ!?" เทมปุระที่ตกใจจนโวยวายออกมา ผิดกับคนร้ายตัวจริงอย่างผมที่ร้อนตัว

"เอ่อ ไม่ใช่อีสุกอีใสครับเทม...มันคือ เอ่อ รอยที่หมูทำน่ะครับ" เทมปุระเบะปากออก น้ำตาคลอหน่วย

"หมุหย็องไม่ชอบเทมแล๋วเหร๋อ ทำไมแก้งกันล่ะ"

"ไม่ใช่นะครับ! หมูจะไม่ชอบเทมได้ไงล่ะ คือหมูได้แกล้งเทมนะ รอบนั้นนะ เขาเรียกว่ารอยคิสมาร์กครับ  ภาษาอังกฤษนะครับ Kiss Mark ส่วนภาษาไทยก็รอยจูบ รอยดูด...เป็นรอยที่เกิดจากที่เราจูบลงไปแรงๆที่คอน่ะครับเทม"

"ตอนนั้นเทมก็จุ้บจุ้บหมุหย็องแลง แลงๆ เยอะๆด้วย แต่ไม่เห็นเป็งลอยเลยคับ"

"คือมันต้องดูดด้วยน่ะครับ...."


อา โธ่ เจ้าเด็กน้อยขี้สงสัยนี่กำลังจะทำให้ผมตัวระเบิดตายเพราะความเขินอายนะครับ ผมไม่กล้าสบตาช่างใคร่รู้แสนสงสัยที่มองลงมาอย่างหาคำตอบนั่นเลย จนเทมเขย่าแขนผมไปมาไม่หยุดเพราะอยากได้คำตอบนั่นแหละ ผมถึงได้สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วรีบอธิบายออกมาอย่างรัวเร็ว


"จริงๆแล้วที่เทมทำกับหมูยังไม่เรียกว่าจูบแบบร้อยเปอร์เซ็นนะครับ จูบของจริงมัน...ม-มันต้องใช้ลิ้นด้วย ส่วนรอยคิสมาร์กเวลาริมฝีปากแนบชิดไปที่ผิวน่ะ ก็ต้องใช้ปากดูดแรงๆด้วยครับ ถึงจะเกิดรอยจ้ำขึ้นมา เขาเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของในตัวคนที่เราชอบน่ะครับ เหมือนเขียนชื่อตัวเองแปะไว้ บอกให้คนอื่นรู้ว่าเขามีเจ้าของแล้ว แต่ก็ไม่ควรทำบ่อยๆนะครับ จะโดนมองว่าเป็นเด็กไม่ดี "


ผมที่หลับตาปี๋อธิบายไปเร็วๆแล้วได้แต่นิ่งค้าง แต่เทมทที่เอาแต่เงียบจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเขากำลังทำหน้าแบบไหน หรือรู้สึกยังไงอยู่ ทำให้ต้องค่อยๆลืมตาขึ้นมอง แล้วก็ดันรู้สึกเหมือนตาจะบอดลงทันที ด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขสุดๆ แสนเจิดจ้าของคนตรงหน้า ยิ้มกว้างจนตาหยีโค้งเหมือนสายรุ้งหลังฝนตก แก้มที่ซีดขาวดูเปล่งปลั่งอมชมพูระเรื่อขึ้นมา


"ดีใจจัง...หมุชอบเทมจนต้องแปะป้ายบอกคงอื่นด้วย" แล้วเทมปุระน้อยก็หัวเราะฮิฮะด้วยความพอใจ แท่งวัดความสุขของผมพุ่งสูงขึ้นมา รอยยิ้มแจ่มใสของเขา...ผมเองก็คิดถึงมากเหมือนกัน

"ทิแลก ระ-แรก ทีแรก เทมนึกว่าหมุหย็องเป็งซีอุยกินเนื้อคนเสียอีก แบบว่าหิวเลยขอหม่ำหม่ำเทมหน่อย ฮิฮิ"



ผมหัวเราะให้กับจินตนาการของเทม จริงๆก็อยากกินเทมอยู่หรอกครับ แต่คนละความหมายกับที่เจ้าตัวคิดน่ะนะ...



"สอนเทมมั่งจิ อยากดูดดูดหมุหย้องบ้างจัง จะได้ให้คงอื่นรุ้ ว่าหมุหย้องเป็นขอมเทม"


สายตาที่มองตรงมา และคำพูดที่ทำเอาผมใจเต้นผิดจังหวะ เจ้าเด็กร้ายกาจ!
นี่ไม่สบายแล้วยังจะมายั่วกันอีก ทั้งตัวนี่ทำมาจากอ้อยหรือยังไงกันครับเทมปุระ ผมอยากจะเดินลงไปหาคุณป้า พลางก้มกราบไหว้แล้วถามว่าให้กำเนิดอาวุธทำลายล้าง ที่มีอนุภาพรุนแรงต่อหัวใจของผมขนาดนี้ได้ยังไงกัน


อา รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะทะลุออกปากมาเลยครับ แต่กลับเจ้าตัวที่นอกจากแก้มที่แดงระเรื่อแล้ว ก็เหมือนจะไม่ได้รับรู้เลยว่าทำใครอีกคนกำลังจะหัวใจวายตายลงที่ตรงนี้


"นะนะนะนะ นะคับหมุหย้อง สอนเทมหน่อยนะ นะครับ?"


คำออดอ้อนที่รัวเขามา เหมือนปืนกลที่ตั้งระบบไว้ไม่ให้เหยื่อได้มีโอกาสตั้งตัว ทำเอาผมฟุบหน้าลงไปกับที่นอนนุ่มๆนั่น อา...รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงขึ้นมากระทันเลยครับ รู้สึกหน้าร้อนจัดจนคิดว่าตอนนี้หัวของผมอาจจะมีไอน้ำกำลังพุ่งปุดปุด เหมือนหัวจักรรถไฟที่กำลังวิ่งอยู่ก็ได้ เหมือนจะตอกย้ำความเป็นอาวุธร้ายแรง เมื่อผมสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มที่คุ้นเคย กำลังไล่อยู่บนผิวคอ ผมขนลุกซู่แล้วรีบลุกพรวดกลับไปนั่งตัวแข็งค้าง จ้องมองอีกฝ่ายที่ลงมือทำอะไรอุกอาจ


"อ้าว หมุหย้องลุกทัมไมอ่า เทมกำลังจะส้อมๆดู ซ้อม ซ้อมดู"


ผมอ้าปากหวอให้กับเทมที่ทำหน้าจริงจัง ตั้งท่าจะซ้อมฝึกทำคิสมาร์กกับต้นคอผม ที่ผมฟุบลงไปเพราะหมดแรงต้านทานจงยั้งตัวไว้นะครับเทมปุระ ไม่ใช่ให้ฟุบลง เพราะจะให้มาจู่โจมเอาคอของหมูเป็นที่ซ้อมนะครับ! จะฆ่ากันก็ไม่ควรใช้วิธีที่โหดร้ายด้วยการทำให้หัวใจเต้นหนักเกินขนาดแบบนี้


ผมพูดไม่ออก แถมควบคุมสีแดงบนหน้าที่กำลังไต่ระดับขึ้นจนถึงเฉดสีแดงฉานไม่ได้เช่นเดียวกัน
เทมที่เห็นหน้าผมแดง ก็ทำหน้างง ก่อนจะมีสีหน้าตะหนก


"หมุหย้องติดไข้เทมแล้วเหร๋อครับ!?! คุนพี่หม๊อออออออออออออออออ"


เทมตะโกนขึ้นมาเสียงดัง จนผมต้องรีบตะครุบปากเขาเอาไว้ เพราะกลัวจะไปปลุกคุณป้าให้ตื่นขึ้นมา


"ม-ไม่ใช่ครับ ไม่ได้ติดไข้ ค-คือ ที่หมูหน้าแดงคือ..คือหมูเขินเฉยๆครับ"


อาการพูดติดขัดของผมกำเริบ ต่างกันที่ของเทมเป็นมาแต่กำเนิด แต่ของผมจะเกิดขึ้นตอนที่อายจัดเท่านั้นเอง เทมที่เบิกตางงอีกครั้ง แล้วก็มีสีหน้าเข้าใจ ทำไมการเข้าใจของเทมแต่ละครั้ง ถึงได้ทำให้ผมต้องเขินมากกว่าเดิมทุกครั้งก็ไม่รู้สิครับ ครั้งนี้ผมก็ไม่ไว้ใจเอาเสียเลย เจอเรื่องกดดันติดต่อกัน จะให้ปรับอารมณ์มาหวานกับเขา ผมตามไม่ทันแล้วนะครับเทมปุระ ช่วยอ่อนโยนต่อใจหมูบ้าง ปรานีกันหน่อยนะคนดี



"เขินที่เทมแอบจุ้บจุ้บที่หลังคอใช่ไหมคับ งั้นฝึพึก พะ-พึก ฝึกที่แขนก็ได้เน๊อะ"


ก็แล้วทำไม ถึงไม่ฝึกที่แขนตัวเองล่ะครับ!


ทำไมต้องเป็นแขนหมูด้วยล่ะ


อา โธ่...ใครก็ได้ ช่วยไปเรียกพยาบาลเตรียมเครื่องปั้มหัวใจให้ผมทีครับ!




เทมที่เริ่มต้น 'ฝึกซ้อม' กับแขนของผมไม่หยุด จากทีแรกที่ผมตัวแข็งเพราะความตื่นเต้น ตอนนี้ชักอยากหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปแทนแล้วครับ ท่าทางการฝึกสุดแสนจริงจังและขะมักเขม้นนั่นน่าเอ็นดูเกินความใคร่ เหมือนลูกสุนัขที่ฟันเพิ่งงอก ทำให้อยากหาอะไรมางับลับฟัน และแขนของผมก็กลายเป็นที่ลับฟันของหมาน้อยตัวนี้ นัยน์ตาใสแจ๋วช้อนขึ้นมามองผมด้วยความสงสัย เมื่อเจ้าตัวทำเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นรอยช้ำเสียที


จะขึ้นได้ยังไงกันล่ะครับ ผิวหนังตรงแขน ไม่ได้บอบบางเหมือนตรงแถวคอนะ แถมแรงที่เจ้าตัวใช้ ก็เบาแสนเบา ด้วยกลัวผมจะเจ็บเสียอีก ผมทอดสายตามองเทมที่ยังคงพยายาม จนผมอดขำขึ้นมาอีกไม่ได้ ดูท่าถ้าอาจารย์หมูไม่ลงมือสอนด้วยตัวเอง คงจะทำไม่สำเร็จหรอกครับ นี่ก็ดึกแล้วด้วย อยากให้เขารีบไปพักผ่อนมากกว่ามานั่งแทะแขนผมแบบนี้


ผมลูบไปที่หัวทุยเบาๆ เทมที่ปากงับอยู่ที่แขนผมก็ยอมคลายออก
โธ่ เจ้าหมาน้อย ผมบอกให้เขาดูด แต่นี่กับมางับกันเสียได้ ผมอมยิ้มจนปวดแก้ม ขยับตัวเองจากเก้าอี้ ขึ้นไปนั่งบนเตียงเดียวกัน เชยคางเขาขึ้นมาให้ใบหน้าของเราสองคนอยู่ในระนาบเดียวกัน มือข้างขวาของผมผละปลายนิ้วออกจากสันกรามของเขาอย่างอ้อยอิ่ง พลางเคลื่อนนิ้วมาที่ปกเสื้อที่ติดกระดุมเรียบร้อย ผมปลดกระดุมออกด้วยมือเดียว ทั้งๆที่ยังใช้สายตาตรึงร่างสูงไว้ให้อยู่กับที่ ผมกดยิ้มที่มุมปาก


"ลองมาทำตรงนี้ดูสิครับเทม..."


ผมแหวกคอเสื้อออกกว้าง เผยผิวขาวและกระดูกไหปลาร้าสวย ต้นคอยาวเรียวเอียงคอน้อยๆ เพื่อรอต้อนรับบางอย่าง เทมที่เหมือนโดนผมร่ายมนต์ใส่ ทำหน้าเคลิ้มเข้ามาชิดใกล้ เขาประทับจูบลงมา ริมฝีปากที่อุ่นร้อนฉ่าเพราะพิษไข้ ยามแนบลงมามันช่างระอุจนพาลทำให้ทั้งร่างของผมหลอมละลาย


เสียงดูดดึงผิวเนื้อดูทะลึ่งและลามก บรรยากาศแสนระทึกใจแผ่กระจายไปทั่ว เทมปุระที่ชิมรสเนื้อของผมไม่หยุด จุดประกายความรู้สึกแปลกประหลาดกลางลำตัว ผมหวังให้มันเลยเถิด ล้ำเส้น เกินเลย


ให้เลยไปไกลกว่าทุกครั้งที่เราผ่านมา...


ความคาดหวังที่ฝังรากลึกในใจ เพราะมันไม่เคยได้เติบใหญ่ถึงที่สุดเสียที


เพราะทุกครั้งมันก็ไม่เคยเป็นจริง


ไม่เคยได้ถึงเส้นชัย


มักจะถูกใครบางคนเข้ามาขัดขวางเสมอ...


ครั้งนี้ก็เช่นกัน!





บัดซบ!!


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 12 * 16/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 21-09-2018 20:01:05



กิ๊งงงงง กิ๊งงงงงงงง กิ๊งงงงงงงงงงง



เสียงนาฬิกาเวรดังขัดขึ้นมา เทมที่ตั้งสติได้ ก็เม้มปากแน่นก่อนจะรีบพาตัวเองมุดผ้าห่มหนีผมไป โผล่มาแค่ดวงตาที่ยังคงฉ่ำเยิ้มจากอารมณ์เมื่อสักครู่ ผมที่นั่งนิ่งพิงหลังเตียงของเขาด้วยอาการหมดสภาพ ก็ตีสีหน้าไม่ถูกเหมือนกัน จริงๆแล้วผมถูกคำสาปอะไรหรือเปล่าครับ? ทำไมมันต้องมาขัดตอนผมกับเทมปุระกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันทุกทีสิน่า!


ผมที่หัวเสียเพราะถูกขัดจังหวะ และกำลังวางแผนหาหนทางแอบเอาเจ้านาฬิกาแมวแห่งโลกอนาคต ที่มีรอยยิ้มกว้างตั้งอยู่ ...นี่มันรอยยิ้มเยาะเย้ยผมชัดๆ! คอยดูเถอะ เทมเผลอเมื่อไหร่ ผมจะเอามันไปเผาทิ้ง


เทมที่หันมานอนตะแคงข้าง หลังจากข่มอารมร์แปลกๆและลดความเขินอายลงได้แล้ว ก็หันมาส่งไม้ต่อ ให้ผมเป็นคนเขินคนต่อไป ด้วยการกระทำและคำพูดร้ายๆ ที่ทำใจผมพัง


นิ้วทั้งห้าของเขาทาบลงมาที่ลำคอที่ขึ้นรอยช้ำ ลูบไล้แผ่วเบาบนร่องรอยจูบจากฝีมือเดียวกันกับของเจ้าของมือ ผ้าห่มที่ร่นออกเพราะแรงขยับ เผยให้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจและหวงแหน


"หมูหย็องเป็นของเทมแล้วนะครับ"



เท่านั้นแหละครับ


ใจพัง...


ไม่เหลือชิ้นดี




ไม่อ่อนโยนเลยนะครับ

เทมปุระ...




ผมกลับออกมานอนข้างนอกแบบงงๆ เหมือนจำได้ว่าตัวเองไปร่ายมนต์ใส่อีกฝ่าย แต่จู่ๆก็เหมือนโดนโจมตีกลับมาด้วยอนุภาพเวทมนต์ที่รุนแรงกว่าจนเทียบไม่ติด ผมมานั่งบนที่นอนของตัวเองด้วยความรู้สึกเหมือนโดนฆ้อนทุบหัว
พอเทมทิ้งคำพูดเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันเสร็จ เด็กน้อยของผมก็พอใจยิ้มแป้นแล้วบอกฝันดีราตรีสวัสดิ์ แล้วคลุมโปงหนีผมไป


อา...


ไม่ไหวจริงๆครับ เทมโหมดเป็นไข้เหมือนเด็ก ที่สลับมาโหมดเทมปัจจุบันนี่มันเกินที่ผมจะรับมือไหวจริงๆ...





แทนที่จะเป็นเช้าอีกวันที่ผมควรตื่นด้วยแรงกระตุกจากเชือกโทรศัพท์กระดาษ แต่กลับกลายเป็นแรงสั่นระรัวของโทรศัพท์จริงๆไปเสียดาย โทรศัพท์เข้าหลากหลายสายที่ผมมองตัวเลขนับบอก ก็ได้แต่ตกใจ


สายที่ไม่ได้รับ 89 สาย


มีใครตายหรือครับ ถึงโทรกันมาหนักหน่วงขนาดนี้ นาฬิกาบนหน้าจอที่สว่าง บอกผมว่านี่มันเพิ่งจะตีห้า...
ให้ตายเถอะ ตีห้า! นี่ถ้าไม่มีใครตายจริงๆ ผมนี่แหละจะทำให้คนที่โทรมาตาย


ไม่รู้หรือไงกว่าผมจะข่มตานอนหลับได้ก็ปาเข้าไปกี่โมง กว่าจะเล่นชักกระตุกเชือกกับเทมเสร็จก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้ว เฮ้อ บนในใจไปก็คงไม่มีใครรับรู้ความเกรี้ยวกราดของผม ผมตัดสินใจรับสายล่าสุดที่กำลังโทรเข้ามาอีกครั้ง


[ ในที่สุดมึงก็รับบบบบบบบบบ!! กูโทรจนมือหงึก โทรจนนิ้วมือจะรวมร่างกับโทรศัพท์แล้วเนี่ย โว้ยย ]


เสียงของไอ้น้ำแหกปากออกมาเสียงดัง ทั้งๆที่ไม่ได้เปิดลำโพง แต่ขนาดยื่นออกห่างจากหูขนาดนี้ยังได้ยินเลยครับ
ผมลุกขึ้นไปส่องช่องกระจกใส ว่าเสียงของไอ้เพื่อนเวรที่กำลังแหกปากทำเจ้าชายนิทราของผมตื่นหรือเปล่า เมื่อแสงไฟเล็กน้อยอาบไล้ใบหน้า ที่ยังดูนิ่งสงบอยู่ผมก็เบาใจ ก่อนจะค่อยเดินกลับมาที่นอนตัวเอง


[ ฮัลโหลๆ เฮ้ย นี่มันรับสายกูจริง หรือว่ากูละเมอไปเองวะเนี้ย ฮัลโหลลลลล ไอ้หมู! ]

"มีอะไร โทรมาเช้าขนาดนี้ กลัวไม่รู้หรือไงว่าเป็นไก่"

[ มึงก็จิกไม่แพ้กูหรอก แหม๊ เออ จะโทรมาถามว่ามึงจะมาโรงเรียนกันหรือยังอะ นี่กูกับไอ้เต้แทบจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวเรื่องมึงกับเทมอยู่แล้ว แม่งมีแต่คนเข้ามาถามทุกวัน ]


นี่เรื่องสำคัญเลยครับ...ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเทมปุระจะยังอยากไปโรงเรียนอีกไหม
จากที่สังเกตร่างสูง ตอนที่คุณป้าเอ่ยปากถึง เทมดูอาการยังน่าเป็นห่วงมากสำหรับผม ดูท่าเขาจะยึดคำว่าโรงเรียนเป็นสถานที่เกิดเหตุร้ายๆไปแล้วสิครับ ถ้าหากเขาไม่อยากไป ผมก็จะไม่บังคับ ผมก็คงจะย้ายโรงเรียน...


[ กูนี่รู้เรยนะคร๊า ว่าพี่หมูคิดอะไรอยู่ อย่าออกเชียวนะมึง พวกกูเหงาาาา เอ้อ ที่โทรมาก็เพราะจะโทรมาถามอาการเทมนี่แหละ มึงแม่งอ่านไลน์แล้วไม่ตอบ สรุปเทมเป็นยังไงบ้าง ยอมคุยกับคนอื่นหรือยัง วันนี้กูกะจะโดดเรียนแล้วไปเยี่ยมเนี่ย ได้ไหมวะ ภาพเทมตอน...แม่งคาตากูมากอ่ะ กูนอนไม่ค่อยหลับเลย ผ่านมาวันสองวันแล้วนี่โอเคหรือยังวะ กูอยากเห็นกับตาจริงๆว่ามันไม่เป็นอะไร ]


เสียงไอ้น้ำดูเป็นห่วงจริงจัง ผมก็ลืมคิดไปเลยครับว่าไม่ได้ตอบข้อความพวกมัน เพราะทั้งวันก็เอาแต่คลุกอยู่กับเทม


"แสนรู้นะ เทมก็ดีขึ้น แต่ยังไม่เหมือนเดิม หลายๆอย่างคงต้องใช้เวลามากกว่าแค่สามสี่วัน เยี่ยมเหรอ..."


ผมครุ่นคิด สภาพจิตใจของเทมตอนนี้แม้แต่คุณพี่หมอ บางครั้งเทมก็ดูหวาดระแวงเล็กน้อย แต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน ถ้าไม่พูดอะไรที่ไปกระตุ้นเจ้าตัว เทมก็ยังคงสงบดี ถ้าให้ไอ้น้ำมาเยี่ยมผมก็ไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ดี จะออกหัวหรือออกก้อย เพราะมีความเป็นไปได้ทั้งสองฝั่ง เทมอาจจะเชื่อมโยงน้ำกับโรงเรียนแล้วพาลคิดถึงเหตุการณ์ที่เจ้าตัวพยายามลืม หรือไม่ก็รู้สึกดีขึ้นเพราะได้เจอเพื่อน


[ กูเก่งไง เห็นหน้ามึงก็รู้แล้วว่าต้องตามใจนางฟ้าไปทุกอย่าง แล้ว..ตกลงว่าไงวะ? ]


ผมลังเล...แต่ผมก็อยากให้เขาดีขึ้น ไม่อยากให้เขาปิดใจใส่ทุกคน เพราะสุดท้ายก็จะเป็นเขาเองที่รู้สึกแย่
อย่างน้อยก็แค่น้ำคนเดียว เทมไม่น่าจะตกใจมาก


หวังว่าผมจะคิดไม่ผิดที่ตอบตกลง...



"เออ มาสักสิบโมงแล้วกัน"


[ เฮ้ยยยยยยยยยยย พวกเรา ไอ้หมูยอมให้ไปเยี่ยมเทมแล้วเว้ยยย! ]


[ เฮ้! / เย้ / โอ้ยยย ดีใจ / แปดโมงมารับกูด้วย / โดดยกสายชั้นหรือไงวะ / เจอกันเว้ย / เอาของเยี่ยมไข้อะไรดีอะ ]





หลากเสียงที่เฮเข้ามาในสาย ผมทำยื่นโทรศัพท์ออกมาดู


ประชุมสาย...


เกือบสิบกว่าคน...







ผ่านไปไม่ถึงสองวิ



ก็รู้แล้วครับ...

ว่าคิดผิดชัดๆที่ตอบตกลง



.......



หายนะกำลังมาเยือน











end 13 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

แก้ไขชื่อหมูหยอง เป็น หมูหย็อง นะคะ TvT);

















หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 15 * 21/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 21-09-2018 20:10:55








14









ผมว่าผมควรอุ้มเทมขึ้นหลังแล้วพาเจ้าตัวหนีไปที่กระท่อมสักแห่งกลางป่า เราจะล่านกล่าสัตว์หาอาหารกัน จุดไฟหากมันหนาว หรือที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีใครจะหาเราเจอ หลังจากวางสายจากน้ำไป ผมก็เริ่มรู้สึกกังวล ลางสังหรณ์สั่นรุนแรง เค้าลางว่าความวุ่นวายกำลังจะเกิดในอีกไม่กี่ชั่วโมง ผมได้แต่ถอนหายใจ รอบที่พันได้แล้วล่ะมั้งครับ ถ้าถอนหายใจแล้วได้เงิน น่ากลัวว่าผมคงจะกลายเป็นเศรษฐีเร็วๆนี้



สิ้นสุดสายระทึกขวัญ ผมก็นอนไม่หลับ เลยตัดสินใจเดินไปล้างหน้าล้างตา ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมเลยอาบน้ำเตรียมตัวเสียเลย ใช้เวลาไม่นาน ผมก็จัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย มุ่งหน้าไปหยิบเสื้อผ้าของผมจากในตู้เสื้อผ้าของเทมปุระ



ภาในตู้เสื้อผ้าไม้สีขาวสะอาดตา สี่บานประตูตู้ เกินกว่าครึ่งคือเสื้อผ้าของผู้อาศัยอย่างผม แทนที่จะเป็นเจ้าของห้อง ผมมาค้างบ่อย จนจะเรียกว่าเป็นหนึ่งในผู้อาศัยของบ้านนี้ก็ได้ครับ ข้าวของส่วนตัวของผมกระจายอยู่ทุกแห่ง พอๆกับข้าวของของเทมที่กระจายอยู่ทั่วบ้านผมเหมือนกัน ต่างกันนิดหน่อยที่ของผมจะเน้นหนักไปที่เครื่องแต่งกายและอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ส่วนของเทมกระจายไปด้วยขนมและตุ๊กตากับของเล่นของเจ้าตัว



ผมสุ่มๆหยิบเสื้อมาใส่ ได้เป็นเสื้อเชิ้ตเนื้อดีสีดำสนิท กับกางเกงสีเดียวกัน แสงไฟที่ผมเปิดไม่สว่างมากนัก และการกระทำทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความเงียบเชียบ ด้วยกลัวเสียงจะเข้าไปรบกวนองค์ชายนิทราเข้า



ผมเดินเข้าไปใกล้เตียงใหญ่กลางห้อง ทาบทับฝ่ามือลงหน้าผากคนที่กำลังหลบตาคิ้วขมวดอยู่ ผมใช้นิ้วนวดเบาๆคลายความพันกันนั่นออก เทมครางฮือขึ้นมา ดูท่าวันนี้คงจะไม่ใช่ฝันดี ผมตัดสินใจพาตัวเองขึ้นไปนอนบนเตียงเดียวกับเขา ตะแคงหันข้าง ใช้ความสว่างอันน้อยนิดลอบแอบมอง เทมปุระเป็นคนที่หน้าตาน่าเอ็นดูมาก ใบหน้าที่ออกน่ารักและเริ่มดูหล่อเหลา หากโตขึ้นไปจะต้องงดงามมากแน่ๆ ผิวหน้าใสเกลี้ยงเกลา คิ้วเข้ม และจมูกโด่ง รวมเครื่องหน้ากันแล้ว เป็นใบหน้าที่ผมหาข้อติเตียนไม่ได้เลย



ผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสสิ่งเย้ายวนตรงหน้า ผมนุ่มนิ่มที่ดูฟูเล็กน้อยเพราะเจ้าของกระสับกระส่าย พลิกตัวไปมาเพราะความทรมาณจากพิษไข้ เช้านี้ไข้ของเทมดูลดลง อุณหภูมิไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ ไม่ตัวร้อนจี๋เหมือนเมื่อวาน ได้แต่หวังว่าความน่าปวดหัวที่กำลังจะมากลุ่มใหญ่ จะไม่พาลเอาไข้ที่กำลังจะหายย้อนกลับคืน



เหมือนเจ้าตัวจะสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่คุ้นเคย ขยับลำตัวและใบหน้าไล่ตามไออุ่นจนเข้ามาประชิดกับผม อาการทุรนทุรายจากฝันร้ายดูบรรเทา เมื่อเจ้าตัวได้รับอ้อมกอดอุ่นจากผมคอยปกป้อง ผมแนบจูบลงข้างสันกรามสวย พลางลูบหลังกล่อมเด็กน้อยให้เข้าสู่ห้วงฝันลึกอีกครั้ง ที่ต่างกันคงเป็น...ครั้งนี้เจ้าตัวจะฝันดี



ผมไม่แน่ใจว่านอนกกกอดให้ความอุ่นเด็กน้อยของผมอยู่นานเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าก็คงสองสามชั่วโมงได้ เพราะแสงจากหลอดไฟนีออน แปรเปลี่ยนเป็นแสงจากดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ ถ้าคนที่กำลังหลับสบายในอ้อมแขนผมตื่นขึ้นมาเห็นผมนอนกอดเจ้าตัวอยู่ คงไม่แคล้วโวยวายอีกรอบ นึกถึงท่าทางที่ไล่กัน ถึงจะเพราะความเป็นห่วง แต่ก็อดหมั่นเขี้ยวเจ้าเด็กหัวแข็งที่นอนหลับไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ได้ จนผมแอบเคลื่อนหน้าไปงับจมูกโด่งนั่นเบาๆแต่สุดท้ายก็ใจอ่อน รังแกรุนแรงต่อนางฟ้าของตัวเองไม่ลง จึงจุ้บปลายจมูกแทนคำปลอบประโลมขมเขี้ยวเมื่อสักครู่


เทมที่โดนผมก่อกวนก็เริ่มขยุกขยิกจะหมุนตัวหนีจากอ้อมกอด ผมต้องลูบหลังลูบหัวอยู่นานกว่าจะกลับไปหลับสนิทเหมือนเดิม ไม่อยากให้เขานอนไม่พอครับ เดี๋ยวจะงอแง วันนี้ท่าทางจะเหนื่อยเสียด้วย ยังไงก็ให้นอนเยอะๆไว้ก่อนดีกว่า พอเทมปุระนอนนิ่งสนิท ผมก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเปิดดูข่าวต่างๆ พร้อมเข้าไปตอบข้อความที่ค้างคาเอาไว้


ยังไม่ทันที่ผมจะพิมพ์เสร็จ พอข้อความที่กำลังคุยกันอยู่ขึ้นอ่านสามคน ไอ้ตัวเล็กของกลุ่มก็โทรเข้ามาหาผมทันที ผมที่มือหนึ่งถูกยึดไปโดยเจ้าของเตียง ทำให้มือข้างที่ถนัดน้อยกว่า จะกดตัดสายทิ้งกลายเป็นกดรับ


เริ่มต้นวันได้ดีจริงๆเลยครับ...



[ ว่าไงมึงงงงงงงงงงงง จะเอาไรมะ พวกกูกำลังเดินหาของไปเยี่ยมไข้เทมอะ อีกสักครึ่งชั่วโมงคงถึงบ้านมึง นี่เทมอยู่ไหน บ้านมึงใช่ป้ะ ]



เสียงที่สามารถดังไปถึงอีกทวีปแหกปากออกมา ด้วยความที่มันเปิดกล้องโทรมา ผมจึงเห็นปากกว้างๆของมันเต็มจอไปหมด ผมส่งสายตาเย็นเฉียบไปให้ไอ้คนไฮเปอร์อยู่ไม่นิ่ง


"เงียบๆหน่อย เทมนอนอยู่"

[ อ้าว อยู่ด้วยกันเหรอวะ ไหนมึงเลื่อนโทรศัพท์ลงไปดิ๊ จะดูหน้าเทม / ไหนๆ เทมเหรอๆ!? คุยด้วยๆ เท๊มมมม / เฮ้ย อย่าดันนนนน / ไหนเทมวะเห็นแต่ไอ้หมู ]


นอกจากไม่เงียบแล้วยังเสียงดังกว่าเดิมอีกครับ เสียงวุ่นวายพร้อมภาพที่ตัดฉับไปมา คิดว่าพวกนั้นคงจะยื้อแย่งโทรศัพท์กันอยู่ ผมคอยๆดึงมือตัวเองจากคนที่ดูเหมือนใกล้จะตื่นเต็มทีเพราะเสียงอันน่าหนวกหู
ผมกดปิดเสียง ก่อนจะลูบหัวเด็กน้อยอีกครั้งให้เขาหลับต่อ แม้แต่เวลาที่ไม่รู้สึกตัว เทมปุระก็ยังคงว่าง่ายกับผม เจ้าตัวพลิกตัวไปมาก่อนจะส่งเสียงฟี้ออกมาเบาๆ ผมจัดผ้าห่มให้เทมอีกครั้ง ทายาแถวช่วงจมูกให้หายใจโล่งขึ้นเล็กน้อย เพราะดูองค์ชายน้อยหายใจลำบาก ก่อนจะเดินออกมาจากในห้อง



[ เอ้า เฮ้ย ไมเงียบไปแล้ววะ / มึงอ่ะไอ้เต้เสียงดัง ไอ้สัตว์ / เพราะมึงนั่นแหละไอ้เตี้ยยยยย ]

"เพราะทั้งคู่นั่นแหละ เงียบหน่อย เมื่อกี้เกือบทำเทมตื่นแล้ว แหกปากอะไรกันแต่เช้า"

[ โห พ่อดุแต่เช้าเลยโว้ย ก็พวกกูอยากเห็นหน้าเทมนี่หว่า ใช่มะพวกเรา ]

ทำไมพวกนี้มันต้องมาอยากเห็นหน้าเทมอะไรกันขนาดนั้นด้วยครับ ของรักของสงวนของผม ไม่ใช่ว่าใครมาขอดูผมก็จะให้นะ เสียงตอบรับจากคนหลายคนดังขึ้นพร้อมกัน จนผมนึกสงสัยว่ามากันกี่คนกันแน่ ทำไมถึงได้ดูวุ่นวายเหลือเกิน


"มากันกี่คน ไม่ใช่ขนมาทั้งโรงเรียนหรอกนะครับ"

[ ไม่เยอะๆ มึงก็พูดไป มากันไม่กี่คนหรอก มีกู ไอ้เตี้ยน้ำ ไอ้อเล็กซ์ เปีย หญิง ไม้ ขิม ธันวา 123...แปดคนเอง ]



แปดคนนี่ใช้คำว่าเองไม่ได้นะครับ ต้องใช้คำว่าตั้งแปดคนต่างหาก
แล้วนี่ขนมาทั้งเลขา รองประธาน ทั้งเหรัญญิก ขนทีมสภาของผมมาแบบนี้นี่ รู้เลยครับว่าเป้าหมายคืออะไร แบ่งได้เลยครับ ทีมเอางานมาให้ผมทำ กับทีมมาเล่นกับเทม...ผมเข้าไปอุ้มเทมหนีไปยังทันไหมครับ...


[ เหมือนท่านประธานจะเดาได้แล้วนะว่าพวกเรามาทำไม ฮิฮิ ไม่ปล่อยให้หยุดสบายๆหรอกจ้า ]

"ผมจะบอกให้ยามไม่ให้พวกคุณขึ้นมา"

[ ยามคอนโดก็คุณป้าป่ะวะ อย่างคุณป้าที่โคตรใจดี ถ้าไม่ยอมให้พวกกูขึ้นไปหาเทม เอาตีนมาลูบหน้ากูได้เลย ]

ไอ้เต้ที่ยึดโทรศัพท์ไอ้น้ำมาคุย ยืดอก ทำหน้าแบบที่มั่นใจในตัวเองสุดๆ จนผมอยากจะกลอกตาใส่มัน

"งั้นเอาหน้ามารองตีนผมได้เลยครับ ถ้าผมบอกว่าเทมปุระยังอาการไม่ดี ไม่อยากเจอใคร คิดว่าคุณป้าจะเลือกเชื่อใคร?"



ผมยิ้มกริ่มที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มของผู้ชนะโดยไร้คู่แข่งขัน คุณป้าเชื่อใจผมเรื่องของเทมมากกว่าใครครับ ถ้าผมพูดไป ไม่ว่ายังไงคุณป้าก็จะยอมทำตามแน่นอน


[ เฮ้ย! มึงมันขี้โกง มึงมันไอ้เจ้าเล่ห์ตาเขลิ้นสองแฉก ไอ้น้ำมาช่วยกูด่าหน่อย! / อะไรวะ เออๆ ไอ้หมูสี่ขา ไอ้ซาลาเปาไส้เค็ม ไอ้บะจางไม่ได้นึ่ง ไอ้ข้าวหุงไม่สุกกกก / มึงด่าหรือมึงหิว!? / หิวว่ะ แฮะๆ ]


คณะตลกที่กำลังโหวกเหวกผ่านเครื่องมือสื่อสาร ทำเอาผมละเหี่ยใจ แค่ไอ้เต้กับไอ้น้ำผมก็แทบจะกุมขมับแล้วครับ นี่มากันครบองค์ตัวป่วน สิงหสารสารทวิทยาวันนี้ต้องเงียบมากแน่ๆ ตัวป่วนป่าช้าเล่นยกโขยงกันมาที่นี่แบบนี้




"ฮึก ฮึก หมุหย็องอยุ่ไหน หมุ หมุ หมุหย็อง..."



เสียงร้องไห้จากในห้องทำเอาผมลืมทุกอย่าง รีบวิ่งเข้าไปหาต้นต่อเสียงที่ทำเอาผมใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เทมปุระที่เพิ่งตื่นนอนกำลังตั้งท่าจะโวยวาย แต่พอเห็นผมวิ่งเข้ามา น้ำตาที่ร่วงผล็อยๆหยุดลง ใบหน้าบิดเบี้ยวก็ฉีกยิ้มกว้าง ใจหายใจคว่ำหมดเลยครับ นึกว่าอาการจะกำเริบเสียอีก นี่แค่งอแงเพราะตื่นมาไม่เห็นผมเฉยๆ ผมเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย ดึงทิชชู่บนหัวเตียงมาให้เทมสั่งน้ำมูกออก แค่เฉยๆก็คัดจมูกอยู่แล้ว มาร้องไห้อีก ไม่สั่งออกมานี่สงสัยได้ตันจมูกหายใจไม่ออกแน่ๆครับ


ฟื้ดดดด


"แฮะ ม-ไม่เห็นหมุย๋อง เลยตกใจเฉยๆ ไม่เป็นไลเลย" ร่างสูงที่พอเห็นผมก็อารมณ์ดีแล้วหันมายิ้มแฉ่งให้ ผมส่ายหน้าไปมากับความขัดแย้งของเทมปุระ ทั้งอยากให้ผมอยู่ด้วยใจจะขาด แต่เขาก็เอาแต่เป็นห่วงกันอยู่ได้ เฮ้อ


[ เฮ้ยๆๆๆๆ เสียงเทมป่ะวะตะกี้ หมูมึงแกล้งอะไรเท๊ม!? / เทมเป็นอะไรลู้กกกกกก ใครแกล้งเทมของหญิง! ]



ผมนึกว่าตัวเองวางสายไปแล้วเสียอีก แต่เสียงที่แข่งกันตะโกนออกมาบอกชัดว่ายังคงอยู่ เทมที่ได้ยินเสียงคนคุ้นเคยก็ตาเป็นประกาย กระวีกระวาดเขยิบเข้ามาใกล้ผม แต่ก็ยังไม่วายลืมหยิบผ้าปิดปากมาใส่อีก ใส่ไปก็ไม่ช่วยป้องกันอะไรหรอกครับเทมปุระ...หมูนอนกกเทมทั้งเช้าเลยนะ ไม่รู้ตัวเลยหรือไงครับ หืม...?



ผมส่ายหน้าให้เด็กน้อยที่หูตั้งหางกระดิกเข้ามาหา พลางหยิบเจ้าสิ่งที่เปล่งเสียงออกมาจากกระเป๋ากางเกงให้เขาดู


"เต้! นั้ม! นั้ม! หยิงด้วย! ไหม้ เปียยย ทันวา ขิ้ม เล๊ก!"


เทมที่ตื่นเต้นเมื่อไอ้เต้เบนกล้องให้เห็นหน้าทุกคน เสียงทุ้มที่ดูสดใสร่าเริงขึ้นมา ทำเอาผมยิ้มอย่างผ่อนคลาย นับว่าออกหัวแล้วกันครับ ออกมาดีจนผมโล่งใจ เทมรับโทรศัพท์ไปพูดคุย ดูท่านอนเปื่อยบนเตียงกับกองแบบฝึกหัดทั้งวันก็ทำเด็กน้อยของผมเฉาไม่ใช่น้อย พอได้เจอเพื่อนก็เป็นดอกไม้ได้รับน้ำขึ้นมาเชียว


[ ไอ้ไม้นี่กลายเป็นซากเลย... / ทำไมวะ? / ก็ไหม้ไง ฮ่าๆๆๆๆ / .... / .... / ไม่ตลกเหรอวะ...? ]

"ฮิๆ ฮ่าๆ ขัมๆ ไหม้ไหม้เลย เทมขัม ขะ ขำ ครับ"

[ โธ่ นางฟ้าของน้ำ หนึ่งเดียวในใจกู เทมจะเอาไรเปล่า เดี๋ยววันนี้พวกเราจะเข้าไปเยี่ยมนะ เตรียมไม่ได้หลับไม่ได้นอนได้เลย จะไปกวนทั้งวันทั้งคืนบริการตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบไร้ความเกรงใจ ก๊ากๆๆๆ ]

"จริงเหร๊อ!? หมุหย็องๆ น้ำมาได้เหร๋อ จะติดหวัดเทมไหม"

"ไม่ติดหรอกครับ เคยได้ยินมาว่าคนบ้าไม่เป็นหวัดนะ"

"อ๋อๆ งั้นมานะ เดี๋ยวเทมอาบนั้มรอ"

[ เดี๋ยวๆ ด่ากันขนาดนี้ก็ตบกูเถ๊อะ / เอามานี่ ฉันจะคุยกับเทม! ...เทมเป็นไงบ้าง!? ดีขึ้นหรือยัง นี่หญิงเอาสมุดระบายสีอันใหม่มาให้ด้วยนะ รอได้เลย เล่มนี้อลังการกว่าเล่มเก่ามว้ากกกกกก! ]

[ ไหนๆ คุยมั่งดิ เฮ้ย ทำไมใส่ผ้าปิดปากมิดชิดขนาดนั้น นึกว่าโจรเสียอีก / แกสิโจร แย่งโทรศัพท์ตอนฉันคุย! ]

[ หมูไปเตรียมเปิดแมคบุ้คเลยนะ นี่เราเอากองงานของวันที่หยุดมาให้เคลียร์ ]


ใบหน้าที่สลับเปลี่ยนกันไปมาจนน่ามึนงงเอาทำผมชักปวดหัว เหมือนจะเป็นไข้ขึ้นมาแทน ต่างกับผู้ป่วยตัวจริงที่ดูตื่นเต้นสนุกสนานไปกับเขาทุกอย่าง สุดท้ายก็เป็นธันวา ที่ทนไม่ไหวจับโทรศัพท์มาถือไว้ในมือแทน แล้วให้คนอื่นที่อยากคุยกับเทม ค่อยๆมาพูดทีละคน ไม่อย่างนั่นอีกไม่กี่นาที คงจะได้หน้าจอดำมือเพราะตกแตกแล้วล่ะครับ แย่งกันไปมาอย่างกับชักกระเย่อ


[ เทมๆ กินนี่เปล่า เดี๋ยวซื้อไปให้ ] เปียที่เดินถือถุงขนมมาโบกให้เด็กน้อยของผมดู ผมคิ้วขมวด ขนมช็อกโกแลตไส้เนยถั่วเด่นหรา ถ้าให้เทมทาน เดี๋ยวเกิดเจ็บคอขึ้นมาคงไม่ดี ถึงตอนนี้จะไอไม่มากก็เถอะ

"เอาไปเก็บเถอะครับเปีย เทมยังทานอะไรมากไม่ได้ ยังไม่ค่อยหายดีนัก"

[ คำพูดเธอสวนทางกับคนข้างตัวมากนะหมู ดูหน้าเทมดิ ตาละห้อยเชียว ฮ่าๆๆ ]


ผมเหลือบตามองคนข้างตัวที่รีบหลบสายตาผม แต่ที่เห็นแว่บๆ ก็เป็นสายตาอาลัยอาวรณ์มากจริงๆครับ เหมือนดวงตาลูกหมาหิวข้าว แล้วเรายื่นน่องไก่มาส่ายั่วตรงหน้าไม่มีผิด ผมก็ไม่ได้อยากใจร้าย แต่ถ้าเขาไม่สบายขึ้นมา ก็จะเป็นเจ้าตัวนั่นแหละที่ทรมาณ ผมทำเป็นมองไม่เห็นนัยน์ตาละห้อยที่ชำเลืองมามองผม เหมือนอยากให้คำตัดสินเป็นอื่น



"นิ๊ด นิ๊ด นี๊ดดดเดียว ก็ไม่ได้เหร๋อหมุหย็อง เอาลิ้นแตะๆเฉยๆก้อได้ เทมไม่ได้หม่ำขนมตั้งสองวันแล้ว..."

"หมูก็อยากให้เทมหม่ำอยู่หรอกนะครับ แต่ถ้าเกิดทานเข้าไปแล้วอาเจียนขึ้นมาล่ะ ขนาดนมรสคาราเมลเมื่อคืนยังแอบดื่มไม่หมดเลยใช่ไหม หมูเห็นนะครับ"

"ก้อ ก้อ ก็อิ่มเฉยๆ..."

"ไม่ดื้อนะครับเทม ไหวหายดีเดี๋ยวหมูจะพาไปทานทุกร้านที่ชอบเลย แต่ตอนนี้ หมูขอได้ไหมครับ? อดทนก่อนนะ"

"คับ ไม่ดื้อคับ..."



คนไม่ดื้อที่ตอนนี้กำลังหน้างอเพราะไม่ได้กินขนม ทำเอาผมใจอ่อน ปกติเทมติดขนมหวานมากครับ วันหนึ่งต้องได้กินสักอย่าง แต่นี่ผมงดให้เจ้าตัวทานมาวันสองวันแล้ว เพราะไม่สบายทีไร ทานอะไรหวานๆก็อาเจียนทุกที นมเมื่อคืนผมลองหยวนๆให้ สรุปดื่มไม่ทันหมดแก้วดี เทมปุระก็เริ่มคลื่นไส้แล้วครับ เฮ้อ แบบนี้จะให้ไปกินได้อย่างไรล่ะ


[ อะๆ ไม่เศร้านะเทม ไว้หายดีเดี๋ยวเปียพาไปกินไอศกรีมนะ นี่มีร้านเปิดใหม่ด้วย สั่งมากินที่โรงเรียนยังได้เลยนะ เขามีบริการส่งถึงที่ เพราะงั้นรีบหายไวๆนะ ]

เด็กน้อยข้างตัวผมที่กำลังหน้างอชัดเจนทะลุแผ่นสีขาวที่ปิดไปครึ่งหน้า ก็เปลี่ยนฉับไวเมื่อได้ยินคำโปรดอย่างไอศกรีม เห็นเป็นรอยยิ้มชัดเจนภายใต้หน้ากาก โทรศัพท์ถูกเปลี่ยนมือจากเปียเป็นไอ้น้ำอีกครั้ง มันชูถุงหิ้วอะไรสารพัดอย่างให้ดู เหมือนจะบอกว่าซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้ว

[ งั้นเดี๋ยวไปเจอกันที่บ้านเทม อีกยี่สิบนาทีถึง ]

"ถึงแล้วก็ขึ้นมาเลยนะครับ พอดีคุณป้าทำงานไม่มีใครอยู่ดูแลเทม"

[ จ้าคนติดเทม 2018 ]



ผมกดตัดสาย หันมามองหน้าคนที่เหมือนกำลังจะงอนผมอยู่หน่อยๆ  มุมปากตกลง ไม่ยอมสบตาด้วย จนผมต้องเชยคางเข้าขึ้นมานั่นล่ะ ถึงจะได้สบกันกับนัยน์ตาคู่งาม เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารปนอยากแกล้งหน่อยๆนะครับ ผมยิ่งไม่มีภูมิต้านทานเขาในโหมดนี้เท่าไหร่อยู่แล้วด้วย ผมยิ้มมุมปาก ใช้ปลายนิ้วปลดสิ่งพันธนาการบนใบหน้าของเขาออก แอบจับใบหูนุ่มนิ่มไปที จนเจ้าของสะดุ้งเล็กน้อย เทมที่เห็นผมยิ้มกริ่ม ก็ยิ่งมุมปากตกลง คงนึกว่าผมแกล้งให้เจ้าตัวอดล่ะสิท่า ในสมองของนางฟ้าตอนนี้คงจะกำลังบ่นผมไม่หยุดแน่นอน



"ไหนว่าไม่ดื้อไงครับเทม?"

"เทมไม่ดื้อไงคับ แต่ไม่ด้ายบอกว่าไม่โกดโกดนะ หมุหย็องยังแอบไปหม่ำขนมมาเลย ได้กิ่น-ได้กลิ่นนะ เมื่อคืนตอนงับแขนก้อ ก็รู้สึกหวานๆด้วย"


หน้าตาของผมตอนนี้ต้องดูฉงนมากแน่ๆ อย่างผมน่ะหรือครับจะแอบไปกินขนมอย่างที่เจ้าตัวว่า ผมที่แม้กระทั่งนมยังดื่มแต่รสจืด ช็อกโกแลตก็ต้องความเข้มที่แปดสิบเปอร์เซนขึ้นไป กาแฟก็ต้องเป็นเอสเพรสโซ กาแฟดำล้วนๆเท่านั้น เรียกได้ว่าของหวานไม่ใช่ของโปรดผมเลยล่ะครับ ค่อนข้างจะไม่ชอบเสียด้วยซ้ำ ตรงกันข้ามกับอีกฝ่ายที่แก้มนุ่มๆเริ่มพองออก ผมยื่นนิ้วไปจิ้มให้ยุบ เทมก็ไม่ยอมแพ้ยังคงไล่อมลมเข้าไปอีกเรื่อยๆ


"หึหึ ไม่จริงสักหน่อย เทมใส่ร้ายหมูแล้วนะครับ เมื่อคืนก็นั่งคุยโทรศัพท์ นั่งดูหน้าใครก็ไม่รู้ทั้งคืนเลย จะเอาเวลาที่ไหนไปแอบกิน หืม? ไหนเด็กชายฟ้าประทานบอกเด็กชายดิมิทรีสิครับ"


ร่างสูงเลิกทำปากบึ้ง เปลี่ยนมาเป็นไล่งับนิ้วผมแทน ผมหัวเราะเจ้าปลาตัวโตที่ไล่ตามคันเบ็ดที่เป็นนิ้วของผมอย่างไม่ลดละ จนผมยอมหยุดนิ่งๆให้เจ้าปลาปากกว้างเข้ามาแทะเล็ม ฟันคบขบนิ้วผมเบาๆไปทั่ว ลามขึ้นมาถึงข้อมือขาว จมูกโด่งไล้ขึ้นมาก่อนหยุดนิ่ง แนบชิดและสูดดม ใบหน้าสมบรูณ์แบบเงยขึ้นมามองกัน


"นี่ไง หอมหอม หมูหย็องน่ากินจังเลยครับ"


แล้วมันก็ ตู้มมมมมมมม เสียงระเบิดในหัวที่ลากยาวไม่หยุด ยังกับเกิดสงครามโลกครั้งที่สี่ในหัวของผม แถมยังเริ่มรุกรามมาที่หน้าอกข้างซ้าย ผมรู้สึกเหมือนใครสักคนเอาผ้าชุบน้ำร้อนมาเช็ดหน้าให้ รู้สึกเลือดในกายถูกจับใส่กาน้ำต้มจนเดือดร้อนไปหมด ยิ่งจมูกที่กำลังสูดกลิ่นกายผมไม่ยอมหยุด แขนหนาดึงผมเข้าไป ก่อนจะรวบเอวผมเข้าไปกอด ใบหน้าที่อยู่แถวหน้าท้องแบนราบของผมก็ซุกเข้ามา


ผมกลายเป็นเหมือนสัตว์ที่ตายแล้วและถูกจับมาสต๊าฟเอาไว้ แข็งค้าง จับต้นชนปลายไม่ถูกไปหมด รู้สึกแขนขาตัวเองช่างเกะกะ ไม่รู้จะทำยังไงดี จึงได้แต่วางบนไหล่กว้าง เทมที่เหมือนจะหายงอนผมไปแล้ว ฉีกรอยยิ้มกว้างใส่ผมจนตาพร่ามัว เสื้อเชิ้ตสีดำสนิทของผมตัดกับสีกายของอีกฝ่าย แก้มนุ่มไถไปมา จนผมต้องเกร็งทั้งตัว


"เทม..."


ผมที่เริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่เจ้าหมาน้อยยังคงกอดรั้งเอวผมมาชิดเสียแน่นโดยไม่รู้เรื่องราวอะไร เสี้ยวหน้าได้รูปที่กำลังมีความสุขของเขา ทำให้ผมไม่อยากขัด เลยได้แต่ยืนเป็นตุ๊กตัวโปรดให้เขาฟัดเล่น แม้จะหายใจไม่ค่อยทั่วท้องก็เถอะ...


จนผมนึกว่าผมจะไม่ได้ไปไหน และกำลังจะละลายคาอ้อมแขนที่เป็นเหมือนป้อมปราการกักขังผมเอาไว้ เสียงกดกริ่งที่หน้าประตูด้านล่างก็ช่วยชีวิตผมไว้ได้ทันพอดี เทมปุระทำหน้าตาเสียดาย แต่ก็ยอมคลายแขนลง


"สงสัยพวกน้ำมากันแล้ว เดี๋ยวหมูไปเอาน้ำใส่กะละมังมาให้ล้างหน้าแปรงฟันนะครับ"


ผมที่ยังคงรู้สึกร้อนระอุอยู่ก็รีบพูดเร็วๆแล้ววิ่งเข้ามาในห้องน้ำ หลังชิดประตูก่อนจะค่อยๆไถลลงนั่งกับพื้น มือขาวยกขึ้นกุมอกตัวเอง ให้หัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งสงบลง เกือบได้ตายจริงๆเสียแล้ว...กว่าผมจะตั้งสติหยุดหัวใจที่เต้นรัวแรงได้ เสียงกริ่งก็ถูกกดเป็นจังหวะสามช่า


ผมขมวดคิ้วกันแน่น รีบหยิบกะละมังใต้อ่างล่างมือและอุปกรณ์สำหรับธุระยามเช้าของเทม วางอ่างน้ำที่บรรจุน้ำใส่ไว้เต็ม พร้อมผ้าแห้งไว้ใกล้มือเขาเรียบร้อย ผมก็รีบจ้ำลงไปข้างล่าง ถึงห้องนี้จะพนังหนาเป็นพิเศษ แต่กดขนาดนี้ก็กลัวเพื่อนบ้านจะเอามีดมาปาใส่เหมือนกันนะครับ เสียงกดถี่ขนาดนี้ เขาไม่เปิดประตูมาตะโกนด่าถามหาบิดามารดาก็นับว่าดีขนาดไหน


"กดถี่ขนาดนี้ ถอดเก็บไว้ไปกดที่บ้านเลยไหม"

"อ้าว ได้เหรอวะ เอ้า! พวกมึงยืนรออะไร แงะเลยเว้ย!"


ผมเอือมมือไปจะโบกกระโหลกไอ้แสบน้ำ แต่มันก็เร็วเป็นจรวด กระโดนไปหลบอยู่หลังของไม้ เหรัญญิกผมเสียแบบนั้น ไม้ผู้เงียบขรึม พยักหน้าเป็นเชิงทักทายก่อนจะส่งถุงกระดาษมาให้ผมรับไว้


"อะไรครับ ถ้าเป็นขนม วางกองกันไว้นอกห้องเลยนะครับ เดี๋ยวเทมเห็นแล้วจะงอแงอยากทาน"

"ไม่ใช่หรอกน่า แหม พวกเราก็เห็นเทมหน้าจอเมื่อตะกี้อยู่หรอก เลยเอาขนมไปวางที่เดิมหมดแล้ว เปลี่ยนมาเป็นอย่างอื่นแทน เทมต้องชอบ เชื่อเราดิ"


เปียยิ่นหน้าเข้ามายักคิ้วให้ ผมเปิดถุงกระดาษออก ข้างในเป็นอะไรที่คุ้นเคยและคุ้นตา และเมื่อสังเกตดีๆ ถุงในมือทุกคนก็เป็นแบรนด์เดียวกันหมด ต่างแค่ขนาดของถุงเท่านั้น ผมล่ะอยากกุมขมับ


"จะซื้อมาทำไมกันเยอะแยะครับ แค่เท่าที่มีก็เต็มบ้านแล้ว"

"มึงจะบ่นทำไมเนี่ย พวกกูซื้อให้เทมไหมล่ะ ไม่ได้ซื้อให้มึง"

"เพื่อนเต้โง่อีกละ เขาไปมาหาสู่อยู่ด้วยกันขนาดนี้ ซื้อให้คนนี้ก็เหมือนซื้อให้อีกคนแหละว่ะ คนบ้านเดียวกันไงมึง"

"แหม น้องน้ำนี่รู้ลึกรู้จริง เอาไปห้าแต้ม"


ก่อนที่อลวนกันอยู่หน้าประตูผมก็เชิญกองทัพขนาดย่อมๆเข้าบ้าน


"ต้องขึ้นไปข้างบนนะครับ พอดีเทม...จากเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าตัวตกใจและหวาดกลัวจัด จนร่างกายเกิดอาการควบคุมไม่ค่อยได้น่ะครับ"

สีหน้าแต่ละคนที่ดูร่าเริง ดูสลดลงเล็กน้อยเมื่อผมบอกอาการของเทมไป ไหนๆก็บอกแล้วผมคิดว่าบอกข้อห้ามไปด้วยเลยก็ดีกว่า สร้างคอกไว้กันวัวหายก่อน สบายใจกว่าครับ

"รบกวนอย่าพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนะครับ ไม่ว่าจะเรื่องเกี่ยวกับอะไรๆก็ตาม"

"เออ ได้ พวกกูไม่พูดหรอก แต่อาการเทมนี่ยังไงวะ คือเดินไม่ได้เลยเหรอวะ แบบพิการไปเลย?"

"เฮ้ย ถ้าอาการเพื่อนกูหนักขนาดนี้ แม่งเอ้ย พรุ่งนี้กูจะไปทื้บขาแม่งให้เดี้ยงตามเทมไปเลย สัตว์!"

"ใจเย็นก่อนพวกนาย ฟังหมูพูดก่อนสิ ขัดเอาๆ จะพูดทันพวกนายไหมยะ"


ทุกคนเงียบเสียงลงพลางหันหน้ามามองผมเป็นตาเดียว ผมได้คิดว่าจะอธิบายยังไงให้เข้าใจง่ายๆดี


"จริงๆก็เดินได้ครับ แค่ยังเดินตรงๆแบบปกติไม่ได้ คล้ายๆคนอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน ช่วงเวลาเทมไม่สบาย จะเป็นช่วงที่สมองถอยหลังกลับไปเป็นเด็กอายุไม่กี่ขวบน่ะครับ แต่ก็ไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน คูณหมอบอกว่าเพราะมีเรื่องเกิดขึ้น ทั้งสมองและจิตใจโดนจู่โจมหนักหน่วง เลยเป็นหนักขนาดนี้  แต่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ พอหายไข้ จะค่อยๆกลับมาเป็นปกติเอง สภาพจิตใจก็อาจจะต้องใช้เวลาช่วย แต่ก็จะหายดีแน่นอน ถ้าเขาอารมณ์รุนแรงหรือก้าวร้าวไปบ้างในวันนี้อย่าถือสานะครับ ยังไม่หายไข้ดี เลยอาการขึ้นๆลงๆ"


ทุกคนดูโล่งใจขึ้นมา ว่าอาการน่าเป็นห่วงนี้ไม่ได้จะเป็นถาวร เทมจะยังคงวกลับมาวิ่งเล่นได้เหมือนเดิม


"ค่อยยังชั่วหน่อย ตอนเห็นบอกอาการในไลน์แล้วนี่เครียดเลย ดีแล้วล่ะ ที่โรงเรียนเขาลือกันให้แซ่ดเลย"

"เออ หมูรู้หรือยังว่าพวกนั้นออกโรงเรียนไปหมดแล้วนะ คนห้องสามนี่โล่งใจกันไปเยอะมาก ฝากมาความเป็นห่วงกับขอบคุณมาด้วย ที่ทำให้พวกเกรเรออกไปได้เสียที"

"เสียดาย รีบออก ไม่งั้นนะ ฮึ่มๆๆๆ"

"จะถึงห้องเทมแล้ว เลิกพูดเรื่องนี้เถอะครับ"














หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 15 * 21/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 21-09-2018 20:11:25
ผมเปิดประตูออก เจอคนยิ้มกว้างรอรับอยู่ ไอ้เต้ไอ้น้ำวิ่งพรวดเข้าไปกอดคอเทมทันที

"ไง มึงงงงงงงง ท่าทางดูดีกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย! คิดถึงพวกกูมะ"

"กูขนเกมมาให้มึงเล่นด้วย กลัวมึงเบื่อ เดี๋ยวกินข้าวเที่ยงแล้วมานั่งเล่นกัน"



ผมขมวดคิ้วอีกรอบ ถ้าเกมแนวที่เล่นแล้วทำให้อารมณ์เสีย หรือหงุดหงิดนี่ผมไม่อนุญาตนะครับ กลัวจะส่งผลไม่ดีต่อเทมที่กำลังโต ออทิสติกยิ่งเป็นพวกพอสนใจอะไรแล้วจะหมกหมุ่นกับสิ่งนั้นทั้งวันทั้งคืนอยู่ พอผมจะเอ่ยปากทักท้วง ขิมเด็กผู้ชายใส่แว่นตัวเล็กพอกันกับไอ้น้ำก็เดินมากระซิบบอก ขิมนี่เป็นเพื่อนเล่นหมาแมวของเทมครับ เคยไปเจอกันที่คาเฟ่แมว เลยสนิทกันแบบงงๆ เจ้าตัวจัดได้ว่าเป็นสายเงียบคล้ายๆกับไม้ ผมเคยคิดว่าถ้าจับสองคนนี้มาอยู่ด้วยกัน คิดว่าน่าจะเงียบยิ่งกว่าป่าช้าตอนเที่ยงคืนอีกครับ


"บอร์ดเกมน่ะ น้ำลากพวกเราไปซื้อกันมา"


ถ้าบอร์ดเกม เกมกระดานก็พอหยวนครับ นึกว่าจะมาชวนกันเล่นเกมต่อสู้ หรือเกมพิสดารๆ ถ้าใช่คงจะต้องให้เอาไปกองไว้ข้างนอกแทน


"มึงนี่เข้มงวดจังวะ เอ้า นี่ของฝากอียิปต์ ของเทมก็อยู่ในนั้นด้วย นี่กูกลับมาแล้วงงชิบหาย ไอ้เต้ไอ้น้ำโหวกเหวกในกลุ่มไลน์ไม่หยุดเลย"


ธันวาเป็นรองประธานของผมครับ ธันวานี่ตัวโตมากครับ คืออย่างเทมนี่สูงกล้ามเนื้อพอดีตัว แต่ธันวานี่ตัวสูงไม่พอกล้ามใหญ่มาก ผิวสีเข้มจัด เสียยิ่งกว่าไอ้เต้ที่เล่นบาสกลางแจ้งทุกวี่ทุกวันเสียอีก รวมกันแล้วมันดูเถื่อนมากครับ จนบางครั้งเวลาพวกผมสี่คนไปเที่ยวด้วยกัน จะมีมันแค่คนเดียวที่ถูกคิดราคาผู้ใหญ่ครับ...บางทีก็โดนไม่ให้เข้าโรงเรียนด้วย เพราะนึกว่าเป็นผู้ปกครอง แม้ภายนอกมันจะดูเถื่อน แต่ข้างในมันใฝ่รู้ใฝ่เรียนมาก อันดับหนึ่งของผมบางครั้งก็เกือบจะโดนมันสอยอยู่เนื่องๆ เรียกว่าเป็นศัตรูด้านการเรียนของผมก็ว่าได้


"ผมเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบเขานี่ครับ ถ้าจะเข้มงวด ก็เพื่อตัวเขาเองทั้งนั้น"

"คำพูดเหมือนจำใจ แต่หน้าตามึงนี่กำลังโอ้อวดอยู่ชัดๆ น่าหมั่นไส้ชิบหายยยยยยย"

"หมู ช่วยมาตรวจงานกับเราก่อนได้ไหม พอดีว่างานมันเร่งจริงๆน่ะ"

เปียเลขาผู้ใส่ใจงานก็ทักผมขึ้นมา ในมือมีแฟ้มหลากสีและกระดาษหลายใบ นี่ผมสงสัยมากเลยนะครับ ว่าสมมุติผมเกิดอุบัติเหตุแขนขาหักต้องเข้าเฝือก เปียก็ยังจะให้ผมทำงานโดยคาบปากกาเซ็นหรือเปล่า...มีความเป็นไปได้มากเลยครับ ว่าต้องใช่แน่ๆ
"เออ เปียเรียกกูมาเพราะเรื่องงานโรงเรียนนี่แหละ ลงจากเครื่อง ตูดยังไม่ทันหายร้อน แม่โทรจิกกูยิกๆๆๆ"

"ไม่ให้โทรจิกนาย เราจะให้ฉันโทรจิกใคร งานของนายมาโปะที่ฉันหมดแล้วเนี่ยตาถึก!"

"โห ยายถึกทำไมมาว่ากันแบบนี้ล่ะ งานเราก็เหมือนงานเธอ งานเธอก็คืองานเธอยังไงล่ะ"

"แกเรียกใครว่าถึกห๊า!"

"ทั้งสองคน อย่าเพิ่งตีกั๊น!"


เปียที่ปกติจะเสียงหวานตอนนี้เสียงอำมหิตมากครับ ระหว่างที่รองประธานกับเลขากำลังเปิดศึก และมีผู้ช่วยเลขาอย่างหญิงคอยห้ามทัพ ผมก็เดินหนีมาหาคนที่กำลังพูดคุยอย่างสนุกที่เตียงแทน


"ใช่ๆ แล้วแมวตัวนั้นก็น่ารักมากเลย เราถ่ายคลิปมาด้วย แต่อยู่ในกล้อง เอาไว้จะลงในเฟสบุ้คแล้วเทมยืมโทรศัพท์หมูมาดูนะ"
"อ-โอเค ละ-แล้วเค้กอร่อยไหม"

"อร่อยๆ! ปกติคาเฟ่สัตว์ อาหารจะไม่ค่อยอะไรใช่ไหม แต่ร้านนี้ดีมากเลยนะ"

ขิมที่ปกติจะเงียบๆ แต่พอเป็นเรื่องของเจ้าสี่ขานี่จะพูดเก่งมากครับ ชวนเทมคุยไม่หยุดเลย

"เฮ้ย คาเฟ่ตรงข้ามร้านเหล้าใช่ป่ะวะ คุ้นๆ เหมือนจะเป็นร้านพี่ที่กูรู้จักเองอะ"

"จริงเหรอเต้ ร้านนี้ระบบจัดการดีมากเลย มีพื้นที่ให้แมวเล่นเยอะมาก เราฝากคำชมไปให้พี่เขาหน่อยดิ"

"ร้านไหนวะ"

"ตรงข้ามร้านพี่จินไงมึง ร้านที่เพื่อนเขาเปิดอ่ะ"

"อ๋อออออออ แต่ก่อนเป็นร้านเกมเดี๋ยวนี้กลายมาเป็นคาเฟ่แล้วเหรอ ไม่ได้ล่ะ กูต้องไปมั้ง"

"อย่าเลยน้ำ มึงไปนี่แมวคงกลัวจนขนร่วงอ่ะ กาลกิณีเกิ๊น"

"สัตว์เต้ กวนส้นตีน!"


แล้วบนเตียงก็เกิดศึกไอ้เต้กับไอ้น้ำปล้ำกันไปมา โดยมีอีกมุมของเตียงเป็นชมรมรักสัตว์ของสามหนุ่ม ใช่ครับ...สาม ไม่ใช่สอง ในชมรมรักสัตว์มีเหรัญญิกผู้เงียบขรึมของผมรวมอยู่ด้วย สามหนุ่มที่ดูเป็นละขั้วนี้ เป็นแก๊งค์ทาสสัตว์ขนปุยครับ...แต่จริงๆเทมนี่ดูท่าว่าจะสนใจขนมมากกว่าสัตว์หน่อยๆนะครับนั้น.


..เป็นภาพที่วุ่นวายมากครับ เมื่อมุมหนึ่งของห้อง มีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังจะเอาแฟ้มตบตีกันโดยมีผู้หญิงอีกคนที่เหนื่อยจะรั้งเลยยืนดมยาดมมองเฉยๆ ส่วนที่เตียงสองเพื่อนเกลอที่วันนี้ดันไม่รู้คึกอะไรมากัดกันเสียฝุ่นตลบ และอีกมุมของถูกครอบครองโดยผู้ชายละมุนละไมนั่งคุยกันเรื่องแมว


"เออ เราเอาของฝากมาด้วย เป็นการ์ดรูปแมวน่ะ"

"เฮ้ยๆ พวกกูก็มีของเยี่ยมไข้นะ"

"เฮ้ๆ อย่าให้ตัดหน้ากันดิ"


แล้วทุกคนก็มารุมออกันที่เตียงของเทมปุระ พลางยิ่นเจ้าถุงที่มีโลโก้เดียวกันมาให้ เทมรับไว้อย่างงงๆก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณตามความเคยชิน เจ้าถุงสีขาวเปิดออก เผยสีฟ้าสดใสข้างใน ตุ๊กตาหุ่นยนต์แมวแห่งโลกอนาคตในหลากหลายขนาดและท่าทาง พร้อมถือป้าย 'หายไวไวนะ เทม' เทมปุระที่ได้รับความห่วงใยจากทุกคนถึงกับน้ำตาคลอหน่วย พูดขอบคุณด้วยพวงแก้มสีระเรื่อน่าเอ็นดู


"ไม่เป็นจ้า หายไวๆก็พอรู้ไหม หยุดถึงศุกร์พอนะ จันทร์ต้องไปโรงเรียนได้แล้ว เบื่อพวกผู้ชายเถื่อนๆพวกนี้จะแย่"

"อ้าวววว พวกเราผิดเฉ้ยยย"


เทมปุระที่ตื่นเต้นกับตุ๊กตาที่ผมมองความต่างไม่ออกของแต่ละตัว ก็จับมากอดไม่หยุด ชูมือชูไม้อวดผมใหญ่

"หมุ หมุหย็อง ดุ ดูนี่ ตัวนี้เป็นแบบหายากด้วยนะ รินเคยเอามาให้ดู"

รินนี่คือเด็กอนุบาลที่เทมชอบไปนั่งเล่นที่สนามเจอแล้วสนิทด้วยกันครับ สายติ่ง สายชอบโดเรม่อนเหมือนกัน
ผมพยักหน้ารับ แม้จะไม่เ้าใจความหายากของมันก็เถอะ


"เฮ้ย ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาเล่นเกมกันเลยมะ จะได้เข้าไปเรียนคาบบ่ายทัน"

"เออว่ะ นี่กูว่าจะโดด แต่เปียแม่งก็ดันไปขอลามาแทนซะงั้น"

"น้ำ พูดดีๆนะ อยากโดนตบหรือไงวะมึง หญิงถึกเขาโหดนะเว้ย"


เปียที่ถลีงตาใส่พวกผู้ชายก็เลยหันมาอธิบายกับผมแทน

"จะให้โดดพร้อมกันเยอะขนาดนี้ได้ยังไง อาจารย์เรียกตำรวจมาค้นหาเด็กหายพอดี เราเลยไปแจ้งเรื่องขอลาครึ่งวันมาเยี่ยมเพื่อนน่ะ แตไอ้พวกนี้ก็ดีดดิ้น ไม่พอใจบอกครึ่งวันก็ต้องกลับแล้วไม่พอ"

"กูไม่กลับนะ กูจะอยู่เล่นกับเทมมมมมม ใช่มะเทม"

"นั้มอยู่เนอะ นั้มอยู่"

"ไม่ได้นะเทม ถ้าน้ำอยู่ น้ำจะโดนอาจารย์หักคะแนน แล้วก็จะเรียนไม่จบ เรียนไม่จบ น้ำก็จะเป็นภาระพ่อแม่ ต้องมาคอยเลี้ยงดู พอพ่อแม่เบื่อขี้หน้าน้ำที่เรียนไม่จบ น้ำก็จะโดนไล่ออกจากบ้าน แล้วก็เป็นภาระสังคม"

เทมที่ตาโต เพราะไม่นึกเลยว่าเรื่องจะใหญ่ขนาดนี้ กับคำล้อเล่นของเปีย แต่เทมก็แยกไม่ออกหรอกครับ เจ้าตัวเยรีบหันขวับไปหาไอ้คนที่อยากโดดเรียนแล้วมาสถิตย์อยู่นี่เต็มแก่


"งั้นนั้มไปนะ ไม่ไปจะเป็นพารานะ"

"ภาระโว้ยเทม พารามันยา!"

"ก็พุดว่าพาราไง"

"เอ้า ก็นี่ไงมึงพูดว่าพารา ไม่ใช่พารา ภาระสิ ภาระ"

"พละเหร๋อ? พละ พละ!"

"พละมาจากไหนวะ ภาระ! ภา-ระ ภ-า-ร-ะ"

"พะ-ละ พละ!"

"เออ เค พละก็พละ หยุดก่อนที่แม่งจะกลายเป็นสุขศึกษาเถอะ"



เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาพร้อมกัน เพราะการเถียงของคนสองคนที่ดูไม่มีสาระ แต่กลับทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย
ผ่อนคบายไม่ทันไร สงคามก็เริ่มเกิดครับ เมื่อฝ่ายบอร์ดเกมของไอ้น้ำ กับฝ่ายคาราโอเกะของไอ้เต้ กับฝ่ายอยากลากผมไปทำงานให้เสร็จอย่างเปียกำลังตีกัน


"งานก็ไปทำที่โรงเรียนสิว้อยยยยย เปียแม่งจะจริงจังไปไหน มาร้องคาราโอเกะกันก่อน นี่กูเอาชุดหางเครื่องมาให้พวกมึงใส่ระหว่างคนร้องด้วย"

"มึงบ้าป่ะเนี่ยสัตว์เต้ กูก็ว่าอยู่ว่าทำไมกระเป๋ามึงมันใหญ่จังวะ ใส่ไปคนเดียวเลยมึงอ่ะ! ต้องเล่นเกมกระดานสิวะ คลาสสิค เล่นได้เป็นสิบคน!"

"เกมค่อยเล่นก็ได้ ทำงานให้เสร็จก่อนสิ ฉันจะโดนพวกชมรมดักตบเพราะยังไม่แจ้งงานเขาอยู่แล้ว ทำ-งาน-ก่อน!"

"กว่าจะทำงานเสร็จก็หมดเวลาพอดี งั้นก็ให้พวกเราโดดเรียนสิ"

"มึงจะมาพูดเรื่องโดดเรียนต่อหน้าประธานนักเรียนกับรองประธานและทีมสภาแบบนี้ไม่ได๊"

"เกมกระดาน!"

"คาราโอเกะ!"

"ทำงาน!"




สายฟ้าฟาดฟันเป็นฉากหลังของสามขุนศึก ขิมที่นิ่งดูเฉยๆก็เลยลองเสนอความคิดเห็น

"เอ่อ งั้นให้เทมเป็นคนเลือกไหม อึ๋ย! ระ-เราแค่เสนอความคิดเห็นน่ะ"

"อืม ให้เทมเลือกก็ดีนะ ยังไงเราก็มาเยี่ยมเทมกันนี่"


ไม้ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ส่วนธันวากุ้มท้องหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่บนเตียงแล้วครับ ได้เห็นคู่กัดอย่างเปียหัวเสียนี่ความสุขของเขาล่ะ หญิงที่ไม่สนใจอะไรชวนเทมระบายสีสบายใจก็ลอยตัวจากศึกตรงหน้า เทมก็ระบายสีไปดูเพื่อนตีกันไปท่าทางเพลิน แต่พอขิมเอ่ยชื่อเจ้าตัว เด็กน้อยของผมก็สะดุ้งเฮือก ไม่นึกว่านั่งระบายสีอยู่เงียบๆจะโดนลูกหลง เทมปุระมองซ้ายมองขวา ก่อนจะโดนสามขุนพลเข้ามาประชิดตัวกดดัน



"เออ ดี เทมมึงเลือกมาเลย บอกเปียกับน้ำไปเลยว่ามึงอยากร้องคาราโอเกะ นี่กูมีขนนกยาวหนึ่งเมตรสีฟ้าเหมือนสีโดเรม่อนที่มึงชอบด้วยนะ กูจองไว้ให้มึงเลย!"

"เทมอย่าไปฟัง คิดดูสิว่าถ้าหมูหยองทำงานเสร็จวันนี้ วันไปโรงเรียนก็ไม่ต้องประชุม ทุกคนจะได้แยกย้ายกลับบ้านเร็วๆไง จะไปคาเฟ่ หรือไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นเลยนะ! อิสระ! ฟรีด้อม!"

"เหอะ งานไอ้หมูทำแม่งทั้งชีวิตก็ไม่จบหรอก เห็นมาตั้งแต่มอหนึ่ง แม่งก็โดนลากไปทุกเย็น แล้วเทมมึงอย่าคิดจะไปใส่ไอ้ขนนกฟู่ฟ่องของไอ้น้ำเชียว แม่งรสนิยมประหลาด มาเล่นเกมกระดานส่งเสริมความรู้กับกูดีกว่า นี่เกมเศรษฐี โคตรคลาสสิค!"

"เลือกเราสิเทม!!!"

"เลือกกู!"

"บอกพวกนี้ไปว่าขนนกหางเครื่องคือที่สุด!"

"เลือกมา! / เลือกมา! / เลือกมา!"




เทมปุระของผมที่ตกใจ ไม่นึกว่าเรื่องราวจะมาหล่นที่ตัวเองก็ลนลานทำอะไรไม่ถูก
เลยหลับตาปี๋แล้วบอก 'ละ-ละ-ละเล่นทุกอย่างพร้อมกันเลยครับ!'


เชื่อไหมครับว่าเรื่องราวมันจบได้แบบน่าอัศจรรย์ใจมาก...


พวกผมต้องยอมสวมหมวกขนนกหางเครื่องของไอ้เต้ ที่ไม่รู้มันบ้าอะไรถึงได้เอามาเป็นกระสอบเลย คบเป็นเพื่อนกับมันมาตั้งหลายปี ไม่เคยนึกรู้ว่ารสนิยมของมันไปทางนี้ พอพวกเราทุกคนใส่เจ้าขนนกสีสันสดใสที่ยาวเฉียดเพดานแบบจำใจกันสุดๆเสร็จ ก็มานั่งล้อมวงเล่นเกมเศรษฐีของไอ้น้ำ จากจุดเริ่มต้น หรือช่องคุกที่คนตกต้องหยุดเล่นหนึ่งตา ก็กลายเป็นต้องลุกขึ้นร้องเพลงและเต้นหนึ่งเพลง...แล้วระหว่างที่เล่นไป ผมก็ต้องแบ่งสมาธิกันมาช่วยกันทำงานไปด้วย


เครียดมากครับ ยากมาก มือหนึ่งถือปากกา อีกมือทอยลูกเต๋า ตาหนึ่งอ่าน ตาหนึ่งต้องคอยหลบเลี่ยงภาพอุจาดตา อย่างเช่นไอ้ธันวาที่กำลังทำท่า 'เด้าพื้น' พร้อมขนนกฟุ้งฟิ้งสีชมพูแสดที่ปักอยุ่บนหัวขยับส่ายไปมา พร้อมเสียงร้องเพลงที่โคตรจะทุเรศพอกันกับท่าทาง ผมอยากวางปากกาลงแล้วเอามือไปอุดหูและปิดตาเทม แต่ก็ทำไม่ได้


"เด้าจั๋งใด๋ก็บ่หลุด เด้าจั๋งใด๋ก็บ่หลุ๊ดดดดดดดดดดดดด เด้าๆๆ"


เสียงหัวเราะกร๊ากของพวกไอ้เต้ไอ้น้ำ กับสายตาเย็นชาจากเปียและหญิง พร้อมขิมที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวีดีโอเงียบๆ และไม้ที่เขยิบออกห่างเพื่อนตัวเอง



"เชี้ยธันแม่งใจว่ะ ใครก็ได้ถ่ายคลิปนี่ไว้ให้ลูกหลานมันดูที"

"กูว่าถ้าคลิปนี้แพร่ออกไป แม่งคงไม่มีหรอกลูกหลาน ไม่มีใครเอาทำพันธุ์แน่นอน....อวสารเด้าพื้นจนสูญพันธุ์ที่แท้ทรู ฮ่าๆๆๆๆๆ"



จากเกมที่ควรเล่นเพราะความสนุกก็เป็นเกมที่ทุกคนใช้ทุกไหวพริบ และกลโกงมาใช้ครับ เพราะไม่อยากลุกไปร้องเพลงกับเต้นท่าอุบาทว์ๆเหมือนรองประธาน ที่ตอนนี้หน้าของมันแดงจัดจนทะลุสีผิว ไอ้เต้มันทำฉลากเพลงที่จะให้ร้องให้เต้นมาครับ แต่ล่ะเพลงนี่เพลงแปลกๆ ที่พวกผมไม่เคยได้ยินทั้งนั้น...และทุกคนก็ไม่อยากเป็นเหยื่ออันโหดร้าย ตาหนึ่งหญิงเผลอทอยเต๋าได้ไปตกช่องความอภิมหาซวยนั่น หญิงที่ไม่เคยแสดงท่าทางรุนแรงถึงขนาดล้มโต๊ะ แล้วบอก 'อุ้ย โทษทีนะ พอดีแล้วขาชาน่ะ โมฆะเนอะ ฮ่าๆ' หรือจะเป็นขิมที่รีบแกล้งตายเหมือนเจอหมี พอความซวยสืบทอดไปหา หลากหลายวิธีการและวิธีเล่น ที่ทำเอาห้องทั้งห้อง เต็มไปด้วยสงครามอีกครั้ง และอีกครั้ง



บอกเลยนะครับ ว่าใครอยากเลิกคบเพื่อนให้เอาไปเล่น
เกมทำลายมิตรภาพที่แท้จริง...



จากที่ผมมักจะโดนล้อว่าหัวร้อน กลายเป็นวันนี้ทุกคนนอกจากผมกับเทมล้วนหัวร้อนกันถ้วนหน้า เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ฝากฝังหนี้ชำระแค้นให้อีกคน


"เชี้ยหมูกับเทมแม่งงงงงงงงงงงงเล่นของแน่ๆ เล่นเป็นสิบยี่สิบตา เสือกไม่ตกเลยสักครั้ง!"


หลังๆที่ทุกคนโดนกันถ้วนหน้า มีแค่ปาท่องโก๋แห่งสารสารทวิทยาที่ยังไม่โดน เหยื่อคาราโอเกะ ft. บอร์ดเกมมหาภัยก็หันมาผนึกกำลัง รวมหัวกันกลั่นแกล้งทุกวถีทาง ให้ผมกับเทมโดนบ้างครับ


แต่ว่าก็อยู่รอดหนังเหนียวมาจนถึงตาสุดท้าย...
เล่นเอาพวกนั้นบ่นกระปอดกระแปด มองมาพลางถลึงตาไม่หยุด


จริงๆแล้วเกมพวกนี้ ถ้ากะแรงโยนลูกเต๋าดีๆ ก็พอจะกะให้ออกได้ครับ ผมเลยสบายๆ เพราะเคยโดนเจ้ไก่ลากไปเล่นที่บ่อนจนชิน ได้รับเทคนิคมาเยอะแยะ ส่วนเทมนี่ต้องบอกว่า เล่นไม่ทันสามตาก็ล้มละลายแล้วครับ เล่นเดินกี่ตาๆ ก็ตกช่องบ้านคนอื่นเขาหมด เป็นความโชคร้ายหรือโชคดีมากๆกันแน่ ผมก็ไม่แน่ใจ


แต่ถ้าไม่ได้เต้นท่าไก่ย่างถูกเผาพร้อมรูดเสาไปด้วยแบบไม้ ผมว่าก็เรียกได้ว่าโชคดีสุดๆแล้วล่ะมั้งครับ...
ไม้ที่ตอนมาหน้านิ่ง ขากลับนี่หน้าม้านเลยครับ


"ม-ไม่เป็นไรนะไหม้ ท่าไก่ เอ่อ เท่มากเลย"

"....อืม"


ไม้ที่ไม่รู้จะตอบรับคำปลอบใจยังไงดี ได้แต่ครางรับคำง่ายๆ ผมว่าผมเห็นบางคนน้ำตาตกในเพราะความอายนะครับ...ท่าไก่ย่างรูดเสานี่ตำนานจริงๆ...เอวดีใช่เล่นนะครับเนี่ย เหรัญญิกของสภาท่านนี้ ไอ้ธันวาถึงขนาดหัวเราะจนสะอึกไปครึ่งชั่วโมงเลยครับ ไอ้เต้ไอ้น้ำนี่หัวเราะจนแทบเป็นลม ไอ้ขิมที่เงียบๆแค่ยิ้มคอยเอาแต่ถ่ายรูปคนอื่น ยังขำจนสั่น ขนาดถือโทรศัพท์ไม่ได้ หญิงกับเปียถึงกับอ้าปากค้าง ด่าไอ้น้ำไม่หยุดว่าทำผู้ชายปกติคนสุดท้ายพังทลายลง


"แม่ง ฝากไว้ก่อนเถอะ ครั้งหน้ากูจะเอาให้ตกรัวๆทุกตาเลย"

"รอบหน้าเอาชุดลิเกไหมมึง..."

"หยุด! / ไม่เอา! / ไม่! / ไม่! / หยุดความคิดมึงเดี๋ยวนี้!"



ทุกคนถอดขนไก่ออกจากตัวแล้วโยนใส่เจ้าของ มันหัวเราะเอิ้กอ้ากชอบอกชอบใจ นี่มันคงไม่ได้กินยาลืมเขย่าขวดใช่ไหมครับ หรือผมควรพามันไปโรงพยาบาลดี


"ทำไมวะ ฮาดีออก"

"มึงเก็บไว้ใส่เองเถอะ สาดดดดดดดด"



"ฮ่าๆๆๆ"



เทมปุระที่หัวเราะเสียงดัง ดูสดใสขึ้นมาก แผลที่บาดลึกดูตื้นขึ้นมาด้วยมิตรภาพและความห่วงใยจากคนรอบตัว ไอ้เต้หันมายักคิ้วให้ผม พลางบุ้ยปากไปทางเทมปุระที่ฉีกยิ้มกว้างแผ่ออร่าความสุขออกมาเหมือนแต่ก่อน



...อา ผมว่าผมพอจะรู้แล้วล่ะครับ ว่ามันไม่ได้กินยาเกินขนาด หรือว่าหัวไปฟาดพื้นที่ไหน มันเป็นวิธีช่วยรักษาแผลใจของเทม ด้วยวิธีการของมันเอง และความช่วยเหลือนี้ก็ไม่ได้มาจากแค่เต้ แต่มาจากทุกคนที่เลือกจะไม่ใส่ก็ได้ แต่ทุกคนก็ยอม...และบ้าบอไปด้วยกัน


ผมยิ้มออกมาอย่างจริงใจ อย่างที่นานๆครั้งจะมีสักครั้ง พวกเรายิ้มให้กันตรงหน้าประตู ยิ้มให้กับเสียงหัวเราะที่ไร้คราบน้ำตา ยิ้มให้กับบาดแผลที่จะจางลงในเร็ววันนั่นอย่างดีใจ


หลังจากผมร่ำลากลุ่มเพื่อนๆ ที่จะต้องกลับไปที่โรงเรียนกันเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ทันจะพยุงเทมปุระที่ดื้อจะลงมาส่งคนอื่นๆไปไหน ยังไม่ทันจะผละออกจากประตูได้ถึงสิบวิ เสียงกดกริ่งก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง...


ผมคิดว่าอาจจะมีใครสักคนลืมของ จึงจับเทมไว้แล้วมาเปิดประตูด้วยกัน




แอ๊ด




ข้างนอกของประตู เป็นคนคุ้นเคยของผมเอง





"เท๊มเทมมมมมมมมมมมมมมมมม ปะป๊ามาเยี่ยมแล้วจ้าาาาาาาาาาา!! นี่ป๊าสั่งกุหลาบพันดอกมาเยี่ยมไข้เทมเทมด้วยนะลูกกกกกก แต่เอาขึ้นลิฟท์มาไม่หมด งั้นเอาแบบ .jpg ไปก่อนนะ"

"ลูกคนข้างบ้างเป็นยังไงบ้าง? น้องเมย์อยู่ไหน เรียกน้องเมย์มาหาฉันสิ"

"หายดีหรือยัง? หมูไม่ยอมส่งข่าว จนคนทั้งบ้านเป็นกระต่ายตื่นตูมกันไปหมดแล้ว"

"เทมๆๆๆๆๆ!! หยองหยองเอาด้วงมาฝากกก นี่ราชาด้วงสั่งเพาะพันธุ์พิเศษจากขั้วโลกเหนือเลยนะ เห็นบอกว่าเป็นด้วงใกล้สูญพันธุ์ที่สามารถกลายร่างเป็นหมีควายได้ด้วย!"

"เจ้ว่าแกถูกหลอกแล้วล่ะหยองหยอง ...ว่าไงเทมเจ้มาเยี่ยม เอาไพ่มาให้เล่นแก้เบื่อด้วยนะ"

"จำปาก็มาหาเหมือนกันจ้าา คุณหลวงทั้งสองสบายดีไหมจ๊ะะะะะ นี่จำปาพอได้ข่าวก็รีบมาหาเลยนะ ดูสิชุดสไบนี่สั่งตัดมาเมื่อวาน เห็นลายผ้าถุงนี่ไหม เป็นผ้าไหมสังตัดพิเศษลายโดเรม่อนเลยนะคุณหลวงขา จำปาใส่มาเอาใจโดยเฉพาะ คุคริคุคริ อิอิซ่าาา"







ปัง






ผมปิดประตูลง


ทิ้งความวุ่นวายของครอบครัวตัวเองไว้ข้างหลัง


และเริ่มคิดว่าอย่างจริงจัง


ว่าควรจะพาเทมหนีไปอยู่ที่เกาะไหนดี....










end 14 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 15 * 21/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 21-09-2018 20:20:29












15










กายภาพ แบบฝึกหัด หักดิบงดของหวาน คือตัวบ่อนทำลายความอดทนของเด็กน้อยของผมจนหมดสิ้น เทมปุระนอนแก้มบวมแก้มป่องอยู่บนเตียง โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวเพิ่งเล่นสนุกทั้งคืนกับเพื่อนที่มาเยี่ยม และครอบครัวผมกลับไป ความสงบหลังความสนุกสนานที่ยาวนาน มักจะเป็นความน่าเบื่อที่แสนสาหัส


"เทมครับ ทำแบบฝึกหัดเล่มนี้เสร็จ สักเที่ยง คุณหมอจะมาตรวจ แล้วตอนบ่ายมีทำกายภาพบำบัดนะครับ"


เหมือนเป็นคีย์เวิร์ดต้องห้ามสำหรับองค์ชายตอนนี้ ที่แค่ได้ยิน หมอ แบบฝึกหัด กายภาพ อยู่ในประโยค ก็ต่อต้านขึ้นมาแล้ว เทมหันหน้าซุกหมอนหนีผม แม้ว่าผมจะพยายามแงะเจ้าตัวออกจากเตียงเท่าไหร่ก็ไม่ยอม


หลังจากสองสามวันที่ผ่านมา ที่ทุกคนคอยพลัดเปลี่ยนแวะเวียนมาเยี่ยม เทมปุระก็เหมือนจะเสพย์ติดการเล่นจนไม่อยากทำอะไรเลยครับ งอแงใส่ผม เหมือนเด็กที่เอาแต่กอดขาพ่อแม่เขย่าๆขอออกไปเล่นข้างนอก โดยที่ไม่ยอมกินข้าวกินปลา เฮ้อ ผมถึงได้ไม่อยากให้มากันบ่อยนักไงครับ 


"เทมครับ ไม่ดื้อนะครับ"

"ไม่ได้อยากดื้อนะ แต่เทมเบื่อนี่น่า ไม่กายภาพได้ไหมครับ เทมก็เดินตรงๆได้แล้วนะ ไม่เป๋ๆเหมือนพี่ปูแล้วด้วย"


หลังจากผ่านมาห้าวัน ตอนนี้อาการเทมดีขึ้นมากแล้วครับ  ทั้งได้หมอดี กำลังใจดี การฝึกดีๆ แทบจะเรียกว่ากลับมาเหมือนปกติร้อยเปอร์เซน การพูดจา พอได้รับความมั่นใจและสบายใจก็ชัดเจนเหมือนเก่า พรุ่งนี้วันจันทร์ก็คงพาเจ้าตัวไปโรงเรียนได้แล้ว แต่ผมก็ยังอยากให้เขาได้รับการรักษาจนถึงวินาทีสุดท้าย เพื่อความมั่นใจของผมเอง
แต่ท่าทางคนที่คนกำลังมุดตัวเองอยู่ในผ้าห่ม จะไม่ยอมให้ความร่วมมือเสียแล้วสิครับ...


"หมูรู้ครับว่าเทมดีขึ้นมากแล้ว อดทนอีกนิดได้ไหมครับคนเก่ง วันนี้ก็วันสุดท้ายแล้วนะ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องทำแล้วครับ"

"จริงๆเหรอ ไม่ทำแล้วนะ?...งั้นก็ได้ครับ"


เทมพอได้ยินว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้าย ก็ดีใจจนยอมลุกออกจากเตียง วิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลังผม จนผมต้องดึงร่างสูงให้อยู่นิ่งๆ เทมที่ยิ้มหน้าบาน ก็ทำตาอ้อนกัน จนผมกลัวสิ่งที่เขาจะขอเหลือเกิน กลัวว่า...ไม่ว่าปากสวยเสียงทุ้มจะพูดขออะไร ผมก็จะตามใจเขาทุกอย่าง


"หมูหย็องครับ หมูหย็อง"

"ว่าไงครับ?"

"เทมหายหรือยังครับ"

"ก็...ใกล้หายแล้วล่ะมั้งครับ"

"ใกล้นี่อีกไกลไหมครับ ประมาณนี้ได้หรือเปล่า" เทมจีบนิ้วชี้กับโป้งเข้าหากัน เว้นระยะไว้แค่พอให้มดเดินผ่าน

"ก็ใกล้ประมาณนั่นล่ะมั้งครับ"

"งั้น...งั้น งั้นเทมทานไอศกรีมได้ไหม ตัวไม่ร้อนเลยนะครับวันนี้ หมูหย็องก็จับไปแล้วเมื่อเช้า เห็นไหม ไม่อุ่นอุุ่นเลยสักนิด ธรรมดา ตัวเย็นธรรมชาติสุดๆเลยครับ"


...เพิ่งหายไข้ก็มาขอทานไอศกรีมแล้วเหรอครับเทมปุระ ผมมีสีหน้าลำบากใจกับคำขอของเด็กน้อยตรงหน้า เทมที่เหมือนจะรับรู้ได้ถึงสัญญาณของการปฎิเสธ ก็รีบเข้ามาคลอเคลียผมเหมือนเจ้าแมวน้อยขนฟูนุ่ม มาอ้อนขอขนมของว่าง แล้วเจ้าทาสผู้ซื่อสัตย์ก็มักจะใจอ่อน ยอมอ่อนข้อให้แม้ว่าจะยังไม่ใช่เวลาของว่างก็ตาม...ผมที่เป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ของเขา ก็ใจอ่อนไม่ต่างกัน


หลายวันที่ผ่านมา ผมบอกอะไรเทมก็เชื่อฟังทุกคำพูด มีหลุดงอแงบ้าง แต่พอพูดสำทับไป เทมก็จะยอมแต่โดยดี เพิ่งมามีวันนี้ที่เหมือนอาการจะหายดีจริงๆ ยิ่งพอมีพี่หมอยืนยันตอนตรวจรอบกลางคืนเมื่อวาน ก็เป็นหลักฐานชั้นดี เทมถึงขนาดกล้าเข้ามาอยู่ใกล้ๆผม แบบไม่กลัวผมติดหวัดแล้วตอนนี้ เหมือนความเก็บกดของเขาที่ต้องห่างไกลกันหลายวันของอีกฝ่าย ทำให้เจ้าตัวเข้ามาใกล้ชิดมากกว่าปกติ เดิมตามหน้าตามหลังผมไม่ยอมหยุด พฤติกรรมน่ารักจากหลายๆวันรวมกัน


ผมคิดว่าเด็กน้อยของผมควรได้รับรางวัลชมเชยบ้าง...


ผมพยายามหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลให้ตัวเอง และคิดว่านี่ก็สมเหตุสมผลพอสมควร จึงพยักหน้าตอบรับคำขอนั้น
เทมที่พอเห็นผมพยักหน้า ก็กระโดดโลดเต้นหมุนตัวไปมา ดูคึกคักสุดๆ ผมหัวเราะให้กับความดีใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้ขององค์ชายที่เมื่อสักครู่นี้ยังเอาแต่หน้างออยู่เลย


"แต่ต้องให้คุณหมอมาตรวจรอบเที่ยง กับทำกายภาพก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวสักสามสี่โมง อืม...เอาไงดีนะ?"

"ไอศกรีม! ไอศกรีม! ไอศกรีม! นะครับนะ นะนะนะ นะครับหมูหย็อง นะ?"

"หึหึ โอเคครับ เทมจะสั่งมาทานที่บ้าน...หรือว่าจะออกไปทานข้างนอกดีครับ?"


ผมถามลองเชิงกับคนที่กำลังดีใจ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง เทมก็ยังไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเลยแม้สักก้าวเดียว เรื่องที่ผมจะให้เขาไปโรงเรียนพรุ่งนี้ ก็ยังไม่ได้บอกเจ้าตัว ถ้าหากเทมเลือกตอบจะไปข้างนอก ผมจะถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี และค่อยๆเกริ่นเรื่องบอกเขา ตอนเจ้าตัวอารมณ์ดีกับไอศกรีมแล้วกัน เทมปุระดุครุ่นคิดเล็กน้อย ผมแอบตื่นเต้นกับคำตอบของอีกฝ่ายจนต้องกำมือแน่น


"ให้หมูหย็องเลือกเลยครับ เทมหม่ำที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีหมูหย็องอยู่ด้วย"


ทำตอบที่ทำเอาผมที่กำลังลุ้นจนตัวเกร็ง กลายเป็นเขินอายใกล้ละลายได้ในเพียงชั่วเสี้ยววิ เล่นเอาผมแทบจะเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น พอหายไข้ อาการอ่อย อาการจีบแบบไม่รู้ตัวของเทมปุระก็กลับคืนมา ...จะว่าไปแล้วนี่เขาก็กำลังจีบผมจริงๆอยู่นี่น่า ถึงเจ้าตัวเหมือนจะลืมไปแล้วก็เถอะ...พอคิดดูดีๆ ออกไปข้างนอกกันสองคน ระหว่างที่กำลังดูใจกัน นี่มันไม่ได้เรียกว่า เดท หรือครับ?


พอคิดได้แบบนั้นก็เหมือนกับเครื่องเล่นเพลง ที่เล่นแล้วสะดุดแผ่นเสียงตกร่อง คำว่าเดทย้อนไปย้อนมาในหัวไม่หยุด


"หมูหย็องไข้ขึ้นเหรอครับ!? หน้าแดงจังเลย!"


อา...ก็หน้าแดงเพราะใครกันล่ะครับ เจ้าเด็กน้อยแสนซื่อนี่นะ


"งั้นไปข้างนอกกันไหมครับ เทมน่าจะเบื่ออยู่บ้านแล้วด้วย อะ แต่ไปร้านโปรดเทมไม่ได้นะครับ เดี๋ยวจะกลับมาดึกเกินไป" พอผมพูดขัดชื่อร้านไอศกรีมเจ้าโปรดของเทมปุระ ที่ออกนอกตัวเมืองไปไกลมาก เทมก็ดูเสียอกเสียใจหนักหนาขึ้นมาทันที หูที่กำลังตั้งขึ้นลู่ลง หางที่กำลังส่ายดุกดิกหยุดลง ผมเห็นแล้วก็ใจอ่อนยวบยาบ รีบหาอย่างอื่นมาชดเชยให้คุณชายน้อยของผมทันที


"งั้นไปห้างใกล้ๆบ้าน ไปดูหนังแล้วก็ทานข้าวข้างนอกกันไหมครับ?" ข้อเสนอดูน่าสนใจและพอเทียบเคียงได้ เทมปุระจึงกลับมาลิงโลดดีใจอีกครั้ง ผมก็พลอยโล่งใจไปด้วยที่เห็นเขากกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม


"เมื่อไหร่คุณพี่หมอจะมาน้า เมื่อไหร่พี่นักกายภาพจะมาน้า เทมอยากให้มาเร็วๆจังเลย"

"หึหึ ใครกันนะ? ไม่ยอมลุกจากเตียง หมูเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมลุก ตั้งท่าจะไม่ยอมไปหาคุณหมอท่าเดียวเลย เอาแต่บ่นว่าไม่อยากให้คุณพี่หมอ กับพี่นักกายภาพมาเลย?"

"เทมเองคร้าบ ก็ตอนนี้อยากให้มาเร็วๆแล้วนี่น่า จะได้ไปเดทกับหมูหย็องเนอะ?"


ผมที่กำลังแซวอีกฝ่ายอยู่ดีๆ ถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองจนไอค่อกแค่ก เทมต้องเข้ามาช่วยลูบหลังให้ ก่อนจะวิ่งปรื๋อไปหยิบแก้วใสแล้วรินน้ำมาให้ผมด้วยความตกใจ



"หมูหย็องไม่สบายจริงๆหรือเปล่า ทำไมทั้งหน้าแดงแล้วก็ไอด้วยล่ะครับ ติดเทมแล้วเหรอ" น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยยังคงไม่ได้ทำให้ผมหายตกใจ ที่เด็กน้อยรู้จักคำว่าเดทด้วย ผมไอค่อกแค่อีกสักพัก ถึงได้หาย

"ไม่ได้ไม่สบายจริงๆครับ หมูแค่ตกใจ เอ่อ..เทมรู้จักเดทด้วยหรือครับ?"

"รู้จักสิ! ก็เทมกำลังจีบหมูหย็องอยู่นี่น่า คนที่จีบจีบกัน ก็ต้องไปเดทด้วยกัน เต้บอกเทมแล้ว จีบจีบนะครับหมูหย็อง"


พูดเสร็จก็ทำท่าประกอบด้วยการทำท่ารำ จีบมือไปมา...ไปลากเฮียปลามาต่อยสักทีได้ไหมครับ เมื่อวานใส่ชุดไทยมาชวนเทมรำวงตอนเที่ยงคืน จนเทมติดความไม่สมประกอบมาแล้วเนี่ย ไม่ควรให้ผ้าขาวไปเปื้อนสีของจำปาเลยครับ สะเทือนใจจริงๆ แล้วไอ้เต้นี่มันจะอธิบายอะไรครอบคลุมขนาดนี้ครับ นี่มันอธิบายไปถึงขั้นไหนกันแน่ อา...พูดแล้วยังหงุดหงิดไอ้น้ำไม่หายเลยครับ ทั้งไอ้เต้ไอ้น้ำนี่ก็ตัวดี เอาสีดำสกปรกมาแต้มผ้าขาวของผมอยู่เรื่อยเลยเชียว


ผมพยายามปลุกความโกรธใส่เหยื่อทั้งสาม เพื่อกลบความเขินอายที่ฉุดรั้งไม่ให้แสดงออกได้ยากเหลือเกิน
พวงแก้มทั้งสองรู้สึกผ่าว ใจเอยก็เต้นตึกตัก ที่ไม่ได้คิดไปเองคนเดียวว่านี่คือการเดท


ถึงจะเคยไปไหนต่อไหนกับเทมปุระสองคน แต่หลังจากสถานะของเราที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น
มันก็ให้ความรู้สึกคนละแบบเลยนะครับ



"อะ หมูหย็องแอบยิ้มด้วย หมูหย็องก็ดีใจที่เราจะได้ไปเดทกันใช่ไหมครับ"

ผมที่กลั้นยิ้มจนปวดแก้ม ก็ไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มจากคนตรงหน้าได้ จึงฉีกยิ้มกว้างให้เขา ก่อนจะพยักหน้าตอบรับว่าใช่ของคำถาม เทมที่เห็นผมตอบ แก้มใสก็ระเรื่อไปด้วยสีชมพูเหมือนกันกับผม

"หมูหย็องยิ้มแล้วน่ารักจังเลย"

"เทมก็ยิ้มแล้วน่ารักจังเลยเหมือนกันครับ"


เหมือนครั้งนี้ผมจะเป็นผู้ชนะนะครับ...อีกฝ่ายที่เหมือนโดนผมโจมตีใส่จุดตายด้วยรอยยิ้ม ก็เข้ามากอดผมแล้วซ่อนใบหน้าแดงฉานเอาไว้ ขมุบขมิบปากบ่นผมเบาๆอยู่ที่ไหล่ ว่า หมูหย็องนั่นแหละน่ารัก หมูหย็องแกล้งเทม หมูหย็องอย่างนู่น หมูหย็องอย่างนี้ไม่หยุด เราอยู่ในสภาพแก้มอุ่นเคลือบไปด้วยสีชาดอยู่นาน จนกระทั่งคุณหมอเข้ามาเคาะประตู



"อ้าว ไข้กลับเหรอครับเทม หน้าแดงจัง"


คุณหมอที่เปิดประตูเข้ามาเจอเทมที่กำลังนั่งยิ้มแก้มตุ่ยอยู่บนเตียงก็ทักขึ้น เทมรีบส่ายหน้าไปมา เจ้าดวงตาแสนหวานแอบชำเลืองมองผมที่นั่งอยู่ข้างเตียง แค่นั้นก็เหมือนจะเป็นเฉลยให้กับคุณหมอควบจิตแพทย์รู้ทันที รอยยิ้มเงียบๆร้ายกาจยิ่งกว่าคำเอ่ยแซวใดๆ ผมตีหน้าเรียบเฉย แม้ในใจจะเขินอายไม่น้อย ที่คุณหมอเข้ามาในจังหวะที่ผมกับเทมกำลัง เอ่อ เขาเรียกว่าอะไรนะครับ? จู๋จี๋กัน...? ทำไมฟังดูแล้วจั๊กจี้หัวใจจังเลย


"แหม ดูท่าจะเป็นไข้กันสองคนเลยเนอะ แดงทั้งคู่แบบนี้"

"ไม่ใช่นะครับคุณพี่หมอ เทมอายเฉยๆ หมูหย็องน่ารักเกินไปจนปวดใจเลย"



อา...อย่าไปบอกให้คนอื่นฟังแบบนั้นสิครับเทมปุระ ผมที่ตีหน้านิ่งเฉยอีกต่อไปไม่ไหว เลยขอตัวออกมาข้างนอก ก่อนจะที่ระเบิดตายอยู่ในห้องนั้นด้วยความเขิน เสียงเทมที่กำลังโม้ถึงความน่ารักของผมให้คุณหมอฟัง ยังแว่วออกมาจากประตูที่ไม่ได้ปิดสนิท


"หมูหย็องน่ารักจังเลย อะ แต่เทมคิดว่าหมูหย็องน่ารักได้คนเดียวนะ ถึงจะเป็นคุณพี่หมอก็ห้ามคิดว่าน่ารักเด็ดขาด...แล้วก็...คุณพี่หมอครับ เทมเหมือนจะเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า หมูหย็องยิ้มทีไร ในนี้ก็เต้นตุ้บตับตุ้บตับใหญ่เลย"


เหมือนผมจะเห็นคุณหมอหันมาทางประตูและเราก็สบตากันแว่บหนึ่ง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ติดมุมปาก ทำเอาผมอยากเปิดประตูเข้าไป แต่ก็ไม่ทัน


"เขาเรียกว่าอาการตกหลุมรักครับน้องเทม เทมกำลังตกหลุมรักกับหมูอยู่ไงครับ เวลาที่เราอยู่ใกล้ๆคนที่เรามีใจ ตรงนี้ก็จะรู้สึกเต้นเร็วขึ้นมา เป็นปกตินะครับ ไม่ต้องเป็นห่วง แล้วเวลาที่เขายิ้มแล้วเต้นแรง ก็เพราะว่าเราชอบรอยยิ้มของเขามาก พี่หมอก็อยากอธิบายอะไรๆ มากกว่านี้นะครับ แต่รังสีอำมหิตที่อยู่ด้านหลังบอกว่าถ้าพูดไปคงไม่ได้ตายดี งั้นเรากลับมาเข้าสู่การตรวจกันดีกว่าเนอะ"


เมื่อเห็นว่าคุณหมอเข้าสู่กระบวนการตรวจในแบบปกติดีแล้ว ผมก็ปิดประตูลงให้สนิท


กว่าเทมจะทำกายภาพบำบัดเสร็จก็เกือบเย็นแล้วครับ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ผมเลยบอกให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดหน่อย เพื่อให้มั่นใจว่าเทมสามารถเดินเหิน ขยับตัวได้อย่างเป็นปกติแล้วจริงๆ และคำตอบก็น่าพอใจ ว่าเทมดีขึ้นมากจนเรียกได้ว่าปกติแล้วครับ ผมพูดขอบคุณและพาเด็กน้อยที่กำลังตื่นเต้นที่จะได้ออกไปเที่ยวแบบสุดๆ ขึ้นไปอาบน้ำ


ระหว่างที่เสียงน้ำในห้องน้ำยังไหลกระทบพื้น ผมก็มาเปิดตู้ เลือกเสื้อผ้าของเขามาเตรียมเอาไว้ให้
ความตั้งใจลับๆของผมในเดทแรกคือเสื้อคู่ครับ แต่จะให้เลือกลวดลายอะไรเด่นๆ ก็ค่อนข้างจะน่าอายเอาเรื่องเหมือนกัน ผมจึงเลือกเสื้อเชิ้ตสีดำสนิท ที่ผมมักใส่ประจำ กับไปค้นหาเชิ้ตสีดำของผมที่ตัวใหญ่หน่อยให้เทม เสื้อผ้าของเทมจะออกไปโทนสีขาว น้ำตาล หรือฟ้าอ่อนๆ หรือไม่ก็สีจัดจ้านเป็นลายการ์ตูนไปเลยครับ ไม่มีสีดำเท่าไหร่


ผมเลือกเชิ้ตเนื้อดีมาสองตัว กางเกงยีนส์สีขาวตัดแต่งขาให้ดูขาด แล้วก็ผ้าใบสีขาว พร้อมหมวกสีดำสองใบ
นาฬิกาของเขาสีดำ และของผมสีขาว
มันก็ไม่โจ่งแจ้งนักหรอกมั้งครับ...


ผมเดินหยิบเสื้อผ้าที่จัดเซ็ทไว้แล้วไปให้เทม แอบลุ้นนิดหน่อยว่าเขาจะเป็นยังไงในเสื้อผ้าสีเข้ม


"เทมครับ หมูวางเสื้อผ้าไว้ให้ตรงโต๊ะนะครับ"

"โอเออับ ออบอุนอับ" โอเคครับ ขอบคุณครับ เสียงอู้อี้ดังลอดออกมา เหมือนเจ้าตัวกำลังแปรงฟันอยู่ ผมนึกท่าทางน่าเอ็นดูที่กำลังอ้าปากกว้างเหมือนปลาวาฬออกเลยครับ


ผมที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย กำลังจะเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูจากในห้องแต่งตัว จึงหันไปหาอีกฝ่าย เพื่อจะได้ชักชวนกันลงไปข้างล่าง หาลุงสันที่เตรียมรถรออยู่แล้ว คำพูดไม่ได้หลุดออกจากปากที่กำลังอ้าค้างของผม


ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีนิลเหมือนท้องฟ้ายามรัตติกาล แนบไปกับลำตัวโชว์หุ่นที่สมส่วน ความสูงของเขาทำให้มีช่วงขายาวที่ขับให้ยีนส์สีขาวดูดีมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม หมวกสีดำสนิทที่อยู่บนหัว กอปรกับดวงตาสีตาลสวย ข้อมือสวยที่โผล่พ้นเสื้อแขนยาว สวมใส่นาฬิกาหรูที่ยิ่งขับบุคลิคให้ดูโต สีโทนเข้มที่ทาทับสีขาวสะอาด ทำให้ความบริสุทธิ์ยามปกติ กลายเป็นความเข้มที่ดูน่าลุ่มหลง และดูคุกคามจนทำเอาผมหายใจไม่ทั่วท้อง เทมในสีดำ...





damn...


He's so fuckin hot!


โคตรเซ็กซี่


โคตรน่ากินเลยครับ





ผมเผลอแลบลิ้นเลียนริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง เทมปุระที่เปิดประตูออกมาแล้วกำลังจัดแต่งนาฬิกาบนข้อมือ กระดุมที่ติดไม่ครบทุกเม็ด ทำให้ดูยั่วเย้าโดยไม่ตั้งใจ ผมเลื่อนลอยไปหาอีกฝ่าย ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ รอยยิ้มที่ผมคุ้นเคยวันนี้ดูมีมนต์สะกดในอีกรูปแบบที่ไม่เคยพบเจอ จนทำเอาหัวใจที่สั่นระรัวเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง


"ขอบคุณครับ"


คำขอบคุณที่มาพร้อมความร้อนที่ประทับบนข้อนิ้วของผมที่กำลังกลัดกระดุมให้ ทำเอาผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นของเหลว ที่เอาแต่อยากละลายคาอกของเขา


ไม่อยากไปดูหนังแล้วครับ หิวมากกว่า...รู้สึกอยากกินเทมปุระขึ้นมาสุดๆไปเลย



"ครับ..."



ระหว่างที่เราเดินผ่านกระจก อ้อมแขนใหญ่ก็รั้งผมเอาไว้ด้วยการรวบเอวผมเข้ามาประชิดตัวเอง เราทั้งสองคนมองตรงไปในกระจก เห็นผู้ชายผมสีทองนัยน์ตาสีฟ้ากระจ่าง พร้อมด้วยใบหน้าแดงจัด กำลังอยู่ในอ้อมแขนของคนผมดำนัย์ตาสีน้ำตาลที่ตัวสูงกว่า ที่แต่งตัวเหมือนกันไม่มีผิด ต่างกันเพียงสีนาฬิกาข้อมือเท่านั้น หลังของผมแนบชิดกับแผ่นอกกว้าง สัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่แรงไม่แพ้กัน แนบชิดจนสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกัน... ความร้อนที่แผ่มาถึงผม ยิ่งทำให้รู้สึกหัวของตัวกลายเป็นกาต้มน้ำที่กำลังจะพ่นไอน้ำออกมา


เทมปุระมองตัวผมที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา รอยยิ้มประดับบนใบหน้าหล่อเหลาด้วยท่าทางพึงพอใจ


"เหมือนกันเลยนะครับ...ของเราสองคน"


ความลับที่ผมตั้งใจซ่อนเอาไว้ ถูกเปิดโปงตั้งแต่ยังไม่ทันก้าวออกจากห้อง เสียวหัวเราะทุ้มในลำคอ พาลอยากให้ผมโทรสั่งจองหัวใจดวงใหม่ ด้วยเกรงหัวใจดวงนี้อาจจะรับไม่ไหว และละลายหายไป


พอดวงตาคู่นั่นมองสำรวจผมจนพอใจแล้วก็จูงมือผมออกจากห้องอย่างอารมณ์ดี ผมที่ได้แต่ก้มหน้างุด เดินตามแรงจูงของเทมไปที่รถ อา...บ้าจริงเชียว ผมจะทำยังไงให้เดทนี้ไม่ล่ม เพราะผมหัวใจวายตายกลางคันดีนะ?


ระหว่างทางลงจากคอนโดสูง เทมปุระแวะเข้าไปหาคุณป้าในห้องควบคุมกล้องวงจรปิด เจอผู้หญิงตัวเล็กในชุด รปภ. เต็มยศกำลังนั่งจอหลากหลายจออย่างเคร่งครัด พอเห็นพวกผมเข้ามา ก็รีบฝากงานต่อให้อีกคน แล้วลุกจากเก้าอี้ยิ้มหวานเข้ามาหา

"คุณแม่! คุณแม่! คุณแม่ครับ เทมขอไปดูหนังกับหมูหย็องนะครับ กลับมาเย็นๆ"

"โอเคครับ แล้วจะทานข้าวกันข้างนอกเลยไหม หรือจะให้แม่เตรียมไว้รอเราสองคนกลับมาดีครับ"

"เดี๋ยวผมพาเทมไปทานข้างนอกเลยครับ จะได้ไม่รบกวนคุณป้าตอนทำงาน"

"ไม่กวนหรอกจ้ะ แต่ตามใจพวกหนูเลยนะ แล้วไม่ต้องซื้ออะไรมาฝากรู้ไหมครับ เดี๋ยวแม่ต้องไปทานข้าวกับบ้านหมูหย็องพอดี คุณเอเลนจะเดินทางไปออสเตรเลียพรุ่งนี้แล้ว เลยอยากให้แม่เข้าไปหาคุณเขาหน่อย"

"ฝากสวัสดีคุณม๊าด้วยนะครับ"

"ได้จ้ะ เดินทางปลอดภัยนะครับ ถ้ามีอะไรก็โทรเรียกแม่ได้เลยนะทั้งสองคน"

"ได้ครับผม งั้นเทมไปก่อนนะครับ"




พวกผมสองคนยกมือไหว้คุณป้าแล้วเดินพากันลงมาข้างล่าง แต่ระหว่างทางไปลานจอดรถ เทมปุระกลับเสนอความคิดบ้างอย่างออกมา


"หมูหย็อง หมูหย็อง เราลองนั่งรถไฟฟ้าไปกันไหมครับ? หย็องหย็องชอบบอกว่าไปแว๊นรถไฟฟ้า สบายกว่านั่งรถเยอะเลย สนุกด้วย เทมยังไม่เคยขึ้นเลยด้วย หมูหย็องเคยนั่งหรือยังครับ?"

"อย่าเชื่อทุกอย่างที่หย็องหย็องพูดสิครับเทม...หมูก็ไม่เคยนั่งนะครับ เทมอยากลองเหรอครับ?"

"ครับ...ได้ไหมครับ?"


แล้วผมจะปฎิเสธอะไรแววตาออดอ้อนนั่นได้ล่ะครับ ได้แต่หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเอง โทรบอกลุงสันให้ขับกลับไปที่บ้านเท่านั้นเอง


เราสองคนเดินออกมาถึงถนนใหญ่ ผมจับมือร่างสูงไว้แน่น เทมที่ไม่ได้ออกมาจากบ้านหลายวันดูตื่นเต้นกับทุกอย่าง กลัวเขาจะเผลอวิ่งออกไปแล้วรถจะชนน่ะครับ ไม่ใช่ว่าอยากเดินจับมือถือแขน ควงเขาอวดทุกคนหรอกนะครับ...


เดินกันไม่กี่นาทีเราก็มาอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า ผมที่ไม่เคยขึ้นก็แอบงงไปชั่วครู่ อาจจะเพราะเป็นวันหยุด คนจึงเต็มแน่นสถานี จนเห็นผู้คนมากมายหลั่งไหลไปยือออกันที่ตู้กด คิดว่าคงจะซื้อตั๋วกันที่ตรงนั้น ผมจูงมือเทมตามไปเข้าแถว จับเด็กน้อยที่ชะเง้อมองนู่นนี้ไม่หยุดให้อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวจะชนคนอื่นเข้า



"ต้องซื้อตั๋วก่อนนะครับเทม"

"หมูหย็อง หมูหย็องดูตู้นั้นสิ เหมือนในหนังเลยเนอะ เทมขอเป็นคนซื้อได้ไหมครับ"

เทมปุระที่ตื่นเต้นจนจับมือผมแน่น ชี้มือชี้ไม้ไปที่ตู้ใหญ่ แอบเสียงดังจนคนมอง ผมต้องลูบแขนเขาให้ใจเย็นลง

"ได้ครับ งั้นเราไปเข้าแถวกันนะ"


ผมรู้สึกว่าสายตานับร้อยคู่กำลังจดจ้องมาที่พวกเราสองคน เสียงชัตเตอร์ที่ถูกกดทั้งจากกล้องและโทรศัพท์ พร้อมคำพูดที่เอ่ยถึงพวกผมแว่วมาให้ได้ยิน



"แก๊! ดูสองคนนั้นดิ โคตรงานดี งานพรีเมี่ยม งานลิมิเต็ด งานที่ชาตินี้แค่ได้เห็นก็คุ้มค่าแล้วที่เกิดมา! โอ้ย! ดี!"

"แล้วแกดูเขาจับมือกัน! ผัวฉันเป็นเมียเขาจ้า แต่ยอม เหมาะสมกันชิบหาย ฮือ"

"เฮ้ย ดูดิ โคตรหน้าตาดีเลยอ่ะ"

"ชุดคู่หรือเปล่าวะ กรี๊ดดดด โคตรหวานอ่ะ ใจบางไปหมดแล้ว!"

"ดารามาถ่ายหนังถ่ายซี่รี่ย์หรือเปล่าวะ หรือนายแบบ? ออร่าโคตรเด่น!"

"แม่ให้กินพาสต้ารูปตัวดีเหรอวะ ถึงได้โตมาหน้าตาดีขนาดนี้"

"เบ้าหน้าดีไม่พอ โคตรสูง โคตรหุ่นดี แต่งตัวก็ดูดี มึง ไป ไป! ติด #ผัวหล่อบอกต่อเมียทั้งชาติ"



ในช่วงเวลาที่ผมอารมณ์ดีมากแบบนี้ เสียงซุบซิบรอบตัวกลับฟังดูตลกและน่ารักดี ไม่ได้น่ารำคาญเหมือนยามปกติ โดยเฉพาะเสียงที่บอกว่าผมกับเทมปุระเหมาะสมกัน ยิ่งจุดรอยยิ้มกริ่มติดริมฝีปาก เทมกระตุกมือผมเล็กน้อยเมื่อถึงคิวพวกเรา ผมดูรายละเอียดตู้แล้วก็ค้นพบว่าใช้ไม่ยาก แค่เพียงใส่เงินลงไป กดเลือกสถานี แล้วก็รอรับตั๋วได้เลย


ผมเปิดกระเป๋าสตางค์ควักแบงค์พันยื่นส่งให้เทมปุระ เทมที่ดูตื่นเต้นก็รีบใส่เงินเข้าไปทันที เครื่องดำเนินการอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะส่งบัตรออกมา พร้อมเสียงกรุ๊งกริ๊งของเหรียญที่ดังติดต่อกันไม่หยุด ทำเอาผมกับเทมปุระตกใจ นึกว่าเครื่องสามารถทอนออกมาเป็นแบงค์ได้ แต่กลับกลายเป็นว่านอกจากบัตรสองใบ พวกเราก็ได้เหรียญทอนมาอีกเพียบเลยครับ


"ได้เหรียญมาเยอะแยะเลย! ทำไงดีครับหมูหย็อง ไม่มีกระเป๋าใส่ด้วย..."


ผมก็ไม่ชอบพกเหรียญด้วยสิครับ ไม่ชอบให้กระเป๋าสตางค์มันพองๆหนักๆ เทมปุระที่ต้องปล่อยมือผม ก่อนจะโอบกอดกองเหรียญหลายร้อยแทน ก็ได้แต่ยืนหันรีหันขว้างอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ผมไม่ไม่ได้พกกระเป๋าเป้มาด้วยสิครับ เลยตัดสินใจที่จะแจกคนที่ต้องการใช้ไปดีกว่า


"เอ่อ จะรับเหรียญไปซื้อบัตรไหมครับ ให้ฟรีครับ พอดีพวกผมไม่มีกระเป๋าใส่"


ผมดึงเทมออกมาจากตู้ แล้วมายืนดักคนที่กำลังจะมาเข้าแถวซื้อตั๋ว เพื่อแจกจ่ายกระจายเหรียญออกไป


"กรี๊ด! นี่มาโปรโมตหนังอะไรหรือเปล่าคะ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ?!"

"ขอจับมือกับขอลายเซ็นด้วยได้ไหมคะ!?"



แล้วก็เกิดเหตุวุ่นวาย เหมือนเกิดการจราจลขึ้นบนสถานี จนลุงยามต้องวิ่งเข้ามาทำหน้าที่จัดการให้ทุกคนสงบลง เด็กน้อยของผมที่ตกใจกับผู้หญิงจำนวนมากที่บุกเข้ามาหา จนผวาขนพองฟู ผมรีบดึงเขาเข้ามาหลบข้างหลังแล้วปฎิเสธทุกคำขอ พลางพยายามหาหนทางหนีออกจากวงล้อม กว่าจะหลุดออกมาได้ นึกว่าจะจมคากองทัพสาวๆเสียแล้วครับ ผมมอบหน้าที่แจกจ่ายเหรียญให้กับลุงยามแทน ก่อนจะรีบดึงมือเทมปุระวิ่งหนีขึ้นบันไดเลื่อนไป


"แฮ่ก แฮ่ก...มะ-มะ-ไม่เห็นสนุกแบบที่หมูหย็องว่าเลย น-น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ เทมโดนจับก้นด้วยงะ"

"เทมว่าไงนะ!? บัดซบ! ใครมันกล้ามาจับ! หมูจะไปขอกล้องวงจรปิดแล้วแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้แหละ"

"หมูหย็อง! หมูหย็อง ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวไปไม่ทันดูหนังเนอะ ไม่เป็นไรนะครับ"



เทมที่เห็นผมจะหมุนตัวลงไปชั้นล่างก็รีบดึงรั้งแขนผมเอาไว้ มือใหญ่ลูบหลังปลอบประโลมผม จนผมรู้สึกใจเย็นลง เงยหน้าสบตาอีกฝ่าย บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง



"ขากลับให้ลุงสันมารับนะครับ ไม่นั่งรถไฟฟ้าแล้วนะ"

"ครับ..."


เทมที่ตอบรับเสียงอ่อย ดูสลดลง คงเพราะคิดว่าเพราะคำขอของตัวเองทำให้ผมโกรธ แต่จริงๆที่ผมโกรธคือเขาโดนใครก็ไม่รู้มาแตะอั๋งต่างหาก! กล้าดีจริงๆเลยครับ ขนาดผมยังไม่เคยบีบก้นเขาเลยนะ! แล้วใครหน้าไหนที่อาศัยช่วงวุ่นวายมาจับก้นของผมกัน ผมที่ถอนหายใจเล็กน้อยแล้วปรับโหมดของตัวเองที่คุกกรุ่นให้มอดดับลง ด้วยร่างสูงเริ่มจะน้ำตาคลอหน่วยที่เห็นผมอารมณ์เสีย



"ไม่ได้โกรธเทมนะครับ หมูแค่ไม่ชอบให้ใครมาจับเทมแค่นั้นเอง"

"เทมขอโทษนะครับ เทมไม่ได้ตั้งใจนะ ต่อไปจะระวังตัวครับ"

"หมูรู้แล้วครับ หมูก็ขอโทษที่เสียงดังใส่เทมด้วยนะครับ ไปยืนรอรถไฟกันนะครับ อีกไม่กี่นาทีก็คงจะมาแล้ว"


ผมยิ้มให้เทมที่สีหน้าดูดีขึ้น เมื่อผมไม่ได้โกรธเจ้าตัว พอรถไฟฟ้ามาถึง ประตูที่เปิดออกก็ทำผมกับเทมปุระถึงกับผงะ จำนวนคนด้านในอัดแน่นกันเหมือนปลากระป๋อง ผมที่ดูท่าไม่ดีจะหันหน้าไปบอกเทมให้ออกจากสถานีแล้วเรียกรถแท็กซี่ไปกันเถอะ แต่ก็ทำไม่ได้แม้แต่หันไปมอง เพราะแรงดันจากมวลชนด้านหลัง ทำให้ผมกับเทมไหลเข้าด้านในซะแล้ว


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 15 * 21/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 21-09-2018 20:25:35


"ม-ม-ม หมุ หมูหย็อง!"


"เทมครับ เทม!"



แรงจากคนจำนวนมากที่ผลักดันเข้ามา ทำเอาผมกับเทมแยกห่างออกจากกัน ร่างสูงถูกดันไปชิดกับเสาที่ห่างออกไป ส่วนผมถูกดันมาชนชิดประตู ระหว่างที่ผมกำลังพยายามจะขอทางเดินไปหาอีกฝ่าย เมื่อมองไปที่เทมปุระ กลับหาเขาไม่เจอ...!



ผมใจหายวาบ นึกกลัวว่าเขาจะเป็นลมหรือโดนคลื่นมนุษย์พลัดพาหลงไป เทมไม่มีโทรศัพท์ หากหลงกันไปจะหาตัวกันลำบาก จังหวะนั้นผมลืมคิดไปเลยว่าสถานที่แค่พอมดดิ้นตาย ไม่มีทางที่จะทำคนที่สูงเกือบร้อยเจ็ดสิบหกให้หายไปได้ แต่ ณ วินาทีที่ร่างของคนที่ผมรักและแสนหวงแหนไม่อยู่ในครรลองสายตา ผมก็ไม่มีกระจิตกระใจจะเป็นห่วงเหตุผลอะไรทั้งสิ้น ผมที่ตกใจจนตัวสั่น พยายามแหวกว่ายมวลชน เพื่อตามหา ก็โดนคว้าหมับที่เอว สัญชาติญาณป้องกันตัวสั่งให้เอี้ยวตัวเตรียมสวนหมัดผู้คุกคาม แต่พอหันไปเห็นหน้า ได้สบนัยน์ตาคู่เดิมที่หลงรัก หมัดที่สวนออกไปก็กลายเป็นสัมผัสแผ่วเบาลูบลงที่สันกรามอีกฝ่าย...เทมปุระ คนที่ผมตามหา กลับโผล่มาอยู่ข้างกันแล้ว



"เทมหายไปไหนมาครับ!? หมูตกใจหมดเลย"

"แฮะๆ เทมมุดๆๆๆมา"

"เป็นอะไรไหมครับ ไม่ตกใจนะ"

"ตกใจนิดหน่อยครับ แต่เหมือนที่หย็องหย็องบอกเลย ว่าคนเยอะมาก ต้องเบียดกันไปมาเป็นเหมือนปลากระป๋อง เหมือนเรากำลังหนีเอาชีวิตรอดจากซอมบี้ในหนังเลยเนอะ หรือรถไฟเหาะ แต่เปลี่ยนเป็นรถไฟโยกๆหลบคนแทน"



เด็กน้อยที่มองเรื่องลำบากเป็นเรื่องสนุกทำเอาผมลอบยิ้ม เวลาอยู่ใกล้ๆคนที่มีพลังงานด้านดีๆ ก็มักจะทำให้เรารู้สึกดีๆไปด้วย แม้กำลังจะเจอเรื่องลำบากนะครับ ผมที่ขี้ร้อน พอต้องมาแออัดกับคนจำนวนมากก็เหงื่อซึมขึ้นมา เทมพอเห็นแบบนั้นก็ถอดหมวกออกแล้วเอามาพัด เพื่อสร้างลมคลายความร้อนให้ผม อีกมือก็ยกขึ้นมาใส่แขนเสื้อที่ยาว คอยซับเหงื่อให้อย่างใส่ใจ ผมกับเขายิ้มให้กัน ท่ามกลางความแออัด ที่ควรรู้สึกอึดอัด แต่ผมกลับรู้สึกสบายใจ ไม่ว่าจะเพราะเขาเอาตัวเองช่วยบังคนอื่นให้ผม หรือเพราะมือที่พยายามช่วยพัดให้อย่างตั้งใจนั่นก็ตาม



ผมว่าผมแอบได้ยินเสียงกรี๊ดจากด้านหลังนะครับ...มีใครถูกเหยียบเท้าหรือเปล่านะ?






กว่าจะถึงสถานีจุดหมาย ก็เล่นเอาผมกับเทมแทบจะกลายเป็นฝาแฝดที่ตัวติดกันจริงๆ เพราะแนบชิดติดกันนานถึงยี่สิบกว่านาที พอออกมาได้ ก็ไม่เคยนึกเลยครับ ว่าอากาศในเมืองที่มีมลภาวะเป็นพิษทางอากาศสูงอย่างเมืองหลวงของประเทศเรา จะสดชื่นน่าสูดดมขนาดนี้ ในรถไฟปลากระป๋อง แทบจะไม่มีช่องให้หายใจ ผมกับเทมเดินลงบันไดเพื่อเข้าสู่ตัวห้าง ระหว่างเดินผ่านร้านเสื้อผ้าแบรนด์ที่ผมใส่ประจำ ก็แอบเห็นคอลเลกชั่นใหม่ ที่ออกแบบร่วมกันกับห้องเสื้อของคุณม๊าของผม และเสื้อเชิ้ตบนตัวหุ่นจำลองกำลังสวนใส่ ก็กำลังอยู่บนตัวผมกับเทมเช่นเดียวกัน


"เทมครับ เสื้อเก่าๆฟิตหรือยัง ซื้อใหม่กันไหมครับ?"

"แต่รอบก่อนที่ซื้อ เทมยังใส่ไม่ครบเลยนะครับ"

"ก็เทมใส่แต่เสื้อยืดลายการ์ตูนนี่ครับ ไม่ค่อยใส่ชุดที่หมูซื้อให้เลย ไม่ชอบหรือครับ?"

"ชอบครับ หมูหย็องซื้อให้ เทมชอบทุกอย่างเลย แต่ใส่ทีไรคุณแม่ชอบล้อว่าเทมเป็นคุณชายทุกที เทมเขินๆเลยไม่ได้ใส่ครับ"


ผมแอบอมยิ้มให้กับคนขี้อาย เสื้อผ้าที่ผมชอบใส่จะเป็นสไตลล์ที่เรียบๆแต่ดูภูมิฐานครับ การตัดเย็บต้องดีและสวยงามหมดจด เสื้อผ้าต้องเข้ารูปพอดี สีที่เรียบและคุมโทน ออกแนวคุณชายน้อยผู้จริงจังจริงๆนั่นแหละครับ
 

"งั้นซื้อเสื้อยืดไปเพิ่มไหมครับ พวกถุงเท้ารองเท้าของเทมล่ะ?" เทมทำท่าครุ่นคิด เพราะอีกฝ่ายไม่ค่อยใส่ใจเรื่องรูปลักษณ์ของตัวเอง เสื้อผ้าในตู้นอกจากเสื้อยืดลายการ์ตูนโดเรม่อนของเจ้าตัว กับชุดนักเรียน ร่างสูงก็จำไม่ได้หรอกครับว่ามีอะไรให้ใส่บ้าง เทมคิดอยู่นาน ดูยังไงก็คิดไม่ออก จนหันมายิ้มแผล่ใส่ผม เป็นอันบ่งบอกว่าจำไม่ได้


"นี่ไม่ได้แกะถุงเท้าใหม่ที่หมูเพิ่งซื้อให้เมื่อตอนก่อนเปิดเทอมเลยใช่ไหมครับ หมูก็ว่าจะทักอยู่เหมือนกันว่าทำไมถุงเท้ามันย้วยๆ วันจันทร์ไปโรงเรียน อย่าลืมเปิดลิ้นชักแกะอันใหม่มาใส่นะครับเทม อืม...เดี๋ยวหมูกลับไปเตรียมไว้ให้ดีกว่า"


ท่าทางของเทมที่ดูชะงักและตกใจจนผมงงว่าผมพูดอะไรผิด จะบอกว่าเขาตกใจกลัวถุงเท้าใหม่ก็ไม่น่าจะใช่นะครับ พอผมทบทวนคำพูดตัวเองแล้วก็ชะงักตามอีกฝ่าย อา...เสร็จกัน เผลอบอกไปด้วยความไม่ตั้งใจเสียได้
ผมที่รู้ชื้นที่มือที่กำลังจับกุมกัน เพราะไม่รู้ว่าเขาจะยังต่อต้านโรงเรียนอยู่ไหม ก็ใจไม่ดี ระหว่างที่คิดว่าจะบอกให้ย้ายวันไปโรงเรียนออกไปก่อนก็ได้หากเขายังไม่พร้อม มือใหญ่ที่กุมมือผมอยู่ก็บีบกระชับแน่นเข้ามา เทมยิ้มให้ผม


"ม-หมูหย็องไปโรงเรียนกับเทมนะครับ?"


เทมถาม เสียงทุ้มนุ่มของร่างสูงดูสั่นเล็กน้อย เมื่อพูดถึงโรงเรียน คงจะนึกกลัวว่าพวกนั้นยังคงอยู่ เพราะผมไม่ได้เล่าอะไรให้เขาฟังเลย ผมบีบกลับมือเขาแน่น


"ไปสิครับ เราไปโรงเรียนด้วยกันนะ หมูจะปกป้องเทมเอง"


ร่างสูงฉีกยิ้มดีใจ จนตาหยีโค้งสวย มือที่กอบกุมกันเหมือนจะเป็นตราประทับแห่งคำสาบานอันใหม่ ที่จะรักษาไว้ไม่ให้ใครมาทำลายไปได้เด็ดขาด ท่าทางตื่นกลัวเทมดูเย็นลง รอยยิ้มอบอุ่นถูกถักทอส่งมาให้ผม


"ขอบคุณนะครับ"


แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับทุกอย่างแล้วครับ เพียงพอและคุ้มค่าที่สุด


ผมพาเทมเข้ามาในร้านเสื้อผ้า พนักงานในชุทสูทอย่างดีเดินปรี่เข้ามาหาและต้อนรับเป็นอย่างดี สมแล้วที่เป็นสาขาใหญ่ในไทย ต่อให้ลูกค้าดูเป็นเด็กน้อย แต่ก็ยังบริการดีเยี่ยมไม่เกี่ยงงอน


"สวัสดีครับคุณหนูทั้งสองท่าน เฌอเลอลัวร์ ยินดีต้อนรับครับ สนใจเสื้อผ้าแบบไหนเป็นพิเศษไหมครับ?"

"สวัสดีครับ ผมอยากได้เสื้อยืดใส่สบายๆสักสองสามตัวครับ แล้วก็ อืม...เทมอยากได้กางเกงตัวใหม่ไหมครับ สูงขึ้นเยอะเลยนี่น่า ขอกางเกงสแล็คสักสองตัวด้วยครับ ขอโทนสีเป็นสีครีมกับสีดำ อา แล้วก็ไม่เอาคอลเลกชั่นที่โคกับทางมิสซิสเอเลนนะครับ"

"ได้ครับ ผมจะจัดหามาให้นะครับ ขอทราบว่าใครเป็นใส่ได้ไหมครับ จะได้เลือกไซส์มาให้พอดีตัว"

"เขาครับ แล้วผมขอดูเข็มขัดเรียบๆสักสามสี่เส้นด้วยนะครับ"

"ขอเวลาจัดของสักสิบนาทีนะครับ ระหว่างนี้เชิญเดินดูสินค้า หรือสามารถไปนั่งรอที่โต๊ะรับรองด้านในได้เลยนะครับ"


พนักงานพายมือไปทางโซฟาตัวนุ่ม ก่อนจะโค้งแล้วเดินออกไป นับว่าบริการดีนะครับ ไม่จู้จี้เดินตามให้กดดัน เทมที่ไม่ได้สนใจเสื้อผ้าอะไรเป็นพิเศษกลับตาลุกวาว กับลูกอมที่วางอยู่ในตะกร้ารับรอง ผมจูงมือเขาไปนั่งรอ เทมที่รีบมองหน้าผมเหมือนเป็นเชิงขออนุญาต พอเห็นผมยิ้มให้ เด็กน้อยก็คว้าเจ้าลูกอมเข้าปาก อมยิ้มอารมณ์ดีทันที ไม่นานก็มีพนักงานหญิงนำน้ำมาเสิร์ฟ


"อีกห้านาทีเชิญไปที่ห้องลองเสื้อ ห้อง C ได้เลยนะคะ ทางเราจัดเสื้อผ้าที่คุณลูกค้าต้องการลองไว้ให้แล้ว หากมีปัญหาหรือต้องการเปลี่ยนไซส์สามารถกดกริ่งด้านในได้เลยค่ะ"

"ขอบคุณครับ"


ผมจับเทมเป็นตุ๊กตาเปลี่ยนเสื้อผ้าของผม จับเขาใส่ตัวนู่นตัวนี้เยอะแยะไปหมด ด้วยรูปร่างที่ดี ไม่ว่าเขาใส่อะไร ก็เหมือนพร้อมจะขึ้นไปอยู่บนหน้าปกนิตยสาร ผมที่เพลิดเพลินและสนุกสนานกับการเลือกซื้อเสื้อผ้าให้เขา ก็นานจนลืมไปเลยว่ามาที่นี่เพราะอะไร จนร่างสูงโอญครวญเสียงน่าสงสารว่าอยากหม่ำขนม พร้อมมองตะกร้าลูกอมตาละห้อย เพราะผมลากเขามาอยู่หน้ากระจก พร้อมเดินเข้าออกห้องลองชุด ที่ห่างออกมาจากโซนรับรอง ทำให้เด็กน้อยของผมแอบวิ่งดุกดิกไปแกะห่อลูกกวาดสีสันสดใสไม่ได้ พอไม่มีของหวานไหลเวียนในสายเลือด เทมก็เริ่มหมดแรงเหมือนหุ่นยนต์หมดถ่าน มาคลอเคลียออดอ้อนให้ผมพาเขาไปเติมพลังเสียที

"ขอชุดนี้อีกชุด อะ ชุดนั้นอีกชุดนะครับเทม นะครับนะ?" ผมที่กำลังติดลมกับการเห็นรูปลักษณ์ที่แปลกใหม่ของอีกฝ่าย ก็อดยื้อเวลานี้ให้ยาวออกไปไม่ได้ เทมที่ดูหิวโหย แต่ก็รับเสื้อผ้าไปลองอย่างว่าง่าย


ผมวางเสื้อผ้าที่ลองแล้วชอบใส่ราวแขวน กดกริ่งเรียกพนักงานมาคิดเงิน


"เอาทั้งหมดที่แขวนอยู่บนราวทางด้านซ้ายเลยครับ"

"ได้ครับ ขอเวลาจัดของใส่ถุงห้านาทีนะครับ"

"ครับ"


พนักงานกลับมาอีกครั้งพร้อมถุงกระดาษ และกล่องกระดาษสีครีมที่ตีตราโลโก้ร้านสีทองตวัดเป็นลายอักษรหรูหราสวยงามมาให้พวกผม


"ทั้งหมดเจ็ดหมื่นเก้าพันสามร้อยยี่สิบครับ ราคานี้เป็นราคาที่ใช้ส่วนลดสามสิบเปอร์เซนของหุ้นส่วนเรียบร้อยแล้วนะครับคุณดิมิทรี"


อา...ที่แท้เขาก็รู้จักผมนี่เอง ผมพยักหน้าตอบรับ ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก ทำแค่เปิดกระเป๋าสตางค์ ส่งบัตรเครดิตสีดำให้กับเขา ก่อนจะรับใบเสร็จมาเซ็นกำกับ ของพวกนี้ก็ตกเป็นของผมเรียบร้อย


"จะให้จัดส่งไปที่บ้านไหมครับ?"

"ไม่ต้องครับ รบกวนเป็นอีกสักสองสามชั่วโมง ช่วยเอาไปให้ที่ลานจอดรถ เลขทะเบียน xx-xx นะครับ คนขับรถของผมจะรออยู่ตรงนั้น อันนี้เป็นเบอร์โทร เผื่อหาไม่เจอครับ"

"ได้ครับ ขอบคุณที่ไว้ใจทางแบรนด์ของเรานะครับ โอกาสหน้าเชิญมาใช้บริการอีกนะครับ"




ผมว่าผมเข้าไปซื้อเสื้อยืดนะครับ...แต่ไหงกลับไม่ได้เสื้อยืดมาสักตัวก็ไม่รู้เหมือนกัน



เทมที่เริ่มจะเดินลากขาเพราะอยากทานขนม จนผมต้องหยุดทุกการซื้อของ เพื่อพาเด็กน้อยไปเติมพลังแทน เสียดายจังเลย ผมกำลังอยากให้เขาไปลองนาฬิกาใหม่ด้วย แต่ท่าทางของเทมตอนนี้ สิ่งที่เจ้าตัวอยากได้ที่สุดคงจะเป็นอะไรหวานๆมากกว่านาฬิการาคาแพงรุ่นลิมิเต็ดนะครับ เฮ้อ


ผมเลือกพาเทมเข้าร้านเค้กฝรั่งเศษร้านหนึ่งที่ดูท่าทางน่าอร่อย ระหว่างที่กำลังบอกจำนวนคน สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตา ที่โต๊ะนั่ง ไม่ห่างจากทางเข้า มีเลขาแสนบ้างานนั่งอยู่กับผู้ช่วยของสภา เปียและหญิงกำลังนั่งทานอาฟเตอร์นูนที พลางหัวเราะคิกคักกันสองคน


ไม่ต้องเสียเวลาเดาเลย ถ้าพวกเธอสองคนเห็นผมกับเทมตอนนี้ ต้องรีบลุกขึ้นมาชวนให้ไปนั่งด้วยกันแน่ๆ แล้วทั้งสามคนก็จับกลุ่มคุยกันเรื่องขนมหวาน เดทแสนหวานของผมกับเขา ก็จะกลายเป็นสองสาวหนึ่งหนุ่มสวาปามเค้ก มีผมนั่งจิบกาแฟขมๆในมุมมืดอยู่คนเดียว...


ผมไม่ยอมให้เป็นนั่นหรอกครับ


เดทจะเรียกว่าเดทหรือครับ ถ้าถูกรบกวนจากคนอื่น


ผมจะไม่ยอมให้เดทแรกของผมกับเทมถูกใครเข้ามากวนเด็ดขาด
แค่หลายวันที่ผ่าน ที่ผมต้องแบ่งเทมปุระให้ใครๆก็มากเกินพอแล้ว



"ขอโทษนะครับ พอดีว่าเพิ่งได้ SMS แจ้งเตือนว่ารอบหนังจะฉายเร็วขึ้น คงจะทานไม่ทัน ต้องขอตัวก่อน"
"อ๋อ ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างไรดูหนังเสร็จแล้วค่อยแวะมาทานที่ร้านก็ได้นะครับ"


พนักงานตอบกลับอย่างยิ้มแย้มสมเป็นมืออาชีพ แม้ว่าข้ออ้างค้างๆคูๆของผมจะไม่สมจริงเลยสักนิด กระทั่งหยิบโทรศัพท์ ผมยังไม่ได้จับขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงเลยครับ...เทมที่หน้าเหวอ เพราะเจ้าตัวเลือกเมนูในใจได้แล้ว แถมเจ้าตัวก็รู้ว่าเราจะขึ้นไปเลือกหนังกันข้างบน เลยไม่ได้จองตั๋วหนังมาตั้งแต่ที่บ้าน ร่างสูงตั้งท่าจะท้วง ผมรีบยกนิ้วชี้จรดริมฝีปาก ส่งเชียง ชู่ ออกมาให้เขาเงียบ เด็กน้อยที่เชื่อฟังผมเสมอก็พยักยอมทำตามแม้สายตาจะอาวรณ์กับเค้กหน้าตาน่าทานก็ตาม


ผมที่รีบจับจูงมือเขาเตรียมออกจากร้าน ก็เหมือนฟ้าเล่นตลก ที่ให้สองสาวดันทานเสร็จ หันมาจะเรียกหาบริกรคิดเงิน แล้วบริกรหนึ่งเดียวที่อยู่ในบริเวณนี้ ก็มีแค่พนักงานที่ตอนรับพวกผมคนเดียว...


"ขอโทษนะคะ รบกวนช่วยคิดเงินด้วยค่ะ"

"สักครู่นะครับ"




สายตาที่เกือบจะประสานกันในชั่วเสี้ยววิ




"เรานั่งยองๆกันทำไมเหรอหมูหย็อง"


ผมดึงเทมนั่งลงมาที่พื้น ใช้แท่นป้ายเมนูเป็นที่กำบังสายตา



"หมูทำแว่นตาตกน่ะครับ"

"แต่หมูหย็องไม่ได้ใส่แว่นตานะครับ?" นางฟ้าเอียงคอถามอย่างใสซื่อน่ารัก

"...ซ้อมไว้น่ะครับ..." และผมก็ตอบกลับแบบหน้าตาย...


ผมดึงเทมที่กำลังนั่งยองกับพื้นให้เขยิบออกมาจากโซนร้าน ระหว่างกำลังเคลื่อนย้าย สบสายตากับพนักงานที่กลับมาที่เดิมพอดี หน้าตางุนงงประหลาดใจกับลูกค้าสองท่านที่จู่ๆก็ลงไปนั่งจับกบกับพื้น ทำเอาประสบการณ์การทำงานมาหลายปีหมุนติ้ว ลงไปนั่งทำอะไรกันหรือครับคุณลูกค้า...?



"อา คอนแทคเลนส์ยี่ห้อนี้นี่หลุดง่ายจริงๆเลย..." ผมทำเป็นพึมพำเสียงดัง ผละมือที่จับแขนเทม แล้วทำมือแตะๆแปะๆ ไปตามพื้นห้าง ท่าทางคล้ายคนตาบอดที่ทำไม้นำทางหาย มากกว่าคนสายตาสั้นที่ทำคอนแทคเลนส์หลุด


"เอ๋? หมูหย็องไม่ได้ทำแว่นตาตกหรอกเหรอครับ?"

"...หมูพูดผิดไป คอนแทคเลนส์หลุดต่างหากครับ" เทมที่ตั้งท่าจะถามผมต่อ ว่าผมสายตาสั้นหรือ หรืออะไรก็ตามแต่ ผมรีบตะครุบปากเขาไว้ สกัดกั้นก่อนที่จะมีคำถามให้ผมละอายไปมากกว่านี้หลุดออกม

"เอ่อ...ให้ช่วยหาไหมครับคุณลูกค้าครับ...?"

"ไม่เป็นไรครับ หาเจอพอดี..."


ผมทำท่าหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาเก็บใส่กระเป๋า ทั้งๆที่ไม่มีอะไรสักอย่างบนพื้นที่ถูกขัดจนเงาปลาบ หยิบได้แต่อากาศเท่านั่นแหละครับ...แล้วรีบลากร่างสูงที่ดูงุ่นงงออกไปให้พ้นแถวนี้ คงจะต้องงดมาร้านนี้จนกว่าพนักงานจะลืมหน้าพวกผมแล้วล่ะครับ ไม่รู้อีกกี่เดือนกี่ปีกันกว่าเขาจะลืมลูกค้าที่มานั่งจับกบอยู่หน้าร้าน แถมเก็บคอนแทคเลนส์ล่องหนใส่กระเป๋าอีก


ความอับอายของผม อย่างน้อยก็คุ้มค่า เดทของเราสองคนยังดำเนินต่อไปพร้อมกับใบหน้าของที่ที่แทบจะแตกร้าวเพราะความอาย เพื่อความปลอดภัยของเดทของผม ผมขอรอบครอบไว้ก่อนด้วยการดีดตัวเองกับเทมให้ห่างไกลสองสาวมากที่สุด ผมชวนเทมไปหาร้านอื่นที่บริเวณชั้นสามแทน


เราขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นมา พลางมองหาร้านที่น่าอร่อย เพื่อจะเข้าไปทานกัน และแล้วก็เจอร้านที่เทมสะดุดตา


"หมูหย็องครับ หม่ำร้านนี้ไหม ดูอันนี้สิ! น่าทานจังเลย มีช็อกโกแล็ตเยอะแยะไปหมด ร้านนี้เนอะ เนอะ" เหมือนจะมีภาพซ้อน เป็นลูกหน้าน้อยที่หิวโหยจนวิ่งไปคาบถาดใส่อาหาร มานั่งเอียงคอส่ายหางดุกดิกรอตรงหน้าเลยครับ เทมปุระกระตุกชายเสื้อผมไปมา พลางจ้องเมนูหน้าร้านด้วยสีหน้าที่เหมือนมีกระดาษที่เขียนด้วยตัวอักษรตัวโตๆว่า อยากกิน อยากกิน อยากกินจังเลย แปะอยู่


ผมกับเทมเลือกเข้ามานั่งด้าในสุดของร้านที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว


"สวัสดีค่า ถ้ายังไม่มีเมนูที่สนใจ วันนี้ทางร้านเรามีเมนูแนะนำของวันนี้เป็นทิรามิสุนะคะ" พนักงานตรงเข้ามาสอบถามออเดอร์ เทมที่พอเจอคนแปลกหน้าก็ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่นัก จึงเป็นหน้าที่ของผมที่จะสั่ง เทมที่ย้ายเก้าอี้จากฝั่งตรงข้ามเข้ามาชิดผมเเข้ามากระซิบบอกเมนูที่เจ้าตัวอยากทาน


"ขอเป็นวานิลาเชคหนึ่งครับ แล้วก็ช็อกโกแลตลาวา ไอศกรีมเฮลเซนัท ฮันนี่โทตส์ชาเขียว อา...แล้วก็ชีสเค้กราสเบอร์รี่ด้วยครับ ส่วนของผมขอเป็นอเมริกาโน่ร้อนหนึ่งครับ เท่านี้ครับ ขอบคุณครับ"

"ขอทวนออเดอร์ที่สั่งนะคะ เป็นวานิลาเช็คหนึ่ง ชีสเค้กราสเบอร์รี่หนึ่ง ฮันนี่โทตส์ชาเขียว ไอศกรีมเฮลเซนัทหนึ่ง แล้วก็อเมริกาโน่ร้อนนะคะ"


เทมที่เม้มปากเล็กน้อยดูขยุกขยิกไปมาจนผมต้องเอียงหน้าเข้าไปหา

"มีอะไรหรือเปล่าครับเทม?"

"คือ-คือ เทมอยากทานทิรามิสุด้วย แต่ว่าที่สั่งไปก็เยอะแล้ว...แต่ แต่เทมก็อยากทานด้วย...แต่กลัวทานไม่หมด"

เทมปุระของผมเอ่ยเสียงอ่อนอ่อย ดูท่าทางจะเลือกไม่ถูก อันไหนก็อยากกินไปหมด จะตัดอันนี้ก็ไม่ได้ จะตัดอันนั้นก็ไม่ได้ กว่าจะเลือกได้แต่ละเมนูก็พลิกสมุดเมนูไปมาอยู่เสียตั้งนาน แล้วพอพี่พนักงานบอกมีเมนูแนะนำ ก็อยากทานด้วยเข้าไปอีก ผมยิ้มให้กับคนที่ดูโหยหาของหวานเป็นอย่างมากตรงหน้า แต่ก็ยังคำนึงถึงปริมาณที่ตัวเองกินไหว นึกเอ็นดูเขาไปหมดเสียทุกอย่าง


"แล้วก็ขอทิรามิสุด้วยทีหนึ่งครับ"

"ได้ค่า ทิรามิสุด้วยนะคะ รออาหารประมาณสิบนาทีนะคะ ขอบคุณค่ะ"


พอพี่พนักงานเดินจากไป ก็เหลือแค่ผมกับดอกทานตะวันยิ้มหน้าบานหนึ่งดอก เทมปุระอารมณ์ดีถึงขีดสุด ถึงขนามฮึมฮัมเพลงในลำคอ มือสองข้างถือช้อนส้อมรอขนมมาเสิร์ฟอย่างใจจดใจจ่อ ผ่านไปไม่นาน ขนมที่สั่งไว้ก็มาเรียงรายตามโต๊ะ กลิ่นของขนมหวานอบอวลไปทั่วทันที แค่จานสัมผัสเนื้อหินอ่อน เทมปุระลงมือจัดการอย่างรวดเร็วจนน่าทึ่ง ผมเห็นแล้วแอบแสบคอเลยครับ ของหวานขนมหวานนี่ผมไม่ชอบเลยจริงๆ ได้แต่นั่งท้าวคาง มองคนตรงหน้าทานอย่างน่าเอร็ดอร่อย แก้มที่ยังคงมีอยู่บ้างแม้จะโตแล้วถูกเติมอัดแน่นไปด้วยขนมจนตุ่ยออกมา เห็นแล้วอยากเอื้อมมือไปบีบมากครับ


"ทานไม่หมดก็ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ต้องฝืนนะครับเทม"

"โอเคครับ หมูหย็อง หมูหย็องทานช็อกโกแลตลาวาไหม ร้านี้ขมขม ไม่หวานมากนะ หมูหย็องน่าจะทานได้"

"เหรอครับ? ไหนของหมูลองหน่อย"


เทมรีบหมุนจานมาใกล้ผม ใช้ช้อนคันเล็กตัดแบ่งมาจ่อให้ถึงปาก เนื้อเค้กดูฉุ่มฉ่ำสีน้ำตาลเข้มส่งกลิ่มหอมหวานน่าลิ้มลอง ผมลองกัดไปคำเล็กๆ แล้วก็ให้ความเห็นว่า ไม่หวานของเทมปุระนี่เชื่อถือไม่ค่อยได้เลยครับ...สำหรับผมก็ยังแอบหวานเกินไปอยู่ดี ระดับความขมไม่ถึงเจ็ดสิบเปอร์เซนนี่ทำเอากลืนไม่ลงเลยทีเดียว ต้องจิบกาแฟดับรสหวานตาม


"ยังหวานไปเหรอครับหมูหย็อง" เทมตาโตเมื่อเห็นผมตีหน้าปุเลี่ยนให้เจ้าเค้กคำเล็กๆนั้น สีหน้าเสียอกเสียใจ ทำเอาผมแอบยิ้มขำเจ้าตัว เหมือน Love me love my dog เลยครับ แต่สำหรับเทมคงเป็น Love me love my cake too!

"ยังหวานไปสำหรับหมูครับ"

"เสียดายจังเลย อยากให้หมูหย็องชอบของหวานจังเลยครับ จะได้ทานด้วยกัน ไม่น่าเบื่อนั่งรอเทมทานคนเดียว"

"หมูก็มีกาแฟแล้วนี่ไงครับ ถือว่าเสมอกันเวลาเทมต้องนั่งดูหมูทานผักแล้วกันนะครับ"

"หมูหย็องอ่า พูดถึงผักตอนหม่ำขนมหวานไม่ได้นะ ไม่สุภาพต่อคุณภูติขนมหวานเลย"

ผมเบิกตามองเด็กชายที่เอาเรื่องภูติมาอ้าง ทั้งๆที่เจ้าตัวนั่นแหละ ที่พอได้ยินคำว่าผักแล้วก็นึกสยองเจ้าผักต้นน้อยสีเขียว ผมหัวเราะออกมาให้กับองค์ชายที่หน้างอ เพราะผมพูดเรื่องผักขึ้นมาตอนคุณชายเขากำลังเจริญขนมหวาน ฮันนี่โทตส์ในมือใหญ่ตอนนี้คงเหมือนเป็นบล็อคโคลีไปแทน

"หึหึหึ หมูขอโทษคุณภูติขนมหวานด้วยนะครับ แต่วันหลังถ้าเทมไม่ทานผัก ก็จะเสียมารยาทต่อคุณภูติผักนะครับ รู้ไหม?"


เทมที่ทำหน้าเหมือนค้นพบสัจธรรม ก็ถึงกับหน้ายุ่ง เพราะเจ้าตัวหาอะไรมาโต้แย้งผมไม่ได้ ร่างสูงเลยเข้ามาคลอเคลียผมแทน หึหึ...เถียงสู้ไมไ่ด้ก็เอาตัวเข้าแลกหรือครับเทมปุระ


"ไม่คุยเรื่องผักน้า เทมไม่อยากคุยถึงคุณผักเลย กาแฟหมูหย็องอร่อยหรือเปล่า สีเหมือนโกโก้เลย เทมขอชิมหน่อย"

เทมปุระที่รีบเปลี่ยนเรื่อง ทำผมหลุดขำเขาอีกรอบ แต่ก็ยอมเปลี่ยนเรื่องตามใจเด็กน้อย วันนี้วันของเขานะครับ เป็นวันที่ผมให้รางวัลเขา จะไปขัดใจให้หน้าบึ้งหน้างอก็คงไม่ดี ผมขยับแก้วกาแฟสีขาวที่บรรจุน้ำสีดำเข้มส่งให้คนข้างกาย เทมรับไปดมฟุดฟิด ก่อนจะลองจิบเข้าไปแล้วไอค่อกแค่ก


"แค่ก แค่ก...ขะ-ขะ-ขมจังเลย หมูหย็องดื่มอะไรก็ไม่รู้ เหมือนยาพิษเลย ยาพิษใช่ไหม ไม่เอานะ ไม่เอายาพิษ ดื่มวานิลลาเชคกับเทมดีกว่า" ถ้ากาแฟดำเป็นยาพิษ ทั้งโลกน่าจะมีคนตายไปเกินครึ่งโลกแล้วล่ะครับ ผมหัวเราะร่างสูงที่แลบลิ้นยื่นออกมา แล้วเอาทิชชู่เช็ด เหมือนทำความสะอาดให้ความขมติดอยู่ที่ลิ้น จางหายไป


"ฮ่าๆ สำหนับหมูวานิลาเช็คก็เป็นยาพิษเหมือนกันนะครับเทม นี่ครับ ดื่มน้ำล้างปากก่อนนะ"
เทมที่แลบลิ้นจนห้อยออกมา ดูน่าสงสารและน่าขันไปพร้อมๆกัน มือใหญ่รับแก้วน้ำจากผมไปกระดกอึกๆ แป็บเดียวก็หมดแก้ว


"หมูหย็องเก่งจังเลย ทานขมๆได้ด้วย เท่จังเลยครับ"


"หึหึหึ งั้นวันหลังหมูจะกระดกน้ำผักปั่นให้ดูเอาไหมครับ ทั้งบล็อคโคลี คะน้า แครท คื่นฉ่าย ผักโขม เอามาใส่โถแล้วก็ปั่นๆ เดียวจะดื่มให้หมดในครั้งเดียวเลย"


เทมปุระที่ทำหน้าตาหวาดผวา เหมือนผมกำลังเล่าเรื่องสยองขวัญอะไรสักอย่างที่น่ากลัวมาก เหมือนผมกำลังบอกเล่าวิธีการฆาตกรรมหั่นตุ๊กตาแยกออกเป็นสามส่วน มือหนายกขึ้นปิดหูตัวเอง พลางส่ายหน้า ปากสวยพึมพำไม่หยุด

"ไม่ได้ยิน ไม่ได้ยิน หมูหย็องไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ไม่พูดนะครับ ไม่พูดนะ" ผมหัวเราะออกมาเสียงดังกับท่าทางน่ารักของเขา พอเอื้อมมือไปดึงมืออีกฝ่ายที่กำลังป้องกันคำพูดน่ากลัวสำหรับเจ้าตัว แต่เทมปุระก็ฝืนมือ ยืนยันที่จะแปะไว้ที่หูตัวเองแน่น ส่ายหน้าไปมา บอกข้อต่อรองที่จะให้ผมเปิดประตูสู่การฟังของเขา

"หมูหย็อง สัญญาก่อน สัญญานะ ว่าจะไม่พูดถึงพี่ผัก แล้วเทมจะเปิดหูออก ไม่งั้นเทมจะไม่เปิดหูออกนะครับ"


ผมอมยิ้มจนปวดแก้ม ก่อนจะยอมพยักหน้าสัญญาให้อีกฝ่ายสบายใจ ว่าต่อไปในบทสนทนาของเราจะไม่มีเจ้าผักใบเขียวทั้งหลายเข้ามาเกี่ยว พอเทมเห็นผมเซ็นสัญญาไม่พูดถึงด้วยการพยักหน้า ก็ยอมคลายมืออกก่อนจะยิ้มกว้างให้ผม แล้วก้มลงไปทานขนมหวานของเจ้าตัวต่ออย่างอารมณ์ดี

หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 15 * 21/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 21-09-2018 20:33:41


เด็กน้อยที่ทานอย่างเพลิดเพลินจนเลอะไปรอบริมฝีปาก

"เทมครับ"

"ครับ?"


ผมชี้ไปที่มุมปากของตัวเอง เพื่อบอกว่ามีรอยเปื้อนของครีมเปรอะอยู่ ให้เขาเช็ดออก แต่เทมดูเหมือนจะไม่เข้าใจ จึงเอียงหน้าสงสัย ผมเลยใช้นิ้วชี้เคาะไปมาที่มุมปากของตัวเองอีกครั้ง ครั้งนี้เทมปุระทำสีหน้า อ๋อ เหมือนเขาจะเข้าใจแล้ว


ผมไม่นึกเลยว่าสิ่งที่อีกฝ่ายเข้าใจ จะเข้าใจผิดจากที่ผมต้องการจะสื่อไปมากโข...


ใบหน้าน่ารักที่ฉายแววหล่อเหลาเคลื่อนเข้ามาใกล้ ริมฝีปากร้อนแนบมาตรงมุมปากที่นิ้วชี้ผมยงคงชี้ค้างไว้อยู่ เหมือนทุกสรรพเสียง และสรรพสิ่งรอบตัวหยุดหมุนลง แรงกระชากจากโลกหยุดหมุนก่อให้เกิดห้วงแห่งความวางเปล่าในสมองของผม เสียง จุ้บ ที่ดังออกมาเบาๆ เหมือนทั้งเรียกคืนสติ และทำลายสติของผมไปพร้อมๆกัน


ผมได้นิ่งค้างเป็นหินอยู่ที่ท่าทางชี้นิ้วไปที่มุมปาก พร้อมทำตาโตเท่าไข่นกกระจอกเทศมองเขา ที่ค่อยๆเคลื่อนตัวกลับไปนั่งที่ แล้วเริ่มลงมือทานขนมต่อ ทิ้งผมให้หน้าไหม้อยู่คนเดียว ผมฟุ่บหน้าไปกับฝ่ามือของตัวเอง อยากจะแหกปากร้องโวยวาย




เขาจะทำแบบนี้ไม่ได้!

เทมจะทำแบบนี้ไม่ได้ ไม่คิดถึงหัวใจผมที่ใกล้พังเลยสักนิด!

ไม่ให้ทันตั้งตัวเลยสักนิด เฉียดไปค่นิดเดียว เฉียดไปแค่นิดเดียว เราก็จะจูบกันอยู่แล้วนะเมื่อกี้!




หัวใจผมเต้นแรงอย่างน่ากลัว ยิ่งกว่าอาการใจเต้นจากคาเฟอีน การกระทำของเทมปุระ มีฤทธิ์รุนแรงมากยิ่งกว่ากาแฟดำที่ผมเพิ่งดื่มเข้าไปร้อยเท่าพันเท่า ร้ายกาจกว่า...มาก มากๆเลยครับ


ผมแลบลิ้นชิมครีมที่ติดมากจากริมฝีปากของเขา ที่ตอนนี้อยู่บนมุมปากของผม


หวาน...


หวานมาก



แต่กลับเป็นรสหวานที่ผมชอบ และเป็นรสชาติหวานที่ไม่สิ่งใดเหมือน เป็นความหวานที่ปรุงจากผิวเนื้อของชายคนที่ผมรัก คิดว่าหากวันหนึ่งตัวเองได้ลิ้มรสแบบเต็มๆ ก็คงจะไม่พ้นเสพย์ติดและเตลิด ลุ่มหลงไปกับรสหวานนี้อย่างถอดตัวไม่ขึ้นอย่างแน่นอน







"จริงสิเมย์นี่ น้ำเนี่ยสอบได้ติดหนึ่งในสามเลยนะ ไม่เชื่อถามเต้ดูได้เลยครับ"



เสียงคุ้นเคย ที่ไม่ว่าตอนไหนผมก็ไม่อยากได้ยิน โดยเฉพาะตอนนี้ที่บรรยากาศกำลังหวานได้ที่เป็นพิเศษ ผมก็ไม่อยากได้ยินมันเป็นพิเศษเหมือนกันครับ...ผมครวญในใจ ให้ตายเถอะ นี่คิดอะไรถึงได้ใจตรงกัน ออกมาเที่ยวห้างเดียวกันเยอะขนาดนี้ ผมเหลือบตามองผ่านหลังเทมปุระไป ถัดจากเราสองโต๊ะ มีไอ้น้ำเฒ่าหัวงูหน้าตาละอ่อนกับเพื่อนเกลอ กำลังจมูกยืดจมูกยาว คุยฟุ้งโอ้อวดความเก่งกาจที่ไม่มีจริงให้กับสาวสวยสองคนฟัง หนึ่งในสาม...? ถ้าหนึ่งในสามจากอันดับโหล่ล่ะก็ ก็ใช่นะครับ...นับถอยหลังขึ้นมาจากสามอันดับบ๊วยจะเห็นชื่อของนายตรัณเขียนอยู่



"จริงครับ เต้ก็สอบได้หนึ่งในสามเหมือนกับน้ำเลย ถ้ามินนี่กับเมย์นี่จะให้พวกเราติวให้ ก็บอกได้เลยนะ จะไปติวกันที่โรงแรม เอ้ย ที่บ้านก็เรียกพวกเราได้เลยครับ"


ไอ้เต้ที่พูดตอบไอ้น้ำ แต่สายตาวนเวียนอยู่ที่นมโตๆของผู้หญิงสองคนไม่ยอมห่าง อืม...หนึ่งในสาม รองจากชื่อไอ้น้ำ ก็เป็นนายฐานทัพจริงๆแหละครับ รองบ๊วยเลยทีเดียว


ผมเก็บสายตาจากภาพอันแสนทุเรศและอุจาดสายตา กลับมาล้างตาตัวเองด้วยใบหน้าอิ่มเอิบของเทมปุระ ผมยิ้มให้เด็กน้อยที่ทานจนหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ นี่คงจะโหยมากจริงๆนะครับเนี่ย ขนมตั้งเยอะตั้งแยะยังทานเสียไม่เหลือ เทมที่เอามือลูบท้องน้อยๆ ดูเหมือนเจ้าลูกหมูขี้เกียจที่ทานอิ่มแล้วก็ง่วงนอน ผมก็อยากให้เวลาเขานั่งย่อยอยู่หรอกนะครับ แต่ลางสังหรณ์กรีดร้องเตือนจนผมแทบจะนั่งไม่ติดแล้ว อยากคว้ามือเขาแล้ววิ่งหหนีไปจากตรงนี้ให้เร็วๆเสียมากกว่า


"เทมครับ อิ่มหรือยังครับ?"

"อิ่มมากกกก มากๆเลยครับ หมูหย็องดูพุงเทมสิ มีพุงด้วย"

"อย่าเลื้อยกับเก้าอี้สิครับ นั่งตรงๆนะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะอาเจียนนะครับเทม"

"แฮะๆ เทมขอโทษครับ"

"งั้นเดี๋ยวเราขึ้นไปจองตั๋วหนังกันนะครับ"

"ขึ้นไปเลยเหรอครับ เทมยังจุกอยู่เลย สงสัยต้องกลิ้งกลิ้งไปแล้วล่ะ"

"เดี๋ยวหมูช่วงพยุงนะครับ ถ้าเย็นมากเดี๋ยวเราจะกลับดึกกัน พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนเนอะ"

"ได้ครับ ขอจับแขนหมูหย็องหน่อย เทมแน่นพุงไปหมดแล้ววว"






ยังไม่ทันที่ผมจะรีบข้ามโต๊ะไปดึงเด็กน้อยที่ทานเยอะจนจุก เสียงหัวเราะเฮฮาก็ดังขึ้นมาให้ได้ยิน





"อุ้ย ดูสิมินนี่ ในทวิตเมื่อกี้มีคนแชร์รูปหนุ่มหล่อสองคน ใจบุญแจกเงินบนสถานีรถไฟฟ้าด้วย หล่อมากเลยอะ!"

"ไหนๆ ว้าย หล่อมากกกก หล่อสุดๆไปเลย! หน้าตาดีไม่พอยังใจดีอีกด้วย"

"นี่มันสถานี xxx ตรงห้างนี้เลยนี่น่า! ถ้าได้เจอกันก็ดีสิ อยากขอถ่ายรูปด้วยจัง"

"จริงด้วย ลองไปเดินหากันดีไหม?"

"อะไรครับ อะไร จะมีใครหล่อไปกว่าพวกผมอีกเหรอ"

"อุ้ย น้ำล่ะก็ อย่าน้อยใจเมย์นี่ไปเลยนะคะ หล่อคนล่ะแบบค่ะ แต่พวกเขาใจบุญมากเลยนะ นี่ไงคะ น้ำลองดูสิ"

"ไหนครับ ไหนๆ ...หืม...หน้าคุ้นๆนะ เฮ้ย นี่มัน!! เต้ มึงดูดิ!"

"ไหนๆ เอามาให้กูดูดิ๊...อืม...รูปหลังนี่คุ้นๆนะ ใครวะ?"

"มึงเลื่อนไปอีก มีรูปเห็นหน้าชัดๆ!"

"ไหนวะ...เฮ้ย นี่มันไอ้หมูกับไอ้เทมนี่หว่า! มันออกจากบ้านกันได้แล้วเหรอวะ แล้วแม่งมาไม่บงไม่บอกเพื่อน แบบนี้ต้องโทรตาม!"




...♪...♪...♪...




เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมดังขึ้น ภายในร้านอาหารที่มีเพียงเสียงพูดคุยเบาๆ เสียงเรียกเข้าของผมก็ดูจะโดดเด้งออกมา สายตาหลายคู่เหลือบมามอง ไอ้เต้ที่กำลังถือโทรศัพท์และไอ้น้ำที่เลิอกใช้สายตาแตะอั๋งสองสาวก็หันมามองเช่นเดียวกัน






ผมดึงรั้งหน้าของเทมปุระมาใกล้กับโต๊ะ



"คอนแทคเลนส์หายอีกแล้วเหรอครับหมูหย็อง?"

"เอ่อ พอดีหมูจะให้เทมดูลายโต๊ะน่ะครับ...ลายหินอ่อนสวยดีนะครับ"

"อ๋อๆๆๆๆ หมูหย็องชอบเหรอ เทมว่าก็สวยดีนะครับ แปลกจังเลย ปกติหมูหย้องชอบสีดำนี่น่า"
ผมหันเหความสนใจของเทมที่ดึงรั้งหน้าเข้ามาใกล้กับโต๊ะกว้าง ด้วยลายหินอ่อนสีขาว นั่งมาตั้งนาน ผมก็เพิ่งสังเกตนี่แหละครับว่าโต๊ะเป็นสีขาว...

"เอ่อ แค่เห็นว่ารายละเอียดดีน่ะครับ เดี๋ยวเราค่อยๆย่องกันออกไปนะครับเทม มาเล่นเกมกันนะ ต้องออกไปให้เงียบแล้วก็เร็วที่สุด"

"เกมเหรอ!? ได้ครับ! งั้นเริ่มเลยนะ นะ นะ"

เทมที่พอได้ยินคำว่าเกมก็หูตาแพรวพราว พยักหน้าขึ้นลงรัวๆทันที ผมรีบเอื้อมมือไปกดปิดเครื่องโทรศัพท์ หยิบบิลที่โต๊ะแล้วลากร่างสูงไปที่เคาท์เตอร์คิดเงิน วางแบงค์พันไว้สองใบ เพียงพอต่อค่าอาหาร ไม่สนเงินทอน รีบจำอ้าวหนีขึ้นไปชั้นอื่นทันที...

แว่วเสียงที่ได้ยินสุดท้าย คือไอ้เต้หูผีที่บ่นพึมพำกับไอ้น้ำว่าได้ยินเสียงมือถือของผมอยู่ข้างหลังตัวเอง...

ผมวิ่งขึ้นบันไดกับเทมปุระ วิ่งไม่หยุดจนนึกงงว่านี่เรากำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอยู่หรือไร วิ่งกันจนขึ้นมาถึงชั้นหก ชั้นของโรงหนัง สองขาคู่ยาวถึงได้หยุดลง เหมือนเจอเส้นชัยเสียที


"แฮ่ก ช-ชนะหรือเปล่าครับ?"

"ค-ครับ เทมชนะไปเลยครับ"

"เย้! ว่าแต่นี่เกมอะไรเหรอครับหมูหย็อง"


ผมที่วิ่งจนเหงื่อแตก ก็ได้มือใหญ่ช่วยซับเหงื่ออกให้ ผมตอบเสียงงึมงำในลำคอ


"...เกมหนีซอมบี้จอมทำลายเดทล่ะมั้งครับ..."

"ซอมบี้พันธุ์นี้แปลกจังเลย ทำไมต้องจ้องทำลายเดทคนอื่นด้วยล่ะครับหมูหย็อง"

"หมูก็ไม่รู้เหมือนกัน เราไปดูรอบหนังเข้ากันดีกว่านะ เทมอยากดูเรื่องไหนเป็นพิเศษไหมครับ"

ผมเบี่ยงความสนใจของเทมไปที่ขนมหวานระหว่างดูหนัง ข้ามเรื่องซอมบี้หน้าตาคุ้นเคยไป

"ให้หมูหย็องเลือกเลยครับ แต่เทมขอเลือกรสป๊อปคอร์นน้า นะนะนะ นะครับ นะ?"

เทมที่เอาหัวมาถูไถไหล่ของผมอย่างน่ารัก จุดประกายอมยิ้มมุมปากให้ผม ผมเอ่ยเสียงนุ่มตอบรับคำขอของเด็กน้อย


"ได้ครับ"


เราตกลงกันว่าจะเลือกรอบหนังที่ฉายตอนหนึ่งทุ่ม ส่วนหนังที่ผมเลือกเป็นหนังแฟนตาซี เกี่ยวกับมนุษย์ที่ออกไปนอกโลก แล้วยานเกิดระเบิด แต่ก็มีมนุษย์ต่างดาวมาช่วยชีวิตเอาไว้ ดูเป็นหนังดูง่าย ฉากสวย เพลงประกอบหนังไพเราะ ผู้กำกับก็มีชื่อเสียงพอตัวเลยครับ ผมสนใจพวกเพลงประกอบหนังเป็นพิเศษ และจากตัวอย่างหนังที่ยืนดู ผมว่าเรื่องนี้ก็น่าดูที่สุดแล้วด้วย


ตอนนี้ผมกับเทมกำลังต่อแถวเพื่อซื้อป๊อปคอร์น เทมที่กำลังลังเลือกไม่ได้ระหว่างถังป๊อปคอร์นลายมนุษย์ต่างดาวหรือยานอวกาศ หรือจะเป็นลายหัวตัวร้ายดี สายตาหมาน้อยมองมาทางผมอย่างขอความช่วยเหลือ หูที่ลู่ลงแนบไปกับผมนุ่ม หางที่ตกลงข้างตัวทำเอาผมนิ่งเฉยไม่ได้



"เลือกรสป๊อปคอร์นได้หรือยังครับ"

"เทมเลือกได้แล้วครับ..แต่ว่าเลือกลายถังป็อบคอร์นไม่ได้ อันไหนก็น่ารักหมดเลย..."


คำว่าน่ารักของเทมนี่ผมก็รู้สึกตงิดๆนะครับ...เจ้าถังลายมนุษย์ต่างดาว ที่เหมือนปลาหมึกกับแมลงสาปบวกด้วยคางคกนี่มันน่ารักตรงไหนของเขากันนะ ตรงหนวดแหว่งๆนั่นหรือ หรือจะเป็นปากที่มีเขี้ยวโง้งออกมา? แต่ถ้าเจ้าตัวว่าน่ารัก ผมก็จะคิดว่ามันน่ารักแล้วกันนะครับ...



"งั้นขอทั้งสามลายเลยครับ เทมจะเอาป๊อปคอร์นรสอะไรดีครับ"


ผมคงไม่ได้ตามใจเขามากไปหรอกนะครับ? แต่ถึงจะตามใจกันมากไปหน่อย ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย...ก็วันนี้เป็นวันของเขานี่น่า แล้วใบหน้าดีใจสุดๆที่หันมาฉีกยิ้มกระแทกใจให้ผมตรงหน้า ก็ทำให้ผมรู้สึกอยากตามใจเขาให้มากขึ้นไปอีกเสียด้วย...


"เย้! ขอบคุณครับ ขอรสคาราเมลแล้วก็รสสตรอว์เบอรีครับ ผสมกันทั้งสามถังเลย เอาน้ำเปล่าของหมูหย็อง แล้วของเทมก็ขอโค้กครับ" เทมที่ดีใจจนกระโดดไปเกาะขอบเคาน์เตอร์ เฝ้ารอพี่พนักงานเอาถังทั้งสามลายไปตักข้าวโพดคั่วอย่างเฝ้ารอ เฝ้ามองทุกการกระทำ เหมือนถ้าคลาดสายตาไป แล้วจะมีคนมาขโมยไปอย่างไรอย่างนั้น ผมหัวเราะให้กับท่าทางใจจดใจจ่อของเขา พอได้รับถังมาเทมก็พูดขอบคุณพี่พนักงานแล้วก็หันมาขอบคุณผมอย่างน่ารัก เทมรับถังทั้งสามมาแล้วจับสายห้อยขึ้นคล้องคอทันทีทั้งสามใบ


"ที่นั่งสวีทสองที่นั่ง ของโรง xxx หนังเรื่อง xyz เวลาหนึ่มทุ่มนะครับ แล้วก็ถังป๊อปคอร์นสามลาย แล้วก็น้ำเปล่ากับโค้กแก้วลายพิเศษนะครับ ทั้งหมด 7390 บาทครับ"


ผมยื่นบัตรเครดิตส่งให้พี่พนักงาน ก่อนจะมาช่วยร่างสูงข้างๆจัดถังลวดลายต่างๆให้เข้าที่


ภาพของผู้ชายที่วันนี้แต่งตัวแสนเท่และดูโตเป็นผู้ใหญ่ ที่ตอนนี้บนคอห้อยถังป๊อปคอร์นลายมนุษย์ต่างดาวหน้าตาประหลาด พร้อมมือสองข้างที่ถือแก้วน้ำแก้วโต รอยยิ้มโชว์เขี้ยวนั่นกว้างเสียจนแก้มบุ๋ม เป็นความขัดแย้งกันที่ทำเอาผมหลงใหลมั่วเมาไปเกือบสามนาทีเลยครับ...เขาน่ารักจังเลย นางฟ้าของผมนี่น่ารักที่สุดในโลกเลยครับ


"หมูหย็อง หมูหย็อง ดูนี่สิ ถังอันนี้ถ้ากดแล้วมันจะมีเสียงโฮกฮากออกมาด้วยนะ เท่สุดๆไปเลย! ถังอันนี้ก็มีแสงพุ่งออกจากตาได้ด้วย" เทมปุระที่หยิบถังที่ห้อยคอมาให้ผมดู พลางกดตรงนู่นตรงนี้โชว์ลูกเล่นของเจ้าถังที่ตัวเองเลือกมาไม่หยุด อืม...ไม่รู้ว่ามันน่าตื่นเต้นตรงไหนกับเจ้าพวกถังนั้น ผมเลยเลือกที่จะมองสิ่งที่น่าตื่นเต้นกว่าเจ้าถังหน้าตาชวนตงิดใจ ไปมองรอยยิ้มของเขาแทน


"ดีจังเลยนะครับ"   ดีจังเลยนะครับที่วันนี้รอยยิ้มของเทมปุระมีความสุขขนาดนี้...


"ขอบคุณหมูหย็องมากนะครับ เทมจะเก็บรักษาอย่างดีเลย" ผมอมยิ้มให้กับคำสัญญาของเขา ผมเชื่อว่าเทมจะเก็บเจ้าพวกนี้เอาไว้เป็นอย่างดี เพราะแม้แต่ถังป๊อบคอร์นใบแรกที่ผมซื้อให้เขา มันก็ยังอยู่ดีในตู้โชว์อยู่เลยครับ ผ่านมาตั้งหลายปีมากแล้วแท้ๆ ยังสภาพดีเหมือนเพิ่งซื้อมาใหม่ๆอยู่เลย เทมเป็นผู้ชายที่ต่อให้ผมซื้อของราคาแพงเท่าไหร่ให้ เขาก็ไม่ได้สนใจมูลค่าของมัน มูลค่าของสิ่งของที่เทมสนใจ คือสนใจว่าใครเป็นผู้ให้ และของทุกอย่างที่ผมให้เขา เขาก็เก็บรักษาดูแลไว้อย่างดี เพราะเป็นมูลค่าที่สูงที่สุด แพงที่สุดจากคนที่เขาชอบที่สุดอย่างผม


เราเข้าไปนั่งรอในเลาจ์ระหว่างรอหนังฉายตอนหนึ่งทุ่ม ด้วยความที่ผมกับเทมปุระยังอายุไม่บรรลุนิติภาวะ เชมเปญที่เสิร์ฟจึงแปรเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มน้ำอัดลม น้ำผลไม้ หรือม็อกเทลต่างๆ ผมเลือกบลัดดี้แมร์รี่ที่ไม่ใส่แอลกอฮอล์ ซึ่งมันเหลือเพียงส่วนผสมหลักอย่างน้ำมะเขือเทศ ทำให้รสชาติตอนนี้คล้ายน้ำมะเขือเทศทั่วไปนั่นแหละครับ แค่มีส่วนผสมอย่างอื่นเพิ่มเข้ามาหน่อย


เทมปุระนอกจากจะทานป๊อบคอร์นไม่หยุด ก็ยังทานอาหารและขนมที่เอามาเสิร์ฟอีก จนผมกลัวเด็กน้อยของผมจะท้องเสียเพราะทานมากเกินไป จนต้องห้ามกัน




"เทมครับ วันนี้ทานไปเยอะแล้วนะ พอก่อนไหมครับ เดี๋ยวคืนนี้จะปวดท้องเอานะ"

"งั้นขอหมดแซนวิสอันนี้ เทมจะไม่ทานแล้วนะครับ?"

"ได้ครับ แค่ชิ้นเดียวนะ ไม่เอาครับ ไม่ต่อรองกับหมูนะ" ผมพูดดักเจ้านิ้วที่กำลังจะชูสองนิ้วขึ้นมา

"...ก็ได้ครับ"

"ไหน ให้หมูชิมสิครับว่าอร่อยไหม" ผมที่ทนเห็นเขาหน้าเศร้าหมองไม่ได้ ก็เลยดึงความสนใจของเด็กน้อยมาที่การป้อนผมแทน แม้ว่าจริงๆแล้วผมจะไม่ค่อยชอบมายองเนสที่ทาในแซนวิสนั่นก็ตาม แต่เทมก็เหมือนรู้ จึงเลือกแต่ชิ้นที่ไม่ได้ทาเจ้าสิ่งหวานๆเหนียวหนืดมาให้ผม เปิดดูทุกชิ้นก่อนจะเอามาบริการป้อนถึงปากของผม พอเห็นผมยอมอ้าปากรับแซนวิสที่เจ้าตัวป้อน ร่างสูงก็ยิ้มมีความสุขอีกครั้ง


"หมูหย็องทานเยอะๆเลยน้า หมูหย้องหม่ำคีซอันนี้ด้วย คีซผักโขมๆ อันนี้ด้วยๆ"


เทมป้อนผมไม่หยุดเลยครับ...และผมที่พ่ายแพ้รอยยิ้มของเขาก็อ้าปากรับเอาๆ จนนอนแผ่พุงกางกันอยู่บนเก้าอี้
แผนว่าจะหาอะไรทานหลังหนังจบเป็นอันจบกันไป ผมอิ่มมาก และเขาก็อิ่มมาก พอเข้าไปในโรงเจอโซฟาที่ทำเป็นเตียงนอนของโรงหนัง ดูหนังกันไปไม่ถึงครึ่งเรื่อง เพลงประกอบเพราะๆ กอปรกับท้องที่อิ่ม และหัวใจที่มีความสุข ผมกับเขาก็เผลอพล็อยหลับไปโดยที่จับมือกันเอาไว้ อากาศที่หนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศ พาลพาความหนาวยะเยือกมามากมาย จนผมต้องซุกหาความอบอุ่น อ้อมแขนใหญ่รวบผมเอาไว้ ตอบรับคำขอไออุ่นด้วยอ้อมกอดแน่นแสนอ่อนโยน




ปล่อยให้เบื้องหน้ายังคงฉายหนังต่อไปโดยไม่มีใครสนใจ


เพราะเราจะเจอกันในฝัน


ฝันที่ดียิ่งกว่าหนังเรื่องใดในโลก


ฝันที่มีผมกับเขาอยู่ในนั้น




เราสองคนนอนหลับสนิท จนพนักงานต้องมาปลุก ผมกับเขาหัวกระเซอะกระเซิงเพราะนอนหลับอย่างจริงจัง ป๊อปคอร์นที่ซื้อมาก็ทานกันไปได้ไม่เท่าไหร่ หนังก็ดูได้ถึงฉากพระเอกกำลังหมุนติ้วอยู่ในอวกาศกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวส่องแสง ก่อนที่เราจะเข้าไปอวกาศของพวกเรากันเอง ผมกับเขาหัวเราะให้กัน เพราะเหมือนพวกเราเพียงซื้อตั๋วเข้ามานอนเท่านั้น แต่ระหว่างทางกลับบ้าน บนรถแอร์เย็นฉ่ำและติดไฟแดงอยู่บนถนน หนังที่ดูได้ไม่ถึงครึ่งเรื่อง ก็เป็นหัวข้อสนทนาของพวกเราได้อย่างยืดยาวจนดูไม่มีที่สิ้นสุด และผมกับเขาก็ให้สัญญากัน ว่าจะหาแผ่นมาดูกันให้จบในคราวหน้า



เดทแรกของผมกับเขาเรียบง่ายและจบลงอย่างน่าขัน
แต่ก็เป็นความทรงจำที่ดีและน่าจดจำ




: )












end 15 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง


เราอัพที่เด็กดีเร็วกว่านะคะ พอดีอัพในเล้าแล้วมีปัญหาจำนวนตัวอักษร เป็นพวกแต่งเรื่อย จำนวนคำเลยเพียบOrz
ไปพูดคุยเล่นกันในทวิตหรือ FB ที่ #เพื่อนผู้ปกครอง กันได้นะคะ เก๊าเหงามากกกก ฮืออ
คุยกับหนูหน่อยน้าาาา UvU


ตอบคุณ เพียงเพื่อน
- โอ๋ๆ กอดนะคะ ตอนนี้เทมไม่น่าสงสารแล้วค่ะ พี่หมูดูแลเปย์หนักอย่างดี ฮาาา
ตอบคุณ catka12
- กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดแน่นๆเลยค่ะ ฮาาา ตอนนี้ไม่น่าสงสารแต่มาเป็นน่าจะเป็นเบาหวานแทนแล้วนะคะ ♥

หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 15 * 21/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 21-09-2018 21:31:09
 :mew3: น้องเทมดีขึ้นแล้ววว  o13 หวานน่ารักกกกก  :hao7: อย่างนี้หมูหย็องต้องสอนเทมไปอีกขั้น  :hao3: เอาแบบก้าวกระโดดไปเลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 15 * 21/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 21-09-2018 21:36:49
ถ้าอ่านแบบลืมว่า ... นี่คือเด็ก ม. ต้น
EP นี้ หมูและเทม น่ารักมาก ละมุนละไมอย่างที่สุด
ชอบการบรรยายเรื่องการดูแลเทมของหมู
ชอบอาการของเทม ... ที่นึกภาพตามได้เลย

ขัด ๆ อยู่นิดเดียว ... นี่ "หมู" ม. ต้น จริงหรือ
แบบอ่านยังไงก็คือ หมูตัวโต ๆ มากมาย

แต่ชอบนะคะ ชอบเลยแหละ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 15 * 21/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 22-09-2018 18:00:14





ตอนพิเศษสั้นๆ .






ย้อนกลับไปสมัยเพิ่งเจอกันแรกๆ ‬

‪หมูหย็อง 7 ขวบ / เทมปุระ 7 ขวบ ‬




"เทมครับ ออกเสียงชื่อหมูให้ถูกต้องนะครับ เราจะเรียกใครด้วยวิธีการออกเสียงที่ผิดไม่ได้ ไม่น่ารักเลยครับ"


ผมพยายามทำหน้าขรึมสอนเด็กน้อยตรงหน้า ให้เรียกชื่อผมให้ถูกต้อง แม้ว่าเราจะอายุเท่ากัน แต่คนตรงหน้ากลับยังไม่สามารถพูดให้ชัดเจนได้ พูดอะไรผิดผมก็ไม่ว่าหรอกนะครับ ก็เทมน่าเอ็นดูออกนี่น่าเวลาที่พยายามลอกเสียงพูดให้ถูก แต่ว่าก็ยังผิดนั้นน่ะ แต่มันก็เป็นเรื่องขัดใจสำหรับผมนิดหน่อย ก็แล้วจะอะไรล่ะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะ...


"อู๋ววว! มู้วววว"


จริงๆผมไปเปลี่ยนชื่อเป็นอู๋วมู้วก็ดีเหมือนกันนะ...ไม่ใช่สิ ผมจะมาหลงเคลิ้มเพราะปากเล็กๆจิ้มลิ้มนั่นไม่ได้ ความตั้งใจของผมต้องยังคงอยู่! ผมอยากได้ยินเสียงของเขาเรียกชื่อของผมที่เป็นชื่อของผมจริงๆต่างหาก


แต่อู๋วมู้วก็ฟังดูเข้าท่าดี...อดทนไว้หมูหย็อง


"ห-มู หมูครับ ดูปากหมูแล้วขยับตามนะ หมูหย็อง"

"ขยาบตามมุย่อง มุย่อง"


เจ้าตัวหัวเราะเอิ้กอ้ากอารมณ์ดี จนผมก็ชักเริ่มอยากปล่อยไป... แต่ไม่เอานะครับ ไม่ว่ายังไงผมก็อยากให้เทมเรียกชื่อผมให้ถูกนี่น่า! ทีเจ้าแมวหลงตัวนั้นเทมยังเรียกชื่อถูกต้องชัดเจนเลย ผมจะไม่ยอมแพ้เจ้าสัตว์สี่ขาหน้าขนนั่นหรอกนะครับ


"หมูหย็องครับเทม" ผมเริ่มตีหน้าขรึมใส่เขา แต่พอเจ้าก้อนน่าน้วยเห็นผมเริ่มนิ่ง ก็กลิ้งตัวมานอนหนุนตักผมซะแบบนั้น เจ้าก้อนน่ารักนี่! อย่ามาใช้ท่าไม้ตายเบี่ยงเบนความสนใจกันนะเทมปุระ ใบหน้าน่ารักแก้มย้วยๆฉีกยิ้มประจบ พลางทำหน้าตาจริงจังมากขึ้นสองเปอร์เซ็นต์


"มู๋-ย๊อง! ใช่มั้ย มู๋-ย๋อง เทมถูกเหรอยัง"

"หรือยังครับเทม..."

"เหรอยัง?"

"ครับ...."


เทมที่นอนตักผมอยู่ ช้อนสายตาขึ้นมามองผม ดวงตากลมใสแจ๋วมองมาด้วยประกายตามีความหวัง เหมือนหวังคำตอบจากปากผมให้เป็นคำเอ่ยชมว่าถูกต้อง หัวทุยๆนั่นกลิ้งไปมาบนตักผมเหมือนขอรางวัลด้วยการลูบหัว
หากที่เจ้าตัวพูดนั้นถูก


จริงๆก็ยังไม่ถูก...แต่ก็ใกล้เคียง ผมคิดว่าผมหยวนๆให้เขาได้นะ มันก็ดีขึ้นเยอะจากตอนแรก ที่เขาเอาแต่เรียกผมว่า มุ มุ มุ มุ นั่นแหละน่า...


ผมพยายามหาข้ออ้างดีๆให้ตัวเอง เพราะเส้นความอดทนยั่บยั้งชั่งใจ มันแผ่วบางแทบขาดตั้งแต่ร่างกลมนั่นเข้ามาใกล้แล้วครับ...


ผมเอื้อมมือไปลูบหัวเทม เจ้าตัวดูพอใจมากจนหน้าตาเคลิ้มไปหมด แล้วผมก็มาเคลิบเคลิ้มกับใบหน้าที่กำลังเคลิ้มของเทมอีกต่อหนึ่ง ลูบได้สักพักจนเหมือนเจ้าตัวจะรู้สึกเคลิ้มเสียจนง่วงนอน ขนตาที่เรียงตัวเป็นแพสวยเริ่มปิดลง เสียงกรนแผ่วเบาเหมือนสัตว์ตัวน้อยที่กำลังนิทราอย่างสบายใจ ทำผมพอใจมาก ผมรู้สึกมีความสุขที่เขาไว้ใจขนาดนอนหลับกับผมได้


เฮ้อ แต่ก็จะมีความสุขกว่านี้ล่ะนะครับ ถ้าเทมเรียกชื่อผมได้ชัดเจนเท่าเจ้าแมวตัวนั้นสักที เจ้า 'มา' นั่นน่ะ


หรือชื่อผมเรียกยากไป...เปลี่ยนไปเป็นสังขยาดีไหมครับ


เขาจะได้เรียกผมหยา เสียงสระอาออกเสียงง่ายกว่าอยู่แล้ว


ระหว่างที่ผมคิดฟุ้งซ่านว่าควรเปลี่ยนชื่อดีหรือไม่ ร่างกลมๆที่หันมานอนซุกท้องผมใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ก็พาลเอาระบบความคิดผมพังทลาย ริมฝีปากที่ติดอมยิ้มเหมือนเจ้าตัวกำลังฝันดีแย้มออกน้อยๆ


เสียงเจ้าตัวสร้างความสุขพึมพำเบาๆ


"...มุย่อง จอบที่จุ๋ดเยย"


อ‪า...ขนาดตอนหลับ ก็ยังมาทำให้ผมเป็นบ้าได้นะครับเทมปุระ ผมไม่รู้หรอกว่าเขาฝันอะไร แต่ดูท่าผมคงจะเป็นฝันดีของเขา...‬


‪วันนี้หมูจะปล่อยไปก่อนนะครับเทม‬


‪ฝันดีนะเจ้าหมูน้อยของหมู‬


‪ผมยิ้มจนปวดแก้ม มีความสุขจนปวดใจ‬
‪ผมนั่งมองรอยยิ้มของเขาอยู่นานจนผล็อยหลับไป‬
ห้วงความคิดสุดท้ายของผมคือ


‪ฝันดีนะครับเทม‬


และ


หมูก็ชอบเทมที่สุดเลยเหมือนกันครับ



.

.

.


 ❤️



end





 - - - - -  - - - - - - - - - -  - - - - -  - - - - -  - - - - -  - - - - -  เป็นตอนสั้นๆที่เราลงไว้ใน FB ค่ะ




ตอบคุณ catka12
@ หมูหย็องบอกเอาแค่จูบแรกให้ได้ก่อนนะครับ เฉียดไปเฉียดมายังไม่ได้สักที...ก๊ากกกก
รอเทมโตนะคะ หึหึหึ...*ถูมือชั่วรวั้ยยย* เราจะมาจับเทมปุระใส่พานให้หมูหย็องหม่ำทันทีเลยค่ะ!
/เทมวิ่งหนีไปลูกกกกกกกกก

ตอบคุณ Meen2495
@ TvT) น้ำตาจะไหล ขอบคุณมากนะคะที่ชอบ ฮือ
เขียนไปแล้วก็กังวลตลอดเลยค่ะว่าทุกคนจะเข้าใจอาการของน้องไหมน้า เราจะเขียนงงไหมน้อ
ทำให้สบายใจขึ้นมากเลยค่ะ

ส่วนอ่านแล้วคิดว่าหมูตัวโตได้นะคะ(ทั้งนิสัยและร่างกาย) ถึงจะเขียนให้ตัวเล็กกว่าเทม
แต่เทมนี่สูงกว่าเด็กทั่วไปมากค่ะ ห่างกันแค่ +- สามเซน เดี๋ยวจะมีตอนที่อธิบายละเอียดกว่านี้

ส่วนนิสัย+ความคิดที่ดูโตกว่าอายุจริงมาก คือ
1) ถึงชื่อจะดูไทยและเรียกครอบครัวแบบจีน + อยู่ไทย แต่หมูหย็องเป็นฝรั่งนะคะ 55555
เป็นฝรั่งทั้งครอบครัวเลยค่ะ เลี้ยงแบบฝรั่งเลย คือพึ่งพาตัวเอง อิสระ
เหมือนเด็กฝรั่งแค่อายุสิบสี่สิบห้าก็โตกว่าเด็กไทยม้ากกแล้วค่ะ

แต่ก็มีอีกเหตุผลหนึ่งเหมือนกันค่ะ ที่น้องโตกว่าคนทั่วไปมาก
ทั้งความคิดและการแสดงออก มีความยึดติดสูง และมีความรุนแรงในตัว

ฮี่ แต่ขอยังไม่บอกน้า รออ่านในเรื่องนะคะ ♥








U_U) อ่านแล้วชอบไม่ชอบตรงไหนคุยกับเราได้นะคะ
เหงามากเลย ฮือออออ
ทุกความคิดเห็นเป็นกำลังใจสำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งของนิยายเราเสมอนะคะ ♥




หัวข้อ: Re: เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * MINI พิเศษ * 22/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 23-09-2018 06:03:10
เค้าน่ารักกันมาตั้งแต่ 7 ขวบแล้วอะเนอะ
น่ารักที่ซู๊ดดดดดดดด ...

ป.ล. ในความเป็นผู้ใหญ่ของหมู ..
ถึงจะบอกว่าเป็น "ลูกฝรั่ง"
แต่จากประสบการณ์จริงที่อยู่อเมริกามาเท่าชีวิต
เด็ก ๆ ฝรั่งวัยนี้ที่เราเจอมาก็ไม่ "โตเกินวัย" อย่างหมูนะคะ
คือระบบความคิดหมูน่ะเข้าใจค่ะ แต่การดูแลเทมนี่ ... โห โตมาก

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ชอบนะคะ ชอบมาก
(แค่แอบตั้งเป้าตอนอ่านเอาเองว่า นี่หมู นี่หมูเรียนมหาลัยแล้วเหอะ อิอิ)

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ
และจะรอตอนต่อไปค่ะ

ป.ล. ในเด็กดี เราก็ตามอ่านและเม้นท์อยู่นะคะ
อย่าเหงาน้าาาาาาาา :mew3:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 16 * 24/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 24-09-2018 18:20:05









16







ตีสี่ครึ่ง...ยังคงเป็นความมืดแม้จะใกล้เช้า ผมตื่นขึ้นมาตามความเคยชินของช่วงนี้ ที่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพื่อคอยแวะเวียนเข้ามาวัดไข้ของร่างสูงที่นอนตระกองกอดผมอยู่ วันนี้แปลกไปจากหลายวันที่ผ่านมา เพราะผมไม่จำเป็นต้องกลายร่างเป็นเจ้าแมวขโมยย่องเบา คอยแอบแง้มประตูเดินเก็บเสียงให้เงียบกริบ เพื่อแอบมาดูใครบางคนว่ายังคงหลับสบายดี หรือว่ากำลังทรมาณเพราะอาการพิษไข้ ยามนี้แค่เพียงผมเงยหน้า เอื้อมมือเพียงนิด ก็สามารถสัมผัสไออุ่นจากเขาได้ ผมแนบฝามือไปตามลำคอและเรื่อยไปยังสันกรามได้รูปสวยและจบลงที่หน้าผาก ไร้อุณหภูมิที่ผิดแปลก ไข้ของเขาหายแล้วจริงๆ


เทมที่ครวญในลำคอเมื่อผมขยับไปมา เปลี่ยนท่าให้สัมผัสตัวเขาได้สะดวก แขนหนักที่พาดอยู่ช่วงเอว รัดรั้งผมเข้าไปใกล้เหมือนกลัวว่าหมอนข้างแสนรักจะลุกหนีไป คิ้วที่เริ่มขมวดเหมือนองค์ชายของผมกำลังจะตื่น ทำเอาผมรีบใช้สัมผัสอุ่นมอมเมาให้เขาดิ่งลึกสู่ห้วงนิทราอีกครั้งแทบไม่ทัน ผมลูบหลังเจ้าตัวน้อยของผม สีหน้าที่ผ่อนคลายคล้ายอมยิ้มอยู่ในฝันดี ผมได้แต่นั่งมองเขาในความมืด เห็นเพียงเงาเลือนลาง แต่ผมก็รู้ว่าเขาจะทำสีหน้าอย่างไร เพียงสีนิลที่โรยอยู่รายล้อม ไม่สามารถบดบังสายตาของผมที่คอยเฝ้ามองเขาได้


ผมขยับเข้าไปใกล้เขา แอบขโมยใช้หมอนใบเดียวกัน


ท่ามกลางบรรยากาศใกล้รุ่ง ผมรู้สึกอ่อนไหวเป็นพิเศษ ท่วงทำนองของความเงียบ ทำให้ผมฟุ้งซ่าน นึกถึงหลายเรื่องราวที่ผ่านพ้นมาในวัยเยาว์ รอยแผลเป็นราวกับเจ็บปวดขึ้นมาเมื่อนึกถึงวันวาน


และบรรยากาศในวันนี้ก็คล้ายกับวันนั้น...


ตั้งแต่ผมจำความได้ ผมเติบโตมาในคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่ไม่ได้รายล้อมไปด้วยคนใช้เหมือนในตอนนี้ แต่ที่ผมเติบโตกลับเต็มไปด้วยผู้คนในเครื่องแบบทางการ และความเคร่งเครียดที่แผ่ปกคลุมเหมือนฝาแก้วที่ครอบสถานที่แห่งนี้เอาไว้ ผู้คนที่บ้านหลังใหญ่แห่งนี้ รอยยิ้มเสมือนเป็นสิ่งต้องห้าม ความสุขเป็นเพียงเรื่องเล่าตำนานเพ้อฝัน


คฤหาสน์หลังใหญ่ที่อยู่ห่างไกลจากจตุรัสแดงออกมาหลายสิบกิโลแห่งนี้ ทั้งที่ห่างไกลความเจริญ และเข้าถึงยาก กลับมีแขกแวะเวียนมาไม่เคยขาด ห้องรับแขกมักจะมีผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามาสับเปลี่ยนหมุนวนใช้งาน ห้องโถงรับรองก็มีจัดงานเลี้ยงเต้นรำไม่เคยขาด ราวกับไม่ใช่ยุคปัจจุบัน เมื่อก้าวข้ามเข้ามาผ่านถนนส่วนบุคคลที่ถอดยาว รั้วสีแดงที่กินพื้นที่ไปหลายสิบเอเคอร์จะตั้งตะหง่านอยู่ ประตูใหญ่ยักษ์ไม่เปิดสำหรับทุกคน มันเลือกเปิดให้เฉพาะแขกของเจ้าของบ้าน


นายหญิงหนึ่งเดียวของคฤหาสน์ชาโรนอฟ
ดาเลีย แอน ชาโรนอฟ ผู้มีศักดิ์เป็นคุณยายของผมเอง


หากไม่นับเชื้อพระวงษ์ เธอผู้เคยเป็นผู้หญิงที่มีอำนาจสูงสุด ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง บทบาทของดาเลียแอนคือผู้ชักนำลับๆในฉากหลังของสงครามที่ร้อนระอุ


หญิงสาวที่เติบโตมาในต้นตะกูลของราชองครักษ์ที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น เธอเป็นลูกสาวคนแรกและคนเดียว ชาโรนอฟ ตะกูลราชองครักษ์จบลงที่รุ่นของดาเลีย เป็นเรื่องน่าเศร้า ที่รุ่นของเธอ พ่อแม่กลับไร้ลูกชายสืบต่อหน้าที่อันทรงเกียรติ เพราะนายหญิงแห่งชาโรนอฟในตอนนั้นได้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร ด้วยไฟแห่งสงคราม


ผู้เป็นพ่อของคุณยายผม หรือคุณทวด จากราชองครักษ์ในพระราชวัง ความเสียใจจากการสูญเสียภรรยาอันเป็นที่รัก ทำให้เบนเส้นทางลงสู่เส้นทางอำนาจทางการทหาร โดยมีคุณยายผมติดตามไปด้วยความแค้นที่มีต่อผู้ปลิดชีพมารดาของตน


ทวดไต่เต้า และคุณยายไต่เต้า แม้จะมีอุปสรรคมากมาย เพราะผู้หญิงในสมัยก่อน มักจะถูกกดขี่และไม่มีหน้าที่ในเรื่องการเมืองและการสู่รบในสมัยนั้น ทุกความคิดเห็นและความสำคัญถูกปัดตกเพราะเพศ ปฎิเสธเพศได้ แต่ปฎิเสธไม่ได้กับเส้นสายที่ถูกสร้างไว้รุ่นต่อรุ่น เป็นเส้นเล็กๆที่ถูกถักทอไว้จนแข็งแกร่งแม้ในยามบ้านเมืองวุ่นวาย ทำให้ดาเลียแอนไปถึงจุดสูงสุดที่อิสตรีจะเป็นได้ ณ ตอนนั้น คืออาจารย์ผู้ฝึกทหาร ด้วยวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปี


และเธอทำมันได้ดีมากเสียด้วย ครูฝึกปีศาจ สมญานามที่ได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ แปลงได้ทั้งสองความหมาย หนึ่งคือ เธอเป็นผู้ฝึกมนุษย์ให้เป็นปีศาจร้าย และสอง เธอคือปีศาจร้ายในคราบอาจารย์ฝึกทหาร


แต่เดิมพื้นฐานคุณยายก็เป็นพวกจริงจัง เข้มงวด เจ้าระเบียบและดุดันเป็นทุน เมื่อผสมความแค้น เธอทุ่มเททุกอย่าง ถวายทั้งชีวิตเพื่อดับไฟที่ลุกเผาผลาญอยู่ในอก เมื่อก้าวเท้าเข้าไปสู่การเป็นผู้ควบคุมฝึกทหาร เริ่มจากฝึกกลุ่มเล็กๆ ขยับขยายไปเป็นกองทัพ ความดุดันพลันแปรเป็นความเหี้ยมโหด เลือดเย็นและไร้หัวใจคือหนทางที่เธอเลือกจะเป็น


อำนาจที่อยู่ในมือเริ่มแผ่ขยายเป็นวงกว้าง เมื่อนักเรียนที่เธอก่อปั้นเริ่มมีบทบาทสำคัญในเวทีสำคัญ เส้นสายและแรงผลักดันจากคุณทวดที่เป็นทหาร ข่าวคราวการเมืองและความเป็นไปในสงครามถูกบอกต่อ เธอกลายเป็น 'ผู้ปรึกษา' ของเหล่านักเรียนที่ยศศักดิ์เริ่มสูงขึ้นและสูงขึ้น วิธีการอ่านแผนการที่เด็ดขาด ความรอบคอบและความสามารถที่เหนือบุรุษใดยากจะเทียบ


ผู้ปรึกษาเริ่มมีชื่อเสียงในแวดวงกว้างขวาง จากเพียงแค่นักเรียนทหารที่มาขอคำแนะนำ จากเพียงนายทหารยศน้อยมาขอคำชี้แนะเรื่องเล็กๆ เริ่มลามไปถึงบุคคลสำคัญที่สามาถชี้เป็นชี้ตายได้ในขณะนั้น เรื่องที่ดาเลียแอนได้รับรู้และมีส่วนร่วมเริ่มใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น จนในที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ดาเลีย แอน ชาโรนอฟ มักจะได้เป็นหนึ่งในผู้ตัดสินลงคะแนนความเป็นไปของแผนการที่จะถูกใช้เสมอ ความคิดเห็นจากเธอเมื่อถูกเอ่ย ทุกคนจะต้องเงียบฟังและให้ความสำคัญ


หลายปีกว่าไฟสงครามจะมอดดับลง ดาเลียแอนใช้ชีวิตในฐานะอาจารย์ปีศาจและผู้ให้คำปรึกษาแห่งชาโรนอฟจวบจนสิ้นสุด ทุกอย่างมอดไหม้เป็นเถ้าทุลี ทั้งนิสัยและหัวใจของเธอก็เช่นกัน


จบสงคราม แม้เธอจะมากด้วยอำนาจและชื่อเสียง แต่ยศฐาของเธอก็ยังคงเป็นอาจารย์ฝึกสอน แม้จะได้เหรียญกล้าหาญมากมาย แต่ยังคงเป็นเพียงอาจารย์เท่านั้น นักเรียนที่รักดีและขึ้นไปจู่จุดสูงสุดหลายคนก็ทนไม่ได้ แต่การจะให้ยศแก่หญิงสาวก็เหมือนเป็นการตบหน้าเหล่าวีรบุรุษที่ขึ้นไปรับเกียรติยศ ว่าได้มาเพราะผู้หญิงตัวเล็กๆช่วย และทางการก็อยากกำจัดต้นตอข่าวลือที่แม้จะเป็นความจริงให้หายไป ด้วยการแต่งงานทางการเมือง ระหว่างนักการทูตจากประเทศแห่งเหยี่ยว และอาจารย์ฝึกทหารหญิงของประเทศนกอินทรีสองเศียร ถือเป็นการอุดรอยร้าวด้วยความรักน้ำเน่าที่ทุกคนชื่นชอบ


ดาเลียตกลงด้วยข้อเสนอเดียว คือนามสกุลชาโรนอฟจะยังคงอยู่ต่อไป
คือ ฝ่ายชายต้องแต่งเข้าตะกูล


งานหมั้นถูกประกาศลงทุกหน้าหนังสือพิมพ์
คู่แต่งงานใหม่เกิดขึ้นด้วยงานเลี้ยงใหญ่โต และคับคั่งไปด้วยบุคคลสำคัญ ว่ากันว่าวันนั้นหากเกิดระเบิดขึ้น มหาอำนาจและบุคคลสำคัญในประเทศมากกว่าครึ่งจะหายไป ข่าวลือหนาหูว่ากระทั่งพระราชินียังเสด็จมาอวยพรด้วยตนเอง


แม้แต่ตอนนี้ ดาเลีย แอน ชาโรนอฟ ในวัยเจ็ดสิบสามปี
แม้ไม่ได้สูงด้วยยศแต่บารมีที่เคยมีก็ทำให้หลายคนเกรงใจ แม้จะเป็นยศที่สูงฐานะกว่าก็ตาม เหล่านักเรียนนายร้อยนายทหารในวันนั้น ในวันนี้ก็ขึ้นสู่เวทีสงครามอีกครั้ง แต่เป็นสงครามที่เรียกว่าการเมือง สิ่งที่เปลี่ยนไปนั่นมากมาย แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปก็มีเช่นกัน เช่นฐานะที่ปรึกษาคนสำคัญ ที่เหล่าบุคคลสำคัญที่คุ้นหน้าคุ้นตาในโทรทัศน์ยังคงเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหญิงชราคนนี้เสมอ


และนิสัยที่รักในกฎระเบียบ ความดุดัน เด็ดขาด ช่างปกป้อง มีเกียรติ สูงค่ามากด้วยศักดิ์ศรี ก็ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน


แม้แต่ยามที่ครูฝึกปีศาจกลายเป็นแม่คน เอเลน ดาเลียนา ชาโรนอฟ บุตรสาวคนเดียวของชาโรนอฟ เธอเกิดมาด้วยนิสัยที่ตรงกันข้ามทุกอย่างกับมารดา และไม่ใกล้เคียงกับบิดาที่เป็นชายมากเล่ห์ผู้เงียบขรึมด้วยเช่นเดียวกัน


เอเลนเติบโตมาด้วยความซุกซน ไม่ว่าจะไม้อ่อน ไม้แข็งหุ้มนวม หรือไม้ที่พันด้วยเล็กหนามก็ไม่สามารถรั้งเธอไว้ได้ และเรื่องที่ทำให้เส้นสายความสัมพันธ์ของดาเลียและเอเลนจบลง คือเอเลนท้องด้วยวัยเพียงสิบสี่ปี...


ท้องก่อนแต่งไม่ใช่เรื่องที่น่าชื่นชมสำหรับคุณยายผู้ยึดมั่นในกฎระเบียบและประเพณี แต่ที่คุณยายรับไม่ได้เลยคือตั้งครรภ์ด้วยวัยเพียงสิบสี่ปี เหมือรคำพร่ำสอนของเธอถูกโยนกลับมา และสถานะอาจารย์ที่เคยฝึกสอนและคุมคนมามากกว่าหมื่นคนถูกตบหน้าฉาด


คุณยายลมจับ จากแต่เดิมที่ความสัมพันธ์ก็ลุ่มๆดอนๆ ด้วยนิสัยที่เข้ากันไม่ได้ ก็เหมือนสายป่านที่ขาดผึง เอเลนหรือคุณแม่ของผมถูกขับไล่ออกจากบ้านไปพร้อมด้วยท้องที่โตขึ้นทุกวัน แน่นอนว่าด้วยวัยที่ยังเยาว์ของทั้งคุณพ่อคุณแม่ ทำให้ชีวิตไม่ได้ราบรื่นนัก แม้ฝั่งพ่อจะพอมีฐานะอยู่บ้างจากมรดกของพ่อแม่ที่เสียไป แต่จากความคึกคะนองมีลูกถึงสามคน และหัวหน้าครอบครัวที่ทำงานเพียงคนเดียวอย่างพ่อ ล้มป่วยในวันหนึ่ง โรคร้ายพรากทุกอย่างไป เงินเก็บที่เฝ้าทำงานเก็บกันเพื่อลงทุน เมื่อยามป่วยหนัก เงินสิบกว่าล้านหายไปในชั่วพริบตา...


และมันยังไม่เพียงพอต่อการรักษาให้หายขาดเมื่ออาการมันซ้ำซ้อน เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ลูกชายคนรองก็ป่วยหนัก ความเครียดรุมเร้าแม่จนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ วนเวียนไปกลับจากงานพาร์ทไทม์ที่ทำและโรงพยาบาล ตกเย็นก็ไปรับลูกที่โรงเรียนอีก งานมากมายทั้งๆที่อุ้มท้องลูกคนที่สี่ ในขณะที่ปัญหามากมายหล่นโครมลงมานั้นคุณแม่ท้องผมอยู่ นับวันท้องที่ยิ่งโตก็เป็นอุปสรรค เงินที่ร่อยหรอสวนทางกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น


สุดท้ายเอเลนต้องจำใจกลับไปเพื่อขอความช่วยเหลือจากมารดาตัวเอง คุณยายตอบรับ พร้อมยื่นข้อเสนอให้ยืมเงินจำนวนมหาศาลเพื่อไปตั้งตัว โดยทิ้งลูกคนที่สี่เอาไว้ เพื่อให้ชาโรนอฟยังคงอยู่ต่อไป คุณแม่ไม่ยอมและทะเลาะกันใหญ่โต จนสุดท้ายคุณตาช่วยมาไกล่เกลี่ย ข้อเสนอยุติที่คุณแม่ต้องให้ผมอยู่ที่นี่จนกว่าจะหาเงินมาใช้คืนหมดได้ ระหว่างนี้ห้ามติดต่อและมาเจอหน้าลูกชายเด็ดขาด แม้จะไม่อยากตกลง แต่สามีและลูกที่ป่วยก็ต้องการเงินเพื่อไปยื้อชีวิต คุณแม่จำยอมต้องเซ็นสัญญารับข้อตกลงนั่นเอาไว้


ผมจึงเติบโตขึ้นมา ณ ที่แห่งนี้ คฤหาสน์หลังงาม ที่รายล้อมไปด้วยรั้วสีชาดและผู้คนในเครื่องแบบที่ถูกส่งมาอารักขาคุณยาย คุณตาที่นิ่งขรึม แม้จะเข้าหาง่ายกว่าคุณยายและบางครั้งก็ชอบเล่นมุกตลกฝืดๆ แต่ก็ยังคงเงียบขรึมมากอยู่ดี และคุณยายที่แสนดุดันและเข้มงวด ผมไม่รู้ว่าเด็กปกติเติบโตกันอย่างไร แต่ตั้งแต่ผมยังเดินไม่ตรง ก็ถูกจับมาเรียนสิ่งต่างๆมากมาย ทั้งเรื่องการเรียน การเมือง ดนตรี ศิลปะการป้องตัว และมารยาท คุณคิดภาพเด็กสองขวบที่เริ่มเล่นเปียโนและฝึกดาบพร้อมนั่งหลังตรงเพียบพร้อมไปด้วยมารยาท โดยไม่งอแงปัดจานข้าวออกจากโต๊ะออกไหมครับ นั่นคือผมเอง...


ความผิดพลาดครั้งที่สองจะไม่เกิดขึ้นกับผม ความผิดพลาดของคุณแม่ สร้างรอยแผลใหญ่ไว้ในใจของคุณยาย สิบเท่าของการเฝ้าติดตาม ร้อยเท่าของความความเข้มงวดที่ใช้สั่งสอนคุณแม่ ถูกใช้กับผมทั้งหมด


การฝึกฝนสิ่งต่างๆของผมจะเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่เสมอ คนตื่นสายและคนอ่อนแอ ไม่เป็นที่ถูกยอมรับในบ้านหลังนี้ 
อาจารย์ที่สอนแต่ละวิชา จะเข้ามาตามตารางเรียนที่คุณยายแบ่งสรรจัดเวลาออกไว้ให้ เช้าจรดค่ำและค่ำจรดเช้า วนเวียนแบบนี้นานจนผมจำไม่ได้ง่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ จะเปลี่ยนแปลงไปบ้างเมื่อผมต้องไปงานเลี้ยงกับคุณยายคุณตา


งานเลี้ยง เป็นงานที่รวบรวมคนยิ้มหวานและพูดจาโอ้อวดทับถมโดยทำตัวถ่อมตน
สังคมแปลกประหลาดที่เบื้องหน้ายิ้มแต่ลับหลังกลับนิ่งเฉย ผมคิดว่าควรเปลี่ยนชื่อจากงานเลี้ยง เป็นงานโอ้อวด นินทา และหาผลประโยชน์เสียมากกว่านะครับ


เพียงเริ่มเดินและพูดได้ ผมก็ได้รับของขวัญเป็นหน้ากากหนึ่งอัน เป็นหน้าอันแข็งแกร่งที่วาดรอยยิ้มจอมปลอมบนนั้น ไว้สวมใส่เวลาปรากฎตัวต่อหน้าผู้คน ชาโรนอฟนั่นมีเกียรติแต่ห้ามหยิ่งยโส ชาโรนอฟนั่นสูงค่าแต่ห้ามทนงตน ชาโรนอฟไม่โอ้อวดแต่ทุกคนต้องรู้ว่ามี ชาโรนอฟไม่สูงศักดิ์แต่ก็ห้ามถูกใครกดต่ำ และอีกหลากหลายคำพร่ำสอนของคุณยาย

 
ผมกลายเป็นชาโรนอฟเคลื่อนที่ ที่สุดแสนสมบรูณ์แบบสมใจคุณยาย


ผมจำไม่ได้ว่าตัวเองเลิกร้องไห้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะตั้งแต่ถูกคุณยายตบหน้าแล้วบอกว่า 'ชาโรนอฟไม่มีน้ำตาให้กับเรื่องไร้สาระ'


เป็นมาโตรชก้าที่ข้างในกลวงโบ๋ ไม่มีหุ่นตัวเล็กกว่าอยู่ข้างใน ชีวิตในแต่ละวันดำเนินไปอย่างเรียบง่าย สิ่งที่ใกล้เคียงความสุขในเวลานั้น คือความเงียบและแสงจันทร์จากหน้าต่างที่สะท้อนแสงกระทบกับสระน้ำยามค่ำคืน ในเวลานั้นผมไม่เคยเห็นหน้าคุณพ่อคุณแม่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีพวกเขาอยู่ ตัวตนพวกเขาเท่ากับศูนย์


แต่คิดแล้วก็ตลกนิดหน่อย คุณคิดภาพเด็กอายุขวบครึ่ง ที่ปากยังคาบขวดนม แต่กำลังโดนผู้ใหญ่สั่งสอนเรื่องกฎของฟิสิกส์ออกไหมครับ หรือจะเป็นเด็กอายุห้าขวบที่ถูกจับมานั่งอบรมเรื่องการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ น่าขันสิ้นดี


แต่แล้วในวันที่ทุกอย่างยังดำเนินต่อไปเหมือนทุกวัน ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด เมดที่ไม่เคยมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าก็มาเรียกผมให้ไปพบคุณยายที่ห้องรับแขก ผมแปลกใจเล็กน้อย นอกจากเวลาร่วมรับประทานอาหารมือเย็น ผมกับคุณยายจะไม่มีกิจกรรมร่วมกันเท่าไหร่ เรื่องพูดคุยในแต่ละวันจะเป็นเรื่องบอกกำหนดการงานเลี้ยงหรือพบปะคนสำคัญที่ผมต้องเจอ วิธีประพฤติตนและปฎิบัติตนที่ถูกต้องตามมารยาท คำสั่งสองของคุณยาย และมุกตลกฝืดๆของคุณตา และอาจจะเป็นเรื่องอย่างวันนี้ผมเรียนรู้ไปถึงไหนแล้ว ที่เหลือจะเป็นบทสนทนาของความเงียบเสมอ


จึงน่าแปลกใจไม่น้อยที่จะมีเหตุการณ์ถูกเรียกไปพบยามบ่ายเช่นนี้


"มีแขกหรือ ท่าทางคุณยายให้ความสำคัญไหม?"


ผมเอ่ยถามเมดโดยที่ไม่เงยหน้าจากหนังสือว่าด้วยเรื่องจิตวิทยาการอ่านความคิดของฝ่ายตรงข้าม อ้อ...ผมถูกสั่งสอนให้เรียนพวกการอ่านพฤติกรรมคน หรือจิตวิทยาค่อนข้างหนักพอสมควรเลยครับ การอ่านท่าทางว่าอีกฝ่ายกำลังลังเล โกรธเกรี้ยว หรือพูดโกหกอยู่หรือไม่ เป็นเรื่องสำคัญในการเข้าหา คุณจะไม่ได้อะไรดีๆ หรือผลประโยชน์อะไรจากบนสนทนาที่อีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดีหรอกนะครับ นอกจากความขุ่นเคือง แน่นอนว่าความรอบคอบของคุณยายดาเลียครอบคลุมไปถึงหาอาจารย์สอนมุกตลกไว้เล่นให้คู่คุยผ่อนคลายมาให้ผมด้วย และเมดที่นี่ก็ถูกฝึกสอนให้อ่านท่าทางของผู้เป็นนายได้ว่าแขกที่มาหาต้องการการดูแลระดับไหนเช่นเดียวกัน


สำคัญมากก็ต้องดูแลดีมาก สำคัญน้อยก็ยังต้องดูแลดีมากอยู่ดีนั่นแหละครับ
เพียงแค่ลดความเป็นทางการมากึ่งหนึ่ง


คำถามที่ผมถาม ก็เพื่อที่จะได้เปลี่ยนชุดลงไปถูก ว่าควรเป็นทางการระดับไหน ถ้าการคาดเดาของผมไม่ผิดเพี้ยนไป ตอนนี้คงจะมีแขกจำพวกมาแบบไม่ได้บอกไม่ได้กล่าว ไม่ได้นัดเอาไว้ แต่ก็สำคัญพอที่ประตูจะเปิดต้อนรับ...อืม ผมว่าผมได้คำตอบแล้ว ไม่รอเมดตอบ ผมก็ลุกจากเก้าอี้ เข้าไปในห้องของตัวเอง เปิดตู้ออก เลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสม เชิ้ตสีขาว เนคไทสีดำสนิท กับกางเกงสีดำขาสั้นพร้อมเข็มขัดสีดำถูกผมเลือกใส่ เป็นชุดเรียบง่ายเรียบร้อยที่สามารถเข้าำด้ทุกสถานการณ์ ถุงเท้าสีดำและรองเท้าหนังขัดเงาถูกสวม ผมสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองในกระจก หวีผมให้เรียบร้อย จัดปกเสื้อให้เข้าที่ ยืดแผ่นหลังให้ตึง ก่อนจะย่างกรายออกจากห้องเพื่อตรงไปหานายหญิงของคฤหาสน์


ปกติหากมีแขก ต้องนัดพูดคุยที่ห้องรับแขกในตัวบ้าน แต่นี่กลับนัดออกมาที่สวน ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้แต่สถานที่พูดคุยยังถูกเลือกแบบแปลกประหลาด และภายในห้องรับแขก ก็เป็นบรรยากาศแปลกประหลาดที่ผมไม่เคยพบเห็น...


ความเครียดจนแทบกระอักเลือด ความกดดันแทบหายใจไม่ออก ความเสียใจหรือความโกรธเกรี้ยว เชื่อสิว่าผมเคยเห็นมาหมดแล้ว ณ ห้องรับแขกเรือนกระจกแห่งนี้


แต่บรรยากาศที่...วุ่นวาย? ครื้นเครง? อา...ขออภัยหากผมเรียกไม่ถูก แต่สภาพคุณตาที่มีเด็กอายุพอๆกับผมห้อยต่องแต่งกอดคออยู่ หรือมีเด็กกอดขาคุณยายที่นั่งแผ่นหลังเหยียดตรง มือประสานกันไว้บนตัก ผมมวยที่ถูกมัดขึ้นรวบสูงเผยใบหน้าที่ยังคงสวยสง่าน่าเกรงขามอยู่มาก แม้อายุจะร่วงโรยไปตามกาลเวลา แต่กลับไม่ได้ดึงบรรยากาศให้อ่อนลงไป นัยน์ตาสีฟ้าสีเดียวกันกับผมดูคมกริบ ดุดันและเด็ดขาด ใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มเหมือนเคย แต่ที่แปลกไป คือเหมือน...คุณยายกำลังกระอักกระอ่วน?


...ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยจริงๆ


นอกจากเด็กๆที่กำลังทำตัวเหมือนลิงเกาะต้นไม้เหมือนในสารดีที่ผมเคยดู ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งและผู้ชายอีกคนหนึ่งนั่งอยู่อีกฝากฝั่งของโซฟา เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นของผมเป็นสัญญาณที่ทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่ง


ทุกคนหันมามอง










หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 16 * 24/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 24-09-2018 18:34:49


อึก


ผมถูกตัวอะไรสักอย่างจู่โจม เด็กน้อยที่เดินอ้อแอน้ำลายไหลเยิ้มมาซบอยู่ตรงขาของผม แม้ใจผมอยากจะสะบัดออก แต่ภาพลักษณ์ชาโรนอฟจะมาถูกทำลายเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้หรอกครับ ในงานเลี้ยงเด็กๆน่ารำคาญมากมายที่ผมชอบถูกจับไปรวมกลุ่ม ผมก็จัดการได้มาแล้ว แค่เด็กที่หน้าตาโง่ๆน้ำลายไหลเยิ้มเหมือนไม่สามารถหุบปากได้ ไม่ทำให้ผมกังวลหรอก ผมย่อตัวนั่งลงประสานสายตากับเด็กตรงหน้า นัยน์ตาสีฟ้าที่คุ้นเคยดูคุ้นตาอย่างน่าแปลก ผมปั้นยิ้มอ่อนโยนขึ้นมา หยิบหน้ากากขึ้นมาสวมใส่


"อันตรายนะครับ ไม่ควรเดินมาตัดหน้ากันรู้ไหมเด็กน้อย"


ผมแกะมือจ้อยออกจากขาตัวเอง เดินจูงมือที่ชื้นแฉะไปด้วยน้ำลายที่เจ้าตัวเอาไปอุดปากตัวเองเมื่อตะกี้ ในใจได้แต่แผดเสียงอยากไปอาบน้ำใหม่เร็วๆ ด้วยความขยะแขยง เจ้าตัวเชื้อโรคตาเป็นประกาย ร้องเสียงอ้อแอ้ให้ผมพาเดินจูงมือมาแต่โดยดี


ผมสบตาเข้ากับชายหญิงแขกของคุณยาย พวกเขามีสีหน้าแปลกประหลาดอีกแล้ว ดูซึ้งใจ ดีใจ น้ำตาคลอเบ้าตาที่สุดท้ายก็ร้องไห้โฮออกมา พร้อมกอดกันแน่น เหล่าเด็กๆที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นลูกๆของคนเหล่านี้พอเห็นพ่อแม่ตัวเองร้องไห้ ก็ร้องไห้แหกปากตาม



"แง้ แง้ แง้ มะหม้าร้องไห้ทำไมอ่า"

"แง้งงงงงงงงงง โจอย่าร้อง ร้องหาพ่อแม่ทะไม"

"ก้อ ก้อร้องหาพ่อแม่อ่ะ พ่อแม่ร้องก็ร้องตาม แงงงงง"

"โคลร้องตามแอนกับโจอ่ะ แงงงงงงงงงงงงง"

"แอ้แอ้ แอ้"

"ฮือออออออ คุณคะพี่น้องรักกันดีตั้งแต่แรกพบเลยค่ะ"

"ใช่แล้วที่รัก สายสัมพันธ์สายใยต่อให้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน มันก็มีไงล่ะ"

"คุณคะ! / ที่รัก!"



ผมสบัดมือเจ้าเด็กที่กำลังร้องอ้อแอ้ออก เดินไปหาคุณยายพร้อมมองภาพตรงหน้าด้วยความเย็นชา เป็นครอบครัวที่น่ารำคาญสิ้นดี ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเช็ดมือตัวเองเบาๆ ระหว่างที่กลุ่มคนตรงหน้ากำลังสะอึกสะอื้น คุณตาดูน้ำตาคลออินไปด้วย น่าตกใจจนผมมองอยู่นาน ก่อนจะเบนหน้ากลับมานิ่งเฉย มีเพียงผมและคุณยายที่กำลังหน้านิ่งเฉยขัดกับคนอื่นรอบตัว คุณยายผายมือเป็นเชิงบอกให้ผมนั่งลง


นั่งรอนานนับสิบกว่านาที กว่าความวุ่นวายและมหกรรมประสานเสียงร้องไห้ถึงได้สงบลง และให้ตายเถอะ...ไอ้เจ้าลิงที่ดูเด็กที่สุด ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกับขาผมนักหนาครับ มาเกาะเอาใบหน้าเปื้อนน้ำลายมาถูไถไม่ยอมหยุด เด็กอีกสามคนที่เหลือก็มารุมล้อมมองผม ประหนึ่งผมเป็นสัตว์ประหลาดมีแขนที่สามงอกบนหน้าผาก ถูกจับใส่กรงแล้วเอาไปแห่โชว์ตามงานคัลนิวาลไปได้ ...ไร้มารยาทเหลือเกิน ผมปั้นยิ้มติดไว้บนใบหน้าแม้ในใจจะอยากกลับขึ้นห้องเสียเดี๋ยวนี้


"นายเป็นน้องพวกเรานะ แต่เป็นพี่ของยูริ"

"นายเป็นน้อง เป็นน้อง เย้ๆๆๆ มีน้องเพิ่มอีกคนแล้ว ทีนี้ก็จะมีน้องไว้จิกหัวใช้แล้ว เย้ๆๆๆ"

"ไม่มีใครเขาเชื่อฟังนายหรอกนะโจ..."

"โคลกับแอนไม่เชื่อฟัง แต่น้องใหม่ดูยิ้มแย้มนะ ฉันว่าเขาน่าจะหัวอ่อน"

"เขาอาจจะหัวอ่อน แต่เขาคงไม่โง่เชื่อฟังคนปัญญาอ่อนหรอกนะฉันว่า"

"แง้งงงงงงงงงงงงงงงงงง ปะป๊ามะหม้าาาาาาาาา แอนด่าเชฟว่าปัญญาอ่อน!"

"โจเชฟรู้เหรอลูกว่าปัญญาอ่อนแปลว่าอะไร?"

"เชฟไม่รุ้ แต่เชฟสัมผัสได้ว่าเป็นคำด่า แง้งงงงงงงงงงงงงง เชฟเสียใจ เชฟงอแงงงงงงงง"

"ปัญญาอ่อนแล้วยังโง่อีก"

"อันนี้โจเชฟเข้าใจนะ แง้งงงงงงงงงงงงง ปะป๊ามะหม้าโคลด่าเชฟว่าโง่วววววววว"

"ฮึบไว้นะลูก ฮึบไว้"


ไม่รู้ว่าเด็กผู้ชายที่ท่าทางโตสุดฮึบไว้ยังไง ดูท่าทางที่เขาฮึบไว้คือการกลั้นลมหายใจจนหน้าเขียวแล้วก็ดัน...



ปู้ด...



ผายลมออกมาเสียแบบนั้น...


"อุบาทว์จริงๆเลยโจ!"


อา...ผมเห็นด้วยกับเด็กผู้หญิงที่กำลังยกมือบีบจมูกแล้วหันหน้าหนีจริงๆเลยครับ กลุ่มเด็กแตกกระจายหายไปจากผม เข้าไปนั่งฝั่งเดียวกับพ่อแม่ตัวเอง ผู้ชายที่ดูโตกว่าผมอีกคน แกะเจ้าลูกลิงน้ำลายยืดไปด้วย พอคนที่ดูโตสุดจะไปนั่งอีกคน ก็ถูกเด็กผู้หญิงถีบจนตกโซฟา แล้วทั้งสองคนก็เริ่มต่อยกัน....


ผมไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงต่อยกับเด็กผู้ชายมาก่อน...


แปลกประหลาด แปลกประหลาดจริงๆ...


และเรื่องที่คุณยายกำลังจะบอกผมก็ยิ่งกว่าแปลกประหลาด มันข้ามขั้นมากกว่าคำว่าแปลกประหลาดไปมากเลยทีเดียว คุณยายกระแอมกระไอเล็กน้อย เธอผายมือออกไปทางครอบครัวตัวประหลาด เสียงที่ฟังแล้วดูมีอำนาจจนชวนให้เชื่อฟังและทำตามคำสั่งเอยแนะนำตัวแขกของวันนี้



"ผู้หญิงคนนี้คือ เอเลน ดาเลียนา...เซอร์กีย์ และอีกคนคือ โจวิช เซอร์กีย์" คุณยายเงียบเสียงไปพักใหญ่
 

"พวกเขา..." น้ำเสียงที่มั่นคงเสนอมา ดูสั่นเล็กน้อยเมื่อบอกประโยคถัดไปที่เหมือนขวานจามลงมาที่หัวของผม



"คือพ่อแม่ของเธอ ดิมิทรี"



มุกตลกห่วยแตก...คือความคิดแรก ที่แล่นพรวดขึ้นมาในสมองตอนผมได้ยินจบ แต่สีหน้าจริงจังและความเป็นจริงคือคุณยายไม่เคยพูดล้อเล่น บอกผมว่ามันคือความจริง สีหน้าของหกคนฝั่งตรงข้ามก็ดูดีใจเหลือเกิน ตรงกันข้ามกับผมอย่างชัดเจน


พ่อแม่และพี่น้องที่ไม่เคยเจอหน้ามาตลอดชีวิต
จู่ๆก็มาปรากฏตัว


โอเค


ผมรู้ว่าผมไม่ได้เกิดจากพวงองุ่นที่คุณยายไปเด็ดมาหรอก แต่คุณยายก็ไม่เคยพูดถึงพ่อแม่ของผม และไม่มีใครเคยพูดถึง ผมถึงได้คิดเสมอมา ว่าผมเป็นเด็กกำพร้าที่คงถูกเก็บมาเลี้ยง เก็บมาอุปถัมภ์ หรือไม่ก็คือพ่อแม่ผมตายไปแล้ว และคุณยายก็เสียใจเกินกว่าจะเล่าให้ฟัง แต่จากสภาพผมว่าถ้าอับอายเกินกว่าจะเล่าให้ฟังอาจจะดูเข้าเค้ามากกว่า...


เพียงพบกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ครอบครัวชวนปวดหัวพวกนี้ก็ทำหน้ากากผมปลิแตก ผมอ้าปากค้าง หันหน้าไปสบตากับพ่อแม่กระทันหันของตัวเอง


ผู้หญิงผู้ชายตรงหน้าชูสองนิ้วให้ผม


"ยังไม่ตายจ้า พ่อแม่เองงงงงงงง"




อา...ให้ตายเถอะ


พระเจ้า ถ้านี่เป็นฝันร้ายล่ะก็ มันก็จะเป็นฝันร้ายที่ร้ายที่สุด และเป็นฝันที่สมจริงเกินไปแล้ว
และถ้านี่เป็นฝัน และผมภาวนาให้มันเป็นเพียงแค่ฝันไป


ใครสักคน ใครก็ได้....


ช่วยปลุกผมที...






แม้ผมจะนั่งอยู่นานเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้สะดุ้งตื่นบนกลางเตียงของตัวเองอย่างที่หวัง ฝันร้ายยังคงดำเนินต่อไป และดูท่าจะไม่มีจุดสิ้นสุด พ่อกับแม่และพี่น้องของผมท่าทางดูลุ้นตัวโก่ง เฝ้ารอว่าผมจะร้องไห้แล้ววิ่งโผเข้าไปหาพวกเขา แล้วพร่ำบอกว่าอยากเจอ อยากมีครอบครัวมากแค่ไหน อ้อมแขนที่อ้ารอรับผมโถมตัวใส่พร้อมใบหน้าตื้นตันค่อยๆหุบลง ใช่ พวกเขาควรลดมือลงซะ เพราะมันไม่มีทางเกิดขึ้นหรอกครับ...


ความเงียบและกดดันที่ครอบคฤหาสน์ เหมือนกับลอยมาอัดแน่นอยู่ในห้องนี้เพียงห้องเดียว แม้แต่เจ้าลิงทะโมนที่ดูไม่มีสมองก็เก็บน้ำลายยืดแล้วกอดพี่ชายตัวเองซุกหน้าหนีไว้แน่น ท่าทางของครอบครัวผมดูแปลกไป ถ้าจะให้พูดคือแปลกไปจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง อารมณ์ดีและรื่นเริงถูกเก็บหายเข้ากรุ ถ้าจะให้เดาก็คงไม่พ้นเพราะใบหน้าที่ผมสวมไว้มันแตกร้าว ไม่ต่างกับหัวใจของผม ใบหน้าที่พุพัง ทำใให้ผมไม่สามารถคงรอยยิ้มสุภาพอ่อนโยนหัวอ่อนเอาไว้ได้อีกต่อไป มันเลือนหายและนิ่งเฉย เย็นชาดุจก้อนน้ำแข็ง


ผมไล่สายตามองแต่ละคนในครอบครัว มองทีละคน ทีละคน อย่างเก็บรายละเอียด พวกเขาดูตัวเกร็งและสะดุ้งเมื่อสายตาของผมไปตกอยู่ที่ตัวเอง ดูเป็นครอบครัวแสนสุข แม้จะไม่มีผมอยู่ก็ตาม


คำถาม ทำไม ผุดขึ้นนับร้อยนับพันในสมอง
ต่อให้เป็นหุ่นที่ไส้ในกลวง แต่ผมก็มีความรู้สึก...


และมันก็เจ็บปวดสิ้นดี


ผมลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ตัวเองช้าๆ แม้ใจจริงอยากลุกขึ้นพรวดและวิ่งหนีไป รอยยิ้มที่ผมพยายามฝืนให้มันกว้างออก แต่ไม่เป็นผล ทำให้หน้าตานิ่งเฉยดูบิดเบี้ยวและผิดเพี้ยน ผมคิดว่าช่างมันเถอะ จึงปล่อยให้มุมปากของตัวเองเรียบตึง


"ถ้าจะเป็นเรื่องตลก ก็ควรอยู่บนละครเวทีนะครับคุณยาย ไม่คิดเลยว่าคุณยายจะโปรดปรานขณะละครนี้ถึงขนาดเชิญผมลงมาดูด้วย ถ้าจบแล้ว ยังไงผมต้องขอตัวก่อน อาจารย์มัคซิมกำลังจะมาสอนผมในอีกไม่ถึงยี่สิบนาที ขอตัวไปเตรียมตัวก่อนนะครับ เชิญกันตามสบาย"


ผมก้าวเท้าออกมาโดยไม่สนเสียงฉุดรั้ง และเสียงร้องไห้โฮด้านหลัง


ถ้าเป็นไปได้...ผมเองก็อยากร้องไห้เหมือนกัน


แต่มันจุกเสียจนร้องไม่ออกนี่สิ


ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องของตัวเอง เดินเข้าไปในห้องสมุดส่วนตัวที่เชื่อมต่อกันอยู่ ลงกลอนและขังตัวเองไว้ข้างในนั้น เฝ้าคิดว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ตั้งแต่เกิดมา ตั้งแต่จำความได้ ผมไม่เคยได้รับรู้รับฟังถึงต้นกำเนิดของตัวเอง แม้แต่เสียงแว่วให้เข้ามาได้ยินยังไม่มี รูปถ่ายหรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเหมือนถูกยางลบ ลบออกไปจนหมดสิ้น


แล้วถ้าจะลบเสียเกลี้ยงเกลาขนาดนี้ ทำไมถึงยังเขียนขึ้นมาใหม่เอาตอนนี้


สำหรับทุกคนอาจจะคิดว่า ก็ดีแล้วนี่? ได้มีพ่อกับแม่เหมือนคนอื่นเขา ได้มีพี่น้องวัยไล่เลี่ยเอาไว้คอยเล่นซนด้วยกัน
แต่ไม่ใช่กับผม เพราะคำถามที่ตามมาของการปรากฏตัวกระทันหันคือ พวกเขาไปอยู่ที่ไหนมา...
และทำไมถึงได้ทิ้งผมไว้ด้านหลังคนเดียว... เด็กๆพวกนี้ดูสดใสและซุกซนตามวัย เหมือนเด็กๆวัยเดียวกันที่ผมเคยพบเจอ


ผมคิดเข้าข้างและปลอบโยนตัวเองเสมอด้วยความคิดที่ว่า เพราะตัวเองไม่มีพ่อหรือแม่ให้ออดอ้อน มีเพียงคุณตาและคุณยาย เพราะอย่างนั้นต้องเข้มแข็ง โตไปจะได้ปกป้องหญิงชราและชายชราที่อุตสาห์ชุบเลี้ยงผมขึ้นมา พวกเราไม่สนิทกันเพราะวัยที่ห่าง และความเป็นอาจารย์ทหารของคุณยาย เธอต้องรักษาภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ


ผมปลอบโยนตัวเองเช่นนั้นมาตลอด เพราะงั้นต่อให้ไปในตัวเมืองแล้วเห็นเด็กวัยเดียวกันเล่นสนุก บางคนยังพูดไม่ชัดดีด้วยซ้ำ แต่ยังได้รับการอ่อนโอนและคำชื่นชมจากบิดามารดา ด้วยเรื่องง่ายๆอย่างแค่สามารถทานข้าวด้วยตัวเอง ด้วยท่าทางเงอะงะและอาหารหกเลอะเทอะ ผมก็ทำได้นะ... ทานข้าวด้วยตัวเองน่ะ ผมทำได้ตามมารยาทสากลมากกว่าสิบสี่แบบ เรียบร้อยกว่า สง่างามกว่า แต่คำชมที่ผมได้รับเป็นเพียงแค่ประโยคหนึ่ง ดีมากดิมิทรี เธอสมเป็นชาโรนอฟ แต่ไม่มีอ้อมกอดอุ่นกอดรัดลงมา


แต่ไม่เป็นไร ผมยังมีคำปลอบใจตัวเอง ต่อให้ไม่ได้ถูกอ่อนโยนด้วย แต่ผมก็จะเติบโตขึ้นไป แต่วันนี้เหมือนผมโดนตบหน้า ทุกคำปลอบโยนของตัวเองเหมือนกลายเป็นของแข็ง กลายเป็นไม้หน้าสามที่เอามาฟาดผมให้แทบตายในวันนี้


พวกเขาไปอยู่ที่ไหนมา...


คำถามว่าทำไม เพราะเหตุใด โผล่ขึ้นมาหมุนเวียนตลอดเวลา ทำไมถึงเพิ่งมาเอาตอนนี้ ทำไมผมถึงเป็นลูกเพียงแค่คนเดียวที่อยู่กับคุณตาคุณยาย ทำไมผมถึงได้ถูกทอดทิ้ง ผมเกิดมาแย่หรือ ช่วงที่แม่คลอดผมออกมา เพียงเห็นหน้าก็ไม่นึกรักกันใช่ไหม ถึงได้ปล่อยผมทิ้งไว้ในบ้านหลังใหญ่นี่แล้วพาพี่น้องคนอื่นจากไป


ทำไม ทั้งๆที่พวกเขาไม่มีผม ก็ดูเป็นครอบครัวที่สมบรูณ์แบบ แล้วทำไมวันนี้ถึงได้พากันกลับเข้ามา ทำไมคุณยายถึงให้เขาเข้ามา มาเยาะเย้ยกันหรือไร มาหัวเราะกันใช่ไหมว่าผมทำได้แต่ยิ้มจอมปลอมไปวันๆ แต่เขากลับสามารถยิ้มหัวเราะออกมาได้จากใจ


ทำไมท่าทางพวกเขาถึงได้ดูดี เสื้อผ้าที่สวมใส่ล้วนเป็นเสื้อผ้ามียี่ห้อและราคา ฝีเข็มตัดเย็บเนียบกริบ พวกเขาไม่ได้ดูยากจน จนไม่สามารถเลี้ยงลูกคนที่สี่ได้ ถ้าเลี้ยงคนที่สี่ไม่ได้แล้วจะมีคนที่ห้าได้อย่างไร แล้วทำไมผมถึงไม่ได้ถูกเลือกอยู่ในครอบครัวของเขา


มันจะดีเสียกว่าหากพ่อแม่ของผมเป็นเพียงคนบ้าหรือพิกลพิการ อย่างน้อยผมจะได้ปลอบตัวเอง ว่าเขามีเหตุผลที่จะไม่เลี้ยงผม และผมคงจะยิ้มและสามารถบอกว่า ไม่เป็นไรครับ ผมจะดูแลพ่อกับแม่เอง


แต่มันไม่ใช่...เขามาพร้อมกับความเพียบพร้อม มาพร้อมกับสีขาวสะอาดที่ดูสดใส ตัดกับสีเทาด่างแบบผม เขามาในตอนที่ผมไม่ใช่ผ้าขาวอีกแล้ว มาเพื่อให้เห็นถึงความชัดเจนของความแตกต่างหรือไง


เอาความสนิทสนมในสายสัมพันธ์ครอบครัวมาโอ้อ้วดกัน ทั้งๆที่พวกเขาสนิทสนมกลมเกลียวกันดี มามองเหยียดว่าทำไมผมถึงได้ไม่สนิทกับคุณยายคุณตาหรือ


ทำไมพี่น้องของผมถึงดูสนุกสมวัย ดูบ้าบอไร้ความเครียดขึง ดูไร้มารยาทไม่ได้รับการสั่งสอน แต่ทำไมพ่อกับแม่ถึงเลือกจะอยู่กับพวกเขา เพราะพวกเขามีค่าส่วนผมมันแค่ก้อนกรวดที่สามารถปาทิ้งได้ใช่ไหม


ทั้งๆที่ทิ้งผมไว้ แต่ก็ยังสามารถยิ้มและมีความสุขกันได้ขนาดนั้นใช่ไหมครับ






ทำไม และทำไม และทำไม คำถามวนเวียนไปมาที่ตะโกนกู่ร้องอยากได้คำตอบ แต่ก็ไม่มีคำตอบใดที่ผมสามารถตอบตัวเองได้ มีเพียงประโยคคำถามที่ยังคงผุดขึ้นมาไม่หยุด และความเจ็บแสบที่ชัดเจนภายในอกเท่านั้นเอง

















end 16 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง





ไม่ธรรมดา โอ้โห ไม่ธรรมดาาาาา
เขียนนิยายรักใสๆวัยมัธยมยังไงให้สเกลเรื่องใหญ่ไปถึงสงคราม
....ช่วยน้องด้วยนะคะ

จริงๆคิดว่าตอนของหมูหย็องจะเอาไว้เป็นตอนพิเศษ แต่เอามาใส่ไว้ในเรื่องเลยดีกว่า
เพราะตอนพิเศษล้นมากค่ะ ฮาาา





ตอบคุณ Meen2495
- แปลว่าเราเจอฝรั่งสายพันธุ์หายากแน่ๆเลยค่ะ ฮาา

งั้นขอยกเป็นนิสัยหมูหย็องแทนแล้วกันนะคะ เพราะวางให้น้องเป็นพวกช่างดูแลเอาใจใส่จากการสอน + นิสัยพื้นฐานด้วย
อาจจะขัดไปบ้าง แต่เราชอบคาแร็คเตอร์เด็กแบบแก่แดดนิดๆ โตเกินวัยเยอะๆค่ะ ถือว่าเป็นความแฟนตาซีของนิยายเราแล้วกันนะคะ ฮา หรือจะคิดว่าน้องอยู่มหาลัยก็ได้ค่ะ แต่งี้ถ้าหมูหย็องกับเทมไปมหาลัย คุณ Meen2495 จะคิดภาพเป็นสองคนแก่ไหมคะเนี่ย ก๊ากก ไม่ได้นะคะ ต้องคิดภาพเป็นเฟรชชี่นะ!

ช่วยตามเด็กๆไปถึงมหาลัยเลยนะคะ
เราก็จะพยายามเขียนไปยาวๆเลยยยยยยยยยยยยย
ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่ติดตามเราทั้งสองที่ ฮือออออ แรงใจถาโถมมากเลยค่ะตอนนี้ จะรีบกลับไปปั่นตอนต่อไปนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ U//v//U ♥

อ่านแล้วแสดงความคิดเห็นได้เสมอนะคะ จะดีใจมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 16 * 24/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 24-09-2018 20:18:51
โอ้ … ด้วยตอนนี้ เข้าใจแล้วค่ะว่า
ทำไม พี่หมู เป็นอย่างนี้
พื้นฐานการเลี้ยงดูวัยเด็กนี่เอง

เพราะที่เราขัด ๆ กับนิสัยพี่หมู … เราดูจากบรรยากาศในครอบครัวนั่นเอง
คราวนี้ เข้าใจแล้วค่ะ ว่าแตกต่างจากเด็กฝรั่งอย่างไร
เพราะเราเคยเจอเด็กแบบนี้อยู่หลายสิบคนมาก ๆ
เป็นลูกฝรั่งในครอบครัวทหารระดับสูง ๆ กับในครอบครัวรัสเซียนั่นเอง
มนุษย์เด็กพวกนี้ เป็นแบบพี่หมูอยู่หลายคน

ขอบคุณนะคะที่นำตอนนี้มาลงให้เราหายค้างคาใจ

ขอบคุณค่ะ …
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 16 * 24/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 25-09-2018 06:31:09
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 16 * 24/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 25-09-2018 12:07:31
 :L1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 16 * 24/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 25-09-2018 16:10:15
อ่านเพลินมากเลยค่ะ

หมูตอนอยู่กับเทม กับอยู่กับคนอื่นนี่คนละเรื่องระราวกันเลย


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 16 * 24/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 25-09-2018 17:09:26
หมูหยองของเทม สู้สู้นะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 17 * 25/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 25-09-2018 18:10:36







17







ก๊อก ก๊อก


เสียงเคาะประตูเรียก เหมือนนกหวีดเรียกสติที่จมดิ่งของผมให้กลับคืนมา แม้แต่เสียงเคาะประตูยังดูเย็นชืดและไร้จิตใจ ผมเงยหน้าจากเข่าของตัวเอง จัดเสื้อผ้าที่ยับยู่ยีให้เรียบเท่าที่มันพอจะเรียบได้ เดินไปเปิดประตูห้องออก


"ครับ" ผมขานรับเสียงเคาะ ก่อนจะแง้มประตูไม้แกะสลักเนื้อดี เพื่อเจอกับหญิงชราที่ผมคุ้นเคยมาทั้งชีวิต แต่การเผชิญหน้าหลังคำพูดน่าตกใจ เธอกลับดูเหมือนเป็นคนแปลกหน้าไปเสียแล้วสำหรับผม บางทีความรู้สึกถูกหักหลังก็คงใกล้เคียงกับความรู้สึกแบบนี้


ใบหน้าที่มักจะนิ่งเฉยเป็นนิจยังคงราบเรียบเฉกเช่นทุกวัน เธอใช้สายตาเพื่อบอกให้ผมเดินตามไปนั่งที่ชุดโซฟากลางห้องนอนของผม น้อยครั้งที่โซฟาเหล่านี้จะได้ทำหน้าที่รับของสมเป็นเก้าอี้ ผมทรุดตัวลงนั่ง เบือนสายตาออกจากสตรีสูงศักดิ์ตรงหน้า ผมว่าตอนนี้ อะไรก็ดูน่ามองและน่าสนใจกว่าเยอะ เจ้าแจกันใบสีน้ำตาลสวยที่วางตกแต่ง มันอยู่กับผมมากี่ปีแล้วนะ


"หลานกำลังเสียมารยาทอีกแล้วนะดิมิทรี" ผมอยากแค่นเสียงเหอะใส่เธอ มารยาทที่ผมถูกฝึกฝนเฝ้าสั่งสอน ผมเทมันเอาไว้ตั้งแต่เดินหนีขึ้นบันไดมาแล้วอยากจะนิ่งเงียบและไม่สนใจ แต่ก็ทำไม่สามารถ รังสีกดดันจากคุณยายทำเอาผมจำใจต้องเบือนหน้าจากแจกันตรงมุมห้อง มาสบตาคู่สนทนาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


"เธอ...ต้องไปอยู่กับพวกเขา"


ประโยคเสียงเนิบนาบที่บอก เหมือนกับแค่คุณยายสั่งให้ผมไปฝึกเรียนอะไรเพิ่มขึ้นสักวิชา ไม่ใช่การไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น ไม่ใช่ประโยคที่กำลังผลักไสหลานที่เลี้ยงดูมาเกือบเจ็ดปี ผมพยายามใจเย็นให้สมกับที่ฝึกฝนมา แต่ในความเป็นจริงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อน้ำตาตกในมันแสนจะปวดร้าว ความเสียใจแล่นขึ้นมาจุกที่อก กระบอกตาร้อนผ่าว
หรือที่เขาชอบเปรียบเทียบว่าตัวเองเป็นแค่หุ่น ทุกคนก็เห็นเป็นตามนั้น เป็นเพียงหุ่นเชิดที่จะชักไปนี้หรือชักไปทางนู่นได้ตามใจชอบ ไม่จำเป็นต้องคิดถึงหัวอกอะไรเจ้าหุ่นเชิดไร้ความรู้สึกนั่นหรอกใช่ไหมครับ


แต่ผมคงจะต้องบอกว่าผมคิดผิด และพวกเขาก็คิดผิดเช่นเดียวกัน
ผมยังไม่ใช่หุ่นไร้ใจอย่างสมบรูณ์แบบ เพราะหุ่นที่ไร้ความรู้สึกคงจะไม่เจ็บเจียนตายแบบนี้กระมั่ง


คนตะกูลนี้ยังมีหัวใจกันบ้างไหม
คุณยายมีหัวใจบ้างไหมนะ
ผม...มีหัวใจไหมนะ


ผมอยากโง่ลงกว่านี้อีกสักนิด จะได้เดาเรื่องราวไม่ออก ตั้งแต่คุณยายบอกฐานะของพวกเขา สีหน้าท่าทางของทั้งสองฝ่าย ผมก็รู้เสียแล้ว...


ผมกำลังจะต้องจากบ้านหลังนี้ไป


แม้ผมจะไม่ได้ชอบเป็นพิเศษ แต่ผมก็ผูกพันและคุ้นเคย มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมมาตั้งแต่เกิด ผมชินกับการตื่นมาในห้องกว้างและดำเนินชีวิตไปตามตารางที่ถูกกำหนด


แต่มันก็คงต้องเปลี่ยนแปลงไป


เมื่อผมกำลังจะเป็นหุ่นเชิดที่ถูกทอดทิ้ง น้ำตาที่แห้งเหือดมาหลายปีไหลหล่นลงเงียบๆ ผมไม่พูดอะไร และเธอก็ไม่พูดอะไรเช่นเดียวกัน นานทีเดียวผมจึงพยักหน้าตอบรับ ลุกขึ้นเตรียมไปเก็บของใส่กระเป๋า คุณยายดาเลียเป็นผู้หญิงเด็ดขาดและลงมือรวดเร็ว เมื่อเธอมาบอกผมอย่างนี้แล้ว สิ่งที่ผมต้องทำคือไปจัดการตัวเองให้เร็วที่สุด


"จะไม่ถามเหตุผลหน่อยหรือดิมิทรี" หญิงชราที่ผมคิดเสมอว่าเธอเปรียบดังแม่ เป็นครอบครัวไม่กี่คนที่ผมมี ฉุดรั้งแขนผมเอาไว้ ผมหันมาสบตาที่มักจะคมกล้า แต่ ณ เวลานี้กลับส่องประกายความอ่อนล้าและอาวรณ์ขึ้นมาชั่วแว่บหนึ่ง ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว


"ผมมีสิทธิ์ถามได้หรือครับ นึกว่าทำได้แค่รับคำสั่ง"

"อย่าประชดยาย หลานก็รู้ว่าการพูดจาประชดประชันไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นมา"


ผมเม้นปากแน่น พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นและพูดโต้ตอบให้รู้เรื่อง แม้มันจะเป็นเรื่องยากลำบากก็ตามที
"แล้วต้องดีขนาดไหนหรือครับคุณยาย ถึงจะไม่ถูกโยนทิ้งไปมาแบบนี้ ไม่เป็นแค่สิ่งของที่ไม่เคยรับรู้อะไรกับเขาบ้างเลย ถ้าไม่ใช่วันนี้ คุณยายคิดจะบอกผมตอนไหนครับ ตอนที่ผมโตกว่านี้ หรือไม่บอกเลยจนกระทั่งผมตาย"


"หลานไม่ได้ถูกทิ้ง แต่สัญญาต้องเป็นสัญญา คนตะกูลชาโรนอฟเราไม่ผิดคำพูด หลานก็รู้...ศักดิ์ศรีของเราจะถูกทำลายเพราะผิดสัญญาไม่ได้"


สัญญาที่ผมไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ผมคิดว่าหากคุณยายไม่พูดขึ้นมาจะดีเสียกว่า


"ชาโรนอฟ คำสัญญาของชาโรนอฟ หึ..."
ผมส่งเสียวหัวเราะแกนๆในลำคอ ผมได้ยินเสียงของตัวเอง มันแลดูน่าสมเพชเหมือนสัตว์ตัวน้อยที่หลงไม่มีผิด


"มันมีค่ามากกว่าความรู้สึกของผมใช่ไหมครับ...?" หญิงผู้สูงค่าดูชะงักกับคำที่ผมพูด แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ปฎิเสธอะไรออกมา น้ำคำปลอบโยน หรือถ้อยคำแก้ตัว ผมคงจะคาดหวังกับดาเลีย แอน ชาโรนอฟไม่ได้



"...ศักดิ์ศรีอันสูงส่งมีค่าให้รักษามากกว่าหัวใจและความรู้สึกของผมสินะครับ...ดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาในตะกูลนี้"



ศักดิ์ศรี มันก็คือชื่อเล่นของทิฐิ
มันมีค่าอะไรหรือ ถ้าเรารักษาความรู้สึกของคนที่ตัวเองรักเอาไว้ไม่ได้
ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็ไม่อยากมีหรอกศักดิ์ศรี...ของพรรค์นี้ ไม่จำเป็นเลยสักนิดเดียว



จู่ๆความจริงอันน่ากลัวที่ผมไม่เคยคาดคิด ไม่เคยนึกถึงมาก่อน ก็วูบขึ้นมาในความคิด


อา...หรือความจริง

มีแค่เพียงผมที่รักพวกเขาฝ่ายเดียว



น้ำตาที่หยุดไหลขึ้นมาตีตื้นอีกครั้ง ผมเงยหน้าขึ้นมองเพดาน ตัดสินใจยุติบทสนทนาด้วยการหันหลังออกมาอย่างเสียมารยาท หากเป็นตัวผมเมื่อวานก่อน คงจะต้องตำหนิตัวเองว่าไร้มารยาท ควบคุมตัวเองไม่ได้แน่ๆ แต่ตอนนี้ผมขอแค่ไปให้พ้นหน้าคนคนนี้ จะผิดมารยาทกี่ตำรากี่ร้อยกี่พันเล่ม...ก็ช่างหัวมันเถอะ



ผมเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทางที่มักใช้เวลาเดินทางไปต่างประเทศกับคุณตาคุณยายบ่อยๆ เขาคงไม่ว่าอะไรหรอกมั่งครับถ้าผมจะเอาไปสักใบ ผมเก็บเสื้อผ้าไปแค่สองสามตัว หยิบหนังสือเล่มโปรดตัวเองไปสองสามเล่ม กวาดตามองห้องที่อยู่มาตั้งแต่จำความไม่ได้



นึกเสียดายประโยคที่ผมถามออกไป แท้จริงแล้ว มีแค่คำถามเดียวที่จะอยากจะรู้



รักผมบ้างไหมครับคุณยาย...
หรือเห็นค่าผมแค่เป็นผู้สืบทอดของชาโรนอฟ


แค่นิดเดียวก็ได้...รักผมบ้างไหมครับ







เมื่อผมออกมาจากห้องแต่งตัว คุณยายก็ออกไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงกระดาษโน๊ตที่มีลายมือตวัดสวย ตัวอักษรเรียงเป็นคำสั่งบอกผมให้มาพับกันที่ห้อง คงจะพบเพื่อบอกลาตามมารยาทล่ะมั้งครับ ผมเดินถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กของตัวเองลงบันได ปฎิเสธความช่วยเหลือของเมดที่ดูแล ตรงเข้าไปที่ห้องรับแขกที่เพิ่งออกมาอีกครั้ง


ในห้องมีแค่คุณตาและคุณยายกับแขกที่กลายมาเป็นพ่อแม่ของผม มองเลยออกไปเห็นเด็กสี่คนกำลังเล่นกันอยู่ข้างนอก ผมนั่งลงเก้าอี้ที่เป็นเอกเทศจากโซฟาทั้งสองที่พวกเขานั่งหันหน้าเขาหากัน บรรยากาศดูอบอวลไปด้วยความเครียด ใบหน้าของแต่ละคนดูแตกต่าง ความเงียบทำงานได้ดีจนสตรีเจ้าของบ้านเกริ่นเปิดเรื่องคุย


"ถ้ามากันพร้อมหน้าแล้ว...ฉันก็ขอพูดข้อตกลงเสียหน่อย ถ้าพวกเธอจะพาตัวดิมิทรีไปอยู่ด้วย"


อา...ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็ดเป็ดที่ถูกแขวนคออยู่ในตู้ รอคนมาเลือก เพื่อหั่นตัดชิ้นส่วนที่ต้องการใส่กล่องใส่ถุงห่อกลับบ้าน นี่มัน...แย่จริงๆเลยนะครับ กำลังตกลงราคาซื้อขายผมกันอยู่หรือครับ ที่เรียกผมมาก็เพื่อโชว์สินค้าหรืออย่างไร


ไม่เคยคิดว่าตัวเองขี้แงมาจึนถึงวันนี้ วันที่เจ้าหยุดน้ำใสร้อนๆตั้งท่าจะร่วงหล่นลงมาได้ทุกเมื่อ


"ค่อยพูดทีหลังไม่ได้หรือคะคุณแม่...อย่างน้อยก็..." ผู้หญิงที่ยังดูอ่อนเยาว์เกินกว่าจะเป็นมารดาของเด็กถึงห้าคนเอ่ยเสียงลังเล เพิ่งจะมาคิดถึงหัวจิตหัวใจผม ก็อยากบอกเธอเหลือเกินว่าคงไม่ทัน...


"ไม่เป็นไรครับ เชิญตามสบาย คิดเสียว่าผมไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้"


"ดิมิทรี..." เสียงที่เรียบตึง เป็นสัญญาณเตือนอันตรายที่บ่งบอกว่า นายหญิงของคฤหาสน์รั้วสีชาดกำลังไม่พอใจในความเสียมารยาทของผม เสียงเรียบที่เข้มข้นไปด้วยอำนาจ หากคนจิตใจบอบบางได้ฟังอาจจะถึงขั้นเข่าทรุด เป็นเสียงที่ในอดีต ผมจะระมัดระวังให้โทนเสียงนี้ไม่ออกมาจากปากคุณยายที่เคารพ แต่ตอนนี้ผมทำเพียงหยิบหน้ากากที่แตกสลายขึ้นมาสวม ปั้นแต่งรอยยิ้มเรียบไม่สนใจอะไร


"ปกติเขาไม่ได้นิสัยแบบนี้ ต้องขอโทษด้วย แต่ฉันยืนยันว่าเขาถูกเลี้ยงมาเป็นอย่างดี"


"เขาเป็นเด็กดีที่พวกเราภูมิใจ" คุณตายิ้มพูดขัดภรรยาของตัวเองและหันมาสบตากับผม เอาล่ะ อย่างน้อยผมก็ได้รับขวัญกำลังใจกลับคืนมาบ้าง จากสายตาของบรุษชราที่ทอดมองมาอย่างอ่อนโยน


"ไม่เป็นไรค่ะ หนูรู้ว่าคุณแม่จะเลี้ยงเขามาเป็นอย่างดี...ในแบบไหน ถึงได้รีบพยายามมารับเขาขนาดนี้ไงคะ"


คุณแม่ของผมยิ้มหวานจ๋อย ทว่ารอยยิ้มหวานดูส่งไปไม่ถึงดวงตา อา...ผมว่าผมเห็นประกายแสงไฟแล่นปะทะกันจากสายตาของแม่ลูกนะครับ ท่าทางว่าพวกท่านทั้งสองคนจะ...ไม่ค่อยถูกกันเอาเสียมากๆ


"ขนาดพยายามตั้งขนาดนั้น ก็ยังใช้เวลาถึงหกปี...บางทีฉันก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะมีคุณสมบัติพอ ที่จะพาหลานฉันไปดูแลเลยนะเอเลน..." คุณยายยกยิ้มมุมปาก น้ำเสียงปกติแต่แฝงไว้ด้วยความดูถูกและกดอีกฝ่ายให้ดูต่ำเด่นชัด คุณแม่เหมือนจะสบถในลำคอเบาๆ แต่ก็ยังคงรอยยิ้มไว้ได้แล้วใช้ข้อศอกกระตุกสามีของตัวเอง เหมือนกับส่งไม้พลัดให้อีกคนต่อกรต่อไป


"ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ พวกผมสามารถดูแลเขาได้เป็นอย่างดีแน่ๆครับคุณแม่ ที่พวกเราใช้เวลานานขนาดนี้ก็เพื่อที่จะเป็นเสาหลักที่มั่นคงพอ ที่จะไม่สั่นคลอนต่อพายุใดๆทั้งสิ้น ให้เขาได้พึ่งพิงตลอดไป" 

"หึ...กรุณาอย่าให้เกียรติกันขนาดเรียกฉันว่าคุณแม่เลยนะคะ มิสเตอร์เซอร์กีย์ เรียกดิฉันว่าดาเลียเถอะค่ะ"


เซอร์กีย์ นามสกุลนี้ผมคุ้นหู เคยตามข่าวคราวในแวดวงธุรกิจมาบ้าง เหมือนจะเป็นตะกูลอภิมาเศรษฐีหน้าใหม่ไฟแรงที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ได้ยินมาว่าเป็นหมาล่าเนื้อหิวโหยที่คอยไล่ล่ากว้านซื้อธุรกิจจำนวนมาก ไม่นึกว่าคนดังคนนั้นจะเป็นบิดาของตัวเองเลยจริงๆ...


ดูท่าจะไม่ใช่แค่คุณแม่ แต่กระทั่งลูกเขยอย่างคุณพ่อ คุณยายก็ไม่ยอมรับ...คุณพ่อดูคันปากยุบยับอยากจะเถียงแต่ก็ทำได้แค่เปิดกระเป๋าหนังสี่เหลี่ยมใบใหญ่ขึ้นมาวางบนโต๊ะหลายใบ พร้อมกับเอกสารหลากหลาย


"นี่เป็นเงินสดจำนวนสองร้อยล้านดอลลารส์ที่คุณแม่เคยปรานีให้พวกผมยืมไป ที่ให้ความช่วยเหลือในยามลำบาก พวกเราต้องขอบคุณคุณแม่มากครับ พวกเราซึ้งใจกันจริงๆ...ส่วนนี่เป็นเช็คเงินสดอีกสองร้อยล้านดอลลารส์ ถือว่าเป็นดอกเบี้ยที่พวกผมยืมไปนะครับ เอกสารพวกนี้คือเอกสารโฉนดที่ดินและทรัพย์สินทั้งหมดของผมกับเอเลน และตอนนี้ผมก็มีแผนกำลังขยายการลงทุนไปที่ประเทศไทย"


คุณพ่อที่ทำเมินไม่สนใจสายตาเย็นเหยียบของคุณยาย และยังคงเดินหน้าเรียกคุณยายว่าแม่ต่อไปอย่างดื้อดึง ...ช่างเป็นคนที่กล้าและบ้าดีจริงๆเลย ความไม่พอใจของชาโรนอฟต้องมีที่ลง เขาไม่เคยได้ยินประโยคนี้หรือยังไงกัน


คุณยายทำเพียงเหลือบสายตาลงมองเพียงเสี้ยววิ รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นช่วงขณะหนึ่งก่อนจะสลายหายไป


"เก็บเศษเงินของคุณไว้เถอะค่ะคุณเซอร์กีย์ ชาโรนอฟเราไม่ต้องการทรัพย์สมบัติไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็ลำบากธนาคารต้องวุ่นวายช่วยกันดูแลจะแย่แล้ว และเท่าที่ฉันรู้มา ฐานะของพวกคุณตอนนี้อยู่ในเกณฑ์พอผ่านเท่านั้นสำหรับดิฉัน และเงินจำนวนสี่ร้อยล้านนี้ก็ถือว่ามากพอที่จะเป็นเงินสามในสิบของพวกคุณเลยไม่ใช่หรือคะ เก็บไว้เถอะค่ะ"



ผมไม่เคยได้ยินคุณยายพูดจาเชิงโอ้อวดชัดเจนขนาดนี้มาก่อน มือเรียวประสานกันบนหน้าตักพลางเคาะนิ้วลงที่แหวนตราประจำตะกูลบนนิ้วนางข้างขวา นัยน์ตาคมกริบสบตาตรงกับอีกฝ่ายไม่หันหนี ท่าทางของผู้ชนะที่เหนือกว่ามากดั่งพญามังกรก้มมองลงต่ำเหยื่อตัวจ้อยที่ไม่อาจเทียบเคียง...เห็นได้ชัดเจน จำนวนเงินพันกว่าล้าน ไม่ได้ทำให้หญิงชราตกใจ ซ้ำยังทำได้แค่พอผ่านเกณฑ์เท่านั้น



"อย่างน้อยก็ผ่านใช่ไหมล่ะครับ"


"ค่ะ แต่ฉันก็มีข้อตกลงเพิ่มเติม หากคุณจะรับหลานคนเดียวของดิฉันไปดูแล..."


อา...ดูท่าว่าเจ้าลูกลิงสี่ตัวข้างนอกคุณยายไม่นับเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขนะครับ คุณยายปัดเอกสารบนโต๊ะออกอย่างไม่สนใจ หยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะวางลงช้าๆ เสียงกระทบกันของกระเบื้องชั้นดียังดูน่าฟัง ท่วงท่าสง่างามและน่าเกรงขามสมเป็นอาจารย์ฝึกทหาร แผ่นหลังที่เหยียดตรงผ่อนลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่เหมือนเรื่องนี้ไม่ใช่สาระสำคัญอะไร



"ดิมิทรี จะยังเป็นชาโรนอฟต่อไป ไม่มีเปลี่ยนเป็นเซอร์กีย์...แต่คุณและลูกๆที่เหลือของคุณ ต้องละทิ้งเซอร์กีย์มาเป็นชาโรนอฟเช่นเดียวกัน...ดิฉันไม่ได้ขอมากเกินไปใช่ไหมคะ"




เกิดความเงียบสงัดขึ้นมา ใบหน้าที่มีรอยยิ้มของคุณพ่อและคุณแม่หายไป


เท่าที่ผมเคยได้รู้ เซอร์กีย์มีลูกชายเพียงคนเดียว คือ โจวิช เซอร์กีย์ ตะกูลผู้เคยเป็นขุนนางมาก่อน เป็นญาติห่างๆของราชวงศ์ผู้ครอบครองแผ่นดินในหลายร้อยปีที่ผ่านมา หากกล่าวถึงเซอร์กีย์ ก็เป็นตะกูลที่เรียกได้ว่าเป็นตะกูลเก่าแก่ที่เคยทรงอำนาจในสมัยก่อน รุ่งเรืองถึงขีดสุดเมื่อนานมาแล้ว ก่อนจะถูกกวาดล้างในช่วงรัชสมัยใหม่เพราะเข้าข้างผิดฝั่งผิดฝ่าย ทำให้เซอร์กีย์จางหายไปตามกาลเวลา เรียกได้ง่ายๆว่าเป็นผู้รากมากดีที่ตกต่ำ ต่างกับชาโรนอฟที่ยังเป็นที่นับหน้าถือตาถึงในยุคปัจจุบัน



แม้จะล่มสลายไปแล้ว แต่แน่นอนว่าความทรนงตนและความภาคภูมิในตะกูล ในสายเลือดย่อมมีมากและเข้มข้นอยู่ในทุกลมหายใจ ขึ้นชื่อว่าตะกูลเก่าแก่ที่มีเรื่องราว หยาดโลหิตทุกเมล็ดที่หมุนเวียนในร่างกาย เจ้าของย่อมหวงแหน และจงรักภักดีกว่าสิ่งอื่นใด



การที่คุณยายยื่นข้อเสนอเช่นนี้ มันไม่ใช่แค่เพียงการเปลี่ยนนามสกุลง่ายๆแล้วก็จบลง คำขอเช่นนี้ เหมือนกับการให้คุณพ่อละทิ้งตะกูลของตนเอง หักหลัง หันหลังให้กับทุกอย่าง บอกลาทุกเรื่องราวที่สืบทอดต่อกันมา ลบล้างตัวตนที่เป็นตลอดมา สวมบทบาทใหม่ เปลี่ยนความจงรักมาภักดีกับสายเลือดใหม่



ไม่ใช่แค่จาง แต่เซอร์กีย์จะหายไป



ไม่ใช่คำขอที่มากเกินไป
แต่เป็นคำขอที่ดูเป็นไปไม่ได้ที่จะตกลงตอบรับเลยต่างหาก...


ความเงียบโรยตัวอยู่นาน คุณยายที่กระตุกยิ้มราวกับเป็นผู้ชนะของเกม ก็ทำท่าจะยุติการละเล่นฆ่าเวลายามบ่ายนี้ลง


"หากทำให้กันไม่ได้...ก็กลับไปเถอะค่ะ หลานชายคนเดียวของดิฉัน ฉันเลี้ยงดูเองได้"


ความไม่พอใจของชาโรนอฟต้องมีที่ลง...ไม่ใช่คำพูดในนิทานปรัมปรา เพราะเป็นเรื่องจริงที่ถูกพิสูจน์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน คุณพ่อเม้มปากแน่น ดูท่าทางกดดันจนเสียการควบคุมตัวเอง คุณแม่ก็เช่นกัน


ผมว่าผมรู้คำตอบนะ แน่นอนอยู่แล้ว...ความภูมิใจทั้งชีวิต รวมไปถึงความภาคภูมิใจของพ่อแม่ของตัวเองและยังไม่นับรวมบรรพบุรุษ จะมาถูกโยนทิ้งไป เพียงเพราะลูกชายที่ตัวเองไม่เคยเจอหน้า ไม่เคยอุ้มชูเลี้ยงดู ไม่เคยได้ผูกพันได้อย่างไร...


เป็นคุณยายก็คงไม่ยอม ไม่มีทางยอม
และคุณพ่อก็คงไม่ยอมแลกเช่นเดียวกัน


"ตกลงครับ ผมจะเข้ามาเป็นชาโรนอฟ...พวกเราทุกคนจะเป็นชาโรนอฟ"


ผมหันควับไปมองผู้นำหนึ่งเดียวและคนสุดท้ายของเซอร์กีย์...เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ทำไมถึงยอม ผมที่ถูกสั่งสอนมาตลอด ถูกพูดกรอกหูมาตลอด ตัวอักษรต่อท้ายชื่อมันสำคัญมากขนาดไหน ว่าตะกูลสำคัญมากกว่าชีวิตเพียงไร  นี่เขากำลังตอบตกลงทำลายตะกูลของตัวเองอยู่นะ เขากำลังจะปฎิเสธสิ่งที่บรรพบุรุษสละชีวิตเพื่อรักษาและพยายามคงต่อชื่อเสียงเอาไว้ ในสายตาผมตอนนี้เหมือนกับมองคนฟั่นเฟือนสติไม่ดี ที่กำลังหันหน้ามาสบตาที่เบิกค้างกว้างของผม พร้อมส่งรอยยิ้มไร้ความลังเลเด็ดเดี่ยวมาให้



"เพราะไม่มีอะไรสำคัญเทียบเท่ากับลูกชายของผมอีกแล้ว การได้เขามาอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องสำคัญที่สุด"



น้ำเสียงอ่อนโยนอันหนักแน่น เหมือนประแจที่งัดแงะประตูที่ปิดตายในหัวใจของผมให้สั่นคลอนและอ้าแง้มออก


คุณยายแค่นเสียงหัวเราะเล็กน้อย แต่รอยยิ้มติดมุมปากก็ดูพอใจกับคำตอบตกลงที่แสนเด็ดเดี่ยว


"ดี...ดีมากค่ะคุณเซอร์กีย์ ภายในหนึ่งอาทิตย์ ไปจัดการให้เรียบร้อยเสียนะคะ แล้วก็ดิฉันคงไม่ไปเบียดเบียนเงินอันน้อยนิดของพวกคุณ ด้วยการให้มาเจียดใช้จ่ายเลี้ยงดูหลานของดิฉันหรอกค่ะ เงินทุกบาทของเขาจะถูกใช้จ่ายด้วยทรัพย์สมบัติของชาโรนอฟ และดิฉันคงต้องขอบอกเอาไว้เสียก่อน ว่าเงินทุกสตางค์ ที่ดินทุกผืน ทรัพย์สินทั้งหมดของชาโรนอฟ...คนอื่นไม่มีสิทธิ์แตะต้อง แม้จะเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในชาโรนอฟก็ตาม"



คุณยายหันหน้ามาสบตาผม



"แต่จะมีเพียงดิมิทรี หลานชายคนเดียวของดิฉัน...เป็นผู้มีสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียว"



ผมตกตะลึงและตกใจ ไม่นึกว่าเมื่อผมจากไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่แล้ว คุณยายจะคงให้ความเป็นชาโรนอฟกับผมอยู่ ผมนึกว่าเมื่อเขาได้หุ่นเชิดตัวใหม่อย่างคุณพ่อ ก็จะโละทิ้งผมไป...



แต่ไม่ใช่...




"ดิมิทรีเกลียดโอเปร่า แต่เขาชอบฟังดนตรีคลาสสิค เขาไม่ชอบวันพฤหัสเพราะตอนเด็กๆออกเสียงคำนี้ไม่ได้ อาหารที่เขาโปรดปรานคืออาหารที่เป็นจำพวกต้ม นึ่ง เขาเกลียดอาหารทอด และอาหารรสหวาน พวกเธอจะให้ขนมเขาไม่ได้ เพราะเขาไม่ชอบ ดิมิทรีไม่มีปัญหาเรื่องการทานผัก แต่เขาชอบทานอาหารไม่ตรงเวลา พวกเธอต้องใส่ใจดูแลว่าเขาทานอาหารครบทุกมื้อไม่ข้ามผ่านมื้อไหนไป"


หญิงชราหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาวางแทนที่เหล่าโฉนดที่ดินที่เธอปัดทิ้งอย่างไม่ใยดี ในกระดาษหลายแผ่นนั้นเขียนสิ่งที่ผมชอบและผมไม่ชอบ บันทึกนิสัย เหตุการณ์ รายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับตัวผม ชัดเจนเสียแม้แต่บางเรื่องผมยังไม่รู้ตัวเอง บ่งบอกว่าผู้ที่เขียนต้องเฝ้าสังเกตุ เฝ้ามองดู และใส่ใจทุกรายละเอียดขนาดไหน ไม่ปล่อยตก ไม่ปล่อยให้คลาดผ่านแม้เพียงนิดเดียว


ลายมือบรรจงตั้งใจเขียนนั้น...เป็นลายมือเดียวกันกับบนกระดาษโน๊ตที่สั่งให้ผมลงมาข้างล่าง...



"ห้องของเขาต้องใหญ่โตพอที่จะมีห้องสมุดส่วนตัว เขาเป็นนักสะสมหนังสือตัวยง พวกเธอห้ามขัดใจเขาในเรื่องนี้ เตียงนอนของเขาห้ามนุ่มเกินไป ไม่งั้นเขาจะตื่นขึ้นมากลางดึก ผ้าที่ใช้ต้องเป็นผ้าที่ทำจากขนสัตว์เทียมเท่านั้น และเขาไม่ชอบสัตว์ทุกชนิด บ้านของเธอต้องห้ามเลี้ยงหมาหรือแมว แม้กระทั่งปลาก็ห้ามเลี้ยงในบ้านเด็ดขาด เขาไม่ชอบให้ใครเขาไปยุ่มย่ามในพื้นที่ส่วนตัว บอกลูกของพวกเธออย่าเข้าไปเพ่นพ่าน ดิมิทรีเกลียดอากาศร้อน จงมั่นใจว่าพวกเธอติดเครื่องปรับอากาศเยอะเพียงพอ ในฤดูร้อนเขาจะหงุดง่ายเป็นพิเศษ ต้องใจเย็นกับเขารู้ไหม"



คุณยายไม่ใช้ผู้หญิงพูดเก่ง ประโยคยาวๆที่เธอเคยพูดมักจะจบลงภายในสิบวินาที แต่ ณ เวลานี้ ท่านกลับร่ายยาวเรื่องของผมออกมาไม่หยุด เรื่องที่ผมคิดว่าท่านไม่รู้ เรื่องที่ท่านไม่เคยสนใจ กลับไหลพรั่งพรูออกมา


สีหน้าจริงจัง เหมือนกับกำลังบอกถึงแผนการสำคัญอย่างยิ่งยวดขนาดที่จะทำให้ชาติล่มสลายได้ หากคุณพ่อคุณแม่ไม่ยอมทำตาม น้ำเสียงเข้มจัด ชัดเจน ออกเสียงคำสั่งที่ไม่ยอมให้ใครฝ่าฝืน



"ห้ามบังคับเขาในเรื่องการเรียน ทุกๆอย่างให้เขาตัดสินใจเอง พวกเธอมีสิทธิ์แค่ชี้แนะเท่านั้น ถ้าเขาป่วยฉันต้องรู้ ถ้าเขาได้รับบาดเจ็บฉันต้องรู้ ถ้าเขาไม่สบายใจฉันยิ่งต้องรู้ ฉันจะโทรไปเช็คทุกๆสามวัน ปกป้องเขา อย่าให้ใครรังแกเขาได้ ใส่ใจเขา...ดูแลเขาให้ดี"



"รายละเอียดทุกอย่างอยู่ในแฟ้มนี้ นี่ไม่ใช่ข้อเสนอที่พวกเธอจะเลือกว่าทำหรือไม่ทำ มีแต่ต้องทำเท่านั้น...ถ้าเกิดว่าทำไม่ได้ ก็ให้พาเขามาส่งคืนฉัน หรือแค่โทรมาบอก ฉันจะไปรับเขากลับมาเอง "



หญิงชราพอเอ่ยจบ ก็เลิกสนใจแขกของเธอ
เธอหันมามองผม ขยับเว้นที่ตรงกลางรอ ขยับมือกวักเรียกให้ผมเข้าไปหา



"มานั่งนี่สิดิมิทรี..."




น้ำเสียงอ่อนลงของคุณยาย พาลเอาความโกรธของผมมอดดับลง น้ำเสียงที่ไม่เข้มงวดของดาเลียแอน หายากเสียยิ่งกว่าเข็มในมหาสมุทร ผมยอมไปนั่งตรงกลางระหว่างหญิงชราและชายชรา ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พวกท่านแก่เฒ่าไปมากขนาดนี้ มือที่เคยดูเข้มแข็งและแข็งแกร่ง มาวันนี้ดูอ่อนแรงลงไปมาก มือที่เคยฟาดผมเพราะทำผิดมานับครั้งไม่ถ้วนถูกลูบลงบนแก้มที่เปียกชื้นของผม สัมผัสอ่อนโยนที่น้อยครั้งนักที่คุณยายจะมอบให้




"ชื่อของเธอ...ฉันเป็นคนตั้งให้" เสียงแหบที่มักจะเต็มไปด้วยความเข้มแข็งอยู่เสมอดูอ่อนแอ เรื่องราวที่ผมไม่เคยรู้ ถูกคุณยายบอกเล่าออกมา ด้วยน้ำเสียงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน มันเป็นน้ำเสียงที่ทำทำนบน้ำตาผมพังทลาย



"ดิมิทรี...ดิมิทรีมีความหมายว่าโลกของคนรัก...เป็นโลกทั้งใบของคนที่รัก"



"ในอนาคต...ไม่ว่าจะเป็นแค่วินาทีข้างหน้า หรือชั่วโมงหน้า หรือวันไหนๆ ถ้าหากเขาดูแลหลานไม่ดี ก็กลับมาบ้านเรา ไม่ต้องกังวลหรือคิดมากหากจะกลับมา ประตูของที่นี่เปิดต้อนรับเสมอ ละลึกไว้ว่าที่นี่จะเป็นบ้านของหลาน เป็นบ้านของหลานตลอดไป"



ดวงตาเฉดสีเดียวกัน หากแต่ดูซีดจางกว่ามากเพราะความชราวัย ดูสั่นคลอนและเคลือบเงาน้ำใส จนกลายเป็นกระจกสะท้อนใบหน้าของผมที่เลอะเทอะไปด้วยหยาดน้ำตา สองสีที่ประสาน เป็นครั้งแรกที่ประตูในใจของคุณยายถูกเปิดเผยออก ให้ผมได้เข้าไปข้างในและรับรู้ความรู้สึกที่แท้จริง



"ถ้าเขาร้ายใส่ก็มาฟ้องยายได้ ยายจะไปรับเรากลับมาเอง หรือถ้าหากมีใครแกล้ง ถ้าหากมีใครมารังแกก็มาฟ้องยายได้ มีเรื่องอะไรก็มาบอกยายได้เสมอรู้ไหม ไม่ว่าเราจะอยู่ที่นี่ หรือที่ไหน ยายก็จะไปหา จะไปช่วยเราเสมอ"



"ไปอยู่ที่นู่น หลานต้องดูแลรักษาตัวเองให้ดี อย่าให้ใครเขาว่าเอาได้ ต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ ต้องทานอาหารให้ครบทุกมื้อ ทานให้ตรงเวลา ใช้ชีวิตอย่างรอบคอบและหมั่นหาความรู้ ซนบ้างเกเรบ้าง แต่ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง จงเติบโตให้สมกับที่ยายเลี้ยงดูเธอมาอย่างภาคภูมิใจ"



ฝ่ามืออบอุ่นแนบลงมาที่สองข้างแก้มของผม นิ้วเรียวขยับมาช่วยเกลี่ยหยดน้ำตาออก แต่แม้จะไล่หยาดน้ำตาเพียงไร มันยังคงไหลออกมาไม่ยอมหยุด การกระทำแสนอ่อนโยนยิ่งกระตุ้นให้กระบอกตาร้อนผ่าว แต่แม้น้ำตาจะบดบัง ผมก็เห็นชัด ดวงตาหญิงชราฉายประกายความอาดูร อาวรณ์ รอยยิ้มอ่อนโยนประทับบนดวงหน้าที่ผมเคารพรักมาโดยตลอด



คุณยายเงียบไปชั่วครู่ เสียงที่ดูสั่นเล็กน้อย สานต่อประโยคสุดท้าย



"ด้วยเกียรติของชาโรนอฟ...หลานจะเป็นดิมิทรีของยายตลอดไป..."




อ้อมกอดที่รวบผมเข้าไปกอด ฝ่ามืออุ่นที่ลูบหลังปลอบโยนผมที่ร้องไห้จนสะท้านไปทั้งตัว ช่างอ่อนโยนและแสนคุ้นเคย เหมือนภาพในอดีตเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว ย้อนกลับคืนมา ในวันที่ผมหกล้มแล้วร้องไห้ ก็ได้อ้อมกอดนี้ที่คอยพยุงและปลอบโยน



ผมเกลียดที่ตัวเองเข้าใจทุกอย่างได้ดี ผมเกลียดที่ตัวเองเข้าใจเหตุผลของคุณยายที่ยินยอมให้ผมไป เพียงเพราะท่านชราลงในทุกๆวัน ท่านห่วงกลัวผมจะไม่มีคนคอยดูแล ผมอยากจะแย้ง อยากจะเถียง ว่าผมต่างหาก อยากให้เป็นผมต่างหากที่ได้มีโอกาสดูแลพวกท่านกลับคืนบ้าง



แต่ดาเลีย แอน ชาโรนอฟเป็นปีศาจ เธอไม่ยอมให้หลานชายเพียงคนเดียวมาติดอยู่ในหลุมที่ไม่สามารถก้าวไปไหนได้ เธอเลือกจะหาตัวแทน และมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดให้แก่ดิมิทรีของเธอ อิสระ คือสิ่งที่เธอมอบให้กับผม อิสระที่จะสามารถใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ ไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งของชาโรนอฟอีกต่อไป



ช่างเป็นปีศาจแสนเผด็จการและเด็ดขาด ทำทุกวิถีทางและตัดสินใจโดยไม่รอคำสมยอมจากผม



ช่างเป็นปีศาจที่ไร้หัวใจเหลือเกิน เป็นปีศาจที่ไร้หัวใจเพียงเพราะเธอได้มอบทั้งหมด...ให้แก่ผมแล้ว






ในวันที่ผมสงสัยว่าท่านมีความรักให้แก่ผมบ้างไหม


ผมก็ได้รู้


คำตอบที่เกินความคาดหมายก็ถูกบอกกล่าว


ดิมิทรีคือชื่อที่คุณยายเรียกผมมาตลอด


ถูกเรียกมาตลอดว่า ดิมิทรี ดิมิทรี ดิมิทรี


ถูกบอกมาตลอด ผ่านชื่อที่ท่านตั้งให้


ถูกบอกว่าสำคัญมากแค่ไหน และรักมากเพียงใด ผ่านชื่อของตัวเองทุกครั้งที่ถูกเรียกขาน


ดิมิทรี โลกของคนรัก


เป็นโลกทั้งใบของคนที่รัก





เป็นโลกทั้งใบของเธอ ดาเลีย แอน ชาโรนอฟ



คุณยายของผมเอง





















end 17 .
#เพื่อนผู้ปกครอง

' ดิมิทรี คำบอกรักที่ไม่มีคำว่ารัก '

โซเฟียริน
zofiarin lll moore
























หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 17 * 25/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 25-09-2018 18:19:09

ตอบคุณ Meen2495
- แฮ่ ถ้าช่วยให้อ่านได้ลื่นขึ้นก็จะดีใจมากเลยค่ะ
ถือว่าช่วยเราตัดสินใจได้เยอะเลยค่ะ ว่าอดีตของหมูจะเป็นตอนพิเศษหรือลงในเนื้อเรื่อง
ขอบคุณมากๆเลยเช่นกันค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ^ ^///

ตอบคุณ กาแฟมั้ยฮะจ้าว
- m(_ _)m ขอบคุณมากๆเลยค่า

ตอบคุณ สีหราช
-  :L1: :L1: :L1:

ตอบคุณ EoBen
- ถ้าอ่านแล้วช่วยให้เพลินได้ ทางนี้ก็ดีใจมากค่ะ หมูหย็องเป็นพวกสองมาตราฐานชัดเจนค่ะ ก๊ากกก

ตอบคุณ darling
- ตอนนี้เทมกำลังงอแงเพราะบทหายค่ะ ฮาาาาาา ให้กำลังใจน้องกันนะคะ ♥







หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 17 * 25/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 25-09-2018 21:37:46
ยิ่งกว่าอ่านลื่นขึ้นเลยล่ะค่ะ
แต่แบบอ่านได้อย่างราบรื่นใจ และแสนจะเข้าใจเลยว่า
ทำไมพี่หมูเป็นอย่างนี้
แข็งแกร่ง แต่อ่อนโยน (แม้จะกับน้องเทมคนเดียว อิอิ)
และก็เข้าใจเวลาพี่หมู "มอง" คนในครอบครัว และ "คิดในใจ"

ดีงามมากค่ะ
โดยเฉพาะตอนล่าสุด .. พี่หมูโคลนนิ่งคุณยายมานี่เอง

ชอบค่ะชอบ ชอบมากถึงมากที่สุด

และนั่งรอน้องเทมต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 17 * 25/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 26-09-2018 09:47:07
ขอบคุณค่ะ ดีใจที่กดเข้ามาอ่าน สนุก ยิ่งช่วงน้องเทมโดนรังแก น้ำตาไหลพรากเลย
แล้วมาอ่านความเป็นดิมิทรีอีก โหยยย.... อ่านตอนแรกนึกว่าจะไม่มีเครียด แต่ก็สนุกมากคะ
รอตอนต่อไป ขอให้ความสดใสน้องเทมที่เข้ามาในชีวิตหมูหยองคงอยู่ตลอดไปจ้า
          :mew1:   :pig4:   :L1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 17 * 25/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 26-09-2018 17:43:59
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 17 * 25/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 26-09-2018 18:01:52
 :L1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 17 * 25/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 27-09-2018 17:22:43


18






หลังจากผมร้องไห้จนพอใจในอ้อมกอดที่โหยหา คุณยายก็ดุผมเบาๆว่าขี้แง แต่มือของคนเดียวกันที่ส่งเสียงดุ ก็ส่งผ้าเช็ดหน้าของเธอมาให้ผมได้ซับน้ำตา พอเห็นว่าผมเลิกสะอื้น ก็ขอตัวแยกกลับขึ้นห้องไปก่อน คุณยายไม่ได้เดินออกมาส่งผม แต่ครั้งนี้ผมกลับไม่ได้น้อยใจหรือนึกโกรธ กลับกันคือมีรอยยิ้มติดริมฝีปาก ผมกลั้นยิ้มจนเมื่อยแก้ม เข้าใจว่าดาเลียแอน หญิงสาวผู้สูงศักดิ์และเย่อหยิ่งกำลังเก้อเขิน ที่แสดงอีกด้านของเธอให้ผมรับรู้


คุณตาช่วยถือกระเป๋าพาผมมาที่รถตู้สีดำคันใหญ่ พวกเราบอกลากันเล็กน้อย คุณตาเข้ามากอดผม บอกให้ผมดูแลตัวเองดีๆและมอบกระเป๋าเอกสาร และกระเป๋าสตางค์ที่เต็มไปด้วยบัตรเครดิตมากมายใส่มือเล็กของผม


"ดูสิ ยายของหลานเอาแต่อาย จนลืมให้ของสำคัญเสียได้ เอกสารพวกนี้เป็นหลักฐานที่แสดงกรรมสิทธิ์ของหลานนะดิมิทรี เก็บเอาไว้ให้ดีๆ ไว้ตาจะบอกทนายให้ส่งข้อมูลทุกอย่างไปให้เราอีกครั้ง ส่วนบัตรพวกนี้เอาไว้ใช้จ่ายเวลาหลานต้องการอะไร แล้วนานๆครั้ง...ตากับยายจะไปเยี่ยมนะ"


"สัญญาไหมครับ ด้วยเกียรติของชาโรนอฟ?"


"ด้วยเกียรติของชาโรนอฟ" คุณตาที่ย่อตัวลงสบตาเข้ากับผม ผมกอดคอท่านเอาไว้ นึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้ไม่เข้าไปพูดคุยกับทั้งสองให้บ่อยครั้ง ไม่สนิทกันให้มากกว่านี้ นึกโทษตัวเอง ที่ไม่ได้นึกมองให้ดี ว่าที่แท้เกราะอันดูเยือกเย็นของชายชราและหญิงชรา คือความไม่รู้ที่จะเข้าหาหลานชายวัยเจ็ดขวบยังไง

ผมจะไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดนี้ไม่ถูกแก้ไข


"ผมจะโทรมาหาทุกอาทิตย์ รับสายผมด้วยนะครับ แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆนะครับ ถ้ามีอะไร...ต้องบอกผมนะ"


ผมเริ่มรู้สึกร้อนแถวหัวตาอีกแล้ว เหมือนน้ำตาที่ถูกเก็บไว้มาเจ็ดปี จะถูกหมุนก๊อกเปิดให้ไหลออกมาใช้วันนี้วันเดียวหมด คุณตาหัวเราะ ไม่เหลือคราบนักการทูตจอมเจ้าเล่ห์ที่ทุกคนชอบเรียก เหลือเพียงชายอายุมากอารมณ์ดีที่กอดผมแน่น ดูถูกอกถูกใจกับผมที่สามารถพูดอะไรตามใจได้ รอยตีนกาดูเด่นชัดขึ้นมาเมื่อท่านยิ้มกว้างจนตายิบหยี


"ดีจริงๆ ดีจริงๆ ตาอยากให้เราพูดคุยกันได้แบบนี้มานานแล้ว ฮ่าๆ" เสียงหัวเราะดีใจดังอยู่ข้างหูของผม


"ตาจะรีบโทรไปฟ้องเราเชียวล่ะ ดิมิทรีของตาอย่าเป็นห่วงทางนี้เลย พวกเรายังแข็งแรงกันมาก ไปเถอะ ไปมีความสุขของตัวเอง นั่นน่ะ...พ่อแม่เรายืดคอชะเง้อคอยาวรอเรานานแล้ว เดี๋ยวเขาจะหาว่าชาโรนอฟเล่นคดโกง บอกจะยอมให้ แต่ดันเอาแต่ยื้อรั้งให้เธอเปลี่ยนใจ" ผมพยักหน้าอยู่ที่ไหล่ของคุณตา เสื้อเชิ้ตเนื้อดีสีเข้มมีร่องรอยความชื้นบอกให้ผมรู้ ว่าตอนนี้ผมกลายเป็นเด็กขี้แงอย่างที่คุณยายว่าเอาไว้แล้วจริงๆ


ความอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไป เหมือนเถาวัลย์เส้นใหญ่ มัดรัดรั้งขาผมให้ไม่เดินก้าวออกไปไหน นานจนผมนึกว่าผมไม่จำเป็นต้องจากไป แต่ความเป็นจริงคือมีมือใหญ่ที่ผมต้องทำความรู้จัก มาจูงมือผมให้เดินออกห่างจากคุณตาที่ยืนหยุดนิ่ง ในดวงตาคู่นั่น แวววาวและดูแดงๆ คลับคล้ายคลับคลากับนัยน์ตาของผมยามใกล้จะหลั่งรินน้ำตา ท่านโบกมือให้ผมเล็กน้อยเมื่อผมขึ้นนั่งบนรถ สายเข็มขัดถูกคุณแม่ช่วยติดให้ ประตูรถถูกเลื่อนปิดช้าๆ กั้นผมออกจากบรรยากาศที่คุ้นชิ้น เข้าสู่โลกใบใหม่ที่ไม่คุ้นเคย กระจกแผ่นบาง และประตูเหล็กหนา ตัดขาดผมออกจากสถานที่ที่ผมเติบโต และพรากพาผมจากไป


เมื่อเลือกแล้ว เราจะไม่เสียใจ เรายอมรับ และเราเดินหน้าไม่หันหลังกลับ
บรรพบุรุษคนหนึ่งเขียนไว้ในชีวประวัติของท่าน


ใช่ ผมต้องเดินไปข้างหน้า ผมจะไม่หันกลับไปข้างหลัง


เพราะไม่มั่นใจเลย หากหันกลับไป จะห้ามตัวเองไม่ให้กระโจนออกนอกรถ และวิ่งเข้าไปหาอ้อมกอดที่คุ้นชินได้อย่างไร


จากเงาสะท้อนบนกระจก ผมเห็นชายชราที่กำลังยกมือขึ้นเหมือนปาดสายน้ำบนใบหน้า และเห็นผู้หญิงสูงวัยที่มีอำนาจล้นมือ แต่ในมือตอนนี้ไม่ได้ถือเอกสารชี้ชะตาชีวิตใคร กลับมีเพียงผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่ ที่ดูสีเข้มเป็นบางจุด เหมือนภาพทับซ้อนของรอยเปื้อนเปียกชื้นบนหัวไหล่คุณตา สองมือของหญิงมากอำนาจ ทำได้เพียงเกาะราวระเบียงแน่น มองผมจากไปจนลับตา...


รั้วสีชาด และประตูใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ของการลาจากที่แท้จริง ...ผมคิดว่ามันจะหมดถังไปแล้วเสียอีก แต่มันก็ยังไม่หมด และยังคงหมุนก๊อกเปิดออกมาได้อีกเรื่อยๆ ราวกับถังที่บรรจุไว้ใหญ่เท่าท้องทะเล


ทหารที่ยืนทำความเคารพตรงหน้าประตู ทหารเวรยามที่กำลังเดินตรวจตรา คนในเครื่องแบบมากมายเมื่อหลุดออกมาจากตัวคฤหาสน์แล้วจะเห็นจนเกลื่อนพื้นที่สวนใหญ่ ต่อไปนี้ผมก็คงจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว ช่วงขณะหนึ่งที่คนขับรถเลื่อนกระจกลง เพื่อแลกเปลี่ยนบัตรเข้าออก ผมสบสายตา กับยามเฝ้าประตูที่เห็นหน้ากันมาอย่างยาวนาน ผมเคยคิดว่าคนบ้านนี้ไร้หัวใจเฉกเช่นเดียวกันหมด มาวันนี้ความคิดตาลปัตร...แท้จริงแล้ว คนบ้านนี้ขี้แงกันทุกคนต่างหาก




บ้านใหม่ที่ผมต้องไปอยู่ ไม่ได้ห่างไกลเท่าคฤหาสน์รั้วสีชาดไปจัตุรัสแดงกลางเมือง แต่ไกลกว่านั้นมาก ถ้าให้บอกระยะทางเป็นตัวเลขก็เกือบราวเจ็ดร้อยกิโล พวกผมต้องไปที่สนามบิน เพื่อขึ้นเครื่องบินนั่งข้ามฝากไปอีกฝั่ง บ้านหลังใหม่ของผมรออยู่ที่นั่น ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก


หากเทียบบ้านที่ผมเคยอยู่เป็นปราสาทหลังใหญ่ในยุคสมัยก่อน ที่มีความคลาสสิคราวกับภาพวาดบนผ้าใบสีน้ำมัน ที่นี่ก็คงจะต้องเปรียบคล้ายกับบ้านหลังใหญ่ในหนังไซไฟสักเรื่อง มันดูโมเดิร์นและล้ำยุค ที่ตั้งอยู่ห่างจากรถไฟใต้ดินไม่มาก อยู่กลางใจเมืองที่มีความวุ่นวาย แค่พ้นหัวมุมคุณจะได้เจอกับร้านอาหารแฟรนไชน์มากมาย และห้างสรรพสินค้าใหญ่ให้เข้าไปเดินเลือกซื้อของ ต่างกับบ้านที่ผมเคยอยู่ ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใกล้ที่สุดคือคุณต้องใช้เวลานั่งรถไปถึงสามสิบนาที


ผมที่อยู่กับบ้านสามชั้นในป่าลึกมาตลอด พอมาอยู่กับคฤหาสน์สิบชั้นที่ดูเป็นกล่องๆ รูปเลขาคณิตซ้อนกันขึ้นไป พร้อมรถราที่ขับผ่านไปมาไม่หยุด ก็รู้สึกไม่ค่อยจะคุ้นชินนัก ต่างจากพี่น้องของผม ที่เอาแต่ชักชวนผมพูดไม่หยุดบนรถ เมื่อครู่ยังดูเหน็ดเหนื่อยและง่วงนอน แต่พอเห็นรั้วสูงสีดำสนิทก็ดีดตัวผึง กลับมามีเรี่ยวแรงขึ้นมาอีกรอบ
 

กว่าพวกเราจะมาถึงจุดหมายก็ค่ำมืดเสียแล้ว ตะวันลาลับตกขอบฟ้าไปหลายชั่วโมง บนหน้าปัด เข็มนาฬิกาชี้อยู่ที่เลขเจ็ด เป็นเวลาอาหารเย็นประจำวันของผม ปกติเวลานี้เมดจะต้องมาเคาะประตูเรียกให้ผมไปที่ห้องอาหาร แต่กับที่นี่ ผมไม่รู้ว่ามื้อเย็นทานกันกี่โมง มือเช้ากี่โมง ต้องทานด้วยกันพร้อมหน้าเหมือนกัน หรือว่าสามารถแยกย้ายกันทานได้ หรือกฎระเบียบข้อห้ามของบ้านเป็นอย่างไร ต่างกันยังไงกับบ้านคุณตาคุณยาย ผมยังไม่ได้รับการบอกกล่าวใดๆจากเจ้าของบ้านสักข้อ บนรถและบนเครื่องบิน คุณพ่อคุณแม่เอาแต่นิ่งเงียบและอมยิ้ม มองพวกพี่ๆกับน้องชายก่อกวนผมไม่หยุดอย่างมีความสุข


เท้าก้าวลงจากรถ พวกพี่ๆก็เร่เข้ามาดึงมือผมไปกับเจ้าตัว แต่อีกคนก็จะให้ไปอีกทาง ล้อมหน้าล้อมหลังจนผมตาลาย นึกภาพตัวเองเป็นตุ๊กตาที่ถูกดึงแขนขาขาดในเวลาอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ถ้าไม่ได้คุณแม่ช่วยไล่พวกแรงเยอะให้ไปอาบน้ำเตรียมลงมาทานข้าวเสียก่อน สองหนุ่มหนึ่งสาวมุ่ยหน้าลง แม้กระทั่งเจ้าตัวเล็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ก็มุ่ยหน้าตาม พี่เลี้ยงของแต่ละคนมายืนรอรับคุณหนูของตัวเอง ก่อนจะจูงมือพากันหายเข้าไปในตัวบ้าน เสียงโหวกเหวกเงียบลง


"วุ่นวายแบบนี้แหละพวกพี่ๆของเราน่ะ เดี๋ยวก็ชินเอง มานี่สิ ม้า เอ้ย แม่จะพาทัวร์ดูบ้านนะ" คุณแม่เดินมาจับไหล่ของผม พลางดุนหลังให้ออกเดิน เมื่อผมมองเธอให้เต็มตา มีเพียงใบหน้าและบุคลิกที่มีความน่าเกรงขามคล้ายกัน แต่นิสัยและบรรยากาศกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง คุณยายไม่มีทางยิ้มแย้มหัวเราะอารมณ์ดี เปิดเผยทุกความรู้สึกขนาดนี้แน่ๆ


เป็นแม่ลูกที่ดูคนละขั้วเลยครับ


"ทำไมไม่ให้ลูกเดินดูเองล่ะคุณ ผจญภัยในบ้านไง" พ่อที่รีบเร่งฝีเท้าตามหลังมา ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ดึงมือผมขึ้นมาเกาะกุม ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกไม่ชอบใจนิดหน่อย คนบ้านนี้ติดนิสัยถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้เชียวหรือ ผมที่ถูกเว้นระยะห่างมาตั้งแต่เด็ก รู้สึกแปลกๆกับการถูกจู่โจมใกล้ชิดกระทันหัน ผมค่อยๆดึงมือและไหล่ของตัวเองออกอย่างสุภาพ และทำท่าสนใจเรื่องที่พวกเขาพูดเพื่อไม่ให้บรรยากาสดูแย่ลงนัก


"แค่พาผมไปที่ห้องก็ได้ครับ ที่เหลือผมไม่ขอรบกวนดีกว่า"


คุณพ่อคุณแม่ดูหน้าเสียไป...แต่ผมก็พยายามแล้ว ผมฝืนตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยการไม่พูดจาไร้เยื่อใยอะไรออกไป ทำเพียงแค่นิ่งงำเก็บทุกคำพูดเอาไว้


การจะปรับตัวกับอะไรสักอย่าง มนุษย์เราไม่สามารถปรับได้ปุบปับหรอกครับ และการสานสัมพันธ์ก่อเยื่อใย ก็ไม่ใช่อะไรที่จะสามารถต่อกันติดได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง ผมสบายใจกับการมีช่องว่างระหว่างเราในตอนนี้มากกว่า


พวกเขายังถูกจัดอยู่ในหมวดแง่ลบของผม...


"กวนเกินอะไรกัน ทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ ฮ่าๆ มาสิมาๆ ขึ้นลิฟท์ไปที่ห้องของลูกกันนะงั้น"


คุณพ่อที่ฟื้นฟูสติได้เร็วกว่า เก็บมือของตัวเองกลับไป แล้วใช้ร่างกายใหญ่โตมาเดินใกล้กับผมแทน คุณแม่ก็เดินมาขนาบข้าง เหมือนกับผมเป็นนักโทษที่พร้อมจะหันหลังวิ่งหนีไปได้ทุกเมื่อ


"บ้านเรามีสิบชั้น สวยใช่ไหม พ่อรู้ว่าลูกต้องชอบแน่ๆ พวกเราช่วยกันออกแบบเองเลยนะ สามชั้นแรกเป็นโซนครัวแล้วก็ห้องรับแขก ห้องนอนแขก ห้องหนังสือส่วนรวมอะไรพวกนั้นล่ะนะ อีกเจ็ดชั้นที่เหลือเป็นพื้นที่ส่วนตัวของพวกเรา พ่อกับแม่ก็มีห้องส่วนตัวอยู่คนละชั้น ลูกกับพี่ๆก็ได้คนละชั้น ลูกจะตกแต่งหรือว่าอยากเพิ่มเติมตรงไหน ก็มาขอเบอร์โทรช่างแต่งบ้านกับพ่อได้เลย"


ดูเป็นความคิดที่เข้าท่ามากครับ ดูแบ่งเป็นสัดเป็นส่วนดี ส่วนการตกแต่งที่นี่ดูเน้นไปทาง สีทอง ขาว และลวดลายหินอ่อน เดินผ่านมาไม่ถึงสามสิบเมตร ผมว่าผมเห็นพวกหุ่นหล่อรูปปั้นทองท่าทางต่างๆเกินยี่สิบตัวแล้วนะครับ ทราบได้เลยว่าเจ้าของเป็นพวกโอ้อวดแบบประโคมของ เป็นพวกเยอะแน่นอน อืม...เจ็ดสิบตัว ถึงลิฟท์พอดี ผมว่าน่าจะมากกว่าเยอะ น่าจะเป็นพวกล้นๆนะครับ...


ภาพวาดศิลปะที่ผมคุ้นเคยหลายรูป ก็ถูกติดอยู่ตามข้างฝาผนังบนทางที่ทอดยาว จำได้ว่ารูปที่ผู้หญิงเปลือยกำลังดีดพิณ เป็นภาพประมูลล่าสุดของสมาคมศิลปะที่ปล่อยออก เป็นข่าวในอินเทอร์เนทอยู่หลายวัน กับผู้ชนะประมูลปริศนา ชนะไปด้วยราคาสูงลิบลิ่ว ผู้คนตามหาตัวกันเสียตั้งนาน...มาอยู่ที่นี่น่ะเอง


พรมสีแดงคลิปสีทองดูหรูหรา ยื่นยาวไปถึงลิฟท์ที่กว้างพอจะบรรจุลูกช้างสักห้าตัวได้สบายๆ คุณพ่อสแกนลายนิ้วมือ แล้วตัวเลขของชั้นก็ขึ้นมาให้กดเลือก


เพราะอยู่กับคุณยายคุณตาที่มีช่วงชีวิตอยู่ในสมัยก่อน รอบตัวผมจึงอยู่กับความคลาสสิค  อดยอมรับไม่ได้ว่าสิ่งของเหล่านี้ดูน่าตื่นเต้นไม่น้อย เมื่อเทคโนโลยีทันสมัยหลายอย่าง ถูกผสานเข้ากับทุกตารางนิ้วของตัวบ้านอย่างลงตัว เหมือนคุณอยู่ในยุคที่ผู้คนยังคงนัดทานข้าวและเต้นรำ พร้อมกลับด้วยรถม้า แล้วจู่ๆคุณก็กระโดดข้ามมาในยุคที่ผู้คนสามารถเดินบนท้องฟ้าได้เสียแล้ว ประมาณนั้นน่ะครับ


"เฮ้อ ทั้งๆที่มีชั้นแยกให้ แต่ว่าตอนนี้พวกพี่ๆของลูกน่ะ ไม่ต้องพูดถึงแยกห้องนอนหรอก แค่ห้องน้ำ ยังไม่กล้าไปคนเดียวเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายเลยลงมานอนกองกันหมดที่ห้องของพ่อ ถ้าลูกกลัวก็บอกแม่ได้นะดิมิทรี ห้องพ่อเราน่ะวุ่นวายยังกับอะไร มานอนกับแม่ดีกว่า"


คุณแม่หันมาพูดกับผมอย่างหวังดีก่อนจะตวัดสายตาไปให้สามีตัวเอง สงสัยจะวุ่นวายมากจริงๆครับ พอพูดถึง แม่ก็ตาเขียวปั๋ดใส่คุณพ่อโดยอัตโนมัติ ร่างสูงได้แต่ส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ อุบอิบเบาๆให้ผมได้ยินว่า
 

"ลูกๆชวนเล่นต่างหาก พ่อก็อยากนอนนะ แต่เกมก็อยากเล่นนี่น่า..."

คุณแม่เมินเสียงอ่อยๆของสามีตัวเอง แล้วหันมาพูดกับผมต่อ



"แล้วก็อะไรอีกนะ อ้อ สระว่ายน้ำกับฟิตเนสอยู่ด้านหลัง บ้านเราไม่มีกฎอะไรมาก แต่ถ้ายังอายุไม่ถึงสิบห้า จะกลับบ้านเย็นเกินหกโมงเย็นต้องโทรมาบอก แล้วต้องเปิด GPS ในโทรศัพท์ให้พ่อกับแม่รู้ว่าลูกอยู่ที่ไหน ข้าวเช้าเริ่มเจ็ดโมง เที่ยงก็เที่ยง ส่วนเย็นก็หนึ่งทุ่ม ส่วนมากพวกเราก็ทานข้าวพร้อมหน้ากันนะ ยกเว้นเวลาที่ไม่ว่าง หรืออยากปลีกวิเวกก็แยกย้ายกันได้ จริงสิ เกือบลืมเรื่องสำคัญ แม่จะพาผู้ดูแลของลูกมาแนะนำตัวด้วยอีกทีพรุ่งนี้นะดิมิทรี"


คุณแม่ที่รับบทต่อสนทนา อธิบายคร่าวๆให้ผมฟังถึงเรื่องของบ้านนี้ ผมว่าบ้านนี้ให้อิสระค่อนข้างเลยทีเดียวครับ ผมโอเคกับทุกอย่าง แต่ผมขัดใจอยู่เรื่องเดียว คือ ผู้ดูแล นั่นมันคำสุภาพของคำว่าพี่เลี้ยงเด็กหรือยังไงกัน


ผมไม่ใช่ลูกพวกเขา อา หมายถึง ผมไม่เหมือนพวกพี่ๆน่ะครับ ผมสามารถนอนคนเดียว เข้าห้องน้ำได้เอง โดยไม่กลัวผีทิชชู่ หรือกลัวเงาตัวเองอะไรเทือกนั่นเสียหน่อย ทำไมต้องมีคนมาคอยดูแล เป็นเรื่องน่าอายที่โตขนาดนี้แล้วยังต้องมีคนมาคอยเดินตามก้น ที่สำคัญผมก็ไม่ชอบให้ใครที่ผมไม่ได้เลือก มาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของผมด้วยครับ


คิ้วที่ขมวดกันแน่นดูจะบอกทุกอย่างได้ดีว่าผมกำลังไม่พอใจ และนี่ก็เพิ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง เขาควรจะรู้ ว่าการทำให้ผมไม่พอใจ นั่นหมายถึงผมกำลังอยากกลับบ้าน


"เรื่องอื่นเราตามใจลูกได้นะที่รัก แต่เรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะป๊า หมายถึงพ่อกับแม่งานยุ่งกันสุดๆ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่กำลังโอนธุรกิจไปที่ไทย เราไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกแน่ๆ จนกว่าพวกเราจะไปถึงประเทศไทยในอีกสามเดือนข้างหน้า"

"ไต้หวัน? ทำไมต้องไปไต้หวันด้วย"


ผมงงงวย ไต้หวันที่ผมจำได้คือเป็นกลุ่มเกาะที่ไม่ได้อยู่ติดกับภูมิภาคอะไร ไม่น่าจะเหมาะสมกับขนาดธุรกิจขนาดใหญ่นี่น่า มันยากต่อการขยายไปประเทศเพื่อนบ้านไม่ใช่หรือครับ ถ้าถูกต้องตามที่ผมเรียนมา คุณพ่อกับคุณแม่หันมาสบตายิ้มให้กัน


"สมเป็นลูกของพวกเรา ตอนพ่อได้ยินครั้งแรกก็งงเหมือนกัน ดิมิทรี ไม่ใช่ไต้หวัน แต่เป็นประเทศไทย ไทยแลนด์"

"ครับ...?"

"ลูกลองไปเสิร์จค้นหาดูนะ แม่ว่าลูกอาจจะหลงรักประเทศนี้ก็ได้ แม่ไปมาแล้วสี่ห้ารอบแล้ว หมูหย็องอร่อยสุดๆ"


Mooyong? ชื่อเมนูอะไร ทำไมมันดูแปลกประหลาดเหลือเกิน ผมคงไม่ได้มีคุณพ่อคุณแม่เป็นพวกเปิบพิสดารใช่ไหมครับ เขาทำผมกังวลแล้วนะ...


พวกท่านหัวเราะอารมณ์ดีขึ้นเมื่อเห็นสีหน้างงงวยของผม ลิฟท์เปิดอ้าออกเมื่อขึ้นมาที่ชั้นหก ออกมาจากลิทฟ์ก็เจอโถงทางเข้า เดินผ่านรูปปั้นและประตูใหญ่ ก็จะพบกับพื้นที่กว้างขวางที่แบ่งเป็นสองชั้น ตั้งแต่ชั้นล่างถึงชั้นสองเป็นตู้หนังสือที่มีหนังสือมากมายอัดแน่นจนเต็มเอี๊ยด มีเตียงนอนใหญ่ยักษ์ตั้งอยู่ และกระจกใสที่สูงราวสี่เมตรและกว้างจัด ภาพพาราโนมาที่สามารถมองวิวทิวทัศน์ได้ทั้งเมืองเป็นจุดเด่น


เป็นห้องที่สวยมาก...


แต่ที่น่าตกใจคือข้าวของทุกอย่าง แม้แต่โทนสี หรือรายละเอียดเล็กๆน้อยของห้องนี้ ถูกใจผมไปเสียหมด หาข้อติหรือหาข้อขัดใจไม่ได้เลยแม้แต่นิด โดยเฉพาะชั้นหนังสือที่ดูมีหนังสือหายากนั่น ผมตาวาว เดินไปไล้มือกับสันหนังสือที่วางเรียงกันไปจนถึงชั้นสองอย่างชอบใจ


"แม่รู้ว่าลูกต้องชอบ"

"พวกเราเตียมไว้ให้ลูกมาเป็นเจ้าของหลายปี หลายปีที่ห้องนี้เฝ้ารอลูกนะดิมิทรี"

"ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้ะ"


พวกท่านคุกเข่าลง เพื่อที่จะประสานสายตากับผม ปฎิเสธไม่ได้ว่าผมรู้สึกดีกับของขวัญชิ้นใหญ่นี้ แต่คำถามว่าทำไมก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง...พวกเขาดูได้ยังไงว่าผมชอบอะไร ไม่ชอบอะไร


"พวกเราตามสืบเรื่องของลูก...ในบ้านมีคนใช้ที่พ่อกับแม่แอบส่งเข้าไปสอดแนมอยู่"


เมื่อพ่ออ่านสายตาสงสัยของผมออก จึงช่วยตอบคำถาม แล้วผมก็กระจ่าง อา...ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง


"หึ คุณยายของเราน่ะใจแข็งอย่างกับอะไร แม่ไม่อยากจะบอกเลยว่าตอนลูกอายุครบหนึ่งขวบ อาการของพ่อดีขึ้น พวกเราเลยจะไปแอบเยี่ยมลูกกัน ไม่ทันได้แตะรั้ว ก็โดนไรเฟิลกราดยิงเสียนึกว่าตัวเองกำลังบู๊อยู่ในหนังเฉินหลง!"


"จำได้ๆ ตอนนั้นดีนะว่าพอจะคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เลยไปเช่ารถกันกระสุนมา โอ้โห แม่ยายโหดสุดๆไปเลย พรุนยับ แถมพอกลับมาที่บ้าน ยังมีบิลค่ากระสุนปืนที่ยิงเรียกเก็บมาอีก ผมนี่อึ้งไปเลยซาร่า"


"ใช่ไหมล่ะจอร์จ ฉันบอกคุณแล้ว! ให้เช่ารถถังไปๆ ไม่ยอมเชื่อ เกือบได้ไปเป็นปุ๋ยให้สวนคุณแม่ฉันแล้วไหม"


อืม...ผมคิดว่าถึงจะเอารถถังไป ก็เสียเงินเปล่า เข้าไปไม่ได้แม้แต่ประตูหรอกครับ ในเมื่อหน่วยคุ้มกันของคุณยายมีตั้งแต่หน่วยลาดตะเวณ ไปจนถึงหน่วยรบเกาะหนัก น่ากลัวว่าแค่เลี้ยวโค้งเข้ามา ก็น่าจะโดนระเบิดทิ้งไม่เหลือซากแน่ๆครับ


แล้วที่มีคนนอกมาสอดแนม เอาแค่คุณตาผู้เป็นนักการทูต ที่เจอเรื่องโกหกมาทุกรูปแบบก็รู้แล้วครับ ว่าใครพูดจริงหรือเท็จ ยิ่งสำหรับคุณยาย ผมคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลยสำหรับดาเลียแอน ที่จะไม่รู้ถึงสายลับของคุณพ่อคุณแม่ แผนกระจอกๆแค่นี้ ไม่มีทางจะรอดพ้น  ที่ยังสามารถอยู่และสืบเรื่องของผมได้ขนาดนี้ ก็เป็นเพราะคุณยายกับคุณตายอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสียมากกว่า


ที่แท้ในบัวที่ถูกตัด ก็ยังเหลือเส้นใยบางๆต่อกันอยู่นี่เอง



"ขอบคุณนะครับ..."


ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
ผู้ใหญ่สองคนที่กำลังถกเถียงถึงเหตุการณ์ไหนที่คุณยายของผมทำได้เจ็บแสบ และโหดที่สุดอย่างเมามันส์ ก็หันหน้ามาเบิกตากว้าง ทำหน้าเหมือนเห็นผี


"ลูกยอมพูดกับเราด้วยเสียงที่ไม่ใช่โทนเย็นชาแล้วค่ะคุณ ฮึก"

คุณพ่อที่จู่ๆก็ทำตัวบอบบาง เช็ดน้ำตาที่หางตาก่อนจะเอียงหัวไปซบไหล่คุณแม่


"ไม่ต้องร้องไห้นะที่รัก มาซบอกแกร่งของผมสิ"


คุณแม่ที่ตบอกตัวเอง พลางกระชาก ต้องบอกว่ากระชากจริงๆครับ แรงขนาดนั่นไม่สามารถเรียกว่ารั้งได้เลย ...กระชากหัวของพ่อมาซบที่อกตัวเอง ผมนี่แทบจะแยกไม่ออกว่าน้ำตาของคุณพ่อตอนนี้ ไหลเพราะซาบซึ้งที่ผมยอมพูดคุยกับท่านดีๆ หรือเจ็บหนังหัวจนน้ำตาเล็ดเพราะแรงกระชากของคุณแม่กันแน่...เหมือนจะเห็นเส้นผมคุณพ่อหลุดร่วงไปหลายเส้นเสียด้วย


เอ่อ...


มันจะส่งมาไม่ถึงใช่ไหมครับ DNA พวกนี้น่ะ...
ผมกังวลจริงๆนะครับ...








"ใจเย็นก่อนทุกคน ถ้าไม่ใจเย็นๆอยู่ในความสงบ คืนนี้แม่จะเอาไปปล่อยให้นอนลอยคออยู่ที่สระน้ำ"

คุณแม่ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะอาหาร หยิบแก้วแชมเปญเอาส้อมเคาะ ให้เกิดเสียง แม้จะเป็นแก้วแชมเปญแต่ด้านในแก้วใส่น้ำแอ็ปเปิ้ล และข้างๆแก้วยังมีแผ่นกระดาษติดอีกว่า น้ำส้มจ้า ตกลงมันคือน้ำอะไรกันแน่ครับ...


ตอนนี้ผมอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนอน ลงมาที่ห้องอาหาร ผมค่อนข้างตกใจมากครับ คิดว่าลิฟท์ทำได้แค่ขึ้นลง แต่ลิฟท์ที่บ้านคล้ายกับรถไฟ ที่สามารถเคลื่อนไปทางซ้ายทางขวาได้ด้วย แค่สแกนนิ้วมือแล้วกดปุ่มที่ห้องอาหาร ก็มาโผล่อีกตึกหนึ่งแล้วครับ คุณพ่อบอกว่า ตึกฝั่งนี้ไว้สำหรับครอบครัวเท่านั้น จะไม่ใช้ร่วมกับแขก


"เอาห่วงยางยูนิคอร์นไปนอนด้วยได้มะม้า" พี่ชายของผมยกไม้ยกมือขอ ดูไม่เข้าใจว่านั่นควรจะเป็นบทลงโทษให้กลัว ไม่ใช่เรื่องสนุก ทำไม...ดูหน้าโง่แปลกๆเหลือเกินครับ เหมือนเจ้าตัวรู้ว่าผมกำลังนินทาในใจ หันควับมาโบกไม้โบกมือให้ผม ทำท่าจะปีนข้ามโต๊ะมาหา จนผมเผลอสะดุ้งเลื่อนเก้าอี้ถอยหลัง


ผลัวะ


เสียงฝ่ามือของพี่สาวเพียงคนเดียวฟาดลงบนหัวของคนที่ตั้งท่าจะปีนขึ้นโต๊ะอาหาร


"จะไปก็มุดใต้โต๊ะไป อย่ามาปีนโต๊ะ โง่แล้วยังมารยาททรามอีกเหรอเฮีย"


แง้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


"ม้าม้าม้าาาาาาาาาาา! ไก่ว่าน้องปลาอีกแล้ว ปลาไม่ได้โง่นะ ปลาแค่ใสซื่อ! แง้งงงงงง"


แล้วเจ้าตัวก็หันมาชูนิ้วกลาง แต่พอเห็นน้องสาวตัวเองถลึงตาใส่ พร้อมจะโยนจานกระเบื้องใส่หัว นิ้วกลางที่ชูก็ค่อยๆหด กลับกลายเป็นนิ้วโป้งแทน พอโป้งจนพอใจแล้วก็มุดโต๊ะไปกอดเอวคุณแม่แน่น หันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่อีกฝากฝั่ง ส่งเสียง แบร่ๆ อย่างกวนอารมณ์ พี่สาวของผมหันไปกรอกตากับพี่ชายที่สวมแว่นตาอีกคนที่นั่งทานเงียบๆไม่สนใจใคร ถ้าดูจากภาพรวม ผมว่าผมน่าจะโอเคกับพี่ชายคนนี้ที่สุดนะครับ เขาดูปกติสุดแล้ว...


"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมนะปลาหย็อง เฮียกวนไก่ตั้งแต่บนรถแล้ว ยังจะมาแลบลิ้นใส่ผมอีก คุยกับเฮียนี่เหมือนสีซอให้ควายฟัง ตักน้ำรดหัวตอจริงๆเลย พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง" พูดเสร็จก็ขยับแว่นตาบนจมูก เอ่อ...ท่านพี่รายนี้ก็ดูท่าจะไม่ปกตินักเช่นเดียวกัน


"นั่นไง! ไก่ดูสิ เนื้อหย็องก็พูดอะไรไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมไม่โง่อะ ม้าๆๆๆๆๆๆๆ ปลาไม่ได้โง่ใช่ไหม"


แม่ยิ้มอ่อนโยน ลูบหัวลูกชายที่ซุกอยู่ตรงเอว เอ่ยเสียงปลอบโยนอ่อนหวาน


"ปลาไม่ได้โง่จ้ะลูก ปลาแค่ฉลาดน้อย"


แค่ก แค่ก แค่ก ผมถึงกับสำลักน้ำ ไม่เคยได้ยินคำปลอบโยนที่เหมือนซ้ำเติมแบบนี้มาก่อน


"ถ้าม้าบอกแบบนี้ปลาก็โล่งใจ" เจ้าตัวถอนหายใจอย่างโล่งอก...จะดีเหรอครับ นั่นมันไม่ใช่คำช่วยปฎิเสธนะ? เขาโอเคกับมันจริงๆเหรอ ผมเห็นพี่สาวยิ้มมุมปาก แล้วหันไปพูดกับผู้ชายใส่แว่น "โง่โคตรๆ"


เอ่อ...อดเห็นด้วยไม่ได้จริงๆครับ...



หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 18 * 27/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-09-2018 17:24:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 18 * 27/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 27-09-2018 17:36:17

"เอาล่ะลูกๆ ทุกคนของป๊า เอ้ย ของพ่อ วันนี้น้องชายของเราก็คงจะยังงงๆกับธรรมเนียมในบ้าน มาแนะนำตัวกันทีละคนก่อนนะ เริ่มจากลูกเลยแล้วกันดิมิทรี"


กิจกรรมแนะนำตัวเหมือนเด็กอนุบาลเพิ่งเข้าเรียนเริ่มขึ้น ไม่ทำก็คงจะไม่ได้ เด็กในห้องเรียนทุกคนเล่นหันมาทางผมกันหมดแล้ว ผมเอาผ้าเข็ดปาก ซับเบาๆ ก่อนจะแนะนำตัวเสียงนิ่ง

"ดิมิทรี มิคัล ชาโรนอฟครับ ยินดีที่ได้พบทุกคน"


"อ้าว ทำไมหมูหย็อง ไม่ใช่เซอร์กีย์ล่ะปะป๊า"


mooyong? mooyong อีกแล้ว? คำๆนี้อีกแล้ว แล้วทำไมเหมือนคำนั้นจะเป็นคำเรียกชื่อแทนตัวผมล่ะครับ ไม่ใช่เป็นชื่อของอาหารชนิดหนึ่งในประเทศที่คุณพ่อคุณแม่กำลังจะไปลงทุนหรือไง แล้วคำว่าพ่อแม่ที่พวกเขาเรียก ก็ฟังดูสำเนียงแปลกๆนะครับ ฟังดูไม่ใช่ PAPA หรือ MAMA แต่ผมก็นึกว่าแค่พวกเขาไม่ค่อยมีความสามารถอะไร เลยออกเสียงไม่ถูก...แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่


"น้องใช้นามสกุลคุณตาคุณยายครับ แล้วเดี๋ยวพวกเราก็ต้องเปลี่ยนไปใช้กับน้องด้วยนะ"

"โห ทำไมอะ ปลาไม่อยากจำวิธีเขียนใหม่นี่น่า ไม่เอาๆๆๆๆๆๆๆ ไม่อยากเปลี่ยน"

"ทำไมต้องเปลี่ยนเหรอคะปะป๊า กระทันหันจังเลย"


"เด็กๆ ฟังคุณพ่อพูดให้จบก่อนนะ" ความวุ่นวายที่เริ่มก่อตัว ดูท่าจะทำให้การแนะนำตัวหยุดชะงัก และเริ่มจะกลายเป็นความโกลาหลขนาดย่อมๆ เมื่อเด็กๆตั้งท่าจะไม่ยอม


"ม๊าก็ดูสิ ชาโรนอฟเขียนยาวกว่าเซอร์กีย์ตั้งเยอะ ไก่ขี้เกียจเขียนนี่น่า!"
เอ่อ...เหตุผลนั่นหรอกเหรอครับ...


"ป๊าก็ขี้เกียจเขียนเหมือนกันนั่นแหละ แต่ทำไงได้ล่ะ ถ้าไม่ยอมเปลี่ยนเดี๋ยวน้องชายลูกจะเหงานะ ดูสิเป็นชาโรนอฟคนเดียวเลย"


"แบ่งๆกันไปไม่ได้เหรอครับป๊า น้องจะได้ไม่หัวเดียวกระเทียมลีบ เป่ายิ้งชุบเอาก็ได้" กระเทียมที่เป็นโปลิโอนี่หมายความว่าอะไรครับ พี่ชายที่ใส่แว่นทำไมพอนั่งนิ่งๆ ก็ดูปกติดี แต่พอพูดแต่ละที ทำไมถึงได้ดูหลุดโลกแบบนี้นะ


"ไม่ได้หรอก ป๊าไปสัญญากับคุณยายเอาไว้แล้ว เดี๋ยวพวกลูกจะต้องเปลี่ยนจากเซอร์กีย์เป็นชาโรนอฟกันทุกคน ใครไม่เปลี่ยน ขอใช้อำนาจบาตรใหญ่ของคนเป็นพ่อ ด้วยการบังคับ...ช่วงคริสมาสต้องใส่เสื้อไหมพรมที่ถักเองของคุณป้าแจน!"


เสื้อไหมพรมของคุณป้าแจน ดูเป็นอาวุธอันตรายที่ทำเอาเด็กๆเงียบกริบ มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือครับ แย่กว่าคำขู่ก่อนหน้าของคุณแม่ที่ถูกไล่ให้ไปนอนกลางสระน้ำ แต่เด็กๆยังสามารถเล่นสนุกได้ โดยไม่สนใจ แต่ว่ากับแค่เสื้อไหมพรมที่ต้องใส่ กลับยอมเงียบและนิ่งกันเสียแบบนั้น คุณแม่ที่เห็นว่าผมทำหน้างงๆ เลยยื่นโทรศัพท์แล้วสั่งให้พี่คนโตวิ่งเอามาให้ผมดู


"นี่อะ เสื้อไหมพรมคุณป้าแจน"


ภาพในโทรศัพท์รุ่นล่าสุด ทำให้รูปถ่ายชัดเจน สีหน้าทุกคนในครอบครัวที่ใส่เสื้อสีแดงขนปุย พร้อมตัวอักษร Merry x'mas ดูยับยูยี่และอยากร้องไห้ ผมไม่รู้จะอธิบายเสื้อไหมพรมตัวนี้ยังไงดี แต่สภาพมันแย่มากจริงๆครับ ถ้าให้ผมใส่เสื้อแบบนี้...ผมยอมไปนอนกลางสระน้ำสักสามวันดีกว่า พี่ชายทำหน้าตาเข้าอกเข้าใจผมที่เบือนหน้าหนีจากรูปเสื้อในจอตรงหน้า ตบบ่าผมแปะๆ ก่อนจะวิ่งตุบตับกลับไปที่เดิม




"เอ้า แนะนำตัวให้น้องชายลูกรู้จักก่อน เดี๋ยวพ่อแนะนำเป็นตัวอย่างนะ พ่อจ้า แต่ว่าทุกคนจะเรียกพ่อว่าปะป๊านะ อายุสามสิบขวบ ชื่อจริงชื่อ โจวิช จีน เซอร์กีย์ แต่อีกประเดี๋ยวป๊าก็ต้องเปลี่ยนไปเป็น โจวิช เซอร์กีย์ ชาโรนอฟแล้วล่ะนะ"

"อ้าว คุณคะ เล่นเอานามสกุลเก่ามาเป็นชื่อกลางแบบนี้เลยหรือ"

"ก็คุณแม่ไม่ได้ห้ามนี่ อิอิ" พ่อทำท่าหัวเราะแบบ...แบบ...เรียกไม่ถูกน่ะครับ หัวเราะแบบเห็นแล้วอยากจะปาเกาอี้ใส่ทำนองนั่นน่ะครับ คุณแม่เบะปากกลอกตามองบนใส่ แล้วปัดๆมือให้คนอื่นแนะนำตัวเองต่อ


"ผมคร้าบๆๆ ผมต่อไปเองคร้าบ ชื่อเล่นชื่อปลาหย็องครับ ชื่อจริงชื่อโจเชฟ โจวิช เซอร์กีย์คร้าบ อายุสิบห้า เรียกว่าเฮียปลาก็ได้น้าๆๆ" อา ที่แท้เขาก็อายุห่างกับผมขนาดนี้เชียว ท่าทางสวนทางอายุดีนะครับ


"ชาโรนอฟต่างหาก ป๊าก็เพิ่งบอกไปเมื่อตะกี้ โง่แล้วยังความจำสั้นอีกหรือไงเฮียนี่...อือ ชื่อไก่หย็องนะ ชื่อจริงชื่อแอนนา เอเลนนา เซอร์กีย์ แต่ว่าเดี๋ยวก็คงจะเป็น แอนนา เอเลนนา ชาโรนอฟตามนายแล้วล่ะ เป็นพี่สาวที่อายุห่างจากนายห้าปี อายุสิบสาม เรียกอาเจ้ไก่หรือเจ้ไก่ก็ได้นะ ยินดีที่ได้รู้จักไอ้น้องชาย"

คือถ้าฟังแต่คำพูด นี่ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นพี่ชายคนโตของผม แทนพี่ชายคนโตตัวจริงที่กำลังหยิบซ้อมมาหวีผมตัวเองนะครับ


"ชื่อเนื้อหย็อง เรียกเฮียเนื้อหย็องก็ได้ หรือจะเรียกนิโคลัสก็ตามใจ แต่ห้ามย่อชื่อผมให้เหลือแค่เนื้อเด็ดขาด ห้าม-เด็ด-ขาด ชื่อจริงชื่อ นิโคลัส โจวิช เซอร์กีย์ อายุสิบสอง ยินดีที่ได้รู้จักนะดิมิทรี"


ท่าทางของเฮียเนื้อหย็องดูจริงจังมากครับ กับคำห้ามของเขา ว่าแต่คำว่าเฮียกับอาเจ้ หรือเจ้นี่มันคืออะไรครับ? ผมพอจะรู้ว่าคุณแม่ของคุณพ่อเป็นชาวเยอรมัน แต่คำเรียกพี่สาวพี่ชายที่เยอรมัน ก็ไม่ใช่เจ้หรือเฮียมั่งครับ...แล้วชื่อแปลกๆนั่นอีก หย็อง? อะไรคือหย็อง?


"ชื่อหย็องหย็องนะเฮียหมู ชื่อจริงหย็องชื่อ ยูริ โจวิช เซอร์กีย์ หกขวบแล้วววว" ผมตกใจที่จู่ๆเจ้าเด็กน้ำลายย้อยก็มาเกาะขาผมใต้โต๊ะ แล้วก็แนะนำตัวเสียงใส เขาพูดได้นี่!...แถมอายุห่างจากผมแค่ปีเดียวอีกต่างหาก ผมนึกว่าเขายังพูดไม่ได้เสียอีก ท่าทางโ- เอ่อ...ครับ ท่าทางดูยังเด็กอยู่น่ะครับ


"แม่ชื่อเอเลน ดาเลียนา เซอร์กีย์จ้ะ เฮ้อ อุตสาห์หนีมาตั้งนานแต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปตายป้ายหลุมศพปักเป็นชาโรนอฟอีกเหรอเนี่ย เฮ้อออ เพราะคุณแท้ๆเลยนะโจ โง่ให้รถชนไม่พอหัวใจยังล้มเหลวอีก ไหนจะมะเร็งบ้าบอ ดูสิ! คุณต้องชดใช้ให้ฉันด้วยการยอมให้ฉันเปลี่ยนชื่อกลางลูกๆ เป็นเอเลนนา กับเอเลนนิชให้หมดเลยนะ!"


แม่ดูหัวเสียหันไปเขม่นพ่อ แต่คุณพ่อกับยักไหล่ ส่ายหัวไปมาพร้อมสีหน้าภูมิอกภูมิใจ


"ไม่ได้นาเอเลน คุณก็รู้ แพ้ต้องเป็นแพ้ ต้องเล่นตามกฎสิ  กฎบ้านเรา คุณเป่ายิงชุ้บแพ้เอง ผมชนะสามครั้ง ก็ต้องได้สามคน! แล้วผมก็ยอมให้คุณตั้งชื่อเล่นแล้วไง"

"ยอมอะไรล่ะ อย่ามาพูดบ้าๆนะ ฉันชนะเป่ายิงชุ้บต่างหากย่ะ! พูดแล้วก็มาเลย ลูกคนสุดท้าย ใครจะได้สิทธิ์เป็นชื่อกลางของลูก มาสิมา โจ เข้ามาเลย! หึ ฉันจะแสดงให้คุณเห็นวิทยายุทธที่เฝ้าฝึกฝนมาเพื่อวันนี้ตลอดหลายปี! ดิมิทรีจะต้องเป็น ดิมิทรี เอเลนนิช ชาโรนอฟ!"


แม่ลุกขึ้นตบโต๊ะดังปัง ก่อนจะเอามีดชี้หน้าคุณพ่อ พร้อมถกแขนเสื้อขึ้น ท่าทางเหมือนกุ๋ยยุคหนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบ ที่กำลังจะไปท้าตีท้าต่อยไม่มีผิด ผมแทบจะลมจับ ท่าทางเสียมารยาทมากมายบนโต๊ะอาหาร ทำเอาผมอยากโทรฟ้องคุณยายเสียเดี๋ยวนี้ คุณพ่อก็ไม่น้อยหน้า ลุกขึ้นพรวด เอาเท้าเหยียบเก้าอี้ มือกอดอกเชิดหน้าขึ้น


"หึ เพราะผมรักคุณหรอกนะเอเลน ถึงได้ยอมอ่อนข้อให้ชนะไปครั้งนั้น ยังไม่สำนึกอีก! ได้! แล้วคุณจะรู้ว่าพลังของมวลเทพที่อวยพรให้ผมอยู่มันกล้าแกร่งขนาดไหน กับคนที่จับฉลากแล้วได้ทิชชู่ จะมาสู้คนที่จับฉลากแล้วได้เตารีดอย่างผมได้ยังไงกัน ไม่มีทาง! ไม่อยากพูดมาก เจ็บคอ เอาเป็นว่า ดิมิทรี ต้องเป็น ดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟ แน่นอนล้านเปอร์เซน! ไปฝึกคัดชื่อตัวเองเป็นโจวิชได้เลยนะลูก"


แล้วพวกเขาก็ข้ามฝั่งมาประเชิญหน้ากัน มีพ่อบ้านในชุดสูทสีดำสี่คน ที่มาพร้อมกระดานที่เขียนบอกแต้ม และอีกคนที่ถือระฆัง ที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ ผมอ้าปากค้าง...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน


แต่พี่น้องผมทุกคนเลิกสนใจอาหาร เข้ามาตีวงล้อมพลางส่งเสียงเชียร์ เหมือนเชียร์กีฬา เดี๋ยวนะ ถ้าผมมองไม่ผิดเฮียปลากับเจ้ไก่กำลังพนันกันอยู่ใช่ไหมครับ! ผมได้ยินนะ ผมได้ยินนะว่าพวกพี่พนันกันน่ะ


"ม้าชนะพันดอลล์"

"เฮียปลาเชียร์ม้านะ เคๆ เฮียเนื้อหย็องล่ะว่าไง"

"การพนันเป็นสิ่งไม่ดีนะครับ...ป๊าชนะสองพันดอลล์แล้วกัน"

"หย็องว่าป๊าเหมือนกัน ชื่อกลางสามคนมันทนโท่อยู่"

"งั้นไก่เชียร์แม่แล้วกันนะ ดีล"


แล้วกลุ่มเด็กๆก็กระจายตัว


"ตีกัน ตีกัน ตีกัน!"

"ป๊าสู้ๆ แสดงพลังแปลงร่างขั้นสุดยอดปลดปหล่อยพลังไปเลย!"

"หม่าม้าาาาาาาาาา สู้ๆอย่าไปยอมแพ้ปะป๊านะ ตังค่าขนมปลาหมดเกลี้ยงแล้วววววว"


พ่อบ้านที่ดูแก่วัยที่สุด เดินถือไมค์แนะนำตัวคู่ต่อสู้ทั้งสองฝั่งพอเป็นพิธี คือพวกเขาไปเอามาจากที่ไหนหรือครับ คือครอบครัวปกติเขาต้องมีเตรียมอุปกรณ์แบบนี้กันด้วยหรือครับ ครอบครัวปกติเขาเล่นใหญ่จริงจังกันขนาดนี้เลยหรือครับ!?


"กติกาเหมือนเดิมนะครับคุณท่านทั้งสอง เป่ายิงชุ้บสามรอบ ชนะสองครั้งก็ได้สิทธิ์ไปเลย แต่หากเสมอ เราจะเพิ่มจำนวนครั้งไปเรื่อยๆนะครับ เอาล่ะครับ! เรามาเริ่มวอร์มกันก่อนหนึ่งรอบ แล้วเมื่อเสียงระฆังครั้งที่สองดังขึ้น ถือว่าการแข่งจริงได้เริ่มต้นขึ้นแล้วนะครับ!"


แล้วพ่อบ้านอีกคนก็ตีระฆัง


แกร๊ง



คุณป๊ากับคุณม๊าที่ส่งสายตาฆ่าฟันกัน จนเหมือนทั้งคู่จะหยิบปืนหรือมีดมาเข่นฆ่าอีกฝ่าย แต่ที่ทำคือเอามือซ่อนไว้ด้านหลังแล้วพูดบลัฟกันไม่หยุด


"หึ เอเลน ถ้าคุณกลัวจะแพ้ต่อหน้าลูกล่ะก็ ถอนตัวตอนนี้ยังทันนะ ผมให้โอกาส"

"อะไรกันโจเชฟ อย่ามาตาขาวแล้วโบ้ยให้กันแบบนี้ซี่ ถ้าคุณขี้คลาดล่ะก็จะร้องเอ๋งๆแล้วหมุนตัวสามรอบฉันก็ได้นะ แล้วฉันจะยอมให้อภัยแต่โดยดี"

"หึ! / หึ!"

ชุ้บ! ครั้งแรก คุณพ่อแพ้ คุณแม่ชนะ
ชุ้บ! ครั้งที่สอง คุณแม่แพ้ คุณพ่อชนะ
ชุ้บ! ครั้งสุดท้าย คุณแม่ชนะ คุณพ่อแพ้


สรุปคุณแม่ชนะไปด้วยคะแนนสองต่อหนึ่ง


"เยส! หึหึหึหึ แค่วอร์มร่างกายก็รู้แล้วว่าพระเจ้าเข้าข้างใครนะโจ มาสิ มาคุกเข่าอ้อนวอนฉันเร็วๆเข้า โฮะๆๆๆๆ"
คุณแม่ที่เชิดหน้าขึ้นเหมือนนางร้ายเกรดบี ในภาพยนต์สมัยก่อนจิกตาใส่สามี ที่ดูท่าทางสะเทือนใจจนลงไปทรุดกองกับพื้น คุณพ่อเม้มปากแน่น ตวัดสายตาที่มีน้ำตาคลอ ก่อนจะสะบัดมือเช็ดน้ำตาลวกๆ เดินโซเซเกาะโต๊ะพยุงตัวเองลุกขึ้นมา


"น-นี่แค่ผมอ่อนให้คุณต่างหาก!"


แม่ที่ยักไหล่ไม่สนใจ ก่อนจะไปตบมือกับกองเชียร์ของตัวเอง


กรรมการ(?)ในชุดดำแยกทั้งสองฝ่ายห่างกันอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มสัญญาณของการแข่งที่แท้จริง


แกร๊ง


ชุ้บ! ครั้งแรก คุณพ่อชนะ คุณแม่แพ้
ชุ้บ! ครั้งที่สอง คุณแม่ชนะ คุณพ่อแพ้


ตอนนี้กำลังเสมอกัน มีความเป็นไปได้ที่ห้าสิบต่อห้าสิบ ว่าผมจะเป็นได้ทั้ง ดิมิทรี เอเลนนิช ชาโรนอฟ หรือ ดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟ ขึ้นอยู่กับครั้งสุดท้ายนี้ ว่าชื่อกลางของผมจะเปลี่ยนเป็นอะไร...


เสียงเฮดังลั่น เหมือนกับนักวิ่งมาราธอนระยะไกลสามสิบวัน ที่ในที่สุดก็มาถึงเส้นชัย


ชุ้บ! ครั้งสุดท้าย คุณพ่อชนะ คุณแม่แพ้...


คุณพ่อชนะไปด้วยคะแนนสองต่อหนึ่ง


ดิมิทรี มิคัล ชาโรนอฟ ไม่มีอีกต่อไป
 ต่อแต่นี้ ผมคือ ดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟ...









สงครามช่วงทานอาหารเย็นจบลงด้วยเสียงโวยวาย และพ่อที่โดนคุณแม่กระโจนเข้าไปทึ้งหัว แต่คนที่โดนจิกหัวอย่างคุณพ่อกลับหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี ไม่สนใจความเจ็บบนหัวเลยสักนิด เสียงหัวเราะดังลั่นปะปนเสียงร้องไห้แหกปากของเฮียปลาและเสียงกรีดร้องของเจ้ไก่


นอกจากได้ชื่อกลางใหม่ ผมก็ได้ชื่อเล่นใหม่มาอีกด้วยครับ เฮียเนื้อหย็องที่ตีตัวออกมาจากความวุ่นวาย มานั่งข้างๆผม ที่เอาแต่นิ่งค้างตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า ผมที่มักจะได้ทานอาหารเย็นเงียบๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงประกอบ ไม่เคยเจอเหตุการณ์ชวนปวดหัวขนาดนี้มาก่อน พวกเขาคือสิ่งที่ตรงข้ามกับคำว่าระเบียบเรียบร้อยอย่างแท้จริง


เฮียเนื้อหย็องที่ทรุดตัวลงข้างกัน เล่าเรื่องต่างๆที่ผมไม่เคยได้รู้ เริ่มตั้งแต่ที่ผมสงสัยว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงได้ดูอ่อนเยาว์นัก เฮียเนื้อหย็องจึงบอกให้ผมลองคำนวนอายุป๊ากับม๊าดู พอผมบวกลบดีๆ ช่วงอายุที่คุณพ่อคุณแม่มีลูกคนแรกก็คือสิบสี่เท่านั้น แค่เพียงเท่านั้นผมก็พอจะประติดประต่อเรื่องราวได้ คุณยายที่อยู่ในกฏระเบียบมาตลอด รวมกับนิสัยคุณแม่ที่คงจะเข้ากันไม่ได้ คงจะถึงจุดแตกหักหลังจากการตั้งครรภ์เกิดขึ้น


แล้วก็สงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงไม่แปลกใจในตัวตนของผม น้องชายที่จู่ๆก็โผล่มา เฮียเนื้อหย็องขยับแว่นเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องยาว


"ตอนคุณแม่ท้อง พวกเราก็รู้จักนายแล้ว พวกเรายังเป็นผู้ช่วยเตรียมหมูหย็องให้คุณแม่ทานตอนแพ้ท้องอยู่เลย พวกเราเฝ้ารอคอยและนับถอยหลังถึงวันที่นายจะออกมา พวกเราพนันกันเล็กๆว่านายจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย น้องคนใหม่ของเราจะตาสีเหมือนใคร มันก็ควรจะผ่านไปเรื่อยๆและเราได้เจอนาย ได้เล่นกับนาย แต่แล้ววันหนึ่งที่เหตุการณ์ทุกอย่างก็แย่ลง คุณพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวประสบอุติเหตุ พอร่างกายอ่อนแอ อาการป่วยซ้ำซ้อนหลายๆอย่างก็รุมเร้า เข้าโรงพยาบาลหลายเดือน ผ่าตัดหลายครั้ง ค่าหมอเฉพาะทางที่ต้องเชิญมาจากหลายประเทศ มันแพงมาก...แล้วฉันก็ล้มป่วยไปอีก โรคที่ฉันเป็นมันรักษาให้หายขาดได้ แต่ต้องเปลี่ยนอวัยวะหลายอย่าง ค่าใช้จ่ายยิ่งบานปลาย"


เฮียเนื้อหย็องที่ดูมีสีหน้าเจ็บปวดเมื่อนึกย้อนไปถึงอดีตที่ผ่านพ้นมา


"ธุรกิจที่ไม่มีพ่อควบคุม ก็เกินมือของคุณแม่ ค่อยๆถูกคนอื่นกลืนกินไป เพราะไม่ได้เรียนจบกันสูงอะไร นายก็รู้...ท้องตอนอายุแค่นั่น อนาคตต้องไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอยู่แล้ว ทุกอย่างมันยากลำบากไปหมด แม้คุณป้าแจน พี่สาวของพ่อจะช่วย แต่ครอบครัวเขาก็มีภาระของตัวเอง สุดท้ายมันก็พัง วันหนึ่งแม่ให้เฮียปลาไปรับเจ้ไก่ที่โรงเรียน ทั้งๆที่ปกติเธอจะเป็นคนไปรับเองหลังทำงานพิเศษแล้วก็มาดูแลฉันกับพ่อ แต่แม่กลับหายตัวไปสองสามวัน กลับมาพร้อมสีหน้าดูไม่ดีกับเงินจำนวนมหาศาล ฉันคิดว่าแม่คงจะไปกู้ยืมใครสักคน"


ใครคนนั่นคงจะเป็นคุณยายสินะ แล้วคำสัญญาก็ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ผมแลกกับเงิน...แม่ที่ขายลูกตัวเอง ส่วนอีกคนก็เอาเงินซื้อหลานไว้เป็นผู้สืบทอดต่อ


ถึงตอนนี้จะยอมปลดปล่อยผมแล้วก็ตาม แต่พอมารู้แบบนี้ ผมก็อดรู้สึกวูบโหวงขึ้นมาไม่ได้
รักที่ไม่มีเงื่อนไข รักที่ไม่ต้องใช้อะไรแลกเปลี่ยน ในชีวิตนี้ ผมจะเจอมันไหมนะ...


"พวกเราก็รักษาจนหายดี แต่พอถึงวันที่แม่ใกล้คลอด แม่ก็หายตัวไปอีกครั้ง พวกเราร้อนใจกันมาก ตามหากันวุ่นวายไปหมด วันกำหนดคลอดของนายน่ะ พวกเราเตรียมตัวกันมานานมากๆ ถึงได้รู้ทุกอย่างว่ามันวันไหน แต่ก็นะ...พวกเราไม่ได้เจอนาย แม่หายไปสามวัน กลับมากับท้องที่แฟบลง ข้างในนั่นไม่มีนายอีกต่อไปแล้ว...แต่ในอ้อมกอดของแม่...ก็ไม่มีนายเช่นเดียวกัน ตอนแม่บอกความจริง ฉันจำได้ว่าพวกเราร้องไห้กันหนักมาก หนัก...มากๆ ความฝันของฉันพังลงหมดเลย ฉันที่เป็นน้องคนเล็กมาตลอด อยากเป็นพี่ชายนายสุดๆ เฝ้ารอ และก็เฝ้ารอ...แต่ก็ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว"


เฮียเนื้อหย็องดูมีสีหน้าเศร้าสร้อยหมองหม่นลง แม้จะพูดถึงเรื่องราวที่ผ่านพ้นมาแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนยังคงดูสดใหม่เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานก็สะท้อนอยู่ในดวงตาสีเดียวกัน จนผมเชื่อจริงๆว่าในวันนั่น วันที่ผมไม่อยู่แล้ว วันที่ผมจากไป พวกเขาก็คงเสียใจกันมากจริงๆ เพราะความเจ็บปวดในน้ำเสียงยังเจือปนอยู่ทุกคำพูด


"กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต พ่อกับแม่ทะเลาะกันหนักมากแบบที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน เรื่องของนาย เป็นเรื่องเปราะบางที่พูดถึงไม่ได้ไปหลายเดือน แต่พ่อกับแม่เขาก็ผ่านอะไรมาด้วยกันมาก เขาเปลี่ยนความโกรธเป็นมุ่งมั่น ร่วมมือกัน พยายามสร้างเนื้อสร้างตัวใหม่ พยายามทุกหนทางที่จะพานายกลับคืนมา"


รอยยิ้มดีใจที่เหมือนได้ส่วนหนึ่งที่สำคัญกลับคืนมาแล้ว ถูกถักทออยู่บนใบหน้าของพี่ชายของผม


"คุณพ่อกับคุณแม่บอกพวกเราห้ามลืมนายเด็ดขาด แต่ถึงไม่บอก พวกเราก็ไม่เคยลืม เสื้อผ้า ของเล่น ของใช้ทุกอย่าง ไม่ได้มีแค่สี่นะดิมิทรี มันมีห้าเสมอ...ทุกอย่างของครอบครัวเรา...มีนายอยู่ในนั้น"


สายตาจริงใจ สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักดุจมองคนในครอบครัวทอดลงมาที่ผม นิโคลัสลูบหัวผมเบาๆ


"พวกเราขอโทษนายด้วย ทุกๆอย่างเลย...อาจจะรู้สึกประหลาดไปบ้าง แต่ก็ยอมให้พวกเราเป็นครอบครัวนายเถอะนะ มาเป็นน้องชายของฉัน...มาเป็นครอบครัวของพวกเราเถอะดิมิทรี"


ผมเงียบลง ไม่ได้ตอบรับหรือปฎเสธอะไรกลับไป ใช้ความเงียบเป็นคำตอบของทุกอย่าง ผมยังคงสับสนในความรู้สึกของตัวเอง ใจหนึ่งก็เข้าใจพวกเขา แต่อีกใจก็รู้สึกว่าทำไมพวกเขาไม่สู้กันให้มากกว่านี้ ทำไมถึงไม่ยื้อผมเอาไว้ เขาจะรู้ไหมว่าระหว่างที่พวกเขาทานข้าวกันหลายคน ในบางครั้งผมกลับต้องนั่งทานข้าวคนเดียว


และยิ่งครอบครัวเขารื่นเริง สนุกสนาน สว่างสไหวกันมากเท่าไหร่ ผมที่เป็นสีเทาต่างจากพวกเขาก็ยิ่งเด่นชัด มันชัดว่าผมไม่ได้เติบโตถูกเลี้ยงมาแบบพวกเขา โตมาในสถานที่แตกต่าง การเรียนรู้ที่แตกต่าง ความเข้มงวดที่แตกต่าง ช่องวางที่มี ดูทั้งแคบเข้ามา และห่างไกลออกไปพร้อมๆกัน


"ไม่ต้องรีบ ครอบครัวน่ะ มีเวลาให้นายเสมอ...อ้อ นายก็มีชื่อเล่นนะดิมิทรี หมูหย็องน่ะ หมูหย็องคือชื่อเล่นของนาย"


ผมพยักหน้าตอบรับชื่อเล่นใหม่ของตัวเอง และเป็นเชิงขอบคุณ ให้กับสีหน้าท่าทางเข้าใจว่าผมยังต้องการเวลาปรับตัวมากกว่านี้ของเขา หันไปมองด้านหลังก็เห็นสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆแอบมานั่งฟังตาแป๋วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่เลิกตีกันแล้วมาแอบฟังแบบนี้ เสียมารยาทจริงๆเลยครับ เฮ้อ


ผมหันหน้าไปสบตากับคุณพ่อคุณแม่ ตัดสินใจว่าควรพูดตรงๆ


"ผมเข้าใจเหตุผลของพวกคุณนะครับ แต่ต้องบอกตามตรง ว่ามันก็อดโกรธไม่ได้จริงๆ ที่พวกคุณเอาผมไปแลกเงินแบบนั้น เอาเป็นว่าคุณก็มีเหตุผลของคุณ ผมก็มีเหตุผลของผม มันคงจะต้องใช้เวลา แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ปิดใจ และพยายามเปิดใจให้มากขึ้น ก็...พยายามเข้านะครับทุกคน...คุณป๊าคุณม้า เอ่อ อาเฮีย อาเจ้ แล้วก็หย็อง..."





อึก



ผมรู้สึกถึงแรงทับที่มาจากการโถมตัวเข้ามากอดผมแน่นของคนหกคน



สงสัยว่านิสัยมักง่ายคงจะสามารถติดต่อกันได้นะครับ

และเพราะความมักง่าย...ผมเลยขอเหมารวมทั้งหมด


เป็นบ้านหลังเดียวกันก็แล้วกัน


และผมบอกแล้วใช่ไหมครับ ว่า คนบ้านนี้น่ะขี้แง...


พิสูจน์ได้จากใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาทุกคนนี่ไงล่ะ




เฮ้อ ผมยังทานข้าวไม่อิ่มด้วยซ้ำนะครับเนี่ย



























end 18 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง





ตอนหน้าเทมปุระมาแล้วนะคะ กิ_กิ
ใครคิดถึงเทมบ้างงงง ขอเสียงหน่อย ฮิ้วววววว
ใครไม่คิดถึง แต่เทมคิดถึงหมูหย็องนะ(?)

บอกเลยว่าดีนะที่ป๊ากับม้าไปรับหมูเร็ว
ถ้าไปรับสักสิบขวบขึ้นไปนี่
โทนเรื่องได้เปลี่ยนเป็นแนวดราม่าครอบครัวแบบจริงจังแน่นอน O<--<

เจอกันตอนหน้าฮับบบ






หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 18 * 27/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 27-09-2018 17:36:48


ตอบคุณ Meen2495
@ ดีใจมากค่ะ เฮ้อ โล่งใจเลยค่ะ กลัวว่าถ้าเอามาลงแล้วจะขัดๆเรื่อง แต่ถ้าทุกคนเข้าใจหมูดีขึ้นก้ถือว่าคุ้มค่าทุกอย่างเลย

ใช่แย้วค่าคือตอนโตถึงจะยอมรับและรักกันดีขึ้นมากแล้ว แต่บางครั้งก็จะอดจิกกัดแล้วเผลอมองด้วยสายตาคนนอกไม่ได้ ฮา
ไม่สนิทในสนิทอีกที O<--<

หมูได้คุณคุณยายมาเยอะมากกกกกกค่ะ ไอดอลเขาเลย
แต่ส่วนที่คุณยายไม่ดี หมูหย็องก็จะไม่ผิดพลาดตาม เอามาแก้ไขในเวอร์ชั่นตัวเองกับเทม เอามาเป็นบทเรียนเนอะ
อย่างเช่นคุณยายรัก แต่ไม่แสดงออก ส่วนหมูรักแล้วแสดงออก

ฮี่ เดี๋ยวเทมปุระมาตอนหน้านะคะ
เตรียมลิ้นไว้ดีๆเลยค่ะ น้องจะพูดไม่รู้เรื่องมากๆ ฮาาาาา

ตอบคุณ suikajang
@ ดีใจที่กดเข้ามาอ่านนะคะ TvT ดีใจมากเลยค่ะที่ชอบ
เรื่องนี้ไม่เครียดค่ะ ออกแนวรักใสๆ หน่วงๆเท่านั้น ตีซะ 20-30 เปอร์เซน ที่เหลือหวานล้วนๆ ฮาา
หมูหย็องไม่ปล่อยเทมไปแน่นอนค่ะ กระติกเก็บความสุขของเจ้าตัวเขา ก๊ากก

ตอบคุณ กาแฟมั้ยฮะจ้าว
@ ขอบคุณค่า

ตอบคุณ สีหราช
@  :L2: :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 18 * 27/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 27-09-2018 18:24:39
 :กอด1: เข้าใจหมูหยองมากขึ้น และน้องโชคดีที่ได้เจอรักที่ไม่มีเงื่อนไขอย่างน้องเทม รักบริสุทธิ์ รักที่สู้ไปด้วยกัน สิ่งที่เทมเป็นไม่ได้เป็นอุปสรรค แต่มันคือสิ่งที่ทำให้ทั้งสองร่วมกันสู้ไปด้วยกัน และไม่ได้สู้เพียงลำพังด้วย รักทุกตัวละครจ้า
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 18 * 27/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 27-09-2018 20:47:59
สงสัยจังค่ะ ถ้าบอกว่าตอนนี้ เทมอายุสมองเท่ากับเด็ก ....ขวบ แปลว่าถ้าเทมโตกว่านี้ เทมอายุสมองจะมากขึ้นรึเปล่า แบบดูเป็นผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์ขึ้น เริ่มเข้าใจโลกของ ผู้ใหญ่และคู่รักอะไรเงี้ยอ่า *-*  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 18 * 27/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 27-09-2018 22:09:09
 :a5: เยี่ยมยอดค่ะ... ตอนนี้เริ่มคิดถึงเวลาหมูหยองอยู่กับน้องเทมแล้วค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 18 * 27/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 28-09-2018 07:43:39
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 18 * 27/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 29-09-2018 18:14:27







19








จากก้าวแรกที่ลงจากเครื่อง ร้อน...มาก คือความรู้สึกของผม  ไอแดดและแสงแดดเจิดจ้า แม้จะเป็นยามบ่ายกว่าๆเข้าไปแล้ว ในหนังสือที่ผมเรียนมา ความเป็นจริงอากาศของเดือนนี้ควรจะเริ่มเย็นได้แล้วสิ แต่เดือนที่ใกล้จะถึงฤดูหนาวกลับร้อนระอุ อากาศไม่ได้มีความใกล้เคียงกับคำว่าเย็นหรือหนาวสักนิดเลยครับ ผ้าพันคอสีเทาของผมถูกปลดออก


สามเดือนที่อยู่กับครอบครัวใหม่ ค่อนข้างกลางๆไปถึงแย่บ้างในบางครั้ง การอยู่คนเดียวคือสิ่งที่ผมคิดถึง ผมถูกเลี้ยงมาด้วยหญิงชราและชายชราสองคน ที่ขี้อายกับหลานชายตัวเองน่ะครับ พวกท่านจึงไม่ได้มายุ่มย่ามกับผมนักหรอก วันๆผมจะเอาแต่เรียนแล้วก็เรียน แล้วก็อยู่ลำพังกับกิจกรรมต่างๆเสียมากกว่า


แต่พอมาอยู่กับคนพวกนี้แล้วทุกอย่างก็กลายเป็น เล่น แล้วก็เล่น แล้วก็เล่น จะไปไหนมาไหนแต่ละที ก็ยกโขยงกันไปหมด ขนาดผมกำลังเรียนพิเศษกับคุณครูที่ไปขอให้คุณป๊าจ้างมาใหม่ เฮียปลากับเจ้ไก่ก็ถีบประตูปัง เข้ามาลากผมออกไปอยู่ดี เวลาส่วนตัวของผมเพียงอย่างเดียวคือการเข้าห้องน้ำ และเป็นการเข้าห้องน้ำที่บางครั้งก็มีน้องชายของตัวเองมานั่งรอข้างนอกเสียด้วย


ผมคิดจริงๆนะครับ ว่าพวกเขาต้องเรียนเรื่องมารยาทและความเกรงใจ บางครั้งมันก็ตลกดี แต่บางครั้งมันก็ทำให้ผมหงุดหงิด


เหมือนในตอนนี้


"เลิกเกาะผมกันสักที มันร้อนนะครับ" ผมที่แต่ก่อนคงไม่ใช้น้ำเสียงไม่ดีแบบนี้กับคนอื่น แต่คนเราต้องมีการพัฒนาครับ กับพวกดื้อด้านเป็นพิเศษ เราก็ต้องนิสัยไม่ดีเป็นพิเศษด้วย ผมตวัดเสียงขุ่นใส่หย็องหย็องและเฮียปลาที่มาเกาะไหล่เกาะขาผมตั้งแต่ลงจากเครื่อง สองคนนี้ไม่รู้เป็นอะไร ทำไมถึงได้ถูกอกถูกใจผมนัก


เดี๋ยวนี้ผมพัฒนาถึงกับมีการลงไม้ลงมือกับคนอื่นแล้วด้วย พวกเขากำลังทำให้ผมนิสัยแย่ขึ้นเรื่อยๆนะครับ ถ้าคุณยายรู้ ท่านต้องบินมารับผมทันทีแน่ๆ หรือไม่ก็คงบินมาพร้อมครูสอนมารยาทสักสิบคน กับไม้เรียวมาสั่งสอนผมใหม่...


แต่ผมจะให้ผมทนเฉยๆก็ไม่ไหวหรอกนะครับ มันน่ารำคาญเอาเสียมากๆ โดยเฉพาะเมื่อผมไม่ได้ชื่นชอบการถูกสัมผัสเป็นทุน ผมพยายามสะบัดเจ้าตังเมสองก้อนออก แต่สะบัดอย่างไรก็ไม่หลุด สุดท้ายก็โบกหัวกันไปคนล่ะที ถึงได้ย้ายมือที่เอาแต่เกาะผม ไปกุมหัวตัวเองแล้วโอดครวญ


"เจ็บง่า ก็หมูหย็องตัวเย็นดีนี่ กอดหน่อยก็ไม่ได้ ขี้งก! เฮียไม่เล่นด้วยแล้ว โป้ง!"

"แต่หย็องหย็องยังเล่นกับเฮียหมูอยู่นะ"


ผมที่สับขาไวขึ้นและเปิดประตูรถที่กำลังมารอรับ บอกให้บอดี้การ์ดที่นั่งคู่คนขับย้ายที่ เพื่อที่ผมจะได้นั่งคนเดียว


"อ้าว ทำไมหมูหย็องนั่งตรงนั่นล่ะลูก แล้วนั่นหย็องหย็องกับเฮียปลาทำอะไร" คุณแม่ที่เพิ่งเดินตามมาถึงรถ ก็เจอลูกชายอีกสองคนยืนเบะปาก งอแงกับประตูรถที่ปิดอยู่ เอาแต่กระโดดเขย่งไปมาจะเปิดประตูออกให้ได้


"เฮียปลากับหย็องหย็องกวนหมูอีกแล้วม้า น้องเลยหนีไปนั่งคนเดียว เขาหนีขนาดนั้นยังไปพยายามจะเปิดประตูเข้าไปนั่งด้วยอีก ไก่บอกให้รีบเข้ามาในรถก็ไม่เชื่อ ทิ้งไว้เลยม้า มรดกของพวกหนูจะได้เยอะขึ้น อิอิ"


ผมที่ติดนิสัยใช้ความเงียบเป็นคำตอบกับคุณพ่อคุณแม่ มีเจ้ไก่ช่วยตอบให้ ระยะนี้ผมก็ค่อนข้างคุ้นชินกับวิธีการเรียกว่าป๊าม๊ามากขึ้น แต่บางครั้งก็ยังเผลอตัวเรียกว่าคุณพ่อคุณแม่ในใจอยู่ดีครับ
ได้รู้เรื่องราวใหม่ๆในครอบครัวเยอะแยะ เช่นชื่อเล่นพวกผมมาจากไหน และพอได้รู้ ผมบอกตรงๆว่าผมอึ้งมากครับ และงงมากที่ทำไมชื่อเล่นของผมต้องเป็นของกินที่มีรสชาติหวานด้วย อย่างน้อยก็เป็นของกินที่มีรสเค็ม เผ็ด ไม่ได้หรือไง


ระดับความสัมพันธ์ของผมกับครอบครัวตอนนี้ กับพี่น้องอยู่ที่บวกสอง
บางครั้งก็ศูนย์บ้าง ถ้าพวกเขาก่อกวนผมมากๆ


ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่...ยังคงติดลบอยู่


กับเด็กๆที่ไม่มีอำนาจการตัดสินอะไร ผมสามารถทำความเข้าใจและไม่รู้สึกติดใจอะไรกับพวกเขา แต่กับผู้ปกครอง ที่มีหน้าที่ดูแลแล้ว พวกเขาทำหน้าที่ของตัวเองได้แย่มากครับ มันผิดตั้งแต่พวกเขาตั้งท้องตั้งแต่ยังไม่พร้อม และวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ อันที่จริงถ้าเขาใจเย็นมากกว่านี้ คุณยายมีวิธีเข้าหาอีกมาก แต่เขาก็ด่วนใจ ยอมเอาผมเข้าแลก มันทำให้ผมมีความรู้สึกแย่ เป็นหลุมดำในใจหน่อยๆ ว่าตัวเองมีค่าแค่ใช้แลกเงิน...
และอีกจิปาถะร้อยแปดเหตุผล ที่ทำให้ผมยังคงรู้สึกว่าพวกเขาถูกจัดอยู่ในสัดส่วน...ติดลบ


"หมูเปิดประตูน้าาาาา เฮียนั่งด้วยดิๆๆๆ ขอนั่งด้วยคน นั่งในลิ้นชักก็ได้ นั่งด้วยๆ"

"หย็องนั่งด้วย นั่งบนตักเฮียหมู นั่งด้วยๆๆๆ"


"หย็องขึ้นรถ ปลาขึ้นรถ ไม่งั้นจะให้เดินไปถึงบ้านนะจ๊ะลูกจ๋า" เด็กผู้ชายสองคนที่เอาแต่พยายามดึงประตูข้างๆผมให้เปิดออก ทั้งๆที่ถ้าเขาใช้สมองนิดหนึ่ง ก็น่าจะรู้ว่ามันล็อคจากข้างใน และด้วยเรี่ยวแรงของเด็ก กับรถที่สั่งทำพิเศษ มันจะไปเปิดออกได้ยังไงกันครับ
พอได้รับคำฟังเด็ดขาดจากคุณม้า ทั้งสองคนก็เดินกระแทกเท้าปึงปัง หน้ามุ่ยแต่ยอมขึ้นรถแต่โดยดี


"อย่าลืมนะว่าห้ามพูดภาษารัสเซีย เยอรมันก็ห้าม อังกฤษก็ห้ามนะจ๊ะ พูดภาษาไทยนะเด็กๆ ใครพูดภาษาอื่นจะโดนหักค่าขนม แล้วก็ต้องไปออกงานกับมะม้านะจ๊ะ" เสียงโห่ด้วยความเซ็งดังขึ้นทั่วรถจากเฮียปลาและหย็อง ผู้ยังพูดไทยได้น้อยที่สุดของกลุ่ม ขนาดผมที่เพิ่งมาเรียนก็แซงหน้าไปแล้วครับ


แต่ถ้าให้พูดตามจริง ภาษาไทยค่อนข้างยากนะครับ รายละเอียดเยอะ ตอนนี้ผมก็พูดได้แต่ยังไม่ชัดมาก และถ้าเจอคำศัพท์ที่เจาะลึกนัก ก็ต้องเปิดโทรศัพท์ค้นหาความหมายอยู่ดี สามเดือนี่ไม่พอให้เป็นเซียนหรอกครับ ต่อให้ผมมั่นใจในความเก่งของตัวเองก็เถอะ อัจฉริยะก็ต้องใช้เวลานะครับ


ตอนนี้ที่ผมทำได้ พูด อ่าน เขียน ถ้าให้ตีเป็นตัวเลข ผมว่าผมก็ทำได้ประมาณเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็น ถ้าได้เวลาอีกสักสามเดือน แล้วก็ขอเวลาแก้สำเนียงอีกสักเดือน เปลี่ยนหน้าตาเป็นชาวเอเชีย ผมว่าพวกคุณแยกไม่ออกแน่ๆ ว่าผมเป็นชาวต่างชาติ


ระหว่างการตบตีของเหล่าพี่น้องด้านหลังรถที่ค่อยๆเงียบลง เพราะความเหน็ดเหนื่อยจากสภาพอากาศและนาฬิกาเวลาที่ผิดแผกไป จนเสียงสุดท้ายของน้องคนเล็กเงียบลงไปได้สักพักใหญ่ๆ รถตู้สีดำก็มาจอดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า อา...เหมือนยกบ้านที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมาวางไว้ที่นี่เลยครับ


นี่คุณพ่อคุณแม่คงจะขี้เกียจคิดออกแบบใหม่ แล้วก็คงจะขี้เกียจสร้างความคุ้นชินใหม่ล่ะสินะครับ เลยเอาแบบแปลนมาสร้างหลังที่สองที่นี่เสียเลย เหมือนเป๊ะขนาดที่ว่า


"หาวววว อ้าว ทำไมเรากลับมาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กล่ะ ที่นั่งเครื่องไปไทยนี่ฝันเหรอ???"

"จริงๆแล้วเฮียเสกให้เราวาร์ปกลับบ้านเองแหละหย็องหย็อง เฮียเท่ใช่ไหม ชมสิ ชมเฮียสิ ชมเฮียๆๆๆๆ"


หย็องหย็องที่หลับมาตลอดทางเพราะการจราจรที่ติดขัด พอตื่นขึ้นมา ขยี้ตามองบ้านใหม่ที่เหมือนบ้านเก่าอย่างกับแกะ ก็จ้องมองด้วยความมึนงง


"จะได้ไม่ต้องสร้างความคุ้นชินใหม่ไง อะไรที่มีที่บ้านนู่น บ้านนี้ก็มีเหมือนกันทุกอย่างเลย เป็นไง ป๊าฉลาดใช่ไหม ชมป๊าด้วยสิๆๆ ชมป๊าด้วยๆๆ"

"จริงๆป๊าก็แค่ขี้เกียจคิดมากกว่าใช่ไหมล่ะ ไก่รู้นะ..."

"อย่าเอาความจริงไปพูดสิเจ้ไก่..."


การแข่งขันของเฮียปลากับป๊าที่อยากให้สมาชิกในครอบครัวชม วุ่นวายกันไปจนถึงแยกเข้าห้องนอน



ผมเอาของขึ้นมาเก็บ เวลาที่แตกต่างและความเหนื่อยล้าที่สะสมช่วงวันสองวันมานี้ กำลังกำเริบและเรียกร้องขอพักผ่อน ผมทำได้แค่พยายามพาร่างของตัวเองไปที่เตียง พอสัมผัสได้ถึงระดับความนุ่มที่แสนพอดี เปลือกตาก็หนักอึ้ง ความง่วงงุนเกาะกุมทุกความรู้สึก ผมนอนหลับไปทั้งๆที่มือยังทำท่าจะถอดเสื้อผ้าออก



ตื่นมาอีกทีผมก็พบว่าตัวเองได้นอนหลับข้ามวันเสียแล้ว...



ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและลงมาข้างล่าง เห็นเฮียเนื้อหย็องกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขก หน้าตาผมคงแสดงออกถึงความสงสัย นิโคลัสวางหนังสือลงแล้วหันมาตอบคำถามให้ผมหายฉงน


"ยังไม่มีใครตื่นน่ะ เฮียว่าจะไปเดินเที่ยวข้างนอกดู ไปด้วยกันไหม"

"งั้นไปทานข้าวเช้าข้างนอกด้วยได้ไหมครับ หรือว่าเฮียทานเรียบร้อยแล้ว"

"ได้สิ เฮียก็ยังไม่ได้ทานเหมือนกัน ไม่ไกลจากที่นี่เห็นว่ามีสถานีรถไฟ แล้วก็มีห้างที่มีสวนสาธารณะติดกันอยู่ด้วยนะ ไปที่นั่นไหม ไม่ไกลจากบ้านดี"

"ได้ครับ ผมอยากได้พวกเสื้อแขนสั้นเพิ่มสักหน่อยด้วย"

"งั้นอดัมช่วยเตรียมรถออกให้พวกเราทีนะ แล้วก็ฝากรายงานป๊าด้วย ว่าผมกับหมูหย็องจะไปข้างนอก อืม...สักบ่ายๆคงจะกลับ"
"ได้ครับคุณหนู"


อดัมเป็นพี่เลี้ยงของเฮียเนื้อหย็องครับ ผมเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมรับพี่เลี้ยง คุณม้าตามตื้ออยู่หลายวัน สรุปคือเจอกันที่ครึ่งทาง คือให้พี่เลี้ยงตามผมห่างๆ ไม่เข้ามายุ่งหรือดูแลแบบใกล้ชิด ซึ่งผมก็ยอมตกลงครับ ไม่งั้นม้าก็จะตามมาเคาะห้องผมทั้งวัน จนกว่าเธอจะได้สิ่งที่ต้องการนั่นแหละ ในแง่นี้หล่อนกับคุณยายคล้ายกันมากอย่างน่าทึ่ง เรื่องไม่เลือกวิธีการในสิ่งที่อยากได้น่ะ...


นั่งรถออกมาแป็บเดียวไม่ถึงห้านาที พวกผมก็มาอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าใหญ่ ผมสั่งเมนูอาหารเช้าง่ายๆเป็นครัวซองก์และไข่คน และสลัดเล็กน้อยเพื่อให้มีสารอาหารหลากหลายยิ่งขึ้น เฮียเนื้อหย็องเลือกมื้อแรกของวันด้วยอาหารไทยสีสันท่าทางจัดจ้าน


"หมู ลองชิมนี่ดู อร่อยมาก เผ็ดแต่อร่อย"


เฮียเนื้อหย็องใช้ช้อนกลางตักแกงสีส้มแดงมาให้ผม มีกุ้งตัวโตอยู่ในนั้น รู้สึกว่าจะเรียกว่าต้มยำกุ้งนะครับ ความเป็นจริงผมไม่ชอบทานอาหารรสจัดเท่าไหร่ ผมไม่ชอบความร้อน และความเผ็ดก็มักจะทำให้เหงื่อผุด และใช่ครับ ผมไม่ชอบให้ตัวเองเหงื่อออก มันเหนอะหนะน่ารำคาญ


"เป็นอย่างอื่นได้ไหมครับ ผมไม่อยากทานอะไรเผ็ดๆตอนเช้า"

"งั้นลองนี่นะ ไข่เจียวปูกับข้าว ข้าวที่นี่ต่างจากบ้านเรามากเลย นุ่มกว่า อร่อยมาก"


ผมรับมาลองชิม และให้ความเห็นว่าดีดังที่เฮียเนื้อหย็องโฆษณา ข้าวสวยนุ่มๆร้อนๆกับไข่เจียวปูปรุงรสชาติมาอย่างพอดี ความกรอบของไข่กับความนิ่มของข้าว เนื้อปูสดที่อยู่ในไข่ก็เข้ากันดีมาก ผมพยักหน้าพอใจในรสอาหาร เฮียเนื้อหย็องก็ยิ้มดีใจก่อนจะตักมาให้ผมเสียเยอะแยะ จนสุดท้ายผมก็ทานครัวซองก์ของตัวเองไปได้แค่ครึ่งเดียว


"เราจะแยกกันเดินหรือจะไปเดินซื้อของด้วยกัน เฮียว่าจะไปดูรองเท้า เราจะไปดูเสื้อใช่ไหม?"


ผมค่อนข้างชอบเฮียเนื้อหย็องตรงนี้ครับ เขาไม่เกาะผมติดหนึบ และถามความเห็นออกมาให้ผมตอบ ไม่ต้องอึดอัดกับการต้องเอ่ยขอแยกตัวไปเดินซื้อของคนเดียว


"แยกกันดีกว่าครับ ผมขอนั่งตรงนี้อีกสักเดียว แล้วสักบ่ายสามเราค่อยมาเจอกันที่หน้าร้านนี้ก็แล้วกัน"

"ได้ งั้นเดี๋ยวเฮียไปจ่ายเงินแล้วไปซื้อของก่อนนะ ถ้ามีอะไรก็โทรมาแล้วกัน"

"ครับ"


เฮียเนื้อหย็องและอดัมแยกตัวออกไปแล้ว ผู้ดูแลของผมที่ห่างไปอีกหลายโต๊ะแต่ก็ใกล้พอจะได้ยิน ก็เปลี่ยนท่าทางที่กำลังจะลุกเป็นนั่งทานอาหารต่อแทน


ผมสั่งช็อกโกแลตร้อนไม่ใส่น้ำตาลมาเป็นของหวาน นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง มีวิวต้นไม้เขียวชะอุ่มและสนามเด็กเล่นของสวนสาธารณะข้างๆเป็นที่พักหย่อนสายตา


ในสนามเด็กเล่นมีสไลด์เดอร์อันใหญ่ มีชิงช้าและของเล่นสีสันสดใสหลายอย่างตั้งอยู่ เห็นกลุ่มเด็กๆที่จับกลุ่มเล่นกันท่าทางสนุกสนาน มีผู้ปกครองที่จับกลุ่มนั่งพูดคุยกันอยู่ข้างๆ ทุกคนดูมีเพื่อนเล่นเป็นของตัวเอง ความมีชีวิตชีวากระจายไปทั่วพื้นที่



แต่ จุดหนึ่งเล็กๆกลับดูเป็นเอกเทศ


ท่ามกลางเด็กๆที่วิ่งเล่นและหัวเราะวุ่นวาย มีเขานั่งนิ่งและอมยิ้มกับกองทรายเงียบๆคนเดียว


ดูตัดขาดจากทุกอย่าง อยู่ในโลกของตัวเอง ความสงบและเรียบนิ่งรอบตัว ดึงดูดให้ผมพักสายตาไว้ที่เขา แทนร่มเงา แทนต้นไม้ใหญ่ แทนสิ่งน่าสนใจอื่นใด



เป็นเขา...ที่หยุดสายตาผมเอาไว้ได้



เด็กผู้ชายตัวเล็กนั่งอมยิ้มน้อยๆนิ่งอยู่เนิ่นนาน นอกจากขยับด้วยแรงลมหายใจ ผมก็นึกว่าเขาอาจจะเป็นตุ๊กตาที่ใครเผลอมาลืมเอาไว้ ทุกๆประมาณแปดถึงสิบนาที จะมีผู้หญิงในเครื่องแบบจากร้านขายของของสวนสาธารณะวิ่งมาหา เป็นแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆเวลาเดียวที่เจ้าตัวจะยอมเคลื่อนไหว ผงกหัวขึ้นลง แต่ใบหน้านั้นก็ยังไม่เงยหน้าขึ้น ไม่สบตากับใคร แค่ปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไป


พอแสงแดดเริ่มจ้า คนที่ใส่ชุดยูนิฟอร์มพนักงานร้านสะดวกซื้อก็มาหาเด็กน้อยอีกครั้ง ซึ่งดูท่าทางว่าคงจะเป็นคุณแม่ของเด็กคนนั้น หญิงสาวหยิบหมวกสีฟ้าสดใส เข้ากับเสื้อฮู้ดแขนกุดสีเดียวกันที่สวมใส่ มาใส่ให้ลูกชายตัวเอง เด็กคนนั้นผงกหัวหงึกหงัก ปากบางขยับเป็นคำพูดอะไรสักอย่าง แล้วก็กลับไปสนใจกองทรายอีกครั้ง
ผมอยากรู้จังว่าเขาเห็นอะไรในนั้น ทำไมถึงได้เอาแต่จ้องแล้วอมยิ้ม อะไรในเมล็ดเล็กๆสีขาวนับไม่ถ้วน ที่ทำให้เขาดูมีความสุขกับมันนัก


ไม่รู้ว่านานแค่ไหน จากแค่หยุดพักสายตาแปรเปลี่ยนเป็นตั้งใจเฝ้ามอง


ผมที่เห็นแค่ใบหน้าด้านข้าง แต่ก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้น่ารักมาก...


ผมขมวดคิ้ว


แปลก...ผมไม่เคยคิดว่าอะไร หรือใคร 'น่ารัก' มาก่อน...
มันเป็นคำที่ผมไม่เคยใช้มาก่อนในการนิยามอะไร หรือว่าใคร



ท่าทางผมจะเมาเวลาที่แตกต่าง หรือไม่ก็เพราะผมกำลังเมาโกโก้ร้อนตรงหน้าล่ะมั้งครับ ถึงได้คิดอะไรแปลกๆ


ผมยังคงขมวดคิ้วมองเจ้าก้อนเมฆสีขาวในชุดสีฟ้า ที่นิ่งไม่เคลื่อนย้ายไปไหน เขาตัวขาวและดูอวบๆ แถมแก้มอมชมพูนั่นก็ใหญ่จนมันดูย้อยๆย้วยๆ ปกติผมเกลียดคนที่ไม่ดูแลตัวเองจนน้ำหนักไม่ได้มาตรฐานมากนะครับ มันเหมือนกับว่าทำไมเขาถึงไม่ดูแลตัวเองให้ดี


แต่เจ้าก้อนกลมๆที่เอาแต่อมยิ้มเหม่อลอยนี่
...ทำไมถึงน่ารักนักก็ไม่รู้



ผมอยากเดินเข้าไป แล้วช่วยเอามือหิ้วแก้มเขาไว้มากๆ มันดูคล้ายมาชเมลโล่เหลว คล้ายก้อนเมฆปุกปุยที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าใสตอนนี้ ผมยังคงแอบมองเขา มันก็แปลกอีก ที่ผมถอนสายตากลับคืนมาไม่ได้เสียที



ชั่วขณะหนึ่งใบหน้าที่ผมแอบเฝ้ามองก็เงยหน้ามาทางผม นัยน์ตาที่ไม่ยอมสบกับใคร กลับเหมือนเราได้เชื่อมสายตาสบเข้าด้วยกัน




เสี้ยววิที่สีฟ้าและน้ำตาลผสมผสาน
ไม่ใช่สีเทาอย่างที่ควรจะเป็น แต่คลับคล้ายว่ามันจะเป็นสีของความรัก





ห้วงเวลาที่หยุดนิ่ง และผมที่ชะงัก ก่อนจะสะดุ้งตกใจ รู้สึกอายที่เขาจับได้ว่าแอบมอง จนเผลอทำตัวไถลลงใต้โต๊ะเพื่อหลบซ่อน 



ไม่รู้ว่าทำไปทำไมเหมือนกันครับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเห็นผมจริงๆหรือเปล่า ไม่รู้ว่าเขารู้ไหมว่าผมแอบมอง
แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมถึงรู้สึกร้อนผ่าวๆที่แก้มตัวเอง และหัวใจทำไมถึงได้เต้นแรงนัก



"คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ!?" พี่เลี้ยงของผมวิ่งเข้ามาหาผม ที่จู่ๆก็ทำท่าทางแปลกๆ ด้วยการซ่อนตัวเองมากกว่าครึ่งตัวไว้ที่ใต้โต๊ะ ผมไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่กระแอมไอแก้เก้อ ลุกขึ้นมานั่งหลังเหยียดตรง ก่อนจะค่อยๆชำเลืองมองออกไปด้านนอก


เขายังมองมาทางนี้อยู่หรือเปล่านะ...


 
แล้วก็ต้องตกใจ ไม่ได้มีสายตาคู่นั้น ไม่ใช่แค่ไม่มีเขาที่หันมองมาทางนี้...ไม่มีแม้แต่เงา

ในเมื่อก้อนเมฆน้อยของผมถูกลมพัดหายไปไหนแล้วไม่รู้


ผมลุกพรวดไปเกาะกระจกใส กวาดสายตามองหา เมื่อตะกี้ เขายังนั่งอยู่ตรงนั้นอยู่เลย...

หายไปไหน


ผมพยายามแนบชิดหน้าตัวเองกับกระจก ลูกตาก็หลุกหลิกเพราะมองหาคนไปทั่ว ถ้าคนข้างนอกมองเข้ามามันต้องเป็นท่าทางที่ตลกมากแน่ๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจภาพลักษณ์แบบที่เคยเป็นเสมอมา เอาแต่มองหาเขา


ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ท่าทางที่ดูบ้าบอและประหลาดของตัวเองแบบนี้น่ะ
ผมไม่เคยทำมาก่อนหรอกนะครับ...ครั้งแรกเลย รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองสุดๆ


แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ผมรู้สึกวูบโหวงแปลกๆพอคิดว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว

สัญชาตญาณสั่งให้ผมออกตามหา


"เอ่อ คุณหนูครับ?"

"คุณเห็นเขาไหม เขาอยู่ตรงนั่นเมื่อกี้ แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว...เขาหายไปไหน"

"คุณหนูพูดถึงใครครับ?"

"เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ แก้มย้วยๆที่ใส่เสื้อฮู้ดสีฟ้าแขนกุด กับหมวกสีฟ้าไง!"



ผมตั้งท่าจะวิ่งออกนอกร้าน แต่แจ็คสันก็รีบฉุดรั้งผมไว้ เขาชี้นิ้วไปที่ทางออกของสวนสาธารณะ คุณแม่ของเด็กคนนั้น อุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นรถออกไป ผมอยากจะเข้าไปห้าม อยากบอกว่าอย่าเพิ่งพาเขาไป แต่ต่อให้ผมบอกแจ็คสันรีบเอารถออกตอนนี้ ก็คงตามไปไม่ทัน ผมรู้สึกใจหาย รู้สึกแย่ เหมือนโดนพรากของสำคัญไป



ใจเย็นสิ...
ใจเย็นๆ!


ผู้หญิงคนนั้นทำงานอยู่ที่นี่
นี่ต้องไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เจอเด็กคนนั้น


ต่อให้เธอมาทำงานเป็นครั้งสุดท้าย ผมก็จะสั่งให้คนตามหาให้พบ
เพื่อจะได้เจอ เจอเขา



เด็กชายผู้ทำให้ผมใจสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน









ผมกลับมาบ้านด้วยความเงียบอันแปลกประหลาดกว่าเดิม เฮียเนื้อหย็องเข้ามาถามผู้ดูแลของผม ว่าผมเป็นอะไร ผมได้ยินสองคนพูดคุยกัน แต่ผมก็ไม่นึกสนใจ ผมสลัดใบหน้าขาว แก้มใสอมชมพูที่ดูบวมจนใกล้แตกออกจากหัวไม่ได้ มันติดหนึบอยู่ในทุกห้วงความคิด เป็นเอามากขนาดที่ว่าเห็นอะไรกลมๆ ผมก็คิดถึงเขาไปหมด ขนาดลูกบิดประตู ยังเห็นเป็นแก้มกลมๆด้านข้างของเขาเลยครับ รอยยิ้มน้อยๆนั่นก็ทำผมกลายเป็นสภาวะของเหลวทุกครั้งที่นึกถึง



เฮ้อ


ผมหลงอยู่ในโลกความคิดของตัวเอง ปล่อยผ่านคุณแม่กับพี่ๆและน้องชาย ที่สุ่มหัวนินทาผมในระยะเผาขนต่อไป


"หมูหย็องป่วยใจครับม้า"

"จริงเหรอเนื้อหย็อง!? เชื้อไวไฟนี่มันติดต่อกันได้สินะ หมูหย็องจะทำสาวท้องก่อนอายุสิบขวบไม่ได้นะลูก ถึงม้าจะไม่เหมาะที่จะเป็นคนสอนเรื่องนี้ก็เถอะ แต่ต่ำกว่าสิบขวบนี่ไม่ได้นะหมูหย็อง อย่างน้อยก็สิบห้าก่อน!"

"เห็นแจ็คสันบอกว่าเป็นเด็กผู้ชายนะครับ"

"อ๋อ อย่างนั้นเหรอ งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก เต็มที่เลยลูกหย็องของม้า"

"ห้ามน้องหน่อยเถอะครับม้า"

"แม่จะเอาอะไรไปไปห้ามยะ แม่ก็มีตาปลาหย็องตั้งแต่สิบสี่ แต่บอกได้แค่ว่าลำบากมากกกกก ชีวิตลำบากมากๆ"

"จะไม่โชว์โลกสวยยูนิคอร์นหน่อยเหรอ หม่าม้าล่ะก็ ต้องบอกสิว่าถึงทำงานหนักแต่พอเห็นหน้าลูกก็หายเหนื่อย"

"หายเหนื่อยบ้าบออะไรกันยะตาปลาหย็อง เราน่ะร้องไห้แหกปากตั้งแต่สองทุ่มยันเที่ยงคืนทุกวัน ม้าไม่ได้หลับได้นอน หลับไปงีบเดียวก็ต้องตื่นเพราะเราฉี่แตกอีก ดูดนมไม่พอ กัดจนนมแทบหลุด เจ็บจะตาย สภาพฉันจากอดีตนางงาม กลายเป็นยิ่งกว่าซอมบี้โดนรถทับ เสื้อผ้าสวยๆก็ไม่ได้ใส่ งานก็ต้องทำ ลูกก็ต้องเลี้ยง สิ่งที่ทำให้ฉันหายเหนื่อยคือหมอนวดเท่านั้น! และสิ่งที่ทำให้ฉันผ่อนคลายคือจิตแพทย์ย่ะ!"

"โห ม้าาาาาา ปลาก็ไม่ได้ดื้อนะ"

"ลูกน่ะเกินคำว่าดื้อไปไกลโขแล้ว ปลาหย็อง!"



เสียงโหวกเหวกโวยวายขัดมโนภาพใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักให้สลายลง ผมถอนหายใจก่อนจะตวัดสายตาขุ่นๆ ไปให้กับกลุ่มก้อนที่เอาแต่พูดเสียงดังไม่หยุดตั้งแต่บนโต๊ะทานข้าวแล้ว


"ตามผมมาที่ห้องสมุดทำไมครับ"

"อุ้ย ม้าไม่ได้ตามนะหมูหย็อง ม้ามาหาเอกสารไว้อ้างอิงทำง๊าน" เสียงของคุณแม่ที่สูงจนทะลุเพดาน มองจากดาวอังคารก็รู้ครับว่าไม่จริง ปกติทานข้าวเสร็จทุกคนก็จะเฮกันไปดูหนังที่ห้องนั่งเล่นกันมากกว่า มีแค่ผมที่เป็นแขกประจำ กับเฮียเนื้อหย็องที่นานๆทีจะโผล่เข้ามาในห้องหนังสือเท่านั้นแหละครับ

"เจ้ก็ไม่ได้ตามมาเพราะอยากรู้อยากเห็นเลยนะหมู อย่าเห็นเจ้เป็นคนขี้สอดแบบเฮียปลาสิ นี่น่ะทางผ่านไปห้องนอน"
ห้องนอนเจ้ไก่หย็องอยู่ชั้นสี่ไม่ใช่เหรอครับ...นี่มันชั้นห้านะ...ทางผ่านยังไงครับนั่นน่ะ


คำแก้ตัวอีกสารพัดที่แต่ละคนสรรหา ช่างไม่มีความสมจริงยิ่งกว่าละครต้นทุนต่ำ ผมส่ายหัวก่อนจะวางหนังสือลง แล้วตัดสินใจหนีกลับเข้าห้องนอนดีกว่า


"เดี๋ยวสิๆ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไปสิหมูหย็อง!"

"ใช่ๆ ตกลงว่ายังไงอะหมู ไปเจอรักแรกพบจริงเหรอ แปลกใจจังเลย นี่นายก็มีหัวใจกับเขาด้วยเหรอเนี่ย นึกว่าเป็นตู้เย็นเดินได้เสียอีก"

"น่ารักไหมๆๆ น้องสะใภ้ เอ๊ะ หรือน้องเขยวะ...เออ นั่นแหละ น่ารักไหมๆๆๆ"


ผมอยากจะถอนหายใจให้ยาวไปถึงบ้านที่รัสเซีย มีใครที่ไหนเขาถามเรื่องแบบนี้กับเด็กอายุเจ็ดขวบบ้างครับ
แต่ท่าทางว่า ถ้าผมไม่ยอมตอบอะไรสักอย่างออกไปให้กับกลุ่มคนที่กำลังหูตั้งหางกระดิกรอฟัง คืนนี้ก็คงจะได้นอนในห้องหนังสือนี่แหละครับ ผมทำท่าคิดคำตอบเล็กน้อย




"ก็...น่ารักครับ น่ารักในระดับที่ว่า ต่อให้เอาทุกคนมารวมกัน ก็ยังไม่ได้แม้แต่ครึ่งนิ้วก้อยเขาเลยล่ะมั้ง"


ผมพูดเสร็จก็เดินหันหลังออกมาทันที ก่อนจะปิดประตูลงก็ได้ยินเสียงตะโกนแว่วๆมาว่า เด็กแก่แดด



ผมยักไหล่ไม่สนใจ ก็คงจะเป็นอย่างที่เขาว่า
มันก็ไม่แปลกอะไร ช่วยไม่ได้ ผมก็ลูกแม่นี่น่า


เชื้อแม่คงแรงน่ะครับ


เชื้อไวไฟน่ะ




หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 19 * 29/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 29-09-2018 18:15:04


หลังจากวันนั้น ผมก็แทบจะย้ายสำมะโนครัว ย้ายที่อยู่มาสิงสถิตอยู่ที่ร้านอาหาร ผมมาติดต่อกันได้สิบห้าวันแล้วครับ...มาติดต่อกันทุกวัน ลงหลักปักฐานจนพนักงานคุ้นเคย เป็นลูกค้าประจำที่สั่งอาหารเยอะแยะแต่ไม่ได้ทานอะไรมาก


บนโต๊ะไม้สีเข้มจะมีป้ายจองตั้งอยู่ที่โต๊ะนี้เสมอ มุมด้านซ้ายของร้าน เป็นมุมโต๊ะที่ดีที่สุดของการแอบมอง เพราะเป็นมุมลับตา ที่มองจากข้างนอกไม่เห็น แต่ข้างในกลับเห็นข้างนอกชัดแจ๋ว และเป็นมุมที่สามารถเห็นเด็กคนนั้นได้อย่างชัดเจน


ผมไปเกริ่นว่าอยากทำความรู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งที่สนามเด็กเล่น และบอกลักษณะจำเพราะเจาะจงของเพื่อนคนนี้ กับเลขาของคุณพ่อ เช้าวันต่อมาก็มีข้อมูลรายละเอียดทั้งหมด อยู่ในรูปแบบของเอกสารสามสิบใบมาวางอยู่หน้าห้องในตอนเช้า และส่งเข้าอีเมลล์ส่วนตัวผมอีกด้วย ...ผมว่าเขาทำงานได้ดีทีเดียว



เจ้าแก้มกลมของผมชื่อ เทม หรือ เทมปุระ อายุเจ็ดขวบเท่ากับผม ตอนรู้อายุเขาผมค่อนข้างจะตกใจเล็กน้อย เพราะเทมดูท่าทางเหมือนเด็กที่ยังไม่ประสีประสาอะไร เขาดูเด็กกว่าหย็องหย็องที่เป็นน้องชายของผมเสียอีก ส่วนสูงน้อยกว่าผมสิบสองเซน เป็นระยะความสูงที่ผมว่าน่ารักมากเลยครับ ตัวเล็กๆกลมๆป้อมๆ ถ้าได้กอดน่าจะพอดีกัน


และในข้อมูลนอกจากข้อมูลพื้นฐานที่ผมอยากรู้เกี่ยวกับเขา ก็มีข้อมูลเจาะลึกไปถึงประวัติครอบครัวด้วยเช่นกัน


คุณพ่อของเทมปุระเคยเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรม แต่เมื่อครั้งยุควิกฤตทางเศรษฐกิจในไทย ก็ทำให้กิจการพังทลาย จากสามีผู้แสนดีก็กลับกลายเป็นชายสารเลวติดเหล้าเมายาเพราะความเสียใจ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มันทำให้แย่ลง เขาทุบตีภรรยาของตัวเอง และมีข้อหาพยายามฆ่าลูกและภรรยาเพื่อเป็นการฆ่าตัวตายหนีหนี้สิน ตอนนี้จำคุกอยู่ ส่วนหญิงสาวที่ถูกพ่อแม่จับแต่งงาน หลังถูกฟ้องล้มละลายก็ถูกบิดามารดาตัดหางปล่อยวัด เป็นคนหัวอ่อน เป็นลูกคุณหนูที่ผันแปรตกอับ คอยเลี้ยงลูกชายคนเดียวด้วยงานสองที่สองกะ ช่วงกลางวันเธอจะมาทำงานเป็นพนักงานขายของที่สวนสาธารณะแห่งนี้ สวนกะดึกจะเป็นร้านอาหารอีกแห่ง



เป็นชีวิตที่ยากลำบาก โดยเฉพาะการมีลูกที่เป็นออทิสติก ที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด และความใส่ใจมหาศาล


ผมว่าผมทำหน้าที่แทนคุณแม่ของเทมได้นะ ไหนๆเธอก็ค่อนข้างจะยุ่งๆกับงานที่ทำ
มีผมช่วยแบ่งเบาภาระ มันก็ดีกว่าไม่ใช่หรือครับ?


หน้าที่ผู้ปกครองของเขาน่ะ ผมจะยึดมาเอง





ผมเปิดหนังสือ 'ว่าด้วยการเลี้ยงลูกที่เป็นเด็กพิเศษ' ไล่สายตากวาดอ่านทุกตัวอักษร ทำความเข้าใจ และจดจำไว้ในสมอง นอกจากหนังสือในมือแล้ว ก็ยังมีกองหนังสือมากกว่าสิบเล่มที่เกี่ยวกับการเลี้ยงเด็ก และโรคออทิสติก วางตั้งอยู่บนโต๊ะ


คุณยายผมบอกเสมอ ว่าเราไม่ควรคิดแค่หนึ่ง เราต้องคิดแบบโดมิโน่ เป็นความคิดที่ต่อๆไปว่าหากทำแบบนี้แล้วจะเกิดผลอะไรตามมา เหมือนโดมิโน่ที่ล้มต่อกันเป็นแถว และผมก็ต้องคิดแบบรอบคอบ ทหารไม่ได้ถูกฝึกให้ตายอย่างเสียเปล่า ทุกก้าวเราวางแผน ทุกการกระทำเราหวังผล เรามองถึงเส้นชัย และดาเลียแอนไม่ชอบคนโง่


ถึงจะไม่เคยมีความรัก แต่ความรู้สึก ชอบ น่ะ
ต่อให้เป็นเด็กห้าขวบก็เข้าใจ



ชอบแล้วอยู่เฉยๆ ไม่ยอมทำอะไรน่ะ โง่ชัดๆ


และผมก็ไม่ใช่คนโง่





ผมนั่งอ่านหนังสือรอเวลาสิบโมง พอเข็มสั้นชี้เลขสิบ ก็ปรากฏร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังอุ้มเด็กผู้ชายตรงเข้ามาในสนามเด็กเล่น เธอปล่อยเด็กน้อยจากอ้อมแขน




เด็กน้อยที่วันนี้ใส่เสื้อคอปกลายทางสีฟ้า เดินตัวเอียงไปมาซ้ายขวา เหมือนลูกตุ้มแกว่งไกวในนาฬิกาเรือนใหญ่ แต่ละย่างก้าวของเขาจะมีเสียง ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ จากรองเท้าสีน้ำเงิมที่สวมอยู่เป็นท่วงทำนองประกอบ พอเด็กน้อยเดินชนอะไร ก็จะรีบประกบสองมือขึ้น ผงกหัวหงึกๆขอโทษ แม้แต่ชนสไลด์เดอร์ เขาก็ไหว้ขอโทษอยู่เสียตั้งนาน ผมอมยิ้มให้กับความน่ารักนั่น เจ้าตัวเดินส่ายไปมาอย่างยากลำบาก ก่อนจะไปนั่งจุมปุกอยู่ที่ประจำของตัวเอง รอเวลาคุณแม่เลิกงาน มาอุ้มรับกลับบ้าน



"Доброе утро"  ผมพึมพำเบาๆกับตัวเองตอนที่เห็นเขา อรุณสวัสดิ์นะครับเทม


หน้าที่ผู้ปกครองของผม จะเริ่มก็ต่อเมื่อผมมั่นใจว่าตัวเองศึกษาทุกอย่างได้มากพอ และดีพอ ภาษาไทยของผมก็ควรจะชัดมากกว่านี้  ช่วงเวลาที่แดดแรงจัดเทมปุระจะย้ายเข้าไปเล่นในร้านกับคุณแม่เพื่อหลบเลี่ยงแสงแดด เขาจะออกมาข้างนอกอีกครั้งตอนบ่ายสอง ช่วงเวลาสามชั่วโมงที่เขาไม่อยู่ให้ผมเฝ้ามอง คือช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ของผม


ไม่นานหลังจากที่คุณแม่มาอุ้มเขาเข้าไปในร้าน อาจารย์ฝึกภาษา และแพทย์เด็กเฉพาะทาง ที่ผมขอให้คุณพ่อช่วยจัดหาให้ ก็เข้ามาถึงที่ร้านอาหารพอดี


ตกบ่ายเด็กน้อยแก้มกลมก็มานั่งตากลม อมยิ้มอยู่คนเดียวที่เดิม ผมสังเกตว่าถ้าคุณแม่ยังไม่มา และไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ เทมจะพูดและหัวเราะคนเดียว มีบ้างบางครั้งที่ผมจะเห็นเขาลุกขึ้นเดินเตาะแตะไปคุยกับชิงช้า ไปคุยกับกระดานลื่น หรือไปคุยกับม้าโยกเยก พอหัวเราะคิกคักพอใจแล้วก็กลับมานั่งที่เดิม และล่องลอยไปในความคิดตัวเองอีกครั้ง


เขาไม่เคยพูดคุยหรือยุ่งใคร และไม่มีใครคุยและยุ่งกับเขาเช่นกัน ต่างคนต่างอยู่ ดูท่าว่าเหล่าพ่อแม่ของเด็กๆที่มาที่สนามเด็กเล่นบ่อยๆ ก็จะพูดห้ามลูกของตัวเองเอาไว้ว่าไม่ให้ยุ่งด้วยน่ะครับ


แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป


มีลูกแมวลายตัวหนึ่งหลุดเข้ามาในสนาม เด็กๆทุกคนต่างไปรุมล้อมและเล่นเจ้าลูกแมวตัวนั้นกัน แต่ด้วยความสนใจที่มากเกินไป จนเกิดการยื้อแย่งกันขึ้น เจ้าลูกแมวร้องเสียงดังที่หัวถูกดึงไปทางและหางถูกดึงไปทาง ผู้ปกครองที่เอาแต่พูดคุยกันไม่ได้สนใจจะมาพูดห้าม ท่าทางเจ้าแมวคงจะเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายถึงได้กัดเข้าที่มือของเด็กคนหนึ่ง จนเด็กคนนั้นต้องปล่อยเจ้าแมวลง


เด็กคนนั้นเลือดไหล และเกิดเป็นความชลมุนวุ่นวายทันที พ่อแม่เด็กรีบมาไล่ตีแมวที่กัดลูกๆของตัวเอง
เจ้าแมวลายแมวตัวเล็กวิ่งไปหลบที่ไหนก็ถูกไล่ตี จนไปขดหลบอยู่กับเด็กน้อยของผม เทมปุระดูงุนงงแต่ก็ปล่อยให้เจ้าแมวเบียดซบโดยไม่ได้ว่าอะไร


ผู้ใหญ่ที่แห่กันมาตามไล่แมว ก็มารุมล้อมเด็กชายผู้ชอบนั่งอยู่คนเดียวตรงกระบะทราย เด็กน้อยเสื้อลายทางดูตกใจและหวาดกลัว แต่พอผู้ใหญ่ชี้ให้ส่งเจ้าแมวที่ตัวสั่นงั่นงกไม่แพ้กันไปให้ เด็กชายก็ไม่ยอม เจ้าตัวเอาตัวเองบัง พอเด็กคนอื่นตั้งท่าจะเข้าไปฉุดแย่ง ร่างเล็กที่ไม่ยอมสบตากับใครก็อุ้มเจ้าลูกแมววิ่งหนี ทั้งๆที่เดินธรรมดายังยากลำบาก ต้องมาอุ้มลูกแมวที่กำลังตื่นตกใจจนข่วนให้วุ่น สองขาเล็กจ้อยเดินเอียงซ้ายเอียงขวา พยายามพาเจ้าแมวน้อยหลบหนีไป แต่ก็สะดุดจนตัวไถลไปกับพื้น ปากบางเม้มแน่น น้ำตาเม็ดโตร่วงลงผล็อยๆ


เด็กชายพยายามลุกขึ้นวิ่งหนีอีกครั้ง


ไม่ทันไรก็ถูกผู้ใหญ่ที่ก้าวยาวๆแค่สองสามก้าวเข้าประชิดตัว ถูกหิ้วปีกขึ้นมา


และตอนนั้นเองที่บอดี้การ์ดของผมเข้าไปถึงพอดี ผู้ใหญ่หลายคนตกใจกับชายรตัวโตกลุ่มใหญ่ พอชายร่างใหญ่สามสี่คนบอกเจ้าแมวนั่นเป็นแมวของเจ้าตัว ท่าทางโกรธโมโหของผู้ปกครองเด็กที่ถูกกัดก็ดูใจเย็นลงอย่างน่าประหลาด เขายอมปล่อยทั้งเจ้าแมวและเด็กชายลง เจ้าแมวน้อยพอถูกปล่อยก็วิ่งหายลับไป เทมปุระก็รีบวิ่งเข้าไปหลบตัวในอุโมงค์ทันที



"ไปเรียกคุณแม่ของเขามาสิ"

 ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ ออกคำสั่งกลุ่มชายที่กำลังยืนเจรจากับพ่อแม่เด็กพวกนั้นอยู่ เสียงตอบกลับมาเป็นภาษารัสเซีย ด้วยประโยคที่ขัดใจผมเหลือเกิน

"คุณหนูครับ คุณแม่ของเด็กคนนี้ไปซื้อของเข้าร้าน อีกครึ่งชั่วโมงถึงจะกลับมาครับ"



ให้มันได้แบบนี้สิน่า...ไปซื้อของอะไรเอาตอนนี้นะ เด็กชายแก้มย้วยของผมตอนนี้คงจะกำลังหวาดกลัวอยู่คนเดียวในอุโมงค์ท่อมืดๆนั่น แค่คิดก็รู้สึกร้อนรนแล้ว





การเจอกันครั้งแรกของผมกับเขา แผนที่ผมตั้งใจวางไว้เสียดิบดีพังครืนลง ผมวิ่งออกมาจากร้านอาหาร ผมเกลียดความร้อน ผมเกลียดการเสียภาพพจน์ เกลียดเหงื่อที่ไหลออกมาในอากาศอันร้อนอบอ้าว ไม่สนใจเหงื่อที่ซึมหลังจนเปียกชื้น ผมยังคงวิ่งไม่หยุด วิ่งไปหาเขา


ผมไปหยุดที่ปากทางเข้าอุโมงค์ ก้มตัวลงไป ในครรลองสายตา คือภาพเด็กผู้ชายที่กำลังเอามือปิดหูซุกเข่าตัวเอง

"อึก ฮือ ฮือ คุ-คุ-คุแม่ คุแม่" เสียงสะอื้นของเขาสั่น อาจจะเพราะเขาอยู่ในนั่น อาจจะเพราะแสงที่ลอดเข้ามา ภาพตรงหน้าถึงได้ดูแสนน่าอาดรู ดูน่าสงสารจนปวดใจ เสียงร้องไห้แผ่วเบาแต่กลับสะท้อนก้องไปทั้งใจ


"ты в порядке?"

ผมที่เอาแต่เป็นห่วงเขาจนลืมเปลี่ยนภาษาพูด และลืมนึกไปเลยว่าเขาคงฟังผมไม่ออก เด็กชายตรงหน้าไม่ได้สนใจฟัง เหมือนเขาหลุดไปอยู่ในโลกของตัวเอง เสียงร้องไห้ที่เอาแต่ร้องเรียกหาแม่ ทำให้ผมค่อยๆมุดเข้าไปหาเขา


ใกล้ขนาดนี้ ใกล้ขนาดที่ผมรับรู้ถึงแรงสั่นของเขาได้ แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกตัวว่ามีใครมาใกล้ อาศัยแสงที่ลอดเข้ามา ผมไล่สายตามองหัวเข่าที่ถลอกจนมีเลือดไหล คงจะเพราะหกล้มเมื่อสักครู่ ผมวางมือลงบนหัวที่ดูฟูฟ่องไม่เป็นทรง


ร่างที่กำลังสะอื้น สะดุ้งตัวโยนกับสัมผัสของคนแปลกหน้าในที่หลบภัยของตัวเอง ก่อนจะถอยหลังพรวดเตรียมมุดหนีออกไปอีกฟากฝั่ง


ผมจับขาเขาเอาไว้ รั้งให้เขาไปไหนไม่ได้ พอหนีไปไหนไม่ได้ เทมก็หันมายกมือไหว้ นัยน์ตาที่ไม่สบกับใครยิ่งก้มลงต่ำ คางชิดอกส่ายหน้าไปมา


"ข-ข-ข-ขอโทดคับ ขอ-โทด-คับ ฮึก ขอ-ขอ-ขอ-ขอโทดคับ"



สองฝ่ามือของผมประกบลงที่แก้มเปรอะคราบน้ำตา เจ้าตัวหลับตาปี๋ขับเบ่งน้ำใสเข้าสู้ผู้บุกรุก


"...เทม อย่าร้อง..."


ผมเรียกชื่อเขา บอกเขาว่าอย่าร้องไห้ นานกว่าเจ้าตัวจะยอมคลายเปลือกตาที่ปิดแน่นออก นัยน์ตาที่ไม่สบกับใครมองตรงมาที่ผม เพราะสองมือของผมยังคงกุมหน้าเขาเอาไว้ ตึกตัก


ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เวลา แต่ใครจะสามารถควบคุมหัวใจตัวเองได้ล่ะครับ พอเห็นว่าเขายอมลืมตามองกัน ผมคลี่ยิ้มบอกเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


"ไม่เป็นไรนะ ปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องกลัว"


ความตกใจ แปลกใจ และประหลาดใจเข้ามาครอบครองแทนความหวาดกลัว ดวงตากลมสีน้ำตาลดูมึนงงว่าผมเป็นใคร และผมรู้จักเขาได้ยังไง คำถามถูกแปะไว้บนใบหน้าในมือผม แต่ผมก็แค่ยิ้มและไม่ได้ตอบอะไร


ถึงจะไม่ได้เป็นไปตามแผนที่ผมคิดเอาไว้ อย่างน้อยหนึ่งในแผนนั่นก็สำเร็จ เขามองกันแล้ว เขามองผมแล้ว


ผมฉีกยิ้มกว้าง


"เรียกดิมิทรีสิครับเทม"


เจ้าตัวเอียงหน้างง พอผมทำหน้าจริงจัง เด็กน้อยก็คล้อยตาม ว่าง่าย ยอมคลายปากที่เม้มแล้วพูดตาม


"ดิดิเหรอ"

"ดิมิทรีครับ"

"ดิตีตี้"



ดิมิทรีคงจะออกเสียงยากเกินไป



"หมูหย็องครับ ไหนลองเรียกหมูหย็องสิครับ"

"มุนอง"

"หมูหย็องครับเทม"

"มุ-มุ มุไหม"

"หมู-หย็อง"

"มุ!"

"หมูหย็องครับ ยอยักษ์นะ หย็อง แล้วก็หมู มอม้าสระอู หมูหย็อง"

"มุงอง?"

"หมูหย็องครับ"

"มุวมอง มุนอง มุ-มุ มุนอง"

"มุก็ได้ครับ..."

"มุ มุ มุ เหรอ"

"ครับหมูหย็อง"

"มุ้ววว"

ท่าทางพยายามจนหน้าดำหน้าแดงของเขาทำผมยอมแพ้ จากหน้าตาบิดเบี้ยวเพราะร้องไห้ก็หัวเราะเอิ้กอ้ากพอใจ รอยยิ้มที่ชอบอมไว้น้อยๆตรงมุมปาก กว้างกว่าทุกวัน ดูดีใจที่ผมยอมตามใจให้เขาเรียกว่ามุ เป็นเด็กที่อารมณ์ดี มีความสุขง่ายมากๆ


"ไคมุเหรอ"

"ว่าไงนะครับ?"

"ไค-มุ-เหรอ-คับ"


เขาคงคิดว่าที่ผมพูดทวนเพราะเขาพูดจาไม่สุภาพ แต่ที่ผมทวนคือผมไม่เข้าใจที่เขาพูดต่างหาก ตาโตๆ ดูสงสัย ไคมุเหรอ? มุนี่คือผมใช่ไหมครับ...อ๋อ


"หมูเป็นใครใช่ไหมครับ เทมจะถามแบบนี้ใช่ไหม"

"ไคมุเหรอ ไคมุเหรอ" เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก ดูดีอกดีใจที่ผมฟังเขารู้เรื่อง ถามคำถามยากจังเลย ผมจะตอบเขาว่าไงดีนะครับ...จะให้ตอบแบบขวานผ่าซากว่า อ้อ ผมมาจีบนายไปพลางๆระหว่างรอนายโตน่ะครับ หรือจะ อ้อ ผมวางแผนจะมาเทคโอเวอร์ทั้งชีวิตนายน่ะครับ หรือว่า อ้อ ผมกำลังจะมายึดตำแหน่งผู้ปกครองพร้อมยึดตำแหน่งคนรักในอนาคตน่ะครับ พูดไปเจ้าตัวก็ไม่เข้าใจ แถมน่ากลัวว่าผมจะโดนมองว่าน่ากลัวอีก


"ตอนนี้ก็คงบอกได้แค่ว่า หมูหย็องจะมาเป็นเพื่อนของเทมน่ะครับ"

"เพิ่นเหรอ เพิ่นเหรอ เพิ่นเหรอไรคับ?"


 เพิ่นเหรอไรคับแปลว่าอะไรครับ...ทำไมมันยากกว่าสี่ภาษาที่ผมเคยเรียนมาเสียอีก...เพิ่นก็เพื่อนใช่ไหมครับ เพิ่นเหรอไรคับ? ใช่คำถามว่าเพื่อนคืออะไรหรือเปล่านะ


"เพื่อนก็คือคนที่จะเล่นกับเทม อยู่กับเทมไงครับ"

"คุแม่เหรอ คุแม่?" 

"คนละอย่างกันครับ คุณแม่เป็นผู้ให้กำเนิดเทมนะ แต่ถ้าเป็นคนแปลกหน้าที่ทำความรู้จักกันแล้วก็พัฒนาต่อไปจนสนิทกัน ก็ถึงจะเรียกว่าเป็นเพื่อนกัน หรือรู้สึกดีต่อกัน คุยแล้วสนุก อืม...หรือบางทีถ้ามีผลประโยชน์ต่อกัน ถึงคุยไม่สนุกก็เป็นเพื่อนกันได้นะครับ"

ท่าทางว่าผมจะพูดเรื่องยากๆมากเกินไป เจ้าเด็กแก้มกลมถึงได้ทำหน้างงเหมือนผมกำลังพูดภาษาต่างดาวใส่


"เอาเป็นว่า ขอหมูเป็นเพื่อนเทมได้ไหมครับ?"

"เพิ่นเทมเหรอ มุเพิ่นเทมเหรอ"

"ใช่ครับ มาเป็นเพื่อนกันนะ ได้ไหมครับ?"

"ได้ๆ เพิ่นกันนะ เปนเพิ่นมุนะ มุเพิ่นเทมนะ" เด็กชายยิ้มกว้าง ทำมือโอเคให้ผมอย่างน่ารัก




ก็ครับ ถึงจะไม่ได้สวยงาม ไม่ใช่ฉากเจอกันอันแสนดูดีตามที่คิดไว้ แต่ผมว่ารอยยิ้มกว้างของเทมก็แทนได้ทุกอย่าง ก้าวแรกของสถานะผู้ปกครองที่สักวันจะเป็นผู้ครอบครองของผม ก็เริ่มต้นในท่ออุโมงค์ในสนามเด็กเล่น ที่มีเสียงโวยวายของผู้ใหญ่อยู่ด้านหลัง และความร้อนอันแผดเผาเป็นจุดเริ่มต้น



สัญญาที่ร่างขึ้นโดยผม และคนเซ็นสัญญาที่ไม่รู้ข้อตกลงก็คือเขา



ผมพับเก็บคำตอบรับของเขาไว้ในใจ



ที่เขาตอบตกลงคือเป็นเพื่อนกัน
แต่สำหรับผม ที่เขาตกลงคือคำตอบรับเป็นของผม



รู้ไหมครับเทม ไม่ใช่แค่กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ


แต่ถ้าได้ตอบตกลงกับปีศาจแล้ว


ปีศาจก็ไม่ปล่อยให้คืนคำเหมือนกัน



บอกแล้วไงครับ ผมก็ลูกคุณแม่นะ แถมยังเป็นหลานปีศาจอีกด้วย


เรื่องวิธีการน่ะ ไม่เลือกหรอกครับ



: )













end 19 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



เทม หนีไปลูกกกกกก
จะโดนจับกินแล้วววว
ตอนหน้ากรุณาเตรียมพจนานุกรมแปลภาษาเทมไว้นะคะ
อะฮิ

โซเฟียริน
zofiarin lll moore









หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 19 * 29/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 29-09-2018 18:26:06


ตอบคุณ suikajang
@ กอดดดดดดดดดดดด ขอบคุณมากค่ะ ฮืออออ อ่านแล้วชื่นใจนอนหลับฝันดีไปสองวันเลยค่ะ
รอดูเด็กๆไปจนถึงจุดหมายปลายทางนะคะะะ ♥

ตอบคุณ เพียงเพื่อน
@ อืม จะสปอยไปไหมนะ ฮา ไม่เจ้าเล่ห์ค่ะ เรื่องเจ้าเล่ห์พวกนี้ยกให้หมูหย็องเขาไปแทนนะคะ
จากการเลี้ยงดูของหมู ที่เทมอยากได้ก็อะไรก็ตามใจ ไม่มีได้เจ้าเล่ห์หรอกค่ะ เพราะพูดตรงๆหมูก็ให้แล้ว ก๊ากก
เข้าใจ น้องจะเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ

ตอบคุณ catka12
@ พามาแล้วค่าาาาาา เทมกับหมูหย็องงงงง เคลียร์ปมนี้เสร็จ น่าจะอีก1-2 ตอนก็จะกลับสู่โลกปัจจุบันแล้วค่ะ ฮึบเดียวน้า

ตอบคุณ กาแฟมั้ยฮะจ้าว
@ ขอบคุณมากค่า


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 19 * 29/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 29-09-2018 18:54:02
หมูหยองดูแลเทมด้วย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 19 * 29/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 29-09-2018 21:02:30
รุ่นคุณแม่ไวไฟ ลูกในยุคต่อมาก็3G เร็วแรงง  :m20:
แหมๆๆ 7 ขวบวางแผนได้ขนาดนี้ มิหน้าเทมถึงไปไหนไม่รอด รอชมความน่ารักในตอนต่อไปค่ะ
 :L1:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 19 * 29/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 30-09-2018 02:39:03
นี่ใช่ไหมค่ะที่เค้าเรียกว่าภาษาใจ  :hao3: “เพิ่นเหรอไรคับแปลว่าอะไรครับ...ทำไมมันยากกว่าสี่ภาษาที่ผมเคยเรียนมาเสียอีก” ยากขนาดนั้นยังจะแปลออกอีก  o13 รักน้องเทมมากแน่นๆ  :hao7:
รอค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 20 * 29/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 30-09-2018 21:16:51









20








จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ


เสียงดูดขวดนมดังขึ้นเป็นจังหวะ


ฟี้...


ก่อนจะตามด้วยเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หลับตาพริ้มทั้งๆที่ปากจิ้มลิ้มยังคาไว้ด้วยหัวนมยาง ดูดไว้ไม่ยอมปล่อย สองแขนกอดขวดเหมือนเป็นหมอนข้าง แล้วเข้าสู่นิทราไป ตอนเที่ยงคือช่วงเวลานอนกลางวันของเทมปุระ ก่อนจะนอนได้ ต้องมอบเจ้าขวดมีจุกที่บรรจุนมรสหวานต่างๆให้เขา เป็นเครื่องบรรณาการ เทมยังคงติดขวดนมอยู่ แม้จะอายุเจ็ดขวบแล้วก็ตาม ต้องได้ดื่มนมจากขวดใสอย่างน้อยวันละครั้ง ไม่อย่างนั้นจะแก้มบวมตุ่ยไปทั้งวัน หลังจากได้รู้จักกันสักพัก เทมเป็นเด็กที่ไม่ดื้อเลยครับ ยกเว้นแค่กับเรื่องของกินเท่านั้น...ที่จะดื้อเอาเรื่องเลยทีเดียว


ผมเดินไปหยิบขวดนมวางเปล่าออก แต่เสียงครางฮือฮือ เหมือนกำลังถูกแย่งของรักของหวง ก็ดังมาจากเด็กผู้ชายในชุดเอี๊ยมสีฟ้าสีโปรด ที่กำลังเปลี่ยนหน้าที่ขวดนมให้เป็นตุ๊กตานอนกอด ผมเอี้ยวตัวไปหยิบตุ๊กตาจริงๆให้มาทำหน้าที่แทนขวดพลาสติก พอมีตัวแทนนุ่มนิ่ม เสียงก็เงียบลง ก่อนเจ้าตัวจะเอาหน้าซุกพุงตุ๊กตาแมวไร้หูสีฟ้าหลับไป


ผมนั่งเพ่งพินิจคนนอนหลับ เห็นเหมือนอมยิ้มสบายใจผ่อนคลาย แล้วสุขใจตาม


หลังจากเกิดเรื่องวันนั้นก็ผ่านมาเกือบสามเดือนแล้วครับ พอคุณแม่ของเทมกลับมา ผมก็รีบตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ใส่ไฟเสียลุกลาม ว่าเทมโดนรังแก ปล่อยเด็กไว้คนเดียวในที่แบบนั้นไม่ได้ ผมเป็นเพื่อนของเทม เห็นเทมถูกแกล้งมาหลายวันแล้ว พอคุณป้าได้ยินเรื่องราว ก็ตกใจร้องไห้ยกใหญ่ ได้แต่เข้ามากอดลูกชายตัวเองพร้อมพูดขอบคุณผมที่ช่วยลูกชายตัวเองไว้ ระหว่างที่จิตใจคนเป็นแม่กำลังอ่อนแอ ผมก็ตีเหล็กตอนมันยังร้อนทันที พูดจาโน้มน้าว ให้ลาออกจากงาน หางานใหม่ทำ


ผมเตรียมพร้อมเรื่องนี้ ด้วยการส่งข้อความบอกเลขาของพ่อให้จัดการอะไรเล็กๆน้อยให้มาสักพักใหญ่แล้วครับ แผนที่ผมวางไว้ไม่ได้ครอบคลุมแค่เทมปุระ แต่ครอบคลุมไปถึงคุณแม่ของเด็กชายด้วย เพราะถ้าเธอยังไม่เป็นตัวหมากของผม การที่ผมจะรุกฆาตเข้าไปชิงพระราชาของเกมกระดานนี้ก็คงจะยุ่งยากไปหมด ผมโทรไปปรึกษาคุณตาและท่านก็ช่วยวางแผนทุกอย่าง มันราบรื่นจนน่าตกใจ ตัวต่อทุกชิ้นหันมุมปะติดกันได้อย่างพอดี


จิตใจของมารดาที่เป็นห่วงลูกชายยิ่งกว่าอะไร ไขว้เขวอ่อนไหวง่ายเป็นทุน พอเจอกับคุณแม่ของผมที่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันที่ฝรั่งเศษช่วยพูดคะยั้นคะยอ ทุกอย่างก็ลงล็อค...


ตอนนี้คุณแม่ของเทมมาทำงานเป็นหัวหน้า รปภ. ที่คอนโดฝั่งตรงข้ามของบ้านผม และคอนโดนั้นก็ถูกผมซื้อต่อมาเองครับ โดยใช้ชื่อของคุณพ่อ ผมใส่สวัสดิการของหัวหน้ายามรักษาความปลอดภัย เป็นเพนท์เฮาส์หรูของตึกสิบเจ็ดชั้น และทุนการศึกษาของลูกพร้อมด้วยค่าเลี้ยงดูและวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เงินเดือนที่สูงพอกับคนจบปริญญาเอกคือค่าตอบแทนของหน้าที่เฝ้ายาม


คุณป้าตกใจและมึนงง ว่าเรื่องราวมันมาลงเอ่ยแบบนี้ได้อย่างไร รู้ตัวอีกทีก็เซ็นสัญญารับงานและย้ายเข้ามาอยู่บ้านใหม่เรียบร้อย วันย้ายเข้ามาอยู่ผมได้ไปช่วยขนของด้วยครับ อืม...เรียกว่าพาคนไปช่วยมากกว่า จริงๆแค่อยากไปดูที่อยู่อาศัยของเทมปุระน่ะครับ พอได้เห็นก็รู้สึกคิดถูกแล้วที่ลงมือจัดการอย่างฉับไว ห้องที่แคบกว่าห้องน้ำของผม ไม่ควรค่าแก่การเป็นที่ซุกหัวนอนของคนที่ผมชอบแม้แต่น้อยเลยครับ


คุณป้าแทบจะยกมือไหว้ขอบคุณเพื่อนของลูกชายตัวที่ช่วยเหลือทุกอย่าง
หญิงสาวผู้หัวอ่อน ไม่ได้นึกเอะใจสักนิด ว่าลูกชายของตัวเองมีเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่...



และช่วงเวลาที่คุณป้าทำงาน ผมก็ขอพาเทมมาเล่นที่บ้านครับ แรกๆเทมก็ดูต่อต้านบ้าง เพราะเด็กพิเศษมักจะคุ้นเคยกับอะไรที่เป็นแบบแผนและการกระทำแบบซ้ำๆเดิมๆ จะเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆค่อนข้างยาก แถมคุณป้าก็ไม่ค่อยได้ดูแลเทมแบบเต็มที่เพราะติดขีดจำกัดกับการทำงาน เทมปุระจึงถูกปล่อยปละเรื่องการพัฒนาพอสมควร แต่ดีว่าจุดอ่อนของเขานั่นแสนเอาใจง่าย เพียงเอาของหวานมาล่อ เทมปุระก็คล้อยตามขนมเชื่อฟังผมอย่างง่ายดาย


ผมเริ่มฝึกพัฒนาทักษะและสมองของเขาตามที่คุณหมอเฉพาะทางช่วยแนะนำ และเริ่มให้เขาเข้าพบคุณหมอเป็นประจำ แค่เพียงหนึ่งเดือน เขาก็เริ่มสามารถเริ่มฟังประโยคยาวๆได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น เริ่มสบตา และเข้าสู่โลกส่วนตัวและให้ความสนใจอย่างอื่นมากขึ้น ผมว่าผมมาถูกทาง


คนที่บ้านของผมตื่นเต้นตกใจกันยกใหญ่ ที่ลูกชายคนเล็กที่ดูท่าทางนิ่งๆจัดการอะไรที่ดูยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เข้ามาเห่อและวุ่นวายกับเทมปุระกันเต็มที่ จนผมแทบจะต้องขอบอดี้การ์ดทีมใหม่มาคุ้มกันเทมจากสมาชิกในบ้าน คุณแม่ก็เอาแต่ยิ้มไม่ได้ว่าอะไร ท่านแค่เพียงบอกว่าเข้าใจว่าเวลามีความรักคนเราก็จะทำอะไรเพี้ยนๆแบบนี้เท่านั้น ขอแค่คนอื่นไม่เดือดร้อนก็พอ มีแค่คุณพ่อที่มารู้เรื่องราวทีหลังก็โวยวายไม่หยุด ว่าทำไมไม่มาขอเงินเจ้าตัว ไปใช้เงินของคุณตาคุณยายทำไม อา ส่วนคุณตาคุณยายก็ตกใจนิดหน่อยครับ ท่านก็บ่นทำนองเชื้อใจร้อนด่วนได้มันคงส่งผ่านทางสายเลือด


หลังจากเราสนิทกันมากขึ้น พวกท่านก็ดูอ่อนข้อให้ผมลงมาก เหมือนเหล็กแข็งที่ชื่อว่าทิฐิและศักดิ์ศรีของคุณยายมันคลายตัวลง เมื่อผมไม่ได้เป็นชาโรนอฟเพียงคนเดียวที่แบกรับตะกูล เป็นเพียงอดีตอนาคตผู้นำในสายตานักข่าว ถึงตอนนี้แม้แท้จริงแล้วอำนาจทุกอย่างยังคงอยู่ในมือผม แต่หุ่นที่ถูกชักใยและถูกจับตามองจากสังคมก็เป็นคุณพ่อแทน ตัวจริงอย่างผมเลยไม่ถูกจับตามองทุกฝีก้าว สามารถทำอะไรได้ตามชอบ คุณตาคุณยายที่อยากให้ผมเติบโตแบบเด็กทั่วไปก็ทำใจเอาไว้แล้วครับ ว่าหากห่างไกลผมก็คงจะต้องดื้อรั้นต่างจากเดิม แต่ก็ไม่คิดว่าความดื้อของผมคือการไปถูกใจเด็กผู้ชาย จนอยากได้มาครอบครองเบ็ดเสร็จขนาดนี้


อา...ทำไงได้ครับ


ความผิดของผมเสียที่ไหน หากจะโทษใคร
ก็ต้องโทษเด็กน้อยที่กำลังหลับตาแล้วคลายมือจากตุ๊กตามาจับมือผมนี่ต่างหาก


ถ้าเขาไม่ถูกใจผม ถ้าเขาไม่ทำให้ผมชอบ
ผมก็คงจะไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก ถูกไหมครับ?


ผมยกแขนข้างซ้ายให้เทมนอนกอดแทนเจ้าแมวสีฟ้าที่ตกเตียงไป ผมนั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสือ พร้อมฟังบทเพลงลมหายใจเข้าออกของคนข้างตัวเป็นเพลงบรรเลงประกอบ นึกดีใจที่เขาเชื่อใจผมขนาดนี้แล้ว สองอาทิตย์แรกค่อนข้างยากมากครับ แม้ตอนคุยกันเล่นกันจะไม่เป็นปัญหา แต่เทมก็ยังไม่ไว้ใจพอที่จะนอนหลับข้างๆผม พอเที่ยงก็จะให้คุณป้ามารับไปนอน พอบ่ายถึงให้พามาส่งเพื่อเล่นกับผมต่อ


เห็นว่าเพราะคุณพ่อเจ้าตัวเคยเข้ามาทำร้ายตอนนอน เลยผวากับคนแปลกหน้า ถ้ามีคนที่ไม่รู้จักอยู่ จะหลับไม่ลงถ้าไม่มีคนที่เชื่อใจคอยเฝ้าหรืออยู่ใกล้ครับ และผลพวงของการถูกทำร้าย และคุณแม่ของตัวเองถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา ทำให้เด็กน้อยกลัวความรุนแรงทุกชนิดครับ เสียงดังเสียงตะคอก ถูกตี หรือถูกต่อว่าดังๆ เจ้าตัวจะหวาดกลัวมาก

แค่เฮียปลาต่อยกับเจ้ไก่ หรือหย็องหย็องถูกตบหัว เทมปุระก็ร้องไห้วิ่งหนีเตลิดแล้วครับ


ข้อห้ามหลายอย่าง จุดอ่อนไหวเยอะแยะ ยากลำบากในการดูแล แต่ผมกลับชอบใจ
เขาดูแสนเปราะบาง แสนมีค่า คอยให้ผมปกป้อง เขาเหมือนหนังสือที่ไม่มีวันอ่านจบ
น่าตื่นเต้นและน่าค้นหา


เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุด


"อือ...มุ" สิ่งมหัศจรรย์งัวเงียตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาเรียกหาคือผม ผมวางหนังสือลง เคลื่อนไปหยุดมือที่กำลังขยี้ตาของเขา คลี่ยิ้มอ่อนหวานรับยามบ่ายให้เขา

"อย่าขยี้ตาครับเทม เดี๋ยวเจ็บตานะ หลับสบายหรือเปล่าครับ?"

"อือ บายเหรอคับ? สาบายสาบาย มุ มุทำไรคับ"

"ครับต้องออกเสียงให้ชัดนะครับเทม หมูอ่านหนังสือครับ"


ผมเกลี่ยขนตาที่เรียงตัวสวย เรื่อยไปถึงลูบแก้มนุ่มที่นึกอยากจับมาตลอด กอบกุมเอาไว้ เด็กชายเทมปุระก็ให้ความรวมมือ เปลี่ยนจากหนุนหมอนมาเป็นเอาแก้มหนุนมือผมแทน


"คะรับ ครับ มุหิวไหมคะรับ-ครับ" ผมยิ้มมุมปากให้กับคำถามและสายตาที่ช้อนมองขึ้นมา ที่ถามนี่เพราะห่วงผมหิวจริงๆ หรือเจ้าตัวคนถามเป็นฝ่ายหิวกันแน่นะ ทั้งๆที่เพิ่งดื่มนมขวดใหญ่ไปเมื่อตอนก่อนนอนแท้ๆ

"หิวนิดหน่อยครับ เทมหิวไหมครับ"

"หิวหิว หิวกัน หิวเมินกันเลยยยย"

"เหมือนกันเลยครับ"

"เหมื๋อนกังเลยยยยยยย"

"งั้นเทมไปล้างหน้านะ เดี๋ยวลงไปทานขนมกัน"

"ขนม! ขนมย่อยๆเหรอ หนมร่อยๆเหรอ"

"ทานผลไม้ด้วยนะครับ"

"ผมไม้ด้วยก้อได้ ขนมเหรอด้วยนะ"

"ขนมด้วยครับ ล้างหน้าเสร็จเดี๋ยวหมูพาไปนะครับ"

"ล้างหน้าเหรอ ล้างหน้าเนอะๆๆๆ เทมมาเวลาหน่อยนึง"

"เอาผ้าเช็ดหน้าให้แห้งก่อนนะ ไม่ต้องรีบนะ เดี๋ยวหมูนั่งรอ"

"เคโอเลยคะรับ ครับ"

"โอเคต่างหากครับ..."

"ได้ๆเคโอๆนะ"

"โอเคครับ"

"อ๋อๆๆๆ โอเกครับ"


เทมปุระดึงแก้มตัวเองกลับคืน ปีนป่ายลงจากเตียง วิ่งดุกดิกเข้าห้องน้ำไป ผมสอนให้เขาล้างหน้าแปรงฟันด้วยตัวเองได้แล้วนะครับ ถึงจะเปียกเลอะไปทั่วอ่างล้างหน้าทุกครั้งที่เจ้าตัวจัดการตัวเองก็เถอะ แต่ก็ถือว่าน่าภูมิใจมาก ใช้เวลาไม่นานเทมก็วิ่งออกมาด้วยเสื้อที่ชื้นไปครึ่งตัว และผมที่เปียกไปครึ่งหัว มีแค่หน้าที่เขาเช็ดให้แห้งตามที่ผมบอกเท่านั้น


อัญมนีสีเอนสตาไทต์ส่องประกายวิบวับ รอคอยฝ่ามือของผมจับจูงลงไปทานขนม แต่ผมส่ายหัวขัดความหวังนั่นเสียก่อน เทมเอียงคอ เหมือนเป็นคำถามกลายๆว่าทำไมไม่พาไปเหรอ

"ขนม...?"

"มาหาหมูก่อนครับ เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อกับเป่าผมให้แห้งก่อนนะ"

"เทมทำเปียกแล้วอีก ขอโทดคับ..."

"ไม่เป็นไรครับ เทมเก่งมากเลยนะครับที่ล้างหน้าเองได้ เปิดปิดก็อกน้ำเองด้วยใช่ไหม"

"ไจ้ๆๆๆๆ ปิดเองเหรอ ปิดเองเหรอ"

"เก่งมากเลยครับ"

"มุก้อเก่ง ชมเก่งจังเลยเหรอ ดีใจ ฮิฮิ"

"หึ...มานี่สิครับ ชูมือไชโยนะ" พอเด็กน้อยชูมือขึ้นสองข้าง ท่าทางไม่คล้ายไชโยเลยครับ เหมือนท่าทางยอมแพ้มากกว่า ผมหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะปลดสายเอี๊ยมแล้วดึงเสื้อยืดของเจ้าตัวออก เดินไปหยิบเสื้อยืดสีเทาของตัวเองมาสวมให้แทนเสื้อตัวเดิมที่เปียก เทมปุระจับเสื้อที่ใส่แล้วมุ่ยปากเล็กน้อย อา...ไม่ใช่สีฟ้าน่ะครับ


"มุๆๆๆๆครับ สีฟ้าไม่ใช่นี่มุ มุฟ้าไหม มุมีสีฟ้าไหมครับ"

"ขอโทษนะครับ หมูไม่มีเสื้อผ้าสีอ่อนๆเลย ไว้วันหลังจะซื้อมาไว้ให้นะครับ"

"ขอไม่โทดนะมุ เทมไม่ได้โกดมุนะครับ สีนี้ก้อได้ เสื้อมุหอมหอม หอมเมิ๋นมุเลยยย"


ผมชะงักมือที่กำลังถือไดร์เป่าผมเขาเล็กน้อย มาแอบดมกลิ่นผมตอนไหนครับนั่นน่ะ อย่ามารังแกหัวใจคนฟังแบบนี้นะครับเทมปุระ ผมกลั้นยิ้มระหว่างที่รอผมเขาแห้ง พอมั่นใจว่าแห้งสนิทผมก็จูงมือเทมลงบันได ใช่ครับผมพาเขาลงบันไดแทนลิฟท์ นอกจากเพื่อฝึกเขาเดินแล้ว ก็จะได้ลดไขมันลงด้วย...เจ้าก้อนเมฆก้อนนี้น้ำหนักเยอะกว่าผมที่สูงกว่าเขาอีกครับ ถึงจะน่ารักแต่ก็เพื่อสุขภาพเขาครับ ต้องตัดใจลดน้ำหนักเขาลง ได้แต่หวังว่าเจ้าแก้มกลมๆนั่นจะเหลือให้ผมฟัดบ้างเมื่อเขาผอม


เทมเกาะราวบันไดแล้วค่อยๆลงทีละขั้น พอลงได้หนึ่งชั้นก็หันมาฉีกยิ้มแฉ่งให้ผม ดวงตาสีน้ำตาลทอประกายดีใจและออดอ้อนขอคำชม


"เก่งมากเลยครับ"

"เทมเก่งเหรอ เทมเก่งเหรอ มุก้อเก่ง มุเก่งที่จุดเยย"


เด็กผู้ชายในเสื้อยืดสีเทาหันมาชูสองนิ้วโป้งให้ผม เราพลัดชมกันไปชมกันมาจนถึงชั้นล่าง ผมพาเทมไปนั่งรอที่โซฟา เด็กชายก็นั่งเรียบร้อยรอคอย กับขนมก็จะน่ารักเชื่อฟังเป็นพิเศษสินะครับ ผมหันไปบอกคนดูแลให้เอาขนมเข้ามา แค่ครู่เดียว ขนมหลากหลายในจานกระเบื้อง พร้อมเครื่องดื่มสีสวยก็ถูกเอามาวางไว้ตรงหน้าเด็กน้อยที่กำลังตื่นเต้นที่จะได้ทานขนมหวานที่เจ้าตัวชอบ ในจานมีผลไม้หลายอย่างและขนมหลากชนิด


เป็นขนมที่ผมขอให้แม่ครัวทำขึ้นมา ไม่ก็เป็นขนมสั่งทำจากข้างนอก หรือไม่ก็เป็นขนมแบรนด์เฉพาะจงเจาะเท่านั้นครับ ขนมที่เทมทานจะเป็นขนมที่ผสมพวกสิ่งที่มีประโยชน์เข้าไปและไม่ใส่น้ำตาล แต่ใช้สารให้ความหวานจากธรรมชาติเช่นหญ้าหวานแทน วันนี้มีคัพเค้กแครทและมัฟฟินกล้วย มีคุ้กกี้บล็อคโคลีที่เจ้าตัวเล็กเขาเข้าใจว่าเป็นชาเขียวด้วยครับ


เทมเลือกหยิบคัพเค้กที่สีสันสดใสที่สุดมาก่อน จับเข้าปากจมแก้มที่ใหญ่อยู่แล้วยิ่งบวมออก ตอนเขาเคี้ยวก็เหมือนเจ้าแก้มขาวชมพูนั่นจะเด้งดึ๋งไปมาเหมือนลูกบาสเด้งขึ้นลงกับพื้น


ผมนั่งจิบชาดูภาพนั้นอย่างสบายอารมณ์ คิดถูกจริงๆที่เลือกไปเรียนช้าหน่อย แล้วเอาเวลามาอยู่กับเขา


อา ผมไม่ได้เหลวไหลทิ้งการเรียนนะครับ พอดีว่าผมไปสอบเทียบจนจบประถมหกไว้แล้วเรียบร้อย ระดับผลคะแนนสอบของผมเต็มร้อยคะแนนเต็มจนคุณพ่อคุณแม่ค้านอะไรไม่ได้ เอาตามจริงแล้วถ้าจะสอบเทียบจนจบมัธยมสาม หรือจะหกถ้าตั้งใจหน่อยก็ทำได้ไม่ยาก แต่ผมก็เลือกแค่สอบเทียบจบประถมหก พร้อมโอนหน่วยกิจของตอนที่เรียนโฮมสกูลที่มอสโกมาด้วย ทำให้ตอนนี้ต่อให้ผมไม่ไปโรงเรียนก็ไม่เป็นอะไรครับ ค่อยไปเริ่มเรียนตอนประถมหกเลยก็ยังได้ แต่ผมคิดว่าจะจับเทมปุระมาติวหนักในสามเดือน พร้อมใช้เส้นสายนิดๆหน่อย ให้เขามาเริ่มชั้นเรียนประถมสามพร้อมกับผมปีหน้า


ที่เทียบจบหกก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมจะใช้สามปีเน้นอยู่กับเขาน่ะครับ ถ้าเทียบจบแค่สาม กลัวจะมีเผลอไม่ตั้งใจเรียนแล้วผลการเรียนที่จะส่งให้คุณยายจะดูไม่ดี เลยเทียบให้จบหก แล้วค่อยตั้งใจเรียนแบบเด็กทั่วไปตอนขึ้นมัธยมแทน ไม่งั้นโรงเรียนก็จะน่าเบื่อเกินไปหน่อยน่ะครับ ถ้าเทียบจบยันมัธยมหกไปเลย


แทบจะอดใจรอไปเรียนกับเขาไม่ไหวแล้ว


"เออะ ทำไมทำหน้าตาเจ้าเล่ห์น่ากลัวจังอะเฮียหมู" เสียงหย็องหย็องที่หัวฟูกลับจากโรงเรียนเข้ามาหาอะไรกินขัดจังหวะความคิดของผม ไม่ต้องสงสัยครับ ทุกคนเริ่มไปโรงเรียนแล้วครับ มีแค่ผมที่ยังไม่ไป แล้วพวกเราก็เรียนคนละโรงเรียนกันหมดเลยครับ แยกกระจายไปคนละที่ แถมแทบจะคนละฝากของเมืองเลยทีเดียว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่เห็นว่าตอนอยู่รัสเซียทุกคนก็เลือกเรียนแยกกัน คิดว่าคงจะเบื่อขี้หน้ากันมั้งครับ ถ้าจะอยู่บ้านก็เจอ ไปโรงเรียนก็เจอขนาดนั้น


มีแค่ผมที่เทมเปิดใจกว้างให้ แต่กับคนอื่นถึงจะผ่านมานานแล้วแต่ก็ยังไม่คุ้นชินด้วยเท่าไหร่ครับ เทมเขยิบมาใกล้ผม ก่อนจะใช้ตัวผมเป็นตัวกลางกั้นบังเจ้าตัวกับหย็องหย็อง แล้วค่อยๆ โผล่หน้ามาทักทาย


"เอ่อ ส-สะหวัดดีคับงองงอง"

"หย็องหย็องไหมล่ะเทม งองงองนี่อย่างกับชื่องูเก็งกอง ไหน พูดใหม่สิ หย็องหย๊องงงงงงง!"

"เทมก้อเรียกงองงองว่างองงองนะ เทมปิดเรียกเหรอครับมุ"
เทมที่ตกใจเสียงหย็องหย็องจนลนเล็กน้อยรีบมาเกาะติดผม

"ไม่ผิดครับ เทมทานขนมต่อนะ หย็องอย่าเสียงดัง จะเสียงดังทำไมอยู่ใกล้กันแค่นี้ พูดเสียงเบาๆหน่อยสิ"
ผมเลื่อนจานขนมมาไว้ตรงหน้าเพื่อเบี่ยงความสนใจของเขา ก่อนจะตำหนิน้องชายตัวเองเล็กน้อย พอโดนดุหย็องหย็องทำปากเบะก่อนจะตรงมานั่งข้างๆผม พร้อมพูดตัดพ้อแกมประชด

"เฮียหมูอ่ะ อยากจะแหมให้ถึงดาวพลูโต ลำเอียงตลอดดดดดดดดดดดดดด หย็องพูดเสียงเบากว่านี้ก็กระซิบแล้วเถอะ...รู้แล้วน่า ไม่ต้องมาทำตาเข้ม เสียงเบาลงก็ได้ แล้วนี่คนอื่นยังไม่กลับอีกเหรอ"


หย็องหย็องที่ถามเฉยๆไม่ได้ต้องเอื้อมมือไปแย่งขนมบนจานของเทม เด็กน้อยของผมก็ไม่ห้ามอะไร แค่น้ำตาคลอหน่วยเงียบๆ บนถาดก็มีเยอะแยะ มาแย่งเทมทำไมนะ ผมตีมือเจ้าขโมยตัวดีดังเพียะ ก่อนจะค่อยตอบคำถามให้


"เห็นว่าเฮียปลาจะค้างกับเพื่อน เจ้ไก่กลับดึก เฮียเนื้อหย็องก็กลับดึกๆเหมือนกัน"

"เฮียแม่งงงงงง ตีไม่ออมแรงเลย แล้ว อ้าว ไหงไม่อยู่กันหมด ป๊าม้าก็ไม่รับโทรศัพท์ งั้นหย็องขออนุญาตกับเฮียแทนแล้วกัน คืนนี้ไปเล่นเกมบ้านเพื่อนนะ" หย็องที่ตอนนี้พอมีเพื่อนก็เลิกวอแวกับผม กลายไปเป็นติดเพื่อนแทน

"ไกลหรือเปล่า กลับกี่โมง"

"ไม่ไกลๆ คอนโดมันอยู่ตรงบีทีเอสหน้าปากซอยเราเอง น่าจะสองสามทุ่มอ่ะ เดี๋ยวหย็องหนีบแม็กไปด้วย นะๆๆๆ เกมออกใหม่เลยอ่ะเฮีย ของหย็องยังส่งมาไม่ถึงไทยเลย"

"สองทุ่มถึงบ้านนะหย็อง พรุ่งนี้ก็ต้องไปเรียน แล้วนี่มีการบ้านหรือเปล่า ถ้ามีก็เอามาทำให้เสร็จก่อนค่อยไป"

"มีคณิตอ่ะ ค่อยทำ สบายยยย" วิชาใดๆที่ล้วนไม่ใช่วิชาทางภาษา หย็องทำได้ดีมากครับ เห็นท่าทางโง่ๆแต่ก็ฉลาดมากกว่าที่คิดหลายสิบเท่าเลยทีเดียว ผมเลยยอมปล่อยผ่าน พยักหน้าตกลงให้เจ้าตัว

"เย้! งั้นหย็องไปละ เดี๋ยวได้เล่นน้อย ไปนะเทม ไปนะเฮีย"


จะไปยังไม่วายแอบหยิบคุ้กกี้ในจานเทมไปอีกครับ ผมอยากตีให้มือหักแต่ก็ไม่ทันเจ้าลิงที่วิ่งออกนอกห้องครัวไปแล้ว เทมที่มองผมตาแป๋ว เลิกสนใจขนม ผมเลิกคิ้วงงๆกับสายตาวิบวับของเขา


"มุ มุ มุ มุกับงองงองพุดพาสา ภาษาอะไรเหยอ เหรอ เท่จัง"


ผมลืมว่าเวลาพูดกับคนในบ้านเวลาที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้าคุณแม่ ก็จะเผลอกลับไปพูดภาษารัสเซียครับ เพราะถ้าจะให้พูดภาษาไทยกับหย็องหรือเฮียนี่ผมปวดหัวและรำคาญมาก กว่าจะคุยกันรู้เรื่องแทบจะต้องทานพาราสามเม็ด เลยตัดจบด้วยการพูดเฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าคุณแม่แทน ลับหลังก็คุยปกติ เทมที่คงฟังไม่ออกว่าพวกผมพูดอะไรกันก็เลยงงๆ แต่สายตาชื่นชมของเขาก็ทำเอาผมเขินอายขึ้นมาไม่น้อย


"ภาษารัสเซียครับ เป็นภาษาบ้านเกิดหมูเอง"

"บ้านเกิดมุเหรอ บ้านเปนคุแม่เหรอ คุแม่มุไม่ใช่มะม้าเหรอ"


เอ่อ ไม่ใช่แล้วนะครับเทม ไม่ใช่เกิดแบบนั้นครับ...


"บ้านเกิดคือประเทศที่เกิดน่ะครับ อย่างเทมก็เกิดที่ประเทศไทย บ้านเกิดก็จะเป็นประเทศไทย แต่ถ้าบอกว่าคนให้กำเนิด ถึงจะหมายถึงคุณแม่ครับ"

"อ๋อๆๆๆ มุเท่จัง! มุเก่ง มุเก่ง พูดได้เยอะภาษามากจังเลย"

"ให้หมูสอนภาษารัสเซียให้ไหมครับ?"

"เล่นเปนคุคูเหรอ มุเป็นคุคูของเทมเหรอครับ"

"ใช่ครับ"

"เย้ๆ โอเก โอเก เทมจะตั้งใจนะครับคุคูมุ้วววว"


เทมที่สวมบทนักเรียนนั่งหลังตรง จ้องมองผมด้วยดวงตาตั้งอกตั้งใจ ท่าทางพร้อมเรียนรู้ของนักเรียนจำเป็น เล่นเอาคุณครูเพิ่งเป็นอย่างผม คิดจะผิดจรรยาบรรณของครูผู้สอน ด้วยการจับนักเรียนตัวเองมาฟัดเสียแล้วครับ


"งั้นมาเริ่มด้วยคำแรกนะครับ"

"ได้เลยครับ!"

"Я тебя люблю"


ผมพูดด้วยเสียงที่เนิบชาและชัดเจน เพื่อในนักเรียนฟังและพูดตามได้ง่ายๆ แอบนึกขำว่าเขาคงจะแอบลิ้นพันกันจนพูดไม่ได้ แต่ตรงกันข้าม แม้สำเนียงจะไม่ได้ แต่เขาเก็บทุกตัวอักษรมาได้ครบ จากผู้กลั่นแกล้งที่หวังใช้ภาษาที่เขาไม่เข้าใจ เป็นเกราะกำบังความขี้ขลาดของตัวเอง เพื่อบอกความในใจ
กลับเป็นผู้พ่ายแพ้ และแทบตายเมื่อใบหน้าที่หันมามองกัน อัญมณีสองสีสบตากันไม่เบือนไปไหน ดวงตาสีเอนสตาไทต์ฉายชัดถึงความแน่วแน่ และเสียงที่ตั้งใจ แสดงถึงความจริงจัง


"ยา...ยา ทิบยา...ยา ทิบยา ลูบลู? ยา ทิบยา ลูบลู!"


อา...แค่เพียงครั้งเดียวก็แทบสิ้น แต่พูดถึงสองครั้งปลิดขั้วหัวใจคนฟังจนขาดออก
ผมได้ตายลง ณ โซฟาตัวนี้แล้วครับ เหมือนจู่ๆมวลเทพและเหล่าเทวดานางฟ้าก็ย้ายสวรรค์มาไว้ที่ข้างล่างนี้ ผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว โดยเฉพาะใบหน้า ทั้งหน้าผากและพ่วงแก้มร้อนจัด น่ากลัวว่าถ้าเอามือไปโดน มือก็อาจจะไหม้เอาได้ หัวใจเต้นตึกตักตึกตักด้วยจังหวะหนักหน่วงจนแทบจะหายใจไม่ทัน รู้สึกมีระเบิดระเบิดตู้มต้ามอยู่ในหัวตัวเอง หูอื้ออึงและสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก



ไม่คิดว่าเขาจะพูดได้ แถมพูดเสียชัด พูดด้วยใบหน้าตั้งอกตั้งใจใส่กัน



Я тебя люблю
ยา ทิบยา ลูบลู
ผมรักคุณ



"มุ ไม่สบายเหรอ แดง แดงจังเลย!"


แดงเพราะใครล่ะครับ
อา...นี่ผมทำร้ายหัวใจตัวเองทำไมกันนะ สงสัยผมคงจะเจ็บแล้วไม่จำเหมือนกับหย็องเสียล่ะมั้งครับ ผมถึงได้ถามคำถามเขาออกไปอีกครั้ง ไม่สนเจ้าหัวใจที่เต้นแรงจนเจ็บไปหมด ความสุขที่พุ่งขึ้นสูงเหมือนกับยาชาและสิ่งเสพย์ติดชั้นดีทำผมลุ่มหลงตกเหวลึก เป็นหุบเหวที่ผมกระโจนตัวยินยอมตกลงไปเอง
เป็นอาหารเลิศรสที่ผมหวังจะได้ลิ้มลองอีกครั้ง


"หมูจะถามว่าเทมชอบทานขนมไหมเป็นภาษารัสเซียนะครับ เทมแค่พยักหน้ารับก็พอ...ได้ไหมครับ"


เทมดูเป็นห่วงผมที่นั่งตัวตรงหน้าแดงจัด แต่พอผมเอ่ยปากขอเขาก็ยอมเชื่อฟัง
พอเห็นเขาพยักหน้ารับ ผมก็เอ่ยถามออกไป ถามเขาหลายประโยค แต่เขาก็ใจดีพยักหน้าตอบรับทุกคำถาม



"Я не могу без тебя"
ผมเสพย์ติดคุณ



คำถามชอบขนมหวานแปรเปลี่ยนเป็นคำสารภาพรักของคนขี้ขลาดที่พรังพรูออกมาไม่หยุด



"Ты мне очень нравишься...Это была любовь с первого взгляда...Ты так дорога мне"
ผมชอบคุณมากๆ...คุณเป็นรักแรกพบของผม...เป็นสิ่งล้ำค่าของผม


เขาพยักหน้ารับรู้...




"Я тебя люблю...Я люблю тебя от всего сердца"
ผมบอกรักเขาซ้ำอีกครั้ง บอกเขาอีกครั้งว่า

ผมรักคุณ ผมรักคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ


แล้วเขาก็พยักหน้าตอบรับคำสารภาพรักของผม



"Я хочу быть с тобой всю оставшуюся жизнь"
ผมอยากอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต


เขาตอบรับคำพันธสัญญา



"Будь моей?"
เป็นของผมนะ? ผมถามหยั่งเชิง


...และเขาพยักหน้าตอบรับ



"дорогой...Выходи за меня замуж"
ที่รัก...แต่งงานกับผมนะ


และเขาตอบตกลง



น้ำตาไหลซึมอยู่ที่ขอบตา ความสุขประเดประดังเข้ามาไม่ขาดสาย



นับแต่นี้ไป
เขาเป็นของผมแล้ว















end 19 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง


เราอยู่ด้วยกันมาครบ 30 วันแล้วนะคะ
Я не могу жить без тебя
I can’t live without you : )

โซเฟียริน
zofiarin lll moore



หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 20 * 29/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Lautenyu ที่ 01-10-2018 17:26:11
ร้ายกาจมาก  :mc4:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 20 * 29/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 01-10-2018 19:39:03









21










"ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยยยยยยยย เธอช่างไม่รู้อะไรบ้างเล้ยยยย ว่าเพื่อนคนหนึ่ง มันแอบ มันคิด อะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกันนนนนนนนนน ♪ "


วิมารที่ผมสร้างแตกสลายพังทลายโดยพลัน เมื่อเยื่อใยที่สบกันถูกตัดขาด ด้วยเสียงร้องเพลงของพี่ชายที่บอกจะไปค้างบ้านเพื่อน ผมกระเด้งตัวออกมาจากเทม ยกมือขึ้นปิดหน้า เพิ่งรู้ตัวเองว่ายื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาเอาเสียมากๆ...ใกล้...มากๆ


"หึหึ...เพลงเพราะเนอะเทม คิดเหมือนเฮียไหม"


เทมปุระที่ดูมึนงงกับสถานการณ์ที่จู่ๆผมก็นิ่งเงียบแล้วตัวแดงฉาน กว่าผมจะรู้สึกตัวก็ตอนโดนเฮียปลาหย็องเข้ามาประชิดถึงโซฟาพร้อมตะโกนร้องเพลงเนื้อหาน่าต่อยให้ฟันร่วง ในมือเจ้าตัวถือโทรศัพท์ส่ายไปมา ยกยิ้มเจ้าเล่ห์...ให้ตายสิ ไหนบอกว่าจะไปค้างบ้านเพื่อนไงครับ โผล่มาได้ไงกันนะ ผมตวัดสายตาขุ่นมัวที่ถูกขัดจังหวะไปให้แขกผู้มาใหม่


"เฮี้ยปาสวัดดีครับ"

"เฮียลูก ไม่ต้องเสียงสูง ไม่ใส่ไม้โทเนอะ ออกเสียงต่ำๆเข้าไว้นะครับ"

"เอี๋ยปา"

"นั่นก็ต่ำไป๊"

"เฮียปา"

"ดีมากกกกก แล้วทำไรกันอยู่อะ เฮียเล่นด้วยคนสิ" เฮียปลาหย็องเอื้อมมือไปขยี้หัวเทมปุระ เทมที่ชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะยอมให้ลูบแต่โดยดี ก่อนจะยิ้มรับคำชมจนแก้มตุ่ย ผมเห็นแล้วจากที่เคืองเป็นทุน ก็หงุดหงิดขึ้นมา

"ไม่ใช่ว่าจะไปค้างบ้านเพื่อนหรือยังไงครับ ทำไมถึงกลับมาเสียได้ล่ะ หรือว่าเพื่อนเลิกคบแล้วครับ"

"หูย เสียงเย็นชาที่หายไปนาน กลับมาอีกทีจำปานี่ขนลุกเลยค่ะพี่หมู เพื่อนยังรักดีอยู่จ้า คือแบบว่าเฮียต้องค้างเพิ่มสองสามวันอ่ะ เลยกลับมาเอาหนังสือไปเพิ่ม จริงๆว่าจะโทรมาบอก แต่โทรศัพท์เฮียพังมั้ง โทรเข้าออกไม่ติดเลย"

"พังก็ซื้อใหม่เสียสิครับ แล้วก็ไปเตรียมหนังสือได้แล้ว จะมายืนเสียเวลาให้รกหูรกตาอยู่ทำไม"

"ยอมแล้วจ้า งั้นเฮียไปแล้วนะ อ้อ...ถ้าอยากได้คลิปหรือรูปฉากเด็ดเมื่อตะกี้...บอกเฮียได้นะหมูหย็อง เฮียถ่ายไว้ให้ชัดแจ๋วเลย หึหึ ทันตั้งแต่ Я тебя люблю เลยล่ะไอ้น้องชาย"


ผลัวะ


เสียงผมปาหมอนอิงไล่หลังโจเชฟไป หวังให้โดนจุดที่เจ้าตัวจะเจ็บที่สุด แต่พี่ชายคนโตของผมหลบได้แบบหวุดหวิด วิ่งฉิวไปที่ประตู เมื่อเห็นผมหยิบอาวุธหนักเป็นแก้วน้ำชา ก่อนจะพ้นประตู ไม่วายยังจะหันมาโบกโทรศัพท์ในมือยั่วโมโหผมอีกครั้ง


ผมอุตสาห์พยายามคิดว่าเขาคงจะเข้ามาไม่ทันเห็นหรือได้ยินอะไรแล้วนะ บ้าจริง...นี่เขาดันเห็นและได้ยินหมดทุกอย่างเลย เห็นผมมัดมือชกเด็กน้อยใสซื่อ เห็นผมใช้ความเจ้าเล่ห์ เห็นผมใจร้อน ร้อนรนจนหลุดภาพลักษณ์ ผมครวญครางในลำคอ ผมอยากให้เป็นแค่เทม...อยากให้เป็นแค่เทมปุระที่ได้เห็นผมในช่วงเวลาที่ดูน่าอายแบบนั้นมากกว่า


ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นระเบิดเวลาที่กำลังจะแตกตัวภายในวินาทีข้างหน้า ผมพยายามข่มใจตัวเองให้เย็นลง แต่แก้มที่ร้อนผ่าวๆกลับไม่ให้ความร่วมมือ ถูกคนในครอบครัวมาเห็นตอนจีบหนุ่มนี่น่าอายจะตายชัก


แปะ


"มุ มุ มุเป็นอะไรครับ หิวหิวเหรอ ไม่สบายเหรอ" มือนุ่มนิ่มแปะลงมาที่แก้มของผม ผมที่กำลังอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองสะดุ้งตกใจเล็กน้อย พอตั้งสติ เห็นท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของเด็กชายตรงหน้า ก็ทำให้ใจที่ไม่สงบกลับมาเต้นด้วยจังหวะที่มั่นคงอีกครั้ง ผมทาบทับฝ่ามือตัวเองไปบนมือเล็กอีกที หวังให้สัมผัสของผมสื่อถึงเขาได้ ว่าผมไม่ได้เป็นอะไร


ช่างมันเถอะ ใครจะเห็นก็ช่าง...การได้แสดงความรักต่อเด็กผู้ชายคนนี้ มันเป็นเรื่องที่ดีและผมควรภูมิใจ


"หมูไม่ได้เป็นอะไรครับ แค่ตกใจเฮียปลาที่จู่ๆก็เข้ามาเฉยๆ"

"อ๋อ อ๋อ เทมก็ใจตกนะ แต่ก้อเห็นเฮี้ยปาย่องๆมาหามุ ทำมือ จุ๊ๆๆๆ แบบนี้ด้วย"


โจเชฟ โจวิช ชาโรนอฟ....!! บัดซบ...เขามันมารผจญชัดๆ!


"วันหลังถ้าเขาเข้ามาใกล้ บอกหมูนะครับเทม รู้ไหมครับ"

"โอเก โอเก ตีแรกเทมก้อว่าจะบอกมุมุนะ แต่ว่ามุดูตั้งใจ เทมก็เลยไม่ก้าบอก ฟังมุเพลินๆด้วย เสียงมุพูดราดเซียเพราะมาก แต่ทำไมคำถามมันพุดไม่เมิ๋นกันล่ะมุ"


ประโยคยาวๆที่นานๆครั้งเทมปุระจะพูด เป็นประโยคที่ที่รวบรวมความเขินของผมไว้ในนั้น ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีเลยครับ ไม่อยากโกหกแต่ก็ไม่อยากพูดความจริงด้วย...ในความกล้าหาญก็มีความขี้ขลาดมากมายอยู่ ผมตัดสินใจพูดจาเสเปลี่ยนเรื่อง ดึงความสนใจเขาออกไปในประเด็นการกระทำอันน่าอายของผม


"เทมสอนหมูพูดภาษาไทยบ้างสิครับ"

"ได้สิๆๆ โอเก งั้นมุไม่คูแล้วนะครับ เทมคูแทน ไหนๆ พุดว่าไรดี มุอยากพุดว่าไร สั่งขาหนมไหม เทมสั่งเก่งมากมากคุแม่บอก"


ผมอมยิ้มให้คุณครูเทมปุระที่ตั้งอกตั้งใจสอนผมด้วยคำพูดคำจาที่หาความชัดเจนหรือถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ไม่ได้สักนิด แต่แปลกที่ถูกใจผมเสียเหลือเกิน ผมพยักหน้าตอบรับคุณครูสอนภาษาไทยจำเป็นของผม ให้เริ่มการสอนวิธีพูดสั่งขนมได้เลย 


"ขอปลอกกี้ ไม่ใส่ผัก กล่องไม่แกะหนึ่งห่อครับ ไม่หนมจีบไม่ซาลาเปา ไมโครเวฟไม่ต้องแช่ ขอบคุณครับ"


ผมพยายามกลั้นยิ้มแทบตาย กับคำสั่งซื้อขนมสุดแสนน่ามึนงงนั่น คำสั่งซื้ออะไรของเขาครับนั้นน่ะ ทั้งเรียงประโยคไม่ถูก ใช้คำได้ผิดและมั่วสุดๆ ใบหน้าน่ารักที่พยายามบังคับริมฝีปากตัวเองให้พูดชัดๆนั่น น่ารักจนผมแทบขาดใจ และผมแทบจะสำลักลมหายใจตัวเอง เมื่อใบหน้าจิ้มลิ้มของเทมปุระทำหน้าจริงจัง แบบว่ามั่นใจสุดๆกับความถูกต้องของประโยคตัวเอง แถมยังพูดช้าๆพยายามพูดให้ชัด แล้วพูดซ้ำๆให้ผมฟังเสียตั้งหลายรอบ เป็นคุณครูที่มีความตั้งใจสอนสูงมากเลยครับ หึหึ ถ้าอาจารย์สอนภาษาไทยของผมมาได้ยินเข้า คงจะต้องร้องไห้และหอบหนังสือกลับไปเรียนใหม่แทบไม่ทัน กับภาษาไทยของอาจารย์เทมปุระน่ะ ใครก็สู้ไม่ได้จริงๆ


"โอเคครับ หึหึหึ...หมูต้องพูดว่าไงบ้างนะครับคุณครูเทม"

"มุต้องพูดว่า ขอปลอกกี้ ไม่ใส่ผัก กล่องไม่แกะหนึ่งห่อครับ ไม่หนมจีบไม่ซาลาเปา ไมโครเวฟไม่ต้องแช่ ขอบคุณครับ"

"ขอป็อกกี้ ไม่ใส่ผัก กล่องไม่แกะหนึ่งกล่องครับ ไม่เอาขนมจีบไม่เอาซาลาเปา ไม่ต้องอุ่นไมโครเวฟ ขอบคุณครับ"

"ยังไม่ช่ายนะคับมุ ต้องไมโครเวฟไม่ต้องแช่ ขอบคุณครับจิ"

"ไมโครเวฟเราใช้คำว่าอุ่นนะครับเทม"

"อ๋อ...เทมก้อว่าอยุ่ พี่พานักงานดุงงๆ...เทมขอโทดนะครับ เทมสอนมุผิดเลย มุเก่งจัง เอาไปสิบแต้มๆๆๆๆเลยครับ"



ความน่ารักของเขาที่ผมชอบมาก คือเขาไม่อายเลยในการพูดขอโทษและยอมรับผิด เขาไม่มีกำแพงทิฐิที่สูงเฉียดฟ้า มีเพียงกำแพงดินเล็กๆน่ารัก พร้อมประตูใบจิ๋วที่พร้อมเปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นของผมเสมอ ยิ้มเอ็นดูติดริมฝีปาก


"ไม่เป็นไรครับ เทมก็สอนหมูเก่งมากเลย ไว้หวันหลังเราไปซื้อขนมด้วยกันนะ"

"โอเกเลยครับ อ๊า จิงสิๆๆๆ เทมก้อพุดภาษาอื่นได้นะมุ มุยินไหม"

"หมูฟังไหมครับ หืม...เทมพูดภาษาอื่นนอกจากไทยได้ด้วยเหรอครับ ภาษาอะไรครับ ไหนลองพูดให้หมูฟังสิ"

"หมูฟังไหมครับ โอเกเหรอ ได้ๆ ยินเทมนะ เอ้ย ฟังเทมนะครับ KJSDA(*@(@&#()@+!)leddfspo+=-@#$%"



เอ่อ...ผมว่าน่าจะเป็นภาษามนุษย์ต่างดาวนะครับ...
เกินความสามารถของผมจริงๆ ภาษานี้...


เทมยังคงพุดกุ๊กแก๊กกุ๊กกู๋ให้ผมฟัง ผมก็นั่งฟังเขาพูดแม้ว่าจะไม่เข้าใจ แต่ท่าทางตั้งใจของเขาก็น่ารักมากเกินกว่าผมจะขัดเขาได้ลงครับ คุยกันไปสักพัก เมดคนหนึ่งก็เดินมาพร้อมโทรศัพท์บ้าน


"คุณหนูดิมิทรีคะ มีสายเข้ามาค่ะ บอกเป็นธุระสำคัญ ต้องการคุยกับคุณท่านกับคุณผู้หญิง"

"โอนสายไปไม่ได้หรือครับ ตอนนี้ผมมีแขกอยู่นะ"

"ต้องขอโทษที่รบกวนด้วยนะคะ พอดีว่าโอนสายไปไม่ติดเลยค่ะ เลขาของทั้งสองท่านแจ้งว่ากำลังในอยู่ประชุมทั้งคู่"


ผมเลยจำใจหยุดพักบทสนทนากับเด็กน้อยของผม แล้วมาทำหน้าที่เจ้าบ้านที่พอจะว่างอยู่คนเดียวตอนนี้


"หมูรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ"

"โอเคครับ เทมจะจุ๊ๆๆๆไว้นะ"



[ ฮัลโหลครับ เอ่อ คือว่าใช่พ่อแม่ของเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้หรือเปล่าครับ? ]

"ไม่ใช่ครับ พอดีคุณพ่อคุณแม่ไม่ว่างรับสายตอนนี้ ถ้ามีอะไรก็ฝากไว้ได้เลยครับ"

[ เจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้กำลังบาดเจ็บสาหัสอยู่น่ะครับ แต่ในกระเป๋าไม่มีข้อมูลอะไรเลย คิดว่าอาจจะถูกปล้น ถ้ายังไงรบกวนมาที่โรงพยาบาล xxxx ตรง xxxx ได้ไหมครับ พอดีต้องมีคนเซ็นยินยอมเรื่องผ่าตัด เดี๋ยวผมส่งพิกัดที่อยู่ไปให้ทางข้อความ ]


"!!"


ผมรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเบอร์โทรทันที ในหัวคิดเทียบตัวเลขสิบหลักว่าเป็นของใคร
...หย็องหย็อง เจ้าเด็กโง่!!


[ รบกวนรีบๆมาด้วยนะครับ เจ้าของเครื่องอาการหนักมากและแย่มากๆ ]

"รบกวนส่งที่อยู่มาได้เลยครับ ผมจะรีบไปทันที"


ผมกดตัดสายด้วยความร้อนใจ ไม่รู้เจ้าเด็กบ้านั่นไปโดนปล้นได้ยังไงกัน แค่หน้าปากซอยไม่ใช่เองหรือ ผมร้อนรนไปหมด ก่อนจะรีบเรียบเรียงความคิด ผมว่าผมควรไปที่โรงพยาบาลเสียก่อน ไม่ว่ายังไงตอนนี้ความปลอดภัยของหย็องหย็องก็สำคัญที่สุด ผมรีบบอกเมดให้เตรียมรถเพื่อไปตามที่อยู่ที่เขาให้ไว้ทันที


"มุ มุ มุไปไหนครับ" เทมเดินตามผมออกมา เขาเห็นสีหน้าแตกตื่นของผมจนตกใจตาม ผมต้องไปโรงพยาบาล และผมรู้ว่าเขากลัวโรงพยาบาล แต่ผมก็ไม่อยากปล่อยเทมไว้คนเดียว คืนนี้คุณป้าเข้าเวรดึกเสียด้วย ในบ้านก็ไม่มีใครที่เขาสนิทใจ


"หย็องหย็องบาดเจ็บครับ หมูต้องไปที่โรงพยาบาลนะ เทมจะไปกับหมูไหมครับ หรือว่าจะรอหมูอยู่ที่ห้อง"

"งองงองไม่สบายเหรอ ร-ร-ร-ร โรงพยาบาลเหรอ ท-เทม เทมไปด้วยนะครับ" ผมยิ้มรับ แม้ว่าเขาจะกลัว แต่ความเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น เขาก็ยอมก้าวข้ามความกลัวของตัวเอง ผมหยักหน้ารับ
พอเมดเดินมาบอกว่ารถเตรียมพร้อมแล้ว ผมก็จูงมือเทมไปขึ้นรถทันที


รถเคลื่อนตัวออกมาด้วยความเร็วสูง


ระหว่างทางผมเอาแต่ร้อนใจ และพยายามโทรหาคุณพ่อคุณแม่เพื่อแจ้งข่าวเรื่องน้องชายคนเล็กที่บาดเจ็บหนัก แต่ก็ไม่มีคนรับสาย เฮียปลาหรือเฮียเนื้อหย็องก็ไม่รับ กระทั่งเจ้ไก่ก็มีเพียงตอบรับอัติโนมัติตอบกลับมาเท่านั้น


วันนี้มันวันอะไรกันนะ...จู่ๆก็มาติดธุระพร้อมกันเสียได้
ผมฝากข้อความเสียงและส่งข้อความทิ้งเอาไว้ให้คนอื่นๆ


หลังจากวุ่นวายกับโทรศัพท์เสร็จ ผมก็มองออกไปนอกหน้าต่างรถที่กำลังแล่นออกนอกตัวเมือง


สองข้างทางดูเปลี่ยวและไร้บ้านคนมากขึ้นเรื่อยๆ ความวังเวงห่างไกลฝูงชนและความเจริญดูไม่ใช่สถานที่ที่น้องชายของผมจะมาเที่ยวเล่น


ผมขมวดคิ้วแน่น แปลก หย็องหย็องมาทำอะไรแถวนี้...


ไม่ใช่...


สัญชาตญาณของผมกู่ร้องดังลั่น
เรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากลแล้ว!


ผมดึงเทมปุระที่นั่งเงียบมาใกล้ตัว ก่อนจะส่งเสียงบอกคนขับรถที่ดูไม่คุ้นหน้าคุ้นตา


"วกกลับไปที่บ้านก่อน คุณพ่อคุณแม่บอกให้รอท่านแล้วไปพร้อมกัน"


ผมตัดสินใจพูดโกหกออกไป ไม่อยากให้สัญชาตญาณตัวเองแม่นยำขนาดนี้มาก่อน คนขับรถเหลือบมองผมทางกระจกมองหลัง ชายร่างใหญ่ยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนเสียงหัวเราะน่ากลัวจะดังขึ้น


ภาษารัสเซียบ้านเกิด ที่ผมไม่คิดอยากจะได้ยินในตอนนี้ดังมาจากคนที่ควบคุมพวงมาลัยรถ


"หึหึหึ...รู้ตัวเร็วจริงนะคุณหนู แต่ผมคงจะวนรถกลับไปไม่ได้หรอกครับ มีแต่ต้องพาคุณไปส่งให้ได้เท่านั้น"


บัดซบ...ทุกอย่างกระจ่างขึ้นมาทันที มันแปลกตั้งแต่ทุกอย่างดูผิดแผกไปหมด ไม่มีคนอยู่ที่บ้าน ไม่มีคนรับสาย ผมควรเอะใจตั้งแต่หย็องหย็องบอกป๊าม๊าไม่รับสายแล้ว ไหนจะโทรศัพท์ของเฮียปลาที่โทรเข้าโทรออกไม่ได้อีก ความบังเอิญไม่มีจริง ผมควรจะรู้ตัวให้เร็วกว่านี้ ควรจะใจเย็นให้มากกว่านี้ ควรจะตัดสินใจให้รอบคอบมากกว่านี้ ขึ้นรถมาโดยที่ไม่ได้มองหน้าคนขับให้ดีนี่มันโง่ชัดๆ


การที่ผมมาอยู่กับครอบครัวคุณพ่อคุณแม่นานเกินไป ทำให้ผมลดหย่อนความตื่นตัวและความระแวงลง ไม่คิดเลยว่าพอหลุดพ้นจากชาโรนอฟแล้วการลักพาตัวยังจะเกิดขึ้นอีก


ผมไม่ห่วงอะไรเลย...



ถ้าหากมีเพียงผมถูกจับตัวมาคนเดียว ผมจะไม่ลังเลที่จะเปิดประตูรถตู้ออกแล้วกระโจนออกไปกลางถนน ไม่สนใจรถที่วิ่งแล่นด้วยความเร็วสูง ความเร็วของรถคันนี้ถ้าหากเปิดประตูและกระโจนลงไปแน่นอนว่าต้องเจ็บตัว และที่ร้ายกาจคืออาจจะถึงขั้นแขนขาหักได้ แต่ผมที่เคยฝึกฝนมาแล้ว รู้ท่าทางการลงที่ถูกต้อง บวกกับร่างกายที่ไม่ได้หนักมากของเด็ก ทำให้อย่างมากแค่ฟกช้ำ ถลอกและจุกเท่านั้น สามารถวิ่งเข้าไปหลบซ่อนตัวและหาความช่วยเหลือได้อย่างต่อเนื่อง


แต่ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่เคลือบไปด้วยความเป็นห่วงหย็องหย็อง ความใสซื่อและไม่รู้เรื่องรู้ราวของคนข้างตัว...
เขาเป็นความเป็นห่วงเพียงหนึ่งเดียวของผม



ผมไม่กล้าเอาทุกความเสี่ยงมาเล่น ไม่กล้าใช้ทุกความบ้าบิ่นมาต่อกร
ความปลอดภัยของเขาเป็นหนึ่งเดียวที่ผมคำนึง


"คุณเป็นใคร จับผมมาทำไม ถ้าต้องการเงิน บอกตัวเลขมา ผมสามารถโอนให้คุณได้ตอนนี้ เดี๋ยวนี้"


ผมเริ่มต่อรอง ถ้ามันเป็นพวกหน้าเงิน แค่เพียงจับผมมาเรียกค่าไถ่ ทุกอย่างจะจบลงอย่างง่ายดาย ได้แต่หวังว่าให้มันใช่ แม้ความเป็นจริงมันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม เซอร์กีย์ถึงไม่ใช่ตะกูลทางทหาร แต่ก็เป็นตะกูลนักธุรกิจ ในบ้านเก็บงำความลับของบริษัทมูลค่ามหาศาลไว้มากมาย การที่คนคนหนึ่งจะแฝงตัวมายุ่มย่ามไม่ใช่เรื่องง่าย และเศษเงินก็คงไม่ใช่เป้าหมายที่ควรค่าเสี่ยงชีวิต


"จุ๊ๆ คุณดิมิทรี คุณก็รู้ค่าตัวของคุณเองนะครับ เศษเงินที่คุณจะให้น่ะ ไม่คุ้มค่าเท่ามีตัวคุณเอาไว้หรอก"

"คุณคิดว่าจับตัวผมมาแล้วจะรอดหรือ ถ้ารู้จักชาโรนอฟดี คุณก็น่าจะรู้ว่าอำนาจการทหารในมือเรา เรื่องแค่นี้ก็แค่เรื่องตลกก่อนมื้อเย็นเท่านั้น เลือกให้ดีๆ เจ้านายของคุณมีอำนาจพอคุมกะลาหัวได้หรือไง ปล่อยผมไปซะ ในระหว่างที่มีโอกาส"

"ขู่ฟ่อๆเลยโว้ยยย ฮ่าๆ ที่นี่ประเทศไทยนะครับคุณหนู ไม่ใช่รัสเซีย ต้องให้เป็นดาเลียแอน ก็ไม่สามารถหายตัวมาช่วยคุณได้ภายในวินาทีนี้หรอก ไม่ต้องแตกตื่นไป อีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว นั่งให้สบายนะครับ อาจจะเป็นรถเที่ยวสุดท้ายที่คุณจะได้นั่งก็เป็นได้ ฮ่าๆๆๆๆ"


มันไม่โง่...มันไม่หลุดแม้แต่ข้อมูลหรือแสดงท่าทางลังเล
ผมสังเกตทุกอย่างรอบตัวและค้นพบว่าเสียงหัวเราะที่ดัง เพราะไม่ได้มาจากมันแค่คนเดียว แต่มีพรรคพวกของมันที่นั่งข้างหลังสุดของรถตู้อีกสองคน ตลับปืนแม้ข้างนอกจะเริ่มมืดมันก็สะท้อนแสงดำขลับเข้าตา...พวกมันมีอาวุธครบมือ มองเลยกระจกด้านหลังไป ก็มีรถสีดำสนิทขับประกบตามมา


เทมที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเขิยบเข้ามาใกล้ผม


"มุ มุ อีกไกลเหรอ งองงองจะไม่เปนไรเหรอ ไกลจังเลยเหรอ" ผมสบดวงตาใสกระจ่างแล้วปวดหนึบในอก ผมไม่ควรพาเขามาด้วยเลย เขาไม่ควรมายุ่งเกี่ยวและประสบพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้


ผมเป็นคนลากเขาเข้ามา...
ผมจะปกป้องเขาเอง


ผมยิ้มอ่อนโยน ลูบแก้มกลมนุ่ม


"ไม่เป็นไรครับ ทุกอย่างจะไม่เป็นอะไร เชื่อหมูนะ"
เชื่อหมูนะครับ ต่อให้ต้องแลกด้วยอะไร หมูก็จะทำให้เทมปลอดภัยให้ได้

"เชื่อมุนะ"
เทมปุระยิ้มหวานจ๋อยส่งคืนกลับให้ผม


ผมภาวนาให้เขาไม่รู้เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น ภาวนาให้ผมรักษารอยยิ้มนี้เอาไว้ได้ตลอดไป



หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 21 * 1/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 01-10-2018 19:39:31

ใช้เวลานานกว่าที่พวกมันบอก กว่าผมจะมาถึงโกดังร้างห่างไกลผู้คน กลิ่นสนิมของโรงสีเก่าฉุนกึกเข้าจมูกทันทีที่ก้าวย่างลงจากรถ ของแข็งที่ดุนหลังให้เดินตรงไป ไม่ต้องหันหลังไปมองผมก็พอรู้ว่ามันคืออะไร

"เอ้า เดินตามพี่ชายคนนั้นไปเลยคุณหนู อย่าตุกติดล่ะ ถ้าไม่อยากตัวเป็นรู"

ผมถูกผลักให้เดินไปตามทางเข้าโกดังที่มีแสงไฟริบหรี่ เทมที่เริ่มตัวสั่นเข้ามากอดแขนผมไว้แน่น

"มุ มุ มุ พี่คนขับหลงเหรอ โรงพะยาบาลเหรอ อะไรโดนหลังเหรอ" เทมที่เริ่มตกใจและดูหวาดกลัวเพราะชายชุดดำหลายคนเข้ามารุมล้อมพวกเรา เขาทำท่าจะหันไปมองสิ่งที่โดนหลัง ผมรีบจับคางเล็กให้เงยขึ้นมองผม

"นี่เป็นการเล่นนะครับ เล่นตำรวจจับผู้ร้ายไง เราเป็นประกัน เทมต้องเชื่อฟังหมูแล้วก็ทำตัวดีๆนะครับ เอาล่ะ เดินไปพร้อมหมูแล้วอย่าหันไปมองข้างหลังนะครับ" ผมยิ้มให้เขา เทมดูอยากจะพูดอะไรต่อ แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางจริงจังของผม เขาก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ผมเดินจูงมือเขาไปตามชายเสื้อดำที่เดินนำไปข้างหน้า

ข้างในปรากฏชายที่ดูท่าทางแข็งแรงหลายสิบคน ทุกคนล้วนมีอาวุธประจำกาย สถานการณ์ไม่สู้ดีเอาเสียเลย

"มาแล้วหรือ ยินดีต้อนรับนะ พอดีฉันก็เพิ่งมาถึงไม่นาน ถ้ายังไงก็หาๆที่นั่งตามสบายแล้วกันชาโรนอฟตัวน้อย"

ภาษารัสเซียเปล่งๆถูกพูดมาจากชายร่างท้วมที่สวมใส่ฟันปลอมสีทองอันใหญ่ล้นปาก ชายแก่คนนี้มันหนึ่งในสมาชิกพรรคที่เคยมาขอคำปรึกษากับคุณยาย...ผมจำเอกลักษณ์ฟันทองที่แสนไม่พอดีแต่ยังฝืนใส่ของมันได้ขึ้นใจ

"มิสเตอร์มารัต สวัสดีครับ ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นคุณ คะแนนเสียงการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็ดูดีไม่ใช่หรือครับ"

ผมทักทายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย วางท่าราวเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่กำลังพูดคุยกับแขกที่ฐานะต้อยต่ำกว่า ไม่ใช่เรื่องฉลาดที่จะพูดจายั่วโมโหคนที่มีอำนาจในมือที่สามารถสั่งการให้เหล่าชายผู้ถืออาวุธ ยกปืน และลั่นไกฆ่าผมได้ในตอนนี้ แต่ถ้ามันจับผมมาเป็นๆ คิดว่าตัวตนผมแบบมีลมหายใจคงจะมีค่ามากกว่าร่างไร้วิญญาณที่ใช้ต่อรองอะไรไม่ได้


ถ้าหากผมตายไปก่อน นอกจากมันจะไม่ได้อะไรแล้ว...มันยังต้องรองรับความแค้นของสองตะกูลใหญ่ตามไล่ล่า



ผมยั่วโมโหมัน เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าชายผู้ลงเล่นทางการเมืองมานับสิบปีแต่ไม่สามารถไต่เต้าให้ขึ้นไปได้สูงดังที่ฝันใฝ่ได้ เป็นพวกถูกยุขึ้นได้ง่ายและแสนปากสว่าง


"หึ จะตายยังไม่รู้ตัว ยังทำมาเป็นอวดดี ฉันล่ะเกลียดชาโรนอฟ ตะกูลสุนัขโสโครกตั้งแต่เป็นหมารับใช้ของราชวงศ์แล้ว คะแนนเสียงเลือกตั้งที่ฉันแพ้ไปมันก็เพราะยายของแกมันเป็นนกสองหัว ไว้ใจไม่ได้ ให้คำปรึกษาฉันคนเดียวไม่พอ ยังไปให้คำปรึกษาคริสโตเฟอร์ ศัตรูของฉันอีก ที่ฉันพ่ายไปก็เพราะความลับเรื่องธุรกิจของฉันถูกปล่อยออกมาจนเป็นข่าว! ทำให้ฉันถูกปลดออก และคนที่รู้เรื่องนี้ก็มีเพียงหยิบมือ หนึ่งในความเป็นได้ที่จะคาบข่าวไปป่าวประกาศก็คือยายของแก ดาเลีย แอน ชาโรนอฟ!"


เป็นดังคาด ชายร่างท้วมเลือดขึ้นหน้ากับท่าทางยโสโอหังของผมจนเส้นสติขาดสะบั้น เผลอพูดความในใจและหนึ่งในต้นเหตุที่จับผมมาให้ได้รับรู้...ธุรกิจของมารัตเป็นธุรกิจค้ามนุษย์ ผิดศีลธรรมและแน่นอนว่าผิดกฏหมาย คุณยายเป็นเพียงนกต่อช่วยรัฐบาลเก็บหลักฐาน โดยการทำให้เชื่อใจและคอยเก็บรวบรวมจิ๊กซอว์ทุกอย่างส่งให้ตำรวจ


ทว่าภายในพรรคของมารัตล้วนเน่าเฟะ ใช้อำนาจในทางมิชอบ ปลาเน่าหลายตัวล้วนช่วยปกป้องกันและกัน เป็นที่รู้ดีกันไปทั่ว ที่เบื้องบนยังทำเฉยเพราะการจะกวาดล้าง ไม่ใช่แค่จับเข้าคุกตัวเดียวแล้วก็จบ นอกจากจะเหมือนเป็นการตบหน้าองค์กรว่าคัดเลือกคนมาไม่ดี การจะจับพวกนี้ต้องใช้แหที่กว้างและใหญ่ เป็นการถอนรากถอนโคนจนหมดสิ้น ไม่ให้มีหลุดเล็ดรอดไปได้แม้แต่ตัวเดียว ไม่อย่างนั้นปัญหาจะเกิดขึ้นไม่มีหยุด


ดูท่านี่มันคงยังไม่รู้ตัว ว่าเบื้องบนกำลังไล่กวาดล้างพวกมันอยู่ คงจะโมโหจัดที่ถูกปลดประจำจากการเมือง ไร้อำนาจคอยเอื้ออำนวยต่อธุรกิจ และไร้บันไดที่จะไต่เต้าไปสู่จุดที่วาดหวังไว้ จนวางแผนจับตัวผมมาแก้แค้นคุณยาย


"อย่าเดินตามแผนของเด็กมันสิมารัต ทำตัวให้สมเป็นผู้ใหญ่หน่อย"

"คุณอลัน..."


ผมที่โล่งใจได้กึ่งหนึ่ง เพราะหากเป็นมารัต ผมคิดว่าวิธีการของมันคงไม่ฉลาดนัก แต่บุรุษในชุดสูธสีดำท่าทางดูเฉลียวฉลาดที่เดินแหวกวงล้อมเข้ามา...เขาดูตรงกันข้ามกับชายฟันทอง คนคนนี้ดูเป็นพวกใช้สมองและเล่นเกมเป็น ดวงตาที่ตวัดเฉียงขึ้นดูดุและแสนเจ้าเล่ห์ กอปรกับรอยยิ้มเหี้ยมลึกที่กดลงทำให้เขาเหมือนกับจิ้งจอกที่กำลังล่อหลอกเหยื่อก่อนจะจับกิน...


"สวัสดี เธอคงจะเป็นดิมิทรีสินะ ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของพ่อเธอน่ะ มาทำความสนิทสนมกันเอาไว้ก็แล้วกัน ดูท่าเราคงจะได้อยู่ด้วยกันอีกนาน"

อา...ให้ตายเถอะ...ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่เป็นถึงสอง ไม่ใช่แค่ชาโรนอฟแต่แม้กระทั่งเซอร์กีย์ก็ด้วย นามสกุลและตะกูลผมไม่ว่าจะทางไหนก็ล้วนเป็นปัญหาทั้งนั้น...


"เอาไว้เราติดต่อพ่อแม่ตายายของเธอได้ เราจะมาบอกแล้วกันนะว่าพวกเธอต้องทำอะไรบ้าง ตอนนี้ก็ไปพักผ่อนกันก่อนแล้วกัน พาเด็กๆไปพักสิ"


ผมถูกชายที่ขับรถพามาดันตัวออกไป เห็นทางหางตาว่าพวกมันกำลังรุมล้อมกับคอมพิวเตอร์อยู่ คิดว่าคงกำลังจะหาทางติดต่อคุณพ่อคุณแม่ หรือไม่ก็คุณตาคุณยายของผม ผมคาดเดาไว้หลายอย่างถึงสิ่งที่พวกมันต้องการจากสองมหาอำนาจทั้งทางธุรกิจและทางทหาร ความเป็นไปได้ที่เลวร้ายหลายอย่างล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น


ผมต้องหนีออกไปให้ได้...ก่อนที่อะไรที่แย่ๆจะเกิดขึ้น


มันพาผมกับเทมมาที่กรงขังสุนัข กรงเหล็กที่ดูแข็งแรงกว้างพอที่จะให้ผู้ใหญ่หนึ่งคนพอจะนั่งยองๆได้เท่านั้น มันแคบและเล็ก อยู่ในบริเวณที่เต็มไปด้วยการเดินตรวจตราเฝ้ายาม


"เอ้า เข้าไปสิ เสียดาย ขาดแค่หมอนนุ่มๆ ไม่งั้นกรงนี่ก็ไม่ต่างอะไรจากโรงแรมห้าดาวหรอกใช่มั้ยล่ะครับคุณหนู"


พวกมันหันไปหัวเราะให้กันเมื่อผลักผมกับเทมเข้ามาในกรงและล็อคกุญแจ ผมมองลูกกุยแจที่ถูกคล้องไง้ที่เอวของมัน จดจำรายละเอียดทุกอย่างภายในเสี้ยววิ เทมที่ยอมนิ่งเงียบมาตลอดกอดผมไว้แน่น


"ฮึก มุ มุ มุ กะ เกม เกมไม่สนุกมากเลย ฮือ เทม ม-ม-ม ไม่อยากเล่นแล้ว เลิกเล่นไม่ได้เหรอคะ-รับ ครับ"
ผมเสียใจที่เห็นเขาหวาดกลัว ผมนึกอยากให้เขาไม่รู้เรื่องไปตลอด แต่ท่าทางไม่เป็นมิตรของคนจำนวนมากมันก็คงพอจะทำให้เขารู้ว่านี่มันกำลังแย่ ผมดึงตัวเทมปุระมากอดเอาไว้ กดหน้าของเขาให้ซบลงที่บ่าของตัวเอง โยกตัวไปมา ลูบผมนุ่มนิ่มอย่างปลอบโยน


"อดทนไว้ก่อนนะครับเทม ไม่เป็นไรนะครับ หมูอยู่ตรงนี้" ผมพูดพร่ำปลอบเขาจนเทมเลิกสะอื้นและค่อยๆสงบลง ตัวนุ่มนิ่มในอ้อมกอด ทำให้ผมคิดอะไรแย่ๆขึ้นมาไม่ได้ ว่าอย่างน้อยก็ดีเหลือเกินที่เขาอยู่กับผมตรงนี้ ถ้าผมอยู่คนเดียวอาจจะไม่ใจเย็นขนาดนี้ก็ได้ อาจจะตื่นกลัวจนตัวสั่นไปแล้วก็เป็นได้ แต่พอมีสิ่งให้ผมคอยปกป้อง มันก็ทำให้ใจเย็นและลดความหวาดหวั่นลง


ผมจะมาเสียสติร้องไห้คร่ำครวญตอนนี้ไม่ได้ ร้องไห้น่ะ จะเมื่อไหร่ก็ร้องได้ ตอนนี้ผมต้องหาทางรอดให้เทมเสียก่อน
กับผมพวกมันคงจะไม่ฆ่าทิ้งหากยังไม่ได้ผลประโยชน์ แต่กับเทมปุระ ผมไม่รู้เลยว่าพวกมันจะนึกรำคาญและลงมือทำร้ายเขาเมื่อไหร่ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความอดทนเป็นพิเศษกับเด็กพิเศษอย่างเขา


"ท-เอม เทมกลัวจังเลยครับมุ ฮึก มุ มุกลัวไหม" เขาเงยหน้าจากไหล่มาสบตาเข้ากับผม ดวงตาเขาดูแดง จมูกเขาก็แดงจากการผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ผมยิ้ม ยิ้มผ้าเช็ดหน้ามาจากในกระเป๋ากางเกงและเช็ดน้ำมูกให้เขา

"มีเทมอยู่ หมูเลยไม่กลัวเลยครับ" เทมเบิกตาโต แพขนตาสวยกระพริบขึ้นลงดูเขินอาย

"ง-ง-งั้นเทมก้อ ม-ไม่กลัวมั้ง พ-เพราะมีมุอยู่ด้วย แฮะๆ" เทมยิ้มแฉ่งให้ผม

อา...ผมกระชับอ้อมกอดเขาให้แน่นขึ้น ใช้ร่างอบอุ่นซับทุกความหวาดกลัวของผมออกไปจนหมด


เทมเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยจากการร้องไห้ ดีแล้วที่เขาหลับไป ผมถอดเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองออก เอามันคลุมร่างเล็กเอาไว้ เขาดูตัวสั่นเพราะอากาศที่หนาวและชื้นแฉะภายในโกดังเก่านี่ หวังว่าเสื้อผมจะพอทุเลาให้เขาอบอุ่นขึ้นมาได้บ้าง ผมขยับตัวไป สังเกตพวกเดินยามว่ามันไม่ได้หันมาสนใจก่อนจะค่อยๆเอื้อมลอดลูกกรงเพื่อสำรวจกุญแจที่ขังผมอยู่


โชคไม่เข้าข้างที่มันเป็นกุญแจแบบที่ถ้าไม่ใช้เครื่องมือโดยเฉพาะไม่สามารถสะเดาะออกได้ ผมคงจะต้องฝากความหวังเอาไว้ที่พวกผู้ใหญ่แล้วล่ะครับ


ผมเผลองีบไปนิดหน่อยก่อนเสียงปึงปังจะดังจนปลุกผมและเทมที่นอนหลับจนสะดุ้งตื่น


เคร้งๆๆๆๆๆๆๆ



"ตื่นเว้ยไอ้ลูกคุณหนู เจ้านายกูเรียก" ผู้ชายตัวโตคนอื่นที่ไม่ใช่คนที่ขับรถพาพวกผมมาที่นี่ เป็นคนเอาด้ามปืนคาะกรงเหล็ก และแรงสั่นสะเทือนก็มาจากการถีบกรงไม่หยุดของมันสองคน เทมปุระตื่นตกใจจนเขาเริ่มกลัวจัด ดวงตาสีน้ำตาลมีน้ำตาคลอ ผมใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาให้เขา นึกทรมาณใจที่ดวงตาสวยของเขาแห้งได้ไม่ทันไรก็ชื้นไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง


"เปิดประตูออกสิ เคาะเรียกแบบนี้ถ้าใช้สมองก็น่าจะรู้นะครับว่าถึงยังไงพวกผมก็ออกไปไม่ได้"

"มึง! ปากดีนักนะ เหอะ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายสั่ง กูจะตบให้ฟังร่วงเลย"


แก๊ก


ประตูกรงถูกเปิดออก ผมเดินออกมา

"ไม่ต้องให้เขาไปด้วยหรอก ต้องการแค่ผมไม่ใช่หรือไง"

"โทษทีว่ะไอ้คุณหนู แต่นายกูเขาบอกสอง กูก็ต้องสองล่ะนะ เอ้า ออกมาสักทีวะ ไอ้เด็กนี่!"


เทมปุระที่ตกใจจนตัวแข็งค้าง นิ่งอยู่ท่าเดิม จนผู้ชายที่ตะคอกใส่ผมต้องมุดตัวเข้าไปกระชากเขาออกมา ด้วยแรงกระชาก ทำให้หัวของเทมโขกเข้ากับกรงดังปั้ก หัวเขาบวมปูดขึ้นมา เจ้าตัวร้องไห้จ้า


"ฮึก อ-อย่า อย่า กลัว กลัว ฮืออออออออออ ม-ไม่มานะ ไม่เข้ามานะ! ฮือ เอ็บ เอ็บ เจ็บนะ ฮือ"


เทมพยายามฝืนตัวออกจากฝ่ามือใหญ่ที่บีบข้อมือเล็กขาวจนแดงจัด ผมตรงเข้าไปพยายามปลดข้อมือที่บีบข้อมือเล็กเอาไว้ ทั้งข่วนทั้งทุบตี


"ปล่อยเขา! ผมจะพาเขาไปเอง ปล่อยสิ!"


ผมพยายามแกะมือมันออก จนมันคงทนรำคาญไม่ไหวจึงยอมปล่อย
ผมคว้าตัวเทมมากอดเอาไว้ รีบปลอบเขา บอกเขาให้เงียบลง เทมพยายามเชื่อฟังผม เจ้าตัวพยายามกลั้นสะอื้นจนตัวโยน ผมแทบจะน้ำตาไหลเมื่อเห็นเขาเจ็บตัว หน้าผากสวยบวมเป่งด้วยแรงกระแทก

"เออ เรื่องของมึงเหอะ รีบๆตามกูมาเร็วๆ ชักช้ากูจะตื้บไอ้เด็กนั่นให้ไม่เหลือซากเลยแม่งเอ้ย น่ารำคาญ!"


ผมจูงมือเทมที่ยังตื่นกลัวและเจ็บแผล

"เทมครับ อดทนไว้นะครับ ถ้าเทมงอแงตอนนี้ พวกนั้นจะยิ่งทำนิสัยไม่ดีใส่นะครับ หมูขอร้อง ขอร้อง อดทนไว้ก่อนนะครับคนเก่ง คนเก่งต้องพยายามนะครับ รู้ไหม"

"ฮือ เทมกลัวจังเลยมุ คุแม่อยู่ไหน ฮืออออ เอ็บ เอ็บหัวจังเลย"

"คุณแม่กำลังมาครับ เทมต้องอดทนไว้ก่อนนะ นะครับ"

เทมยอมพยักหน้า มือเล็กเช็ดน้ำตาป้อยๆ กัดริมฝีปากตัวเองแน่นเพื่อกลั้นเสียง


ผมพยายามจำเส้นทางทั่วๆเท่าที่จะเป็นไปได้ อะไรที่พอทำได้ ผมก็จะทำให้หมด เดินกันมาสักพัก ผมก็มาตรงที่ลานกว้างกลางโกดังที่เดิมกับเมื่อวาน เป็นที่เดียวที่ไฟดูส่องสว่างทั่วพื้นที่ และมีคอมพิวเตอร์หลายเครื่องตั้งอยู่


"อ้าว มาแล้วเหรอดิมิทรี มาได้จังหวะพอดี มาสวัสดีพ่อแม่กับตายายเธอสิ"


ผมถูกผลักออกไปยืนตรงหน้าจอใหญ่ ในนั้นมีช่องเล็กๆแบ่งเป็นสามช่อง ช่องแรกฉายเป็นรูปของผมและอลันคนที่อ้างตัวว่าเป็นหุ้นส่วนของคุณพ่อ ช่องที่สองเป็นคุณพ่อคุณแม่และพี่ๆทั้งสามคนและน้องชายของผม อีกช่องเป็นคุณยายและคุณตา ทุกคนดูสีหน้าเคร่งเครียดและดูอิดโรยเหมือนไม่ได้หลับไม่ได้นอน พอเห็นผมเข้ามาในครรลองสายตา ทุกคนก็รีบสอบถาม


"หมู! หมูเป็นอะไรไหมลูก พวกมันทำอะไรลูกหรือเปล่า คุณคะ ช่วยลูกด้วย ลูกอยู่นั่น คุณคะ ฮึก"

"หมูไม่เป็นอะไรใช่ลูก บัดซบ! อลันแกมันสารเลว!"


ครอบครัวฝั่งทางคุณพ่อคุณแม่โวยวายสอบถามผมกันยกใหญ่ แย่งกันพูดจนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง แม้จะอยู่ในสถานการณ์อันตราย แต่น้ำหูน้ำตาและสติที่ดูหายไปเพราะเป็นห่วงผม ก็ทำให้ผมรู้สึกดีกับพวกเขานิดๆ


"ดิมิทรี..."


ตรงกันข้ามกับอีกช่อง คุณยายเพียงไล่สายตามองสำรวจผม ใบหน้าที่ดูห่วงใยดูผ่อนคลายลง คนนอกคงดูไม่ออกและแทบจะไม่เห็นถึงความแตกต่าง แต่ผมที่อยู่กับท่านมาทั้งชีวิต ขยับเพียงน้อยผมก็พอจะรู้


แปะ แปะ แปะ แปะ
เสียงตบมือดังขึ้น


"เอาล่ะ หมดเวลาครอบครัวสุขสันต์แล้ว เรามาพูดถึงข้อตกลงของเรากันดีกว่า อ้อ ขอบคุณสำหรับคำชมด้วยนะโจวิช...นี่เป็นของตอบแทน"


เพียะ!


ผมหน้าหันไปตามแรงตบ เรี่ยวแรงที่เขาใส่มาเต็มที่ทำให้ตัวผมถึงกับลงไปกองกับพื้น ก่อนจะถูกหิ้วปีกให้ลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง เลือดกำเดาผมไหล และใบหน้าก็รู้สึกเจ็บแสนจนชา


"ดิมิทรี!" คุณยายลุกพรวดจากเก้าอี้ ใบหน้าดุดันแผ่รังสีน่าเกรงขาม

"มึง! มึงกล้าตบลูกกู...!" พ่อที่โวยวายกลับเงียบขรึมลงและปรากฎร่องรอยของความอำมหิตบนสีหน้า

"หมู!"



"มุ มุ!!!!! ปล่อย ปล่อยมุนะ!" เทมที่ตกตะลึงรีบวิ่งเข้ามาหาผม เจ้าตัวพยายามปลดมือผู้ชายที่จับแขนผมไว้อยู่ แต่แรงเด็กน้อยก็สู้แรงผู้ใหญ่ไม่ได้ เทมปุระตัดสินใจกัดลงไปที่แขนใหญ่


"โอ้ย!!! ไอ้เด็กเหี้ยนี่กัดกู!"


มันสะบัดแขนอย่างแรงจนเทมปุระกระเด็นถไหลตัวไปกับพื้น ร่างเล็กกระแทกพื้นอย่างจังจนดูมึนเบลอ เจ้าตัวพยายามคลานเข้ามาเพื่อช่วยผม มือน้อยพยายามเอื้อมมาหาผม แต่สุดท้ายก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหวสลบไป
"...อยะ อย่าทำมุ..."  คำพูดสุดท้ายเสียงแผ่วเบาคือชื่อของผม


"เทม!!! เทม!!!! เทม! ไม่นะเทม เทม เทม! เทมครับ! เทม!!!"


ผมพยายามสะบัดตัวเองให้พ้นเพื่อจะได้วิ่งไปหาเขา แต่พวกมันก็เข้ามารั้งตัวผมไว้อีกหลายคน ผมแทบจะคลั่งตายเมื่อเห็นร่างเล็กแน่นิ่งไป ผมร้องไห้ออกมาอย่างมากมาย ใจแทบจะสลายลงตรงนั้น เมื่อพยายามเรียกเท่าไหร่ ร่างที่นอนกองอยู่กับพื้นก็ไม่มีการตอบสนอง


"เทม! เทม!!! เทม!"


"หนวกหูจริงๆ เฮ้ย พวกแกน่ะ ทำอะไรสักอย่างสิวะ ให้มันเงียบลงหน่อย"

มารัตเอามือแคะฟันก่อนจะโบกๆไล่ให้ลูกน้องจัดการกับผมที่เอาแต่ตะโกนเรียกเทมอย่างบ้าคลั่ง

"ปิดปากมันไว้สิ ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน"


เทปสีดำถูกเอามาพันรอบศรีษะของผม ปิดทุกเสียงไม่ให้ออกไป มีเพียงอู้อี้ภายใต้เทปสีดำ และมีเพียงผมที่เข้าใจว่ามันคือชื่อเรียกของร่างที่สลบห่างออกไป


ท่ามกลางบรรยากาศเคร่งเครียดของอีกฝ่าย คุณแม่กำหมัดแน่น ก่อนจะยืดตัวตรง พูดเสียงเรียบ


"ระวังหน่อยอลัน คนที่คุณกำลังแหย่เล่นน่ะ เป็นลูกของสิงโตและเป็นหลานของราชสีห์นะ คงไม่อยากถูกขย้ำตายก่อนจะได้สิ่งที่ต้องการหรอก จริงไหม..."


มันนั่งไขว่ขาวางมือไว้บนตักอย่างสบายอารมณ์ ไม่สนใจคำเตือนที่ถูกส่งถึง เจ้าจิ้งจอกกดยิ้มร้ายบนเก้าอี้ที่คล้ายบัลลังก์ของผู้เหนือกว่า ผายมือมาทางอาวุธที่มีอำนาจเหนืออาวุธใดๆสำหรับฝั่งตรงข้ามอย่างผม



"หึหึหึ...เห็นแก่อดีตวันวาน ผมจะไม่ถือสาคำพูดพวกนั่นแล้วกันนะครับ"

"เอาล่ะชาโรนอฟ เซอร์กีย์ อย่าดีแต่เป็นเจ้าป่าที่เห่าเก่งเลยครับ เรามาพูดถึงข้อตกลงแลกเปลี่ยนของเรากันดีกว่า..."




ชัยชนะที่ได้มาไว้ในกำมือ ปลดรอยยิ้มที่ถูกกดไว้มุมปากให้ฉีกกว้างออก




"ไม่งั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน...ว่าจะเผลอถลกหนังเจ้าลูกสิงห์ตัวน้อยมาเป็นพรมเช็ดเท้าเมื่อไหร่"




รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหด



การเผชิญหน้าของจิ้งจอกที่มีหัวใจของราชสีห์ไว้ในอุ้งเท้า ดูเป็นเกมที่ราชสีห์ไม่มีหนทางชนะ





แสงเทียนท่ามกลางความมืดนั้นดูสั่นไหวและริบหรี่
คล้ายพร้อมจะมอดดับลงทุกเวลา...


















end 21 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง


All in ONE
หวานได้ ดราม่าก็ได้ บู๊ก็ยังได้ #เพื่อนผู้ปกครอง เป็นทุกอย่างให้เธอแร้ว


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 21 * 1/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 01-10-2018 23:35:45
เพิ่งเข้าอ่านจ้า แวะมาทักทายก่อน เพิ้เพิ่งอ่านบทแรกจบก็รู้เลยว่านิยายเรื่องนี้ต้องสนุกแน่ๆ ติดตามอยู่น้า
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 22 * 3/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 03-10-2018 19:11:23








22









"ข้อตกลงแลกเปลี่ยนก็ง่ายๆ ผมไม่ขออะไรเกินความสามารถคุณหรอกโจวิช ไม่ต้องกังวลไป...ก็แค่โครงการสัมปทานที่เป็นเหตุผลที่นายยอมลงทุนย้ายมาที่ไทยน่ะ...เซ็นโอนมาให้บริษัทฉัน โทรไปถอนตัวกับทางรัฐบาล แล้วก็กลับรัสเซียไปซะ หนังสือสัญญาฉันส่งเข้าอีเมลล์นายเรียบร้อย มันขาดแค่ลายเซ็นอนุมัติจากนาย"


ใบหน้าที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เป็นนิจ ยิ่งเมื่อเพิ่มความพึงพอใจ รอยยิ้มนั่นยิ่งกว้างขึ้นมากว่าเดิมจนดูพิลึกพิลั่น มือที่ประสานอยู่ตรงต้นขา เคลื่อนมารองรับปลายคาง ขยับหน้าเข้าไปใกล้จอ น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยคล้ายหลอกล่อ


"เห็นไหมโจวิช แค่จรดปลายปากกา กับยกหูโทรศัพท์ เรื่องง่ายๆแค่นี้เท่านั้นเอง"


สัมปทานที่มีมูลค่ามหาศาลถึงขนาดทำให้นักธุรกิจที่กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงยอมทิ้งทุกอย่าง และมาลงหลักปักฐานในประเทศอันห่างไกลจากบ้านเกิดตัวเอง ต้องไม่ใช่แค่มูลค่าหลักพันล้านแน่นอน...กับเงินจำนวนขนาดนั้นคงจะไม่สามารถใช้คำว่า 'เรื่องแค่นี้' จำกัดความ


คุณพ่อตีสีหน้าเรียบเฉย แต่หากเลื่อนสายตาลงไปที่มือใหญ่ จะเห็นได้ว่ามือแกร่งกำแน่นจนเส้นเลือดปูด ฟันสวยขบกันแน่นจนได้ยินเสียงเสียดสีกันแว่วเข้ามาให้ได้ยิน ดวงตาสีฟ้าดูเข้มข้นแปรเปลี่ยนเป็นสีไพลิน มันคมกริบและเยาะหยัน มุมปากที่กดลึก เสียงทุ้มมีอำนาจเอ่ยเสียงเรียบเคลือบไปด้วยความดูแคลน


"ความสามารถของนายดูแลสัมปทานระดับประเทศแบบนี้ไม่ไหวหรอกนะ อย่างมากสัมปทานหมู่บ้านก็คงจะพอไหว เอาไปแล้วจะมีปัญญาดูแลหรือยังไงอลัน"


เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์หน้ากระตุก รอยยิ้มที่ถูกขึงไว้เป็นนิจดูตกลง จนคล้ายริมฝีปากจะเรียบตึง แต่แค่เพียงชั่วระยะหยดน้ำตกกระทบพื้นมันก็ถูกขึงขึ้นอย่างเก่า เสียงหัวเราะเล็กแหลมแหวกอากาศ


"หึหึหึ ขอบคุณมากนะโจวิชที่ช่วยชี้ทางให้ฉัน ฉันก็กำลังคิดอยู่เลย ว่าแค่ธุรกิจของตัวเองก็เหนื่อยยากจะตายแล้ว เอาแบบนี้เป็นไง ไหนๆนายก็อุตสาห์มีความสามารถเยอะแยะ ไม่ได้ใช้มันก็น่าเสียดาย มาทำให้ฉันฟรีๆเป็นยังไงล่ะโจ ไหนๆเราก็เป็นเพื่อนเก่าแก่กัน ฉันเป็นเจ้าของ นายก็มาเป็นลูกน้องให้ฉัน เงินเดือนก็เป็นลมหายใจของลูกนาย...เยี่ยม! ฉันจะส่งสัญญาไปเพิ่มให้นายเดี๋ยวนี้แหละโจ ขอบคุณนายจริงๆ"


สายตาที่มองผ่านหน้าจอมา ดูเหมือนแทบจะอยากเอื้อมมือมาขย้ำคนตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ เสียงกดคีย์บอร์ดร่างสัญญาขึ้นมาใหม่ คลอเคล้าไปกับเสียงหัวเราะของอีกคน


ชายร่างท้วมเดินต้วมเตี้ยม หัวเราะเสียงดังลอดรูจมูกอย่างสุขใจ เดินมาใกล้กับคู่หูของตัวเอง มืออวบที่สวมแหวนมากมายไว้ทุกนิ้วลูบหนวดของตัวเองไปมา เมื่อเสียงหัวเราะแผ่วลง คำขอของคนต่อไปก็เริ่มขึ้น


"แหม คุณอลันก็ขอเสียง่ายเชียว งั้นผมคงจะขออะไรเกินหน้าเกินตาไม่ได้สินะ งั้นเอาเป็นว่ารบกวนชาโรนอฟช่วยผลักดันกฎหมายที่ช่วยเอื้ออำนวยต่อธุรกิจของผม อย่างเช่น...ธุรกิจค้าขายเป็นไงที่มีรัฐช่วงส่งเสริมเป็นยังไง"


มารัตกดที่คีย์บอร์ดเพื่อขยายหน้าจอฝั่งคุณยายให้ขยายเต็มจออีกเครื่องหนึ่ง มันสบตากับกล้องก่อนจะเอ่ยขอต่อไป


"แล้วก็คงจะต้องฝากศิษย์รักของคุณให้เซ็นสัญญาคุ้มครองให้ผมด้วย แล้วก็แอน...ผมรู้นะว่าคุณมีมันอยู่ในมือ ไอ้เจ้าสัญญาที่เหนือกฏหมายหนึ่งครั้งนั่นน่ะ ไม่นานคุณก็ต้องลงโลงแล้ว ยกให้ผมไม่ดีกว่าหรือแอน ผมสัญญาว่าจะใช้มันอย่างคุ้มค่าเลยล่ะ แถมหลานคุณจะได้เติบโตต่อไปอีกด้วย เห็นไหมว่าคุณน่ะได้เปรียบสุดๆเลย"


มืออวบเปลี่ยนมาลูบพุงใหญ่ของตัวเองไปมา ใบหน้าเหนือกว่าดูไม่กังวลต่อคำเรียกร้องเลยสักนิด ท่าทางมั่นอกมั่นใจว่าตนเองจะได้ในสิ่งที่เรียกร้องขอ คุณยายเหลือตามองคนตรงหน้า เมื่อได้ยินคำว่า สัญญาเหนือกฏหมาย  มันเป็นสัญญาที่ผู้คนชอบเล่าขาน ว่าดาเลีย แอน ชาโรนอฟผู้ได้ของขวัญชิ้นสำคัญและแสนล้ำค่าในวันแต่งงาน คือสัญญาเหนือกฎหมายหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะเป็นอะไร รัฐบาลและเบื้องบนจะไม่เคลื่อนไหว จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและปล่อยไป


ระดับของสัญญาอันตรายว่ากันว่าสูงมาก ต่อให้เดินถือมีดปอกผลไม้เข้าไปปล้นธนาคาร วันต่อมาคุณยายก็สามารถจิบน้ำชาได้อย่างสบายใจ ข่าวที่จะออกทางโทรทันศ์และหน้าหนังสือพิมพ์คือชายร่างใหญ่สูงเกือบสองเมตรและพรรคพวกบุกเข้าไปปล้น เงินที่ได้มาจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณยายทันที หรือแม้แต่การฆ่าคนเป็นร้อยก็ไม่ใช่เรื่องเกินเลยของสัญญานั้น กับแค่ทำปล่อยปละละเลยธุรกิจสีดำ...ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้


เป็นสัญญาแลกเปลี่ยนที่ดาเลียแอน ยอมสละบัลลังก์ของอิสตรีที่มีอำนาจมากที่สุดลง


กับธุรกิจค้ามนุษย์ก็จะกลายเป็นแค่เรื่องเล่นขายของไปในทันที มารัตที่แค่เพียงคิดถึงธุรกิจ ที่จะงอกงามเป็นดอกไม้ที่ไม่มีผึ้งแมลง ไม่มีคนมาคอยขัดขวางถ้าหากได้สัญญานั่นมาครอบครอง ก็ถึงกับน้ำลายส่อ นิ้วทั้งห้าปาดไปมาที่ริมฝีปาก ตัวสั่นใคร่กระหายอย่างเก็บอาการไว้ไม่อยู่


เงินไม่ใช่สิ่งเดียวที่มารัตต้องการ แต่เป็นความสนุกในเส้นทางสีมืดมิดควบคู่นี่ไปด้วยต่างหาก การได้กดหัวมนุษย์ด้วยกันให้ตกต่ำ และค้าขายพวกมันเหมือนเป็นแค่สัตว์สิ่งของ กดพวกมันให้มีค่าแค่หมูตัวเมียตัวหนึ่งมันช่างสร้างความรื่นเริงใจให้เขามากกว่าสิ่งอื่นใด


"มารัต ฉันถึงได้บอกให้คุณไปตรวจไขมันเสียบ้างอย่างไรล่ะ ไขมันอุดตันในสมองไปหมดแล้วหรือ ถึงได้คิดเชื่อเรื่องเพ้อเจ้อปรัมปราเป็นจริงเป็นจังแบบนี้ หืม...อ้อ ไม่ใช่สินะ ขอโทษจริงๆฉันก็ลืมไปว่าเธอมันไม่มีสมอง ไม่อย่างนั้นคงจะคิดได้ว่าถ้าของอันตรายแบบนั้นมีอยู่จริง มันจะมาอยู่ในมือผู้หญิงแก่ๆอย่างฉันได้อย่างไรกัน น่าตลกจริงๆ"


เพราะมันอยู่ในมือหลานของเธอแล้วต่างหากล่ะ...ความในใจที่ทุกคนคงจะไม่ล่วงรู้ แต่ผมรู้...เอกสารแค่เพียงไม่กี่แผ่นที่อยู่ในธนาคารที่มีความปลอดภัยที่สูงที่สุดในโลก มันอยู่ในนั้น ภายใต้ชื่อของ ดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟ


"คุณสิตลก! อย่ามาเล่นลิ้นไปหน่อยเลยแอน ผมอยู่ในสภามาเกือบสิบปี มันมีจริง และผมรู้ว่าคุณมีมันอยู่!"


หญิงชรายังคงใบหน้าเฉยเมย ไม่แสดงอารมณ์และไม่แสดงความหวั่นไหวตกใจใดๆ มือที่เหี่ยวย่นยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบช้าๆ ลิ้มรสชาติละมุนของชาชั้นดี ท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจราวกับกำลังพักผ่อนอยู่ในสวนแสนสวย เสียงที่ทรงอำนาจเสมอต้นเสมอปลายค่อยๆเอ่ยคำเชื่องช้า


"มีมันอยู่แล้วอย่างไร คุณไม่ใช่ชาโรนอฟนะมารัต ไม่คิดหรือว่าตอนร่างสัญญาขึ้นมา ฉันที่เป็นสุนัขรับใช้ผู้จงรักภักดีต่อตะกูลยิ่งชีพ จะไม่ใส่พันธสัญญาว่ามีเพียงคนในตะกูลที่ใช้ได้" นัยน์ตาที่หลุบมองของเหลวสีน้ำตาลใสในแก้วกระเบื้องในมือ ดวงตาสีฟ้าที่ดูซีดจางค่อยๆเสมาสบตาชายร่างท้วมที่แสนยั่วยุได้ง่าย


"งั้นคุณก็คงต้องมาเป็นฝ่ายผมแล้วล่ะแอน! ไม่ว่ายังไงธุรกิจของผมต้องมีอยู่ต่อไป!"


"อย่าเรียกมันว่าธุรกิจเลยมารัต ไอ้สิ่งน่ารังเกียจนั้นน่ะ ไม่มีคุณค่าพอให้คำหยาบใดๆจำกัดความเสียด้วยซ้ำ"


"หึหึหึหึหึ แล้วคุณจะรักมันเลยล่ะแอน คุณก็เคยลิ้มรสมันมาแล้วนี่ อำนาจในการเหนือผู้คนน่ะ มันหอมหวานใช่ไหมล่ะ ไม่มีรสชาติอะไรจะเลิศล้ำเท่านี้อีกแล้ว ความจริง อยู่บ้านเฉยๆมันก็น่าเบื่อ คุณไม่คิดจะมาเป็นหุ้นส่วนของผมหรือไง คิดดูสิว่าทั้งสัญญาและอำนาจในมือของคุณ ถ้ารวมกันมันจะไปได้ไกลแค่ไหน มันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน"


"ฉันถึงได้มองว่าคุณมันไม่มีสมองยังไงล่ะ สิ่งสำคัญที่มีคุณค่ามากกว่าอะไรของยายแก่คนนี้ ก็คือหลานชายที่คุณจับไปรังแกต่างหาก นองเลือดน่ะมันความชอบของฉันเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าตอนนี้ฉันก็ยังคงรักมันอยู่ แต่ฉันมีสิ่งที่รักมากกว่าแล้ว เพราะงั้นคงต้องขอปฎิเสธเข้าไปจมปักในโคลนล่ะนะ"


"ดี! ดี ดี ปฏิเสธชัดถ้อยชัดคำเหลือเกิน งั้นผมจะทำลายให้ย่อยยับเลย ไอ้หลานคนสำคัญของคุณคนนี้น่ะ! ลากไอ้เด็กนั่นมานี่สิ!!!"


ผมถูกหิ้วปีกเข้ามาใกล้ชายอ้วนที่หน้าแดงเพราะแรงโทสะ ในมือที่ประดับประดาไปด้วยแหวนเพชรมีมีดปลายแหลมถืออยู่ ใบมีดคมไล้ใบหน้าผมพร้อมกดแรงขึ้น ความคมของมันแค่ถูแผ่วเบาก็ทำเอาหยาดโลหิตซึม


คุณยายวางแก้วน้ำชาลง นัยน์ตาสีฟ้าซีดฉายแววกระหายเลือดขึ้นมาชั่วขณะก่อนจะซีดจางดั่งเดิม


"หมูหย็อง!!! คุณแม่ครับ! ถ้ามีสัญญาอะไรนั่น ก็ให้พวกมันไปเถอะครับ!"

"คุณแม่คะ...ให้ไปพวกมันไปเถอะนะคะ ความปลอดภัยของหมูหย็องต้องมาก่อนสิคะ คุณแม่!"


คุณพ่อคุณแม่ที่เห็นหยาดเลือดของลูกชายตัวเองก็ลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ สายตาเจ็บปวดของพวกท่านสบมาที่ผม ใบมีดกดแรงขึ้น ผมขยับดิ้นหนีไม่ได้ นอกจากมือที่ถูกจับและมือของอีกฝ่ายที่บีบหน้าผมไว้ ก็เป็นเพราะปืนที่จี้เอวอยู่ตลอดเวลา และหากยิ่งขยับ ผมจะยิ่งเจ็บตัว ทุกนิ้วที่เคลื่อนไหว ผิวเนื้อจะยิ่งเสียดสีกับแผ่นเหล็กแหลมคมตรงหน้า


"ใจเย็นก่อนมารัต ฉันก็บอกแล้วไงว่าเขาสำคัญ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณไปรู้เรื่องสัญญาพวกนั้นมาได้ยังไง แต่ของที่มีค่ามากกว่านั้นน่ะ...ฉันพอจะมีมันเพื่อแลกเปลี่ยนกับหลานชายของฉันอยู่"


หูของมารัตกางผึ่งออกทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้นจบ
ใบหน้าอวบอูมจากที่กำลังเกรี้ยวกราด ดูแปลกใจ และเปลี่ยนเป็นกระหยิ่มยิ้มย่อง นัยน์ตาเล็กเพราะไขมันที่ปกปิดฉายแววกระหาย มันแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง ปล่อยมืดลงแล้วเดินตรงไปที่หน้าจอ


"อะไร! คุณมีอะไรแอน บอกผมมาสิ บอกผมมา!" หากคุณยายอยู่ต่อหน้า เจ้ามือแสนสกปรกนั่นก็คงจะจับท่านเขย่าไปมาเพื่อจะได้ฟังข้อเสนอที่ว่านั้นแน่นอน ดวงตาเล็กพราวระยับยิ่งกว่าดาวศุกร์เสียอีก เมื่อคุณยายรับเอกสารมาจากคุณตาที่นั่งเงียบ เอาแต่เฝ้ามองอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา


ซองสีน้ำตาลดูหนา มันคงไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียว จากความหนาที่กะได้จากสายตา มันคงจะมีมากกว่าร้อยใบ


มือเรียวสีขาวซีดหยิบสามสี่แผ่นจากในนั้นออกมาจ่อหน้ากล้อง ชายร่างท้วมสูดหายใจเฮือกเข้าปอดอย่างแรง ความกระเหี้ยนกระหือรือฉายชัด เขาพยายามจะจับเจ้ากระดาษแผ่นนั้น แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมันอยู่อีกฝากหนึ่ง


"พระเจ้า...โอ้...พระเจ้า! นี่มัน...นี่มันสุดยอดยิ่งกว่าสัญญาบ้าบอนั้นเสียอีก...!"

"มันอยู่ในนี้ทั้งหมดมารัต ทุกอย่างและทุกคน ฉันรู้ว่าคุณรู้วิธีใช้มัน..."

"คุณต้องเอามันมาให้ผมนะแอน! พระเจ้าช่วย...คุณนี่มันปีศาจอย่างที่ทุกคนว่าเอาไว้จริงๆ มิน่าล่ะ ทำไมทุกคนถึงได้เกรงใจและพยายามเขี่ยคุณไปให้ไกลนัก ดูนี่สิ ขนผมลุกไปหมดเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ พระเจ้า พระเจ้า นี่มันสุดยอด!"


มารัตดูสติหลุด เขาดูดีใจจนแทบจะควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ ได้แค่ครวญไปมา หน้าตานั้นกระหายซองเอกสารนั่นชัดเจน อลันที่นิ่งเงียบฟังก็ไม่เข้าใจเพื่อนร่วมเกมของตน ว่าทำไมชายร่างท้วมถึงได้ดูดีใจนักกับเอกสารสองสามใบที่มีรูปถ่าย


"มันคืออะไรมารัต"

"พระเจ้า ให้ตายสิคุณอลัน! คุณดูให้ดีๆสิ ไม่คุ้นเลยหรือยังไง!"


อลันหรี่ตามองเอกสารตรงหน้า ก่อนดวงตาสีเขียวสว่างนั่นจะเบิกกว้างและนิ่งค้าง และกลายเป็นมารัตไปอีกคน...


"พระเจ้าช่วย...นี่มัน...คุณไปเอามันมาจากไหนกัน!"


ดาเลียแอนไม่ได้ตอบอะไร เธอทำเพียงเก็บเอกสารลงในซองและวางไว้ในระยะที่กล้องมองเห็นได้ แก้วกระเบื้องสีสวยเป็นจุดสนใจของเธออีกครั้ง เมื่อเธอยกมันขึ้นมาเป่าช้าๆ ก่อนจะจิบอย่างใจเย็น ต่างกับผู้ชายสองคนที่จับผมมา พวกเขาแทบจะเต้นเร่า อยากได้คำตอบและเจ้าเอกสารพวกนั้น ภาพลักษณ์จิ้งจอกถูกถอดออก หัวโขนคนโลภมากและกระหายอำนาจถูกสวมแทน


"ฉันเป็นที่ปรึกษานะคุณอลัน ที่ปรึกษาที่ต้องล่วงรู้ทุกความเป็นไปถึงจะสามารถให้คำปรึกษาและคำตอบได้"


เพียงแค่ประโยคเดียว ความเย็นยะเยือกก็เข้ามาโอบล้อมหัวใจทุกคนทันที บรรยากาศหนักอึ้งที่แม้แต่จะทรงตัวยืนยังยากลำบาก กุมความลับของอีกฝ่ายและเอามาใช้ประโยชน์ แบล็คเมลล์ คือคำที่โผล่ขึ้นมาในหัวทุกคน



"มีใครบ้างแอน...ลองบอกให้ผมรู้มาสักสองสามคนสิ เผื่อผมจะอารมณ์ดี อยากปล่อยหลานชายคนสำคัญของคุณไปเร็วๆ" มารัตเลียริมฝีปากของตัวเองไปมา เหมือนหมูแก่ที่หิวโหย หน้าของมันแทบจะแนบติดกับจออยู่แล้ว คุณยายทำเพียงปรายตามองด้วยหางตา ทำเป็นไม่ได้ยินคำถามอะไร


"ฉันให้คุณดูมามากพอแล้วมารัต ในเมื่อท่าทางของคุณมันตอบตกลงชัดเจน ก็รีบๆบอกขั้นตอนการแลกเปลี่ยนมาซะทีสิ"


"เดี๋ยวสิแอน ถ้าเกิดในนั้นมันมีแต่ปลาสิวปลาสร้อย ไม่มีปลาตัวใหญ่ๆ ผมจะมั่นใจได้ยังไงว่านี่มันคุ้มกัน"


ท่าทางละโมบของมารัตทำเอาผมขยะแขยงจนแทบจะอาเจียน เมื่อคุณยายยังคงเงียบไม่ยอมตอบ มันก็สะบัดมือเป็นเชิงออกคำสั่งลูกน้องที่คุมตัวผมไว้ให้เข้ามา มัดปลายแหลมที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้มันเลื่อนต่ำลง ละจากใบหน้า เป็นลำคอของผม...


"บอกมาเถอะแอน ผมกลัวลำคอหลานชายของคุณจะขาดหวิ่นเอาเสียก่อน คุณก็รู้ ผมมันพวกไม่มีน้ำอดน้ำทน"
"วางมีดลงซะมารัต ถ้าเธอกระหายอยากจะรู้นักฉันก็จะบอกให้ ความลับตั้งแต่นายพล ถึงสมาชิกวุฒิสภาระดับสูงมากกว่าครึ่ง และถ้าเธออยากรู้ว่าสูงขนาดไหน ซมิเซอร์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันก็เป็นหนึ่งในนี้ แม้แต่เจ้านาย สุนัขอย่างฉันก็คาบเก็บไว้เหมือนกัน"


ลมหายใจของทุกคนสะดุดเฮือก แทบจะลืมวิธีหายใจ มันไม่ใช่แค่เรื่องใหญ่ แต่นี่มันยิ่งกว่านั้นไปมาก...ความลับของผู้มีอิทธิพลเพียงหนึ่ง ก็มากพอจะทำให้ถูกตามล่าจนอยู่ไม่เป็นสุข สองคนก็กลายเป็นร่างกายไร้วิญญาณแล้ว แต่ในมือของหญิงชรากลับกุมความลับไว้นับร้อยคน และความลับเหล่านั้นก็ไม่ใช่ของบุคคลที่มีฐานะธรรมดา


แต่เป็นความลับของคนที่มีฐานะมหาอำนาจอยู่ในมือ แค่พลิกฝ่ามือก็สามารถเคลื่อนประเทศได้ ไม่เพียงแต่ฐานะที่ไม่ธรรมดา แม้แต่สายเลือด...ก็เป็นสายเลือดที่อยู่เหนือทุกคน


พระเจ้า...ผมครางในลำคอ คุณยายจะเอาของที่มีค่าขนาดนั้นมาแลกกับผมไม่ได้นะ ไม่ได้เด็ดขาด มันไม่ใช่แค่เรื่องลักพาตัวเด็กแล้ว นี่มัน...


เพียงสร้างข้อต่อรองโดยใช้ความลับของอีกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ความลับ ที่คุณยายเก็บงำเอาไว้ คงจะไม่ใช่แค่เรื่องพวกเขาอู้งานหรือโดดงานแน่ๆ เพราะอย่างนั้น คนที่กำลังจะถูกแฉคงจะต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อเก็บมันเอาไว้ ยอมกระทั่งเชื่อฟังทุกๆอย่าง แม้แต่เรื่องที่ผิดกฏหมาย หรือกระทั่งทำอะไรบางอย่างให้มันถูกขึ้นมาแทน เปลี่ยนดำให้เป็นขาว และเปลี่ยนขาวให้เป็นดำ ไม่ใช่เรื่องยากเลย...


หากคนที่เก็บความลับไม่ใช่คุณยาย เกรงว่าเรื่องน่ากลัวมากมายที่เกินจินตนาการออกจะต้องเกิดขึ้นเป็นแน่
และตอนนี้...มันกำลังจะกลายเป็นของคนอื่น
คนที่ท่าทางเตรียมพร้อมจะใช้ผลประโยชน์จากมันทุกหยาดหยด โดยไม่สนความถูกต้องและศีลธรรมอันใด


"โจวิช ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่าคุณมีแม่ยายที่น่ากลัวขนาดนี้"


อลันที่อึ้งค้างหันมาครวญกับอดีตหุ้นส่วนของตนเอง เป้าหมายทีแรกคือเงินมหาศาล แต่ตอนนี้...อำนาจมหาศาลที่มีมูลค่ามากยิ่งกว่าสัมปทานนับสิบกำลังจะมาอยู่ในกำมือ ขนทุกเส้นในกายลุกชันด้วยความตื่นเต้น


"ส่งมาให้ผม ส่งมาให้ผมเดี๋ยวนี้!"

"ถึงไม่มีสมอง แต่อย่างน้อยก็ช่วยมีความคิดหน่อยมารัต ออกมาเป็นกระดาษแบบนี้ เขาก็หาว่าคุณตัดต่อได้น่ะสิ...ฉันมีไฟล์วิดีโอเก็บเอาไว้ คลิปเสียง รูปต้นฉบับ ทุกอย่าง...แต่เราคงจะต้องใช้วิธีนัดรับต่อหน้านะ ว่ายังไงล่ะ"

"หึหึหึหึ คุณคิดว่าผมโง่หรือไงแอน อำนาจของคุณเพิ่งจะประจักรต่อสายตาผมวินาทีนี้ คิดว่าผมจะโง่ถึงขนาดไปเจอคุณด้วยตัวเองหรือยังไง จากรัสเซียมาไทยใช้เวลาราวๆสิบชั่วโมง ผมจะให้คนของผมไปรับของๆคุณในอีกสองชั่วโมงข้างหน้า เปิดรั้วสีชาดของคุณต้อนรับไว้ดีๆล่ะ"

"สองชั่วโมงสินะ...ได้สิมารัต ฉันจะเตรียมเอาไว้ให้ หวังว่านอกจากไม่มีสมองแล้ว คุณจะยังพอมีศักดิ์ศรีอยู่บ้างนะ"
"หึ แน่นอน ผมจะปล่อยหลานชายคุณไปทันทีเลยล่ะ เมื่อคนของผมได้มันมา หวังว่าคุณจะไม่เล่นตุกติกนะแอน"

"คิดว่าฉันเป็นคนยังไงกัน" คุณยายสบตาอีกฝ่ายนิ่ง เสียงหัวเราะในลำคอของมารัตบ่งบอกถึงความพอใจ

"ก็ดี งั้นระหว่างสองชั่วโมงนี้ก็เชิญพักผ่อนตามอัธยาศัยแล้วกันนะ"



มารัตพูดไม่ทันขาดคำ เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์มือถือของอลันก็ดังขึ้น ขัดจังหวะที่ดูเป็นไปอย่างราบรื่นให้หยุดชะงัก



 "มีอะไร...ว่าไงนะ!!...อืม"

รอยยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตาของอลันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย หลังจากวางสายบรรยากาศตื่นเต้นของเขาดูนิ่งสงบและหายไป กลายเป็นความโกรธภายใต้คลื่นอันสงบที่แผ่กระจายออกมาแทน เจ้าจิ้งจอกกดแตะไม่กี่ทีก็ปรากฎหน้าจอของคุณพ่อคุณแม่ขึ้นมาอีกครั้ง


"หมูหย็อง! เป็นไงบ้างลูก"

"อย่าเสียงดังสิเซอร์กีย์ มีมารยาทหน่อย...ไม่สินะ คนอย่างนายคงจะไม่มี ใช้ได้ที่ไหนกัน ระหว่างพวกเรากำลังทำข้อตกลงกันแท้ๆ กลับให้คนมาสะกดรอยตาม...หึ ไปแล้วเจออะไรไหมล่ะเซอร์กีย์ นอกจากโกดังร้างๆที่ไม่มีคนอยู่ คิดว่าฉันจะโง่ไม่รู้หรือไงว่าลูกของแกมี GPS ในโทรศัพท์ แล้วก็ไม่ต้องเสียเวลานะโจวิช โปรแกรมติดตามในรถของนาย ถูกคนของฉันเอาไปโยนไว้ที่แม่น้ำแล้วล่ะป่านนี้"


คุณพ่อดูสะดุ้งตกใจที่ถูกล่วงรู้ถึงแผนการ เจ้าตัวทำหน้าแตกตื่นก่อนจะสงบลง


"รู้ได้ไงว่าเป็นฉันอลัน อาจจะเป็นแค่ตำรวจที่ตรวจตราทั่วไปเท่านั้นเอง"

"ตำรวจที่ยกโขยงมาเป็นสิบ นี่คงจะไม่ใช่ตรวจตราธรรมดามั้งโจวิช"

"ว่าไงนะ! นี่แกกล้าเล่นตุกติกกับพวกฉันงั้นเหรอเซอร์กีย์!!!"

"หึหึหึ...ใจเย็นก่อนสิคุณมารัต กับพวกสุนัขดื้อด้านที่คอยเอาแต่แว้งกัดน่ะ ฟาดมันไป พวกมันก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก เราต้องแสดงให้มันดูตั้งหาก ว่าถ้าเล่นไม่ซื่อแล้วจะเป็นยังไง"

"จะให้ใจเย็นได้ยังไงคุณอลัน นี่มันกล้าทั้งๆที่ลูกของมันอยู่ในมือพวกเราแท้ๆ...!!! อา หึๆ นั่นสินะ"

มารัตยกยิ้มกว้างจนแก้มอูมถูกดันขึ้นจนแทบชิดตา มันส่งเสียงหึหึไปมาในลำคอไม่หยุด มืออวบจัดการเปิดหน้าจอแบบสามจออีกครั้ง คุณยายที่นั่งประสานมือเงียบรอเวลา ดูแปลกใจที่พวกมันติดต่อท่านไปอีกครั้งรวดเร็วขนาดนี้


"กลัวคุณจะเบื่อน่ะแอน ตั้งสองชั่วโมง ผมเลยอยากจะชวนคุณมารับชมเรื่องสนุกๆ ต้องขอบคุณลูกเขยของคุณนะ ที่เล่นตุกติกส่งคนมาสะกดรอยตามพวกเรา ทั้งๆที่ผมอุตสาห์ใจดีด้วย ถ้าได้รับของเมื่อไหร่ก็จะปล่อยตัวไปแบบปลอดภัยแท้ๆ ตอนนี้คงจะต้องลงโทษกันหน่อยล่ะนะที่ไม่อยู่ในความสงบแต่โดยดี"


"กับคำพูดคนที่จับลูกฉันไป คำพูดแกมันเชื่อไม่ได้!" คุณพ่อดูมีโทสะและโกรธจัด คุณแม่ที่ยืนเม้มปาก กำหมัดแน่น
คุณยายดูเข้าใจเรื่องราวในทันที ท่านถอนหายใจเล็กน้อย

"ทำไมไม่ใจเย็นๆเซอร์กีย์ ฉันบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง"

"จะให้ผมใจเย็นยังไงไหว! นั่นลูกผมนะ ลูกชายผมทั้งคน!"


คุณยายกับคุณพ่อคุณแม่มีปากเสียงกันอยู่นาน มารัตดูพออกพอใจที่เห็นความแตกแยก อลันส่งเสียงกระแอมไอแก้ขัดบททะเลาะกันของครอบครัวผม


"ก็ไม่อยากจะขัดอะไรหรอกนะ แต่คิดว่าเราควรเริ่มเชือดได่ให้ลิงดูได้แล้ว ดูแล้วจำไว้นะโจวิช จนกว่าจะส่งมอบเสร็จ อย่าคิดเล่นตุกติกอะไรอีกเป็นอันขาด..."


อลันส่งสายตาให้ลูกน้องพาผมเข้ามา เจ้าหมาจิ้งจอกเฒ่าเดินไปหยิบสนับมือมาสวม ทุกย่างก้าวของมันดังก้องในหัวของผม ที่สวมเหล็กนั่นมันคงไม่ได้เอามาเกาหลังให้ผมแน่นอน


"หยุดนะอลัน! ฉันจะเซ็นสัญญาให้แกเดี๋ยวนี้ อย่าทำอะไรลูกชายฉัน"

"หยุดเดี๋ยวนี้! ห้ามแตะต้องลูกชายของฉันนะ!!"


คุณพ่อคุณแม่ตะโกนห้ามปรามสุดเสียง เมื่อเห็นชายตรงหน้าผมเงื้อหมัดขึ้นสุดแขน


ผลัวะ


อึก


"แค่ก แค่ก"
มันชกเข้ามาที่ท้องผมเต็มๆ หมัดธรรมดาที่หากถูกชกเข้ามาตรงๆก็แทบจะกระอักเลือด บวกกับสนับมือเหล็ก ผมแทบจะสิ้นสติ ในความพร่าเบลอผมเห็นมันง้างกำปั้นขึ้นอีกครั้ง

ผลัวะ ผลั่ก ตุ้บ



หลายหมัดถูกรัวใส่ไม่ยั้งจนเกินกว่าผมจะนับทัน ผมอาเจียนออกมา แต่เทปที่กั้นเอาไว้ก็ทำให้ผมต้องกลืนมันลงไป พยาพยามกัดฟันแน่นไม่ร้องครวญครางให้มันได้ใจยิ่งขึ้น แม้จะเจ็บจนแทบจะขาดใจก็ตาม 


"มึง!! อลัน! หยุดทำร้ายลูกกูเดี๋ยวนี้ Fuxk!"

"หมูหย็อง หมูหย็อง ลูก ลูก!!!!"


"ว้าว! ลูกชายนายนี่เป็นกระสอบทราบที่ดีจริงๆเลยโจวิช เอาล่ะ คุณคงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหมดาเลียที่ผมเผลอรังแกหลายชายคุณไปนิดหน่อย ไม่ต้องห่วงนะ ผมเว้นๆส่วนสำคัญไว้ให้ แต่ถ้าคุณยังตุกติดกันอีกล่ะก็..."


ปืนสีดำสนิทถูกหยิบออกมาจากชุดสูทสีเดียวกัน ใบหน้าที่ยิ้มแย้มหุบลง มือใหญ่ปลดสนับมือเปื้อนเลือดออก มันเล็งปลายปืนมาทางผม ก่อนจะลันไกโดยไร้ความลังเล


ปัง



ลูกกระสุนเฉียดถากหัวไหล่ผมไป ความใกล้ของวิถีกระสุนทำเอาเสื้อผ้าขาดเป็นรอย รอยเลือดซึมออกมาเด่นชัดจนน่ากลัว


"ดิมิทรี!" คุณยายที่นิ่งสงบมาตลอดลุกขึ้นมาตบโต๊ะเสียงดัง เสียงที่มักจะราบเรียบตะโกนออกมาผิดภาพลักษณ์

"กรี๊ด! หมูหย็อง!" คุณแม่ที่ท่าทางจะเป็นลมจนต้องจับโต๊ะคำยันเอาไว้ และคุณพ่อที่โกรธจนตัวสั่น คำรามก้อง

"หมูหย็อง! บัดซบ! แกมันไอ้จิ้งจอกเฒ่าสารเลวอลัน!"

เหตุการณ์ดูห่างไกลออกไปเมื่อผมรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะหมดสติลงทุกที

"คงจะเข้าใจแล้วสินะ ว่าถ้าเล่นแล้วจะเป็นยังไง"

คุณยายนิ่งลง คุณพ่อคุณแม่ก็เช่นกัน...
ท่ามกลางกลิ่นเลือด ผมได้ยินเสียงโหวกเหวกรอบตัว


"ใช่...มันจะไม่มีการเล่นอีกต่อไปแล้วอลัน มีแต่ของจริงเท่านั้น..."

"เมื่อยหน้าจริงๆต้องมาแสดงละครแบบนี้ วันหลังไม่เอาแล้วนะคะ กลั้นขำจนปวดแก้มไปหมดแล้ว"

สีหน้าแตกตื่นและทุกอย่างเลือนหายไปจากโจวิช คุณแม่นิ่งเงียบลงและเผยรอยยิ้มที่กดลึก สองไหล่ที่สั่นสะท้านตั้งตรง นัยน์ตาทั้งคู่มีเหมือนกันคืออำมหิตและเหี้ยมโหดอาบเอาไว้

"พวกแกพูดเรื่องอะไร..."


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 22 * 3/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 03-10-2018 19:11:56

ปัง!


เสียงประตูที่เปิดออกกว้าง พร้อมชายในชุดกันกระสุนแห่แหนกันเข้ามา


ปัง! ปัง! ปัง!


เสียงปืนที่ทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นยิ่งใส่กันดังต่อเนื่องไม่หยุด คนมากมายล้มลงไปกองที่พื้น เลือดสีแดงฉานอาบไปทั่วพื้นที่ เสียงกรีดร้องดังระงมกอปรไปกับเสียงร้องโหยหวนครั้งสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจ


เสียงฝีเท้ามากมายดังเข้ามาใกล้ เสียงฝีเท้าที่ผมคุ้นเคย


"ทุกคนวางอาวุธลง ยกมือขึ้นเหนือหัวทั้งสองข้าง!!"
"บุก! บุก! บุก! จับมันทุกคน ใครขัดขืนยิงทิ้งไม่ต้องสนใจ!!"



ท่ามกลางความวุ่นวายของทหารมากกว่าครึ่งร้อย ที่บุกเข้ามา เหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วกระพริบตาก่อนจะสงบลง เมื่อกลุ่มทหารมืออาชีพจับตัวลูกน้องของพวกมันไว้ได้ทั้งหมด มีเพียงผมที่ถูกกระชากมาติดตัวไว้กับมารัตที่หน้าซีดตัวสั่น ในมือมันถือมีดจี้คอผม อลันที่ยิงขัดขืนถูกยิงเข้าที่กลางลำตัว


"พวกมึง! อึก..."


"พวกมึง พวกมึงวางแผนกันเอาไว้แล้วใช่ไหม! อีแก่! นี่มึงเล่นไม่ซื่ออย่างนั่นเหรอ! รู้ได้ยังไง รู้ได้ยังไงกันว่าพวกกูอยู่ที่นี่! กูให้ลูกน้องไปจัดการพวกตำรวจหมดแล้วนี่น่า!"


คุณยายของผมนั่งลงที่เก้าอี้ มือเรียวหยิบแก้วกระเบื้องเติมน้ำชา ก่อนจิบช้าๆไม่สนใจท่าทางบ้าคลั่งไร้สติของมารัต คุณตาที่ยิ้มตาหยีอยู่เคียงข้างหัวเราะเบาๆ


"ไม่บอกเขาหน่อยหรือดาเลียที่รัก อย่างน้อยเวลาเขาตายไปจะได้ไม่มีเรื่องติดใจอย่างไรล่ะ"


เสียงเย็นดูขี้เล่นแต่เนื้อหาตรงกันข้าม จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่น่ากลัวที่สุดที่ผมเคยเจอ กลับมาแล้ว คุณตาในภาพลักษณ์นี้ ผมไม่ได้เห็นเสียตั้งนาน คุณยายเหลือบตามองสามีตัวเองก่อนจะถอนหายใจ


"คุณนี่รสนิยมไม่ดีจริงๆนะเลโน่ ไอ้เรื่องชอบแหย่เหยื่อเล่น ฉันบอกให้เลิกตั้งกี่ครั้งแล้ว เอาล่ะมารัต ฉันจะบอกให้ก็ได้ เผื่อยมฑูตถาม แกจะได้บอกไปว่าไม่มีเรื่องติดใจอะไรแล้วลงๆนรกไปซะ...แกคิดว่าในร่างกายหลานคนสำคัญของฉันมีแค่ GPS โง่ๆที่ลูกเขยของฉันใช้หรือยังไง ตราบใดที่แกไม่ได้ถอนฟันหลานฉัน ต่อให้เขาจมดิ่งไปถึงใต้ก้นมหาสมุทรฉันก็หาเจอ...แล้วที่พวกฉันทำก็แค่พยายามถ่วงเวลาและเบี่ยงเบนความสนใจของพวกแกเท่านั่น"


"บัดซบ!" มารัตคำรามลั่น ใบหน้าอวบซีดขาวเหมือนกระดาษ ดวงตาล่อกแล่กไปมาด้วยความตื่นกลัว


"วางมีดลงซะมารัต นี่มันถึงทางตันแล้ว"


ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พ่อแม่ของผมไม่ได้อยู่แค่ในจอ แต่กลับกำลังเดินแหวกวงคุ้มกันของทหาร เข้ามาประชันหน้ากับผมที่ถูกมารัตจับตัวเอาไว้


"เซอร์กีย์!!! นี่แก...แกมาได้ยังไง!!!! นี่พวกแกร่วมมือกันปั่นหัวพวกฉันใช่ไหม!!?!"


ชายร่างสูงเดินตัวตรงสง่างามเข้ามาพร้อมกับหญิงสาว ทั้งสองคนที่มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับผมยืนหยุดนิ่ง มองสบตากับร่างท้วมที่พันธนาการผมเอาไว้ ใบมีดกดลงมาที่คอตามแรงโทสะและความสั่นหวาดหวั่นที่ยืนอยู่ท่ามกลางปากกะบอกปืนนับร้อยที่หันมาทางตนเอง


"ยังจะต้องถามอีกหรือมารัต โง่สมเป็นคนที่รวมมือกับนายจริงๆเลยนะอลัน"

"มึง! ไอ้โจวิช!!"

"เรื่องแค่นี้ก็คิดไม่ออก ดีจริงๆที่สามีของฉันไล่นายออกจากหุ้นส่วน ที่พวกเราส่งคนไปตาม GPS มันก็แค่แผนสำรอง และแผนเบี่ยงเบนความสนใจ หลุมที่พวกนายขุดล่อพวกฉัน พวกฉันก็ทำเป็นติดกับ ทำท่าเป็นว่ายังหาพวกนายไม่เจอ กว่าพวกนายจะรู้ตัวก็ตกหลุมที่ตัวเองขุดไปเสียแล้ว ความจริงตั้งแต่ก่อนพวกนายติดต่อมา พวกฉันก็อยู่ในรถห่างจากที่นี่ไปแค่หนึ่งกิโล รอคุณแม่ของฉันดำเนินเรื่องขอหน่วยรบกำลังพิเศษเสร็จแค่นั่นเอง...แต่ก็ยังช้าไปหน่อย ขอโทษนะหมูหย็องลูก..."


คุณแม่ที่อธิบายด้วยใบหน้าเฉยชา หันมาสบตากับผม ในดวงตาสีสวยเออคลอไปด้วยหยาดน้ำใส


"พวกมึง!! พวกมึงมันเลว! ปล่อย ปล่อยกูไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นไอ้เด็กนี่ตาย!!!"


มารัตดูเสียสติไปแล้ว ร่างท้วมเอามีดชี้ขู่คนรอบๆ ก่อนจะเอามาไว้ที่คอเหมือนเดิม ชั่วขณะที่มั่นปล่อยมีดจากลำคอ
ผมที่ไม่ได้ถูกมัดมือเอาไว้ กับอีแค่คนถือมีดจี้คอด้วยท่าทางปวกเปียก มีแต่อารมณ์บดบังตา ผมเคลื่อนมือตัวเองไปที่หัวแม่โป้งของมัน จับแน่นและบิดหัก เสียงกร๊อบดังขึ้น ความเจ็บปวดส่งผลให้มันปล่อยมือออกทันที ก่อนมีดในมือจะร่วงผล็อยลง


"อ๊ากกกกกกกกกกกก นิ้ว นิ้วกู!" มันจับนิ้วของตัวเองแน่น ทหารที่ถูกฝึกมาเป็นพิเศษ รู้หน้าที่รีบเข้ามาอุ้มผมออกไปทันที


"จับมัน!" เสียงของพ่อตะโกนทันทีที่ผมหลุดออกจากอ้อมแขนที่รัดตัวผมไว้


"ตากำลังรอดูเลย ว่าเมื่อไหร่หลานจะเลิกทำตัวเป็นตุ๊กตาถูกมันเหวี่ยงไปมาเสียที"

"ท่าทางครั้งนี้ดูไม่ค่อยคล่องนะดิมิทรี ถ้ายังไงจบเรื่องนี้แล้ว ยายจะส่งคนไปฝึกหลานเพิ่มเติม"


เสียงในจอของคุณตาคุณยายพูดขึ้น หน่วยพยาบาลเข้ามารุมล้อมผม  ผมได้แต่ยิ้มเหนื่อยๆกับคำพูดนั้น ไม่โต้ตอบอะไร คิดเพียงว่าเรื่องนี้จบลงได้สักที...


ปัง! เสียงปืนแหวกอากาศ


คนที่ทุกคนคิดว่าเสียเลือดมากจนตายไปแล้วกลับลุกขึ้นมาพร้อมกับปืนที่ฉวยมาจากศพ วิ่งฝ่าวงล้อมเข้ามาหาผม
พยาบาลที่กำลังรักษาแผลผมทรุดตัวลง ก่อนที่ทุกคนจะตั้งตัวทัน มือหนาคว้าเข้าที่ลำคอของผม ก่อนจะหอบหายใจเหนื่อยอ่อน อลันหิ้วปีกผมขึ้นมาอีกครั้ง


"อย่าเข้ามาไม่งั้นได้เด็กนี่ตาย!" อลันที่ไม่เหลือภาพลักษณ์เจ้าเล่ห์ ใบหน้าที่ขึงยิ้มอยู่ตลอดเวลามีแต่เพียงความกลัวเท่านั้น เจ้าตัวขยับทีเหลือที่ลำตัวก็ทะลักไหล เสียงซี๊ดปากพร้อมกับคำขู่ให้ทุกคนกระจายตัวออกไป


"โจวิช สั่งทุกคนให้วางปืนลง! วางปืนลงแล้วยกมือขึ้น กูไม่ได้ขู่ ลูกมึงตายแน่ๆถ้ามึงเล่นตุกติก!"


ท่าทางเอาจริงและรอบคอบมากกว่ามารัต ที่เอาเนคไทด์ผูกรอบมือผมแน่น ทำให้พ่อที่กำลังเดินมาหาผมต้องชะงักลง ความเด็ดขาดฉายชัดในแววตาของผู้ถือปืนจ่อผม เมื่อพ่อผมไม่ได้สั่งการรวดเร็วอย่างใจ มันยิงปืนใส่ที่ฝ่าเท้าของผม เลือดไหลทะลัก คุณแม่กรีดร้องขึ้นทันที


"ทุกคนวางปืนลง!" เสียงคุณพ่อประกาศลั่น นายทหารทุกคนค่อยๆวางปืนลงช้าๆ ก่อนจะยกสองมือขึ้นเหนือศรีษะ


"ดี! ดีมาก ทีนี้เตรียมรถให้กูซะ เตรียมเงินให้พร้อมด้วย พากูไปส่งที่สนามบิน ไม่งั้นลูกมึงตาย อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!"


เสียงของอลันแหกปากร้องขึ้นดังลั่น เมื่อจู่ๆก็มีร่างเล็กที่หลุดพ้นจากสายตา ตรงเข้ามากัดมือเจ้าตัว มือหนาคลายตัวผมออก เสี้ยววินาทีอลันเล็งปืนมาทางผม ผมเห็นเขาลันไก แต่ก็ไม่ทันได้เห็นลูกกระสุนปืน เพราะร่างเล็กที่กระโจนเข้ามาช่วยผมให้ถูกปล่อยตัว เอาตัวเองมากอดผมเอาไว้แน่น เขาเอาตัวเองบังผมเอาไว้


เสียงกระสุนปืนเจาะผ่านเนื้อหนังแว่วมาให้ได้ยิน ผมรู้สึกใจจะขาด ผมนึกว่าเทมปุระถูกยิง


แต่ไม่ใช่...


นอกเหนือจากร่างเล็กที่ใช้อ้อมแขนกอดผมอยู่ ก็มีคุณแม่ที่รวบผมกับเทมเอาไว้ และมีคุณพ่อที่รวบพวกเราทั้งสามคนเอาไว้อีกที พวกเขาตรงเข้ามาปกป้องผมโดยไม่คิดชีวิต ใช้ตัวเองบังเอาไว้ เอาตัวเองเป็นเกราะ เพื่อให้ผมปลอดภัย อ้อมกอดแน่นดูแข็งแกร่งและแขนแกร่งก็รัดแน่น ดังประกาศิตจะไม่ให้ภัยอันตรายใดๆได้เข้ามากล้ำกรายแตะต้องผมได้


เมื่อเสียงเหล่าทหารตรงเข้าไปจัดการคนที่ก่อเรื่องเรียบร้อย อ้อมกอดที่รัดผมแน่นถึงสองชั้นนอกถึงจะยอมคลายตัวออก เว้นเพียงปราการขั้นสุดท้ายที่สลบไปเสียแล้ว


ทั้งๆที่เขาเป็นคนที่ถูกยิง แต่ใบหน้าคมสันและใบหน้าสวยหวานกลับร้อนรนถามผมด้วยความเป็นห่วง ไม่สนใจร่างกายที่เป็นรูพร้อมโลหิตที่ทะลักออกมา ไม่สนใจความเจ็บปวดที่แล่นริ้วขึ้นมา จนสติแทบขาดสะบั้น
สนแต่เพียงความปลอดภัยของเด็กน้อยในอ้อมแขนเท่านั้น


"หมูหย็องไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก!"

"หมูหย็องเจ็บตรงไหนหรือเปล่า!"


ผมค่อยๆเงยหน้าไปมองตามเสียง ภาพที่ทำเอาหัวใจร่วงหล่นก็ปรากฎขึ้น เลือดแดงฉานจากคุณพ่อคุณแม่ ลูกกระสุนทะลุร่างของผู้ใหญ่สองคนก่อนจะมาถึงตัวผมกับเทม เทมปุระที่ตกใจเสียงปืนจนสลบไปทั้งๆที่ยังกอดรัดผม
พวกท่านจ้องมองสำรวจผม เมื่อเห็นว่าผมไม่เป็นอะไร ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเลื่อนสายตามามองคนที่ยังคงโอบผมไว้ ทั้งๆที่ไม่มีสติ


"เด็กคนนี้นี่สุดยอดไปเลยนะ ดูสิกลัวจนตัวสั่นแต่ก็ตรงเข้ามาหาลูกไม่ลังเลเลย อู้ย...เพิ่งรู้ว่าโดนยิงแล้วจะเจ็บขนาดนี้"

"สงสัยฉันต้องไปเข้าคลินิกรักษารอยแผลเป็นแล้วล่ะ ทำไมคุณไม่หยุดกระสุนไว้แค่ที่ตัวเองนะโจ ถ้าฉันมีแผลเป็นล่ะน่าดู"


พวกท่านพยายามทำเป็นเล่นเมื่อเห็นสีหน้าตกใจจนซีดขาวของผม มืออุ่นที่เป็นมือเดียวกันกับที่ช่วยปกป้องผมเอาไว้ เอื้อมมือมาเช็ดหยาดน้ำตาที่ผมไม่รู้ว่ามันไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไม...ทำไมถึงยอมปกป้องผมล่ะ


"ไม่ต้องร้องไห้นะลูกรัก พ่อกับแม่ไม่เจ็บเลย ไม่เจ็บเลยสักนิด"

ทั้งๆที่บอกว่าไม่เจ็บเลยแท้ๆ แต่ใบหน้าซีดขาวและท่าทางที่พร้อมจะล้มลงไปกองกับพื้นได้ทุกเมื่อกลับตรงกันข้าม

"อย่าร้องไห้นะหมูหย็อง มดกัดแค่นี้ แลกกับลูกปลอดภัย แลกกับลูกไม่เป็นอะไร มันคุ้มค่าที่สุด"

"อย่าร้องไห้สิ ไม่ต้องกลัวนะ"

"ไม่ต้องกลัวนะหมูหย็องพ่อกับแม่มาช่วยลูกแล้ว เรามาช่วยลูกแล้ว เราจะปกป้องลูกเอง"


ใบหน้าที่ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ไม่มิดของคุณแม่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ท่านประทับรอยจูบอุ่นที่หน้าผากของผม พร่ำปลอบผมว่าไม่ต้องกลัว ไม่เป็นอะไรแล้ว พวกท่านมาช่วยแล้ว อ้อมกอดรัดแน่นลงมาอีกครั้ง อ้อมกอดที่ผมเคยโหยหา ทุกคำถามก่อนหน้าได้รับคำตอบในวันนี้ ไม่เหลือคำถามใดๆอีกต่อไป


ความอบอุ่นแทรกซึมจนทำกลอนที่ขังหัวใจไว้หลุดออก ผมสะอื้นเรียกพวกท่านเสียงสั่น


"คุณพ่อ...คุณแม่..."



นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเรียกเขาว่าพ่อแม่ เป็นครั้งแรกที่ผมยอมรับพวกเขาจริงๆ ยอมรับจากก้นบึ้งของหัวใจว่าพวกท่านทั้งสองคนว่าเป็นพ่อกับแม่ของผม


รอยยิ้มดีใจปรากฎให้เห็น และนั่นเป็นรอยยิ้มสุดท้ายก่อนที่พวกท่านจะสลบไป








 เมื่อผมไปถามคุณยายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ว่าคุณยายจัดการอย่างไร


"คุณยายได้จัดการพวกเขาขั้นเด็ดขาดไหมครับ"
"รู้ไหมดิมิทรี ความลับจะยังคงเป็นความลับเสมอ หากคนรู้มีเพียงหนึ่ง และตอนนี้มีเพียงยายเท่านั้นที่รู้ และมันจะเป็นแบบนั้นตลอดไป เพราะคนตายไม่นับเป็นคน และไม่สามารถพูดได้อย่างไรล่ะ..."



เรื่องราวในค่ำคืนนั้นจบลงที่คำว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น


ในเรื่องเลวร้ายก็มีข้อดีของมันอยู่ ผมสามารถเปิดใจและสามารถนับคนในบ้านเป็นครอบครัวได้จริงๆเสียที คุณพ่อคุณแม่ปลอดภัย นอนหลับอยู่อีกห้อง ทุกอย่างดูราบรื่น


ตอนที่ผมนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล โดยที่มีเตียงข้างกันเป็นของเด็กชายผู้กระโจนเข้ามาช่วยปกป้องผมโดยไม่คิดถึงชีวิตนอนหลับอยู่ ใบหน้ายามหลับของเขาวันนั้นดูเหน็ดเหนื่อยและเต็มไปด้วยฝันร้าย เขาละเมอเรียก 'มุ...มุ...มุ' ไม่หยุด แม้ผมจะจับมือเขา คอยส่งเเสียงกระซิบตลอดคืนว่าผมไม่เป็นอะไร แต่เทมก็ยังคงเฝ้าถามผมในความฝัน เฝ้าปลอบผมในความฝัน 'มุ...มุ..ไม่เปนไรนะ...เทม...เทมช่วย'


ความชื้นของหมอนฟ้องสายลมและอากาศ บอกว่าผมขี้แงอีกครั้ง
ผมรักเขาเหลือเกิน รักเขาที่ช่วยตัวเองไม่ได้ รักที่เขาทำอะไรไม่เป็น แต่ก็พยายามช่วยผม พยายามปกป้องผม
ยามอ้อมกอดที่สั่นสะท้านของเขาแนบชิดลงมา มันสื่อผ่านสัมผัสบ่งบอกผม ว่าเขากลัวมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยแขนออก ยังคงยึดมันเอาไว้แน่นจนสลบไป


ต่อให้เขาไม่ทำแบบนี้ ผมก็รักเขา ยิ่งเขาทำแบบนี้ผมก็ยิ่งรักเขา
ผมเฝ้ามองเทมปุระไปจนถึงยามใกล้รุ่งสาง
ภายในรุ่งเช้าที่บรรยากาศคล้ายคลึงกับวันนี้ ตอนนี้


ผมทอดสายตามองใบหน้าของคนข้างๆ


แสงแดดลอดผ่านผ้าม่าน ไม่ต้องมีดาบหรือองค์ราชีนีที่ผมคุกเข่าให้
มีเพียงเขาที่นอนหลับ และผมที่กุมมือเล็กมาประทับจุมพิต สายตาแน่วแน่จริงจัง
เมื่อยามนั้นผมได้ก่อร่างคำสัญญา และปฏิญาณตนต่อเขา โดยมีแสงอาทิตย์แรกของวันเป็นพยาน


ผมจะปกป้องเทม จะปกป้องเขาไปชั่วชีวิต

และด้วยเกียรติของชาโรนอฟ
...ผมจะรักเขาไปจนวันสิ้นสุดลมหายใจ


ผมประทับริมฝีปากที่มือน้อยอีกครั้งก่อนจะกุมมือเขา เผลอจ้องมองเขาอีกนานกว่าจะเผลอหลับไป






ส่วนในตอนนี้ ผมผละริมฝีปากออกจากหน้าผากคนที่หลับตานิ่ง


ร่างที่นอนหนุนหมอนใบเดียวกันค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น เหมือนเจ้าหญิงนิทราที่ตื่นขึ้นเพราะได้รับจุมพิตจากเจ้าชาย นัยน์ตาสีน้ำตาลสวยดูงุนงงเมื่อเจอใบหน้าของผมในระยะประชิด เมื่อความสงสัยหายไป คงเหลือไว้แต่ความดีใจที่ได้เห็นผม ผมลูบมือไปที่แก้มนุ่มเหมือนวันวาน เทมปุระฉีกยิ้มสดใส เป็นของขวัญยามเช้าสำหรับผม


"หมูหย็อง อรุณสวัสดิ์ครับ"

"อรุณสวัสดิ์ครับเทม"


ในตอนเช้าบนเตียงกว้าง มีผมกับเขาตื่นนอนขึ้นมาบนหมอนใบเดียวกัน เราทั้งสองต่างมีรอยยิ้ม

เพียงเท่านี้ก็พร้อมแล้วสำหรับวันใหม่...





















end 22 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง




เรื่องนี้ก็จบลงแล้วนะคะ...ล้อเล่นค่ะ! ยังไม่จบนะคะ 555555
เหตุผลหลายๆอย่างเราว่าน่าจะเคลียร์ในบท วัยเยาว์ ครบแล้วเนอะ
เพราะเอามาไว้ในเนื้อเรื่อง เลยดูรวบรัดนิดหนึง
คือถ้าเขียนจริงๆ วัยเยาว์จะลากยาวไปประมาณ 15 บทได้...
จะบู๊แล้วก็อะไรมากกว่านี้ แต่จะผิดคอนเซปแนวรักใสๆของเรา
เลยมาแค่นี้พอค่ะ เขียนยากด้วย O<--<

คำผิดตรงไหนบอกได้นะคะ เราเบลอมากวันนี้
ตอนหน้ากลับสู่ปัจจุบัน!

โซเฟียริน
zofiarin lll moore



หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 22 * 3/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 03-10-2018 21:14:27
 :mew1: ต้องเรียก(ลูก)พี่หมูหยองคนบู๊กับน้องเทมคนกล้าแล้วค่ะ ...  :hao3:  :hao3:  :hao3: ตอนหน้าขอแบบหวานๆนะค่ะ สุดจะคิดถึง moment หมูเทม  :hao7:  :hao7:  :hao7:  o13  o13  o13
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 22 * 3/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 04-10-2018 06:31:39
เป็นวัยเยาว์ ที่เป็นเหตุผลหนักแน่นที่สุด
นับแต่อ่านนิยายวายมา .. 1,000 กว่าเรื่อง
ว่า ทำไมหนอถึงรักกันได้ขนาดนี้

แบบว่า สมเหตุสมผลมากที่สุดเลยค่ะ
กับสิ่งที่หมูเป็น และเทมทำให้หมูรัก
สุดยอดค่ะ ...

ส่วนคำพิมพ์ผิด กับคำสะกดผิดก็เยอะอยู่นะคะ
ที่เห็นชัดและขัดตา คือ ปอก ... มีดปอกผลไม้ ใช้ ปอก นะคะ
ถ้า ปลอก คือ  ปลอกมีด ปลอกหมอน ปลอกดาบ ... ทำนองนั้นค่ะ

แต่โดยรวม ความสนุกของเนื้อหา ทำให้พอจะอ่านผ่าน ๆ ไปได้
แต่ถ้าแก้ จะดีที่สุดเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 22 * 3/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 04-10-2018 11:01:59
 :กอด1: ขอกอดน้องเทมมม  :ruready << ใจเย็นๆค่ะ น้องหมู น้องน่ารักขอกอดนิสสสนุงเน๊าะ 555+
จะรอติดตามคู่นี้ว่าจะแต่งงานกันเมื่อไร อย่าลืมส่งการ์ดเชิญมาด้วยนะค่ะ  :mew1:
   :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 22 * 3/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 04-10-2018 12:39:27
พึ่งได้อ่านดีมากๆเลย

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 22 * 3/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 04-10-2018 18:50:42
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 23 * 4/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 04-10-2018 19:10:51





23







ผมเฝ้าเก็บทุกรายละเอียดการเคลื่อนไหวทุกส่วนของร่างสูง ตั้งใจไว้ว่าถ้ามีอะไรผิดแปลกแม้เพียงนิด หรือสัมผัสได้ถึงความไม่สบายใจ อึดอัด หรือรู้สึกไม่ดีของเขา ผมจะยังให้เทมหยุดอยู่บ้านต่อไป ผมไม่สนใจว่าเทมจะเรียนไม่ทันเพื่อน ไม่สนใจว่าเขาจะซ้ำชั้นหรืออะไรทั้งนั้น เรียนไม่ทัน ผมก็สอนเขาได้ ถ้าเลวร้ายขนาดขาดเรียนนานจนต้องซ้ำชั้น ผมก็เรียนเพิ่มอีกปีเป็นเพื่อนเขา มันไม่ใช่ปัญหาเลย


สิ่งเดียวที่ผมสนใจและห่วงใยคือความรู้สึกเขาเท่านั้น มันสำคัญมากกว่าอะไรทั้งหมด



"หมูหย็องครับ หมูหย็อง เทมหากระเป๋านักเรียนไม่เจอ" เทมปุระที่แต่งตัวเสร็จแล้วเดินมาหาผมที่นั่งรอเขาอยู่ ผมมองสำรวจคนตรงหน้าก่อนจะยิ้มให้ กวักมือเรียกเด็กน้อยเข้ามาใกล้ ก่อนจะเริ่มปลดกระดุมที่เขากลัดผิด ใส่เรียงให้ถูกต้องเสียใหม่

"กระเป๋า ยังอยู่ในล็อกเกอร์ที่โรงเรียนครับ วันนี้เราไปกันตัวเปล่าแล้วกันนะครับเทม"

"แต่สมุดสะสมสติ๊กเกอร์ของเทมอยู่ในกระเป๋า ถ้าไม่มีสมุด แล้วคุณลุงสันจะแปะสติ๊กเกอร์ให้เทมที่ไหนล่ะครับ"


ผมผูกเนคไทให้เขาเรียบร้อย มองผลงานที่ออกมาสมบูรณ์แบบบนเรือนร่างที่สมบูรณ์ด้วยความพอใจ แล้วจึงเอ่ยตอบคนที่สีหน้าเป็นกังวล


"งั้นเดียวเราหาสมุดว่างๆสักเล่มไปให้คุณลุงติดก่อนไหมครับ แล้วเทมค่อยตัดกระดาษแล้วเอาไปแปะที่สมุดเล่มหลักอีกที แบบนี้ดีไหมครับ"


ผมเสนอทางเลือกให้เด็กน้อยที่ดูไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องใหญ่นี้ดี แม้จะดูยุ่งยากกว่าการรอถึงพรุ่งนี้ แล้วค่อยเอาไปติดทีเดียว แต่การได้ทำอะไรเดิมๆ การใช้ชีวิตประจำวันเป็นแบบเป็นแผน สำหรับเด็กพิเศษแล้วถือว่าเป็นเซฟโซนครับ เขาจะรู้สึกปลอดภัย และสบายใจกว่า รอยยิ้มกว้างถูกส่งมาให้ผมทันที เป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าเขามีความสุขมากกับทางเลือกที่ผมเสนอ


"หมูจลาดจังเลยครับ งั้นเดียวเทมไปหาสมุดก่อนนะ ขอบคุณที่ช่วยแต่งตัวนะครับ"

"ฉลาดครับเทม ไม่ใช่จลาดนะ เทม! เทมครับอย่าวิ่ง" ไม่ทันแล้วครับ เด็กน้อยของผมวิ่งวุ่นหาสมุดไปทั่วห้อง เขายังมีท่าทางที่ควบคุมไม่ค่อยอยู่หลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือ อาการคล้ายๆสมาธิสั้น ที่จะทำอะไรรวดเร็วทันทีทันใด คิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าเขาจะค่อยๆนิ่งลง และควบคุมตัวเองได้ดีเหมือนเดิม


พอเจ้าตัวค้นหาสมุดว่างเปล่าเจอ ก็รีบวิ่งเอามาให้ผมดูทันที


"หมูหย็องครับ หมูหย็อง เล่มนี้ได้ไหมครับ"

"ลายกระดาษมันคนละแบบกันนะครับเทม หมูจำได้ว่าหมูซื้อเล่มสำรองไว้ให้เทมอยู่นะครับ ลองหาในตู้หนังสือดูหรือยัง ชั้นที่สามด้านขวามือ...นี่ไงครับ เหมือนกันเลยใช่ไหม"

"เหมือนกัน เหมือนกัน เหมือนกันเลย" ผมยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่กอดหนังสือไว้แน่นแล้วยิ้มตาหยี


เห็นเขาไม่กังวลเรื่องไปโรงเรียนแล้วผมก็เบาใจ ตั้งแต่เมื่อคืน ผมก็บอกเทมไปแล้วครับ ว่าพวกสิงห์ออกจากโรงเรียนไปหมดแล้ว ส่วนเหตุผลที่ออกผมก็ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไร ปฏิกิริยาของเทมที่ได้ยินชื่อพวกมัน ทำเอาผมอยากจะย้อนเวลาไปบีบคอมันให้แน่นๆและนานกว่าเดิมสักสิบนาที อาการที่ดีขึ้นดูจะทรุดลงในช่วงระยะเพียงหนึ่งคำพูด จนผมต้องบอกเขาซ้ำๆ ว่าพวกนั้นไม่อยู่แล้ว เทมถามย้ำกับผมอีกหลายครั้งทั้งชั่วโมงจนเริ่มวางใจ


พอรู้ว่าไม่มีพวกนั้นเทมก็ดูกลับมาเป็นปกติรวดเร็วขึ้น และไม่ได้ต่อต้านโรงเรียนขึ้นมาอีก



RRRRRRrrrrrrr



ผมหยิบโทรศัพท์ออกมา เห็นชื่อบนจอแล้วก็รู้สึกอยากหยุดอยู่บ้านกับเทมปุระไปอีกสักยี่สิบวัน ผมตั้งใจจะไม่รับสาย แต่เด็กน้อยของผมก็ตื่นเต้นกับชื่อบนจอเหลือเกิน ผมใจแข็งทำลายสายตาวิบวับนั่นไม่ลง ได้แต่เคลื่อนปลายนิ้วไปรับสาย


"ครับน้ำ"

[ ฮัลโหลลลลลลลลลลลลล! ถึงโรงเรียนหรือยวงงงงงงงงงงเทมมมมมมมมม! ]

"ไม่ใช่เทมครับ"

[ อ้าว หมู มึงมารับโทรศัพท์ทำไม กูจะคุยกับเทม ]

"นี่เบอร์ผมนะครับ ถ้าไม่ให้ผมรับจะเป็นใคร"

[ เอ้า ก็มึงไม่ให้เทมใช้โทรศัพท์ กูจะติดต่อยังไง กูขอเบอร์บ้านเทม มึงก็ไม่ให้ จะให้กูติดต่อยังง๊ายยย บอกกูที๊ หรือจะให้ถามกระจกวิเศษหรือไงวะ แบบกระจกวิเศษเอย บอกข้าเถิด เจ้าหญิงเทมผู้งามเลิศในปฐพีจะมาโรงเรียนหรือยังจ๊ะ มันก็ไม่ได้ไหมวะ เดี๋ยวแม่เลี้ยงใจร้ายจะตามมาเอาแอ็ปเปิ้ลพิษให้กูกิน ข้อหาขโมยกระจกนางอีก ]


ตั้งแต่ผมไม่ให้พวกเขาหรือว่าใครเข้ามาเยี่ยมเทมตั้งแต่วันวุ่นวายนั่น น้ำกับเต้และคนอื่นๆ ก็สลับกันโทรมาหาเทมทุกวันเลยครับ และมันก็ทำให้โทรศัพท์ผมแทบลุกเป็นไฟ ด้วยสายที่โทรเข้าตลอดทั้งวัน ทุกชั่วโมง จนผมทนรำคาญไม่ไหวกดปิดเครื่องไป เพิ่งเปิดเจ้าเครื่องมือสื่อสารอีกครั้งเมื่อเช้า ไม่ทันไรมารผจญก็โทรมาเสียแล้ว


"เทมเป็นผู้ชายนะครับน้ำ เทมเป็นเจ้าหญิงนิทราไม่ได้นะ ต้องเป็นเจ้าชายสิ"


เสียงของไอ้น้ำดังขนาดที่ว่าผมไม่ได้เปิดลำโพง แต่ร่างสูงที่ยืนข้างกันยังได้ยินเสียชัดครบทุกประโยค เทมดูขำกับเพื่อนของตัวเองที่บ่นเสียยืดยาว ก็เป็นเรื่องดีครับที่พอเทมได้คุยกับทุกคนก็ดูกระตือรือร้นอยากกลับไปเรียน แต่ผมก็อดเสียดายเวลาที่ได้อยู่กันสองคนกับเขาไม่ได้อยู่ดี และที่สำคัญ เวลาที่เหลือน้อยนับถอยหลัง ก็ไม่อยากถูกขัดด้วยเสียงโทรศัพท์นะครับ...


[ ถ้ามึงเป็นเจ้าชาย งั้นไอ้หมูแม่งต้องเป็นแม่มดใจร้ายแน่เลยวะ เป็นแม่เลี้ยงใจร้ายที่ลอบฆ่าลูกเลี้ยงตัวเองที่ไปอ่อยเจ้าชาย แต่แม่มดเวอร์ชั่นนี้คงไม่ต้มยาพิษแล้วเอาแอ็ปเปิ้ลจุ่ม น่าจะผลักลูกเลี้ยงลงหม้อต้มแม่งเลยมากกว่า แม่งใช่มาก... ]

"โทรมามีอะไรครับน้ำ ถ้าไม่มีก็แค่นี้นะครับ" ผมรู้สึกหน้าตึงๆขึ้นมากับประโยคของมัน จนรู้สึกไม่อยากเสวนา และไม่อยากให้คนของผมเสวนาไปด้วยมากกว่านี้

[ เดี๋ยวๆๆๆๆ ใจเย็นจ้าแม่มด เอ้ย หมู กูจะถามว่ามาโรงเรียนกันหรือยัง เมื่อคืนวันก่อนกูลืมบอก ปีนี้กีฬาสีเริ่มเร็วหน่อย ให้พวกมึงเอาชุดพละมาทิ้งไว้ที่โรงเรียนได้เลย ]


ผมเลิกคิ้วให้กับคำบอกของน้ำ...นี่มันเดือนกันยาเองนะครับ
ปกติโรงเรียนผมจะมีกีฬาสีช่วงเดือนตุลาครับ เพราะอากาศจะได้ไม่ร้อน และจะได้ถูกจับไปรวมกับสามเดือนกิจกรรม สามเดือนกิจกรรมเป็นชื่อเรียกของสามเดือนสุดท้ายของปีของโรงเรียนผมครับ เพราะท้ายๆปี เรียกได้ว่ามีงานใหญ่หลายงานติดต่อกันเลย ลอยกระทงเอย คริสต์มาสเอย และถัดไปก็งานเลี้ยงอำลาที่จัดควบคู่งานวันปีใหม่อีก เรียกได้ว่าสามเดือนสุดท้ายของปีมีกิจกรรมเยอะกว่าเรียนอีกครับ


แถมเทอมสองเป็นเทอมที่ผมจะยุ่งจนหัวหมุนมากๆ งานสภากองท่วมหัวจนอยากลาออก แล้วค่อยกลับมาสมัครเรียนใหม่เฉพาะเทอมหนึ่ง แล้วนี่ทำไมจู่ๆงานกีฬาสีก็ถูกย้ายมากระทันแบบนี้ล่ะครับ ทีมสภาทำอะไรกัน


[ อย่า! กูรู้ว่ามึงจะถามกูว่าทำไม กูก็ไม่รู้ แต่ในบอร์ดประกาศเลื่อนมาเร็วกว่าเดิม เลยมาบอกข่าวพวกมึงเฉยๆ ]

"ไม่ถามคนไม่มีสมองหรอกครับ ถ้ามีเรื่องจะบอกเท่านี้ งั้นนก็แค่นี้นะครับ"


ผมกดตัดสาย ไม่รอฟังเสียงโวยวายของมันที่ตะโกนตะแง้วๆออกมา เทมดูตาวาววับกับคำว่ากีฬาสี
ไม่อยากบอกเลย...ไม่อยากทำลายความหวัง และความสนุกของเขาด้วย แต่ก็มีแต่ต้องทำเท่านั้นครับ


"ปีนี้...หมูขอให้เทมไม่ลงแข่งกีฬานะครับ..."


ผมเบือนสายตาหลบเจ้าลูกแก้วสีน้ำตาลที่สั่นไหว ใบหน้าเปื้อนยิ้มตอนนี้คงจะหุบลง และกลายเป็นใบหน้าเตรียมพร้อมร้องไห้แล้วแน่ๆ ผมหลับตารอฟังเทมที่ต้องประท้วงไม่ยอม แต่ผมก็คงจะอ่อนข้อให้เขาไม่ได้ งานกีฬาสีของโรงเรียนผม แน่นอนว่าโรงเรียนที่ขึ้นชื่อกิจกรรม ต้องซ้อมกันโหดมากครับ เทมชอบลงแข่งวิ่งวิบาก ไม่เคยชนะเหรียญทองเลยก็จริง แต่ก็ไม่เคยหลุดจากที่สาม เป็นกิจกรรมส่วนรวมไม่กี่อย่างที่เขาเอ่ยปากขอทำเอง


"ท-ท-ท-ทำไมล่ะครับหมูหย็อง เทม เทมไม่สบายหายแล้วนะครับ ไม่ตัวร้อน ไม่ไอแค่กๆแล้ว เดิน...เดินก็ ม-ไม่เอียงๆแล้วนะครับ ลง ลงแข่งไม่ได้เหรอครับ"


เสียงเขาดูสั่น สั่นมาถึงหัวใจของผม ถ้ายังสบตากันอยู่ผมต้องยอมแพ้เขาแน่ๆ


"มันเร็วเกินไปนะครับเทม ไว้เป็นปีหน้า หรือปีอื่นๆได้ไหมครับ"


ผมกลั้นใจหลับตาพูดออกไป บอกตรงๆคือผมยังไม่ไว้ใจอาการของเขา ถ้าเกิดเขาถูกกดดันในตอนซ้อมล่ะ ถ้าเป็นปกติ เขาคงแค่กลัวหรืองอแง แต่ตอนนี้ ตอนที่หัวใจเขาเพิ่งสมานกัน ผมกลัวมันจะเลยเถิด ไหนจะซ้อมวิ่งอีก เทมยังควบคุมร่างกายตัวเองไม่ค่อยได้เลย เกิดเขาวิ่งแล้วมีอุบัติเหตุจะทำยังไง...ผมจะไม่เสี่ยง ผมจะไม่ยอมเสี่ยงเด็ดขาด


"แต่ แต่ แต่ว่า...ฮึก เทม เทม อยากแข่งนี่ครับ ฮือออออออออ"


อา...ในน้ำตาที่หลั่งรินออกมาทั้งชีวิตของเขา แม้แต่ครั้งเดียว ผมก็ไม่อยากเป็นเหตุผลที่ทำให้มันไหลออกมาเลย ผมปวดแปลบกลางอก ดึงร่างสูงเข้ามากอดเอาไว้


"ฮือ เทม เทมอยากแข่งครับ อยะ-อยากแข่ง"


เทมปุระเอ่ยเสียงสั่นคลอ น้ำตาเม็ดโตไหลลงบนบ่าผมไม่หยุด ผมลูบผมนุ่มไปมา ผมรู้ว่าสุดท้ายเขาจะเชื่อฟังที่ผมพูด เพราะเทมให้ความสำคัญกับทุกคำของผมเสมอ เขาสะอื้นฮักอยู่บนไหล่ พึมพำเสียงน่าสงสาร ว่าเขาอยากลงแข่งมากแค่ไหน จนผมแทบจะใจอ่อน



"ฮึก ถะ-ถ้าเทมไม่ได้แข่ง ฮึก...เทมก็จะ ฮึก เทมก็จะไม่ได้กินขนมกรอบกรอบในปี๊บแล้วใช่ไหมครับ ฮืออออออออออ ขนมปี๊บของเทมมมมม"






นั่นแหละครับ...


เหตุผลการลงแข่งกีฬาสีของเด็กน้อยของผม เขาอยากทานขนมในถังสีเงินๆนั่นแหละครับ


ขนมประจำงานกีฬาสี ของรางวัลโง่ๆที่แข่งแทบตายแต่ให้ขนมบ้าบอมาตอบแทน




เรื่องมันเกิดเพราะเมื่อหลายปีก่อน ไอ้สารเลวเต้ลงแข่งบาสแล้วชนะ ได้ขนมปี๊บมาถังใหญ่ มันเอามาแบ่งเพื่อนในห้อง แล้วเทมก็ทานไปด้วย ตอนนั่นผมไม่อยู่ครับ แล้วเทมที่ทั้งชีวิตตั้งแต่เจอกันกับผม เขาก็ไม่ได้ทานขนมไร้สาระหรือไม่มีประโยชน์แบบนั่นอีกเลย พอได้กลับมาทานก็ติดใจยกใหญ่ งอแงอยากทานตลอดเวลา


ผมก็ทำใจไม่ได้ที่จะให้เขากินขนมที่กรรมวิธีการทำไม่ได้มาตรฐาน ไม่รู้ส่วนผสมมาจากยังไง สะอาดไหม ใช้ของดีหรือเปล่า แค่คิดว่าเทมจะทานของน่ากลัวแบบนั้นผมก็ทำใจไม่ได้แล้วครับ แต่เทมก็ยังคงงอแง อย่างที่รู้กันถ้าเป็นเรื่องขนมเทมจะดื้อและตั้งใจเป็นพิเศษ


จนผมต้องจำใจลากคอไอ้เต้มาพูดให้ บอกเขาว่ามันเป็นขนมที่ต้องชนะกีฬาสีเท่านั้นถึงจะได้มา ไม่มีขายทั่วไป
ผมก็นึกว่าเทมปุระจะยอมแพ้ ที่ไหนได้ เด็กน้อยของผมฮึดสู้ แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเพื่อเจ้าขนมก๊องแก๊งนั่น ถึงขนาดยอมไปลงแข่ง ยอมไปเจอคนแปลกหน้าเลยครับ


ส่วนผมพอเห็นแบบนั้น จะกลับคำก็ไม่ได้เสียแล้ว จะห้ามไม่ให้เขาทานก็ไม่ได้ เขาตั้งใจเสียขนาดนั้น เรื่องมันบานปลายเลยเถิด จะให้ผมไปซื้อให้ หรือจะแอบสั่งทำพิเศษมาให้เขา ก็ไม่ทัน ผมไม่อยากเป็นคนโกหกในสายตาเทม แม้จริงๆแล้วผมจะบีบคอไอ้เต้ให้เป็นคนไปพูดก็เถอะ...


นั่นแหละครับที่มาของแรงฮึดของเทมปุระ แรงจูงใจทุกปีที่จะลงแข่งกีฬาสี และต้นเหตุที่ทำให้เด็กน้อยของผมงอแงอยู่บนไหล่ของผมตอนนี้ ก็เพราะอยากทานเจ้าขนมสองกิโลร้อยนั่นแหละครับ...


"ไม่ร้องนะครับเทม ไว้หมูจะพาไปทานเค้กร้านโปรดแทนดีไหมครับ?"

"ฮึก ฮือ ต-แต่ว่า เค้กมีทั้งปี แต่ แต่ แต่ว่าขนมปี๊บมีปีละครั้งนะครับหมูหย็อง ฮือ ขนมแห่งเกลียดตะยดนะ"

"เกียรติยศครับเทม..."

"ฮืออออออ เกียรติยศ"


ไอ้ขนมถังๆสีเงินนั่นมันกลายไปเป็นขนมที่มีคุณค่าขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเทม...ผมล่ะเสียใจกับตัวเองในอดีตจริงๆ ที่ใจร้อนรีบอธิบายเทมไปแบบนั้น จนต้องมาปวดหัวในตอนนี้


เทมดูไม่มีทีท่าจะหยุดร้องไห้จนผมปวดหนึบไปทั้งใจจนจะตายอยู่แล้ว ผมกอดร่างสูงแน่นอยู่นาน ลูบหัวปลอบก็แล้ว ลูบหลังปลอบก็แล้ว


ผมเกลียดเหงื่อ เกลียดการกระทำโง่ๆ เกลียดกีฬาที่ดูทำให้เสียภาพพจน์ที่ดี เช่นกีฬาบ้าๆที่วิ่งๆไปแล้วก็ต้องเป่าแป้ง เพื่อใช้ปากคว้านหาของ กระโดดไปมาเพื่อกินขนมปังที่ห้อยอยู่ หรือทำตามภารกิจอย่างเดินไปพาคนที่เกลียดมาวิ่งเข้าเส้นชัย


ผมเกลียดมัน


แต่ผมรักเขา
รักเขามากพอที่จะตัดสินใจ



"เด็กดี หยุดร้องไห้นะครับ"

"เทมเสียใจ ฮึก"

"หมูรู้ครับ ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องร้องไห้นะครับเทม...ปีนี้หมูจะแข่ง หมูจะลงแข่งแล้วเอารางวัลมาให้เทมเองนะ"



ตัดสินใจลงแข่งเพื่อชนะเอารางวัลที่เขาอยากได้มาให้ แม้ความจริงผมจะอยากเดินไปสั่งแม่บ้านให้ไปซื้อให้ที่ตลาดก็ตามทีเถอะ



"จริงเหรอครับ" เทมเงยหน้าพรวดออกมาจากไหล่ของผม ดวงตาเขาขึ้นสีแดงเพราะการร้องไห้ที่ยาวนาน เจ้าตัวซูดน้ำมูกก่อนจะรีบถามผมย้ำๆ


"จริงเหรอ จริงเหรอหมูหย็อง แต่ แต่ว่าหมูหย็องไม่ชอบกีฬาปิ้งแดดนี่ครับ เทม เทมอยากทานขนม แต่ แต่ว่าก็ไม่อยากให้หมูหย็องทำสิ่งที่ไม่ชอบด้วย ไม่...ไม่ทานก็ได้ครับ"

"กีฬากลางแจ้งครับเทม ไม่ใช่ปิ้งแดดนะ"

"กีฬากลางแจ้งครับ"


ผมยิ้มให้เด็กน้อยที่ดูทั้งตื่นเต้นและสับสนจนลนลานไปหมด น้ำตาที่แห้งเหือดทำเอาผมใจชื้น
ในคำว่ายอมของเขามันมีคำว่าอยากทานแปะหราเด่นชัดอยู่นะครับ และจากเหตุการณ์สะเทือนใจของเขา ผมถือว่าผมเห็นแก่ตัวเองมากเหมือนกันที่ไปห้ามเขาในสิ่งที่อยากทำ เพื่อความสบายใจของผม ที่จริงอะไรที่ทำให้เขามีความสุข ผมไม่อยากขัดหรอกครับ แต่อะไรที่มันไม่ดีต่อเขา ผมก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน...


รอยยิ้มของเขาสำคัญต่อผมมาก ผมชอบเขาตอนมีความสุข และตอนเขาทานมันเขาก็มีความสุข และความสุขของเขามันเหนือกว่าคำว่าไม่ชอบของผมมาก


"หมูก็อยากลองแข่งกีฬาสีดูสักครั้งเหมือนกันครับ"

"จริงเหรอครับ"

"จริงส่วนหนึ่งครับ"

"จริงส่วนหนึ่งคืออะไรเหรอครับ"

"จะสายแล้วนะครับเทม"

"จริงด้วย! สติ๊กเกอร์ของเทม สมุดๆๆๆ"


ผมเปลี่ยนเรื่องเบนความสนใจของเขาไป และโชคดีจริงๆที่เด็กน้อยผมคล้อยตามอย่างง่ายดาย เราออกจากห้องตอนหกโมงสี่สิบห้า เทมที่ตาปูดเพราะร้องไห้แต่ดูอารมณ์ดีจัดดูเป็นภาพที่ขัดแย้งและน่ารัก เขาร้องเย้ๆดูมีความสุขไปตลอดทาง และผมก็ยิ้มมองภาพนั่นอย่างสุขใจไปจนถึงโรงเรียน






ผลัวะ


"โอ้ย! อะไรวะไอ้หมู ตีกูทำไมเนี่ย" พอถึงห้องเรียน พอเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่เป็นตัวต้นเหตุ ผมก็แอบพาลไม่ได้ จนเดินตรงเข้ามาโบกหัวมันหนึ่งที จนมันที่กำลังจะทักทายพวกผมยกมือกุมหัวอย่างงงงวย ผมส่งยิ้มที่ไปไม่ถึงตาให้มัน

"แมลงเกาะหัวน่ะครับ"

"ใช่เหรอวะ..." ผมยิ้มไม่ตอบอะไร

"อ้าว พวกมึงมากันแล้วเหรออออออออ" น้ำที่เพิ่งมาถึงห้อง เดินตรงเข้ามาหาพวกผมที่นั่งกันอยู่ก่อนแล้ว


"เต้ๆๆๆ น้ำๆๆๆๆ ปีนี้! ปีนี้นะ ปีนี้" เทมที่ดูตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นประโยค พอเห็นเพื่อนมากันครบ เหมือนในที่สุดความอดทนก็สิ้นสุดลง เขาเม้มปากกลั้นยิ้มไว้ตั้งแต่ลงจากรถ พอเจอลุงยามก็ตรงเข้าไปคุยฟุ้งให้ฟังใหญ่ ว่าปีนี้ผมจะลงแข่งกีฬาสี ตื่นเต้นดีใจจนไม่ได้สังเกตสายตาคนรอบตัวที่มองมาที่ผมกับเขา ซึ่งผมถือว่ามันเป็นเรื่องดี พอขึ้นมาถึงห้อง ก็บอกผมว่าอย่าเพิ่งบอกเต้กับน้ำนะ เขาจะบอกเอง แล้วก็อมยิ้มแก้มป่องรอน้ำมานี่แหละครับ


"อะไรวะเทม ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆพูดๆโว้ยยย ไม่ได้จะหนีไปไหนเล้ยยย"

"เออ ใจเย็นๆมึง เกิดไรขึ้น ไหนบอกพ่อสิลูก"

"เอ เต้ไม่ใช่พ่อเทมนะครับ ไม่ได้เป็นแฟนคุณแม่นี่น่า"

"แค่ก แค่ก มุกโว้ย มุก ล้อเล่นอ่ะล้อเล่น"

"อ๋อๆๆๆ"

"แล้วตกลงมีอะไรวะ"

"คือว่า คือว่า ปีนี้นะ ปีนี้นะ หมูจะลงแข่งกีฬาสีล่ะ!!!"

"ก็นึกว่าอะไร ที่แท้ก็แค่ไอ้หมูลงแข่งกีฬาสี...!!!!!...."

"!!!"

"หาาาาาาา มึงพูดว่าอะไรนะ!? / หาาาาาาา มึงพูดว่าอะไรนะ!?"


ผมขมวดคิ้ว เมื่อจู่ๆไอ้เต้กับไอ้น้ำก็หันคอแทบหักมาตะโกนถามผม สองเสียงของแฝดนรกแหกปากประสานเสียงพร้อมกันดังไปทั่วห้อง เรียกสายตาทุกคนหันมามองเป็นจุดเดียว


"ไอ้หมูจะลงแข่งกีฬาสี / ไอ้หมูจะลงแข่งกีฬาสี!"


พวกมันถามย้ำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หน้าตาพวกมันสองคนตลกมากครับ เหมือนโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ


"อะไรนะ!? หมูจะลงแข่งกีฬาสี!?"


เอ่อ...แม้แต่คนในห้องที่เหลือก็ตะโกนด้วยเสียงตกใจตามไปด้วย แล้วนี่แอบฟังพวกผมคุยกันหรือไงครับ พอผมหันไปมองรอบๆ ทุกคนก็แกล้งก้มหน้าลงอ่านหนังสือ จัดกระเป๋าต่อไปแบบไม่เนียน ไม่ได้ซ่อนหูที่กางออกเหมือนพร้อมตั้งใจแอบฟังเต็มที่


ไอ้น้ำเอามือมาวางบนหน้าผากผม ทำท่าเหมือนกับจะวัดไข เทมที่พอเห็นฝ่ามือคนอื่นมาสัมผัสผมก็มุ่ยหน้า รีบปัดมือไอ้น้ำที่เอาแต่อ้าปากค้างออกทันที


"ไม่เอานะ ไม่แตะหมูหย็องนะ"

"เออๆ โทษๆ กูลืมตัวว่ะ แค่จะวัดไข้มัน นึกว่าแม่งไม่สบายนะเนี่ย หรือมันไม่สบายจริงๆ เอ๊ะ หรือมันไปเดินแล้วลื่นล้ม หัวโขกที่ไหนหรือเปล่าวะ"

"มึง กูดูพยากรณ์อากาศเมื่อกี้ ฝนไม่ตกนะเว้ย เฮ้ย หรือพายุจะเข้าทีเดียวแบบถลมประเทศเลยวะ"


ผมอยากจะถอนหายใจกับพวกมันที่เล่นใหญ่ ไอ้เต้หยิบโทรศัพท์มาเปิดดูพยากรณ์อากาศ ไอ้น้ำก็หยิบโทรศัพท์มาทำเป็นโทรหาโรงพยาบาลให้ส่งรถฉุกเฉินมารับผม


"จริงๆนะ หมูบอกว่าจะลงแข่งเอารางวัลให้เทม"

"รางวัลปีนี้เขาให้เครื่องบินส่วนตัวเป็นรางวัลเหรอวะมึง ทำไมไอ้หมูถึงยอมลงแข่ง"

"ใช่เหรอวะ กูก็เห็นแม่งให้แต่ขนมปี๊บทุกปีอ่ะ"

"ใช่ๆๆๆๆๆ ขนมปี๊บของเทมๆๆๆๆ หมูจะเอามาให้เทม"

"วิ่งวิบากที่มึงแข่งป่ะ ปีนี้โหดนะเว้ย ห้องไอ้กานต์ปีนี้มันบอกจัดเต็มมาก"

"อ้อออออออออออออออออออออออออออ ทำเพื่อเทมนี่เอง กูก็นึกว่าแม่งไม่สบาย ไม่ก็โดนเอเลี่ยนมายึดร่าง ถึงได้สมองกลับคิดจะลงแข่งกีฬาสี ปกติแค่แม่งเดินออกไปข้างนอกก็หงุดหงิดแล้วแท้ๆ โอ้ยย"


ผมเหยียบเท้าไอ้น้ำใต้โต๊ะ เมื่อมันเริ่มพูดมากเกินไป ผมเหลือบตาไปมองเทม กลัวเขาจะคิดมาก ดีว่าเจ้าตัวกำลังคุยฟุ้งใกับเต้เรื่องการลงแข่งเลยไม่ทันฟังน้ำ


"น้ำว่าอะไรนะครับ เรียกเทมหรือเปล่า เมื่อกี้เทมคุยกับเต้อยู่"

"เปล่าๆ กูแค่จะถามว่าแล้วปีนี้มึงจะแข่งกีฬาอะไรไหม"


ไอ้น้ำยิ้มเหยเกเมื่อผมสบตากดดันมัน เทมที่พอได้ยินคำถามจากน้ำก็หันมาทางผม ใบหน้าดูสงสัยทั้งๆที่เป็นเรื่องของตัว เอียงคอส่งคำถามมาให้ผม เหมือนเด็กน้อยที่รอพ่อแม่ตัดสินใจให้


"ปีนี้เทมไม่แข่งครับ เป็นกองเชียร์เฉยๆ"

"ปีนี้เทมไม่แข่งครับ เป็นกองเชียร์เฉยๆ"


เทมยิ้มกว้างเมื่อได้คำตอบ ก่อนจะคัดลอกคำพูดผมไปตอบคำถามน้ำ ไอ้น้ำทำหน้าละเหี่ยใจกรอกตาไปมาใส่ผมสองคน


"เออๆ เอาที่พวกมึงสบายใจ"







ไอ้เต้กับไอ้น้ำกำลังเค้นคอผมให้สารภาพอยู่ครับ


"กูว่ามึงชัดๆอ่ะหมู ในไอจี ในทวิตเขาแอบถ่ายรูปมึงอยู่ที่สถานีได้ด้วย แคปชั่น 'หนุ่มฝรั่งนายแบบสุดหล่อควงแฟนหนุ่มเที่ยว แสนใจบุญแจกเหรียญบนบีทีเอส' กูนี่อยากจะหำ เอ้ย ขำ แม่งคงแลกเหรียญแล้วไม่มีที่เก็บอ่ะดิ มนุษย์ไม่เก็บเหรียญอย่างมันอ่ะ บ้านนอกที่แท้ทรู ไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้า ว้าย ว้าย"

"เออ มึงกับไอ้เทมชัดๆ! พวกมึงแม่ง แอบหนีเที่ยวกันก็ไม่บอกพวกกู นี่ไม่อยากจะโม้ พวกกูควงสาวไปเที่ยว ตรงนี้นะ อะฮืม อะฮืม บะเริ่มเทิ่ม ใหญ่อย่างงี้!"

"ในคาเฟ่กูไดิยินเสียงโทรศัพท์มึงด้วย มึงใช่ไหม!"

"มึงใช่ไหมบักดิมิทรี ยอมรับมา!"


แรงสะกิดที่ต้นแขนทำให้ผมหันหน้าออกจากวงสนทนา ทิ้งพวกมันแหกปากถามต่อไปโดยไม่สนใจ


"หมูหย็อง หมูหย็อง เทมไปห้องน้ำนะครับ"


ไอ้ความรู้สึกเดจาวูนี่มันคืออะไรกันครับ เหตุการณ์คล้ายๆเหมือนเคยเกิดขึ้นนี่มัน...คำว่าเข้าห้องน้ำของเทมปุระ ทำเอาแฝดนรกชะงักกึก มันกุมท้องทำท่าโอดโอย


"โอ้ยยยยยย ปวดฉี่โว้ยยยยยยย"

"เออว่ะ ปวดฉี่ชิบหายเลย จะราดอยู่แล้ว"

"เทมมึงจะไปฉี่เหรอวะ ได้ยินแว่วๆ กูไปด้วยดิ"

"อะไรนะ ใครจะไปห้องน้ำ กูไปด้วยๆๆ"

"เต้กับน้ำก็ปวดเหรอๆๆ งั้นไปห้องน้ำกันนะ แต่ว่าแบบนี้ห้องน้ำอาจารย์ก็เข้าไม่ได้น่ะซี่คนเยอะ"

"ไปข้างล่างก็ได้ กูไม่ปวดขนาดนั้น หรือมึงจะเข้าก่อนก้ได้ เดี๋ยวพวกกูยืนรอแล้วค่อยไปเข้าแถวกัน"

"เออ กูไม่ได้ปวดขนาดนั้นอ่ะ รอมึงก่อน"

"อ้าว ไหนน้ำกับเต้บอกว่า..."

"เออน่ะ ลุกๆ จะไปห้องน้ำใช่มะ มาๆๆ รีบๆไป เดี๋ยวเข้าแถวช้า โดนประกาศดุใส่ไมค์น่าอายนะมึง"

"จริงด้วยครับ งั้นไปห้องน้ำกันนะ"


ผมเบิกตามองพวกมันสองคนที่จู่ๆก็เกิดนึกจะมาปวดห้องน้ำพร้อมกันแล้วอดหัวเราะไม่ได้


"อืม หมูก็อยากเข้าห้องน้ำเหมือนกัน"

"หมูหย็องด้วยเหรอ โหๆๆๆ เท่จังเลย ปวดห้องน้ำพร้อมกันเลย"


เทมยิ้มร่าเริงแล้วเดินนำออกจากห้อง เจ้าตัวไม่รู้เรื่องอะไรเลย ว่าตอนนี้ตัวเองได้กลายเป็นเจ้าหญิง ที่มีองครักษ์ถึงสามคนกำลังพิทักษ์พาไปเข้าห้องน้ำ ผมหัวเราะในลำคอมองเพื่อนทั้งสองคน พวกมันหลบสายตาทำเป็นผิวปาก ชมนกชมไม้ไม่ยอมสบตากับผม ทีกับเรื่องดีๆนี่ทำแล้วดันหน้าบาง ทำเขินอายนะครับ ผมล่ะงงกับพวกมันจริงๆ


"อ้าว ไปไหนกันวะ" อเล็กซ์ที่เดินผ่านมาถามพวกผม

"เทมปวดฉี่ จะไปห้องน้ำ" ไอ้เต้หันไปตอบเสียงดัง

"อ้าวเหรอ เออ มึงพูดแล้วก็ก็ปวดขึ้นมาเลยว่ะ ไปด้วยๆๆๆ"


แล้วก็ได้องครักษ์เพิ่มมาอีกหนึ่งคน

"อ้าว พวกมึงไปไหนอะ"


ไม้กับธันวาที่เดินคู่กันมา เมื่อเห็นพวกผมเดินลงบันมาเป็นกลุ่มใหญ่ก็ถาม
เหตุการณ์เดจาวูนอกจากเทมเข้าห้องน้ำช่วงเช้า ก็คือเจ้าหญิงได้องครักษ์คุ้มครองเพิ่มหลังจากประโยค


"อ๋อ เทมไปเข้าห้องน้ำ"


"รู้ใจกูจัง ไปด้วยๆ แหม ส้มตำเจ้ดาเมื่อคืนทำพิษกูซะแระ ตดปู้ดป้าดปี้ดปู้ดตั้งแต่เช้า ต้องไประเบิดสักหน่อย" ธันวา

"ไปด้วย" ไม้ เหรัญญิกของสภาผู้แสนเงียบขรึม ขอไปด้วยด้วยถ้อยคำสั้นๆ

ในระหว่างทางไปห้องน้ำ ขบวนของเจ้าหญิงเทม ยังได้รับผู้ร่วมทางเพิ่มมาอีกหลายคน





ไม่เว้นแม้กระทั่ง




"อ้าว พวกเธอจะไปไหนกัน" เปียและหญิงที่เพิ่งเดินออกมาจากทางไปห้องน้ำก็ทักขึ้น


"เทมจะเข้าห้องน้ำ" เสียงหลายคน หลายเสียงประสานกันจนเป็นเสียงดัง


"อุ้ย เหมือนจะลืมหวีไว้ในห้องน้ำอ่ะเปีย"

"เออ เราก็ว่าเราลืมอะไรสักอย่างไว้ที่ห้องน้ำนะหญิง"

"เพราะงั้นก็..."


"ไปด้วยดิ / ไปด้วยดิ"




องครักษ์หญิง...






แทบจะเป็นจะต้องจดบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนสิงหสารสารทวิทยา กับการเข้าห้องน้ำพร้อมกันมากกว่ายี่สิบคน ไม่ใช่สิ...ต้องบอกว่าเข้าหนึ่งคน




"123456...โห โห เยอะจังเลย ทุกคนปวดพร้อมกันเลย ห้องน้ำจะพอไหมนะ หมูหย็องครับ หมูหย็อง ห้องน้ำโรงเรียนเรามีกี่ห้องครับ จะไม่พอหรือเปล่า เทมวิ่งขึ้นไปเข้าข้างบนดีไหมครับ"


"หึหึหึๆ พอสิครับเทม"




เพราะคนเข้าน่ะมีคนเดียว



ที่เหลือน่ะ



ผู้ติดตามมาส่งล้วนๆ






แน่นอนว่าการเข้าห้องน้ำครั้งนี้...


เป็นไปอย่างราบรื่นครับ




















end 23 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 23 * 4/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 04-10-2018 19:23:21


ตอบคุณ Lautenyu
@ จริงๆแล้วน้องหมูเป็นตัวร้ายของเรื่องนี้ค่ะ บอสลับสุดแล้ว 55555555555

ตอบคุณ catka12
@ กำลังทยอยหวานให้นะคะ หวานโครมเดียวกลัวคุณ catka12 จะหมั่นไส้แทน ก๊ากกก จะมาเรื่อยๆไม่เยอะมาก แต่ไม่ขาดตอนนะคะ สำหรับสองคนนี้ >v< ♥

ตอบคุณ Meen2495
@ ช่วยด้วยค่ะ เรากำลังจะตายเพราะคอมเมนต์ของคุณ Meen2495 ฮือออออออ ดีใจจนจะตายอยู่แล้ว
แค็ปเก็บไว้รัวๆ O<--< ฮือออ คิดว่าตัวเองยังไม่เก่งขนาดนั้น แต่ว่าดีใจมากค่ะ
ถ้าทำให้คุณ Meen2495 รู้สึกมีส่วนร่วมไปกับเด็กๆได้ เท่านั้นเราก็บรรลุแล้วค่ะ ลอยขึ้นฟ้าาาาาาา
ขอบคุณมากนะคะ กอด กอด กอดดดดดด
แก้ไขแล้วนะคะ แฮ่ แต่ภาพรวมเรื่องเดี๋ยวรายละเอียดจะมานั่งแก้ดีๆอีกครั้งนะคะ
ตอนนี้กำลังมีไฟ ขอเขียนไปยาวๆก่อนค่ะ แฮ่ แต่ท้วงติงขึ้นมาได้ตลอดนะคะ อันไหนพลาดใหญ่ๆ บอกได้เสมอเลยค่ะ ^___^

ตอบคุณ suikajang
@ จะช่วยกั้นหมูไว้ให้สิบวินาทีนะคะ! รีบๆกอดเลยค่ะ ฮาาา
ปาดเหงื่อ ไม่รู้เลยค่ะว่าหมูจะลักพาตัวเทมหนีไปแต่งสองคนเงียบๆที่เกาะไหนหรือเปล่า ก๊ากกก
จะร่อนการ์ดเชิญเลยนะคะ

ตอบคุณ aoihimeko
@ U///U ขอบคุณมากค่า ♥ ตอนต่อไปมาแล้วนะคะ อย่าลืมมาอ่านน้า

ตอบคุณ กาแฟมั้ยฮะจ้าว
@ ขอบคุณค่าาาา





หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 23 * 4/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 04-10-2018 19:24:39
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 23 * 4/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 04-10-2018 22:01:16
 o13 ok เทม ..เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำด้วย.... ประมาณว่าปวดก็ได้  o13
รักคนเขียนค้าาาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 23 * 4/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 05-10-2018 05:54:06
จริงอยู่ที่ขนมปี๊บมันดูก๊องแก๊ง แต่!!  มันดีจริงๆนะ เพราะมันอร่อย. อิอิ

อยากเห็นเชียร์ๆจากหนูเทมเร็วๆจัง

งุ้ย...เอ็นดู :กอด1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 23 * 4/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 05-10-2018 08:55:02
 o22  โห 10วิ งั้นไม่ต้องค่ะเกรงใจ กลัวลูกหลงจะไปทำคนอื่นๆ เดือดร้อน เฮียหมูของเขาแรงงงส์  :m20:
เอาเป็นว่าให้น้องหมูกอดไปคนเดียวเลยค่ะ แล้วดูดู๊ แค่เพื่อนแตะวัดไข้น้องเทมก็ไม่ให้แตะล่ะ ยอมใจคู่นี้ค่ะ
ต่างคนต่างหวง ห่วงกันเกิ๊น ชอบจังบรรยากาศเพื่อนๆ น่ารักกันทุกคนเลย  o13
ปล. ชักคิดถึงแม่จำปาล่ะ จะมีทางรักษาเขาให้ไหมค่ะ เพลียจริงๆ  :jul3:
    :กอด1:  :pig4:   :L1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 23 * 4/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Lautenyu ที่ 05-10-2018 15:48:59
หมูหยองนี่แหละ #ลาสท์บอส ตัวจริง ฟันธง
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 24 * 5/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 05-10-2018 20:21:28








24






ในช่วงพักระหว่างเรียน กำลังมีคนตีอกชกหัวตัวเองอยู่

     "จับฉลากอีกแล้วเรอะ!?"

     ไอ้น้ำทึ้งหัวตัวเองไปมาไม่หยุด พร้อมกรีดร้องเสียงโหยหวน คลับคล้ายคลับคลากับตัวอะไรสักอย่างที่ปากเท่ารูเข็มชอบร้องขอส่วนบุญ มันยังคงดีดดิ้นไปมาไม่หยุดตั้งแต่อาจารย์ประกาศเรื่องงานกีฬาสีเมื่อเช้า เห็นว่าปีนี้เพื่อความสนุกสนานและน่าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น เลยให้นักเรียนทุกคนทำการจับฉลากเปลี่ยนสีใหม่ครับ ปกติพวกเราจะเปลี่ยนทุกสองปี แต่นี่แค่ปีเดียวก็เปลี่ยนเสียแล้ว เลยค่อนข้างจะเป็นที่ฮือฮาไม่น้อย
     ส่วนไอ้น้ำที่ดิ้นเร่าๆ ก็เพราะตั้งแต่เปิดเทอมมาวันแรกก็ดวงตกจับฉลากได้ที่นั่งค่อนข้างซวย ตอนนี้จึงกำลังวิตกกังวลขั้นสูงสุดว่าจะจับได้สีที่เจอคู่อาฆาต สีที่แพ้ หรือไม่ก็ถูกแยกออกจากกลุ่มคนเดียวอีก

     "กูขอสีอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่สีเดียวกับไอ้ยักษ์ แม่งจับซ้อมยันห้าทุ่มทุกวัน นี่ไม่ไหวจริงๆ ขอบายว่ะ"
     "กูขอสีที่ชนะ จะได้สิทธิ์ไม่เข้าแถวได้"

     สีที่ชนะจะได้สิทธิ์พิเศษที่แตกต่างกันไปในแต่ละปีครับ อย่างปีก่อน ก็ได้สิทธิ์พิเศษไม่ต้องเข้าแถวตอนเช้าได้ เล่นเอาคนที่อยู่สีที่ชนะเดินตัวปลิวมาโรงเรียนตอนแปดโมงสบายๆไปเลยครึ่งเทอม ทำเอานักเรียนที่ต้องรีบตื่นมาเข้าแถวให้ทันอิจฉาตาร้อนผ่าวๆ ทำให้ปีนี้ดูท่าทางจะคึกคักกันมากเลยครับ

     "อยากได้สีฟ้า อยากได้สีฟ้า" เทมเงยหน้าจากหนังสือมาร่วมบทสนทนาด้วย แต่พอเห็นผมมอง เจ้าตัวก็รีบก้มหน้างุด ตั้งใจทำแบบฝึกหัดต่อ คล้ายกับเด็กนักเรียนที่กลัวว่าอาจารย์จะดุหากพูดคุยกับเพื่อนในชั่วโมงเรียน

     "สีอื่นมั้งก็ได้มั่งแหม มึงไม่เบื่อเหรอวะ อยู่สีเดียวมาตั้งสองปีละ"
     "ไม่เบื่อเลยครับ ชอบ ชอบ เทมชอบสีฟ้า" แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเงยขึ้นมาตอบอีกครั้ง เมื่อเพื่อนซักถาม ผมหัวเราะในใจเงียบๆ กับท่าทางของเด็กน้อยที่ประเดี๋ยวก็ก้มหน้าตั้งใจเขียน ประเดี๋ยวก็เงยหน้ามาพูดคุย สลับไปมาทุกๆสิบวิ ท่าทางที่ทั้งอยากคุยกับเพื่อนๆด้วย และอยากรีบๆทำแบบฝึกหัดให้เสร็จเร็วๆเช่นกัน จุดความเอ็นดูให้ส่องประกาย
   
      "งั้นกูอยู่สีฟ้าด้วย!"
     "เอ้า ไม่ใช่บอกว่าอยากแล้วจะได้อยู่เลยไหมวะ มันก็ต้องจับฉลากอีก"
     "เออ กูรู้ แต่พูดเสียงดังไว้ก่อนเผื่อเทวดาเห็นใจกูบ้าง แล้วมึงล่ะหมู อยากอยู่สีอะไร"
     "สีอะไรก็ได้ครับ"
     "สีอะไรก็ได้ที่มีเทมสินะมึงอ่ะ"

     เต้กับน้ำเบะปากใส่ผมที่นั่งยิ้มเฉยไม่ตอบโต้อะไร ก็มันเรื่องจริงนี่ครับ จะให้ผมเถียงอะไร แถมผมก็มั่นใจด้วยว่าจะได้อยู่สีเดียวกันกับเทมเหมือนที่แล้วมา
     เสียงข้อความในโทรศัพท์ที่เด้งเข้ามาก็เป็นสิ่งยืนยันความมั่นใจของผม ผมกวาดสายตาอ่านข้อความด้วยความพอใจ ก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม
     ข้อความสั้นๆจากทีมสภาด้านโปรแกรม 'ใช่ๆ สภารับผิดชอบเรื่องแบ่งสี' ทำเอาผมอารมณ์ดี

     "ยิ้มกริ่มเชียว มีอะไรวะ"
     "มึงดูหนังโปะ- โอ้ยยยย!" ไอ้น้ำไม่ทันพูดจบ ผมที่พอจะอ่านความคิดสัปดนของมันได้ ก็รีบหยิบไม้บรรทัดยัดปากมันทันที ผมชี้นิ้วไปทางเทม ไอ้คนที่มีไม้บรรทัดคาปาก ก็พยักหน้าหงึกหงัก ก็เป็นอันเข้าใจได้ ผมยอมถอนไม้วัดความยาวออกจากปากมัน ไอ้น้ำทำท่าจะอาเจียนทันที
     "แหย่ซะลึกเลยมึงแม่ง เกือบทะลุแล้วไหมล่ะ โวะ แล้วตกลงมีอะไร"

ผมตั้งท่าจะไม่ตอบพวกมันสองคน แต่คนข้างกายที่แอบเหลือบตาขึ้นมามองผม ทำหน้าอยากรู้เรื่องด้วยอย่างน่าเอ็นดู ก็ทำผมใจอ่อนยวบเป็นเต้าหู้ ยอมพูดออกมาเสียงเบา

     "จับฉลาก...สภาเป็นคนจัดการครับ"

 ไอ้เต้กับไอ้น้ำตาโต รอยยิ้มกริ่มบนหน้าของผม ลอยไปอยู่บนหน้าพวกมันแทน เรื่องเลวร้ายนี่ขอแค่เกริ่น พวกมันก็เข้าใจแจ่มแจ้งโดยไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมอะไรแล้วครับ...ต่างกับคนเทมที่ยังดูมึนงง ตามไม่ทัน


      "กูนี่รู้เลยนะคร้า ว่าประธานเลาจะเล่นไม่ซื่ออีกแร้ว B1 คิดเหมือนเลาหรือเปล่าคร้า"
       "B2 ก็คิดเหมือน B1 เลยค่า งี้ถ้าไม่ตัดสินบนกันสักหน่อย สงสัยต้องป่าวประกาศซะแล้วค่า ว่าประธานมีแผนชั่ว ยึดองค์หญิงไว้คนเดียวค่า" พวกมันดัดเสียงเป็นผู้หญิงทำท่าจีบปากจีบคอพูด ดูน่าเตะให้หล่นจากเก้าอี้

          "อะไรกันเหรอครับ อะไรเหรอ หมูยิ้มกิ่งอะไรเหรอครับ"
          "ยิ้มกริ่มครับเทม ไม่มีอะไรนะ ไหน ขอหมูดูหน่อยสิครับ ทำแบบฝึกหัดเสร็จหรือยัง" ผมยิ้ม เอ่ยเสียงอ่อนเบี่ยงประเด็น กับเรื่องที่จะทำให้ผมดูเสียภาพลักษณ์ ดูไม่ดีในสายตาเขา ผมไม่ยอมให้เล็ดรอดหรอกครับ
          "อีกสองข้อครับ" เทมหัวเราะเสียงแผ่ว ส่ายหน้าไปมา แล้วก้มหน้าลงไปทำต่อ

     ผมยังไม่ได้ไปลงเรียนพิเศษให้เทมเลยครับ ช่วงนี้เลยต้องฝึกเทมด้วยตัวเองไปก่อน ถ้ามีเวลาว่างเมื่อไหร่ ผมก็จะหยิบสมุดเปล่ามาตั้งโจทย์ให้เขาแก้ โจทย์ก็ผลัดเปลี่ยนวิชากันไปเรื่อยๆ ระดับความยากผมก็เลือกระดับขั้นของประถมบ้าง มัธยมบ้าง สลับๆกันไป แต่เอาที่ไม่เกินความสามารถของเขาและก็ไม่ง่ายจนเกินไปนัก
     แต่คิดว่าวันนี้ผมคงจะต้องพาเทมไปสมัครเรียนแล้วครับ เพราะผมน่าจะเริ่มยุ่งๆ ไม่ค่อยมีเวลาแล้ว พาไปลงเรียน ช่วงเย็นเทมจะได้ไม่เหงาตอนผมวุ่นวายกับงาน เลิกเรียนก็พาเทมไปส่งให้เจ้าตัวนั่งเรียนพิเศษ พอผมเลิกงานก็ไปรับกลับบ้านพร้อมกัน แบบนี้ผมสบายใจกว่าปล่อยเทมเดินเล่นไปมาที่สนามเด็กเล่นมากครับ

     "เนี่ย จะมาเปลี่ยนเรื่องหนีแบบนี้ไม่ได้นะคะพี่หมู น้องน้ำจะไม่ทน"

ผมนึกว่าพวกมันจะหยุดแล้วเสียอีก ที่ไหนได้ ยังไม่ยอมจบเลยครับ โดยเฉพาะไอ้น้ำที่ลากเก้าอี้เข้ามาใกล้กว่าเดิม ทำมือป้องปากกระซิบกระซาบ

     "เอากูไปอยู่สีเดียวกับมึงด้วยดิ นะหมูนะ นะ นะ นะมึงนะๆๆๆๆ"
     "ไม่เอาครับ มันจะน่าสงสัยเกินไป"
     "โห ทำยังกับว่ามึงที่อยู่สีเดียวกับเทมทั้งปีทั้งชาติไม่น่าสงสัยอย่างนั้นแหละ"
     "ไม่ครับ" ผมยังคงยืนกรานปฏิเสธ สิทธิ์พิเศษผมมีให้แค่เด็กน้อยของผมเท่านั้น
     "มึงคิดดูนะหมู ปีนี้มึงจะลงแข่งกีฬาสีด้วยใช่ไหม ไหนจะทำงานสภาอีก แล้วใครจะคอยเฝ้าไอ้เทม มึงคิดดูสิหมู           ถ้าเกิดเรื่องกับเทมล่ะ คนอื่นก็ช่วยดูนิดหน่อย จะมาน่าไว้ใจเท่าพวกเราคนกันเองได้ไงวะ"


     นานๆครั้งคำพูดของน้ำถึงจะทำผมเกิดความสนใจขึ้นมาได้ ยิ่งเมื่อเก็บมาคิดพิจารณาดู...มันก็จริงนะครับ เพราะวันที่ไม่ได้ประชุมสภา ผมที่จะไปลงสมัครแข่งก็คงจะต้องซ้อม ส่วนฝ่ายเชียร์หรือคนที่ไม่ได้จะลงแข่งอะไร ก็ต้องไปฝึกอีกยิม ไม่ได้ใช้ยิมร่วมกัน ระหว่างนั้นคงจะไม่มีคนช่วยดูเทม เรียนพิเศษก็จริง แต่จะขาดกิจกรรมก็ไม่ได้
     อืม...ผมทำสีหน้าครุ่นคิด ส่วนน้ำที่พอเห็นท่าทางของผม เห็นคำพูดของตัวเองที่เป่าหูเหมือนจะได้ผล ก็รีบพ่นลมแรงมาอีกระลอกใหญ่

     "เนี่ย มึงคิดดูนะหมู มึงไม่อยู่ เทมก็เหงา เทมเหงาก็รู้สึกไม่ดี รู้สึกไม่ดีก็การเรียนไม่ดี การเรียนไม่ดีก็เศร้า เทมเศร้า มึงก็เศร้า มึงกับเทมเศร้าพวกกูก็เศร้า เอากูไปอยู่สีเดียวกับมึง รับรองว่าเป็นเรื่องที่เหมาะที่ควรที่สุด"
     "ขนาดนั้นเลยเหรอวะมึง" เต้ที่ฟังน้ำพูดหว่านล้อมผมถึงกับตาโต จนอดถามแทรกขึ้นมาไม่ได้
     "เออ เชื่อกูดิหมู"

ไม่อยากจะตอบรับคำขอเลยครับ แต่เหลือบมองคนที่กำลังตั้งใจทำโจทย์อยู่แล้วก็นึกเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ ปฎิเสธไม่ได้ว่าในกลุ่มพวกเราสี่คน เทมเหมือนน้องน้อย แล้วพวกมันสองคนก็ค่อนข้างที่จะดูแลเทมดี

     ถ้าไม่นับที่ชอบพูดอะไรไร้สาระให้เด็กน้อยของผมฟังล่ะก็นะ...

     "...แล้วอย่าชวนเทมทำ หรือคุยเรื่องแปลกๆกันนะครับ" คำพูดที่บ่งบอกว่าผมยอมตกลงรับข้อเสนอ เล่นเอาไอ้น้ำลุกขึ้นยืนชูแขนขึ้นฟ้า ร้องไชโย เหมือนผู้ชนะได้รางวัลกีฬาสีเรียบร้อยแล้ว
     "เยส! ปีนี้กูจะได้อยู่สีที่ชนะแล้วโว้ยยย"
     "ใครว่า ปีนี้สีกูต้องได้แน่นอนโว้ยยยยย"
     "ไอ้เต้ มึงยังไม่ได้จับฉลาก มึงรู้ได้ไงว่าจะอยู่คนละสี"
     "กูสัมผัสได้ ว่าปีนี้เราจะแยกกัน"
     "มาว่ะ เต้จิตติดสัด"
     "จิต-สัม-ผัส โว้ยยยย ไม่ใช่ติดสัดไอ้เตี้ยน้ำ"

คู่แฝดคนละฝา ที่พอไม่ได้จิกกัดคนอื่น ก็หันมาทะเลาะกันเอง พวกมันยังคงเสียงดังจนถึงวินาทีสุดท้ายของคาบเรียนใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้น


     ผมมาเรียนปกติสองสามวันแล้วครับ เป็นสองสามวันที่ทั้งแตกต่างแล้วก็ไม่แตกต่าง มีรุ่นน้องรุ่นพี่ หรือเพื่อนบางคนที่ไม่ได้สนิท เว้นระยะห่างกับผมมากกว่าเดิม คิดว่าเพราะภาพที่ผมตัวโชกเลือดเป็นประเด็นใหญ่ เรื่องคลิปวิดีโอของเทมอีก ไหนจะกับวีรกรรมโมเสคแยกผู้คนออกสองข้างแล้วเดินตรงกลาง หลายๆอย่างรวมกัน
ทำให้ภาพลักษณ์ของผม อืม...เหมือนแปรจากคำว่าทุกคนเกรงใจ เป็นหลายคนกลัวเกรงน่ะครับ

ข่าวลือหลายอย่างแว่วมาให้ได้ยิน ทั้งด้านดีและด้านร้ายปะปนกันมั่ว ข่าวจริงนับนิ้วได้แต่ข่าวโคมลอยนี่เกินนับนิ้วหมด มีแม้กระทั่งผมเป็นลูกชายมาเฟียที่เข้ามาขยายอำนาจในประเทศไทย หึ ไร้สาระมาก ผมเป็นแค่ลูกชายของนักธุรกิจธรรมดา กับหลานชายอดีตอาจารย์สอนทหารเพียงเท่านั้นครับ

ข่าวลือที่กำลังโหมกระพือ ไม่จบลงง่ายๆแค่เป็นลูกชายมาเฟียใหญ่ เพราะข่าวเรื่องผมชกต่อยกับไอ้สิงห์ ไม่ได้มาเพียงแค่คำพูดกับสายลม แต่มีเป็นภาพประกอบเคลื่อนไหว วิดีโอที่ผมรัวหมัดใส่มันไม่ยั้งถูกเผยแพร่ออกมา ในตอนนั้นที่กำลังมีเรื่องกัน ดันมีคนในกลุ่มของมันถ่ายทอดสดในโทรศัพท์ ถึงภาพจะเบลอๆ ไม่ชัดนัก  และถึงหน่วยงานของคุณพ่อจะตามเก็บจนหมดทีหลัง แต่คนที่เห็นไปแล้ว ก็ต้องปะติดปะต่อกันได้ ว่านั่นน่ะคือผมเอง กับความบ้าคลั่งและดูร้ายกาจที่ทุกคนเห็น ประธานผู้เคร่งขรึม ก็เปลี่ยนไป

พากันเรียกผมลับหลัง กลายเป็นประธานสีเลือดขึ้นมา จากภาพลักษณ์คนที่ใช้สมองฉันท์ปัญญาชน เปลี่ยนเป็นปัญญาชนที่พร้อมจะดับเครื่องชนใช้หมัดแก้ปัญหาทันทีหากถูกกระตุกหนวด ดูเป็นอันธพาลพิกล แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมคิ้วกระตุกเท่าฉายาที่ได้รับมาหรอกครับ


ประธานสีเลือด
ค่อนข้างจะเป็นฉายาที่...เชยมากครับ
ให้ตายเถอะ สมัยนี้แล้วก็ยังมีคำโบร่ำโบราณแบบนี้ใช้กันอยู่อีก

ภาพลักษณ์ผมกลายเป็นอะไรที่ดูอันตรายและไม่ควรหาเรื่องด้วยขั้นเด็ดขาดขึ้นมาทันที ทุกคนทำท่าเหมือนแค่หากพูดผิดหู หรือทำผมไม่พอใจแม้เพียงนิด ผมก็จะปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อ ชกเขาให้เลือดกำเดาไหล กระแทกหมัดใส่ระรัวจนดั้งอีกฝ่ายยุบถึงจะพอใจ ซึ่งไม่ใช่เลย ผมไม่ได้เป็นหมาบ้ากัดคนไปทั่วนะครับ ผมสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีมาก

อีกอย่าง เรื่องเล็กน้อยแค่นั้น ผมจะไปทำอะไรเขาทำไมกัน ผมเป็นคนรักสงบนะครับ
ตราบใดที่พวกเขาไม่มาแตะต้องคนสำคัญของผม ผมก็รับประกันได้ว่าทุกคนจะปลอดภัย

     แม้ในใจผมจะนึกฉุนนิดหน่อย แต่ในความเป็นจริง ผมก็ไม่คิดจะแก้ข่าวอะไร นอกจากยิ่งพูดไปจะยิ่งเหมือนแก้ตัว ยังไงเราก็ไม่สามารถห้ามปากคนจำนวนมากได้ สู้ผมหาผลประโยชน์จากการที่มีคนกลัวผม เว้นระยะห่างออกไปดีกว่า เพราะว่าจริงๆแล้วมันก็ดี นอกจากจะไม่น่ารำคาญแล้ว จะได้ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขาอีก ถือเสียว่าคลิปและทุกอย่างเป็นการคำประกาศ เป็นคำเตือนจากผมถึงทุกคนก็แล้วกัน

ว่าคนของผม
ไม่ว่าใคร...ก็ห้ามแตะต้อง

ถ้ามีเศษสวะตัวไหนกล้ามาก่อกวน อยากลองดี
...จะไม่มีคำว่าปรานีครั้งที่สอง...


     ส่วนกับเทม...ถ้าผมกลายเป็นราชาปีศาจในสายตาทุกคน เทมก็กลายเป็น 'น้องน้อย' กลายเป็น 'องค์หญิง' ที่น่าสงสาร ที่โดนกลั่นแกล้งครับ เต้บอกว่าตอนวีดีโอเทมถูกแกล้งหลุดออกมา ทุกคนตกใจและสงสารเทมกันมาก ตกลงกันว่าจะไม่พูดขุดคุ้ยให้เทมเจ็บช้ำน้ำใจ และโกรธพวกไอ้สิงห์กันสุดๆ แม้จะไม่ใช่คนรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ก็โกรธแค้นแทน

เพราะถึงเทมปุระจะไม่กล้าพูดคุยหรือสบตากับคนไม่รู้จัก ส่วนคนรู้จักหรือสนิทที่พอคุยด้วยได้นอกจากกลุ่มเพื่อนของผม ก็มีแค่เด็กอนุบาลกับลุงยามและคณาอาจารย์ แต่ปกติเทมก็เป็นเด็กมือไม้อ่อน และเทมก็ถือว่าดังมากในโรงเรียนเช่นเดียวกัน เจ้าตัวมักจะถูกแอบถ่ายรูปไปลงเพจหรือทวิตเตอร์ รูปในเพจที่ถูกแอบถ่ายก็ล้วนเป็นรอยยิ้มใสซื่อและท่าทางขี้อาย ดูเป็นเด็กเรียบร้อย เดินตามผมต้อยๆเป็นลูกเจี๊ยบ กระทั่งรูปที่เด็กอนุบาลแบ่งไอศกรีมให้เจ้าตัว แล้วเด็กน้อยของผมก็ดีใจยิ้มหวานพร้อมไหว้ขอบคุณเด็กที่ตัวเล็กกว่าตัวเองสักสองสามเท่าก็ยังมี 

เพราะภาพลักษณ์แบบนั้น คะแนนความสงสารจึงถูกเทโครมใส่อย่างจัง

ทั่วโลกโซเชี่ยลตามหาตัวกันให้วุ่นเพื่อที่จะปลอบใจ แต่ก็น้อยคนที่ค้นหาจนพบ เพราะรูปที่ถูกปล่อยออกไปก็เบลอเอาไว้ และเก็บรายละเอียดช่วยซ่อนตัวเทมในระดับหนึ่ง และทีมงานของคุณพ่อก็ตามเก็บรายละเอียดอีกที

หนึ่งในทีมช่วยแฉข้อมูลไว้ล่าแม่มดในโลกอินเตอร์เนต ก็ได้ข้อมูลมาจากคนในโรงเรียนเกินครึ่งเลยครับ เห็นว่าตอนที่พวกไอ้สิงห์เข้ามาเก็บของที่ห้องเรียน โดนคว่ำบาตรใส่กันหมด บางคนถึงกับไปหาซื้อไข่เน่ามาเตรียมปา แค่โผล่หน้าผ่านห้องเรียน ก็ถูกนักเรียนในห้องลุกจากที่หลายสิบคนคนเข้ามารุมตะโกนด่า หลายคนแทบจะวิ่งเข้ามารุมซ้อม จนอาจารย์ต้องบอกว่าจะส่งไปให้ทางไปรษณีย์ เพราะเข้าไปในห้องไม่ได้

แต่ว่าคงจะไม่มีอะไรส่งไปได้หรอกครับ...ไม่ต้องถามหาซากหนังสือหรือของ ยิ่งกว่าไม่เหลือเค้าโครงเดิม สมุดหนังสือทุกหน้าถูกเขียนด่าชนิดที่ว่าไม่เหลือความเป็นคน ขนาดลุงยามหน้าโรงเรียนยังแอบแกล้งปิดประตูชนรถจนเป็นรอยถลอก จะเอาเรื่องก็ดัน 'กล้องวงจรปิดพัง' เสียได้

เรียกว่าคนในโรงเรียนก็ยกเจ้าตัวเป็นสมบัติของโรงเรียนไปเสียแล้วครับตอนนี้ ก่อตั้งสมาคมปกป้องเทมมาแบบลับๆ ที่ไม่ลับเลยสักนิด เพราะเล่นไปตั้งหัวข้อหากันในเว็บบอร์ดของโรงเรียน...โจ้งแจ้งสุดๆ




แต่ในความเปลี่ยนแปลง ก็มีบางคนที่ไม่เปลี่ยนนะครับ เช่น

     "เทมของหญิงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง มานี่มา เร็วๆๆ นี่สมุดภาพระบายสีเล่มใหม่เลยนะเทม คุณแม่ของหญิงเพิ่งกลับมาจากสัมมนาที่ฮ่องกงซื้อมาฝาก"

     วันนี้มีหญิงกับไม้มารอรับครับ ทีมสภาที่มารอรับตัวผมไปขึ้นเขียง เมื่อถึงวันประชุม ถูกเปียกำหนดขึ้น สับเปลี่ยนกันมาวันละสองสามคน โดยอ้างเหตุผลของเมื่อวันก่อน ที่ผมแค่แอบโดดพาเทมไปทานไอศกรีมข้างโรงเรียนแล้วเข้ามาช้าหน่อยเดียว เลขาก็ทำเป็นเรื่องใหญ่ ส่งคนมาคอยคุมตัวผมเสียอย่างนั้น

...จริงๆแล้ว ผมว่าพวกเขาหาข้ออ้างมาหาเทมกันเสียมากกว่า...

     "โหๆๆๆ พี่ม่อน! ขอบคุณครับ หญิงให้เทมเยอะแยะเลย เทมระบายไม่ทันแล้ว เลือกระบายไม่ถูกเลยอันไหนก็สวย" ลูกแก้วสีน้ำตาลใสส่องประกายเจิดจ้า เมื่อเห็นสมุดแบรนด์คุ้นตาในมือของหญิง เด็กน้อยยกมือไหว้เมื่อมีคนให้ของตามความเคยชินทันที จนหญิงยิ้มหวานใส่ ทำท่าอยากจะวิ่งเข้ามาฟัด จนผมต้องส่งสายตาห้ามทัพ คุณพี่สาวทำหน้าขัดใจ มือที่เตรียมยกขึ้นมาบีบแก้มกลมจำต้องยอมลดมือลง
     "อันนี้หญิงไม่ได้ให้เทมเองนะ ของคุณแม่ต่างหาก ไม่รับไม่ได้นะจ๊ะ เทมเอาเก็บไว้ก่อน ค่อยๆทยอยระบายก็ได้เนอะ แล้วค่อยให้หมูถ่ายรูปส่งมาให้หญิงดู ตอนเทมระบายเสร็จ"
     "โอเคครับ ขอบคุณคุณแม่หญิงด้วยนะครับ" เทมทำมือเป็นรูปตัวโอ ยิ้มตาหยี ยกมือไหว้อีกรอบ จนหญิงต้องรีบโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน สองคนยืนคุยเรื่องสมุดภาพระบายสีคอลเลคชั่นใหม่ ส่วนชายอีกคนก็เอาการเอางาน หันมาพยักหน้าทักทายผมเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถาม

     "ไปเลยไหม"

ไม้เหรัญญิกหน้านิ่งถามเสียงนิ่งกว่า แต่ อา...ให้ตายสิ ตั้งแต่วันที่เขาไปเยี่ยมไข้เทมแล้วเต้นวันนั้น ผมก็มองเขาเป็นเหรัญญิกผู้เงียบขรึมไม่ได้อีกเลยครับ มันตามมาหลอกหลอนจริงๆนะครับ...ไอ้ท่าเต้นนั้นน่ะ

     "เดี๋ยวผมต้องพาเทมไปสมัครเรียนพิเศษก่อนครับ แล้วเดี๋ยวจะตามไป"
     "ไม่ใช่ว่าจะแอบหนีพาเทมไปกินไอติมอีกนะคะหมู" หญิงทำท่าหรี่ตาจ้องจับผิดผม
     "สมัครเรียนพิเศษครับ" ผมตีหน้านิ่งเฉย ตอบกลับเสียงเรียบ
     "สมัครเรียนนะหญิง เทมไม่ได้ไปห้องชุมนุมแล้วล่ะครับ เสียดายจังเลย"
     "ห้องประชุมจ้ะเทม อ๋อ ถ้าเทมว่าแบบนั้นก็ไปกันเถอะ แล้วหมูอย่าลืมตามขึ้นมานะ เดี๋ยวเปียจะกินหัวเรา"
พอเป็นเทมพูด คุณพี่สาวที่แพ้ทางน้องชายหัวอ่อน ก็ยอมปล่อยผ่านอย่างรวดเร็ว


ฉายาประธานสีเลือดไม่ช่วยอะไรเลยครับ...
อยากให้ความน่ากลัวซึมไปถึงทีมสภาผมบ้างจัง
จะได้ไม่มีใครกล้ามาตามผมไปทำงาน เฮ้อ



     พอแยกตัวจากหญิงกับไม้มา เทมก็ดูตื่นเต้นเล็กน้อย

     "ตื่นเต้นเหรอครับเทม"

     ผมถามเมื่อเจ้าตัวดูกระสับกระส่าย คงจะเพราะเป็นกังวล เขาต้องสอบก่อนจะเข้าชั้นเรียนพิเศษครับ เพื่อให้อาจารย์วัดระดับความรู้ใหม่ทุกต้นเทอมก่อนจะเรียนพิเศษ เพื่อจะได้จัดบทเรียนที่เหมาะสมให้เจ้าตัวต่อไป
เทมค่อนข้างคาดหวังไว้ว่าเทอมนี้ ตัวเองจะได้เริ่มบทเรียนใหม่ๆเสียที ซึ่งผมก็ลุ้นไปกับเขาด้วย

     เด็กน้อยของผมพยักหน้าเร็วๆ เขาดูกังวลและตื่นเต้นมาก เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อผมละห้อย เอือมมือมาจับข้อมือผมหลวมๆ

     "หมูหย็องครับ หมูหย็องครับ เทมขอกำลังใจหน่อยได้ไหมครับ"

     เทมแบมือมาตรงหน้าผม ใบหน้าน่ารักส่งสายตาออดอ้อนตรงมาขอกำลังใจ ผมงุนงงไปเล็กน้อย แล้วก็รู้สึกแก้มร้อนขึ้นมา เมื่อนึกไปถึง 'วิธีการให้กำลังใจแบบเทมปุระ' แล้วหัวใจเจ้ากรรมก็เต้นตึกตักไม่หยุด

     ผมสบกับดวงตาสุกใสที่เจือไปด้วยคำอ้อนวอน แล้วก็ให้รู้สึกหัวใจละลาย
นึกสาปส่งคนที่สอนวิธีนี้ให้เขา วิธีที่มันไม่ดีต่อหัวใจผมเลย ไม่ดีเลยสักนิด ไม่ดีที่ทำให้ผมเขินจัด ตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ยิ่งตั้งแต่เกิดเรื่อง ผมก็ไม่ได้แสดง หรือได้รับความรู้สึกหวานๆในเชิงชู้สาวจนหวาบหวามหัวใจหนักหน่วงแบบตอนนี้มาพักใหญ่ ส่วนมากมันเป็นเหมือนขนมหวานเบาๆ ที่ล่องลอยอยู่รอบตัว เป็นความละมุนที่รู้สึกนุ่มฟูในใจ  ไม่ใช่ลูกศรพุ่งปักอกดังฉึก
     

     ผลของการถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว...รุนแรงมากครับ

ยิ่งการห่างหายมาสักพัก มันยิ่งแทบจะทำให้ผมเป็นลม ภูมิต้านทานติดลบไปไกล
เทมปุระไม่ให้โอกาสผมได้สร้างภูมิคุมกันเขาได้ เสียงทุ้มเอ่ยติดหวานสำทับขอร้องกันลงมา

"นะครับหมูหย็อง"

จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามาครับเทม แต่อย่ามาทำเสียงแบบนี้ใส่หมูนะครับ
หมูจะไม่ทน...
...และหมูก็ทนไม่ไหวด้วย

     ผมค่อยๆโน้มใบหน้าไปใกล้ฝ่ามือที่รอรับกำลังใจอย่างเก้ๆกังๆ เว้นระยะห่างไว้หนึ่งคืบ ก่อนจะค่อยๆพ่นลมหายใจใส่เข้าไป พอลมร้อนปะทะฝ่ามือใหญ่ เทมปุระก็รีบเอามือประกบกัน เหมือนกลัวจะมีแม้เพียงเศษเสี้ยวหลุดหายไปหากชักช้า ผมที่ยังสบตากับเขาอยู่แม้จะเอนตัวเข้าไปใกล้ ช้อนตาขึ้นมองเขา มองรอยยิ้มดีใจที่เหมือนได้รับการชาร์จพลังเต็มเปี่ยม

และต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อจู่ๆมือที่ทำท่าประกบลมหายใจของผมอย่างทะนุถนอม เคลื่อนขึ้นมาติดริมฝีปากของผมเสียแบบนั้น

จุ้บ


"เทมต้องสอบน่ากลัวๆ เพราะงั้นเลยอยากได้กำลังใจเยอะๆ...เยอะแบบพิเศษ"

     ว่าแล้วก็ยิ้มกว้าง ไม่ได้นึกถึงหัวใจของคนที่โดนดูดกำลังใจไปเลย แต่ทั้งๆที่เขาบอกว่าขอกำลังใจ แต่ผมรู้สึกว่าที่ผมให้เขาไปดันมีแต่ใจล้วนๆ ...ไม่สิ อาจจะมีกำลังด้วยก็ได้ เพราะผมรู้สึกแข้งขาอ่อนแรง ถ้าไม่มีสายตาหวานๆที่มองลงมาช่วยตรึงผมไว้ คงจะทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นทันที

กำลังใจเยอะแบบพิเศษ คือต้องได้รอยประทับริมฝีปากด้วยหรือไงครับหืม เจ้าเด็กแสนร้ายกาจ

        ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะกลายเป็นระเบิดอีกครั้ง เมื่อเทมทำท่าเสียดายที่จะปล่อยกำลังใจจากผม เด้กน้อยเลยตัดสินใจ เอามือที่ประกบกันชิดริมฝีปากของตัวเอง ทำปากมุบมุบมุบ คล้ายกำลังดูดดื่มกำลังใจของผมเข้าไป

แย่ล่ะ...เขาดูดสติของผมเข้าไปด้วย ดูดไปหมดเกลี้ยงเลย...
สมองหยุดค้างกลางคัน ไม่ยอมทำงานจนน่าไล่ออก เอาแต่สั่งงานให้สูบฉีดเลือดมาเลี้ยงที่แก้มจนแดงฉาน

ท่าทางน่ารักทำลายล้างมักจะมาแบบไม่หยุดให้รับมือไหว มือสวยขยับพลิกมุมไปมา จนลูกแก้วสีน้ำตาลเจอมุมที่ถูกใจก็สั่นพราว รอยยิ้มดีใจติดมุมปากร่างสูง เขาก้มหน้าลง และเริ่มลงมือกระทำการอันแสนร้ายกาจ

อัญมณีแสนล้ำค่าเคลื่อนจากมือของตัวเอง มาสบกับดวงตาสีฟ้าที่สั่นไหว ริมฝีปากที่ผมเฝ้าปราถนา ประทับซ้ำกับรอยที่ลักขโมยตราประทับของผมไปแบบไม่ให้ตั้งตัว เป็นชั่วระยะเวลาสั้นๆที่ดูยาวนานคล้ายไร้ที่สิ้นสุดสำหรับผม

     คล้ายทำสำเร็จ แล้วก็ยิ้มกว้างเมื่อทำสำเร็จ ส่องประกายระยิบระยับจนผมสมองขาวโพลน

"ได้รับกำลังใจจากหมูหย็องเรียบร้อยแล้วครับ"

     และเทมน้อยก็เป็นเด็กดี มีอะไรมักจะแบ่งปันผมเสมอ ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น...เขาแบ่งปันผมเช่นกัน

ยื่นมือที่มีทั้งรอยจูบของผมและเขา กลับคืนมาส่งด้วยการแตะเบาๆอีกครั้งที่ริมฝีปากของผม ความอุ่นร้อนแผ่ซ่าน  ดั่งไม้ขีดจุดไฟในตะเกียง ดั่งไฟแช็คจุดขั้วระเบิดให้เริ่มนับถอยหลัง ความรู้สึกสีชมพูอบอวลอัดแน่นในหัวใจกำลังจะปริแตกออก

     มันค่อยๆปริแตกออก

     "แบ่งกำลังใจหมูหย็องด้วย"

     ปริแตกออกปลดปล่อยผีเสื้อนับล้านให้บินว่อนไปทั่ว

จูบทางอ้อมครั้งที่สองของเรา เกิดขึ้นบนทางเดินระหว่างไปสมัครเรียนพิเศษ
เกิดขึ้นมาแบบไม่มีที่มาที่ไป เกิดขึ้นแบบเรียบง่าย

และอนุภาพรุนแรงกว่าครั้งที่แล้วอย่างสิ้นเชิง


     รถพยาบาล...ผมคิดว่าผมต้องการรถพยาบาล...


มือแกร่งที่มีรอยจูบถึงสามรอย แตะลงมาแผ่วเบาที่แก้มของผม ลูบไล้ด้วยความเป็นห่วง สวนทางกับคำพูดที่ดูพออกพอใจกับสีชมพูเข้มบนหน้าของผม เป็นลูกศรสุดท้ายที่เขาง้างออก เล็งเป้า และยิงมาที่ผม

"หมูหย็องแดงไปหมดเลย...น่ารักจังเลยครับ"

 คิดอีกที...เอาโลงศพมาดีกว่าครับ
รักษาคงไม่ไหว แผลฉกรรจ์ เกินเยียวยา
ตายสนิท...

หรือคิดอีกที โลงศพอาจจะไม่จำเป็น

เพราะผมได้ทำการระเบิดตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ตู้มมมมมมมมมมมมมม!




     คำว่าน่ารักหมุนวนในหัวผม เหมือนสมองติดกับดักจนคิดเรื่องอะไรไม่ได้ มันติดอยู่กับแค่คำๆเดียว น่ารัก หมูหย็องน่ารัก น่ารัก หมูหย็องน่ารัก ให้ตายเถอะ...เขาต้องยังไม่หายป่วยดีแน่ๆ
     เทมของผมน่ะ ไม่ร้ายกาจขนาดนี้เสียหน่อย!

     ผมเดินให้เขาจูงเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ความคิดเป็นของตัวเอง มาถึงห้องเรียนพิเศษ เขาก็ให้ผมนั่งรอ ผมลืมกระทั่งมารยาทขั้นพื้นฐาน อย่างเช่นยกมือไหว้สวัสดีอาจารย์ จนเขาสอบเสร็จนั่นแหละครับ ผมถึงได้รู้สึกตัวอีกครั้ง

     "สวัสดีครับอาจารย์ฤทัย"
     "สวัสดีจ้ะดิมิทรี งั้นเดี๋ยวฟ้าประทานนั่งรออาจารย์ก่อนนะ ขออาจารย์คุยกับดิมิทรีแป็บหนึ่งนะจ๊ะ"
     "เทมรอตรงนี้ก่อนนะครับ"
     "ครับ" เทมตอบรับคำอย่างว่าง่าย นั่งลงอย่างเรียบร้อยรอผม


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 24 * 5/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 05-10-2018 20:21:53


     ผมเดินตามเข้ามานั่งลงตรงข้ามกับอาจารย์ ท่านวางผลคะแนนสอบของเทมปุระให้ผมดู ผมกวาดตามองอย่าละเอียด ผมนิ่งเงียบเมื่อดูครบทุกใบ

     "เท่าเดิมเลยใช่ไหม"


ใช่ครับ เท่าเดิม
ไม่แย่ลง...แต่ก็ไม่ดีขึ้น...

แม้เทมจะพยายามอย่างหนัก เขาอ่านหนังสือ เขาทำแบบฝึกหัด เขาพยามมากมายแค่ไหนผมรู้ดี
ผมได้ความรู้สึกดีๆเมื่อครู่พยุงหัวใจผมที่แกว่งไกวเอาไว้ ไม่งั้นคงไม่มีแรงปลอบใจตัวเอง ผมพยายามบอกตัวเองว่ามันเป็นเพราะเขามีเรื่องกระทบกระเทือนเมื่อเร็วๆนี้ ถึงได้ยังย่ำอยู่ที่เดิม...ไม่ใช่อะไรที่ผมเคยคิดเอาไว้

     "ไม่ต้องทำหน้ากังวลแบบนั้นนะจ๊ะ สำหรับฟ้าประทาน สำหรับเด็กพิเศษ น้องเทมก็ถือว่าเรียนรู้ได้รวดเร็วมาก          แล้ว สามารถเรียนทันเพื่อนได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าเก่งมากๆ พัฒนาการเป็นไปด้วยดีเลย"
     "เขาจะเรียนต่อไหวไหมครับ"

คำถามที่น่ากลัวสำหรับผม
 
รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฎขึ้นบนใบหน้าของอาจารย์ฤทัย

 "ไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไรเลย ที่อาจารย์เอาให้ดู คือพวกเราอาจจะต้องลองปรับวิธีการสอนเขาหลายๆแบบ ลองให้เขาเรียนรู้ด้วยวิธีแปลกใหม่บ้าง ดิมิทรีพาน้องเทมไปตรวจวัดระดับพัฒนาการมาหรือยังจ๊ะ"
"พาไปครั้งล่าสุดเมื่อปิดเทอมครับ ผลออกมากลางๆไปถึงดี ด้านการควบคุมอารมณ์ไม่มีปัญหาครับ ประพฤติตัวก็เหมือนกัน ภาษากับการสื่อความหมายก็ถือว่าดีขึ้น แต่ปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นก็ยังได้คะแนนน้อยที่สุดอยู่เหมือนเดิม กับ...การเรียนรู้ของเทมเหมือนจะรับรู้ได้ช้าลงนิดหน่อย"
"งั้นก็ดีแล้วจ้ะ เธอก็ไม่ต้องเป็นกังวลมากไปนะ เด็กพิเศษที่เรียนรู้ได้เร็วและควบคุมตัวเองได้เก่งเหมือนเทมอาจารย์ก็เพิ่งเคยเจอ เธอนำทางเขาได้ดีมากแล้วจ้ะ แต่ต้องอย่าลืมว่าเขาก็มีข้อจำกัดหลายๆอย่าง ไม่สามารถตามการเรียนได้รวดเร็วเหมือนคนปกติ อาจจะมีติดขัดไปบ้าง ก็ไม่ต้องแตกตื่นไปนะ เราต้องลองปรับเปลี่ยนวิธีดูกันก่อนนะจ๊ะ"

     ผมโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อได้รับคำยืนยันจากผู้หญิงตรงหน้า

เพราะผมเป็นคนเลือกจับมือเทม แล้วดึงเขาเข้ามาอยู่ในโลกของคนธรรมดา กับคนพิเศษแบบเขาในโลกที่แตกต่าง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกลมกลืน มันยากสำหรับเขา

มันยาก แต่เขาก็ไม่สะบัดมือผมออก

กับความต้องการของผม เทมไม่เคยขัดขืน ไม่เคยตั้งคำถาม ไม่เคยนึกปฎิเสธ เทมอ้าแขนตอบรับทุกคำขอด้วยรอยยิ้ม ตามใจผมทุกอย่างเสมอมา และผมไม่อยากเป็นคนทำลายรอยยิ้มนั้น...ด้วยน้ำมือของผมเอง ด้วยความเห็นแก่ตัวของผม...ที่อยากให้เขาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา

          ผมเดินออกมาจากห้องของอาจารย์ เทมปุระพอเห็นผมก็รีบวิ่งเข้ามาหา

ผมเงยหน้ามองเด็กตัวเล็กๆ ที่เมื่อวันวานในหลายปีก่อน ยังตัวเล็กกว่าผมมาก ทว่าตอนนี้กลับสูงนำหน้าผมไปไกลเผลอเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของเขา แก้มกลมๆสมัยก่อนเหลือน้อยลง นุ่มน้อยลงนิดหน่อย แต่ยังคงให้สัมผัสที่ดีมากไม่เคยเปลี่ยนแปลง เทมยิ้มและโอนอ่อน เอียงคอแนบใบหน้าลงกับฝ่ามือของผม เหมือนเจ้าเหมียวที่คลอเคลียเจ้าของ

เขาน่ารักจับใจอย่างนี้เสมอ
ท่าทางแนบใบหน้าและส่งยิ้มให้กัน ที่คล้ายบอกกลายๆ ว่าเขาให้ผมทุกอย่าง ทุกๆอย่าง...

     ผมถามเขาเสียงเลื่อนลอย

     "อยู่กับหมู...เทมมีความสุขไหมครับ อึดอัดหรือเปล่า"

     เทมดูงุนงงที่จู่ๆผมก็ถามเขาแบบกระทันหัน เทมมองสบดวงตาสีฟ้าที่สั่นไหว เขามองอยู่นาน ก่อนจะค่อยๆดึงมือผมออกจากแก้มของตัวเอง ดึงมืออีกข้างของผมมาจับเอาไว้ ดึงมือทั้งสองข้างของผมไปโอบรอบตัวเองแล้วแลกกันด้วยสองแขนของเขาที่กอดผมลงมา

          ลำตัวของเราแนบชิดกัน สัมผัสใต้แผ่นอกกว้างคือเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจ เหมือนหัวใจสองดวงปรับเข้าหากัน มันดูเป็นท้วงทำนองเดียวกัน หัวใจของผมและของเขา

          เทมปุระกอดผมโยกตัวไปมา เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู พร้อมมือที่ลูบหลังปลอบโยนกัน ทำไมนะ กับเรื่องเกี่ยวกับผม เทมมักจะรับรู้ได้รวดเร็วตลอดเลย ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน เทมก็รู้...
         
          รู้แม้กระทั่งวิธีทำให้มันดีขึ้น...


     "เทมมีความสุขมากกกกกกกก มาก มาก มาก มาก มากเลยครับ...เป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกเลยนะ ไม่มีวันไหนไม่มีความสุขเลยครับ เพราะเทมมีความสุขเป็นของตัวเอง มากกว่าขนมอร่อยๆ มากกว่าพี่โดเรม่อน เป็นความสุขที่เหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่างครับ เป็นที่หนึ่ง เป็นสุดยอดของสุดยอด"


อ้อมกอดโยกเยกหยุดนิ่งลง แต่กระชับเข้ามามากยิ่งขึ้นแทน ท่อนแขนแกร่งกอดรัดผมแน่น เหมือนอยากให้รับฟังเสียงของความรู้สึก สัมผัสส่วนลึกการเต้นของหัวใจที่หนักแน่น เสมือนเจ้าหัวใจดวงน้อยข้างในกำลังยืนยันสุดฤทธิ์ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้านายของตัวเองพูดมานั้นคือความจริง


          "หมูหย็อง...เป็นความสุขที่สุดของเทมนะครับ"

ผมร้องไห้อยู่กับอกของเขา เอ่ยเสียงอู้อี้

          "เทม...เทมก็เป็นความสุขที่สุด ของที่สุด ของที่สุด เป็นความสุขที่สุดของหมูเหมือนกันครับ"


          ผมเสียใจ...ที่ผมไม่เคยนึกเสียใจ ไม่เสียใจเลยที่จับมือเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยไปไหน และไม่เคยมีความคิดจะปล่อยไปสักครั้งเดียว มีแต่ความคิดที่จะหาวิธีจับไว้ให้แน่นยิ่งกว่าเดิม ปกป้องให้ดีกว่าเดิม แถมเจ้าก้อนความสุขแก้มกลมของผมก็ดูยินยอมเสียขนาดนี้ ก็ยิ่งทำให้ผมได้ใจ

แต่ในความเอาแต่ใจอันเด็ดขาด ก็มีความกลัวแฝงอยู่

สิ่งที่ผมกลัวในโลกใบนี้มีเพียงไม่กี่อย่าง และมากกว่าเจ็ดในสิบก็คือเรื่องเกี่ยวกับเขา
ในหนึ่งข้อความกลัวเกี่ยวกับเขา สามารถแตกหมวดย่อยได้เป็นหมื่นข้อ
เช่น ผมกลัวเขาทานอาหารไม่ครบทุกหมู่ กลัวเขานอนฝันร้าย กลัวเขาเป็นไข้ ไม่สบาย

มันเป็นความกลัวที่ถักทอความเป็นห่วงอย่างมากมายมหาศาลร่วมด้วย

หนึ่งในสิ่งที่ผมกลัวคือการที่ไม่มีเขาอยู่ เป็นความกลัวอย่างที่สุดหาอะไรมาเปรียบไม่ได้
สองคือเขาไม่มีรอยยิ้ม กลัวเขาไม่มีเสียงหัวเราะ
สามคือกลัวเขาไม่มีความสุขกับเส้นทางที่ผมเลือกให้

กลัวเขาจะรู้สึกเหนื่อยเกินไป กับการเรียนสิ่งต่างๆมากมาย ที่มันยาก ยากมากๆสำหรับเด็กพิเศษแบบเขา
ทุกครั้งที่คะแนนของเขาไม่ดีขึ้น ผมก็กังวลว่ามันจะใช่เส้นทางที่ถูกหรือเปล่า
เทมฝืนอยู่ไหม รอยยิ้มที่ผมหลงรักยังอาบไปด้วยเจ้าคำว่าความสุขอยู่หรือไม่

...กลัวเทมปุระไม่มีความสุข...

กลัวอย่างที่สุด


ถ้าวันหนึ่งโลกของคนธรรมดามันแย่และยากเกินไปสำหรับเทม
...ผมจะพาเขาไปอยู่ในโลกพิเศษ และผมจะไปอยู่ในโลกพิเศษกับเขาเอง...


ผมยอมละทิ้งทุกอย่าง
ขอแค่มีเขาอยู่ ขอแค่ความสุขของผมอยู่ข้างผมด้วยรอยยิ้มตลอดไปก็เพียงพอแล้ว




     ผมลุ่มหลงอยู่ในห้วงเวลาที่เขาปรนเปรอปลอบประโลม เรายืนกอดกันอยู่นาน ผมซุกตัวหาไออุ่น คล้ายจะกอดกันตลอดไป หากไม่ได้ยินเสียงกระแอมไอจากด้านหลัง

     "อะแฮ่ม ยังอยู่ในโรงเรียนนะจ๊ะเด็กๆ"

     ผมสะดุ้งตกใจ จนผละตัวออกมาเหลือเพียงมือที่ยังแอบประสานกันเอาไว้ด้านหลัง เทมดูยังเป็นห่วงผมมากอยู่ เขาใช้ปลายนิ้วไล้ใต้ตาของผมอย่างอ่อนโยน ผมรู้สึกเขินทั้งต่อการกระทำของเขา และเขินรอยยิ้มพร้อมสายตารู้ทัน ของอาจารย์ฤทัยที่มองมา

     "ฟ้าประธานค่อยมาเรียนพิเศษพรุ่งนี้ก็ได้นะจ๊ะ วันนี้พาคนขี้แงไปก่อนเถอะ เรื่องคะแนนสอบไม่ต้องเป็นห่วงนะ ส่วนดิมิทรีเขาก็แค่ดีใจมากไปหน่อย ไม่ต้องทำหน้ากังวลเหมือนอาจารย์แกล้งเลยจ้ะ อาจารย์ไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดเดียว"

     ผมแอบชำเลืองมอง ก็เห็นหน้าเทมที่กำลังทำหน้ากล่าวหาว่าอาจารย์แกล้งผมหรือเปล่า ทำไมผมถึงได้ออกมาร้องไห้กับเจ้าตัว ท่าทางขององครักษ์ที่ถูกปลุกให้ตื่นเพราะหยดน้ำตาของผม ทำเอาผมแอบขำ เทมเหมือนเจ้าลูกหมาที่ตั้งท่าขนฟูปกป้องของสำคัญ

"อาจารย์บอกถูกแล้วครับ เทมคะแนนดีขึ้นมากเลย จนหมูดีใจสุดๆ"

เทมยอมลดหางและหูที่ตั้งชี้ลง เขายอมอ่อนลงเป็นน้องหมาใจดีเหมือนเดิม

"ขอโทษครับ เทมนึกว่าอาจารย์ดุหมูหย็องเพราะเทมทำคะแนนได้ไม่ดี ถ้าคะแนนเทมไม่ดีห้ามดุหมูหย็องนะครับ เทมเรียนไม่เก่งเอง"

"ไม่จริงนะครับเทม ถ้าเทมได้คะแนนน้อยก็เพราะหมูสอนผิดเอง ไม่ใช่ว่าเทมไม่เก่งนะ รู้ไหม"

"เอ้าๆ ไม่ต้องเถียงกันไปจ้ะ คะแนนสอบดีมากๆ ทำได้ดีมากทั้งสองคนเลย ไม่ต้องออกรับให้กันแทนไปนะจ๊ะ แหม จริงๆเลยเชียวสองคนนี้" อาจารย์ฤทัยส่ายหน้าระอาให้กับผมสองคน ดูเคยชินกับพวกผมทั้งสอง สมแล้วที่สอนเทมมาหลายปี...

พอได้ยินคำชม เทมปุระก็ดีใจจนหางฟูๆกระดุกกระดิกส่ายไปมายกใหญ่ หันมายกยิ้มกว้างโชว์เขี้ยวให้ผม ก่อนจะรีบยกผมอวดอาจารย์ไม่หยุด

"หมูหย็อง หมูหย็องเป็นคนสอนเทมครับ หมูหย็องสอนการบ้านเทมทุกวันเลย ตรวจการบ้านก็ได้ด้วย วาดรูปก็สวย พูดอังกฤษก็ได้ รัสเซียก็ได้ จีนก็ได้ ได้อีกเยอะแยะเลย ทานผักขมๆได้เยอะๆๆ เก่งใช่ไหมครับ เก่งๆๆๆๆมากๆๆๆเลยใช่ไหมครับ เท่มากด้วย หมูหย็องของเทมเก่งที่สุดในโลกเลย"

อาจารย์อมยิ้ม ฟังลูกศิษย์คนพิเศษ โอ้อวดคนพิเศษให้ฟัง

          ผมที่เริ่มจะชักอายอาจารย์จนแทบจะสบตาด้วยไม่ได้ และเริ่มจะทนไม่ไหวกับคำยอของเทม ผมดีใจจนจะตายอยู่แล้ว ผมรีบขอตัวลาอาจารย์เดินออกมา ก่อนที่จะระเบิดตัวเองต่อหน้าอาจารย์ที่ยิ้มกริ่ม เทมที่ดูยังไม่พอใจกับการชมเชยผม ก็เลยมาชมให้เจ้าตัวอย่างผมฟังเสียอย่างนั้น

"หมูหย็องครับ หมูหย็อง หมูหย็องรู้หรือเปล่าว่าหมูหย็องพูดได้ตั้ง นับก่อนนะครับ อืม...หกภาษา หมูหย็องพูดได้ตั้งหกภาษาเลยนะครับรู้ไหม เก่งสุดๆไปเลย หมูหย็องปั่นจักรยานได้ด้วย ไม่ต้องใช้สี่ล้อด้วย โห โห เท่มากๆ ผูกเนคไทก็สวย สอบก้ได้ที่หนึ่ง แปรงฟันก็สะอาด ตัวก็หอม ยิ้มก็น่ารัก ทำอะไรก็เท่ๆน่ารักๆไปหมดเลย"

          ช่วยผมด้วยครับ ผมจะตายอยู่แล้ว เจ้าผีเสื้อตัวน้อยนับล้านบินว่อนให้วุ่นวายไปหมด
มีใครที่ไหนมาชมกันโต้งๆ ยกเจ้าตัวมาโอ้อวดต่อหน้าเจ้าตัวแบบนี้กัน

แถมยังไม่มีทีท่าจะยอมหยุดลงเสียด้วย

โธ่ เจ้าเด็กพิเศษแสนน่ารักคนนี้นี่

          ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม รอบกายลอยละล่องไปด้วยความสุขหนาแน่นจนผมสัมผัสได้ เครื่องผลิตความสุขผลิตความสุขมากมายจนเผื่อแผ่มาถึงผม ผมยิ้มแก้มปริกอปรกับหัวใจที่มีความสุขล้นทะลัก มือที่ประสานกอดเกี่ยว และใบหูที่แทบจะละลาย เมื่อได้ฟังเด็กน้อยพูดชม ป้อนคำหวานใส่ผมไม่หยุดไปตลอดทาง




          ผมเดินมาถึงห้องประชุมของสภานักเรียน พาเทมไปนั่งที่โต๊ะของผม หยิบกล่องไม้ระบายสีมาให้เขา โชคดีที่สมุดวาดภาพระบายสีช่วยชีวิตผมเอาไว้ได้ทันเวลา ดึงความสนใจของเขาไป เพราะถ้านางฟ้ายังพูดชมผมไม่ยอมหยุด เมื่อไม่มีมือเขาคอยจับ ตัวผมก็คงแทบจะลอยทะลุชั้นบรรยากาศกับคำยกยอแสนหวาน

ผมมองเทมที่กำลังเริ่มตั้งใจลงมือระบายสี รอยยิ้มยังคงกว้างอยู่บนใบหน้าเขา
และใบหน้าของผมเช่นเดียวกัน...

          แต่รอยยิ้มของผมก็ค่อยๆหุบลง เมื่อบนกระดานบานใหญ่ ไม่มีหัวข้อเรื่องการจับฉลากแบ่งสี ผมหันหน้าไปถามเอาความกับเลขาที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับกองเอกสารทันที

"เปีย หัวข้อการจับฉลากแบ่งสีล่ะครับ ไม่ใช่ว่าสภานักเรียนจะเป็นคนจัดการหรือ"

"อ๋อ ใช่สิ"

"แล้วทำไม..."

ผมมองไปที่กระดานที่วางเปล่า ไร้ข้อสำคัญที่ผมต้องการ

"อ๋ออออออ สภาฝั่งมัธยมปลายอาสารับผิดชอบ เอาไปทำเองน่ะ"




สภาฝั่งมัธยมปลาย เหมือนเป็นคำหยาบคายสำหรับผมไปเลย
เพราะมันหมายความว่าผมจะสอดมือเข้าไปยุ่งไม่ได้...
สอดมือเข้าไปยุ่งกับฉลากไม่ได้

....ก็หมายความว่า
ความแน่นอนที่ผมจะได้อยู่สีเดียวกับเทมปุระ....กำลังสั่นคลอน




เหมือนระฆังถูกตีดังแก๊งๆ ปลุกผมจากภาพฝันที่ก่อร่างสร้างไว้
ภาพฝันที่จะได้อยู่สีเดียวกันแบบแน่นอนร้อยเปอร์เซ็น กับคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะที่กำลังตั้งอกตั้งใจระบายสี

ถูกหักออกเป็นสิบส่วน

เป็นสิบส่วนที่ไม่มีอะไรยืนยันทั้งนั้น ว่าผมจะจับได้ชิ้นเดียวกันกับเขา...

ให้ตายเถอะ...สิงหสารสารทวิทยา

มีสีในกีฬาถึงสิบสี

สิบสีนะครับ

โอกาสหนึ่งในสิบที่ผมต้องสุ่มเพื่อให้ได้อยู่กับเทม
แล้วถ้าผมจับไม่ได้ล่ะ



ให้ตายเถอะ...



ความเสี่ยงที่ไหลทะลักเข้ามาในหัว จนผมได้แต่ตะโกนก้องอยู่ในใจ



นี่กำลังล้อผมเล่นหรือเปล่าครับ!?












end 24 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 24 * 5/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 06-10-2018 04:57:34
จะได้แยกกันหรอๆ. เอาไงหมูเอาไง อิอิ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 24 * 5/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 06-10-2018 05:55:50
เทมน่ารักขึ้นทุกวัน  :mew3:
สงสารพี่หมูเลย โดนน้องเทมโจมตีแบบนี้ ... ทนไหวมั้ยใจ?
แล้วเพื่อนพี่หมู ก็ดูแลน้องดีมากจริงจริ๊ง ... แบบคนอ่านตายตาหลับละ

อ่านแล้วอิ่มเอมจนหัวใจเต้นโครมครามเลยเชียวค่ะเรื่องนี้
ยืนยัน ...

 :mew2:
ทว่า มี 2 จุดที่อดรนทนไม่ไหว ต้องขอบอกนะคะ
นั่นคือ ....
ถ้ามีเศษสวะตัวไหนกล้ามาก่อกวน อยากลองดี...จะไม่มีคำว่าปราณีครั้งที่สอง
ในบริบทนี้ ต้องใช้คำว่า ปรานี นะคะ
เพราะ ปราณี เป็นคำนาม แปลว่า ผู้มีชีวิต, สัตว์, คน ค่ะ
ส่วนถ้าเป็นจำพวกกลุ่มคำ เช่น ปรานีปราศรัย เมตตาปรานี ต้องใช้ นี ค่ะ 

อีกจุดคือ
คิดอีกที...เอาโรงศพมาเลยดีกว่าครับ เพราะผมได้ทำการระเบิดตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ต้องใช้ โลงศพ นะคะ นี่เป็นคำเดียวที่ใช้ ล ลิง สะกดค่ะ

ทักท้วงมาด้วยความรักเทม เอ๊ย รักคุณนักเขียนล้วน ๆ เลยค่ะ
ถ้าก่อให้เกิดความเคืองขุ่น ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 24 * 5/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 06-10-2018 09:21:36
โหดกะทุกๆผู้คน แต่อ่อนยวบเมื่อเจอน้องเทม ขอไว้อาลัยกะศพสีชมพูที่สวยงามค่ะ  :m20:
   :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 24 * 5/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 06-10-2018 18:52:26



ประกาศ
เราแก้ไขเนื้อหาตอนที่ 24 นะคะ UvU); อย่าลืมอ่านกันใหม่น้าาาา
แก้เยอะเลยค่ะ พอดีรู้สึกตงิดๆใจ มาเปิดอ่าน ใช่จริงๆด้วย สื่อผิดไปหน่อยค่ะ ฮือ
เดี๋ยวพรุ่งนี้ลงตอนใหม่เป็นการขอโทษนะคะ





ตอบคุณ aoihimeko
@ เอาไงดีคะพี่หมู หมูบอกไม่ทำไง ลักพาตัวเทมหนีเลย *เดี๋ยวๆๆๆๆ* ฮาาา
ตอบคุณ Meen2495

@ หมูเครียดมากค่ะ ใจน้องไปถึงเตียงแล้ว
แต่ทำได้จริงแค่จับมากอดๆๆๆๆ ฟัดๆๆๆแก้มเท่านั้น ฮาาา

แก้แล้วนะคะ ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดอีกบอกได้เลยค่ะ ยินดีมากๆๆๆๆๆๆๆ ดีใจมากกกก
เราจะเสียใจมากกว่า ถ้าเกิดมีจุดผิดแต่ไม่มีนักอ่านบอก
ที่นักอ่านช่วยชี้จุดพลาด เราถือว่าเป็นเกียรติมากค่ะ
รู้สึกดีว่าให้ความสำคัญถึงขนาดเสียเวลามาช่วยบอก TvT ปลื้มใจมากค่ะ

ต่อจากนี้คำผิดก็คงจะยังโผล่มาเรื่อยๆ เพราะเราไม่เก่งภาษาเลยค่ะ กำลังพยายาม อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนนะคะ O<--<
ขอโทษที่ผิดบ่อยๆด้วยนะคะ ฮือออ ความอ่อนของเราทำให้อ่านขัดๆเลยเชียว


ตอบคุณ suikajang
@ หมูหย็องนี่สองมาตราฐานจริงๆเลยเชียว
หมูบอกไม่ไหวแล้ว ขอวาร์ปไปอ่อนยวบในอ้อมแขนเทมตอนโตเลยได้ไหม ก้ากกกกก

หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 25 * 7/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 07-10-2018 20:36:09


 





25











          ผมอารมณ์แปรปรวนเหมือนแมวเจ้าอารมณ์ ภายในสามนาทีผมโกรธไปหนึ่งนาที หงุดหงิดหนึ่งนาที อยากลากใครสักคนมาอัดอีกหนึ่งนาที แต่อีกสามนาทีต่อมา ผมก็ใจเย็นลง แต่พอหันไปเห็นกระดานสีขาวว่างเปล่า ข้างในมันก็เดือดปุด ปะทุขึ้นมาอีกรอบ คล้ายวัฏจักรที่ไม่มีวันสิ้นสุด


          ผมนั่งเงียบอยู่หัวโต๊ะของทีมสภา ปล่อยรังสี 'ห้ามเข้าใกล้ ถ้าไม่อยากเป็นกระสอบทราย ยกเว้นเทม' ไปทั่วสถานที่

     
          ห้องประชุมที่มักจะแออัดกึกก้อง เต็มไปด้วยสุ้มเสียงถกเถียง และเสียงพูดคุยแสนดัง บัดนี้กลับเงียบกริบ หนึ่งในทีมของผมคนหนึ่งที่กำลังจะเย็บกระดาษอยู่มุมห้อง หันมามองผมสองสามรอบ กลั้นหายใจก่อนจะค่อยๆบีบเครื่องเย็บกระดาษเข้าหากัน เสียงแป๊กเบาๆ ทำเจ้าตัวสะดุ้งโหยง รีบหันขวับมามองผม ยิ่งเมื่อเห็นว่าผมมองอยู่ ก็หน้าซีดเป็นไก่ต้ม


          ผมถอนหายใจในใจ ขนาดฉายาสีเลือด ทุกคนยังไม่สะทกสะท้าน แต่ตอนนี้กลับทำท่าหวาดหวั่นผมกันทั่ว ผมคิดว่าท่าทางตอนนี้ของผมคงจะดูน่ากลัวเอามาก กอปรกับหลังจากเปียตอบผมว่ายกหน้าที่ให้สภามัธยมปลาย แล้วเอาเอกสารมาให้แก้ ผมก็เผลอลืมตัวกำปากกาแน่นไปนิดหน่อย...จนมันหักคามือ


          ความเงียบที่คุกคามทุกคน ทำให้เข็มวินาทีกลายเป็นชั่วโมง แต่งานที่ควรจะเสร็จอย่างรวดเร็วกลับเชื่องช้า เพราะทุกคนไม่กล้าเข้ามาขอความคิดเห็น


          ผมถอนหายใจอีกระลอกใหญ่ มันไม่ใช่ความผิดของใคร ถ้าจะโทษให้เป็นความผิดใคร และใครที่สมควรถูกผมอัด ก็คงจะต้องบอกว่าเป็นมัน เป็นไอ้สิงห์นั่นแหละครับ เพราะมันก่อเรื่องราว จนทำให้ผมต้องหยุดเรียนไปดูแลเทม งานที่ล้นมือทีมสภา การได้รุ่นพี่เข้ามาช่วย ก็เป็นเรื่องน่าดีใจ


          คิดได้ก็ส่วนคิดได้อีกแหละครับ ความไม่พอใจของผมก็ยังหมุนวนหาทางออกไม่เจอ
แค่จินตนาการภาพว่าเทมต้องอยู่คนละสี แล้วต้องเชียร์ใครอื่นที่ไม่ใช่ผม เป็นแค่ความคิดที่ยังไม่เกิด แต่ก็ทำให้หงุดหงิดจะตายแล้ว


          ผมตัดสินใจค่อยคิดหาวิธีเอาทีหลัง


ตอนนี้ไม่ควรมานั่งทำหน้ายักษ์หิวเลือดแถวนี้ ผมปั้นรอยยิ้มประดับมุมปาก แต่คิดว่าคงจะลืมใส่ความอ่อนโยนลงไป รอยยิ้มที่ออกมาคงคล้ายฆาตกรโรคจิตยิ้มเย็นชาเตรียมลงมีดที่คอของเหยื่อ ถึงทำเอากรรมการนักเรียนคนหนึ่ง ที่รวบรวมกำลังใจตัวเอง ฮึดจะเอาเอกสารมาให้ผม ถึงกับตีโค้งหันหลังไปนั่งที่เดิมด้วยท่าทางเหมือนโดนผีหลอก


          เฮ้อ วันนี้อยู่ไปงานก็คงไม่ก้าวหน้า ผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากด เสียงข้อความตัดเงินดังขึ้นเมื่อสำเร็จ เสร็จแล้วก็รวบเอกสารทุกอย่างใส่กระเป๋า ยืนขึ้น


         "ขอโทษนะครับ ยังไงวันนี้ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน พอดีว่ามีธุระ งานไหนด่วน เอามาให้ผมได้เลยนะครับ ผมจะทำให้เสร็จในคืนนี้ ส่วนที่ไม่คืบหน้าก็ต้องขอโทษด้วย ไว้คุยกันวันศุกร์อีกที เดี๋ยวอีกประมาณสามสิบนาทีจะมีพิซซ่ามาส่งกับขนมอื่นๆ ถือว่าเป็นคำขอโทษจากผมนะครับ"

          เปียทำท่าจะคัดค้าน แต่ไม้ก็ดึงมือเธอไว้แล้วส่ายหัวให้ จนเลขาของผมต้องจำใจยอมปล่อยตัวผมไป

           "จริงๆเลยนะ งั้นทุกคนเอางานที่หมูต้องจัดการมาให้เราเลย เดี๋ยวเรารวบรวมส่งต่อให้"

          เสียงเลื่อนเก้าอี้พร้อมเสียงฝีเท้าหลายคู่ตรงมาหาเปียทันที กระดาษสีขาวที่เริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆในมือของเปียเล่นเอาผมปวดหัว ดูท่าคืนนี้คงจะต้องอยู่ยาว บางทีผมก็คิดนะครับว่าทีมสภาถูกเลือกมาจากคนที่ไม่ชอบขี้หน้าของผมหรือเปล่า


ท่าทางผ่อนเชือกที่ตึงลงของผม พร้อมความสบายใจที่ได้โยนงานมาให้ผมทำ ทุกคนก็เริ่มกลับมาวุ่นวายเหมือนเดิม


          "ฝากด้วยน้าาาา ท่านประธาน โล่งเลยว่ะ คืนนี้ไปตีดอทดีกว่า"

           "ได้แดกของฟรีอีก อิ่มจังตังค์อยู่ครบ กูเพิ่งโดนพ่อหักตังค์เพราะเผลอทำแจกันสมัยยุคโบราณกาลของแกแตกพอดี หมูมึงสั่งหน้าอะไรมาบ้างอะ มีฮาวายเอี้ยนเปล่า"


โอมตะโกนมาถามผม ตอนที่ผมกำลังจะเดินไปเรียกเทมปุระ ที่ยังคงอยู่ในโลกของสีสัน ผมนิ่งคิดนิดหน่อย แต่ก็คิดไม่ออก เพราะไม่ได้ใส่ใจเลือกหน้า แค่กดๆมาทั้งหมดจนครบสิบถาดใหญ่ กับของกินเล่นแล้วก็ขนมครบจำนวนคน


          "ไม่รู้สิครับ กดมาไม่ได้สังเกต"

          "ไหนๆ เอามาดูก่อน เผื่อจะสั่งเพิ่ม...โอ้โห! นี่สั่งแบรนด์ของโรงแรมเลยดังเหรอวะ สิบหน้าสิบถาดใหญ่ ท่านประธาน! ผมจะติดตามคุณไปตลอดชีวี้ดดดดดดดด" โอมเล่นใหญ่ทำท่าคำนับใส่ผม เสียงที่แหกปากดัง ทำเอาคนมารุมล้อม มองอีเมลยืนยันคำสั่งซื้อในโทรศัพท์ผม จนผมรำคาญต้องส่งเข้าอีเมลทุกคนแทน จะได้ไม่เข้ามาใกล้

          "โกรธแล้วเปย์งี้ โกรธทุกวันเลยนะเสี่ยหมูววว" แจ้สายแดก ที่เจ้าตัวตั้งฉายาให้ตัวเอง ก็ครึกครื้นขึ้นมาทันทีกับของกิน ท่าทางกระดี๊กระด๊าและดูไม่เกร็งของทุกคน ทำเอาผมโล่งใจหน่อยๆ ดีแล้วครับ เมื่อกี้ผมก็พาลไปหน่อยจริงๆ

          "วันหลังถ้ามีอะไรทำนองนี้อีก รบกวนอย่าตัดสินใจกันเองนะครับ"

ผมพูดเสียงเรียบด้วยใบหน้าที่เรียบยิ่งกว่า ทุกคนชะงักก่อนจะรีบพยักหน้าตกปากรับคำ แล้วกระจายตัวกลับไปนั่งที่


          เปียเดินเข้ามาหาผม พร้อมงานที่ดูท่าจะทำให้ค่ำคืนของผมยาวออกไปสองสามวัน เธอหยิบกระเป๋าของผมมาเปิดออกแล้วใส่ลงไว้ให้เรียบร้อย


          "อ่ะ เราเรียงไว้ให้แล้วอันไหนต้องทำก่อน ตอนนายไม่อยู่ทุกคนก็ทำไปเยอะแล้วเหมือนกัน รอนายดูภาพรวมกับตัดสินใจอีกที เดี๋ยวจบเรื่องงานจบรุ่นพี่ กีฬาสีจะได้เริ่มอาทิตย์หน้าเลย เออ เราขอโทษด้วยนะ ลืมคิดไปเลยว่าถ้าจับฉลากเทมกับเธอคงจะอยู่สีเดียวกันยาก ตอนนั้นยุ่งๆเลยไม่ได้ค้านทุกคน ยังไงให้เราไปของานคืนไหมล่ะ"

          "ไม่เป็นไรครับ ผมหยุดไปหลายวันทุกคนก็ยุ่งกันมากพอแล้ว แบ่งเบาไปบ้างก็ดี ส่วนเรื่องของเทม ยังไงเดี๋ยวจะลองหาทางอื่นดูก่อน"

เปียหรี่ตามองผม เหมือนไม่เชื่อว่าผมไม่ติดใจเอาความจริงๆ ผมยิ้มไม่แสดงอารมณ์

          "แต่ผมก็คงจะต้องยุ่งกับการหาวิธีการ เพราะงั้นขอฝากงานเรื่องลอยกระทงให้ทุกคนด้วยแล้วกันนะครับ งานง่ายๆ ไม่มีผมก็คงจะทำได้" ผมโบ้ยงานของตัวเองทันที เปียยิ้มมุมปาก เหมือนคิดไว้อยู่แล้ว

          "ก็ว่าแล้ว เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างนาย คงจะไม่ปล่อยผ่าน ...ปีศาจชัดๆ..."

เปียพึมพำ แต่ก็ยอมพยักหน้ารับแต่โดยดี เพราะรู้ดีว่ากับเรื่องของเทมผมจริงจังยิ่งกว่าอะไร ผมเคยบอกเอาไว้แล้วว่าที่ผมยอมขึ้นมาเป็นประธานนักเรียน ก็เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกเรื่องของเทม เรื่องอะไรที่เกี่ยวโยงเกี่ยวพัน ขอให้ทุกคนมาถามการตัดสินใจของผมก่อน

          ผมทำท่าไม่ได้ยินที่เธอบ่น และคำโอดครวญของทีมสภาคนอื่นๆ

          ช่วยไม่ได้นะครับ ทำอะไรไม่ถามผมก่อนเอง




          ผมเดินมาหาคนที่พออยู่ในโลกส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้ยินอะไร กระทั่งผมเดินเข้ามาใกล้ขนาดนี้ก็ไม่รู้ตัว ท่าทางตั้งอกตั้งใจแสนจริงจังของเขาทำเอาผมใจเต้น อยากมองดูนานๆ แต่ก็จำใจต้องยุติมือที่กำลังจับดิอสอสีตวัดไปมานั่นลง

            "เทมครับ กลับบ้านกันนะครับ"

แตะสัมผัสลงบนลาดไหล่ สัมผัสที่คุ้นเคยเป็นตัวปลดล็อคไขกุญแจโลกส่วนตัวให้เปิดออก เทมเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของสัมผัส แล้วยิ้มกว้างใส่ตาผม โลกสว่างจ้าไปชั่ววูบเลยครับ

          "หมูหย็องเสร็จงานแล้วเหรอครับ วันนี้กลับไว กลับไวจังเลย"

          "เดี๋ยวเอากลับไปทำที่บ้านครับ คืนนี้หมูต้องนอนที่บ้านนะครับเทม"

          "บ้านเทมก็บ้านหมูหย็องนี่ครับ บ้านเราไม่ใช่เหรอ?" เทมปุระเอียงคอสงสัย คำถามน่ารักทำเอาผมแทบจะทนไม่ไหว อยากจับเขามาฟัด แต่ก็ทำได้แค่ยืนสงบนิ่งเพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคน

          "บ้านของเราอีกหลังครับ พวกเอกสารที่หมูต้องใช้มีเยอะเลย คิดว่าสะดวกกว่าหอบไปมา คืนนี้มานอนกับหมูที่ห้องนะครับ โอเคไหม"

          ตั้งแต่มีเรื่อง ผมก็เปลี่ยนจากเดิม ที่จะต้องไปนอนกับเทมสามสี่ครั้งต่อสัปดาห์ แล้วนอนคนเดียวสองสามวันต่ออาทิตย์ เป็นเจ็ดครั้งต่อสัปดาห์ นอนด้วยกันทั้งเจ็ดวัน เราสลับไปนอนบ้านเทมบ้าง บ้านผมบ้าง เปลี่ยนเพียงแค่สถานที่ แต่นอนด้วยกันตลอดทุกวัน จากที่ปกติก็คุ้นชินอยู่แล้ว ตอนนี้กลายเป็นว่าขาดไปไม่ได้แล้วครับ นอนคนเดียวไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้อีกต่อไป


          "เมื่อกี้หมูกลายร่างเป็นยักษ์ด้วยล่ะเทม อารมณ์ไม่ดีสุดๆ หน้างี้เหมือนโกรธคนทั้งโลกกกกกเลย" หญิงที่ตะโกนเข้ามาฟ้องเด็กน้อยของผม เทมพอได้ยินแบบนั้น ก็หันมาทำตาโต มองสำรวจผม

          "หมูหย็องโกรธใครเหรอครับ อารมณ์ไม่ดีเหรอ" เทมถามด้วยความเป็นห่วง

          "เปล่านะครับ..." ผมหันไปทำตาขวางใส่หญิง ก่อนจะตอบเทมเสียงอ่อย


          เทมที่ทีแรกตั้งท่าจะตอบตกลงของคำถามของผม ด้วยประโยคตกลงเรียบง่ายพร้อมรอยยิ้มดังปกติ ก็กลายเป็นว่าเทมปุระทำมือโอเคทั้งสองข้าง แล้วเอามาไว้ตรงตา ทำเสียงคล้ายนกฮูกแทน เป็นการตอบตกลงพร้อมท่าทางน่ารัก


          "ฮูก ฮูก ฮูก โอเค  ฮูก ฮูก โอเคครับ ฮูก ฮูก" ผมหัวเราะออกมา ขำให้กับคุณนกฮูกแสนทะเล้น ความหงุดหงิดเหมือนลูกโป่งที่ถูกเจาะรูจนรั่วไหลออกไปหมดเกลี้ยงไม่มีหลงเหลือ เทมพอเห็นผมหัวเราะ ก็เปลี่ยนนิ้วที่ทำตัวโอ เป็นสองนิ้วติดกันสองข้าง ทำฟันยื่น กลายเป็นคุณกระต่ายตัวโตที่กระโดดเด้งดึ๋ง ดึ๋ง ไปมารอบตัวผม ผมหลุดหัวเราะออกมายกใหญ่กับคุณกระต่ายที่ทำท่าจะมาแทะไหล่ผมแทนแครอท


"ไม่โกรธ ไม่โกรธนะ นะครับคุณหมู อู๊ด อู๊ด คุณกระต่ายก็จะช่วยไล่ความโกรธไปนะ" วิธีการไล่ความโกรธของเขาคือการกระโดดไปมารอบตัวผม ผมยิ้มให้กับวิธีการปัดเป่าความโกรธของเทมปุระ


          "โอ้ยยยยยยยยยย เหม็งฟามรัก รีบๆกลับไปเลย เดี๋ยวพิซซ่าจะหวานจนกินไม่ได้"

          "ประธานแม่งไม่เห็นใจคนโสด ฮือออ"


          ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าจริงๆผมก็ยังโสดนะครับ ถึงในทางพฤติกรรมจะดูไม่โสดมานานแล้วก็เถอะ ที่ยังโสด ก็เพราะเทมยังไม่ได้ขอผมเป็นแฟนเลยครับ อยากให้เขาขอไวๆจะตายอยู่แล้ว ...ข้ามขั้นจีบไปเลยได้ไหมนะ

          คุณกระต่ายที่วิ่งเล่นจนเหนื่อยหอบหันมายิ้มกว้างให้ผม

          "หมูหย็อง หมูหย็องยิ้มแล้ว ไม่อารมณ์ไม่ดีเนอะ มีความสุขเนอะ"

          ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาซับเหงื่อให้เขา ไม่สนใจเสียงโห่แซวด้านหลัง

          "ขอบคุณนะครับ งั้นวันนี้ไหนๆก็กลับเร็วแล้ว แวะไปทานไอศกรีมกันอีกดีไหมครับ"


ผมถามอย่างเอาใจ เทมปุระตาเป็นประกายวิบวับ พยักหน้าหงึกๆตอบรับข้อเสนอทันที สองตัวป่วนของทีมสภาวิ่งตุบตับเข้ามาทำหน้าที่ก่อกวน ด้วยการทำท่าล้อเลียนพวกผมสองคน หยิบแปรงลบกระดานมาซับหน้ากันไปมา เอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน


          "แจ้ แจ้ วันนี้เราไม่ตีดอท ไม่เล่นเกมแต่ไปกินไอศกรีมกันไหม"

          "ไม่ได้หรอกโอม เราต้องทำงานนะ ไม่มีเวลาว่างหรอก เช็ดเบาๆสิโอม ตัวเองล่ะก็ นี่หน้านะไม่ใช่หนังเท้า"

          "เปลี่ยนพิซซ่าเป็นมาม่าไหมครับ..."

           "อุ้ย ไอ้เหี้ยแจ้ มึงมันเลว มาแซวประธานนักเรียนของกูแบบนี้ได้ไง"

           "มึงนั่นแหละ ประธ๊านนนน อย่าพรากพิซซ่าไปจากผม สงสารลูกๆในท้องของผมด้วย"

           "มึงเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอวะ มึงท้องเหรอแจ้"

           "เออ ท้อง พยาธิเป็นล้านคร่ำครวญหาน้องซีฟู้ดกับน้องฮาวายเอี้ยนเนี่ย"


แล้วพวกมันสองคนก็หัวเราะเสียงดัง ทำไมคนรอบตัวผมถึงมีแต่คนนิสัยไม่สมประกอบแบบนี้นะครับ...
ผมจูงมือเทมไปหยิบกระเป๋าออกจากห้อง เดินออกมาโดยทิ้งความบ้าบอเอาไว้ข้างหลัง





ผมมายืนรอลุงชื่นขับรถมารับอยู่ที่ใต้ตึกครับ ตอนเย็นๆอย่างนี้ก็ยังมีเด็กหลายคนที่เตะบอลหรือเล่นกันอยู่ในสนาม


          "เทมอยากทาน ทานเค้กด้วย แล้วก็ แล้วก็ชานมไข่มุกด้วยครับ" เทมที่ตื่นเต้น ร่ายรายชื่อของที่อยากทานให้ผมฟังไม่หยุด ผมคิดว่าถ้าตามใจให้เขาทานทุกอย่าง อีกไม่นานเด็กน้อยของผม คงได้กลายเป็นเจ้าก้อนกลมเหมือนตอนเจ็ดขวบแน่นอน
         
          "ทานได้สองอย่างนะครับ วันนี้ต้องกลับไปทานข้าวเย็นกับคุณแม่ก่อนไม่ใช่หรือครับเทม"

          "จริงด้วย...แต่เทมไม่อิ่มนะครับหมูหย็อง เทมทานได้เยอะแยะ เยอะแยะแบบเท่านี้เลย" เทมอ้าแขนออกกว้าง เพื่อบอกว่าเยอะแยะขนาดไหน ถ้าจะทานเยอะขนาดนั้น เห็นทีคงจะนั่งรถตู้ไม่ได้แล้วครับ คงจะต้องหารถตักดินมาช้อนกลับบ้านเอา เพราะคงจะตัวกลมเป็นบอลลูนแน่ๆ

          "สองอย่างนะครับเทม" ผมยังคงยืนยันจำนวนแค่สองที่จะให้เขาเลือกทาน คนแก้มยุ้ยมุ่ยหน้าลง ทำแก้มป่องขัดใจ กับเรื่องของกินนี่ไม่ยอมง่ายๆเลยสินะ ผมยิ้มอ่อนใจให้เด็กชายที่กำลังยืนกอดอก ไม่ยอมเดินต่อ เป็นการประท้วงเงียบๆ ของเด็กชายผู้หลงใหลในของหวาน

          "หรือถ้าอยากทานเยอะ มื้อเย็นต้องทานสลัดให้หมูนะครับ มะเขือเทศสามลูกนะ แล้วหมูจะตามใจเลย"

ผมยิ้มแล้วยื่นข้อเสนอ เทมปุระตาโต แล้วรีบส่ายหัวแรงๆ ปฏิเสธ ร่างสูงรีบเข้ามาคลอเคลียทันที เหมือนกลัวว่าจู่ๆผมจะควักเจ้าลูกสีแดงออกมาต่อหน้าเขาตอนนี้ แล้วบังคับให้เขากินอย่างไรอย่างนั้น

           ผมหัวเราะเพราะจั๊กจี้ผมนุ่มนิ่มที่คลออยู่แถวช่วงคอ

          "ไม่เอานะครับ ไม่เอานะ เทมไม่อยากทานผัก ไม่เอามะเขือเทศตอนเย็นนะครับ มะเขือเทศน่ะ มะเขือเทศน่ะ มะเขือเทศทานตอนเย็นไม่ได้นะครับหมูหย็อง ทานมะเขือเทศตอนเย็นแล้วจะนอนฝันร้ายนะ ไม่ได้เลย ไม่ได้เด็ดขาดนะครับ" ผมลูบผมลื่นมือของคนที่กำลังงอแง

          "ถ้างั้นขนมหวาน...ก็สองอย่างนะครับ"

          "หมูหย็องอ่า" เทมเรียกผมเสียงอ่อย "ก็ได้ครับ แต่น้ำๆๆๆไม่นับใช่ไหม เทมทานชานมไข่มุกได้ใช่หรือเปล่าครับ"

กับเรื่องนี้ก็จะสรรหาวิธีมาต่อรองได้หลากหลายจนน่าทึ่งเชียว ผมไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดีเลยครับ ลำพังแค่เสียงอ้อนๆกับสัมผัสอุ่นที่กอดแขนผมอยู่ก็ทำเอาเตลิด ไม่อยากคิดอะไรนอกจากยืนนิ่งให้เขากอดแล้ว แต่ก็ต้องใจแข็ง เพราะกับเด็กพิเศษ ถ้าเราไม่จำกัดปริมาณ เขาจะทานของที่ชอบไปเรื่อยๆ ถึงจุก ถึงอิ่มก็ยังจะทานต่อไปไม่หยุดครับ
การบอกตั้งแต่เนิ่นๆเขาจะได้ไม่หงุดหงิด หรือรู้สึกไม่ดีตอนไปถึงร้าน


          "ทานใช้กับอาหารครับเทม ต้องใช้ดื่มนะครับชาไข่มุกน่ะ"

          "ดื่มๆๆๆๆ ดื่มชาไข่มุกได้ใช่ไหมครับ กับไอศกรีมแล้วก็เค้กเค้กนะ สองอย่าง สองอย่างเนอะ"

         "...แก้วเล็กนะครับ แก้วใหญ่ไม่ได้นะ" แม้จะต้องใจแข็งห้าม แต่ผมก็ใจอ่อน สายตาที่อ้อนวอน ส่งผลคล้ายเวทมนตร์บังคับจิตใจ แปรเปลี่ยนคำปฏิเสธให้เป็นคำตกลง อยากจะต่อยหน้าตัวเอง ที่พอเห็นเทมที่ชูมือดีใจ ร้องเย้ๆไปมาไม่หยุด ก็คิดว่าถ้าเขาเข้ามาอ้อนกันอีกที ผมอาจจะยอมหยวนๆให้ ถึงจะแก้วใหญ่ก็คงไม่เป็นอะไร...
         

          ทาสแมว ทาสหมา ส่วนผมก็เป็นทาสเทมสินะครับ เฮ้อ





          "อ้าว ไหงมาอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ประชุมสภาเหรอวะ แล้วเทมดีใจอะไรล่ะนั่นน่ะ"


          แรงดึงดูดตัวปัญหาของผมคงจะยังไม่จบง่ายๆ เมื่อคู่หูสองเกลอช่างจิกกัด เดินดูดน้ำเข้ามาหาผม ไอ้น้ำที่เอ่ยทักทายสังเกตเห็นเทมที่กำลังอารมณ์ดีจนอยู่ไม่สุข กระโดดไปมา


          "น้ำ! เต้! คือว่านะ คือว่านะ หมูหย็องจะพาเทมไปทานไอศกรีม!" เทมรีบอวดยกใหญ่

          "อ๋อ อ้าว เดี๋ยวนะ ทำไมมึงเลิกเร็วจังวะ ปกติกูซ้อมเสร็จ พวกมึงต้องยังไม่กลับนี่น่า"

          "มีเหตุผลนิดหน่อยน่ะครับ เลยเอางานกลับไปทำที่บ้านแทน"

          "ไหนๆก็จะไปข้างนอกแล้ว ไปกับพวกกูมะ ว่าจะไปเล่นโบว์ลิ่งกับร้องเกะกัน"

          "ไก่คาราเกะเหรอ ไก่ทอดใช่ไหมครับ เทมรู้จักนะ อร่อย"

          "คาราโอเกะ ร้องเพลงโว้ยยยยยย"

          "เพลงโว้ยคือเพลงอะไรเหรอเต้ ชื่อเพลงแปลกจัง"

          "อยากรู้ก็ตามมาไหมล่ะ ไปกับพวกกูดิ"

          "ไม่ไปครับ เทมจะไปทานไอศกรีมกับผม" ผมรีบพูดตัดบทสนทนา อุตส่าห์จะไปเที่ยวหลังเลิกเรียนกับเทมสองคน แก้อารมณ์ที่ไม่ดีแท้ๆ จะให้คนอื่นมาขัดขวางได้ยังไง ผมมองออกไปหน้าโรงเรียน หวังให้เห็นรถคุ้นตามาไวๆ จะได้รีบพาเทมหนีขึ้นรถ ไปจากแฝดคนละฝาคู่นี้

          "คาราโอเกะร้านนี้ขนมอร่อยมากเลยไม่ใช่เหรอวะเพื่อนเต้ ได้ยินว่ามีไอติมชานมเย็นโคตรอร่อยอ่ะ มีเครปเค้กชาเขียวด้วยนะ รอบก่อนพาสาวไปกิน กินเสร็จแล้วนี่กรี๊ดเลย บอกว่าอร่อยโคตรๆ ไม่เคยกินที่ไหนอร่อยขนาดนี้"

          "ถูกต้องเพื่อนน้ำ ฟังกูนะเทม ไปร้านไอติมก็ได้กินแค่ไอติม ไปคาราโอเกะเล่นโบว์ลิ่ง ได้ทั้งส่องสาว เอ้ย ได้ทั้งกินเค้กแล้วก็เล่นเกมด้วยนะ" ผมส่งสายตาอำมหิตไปให้ไอ้เต้ มันกล้าดียังไงมาชวนเทมไปส่องสาวต่อหน้าต่อตาผม ผมกำลังจะเอื้อมมือไปกระชากคอเสื้อมัน แต่เทมที่หันมาถามผมก่อนก็ทำเอาชะงัก

          "โบว์ลิ่ง? โบว์ลิ่งคืออะไรเหรอครับหมูหย็อง อร่อยไหม"

          "เป็นเกมกีฬาที่เราโยนลูกกลมๆ ให้ชนเป้าหมายให้ล้มให้หมดน่ะครับเทม"

          "น่าสนุกจังเลย ขนมที่น้ำบอกก็น่าอร่อย หมูหย็องไปได้ไหมครับ ไปได้ไหม?"


กับดวงตาสีน้ำตาลคู่งามที่ผมแพ้ทางตลอดมา จะไปเหลืออะไรให้บอกว่าไม่ได้กันล่ะครับ ผมส่งสายตาอาฆาตแค้นไปให้ไอ้เต้กับไอ้น้ำ ที่ทำท่าตบมือตบไม้กันสองคนด้านหลัง


          "น่าๆ นานๆที มึงสองคนแม่งไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนหลังเลิกเรียนกับพวกกูเลยนะเว้ย นานๆทีน่า เดี๋ยวเทมก็เรียนพิเศษแล้ว ทีนี้ก็ต้องรอจนถึงเสาร์อาทิตย์กว่าจะได้ไปเที่ยวกัน แถมมึงก็ชอบไม่ว่างเสาร์อาทิตย์อีก"

          "ใช่เลย พวกกูเหงามากกกกกกกกก เที่ยวสองคนจะไปสนุกอะไรวะ ต้องไปเป็นกลุ่มดิ"


ทำมาพูดดี แค่มองดูงูบนหัวพวกมันก็รู้แล้วครับ เยอะจนจะเป็นเมดูซ่าอยู่แล้ว ผมรู้เจตนาของพวกมันหรอก ก็คงจะไม่แคล้วเอาพวกผมไปล่อสาวๆให้ติดกับล่ะสิท่า แม้ใจจริงอยากหันหลังไปเรียกแท็กซี่ พาเทมหนีไป
          แต่เทมที่ดูตื่นเต้นกับสิ่งที่ไม่รู้จัก... ผมได้แต่กัดฟัน


          "คาราโอเกะห้องส่วนตัวนะครับ ห้ามพาใครเข้ามาเด็ดขาด แล้วก็ห้ามพาผู้หญิงเข้ามาใกล้ในระยะสองเมตรด้วย ห้ามเด็ดขาด ถ้ามีอะไรไม่ดี ผมจะพาเทมกลับทันที" ผมรีบบอกข้อตกลง

          พวกมันทำท่าตะเบ๊ะล้อเลียนตอบรับ เหมือนทหารรับคำสั่งด้วยสีหน้าอารมณ์ดี

          "จัดไปอย่าให้เสียครับท่านหมู เฮ้ย นั่นๆๆ ลุงชื่นมาพอดี ขึ้นรถๆๆ" พวกมันผลักผมสองคนให้รีบไปขึ้นรถ ด้วยท่าทางเริงร่าที่น่าผลักให้รถชนให้ตาย ผมถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวันด้วยความเบื่อหน่าย ถ้ารู้แบบนี้ ออกทางประตูหลังดีกว่าครับ...เฮ้อ



          ใช้เวลาไม่นานสมกับความเป็นมืออาชีพของลุงชื่น ก็ฝ่ารถติดพาพวกผมมาถึงห้างแห่งหนึ่ง พวกเราตรงดิ่งขึ้นมาชั้นบนสุด ไอ้เต้เดินไปที่เคาน์เตอร์ จับจองห้องคาราโอเกะด้วยเวลาถึงสี่ชั่วโมง ผมถลึงตาใส่พวกมัน นี่กะจะร้องให้เส้นเสียงพังเลยหรือยังไงกันครับ จองบ้าอะไรตั้งสี่ชั่วโมง


          "ผมอยู่แค่สองชั่วโมงนะครับ มีงานต้องทำอีก"

          "เออออออ เอาน่า ที่เหลือพวกกูอยู่ต่อไง"

          "แล้วก็ขอเหมาโบว์ลิ่งเป็นชั่วโมงนะครับ ไม่เอาเป็นเกมส์ สี่ชั่วโมงสี่คนครับ"

          "ก็บอกว่าพวกผมอยู่แค่สอง" ไอ้พวกนี้นี่ชอบมัดมือชกครับ นิสัยแย่จริงๆ

          "ให้ไอ้เต้จองไปก่อน ไม่เป็นไรหรอก เผื่อมึงติดลม"

          "ได้ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ นี่ใบเสร็จ อุปกรณ์เตรียมไว้ให้ในห้องแล้วนะคะ ขอบคุณที่ใช้บริการค่า"


     

ห้องคาราโอเกะส่วนตัวเป็นแบบกระจกใสที่มีม่านเปิดปิดความเป็นส่วนตัวได้ หากไม่ปิดจะสามารถมองเห็นข้างนอกได้ชัดแจ๋ว และคนข้างนอกก็สามารถมองเห็นพวกเราได้เช่นกัน ถัดออกไปก็เป็นลานโบว์ลิ่งมีเกือบยี่สิบเลนให้เลือกเล่น มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นเยอะมากกว่าที่ผมคิด ดูท่าที่นี่คงจะเป็นที่นิยมไม่น้อย

          "วันนี้ก็งานดีอีกแล้วจ้าาาาา แน่นๆทั้งนั้น"

          "อูย คนผมสั้นคนนั้นกูจอง!"

          "เฮ้ยๆๆๆ มึงดูข้างห้องเราๆ ไอ้เหี้ยยยยยยๆๆ โคตรแหล่มอ่ะ มาเป็นกลุ่มด้วยเว้ย อือหือ สั้นได้อีก"



          ด้วยความเป็นกระจกใส ทำให้เห็นห้องข้างๆกันได้ชัดเจน ห้องข้างๆเป็นพวกพี่สาววัยมหาลัย ที่กำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนานกันอยู่ ผมแทบจะพาเทมหันหลังกลับ แต่ก็ติดที่คนข้างตัวตื่นเต้นกับป้ายโฆษณาของหวานจนเดินนำไปเสียแล้ว ผมเลือกที่นั่งที่หันหลังให้กลุ่มสาวๆข้างห้อง ที่ดูสนใจชี้ไม้ชี้มือมาทางพวกผม ไอ้สองคนที่มีงูบนหัวระริกระรี้ นอกจากงูจะส่ายไปมา หางก็กระดิก โบกไม้โบกมือให้สาวๆ พวกเธอดูชอบใจ กรี๊ดกันไม่หยุด


          ถ้าไม่มองด้วยอคติ ไอ้คู่แฝดนรกก็จัดได้ว่าหล่อครับ โดยเฉพาะไอ้เต้ที่หล่อแบบร้ายๆ ส่วนไอ้เตี้ยน้ำก็หล่อน่ารัก แต่สำหรับผมที่มีแต่ความอคติ จึงรู้สึกว่าพวกมันหน้าตาน่าเกลียดมาก ยิ่งตอนนี้อารามหงุดหงิด หนังหน้าของพวกมันใกล้เคียงตัวที่ชอบลากไก่ไปกินในน้ำในสายตาของผม



หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 25 * 7/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 07-10-2018 20:36:37

นั่งกันสักพักก็มีคนมารับออเดอร์อาหาร


          "เทมสั่งขนมได้เลยไหมๆ เทมเอาอันนี้ครับ แล้วก็อันนี้ หมูหย็องทาน เอ้ย ดื่มอะไรดีครับ เมื่อกี้เทมเจอกาแฟด้วย แต่ว่า แต่ว่าถ้าดื่มกาแฟตอนเย็นจะนอนไม่หลับใช่ไหม งั้นเอาเป็นน้ำผลไม้ปั่นไหมครับ"

          "เอากาแฟก็ได้ครับ คืนนี้หมูต้องอยู่ดึก"

          "โอเคครับ แล้วก็กาแฟเย็นของหมูหย็อง ไม่ใส่น้ำเชื่อม ไม่ใส่นมด้วยครับ หนึ่งแก้วของหมูหย็อง"

          ผมยิ้มให้คนที่สั่งของที่ผมชอบให้อย่างรู้ใจ ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟผมก็พาเด็กน้อยของผมออกมาลองเล่น ปล่อยให้ไอ้เต้กับไอ้น้ำดี๊ด๊าไปกับสาวๆข้างห้อง


          ก่อนเริ่มเกม ผมก็อธิบายวิธีการเล่น กฎกติกาต่างๆให้เทมฟัง เทมปุระดูตื่นเต้นมากกับเจ้าลูกกลมๆหลากสีสัน


          "เหมือนหมากฝรั่งเลย หมูหย็องดูสิ ดูสิ เทมจะอ้ำๆให้ดู" เทมทำท่าจะกัดเจ้าลูกโบว์ลิ่ง ผมต้องรีบห้ามเพราะมันสกปรก เทมดูอารมณ์ดีมาก เขาไม่ค่อยได้ไปเล่นที่ไหนนักครับ เห็นแบบนี้แล้ว วันหลังนอกจากพาไปทานของอร่อย คงจะต้องมองหากิจกรรมแปลกๆให้เขาทำมั่งแล้วล่ะครับ

          "เทมต้องโยนให้ลูกนี้ ชนตรงนู่นล้มให้หมดใช่ไหมครับ"

          "คร่าวๆก็ใช่ครับ อยากให้หมูเล่นให้ดูก่อนไหม"


ผมอธิบายไป ก็พับแขนเสื้อของเทมขึ้นให้ไป จะได้ไม่เกะกะ พอเทมปุระเห็นผมทำ เขาก็ร้องขออยากทำให้ผมด้วย

          "ขอบคุณครับ เทมทำให้หมูหย็องด้วยนะ เทมทำให้เองครับ ม้วนๆๆๆ" มือใหญ่พับแขนเสื้อผมขึ้นให้อย่างทุลักทุเล แต่ก็ตั้งใจ ใช้เวลานานกว่าที่ผมทำมาก แต่เขาก็พับให้ผมจนเสร็จ ผมพูดขอบคุณเขา แล้วก็เลือกเจ้าลูกกลมๆมาหนึ่งลูก อืม...จริงๆแล้วผมรู้แค่ภาคทฤษฎีนะครับ ยังไม่เคยเล่นจริงๆเหมือนกัน อดตื่นเต้นนิดหน่อยไม่ได้ ยิ่งได้ยินเสียงเชียร์จากเทมปุระข้างหลังด้วยแล้ว ก็อยากจะโชว์มุมเท่ๆ ของตัวเองให้เขาได้เห็น

          "หมูหย็องสู้ๆ หมูหย็องสู้ๆ"



ผมตั้งสมาธิ มองคนอื่นเล่นเป็นแนวทาง กะระยะห่างและคำนวณน้ำหนัก กะความแรงที่ใส่ลงไป ทั้งท่าท่างและสีหน้า เหมือนกับมืออาชีพมาลงสนามเองอย่างไรอย่างนั้น ผมโยนลูกโบว์ลิ่งออกไป เจ้าลูกสีน้ำเงินกลิ้งด้วยความเร็ว

         
          และมันก็สำเร็จ....

          ซะที่ไหนล่ะครับ.....ล้างท่อไปเรียบร้อย.....


อย่าว่าแต่จะชน เจ้าลูกโบว์ลิ่งไม่รักดีดันเบนออกนอกเส้นทางตรงกลาง ไปตกอีกฟากของอีกเลน ผมใส่แรงมากเกินไป จนมันกระดอนไปลู่ของคนอื่น คนที่เล่นลู่ข้างๆถึงกับงุนงง ว่ามาได้ยังไง ผมขอโทษคนเล่นลู่ข้างๆแทบไม่ทัน

          อา ขายหน้าชะมัด ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไม่เท่เลยสักนิดเดียว

          "หมูหย็องสุดยอดเลย ไม่โดนเลยสักอัน! เก่งสุดยอดไปเลย!"

มันไม่ได้เรียกว่าสุดยอดนะครับเทม อา ให้ตายเถอะ ผมอายจนน้ำตาแทบจะไหลอยู่แล้ว

          "เทมลองบ้าง เทมลองบ้าง เทมลองบ้างครับ!"


ผมที่เก็บหน้าที่แตกละเอียดของตัวเองขึ้นมาแล้วสวมหน้ากากนิ่ง แม้มันจะเป็นหน้ากากที่ออกจะแดงไปสักเล็กน้อยก็ตาม เทมเดินมาหาผม เขาเลือกหยิบลูกโบว์ลิ่งสีฟ้า ซึ่งเป็นสีโปรด ผมอธิบายกฎให้เขาฟังอีกรอบ

          "เอ่อ เทมครับ จริงๆแล้วมันต้องโยนให้โดนให้ล้มนะครับ" ผมอธิบายเสียงแผ่ว หน้ายังคงแดงจัด

          "อ้าว เหรอครับ ไม่เป็นไรนะหมูหย็อง หมูหย็องเล่นครั้งแรกใช่ไหมครับ เรามาสู้ๆด้วยกันนะ หมูหย็องสอนเทมจับหน่อยนะครับ เทมทำไม่เป็นเลย" รอยยิ้มสดใสช่วยเติมเต็มกำลังใจและความมั่นใจให้ผม ถึงผมจะโยนไม่ได้สักแต้ม แถมตั้งท่าเสียดิบดีแต่ดันคว้าน้ำเหลว แต่เทมก็ยังเชื่อใจให้ผมสอน




          ผมตั้งใจสอนการจับและทุกอย่างที่ผมรู้มาให้เขา พยายามถ่ายทอดทุกอย่างอย่างสุดความสามารถ จนเทมเตรียมพร้อมจะโยน ใบหน้าจริงจังหันมาขอกำลังใจกับผม ผมพยักหน้าให้เขา บอกเขาว่าสู้ๆ


          มือแกร่งโยนมันออกไป

          เจ้าลูกสีฟ้ากลิ้งออกไป

          กลิ้งออกไป

          ...ที่เลนคนข้างๆ

ไปล้างท่อของคนข้างๆอีกแล้วครับ...




เทมทำหน้าเหวอ หันมามองผมทั้งๆที่ค้างท่าโยนอยู่แบบนั้น...


"ท-เทม เทม ล-ล้างท่องะหมูหย็อง"


ผมมองภาพที่เขาแข็งค้างในท่าโยน แล้วค่อยๆหันหน้าตาเหวอๆ มาบอกผลลัพธ์ที่เห็นๆกันอยู่กับผม


"ฮ่าๆๆๆๆๆๆ" ผมระเบิดหัวเราะออกมากับการล้างท่อของเราสองคน แทบจะไม่รู้เลยว่าตัวเองหัวเราะได้เสียงดังขนาดนี้ เทมรีบขอโทษคนข้างๆแล้ววิ่งมาหาผม พอเขาเห็นผมหัวเราะไม่หยุด เขาก็หัวเราะไปกับผมด้วย


ผมหัวเราะอยู่นานจนน้ำตาเล็ด ข้างกันมีคนที่คอยอมยิ้มมองผมอยู่ตลอด


          "เล่นโบว์ลิ่งสนุกดีเนอะ"

          "หึหึหึ แต่ยังไม่ได้กันสักแต้มเลยนะครับ"

          "ไม่เป็นไรครับ เทมไม่อยากได้แต้ม อยากได้รอยยิ้มของหมูหย็องมากกว่า"


          ผมชะงัก แทบจะสับเปลี่ยนสวิตช์อารมณ์ของตัวเองไม่ทัน จู่ๆเขาก็มาทำให้เขินกันกะทันหันแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน ผมสำลักลมหายใจตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะแก้เก้อด้วยการชวนเขาไปโยนเจ้าลูกกลมๆอีกรอบ เทมอมยิ้มแล้วเดินตามผมมา พวกเราตั้งท่าจริงจัง แอบมองวิธีการเล่นของหลายคนแล้วเอามาใช้



 ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆกับการพยายามโยนเจ้าลูกหลากสีให้โดนเป้าหมายให้ล้ม


          "สุดยอดไปเลยว่ะ...สุดยอดในแบบหลายๆความหมาย..."

          "เออ เกิดมากูก็เพิ่งเคยเจอ...เหี้ย โคตรเทพอ่ะ ทำได้ไง"



เสียงที่คุ้นเคยของเพื่อนสนิทสองคนเดินเข้ามาหาพวกผม ผมกับเทมเพิ่งจะรู้ตัว ว่าด้านหลังมีคนมามุงดูอยู่มากมาย


         
          "น้อง น้องสุดยอดมากเลยอ่ะ พี่เกิดมาสามสิบกว่าปี เล่นโบว์ลิ่งมาเจ็ดปี ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน!"

          "เออ พี่ก็ไม่เคยเห็น น้องสองคนแม่งโคตรเทพอ่ะ"

          "ทำได้ไงวะ เล่นจริงจังขนาดนี้ แถมตั้งสองชั่วโมงแล้ว ยังเอาแต่ล้างท่อกันอยู่เลย!"

          "ไม่เฉียดสักนิด!"

          "ไม่ได้สักแต้ม!"

          "ไม่ชนล้มสักอัน แม่เจ้าโว้ยยยย"




          ผมที่ไม่รู้จะทำหน้ายังไงกับคำชมที่ไม่สมเป็นคำชมเหล่านี้ดี ได้แต่เดินไปจับข้อมือของเทมปุระ แล้วลากเขาหนีเข้าห้องคาราโอเกะไป อา...ให้ตายเถอะ ผมเล่นสนุกกับเทมเพลินไปเลย ไม่นึกเลยว่าจะมีคนมายืนชมการโยนโบว์ลิ่งล้างท่อของพวกผมเยอะขนาดนั้น ให้ตาย อายมากๆ ผมอายแทบอยากจะมุดดินหนีอยู่แล้ว!

          ....สาบาน ผมจะไม่มาเดินที่ห้างนี้อีกเลยครับ!...





ขนาดหลบหนีมาจากข้างนอกแล้ว ข้างในก็ยังหลบไม่พ้น เมื่อเจอแฝดนรกหัวเราะอัดหูอยู่แบบนี้


          "ฮ่าๆๆๆๆ ไอ้เหี้ยยยยยยยย กูโคตรจี้ หมูมึงแม่งทำได้ไงวะ โอ้ยยยย มึงล้างท่อเป็นชั่วโมงอ่ะ คือคิดว่าไม่ต้องให้แม่บ้านเขาทำความสะอาดเลยใช่ไหมวะ"

          "แล้วหน้าตามึงแม่งโคตรจริงจังอ่ะหมู ตอนโยน ฮ่าๆๆๆ"

          "เออ คือเทมนี่กูพอเข้าใจนะ แต่มึงอ่ะหมู หมูที่เทพทุกอย่าง เพอร์เฟคแมนทุกสิ่งอ่ะ ดิมิทรีแห่งสิงหสารสารทวิทยาอ่ะ กูนี่แดกน้ำอยู่ ตอนหันไปเห็น แดกน้ำอยู่น้ำแทบพุ่ง ก๊ากกก จีบสาวกันอยู่เพลินๆ หันไปอีกที พวกมึงแม่งกลายเป็นเทพล้างท่อไปแล้วซะงั้น กูก็ตกใจ ทำไมคนมุงกันเยอะ คู่หูเทพแห่งการล้างท่อถือกำเนิดขึ้นแล้วครับ ฮ่าๆๆๆๆ"

          ผมหน้าตึงใส่พวกมัน นึกอยากจะลุกไปตบหัวเรียงคน

          "เทมว่าสนุกมากเลยนะครับ วันหลังมาเล่นกันอีกนะ" เทมที่ยังอารมณ์ดี หันมายิ้มตาหยีให้ผม

          "ฮ่าๆๆ ยังจะมาล้างท่อกันอีกเหรอวะ พอแล้วๆ สะอาดไปถึงปีหน้าแล้วมึง"


ผมทำท่าจะหยิบแก้วน้ำปาใส่หัวพวกมัน ถึงได้สงบกันลงบ้าง แม้ท่าทางจะพยายามกลั้นหัวเราะกันเต็มที่ก็ตามทีเถอะ ไอ้เต้หัวเราะในลำคอหึๆ ก่อนจะปรานีช่วยเปลี่ยนเรื่อง


          "เออๆ ฮ่าๆ อุ้บ มาๆ งั้นมาร้องเพลง แล้วค่อยกลับแล้วกัน"

          "เออๆ หึๆๆ มาๆ พวกมึงเลือกเพลงดิ นี่พวกกูก็เพิ่งร้องได้ไม่กี่เพลง"

          "เอาแต่หัวงูจะได้ร้องอะไรล่ะครับเพลงน่ะ"

          "เอ้า ไม่ให้หัวงูจะให้ไปล้างท่อเหรอวะ"

          "ฮ่าๆๆๆๆ เชี้ยเต้ เอาไปสิบคะแนน!"

          "ถ้าไม่ร้องงั้นผมกับเทมกลับแล้วนะครับ"

          "ฮ่าๆๆ โหยยย นานๆให้กูล้อบ้างดิ นานๆจะเจอมุมเหมือนมนุษย์ของมึงอ่ะ"

          "ผมก็เป็นคนนะครับ"

          "เออน่ะ เห็นเพื่อนเก่งไปหมดมันก็น่าภูมิใจอยู่หรอก แต่นานๆทีมีไม่เก่งบ้างก็ดีไม่ใช่หรือไง"



          ผมเงียบ นิ่งคิดไปนิดหน่อย มองหน้าเทมปุระ เด็กน้อยที่ต่อให้เขาเห็นผมเล่นผิดพลาดไปเป็นชั่วโมงก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังพยายามเชียร์อยู่ตลอดเวลา เราสลับกันเชียร์สลับกันเล่น แม้จะไม่ได้สักคะแนน แต่แต้มของความสุขกลับได้รับมามากมายจนเต็มหลอด บางทีความผิดพลาดก็ไม่ใช่ความผิดพลาด การไม่เก่งอะไรสักอย่างก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ผมยิ้ม

          "นานๆที...ก็ไม่เลวนะครับ"



          ผมคิดว่านานๆทีนี่ ไม่นับต้องมานั่งฟังพวกมันร้องเพลงนะครับ ถ้านักร้องเจ้าของเพลงมาได้ยินเพลงของตัวเองตอนนี้เข้า คงจะต้องร้องไห้แน่ๆ ไม่ใช่ว่าเสียงไม่เพราะนะครับ แต่มันเล่นแปลงเพลงพวกเขาซะเสียหาย เนื้อเพลงสละสลวย กลายเป็นอะไรที่ต้องแปะป้ายเตือน อายุต่ำกว่าสิบแปดต้องใช้วิจารณญาณในการฟัง พวกมันร้องได้ไม่ถึงสองนาที ผมต้องรีบเอามือปิดหูเทมปุระ ไม่ให้แปดเปื้อนเพราะมลภาวะทางดนตรีอันเถื่อนถ่อย

          "หยุดร้อง เลือกเพลงให้มันดีๆหน่อย เทมก็อยู่"

          "เออว่ะ คึกไปหน่อย โทษๆ" พอเห็นพวกมันกลับมาร้องดีๆ ผมก็ค่อยๆคลายมือออก เทมหันมามองอย่างสงสัย พอเห็นผมยิ้มส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร ก็กลับไปทานขนมต่อ พวกมันแหกปากร้องกันอยู่นานจนพอใจ ถึงยอมวางไมค์หันมาถามผม ผมไม่ชอบร้องเพลงครับ ส่วนเทม...

          "เทมร้องไหม เดี๋ยวเลือกเพลงง่ายๆให้"

          "แต่เทม เทม เทมร้องเพลงไม่เก่ง"



          การร้องเพลงเป็นเรื่องยากมากสำหรับเทมครับ ฮึมฮัมทำนองในลำคอยังพอได้ แต่การร้องนั้นเป็นคนละเรื่อง เหมือนเขาจับจังหวะไม่ถูก ร้องคร่อมจังหวะไปมา ตามเนื้อเพลงไม่ทัน แถมพอตื่นเต้นก็จะพูดจาติดอ่าง การร้องเพลงเลยเป็นอะไรที่ยากมากสำหรับเจ้าตัว


          "ไม่ต้องร้องเก่งหรอก ร้องเอาสะใจเว้ย ร้องมะ อะๆๆ นี่เพลง เพลงนี้เพลงช้าสุดแล้ว มึงน่าจะร้องได้"


          เทมปุระรับไมค์มาอย่างกล้าๆกลัวๆ เพลงที่น้ำเลือกให้ เป็นเพลงประกอบภาพยนต์เก่าเรื่องดัง ที่คุ้นหูกันหลายคน เป็นเพลงช้าซึ้งกินใจ อย่างเพลง ได้พบเธอ ของ PCHY

          เสียงดนตรีดังขึ้นเป็นจังหวะแสนไพเราะ เทมที่กำไมค์แน่น หันหน้ามาสบตากับผม มองได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็ก้มหน้างุด หลับตาปี๋สลับกับมองเนื้อร้อง ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงระเรื่อ และแดงยิ่งขึ้นจนลามไปถึงใบหู


"ห-ห หากลมพัด ไม่ปลิวปลิดใบไม้ไหว เธอ-เธอนั้นเพียงเดินผ่านไป อาจเป็นเสี้ยวนาทีที่ ฉันและเธอคลาดกัน...กัน"
"หากดอกไม้ ผลิ-ผลิบานอย่างไร้สีสัน ไม่งดงามพอให้ฉัน หยุดและพบเธอในตอนนั้น วันนี้จะเป็นอย่างไร..."



          เสียงร้องเพลงตะกุกตะกัก ไม่ขึ้นกับจังหวะเพลง เหมือนแค่เขาท่องคำกลอนแสนแข็งทื่อ แต่สำหรับผม มันเป็นบทเพลงที่เพราะที่สุด ไม่ว่าจะวงดนตรีใด ไม่ว่าจะนักร้องที่มีพรสวรรค์คนไหน ก็ไม่อาจจะร้องเพลงได้เพราะเท่าเขาอีกแล้ว


          ช่วงเวลาที่เหมือนหยุดเดิน ความวุ่นวายของลานโบว์ลิ่งดูนิ่งเงียบลง ผมอยากจะฟังเขาร้องไปอีกนานๆ นึกอยากให้บทเพลงยาวนานไปถึงนิจนิรันดร์


          แต่เทมปุระก็เขินอายมากกว่าจะร้องได้จนจบบทเพลง เจ้าตัวส่งไมค์คืนน้ำที่ยิ้มกริ่ม เทมปุระที่ไม่กล้าสบตากับใครก็เข้ามาแอบซุกใบหน้าไว้กับไหล่ของผม พอผมจะจับเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นสบกันก็ไม่ยอม เขินผมแต่ก็มาซุกแอบกับผม เป็นเจ้าก้อนที่รวบรวมความน่ารักทั้งโลกมาไว้ด้วยกันหรือยังไงนะ


          "เทม เทมก้อ-ก็บอกแล้ว ว่าเทมร้องไม่เพราะ เพราะ" เทมพูดอู้อี้กับบ่าของผม ท่าทางน่าเอ็นดูจนผมอดจะลูบหัวเขาไปมาไม่ได้ เทมส่งเสียงครางฮือ

          "ไม่จริงเลยครับ เพราะมาก เทมร้องเพลงได้เพราะมากๆเลย เพราะที่สุด หมูชอบมากเลยนะครับ"

ลูกตาใสหนึ่งคู่ยอมเผยออกจากเกาะกำบัง ออกมาให้ผมเห็นเพียงนิด แต่ส่วนอื่นของใบหน้ายังคงแอบซ่อนเอาไว้ แต่ส่วนหนึ่งที่ซ่อนไว้ไม่มิด คือใบหูสีชมพูเข้มดูน่ากัด

          "จริงๆเหรอครับ หมูหย็องชอบเหรอ แต่มันไม่เพราะเลยนะ"

          "เพราะมากครับ หมูชอบมากๆ" ผมยิ้มอ่อนโยนและส่งสายตาแสดงความจริงจังเพื่อยืนยัน ว่าผมชอบที่เขาร้องมากแค่ไหน


          เทมยอมลุกขึ้นมานั่งดีๆ เขาอมยิ้มจนแก้มตุ่ย ใบหน้ายังคงขึ้นสีระเรื่อและดูขึ้นสีมากกว่าเดิมกับคำชมของผม
ผมอยากพาเขากลับบ้านแล้วจับฟัดจนแก้มนั่นบวมเป่งไปเลยจังครับ ผมจ้องหน้าเขาอยู่นาน


          "แฮะๆ หมูหย็องชอบเพลงที่เทมร้องด้วย"

          "มันก็ชอบหมดแหละ ขอแค่เป็นมึงอ่ะ" ไอ้เต้กรอกตาไปมาใส่เทม

          "หมู มึงใจเอาๆ เอ้ย เย็นๆนะเพื่อน จะมาจ้องแบบอยากกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว ไม่เหลือไว้ให้ใครได้กลิ่นโจ่งแจ้งขนาดนี้ไม่ได้ โอ้ยยย สยองขวัญกับสายตามึงเหลือเกิน"

          "ทำไมกูรู้สึกเหมือนลูกสาวกำลังจะถูกปีศาจล่อลวงวะ โอ้ย ใจแม่ เทมออกมาห่างๆมันนน"


          ไอ้น้ำวุ่นวายมาดึงเทมออกห่างจากผม ไอ้เต้ก็เอามือจุ่มน้ำสะบัดใส่ผมต่างน้ำมนต์ นี่ผมควรจะทำเป็นปวดแสบปวดร้อน ร้องโหยหวนให้พวกมันไหมครับ ให้ตายเถอะ บรรยากาศดีๆพังพินาศเพราะไอ้สองคนนี้จริงๆ เฮ้อ






          พวกผมกลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อนแต่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข บนโต๊ะอาหาร เทมเล่าเรื่องราววันนี้ให้คุณป้าฟังอย่างสนุกสนาน


          "แล้ว แล้วเทมก็โยนล้างท่อไปเป็นชั่วโมงเลยครับ กลายเป็นเทพล้างท่อกับหมูหย็องล่ะ"

          "อุ้ย ตายจริง ฮ่าๆ เสียดายจังเลยค่ะ ไม่มีรูปถ่าย แม่อยากเห็นทั้งสองคนเล่นจังเลย"

          "วันหลัง วันหลัง คุณแม่ไปเล่นกับเทมกับหมูหย็องนะครับ เดี๋ยวเทมสอนนะ"

            ....สอนคุณแม่ล้างท่ออีกคนเหรอครับเทมปุระ...

          ผมยิ้มมุมปาก มองเด็กน้อยพูดคุยอย่างออกรสไม่ยอมหยุด คุณป้าหันมายิ้มอ่อนโยนให้ผมสองคน


          "ดีจังเลยค่ะ ไว้วันหลังพวกเราไปเล่นด้วยกันนะคะ เอ้า นี่ค่ะ อย่ามัวแต่พูดจนลืมทานข้าวนะ น้องเทมทานผักเยอะๆนะคะลูก น้องหมูหย็องก็ทานเยอะๆหน่อยนะคะ ไม่งั้นจะไม่โตนะ" คุณป้าตักอาหารน่าทานบนโต๊ะสารพัดอย่างใส่จานของผม ชอบคะยั้นคะยอให้ผมทานมากๆมาแต่ไหนแต่ไร วันนี้เมนูอาหารก็เป็นของโปรดของผมกับเทมอย่างละครึ่งเลยครับ ผมยิ้มขอบคุณ ก่อนจะตักแกงเขียวหวานไปใส่จานของท่านบ้าง


          "ใช่ๆๆๆๆ หมูหย็องต้องทานเยอะๆๆๆๆเลยนะ เทมช่วยตักๆๆ ตักให้คุณแม่ด้วย คุณแม่จะได้ตัวโตๆๆๆ"

          "จะให้คุณแม่ตัวโตกว่านี้อีกเหรอคะ" คุณป้าทำตาโตใส่ลูกชายตัวเอง

          "เอาให้ตัวโตเท่าตึกนี้เลย คุณแม่จะได้เป็นหุ่นยนต์แปลงร่างได้ ไว้ต่อสู้กับพวกเหล่าร้ายนะครับ"

          "เอางั้นเหรอครับ งั้นก็ได้เลยครับ คุณแม่จะทานเยอะๆนะคะ จะได้เป็นหุ่นยนต์แล้วมาปกป้องน้องเทมกับน้องหมูหย็องเอง แบบนี้ดีไหมคะ เพราะงั้นน้องเทมก็ทานผักเยอะๆด้วยนะครับ จะได้มาช่วยคุณแม่สู้เหล่าร้าย เอ้า นี่ค่ะ"

          "เทม...เทมเป็นตัวร้ายก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องทานผัก"

ผมกับคุณป้ามองหน้ากัน แล้วหัวเราะให้กับคนที่ยอมแปรพักตร์เพราะผักสีเขียวชิ้นเล็กๆในจาน





          "อย่าลืมเอากระเป๋าไปนะคะ" คุณป้าออกมาส่งพวกผมหน้าห้อง พร้อมกระเป๋านักเรียนสองใบ เทมวิ่งเข้ามากอดแล้วหอมแก้มคุณแม่สองข้าง แล้วทำแก้มป่องให้คุณแม่หอมแก้มกลับคืน

          "คุณแม่ล็อกประตูดีๆนะครับ ถ้ามีคนแปลกหน้ามาเคาะห้อง ต้องห้ามเปิดนะครับ ถ้ามีอะไรโทรหาเทม อะ...เทมไม่มีโทรศัพท์ งั้นโทรหาหมูหย็องนะครับ เทมจะรีบวิ่งๆๆๆมาหาเลย" เทมปุระทำหน้าจริงจังบอกคุณแม่ของตัวเอง

          "ได้เลยครับผม คุณแม่จะล็อกห้องดีๆนะคะ ทั้งสองคนอย่านอนดึกมากนะ เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย น้องเทมฝันดีนะครับลูก เข้าห้องน้ำก่อนนอนด้วยนะครับ รู้ไหม"

          "ได้ๆๆๆเลยครับ คุณแม่ก็นอนหลับฝันดีนะครับ ห่มผ้าห่มด้วยนะ" เทมทำท่าเป็นห่วงผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้า
คุณป้าลูบหัวลูกชายที่ตัวสูงกว่าตัวเองมากด้วยแววตาอ่อนโยน ท่านกอดเทมแน่นๆอีกครั้งแล้วผละออก มากอดผมอีกคน

          "น้องหมูหย็องก็นอนหลับฝันดีนะครับ"

          "ฝันดีนะครับคุณป้า"


พวกผมเดินออกมาจากตึก ผมจูงมือเทมปุระข้ามถนน เด็กน้อยหาวหวอด ดูท่าวันนี้คงจะเล่นสนุกเกินไปจนเหนื่อยล้าน่าดู เทมดูสะลึมสะลือจนถึงห้อง ช่วงเวลาที่ผมอาบน้ำเสร็จ
            ออกมาก็เจอร่างสูงนอนเหยียดยาวหลับปุ๋ยไปเสียแล้ว


          ผมอมยิ้มให้ภาพนั้น ก่อนจะจับเขาถอดเสื้อนักเรียน ปลดกางเกงออก จัดท่าทางให้นอนสบายแล้วห่มผ้าให้เขา เคลื่อนมือไปสางผมนิ่มแผ่วเบา เฝ้ามองเขานอนหลับอยู่นานจนพอใจ สีหน้าเป็นสุขยามหลับของคนรักทำเอาผมอดใจไม่อยู่ ต้องประทับจูบลงบนหน้าผากอุ่น ลากมาถึงสันกรามและแก้มนุ่ม กระซิบเสียงเบาให้ไม่รบกวนองค์ชายน้อยที่กำลังนิทรา


          "ฝันดีนะครับเทมปุระ"


          แพขนตาสั่นไหวคล้ายคำตอบรับ นั่งมองเขาเป็นกำลังใจให้ตัวเองอีกสักพัก
ก่อนจะเริ่มไปเคลียร์งานเอกสารของตัวเอง



          เอาล่ะครับ ค่ำคืนนี้สำหรับผมยังอีกยาวไกล

     















end 25 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง
ขอบคุณพี่ Meen2495 ที่ช่วยแก้คำผิดด้วยค่า >v<




         

         





หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 25 * 7/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 08-10-2018 08:20:16
ไม่อยากบอกพี่หมูเลยว่า ... เด็ดดอกไม้อะ มันสะเทือนถึงดวงดาวนะคะพี่หมู
ดังนั้น พี่หมูก็ต้องยอมรับความเสี่ยงในการจับฉลากแหละ
สิบสีนะพี่หมู สิบสีเลยยยยยย

แต่เอ๊ะ หรือว่าพี่หมูจะแอบมี "เส้นสาย" ซุกซ่อนอยู่อีกน้าาาาาา
ได้ข่าวว่าเจ้าของโรงเรียนนี้ ... ใครน้าาาา ใครนะพี่หมู? อิอิ

ส่วนน้องเทม ฮาเลยลูก
พี่หมูกวาดล้างท่อจนน้องเทมเองก็ไหลลื่นกริ๊บ ๆ
น้องเทมยังชื่นชม ...
อยากรู้จริง เทมโดนพี่หมูแอบป้ายน้ำมันพรายป่ะ?

แต่เหนืออื่นใด น้องสุข คนอ่านก็สุขด้วยแล้ว
ขอให้พ้นเคราะห์พ้นโศกและได้ขนมปี๊บหลาย ๆ ถังนะคะเทม

ป.ล. ชอบกีฬา "ปิ้งแดด" ของเทมมากด้วยลูก
เห็นภาพ "หมูปิ้งแดด" ในอนาคตอันใกล้นี่เลย  o18
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 26 * 8/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 08-10-2018 19:08:04





26





          กว่าผมจะได้พาตัวเองมาซุกอกอุ่นที่นอนเย้ายวนอยู่บนเตียงก็ปาเข้าไปตอนตีสองกว่าๆ งานที่รวบรวมมา กำหนดส่งมันสิ้นสัปดาห์ทั้งนั้น เวลาอีกแค่สองวัน ถ้าผมไม่ทำให้เสร็จในคืนเดียว น่ากลัวว่าพองานใหม่มา ผมคงจะไม่ได้นอนอีกเลยทั้งอาทิตย์
 
          แล้วมันก็ไม่ใช่งานง่ายๆ ที่แค่เพียงอ่านจบ เซ็นอนุมัติ แล้วก็เสร็จ งานที่ทุกคนทำยังขาดรายละเอียดและความเป็นไปได้ในความเป็นจริงเยอะมากครับ หลายไอเดียเป็นได้แค่ขยะไร้สาระ กว่าผมจะคัดเลือกอะไรที่ใช้ได้จริง กว่าจะแก้ไขรายละเอียด เรียบเรียง ไหนจะต้องกระจายงานออกไปให้คนอื่นทำต่ออีก การเลือกคนให้ทำงานที่เหมาะสม ก็ถือว่าเป็นเรื่องชวนหน่ายใจ คุณต้องดูความสามารถของคนที่มอบให้ด้วยว่าใช้งานได้หรือไม่
 
          'แค่ดูภาพรวม' อะไรกัน
          เปียโกหกชัดๆ เธอนั่นแหละที่เป็นปีศาจ



          ผมใช้ปลายจมูกจรดที่แก้มของคนที่ยังคงนอนหลับ ไล่เรื่อยเพลิดเพลินไปทั่วใบหน้าและลำคอ สูดกลิ่นกรุ่นกายของคนรักรับอรุณ ผมต้องใช้พลังใจเยอะมากนะครับ จะแปลกอะไรถ้าผมต้องการกำลังใจเยอะมากเสียหน่อย แถมเทมปุระก็เป็นแบตสำรองกำลังใจชั้นดี เป็นแท่นชาร์จที่นอนนิ่งให้ผมทำอะไรตามใจชอบยามรุ่งสาง


          สองชั่วโมงโดยประมาณคือระยะเวลาที่ผมหลับพักผ่อนไป แม้จะอยากนอนนานมากกว่านั้น แต่ร่างกายที่ไม่จำเป็นต้องใช้นาฬิกาปลุกนี้ ก็จะตื่นเวลาเดิมทุกวันจนเป็นกิจวัตร ผมแอบฟัดคนที่กอดก่ายผมเป็นหมอนข้างต่ออีกนิดหน่อย ก่อนจะลุกจากเตียงเพื่อไปออกกำลังกายยามเช้า ผมเปลี่ยนจากชุดนอนเป็นชุดวอร์มสีเทาเข้ม เงยหน้ามองนาฬิกาเล็กน้อย นาฬิกาบนผนังชี้บอกเวลาเป็นเวลาตีสี่ห้าสิบ


          ผมเดินไปคว้าไอแพด ก่อนจะวกกลับมาหาเด็กน้อยที่นอนหลับอุตุอีกครั้ง เจ้าแก้มนุ่มที่กำลังเกยหมอนสีฟ้าของเจ้าตัว ดูตัดกันคล้ายก้อนเมฆสีขาวนวลบนท้องฟ้าสีสันสดใส ภาพเขานอนหลับในความมืดที่มีแค่แสงอันน้อยนิด ดูเป็นภาพฝันละเมอแสนสวยงาม ...เห็นแล้วนึกอยากลองกัดชิมดูเสียหลายๆคำ


          ช่วงเวลาที่เทมหลับ คือช่วงเวลาหาผลกำไรของผม
          ฟันขาวขบเบาๆที่ปลายจมูก เทมปุระครางฮือขึ้นมาหลังถูกผมรังแก


          "ฮือ...มุ" เก่งจังเลยครับเทมปุระของหมู รู้ด้วยว่าหมูเป็นคนทำ ผมหัวเราะไร้เสียงให้กับคนที่โดนผมกวน เอาล่ะครับ ผมพอใจแล้ว ผมดึงผ้าห่มคลุมตัวเขาดีๆ ก่อนจะเดินถือไอแพดไปที่ห้องออกกำลังกาย




          ผมกดเจ้าแผ่นอิเล็กทรอนิกส์โทรหาอาจารย์ฝึกฝนของผมระหว่างที่ออกกำลังกายไปด้วย เป็นการประชุมสายกันระหว่างเทรนเนอร์และครูฝึกศิลปะป้องกันตัวที่อยู่คนละซีกโลก หน้าจอถูกแบ่งออกเป็นสี่ช่อง


          "ผมกำลังรอคุณอยู่เลยดิมิทรี คุณหายไปนานเลยนะ" สำเนียงแปร่งๆของอาจารย์เทรนเนอร์ชาวละตินของผมทักทายออกมา อาบิลิโอเป็นชายชาวละตินที่มีกล้ามเนื้อใหญ่โตกับผิวสีแทน มีชื่อเสียงเรื่องการฝึกร่างกาย เป็นเทรนเนอร์ที่ดังมากของอเมริกา ดาราดังหลายคนของฮอลลีวูดก็ล้วนจ่อคิวเข้าแถว เพื่อให้เขาเทรนให้

          "ส่วนผมไม่นึกอยากรอคุณเลย ให้ตายเถอะ ที่ไทยอาจจะเช้า แต่ที่นี่มันเวลาหลับเวลานอนแล้วนะ ยามค่ำคืนแบบนี้ ผมต้องออกไปเดทนะ คุณรู้ไหมชาโรนอฟน้อย" แฟรงค์กี้หรือแฟรงค์อาจารย์ศิลปะป้องกันตัวอีกคน ทำหน้าตาเบื่อหน่ายใส่ผม

          "งั้นคุณคงจะต้องไปคุยกับดาเลียแล้วล่ะแฟรงค์ ผมพร้อมจะไปนอนนะ ถ้าคุณโอเคกับการไปคุยกับคุณยายของผมน่ะ"

 ผมยิ้มเรียบๆ รับคำหยอกล้อของเขา ที่เขาบอกจะไปเดทนี่จะไปเดทกับเสือดาวหรือยังไงกัน ไม่ใช่ว่าเขาอยู่ที่แอฟริกาเพื่อไปทำภารกิจหรอกหรือ ครั้งล่าสุดที่ผมรู้น่ะนะ

          "พระเจ้า คุณมันเจ้าตัวร้าย เอาล่ะ วันนี้พวกเราจะเริ่มด้วยอะไรก่อนดี" เขาพึมพำ ดูเหงื่อตก เมื่อผมยกคุณยายขึ้นมาอ้าง กับคนนอก ดาเลียแอนไม่ใช่ผู้หญิงที่จะล้อเล่นกับคำสั่งได้เสมอ


          ผมยิ้มไร้อารมณ์ รอพวกเขาตกลงกันเรื่องบทเรียนวันนี้ของผม


          "เดี๋ยวนะ เฮ้ รอบนี้พวกคุณต้องให้ผมเป็นคนนำเขาออกกำลังกายนะ รอบก่อนอาบิโลโอเพิ่งจะให้เขายกดัมเบลยี่สิบกิโลสร้างกล้ามเนื้อส่วน biceps ไป ผมอยากลองขีดจำกัดของเขาว่าพัฒนาหรือยัง" เจคหรือเจคอปที่นั่งเงียบมาสักพัก รีบโวยวายแทรกขึ้นมา เขาเป็นนักโภชนาการและเป็นอาจารย์ทางภาคทฤษฎีเกี่ยวกับสรีระ

          "อย่ามาล้อกันเล่นน่า พวกคุณก็รู้วันนี้เขาต้องฝึกการใช้มีดกับผม เขาค้างบทนี้มานานแล้วนะ" คนมีเดทรีบแหวขัดขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบคร่ำครวญบอกต่อ
          "ผมมีเดทนะให้ตายเถอะ ให้ผมซ้อมเขาก่อนไม่ได้หรือยังไงกัน ขอแค่สามสิบนาทีน่า เดี๋ยวผมก็ต้องไปแล้ว"

          "เดทกับแรดขาวใส่ส้นสูงหรือแฟรงค์" อาบิลิโอเอ่ยแซวทหารหน่วยลับ แฟรงค์กี้ถลึงตาใส่

          "หรือคุณจะให้ผมพูดว่า โอ้ เฮ้ พวกคุณต้องให้ผมสอนเขาก่อนนะ เพราะผมมีงานต้องไปลอบฆ่าพวกลักลอบฆ่าสัตว์กับขนยาข้ามแดน ว้าว! เป็นเช้าที่โรแมนติกชะมัดสำหรับเด็กอายุสิบห้าที่ต้องมารับฟัง" แฟรงค์ช่างขี้ประชด  เขาทำปากเบะและต่อล้อต่อเถียงเพื่อขอยึดเวลายามเช้าของผม ให้เข้าสู่หลักสูตรฝึกการใช้มีดที่ผมค้างการเรียนเอาไว้เมื่อเดือนก่อน

          "ผมเสียใจที่จะบอกคุณแบบนี้นะแฟรงค์ แต่วันนี้ผมคงจะต้องขอผ่านเรื่องมีดนะครับ วันนี้ผมอยากฟื้นพวกกล้ามเนื้อมากกว่า ไม่ได้ออกอะไรหนักๆมาสักพักแล้ว"

          "วี้ดวิ้ว ~ ฉันชนะแหละพวก เอาล่ะ ไปวอร์มอัพสิบนาที แล้วเตรียมดัมเบลมาเลยเจ้าหนู!"  อาบิลิโอผิวปากใส่อีกสองคน แฟรงค์ดูไม่สบอารมณ์สบถไม่หยุด กับเจคที่ถอนหายใจ และเริ่มจดบันทึกการออกกำลังกายของผมเงียบๆ


          อาบิลิโอจัดให้หนักมากจริงๆครับ ผมเล่นเวทไปหลายเซ็ทและออกกำลังกายแบบ HIIT ไปหลายสิบนาที
ขนาดเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ที่สิบห้าองศา เหงื่อผมยังออกมากพอที่จะใช้ล้างหน้าแปรงฟันได้
ไม่ได้ออกกำลังมานานแล้วรู้สึกติดขัดไปมากพอดูเหมือนกันครับ ...ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะมันแท้ๆเลยเชียว ไอ้สารเลวนั้น

          "ทำหน้าตาน่ากลัวเชียวดิมิทรี ท่านี้ยากไปหรือยังไง"

          "ไม่ใช่หรอกครับ มีอะไรที่ผมต้องออกอีกไหม"

          "ใจเย็นเสือน้อย วันนี้พอแล้วล่ะ เล่นท้องก็พอแล้วสำหรับวันนี้ เป็นไงบ้างล่ะเจค"

          "อืม คุณห่างจากการออกกำลังไปสักพัก หลายๆอย่างผมว่ายังดูไม่กลับเข้าที่นะดิมิทรี รู้สึกกล้ามเนื้อคุณฟีบๆไปด้วย เปอร์เซ็นไขมันก็เพิ่มขึ้นเยอะนะ ยังไงเดี๋ยวผมส่งเมนูอาหารเข้าไปให้แม่บ้านของคุณจัดการให้แล้วกัน"

          "ผมไม่เอากล้ามโตเป็นปูนะครับ อย่าลืมล่ะ" ผมเอ่ยขัดนักกล้ามระดับโลกที่ผันตัวเป็นเทรนเนอร์กับนักโภชนาการ ที่กำลังคุยกันอย่างออกรสเรื่องสภาพร่างกายของผม

          "รู้แล้วน่า คนรักของนายไม่ชอบใช่ไหมล่ะ" เทมกลัวคนกล้ามโตตัวใหญ่ๆครับ ภาพความทรงจำตอนถูกลักพาตัวค่อนข้างฝังใจ ผมเลยทำได้แค่ให้มีกล้ามที่ออกไปทางกลางๆมากกว่าจะเน้นให้มันใหญ่โตไปเลย เสียดายนิดหน่อยเหมือนกัน ผมค่อนข้างชอบหุ่นแบบที่กล้ามโตๆ แต่ถ้ากล้ามโตแล้วเทมปุระไม่กอด ผมก็ไม่เอาหรอกครับ

          ผมพยักหน้าส่งๆให้อาบิลิโอและแฟรงค์ ที่พอผมพูดถึงคนรัก ก็เลิกบ่นแล้วมาเอ่ยแซวทันที

          "คนรักของนายนี่คนนั้นใช่ไหม ที่ชอบมานอนหลับอยู่บนเก้าอี้ม้านั่งนั่นน่ะ จี้ชะมัด นอนหลับน้ำลายไหลยืดเลยวันนั้น เขาดูเป็นเด็กมากเลยนะ ทั้งๆที่ตัวโตกว่านายแท้ๆ" แฟรงค์หมายถึงเทมนั่นแหละครับ แต่ก่อนที่มาค้างกับผม ในบางวันที่ผมลุกมาออกกำลังตอนเช้า เทมที่ตื่นมาเข้าห้องน้ำแล้วไม่เจอผม ก็จะมาหาที่ห้องฟิตเนสนี้ ก่อนจะลากหมอน ลากผ้าห่มมานอนเฝ้าผมออกกำลังกายไปด้วย ส่วนที่ประจำก็คือม้านั่งตัวยาวของผมที่เขาจะฟุบหลับตามที่แฟรงค์เอ่ยแซว
         
          "แล้ววันนี้เขาไม่มานอนเฝ้านายหรือยังไง"

          "เขาหลับอยู่ข้างบนครับ"

          "วันหลังให้เขามาฝึกกับนายสิ หุ่นเขาดีมากเลยนะ เป็นชาวเอเชียที่ฉันว่าหายากทีเดียว"

          "เออใช่ ไม่ให้เขามาฝึกบทเรียนกับนายบทต่อไปล่ะ ฉันได้ศิลปะป้องกันตัวแบบใหม่ของที่นี่ เด็ดน่าดู เล็งเส้นตาย ใส่แรงดีๆนี่น็อกได้เลยนะ ฉันว่านายต้องชอบ"


          ผมยิ้มเรียบ ก่อนจะตอบปฏิเสธไป
ถ้าเป็นการออกกำลังกายทั่วไป แน่นอนว่าผมต้องให้เทมออกเป็นประจำอยู่แล้ว เพื่อความแข็งแรงของร่างกาย


          แต่ฝึกเพื่อ...นี่มัน...ไม่มีทางครับ



          คิดภาพเทมที่แม้แต่คุณมดเจ้าตัวยังไม่กล้าบี้ ให้ฝึกไปก็คงจะไม่ได้ใช้ ถึงเทมจะไม่ใช่คนขี้ขลาดแม้เขาจะเป็นคนขี้กลัว ถ้ามีสิ่งให้ปกป้องเขาก็สามารถฮึดสู้ได้ แต่ในกรณีที่เขาอยู่ตัวคนเดียว เขาจะไม่ขัดขืนเลยครับ จะเข้าโหมดเด็กน้อยทันที ไม่นับถ้าเกิดเขาเผลอไปทำร้ายใครเข้า ความรู้สึกผิดจะกัดกินเขาอีก ความย้ำคิดย้ำทำของเทมปุระ ผมไม่ไว้ใจให้มีความคิดไม่ดีวนเวียนทำร้ายหัวใจของเขาเด็ดขาด


          ที่สำคัญ...ผมอยากเป็นคนปกป้องเขามากกว่า การได้ปกป้องดูแลเด็กน้อยของผมด้วยตัวเอง ทำให้ผมรู้สึกมีคุณค่าและมีความสุข ถ้าเทมแข็งแกร่งขึ้นมา แล้วผมจะเอาอะไรมาเป็นจุดมุ่งหมายกัน



ประตูห้องฟิตเนสถูกเปิดออก ร่างสูงเดินโซเซเข้ามา

          "อือ หมูหย็องครับ" เทมที่ดูยังไม่ตื่นดีเอาผ้าห่มคลุมตัวเดินมาหาผม อา คงจะตื่นมาแล้วหาผมไม่เจอสินะ เขาเดินมาฟุบกับบ่าของผม หัวทุยนั้นถูไถไปมาอย่างโหยหา

          "หาหมูหย็องไม่เจอครับ" เขาฟ้องผมด้วยน้ำเสียงงอแง คุณชายน้อยยามเพิ่งตื่นดูงัวเงียแสนเอาแต่ใจ

          "หมูมาออกกำลังกายครับ เทมอยากว่ายน้ำไหม เดี๋ยวหมูไปเฝ้าให้"

          "อือ เทมง่วงนอนจังเลยครับ" ผมยิ้มให้คนที่ยังคงง่วงอยู่ หลักฐานก็คือเขาที่พูดโต้ตอบกับผมทั้งๆที่ยังหลับตา คล้ายคนเดินละเมอมากกว่าคนที่ตื่นมีสติแล้ว ถึงจะไล่ให้ขึ้นไปนอนก่อน เจ้าตัวก็คงไม่ยอม ผมเลยพาเจ้าตัวไปที่ประจำ เทมพอเห็นม้านั่งที่กลายเป็นที่นอนในสายตาอีกฝ่าย ก็นั่งลงเตรียมตัวนอนต่อ


          "พูดถึงก็มาเลย Hello!!" แฟรงค์ตะโกนออกมาเสียงดัง เสียจนเทมปุระสะดุ้งโหยง เจ้าตัวลืมตาโพลง หันหน้าไปมาด้วยความตกใจ ผมต้องรีบลูบผมฟูของเทมไปมาให้เขาหายเสียขวัญ

          "หยุดเลยนะแฟรงค์ อย่าแกล้งเขา เขาไม่ใช่คนที่คุณจะล้อเล่นด้วยได้"

ผมหันขวับไปมองอาจารย์ฝึกของตัวเองด้วยสายตาจริงจัง

          "ไม่ต้องตกใจนะครับเทม เสียงครูฝึกของหมูไงครับ" เทมกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะมองด้านหลังของผม มองตรงไปที่ไอแพดที่ผมเชื่อมต่อกับหน้าจอทีวีจอใหญ่ คนในจอพอเห็นดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองมาก็โบกมือให้ เทมตกใจ รีบเกาะเอวผมหลบ
 
          "เขาน่าแกล้งนี่น่า ขอโทษก็แล้วกันนะ อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ เหมือนเห็นคุณดาเลียฉบับจิ๋วเลย บรื๋อ!"

          "อ-เอ่อ กุก กุก กุด กุด มอนิ่ง เอฟี่วันนะครับ" เทมปุระพูดภาษาอังกฤษแบบแข็งทื่อก่อนจะโผล่ออกไปยกมือไหว้ แล้วกลับมาใช้ตัวผมกำบังอีกครั้ง

          "ฮ่าๆๆๆ โอเค โอเค Good Morning Sleepy Kid!"

          "ให้ตาย ผมอยากแกล้งเขาชะมัด ยังกับกระต่ายน้อยตื่นตูม!"

          "เดี๋ยวก็โดนฆ่าหรอกครับแฟรงค์กี้"

          "เฮ้ อย่ามาเรียกฉันแฟรงค์กี้นะไอ้เนิร์ด"

          "แค่ใส่แว่น แล้วมาเรียกกันว่าเนิร์ด น่ารังเกียจมากนะครับคุณแฟรงค์กี้"

          "ชิบ! นายนี่มันกวนอารมณ์ชะมัด!"


เจคกับแฟรงค์เริ่มเถียงกันน่าหนวกหู ผมมองนาฬิกาข้อมือ ...หกโมงสิบห้าแล้ว ได้เวลาอาบน้ำแต่งตัวพอดี

          "วันนี้พอแค่นี้แล้วกันนะครับ ขอบคุณมาก เจอกันพรุ่งนี้"

          ผมกดปุ่มวางสายบนนาฬิกาข้อมือทันที ไม่รอให้พวกเขาประท้วงอะไร


เทมดูงงๆที่จู่ๆภาพบนจอใหญ่ก็หายไป เขาเอียงคอถามผม

          "พวกเขาหายไปแล้วล่ะครับหมูหย็อง"

          "สงสัยกลับไปนอนมั้งครับ"

          "งั้นเทมนอนด้วยครับ ฮ้าววว" เทมปุระหาวออกมาเป็นภาพประกอบ มือใหญ่ยกขึ้นจะขยี้ตา ผมรีบจับข้อมือหยุดเขาเอาไว้

          "ไม่ขยี้ตานะครับ...ตอนนี้หกโมงสิบห้าแล้วครับเทม ต้องไปอาบน้ำแล้วนะครับ"

          "เทมยังง่วงอยู่เลยครับ..." เทมปุระเสียงอ่อย กอดเอวผมแน่น ฝังใบหน้าลงแนบชิด แล้วส่ายไปมา การเล่นโบว์ลิ่งติดกันหลายชั่วโมง ทำเอาเด็กน้อยของผมใช้พลังไปหมดหลอด ก่อนที่เทมจะงอแง ผมรีบสร้างแรงจูงใจทันที

          "เดี๋ยวลุงสันรอนานนะครับ สติ๊กเกอร์ขาดอีกไม่กี่ตัวเอง จะได้ทานขนมแล้วนะครับเทม" พอพูดถึงขนม คุณกระต่ายตื่นตูมก็หูตั้ง ดวงตาที่สะลึมสะลือดูมีประกายเจิดจ้าทันที พยักหน้าหงึกๆๆไม่หยุด ผละออกจากช่วงเอวของผม หอบผ้าห่มขึ้นมากอด แล้วจูงมือผมขึ้นห้องไปอาบน้ำทันที

          "อาบน้ำกันนะครับ เดี๋ยวสาย สายๆๆๆ ไม่ดีเนอะ"

ผมยิ้มให้คนที่บอกไปสายไม่ดี ทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งงอแงขอผมนอนต่อแท้ๆ




เทมแต่งตัวออกมาจากห้องน้ำ สายตาผมสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง กางเกงเขามัน...สั้นขึ้นหรือเปล่านะ?

          "เทมครับ มาหาหมูก่อนนะครับ" ผมเรียกเทมก่อนที่เจ้าตัวจะไปใส่ถุงเท้า เทมเดินมาหาผมอย่างเชื่อฟัง

          "มีอะไรเหรอครับหมูหย็อง" ผมนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเขา ดึงชายกางเกง กะว่าจะดูความสั้นของกางเกงเขาให้ชัดๆ





แต่จู่ๆประตูห้องก็ถูกเปิดอย่างกะทันหัน



         
          "คุณหลวงเจ้าขาาาาาาาาาาาาา ทานข้าวเช้าเจ้าค่าาาา"

โจเชฟหรือเฮียปลาหย็องเปิดประตูผัวะเข้ามา ก่อนจะเบิกตาค้าง เอามือทาบอก อีกข้างยกขึ้นปิดปาก ท่าทางตกใจสุดแสนโอเวอร์ของเขา ทำให้ผมคิดว่าเขาต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆเลยครับ ต้องเข้าใจท่าทางของผมกับเทมเป็นอื่น...เป็นอะไรที่คิดไปในทางที่ดีไม่ได้


           "อุต๊ะ...ไส้กรอกชีสแต่เช้าเลยหรือคะคุณหลวง...ต๊ายยย! บัดสีบัดเถลิงที่สุด กรี๊ดดดดดดด!! จำปารับไม่ได้!"
เฮียปลากระทืบเท้าเร่าๆ ผมนึกเหนื่อยหน่ายใจ ให้ตายสิ ผมว่าผมเปลี่ยนรหัสผ่านหมดแล้วนะ กระทั่งคีย์การ์ดก็เลิกใช้ ระบบเข้าออกของชั้นผมต้องเป็นลายนิ้วมือกับสแกนม่านตาแล้วแท้ๆ เขาเข้ามาได้ยังไง!


          "เฮียปลาหย็องสวัสดีครับ ไส้กรอกชีส? ไส้กรอกชีสอะไรเหรอ เทมกับหมูหย็องยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลยนะครับ ในห้องก็ไม่มีอาหารนะครับ หมูหย็องไม่ชอบให้เอาของกินเข้ามาในห้องนอน" เทมเอียงคอถามคนที่เข้ามาเสียงซื่อ


          "บอกแล้วไงว่าร่างนี้ต้องเรียกจำปาอ่ะคุณชายล่ะก็ ไส้กรอกชีสก็ ---โอ้ย!"


จำปาที่ตั้งท่าจะจีบปากจีบคออธิบาย ก็เจอผมถอดเนคไทเขวี้ยงใส่หน้าให้เขาหุบปาก เสียงมาดแมนของเขากลับคืนมาชั่วครู่ ผมส่งสายตาเข้มไปให้พี่ชายที่ทำปากขมุบขมิบปนมีความสุขที่โดนรังแกรับยามเช้า



          "คุณหลวงตีจำปา! คุณหลวงมอบเสื้อผ้าให้จำปา! แบบนี้แปลว่าจำปาเป็นอิสระแล้วใช่ไหมเจ้าคะ อิอิ" จำปาที่ไม่รู้ไปรวมร่างกับเอลฟ์รับใช้ในเรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำท่ากอดเนคไทผมแน่นแล้วส่งสายตาซาบซึ้งมาให้

          ผมชี้นิ้วไปทางประตู ความหมายของท่าทางคือ 'ไสหัวไปไกลๆ'  แต่เฮียปลาหย็องกลับเข้าใจผิด คิดเป็นให้ปิดประตูให้

          "อุ้ย ยังจะทำต่ออีกหรือเจ้าคะ แต่จำปาไม่ถนัด 3P ด้วยสิ ยังไงนี่ก็ครั้งแรก...ช่วยอ่อนโยนด้วยนะคะ" เฮียปลาหย็องที่ทำท่าปลดกระดุมเสื้อแล้วโชว์ลาดไหล่ ช้อนสายตา ชม้อยชม้ายชายตาขึ้นมามองพวกผม


          อาหารเช้าของผมคงกินไม่ลงแล้วครับ อยากอาเจียนชะมัด...


          "สายตารังเกียจเด่นชัดขนาดนี้ จำปาจะไม่ทนนนนนนนนน" จำปากระทืบเท้าขัดใจอีกครั้งก่อนจะหันหน้าวิ่งหนีไปทางประตู แล้วก็ยังไม่วายเชิดคอตั้งใส่พวกผมสองคน กล้ามแขนที่เป็นมัดทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่พวกผม

          "ไปทานข้าวเช้าด้วยนะเจ้าคะ หึ! ไปหาคุณหลวงหย็องหย็องดีกว่า เชอะ!"

เทมปุระที่ยืนงงกับบทบาทจำปาของโจเชฟทุกครั้งก็ทำท่าเป็นห่วง

          "หมูหย็องครับ เฮียปลาเขาโอเคไหมครับ..."
           

          ให้เด็กพิเศษถามว่าโอเคไหมนี่มัน...
          ...โจเชฟ โจวิช ชาโรนอฟ หมดทางเยียวยาแล้วครับ...




          ผมค่อนข้างแปลกใจที่เฮียปลาอยู่บ้านวันนี้ ทั้งๆที่ปกติเจ้าตัวแทบจะกินนอนอยู่ที่มหาลัย แน่นอนครับ ว่าพอรู้ว่าเฮียปลาอยู่ สิ่งที่ผมทำคือ...

          "รบกวนทำอาหารเช้าใส่กล่องทีนะครับ จะเอาไปทานบนรถ"

          "ของคุณหนูดิมิทรีเป็นอาหารตามรายการที่มิสเตอร์เจคอปส่งมาให้นะคะ ส่วนคุณหนูเทมรับเป็นอะไรดีคะ"

          "ของเทมเอาเป็น egg benedict กับแซลม่อนแล้วก็แอ็ปเปิ้ลนะครับ แล้วก็ขอนมอัลมอนด์ของผม แล้วก็นมจืดของเทมด้วยครับ"

          "เทมอยากได้นมช็อกโกแลตครับ"

          "ครับ เป็นนมช็อกโกแลตครับ พวกผมนั่งรอที่ห้องรับแขกนะครับ อา แล้วก็ถ้าโจเชฟถามถึงพวกผม รบกวนช่วยบอกว่าไปโรงเรียนกันแล้วนะครับ" แม่บ้านพยักหน้ารับ โค้งตัวให้ก่อนจะเดินหายไปอย่างเงียบเชียบ

          "หมูหย็องเราไม่ไปทานข้าวกับเฮียปลาหย็องเหรอครับ"

          "ไม่อยากทานกับหมูสองคนบนรถหรือครับ"  ผมเสถามไปเรื่องอื่น ไม่อยากให้เทมอยู่ใกล้เฮียปลามากครับ สองคนนี้บางแง่มุมก็เข้ากันดีแปลกๆ แปดเปื้อนกับเฮียปลาหย็องนี่ขอทีเถอะครับ...ผมไม่เอาด้วยหรอก

เทมปุระยิ้มกว้าง รีบส่ายหน้าไปมาทันที

          "อยากครับ ทานกับหมูหย็องบนรถ หรือที่ไหนก็ได้ ขอแค่ทานกับหมูหย็องก็อร่อยแล้วครับ"

          ผมยิ้มให้เด็กน้อยแสนปากหวาน นึกอยากรวบคอเข้ากดลงมาชิมลิ้มรส ว่าจะหวานสมคำพูดหรือเปล่า แต่ก็ต้องอดใจเอาไว้ สุภาพบุรุษควรให้เกียรติชายหนุ่มที่ขอเวลาจีบเราใช่ไหมครับ ถ้าเทมตั้งใจว่าจะจูบหลังจากเป็นแฟน ผมก็ควรทำตามนั้น ผมกัดริมฝีปากตัวเอง ขณะที่สายตากำลังแทะโลมริมฝีปากของอีกฝ่าย
สัมผัสอุ่นที่ลูบเบาๆบนปากที่เม้มกันของผม

          "ไม่เอานะหมูหย็อง ไม่กัดปากนะครับ เดี๋ยวเจ็บนะ" สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยของเทมปุระ ทำเอาฟางเส้นสุดท้ายขาดลง ผมเอื้อมมือไปคล้องคอเขา รั้งเจ้าตัวโน้มลงมา เตรียมตัวจู่โจมเจ้าปากสีน่าจูบ ที่เอาแต่ยั่วยวนกันไม่หยุด การลงโทษปากนั้นกำลังจะเริ่มขึ้น



          "เฮียหมู---เออะ..." บัดซบ...ผมจะย้ายออกจากบ้านหลังนี้!


          หย็องหย็องที่เปิดประตูเข้ามา ชะงักกับท่าทางของพี่ชายตัวเองที่กำลังจะกลืนกินเหยื่อ ผมส่งสายตารำคาญไปให้น้องชายของตัวเองอย่างไม่ปิดบังความหงุดหงิดที่พุ่งขึ้นสูงสุด หย็องหย็องยักไหล่
          "ผมไม่รู้นี่น่า อย่าโกรธกันเลยน่า" ผมยังคงค้างมือไว้ที่ไหล่ของเทมปุระ ไม่สนใจสายตาน้องชายตัวเองที่เอ่ยแซวแบบไร้เสียง

          "มีอะไรครับหย็องหย็อง ถ้าไม่สำคัญ...นั่นประตูครับ"

          "ไล่น้องไล่นุ่งอีกละ คืนนี้หม่าม้าบอกว่าจะไปงาน ต้องควงลูกไปด้วยคนหนึ่ง แต่ไม่มีใครว่างเลยอ่ะ"

          "ไม่ว่างครับ" ผมรีบตอบทันที แค่เกริ่นมาแค่นี้ก็รู้แล้วครับ ว่าคุณม้าต้องการอะไร



มิสซิสเอเลนต้องการเครื่องประดับหนึ่งในห้าชิ้น ที่ตัวเองรังสรรค์สร้างขึ้นมา เพื่อสวมไปประดับออกงานค่ำคืนนี้


          "ปฎิเสธแบบไม่เสียเวลาคิด อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด...นี่ม้าบอกว่าถ้าไม่มีใครไป จะรับคนสวนเป็นลูกบุญธรรมแล้วนะ มรดกต้องถูกหารเป็นหกเลยเหรอ โอ้ย ไม่นะ บรรดาพวกพ้องของผมจะเอาอะไรกิน" หย็องหย็องคร่ำครวญถึงบรรดาด้วงเพื่อนรักของตัวเอง

          "งั้นคงจะต้องใช้วิธีสุดท้าย...เป่ายิ้งฉุบ!" หย็องหย็องไม่ให้ผมตั้งตัว เจ้าตัวออกกระดาษมาตรงหน้าทันที แต่ขอโทษนะครับ ผมเดาออกตั้งแต่ต้นแล้ว มันก็มีอยู่วิธีเดียวเท่านั้นล่ะครับ หากตัดสินใจกันไม่ได้ของคนบ้านนี้

          แน่นอนว่าผมชนะ...ผมทำมือชูสองนิ้วทั้งๆที่ยังคล้องคอเทมปุระอยู่

          "บ้าจริง! อ๊าาาาาาาา คืนนี้ผมว่าจะนอนดูด้วงออกลูกสักหน่อย อ๊าาาาาาา" หย็องหย็องแหกปากโวยวาย ขยี้หัวตัวเองจนผมกระเซอะกระเซิง ปิดประตูดังปังเดินจากไป เป่ายิ้งฉุบนี่พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของบ้านผมครับ...แพ้แล้วห้ามต่อล้อต่อเถียงเด็ดขาด

ผมตั้งท่าจะเขมือบคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวต่อ

          "ข้าวเช้าได้แล้วนะคะคุณหนู รถจอดรอเรียบร้อยแล้วค่ะ" แม่บ้านเก่าแก่เดินมาโค้งตัวพร้อมกล่องข้าวในมือ


          ผมคิดว่าผมควรไปดูที่อยู่ใหม่...แบบเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


          ได้วันพรุ่งนี้เลยยิ่งดี!









end 26 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง





._. ไม่ค่อยมีคนอ่านกับเมนท์เลย
เราเหงาและต้อแต้ เราจะหนีออกจากบ้านไปพร้อมน้องเทม!
เราจะหนีไปที่เกาะที่ไม่มีอินเทอร์เนต
เราจะประท้วงด้วยการอัพทีเดียววันศุกร์
ฮือออออออ เอาตอนสั้นๆไปเยย!
*ส่งจูบให้คุณนักอ่านแสนน่ารักที่เมนท์ให้เก๊าประจำ*
*ทุบอกคนที่ไม่เมนท์ให้ คลบ้าาาาาา ไม่เมนท์ให้เก๊า แงงงงงง*

โซเฟียริน
zofiarin lll moore
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 26 * 8/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mizunoe ที่ 08-10-2018 23:48:38
นานมาแล้วสมัครไม่ได้ไม่รู้เป็นอะไร
เลยลากยาวไม่ได้เมนท์ให้เรื่องไหนสักที
ยังใช้ไม่ค่อยเป็นแต่อยากให้รู้ว่า ชอบน้องหมูและน้องเทมมากนะคะ
ชื่อดิมิทรีของหมูหย็องก็เพราะ ที่มาก็ซึ้งมาก
ชื่อน้องเทมปุระในภาษาญี่ปุ่นตัวหน้าใช้ตัว 天 ที่แปลว่าท้องฟ้า/สวรรค์
ซึ่งเหมาะกับน้องมากๆๆ ไม่ทราบเป็นความตั้งใจของคนแต่งด้วยหรือเปล่าคะ
พลังความรักของคุณยาย คุณพ่อคุณแม่
ความรักของหมูที่ทำทุกอย่างที่คนธรรมดาทำได้ยากเพื่อคนคนเดียว
กับความรักของเทมที่พยายามก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองเพื่อหมู
รวมถึงเพื่อนๆที่คอยดูแลช่วยเหลือเทม
การไม่ยอมแพ้หรือไม่ยอมเสียอีกฝ่ายไปง่ายๆเพราะอุปสรรคต่างๆ
ทำให้เรื่องนี้เต็มไปด้วยความรักหลากหลายรูปแบบ
เป็นคุณค่าและกำลังใจให้คนอ่านได้ดีมากๆค่ะ
ขอบคุณนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ


ป.ล.

เป็นกำลังใจให้หมูเลิกโดนขัดขวางในช่วงเวลาสำคัญด้วยค่ะ 55555555
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 26 * 8/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 09-10-2018 03:30:12
จำปาออกมาตอนไหน ขำนางทีนั้น
ช่างกล้าเนอะ

ส่วนน้องเทม ...
ซีนง่วงนอนแล้วตาโตทันควันเพราะขนมที่พี่หมูเอามาล่อลวง
ช่างติดตรึงในมโนป้าจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง ———————— ตอนที่ 2 * 1/9/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-10-2018 06:23:46
โหยยยย  ทำไมเพิ่งเจอ ติดตามนะคะ

จิ้มๆ ทิ้งไว้ก่อน เดี๋ยวมาอ่าน ละส่งกำลังใจให้ค่ะ

จัดไป +1 โหวต
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 26 * 8/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 09-10-2018 16:20:03
หนีไปช็อป 2 วันกลับมาอ่านโอ๊ะน้องหมูเราจ้องจะกินกระต่ายน้อยตื่นตูมเราตลอดๆ ดูดู๊วางแผนจะย้าย
ไปสร้างเรือนหอกันสองคนกับน้องเทม อย่าค่ะ อย่าช้า   :z1: 
ปล.บ่นคิดถึงคุณจำปาแป๊บๆ ก็โผล่มาล่ะ คนโตก็โผล่มาได้จังหวะมโนไปไกล๊ไกล ส่วนคนสุดท้องก็มาขัดจังหวะพอดี
เพลียกะคุณจำปาและราชาด้วงจริงๆ  :jul3:

 :L1:   :pig4:   :L2:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 26 * 8/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Lautenyu ที่ 09-10-2018 16:55:58
ต้องขวางลาสบอสหมูหยอง  ไม่ให้ทำมิดีมิร้ายเจ้าชายเทมเทมจนถึงที่สุด  :katai1: :z6:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 27 * 9/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 09-10-2018 20:18:55



27








          ผมกำลังตรวจอีเมลในโทรศัพท์ เช็คดูว่าทุกคนได้รับงานที่มอบหมายให้หรือยัง และกำลังรอคำตอบสำคัญจากเพื่อนของคุณพ่อ หรือผู้อำนวยการของโรงเรียน

          "หมูหย็อง หมูหย็องครับ ดูนี่สิ ดูนี่สิ คุณป้าตัดขนมปังปิ้งเป็นรูปคุณหมูให้เทมด้วย อู๊ด อู๊ดล่ะ อู๊ด อู๊ด" เทมชูขนมปังปิ้งสีน้ำตาลที่ถูกตัดอย่างบรรจง และแปะแผ่นสาหร่ายเป็นรูปจมูกหมูมาให้ผมดู เจ้าตัวเอาไปวางไว้บนจมูกแล้วร้องเลียนเสียงเจ้าตัวอ้วนสีชมพูไม่หยุด เป็นหมูที่น่ารักที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา

          ผมคิดว่าโบนัสของคุณแม่บ้านควรได้เพิ่มนะ เธอทำงานได้ดีมาก... อืม ผมจะบอกคุณป๊าในไลน์แล้วกัน   



     
          รอยยิ้มของนางฟ้าที่ต้องกับแสงยามเช้า ปลอบประโลมจิตใจที่เคร่งเครียดของผมให้เบิกบาน
เทมที่กำลังยุ่งกับอาหารเช้าของตัวเองบนโต๊ะพับในรถตู้ ดูคล้ายเด็กอนุบาลทานข้าวกลางวัน เจ้าตัวหยิบแอ็ปเปิ้ลที่ถูกตัดเป็นชิ้นและปอกเป็นรูปคุณกระต่าย จับมาเรียงขนาดจากเล็กไปใหญ่แล้วตั้งชื่อให้

          "คุณแอ็ปต่ายตัวนี้ชื่อ ต่ายต่ายนะครับ ตัวนี้ชื่อคุณกระกระ เป็นเพื่อนกันเนอะ" เทมปุระจับเจ้าผลไม้ที่ถูกหั่นมาชนกัน เหมือนในสารคดี เวลากระต่ายเอาจมูกมาชนเพื่อทักทายอีกฝ่าย

          จริงๆเอาของกินมาเล่นไม่ใช่มารยาทที่ดีนะครับ ผมถ่ายวีดีโอเขาอีกสองนาทีก็เก็บโทรศัพท์ลง แล้วลงมือห้ามเด็กชายเทมปุระที่กำลังเล่นอาหาร ให้กลับมาทานดีๆ

          "เทมครับ ไม่เล่นอาหารนะครับ ทานให้เรียบร้อยครับ" เทมพอโดนดุก็จ๋อยไปนิดหนึ่ง ก่อนจะยอมทานดีๆ อัญมณีสีน้ำตาลที่แฝงด้วยความออดอ้อนช้อนขึ้นมามองผมอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะหลบลง ดูท่าองค์ชายน้อยคงจะคิดว่าถูกผมโกรธเอาเสียแล้ว ดวงตาสีสวยถึงฉาบไปด้วยการง้องอน มือสวยหยิบขนมปังสีน้ำตาลชิ้นที่ถูกวางแยกไว้ต่างหากมาให้ผม ยื่นมาให้ ทั้งๆที่ไม่ยอมสบตากัน ท่าทางของเด็กน้อยที่หางลู่หูตกช่างน่าสงสาร

          "ชิ้นนี้ตัดสวยที่สุดเลย เทมให้หมูหย็องนะครับ" ผมอยากให้เขานอนตอนนี้จังเลยครับ จะได้จับเขามาฟัดได้

          "ขอบคุณครับ หมูไม่ได้ดุเทมนะครับ หมูแค่บอกเทมเฉยๆ ไม่ได้โกรธนะครับ รู้ไหม หืม...ไหนสบตากันหน่อยสิครับคนดี"
          ผมรับขนมปังมาวางไว้ แลกเปลี่ยนกันด้วยปลายนิ้วที่จรดเช็ดตรงมุมปากเลอะให้เขา ขยับช้อนคางสวย ให้ใบหน้าและดวงตาสองสีขึ้นมาสบกัน หยดน้ำวิบวับที่คลอเอ่ออยู่ทำเอาผมปวดแปลบในหัวใจ

          "เทม เทม เทม เทมขอโทษครับ..." ปลายจมูกเขาขึ้นสีแดง ผมปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออก เคลื่อนตัวเองไปใกล้ร่างสูงที่ดูวันนี้อารมณไม่คงที่เท่าที่ควร ผมเกลี่ยผมเขาทัดหู โชว์หน้าผากนูนและโครงหน้าหล่อเหลา เจ้าดวงตาล้ำค่า ยิ่งสวยงามเกินบรรยาย เมื่อมีความวาวใสของหยาดน้ำตาเคลือบอยู่

          ผมใจอ่อนยวบ รั้งคอเขามากอดเอาไว้

          "ชู่ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง หมูไม่ได้ดุนะครับ" เทมปุระกลิ้งหัวไปมาบนบ่าผม วันนี้เขาดูงอแงเป็นพิเศษ คงเพราะจะเหนื่อยจากเมื่อวาน บวกกับตื่นมาตอนเช้าก็หาผมไม่เจออีก ระยะหลังมานี้เขาติดผมขึ้นมาก เหมือนย้อนไปในสมัยเด็ก การตื่นมาแล้วไม่เจอใครบนเตียงข้างกัน คงจะทำเขาหวาดผวาและอ่อนไหว


          แผลที่กำลังสมานตัว ยังต้องการเวลามากกว่านี้


          "เล่าให้หมูฟังหน่อยสิครับ ว่าคุณกระกระกับคุณต่ายต่ายเป็นเพื่อนกันได้ยังไง" เทมผละใบหน้าออกจากลาดไหล่ของผม เขาสูดน้ำมูกเล็กน้อย ปล่อยปากที่เม้มออก

          "เป็น เป็นเพื่อนกันเหมือนเทมกับหมูหย็องครับ เจอกันในท่อที่สนามเด็กเล่น" ผมยิ้มกว้าง เมื่อเขาจดจำถึงวันที่เราเจอกันครั้งแรกได้  ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าออกจากกระเป๋า เพราะตั้งแต่มีเขาข้างกัน ผ้าเช็ดหน้าก็ไม่ได้มีไว้เพื่อตัวเอง แต่มีไว้สำหรับคนที่กำลังตาแดงอยู่ตอนนี้ต่างหาก ผมใช้ผ้าจับจมูกเขาไว้

          ฟี้ด

          "คัดจมูกหรือเปล่าครับเทม"

          "ไม่คัดครับ แต่เทมปวดใจจังเลย ไม่อยากโดนหมูหย็องดุกันเลยครับ" เขาเบะปาก คิ้วตก

          "หมูไม่เคยอยากดุเทมสักครั้งเลยครับ แต่บางครั้งหมูก็ต้องบอกเทมนะครับ ถ้าทำแล้วไม่น่ารัก"

ตาที่เริ่มแห้ง ครานี้ฉ่ำจัด แพขนตาหนาไม่สามารถซับรั้ง จนหยดน้ำเม็ดโตร่วงหล่น

          ผมตกใจ รีบละล่ำละลักถามเขา

          "เทมครับ ร้องไห้ทำไมครับ ไม่เอานะครับ ชู่ ชู่" ผมปวดใจจะตายอยู่แล้ว ให้เอามีดมาแล่ใจกัน ความรู้สึกก็คงไม่ต่าง ดีไม่ดี เจ้าพิรุณที่ตกพาดผ่านก้อนเมฆขาวนวลของเขาตอนนี้ ยังจะพาลทำให้ผมเจ็บปวดเสียยิ่งกว่า


          "ฮึก...เทมไม่อยาก ไม่ ไม่อยากเป็นคนไม่น่ารัก ม-ม-ไม่อยากให้หมูหย็องไม่รักครับ รักเทมนะ รักเทมนะครับ ฮึก ไม่เลิกรักกันนะ เทมจะเป็นเทมที่ดีนะครับ เทมจะเป็นเทมที่น่ารักของหมูหย็องนะ"



          ผมจะไปเลิกรักเขาได้ยังไงกัน เขาเป็นแก้วตาดวงใจของผมขนาดนี้


          ผมรักและหวงแหนเขามากกว่าใคร เขาสำคัญต่อผมมาก มากกว่าทุกสิ่ง มากกว่าทุกอย่าง เขาอยู่เหนือศีลธรรม เหนือความถูกผิด เหนือกฎเกณฑ์ที่ถูกต้อง ต่อให้ต้องแลกกับการเสียสละคนทั้งโลก เพื่อที่จะได้อยู่กับเขาแค่ชั่วโมงเดียว ผมไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะเลือกเขา เทมปุระเป็นสุดยอดของความรักทั้งหมดทั้งมวลของผม



          ผมเกิดมาเพื่อรักเขาเท่านั้น...เกิดมาเพื่อรักเขาเพียงคนเดียว



          "โลกนี้มีหลายสิ่งที่เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้...หนึ่งในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็คือหมูไม่รักเทมนะครับ ไม่มีทางเลยคนดี มันเป็นไปไม่ได้ ทุกวินาทีที่พ้นผ่าน ไม่มีวินาทีไหนที่หมูไม่รักเทมเลยรู้ไหมครับ ได้โปรดอย่าสงสัยในความรักที่หมูมีให้เทมนะครับ...มันไม่เคยน้อยลง มันไม่เคยเท่าเดิม มันมีแต่มากขึ้นและมากขึ้น"



          ผมเข้าไปกอดเขาแน่น กอดความรักของผม กอดปาฏิหาริย์ขี้แง ใช้ไออุ่น ใช้อ้อมแขน ใช้ริมฝีปาก ผมจูบซับน้ำตาให้เด็กน้อย จูบหน้าผาก จูบแก้มเปรอะ จูบปลายคาง จูบไปทั่วหน้าให้เขาหยุดร้องไห้
          เสียงกระซิกกระซิกดังอยู่ข้างหู เสียงสะอื้นสะเทือนไปทั้งสรรพางค์กาย


          "เทมก็รักหมูหย็องครับ รักหมูหย็องมาก มาก มาก เลย"

          "หมูรู้ครับ เพราะงั้นเลิกร้องไห้นะ หมูปวดใจจะตายอยู่แล้ว"

          "หมูหย็องปวดใจเหรอครับ" เทมตาโต สายน้ำขาดชะงัก

          "ปวดสิครับ เห็นเทมร้องไห้ หมูแทบจะขาดใจเลยรู้ไหม" เขาทำท่ารู้สึกผิด

          "โอ๋ โอ๋ ความเจ็บปวดจงหายไปนะครับ" เทมเอามือมาทาบทับตรงตำแหน่งหัวใจของผม เขาหมุนวนปลอบโยนหัวใจดวงน้อย ก่อนจะก้มมาประทับจุมพิตแผ่วเบา เป่าลมร้อนไล่ความเจ็บปวดให้บินหายไปในอากาศ


          มันดูเป็นการกระทำหลอกเด็ก แต่มันก็ประหลาด เพราะดันทำให้ผมดีขึ้นจริงๆ
          หรืออาจจะเป็นเพราะนางฟ้าของผม ไม่รังแกกันด้วยหยดน้ำใสแล้วก็ได้



          "เทมเป็นอะไรไม่รู้ครับ เทมรู้สึกขาดหมูหย็องไม่ได้เลย" เทมปุระเสียงอ่อย คล้ายสารภาพความผิด
...แต่สำหรับผมมันคือการสารภาพรัก

          ผมได้ยินแล้วก็ยิ้มกริ่ม รู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาขึ้นมา ดึงมือเขาขึ้นมาจรดจูบ

          "ขาดไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับ เพราะหมูจะอยู่กับเทมตลอดไป"


          รอยจูบบนหลังมือ คล้ายคำสัตยปฎิญาณ


          ใช่ ผมจะอยู่กับเขาตลอดไป...ไม่ให้ใครมาขัดขวางได้เด็ดขาด





          ผมจัดการเช็ดหน้าเช็ดตาให้เทมปุระ จัดเสื้อผ้าเขาให้เข้าที่ มองสำรวจจนแน่ใจว่าวันนี้เจ้าตัวจะเรียนไหว เทมที่เห็นผมมองอยู่ก็ยิ้มกว้างให้ ตาที่ดูบวมๆคล้ายปลาทองหยีเล็กจนแทบไม่เห็นสีตา

          "ไปหาลุงสันกันนะครับ เทมอยากได้สติ๊กเกอร์"

ผมยิ้มให้เขา เบาใจขึ้นมานิดหน่อย เทมปุระเอื้อมมือมาคว้ากระเป๋าผมไปถือให้เหมือนทุกวัน

          "ขอบคุณครับ"




          ระหว่างทางขึ้นตึกเรียน ผมเดินไปทางตึกของคณาอาจารย์ เพื่อไปหาตัวของกุญแจที่จะช่วยไขเรื่องยุ่งยากให้ผมได้ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วมุน เมื่อคำตอบที่ได้รับคือ

          "ผู้อำนวยการไปพักร้อนค่ะ"


          ไม่น่าล่ะ เขาถึงไม่ตอบอีเมลผมสักที...


          พูดก็พูดเถอะนะครับ พักร้อน...ผู้อำนวยการของโรงเรียนพักร้อน ตอนโรงเรียนยังไม่ปิดเทอมเนี่ยนะ ให้ตายสิ สมเป็นเพื่อนคุณป๊าจริงๆ
          ผมยกมือไหว้ขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยบอก ก่อนจะเดินจูงมือเทมขึ้นลิฟท์มาที่ห้อง สงสัยต้องหาทางอื่นแทนครับ


          บรรยากาศตอนเช้าของห้องเรียนก็เดิมๆ มีสองแฝดที่นั่งคุยเรื่องเกมออกใหม่กันอย่างออกรส เทมปุระเอากระเป๋าผมกับเจ้าตัวไปเก็บในล็อกเกอร์ด้านหลังห้อง ก่อนจะเดินมานั่งกับพวกผม เขายิ้มแล้วฟังทุกคนพูดคุยกัน


          "มัน-ดี-มาก! ไม่นึกว่าเกมซีซั่นก่อนจะดีขนาดนี้ กราฟฟิกเทียบได้กับของที่เพิ่งออกใหม่เลย"

          "สมแล้วที่ไอ้อเล็กซ์แนะนำมา โหย กูนี่เล่นแล้วแทบจะไม่ได้นอน"

          "เออ กูก็เหมือนกัน นี่ถ้าเจอตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหานะ ---เฮ้ย!"

          "เทมครับ!"

          "เฮ้ย เทม!"




          โครม!


          เก้าอี้ล้มลง


          จู่ๆเทมปุระก็ตัวกระตุกแล้วรีบก้มลงขดคู้ตัวเอง ร่างสูงมุดเข้าไปซ่อนที่ใต้โต๊ะ เขาดูตัวสั่นเทา ปฏิกิริยารุนแรงกับคำว่า สิง ที่ออกมาจากปากไอ้เต้

          ผมรีบก้มลงคุกเข่ากอดเขาเอาไว้ เขาตาเบิกค้าง กอดตัวเองแน่น เทมดูไม่ได้สติจนผ่านไปหลายนาที

          "ท-ท-ท-เทมแค่ ก้ม ก้ม ก้มลงมาเก็บ ยะ ยะ ยางลบครับ" เมื่อเจ้าตัวเห็นสายตาเป็นห่วงของพวกผมสามคนก็รีบแก้ตัวตะกุกตะกัก ไอ้เต้ดูโกรธขึ้นมา และไอ้น้ำก็คล้ายจะร้องไห้



          แต่ความรู้สึกของพวกมันไม่ได้เศษเสี้ยวของผมหรอกครับ...



          ผมแทบจะแหลกสลายกับสภาพของคนรัก
หัวใจของเขาบอบบางและรักษาได้ยากกว่าใคร ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนยังคงแวะเวียนมาหาบ่อยครั้ง



          "ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวหมูซื้อให้เทมใหม่นะครับ ลายโดเรม่อนที่เทมชอบดีไหม"

          "อะ-เออ นี่กูก็มีเกมโดเรม่อนในมือถือด้วยนะ เดี๋ยวแบ่งให้เล่น"

          "กูมีลูกอมนะ กินไหม มาๆ ลุกขึ้นมาเร็วๆ กูแกะให้"




          เทมปุระค่อยๆคลายตัวที่เกร็งออก แล้วค่อยๆคลานออกมาจากใต้โต๊ะ



          "แฮะ แฮะ หา...หายางลบไม่เจอเลย" หากเป็นเวลาปกติ ผมคงจะดุเทมที่พูดโกหก แต่ตอนนี้ผมทำได้แค่กระชับมือเขาแน่น ยิ้มอ่อนโยนให้อีกฝ่าย

          "ไม่เป็นไรนะครับ มาระบายสีกันไหม ตอนเย็นเทมต้องไปเรียนพิเศษใช่ไหมครับ คงไม่ได้ว่างระบายให้หญิงตอนเย็น มาระบายสีกันนะครับ"

          "เฮ้ยๆๆๆๆ ไหนๆๆๆ ระบายสีไหน กูระบายด้วย มาๆ ไม่รู้จักเทพน้ำแห่งวงการระบายสีซะแล้ว"

          "แยกสีแดงกับชมพูให้ได้ก่อนเถอะมึงน่ะ" ไอ้เต้รีบพูดดักหน้าไอ้น้ำที่กำลังโอ้อวดความเก่งของตัวเอง

          "จริงเหรอ จริงเหรอ จะช่วยระบายกันทุกคนเลยเหรอครับ" เทมปุระตาโต เขาดูดีใจ ผมแอบเห็นพวกมันสองคนถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะรีบฉีกยิ้ม หยิบกล่องดินสอออกมาวาง

          "โอ้ยย แค่ระบายสี มันธรรมดาไป มานี่ กูจะวาดให้ดูเลย"

          "เต้วาดพี่ม่อนได้ด้วยเหรอครับ เทมดูด้วย เทมดูด้วยครับ" เทมปุระตื่นเต้นกับเต้ที่เริ่มวาดโครงร่าง

          "โห อย่าไปดูมันวาดเลยเทม มันวาดหมากับแมวยังออกมาเป็นควายเลยเถอะ มาๆกูวาดมังกรให้ดู"

          "แต่เทมอยากดูพี่ม่อน..." เทมเสียงอ่อนอ่อย

          "มัง-มังกรที่ใส่ชุดโดเรม่อน!" ไอ้น้ำรีบเปลี่ยนคำพูดทันที

          "มังกรที่ใส่ชุดโดเรม่อนเหรอ โห โห!"




          บางครั้งมองไม่เห็น ไม่ใช่ว่ามันหายไป
มันคงจะต้องใช้เวลา กว่าแผลจะเป็นเพียงแค่รอยแผล


          ผมมองหน้าเทมอยู่นาน เห็นเขากำลังสนใจไส้เดือนที่ไอ้น้ำวาดอยู่อย่างตื่นเต้น ถึงได้ยอมถอนสายตาออก หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา พิมพ์ข้อความไปหาใครหลายคน



ผมอยากแบ่งปันความทุกข์ทรมานที่คนรักของผมเจอ
และความทุกข์ของคนที่รักเขา แต่ทำได้เพียงเฝ้ามองอย่างผมรู้สึก
ว่ามันทุกข์ มันทรมาน มันเจ็บ มันปวดแค่ไหน


แบ่งปันกับมัน...คนที่ทำของรักของผมให้เป็นรอย


ไอ้พวกเศษสวะนั่น




To. Temp Doc. คุณหมอของเทม
เทมยังไม่หายดี สุดสัปดาห์เข้ามาหาเขาด้วยครับ



To. Бабушка คุณยาย
จะมีรอบบินพิเศษ กับของเล่นพิเศษ
เคลียร์ทางให้ผมหน่อยนะครับ



To. отец คุณพ่อ
หมดเวลาสนุกแล้วครับ ปล่อยพวกมัน
รวบตัวพวกมันมาให้ผม
ทั้งหมด



To. André
มิสเตอร์อังเดร ยังอยากได้มนุษย์ทดลองอยู่หรือเปล่าครับ
ผมจะส่งของเล่นไปให้ เล่นดีๆนะครับ
ผมอยากให้พวกเขาอยู่เป็นหนูทดลองนานที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้



ส่งไปไม่นาน คำตอบรับน่าพอใจจากทุกคนก็ส่งมาถึงผม ผมเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า



          การจะถึงจุดสูงสุด ไม่ใช่แค่เส้นทางสีขาวหรอกครับที่เราจะเดินผ่าน กลับกัน สีดำต่างหากที่เราต้องใช้มันปีนป่าย ไม่มีสีขาวล้วนที่ไร้การแปดเปื้อนนั่งอยู่ยอดของบัลลังก์ ไม่ใช่คนดีที่สุดที่จะได้ครอบครองอำนาจ


          แต่เป็นสีดำเข้มที่ถูกย้อมอันแสนบริสุทธิ์ต่างหาก


          เจ้าบ้านของชาโรนอฟคนต่อไปอย่างผม ชอบเดินทางสายกลางเสียด้วยสิ ไม่ว่าจะขาวสุดขั้ว หรือดำสุดขีด สีเทาอย่างผมล้วนมีไว้ในกำมือ ไม่ใช่แค่ความรู้จากหนังสือในตำราหรอกครับที่ผมถูกสอนมา ระบบนอกตำรา ผมก็ได้มาเพียบพร้อมเช่นกัน ถ้าเราไม่รู้ขอบเขตของอำนาจที่เราจะได้ปกครอง มันก็คงยากที่จะควบคุม ถูกไหมครับ?




ผมไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีทิฐิกับเขา  แต่ผมมีมันเต็มเปี่ยมสำหรับคนอื่น


ผมไม่ชอบการล้อเล่น ไม่ชอบการถูกล้อเล่น 


ผมไม่ชอบความเจ็บปวด  ไม่ชอบให้เขาเจ็บปวด


ผมเกลียด ผมโกรธ ผมต้องการหาคนรับผิดชอบ

และผมจะไม่ทนอีกต่อไป


ผมเป็นชาโรนอฟ
และความโกรธของชาโรนอฟต้องมีที่ลงเสมอ



ความเมตตาอาดูรของผม มีไว้ให้คนคนเดียว




และแน่นอน....ว่าไม่ใช่สำหรับพวกมัน









          หลายอย่างประเดประดังเข้ามาในช่วงเช้า แผนการเรียบง่ายและตั้งใจไม่เล่นกลโกงในโรงเรียนของผมหมดลง ผมโทรไปหาประธานนักเรียนอีกคนที่อยู่ชั้นปีสูงกว่า


          "ผมจะอยู่สีเดียวกันกับเขา"

          [ ใจเย็นไอ้น้อง จะไม่เกริ่นอะไรก่อนเหรอ อย่างน้อยก็ฮัลโหลหน่อยเถอะ ]

          ทเนศพลหรือพี่เนศ ประธานนักเรียนชั้นมัธยมที่หกพูดกลั้วหัวเราะมาตามสาย

          "ใช้โปรแกรมที่ผมส่งให้แล้วกันนะครับ แค่นี้นะครับ"

          [ เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวๆๆๆ ขอข้อแลกเปลี่ยนด้วย ] ผมถอนหายใจเบาๆ ไม่อยากทำเลยครับ แต่ก็ไม่มีทางเลือก

          "สามตัวนะครับ 778"

          [ หึหึหึ เออ ขอบคุณมาก ใกล้ครบแล้วโว้ยยยย เบอร์น้องเปีย เยส! ]


          ครับ...ผมได้ทำการส่งเลขาของตัวเอง เป็นเครื่องบูชายัญสู่ความต้องการของตัวเองไปเรียบร้อย ผมได้ความแน่นอนของการอยู่สีเดียวกันกับเทมปุระกลับคืนมาอีกครั้ง เป็นไปได้ก็ไม่อยากเลือกทางนี้เลยครับ เพราะนางปีศาจจะต้องโยนงานใส่ผมเพียบแน่นอน เฮ้อ


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 27 * 9/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 09-10-2018 20:19:43
         

         ผมเพิ่งทราบกำหนดการวันจับฉลาก แล้วก็ต้องเบิกตาเล็กน้อย เพราะว่ามันเป็นวันนี้ตอนคาบบ่าย ฝั่งมัธยมปลายทำงานกันรวดเร็วจริงๆครับ คิดถูกแล้วที่ผมรีบตัดสินใจ ไม่งั้นน่ากลัวว่าเจ้านรกสิบสีที่เป็นแม่น้ำขวางกั้นระหว่างผมกับเทมคงยิ่งกว้างกว่าเดิม


          ปวดหัวจากจับฉลากแบ่งสี ยังต้องมาปวดหัวกับไอ้คู่แฝดคนละฝา ที่เลื่อนตำแหน่งตัวเองให้เป็นองค์รักษ์ของเทมอีก พวกมันทำตัวเป็นหมาหวงเจ้านายด้วยการเห่าใส่ทุกคนที่หันมาทักทาย แล้วเดินขนาบข้างซ้ายขวาเด็กน้อยของผม ตอนนี้พวกผมมานั่งที่โรงอาหาร เพื่อพักทานข้าวกลางวันกันครับ ที่นั่งประจำของพวกเรา เป็นสี่คนนั่งพอดี แต่ที่แปลกไปจากปกติ ก็คือ เทมกับผมจะนั่งข้างกัน และไอ้คู่เกลอจะนั่งฝั่งตรงกันข้าม แต่วันนี้พวกมันกลับจะลากเทมไปนั่งตรงกลางให้ได้เลยครับ ผมที่เดินไปสั่งข้าวให้เทม เดินกลับมาก็ต้องแทบจะคว่ำจานข้าวใส่หัวพวกมัน


          "อะไร มองอะไร ห้ามมองโว้ย!"

          "เทมมานั่งตรงกลางพวกกูนี่"

          "แต่-แต่ว่าเทมอยากนั่งกับหมูหย็องนี่ครับ" เทมปุระเสียงละห้อย

          "งั้นกูไปนั่งด้วย"

          "กูด้วยๆๆๆ"

          แล้วเทมปุระก็ยิ้มดีใจกลับมานั่งข้างผม ที่นั่งที่พอดีเสมอมาสำหรับผมสองคนกำลังแออัด และบดเบียด เมื่อไอ้เต้กับไอ้น้ำมานั่งเบียดด้วย

          "ไอ้หมูมึงเขยิบไปหน่อยดิ พวกกูจะตกเก้าอี้อยู่แล้ว!"

          "โอ้ย กูเหม็นมึงมากไอ้เต้ ไอ้ห่า มึงอาบน้ำป่ะเนี่ย!"

          "ถามไรโง่ๆอีกละ คนรักสะอาดอย่างกูก็ต้องอาบสิวะ เมื่อเช้าของสองวันก่อน"

          "ไอ้เหี้ย โคตรเน่า!"


          แล้วพวกมันก็เริ่มตีกัน ผมที่กำลังยัวะได้ที่ก็ทนไม่ไหว จูงมือเทมลุกออกจากเก้าอี้ หนีไปนั่งกันที่โต๊ะอื่น ปล่อยพวกมันสองคนตีกัน คิดเสียว่ากำลังมาดูละครลิงแล้วกันครับ


          "ทำไมวันนี้หมูหย็องให้เทมทานวัฟเฟิลได้ครับ!?" เทมปุระที่ตาเป็นประกาย นางฟ้าของผมกระพือปีกพึ่บพั่บท่าทางดีใจเอามากๆ ที่มื้อเที่ยงวันนี้เป็นวัฟเฟิลกับไก่ทอด ราดซอสเมเปิ้ลไซรัป ไม่มีผักสีเขียวเข้ามากวนใจเหมือนทุกวัน เขาแทบจะยกจานขึ้นมากอดอยู่แล้ว ผมยิ้มให้ภาพตรงหน้า

          "วันนี้เทมต้องเรียนพิเศษตอนเย็นไงครับ หมูเลยให้กำลังใจคนเก่ง" เหตุผลจริงๆก็ไม่ใช่แค่นั้น...

          "งั้น งั้น งั้น เทม เทมจะเรียนพิเศษ เรียนพิเศษอีกเยอะแยะ เอาแบบเยอะแยะเลยครับ"

          ผมหัวเราะให้กับเด็กชายผู้ชื่นชอบของหวานเสียเหลือเกิน อยากจะพยักหน้าตกลงให้สมกับแววตาคาดหวังนั่นอยู่หรอกนะครับ แต่ก็ต้องฮึดสู้ใจแข็งเอาไว้ ผมส่ายหน้าช้าๆ เทมปุระดูคอตก

          "เอาไว้วันเสาร์อาทิตย์ หมูจะพาไปเที่ยวนะครับ แล้วเราไปหาร้านขนมใหม่ๆทานกันสองคนดีไหม"

          "จริง จริง จริงเหรอครับ สัญญานะครับ" เทมปุระยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้า ดวงตาสีน้ำตาลช้อนสบกับดวงตาสีฟ้า ผมอมยิ้ม ยื่นนิ้วก้อยของตัวเองไปเกี่ยวกับเขา

          "ด้วยเกียรติของชาโรนอฟครับ"

          รอยยิ้มที่ผมแสนหลงรักถูกทอออกมา มันดูเจิดจ้ายิ่งกว่าหลอดไฟที่ติดอยู่บนเพดานโรงอาหารเสียอีก

          ผมกับเทมกำลังทานข้าวกันแบบผิดมารยาทและขนบธรรมเนียมที่ดี เพราะพวกเราทานข้าวเพียงมือเดียว ส่วนอีกมือที่อยู่ใต้โต๊ะ...ใช้ไม่ได้ครับ เพราะมือของผมและเขากำลังประสานแนบกันอยู่ นิ้วก้อยที่คล้องกันภายใต้ความวุ่นวายของโรงอาหารยามเที่ยง หากไม่สังเกตดูให้ดี ก็ไม่มีทางเห็น

          แม้จะดูลำบากในการทานมือเดียว

          แต่มันก็ไม่เป็นอุปสรรคอะไร เมื่อเทมกับผมสลับกันป้อนไปมา กลับกัน อาหารมื้อนี้กลับอร่อยขึ้นมากเลยครับ







           "เหม็นความรัก! / เหม็นความรัก!" มันก็จะดีจนจบอยู่หรอกครับ ถ้าไอ้ลิงผจญสองตัวไม่มานั่งแทรกพวกผมสองคน ให้ตายสิ...ผมน่าจะส่งข้อความไปให้สวนสัตว์ด้วย ลืมเสียสนิทว่ามีลิงสองตัวหลุดออกจากกรง มาสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น พวกมันหัวเราะคิกคักดูอารมณ์ดี ตัดกับผมที่หน้าเรียบตึง

          "ได้ยินแว่วๆ ไปไหนกันนะเสาร์อาทิตย์"

          "จับฉลากแบ่งสีกันตอนบ่ายนะครับ" ผมรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที ยอมละทิ้งมารยาทที่ร่ำเรียนมาหลายปี โยนมันออกไปให้ไกล โดยไม่สนใจ เพราะมันจะต้องเป็นเดท เดทของพวกผมสองคน ต้องเป็นเดทที่ไม่มีใครมายุ่งเกี่ยว ผมคิดไว้แล้วว่าเราจะออกต่างจังหวัดกันนิดหน่อย แบบไปเช้าเย็นกลับ แบบสองคน แบบสองคนเท่านั้น

          "เฮ้ย มึงพูดจริงป่ะเนี้ย จับฉลากวันนี้ แปลว่าอีกหนึ่งเดือนก็เริ่มแล้วดิ ทำไมมันเร็วจังเลยวะ เทอมนี้เริ่มโคตรไวอ่ะ งี้มันก็ทับซ้อนกันกับแข่งบาสระดับประเทศของกูอ่ะดิ โอ้ยย ซ้อมทั้งทีมตัวจริง ทั้งทีมสี ตาย กูตาย"

          "เห็นว่าเพราะรุ่นพี่ปีนี้ไปต่อต่างประเทศเกินครึ่งเลยน่ะครับ ทำให้เหลือเวลาอีกไม่เยอะมาก หลายงานก็ถูกจัดรวบมาในงานเดียวกัน ไม่แน่อาจจะได้เห็นงานลอยกระทงควบวันฮาโลวีนก็ได้"

          "ชิบหาย ภาพแม่นาคใส่โจงกระเบนมาลอยกระทงรอพี่มากลอยเข้ามาในหัวกูเลยอ่ะ" ไอ้น้ำที่กลัวผีขึ้นสมองทำท่าขนลุก มันนั่งเบียดกระแซะไอ้เต้เข้าไป จนโดนคู่แฝดตบเสียหัวสั่น

          "ไอ้ห่า อย่าเข้าใกล้กูเยอะ แค่นี้คนแม่งก็คิดว่ากูกับมึงได้เสียเป็นผัวเมียกันอยู่แล้ว"

          "หา คิดได้ยังไงวะ โอ้ย กูขนลุกยิ่งกว่าเจอผีไปอี้กกกก" ไอ้น้ำยื่นแขนที่ขนลุกจริงๆให้เทมดู เทมลองจิ้มดูก็ทำตาโต

          "ขนลุกสุดๆเลย" แล้วก็หยิบส้อมมาจิ้มแขนน้ำไม่หยุด เอ่อ...ก็ ไม่ผิดมารยาทมั้งครับ ปล่อยให้จิ้มไปแล้วกัน

          "เอออ่ะดิ โอ้ยยยย ไม่น่าล่ะ! กูก็ว่าทำไมตอนกูไปขอเบอร์น้องตาลเขาถึงบอกไม่อยากมีผัวเป็นเมียใคร กูก็งงตั้งนาน ว่ากูไปเป็นเมียใครตั้งแต่เมื่อไหร่ เฮ้ย เดี๋ยวนะ...เราทำไมกูถึงดูเป็นเมีย อย่างน้อยถ้าจะคิด กูก็ควรเป็นผัวป่ะวะ!?" ผมว่าประเด็นไม่ควรอยู่ตรงนั้นหรือเปล่าครับ อีกอย่างมันก็หล่อแบบน่ารักๆ พอยืนคู่กับไอ้เต้มันก็ อืม...
ผมว่าผมพอเข้าใจนะ

         
          "สังวรตัวเองหน่อยมึง ตัวเตี้ยเป็นเสาหลักกิโลจะมาเป็นผัวกู ไร้สาระ"

          "ส่วนสูงไม่มีผลในแนวราบโว้ยยยยย ไม่เชื่อมึงถามไอ้หมู มึงเป็นรุกใช่ไหมหมู!?" ผมขมวดคิ้ว ไหงอยู่ๆก็วกเข้ามาที่ผมล่ะครับ

          "ไม่จริง ไอ้หมูอ่ะรับ กูรู้ กูสัมผัสได้"

          "ไม่จริง มึงรุกใช่ไหมหมู! บอกมันไปสิ"

          "ไม่ใช่ ไอ้หมูเป็นรับ!"

          "รุก!"

          "รับ!!"

          "รุก!!!"

          "รับ!!!!!"







          ครับ ผมลุกครับ







          ....ลุกหนีจากพวกมันนี่แหละครับ....










          ผมจูงมือเทมเดินออกมาจากหัวข้อรุกรับของพวกมัน น่าอายขายขี้หน้ามากครับ แหกปากเสียงดังลั่นโรงอาหาร ไม่มีความบางของใบหน้าเลยสักนิด นี่คิดว่าถ้าเกิดสงคราม ก็ไม่ต้องสร้างโล่ก็ได้นะครับ มาลอกหนังหน้าของพวกมันไปใช้กันกระสุน ผมว่าประสิทธิภาพน่าจะไม่หนีต่างกันเท่าไหร่ เผลอๆหนากว่าดีกว่าอีกต่างหาก

          ทำไมคุณป๊าต้องเอาพวกมันมาเป็นเพื่อนผมด้วยก็ไม่รู้ ผมได้แต่ถอนหายใจในใจเป็นรอบที่ล้านของวัน



          การจับฉลากสีเริ่มขึ้นตอนคาบที่ห้าของวัน อาจารย์ให้ทุกคนล็อกอินเข้าเว็บบอร์ดของโรงเรียน เพื่อเข้าไปกดสุ่มสี

 แน่นอนครับ ความวุ่นวายบังเกิด เมื่อทุกคนมีสีที่อยากอยู่ ต่างคนต่างลุกขึ้นมาประกอบพิธีกรรมพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์และไสยศาสตร์ที่ตัวเองเชื่อทันที


          ไอ้น้ำหยิบไข่ต้มสิบฟองขึ้นมาวางบนโต๊ะ มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาวางคู่กัน


          อา ผมบอกไปน่ะครับ ว่าสภาฝ่ายมัธยมปลายเป็นคนรับผิดชอบ ไม่ใช่ผม ให้พึ่งดวงของตัวเองเอา
          ที่ไม่บอกก็เพราะข้อหาที่มันทำตัวน่าอับอายกลางโรงอาหารน่ะครับ พอมันได้ยินแบบนั้นเข้าก็วิ่งตาลีตาเหลือก ไปแก่งแย่งกับกลุ่มเด็กนักเรียนที่กำลังเข้าแถวยื้อแย่งซื้อไข่ต้มทันทีทันใดเลยครับ แต่มันได้มาไม่ครบ ได้ไข่ไก่มาเก้าฟอง ที่เหลือหมด เลยได้ไข่นกกระทามาอีกฟอง

          "ฮือ เทพเจ้าเห็นใจลูกด้วย ลูกวิ่งไปซื้อไม่ทัน ขอติดไว้ก่อน แปะโป้งไว้ก่อนอ่ะ ทำคำขอให้ลูกก่อน เดี๋ยวซื้อส่งไปให้ทีหลัง เอาไข่นกอีมูเลยก็ได้" ไอ้เต้มองเหยียดเพื่อนเกลอของตัวเอง

          "ไอ้น้ำ มึงแม่งไร้สาระ งมงาย!"

          "โอ้ยยย ไอ้คนไม่งมงาย!"


          ไอ้เต้คนไม่งมงาย 2018 มันไม่มีหรอกครับไข่ต้ม หรือของเซ่นไหว้ แต่มันมาเป็นองค์เลยครับ...มันวิ่งแหกโค้งไปขโมยมาจากห้องชมรมศาสนา เต้คนไม่งมงายไม่ได้เอามาแค่หนึ่งนะครับ มันเอามาทั้งไม้กางเขน พระพุทธรูปและพระถังซั่มจั๋ง กระทั่งไม้ปัดฝุ่นมันก็เอามา...เอามาทำไมของมันครับ ผมอยากจะรู้ มีศาสนาไหนนับถือไม้ปัดฝุ่นหรือครับ


          "มึงเอาไม้ปัดฝุ่นขนไก่มาทำไรวะไอ้เต้" ไอ้น้ำดูสงสัยในหัวข้อเดียวกับผม เอ่ยถามมันขึ้น

          "ไอ้ห่า ลบหลู่! นี่ไม่ใช่ไม้ปัดฝุ่นธรรมดา!"

          "หะ...ไม่ธรรมดายังไงวะ ห้องเราก็มีเนี่ย นั่นไง ในตู้เก็บไม้กวาดหลังห้องน่ะ"

          ไอ้เต้เชิดหน้าขึ้น คล้ายปราชญ์ผู้รอบรู้กำลังเขม่นมองคนด้อยปัญญา

          "นี่เป็นไม้ปัดฝุ่นขนไก่ที่ลงอาคมเมื่อสี่ร้อยปีก่อน ที่ผู้อำนวยการของเราไปประมูลมาไว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่โรงเรียนโว้ยยยยยยยยยยยย!"




          พวกผมมองมันนิ่ง มองมันด้วยดวงตาไร้แวว มองเหมือนมันเป็นธาตุอากาศ ปล่อยให้คนท่าทางมั่นใจในพลังไม้ปัดฝุ่นกราบไหว้ต่อไป ไอ้น้ำเลิกสนใจไอ้คนไม่งมงาย 2018 แล้วกลับไปหมกมุ่นกับพิธีกรรมของตัวเองต่อ

          "ขอให้ได้สีเดียวกับไอ้เทมไอ้หมู ไม่เอาสีที่แพ้ ถ้าไม่ได้อยู่สีเดียวกับเพื่อน ก็ขอสีที่ชนะครับ สาธุๆ เห็นแก่ไข่นกอีมูในอนาคต ช่วยผมด้วยนะครับ สาธุๆ"

          "ขอให้พลังเทพมังกรที่สิงสถิตในไม้ขนไก่พันปี มอบพลังให้ผมไม่ต้องอยู่สีเดียวกับไอ้พวกซ้อมโหด และไม่อยู่สีเดียวกับโค้ชด้วยครับ โอมมมมมมม เพี้ยงๆๆๆ" เดี๋ยวนะครับ เมื่อกี้มันบอกสี่ร้อยปีไม่ใช่หรือ ไหงจู่ๆก็เก่าแก่กว่าเดิมไปตั้งหกร้อย แล้วเทพมังกรที่กระจอกขนาดถูกไม้ปัดฝุ่นจับกุมได้ จะช่วยอะไรไหวหรือยังไงนั่นน่ะ...เอาตัวเองให้รอดก่อนดีไหมครับ...




     ผมเบือนสายตาหนีจากพวกมันด้วยความรำคาญ เจอเด็กน้อยที่กำลังขมวดคิ้วแน่น อา ผมก็ไม่ได้บอกเทมเหมือนกันครับ ยังหาจังหวะบอกเขาไม่ได้ ขณะที่ผมกำลังจะก้มลงไปกระซิบบอกเขา ว่าไม่ต้องกังวลไป ยังไงเราก็ได้อยู่สีเดียวกัน เทมก็เงยหน้าพรวดขึ้นมา


          "หมูหย็อง หมูหย็อง อยากอยู่สีอะไรครับ" ผมงงๆ แต่ก็ตอบเขา

          "เอ่อ สีฟ้ามั้งครับ เทมชอบสีฟ้านี่น่า"

          "งั้น งั้น งั้นก็สีฟ้านะครับ งั้น งั้น ขอมือหมูหย็องหน่อยนะครับ" ผมนึกว่าเขาจะขอกำลังใจแบบทุกที จึงยื่นส่งไปให้เขาง่ายๆ เทมปุระกำมือผมแน่น จู่ๆเขาก็ลงไปนั่งคุกเข่าต่อหน้าของผม ผมตกตะลึง

          "อะ-เอ่อ...เทมครับ?"



เทมคุกเข่า เอาหน้าผากแนบกับฝ่ามือของผม ท่าทางของเขาราวกับภาวนาต่อพระเจ้าของตัวเอง



          "ขอให้เทมกับหมูหย็องได้อยู่สีเดียวกันนะครับ ขอ ขอให้เราสองคนอยู่ด้วยกัน เทม เทม เทมขาดหมูหย็องไม่ได้นะครับ ขอให้เราได้อยู่ด้วยกันเถอะนะครับ"

          เขาหลับตาปี๋ พูดพึมพำไปมา แล้วค่อยๆลุกกลับขึ้นมานั่ง ผมมองใบหน้าของเขาด้วยความมึนงง

          "เทมทำอะไรครับ" ผมถามเด็กน้อยด้วยความตกตะลึงที่ยังกระจายตัวอยู่ทั่วสมอง เด็กน้อยของผมเอียงคอ ถามเสียงซื่อ

          "ทำแบบเต้กับน้ำไงครับ อธิษฐานกับสิ่งที่ตัวเองเชื่อไม่ใช่เหรอครับ?" ครั้งนี้เทมถามเสียงตกใจ เมื่อเห็นผมสามคนมองเขางงๆ ใบหน้าของคนพูดขึ้นสีแดงแปร๊ด เมื่อรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิด

          "ก็ ก็ ก็ ก็ เห็นเต้กับน้ำบอก" เทมเอ่ยบอกตะกุกตะกัก

          "ช-เชื่อสิ่งไหน ก้อ ก็ขอกับสิ่งนั้น เทม เทมเชื่อแค่หมูหย็อง ก็เลย...มาขอกับหมูหย็องนี่ครับ"


          อา...ให้ตายสิ จู่ๆผมก็รู้สึกอยากจะระเบิดตัวเองขึ้นมาเสียแบบนั้น
ไม่เชื่อใคร เชื่อแค่ผม เหนือกว่าความเชื่ออะไรทั้งหมด คือเขาเชื่อผม ผมเป็นความเชื่อใจเพียงหนึ่งเดียวของเทมปุระ
          ถ้อยคำหวานหูนี่มันบ้าอะไรกันนะ ให้ตายเถอะ



ผมกุมมือเขาขึ้นมา จรดจูบชั่วเสี้ยววิ ก่อนจะลดมือลง กระชับมือเขาแน่น ทอดสายตาจริง

          "คำปรารถนาของเทม จะเป็นจริงทุกประการครับ ไม่ว่าจะเป็นอะไร ไม่ว่าจะต้องการอะไร อยากได้อะไร แค่บอกหมูนะครับ ทุกอย่างที่เทมต้องการ หมูจะมอบให้ หมูจะทำให้มันเป็นจริงเอง ...เชื่อหมูนะครับ"

          เทมปุระที่ยังคงหน้าแดง ยิ้มกว้างมาให้ผม พยักหน้าหงึกหงัก ในสายตาไม่มีความลังเลหรือข้อกังขาใดๆ

          เขาตอบรับฉะฉาน "ครับ เทมเชื่อหมูหย็อง"





คำขอแรกของเทมปุระเป็นจริงในอีกไม่กี่นาทีต่อมา





               เทมปุระกับผม พวกเราได้อยู่สีฟ้า



                    ....สีเดียวกันครับ...











end 27 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง


ยังยืนยันว่าเป็นนิยายใสๆนะคะ!
แต่เสี้ยนตำใจยังไงก็ต้องบ่งออก อะเฮือกกกก
ทำไมทุกคนน่ารักจังเลย งื้ออออ กำลังเยอะแยะเลย
กอดดดดดด หนุบหนับหนุบหนับ



   
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 27 * 9/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 09-10-2018 20:25:30


ตอบคุณ Mizunoe
@ ดีใจมากค่ะที่ได้เป็นเมนท์แรกของคุณ Mizunoe
ดีใจและขอบคุณมากๆจากใจจริงๆค่ะที่ชอบเด็กๆ และทุกตัวละคร TvT///
มองเด็กๆอย่างถี่ถ้วนขนาดนี้ รู้สึกปลื้มมากค่ะ

อ้างถึง
ชื่อน้องเทมปุระในภาษาญี่ปุ่นตัวหน้าใช้ตัว 天 ที่แปลว่าท้องฟ้า/สวรรค์
ซึ่งเหมาะกับน้องมากๆๆ ไม่ทราบเป็นความตั้งใจของคนแต่งด้วยหรือเปล่าคะ

* สปอยนะคะ ถ้ายังไม่อยากทราบเลื่อนผ่านได้เลยค่า *

 :o8:

ช-ช-ใช่เลยค่ะ...

เทม 天 จาก ชื่อเต็ม เทมปุระ 天ぷら, 天麩羅

天  ที่เรียกเทมสั้นๆ ก็แปลว่า ท้องฟ้า/สวรรค์
= โยงที่เจ้าตัวชอบสีฟ้าด้วยค่ะ

นอกจากนั้นก็มีความหมายแฝง คือ

天 จาก 天秤座 = ราศีตุลย์ = เทมเกิดเดือนตุลา วันฮาโลวีนค่ะ วันแจกขนม 55555
天 จาก 天の与え = ของขวัญที่ได้รับประทานมาจากสวรรค์ = ชื่อจริงของเทม ฟ้าประทาน

และ 天 จากอีกหลายอย่างเลยค่ะ

นี่ช็อคคุไปสิบวิเลยค่ะ ไม่นึกว่าจะโดนจับได้เร็วขนาดนี้ ฮืออออ เพราะดิมิทรีแท้ๆเลยเชียว ฮา
^v^)b สุดยอดเลยค่ะ เราก็กำลังคิดเลยว่าจะมีใครจับได้ไหมน้า จะจับกันได้ไหมน้า
ส่วนที่ที่จริงต้องอ่านว่าเทน ก็เปลี่ยนตามภาษาไทยค่ะ เอาเป็นเทมดีกว่า ดูน่ารักๆดี ฮา
เราไม่ได้รู้ภาษาญี่ปุ่นนะคะ แต่ตอนคิดชื่อจู่ๆก็อยากได้ชื่อแปลกๆ แต่ความหมายดีๆ
เลยค้นหาแล้ว บังเอิญเจอพอดีเลยค่ะ

อ่านเจอ ปล.นี่ขำเสียงดังเลยค่ะ 5555555 กรี๊ดดดด เอาใจช่วยหมูหย็องด้วยนะคะ


________________________________________________



ตอบคุณ Meen2495
@ น้องหวงแรงใจของเทมหนักมาก
กลัวใจน้องจับฉลากได้คนละสีแล้วจะถล่มงานจริงๆ
นั้นสินะคะ หมูหย็องวิ่งเร็ว วิ่งไปบอกคุณป๊าให้ช่วยบอกเร็ววววว

ระดับความอวยของเทมปุระที่มีให้หมูหย็องสุดเท่
นี่ไม่น่าจะแค่ป้ายนะคะหนูว่า หมูหย็องน่าจะเทอาบเป็นถังปี๊บเลย 5555
้เฮียจำปาบอก ขอออกมาเช็คกระแสความนิยมหน่อยค่ะ กลัวคนอ่านจะลืมมม


________________________________________________



ตอบคุณ Noname_memi
@ อย่างน้อยเราก็ได้เจอกันนะคะ! ช้าๆแต่ก็เจอค่ะ
อย่าลืมมาติดตามเด็กๆนะคะ ^_^


________________________________________________



ตอบคุณ suikajang
@ หนีเราไปเที่ยวนี่เองงงงงงงงงงงงง ฮืออออออออออออ
หมูบอกจะหนีไปสร้างที่ไม่มีใครเข้าถึง ลักพาตัวเทมหนีไปเลยค่ะ 555
จำปาบอกขอบทหน่อย กลัวคนลืม


________________________________________________



ตอบคุณ Lautenyu
@ ลาสบอสตัวนี้ปราบไม่ได้นะคะนอกจากเทม เอาไม่ลงค่ะ ทำได้แค่ยืดเวลา 555


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 27 * 9/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 09-10-2018 21:24:23
โหยยยยย...น้องหมูโหดมากและไม่สนโลกขั้นรุนแรง ใครจะเป็นไงก็ช่าง สนอยู่คนเดียวคือน้องเทม :กอด1: รองมาคงครอบครัว
แหมๆๆๆๆๆ อยู่ในใจเสมอ เหม็นความรักเวอร์วังมากจ้า แต่หมูหยองเขาศักดิ์สิทธิ์จริงๆ นะ ต้องถวายน้ำแดง เอ้ยต้องถวายกาแฟ
ของเคียงคือน้องเทมผูกโบว์ต้องสีฟ้าด้วย  :hao7: รู้สึกว่าเทมเทมจะขยันทำดาเมจตลอด บางทีรุนแรงเกิ๊นจนหมูหลุด  :m20:
รอชมกีฬาปิ้งแดด เอ้ยกลางแดดจ้า
   :L2:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 27 * 9/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 09-10-2018 23:39:40
โหยยยยยย ตาย ๆ พี่หมูตาย
น้องเทมโจมตีใส ๆ แบบไม่แจ้งล่วงหน้าแบบนี้
ทั้งพี่หมู ทั้งป้า (คนนี้) ยอมน้องเทมหมดใจเลยลูก

แล้วก็สงสารพี่หมูจริง ๆ
อยู่บ้านเจอจำปา มาโรงเรียนเจอแฝดเพื่อน เฮ้อออออออ

ตอนนี้ดีงามทั้งตอนเลยค่ะ
แต่ที่กระชากใจที่สุดคือ ตอนน้องมุดโต๊ะ ... สงสารมาก
ยิ่งตอนโกหกเรื่องหายางลบ ใจร่วงลงไปตาตุ่มเลย
เฮ้อ ไอ้พวกนั้นสมควรต้องจับส่งข้ามประเทศ

รอตอนต่อไปนะคะ รอคู่รักเขาไปเดทกัน
แม้จะแสงริบหรี่ แต่ป้าก็ขอว่า
อย่ามีมารผจญตามไปด้วยเลยนะคะลูกกกกกกก 555+
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 27 * 9/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 10-10-2018 01:31:54
 :ling1:โอ๊ยยยย....น้องเทม น่ารักมากกกกกก มายยยยยย ...  :ling1: :ling1:  เชื่อหมูหยองเลยขอกับหมูหยอง...  :hao7: น่ารักกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 27 * 9/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 10-10-2018 09:08:58
โอ๊ย...ใจ๋อีแม่บ่าดี๋ น่าฮักขนาด

เทมมมม ทำไมน่าฟัดแบบนี้  เข้าใจเลยทำไมหมูทั้งรักทั้งหวง

ปล.แอบรำคาญสองลิงนั่นจริงๆ. 555
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 28 * 10/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 10-10-2018 19:37:00





28






          วันนี้เป็นวันศุกร์ เป็นวันสุดท้ายที่จะมีการเรียนครบชั่วโมง ก่อนที่สัปดาห์หน้า จะเริ่มเข้าสู่ช่วงกีฬาสีเต็มตัวของสิงหสารสารทวิทยาแล้วครับ เวลาหลังจากบ่ายหนึ่งเป็นต้นไปในระยะเวลาหนึ่งเดือน การเรียนจะถูกงด เพื่อเวลาจะถูกใช้ไปกับการซ้อมเตรียมตัวแข่งขัน


          ส่วนตอนนี้ อาจารย์ที่ต้องมาสอน เกิดมีธุระกะทันหัน เลยให้พวกเราเรียนด้วยตัวเองกับสื่อการเรียนรู้ครับ แน่นอนว่าโทรทัศน์ที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ไม่มีนักเรียนคนไหนให้ความสนใจ อาจารย์ผู้ช่วยคนอื่นๆเล็งเห็นว่าใกล้ถึงงานกีฬาสี ก็ยอมปิดตาข้างหนึ่ง ปล่อยพวกผมตามใจชอบ   
           
          มันกลายเป็นคาบอิสระไปทันที 

          ผมนั่งใช้คาบว่างให้เป็นประโยชน์ ด้วยการตรวจแผนงานปีนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง ไม่อยากให้มีข้อบกพร่องตรงไหนโผล่ออกมาในวันจริงครับ กำหนดการคร่าวๆของอาทิตย์หน้าจะเริ่มเป็นการหาตัวนักกีฬา และกำหนดธีมเชียร์ของแต่ละสี หวังว่าเทอมนี้จะไม่มีใครขอธีมหนังโป๊เข้ามาอีก ไม่งั้นผมจะตัดงบประมาณให้เหี้ยนเลย คอยดู...

         
           ปีนี้เป็นปีแรกที่ผมจะลงมาแข่งขันด้วยครับ ปกติจะใช้อำนาจของประธานนักเรียนลอยตัวหนีตลอด เป็นกรรมการตัดสินมาหลายปี เพราะไม่อยากเสียเหงื่อ และที่สำคัญเอาเวลาไปเฝ้าเทมฝึกซ้อมดีกว่า
          แต่ครั้งนี้คงจะกลายเป็นเทมที่ต้องมานั่งเฝ้าผมแทนแล้วล่ะครับ เพราะผมจะเป็นนักกีฬาแทนเสียเอง คิดภาพเทมมานั่งเชียร์อยู่ข้างสนามแล้วก็รู้สึกถึงแรงฮึดขึ้นมาเลยทีเดียว


          เทมปุระนั่งระบายสีเล่นอยู่ข้างๆผมครับ ผมเพิ่งสั่งสีแบบใหม่มาให้เขาเพิ่มหลากหลายแบรนด์ ดูเทมจะติดใจยี่ห้อหนึ่งของเยอรมันเป็นพิเศษ ช่วงนี้เจ้าตัวค่อนข้างชอบใช้สีน้ำน่าดู พอองค์ชายน้อยเข้าสู่โลกส่วนตัวแล้วก็จะไม่สนใจอะไรเลยครับ ผมเลยทำงานได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะได้ยินการเถียงกันด้วยถ้อยคำไม่สุภาพของไอ้สองหน่อที่ลากเก้าอี้มานั่งกับพวกผม


          "สงสารเขานะครับ พวกนอกคอก" ไอ้น้ำที่อารมณ์ดีสุดๆมาสองวันแล้ว เพราะมันสมหวังกับการอยู่สีเดียวกันกับผมและเทม เจ้าคนตัวเล็กที่สุดของกลุ่ม ยังคงแซะเพื่อนสนิทของตัวเองไม่หยุด ไอ้เต้ที่ได้อยู่สีอื่นเพียงคนเดียวกรอกตาหมุนวนไปมาด้วยความเบื่อหน่าย ขอแค่มีเวลาว่าง ไม่ว่าจะแค่สิบนาทีหรือสองนาที ไอ้น้ำก็ขุดขึ้นมาพูดโอ้อวดตลอด


          "มึงเอาเวลามาทับถมกู ไปหาไข่นกอีมูมาเซ่นไหว้เถอะ"

          "กูเอามาแล้ว ไข่จิ้งจกที่ชื่อมูไง อีมูอ่ะ!"

          "แบบนี้ก็ได้เหรอวะ..."

          "ได้!"

          ไอ้เต้ทำหน้าเอือมระอาใส่แฝดคนละฝาของตัวเอง


          สุดท้ายผมก็เอาไอ้น้ำมาอยู่ช่วยดูแลเทมครับ เพราะเทมคงจะมาหาผมตลอดเวลาไม่ได้ ถ้าไม่ใช่นักกีฬา อย่างที่บอกว่าที่นี่ค่อนข้างจริงจังมากกับกิจกรรม การซ้อมทั้งของนักกีฬาและทีมเชียร์ จะไม่ให้คนนอกเข้าเลยเด็ดขาด เก็บเป็นความลับกันสุดๆ สแตนด์เชียร์ยิ่งแล้วใหญ่ จะรู้รูปร่างบางทีก็เจ็ดวันสุดท้ายเลยครับ

          แต่ผมก็แอบเช็ครายชื่อสมาชิกสีทั้งหมดแล้วเรียบร้อย สบายใจขึ้นมาก เมื่อรู้ว่าปีนี้หญิงก็อยู่สีฟ้าด้วย ถ้ามีหญิงอยู่ด้วย ทุกอย่างน่าจะราบรื่น เด็กในสีก็ไม่มีพวกเกเรเป็นพิเศษ รุ่นพี่ในสีก็ถือว่าเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตา ความประพฤติไม่มีใครที่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ



          "หือ... เทม มึงใส่นาฬิกาด้วยเหรอวะ" ไอ้เต้สะกิดเรียกเทมขึ้นมาถาม เมื่อเห็นสิ่งแปลกปลอมบนร่างกายเพื่อนสนิทอีกคนของตัวเอง ปกติเด็กน้อยของผมจะไม่ชอบใส่เครื่องประดับครับ เพราะทำอะไรไม่สะดวกเจ้าตัวเขา แต่ตอนนี้บนข้อมือที่มักจะว่างเปล่า กลับมีนาฬิกาเรือนสวยสวมอยู่


          เทมดูงุนงง ใบหน้าไร้เดียงสาหันไปมองนาฬิกาบนฝาผนังหน้าห้อง ก่อนที่ไอ้เต้จะส่ายหัวแล้วชี้ไปที่ข้อมือตัวเอง


          "ครับ? นาฬิกา?...อ๋อ อันนี้หมูหย็องให้เทมใส่ไว้ครับ หมูหย็องบอกว่าถ้ามีอะไรให้กดตรงนี้ แล้วหมูหย็องจะมาหา" เทมชูมือขึ้น ทำท่าคล้ายจะแปลงร่างให้พวกผมดู

          ทั้งๆที่ปกติไม่ชอบใส่ แต่พอเป็นของที่ผมให้ ก็ทะนุถนอมเป็นอย่างดี

          "มันต้องขนาดนี้เลยใช่ไหมวะ โอ้โห กี่สิบล้าน ไหนพูด!"

          "เวอร์ไปครับเต้ ไม่ถึงสิบล้านสักหน่อย" ใช่ครับ แค่ห้าล้านกว่าๆเท่านั้น อา...เขาไม่ได้ถามราคารวมทั้งหมดทุกเรือนที่ผมสั่งทำ แล้วก็ไม่นับเงินที่เสียไปเพราะลัดคิวทำใช่ไหมครับ เพราะผมเลือกไม่ได้ สีไหนเทมปุระก็น่าจะใส่สวยทั้งนั้น เลยสั่งมาเสียหลายเรือน หลายรุ่น หลายแบบ....


          นาฬิกาเรือนสีฟ้าขาวที่เทมสวมอยู่ เป็นนาฬิกาที่ผมสั่งทำพิเศษ ถ้าเขากดเรียก นอกจากจะส่งสัญญาณเข้าโทรศัพท์ของผม และบอดี้การ์ดที่เตรียมพร้อมอยู่นอกโรงเรียนแล้ว มันก็วัดชีพจรของเขาตลอดเวลา ถ้ามีอัตราการเต้นของหัวใจ ความดัน ชีพจรที่ผิดปกติ มันก็พร้อมกรีดร้องส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปที่โรงพยาบาลทันที

          ไม่ทำหน้าที่เพียงบอกเวลา เหมาะแก่การให้คำจัดกัดความว่าเป็นอุปกรณ์ขอความช่วยเหลือ แบบเบ็ดเสร็จครอบคลุมเสียมากกว่า ราคาที่เสียไปรวมถึงสัญญาพิเศษกับตำรวจหลายสิบประเทศ ถ้าเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้นในต่างแดน หน่วยพิเศษจะเข้ามาช่วยเหลือทันที

          และต่อให้ไปในที่อโคจรแค่ไหน พื้นที่อับ หุบเหวกว้าง ใต้ทะเลลึก ระดับความดันน้ำที่ทนต่อการใช้งานได้ก็ลึกมากครับ ก็ไม่ต้องเป็นห่วง ต่อให้หลงไปไกลแค่ไหนมันก็จะยังคงทำงานได้ครับ โลหะพิเศษที่เบาแต่แข็งแกร่งมาก และเป็นชิปแบบเดียวกันกับในฟันของผม

               เป็นอุปกรณ์พิเศษที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใช้ในกองทัพระดับสูง



          "ไหนกูดูหน่อยๆ เฮ้ยยยยย คุณพ่อกูก็เก็บสะสมยี่ห้อนี้นะ ทำไมไม่เคยเห็นรุ่นนี้วะ"

          นอกจากการใช้งานที่หลากหลาย ก็แพงเพราะยี่ห้อที่มารับทำให้ด้วยครับ เป็นแบรนด์เก่าแก่ที่ราคาค่อนข้างจะเอาเรื่อง รุ่นที่ถูกที่สุดก็แสนกว่าบาท แต่ก็คุ้มกับความงามประณีต ไม่มีบาทไหนที่เสียไปแล้วให้รู้สึกไม่คุ้มค่า ทุกสัดส่วนดูลงตัวและยิ่งดูดียิ่งขึ้นเมื่ออยู่บนข้อมือแกร่ง ผมมองอย่างพอใจ ก่อนจะหันไปตอบน้ำ พร้อมค่อยๆปัดมือมันออกจากข้อมือของเทมปุระ ...จะจับนานเกินไปแล้วครับ

          "เป็นคอลเลกชั่นสั่งทำพิเศษน่ะครับ ไม่ได้วางขายทั่วไป"

          "ขอถ่ายรูปไปให้คุณพ่อดูแป๊บ คุณพ่อกูต้องไปกรี๊ดกับหม่อมแม่แน่ๆอ่ะ" ไอ้น้ำตาเป็นประกาย ส่วนเจ้าของนาฬิกาตัวจริงกลับให้ความสนใจกับการระบายสีตรงหน้ามากกว่า

          "หมูหย็องครับ หมูหย็อง ดูรูปนี้สิครับ เทมระบายได้ไม่ออกนอกเส้นเลยนะครับ" เทมชูภาพที่เขาระบายเสร็จล่าสุด ยิ้มกว้าง พร้อมทำสีหน้ารอคอยคำชมจากผม ผมเช็ดแก้มเขาที่เปรอะสีน้ำด้วยผ้าเช็ดหน้า ก่อนจะเอ่ยคำที่ทำให้เจ้าตัวพอใจ และยิ้มกว้างกว่าเดิม

          "สวยมากครับ เทมเก่งมากเลย" เทมยืดอก ดูภูมิใจมากที่ผมชมเขา

          "มึงทำอะไรแล้วมีไม่ดี ไม่เก่ง ในสายตาไอ้หมูด้วยเรอะ..." ไอ้น้ำเบะปากพึมพำ

          "แล้วมีใครจะลงกีฬาสีบาสไหมวะ สีมึงเอาใครลงล่ะ"

          "บอกได้ที่ไหนวะไอ้ห่า โดนแหกอกพอดี"

          "ทีพวกมึงยังรู้เลยว่ากูลงแข่ง!"

          "มึงบอกพวกกูเองไหมล่ะ อีกอย่างก็แลกกันไง มึงก็รู้ว่าไอ้หมูจะลงแข่งวิ่งวิบาก"

          "ใช่ครับ ใช่ครับ หมูหย็อง หมูหย็องจะชนะด้วย เพราะหมูหย็องเก่งที่สุดเลย" ภูมิใจยิ่งกว่าการระบายสี เจ้าตัวฉีกยิ้มกว้างแสนมั่นใจในตัวผม

          "ปกติกูต้องแซะนะ แต่สีเดียวกัน เพราะงั้นไม่แซะจ้า ชนะแน่นอน"

          "มึงอย่ามาดูถูกสีแดงของกูนะ สีแดงคือสีของพระเอก สีของผู้ชนะโว้ยยยยยยย"

          "ปีก่อนสีแดงได้รองโหล่ไม่ใช่เหรอวะ...."

          "นั่นมันปีก่อนที่ไม่มีกูเป็นสมาชิกไง!"


          ปีแรกของการร่วมกิจกรรมกีฬาสีของผม ผมไม่อยากอยู่สีที่ไม่เป็นที่หนึ่งครับ สีฟ้าปีนี้ภาษีด้านนักกีฬาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คิดว่าน่าจะต้องซ้อมเยอะมาก กลับกันสีแดงที่ไอ้เต้อยู่ ได้คนมากความสามารถทางกายภาพไปเยอะทีเดียว แต่ก็ดูเป็นตราชั่งที่เอนเอียง เพราะมีความสามารถแต่ดูไม่ค่อยมีสมอง...


          สีที่ผมคิดว่าทุกอย่างดูสูสีและน่ากลัว น่าจะเป็นสีส้ม สีเขียว และสีดำครับ สามสีนี้ได้ค่าเฉลี่ยสมาชิกดีมาก ตัวหมากที่ได้ไปล้วนดูเก่งกาจ คนเดินหมากก็ดูเป็นพวกเชี่ยวชาญ ตัวหมากที่เก่งกาจและคนบังคับที่ฉลาด ต้องเป็นอะไรที่ไม่ใช่จะโค่นได้ง่ายๆ ทางสีอื่น เฉลี่ยแล้วตัวแกนนำไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ ตัวเดินเกมก็เป็นเบี้ยธรรมดา

          แต่ผมก็จะไม่ประมาท ผมไม่ใช่คนครึ่งๆกลางๆ ที่สามและที่สองไม่ใช่เป้าหมายของผม

          ต้องที่หนึ่งเท่านั้น



          "หมูหย็องครับ หมูหย็องครับ พรุ่งนี้เราค้างคืนไหมครับ" เทมที่หยิบกระเป๋าเป้สีฟ้ามาสะพายและถือกระเป๋าของผมหันมาถาม ผมบอกเขาเมื่อคืนครับ ว่าพรุ่งนี้จะพาไปเที่ยว แต่ยังไม่ได้บอกรายละเอียด กะว่าจะให้เขาเซอร์ไพรส์ อาการย้ำคิดย้ำทำของเทมปุระ ทำให้เจ้าตัวตื่นเต้นสุดๆ วนเวียนคิดไปมา แทบจะถามผมทุกชั่วโมง

          ท่าทางกระตือรือร้นที่ซักถามตลอดเวลาของเขา ไม่ได้น่ารำคาญเลยสักนิด แต่ดูน่ารักน่าชังที่สุดในสายตาของผม คำถามของเด็กน้อย ผมเต็มใจตอบเสมอ


          แต่เทมจะถามหมูตอนนี้ไม่ได้นะครับ ตอนที่ไอ้สองแฝดกางเรดาห์จับผิดอยู่แบบนี้...



          "อะไรวะ อะไรๆๆๆ ค้างอะไรรรรรรรรรรรรร เสือกด้วยคนนนน" ไอ้น้ำหูผี เด้งตัวพรวดเข้ามา

          "เทม--"

          "เทมครับ ต้องไปเรียนพิเศษแล้วนะครับ เดี๋ยวอาจารย์จะรอนานนะ" ผมรีบจูงมือเทม สับขาเร็วๆหนีออกมา

          "จริงด้วย! วันนี้นะ วันนี้นะ เทมจะได้เรียนหางยาววววว ยาวมากๆ"

          "หารยาวหรือเปล่าวะ...เดี๋ยว มึงจะเปลี่ยนเรื่องไม่ได้!" ไอ้เต้ที่วิ่งตามมาได้อย่างรวดเร็วสมเป็นนักกีฬาชะโงกตัวเข้ามาถาม ไอ้น้ำที่ตอนนี้ตะโกนมาแค่เสียง เพราะวิ่งตามมาไม่ทันชาวบ้านกำลังโหวกเหวกอยู่ด้านหลัง

          "เต้สุดยอด รู้จักหารยาวด้วย ใช่ๆๆๆ เทมจะเรียนหารยาวครับ"

          "ตามมาทำไมครับ ไปซ้อมสิครับ" ผมส่งสายตาเย็นเฉียบไล่ไอ้เต้ที่ยิ้มมุมปาก เหมือนจะบอกว่า 'รู้นะ ว่าจะทำอะไร'

          "หืมมมมม บอกกูสิ ว่าทีมบาสมึง เล็งไว้ว่าจะให้ใครลง ไม่งั้นกูจะส่งคนไปเฝ้าบ้านมึง ขี่รถตามติด เป็นขี้ติดตูดปลาทองเลย"



          คิดว่าคำขู่ปัญญาอ่อนแบบนั้นผมจะกลัวหรือยังไง นั่งรถไม่ได้ แล้วยังไง

          ไม่ได้มีเฮลิคอปเตอร์ไว้ตั้งโชว์นะครับ


          "เครื่องบินยิ่งง่ายเลย มึงก็รู้ ข่าวในไทยใครครอบครอง" ผมเหลือบตามองไอ้เตี้ยที่เพิ่งวิ่งมาถึง นายตรัณ กิตติศักดิ์วัฒนาตระกูล ลูกชายคนเล็กของหม่อมราชวงศ์นามสกุลดัง อย่าง คุณหญิงสายพิณ กิตติศักดิ์วัฒนาตระกูล เจ้าของพื้นที่สื่อมากกว่าครึ่งในไทย


            ขึ้นชื่อว่าสื่อ แน่นอน...หูตาไวยิ่งกว่าสับปะรด


          "อยากจะลองดีหรือยังไงครับ วัฒณวงคีรีย์กับกิตติศักดิ์วัฒนาตระกูลน่ะ ถึงได้มาขู่ชาโรนอฟเราแบบนี้" ผมกดยิ้มมุมปาก ส่งสายตาท้าทายให้ลูกชายคนโตของตระกูลธนาคารเก่าแก่ ไอ้เต้แกล้งยกมือสองข้างยอมแพ้


          "ถึงวัฒณกับกิตติศักดิ์ร่วมมือกันก็คงเอาชาโรนอฟไม่ลงหรอกครับ แต่ถ้าแค่เซอร์กีย์...ก็ไม่แน่"

           หึ...
          ผมล่ะเกลียดท่าทางแบบนี้ของมันจริงๆเลยครับ ทำเป็นพูดยอม แต่สายตาท้าทายขอลองดีกันชัดๆ ไอ้เต้กับไอ้น้ำมองกดดันผม


          ผมคลายยิ้มไร้อารมณ์ออก เผยรอยยิ้มอันแท้จริง


          "ลองไหมล่ะครับ หาพวกผมเจอ ผมจะบอกข้อมูลทั้งหมดในกีฬาสีให้"

          "กูขอไอ้น้ำเป็นตัวช่วย มึงก็รู้ ธนาคารนอกจากรวย ก็ไม่ค่อยเก่งอะไร"

          "ตามสบายเลยครับ"

          "ทุกคนคุยอะไรกันเหรอครับ" เทมปุระดูงุนงงกับประกายสายฟ้าที่แล่นเปรี๊ยะใส่กันของพวกผมสามคน

          "พรุ่งนี้หมูจะพามึงไปไหนวะเทม"


ผลัวะ


ผมตบหัวไอ้คนที่ถามเอาตรงๆ เทมปุระตาโต รีบจับมือผมมาพลิกดูว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า

          "ถ้าจะเล่นแบบนี้ ก็ไม่ต้องเล่นครับ"

          "โอ้ย-- กูก็ลองเฉยๆ เผื่อฟลุ๊คอ่ะมึงแม่ง ไอ้เทมโว้ยยยยย กูนี่โดนตบ ไปดูห่าไรไอ้หมู"

          "ก็เทมกลัวหมูหย็องเจ็บนี่ครับ..." ผมลูบหัวเด็กน้อยของผม เทมทำถูกต้องแล้วครับ ความเป็นห่วงของเทมปุระน่ะ มีให้แค่ผมก็พอแล้ว ผมยิ้มกริ่ม รู้สึกดีที่เทมโตมาได้ดีจริงๆ



          ส่วนเรื่องของผมสามคน ไม่ต้องตกใจนะครับ นานๆครั้งพวกผมก็จะกัดกันเองแบบนี้บ้าง ในมิตรภาพก็มีความโหยหาการแข่งกันเหมือนกัน พวกผมสามคน ต่างก็เป็นคุณชายตระกูลใหญ่ที่เกิดมาพร้อมความน่าเบื่อหน่าย พอมาเจอคนที่สามารถเล่นแรงๆด้วยได้ มันก็จะอดลองดีงัดข้อกันเองไม่ได้


          ยามศึกเราช่วยกันรบ ยามสงบเราก็รบกันเอง


          ถือเสียว่าเป็นการลับใบมีดให้คมอยู่เสมอครับ







หลังจากสารท้ารบถูกร่างขึ้น พวกผมแยกกันตรงนั้น ผมพาเทมมาส่งที่ชั้นเรียนพิเศษ กำชับเขา

          "ถ้าเต้กับน้ำถามมาถึงเรื่องพรุ่งนี้ ห้ามบอกเขานะครับรู้ไหม เป็นความลับของเราสองคนนะครับ"

          "ความลับ ความลับเหรอ โอเค โอเคครับ เทมจะชู่ๆเลยนะ" เด็กน้อยเอานิ้วชี้จรดริมฝีปากตัวเอง หลับตาปี๋ทำเสียงชู่ๆอย่างน่าเอ็นดู ผมเกลี่ยผมหน้าม้าเขาออก เหมือนผมเขาจะยาวขึ้นมากแล้ว คงต้องหาเวลาพาไปตัดออกเสียหน่อย เทมเคลื่อนใบหน้าตามติดปลายนิ้ว ...ช่างออดอ้อนกันเหลือเกินนะครับเทมปุระ

          "เดี๋ยวห้าโมงครึ่งหมูมารับเทมกลับบ้านนะครับ ตั้งใจเรียนนะครับเทม"

          "หมูหย็อง หมูหย็องก็ตั้งใจทำงานนะครับ เทมรอหมูมารับนะครับ"

ไม่อยากไปทำงานเลยครับ อยากอยู่กับเขามากกว่า เฮ้อ



          งานสภาหนักอย่างที่คิดเอาไว้ โดยเฉพาะเมื่อนางแม่มดกำลังโกรธผมไม่น้อยที่เอาเจ้าตัวไปแลกเปลี่ยน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากพยายามโอนงานมาให้ผมทำเร็วขึ้น เพราะมากกว่าสามในสี่ก็เป็นความผิดของเธอที่ไม่ยอมคัดค้านเรื่องยกงานให้ทีมสภาชั้นอื่น ผมเร่งมือทำทุกอย่างให้เสร็จอย่างรวดเร็ว เพื่อที่เสาร์อาทิตย์จะได้ใช้เวลาว่างกับเทมปุระได้อย่างสบายใจ ไม่มีอะไรรบกวน


          ระหว่างที่ทำงานเคลียร์กองเอกสาร ผมก็คิดเปลี่ยนแผนการเที่ยวของพวกเราสองคนนิดหน่อย จะหนีเที่ยวแบบไม่ให้สองคนนั้นรู้ ก็คงจะยากอยู่เหมือนกันครับ ออกจากบ้านไปแค่ก้าวแรกก็ถูกติดตามแล้วแน่ๆ แต่มันอยู่ที่ว่าจะสะบัดให้พ้นยังไงต่างหาก
          เดดไลน์คือหกโมงเย็น หลังหกโมงเย็นถ้าพวกมันยังหาผมกับเทมไม่เจอ ก็ถือว่าผมชนะ
          คนชนะ สั่งอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง ล่าสุดที่เล่นกันผมก็ชนะครับ ยังไม่ทันได้นึกคำขออะไร เกมที่สองก็เริ่มขึ้นเสียแบบนั้น แต้มที่เคยเล่นกันมา อยู่ที่ผมชนะห้าครั้ง ไอ้เต้สองครั้งและไอ้น้ำสองครั้ง

          แน่นอนว่าคนชนะเกมครั้งนี้ก็ต้องเป็นผม มันจะต้องเป็นชัยชนะครั้งที่หกของผม




          [ ได้ครับคุณหนู ผมจะจัดการ เตรียมการไว้ให้ ]

ผมกดวางโทรศัพท์ หลังจากสั่งการคนของตัวเองเพื่อเริ่มเกมในวันพรุ่งนี้ หลังจากวางสาย งานเอกสารเป็นสิ่งต่อไปที่ตั้งใจจะทำ แต่ก็ต้องชะงัก

        "หมูหย็องครับ หมูหย็องครับ เทมแก้โจทย์ข้อนี้ไม่ได้ครับ" ผมที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เดินเข้าไปหาเด็กชายตัวน้อยของตัวเอง ที่กำลังเรียกร้องขอความช่วยเหลืออยู่หน้าโซฟา ผมทรุดลงนั่งข้างๆเขา

          "เทมตั้งสมการผิดนะครับ ต้องทำแบบนี้..." ผมอธิบายและเอาปากกาสีแดงมาวงให้เห็นชัดๆ เทมปุระพยักหน้าหงึกหงัก แต่ดูเหมือนมีอะไรรบกวนจิตใจ จนท่าทีดูลุกลี้ลุกลน ไม่ตั้งใจเท่าที่ควร

          "เทมเป็นอะไรครับ" ผมจับลงที่บ่าของเขา เทมไม่ยอมสบตา

          "เทมครับ ไม่สบายหรือเปล่า หน้าแดงจังเลย"

          "คือ คือ คือว่า คือว่า...หมู หมูหย็องใส่แว่น..." เทมพูดเสียงเบา น้ำเสียงดูเขินอายจนพานเอาผมเขินตาม

          "ช่วงนี้หมูอ่านหนังสือเยอะน่ะครับ เลยต้องใส่ป้องกันแสงจากจอคอม หมูใส่แล้วแปลกหรือครับ?"

เทมส่ายหน้ารุนแรงทันที จนผมนึกกลัวอีกฝ่ายจะปวดหัว ผมแตะแก้มเขาเบาๆให้หน้าที่ส่ายไปมานิ่งลง เทมยอมให้ดวงตาของเราสบกัน จมูกเขาขึ้นสีแดง แก้มก็ระเรื่อ ใบหูขาวก็เป็นสีชาด

          "หมู หมูหย็องใส่แล้วน่ารักมากเลยครับ..." อา...ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลย ตัวผมที่สะท้อนในดวงตาของเขาดูแก้มแดงไม่แพ้กัน ผมแก้เก้อด้วยการถอดแว่นตาออก

          "เทม...เทมลองใส่ดูไหมครับ"

          "ใส่ได้เหรอ ใส่ได้เหรอ ลองครับ ขอลองนะ หมูหย็องใส่ให้เทมหน่อยนะครับ" เทมปุระหลับตาแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้
          นี่มันใบหน้าที่เตรียมรับจูบไม่ใช่หรือครับ ให้ตาย...ผมอยากโยนแว่นตาทิ้ง จับหน้าเขาให้มั่น ใช้ริมฝีปากของตัวเองสวมเข้าไปในปากเขามากกว่าสวมแว่นให้เขาเสียอีก ผมมือสั่นและคลาดเคลื่อนเล็กน้อย เพราะสายตาเอาแต่จดจ้องอยู่ที่เดียว ใช้เวลาหลายวิกว่าจะสวมให้เขาสำเร็จ


            อา...ผมพอเข้าใจเทมปุระแล้วครับ
เทมที่สวมแว่น ดูเซ็กซี่อย่างร้ายกาจ กอปรกับรอยยิ้มซื่อใส แต่ทรงแว่นกลับขับให้รอยยิ้มอ่อนโยนนั้นดูแสนจริงจัง
          ผมอยากให้เขาเป็นอาจารย์ส่วนตัวของผมจังเลย อยากให้เขาสวมสูท อยากผลักเขาให้ล้มลงกับโต๊ะ กระชากเนคไทออก แล้วขึ้นคร่อมชะมัด

          ผมจ้องเทมแบบหิวกระหายอยู่นาน
เทมปุระเอียงคอมองผม เขายิ้มให้ Damn! ผมหิวเขาสุดๆไปเลยครับ


          "หมูหย็องหิวข้าวเหรอครับ"


เทมถามเสียงซื่อ ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปาก น้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย


          "ครับ...หมูหิวสุดๆไปเลยล่ะ" ผมไม่น่าไปสัญญาไว้เลย ให้ตายเถอะ อาหารอันโอชะอยู่ตรงหน้าแต่ทานไม่ได้นี่มันแย่จริงๆเลยครับ ผมเคลื่อนตัวไปนั่งบนตักเขา คล้องคอเทมปุระที่ยังสวมแว่นเอาไว้ โน้มตัวกอดเขา ใช้อ้อมแขนสองข้างของตัวเองกักขังนางฟ้าไม่ให้บินหนีไปไหน

          เด็กน้อยของผมแม้จะไม่รู้เรื่องอะไร แต่ก็กอดผมตอบแน่น

          "พรุ่งนี้คุณหมอจะมาตรวจนะครับ ตรวจเสร็จแล้ว เราสองคนไปเที่ยวด้วยกันนะ"

          "คุณพี่หมอจะมาเหรอครับ มาไวจังเลย เทม-เทม เทมยังไม่ได้เตรียมตัวเลยครับ"

          "แค่ตรวจว่าไข้เทมหายดีหรือยังเฉยๆครับ ไม่ใช่สอบวัดระดับนะครับ ไม่ต้องกังวลนะ"

          "เทมหายแล้วนะครับหมูหย็อง หายดีแบบหายเกลี้ยงมากๆเลย ถ้า ถ้า ถ้าพรุ่งนี้พี่หมอไม่ให้ไปเที่ยวล่ะครับ"
ผมผละตัวเองออกมาสบตากับเขา ได้ก้มลงมองเทมปุระในมุมที่สูงกว่าแบบนี้ ผมชอบมากเลย ผมแนบฝ่ามือกับแก้มของคนที่กำลังกังวล ใช้ปลายจมูกกดแก้มพิสูจน์ความนุ่มทั้งสองข้างอย่างแนบชิด

          "ไม่มีใครมาขัดขวางเราได้หรอกนะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ" ผมจรดจุมพิตบนหน้าผากใสอีกครั้ง ถอดแว่นตาจากดวงหน้าแสนรักกลับคืน ก่อนจะค่อยๆยกตัวเองลงจากตักแกร่งของเขา โซ่ที่ล่ามผมไว้เส้นสุดท้ายกำลังจะขาดลง ถ้ายังช้าอีกแค่วินาทีเดียว

เทมยังดูเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสของผมอยู่ เขาหันมากอดผมไว้ รัดรั้งยังไม่อยากให้ผมจากไป หัวทุยเอียงมาซบถูไถ
          ผมถือว่าเขาเป็นคนเริ่มก่อน และการสนองก็ถือว่าเหนือข้อตกลง

          "หมูหย็องครับ...เทม เทม เทมรู้สึกแปลกๆ" ผมยิ้ม รู้ว่าเขาเป็นอะไร


          แน่ล่ะครับ ก็ผมเป็นคนปลุกมันขึ้นมาเองกับมือ
          อา หรือจะเรียกว่ากับสะโพกดีนะ


          ผมไม่รู้ว่าผมหมักบ่มเขาได้ที่หรือยัง กับใบหน้าที่แดงไปด้วยแรงอารมณ์
ผมว่าผมควรลองชิมดูหน่อยนะครับ ถ้าแค่ชิม คงจะไม่เป็นอะไร ผมดึงเทมขึ้นมานั่งบนโซฟา เอนตัวราบไปกับเบาะรองนุ่มนิ่ม ฉุดคอเสื้อเขาให้เอนตามลงมา ร่ายมนตร์สะกดอีกฝ่ายให้คล้อยตามอย่างเชื่องช้า ผมตรึงสายตาเขาไว้ ไม่ให้สนใจอะไรนอกจากผม
 

           เสียงกระทบพื้นของเข็มขัดที่ถูกถอดทิ้งลงข้างๆอย่างไม่ไยดี


          เป็นเหมือนเสียงระฆังเริ่มต้น


          ส่วนร้อนผ่าวของเขาอยู่ในกำมือของผม ทั้งสองต่างน้ำตาคลอรอผมช่วยปลดปล่อย
ซอกคอกรุ่นไปด้วยเหงื่อร้อนฉ่าจากอุณหภูมิผิวที่แผดเผาของเขา ผมละลาย และระเหยเป็นไอจากการถูกเผาไหม้อยู่ในอ้อมแขนแกร่ง ผมขบเม้มไปตามลำคอและใบหูคนข้างบน ปลูกสีกุหลาบ ตีตราเป็นเจ้าของอย่างที่ไม่ได้ทำมาเนิ่นนาน เสียงครางพึงพอใจของเขายิ่งปลุกปั่นอารมณ์ให้เตลิด ดอกไม้บานทั่วแผงอกที่สะท้านขึ้นลงรุนแรง


          ไม่นานคนข้างบนก็ตัวเกร็ง ก่อนจะอ่อนยวบลงในอ้อมแขน ที่กลายเป็นโซ่ล่ามกอดกักนางฟ้าเอาไว้ ความชื้นแฉะประพรมไปทั่วตัวคนข้างล่างอย่างผม เทมคู้ตัวหอบหายใจอยู่กับอกที่นอนทับ จมูกโด่งเคลื่อนมาฝังซอกคอผมแน่น การเลียนแบบของเด็กน้อยเริ่มต้นขึ้น เทมปุระดูดและเลียไปทั่วลำคอและลาดไหล่ ผมเอียงคอให้เด็กชายผู้แสนบริสุทธิ์ทำได้ตามใจชอบ ผมครางเสียงเครือในลำคอด้วยความพึงใจยิ่งยวด


          ผมกางมือที่เปรอะเปื้อนหยาดน้ำรักเขาขึ้นมามอง เจ้าน้ำขาวขุ่นสะท้อนแสงแลดูคล้ายสีไข่มุก
          ลิ้นสีแดงตวัดมันเข้าปาก ลิ้มรสชาติของคนรัก


ผมเสร็จสมทั้งๆที่ไม่ได้แตะต้องของตัวเอง






          ผมกับเทมเผลอหลับไปบนโซฟา ทั้งๆที่เนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะ ผมลืมตาตื่นมาในอ้อมแขนของเขา ตื่นขึ้นมาจากเสียงปลุก คุณแม่บ้านเดินขึ้นมาแจ้งเตือนถึงการมาของแขก ผมหาวออกมานิดหน่อย

          "เทมครับ คุณหมอมาแล้วนะครับ"

          "อือ...มุ หมูหย็องครับ" ผมยิ้มให้คนขี้เซา อัญมณีสีน้ำตาลยังคงซ่อนอยู่หลังเปลือกตา ท่าทางเหมือนอยากนอนต่อ ผมจูบหยุดมือที่กำลังจะขยี้ตาตัวเองของเทมปุระ เด็กน้อยที่แสนเชื่อฟังก็ยอมลดมือลงแต่โดยดี เป็นเด็กดีจังเลยครับเทมของหมู

          "ลุกขึ้นไปอาบน้ำนะครับเทม ให้คุณหมอรอนานไม่ดีนะครับ"

          "ครับ..." เทมค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ทั้งๆที่มีผมอยู่ในอ้อมแขน ดวงตาสีน้ำตาลสวยค่อยๆถูกเผยออก นางฟ้าน้อยก้มลงมามองผมนิ่ง ก่อนจะยิ้มกว้างให้


          "อรุณสวัสดิ์ครับหมูหย็อง"

          "อรุณสวัสดิ์ครับเทม"



               เสื้อที่หลุดลุ่ยของพวกเราเปิดออก เผยไหล่หนึ่งคู่ที่มีร่องรอยจุดสีแดงช้ำแต่งแต้มไปทั่วบริเวณ ผมอมยิ้มมองรอยบนคอของร่างสูงด้วยความพอใจ มันสดสวยและงดงาม และยิ่งมองรอยตีตราบนร่างกายของตัวเองผ่านนัยน์ตาของเขา ความภูมิใจก็อัดแน่นอยู่ในอก รอยยิ้มของผมกว้างขึ้น




               เทมปุระของผมเรียนรู้ และเติบโตขึ้นไปอีกขั้นแล้ว
















end 28 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

ต้องให้พี่หมูเขาบ้างนะคะ หลังจากถูกขัดมาเกือบยี่สิบตอน
เทมวิ่งหนีไปรูกกก วิ่งหนีไปปป
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 28 * 10/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 10-10-2018 23:12:05
 :hao7: อ๊ากกกกก moment ที่รอคอย...  :hao7:  :hao7:  :hao7: จะผิดไหมถ้าจะบอกว่า ...ขออีกยาวๆไปเลยค่าาาาาา  :hao3:  o13  :hao6:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 28 * 10/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 11-10-2018 11:37:41
หลังจากที่โดนขัดมาทุกตอนได้ชิมสักที ชิมๆ รอวันที่จะได้กิน  :z1: ให้รางวัลน้องหมูเขาหน่อย หลังจากที่ทำเพื่อน้องเทมมามากมาย หลังๆ น้องเทมเองก็เรียนรู้และซึมซับไปเยอะแล้วล่ะ ขยันทำดาเมจใส่น้องหมูบ่อยเกิ๊น คุณดิมิทรีหัวใจจะวายเอา อิอิ คงจะทั้งห่วง หวง รักน้องหมูมาก ตบหัวเพื่อนก็หวงว่ามือหมูจะเจ็บ  :m20: น่ารักไปละลูกเอ้ย จะรอดูว่าเกมที่กัดเอ้ยรบกันเอง
ใครจะชนะ  :katai3:
   :กอด1:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 28 * 10/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 11-10-2018 14:18:47
พัฒนาไปอี๊กกกกกกก
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 29 * 10/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 12-10-2018 19:49:35







29










          หลังจากหลุดจากอ้อมกอดที่โอบผมไว้ทั้งคืน ผมก็นั่งยิ้ม มองร่างสูงที่หลบตาผมไปมา
          พอสติกลับมาเต็มร้อย เด็กน้อยของผมก็เขินอายไปหมด เขาดูหยิบจับอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะทำอะไรก่อนทำอะไรหลัง เทมลุกขึ้นยืนจะไปอาบน้ำตามที่ผมบอก แต่ก็เพราะทั้งอยากมองผม และอายเกินกว่าจะทนมองไหว เขาเดินชนโต๊ะที่วางตั้งอยู่เข้าเต็มเปา


          "เทมครับ! เจ็บไหมครับ" ผมรีบลุกพรวดจากเก้าอี้ไปก้มลงมองดู เสียงชนเสียงดัง น่ากลัวว่าอีกไม่นานคงจะขึ้นเป็นจ้ำเขียว

          "เจ็บ ม-ม ไม่ เทมไม่เจ็บครับ ไม่เจ็บ ไม่เจ็บ" เทมปุระส่ายหน้าไปมาเร็วๆ

          "มาครับ หมูพาไปห้องน้ำนะ" ผมตัดสินใจเดินจูงมือคนที่ไม่ยอมสบตากัน ปล่อยให้เขาเดินไปเองอีก ก็กลัวจะสะดุดล้มเอา เทมปุระเดินตามผมต้อยๆ

          "อาบน้ำนะครับ เดี๋ยวหมูเตรียมเสื้อผ้าให้"

          "ข-ข-ข-ขอบคุณครับ ด-เดี๋ยวเทมจะรีบอาบนะครับ หมูหย็องรอเทมแป๊บเดียว ค-ครับ" เขาพูดรัวเร็ว จนผมนึกกังวลว่าเด็กน้อยน่ารักจะเผลอกัดลิ้นตัวเองเข้า ในความเป็นห่วง ก็อดขำเขาไม่ได้จริงๆ ตามบริบทแล้ว คนที่รุกเข้าใส่เขาอย่างผม ควรจะเป็นคนเขินอายแท้ๆ แต่องค์ชายของผมกลับขโมยมันไปเสียหมด ตั้งแต่ลืมตาตื่น แก้มนุ่มนิ่มฉายสีชมพูไม่ขาดตอน


          ผมอยากยกเลิกแผนเที่ยวทุกอย่าง ปรารถนานอนกกกอดกับเขาบนเตียงทั้งวันทั้งคืนมากกว่า


          ผมเดินมาที่ห้องแต่งตัว ในหัวคิดถึงภาพคนที่กำลังอาบน้ำ ว่าควรใส่เสื้อผ้าชุดไหน
 
          ระหว่างย่างกรายผ่านกระจกบานใหญ่ สะท้อนภาพเด็กผู้ชายวัยกำลังเติบโต ผมหยุดยืนมอง
          มองใบหน้าเรียบนิ่งหล่อเหลาเคล้าความพอใจ ผมสีทองถูกเสยขึ้นลวกๆ โชว์นัยน์ตาคมกริบสีฟ้า ยามเพิ่งผ่านค่ำคืนเร่าร้อน บรรยากาศที่มักดุดันแฝงไปด้วยกลิ่นอายความเซ็กซี่

          ใบหน้าที่ถูกนิยามว่าน่าหลงใหล มีแรงดึงดูดมหาศาล ผู้เฝ้ามองมักจะบอกเสมอ ว่ายามได้ยล คล้ายถูกฉุดให้ลุ่มหลงในวังวนความงดงามแสนวิจิตร แต่เวลานี้สิ่งที่ดูโดดเด่นขึ้นมาบนร่างกายสมบูรณ์ คือรอยช้ำสีม่วงผสมแดง มันกระจัดกระจายสะเปะสะปะ ทั่วแผงอกและลำคอสวย

          ผมรู้เขาไม่ได้ตั้งใจ...แต่มันกลับดูคล้ายปลอกคอที่ถูกสวมใส่ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

          กระจกเงาสะท้อนดวงตาสีฟ้าที่สั่นระริก ด้วยความพึงพอใจ



          สมแล้วที่เทมปุระชอบระบายสี เขาแต่งแต้มสีสันที่งดงามบนตัวผมได้อย่างไร้ที่ติ


ฝ่ามือขาวทาบไปบนเงาที่สะท้อน อัญมณีสีท้องฟ้าฉายความอาลัยอาวรณ์
          ผมไม่อยากให้มันเลือนหาย อยากให้มันคงอยู่ เป็นสร้อยเส้นสวย เป็นเครื่องประดับบนนั้นตลอดไป




          ผมหยิบเสื้อผ้าของเทมไปวางไว้ที่หน้าห้องน้ำ คิดว่าวันนี้จะให้เขาใส่เสื้อฮู้ดแขนสั้น กับกางเกงสี่ส่วนสบายๆ

          "เทมครับ หมูวางเสื้อผ้าไว้ให้ข้างนอกนะครับ"

          "ไออับ ออบอุนอับ" เสียงอู้อี้ตอบกลับมา

          "อย่าลืมใส่นาฬิกาด้วยนะครับเทม"       

   

ทีแรกผมตั้งใจจะอยู่รอเขาอาบน้ำเสร็จ แล้วช่วยแต่งตัว


          แต่เสียงโทรศัพท์สั่นครืนบนโต๊ะ ก็เรียกความสนใจของผมไป ข้อความบนหน้าจอทำผมนึกเบื่อหน่าย ลืมไปเสียสนิทเลยครับ ว่ากำลังเล่นเกมกับพวกมันอยู่



LINE

กลุ่ม เพื่อนกันสามวัน ศัตรูกันเจ็ดคืน


WATE2 : เริ่มยัง

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : ยังป่ะวะ ขึ้นอ่านหนึ่งอยู่เลย มันยังไม่ตื่นไหม

WATE2 : อ่านสามแล้วๆ

WATE2 : งบเท่าไหร่วะรอบนี้

WATE2 : 1m?

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : dude that too cheap ( เฮ้ย ถูกไป )

WATE2 : อย่าเยอะ กูจะเอาไปซื้อรองเท้าใหม่

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : ชนะแล้วก็ขอมันดิ นี่กูแอบไปขอข่าว ได้มานิดหน่อย ทีมบาสสีกูนี่แม่งมีแต่สมองกล้ามเนื้อ มึงยอมมอบข้อมูลมาให้กูดีๆเถอะหมู ประวัตินักกีฬาขั้นเทพของกูจะมาเสื่อมเสียมีแพ้ เพราะกีฬาสีมั่ยดั่ยยยยย

WATE2 : มึงแพ้นะ โดนแน่ไอ้เต้ เตรียมตัวโดนโค้ชจับไปซ้อม 5555

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : นั่นแหละที่กูกลัว...ไอ้ห่า นี่กูหลบจังหวะดิจิตอลขนาดนี้ ยังเจอแกเมื่อวานเลย สยองชิบหาย

WATE2 : มึงจะหนีเนื้อคู่ของตัวเองไม่ได้หรอกเว้ยยยยย 

WATE2 : อ้าว เงียบ เงียบเลยครับ ไอ้หมูวววว

MOO DIMITRI : สักเก้าโมงแล้วกันครับ เทมต้องหาหมอก่อน

WATE2 : เทมไม่สบายเหรอวะ

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : เทมเป็นไรวะ

MOO DIMITRI : ยังไม่หายดี

WATE2 : เมื่อวานใช่ไหมวะ เหี้ยเอ้ย กูนี่ใจหายวาบ

WATE2 : พูดแล้วขึ้นเลยไอ้สัส อยากไปกระทืบหน้าแม่งจริงๆ นี่กูก็ให้หม่อมแม่ตามหาพวกมัน จะได้ทำข่าวยาวๆอยู่ กะจะให้แม่งไม่มีที่ยืนในสังคมตลอดชีวิตเลยสัส

WATE2 : แต่หาไม่เจอว่ะ ได้แต่เอารูปพวกมันขึ้นหน้าหนึ่งวนไป

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : คิดสิคิด ทำนางฟ้าขนาดนั้น มึงคิดว่าพ่อมันจะยอมให้ลอยหน้าลอยตาเหรอวะ

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : โดนอุ้มไปแล้วชัวร์

WATE2 : อ้อ หรือว่ามึงใช่ไหม เห็นหม่อมแม่กูเล่นข่าวว่าสายการบินเลื่อนไฟลท์บินกันอยู่

MOO DIMITRI : อืม

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : กรี๊ด ความมาเฟียนี่มันนนน พี่ดิมิทรีขา ใจเต้นแรงแหล่วค่าาา

WATE2 : พี่หมูรับเมียน้อยเพิ่มไหมคะ กรี๊ดดดดด

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : กูบอกแล้วไง ไอ้หมูเป็นรับ จะรับมึงเป็นเมียน้อยได้ยังไง

WATE2 :  รุกโว้ยยยย!

MOO DIMITRI : เก้าโมง งบตามสะดวก ถ่ายรูปพวกผมสองคนแบบเห็นหน้า บอกสถานที่ ชนะ

MOO DIMITRI : อย่าเข้ามาใกล้เกินสิบเมตร

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : ห้ามหน้ากาก ห้ามชุดคลุมตัวนะโว้ยยยย มากสุดแค่หมวก

WATE2 : เหยด นี่มึงอ่อยให้กูหรือไงวะ มึงก็รู้ เจ็ดสิบในร้อยน่ะ กล้องวงจรปิดของบ้านกูทั้งนั้น

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : เอาว่ะ มาว่ะ รอบนี้น้องน้ำจะพากูมุ่งสู่ชัยชนะแล้วเว้ยยย

WATE2 : เตรียมตัวโดนจับได้ตั้งแต่ก้าวออกจากบ้านเลยมึง!





          ผมบอกกฎพวกมันคร่าวๆแล้วกดออกจากโปรแกรมสนทนา ไม่สนใจต่อ แม้ว่าโทรศัพท์จะยังคงสั่นเรียกอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้อะไรบางอย่างที่น่าสนใจกว่าสิ่งอื่นใดกำลังเดินออกมา เทมปุระที่ผมยังคงเปียกหมาดเดินมาหาผม

          "มานั่งนี่สิครับ หมูเป่าผมให้นะ" เทมปุระเดินยิ้มมานั่งลงบนเก้าอี้แต่โดยดี

          "หมูหย็องครับ หมูหย็อง วันนี้เราจะไปที่ไหนกันเหรอครับ" เทมเงยหน้าขึ้นมามองผม แก้มยุ้ยน่ากัดยังคงดูขึ้นสีระเรื่อ ผมปรับเครื่องเป่าผมเป็นแบบลมเย็น กลัวจะเผลอทำไอร้อนลวกอีกฝ่าย เพราะเด็กน้อยขยุกขยิกไปมา ยิ่งใกล้ถึงเวลาล้อหมุน เทมปุระยิ่งตื่นเต้น


          ผมคิดว่าจะพาเทมไปเล่นที่สวนน้ำไม่ไกลมากนักจากกรุงเทพ อย่างหัวหิน เย็นๆพาเขาไปเล่นกับแกะ อัลปาก้าที่ฟาร์ม แล้วตกดึกพาเขาไปเดินตลาดยามเย็นหาขนมกิน


          เทมเอียงคอให้ผมเป่าได้สะดวก คอที่ลาดเอียงเผยสร้อยเส้นสวย สีคุ้นตา จำได้ว่าผมสวมใส่ให้เขาเมื่อคืน สีที่ตัดกัน เห็นแล้วอดจะไล้มือไปตามสีเข้มบนลำคอแกร่งไม่ได้ ระยะห่างของรอยถี่กว่ามาก รอยจูบบนร่างของเขา มันเยอะกว่ารอยบนตัวผมประมาณสองเท่า แทบจะทุกตารางนิ้ว ...จะมีรอยประทับตราปั๊มเอาไว้อยู่

          นึกดีใจที่ชุดว่ายน้ำของเทมเป็นแบบปิดคอและแขนขายาว เป็นชุดว่ายน้ำแบบมิดชิด ที่ผมตั้งใจเลือกซื้อเองกับมือ ผมหวงเนื้อตัวเขามาก มากเกินกว่าจะให้ใครเห็นเขาเปลือยเปล่านอกจากผม


          ในส่วนต้องห้าม แค่ใช้สายตามาแตะต้องกัน  ผมก็ยอมไม่ได้




          "ไปเล่นสวนน้ำที่มีสไลเดอร์ใหญ่ๆ แล้วก็พาไปเล่นกับคุณแกะ เย็นๆก็ไปเดินตลาดกัน เทมชอบไหมครับ"

          คล้ายเอาดวงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับยามค่ำคืนทั้งหมด มาบรรจุไว้ในท้องฟ้าสีน้ำตาลคู่ตรงหน้า ดวงตาคู่นั้นหันมามองผมด้วยความตื่นเต้น แวววาว ...ไม่ต้องบอกก็รู้ครับ ว่าเขาชอบมากแค่ไหน

          "คุณ คุณ คุณแกะ ที่ ที่ ที่เทม เทม เทมเห็นในโทรทัศน์ใช่ไหมครับ ที่มีคุณแกะคอยาวๆๆๆด้วย" นางฟ้าของผมตื่นเต้นจนลนลาน มือไม้ขยับไปมาอยู่ไม่สุข

          เทมเคยเห็นรายการท่องเที่ยวพาไปในโทรทัศน์ครับ จ้องเสียเขม็ง ท่าทางเหมือนอยากกระโจนเข้าไปในจอแบนๆเพื่อเล่นกับคุณแกะคอยาวของเจ้าตัวเอามากๆ จนผมต้องรีบบันทึกไว้ในสมองว่าต้องพาเขาไปให้ได้

          "คุณอัลปาก้าครับเทม ไม่ใช่คุณแกะคอยาวนะครับ"

          "คุณอัลปาก้าเหรอ คุณอัลปาก้าเหรอ คุณอัลปาก้าคอยาวๆเหมือนยีราฟใช่ไหมครับ เทม เทม เทมป้อนอาหารให้ด้วยได้ใช่ไหมครับ แล้ว แล้วก็ถ่าย ถ่ายรูปนะครับ" ความคาดหวังบนแววตา ทรงพลังเกินกว่าสิ่งใด ผมยิ้มรับ

          "ได้หมดทุกอย่างเลยครับ"


ระหว่างเป่าผมนุ่มนิ่มให้แห้ง ก็นั่งฟังอีกคนเจื้อยแจ้วถึงคุณอัลปาก้าเป็นดนตรีประกอบ


          "เสร็จแล้วครับ เทมไปหาคุณหมอข้างล่างนะครับ เดี๋ยวหมูอาบน้ำเสร็จแล้วจะลงไปหา"

          "หมูหย็องครับ หมูหย็อง อาบน้ำเร็วๆนะครับ เทมไม่อยากให้คุณอัลปาก้ารอนาน"

          "ได้ครับ เทมก็อย่าดื้อกับคุณหมอนะครับ เราจะได้ไปกันเร็วๆนะ"


ผมหัวเราะในลำคอให้คนที่กำลังเริงร่าสุดขีด เทมวิ่งไปสะพายกระเป๋าเป้สีฟ้า วิ่งปรื๋อลงไปหาคุณหมอด้านล่างทันที





          อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ลงมาก็เห็นเทมปุระกำลังนั่งทานแซนด์วิชอยู่แล้ว เจ้าตัวกำลังคุยกับคุณแม่บ้านถึงกำหนดการเที่ยววันนี้ ท่าทางว่าระหว่างที่ผมจัดการตัวเอง เขาคงตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว

          "แล้ว แล้วก็ หมูหย็องจะพาเทมไปป้อนอาหารคุณอัลปาก้าด้วยครับ"

          "เทมครับ" ผมเดินไปลูบผมนุ่มนิ่มของคนที่กำลังทานอาหารเช้ารอผมอยู่ เทมที่กำลังคุยฟุ้ง หันขวับทันที

          "หมูหย็องๆๆๆๆ มาแล้วๆๆๆ หมูหย็องมาแล้วเหรอครับ! ไปกัน! ไปกัน! ไปกันนะครับ" เทมรีบกระโจนมาหาผม คว้าเป้เตรียมจูงมือผมไปที่รถ

          "ให้หมูคุยกับคุณหมอแป๊บหนึ่งนะครับ เทมรอหมูตรงนี้ก่อนนะ" เด็กน้อยชะงัก แต่ก็ยอมพยักหน้าลงอย่างเชื่อฟัง เห็นเทมกลับไปนั่งทานต่อ ผมก็เดินออกมา ไม่วายสั่งกับคุณแม่บ้าน

          "เอานมให้เขาดื่มด้วยนะครับ แล้วก็มีคุกกี้ผักโขมกับบร็อคโคลี่อยู่ เอามาให้เขาทานระหว่างรอผมแล้วกัน"

          "ได้ค่ะคุณหนู"






          เดินมาที่ห้องรับแขกก็เจอคนที่ผมต้องการคุยด้วย นอกจากหมอประจำตัวของเทมก็มีหมอท่านอื่นอีกสองสามคน ผมค่อนข้างกังวลมากครับ ทั้งอาการของเขาแล้วก็หลายเรื่อง จำเป็นต้องเรียกผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆมาด้วย ต้องการหลายเสียงช่วยยืนยัน ว่าเทมปุระของผมไม่เป็นอะไรจริงๆ


          "อ้าว คุณดิมิทรี มาแล้วหรือครับ"

          "สวัสดีครับทุกคน ขอโทษด้วยนะครับ อาจจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่ผมมีเวลาไม่มาก รบกวนสรุปให้ผมฟังแบบเร็วๆทีนะครับ" ผมนั่งไขว่ห้างลงบนโซฟา ระหว่างที่ผมหยิบเอกสารผลการตรวจบนโต๊ะมาเปิดอ่านดู ก็พยักหน้าให้พวกเขารายงานผลควบคู่ไปด้วย

          "อาการน้องเทมตอนนี้อยู่ในช่วงรักษาตัวเองครับ จากอาการที่หมอตรวจดู เขายังมีอาการหวาดผวาอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่มีอะไรกระตุ้นก็จะค่อยๆดีขึ้นเอง เรื่องฝันร้ายก็เพราะอาการย้ำคิดย้ำทำ เพิ่งผ่านมาได้ไม่นานเท่าไหร่คิดว่ายังคงฝังใจอยู่มากครับ คงจะต้องหันเหความสนใจ หรือถ้าไม่งั้นก็คงจะต้องใช้ยาร่วมด้วย"

          "ผมไม่อนุญาตให้ใช้ยากับเขาครับ" ผมขมวดคิ้วบอกปัด

          "งั้นก็คงต้องใช้เวลานะครับ ต้องค่อยๆดึงเขาออกมาจากความทรงจำอันเลวร้าย"

          "หรือถ้ายังไม่มั่นใจ สามารถไปเข้ารับการบำบัดสภาพจิตได้นะครับ"

          "ส่วนสภาพร่างกายปกติดีนะครับ แข็งแรงดีมาก"

          "...แล้วเรื่องการเรียนของเขา"

          "ตอนนี้ยังถือว่าปกติครับ อาจจะช้าลงบ้างจากเหตุการณ์นั้น แล้วก็เพราะการเรียนที่ยากขึ้น การเรียนที่ลึกขึ้น จำเป็นต้องใช้ความเสมอต้นเสมอปลายในการค่อยๆสอนนะครับ จากที่พวกเราทดสอบคุณเทมไป ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สอบวัดระดับพัฒนาการครั้งหน้า ก็คิดว่าน่าจะผ่านได้ไม่ยากเหมือนเดิมครับ อาจจะต้องใช้ความพยายามที่มากขึ้นหน่อย โดยรวมแล้วถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี"




          การเรียนของเทมดูเชื่องช้าลงมาสักพักแล้วครับ ผมเลยกังวัลว่าเขาจะถึงขีดจำกัดแล้วหรือเปล่า ส่วนอีกเรื่องก็คือสภาพจิตใจของเขา แม้เทมจะดูดีขึ้นเรื่อยๆ แสดงออกว่าไม่เป็นอะไร แต่ถึงยังไง ผมก็อยากได้รับคำยืนยันจากแพทย์เฉพาะทาง ผมไม่อยากผิดพลาด และไม่รอบคอบเรื่องของคนสำคัญ




            "แต่ว่า..."


            ผมขมวดคิ้วแน่น แต่? แต่อะไร...


           "มีอะไรครับ"

           "คุณฟ้าประทานไม่ได้ถูกกลั่นแกล้งเพิ่มเติมที่โรงเรียนใช่ไหมครับ เห็นวันนี้ตามคอเขามีรอยช้ำ..."

           "ดูท่าจะไม่ใช่รอยแมลงกัดต่อยด้วยนะครับ" หมออีกคนพูดเสริม


พรวด แค่ก แค่ก


          "ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อาจารย์หมอครับ ฮ่าๆ รอยนั้นมัน อุ้บส์ ฮ่าๆๆๆ"

          คุณพี่หมอ หรือคุณหมอประจำตัวของเทม ถึงกับสำลักน้ำ หัวเราะหน้าดำหน้าแดง ผมมองหมอสูงวัยอีกสองคนที่ทำหน้าตาเป็นห่วงแล้วก็ถอนหายใจ เขาคงคิดไม่ถึงว่าเด็กพิเศษอายุสิบห้า จะมีรอยจูบรอบคอขนาดนั้น

          "รอยนั่นไม่ใช่อะไรที่คุณหมอต้องเป็นห่วงหรอกครับ"

          "ใช่ครับอาจารย์ ดูสิครับ" คุณพี่หมอของเทมชี้มาทางผม ถึงจะใส่เสื้อที่คอสูงขึ้นมาแล้ว แต่ก็มีจุดสองจุดที่ปิดไม่มิด
          คุณหมอสูงวัยสองคนพอเห็นร่องรอยที่คล้ายกันก่อนหน้า ก็พลันเข้าใจ สีหน้าเป็นห่วงขึ้นสีแดง กระแอมไอแก้เก้อ

          "เอ่อ เอ่อ...ครับ หมอเข้าใจแล้ว"

          "วันนี้ที่รบกวนมา ขอบคุณมากนะครับ"

          "ไม่เป็นไรครับ ถ้ามีอะไรก็เรียกพวกผมมาได้เสมอ" ผมบอกลาหมอทุกคน บอกคนขับรถให้ไปส่ง ส่งแขกเรียบร้อยก็เดินกลับมาในตัวบ้าน


          ที่เหลือก็ต้องใช้เวลากับความใส่ใจเพื่อเยียวยาหัวใจเขาเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับผม
รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นเยอะเลยครับ สบายใจขึ้นมาก




ผมเดินเข้ามาในห้องโถง ข้างในห้องรับรองอันกว้างขวาง มีผู้คนมากมายยืนรออยู่

          "คุณหนูครับ เตรียมพร้อมแล้วครับ"

          บอดี้การ์ดหกคนเดินตรงมาหาผม ด้านหลังของเขามีคนที่แต่งตัวเหมือนผมกับเทมปุระเป๊ะอยู่สิบคู่ ทั้งยี่สิบคน ส่วนสูงและทรงผม เรียกได้ว่าเคาะแบบพวกผมสองคนออกมา ใส่หมวกปิดเสียหน่อย ถ้าคนที่ไม่รู้จัก มองในระยะไกล ก็คงจะจับไม่ได้แน่นอน

          ผมรับหมวกสั่งทำพิเศษ มาจากมือของบอดี้การ์ดคนหนึ่ง


          "คนของคุณตรัณกับคุณฐานทัพ เฝ้าอยู่รอบๆตัวบ้านยี่สิบห้าคนครับ มีรถทั้งหมดสิบคัน"

          "กล้องวงจรปิดของบ้านคุณตรัณ นับจากบ้านขยายไปในอาณาเขตห้ากิโล มีทั้งหมดห้าสิบหกตัวครับ"

          "ส่วนที่หัวหิน ในส่วนสวนน้ำไม่ได้ใช้ครับ แต่ที่ฟาร์มใช้ครับ ในส่วนของตลาดไม่มีครับ คาดว่าคุณฐานทัพน่าจะใช้การติดตามรอยการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตแทน คุณหนูต้องระวังกล้องวงจรปิดของทางธนาคารด้วยนะครับ"



          ผมยิ้มเรียบ ไม่แสดงความตระหนกในเรื่องที่ผมรู้มาตั้งนานแล้ว


           สงสัยไหมครับ ทำไมบ้านของไอ้น้ำถึงขึ้นเป็นสื่ออันดับหนึ่ง ก็เพราะบ้านมันแทบจะผูกขาดธุรกิจกล้องวงจรปิดในไทยเลยครับ เกี่ยวอะไรกับการทำข่าวงั้นหรือครับ?

             แน่นอนว่าเจ้าของ...ย่อมรู้รหัส สามารถเจาะเข้าไปดูภาพถ่ายทอดสดในระบบ หรือขโมยไฟล์วิดีโอต่างๆได้ เหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ก็ได้ภาพข่าวมาไวกว่าชาวบ้าน ได้หลักฐานมาอย่างง่ายดาย


          ผิดกฎหมาย?
          หึหึหึ มันอยู่ในสัญญา ว่าด้วยเรื่องรับประกันและช่วยเฝ้าดูแลน่ะครับ อ่านดูดีๆนะครับ ถ้าจะติดตั้งกัน
         


          และเกมนี้ผมก็ดูเป็นรองอย่างมาก

          เมื่อมันไม่ใช่เรื่องยากเลย ที่จะถ่ายวิดีโอคนที่เดินผ่านไปผ่านมา แล้วกดถ่ายรูปเอาไว้ นึกภาพมันกระหยิ่มยิ้มย่อง ทำหน้ากวนๆกับไอ้เต้ออกเลยครับ


          "กระจายตัวกันออกไปแล้วกันนะครับ ส่วนผมกับเทมปุระจะนั่งเครื่องบินส่วนตัวไปลงที่หัวหิน ขอคนมาดึงความสนใจสักหกคน คิดว่าคงจะถูกจับได้ตอนบ่ายกว่าๆพอดี นักบินมาถึงหรือยัง"


          "ขออนุญาตการบิน ทาง icao ตอบรับเส้นทางการบินเรียบร้อยครับ นักบินก็มาถึงแล้ว ทุกอย่างพร้อมแล้วครับคุณหนู"


          ผมพยักหน้า คนในห้องโถงเริ่มกระจายตัวออกไปทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย




หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 29 * 10/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 12-10-2018 19:56:56


          หึ...ผมหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นองค์ชายกำลังสัปหงกอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ ราวเด็กตัวเล็กๆ พอทานอิ่ม หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน ผมเดินไปเกลี่ยผมนุ่มที่ปรกดวงหน้าแสนรัก เทมดูเหนื่อยอ่อนนิดหน่อย จากที่ผมก่อกวนเขาทั้งคืน แบบนี้ต้องยิ่งฝึกบ่อยๆหรือเปล่านะ จะได้ชิน...


          "เทมครับ ตื่นก่อนนะครับ"

          "อือ...หมูหย็อง! หมูหย็องมาแล้วเหรอครับ" เทมปุระที่กำลังงัวเงียพอเห็นผมก็รีบกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน

          "รอนานไหมครับ ขอโทษนะครับที่ช้า พอดีหมูคุยธุระอยู่" ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าซับให้คนที่กำลังหาวหวอด

          "ไม่นานครับ แต่เทมง่วงๆจังเลย เมื่อคืนนอนไปนิดๆ น้อยๆ เอ่อ..."

อา...พูดเสร็จ อีกฝ่ายก็ชะงักแล้วหน้าแดงใส่ผมเสียแบบนั้น ทำเอาผมอดจะเขินตามไปด้วยไม่ได้ บรรยากาศละมุนหัวใจเต้นตึกตักแบบนี้ผมก็ไม่ค่อยถนัดเหมือนกันครับ ผมกระแอมไอเสเปลี่ยนเรื่อง

          "งั้นเดี๋ยวไปนอนบนเครื่องนะครับ"

          "เราไม่นั่งรถไปเหรอครับหมูหย็อง แบบนี้ แบบนี้ แบบนี้ก็ไม่ได้แวะร้านขนมเค้กตรงที่จอดพักรถเหรอครับ" เทมปุระดูเสียอกเสียใจ ออกนอกจังหวัดจะมีขนมเค้กของฝากขึ้นชื่อที่เทมชอบมากอยู่ครับ ถ้าได้ผ่านจะต้องแวะซื้อทุกครั้ง ผมจับแขนเขามาลูบปลอบใจ

          "วันนี้เล่นซ่อนแอบกับเต้กับน้ำด้วยครับ นั่งรถเดี๋ยวพวกนั้นจะเจอเอา ...งั้นเดี๋ยวขากลับตอนเย็นค่อยนั่งรถกลับนะครับ แบบนี้ดีไหม" ผมรีบเปลี่ยนคำพูดทันที เมื่อเจ้าชายน้อยสลดลง ดูท่าจะตั้งความหวังเอาไว้เต็มเปี่ยมว่าจะต้องได้ทานแน่ๆ ไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดีตั้งแต่เริ่มทริปนะครับ ตามใจเขาหน่อยดีกว่า

          "เย้ เย้ เย้ ดีครับๆๆๆๆ แล้ว แล้ว เต้กับน้ำก็ไปกับพวกเราด้วยเหรอครับ"

          "ไม่ได้ไปครับ พวกเราซ่อนกันอยู่นะ"

          "อ๋อๆๆๆๆๆ งั้นถ้าเจอเต้กับน้ำเทมจะทำตัวจิ๋วๆๆหลบนะครับ" เทมที่ทำท่า จิ๋วๆ โดยการมาหลบซุกกับหลังผมส่งยิ้มสว่างจ้ามาให้ รอยยิ้มที่จู่โจมกะทันหัน ทำเอาผมตาพร่าเลือน


          อยากอุ้มคนตัวจิ๋วขึ้นห้องนอนมากครับ...






          ผมขมวดคิ้วให้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวรุ่น Embraer Legacy 500 ตรงหน้า สาวสวย Lineage 1000 ของผมหายไปไหน พี่เลี้ยงที่เห็นผมทำหน้าหงุดหงิดก็รีบโค้งตัวอธิบายทันที


          "คุณท่านกับคุณผู้หญิงนั่งไปมิลานเมื่อวานซืนครับ เห็นว่าต้องแวะไปรับแขกคนสำคัญด้วย เลยเอาเครื่องใหญ่ไป ท่านแจ้งคุณหนูไว้ทางไลน์แล้ว แต่คุณหนูไม่ได้เปิดอ่าน"


          ให้ตายสิ ผมอุตส่าห์บอกว่าจะใช้แล้วแท้ๆ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าโปรแกรมสนทนาดู ต้องเลื่อนขึ้นไปเยอะพอสมควรเลยครับ ถึงจะเจอที่คุณป๊าบอกเอาไว้ เรื่องสำคัญดันบอกสั้นๆแค่ 'ป๊าเอาน้องพันไปนะ' แต่เรื่องไร้สาระกลับส่งมาให้ผมยาวเสียเป็นเรียงความ...


MOO DIMITRI : มาแย่งเทมใช้แบบนี้ แสดงว่าอยากให้เทมงอนใช่ไหมครับคุณพ่อ


          ผมส่งข้อความไปให้และกดปิดเสียงโทรศัพท์ทันที วันนี้ผมจะไม่คุยกับใครคนอื่นแล้วครับ นอกจากคนข้างๆกันเท่านั้น


          "ม-ม-หมูหย็องครับ หมูหย็อง คน คน คนเต็มไปหมดเลย" เทมเกาะแขนผมแน่น เมื่อเจอคนหลายคนนั่งอยู่บนเครื่อง กับคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคย ความตื่นกลัวก็แวะเข้ามาทักทายเด็กชายเทมปุระเสมอ

          "ไม่เป็นไรนะครับ นี่เป็นเกมไงครับ เห็นไหมว่าเขาแต่งตัวเหมือนพวกเราเลย" เทมค่อยๆยอมคลายตาที่หลับปี๋ มองไปรอบๆ ดวงตาสีน้ำตาลดูตกใจ

          "จริง จริงด้วย เหมือนกันเลยครับ โห โห แปลกจัง บังเอิญจังเลยครับหมูหย็อง" ไม่มีความบังเอิญที่เกิดขึ้นพร้อมกันเป็นสิบขนาดนี้หรอกนะครับเทม มีแต่ความตั้งใจเท่านั้นแหละ ผมยิ้มอ่อนโยนให้คนที่เบียดตัวเข้ามาแนบชิด

          "ไม่ต้องกลัวนะครับ เขาไม่ทำอะไรเทมแน่นอน ไปครับ ไปนั่งที่กันนะ จะได้ไปหาคุณอะไรนะครับ?"

          "คุณอัลปาก้า!!"

          ตอบเสียงดังฟังชัด หูที่หงอยลงตั้งขึ้น หางฟูๆกระดิกไปมา ความตื่นเต้นที่พุ่งทะลุหลอดพัดพาความง่วงให้ปลิวหายไป ตอนนี้พลังชีวิตล้นเปี่ยมเลยครับสำหรับเด็กชายฟ้าประทาน


          ผมพาเขาไปนั่งที่เก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ด้านใน เอาไอแพดให้เขาดูสารคดีระหว่างรอเครื่องขึ้น
พอถึงเวลาเครื่องบินกำลังจะเทคออฟ เจ้าตัวก็วางไอแพดลง หันมาส่งสายตา ขอนะครับ กับผม

          "หมูหย็องครับ หมูหย็อง เทมขอจับมือหน่อยนะครับ"

 ผมยิ้มอ่อนโยน ส่งมือของตัวเองให้เขา ฝ่ามืออุ่นจับมือผมแน่น

          "กลัวไหมครับ" ผมถามคนที่นั่งข้างกัน คิดถึงช่วงแรกๆที่พาเทมขึ้นเครื่องบิน เจ้าตัวเล็กร้องไห้จ้า กลัวเหลือเกินว่าเครื่องบินจะหักครึ่งแล้วตัวเองจะร่วงหล่นกลางอากาศ ได้แต่เกาะเบาะแน่นเป็นลูกลิง แต่ตอนนี้กลับแค่เกร็งเล็กน้อย พอได้รับไออุ่นจากสัมผัสของฝ่ามือที่ประสาน เขาก็ผ่อนคลายลง

          "มีหมูหย็องอยู่ด้วย ไม่กลัวแล้วครับ"


ใจเต้นผิดจังหวะไปเลยครับ ให้ตายสิ ถ้าเครื่องบินจะตก ก็เพราะว่าหมูระเบิดตัวเองนะครับรู้ไหม






          ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็ถึงจุดหมาย ผมสั่งคนให้กระจายตัวกันออกไป ระหว่างรอรถมารับไปที่สวนน้ำ ผมจูงมือใหญ่มาหลบในร่ม แดดเมืองไทยนี่ร้อนมากจริงๆครับ

          ผมที่ใส่เสื้อคอเต่าแทบจะถอดเสื้อทิ้ง ขนาดความเบาของผ้าเป็นแบบบางพิเศษและระบายอากาศได้ดี ยังช่วยอะไรไม่ได้ เทมปุระที่เห็นผมเหงื่อออก ก็เปิดเป้หยิบสมุดขึ้นมาช่วยพัดคลายร้อนให้ผม ...นี่เขาเอาสมุดสะสมสติ๊กเกอร์มาด้วยเหรอครับเนี่ย จะมาเก็บแต้มอะไรที่หัวหินครับเทม


          "เย็นๆน้า เย็นๆน้า เทมช่วยพัดให้นะครับ" นอกจากมือที่ช่วยพัด เจ้าตัวก็ทำแก้มป่องคอยเป่าลมให้อีกต่างหาก บริการดีน่าประทับใจมากครับ ถ้ามีสติ๊กเกอร์อยู่ในมือ ก็ไม่ลังเลที่จะให้แต้มเขาเลย

          "จริงสิครับ เทมใส่หมวกไว้ด้วยนะ หมวกใบนี้ห้ามถอดเด็ดขาดเลยนะครับรู้ไหม ใส่นาฬิกามาหรือเปล่าครับ"

          "เทม เทมใส่นาฬิกาแล้วครับ" เจ้าตัวโค้งตัวลงให้ผมสวมหมวกให้ ก่อนจะรีบชูข้อมือให้ผมดู เดี๋ยวนะครับ ทำไมใส่มาทั้งสองข้างเลยล่ะ ข้างขวาหนึ่งเรือน ข้างซ้ายก็อีกหนึ่งเรือน

          "ใส่สองข้างเลยเหรอครับ" ผมตาโตมองเขาด้วยความมึนงง

          "ก็ ก็ ก็หมูหย็องบอกให้ใส่ไว้ เมื่อเช้าก็บอกให้เทมใส่อีก เทม เทมเลยไม่รู้ว่าต้องใส่อันไหนครับ เลยใส่มาเผื่อ เทม เทม เอาอันสำรองของสำรองมาด้วยนะครับ เทมไม่รู้ว่าหมูหย็องจะให้ใส่อันไหน"


          เทมปุระเปิดกระเป๋า แล้วหยิบนาฬิกาคนละสี อีกสองเรือนมาให้ผมดู ผมหัวเราะออกมา

          โธ่ เด็กพิเศษแสนซื่อของหมู เรือนที่ผมใส่ให้เขาเป็นสีฟ้าขาว เขาจะถอดตอนเวลานอน พอตื่นมาเขาก็คงจะหยิบใส่เลยตามที่ผมเคยบอกไว้ แต่พอเมื่อเช้าผมสำทับให้เขาใส่อีกรอบ เด็กน้อยผู้แสนเชื่อฟังผมก็คงเดินไปใส่มาเพิ่ม แถมยังหยิบมาเผื่อว่าตัวเองใส่สีไม่ถูกใจผมอีก

          ทั้งๆที่ไม่ชอบใส่เครื่องประดับอะไรเลยแท้ๆ แต่ก็ยังยอมใส่ถึงสองข้างเพื่อผม

          ผมยิ้มให้กับความน่ารักไร้เดียงสา จับข้อมือใหญ่ช่วยเขาถอดนาฬิกาออก


          "หมูขอโทษนะครับ หมูไม่รู้ว่าเทมใส่แล้ว เลยเผลอบอกอีกรอบ"

          "เทมก็ไม่รู้ครับ เทมขอโทษนะครับ"



          เราสองคนยิ้มให้กัน ความร้อนรอบตัวดูไม่หนักหนาเท่าเดิม คล้ายลมเย็นชื่นใจพัดผ่าน กลายเป็นความอบอุ่นที่พอดีเหลือเกิน







กว่าจะมาถึงสวนน้ำก็บ่ายพอดีครับ แดดร้อนตอนเที่ยงเบาบางลง ผมกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดว่ายน้ำ ชุดว่ายน้ำของผมก็เหมือนกับของเทมปุระเลยครับ ต่างกันแค่ของผมเป็นสีดำสนิท แต่ของร่างสูงเป็นสีดำที่มีแถบสีฟ้า

          "หมูหย็องครับ หมูหย็อง เทมรูดซิปขึ้นไม่ได้" เจ้าตัวเสียงอ่อย เดินออกจากห้องน้ำมาหาผม เด็กชายที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ พอเห็นผมก็แก้มแดงปลั่ง ผมยังไม่ได้สวมเสื้อเลยครับ เทมที่เขินอายจู่ๆก็มีสีหน้ากังวล รีบสืบเท้าเข้ามาหาผม

          ฝ่ามือร้อนทาบมาตรงลำคอจนผมสะดุ้ง

          "จ-จ-จ เจ็บไหมครับ เทมขอโทษนะครับ เทม เทมไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งหมูหย็องนะครับ ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายหมูหย็อง ไป ไปหาคุณพี่หมอไหมครับหมูหย็อง ม่วงๆเยอะแยะเลย" ดวงตาสวยเชื่อมไปด้วยแววความเป็นห่วงอย่างหนัก หยาดน้ำปริ่มขอบตา

          "ไม่เจ็บสักนิดเลยครับ รอยนี้ไม่ใช่รอยที่ทำร้ายกันนะครับเทม มันเป็นรอยจูบ ทำเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของ ถึงสีจะดูน่ากลัวไปหน่อย แต่ก็ไม่เป็นอะไรเลยครับ อีกอย่าง หมูดีใจมากๆเลยนะครับ ที่เทมทำรอยเอาไว้"


          ผมเคลื่อนตัวไปกอดรั้งเอวสอบให้เข้ามาใกล้ตัวเอง เงยมองสบตา หวังให้เขาหายกังวล แต่ความเป็นห่วงเยอะแยะของเขาก็ไม่หายไปง่ายๆ ผมตัดสินใจขยับมือไปแหวกเสื้อเขาออก ดูดดุนผิวหนังบอบบางของเทมปุระแรงๆ


          "อือ" เขาครางออกมา ผมผละริมฝีปากออก หลังจากสร้างกุหลาบดอกไม้เพิ่มบนตัวเขาสำเร็จ
          "เทมเจ็บไหมครับ รู้สึกแย่หรือเปล่า?"
          "เจ็บจี๊ดๆนิดหน่อยครับ แต่รู้สึกแปลกๆกับรู้สึกดีมากๆมากกว่า" ผมอมยิ้ม แปลกๆนี่ยังไงกันนะครับเทมปุระ
          "เห็นไหมครับ หมูก็รู้สึกดีเหมือนกัน อย่าลืมนะครับ ว่าหมูเป็นของเทม ไม่ว่าตรงไหน ส่วนไหนก็เป็นของเทมทั้งนั้น เทมจะทำอะไรกับหมูก็ได้..." ผมเลื่อนมือจากเอวสอบไปที่บ่ากว้าง รั้งเขาให้ก้มต่ำลงมา ดูดดึงติ่งหูเขา เรียกเสียงครางฮือขึ้นมาอีกระลอก ก่อนจะพูดเสียงกระเส่าชิดใบหูที่ขึ้นสีแดง


          ย้ำให้เขาจดจำเอาไว้ ว่าผมเป็นของใคร และเขามีสิทธิ์อะไรในตัวผมบ้าง


          "ทุกอย่างเลยนะครับ เทมทำได้ทุกอย่างเลย"

          เทมปุระพยักหน้าอย่างเหม่อลอย ตกเข้ามาให้แหที่ผมหว่านจับเต็มตัว ผมหอมแก้มนุ่มนิ่ม ถ้าจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ก็ไม่ยากเกินมือผม


          แต่...วันนี้ผมจะยอมปล่อยเขาไปก่อน


          แม้ความจริงสามชั่วโมงของเมื่อวานจะไม่ได้ทำให้ผมเต็มอิ่มก็ตาม สามชั่วโมงที่แตะกันเพียงภายนอก ทำได้แค่เพียงรองท้องเท่านั้น ผมยังคงหิวโหย สำหรับเทม ความละโมบโลภมากของผมมันไม่เคยรู้จักคำว่าพอ กลับเรียกร้องอยากได้มากขึ้นไปอีก และมากขึ้นไปอีก ราวกับหลุมดำที่กลืนกินทุกอย่างอย่างตะกละตะกลาม


          แต่วันนี้เป็นวันปล่อยเด็กครับ ไม่อยากรังแกเขามากไป


          แถมโซ่ความอดทนของผมก็ยังไม่ฟื้นฟู เจ้าโซ่ที่จองจำปีศาจร้ายยังซ่อมแซมไม่เสร็จ ถ้าวันนี้เกินเลย ผมสัมผัสได้ว่ามันจะเลยเถิด เลยไปไกล...มากๆ มากชนิดที่คงถึงปลายทางที่ไม่มีวันย้อนกลับ เพราะผมชิมรสเขาแล้ว และติดใจรสชาติเขามากกว่าอะไรทั้งหมดทั้งมวล อาหารชั้นยอดในภัตตาคารสุดหรู หรืออาหารที่ได้รับรางวัลระดับโลกล้วนพ่ายแพ้ชนิดไม่เห็นฝุ่น


           ไม่มีอะไรเลิศรสเท่าเขาอีกแล้ว


           และครั้งนี้...


          มันจะไม่ใช่แค่ชิม แต่ผมจะกินเขา กินเขาเข้ามาจริงๆ แน่นอน


          ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เสียดาย แต่ก็ต้องปล่อยไป


ผมรูดซิปชุดว่ายน้ำขึ้นให้เขา แปรรอยยิ้มกระหายเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนดังเดิม จูบเขาที่ปลายคางอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยปลาให้หลุดจากอวนไป


          "เตรียมแว่นตาว่ายน้ำหรือยังครับเทม" ผมปลุกอีกฝ่ายจากภวังค์

หน้าที่ขึ้นสีแดงแปร๊ดทำเอาผมหิวขึ้นมาอีกรอบ

          "เทม เทม เทม เทม เตรียม เตรียมแล้วค-ค-ครับ"

          ผมยิ้ม

          "อย่าลืมใส่หมวกนะครับ รอหมูแต่งตัวแป๊บเดียว แล้วเดี๋ยวเราไปเล่นน้ำกันนะ"

เทมปุระพยักหน้าเร็วๆทั้งๆที่ก้อนซาลาเปาขาวยังเป็นสีชมพู ผมปล่อยเขาออกจากอ้อมกอด เทมดูละล้าละลัง ไม่รู้จะทำยังไง ผมเลยรีบหยิบเสื้อมาสวมใส่ หยิบหมวกทั้งของตัวเองและคนที่กำลังยืนรอไม่ห่างไปไหน

          "เทมทาครีมกันแดดหรือยังครับ" เทมปุระหลบตาผม ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเขินอาย แต่กำลังหลบลี้หนีความผิดอยู่

          "มันเหนียวหนืด เหนียวหนืด ไม่ทาไม่ได้เหรอครับหมูหย็อง" เสียงอ่อนอ่อยที่มาพร้อมดวงตาออดอ้อน ผมคิดไว้แล้วว่าเจ้าตัวต้องไม่อยากทา ผมเดินไปหยิบขวดสเปรย์กันแดดมาเขย่า ก่อนจะจับร่างสูงหมุน ฉีดส่วนเนื้อผิวที่เสื้อผ้าไม่ปิดบัง จริงๆก็อยากให้เขาทาเป็นครีมมากกว่านะครับ แต่เทมไม่ค่อยชอบทาครีมเอาเสียเลย

          "งั้นฉีดสเปรย์กันแดดแทนนะครับ แล้วต้องมาฉีดบ่อยๆนะครับรู้ไหม"

          "เทมฉีดให้หมูหย็องด้วย ฉีดให้หมูหย็องด้วยครับ" จริงๆผมทาครีมกันแดดแล้วนะครับ แต่เห็นท่าทางแบมือขอของเขาแล้วก็ปฏิเสธไม่ลง ได้แต่ยืนให้เจ้าชายจับตัวเองหมุนไปมาเหมือนหมูหันที่ถูกพรมซอสปรุงรส

          "เอาล่ะครับ ไปเล่นน้ำกันนะ"






          สวนน้ำขนาดใหญ่หลายสิบไร่ เต็มไปด้วยเครื่องเล่นมากมาย แต่คนไม่มากนักครับ อาจจะเพราะไม่ใช่ช่วงปิดเทอม คนเลยดูบางตา ซึ่งดีมาก เพราะผมเป็นคนค่อนข้างจะขี้รำคาญ แค่นี้สายตาหลายคู่ก็มองตรงมาที่พวกผมเยอะแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเทมอยากมา ผมคงจะให้เขาว่ายน้ำเล่นที่สระที่บ้านแทน

          เทมปุระวิ่งตรงไปที่เครื่องเล่นที่น่าหวาดเสียวสุดๆ อย่าง...น้ำพุครับ... ร่างสูงวิ่งไล่ตะครุบเจ้าสายน้ำที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นแล้วก็หายไป พออีกที่พุ่งขึ้นมาก็รีบวิ่งไปจับ วนไปเรื่อยๆไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หัวเราะเอิ๊กอ๊ากดูอารมณ์ดี

          "หมูหย็อง หมูหย็องมาจับน้ำพุกับเทมเร็วๆๆๆๆครับ มาจับน้ำพุกันนะ จับน้ำพุกันครับ"

ผมอยู่ในสระน้ำวนข้างๆเขา เกาะขอบสระดูเจ้าดวงอาทิตย์ยิ้มสดใสฉายแสงร่าเริง เทมวิ่งจับน้ำพุจนเหนื่อยหอบ แน่นอนครับว่าจับไม่ได้อะไรเลย แต่เจ้าตัวก็ดูมีความสุขมากอยู่ดี


          "เทมครับ มาเล่นน้ำวนกับหมูดีกว่า" ผมกวักมือเรียกเขา

          "ให้หมูหย็องขี่หลังนะ เทมจะเป็นคุณม้าฮี้กรับๆๆๆให้เอง" เทมที่พอลงน้ำมาก็ช้อนตัวผมขึ้นหลังแล้วปล่อยตัวลอยไปตามกระแสน้ำวน ผมหัวเราะ เมื่อคุณม้าพยายามจะวิ่งทวนกระแสน้ำ หน้าตาจริงจังแต่กลับไปไหนไม่ได้ที่ดูย้อนแย้ง มันตลกและน่าเอ็นดูไปพร้อมๆกัน

          "ฮึ่มๆๆๆ เทมเป็นคุณม้าฮี้ฮี้ ฮี้กรับกรับ คุณม้าเทมจะไม่ยอมแพ้ จะพาหมูหย็องไปส่งให้ได้เลยครับ"

          "หึหึ...ฮ่าๆๆๆ คุณม้าสู้ๆนะครับ เอ้า ฮึบ" ผมส่งเสียงเชียร์คุณม้าที่ตั้งหน้าตั้งตาเดินทวนกระแสน้ำ แต่ก็โดนแรงต้านจนถอยหลังไปเรื่อยๆ

          "ฮึบๆๆๆๆๆ งะ ไปไม่ไหว ไปไม่ได้เลยอ่า ฮี้กรับกรับไม่ไปเลยครับหมูหย็อง"

          "หึหึ โธ่ คุณม้าน่าสงสารจังเลยครับ งั้นเราไปตามกระแสน้ำเนอะ"

          "งี้ก็ไม่เหมือนคุณปลาแซลมอนที่ว่ายน้ำทวนกระแสไปวางไข่สิครับ จะเท่ๆๆๆ ชนะคุณหมี ต้องว่ายทวนน้ำนะครับหมูหย็อง"

          อ้าว เมื่อกี้ยังเป็นคุณม้า ตอนนี้กลายเป็นแซลมอนว่ายทวนกระแสน้ำไปวางไข่ซะแล้วครับ
ตกลงไม่เป็นคุณม้าฮี้กรับกรับแล้วเหรอครับเทม ผมระเบิดหัวเราะให้คนช่างจินตนาการ

          "ฮ่าๆ โอเคครับ โอเค งั้นคุณแซลมอนไปวางไข่ตรงนั้นแทนนะครับ"
          "ได้เลยครับคุณลูกไข่ปลา จับคุณม้าแน่นๆนะครับ ฮี้กรับกรับจะพาไปเองนะ"


          หึหึ ตกลงเป็นตัวอะไรกันแน่ครับเทมปุระ






          ผมกับเทมเล่นน้ำกันจนเหนื่อย ผมหัวเราะให้เด็กชายที่เปลี่ยนร่างไปเปลี่ยนร่างมา ส่วนตอนนี้เรากำลังจะเล่นสไลเดอร์รอบสุดท้าย ก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวไปฟาร์มกันครับ

          "หูววว ตอนลื่นๆๆ ร่วงลงมานะ เหมือน เหมือน เหมือนเครื่องในเทมหายเกลี้ยงๆ หายวิบวับไปเลยครับ เครื่องในหมูยังอยู่หรือเปล่า"

          พอไถลลื่นออกมาจากอุโมงค์สูง เทมปุระกุมท้องตัวเองด้วยใบหน้าสงสัย คงจะเสียววาบจนรู้สึกท้องว่างเปล่าน่ะครับ

          "ของหมูยังอยู่ครับ ของเทมยังอยู่ไหมครับ" เด็กน้อยยืนนิ่ง จับๆ คลำๆไปทั่วหน้าท้องแบนราบของตัวเอง เหมือนกำลังสำรวจ ตรวจหาเครื่องในของตัวเองอยู่ กลิ้งลูกตาไปมา ใบหน้าครุ่นคิด ก่อนจะฉีกยิ้ม

          "ยังอยู่ๆๆๆ เครื่องในเทมก็ยังอยู่ครับ"

          "ยังอยู่ก็ดีแล้วครับ" ผมยิ้มให้คนที่หาตับไตไส้พุงของตัวเองเจอ

          "ใช่ๆๆๆ ถ้าเทมลืมเครื่องในเอาไว้ ก็จะไม่มีใช้ใช่ไหมครับ"

          "หึหึ ใช่ครับ"

          "อะ ถ้างั้นเทมฝากหมูไว้ได้ไหมครับ"

          "หืม เราฝากเครื่องในกันไม่ได้นะครับเทม"

          "อ้าว แต่ในหนังเขาบอกว่าแลกหัวใจกันแล้วก็เป็นแฟนกันนะครับ เทมก็จีบๆๆหมูหย็องอยู่ ก็ต้องให้ใจหมูหย็อง แล้วก็ขอหัวใจหมูหย็องกลับคืนไงครับ" ผมชะงักเท้าลง มองอีกฝ่ายที่ทำท่าหยิบหัวใจตัวเองยื่นมาให้ผม รอยยิ้มกว้างจนตาหยี พร้อมมือที่ทำรูปหัวใจส่งมาให้ พาเอาระเบิดนับร้อยลูกถูกจุดอย่างพร้อมเพียง เสียงระเบิดดังขึ้นในสมองตู้มต้ามไม่หยุด



          "ให้หมูหย็องนะครับ"



ผมรู้สึกตัวเองยิ้มกว้างจนปวดแก้ม พร้อมร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าตอนแบมือรับหัวใจของเขามาไว้ในมือ


          "อื้อ หมูหย็องต้องให้เทมกลับด้วยนะครับ" เทมปุระยื่นมือมาขอหัวใจผมแลกเปลี่ยนกลับคืน ผมมือสั่นนิดหน่อยตอนทำหัวใจดวงเล็กที่หน้าอกข้างซ้าย ก่อนจะยื่นไปวางบนมือที่รอรับ


          "ได้หัวใจของหมูหย็องมาแล้ว" เทมปุระยิ้มดีใจ จนเหมือนมีคำว่ามีความสุขและดีใจปลิวว่อนไปทั่วสวนน้ำ


          "เทมสัญญาว่าจะดูแลดีๆๆ ดีที่สุดเลยครับ หมูหย็องก็ดูแลหัวใจของเทมดีๆนะครับ"


ผมพยักหน้าให้สัญญา


          "ได้ครับ หมูก็จะดูแลหัวใจของเทมให้ดีที่สุดเหมือนกัน"


          ผมอมยิ้มและแก้มก็ร้อนผ่าว  แต่ก็ไม่เหงานะครับ  เพราะไม่ได้เดินหน้าแดงคนเดียว  ฝ่ามือที่ว่างเปล่ามีมือเขาเข้ามากอบกุมไม่ให้เดียวดาย มีคนเดินจูงมือที่หน้าแดงเหมือนกันอยู่ข้างกาย เราเดินเงียบๆในบรรยากาศดีๆที่ห่อหุ้มเราเอาไว้ เป็นความเงียบและจั๊กจี้หัวใจเอามากๆ จนผมหยุดยิ้มไม่ได้เลย



ผู้ชายหน้าแดงสองคนที่จูงมือกันไปตามทาง ดูเป็นจุดเด่นดึงดูดทุกสายตา

ในดวงตาหลายคู่สะท้อนภาพของผมและเขา





แต่ในสายตาของผมและเขา

กลับสะท้อนแค่ภาพ กันและกัน








         











end 29 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



ขอเครื่องในหน่อยนะคะ ♥







หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 29 * 10/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 12-10-2018 20:39:01
ลุ้นก็ส่วนลุ้นว่าใครจะชนะ แต่ความรัก ความหวานทะลุหมื่นแสนไปแล้ว  :o8:
 :mew1:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 29 * 10/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 12-10-2018 21:06:05
 :o8:  :-[  :impress2: เขินแรงมากค่ะ.... พออ่านจบตอนปับ... จินตนาการไปถึงโลกหน้า....  :hao7:  :hao7:  :hao7:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 29 * 10/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mizunoe ที่ 12-10-2018 23:10:18
โอ๊ยยยยย สำหรับหมูหย็องแค่นี้ก็อดทนนนจะแย่แล้วใช่มั้ย
ไม่ชิงสุกก่อนห่าม แต่พยายามบ่มให้สุกไวๆแทน 5555555555
เล่นซ่อนหากันแบบจริงจังเกินไปแล้ว…
ดีใจที่หมูกับเทมไปเที่ยวกันสนุกสนาน
แถมยังหวานได้อีกกกก
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 29 * 10/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 13-10-2018 09:07:15
เทมน่ารักจริง ๆ เลย
ชอบความเทม ... พี่หมูตกรอบนะคะงวดนี้
เทมชนะเลิศกับความน่ารัก .. ตั้งแต่ซีนใส่นาฬิกา 2 ข้าง + สำรองอีก 2
ไหนจะการไล่จับน้ำพุ
การทำตัวจิ๋ว ๆ ... วาดหวังถึงร้านขนมเค้กตรงจุดพักรถ
และอีกสารพัด ป้ายกให้เทมเป็น "เมะ" น่ารักที่สุดในใจป้าเลยลูก
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 29 * 10/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 14-10-2018 01:00:34
อ่านทันแล้ว!!~
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 29 * 10/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 15-10-2018 13:45:49
เมื่อไหร่หนูเทมของป้าจะมาน้อ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 29 * 10/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 15-10-2018 19:03:45










30




 



          นภาสดใสสีฟ้าคราม แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสีชมพู ยิ่งท้องฟ้าของผมยิ่งชมพูกว่าอะไรทั้งหมด เทมปุระที่เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรชวนขวยเขินออกไป นั่งเอาหน้าซ่อนไปกับเบาะรถ ดวงหน้าจิ้มลิ้มไม่กล้าแม้แต่จะหันมาให้ผมเห็น แม้แต่ใบหู คุณท้องฟ้าก็เอาฝ่ามือปิดเอาไว้


          ความรู้สึกเขินอายที่มาช้าๆของเขา น่ารักจนผมแทบจะหัวใจวายตาย เราเดินจูงมือกันไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็จูงกันมาขึ้นรถ ระหว่างที่เขากำลังพูดถึงคุณอัลปาก้า พอผมถามเขาว่า 'เมื่อกี้เทมขอหมูเป็นแฟนหรือครับ' เทมปุระก็เอียงคอสงสัย บอกว่ากำลังจีบเฉยๆ พอผมอธิบายไป ว่าแลกหัวใจกัน ก็เหมือนคำขอเป็นแฟน


          เท่านั้นแหละครับ ใบหน้าขาวค่อยๆซับสีเลือด เหมือนผมจะได้ยินเสียงระเบิดจากอีกฝ่ายตูมตามไม่หยุด เด็กน้อยที่ร่าเริงเตรียมไปหาคุณแกะคุณแพะ ก็เป็นอันชะงัก กลายเป็นเด็กชายแสนขี้อายที่กอดเบาะเสียแน่น


          "เทมครับ เดี๋ยวหายใจไม่ออกนะครับ มานั่งดีๆเร็ว" ผมพยายามแกะเขาออกมาจากเจ้าเบาะน่าอิจฉานั่น เทมส่ายหน้าไปมา ปฏิเสธการหลบออกจากที่หลบภัย เส้นระดับความอายของเจ้าตัวนี่เข้าใจยากมากเลยครับ จีบผมยังเขินในแบบที่แค่หลบตา แต่พอขอเป็นแฟนถึงขนาดซ่อนไปทั้งตัว เขาเอาอะไรตัดสินกันนะ


          "เทม เทมอายหมูหย็อง หมูหย็องอย่าเพิ่งมองเทมนะครับ"

          "อายอะไรหมูครับเทม"

          "ก้อ ก็ ก็ ก็ เทม เทม เทมกำลังจีบจีบหมูหย็องอยู่"

          "แล้วยังไงต่อครับ"

          "ก็พอ-พอหมูหย็องถามว่า เทม เทมขอหมูหย็องเป็นแฟนเหรอ...." พูดถึงตอนนี้ แม้แต่หลังมือที่ปิดหน้าอยู่ก็ยังเป็นสีชมพูเข้มจัด

          "หมูหย็องพูดแล้วเหมือน เหมือนหมูหย็องขอเทมเป็นแฟนเลย เทมก็เลยตึกตักๆๆๆไม่หยุด ก้อนหัวใจตุบๆๆๆเร็วมากๆ หมู-หมูหย็องขอเทมเป็นแฟนไม่ได้นะครับ เทมเป็นคนจีบ เทมต้องขอนะ"




               แต่งงานกันนะครับเทม

               ผมอยากถามเขามาก ทำไมต้องเกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักขนาดนี้ด้วยครับ ไม่คิดจะเหลือคำว่าน่ารักให้ผมได้ใช้กับอะไรอีกเลยใช่ไหม ผมอยากจับเขามาปั้นเป็นก้อนแล้วก็อมเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็นอีกเลยจัง


          ที่เขาเขินอายก็เพราะเหมือนผมไปพูดขอเขาเป็นแฟนนี่เอง โธ่ เด็กน้อยของหมูครับ ผมครวญในลำคอ ให้ตายสิครับ เขากระชากความรู้สึกของผมให้ลงหลุมรักเดิมๆ ไม่รู้กี่ร้อยกี่แสนกี่ล้านครั้งแล้ว และทุกครั้งที่เขากระชากผมลงไป มันก็ถลำลึกมากยิ่งขึ้น ลึกยิ่งขึ้น ไกลยิ่งขึ้น ครั้งนี้ยังเอาหินมาปิดทางเข้าออกไว้อีก หมดกันครับ

               เขาวงกตเทมปุระได้กักขังผมไว้ตลอดไปเสียแล้ว



          ท่าทางตัวสั่นและดูทำอะไรไม่ถูกเหมือนลูกกระต่ายสีขาวตัวจ้อย ดูน่าอาทร เขาคงยังไม่ชินนักกับการถูกรักในเชิงแบบนี้  ผมส่งเชือกให้เทมจับ ให้เขาพยุงตัวขึ้นมาจากความรู้สึกรุนแรงที่เพิ่งเคยเจอ


          "งั้นหมูขอเก็บคำพูดคืนนะครับ แล้วหมูจะรอเทมมาขอเป็นแฟน แบบนี้ดีไหมครับ?" ผมยิ้ม ยอมตามใจเขา ถ้าเขาอยากเป็นคนขอ ผมก็จะรอเขาครับ แม้ที่จริงอยากจะรวบหัวรวบหางเขาไวๆก็ตามที


          เทมปุระค่อยๆเบือนใบหน้าออกจากที่หลบภัย ใบหน้าแดงฉานดูงดงามเสียหัวใจผมเต้นถี่รัว แพขนตาที่หลุบลงยอมช้อนขึ้นมองกัน เขาพยักหน้าช้าๆอย่างเขินอาย องค์ชายน้อยยื่นมือที่กำเอาไว้มาให้ผม


          "ฝ-ฝากหมูหย็องไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยว เดี๋ยวเทมจีบหมูหย็องเสร็จแล้ว แล้ว แล้วจะมาขอคำพูดคืนนะ"


          หัวใจผมคลานไปคุกเข่าแทบเท้าเขา ยอมทุกอย่างแล้วครับคนดี ต้องการอะไรก็บอกหมูมาได้ทุกอย่างเลยครับ ผมพยักหน้า ผมปวดแก้มไปหมด ยิ้มนาน ยิ้มค้างจนแทบจะลืมวิธีหุบยิ้ม พอเด็กน้อยเห็นผมรับฝากแล้ว เขาก็ดูโล่งอก เจ้าตัวถอนหายใจด้วยความสบายใจ


          นี่ถ้าผมพูดโพล่งออกไปว่า 'เป็นแฟนกันนะครับเทม' นางฟ้าของผมต้องกระพือปีกบินหนีไปเพราะความเขินอายที่เกินจะรับไหวแน่ๆเลยครับ ท่าทางราวเครื่องแก้วล้ำค่าแสนบอบบาง ที่ไม่เคยผ่านมือผู้ใดและแสนไร้เดียงสา ทำให้ผมอยากทะนุถนอม แม้จะอยากเห็นท้องฟ้าเป็นสีชมพูให้นานกว่านี้ แต่จะเอาแต่ใจตอนนี้มากไม่ได้ครับ


          ผู้กล้าตัวน้อยของผมยังแค่เป็นผู้กล้าฝึกหัด เป็นผู้กล้าที่เพิ่งเริ่มเดินเตาะแตะ และมังกรใจร้ายแบบผมก็ควรใจดีกับเขาเสียหน่อย



          "ใกล้ถึงแล้ว เทมอยากทำอะไรก่อนดีครับ ที่นี่หมูดูรีวิวมา มีฟาร์มกระต่ายด้วยนะครับ"

          "คุณกระต่าย! เทม เทม อยากไปเล่นกับคุณกระต่ายด้วยครับ!" เทมตอบเสียงดังฟังชัด คุณกระต่ายสีขาวของผมหูตั้งตรง หางกลมๆส่ายดุกดิกไปมาไม่หยุด เมื่อรู้ว่าใกล้ถึงสวนสนุกของเจ้าตัวแล้ว ผมยิ้ม ถามเขาต่อ

          "คุณอัลปาก้าล่ะครับ?"

          "เล่นกับคุณอัลปาก้าด้วยครับ!"

          "คุณแกะล่ะครับ?"

          "เล่นกับคุณแกะด้วยครับ!"

          "หมูหย็องล่ะครับ?"

          "เล่นกับคุณหมูหย็องด้วยครับ!"


          หึหึหึ ผมหัวเราะในลำคอให้กับเครื่องตอบคำถามอัตโนมัติที่ยังคงตื่นเต้น ไม่รู้ว่าโดนหลอกล่ออะไรบ้าง ผมลูบแก้มนุ่มนิ่ม แก้มของเขาให้สัมผัสที่นุ่มนวลใจดีจริงๆเลยครับ เทมปุระให้ความร่วมมือด้วยการมอบแก้มของตัวเองวางแหมะไว้บนมือของผม เขายิ้มกว้างจนตาปิด แล้วถูไถไปมา


          "นวดแก้ม นวดแก้ม นวดแก้ม" ผมขยำแก้มให้เขาเบาๆ ตามที่คุณเจ้าของเขาเรียกร้องราคา ค่าให้ยืมแก้มนุ่มมาจับเล่น เปลือกตาที่หลับสั่นไหว ดูสบายอกสบายใจกับบริการนวดแก้มของผม


          "สบ๊าย สบาย ซักแก้มเทมเสร็จแล้ว เดี๋ยวเทมซักแก้มให้หมูหย็องด้วยนะครับ เทมจะเป็นคุณเครื่องซักผ้าให้นะ เดี๋ยวจะปั่นแก้มให้สะอาดๆๆๆเลยครับ"

          เทมปุระเสนอตัวเอง แต่สักพักเขาก็ตาโต

          "แต่แก้มหมูหย็องไม่ใช่ผ้านี่น่า งั้นเทมจะเป็นคุณเครื่องซักแก้มแทนนะครับ หมุนๆๆๆๆๆ"


          ฝ่ามือใหญ่ยื่นมาทาบทับแก้มของผมบ้าง เขานวดหมุนวนไปมาเบาๆ ผมพอจะเข้าใจแล้วครับ มันสบายจนแอบเคลิ้มเลยทีเดียว โดยเฉพาะยิ่งมีสายตาหวานๆมองตรงมาเป็นบริการเสริม ยิ่งรู้สึกว่าเครื่องซักผ้ายี่ห้อนี้ดีจริงๆดีมากๆเลยครับ อยากซื้อเอาไปตั้งไว้ในห้องนอน แล้วให้เขาซักให้ทั้งคืนชะมัด


          ผมกับเทมเล่นเป็นคุณเครื่องซักแก้มจนถึงจุดหมายเลยครับ รู้สึกว่าที่เขาบีบแก้มไปมาให้ ก็ช่วยผมคลายเมื่อยที่เอาแต่ยิ้มเป็นบ้าเป็นหลังทั้งวันได้ดีเหมือนกัน วันนี้รอยยิ้มผมคงจะฉีกกว้างไปถึงกลางคืน แต่ก็ไม่กลัวแล้วครับ มีคุณซักแก้มคอยนวดให้ทั้งคนนี่นะ


          ร่างสูงพอลงจากรถ เห็นป้ายทางเข้าก็วิ่งให้วุ่นวาย คุณเครื่องซักผ้าตอนนี้กลายเป็นตะเกียงไปซะแล้วล่ะครับ เป็นตะเกียง แล้วก็เป็นโคมไฟที่ฉายแสงระยิบระยับสว่างโร่ ดวงตาเขาเหมือนส่องแสงกวาดมองทั่วไปหมด ความตื่นเต้นทะลุถึงขีดสุด ชี้มือชี้ไม้ชวนให้ผมดูไปทุกอย่าง


          "หมูหย็องครับ หมูหย็องดูนี่สิ ดูนี่สิครับ ใบไม้ล่ะ!! ใบไม้สีเขียว!"

          ใบไม้บ้านเราก็มีนะครับเทม...


          ความตื่นเต้นเยอะแยะที่เด็กน้อยของผมไม่รู้ไปขนมาจากไหน ทำเอาเขาตื่นตาไปกับทุกสิ่ง ผมหัวเราะเอ็นดู คนที่กำลังก้มๆเงยๆกับต้นไม้ตรงทางเข้า เขาหยิบทุกอย่างมาให้ผมดู พอผมพยักหน้าให้ แล้วก็วิ่งไปหยิบอย่างอื่นมาให้ดูอีกเรื่อยๆ ท่าทางที่ภูมิใจนำเสนอทุกอย่างให้ผมดู ทำเอาฟาร์มสัตว์น่าเบื่อในความคิด เป็นน่าสนุกสุดๆไปเลยครับ


          "คุณก้อนหิน!! หมูหย็องๆๆๆๆ ดูก้อนหินก้อนนี้สิครับ เหมือนคุกกี้เลยครับ! ก้อนนี้ก็เหมือนไดโนเสาร์ด้วย หมูหย็องว่านี่จะเป็นกระดูกแขนขาป๊อดซิวของคุณไดโนเสาร์ในสมัยก่อนๆๆๆหรือเปล่าครับ?"


          ก้อนหินบ้านเราก็มีนะครับเทม... แล้วก้อนเล็กแค่นั้น น่าจะเป็นได้แค่ปลายเล็บ เศษกระดูกนะครับหมูว่า

ผมหัวเราะเด็กชายฟ้าประทาน ที่หยิบจับอะไรก็ดูตื่นเต้นไปเสียหมด


          "ฟอสซิลครับเทม อืม อาจจะเป็นไปก็ได้นะครับ" ผมไม่มีทางขัดท่าทางที่โคตรน่ารักของเขาตอนนี้แน่ๆครับ


           วันนี้ผมจะตามใจเขาให้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ และนั่นก็เป็นกำไรของผมด้วย เมื่อเทมปุระตาวาว รีบเอาเสื้อตัวเองเช็ดเจ้าก้อนหินเปื้อนดินก้อนนั้นให้สะอาด แล้วเอามาใกล้หน้าตัวเอง ฉีกรอยยิ้มกว้างแสนสดใส
          ท้องฟ้ากระจ่างดูจืดชืดไปเลยครับ เมื่อคนตรงหน้าผมแย้มรอยยิ้มออกมา


          "ฟอสซิล! งั้นๆๆๆ หมูหย็องครับ หมูหย็องครับ ถ่ายรูปเทมกับคุณฟอสซิลให้หน่อยนะครับ เทมจะส่งให้คุณแม่ดู ให้คุณป๊ากับเต้กับน้ำดูด้วย เทมเป็นนักราคดีแล้ว เจอกระดูกไดโนเสาร์ด้วย!"

          "นักโบราณคดีครับ ยิ้มนะครับ" ผมหยิบกล้องขึ้นมา ถ่ายรูปเด็กน้อยกับก้อนหินหน้าทางเข้าของเขา

          "นักโบราณคดี! หรือจริงๆแล้วเป็นไข่ไดโนเสาร์กันนะ..." เทมปุระพึมพำ ดูยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิม เขาหยิบก้อนหินก้อนเดิมขึ้นมาใกล้หูตัวเอง ท่าทางตั้งใจมาก ราวกับกำลังฟัง ค้นหาเสียงความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตข้างในนั้น

          "เทมครับ..." ผมกำลังจะบอกเขาว่ามันยังไม่ได้ล้าง อย่าจับนานนัก แต่ก็ต้องหยุดก่อน เมื่ออีกฝ่ายยกนิ้วชี้จรดริมฝีปาก

          "หมูหย็อง ชู่ๆๆๆๆ ก่อนนะครับ เทมกำลังฟังน้องทารกในไข่อยู่" ผมยิ้มให้ความคิดน่ารักของเขา

          "งั้นเอาไปเก็บดีไหมครับ ไข่บอบบางมากนะครับเทม"

          "จริงด้วย! จริงๆๆๆด้วย เทมไม่ควรจับน้องมาเล่นเลย ขอโทษนะครับ" เขาลูบก้อนหินเบาๆ สีหน้ารู้สึกผิดมาก ก่อนจะค่อยๆประคองก้อนหินไปไว้ข้างต้นไม้ จัดสถานที่ให้คุณไข่ไดโนเสาร์เป็นอย่างดี

          "ฟักไวๆนะครับน้องไดโนเสาร์" ร่างสูงบอกเบาๆ



ก่อนเขาจะนิ่งไป ท่าทางเหมือนเทมจะเจอบางสิ่ง มือใหญ่เอื้อมไปจับอะไรบางอย่าง

               ตัวสีดำๆดิ้นขยุกขยิก มีขาเยอะแยะแสนคุ้นตา



             "หมูหย็องครับ!! คุณตะขาบล่ะ!!!!!!"



               ตัวนั้นจับเล่นไม่ได้นะครับเทม!



          "เทมครับตัวนั้นจับไม่ได้นะครับ ปล่อย ปล่อยเลยครับ!" ผมรีบบอกเขา ร่างสูงแม้จะงง แต่ก็ยอมปล่อยไป ผมรีบวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย จับข้อมือเขาไว้ เมื่อดูทั่วว่าไม่ได้ถูกกัดก็โล่งอก มืออีกข้างรีบหยิบทิชชู่ฆ่าเชื้อมาเช็ดมือใหญ่   
     
          "ตะขาบจับเล่นไม่ได้นะครับเทม มันมีพิษ เป็นสัตว์อันตราย ถ้าโดนกัดขึ้นมาเทมจะเจ็บนะครับ รู้ไหม ห้ามจับเด็ดขาดเลยนะครับ" ผมบอกเขาด้วยความเป็นห่วง

          "ไม่จับๆๆๆ ไม่จับ วันหลังเทมไม่จับแล้วครับ ไม่จับเด็ดขาดๆๆๆ ของเด็ดขาดเลยครับ เทมขอโทษนะครับ"

          คงเพราะผมเผลอเสียงดังเพราะตกใจไปหน่อย เด็กน้อยของผมคงจะเสียขวัญ นึกว่าผมโกรธ ท่าทางร่าเริงดูสลดลง ผมเอาทิชชู่ไปทิ้งถังขยะ เดินมาจับมือเขาไว้

          "ไม่ได้โกรธเทมนะครับ หมูแค่เป็นห่วง ไปข้างในกันนะครับ ไปเล่นกับคุณแกะคุณแพะแทนนะ"

          "คุณอัลปาก้า!" ถือว่าผมประสบความสำเร็จในการกู้คืนความตื่นเต้นและรอยยิ้มของเขาครับ

          "ครับ คุณอัลปาก้าด้วยนะ ไปซื้อตั๋วเข้าฟาร์มกันก่อนนะครับ"



          ที่นี่เหมือนเป็นสวนสัตว์ขนาดย่อมๆเลยครับ มีสัตว์หลากหลายชนิดพอสมควร มีคาเฟ่ ร้านอาหาร และสถานที่สวยๆให้ถ่ายรูป เขาจัดสรรพื้นที่ได้ดี ทำให้เดินไปแล้วไม่น่าเบื่อ ผมมองแผนผังบนกระดาน คิดว่าจะเดินวนรอบ จะได้พาเด็กน้อยไปเจอสัตว์ทุกชนิดให้ครบ และจะได้สิ้นสุดที่อัลปาก้าพอดี


          "ไปทางนี้กันนะครับ ไปหาคุณแกะกับคุณแพะก่อนนะ"

          "ได้ครับ แต่ว่า แต่ว่าหมูหย็องครับ หมูหย็องครับ คือ คือว่าเทมซื้อสายไหมด้วยได้ไหมครับ" เทมปุระดึงรั้งชายเสื้อผมเอาไว้  ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองกลุ่มเด็กๆ ที่เดินถือสายไหมอันใหญ่สีสันลูกกวาดเดินยั่วเด็กชายของผมไปมา เทมมองตามเสียจนลูกตาจะเขียนคำว่า 'สายไหม' เลยครับ

          "ได้ครับ"

          "ไอศกรีมด้วยได้ไหมครับ" มาแล้วครับ เทมปุระกับของหวานอย่างเดียวไม่เคยพอ

          "ไอศกรีมด้วยก็ได้ครับ"

          "วันนี้หมูหย็องใจดีจังเลยครับ ปกติก็ใจดี แต่วันนี้ใจดีแบบยิ่งใหญ่ ใหญ่โตมากๆๆเลย" เทมเบิกตากว้าง ยิ้มหวาน เข้ามาคลอเคลียประจบผมทันที ผมหัวเราะให้เจ้าหมาน้อยหางกระดิก ผมเห็นสายตาเขามองตามอมยิ้มไปอีก ก็รีบพูดหยุดเขาเอาไว้ก่อน เดี๋ยวจะไปเล่นกับสัตว์อยู่แล้ว เดี๋ยวจะไม่สะดวกเอาครับ ถ้าของกินเต็มมือ

          "ทานสองอย่างนี้ให้หมดก่อนนะครับ"

          "โอเคครับๆๆ งั้นๆๆ ไปซื้อสายไหมกันก่อนนะครับ เทมอยากได้สีฟ้าอันใหญ่ๆๆๆ"




          ผมเดินไปถามครอบครัวหนึ่งว่าพวกเขาซื้อมาจากที่ไหน ดูพวกเขาค่อนข้างตกใจที่มีฝรั่งมาถามทาง จนลนลานกันไปหมด

          "ขอโทษนะครับ ช่วยบอกได้ไหมครับว่าสายไหมซื้อที่ไหน"

          " Hello Hi sorry sorry ไอไม่เก่งอิงลิชนะ เอิ่ม เอ่อ ไอบายฟอมไทยแลนด์ เอ่อ อาโน่ อาโน่ บายฟอมแดทๆๆอ่ะ แดททางนั้นครับ"


          ผู้ชายที่คงจะเป็นคุณพ่อ ถูกเหล่าสมาชิกในครอบครัวผลักออกมาให้ตอบคำถามผม เขาพยายามอธิบายพลางชี้บอกทาง ผมยิ้ม ผมว่าผมก็ถามพวกเขาภาษาไทยนะครับ


          "หมูหย็องพูดภาษาไทยได้ครับ" เทมยิ้มแล้วบอกคุณลุงคนนั้น พวกเขาดูสบายใจขึ้น เมื่อไม่ต้องฝืนหาคำต่างประเทศเพื่อพูดคุย

          "อ้าว เหรอ โธ่ๆ พวกลุงก็ตกใจกันหมด ซื้อจากทางเลี้ยวก่อนถึงตรงรีดนมวัวน่ะพ่อหนุ่ม"

          "ขอบคุณครับ" เทมยกมือไหว้ขอบคุณ คุณลุงดูท่าทางเก้อเขิน รีบหัวเราะแล้วโบกมือว่าไม่เป็นไร

          "เออๆๆ ไอ้หนูนี่เข้าท่า มือไม้อ่อนดีเว้ย"


        ผมเดินกันมาตามทางที่คุณลุงชี้บอกก็เจอครับ สายไหมมีหลากสีสันและหลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่เป็นก้อนกลมๆ แต่เป็นลายตัวการ์ตูนก็มี แถมมีเจ้าแมวหุ่นยนต์ลายโปรดของเทมปุระอีกด้วย

          มีคุณลุงกำลังนั่งขายอยู่ครบ พอเห็นเงาลูกค้าเดินผ่าน ก็ตะโกนขายของโฆษณา พอเงยหน้ามาเจอผม เขาก็พูดเป็นภาษาอังกฤษบอกแทน

          "เอาไรจ๊ะ เล็ก80กลาง150ใหญ่200 เอาแบบลาย300จ้า เอ่อ Small 80 Center 150 Big Big 200 Cartoon 300"

          "ขนาดกลาง Medium ครับ" ผมช่วยแก้

          "อ๋อๆ แทงยูหลายๆ เอ้า! พูดภาษาไทยนี่เฮ้ย"


คุณลุงดูตกใจ สวนทางกับความตื่นเต้นขีดสุด ของชายร่างสูงข้างกายผม


          "มีพี่โดเรม่อนด้วย! ขอ ขอ ขอพี่โดเรม่อนครับ! หมูหย็องครับๆๆๆๆๆ เทมขอพี่ม่อนนะครับๆๆ พี่ม่อนๆๆๆๆๆ"


          เด็กน้อยของผมกรี๊ดกร๊าดแทบจะเป็นลม เมื่อเห็นพี่โดเรม่อนของตัวเอง ชี้มือชี้ไม้ กระตุกเสื้อผมไม่หยุด ประหนึ่งแฟนคลับเจอศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ

          "ขอลายโดเรม่อนครับ สามร้อยใช่ไหมครับ นี่ครับ" ผมยื่นเงินไปให้คุณลุงที่มองเทมปุระงงๆ คงจะไม่เคยเห็นเด็กผู้ชายที่ไหนตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อน

          "ได้จ้า นี่เงินทอนเจ็ดร้อยจ้า"

พอคุณลุงยื่นมาให้ เทมรับมาไว้ในมือ เจ้าตัวยิ้มกว้างไม่ยอมหุบเลยครับ ออร่าความสุขแผ่กระจายไปทั่ว เริ่มฮัมเพลงในคอเป็นเพลงของการ์ตูนเรื่องโปรด


          "อัง อัง อัง พี่ม่อน พี่ม่อน"

เหมือนเทมจะลืมทุกอย่างไปแล้วครับ เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับพี่ม่อนสายไหมของตัวเอง

          "หมูหย็องๆๆๆ ถ่ายรูปกันครับๆๆๆ คุณแม่บอกต้องถ่ายไปให้ดูเยอะๆๆๆเลย" ผมถ่ายรูปให้เขา เทมดูยังไม่พอใจ รวบตัวผมเข้ามากอดถ่ายรูปคู่กับสายไหมพี่ม่อนด้วย ถ่ายอีกสี่ห้ารูป แฟนคลับโดราเอม่อนถึงจะพอใจครับ เขาเดินถือไปมา ไม่ยอมทานสักที จนผมต้องบอก

          "เทมครับ ซื้อมาทานด้วยนะครับ" เหมือนผมเผลอพูดอะไรรุนแรงเข้า เทมปุระดูตกใจมาก

          "เทม เทม เทมไม่กล้าทานพี่ม่อน..." จริงๆซื้อมาทิ้งผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่เดี๋ยวจะต้องไปเล่นกับคุณแกะของเขาแล้ว จะเอาไปวางไว้ที่ไหนกัน อันใหญ่ขนาดนี้ จะบอกให้เขาเอาไปทิ้งเจ้าตัวก็คงไม่ยอม

          "แต่เดี๋ยวเราจะไปเล่นกับคุณแกะคุณแพะของเทมแล้วนะครับ"

          "แต่ แต่ แต่ว่า พี่ม่อน..."

          "ถ้าเทมไม่ทาน ถือไปแล้วคุณแพะคุณแกะแย่งทานล่ะครับ"

          "จริงด้วย! งั้น งั้นก็...เทมขอโทษนะครับพี่ม่อน" เจ้าตัวหลับตาปี๋ รีบอ้าปากงับเจ้าสายไหมสีฟ้าทันที ใช้เวลาสักพักเลยครับกว่าจะหมด เมื่อคนทาน ทานไปจะร้องไห้ไปแบบนั้น...วันหลังไม่ให้เขาซื้อขนมที่เป็นลายโดเรม่อนแล้วครับ ทานไปเศร้าไปแบบนี้


          ผมเหลือบไปเห็นซุ้มขายลูกโป่ง เห็นเจ้าลายการ์ตูนสีฟ้าที่คุ้นเคย ผมเดินไปซื้อมาเร็วๆ ก่อนจะจับข้อมือคนที่ฝืนใจทานไอดอลของตัวเองอยู่ด้วยสีหน้ากล้ำกลืน


          "นี่ครับ พี่ม่อนเกิดใหม่เป็นลูกโป่งแล้ว ไม่ต้องเศร้านะครับ" ผมยิ้ม เอาลูกโป่งผูกข้อมือให้เขา และทุกอย่างก็ดีขึ้นทันตาเห็น องค์ชายน้อยกลับมาปกติสุข ผมพิทักษ์ความสุขของเขาไว้ได้อีกครั้ง

          "พี่ม่อนๆๆๆ พี่ม่อนแบบลูกโป่ง พี่ม่อนเกิดใหม่แล้ว ขอบคุณนะครับหมูหย็อง"



          ...เพื่อรอยยิ้มนี้แล้ว หมูยินดีมากๆเลยครับ...



          เทมที่อารมณ์ดี ก็ทำให้ผมอารมณ์ดีไปด้วย พอได้ลูกโป่ง เจ้าตัวก็ยิ้มหวาน และรอยยิ้มยิ่งหวานล้ำเมื่อได้ไอศกรีมไปอีกหนึ่งโคน เลี้ยงเทมไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมเลยครับ เจ้าก้อนความสุขไม่ว่ายังไงก็เป็นก้อนแห่งความสุข แค่กดให้ถูกจุด ความสุขก็ทะลักออกมาอย่างง่ายดาย ยิ้มง่ายหัวเราะง่าย เป็นตัวตนที่อัดแน่นด้วยคำว่า Happy ได้มาอยู่ข้างๆแล้วมีความสุขมาก


          แต่ไอ้เจ้าแกะเจ้าแพะพวกนี้มันยังไงครับ กล้าดียังไงมาเลียก้อนแห่งความสุขของผมกัน เทมยื่นอาหารให้พวกมันที ก็เลียมือเลียหน้าเทมที ให้ตายสิ น่าจับไปทำสเต๊กให้หมดฟาร์มมากครับ


          ...พรุ่งนี้เช้าผมจะกินสเต๊กแกะกับพายแพะเป็นมื้อเย็น...


           เหมือนไอ้เจ้าสัตว์สี่ขาขนฟูรับรู้ถึงรังสีฆ่าฟันของผม พวกมันเดินกระจายตัวกันหนีห่างเด็กน้อยของผมที่เกาะรั้วยื่นมือป้อน


          "อ้าว อ้าว คุณแกะ คุณแพะ อิ่มแล้วเหรอครับ ไม่ทานอีกเหรอ" เทมพยายามเรียกร้อง แต่เจ้าพวกนั้นก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้ ผมลูบผมนิ่มที่กำลังก้มตัวยื่นหญ้าให้พวกมัน

          "สงสัยจะอิ่มแล้วล่ะครับเทม ไปโซนกระต่ายกันไหมครับ?"

          "โอเค โอเคครับ"



          แต่วังวนวัฏจักรสัตว์ไม่กล้าเข้าใกล้เทมก็ยังอยู่ครับ เมื่อมีผมมองพวกมันด้วยสายตาเย็นชาอยู่ไกลๆ เทมทำได้แค่วางหญ้าเอาไว้ แล้วถ่ายรูปแทน ผมปลอบเขา

          "สงสัยจะเป็นกระต่ายตั้งท้องนะครับ เลยหวงตัว"

          "อ๋อ แบบนี้นี่เอง น้องกระต่ายน่ารักมากๆๆๆเลยครับ เสียดายหมูหย็องไม่ชอบ อยากให้หมูหย็องจับน้องๆ น้องนุ่มๆ น้องนุ่มนิ่มๆๆๆ" เทมทำหน้าเสียดายมาก


          แต่ผมไม่สนใจจะจับพวกมันหรอกครับ ผมเหลือบมองอะไรที่น่าจับมากกว่าเจ้าก้อนขนพวกนั้นเป็นร้อยๆเท่า


          "ถ้านุ่มนิ่มๆล่ะก็ หมูจับแก้มเทมก็ได้ครับ" ผมยิ้ม

          "จริงด้วย! งั้นจับแก้มเทมแทนก็ได้เนอะ" เทมปุระจับมือผมไปวางบนแก้มตัวเอง ยิ้มหวานตาหยีให้ผม


          อืม...แพ้กลับมาซะงั้นครับ




พวกผมเดินเที่ยวเล่นกันทั่วฟาร์ม เทมปุระสนุกสนานร่าเริง จนมาถึงโซนรีดนมวัว จู่ๆเจ้าตัวก็เขินอายขึ้นมา

          "ไม่ได้นะครับ ไม่ได้นะครับ ไปจับหน้าอกผู้หญิงแบบนั้น หมูหย็องปิดตาไว้ครับ อย่ามองนะ คุณวัวไม่ได้ใส่เสื้อผ้า เขาโป๊อยู่"

          เทมเอามือมาปิดตาของผม ส่ายหน้าแดงๆไปมาไม่หยุด แล้วรีบลากผมออกมาจากโชว์รีดนมวัวทันที

          เอ่อ เจ้ากระต่าย เจ้าแพะที่เทมจับ ก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้านะครับ...



          อารมณ์เขินอายหมุนวนกลับไปที่ตื่นเต้นสุดขีด เมื่อพวกเราเดินมาถึงคอกท้ายสุดของฟาร์ม ป้ายไม้ที่เขียนคำว่าอัลปาก้า เล่นเอาผมได้ยินเสียงกรีดร้องเบาๆขึ้นมาอีกระลอก เทมพุ่งตัวไปเกาะรั้ว ดวงตาสวยกวาดมองไปทั่ว


          "คุณอัลปาก้า!!! คุณอัลปาก้า!!! คุณอัลปาก้า...?"


          เทมร้องเรียกเสียงดังทีแรกก่อนจะค่อยๆอ่อยเบาลงตอนท้าย ผมเดินตามมาด้านหลัง มึนงงกับท่าทางช็อกค้างของเด็กชายตัวน้อย เทมปุระอ้าปากหวอ ดูไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น ผมเลื่อนสายตาไปมองเจ้าอัลปาก้าที่เขาอยากมาดูแล้วก็พลันเข้าใจอาการของเขา


               เจ้าอัลปาก้าคอยาวขนฟู...โดนตัดขนไปซะเกลี้ยงเลยครับ

               เหลือแต่ตัวอะไรก็ไม่รู้ ที่ไม่ตรงปกโฆษณา



               ตอนนี้เย็นมากแล้ว ฟาร์มใกล้ปิด คนจำนวนมากมายก็เริ่มทยอยกันกลับบ้าน ผมเลยเดินเข้าไปกอดเอวร่างสูงจากด้านหลัง เทมปุระตกตะลึงกับคุณอัลปาก้าไร้ขนของตัวเองจนนิ่งสนิท

          "หมูหย็อง...คุณอัลปาก้าขนร่วงหมดเลยครับ คุณอัลปาก้าเป็นเหาเหรอครับ"

          "อากาศร้อนน่ะครับ เขาคงช่วยตัดขนพวกมันให้ จะได้สบาย"

          "อ๋อ เทมตกใจหมดเลยครับ แต่ๆๆๆว่า แบบขนไม่มีก็น่ารักแบบขนไม่มีดีนะครับ"



          อะไรคือน่ารักแบบขนไม่มีครับ ผมหัวเราะออกมาเบาๆ เทมหมุนตัวมากอดผมตอบ



          "ขอบคุณที่พาเทมมานะครับ เทมสนุกมากๆๆเลย หมูหย็องสนุกไหมครับ" ผมยิ้มตอบรับคำถามของเขา

          "สนุกมากเลยครับ ไว้วันหลังหมูจะพาเทมไปดูอัลปาก้าแบบมีขนนะครับ หึหึหึ"

          "จริงเหรอครับ งั้นรอบหน้าเราไปหาคุณอัลปาก้าขนฟูๆๆๆกันนะครับ"




          ยามท้องฟ้าโพล้เพล้ สีสันช่างดูสวยงามราวจิตรกรฝีมือดีมาละเลงเอาไว้ ความสว่างกับความมืดบรรจบเป็นความสลัว บรรยากาศราวกับในเทพนิยาย ทุกอย่างถูกอาบไล้ไล่ระดับสีอย่างสวยงาม ผมกับเขากอดกันมองพระอาทิตย์ตกดินช้าๆ เราพูดคุยถึงเรื่องสัตว์ต่างๆ พูดถึงเรื่องสวนน้ำ พูดถึงสถานที่ในอนาคตที่จะไปด้วยกัน สัญญาใหม่ถูกร่างขึ้นอย่างเรียบง่าย เกิดขึ้นพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้าไปช้าๆ


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 30 * 15/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 15-10-2018 19:04:58


          ก่อนจะไปหาอะไรทานที่ตลาดโต้รุ่ง ผมกับเขาก็มาซื้อของฝากจากฟาร์มกันครับ ผมที่ไม่รู้จะซื้ออะไรก็หยิบมั่วๆมาหลายๆอย่าง กองสุมรวมๆกัน


          ระหว่างที่ยืนรอจ่ายเงิน ผมก็เห็นเทมหยิบตุ๊กตามากมายใส่ตะกร้ามาด้วย แต่ที่สะดุดตาที่สุดคือหมวกกระต่ายสีขาวขนฟูบนหัวของเขา ผมมองมันอย่างกับถูกเสกให้กลายเป็นหิน ถูกสาปให้มองมันตลอดไป


          "หมูหย็องๆๆๆๆครับ ดูนี่สิครับ มีหมวกคุณกระต่ายด้วย ขยับได้ด้วยนะ ดุกดิกๆๆ"


          แล้วหูกระต่ายสีขาวก็ขยับไปมาพร้อมร่างสูงที่ขยับตัวโยกเยกไปด้วย

          เจ้าอาวุธทรงอานุภาพนี่มันอะไรกันครับ!?!


          ผมไม่ชอบสัตว์ แต่ก็ชื่นชมรูปลักษณ์ของมัน คิดว่าพวกมันน่ารัก แต่ก็เกลียดพวกมัน
          แต่กับเทม เขาเป็นของรักของผม ของรักที่มีรูปลักษณ์น่ารักๆอยู่บนตัว



ผมยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมา

กดปุ่มลั่นชัตเตอร์


          แชะ...


ผมกดถ่ายรูปตรงหน้า

และกดมันระรัว


          แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ



          "เทมหล่อๆๆๆใช่ไหมครับ"

          "หล่อมากเลยครับ"  เทมน่ารักมากเลยครับ

          "เท่ๆๆ เหมือนหมูหย็องเลยใช่ไหมครับ"

          "เท่มากเลยครับ"  เทมน่ารักมากเลยครับ


          เทมน่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก มากๆ มากๆ ของมากๆเลยครับ


          ผมยิ้มพอใจ ได้ของฝากที่ตัวเองต้องการแล้วครับ พรุ่งนี้รูปบนโต๊ะข้างหัวเตียงของผมจะได้เพิ่มขึ้นไปอีกหลายรูปเลยเชียว





            ระหว่างผมพาเด็กน้อยเดินทางไปตลาดโต้รุ่งหัวหิน แหล่งเที่ยวสุดท้ายของวัน ก็เห็นเวลาบอกหกโมงเย็นพอดี ถึงเวลาจบเกมพอดีเลยครับ ผมยิ้ม หยิบโทรศัพท์ที่สั่นครืนทันทีที่หมดเวลา มองแจ้งเตือนข้อความเข้าในโปรแกรมสนทนา ที่ถูกส่งมาจากผู้ร่วมเกมของผมทั้งสองคน



LINE

กลุ่ม เพื่อนกันสามวัน ศัตรูกันเจ็ดคืน


WATE2 : GAME OVER!!!

WATE2 : กูชนะ!

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : พวกมึงอยู่หัวหิน ถึงตอนบ่ายกูไม่รู้พวกมึงอยู่ไหน แต่ตอนเย็นพวกมึงอยู่ฟาร์ม!

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : หึหึหึหึ กูให้คนแกะรอยเส้นทางการบินของมึงจากบัญชีการเงินของลูกน้องมึง ดีนะที่ลูกน้องมึงใช้บัญชีของธนาคารบ้านชกู บังเอิญชิบหายยยย โคตรโชคเข้าข้าง

WATE2 : ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย กูโคตรตื่นเต้นอ่ะ ชนะแล้วโว้ยยยยยยย

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : อ้ากกกกกกก ในที่สุดก็ชนะแม่งแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยย



          ผมมองข้อความที่ไหลหลากอย่างกับน้ำป่า แชทเด้งมากมายจากความดีใจของพวกมันสองคน
          ผมยิ้มเรียบ บังเอิญ? หึหึหึหึ ผมกดพิมพ์ข้อความตอบผู้ที่คิดว่าตัวเองชนะลงไปในกรอบแชท



MOO DIMITRI : ไหนหลักฐานรูปถ่ายครับ

WATE2 : คิดว่าพวกกูถ่ายไม่ได้หรือไง พอรู้ว่ามึงอยู่ไหน หึหึหึ เพื่อนรัก บอกมันสิ

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : กูก็ให้ลูกน้องธนาคารกูที่สาขาหัวหิน ไปตามถ่ายรูปพวกมึงแล้ว!

WATE2 : ใช่แล้วไอ้เพื่อนรัก มึงแพ้แบบเต็มตัวเลยว่ะ

WATE2 : 5555555555555555555

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : 55555555555555555555

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : ว้าย แพ้ ว้าย แพ้

WATE2 : ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย แพ้



          ผมพิมพ์ย้ำไปเหมือนเดิม



MOO DIMITRI : รูปครับ

WATE2 : โว๊ะ ไอ้นี่แม่งวอแว เออๆๆๆ ไอ้เต้บอกลูกน้องมึงส่งรูปมาดิ เขาโทรมาบอกว่าถ่ายได้แล้วใช่ไหม

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : เออ โทรมาบอกว่าถ่ายได้ละ กูก็มัวแต่ดีใจ ขอรูปเขาแป๊บ

WATE2 : เอารูปไปติดฝาพนังนะจ๊ะดิมิทรีเพื่อนรัก ติดไว้เลยว่ารอบนี้มึงแพ้พวกกู ก๊ากกกกกก

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : ได้ละๆๆๆ ส่งแป๊บ

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : [ ส่งรูป ]



          รูปที่ไอ้เต้ส่งมา เป็นรูปถ่ายของคนสองคนที่กำลังเดินเล่นกันอยู่ แต่ความผิดปกติของรูปถ่ายนี้ก็คือ ใบหน้าของคนในรูป คล้ายถูกปากกาเมจิคสีดำถมไว้จนมืด บริเวณตั้งแต่หัวไหล่ขึ้นมาถูกเซนเซอร์ด้วยสีดำไปหมด

          แสงจากโทรศัพท์เคลือบไปที่กระจกรถ สะท้อนดวงตาสีฟ้าเป็นประกายเจ้าเล่ห์ ผมกดรอยยิ้มมุมปากลึกขึ้น



WATE2 : เหี้ยเต้ ส่งรูปเหี้ยไรมาเนี่ย เอารูปดีๆดิวะ!

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : เฮ้ย อะไรวะ

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : สงสัยถ่ายย้อนแสง แป๊บๆ

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : [ ส่งรูป ]

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : [ ส่งรูป ]

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : [ ส่งรูป ]

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : [ ส่งรูป ]

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : [ ส่งรูป ]

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : [ ส่งรูป ]

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : [ ส่งรูป ]

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : ......

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : ชิบหาย

เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : เหี้ยละไง



          รูปอีกหลายรูปที่ถูกส่งมา เหมือนกันทุกรูป คือช่วงใบหน้าเป็นสีดำไปหมด ดูไม่ออกว่าเป็นใครแม้แต่น้อย



WATE2 : .......

WATE2 : ไอ้หมู!!! มึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงทำอะไรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร


          ผมหัวเราะออกมา จนสะเทือนถึงเด็กน้อยที่นอนซบไหล่ผมอยู่ ผมลูบหัวเขาเบาๆ

          "ไม่มีอะไรครับ หมูคุยงานเฉยๆ หึหึหึ" เทมพยักหน้า ก่อนจะกลับมานอนซุกไหล่ผม แล้วดูสารคดีในไอแพดต่อ


          ผมอยากจะหัวเราะให้ก้องรถ แต่ก็เกรงใจคนข้างๆ เลยได้แต่ส่งยิ้มเวทนาใส่โทรศัพท์


          หมวกที่ผมกับเทมใส่ เป็นผ้านาโนชนิดพิเศษครับ ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อป้องกันการถ่ายรูปและวิดีโอโดยเฉพาะ ถ่ายไปก็เท่านั้น เพราะบริเวณ 40 เซนติเมตรของเนื้อผ้าจะขึ้นเป็นสีดำ หมวกที่สวมใส่แน่นอนว่าเพียงพอครอบคลุมต่อการใช้เทคโนโลยีนั้นปิดบังใบหน้า


          แล้วคิดว่าผมไม่เห็นคนที่ตามถ่ายรูปหรือครับ คนธรรมดาไม่มีทักษะปลอมตัวหรือกลมกลืน เดิมตามถ่ายโต้งๆเสียขนาดนั้น


        ไม่นับที่ผมล่อพวกมันให้ตามกลิ่นเงินในบัญชีมาติดกับเสียอีก เฮ้อ อยู่ด้วยกันมาก็หลายปี พวกมันคิดว่าผมบ้าขนาดไหนกันครับ ถึงรู้ว่าเพื่อนเป็นเจ้าของธนาคาร จะหนีให้พ้น แล้วยังจะโง่ไปใช้บัตรเครดิตของลูกน้องตัวเองอีก ไอ้เต้มันมั่นใจในตัวเองเกินไปครับ จุดบอดมันเลย

           บัญชีธนาคารลูกน้องบ้านผมทุกคนถูกปกปิดเพื่อป้องกันถูกสะกดรอยตามตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อสมัยเด็กแล้วด้วยครับ แถมธนาคารในไทยมีเป็นสิบ เงินสดก็มี จะโง่ใช้ให้มันตามเจอทำไมครับ


          นอกจากว่าจะล่อให้แมลงมาโดนไฟเผามอดไหม้  เพื่อความสะใจเล่นๆเท่านั้นเอง


          น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ ถ้ากล้องสามารถถ่ายรูปเห็นใบหน้าได้ล่ะก็ พวกมันจะเห็นผมหันไปยิ้มเยาะเย้ยให้กล้องหลายรูปเลยล่ะครับ หึ


          อ้อ แน่นอนครับ ตามกติกาว่าไว้ ไม่มีรูปถ่าย
          ผมก็...ชนะ
       


          เฮ้อ เฮ้อ


          ผมถึงได้บอกเสมอไงล่ะครับ มีอำนาจแต่ไม่มีสมอง จุดจบไม่สวยหรอก

          และเรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริง




          เป็นเกมที่น่าเบื่อจริงๆเลยครับ เฮ้อ







          อืม ผมว่าผมควรส่งข้อความอะไรสักอย่าง ในฐานะผู้ชนะตัวจริงเสียหน่อย










MOO DIMITRI : ว้าย
MOO DIMITRI : แพ้
MOO DIMITRI :  : )


          ข้อความผมถูกอ่านอย่างรวดเร็ว และได้คำตอบรวดเร็วพอๆกัน



เตเต่เต้เต๊เต๋เตเต้ : ไอ้สัสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
WATE2 : ไอ้สัสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส















end 30 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

เด็กๆสนิทกันดีนะคะ 5555
โซเฟียริน
zofiarin lll moore





หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 30 * 15/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 15-10-2018 20:09:05
แสบถึงทรวงเลยทีเดียวน้องหมู  :m20: โคตรเฉียบอ่ะ  o13
    :L1:  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 30 * 15/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-10-2018 23:28:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 30 * 15/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 15-10-2018 23:40:19
น้องหมูแสบสันมากกกก  :jul3:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 30 * 15/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 16-10-2018 01:54:40
พี่คะ น้องใจเต้นแรงมากตอนNCเบาๆ ถ้าเกิดมีแรงๆน้องไมาตายไปเลยหรอคะพี่ㅠㅠㅠㅠㅠㅠ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 30 * 15/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 16-10-2018 04:53:50
น้องเทมน่ารักอีกแล้ว ...
ตื่นเต้นที่ (แอบคิดว่า) พี่หมูขอเป็นแฟนเหรอลูก
น่าเอ็นดู๊ ...

ตอนไปถึงทางเข้าฟาร์มก็ฮากะเทม
และสงสารพี่หมูมาก ...
ใบไม้สีเขียว ก้อนหิน .. พาเทม 'มโน' ไปไกลมากเนาะพี่หมูเนาะ
ฮาเลยอะ และนึกภาพออกเลยกับหน้าพี่หมู

ส่วนเรื่องสายไหมพี่ม่อน อันนี้ป้าเข้าใจเลยเทม
เพราะป้าก็ไม่กล้ากินเหมือนกัน
(ลูกพี่ลูกน้องทำวุ้นโดเรม่อนมาให้ "ชิม" น่ารักมากกกกกก
มากจนไม่กล้าชิมค่ะ วางไว้ในตู้เย็นจนเสีย 555+)
ดังนั้น ไอ้อาการกินไปร้องไปของน้องเทม ป้าแสนจะเข้าใจ
หัวอกเดียวกันเป๊ะเลยค่ะ :mew3:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 30 * 15/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 16-10-2018 16:40:54
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 30 * 15/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 17-10-2018 11:06:50
 o13
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 30 * 15/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 17-10-2018 18:15:15








31








อีกประมาณสิบห้านาทีก็จะถึงตลาดโต้รุ่ง ผมบอกให้เทมเก็บไอแพดและเตรียมตัว


          "เอาลูกโป่งมาให้หมูปล่อยลมออกก่อนนะครับเทม แล้วค่อยเก็บใส่กระเป๋า ถ้าถือไปเดินด้วยจะไม่สะดวก" ผมหันมาบอกคนกอดลูกโป่งเอาไว้แน่นต่างหมอนกอด เทมดูเสียดาย แต่ก็ยอมเป็นเด็กดีปล่อยลูกโป่งมาให้ผม

          "ทำให้พี่ม่อนฟีบๆใช่ไหมครับ"

          "ใช่ครับ" ผมปล่อยลมออกเสร็จ ก็ส่งให้เทมปุระเก็บใส่เป้ตัวเอง กระเป๋าที่อ้าออกทำเอาผมตกใจ เขาเอาตุ๊กตาที่บ้านมาด้วยตั้งหลายตัว ผมก็ว่าแล้วเชียว ทำไมกระเป๋าเขาถึงดูบวมใหญ่นัก

          ผมว่าตอนผมจัดกระเป๋าให้เขา ไม่ได้หยิบเจ้าพวกกองทัพตุ๊กยัดนุ่นสีฟ้าใส่มาด้วยนะครับ เทมสังเกตสายตาของผมก่อนจะยิ้มกว้าง


          "เทม เทมใส่พี่ม่อนมาเองครับ พาพี่ม่อนมาเที่ยวด้วย กลัวพี่ม่อนเหงาๆๆ จะเอามาตัวเดียวก็กลัวพี่ม่อนเหงาในกระเป๋าด้วย เลยเอามาเยอะๆแยะๆ"

          "วันหลังไม่ต้องเอามานะครับ เดี๋ยวหมูถ่ายรูปพี่ม่อนที่บ้านไว้ในโทรศัพท์ พามาแบบเป็นรูปแทน"

          เทมปุระตาโต ดวงตาประกายใสซื่ออาบไปด้วยคำชื่นชม

          "หมูหย็องสุดยอดไปเลยครับ หมูหย็องฉลาดจังเลยๆๆ สุดยอดๆๆ แบบนั้นเทมก็จะได้พามาครบทุกตัวด้วย ดีจังเลย เทมกำลังคิดเลยว่าพามาแค่นี้ พี่ม่อนตัวอื่นจะเสียใจ ที่จริง ที่จริงเทมอยากเอาพี่หมอนข้างมาด้วย แต่กระเป๋าเต็ม"


          ดีแล้วครับที่กระเป๋าเต็ม ไม่อยากจะคิดเลยครับ ถ้ากระเป๋าไม่เต็ม เขาจะวิ่งไปเอาพี่ม่อนยักษ์ตัวสูงสามเมตรมาด้วยหรือเปล่า


          "หมูเคยบอกแล้วไงครับ ว่าถ้าจะพาพี่ม่อนไปเที่ยวด้วยกัน เอาแบบพวงกุญแจก็พอ"

          "แต่ว่า แต่ว่า เดี๋ยวตัวอื่นน้อยใจนะครับหมูหย็อง" เทมปุระเอ่ยเสียงอ่อนอ่อย

          "พี่ม่อนมีของวิเศษนะครับ พามาชิ้นเดียว ก็เชื่อมโยงถึงตัวอื่นๆด้วย"

          "จริงด้วย!! หมูหย็องเก่งที่สุดเลยยยยยยย"


          ผมยิ้มรับคำชมของเขา ในบางครั้งอาการย้ำคิดย้ำทำของเทมปุระก็จะออกมาในรูปแบบนี้ครับ เขาจะรู้สึกเป็นกังวลคิดซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด สุดท้ายก็ต้องยอมทำตามใจตัวเอง แม้จริงๆแล้วจะไม่อยากฝืนคำสั่งก็ตาม ส่วนผม ถ้ายิ่งไปฝืนเขา เด็กน้อยจะยิ่งคิดมากและต่อต้าน ทางที่ดีคือให้หาวิธีอะลุ่มอล่วยแทน จะได้ผลลัพท์ที่ดีมากกว่า


          "ง่วงนอนหรือเปล่าครับ ถ้าง่วง เดี๋ยวหมูให้คนไปซื้อขนมแล้วเรากลับบ้านไปนอนกันนะ" ผมลูบใต้ตาร่างสูง วันนี้เขาวิ่งเล่นทั้งวันเลยครับ ผิวขาวราวหิมะของเขาดูคล้ำแดดขึ้นนิดหน่อย รอยตัดผิวน้ำตาลกับขาวจัดดูคล้ายช็อกโกแลตรสนม แน่นอนว่าน่าดื่มมาก

          "เทมง่วงๆนิดๆๆหน่อยๆครับ แต่ว่าอยากเดินตลาดมากกว่า หมูหย็องง่วงไหมครับ"

          "ไม่ง่วงครับ งั้นเดี๋ยวเดินเล่นสักชั่วโมงแล้วเราค่อยกลับบ้านกันนะครับ" ผมอ้าแขนรับร่างสูง ที่จู่ๆก็ทำท่าอยากเข้ามากอดผม เทมโน้มตัวเข้ามาในอ้อมแขนอ้ากว้าง ก่อนจะอ้าแขนตัวเองรวบผมเข้าไปกอดแน่น ซุกจมูกลงมาสูดดมกลิ่นบนตัว จมูกโด่งไล่ดมฟุดฟิดไปทั่ว

          หัวใจผมเต้นรัวเร็วขึ้นมาทันที ก่อนมันจะค่อยๆสงบลงด้วยสัมผัสอบอุ่น

          "อ้อนอยากได้อะไรครับ หืม"

          "ได้กลิ่นแดดจากหมูหย็องด้วย" ผมกดจูบหน้าผากเด็กน้อย พร้อมลูบหลังเขา

          "เทมอ้อนกอดหมูหย็องเฉยๆครับ" ก็เป็นเสียแบบนี้ ออดอ้อนกันเสียขนาดนี้ จะไม่ให้ผมรักผมหลงเขามากๆได้ยังไง เทมกอดผมแล้วหัวเราะอารมณ์ดีไปตลอดทาง จนถึงตลาดเขาถึงยอมคลายแขนออก



          ตลาดกว้างขวาง ร้านอาหารและขนมมากหน้าหลายตาตั้งเรียงราย ทุกร้านต่างส่งเสียงเซ็งแซ่ขายของ บรรยากาศครึกครื้นของตลาดยามค่ำคืนดูมีชีวิตชีวา

          ตลาดดูสะอาดกว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ ผมค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย ไม่งั้นผมก็ทำใจลำบากจริงๆ ถ้าจะให้เทมกินอาหารข้างทาง


          "หมูหย็องครับ หมูหย็อง ขนม ขนมเยอะแยะเลย!!!" เทมเกาะกระจก ใบหน้าแนบชิด นัยน์ตาวาวเมื่อเห็นเป้าหมาย ร่างสูงแทบจะกระโจนออกจากรถทันทีที่ล้อหยุดหมุน พวกผมลงจากรถ เห็นเทมกำลังจะหยิบหมวกขึ้นมาสวม ผมก็จับมือเขาไว้


          "หมวกไม่ต้องใส่แล้วก็ได้ครับ เย็นแล้วคงไม่มีแดดแล้วล่ะครับ" แถมเกมก็จบแล้วด้วย...

          "โอเคครับ แล้ว แล้ว แล้วถ้าเทมทานขนมที่นี่ ตอนๆๆ ตอนถึงจุดพักรถ เทมยังซื้อเค้กได้อีกไหมครับ" เทมเก็บหมวกใส่กระเป๋าสะพายด้านหลัง แล้วรีบหันมาถามผม ท่าทางลุ้นกับคำตอบมาก ดูท่าเด็กน้อยคงกลัวจะหมดโควต้าขนมหวานของวัน จนอดเค้กเจ้าโปรดน่ะครับ ผมลูบแก้มร่างสูงให้ใจเย็นลง


          "ซื้อได้ครับ แต่เอาไว้ทานวันพรุ่งนี้นะ วันนี้เทมทานขนมไปเยอะแล้วครับ"

          "งั้นที่นี่เทมจะทานเยอะๆๆๆๆๆเลย ไปกันเลยนะครับหมูหย็อง ไปกันเลยนะครับ"

          "ทานข้าวเย็นก่อนนะครับ แล้วค่อยทานขนม" ผมจับคนที่ตั้งท่าจะวิ่งเข้าใส่ร้านขายขนมครกให้หยุดนิ่ง

          "แบบนั้น แบบนั้น ท้องเทมก็เต็มก่อนน่ะสิครับหมูหย็อง ไม่อยากทานข้าวเลย อยากหม่ำๆๆๆขนมอย่างเดียวมากกว่าครับ" ถึงส่งสายตาอ้อนกัน แต่ขอแบบนี้หมูก็ให้ไม่ได้นะครับเทม

          "ไม่ได้นะครับ ยังไงก็ต้องทานข้าวก่อนนะ"

          "หมูหย็องอ่า..." เขาทำปากยื่นออกมา น่างับมากครับ ผมเอื้อมมือไปบีบปากเป็ดของเขาเบาๆ เทมทำแก้มพองลมออก เจ้าปลาทองส่ายหัวไปมาเมื่อโดนขัดอกขัดใจ

          "หึหึ ทานข้าวนะครับ แล้วหมูจะให้ทานขนม"

          "ก็ได้ครับ งั้นๆๆๆ เทมขอเลือกร้านเองนะครับ" ท่าทางของอีกฝ่ายที่เอาแต่ชำเลืองมองเลือกร้านอาหารเย็นของพวกเราดูมีพิรุธเป็นอย่างมาก ผมรู้เลยครับ ว่าร้าน 'ข้าว' ที่เทมอยากทานคืออะไร


          หึหึหึ เจ้าเด็กน้อยแสนเจ้าเล่ห์ เทมเอ่ยขอทั้งๆที่หลบตาผม


          "ข-ข-ข้าวเหนียวมะม่วงได้ไหมครับ มันก็ๆๆๆ มี มี มีข้าวนะครับหมูหย็อง" เจ้าตัวพูดลิ้นพันกัน

          "แน่นอนครับ...ว่า...ไม่ได้"

คนเอ่ยขอคอตก ผมยิ้ม เชยคางเขาขึ้นมาสบตากัน

          "เอาไว้ทานเป็นของหวานนะครับเทม"

          "ก็ได้ครับ งั้นเราทานอะไรกันดีครับ เทมคิดไม่ออกแล้ว ในหัวเทมคิดออกแต่ โรตี บัวลอย เครป เค้ก ขนมปังสังขยา น้ำแข็งไส ขนมครก" พูดไปท่าทางน้ำลายไหลไป ผมหัวเราะออกมา

          "งั้นลองเดินดูกันก่อนไหมครับ"



          ผมกับเขาจูงมือกันเดินดูร้านอาหารทั่วตลาด วันนี้ต้องจับเขาแน่นเป็นพิเศษหน่อยครับ เพราะร่างสูงตั้งท่าจะไปสั่งขนมทุกร้านที่เดินผ่านเลยเชียว



          "กินทะเลเผาไหมครับ เทมอยากทานซีฟู้ดไหม"

          "หมูหย็องอยากทานไหมครับ"

          "อืม หมูอยากทานอะไรเส้นๆมากกว่าครับ"

          "งั้นหาเส้นๆๆๆหม่ำกันนะครับ ซ่าหริ่มไหมครับหมูหย็อง หรือว่า หรือว่าลอดช่องดี" เทมกระตือรือร้นเสนอ แต่ละเมนูล้วนเป็นของหวานทั้งสิ้น ผมยิ้มแล้วส่ายหัวให้ข้อเสนอของเด็กชาย ก่อนตัดสินใจพาเขาเข้าร้านผัดไทยร้านข้างๆ ก่อนที่เทมจะทนอยากของหวานที่วางยั่วอยู่ไม่ไหวจนงอแงมากกว่านี้


          คุณแม่ค้ายิ้มแย้มเอาเมนูมาวางให้พวกผมเลือกสั่ง เมนูหน้าตาดูดีมากครับ ผมเปิดอ่าน แล้วตัดสินใจเลือกผัดไทยกุ้งสดให้ตัวเอง แล้วเลือกผัดไทยปูให้เทม และสั่งจานตรงกลางเป็นออส่วนหอยนางรม

          "เทมทานผัดไทยปูไหมครับ" ผมเอ่ยถามความคิดเห็นเจ้าตัวอีกครั้ง เผื่อเขาอยากจะทานอย่างอื่น เทมพยักหน้าดูไม่มีปัญหา


          เว้นก็เสียแต่...


          "เทมไม่ใส่ผักเขียวๆๆๆๆนะครับ" เทมปุระรีบจิ้มนิ้วมาในรูป แล้วส่ายหัวเป็นการใหญ่ เอามือสองข้างไขว่กันเป็นกากบาทเพื่อตอกย้ำอีกรอบ

          "งั้นเพิ่มถั่วงอกนะครับ" ผมต่อรอง

          "ก้อ ก้อ ก็ได้ครับ แต่ไม่เอาผักเขียวๆๆๆกับก้านกล้วยนะครับ"

          "หัวปลีครับเทม ไม่ใช่ก้านกล้วย"

          "อ๋อๆๆๆๆ เทมไม่เอาหัวปลีด้วยครับ"

          "หมูจะสั่งออส่วนมาแบ่งกันอีกจาน เทมอยากทานหอยทอดด้วยหรือเปล่าครับ ออส่วนจะเป็นแบบนุ่มๆ หอยทอดจะเป็นแบบกรอบๆนะครับ" ผมอธิบายเพิ่มเติม แต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้ายิก

          เทมปุระยืดอก บอกด้วยความภูมิใจ

          "ไม่เอาครับ เทมจะเอาพื้นที่ท้องไปให้คุณขนม แปะป้ายป้าบๆๆจองไว้แล้ว ไม่ให้ผัดไทยมายึดเด็ดๆๆขาดๆๆเลยครับ"     


          กับเรื่องขนมก็จะเป็นเด็กชายฟ้าประทานคนเก่งคำนวนขึ้นมาทันทีเลยนะครับ หึหึ



          ผมสั่งอาหารไป ใช้เวลาสักพักเพราะลูกค้าเริ่มเยอะเมื่อเวลาย่ำค่ำ ตลาดดูคึกคักมากครับ คนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะแยะไปหมด ชาวต่างชาติที่มาเที่ยวตลาดก็มีไม่น้อย การค้าขายเป็นไปอย่างวุ่นวาย


          ผัดไทยกลิ่นหอยฉุยมาเสิร์ฟพร้อมกุ้งตัวโตๆและปูตัวใหญ่ ออส่วนหอยนางรมในกระทะร้อนฉ่า ส่งเสียงซูซ่าชวนรับประทาน จากทีแรกคิดว่าตัวเองไม่ค่อยหิว แต่พออาหารมาวางตรงหน้า ท้องก็ร้องโครกครากขึ้นมาเลยครับ


          "ให้ๆๆๆ เทมให้คุณปูกับหมูหย็องนะครับ ทานเยอะๆนะครับ" เทมตักเนื้อปูมาใส่จานของผมเสียกองพะเนิน

          "ไม่ใช่ว่าจะกินน้อยๆแล้วจะไปทานขนมเยอะๆนะครับเทม" ผมพูดดักคอเด็กน้อยผู้หลงใหลของหวาน เทมปุระส่ายหน้า ก่อนจะทำนิ้วสามนิ้ว สัญลักษณ์ท่าปฏิญาณของลูกเสือ

          "ไม่ใช่ซ้ากหน่อย อยากให้หมูหย็องทานเยอะๆๆๆต่างหากครับ เชื่อลูกเสือนะครับ ลูกเสือไม่พูดโกหกนะ" คุณลูกเสือทำหน้าตาจริงจังจนผมยอมเชื่อเขา ก่อนจะตอบแทนปูของเขาด้วยกุ้งของผม

          "งั้นเทมก็ทานเยอะๆด้วยนะครับ หมูให้กุ้งนะ"

          เหมือนเราสองคนสลับจานกันทานเลยครับ เล่นตักไปให้อีกฝ่ายเสียเยอะแยะ

 

          รสชาติอาหารอร่อยและยิ่งทานตอนหิว แป๊บเดียวก็เกลี้ยงจาน ผมยังไม่ค่อยอิ่ม เลยสั่งหมึกเผาจากร้านข้างๆมาด้วย


          "เทมชิมไหมครับ อร่อยนะ" ผมจิ้มหมึกเผาไปให้เขา เทมอ้าปากรับ เคี้ยวแก้มตุ่ย

          "อาหย่อยๆๆๆ เทมอยากทานกับนมข้นหวานจังเลย รอบก่อนน้ำทำข้าวผัดปลาหมึกใส่นมข้นหวานให้เทมทานด้วย"



           ไปติดนิสัยทานอะไรแปลกๆกับไอ้น้ำมาใช่ไหมครับเนี่ย... ไม่ได้นะครับเทม ไปอยู่ใกล้มันมากจะบ้าเอานะครับ


          "อย่าไปทานอะไรแปลกๆกับน้ำนะครับ เดี๋ยวท้องเสีย"

          "อ๋อๆๆๆๆ ถ้าทานอะไรแปลกๆๆจะจู๊ดๆนี่เอง เทมก็แปลกใจจังวันนั้นเข้าห้องน้ำเยอะครั้งมากเลยครับ"

          "เห็นไหมครับ อันตรายนะ วันหลังอย่าไปทานนะครับ"  เห็นเขาพยักหน้าตอบรับ ผมก็พอใจ ส่งหมึกชิ้นโตให้เขาอีกคำ

           "เทมครับ...อ้ามครับ"

          "อ้ามมมม" เทมอ้าปากรับคำใหม่ เคี้ยวจนหมด ดวงตากลมดูให้ความสนใจกับน้ำจิ้มเขียวในถ้วยเล็ก

          "หมูหย็องจิ้มน้ำจิ้มอะไรครับ เทมจิ้มด้วยสิ"

          "มันเผ็ดนะครับเทม เอาน้ำจิ้มหวานไหม เดี๋ยวหมูขอให้"

          "เทมขอลองๆๆๆ เทมขอลองนะครับ"


          ผมตามใจเจ้าตัวด้วยการแตะไปนิดหน่อย พอให้คุณชายน้อยทดลอง แค่แตะเพียงผิวเผิน แต่ไม่นานใบหน้าขาวก็กลายเป็นสีแดง เหงื่อมากมายผุดขึ้นทั่วใบหน้า


          "เผ็ดดดดๆๆๆๆๆๆ นั้มๆๆๆ น้ำๆๆๆ" ผมแกะน้ำขวดใหม่ยื่นให้เขา เจ้าตัวเผ็ดน้ำหูน้ำตาไหล ตาฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาดูเย้ายวนบอกไม่ถูก อยากหอมแก้มแดงๆเขาจังเลยครับ

          ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อให้คนที่กำลังกระดกน้ำอึกๆ

          "เห็นไหมครับ หมูบอกแล้วว่าเผ็ดนะ"

          "เผ็ดเหมือนลิ้นหายไปเลยครับ หมูหย็อง หมูหย็องช่วยเทมดูหน่อยสิครับว่าลิ้นเทมยังอยู่หรือเปล่า"
 
เจ้าตัวใช้มือจับๆ แตะๆ ไปทั่วปากตัวเอง ผมขำให้คนลิ้นหาย

          "ยังอยู่ครับ ไม่ได้หายไปไหน"

          "ค่อยยังชั่ว เทมนึกว่าหายไปแล้วซะอีก" เทมลูบอกตัวเองไปมา ดูโล่งใจมาก


          ผมเรียกคิดเงินก่อนจะพาเขาไปเดินหาของหวานทานกันครับ แค่ก้าวแรกที่ออกจากร้านแรก เทมปุระก็โดนห่วงของหวานจับเอาไว้เสียแล้ว ร้านแรกประเดิมด้วยลูกอมปั้นครับ เทมเลือกรูปหมูมาหนึ่งไม้ แล้วก็เดินหาร้านอื่นต่อไป



เมื่อเดินผ่านร้านขนมครก ก็จะได้ยินเสียง

          "ขนมครกๆๆๆ เทมอยากทานขนมครก เอาทุกไส้ครับ"

เมื่อเดินผ่านร้านเครป

         "เครปๆๆๆ เอาเครปรูปโดเรม่อนครับ เอาแบบใหญ่ๆๆๆพิเศษ"

เมื่อเดินผ่านร้านโรตี

          "เอาโรตีกล้วย ราดซอสช็อกโกแลตเยอะๆครับ นมข้นหวานราดเยอะๆๆด้วยครับ"

เมื่อเดินผ่านข้าวเกรียบปากหม้อ

          "หูว หูว มีขนมเหยียบปากหม้อด้วย"

          "ขนมข้าวเกรียบปากหม้อครับเทม"

          "ขนมข้าวเกรียบปากหม้อ!"



          ยังเดินห่างจากร้านแรกได้ไม่ถึงสามสิบก้าว สองแขนของคุณชายของผมก็รุงรังไปด้วยถุงขนมมากมาย จนผมต้องรีบห้ามเขา


          "เทมครับ สั่งเยอะได้ หมูไม่ว่า แต่ทานหมดไม่ได้นะครับ มันเยอะเกินไป ชิมๆอย่างละนิดหน่อยพอนะครับ"

ผมรีบปรามเขา กลัวจะยัดทุกอย่างในมือลงกระเพาะจนหมด

          "อ๋อๆๆ โอเคครับ ต่อไป ต่อไปก็น้ำแข็งไส!"




          ผมนึกว่าเทมจะซื้อทั้งตลาดแล้วครับ ถ้าไม่ได้ฝนตกช่วยห้ามเขาเอาไว้


          ฝนจู่ๆก็เทซู่ลงมา และดูท่าจะไม่หยุดง่ายๆ น้ำจากท้องฟ้าเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนผมกับเขาต้องวิ่งไปหลบฝนใต้ร่มร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นร้านอาหารค่อนข้างเก่าที่มีหลังคาสังกะสีคลุมทับอยู่ด้านบน มีคนอีกกลุ่มหลบอยู่ด้วยครับ ค่อนข้างจะเบียดกันนิดหน่อย เพราะต่างคนก็ไม่อยากเปียก



          "เทมครับ ขยับเข้ามาใกล้ๆหมูหน่อยครับ" ผมกระตุกมือเทมให้เข้ามาใกล้ๆ กลัวเขาจะเปียกฝนไม่สบาย

          "หมูหย็อง อย่าออกไปโดนฝนๆๆ เดี๋ยวไม่สบายครับ" กลายเป็นเขาที่ห่วงผมมากกว่า ห่วงเสียจนคนรักขนมหวาน ยอมโยนทุกอย่างใส่ถังขยะข้างๆ ก่อนจะหมุนตัว หันมารวบตัวผมเอาไว้ในอ้อมกอด ปิดบังไอน้ำฝนที่สาดใส่ ด้วยการใช้ร่างกายตัวเองบดบัง


       ในบางเวลาเด็กน้อยของผมก็กลายเป็นชายหนุ่มแสนเท่ ความใกล้ชิดแบบกระทันหัน ทำเอาท่ามกลางเสียงหยดน้ำกระทบพื้น มีเสียงหัวใจผมเต้นเสียงดังแข่งกันกับสายฝนข้างนอก น่าสงสารแต่พิรุณก็พ่ายแพ้ เสียงฝนไม่อื้ออึงดังเท่าเสียงตึกตักในอกของผม

          "หมูหย็องหนาวไหมครับ" เสียงทุ้มถามผม คงเพราะเราใกล้ชิดกันมาก เขาถึงสัมผัสได้ว่าร่างกายผมกำลังสั่นและตัวเกร็ง เขาถึงถามกันอย่างเป็นห่วง

          แต่ไม่ใช่หรอกครับ ผมไม่ได้หนาว อากาศหนาวของเมืองไทย ทำอะไรคนเกิดดินแดนหิมะไม่ได้หรอกครับ แต่ผมกำลังเขิน เขินเขามากๆต่างหาก



          ให้ตายเถอะ ...อย่าทำให้ใจเต้นแรงนักจะได้ไหมครับ หมูจะเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว




          ระหว่างที่ผมพยายามค้นหาเสียงตัวเองมาตอบเขา ก็รับรู้ถึงแรงเบียดแรงผลักจากคนข้างนอก


          "เฮ้ย อย่าเบียดเข้ามาดิวะ มันอึดอัดนะเว้ย"

          "ขยับเข้าไปหน่อยๆๆ ฝนแม่งแรงมากอ่ะมึง"

          "เฮ้ยๆๆๆๆ อย่าเบียดเข้ามา!"


         เสียงคนกลุ่มใหญ่ถกเถียงกันไปมา และเริ่มขยับเข้ามาข้างในมากยิ่งขึ้น จนผมกับเทมถึงกับหลุดออกจากผืนผ้าใบที่ช่วยกำบัง ร่างกายผมมีเขาช่วยคุมกันก็จริง แต่ด้านบนก็ยังคงเปียก เทมปุระมองผมอย่างเป็นห่วง


          "เทม เทมว่าเทมเอาหมวกใส่กระเป๋ามาอยู่นะครับ เดี๋ยวเทมเอาให้หมูหย็องสวมนะครับ"


          ผมยิ้มให้กับความใจดีและช่างใส่ใจของเขา ชั่วขณะที่เทมปุระผละมือออกจากตัวผม เพื่อไปหยิบหมวกจากในเป้


          ท้องฟ้ามีแสงสีเงินวูบพาดผ่าน ก่อนจะเกิดเสียงดังกัมปนาทจนพื้นแผ่นดินสะเทือนไหว เสียงฟ้าผ่าดังก้องไปทั่ว จนคนกลุ่มใหญ่ตกใจกระโจนพรวดหลบซ่อนเข้ามาในร่ม มีคนหนึ่งชนเสาร่มอย่างแรง จนมันเอนหน้าเอนหลัง สุดท้ายก็ล้มลงไปเกี่ยวกับเสาที่ค้ำหลังคาสังกะสี จนพวกมันหล่นร่วงลงมา


          ทิศทางที่มันร่วงใส่คือชายที่ผมรัก เขายืนอยู่กึ่งกลาง เป็นเป้าหมายชั้นดีให้พวกมันโถมเข้าใส่ ผมรีบกระโจนตัวเข้าไปกอดเขาเอาไว้ ดึงเขาให้หลบพ้นจากความคมของหลังคาเหล็ก พวกมันร่วงลงมาทั้งแผง เสียงหลังคาสังกะสีหลุดจากราวกระแทกพื้นดังต่อเนื่อง



          โครม เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง

     

          ผมกอดเขาแน่น ตั้งปณิธาน ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ให้เขาบาดเจ็บเด็ดขาด


         ผมเห็นอันหนึ่งใกล้สายตา มันรวดเร็วจนหลบไม่ทัน ในหัวความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา


          ต้องโดนแน่ๆ หลบไม่พ้นแล้ว


          และคิดว่าถ้าโดน คงจะไม่ใช่แค่แผลเท่ามีดบาด สังกะสีอันใหญ่ตกลงมาจากที่สูง แรงปะทะต้องไม่ใช่น้อย


           แต่ผมก็กอดเข้าเอาไว้แน่นอย่างไม่ลังเล


          ชั่วเสี้ยววิที่มันร่วงใส่หัวของผม เทมจับผมกอดแน่น หันหนีทิศทางแหลมคมของเหล็กขึ้นสนิม


          แต่ก็ไม่พ้นทั้งหมด


          มันบาดหัวไหล่ผมไป บาดแผลเป็นแนวยาวตามแขน ความแสบของผิวเนื้อที่ปลิแตกแยกออก ทำเอาผมเผลอกัดปากแน่น มันไม่ลึกมาก แต่ก็ลึกพอสมควร ที่สำคัญคือมันเป็นแผลยาวลงไปแทบจะถึงข้อศอก

          เลือดสีแดงฉานทะลักออกมาไม่หยุด สีโลหิตปนเปกับน้ำฝน ไหลรินไปทั่วพื้นที่ที่พวกผมยืนอยู่ ความเข้มข้นของเลือด ย้อมเสื้อผ้าสีอ่อนของคนกอดผมไว้ในอก ให้กลายเป็นสีชาดทั่วตัว



ผมกับเขาตะโกนออกมาพร้อมกัน


          "หมูหย็อง! หมูหย็องไม่เป็นอะไรนะครับ!!?"

          "เทมครับ! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม!?" ผมไม่สนใจบาดแผลของตัวเอง ผมจับร่างสูงพลิกหาร่องรอย เทมผละตัวออกมาจากผม เขายิ้ม ส่ายหน้าบอกผมว่าไม่เป็นอะไร ผมโล่งใจ ส่งยิ้มให้เขากลับคืน


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 31 * 17/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 17-10-2018 18:17:44
          แต่อัญมณีสีน้ำตาลก็สั่นไหวรุนแรง เมื่อเขาเห็นรอยขาดของเสื้อบนตัวผม มันเผยให้เห็นร่องรอยฉีกขาดของผิวเนื้อขนาดใหญ่ เลือดสีสดทะลักออกมาไม่หยุด และยิ่งหลั่งออกมามากยิ่งขึ้นเมื่อผมขยับตัว


          ผมจับใบหน้าที่ซีดขาวไร้สีเลือดของเขา เทมตกใจมาก เขาตัวสั่นอย่างรุนแรง ดวงตาเขาเบิกค้าง จ้องมองผมตาไม่กะพริบ


          เหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นทันที เมื่อบอดี้การ์ดสี่คนที่เฝ้าดูอยู่ห่างๆถลาเข้ามาหาพวกผม พวกเขาจับจูงพวกผมไปขึ้นรถเพื่อไปโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด


          บนรถบรรยากาศหนักอึ้ง คนข้างตัวช่างเจื้อยแจ้วหายไป เขาเงียบกริบ เป็นความเงียบที่ทำเอาผมใจหดเล็ก ดวงตาสีฟ้าฉายแววความเป็นห่วงเขาสุดหัวใจ เทมปุระคล้ายคนวิญญาณหลุดออกจากร่างตั้งแต่เห็นเลือดไหลรินจากบาดแผลของผม
          ผมพยายามปลอบใจเขา เรียกสติเขาให้คืนกลับมา แต่ก็ไร้การตอบสนอง


          เขาเอาแต่จ้องมองบาดแผลของผมนิ่ง


           "เทมครับ เทมครับ หมูไม่เป็นอะไรนะครับ ไม่ได้เจ็บอะไรเลย แค่เลือดไหลเยอะเฉยๆครับ ตอบหมูหน่อยคนดี เทม...เทมครับ"


          ผมส่งเสียงอ้อนวอนคนข้างตัว เทมดูหวาดผวาถึงขีดสุด ดวงตาเขาสะท้อนรูปภาพผม แต่ผมกลับสัมผัสไม่ได้ถึงแววตาของเขา ท่าทางของเขาทำให้ผมกลัว ...ผมร้องไห้ออกมาในที่สุด


          "ฮึก ตอบหมูหน่อยสิครับ อย่าเงียบสิครับ หมูเป็นห่วงนะ" ผมกอดเขาเอาไว้แน่น


          เทมดูได้สติคืนมาเพราะหยดน้ำตาที่ไหลอาบหน้าของผม ในดวงตาที่มักฉายความอ่อนโยนและรักใคร่ บัดนี้เต็มไปด้วยพายุรุนแรงมากมายข้างในนั้น หน้าตาเทมปุระบิดเบี้ยว ความเจ็บปวดเด่นชัด เขาร้องไห้ปลดปล่อยหยาดน้ำตา จับแขนผมไว้แน่น


          "หมูหย็องเลือดออก...เลือดออกเยอะมากเลยครับ เลือด...เลือด หมู...เจ็บ"


       ถ้อยคำเอ่ยออกมาด้วยหัวใจที่แตกสลาย สติเขากลับมา แต่มันเป็นสติที่ปนเปข้นคลั่กไปด้วยความบ้าคลั่ง


     "หมู หมูไม่เป็นอะไรครับ เทม เทมครับ หมูไม่เป็นอะไรครับ เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้วนะครับ"

     "ไม่นะ ไม่เอา! หมูหย็องเจ็บ หมูหย็องเจ็บ หมูหย็องเลือดออก หมูห้ามเป็นอะไรนะ หมูห้ามเป็นอะไรนะครับ ฮือ หมูเจ็บ หมูเลือดไหล ฮึก...หมูครับ"


          "เทมครับ ฟังหมูนะครับ หมูไม่เป็นอะไรครับ"

          "เพราะเทม เพราะเทม เพราะเทม เทมผิดเอง เทมผิดเอง เทมผิดเอง ความผิดของเทมเองที่ปกป้องหมูหย็องไม่ได้ เทมผิดเองที่ทำให้หมูเจ็บตัว เทมขอโทษ เทมขอโทษนะครับ เทมขอโทษ เทมขอโทษ ขอโทษ ขอโทษนะครับ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ เทม เทมผิดเอง ความผิดของเทม เทม เทม เทม ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ เทม ขอโทษ ขอโทษ"


          เขาพูดโทษตัวเองซ้ำไปมาไม่หยุด มือใหญ่ผละจากแขนผม เขาดึงทึ้งผมบนหัวอย่างแรง สลับกับทุบตีตัวเองคล้ายลงลงทัณฑ์ทรมานตัวเอง เพราะช่วยผมเอาไว้ไม่ได้ ผมฝืนมือเขาเอาไว้


          "เทมครับ! เทม! หยุดนะครับ!! ไม่เอานะครับ มันไม่ใช่ความผิดของเทม อย่าทำร้ายตัวเอง หมูไม่เป็นไรครับ แค่มีดบาด เจ็บแค่มีดบาดเท่านั้นเอง! แผลเล็กนิดเดียว--"  ผมพูดไม่ทันจบประโยค คนกำลังทุบตีตัวเองก็เงยหน้าพรวด

          "โกหก!!!!! หมูหย็องโกหก!! แผล...แผลใหญ่ แผลใหญ่มากเลย เลือด เลือดไหลออกมาเต็มไปหมด เลือด เลือด ฮือ เทมฆ่าหมูหย็องใช่ไหม เทมเป็นคนทำใช่ไหม ความผิดเทมเอง เพราะเทมดื้อไม่กลับบ้าน เทมขอโทษนะครับ ความผิดเทมเอง ความผิดเทม ความผิดเทม ความผิดเทม เทมขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ"


          ผมตกใจกับเสียงที่เขาตะคอกกลับมา หัวใจผมร่วงหล่น เด็กน้อยของผมไม่เคยขึ้นเสียงใส่ผมมาก่อน ใบหน้าอาบน้ำตา คำพูดโทษตัวเอง และอาการที่กำเริบ สิ่งเหล่านั้นน่าเจ็บปวดยิ่งกว่าบาดแผลบนแขนข้างซ้ายมากนัก


          "เทมขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ"

          "ไม่ใช่นะครับ! ไม่ใช่ความผิดของเทม เทมครับ เทมฟังหมูสิครับ ขอร้อง ขอร้อง อย่าทำร้ายตัวเองนะครับ"     


          ไม่ว่าผมจะปฏิเสธอย่างไร เขาก็ไม่ยอมรับ ยังคงยืนยันหนักแน่น ว่าเลือดทุกหยาดหยดเป็นความผิดของตน ถ้อยคำทำร้ายตัวเองของเขา มันทำร้ายจิตใจของผมด้วย ดังวิญญาณสองเราเชื่อมต่อกัน ทุกความเจ็บปวดรวดร้าวของอีกฝ่าย มันทวีคูณและส่งต่อมาถึงผม


          ผมพยายามรวบเขาเข้ามากอด พยายามจับมือนิสัยไม่ดีที่เอาแต่ทำร้ายร่างกายคนรักของผม แต่เทมปุระก็ผลักไสผมออก พยายามประทุษร้ายตัวเองให้ได้


          ผมไม่กล้าใช้วิธีรุนแรง ไม่กล้าใช้กำลังขั้นเด็ดขาด ผมกลัวเขาเจ็บ


          "ถอดเนคไทออกมาให้ผม!" ภายในรถที่วุ่นวาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าจับคนที่กำลังอาละวาด ผมตวาดออกไป บอดี้การ์ดคนหนึ่งรีบถอดของที่ผมต้องการส่งมาให้ ผมรับมาไว้ก่อนจะมัดแขนร่างสูง รวบเขามากอดแน่น


          "ชู่ว ชู่ว...ไม่ต้องร้องแล้วคนเก่ง หมูไม่เป็นอะไรนะครับ ไม่เป็นอะไรเลย เทมฟังหมูนะ ไม่ใช่ความผิดของเทม มันไม่ใช่ความผิดของเทมนะครับ มันเป็นอุบัติเหตุ ดูสิครับ เรามาถึงโรงพยาบาลแล้ว หมูหาหมอแค่แป๊บเดียว ออกมาก็หายแล้วครับ แผลนิดเดียวเองครับ"

          "ฮือ เทมขอโทษ...หมูหย็องเจ็บไหมครับ เทมขอโทษ...เทมขอโทษนะครับ"

          "ไม่เจ็บครับ ไม่เจ็บเลย แผลแค่นิดเดียวเท่านั้น ไม่ต้องขอโทษนะครับ ไม่ใช่ความผิดของเทมเลย"

          "ถ้าเทมไม่ดื้อ..." ผมทนฟังเขาโทษตัวเองต่อไปไม่ไหวแล้ว อีกแค่คำเดียวผมก็ทนไม่ได้ แค่นี้หัวใจผมก็ระบมไปหมด มันเจ็บเจียนสลาย ผมแทบจะตายเพราะคำพูดร้ายๆของร่างสูง


          ผมเอามือปิดปากเข้าเอาไว้ ปิดปากสวย ประสงค์ไม่ให้ถ้อยคำร้ายกาจออกมาได้อีก สบดวงเนตรอัญมณีสีน้ำตาล รอยร้าวรานฉายชัดในดวงตากลมนั้น เหมือนตัวต่อวางเรียงราย รอยร้าวรานปรากฏบนดวงตาสีฟ้าสดของผมเฉกเช่นเดียวกัน


          "เทมครับ...ที่รัก ฟังหมูนะ มันไม่ใช่ความผิดของเทม ไม่ใช่ความผิดของเทมเลย" ผมเคลื่อนมือมาประคองหน้าเขาเอาไว้ ใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตา และคลายริมฝีปากที่เขากัดจนช้ำออกช้าๆ เอ่ยทุกอย่างชัดถ้อยชัดคำ หวังให้เสียงของผมฝังลึกไปถึงข้างในของเขา

           "ไม่ใช่ความผิดของเทม มันเป็นอุบัติเหตุ อย่าโทษตัวเอง อย่าทำร้ายตัวเองนะครับ หมูจะไปหาหมอ หมูจะหายดี ทุกอย่างจะไม่เป็นอะไร ...เชื่อหมูได้ไหมครับ เหมือนที่เชื่อมาตลอด"


          เขาจ้องผมอยู่นาน ดวงตาสีน้ำตาลสบแน่นิ่ง ดวงตาไร้เดียงสายามนี้จ้องลึกเข้ามา คล้ายสว่านเจาะลึก ควานหา คุดขุ้ยและสำรวจ เหมือนหากเจอจุดใดเชื่อไม่ได้ เขาก็พร้อมจะลงมืออีกครั้งทันที
          ผมเปิดทุกอย่างให้เขาค้น ดวงตามุ่งมั่นของผมทำให้พายุรุนแรงดูสงบลงเล็กน้อย


          ผมทอรอยยิ้มอ่อนโยนมอบให้เขา


          "พาหมูไปหาหมอหน่อยนะครับ" เทมพยักหน้า เขาเปิดประตูรถตู้ออก ด้านนอกมีรถเข็นและทีมพยาบาลรออยู่ก่อนแล้ว
          เทมปุระลงไปยืนกับพื้น ก่อนใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดอุ้มผมออกจากเบาะรถ ผมตกใจ เบิกตากว้าง แม้เขาจะตัวสูงใหญ่กว่าผมก็จริง แต่ขนาดตัวเราก็ไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น ผมไม่ใช่ผู้ชายตัวบางร่างน้อย แต่เป็นเด็กชายร่างกายแข็งแรงมีกล้ามเนื้อ ผมกลัวเขาหนัก จึงกระซิบบอกข้างๆหูเขา

          "เทมครับ หมูเดินได้นะ..."

          "เทม เทม เทมจะพาหมูหย็องไปหาคุณหมอเองครับ" เขายังคงเสียงสั่น อ้อมแขนอุ้มกอดผมอย่างระมัดระวัง

          "ทางนี้ครับคุณเทม ผมโทรแจ้งเรื่องไว้แล้ว คุณหมอกำลังรอคุณดิมิทรีอยู่"



          เทมปุระมองเมินรถเข็น เขาตะกองผมไว้ในแขนตัวเอง เดินตามบอดี้การ์ดไปอย่างเร่งรีบ



          กลิ่นของโรงพยาบาลคือสิ่งที่เขาหลีกเลี่ยงมาตลอด แต่เวลานี้เทมปุระกลับไม่สนใจ ทุกความสนใจของเขาพุ่งตรงมาที่ผม หมอและพยาบาลเข้ามารุมล้อมตรวจ ทั้งๆที่เขากุมมืออีกข้างของผมเอาไว้แน่น ผมนั่งบนเตียง เขายืนใกล้ชิด ระหว่างที่ผมต้องถอดเสื้อออกเพื่อรักษา ผมก็จับคางเขาเอาไว้ ไม่ให้เด็กน้อยหันไปมอง

          "อย่ามองนะครับ มองหมูนะคนดี" เทมปุระดูอยากขัดขืน พอผมส่งสายตาจริงจัง เด็กชายยอมเชื่อฟัง มองหน้าผมแต่โดยดี


          คุณหมอเข้ามาตรวจ และบอกผล


          "บาดแผลไม่เป็นอะไรมากนะครับ แค่ต้องเย็บ อืม...ประมาณสิบเข็มกับฉีดยากันบาดทะยัก แล้วก็ต้องให้เลือดนะครับ เสียเลือดไปเยอะพอสมควร ทราบกรุ๊ปเลือดตัวเองไหมครับ"


          ผมไม่ได้หันไปตอบคุณหมอ เพราะกลัวว่าหากละสายตาจากคนตรงหน้า เด็กน้อยจะดื้อ หมุนดวงตาไปมองแผลของผมอีก เสียงบอดี้การ์ดคุ้นเคยช่วยตอบแทน


          "คุณดิมิทรีกรุ๊ปเลือด AB RH- ครับ"

          "อา...แย่ล่ะสิ กรุ๊ปเลือดหายากเสียด้วย ที่โรงพยาบาลตอนนี้มีแค่ AB RH+"

          "เย็บแผลกับฉีดยาก่อนได้เลยครับ ทีมแพทย์ของพวกเรากำลังเดินทางมา อีกสามสิบนาทีน่าจะถึง"

          "มีเลือดมาด้วยใช่ไหมครับ"

          "ใช่ครับ เลือดกำลังมา"


     

          ผมฟังผลการตรวจเงียบๆ เสียงพยาบาลเตรียมเครื่องมือเย็บแผลดังอยู่ข้างๆ


          ดวงตาสีน้ำตาลสั่นไหวอีกครั้ง เทมปุระเอ่ยถามผมเสียงแผ่วเบา


          "หมูหย็อง หมูหย็องต้องใช้เลือดเหรอครับ"


          ท่าทางเขาคงพยายามตั้งใจฟังผลตรวจผมเต็มที่ ศัพท์เฉพาะทางหลายอย่างทำให้เขาไม่เข้าใจ แต่เขาก็พยายามจนจับใจความได้ว่าผมต้องให้เลือดทดแทนที่เสียไป


          ผมยิ้ม พยักหน้าให้คนสงสัย


          "ใช่ครับ เห็นไหมว่าไม่เป็นอะไรเลย แค่ให้เลือดกับฉีดยา หมูก็หายแล้วครับ"

          "แต่ แต่ แต่ว่า คุณหมอบอกว่าไม่มีเลือด...งั้น งั้น งั้นก็..."



          รอยยิ้มผมค่อยๆหุบลง






          ฉึก

          ฉึก ฉึก ฉึก



          เสี้ยววิที่เขาหันไปหยิบกรรไกรมาแทงตัวเอง หัวใจร้าวรานของผมพลันแตกลง มันสลายอยู่ตรงนั้น
และแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี เมื่อเลือดสีแดงฉานของคนที่ผมรักสุดหัวใจหลั่งไหลเจิ่งนองไปทั่วห้อง

     เลือดทุกหยดเหมือนตะขอแหลมคม มันตะกุยตะกายความรู้สึกของผมจนขาดหวิ่น เกี่ยววิญญาณของผมให้ตกนรกทั้งเป็น


          เหมือนเวลาเคลื่อนไหวช้าลง ภาพเขาหยิบกรรไกรแทงตัวเองกลายเป็นภาพช้า ตอกย้ำทุกการกระทำให้เด่นชัด



เคร้ง




เสียงกรรไกรร่วงลงกับพื้น เขาปล่อยมันลง เปลี่ยนมาประคองผม

          มือเปื้อนเลือดของเขากอบกุมใบหน้าของผมไว้ รอยยิ้มที่ผมรัก สว่างสไหวอยู่ตรงหน้า
ทว่ามันกลับดูเลือนลาง เมื่อน้ำตาของผมไหลไม่หยุด


          เขายิ้มหวานและเช็ดน้ำตาออกให้
          เสียงทุ้มเอ่ย




          "เอาเลือดเทมไปนะ เอาเลือดเทมไปนะครับ ใช้เลือดเทมรักษาหมูหย็องนะ"






          ...












end 31 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



O<--<
กำลังใจ กำลังใจอยู่หนายยยย



โซเฟียริน
zofiarin lll moore



หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 31 * 17/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 17-10-2018 19:36:22
 :a5: น้องเทม  :ling1: เครียดเลยๆ อย่าเป็นไรเยอะน๊า :sad4:
   :L2:  :pig4:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 31 * 17/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-10-2018 20:20:32
 :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 31 * 17/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Lautenyu ที่ 17-10-2018 21:22:44
 :jul1: ไม่นะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 31 * 17/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 17-10-2018 23:00:59
 :a5: ohhhh noooo  o22 อีกแล้ววววว... อย่าเป็นอะไนน้าาาาา ทั้งคู่เลย....  :katai1:  :katai1:  :katai1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 31 * 17/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 17-10-2018 23:27:35
 :a5: อะไรนี่
ทำไม (คนเขียน) ใจร้ายอย่างนี้ :hao5:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 31 * 17/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mizunoe ที่ 18-10-2018 12:45:32
 :sad4: ทั้งสองคนนี่เป็นองครักษ์ของกันและกันอย่างแท้จริง

ยอมสละเลือด ทิ้งชีวิตได้อย่างไม่ลังเลใดๆทั้งสิ้น

แต่คนอ่านนี่อยากจะสละมือถือทิ้งจากมือเลยครับ…

เท๊มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 31 * 17/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 19-10-2018 12:44:17
มาเม้นท์เป็นกำลังให้ก่อนน้า ยังไม่มีเวลาอ่านเลยช่วงนี้ เครียดงานมาก เดี๋ยวจะรีบกลับมาอ่าน
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 31 * 17/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 19-10-2018 16:50:18
เชี่ยยย หักมุมมากกก พี่คะะะะ หนูตื่นเต้นนนนน
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 32 * 19/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 19-10-2018 19:14:11






32









          ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่าทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่ คนเราก็รู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นได้

          ชั่ววินาทีที่ปลายแหลมของกรรไกรกรีดผิวเนื้อของเขา เหมือนไม่ใช่ความจริง เพราะความเป็นจริงคือปลายแหลมนั่นมันทิ่มแทงเขามาในหัวใจของผมต่างหาก เพราะถ้าไม่ใช่ ...แล้วผมจะเจ็บปวดขนาดนี้ได้ยังไงกัน

          เจ็บจนไม่เหมือนอะไร เพราะมันไม่มีอะไรให้เปรียบเทียบกับความรู้สึกที่เป็นอยู่ ทุกข์ทน ทรมาน เจ็บปวด หายใจไม่ออก อึดอัด หวาดกลัว ผมว่าไม่มีคำไหนสามารถครอบคลุมบรรยายได้ มันเหนือคำพูดใดจะจำกัดความ

          ใกล้เคียงที่สุด อาจจะเป็นคำว่า 'เจ็บปวดแสนสาหัส'
         

          สีชาดกระตุ้นให้ความหวาดกลัวของผมพุ่งปะทุพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ความกลัวและเจ็บปวดตรึงร่างผมไว้นิ่ง ตาผมเบิกกว้างมองมือเขาจ้วงแทงแขนตัวเอง เจ้าอุปกรณ์ชั่วร้ายเคลื่อนไหวรวดเร็วโดยไร้ความลังเล และมันกำลังจะเคลื่อนย้ายไปยังเป้าหมายใหม่คือลำตัว


          ดังเจ้าตัวยังไม่พอใจ ยังต้องการฝนเลือดให้ตกหนักยิ่งกว่านี้ ต้องการโลหิตให้เจิ่งนองไปทั่วมากกว่านี้


            ไม่ได้นะ...หยุดเดี๋ยวนี้...


          แค่อีกนิดเดียว แค่อีกนิดเดียวเขาก็จะปลิดลมหายใจสุดท้ายผมอยู่แล้ว

          อย่าทำร้ายตัวเองไปมากกว่านี้เลยนะครับเทม ถ้าอยากฆ่ากันล่ะก็ เอากรรไกรนั่นมาแทงหมูเถอะนะ
ผมยินดียืนนิ่งให้เขา ไม่ว่าเขาจะต้องการอะไรผมก็จะหามาให้ ต่อให้สิ่งที่เขาต้องการเป็นชีวิตของผม ผมก็จะยิ้มแล้วถามเขาว่าอยากให้ผมตายด้วยวิธีไหน


          แต่ขอร้องนะครับคนดี มันต้องไม่ใช่วิธีที่เห็นเขาทำร้ายตัวเอง ต้องไม่ใช่การเห็นเขามีบาดแผล

          ...มันทรมานเกินไป       


  ต่อให้เขาเดินไปหยิบมีดเงาวับบนโต๊ะ หรือเอาเก้าอี้มาฟาดกัน ยังเจ็บปวดน้อยเสียกว่าให้ผมต้องมาทนเห็นเขาทำร้ายตัวเอง ต้องมาทนเห็นคนที่ผมเฝ้าดูแล เฝ้าทะนุถนอมบาดเจ็บต่อหน้าต่อตาแบบนี้

          ...ฆ่าผมให้ตายเสียยังดีกว่า แต่อย่าทำร้ายแก้วตาดวงใจของผม



          ในหัวผมตะโกนลั่น ไม่! หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดทำร้ายคนที่ผมรักเดี๋ยวนี้!!

          ต่อให้เป็นเขา

          ต่อให้เป็นเขา ต่อให้เป็นเขาผู้เป็นเจ้าของร่างกายก็ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายคนที่ผมรัก!!!


          ทั้งๆที่ข้างในกู่ร้องแหกปากห้ามเขาต่างๆนาๆ ความเป็นจริงผมกลับนั่งเป็นหุ่นไม้โง่ๆ  ขยับตัวไม่ได้ ความตกใจถาโถมจนร่างกายแข็งเป็นหิน หัวใจเต้นถี่รัวด้วยความกลัวสูญเสีย   


          เขาปล่อยมือเปื้อนเลือดออกจากใบหน้าของผม เตรียมตัวเอาเลือดให้ผมเพิ่ม ทั้งที่ผมไม่ต้องการ เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบไม่มีใครตั้งตัวทัน มันเกินความคาดคิด เกินสามัญสำนึกพื้นฐานของมนุษย์ไปไกลโข
          เทมปุระจับกรรไกรแน่น หมุนปลายเหล็กแหลมเข้าหาตัวเองอีกครั้ง อีกไม่แค่คืบมันก็จะถึ
งตัวเขา วิญญาณผมเตรียมออกจากร่าง สติผมใกล้ขาดสะบั้น ก็มีชายในชุดสูทก็รีบวิ่งเข้ามาจับมือเขาเอาไว้

          เขาช่วยต่อลมหายใจให้ยืดยาวออกไป
 
          "คุณเทม!!!! วางกรรไกรลงนะครับ!!"


          บอดี้การ์ดเข้ามาปัดเหล็กสีเงินในมือเขาออก เสียงเคร้งของมันทำให้ผมได้สติ หลังจากรู้สึกหน้ามืดหายใจไม่ออกอยู่นาน เทมปุระเอียงคอทำหน้าสงสัย


          "เลือด เลือดพอแล้วเหรอครับ" เทมยื่นแขนมาตรงหน้าผม ดวงตาเขาคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ตัวเขาสั่นเพราะความเจ็บ เขาเจ็บ เขากลัว เขากลัวความเจ็บปวดเสมอมา เด็กน้อยของผมขี้กลัวขนาดไหน ทำไมผมจะไม่รู้
          แต่เขาก็ไม่สนใจ เขาไม่สนใจอะไรเลยถ้าเพื่อผมแล้ว ไม่สนใจแม้กระทั่งตัวเอง


          "ร...ระ รักษาเขาเดี๋ยวนี้!!!" ผมตวาดออกไปเสียงเข้ม ทุกคนสะดุ้งตัวโหยง ผู้หญิงในชุดสีขาวรีบร้อนลนลานเข้ามาจับร่างสูง พลิกแขนเรียบเนียนของเขา ผิวขาวไร้ร่องรอยตอนนี้เต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะ ผมสูดหายใจลึก รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาอีกรอบ ผมรีบลงจากเตียง เดินโซเซไปหาคนเจ้าน้ำตา ยื่นมือสั่นๆของตัวเองจับแขนเขาเอาไว้


          "หมูหย็อง เลือดพอแล้วเหรอครับ เอาไปเยอะๆๆๆนะ หมูหย็องจะได้หายนะครับ" เทมขยับมือข้างเลือดไหลออกจากนางพยาบาล เขายกมันขึ้น ก่อนจะเอามืออีกข้างรองรับหยาดสีเข้มอุ่นร้อน แล้วยื่นมาให้ผม

          สีแดงฉานทำให้ใจพังทลายลงอีกครั้ง กลายเป็นผมแล้วที่เจ้าน้ำตา เมื่อผมร้องไห้ไม่หยุด แต่ร้องเท่าไหร่ เจ้าก้อนแข็งๆที่กระจุกอยู่ในคอก็ไม่ยอมออกมา มันแน่นไปหมด


          "พอ..พอแล้วครับ ฮึก พอแล้วนะครับเทม หมูไม่เอาแล้ว..." เขาตกใจ จับผมเอาไว้แน่น เทมปุระดูลนลาน
          "ม-ม-ม-ม หมูหย็อง หมูหย็องร้องไห้ทำไมครับ!! เจ็บเหรอ เจ็บเหรอ คุณหมอช่วยหมูหย็องด้วยครับ  คุณหมอครับ ช-ช-ช่วยหมูหย็อง หมูเจ็บ! ฮืออออออ ช่วยหมูหย็องด้วยครับ" เด็กน้อยของผมหันรีหันขวางไปตะโกนเรียกหมอ คุณหมอพยายามเข้ามาดูผม แต่ผมก็ส่ายหน้า ชี้มือไปที่เขา


          "รักษาเขา รักษาเขาก่อน!! รักษาเขาเดี๋ยวนี้!"

          "ม-ม-ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา ฮือออออออ รักษาหมูหย็องก่อน! เอาเลือดเทมไปแล้วหายนะ หายนะครับ ฮือ"

          "เทมเจ็บไหมครับ เจ็บหรือเปล่า กลัวหรือเปล่า ฮึก เด็กดื้อ ทำไมทำแบบนี้ครับ ฮึก ทำร้ายตัวเองทำไม"

          "ฮือออออออ เทมเจ็บ เจ็บๆๆๆ เจ็บมากๆๆเลยครับ ต-ต-ต-แต่เทมจะช่วยหมูหย็อง จะเอาเลือดให้หมูหย็องนะ เทมกลัวหมูหย็องเจ็บ กลัวหมูหย็องไม่หายมากกว่า ย-ย อยากให้หมูหย็องหายเร็วๆๆๆ"

          "หมูหายแล้วครับ หมูหายแล้ว อย่า...อย่าทำแบบนี้อีกนะครับเทม คุณหมอครับ รักษาเขาเลยครับ"

          "ไม่เอาๆๆๆ ฮือ รักษาหมูหย็องก่อน! เทมจะอดทน เทมจะอดทน เพราะงั้น เพราะงั้นรักษาหมูหย็องก่อน หมูเลือดไหล หมูเลือดไหลนะ ฮือออออออ รักษาหมูนะ ทำให้หมูหายเจ็บทีครับ"




          ในห้องปลอดเชื้อมีคนหลายคนดูละล้าละลัง ไม่รู้จะจับแยกคนบาดเจ็บเลือดอาบสองคนที่เอาแต่บอกให้หมอไปรักษาอีกคนยังไง ผมกับเขาจับมือข้างที่ไม่มีแผลกันแน่นแล้วร้องไห้โฮ คงเป็นภาพตลกน่าดูสำหรับคนนอก แต่สำหรับผมกับเขาคล้ายเป็นหยดน้ำตาบอกลาวันสิ้นโลกเลยครับ


          ผมต้องใช้เวลาเป็นสิบนาทีถึงจะตั้งสติและหยุดร้องไห้ได้ คุณหมอกับพยาบาลแทบจะฉีดยาสลบ หรือไม่ก็จับพวกผมมัด เพื่อให้พวกผมสองคนเลิกโวยวาย


          ตอนนี้ผมกับเขามานั่งกันบนเตียงทั้งคู่ พวกเราฉีดสเปรย์ห้ามเลือดแล้วเรียบร้อย คุณหมอเดินมาบอกผลตรวจของเทมปุระกับผม เมื่อเห็นว่าผมเริ่มหายสติแตก


          แผลของเทมเป็นรอยสั้นๆ หลากหลายขนาด สั้นยาวไม่มากนัก แต่เป็นแผลค่อนข้างลึก เพราะร่างสูงไม่ออมแรงเลยสักนิดเดียว ตรงฝ่ามือ ช่วงรอยต่อของนิ้วชี้กับนิ้วโป้งถูกเขาแทงจนทะลุ ผมฟังผลแล้วก็อยากร้องไห้ให้ขาดใจไปอีกสักรอบ แต่คุณหมอก็บอกว่าไม่เป็นอะไร แค่เย็บนิดหน่อย สักเดือนก็หายดี

          หัวใจของผมผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อรู้ว่าเขาไม่เป็นอะไรมากนอกจากเป็นแผล ปลายแหลมไม่ได้โดนเส้นเลือดหรือส่วนสำคัญ


          ผมกับเขาถูกฉีดยาชา ขึ้นเขียงเตรียมโดนเย็บแผล เทมกับผมเริ่มโวยวายกันอีกครั้ง ว่าจะให้รักษาใครก่อน ดีว่าทีมแพทย์ส่วนตัวของผมก็มาถึงพอดี เรื่องจบลงที่เย็บพร้อมกันทั้งคู่


          การรักษาเป็นไปอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเด็กน้อยของผมนั่งสะอื้นอยู่ข้างตัว มือข้างที่ไม่เจ็บของผมกับเขาจับกันแน่น ส่วนอีกข้างกำลังถูกเย็บ ผมจึงยื่นมือไปปลอบเขาไม่ได้ ได้แต่เอียงหัวตัวเองให้คลอเคลียซบไหล่คนตัวสั่น


          "ไม่ต้องกลัวนะครับเทม ฉีดยาชาแล้ว ไม่เจ็บเลยเห็นไหมครับ"

          "ต-ต-แต่ เทม เทม เทมรู้สึกอยู่เลยครับ มันฉึบฉับๆๆ ตึงๆ ฮือ เทมกลัวจังเลยครับหมูหย็อง หมูหย็องครับ หมูหย็องกลัวหรือเปล่า ไม่ต้องกลัวนะ เทมจะกลัวเป็นเพื่อนเองนะครับ ฮึก"


          เทมเสียงสั่น ลืมตาแดงๆมามองผม พอเห็นคุณหมอกับพยาบาลกำลังเย็บแขนผมอยู่ ดวงหน้าน่าเอ็นดูก็ยิ่งเบะออก ร้องไห้หนักมากมากกว่าเดิม ผมขยับมากไม่ได้ เพราะถูกตรึงแขนเอาไว้


          "ก้มหน้าลงมาหาหมูหน่อยสิครับ" ผมเอ่ยเสียงอ่อนโยน ร่างสูงแทบจะขึ้นมานั่งเกยตักผมอยู่แล้วครับ จึงไม่ใช่เรื่องยาก หากเขาจะก้มหน้ามาใกล้ผม ปล่อยให้มือเจ็บเป็นหน้าที่ของแพทย์กับพยาบาลไป



          ส่วนหัวใจของเขา...ผมจะรักษาเอง และหัวใจของผม ก็ต้องการให้เขาช่วยรักษาให้เช่นเดียวกัน



          เขาสูดน้ำมูกดังฟืด เทมก้มหน้าเข้ามาใกล้ จนผมสามารถใช้ปลายลิ้นร้อนช่วยซับน้ำตาให้เขา จูบซับไปทั่วใบหน้า เน้นย้ำช่วงหน้าผากและแก้มนุ่มนิ่ม


          "ไม่ต้องกลัวนะครับ หมูอยู่ตรงนี้นะ อีกไม่กี่วันเทมก็จะหายนะครับ"

          "ฮึก แล้ว แล้วหมูหย็องจะหายไหมครับ"

          "หมูก็จะหายครับ ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะคนเก่ง"

          "เทมเชื่อหมูหย็องนะครับ เทม เทมจะไม่ร้องไห้ ฮืออออออออ" คนเก่งของผมร้องไห้ขี้มูกยืด คิ้วเข้มขมวดกันแน่น ปากเบะเสียเป็นตัวยูคว่ำ แต่ผมก็โล่งใจ ดีใจที่เขาร้องไห้ มากกว่าเขาที่ตกใจกลัวจนนิ่งเงียบเหมือนบนรถ
ผมยิ้มมองคนบอกจะไม่ร้องไห้ น้ำตาเม็ดโตร่วงไม่หยุด


          เทมปุระเด็กน้อยของผมช่างขี้กลัว แต่ก็ไม่เคยขี้ขลาด เขาเป็นคนกล้าหาญเสมอเพื่อสิ่งที่เขารัก


          ผมซบหน้าตัวเองกับไหล่ของเขา ใช้ความอบอุ่นและเสียงสะอื้นข้างกายเป็นยารักษาใจตัวเอง ผมไม่ได้เสียเขาไป และเขาก็ไม่ได้บาดเจ็บหนัก


          อันที่จริง...ผมก็โกรธเขานิดหน่อยนะครับ กล้าดียังไงถึงทำร้ายตัวเองกันนะ แต่จะดุด่าเขา ผมก็ทำไม่ลง ต้นตอของเหตุผลของการลงมือก็เพราะผมทั้งนั้น


           ยิ่งรู้ ยิ่งเข้าใจเขาดี ผมก็ยิ่งดุเขาไม่ได้ ผมใจอ่อนกับเขาจนเคยชิน  แม้ผมจะโกรธเขา แต่ก็โกรธตัวเองมากกว่าที่ไม่ระวัง และก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่าสิ่งที่เขาทำ กลับกันถ้าผมเป็นเขา ผมจะไม่ทำร้ายตัวเองเพื่ออีกฝ่าย น่ากลัวว่าเราก็คงทำแบบเดียวกัน ถ้าหากการให้เลือดคนเราไม่จำเป็นต้องแบ่งหมวดหมู่ และไม่ต้องใช้เทคโนโลยีอะไรในการให้ แค่เอามีดตัดแล้วแบ่งให้ได้เลย ผมก็ไม่ลังเลที่จะทำให้เขาเลยแม้แต่นิดเดียว ดีไม่ดีผมอาจจะใช้วิธีที่รวดเร็วกว่าเอากรรไกรทิ่มแทง เป็นหยิบมัดมาตัดข้อมือตัวเองทิ้งเลยก็ได้


          บางครั้งผมกับเขาก็เป็นกระจกสะท้อนของกันและกัน สิ่งเดียวที่มีปัญหา ก็คงจะเป็นเพราะเราต่างรักกันมากเกินไป


          เทมปุระไม่เคยเห็นผมเลือดไหลหรือบาดเจ็บหนัก มากสุดที่เขาเคยเห็นคือผมไม่สบาย และถูกมีดบาดในวิชาคหกรรม ไม่แปลกที่จะสติหลุดเมื่อเห็นผมเลือดอาบต่อหน้าต่อตา

         

          มองใบหน้าเปียกชื้น แล้วก็ได้แต่สัญญากับตัวเอง


          ต่อไปนี้ผมจะดูแลตัวเองให้ดีขึ้น จะอธิบายเรื่องต่างๆกับเขาให้เยอะขึ้น ไม่ให้เด็กน้อยต้องมาเจ็บตัวกับอะไรเพราะความไม่รู้แบบนี้อีก นอกจากจะต้องระวังคนอื่น คนอันตรายที่สุดก็คือตัวเขาเอง ความไร้เดียงสาของเขาเป็นเหมือนดาบสองคม ผมต้องสอนเขาในเรื่องนี้ด้วย ผมจะเข้มงวดมากยิ่งขึ้น เพราะหากต้องเจอกับอะไรแบบนี้อีกครั้ง


          ผมก็ไม่สามารถทนรับไหวแล้ว ...มันน่ากลัวเกินไป


 เหลือบมองแผลเขาแล้วก็ให้ปวดแปลบในอก

          ใจห่วงสุดห่วง ทว่าอีกใจก็อดปลื้มปิติไปด้วยไม่ได้เช่นเดียวกัน รู้สึกดีกับการถูกเขารักและให้ความสำคัญมากมายขนาดนี้ แต่อีกใจก็รู้สึกว่าไม่ดี ไม่ควรทำให้อีกฝ่ายรักผมจนพร้อมจะบ้าคลั่ง ละทิ้งเหตุผลทุกอย่าง เมื่อเห็นผมเจ็บ แต่อีกใจก็ทัดทานบอกว่าต้องทำให้เขารักผมมากกว่านี้ ให้เขารัก ให้เขาขาดผมไม่ได้ เอาให้แค่เขาไม่เห็นผมก็หายใจไม่ออก ได้ขนาดนั้นนั่นแหละยิ่งดี สองเสียงในหัวตีกันให้วุ่นวาย

          บางครั้งความรักก็ย้อนแย้งน่าปวดหัว ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ


เสียงถอนหายใจของผมดังไปถึงคนข้างตัวที่นอนตะแคงหันหน้ามาทางนี้อยู่


          "หมูหย็องเจ็บเหรอครับ"

          "ไม่เจ็บครับ"


          ตอนนี้ผมกับเขาเรามานอนให้ห้องผู้ป่วยแล้วครับ พรุ่งนี้เช้าถึงจะกลับบ้านกัน


          แต่กว่าจะได้มานอนก็เกือบเที่ยงคืน ผมวุ่นวายกับการรับโทรศัพท์จากครอบครัวตัวเองและโทรบอกคุณป้า ไหนจะคุณยายคุณตาอีก ข่าวผมเจ็บตัวกระจายออกไปเร็วเหลือเกิน


          แถมผมก็ไม่มั่นใจกับแค่คำพูดของแพทย์ ผมต้องการรายงานการตรวจอย่างจริงจัง ผมกับเขาเดินเข้าเดินออกตรวจหลายอย่างเป็นว่าเล่นอยู่เป็นชั่วโมงสองชั่วโมง จนผมได้เอกสารและอ่านทวนจนพอใจ ผมถึงยอมให้เจ้าหน้าที่พาพวกผมขึ้นมาห้องนอน เตียงเดี่ยวสองเตียงถูกเอามาชนกันและลดที่กั้นลง จนมันกลายเป็นเตียงใหญ่


          ในความมืดผมกับเขานอนจับมือกัน อันที่จริงเราก็ยังไม่ได้ปล่อยมือกันเลยสักวินาทีเดียว คงเป็นอะไรที่น่ารำคาญไม่เบาสำหรับเจ้าหน้าที่ตอนตรวจ แต่ก็ช่วยไม่ได้ครับ ผมกับเขากำลังตกใจและต้องการกำลังใจจากกันและกันนะครับ


          "เทมยังไม่หลับหรือครับ เจ็บแผลหรือเปล่า ทานยาไหมครับ" ผมถามเขาอย่างเป็นห่วง กลัวหมดฤทธิ์ยาชาแล้วเด็กน้อยของผมจะเจ็บหนัก

          "เทมเจ็บๆๆนิดหน่อยครับ แต่ว่า แต่ว่าห่วงหมูหย็องมากกว่า" เขาเอาแต่เฝ้ามองผมไม่ห่างมาตั้งแต่เย็บแผลเสร็จ พยุงผมเอาไว้ทั้งๆที่เขาก็เจ็บตัวเหมือนกัน

          "หมูไม่เป็นอะไรครับ ไม่ต้องห่วงนะ ...เทมครับ"

          "ครับ?"

          "วันหลัง...อย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหมครับ อย่าทำร้ายตัวเองเพื่อหมูนะครับ ห้ามทำร้ายตัวเองเพื่อใครด้วย สัญญากับหมูนะครับ" ปกติเมื่อผมเรียกร้อง เด็กน้อยจะให้โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด แต่ตอนนี้เทมปุระเงียบเสียงไปนาน เงียบจนผมเอื้อมมือไปเปิดไฟ เพื่อดูว่าเขาหลับไปแล้วหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้หลับ นางฟ้าของผมเม้มปากแน่น

          "เทม เทม เทมไม่อยากสัญญาเลยครับหมูหย็อง ถ้า ถ้า ถ้าหมูหย็องต้องการเลือดอีกล่ะครับ"

          "เทมครับ คนเรากรุ๊ปเลือดไม่เหมือนกัน ให้เลือดกันไม่ได้นะครับรู้ไหม"

          "เทม เทม เทม เทมกรุ๊ปโอนะครับ ในหนังสือบอกว่ากรุ๊ปโอให้ได้ทุกคนนะครับ ไม่เอานะเทมไม่สัญญา เทมจะเป็นถุงเลือดสำรองให้หมูหย็องเองนะครับ" เขาพูดอย่างดื้อดึง

          "ไม่ใช่แค่ว่าเอาเลือดออกมาแล้วก็ให้กันได้นะคนดี มันต้องผ่านขั้นตอนเยอะมากนะครับ อีกอย่างเทมไม่กลัวหรือครับ ไม่เจ็บหรือไงกัน หืม"

          "เทมกลัวมากๆๆๆๆ แล้วก็ ก็ ก็ ก็ เจ็บมากๆๆๆๆ แต่เห็นหมูหย็องเจ็บมันน่ากลัวมากกว่านี่ครับ"

ผมขยับตัวเองไปหนุนหมอนใบเดียวกันกับเขา มองสบตาเด็กดีที่ตอนนี้กำลังดื้อเป็นพิเศษ

          "ตอนเทมเห็นหมูเจ็บ แล้วเทมเจ็บไหมครับ กลัวหรือเปล่า" ผมลูบใบหน้าของเขาเบาๆระหว่างตั้งคำถาม

ครั้งนี้ไม่ต้องเสียเวลาคิด ร่างสูงพยักหน้าทันที

          "เทม...เทมกลัวมากเลยครับ ตอนเห็นเลือดหมูหย็องเหมือน เหมือน ขาดอากาศหายใจเลย เจ็บ เจ็บไปหมดเลยด้วย เทมไม่อยากให้หมูหย็องเจ็บเลยครับ หมูหย็องไม่เจ็บอีกแล้วได้ไหมครับ" เขาเอ่ยขอร้องผมเสียงสั่นสะท้าน เคลื่อนมือมากอบกุมมือผมบนใบหน้าเขาแน่น อัญมณีเม็ดสวยเริ่มก่อหยาดน้ำตาอีกครั้ง ดุจเรียกร้องคำสัญญาให้ออกจากปากผม ผมยิ้ม

          "หมูก็เจ็บมากๆ กลัวมากๆเลยนะครับรู้ไหม หมูคิดว่าตัวเองจะตายซะแล้วเสียอีก ตอนเห็นเทมแทงตัวเอง ไม่ต่างกันเลยนะครับ เทมไม่อยากให้หมูเจ็บ หมูก็ไม่อยากให้เทมเจ็บนะครับ" ร่างสูงทำหน้ารู้สึกผิด เมื่อผมบอกว่าผมเจ็บเพราะเห็นเขาทำร้ายตัวเอง นิ้วเรียวสวยเกาะเกี่ยวนิ้วก้อยผมเบาๆคล้ายง้องอน

          "งั้นๆๆๆๆ งั้นก็แลกกันนะครับ แลกกันนะ ถ้า ถ้าเทมไม่ทำอีก หมู หมูหย็องก็ห้ามเจ็บอีกนะครับ"

          "สัญญายากจังเลยครับ...แต่หมูจะพยายามนะครับ"

          "เทม เทมก็จะพยายามเหมือนกันนะครับ แล้วก็ แล้วก็ เทมขอโทษนะครับ ทำให้หมูหย็องต้องเจ็บตัวนี้ตั้งสองรอบ ทั้งที่ ที่ ที่ตลาด แล้วก็ ก็ ต้องมาเห็นเทมเจ็บตัวอีก..."

          เสียงทุ้มตำหนิตัวเองเงียบหายไป เมื่อผมกดจูบชิดปลายคางเขาแน่น ผมแสบร้อนในใจครั้งที่นับไม่ถ้วน เมื่อเสียงที่ผมรักต่อว่าคนที่ผมรัก

          "ห้าม...ห้ามว่าตัวเองนะครับ นอกจากห้ามทำร้ายตัวเองแล้ว ก็ห้ามว่าตัวเองด้วย...เทมของหมูไม่เคยผิดเลยครับ เทมไม่ผิดเลย สิ่งที่ผิดก็คืออุบัติเหตุ และถึงไม่ใช่ เทมก็ไม่มีวันผิด ...ต่อจากนี้ไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เทมจะโทษใครก็ได้ในโลกนี้ จะโทษหมูก็ได้ แต่ห้ามโทษตัวเองนะครับรู้ไหม"

          "เทม เทมไม่โทษหมูหย็องนะ เทมขอโทษนะครับ เทมไม่พูดแล้ว หมูหย็องไม่ร้องไห้นะครับ ขอโทษนะๆๆ ขอโทษนะครับ หมูหย็องคนเก่งของเทม ยกโทษให้เทมนะครับ?"

          เทมปุระลอกเลียนคำพูดของผม พูดออกมาด้วยเสียงหวานเชื่อมและดวงตาระยิบระยับออดอ้อนกัน และมันก็ทำให้สายน้ำแห้งเหือดทันทีทันใดราวกับเสกได้ ผมรู้สึกว่าต่อให้เขาเพิ่งจะไปกดปุ่มทำลายล้างโลกมา แล้วพอมาพูดขอโทษด้วยถ้อยคำน่ารักแบบนี้ ผมก็คงยกโทษให้เขาทันที พร้อมบอกเขาว่า ไม่เป็นไรครับ เทมอยากระเบิดเพิ่มอีกสักโลกไหมล่ะครับ

          ให้ตายสิ เจ้าเด็กร้ายกาจ เขาช่างมีอิทธิพลเหนือทุกอย่างเหลือเกิน

          เจ้าก้อนเนื้อในอกก็เต้นเบาๆหน่อยเถอะ เดี๋ยวก็สะเทือนไปถึงแผลผมกันพอดี ผมพยายามห้ามอารมณ์อยากกอดอยากหอมเข้าเอาไว้ก่อน ข่มใจลงแล้วเอ่ยต่อ พยายามพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง


          "แต่เรื่องวันนี้หมูโกรธเทมนะครับ" เทมปุระตาโต เขาเบะปากเตรียมร้องไห้ยกใหญ่อีกครั้ง


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 32 * 19/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 19-10-2018 19:15:05

          "ทำ ทำ ทำ ทำไมหมูหย็องโกรธเทมล่ะครับ ก-โกรธกันไม่ได้นะครับ โก-โกรธกันไม่ดีนะ อย่าโกรธเทมนะครับ เทมอยากช่วยหมูหย็องนี่น่า" เด็กน้อยของผมแก้ตัวจนลิ้นพันกันไปหมด เขาจับมือผมไปกดจูบหลายๆที ผมนึกอยากกลายเป็นก้อนอะไรสักอย่างที่ละลายไปกับเตียงโง่ๆกับสัมผัสของเขา แต่ก็ไม่ได้ ต่อให้เป็นเทมปุระ ก็ห้ามทำร้ายคนที่ผมรักเด็ดขาด

          "เทมจะต้องโดนลงโทษนะครับ" ผมหลับตา เพื่อจะไม่ต้องเห็นสีหน้าของเขา เพราะผมพร้อมจะใจอ่อนอยู่ทุกวินาที สัมผัสได้ถึงเสียงงอแงของอีกฝ่าย

          "เทม เทม เทมขอโทษนะครับ ฮึก ฮึก เทมเป็นเด็กไม่ดี ฮึก หมูหย็องอย่าเกลียดเทมนะ" ดวงตาสวยผลิตฝนโปยปรายอีกครา นางฟ้าตัวน้อยสะอื้นไห้จนสะอึก น่าสงสารยิ่งกว่าอะไร

          ผมทนได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ ให้ตายเถอะ ผมครวญในใจ โทษหัวใจอ่อนแอของตัวเอง ที่รู้จักแต่วิธีตามใจและเอาอกเอาใจเขา จนไม่รู้จักคำว่าใจแข็งกับเด็กน้อยตรงหน้า


          ผมลืมตาขึ้นมอง ขยับตัวไปกดจูบทั่วหน้าเขาอีกครั้ง เอ่ยเสียงอ่อนโยน


          "หมูไม่โกรธแล้วครับ แต่เทมยังต้องโดนลงโทษอยู่นะครับ เพราะวันนี้เทมทำเรื่องร้ายแรงมากๆ"

          "ฮึก ฮึก หมูหย็องโกรธเทมแล้ว จะเกลียดเทมไหมครับ ไม่เอานะ ไม่เกลียดเทมนะครับ"

          "ชู่ว คนดี ไม่ร้องไห้นะครับ หมูเคยบอกแล้วไงครับว่าหมูไม่มีทางเกลียดเทมนะ เพราะงั้นไม่ร้องนะ ตาบวมหมดแล้ว หยุดร้องไห้นะครับ"

          "เทมจะฮึบๆๆนะ"


ผมรอจนเขาสงบมากขึ้นแล้วจึงเอ่ยบอกเขาต่อ


          "หมูโกรธนิดเดียวครับ พอเทมพูดขอโทษเมื่อกี้หมูก็หายแล้ว แต่ว่าที่เทมทำ มันไม่ดีมากๆนะครับ เทมลองคิดดูนะครับ ว่าถ้าหมูทำ หมูตีตัวเอง เทมจะรู้สึกยังไง เทมก็จะเสียใจ เจ็บปวด รู้สึกไม่ดีใช่ไหมครับ"

          เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงัก

          "ถ้า ถ้าหมูหย็องทำ เทม เทมจะร้องไห้ เทมจะเสียใจ เพราะเทมไม่อยากให้หมูหย็องเจ็บ"

          "เห็นไหมครับ เทมจะรังแกตัวเองไม่ได้นะครับ นอกจากตัวเองจะเจ็บตัวแล้ว หมูก็เจ็บด้วย เพราะหมูก็รักเทม  เวลาคนที่เรารักเจ็บ เราก็เจ็บไปด้วย นอกจากเทมจะช่วยดูแลหมูแล้ว...ที่สำคัญเลยก็คือ ต้องดูแลตัวเองดีๆนะครับ ต้องรักตัวเองให้มากๆ ให้ความสำคัญ ใส่ใจตัวเองเยอะๆ" ผมสบดวงตาเขาแน่วแน่

          "...ห้ามทำแบบนี้อีกเด็ดขาดนะครับเทม เข้าใจไหมครับ"


          ผมย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจัง และครั้งนี้เขาพยักหน้าตอบรับสัญญาให้ผมเบาใจเสียที ผมยิ้มพอใจ


          เทมปุระเอียงคอ ดวงตาใสแจ๋วมองมาที่ผม

          "แล้ว แล้ว แล้ว แล้วหมูหย็องจะตีเทมเหรอครับ" ผมจะตีเขาลงได้ยังไงกันครับ... ผมยังไม่เคยลงโทษเขาเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรก แต่ผมคิดว่าเรื่องครั้งนี้ควรจะเป็นบทเรียนให้เขารู้จักดูแลและใส่ใจตัวเองมากยิ่งขึ้น

           "ที่หมูต้องลงโทษครั้งนี้ ก็เพื่อให้เทมได้รู้นะครับ ว่าเรื่องนี้ไม่ดีจริงๆ ห้ามทำอีกเด็ดขาด ถึงจะเป็นเทม ก็ห้ามทำร้ายเทมของหมูนะครับรู้ไหม ส่วนบทลงโทษก็คือ...เทมต้องงดของหวาน หนึ่งอาทิตย์ เอ่อ--สามวัน แล้วก็ทานผักสลัดวันละสามถ้วยหนึ่งอาทิตย์นะครับ"


          ผมกลับคำแทบไม่ทัน เมื่อเด็กชายตั้งท่าจะร้องไห้อีกครั้ง วันนี้เขาร้องไห้เยอะมากเกินไปแล้วครับ  มันเกินลิมิตของเขา และเกินขีดจำกัดรับได้ของผมแล้ว ผมเลี้ยงเขามาแบบเป็นก้อนความสุขแสนอารมณ์ดี จะมาเป็นคุณก้อนเจ้าน้ำตาไม่ได้นะครับ


          "ถ้า ถ้าทำแล้ว หมูหย็องจะไม่โกรธเทมใช่ไหมครับ" จริงๆผมก็บอกเขาแล้วนะครับว่าหายโกรธแล้ว แต่เอาเป็นว่าผมจะทำท่ารับว่ายังโกรธเขาอยู่ก็แล้วกัน...

          "ครับ"

          "ก็ ก็ ก็ ก็ได้ครับ...เทมจะงด ฮึก ขนมสามวัน แล้วก็ ก็ทานผักสลัดหนึ่งอาทิตย์นะครับ" สุดท้ายเขาก็เป็นก้อนเจ้าน้ำตาอีกครั้ง ผมเลยเข้าไประดมจูบปลอบเขาอีกครั้งเช่นเดียวกัน ผมคิดว่าเราควรสิ้นสุดวันกันตรงนี้ ผมควรให้เขาพักผ่อน จะได้หายไวๆ
         
           "งั้นวันนี้ก็นอนนะครับ"


แต่เด็กน้อยของผมก็ช้อนตาชุ่มฉ่ำเอ่ยต่อรองกันมาเสียก่อน


          "แต่ แต่ แต่ว่าเริ่มวันจันทร์ได้ไหมครับหมูหย็อง เทมอยากทานขนมเค้กตรงจุดพักรถจริงๆนะครับ" เขาว่าเสียงอ่อนอ่อย จับชายเสื้อผมแน่น



แล้วจะให้ผมตอบเขาว่าอะไรครับ นอกจาก...


          "ได้ครับ เริ่มวันจันทร์นะ"




          ผมกับเขาคุยกันอีกนิดหน่อย เทมปุระบอกราตรีสวัสดิ์ ผมบอกเขาราตรีสวัสดิ์ ก่อนจะแยกย้ายกันนอนหลับ


          แต่ผมข่มตาหลับได้ไม่เท่าไหร่ ก็สะดุ้งเฮือกเพราะฝันร้าย เป็นฝันร้ายที่ร้ายแรงที่สุด ร้ายที่สุดในชีวิตตั้งแต่เคยฝันมา เป็นภาพของเทมเคลื่อนมือโชกเลือดจับกรรไกรปักท้องตัวเอง ก่อนเขาจะสลายหายไป
           เป็นฝันสมจริงจนผมต้องเปิดไฟเพื่อมองหาเขา มองให้เห็นกับตาว่าไม่ใช่เรื่องจริง เขาไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น และยังคงนอนหลับอย่างปลอดภัยอยู่ข้างๆ


          อา


เขาปลอดภัยดีครับ แต่ทว่าไม่ได้หลับอย่างที่คิดไว้ ดวงตาแดงใต้ตาบวมช้ำ อัญมณีสีน้ำตาลยังคงไม่เข้าไปหลบซ่อนหลังเปลือกตาสีไข่มุก เขาตาโตเหมือนตกใจที่จู่ๆก็เห็นผมสะดุ้งพรวดลุกขึ้นมานั่งแบบนี้


          "หมูหย็องฝันร้ายเหรอครับ" เขาเอ่ยถาม เทมปุระดูง่วงนอนแต่ก็พยายามฝืนต่อสู้กับห้วงนิทราที่พยายามฉุดเขาให้หลับใหล เขาลุกขึ้นมานั่งตามผมด้วยอีกคน

          "เทมไม่ได้นอนหรือครับ" เขาส่ายหัว ผมโยนฝันร้ายของตัวเองทิ้งไป ห่วงใยเขาแทน

          "เจ็บแผลหรือเปล่าครับ หมูเรียกพยาบาลให้ไหม"

          "เจ็บๆๆนิดหน่อยครับ เทมฮึบๆๆได้"

          "แล้วทำไมเทมไม่นอนครับ นอนไม่สบายหรือเปล่า"

เทมส่ายหน้าอีกครั้ง จนผมมึนงง แล้วทำไมเขาถึงไม่นอนกันนะ ไม่นานคำเฉลยก็มาพร้อมรอยยิ้มกว้างสดใส

          "เทมจะเฝ้าหมูหย็องครับ กลัวหมูหย็องเจ็บ เมื่อกี้ เมื่อกี้ เทมก็กำลังจะปลุก เห็นหมูหย็องดูเหมือนจะฝันไม่ดี แต่หมูหย็องก็ตื่นก่อน"

           เทมปุระใช้แขนข้างที่ไม่เจ็บโอบผมเอาไว้ เขาโยกตัวผมไปมาพร้อมลูบหัวผมเบาๆ

          "หมูหย็องฝันร้ายเหรอครับ โอ๋ๆ โอ๋ๆนะครับ เทมจะปกป้องหมูหย็องเองนะครับ เทมจะปกป้องหมูหย็องเอง ไม่มีใครแกล้งหรือทำร้ายหมูหย็องได้นะครับ"


          ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าเทมถูกทำร้ายหรอกครับ รู้ไหม


องครักษ์เทมปุระกอดปลอบผมอยู่นาน


          "หมูหย็องนอนนะครับ หมูหย็องนอนนะ ผักผ่อนเยอะๆๆๆๆ หมูหย็องจะได้หายไวๆนะครับ" เขาค่อยๆจับผมนอนลง ห่มผ้าห่มให้ ผมเอาแขนพาดปิดทับไว้เป็นเกาะคุ้มภัยอีกชั้น เทมนอนลืมตามองผม

          "พักผ่อนครับเทม ไม่ใช่ผักนะครับ แล้วเทมไม่นอนหรือครับ"

          "พักผ่อนๆๆๆ พักผ่อนนะครับ เทม เทม เทมไม่นอนครับ คืนนี้เทมจะเฝ้าหมูหย็อง"

          "แต่ว่า..."

          "ไม่เอานะ ไม่เอานะ ให้เทมเฝ้านะครับ นะๆๆๆ เทมจะอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหนเลย จะอยู่กับหมูหย็องทั้งคืน แล้วก็จะอยู่กับหมูหย็องตลอดไปด้วย หมูหย็องนอนนะครับ นอนนะ"


          เด็กชายฟ้าประทาน ประทานของขวัญแก้ฝันร้ายให้ผม เป็นรอยจูบอุ่นๆข้างแก้ม ช่วยขับไล่ฝันร้าย แต่ไม่เพียงเท่านั้น เด็กน้อยแสนใจดียังมอบเครื่องรางอีกชิ้นให้ด้วย เป็นเครื่องรางที่ผมคุ้นชิน ความอบอุ่นของแขนที่กอดผม ไออุ่นแห่งชีวิตช่วยยืนยันว่าเขาอยู่ตรงนี้ อยู่เคียงข้างผมไม่ได้หายไปไหน

          รอยยิ้มมีความสุขสุกสว่างของเขาก็ช่วยเป็นพยานอีกเสียง ว่าเขาปลอดภัยดี

          สีดำถูกสีขาวของเขากลบเสียมิด เสียงทุ้มนุ่มกระซิบข้างหู กล่อมให้ผมง่วงอย่างง่ายดาย


          "ฝันดีนะครับ"


          ความกลัวสีดำฝังแน่นในใจของผม ถูกสุดยอดองครักษ์ช่วยปัดเป่าให้กระเด็นไปไกล เป็นเขาที่สร้างมันขึ้นมา แต่ก็เป็นเขาอีกเช่นกันที่ช่วยทำให้มันหายไป


          ผมยิ้มและยอมเอนหลังลงนอนอีกครั้ง




ครั้งนี้ผมรู้ว่าผมจะฝันดี เพราะมีองครักษ์คนเก่งช่วยคุ้มครอง อยู่เฝ้าให้ตลอดทั้งคืน



     














end 32 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



ไม่มีอะไรนะคะ ใจเย๊งงงงงง
ไม่ใช่ดราม่านะ 555 กอดๆ
เทมทำตัวเองหมูก็เอาเรื่องมากไม่ได้ค่ะ แพ้ทาง
คนอื่นทำก็อีกเรื่อง
เรื่องนี้ใสใส หัวใจเทมว้าวุ่น

โซเฟียริน
zofiarin lll moore
     


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 32 * 19/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 19-10-2018 20:12:29
 :เฮ้อ: ตกใจแทบแย่...  :เฮ้อ: นึกว่าจะอืดมมม่า jumbo size ซะละ... ขอหวานๆ แซบๆ ล่างท้องด่วนค้าาาา  :hao3:  :hao3:  :hao3:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 32 * 19/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 20-10-2018 08:39:59
ทำน้ำตาเราร่วงอีกแล้วนะน้องเทมจ๋า ต่างคนต่างเจ็บละเนาะ แต่การลงโทษน่าเอ็ดดูมากจ้า  :กอด1:
   :L1:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 32 * 19/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 21-10-2018 14:41:51
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 33 * 22/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 22-10-2018 19:16:15







33










          ผมงัวเงียตื่นขึ้นมายามเช้ามืดตามนาฬิปลุกประจำร่างกาย เอื้อมมือไปสัมผัสไออุ่นคนนอนเคียงข้างรับยามเช้าอย่างเคย แต่ค้นพบว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆเสมอไม่อยู่ให้ผมกอดอย่างประจำ ผมลุกขึ้นนั่งทันที ความงัวเงียกระเด็นหายไป ความเจ็บปวดของแขนซ้ายไม่ได้ทำให้ผมสนใจไปมากกว่าการมองหาคนสำคัญ ผมกวาดสายตาหาเขาทั่วห้อง ก่อนจะสบเข้ากับดวงตาอ่อนหวาน พบคนสำคัญของตัวเองนั่งมองตาแป๋วอยู่ข้างเตียง


          เทมปุระแบบฉบับใบหน้าอิดโรย ใต้ตาดำคล้ำ เอ่ยทักทายเสียงนุ่มปนเป็นห่วง


          "หมูหย็องอรุณสวัสดิ์ครับ" ผมยังตั้งสติไม่ได้ ก็ได้แต่งุนงงว่าเขาไปนั่งทำอะไรตรงนั้น ที่ประจำยามเช้าของเขาคือข้างๆผมไม่ใช่หรือ แล้วตาแดงๆที่สวนทางกับใบหน้าซีดเซียวนั่นอีก ท่าทางง่วงแสนง่วงก็ด้วย ฉับพลันผมก็นึกได้

          อา จริงสิ...เมื่อคืนเขาบอกว่าเขาจะเฝ้าผม...

          ดูท่าว่าองครักษ์ตัวน้อย คงจะช่วยเฝ้าผมทั้งคืนเลยสินะครับ ถึงได้ดูอิดโรยขนาดนี้ ตะเกียงในใจถูกจุดขึ้นช้าๆ ความอบอุ่นไหลผ่านไปทั่วร่างกาย


          ผมยิ้มอ่อนโยน เอ่ยกับเขาด้วยเสียงอ่อนโยนยิ่งกว่า


          "อรุณสวัสดิ์ครับเทม แล้วทำไมถึงลงไปนั่งตรงนั้นล่ะครับ" ผมลูบใบหน้าซีดขาวเบาๆ เด็กน้อยของผมตัวรุมๆนิดหน่อย นอกจากเจ็บแผลแล้วยังอดหลับอดนอน ไม่แปลกเลยที่แก้วตาของผมจะไม่สบาย ผมจรดจูบพิตหน้าผากอุ่นของเขาด้วยความสงสาร เขาเพิ่งหายหวัดได้ไม่เท่าไหร่ ก็มาเจ็บตัวอีกแล้ว น่าสงสารเหลือเกินครับ เทมปุระของหมู

          เด็กน้อยข้างเตียงแม้ดูง่วงนอนและเหนื่อยล้า แต่ก็ดูอารมณ์ดีอย่างที่สุด เจ้าตัวน้อยของผมแย้มยิ้มกว้าง เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ


          "เทม เทม เทมนอนนุ่มๆแล้วก็เผลองีบๆๆไปครับ มองหน้าหมูหย็องเพลินๆ รู้ตัวอีกทีก็โลกมืดๆๆแล้ว เทมเลย เทมเลยลุกมาเดินเป็นคุณยามเฝ้ารักษาการณ์แทน จะได้ไม่ฟุบๆๆหลับนะ แล้วก็ แล้วก็ พอหมูหย็องคิ้วยู่ๆๆ เทมก็คอยจับมือตลอดเลย พอจับแล้วหมูหย็องก็ไม่คิ้วยับแล้วครับ เทม เทมเป็นคุณองครักษ์ล่ะ เป็นองครักษ์ของหมูหย็องนะครับ" 

สิ้นเสียงเขา ผมแนบจูบแนบแน่นและยาวนานมากกว่าครั้งก่อน


          จู่ๆก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเลยครับ ความตื้นตันจุกล้นอยู่ในอก ผมต้องกะพริบตาหลายต่อหลายครั้งไล่ความเปียกชื้นให้มลายหายไป ไม่งั้นคุณองครักษ์ก็จะเป็นห่วงกันอีก


          มองกันภายนอกดูคล้ายผมปาลูกบอลแห่งความรักใส่เขาเพียงฝ่ายเดียว ให้ทุกอย่างกับเขาโดยไม่ได้อะไรตอบแทนกลับคืนมา ใครเลยจะรู้ ...เทมปุระต่างหาก เป็นเขาเสมอที่ปาลูกบอลลูนยักษ์ใส่ผมไม่หยุดหย่อน ของตอบแทนล้ำค่ากว่าสิ่งใด คือความรักไร้ขีดจำกัดของเขา เด็กน้อยพยายามปั้นแต่งจัดใส่พานอย่างสุดความสามารถ แล้วยื่นให้ผมทั้งหมดโดยไร้ข้อแม้ข้อใดทั้งสิ้น


           ผมที่เป็นแจกันกระเบื้องอันว่างเปล่า ถูกเขาเติมเต็มความรักความใส่ใจจนไม่มีที่ว่าง ความรักของเขาไม่เคยขาดสาย ผมกลายเป็นเป็นแจกันใบสวยที่เด็กน้อยให้ความสำคัญ เฝ้าดูแลและสร้างความสุขให้เสมอมา


          ทุกครั้งยามตื่นตอนเช้าแล้วได้เห็นหน้าเขาเป็นคนแรกของวัน ผมก็อดคิดไม่ได้ทุกครั้ง ว่าตัวเองช่างเป็นคนโชคดีและน่าอิจฉาที่สุดในโลก


          ผมผละออกจากหน้าผากอุ่น ละออกมาสบตากับเขา

          "ขอบคุณมากนะครับ" ขอบคุณ ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างเลยครับ ขอบคุณที่ทำเพื่อกันขนาดนี้


          คนได้รับคำขอบคุณจากผม อมยิ้มเอียงอายส่งมาให้ ใบหน้าซีดดูมีสีสันแต่งแต้มขึ้นมา แก้มเนียนนุ่มซับสีเลือดอย่างน่าชม เทมปุระก้มหน้างุด


          "เทม เทมเตรียมยาสีฟันกับแปรงสีฟันให้ ให้ ให้หมูหย็องด้วยนะครับ หมูหย็องจะได้ไม่เจ็บๆๆแขนนะครับ"  นางฟ้าของผมช่างแสนน่ารักและเอาใจใส่


          เขาลุกขึ้นวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ หยิบแปรงสีฟันที่ข้างบนมียาสีฟันถูกบีบไว้เรียบร้อยแล้วมาให้ผมด้วยท่าทางงุ่มง่าม เพราะมือข้างถนัดถูกตัวเองทำร้ายเมื่อคืนวาน จนโดนคุณหมอจับพันเป็นมัมมี่ห้อยอยู่กับลำคอ


          คิดภาพเขาพยายามเตรียมอุปกรณ์ยามเช้าให้ผมด้วยความทุลักทุเลออกเลยครับ คงจะลำบากมากแน่ๆ กับมือข้างไม่ถนัด และมือข้างถนัดที่เต็มไปด้วยบาดแผล ขยับแต่ล่ะทีคงจะสะเทือนเจ็บถึงกันไปหมด


          ผมมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจ แต่ก็เป็นห่วงกลัวว่าเขาจะขยับมากไปจนบาดแผลฉีก จนอดห้ามเขาเสียงเบาไม่ได้

          "เทมครับ ไม่ต้องทำให้หมูก็ได้นะครับ"

          "แต่ แต่เทมอยากทำให้นะครับ หมูหย็องจะได้ไม่ต้องเจ็บๆๆไงครับ ไม่ดีเหรอครับ" เขาดูสลดลง

          "ดีสิครับ ดีมากๆ ขอบคุณมากนะครับ" ผมลูบแก้มนิ่ม เทมอมยิ้มจนแก้มป่อง

          "หมูหย็องจะแปรงฟันเลยไหมครับ เทม เทมเอากาละมังใส่น้ำมาให้นะ เทม เทมจะช่วยหมูหย็องใส่เสื้อผ้าด้วยนะครับ"

          "กะละมังครับเทม แล้วก็ไม่ต้องนะครับ เทมมานั่งกับหมูนะ เดี๋ยวให้พยาบาลจัดการให้ จะไปแย่งงานพี่ๆเขาไม่ได้นะครับรู้ไหม"

          "อ๋อๆๆๆ งั้นถ้ากลับบ้านแล้ว เดี๋ยวเทมช่วยนะครับ"


          ความจริงผมอยากรับความหวังดีของเด็กน้อยเอาไว้มากๆ แต่ว่าคิดภาพคนแขนเจ็บสองคนพยายามใส่เสื้อผ้าให้กันไม่ออกเลยครับ ถ้าแค่ผมก็ยังดี เพราะโดนหลังคาตกใส่บาดตั้งแต่หัวไหล่ถึงข้อศอก ช่วงมือยังขยับได้ปกติ และต้องขอบคุณเจ้าสังกะสีที่ตกมาแรงและแหลมคมมากพอให้บาดแผลเรียบกริบดุจโดนมีดบาด คุณหมอบอกว่าจากความรุนแรงของแผลที่ไม่มากนัก และอายุยังน้อยของผม ร่างกายจะสมานตัวและหายอย่างรวดเร็วในเวลาหนึ่งเดือน

          ต่างกับอีกคน เทมทั้งกรีดและแทงไม่ยั้งแรงจนแผลเหวอะหวะ ทั้งแขนด้านขวาของเขามีรอยลึกตื้นกระจัดกระจายไปทั่ว ไหนจะตรงมือที่เขาใส่แรงมากจนทะลุอีก คุณหมอบอกว่าจะหายดีก็คงสองสามเดือน แล้วดันเป็นแขนข้างถนัดที่เด็กน้อยมักจะเผลอขยับอยู่เรื่อยๆ จนต้องโดนล่ามแขนหิ้วไว้กับคอป้องกันแผลฉีก

          ผมได้แต่ภาวนาไม่ให้แผลของเด็กน้อยอักเสบ ไม่อย่างนั้นคงจะทรมานมากเลยทีเดียว


          "หมูหย็องครับ เทม เทม เทมเป็นหวัดหรือเปล่าทำไมตัวอุ่นๆๆๆ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงกังวล มือใหญ่ทาบทับบนหน้าผากตัวเอง


          ไม่ได้นะครับ เขาบาดเจ็บหนักมาก ผมไม่พร้อมจะให้ไข้หวัดมาแยกเขากับผมออกจากกัน เทมตอนเป็นไข้คงจะไม่ยอมให้ผมช่วยดูแลเขาแน่ๆ ผมรีบตีหน้าขรึมจริงจัง หาเหตุผลแย้งเบี่ยงประเด็น


          "อาจจะเป็นเพราะผลข้างเคียงของแผลน่ะครับ เลยตัวร้อนคล้ายเป็นหวัด เทมไม่ได้เจ็บคอหรือไอใช่ไหมครับ"

          "ไม่ปวดไม่ไอแค่กๆๆๆครับ เทมแค่หนักๆตัว กับอุ่นๆๆร้อนๆๆตัวเฉยๆ"

           "งั้นเดี๋ยวไปหาคุณหมอกันอีกทีนะครับ แล้วเรากลับบ้านกันนะ"


          พอพยาบาลช่วยพวกผมเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จ คุณหมอของทางโรงพยาบาลก็เข้ามาดูอาการพวกผมอีกรอบ จากนั้นก็ตามมาด้วยแพทย์คุ้นหน้าคุ้นตา คุณพี่หมอของเทมเดินยิ้มเข้ามาหาแต่ไกล


          "กลัวพี่ได้โบนัสสิ้นปีน้อยเหรอครับน้องเทม ถึงได้ขยันเจ็บตัวจังเลย"

          เด็กน้อยของผมดูงุนงงว่าคุณพี่หมอมาที่นี่ได้ยังไง เทมยกมือไหว้สวัสดีแบบมือข้างเดียว เอ่ยถามเสียงฉงน

          "คุณ คุณพี่หมอมาได้ยังไงครับ"

          "อ้าว นาฬิกาเราส่งข้อความคลื่นหัวใจแปลกๆมาหาพี่น่ะสิ พอรู้ว่าน้องเทมไม่โอเค พี่หมอก็ต้องมาดูสิครับ"

           "นาฬิกา? นาฬิกาฟังเสียงหัวใจได้ด้วยเหรอครับ นาฬิกาเทม หมูหย็องบอก หมูหย็องบอกว่าต้องกดแล้วถึงจะเรียกหาหมูหย็องไม่ใช่เหรอครับ"

          "อ๋อ บอกไว้แบบนั้นสินะ อืมๆๆ งั้นไหนครับ ให้พี่หมอดูแผลเราหน่อยครับ"


          คุณหมอของเทมเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นสายตาผมมองเขาอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะเทมเข้ากับเขาได้ดีสุดเมื่อตอนเด็กๆ ผมคงไม่เลือกหรอกครับ เขาชอบพูดมากอยู่เรื่อยเลยเชียว


          ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง


          "คุณดิมิทรีครับ"


          คราวนี้เป็นแพทย์ประจำตัวผมที่มาตั้งแต่เมื่อคืน เขาเดินเข้ามาอีกคนพร้อมกับพยาบาล ตรวจผมเงียบๆ จะเงยหน้าขึ้นมาพูดเฉพาะตอนจำเป็น หมอส่วนตัวของผมไม่ได้ขี้เล่นเหมือนคุณหมอประจำตัวเทมครับ เป็นคนขรึมๆเงียบๆมากกว่า ผมไม่ชอบคนพูดมากครับ มันน่ารำคาญ


          ส่วนที่พวกเขาต้องมารักษาพวกผมถึงหัวหิน ไม่รอตรวจที่บ้านก็เพราะในสัญญาคือไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าพวกผมเจ็บ พวกเขาก็ต้องมาหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


         ผลตรวจก็ไม่ต่างจากที่หมอของโรงพยาบาลบอกเท่าไหร่ครับ พอตรวจร่างกายเสร็จ ผมก็นั่งรอเทมตรวจสภาพจิตใจ รอสักพักคุณหมอของเทมก็เดินมาหาผม เขาส่งแผ่นเอกสารพร้อมคำรายงานถึงสิ่งที่ผมอยากรู้มากที่สุด หลังจากฟังถึงประโยคสุดท้าย ผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

           ด้านสภาพจิตใจของเทมก็ไม่ได้โดนกระทบกระเทือนอะไรมาก หลังจากหายตกใจและเห็นผมเป็นปกติ เขาก็กลับมาเป็นปกติเช่นเดียวกัน ...ดีจริงๆเลยครับ

               ท้ายสุดของรายงานคือกำหนดการ คุณหมอสองท่านตกลงกันว่าจะสลับกันเข้ามาดูพวกผมทุกเย็นจนกว่าจะหายดี


          "เดี๋ยวหมอจะเข้าไปดูแผลให้ทุกวันนะครับ แล้วจะกลับกันเลยหรือเปล่าครับ หรือว่าจะไปไหนต่อ ถ้าจะไปไหนต่อ หมอแนะนำว่าให้ทานยาแก้ปวดไว้ก่อนนะครับ เพราะแผลจะเริ่มเจ็บแล้ว"


          ผมส่ายหน้าให้หมอทั้งสองคน เมื่อไม่มีอะไรแล้วพวกเขาก็เตรียมตัวเดินทางกลับ ผมรั้งคุณหมอไว้เมื่อคิดเรื่องสำคัญขึ้นได้


          "รบกวนส่งหมอเฉพาะทางด้านรอยแผลเป็นมาด้วยนะครับ ผมไม่อยากให้เขาเหลือรอยแผลอะไรทั้งนั้น แล้วก็ขากลับกลับกับเครื่องของผมก็ได้ครับ จะได้สบายกว่า เดี๋ยวตามคนของผมไปได้เลย เขารออยู่ด้านล่างแล้ว"

          "ขอบคุณมากครับ ส่วนเรื่องแพทย์เฉพาะทาง จะเข้ามาพร้อมกับผมตอนเย็นวันจันทร์ครับ"

          "พี่หมอไปแล้วนะน้องเทม เจอกันวันอังคารนะครับ บ๊ายบายน้าาา"

          "บะบายๆๆๆๆนะครับคุณพี่หมอ"


          เทมเดินมาช่วยผมลุกขึ้น ท่าทางอยากดูแลผมมากๆของเขาทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้ เขาเดินจูงมือผม ค่อยหันมามองทุกสิบก้าว ราวกับผมจะเป็นลมล้มพับไปในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง


          "หมูหย็องเดินระวังๆๆๆนะครับ หมูหย็องเจ็บไหมครับ หมูหย็องปวดหรือเปล่า หมูหย็องครับ บันไดๆๆๆๆๆ ระวังบันได"

          "หึหึ หมูไม่เป็นอะไรครับ เทมต่างหาก เจ็บมากไหมครับ"

          "เจ็บม้ากมากเลยครับ แต่ว่า แต่ว่า ถ้าหมูหย็องช่วยเป่าฟู่ๆๆ เทมก็หายแล้วครับ แล้วก็ถ้าได้หม่ำขนมเค้กด้วยจะหายเร็วแบบสุดๆเลยนะครับ" ผมยิ้ม ก้มลงไปเป่าแขนให้เขาเบาๆ องค์ชายน้อยยิ้มกว้าง

          "หายแล้ว หายแล้วครับ หมูหย็องสุดยอดเลย เป่าแป๊บเดียวก็หายแล้ว หมูหย็องเป็นผู้วิเศษของเทมล่ะ เป็นปาฏิหาริย์ของเทมเลยครับ!"


        ผมหัวใจกระตุกกับคำหวานที่มาแบบไม่ให้ทันตั้งตัว หัวใจพองฟูคับอก ไม่นึกว่าเขาก็คิดเหมือนกันกับผม
ผมเหลือบมองปาฏิหาริย์และสิ่งวิเศษของตัวเอง เด็กน้อยไม่รู้ตัวว่าเผลอพูดถ้อยคำอันตรายต่อหัวใจของผมขนาดไหนออกมา เขายังคงเดินจับมือผมยิ้มไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ผมที่โดนจู่โจมรุนแรงถึงกับก้าวเท้าไม่ไป

          เทมพอเห็นผมชะงักหยุดยืนกับที่ก็หันมามองอีกครั้ง ดวงตาสวยเบิกกว้าง เขาดูตกใจและเป็นห่วงมาก


          "หมูหย็องไม่สบายเหรอครับ! หน้าแดงจังเลย!"

          "ป-เปล่าครับ คือ..." ผมพูดตะกุกตะกัก

          "อ๋อๆๆๆ ถ้าหน้าแดงแต่สบายดี ที่หมูหย็องสอน สอนว่าแดงแต่สบายดี ก็คือเขินเขินใช่ไหมครับ หมูหย็องเขินเทมเหรอครับ หือ แล้วเขินเรื่องอะไรเหรอครับ บอกเทมด้วยสิ"


          อา...ยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ พอเจ้าตัวรู้ว่าทำให้ผมเขิน ก็ยื่นหน้ามามองซะชิดใกล้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมที่อายอยู่แล้วก็ยิ่งไปกันใหญ่ แทบจะระเบิดตัวเองตายอยู่รอมร่อ ผมไม่รู้จะตอบเขายังไง ลำพังแค่หัวใจเต้นระรัวเป็นกลองอยู่ในอกก็แทบจะทำให้ล้มทั้งยืนอยู่แล้ว ไม่เหลือสติพอให้คิดหาคำพูดใดมาตอบเขาได้เลย


          อัญมณีคู่สวยจดจ้องมาทั่วใบหน้าผม ผมหลบตาเขาด้วยความประหม่า


          หงับ


          !?!



         จู่ๆเทมปุระก็งับแก้มผมซะอย่างนั่น ผมจับแก้มตัวเอง มองเขาด้วยความมึนงง  ก็เห็นเขากำลังทำหน้างงไม่ต่างกัน เทมเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็รีบขอโทษขอโพยผมยกใหญ่


          "ท-ท-เทมขอโทษนะครับ! เทมขอโทษนะครับหมูหย็อง พอมองหมูหย็องใกล้ๆๆๆแล้วมันก็อยากหม่ำๆๆๆยังไงก็ไม่รู้ แก้มแดงๆๆน่าทานมากเลย เทมก็เลย ก็เลยเผลออ้ำๆๆไป ขอโทษนะครับ"


          ผมอ้าปากค้างให้คำตอบของเขา ระเบิดที่พยายามอดกลั้นเอาไว้ ดังตูมตามในหัวไม่หยุด


          อา...ดีจังเลยครับที่เรายังอยู่ในโรงพยาบาล ถ้าผมหัวใจวายตายไป ยังไงก็รอดสินะครับ ทางที่เดินผ่าน ผมเห็นป้ายบอกทางไปแผนกรักษาโรคหัวใจอยู่ไม่ไกล ก่อนกลับก็พาผมแวะไปหน่อยนะครับ คิดว่าน่าจะอาการหนักใกล้ระยะสุดท้ายแล้วล่ะครับ


          "หมูหย็องครับ หมูหย็อง เจ็บมากเหรอครับ หมูหย็องครับๆๆๆๆ"


          ผมที่วิญญาณหลุดออกจากร่าง กำลังถูกเด็กน้อยที่ตกใจวิ่งวนรอบร่างเพราะไม่กล้าจับผมเขย่าเรียกสติ แจกันยืนโง่ๆกับน้องหมาวิ่งวนรอบไม่หยุด ดูเป็นภาพประหลาดๆ ที่ถูกคุณพยาบาลที่เดินผ่านไปมามองด้วยสายตาตลกขบขัน


          กว่าผมจะเรียกวิญญาณตัวเองให้กลับเข้าที่ได้ เด็กน้อยของผมก็วิ่งจนเหนื่อยหอบแฮ่ก ผมจับมือข้างไม่เจ็บของเขา จับเด็กชายให้ยืนนิ่งๆ


          "อย่าวิ่งสิครับเทม เดี๋ยวแผลเปิดนะครับ"

          "ก็ ก็ ก็หมูหย็องเอาแต่เขินเขินหน้าแดง ไม่ตอบเทมนี่ครับ เทมตกใจหมดเลย"


          ก็แล้วมันเพราะใครกันล่ะครับ...


          "หิวไหมครับ เทมอยากทานอะไรเพิ่มหรือเปล่า" ผมเสเปลี่ยนเรื่อง การถูกรุกใส่ตาใสของเขามันเกินจะต้านทานไหวจริงๆนะครับ ผมขอหนีไปตั้งหลักก่อนดีกว่า เด็กน้อยแสนซื่อยอมคล้อยตามหัวข้อใหม่อย่างง่ายดาย

          "เทมอิ่มๆๆแซนด์วิชแล้วครับ แล้วก็นะ แล้วก็เทมจะไปทานเค้ก! จะทานเค้กเยอะๆๆๆๆเลย เพราะเดี๋ยวก็จะไม่ได้หม่ำแล้ว ต้องทานสำรองเอาไว้เผื่ออีกหลายๆๆวันเลยครับ ไม่งั้นเทมจะตัวฟีบไม่มีแรงเลย"

          "อย่าทานเยอะมากไปนะครับเทม"

          "แต่ว่า แต่ว่า จะไม่ได้ทานอีกหลายวันนะครับหมูหย็อง"

          "สามอย่างพอนะครับ เมื่อวานหมูให้ทานเยอะไปแล้วนะ"

          "หมูหย็องอ่า..." เขาเรียกผมเสียงอ่อย พอเห็นผมไม่ใจอ่อน ก็ทำปากเป็ดใส่ผม อดไม่ได้ที่จะบีบเจ้าปากยื่นนั่นเบาๆ ผมก็อยากให้เขาทานเยอะๆตามใจเขานะครับ แต่ของหวานทานมากไปก็ไม่ดี เดี๋ยวจะเป็นเบาหวานเอาได้ เลยต้องฝืนพยายามใจแข็งกับเขา

          "ซื้อไปไว้ทานวันอื่นแล้วกันนะครับ"

          "ก็ได้ครับ อะ!! หมูหย็องๆๆๆ หมูหย็องครับ ไม่ต้องจับราวบันไดๆๆนะ จับแขนเทม จับแขนเทม เทมพาเดินเองครับ เทมจะเป็นคุณราวบันไดให้เองนะ"


          เทมยื้อมือผมไว้ แกะมือผมจากราวบันไดแล้วเอามาวางลงบนแขนของตัวเองแทน นึกขอบคุณที่ลิฟท์เต็ม จนทำให้พวกผมต้องเดินกันลงมา ผมยิ้ม ยอมให้เขาดูแลกันด้วยความเต็มใจ


          "ขอบคุณนะครับ"

          "ขอบคุณที่ให้ดูแลเหมือนกันครับ"


          เทมปุระปรับฝีเท้าของตัวเองให้เข้ากับจังหวะการเดินของผม พวกผมค่อยๆเดินคุยกันไปจนถึงรถ




          พอขึ้นมาบนรถ องครักษ์ตัวน้อยของผมก็เหมือนหุ่นยนต์ถ่านหมด พอผมรัดเข็มขัดให้เขา เอาหมอนสีฟ้าสดใสให้เจ้าตัวรองแขน องค์ชายน้อยก็มุ่งเข้าสู่ห้วงนิทราหลับสนิทไปในทันที ดูท่าว่าอดหลับอดนอนมาทั้งคืนนี่เจ้าตัวจะสู้สุดๆแล้วครับ ปกติสามสี่ทุ่มก็ง่วงจนตาปิดแล้วแท้ๆ

          ผมเอื้อมมือไปจัดท่าทางการนอนเขาให้สบาย ปรับเบาะรถให้เอนราบลง เฝ้ามองเขาหลับอย่างสบายใจ


         


* ต่อหน้า 6 *
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 33 * 22/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 22-10-2018 19:16:45



ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง พวกผมก็มาถึงสถานที่จอดพักรถที่เต็มไปด้วยร้านขายของฝาก ผมกำลังจะเอื้อมมือไปปลุกคนกำลังนอนหลับสบาย แต่จู่ๆเปลือกตาเขาก็ขยับ ก่อนค่อยๆลืมตาขึ้นเอง


          "อือ...ถึงแล้วเหรอครับ" ผมหัวเราะให้คนขี้เซาที่ตื่นได้จังหวะพอดิบพอดี

          "ถึงแล้วครับ" เทมเอาหัวมาซุกกับบ่าของผม หมุนไปมาคล้ายลูกแมวตัวน้อยอ้อนกัน ยามเขาเพิ่งตื่น เป็นอะไรที่น่ารักมากครับ ผมจัดผมฟูฟ่องของเขาให้เข้าที่ ก่อนจะเช็ดขี้ตาเขาออกให้ด้วย

          "เจ็บแผลไหมครับ ถ้าเจ็บมากบอกหมูนะครับ เดี๋ยวหมูเอายาแก้ปวดให้ทาน"

          "เจ็บๆๆๆครับ แต่เทมยังฮึบไว้อยู่"

          "ไม่ไหวก็บอกหมูนะครับ รู้ไหม"


          เทมพยักหน้ารับหงึกหงัก สักพักพอสติเริ่มกลับมาเต็มร้อย เขาก็เริ่มตื่นเต้นกับการซื้อขนมหวาน จนผมต้องลูบตัวเขาให้ใจเย็นๆ กลัวเด็กน้อยจะดี๊ด๊าจนขยับตัวมากเกินไปทำเอาแผลฉีก


          เทมปุระเอาตัวเองไปกอดแหมะกับตู้เค้ก เจ้าตัวมีสีหน้าจริงจังเสียยิ่งกว่าตอนทำข้อสอบปลายภาค ปากสวยขมุบขมิบรายละเอียดของขนมหวานตรงหน้า ดูเขาเลือกไม่ได้ว่าอยากทานชิ้นไหน เทมปุระลังเล เขาเดินวนไปวนมา สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ได้ เขาหลับตาลง เอานิ้วจิ้มๆไปมา


          "จ้ำเอย จ้ำจี้ จ้ำจี้มะเขือเปราะแปะ เค้กหน้าไหนอร่อย จิ้ม!! ...เอาอันนี้ครับ"


          เขาใช้วิธีเดิมจนครบสามรอบ พอได้เค้กมาไว้ในถุงก็ยิ้มกว้างอย่างสุขใจ เห็นท่าทางน่าเอ็นดูแล้วก็นึกใจอ่อน


          "ซื้อไปอีกไหมครับเทม ซื้อไปหลายๆรสก็ได้นะครับ แต่ว่าหมูให้ทานอย่างละสองสามคำพอนะครับ"

          "จริงเหรอๆๆๆ งั้นๆๆ งั้นเทมเอารสส้มเพิ่มด้วยนะครับ"


          เขาไปเลือกมาอีกสามก้อน จนผมต้องเรียกคนมาช่วยถือ เพราะกลัวเขาหนัก เทมปุระดูเป็นดอกทานตะวันเบิกบานใจสุดๆ ดวงตาวิบวับเฝ้ามองตามถุงหิ้ว


          "จะซื้ออะไรไปทานบนรถไหมครับเทม แต่หมูนับเป็นหนึ่งอย่างด้วยนะครับ"

          "เดี๋ยว เดี๋ยวไปทานที่บ้านนะครับ จะได้แบ่งคนอื่นๆๆๆด้วยนะ เทมเลือกแบบรวมรสไปด้วย มีรสที่ทุกคนชอบเยอะแยะเลย แล้วก็ แล้วก็ แล้วก็เทมเลือกคุกกี้กาแฟให้หมูหย็องด้วยนะครับ ขมๆๆๆนะครับ หมูหย็องทานได้"


          เทมปุระยิ้มตาหยี ผมลูบแก้มเด็กนิสัยใจดีเบาๆ ทั้งๆที่ชอบของหวานขนาดนั้น แต่ก็คิดถึงคนอื่นและยอมสละสามอย่างของตัวเองเผื่อแผ่ให้

          "ขอบคุณนะครับ งั้นแลกกันนะ เทมซื้อให้หมูแล้ว งั้นเดี๋ยวหมูซื้อไวท์ช็อกโกแลตปั่นให้ดีไหมครับ"

          "จริงเหรอ จริงเหรอครับ หมูหย็องใจดีที่สุดในโลกเลยครับ เย้ๆๆๆๆ"

          "เทมครับ อย่ากระโดด เดี๋ยวแผลฉีก"

          "แหะๆ เทมดีใจกับคุณช็อกโแลตปั่นไปหน่อย"


          เทมปุระดูขัดอกขัดใจเล็กน้อย เมื่อเขามีเพียงมือเดียว จะถือแก้วพร้อมจับมือผมก็ไม่ได้ เขาดูคิดหนักอีกครั้ง


          "ถ้า ถ้าถือแก้ว เทมก็จับมือหมูหย็องไม่ได้ แต่ถ้าไม่ถือแก้ว คุณแก้วก็ไม่มีขาเดินไปเอง ทำ ทำยังไงดี เทม เทมคาบไปได้ไหมครับหมูหย็อง เทมคาบแก้วไปนะ"


          ผมหัวเราะให้เจ้าหมาน้อยที่กำลังทำหน้ายุ่งหาทางออกไม่ได้ ผมเลยคว้าแก้วมาถือไว้เสียเอง ยื่นป้อนเขาถึงปาก ส่วนอีกข้างก็ปล่อยให้เด็กชายฟ้าประทานจับจูงไป


          "แบบนี้ดีไหมครับ อยากดื่มก็บอกหมูนะ"

          "ดีครับ ดีที่สุดเลย หมูหย็องเก่งจังๆๆๆ หมูหย็องฉลาดที่สุดเลย แบบนี้เทมก็ได้ทั้งจับมือหมูหย็องแล้วก็ได้หม่ำๆๆไปด้วยยยยย"


          ผมยิ้มให้เด็กน้อยปากหวาน เขาเดินดูขนมอีกนิดหน่อยถึงยอมกลับไปขึ้นรถ และคราวนี้พวกเราก็นั่งกันยาวๆจนถึงบ้านเลยครับ


          กลับมาถึงบ้านก็วุ่นวายกันทันทีครับ เพราะทั้งคุณป้าและครอบครัวของผมวิ่งมาออกมารับด้วยความเป็นห่วง ต้องอธิบายอยู่นาน และต้องยอมโดนจับหมุนตัวไปมาเสียหลายสิบรอบ เพื่อดูว่าไม่เป็นอะไรหนักมากถึงชีวิตจริงๆ ทุกคนถึงจะยอมแยกย้ายกันออกไป


          และพอตกเย็นบนโต๊ะอาหาร เรื่องของผมกับเทมก็เป็นประเด็นใหญ่ขึ้นมาอีก เพราะคุณป๊าเล่นใหญ่สุดๆ บอกจะพาเทมไปอเมริกาด้วย เพราะมีหมอผู้เชี่ยวชาญรักษาแผลเป็นอยู่ที่นั่น จนคุณป้าตกใจยกใหญ่ให้คุณแม่ต้องมาปลอบ ไหนจะหย็องหย็องที่คิดว่ามีรอยแผลเป็นคือเท่ สมเป็นลูกผู้ชายก็เถียงคุณป๊าไม่ให้เทมรักษา เพราะจะได้มีรอยแผลเป็นแสนมาดแมน กลายเป็นแบ่งออกสองฝั่งเลยครับ ฝั่งที่อยากให้ไร้ริ้วรอย กับอยากให้มีรอยแผลเป็น โต้เถียงกันไปจนถึงดึกดื่นกว่าจะขึ้นไปนอนกันได้


          "คุณแม่ไม่อยากให้น้องเทมกับน้องหมูหย็องมีรอยแผลเป็นนะคะ คุณแม่โหวตไร้ริ้วรอยค่ะ อ๊ะ! แต่จริงๆผู้ชายมีรอยแผลก็ดูเท่ดีนะคะ...เลือกยากจังเลย"


          คุณป้าที่กำลังเดินกลับบ้านโดยมีพวกผมเดินมาส่งก็พูดขึ้นอีกครั้ง ท่าทางลังเลดูคล้ายกับเทมปุระตอนเลือกขนมเค้กไม่มีผิด เทมหัวเราะคิกคักพูดคุยกับคุณแม่ของตัวเอง


          "เทม เทมก็อยากมีรอยแผลเป็นเท่ๆๆๆครับ แต่ว่า แต่ว่าหมูหย็องไม่ชอบ งั้นถ้าคุณแม่ชอบ เดี๋ยวเทม เทมเอาสติกเกอร์มาแปะแทนนะครับ"

          "แบบนั้นก็ดีนะคะ งั้นเดี๋ยวคุณแม่หามาแปะด้วยนะ พวกเราสามคนจะได้เป็นแก๊งเลย เท่ๆเนอะ"

          "เทมจะแปะลายคุณโดราเอม่อน!"

          "งั้นคุณแม่จองลายคิตตี้นะคะ"



          เอ่อ...แผลเป็นไม่น่าจะมีลายแบบนั้นหรือเปล่าครับ ทั้งสองคนครับ...คิตตี้กับโดราเอ่ม่อนไม่ใช่แผลเป็นแล้วนะครับนั่นน่ะ


          ผมปล่อยสองแม่ลูกคุยกันสักพักก็เอ่ยแทรก

          "เทมครับ ดึกแล้ว ให้คุณแม่ไปนอนพักนะครับ" ผมยิ้ม บอกร่างสูงให้หยุดบทสนทนาเอาไว้ เจ้าตัวพยักหน้ารับ คุณป้ามองผมเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ท่าทางเข้าใจในท่าทางทวง 'สัญญา' กลายๆของผม


          หญิงร่างเล็กเขย่งตัวลูบศรีษะลูกชายของเธอเบาๆ เทมย่อตัวลงให้คุณแม่ของตัวเองลูบสะดวกมากขึ้น


          "ฝันดีนะครับน้องเทม ดูแลตัวเองดีๆนะคะรู้ไหม"

          "คุณแม่ก็ฝันดีนะครับ ดูแลตัวเองดีๆด้วยนะครับ"


ก่อนพวกผมจะแยกตัวออกมา ผมเดินไปคุยกับคุณป้าเล็กน้อย


          "ขอโทษนะครับ ผมทำให้เทมเจ็บตัวอีกแล้ว" ผมพูดเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดจากก้นบึ้งของหัวใจ มือเล็กเปลี่ยนเป้าหมายเป็นหัวผมแทน คุณป้าลูบหัวผมไปมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนโทนเดียวกับเวลาพูดกับลูกชายของตัวเอง

          "น้องหมูหย็องไม่ต้องโทษตัวเองนะครับ เด็กวัยรุ่นก็มีเรื่องเจ็บตัวแบบนี้เป็นปกติครับ น้องหมูหย็องไม่ต้องคิดมากนะคะ คุณป้าขอแค่ไม่อันตรายมากก็พอแล้ว ดูแลกันดีๆนะคะรู้ไหม"

          "ขอบคุณมากนะครับ แล้วก็ขอโทษด้วยจริงๆ"

          "ไม่เอาค่ะ ไม่ต้องขอโทษแล้วนะ ไปนอนนะคะ ฝันดีนะคะทั้งสองคน ขอบคุณที่เดินมาส่งคุณแม่ค่ะ เดินกลับกันดีๆนะครับ ระวังรถด้วยนะลูก ราตรีสวัสดิ์นะครับทั้งสองคน"

          "ราตรีสวัสดิ์ครับคุณป้า"

          "ราตรีสวัสดิ์ครับคุณแม่"



          พวกผมเฝ้าจนบานประตูปิดลงถึงได้เดินหันหลังกลับออกมา เทมปุระดูง่วงนอนเอามากๆเลยครับ เพราะตั้งแต่มาถึงก็ยังไม่ได้พัก ใช้เวลาไปกับการพูดคุยสนุกสนานบนโต๊ะอาหารเสียหลายชั่วโมง


          "ไปนอนกันนะครับ"

          "ไปนอนกันนะครับ"


          บนเส้นทางเดินกลับบ้าน คนตรงหน้าแบมือออก ผมส่งมือให้เขา มือต่างขนาดแต่กลับดูพอดีเมื่อกอบกุมกัน แม้แขนจะเจ็บแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคในการจับมือกันและกันของพวกเราสองคน เรายิ้มให้กัน ก่อนจะค่อยๆประสานจังหวะก้าวให้เสมอ พวกผมจูงมือเดินข้ามถนนยามค่ำคืน เพื่อตรงขึ้นไปนอนบนเตียงอุ่น รอรับยามเช้าของวันพรุ่งนี้









end 33 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง


         
 เรื่อยๆ ~
ตอนหน้าเราจะมุ่งไปสู่ขนมปี๊บบบ

ขอบคุณทุกยอดวิว ยอด Fav ยอดเลิฟ
และที่สำคัญมากๆคือขอบคุณทุกยอดแชร์และคอมเมนท์นะคะ
เรากำลังเก็บมาปรับปรุงอยู่ค่ะ สามารถทักท้วงและติชมมาได้เสมอเลยนะคะ ยินดีมากๆค่ะ
ขอบคุณทุุกคนที่ติดตามเด็กๆนะคะ U///U ) ♥

หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 33 * 22/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-10-2018 21:01:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 33 * 22/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 22-10-2018 22:55:08
ไม่ไหวจะรักน้องเทมแล้ว
อ่านแล้วป้าเข้าใจเลย ที่เค้าว่ากันว่า ..
คนอะไรทำให้ตกหลุมรักได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกตอน

เทมน่ารักมากจริง ๆ พี่หมูตกกระป๋องดังปุ๋งปุ๋งเลยค่ะ
(ความดีนี้ ยกให้คุณคนเขียนนะคะ ... ช่างสามารถสร้างตัวละครได้ตะมุตะมิเหลือเกิน)

คำผิด .. มีนิดหน่อยค่ะ ไม่รุนแรงมาก
เอาที่... ไม่ควรผิดก่อนดีกว่า นั่นคือ กระพริบ
กะพริบ ไม่ต้องมี ร ตรง กะ นะคะ
ที่เหลือ ค่อยว่ากันค่ะ ....     ขอฟินกับน้องเทมก่อน  :mew1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 33 * 22/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 23-10-2018 12:28:18
มาอีกทีถึง32 ละ อ่านรวด 4 ตอนเลย
ใจหายเหมือนกันตอนที่เทมทำร้ายตัวเอง
นึกว่าจะไม่สงบลงแล้ว ส่วนหมูก็ยังเป็นหมูที่รักเทมมากจริงๆ

รีบๆหายนะเด็กๆ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 34 * 25/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 25-10-2018 19:22:08







34






          "โว้ยยยยยยย คือจริงๆแล้วพวกมึงตั้งใจใช่ป่ะวะ! คือพวกมึงตั้งใจให้แขนเป็นแบบนี้ใช่ไหม!? บอกพวกกูมา!"

          ไอ้น้ำที่ทีแรกจิกกัดพร้อมหัวเราะสะใจสมน้ำหน้าพวกผมไม่หยุด  แต่พอถึงเวลาพักเที่ยง พวกผมที่แขนเจ็บเลยจำเป็นต้องสลับกันป้อนข้าวให้กันไปมา เล่นเอาไอ้คนตัวเล็กของกลุ่มแหกปากด้วยความอิจฉาแทน

          ผมเห็นกองเพลิงคนไม่มีความรักลุกโชนโชติช่วงในนั้นแจ่มชัดเลยครับ เป็นความริษยาที่รุนแรงมากเลยทีเดียว


          ผมยักไหล่ ป้อนข้าวเทมต่อโดยไม่สนใจคนกระทืบเท้าเร่าๆอยู่ตรงข้าม เอ่ยบอกโดยไม่มองหน้าคนโวยวาย


          "จะให้พวกผมทำยังไงล่ะครับ ก็เทมเจ็บมือข้างถนัด เขาทานข้าวด้วยตัวเองไม่ได้ ผมก็แขนเจ็บ ขยับลำบาก"

          "แล้วมึงจำเป็นต้องทำหน้าขิงขนาดนั้นไหมวะ โอ้ยยยย กูหมั่นไส้เหลือเกิ๊นนนน ขิงแรง ข่าแรง ตะไคร้แรงเหลือเกินพ่อคุณเอ๊ยยย อะไรจะขิงเบอร์นี้!"

          "ถูกของไอ้น้ำ หน้ามึงตอนเทมป้อนนี่แบบ ไอ้สัส เหมือนได้ครองโลกใต้ฝ่าตีนแล้วอ่ะ แล้วได้ข่าวมึงถนัดทั้งสองมือไม่ใช่เรอะ จะแขนด้วนซ้ายหรือขวาสักข้างก็ไม่ใช่ปัญหาไหมวะ แล้วทำไมต้องมาใช้ลูกกูป้อน! ไอ้หมู! มึงมันสำออย!"  ไอ้เต้กระโดดเข้าร่วมวงจิกกัดผมทันทีอย่างไม่ปล่อยให้พลาดโอกาส


เทมปุระเคี้ยวข้าวเร็วๆ รอจนกลืนเรียบร้อย เสียงทุ้มรีบเอ่ยถามด้วยความสงสัย


          "หมูหย็อง หมูหย็องทำหน้าเป็นเครื่องต้มยำกุ้งคืออะไรเหรอครับน้ำ"

          "ใจเย็นนะเทม กูแค่บอกขิงข่าตะไคร้ ยังขาดใบมะกรูดพริกมะนาว ยังไม่ใช่ต้มยำนะเพื่อนนะ ขิงก็ศัพท์แสลงวัยรุ่นอ่ะไอ้น้องชาย แปลว่าโอ้อวด โชว์พราวอะไรทำนองนั้น"

          "โชว์เครื่องประดับเหรอครับน้ำ แบบว่า แบบว่าเพชรแพรวพราววิ้งๆๆๆแบบนั้นใช่ไหมครับ"

          "คนละพราวแล้วเฟ้ย!"

          "กูนี่เตรียมเปิดตลกคาเฟ่หมูกระทะเลย...จังหวะโคตรมุกบาทสองบาท"


          คู่แฝดนรกสลับกันกัดผมไม่ปล่อย ส่วนผมปล่อยครับ ปล่อยพวกมันสองคนพูดต่อไป

          พุ่งความสนใจไปกับการใช้ช้อนตักอาหาร ผมจัดกับและข้าวใส่ช้อนให้เรียบร้อย จัดเสร็จก็วางรอให้อีกคนยกช้อนนั้นขึ้นป้อนผมต่อ ผมอ้าปากรอเขา เหมือนลูกนกเพิ่งเกิดคอยแม่อยู่ในรัง แต่เด็กน้อยก็กำลังติดพันพูดคุยกับสองแฝด ผมส่งเสียงจิ๊บๆเรียกร้องความสนใจ


          "เทมครับ อ้าม"

          "อ๋อๆๆๆ อ้ามๆนะครับหมูหย็อง"


           เทมปุระหันมาหาผม ก่อนจะรีบใช้มือซ้ายจับช้อนแบบเก้ๆกังๆป้อนผมถึงปาก


          "อร่อยมากเลยครับ"

          "อร่อยเหรอ อร่อยเหรอ งั้นเทมจะป้อนหมูหย็องเยอะๆๆๆเลยนะครับ หมูหย็องตักใส่ช้อนเร็วๆๆครับ เดี๋ยวเทมป้อนนะครับ อ้ามๆๆๆนะ"



          ผมหยิบช้อนส้อมมาจัดอาหารคำใหม่ เตรียมรอเขายกมันขึ้นมาให้ผมอีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้ง


          "คือ...ถ้ามึงจะเป็นคนจัดอาหารใส่ช้อนขนาดนั้นแล้ว มึงก็เอาใส่ปากเองสิวะะะ ไอ้ห่า! ขัดลูกหูลูกตาชิบหาย หมั่นไส้คนง่อยแดกจริงโว้ยยยย"  ไอ้น้ำหยิบก้อนน้ำแข็งจากในแก้วปาใส่ผม ผมเอนตัวเล็กน้อยเพื่อหลบ ก่อนจะหันไปทำหน้านิ่งยักคิ้วใส่เพื่อนตัวเอง เยาะเย้ยให้กับการปาหวืดๆของมัน

          หน้าตาของอีกฝ่ายตอนนี้ คือเตรียมปีนโต๊ะเอาแก้วน้ำมาคว่ำใส่หัวผมแล้วครับ


          แต่ถามว่าผมสนใจไหม...ก็ไม่นะครับ


          ผมยังคงจัดอาหารให้เด็กน้อยของผมป้อนคำต่อไปด้วยความสุขใจ ข้ออ้างดีๆแบบนี้มีมาไม่บ่อย ผมต้องใช้ให้คุ้มค่าครับ


          "นี่กูนึกว่าแดกข้าวคลุกน้ำตาล" ไอ้เต้ทำหน้าเอือมระอา มันเบะปาก รวบช้อนส้อม ทำท่ากินไม่ลงอีกต่อไป

          "เต้ เต้ไม่ทานเยอะๆๆๆเหรอครับ เดี๋ยวจะขัดนักกีฬาแล้วนะ ไม่มีแรง ไม่มีแรงจะแพ้นะครับ"

          "คัดจ้ะลูกแม่ ลูกก็อย่าหวานนักสิ กูแดกไม่ลง" ไอ้เต้เอื้อมมือมาลูบหัวคนเป็นห่วงเบาๆด้วยความมันเขี้ยว จนผมต้องตีมือมันดังเพียะ ชอบลามปามมาลูบหัวเทมของผมอยู่เรื่อยเลยครับไอ้พวกนี้

          "ทำไมเต้ชอบบอกเทมเป็นลูก เทมสับสนๆๆจังเลยครับ แล้วก็ แล้วก็ เทม เทมไม่หวานนะ เพราะเทมไม่ได้เป็นเบาหวานนะครับ"


          พอเห็นว่าเทมปุระเริ่มหันไปคุยกับพวกนั้นอีกรอบ ลูกนกผมทองตาสีฟ้า รีบอ้าปากร้องจิ๊บขัดขวางความสนใจของแม่ตัวเองกับสิ่งอื่นอีกครั้ง


          "เทมครับ อ้าม"

          "อ๋อๆๆๆ หมูหย็องอ้ามนะครับ อ้ามๆๆ"

          เพราะเด็กน้อยบาดเจ็บแขนขวา จนต้องมาใช้แขนซ้ายข้างไม่ถนัดช่วยดูแลผม แม้จะตั้งอกตั้งใจทว่าการขยับเขยื้อนเป็นไปอย่างเชื่องช้าและงกๆเงิ่นๆ สุดท้ายก็ป้อนเลยเป้าหมาย

          "ข-ขอโทษครับ! เทมบังคับมือไม่ค่อยถูก เปื้อนๆๆหมูหย็องเลย เทมเช็ดให้นะครับ เทมเช็ดให้นะ หมูหย็องอย่ากระดุกกระดิกนะครับ"

          เขารีบร้อนเช็ดข้างมุมปากของผมออกให้ด้วยปลายนิ้วโป้ง คราบเลอะถูกเช็ดให้สะอาดด้วยสัมผัสอ่อนโยน ดวงตาจดจ้องกันด้วยความเป็นห่วง รวมกันแล้วทำเอาความร้อนวูบวาบแล่นผ่านทั่วใบหน้า ผมอมยิ้มจนปวดแก้ม

          "ขอบคุณนะครับเทม"


          แน่นอนว่าบรรยากาศอมชมพูคงอยู่ไม่ได้นาน เพราะผมมีมารผจญประจำตัวคอยราวี คอยตามติดเป็นเจ้ากรรมนายเวรอยู่สองตนครับ



          "หมั่นไส้โว้ยยยยยยย" เสียงส่วนเกินดังขัดขึ้นมา

          "กูอยากจะควักลูกตาตัวเอง แล้วเขวี้ยงไปให้ถึงเชียงใหม่ จะได้ไม่ต้องมาเห็นภาพอะไรแบบนี้ ฮือออ"

          "อย่าให้กูมีแฟนนะสัส กูจะแลกลิ้น--- โอ้ย!"


ผมใช้เท้าตัวเองเตะขาไอ้เต้ใต้โต๊ะ พูดอะไรไม่คิดอีกแล้ว ผมขมวดคิ้วมองหน้ามัน

          "เอออออออ รู้แล้วน่า"

          "แลกลิ้น? คนเราแลกลิ้นกันได้ด้วยเหรอครับ แต่ แต่ แต่ว่าหมูหย็องบอกคนเราฝากเครื่องในกันไม่ได้นะ" อา ไม่ทันซะแล้ว เด็กน้อยของผมแปดเปื้อนเพราะพวกมันอีกแล้ว ผมเหยียบเท้าไอ้เต้อีกครั้ง ส่งสัญญาณให้มันจัดการรับผิดชอบความผิดที่มันก่อ

          "โอ้ย! เออๆ กูพูดผิด กูจะพูดว่าตกลงพวกมึงจะทำอะไรกันในงานกีฬาสีต่างหาก"
 
          "อ๋อๆๆๆ" เทมพยักหน้ารับอย่างง่ายดาย

          "ได้เหรอวะ เทมน้องพี่ เจ้าจะใสๆชักจูงง่ายไปถึงแห่งหนตำบลใดหือ หือ"

          "อย่าเสี้ยมครับน้ำ" ผมตวัดสายตาเริ่มหงุดหงิดใส่นายตรัณ มันยกมือสองข้างทำท่ายอมแพ้แบบกวนประสาท

          "พ่อเข้าโหมดดุแล้วว่ะ ถอยแป๊บ เออ แล้วตกลงจะเอายังไงกัน มือเจ็บแบบนี้ ลงแข่งไม่น่าได้ป่ะวะ หรือจะไปลงพวกหมากรุก"

          "อืม...คิดว่าจะลงวิ่งเหมือนเดิมนะครับ อ่านจากกำหนดการแล้ว มีเวลาอีกสามสิบห้าวัน น่าจะหายทัน แต่คงไม่ลงวิ่งวิบาก อาจจะลงวิ่งแข่งธรรมดาแทน"



          เทมปุระพอได้ยินผมบอกน้ำแบบนั้นเขาก็ดูตกใจมาก ใบหน้าน่ารักตีสีหน้าจริงจัง มือข้างไม่เจ็บคว้าจับชายเสื้อผมแน่น ส่ายหน้าเป็นการใหญ่ ดูดื้อดึงและไม่ยินยอม จนผมต้องจับมือเขาลูบให้เย็นลง พอเขาเริ่มนิ่ง หยาดน้ำใสก็เอ่อคลอแทน ผมใจร่วงปลิวเหมือนใบไม้โดนพายุพัดหลุดออกจากต้น


          "ม-ม-ไม่ได้นะครับหมูหย็อง! แขน แขน แขนเจ็บ ลงแข่งไม่ได้นะครับ! เจ็บนะ จะเจ็บนะครับ"

         
          เขาห้ามผมด้วยน้ำเสียงสั่นไหว ความห่วงใยเหลือคณาแผ่ออกมาจากผู้คุ้มครอง เส้นใยแสนอบอุ่นถักถอเป็นเกาะล่องหนห่อหุ้มทั่วทั้งร่างกาย เขามองผมด้วยสายตากังวล

          โชคดีจริงๆที่โต๊ะประจำพวกผมเป็นมุมลับไม่มีใครเห็น ผมเอื้อมมือไล้โครงหน้าเขาเบาๆ เช็ดหยดน้ำแวววาวสวยที่หางตา ก่อนจะกลับมากุมมือเขาไว้ดังเดิม เอ่ยเสียงนุ่มปลอบคนห่วงกันเสียมากมาย


          "ไม่เป็นไรนะครับเทม ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ หมูใช้ใบรับรองจับเวลาการวิ่งของวิชาพละไปยื่น เลยไม่ต้องลงแข่งคัดตัว รอลงซ้อมเป็นตัวจริงได้เลยครับ อีกตั้งสิบกว่าวัน แผลคงสมานตัวกันเยอะแล้วล่ะครับ"


          เขาส่ายหน้าอีกครั้ง


          "แต่ แต่ว่าก็ยังไม่หายนะครับหมูหย็อง แผลแค่ชิดๆๆกันเฉยๆๆ เทม เทมไม่ ไม่อยากให้หมูหย็องแข่งนี่ครับ เดี๋ยวหมูหย็องเจ็บๆๆๆนะครับ เจ็บนิดๆก็ไม่เอานะครับ"

          "แล้วเทมไม่อยากทานขนมแล้วหรือครับ หืม"

          "เทมอยากทาน อยากทานครับ แต่ไม่อยากให้หมูหย็องเจ็บๆมากกว่านะ หมูหย็อง หมูหย็องสำคัญกว่าขนมนะครับ..."

          "...เทมครับ"


          ผมมองเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง นึกอยากรั้งต้นคอสวยให้ร่างสูงเข้ามาชิดใกล้ อยากลองลิ้มชิมรสชาติของหยดน้ำตาหยดเล็ก  ทว่าอัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยกันมากมายนั่นของเขา

          ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากช้าๆ กำลังชั่งใจอย่างหนักหน่วงกับความอยากและเหตุผล เและเจ้าตาชั่งก็ดูลาดเอียง ไปทางความอยากลองดื่มด่ำเจ้าเพชรล้ำค่าเป็นของหวานหลังอาหารมื้อเที่ยงซะเหลือเกิน

          ระหว่างที่เหตุผลกำลังจะละลายหายไป...



          "หยู้ดดดดดดดด! หยุดดดด!! ไอ้สัสสสส หยุดดดดดก๊อนนนน กูรู้ว่ามึงจะทำอะไร! ห้ามใจไว้โว้ย ท่องไว้มึง โรงอาหารๆๆๆ"

          "มึงๆ พวกกูนั่งอยู่ตรงนี้ ตรงข้ามพวกมึงไง เฮลโหล่ววววว"

          "ท่องเหรอ ท่องเหรอ? โอเค โอเคครับ โรงอาหาร โรงอาหารๆๆๆๆๆๆๆ...ว่าแต่ให้ท่องกี่คำเหรอครับน้ำ"

          "ท่องจนกว่าหมูหย็องของมึงจะมีสตินั่นแหละ!!"

          "หมูหย็อง หมูหย็องทำสติหายเหรอครับ!? เรา เราต้องไปแจ้งประชาสัมพันธ์ไหมครับ ให้เขา ให้เขาช่วยประกาศหาของหายไหมครับ ต-ต้องประกาศหาสติของหมูหย็องกลับคืนมานะครับ"

          "ไม่ต้องไปฟังน้ำนะครับเทม น้ำก็ชอบพูดอะไรไร้สาระไปเรื่อย"

          "มึงมานั่งกับพวกกูมาเทม อย่าไปอยู่ใกล้มันมาก หัวใจกูรับไม่ไหวแล้ว"

          "แต่นั่งไกลๆๆๆหมูหย็องไม่ได้นะครับ หมูหย็องเจ็บแขนอยู่ เดี๋ยว เดี๋ยวจะเดินไม่ไหว"

          "...เจ็บแขนเกี่ยวไรกับเดินไม่ได้วะ แถมคนเจ็บหนักสุดก็มึงอ่ะลูกกก ไอ้หมูนี่แค่หัวไหล่ยันศอก มือแม่งก็ปกติดี แต่มึงนี่ทั้งแขนอ่ะลูกเทม มึงควรห่วงตัวเอง และควรห่วงสวัสดิภาพความซิงของมึงด้วย"

          "ซิง? ซิงอะซองๆๆๆใช่ไหมครับ ร้องเพลง ร้องเพลงเหรอครับ? เราจะไปคาราเกะกันอีกเหรอครับ?"

          "คาราโอเกะ! คาราเกะมันไก่ทอด!"

          "อ๋อๆๆๆ คาราโอเกะๆๆๆ ขอโทษครับๆ เทมพูดผิดๆ"

          "เดี๋ยวนะ เรามาเรื่องร้องเพลงกันได้ยังไงวะ"

          "ไม่เอานะ เทมไม่อยากร้องเลยครับ เทมร้องไม่เพราะนะ ไม่ร้องนะครับ"

          "เทมร้องเพราะครับ หมูชอบมากเลย"

          "หมูหย็องชอบ หมูหย็องชอบเทมร้องเหรอครับ"


          เขาถามด้วยสายตาออดอ้อนกันแบบนี้ แล้วจะให้ผมตอบว่ายังไงครับ


          "ชอบมากๆเลยครับ ชอบมากๆเลย..." ผมตอบเสียงเลื่อนลอย ดูเป็นการตอบที่ไม่ตรงคำถามเสียเท่าไหร่



แกร๊ง แกร๊ง แกร๊งๆๆๆ


          ไอ้เต้คว้าตะเกียบเคาะกับแก้ว ขัดบรรยากาศของผมกับเขาอีกครั้ง


          "ใจเย็นๆนะเพื่อนนะ อย่ารีบเข้าโลกส่วนตัวโว้ย กลับมาก่อนๆ ตกลงจะเอายังไง จะลงแข่งไหม"

          "มึงไม่ลงบาสวะ จำได้ว่าเคยเล่นกับมึง ถึงจะไม่เทพเท่ากู แต่ก็นับว่าพอใช้ได้นะ"

          "มือเจ็บแบบนี้ ถ้าคนมีสมองและมีความคิด ก็จะไม่ถามคำถามพรรค์นั้นออกมาหรอกนะครับเต้"

          "เจ็บไหมครับฐานทัพ"

          "ไม่เจ็บจ้าตรัณ ฐานทัพด้านนนนนนนน อิอิ"

          แล้วพวกมันก็หัวเราะคิกคักกันสองคน


          ผมเบือนหน้าหนีให้กับคู่แฝดแสนน่ารำคาญ หันมาสนใจเด็กน้อยคิ้วขมวดของตัวเองแทน

          เทมปุระดูมีท่าทางไม่อยากให้ผมลงแข่งมากๆ ผมอยู่กับเขา เฝ้ามองเขามาตั้งนาน แค่องศาการขยับขนคิ้วก็รู้แล้วครับว่าเด็กน้อยขี้กังวลไม่ยอมแน่ๆ เขากำลังจะปฏิเสธ

          แต่ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน อะไรที่เขาอยากได้ ถ้าผมให้ได้ ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ลำบากแค่ไหน ผมก็จะหาแล้วเอามามอบให้เขา ทุกความสุข ทุกความอยากของเด็กชายฟ้าประทาน ผมไม่อยากมองข้าม เรื่องเล็กๆน้อยๆของเทมปุระ ยิ่งใหญ่สำหรับผมเสมอ


          และรอยยิ้มมีความสุขสุดๆของเขา...ผมก็อยากเห็นมาก...มากครับ


          "เทมไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ถ้าหมูเจ็บแม้แต่นิดเดียว หมูก็จะออกจากการแข่งขันทันที แบบนี้ดีไหมครับ?"
     
          "ต-ต-ต-แต่ แต่ แต่ว่า..."

          "ให้หมูแข่งนะครับ...นะ?"


          เทมกลิ้งลูกตาสีสวยหนีผม แต่พอผมกระตุกแขนเขาเบาๆ เขาก็ยอมหันมาสบตา เทมปุระเม้มปากแก้มพองลม เหมือนพยายามอดกลั้นความอดทน ก่อนเป่าลมหายใจออกแรงๆ ผมอมยิ้มให้ท่าทางถอนหายใจแสนน่าเอ็นดูของนางฟ้าตัวน้อย ผมยิ้มหวาน ผมรู้ ว่าคนข้างๆปฏิเสธผมไม่ได้มากพอกับผมปฏิเสธเขาไม่ได้นั่นล่ะครับ


          "จะ-เจ็บนิดหน่อย นิดเดียวก็ไม่-ไม่ได้นะครับ หมูหย็องต้องออกเลยนะครับ ออกแบบทันที ทันทีเลยนะครับ แล้วก็ แล้วก็ต้องดูแลตัวเองดีๆๆๆนะครับ"

          "ได้ครับ"

          ผมตอบรับหนักแน่น

          "ก้อ ก้อ...ก็ได้ครับ"   

          "ขอบคุณนะครับที่เชื่อหมู...เทมอิ่มหรือยังครับ อยากทานอะไรอีกไหม" ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ชี้ไปที่มุมปากอีกฝ่าย เทมพอเห็นก็เข้าใจ ร่างสูงโน้มตัวลงมาให้ผมเช็ดหน้าเขาได้ง่ายยิ่งขึ้น เด็กน้อยพูดขอบคุณผมเบาๆ ก่อนจะเอ่ยตอบคำถาม

          "เทม เทม เทมอิ่มแล้วครับ เทมกำลังคิดๆๆ คิดว่าเทมจะทำอะไรดี"

          "อ้าว เทมไม่ได้จะมาเป็นเชียร์กับกูเหรอวะ ไม่ได้ลงแข่งกีฬาก็ต้องเป็นสแตนด์ไม่ใช่หรือไง"

          "ผมไม่ให้เป็นครับ เทมมือเจ็บแบบนี้ จะให้เขาไปตบไม้ตบมือได้ยังไงกัน"

          "เออว่ะ กูก็ลืมคิดไปเลย มึงขยับไม่ได้ทั้งแขนด้วยใช่ไหม แถมเป็นข้างถนัดอีก เป็นพี่เลี้ยงก็ไม่ได้ พี่เลี้ยงแม่งต้องวิ่งรอก งานหนักยิ่งกว่าอะไร แล้วจะทำอะไรดีวะ..."

          "หน้าที่ยังไม่ออกไม่ใช่หรือไง เอาแค่ว่าสีมึงเลือกประธานสีกันหรือยังเถอะ สีกูเพิ่งเลือกในเว็บเมื่อคืน แม่งได้ไอ้พี่บอลเป็น โคตรหน่ายพี่มันเลย พี่มันโคตรบ้าพลัง จับกูซ้อมดึกอีกแหงๆ"

          "มึงควรไปทำบุญล้างซวยนะเว้ยกูว่า เริ่มต้นเทอมยันตอนนี้ได้เฮงซวยเสมอต้นเสมอปลายเหลือเกินเพื่อนกู ส่วนประธานสี สีกูนี่...น่าจะล็อคผลโหวตว่ะ"  ไอ้น้ำพูดพลางเหล่ตามามองทางผม

          "ปีนี้ผมสละสิทธิ์ครับ เป็นทั้งนักกีฬา ทั้งประธานนักเรียน ยุ่งเกินไปหน่อย ไหนจะต้องทำเรื่องขายตั๋วกับเตรียมพร้อมสำหรับแขกอีก"


          กิจกรรมโรงเรียนผมเป็นแบบเปิดครับ คนนอกสามารถเข้ามาดูได้ แต่ต้องซื้อตั๋วหรือไม่ก็ต้องได้รับเชิญเท่านั้น ค่าตั๋วก็ราคาค่อนข้างแพง พอๆกับตั๋วคอนเสิร์ตนักร้องดังๆเลยทีเดียว แต่ถึงจะแพงยังไงก็ขายหมดในไม่กี่ชั่วโมงตลอด จำนวนก็จำกัด เรียกได้ว่าแอบหายากเลยล่ะครับ ไม่ใช่แค่มีเงินก็ซื้อได้ แต่ต้องอาศัยความเร็วด้วย บางคนกดซื้อไม่ทัน ก็ต้องไปหาซื้อตั๋วผี ได้ยินว่ามีการเอาไปขายเพิ่มราคาหลายเท่า จนถึงประมูลก็มีครับ

          ส่วนแขกที่ว่าก็คือเหล่าแมวมอง

          เป็นที่แน่นอนว่าทุกกิจกรรมใหญ่ของโรงเรียนระดับแนวหน้า  ก็มักจะมีแมวมองมาคอยควานหานักกีฬามากฝีมือ ทาบทามนักร้อง เฟ้นหาดาราเข้าวงการ และอีกหลายๆแขนงแห่แหนกันมาเยอะแยะเสมอ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลครับ ว่าทำไมทุกคนถึงจริงจังกับกิจกรรมกันนัก เพราะมันสามารถต่อยอดไปถึงหน้าที่การงานอาชีพในอนาคตได้ ถ้าเล่นดี โดดเด่น แน่นอนว่าก็จะโดนชักชวน

          ไอ้เต้ตาวาวทันที เมื่อผมพูดถึง 'แขก' ดูท่านิสัยแปลกๆของมันกำลังกำเริบน่ะครับ เต้ชอบโดนคนแย่งตัวครับ เหมือนเก็บสะสะแต้มแต่มันสะสมแมวมอง แต่จะตอบรับคำชักจูงเล่นเป็นอาชีพก็คงไม่ได้ เพราะต้องสืบทอดงานให้พ่อแม่ ทุกวันนี้มันก็พยายามภาวนาให้คุณพ่อคุณแม่มีน้องอยู่ครับ เพราะไม่อยากรับช่วงต่อ


          "เฮ้ยๆๆๆ ปีนี้โรงเรียนเราเชิญสโมสรไหนมาวะ โควตาไรมาบ้าง"

          "มาหมดทุกสายเลยครับ แต่ปีนี้คนนอกเข้าได้แค่ห้าร้อยคน"

          "อ้าว ทำไมน้อยจังวะ งี้สาวโรงเรียนอื่นก็อดเห็นความเท่ของกูอ่ะดิ"

          "เฮ้ย ทำไมวะ ไม่นะ! โอกาสเจอสาวสวยของกูจะลดน้อยลงหรือนี่ น้ำรับไม่ด๊ายยยย"

          "อืม งานกระชั้นชิดน่ะครับ เลยลดเหลือแค่ครึ่งเดียว"

          "พวกนักกีฬาจะไม่โวยวายเหรอวะ เวทีโชว์ความสามารถทั้งที"

          "ไม่หรอกครับ จำนวนแขกรับเชิญเท่าเดิม"

          "อ๋อ"


ออดดดดดดดดดดดดดดดด


          พวกผมยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเทมจะทำอะไรในงานกีฬาสี เสียงออดก็ดังขึ้นแจ้งเตือนให้นักเรียนแยกย้ายไปประจำสีของตัวเอง

          ผมสามคนบอกลาเต้ ก่อนจะเดินไปยิม เตรียมพร้อมประชุมสี ระหว่างทางออกจากโรงอาหาร พวกเราต้องเดินผ่านร้านขนมเค้กและของหวาน กลิ่นหอมหวลของวานิลลาเล่นเอาเด็กน้อยของผมชะงัก องค์ชายข้างกายของผมมองตาละห้อย ปกติทุกมื้อเขาจะได้ทานขนมหวานเสมอครับ แต่สามวันนี้เขากำลังโดนผมลงโทษอยู่ จึงจำต้องงดไป     
     
          เจ้าหมาน้อยหู่ลู่หางตกแสนน่าอาดูร

          "อดทนไว้นะครับเทม" ผมเอ่ยปลอบคนหน้าเศร้า

          "เทมจะฮึบๆๆๆนะครับ"

          "คนเก่ง พยายามเข้านะครับ"

          "อือหือ กูนี่ส่วนเกินแบบชัดเจน" น้ำเบะปาก เดินมาแทรกกลางพวกผม

          "น้ำ น้ำครับ น้ำๆๆ อย่าชนหมูหย็อง หมูหย็องจะเจ็บครับ" เทมตกใจรีบเข้ามาดูแขนผม

          "กูอยากกลอกตาเป็นเลขเก้าไทยจริงๆ บอกแล้วให้มึงห่วงตัวเองไง โวะ"

          "จะเดินดีๆ หรืออยากไม่มีขาไว้เดินครับน้ำ เลือกเอานะครับ" ผมพูดเสียงเย็น


          ไอ้น้ำรีบวิ่งอ้อมไปอยู่อีกฟากของเทมทันที ไม่วายเอาขามาเตะผมอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเทมอยู่ด้วยนี่ผมวางมวยไปแล้วครับ
         



          พวกเราสามคนเดินกันประมาณสิบนาทีก็ถึงจุดหมาย ตรงหน้าประตูใหญ่ มีอาจารย์สองคนยืนเฝ้าอยู่ พวกผมยกมือไหว้สวัสดี ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ โชว์อีเมลให้กับอาจารย์เพื่อยืนยันตัว ยุ่งยากหน่อยเพื่อป้องกันคนเนียนเข้ามาหาข่าวครับ

          "เอาบัตรนักเรียนสแกนยืนยันอีกทีด้วยนะจ๊ะเด็กๆ"

          "ครับ"

          พวกผมเดินไปที่ประตูชั้นใน หยิบบัตรนักเรียนสแกนตามคำบอก รอไม่นานประตูก็เปิดอ้ากว้าง ในโรงยิมใหญ่ที่ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นห้องประชุม ข้างในนั้นมีนักเรียนหลายร้อยคนนั่งจับจองพื้นที่อยู่ก่อนแล้ว

          เฉลี่ยแล้วทุกสีมีสมาชิกประมาณสามร้อยกว่าคนครับ ที่ต้องมีหลายสี หลักการก็เหมือนห้องเรียน คือสมาชิกไม่เยอะมาก จะได้ดูแล แจกจ่ายหน้าที่และควบคุมกันทั่วถึง


          ผมให้เทมปุระกับน้ำไปนั่งกับคนอื่นๆ ส่วนผมแยกตัวออกมาทำหน้าที่ของกรรมการนักเรียน ไม่ใช่แค่ผมนะครับ แต่สมาชิกสภานักเรียนทั้งสามสิบคน จะถูกแยกไปอยู่สีละสามคน เพื่อช่วยดำเนินการต่างๆให้เป็นไปอย่างราบรื่นครับ


          ผมก้าวเข้าไปหาคนสามคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ปีนี้สภาของสีฟ้ามีผม หญิง และอเล็กเซย์ หนึ่งในคณะกรรมการของ ม.5 อา...อาจจะคุ้นชื่อใช่ไหมครับ อเล็กเซย์เป็นพี่ชายของอเล็กซิส หรือไอ้เล็กซ์ที่เต้กับน้ำชอบเรียกนั่นล่ะครับ

          อเล็กเซย์เบิกตาสีเขียวมองผม เจ้าตัววิ่งเข้ามาทักทายด้วยเสียงตื่นเต้น มีหญิงเดินตามหลังเขาเข้ามาหาผมอีกคน แต่หญิงกลับมีท่าทีสนอกสนใจกับการมองหาใครอีกคนที่มักอยู่ข้างตัวผมเสมอมากกว่า

          "อ้าว ปีนี้ได้นายมาเหรอ! ว้าววววว รู้สึกสัมผัสได้ถึงชัยชนะเลยแฮะ...เดี๋ยวนะ แขนนายเป็นอะไร"

          "อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ" ผมตอบรุ่นพี่ด้วยเสียงเรียบนิ่ง

          "หือ! ถ้าหมูอยู่สีนี้ก็แปลว่า....อ๊ายยย เทม! เทม! ...ว้าย!! แขนเทมเป็นอะไรอ่ะหมู! โอ้ยยยย ใจของพี่สาวเจ็บจี๊ด!"

           หญิงกวาดตามองหาเทมปุระ พอเจอก็รีบโบกมือให้ทันที ก่อนจะกรีดเสียงออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าแขนซ้ายน้องชายในมโนฝันของเธอถูกพันผ้าพันแผลเสียแน่นหนา

          "อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ" ผมตอบซ้ำแบบเดิม

          "ไม่ได้เป็นอะไรหนักมากใช่ไหม แบบนี้เทมก็ไม่ไดลงแข่งวิ่งล่ะสิ เสียดายจัง เทมวิ่งเร็วเสียด้วย"

          "ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ ส่วนเรื่องแข่ง ผมจะลงแข่งแทนเองครับ"

          "เฮ้ย เอาจริง!?"

          ทั้งสองคนดูตกใจ

          "แล้วก็ประธานสี ผมไม่เป็นนะครับ ปีนี้สภานักเรียนค่อนข้างยุ่งๆ ถ้าให้ผมเป็นประธานสีอีก เกรงจะรับผิดชอบไม่ทั่วถึง ผมไม่อยากทำลวกๆด้วย ให้คนพร้อมรับหน้าที่ได้ไปน่าจะดีกว่า"

          และพอพูดประโยคนี้จบ ทั้งสองคนยิ่งทวีความตกใจมากยิ่งขึ้นจนถึงขั้นตื่นตะหนก

          "แล้วใครจะเป็น!!? / แล้วใครจะเป็น!!?"

          "อืม คิดว่าจะให้เสนอชื่อนะครับ"

          "คนอื่นจะยอมเหรอ ตอนเห็นนายเดินเข้ามา เสียงดีใจนี่ดังกระหึ่มเลยนะ"

          "นั่นสิหมู ดูสายตาคาดหวังนั่นสิ"


          ผมเหลือบตาไปมอง สายตาหลายร้อยคู่จ้องตอบกลับมาด้วยความดีใจปนคาดหวังอย่างที่หญิงบอก ผมถอนหายใจเหนื่อยหน่ายในใจเล็กน้อย ก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นมองเวลา เห็นว่าได้เวลาพอดี จึงเดินไปด้านหน้า หญิงและอเล็กเซย์ก็ก้าวตามผมมาเช่นเดียวกัน ผมหยิบไมค์ขึ้นมากรอกเสียงทักทายลงไป


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 34 * 25/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 25-10-2018 19:28:00

          "สวัสดีสีฟ้าทุกคนนะครับ ก่อนจะเริ่มประชุม ผมขอแนะนำตัวก่อน ผมดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟ เป็นตัวแทนสภาครับ"
 


          กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!


          "พี่หมูได้อยู่สีฟ้าจริงๆด้วยว่ะแก! พี่หมูค้าาาาาาาาาา นี่มันโชคชะตาของเราสองคนค่ะ!!"

          "ฮือ สมแล้วที่อุตส่าห์ไปบนขอให้ได้อยู่สีฟ้า ฉันอยากใช้นามสกุลชาโรนอฟฟฟฟฟ"

          "เฮ้ยๆๆๆๆ หมูเอาให้สีเราชนะเลยได้เปล่า"

          "ประธานนักเรียนอยู่สีเราว่ะ โคตรโชคดีที่ได้อยู่สีนี้เลยโว้ยยย"



           พอแนะนำตัวเองเสร็จ ผมยื่นไมค์ให้หญิงเป็นคนต่อไป


          "สวัสดีค่ะ ทิฆัมพร ศรีวิธันย์ เป็นหนึ่งในตัวแทนสภาสีฟ้าปีนี้นะคะ เรียกเราหญิงก็ได้น้า ใครมีอะไรตรงไหนให้ช่วย ก็มาบอกเราได้เลยนะคะ ปีนี้สีฟ้าจะต้องชนะที่หนึ่งนะคะ สู้ๆ!"


          เฮฮฮฮฮฮฮฮ!!

          "พี่หญิงคร้าบบบบบบบบบบ พี่ชนะใจผมไปเรียบร้อยแล้วครับบบบ"

          "หญิงครับบบบ ถ้าผมแข่งชนะ ผมขอเบอร์โทรหน่อยได้ไหมครับ!?"

          "สู้เพื่อน้องหญิงคนเดียวเลยครับโผ้มม!!"




          และก็ไม่แตกต่างกัน เสียงกรี๊ดและเสียงเฮยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ถ้าเป็นแบบนี้ทุกปี ผมคิดว่าผมอาจจะหูหนวกเข้าสักวันก็ได้นะครับ หรือผมควรออกนโยบายแจกที่อุดหูให้กับสภานักเรียนทุกคนดี
         


          "อเล็กซิสครับ" อเล็กเซย์ยักคิ้วหลิ่วตาก่อนจะแนะนำตัวเองด้วยชื่อของน้องชาย จนหลายคนในกลุ่มคนจำนวนมากต้องตะโกนขึ้นมาแย้ง

          "พี่อเล็กเซย์ไม่ใช่เหรอครับ!?"

          "ฮ่าๆๆ กำลังรอเลยว่าจะมีใครตบมุกให้ไหม อเล็กเซย์ ม.5 ตัวแทนสภาคนสุดท้ายครับ ฝากตัวด้วยนะทุกคน"
         

          กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!

          "ฝากหัวใจด้วยก็ได้ค่าพี่อเล็กเซย์ขาาาาาา"

          "รับฝากแล้วไม่ให้คืนนะค้าาาาา"

          "พี่อเล็กเซย์ หนูตบมุกเก่งนะคะ!! รับหนูไปเป็นคู่หูไหมคะะ"



          ผมรับไมค์คืนมาจากอเล็กเซย์ กวาดสายตามองเป็นเชิงออกคำสั่งทุกคนให้อยู่ในความเรียบร้อย รอจนเสียงเงียบลง ผมก็เริ่มประกาศเรื่องสำคัญ

          แน่นอนครับว่าได้เสียงคัดค้านถล่มทลาย กว่าจะทำให้ทุกคนอยู่ในความสงบได้ก็กินเวลาไปหลายสิบนาที ผมพยายามแล้วนะครับ กับการสละสิทธิ์ในครั้งนี้ ทว่าพอให้เสนอชื่อก็วนอยู่แต่ชื่อผม พอตั้งผลโหวตในเว็บ ทุกคนก็ไม่ยอมโหวตกัน สุดท้ายก็ต้องจบลงด้วยการให้อเล็กเซย์เป็นประธานและผมเป็นรองประธานควบคู่ ไม่งั้นดูท่าการจัดสรรแบ่งหน้าที่ต่างๆก็คงจะไม่ได้เริ่มขึ้น เพราะทุกคนไม่ยอมเลือกประธานให้เสร็จเสียที


          หลังจากดูหน้าที่ในกีฬาสีอย่างถี่ถ้วนแล้ว สรุปว่าผมให้เทมเป็นมาสคอตครับ เป็นตัวนำโชคของทีม ผมคิดว่าตัวนำโชคทั้งสี่ดูจะเหนื่อยน้อยที่สุด มีจำท่าเต้นกับอะไรอีกนิดหน่อย แต่ถึงจะเหนื่อยน้อยสุด ก็ยังต้องมาซ้อมเป็นประจำอยู่ดีครับ
          ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมง พวกผมก็แบ่งหน้าที่ให้ทุกคนเสร็จเรียบร้อย


          อเล็กเซย์กำลังยืนบอกถึงรายละเอียดสุดท้ายก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน


          "นักกีฬาครับ พรุ่งนี้คัดตัวจริงนะครับ หลังอาหารเที่ยงขอให้เจอกันที่โรงยิมสาม ส่วนฝ่ายเชียร์และฝ่ายอื่นๆเจอกันที่โรงยิมห้านะครับ ส่วนใครต้องการใช้ห้อง สามารถใช้ได้ที่ตึกของมัธยมปลายนะครับ ห้องของ ม.4-5 เป็นห้องของพวกเรา สามารถเข้าไปลงชื่อจองในเว็บได้เลย ค่าใช้จ่าย วิธีเบิก รายละเอียดทุกอย่างอยู่ในบอร์ดลับสีฟ้าแล้วนะครับ"


          "พวกเราได้สองโรงยิมเลยเหรอ!!?"


          เสียงโหวกเหวกดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้รู้ว่าสีฟ้าได้ครองถึงสองโรงยิม


          ยิมของโรงเรียนผมมีทั้งหมดสิบสองโรงยิมครับ ไม่นับยิมใหญ่ที่เปิดเฉพาะตอนแข่งจริงเท่านั้น ก็จะตกได้สีล่ะหนึ่งโรงยิม แต่จะมีเพียงสองสีพิเศษที่ได้ครองถึงสองแห่ง           

          แน่นอนว่าต้องตบตีกันแทบตายระหว่างสภาทั้งสามสิบคนเพื่อแก่งแย่งไปให้สีของตัวเอง เพราะมันหมายความว่าจะได้พื้นที่ในการฝึกซ้อมมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องแออัดและหลบๆซ่อนๆ หรือไปวิ่งวุ่นตื่นแต่เช้ามืด เพื่อไปลงชื่อจองสนามฝึก

          และผมก็ได้มันมาด้วยทริคพิเศษนิดๆหน่อยๆ เรื่องนี้ต้องขอบคุณและยกความดีความชอบให้กับการฝึกเป่ายิงฉุบกับที่บ้านและพี่สาวสายพนันของตัวเองล่ะนะครับ


          "ช่ายยยยยย ต้องขอบคุณคุณรองประธานสีของพวกเรานะครับ กว่าจะตบตีจนได้มา บอกเลยในฐานะคนเคยเป็นตัวแทนไปแย่ง ไม่ง่ายนะเอ้อ เอ้า! เฮให้ประธาน เอ้ย รองประธานสามรอบครับทุกคนนน"

          "เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ / เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ / เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ"

          "มีเส้นมีสายมันดีแบบนี้นี่เองโว้ยยยยย"

          "ไม่ต้องซ้อมเชียร์ในห้องเรียนแล้ว กรี๊ดดดดด"



          เสียงแซ่ซ่องดังเป็นระลอก ภาพรวมการประชุมเป็นไปอย่างครื้นเครง วันแรกก็แบบนี้แหละครับ รอถึงช่วงกลางๆกับท้ายๆก่อนเริ่มแข่งเสียก่อน แทบจะเรียกว่าทดลองใช้ชีวิตในนรกเลยก็ว่าได้


          พอเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ผมก็แยกตัวออกจากกลุ่มนักกีฬา มาหาเด็กน้อยของผมตรงกลุ่มเชียร์ 


          พอผมเดินเข้าไป ทุกคนก็ดูแตกฮือแหวกทางออกให้ผมเดิน ผมไม่สนใจเสียงกรี๊ดกร๊าด ตรงปรี่เข้าไปหาคนตัวสูงนั่งปลายจมูกแดง ระหว่างตอนผมทำหน้าที่ ผมก็แอบสังเกตคนของผมไปด้วยตลอดเวลา เห็นเขาจามฮัดชิ้วหลายครั้งจนนึกเป็นห่วง

          "หมูเห็นเทมจาม ไม่สบายหรือเปล่าครับ"

          "มันไม่ได้ไม่สบายหรอก ไอ้ห่า คนข้างหน้าใส่น้ำหอมอย่างเหม็น กูกับมันนี่จามจนไส้จะขย้อนออกมาทางปาก"

          ไอ้น้ำป้องปากกระซิบ แต่เสียงของมันสวนทางคำว่ากระซิบไปไกล จนควรเรียกเป็นตะโกนแล้วครับ

          "ทำไมไม่พาเทมลุกออกมาครับ"

          "ลุกได้ที่ไหนวะ ลุกตอนทุกคนกำลังตั้งใจฟัง พวกกูก็เด่นตายเลยดิ" น้ำบ่นอุบอิบ

          "วันหลังพาเขาลุกออกมาเลยนะครับ อ้างชื่อผมไปก็ได้"

          "หมูหย็องครับ หมูหย็องๆๆๆ เทมได้เป็นมาซะก็อตล่ะครับๆๆๆ" เทมพอเห็นผม ก็รีบโชว์กระดาษหน้าที่ของตัวเองให้ผมดูอย่างกระตือรือร้น ผมยิ้มรับอ่อนโยน

          "มาสคอตครับเทม"

          "มาสคอต! เทมเป็นมาสคอตๆๆๆ" เจ้าตัวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ท่าทางชอบอกชอบใจมาก


          ผมว่าจะพาเทมกลับบ้านเลย แต่เสียงตะโกนเรียกก็หยุดเอาไว้


          "เทม! เทมจ๊ะ! มาหาหญิงแป๊บหนึ่งสิ ขอหญิงถ่ายรูปเรียงส่วนสูงของมาสคอตหน่อยนะ"

          "อ๋อๆๆๆๆ ได้ครับๆๆ หมูหย็องครับหมูหย็อง น้ำครับน้ำ เดี๋ยวเทม เดี๋ยวเทมมานะครับ"

          แล้วเด็กน้อยก็วิ่งจู๊ดออกไป

          "ไอ้เทมเป็นมาสคอตกูก็เข้าใจ แต่ไหงให้กูเป็นทีมเชียร์วะ ฮือ ไอ้สัสหมู ไอ้เลว กูอยากนั่งตบมือโง่ๆบนสแตนด์แท้ๆ" น้ำตรงกันข้ามกับเทม เจ้าตัวดูไม่ชอบใจ บ่นกระปอดกระแปด

          "อืม...พวกผู้หญิงเขาเลือกกันเองนะครับ เจาะจงมาโดยเฉพาะเลยด้วย"

          "เฮ้ย!!! จริงเหรอวะ!? คิดอะไรกับกูกันป่ะวะเนี่ย ทำไงดี ความหล่อเหลาของกูช่างเป็นบาปโดยแท้ นี่สาวๆเขาจะไม่ตบแย่งกูกันใช่ไหม คนหล่อลำบากใจจังว่ะ เฮ้อ"


          ผมไม่รู้จะบอกว่ามันยังไงดีครับ ถ้าบอกความจริงไปว่า 'อา เพราะทีมเชียร์รีเควสขอผู้ชายตัวเล็กๆ จะได้จับโยนสะดวกๆ แล้วพอพูดถึงผู้ชายตัวเล็กๆเตี้ยๆ หน้ามึงก็ลอยมาเลยครับน้ำ' แบบนั้น

          ผมว่าน่าจะได้เห็นคนร้องไห้แน่ๆล่ะครับ



          ไอ้น้ำชื่นชมความหล่อเหลาของตัวเองไปเรื่อยๆ ราวกับนาร์ซิสซัสผู้ตกหลุมรักเงาของตัวเอง แต่พอเห็นกลุ่มผู้หญิงเดินเข้ามาใกล้ ก็ทำตัวยืด เก๊กหน้าขรึม เปลี่ยนเสียงงุ้งงิ้งเป็นเสียงเข้ม

          "มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับสาวๆ"

          "เอ่อ...คือว่า จะขอคุยกับประธานได้ไหมคะ"  ไอ้น้ำอกฟีบลงทันที มันกรอกตา ยืนเงียบ ทำตัวเป็นเสาสัญญาณสอดรู้สอดเห็นแทน

          ผู้หญิงสองสามคนเดินเข้ามาหาผมด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ ผมหันไปมองพวกเธอ เห็นว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มเชียร์ ก็พยักหน้ารับ

          "ครับ"

          "คือว่า เทมปุระต้องมาซ้อมกับพวกเรา แต่ว่าแขนเขาเจ็บ เอ่อ..คือ"

          อา พวกเธอคงจะมาถามถึงขอบเขตการฝึกซ้อมของเขาสินะ

          "อืม รบกวนส่งรายละเอียดท่าซ้อมเชียร์มาให้ผมแล้วกันนะครับ ผมจะฝึกซ้อมให้เขาเองระหว่างรอแผลเขาดีขึ้น ช่วงนี้จะให้เขามาช่วยอย่างอื่นไปก่อน"

          "งะ-งั้น รบกวนขอเบอร์โทรหมู เอ่อ หรือว่าไอดีไลน์หมูได้ไหมคะ? เอาไว้ติดต่อคุยเรื่องของเทมน่ะค่ะ"

          ผู้หญิงคนหนึ่งหน้าแดงตอนเอ่ยขอผมตะกุกตะกัก ท่าทางคาดหวังอะไรมากกว่าการติดต่อเรื่องซ้อมท่าเต้น ทำเอาผมนึกเหนื่อยหน่ายในใจ การกระทำของผมไม่ชัดเจนพอหรือครับ...ว่าผมมีเจ้าของแล้วน่ะ

          "ครับ ไอดีไลน์ waterhandsome" พวกเธอหันไปยิ้มให้กัน ก่อนจะสะดุดกึก เมื่อกดแอดแล้วรูปโปรไฟล์ไม่ใช่ผม
ไอ้น้ำหันมามองผมด้วยสายตาจิกกัด เมื่อผมมอบไอดีมันให้ไปแทน

          "เอ๊ะ เอ่อ นี่..."

          "ส่งรายละเอียดมาทางเพื่อนผมแล้วกันนะครับ พอดีไลน์ผมให้เฉพาะคนสนิทเท่านั้นครับ...เทมครับ! กลับบ้านกันนะครับ"

 ผมหันไปเรียกเด็กน้อยที่กำลังคุยกับหญิงอยู่

          "อือหือ ต้นประโยคกับท้ายประโยคนี่โคตรคนละโทนเสียงอ่ะมึง เริ่มอย่างเย็น ลงท้ายอย่างละมุน เชี่ย พวกเจ้าหล่อนหน้าเสียไปเลยว่ะ"

          "หุบปากครับน้ำ เทมกำลังเดินมา"

          "จ้าาาาา พ่อคนลำเอียงงงง พ่อสองมาตรฐาน พ่อตาชั่งเสีย2018"





            เอาเข้าจริง กว่าผมจะแยกย้ายกลับบ้านได้เหมือนคนอื่นก็ปาเข้าไปเกือบหนึ่งทุ่มเลยครับ เพราะเลขาคนโหดของผมมาดักรอหน้าประตู ลากไปทำงานที่สภาต่อ

          พอมาถึงบ้าน ตรวจแผลกับคุณหมอเสร็จ ผมก็สั่งอาหารมาทานกันบนห้องสองคนแทนร่วมมื้ออาหารกับคนอื่น กลัวเทมเจอคนอื่นทานของหวานหลังอาหารต่อหน้าแล้วจะทรมานใจน่ะครับ
       

          ผมขยับบิดตัวเล็กน้อยไล่ความเมื่อยขบ ถอดแว่นตากรอบเงินออกจากสันจมูกลงใส่ลิ้นชัก ลุกเดินออกนอกห้องทำงาน โดยทิ้งกองเอกสารและอีเมลหลายสิบฉบับไว้ด้านหลัง ตั้งใจจะไปหากำลังใจตัวเองเพื่อเพิ่มพละกำลังที่ร่อยหรอให้เต็มหลอดก่อนค่อยกลับมาทำงานต่อ


          ก้าวออกไปไม่กี่ก้าว ห้องนั่งเล่นตกแต่งสุดประณีต บนเพดานสูงโปร่งโดดเด่นด้วยโคมไฟระย้า กอปรด้วยโซฟาตัวใหญ่และโทรทัศน์จอแบนขนาดยักษ์ก็ประจักษ์ตา ถ้าหากเป็นปกติตอนนี้บนโซฟาต้องมีเจ้าก้อนกำลังใจแก้มกลมนอนอ่านหนังสือ ไม่ก็ทำการบ้าน หรือหาอะไรเล่นรอผมทำงานเสร็จค่อยขึ้นไปนอนพร้อมกัน
          แต่วันนี้บริเวณห้องนั่งเล่นสีดำของผมดูมืดสลัวกว่าทุกที เมื่อผมออกมากลับไม่เจอใครคนนั้นที่ต้องการ

          เทมปุระเข้ามาขออนุญาตกับผมว่าเจ้าตัวขอนอนเร็วครับ ทีแรกผมก็ร้อนรนนึกว่าเขาไม่สบายตรงไหน แต่เหตุผลจริงๆกลับเป็นอะไรที่น่าหัวใจล้มเหลวใส่

          ผมลากเท้าเดินขึ้นชั้นสอง ตรงเข้าห้องนอนกว้าง มุ่งไปหาเตียงสี่เสา ก็เจอะเจอคนที่ผมตามหากำลังนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนนั้น ร่างสูงนอนกอดหมอนข้างสีฟ้าสดใสตัดกับสีของโทนห้องอย่างชัดเจน เจ้าของหมอนข้างผู้ทำอินทีเรียของผมต้องร้องไห้หลับตาแน่นคิ้วขมวดมุน

          ผมมองเวลา ตอนนี้เพิ่งจะสองทุ่ม เร็วกว่าเวลานอนของเด็กน้อยไปหนึ่งชั่วโมง จนอดไม่ได้ที่จะขึ้นไปนั่งบนเตียง ลูบหัวคนพยายามนอนหลับตาปี๋ ก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยชาร์จแรงกายแรงใจ


          รอยจูบของผมก่อกวนจนเทมลืมตาขึ้นมามองผู้บุกรุก ผมเอ่ยทักทายเสียงนุ่ม
       


          "วันนี้นอนเร็วจังเลยครับ"

          "เทม เทมจะนอนเยอะๆๆครับ จะได้ครบสามวันเร็วๆๆๆ นี่ใกล้เช้าหรือยังครับหมูหย็อง"


          เหตุผลน่ารักๆของคนน่ารักคือเขาพยายามนอนเร็วๆ เพื่อจะได้พ้นสามวันของการลงโทษไปเร็วๆครับ


          "ยังไม่สามทุ่มเลยครับ"


     เขาหลับตาลง ไม่เกินยี่สิบวิก็ลืมตาขึ้นมาถามผมใหม่


          "เช้า เช้า เช้าหรือยังครับหมูหย็อง"

          "ยังครับ"

พอได้คำตอบว่ายังไม่เช้า เขาก็หลับตาลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้ยาวนานกว่าครั้งแรกในหลักวินาที ดวงตากลมช้อนมอง


          "เช้า เช้าหรือยังครับ"

          "เพิ่งผ่านมาหนึ่งนาทีเองครับ หึหึหึ" ผมลูบผมนุ่มมือไปมา เทมหน้ายู่

          "งั้นหมูหย็องลองจุ๊บๆๆบอกฝันดีเทมหน่อยสิครับ เผื่อ เผื่อเทมจะหลับปุ๋ยๆๆนะครับ นะ นะ"


           ผมยิ้ม ทำตามคำขอให้อย่างยินดี


          "ฝันดีครับเทม"

           

          จุ๊บ



          "หึหึหึ จุ๊บแล้วนอนหลับไหมครับ" ผมเอ่ยถาม ทั้งๆที่รู้คำตอบ หากผมตื่นเป็นเวลา นางฟ้าตัวน้อยของผมก็นอนหลับเป็นเวลาครับ จริงๆถึงไม่รู้ แต่แค่ดูจากดวงตาแข็งค้างของเขาตอนนี้ก็ได้ครับ มันใสแจ๋วไร้ความง่วงเสียขนาดนี้


          "ไม่หลับเลยครับ คุณง่วงๆๆไม่ง่วงเลย เวลาผ่านไปช้าจังเลยครับหมูหย็อง เทม เทมไปเอาฝักบัวรดน้ำ มารดคุณนาฬิกาดีไหมครับ คุณนาฬิกาจะได้โตเร็วๆๆๆนะ คุณเวลาก็จะได้โตเร็วๆๆๆด้วย เทมอยากทานขนมแล้วครับ"


          ผมหัวเราะให้คนความคิดเป็นเลิศ จับกลุ่มก้อนความสุขที่ห่มผ้านวมจนคล้ายก้อนขนมปังอบใหม่มากอดแน่น เทมหัวเราะเอิ้กอ้ากเพราะจั๊กจี้


          "หมูหย็องๆๆๆอ่า หมูหย็องครับ อย่าชวนเทมเล่นๆๆสิครับ เทมต้องตั้งใจง่วงนะครับ เทมต้องตั้งใจนอนนะรู้ไหม"

          "หึหึ ยิ่งตั้งใจยิ่งไม่หลับนะครับรู้ไหม"

          "อ้าว อ้าว งั้นเหรอครับ งั้นเทมไม่ตั้งใจแล้วนะ เทมไม่ตั้งใจง่วงแล้วนะคุณร่างกาย ไม่ตั้งใจจริงๆๆนะครับ"


          เทมปุระก้มหน้าลง ตั้งอกตั้งใจเอานิ้วจิ้มอกตัวเองไปมา ท่าทางเหมือนเขากำลังคุยต่อรองกับคุณร่างกายของตัวเอง

          ผมนอนเท้าคางมองเขาพูดคุยอย่างเพลิดเพลิน


          "หมูหย็องครับหมูหย็อง ร่างกายเทมดื้อๆๆจังเลยครับ ไม่ยอมฟังเทมพูดเลย"

          เทมปุระหันมาฟ้องผม เมื่อบอกยังไง พูดคุยเท่าไหร่  ร่องรอยความง่วงงุนก็ไม่ปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว

          ผมยิ้มเอ็นดู เกลี่ยผมปรกหน้าของเขาออก ดวงตาสวยฉายแววงอแงเล็กน้อย ท่าทางน่ามันเขี้ยวจนห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะแกล้งแหย่เขาเล่น


          "ดื้อเหมือนเทมหรือเปล่าครับ?" ผมก้มไปกดจูบตรงกลางหว่างคิ้วขมวดเป็นปมแน่นของเขา ขยี้ปากไปมาเล็กน้อย ช่วยคลี่คิ้วที่ผูกกันเป็นโบว์ให้คลายออก

          "เทมไม่ดื้อนะครับ เทมไม่ดื้อจริงๆนะครับ เทมเป็นเด็กดีของหมูหย็องตลอดเลย"

          "จริงหรือเปล่าครับ แล้วตอนเย็นใครเหลือผักไว้ครับ" เทมก้มหน้างุด ก่อนจะใช้ท่าไม้ตายเข้ามาคลอเคลียผม พูดแก้ต่างให้ตัวเองเสียงเบา

          "เทม เทมเองครับ...แต่ แต่ว่าเทมทานผักสลัดจานโตๆๆๆหมดนะครับ หมดเกลี้ยงเลยนะครับ"

          "เก่งมากครับ แล้ววันนี้เด็กดีเจ็บแผลไหมครับ ทานยาก่อนนอนที่หมูเตรียมไว้ให้หรือยัง"

          "ทานแล้วครับ วันนี้ๆ เจ็บๆๆกับปวดๆๆครับ แต่เทมฮึบๆๆได้ จะดีขึ้นด้วยนะ จะดีขึ้นด้วยนะครับถ้าได้ทานขนม"


          เขาช้อนตาสวยขึ้นมองกัน ผมก้มลงมองดวงตาสีน้ำตาลหวานไม่แพ้ลูกกวาดคาราเมล ยิ่งสบยิ่งใจอ่อนแหลกเหลว ฝ่ามือขาวจัดลูบลงบนแก้มคนซุกอกผมเบาๆ


      ผมตั้งใจผ่อนผันโทษทัณฑ์ ให้กับเด็กน้อยคนไม่ดื้อที่ทานสลัดถ้วยโตหมดเกลี้ยงเมื่อเย็น


     จริงๆแค่เขาทนมาได้ทั้งวันผมก็ทึ่งแล้วครับ เด็กชายฟ้าประทานผู้ซึ่งติดของหวานยิ่งกว่าใคร หักห้ามใจได้นานขนาดนี้ก็น่าปลื้มปิติมากแล้ว


          "ทานไหมครับงั้น มีคุกกี้ในกระเป๋าหมูอยู่นะครับ"


          ผมเอ่ยเสนอถึงขนมสำรองในกระเป๋านักเรียน ผมซึ่งเกลียดของหวาน หากแต่กลับมีพกติดตัวเตรียมพร้อมสำหรับคนข้างกายเสมอ


          เทมใช้แขนข้างไม่เจ็บกอดเอวผม พลางซุกหน้าเข้ามากับอกผมแน่น เจ้าตัวครางฮือขัดใจ


          "ไม่ได้นะครับหมูหย็อง หมูหย็องจะตามใจๆๆๆเทมไม่ได้นะครับ เทมกำลังโดนลงโทษๆๆอยู่ เทมทานขนมหวานไม่ได้นะครับ"


          ผมหัวเราะในลำคอให้คนไม่อยากโดนตามใจ หอมกลุ่มผมนิ่ม นึกเปรมนักที่เขาโตมาเป็นเด็กดีเหลือเกิน

ความโกรธที่ไม่มีเหลืออยู่แล้ว ยิ่งติดลบเข้าไปอีก โทษผ่อนผันเหลือเบาบาง จนแทบจะกลายเป็นตกรางวัล


          "งั้นทานอย่างอื่นที่หวาน แต่ไม่ใช่ขนมหวานไหมครับ?"


เทมจำต้องผละออกจากอก เมื่อผมเชยคางเขาขึ้น ดวงตากลมฉาบไปด้วยความสงสัย


          "หวานๆแต่ไม่ใช่ขนมหวาน...คืออะไรเหรอครับ แล้ว แล้ว แล้วไม่ผิดกฎเหรอครับหมูหย็อง"

          "ไม่ผิดครับ"


เทมดูลังเล เด็กน้อยไม่อยากขี้โกง


          "ไม่ผิดจริงๆๆของจริงๆๆของจริงๆๆเลยเหรอครับ" 

          "ไม่ผิดจริงๆครับ" ผมย้ำ และคราวนี้คนนอนกอดเอวผมก็ฉีกยิ้มกว้างสดใส ท่าทางลิงโลด พยักหน้าหงึกหงัก

          "หม่ำๆๆๆครับ หม่ำๆๆนะ เทมอยากทานนนน"


          เมื่อเขายินยอม ผมก็กดยิ้มลึกข้างมุมปาก


          "ดูวิธีทานดีๆนะครับเทม แล้วทำตามหมูสอนนะครับ"


          ไม่ผิดกฎห้ามทานของหวาน เพราะมันไม่ใช่ขนมแต่อย่างใด

          แต่เป็นปากผมยังไงล่ะ...



          ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากล่างตัวเองจนน้ำลายใสเคลือบมันจนฉ่ำวาว ขยับเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ชิดคนลงแดงอยากทานของหวาน แลบลิ้นเลียติ่งเนื้อนุ่มสองกลีบอ้อยอิ่ง ก่อนจะเริ่มดูดดึงเนื้อสีชมพูนุ่ม ผละออกเชื่องช้า ยิ้มหวานแถมท้าย หลังจากแสดงวิธีทานของหวานชิ้นพิเศษให้เขาดู


          "หวานไหมครับเทมปุระ..."


เทมปุระเริ่มแรกดูตกใจ ก่อนจะตกห้วงของหวานที่ผมปรนเปรอให้อย่างรวดเร็ว


          "ว-ว-ว-หวาน...หวาน หวานครับ" สีแดงแต่งแต้มไปทั่วใบหน้าใส หัวใจสองดวงเต้นตึกตักถี่รัว


ผมยิ้มล่อลวงคนไร้เดียงสา เอ่ยเสียงล่อหลอกเชิญชวน



          "งั้นทานหมูให้อร่อยนะครับ"


          ผมยิ้ม จัดตัวเองใส่จานเสิร์ฟให้เขาถึงปาก  ขยับส่งกลีบปากล่างตัวเองให้เขากลืนกิน 


          เทมปุระราวเด็กน้อยตัวจ้อยผู้แสนอดยาก เขาดูดดึงแทะโลม ขบ กัด ขยี้ สุดหลงใหล ร่างสูงละเมียดละไมกับกลีบปากอิ่มของผมอย่างพิถีพิถัน

          เขาไม่ปล่อยผ่านแห่งใด ทุกซอกมุมจนถึงลำคอขาวยันไหล่กว้างล้วนถูกตรวจตราหนักหน่วงเนิ่นนาน

          ระหว่างใช้ช้อนส้อมเป็นลิ้นร้อนเกี่ยวพันตักกิน เขาครางครวญในลำคอฟังดูพอใจยิ่งหนัก กอปรกับอัญมณีสีน้ำตาลประกายระริก ส่งสารให้เหยื่อของเขารับรู้ ผมยิ้มยินดี เพราะมันตีความได้ว่าเขารักขนมชิ้นนี้มากกว่าชิ้นใดที่เคยลิ้มรสมา

          ...ผมเป็นขนมหวานชนะเลิศในใจของเขา...



          "อา...ที่รักครับ กัดแรงๆสิครับ"

          ผมเอียงคอ ขยุ้มผมให้เขากระทำรุนแรงมากขึ้น

          ผมยินยอมให้เขาตักกิน และเคลื่อนตัวอำนวยความสะดวกให้ร่างสูงทุกอย่าง แต่หากยามจะลึกซึ้งมากไปกว่านั้น ผมก็จะกระชากสติตัวเอง เป็นฝ่ายเข้าไปดูดกลืนเขาดังสัตว์ป่าผู้หิวโหยแทน ผมยับยั้งตัวเองไว้แม้จะยากลำบาก หยุดไว้แค่ช่วงลำคอสวยและไหล่กว้าง มากสุดคือริมฝีปากแดงจัดบวมเต่งตึง


          ...จูบของเขาจะเป็นของผม เมื่อเราเป็นแฟนกันแล้วเท่านั้น ไม่เปลี่ยนแปลง...


           เสียงเฉอะแฉะลิ้มรสดังขึ้นในความมืดอย่างต่อเนื่อง ราวกับผู้บรรเลงไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เราผลัดกันเคี้ยวปากล่างของอีกฝ่ายนานหลายสิบนาทีจนมันบวมเป่ง จนผมรู้สึกเหมือนว่าริมฝีปากล่างของตัวเองคงมลายหาย ไม่ก็ถูกเขากัดกินกลืนเข้าไปในร่างกายอีกฝ่ายจนหมดแล้ว ถึงได้เอ่ยถามเขาเสียงกระเส่า


          "อิ่มหรือยังครับเทม"


          ผมถามเขาครั้งที่หก และเป็นครั้งแรกที่เขาพยักหน้า หลังจากส่ายหน้ามาถึงห้าครั้งด้วยกัน เด็กน้อยหิวจัดในที่สุดก็อิ่มหนำ เด็กชายพยักหน้าอย่างเลื่อนลอย นาฬิกาเข็มสั้นชี้เลขสาม ถึงเวลานอนของเจ้าตัวแล้ว


           อา...ตั้งห้าสิบกว่านาทีเชียว



          ผมระดมกดจูบกล่อมนอนรอบดวงหน้าแสนรัก จูบอุ่นๆโจมตีได้รุนแรงราวยาสลบ คนถูกกระทำนัยน์ตาปรือ เสียงแผ่วคล้ายเจ้าของกำลังถูกมอมเมา ลูกแมวเหมียวในอ้อมแขนใกล้ไร้สติเอ่ยบอกเป็นประโยคสุดท้ายของวัน


          "มุ...มุยอง...ฝัน...อือ...ฝัน...ดี...ครับ...อือ..อาย่อย......ฟี้..."


          ผมหัวเราะในลำคอให้คนหลับตัวอ่อนในกอดของผม นิ่งอยู่นานเพื่อฟังเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของอีกคน ดวงตาสีฟ้าประกายระเรื่อไปด้วยความรู้สึกมากมาย ผมเก็บกักพวกมันกลับเข้าหีบ ปิดฝาพวกมันไว้แน่น รอคอยเปิดพวกมันอีกครั้งในเวลาที่เหมาะสม


          ผมกดจูบหน้าผาก ไล่เรื่อยลงจมูกโด่ง สองพวงแก้มเนียนละเอียดก็ไม่รอดพ้น ก่อนจะกระซิบชิดติดริมฝีปากนุ่มของคนนอนหลับสนิท




          "ฝันดีนะครับ...ที่รักของผม"










end 34 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



พิมุโซพัวโซเมียออลอินวันอะรัยขนาดเน้
ใครอยากหวีดอะไรเพิ่มเติม
ไปเล่น #เพื่อนผู้ปกครอง ได้นะคะะะะะะะ
เยิ้บเยิ้บบบบบ ♥

โซเฟียริน
zofiarin lll moore




หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 34 * 25/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 26-10-2018 06:28:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 35 * 27/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 27-10-2018 20:18:11






35







          ผมตื่นขึ้นมาก่อนอย่างเคย กดเปิดไฟบนหัวเตียงเพื่อแอบมองใบหน้าคนหลับแทนการหยิบกรอบรูปของเขามาทักทาย พอมีตัวจริงนอนเคียงข้าง ผมก็ละทิ้งยามเช้าอย่างเดิม จากมองดูเขาผ่านรูปถ่ายยามรุ่งอรุณ ก็เป็นนอนตะแคงข้างเงยหน้ามองแทน

          นอกจากผ้าพันแผลหนาบนแขนซ้ายที่เป็นสิ่งผิดแผก บัดนี้ริมฝีปากล่างก็คืออีกอย่างที่แตกต่างจากเดิม กลีบเนื้อสีชมพูบวมเต่งแดงจัดจนคล้ายลูกเชอร์รี่ มันดูชุ่มฉ่ำน่ากัด ดูเป็นผลไม้สีแดงในฤดูหนาว ผลสีชาดร่วงหล่นบนพื้นหิมะสีขาว โดดเด่น ล่อตาล่อใจ พื้นผิวฉ่ำวาวดูคล้ายผิวกรุบกรอบของเปลือกองุ่น แต่แท้จริงแล้วกลับนุ่มหยุ่นให้ความรู้สึกลามกแสนนุ่มนิ่ม มากกว่าสารผิดกฎหมายใดๆ เจ้าสิ่งนี้ตราตรึงและขาดไม่ได้เสียยิ่งกว่า


          "เทมครับ...เทม"

          "งึ..งืม อือ...ค-คับ..." เสียงขานรับดูง่วงงุน

          "หมูจะลงไปออกกำลังกายนะครับ เทมจะไปกับหมูไหม หืม"

          "อือ...ไป ไปครับ เทม...เทมไป...ฟี้..."

          คนบอกจะไปด้วยคอพับคออ่อน หัวตกสู่หมอนดำดิ่งสู่ห้วงนิทราต่อ เหลือไว้เพียงเด็กชายผมสีทองที่หัวเราะจนตัวสั่น ดวงตาคมเรียวรีลงเพราะรอยยิ้มกว้าง ปลายจมูกโด่งกดแนบชิดพวงแก้มหอม สูดดมไปทั่วร่างของคนไม่รู้เรื่องราวจนพอใจ ก่อนก้าวลงจากเตียงเดินไปหยิบกระดาษมาเขียนบอกเขา หยิบคริสตัลวางทับไม่ให้ปลิวหายก่อนจะทำหน้าที่บอกคนหลับว่าผมอยู่ไหนให้ลุล่วง


          ช่วงนี้เทมเริ่มกลับมาหลับสนิททั้งคืนเหมือนเดิมแล้วครับ หลังจากมักจะหลับฝันร้ายสะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อยๆ และเช้านี้ผมคิดว่าเขาจะตื่นขึ้นมาอีกทีเมื่อผมจัดการกิจกรรมยามเช้าของตัวเองเสร็จพอดี


          สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ผิดคาดครับ ผมออกกำลังกายเสร็จขึ้นมาหาเขา เด็กน้อยก็ยังคงหลับอยู่ ลมหายใจสม่ำเสมอและเวลายังพอมี ผมปล่อยให้เทมนอนต่ออีกนิด ซื้อเวลาให้เขาด้วยการเดินไปอาบน้ำแต่งตัว มานั่งรอเขาตื่นอีกครั้งด้วยการโทรไปหาคุณตาคุณยาย โดนเทศน์ดุไปแล้วหนึ่งยกเรื่องแผลบนแขน เทมปุระตัวน้อยของผมก็ยังไม่ตื่น จนเข็มสั้นเข้าใกล้โซนอันตรายใกล้สาย

          ถ้าผมยังไม่ปลุกเขา น่ากลัวว่าจะไปโรงเรียนไม่ทันเข้าแถวแล้วครับ

          ผมวางไอแพดลงบนโต๊ะ แล้วลุกจากเก้าอี้มาหาคนยังไม่ยอมลืมตา กดจูบทั่วหน้าเหมือนยามค่ำคืน เพียงแต่ครานี้ไม่ใช่จูบกล่อมให้ง่วง แต่เป็นจูบแห่งการปลุกแทน ผมจับข้อมือสวยหยุดยั้งเอาไว้ เมื่อคนข้างใต้ขยุกขยิกตั้งท่าจะขยี้ตาตัวเอง กอบกุมมือใหญ่แล้วดึงขึ้นมาจรดริมฝีปากปลุกเขาเพิ่มเติมอีกแห่ง


          "เทมครับ ต้องตื่นแล้วนะครับคนเก่ง"

          "อือ อือ...มุ มุ หมูหย็องครับ เทมเจ็บๆๆปวดๆๆแขนจังเลยครับ ฮึก"


          องค์ชายน้อยของผมตื่นขึ้นมาพร้อมอารมณ์ไม่คงที่ ยามเช้าเป็นช่วงเวลาอ่อนไหวของเด็กชายเทมปุระเสมอ เจ้าตัวเบ้ปากไปมา เริ่มฉากเจ้าน้ำตาให้ผมใจอ่อนยวบตั้งแต่แรกเริ่มของวัน


          "ชู่...ไม่ร้องนะครับ เดี๋ยวหมูเอายาแก้ปวดให้ทานนะครับ เทมปวดมากไหมครับ" ผมถามเขาอย่างเอาใจ

          "ปวดไม่มาก ไม่มาก แต่ แต่ แต่ก็ปวดจังเลยครับหมูหย็องครับ เป่าเพี้ยงๆๆๆ เป่าเพี้ยงฟู่ๆๆให้เทมหน่อยนะครับ ล-ไล่ ไล่ความเจ็บปวดไปไกลๆๆๆให้เทมหน่อยนะครับ"


          สิ่งที่นางฟ้าต้องการในยามเช้าเพื่อเป็นกำลังสำคัญทั้งวัน มีเพียงความเอาใจใส่ง่ายๆเพียงเท่านี้เองครับ ผมลูบวนฝ่ามืออุ่นไปด้วยพร้อมกับเป่าลมขับไล่ความเจ็บปวดให้เทวดาไร้ปีกแสนขี้อ้อน


          "โอ๋นะครับ ความเจ็บจงหายไปนะครับ"


          ยิ้มปลอบคนโยเยยามเพิ่งตื่น นั่งปลอบเขาสักสองนาที คนเก่งของผมก็กลับมาร่าเริงแจ่มใส พอเห็นเขาตื่นเต็มตาก็เรียกพยาบาลเข้ามาช่วยเช็ดตัวทำความสะอาด ผมยังไม่ให้เขาอาบน้ำครับ กลัวแผลจะเปียกน้ำแล้วอับชื้น แต่จะจัดการดูแลเขาด้วยตัวเอง ร่างสูงก็ไม่ยอมท่าเดียว เทมไม่อยากให้ผมขยับตัวมากด้วยกลัวว่าผมจะเจ็บ ความเป็นห่วงของเขาทำให้ผมยอมอ่อนข้อ แม้ว่าจริงๆแล้วให้ผมขยับเจ็บแผลนิดหน่อย ดีกว่าต้องมาทนเห็นคนอื่นแตะต้องเนื้อตัวเขามากนะครับ

          ผมไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้เขาเป็นทุน ยิ่งมาจับ เห็นแล้วความหงุดหงิดและอัตตาความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาก็อัดแน่นแทบจะทะลักอยู่ในอก

          ผมนั่งเฝ้าเหมือนมังกรหวงสมบัติ ตรวจตราทุกการกระทำตาไม่กะพริบ ถึงพยาบาลจะเป็นผู้ชายสูงวัยก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวที่ผมยอมอะลุ่มอล่วยให้ ก็คือผู้ให้กำเนิดหรือคุณแม่ของเจ้าตัวเท่านั้น

          บุรุษพยาบาลสองคนเมื่อปฏิบัติหน้าที่เสร็จก็เข้ามาค่อมตัว เอ่ยเสียงนอบน้อมกล่าวคำลา

          "เสร็จแล้วครับคุณดิมิทรี พวกผมขอตัวก่อนนะครับ"

          "ขอบคุณมากครับ"


          พอประตูปิดลง

          ผมก็เรียกร้องหาข้อต่อรองของผมกับเด็กชายฟ้าประทานทันที

          "เทมครับ มาหาหมูสิครับ เดี๋ยวหมูเช็ดหน้ากับแปรงฟันให้นะ" เราสองคนเจอกันครึ่งทางครับ ผมยอมให้เขาใช้บริการเช็ดตัวกับคนอื่น แลกเปลี่ยนกับผมจะช่วยเช็ดหน้ากับแปรงฟันให้เขาเอง


          ...ผมก็อยากดูแลเทมของผมบ้างนี่ครับ...


          เด็กน้อยที่สูงกว่าผมไปห้าเซนติเมตรก้มหัวลงให้ผมมัดผมสีดำขลับด้วยผ้าพื้นเล็ก เทมที่ใช้ผ้ารวบผมขึ้นเอาไว้ กอปรกับชุดคลุมอาบน้ำ ดูคล้ายคุณหญิงคุณนายตอนไปทำสปาไม่มีผิด ผมยิ้มมุมปากเอ่ยแซว


          "วันนี้คุณนายเทมปุระอยากใช้ยาสีฟันรสอะไรดีครับ"


          พนักงานร้านจำเป็นเดินไปเปิดลิ้นชัก ข้างในนั้นมียาสีฟันหลายยี่ห้อหลากรสชาติวางเรียงรายเป็นระเบียบอัดแน่นอยู่  เรียกได้ว่าในห้องอาบน้ำกว้าง ภายในตู้บิวท์อินลายหินอ่อนสีดำทองหรูหรา ล้วนเต็มไปด้วยเครื่องใช้แบบอ่อนโยนสำหรับเด็ก แน่นอนครับว่าเป็นของคนยิ้มแฉ่งตรงหน้าผม

          คอลเลกชั่นเครื่องอาบน้ำของเด็กชายมีตั้งแต่กลิ่นเบสิคเช่น มิ้น วานิลลา สตรอว์เบอร์รี่ แอปเปิล ผลไม้นานาพันธุ์ เรื่อยไปจนถึงกลิ่นขนมหวานอย่างลูกกวาด มาการอง ช็อกโกแลต รสขนมไทยอย่างขนมชั้น ข้าวเหนียวมะม่วงก็มีครับ หรือจะรสหายาก กลิ่นแปลกๆผมก็หามาให้เขาใช้ตามต้องการ


          "เทม เทม วันนี้ๆๆเทมจะใช้รส...รส รส อะไรดีน้า อืม...อืมๆๆๆๆ"

          เทมทำหน้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหยิบหลอดยาสีฟันสีชมพูมาให้ผม

         "เอา เอารสคัพเค้กครับผม หอมๆๆ"

          "คัพเค้กนะครับ งั้นหมูเช็ดหน้าให้ก่อนนะ เทมหลับตาสิครับ" ผมบิดผ้าให้แห้งหมาด เตรียมลงมือทำหน้าที่

          "เทม เทมหลับแล้วครับๆๆ" เด็กชายหลับเพียงข้างเดียว แต่อีกข้างกลับลืมตาใสมองผม

          "หลับตาทั้งสองข้างสิครับ หึหึหึ"

          "อ๋อๆๆ ห้ามแอบๆๆดูๆใช่ไหมครับ"


          ใบหน้าหลับตาพริ้มเล่นเอาหัวใจเต้นแรง ดวงตาปิดสนิท แพขนตาหนาราบไปกับแก้มเนียน ดูงดงามราวช่างแกะสลักมากฝีมือปั้นแต่ง เห็นแล้วนึกอยากลองพิสูจน์ผลงานด้วยสัมผัสเฉกเช่นเมื่อค่ำคืน แต่เห็นริมฝีปากล่างเขาบวมเพราะถูกรังแกไปมาก ก็แกล้งกันอีกหนไม่ลง ผมเลื่อนไปกดจูบหน้าผาก คิดค่าแรงและกำไรด้วยการใช้จมูกกดย้ำหลายๆครั้งทดแทน

          ผละออกมาหยิบครีมบำรุงผิวและครีมกันแดดทาลงให้เขา ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย


          "ลืมตาได้แล้วครับ"

          "ครีมหนุบหนับเหนอะๆๆๆจังเลยครับหมูหย็อง"

          "ต้องทานะครับ มันดีต่อผิวของเทมนะ"

          "หมูหย็องทาๆๆด้วยไหมครับ เทม เทม เทมขอทาๆๆให้นะครับ" เขาตาวาว กระตือรือร้นอยากดูแลผมบ้าง

          "หมูทาเรียบร้อยแล้วครับ" แต่ระยะเวลาใกล้สายก็ทำให้ต้องใจแข็งปฏิเสธเขาไป

          "ง-งั้นเหรอครับ...หมูหย็อง หมูหย็องทาแล้วเหรอครับ..." องค์ชายน้อยของผมเหี่ยวเฉาราวดอกไม้ไร้น้ำรดหลายสิบวัน ผมใจอ่อน รีบเร่งหาปุ๋ยมาใส่ กลัวดอกไม้สวยจะบอบช้ำไปมากกว่านี้

          "แต่หมูยังไม่ได้บ้วนปากนะครับ เจ็บแขนมากๆจนเทเองไม่ถนัดเลยครับ รอเทมแปรงฟันเสร็จแล้ว ช่วยเทน้ำยาใส่แก้วให้หมูหน่อยได้ไหมครับ"

          "เทม เทม เทมเทให้นะครับ! หมูหย็องรอเทมก่อนนะครับ เดี๋ยวๆๆๆเทม เดี๋ยวเทมให้หมูหย็องแปรงฟันให้เสร็จแล้วจะเทให้เองนะครับ แป๊บเดียวจึ๋งหนึ่งนะครับ"

          "หึหึหึ หมูจะรอนะครับ ตอนนี้อ้าปากกว้างๆก่อนครับ อ้า"


          เสียงแปรงสีฟันขัดถูทุกซอกทุกมุมอย่างบรรจง เป็นเสียงเดียวที่ดังเป็นจังหวะท่วงทำนองก้องอยู่ในห้องน้ำตอนนี้
           เทมคร่อมร่างกักผมไว้กับอ่างล้างหน้า ใช้แขนข้างเดียวยันตัวเองเอาไว้ เผื่อจะได้ก้มตัวเอนหน้ามาให้ผมจัดการอย่างสะดวก ท่าทางน่าเขินอายและสายตาน่าเขินอายยิ่งกว่า เพราะเขามองกันด้วยสายตาหวานบาดจิต อัญมณีสีน้ำตาลจดจ้องทุกการเคลื่อนไหว  จนทำเอาเกือบจะแปรงผิดแปรงถูกเพราะความประหม่า ผมรวบรวมความสนใจเล็งใส่เป้าหมายคือทำความสะอาดฟันซี่ขาวเรียงสวย ใส่ใจกับเจ้าเขี้ยวคู่แหลมของเขาให้มาก จะได้ไม่เขินอายจนเกินไปนัก


          เทมละสายตาออกจากใบหน้าผมไปที่กระจกด้านหลัง ผมโล่งใจได้ไม่นาน ก็เอะใจกับดวงตากลมโตที่เบิกกว้างขึ้น ราวกับคุณชายน้อยค้นพบเจอบางสิ่งน่าอัศจรรย์ เขาพูดทั้งๆฟองยังเต็มปาก

       
          "หมูหย็องดูสิครับๆๆๆ! เราสองคนปากห้อยๆๆๆแดงๆๆเหมือนกันเลย ทำไมล่ะครับ ทำไมล่ะครับ"


          ผมชะงักหยุดมือ กลืนคำพูดเตือนเขาว่าอย่าพูดตอนแปรงฟันประเดี๋ยวจะสำลักลงคอ ทว่ากลับบังคับให้ใบหน้าแดงน้อยลงไม่ได้ บอกให้หัวใจเต้นช้าลงไม่ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
         

          ผมอุตส่าห์ไม่เอ่ยทัก เก็บเรื่องเมื่อคืนลงกรุแล้วเชียว


          "ก็เพราะ...เทมดูดหมูแรงไงครับ" แถมนานอีกด้วย...ผมอธิบายเสียงแผ่ว

          "....อ๋อๆๆๆ....เพราะจูบ จูบๆๆเมื่อคืนเหรอครับ" อยากกัดลิ้นตัวเองให้ขาด เผื่อความเจ็บจะดึงผมให้หลุดออกจากบ่วงความเขินนี่ได้บ้าง ผมกระแอมไอหวังแก้อาการหน้าร้อนผะผ่าว แต่มันก็ไม่ช่วยให้ดีขึ้นสักนิด

          "ยังไม่เรียกว่าจูบนะครับ ถ้าจูบมันต้อง..." ต้องใช้ลิ้นสัมผัสกันมากกว่านี้ บดเบียดแนบชิดมากกว่านี้...ไม่ใช่แค่เพียงหยอกล้อติ่งริมฝีปากล่าง แต่เป็นการ...อา


          แค่คิดภาพก็อยากสอนเขาขึ้นมาแล้วครับ


          เทมเอียงคอสงสัย ดูเสียดมเสียดายเอาเสียมากๆ

          "ยังไม่ใช่จูบๆๆเหรอครับ แล้วถ้าจูบ ถ้าจะจูบๆๆหมูหย็องต้องทำยังไงเหรอครับ"

          ผมยิ้ม เริ่มขับรถตักดินขุดหลุมออกกว้าง

          "เป็นแฟนหมูก่อนนะครับ แล้วหมูจะสอนนะ"

          "อ๋อๆๆๆๆ ได้ครับๆๆ ไว้เป็นคุณแฟนหมูหย็องแล้ว แล้ว...แล้วๆหมูหย็องสอนเทมด้วยนะครับ"


          สิ้นประโยคความเงียบโรยตัว บรรยากาศฟุ้งไปด้วยความกระอักกระอ่วน ผมอึดอัดในอกเหตุเพราะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เมื่อยหน้าไปหมดเพราะอมยิ้มจนปวดแก้ม เหมือนเราสองคนเพิ่งรู้ว่าเราพูดอะไรกันออกไป ได้แต่ยืนประสานสายตานิ่ง พวงแก้มขึ้นสีเข้มในความเงียบ           

          ก่อนระเบิดจะพรากพาสติให้พังทลาย ผมก็รีบสร้างหัวข้อใหม่แก่บทสนทนา


          "เสร็จแล้วครับ นี่น้ำครับเทม"

          "ขะ ขะ ขอบคุณครับ แหะๆ...งั้น งั้นเทม เทมเทให้หมูหย็องด้วยนะครับ ของหมูหย็องรสมิ้นต์ซู่ซ่าๆๆ เทม เทม เทมอยากลองใช้บ้างจังเลยครับ อยากใช้รสเดียวกับหมูหย็องจังเลยครับ..."

          "มันเผ็ดนะครับ" ผมลูบหน้าเขา เช็ดหยดน้ำออกให้

          "เผ็ดๆอีกแล้ว เสียดาย เสียดายจังเลยครับ"

          "งั้นวันนี้หมูจะใช้กลิ่นเดียวกับเทมดีไหมครับ"

          "จริงเหรอครับ! ต-ต-แต่ แต่ว่าของเทมหวานๆๆนะครับ หวานๆๆหมูหย็องไม่ชอบนี่ครับ เทมไม่อยากให้หมูหย็องทำอะไรๆๆที่หมูหย็องไม่ชอบนะครับ"

          "ถ้าแบบไม่หวานมากก็ได้ครับ"

          "งั้นๆๆ เอาผสมกันนะครับ เอาของเทมกับหมูหย็องมาผสมกันนะครับ จะได้พอดีกันนะครับ นะๆๆๆๆ"


          ผมพยักหน้าให้ความคิดเข้าท่าของเด็กชายแสนฉลาด เขาเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำยาบ้วนปากสีฟ้าของผมออกมา พร้อมน้ำยาสีชมพูของตัวเองมาเทรวมกัน กลิ่นมิ้นต์และสตรอว์เบอร์รี่ปนเปอบอวลไปทั่วห้อง


          เราสองคนกลั้วปากกันเสร็จ เด็กน้อยของผมก็ดูติดอกติดใจ อ้าปากพ่นลมหายใจหอมสดชื่นไม่หยุด เขาหันมาหาผม ยิ้มตาหยีดูเจิดจ้า


          "หอมๆๆๆสุดยอดไปเลยครับ ไม่เผ็ดๆๆน้ำตาไหลโจ๊กๆด้วย ห้อมหอมครับ คุณมิ้นต์ๆๆๆกับคุณสตอเบอร์ยี่หมุนรวมกัน หมูหย็องหอมๆๆไหมครับ"

          "หอมครับ" ผมพร่าเบลอเสียจนลืมแก้ไขคำผิดให้เขา

          "กลิ่นเหมือนกันไหมครับ เทมดมหน่อย เทมขอๆๆ ขอดมหน่อยนะครับ"

          แล้วสมองและสติที่ผมพยายามกอบกุมเอาไว้แน่นก็หลุดลอยหายไป ระเบิดถูกจุดติดกัน เมื่อปลายจมูกโด่งก้มลงมาสูดดมความหอมตั้งแต่ริมฝีปาก ลากเรื่อยขึ้นบนถึงแก้มร้อนฉ่า และวกกลับไปที่ซอกคอ เทมสูดลมหายใจลึก คลอเคลียไปมา ไม่ได้สังเกตเห็นถึงคนถูกกระทำ ที่เกร็งตัวจนแทบจะกลายเป็นรูปปั้น


          "หมูหย็องหอมๆๆจังเลยครับ...กลิ่นเราสองคนเหมือนกันเลย เทมดีใจจังเลยครับ"


          ผมเม้มปากแน่น กลัวหัวใจจะทะลุออกจากปาก ปล่อยยิ้มกว้างให้เขาซุกกอดสูดกลิ่นด้วยความสุข


          ...ถ้าทุกเช้าเป็นแบบนี้ ก็ไม่อยากให้มีกลางวันและกลางคืนเลยครับ...





         
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 35 * 27/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 27-10-2018 20:18:51
         สิบห้าวันหลังจากนั้น กิจวัตรประจำวันเรียกได้ว่าแน่นเอี๊ยด ตารางเวลาถูกพวกผมดำเนินตามอย่างแม่นยำ และไม่สามารถเอ้อระเหยได้อย่างเคย


          ผมตื่นแต่ฟ้ายังไม่สว่างเพื่อไปออกกำลังกายกับเทรนเนอร์และซ้อมวิ่งด้วยตัวเอง เช้ามาก็ปลุกเทมไปโรงเรียน ล้างหน้าล้างตาให้เขา ถึงโรงเรียนก็ต้องตั้งใจเรียนหนังสือ หลังเที่ยงก็พาเทมไปส่งเรียนพิเศษ บ่ายสามก็ไปรับเขาเข้ามาทำกิจกรรมกับสี ระหว่างนั้นผมก็หัวหมุนกับกองงานของสภามากมาย ผมรับส่วนของหญิงมาทำด้วยครับ เธอจะได้มีเวลาช่วยดูแลเทมเรื่องกิจกรรม มีแค่ไอ้น้ำคอยเฝ้าคนเดียว ผมไม่ค่อยไว้ใจมันเท่าไหร่ในเรื่องละเอียดอ่อน           
     
          อย่างไรเสีย ให้ผู้หญิงซึ่งมีสัญชาตญาณความเป็นแม่สูงช่วยดูเสริมความมั่นใจดีกว่าครับ


          นอกจากงานในสภา ผมก็ต้องปลีกตัวโผล่หน้าเข้าไปดูงานของสีด้วยครับ ทำหน้าที่รองประธานสีและนักกีฬาของสีควบคู่กันไป นอกจากซ้อมวิ่งด้วยตัวเอง พอแผลเริ่มหายดีผมก็ต้องไปซ้อมที่สนามจริงท่ามกลางแดดร้อน เหงื่อไหลท่วมตัวจนน่าโมโห พอซ้อมเสร็จคิดว่าจะหนีไปหาเทมปุระก็ถูกเรียกรั้งเอาไว้ ช่วงงานโรงเรียนผมเป็นที่ต้องการมากเสียยิ่งกว่าดาราคิวทองคนไหนๆ


          ยุ่งมากเสียจนผมนึกอยากให้มีเวทมนตร์หรือนวัตกรรมแยกร่างได้ จะได้แบ่งให้ทุกคนเอาผมไปใช้งานได้จนครบถ้วน ไม่ต้องมายื้อแย่งเสียงดังน่ารำคาญ


          กลับมาถึงบ้านดึกดื่น ไม่มีวันไหนกลับทันพระอาทิตย์ยังค้างอยู่บนท้องฟ้า ก้าวเท้าเข้าบ้านมาก็เจอคุณหมอรอคอยอยู่ก่อนแล้ว ตรวจดูบาดแผลกินเวลาไปนานใช่เล่น

          ไหนเลยยังต้องให้เวลากับครอบครัวด้วยครับ เพราะสมาชิกในบ้านก็เรียกหาไม่ต่างกัน ยามมื้ออาหารค่ำพวกเราสองคนก็ไปรับคุณป้ามาทานข้าวเย็น ทานเสร็จก็พาเธอส่งกลับถึงหน้าประตูอย่างปลอดภัย


          พอถึงเวลานอน บนเตียงกว้าง ผมก็ป้อนขนมหวานให้เด็กน้อยที่เสพย์ติดความหวานจากผมไปเสียแล้วจนอิ่ม จับเขาฟัดเติมพลังใจให้ตัวเองจนพออกพอใจ ก็เดินมานั่งบนโต๊ะทำงานตัวประจำ ลงมือทำงานจากทางคุณยายและงานของตัวเองจนถึงตีสาม ขีดจำกัดตีระฆังลั่นไล่ให้ไปนอนถึงจะเดินโซเซเข้าไปซุกอ้อมกอดอุ่นหลับตาลงเพื่อเริ่มวัฏจักรน่าหงุดหงิดแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ


          งานที่กระชั้นชิดทำให้ทุกอย่างดูเร่งรีบ จำนวนคนเท่ากำปั้นไม่เพียงพอกับงานมหาศาล แม้แต่วันหยุดเสาร์อาทิตย์ผมก็ยังต้องไปโรงเรียน ไม่สามารถแทรกเวลาว่างหยุดพัก ไม่ได้แม้แต่พาเด็กน้อยของผมไปเที่ยวไหน ช่วงเวลาได้อยู่กับเทมถูกตัดแบ่งไปทำอย่างอื่น จนผมได้แต่สบถคำหยาบต่างๆนานาในใจ


          และสิ่งที่บัดซบที่สุดคือผมเริ่มถึงวัยแตกเนื้อหนุ่ม เริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ฮอร์โมนแปรปรวนและยิ่งผันแปรหนักหน่วงยิ่งขึ้นเมื่อผมนอนหลับน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ ไหนจะร่างกายกำลังยืดตัวนำพาความปวดเมื่อยมาให้
           
          ทุกอย่างดูล้วนไม่เป็นใจ ยิ่งใบหน้าเนียนเสมอมาของผมมีเจ้าสิวน่ารังเกียจผุดขึ้นมาสี่เม็ดยิ่งตอกย้ำทำผมชอกช้ำใจ แทบจะไม่กล้าสู้หน้าเทมปุระเลยครับ ผมอยากดูดีต่อหน้าเขาตลอดเวลาแท้ๆ


          แต่ก็ยังดีครับ เพราะไม่ใช่แค่ผมที่มีเอเลี่ยนบุกใบหน้า แต่เพื่อนทั้งสองคนของผมก็ถูกประกาศสงครามเช่นเดียวกัน และดูท่าจะโดนบุกเยอะเสียยิ่งกว่า โดยเฉพาะไอ้เต้ที่ซ้อมกีฬาอย่างหนัก และมันก็ซกมกมากพอ จนนอนทั้งๆเหงื่อเปียกโชก ความสกปรกส่งผลให้หน้ามันแทบจะแยกไม่ออกระหว่างคางคกกับพื้นผิวดวงจันทร์

          ส่วนคนตัวเล็กสุดของกลุ่มก็ไม่น้อยหน้าครับ อย่างที่รู้กันว่าน้ำเป็นพวกลัทธิคลั่งเบค่อน พอซ้อมเชียร์หนักและเหนื่อย เจ้าตัวก็ทานเบค่อนเป็นแรงใจต่างน้ำ บวกกับช็อกโกแลตและขนมทอดกรอบต่างๆในห้องซ้อม มันก็กินไม่หยุด จนสิวปะทุขึ้นลายพร้อยเป็นตุ๊กแกไปอีกคน


          มีเพียงคนเดียวที่รอดพ้นจากสงครามสิว คือนางฟ้าตัวน้อยของผม เทมยังคงหน้าเนียนใสเปล่งปลั่งราวไข่มุกทุกกระเบียดนิ้วครับ


          ตอนนี้มีผู้บาดเจ็บเป็นสามทหารกล้าและหนึ่งผู้รอดชีวิต กำลังนั่งทานข้าวกลางวันร่วมกัน บทพูดคุยแน่นอนว่าถูกปรับให้ทันเหตุการ์ณบ้านเมืองใบหน้าขณะนี้ หากฟังแต่เสียง คงจะต้องนึกว่าเหล่าสาวๆพูดคุยกันเชียวครับ เพราะเด็กชายวัยรุ่นสามคนกำลังว้าวุ่น เอาแต่ถกกันเรื่องครีมตัวไหนดี คลินิกไหนดี หมอคนไหนดีด้วยน้ำเสียงจริงจังขั้นสูงสุด...


          "ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยย สิว สิว สิว! มึงขึ้นขนาดนี้ มึงไม่ขึ้นในลูกตากูด้วยเลยล่ะ ไอ้เวร!"

          "ฮือออออ เชี่ยเอ้ย มึงดูดิ ดูหน้ากูซะก่อน ชิบหายๆๆๆ สาวๆจะชื่นชมความเท่ของกูลงได้ยังไงวะ"

          "เงียบเถอะครับ เดี๋ยวมันก็หาย"

          "หายเหี้ยอะไร๊!! แม่งผุดเอาๆๆยิ่งกว่าเชื้อราในร่มผ้าไอ้เต้อี้กกกกก"

          "มึงมาแอบดูเชื้อราของกูได้ไงไอ้เตี้ย! โอ้ยยย ทำไมเป็นวัยรุ่นต้องมีสิวด้วยวะ!"

          "เทม เทม เทมก็อยากมีคุณสิวๆๆๆๆแปะหน้าบ้าง ทำไมๆๆ ทำไมเทม ทำไมเทมไม่มีคนเดียวเลยครับ เทม เทมจะไม่โตเหรอครับ คุณสิวไม่ชอบเทมเหรอครับเลยไม่มาหากัน" เด็กน้อยของผมหน้าเศร้า เมื่อในบรรดาก้อนอุกกาบาตสามก้อน มีเขาเป็นมาชเมลโลอยู่ก้อนเดียว

          "ฮือออ ถ้าไม่ใช่ลูกในไส้นี่กูขบหัวหลุดแล้วนะ มาขิงความหน้าใสใส่แบบนี้! พวกกูเจ็บปวดดดด"

          "กูก็อยากถูกสิวเกลียดเหมือนกันโว้ยยยยย!"

          "นี่ๆๆๆๆ กูดีดเชื้อหัวสิวใส่แม่งเลย เอาไปโว้ยยยยย"

          "กูแบ่งให้ด้วย กูใจดี!!"


          ผมเอามือบังหน้าเทมจากการดีดเหงื่อใส่ของไอ้น้ำและไอ้เต้ ตวัดสายตาดุไปให้สองเพื่อนคู่แฝดขี้โวยวาย พวกมันกอดคอกันแหกปากลั่นเสียจน รปภ. เดินเข้ามาดู นึกว่ามีใครถูกฆาตกรรม

          พอออดดัง คู่เกลอก็ร่ำลากันราวจะลาจากกันไปรบจริงๆ แต่ระหว่างกอดกันมันก็ยี้หน้าอีกคนไปด้วยครับ...



          เรื่องสิวค่อนข้างเป็นเรื่องสะเทือนใจพวกผมเอามากๆ หน้าใสกันมาทั้งชีวิต จู่ๆก็มาขึ้นนี่รู้สึกแย่เอาการเลยทีเดียว ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำ ตั้งใจว่าจะล้างหน้าแล้วทายาให้เจ้าสี่เม็ดยุบตัวลงเร็วๆ ก็ได้ยินเสียงพึมพำ จนต้องหยุดยืนแอบฟัง


          เสียงคุ้นหูและคนคุ้นเคยยืนอยู่หน้ากระจก บีบแก้มตัวเองดึงยืดไปยืดมา


          "คุณสิวจงมานะ คุณสิวมานะครับ ขอให้คุณสิวขึ้นๆๆๆๆ ขอให้คุณสิวเทมขึ้นนะครับ ขอให้คุณสิวเทมขึ้นๆๆๆด้วยนะครับ"


          อา ทำยังไงดีครับ เทมของผมน่าเอ็นดูมากเลย... สองขาพาร่างไปยังโต๊ะทำงาน คว้าโทรศัพท์เปิดโหมดอัดวิดีโอแล้ววิ่งกลับไปยังจุดเดิม แอบถ่ายคนกำลังขอให้สิวขึ้นอย่างตั้งใจ


          เทมปุระจดจ้องตัวเองในกระจกอยู่นาน ขมุบขมิบเรียกหาคุณสิวไม่ย่อท้อ ทว่าดวงหน้ากระจ่างใสก็ไร้วี่แววว่าคุณสิวจะผุดขึ้นมาหาแม้แต่เม็ดเดียว จนเด็กน้อยขัดอกขัดใจ หน้ามุ่ยปากยู่ลง ร่างสูงไม่ยอมแพ้ เดินไปหยิบอะไรก๊อกแก๊กๆ ได้กลับมาเป็นปากกาเมจิคสีแดงแท่งใหญ่ เทมใช้มือเดียวถอดปลอกปากกาอย่างทุลักทุเล พอถอดได้ก็ยิ้มกว้าง หยิบเจ้าปากกาสีแดงมาจิ้มเขียนทั่วหน้าตัวเอง พอเขียนเสร็จเด็กชายฟ้าประทานก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อารมณ์ดี


          ผมกลั้นยิ้มจนปวดแก้มไปหมด อา...ให้ตายสิ เจ้าก้อนความสุขของผมช่างน่ารักเหลือเกิน


          เขากำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมรีบวิ่งเข้าไปหลบในห้องนั่งเล่น ขยับตัวปรับท่าตัวเองบนโซฟา ให้เหมือนไม่เคยลุกไปแอบดูเขามาก่อน


          "หมูหย็องครับหมูหย็อง! หมูหย็องทำงานเสร็จแล้วเหรอครับ!!" เสียงตึงตังเข้ามาใกล้ ผมต้องสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะ พยายามสุดความสามารถกับการทำตัวปกติ ทั้งที่ไม่ปกติสุดๆ ผมหันมาตอบรับคำถาม


          "เสร็จแล้วครับ หมูกำลังจะมาเรียกเทมไปนอนพอดีเลย... ฮ่าๆๆๆๆๆๆ"


          ผมหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งกับภาพที่เห็น เด็กชายเทมปุระยิ้มกว้าง บนใบหน้าที่สวรรค์ปั้นแต่ง มีคนเกเรเอาปากเมจิคสีแดงแต้มเป็นจุดเล็กจุดใหญ่ไปทั่ว เท่านั้นยังทำร้ายศิลปะอันวิจิตรไม่พอ เด็กซนยังขีดข้อความประกอบตัวโต เขียนเอาไว้บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยจุดแดงเยอะแยะว่า 'สิว' กับ  'สิวเทม'  และ 'สิวนะครับ'






          ผมหัวเราะแทบขาดใจตายบนโซฟา ยิ่งนางฟ้าน้อยกระพือปีกยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมก็แทบจะสิ้นลม


          "หึหึหึ ฮ่าๆๆๆๆๆ เทมครับ เทม อย่าเพิ่งยื่นหน้าเข้ามานะครับ ฮ่าๆๆๆ โธ่ เขียนหน้าตัวเองทำไมครับ ฮ่าๆๆๆ"

          "ฮิฮิ เทม เทมมีสิวแล้วนะครับหมูหย็อง ดูสิครับๆๆๆ เทมมีสิวแล้วนะครับ เทมมีสิวเหมือนหมูหย็องเลย!"



          ผมดึงคนมีสิวเป็นจุดแดงพร้อมคำเขียนบอกว่าเป็นสิวจริงๆนะมากลิ้งนอนบนโซฟาด้วยกัน

          ต้องใช้เวลาอยู่นานเลยครับกว่าจะสงบสติอารมณ์ลงได้ แต่อารมณ์ขำของผมก็ยังไม่หมดไปง่ายๆ เมื่อต้นเหตุคือคนนอนยืดยาวข้างกาย สายตาสบเห็นเมื่อไหร่ก็อดขันเขาไม่ได้ทุกที หึหึ...น่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกินครับ


          "เทมอยากมีสิวขนาดนั้นเลยหรือครับ เดี๋ยวพอเทมโตมากกว่านี้ อีกหน่อยก็จะมีเองล่ะครับ" ผมลูบหน้าเขาเบาๆ ตั้งใจว่าจะช่วยเช็ดหน้าลบรอยปากกาออกให้ แต่หมึกก็ติดแน่นทนทาน คิดว่าเดี๋ยวต้องพาเทมไปล้างหน้าก่อนนอนอีกครั้งแล้วล่ะครับ ไม่งั้นผมคงจะได้สำลักลมหายใจตัวเองตาย หากต้องตื่นมาเจอเขาในสภาพแบบนี้ แค่นึกว่ายามเช้าลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นเขาแบบนี้อีกครั้ง หึหึ...ผมหัวเราะในลำคอ มีรอยยิ้มกว้าง หยุดยิ้มไม่ได้เลยจริงๆครับ


          เทมปุระมองผมด้วยสายตาอบอุ่นอ่อนโยน ความดีใจมากมายสะท้อนอยู่ในอัญมณีสีน้ำตาล มือของเขาทาบลงมาบนหน้าผมเช่นเดียวกัน ลูบอย่างแผ่วเบา แสนทะนุถนอม แสนห่วงใย ก่อนจะเลื่อนมาลูบช่วงผิวนูนสี่จุดของผม พร้อมก้มลงมาเป่า 'เพี้ยง' เสียงนุ่มกล่าวดุ 'คุณสิวอย่าแกล้งหมูหย็องนะครับ'


          การกระทำสุดร้ายกาจทำเอาผมแทบจะตายด้วยคนละเหตุผลก่อนหน้า ไม่ใช่เพราะหัวเราะจนตาย ทว่าครั้งนี้ผมจะตายเพราะความอ่อนโยนแสนเท่ของเขาแทน....


          เทมจรดจูบหน้าผากผมเนิ่นนาน นานจนผมแทบเป็นของเหลวหลอมละลายคาไออุ่นและเหือดหายไปในอากาศ ร่างสูงผละหน้าออกมาสบตาผม เด็กน้อยยิ้มน่ารักอย่างเคย


          "เทม เทม เทมอยากมีสิวครับ อยากมีสิวมากๆๆๆๆ เพราะ เพราะว่าหมูหย็องมีสิวแล้วเครียดๆๆ หมูหย็องดูไม่มีความสุข ความสุขหายไปเยอะแยะเลย เทมเลยนึกว่าหมูหย็องเหงาๆๆๆครับ เทมกลัวหมูหย็องเหงาๆ เลยอยากมีสิวด้วยกันครับ"


          เขาเงียบไปชั่วครู่ จับมือผมเอาไว้ ยิ้มปลอบกันราวผมเป็นเด็กน้อยตัวเล็กๆของเขา


          "ต่อไปนี้หมูหย็องก็ไม่ต้องเหงาแล้วนะครับ เทม เทม เทมมีสิวเป็นเพื่อนแล้วนะครับ เทม เทมจะพาความสุขของหมูหย็องคืนมานะครับ เทมจะเป่าเพี้ยงๆๆให้คุณสิวหายไปให้หมูหย็องทุกวันด้วยครับ เพราะงั้น เพราะงั้น...หมูหย็องไม่ต้องเศร้านะครับ เทมอยู่ตรงนี้นะ อยู่กับหมูหย็องตลอดเลย"


          อา...ความเหน็ดเหนื่อย ความล้า ความเครียด เหมือนถูกมือวิเศษจับโยนออกไป และเหมือนถูกสายลมวิเศษช่วยพัดพาเอากำลังใจ ความมั่นใจเต็มเปี่ยมกลับคืนมาให้ ความตื้นตันเอ่อล้น

          ผมยิ้มกว้าง เคลื่อนตัวไปจูบปลายคางที่มีจุดสิวสีแดงเป็นเพื่อนกัน พูดขอบคุณเขาเบาๆด้วยเสียงจะร้องไห้


 
          ผมกระซิบบอกสิ่งวิเศษ ว่าในส่วนของความสุขไม่จำเป็นต้องใช้พรวิเศษข้อใดเสกสรร หรือออกไปตามหาให้ยุ่งยากวุ่นวาย เพราะความสุขของผม...นอนอยู่เคียงข้างผมแล้วครับ










end 35 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



 ให้กำลังใจคนเป็นสิวทุกคนนะคะ ♥

โซเฟียริน
zofiarin lll moore








หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 35 * 27/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mizunoe ที่ 28-10-2018 00:38:26
พิหมูสอนอะไรให้เทมคะเนี่ย
(แต่นับถือในความค่อยเป็นค่อยไปตามขั้นตอนของหมูจริงๆ 55555)

ตลกสิวเหล่าแก๊งวัยรุ่น สงสารด้วย หมูต้องพักผ่อนนะ ฮือ
เทมก็น้าาาาาาาา เป็นซะแบบนี้  จะไม่ให้หลงได้ยังงายยยย
นี่มันสมบัติของโลก(ที่หมูเจอและยึดไว้แล้ว)ชัดๆ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 35 * 27/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 28-10-2018 08:17:09
น้องเทม ... ยิ่งกว่าน่ารักอะ :กอด1:
ขำมาก ... น่าเอ็นดู๊

พี่หมู ย้ำ ... พี่หมูเรียนมัธยมต้นจิงอะ
ไหงหน้าที่การงานปานประหนึ่งประธานาธิบดีประเทศเทมปุระ
สุโค่ยยยยยยยยย  o13
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 35 * 27/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 30-10-2018 12:11:52
เทมลูกกกกกกกก ทำไมลูกน่ารัก

งื้อ.....อยากได้
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 36 * 30/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 30-10-2018 19:17:46





36










          เสียงหัวเราะคิกคักดังอยู่รอบข้าง คุณพยาบาลกับคุณหมอที่ถูกผมเรียกเข้ามาหาแต่เช้าพยายามกลั้นยิ้มสุดความสามารถ ส่วนต้นเหตุไม่ได้มาจากรายการตลกในโทรทัศน์แต่อย่างใด มาจากใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ถูกแต้มจนเต็มไปด้วยปากกาสีแดงเสียทั่ว พร้อมกับคำว่าสิวครับของคนทำตัวดื้อตอนนี้ต่างหาก


          "เทมครับ มาให้คุณหมอเช็ดรอยปากกาออกให้ก่อนนะครับ" ผมหันไปบอกนางฟ้าตัวน้อยของตัวเองด้านหลัง เด็กชายตัวโตเข้ามาซ่อนตัว โดยใช้ผมเป็นเกาะกำบังจากคุณพยาบาลและสำลีชุบน้ำยา เจ้าตัวส่ายหน้าพึ่บพั่บไม่ยินยอมให้สำลีทำความสะอาดโดนหน้า เทมปุระเกาะไหล่ผมแน่น ทำคอยืดคอยาวหลบหนีสุดชีวิต


          "ไม่เอาครับๆๆๆๆ ไม่เอาๆๆ เทมไม่ล้างนะครับ เทมจะมีสิวเป็นเพื่อนหมูหย็องนะครับ" เทมทำปากเป็ด นัยน์ตาสวยฉายแววขอร้องตวัดแทงหัวใจคนมอง ทาสเทมอย่างผมได้แต่รีบหันตัวไปกอดเอวรั้งเขาเข้ามาใกล้ ใช้ฝ่ามือลูบผมนิ่มเอาใจคนอยากมีสิวเบาๆ เทมซุกหน้ากลิ้งไปมาบนไหล่ออดอ้อน


          ผมใจอ่อนยวบ อยากตามใจเขาอยู่หรอกครับ แต่ผมก็ไม่ไหวจะหัวเราะแล้วจริงๆ เมื่อคืนยอมให้เขาไม่ล้างหน้าไปแล้วรอบหนึ่ง ตอนตื่นเช้ามาหอมแก้มเขา ผมถึงกับชะงักกับคำว่าสิวตัวโตๆบนพวงแก้มอมชมพู แถมจะไปโรงเรียนด้วยสภาพแบบนี้มีหวังโดนเรียกเข้าห้องเย็นแน่ๆ ถึงโรงเรียนผมจะให้อิสระเสรีกับนักเรียนมากพอกับทรงผมและเครื่องประดับเล็กๆน้อย แต่ที่ประดับอยู่บนหน้าเขานี่เรียกว่าน้อยไม่ได้นะครับ จัดเต็มเกินไปมากเลยเชียว


          เอื้อมมือไปรับสำลีจากพยาบาลมาไว้ในมือ อีกข้างเชยคางคนดื้อให้มาสบตากัน เอ่ยบอกเขาเสียงนุ่ม


          "ลบออกแล้วเอาแผ่นแปะสิวแปะแทนนะครับ เห็นไหมว่าหมูก็ติด ติดเป็นเพื่อนกันกับหมูหน่อยได้ไหมครับ?"


          เทมกลิ้งลูกตาไปมองแผ่นสีเนื้อชิ้นเล็กๆสี่แผ่นบนหน้าผากผม นิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนยิ้มกว้างพยักหน้ายินยอม


          "โอเค โอเคนะครับ เทม เทมจะติดเป็นเพื่อนหมูหย็องนะครับ"


          "ขอบคุณมากครับ" เขายอมยืนนิ่งให้ผมเช็ดออกให้ จริงๆเมื่อตอนเขายังหลับ ผมก็แอบเช็ดไปหนแล้วนะครับ แต่เช็ดยังไงรอยปากกาก็ไม่ยอมหลุด ตกใจปนกังวลว่ารอยสิวสายพันธุ์ใหม่จะอยู่บนหน้าเขาถาวร จนต้องโทรเรียกคุณหมอมาแต่เช้านี่ล่ะครับ

          พอใบหน้าเด็กน้อยกลับมาเกลี้ยงเกลา คุณหมอกับพยาบาลก็ขอตัวกลับ


           ผมเห็นทางหางตาแว่บๆว่าลิฟท์จากชั้นของพี่ชายตัวเองกำลังลงมา ก็รีบจูงมือคนยิ้มมีความสุขกับแผ่นแปะสิวของตัวเองไปหารถที่จอดรออยู่หน้าบ้าน


          เทมชี้นิ้วไปบนหน้าผาก อมยิ้มเขินอายพวงแก้มขึ้นสีระเรื่อบอกผมเสียงดีใจ


          "หมูหย็องครับหมูหย็อง ดูสิครับๆๆ เรามีแปะๆๆๆเหมือนกันเลย มีสิวคู่กันด้วยๆๆๆ เป็นสิวคู่กันนะครับ"


          เทมยังคงอวดสิวคู่กับผมไม่หยุด จนผมเหมือนคนบ้าไปเลยครับที่เอาแต่เครียดกับมัน ผมหัวเราะ เมื่อเทมพยายามจะหยิบไอแพดมาถ่ายรูปคู่กับผมส่งให้คุณแม่กับคุณป๊าดู ส่งไปไม่ถึงสามวิข้อความตอบกลับจากป๊าก็ถูกส่งตอบมาอย่างรวดเร็ว เขาทำงานอยู่หรือเปล่าครับคนๆนี้ ทำไมถึงได้ตอบรวดเร็วนัก...


               ติ๊ง ♪

               PAPA :

               'ป๊าก็จะไปฉีดซิลิโคนให้เป็นตุ่มเป็นสิว ป๊าจะเป็นสิวคู่เทมเทมด้วยคน! บอกหมูหย็องพาเทมเทมมาหาป๊าด้วยนะครับ วันเกิดครบอายุสิบหกมาฉลองที่อิสตันบลูนะลูก เดี๋ยวป๊าจะสั่งทำช็อกโกแลตวันเกิดขนาดเท่าตัวจริงให้เลย'


          เทมส่งไอแพดมาทางผม เพื่อให้เปิดข้อความของคุณป๊าให้เจ้าตัวอ่าน เขาไม่เปิดอ่านเองครับถ้ายังไม่ได้ขอ ผมยิ้มพอใจ ลูบหน้าผากสวยเบามือ ชมเด็กดีมีมารยาทของตัวเอง แล้วรับแท็บเล็ตมาเปิดให้คนตั้งตารอ


          อักษรทอเรียงเป็นประโยคบนหน้าจอทำเอาคิ้วขมวด ...จะมากไปแล้วนะครับคุณพ่อ วันสำคัญอย่างวันเกิดของเทมปุระ ผมไม่มีทางให้เทมโดนแย่งไปหรอกนะครับ ขืนให้ไปมีหวังโดนป๊าจับเทมยึดไปคนเดียวแน่ๆ  แล้วเชื่อได้เลยครับว่าระดับท่านประธานเซอร์กีย์คงจะจัดงานฉลองเสียยิ่งใหญ่ ชวนคนมาเยอะแยะเหมือนเมื่อสี่ปีก่อน จนเจ้าของวันเกิดตัวจริงได้แต่วิ่งวุ่นหลบลี้หนีผู้คนด้วยความอึดอัดและแตกตื่น แบบนั้นไม่ได้เรียกว่างานฉลองสำหรับองค์ชายของผมเลยสักนิด

          มืออีกข้างที่ไม่ได้ถือแท็บแล็ต ตวัดสไลด์นิ้วลบข้อความทิ้ง แล้วหันไปยิ้มให้คนรอ


          "หมูอ่านให้ฟังนะครับ คุณป๊าบอกว่าอยากติดแผ่นแปะสิวด้วยคนครับ"


          ไม่ได้โกหกนะครับ...แค่บอกไม่หมด


          "อ๋อๆๆๆ งั้นๆๆๆๆ เราส่งแผ่นแปะสิวไปให้คุณป๊าด้วยไหมครับ คุณป๊า คุณป๊าตอนนี้อยู่ไหนเหรอครับหมูหย็อง"

          "ตอนนี้คุณป๊าอยู่โรมครับ สักพักคงจะไปหาหม่าม้าที่อิสตันบลู"

          "บลูๆๆๆเหรอครับ บลูๆๆๆสีฟ้าใช่ไหมครับ" พอมีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เจ้าตัวชอบ เจ้าหมาน้อยก็หูตั้งส่ายหางหมุนวนอย่างตื่นเต้นทันทีทันใด

          "บลูแปลว่าสีน้ำเงินกับฟ้าถูกแล้วครับ แต่ถ้าเทมอยากเจาะจงถึงสีฟ้าให้ชัดเจนก็บอกว่า sky blue หรือ light blue นะครับ"

          "เจาะจง? เจาะๆๆๆเหมือนเวลาเจาะไข่ดาวเหรอครับหมูหย็อง"

          "ไม่ใช่ครับเทม เจาะจงหมายความว่าชี้เฉพาะ กำหนด อืม เหมือนเทมตั้งใจมาเลือกขนมชิ้นโปรดที่ร้านเค้กไงครับ เทมมีชิ้นที่ตั้งใจมาซื้อแต่แรกใช่ไหมครับ นั่นล่ะครับเรียกว่าเจาะจง"

          เด็กนักเรียนของผมพยายามทำความเข้าใจ แต่คิ้วยังคงขมวดเข้าหากันด้วยความมึนงง อาจารย์คนขยันอธิบายยกตัวอย่างอีกสี่ห้าประโยค เด็กน้อยเริ่มยิ้มกว้าง

          "เทม เทมเข้าใจแบบนี้ถูกไหมครับ เทมจีบหมูหย็อง ก็จีบหมูหย็องแบบเจาะจง เจาะจงแค่หมูหย็องคนเดียวเลย เพราะคิดมาตั้งแต่บ้านแล้วว่าจะจีบ แบบนี้เหรอครับ แบบนี้ใช่ไหมครับ"

           ผมพยักหน้ารับเชื่องช้า ใบหน้าเห่อร้อนแดงซ่าน มองคนยกตัวอย่างได้น่าหัวใจวายตายคารถยกยิ้มสดใส พอเทมจะเขยิบเข้ามาใกล้ผม เข็มขัดนิรภัยก็รัดรั้งโดนแผลจนเด็กน้อยสะดุ้ง ผมลูบมือลงแขนข้างที่บาดเจ็บของเขา

           ตอนนี้บาดแผลของพวกเราสองคนดีขึ้นมากแล้วครับ ผมตัดไหมออกเรียบร้อย ส่วนของเทมอีกสองวันก็จะได้ตัดออกเช่นกัน ยามนี้แขนขวาเด็กน้อยเป็นอิสระ ไม่ต้องห้อยแขนกับคอแล้วด้วยครับ  คุณหมอบอกว่าการอักเสบน้อยมาก แผลสมานตัวอย่างรวดเร็ว นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี

          เด็กชายแสนฉลาดสุดเก่งกาจของผม เมื่อขยับตัวมาหาไม่ได้ เขาก็เอื้อมมือมาเกาะเกี่ยวนิ้วก้อยของผมเอาไว้แทน หัวเราะแหะๆด้วยความพอใจ ท่าทางน่าเอ็นดูจนอดบีบแก้มขึ้นสีชมพูนั้นเล่นไม่ได้


          "ใกล้วันเกิดเทมแล้วนะครับ"  เกริ่นเรื่องขึ้นมา ให้เจ้าแมวขี้อ้อนที่ทำตาปริบๆร่ายมนตร์ให้มนุษย์ลุ่มหลงหยุดทำให้ผมหลงใหลไปมากกว่านี้ ตาสวยเปล่งประกายระยิบระยับ

          "เทม เทม เทมจะสิบหกแล้วครับ สิบหกแล้ว แล้วก็ แล้วก็เป็นพี่เทมนะครับ เป็นพี่เทมๆๆๆกับน้องหมูหย็อง"

          "แล้วพี่เทมอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดครับ น้องหมูจะซื้อให้นะ" ผมก้มลงไปจุ๊บมุมปากพี่เทมเบาๆด้วยความมันเขี้ยวคนตัวโตที่ยกยิ้มกว้าง


          เมื่อตอนงานเลี้ยงวันเกิดผม งานฉลองครั้งแรกที่พี่น้องของผมอยู่กันครบ มันวุ่นวายเอาเสียมากๆครับ แต่เทมกลับบอกว่าสนุก และเจ้าตัวก็อยากมีพี่น้องบ้าง ผมเลยขอให้เขาเป็นพี่ชายของผมในช่วงระยะเวลาไม่กี่วันจากวันเกิดของเขาถึงวันเกิดของผม เทมต้องแทนตัวเองว่าพี่ ส่วนผมก็จะแทนตัวเองว่าน้อง ตามอายุเขาที่มากกว่าผมไปสิบเอ็ดวันเป็นของขวัญวันเกิดตัวเอง


          พี่เทมส่ายหัวไปมาอมยิ้มจนแก้มป่อง แล้วกลับมาซบกับมือของผมดังเดิม

          "ตอนนี้ยังไม่ใช่น้องหมูหย็องกับพี่เทมนะครับ ตอนนี้เป็นหมูหย็องกับเทมเฉยๆๆๆนะครับ แล้วก็ของขวัญ ของขวัญ เทม เทมอยากได้เค้กก้อนโตๆๆ ขนมเยอะๆๆ อยากได้ดินสอสีเยอะๆๆ แล้วก็ แล้วก็อยากได้พี่ม่อนนุ่มนิ่มๆๆเยอะๆๆเลยครับ"

          "รับบัญชาครับ แต่ดินสอสีหรือเค้กหรือโดเรม่อน หมูก็ซื้อให้ทุกคอลเลกชั่นออกใหม่อยู่แล้ว เทมอยากได้อย่างอื่นไหมครับ อยากไปเที่ยวไหนหรือว่าอยากได้อะไรเพิ่มไหมครับ หืม"


          เด็กน้อยของผมขอเหมือนเดิมทุกปี แล้วสิ่งที่ขอก็เป็นอะไรที่ผมซื้อให้เขาเป็นประจำอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเหมือนไม่ขออะไรเพิ่มสักอย่างเลยครับ ผมอยากให้เขาขออะไรยากๆ เอาแต่ใจบ้าง


          เจ้าแมวน้อยเอียงหน้าถูไถไปกับมือขาว ดูคิดไม่ออกถึงสิ่งที่อยากได้นอกเหนือจากสามอย่างนั้น กลิ้งไปมาสักพัก ถึงเงยหน้ายิ้มตาหยีบอกผมเสียงชัดเจนถึงสิ่งที่อยากได้เป็นของขวัญ

          "เทมคิดออกแล้วครับ!  เทม เทมขอ ขอให้ทุกคนแข็งแรงๆๆๆ แล้วก็มีความสุขเยอะแยะแบบท่วมๆๆๆเลยครับ ได้นอนเยอะๆๆ แล้วก็ทานข้าวอร่อยๆๆๆนะครับ"


          ผมระดมจูบไปทั่วใบหน้าคนขอของขวัญแสนน่ารัก นางฟ้าตัวน้อยจั๊กจี้ หัวเราะจนหายใจไม่ทันผมถึงได้หยุดรังแก สองมือช้อนสองแก้มยุ้ยไว้ในฝ่ามือ สบตากับเขา


          "ขอให้ตัวเองสิครับเทม ขอสิ่งที่ทำให้เทมมีความสุขนะครับ"



          ขอมาสิครับที่รัก แล้วผมจะทำให้มันเป็นจริง




          "เทมก็ขอให้ตัวเองนะครับ พอทุกคนยิ้มๆๆๆ เทมก็มีความสุขนะครับ แล้วก็นะๆๆ แล้วก็เจาะจงๆๆหมูหย็องด้วยๆๆ พอหมูหย็องยิ้มๆๆมีความสุข เทมก็มีความสู้กกความสุขเลยครับ หัวใจพองๆเท่านี้เลยครับ"

          ผมเม้มปากเขินอายกับถ้อยคำหวาน ทำไมถึงชอบรังแกหัวใจหมูนักล่ะครับเทม

          เขาอ้าแขนออกกว้าง ก่อนจะร้องโอ้ยเพราะตึงแผล

          "เทมครับ! เจ็บหรือเปล่าครับ!"

          "เจ็บนิดเดี๋ยวนะครับ นิดๆๆๆ"

          "แผลเทมยังไม่ค่อยหายดีนะครับ เทมอย่าเพิ่งขยับแรงนะ" ผมลูบเขาแผ่วเบา หวังให้ความเจ็บคลายตัวลง

          "เทมจะโชว์ให้หมูหย็องดูไงครับว่าพองๆๆๆเท่านี้เลย"

          "หมูรู้แล้วครับ เทมก็เป็นความสุขของหมูเหมือนกันครับ"  ผมกดจูบขอบคุณบนฝ่ามือที่อ้าออกกว้าง ให้ผมรู้ว่าผมเป็นความสุขมากมายขนาดไหนของเขา แล้วเสนอความคิดให้เจ้าของงาน

          "...อืม งั้นไปอควาเรียมกันไหมครับ เทมไม่ได้ไปนานแล้ว แล้วพอตกเย็นค่อยกลับมาทานเค้กกับทุกคน แบบนี้ดีไหมครับ"


          เทมปุระตื่นเต้นจนอยู่นิ่งไม่ได้ อัญมณีสีน้ำตาลเต็มไปด้วยความคาดหวัง


          "ไปๆๆๆ ไปครับๆๆๆ ชวนทุกคนไปด้วยกันได้ไหมครับ"

          "คุณม้ากับคุณป๊าคงจะกลับมาไทยไม่ทันนะครับ..."


          ดวงหน้าน่ารักขององค์ชายน้อยจืดเจื๋อนลงโดยพลัน ทำเอาคำปฏิเสธแปรเปลี่ยน ผมตัดสินใจ ต่อให้ต้องลักพาตัวท่านประธานและเจ้าของแบรนด์ดัง ข่มขู่ใคร ผมก็จะพามาให้ครบทุกคนให้ได้


          "มาครบทุกคนแน่ๆครับ เทมไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ"

          "ชวนเต้กับน้ำ แล้วก็ๆๆๆหญิง ไม้ อเล็กซ์ แล้วก็ๆๆๆ...." ริมฝีปากสวยเจื้อยแจ้วถึงรายชื่อแขกที่เขาอยากเชิญมา มีบางคนที่เป็นรายชื่อใหม่ไม่คุ้นหู


          เผลอแป๊บเดียว เด็กน้อยของผมก็มีเพื่อน มีคนรู้จักเยอะขึ้นจากปีก่อนๆมากเชียวครับ ไม่กี่ปีก่อนเขายังมีแค่นับนิ้วมือเดียวหมด เทมกำลังโตขึ้นเรื่อยๆจนผมอดใจหายไม่ได้

          เหมือนเพิ่งเมื่อวานเองครับ  เมื่อตอนเจอเต้กับน้ำครั้งแรก เขายังร้องไห้จ้าวิ่งเตาะแตะตัวเอนเอียงเข้ามาซุกอกผม เวลาเจอคนแปลกหน้า เจ้าก้อนกลมของผมจะกลัวจนวิ่งเข้ามาหลบกับผมตลอด เรื่องสบตาหรือพูดกับคนอื่นนี่ไม่มีทางแน่ๆครับ แต่เดี๋ยวนี้เทมเริ่มพูดคุยกับคนอื่นได้บ้างแล้ว จะว่าดีใจก็ดีใจ จะว่าใจหายก็ใจหาย ส่วนสูงและเค้าโครงใบหน้าก็เริ่มเปลี่ยน นิสัยตอนเล็ก อย่างเห็นอะไรก็หยิบเข้าปากไปหมดก็หายไปแล้วด้วย

          เจ้าก้อนความสุขของผมโตขึ้นอย่างรวดเร็วจริงๆ


          "หมูหย็องเป็นอะไรครับ ไม่สบายๆๆๆเหรอครับ" เทมหยุดเสียงสดใส เขาดูกังวล มืออุ่นทาบทับมาบนใบหน้าของผม เจ้าตัวจับแตะไปทั่วคล้ายหาหาเหตุ


          อา...สงสัยจะเผลอแสดงออกทางสีหน้าไป


          "หมูแค่คิดว่าเทมเริ่มโตแล้วน่ะครับ มีเพื่อนเยอะแยะเลย"

          "เทม เทม เทมรู้จักตอนซ้อมกีฬาสีครับ หญิงกับน้ำแนะนำๆๆเทมให้รู้จัก ทุกคน ทุกคนสนุกๆๆ สนุกมากๆเลยครับ ไม่น่ากลัว ทุกคนไม่กลัวครับ"

          "เขาดีกับเทมหรือเปล่าครับ"  ผมลูบผมเขาถามเสียงนุ่ม     
 
          "ดีครับๆๆ แต่ว่า แต่ว่า ทุกคน ทุกคนบอกว่าเชียร์เทมกับหมูหย็องด้วย แต่ว่าๆๆๆ ปีนี้เทมไม่ได้ลงแข่งนะครับ เทม เทมก็เลยบอกว่าต้องเชียร์แค่หมูหย็องคนเดียว แต่ทุกคนบอกว่าต้องเชียร์เป็นคู่ๆๆๆ เทมก็งงๆๆนิดหน่อย"


          ผมถึงกับสะดุดอารมณ์หวงห่วงลูกนกในกรงทองกำลังจะโผบินสู่โลกกว้าง กลับกลายเป็นเขินอายร้อนผ่าวแทน ให้ตายสิครับ นี่หญิงกับน้ำไปแนะนำเพื่อนอะไรยังไงให้เทมรู้จักกันนะ ปีนี้ผมไม่ได้เข้าไปเฝ้าเขาทุกฝีก้าวด้วยตัวเองเสียด้วย คิดว่าต้องตรวจประวัติหน่อยแล้ว ไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ


          ใช้เวลาไม่นานพวกผมก็มาถึงโรงเรียน และเริ่มกิจกรรมเหมือนทุกวัน แปลกนิดหน่อย เมื่อพอถึงตอนเย็นอันเป็นเวลาเหมาะสมที่ผมจะไปรับเด็กชายของผมกลับบ้าน ทว่าผมไปยืนรอหน้าโรงยิมกลับไม่มีคนที่ต้องการเดินออกมา ผมโทรไปถามหญิงกับน้ำว่าเลิกสีหรือยัง กลับได้คำตอบว่ายังไม่เสร็จ


          ...นี่มันหกโมงครึ่งแล้วนะครับ


          พอผมสืบเท้าเข้าไปในโรงยิมก็มีคนมาขวาง เลยต้องบอกใครสักคนให้เรียกเทมให้ สองสามนาทีเด็กน้อยของผมถึงวิ่งลนลานออกมาหา ร่างสูงหอบหายใจแฮ่ก ดวงตาล่อกแล่กไม่กล้าสบตา จนผมคิ้วขมวด


     แปลก...ผิดปกติ...เกิดอะไรขึ้น


     ผมตั้งใจจะถาม แต่เด็กชายฟ้าประทานก็จูงมือผมไปที่ลานจอดรถเสียก่อน ร่างสูงเข้ามาคลอเคลีย คล้ายเจ้าหมาจอมซนไปก่อเรื่องอะไรไว้ แล้วรีบมาเอาอกเอาใจเจ้าของป้องกันถูกโกรธถูกลงโทษ  จากการเลี้ยงดูเทมปุระมาหลายปี ท่าทางลับๆล่อ คลอเคลีย หลบหนีการสบตา เม้มปาก กัดเล็บตัวเอง ทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังมีความลับกับผม

 
        ความลับของเทมมีอยู่ไม่กี่เรื่องครับ และเรื่องที่เจ้าตัวไม่กล้าบอกกอปรไปทั้งเรื่องน่ารักและเรื่องร้ายๆ


          และสมองเจ้ากรรมของผมก็คิดถึงด้านดีไม่ได้ ยิ่งหลังจากเหตุการณ์ร้ายๆเกิดติดกันแล้วด้วยแล้ว คิ้วขมวดแน่นยิ่งขึ้น หากมีใครมารังแกเขา หรือพูดไม่ดีกับเขาล่ะ หรือว่าเขาไปหกล้มบาดเจ็บอะไรหรือเปล่า ไม่สบายหรือเปล่า หรือว่า...

          ผมร้อนใจห่วงไปหมด ทำนิ่งเฉยใจเย็นเป็นเสาให้เจ้านกน้อยถูไถอีกต่อไปไม่ไหว เอ่ยถามออกไปอย่างร้อนรน


          "เทมครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ"

          "ค-ค-ค คือ คือ คือว่า...กลับ กลับถึงบ้านเรา แล้ว แล้ว แล้วเทมค่อยบอกหมูหย็องได้ไหมครับ เทม เทมทำใจยังไม่ได้เลย" เขาเอ่ยขอเสียงอ่อน ซึ่งผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากภาวนาให้รถถึงบ้านเร็วๆ

          "พอถึงบ้านแล้วต้องบอกหมูนะครับ"

          ผมบอกย้ำกับเขา


          หลังจากรอรถติดครึ่งชั่วโมง ในที่สุดผมก็ขึ้นมาถึงบนห้อง นั่งลงบนโซฟาโดยมีเด็กชายกับชนักติดหลังนั่งเคียงข้าง เทมบีบมือของตัวเองไปมาดูพะวักพะวง กังวัล ลังเล จนผมต้องเดินไปหยิบพี่ม่อนของเจ้าตัวให้เขากอด และจับมือเขาช่วยลูบปลอบโยนให้เย็นลง



          "คือ--!!" เทมตะโกนทะลุปล้องเสียงดัง กะทันหันจนเผลอสำลักน้ำลายตัวเอง เขาไอค่อกแค่ก ผมรีบลูบหลังเอื้อมมือหยิบโถน้ำเทใส่แก้วส่งให้เขา

          "เทมครับ! ดื่มน้ำก่อนนะครับ ค่อยๆพูดนะครับ"

          "ข-ข-ข-ข-ข-ขอบคุณครับ"

          "ไหนครับ มีอะไรบอกหมูสิครับ"

          เด็กชายบิดตัวไปมา มีท่าไม่สบายใจ เขาเม้มปากแล้วก็คลายหลายรอบ คว้ามือผมไปกุมเอาไว้ ช้อนตาสวยขึ้นมอง ก่อนจะหลับตาปี๋


          "เทม เทม เทม เทม ข-ขอมีความลับได้ไหมครับ!"


          ผมตกใจ สมองอื้ออึงไปสิบวินาที งุนงงไปหมด นี่เขากำลังขออนุญาตมีความลับกับผมใช่ไหมครับ เทมที่บอกผมทุกอย่างคนนั้นน่ะหรือ ขนาดเขาท้องผูกเขายังมาฟ้องผมเลยนะครับ ปกติเทมไม่มีความลับกับผมแท้ๆ ผมถามเสียงตกใจจนตัวเองยังตกใจ


          "ท-ทำไมล่ะครับเทม มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?"

          "เทม เทม เทมบอกหมูหย็องไม่ได้ครับ เป็นความลับๆๆๆกับหญิงกับน้ำกับ อะ...น้ำบอกห้ามบอกว่าน้ำห้ามบอก...หมูหย็องลืมๆๆๆไปก่อนนะครับ ลืมนะลืมๆๆ ลืมนะครับว่าเทมบอกว่าน้ำกับหญิงห้ามบอกนะครับ"


          เทมเอ่ยเสียงตระหนก หน้าตาตื่น โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน


          อา...ผมว่าผมรู้แล้วครับว่าความลับที่ว่าคือเรื่องอะไร คงไม่พ้นเพราะเขาเป็นกองเชียร์เลยต้องเก็บความลับให้สี คงจะเก็บพวกเรื่องท่าทางการเต้นหรือชุดต่างๆ ผมลูบอกตัวเองด้วยความเบาใจ คิดว่าเดี๋ยวจะไปถามน้ำกับหญิงอีกที แต่คิดว่าคงจะไม่พ้นเรื่องนี้หรอกครับ เจ้าตัวคงจะถูกสั่งมาว่าห้ามบอกใคร และเขาก็คงนึกว่าต้องเหมารวมไม่บอกผมด้วย


          "งั้นบอกหมูแค่ว่าไม่อันตรายใช่ไหมครับ แล้วก็เกี่ยวกับกิจกรรมในโรงเรียนใช่ไหมครับ ถ้าบอกแค่นี้ ก็ยังถือว่าเทมเก็บเป็นความลับอยู่นะครับ แล้วเดี๋ยวหมูจะบอกอีกทีนะครับว่าอนุญาตไหม"

          "อ๋อๆๆๆ ตรงนู่นบอกได้ใช่ไหมครับ ใช่ครับๆๆๆ" เจ้าตัวพยักหน้า เมื่อเห็นว่าผมไม่โกรธ


          นางฟ้าน้อยบินเข้ากรงทองเรียบร้อยแล้วครับ ผมยิ้มมุมปาก...ใช่จริงๆด้วย


          "ได้ครับ หมูอนุญาตครับ"

          "จริงเหรอครับ! ข-ขอบคุณนะครับ เทมๆๆ เทมไม่เบาใจมากเลย ม-ไม่อยากมีลับๆๆกับหมูหย็องด้วย ฟู่ว..."


          หึหึ...ยังไม่โตเลยนี่ครับ...

          เจ้าเด็กน้อยแก้มกลมของผมเป่าลมหายใจออกดังฟู่วเมื่อผมอนุญาต ท่าทางโล่งอกโล่งใจอมยิ้มแก้มตุ่ย น่ารักจนต้องเข้าไปกอดเขาหนุบหนับ เทมพอสบายใจแล้วก็หัวเราะเอิ้กอ้ากดูอารมณ์ดี เขากลิ้งตัวลงนอนบนโซฟากับผม เรากอดก่ายสบตากัน


          "มีความลับอื่นอีกไหมครับ"

          "ไม่มีครับ เทม เทมมีเรื่องเดียว ต้องปิดๆๆจากหมูหย็องนะครับ"

          "หืม...แล้วจะบอกหมูไหมครับ"

          "บอกครับ บอกๆๆๆ บอกหมูหย็องนะๆๆ แต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้นะครับ เป็นเซอร์พร้ายๆๆ"

          "เซอร์ไพรส์ครับ"

          "เซอร์ไพรส์!!"

          "แล้วความลับมีอะไรบ้างครับ..." ผมยิ้ม แกล้งแอบถาม

          "ก็ๆๆๆมีเทมแล้วก็หญิงกับน้ำครับ แล้วก็ๆๆๆหญิงกับน้ำก็ไปช่วยหาคนอื่นๆๆมาช่วยฝึกซ้อมกันด้วย...อะ! ความลับ!! ห้ามพูดๆๆๆนะครับ เท่าคุณมดก็บอกไม่ได้นะครับ บอกกันไม่ได้นะครับ หมูหย็องครับหมูหย็องได้ยินที่เทมบอกหรือเปล่า ได้ยินไม่ได้นะครับ เทมต้องเก็บๆๆไว้คนเดียวนะครับ หมูหย็องต้องลืมๆๆนะครับ จำไว้ไม่ได้นะครับ ลืมๆๆนะ เพี้ยงๆๆๆ หมูหย็องลืมๆๆ หมูหย็องลืมไปก่อนนะครับ ลืม ลืมหรือยังครับ"


          ผู้กุมกุญแจแห่งความลับไว้อย่างแน่นหนาพูดระรัวลิ้นพันกันไปหมด ตาเบิกกว้างตื่นตกใจ ท่าทางคล้ายกระต่ายตื่นตูมทำเอาผมกลั้นยิ้มไว้แทบไม่ไหว อา ปวดแก้มไปหมดแล้วครับ ผมหัวเราะในลำคอ ตอบรับองค์ชายผู้กำลังตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบผมอยู่


          "หืม เมื่อกี้เทมพูดว่าอะไรเหรอครับ" ผมแกล้งเดินตามเกมของเจ้าแมวน้อยขนฟู เอาล่ะครับ เห็นแก่ความน่ารัก ผมจะยอมสมองเสื่อม ลืมทุกอย่างในชั่วระยะเวลาเพียงเสี้ยววิแล้วกันนะครับ แม้จริงๆแล้วจะยังคงจำได้ครบถ้วนก็ตาม หึหึหึ


          "อ๋อๆๆๆ ไม่มีอะไรครับ ค่อยยังชั่วๆๆ หมูหย็องลืม ลืมแล้วเทมก็โล่งอกหมดเลยครับ"


          คนเก่งอมลมแล้วปล่อยอีกครั้ง น่ามันเขี้ยวจนต้องเอาจมูกเอาริมฝีปากไปฟัดให้สำนึกเลยครับ ว่าอย่าน่ารักเกินไปนัก พอลงโทษฐานน่ารักเกินไปจนครบ ก็ปล่อยเด็กน้อยไปทำการบ้านรอเวลาทานข้าว  ส่วนผมก็เดินเข้าคุกไปทำงานของตัวเองต่อ

หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 36 * 30/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 30-10-2018 19:19:19




          พอเดินเข้ามาในห้องทำงาน ประตูเลื่อนปิดสนิท ผมก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนก้อง


          "หึหึหึ ฮ่าๆๆๆๆๆ"


          หัวเราะท้องคัดท้องแข็ง ขำจนปวดท้องก็ยังหยุดไม่ได้ ขำให้ทั้งคนตั้งใจทำการบ้านอยู่ด้านนอก และขำตัวเองที่ระแวงไปเสียหมด เฮ้อ คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ก้อนความสุขของผมอย่างไรก็เป็นก้อนความสุขจริงๆ


          ผมเปิดจอโน๊ตบุ๊คด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ส่งรายระเอียดให้เลขาทำการ์ดวันเกิดและสั่งของเตรียมการทุกอย่างให้พร้อม จริงๆก็เตรียมล่วงหน้าเอาไว้ตั้งแต่เดือนก่อนแล้วครับ เหลือแค่เจ้าของงานมาเลือกรสชาติเค้กและบอกรายชื่อแขกพร้อมสถานที่จัดงานก็เป็นอันเสร็จ เหลือบตาเห็นลิสต์แผนการเตรียมไว้ให้เขาก็ถอนหายใจเล็กน้อย โรงแรมและเรือยอร์ชหรูของผมก็เป็นอันสูญสลาย ปีนี้ยังคงจัดที่บ้านเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือยังดีที่ปีนี้ผมยังพาเขาไปเที่ยวได้บ้าง


          ธุระของคนสำคัญเสร็จก็มาต่อด้วยบทเรียนธุรกิจของผมกันครับ ล็อกอินกรอกรหัสเข้าอีเมล ข้างบนสุดเห็นอีเมลคุ้นชื่อ เป็นอีเมลจากคุณยาย ยังคงเป็นอีเมลที่ต้องใช้ความกล้าเปิดเสมอเลยทีเดียว รับมาไม่รู้กี่หมื่นฉบับ แต่ก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนจดหมายเรียกผู้ปกครองไปพบตอนไปเกเรมาทุกที ไล่สายตาอ่าน แค่สามบรรทัดแรกก็ทำเอาสะอึก


          'ดิมิทรี

          งานของหลานครั้งก่อน ไม่ถือว่าแย่ แต่ก็ไม่ถือว่าดี ผิดพลาดไปสองจุด สองจุดที่พลาดไป ถ้าเป็นในงานจริง มันก็ทำความเสียหายไม่เท่าไหร่ อาจจะแค่สองสามร้อยล้าน อันที่จริงยายว่ามันก็เยอะพอตัว พยายามให้ดีกว่านี้ ยายไล่อาจารย์คนเก่าของหลานออกแล้ว หวังว่างานหน้าจะดียิ่งขึ้น

                                                                                                                                          ยายของหลาน'





          ผมพรั่งพรูลมหายใจ คุณยายยังคงเข้มงวดเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ คงจะมีแต่ในนิทานสินะครับ ที่ไม่ต้องฝึกฝนแล้วก็เก่ง เรียนจบก็สามารถควบคุมคนได้ทันที บริหารงานได้ไม่มีตกบกพร่อง ผมฝึกมาตลอดก็ยังมีข้อตำหนิอยู่เรื่อยๆ ในสายตาอาจารย์หลายสิบคนผมได้เต็มร้อย ทว่าในสายตาดาเลียแอนผมยังคงได้ติดลบ


           ไม่ใช่แค่ธุรกิจตัวเลข การบริหารที่ผมต้องเรียน ผมต้องเรียนครอบคลุมไปถึงอะไรหลายๆอย่าง การจะรับช่วงต่อเป็นผู้นำชาโรนอฟคนต่อไปค่อนข้างยุ่งยากมาก แม้ว่าคุณยายจะช่วยแก้อันไหนที่ดำมืดมากเกินไปออก หลายอย่างก็ยังยุ่งยาก


          และหลังจากผมอายุสิบสามเป็นต้นมา คุณยายก็ยิ่งกวดขันเป็นพิเศษ เริ่มเอางานของจริงมาให้ผมทดลองทำ เป็นงานของธุรกิจเล็กๆทว่ามูลค่าหลายสิบล้านดอลล์ และหุ้นไม่กี่ตัวให้ผมฝึกแต่ก็มูลค่ามหาศาลเช่นเดียวกัน แต่ก็ดีครับ เพราะคุณยายให้แล้วก็ให้เลย ผมก็ได้เป็นค่าขนมพิเศษ อืม นอกจากเทรนเนอร์ ผมก็มีอาจารย์มาฝึกการเรียนอย่างอื่นอีกหลายสิบอย่าง แล้วก็มีเอางานเก่าๆมาให้ผมเรียนรู้


          งานเก่าๆของคุณยายเล่นเอาผมนึกทึ่งมากครับ ท่านอายุเยอะแล้วแต่ยังนับว่าเก๋าเกมจริงๆ ต่อให้เป็นในโลกปัจจุบัน ท่านก็ยังคงเก่งเป็นอย่างมาก งานล่าสุดที่ท่านแสดงให้ดู เล่นเอาคุณพ่อทึ้งผมไปมาเพราะหุ้นดิ่งและจู่ๆก็พุ่งทะยานสูงขึ้นก็เป็นฝีมือคุณยาย ท่านสร้างตัวละครลับซื้อหุ้นจากบริษัทคุณพ่อไปสามเปอร์เซน ปั่นจนราคาร่วงและดึงให้สูงจนราคาแพง ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ ยิ่งเป็นหุ้นที่มีความมั่นคงของเซอร์กีย์ด้วยแล้ว ยากมากๆ


          ไม่ใช่แค่เรื่องสอนคนหรือในสนามรบหรอกครับที่ท่านเก่ง ต่อให้เป็นสนามธุรกิจ ท่านก็ยังนับว่าเป็นปีศาจอยู่ดี


          ส่วนทำไมผมยังคงรับผิดชอบทุกอย่างเหมือนดั่งตอนออกหน้าเป็นคุณหนูผู้นำตระกูลคนต่อไป ก็เพราะว่าถึงผมจะย้ายมาอยู่เมืองไทยแล้ว และคุณยายท่านก็ตามใจผมทุกอย่าง ให้อิสระกระทั่งการเลือกคนรักหรือโรงเรียน ทว่าท่านก็ขอไว้ครับ ตราบใดที่ผมยังไม่เจออนาคตของตัวเอง ก็ให้มาฝึกกับท่านต่อไปเรื่อยๆก่อน


          สำหรับผมมันก็โอเคครับ จะเรียกว่าชินไปแล้วก็ได้ เพราะถูกสอนหนักๆมาตั้งแต่ยังเล็ก มาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่เฉยๆ เป็นแค่เด็กที่ไม่มีภาระอะไร ก็ต้องขอบอกตามตรงว่าไม่ชิน และรู้สึกไม่ใช่ครับ ผมไม่ชอบนั่งโง่ๆปล่อยให้เวลาผ่านไปเฉยๆ ผมชอบการเรียนรู้ กระหายในการได้ทำอะไรหลายๆอย่าง รักเวลาทุกอย่างอยู่ในการควบคุม ชอบความรู้สึกตัวเองอยู่เหนือคนอื่น ส่วนคุณยายก็เหงา ไม่มีใครให้สั่งสอน

          สุดท้ายผมกับคุณยายก็ต้องกลับมาในจุดเดิม ในแบบปรับตัวเข้าหากันและรับฟังกันได้พอดีครับ


          นอกจากเทมต้องเรียนพิเศษ ผมก็ต้องเรียนพิเศษทุกเย็นหรือช่วงมีเวลาว่างเช่นเดียวกัน ตกดึกก็ค่อยลงสนามจริงทำงานส่งให้คุณยายดู และคะแนนของผมก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จริงๆแล้วจุดเล็กๆที่คุณยายว่าพลาด ก็แค่ผมเขียนตัวย่อแทนเขียนตัวเต็ม แต่อย่างว่าล่ะครับ อาจารย์เจ้าระเบียบระดับตำนาน ต่อให้ละเอียดเล็กเป็นเพียงฝุ่นผง หากผิด ท่านก็บอกว่าผิด หักคะแนนไม่ไว้หน้า


          ผมตอบอีเมลบอกขอโทษกับคุณยาย และเริ่มเปิดประชุมหน้าจอ บนจอเล็กปรากฏหน้าอาจารย์หลายวิชาของผม ทั้งอาจารย์สอนภาษา สอนธุรกิจ สอนจิตวิทยา ดนตรี เสียงทักทายหลายภาษาทักทายออกมา ผมตอบกลับทุกภาษาด้วยสำเนียงใกล้เคียงเจ้าของ เริ่มหยิบสมุดหนังสือเข้าบทเรียนต่อไป


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


          "หมูหย็องครับหมูหย็องๆๆๆ เจ้ไก่หย็องๆๆ โทร โทรมาเรียกไปทานข้าวเย็นครับ"

          "หมูกำลังไปครับ"


          หลังจากทานข้าวเย็นแสนน่ารำคาญเพราะเฮียปลาหย็องกลับมาบ้านเสร็จ ผมก็ขึ้นมาอาบน้ำเตรียมตัวนอน อืม จริงๆคือส่งเทมเข้านอนแล้วผมก็มานั่งจมปุกที่เดิมจนถึงเที่ยงคืน ถึงได้ขึ้นเตียงนอนครับ


          เฮ้อ...แล้วสิวผมจะหายไหมครับแบบนี้





          ต่อให้นอนดึกเพราะโหมงานขนาดไหน ผมก็ยังคงตื่นตรงเวลา รวบดึงสติหอบหิ้วร่างกายตัวเองไปห้องออกกำลังกาย เทรนจนครบเซ็ทก็พาตัวเองมาปลุกเด็กน้อยหลับอุตุบนเตียงกลางห้อง เทมปุระลืมตากลมจ้องมอง ไม่ใช่คำว่า 'อรุณสวัสดิ์ครับ' อย่างทุกทีที่ออกจากปากเขาเป็นอย่างแรกของวัน แต่เป็น...



          "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องลืมแล้วหรือยังครับ วันนี้ก็จำไม่ได้ใช่ไหมครับ"



          คำถามถามย้ำว่าผมลืมไปแล้วจริงๆใช่หรือไม่ แต่เล่นย้ำกันแต่เช้าแบบนี้ ต่อให้ผมลืมไปจริงๆ ก็จะนึกขึ้นได้เพราะเขานี่ล่ะครับ

          ดวงตาใสจองมาตาแป๋ว...ที่เคร่งเครียดมาทั้งคืน หายไปหมดเลยครับ ผมหัวเราะเสียงดังให้คนทำหน้าจริงจังมองผม ก้มลงฟัดแก้มคนเก็บความลับเป็นอย่างดี


          "หึหึ หมูลืมไปหมดแล้วครับ"



          ลืมไปหมดจริงๆครับ ทั้งความเหนื่อยล้าและทุกอย่าง เจ้าก้อนความลับของผมเก็บใส่กล่องไปเสียหมดขนาดนี้ อืม จริงๆแล้วก็เป็นความลับของผมนะครับ เป็นความลับว่าทำไมผมถึงยังยิ้มและมีความสุขในแต่ละวันได้ เป็นความลับว่าผมเอากำลังใจมาจากไหนมากมาย เป็นความลับที่อยากเก็บเอาไว้คนเดียวตลอดไปเลยครับ




               เจ้าก้อนความสุขแก้มนุ่มแสนพิเศษคนนี้น่ะ







         






          end 36 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง


คนดี เราอยู่ด้วยกันมาครบ60วันแล้วนะคะ ♥
ฮือออออ ขอบคุณทุกคนทุกคอมเมนท์และทุกยอดวิวมากเลยนะคะ สำคัญต่อกำลังใจในการเขียนมั่กมากเลยค่ะ TvT





หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 36 * 30/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 01-11-2018 00:51:46
มีแต่ความสุขลอยวน ...

ย้ำ เรื่องนี้ ไม่มีดราม่าแน่นอนใช่ไหมคะ?

ถ้าคำตอบคือ ไม่ดราม่า ... ฮือ ฮือ ดีต่อใจ
อ่านวนไป อ่านวนไป
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 36 * 30/Oct/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 01-11-2018 19:22:03







37












          วันเสาร์ 30 ตุลาคม หนึ่งวันก่อนวันที่ 31 ตุลา หนึ่งวันก่อนวันฮาโลวีน
          ถ้าหากคุณไม่ได้ซื้อลอตเตอรี่แล้วเฝ้ารอรางวัลออกตอนต้นเดือน หรือชื่นชอบเทศกาลปล่อยผี ก็จะเป็นเพียงวันธรรมดา


          "หมูหย็องครับ หมูหย็อง!!" ทว่าสำหรับเด็กชายฟ้าประทาน วันนี้เป็นวันพิเศษครับ


          จริงๆต้องบอกว่า เป็นวันก่อนวันพิเศษ


          วันที่สามสิบเอ็ดของเดือนตุลา เป็นวันที่เทมรักมาก ชอบมาก นอกจากจะเป็นวันเกิดเจ้าตัวแล้ว ก็เพราะเป็นวันฮาโลวีน วันแห่ง 'การแจกขนม' อีกด้วย แน่นอนครับสำหรับคนรักขนมของหวานเป็นชีวิตจิตใจอย่างเขา ก็ไม่พลาดที่จะเก็บวันนี้เข้าเป็นวันโปรด เด็กชายตั้งตานับถอยหลัง หยิบปากกากาปฏิทินรอตั้งแต่เมื่อสิบวันก่อน พอย่างเข้าวันจันทร์ เขาก็แทบจะไม่หลับไม่นอน

     
          "เทม เทมพร้อมแล้วครับ!" คนตื่นเต้นตอนนี้ใส่รองเท้ารัดส้นสีดำติดสัญลักษณ์รูปหัวกะโหลก กางเกงสีดำสามส่วน เสื้อยืดสีส้ม ตรงกลางสกรีนโดราเอม่อนแต่งตัวเป็นพ่อมด พร้อมหมวกสีส้มลายฟักทองฉีกยิ้มน่าสยองอย่างแจ็คโอแลนเทิร์น เป้สีฟ้าสดใสก็ถูกเปลี่ยนเป็นกระเป๋าหัวซอมบี้สีเขียว คนเห่อวันฮาโลวีนไม่แพ้ใครวิ่งเข้ามาหา ใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้มเจิดจ้าสวนทางเสื้อผ้าที่สวมใส่


          "ไปกันเลยนะครับ ไปกันเลยนะๆๆๆ นะครับหมูหย็องๆๆๆ" เด็กชายวิ่งเข้ามาเร่งเร้า ผมหัวเราะให้เด็กน้อยคนเห่อที่ตื่นเต้นกระสับกระส่ายตัวสั่นตัวคลอน เขาตื่นแต่เช้ามืดพร้อมผมเลยครับวันนี้ ไปนั่งเฝ้าผมออกกำลังกาย ทานข้าวเช้าอย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้รีบออกไปเดินห้างสรรพสินค้าซื้อของเข้าบ้านไวๆ

          พฤติกรรมน่ารัก เรียกรอยยิ้มให้ก่อเกิดบนปากของผมเช่นเดียวกัน


          "ไปกันเลยนะครับ" จับมือคนดีใจจนกระโดดโลดเต้นให้เดินตรงไปขึ้นรถ ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวไปไหน น้องชายคนเล็กของผมวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมพี่เลี้ยงของเจ้าตัว


          "เฮ้ยๆๆๆๆ! เทมใจเย็นนนนน รอหย็องด้วยยยยยย"


          ....ลืมไปเลยครับ ว่าหย็องหย็องขอไปด้วย....


          "ไม่ลืมๆๆๆนะครับ ไม่ลืมหย็องหย็องนะครับ เทมกับหมูหย็องจะไปรอบนรถเฉยๆๆนะครับ"

          "เออ หย็องเชื่อเทมนะ แต่หย็องไม่เชื่อเฮียหมูเลยว่ะ ขืนมาไม่ทันนี่คงปิดประตูใส่หน้า แล้วสั่งลุงชื่นออกรถทันทีแหงๆ"



          ...นับว่าน้องชายรู้จักนิสัยพี่ชายตัวเองดีในระดับหนึ่ง...


          ผมตวัดตามองน้องชายแววตาดุ  หย็องหย็องตั้งแต่มาไทยก็ติดเพื่อนมาก นิสัยเถื่อนๆในโรงเรียนชายล้วนก็คงจะห้ามลำบาก แต่ติดคำหยาบมาเยอะจนเผลอเอามาพูดกับผู้ใหญ่นี่ดูไม่ดีเลยครับ ต้องปรามกันบ้าง


          "หย็องหย็อง เฮียบอกกี่ครั้งแล้ว อย่าพูดไม่เพราะต่อหน้าเทม แล้วก็เพลาๆวะๆเว้ยๆบ้าง หม่าม้าก็บอกไม่ใช่หรือไงครับ"

          "โหหหหหห ทีอาเจ้ไก่ยังพูดได้เลย! ก็ได้ครับๆ ขอโทษๆ โอเคป่ะ ก็หย็องชินเวลาพูดกับเพื่อนอ่ะ ...ป่ะๆๆๆ ขึ้นรถกันดีกว่า"           


          เจ้าตัวแสบไม่มีสำนึก ขอโทษแบบขอไปที ยิ้มเผล่เข้ามาเกี่ยวแขนลากพวกผมไปขึ้นรถเมินความผิดตัวเอง เหนื่อยใจกับน้องชายคนเล็กมากครับ ยิ่งโตยิ่งไม่ค่อยฟังใคร อยากจับไปให้คุณยายสั่งสอนเสียให้เข็ดหลาบ


          พวกผมนั่งรถกันมาไม่นานก็ถึง ด้วยความยังเช้าอยู่มาก กอปรกับองค์ชายน้อยรบเร้าให้ออกมาเร็วๆ พวกเราสี่คนมาก่อนประตูห้างเปิดเสียอีกครับ


          "อ้าว ห้างยังไม่เปิดเลย"

          "ยังๆๆๆไม่เปิดจริงๆๆด้วย แต่เดี๋ยว เดี๋ยวก็เปิดนะครับหย็องหย็อง ไม่ ไม่ต้องกลัวนะ"

          "หย็องไม่กลัวหรอกเทม เทมดิไม่ต้องกลัว ใจเย็นๆ อีกสิบนาทีก็สิบโมงแล้ว"

          "สิบโมงๆๆ ห้างก็เปิดใช่ไหมครับ"

          "ใช่ๆ ไม่ต้องทำหน้าจะร้องไห้เว้ย เราลูกผู้ชาย พวกเราแม่งจะร้องไห้เพราะมาก่อนห้างเปิดไม่ได้"

          "หย็องหย็อง อย่าพูดแม่งใส่เทม " ผมขมวดคิ้วบอกย้ำ

          "โห เฮีย นิดๆหน่อยๆอ่ะ ไม่โกรธดิ ใช่มะเทม" หย็องหย็องสะกิดเทมปุระ เด็กน้อยของผมดูมึนงง จนเด็กผู้กำลังหาพรรคพวกต้องเขย่งตัวกระซิบบอก เทมถึงพยักหน้าหงึกๆ

          "นิดๆๆน้อยๆๆ ไม่เป็นไรนะครับหมูหย็อง เทม เทม เทมรู้ว่าหมูหย็องกับคุณแม่ไม่ชอบ เทม เทมจะไม่พูดตามหย็องหย็องนะครับ ไม่พูดนะๆๆๆ เทมไม่พูดนะๆๆ ไม่ดีๆ" ว่าพร้อมส่ายหน้าพึ่บพั่บยืนยัน

          "พูดแบบนี้ถอดรองเท้ามาตบหย็องเถอะเทม... โดนเฮียดุไม่เจ็บปวดเท่าเทมว่าเลยนะเนี่ย..."

          "เทม เทมไม่ได้ว่าหย็องหย็องนะครับ ไม่ร้องๆๆนะครับ"

          "ครับ ครับ หย็องไม่ร้องครับ เฮ้ย! เปิดแล้ว!"

          "ป-ป-ป-เปิดแล้ว!! หมูหย็องครับ หมูหย็องครับ!!" ผมรีบเดินไปจับต้นแขนคนตื่นเต้นจัด เข้าไปจับจูงมือเขาก่อนร่างสูงจะวิ่งจนหกล้มคะมำ พอกดลิฟต์เตรียมไปชั้นเจ็ด เพื่อเลือกเครื่องแต่งบ้านก่อนเป็นชั้นแรก กลุ่มก้อนผมสีทองสว่างก็เข้ามาใกล้
          หย็องหย็องเขย่งกระซิบบอกผมเสียงเบา

          "เฮียหมูๆ หย็องต้องไปซื้อของขวัญให้เทมอ่ะ เดี๋ยวเราแยกกันเลยแล้วกัน จะกลับเมื่อไหร่ค่อยโทรบอกหย็องนะ ผมไปโซนขายของสัตว์เลี้ยง เฮียอย่าพาเทมไปนะเว้ย เดี๋ยวเจอกันแล้วจะโป๊ะแตก"


          ไม่ต้องสงสัยเลยครับ ว่าของขวัญปีนี้จากชาโรนอฟคนสุดท้อง ก็คงจะไม่พ้นชุดอุปกรณ์เลี้ยงด้วง ไม่ก็เลี้ยงมด อยากจะบอกไม่ต้องซื้อให้เทมหรอก ถ้าอยากจะให้จริงๆ เดินไปซื้อลูกอมจากในร้านสะดวกซื้อยังดีเสียกว่า ของปีก่อนๆ ผมยังไม่ให้เด็กน้อยของผมเล่นเลยครับ กลัวเจ้าตัวทำตายแล้วจะเสียใจจนร้องห่มร้องไห้ แต่ก็เลือกเงียบ พยักหน้ารับ

          ตอบรับไปดีกว่าให้หย็องหย็องไปขนด้วงตัวเป็นๆมาให้เทมมากครับ...



          "อย่าออกนอกห้างนะครับ มีอะไรก็โทรมา เข้าใจไหม"

          "เข้าใจคร้าบบบบบ เทมๆ หย็องไปธุระก่อนนะ เดี๋ยวค่อยเจอกันตอนกลับ"

          "อ้าวๆๆๆๆ ทำไมหย็องหย็องไม่อยู่กับเทมเหรอครับ เทม เทมจะชวนไปดูช็อกโกแลตด้วยกัน หมูหย็องบอกว่ามี มีเป็นรูปสัตว์เยอะๆๆเลย เทมว่าน่าจะมีด้วงด้วยนะครับ ด้วงๆๆที่หย็องหย็องชอบไงๆๆ"

          "เฮ้ย! จริงป่ะ! อยากไป อ้ากกกก แต่ไปไม่ได้ โอ้ยยยย งั้นเทมซื้อมาให้หย็องด้วยนะ หย็องต้องไปธุระจริงๆ ไปแล้วๆๆ"


          ว่าเสร็จเจ้าตัวก็จับมือพี่เลี้ยงวิ่งพรวดออกไป ทิ้งเด็กน้อยของผมยืนงงอยู่หน้าลิฟต์กับความมาไวไปไวของเจ้าตัว เทมดูหงอยลงนิดหน่อยเมื่อถูกเพื่อนตัวน้อยทอดทิ้งกลางทาง


          ผมก้าวเข้าไปยืนเคียงข้าง เผื่อแผ่รอยยิ้มให้คนข้างกาย

          "ไปกับหมูนะครับ เดี๋ยวเราไปซื้อของตกแต่งด้วยกัน เทมอยากได้ลูกโป่งแบบไหนดีครับ"

          "เทมอยากได้ลาย ลายพี่ม่อนผสมฮาโลวีนครับ ริน รินบอกว่าฮาโลวีนจะมีของแบบใหม่ๆๆๆออกมาด้วยครับ แล้วก็ๆๆๆ เทมอยากได้ขนมไปแจกทุกคนเยอะๆๆๆด้วยครับ ซื้อ ซื้อของขวัญให้คุณแม่ด้วยนะครับ แล้วก็ๆๆๆ"


          องค์ชายน้อยของผมร่ายรายชื่อสิ่งของที่อยากได้เยอะแยะจนแทบหายใจไม่ทัน ใบหน้าขาวนวลเปล่งประกายไปด้วยความความร่าเริง บรรยากาศแจ่มใสแผ่ออกกว้าง จนนึกอยากให้วันฮาโลวีนยืดยาวออกไปทั้งสามร้อยหกสิบห้าวัน ให้เขายิ้มอย่างนี้ให้ผมดูตลอดทั้งปี


           คงเพราะห้างเพิ่งเปิด ทั้งชั้นจึงค่อนข้างโล่งไร้ลูกค้ากลุ่มอื่น มีเพียงพนักงานยืนประจำจุด บนชั้นนี้การตกแต่งทั่วอาณาบริเวณล้วนถูกประดับให้เข้ากับเทศกาล ไม่ว่าจะมองไปทางไหน สีส้มและสีดำที่เป็นจุดเด่นของวันฮาโลวีนก็กระจายไปทั่ว ของทุกสิ่งถูกเพิ่มเติมรายละเอียดใส่เข้าไปให้กลายเป็นเหล่าภูตผีปีศาจ ไล่ตั้งแต่แบบน่ารักไปจนถึงเหมือนของจริงราวกับมีชีวิต


          เทมปุระเข้ามาเกาะแขนผม เขายกมือขึ้นปิดหน้าครึ่งหนึ่งซ่อนตัวเองเอาไว้ ค่อยๆแง้มอีกครึ่งมอง เหมือนเวลาคนกลัวผีดูภาพยนต์สยองขวัญ อีกข้างก็จับชายเสื้อเดินตามผมต้อยๆ


          "หมูหย็องครับหมูหย็อง อย่า อย่าเดินเร็วนะครับ เดินเสียงเบาๆๆกันนะครับ เดี๋ยวพวกเขาตกใจๆๆแล้วลุกขึ้นมานะครับ"


          เดินจนมาถึงโซนชั้นของประดับตกแต่ง เป็นโซนกว้างๆที่มีของเข้ากับเทศกาลมากมายวางเรียงให้หยิบซื้อ บนตู้โชว์เต็มไปด้วยของน่ากลัวสมจริงหลายอย่าง ด้านสุดของขวามือมีหัวหมาป่าขยับได้พร้อมเสียงเห่าหอน ตุ๊กตาผีส่งเสียงกรรโชก ด้านซ้ายมือมีอุปกรณ์การแต่งตัวชุดผีแบบนานาชาติ หรือชุดสำเร็จรูป ผีคลาสสิคแสนป๊อบปูล่าอย่างท่านเค้าท์แดรกคูลาถูกติดป้ายสินค้าขายดี วางต่อกันเป็นชุดแฟรงเกนสไตน์ที่บรรจุในถุงพร้อมสีทาตัวสีเขียวกระปุกใหญ่ เจียงซือผีดิบของจีน จวบจนถึงผีไทย กระสือ กระหัง แม่นาคก็มีพร้อมครบสรรพให้เลือกสรร


          เดินมาอีกหน่อยจะเจอชั้นวางที่มีของน่ากลัวจนทำให้เด็กร้องผวาได้ไม่ยาก ตอนนี้มีเด็กคนหนึ่งถูกเล่นงานเข้าอย่างจัง เทมปุระกำลังตกใจกับขวดแก้วใบใหญ่ที่บรรจุอัดแน่นเต็มไปด้วยนัยน์ตานับร้อยดวง เด็กน้อยถามอย่างวิตกกังวล


          "หมูหย็องครับหมูหย็อง เขา เขา เขาไม่มีชีวิตใช่ไหมครับ ทำไมๆๆๆเหมือนจริงๆจังๆจังเลยครับ"

          "ไม่มีชีวิตครับ เขาแค่ทำลอกเลียนแบบ"  ผมหัวเราะในลำคอให้นางฟ้าน้อยขี้กลัว

          "อ๋อๆๆๆ เทม เทมเชื่อหมูหย็องนะครับ โล่งๆๆหัวใจหมดเลย หมูหย็องดูอันนี้สิครับ มีโหลๆใส่ลูกตาด้วย ต-แต่เขาไม่ได้ไปเอาช้อนตักคุณลูกตาของใครมาใช่ไหมค-ครับ...?"  เขาถามหน้าซีด

          "ของปลอมครับ เทมลองจับดูไหม เผื่อเขาจะซ่อนลูกเล่นอะไรเอาไว้ ถ้าชอบจะได้ซื้อกลับบ้านกันนะครับ"


          เทมยืนจดๆจ้องๆ โหลใหญ่บรรจุลูกตาเหมือนของจริง พอทำใจกล้าแตะไปที่ขวดโหลเพื่อพิสูจน์ เบิกตาปี๋ของตัวเองขึ้นมอง แต่เพราะเผลอออกแรงมากไป หรือโดนสวิตช์พอดีก็ไม่อาจทราบได้ ข้างในแก้วใสสั่นไหว เจ้าลูกตาขยับดุกดิก เซนเซอร์ตรวจจับทำงาน ไฟสีเขียวถูกเปิดออก เด็กน้อยร้องจ๊ากวิ่งเข้ามาหลบด้านหลังผมทันที

         
          "ข-ข-ขยับได้ด้วยครับ! ไม่เอาแล้วๆๆๆ เทมไม่เอาแล้วๆๆๆครับ คุณลูกตาอย่าโกรธเทมนะ เทมขอโทษครับๆๆๆ ไม่จับแล้วครับ เทมจะไปหาคุณฟักทองๆๆแทนนะครับ ฮึก"


          นางฟ้าน้อยหุบปีกหุบแขนชิดลำตัวจนน่าสงสาร ผมได้แต่ยิ้มกริ่มลูบปลอบหัวคนซุกหลัง บอกเขาเสียงกลั้วหัวเราะ

          "หึหึหึ เพราะเทมไปโดนปุ่มพอดีไงครับ ดูสิครับ เป็นโคมไฟไง"

          "จริงๆๆเหรอครับ...? ไม่หลอกๆๆๆคุณผีใส่เทมนะครับ?"  เสียงอู้อี้ดังอยู่กับแผ่นหลัง เด็กชายฟ้าประทานยังไม่กล้าออกมาสบดวงตานับร้อยในโถใส เป็นเด็กน้อยขี้กลัวที่เกิดในวันฮาโลวีนได้อย่างน่ากลั่นแกล้ง       

          "ไม่หลอกครับ เทมลองจับดูสิครับ พอแตะแล้วจะมีไฟหลายสี เทมชอบไหมครับ ซื้อไปวางตกแต่งหมูก็ว่าดีนะ"

          เขาลองจับอย่างกล้าๆกลัวๆอีกครั้ง จับได้ไม่ถึงสามวิ แล้วก็รีบผลักมือผมให้เอาไปวางบนชั้นดังเดิม

          "ท-ท-ท-เทม เทมว่า เทมว่า คุณลูกตาเยอะๆๆ น-น่ากลัวไปนะครับหมูหย็อง เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยวเพื่อนๆคนอื่นจะกลัว จะกลัวเอานะครับ ไป ไปดูอย่างอื่นกันนะครับ นะๆๆๆครับ"


          หึหึหึ เพื่อนคนอื่นกลัว หรือเจ้าของงานกลัวเองกันแน่ครับ...หืม


          ผมเดินดูกันอีกหลายอย่าง พอตัดสินใจเลือกได้บ้างแล้ว ก็ไปเข็นรถเข็นมาใส่ ชิ้นไหนใหญ่เกินไป ก็ให้เขาไปส่งให้ที่รถตู้หรือที่บ้าน หลังเดินดูของประดับทั่วชั้นกว้างแล้วผมยังไม่พอใจเท่าที่ควร ได้ของน้อยกว่าที่คิด ถึงจะใช้ครั้งเดียวแล้วโละทิ้ง แต่ผมก็ไม่ชอบงานไม่ประณีตครับ 

          ตัดสินใจเดินไปร้านเฟอร์นิเจอร์เจ้าประจำ เรียกพนักงานให้เอาหนังสือมาให้เลือกเพิ่มเติม

          ระหว่างผมดูแค็ตตาล็อกสั่งซื้อของนอกเหนือจากที่มี เด็กน้อยก็เข็นรถเข็นเล่นสบายใจ พอเห็นเขาเล่นสนุก ผมเอนตัวนั่งพิงโซฟา กวาดสายตาเลือกซื้อของไปตกแต่งวันเกิดเขา พร้อมเฝ้าสลับมองดูแลเด็กน้อยข้างนอกไปด้วย
          ผ่านไปสักพัก หางตาของผมก็เห็นเด็กชายฟ้าประทานพยายามเข้าไปนั่งในรถเข็น  หันขวับกลับไปมองอีกครั้ง คนตัวโตของผมกำลังปีนจะขึ้นไปนั่งในรถเข็นจริงๆ


         จะไม่ห้ามเลยครับ ถ้าแขนเขาไม่มีแผลจนประคองตัวเองได้ดี ไม่ใช่โยกเยกไปมา ตั้งท่าจะพาทั้งตัวเองแล้วก็รถล้มคว่ำกับพื้นแบบนั้น


          รีบส่งเสียงห้ามทันที

          "เทมครับ อย่าเข้าไปนั่งในรถเข็นนะครับ! เดี๋ยวจะล้ม"

          นางฟ้าของผมรีบยกขาออก ทำหน้าหงอย อา...ไว้วันหลังค่อยสั่งรถเข็นยักษ์ให้เขานั่งเล่นแล้วกันนะครับ


          ผมกวักมือเรียกเด็กชายผู้อยากเข็นรถเล่นต่อ พอตื่นเต้นมากๆแล้วเทมอยู่นิ่งๆไม่ค่อยได้ครับ ห่างสายตา ประเดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุอีก เรียกมานั่งข้างผมดีกว่า

           "มานั่งกับหมูสิครับเทม มาเลือกของตกแต่งงานวันเกิดกันนะครับ"

          เขายอมปล่อยมือจากรถเหล็กสีเงิน เดินมานั่งลงข้างๆ รับหนังสือจากผมไปเปิดดู


          พนักงานขายสมเป็นมืออาชีพจนน่าชื่นชม แม้จะเห็นผู้ชายสูงร้อยเจ็ดสิบกว่าพยายามปีนป่ายพาตัวเองลงบนรถเข็นหรือเด็กชายที่ซื้อของกลับบ้านร่วมแสน ก็ไม่ทำสีหน้าตกตะลึงตกใจ ถามซอกแซกให้กระอักกระอ่วน ยังคงแย้มยิ้มโฆษณาต่อไม่มีสะดุด พอเห็นเทมมานั่ง ก็โบกมือให้เอาขนมมาวางเสิร์ฟ บริการเป็นอย่างดี

          สมแล้วที่เป็นร้านเจ้าประจำที่มาซื้อทุกปี



          "โลงศพปลอมอันนี้รายละเอียดดีมากเลยนะครับคุณหนู ต่างจากของปีก่อน เพราะเราใช่คริสตัลแท้จากแบรนด์ xyz รอบก่อนจะเป็นแบบกระจก แล้วมัมมี่ปลอมตัวนี้ก็สามารถถอดผ้าพันออกได้ ดียิ่งกว่าเวอร์ชั่นเดิมคือสามารถซักกับเครื่องได้ครับนับว่าสะดวกมากๆ ยิ่งตอนนี้มีโปรโมชั่นพิเศษอีกด้วย หากซื้อครบชุดเซ็ตฮาโลวีนอียิปต์ทั้งเซ็ท หรือซื้อครบสามหมื่นบาท จะได้เป็นเทียนหอมลิมิเต็ดลายสฟิงซ์กลิ่นซากศพด้วยนะครับ"


          ปีนี้ผมคิดธีมงานวันเกิดให้เด็กน้อยเป็นผีจากอียิปต์ครับ จำพวกมัมมี่ สฟิงซ์ มีสั่งของจากต่างประเทศเข้ามาบ้างแล้ว ในชุดเซ็ทนั้นก็มีของบางชิ้นซ้ำกับที่ผมสั่งไว้ก่อนล่วงหน้า แต่ก็ช่างเถอะครับ เกินดีกว่าขาด


          "ครับ งั้นผมเอาเซ็ทนี้ทั้งเซ็ท แล้วมีพวกของตกแต่งเป็นพวกภาพฝาผนังไหมครับ"

          "คุณหนูช่างสายตาแหลมคม หนึ่งเซ็ทนะครับ ส่วนภาพวาดสไตล์อียิปต์ มีให้เลือกในเล่มนี้เลยครับ แล้วไม่ทราบว่ามีคอสตูมสำหรับแต่งตัวกันหรือยังครับ?"

          "มีแล้วครับ"

          "ได้ครับ ถ้าอย่างนั้น นี่ครับ เชิญเลือกได้เลยนะครับ ขาดตกบกพร่องอันไหนไป หรืออยากได้อะไรเป็นพิเศษ สามารถบอกได้เลยนะครับ ทางเราสามารถไปรับของจากสาขาใหญ่ให้ได้ภายในหนึ่งวัน"

          "ขอเวลาเลือกก่อนนะครับ"

          "ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมขอตัวสักครู่ เพื่อเตรียมการของที่สั่งให้นะครับ"


          พนักงานรับรู้สัญญาณต้องการเวลาส่วนตัว เขาลุกขึ้นยืนโค้งนอบน้อมเดินออกไป


          "หมูหย็องครับหมูหย็อง! ปีนี้เป็นมัมมี่ๆๆๆเหรอครับ หมูหย็องจะโดนพันเป็นคุณแหนมๆๆเลยไหมครับ"


          เทมถามถึงชุดของผมเสียงตื่นเต้น ส่วนของตัวเองเขาไม่ถามครับ เขาชอบให้ผมเก็บไว้บอกวันจริงทีเดียว ท่าทางอ้าปากกว้างจนแก้มยุ้ยเด้งไปมาสุดน่ากัด และดีเหลือเกินว่าที่นั่งอยู่กันตอนนี้เป็นโซนไพรเวทสำหรับลูกค้าวีไอพีจึงปลอดคน ความยับยั้งชั่งใจอดกลั้นตั้งแต่เช้าหายไป ก้มลงไปกดจมูกบนแก้มนุ่มนิ่ม


          "เป็นธีมผีอียิปต์ครับ แต่ชุดเทมปีนี้ไม่ใช่มัมมี่นะครับ เป็น..."


          เขารีบเอานิ้วชี้จรดปากผม ส่งเสียงชู่ๆๆจริงจังจนหน้ายู่ตาปิด


          "จุ๊ๆๆๆๆก่อนนะครับหมูหย็อง หมูหย็องอย่าเพิ่งบอกเทมนะครับ เทมจะเก็บไว้ตื่นๆๆเต้นๆๆพรุ่งนี้ วันนี้ วันนี้เทมตื่นเต้นมากเกินไป เก็บไม่หมด ล้นๆๆหมดแล้วครับ เทม เทมไม่ไหวๆๆแล้วครับ"


          ผมยิ้มขำคนตื่นเต้นเกินไปจนเกินขีดจำกัดประจำวัน อ้าปากงับนิ้วชี้สวยของเจ้าตัว ก่อนจะจุ๊บปลอบใจ


          "ได้ครับ งั้นเทมหิวหรือยังครับ นี่ก็บ่ายหนึ่งแล้ว ขอโทษนะครับ หมูเลือกซื้อของเพลินเลย"

          "ไม่ ไม่เป็นไรครับ เทม เทมหิวๆๆๆนิดหน่อยครับ เทม เทมอยากหม่ำคาราเมลปั่น เห็นป้ายแปะบอก มีซอสส้มๆๆราด แล้วก็ๆๆ บนวิปปิ้งครีมมีคุณแยงมุมด้วย! ฮาโลวีนม้ากมากๆๆเลยครับ"

          "แมงมุมครับ"

          "คุณแมงมุมๆๆครับ"

          "เดี๋ยวหมูเลือกตรงนี้เสร็จ แล้วเราไปทานข้าวกันนะครับ"

          "เทมรอ รอๆๆนะครับ เทม เทมนั่งเรียบร้อยรอหมูหย็องนะครับ" เจ้าก้อนน่าเอ็นดูยิ้มกว้าง นั่งนิ่งรอเรียบร้อยอย่างที่ว่าไว้  อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบผมลื่นมือเล่น


          ใจจริงก็อยากเลือกของเยอะกว่านี้นะครับ แต่ดูเวลาจากในนาฬิกาก็เกือบจะบ่ายสองแล้ว เกินเวลาทานข้าวเที่ยงขององค์ชายน้อยไปมากโข ถึงจะรองท้องด้วยขนม แต่ก็ควรหาอะไรเป็นหลักเป็นแหล่งให้เขาทานดีกว่า ตัดสินใจว่าถึงเวลาควรย้ายตัวเองและเขาออกจากแผนกซื้อของไปร้านอาหาร รีบเลือกของตกแต่งชิ้นสุดท้าย จ่ายเงิน สั่งให้ไปส่งที่บ้านตอนพรุ่งนี้เช้า รอจนทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมก็พาเทมไปหาข้าวทาน


          เราเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังร้านหนึ่งเป็นมื้อเที่ยง ตรงหน้าของผมเป็นซูชิกับซาซิมิ ส่วนเด็กน้อยไม่ทานปลาดิบ ผมจึงสั่งเป็นข้าวหน้าปลาไหลและกุ้งเทมปุระให้เจ้าตัวทาน เขาใช้ส้อมจิ้มคุณกุ้งมาวางใส่จานของผม เทมใช้ตะเกียบไม่เป็นครับ เลยใช้ช้อนส้อมแทน


          "เทมให้คุณกุ้งเทมปุระตัวใหญ่ที่สุดนะครับ หมูหย็องทานเยอะๆๆนะครับ"

          "เทมชอบไม่ใช่หรือครับ อิ่มหรือเปล่า เดี๋ยวหมูสั่งเพิ่มให้นะ"

          ผมหันไปเรียกพนักงานมาสั่งเพิ่ม พอจานใหม่มา เจ้าตัวก็ยังคงตักตัวใหญ่สุดมาให้ผมอยู่ดี

          "หมูหย็องครับๆๆๆ! ดูสิๆๆ เทมจะทานตัวเองด้วยนะ เทมปุระทานเทมปุระล่ะครับ! ง่ำๆๆๆ เทมปุระอร่อยมากเลยครับ เทมปุระชอบเทมปุระม้ากมากกกก" เขายิ้มกว้างจนตาปิด


          ผมนั่งเท้าคางมองเขาเคี้ยวข้าวแก้มตุ่ยเพลิน จนคนข้างตัวหันมาเอียงคอถาม


          "ทำไมหมูหย็องไม่ทานล่ะครับ หมูหย็องหม่ำๆๆนะ หม่ำๆๆนะครับ อร่อยๆๆ เทมช่วยตัดคุณกุ้งให้นะครับ"
       
          เทมช่วยเอามีดหั่นกุ้งเป็นเป็นชิ้นพอดี เลื่อนจานมาตรงหน้า ตาโตคาดหวัง พอเห็นผมจับตะเกียบคีบเข้าปาก บอกว่าอร่อย เด็กน้อยก็อารมณ์ดี หัวเราะคิกคักพออกพอใจ เล่นมุกตลกทานตัวเอง สดใสจนถึงถึงคำสุดท้าย




          พอทานข้าวเสร็จ เราก็มุ่งสู่โซนของหวานเพื่อตะล่อนกว้านซื้อขนมให้เทมเอาไปเล่น trick or treat กับคุณพ่อบ้านคุณแม่บ้านครับ ซื้อเยอะในระดับล้นทะลักรถเข็น ต้องให้พนักงานมาช่วยถือ ยามนี้เหลือภารกิจชอปปิงอย่างสุดท้าย คือของขวัญของคุณป้า หรือคุณแม่ของเทมครับ



          "อืม งั้นหมูซื้อเป็นน้ำหอมนะครับ เทมล่ะครับ"

          "หมูหย็องซื้อน้ำหอมให้คุณแม่เหรอครับ หอมๆๆดีจังเลยครับ แต่ แต่ เทม เทมยังเลือกไม่ได้เลย ไม่รู้อันไหนคุณแม่จะมีความสุขสูงสุดๆๆ ที่สุดๆๆ"


          เด็กน้อยลังเล เขาเลือกไว้หลายอย่าง ทั้งที่คาดผม ชุดสวย กระเป๋าเก๋ รองเท้าดีๆ แต่ยังตัดสินใจเลือกชิ้นใดชิ้นหนึ่งไม่ได้ ครั้นผมจะซื้อให้ทั้งหมด เขาก็ขอว่าอยากใช้เงินค่าขนมของตัวเอง

          ท่าทางจริงจังแสนตั้งอกตั้งใจ ผมแน่ใจว่าต่อให้แค่เด็ดดอกหญ้าจากข้างทาง หรือซื้อน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ง่ายๆไปให้ ตราบใดที่มาจากความตั้งใจจริงของลูกชายสุดที่รัก ผมว่าคุณป้าก็มีความสุขจนหาอะไรมาเทียบไม่ได้แล้วล่ะครับ


          "ขอแค่เทมตั้งใจเลือกให้ หมูว่าคุณป้าต้องมีความสุขที่สุดแน่นอนครับ"

          เจ้าแก้มนุ่มพอได้ฟัง ก็ยิ้มแก้มป่อง เขาพยักหน้ากับตัวเอง ดูท่าว่าจะตัดสินใจเลือกได้แล้ว  เทมปุระจับมือผมวิ่งตุบตับไปแผนกรองเท้าที่เดินเลือกกันมาแล้วสามรอบ ก้มลงหยิบคัทชูคู่สวยหนึ่งคู่แนบอก  ยิ้มกว้างจนตาหยี

          "งั้นๆๆ เทม เทมซื้อ ซื้อรองเท้าให้คุณแม่ดีกว่า คุณแม่จะได้เดินสบายๆๆตัวหอมๆๆนะครับ"


          กว่าจะซื้อทุกอย่างครบ ก็ห้าโมงเย็น ท้องฟ้ากลายเป็นสีส้มราวกับเปล่งสีต้อนรับวันฮาโลวีน เราสองคนขึ้นรถกลับบ้าน พักผ่อนจากการเดินขาลากทั้งวัน โดยลืมอะไรบ้างอย่างไปเสียสนิท....



หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 37 * 1/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 01-11-2018 19:22:37



          RRRRRRRRrrrrrr


          ชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์รุ่นล่าสุดเล่นเอาผมคิ้วขมวด

          อา...ดูท่าว่าอะไรบางอย่างที่ถูกพวกผมลืมเสียสนิท กำลังโทรเข้ามาเรียกร้องความเป็นธรรม


          [ เฮียหมูเสร็จหรือยัง!? ทำไมซื้อกันโคตรนานเลยอ่ะ ถ้าจะนานขนาดนี้ก็ซื้อห้างไปเลยเถอะะะ นี่หย็องรอจนไม่ใช่แค่รากที่งอก รอจนยืนต้นออกดอกออกผลแล้วนะเฮ้ย! เมื่อไหร่จะซื้อกันเสร็จ!? ]


          อา...จริงๆก็เสร็จไปตั้งแต่...ผมเหลือบตาขึ้นมองนาฬิกาที่บอกเวลาหนึ่งทุ่ม อืม เสร็จไปตั้งแต่สองชั่วโมงก่อนแล้วล่ะหย็องหย็อง เพียงแต่เฮียไม่ได้บอกนายเท่านั้นเอง...


          "อืม เดี๋ยวให้ลุงชื่นไปรับ"

          [ ให้มารับหมายความว่ายังไง...เดี๋ยวนะ...เฮียคงไม่ได้ชอปปิง ซื้อของเพลินจนลืมน้องลืมนุ่ง แล้วตอนนี้ก็นอนอยู่บ้านสบายใจเฉิบหรอกใช่ไหม...ฮะๆๆ... ]

          หย็องหย็องหัวเราะเสียงแห้งเหี่ยว

          "อืม ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพเรียบร้อย"

          [ โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เฮียแม่ง! โว้ยยยยยยยยยยยยยยยย คอยดูนะ! ผมจะไปขโมยเทมมานอนกก! เฮียแม่งๆๆๆๆโคตรนิสัยไม่ดี หย็องจะฟ้องป๊ากับหม่าม้า! ^%$DS^&SDTUSFHSKFJN:JN:JGNS()*#&(&@($&($&@!! ]



          ผมตัดสินใจกดวางสาย ด้วยรำคาญเสียงโหวกเหวกแหกปากของยูริ โจวิช ชาโรนอฟ เลือกส่งข้อความบอกแทนว่าอีกสิบนาทีรถจะไปรับ ให้อยู่กับคนดูแลไปก่อน

          ส่งไปไม่นานก็ได้รับการตอบกลับ แน่ล่ะครับ คงไม่ใช่คำขอบคุณ แต่ได้มาเป็นข้อความสรรเสริญเชิงเสียดสีตอบกลับมายาวเหยียดหลายหน้ากระดาษ

          ผมกดปิดเสียง เดินกลับเข้าห้องทำงาน ปล่อยให้มันสั่นต่อไปโดยไม่สนใจ



          ช่วยไม่ได้ครับ เจ้าเด็กแสบไม่น่าสนใจเท่านางฟ้าของผมนี่น่า...





                                                       
          เด็กน้อยของผมนอนไม่หลับ เขาวิ่งเข้าวิ่งออกห้องทำงานผมเกินสิบรอบ ไม่ว่าจะพาเขาไปนอนตบหลังตบก้นกล่อม ป้อนของหวานให้ทานจนปากเปื่อยยังไง ดวงตาสีน้ำตาลกระจ่างใสก็ยังคงไร้วี่แววง่วงงุน กลับกัน ยิ่งป้อนยิ่งกลายเป็นคึกคัก เทมปุระตาแข็งค้างเพราะอะดรีนาลีนหลั่งออกมามากเกินไป สาเหตุเดียวก็คือ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงวันเกิดเขาแล้วครับ


          ก๊อก ก๊อก


          เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะถูกเปิดออกโดยคนๆเดิม เทมโผล่หน้าเข้ามา ยิ้มกว้าง บอกผมเสียงดัง

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง! อีก อีกครึ่งชั่วโมง อีก อีกสามสิบนาทีจะเที่ยงคืนแล้วครับ!!"


          ปัง


          กล่าวเสร็จ แล้วเขาก็ปิดประตู วิ่งตึงตังออกไปนั่งหน้าโทรทัศน์ ดูการ์ตูน เตรียมชุด เตรียมขนมของเขาต่อ


           เจ้านาฬิกาเคลื่อนที่เข้ามาแจ้งเตือนผมทุกสิบนาที เข้ามาบอกตลอดว่าเหลือเวลาอีกเท่าไหร่จะถึงวันที่สามสิบเอ็ด ราวกับกลัวว่าผมจะลืม เทมตื่นเต้นไปหมด คึกคักราวกับดื่มเครื่อมดื่มชูกำลังไปร้อยขวด กรี๊ดกร๊าดกับทุกอย่างจนผมกลัวว่าเขาจะเป็นลม


          พรุ่งนี้มีแผนการยามเช้าคือไปเที่ยวอควาเรียม เด็กน้อยที่ดีใจจนวิ่งวุ่นเปิดปิดตู้เสื้อผ้า รื้อชุดออกมากองเลือก เตรียมพร้อมใส่ ทั้งๆที่เขาก็เตรียมเอาไว้ตั้งแต่สองวันก่อน แต่ก็ยังรื้อออกมาเลือกใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนผมต้องเอาขนมมาให้เทมจัดใส่ถุงแทนแก้ฟุ้งซ่าน แต่ก็ดูแก้ไม่ได้เท่าไหร่นัก เด็กชายยังคงวิ่งไปมาราวม้าคึกออกศึกครั้งแรก


          ก๊อก ก๊อก ก๊อก

          อา ผมตัดสินใจจบงานของตัวเองลง หลังได้ยินเสียงเคาะประตูอีกครั้ง บานประตูแง้มออก เผยองค์ชายตัวน้อยของผมที่เหงื่อเต็มใบหน้า ไม่แปลกใจเลยครับ เพราะเจ้าตัวเล่นหยิบนู่นหยิบนี่มาทำไม่หยุด นี่ถ้าไม่ติดว่าดึกแล้ว คงจะวิ่งไปชวนทุกคนมาเล่นหลอกหรือเลี้ยงตั้งแต่ยังไม่วันฮาโลวีนแน่ๆล่ะครับ


          "หมูหย็องครับหมูหย็อง! อีก อีกยี่สิบนาที! จะถึง จะถึงวันที่สามสิบเอ็ดแล้วครับ!"

          พอบอกเสร็จหมดหน้าที่ คุณนาฬิกามีชีวิตก็ตั้งท่าจะเดินออกไป แต่ครั้งนี้ผมไม่ปล่อยเด็กซนไปไหนแล้วครับ

          "เทมครับ มานั่งกับหมูนะ"

       
          เขากระโดดหย็องแหย็งมาหาผม ท่าทางอยู่ไม่นิ่งจนต้องลุกออก แล้วผลักเขาให้นั่งลงแทน ก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายนั่งดีๆ ก่อนจะขึ้นไปคร่อม นั่งลงบนตักแกร่งของคนขยับตัวยุกยิก ยืดสองแขนกอดรวบเจ้ากระต่ายตื่นตูมไว้ในอ้อมกอด กักขังเจ้าหูยาวไม่ให้กระโดดหนีไปไหน


           "หมูหย็อง หมูหย็องมีอะไรเหรอครับ เทม เทม กำลังเขียนข้อความใส่ถุงขนมอยู่นะๆๆๆ ต้องเตรียมตัว เตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้นะครับ อีกสิบแปดนาทีก็จะเที่ยงคืนแล้ว ต้องรีบๆๆๆนะครับ" เสียงทุ้มพูดระรัวจนน่าฉงนว่าลิ้นไม่พันกันหรือไร ผมยิ้มขำคนกระสับกระส่าย หยิบนู่นหยิบนี่บนโต๊ะทำงานของผมไม่อยู่เฉย


          ตัดสินใจป้อนยาด้วยการกดจูบทั่วดวงหน้า ใช้ริมฝีปากลูบตามพวงแก้มชมพูอ่อน ลำคอเรียว หัวไหล่เนียน ลากไล้จากต้นถึงปลาย วกวนกลับมาถึงริมฝีปากสวย กดแช่นิ่งนานกับติ่งเนื้ออ่อน ปลุกปลอบให้หัวใจของเขาที่เต้นรุนแรงสงบลง เมื่อดูว่าเขานิ่งสงบดีแล้ว ถึงผละออกมาบอกเขาเสียงนุ่ม


          "ใจเย็นๆก่อนนะครับเทม เสื้อผ้าก็เอาตัวที่เทมเลือกเมื่อวานก่อนก็ได้ครับ ส่วนขนม ค่อยตื่นขึ้นมาเขียนการ์ดก็ยังทัน ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ วันนี้ทำใจให้สบายแล้วไปนอนกันนะครับ"

          "เทม เทม เทมนอนไม่หลับเลยครับ ตาโตๆๆๆเป็นพี่นกฮูกเลยครับหมูหย็อง"


          ผมกดจูบขมับคนนอนไม่หลับ กอดเขาแน่นขึ้น ลูบหลังเด็กน้อยขึ้นลง กระซิบนิทานเรื่องโปรดของเขาข้างหู เล่าเรื่อยตั้งแต่หมูน้อยสามตัว ไปจนถึงแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ เล่าเรื่องปรัมปราสลับกับป้อนจูบอุ่นจนถึงตีหนึ่งกว่า นัยน์ตาสวยก็ปรือลงให้ชื่นใจ


          "ง่วงหรือยังครับ หืม"

          องค์ชายพยักหน้า ผมค่อยๆลุกออกจากเบาะรองนั่งเพียงหนึ่งเดียวในโลก จับจูงพาเก้าอี้จำเป็นไปขึ้นเตียงนอนอีกครั้ง พอผมพาตัวเองขึ้นเตียง ห่มผ้าห่มให้เราทั้งคู่ กลุ่มก้อนความสุขขยับเคลื่อนเข้ามาใกล้ เทมเข้ามาซุกคอกอดก่าย จ่ายค่าเล่านิทานด้วยรอยประทับร้อนแผ่วเบา เงยหน้าจูบปลายคางผมย้ำๆ พึมพำบอกราตรีสวัสดิ์

          ผมอมยิ้ม หลับตา ตามเขาเข้านิทราไปด้วยอีกคน




          ผมตื่นตามเวลา คว้านมือหา และเป็นอีกครั้งที่ไม่มีคนข้างกายให้กอดรับอรุณ ผมลืมตาลุกขึ้นนั่ง เจ้าตัวเล็กของผมไปไหนกันนะ เข้าห้องน้ำหรือ...? ผมลงจากเตียง ไม่เห็นเขาอยู่ในห้องก็ออกไปข้างนอกแทน เมื่อมองลงไปข้างล่างก็เจอคนที่กำลังตามหานั่งเฝ้านาฬิกาอยู่กลางห้อง ก้าวลงไปตามขั้นบันได


          "เทมครับ ทำอะไรครับ"

          "อรุณสวัสดิ์ครับหมูหย็อง เทม เทมกลัวห่วงยางไม่พอกับเพื่อนๆๆๆครับ เลย เลยรื้อๆๆๆตู้ออกมาใหม่"



          เพราะเพิ่งตื่น สติเลยยังไม่เข้าที่นัก ผมเบิกตากว้างสงสัยกับคำตอบ ว่าเด็กน้อยเตรียมไปทะเลที่ไหน ก่อนจะเข้าใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเรากำลังจะไปดูเหล่าสัตว์น้ำในตู้ปลาขนาดยักษ์

          ถ้าเป็นตู้ปลาเล็กๆตั้งวางไว้เฉยๆก็ไม่เป็นอะไรครับ แต่สำหรับอุโมงค์ที่ต้องเดินลอดผ่าน เทมปุระกลัวมาก เขากังวลว่าเจ้ากระจกใสที่ช่วยกั้นน้ำจำนวนมหาศาลไว้บนหัวจะปริร้าวแตกออก แล้วน้ำมากมายจะทะลักเข้ามาจนพวกเราจม จนเวลาไปอควาเรียมที่มีขนาดใหญ่ เด็กน้อยจะต้องมานั่งเป่าห่วงยาง เตรียมชูชีพสวมไปเสมอ


          ท่าทางขะมักเขม้นเป่าลมใส่ห่วงยางจนแก้มป่องเหมือนปลาทอง น่าเอ็นดูจนใจละลาย


          "ไม่บอกให้พ่อบ้านเตรียมให้ล่ะครับ หืม"

          "เทม เทม ตื่นเช้าๆๆๆ เลย เลยคิดว่ามาเตรียมรอหมูหย็องตื่นดีกว่าครับ"


          เดินมานั่งข้างคนช่างเป็นห่วง มองเขาด้วยแววตาอ่อนโยน นึกรักเขาขึ้นมาจับใจในทุกการกระทำ ผมเลื่อนมือไปจับมือเขาวางชูชีพและห่วงยางหลากหลายสีสันลง เคลื่อนตัวไปจูบมุมปากเนิ่นนาน


          ...สามสิบเอ็ดตุลาคมแล้ว...



           เมื่อคืนเอาแต่เล่านิทานเสียเพลิน จนลืมบอกข้อความสำคัญกับคนสำคัญในวันสำคัญ ผมยิ้มหวานใส่นัยน์ตาสีน้ำตาลสวย โอบกอดเอนหัวซุกไหล่อุ่น เอ่ยบอกด้วยเสียงจริงแท้จากก้นบึ้งของหัวใจ



          "สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่เทม ขอบคุณที่เกิดมาให้รักนะครับ"


         
          ภาพสะท้อนของรอยยิ้มทออยู่บนเงาของโต๊ะที่ถูกขัดจนแวววาว สั่นไหวหัวใจคนมอง วันแสนพิเศษที่นางฟ้าของผมลงมาจุติ ช่างเป็นวันแสนงดงาม สัมผัสได้ถึงอุ่นไอชิดใกล้ เมื่อร่างสูงก้มลงมาจูบขมับ ความร้อนสุมไปทั่วใบหน้าของผม ยิ่งเมื่อเขาเอ่ย



          "ขอบคุณ ขอบคุณน้องหมูหย็องมากๆๆเหมือนกันนะครับ...ที่รักพี่"



          ราวกับปล่อยท่าไม้ตายสุดท้ายให้คู่แข่งแพ้น็อคเอาท์



          อา...เขานี่ล่ะครับ สิ่งอันตรายและน่ากลัวต่อหัวใจของผมที่สุดในวันฮาโลวีน...


               




         











    end 37 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

 
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 37 * 1/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 01-11-2018 21:59:52
 :o8:  :-[  :impress2: เทมเทม น่ารักกก  :o8:  :-[  :impress2: เมื่อไหร่จะโตน้าาาาา หมูหยองคงนับวันรอแน่ๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 37 * 1/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 02-11-2018 05:30:12
พี่เทมมีความน่ารักในทุกวันทุกเวลาเลย
เฮ้อออออ

เดี๋ยวจะรอตามพี่เทมใส่ห่วงยางไปเที่ยวนะคะ
//แต่ระวังน้องหมูด้วยนะคะพี่เทม
กลัวน้องหมูจะสำลักความหวานของพี่เทม .. จนปล่อยพลังกระจกแตก

555+
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 37 * 1/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 02-11-2018 21:21:05
 :really2:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 37 * 1/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 03-11-2018 15:32:48
"ขอบคุณ ขอบคุณน้องหมูหย็องมากๆๆเหมือนกันนะครับ...ที่รักพี่"

ประโยคนี้มันฆ่าป้าได้เลย.  :-[
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 38 * 4/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 05-11-2018 00:34:15









38









          ดวงอาทิตย์เริ่มถักทอความสว่างให้กระจายไปทั่วท้องนภากว้างใหญ่ นอกจากช่วยส่องแสงนำทางผู้คนแล้วประหนึ่งแสงรุ่งอรุณของดวงตะวันยังช่วยไขลานเจ้าตุ๊กตาร่างสูง ไขจนแน่น หมุนจนสุด แล้วปล่อยออก กลไกด้านในส่งผลให้ตุ๊กตาตัวน้อยของผมวิ่งพล่าน ไร้ทิศทาง ไร้การควบคุม  ต้องไล่ตามจับ กกกอด ถ่ายทอดความใจเย็นให้เจ้าของเล่นผู้ร้อนใจร้อนรนกันเสียยกใหญ่ กว่าจะยอมอยู่นิ่งเฉยให้ดูแล


          "เสร็จ เสร็จหรือยังครับหมูหย็อง ม-ม-ม-ไม่ใช่ๆๆ น้องหมูหย็องต่างหากๆๆ เทม เทม พี่เทมต้องรีบๆๆไปหลอกๆๆนะครับ พี่เทม พี่เทมต้องรีบๆๆไปติ๊กต๊อกทรีต!"

          "ทริกออร์ทรีตครับ"

          "รีบไป ไปทริกๆๆๆ รีบไปทริกออร์ทรีตครับ!"


          ตอนนี้ผมกำลังช่วยเขาเตรียมตัวเล่นทริกออร์ทรีตยามเช้า ด้วยการจับนางฟ้าไร้ปีกมาสวมหมวกใบไม้สีเขียว  จับหมุนตัวหันหลังรูดซิบเสื้อพองลมกลมกิ๊กตัวใหญ่สีส้ม ช่วยใส่ถุงเท้าสีดำลายทาง รองเท้าสีน้ำตาล ส่งรถตะกร้าเข็นของให้จับ มองสำรวจความเรียบร้อยอย่างถี่ถ้วนสามรอบก็เป็นอันเสร็จ

          ได้ผีฟักทองมาหนึ่งตน พร้อมสำหรับออกล่าขนมแล้วครับ


          "เสร็จแล้วครับ"

          "ขอบคุณ ขอบคุณนะครับ"


          เทมปุระรีบสับขาออกจากห้องแต่งตัว แต่เพราะชุดทำให้เขาดูเหมือนลูกฟุตบอลมีแขนขางอกออกมาเป็นส่วนเกิน ความใหญ่ของชุดรัดรั้งขาจนพาก้าวเดินไม่สะดวก เทมเดินโขยกเขยก สุดท้ายก็มุ่ยหน้างอนชุด ข้อหาทำเจ้าตัวเดินชักช้าไม่ทันใจ ฟักทองลูกโตตัดสินใจเพิ่มความเร็วด้วยการกระโดดดึ๋งดั๋ง


          ภาพตรงหน้า คล้ายละครชวนหัวชั้นดี  ก้อนกลมๆส้มๆ วิ่งสลับกระโดดหย็องแหย็ง จะบอกว่าคล้ายลูกบาสกำลังกระเด้งกระดอนไปมากับพื้นก็ไม่ผิดนัก ผมยิ้มขำ บอกห้ามเขาอย่างอารมณ์ดี


          "พี่เทมครับ ไม่วิ่ง ไม่กระโดดนะ เดี๋ยวจะหกล้ม ค่อยๆเดินนะครับ"

          "ขอ ขอโทษครับ เทม เทมตื่นเต้นๆๆๆจังเลยครับ เทม เทมจะไปหาคุณแม่บ้านคุณพ่อบ้านก่อน แล้ว แล้วค่อยๆๆๆไล่ขึ้นไปชั้นสูงๆๆนะครับ หมูหย็องครับ ม-ไม่ใช่ๆๆ น้องหมูหย็องครับน้องหมูหย็อง น้องหมูหย็องคิดว่า เทม พี่เทมต้องได้ขนมเยอะๆๆเลยไหมครับ เพราะเทม พี่ พี่เทมน่ากลัวมากๆๆไหมครับ"


          พี่เทมผู้ยังไม่ชินกับการแทนตัวเองว่าพี่ พูดตะกุกตะกักลิ้นพันกัน ท่าทางเขินอายยามต้องใช้คำแทนตัวต่างจากเดิม ดูน่ารักจนลมหายใจสะดุดห้วง แทบขาดอากาศหายใจตาย  ยิ่งพอเดินลงบันไดมาเคียงข้างคนบอกว่าตัวเองน่ากลัว ดวงตาสีฟ้าสดมองสำรวจ


               อืม...ก้อนความสุขขาวนวลในคอสตูมฟักทอง บวมพองจนเอาแขนขาชิดดีๆไม่ได้ ต้องกางอ้าชี้โดเด่ตลอด รวมๆกันแล้ว ตรงกันข้ามกับคำว่าน่ากลัวไปมากโข


          ถ้าจะเลือกคำใดให้ใกล้เคียง ก็ต้องเป็นสามคำอย่าง น่ารัก น่าเอ็นดู น่าอมยิ้ม


          ยิ่งจดจ้อง ดวงตาสีเอนสตาไทต์คู่สวยก็หลบหลุกหลิก ยิ่งเสริมทัพสามคำที่บัญญัติเข้าไปกันใหญ่ สำหรับผมแล้ว มองยังไงพี่ชายสิบเอ็ดวันที่ยืนยิ้มพร้อมขยับตัวยุกยิกไปมาจนแก้มยุ้ยกระเพื่อม ก็หาคำว่าน่ากลัวบนตัวเขาไม่เจอแม้แต่เศษเสี้ยวตารางนิ้วเดียว


          ผมสีนิลนุ่มลื่นถูกตัดหน้าม้าสั้นเต่อ โชว์หน้าผากน่าจุ๊บ ผมที่สั้นเหนือคิ้ว เผยดวงตาสีน้ำตาลวิบวับรอคอยคำตอบ นัยน์ตาพร่างพราวฉายแววคาดหวัง อดไม่ได้ที่จะตอบรับในคนละแบบ


          ขยับไปรั้งคอเขาเข้ามาใกล้ชิด ดอมดมหอมแก้มนุ่มแต่เด้งสู้ริมฝีปากทั้งสองข้าง คันเขี้ยวจนแอบงับเบาๆไปหนึ่งคำ ก่อนจูบซ้ำๆตรงรอยกัดเพื่อปลอบคนร้องฮือประท้วงเพราะคิดว่าโดนแกล้ง จูบวนเวียนลากไล้ไปถึงผมหน้าแสนเย้ายวน ใช้ปลายจมูกเกลี่ยผมเปิดทางให้โล่ง กดจูบบนหัวเหม่งใสหลายทีด้วยความมันเขี้ยว แล้วถึงค่อยบอกคำตอบที่เขาอยากรู้ให้ฟังเสียงพร่า
         

          "พี่เทมน่ากลัวมากเลยครับ ต้องได้ขนมเยอะแน่ๆ" โดยเฉพาะขนมจากผม เขาจะได้เยอะเป็นพิเศษ... เพราะน่ากลัวมากจริงๆครับ


          ...น่ากลัวจะทำให้อดใจไม่ไหวเสียเหลือเกิน...


          เด็กน้อยทำหน้าภูมิใจเมื่อถูกเอ่ยชม ก่อนจะทำหน้ามุ่งมั่นทั้งๆที่พวงแก้มขึ้นสีชมพูระเรื่อ

          "ได้เยอะๆๆๆเลยใช่ไหมครับ ใช่ไหมครับ งั้น งั้น เทม เทม พี่เทมจะเป็นผีตะเอ๋ๆๆๆทั้งวันเลย จะได้ขนมมาหม่ำๆๆๆทั้งปีเลยนะครับ ถ้าได้รสกาแฟ เทมจะเอามาให้หมูหย็อง เอ้ย น้องหมูหย็องนะครับ"


          แขนที่ยังพาดไว้บนบ่าคนสูงกว่าบ่งบอกระยะห่างอันน้อยนิด ความใกล้ชิดแค่เพียงเขย่งตัว ก็สามารถหอมขมับคนอยากได้ขนมเยอะๆได้แบบสบายๆ

          ไม่อยากขัดใจเขาเลยครับ แต่ก็ต้องทำตามแผนการ


          "ขอบคุณครับ แต่ว่าพี่เทมเล่นได้ถึงแค่สิบโมงนะครับ แล้วเดี๋ยวพี่เทมต้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปอควาเรียมนะ"

           เพราะเป็นทั้งวันฮาโลวีนและวันเกิด และเทมก็อยากทำทั้งสอง เลยต้องตัดแบ่งวันออกเป็นสองส่วนครับ ตอนเช้าเป็นกิจกรรมตามเทศกาล ตอนเย็นก็เป็นปาร์ตี้ฉลองวันคล้ายวันเกิด


          คุณผีนิสัยดี พยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง

          "อ๋อๆๆๆ โอเคๆๆครับ งั้น เทม เทมจะเป็นคุณผีฟักทองตะเอ๋ๆๆจนถึงสิบโมงนะครับ"


          แม้จะอยากฟัดเขาต่อ แต่เดี๋ยวเวลาเล่นจะเหลือน้อยจนองค์ชายงอแง ยอมผละมือที่คล้องคอ ตั้งท่าราวสุภาพบุรุษกำลังอ้อนวอนขอหญิงสาวเต้นรำ


          "คล้องแขนน้องหมูไว้ แล้วค่อยๆเดินนะครับ"

          "จับๆๆแขนน้องหมูหย็อง พี่เทม พี่เทมไม่ล้มๆๆแล้ว ขอบคุณนะครับน้องหมูหย็อง"

          เทมยิ้มหวานจนตาปิด โชว์เปลือกตาสีไข่มุกสวย เห็นแล้วนึกเสียดาย ที่เมื่อครู่ผมไม่ได้สัมผัสตรงส่วนนั้น คิดทบจดเอาไว้ในใจ ว่าครั้งต่อไปอย่าได้พลาด...



          พอได้แขนผมช่วยพยุงตัว คุณผีน้อยก็เดินง่ายขึ้น เสียงล้อรถเข็นคันโตถูกเข็นไปตามพื้น ข้างในรถตะกร้าเข็นของ ครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยถุงขนมห่อไว้พร้อมการ์ดอย่างดี อีกครึ่งเป็นช่องว่างเปล่ารอบางสิ่งมาเติมเต็ม 


    ตามธรรมเนียมปฏิบัติในวันที่สามสิบเอ็ดตุลา วันฮาโลวีน เด็กๆจะแต่งตัวเป็นภูตผีปีศาจไปเคาะตามประตูบ้านคนในละแวก โดยเลือกเป้าหมายจากบ้านที่มีแจ็กโอแลนเทิร์นวางไว้ด้านนอกครับ ฟักทองหน้าบ้านในวันนี้ก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์คล้ายติดป้ายยินดีต้อนรับตามโรงแรม บ่งบอกว่าบ้านนี้ยินดีให้เจ้าผีตัวน้อยมาหลอก

          ส่วนแจ็กโอแลนเทิร์นก็คือเจ้าฟักทองที่ถูกสลักให้เป็นหน้าตาต่างๆ หรือชุดที่เทมใส่นั่นเองครับ

          เมื่อเจ้าของบ้านเปิดออกมา เด็กๆก็จะถามว่า 'Trick or Treat หลอกหรือเลี้ยง' หากเลือก Trick หรือหลอก เด็กๆก็จะแกล้งทำท่าน่ากลัวๆจนกว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยยอมแพ้ พอแพ้แล้วก็ให้ขนม ส่วนหากเลือก Treat หรือเลี้ยงตั้งแต่แรก ก็คือไม่ต้องโดนหลอก ให้ขนมไปได้เลยครับ


          อืม...ไม่ว่าหนทางไหน ก็ไม่แคล้วต้องให้ขนมอยู่ดี...


          จริงๆกิจกรรมนี้ เด็กๆมักจะจับกลุ่มรวมตัวกันไปหลอกขอขนมพร้อมเพื่อนๆ ทว่าเจ้าตัวน้อยของผมมีเพื่อนไม่มาก ไหนจะกลัวคนแปลกหน้าอีก กอปรกับแค่ปล่อยออกไปหน้าบ้าน ไม่สิ แค่นอกห้อง พ้นสายตา ผมก็กังวลแล้วครับ ขนมก็ไม่อยากให้เป็นขนมไม่ดี หลากหลายเหตุผล หลากหลายความเป็นห่วง ทุกปีจึงเป็นการเล่นหลอกหรือเลี้ยงกับคนในบ้านแทน


          และแน่นอนว่าบ้านในระแวก ก็คงไม่พ้นเหล่าคนงานทุกคนที่ผมจัดเตรียมไว้ให้เด็กน้อยไปตามเคาะ


           พวกเราลงลิฟต์ เดินไปทางตึกของบ้านผู้ดูแล คุณพ่อบ้านและคุณแม่บ้าน คนงานทุกๆคนจะอยู่ตึกด้านหลังแยกกันอยู่กับบ้านหลัก



          เดินไปผ่านทางลัดไม่นาน ก็เจอทุกคนยืนเรียงกันเป็นหน้ากระดานหลายสิบคน ในอ้อมกอดมีแจ็กโอแลนเทิร์นสีสว่างโดดเด่น  ทว่าแทนที่จะสลักเป็นหน้าตาสยองขวัญต่างๆ กลับเป็นคำว่า 'Happy Birthday' แทน บนข้อมือของทุกคนก็ห้อยถุงขนมเตรียมพร้อมบรรณาการ ยิ้มรอคุณผีฟักทองมาหลอกแต่เช้าตามที่ผมออกคำสั่งเอาไว้


         พอเห็นการมาถึงของคุณผีหลอกประจำปีก็โค้งตัวต้อนรับ


          ไม่ว่าจะระดับการเล่นด้วยได้ หรือวิธีพูดคุยโต้ตอบ ทุกคนก็ถูกฝึกซ้อม ตระเตรียมบทกันก่อนอย่างเคร่งครัด ในส่วนของขนมของหวานที่อยู่ในมือทุกคน จะลูกกวาด ช็อกโกแลต คุกกี้ ก็เป็นขนมอย่างดีที่ผมสั่งทำพิเศษไว้ให้เหมือนกันครับ...เป็นการละเล่น เล่นๆ ที่จริงจังพอสมควรเลยทีเดียว

               

          เด็กน้อยพอเห็นคนมากมายก็ตาวาว วิ่งตุบตับเข้าไปหา ยกมือไหว้ทักทาย ลูกตากลมพยายามบังคับให้สบตาคนอื่น ทว่าก็ทำไม่ได้ ได้แต่ก้มหน้าหลบตาแทน เขาเหลือบตามาทางที่ผมยืน กะพริบตาปริบๆหูลู่ลงแนบศรีษะเหมือนขอกำลังใจ ผมขยับปากเป็นคำว่า 'สู้ๆนะครับพี่เทม'   ส่งกำลังใจให้คนต้องการอย่างไม่หวงแหน

          เจ้าฟักทองของผมยิ้มรับกว้าง พยายามเงยหน้าอีกครั้ง...แต่ก็ยังคงหลบตาอยู่ดี


          อย่างน้อยก็เงยหน้าสู้ล่ะนะครับ


          เด็กน้อยยืนเหยียบเท้าตัวเองไปมาด้วยความประหม่า เอ่ยขอเสียงกล้าๆกลัวๆ

          "ส-ส-สวัสดีวันฮาโลวันนะครับ คือ คือว่า เทม เทม เทมจะมาชวนเล่น ท-ท-ทริกออร์ทรีตด้วยกันครับ เทม เทมขอมาหลอกๆๆหน่อยได้ไหมครับ ว่าง ว่างหรือเปล่าครับ"

          หัวหน้าพ่อบ้านขยับตัวออกจากแถว โค้งตัวเอ่ยตอบอย่างสุภาพ

          "อรุณสวัสดิ์ครับคุณหนูเทม สุขสันต์วันเกิดอายุสิบหกนะครับ พวกเราขอให้คุณหนูสุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดก็สมปราถนานะครับ"

          เทมปุระลนลานรีบยกมือไหว้รับคำอวยพร

          "ข-ขอบคุณมากๆๆๆเลยนะครับ เทม เทมก็สุขสันต์วันเกิดทุกคน อะ ไม่ใช่ๆๆ ขอ ขอให้ทุกคนแข็งแรงๆๆ คิดอะไรก็สมปราถนานะครับ" 

          เจ้าของวันเกิดอวยพรกลับ ยิ้มตาปิด เรียกรอยยิ้มเอ็นดูได้หลายโหล


          ผมส่งสายตาให้ไมเคิล ส่งสัญญาณว่าเกมนี้ต้องทำเวลาหน่อย เพราะต้องพาผีฟักทองออกงานไปหลอกตัวยุ่งยากอีกหกคนบนบ้าน ไมเคิลค่อมหัวรับ ก่อนเอ่ยบอกเด็กชายของผมด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงนอบน้อม


          "ขอบคุณสำหรับคำอวยพรมากนะครับคุณหนูเทม พวกเราทั้งหมดว่างมากๆเลยครับ ถ้ายังไงไม่เป็นการรบกวน พวกเราก็ขอเล่น Trick or Treat ด้วยคนนะครับ"

          "ไม่รบๆๆไม่กวนๆๆๆครับ เทม เทมก้อ ก็อยากให้เล่นๆๆด้วยกัน สนุกๆๆเหมือนปีก่อนๆๆนะครับ"

          "ปีนี้กระผมจะไม่ยกขนมให้ง่ายๆแน่นอน ต้องท่าน่ากลัวจริงๆก่อนนะครับ ผมถึงจะให้"   
 
          "งั้น งั้นเทมจะเคาะประตูก๊อกๆๆก่อนนะครับ แล้ว แล้วเทม จะหลอกทุกคนแฮ่ๆๆๆนะครับ แต่ แต่ว่าถ้าใครกลัวๆๆ บอกเทมนะครับ เทมจะไม่ทำน่ากลัวๆๆเยอะๆๆนะครับ เอาน้อยแบบน้อยเยอะๆนิดๆๆหน่อยพอ เดี๋ยว เดี๋ยวทุกคนฝันร้ายๆๆ ส่วนใครอยากได้น่ากลัวเยอะๆๆก็บอก บอกเทมนะครับ เทมจะหลอกแบบสู้ๆๆนะครับ"

          "ได้ครับ / ได้ค่ะ" หลายเสียงตอบรับพร้อมเพียง




          เจ้าผีฟักทองน้อยทำท่าเคาะประตูอากาศ ส่งเสียงประตูก๊อกๆด้วยตัวเอง เสียงแอ๊ดเปิดปิดก็ทำเองด้วยครับ สีหน้าจริงจัง คิ้วขมวดมุ่นกลัวเสียงไม่สมจริง น่ารักจนอยากเข้าไปรั้งตัวมาฟัดให้หน่ำใจ แต่ก็กลั้นใจไว้ก่อน ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวิดีโอ ปล่อยคุณผีไปหลอกหลอนชาวบ้านตามใจชอบ


         นางฟ้าในคราบผีร้ายสะบัดปีกไปมา กระตือรือร้น

          "สุข สุขสันต์วันฮาโลวีนนะครับคุณลุงไมเคิล ทริก ทริก ทริกออร์ทรีตเหรอครับ จะให้เทมหลอกๆๆหรือว่าเลี้ยงดีครับ" เทมเอ่ยถามอีกครั้ง

         หัวหน้าพ่อบ้านทุบอกด้วยเสียงมั่นใจ "กระผมขอเลือกทริกนะครับ รบกวนหลอกมาได้เต็มที่เลยครับคุณหนูเทม ขอแบบน่ากลัวที่สุดเลยครับ"

          เทมตกใจเล็กน้อย ถามซ้ำอย่างวิตก

          "เอาน่ากลัวสุดๆๆๆเลยเหรอครับ แต่ แต่ แต่ว่าเทม เทมจะน่ากลัวมากๆๆๆเลยนะครับ"

          "เต็มที่ได้เลยครับคุณหนู กระผมพร้อมแล้ว"


          พอได้รับคำยืนยัน


          คุณผีพี่เทมลูบอกเหมือนย้ำเติมกำลังใจตัวเอง ตีสีหน้าจริงจัง ปล่อยรถเข็น


          ยกมือสองปิดหน้า หลับตาปี๋ นับเสียงดังว่า "123"  แล้วกางมือออก แลบลิ้นเหมือนกล้าๆกลัวๆ ส่งเสียง  "แฮ่ๆๆๆๆๆ บ-แบร่ๆๆ!! หลอก หลอกๆๆๆนะครับ! แฮ่ๆๆๆ"  ติดกันเป็นนาที


          ในความเงียบที่ทุกคนอึ้งในความน่ารัก อา ต้องบอกว่าน่ากลัวสินะครับ ท่ามกลางความเงียบเพราะทุกคนอึ้งในความน่ากลัว


           แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ แชะ



          เสียงผมกดรัวชัตเตอร์ และคิดว่ากล้องจากทั่วทิศทางก็กำลังกดรัวเช่นกัน หันไปสบตากับทีมช่างกล้องในมุมห่างออกไป เห็นเขาทำมือโอเค บอกว่าถ่ายได้ทุกช็อต ผมก็ยกยิ้มกริ่ม ต้องถ่ายเก็บไว้ครับ ท่าทางน่ารักพิเศษๆแบบนี้ กี่ปีก็ไม่เคยพอเลยจริงๆ


          เทมปุระค่อยๆคลายตาหลับปี๋ของตัวเองขึ้นมอง หัวหน้าพ่อบ้านของผมรีบทำท่าสะดุ้งตกใจ ท่าทางตกใจก็ยังคงโอเวอร์เหมือนเดิมทุกปี...



          ไมเคิลตัวเอนเอียงจวนเจียนจะล้มไปกองกับพื้น ยกมือทาบหน้าผาก หยิบยาดมขึ้นมาสูดดม

          "น่ากลัวมากๆเลยครับคุณหนูเทม! กระผมเกือบจะเป็นลมเสียแล้ว"

          คุณผีร้อนลน ด้วยไม่นึกว่าอานุภาพแฮ่ของตัวจะร้ายแรงขนาดนั้น

          "เป็น เป็นลมเหรอครับ!? เทมน่ากลัวมากๆๆเกินไปเหรอครับ เทม เทมขอโทษนะครับ งั้นเทมจะน่ากลัวน้อยลงๆๆๆนะครับ ขวัญๆๆกลับมานะครับ ขวัญๆๆนะครับคุณลุงไมเคิล ไม่นอนฝันร้ายนะครับ"  สองมือรีบทำท่าพัดๆ โบกๆ เรียกขวัญที่หายไปของพ่อบ้านกลับคืนมาให้

          "ไม่เลยครับ ไม่เลย วันฮาโลวีนต้องน่ากลัวประมาณนี้เลยครับ คุณหนูเทมทำได้ถูกต้องแล้ว น่ากลัวจนกระผมต้องขอยอมแพ้จริงๆ ทำได้ดีมากๆเลยครับ ...นี่ครับขนม สุขสันต์วันเกิดและสุขสันต์วันฮาโลวีนอีกครั้งนะครับ"  พ่อบ้านโค้งตัว ส่งเครื่องบูชาให้ฟักทองยักษ์ตรงหน้า

          เทมรับเอาไว้แล้วยกมือไหว้ขอบคุณ
          "ขอบ ขอบคุณครับ!"  ก่อนจะหันมาชูถุงขนมอวดให้ดู

          ผมยกนิ้วโป้งชมเขาว่ายอดเยี่ยม เรียกรอยยิ้มดีใจแสนภาคภูมิผลิบานบนใบหน้าคนหลอกสำเร็จ เทมวางถุงขนมที่ได้มาใส่ในรถเข็น


          ตั้งท่าเตรียมพร้อม

          "งั้น ตา ตาคุณลุงไมเคิลหลอกเทมแล้วนะครับ"

          "Trick หรือ Treat ดีครับคุณหนูเทม"

          ก้อนกลมสีส้มดูมีท่าทางลังเลใจ แต่ก็พยายามเรียกความกล้าเลือกหนทางแสนกล้าหาญ

          "เทม เทมขอเลือกทริก ทริกนะครับ"

          คุณพ่อบ้านค่อมตัวรับ ก่อนจะเริ่มการหลอก

          "ก๊อกๆ ขออนุญาตนะครับ"  ทำมือเคาะอากาศลอกเลียนคนก่อนหน้า

          "อยู่ อยู่บ้านครับ แอ๊ดๆๆๆ"  ทำมือเปิดประตู พร้อมชะโงกหน้ากล้าๆกลัวๆออกไปมอง



          อา...อยากจับมาอมเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็นจริงๆเลยครับ...



          ไมเคิลตีสีหน้าจริงจัง ยกนิ้วชี้คล้ายอาจารย์เตรียมตัวสั่งสอนนักเรียน


          "คุณหนูรู้ไหมครับ จริงๆแล้วเวลาขึ้นเครื่องบินจะต้องถอดรองเท้าก่อนขึ้นเครื่องนะครับ"

          "จริง จริงเหรอครับ!? แต่ แต่ว่าหมูหย็อง หมูหย็องไม่เคยบอกเทมเลยนะครับ" เด็กน้อยตาโต สีหน้าสับสน


          พ่อบ้านทำหน้านิ่ง ก่อนจะค่อยๆคลายยิ้ม บอกความจริง


          "ไม่จริงครับคุณหนู กระผมหลอกครับ ใส่รองเท้าขึ้นเครื่องเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว"

          "อู้หูๆๆๆ!! สุด สุดยอดเลยครับ เทมโดนหลอกๆๆๆล่ะครับ! หลอกเทมแบบ แบบผ่านๆๆเลยครับ หลอกเทมได้สนิทติดแน่นเลยครับ นี่ครับๆๆ เทมแพ้แล้ว ต้อง ต้องให้ๆๆขนมนะครับ สุขสันต์วันฮาโลวีนนะครับคุณลุงไมเคิล"

                เทมปุระกรี๊ดกร๊าด ดูสนุกสนานมากกับการโดนหลอกจากคุณพ่อบ้าน พอโดนทริกเสร็จ คุณผีฟักทองก็หยิบถุงขนมที่นั่งเตรียมให้อย่างดีตั้งแต่เช้ามืดขึ้นมายื่นให้คุณผีมุกแป้กตรงหน้า


          "ขอบ ขอบคุณที่หลอกเทมนะครับ"

          "ขอบคุณมากครับ คุณหนูชอบ กระผมก็ปลื้มใจ"


          แล้วกิจกรรมหลอกหรือเลี้ยงคนงานในบ้านก็เริ่มต้นขึ้น เทมลดดีกรีความน่ากลัวของตัวเองลงด้วยการกางมือสองข้าง หลับตาปี๋ แลบลิ้นแฮ่แทนการจ๊ะเอ๋ เพราะว่าแบบนั้นน่ากลัวเกินไป เขากลัวใครจะเก็บเอาไปฝันร้ายหรือว่าเป็นลม


          เด็กน้อยเล่นกับเขา แล้วก็ให้เขาหลอกกลับ ออกจะดูคลับคล้ายเป็นกิจกรรมแลกขนมกัน มากกว่าจะเป็นผีร้ายในวันฮาโลวีนที่บุกไปแย่งชิงขนมมานะครับนั่นน่ะ แถมองค์ชายผู้ไร้เดียงสาของผมก็ถูกหลอกง่ายดาย มุกอะไรก็ตาค้าง หันรีหันขวางมาทางผม เป็นเชิงถามว่าจริงหรือไม่ตลอด จนกลัวเด็กน้อยจะคอเคล็ด 



          ของหวานที่เยอะเกินไป ไม่เพียงพอบรรจุในตะกร้ารถเข็น ต้องมีคนคอยทยอยช่วยหยิบออกแล้วเอาขึ้นไปเก็บให้ ทว่าพอขนมในตะกร้าหายไปทีหนึ่ง เขาก็ตกใจทีหนึ่ง หางตาตกๆน่าสงสาร สุดอาทรเด็กชายฟ้าประทานตาละห้อยห่วงหาขนมหวาน จนผมต้องสั่งให้คนเอารถกอล์ฟมาจอดรอขนไปรอบเดียว


          คนงานในบ้านผมเยอะมากครับ แค่ตำแหน่งเดียวอย่างเมด ก็ปาเข้าไปยี่สิบสามสิบกว่าคนแล้ว ถ้าจะเล่นให้ครบ น่ากลัวว่าต้องเล่นกันยาวไปถึงพรุ่งนี้ดึกๆ  ผมส่งสายตาให้ไมเคิลอีกครั้ง บอกว่าเวลากำลังจะหมดลง พ่อบ้านในชุดสูทสีดำสนิท โค้งตัวรับคำสั่งไร้เสียง เดินไปกระซิบบอกคนหนึ่ง

          ไม่นาน ก็มีชายทำท่าตัวสั่นบอกว่าเป็นตัวแทนของทุกคน เพราะทุกคนกลัวคุณผีฟักทองมาก จึงยอมพ่ายโดยการขอเลี้ยง ขอทรีตตั้งแต่ยังไม่ถูกเคาะประตู  เด็กชายตกใจ เริ่มจะคิดมาก แต่พอโดนชมว่าแต่งตัวได้น่ากลัวสุดๆ เป็นผีที่น่ากลัวที่สุดในวันฮาโลวีน ก็ยิ้มเขิน อายจัดจนหูเห่อแดงฉาน

          เทมรับขนมมาและแจกขนมให้ทุกคนไปด้วยรอยยิ้มกว้าง


          พอเล่นสนุก แลกขนมเสร็จ


          นางฟ้าน้อยที่ได้ขนมมาเยอะแยะก็ตีปีกพึ่บพั่บ ดีอกดีใจยิ้มแก้มปริ เข้ามาคลอเคลียผม


          "พี่เทม พี่เทมได้ขนมเยอะแยะๆๆๆเลยครับ ดีใจจังเลยครับ ทุกคนบอกว่าน่ากลัวมากๆๆด้วย ทุกคนเล่นกับเทมแล้วบอกว่าสนุกๆๆด้วยครับ"



          นี่คือของขวัญจากผม


          เป็นของขวัญชิ้นแรกที่ผมตั้งใจมอบให้เขาตั้งแต่เรารู้จักกัน ผมจะสร้างโลกที่เขาอยู่แล้วมีแต่ความสุขขึ้นมาให้เขาได้ใช้ชีวิต ไม่ว่าเบื้องหลังจะเป็นอย่างไร ขอแค่เขาได้รู้จักแต่โลกด้านที่สวยงามและได้ทุกอย่างมาอย่างง่ายดาย แล้วคงรอยยิ้มมีความสุขแบบนี้ตลอดไปก็เพียงพอ


          ของขวัญที่ไร้ระยะเวลาและข้อจำกัด

          คือความรักมหาศาลที่ไม่มีวันหมดไปของผม




          อ้าแขนโอบเจ้าฟักทองพองลมฟูฟ่อง เอ่ยถามเสียงนุ่ม


          "พี่เทมสนุกไหมครับ"

          "สนุกครับ ปีหน้า ปีหน้าน้องหมูหย็องเล่นด้วยกันนะครับ จะได้แต่งเป็นผีคู่กัน ช่วยกัน หลอกๆๆๆคนอื่นนะครับ เราจะเป็นแก๊งๆๆๆ เป็นทีมๆๆที่ได้ขนม ได้ขนมเยอะที่สุดในโลกเลยยย"

          "หึหึหึ ถ้าน้องหมูแต่งน่ากลัว พี่เทมห้ามร้องไห้ ห้ามกลัวกันนะครับ"


          เมื่อก่อนผมเคยเล่นทริกออร์ทรีตด้วยกันกับเทมครั้งหนึ่งครับ แต่งตัวจัดเต็มด้วยการเรียกทีมช่างมืออาชีพ ใช้เวลานานตั้งแต่ตีสามยันหกโมงเช้า ผลลัพธ์ที่ได้น่าพอใจ ผมกลายเป็นผีที่น่ากลัวที่สุด น่ากลัวในระดับถ้าชวนไปสร้างหนังผี ก็ต้องเป็นหนังผีแสนสยองขวัญที่ติดป้ายเตือนคนขวัญอ่อน โรคหัวใจ เด็ก ความดัน และสตรีมีครรภ์ห้ามดู เพราะอาจจะกลัวจนกระทบกระเทือนลูกในท้อง หรือหัวใจวายตายคาเก้าอี้ได้


          แน่ล่ะครับ น่ากลัวขนาดผู้ใหญ่เห็นยังผวา


          พอเทมเห็นเท่านั้นแหละ ตกใจจนเป็นลมล้มตึง พอได้สติ เห็นผมก็เป็นลมไปอีกรอบ พอครั้งที่สามที่เขาตั้งท่าจะเป็นลม ผมรีบชิงบอกเจ้าตัวเล็กว่านี่ผมเอง เล่นเอาคนแก้มยุ้ยร้องไห้โฮเสียงดังลั่นบ้าน

          ปากจิ้มลิ้มพร่ำบอก 'มุๆๆๆๆโดนคุงผีขโมยไปแล้ว เอามุคืนเทมมานะ ฮึกฮึก' ร้องเรียกหาผมไม่หยุด

          จนต้องเรียกคนมาช่วยถอดองค์ทรงเครื่อง ล้างหน้าแทบไม่ทันเลยครับ ล้างไปเทมก็ร้องไห้แทบขาดใจไปเป็นเสียงประกอบฉาก ปลอบกันอยู่นาน ว่าผมไม่ได้ถูกขโมยไปไหน เจ้าตัวเล็กถึงยอมหยุดสะอื้น

          ภาพเขาร้องไห้นองหน้า คล้ายภาพฝังใจ

          ผมเลยไม่เล่นครับ แถมส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้ชอบกิจกรรมในเทศกาลเป็นทุน ...แต่ถ้าเขาขอ ผมก็พร้อมจะสนองให้ทุกอย่าง


          เด็กน้อยคงจะคิดถึงอดีตเหมือนกัน เขายิ้มกว้าง พยายามกอดผมกลับ แม้ว่าเจ้าชุดอวบอ้วนจะไม่อำนวย

          "เทม เทม พี่ พี่เทม พี่เทมไม่กลัวหมูหย็องนะครับ ไม่ร้องไห้แล้วครับ พี่เทมโตแล้วๆๆๆ อายุสิบหกแล้วครับ ปีหน้าๆๆๆพี่เทมก็สิบ สิบเจ็ด ไม่กลัวนะครับไม่กลัว น้องหมูหย็องมาเล่นทริกออร์ทรีตด้วยกันนะครับ นะครับ นะๆๆๆ"

          "หึหึหึ ไว้ปีหน้าจะเล่นด้วยนะครับ"         

          เทมปุระชูมือขึ้นฟ้า หมุนตัวร้องเย้ไปมา

          "จริงเหรอครับ!? เย้ๆๆๆๆๆๆๆ งั้น งั้น! ปีหน้าๆๆ เรา เราแต่งตัวเป็นคุณผีช้อนกับส้อมดีไหมครับ หรือ หรือว่าคุณผีปาท่องโก๋ดีครับ คุณผี ผีส้มโอกับคุณผีมะม่วงน้ำปลาหวานด้วยไหมครับ หรือว่าๆๆ คุณผีบราวนี่ คุณผีคัพเค้กดีครับ"

          ผมหัวเราะ หลังๆนี่เหมือนจะหิวมากกว่าแล้วนะครับพี่เทม ยิ้มให้คนตื่นเต้นจัดจนรีบคิดเตรียมการชุดล่วงหน้าก่อนเป็นปี

          "ไว้ปีหน้าค่อยคิดนะครับว่าจะใส่ชุดอะไร ส่วนตอนนี้ไปหลอกคนที่บ้านกันนะครับ"

          "อ๋อๆๆๆๆ ได้ครับๆๆ ไปหลอกๆๆๆทุกคนกันนะครับ พี่เทม พี่เทมจะหลอกๆๆคุณป๊า คุณหม่าม้า เฮียๆๆอาเจ้ๆๆแล้วก็หย็องๆๆด้วย"

          "แล้วพี่เทมจะหลอกคุณแม่เลยไหมครับ"

          "พี่เทม พี่เทมจะหลอก หลอกคุณแม่หลอกว่าจะหลอก แต่จริงๆแล้วไม่หลอกครับ พี่เทม พี่เทมจะรอคุณแม่มาหาตอนเลิกงานแล้วหลอกว่าจะหลอก แต่ แต่ให้ของขวัญแทนครับ ไม่หลอกๆๆแค่หลอกๆๆๆ เงอะ... ทำ ทำไมเทมพูดแล้วเทมงงๆๆตัวเองจังเลยครับหมูหย็อง"


          ขำให้คนพูดเองงงเองระลอกใหญ่ พยักหน้ารับ ช่วยเขาแปลภาษาตัวเองให้เขาเข้าใจตัวเอง


          "พี่เทมจะทำแผนโดยหลอกคุณแม่ว่าจะหลอก แต่จริงๆแล้วไม่ไปหลอก พอตอนเย็นคุณแม่มาหา ก็จะทำท่าเหมือนหลอก แต่จริงๆแล้วจะให้ของขวัญ แบบนี้น้องหมูเข้าใจถูกไหมครับ"


          คนเอียงคองง ตั้งตรงดิ่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลเต็มไปด้วยประกายความชื่นชม


          "น้องหมูหย็องเก่งจังเลยครับ! สุดยอดๆๆๆเลยครับ เข้าใจเทม เข้าใจพี่เทมมากกว่าพี่เทมฟังตัวเองอีก เก่งที่สุดในโลกเลยครับ! ใช่ๆๆๆครับ เทมจะหลอกๆๆๆครับ แต่ไม่หลอกๆๆๆคุณแม่นะครับ"

          เทมยิ้มกว้างตาปิด จับจูงมือผมเดินกลับบ้าน "แล้วๆๆ เรา เราก็ให้ของขวัญคุณแม่พร้อมกันนะครับ คุณแม่จะได้ดีใจ ดีใจๆๆแบบคูณสองๆๆๆเลยนะครับหมูหย็องครับ"

          เทมหยุดไปนิด ก่อนจะลนลาน

           "ไม่ไจ๊ๆ! ไม่ใช่ๆๆๆนะครับเทมปูระ น้องหมูหย็องๆๆเป็นน้องหมูหย็องต่างหาก ไม่ใช่ๆๆหมูหย็องเฉยๆๆนะครับ" เทมก้มหน้า จิ้มอกบอกตัวเองย้ำ


          ผมอมยิ้มจนปวดแก้มให้กับภาพคุณฟักทองกำลังสั่งสอนตัวเองตลอดทาง


         
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 38 * 4/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 05-11-2018 00:41:27
       

          พอมาถึงบ้าน ผมเลือกเหยื่อเล่นด้วยง่ายที่สุดอย่างเฮียเนื้อหย็องเป็นคนแรก ทุกปีเจ้าตัวจะแค่เปิดประตูรับ ลูบหัวเทม อวยพรสองสามประโยค แล้วก็ให้ของขวัญชิ้นแรก ให้เด็กน้อยหลอกใส่เสร็จก็ให้ชิ้นที่สอง พอถึงตาตัวเองหลอก ก็จะหลอกถามเทมด้วยสุภาษิตงงๆ ถ้าเด็กน้อยทายความหมายถูก ก็จะได้โบนัสเป็นซองเงินชิ้นที่สาม แล้วเจอกันอีกทีตอนเย็นครับ เฮียเนื้อหย็องจะไม่วอแว เหมือนราชาปีศาจเหนียวหนืดตนอื่นๆ


          ปีนี้ก็ไม่แตกต่าง เทมปุระผ่านด่านมาถึงขั้นที่สามอย่างรวดเร็ว คุณฟักทองตั้งอกใจตั้งใจฟัง เพื่อจะได้ฟังให้ชัด และตอบให้ถูก เขาสู้อุตส่าห์ไปนั่งดูคลิปสอนสุภาษิตมาหลายคลิปเชียวนะครับ


          พจนานุกรมรวมสุภาษิตแบบฉบับคนมีชีวิต ยกยิ้มขำคนจับหูให้ยืดออก เพื่อจะได้ได้ให้ยินชัดแจ๋ว


          "ไม่เห็นน้ำ อย่าเพิ่งตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอก อย่าเพิ่งโก่งหน้าไม้"


          เด็กน้อยของผมยืนอ้าปากหวอ มือร่วงหล่นลงจากใบหู ดูท่าคงจะไม่เคยได้ยินหรือผ่านตามาก่อนแน่ๆ  นิโคลัสพอเห็นเทมอึ้งทึ่งก็หันมาสบตาผม เหมือนจะถามว่ายากไปสำหรับเขาหรือ ผมพยักหน้า

          ไม่ใช่แค่ยากสำหรับเทม แต่ขนาดผมยังไม่รู้จักสุภาษิตประโยคนี้เลยครับ

          ทั้งๆที่ผมบอกให้เขาเลือกอะไรที่มันง่ายๆแล้วแท้ๆ แต่ระดับความยากง่ายของคนเราก็ไม่เหมือนกัน สำหรับเฮียเนื้อหย็อง อันนี้คงจะง่ายมากแล้ว


          "อ-อ-เอ่อๆๆๆ เฮียเนื้อหย็องครับ พูด พูดอีกรอบได้ไหมครับ เทมขอช้าๆๆๆนะครับ เทม เทมฟังไม่ทันเลยครับ ฟัง ฟังทันแค่คุณกระรอกตัดกระบอกเองครับ"

          "ไม่เห็นน้ำ อย่าเพิ่งตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอก อย่าเพิ่งโก่งหน้าไม้ ...เอาคำใบ้ไหม" พี่ชายผมขยับแว่น เอ่ยช้าๆ พร้อมเสนอตัวช่วยเช่นทุกปี

          "เทม เทมยังไม่ใช้ตัวช่วยนะครับ เทมๆๆจะลองแกะๆๆทีละคำดูก่อนนะครับ อย่าเพิ่งเป่าปรี๊ดๆๆหมดเวลานะครับ เทมคิดๆๆๆดูก่อน"

          "สิบนาทีนะ พี่ให้นายสิบนาทีโอเคไหม"

          "ขอบคุณครับ สิบๆๆนาที โอเคๆๆครับ เอ่อๆๆ แปลว่าอะไรนะๆๆ น้ำๆๆ น้ำกับเต้เหรอครับ ไม่ใช่เต้นะ ไม่มีเต้ๆ ตัดกระบอกนี่กระบอกอะไรอ่า กระบอกๆๆ ไฟฉาย? ไฟฉายไงๆๆๆครับ! ใช่ๆๆๆ ตัดกระบอกไฟฉาย แล้วก็ อืมๆๆ...ทำไมเห็นคุณกระรอกกับน้ำแล้วห้ามโก่งหน้าไม้ล่ะครับ โก่งๆๆคืออะไรเหรอครับ โกงๆๆหรือเปล่า ....!! อ๋อๆๆๆๆๆ"


          ฟักทองที่เดินวนไปมา พยายามคิดหาคำตอบ พูดพึมพำกับตัวเองสะดุดกึก


          "เทม เทม เทมรู้แล้วครับๆๆๆ!!" เทมปุระยิ้มกว้าง ยกมือขึ้นเหมือนเวลาอาจารย์เรียกตอบคำถาม

          หืม...ผมกับเฮียเนื้อหย็องสบตากัน ยากในระดับนี้เด็กน้อยของผมรู้ด้วย ผมตื่นเต้นขึ้นมาทันที แอบลุ้นตามคำตอบขององค์ชายตัวน้อย ส่งแรงเชียร์ในใจให้เขาตอบถูก

          พี่ชายคนรองขยับแว่น มองคนรู้คำตอบด้วยแววตาใจดี


          "งั้นไหนบอกพี่สิ ว่าสุภาษิตที่พี่พูดหมายความว่าอะไร"

          "แปลว่าๆๆๆ ถ้า ถ้าไม่เจอน้ำแล้วอยากได้กระบอกไฟฉาย ให้ ให้ไปขอกับคุณกระรอก แต่ว่าอย่าไปขี้โกงๆๆขโมยของไม้ใช่ไหมครับเฮียเนื้อหย็อง เทม เทมแปลถูกหรือเปล่าครับ"


         ดวงตาสีน้ำตาลระยิบระยับไปด้วยความหวัง

          หึ...หึหึหึหึ ฮ่าๆๆๆๆๆ

          ผมขำพรวดออกมา อยู่ดีๆทั้งน้ำ ทั้งไม้ ก็ไปอยู่ในศึกชิงกระบอกไฟฉายกันได้ยังไงน่ะครับ แถมสุภาษิตคำพังเพยสอนข้อคิด ก็กลายเป็นนิทานเป็นเรื่องเป็นราวเสียอย่างนั้น เทมหันมามองผม เอียงคองุนงงว่าผมหัวเราะอะไร พี่ชายของผมพอได้รับรับคำตอบก็ถอนหายใจเฮ้อ


          "หมดเวลา พี่เฉลยแล้วนะ ไม่เห็นน้ำ อย่าเพิ่งตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอก อย่าเพิ่งโก่งหน้าไม้ หมายความว่า อย่าด่วนลงมือทำอะไรล่วงหน้า โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ไม่งั้นจะเสียเวลาเหนื่อยเปล่า"

          เด็กน้อยคอตกไหล่ห่อ

          "อือๆๆๆ เทม เทม ตอบไม่ใกล้ๆๆเคียงๆๆเลย"

          ผมเดินไปลูบศรีษะคนเสียใจเบาๆ เชยคางคนก้มหน้าให้สบตากัน ปลอบเขาเสียงอ่อนโยน

          "หมูก็ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ ยากมาก หมูคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันสื่อถึงอะไรได้บ้าง เทมเก่งมากเลยครับ ทั้งกล้าตอบ กล้าคิด คนดี เทมเก่งมากๆ เก่งที่สุดเลยครับ"

          "จริงๆเหรอครับ..."

          "จริงสิครับ" ผมตอบหนักแน่น

          ก่อนจะหันไปส่งสายตาให้พี่ชายผู้ดันเลือกคำถามมายากเกินไป มาแก้ไขเรื่องราวที่ผิดพลาด วันแสนสวยงาม แสนมีความสุขของคนสำคัญของผม จะมีรอยด่างพร้อยไม่ได้

          "จริงสิเทม โทษที พี่หยิบคำถามมาผิดแผ่น อันนั้นมันของเด็กมหาลัย นี่ต่างหากของเด็กมัธยม ไหนลองแปลสุภาษิต ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าเพิ่งข้าม สิ"

          เทมปุระทวนคำถามเสียงไม่ค่อยมั่นใจ

          "ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าเพิ่งข้ามเหรอ เหรอครับ?"

          "ใช่ นายตอบถูกแล้ว ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าเพิ่งข้าม หมายความตามตัวเลยแค่เพิ่มเติมนิดหน่อย ไม้ล้มข้ามได้เพราะมันไม่มีชีวิต แต่ถ้าคนล้มอย่าไปเหยียบซ้ำ เพราะเขาอาจจะกลับมามีอำนาจเหมือนเดิมก็ได้ แต่นายก็ตอบโอเค พี่หยวนๆให้ได้ ยินดีด้วยนะ สุขสันต์วันฮาโลวีน"


          เฮียเนื้อหย็องยื่นซองสีขาวให้ เด็กน้อยรับมางงๆ ก่อนยิ้มกว้างดีใจจะถูกระบายจนเกลื่อนดวงหน้าใส


          "เทม เทมงงๆ แต่ว่า แต่ว่าเทมก็ตอบถูกด้วยล่ะครับหมูหย็อง! ตอบถูกด้วยๆๆๆ! เย้ๆๆๆ ทรีตๆๆๆเฮียเนื้อหย็องด้วยนะครับ นี่ นี่ขนมครับ สุขสันต์วันฮาโลวีนนะครับ" เทมยื่นถุงขนมให้เฮียเนื้อหย็อง นิโคลัสรับเอาไว้อย่างโล่งใจเมื่อเห็นว่าเจ้าฟักทองกลับมาหัวเราะดังเดิม

          เขาลูบผมนุ่มสองสามทีก็เอ่ยบอกลา

          "พี่ขอนอนก่อนแล้วกัน ไว้เจอกันตอนเย็น"

          "อรุณ ไม่ใช่ๆๆ ราตรีสวัสดิ์นะครับเฮียเนื้อหย็อง"

          "อืม ราตรีสวัสดิ์ทั้งสองคน"

          อนาคตคุณหมอเดินสะโหลสะเหลพาตัวเองกลับเข้าไปในห้องนอน


          ผมหันมาเอ่ยชมเด็กชายฟ้าประทานอีกครั้ง


           "เก่งมากเลยครับ"



          และปีนี้ทุกอย่างก็ราบรื่นกว่าที่คิดไว้มากครับ ไปหาเจ้ไก่หย็อง อาเจ้ก็เมาแฮงก์ได้ที่ เลยยอมปล่อยผ่านง่ายดาย ปีนี้ให้เล่นเลยแบบปกติคนสุดๆ ต่างจากปีก่อนที่ยุให้เทมตีลังกาให้ดูก่อนถึงจะยอมให้เล่นทริกออร์ทรีตด้วย แต่เล่นได้ครึ่งทาง พี่สาวของผมก็วิ่งกลับเข้าไปกอดคอส้วมอาเจียนต่อ พวกเราเลยต้องให้พ่อบ้านมาหิ้วปีกหญิงสาวที่กลายสภาพเป็นนารีขี้เมาหมดสภาพ ไปเล่นหลอกหรือเลี้ยงกันต่อบนเตียง ปิดจ๊อบ จบไปแบบง่ายๆครับ


          คนต่อมาคือยูริ ปีนี้ไม่โดนหย็องก่อกวนเท่าไหร่ ถ้าไม่นับใบหน้าบูดบึ้งสนิท เพราะเจ้าตัวงอนที่โดนพวกผมทิ้งเอาไว้ที่ห้าง แต่เจ้าเด็กติดเพื่อนก็เลิกงอนเลิกโกรธทันที เมื่อเทมเอาช็อกโกแลตตัวด้วงออกมาให้


          "ไม่โกรธๆๆๆนะครับ วันหลัง วันหลังไม่ลืมแน่ๆๆๆครับ เทม เทมเอาแต่ดีใจวันฮาโลวีนกับวันเกิดไปหน่อย เทมขอโทษนะครับ ขอโทษหย็องหย็องด้วยนะครับ แล้วก็ๆๆ...นี่ครับ เทม เทมไม่รู้ว่าหย็องหย็องจะชอบสีไหน มันสีเยอะๆๆมากเลยครับ ตัวก็มีเยอะๆๆขนาดมากๆเลย เทม เทมเลยเอามาให้หย็องหย็องหมดเลย"


          ชาโรนอฟคนเล็กคล้ายจะเป็นลม เขวี้ยงความโกรธความงอนทุกอย่างออกนอกโลก รีบเข้ามารับเจ้าด้วงช็อกโกแลตไปกอดทันที เหมือนจะเห็นน้องชายตัวเองหลุดกรี๊ดด้วยครับ ดีใจจนสติแตกเลยทีเดียว เจ้าตัวพุ่งเข้ามาจะกอดฟักทองข้างกายผม ผมได้แต่รีบยันมือดันอีกฝ่ายไม่ให้เข้ามาใกล้


          หย็องหย็องกระทืบเท้าถูกอกถูกใจ

          "อ้ากกกกกกก!! ร๊ากกกกกกกกก ร้ากกกกก รักเทมที่สุดในโลกเลยยยยยย! มาเป็นเฮียเทมของหย็องแทนเฮียหมูเหอะ ฮือออออออ โอ้ยยยยย เทมเอาไปๆๆๆขนมทริกออร์ทรีต หย็องจะเอาด้วงช็อกโกแลตไปถ่ายรูปเล่นกับไลอ้อนกับดราก้อนลูกรัก!! เออๆๆ อควาเรียมไม่ไปด้วยแล้วนะ ไว้ค่อยเจอกันตอนเย็นทีเดียวเลย ...ดราก้อนจ๋า!ไลอ้อนจ๋า! พ่อมาแล้วครับลูกกกกกกกกกก!!!"


          ปัง

          น้องชายพอได้ของที่ต้องการก็ปิดประตู สะบัดก้นทิ้งพวกผมไป

          "เทม เทมยังไม่ได้ทริกออร์ทรีตเหรอครับกับหย็องหย็องเลยครับ แล้ว แล้วก็ แล้วก็...หย็องหย็องไม่ ไม่ไปอควาเรียมด้วย...หย็องหย็องยังโกรธๆๆๆเทมอยู่เหรอครับหมูหย็อง"

          เด็กน้อยของผมเม้มปาก เขาคงนึกว่ายังโดนน้องชายของผมโกรธอยู่ จึงไม่อยากไปเที่ยวด้วยกัน

          "ชู่...ไม่ใช่นะครับ หย็องหย็องไม่ได้โกรธเทมครับ เมื่อกี้ยังตะโกนบอกรัก อยากได้เทมเป็นเฮียเทมอยู่เลย ส่วนที่ไม่ไปด้วย ก็เพราะจะเข้าไปเล่นกับด้วงแค่นั่นเองครับ หย็องไม่ไปด้วยก็ไม่เป็นไรนะครับ ยังมีเต้กับน้ำ อเล็กซ์ ไม้แล้วก็หญิงอีกสี่คนนะครับที่ไปด้วยกัน แล้วเดี๋ยวตอนเย็นก็ได้เจอกันครบทุกคนนะครับ"


          เด็กชายช้อนตาแดงระเรื่อขึ้นมองผม ก้มลงเอาหัวมาถูไถ


          "แล้วก็ แล้วก็น้องหมูหย็อง น้องหมูหย็องก็ไปด้วยใช่ไหมครับ"

          "ใช่ครับ น้องหมูก็จะไปกับพี่เทมด้วยนะครับ"


          แค่นี้ รอยยิ้มสดใสก็กลับคืนมา







          พวกผมสองคนขึ้นไปหาเฮียปลาหย็องบนชั้นแปดของเจ้าตัว แต่ก็หาเจ้าของชั้นไม่เจอครับ ถึงจะนึกแปลกใจกับพี่ชายผู้ไม่ยอมพลาดกิจกรรมในการทำตัวเล่นใหญ่ว่าหายไปไหน แต่ผมก็ตัดสินใจในทันทีว่าจะข้ามขึ้นไปหาคุณพ่อคุณแม่แทน

 
          แล้วก็ต้องเจอภาพสยองขวัญสุดๆ... ผมสะเทือนใจมากกับภาพที่เห็น คนคุ้นหน้าคุ้นตา ผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่ง  อยู่ในชุดโปเกม่อนตัวดังอย่างปิกาจู ทั่วทั้งร่างเหลืองอร่าม พวกเขาลงทุนทาสีเหลืองไปทั้งตัว กำลังยืนจังก้าเรียงกันอยู่หน้าประตู


          อา...อยากลากเทมกลับเข้าห้องผมมากครับ ให้ตายเถอะ แค่เฮียเนื้อหย็องผมก็ปวดหัวจะแย่ คิดยังไงถึงมาแท็กทีมกันสามคนนะ ตัวป่วนทั้งนั้น


          เจ้าของห้องเสื้อชั้นสูง ก้าวขาออกมาเป็นคนแรก คุณหม่าม้าแต่งจัดเต็มจนถ้าผมเป็นหุ้นส่วน ผมจะถอนการลงทุนออกให้เกลี้ยงเลยครับ ไม่เหลือความเชื่อมโยงกับผู้หญิงที่ถูกจัดให้เป็นผู้หญิงแต่งตัวดีติดอันดับโลกในนิตยสารชื่อดังให้เห็นเลยสักนิด


          "โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ มากันสักทีนะ กะปิ กะปิ" 


          กะปิ กะปิ อะไรของคุณแม่เขาครับ ผมเคยดูกับเทม ปิกาจูมันต้องร้องว่า ปิก๊ะ ปิก๊ะ ไม่ใช่หรือยังไง...


          "ใช่!! มากันสักที ป๊ายืนรอจนไข่หดหมดแล้ว!"


          ป๊าผู้สวมแค่ผ้าเตี่ยวสีน้ำตาลและสวมหางกับหู ดูคล้ายคนป่า คนเถื่อยสมัยยุคดึกดำบรรพ์ ถ้ารูปนี้หลุดออกไป ผมว่าคุณยายต้องได้หุ้นราคาถูกราวกับแจกฟรีแน่ๆครับ ท่านประธานเซอร์กีย์ ช่างกล้าเสียเหลือเกิน


          "จำปารอคุณหลวงทั้งสองนานแล้วนะเจ้าคะ! นี่กำลังคิดสุมหัวกับหม่อมพ่อหม่อมแม่กันเลย ถ้ายังไม่มาจำปาจะลงไปตามถึงข้างล่าง! เอาให้รู้กันทั่วว่าคุณหลวงทอดทิ้งจำปาไว้บนหอคอยบาเบล!!!"

          เฮียปลาผู้ยังไม่ละทิ้งสไบสีเขียวเหลืองแสง พอมาอยู่บนสภาพร่างสีเหลือง ...แสบตามากครับ แล้วส่วมผสมระหว่างวัฒนธรรมไทยอย่างโจงกระเบน สไบ และปิกาจูมาอยู่รวมกันนี่คิดได้ยังไง


          ใคร ใครก็ได้มาควักลูกตาผมออกไปที...


          ท่อนไม้แข็งทือคือผม ดวงอาทิตย์ทอแสงคือเขา


          เทมปุระตาโตแวววาว ตื่นเต้นสุดขีด เจ้าสีส้มวิ่งไปรวมกลุ่มกับสีเหลือง อา...อันตราย อันตรายจริงๆ ผมควรสานต่อเรื่องหาบ้านใหม่ให้เสร็จเร็วๆเสียแล้วล่ะ


          "คุณป๊าๆๆๆ คุณหม่าม้าๆๆๆ เฮีย เฮียปลาหย็อง แต่งตัวเป็นผีปิกะจูเหรอครับ!!!"

          "ใช่แล้วค่ะลูกชายคนข้างบ้าน นี่ไม่ได้แอบไปสืบมาเลยนะคะว่าคุณลูกชายคนข้างบ้านใส่คอสตูมปีนี้คือฟักทอง ไม่ได้ตั้งใจใส่มาเกทับ ให้ชนะเลยจริงๆค่ะ โฮะๆๆๆๆๆๆ" ปิกะจูสาวหยิบพัดมาป้องปาก หัวเราะเสียงดังสะใจราวกับตัวร้ายในละครหลังข่าว แต่กับชุดที่สวมใส่ทำให้ดูคล้ายอยู่แถวโรงพยาบาลผู้ป่วยทางจิตมากกว่านะครับหม่าม้า...


          "เท่ใช่ไหมล่ะคะคุณหลวง นี่ไอเดียจำปาเลยนะคะ! จำปาตื่นแต่เช้า ไปขโมยขมิ้นในห้องครัว แล้วเอามานั่งตำตั้งนาน ตำจนมือสวยๆจะแหกหมดแล้ว กว่าจะพอพอกทั้งสามคน"

          จำปาโอ้อวด เบ่งกล้ามโชว์สวนทางสไบและรองเท้าส้นสูงที่สวม

          "แต่ แต่ว่าปิกะจู ปิกะจูยัง ยังไม่ตายไม่ใช่เหรอครับ ฮาโลวีนไม่ต้องแต่งตัวเฉพาะผีๆน่ากลัวๆเหรอครับน้อง น้องหมูหย็อง" เทมถามผมอย่างสงสัย

          "ถึงยังไม่ตาย แต่ถ้าแต่งแล้วน่ากลัว หมูก็คิดว่าใช้ได้นะครับ...ซึ่งคุณพ่อคุณแม่และเฮียปลาหย็องก็ อืม...สยองขวัญมากจริงๆ"

          "นี่พ่อเองไงลูก! / นี่แม่เองไงลูก! / นี่พี่เองไง!"

          สามคนตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน




          ระหว่างคุณหญิงแม่กับจำปากำลังโต้เถียงว่าใครแต่งแล้วสวยกว่ากัน คุณป๊าก็เดินเอาของขวัญมาให้เทมปุระ

          "สุขสันต์วันเกิดนะครับเทมเทม ขอให้มีความสุข โตไวๆนะครับเทมเทมของป๊า"

          สองคนที่โต้เถียงหยุดชะงัก หันมาแห้วทันที

          "อะไรกันคะ! ฉันเป็นคนออกเงินซื้อของขวัญให้นะ แถมห่อเองกับมือด้วย ฉันต้องเป็นคนให้ลูกชายคนข้างบ้านสิคะโจวิช!"

          "อ้าววววววววว ทำไมเด็จพ่อกับหม่อมแม่แย่งจำปาแบบนี้! จำปาอุตส่าห์ช่วยเลือกชุดแต่งตัวที่เทมชอบนะ จำปาควรได้สิทธิ์ในการให้ของขวัญคนแรกสิ!"

          "แต่ป๊าเป็นคนเลือกนะ! ป๊าต้องเป็นคนให้เทมสิ!"

          "เมาขมิ้นเหรอโจ คนจ่ายต้องเป็นคนให้ยะ!"

          "คนสวยอย่างจำปาต่างหาก!"

          "พ่อ!"

          "แม่"

          "ลูก!"

          "อย่า อย่าทะเลาะกันนะครับ ไม่โกรธๆๆๆกันนะครับ"


          ผีฟักทองเข้าไปแย่งปิกะจูที่ตั้งท่าจะปล่อยสายฟ้าฟาดฟันใส่กัน จ้องตากันได้สามวิ ก็ได้ยินเสียง ฉุบ ฉุบ ฉุบ สามครั้งจากทั้งสามคน พร้อมรอยยิ้มชัยชนะบนใบหน้าของผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียว คุณพ่อร้องโหยหวน จำปาก็หยิบยกสไบขึ้นซับน้ำตาตัวเอง ส่งเสียงกระซิกๆๆน่ารำคาญไม่หยุด


          คุณหม่าม้าเดินมาจับมือเทมเอาไว้ อารมณ์ที่เปลี่ยนไปมากะทันหัน ทำเอาเด็กน้อยของผมปรับตามไม่ทัน

          "คุณลูกคนข้างบ้านคะ"

          "ครับ ครับคุณหม่าม้า"

          "สุขสันต์วันเกิดนะคะ ปีนี้ก็อายุสิบหกแล้ว ขอให้แข็งแรง โตเป็นผู้ชายที่ดี เป็นลูกคนข้างบ้านที่น่ารักแบบนี้ตลอดไปนะคะ มีอะไรก็มาบอกคุณหม่าม้าแสนสวยได้เสมอ รู้ไหมคะ ถึงจะเป็นลูกคนข้างบ้าน แต่บ้านติดกันถือว่าบ้านเดียวกัน"


          เทมปุระยกมือไหว้ขอบคุณ แต่ไม่ทันได้พูดอะไร เฮียเนื้อหย็องก็รีบวิ่งเข้ามาแทรกกลาง จนโดนคุณหญิงแม่ใช้พัดตบไปหลายหนกลางแผ่นหลัง เฮียจำปาปัดป้องด้วยท่าทางสะดีดสะดิ้ง


          "อ๊าย คุณหญิงแม่อย่าตบตีจำปาเจ้าค่ะ! จำปาต้องขอเช็กเรตติ้งคอสตูมก่อน เทมชอบที่จำปากับป๊าม้าใส่กันหรือเปล่า นี่เป็นของขวัญจากจำปานะ แต่งเพื่อเทมเลย เป็นไงล่ะ จำปาน่ะเลิ้บเลิ้บคุณหลวงสามีของคุณหลวงหมูขนาดไหน ซึ้งใจหรือยัง"


          เฮียปลาหย็องเชิดจมูกขึ้น ป๊ารีบโผล่เข้ามาร่วมวงถามด้วยอีกคน


          "เทมเทมชอบใช่ไหมลูก ป๊าแต่งเป็นโดเรม่อนที่เทมเทมชอบไงครับ"



          โดเรม่อน...?

          โดเรม่อน............?




          ผมกับเทมปุระหันมามองหน้ากัน เด็กน้อยของผมเอียงคอมึนงง


          "เทม เทมชอบโดเรม่อนครับ แต่ แต่ว่าที่เฮีย ที่เฮียปลาหย็องกับคุณป๊าคุณหม่าม้าใส่ ปิ ปิ ปิกะจูนะครับ..?"


          เฮียจำปาทั้งๆที่ทาหน้าเหลืองแต่กลับดูหน้าซีดขึ้นมาได้ ส้นสูงไม่เป็นอุปสรรคในการก้าวพรวดเข้ามาประชิดตัว จับไหล่เด็กน้อยผมเอาไว้ ถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก


          "เดี๋ยวๆๆๆนะ แล้วไอ้ตัวเหลืองๆนี่ไม่ใช่โดเร่ม่อนหรอกเรอะ!?"

          "ปิกะจู ปิกะจูเป็น เป็นโปเกม่อนนะครับเฮียปลาหย็อง ไม่ใช่โดราเอม่อนนะครับ"


          จำปาหลุดเสียงแหบทุ้ม

          "...ชิบหาย..."

          "อะไรนะ แล้วไอ้ที่ฉันลงทุนแต่งตัวบ้าบอให้เทมดีใจนี่มันเพื่ออะไร!" คุณแม่ถึงกับหลุดโหมดบ้าบอ

          "ไม่ใช่ว่าลูกยืนยันเหรอโจเชฟ! ว่าไอ้ตัวเหลืองๆๆนี่คือโดเรม่อน"

          "โด โดเรม่อน พี่ม่อน พี่ม่อนสีฟ้านะครับ ไม่ใช่สีเหลือง"

          "สีฟ้าเรอะ! แล้วไอ้เหลืองทั้งตัวแม่นี่มันคืออะไร ห๊าา ปลาหย็อง!"

          "อืม...แล้วผมก็ไม่อยากจะซ้ำเติมนะครับ แต่ขมิ้นนี่รู้กันหรือเปล่าครับว่าถ้าทาแล้วมันล้างยากมาก แทบจะเอาไม่ออก ติดทนนานเป็นสัปดาห์ แล้ว...ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้ก็ต้องไปอิตาลีออกงานหรือครับคุณพ่อคุณแม่..."


          ผมเดินไปหยิบกล่องของขวัญวันเกิด เดินจูงมือเทมออกจากสงครามโลกครั้งที่สาม จากหางตา เห็นคุณป๊าคุณม้าแปลงร่างจากปิกะจูสีเหลืองสดใส กลายเป็นยักษ์วัดแจ้งไปในบัดดล ดูท่าจะมีผีร้ายไล่ล่าชิงดวงวิญญาณในวันฮาโลวีนจริงๆด้วยล่ะครับ


          "ว่าไงนะ!!! ล้างไม่ออก! แล้วฉันจะทำยังไงกับงานแฟชั่นโชว์วันจันทร์ ห๊าาาาาาาาา"

          "อะไรนะ!! แล้วป๊าจะเอาหน้าเหลืองๆ เอาตัวเป็นดีซ่านไปขึ้นบอร์ดบริหารได้ยังง๊ายยยยยย"


          "โจเชฟ โจวิช ชาโรนอฟ!!! / โจเชฟ โจวิช ชาโรนอฟ!!!"


          "กรี๊ดดดดด เด็จพ่อ หม่อมแม่อย่าฆ่าหนู! หนูไม่อยากเป็นผีจริงๆในวันฮาโลวีนน้าาาาา!!"
         















  end 38 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



โชคดีกับการล้างตัวด้วยขมิ้นนะคะคุณพ่อคุณแม่
เฮียจำปาก็อย่าให้โดนฆ่าไปก่อนนะ...
จริงๆมันควรจบในสองตอนสิ ทำไมยาวล่ะ Orz















         
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 38 * 4/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-11-2018 01:03:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 38 * 4/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mizunoe ที่ 06-11-2018 01:39:53
สุขสันต์วันเกิดน้าพี่เทมมมมมมมม
ขอบคุณที่เกิดมานะครับ
เทมเป็นความสุขที่เราตั้งตารอทุกวันเลยช่วงนี้

น้องหมูหย็องนี่ก็ทุ่มกับของขวัญสุดๆ เล่นใหญ่ฉบับหมู ฮาาา
ช่วงเทศกาลนี้หมูก็ได้กำไร(จากความน่ารักของเทม)ไปไม่น้อยเลย

แต่คุณแม่ทำเราลั่นสุดแล้ว อะไรคือ กะปิ กะปิ น่ะะะะะะะะ 555555555555555555
จำปา โดนแน่ !
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 39 * 7/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 07-11-2018 22:27:07








39












          กระทั่งเสียงฝีเท้าย่ำไปกับพื้น ยังสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของผู้เป็นเจ้าของ ร่างสูงที่ถอดชุดฟักทองออกแล้วอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ หมุนวนไปมา หยิบจับนู่นนี่มากองกันจนสูงท่วม ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าตัวเอง แต่เสื้อผ้าของอีกคน เขาก็อาสาจัดการเลือกให้

          เจ้าตัวเลือกของตัวเองได้แล้ว แต่ยังคงรื้อตู้เสื้อผ้าของผมไม่หยุด ตู้เสื้อผ้าบานโตสูงถึงเพดานห้องเจ็ดเมตร กว้างสิบเมตรเต็มไปด้วยเสื้อผ้ามากมาย ก่อเกิดเป็นอุปสรรคในการตัดสินใจ พี่เทมของผมดูลังเลกับเสื้อสีสันสดใสอันน้อยนิดท่ามกลางดงเสื้อผ้าสีเข้ม สุดท้ายก็ปิดตู้ ข้ามไปอีกฝั่ง เปิดตู้ของตัวเอง หยิบเสื้อยืดสีฟ้าของเจ้าตัวออกมา


          ได้ผู้ชนะแล้วครับ


          เสื้อยืดสีฟ้าสกรีนลายปลาโลมากับกางเกงยีนส์สีซีดคือชุดของผม ส่วนของคนพี่คือเสื้อยืดสีฟ้าเฉดใกล้เคียงกัน แต่สกรีนลายฉลาม พร้อมกางเกงยีนส์สีเหมือนกัน รองเท้าผ้าใบต่างกันหนึ่งไซส์ ทว่าก็เหมือนกันเช่นเคย


          เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของผม ผมซื้อคู่เสมอครับ ยกเว้นแต่พวกโทนสีเข้ม ซึ่งเด็กน้อยของผมไม่ชอบใส่


          พอเลือกได้ เด็กน้อยเดินมาตรงหน้าผมที่นั่งรอเขาเลือกเสื้อผ้าให้ แต่ความลังเลก็ยังไม่หายไปไหน ยังคงปกคลุมอยู่กับสไตล์ลิสต์ส่วนตัวจำเป็น เขากอดเสื้อยืดเอาไว้แนบอก


          "พี่เทม พี่เทมหาเสื้อลายคุณปลาของน้องหมูหย็องไม่เจอเลยครับ เจอแต่ตัวคุณจระเข้ แต่ แต่ว่าถ้าใส่จระเข้ไปคุณปลาจะกลัวนะครับ แล้วก็ๆๆๆ มันจะไม่อควาเรียมนะครับ พี่เทมเลย เลยคิดว่าใส่ของพี่เทมดีกว่า แต่ก็ ก็..."

 
          ผมงุนงงไปเล็กน้อย ผมไม่มีเสื้อผ้าลายจระเข้นะครับ ถ้ากระเป๋าหนังหรือรองเท้าก็ว่าไปอย่าง อา เขาคงหมายถึงเสื้อของแบรนด์ lacoste สินะครับ... ส่วนท่าทางไม่มั่นใจ เด็กน้อยรู้ว่าผมไม่ชอบใส่เสื้อลายๆหรือเสื้อยืด เลยลังเลจะยื่นให้ผมใส่


          ผมยิ้ม ช่วยกรุยทางให้เขา


          "วันนี้น้องหมูรู้สึกอยากใส่เสื้อยืดลายการ์ตูนมากเลยครับ ถ้าเป็นปลาโลมาได้ก็จะดีมากเลย"

         เด็กน้อยชูมือขึ้นสูง กระโดดขึ้นลง ดวงตาเป็นประกาย  "เทม เทม พี่เทมๆๆๆ มีครับ! มีเสื้อยืดลายคุณปลาโลมาครับ!"  ความกังวลผันแปรเป็นรอยยิ้มกว้างตาหยี


          ผมลุกขึ้นยืน ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกจากร่างกาย ยิ่งพอเห็นคนตรงหน้าหลบสายตาวูบ พวงแก้มขึ้นสีก็ยิ้มกริ่ม ลดความเร็วการปลดลงอย่างมีนัยยะ


          เสียงทุ้มติดแหบเอ่ยอย่างเย้ายวน "พี่เทมครับ"

          "คะ ครับ"

          "มองน้องหน่อยสิครับ..." เอ่ยเสียงขอร้องเจ้าของวันเกิด แม้จะเขินแทบตาย แต่เมื่อผมขอ ร่างสูงค่อยๆขยับดวงตาให้มองกัน เขาขยุกขยิกอยู่ไม่สุข ดวงหน้าเห่อแดงจนน่าสงสาร แต่คนใจร้ายก็ยังคงใจร้าย เสื้อเชิ้ตสีดำสนิทหลุดร่วงลงกับพื้น เผยผิวขาวกระจ่าง ขยับเข้าไปชิดใกล้ไร้ช่องว่าง


          กับคนเล่นซนมาหลายวันจนไม่ได้ปลดปล่อย ภาพตรงหน้าคงจะกระตุ้นเจ้าตัวไม่น้อย เอื้อมมือไปเกลี่ยผมนุ่ม เรื่อยลงมาถึงแก้มชมพูจัด


          จับมืออุ่นร้อนมาวางลงบนแผ่นอกเปลือยเปล่า แสร้งลำบากใจ


          "เสื้อพี่เทมน้องใส่ได้หรือเปล่าครับ ตัวใหญ่ไปหรือเปล่า" แกล้งถาม ทั้งๆที่รู้ไซส์เป็นอย่างดี จับมือเขาไล้ไปตามตัวราวให้ช่วยวัดขนาด ความร้อนที่แตกต่างผสมผสานปนเปพานพาให้ไต่ระดับขึ้นสูง


          องค์ชายน้อยราวต้องคำสาป เขานิ่งค้างอยู่นานกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ


          "ส-ส-ส ใส่ ใส่ได้ครับ ไม่ๆๆๆใหญ่ ไม่ใหญ่ไป"

          เย้าหยอกคนเขิน  "ไข้ขึ้นเหรอครับพี่เทม แก้มแดงจังเลย"  ด้วยคำถามที่เขาชอบถามเวลาผมอาย

          "ป-ป-เปล่าครับ ไม่ได้ไข้ๆๆ...เทม พี่เทมแค่เขิน เขินน้องหมูหย็องโป๊เฉยๆครับ"

          คำตอบตรงๆทำเอาหน้าผมร้อนตาม แต่ก็ยังคงอยากฟังเขาพูดอีก สบตามองอ้อน ขอคำตอบที่จะพาเข้าสู่สถานการ์ณอันตราย "พี่เทม...แค่เขินอย่างเดียวเหรอครับ?"


          "เขิน เขิน แล้วก็...แล้วก็--"




          RRRRrrrrr




          ยังไม่ทันได้คำตอบ โทรศัพท์ก็แจ้งเตือน เสียงเรียกเข้าดังไม่หยุด อา ขัดอารมณ์จริงๆ ผมยอมปล่อยลูกไก่ในกำมือให้วิ่งดุ๊กดิ๊กไปแต่งตัวก่อนจะสวมเสื้อผ้าลงบนตัวอย่างรวดเร็ว แต่เทมยังเลือกกระเป๋าไม่ได้ครับ มองนาฬิกาแล้วยังพอมีเวลา เลยปล่อยเจ้าตัวตามสบายได้อีกนิดหน่อย

          เดินไปหยิบโทรศัพท์มากดรับ เปิดลำโพง พร้อมกวักมือเรียกเทมมาใกล้ๆ

          "พี่เทมชูมือขึ้นครับ เดี๋ยวน้องหมูสวมเสื้อให้นะ"

          [ กูล่ะเกลียดความแทนตัวเองว่าน้องหมูของมึงจริงๆ หมั่นไส้โว้ยยยยย! ]

          ปกติเสียงไอ้น้ำก็ดังอยู่แล้ว พอเปิดลำโพงเสริม เสียงมันก้องกังวานไปทั่วห้องเลยครับ เทมถึงกับสะดุ้งตกใจ รีบลูบไหล่ปลอบคนสะดุ้ง ไม่สนใจเสียงแหกปากจากเครื่องมือสื่อสาร ผมแต่งตัวให้เทมต่อไปเงียบๆ

          [ ฮัลโหลๆๆๆ ]

          แต่ไอ้น้ำก็แหกปากไม่หยุด จนต้องถามเสียงห้วน

          "มีอะไรครับ"

          [ กูจะโทรมาบอกว่าเปิดประตูหน่อย พวกกูอยู่โถงลิฟต์หน้าห้องมึงอ่ะ ]

          "มาเร็วไปก็นั่งรอแถวนั้นไปก่อนสิครับ"

          [ เทมๆๆ เทมมาเปิดประตูให้กูหน่อย มาทริกออร์ทรีตกันเร็วๆเข้า ]


          ไอ้น้ำจี้ได้ถูกจุดตาย เด็กน้อยของผมพอได้ยินคำว่าทริกออร์ทรีตก็ตาวาว ท่าทางอยากวิ่งออกไปเปิดประตูเอาเสียมากๆ จนผมได้แต่ถอนหายใจ ผมลูบศีรษะคนอยากเล่นหลอกหรือเลี้ยง แต่ถ้ายังแต่งตัวไม่เสร็จแล้วให้ออกไปเล่นกันก่อนนี่ยาวแน่ๆครับ ผมเร่งมือช่วยเขาแต่งกาย สวมกางเกงให้เขาเป็นอย่างสุดท้าย


          "พี่เทมไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะครับ แล้วค่อยออกมาเล่นทริกออร์ทรีตกับเต้กับน้ำนะ"

          "โอเคๆๆครับ อะ แต่ๆๆๆ แต่ว่า แต่ว่าน้องหมูหย็องครับน้องหมูหย็อง เทม เทมต้องใส่ชุดฟักทองออกไปทริกออร์ทรีต แต่เทมใส่ชุดใหม่แล้ว แต่ว่าๆๆๆ ทริกออร์ทรีตเต้กับน้ำ"


          เทมปุระร้อนรน หมุนซ้ายหมุนขวาระหว่างห้องน้ำกับกองชุดฟักทอง


          "พี่เทมครับ ถ้าเล่นเป็นผีจ๊ะเอ๋ ไม่ต้องใส่ชุดฟักทองก็ได้ครับ"

          "จริงด้วยๆๆๆ! พี่เทม พี่เทมจะเป็นคุณพี่ตะเอ๋! หลอกแฮ่ๆๆให้เต้กับน้ำตกใจๆๆนะครับ หมูหย็อง น้องหมูหย็องเก่งที่สุดเลย งั้นๆๆๆ เดี๋ยวเทม เดี๋ยวพี่เทมไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะครับ"

          "น้องหมูบีบยาสีฟันไว้ให้แล้วข้างอ่างนะครับ พี่เทมล้างหน้าเสร็จแล้วออกมาหาน้องข้างนอกนะ"


          เด็กชายราศีตุลย์พยักหน้ารับหงึกหงัก

          "ขอบ ขอบคุณครับ พี่เทม พี่เทมจะรีบๆๆแปรงๆๆๆนะครับ" แล้วก็วิ่งตุบตับเข้าห้องน้ำไป


          [ คือแบบพวกกูยังอยู่ในสายไง ได้ยินชัดขนาดนี้ จะให้พวกกูเอาอะไรไปตกใจกลัวผีตะเอ๋ของมันวะเนี่ย... แล้วมึงดูไอ้เต้ ดู! ดูความผัวขนาดนี้ มึงเห็นไหมไอ้เต้--- ]


          กดตัดสายทิ้งทันที


          หยิบรองเท้าที่เจ้าตัวเลือกพร้อมถุงเท้ามาวางไว้ตรงโซฟา รอเขาล้างหน้าเสร็จค่อยสวมครับ เดี๋ยวจะเปียก แล้วเดินไปเปิดประตูรับแขกแบบจำใจ


          "กว่ามึงจะมาเปิด กูนึกว่าต้องกางเต้นท์ค้างคืนแล้วเนี่ย"

          ไอ้น้ำบ่นออกมาทันทีเมื่อประตูอ้ากว้าง

          ข้างนอกห้อง มีคนยืนอยู่ทั้งหมดห้าคน นึกว่ามากันแค่สองคน แต่ไม้กับอเล็กซ์ก็มากันพร้อมเลยครับ อา มีคนแปลกหน้าด้วยอีกหนึ่ง ถ้าผมจำไม่ผิด รู้สึกว่าจะชื่อ 'เสาร์' หนึ่งในสามเพื่อนใหม่ของเทม

          ไอ้น้ำเหมือนอ่านสายตาของผมได้ จึงช่วยอธิบาย


          "เออ พอดีพวกไอ้ธันมันติดงานสีว่ะ หญิงก็โดนเปียเรียกไปช่วยงาน คงจะมาตอนเย็นๆพร้อมกันหมดทีเดียว กูเลยลากไอ้เสาร์มาแทน เสาร์นี่ไอ้หมู หมูนี่ไอ้เสาร์"


          ผมยิ้มเรียบ เอ่ยทักทายด้วยความเป็นมิตร แม้จะนึกหงุดหงิดที่ไอ้น้ำดันพาคนที่ผมไม่สนิทขึ้นมาด้วยก็ตามที


          "สวัสดีครับเสาร์"

          "เอ่อ สวัสดีครับหมู"


          เสาร์ตอบเสียงตื่น พอสบตาผมก็รีบหลบ อดหรี่ตามองสำรวจไม่ได้ นอกจากเอกสารที่ให้คนไปตามสืบเรื่องเพื่อนใหม่ของเทม ก็เพิ่งเคยเห็นตัวจริงเป็นครั้งแรกครับ ตัวจริงเสาร์ดูเป็นผู้ชายนุ่มนิ่มๆ สวมแว่นตากลม ตัวเล็กพอกันกับไอ้น้ำ เห็นเทมเล่าว่าเสาร์เป็นเพื่อนของขิมอีกที อยู่ในชมรมทาสหมาแมวเหมือนกันครับ


          "เข้ามาสิครับ ทำตัวตามสบายนะ"

          "งั้นกูไม่เกรงใจแล้วจ้า นึกว่าเป็นบ้านตัวเองละน้าาา" ไอ้เต้มุดตัวเข้ามา

          "มีด้วยเหรอครับคำว่าเกรงใจน่ะ"

          "ไม่มีจ้าาาาา"


          ไม่มีตามที่บอกจริงๆครับ ไอ้แฝดนรกพุ่งตรงไปนอนเอกเขนกบนโซฟาทันที ส่วนคนอื่นๆค่อยๆเดิมตามหลังผมเข้ามา พอเข้ามาถึงในห้อง อเล็กซ์กับเสาร์ตาค้าง ดูตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่าง


          "โอ้โห! ห้องประธานโคตรอลังอ่ะ! อย่างกับคอนโดหรูๆในหนังเลย เฮ้ย! เป็นสองชั้นด้วย นั่นก็ทีวีอย่างใหญ่!"

          "ชั้นหนังสือเรียงกันเป็นสองชั้นเลย สุดยอด..."

          "พวกมึงต้องเห็นห้องทำงานกับห้องเสื้อผ้ามัน กูบอกเลยอ่ะ ว่าแม่งโคตรอลังการ วันไหนกูโดนเตะออกจากกองมรดก กูจะบุกเข้ามาปล้นมัน รับรองพอกินพอใช้ไปสามชาติ"


          ไอ้น้ำโผล่หัวมาจากโซฟา เอ่ยแนะนำอย่างรู้ดีกับทุกซอกทุกมุมของห้องผมทั้งๆที่เคยเข้ามาไม่ถึงสิบครั้ง


          "กูว่ามึงจะตายตั้งแต่ลิฟต์อ่ะ ไม่มีพ่อบ้านมึงก็ขึ้นมาไม่ได้แล้วไหมวะ"

          "เออว่ะ งั้นกูปล้นพ่อบ้านมันก่อน แล้วค่อยขึ้นมาปล้นห้องมันอีกที"

          กรอกตาให้ความไร้สาระของสองแฝด ก่อนจะเชื้อเชิญให้อีกสามคนนั่ง อเล็กซ์กับเสาร์ทำตัวลีบ

          จนผมต้องบอกย้ำ "ตามสบายนะครับ"

          สองคนจึงค่อยๆผ่อนคลายขึ้น


          "เทมล่ะ" ไม้ถามถึงเจ้าของห้องอีกคน

          "แต่งตัวอยู่ครับ คิดว่าอีกเดี๋ยวคงออกมา"

          เหรัญญิกพยักหน้าแล้วนั่งเงียบ ผมคุ้นชินกับความเงียบของไม้ครับ แต่กับอีกสองคนก็แปลกๆอยู่บ้าง
คุยกันอีกไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแปลกๆ พวกผมหันไปมองแล้วก็ได้แต่อ้าปากค้าง


          เทมปุระมาในอุปกรณ์ดำน้ำเต็มยศ บนหน้าสวมแว่นตาดำน้ำแบบมีท่อช่วยหายใจ แขนทั้งสองข้างสวมปลอกแขนกันจมลายโดราเอม่อนสีฟ้าสดใส กลางลำตัวยังมีห่วงยางอันใหญ่คอลเลกชั่นเดียวกัน ที่เท้าก็สวมตีนกบ พอเห็นพวกผมนั่งอยู่ ก็ถอดหน้ากากดำน้ำออก ยิ้มกว้างทักทายเสียงสดใส


          "มา มาแล้วเหรอครับ"

          "เดี๋ยวนะ เดี๋ยวๆๆๆ นี่เราจะไปอควาเรียมหรือจะไปดำน้ำที่เกาะสมุยวะ"

          "ไปอควาเรียมครับ!"

          "แล้วมึงแต่งตัวอะไรแบบนั้น จะไปว่ายน้ำกับฉลามเรอะ!?"

          "ไม่เอาๆๆ ไม่ว่ายครับ เทม เทมกลัวฉลาม"

          ผมรีบเดินไปหาเจ้าตัว ด้วยกลัวเขาจะลื่นลงบันไดจากตีนกบที่สวมใส่ พอพามาถึงโซฟา ไอ้น้ำก็รีบถามอย่างสงสัย

          "ทำไมใส่ชุดนี้วะเทม"

          เด็กน้อยเอียงคองงกับคำถาม

          "ก็ ก็ ก็ถ้าไม่ใส่ ถ้า ถ้าไปอควาเรียมแล้วกระจกแตก จะจมน้ำบุ๋งๆๆ หายใจไม่ออกนะครับ แล้ว แล้วเทมก็ว่ายน้ำไม่เก่ง เลยต้องใส่ห่วงยางด้วย เพราะหมูหย็องบอกว่าถ้าใส่ห่วงยางแล้วจะไม่จม เทม เทมเตรียมให้ทุกคนด้วยนะครับ จะได้ไม่จมน้ำบุ๋งๆๆๆนะครับ"


          เจ้าตัวอธิบายแล้วยิ้มเจิดจ้า


          "เชี่ย พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ก้ำกึ่งกับอยากจะขำกับซึ้งใจ"

          "พี่เทมครับ ใส่แค่ห่วงยางก็พอนะครับ ตีนกบกับแว่นตากันน้ำไม่ต้องเอาไปนะครับ"


          เด็กน้อยของผมช็อก ถามเสียงตะกุกตะกัก


          "เทม เทม พี่เทม พี่เทมเอาไปไม่ได้เหรอครับ แต่ถ้าไม่มีแว่นตากันน้ำ เวลาบุ๋งๆๆๆใต้น้ำ เทมลืมตาแล้วเค็มๆๆตานะครับ เทม เทมจะมองอะไรไม่เห็น เแล้วดี๋ยวจะหาหมูหย็องไม่เจอ จะหลงๆๆกันในน้ำนะครับ"

          "ทำไมเทมแม่งพูดเหมือนยังไงกระจกก็ต้องแตกวะ..." ไอ้เต้พึมพำ

          "เรียกว่าแสบตาครับ ไม่ต้องกลัวนะครับ ถ้าจมจริง เดี๋ยวน้องหมูจะว่ายไปหาพี่เทมเอง เพราะงั้นเอาไปแค่ห่วงยางก็พอนะครับ"

          "แสบตาๆๆครับ แล้ว แล้วจะว่ายได้เร็วๆๆเหรอครับถ้าไม่มีเท้ากบ"

          "คำว่าตีนกบ ไม่ถือว่าเป็นคำหยาบนะครับ พี่เทมพูดได้ครับ ส่วนเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ หมูว่ายน้ำแข็งมากๆ เร็วมากๆด้วย"

          "งั้น งั้นไม่เอาไปก็ได้ครับ แต่ แต่ว่าห่วงยางเอาไปนะครับ ต้องใส่นะๆๆๆ ไม่งั้นจมบุ๋งๆๆ หมูหย็อง น้องหมูหย็องก็ต้องใส่ห่วงยางด้วยนะครับ เทมกลัว ถ้าขาชาๆๆๆแบบในหนัง" ผมหัวเราะขำคนเจ้าความคิด พยักหน้าตอบตกลง

          "ได้ครับ เดี๋ยวน้องหมูจะสวมห่วงยางด้วยนะ"

          "งั้นๆๆๆ เดี๋ยวเทมขึ้นไปเอาห่วงยางของน้องหมูหย็องกับของทุกคนมาให้นะครับ เทม เทมสูบลมไว้ให้แล้ว แล้ว เดี๋ยวๆๆมาเล่นทริกออร์ทรีตกันนะครับ"


          เทมตั้งท่าจะลุก  ไอ้เต้กับไอ้น้ำรีบโบกมือห้ามทัพ


          "เดี๋ยวๆๆๆ พวกมึงใส่สองคน พวกกูก็ไม่ว่าหรอก แต่พวกกูต้องใส่ด้วยเหรอวะ"

          "เออ อควาเรียมในห้างนะเว้ย! คนเป็นล้าน ไอ้สัส กูอายยย"

          "เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ผมจองไว้เป็นส่วนตัวถึงตอนเย็นแล้วครับ"


          ไอ้น้ำสะดีดสะดิ้งดัดเสียงสองกรีดร้อง


          "กรี๊ดดดดดดดดดดดด เสี่ยหมูขาาาาาาา!! ขอเป็นเมียน้อยได้ไหมคะ ในฐานะคนถูกหม่อมแม่หักค่าขนมก็ได้"

          "มาว่ะพี่หมูสายเปย์!!"

          "เหมาเลยเหรอครับ!?" เสาร์กับอเล็กซ์ตะโกนถามอย่างตกใจ


          ผมละความสนใจจากกลุ่มคนที่ตื่นตระหนกตกใจ หันมามองคนตื่นเต้นอยากไปอควาเรียมเร็วๆ

          "พี่เทมเล่นทริกออร์ทรีตกับทุกคนไปก่อนนะครับ เดี๋ยวน้องหมูขึ้นไปหยิบมาให้เอง จะได้ไปกันเร็วๆนะ"

          "อ๋อๆๆๆ โอเคครับ"


            เด็กน้อยหันไปหยิบถุงขนม ตั้งท่าเตรียมเล่นหลอกหรือเลี้ยง ส่วนผมลุกออกมาเดินเข้าห้องทำงาน แล้วค้นพบว่าพวกห่วงยางมันเยอะเกินไปมากกว่าจะถือคนเดียวได้หมด ลงท้ายด้วยการโทรเรียกพ่อบ้านขึ้นมาขน แล้วเอาไปไว้ที่อควาเรียมรอแทน ไม่งั้นกับห่วงยางเจ็ดห่วงกับคนเจ็ดคน รถตู้น่าจะอึดอัดไม่ต่างจากปลากระป๋อง


          พอเสร็จธุระห่วงยาง ลงมาก็ดูเหมือนเด็กน้อยจะเล่นกันเสร็จพอดี


          ไอ้น้ำที่เสียขนมทริกออร์ทรีตให้ผีตะเอ๋กรอกตาเซ็งๆ


          "ปีหน้ามึงไปคิดการหลอกแบบใหม่มาเลยเข้าใจป่ะ ท่าเดิมซ้ำมาสามปีละ กูเบี่ยยยยยยย ปีหน้าทำอีกกูจะไม่ให้ขนมแล้วนะ"

          เทมพอได้ยินว่าจะอดขนม ก็รีบแย้งลนลาน


          "อันนี้ อันนี้ก็แบบใหม่นะครับน้ำ ปีก่อนๆๆเทมร้องบู่ว! แต่ว่าๆๆปีนี้เทมร้องแฮ่แทน ไม่เหมือน ไม่เหมือนกันนะครับน้ำ"

          "แบบนี้ก็ได้เหรอวะ..."

          "อืม ได้ แบบนี้ก็ดีแล้ว" ไม้พยักหน้าเข้าข้างเทม

          เสาร์กับอเล็กซ์กลั้นหัวเราะ

          "อืม เราว่าแบบนี้ก็ดีนะ แต่เสียดายเราไม่รู้ว่าเล่นกันด้วย เลยเตรียมมาแค่ของขวัญวันเกิด"

          "เออจริง โทษทีนะเทม เล็กซ์ไม่รู้ว่าเล่นทริกออร์ทรีตด้วย เลยเอามาแค่ของขวัญวันเกิดว่ะ"

          "ไม่ ไม่เป็นไรครับ แค่มา แค่มาเทมก็ดีใจมากๆๆๆๆแล้ว"

          "เล่นเสร็จแล้วเหรอครับ"

          "เออ เสร็จละ มึงเสร็จยัง"

          "เรียบร้อยครับ อืม สิบเอ็ดโมงแล้ว งั้นเดี๋ยวไปกันเลยแล้วกันครับ"

          "ไปเลยแล้วเหรอครับ อ้าวๆๆๆ แต่ แต่ว่าหญิง หญิงแล้วก็เฮียปลาหย็องยังไม่มาเลยนะครับ"


          เทมท้วงถามหาพี่ชายคนโต อา...คนนั้นน่ะ ตอนนี้ก็น่าจะยังโดนคุณหญิงแม่จับคุกเข่าฟังเทศนาอยู่ เห็นในกลุ่มไลน์แว่บๆ ว่าเรียกเฮียเนื้อหย็องให้ขึ้นไปช่วยหาวิธีล้างขมิ้นกันอีกต่างหาก คงปลีกตัวมาไม่ได้หรอกครับ



          "เดี๋ยวหญิงกับคนอื่นๆมาตอนเย็นนะครับ พอดีว่าติดงาน ส่วนเฮียปลาติดธุระน่ะครับ คงจะลงมาตอนเย็นเหมือนกัน"

          เด็กน้อยดูสลด แต่พอบอกว่าเดี๋ยวเจอกันตอนเย็นเขาก็ดีขึ้น เตรียมตัวลุกไปที่รถจนต้องรีบห้าม

          "ถอดตีนกบออกก่อนครับพี่เทม นั่งลงก่อนนะครับ เดี๋ยวน้องหมูถอดให้นะ"

          "อ๋อๆๆๆ ขอบคุณครับ"

          ผมคุกเข่า แตะข้อเท้าให้เด็กน้อยอยู่นิ่ง จับเท้าเขายกขึ้น ค่อยๆถอดให้อย่างเบามือ สนใจแต่เขาจนไม่ได้สังเกตถึงเสียงรอบตัวที่เงียบลง ผมหยิบถุงเท้าบนโต๊ะมาสวมใส่ให้ทีละข้าง พับซ้อนกันสามทบอย่างประณีต ก่อนจะช่วยใส่รองเท้า บรรจงผูกเชือก เก็บปลายเชือกสอดให้อย่างเรียบร้อย กันเขาทำเชือกหลุดแล้วเหยียบล้ม


          "เสร็จแล้วครับพี่เทม"

          "ขอบ ขอบคุณครับน้องหมูหย็อง"


          พวกผมยิ้มให้กัน บรรยากาศอ่อนหวานอ่อนละมุนห่อหุมพวกเราเอาไว้ ดุจโลกนี้มีเพียงเราอยู่กันแค่สองคน แต่ในความจริงคือมีอีกห้าชีวิตนั่งตาโตในอยู่ห้องด้วยครับ


          "เฮ้ย..." อเล็กซ์อุทาน ท่าทางตกตะลึงไม่เชื่อสายตาตัวเอง

          ไอ้เต้ทำท่าปิดปาก ยกมือทาบอก

          "เพื่อนกูโคตรพระเอกอ่ะสัส  คุกเข่าผูกเชือกร้องเท้า กูนึกว่ามีแต่ในหนัง! ใจกูบางไปหมดแล้วครับพี่น้องครับ!"

          "กูนี่แทบหลุดกรี๊ดตอนมึงคุกเข่า นึกว่าแม่งจะขอแต่งงานซะแล้ว ไอ้ห่าใจกูปลิวไปเลยจ้า โอ้ยยยย ชิบหาย กูเขินเสี่ยหมู!"

          "คือ คือทั้งสองคนเป็น เป็นแฟนกันเหรอครับ" เสาร์ถามหน้าแดง


          เด็กน้อยงงกับปฏิกิริยาของเพื่อนๆ ก่อนจะตอบคำถามเพื่อนตัวเล็กด้วยใบหน้าอมยิ้ม แก้มยุ้ยปลูกกุหลาบ แต้มรอยแดงอีกครั้ง


          "ยัง ยังไม่ได้เป็นแฟนครับ เทม เทมจีบๆๆๆหมูหย็องอยู่"

          "ห๊า!!? ยังไม่ได้เป็นแฟนกันอีกเหรอ!? นึกว่าเป็นมาตั้งนานแล้วซะอีก" อเล็กซ์ตกใจจนถึงขั้นช็อก

          ไอ้เต้ตบหัวอเล็กซ์ดังป๊าบ "ไอ้สัส อย่าชี้โพรงให้กระรอก ลูกกูยังเด็ก!"

          "อืม เทมยังเด็กอยู่" ไม้พยักหน้าเห็นด้วย

          "แต่เทม เทมเป็นพี่ๆๆแล้วนะครับ เทมอายุสิบหกแล้วนะครับ เทมเป็นวัยรุ่นแล้ว ไม่เด็กๆๆๆแล้ว"

          ไอ้เต้ตบหัวเทมเบาๆ ทำหน้าอ่อนใจใส่วัยรุ่นสวมห่วงยางสีฟ้าลายโดราเอม่อน

          "เออๆ วัยรุ่นก็วัยรุ่น เอาที่มึงสบายใจ"

          "ไปๆ รีบไปอควาเรียมก่อนกูจะสำลักความหวานตายตรงนี้"


          พวกเราเจ็ดคนลงมานั่งกันในรถมุ่งตรงไปจุดหมายปลายทางที่ห้างดังกลางใจเมือง และรถที่เต็มไปด้วยเด็กผู้ชายก็วุ่นวายสิ้นดีเลยครับ ไอ้เต้กับไอ้น้ำที่แป๊บๆก็ดีกัน อีกแป๊บๆก็ตีกัน ยิ่งมีอเล็กซ์ที่พอออกจากบ้านผมก็หายเกร็งร่วมวง มันหนวกหูจนน่าเตะออกนอกรถแล้วให้วิ่งตามแทนมากๆ ยังดีที่อีกสองคนเป็นพวกเงียบๆ สามหนุ่มแก๊งรักสัตว์คุยกันถึงหมาแมว ความไม่สมดุลย์นี้เป็นไปจนถึงที่หมายในอีกครึ่งชั่วโมง


          ปากทางเข้า มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นหน้าตาดีมากเจ็ดคนยืนเกาะกลุ่ม วัยรุ่นเจ็ดคนไม่ใช่อะไรที่หาดูยาก แต่เด็กวัยรุ่นเจ็ดคนที่อยู่กลางห้างพร้อมด้วยห่วงยางลาย เอ่อ น่ารักๆ ก็ดูจะเป็นภาพหายากเสียหน่อย ยิ่งมีเสียงกรีดร้องของหนึ่งในสมาชิกแก๊งห่วงยางกรีดร้อง ยิ่งโดดเด่น


          "กูอายในระดับหน้าไหม้! เทม มึงไม่มีลายเรียบๆเหรอวะ ทำไมมันลายพร้อยมุ้งมิ้งขนาดนี้!"


          ไอ้เต้แหกปากตะโกน เมื่อมันต้องสวมห่วงยางสีชมพูลายโดเรมี่น้องสาวโดเรม่อน พนักงานต้อนรับหัวเราะคิกคักให้กับแก๊งผู้ชายตัวโตทั้งสี่ ส่วนตัวเล็กสองคนของกลุ่มได้ยินเสียงกระซิบชมว่าน่ารัก


          ...สำหรับผม มีแค่คนยิ้มตาหวานคนเดียวครับที่ใส่แล้วน่ารัก

          คนอื่นใส่แล้ว...ไม่รอดสักราย



          "ถ้ามีคนรู้จักมาเห็นเข้า จับกูฉีกเป็นชิ้นๆแล้วโยนให้ฉลามแดกไปเลยนะ" ไอ้น้ำโอด

          "ถ้าพ่อกูเห็นนี่มีหัวเราะจนกลิ้งตกขอบโลกอ่ะสัส"

          "อืม รู้สึกโชคดี กูได้สีน้ำเงิน" อเล็กซ์หัวเราะดังลั่นเพราะเป็นผู้ชนะในศึกแย่งชิงลายห่วงยาง

          "เต้แลกกับเราไหมครับ ของเราเป็นลายเรียบๆนะ" เสาร์เสนอ

          "ลายเรียบๆแต่ม่วงติดระบายขนาดนั้น เสาร์มึงใส่เถอะ กูใส่ปุ๊บนี่เป็นตุ๊ดถึกเลย"

          "ไม่เกี่ยวกันครับ สีม่วงหรือชุดระบายผู้ชายก็ใช้ได้ อีกอย่างตุ๊ดถึกก็ไม่เห็นเป็นอะไร ไม่ใช่เรื่องไม่ดีสักหน่อย"

          ผมแก้ต่างแทนห่วงยางที่เทมไปขอยืมอาเจ้ไก่หย็องมา เพราะห่วงยางของเจ้าตัวไม่พอจำนวนคน

          "ใช้ได้ แต่กูไม่เอาาาาา"

          "หุบปากเถอะครับเต้ ไม้ยังใส่ได้เลย"


          ผมเริ่มเสียงดุ กลัวเด็กน้อยคิดมาก เขาอุตส่าห์ไม่หลับไม่นอน นั่งหลังขดหลังแข็งเตรียมการให้


          "กูนี่นับถือมันขึ้นมาเลย..."

          "ทุกคนไม่ชอบเหรอครับ...แต่ แต่เทมว่าถ้ามีไว้จะปลอดภัยนะครับ แต่ แต่ว่าถ้าไม่ชอบ ถอด ถอดออกก็ได้นะครับ"


          เทมถามเสียงหงอย

          ผมมองไอ้เต้ไอ้น้ำสายตาเย็นเฉียบ อ้อมไปด้านข้างซ้าย จับมือเขาขึ้นมากอบกุมเอาไว้ เอ่ยเสียงอ่อนโยน


          "น้องชอบมากเลยนะครับ ใส่ไว้ปลอดภัยด้วย เป็นความคิดที่ดีมากๆเลยครับ"

          "อืม ใส่ไว้ก็ดี" ไม้พูดเสริม

          "เราโอเคนะ ประสบการณ์แปลกใหม่ดี หายากออก ใส่ห่วงยางเดินกลางสยาม"

          "เทมกูล้อเล่นๆ กูอยากใส่จะตายเว้ย สะดีดสะดิ้งไปงั้นแหละ เดี๋ยวคนรู้ว่าเท่ กูกลัวคนเข้ามาแย่งไง"

          "เออ จริง ป่ะๆๆ อย่าเสียเวลาอยู่ข้างนอกเลย เข้าข้างในกันดีกว่า"


          ไอ้เต้ไอ้น้ำวิ่งเข้ามากอดคอเพื่อนตัวสูง ลากกันเข้าไปในอควาเรียม  ส่ายหน้าให้พวกชอบบ่น ที่ลงท้ายก็อดโอ๋เพื่อนร่างสูงไม่ได้อยู่ดี



         
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 39 * 7/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 07-11-2018 22:29:15
           


          พวกเราเดินเข้ามา แล้วก็เริ่มต้นการชมสัตว์น้ำ ทีแรกคนปรามาสว่าต้องน่าเบื่อ กลับวิ่งไปเกาะกระจกกับเด็กน้อยของผม พลางร้องอู้หูโอ้โหกันยกใหญ่ จากเด็กชายหนึ่งคน เริ่มกลายเป็นเด็กชายสองคน สามคน และสี่คนตามลำดับ


          พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโปรยเวทมนตร์ลดอายุให้ทุกช่วงวัย ธรรมชาติใต้น้ำที่ไม่ได้พบเห็นในชีวิตประจำวัน ดึงดูดความสนใจได้ชะงัด ข้างในกระจกใส เต็มไปปลาและสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ทั่วท้องทะเล สีสันแปลกตา รูปร่างงดงาม เรื่อยไปจนรูปทรงแปลกล้ำเกินจินตนาการ จนได้แต่นึกทึ่งกับธรรมชาติสร้างสรรค์อันไร้ขอบเขต


          พวกเรามุ่งดูกันอยู่จุดหนึ่ง ข้างในเป็นปลาตัวยาว ผลุบๆโผล่ๆจากซอกหินปะการัง



          "เฮ้ยๆๆๆ มึงดูปลาไหลตัวนั้นดิ หน้าตาโคตรประหลาด!"

          "เหมือน เหมือนในเรื่องนางเงือกน้อยเลยครับ"

          "ที่เป็นตัวร้ายใช่ป่ะ! กูก็เคยดูกับน้องสาว เหมือนเป๊ะเลยว่ะ"

          "ไอ้ตัวนี้ป่ะวะ ที่เขาเอามาทำข้าวหน้าปลาไหล"

          "ข้าวหน้าปลาไหล อร่อยๆๆๆ เทมชอบๆๆๆ หวานๆๆๆ"

          "ไม่ใช่ นั่นมันต้องตัวเล็กๆ ตัวนี้ไม่น่าจะกินได้นะ"

          "เราว่าน่ากลัวแฮะ ขนลุกเลยดูแขนเราดิ"

          "ไอ้ตัวนี้ป่ะวะ ที่ช็อตจระเข้ตายได้เลยอ่ะ"

          "ปล่อยไฟฟ้าเหมือนปิกกะจูเหรอครับ!? สุดยอด สุดยอดๆๆๆไปเลย คุณปลาไหลเท่จังเลย"

          "ต้องเป็นปลาไหลไฟฟ้านะครับพี่เทม ถึงจะปล่อยไฟฟ้าได้"

          "อ๋อๆๆๆ"



          อธิบายไปก็ชะงัก จู่ๆภาพคุณพ่อคุณแม่และพี่ชายตัวเอง ที่หัวเป็นปิกกะจูตัวกลายเป็นปลาไหลก็ผุดขึ้นมาในมโนความคิด จนได้แต่รีบส่ายให้ความคิดนั้นกระเด็นออกไป

          เป็นภาพความคิดที่น่าสยองขวัญมากครับ...



          "มึงดูฉลาม! เหาฉลามตามเป็นพรวนเลยว่ะ!"

          "มึงดูกะพรุนเรืองแสง! เหมือน UFO เลยว่ะ"

          "เฮ้ย มีงูด้วย!"

          "ทุกคนดูนี่สิครับ!!!"

          "อะไรวะไอ้เสาร์แหกปากเสียงดัง"

          "รอยเปื้อนกระจก!"


          ป๊าบ!


          "ไอ้ห่า ร้องซะกูนึกว่ามึงเจอฮิปโป!"

          "หมูหย็องครับ หมูหย็อง! ดูคุณนากๆๆๆ คุณนากโบกมือให้เทมด้วย!"

          "มึง เพนกวินขี้! มึงดูเพนกวินขี้!"



          เสียงกลุ่มวัยรุ่นชายเจ็ดคนแย่งกันพูดถึงปลาต่างๆ สัตว์ต่างๆ โหวกเหวกโวยวาย ตะโกนเสียงดังเวลาเจออะไรน่าสนใจ พอเจอเป้าหมายก็เฮกันไปกระโดดเกาะตู้กระจก พูดคุยหัวเราะเสียงดังจนปลาแทบจะว่ายหนีหาย



          "ไอ้เหี้ยๆๆๆๆ"

          "ไหนวะเหี้ย!"

          "ไม่ใช่ กูอุทานเฉยๆ ไม่ได้มีเหี้ย มึงดูดิ"

          "เหี้ย!"

          "ตกลงมีเหี้ยหรือไม่มีกันแน่วะ!?"



          พวกเราเดินวนกันไปจนถึงอุโมงค์ใต้น้ำ ทุกคนเงียบเสียงลงชั่วครู่กับภาพใต้ทะเลที่อยู่เหนือศีรษะ ไม่ว่ากี่ครั้งมนตร์เสน่ห์ใต้ผืนน้ำก็ไม่เคยน่าเบื่อหน่าย ความสวยงามที่ไม่เคยซ้ำกันสักครั้ง เพราะเหล่าปลาล้วนสยายครีบ เคลื่อนไหวว่ายไปมา ความเงียบสงบและความอบอุ่นตรงฝ่ามือเรียกรอยยิ้มแต้มบนใบหน้า เด็กน้อยที่ตัวสั่นตอนทางเข้าหายไป เหลือไว้แต่ความสุขจนผมสัมผัสได้


          องค์ชายน้อยละสายตาจากภาพท้องทะเลมาสบตากับผม

          "ขอบคุณมากๆๆนะครับหมูหย็อง เทมชอบมากๆๆเลยครับ"

           เอื้อมมือไปเกลี่ยริมฝีปากที่ยกขึ้นฉีกยิ้มกว้าง "แค่เทมชอบก็พอแล้วครับ"



          แค่เทมมีความสุข แค่นั้นก็พอแล้วจริงๆ



          พวกเราอยู่ตรงนี้นานเป็นพิเศษ ท่ามกลางความเงียบที่ทุกคนเสพความงดงาม ผมประสานมือกับคนข้างตัว มองเหล่าปลาน้อยหลากสีสันแหวกว่ายอย่างสุขใจ




          พอชมในส่วนของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเสร็จ ก็มาถึงกิจกรรมที่ผมจองเอาไว้ทั้งสี่อย่างครับ


          หนึ่งคือดูหนัง 4D ที่ผ่านพ้นไปด้วยเสียงตกใจดังระงมเวลาภาพเคลื่อนไหวเข้ามาใกล้ๆ ดูสมจริงเสียจนเด็กน้อยของผมดูได้ไม่นานก็ถอดแว่นตาออกแล้วซุกไหล่ผมแทน เพราะเจ้าตัวกลัวปลาฉลามกินครับ เขาหลับตาปี๋กุมมือผมแน่นแล้วฟังผมบรรยายแทน


          สองคือไปอนุบาลสัตว์น้ำ ที่สามารถจับเหล่าปลา และดูวิธีเลี้ยงได้แบบใกล้ชิด ตรงนี้เสาร์ถูกไอ้พวกสามแสบ จากแต่ก่อนเป็นแฝดนรก พออเล็กซ์มาร่วมด้วย ก็กลายเป็นสามเกลอนรกแกล้งวักน้ำใส่ พอโดนผมดุ ก็สงบได้ไม่นาน ไปแกล้งเสาร์กันอีก จนได้แต่จับคู่เสาร์กับไม้ให้ไปนั่งดูปลาดาวเงียบๆกันสองคน แล้วกั้นไอ้สามแสบไปนั่งฟังบรรยายการเลี้ยงกุ้งแทน เด็กน้อยของผมก็ได้แต่เดินดูใกล้ๆอย่างเดียวครับ แต่ไม่กล้าจับ กลัวคุณน้องปลาเจ็บ โซนนี้ผ่านไปอย่างได้ความรู้ปนความเปียกแฉะ


          เพราะความบ้าบอของทั้งสามหน่อ ทำให้การทัวร์หยุดชะงัก พวกเราต้องพาพวกมันสามคนออกมาซื้อเสื้อผ้าใหม่ที่โซนซื้อขายของฝากกันก่อนครับ เพราะเสื้อเปียกๆเดินในแอร์หนาวๆ ทำเอาสามแสบเดินสั่นเป็นเพนกวินชักกระตุกเลยทีเดียว


          โซนนี้เสียเงินกันระนาวครับ โดยเฉพาะผมที่องค์ชายน้อยแทบจะวิ่งถลาเข้าไปล้มตัวกอดเหล่าตุ๊กตาสัตว์น้ำ พวกเราได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านกันถ้วนหน้า ส่วนผมกับเทมไม่ได้ถือถุงตามใครครับ เพราะซื้อเยอะจนถือไม่ไหว ต้องโทรตามลุงชื่นมาช่วยเอาไปเก็บไว้ที่รถ ผมซื้อคุณปลาโลมากับคุณเพนกวินขนาดเท่าตัวจริงให้เขาไปครับ กับเสื้อยืดลายปลาปักเป้าทำหน้าตกใจ


          พอรอทั้งสามคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เราก็ทำตามแพลนต่อ


          สามคือดูโชว์ว่ายน้ำกับปลาฉลามครับ จริงๆที่นี่มีกิจกรรมให้เดินใต้น้ำ หรือถ้าอยากว่ายน้ำกับฉลามก็ทำได้นะครับ แต่พอมองคนชี้นิ้วไปมา เหมือนพยายามเตือนบอกคนในตู้ว่าฉลามกำลังเข้ามาใกล้ แล้วพอฉลามเฉียดเข้าใกล้พนักงานในชุดประดาน้ำ เขาก็ร้องตกใจก่อนจะรีบยกมือปิดตาตัวเองและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มาปิดตาผมด้วย ก็ได้แต่คิดว่าถูกแล้วที่ไม่ได้จองกิจกรรมนั้นไป ไม่งั้นเด็กชายของผมช็อกจนสลบแน่ๆครับ ระหว่างเจ้าของวันเกิดที่พยายามโบกมือช่วยเตือนระวังภัย ก็มีอีกสามคนที่เอาใจช่วยฉลามให้กินคนให้ดู สามคนตบมือร้องเสียงดังเชียร์ว่า 'กินเลย กินเลย กินเลย' ถัดไปอีกหน่อยก็จะมีคนที่นั่งคุยวิเคราะห์อย่างเป็นจริงเป็นจังสองคนครับ


          พอมาถึงกิจกรรมสุดท้ายอย่างนั่งเรือท้องกระจก นางฟ้าก็แทบจะอุ้มผมตัวลอย เพราะกลัวกระจกใต้พื้นเท้าแตก ไอ้น้ำที่โรคจิตแกล้งกระโดดไปมาแรงๆ ก็ถูกผมตบหัวทิ่ม ข้อหาทำเด็กน้อยของผมตกใจจนน้ำตาเล็ด นั่งกันไปสักห้านาที เทมถึงยอมปล่อยตัวผมลง เขานั่งยองๆ จิ้มๆกับพื้นกระจก พอเห็นว่าไม่แตกจริงๆ ก็เงยหน้ายิ้มกว้าง



          "ไม่ ไม่แตกจริงๆๆด้วยครับ! น้องหมูหย็องดู ดูสิครับ พวกเรายืนๆๆบนน้ำได้ด้วย เหมือนนินจาเลย! เทมจั๊กจี้เท้าจัง พอคิดว่าคุณปลาๆๆว่ายน้ำไปมาข้างใต้"

          "เทมดูสิครับ มีกระเบนด้วย"

          "หูว! หางยาวๆๆๆเฟื้อยเลยครับ! อะ หมูหย็องครับๆๆหมูหย็อง ตัวนี้เหมือนปลาทูในเข่งปลาทูเลยครับ!"


          พอเรือชิดฝั่ง ก็ถึงเวลากลับบ้านพอดี เหล่าเด็กวัยรุ่นที่ทีแรกบ่นเรื่องห่วงยางและอควาเรียมน่าเบื่อ กลับพูดถึงกิจกรรมต่างๆที่พึ่งผ่านพ้นมาไม่หยุดปาก เพลิดเพลินถ่ายรูปเก๊กท่ากับห่วงยาง และถึงกับนัดแนะหาพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งใหม่เพื่อไปเที่ยวกัน


          "แม่ง ปลาตัวนั้นโคตรแปลกอ่ะ แม่งมีตาด้านเดียวเว้ย"

          "ต้องปลาตัวนั้นสิ เราว่าเจ๋งมากเลย ที่หน้าตาเหมือนคนแก่"

          "แต่กูว่าปูคือที่สุด เห็นแล้วหิวเลย"

          "เออว่ะ จริง ตอนนี้กี่โมงแล้ววะ โคตรหิวอ่ะ"

          "ค่อยกลับไปทานที่งานเลี้ยงที่บ้านแล้วกันนะครับ"








          พอถึงบ้าน ผลความสำเร็จของการดึงเวลาก็ประจักษ์ เมื่อผมเนรมิตสระว่ายน้ำของตัวเองให้กลายเป็นอียิปต์ได้สำเร็จ ทุกจุดถูกตกแต่งได้อย่างน่าพอใจ ไม่ว่าจะรูปปั้นสฟิงซ์ รูปปั้นอะนูบิส ปีระมิดขนาดย่อส่วนที่ใหญ่เท่ารถยนต์ โลงศพ เหล่าถ้วยโถสีทองของตกแต่งล้อเล่นกับแสงไฟที่ถูกจัดไว้ได้อย่างลงตัว และส่วนที่ทำให้เด็กน้อยของผมกรีดร้องไม่เป็นภาษา ก็คือสไลด์เดอร์เป่าลมขนาดยักษ์เท่าตึกสี่ชั้นและบ้านบอลขนาดใหญ่



          เทมตื่นเต้นสุดๆ รีบจับมือผมถลาเข้าไปพร้อมเล่นเต็มที่ จนต้องรีบบอกว่าต้องรอรับแขกให้ครบเสียก่อน เทมก็จะอยู่รอรับด้วยครับ แต่ดวงตาที่เอาแต่มองไปทางนั้น มองเพื่อนอีกห้าคนเล่นกัน จดจ้องอย่างละห้อย น่าอาดูรจนต้องบอกให้เขาไปเล่น แล้วเดี๋ยวผมจะรีบตามไป เขาหันมาถามจนแน่ใจว่าผมจะรีบตามไปถึงได้ไปเล่นครับ



          และมันก็ทำให้ชุดคู่ฟาโรห์ของผมเป็นหมัน เพราะเด็กน้อยถอดชุดออก หยิบชุดว่ายน้ำจากพ่อบ้านแล้วตรงดิ่งไปเล่นสไลด์เดอร์ยักษ์จนไม่ขึ้นมาสวมเลยครับ แต่ก็เรียกขึ้นมาใส่ไม่ลง ได้แต่อมยิ้มมองคนยิ้มกว้างเล่นน้ำกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน



          แขกทยอยมากันเรื่อยๆ โดยมีผมช่วยรับหน้าให้ เพราะตอนนี้เจ้าของวันเกิดอยู่ในกองลูกบอลมหาศาลครับ

          อืม...น่าจะตรงแถวๆมุมนั้นนะครับที่เห็นโผล่ขึ้นมาล่าสุด


          นอกจากเทมที่ไม่รู้แล้ว คนอื่นก็รู้ครับ ว่าเป็นตีมงานวันเกิดผสมฮาโลวีนอียิปต์ ทุกคนแต่งตัวกันมาเต็มที่ ขนาดรินกับมี่มี่ เพื่อนต่างอายุวัยอนุบาลกับมัธยมของเทม ก็มาในชุดคลีโอพัตรา บางคนก็เอาชุดว่ายน้ำมาด้วย อย่างเช่นธันวาที่พอเอาของขวัญมาฝากไว้กับผมเสร็จ ก็กระโจนตัวไปเล่นน้ำกับแก๊งสามเกลอทันที หญิงกับเปียที่เพิ่งมาถึงพร้อมทีมสภาก็มุ่งตรงไปหาของกิน


          สักพักอาเฮียอาเจ้และหย็องหย็องก็ลงมา มาด้วยชุดที่แย่งซีนมากครับ คนโดดเด่นที่สุดก็ไม่พ้นเฮียปลาหย็องที่ไม่รู้ว่าช่างสรรหาขุดชุดมาจากมิติไหน ปีนี้เขามาในชุดมีปีกขนาดใหญ่ แต่เพราะใหญ่และหนักเกินไปจนสะดุดล้มกลิ้งตกน้ำไม่เป็นท่า เรียกเสียงหัวเราะให้ดังลั่น


           ส่วนคุณป๊าคุณหม่าม้ากับคุณแม่ของเทมก็นั่งอยู่อีกมุม โดยบอกให้ผมบอกเพื่อนว่าไม่ต้องเข้ามาไหว้ทักทาย ไม่ใช่ว่าหยิ่งหรือรักษาภาพลักษณ์อะไรหรอกครับครั้งนี้ แต่เพราะทั้งสองคนยังล้างคราบขมิ้นไม่ค่อยออก ตัวยังเหลืองมากอยู่ครับ...


          จนแน่ใจว่าแขกมาครบหมด ผมก็เดินเลียบสระไปหาเด็กน้อยของตัวเอง นั่งจุ่มขาล่อเจ้าปลายักษ์ ไม่นานปลายักษ์ก็ว่ายมาติดเบ็ด มุดน้ำมาโผล่หว่างกลางของขาผมที่เว้นไว้รอเขา เจ้าปลาตัวโตคว้าเบ็ดกอดหมับแล้วซุกหน้าเข้ามาถูไถ เทมปุระตัวน้อยกอดเอวผมไว้ ตีขาไปมาใต้น้ำเพื่อลอยตัว เงยหน้าสบตากัน


          "หมูหย็องครับหมูหย็อง ว่ายน้ำกันนะครับๆๆๆ เทม เทมจะพาไปเล่นสไลด์เดอร์นะครับ เด้งดึ๋งๆๆๆด้วย ลื่นๆๆแล้วก็เด้งไปเด้งมา แต่ต้องระวังๆๆนะครับ เมื่อกี้ๆๆ เต้เด้งๆๆแรงไป จนดึ๋งๆๆออกไปตรงลึกๆๆๆเลยครับ"


          ใช้มือปัดผมเปียกน้ำออกจากใบหน้าเจ้าปลาอารมณ์ดี ดวงตาสีน้ำตาลทอแสงระยิบระยับ ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มนุ่มไปมาเบาๆ ฟังเขาเล่าเจื้อยแจ้วถึงเครื่องเล่นต่างๆ


          "หึหึหึ พี่เทมอย่าไปเล่นแบบนั้นนะครับ เดี๋ยวหัวโขกขอบสระเหมือนธันวา"

          "เทม เทม พี่เทมไม่เล่นครับ พี่เทมมาหาน้องหมูหย็องนะครับ"



          ก้มลงไปฟัดเจ้าความสุขปากหวานแก้มนุ่ม ที่วันนี้ฉ่ำไปด้วยหยดน้ำ เทมหัวเราะชอบใจแกล้งมุดน้ำหนีหายตัว ก่อนจะผุดขึ้นมากระโดดหอมแก้มผมคืนบ้าง เราสลับกันจุ๊บแก้มกันไปมาจนเหนื่อย ผมยิ้ม ประคองใบหน้าน่ารักของเขาเอาไว้ในสองมือ


          "วันนี้สนุกไหมครับ หืม"

          "สนุก สนุกครับ!"

          "มีความสุขไหมครับ"

          "มีความสุขครับ!"

          "รักหมูไหมครับ"

          "รักครับ!"



          เขาเงียบไปนิด แก้มคนตัวซีดเพราะเล่นน้ำนานเกินไปซับสีระเรื่อ เขาหลุบตาลง ก่อนค่อยๆกลับมาสบมอง




          "เทมรักหมูหย็องที่สุดเลยครับ"



          อา...

          กลั้นยิ้มไว้ไม่ได้เลยครับ

          แล้วคนทำผมหน้าร้อนแทบไหม้จนต้องวักน้ำขึ้นมาดับ ก็เข้ามาซุกท้องผมหลบหนีความอาย ผมกอดศีรษะคนเข้ามาซุกไว้แน่น ก้มลงไปกระซิบข้างใบหูแดงก่ำ



          "หมูก็รักเทมที่สุดในโลกเลยครับ"



          คนที่อยู่ใต้น้ำตีขาเร็วขึ้นอย่างทำอะไรไม่ถูก ผมหัวเราะเสียงดัง กอดเจ้ากอดความสุขเอาไว้แน่น








          อะแฮ่ม!


          "ใจเย็นน้าน้องชายเจ้ ปล่อยเจ้าของวันเกิดมาเป่าเค้กก่อนจ้าาาา"

          "เออ ยืมตัวเทมมาเป่าเค้กหน่อยเถอะ ถ้ารอพวกมึงจู๋จี๋กันเสร็จ กูว่าปีหน้าก็ไม่ได้เป่า"

          "เอออ ปล่อยไอ้เทมได้แล้วเว้ย! บาร์บีคิวกูนี่ไม่รู้รสอื่นนอกจากหวานแล้วเนี่ย!"

          "กูนี่ไม่รู้เลยว่ามางานเลี้ยงวันเกิด หรือมางานแต่งงาน!!!"

          "เฮ้ยๆๆ ท่านประธานหน้าแดงแล้วว่ะ ฮ่าๆๆๆ"




          เสียงโห่แซวดังมาจากคนทั้งงานที่ไม่รู้ว่ามาล้อมวงพวกผมสองคนตอนไหน เทมค่อยๆขึ้นน้ำมาด้วยความอาย ไม่นานกลุ่มวงล้อมของคนหลายคนเริ่มแหวกทางออก คุณพ่อคุณแม่ของผมและคุณแม่ของเทม เดินถือเค้กที่ปักเทียนวันเกิดสิบหกเล่มเข้ามา



          เสียงร้องเพลงประสานฟังดูทรงพลังและอบอุ่น



          "Happy Birthday to You ~ ♪ Happy Birthday to You ~ Happy Birthday Happy Birthday ~ Happy Birthday to ...เทม... ♫"



          ทุกคนยิ้ม สบตากัน พร้อมพูดประโยคสั้นๆอย่างพร้อมเพรียง



          "สุขสันต์วันเกิดอายุ 16 นะเทม!!!"




          เขากอดผมไว้แน่นแล้วร้องไห้โฮ เป็นเจ้าภาพขี้แงที่เอาแต่พูดพึมพำว่าขอบคุณครับอยู่บนไหล่ของผมไม่หยุด

          เด็กน้อยของผมกำลังร้องไห้ แต่แปลกที่ผมไม่เจ็บปวด กลับกัน มันเป็นหยดน้ำตาที่ทำให้ผมอิ่มเอมไปทั้งหัวใจ เพราะเป็นน้ำตาที่อัดแน่นไปด้วยความสุขของเจ้าตัว



          ผมยิ้ม โอบกอดเขาไว้อย่างมั่นคง





          ...สุขสันต์วันเกิดนะครับเทม

          ขอให้เทมที่รักของผม มีแต่ความสุขและรอยยิ้มตลอดไป...






     





         













  end 39 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง







หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 39 * 7/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 08-11-2018 00:08:59
Happy birthday kaaaa เทม  :mew1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 39 * 7/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mizunoe ที่ 08-11-2018 00:54:07
ดีจังเลย ดีจังเลย ดีจังเลย
อ่านตอนนี้ในใจมีแต่คำนี้ค่ะ 5555

ปาร์ตี้อียิปต์บรรยายได้น่าเล่นมากๆเลย ฮือ อยากได้รับเชิญบ้างง่ะะะ
แต่น้ำในอควาเรียมหวานลามมายังน้ำในสระที่บ้านเลยนะเนี่ย
เราก็หยุดยิ้มไม่ได้เหมือนกันนนน
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 39 * 7/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 08-11-2018 03:15:24
พี่เทม ... อ่านแล้วอยากไปอควาเรียมกับพี่เทมจริง ๆ ค่ะ
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

น้องหมูก็สายเปย์ซ้าาาาาาาาาาา สมแล้วที่เดอะแก๊งอยากสมัครเป็นเมียน้อย
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 39 * 7/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: _tosssalad ที่ 08-11-2018 04:06:02
เหมือนคนบ้าอ่ะ ยิ้มค้างทั้งตอนเลย รู้สึกอบอุ่นหัวใจ :mew1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 40 * 11/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 10-11-2018 18:33:21










40










          คุณปลายักษ์แก้มยุ้ยของผมร้องไห้อย่างหนักหน่วงจนกลายพันธุ์เป็นคุณปลาทองตาบวมปูด


          ย้อนกลับไปเมื่อตอนเซอร์ไพรส์เค้กวันเกิด เด็กน้อยทั้งดีใจ ซาบซึ้ง ความรู้สึกมากมายถาโถมใส่เครื่องแก้วบางจนล้นทะลัก เทมไม่สามารถเงยหน้าจากไหล่ผมได้เลยครับ  กระทั่งจะเป่าเค้กวันเกิดตัวเองยังทำไม่ได้ ผมต้องเป่าให้แทน คำขอพรเขาก็บอกว่าไม่มีอะไรต้องการมากกว่าการมีผมอยู่ด้วยและทุกคนมีความสุข จึงมอบพรพิเศษในวันเกิดให้ผมทั้งหมด ซึ่งผมก็ไม่มีอะไรที่อยากได้นอกจากคนในอ้อมกอด และปีศาจก็ไม่อ้อนวอนขอต่อพระเจ้า เราเน้นลงมือทำเอง


          พอถึงเวลาตัดเค้กแจก เจ้าตัวก็ทานไปสงสัยไป ว่าทำไมเค้กแสนอร่อยถึงเค็มนัก จะไม่ให้เค็มได้ยังไงล่ะครับพี่เทม...ในเมื่อคุณชายน้อยร้องไห้ขี้มูกโป่ง ทานไปทั้งรอยยิ้มทั้งน้ำตา


          ใบหน้ายังชื้นเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำใส แต่พอคนดีของผมคิดขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทริกออร์ทรีตคุณแม่กับคุณป๊าคุณม้า ก็วิ่งดุ๊กดิ๊กไปเล่นด้วย ตั้งใจหลอกเขา แต่กลับเจอผู้ใหญ่สามคนเซอร์ไพรส์จนเสียหลักกับของขวัญชิ้นโตอย่างจักรยานสีโปรดคันสวย ทำเอาเด็กชายฟ้าประทานเบ่งน้ำตาเม็ดโตร่วงเปาะแปะอีกหน ร่างสูงไหว้ขอบคุณทั้งสามคน ก่อนจะเดินตัวสั่นมาจับมือผมให้เดินไปหาคุณป้า เพื่อมอบของขวัญชิ้นสำคัญ สำหรับขอบคุณที่ให้กำเนิดและยอมลำบากเหน็ดเหนื่อยเลี้ยงดูเจ้าตัวมาตลอดสิบหกปี


          น้ำหอมของผมและรองเท้าของเขา ทำเอาผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้าร้องไห้ไม่ต่างจากลูกชาย  คำขอบคุณจากเด็กชายสู่มารดาฟังแทบไม่รู้เรื่องด้วยเสียงที่สั่นเครือ และสมกับเป็นต้นกำเนิด คำอวยพรจากมารดาถึงลูกชายก็อู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ พูดคุยกันด้วยภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ เล่นเอาไทยมุงแอบลอบมองด้วยรอยยิ้ม


          เด็กน้อยของผมอ่อนไหวง่ายเป็นทุน พอเจอความดีใจถี่ๆติดต่อกันไม่หยุดหย่อน ก็สะอื้นฮึกฮักไร้วี่แววสงบ ถึงจะร้องไห้เพราะความสุขก็ทำเอาผมชักเป็นห่วงเขาหนัก พอสามทุ่ม จึงลงมืออุกอาจลักพาตัวเจ้าของวันเกิดขึ้นบ้านก่อนงานจบตอนสี่ทุ่ม ทิ้งปาร์ตี้ไว้ด้านหลัง ปล่อยให้คุณป๊าคุณม๊าตัวเหลืองรับหน้าที่ปิดงานแทน


          แม้ผมจะอยากให้เขาอาบน้ำเข้านอนเลย แต่องค์ชายน้อยก็อยากเปิดของขวัญก่อนเข้านิทราเหมือนทุกปี หลังงานเลี้ยง นมหนึ่งแก้วกาแฟหนึ่งแก้ว เทมปุระกับผม เราจะมานั่งหน้าโทรทัศน์แล้วแบ่งหน้าที่ ผมคัดเลือกของขวัญจากกองภูเขา คัดสรรชื่อคนที่ไว้ใจได้ ว่าคงไม่เล่นพิเรนทร์ให้ของขวัญแปลกประหลาด แล้วยื่นส่งให้คนตั้งหน้าตั้งตารอเปิดของขวัญแกะ


          กล่องสี่เหลี่ยม กล่องกลม  กล่องเล็ก กล่องใหญ่ หลายรูปทรงหลายขนาด วางทับซ้อนเป็นหอคอยสูงตระหง่าน       
   

          กระดาษห่อหลากลวดลายสีสันสวยงามถูกเทมบรรจงแกะอย่างตื่นเต้น นัยน์ตาสีน้ำตาลสั่นพราวระยิบระยับดุจดาวที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้าตลอดเวลาที่คลายผนึกเปลือกออก และกลายเป็นดวงจันทร์ลอยเด่นยามค่ำคืนเมื่อเจอของข้างใน  ยิ่งยามเจอของถูกใจมาก ก็แทบจะกระโดดตัวลอยตกจากโซฟา


          ช็อกโกแลตพรีเมี่ยม ของหวานราคาสูง กล่องสี เครื่องเขียน ดวงตาสีฟ้ากวาดมองก่อนผุดรอยยิ้มพอใจ เมื่อไม่มีตุ๊กตาขนปุยน่ากอดโผล่มาให้เห็น ทุกคนทำตามกฎของขวัญในการ์ดเชิญได้เป็นอย่างดี


          ของขวัญปีนี้ก็ไม่แตกต่างจากปีก่อนมากนัก


          เพราะผมจำกัดสิ่งของที่จะให้เด็กชายเพียงสองอย่าง นอกเหนือจากนั้นขอไม่รับครับ เพราะหลายครั้งเกิดกรณีซื้อของขวัญเป็นพวกโทรศัพท์ เสื้อผ้า ตุ๊กตา ของเล่นหรือสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งผมไม่ค่อยพอใจนักถ้าจะให้เขาใช้ของที่คนอื่นซื้อ ไม่ใช่ผมซื้อให้


          ส่วนของที่ให้ได้ก็คือขนมและของที่ใช้แล้วหมดไป ของที่ผมจำกัดความไว้ว่าใช้แล้วหมดไปก็อย่างเช่น สมุดภาพระบายสี สีน้ำ สีเทียน หรือสีแบบต่างๆ ขนมนมเนย ของเล่นอย่างที่เป่าลูกโป่งพอเล่นหมดก็ทิ้งได้ ...ไม่คงอยู่นานๆให้รกหูรกตา แต่ของที่ใช้แล้วหมดไปบางอย่างก็ไม่ได้รับการอนุญาต เช่น น้ำหอม สบู่หรือยาสระผม เพราะเทมผิวแพ้ง่ายและผมไม่ชอบให้กลิ่นเขาถูกรบกวนหรือรังสรรค์โดยคนอื่น


          มีแค่คนสองคนที่ผมยอมลงให้ อย่างเช่นคุณป้าหรือคนในครอบครัว แต่ก็ต้องเล่นตามกฎ ไม่ล้ำมากเกินไปและไม่ใช่ของที่เขาใช้ตลอดเวลา         


          รอบตัวจักรวาลของผม ก็สมควรล่องลอยไปด้วยวัตถุของผมเท่านั้น


          ต่อให้เป็นเพียงข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันก็หึงหวง ไม่อยากให้ใครหน้าไหนยื้อแย่ง สัมผัสของเขาต้องมาจากสิ่งของที่ผมหาให้ไร้สิ่งใดเจือปน อันที่จริงผมไม่อยากให้เขารับของขวัญจากใครด้วยซ้ำไป จะของกินก็ไม่อยากให้เขาทานจากคนอื่น อยากให้เขาเติบโตอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของผมเพียงคนเดียว


          ถ้าผมผลิตอากาศ ผลิตออกซิเจนให้เขาใช้หายใจได้ ก็คงทำไปแล้ว


          เป็นที่น่าเสียดายจริงๆ ที่ทำไม่ได้



          ผมคัดเลือกของขวัญช่วยเจ้าตัว แบ่งแยกเป็นสองกองใหญ่ เลือกให้เทมเก็บไว้บางชิ้น ส่วนของขวัญชิ้นไหนทานไม่ทัน เป็นของที่มีแล้ว หรือไม่ผ่านการอนุมัติจากผม ก็จะถูกส่งต่อไปให้เด็กด้อยโอกาสตามสถานที่ต่างๆที่เขาต้องการแทน


          ภารกิจอีกอย่างของวัน คือของขวัญจากผมครับ ของขวัญที่ให้ คือการทำบุญ แม้ว่าเราสองคนจะไร้ศาสนา แต่เทมที่เคยเห็นในโทรทัศน์กับในคาบเรียน ก็รู้ถึงความอดยากของผู้คนในทวีปที่ความเจริญยังเข้าไม่ถึง เห็นเหล่าเพื่อนร่วมโลกที่กำลังเดือดร้อนเด็กน้อยก็เศร้าใจ อยากช่วยเหลือ แต่ครั้นผมจะให้เขาไปลำบากบุกป่าฝ่าดงด้วยตัวเองก็ทนไม่ได้ จึงเสนอเป็นของขวัญด้วยการบริจาคเงินเข้ามูลนิธิต่างๆแทน


            ไม่ว่าจะโรงพยาบาลที่ต้องการนำเงินไปซื้ออุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือ ศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพ ผู้ป่วยไร้ญาติ เด็กกำพร้า ผู้พิการไม่สมประกอบ สัตว์ต่างๆ การทดลองที่สามารถนำไปต่อยอดช่วยเหลือคนได้อีกมากในอนาคต เอาเป็นว่าแค่เป็นอะไรที่ช่วยเหลือคนอื่นได้ เราก็ไม่เกี่ยงครับ


          สามารถยื่นมือช่วยเหลือ สนับสนุนได้ง่ายๆแค่เพียงปลายนิ้ว


          ผมกับเขานั่งอยู่หน้าแมคบุ๊ค นั่งคัดเลือกสถานที่ที่ต้องการเงินบริจาคจากที่ต่างๆทั่วโลกมาสิบที่ ในไทยอีกสิบที่ ใช้วิธีเสิร์ชในอินเทอร์เนตและให้เลขาช่วยค้นหาอีกทาง มีบางที่ที่เทมบริจาคที่เดิมเป็นประจำทุกปี เพราะห่างไกลและไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่บางทีเราก็สุ่มหาที่ใหม่ๆไปเรื่อยๆเหมือนกันครับ พอได้มาครบ เขาก็กระตือรือร้นขอเป็นคนกดเลขบัญชีเอง ผมกรอกจำนวนเงินแล้วก็ให้เขากดขั้นตอนสุดท้าย เสียงตัดเงินดังติดต่อกันยี่สิบหน


         
          เป็นสองล้านที่คุ้มค่า เพราะเด็กน้อยยิ้มกว้างสบายอกสบายใจ



          แต่ของขวัญชิ้นนี้ผมก็ไม่อยากนับเป็นของขวัญของเขาเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ให้เด็กน้อยโดยตรง ของขวัญอีกชิ้นจึงนอนหลับใหลอยู่ในกล่อง รอเจ้าตัวไปเปิดดูอยู่บนเตียง


          แน่ล่ะครับ ผมรู้ใจเขาเสียขนาดนี้ ของขวัญชิ้นสุดท้ายจากผม ทำเอาเด็กน้อยยิ้มแก้มปริ เสียน้ำตาอีกระลอกใหญ่ เขาหลับปุ๋ยบนอกผมทั้งๆที่มือยังกำที่โกนหนวดลายหุ่นยนต์แมวสีฟ้าเอาไว้แน่น






          เช้ามาก็อย่างที่ผมเปรียบเปรย เทมปุระกลายเป็นคุณปลาทองตาแดงบวมฉึ่ง แอบถอนหายใจเล็กน้อย ฉลองทุกปีก็ร้องไห้หนักทุกปี ไม่รู้จะหามาตรการอะไรมาหยุดความสุขที่ชอบกลั่นตัวเป็นหยดน้ำของคนแก้มยุ้ยดีเลยครับ


          "น้องหมูหย็องครับ น้องหมูหย็องจะไปไหนเหรอครับ" คนตื่นเช้าจับชายเสื้อรั้ง เมื่อเห็นผมก้าวลงจากเตียง

          ปลดมือที่รั้งกันไว้มากอบกุม จับมือเขายกขึ้นมากดจูบ "น้องหมูจะไปเอาเจลเย็นมาประคบตาให้นะครับ พี่เทมนอนรอแป๊บเดียวนะ"

          เขาพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็พึมพำบอกเบาๆ "เร็วๆๆนะครับ พี่เทม พี่เทมรอน้องหมูหย็องนะครับ"

          ยิ้มขำคนขี้อ้อน ทำราวผมจะไปไหนไกล ทั้งๆที่แค่ลุกไปท้ายห้อง หยิบถุงเจลแช่แข็งที่ให้พ่อบ้านเตรียมไว้ให้ในตู้เย็นเล็ก เอาผ้าขนหนูห่อแล้วเดินกลับมาประคบตาคนบนเตียงภายในหนึ่งนาที วางมือลงบนหน้าผากวัดไข้ ตามคาด ตัวเขาร้อนรุมๆ คนร่าเริงเมื่อวานนอนหมดสภาพเพราะปวดหัว


          กดจูบขมับทั้งสองข้างเป็นการลงโทษ มองสำรวจอย่างกังวล ถามอย่างเป็นห่วง  "พี่เทมปวดหัวมากไหมครับ"


          ลูบรอยแดงใต้ตาแผ่วเบา เด็กน้อยอมยิ้ม ขยับเท้าใต้ผ้าห่มไปมาอย่างมีความสุข เวทมนตร์ของเมื่อคืนยังไม่คลายฤทธิ์ แม้จะหลับๆตื่นๆทั้งคืนเพราะอารมณ์ที่ถูกเหวี่ยงขึ้นสูง แต่ก็ยังดูสดใสไม่งอแง โดยรวมดูดีมาก ถ้าไม่นับร่างกายที่เหนื่อยล้าน่ะนะครับ


          เจ้าดอกทานตะวันบานเช้ามืดยิ้มแฉ่ง

          "ปวดๆๆหัวนิดหน่อยครับ แต่เทม พี่เทมปวดตามากกว่า แล้วก็ แล้วก็ๆๆ มีความสุขกว่ามากๆๆๆๆเลยครับ"

          มีความสุขมากๆก็ดีแล้วครับเจ้าตัวเล็ก ขยับสลับมือพาถุงน้ำแข็งไปประคบใต้ตาอีกข้าง ก่อนจะถามองค์ชายน้อยต่อ  "ไปโรงเรียนไหวไหมครับ พี่เทมตัวร้อนด้วย อยากนอนพักต่อหรือเปล่า"

          "อยากนอนต่อนิดๆๆๆหน่อยครับ พี่เทม พี่เทมขอไปนอนรอน้องหมูหย็องออกกำลังกายได้ไหมครับ"


          อยากให้เขานอนบนเตียงสบายๆมากกว่า...แต่ท่าทางของลูกลิงเตรียมกระโดดเกาะหลังแม่ก็ชัดเจน


          "งั้นถ้าน้องหมูออกกำลังกายเสร็จแล้วยังไม่หายตัวร้อน ยังไม่หายปวดหัว วันนี้พี่เทมหยุดเรียนนะครับ"

          "พี่เทมโอเค โอเคนะครับ น้องหมูหย็องโอเคๆๆนะครับ"


          จะให้ปฏิเสธยังไงกับเจ้าอัญมณีสีน้ำตาลที่อ้อนกันได้ล่ะครับ ผมยิ้ม พยักหน้า เทมร้องเย้ เตรียมขนหมอนและผ้าห่มลงไปนอนเฝ้า ก่อนมือสวยจะจับผ้านวมหนา คนน้องรีบเอื้อมมือไปแย่ง แม้ส่วนอื่นๆจะแนบสนิทเกือบหายดี แต่แผลสาหัสที่ฝ่ามือทะลุเขายังไม่หายครับ เมื่อวานต่อให้แปะแผ่นกันน้ำไปแล้ว แต่เด็กน้อยที่ใส่แรงเล่นเต็มที่จนแผ่นยางกั้นไม่อยู่ จนมีน้ำบางส่วนทะลุเข้าไป ทำให้วันนี้แผลดูชื้น แล้วเขาก็มีท่าทางเจ็บนิดหน่อย เดี๋ยวตอนเย็นต้องบอกคุณหมอตรวจให้ละเอียดอีกที


          "มาครับ น้องหมูถือผ้าห่มกับหมอนให้นะ"

          พอคนพี่ไม่มีอะไรให้ถือ เขาเลยจับมือผมเอาไว้แทน

          "ขอบคุณครับ งั้น งั้นพี่เทมจะช่วยถือมือน้องหมูหย็องนะครับ"

          "หึหึหึ ครับ ถือดีๆห้ามทำร่วงนะครับรู้ไหม"

          พี่เทมพยักหน้าหงึกๆ 

          "ไม่ร่วงครับไม่ร่วง พี่เทมจับไว้ดีมากๆๆเลย ไม่ปล่อยให้ร่วงแน่นอนครับ"

          ยืนยันคำพูดด้วยการประสานนิ้วทั้งห้าเข้ามาแนบชิด ก่อนยกขึ้นไว้ระหว่างอกตลอดทาง




           ในระหว่างที่พี่เทมนอนหลับต่ออีกหนึ่งชั่วโมง ผมก็ออกกำลังกายตามแบบแผนจนครบเซ็ต เดินไปปลุกคนตัวร้อนที่ตอนนี้อุณหภูมิกลับมาเป็นปกติ สอบถามอาการอีกครั้ง พอเด็กน้อยบอกหายแล้วเหลือแค่ปวดตา จึงพาขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปโรงเรียน


           พอลงมาที่ห้องทานข้าว ผลพวงจากการที่ขอให้ทุกคนมางานวันเกิดเทมให้พร้อมหน้า มื้อเช้าของวันนี้สมาชิกทั้งหมดจึงอยู่กันครบถ้วน แม้แต่คุณป้าก็อยู่ด้วยครับ พออยู่กันเก้าคน มื้อเช้าที่ควรเรียบง่ายก็ครื้นเครงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเรื่องเล่า


          "เพื่อนของเทมที่ชื่อรินอ่ะ โคตรดุเลย! เป็นเด็กอนุบาลแต่ดุมากกกกกกอไก่สิบล้านตัว หย็องแอบลัดคิวนิดเดียว โดนด่าเปิงซะสำนึกผิดแทบไม่ทัน"  หย็องตะโกนข้ามโต๊ะมาฟ้องคนข้างตัวผม


          เทมตาโต รีบแก้ตัวให้เพื่อนสาวต่างวัยทันที


          "ริน รินไม่ดุนะครับหย็องหย็อง รินแค่ไม่ค่อยยิ้มเฉยๆๆครับ"

          "ลัดคิวเด็กอนุบาลก็ว่าใจหยาบแล้ว ยังเอาผู้หญิงมานินทาลับหลังอีก ป๊านี่อึ้งไปเลยครับลูกหย็องหย็อง ปะป๊าภูมิใจในความสมชายของลูกเหลือเกิน"

          "โหหหห ป๊าาาา ก็หย็องวัยกำลังโต กลับมาจากเรียนพิเศษก็หิวจะตายอ่ะ แล้วเธอก็ตัวเล็กนิดเดียว หย็องมองไม่เห็น ไม่ได้ตั้งใจแซงคิวสักหน่อย แล้วทำไมต้องโดนดุด้วยเล่า"

          หย็องบ่นกระปอดกระแปด พี่สาวคนเดียวพูดแทรกน้องชายคนเล็กขึ้นมา

          "เพื่อนคนนั้นก็งานดีมากเลยนะ ตัวสูงๆ ชื่อวาๆอะไรสักอย่าง กับน้องไม้ที่กรุบกรอบเสมอต้นเสมอปลาย"

          "อย่านะไก่หย็อง ปล่อยเด็กให้มีอนาคตเถอะนะ ถือว่าจำปาขอ"

          เจ้ไก่ถลึงตาใส่พี่ชายคนโต  "ส่วนเฮียนี่ก็ไม่อยากมีอนาคตใช่ไหม เดี๋ยวจะโดน!"

          จำปาที่จีบปากจีบคอแซว พอโดนน้องสาวว้ากใส่ก็เบะปากหาพรรคพวก

          "เนี่ย! หม่อมแม่ดูสิคะ จำปาอุตส่าห์หวังดีต่ออนาคตของชาติ น้องก็มาดุจำปา กุซิกๆๆๆ จำปาเศร้าสร้อย จำปาปวดใจ จำปาจะเป็นร้อนในและริดสีดวง กุซิกๆๆๆ"


          แต่วันนี้คุณหญิงแม่ไม่เข้าข้างครับ นอกจากไม่เข้าข้างไม่พอ ยังเชิดหน้าลอกท่าถลึงตาของเจ้ไก่หย็องราวกับโขกออกมาจากแป้นพิมพ์เดียวกันใส่ลูกชายคนโปรด ส่วนเหตุผลก็คง...อืม...มือยังแอบเหลืองๆอยู่เลยครับ


          "ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าหม่อมแม่! เธอถูกฉันตัดออกจากกองมรดกแล้วจำปา ตั้งแต่เสียงครกตำขมิ้นดังขึ้น เธอก็ไม่ใช่ลูกของฉัน!"

          "ใช่ กองมรดกของป๊าก็ไม่ต้อนรับคนที่แค่แยกสีฟ้ากับสีเหลืองยังแยกไม่ได้หรอกนะ ไปเลย ไปเป็นคนสวน!"

          "กรี๊ดดดดดด จำปาบอกแล้วว่าจำปาไม่ได้ตั้งใจไงคะหม่อมแม่! แถมจำปาจะรู้ได้ไงว่าเจ้าตัวนั้นไม่ใช่โดเรม่อน แต่เป็นโปเกม่อน ก็เห็นนามสกุลม่อนๆเหมือนกัน กุซิกๆๆ จำปาเซย์ซอรี่จนปากจะฉีก วายมัมแอนด์แด๊ดใจไม่ปรุงรส ใจน้ำคลองแสนแสบเหลือเกิน"

          "อะไรของเฮียวะ ใจไม่ปรุงรส ใจน้ำคลองแสนแสบ หย็องไม่เห็นเคยได้ยิน"

          "ทำไมหย็องหย็องไม่เข้าใจเฮีย เฮียเจ็บปวดดดดดดดดด ไหนน้องรักของเฮียช่วยเฮียหน่อย เนื้อหย็องบอกไปสิ ว่าเฮียหมายถึงอะไร!"

          เฮียเนื้อหย็องทำเป็นหูทวนลม แต่พี่ชายผู้ชอบวอแวน้องๆก็สะกิดไม่หยุด จนเฮียเนื้อหย็องต้องยอมตอบให้

          "ใจจืดใจดำ"

          หย็องหย็องพอได้คำตอบก็กรอกตาสามร้อยหกสิบองศา

          "...เออ เอาที่เฮียสบายใจอ่ะ"



          พออาหารวางตรงหน้า เหมือนรีโมทถูกกดเพิ่มเสียงให้ดังและวุ่นวายมากยิ่งขึ้น
         


          "น้องเมย์ดื่มน้ำองุ่นนะคะ พี่ได้มาจากฟาร์มของลูกค้า รสชาติดีมากเลย" คุณแม่หันไปโบกมือให้พ่อบ้านพ่วงบอดี้การ์ดประจำตัวหยิบขวดไวน์ออกมาให้ แต่ลูกชายคนที่สองก็รีบแทรก

          "ทานน้ำเต้าหู้ดีต่อสุขภาพมากกว่านะครับ"  เฮียเนื้อหย็องเลื่อนแก้วไปให้ผู้หญิงที่นั่งฝั่งตรงข้าม และขออีกแก้วส่งให้คุณแม่ของตัวเอง

          "เอ๊ะ ตาเนื้อหย็อง อย่ามาขัดคุณหญิงแม่กับน้องเมย์นะคะ"

          "หม่าม้าไม่ควรข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้านะครับ คุณเขาคงไม่อยากดื่มไวน์ตั้งแต่เช้าหรอกผมว่า"

          "แม้หม่าม้าจะไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร แต่หม่าม้าไม่พอใจค่ะ หึ! บอกน้ำองุ่นก็น้ำองุ่นสิคะ วงๆไวน์ๆอะไรกัน!"

          "น้ำองุ่นจริงๆเหรอครับ?" เฮียเนื้อหย็องมองจับผิด

          คุณแม่ขยับตัวอึดอัดไปมา ก่อนจะเชิดหน้า

          "ใช่สิคะ! น้ำองุ่นที่หมักบ่มมาแล้วห้าสิบปี!"

          ได้ยินเสียงเฮียเนื้อหย็องถอนหายใจ

          "เอามานี่สิครับ ผมจะดื่มให้เอง"


          เฮียเนื้อหย็องลุกขึ้นยืนแล้วโน้มตัวเอื้อมไปหยิบแก้วไวน์ แต่คุณแม่ก็ฝืนมือไว้ จนเป็นศึกแย่งแก้วกันเล็กๆ จนคุณป้าต้องรีบเอ่ยเสียงห้ามปราม


          "ไม่เป็นไรค่ะน้องเนื้อหย็อง ถ้าแค่จิบๆชิมเฉยๆคุณป้าก็ดื่มได้นะคะ ขอบคุณมากนะคะที่เป็นห่วง ขอบคุณพี่เอเลนที่นึกถึงกันด้วยนะคะ"


          อนาคตนักศึกษาแพทย์ตั้งท่าจะคัดค้านกับไวน์ตอนเช้าที่แสนทำลายสุขภาพ แต่คุณป้ายิ้มห้ามทัพ รับแก้วที่คุณแม่ส่งให้ด้วยใบหน้ายิ้มดีใจ เหมือนเด็กสาวที่ชวนเพื่อนเล่นตุ๊กตาบาร์บี้สำเร็จ คุณป้าถือแก้วแต่จู่ๆก็เหมือนหมดแรง ใบหน้าซีดขาว เผลอปล่อยแก้วใสลงสู่พื้น


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 40 * 11/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 10-11-2018 18:34:03

          เพล้ง




          "ว๊าย!"

          "คุณแม่ครับ!"

         "น้องเมย์!"

          "เมกุมิซัง!"




            แก้วที่ตก แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เด็กน้อยของผมตกใจจนลุกขึ้นยืนพรวด คุณป้าลนลานลงไปนั่งเก็บเศษแก้วที่แตกกับพื้น เฮียเนื้อหย็องเดินข้ามโต๊ะเข้ามาช่วย


            "ค-ค-คุณ คุณ คุณแม่เป็น เป็นอะไรหรือเปล่าครับ!" เทมปุระรีบวิ่งเข้าไปหา

            "คุณแม่ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่มือชาเฉยๆ สงสัยเมื่อคืนเข้านอนดึกไปหน่อย ไม่ต้องตกใจนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยนะคะ ทำแก้วแตกไม่พอยังทำน้ำองุ่นหกหมดเลย"

          สองมือขาวซีดเก็บชิ้นส่วนไว้ในมือ

          "เรื่องนั้นไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ น้องเมย์ไม่ต้องเก็บแล้วค่ะ ลุกนะคะ"

          "ใช่ครับ ลุกขึ้นเถอะครับ เดี๋ยวแก้วจะบาดมือเอา"

          "อ๊ะ.."


          ไม่ทันขาดคำเตือนของเฮียเนื้อหย็อง เลือดสีแดงสดก็ไหลออกมา เด็กชายของผมแทบจะเป็นลมเมื่อเห็นคุณแม่ของตัวเองเลือดไหล เขารีบรุดตัวไปจะจับมือมาดูแผล ผมที่เห็นแบบนั้นก็เผลอตบโต๊ะเสียงดังด้วยความตกใจ



          ปัง!



          "เทมครับ!! อย่าจับ!!!"

          "น้องเทมอย่าจับนะคะลูก!"




          เด็กน้อยสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินผมกับคุณป้าตวาดเสียงดัง เขารีบเก็บมือตัวเองซ่อนไว้ด้านหลัง ผมหายใจหอบเหมือนไปวิ่งรอบสนาม ใจหายวาบตอนเห็นเขาจะรับเศษแก้วเปื้อนเลือดมาไว้ในมือตัวเอง


          "เทม เทม เทมแค่จะช่วยคุณแม่..."

          "พ่อบ้าน!"


          ผมร้องสั่งคนงานเสียงดัง ก่อนจะรีบเข้าไปหาเด็กน้อยของตัวเอง จับมือเขาพลิกดูทุกส่วน เมื่อเห็นว่าไม่มีร่องรอยถูกบาด หรือหยดเลือดเปรอะเปื้อนก็โล่งใจ หยิบขวดสเปรย์แอลกอฮอล์อันเล็กที่เอาไว้ฉีดตอนเช็ดมือมาพ่นใส่มือเขา แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดทำความสะอาด


          "เทมจะไปจับเศษแก้วแบบนั้นไม่ได้นะครับ มันจะบาดมือเอา"

          "เทม เทมขอโทษครับ เทมแค่เป็นห่วงคุณแม่" เขาน้ำตาคลอเม้มปากแน่น ดูเสียขวัญเมื่อถูกดุ ผมเอื้อมมือลูบกลุ่มสายไหมละเอียดสีดำ เอ่ยเสียงนุ่มปลอบโยน


          "ชู่...หมูรู้ครับ ขอโทษนะครับคนดีที่เสียงดังใส่"

          รั้งคนร่างสูงเข้ามากอด ลูบหลังเขาเบาๆ มองคุณป้าที่ยกยิ้มหวานแซว

          "คุณแม่ก็ขอโทษน้องเทมเหมือนกันนะคะที่เสียงดังใส่ คิกคิก แล้วนี่ตกลงคุณแม่เจ็บหรือใครเจ็บคะเนี่ย ดูสิครับ น้องเทมก็ร้องไห้เก่งจริงเชียว คุณแม่ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ แค่เศษแก้วบาดนิดหน่อย ไม่ต้องร้องนะคะ"

          "ไม่เป็นไรจริงๆนะครับคุณแม่ คุณแม่เจ็บๆๆไหมครับ เทม เทมเป่าเพี้ยงให้นะครับ"


           เทมปุระเอียงตัวหันไปถาม ตั้งท่าจะวิ่งเข้าไปหามารดา แต่ผมรั้งตัวไว้ คุณป้ายกมือตั้งใจจะลูบแก้มนิ่มปลอบอย่างเคย เด็กชายในอ้อมกอดหน้าซีดเมื่อเห็นเลือดใกล้ๆ ผมหรี่ตามองเตือน คุณป้าชะงัก รู้ตัวว่าเผลอทำให้ลูกชายกลัว รีบเก็บมือกลับไปเช็ดให้สะอาด ยิ้มอ่อนโยน แล้วยื่นมือให้อีกครั้งแบบมีระยะห่าง


          "แค่น้องเทมเป่าให้คุณแม่ คุณแม่ก็หายแล้วครับ"


          เทมปุระเป่าลมเสียงดังฟู่ๆแรงๆให้ถึงมือ เพราะอยู่ห่างไกล


          "หายเพี้ยงๆๆๆๆนะครับคุณแม่"

          "หายแล้วครับผม ขอบคุณน้องเทมมากนะครับ" คุณป้ายิ้มกว้าง แต่คุณแม่ของผมกลับทำหน้าหงุดหงิด

          "หายได้ยังไงคะ เลือดยังหยดติ๋งๆอยู่เลย ไม่ได้นะคะ! ไมเคิลโทรเรียกคุณหมอมาหน่อยซิ!" นายหญิงของบ้านรีบแหว โบกมือบอกหัวหน้าพ่อบ้านที่คุมคนทำความสะอาดอยู่ทันที

          คุณพ่อบ้านโค้งตัว

          "กระผมโทรตามไว้ให้แล้วเรียบร้อยครับคุณเอเลน กำลังเดินทางมาครับ คาดว่าอีกสิบห้านาทีจะมาถึง"

          "พี่เอเลนคะ ไม่เห็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แค่แก้วบาดเฉยๆเอง..."

          "ให้หมอตรวจหน่อยดีกว่าครับ ไม่รู้ว่าในไวน์มีเชื้อโรคอะไรหรือเปล่า" อนาคตคุณหมอจับมือคุณป้าเอาไว้ ผมสบตากับพี่ชายตัวเอง มองการกระทำของเขาเงียบๆไม่ได้เอ่ยทักอะไร

          "คุณป้าไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ" เจ้ไก่หย็องที่ลุกเข้ามาดูอย่างเป็นห่วงเอ่ยถามย้ำขึ้นอีกคน

          "หย็องเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ครับ" หย็องหย็องที่วิ่งไปกับคุณพ่อกลับมาพร้อมกล่องพยาบาล

          "ขอบคุณมากนะครับน้องหย็องหย็องแล้วก็คุณโจวิช อา..ทำให้ทุกคนวุ่นวายกันไปหมด ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ"

          "คุณป้าไม่ต้องคิดมากนะคะ ปกติเฮียปลาหย็องก็ป่วนทุกเช้าอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อยมากค่ะ"

          "ทำไมชมจำปาแบบนี้ล่ะคะ! จำปาเขินนะ!"


          คนกลัวเลือดที่พอเห็นหยาดสีแดงก็รีบกระโจนไปหลบอีกมุมอย่างเฮียปลาตะโกนข้ามฟาก


          "ไก่ไม่ได้ชม! นี่เฮียเอาสิวที่หลังฟังหรือยังไงถึงได้ยินเป็นคำชมเนี่ย ห๊า!"

          "ไก่อย่ามาใส่ร้ายจำปาเพราะอิจฉาความสวยจำปานะคะ! จำปาไม่มีสิวที่หลัง มีแต่ที่ก้นค่ะ!!"



          จากเหตุการณ์วุ่นๆก็กลายเป็นตลกคาเฟ่ของสองพี่น้อง


          พอคุณหมอมา ผมก็ให้เขาตรวจเทมปุระไปด้วยเลยอีกคนพอดีครับ


          ผมยังกังวลเพราะเผลอเสียงดังใส่เด็กน้อยอยู่ จึงเอ่ยขอโทษคนข้างกายอีกครั้ง


          "น้องหมูขอโทษจริงๆนะครับเมื่อกี้ พี่เทมตกใจมากหรือเปล่าครับ"

          "ตก ตก ตกใจเยอะแยะเลยครับ คุณแม่ คุณแม่กับน้องหมูหย็องพูดพร้อมกันแบบเสียงดังเปรี้ยงปร้างเลย เทมตกใจเยอะแยะๆๆเลยครับ"

          "ขอโทษนะครับ น้องหมูก็ตกใจที่เห็นพี่เทมจะไปจับเศษแก้วแบบนั้น มือพี่เทมยังไม่หายดีเลย ถ้าเป็นแผลขึ้นมาอีก จะระบายสีไม่ได้อีกนานเลยนะครับ...พี่เทม...พี่เทมโกรธน้องหมูหรือเปล่าครับ"


          เขายิ้มจนดวงตาหยีลงเป็นเส้นโค้งสวย


          "ไม่โกรธน้องหมูหย็อง ไม่โกรธคุณแม่ครับ ไม่โกรธๆๆๆเพราะน้องหมูหย็องกับคุณแม่เป็นห่วงพี่เทมเยอะแยะๆๆๆๆเลยครับ พี่เทมรู้ พี่เทมเลยไม่โกรธครับ ตกใจๆๆ แต่ว่า แต่ว่าถ้าน้องหมูหย็องเป่าเพี้ยงๆๆให้ก็หายนะครับ"


          เขาอ้าแขนกว้างโชว์ความเยอะแยะ บนใบหน้าใสไร้ความโกรธขึ้ง แขนที่อ้ากว้าง พอดีให้ผมขโมยอ้อมกอดเขา ผมเขย่งตัวเป่าเพี้ยงบนหน้าผากสวย แล้วซุกตัวเข้าหา เด็กน้อยดูมึนงงแต่ก็รัดอ้อมแขนกอดตอบลงมา โยกตัวผมเหมือนโอ๋กัน



          ใช่ครับ

          ...หมูเป็นห่วงเทมแบบเยอะแยะๆ เป็นห่วงมากมายมหาศาล ห่วงมากๆ ห่วงที่สุดเลยครับ...



          พวกเราเข้าเรียนสายไปหนึ่งคาบ เล่นเอาสองแฝดอยากรู้อยากเห็นไม่หยุดว่าทำไมถึงมาสาย แต่ความอยากรู้นั้นก็ถูกหยุดด้วยอะไรสีฟ้าๆที่เทมพกมาโรงเรียนด้วย


          น้ำที่เดินมายืมลิควิดผม เห็นสิ่งแปลกตาในกล่องดินสอองค์ชาย ก็หยิบจับขึ้นมาดูอย่างงุนงง


          เทมปุระโบกไม้โบกมือจ้าละหวั่น

          "น้ำ น้ำอย่าเจ็บแรง อย่าจับแรงๆๆ เดี๋ยวจะพังนะครับ"
     
          น้ำยื่นคืนให้เจ้าของที่แบมือรอรับอย่างเป็นห่วง

          "พกมีดโกนหนวดมาโรงเรียนทำไมวะเทม จะว่าเอามาเหลาดินสอก็ไม่ได้ป่ะวะ เอามาทำไมเนี่ย กูล่ะงง"
   
          เทมยิ้ม ชูมีดโกนให้น้ำดู

          "เทม เทมเห็นในหนังครับ ลุงคาวบอยบอกว่าลูกผู้ชายเท่ๆต้องมีหนวดแล้วต้องพกมีดโกนแล้วจะเท่ๆๆเป็นผู้ใหญ่ เทมก็เริ่มโตๆๆแล้ว อายุเยอะๆสิบหกวัยรุ่นแล้วครับ เลย เลยพกไว้ครับ เผื่อ เผื่อหนวดขึ้นยาวเฟื้อยๆเทมจะได้โกนฉึบๆๆเลย อันนี้ๆๆๆหมูหย็องให้เป็นของขวัญวันเกิดเทมด้วยครับ น้ำ น้ำดูสิๆๆ ตรงที่จับเป็นลายพี่ม่อนทานขนม แล้วก็มีที่เป็นลายพี่ม่อนหาวๆๆด้วยนะครับ น้องหมูหย็องให้เยอะแยะเลย"


          เด็กน้อยบอกด้วยความภูมิใจ ประโยคยาวๆที่นานๆทีจะพูด ถูกใช้ไปกับการโอ้อวดของขวัญที่ผมให้ จนผมอมยิ้ม หัวเราะหึๆในลำคอ มองคนค่อยๆเก็บมีดโกนลงกล่องดินสอช้าๆอย่างเอ็นดู


          "ไม่รู้จะขัดตรงไหนก่อนดี เอาเป็นตั้งแต่นั่นมันไม่ใช่หนัง นั่นมันโฆษณาที่โกนหนวดโว้ย! แล้วขนาดสิวยังไม่ขึ้น ขนหน้าแข้งก็ยังไม่มีสักเส้น ถามหาอะไรกับหนวดวะ"

          "แล้วนี่คือกำลังขิงใช่ไหมวะ ขิงว่าไอ้หมูซื้อให้ว่างั้นเถอะ"

          เต้ที่เดินตามคู่แฝดมานั่งลงตรงข้ามเท้าคางมอง ยิ้มแซววัยรุ่นอายุสิบหก

          "เทมไม่ได้กำลังทานขิงนะครับ เทม เทมกำลังพิมพ์ๆคำตอบการบ้านในไอแพดครับ"

          "ขิงที่แปลว่าอวดไง ไม่ใช่ขิงข่าตะไคร้"

          "อ๋อๆๆๆๆ เทมอวดๆๆ ใช่ครับๆๆ เทมอวดๆๆของน้องหมูหย็องให้"

          ไอ้เต้หัวเราะดังลั่นกับคำตอบแสนซื่อตรง "แหมๆๆ แล้วทีของขวัญที่กูให้ไม่เอามาอวดบ้างวะ Ruby Chocolate ช็อกโกแลตสีชมพูที่เขาเพิ่งคิดค้นกันสำเร็จเลยนะเว้ย นี่กูหามาให้ก่อนเขาเปิดงานแถลงโชว์สินค้าเลยนะ"
          "เทมยังไม่ได้ทานเลยครับ เมื่อวาน เมื่อวานเทมทานหวานๆๆเยอะไป หมูหย็อง น้องหมูหย็องเลยบอกให้เก็บไว้ทานวันอื่น เลยอวดๆๆของเต้ไม่ได้ แล้วก็ๆๆๆ อันนี้พิเศษๆๆๆเพราะว่า เพราะว่าน้องหมูหย็องให้เทม เป็นมีดโกนหนวดพิเศษ เทมเลยอวดๆๆๆ ดีใจเยอะแยะเลยครับ"

          "ไอ้ขี้อวดดดดดดดด" น้ำยื่นมือมายีผมคนยิ้มกว้างที่บอกตามตรงว่ากำลังอวดอย่างมันเขี้ยว


          เพียะ


          ผมตีมันแล้วมองตาดุ คนเตี้ยสุดของกลุ่มยิ้มแหย สะบัดมือไปมา ไอ้เต้หัวเราะแฝดคนละฝาของตัวเองจนโดนไอ้น้ำไล่เตะ พอไล่กันจนพอใจ พวกมันก็มานั่งที่เดิม เราสี่คนนั่งคุยกันเรื่อยๆระหว่างเรียนไปด้วย เรื่องฮิตช่วงนี้ก็คงจะไม่พ้นการทับถมกันครับ


          "เออ แล้วสีพวกมึงถึงไหนกันแล้ววะ สีกูกล้าสปอยบอกเลยว่าเทพมาก"

          "มึงกล้าถามนะไอ้เต้ ดูด้วยสีกูใครนำทัพ"

          "อยู่ที่ฝีมือทหารโว้ยยย อันไหนแพ้กูไม่รู้ล่ะ แต่บาสสีกูชนะแน่ๆ"

          "สีกูต่างหากโว้ยยยยยย ต่อให้สีส้มมีไอ้มะเหมี่ยว สีเขียวมีไอ้เหรียญ และสีดำมีมีไอ้โลก็ต้องพ่ายแพ้ให้สีฟ้าโว้ยยยยย!!!"


          ไอ้น้ำตะโกนลั่น ไม่ได้สำนึกเลยครับ ว่านี่คาบเรียนรวม เด็กหลายห้องนั่งกันอยู่ให้สลอนไปหมด เสียงแหกปากของมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการประกาศศึกในวงล้อมศัตรูนับร้อย เป็นวิธีฆ่าตัวตายสุดโง่เง่าจนผมต้องถอดหายใจเฮือก ไอ้เต้กลั้นขำจนจมูกบาน


          และก็ไม่แปลก ที่จะมีคนหงุดหงิดกับประโยคของมันจนนิ่งเฉยไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่ถูกพาดพิง



          "มึงว่าใครจะแพ้นะไอ้เตี้ย"



          คาร์โล ประธานสีดำเดินยักคิ้วเข้ามาหาไอ้คนตัวเล็กของกลุ่ม ไอ้น้ำยักคิ้วกวนกลับ ดูจากเชียงใหม่ก็รู้ว่าคนโดนเรียกว่าไอ้เตี้ยก็หงุดหงิดขึ้นมาไม่แพ้กัน


          "กูบอกว่ามึงจะแพ้ไงล่ะไอ้ควายโล เอ้ย คาร์โล"


          ควายโลหรือคาร์โลถลาเข้ามา เงื้อมือสุดแขนจะต่อยใส่หน้าคนปากดี ผมรีบเข้าไปขวางเพื่อนตัวเองเอาไว้ มีเรื่องในคาบเรียนนี่เรื่องใหญ่แน่นอนครับ โดยเฉพาะตอนนี้อาจารย์เริ่มมองมาทางนี้แล้วด้วย


          "ตอนนี้เวลาเรียนครับ"


          ผมเอ่ยเตือนเสียงเรียบแต่กดดัน มองอีกฝ่ายด้วยสายตาอันตราย บ่งบอกชัด ว่าถ้ากล้าลงมือ จะไม่ใช่แค่ยืนมองดูเฉยๆอย่างที่แล้วมา คาร์โลฮึดฮัดแต่ก็ยอมกลับไปยืนดีๆ

          สองคนนี้เคยมีเรื่องกันสองสามครั้งแล้วครับ เพราะความเจ้าชู้ แถมสเปคเป้าหมายยังเหมือนกันอีก จีบสาวคนเดียวกันบ่อยจนทะเลาะต่อยตีกันนับครั้งไม่หวาดไม่ไหว



          "ปากดีนะมึงไอ้น้ำ ไอ้หมูทำไมไม่ล่ามโซ่เพื่อนมึงดีๆหน่อยวะ กัดคนเขาไปทั่ว"

          "บอกตัวมึงเองเถอะ อย่าดีแต่แดกหญ้าจนเพื่อนไม่คบ"

          "เพื่อนไม่คบก็ดีกว่าพวกหลบหลังคนอื่นล่ะเว้ย"

          "ไอ้หมู มึงหลบไป! กูจะต่อยแม่งให้เลือดกลบปากเลยสัส!"





          "นักเรียน! ห้ามทะเลาะกันนะคะ! แยกย้ายกลับไปนั่งที่ค่ะ!"



          อาจารย์วิ่งเข้ามาหลายคน จนไทยมุงแตกฮือ

          คาร์โลจิ๊ปากขัดใจเมื่อถูกขัดจังหวะ ชี้หน้าพวกผมสี่คนที่ถูกเหมารวม




          "มึงรอดูกีฬาสีเถอะ กูจะบี้สีฟ้ากับสีแดงให้จมดิน เอาให้วิ่งหนีหางจุกตูดไม่ทันเลยคอยดู!"



          คาร์โลไม่มีเพื่อนคบก็จริง แต่สีพันธมิตรของสีดำก็คือสีส้ม สีเขียว ซึ่งเป็นสามสีที่มีแววได้แตะเหรียญทองมากที่สุด ประกาศศึกกับคาร์โล ก็เหมือนประกาศศึกกับอีกสองสี และถ้าสามสีร่วมมือกัน...




          ...ให้ตายสิ...



          นี่พวกผมถูกหมายหัวจากสีที่เป็นตัวเก็งในการชนะถึงสามสีเลยใช่ไหมครับ ดีจริงๆเลยเชียว หาเรื่องหนึ่ง แต่ได้ถึงสาม






          ที่หนึ่งเหมือนหมอกควันเลือนลาง ใกล้จางหายไป






          ผมกับไอ้เต้หันขวับไปมองไอ้น้ำอย่างกินเลือดกินเนื้อ ไอ้เตี้ยยิ้มแห้ง ชูสองนิ้วจิ้มแก้มตัวเอง ขยิบตาทำท่าแอ๊บแบ๊ว



          "แฮะๆ สู้ๆนะตะเอง"





          "ไอ้เตี้ย!! / ไอ้เตี้ย!!"


          "กูไม่ได้เตี้ยโว้ยยยยยยยย กูแค่สูงน้อย!!"



         




 
end 40 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



                                                                                                                                            กีฬาาาาาาาาาสียยยยยยยยย์


โซเฟียริน
zofiarin lll moore















หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 40 * 11/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 12-11-2018 23:16:49
สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังน้องเทม

น้ำนี่ขยันหาเรื่องจริงๆ

บวก1 รัวๆ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 40 * 11/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 13-11-2018 00:49:35
 :m20:  :m20:  :m20: ไม่ได้เตี้ยแต่แค่สูงน้อย...  :m20:  :m20:  :m20: คิดได้ไงอะ... น่ารักกกกกกก  o18  :hao3:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 41 * 13/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 13-11-2018 22:11:56












41












               น้ำเกือบจะโดนผมกับเต้หิ้วปีกไปรุมกระทืบในห้องน้ำ เจ้าคนปากดีต้องขอบคุณเทมที่เป็นยันต์กันภัยชั้นดี คอยห้ามไม่ให้ผมลุแก่โทสะบริหารกำลังทดลองวิชามีดที่เพิ่งร่ำเรียนจบหลักสูตรกับเจ้าตัว


          แต่พอถึงช่วงบ่าย หลังพาเด็กน้อยไปส่งเรียนพิเศษเสร็จ ไอ้น้ำที่ไร้เกราะป้องกันก็โดนชกจนล้มกลิ้งไปหนึ่งตลบ


          จะให้นิ่งเงียบก็คงทำไม่ได้ครับ ทุกคนอุตส่าห์ช่วยกันวางแผน ลงแรงดำเนินการอย่างดีตลอด สู้ยอมโดนดูแคลน ปล่อยข่าวลือเล่นจิตวิทยาให้สีอื่นมองข้ามสีฟ้าไป จะได้ไม่ระแวดระวังสีที่ครึ่งๆกลางๆอย่างสีเรา แต่แผนผมก็พังทลายเพราะไอ้เพื่อนส่วนสูงเท่าหลักกิโลรนหาเท้า แทนที่เวลาที่อุตส่าห์ยึดมาจากการรวบงานฮาโลวีนเข้ากับงานวันลอยกระทง จะช่วยให้ผมอุดช่องโหว่ด้านศักยภาพนักกีฬาในทีมที่น้อยกว่าสามสีหลัก เป็นม้ามืดเข้าเส้นชัยแบบเนียนๆ กลับกลายเป็นเหมือนจับทุกคนมาคล้องคอด้วยป้าย 'เป็นเหยื่อ ช่วยรุมกินผมที'

          เป็นเจ้าม้ายูนิคอร์นสีรุ้งส่องแสงเรียกแขก


          จากเดิมงานกีฬาสีที่กระชั้นชิด ควรเริ่มไปตั้งแต่เมื่อสิบห้าวันก่อนเพื่อที่จะได้ไม่ชนงานฮาโลวีนหรือลอยกระทงครับ แต่ก็ดันมีงานแข่งกีฬาและงานแข่งวิชาการระดับประเทศซึ่งเป็นงานใหญ่ย้ายมาชนเป็นวันเดียวกัน เป็นงานใหญ่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เด็กนักเรียนโรงเรียนเราหลายคนจำเป็นต้องเข้าแข่ง มติสภาและจากการตั้งกระทู้สอบถามจึงลงเอยว่าสมควรรวบงานทั้งสองไปจัดหลังกีฬาสี ซึ่งทำให้กีฬาสีกลับมาจัดเดือนเดิมแต่เร็วขึ้นนิดหน่อย คือวันพฤหัสที่ 4 พฤศจิกายน ไล่ยาวไปถึงวันที่ 11 ระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์พอดีครับ ไม่นับวันสุดท้ายที่จะจัดเป็นงานเลี้ยง


          และใช่ครับ อีกสี่วันจะถึงสัปดาห์กีฬาสี แต่พวกผมต้องเปลี่ยนแผนการกันใหม่แบบฉุกละหุก


          กับปีก่อนๆ ผมสนใจงานนี้แค่ครึ่งๆกลางๆ เพราะใส่ใจการแข่งคนของตัวเองมากกว่า และกีฬาก็ไม่ใช่สายงานที่ผมจะยุ่งเกี่ยว เลยลงแรงแค่ติดหนึ่งในสามก็พอเพียง


          แต่ถ้าผมลงแข่งด้วย...ก็คนละเรื่องกัน



          ผมไม่ชอบการพ่ายแพ้ และผมก็ไม่ชอบการเล่นเป็นทีม เพราะผมมั่นใจในความสามารถตัวเองว่าสามารถไปถึงชัยชนะได้แน่นอน ไม่เหมือนกับการมีตัวถ่วงที่คอยยึดแข้งยึดขาที่ค่อนข้างจะยากในการมุ่งตรงไปถึงเส้นชัย แต่กีฬาสีก็ไม่ใช่อะไรที่จะเล่นด้วยตัวคนเดียวแล้วได้ที่หนึ่งมาครอบครอง


          กับคนจำนวนมากที่มีทั้งความสามารถและเย่อหยิ่งในตนเอง ก็จะยุ่งยากในหลายๆเรื่อง แถมมักจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้เสมอ สี่วันต่อจากนี้คงจะวุ่นวายและแย่งเวลาเราสองคนของผมกับเทมไปอีกมากทีเดียว


          ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนยกยิ้มมุมปาก แม้จะเบื่อหน่าย แต่ก็ไม่นึกหลีกหนี กลับกันความวุ่นวายก็เป็นสิ่งยืนยันว่าคิดถูกแล้วที่เลือกเรียนโรงเรียนนี้ เพื่อจะได้ฝึกความสามารถในการแก้ปัญหาและฝึกการควบคุมคนในสนามจริงให้ตัวเองไปด้วย


          ผมเรียกนักกีฬาทุกคนมาประชุมที่บ้านหลังซ้อมเสร็จตอนสองทุ่ม


          ตอนนี้หนึ่งทุ่มแล้วครับ อีกหนึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัด


          ภายในห้องนั่งเล่นส่วนตัวในห้อง ผมกำลังรอรถของที่บ้านไปรับเหล่าตัวหมากสีฟ้ามาพูดคุย ช่วงเวลาว่างอันน้อยนิดก็ทำงานของคุณยายไปพลางๆ แล้วก็ดูเด็กน้อยเล่นซนวิ่งวนไปวนมาคลายเครียด เทมปุระที่อารมณ์ดีเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหลงใหลอย่างยิ่งยวด


          เสียงก้อนความสุขกลิ้งดังขลุกขลัก ขายาวก้าวไปหลบหลังโซฟาตรงนู่นทีตรงนี้ทีราวกับหลบระเบิดในสนามรบ ก่อนจะโผล่พ้นขึ้นมาครึ่งตัว ทำมือป้องปากเป็นลำโพง ตะโกนเสียงนุ่มนวลขู่คนร้ายที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาตรงกันข้าม


          "ยกมือขึ้นนะครับ! นี่คือ คือคุณตำรวจนายบำเรอเทมปุระ คุณฉลามถูกจับข้อหาขโมยปลากระป๋องแล้วนะครับ!" องค์ชายน้อยยกที่โกนหนวดขึ้นทำท่าชักปืนจี้คุณฉลาม ท่าทางของคุณตำรวจดูขึงขังขัดกับคำพูดที่ทำเอาอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตร่วมห้องสำลักกาแฟ

          ผมถอดแว่นวางบนโต๊ะ หันไปบอกคนกำลังเล่นเกมบทบาทสมมุติกับตุ๊กตาปลาทั้งสอง


          "นายอำเภอครับพี่เทม"


          ถ้าจะเป็นนายบำเรอ ก็ไม่ต้องไปบำเรอเจ้าตุ๊กตาพวกนั้นครับ มาบำเรอหมูนี่...



          "อ๋อๆๆๆ โอเคครับ คุณคนร้าย หยุดนะครับ ยกมือขึ้นนะครับ" คุณนายอำเภอที่ควบตุ๊กตาปลาโลมาแทนม้า และบนหัวสวมหมวกลูกเสือแทนหมวกคาวบอยวิ่งไปทั่วห้อง กลิ้งตัวขลุกๆ หลบกระสุนปืนหลอกๆ ยิงสวนด้วยเสียงน่าหวั่นเกรง


          "ปิ้วๆๆๆๆ อะเฮือกกกกกกกกก"


          ไม่ว่าจะเสียงเอฟเฟคไหนก็สามารถทำได้ เสียงคนร้ายถูกยิงคุณตำรวจก็เป็นคนจัดการส่งเสียงให้อย่างสมจริง พอคนร้ายโดนยิงก็วิ่งไปจับตุ๊กตาฉลามล้มลงนอน กลับมาซ่อนตัวที่เดิมเสร็จก็สวมบทเป็นคุณหมอต่อ ทูอินวันในหนึ่งเดียว


          แต่ก่อนจะเป็นคุณหมอก็ยังไม่ลืมเก็บปืนปลอมๆอย่างเจ้ามีดโกนสีฟ้าใส่กระเป๋า มีทำเสียงปลดลูกกระสุนกันปืนลั่นเสียด้วย ไหนจะเอ่ยบอกคุณม้าที่มีครีบให้อยู่รอนิ่งๆ จับตุ๊กตาโลมาวางพิงโต๊ะ แล้วถึงวิ่งเข้าไปช่วยปั๊มหัวใจ ลงมือให้ความช่วยเหลือตุ๊กตายัดนุ่นที่โดนลูกกระสุนเจาะจนนอนแน่นิ่งไม่ขยับ



          โดนยิงแล้วช่วยปั๊มหัวใจผมก็เข้าใจนะครับ แต่โดนยิงแล้วไปผายปอดทำไมล่ะครับนั่นน่ะ


          ...โดนยิงนะครับคุณหมอ ไม่ใช่จมน้ำ...




         "ฟื้นๆๆแล้วนะครับ นายตำรวจอำเภอเป่าเพี้ยงๆๆๆให้แล้ว แผลโดนยิงหายเกลี้ยงเลยครับ ตอนนี้จะจับไปเข้าคุกนะครับ"


          เป่าปากตุ๊กตาฉลามจนพอใจ ก็จับพลิกหันหลัง สองขายกขึ้นคร่อมแล้วจับสองครีบไขว้หลัง หยิบกุญแจมือราคาแพงเกินงบประมาณหลวงอย่างกำไลทองคำขาวของแบรนด์แนวหน้าระดับโลก ที่เด็กน้อยมาขอหยิบยืมไปเล่นติ๊ต่าง
 

          จับสวมใส่ตะขอดังกริ๊กลงครีบก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ คุณตำรวจยิ้มกว้าง ลุกขึ้นยืนควบม้าขาหนีบโลมา แขนล็อคคอฉลามวิ่งตุบตับมาโชว์ผลงาน อุ้มคนร้ายมาให้ผมดู
       


          "หมูหย็องครับ น้องหมูหย็องครับน้องหมูหย็อง! เทม พี่เทมจับคนร้ายได้ด้วยครับน้องหมูหย็องดูสิครับ!"


 
          เอื้อมมือไปจับมือคุณนายอำเภอคนเก่ง ออกแรงดึงจนเขาเซ ล้มตัวลงทับผมที่เอนตัวลงรอรับบนโซฟา จับเจ้าก้อนนุ่มนิ่มกลิ่นหอมเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จมาฟัด กดจมูกหอมดอมดมไปทั่วด้วยความมันเขี้ยว พี่เทมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเพราะจั๊กจี้ หยุดการกระทำลงเพราะคนด้านบนหายใจไม่ทัน


          ไล้นิ้วกับกรอบหน้าสวย ประทับจูบทุกส่วนไม่ให้ส่วนไหนได้น้อยใจ เอ่ยชมเชยผู้พิทักษ์สันติราษฎ์คนเก่ง


          "คุณตำรวจนายอำเภอเก่งมากเลยครับ" เด็กน้อยตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเป็นอะไร เลยเป็นควบคู่กันครับ หึหึหึ


          พอได้รับคำชมก็เอียงอายยิ่งกว่าเดิม จนแก้มขาวนวลเป็นสีชมพูเข้ม ปากสวยเจื้อยแจ้วเล่าวีรกรรมจับผู้ร้ายอันยิ่งใหญ่ให้ผมฟัง


          "พี่เทมยิงปิ้วๆๆๆเข้าเป้าด้วยครับ แต่ว่าๆๆ แต่ว่าคุณฉลามไม่เป็นอะไรนะครับ เพราะคุณตำรวจนายอำเภอยิงขาเฉยๆครับ ไม่ได้ยิงหัวนะครับ หัวยังอยู่แบบไม่เป็นรูๆครับ"


          อา ปลาไม่มีขานะครับพี่เทม แล้วบอกยิงขาทำไมถึงไปปั๊มหัวใจล่ะครับหืม หัวเราะให้เจ้าหน้าที่แก้มยุ้ยที่ปฏิบัติงานได้มั่วจนน่าเอ็นดู หอมหัวเหม่งย้ำซ้ำๆ ทรงผมทรงนี้อันตรายจริงๆครับ ไม่รู้ทำไมเจ้าช่องหว่างขนาดหนึ่งนิ้วระหว่างผมหน้ากับคิ้วถึงได้ดึงดูดนัก



          จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ



          "เป็นคุณตำรวจที่เท่มากๆเลยครับ ...เดี๋ยวน้องหมูต้องลงไปข้างล่างแล้วนะครับ พี่เทมอยากเปลี่ยนใจลงไปด้วยกันไหมครับ หืม"


           เอ่ยถามอีกครั้งเผื่อเขาคิดเปลี่ยนใจ นึกทีไรก็อดยิ้มกว้างไม่ได้กับคุณตำรวจผู้เก็บความลับของทีม ตั้งแต่วันที่เขามาขออนุญาตมีความลับ ก็ยังคงเก็บไว้เป็นอย่างดีด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนสุดๆเวลาผมไปรับกลับบ้านครับ แล้วพอรู้ว่าผมจะพาเพื่อนนักกีฬามาประชุม เขาก็เอ่ยปากบอกเองว่าจะเล่นรออยู่ในห้อง เพราะผมจะได้เก็บความลับของนักกีฬาเอาไว้ได้


          คนบนตัวที่เอาหัวมาซุกคอผมเพื่อแอบหลบแก้มแดงๆของตัวเอง ผละออกมาจากลาดไหล่ขาวซีด แล้วส่ายหน้าไปมาดุ๊กดิ๊ก


          "พี่เทมลงไปไม่ได้นะครับน้องหมูหย็อง น้องหมูหย็องต้องจุ๊ๆๆๆเอาไว้นะครับ หญิง หญิงบอกว่าถ้าความลับรั่วแล้วจะไหลนะครับ"


          "หึหึหึ ยังบอกน้องหมูไม่ได้อีกเหรอครับ" เอ่ยกระเซ้าผู้พิทักษ์ความลับอีกหน


          พี่เทมดูคิดหนัก อ่านจากสายตาและปากที่ขมุบขมิบ ดูก็รู้ว่าอยากบอกผมเอาเสียมากๆ แต่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก อาจจะเป็นคำสั่งของท่านประธานสีหรือคุณเลขานุการที่เอ่ยห้ามเอาไว้ นางฟ้าอมลมจนแก้มพอง พยายามห้ามไม่ให้ตัวเองเล่าความลับให้ผมฟังสุดความสามารถ พอเห็นผมยิ้มรอคอย เขาที่กำลังจะแพ้ก็หนีด้วยการมุดเข้ามาซุกไซ้ผมแทน


          "พี่เทมขอโทษนะครับ พี่เทม พี่เทมยังบอกน้องหมูหย็องไม่ได้นะครับ น้องหมูหย็องต้องอดทนฮึบๆๆไว้ก่อนนะครับ"



          องค์ชายน้อยลูบศรีษะปลอบ เงยออกมาเพียงดวงตาหนึ่งคู่ สบสายตาด้วยแววตาอ่อนโยนปนอ้อนวอน



            อา...หัวใจครับ กรุณาช่วยเต้นเบาๆด้วยครับ




          พอเห็นคนในอ้อมแขนยอมพยักหน้า เจ้าหมาน้อยก็อารมณ์ดีไล่งับไปตามคอและลาดไหล่ แรกเริ่มเป็นเพียงความนุ่มนวลหยอกเย้า ก่อนเริ่มลงมือเปลี่ยนอาชีพจากนายอำเภอและตำรวจเป็นคนสวนปลูกดอกไม้ มือใหญ่จับปลายติ่งหูผมบีบนวดเคล้าคลึงเล่น สัมผัสวนเวียนอยู่ช่วงบนแต่กลับเสียววูบในช่องท้องและส่วนล่าง ผีเสื้อโบยบินนับล้าน ขายืดเกร็งตัวกระตุกยามปากร้อนไล่ดูดดึงผิวเนื้อ ดอกไม้สีแดงก่ำเติบใหญ่ผลิบานบนตัวผม


          พี่เทมกดจูบดูดเลียไปทั่ว ผู้ไม่ปฎิเสธคือผมที่นอนนิ่งให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบ ขยับเอียงซ้ายเอียงขวาช่วยอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะซอกคอหรือใบหูหรือริมฝีปากล่าง ทุกส่วนล้วนบรรณาการแด่ชายผู้เป็นที่รักอย่างเต็มใจ



          ขยุ้มกลุ่มไหมสีดำเบาๆเรียกเสียงครางสั่นพร่าได้มากโข เด็กชายฟ้าประทานเป็นนักเรียนที่ดีอย่างยิ่ง เมื่อได้รับการสอนก็พัฒนาได้ไวจนน่าตกใจ ดวงตาสีสวยสบมอง ความปรารถนาคุกรุ่น


          อา...อยากตามใจเขามากเหลือเกิน แต่เวลาก็แสนน้อยนิด เหลือบมองนาฬิกาเหลือเพียงอีกแค่ครึ่งชั่วโมง



        ...คงจะไม่ทัน และคงจะไม่พอ...



          และคนข้างบนก็รู้ จึงเริ่มผละตัวออก มองขนมหวานแสนอร่อยตาละห้อย ท่าทางน่าสงสารของคนตรงหน้าเล่นเอาผมรีบหาวิธีปลอบอกปลอบใจ ประคองแก้มนุ่มเอ่ยเสียงที่ยังแหบพร่าขอ


          "พี่เทมครับ เม้มปากสิครับ"


          ในดวงตาอัดแน่นไปด้วยแรงปะทุมีเครื่องหมายคำถาม แต่คนดีก็เชื่อฟังอมปากตัวเองไว้ทั้งหมดโดยพลัน หน้าตาเห่อแดงเต็มไปด้วยแรงอารมณ์เริ่มผ่อนคลายและถูกดึงความสนใจไปกับคำขอกะทันหัน


          "เม้มปาก เก็บปากเหรอครับ แบบอี้หอออับ"


          หัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าตอบว่าใช่


          ใช้ร่างข้างบนที่กางแขนคร่อมกักผมเอาไว้เป็นหลักยึดแล้วดึงตัวเองขึ้นไปกดจูบ ครั้งนี้ไม่ใช่แค่แถวริมฝีปากล่าง หรือริมฝีปากบนที่ชิมรส ผมกดจูบไปตรงๆ ไล่เลียตั้งแต่มุมปากจรดตรงกลางและอีกมุม หยดน้ำลายใสเคลือบไปทั่วจนย้อยลงบนหมอน ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปาก


          พี่เทมตกใจจนเผลอปล่อยกลีบเนื้อนุ่มร่วงผล็อย อ้าปากหวอ เล่นเอาคนเจ้าเล่ห์อย่างผมหัวเราะเสียงดัง เจ้าแมวน้อยตกใจขนพองฟู หูตั้งตรงหางเหยียดชี้ฟ้า


          "หมูหย็องจูบเทมด้วยครับ!" เขาฟ้องผมเสียงดัง

          "หึหึหึ น้องหมูไม่ได้จูบนะครับ ปากเรายังไม่โดนกันเลย" และผมก็แก้ตัวไม่ยอมรับผิด


          เด็กน้อยไร้เดียงสาดวงตาวิบวับฉีกยิ้มกว้างกับบทเรียนใหม่ บทเรียนนี้ว่าด้วยการจูบอย่างไรไม่ให้เรียกว่าจูบ เด็กนักเรียนตัวอย่างยกมือขอทดลองปฏิบัติตามทันที


          "งั้นเทมทำด้วยๆๆๆครับ พี่เทม พี่เทมขอทำด้วยนะครับ! น้องหมูหย็องเม้มปากนะครับ เม้มๆๆปากนะครับ"


          หัวเราะในลำคอ ก่อนจะค่อยๆเม้มปากตัวเอง เงยหน้าขึ้น สอดแขนรั้งคนข้างบนมาเล่นเม้มปากชนกัน พี่เทมบดเบียดและลองไล่ชิมรส แต่ดูท่าว่าจะไม่พอใจ เขาพยายามงัดแงะอยากลิ้มรสกลีบเนื้อนิ่มที่อยู่ด้านใน อืม...ดูท่ายิ่งเม้มยิ่งไปกระตุ้น มากกว่าจะช่วยให้กิจกรรมนี้จบลงนะครับ




          สุดท้ายผมก็ปล่อยริมฝีปากให้เขาดูดดึงไปจนถึงสามนาทีสุดท้ายของเวลานัด



หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 41 * 13/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 13-11-2018 22:12:25


          ลงมาประชุมด้วยริมฝีปากบวมเจ่อราวถูกผึ้งต่อย ถูกถามและได้รับเสียงโห่แซวไม่หยุดหย่อนจนต้องไล่ให้พวกนั้นเข้าห้องประชุมไปนั่งรอ


          ผมพาเทมในชุดนอนแสนน่ารักเข้ามานั่งในห้องแยกต่างหาก เทมขอลงมาส่งผมด้านล่างและนั่งรอเป็นเพื่อนระหว่างรอทีมสุดท้ายมาถึงครับ ตอนนี้เขากำลังนั่งคุยเล่นกับหญิงและน้ำ



          ไอ้น้ำที่มุมปากช้ำมองมาด้วยสายตาล้อเลียน น่าลุกไปตบกะโหลกให้หัวสั่นจริงๆเลยครับ...



          "ลงมาช้านี่ไม่ต้องถามเลยว่าทำไม หลักฐานโคตรชัดเจน"


          หรี่ตามองเพื่อนที่เอ่ยเย้า ก่อนจะถามเสียงไร้อารมณ์


          "แค่ช้ำคงไม่พอใช่ไหมครับ...อยากทำฟันใหม่ทำไมไม่บอกดีๆ"


          ไอ้น้ำทำท่าขนลุก รีบย้ายที่นั่งตัวเอง ไปนั่งที่ใหม่ที่ห่างจากระยะแขนผมยืดถึง


          "หยุดเลย! เมื่อตอนเย็นไอ้เต้ก็เพิ่งวิ่งมาถีบกูจนกลิ้งไปอีกรอบ ช้ำในไปหมดแล้ว เวรจริง...ก็กูเกลียดไอ้คาร์โลแม่งนี่หว่า จะให้ทำยังไงวะ"


          "แต่น้ำก็ควรใจเย็นแล้วเก็บไปจัดการทีหลังนะ ไปตะโกนแบบนั้น ตอนนี้ทุกคนเลยลำบากกันไปหมด" หญิงติเสียงเรียบ คนตัวเล็กสลดแต่ก็ยังฮึดฮัด


          "แต่เราไม่ได้ตั้งใจนะหญิง ตอนแรกเรายอมรับว่าผิดที่เผลอไปพูดเสียงดังเพราะลืมตัว เราขอโทษ แต่ตอนหลังมันก็ผิดพอกันอ่ะ ที่เข้ามาหาเรื่อง"

          "แล้วใครเป็นต้นเหตุ..." ผมจี้ถาม


          น้ำคอตก


          "ผมเองครับ...แต่ไอ้ควายโลแม่งก็ผิด!!"



          เทมมองเพื่อนร่างเล็กอย่างกังวลใจเมื่อเห็นน้ำหงุดหงิดไม่หยุด จนต้องแอบเตะขาคนบ่นให้หยุดพูด ตอนนั่งรถกลับบ้าน ผมโดนเด็กน้อยเบะปากทำหน้าจะร้องไห้ใส่ตั้งหลายนาทีเพราะเขาเป็นห่วงคิดว่าผมจะมีเรื่องกับคาร์โล ปลอบกันตั้งนานกว่าเขาจะยอมเก็บหยดน้ำตาเข้าที่เดิม พอเบาใจได้หน่อย ก็จะมาใจเสียเพราะห่วงเพื่อนอีกไม่ได้


          เทมยื่นถาดใส่ขนมไปตรงหน้าเพื่อนสนิท


          "ไม่โกรธๆๆ ไม่ตีกับบังกะโลนะครับน้ำ ตีกันไม่ดีนะครับ"


          เด็กชายตัวเล็กกับหญิงสาวที่นั่งเงียบถึงกับสำลักพรวดกับชื่อใหม่ของโจทก์



          แค่ก แค่ก แค่ก



          พอหายสำลักและตั้งสติได้ น้ำหัวเราะเสียงดังตบโต๊ะไปมาอย่างพอใจ


          "ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ชิบหาย กูโคตรจี้ ไอ้เทมมึงเอาไปร้อยแต้มเลย"

          "ฮ่าๆๆ เทม เทมจ๊ะ เขาชื่อคาร์โลนะ ไม่ใช่บังกะโล โอ้ย ตายแล้ว หายใจไม่ทันแล้ว"


          บรรยากาศเปลี่ยนไปจากเคร่งเครียดกลายเป็นเรื่องตลก เมื่อคนเรียกชื่อผิดไม่รู้ว่าตัวเองเรียกผิด ยังคงย้ำๆกับคำว่าบังกะโลจนน้ำกับหญิงต้องโบกมือห้าม เพราะหัวเราะจนแทบขาดอากาศหายใจ


          "คิกคิก แล้วเทมจะมาประชุมด้วยกันเหรอจ๊ะ" หญิงเปลี่ยนเรื่องเพราะหัวเราะไม่ไหวอีกต่อไป


          เด็กน้อยพอเห็นเพื่อนไม่เครียดกันแล้วก็ยิ้มกว้าง ส่ายหัวไปมา


          "เทม เทมแค่ลงมาส่งน้องหมูหย็องครับ ความลับต้องจุ๊ๆๆๆเอาไว้หญิงบอก"


          คุณพี่สาวทางความคิดพยักหน้าพออกพอใจให้น้องชาย


          "ดีมากจ้ะ อ้าว แล้วนั่นเทมพกมีดโกนลงมาทำไมล่ะจ๊ะนั่นน่ะ"



          หญิงสังเกตุเห็นอะไรบางอย่างสีฟ้าสะดุดตาที่โผล่พ้นกระเป๋าเสื้อของคนนั่งตรงกันข้าม เทมยิ้มแฉ่ง รีบหยิบออกมาโอ้อวดทันที


          "ที่โกนหนวด หมูหย็อง น้องหมูหย้องให้เทมเป็นของขวัญครับ เทมเห็นในโฆษณาเท่ๆๆๆ เทมอยากได้ แล้ว แล้ว น้องหมูหย็องก็ให้เป็นของขวัญวันเกิดเทมครับ หญิงดูสิๆๆๆ เป็นลายโดเรม่อนด้วยนะครับ"


          "มาอีกละ ไอ้ขี้อวดจอมขิง" น้ำกรอกตาใส่เพื่อนร่างสูงที่อวดอ้างสรรพคุณรอบที่ร้อยของวัน


          "ไหนหญิงดูซิ ของขวัญที่หมูให้จะชนะสมุดภาพระบายสีของหญิงหรือเปล่า...อ้าว ที่โกนหนวดธรรมดาเลยนี่น่า เทมไม่อยากได้แบบไฟฟ้าเหรอจ๊ะ เทมรู้ไหมมันมีแบบที่เป็นไฟฟ้าด้วยนะ โกนเองอัตโนมัติเลย"



          หญิงรับไปดูก่อนจะทำหน้าเหนือกว่าใส่ผม เมื่อเห็นว่าของขวัญที่ผมให้เขาไม่ใช่อะไรแปลกใหม่ คุณพี่สาวทางมโนความคิดคนนี้ บางครั้งก็เห็นผมเป็นศัตรูครับ...



          เด็กน้อยอมยิ้มส่ายแก้มนุ่มพึ่บพั่บ

          "เทม เทมอยากได้แบบคุณคาวบอยในโฆษณาครับ เขาบอกว่าแบบนี้เป็นลูกผู้ชายเท่ๆๆๆ"

          "โดนโฆษณาหลอกแล้วไหมล่ะเพื่อนกู..."

          "เดี๋ยวนะ...ตาโดเรม่อนนี่อย่าบอกนะว่าเพชรแท้ ไม่ใช่สิ มองดีๆแล้วนี่มันเพชรหมดเลยไม่ใช่เหรอ!...แล้วด้ามก็หนักๆดูไม่ใช่พลาสติกด้วย!?"


          หญิงหันมามองคาดคั้นคำตอบ ดูท่าจะสัมผัสได้ถึงความพ่ายแพ้ของตัวเอง


          ผมจะไปมอบของขวัญที่ซื้อได้ทั่วไปให้คนพิเศษอย่างเขาได้ยังไงกันครับ มีดโกนหนวดนั้นน่ะถูกผมสั่งทำเป็นพิเศษ ลวดลายถูกซื้อลิขสิทธิ์มาทำเฉพาะ ลายที่นูนขึ้นมาก็ไม่ใช่แค่แกะสลักแล้วติดกระจกโง่ๆ แต่เป็นเพชรสีฟ้าตามธรรมชาติแสนหายาก เพชรน้ำงามหลายสิบเม็ดที่ถูกเจียระไนอย่างพิถีพิถันก่อนค่อยๆถูกจับเรียงขึ้นลายตามสั่งบนด้ามจับทองคำขาวชุบสี ส่วนใบมีดแม้จะดูแหลมคมแต่ก็ไม่สามารถบาดเข้าผิวเนื้อได้ เป็นการจำลองความคมโดยช่างที่มีฝีมือ เขาสามารถหยิบจับได้ทุกท่วงท่าโดยไม่ก่อบาดแผลบนผิวเนียนสวย นอกจากงดงามแล้วก็ไม่ทำอันตรายให้เด็กน้อยของผมอีกด้วย



          ผมไม่ตอบอะไร แค่ยกยิ้มมุมปาก ยักคิ้วส่งให้หญิงสาวที่ดูโกรธขึ้นมาทันที



          "ฮึ้ย! ปีหน้าเดี๋ยวหญิงไปเหมาซื้อที่โกนหนวดไฟฟ้าสักสามโหลให้เทมเลย!!"



          ซื้อไปเทมก็ไม่ชอบเท่าที่ผมให้แน่นอน...



          เรื่องเอาใจเขา ไม่มีใครชนะผมได้หรอกครับ ความลับของการเลี้ยงเจ้าก้อนความสุขก็คือไม่ใช่แค่ของที่ดีที่สุดหรือของที่แพงที่สุดหรอกครับที่เด็กน้อยต้องการ แต่เป็นของที่เจ้าตัวชอบมากกว่า ถ้าผมไปซื้อที่โกนหนวดไฟฟ้าอย่างหญิงว่า แน่นอนครับ ไม่ว่าอะไรที่ผมให้ เทมก็รักและชอบ และคิดว่าสิ่งนั้นพิเศษ แต่เขาก็คงจะไม่ดีใจขนาดนี้


          เทมปุระต้องการอะไร ผมก็จะให้สิ่งที่เขาต้องการ



          ความชอบของเทมไม่ควรถูกความคิดหรือความต้องการส่วนตัวของผมหรือใครขัดขวาง ไม่มีการตัดสินแทน หากเขาบอกว่าอยากได้ที่โกนหนวดธรรมดา ผมก็จะให้ที่โกนหนวดธรรมดา ไม่ยัดเยียดความต้องการของตัวเองให้เขา ไม่เอาความคิดที่ว่าสิ่งนี้สิ่งนั้นเหมาะสมกว่าหรือดีกว่ายัดแล้วส่งให้ การรับฟังสิ่งที่เขาต้องการจริงๆและหยิบสิ่งนั้นมาเจียระไนแล้วค่อยส่งต่อให้เขาต่างหาก คือความลับที่ทำให้เด็กน้อยยิ้มแก้มปริมีความสุขขนาดนี้ และยังสามารถให้ในสิ่งที่ผมต้องการโดยเขายังมีความสุขและไม่เสียความเป็นตัวเองไปได้อีกด้วย




          เด็กชายตกใจเมื่อได้ยินว่าจะได้ที่โกนหนวดถึงสามโหล


          "แต่เทม เทมมีปากอันเดียวนะครับหญิง มีเยอะๆๆแล้วเทมก็ไม่รู้จะโกนยังไงหมดนะครับ"

          "ก่อนจะคิดมากเรื่องจะใช้ที่โกนยังไงให้หมด มึงควรมีขนก่อนอ่ะเพื่อนรัก"

          "เทมไม่ต้องมีหรอก แบบนี้ก็น่ารักอยู่แล้ว"

          "แต่ถ้าไม่มีหนวด ก็จะไม่เป็นวัยผู้ใหญ่นะครับหญิง ต้องมีหนวดแล้วจะลูกผู้ชาย เป็นผู้ใหญ่เท่ๆๆนะครับ"

          เด็กน้อยบอกอย่างงุนงง

          หญิงกับน้ำมองหน้ากันแล้วหันไปถามคนที่ได้รับความคิดว่ามีหนวดแล้วเท่ ว่าเอามาจากไหน

          "โฆษณาอะไรเหรอจ๊ะเทม"

          "ไอ้หมู มึงเอาโฆษณาที่ลูกชายมึงว่ามาดูดิ๊ ทำไมชอบนักวะ"



          ผมหยิบไอแพดมาเปิดตัวต้นเหตุให้ทั้งสองคนดู เทมเริ่มนั่งไม่ติดเมื่อเห็นไอดอลของตัวเองในจอเล็ก



          โฆษณาที่โกนหนวดเริ่มต้นด้วยหมู่บ้านกลางทะเลทรายที่ห่างไกล มีกลุ่มโจรบุกเข้ามาปล้นสะดม แล้วก็มีฮีโร่ขี่ม้าขาวมาช่วย ก็ไม่พ้นใครครับ คือลุงคาวบอยที่หนวดยาวลากพื้นจนสามารถเอามาถักเป็นเปียพันรอบคอได้ เนื้อหาโฆษณาก็ไม่มีอะไรมาก คาวบอยช่วยชาวบ้านได้และมีหญิงสาวตกหลุมรัก พอถึงวันแต่งงานกลับค้นพบความจริงว่าที่ยาวนั้นไม่ใช่หนวดบนริมฝีปาก แต่เป็นขนจมูกต่างหาก...

          หญิงสาวช็อกตาค้าง สะบัดรัก เลื่อนการแต่งงาน บอกว่าถ้าไม่โกนให้เกลี้ยงก็ไม่แต่งด้วย คาวบอยก็รีบเข้าร้านไปซื้อที่โกนหนวด แต่ยี่ห้อไหนก็ตัดไม่ขาด เพราะขนจมูกแข็งแรงมาก ไม่ว่าจะที่โกนหนวดไฟฟ้าหรือเครื่องตัดหญ้าหรือกระทั่งรถไถก็ตัดไม่ขาด จนมาเจอที่โกนหนวดในตำนานถึงโกนได้สำเร็จ แล้วเรื่องราวก็จบลงที่โกนขนจมูกได้ในที่สุด ก่อนกลับไปแต่งงานกับสาวที่รัก หันมาเก๊กท่าเท่บอกกับคนดูว่า พอโตเป็นผู้ใหญ่เหล่าลูกผู้ชายตัวจริงต้องพกมีดโกนหนวดติดตัว แล้วก็มีขนจมูกงอกยาวใหม่ออกมา แล้วตาลุงคาวบอยก็เอามีดโกนฉับ



          จบโฆษณา เทมปุระตบมือเสียงดัง



          ดูกี่รอบผมก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ทุกที...



          สองคนนิ่งค้าง อ้าปากเหวอ



          หญิงตีสีหน้าจริงจัง

          "หญิงว่าเทมต้องเลิกดูโฆษณาอันนี้นะจ๊ะ เพี้ยนมาก..."

          "จริง โคตรเห็นด้วยกับหญิง...ฉายช่องบ้านกูป่ะวะเนี่ย เดี๋ยวไปบอกหม่อมแม่ให้ถอดทิ้งเลย หลอนชิบหาย! ใครมันจะไปมีขนจมูกยาวแถมยังแข็งแกร่งขนาดนั้นวะ!?"



          พอทุกคนไม่เห็นด้วย เทมก็ชักลังเล



          "คุณลุงคาวบอยหนวดยาวๆๆไม่เท่ๆๆเหรอครับ หนวดยาวจนถักเปีย แล้วๆๆๆ แล้วเอามาพันรอบคอได้เลยนะครับ ไม่เท่ๆๆเหรอครับ อะไรก็ตัดไม่ขาดด้วย จนมาเจอที่โกนหนวดในตำนานเลยนะครับ! ที่โกนหนวดในตำนานเลยนะครับ...?"

          "นั่นมันไม่ใช่หนวด!...นั่นมันขนจมูกเฟ้ย! ไม่เท่เลยสักนิดโว้ยยยยยยยยยยยยยย ขนลุก!!"


          เด็กชายฟ้าประทานรีบหันไปขอความคิดเห็นอีกคน แต่หญิงก็ยิ้มแหย


          "หญิงว่าอาจจะไม่เข้ากับเทมนะจ๊ะ...คิดภาพเทมขนจมูกยาวเฟื้อยแล้วมันก็....ขอร้องล่ะเทม อย่านะจ๊ะ! ไม่ได้นะจ๊ะ!!"


          หญิงตบโต๊ะดังปัง ลุกขึ้นยืนส่ายหน้ารุนแรง


          เด็กน้อยหงอยลง แต่ก็ยังยึดมั่นสิ่งสุดท้าย


          "แต่ที่โกนหนวดพี่ม่อนเท่ๆๆนะครับ...?"

          "เออๆ เท่ แต่คาวบอยขนจมูกยาวเฟื้อยขนาดนั้นไม่ไหวนะ โอเคไหม"


          เทมหันมามองผม


          "ที่โกนหนวดเท่ครับ" แต่เจ้าคาวบอยขนจมูกยาวคนนั้นไม่เท่ครับ...


          ดอกทานตะวันยิ้มเบิกบาน เมื่อได้มติว่าที่โกนหนวดของตัวเองยังเท่อยู่


          "โอเค โอเคครับ"


          สามคนบนโต๊ะลอบถอนหายใจที่เพื่อนของตัวเองเลิกไปชอบไอดอลแปลกๆได้ 



          ...ไม่ได้ขัดขวางความชอบเขานะครับ แค่ออกความคิดเห็น อันไหนไม่ดีก็ต้องบอกกัน โดยเฉพาะแปลกๆแบบนี้...ไม่ไหวจะโอเคจริงๆ...



          คุยกันอีกสักพัก อเล็กเซย์ก็พาทีมสุดท้ายมาถึง พอสมาชิกมากันพร้อมหน้า ผมก็เตรียมเดินเข้าห้องประชุม



          "พี่เทมครับ จะขึ้นห้องเลยไหมครับ"


          เด็กน้อยพอเวลาใกล้สามทุ่มก็ตาปรือ ร่างสูงยืนโงนเงนมาส่งผมหน้าประตู


          "พี่เทม พี่เทมอยากรอน้องหมูหย็องครับ"


          จับมือที่จะยกขึ้นขยี้ตามากอบกุม


          "งั้นไปนอนรอน้องหมูที่โซฟานะครับ เสร็จแล้วเดี๋ยวน้องจะไปเรียกนะ"



          จูงมือคนตัวโตกว่าไปเอนตัวลงบนโซฟา ตบหมอนนุ่มให้เข้าที่ ขอผ้าห่มกับตุ๊กตาตัวโปรดขององค์ชายจากพ่อบ้าน คลี่ผ้าหนาอุ่นคลุมตัวเขา กดจูบลงบนหน้าผากใส



          พอขยับตัวเข้าที่เจ้าตัวเล็กของผมก็งัวเงียทันควันราวกดปิดสวิตช์ เขาเอ่ยเสียงอู้อี้ง่วงงุน




          "มุ มุ หมูหย็องครับ...น้องหมูหย็องอย่า...อย่าลืมมารับพี่เทมนะครับ"


          ยิ้มมองคนกลัวถูกลืม เกลี่ยขนตาหนาเรียงตัวเป็นแพสวยเล่น


          "ไม่ลืมครับ"


          "ประชุม สู้ๆ...สู้ๆนะครับ..." พี่เทมกำมือขึ้นส่งแรงใจให้


          แต่ท่าทางดูเหมือนจะยอมแพ้มากกว่าจะสู้นะครับ หึหึหึ


          "ขอบคุณครับ"


          "แล้ว แล้ว...แล้วเจอกันนะครับ"


          "หึหึหึ...ครับ แล้วเจอกันครับ"



          พอได้รับจูบอุ่นกล่อมนอนอีกครั้ง องค์ชายก็นิ่งเงียบไปทั้งๆที่มือยังยกค้าง ส่วนอีกค้างก็ไม่ยอมปล่อยออกจากมือผม จับมือเขาวางลงบนอก เอื้อมไปคว้าหยิบรีโมทจากใต้โต๊ะมากดหรี่ไฟในห้องให้สลัว ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้พอดี มองเขาเพลินจนท่านประธานสีต้องมาตามตัวถึงได้ปล่อยภาพตรงหน้าออกจากสายตา ปลดมือเชื่องช้าอ้อยอิ่งจากคนนอนสบาย ทว่าพอดึงมือออก พี่เทมก็ครางฮือเรียกร้องหา จนต้องป้อนจูบกันยกใหญ่


          กระซิบบอกแนบชิดใบหู



          "นิ่งซะนะคนดี เดี๋ยวหมูมารับนะครับ"



          คนดื้อนิ่งลงเหมือนฟังรู้เรื่อง ยามหลับยามตื่นเจ้าก้อนความสุขของผมก็เป็นเด็กดีเสมอ





          เฮ้อ รีบไปทำงานให้เสร็จแล้วมารับเขาดีกว่าครับ


          ...อยากนอนกอดพี่เทมจะแย่อยู่แล้ว...










end 41 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

เจอกันวันที่ 3 ธันวานะคะ UvU ♥

โซเฟียริน
zofiarin lll moore








หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 41 * 13/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 13-11-2018 22:29:42




-------- กิจกรรมจบแล้วค่า --------
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 41 * 13/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 14-11-2018 08:52:48
พี่เทม... จินตนาการบรรเจิดมากกกกกกก
สมควรแล้วที่น้องหมูจะทุ่มสุดตัวเช่นนี้

อ่านแล้วฮาพี่เทมจริง ๆ o13
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 41 * 13/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 14-11-2018 12:25:47
แหม. ไอดอลลูกเทมทำไมมันพิลึกยังงั่น 555

ปล.อีกสองอาทิตย์แหนะกว่าจะมา
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 41 * 13/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 16-11-2018 19:20:45
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 41 * 13/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 19-11-2018 12:50:25
คิดถึงแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 41 * 13/Nov/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mizunoe ที่ 19-11-2018 23:45:21
เง้อ คนเขียนที่น่ารักก็อย่าลืมมารับคนอ่านน้า  เราจะหลับรอบนเตียง
แต่จะฝันดีกว่าถ้าพี่เทมกับน้องหมูและทุกคนมาให้อ่านก่อนเข้านอนนนน
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 42 * 3/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 03-12-2018 23:06:44







42










          ภายในห้องประชุมของคุณป๊าที่ถูกผมยึดมาเป็นฐานทัพลับเต็มไปด้วยถ้อยคำถกเถียง นอกจากความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ในห้องก็ลอยเอื่อยไปด้วยความกดดัน มวลเมฆหมอกลอยปกคลุมหนาแน่น โดยเฉพาะเหนือหัวตัวต้นเหตุอย่างไอ้น้ำที่นั่งตัวฟีบอยู่ซอกโต๊ะ คนปากเก่งหลบลี้หนีภัยไปยังมุมอับสายตา แต่พอโดนผมมองจี้อีกคนมันก็ต้องยอมเดินออกมาจากที่หลบภัย เผชิญหน้ากับสายตาหงุดหงิดนับครึ่งร้อยคู่



          เจ้าตัวต้นเรื่องยกมือไหว้รอบทิศ เสียงก่นด่าดังรอบห้อง บางคนโกรธมากหน่อยก็หยิบผ้ารองแก้วขยำแล้วโยนใส่คนหัวเราะเสียงแห้ง นับว่าทุกคนยังใจดีมากครับที่ไม่ลุกมารุมประชาทัณฑ์มัน อย่างที่ผมบอก กิจกรรมของโรงเรียนเป็นเวทีชั้นดีที่จะปูหนทางไปสู่อนาคต และอนาคตที่ดีและน่าจับตามองก็ต้องเป็นผู้ชนะ ไม่ใช่ผู้แพ้
 


          เสียงโห่ที่ดังต่อเนื่องจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ และผมก็ปล่อยให้เพื่อนสนิทโดนต่อไปโดยไม่ไยดี แม้ว่าลูกคุณหญิงจะส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาทางผมไม่หยุดหย่อน ก็ไม่ทำให้เพื่อนอย่างผมถลาเข้าไปกางแขนปกป้องเหมือนเมื่อตอนเย็น ความโกรธของทุกคนควรได้รับการระบายออกครับ ก็เหมือนทุกคนร่วมด้วยช่วยกันก่อกองทราย ทั้งแดดจ้า คลื่นซัด ทั้งเศษเปลือกหอยบาดมือ แต่ทุกคนก็ตั้งใจและพยายามจนเกือบจะสำเร็จ แต่จู่ๆก็มีคนขี้โมโหเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้ามาเตะจนพังไปต่อหน้าต่อตา



           ถ้าไม่อยากจับคนพาลมาฟาดให้เลือดอาบสักที ก็ไปบวชเถอะครับ คุณบรรลุแล้วล่ะ



          หลังจากปล่อยให้มันโดนรุมด่าจนตาแดงเจียนร้องไห้  หรี่ตามองอีกสักพักใหญ่ จนต่อมความพอใจของผมหยุดสั่น ถึงได้ฤกษ์ยอมยื่นมือช่วยเจ้าเพื่อนปากดี ขยับตัวลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้อย่างเชื่องช้า คว้าหยิบไมค์ขึ้นมาไว้ในมือ ไม่ต้องตบไมค์หรือกรอกเสียงพูดเทสต์หนึ่งสองสาม เสียงสบถก็เงียบลงได้ด้วยเพียงดวงตาสีฟ้ากวาดมอง ความสนใจถูกดึงตรึงมาไว้ที่รองประธานของสี


          "ตอนนี้เราควรช่วยกันหาวิธีแก้ไขดีกว่าครับ ด่าคนกะโหลกหนาไปก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร แถมเปลืองน้ำลายซะเปล่าๆ ส่วนเรื่องความโกรธของทุกคน ความเหนื่อยของทุกคน ผมทราบดี...น้ำจะโดนลงโทษด้วยการอยู่เย็นแล้วให้ไปทำความสะอาดห้องน้ำจนกว่าจะจบมอสาม" ซึ่งก็อีกหลายเดือน... "นอกจากนั้น ช่วงพักกลางวันก็ต้องไปช่วยแม่ครัวทำงานและทานอาหารของโรงอาหารเท่านั้น" อาหารที่ขึ้นชื่อว่ารสชาติห่วยบรรลัย แกะอาหารเม็ดสุนัขกินยังได้รสชาติเสียมากกว่า...


          ดวงตาหลายสิบคู่เบิกกว้างฉายแววอึ้งปนทึ่ง ตามมาด้วยเสียงพูดคุยที่ดังขึ้น ด้วยคงนึกไม่ถึงว่าผมจะลงมือเชือดคอเพื่อนสนิทตัวเอง


          ดูจากท่าทางและมุมปากที่กระตุกยกขึ้นของทุกคน บทลงโทษเป็นที่น่าพอใจ สายตาเคลือบแคลงที่มองตรงมา กลายเป็นสายตาเชื่อมั่นเฉกเช่นเดิม


          ตั้งแต่ที่ยืนและเริ่มเอ่ยปาก ผมก็อ่านบรรยากาศได้ว่าทุกคนกังวล กลัวผมจะถือหางเพื่อนตัวเองจนปล่อยผ่าน และถึงผมจะทำแบบนั้นจริง คนคัดค้านก็คงมี แต่สุดท้ายก็จะเกรงใจผมจนยอมลงให้อยู่ดี


          ไอ้น้ำอ้าปากค้าง หลังจากทีแรกมีท่าทางตีปีกดีใจที่ในที่สุดผมก็ยอมหย่อนเชือกให้มันตะกายจับโผล่หน้าขึ้นมาหายใจ ตอนนี้คนคว้าเชือกที่ผมหย่อนให้หันมาถลึงตาใส่ ปากขมุบขมิบไม่หยุด


          "แม่ง..ช่วยหรือซ้ำเติมกูกันแน่วะ... ใช่ซี้ กูไม่ใช่ไอ้เทมนี่หว่า..."


          หันไปมองมันด้วยดวงตาไร้อารมณ์แสนเย็นเฉียบ ไอ้น้ำพอเห็นผมมองมันนิ่ง เจ้าตัวก็ยิ้มเผล่แล้วรีบมุดกลับเข้าซอกหลืบดั่งเดิม



          อยากจะเดินไปเตะอัดกลางลำตัวมันนัก



          นี่ผมก็ช่วยมันเยอะแล้วครับ ถ้าจู่ๆผมที่เป็นประธานนักเรียนและรองประธานสีดันปล่อยผ่านคนทำผิดโดยไม่มีแม้แต่บทเรียน ต่อไปใครจะเชื่อถือ แล้วยิ่งอารมณ์ทุกคนพุ่งขึ้นสูง ใครจะอยากมานั่งฟังเหตุผล มีแต่คนอยากเห็นคนทำผิดถูกลงโทษทั้งนั้น คำครหาของคนหมู่มากเป็นตัวบ่อนทำลายรากฐานที่มั่นคง ความโกรธของผู้คนก็เหมือนปิรันย่าผู้หิวโหย ไม่ใช่เรื่องที่จะยื่นมือลงไปให้ถูกฝูงปลากระหายเลือดฉีกทึ้ง จะช่วยก็ต้องเป็นไปอย่างแนบเนียน ยื่นมือไปช่วยโต้งๆนอกจากจะมีคนแย้งขึ้นมาแล้ว ก็ไม่เป็นผลดีต่อสถานะของผม เหนื่อยมาตั้งหลายปีจะมาพังเพราะไอ้เพื่อนปากวอนหาเท้าก็ไม่ใช่เรื่อง แถมดีไม่ดี ช่วยไปก็คงไม่พ้นโดนหมั่นไส้ หนักๆเข้าก็โดนแกล้งย้อนหลัง สู้ผมลงโทษมันแต่อยู่ในกฎยังดีกว่า อีกอย่างถ้าเป็นคนอื่นผมคงจดชื่อลงบัญชีหนังหมา งดเข้าร่วมกิจกรรมรื่นเริงทุกอย่างไปแล้ว



          พอทุกคนอารมณ์ดีขึ้นจากภาพไอ้น้ำคอตก การหารือก็เป็นไปอย่างราบรื่น



          ใช้เวลาพูดคุยหาวิธีการกันใหม่สามชั่วโมงก็ได้บทสรุป เงยหน้ามองนาฬิกาตอนนี้ห้าทุ่มครึ่งพอดี รถตู้สิบคัน รถเก๋งอีกหลายสิบ จอดรอรับส่งนักกีฬาสีฟ้าอยู่หน้าบ้าน ทุกคนทยอยขึ้นรถจนหมด ผมสบตากับพ่อบ้านคนคุ้นเคย ชายในชุดสูทเรียบกริบแม้เป็นยามค่ำคืนโค้งตัวรอรับคำสั่ง



          "พรุ่งนี้เช้าช่วยเตรียมของฝากไปให้ผู้ปกครองพวกเขาด้วยนะครับ" พาลูกเขามาอยู่ดึกๆ ถึงจะให้โทรไปขออนุญาตแล้วก็ดูไม่ดีครับ มีอะไรติดไม้ติดมือไปฝากหน่อยดีกว่า เพราะแผนการใหม่ทุกคนต้องมาฝึกนอกเวลาที่บ้านผมกันอีกหลายวัน



          "จะจัดการให้เรียบร้อยครับคุณดิมิทรี"


          ได้รับคำตอบรับผมก็พยักหน้าพอใจ เตรียมหันหลังเข้าบ้านแต่ก็ดันเจอเพื่อนตัวเองทำหน้าบึ้งอยู่ด้านหลังขวางทางเสียก่อน



          "มึงแม่งใจร้าย ช่วยกูน้อยชิบหาย" ไอ้น้ำบ่นกระปอดกระแปดระหว่างรอรถบ้านตัวเองมารับ


          "ช่วยน้อยแต่ก็ช่วย และก็ดีกว่าไม่ช่วยไม่ใช่หรือยังไงครับ"


          ไอ้น้ำกรอกตาไปมาเมื่อเถียงไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยเนื้อเรื่องหลักที่ต้องการจะบอกเสียงเบา


          "เออ ขอบคุณ"


          "วันหลังจะทำอะไร พูดอะไรก็คิดหน้าคิดหลังหน่อยครับ ไม่ใช่ว่าผมจะช่วยได้ทุกครั้ง"


          วันนี้แม้ผมจะทำให้เรื่องมันดูง่าย แต่ที่จริงมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น อนาคตใครหลายคนผูกไว้กับงานกีฬาสีครั้งนี้ ไอ้น้ำไปก่อเรื่อง ก็เหมือนถือกรรไกรไปตัดเชือกที่คนอื่นพยายามผูก คงโดนหมายหัวไว้ไม่น้อย มีเรื่องครั้งก่อนยังดีที่ไอ้น้ำไม่ได้เจ็บตัวมาก แต่ไอ้คนตัวเล็กที่ตั้งแต่ขึ้นมัธยมก็โดนคุณหญิงแม่ยื่นคำขาด ว่าถ้าจะมีเรื่อง มีเรื่องได้คุณหญิงเธอไม่ว่า แต่อย่าให้ใหญ่จนควบคุมไม่อยู่และอย่าเจ็บตัวมากแค่นั้นพอครับ ถ้าเรื่องบานปลายจนมันเจ็บตัวหนัก มันจะถูกจับส่งเข้าโรงเรียนประจำทันที ซึ่งคนอย่างมันที่ชอบร่อนจีบสาวไปทั่ว แน่นอนว่าแทบจะขาดใจ


          และมันก็ดันไปขัดขานักกีฬาโรงเรียนหลายสิบคนที่ขึ้นชื่อในลัทธิกล้ามเนื้อและพละกำลังคือชีวิต ใช้กำลังแก้ปัญหา หาเรื่องไปแบบไม่มีสมอง ไม่เจ็บหนักนอนหยอดข้าวต้มสิแปลก

         

          น้ำเม้มปาก "กูรู้แล้วน่า"


          ผมมองมันตรงๆ


          "อย่าให้กูต้องเตือนบ่อยๆนะน้ำ เรื่องความปากพล่อยกับหาเรื่องไปทั่วของมึงน่ะ"


          ย้ำด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าพร้อมจะตัดหางมันปล่อยวัดถ้ายังหาเรื่องไปทั่วไม่เลิก นิสัยนี้ของมันคิดว่าจะเริ่มห่างหาย แต่ก็ยังมีมาให้ผมปวดหัวรำคาญอยู่เนืองๆ ฉายาไอ้น้ำหมากระเป๋ากัดคนไปทั่วนี่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆครับ ในพวกเราสี่คน เทมนับว่าเป็นคนที่มีเรื่องน้อยที่สุด รองลงมาก็ไอ้เต้ และตามมาด้วยผม ส่วนคนที่มีเรื่องเยอะที่สุด วิวาทต่อยตีเยอะแยะไปหมดผิดกับรูปลักษณ์และสวนทางพละกำลังก็คือมัน ไปหาเรื่องแล้วก็แพ้ ลำบากไอ้เต้กับผมทุกที



          ไอ้น้ำชกไหล่ผมเบาๆเชิงขอบคุณ ผมก็ชกไหล่มันคืนหนักๆเชิงตักเตือน


          "เออ กูพยายามอยู่... โอ้ย! เชี่ยหมู ชกเบาๆสิวะ...มึงแม่งไม่อ่อนโยนเลย"


          ผมยักไหล่ ไม่ต่อคำหรือแก้ตัวในเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้ว ไอ้น้ำส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ


          "ถ้าพรุ่งนี้แขนกูเขียวนะ กูจะไปแกล้งแย่งขนมไอ้เทมตอนพักกลางวัน"


          "อยากตายก็ลองดูสิครับ"


          "มึงแม่ง! โว้ยยยยย กูจะกลับบ้านแล้ว!"


          "รถยังไม่มา ถ้าจะเดินกลับก็เชิญเลยครับ"


          "เออว่ะ...ไอ้ชิบหายทำไมยังไม่มาอีกวะ @^%$#@^%&@"


          หมากระเป๋าแยกเขี้ยวท่าทางขัดใจ เมื่อมองทางไหนมันก็แพ้ผมทุกทางจนได้แต่ฮึดฮัด ผมเลิกคิ้วมอง เมื่อเห็นมันไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากบ่นไปเรื่อย จึงหมุนตัวหันหลังเดินหนีจาก ปล่อยเพื่อนจอมโวยวายของตัวเองให้ยืนบ่นอยู่หน้าบ้านต่อไปคนเดียว



***




          พ้นจากหน้าที่ ก็รีบสาวเท้าเดินตรงเข้ามาในห้องนั่งเล่นกว้างโดยใช้แสงไฟสีส้มที่เคลือบไปตามสรรพนำทาง บนโซฟาเบดตัวใหญ่ปรากฏร่างของชายที่ผมอยากอ่อนโยนด้วยนอนเหยียดกายหลับสบายอยู่ ย่างเท้าเข้าไปใกล้ก่อนจะคุกเข่าลงโน้มตัวมองใบหน้าหลับสนิทแล้วยกยิ้มมุมปาก มือซ้ายยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดู ตรวจกราฟคลื่นสมองและหัวใจของเด็กน้อยว่าไม่ได้ตื่นมากลางคันตอนผมไม่อยู่



          ข้อมูลบนหน้าจอเล็กทำผมสบายใจ กราฟคงที่ องค์ชายหลับสนิทไร้สิ่งใดมากล้ำกรายก่อกวน



          ตั้งใจมารับเขาขึ้นไปนอนด้วยกัน แต่ภาพตรงหน้าแสนชวนเคลิ้มฝันก็ทำเอาเผลอนั่งเท้าคางมองไร้เรี่ยวแรงปลุกทำลาย กอบกุมมือเขามาจุมพิต ระหว่างเสพย์ศิลปะที่รักยิ่งอย่างหลงใหล แพขนตายาวสวยแนบลงไปกับแก้มขาวอมชมพู แสงโทนอบอุ่นอาบผิวกายเนียนละเอียด แสงสว่างขับผิวให้เรืองรองในความมืด ราวกระเบื้องเคลือบชั้นดีที่มีลมหายใจ ราวศิลปะล้ำค่าในตู้โชว์ ภาพงดงามกลางดึกอันเงียบสงัดทำเอาหัวใจผมเต้นรุนแรง แม้แต่ยามไร้ลูกแก้วสีน้ำตาลคอยจดจ้อง เขาก็ยังมีมนตร์สะกดให้ลุ่มหลงไม่เสื่อมคลาย



          เวลาที่ได้มองเขาอย่างเนิ่นนานและเงียบสงบ ความรู้สึกมากมายเกินจะกักเก็บก็ล้นทะลักหลั่งไหล ความมืดปอกลอกจิตใจให้เปลือยเปล่า  ส่งผลให้ความรู้สึกสีสันสะดุดตายิ่งโดดเด่นแจ่มชัด ตอกย้ำความรู้สึกเสียจนอึดอัดไปหมด



          ...ผมรักเขา รักเขาจนแทบจะคลั่งใจตายอยู่แล้ว...


          แค่เทมคนเดียว แค่เทมเท่านั้นที่ผมอยากจะอ่อนโยนด้วย อยากจะใจดี อยากจะแข็งแกร่งเพื่อปกป้องและทนุถนอมไว้ให้ปลอดภัย อยากจะเป็นคนที่ดียิ่งๆขึ้นไปเพื่อเขา




          แต่ในบางครั้งบางคราวเงาในมุมมืดก็กรีดร้องขวนขวาย คอยแต่กู่ร้องอยากออกมา...ผมอยากเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ยึดเขาไว้ไม่แบ่งปันกับใครทั้งสิ้น อยากเป็นคนใจร้ายที่จับเขาขังไว้ในหอคอยและคอยชื่นชมแต่เพียงผู้เดียว


          ความรักช่างน่ากลัว


          ทำให้เราเป็นทั้งคนที่ดีที่สุดและร้ายกาจที่สุดไปพร้อมๆกัน


          ขออย่าให้มีใครมาแย่งเขาไปจากผม ไม่อย่างนั้นผมก็คิดภาพไม่ออกเลย ว่าตัวเองจะกลายเป็นปีศาจสารเลวได้ถึงขั้นไหน





          ผมหลับตา สะกดกลั้น กดจูบที่มือเขาแรงขึ้น เคลื่อนริมฝีปากอ้ากว้างรับนิ้วนางเรียวยาวเข้ามาไว้ ใช้ลิ้นไล้เลีย ก่อนใช้ฟันคมกัดเบาๆ สวมแหวนตีตราจองอันไร้ร่องรอยท่ามกลางสีนิลที่รายล้อม เทมปุระที่โดนกวนครางฮือ ท่ามกลางครึ่งหลับครึ่งตื่น ยังไม่ทันลืมตาดีก็เรียกร้องหาผมก่อนสิ่งอื่นใด




          "อือ....มุ มุครับ"


          "หมูอยู่นี่ครับ"



           อดไม่ได้ต้องขยับไปหอมแก้มนุ่ม เทมพลิกตัวมาทางผู้ร้ายจอมก่อกวน เปลือกตาสวยเผยลูกแก้วสีน้ำตาลหวาน เจ้าตัวกะพริบตาปริบๆไล่ความมึนเบลอ พอเห็นผมเต็มตาก็ยิ้มกว้างจนตาหยีโค้งสวย เทมตะกายแขนเข้ามาหา จนผมต้องรีบเป็นฝ่ายขึ้นไปนั่งบนโซฟาเบดด้วยกันแทน เพราะกลัวเด็กน้อยจะดิ้นดุกดิกจนตกเตียง



          "หมูหย็อง หมูหย็องมารับ มารับเทมแล้วเหรอครับ"


          พี่เทมมุดตัวออกจากผ้าห่มเสือกตัวเข้ามาใกล้ ท่าทางที่โหยหาเหมือนเจ้าลูกหมาน้อยที่ดีอกดีใจจนพยายามโยนตัวเองใส่เจ้าของ ผมช้อนหัวเขาขึ้นมานอนบนตัก พอได้ท่าแสนแนบชิด เจ้าตัวเล็กก็รีบวาดมือโอบรัดเอวแล้วถูไถหน้าไปกับท้องผมยกใหญ่


          "ครับ มารับแล้วครับ"


          ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มคนขี้อ้อนด้วยความนุ่มนวล เด็กน้อยกำนิ้วผมไว้แนบแก้มนิ่ม


          "พี่เทม พี่เทมหลับฟี้ๆๆรอน้องหมูหย็องครับ เป็นพี่เทมนิ่งๆเด็กดีรอหมูหย็อง รอน้องหมูหย็องมารับครับ ถึงจะคิดถึงๆๆๆแต่ก็ทนๆๆรอครับ"


          ผมปล่อยนิ้วให้เขาจับไว้แต่โดยดี แล้วใช้มืออีกข้างลูบหัวคนหนุนตัก


          "เก่งมากเลยครับคนดี"


          พอโดนชมแก้มกลมก็ขึ้นสีน่ามอง เจ้าตัวระบายยิ้มกว้าง ซุกตัวเข้ามาจนแทบจะหลอมละลายเป็นอีกส่วนของร่างกายผม น้ำเสียงที่เอ่ยเชื่องช้ายานคางกว่าปกติ เพราะเจ้าของง่วงงุน แต่ก็ไม่ยอมแพ้ พยายามพูดคุยสอบถามผมต่อ


          "แล้ว แล้วๆๆๆ น้องหมูหย็องครับน้องหมูหย็อง น้องหมูหย็องประชุมเสร็จแล้วเหรอครับ เหนื่อยไหมครับ สนุก สนุกไหมครับ"


          "เสร็จแล้วครับ น้องไม่เหนื่อยครับ ส่วนสนุก...ไม่ค่อยสนุกครับ"


          เด็กน้อยตาโต ผุดลุกขึ้นนั่งสบตามองด้วยความเป็นห่วง "ทำไม ทำไมเหรอครับ ทำไมไม่สนุกๆๆเหรอครับ"


          "ไม่มีพี่เทมอยู่ด้วย น้องหมูไม่สนุกหรอกครับ" เอ่ยบอกพร้อมสบตาคนตัวโตกว่า คนพี่กลั้นยิ้มจนหน้าตาตลก พออมยิ้มมากเข้าแก้มยุ้ยก็คล้ายจะพองลมจนจะแตกออก เจ้าก้อนความสุขพอทนสบตาผมไม่ไหวก็ลอยละลิ่วเสมากอดผมโยกตัวไปมา


          "โอ๋ โอ๋ โอ๋นะครับ พี่เทม พี่เทมโอ๋ๆๆนะครับ พี่เทมขอโทษนะครับ ที่ไม่ได้ไปกับน้องหมูหย็องด้วย แต่ความลับต้องชู่ๆๆๆ เดี๋ยวพี่เทมรู้ พี่เทมรู้จากหมูหย็องแล้ว แล้วน้องหมูหย็องก็จะโดนดุๆๆ เพราะทำความลับไหลจ๊อกๆๆนะครับ"


          "หึหึ ครับ พี่เทมคนเก่งเก็บความลับเก่งมากเลยครับ"

          "ขอบคุณครับ หมูหย็องก็เก่งมากๆๆๆๆ เก่งมากๆๆเลยครับ ประชุมดึกๆสุดยอดๆๆครับ"



          เทมปุระถามผมอีกหลายอย่าง หลากคำถามด้วยใบหน้าที่ง่วงงุน เปลือกตาหนึ่งข้างเขาปิดสนิท ลืมตาเพียงข้างเดียวระหว่างสนทนา พอผมทักพี่เทมคนดีก็รีบใช้สองนิ้วจับถ่างเอาไว้ แต่พอผมลูบเนื้อลูบตัวเขาเข้าหน่อย เจ้าตัวน้อยก็กลายเป็นสภาวะของเหลวพร้อมจะไหลหลับในอ้อมแขนผมเรื่อยไป แต่เด็กน้อยก็พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะฟังเรื่องราวของผม แต่ก็เผลออ่อนแรงปล่อยมือจนตาปิดทุกที หนักเข้าก็ยืมมือผมไปถ่างเอาไว้ช่วยอีกแรง ท่าทางน่าขันจนอดหัวเราะเสียงดังไม่ได้



          "พี่เทมตาหนักๆๆจังเลยครับน้องหมูหย็องครับ ยกๆๆไม่ขึ้นแล้วครับ" พี่เทมที่ตอนนี้กลายเป็นงูเลื้อยไปตามตัวผมบอกเสียงอ่อนอ่อย


          ผมลูบศีรษะคนหาวครั้งที่สิบ


          "ขึ้นไปนอนบนห้องกันนะครับ"


          ถ้าไม่ติดว่าแขนซ้ายเพิ่งบาดเจ็บเมื่อไม่นานมานี้ ผมจะไม่ลังเลเลยที่จะอุ้มเขาขึ้นห้องตั้งแต่เจ้าตัวยังหลับอยู่แต่แขนที่ไม่มั่นคงแบบนี้ จะให้อุ้มก็กลัวทำเด็กน้อยเจ็บตัว จนต้องปลุกกันให้เขาตื่นกลางคัน


          "ห้องไกล ไกลจังเลยครับ พี่เทมง่วงเยอะแยะเลยครับ น้องหมูหย็องง่วงไหมครับ"

          "ง่วงนิดหน่อยครับ"

          "ง่วงนิดๆๆหน่อยๆๆเองเหรอครับ งั้น งั้นพี่เทมแบ่งความง่วงเยอะแยะของพี่เทมให้นะครับ น้องหมูหย็องจะได้ง่วงเยอะแยะ เยอะแยะด้วยกัน"



          เทมปุระรอจังหวะหาวอีกครั้ง ก่อนจะรีบผละมือที่คล้องคอกอดผมเป็นหลักยึดออก ใช้มือตะครุบอากาศ ทำท่าปั้นๆลมหายใจง่วงงุนของตัวเองเป็นก้อนกลมๆแล้วเอามาแปะตรงหัวใจของผม ฝ่ามือร้อนลูบคลึงไปมา เหมือนอยากให้ความง่วงซึมลึกเข้าไปในผิวกาย ไม่ได้รู้เลยว่าไปจุดชนวนอันตรายของผมเข้าเต็มเปา



          "ง่วงๆๆง่วงๆๆนะครับ"



          อา...ท่าทางน่ารักพร้อมเสียงที่แหบเล็กน้อย นอกจากไม่ง่วงแล้วยังทำให้ตื่นเสียอีก



          ...ตื่นในหลายๆความหมายเลยล่ะครับ...



           ผมรวบมือเขาเอาไว้ก่อนอะไรๆจะเลยเถิด จูบมือสวยแล้วยกยิ้มหวานส่งให้คนตาปรอย



          "ขอบคุณครับ...น้องหมูง่วงแล้วล่ะครับพี่เทม ขึ้นห้องนอนกันนะครับ"



          พี่เทมพอได้ยินว่าทำสำเร็จก็ยิ้มหวานจ๋อยส่งกลับคืน พยักหน้าหงึกหงัก ลุกขึ้นยืน ส่งมือมาให้ผมจับจูง ทีแรกผมก็คิดไว้ว่าจะพาเด็กน้อยเข้านอนแล้วลุกไปทำงานต่อ แต่ประโยคในลิฟต์จากคนข้างกายก็ทำเอาเปลี่ยนใจ


          พี่เทมจิ้มแขนผมเบาๆ เอ่ยถามเสียงอ่อย


          "น้องหมูหย็องครับน้องหมูหย็อง วันนี้ วันนี้พี่เทมจะได้เจอน้องหมูหย็องในฝันไหมครับ"


          "หืม...ทำไมถามแบบนั้นล่ะครับ"


          ดวงตาสีน้ำตาลมีคำว่าเป็นห่วงมากมายอยู่ในนั้น


          "ก็ๆๆๆ ก็ช่วงนี้น้องหมูหย็องชอบลุกๆๆจากเตียงนี่ครับ พี่เทมเลยหาน้องหมูหย็องในฝันไม่เจอเลยครับ พี่เทม...พี่เทมห่วงๆๆๆเยอะแยะเลยนะครับ นอนน้อยๆๆจะไม่โตไวๆๆนะครับ ...พี่เทม พี่เทมอยากให้น้องหมูหย็องนอนเยอะๆๆแยะๆๆด้วยกันจังเลยครับ"



          ท้ายประโยคพี่เทมพูดเสียงเบา



          ผมตกใจนิดหน่อยที่เขารู้สึกตัวว่าผมลุกขึ้นมาทำงานต่อหลังจากส่งเขาเข้านอนเสร็จแล้ว คงเพราะไออุ่นข้างตัวหายไป ถึงได้กระวนกระวายแม้จะยังหลับสนิท คิ้วที่ขมวดกันยุ่งคงไม่พ้นเป็นห่วงผมเยอะแยะไปหมด...นี่ร่างสูงก็คงอดทนไม่เรียกร้องจนถึงที่สุด แต่พอห่วงจนทนไม่ไหวเลยต้องมางอแงแล้วสินะ


          ลูบแขนคนช่างเป็นห่วง ยืดตัวไปหอมแก้มทั้งสองข้าง ถามหาวิธีผ่อนโทษเอาใจ


          "น้องหมูขอโทษนะครับที่ทำให้เป็นห่วง อา...แล้วจะให้น้องหมูทำยังไงดีครับ พี่เทมถึงจะฝันถึง"


          เทมปุระมีท่าทางลังเล แต่พอผมลูบหลังมือ ยิ้มรอคอยอย่างใจเย็น เขาก็หลับตาปี๋บอก


          "น้องหมูหย็อง น้องหมูหย็องต้องไม่ลุกๆๆจากเตียง แล้วก็ แล้วก็ต้องกอดพี่เทมแน่นๆๆนะครับ แล้วพี่เทมจะได้ฝันถึงนะครับ"



          ถ้อยคำเอาแต่ใจที่ผสมอัดแน่นเต็มไปด้วยความเป็นห่วง มาพร้อมนัยน์ตาจริงจัง ความทรงพลังสองอย่างเล่นเอาผมอ่อนแรงกะทันหัน ขาที่เปลี้ยแทบพันกันจนเกือบหกล้มกลิ้งหน้าห้องนอนตัวเอง พี่เทมหมุนตัวมากอดผมไว้ โน้มตัวลงจนหน้าผากของเราสัมผัสกัน ระยะห่างของดวงตาสองสีอยู่ห่างเพียงแค่คืบ ผมสะดุดลมหายใจตัวเอง และแทบลืมวิธีหายใจเมื่อคนขี้ห่วงใช้นิ้วก้อยเกี่ยวนิ้วก้อยผมเอาไว้ ตีหน้าจริงจังบอกย้ำ




          "คืนนี้พี่เทมต้องเจอน้องหมูหย็องในความฝันนะครับ ห้าม ห้ามหนีไปไหนนะครับ"




          อา...



          เจอโหมดพี่เทมคนดุแบบนี้




          นอกจากทำตามแบบไร้เงื่อนไข

         


          แล้ว...ผมจะหนีเขาไปไหนได้ครับ...















 

 :hao7: :hao7: :hao7:

end 42 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



                                                                                                                                           
ไม่เจอกันหลายวันเลยค่ะ คิดถึงทุกคนจังเลย
กลับมาแล้วนะคะ
ตอนนี้ถือว่าอุ่นเครื่องก่อนเข้าเนื้อเรื่องหลักเนอะ ♥

เทมในช่วงตอนเป็นพี่เทมก็จะขี้ห่วงหน่อยค่ะ
เพราะเจ้าตัวถือว่าตัวเองเป็นพี่ เป็นวัยรุ่นแล้วต้องดูแลน้องๆที่เด็กกว่าสิบกว่าวัน 555

ปล.
คนได้รางวัลอย่าลืมมาแจ้งชื่อที่อยู่จัดส่งนะคะ

อยากส่งรางวัลให้จะแย่แล้วววว >v<
มาแจ้งก่อนวันที่ 10 น้าาาา ~

โซเฟียริน
zofiarin lll moore






หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 42 * 3/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 04-12-2018 05:07:28
+1 ก่อนเลยที่กลับมาแล้ว. คิดถึงเด็กๆและคนแต่งมาก

เมื่อไหร่มันจะมีฉากเรียกเลือดป้านะ ช่วงนี้ป้าไม่ค่อยได้กระตุ้นเลือดเลย. อิอิ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 42 * 3/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Lautenyu ที่ 04-12-2018 06:21:55
แก้คำผิดด้วยจ้า #ฉายา ไม่ใช่ #ชายา นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 42 * 3/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 05-12-2018 13:43:27
รอครับ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 42 * 3/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 05-12-2018 17:12:50
+เป็ด1ตัว รอน้า
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 42 * 3/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 07-12-2018 17:57:19








43










          สถานการณ์ตอนนี้วุ่นวายยุ่งเหยิงเหมือนสายหูฟังที่พันกันในกระเป๋า พรุ่งนี้จะถึงสัปดาห์แข่งกีฬาสีแล้วครับ วันก่อนเริ่มงานทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ประจำปี เป็นวันปล่อยว่างเพื่อให้นักเรียนตกแต่งขนตัวเองเหมือนนกยูงเตรียมรำแพนหาง เตรียมความพร้อมซ้อมจริงสำหรับการแข่งขัน นอกจากนักเรียนที่ตกแต่งตัว การตกแต่งโรงเรียนก็เต็มไปด้วยความสดใส ทุกส่วนสัดเต็มไปด้วยป้ายสีป้ายโฆษณาข่มขวัญสีอื่น ดูคึกคักน่าสนุก สวนทางความเป็นจริงอันเคร่งเครียดของเหล่านักเรียนที่ลอยตัวถึงขีดสุด


          ตอนนี้ไม่ว่าใครต่างก็วิ่งรอกกันให้วุ่น เสียงโหวกเหวกโวยวายดังครอบคลุมไปทั่วทั้งอาณาเขตโรงเรียนสิงหสารสารทวิทยา เหล่านักเรียนเดินเข้าออกโรงยิมกันจนเหมือนมดงานเดินหาอาหาร ผมที่กำลังถือวิทยุสื่อสารก็สับขาหัวหมุนไม่แพ้ใคร เหล่ากรรมการนักเรียนนอกจากทำหน้าที่สีตัวเองแล้วก็ต้องกลับมารับหน้าที่ตรวจตรางานโดยรอบเป็นครั้งสุดท้าย และหน้าที่สำคัญอีกอย่างคือเป็นไกด์แนะนำโรงเรียน คอยแนะนำ อธิบายกิจกรรมกับเหล่าแขกที่จะมารับชม โดยทีมของผมจะสลับกับคณะกรรมการของฝั่งมัธยมปลายครับ ส่วนฝั่งประถมน้องๆยังเด็กเกินไปจึงไม่มีบทบาทมากนัก


          หลังจากวิ่งตรวจงานบนตึกเสร็จ ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ที่โรงอาหารกลางวงล้อมของสภานักเรียนสามคนและกรรมการสีอีกสี่คน โดยมีไอแพดที่เปิดหน้าจอคุยกับคนอื่นๆ เคียงข้างกันก็มีวิทยุสื่อสารที่ดังขึ้นแทบจะตลอดเวลา


          "เฮ้ย หมู ไปดูหน้าเวทีมาหรือยัง พี่ว่าตอนเปิดงานจังหวะแสงไฟมันยังช้าไปสองช่วงนะ ไปจัดการให้หน่อยได้หรือเปล่า"


          พี่เนศที่ครองตำแหน่งประธานนักเรียนอีกคนเดินหน้าเหมือนซอมบี้แหวกวงล้อมเข้ามาหา เจ้าตัวตบไหล่ทักทาย แต่ผมว่าดูคล้ายหาที่ยึดมากกว่าครับ หน้าตาอ่อนล้าจนดูเหมือนกับว่าถ้าแค่จิ้มพี่เขาเบาๆก็พร้อมล้มลงพื้นแล้วหลับยาวไปอีกสามวัน เพื่อนพี่เขาที่เดินตามหลังก็ดูท่าทางไม่ต่างกันเท่าไหร่



          ดูคล้ายแก๊งผีดิบเดินหาหลุมตัวเองไม่เจอชอบกล



          หญิงที่กำลังเปิดรูปเสื้อของกองเชียร์ให้ผมดูถึงกับมุ่ยหน้า เมื่อมีคนแซงคิวแย่งตัวพูดคุย

          "พี่เนศอย่ามาแย่งตัวหมูตอนนี้นะคะ พวกเราต้องให้หมูช่วยไปคุยเรื่องขออนุมัติเพิ่มเงินก่อน สต็อกเสื้อผ้าไม่พอ ถ้าของมาไม่ครบพรุ่งนี้จะเอาอะไรให้ทุกคนใส่กันเล่า"


          พี่เนศโอดครวญเสียงดัง "เสื้อผ้าของสีไว้ก่อนไม่ได้เหรอคะน้องหญิง ของพี่นี่โดนอาจารย์จี้มาสองรอบแล้ว โดนอีกรอบนี่พี่โดนลั่นไกใส่หัวแน่ๆเลยค่ะ...ว่าแต่น้องเปียไม่อยู่ด้วยกันเหรอคะ"


          ท้ายประโยคพี่เนศทำหน้าประจบถามเสียงหวานกับเพื่อนสนิทของหญิงสาวที่ตัวเองแอบชอบ อืม...จริงๆก็ไม่เรียกว่าแอบครับ ตามจีบโต้งๆมาหลายปีแต่เลขาผมก็ไม่แลพี่เขาสักทีมากกว่า หญิงหรี่ตามองก่อนบอกเสียงเด็ดขาดเหมือนตอนดุน้องชายตัวเอง สองคนนี้เป็นญาติห่างๆกันครับ เลยสนิทกันมาก


          "ไม่ได้ค่ะ ต่อคิวเลยนะคะ! หญิงไม่ยอมให้ทุกคนแก้ผ้าขึ้นสแตนด์หรอกนะ ส่วนเปียตอนนี้คงหัวหมุนอยู่กับพวกไม้แล้วก็ธันวาในห้องกรรมการค่ะ"


          จริงๆในจอไอแพดเมื่อตะกี้เปียก็อยู่ครับ แต่สงสัยว่าพอได้ยินเสียงพี่เนศเข้าก็เลยหลบออกไป บนหน้าจอเลยเหลือแค่ธันวายิ้มอยู่คนเดียว


          พี่เนศทำหน้าเสียดายปนลำบากใจ แต่ก็ฮึดสู้ด้วยการโปรยยิ้มของเทพบุตรล่อหลอก เก๊กท่าเอ่ยเสียงขรึม "ขอแค่สิบนาทีนะครับทุกคน เดี๋ยวพี่ต้องไปดูฝั่งประถมต่ออีก ไม่ว่างไปจัดการเองจริงๆ ทีมพี่ก็โดนอาจารย์เรียกไปช่วยเกือบหมด" ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติ ใบหน้าหล่อๆและรอยยิ้มหวานๆก็คงได้ผลอยู่หรอกครับ แต่ตอนนี้ที่ใบหน้าหล่อเหลาไม่ต่างจากมัมมี่ตอนถอดผ้าพันออกเหลือแต่หน้าซูบๆและตาดำปี๋ ไม่ช่วยให้คนโดยรอบใจอ่อน


          หนึ่งในทีมของผมกรอกตาบอกเสียงเหนื่อยไม่แพ้กัน "โห พี่เนศ พวกผมก็โดนไม่ต่างกันหรอก ชมรมทำอาหารแม่งดันลืมคิดเมนูของคนแพ้แป้ง ทางโรงครัวเขาก็มาต้อนเอากับพวกผมยิกๆ ไหนจะแขกวีไอพีที่โคตรดื้อ ดึงดันจะเอาหมามาดูด้วยให้ได้อีก"


          พี่เท่เพื่อนพี่เนศตาโต รีบถามต่อ "ใช่เมียคุณทวิตเจ้าของค่ายมวยไหมวะ พี่เห็นในแชทกลุ่มอยู่ ไม่ใช่ว่าสองรอบก่อนแกบอกเข้าใจแล้วเหรอว่าห้ามเอาสัตว์เลี้ยงเข้ามาด้วยน่ะ"


          "ใช่พี่ แต่แกเข้าใจไปรอบหนึ่งว่าห้ามเอาแมวเอาหนูเข้ามา แกเลยเอาหมามาแทน นี่ถ้ารอบนี้ผมบอกว่าห้ามเอาหมามาแกจะเอาพญานาคมาเลยหรือเปล่าวะ โว้ยยย ปวดหัวกับเจ้แกหลายๆ"


          พี่เนศพอเห็นรุ่นน้องทึ้งหัวตัวเองก็หัวเราะร่วน ขำจนพอใจแล้วเอ่ยแนะนำแนวทางแก้ปัญหา


          "ให้อาจารย์ไปช่วยพูดไหม อันไหนเกินมือเราจริงๆก็ไปขอยืมมืออาจารย์เถอะ อันที่จริงพี่ก็อยากบุกไปช่วยพูดนะ แต่นี่พวกพี่ก็งานล้นมือโคตรๆ แค่เดินผ่านสนามตะกี้เห็นฝ่ายแปรอักษรตอนต้อนรับดันได้ไฟล์พิมพ์ผิด ไปเอาไฟล์ยังไม่แก้ขึ้นบอร์ด จากยินดีต้อนรับเป็นยินดีตายครับเฉยเลย พี่กินน้ำอยู่น้ำแทบพุ่งออกจากจมูก"


          "อันนั้นก็เกินไป...พี่รีบไปช่วยแก้เลยนะเฮ้ย ไม่งั้นแมวมองหนีไปจีบเด็กโรงเรียนอื่นกันพอดี ส่วนเรื่องให้อาจารย์ช่วยมันก็..." แจ้หันไปมองเพื่อนอีกคน


          "เฮ้อ ส่งไอ้นิวไปขอแล้วครับพี่ แต่จารย์บอก 'แค่นี้พวกเธอยังรับมือได้ ไม่เกินความสามารถจ้ะ ลองหาทางอื่นกันดูก่อนนะ' รับมือได้กับผีอะไร๊ อาจ๊านนนนนค้าบบบบ!"


          แล้วคนบอกก็ทึ้งหัวตามอีกคนไป...


          พวกผมคณะกรรมการนักเรียน ที่ชักจะไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นกรรมการหรือกรรมกรกันแน่ มองหน้าสบตากัน ก่อนปล่อยเสียงถอนหายใจดังขึ้นอย่างพร้อมเพียง และก่อนที่โรงอาหารจะกลายเป็นศาลาปรับทุกข์คนเหนื่อยยาก ผมก็พูดขัดขึ้น



          "ถ้ารอหลังบ่ายสามได้ ผมพอจะเจียดเวลาไปดูได้ครับ"


          "บ่ายสามต้องไปซ้อมกับพี่อเล็กเซย์ไม่ใช่เหรอหมู"


          "เปลี่ยนไปเป็นช่วงหลังเที่ยงแทนแล้วครับ ช่วงบ่ายประธานสีทุกคนต้องไปประชุมเข้าพบอาจารย์"


          "บ่ายสามเลยเหรอ...ได้ งั้นพี่ฝากเรื่องเวทีไว้หน่อยแล้วกันนะ ช่วงซ้อมจริงรอบสุดท้ายสิบเอ็ดโมงพี่คงไม่ได้เข้าไปดูด้วย ต้องไปดูซ้อมการแสดงอันอื่นก่อน แล้วก็เห็นอริญบอกงบประมาณมันแปลกๆอันนั้นก็ฝากด้วย"


          "ได้ครับ"


          "แต๊งเว้ย"


          พอฝากงานเสร็จพวกพี่สามคนก็เดินออกไปอย่างว่องไว พวกผมที่เหลือก็หันมาทำงานกันต่ออย่างรีบเร่งเพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อยและเป็นไปตามกำหนดการเช่นเดียวกัน






***






           เมื่อกริ่งดังบอกถึงเวลาพักเที่ยง ผมที่รีบหนีออกมาจากเหล่าซากศพมีชีวิตก็เดินลงมาหาเด็กน้อยของตัวเอง เดินตาม GPS มาเรื่อยจนถึงสวนด้านหลัง เจออาจารย์ที่ยืนเฝ้าก็ยกมือไหว้สวัสดี ทุกอย่างก็เป็นปกติเหมือนที่ผ่านมาที่ผมพาเทมมาฝากไว้กับชั้นอนุบาล เพราะอาจารย์พิเศษของเทมนอกจากเวลาหลังเลิกเรียนก็จะประจำชั้นอยู่ในส่วนของเด็กอนุบาลครับ แต่ภาพที่เห็นก็ทำเอาคิ้วสีทองเหมือนสีผมขมวดฉับ



          ภาพตรงหน้าเป็นอะไรที่แปลกประหลาดมากๆ...



          ตรงสนามหญ้าสีเขียวขจีใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ มีผ้าปูรองสีชมพูลายหวานแหววปูอยู่ บนนั้นมีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักสองคนกำลังถือตุ๊กตาเล่นสวมบทบาทท่าทางสดใส ใช่ครับ ถ้าแค่นั้นก็ไม่แปลกอะไร และเทมที่เล่นตุ๊กตากับเด็กอนุบาลน่ะก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะเพื่อนซี้ต่างเพศต่างวัยของเขาก็ชวนเล่นด้วยกันเป็นประจำ เป็นภาพที่กลมกลืนชวนอบอุ่นหัวใจเหมือนพี่ชายเล่นกับน้องสาว แต่แขกแปลกหน้าอีกคนต่างหากที่ทำเอาผมต้องชะลอฝีเท้า



          เทมที่ถือตุ๊กตาโดเรม่อนกับ...คาร์โลที่ถือตุ๊กตาบาร์บี้



          ภาพชายที่ตัวสูงกว่าเทมแถมถึกกว่ามาก หน้าตาที่เต็มไปด้วยรอยบากแผลกำลังพยายามพาตัวเองขยับนั่งบนเสื่อสีหวานผื่นเล็ก ดัดเสียงสองเล่นเป็นเจ้าหญิงด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ เป็นอะไรที่ทำเอาคนมองกระอักกระอ่วนและขนลุกได้ชะงัด...


          ที่ผมยังไม่ได้ก้าวเท้าเข้าไปก็เพราะมีรินอยู่ รินเป็นเด็กอนุบาลที่นิสัยโตกว่าวัยมากครับ เธอเป็นเด็กที่ค่อนข้างดุมากเลยทีเดียว ถ้ายังจำกันได้วันงานวันเกิดเทม น้องชายของผมก็โดนเด็กคนนี้ดุเรื่องไปแซงคิวเข้าแถว เพราะงั้นถ้าเธออยู่ด้วย ผมคิดว่าคาร์โลไม่น่าจะพูดอะไรหรือทำอะไรไม่ดีได้ ไม่งั้นรินได้แจ้นไปฟ้องอาจารย์แล้วครับ ถ้าเทียบนิสัยกันแล้ว รินดูจะเป็นพี่สาวของเทมได้ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันถึงร้อยเซนได้เลยทีเดียว...


          และที่ผมยอมปล่อยให้นางฟ้าของผมเล่นด้วยโดยไม่ห่วงเขามาก ก็เพราะเด็กทั้งสองคนพูดจาดีแล้วก็เล่นกันแบบปลอดภัยมากครับ เจอหน้ากันก็คุยแต่เรื่องตุ๊กตาที่จะออกคอลเลกชั่นใหม่ แชร์ขนม อวดของเล่นกัน เทมก็ชอบเพราะได้เพื่อนคุยเรื่องเก็บสะสมตุ๊กตา



          "เทม เทมต้องเป็นเจ้าหญิงแบบโลสิ ก็ในเมื่อมี่มี่จะเล่นเป็นราชินีส่วนเราก็จะเป็นพระราชา เทมก็เป็นลูกๆของรินกับมี่มี่ไงคะ"

          "แต่ แต่ว่าพี่ม่อนเป็นผู้ชายนะครับ ต้องเป็นเจ้าชายไม่ใช่เหรอครับริน"

          "ก็จับตุ๊กตาใส่กระโปรงไปดิวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มึงก็เป็นตุ๊ดไม่ใช่หรือไง"

          "ตุ๊ดๆๆๆคืออะไรเหรอครับโล"

          "อย่ามาเรียกโลตีซี้กับกูได้มะ เรียกกูคาร์โลสิเว้ย ส่วนตุ๊ดก็คือผู้ชายที่อยากเป็นผู้หญิงไง กะเทยน่ะกะเทย ไม่รู้จักได้ยังไงกันวะ"

          "โลอย่าพูดคำหยาบเยอะได้ไหมคะ?"

          "ใช่ๆ พี่โลอย่าพูดไม่เพราะกับพี่เทมนะคะ มี่มี่ไม่ชอบเลย! คุณพ่อกับคุณแม่บอกคนพูดไม่เพราะคือคนหยาบคาย เป็นคนไม่ดี ไม่มีมารยาทค่ะ"

          "เออๆ โทษๆ"

          "แต่ แต่พี่ม่อนไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงนะครับ แล้วจะเป็นตุ๊ดๆๆ เทยๆๆ ได้ยังไงครับ เทมงงๆจังเลย"

          "กูหมายถึงมึงต่างหาก"

          "เทม เทมก็ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงนะครับ"

          "ใช่ พี่เทมเป็นผู้ชายต่างหาก พี่โลสายตาสั้นเหรอคะ อ๊ะ พี่โล! มี่มี่บอกแล้วไงคะว่าก็อตซิลลาต้องผูกโบว์แล้วก็ใส่กระโปรงลูกไม้ไม่ใช่กางเกง!"

          "โว้ยยยย อะไรนักหนา เออๆ กระโปรงตัวไหนหยิบมาดิ"



          ท่าทางที่ยอมลงให้เด็กหญิงตัวเล็กทำเอาผมแปลกใจอีกครั้ง กับคนที่มีข่าวลือติดตัวว่าทั้งดุและโหดโฉดจนไม่มีเพื่อนคบสักคน ดูเป็นอะไรที่สวนทางมากกับการยอมหยิบกระโปรงลูกไม้สวมให้ตุ๊กตาหญิงสาว และเมื่อเด็กน้อยของผมถามอะไรแม้จะทำหน้าเบื่อหน่ายแต่ก็ยอมตอบและอธิบายเป็นอย่างดี


          พี่ชายของมี่มี่กับรินงั้นหรือ?


          พี่ชาย...แต่จำได้ว่าตอนหาข้อมูลของเด็กทั้งสองคน มี่มี่เป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวธัศนากิจ ส่วนรินก็มีพี่น้อง แต่เป็นพี่น้องที่เป็นผู้หญิงทั้งหมดนี่น่า...ลูกสาวท่านทูตและลูกสาวของท่านรองนายกไม่มีพี่ชายแน่นอน


          และผมก็สัมผัสไม่ได้ถึงสัญญาณอันตราย ยืนนิ่งฟังก็มีแต่บทละครเล่นเป็นพ่อแม่ลูกของคนสี่คน


          ผมหรี่ตามองพลางครุ่นคิด


          หมอนี่มาทำอะไรกันแน่


          สืบเท้าเข้าไปในวงสนทนาของเหล่าราชินีและเจ้าหญิงเจ้าชาย ปรับสีหน้าเย็นเฉียบของตัวเองให้เป็นรอยยิ้ม เมื่อนางฟ้าตัวน้อยสังเกตเห็นผมแล้วยิ้มกว้างลุกขึ้นวิ่งมาหา


          "พี่เทมครับ"

          "ม-หมูหย็อง! นะ นะ น้อง น้อง น้องหมูหย็องครับ มาหาพี่เทมเหรอครับ!"

          "ใช่ครับ แล้วก็มารับไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน หิวหรือยังครับ"

          "หิวๆๆๆ เทมหิวแล้วครับ"

          "สวัสดีค่ะพี่หมู" มี่มี่ลุกขึ้นตามเทมก่อนจะยกมือไหว้ผมด้วยท่าทางอ่อนช้อย ต่างกับเพื่อนสนิทอีกคน รินแค่นั่งเฉยๆแล้วยกยิ้มเอ่ยทักทายง่ายๆตามประสาเด็กที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง

          "สวัสดีค่ะพี่ดิมิทรี มารับเทมแล้วเหรอคะ" 

          "ครับ แล้วนี่..." ส่งสายตาไปทางผู้ชายอีกคนที่นั่งเท้าค้างมองตรงมา

          "อ๋อ...นี่คาร์โลค่ะ เป็นบอดี้การ์ดที่คุณพ่อของรินจ้างมาดูแลในโรงเรียน"

          "เฮ้ย! คุณหนูไปบอกเขาทำไมวะ เอ้ย ครับ นี่มันภารกิจลับนะคุณ!"

          "บอกได้ไม่เป็นไรค่ะ เขาเป็นคนรักของเพื่อนริน เชื่อใจได้"




             อา...ใกล้ช่วงเลือกตั้งแล้วสินะ เลยต้องส่งคนมาคุ้มกันลูกของตัวเอง ผมไม่แปลกใจที่นักเรียนในโรงเรียนจะรับจ๊อบพิเศษหรือมีบอดี้การ์ดแฝงตัวอยู่ในโรงเรียน เพราะที่นี่ลูกท่านหลานเธอเยอะแยะไปหมด จนสามารถเดินสุ่มกระแทกไหล่แล้วเจอลูกผู้มีอิทธิพลดังๆได้อย่างง่ายดาย เท่าที่รู้มาภารโรงหลายคนก็ใช่ 


          แต่ต้องยอมรับว่าแปลกใจไม่น้อยที่คนตรงหน้าถึงกับได้รับการไว้วางใจจากท่านรองนายกให้ช่วยดูแลลูกสาวสุดที่รักด้วยอายุเพียงแค่สิบห้า ท่านรองคงจะไม่จ้างคนไม่มืออาชีพดูแลจุดอ่อนของตัวเองในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานหรอกครับ



          "มองอะไรไอ้พวกลูกคุณหนู เหอะ ทำไม กูจะรับจ้างหาเงินในโรงเรียนไม่ได้หรือไง"


          คาร์โลตวัดเสียงใส่เมื่อเห็นผมมองไปทางเขา ดูท่ายังโมโหผมอยู่มาก เฮ้อ...ผมไม่ใช่คนหาเรื่องเขาสักหน่อย



          "หมูหย็อง น้องหมูหย็องไม่ใช่ลูกคุณหนูนะครับคาร์โล น้องหมูหย็องเป็นลูกของคุณปะป๊ากับคุณหม่าม้าต่างหากครับ"

          "คริคริ พี่เทมล่ะก็ เล่นมุกอีกแล้ว"

          "เทม...ไม่ใช่ลูกคุณหนูที่เป็นหนูจี๊ดๆแบบนั่นค่ะ..."

          "กูล่ะปวดหัวกับมึงจริงๆ โอ้ยยยย ไม่ใช่ลูกหนูเป็นตัวๆเฟ้ย!"

          "อ้าว...ถ้าไม่ใช่ลูกหนูเป็นตัวๆๆๆแต่เป็นลูกตัวคนๆๆ ก็ ก็ไม่ใช่นะครับ"

          "นี่เราคุยเรื่องเดียวกันหรือเปล่าวะ..." คาร์โลมีท่าทางอ่อนลงกับเจ้าตัวน้อยของผม มี่มี่หัวเราะไม่หยุด ส่วนรินก็ถอนหายใจแล้วเปลี่ยนหัวข้อ

          "อืม เทมจะไปทานข้าวกับพี่ดิมิทรีแล้วใช่ไหม งั้นโลไปทานด้วยกันเลยสิ ไม่ต้องเฝ้าเราตอนนอนกลางวันหรอก"

          "ได้ไง เดี๋ยวพ่อคุณก็ไล่ผมออกพอดี"

          "ขัดคำสั่งเราก็โดนหักเงินเดือนเหมือนกันนะ"



          หนึ่งเด็กอนุบาลและหนึ่งเด็กมอสามยืนจ้องตากัน

          รินเชิดหน้ามองสบตาผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าสองเท่าอย่างไม่เกรงกลัวใบหน้ากินเลือดกินเนื้อนั่นเลยสักนิด สุดท้ายผู้พ่ายแพ้ก็คือศัตรูของไอ้น้ำครับ คาร์โลยอมพยักหน้า





          ทุกการกระทำอยู่ภายใต้ดวงตาสีฟ้าที่จ้องมองเก็บรายละเอียด

          ...ไพ่ที่เพิ่งได้รู้ จะเอาไปใช้ยังไงดีนะ... น่าสนุกแล้วสิ




          "เออๆ เดี๋ยวผมมารับคุณอีกทีตอนเย็นแล้วกัน"

          รินยิ้มอย่างพอใจ หันไปตอบรับบอดี้การ์ดของเธอกับบอกเพื่อนชายต่างวัย "ค่ะ แล้วเทมก็อย่าลืมไปที่ห้าง efg นะ เขาจะจัดงานกันตอนสิ้นเดือน มีของลิมิเต็ดมาขายด้วย ไว้ค่อยเจอกันที่งานนะคะ"


          พี่เทมพยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบหันมาจับมือผมเขย่าๆ เหมือนเด็กน้อยกำลังจะร้องขออะไรสักอย่างกับพ่อแม่ นัยน์ตาสีน้ำตาลสวยระยิบระยับจับใจ


          "หมูหย็องครับ น้อง น้องหมูหย็องครับ! ริน รินบอกว่าที่ห้าง efg จะมีพี่ม่อน จะมีพี่ม่อนมาขายแบบลิมิเต็ดครับ พี่เทม พี่เทมอยากไปจังเลยครับ ไปหา ไปหาพี่ม่อนแล้วก็รับพี่ม่อนมาอยู่ด้วยกับพี่ม่อนที่บ้านนะครับ นะครับ นะๆๆๆครับ นะ?"


          ถ้าจะอ้อนกันขนาดนี้ ก็ไปที่รถกันตอนนี้เลยไหมครับ...ยกยิ้มเอ็นดูคนที่ตื่นเต้นจนพูดติดขัดไปหมด ลูบแก้มนุ่มที่ขึ้นสีระเรื่อง่ายดาย



          "ได้ครับ ไว้เดี๋ยวน้องหมูจะพาไปนะ"

          "เสียดายจัง สิ้นเดือนมี่มี่ไปอิตาลีกับคุณพ่อ ไม่งั้นจะไปเดินเล่นกับพี่เทมกับรินด้วย พี่เทมอย่าลืมไปถ่ายรูปกับโดเรม่อนนะคะ รอบนี้มีโดเรมี่มาด้วยนะ รินก็อย่าลืมซื้อชุดตุ๊กตาให้เราเด็ดขาดเลยนะ แล้วเดี๋ยวเราจะซื้อขนมมาฝากทั้งสองคน"


          พี่เทมพอได้ยินคำว่าขนมของฝากก็ตาเป็นประกายสวย ยกมือไหว้ขอบคุณเด็กอนุบาลล่วงหน้า


          "ขอบ ขอบคุณครับ ครับๆๆๆ เทม เทมจะถ่ายเยอะๆๆเลยครับ"

          "พี่เทมเนี่ยชอบไหว้มี่มี่อยู่เรื่อยเลย...พี่ชายที่ไหนเขาไหว้น้องสาวกันคะ โธ่เอ้ย"

          มี่มี่มุ่ยปาก เพื่อนตัวเล็กอีกคนอดไม่ได้จนเอ่ยแซว

          "เพราะมี่มี่หน้าแก่หรือเปล่าคะ"

          "โธ่ รินล่ะก็ อย่าแกล้งกันสิจ๊ะ!"



          ผมปล่อยเด็กสามคนพูดคุยกันอีกนิดหน่อยก็ให้เขาบอกลากัน จะได้พาเด็กน้อยไปทานข้าว ทีแรกก็ตั้งใจมารับคนเดียวนะครับ แต่ขากลับดันพ่วงส่วนเกินมาอีกคนซะได้ ระหว่างทางไปโรงอาหารพี่เทมก็ดูตื่นเต้นกับแขกไม่คุ้นหน้า



          "คาร์โล คาร์โลก็จะไปทานข้าวด้วยกันเหรอครับ"

          "เออ ก็เจ้านายกูสั่ง"



          ทั้งๆที่จะผิดคำพูดก็ได้ ยังไงรินก็ไม่รู้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ทำ...หมอนี่ซื่อตรงกว่าที่คิด ดูเป็นหมาเฝ้ายามที่มีคุณสมบัติใช้ได้เลยทีเดียว



          "ดีจังเลยครับ ดีจังจะได้ทานกันเยอะแยะๆ สนุกๆๆๆกับเต้กับน้ำ"

          "อะไรนะ!? ไอ้หมากระเป๋าก็มากินด้วยงั้นเรอะ"

          "หมากระเป๋าเหรอครับ? ที่โรงเรียน ที่โรงอาหารห้ามพาสุนัขเข้ามานะครับ ผิดกฎนะครับ ไม่มีๆๆน้องสุนัขนะครับ"

          "ไม่ใช่หมาสี่ขาแบบนั้น...แต่มันก็หมานี่หว่า เออๆ ช่างมันเถอะ กูหมายถึงเพื่อนมึงน่ะ ไอ้เตี้ยน้ำนั่นน่ะ"

          "อ๋อๆๆๆ น้ำ น้ำมาทานด้วยใช่ไหมครับน้องหมูหย็อง"

          "ใช่ครับ"

          "กูอยากจะบ้าตาย...แดกกันสองคนไม่ได้หรือยังไง เดี๋ยวกูนั่งห่างๆ"

          "นั่งห่างๆ นั่งห่างๆเทม เทมต้องคุยเสียงดัง คุยเสียงดังไม่ดีนะครับ เดี๋ยวอาจารย์ดุ"

          "ใครจะคุยกับมึง"

          เทมปุระยิ้มค้าง ใบหน้าน่ารักเจื่อนลงถามเสียงอ่อย "คาร์โล คาร์โลไม่อยากคุยกับเทมเหรอครับ..."



          ผมชักคิ้วกระตุก หันไปมองอีกคนด้วยสายตาอันตราย มีเรื่องกับน้ำผมก็ไม่สนใจหรอกนะครับ จะหยาบคายใส่ใครผมก็ไม่ว่า แต่อย่ามาทำคนของผมเสียใจ ผมไม่ยอม


          "ก็ไม่ใช่แบบนั้น โว้ย! มึงนี่แม่งรับมือยากชิบหาย"


          คาร์โลยีผมตัวเองแล้วก็ลามไปยีหัวเทมปุระด้วย จนผมเผลอฟาดมือใส่อย่างแรง


          "อย่าจับ" บอกเสียงเย็นด้วยความหงุดหงิด


          เด็กน้อยที่ทีแรกสะดุ้งโหยง แต่พอตั้งสติได้ก็รีบถลามาจับมือผม จับพลิกมองอย่างเป็นห่วง "หมูหย็องครับ! น้อง น้องหมูหย็องเจ็บไหมครับ!?"


          คาร์โลอ้าปากค้างกับปฏิกิริยาของเทมที่เป็นห่วงผิดคนจนลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังโกรธที่ถูกฟาด


          "...เดี๋ยวๆ มึงต้องถามกูสิไอ้หนู ไปถามไรคนฟาดวะเฮ้ย กูนี่คนถูกตี"

          "อุบ ฮ่าๆๆๆๆ ไม่ใช่แค่มึงหรอกเว้ยที่โดน! กับพวกกูก็เป็น ไอ้หมูลงมือทีไรไอ้ลูกชายคนดีกูก็ไปถามคนลงมือประทุษร้ายว่าเจ็บไหมตลอด"


          เต้ในชุดนักกีฬาโผล่ออกมาจากด้านหลัง และเนียนยิ่งกว่าด้วยการเดินไปคล้องคอคาร์โลราวกับเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายสิบปี



          "โผล่มาจากไหนวะเนี่ย...อย่ามาตีสนิทกูนะเว้ย!"

          "อ้าว ไรวะ กูเห็นพวกมึงเดินมาด้วยกันนึกว่าคืนดีกันแล้วซะอีก"

          "คืนดีคว--"



          หมับ!




          "...อย่าพูดคำหยาบต่อหน้าเทม"



          อาศัยช่วงเวลาที่องค์ชายน้อยเอาแต่สนใจดูแลมือขวา ในชั่วเสี้ยววิก่อนคำต้องห้ามจะหลุดออกจากปาก มือซ้ายคว้ากระชากเนคไทของคนตัวใหญ่จนแน่น กระซิบบอกเสียงเบาที่พอแค่ให้ได้ยินกันสามคน แต่ชัดเจนด้วยสีหน้าเด็ดขาดที่ไม่มีใครกล้าปฎิเสธ  ไอ้เต้ยิ้มมุมปากถูกใจ ส่วนคาร์โลชะงัก ก่อนจะยอมพยักหน้าแต่โดยดี



          เขาดูจะผ่านงานอะไรมาพอควร คงจะรับรู้ได้ว่าอะไรเป็นอะไร...

          อะไรสู้ได้ อะไรสู้ไม่ได้



          พอเด็กน้อยเงยหน้าขึ้น ผมก็คลายมือออกจากเนคไทมาลูบแก้มคุณหมอจำเป็นที่เพิ่งตรวจมือผมเสร็จแทน นายแพทย์เทมปุระบอกด้วยน้ำเสียงโล่งใจ


          "มือหมูหย็อง มือน้องหมูหย็องไม่เป็นอะไรครับ พี่เทมตรวจๆๆให้แล้ว ไม่มีแผลนะครับ แต่ว่าน้องหมูหย็องเจ็บหรือเปล่าครับ"

          "ขอบคุณนะครับ มือน้องหมูไม่เจ็บครับ"

          "ดีจังเลยครับ งั้นๆๆๆถ้าเจ็บบอกพี่เทมนะครับ พี่เทมจะเป่าเพี้ยงๆให้นะครับ"

          "ฮ่าๆๆๆ อึ้งไปเลยอะดิมึง เดี๋ยวก็ชิน ป่ะ ไปโรงอาหาร กูหิวข้าวจะตายละ แล้วไอ้น้ำล่ะ"

          "น้ำทำงานช่วยอยู่ที่โรงอาหารครับ คิดว่าอีกประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะตามมา"

          "เค"



          พวกผมตรงมานั่งกันที่โต๊ะประจำ คาร์โลที่สุดท้ายก็มาร่วมโต๊ะด้วยแบบงงๆยังคงมีสีหน้าเหมือนคนเมากาวที่โดนจับในโทรทัศน์ เขานั่งฟังพวกผมสามคนนิ่งๆโดยไม่ได้พูดอะไร กระทั่งผมอธิบายความเป็นมาว่าทำไมถึงเจอกันยังนิ่ง มีแค่ตอนที่เทมเล่าบอกถึงตอนที่พวกเขาเล่นตุ๊กตากันคาร์โลถึงได้ถลึงตาใส่ไอ้เต้ที่หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังจนเกือบตกเก้าอี้


          ตอนนี้พ่อลูกในมโนความคิดกำลังคุยกันเรื่องคำศัพท์คำใหม่ที่เทมเพิ่งรู้จักครับ เป็นคำที่น่าปวดหัวพอสมควรเลยทีเดียว กับคำว่า 'Sexy' คิดว่าอาจารย์ก็คงปวดหัวไม่ต่างกัน เพราะคำอธิบายที่เด็กน้อยของผมจับใจความและเข้าใจมา ดูจะเป็นอะไรที่ไม่น่าจะใช่เซ็กซี่ล่ะนะครับ



          "เซะซี่ แบบนี้ๆๆครับ"

          "เซ็ก--เซ็กซี่ครับพี่เทม หึหึหึ" ช่วยเขาแก้คำผิดทั้งๆที่แทบจะสำลักข้าว

          "เซ็กซี่ยยยย์" ลากเสียงยาวพลางทำปากจู๋แก้มป่อง



          เทมปุระที่กำลังทำปากจู๋แล้วบอกว่าตัวเองเซ็กซี่ทำเอาไอ้เต้ที่หยุดหัวเราะแล้วขำลั่นอีกรอบ มันตบโต๊ะดังป๊าบๆอย่างถูกอกถูกใจ


          "ฮ่าๆๆๆๆ ไอ้ลูกกกกกกกกกก หยุดดดด หยุดก่อนที่กูจะหัวเราะจนขาดใจตาย ชิบหาย อันนี้เซ็กเสื่อมชัดๆ หน้าตามึงยังกับปลาปักเป้าโดนต่อย ฮ่าๆๆๆๆ"


          พี่เทมที่อารมณ์ดียังคงทำปากจู๋แก้มพองลมหันไปให้เต้ดูที ผมดูที


          "เทม เทมเซะซี่ คุณกล้วยเซะซี่ แกงเขียวหวานก็เซ็กซี่"

          "...ต่อมไหนของกล้วยกับแกงเขียวหวานที่มึงมองแล้วว่าเซ็กซี่วะ"

          "น่าอร่อยๆๆๆ หม่ำๆๆๆไงครับ"

          "ก็ไม่ใช่น่าอร่อยในความหมายนั้นครับพี่เทม..."

          "ปวดหัวแทนอาจารย์ขึ้นมาเลยว่ะ"



          เทมที่เป็นพี่เทม เป็นเทมในเวอร์ชั่นที่น่ารักและน่าเอ็นดูมหาศาล และการกระทำพิเศษในช่วงที่เขาเป็นพี่เทมก็ทำเอาน้ำตาแทบจะไหลด้วยความปิติ เมื่อเขาสะกิดให้ผมดูจานข้าวเปล่า ไม่มีเศษผักสีเขียวๆเหลือให้ผมเห็น แม้แต่มะเขือเทศคู่ปรับตลอดกาลสักซีกก็ไม่มีหลงเหลือ


          "น้องหมูหย็องครับน้องหมูหย็อง ดูๆๆๆนะครับ ดูนะครับพี่เทมทานผักหมดเกลี้ยงเลยครับ พี่เทมเป็นพี่ชาย พี่เทมต้องทานผักๆๆๆให้ตัวอย่างดูน้อง"

          "เก่งมากเลยครับ แต่ต้องเป็นตัวอย่างให้น้องดูนะครับ"

          "เป็น เป็นตัวอย่างให้น้องดูครับ"


          เด็กน้อยบอกด้วยความภูมิใจ อา...รู้สึกชื้นๆตรงหัวตาเลยครับ พี่เทมของผมเก่งขึ้นทุกวัน วันนี้เขาถึงกับสั่งสลัดจานโตมาทานเอง ถึงจะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลาที่เคี้ยวจนผมลุ้นแล้วลุ้นอีก ถือผ้าเช็ดหน้าเตรียมปลอบเขาเต็มที่ เผื่อเขาร้องไห้กลางคันระหว่างต่อสู้กับผักสลัดจานโต แต่ท้ายสุด สุดท้ายเขาก็ทานหมดครับ



          ความรู้สึกเวลามีลูก ผมว่าผมเข้าใจนะ...ความรู้สึกของผมตอนนี้น่าจะพอๆกับตอนพ่อแม่เห็นลูกตัวน้อยๆเรียนจบปริญญาเอกด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเลยล่ะครับ


          หยิบผ้าซับน้ำตาก่อนจะลูบผมนิ่มด้วยใบหน้าปลื้มใจไม่ต่างกัน


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 43 * 7/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 07-12-2018 18:02:24


          "พวกมึงนี่...สติไม่ดีเหรอวะ..." คาร์โลถามหน้าตาจริงจัง

          ไอ้เต้กรอกตาตอบเสียงเรียบ "เหอะ มึงถามว่าพวกมันเคยมีสติด้วยเหรอน่าจะใช่กว่า แม่ง รำคาญญญญ กูล่ะอยากจะถีบเรือเป็ดหนีไปทำนาอยู่ดาวเนปจูน"



          ดูท่าโลกสีชมพูของผมกับเทมจะช่วยหลอมส่วนเกินสองชิ้นให้เป็นชิ้นเดียวกันนะครับ ไม่ทันที่จะได้ไล่ให้มันไปทำนาที่ต่างดาว เสียงแหกปากเป็นเอกลักษณ์ก็แววมาให้ได้ยิน


          "กูมาแล้วเพื่อนร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก~!---!?!หม่อมแม่ชุบแป้งทอด! ไอ้เชี่ยควายโล!?!"


          น้ำที่วิ่งเข้ามาทั้งๆที่ยังสวมผ้ากันเปื้อนชะงัก ก่อนแหกปากตะโกนลั่นจนผู้ใหญ่หลายคนเดินมาดู


          "ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไร เพื่อนผมตกใจจิ้งจกคลอดลูกเฉยๆ.....มึงเสียงดังทำไมเนี่ยไอ้น้ำ! เบาๆดิวะ"


          ไอ้น้ำที่ช็อกไปแล้วเพิ่งคว้านหาสติตัวเองเจอ พอหาสติเจอมันก็ตั้งท่าจะแหกปากอีกรอบ ไอ้เต้รีบลุกจากเก้าอี้ไปลากเพื่อนตัวเองมานั่งข้างตัวใช้แขนรัดพร้อมฝ่ามือปิดปากแน่น ไอ้คนตัวเล็กสุดของกลุ่มดิ้นไปมาอย่างรุนแรง


          "อื้อ ไอ้อายโอ เอ้อ้อยกู อื้อ! --ไอ้อัสสสสสสสสสส"

          "ไอ้เชี่ยน้ำ! อย่ากัดมือกู!"

          "เต้ เต้ครับ น้ำ น้ำอย่างแกล้งกัน อย่าแกล้งกันนะครับ เป็นเพื่อนกันนะครับ"


          เด็กน้อยของผมร้อนรนเมื่อเห็นเพื่อนเล่นกันแรงเกินไปต่อหน้าต่อตา จนผู้ชมนอกสนามอย่างผมต้องช่วยด้วยการเอามือจุ่มน้ำแล้วสะบัดใส่พวกมันให้เย็นลง ไอ้น้ำหันขวับมองตาขวาง


          "เชี่ยหมู!"

          พอเห็นไอ้คนตัวเล็กเสียงดัง พี่เทมสะดุ้งโหยงแต่ก็รีบอ้าแขนบังผมเอาไว้ "น้ำครับ น้ำ อย่าว่าหมูหย็องนะครับ อย่าดุๆๆน้องหมูหย็องนะครับ"

          "กูไม่ได้ดุ กูด่าเลยโว้ยย เข้าตากูด้วยไอ้เวร หยิบทิชชู่มาให้กูหน่อย"



          คนที่อยู่ใกล้ทิชชู่มากที่สุดอย่างคาร์โลหยิบแล้วยื่นส่งให้ ไอ้คนแสบตารับไปอย่างไม่รู้ตัวก่อนจะทำหน้าตาเหวอ เมื่อเพิ่งรู้ตัวตอนเช็ดหน้าเช็ดตาเสร็จแล้วว่าใครเป็นคนช่วยส่งกระดาษให้ตัวเอง


          "มึงมาได้ยังไงเนี่ย! แล้ว แล้วใครพามึงมา มึงมาทำไม มึงจะมาหาเรื่องพวกกูเหรอ!? จะไฝว้เหรอสาดดดด หรือมึงมาดักรอลักพาตัวกูไปรุมกระทืบ บอกเลยกูไม่กลัวนะโว้ยยย"


          คาร์โลทำหน้าเหม็นเบื่อใส่คนที่ยืนชี้หน้า


          เต้กระตุกแขนแฝดตัวเองให้นั่งลง "ใจเย็นไอ้เตี้ยน้ำเพื่อนรัก"

          "กูไม่ได้เตี้ย! กูแค่--"

          "สูงน้อย" ไอ้เต้ช่วยต่อประโยคให้จนไอ้น้ำถลึงตาใส่

          "พวกมึงหักหลังกูไปเข้าพวกกับมันเหรอวะ ไม่ได้นะเว้ย! มันแย่งแฟนกู!"


          น้ำตบโต๊ะดังปัง ใส่อารมณ์เต็มที่


          "แฟนๆๆ แฟนที่ภาษาอังกฤษสะกดว่าเอฟเอเอ็นอ่านว่าแฟน แฟนที่แปลว่าพัดลมเหรอครับน้ำ คาร์โลเป็นขโมยเหรอครับ ต้องแจ้งคุณตำรวจแตะๆจับๆไหมครับ?"


          แล้วคนกำลังโกรธก็แทบจะล้มตึงกับคำถามใสซื่อของเพื่อนตัวสูง ดวงตาสีน้ำตาลที่ฉาบไปด้วยความสงสัยทำเอาน้ำต้องวางความโมโหลงแล้วหันหน้ามาตอบคำถาม ตอบไปก็กรอกตาหมุนวนเป็นเลขสิบสองไทยไปด้วยความหน่ายใจ


          "ไม่ใช่แฟนอันนั้น มึงอย่าแปลสิวะ คำตรงตัวเลย แฟนอ่ะแฟน คนชอบกันน่ะ"

          "อ๋อๆๆๆๆๆ"

          "เออ กูโกรธต่อนะ ไอ้ห่า ขัดจังหวะกูเหลือเกิน"



          ติ๊ง ♪



          เสียงข้อความโทรศัพท์ผมเข้าดังขัดจังหวะน้ำอีกรอบ สามคนหันมามองผม โดยเฉพาะคนที่เพิ่งมาที่จ้องจนตาแทบจะถลน


          "ขอโทษทีครับ พูดต่อได้เลย"

          "เออ มันแย่งแฟนกู! แย่งแฟนเพื่อนมึงเลยนะ พวกมึงต้องโกรธเป็นเพื่อนกูดิ"

          "กูก็โกรธมันช่วยมึงมาตั้งนานหลายปีแล้วไง มึงวิ่งมาฟ้องพวกกู พวกกูก็ไปช่วยตลอด ต่อยกันบ่อยจนกูแทบจะย้ายจากชมรมบาสไปเข้าชมรมมวยกับมันแล้วเนี่ย แถมหลังๆมานี้กูก็ไม่เห็นมึงกับมันจะยุ่งเกี่ยวกัน มีเรื่องรอบนี้มึงก็ไปหาเรื่องมันก่อนนะน้ำ"



          ไอ้เต้ที่คงเบื่อไอ้นิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นแง้วๆ เหมือนชิสุโดนแย่งน่องไก่ของไอ้น้ำพอกันกับผมเท้าคางมองเพื่อนสนิทตัวเองทำหน้าบึ้ง ถูกของไอ้เต้ครับ ไอ้น้ำที่ติดนิสัยลูกคนเล็กโดนตามใจจนเคยตัว พอมีเรื่องมันก็วิ่งมาฟ้องพวกผม ฟังแรกๆก็พอจะอินหรอกนะครับ หลังๆรู้สึกเรื่องที่ไอ้น้ำเอามาฟ้องนี่ชักจะแฟนตาซีใส่ไฟคู่แข่งจนพวกผมหน่าย เลยปล่อยมันแง้วๆไปแทน คู่แข่งที่ไอ้น้ำเรียกคนนี้ผมก็เห็นห่างกันมาตั้งเกือบปี เพิ่งจะรีเทิร์นมามีเรื่องกันก็เมื่อตอนไอ้น้ำไปปากเสียใส่นี่เอง


          และพวกผมก็รู้จักนิสัยมันดี รู้ว่ามันเอาแต่ใจ ติดเล่น บางครั้งก็ชอบปากหมาใส่คนอื่นก่อน เลยช่วยมันโกรธดะไม่ได้หรอกครับ ยกเว้นตอนจะมีเรื่องต่อยตีกันก็อีกเรื่องหนึ่ง อันนั้นก็ต้องช่วยเป็นธรรมดา แต่จะให้เจอหน้าก็ด่าๆ ทำตัวไร้สาระไร้สมองอย่างแค่มองหน้าแล้วหมั่นไส้ เจอหน้าแล้วเดินเข้าไปเตะเดินไปผลักไปหาเรื่องน่ะโคตรจะไม่มีอารยธรรม คนเราต้องมีเหตุและผลกันบ้าง



          "เป็นมึง มึงก็โกรธไอ้เต้!"

          "โกรธอ่ะโกรธ แต่ประเด็นคือผู้หญิงคนหลังๆเขาก็ไม่ได้คบกับมึงไงไอ้เพื่อนรัก มึงแค่ไปตามจีบแล้วไอ้คาร์โลก็ไปขวาง ถ้าเป็นสถานะแฟนจริงๆพวกกูก็ช่วยเหมือนเดิมแหละ โอเคไหม"

          "พวกมึงไม่รักกูแล้วเหรอวะ!"


          ทีนี้คนตัวเล็กก็ใจน้อยไปเลยครับ มันหันมาจ้องพวกผมทีละคน ตาเริ่มแดงปากเริ่มเบะ


          "น้ำครับน้ำ ไม่ร้องนะครับ เทมเป็นเพื่อนน้ำนะครับ คาร์โลอย่าแกล้งน้ำนะครับ น้ำไม่ร้องนะๆๆ"

          "ไอ้เหี้ย...อย่าร้องดิวะ"



          ระหว่างเพื่อนสองคนช่วยกันปลอบ ผมก็อ่านข้อความหรือ 'รายงาน' ที่ฝากเลขาหาให้เมื่อสักครู่จบพอดี ผมอยากได้ข้อมูลของคาร์โลครับ หมอนี่ดูหน่วยก้านใช้ได้ เด็กในวัยนี้หายากมากที่จะรับมือผมได้นานๆ จากที่เคยมีเรื่องด้วยไปครั้งสองครั้ง คาร์โลรับมือผมได้นานเกินห้านาที ทำให้ประทับใจในฝีมือไม่น้อย แต่ที่ผ่านมาผมไม่ได้สนใจ เพราะมันเรื่องของไอ้น้ำ และคนเก่งกว่าคาร์โลก็มีเกลื่อน ยิ่งอีกฝ่ายมีเรื่องก็ไม่เคยเอาไปฟ้องอาจารย์ ซัดกันเสร็จแล้วก็จบกันไป หลังๆผมเลยปล่อยไอ้เต้ไปช่วยน้ำคนเดียว แต่ตอนนี้พอมารู้ว่าเขารับจ้างเป็นบอดี้การ์ดมันก็ต่างออกไป



          บอดี้การ์ดผู้ใหญ่ที่มีอยู่ติดข้อจำกัดหลายอย่างทำให้ไม่สามารถเข้ามาเฝ้าตามติดตลอดเวลาได้ ผมเคยเสาะหาบอดี้การ์ดมืออาชีพที่อายุยังน้อยหลายสิบคน เฝ้าคัดเลือกยอดฝีมือเพื่อหามาปกป้องเทมปุระ แต่แล้วก็ต้องพับโครงการเข้ากรุ เพราะเด็กพวกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นมืออาชีพจนเกินไป ด้วยวัยด้วยอะไรหลายๆอย่าง ทำให้พวกนั้นถูกฝึกจนเหมือนหุ่นยนต์ ไร้อารมณ์ เย็นชา แข็งกระด้าง เด็กน้อยของผมที่สัมผัสไวต่ออารมณ์ด้านลบทำให้เขากลัวจนร้องไห้จ้า



          ภาพของเทมที่เล่นตุ๊กตาและพูดคุยกับคนแปลกหน้าได้เป็นอีกอย่างที่ผมแปลกใจมาก เทมเคยเจอคาร์โลมาหลายสิบครั้งแล้วก็จริง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคุยกัน เทมดูไม่กลัวทั้งๆที่คาร์โลหน้าตาดุดันและตัวโตใหญ่



          ยิ่งพออ่านประวัติ




       ...ผมคิดว่าเขาเหมาะสม...




          สุนัขที่ซื่อสัตย์ จงรักภักดี แข็งแกร่ง และที่สำคัญที่สุดคือสามารถติดตามไปได้ทุกหนทุกแห่งเพื่อปกป้องหัวใจแสนสำคัญ ในอนาคตข้างหน้าพื้นที่ข้างกายผมจะอันตรายยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ในโรงเรียนก็ไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยผ่าน...เรื่องที่ผ่านมายิ่งทำให้ผมระมัดระวังมากยิ่งขึ้น


          ไม่ใช่แค่ทางธุรกิจ แต่สันดานมนุษย์ปกติชนก็สามารถทำร้ายแก้วตาดวงใจของผมได้แล้ว


          ผมต้องการสุนัขเฝ้ายามที่ดุพอ คอยเฝ้าดูแลเขาตอนผมไม่อยู่ด้วย




          "สัญญาว่าจ้างเป็นบอดี้การ์ดเหลืออีกหกเดือน หลังจากนั้นสนใจมาเป็นบอดี้การ์ดให้เทมไหมครับ"
คาร์โลหันขวับมามองผม แววตาเบื่อหน่ายเปลี่ยนเป็นดุดัน อืม...น่ากลัวใช้ได้ทีเดียว ไอ้น้ำที่บ่นไม่หยุดถึงกับชะงักกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไป


          "มึงรู้รายละเอียดสัญญาได้ยังไง!?"

          "ตอบคำถามผมก็พอครับ"

          ไอ้น้ำที่โดนขัดบ่อยจนดูท่าภูเขาไฟในน้ำจะเริ่มมอด หันไปถามแฝดคู่ซี้ของตัวเอง "บอดี้การ์ดอะไรวะ????"

          "ไอ้โลมันเป็นบอดี้การ์ดของริน รินที่เป็นลูกท่านรอง เด็กอนุบาลเพื่อนไอ้เทมน่ะ"

          "ห๊า!?! อายุเท่านี้อ่ะนะ!? บอดี้การ์ดเด็กสุดของกูยังอายุยี่สิบเลยนะเว้ย"

          "เออ เจ๋งดีเนอะ ทำไมมึงถึงมาทำงานนี้วะ"

          "บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดแบบองครักษ์เหรอครับ หูวววววววว คาร์โลเท่ๆๆจังเลย ใส่แว่นตาดำแล้วก็ใช้กระเป๋ายิงปิ้วๆๆได้ด้วยใช่ไหมครับ แล้วก็ห้อยหัวจากบนเพดาน แล้วก็ๆๆไต่ไปตามท่อแอร์ใช่ไหมครับ"

          "ไอ้เทมนั่นมันสายลับแล้ว"

          "ทำไมกูฟังแล้วคิดถึงผีช่องแอร์วะ..."


          คาร์โลไม่ได้สนใจเสียงถามเจื้อยแจ้วของสามคน แต่ยังคงมองผมด้วยสายตาจริงจัง อืม...เขาจับไต๋ง่ายไปหน่อยนะครับ ถ้าเซ็นสัญญากันแล้วคงต้องให้เขาไปฝึกเพิ่ม


          "...ถ้ามึงบอกใคร กูจะกระทืบมึงให้ตายคาตีนเลย"

          "อย่าเห่าให้กลัวเลยครับ ฝีมือคุณสู้ผมไม่ได้หรอก ไม่ต้องคิดในใจว่าที่ผ่านมายังไม่ได้เอาจริง ...ถึงคุณเอาจริงก็แพ้ผมอยู่ดีในทุกๆด้าน แค่จุดยืนลูกจ้างกับเพื่อนเจ้านายก็คนละชั้นกันแล้ว"


          ยิ้มไม่แสดงอารมณ์ให้คนที่กัดฟันกรอดโต้เถียงไม่ได้


           สองแฝดที่ตอนนี้กลับมาเป็นปกติเริ่มกรี๊ดกร๊าดน่ารำคาญ



          "กรี๊ดดด! มึงงงง ไอ้หมูโหมดร้ายร้ายว่ะ"

          "องค์พ่อลงเว้ย พ่อมาว่ะพ่อมา"

          "คุณปะป๊ามาเหรอครับ!?"



          เพื่อนซี้หันมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ เต้กวักมือหยอยๆ "เฮ้อ มาแดกน้ำแข็งไสกับกูมาเทม ปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันไปเถอะนะลูกนะ"


          เด็กน้อยที่โดนล่อหลอกหลงกลอย่างง่ายดาย "น้ำแข็งไส! น้ำแข็งไสๆๆๆๆ อะ ไม่ใช่ๆๆๆ อะไรเหรอครับ น้องหมูหย็องคุยอะไรกันเหรอครับ พี่เทมก็โตๆๆๆเป็นวัยสะใหญ่แล้วนะครับ เทม เทมอายุสิบหกแล้วนะครับ คุยเรื่องผู้ใหญ่ๆได้เหมือนกันนะครับ" อา...รู้สึกดีจังเลยครับที่เขาเป็นห่วงผมมากกว่าขนม นึกอยากรั้งใบหน้าน่ารักนั่นเข้ามากดจูบ แต่คนก็มากมายเกินกว่าจะทำ จนได้แต่ลูบผมนิ่มมือแล้วหยิบช้อนให้เขาตักของหวานทานแทน


          "คุยเรื่องหนังกันเฉยๆครับ พี่เทมทานขนมนะครับ"



          พอเห็นองค์ชายติดลมกับของหวานตรงหน้าแล้วผมก็หันมาเจรจาต่อ



          "คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมผมรู้ แต่ผมคงบอกถึงวิธีการไม่ได้ เอาเป็นว่าผมรู้ทุกอย่างก็แล้วกัน ...ใช่ครับ เรื่องพื้นเพกำเนิดและพี่น้องของคุณทั้งสิบคนด้วย"

          "หา!? พี่น้องสิบคน กูว่าบ้านไอ้หมูเยอะแล้วนะ นี่มึงมีเป็นสิบเลยเหรอ!?"

          ใบหน้าที่มีรอยบากซีดเผือด "อย่ายุ่งกับพวกเขา!!"




          จุดอ่อนจริงๆด้วย...

          ผมยิ้มกริ่ม


          "ไม่ยุ่งหรอกครับ ผมแค่มายื่นข้อเสนอซื้อต่อสัญญาก็เท่านั้น ...ค่าจ้างมากกว่าที่คุณได้สี่เท่าและเป็นสัญญาซื้อขาด คุณไม่จำเป็นต้องเร่ร่อนไปปลอมอายุสมัครเข้าบริษัทจัดหาผู้ดูแลที่ไหนอีก ความเป็นอยู่และโรคของน้องคุณจะได้รับการดูแลจนหายดี การศึกษาก็ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะออกทุนให้ถือว่าเป็นสวัสดิการ"


          สีหน้าอึ้งและทึ่งของอีกฝ่ายดูแปลกประหลาดจนนึกดีใจที่เทมยังก้มหน้าก้มตาทานของหวาน ไม่งั้นเดี๋ยวเด็กน้อยของผมเห็นแล้วจะเอาเก็บไปฝันร้ายก็เป็นได้



          "เหี้ย...มึง...มึง..."

          "อย่างแรกที่ต้องแก้ไขถ้ามาเป็นบอดี้การ์ดของเทมคือต้องลดคำหยาบนะครับ"

          "มึง...ไอ้หมู มึงเอาจริงดิ"



          คาร์โลอ้าปากพะงาบๆ แต่ผมไม่สนใจ เข็มสั้นบนนาฬิกาข้อมือบอกเวลาว่าหมดพักเที่ยง ผมต้องไปทำงานต่อ และเทมปุระก็ต้องไปแปรงฟันหลังอาหารแล้วเตรียมเข้าเรียนพิเศษ ผมจัดการหยิบผ้าเช็ดหน้าซับมุมปากที่เลอะของเด็กชายฟ้าประทาน ช่วยดึงมือเขาลุกขึ้น พูดต่อและเริ่มออกเดินโดยไม่สนใจคนนั่งอึ้งทั้งสาม


          "พี่เทมครับ เดี๋ยวน้องหมูจะไปส่งที่ห้องอาจารย์ แล้วสักบ่ายสามหญิงจะมารับไปซ้อมกีฬาสีนะครับ ส่วนคาร์โลรายละเอียดผมจะให้เลขาส่งให้คุณในอีเมลอีกที คุณคงฉลาดพอที่จะรู้ว่าราคาไหนถึงคุ้มค่าที่จะเสี่ยงชีวิตปกป้องนะ หวังว่าจะได้เห็นลายเซ็นคุณบนสัญญาเร็วที่สุด ...พี่เทมครับ! ไม่แวะร้านขนมแล้วนะครับ"





               เฮ้อ หรือจริงๆแล้วผมควรหาแม่ครัวทำขนมหวานเพิ่มมากกว่าบอดี้การ์ดกันนะ...









end 43 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

ถูมือ ฮี่ฮี่ย์
เปิดตัวตัวละครตบมุกอีกคน จะได้เป็นแก๊งสามช่า 555 #ผิด
เรื่องราวจะเริ่มเจ้มจ้นขึ้นต่างหากสิ!

ปล.
ขอโทษนะคะที่ลงช้า ช่วงนี้เก๊างานยุ่งมากจริงๆ
(ทำชดใช้เวรที่หยุดยาวไปค่ะ ฮือออ O<--<)
เดี๋ยวต้องไปทำงานที่หัวหิน แล้วเจอกันวันอังคารนะคะ

โซเฟียริน
zofiarin lll moore









หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 43 * 7/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mizunoe ที่ 08-12-2018 01:53:16
คิดถึงมากเลยยยยยยยยย
ยินดีมากๆที่ได้กลับมาหาเรื่องนี้ต่อค่ะ
ยอมโดนคาร์โลด่าว่าสติไม่ดีเลยถ้าจะได้เห็นความพี่เทมต่อไป 555555555

งานยุ่งกันน่าดู
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 43 * 7/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 08-12-2018 02:22:41
ไม่เคยผิดหวังกับความใสซื่อของพี่เทม
เป็นทุกอย่าง ... คุณหมอเทม ที่ตรวจคนไข้แค่คนเดียว
เป็นพี่เทม "เซะซี่ ๆ ปากจุ๊ดจู๋"
เป็นเพื่อนมารยาทดีของน้อง ๆ อนุบาล
ที่สำคัญ ห่วงใยเพื่อนทุกคน 555+ 

รักอะ รักพี่เทมมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :กอด1:
 
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 43 * 7/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 08-12-2018 18:32:25
พี่เทมน่ารัก
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 43 * 7/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 08-12-2018 23:19:42
ตอนนี้สุดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 43 * 7/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 10-12-2018 03:32:48
เทมของป้า...
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 44 * 13/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 13-12-2018 19:54:17








44









 

 

          ไม่ว่ายังไง ผมก็สงบใจเรื่องที่พี่เทมสามารถพูดกับคนที่ไม่เคยแม้แต่จะคุยกันสักครั้ง...ไม่ได้อยู่ดี สำหรับเทมแล้วการจะชวนใครสักคนสนทนาก่อนเป็นเรื่องยากมาก ถึงจะเป็นคนที่เคยเห็นหน้าบ่อยๆ ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ยิ่งคาร์โลเป็นผู้ชายรูปร่างใหญ่โต หน้าตาถมึงทึงดูดุโหด ชวนให้คิดไปถึงคนร้ายที่เคยลักพาตัวเมื่อหลายปีก่อน ยิ่งน่าฉงนและไม่น่าพอใจ ว่าทำไมเจ้าหมอนั่นถึงได้แหกกฎเด็กน้อยของผมได้


          สถานะคนพิเศษของเด็กชายฟ้าประทาน ผมอนุญาตให้มีได้แค่เพียงคนเดียว และสถานะนั้นก็ถูกครอบครองโดยผม ใครฉายแววเป็นศัตรูจะมาแก่งแย่ง...ก็ไม่ลังเลที่จะจัดการตั้งแต่เนิ่นๆก่อนจะยุ่งยาก


          แม้จะอยากรู้แทบขาดใจ แต่ผมก็ไม่กระโตกกระตาก ยังคงจับจูงมือเขาเดินด้วยจังหวะสม่ำเสมอ ยิ้มและพูดคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้กับเขาได้อย่างนุ่มนวล จนในที่สุดก็วกเข้าหัวข้อที่ผมต้องการ

 

          “ใช่ครับ พอจินมาโชว์นักกีฬาหลายคนก็เลยหยุดซ้อมแล้ววิ่งไปหยิบรองเท้าของตัวเองมาอวดกันแทน จนน้องหมูต้องมาจับแยกย้าย โหวกเหวกกันน่าดูเลย...แล้ว...วันนี้พี่เทมเล่นอะไรกับมี่มี่กับรินครับ?”



          “เล่นเจ้าหญิงเจ้าชายจ่ายตลาดครับ เทม เทม พี่เทมอยากให้น้องหมูหย็องมาเล่นด้วยกันมากเลยครับ แล้วพี่เทมจะเป็นองครักษ์ให้เจ้าชายน้องหมูหย็อง ตอนไปซื้อกับข้าวเองนะครับ อะ…แต่ว่าๆๆๆ บางทีก็ไม่ได้เล่นเจ้าหญิงเจ้าชาย แต่เล่นเป็นร้านอาหาร เป็นคุณกุ๊กๆๆนะครับ”



          “ฟังดูน่าสนุก ไว้วันหลังน้องหมูจะไปเล่นด้วยนะครับ แล้ว...คาร์โลมาเล่นด้วย พี่เทมไม่ตกใจเหรอครับ?”



          “คาร์โล…? อ๋อๆๆๆ คาร์โลๆๆๆๆ พี่เทม พี่เทมไม่ตกใจครับ แต่ว่า แต่ว่าก็กลัวๆๆๆ เยอะแยะอยู่นิดหน่อยครับ แต่รินบอกว่าคาร์โลไม่อันตราย มี่มี่ก็บอกว่าคาร์โลแค่หน้าดุ เพราะถ่ายไม่ออกหลายเดือนเฉยๆๆๆ พี่เทมก็เลย อ๋อๆๆๆ คงเพราะคาร์โลท้องผูก ตัวก็เลยบวมๆ ใหญ่ๆ ดูน่ากลัวๆ นี่เอง แล้วก็ แล้วก็พี่เทมกลัวคาร์โลไม่รู้ครับ ว่าไม่ดีๆๆ ทุกคนต้องถ่ายปุ๋งๆทุกวัน ตอนพี่เทมถ่ายปุ๋งๆๆไม่ออกสองวัน น้องหมูหย็องยังบอกว่าไม่ดี ต้องหาคุณพี่หมอ พี่เทมเลย เลย เลยอยากบอกให้คาร์โลไปหาคุณพี่หมอครับ เพราะไม่ดีๆๆต่อร่างกาย”




          คนถ่ายไม่ออกไม่ทำให้ตัวโตมีกล้ามหน้าโฉดนะครับพี่เทม…กล้ามบวมปุ๋งๆไม่ได้นะครับ...



          ไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีกับจินตนาการแสนล้ำ เอาเป็นว่ายิ้มไว้ก่อนแล้วกันครับ

 

          ถอนหายใจอย่างโล่งอก โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

 

          เพราะมีตัวแปรเข้ามาเกี่ยวข้อง...เขาถึงได้กล้าพูดคุยด้วยสินะ อย่างที่รู้กันว่าพื้นฐานเด็กน้อยของผมเป็นคนขี้กลัว แต่เขาไม่ใช่คนขี้ขลาด เป็นคนอ่อนโยน ใจดี ช่างเป็นห่วงและช่างสังเกต พอถูกบอกอย่างนั้น เจ้าตัวก็คงจะปล่อยคนที่ท้องผูก ให้ท้องผูกต่อไปอีกหลายเดือนไม่ได้ จนต้องช่วยบอกให้ไปหาหมอ แล้วพอคุยไปคุยมาก็เริ่มชิน กอปรกับมีรินแล้วก็มี่มี่อยู่ด้วย เด็กน้อยคงหายเกรงไปได้พอสมควร


          “แบบนี้นี่เอง…”

          พี่เทมคงนึกว่าผมพูดเรื่องท้องผูก เขาหันมาบอกด้วยสีหน้าเป็นห่วง เริ่มสวมบทบาทนายแพทย์เอ่ยเตือนย้ำ

          “ใช่ครับ ไม่ดีๆๆ นะครับ ถ้าน้องหมูหย็องไม่ปุ๋งๆๆ ทุกวัน ก็ต้องรีบไปหาคุณพี่หมอนะครับ”

          ผมยิ้มรับ “ครับ พี่เทมก็ต้องทานผักทานผลไม้เยอะๆนะครับ จะได้ถ่ายทุกวัน”


          คุณหมอส่วนตัวของผมถึงกับชะงักค้าง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเชื่องช้าจนคล้ายภาพสโลว์โมชั่น ดวงตาสีน้ำตาลสวยขยับหลุกหลิกหลบหนี ขมุบขมิบปากพูดเสียงเบา


          “พี่เทม พี่เทมก็ ก็ทานเยอะแยะๆๆแบบนิดหน่อยอยู่นะครับ”

          “หึหึหึ เยอะแยะกับนิดหน่อยอยู่ในประโยคเดียวกัน นี่ยังไงกันแน่ครับ”

          “แต่ว่าๆๆๆ ตอนเที่ยง ตอนมื้อกลางวัน พี่เทมก็ทานผักสลัดจานโตๆๆๆได้ด้วยนะครับ หม่ำๆๆคุณมะเขือเทศไม่เหลือเลยด้วย”

          “พี่เทมเก่งมากๆ เก่งที่สุดเลยครับ”


          พอถูกเอ่ยชมเด็กชายก็แก้มขึ้นสีระเรื่อ รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าอ่อนเยาว์ เขายิ้มเบิกบาน มือที่จับก็แกว่งไกวเร็วขึ้นอย่างเขินอาย


          “พี่เทม พี่เทมพยายาม อยากพยายามให้เยอะแยะๆๆ เหมือนน้องหมูหย็องที่พยายามเยอะๆๆๆ เลยครับ น้องหมูหย็องพยายามเยอะแยะๆๆๆ มากๆๆ เก่งมากๆ เก่งสุดยอด เก่งที่สุด จะเป็นพี่ของน้องหมูหย็องคนเก่ง ก็ต้องเป็นพี่เทมคนเก่ง พี่เทมคนเก่งจะได้เป็นพี่ของน้องหมูหย็องคนเก่งได้ไงครับ”


          หัวใจบีบรัดด้วยความดีใจ ความพยายามในความเงียบที่ไม่มีใครสนใจ หยาดเหงื่อที่ตกลงบนพื้นแผ่วเบาจนไร้ผู้ใดได้ยิน ทุกคนต่างล้วนมองแค่ผล แต่ไม่มีใครรู้ว่าทุกความสำเร็จ ผ่านการฝึกฝนและพยายามขนาดไหน ต่อให้เป็นอัจฉริยะแต่ถ้าขาดการฝึกฝนไป ก็เป็นเพียงหุ่นโง่ๆที่มีไอคิวสูงกว่าคนอื่น ทุกความพยายามที่ไม่มีใครเห็น มีเขาที่รับรู้ การถูกเขาเฝ้ามองและกล่าวชมอย่างจริงใจ ทำเอาผมตื้นตัน


          มือที่จับกันไว้ถูกกำแน่นขึ้นก่อนผ่อนออก รอยยิ้มที่กว้างขึ้นและมีความสุขขึ้นทุกครั้งที่ถูกสร้างด้วยน้ำมือของอีกฝ่ายผุดขึ้นบนใบหน้า แม้ผมจะมองไม่เห็นตัวเอง แต่ก็รู้ว่ามันต้องเป็นรอยยิ้มที่สว่างจ้าและอุ่นอวลไปด้วยม่านหมอกแห่งความสุข ส่วนหลักฐานก็ดูได้จากเจ้ากระจกแจ่มใสตรงหน้า ที่กำลังสะท้อนภาพด้วยการส่งยิ้มกว้างมาให้


          “ขอบคุณมากนะครับ...ขอบคุณที่พยายามเพื่อน้องหมูด้วย แต่พี่เทมไม่ต้องฝืนนะครับรู้ไหม แค่พี่เทมเป็นพี่เทมของน้องหมูก็พอแล้ว พี่เทมที่เป็นพี่เทมเก่งที่สุด แล้วก็น่ารักที่สุดเลยครับ”


          ครั้งนี้พี่เทมไม่พยักหน้าเห็นด้วย แต่กลับส่ายหน้าจนผมปลิว


          “ไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่นะครับ น้องหมูหย็อง น้องหมูหย็องต่างหากที่ทั้งเท่ ทั้งหล่อ แล้วก็ๆๆๆ น่ารัก น่ารักที่สุด” เด็กชายของผมพูดด้วยเสียงหนักแน่นเหมือนผาหิน บ่งบอกว่าเจ้าตัวเชื่อมั่นอย่างนั้นสุดจิตสุดใจ และเหมือนอีกคนกลัวจะไม่รู้ว่าตรงไหนของผมน่ารักบ้าง เขาเลยก้าวเท้าให้ไวขึ้นแล้วเดินอ้อมมาดักหน้า ใช้อีกมือแตะไปตามส่วนต่างๆของผมอย่างแผ่วเบา แล้วเริ่มบอกว่าตรงไหนที่น่ารักบ้าง



          “ตาก็น่ารัก” ชมตาก็แตะลงที่หางตา


          “จมูกก็น่ารัก” ชมจมูกเขาก็แตะปลายจมูก


          “แก้มก็น่ารัก” ชมแก้มเขาก็แนบฝ่ามือลงมา


          “ปากก็น่ารัก” อ้าฝ่ามือกว้างอีกนิดให้นิ้วโป้งสัมผัสโดนริมฝีปาก และเริ่มเอ่ยชมส่วนอื่นๆอย่างไม่ให้น้อยใจกัน


          “หูก็น่ารัก  คอก็น่ารัก ไหล่ก็น่ารัก ข้อศอกก็น่ารัก ตอนพูดก็น่ารัก ตอนตั้งใจก็น่ารัก ตอนยิ้มก็น่ารัก ...น้องหมูหย็องน่ารักเยอะแยะๆๆๆไปหมดจนพี่เทมนับไม่หมดสักทีเลยครับ” บอกแล้วก็หัวเราะเสียงใส ยิ้มกว้างจนตาหวานโค้งเป็นสะพานสวย



          “น้องหมูหย็องคนเก่งของพี่เทมน่ารักที่สุดในโลกเลยครับ”



          ครั้งนี้กลายเป็นผมที่ชะงักค้างแทน สองขาที่ก้าวเดินอย่างมั่นคงหยุดนิ่งสนิท คำสาปให้กลายเป็นหินไม่ได้มีเพียงเมดูซ่าที่สามารถสาปได้เพียงสบตา แค่เพียงสัมผัสผิวเผินจากคนตัวสูงกว่า ก็ให้ผลไม่ต่างกัน พี่เทมที่คงสงสัยว่าทำไมผมถึงหยุดเดินหันมามอง ตั้งท่าเหมือนจะซักถาม แต่พอมองสำรวจใบหน้าขึ้นสีจัดของผมเขาก็เก็บคำถามไว้ แล้วทำหน้า ‘อ๋อ’  แทน ก่อนพยักหน้าหงึกหงักกับตัวเอง



          “ตอนเขิน...ก็น่ารักมากๆๆๆเลยครับ”



          อา...ให้ตายสิ


          อย่าจู่ๆก็มาจู่โจมกันแบบนี้สิครับ


          เสียงสบถระรัวในหัวสลับปนเปกับเสียงเตือนภัยดังลั่น คำสาปลุกลามไปถึงหัวใจ จนปวดแปลบด้วยความสุข ทว่าอีกฝ่ายคงยังไม่พอใจ เป็นพี่เทมคนใจร้ายที่ยังอยากให้ผมรักเขาจนบ้าคลั่งขึ้นไปอีก ถึงได้ลงมือกระทำการเขย่าความรู้สึกผมให้หลอมเหลวจนแทบระเหยระเหิดหายไปในอากาศ


          ฝ่ามืออุ่นร้อนถูกส่งมาช่วยทัดผมที่ยุ่งกว่าทุกวันเพราะวิ่งวุ่นขึ้นทัดหู พอเส้นผมไม่อยู่เกะกะก็เผยดวงหน้าขึ้นสีชัดเจน ใช้ลูกแก้วสีน้ำตาลสวยมองสำรวจอย่างถี่ถ้วน พอพอใจเขาก็ย้ายมือไปวางบนศีรษะแล้วเริ่มลูบเชื่องช้า พี่เทมอมยิ้มจนแก้มบุ๋ม “น้องหมูหย็องเขินๆๆๆ ใช่ไหมครับ งั้นพี่เทมจะรอน้องหมูหย็องเขินๆๆๆ ให้เสร็จก่อนนะครับ แล้วเราค่อยเดินกันต่อนะ”


          เด็กน้อยที่รู้แล้วว่าอาการหน้าแดงคือเขินอาย และไม่ได้อันตรายแต่อย่างใด ยืนนิ่งรอ ไม่เอ่ยเร่งเร้า และผมก็ใช้เวลานั้นให้คุ้มค่า ด้วยการกัดปากตัวเองกันไว้ไม่ให้หัวใจทะลักออกมา


          การถูกเขาชมและทำให้ซึ้งในเวลาที่ไม่ห่าง พานพาทุกความรู้สึกให้ถูกกระชากขึ้นมาพร้อมๆกัน ความดีใจ เขินอาย ตราตรึง เหวี่ยงไปมาให้วุ่นวาย ยิ่งกว่าว่าวที่สายป่านถูกตัดขาด ความรู้สึกหลากหลายชนกันรุนแรงจนระเบิดตูมตามไม่หยุด ได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่าแก้มร้อนขนาดนี้จะไม่เป็นอะไรจริงๆหรือ ผมจะไม่ตายใช่ไหม ให้ตายเถอะ เจ้าก้อนความสุขของผมช่างร้ายกาจขึ้นทุกวัน


          “แก้มน้องหมูหย็องยังไม่หายแดงเลยครับ งั้นพี่เทมจะช่วยเขินด้วยอีกคนนะครับ”


          พี่เทมผละมือออก แล้วใช้แก้มตัวเองมาดูดสีแดงบนแก้มของผม แก้มแนบแก้ม คิดว่าจะหายไหมล่ะครับ แน่นอนว่าไม่ และให้ผลตรงกันข้ามสุดๆ ไอร้อนที่มากเกินไปเกินจะรับไหว จนได้แต่ยื่นมือสั่นๆไปแตะหน้าเขาให้ออกห่าง พี่เทมเอียงคอสงสัยก่อนยิ้มกว้างดังเดิมเมื่อผมมุดตัวเข้าอ้อมแขนเขา ใกล้ชิดจนสัมผัสได้ถึงก้อนในอกอีกที่คนเต้นรุนแรงไม่แพ้กัน


          หัวใจที่เต้นตึกตักรุนแรง ได้หัวใจอีกคนมาช่วยแบ่งเบาสานจังหวะให้เชื่องช้าอ่อนละมุน


          ยามบ่ายเช่นนี้ เหล่าเด็กนักเรียนต่างเตรียมงานกันอยู่อีกฟากฝั่ง หัวหมุนวุ่นวายอยู่ ณ โรงยิม ทำให้บนทางเท้าหินอ่อนมุ่งไปสู่ห้องเรียนไร้ผู้คนสัญจรไปมา หากมองเรื่อยออกมาจากเส้นทางหินที่ลาดยาว ภายใต้หลังคาธรรมชาติอย่างต้นไม้ใหญ่มีเด็กชายสองคนใช้ร่มเงาแอบซ่อนประพฤติตัวเกเร โดยหัวโจกก็คือท่านประธานนักเรียนผู้น่าเกรงขาม


          เสียงมวลพฤกษาต้องลมช่วยกลบเสียงดูดดึงให้กลมกลืน


          ปากนี่ใช่ไหมที่เอาแต่พูดจาน่ารักอยู่ได้


          หลังจากหัวใจสงบเชื่องช้าไม่นาน ก็เริ่มเต้นแรงในจังหวะที่ต่างออกไป คลื่นยักษ์ของความสิเน่หาซัดใส่จนต้องจับจูงเขามาลงโทษ กลีบเนื้ออ่อนนุ่มบวมแดง เด็กชายไร้เดียงสาโต้ลิ้นกลับมา หลังหายตกใจในการกระทำโผงผาง ความไม่สมควรในสถานที่ยิ่งเป็นฟืนโยนใส่ไฟให้ลุกท่วม และทั้งๆที่เป็นเพียงลิ้มรสภายนอก ไม่ได้รุกล้ำภายในโพรงปากหวาน แต่ก็หวานล้ำราวน้ำผึ้ง เร้าใจจนสติแทบขาดสะบั้น



          แรงกอดรัดรอบเอวแน่นขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่เนิ่นนาน


          ความยับยั้งชั่งใจที่ขาดออก ถูกเรียกกลับคืนมาด้วยเสียงวิทยุสื่อสาร


          ผมค่อยๆคลายติ่งเนื้อฉ่ำวาวออกจากปากอย่างเสียดาย



          สองปากที่หยุดบดเบียด แต่ก็ยังทิ้งหลักฐานการกระทำก่อนหน้า ด้วยหยาดน้ำใสที่เชื่อมต่อกัน พี่เทมมองผมตาละห้อย ทั้งๆที่เพิ่งทานข้าวมาแต่ก็มีท่าทางหิวโหย ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ตัดสายน้ำเชื่อมที่ผูกผมกับเขาเอาไว้ ก่อนอมยิ้ม นางฟ้าตัวน้อยปากยู่ท่าทางขัดใจ น่าเอ็นดูจนต้องย้ายมือที่โอบรัดเอวไปรั้งคอให้ใบหน้านั้นเข้ามาใกล้  แล้วกดจูบหอมปลอบโยน


          บอกเขาด้วยเสียงแหบกว่าปกติ “ให้อาจารย์รอนานไม่ดีนะครับ”

          “น้องหมูหย็อง น้องหมูหย็องแกล้งพี่เทม” นางฟ้าน้อยตัดพ้อ เมื่อถูกปีศาจล่อหลอกก่อนจะหนีหาย

          ผมหัวเราะ “น้องหมูขอโทษครับ น้องหมูไม่ได้ตั้งใจ ก็พี่เทมทำตัวน่ารักก่อนทำไมล่ะครับ”



          เทมปุระตาโต ก่อนส่ายศีรษะปฏิเสธความผิด



          “ไม่ใช่นะครับ น้องหมูหย็องต่างหากที่น่ารักๆๆๆ”

          “พี่เทมต่างหากครับที่น่ารัก”

          “น้องหมูหย็องต่างหากครับ น่ารักเยอะแยะมากเลย”

          “ไม่ใช่น้องหมูเหรอครับ?”


          ยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่นางฟ้าตัวน้อย พอนางฟ้าเห็นเข้า ก็รู้ว่าท่าไม่ดีจากนิ้วสองนิ้วที่ถูกชูขึ้น เตรียมสยายปีกบินหนีทันที แต่ไม่ทันได้ออกวิ่ง ก็ถูกด้ามหอกแสนยานุภาพอย่างนิ้วชี้ จั๊กจี้เข้าที่ท้องอย่างจัง



          “ฮ่าๆๆๆๆๆ น-น-น้อง--- น้องหมูหย็องครับ ฮ่าๆๆๆ อย่าจี๋ๆๆๆ เอว เอว พี่เอม เอม เทม ฮ่าๆๆๆ”

          “ยอมเป็นคนน่ารักหรือยังครับ”

          “ฮ่าๆๆๆ ยอม ยอมแล้วครับ”


          นางฟ้ากลายเป็นลูกแมวตัวเหลวในอ้อมกอด เมื่อหัวเราะเหนื่อยจนหมดแรง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเพราะพยายามดิ้นหนีนิ้วพิฆาต


          เด็กน้อยยังหัวเราะต่ออีกนิดหน่อย “พี่เทมหมดแรง หมดแรงแบบเกลี้ยงๆๆๆเลยครับ”

          “หึหึหึ ห้ามดื้อกับน้องหมูนะครับ”

          “พี่เทมไม่ดื้อ ไม่ดื้อครับ”

          “แล้วรู้หรือยังครับ ว่าใครน่ารัก?”

          “น้องหมูหย็องน่ารักครับ!”




          เจ้าเด็กดื้อตาใสคนนี้นี่



          ไม่ทันจะได้ลงโทษเขาต่อ เสียงวิทยุสื่อสารก็ดังด้วยเสียงคุ้นเคย ไอ้น้ำเกรี้ยวกราดมาตามสาย



          [ วอสามเรียกวอไอ้หมู มึงอยู่วอไหนก็ตอบกูด้วยโว้ยยยยยยยยยยยยย ไอ้ห่า ไปส่งไอ้เทมหรือว่าแม่งไปช่วยนาซ่าสำรวจดวงอาทิตย์ ไปแล้วไปลับไม่คิดจะกลับมาทำงานเลยหรือไงวะ!? ]

          [ ไอ้หมู ไอ้ประธาน ไอ้ดิมิทรี กลับมาทำงานได้แล้วเว้ยยยย ]

          [ วอแปดตอบวอหนึ่ง เจอหมูหรือยัง เจอแล้วช่วยให้บอกมาดูซ้อมจริงของพิธีกรรอบสามด้วยนะ ]

          [ วอสิบเจ็ดตอบวอแปด เดี๋ยวๆๆๆ ประธานต้องมาช่วยพวกผมก่อนสิครับพี่ ]


          เสียงโหวกเหวกมากมายดังต่อเนื่องมาตลอด จนถึงตอนนี้คงจะทำเป็นปล่อยผ่านอีกต่อไปไม่ได้

ถอนหายใจเบื่อหน่าย กรอกเสียงตอบ “วอหนึ่งตอบ อีกสิบนาทีถึงโรงยิมครับ”


          เสียงก่นด่าดังมาจากเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจ เก็บเข้ากระเป๋าดังเดิม จับนางฟ้าตัวน้อยมาจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ ก่อนจะจับจูงเข้าเส้นทางหลัก ไปห้องเรียนตามความตั้งใจเสียที หลังจากนอกลู่นอกทางมาเกือบครึ่งชั่วโมง















          กี่ครั้งก็ไม่ชิน...



          “วันนี้เดี๋ยวน้องหมูไปรับเร็วหน่อยนะครับ พี่เทมเลิกซ้อมตอนห้าโมงใช่ไหมครับ”

          “ใช่ครับ หญิงบอกตอนเข็มยาวชี้เลขห้า ให้กลับบ้านได้ครับ”

          “โอเคครับ ตั้งใจเรียนนะครับ”

          “น้องหมูหย็องก็ตั้งใจๆๆ นะครับ”


       เราสองคนมองตากัน มือยังประสานไม่ปล่อย แม้จะเอ่ยคำร่ำลาแล้วก็ตาม

          อยากพูดคุยด้วยอีกไม่รู้จบ อยากอยู่ด้วยตลอดเวลา



          แต่อาจารย์ที่ยืนรออยู่หน้าประตู ยิ้มแซวเงียบๆ พร้อมชี้มือมาที่เครื่องมือสื่อสารที่เอาแต่ร้องเรียกชื่อผมเสียงดัง เป็นเชิงบอกกลายๆ ว่าผมควรไปทำหน้าที่ได้แล้ว ถึงไม่อยากแยกตัวออกมา แต่ก็ต้องยกมือขึ้นบ๊ายบายเด็กชายตัวน้อย พี่เทมเม้มปากแน่น ก่อนจะยกมือโบกตอบด้วยใบหน้าหงอยเหงา



          ไม่ชินเลยจริงๆครับกับการต้องหันหลังเดินออกมา


          แค่ช่วงเสี้ยววิที่ต้องกะพริบตา เสี้ยววิที่ไม่เห็นหน้า ผมก็คิดถึงแล้ว ประสาอะไรกับตั้งหลายชั่วโมง



          ...ดูสิครับ หันหลังมาไม่ถึงหนึ่งนาทีก็คิดถึงจะแย่แล้ว เฮ้อ...


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 44 * 13/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 13-12-2018 19:54:58





          “เล่ามาให้หมดเลยนะโว้ย!!!”


          หลบลี้หนีมันได้ครึ่งวัน เจ้ากรรมนายเวรที่มาในรูปแบบของเพื่อน ก็เกาะหลังตามติดมาโผล่อยู่หน้ารถ ลุงคนขับทำหน้าลำบากใจ แน่ล่ะครับ ผมไม่ชอบให้ใครมาใช้รถส่วนตัวของผมกับเทม แต่ไอ้น้ำคนหน้ามึนก็ไม่สนใจ พอลุงชื่นเห็นพวกผมสองคนเดินมา ก็เปิดประตูรอรับ แต่เจ้าของไม่ทันได้ก้าวขึ้น ก็มีคนวิ่งแทรกขึ้นไปนั่งก่อน ยังดีที่มันมุดไปนั่งเบาะหลัง ถ้านั่งทับรอยเทมนี่โดนผมต่อยหน้าแหกแน่ๆ


          ตั้งใจจะไล่ให้มันลง แต่เทมปุระก็ตื่นเต้นจนรีบทักขึ้นเสียก่อน


          “น้ำ น้ำ น้ำจะกลับบ้านกับเทมกับน้องหมูหย็องเหรอครับ”

          “เออ ขอกลับด้วยคนดิ”


          พี่เทมหันมามองอ้อนขอกับผม แล้วผมจะทำอะไรได้ครับ นอกจากยิ้มให้แล้วพยักหน้า


          “เย้ๆๆๆ แล้วเต้ เต้กลับด้วยไหมครับ เหมือนตอนไปทัดสะนาจึกจาเลยครับ นั่งด้วยกันๆๆๆ”

          “ไอ้เต้ไม่มาว่ะ ซ้อมบาสยาวๆไป”

          ผมหันหน้าออกจากวงสนทนากับอเล็กเซย์ ช่วยแก้คำผิด “ทัศนศึกษาครับพี่เทม”

          “ทัศนศึกษาครับ”

          พยักหน้าพอใจ ก่อนหันมาคุยธุระต่อ “งั้นผมจะให้รถมารับตอนสองทุ่มนะครับ มีทั้งหมดแปดคน อาจจะต้องแบ่งเป็นสองคัน”

          “ไม่ต้องลำบากหรอกหมู คันเดียวก็ยัดกันได้ มาเป็นขบวนรับส่งทุกวันก็เกรงใจแล้ว นี่ยังต้องมาแบ่งรอบรับอีก”

          “ไม่เป็นไรครับ สองทุ่มเจอกันครับ”

          “เอางั้นเหรอ...ได้ๆ ขอบใจมาก”


          กำชับอะไรอีกนิดหน่อยก็ปลีกตัวมาขึ้นรถ บนรถเห็นเทมกำลังปีนเบาะคุยกับน้ำอยู่ ก็ต้องจับเขานั่งลงดีๆก่อนจะรัดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย พี่เทมหันมาพูดขอบคุณ แล้วจัดการคาดให้ผมบ้าง พอรถออก เราคุยกันจนลืมคนด้านหลังเสียสนิท


          “เดี๋ยวๆ มีกูด้วยโปรดอย่าลืม ไอ้หมูมึงรีบอธิบายมาเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย!”


          หน้าตาจริงจังของไอ้คนตัวเล็กบอกชัด ว่าถ้าไม่ได้เค้นคำตอบทั้งหมด ก็จะตามติดเป็นปลิงไม่ยอมจากไปไหน


          “ไม่ลืมๆๆ น้ำนะครับ”

          “บอกไม่ลืม แต่การกระทำนี่สวนทางสุดโต่งมากเพื่อนกู แบบนี้มันต้องเอาความลับมึงมาขู่สักหน่อยแล้ว ถ้าลืมกูอีก จะเอาความลับมาบอกไอ้หมูดีไหมน้า”

          เทมปุระตาโต เอานิ้วชี้จรดปากตัวเอง ทำเสียงชู่ๆไม่หยุด มือไม้โบกกันเป็นพัลวัน ถ้าไม่ติดสายรัดรั้ง นี่มีคนโดนตบหัวทิ่มๆแน่ล่ะครับ เอ่ยถามเสียงเย็น "อยากโดนโยนลงจากรถหรือยังไงครับ"



          ได้ยินเสียงอีกฝ่ายกลืนน้ำลายดังอึก



          “ล้อเล่นเฉยๆ พ่อก็หยวนให้กูหน่อยเถ๊อะะะ เทม มึงใจเย็นก่อน กูล้อเล่น ไม่บอกไอ้หมูหรอกน่า”

          เทมถอนหายใจโล่งอก “น้ำๆๆบอกไม่ได้นะครับ บอกแล้วความลับจะรั่วๆๆไหลๆๆนะครับ น้ำบอกเทมเองนะครับ ว่าต้องจุ๊ๆๆๆเอาไว้”





          อ๋อ...ไอ้ปลิงตัวนี้เองสินะ ที่มาเป่าหูเด็กน้อยของผม ให้เรื่องมันใหญ่โตกับความลับกีฬาสีน่ะ มันน่าจับมาโรยเกลือแล้วเผาไฟไม่ให้เหลือแม้แต่ตอตะโกจริงๆ หรี่ตามองมันผ่านกระจก แล้วได้แต่นึกสงสัย




          ...บนรถมีไฟแช็คไหมนะ…




          “ครับผมครับๆ เดี๋ยวสิ...กูไม่ได้มาเล่นนี่หว่า! ไอ้หมู มึงอธิบายมาเลยทำไมต้องไอ้ห่าคาร์โลวะ”




          น้ำหันขวับมาเค้นคอผมต่อ หลังจากเผลอหันไปพูดคุยกับเทมเสียเพลิน อันที่จริงผมไม่ต้องอธิบายก็ได้ครับ แรงกดดันจากน้ำ ไม่ได้ระคายผมแม้แต่น้อยนิด แต่ที่ยุ่งยากก็เพราะน้ำก็ดันเป็นเพื่อนของเทมคนหนึ่ง เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เทมรู้จักและสนิทด้วย ถ้าเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่ในอนาคตไม่ถูกกัน เจ้าตัวก็คงรู้สึกไม่ดี และขึ้นชื่ออะไรที่ไม่ดี ผมก็จะไม่ให้มาเข้าใกล้เทมปุระเด็ดขาด




          หยิบไอแพดมาเปิดเกมระบายสีให้พี่เทมเล่น เขารับไปด้วยท่าทางดีอกดีใจ ในระหว่างที่มือยังเจ็บ ผมไม่ให้เขาจับปากกาหรือดินสอสีเลยครับ การบ้าน การเรียนทุกอย่าง ถูกพิมพ์ด้วยการแตะๆจิ้มๆบนแท็บเล็ตเท่านั้น และยังจำกัดเวลาในการใช้ด้วย



          พอได้เกมแต่งแต้มสีพี่เทมก็เข้าสู่โลกส่วนตัว มองจนแน่ใจ ว่าเขาจดจ่อกับแท็บแล็ตแล้ว ก็หันมามองหน้าตอบคำถามเพื่อนตัวเอง




          “เขาเป็นบอดี้การ์ดมืออาชีพ”

          “แล้วยังไงวะ!? บ้านมึงขาดบอดี้การ์ดหรือไง ถ้าขาดเอาของบ้านกูไปก็ได้ จะเอาสองคนหรือสิบคนก็บอกมาเลย เดี๋ยวกูบอกหม่อมแม่หามาให้”

          “เก็บเอาไว้ให้ช่วยดูแลคุณหนูไม่มีสมองเถอะครับ บอดี้การ์ดผู้ใหญ่ผมจะเอามาเพิ่มให้รกบ้านทำไม ตามติดเข้าห้องเรียนได้ด้วยหรือเปล่า...ก็ไม่ ตอนนี้เรายังอยู่ในวัยเรียนนะครับน้ำ เวลามากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์คือการใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียน ในโรงเรียนที่อันตรายเยอะแยะไปหมด ถ้ามีเรื่องแล้วผมจะสบายใจได้ยังไง ในเมื่อทีมช่วยเหลือต้องใช้เวลาหลักนาทีในการเข้ามาหา ไม่ใช่สามารถยื่นมือเข้ามาช่วยได้ในทันที...รู้ใช่ไหมครับ ว่าพื้นที่ข้างตัวผมอันตราย และมันจะอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีน้อยลง”


          และเทมก็เป็นคนพิเศษ เขาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เวลาเจออันตราย ร้องหาให้ใครช่วยยังยาก แม้ใจผมจะอยากตามติดเขาไปทุกหนทุกแห่ง ปกป้องเขาทุกเวลา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ ในความเป็นจริงคือทุกคนมีหน้าที่ แม้จะเวลาแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง ผมก็ต้องการคนที่ตามไปเฝ้าคนสำคัญผมได้ตลอดเวลาในช่วงที่ผมไม่อยู่



          น้ำเม้มปากแน่นอย่างดื้อดึง



          “มึงก็มีกูกับเต้ แล้วก็คนอื่นๆ ช่วยดูเทมแล้วไงวะ”

          “ใช่ครับ แต่ก็ไม่ใช่มืออาชีพ และทุกคนก็มีหน้าที่เป็นของตัวเอง จะให้ผมพาเทมไปฝากคนนู้นทีคนนี้ทีไม่ได้หรอกนะครับ นอกจากความเกรงใจแล้ว ที่สำคัญคือเทมไม่ใช่สิ่งของไร้ความรู้สึก การโดนโยนไปมาจะทำให้อารมณ์เขาไม่มั่นคง”


          น้ำหันไปมองเพื่อนสนิทอีกคนของตัวเอง แล้วมีท่าทางอ่อนลง แต่ก็ยังหันมาเถียงต่ออย่างไม่ยอมง่ายๆ


          “ก็แล้วทำไมต้องเป็นไอ้คาร์โลวะ กูไม่ถูกกับมันนะเว้ย มันแม่งชอบแย่งแฟนกูอ่ะ!”

          “บอดี้การ์ดมืออาชีพที่อายุน้อยไม่ได้หายาก แต่คนที่จะเข้ากับเทมได้หายากครับ ไม่นับฝีมือการต่อสู้ของเขาที่ผมให้เกือบผ่าน ไหนเขาจะยังเป็น ‘นักเรียนทุนเรียนดี’ อีก”




          ทุนเรียนดีของสิงหสารสารทวิทยา เป็นทุนที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศ ที่ไม่ว่าใครก็ขวนขวายอยากได้ แต่ความยากที่จะได้มานั้นอยู่ในระดับยากสุดๆ ไหนจะต้องประคองการเรียน และเข้าแข่งขันชิงเหรียญทองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อคงรายชื่อให้ยังอยู่

          ที่กฎยุ่งยากก็เพราะเป็นทุนให้เปล่าไม่ต้องคืน ที่ช่วยค่าใช้จ่ายทั้งหมดระหว่างเรียน ใช่ครับ ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ ค่าทัศนศึกษา ค่าที่พัก ค่าอุปกรณ์การเรียน โน๊ตบุ๊ครุ่นล่าสุด โทรศัพท์รุ่นล่าสุด ค่าที่อยู่ เสื้อผ้า ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าเที่ยว ค่าพักผ่อน อยากจะเรียนพิเศษอะไรเพิ่มเติมก็สามารถมาขอได้ทันที กระทั่งช่วงปิดเทอมยังมาขอเบิกเงินไปตะลอนได้ ในงบที่เยอะพอจะไปโซนยุโรปได้หลายสิบวันเลยล่ะครับ


          มันไม่ใช่แค่ดี


          แต่ยังเป็นใบการันตีชั้นดี ว่าคุณคือหัวกะทิในหมู่เด็กหัวกะทิ ทุนมีโควต้าเป็นร้อย แต่เด็กนักเรียนที่คว้ามาครองได้มีแค่สิบเอ็ดคน สิบเอ็ดคนในหลายหมื่นที่สอบแย่งชิง...แน่นอนว่าไม่ใช่ธรรมดา


          การได้คนฉลาดมาอยู่รอบตัวเด็กน้อย ถือว่าเป็นเรื่องดีต่อการซึมซับความรู้

          ...ให้มีคนโง่เง่าอยู่รอบตัวเทมแค่คนบนเบาะหลัง คนเดียวก็เกินพอแล้วครับ...



          น้ำอ้าปากค้าง


          “ไอ้เหี้ย...มึงล้อกูเล่นปะวะเนี่ย หน้าแม่งไม่บ่งบอกว่าเป็นเด็กเรียนเลยสักนิด หน้าตาอย่างมัน บอกกูว่าเป็นหัวหน้าแก๊งยากูซ่า ยังเชื่อง่ายกว่าอีก”

          “แล้วเปียดูเป็นเด็กเรียนไหมล่ะครับ”


          เลขาในสภานักเรียนของผมก็เป็นหนึ่งในสิบเอ็ดคนของนักเรียนทุนผู้หายาก เธอสวย วางตัวดี ฉลาด รู้กาลเทศะ ไหวพริบฉับไว รับมือสถานการณ์ได้ดี อะไรควรไม่ควรก็ตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ รับผิดชอบ จัดการงานได้อย่างว่องไวและเรียบร้อย นอกจากคาร์โลที่ผมหาให้เทมแล้ว เปียก็เป็นอีกคนที่ผมหาไว้ให้ตัวเอง เธอเหมาะจะมาเป็นเลขาจริงๆของผมในอนาคต แต่แน่นอนครับว่าทั้งคู่ต้องไปเรียนเพิ่มเสียก่อน



          น้ำอ้ำอึ้ง ปฎิเสธความจริงไม่ได้ว่าเปียสวยมาก สวย เก่ง และดีขนาดที่พี่เนศประธานนักเรียนอีกคนตามจีบมาหลายปีก็ยังไม่ยอมแพ้นั่นแหละครับ


          “แม่ง...เด็กเรียนโรงเรียนเราผ่าเหล่าผ่ากอตำราเด็กเนิร์ดชิบหาย…แต่...แต่นิสัยมันก็ดูไม่โอเคเปล่าวะ ชอบมาขัดขวางคนอื่นแบบนี้อ่ะ คิดดูดิ มันจะไม่มาแย่งขนมไอ้เทมหรือแกล้งไอ้เทมเหรอวะ”




          มีแต่มึงนั่นแหละครับน้ำ ที่ชอบมาแกล้งเทม




          “ที่เขาไปขวางก็ทำตามหน้าที่ ผู้หญิงที่ไปจีบก็ล้วนแต่เป็นคุณหนูที่เขาต้องดูแลทั้งนั้น มองในมุมกลับใครกันแน่ที่ไปขัดขวางหน้าที่การงานเขาครับ ลองคิดดูให้ดีๆ”



          แต่คนดื้อก็ยังคงดื้อ ถึงหน้าตาจะยอมรับไปเยอะแล้ว แต่ปากก็ยังอ้า ตั้งท่าจะต่อปากต่อคำอีก ผมที่รำคาญเกมตอบคำถามนี้เต็มที ชั่งใจเล็กน้อยว่าควรเอาข้อมูลส่วนตัวของฝ่ายตรงข้ามมาบอกดีไหม เหลือบตามอง ก็เห็นเทมกำลังจะเล่นระบายสีเสร็จ เมื่อเด็กน้อยระบายเสร็จคงไม่แคล้วหันหน้ามาโชว์ให้ผมดู ผมไม่อยากให้เขารับรู้อะไรเท่าไหร่ จึงตัดสินใจเล่าให้น้ำฟัง เพื่อตัดจบเรื่องให้รวดเร็วที่สุด



          น้ำเป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน เป็นพวกขี้สงสาร


          หยิบจุดอ่อนอีกฝ่ายกำไว้แน่น “แล้วรู้ไหมครับว่าทำไมเขาต้องมาทำงานเสี่ยงอันตรายขนาดนี้? ทั้งๆที่เป็นนักเรียนทุนก็สบายไปจนเรียนจบ" เว้นวรรคมองสีหน้าคนด้านหลังที่เริ่มไม่สู้ดี ยกยิ้มมุมปากแล้วตีหน้านิ่งขรึมเอ่ยต่อ

           "คาร์โลเป็นเด็กกำพร้าครับ และยังเป็นเด็กกำพร้าที่มีภาระมากมาย... เขามีพี่น้องที่ไม่เกี่ยวพันทางสายเลือดอีกสิบคน พี่น้องอีกสิบคนที่เป็นเด็กกำพร้าพิการ หรือไม่ก็ป่วยจนทางศูนย์รับเลี้ยงออกค่าใช้จ่ายให้ไม่ไหว ได้แต่ปล่อยให้รอความตายมาเยือน แต่เขาก็ช่วยรับมาเลี้ยงไว้เอง ออกค่าใช้จ่ายทุกอย่าง"



          หย่อนระเบิดลูกสุดท้าย



           "นอกจากนั้นยังส่งเงินให้บ้านเด็กกำพร้าที่ตัวเองโตขึ้นมาทุกๆปี เป็นแบบนี้แล้ว... ก็ยังคิดว่าเขานิสัยแย่อยู่หรือเปล่าครับ?”



          น้ำเงียบกริบและซีดเผือด


          จบเกมแล้วครับ



          ใช้เวลาสองสามนาที ไอ้คนตัวเล็กของกลุ่มก็เอ่ยเสียงอ่อย


          “ก็ ก็ถ้ามันมาขอโทษกู กูก็จะถือว่าทุกเรื่องไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกัน…”

          “ใครกันแน่ครับที่ต้องขอโทษ ไปจีบลูกสาวเจ้านายเขาแบบนั้น แถมยังวิ่งมาฟ้องเพื่อนให้ไปหาเรื่องเขาอีก”


          ไอ้น้ำทำท่าขัดใจเหมือนถูกผมบีบบังคับ “เอออออออออออออ กูไปขอโทษก็พอแล้วใช่ไหมล่ะ โว้ยยย!! แม่งๆๆๆๆๆ ไอ้หมูแม่งงงงง &^%&^#*&*&”


          ฟังคนด้านหลังรถบ่น น่ารำคาญจนต้องหยิบหนังสือปาข้ามเบาะให้มันเงียบเสียงน่าหนวกหูลง จะได้ไม่กวนเทมที่ตั้งอกตั้งใจระบายสี



          ทำผิดแล้วไปขอโทษตรงๆ ยังไม่กล้า ใช้ไม่ได้เลยครับ สู้พี่เทมของผมไม่ได้เลยสักนิดเดียว










***







          นาฬิการ้องเตือนแจ้งบอกเวลาสามทุ่มครึ่ง รีบทิ้งทุกอย่างไว้ด้านหลัง สองเท้ารีบก้าวยาวๆไปหยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อ ก่อนจะหมุนตัวออกไปจากสนาม ระหว่างทางเพื่อนนักกีฬาหลายคนก็โห่ร้องแซวไม่หยุด


          “อ้าว ไปไหนวะหมู?...อ๋อ...ถึงเวลาไปส่งเทมเข้านอนแล้วดิ”

          “ตรงเวลาจังเลยว่ะท่านประธานนักเรียน”

          “ฝากบอกเทมว่าฝันดีด้วยนะจ๊ะหมู”

          “อยากจะแหมมมมมมมมมมมมมให้ยาวไปถึงเชียงใหม่ ดูแลดี๊ดีเนอะ ไม่ขาดตกบกพร่องจริงๆคนนี้”



          และอีกมากมายที่ผมไม่ได้หันไปสนใจหยุดตอบ แค่เพียงพยักหน้ารับส่งๆ แล้วปลีกตัวออกมาขึ้นลิฟต์อีกตึก แตะนิ้วสแกน รอลิฟต์ลงมารับ ทุกอย่างความเร็วเท่าเดิมในทุกวัน แต่วันนี้ผมรู้สึกว่ามันช้าเป็นพิเศษ อาจจะเพราะใจกำลังร้อนรน ชักช้าไม่ได้แล้วครับ เดี๋ยวเด็กน้อยจะนอนดึกเกินไป วันนี้ตั้งใจให้เขานอนเร็วกว่าปกติ จะได้เพียงพอสำหรับการตื่นเช้าในวันพรุ่งนี้



          ส่วนอีกเหตุผลที่เร่งเร้า ผม...รุู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีด้วย...



          ถึงชั้นส่วนตัวประตูลิฟต์เปิดออก นึกขัดใจกับความกว้างของบ้านตัวเองก็วันนี้ เสียเวลาเดินออกจากโถงกว้างไปถึงหน้าประตูบานใหญ่อีกสองนาที กดรหัส วางนิ้วสแกนอีกครั้ง



          ประตูบานใหญ่เคลื่อนตัวอ้ากว้าง


          ภาพที่เผยให้เห็น เป็นอะไรที่ทำเอาความเหนื่อยจากการฝึกซ้อมหลายชั่วโมงหายไปหมดเกลี้ยง และแทนที่ด้วยความตกตะลึง ปากอ้าค้างหมดภาพลักษณ์ท่านประธานนักเรียนดิมิทรีผู้เงียบขรึม



          ส่งเรียกเรียกชื่อเขาออกไปอย่างตื่นตกใจ




          “พี่เทมครับ!?!”
















end 44 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง


โซเฟียริน
zofiarin lll moore






หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 44 * 13/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 13-12-2018 20:59:42
 :pig4: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 44 * 13/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 13-12-2018 22:05:45
ห่ะ เป็นอะไร?
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 44 * 13/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 15-12-2018 11:08:31
 o18 o18
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 45 * 18/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 18-12-2018 19:25:07






  45








          จากงานยุ่ง ประชุม ซ้อมหนัก คุณตาปั่นหัว คุยโทรศัพท์ดึกดื่น แล้วพอนึกถึงตารางกิจกรรมของทั้งวัน หลังออกกำลังกายและอาบน้ำแต่งตัว กาแฟดำเข้มๆ คือสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดในตอนนี้


           เอสเพรสโซ่ดับเบิ้ลช็อตหอมกรุ่นยามเช้ามืด ช่วยให้สติเข้าที่เข้าทาง หลังจากบอกบาริสต้าให้ทำกาแฟใส่กระติกเก็บความร้อนไว้สำรอง บอกแม่ครัวให้เตรียมอาหารเช้าไปทานบนรถ ก็ได้เวลาไปปลุกองค์ชายน้อย ระหว่างหันหลังออกจากห้องอาหาร ก็ต้องหยุด เฮียปลาหย็องเดินสะโหลสะเหลพร้อมกระเป๋าสะพายใบโตบนไหล่ มีอดีตพี่เลี้ยงว้าวุ่นหิ้วปีกอยู่ด้านหลัง กำลังพากันเดินลงบันไดตรงมาในห้องทานข้าว


          "คุณหนูครับ! เดินดีๆสิครับ รถรออยู่หน้าบ้านแล้ว จะมาล้มกลิ้งหัวแตกตอนนี้ไม่ได้นะครับ แล้วข้าวเช้าก็เป็นมื้อสำคัญสำหรับวัยกำลังโต ไม่ทานไม่ได้นะครับ!" ว่าแล้วก็ดึงแขนคนตัวใหญ่กว่าตัวเองขึ้นพาดบ่า สงสัยจะกลัวคุณชายใหญ่กลิ้งตกบันไดคอหักตายน่ะครับ


          "บอกแล้วไงซาล เราโตแล้ว อย่าเรียกเราว่าคุณหนู! แล้วนี่ตีสี่นะตีสี่ กระเพาะเรายังไม่ตื่นเลยเถอะ ดีไม่ดี น้ำย่อยก็ยังนอนอุตุอยู่เลยมั้ง ฮ้าวว ง่วงชะมัด...อ้าว...หมูหย็องเหรอ ว่างายยยคะคุณหลวงงงง" เฮียปลาหย็องโบกมือด้วยท่าทางแห้งเหี่ยว สงสัยจะเหนื่อยจริงครับ โหมดจำปาเลยโผล่ออกมาแบบครึ่งๆ กลางๆ


          คุณซาลที่กำลังแบกซากเฮียปลา พอหันมาเจอผมก็รีบก้มหัวให้ จังหวะที่ผละมือออก เตรียมประสานกลางลำตัวแล้วโค้งคำนับ เขาเผลอปล่อยคนในอ้อมแขน มนุษย์แห้งเหี่ยวไร้เรี่ยวแรงเสียหลัก เกือบได้ออกข่าวหน้าหนึ่งว่าด้วยการตายแสนน่าอับอาย ดีว่าบุรุษในชุดสูทรีบใช้มือดึงผมคุณหนูของตัวเองไว้ได้ทัน


          "อ๊ากกกกกกกกกกกกก หัวจะหลุดแล้ว! หลุดแล้วๆๆๆ  หลุดไปหรือยัง หลุดแล้วใช่หม้ายยยยยย!?"


          "คุณหนูครับ!?! ผมขอโทษครับ! ไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงผมจะร่วงออกมาหลายกระจุก แต่ศีรษะยังอยู่ดีครับ!"


          ผมมองละครลิงตรงหน้าด้วยสายตาเฉยชา พี่เลี้ยงของเฮียปลาหย็องกระวีกระวาดเขย่งตัวขึ้นมองหัวของคุณหนูตัวเอง ใช้เวลาสักพัก กว่าเฮียปลาจะเลิกโวยวายว่าหัวหลุด


          "อรุณสวัสดิ์ครับคุณดิมิทรี ผมต้องขออภัยด้วยครับ! ที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อพี่ชายของคุณหนู"


          กิริยาไม่เหมาะสม แต่ช่วยอาเฮียไม่ให้หัวทิ่มกระแทกพื้นตายอนาถ ผมไม่ถือหรอกครับ จะกระชากจนหนังหัวหลุด ผมก็ไม่ว่าอะไร


          "อรุณสวัสดิ์ครับคุณซาล เฮียจะกลับมหาลัยแล้วเหรอครับ?"


          "ใช่แล้วค่ะ เดี๋ยวคืนนี้คุณลุงขายปิ้งไก่จะกลับมาแล้ว จำปาก็หมดหน้าที่ดูคุณหลวงกับนายท่านด้วงสักที ถึงเวลาที่จำปาต้องกลับไปทำหน้าที่นางงามรักษ์โลกตามคำเรียกร้องของมนุษยชาติต่อ แต่ถ้าคุณหลวงคิดถึง ก็ไปหาจำปาที่มหาลัยได้นะคะ อ้อ ส่วนคุณหญิงแม่เลื่อนวันกลับค่ะ กลับอีกทีใกล้ๆคริสต์มาสเลย ส่วนลูกคนใช้จะกลับมาแปะมืออีกทีหนึ่งก็วันพุธหน้า"


          คุณลุงขายปิ้งไก่ก็คือคุณป๊าน่ะครับ ส่วนลูกคนใช้ก็คือเจ้ไก่หย็อง บ้านผมถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ เฮียปลาหย็องหรืออาเจ้ไก่หย็องก็ต้องอยู่แทน ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนอยู่บ้านเสมอ ...ว่าแต่ว่า อาทิตย์ก่อนยังเรียกไก่หย็องน้องรักอยู่เลย อาทิตย์นี้เป็นลูกคนใช้ไปซะแล้ว จำปาเลื่อนสถานะให้รวดเร็วยิ่งกว่าต้มบะหมี่เสียอีก


          "ช่วงนี้เฮียว่างหรือครับ ไม่ใช่ว่ายุ่งๆ กับการหาเงินแข่งกับเจ้ไก่กับเฮียเนื้อหย็องเหรอครับ"


          "กรี๊ด! ซาล! นายบันทึกเสียงไว้หรือเปล่า น้องชายใส่ใจจำปา น้องชายรักจำปา! น้ำตาจะไหล ถึงจำปาจะยุ่งกว่านี้ ก็จะแยกร่างมาหาคุณหลวงและนายท่านด้วงได้เสมอเจ้าค่ะ แน่นอนว่าคุณหลวงเทม จำปาก็ต้องมาหาบ่อยๆ เพราะคุณหลวงเทมตัลร้ากกกก"


          พี่ชายตัวโตมีท่าทีดี๊ด๊า ด้วยเพราะนานๆ ที น้องชายที่มักจะทำตัวเหินห่างถึงจะถามอะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง เฮียปลาหย็องดวงตาแจ่มใส มองตรงมาเหมือนอยากให้ผมถามเขาอีก ผมหลุบตามองแก้วกาแฟในมือก่อนค่อยๆ ไล่สายตามองใบหน้าที่มีความคล้ายคลึงกับของตัวเอง


          เอ่ยถามเสียงเรียบเรื่อย "เฮียไปทำอะไรที่โรงเรียนผมเหรอครับ" ผมถามถึงเรื่องที่อยากรู้


          หลังจากลุงยามถามถึงคนนามสกุลเหมือนผมเข้ามาในโรงเรียนหลายครั้งในสองเดือนมานี้


          "เฮ้ย! น้องรู้ได้ไง!?...อุ้ย จำปาหมายถึงคุณหลวงรู้ได้อย่างไรหรือเจ้าคะ?"


          "เข้าไปทำอะไรครับ?"


          "ก็ ก็เข้าไปเล่นๆ เฉยๆ อ-เอ่อ...อ๋อ! ก็วงนักร้องที่คุณหลวงเอามาใช้เปิดตัวงานแสดงตอนสิ้นปี เป็นเพื่อนของจำปาเองค่ะ ก็เลยติดรถมาเยี่ยมคุณหลวงด้วยยังไงล่ะคะ"


          บอกว่ามาเยี่ยมผม แต่ผมไม่เคยเจอหน้าพี่ชายตัวเองสักครั้ง แถมคำตอบก็เหมือนเจ้าตัวเพิ่งจะคิดขึ้นได้ เมื่อตอนผมถามด้วยซ้ำ หรี่ตามองชายร่วมสายเลือดตรงหน้าอย่างจับผิด ดวงตาสีฟ้าเข้มดูล่อกแล่ก ท่าทางลุกลี้ลุกลน  พอสู้สายตาผมไม่ไหว อีกฝ่ายก็คว้าพี่เลี้ยงที่ยืนมองเพดานอย่างไม่เป็นธรรมชาติมาจับแขน เตรียมโกยอ้าวหนี


          "ต๊าย! จะตีสี่ครึ่งแล้ว จำปาต้องไปแล้วล่ะค่ะคุณหลวง มีใครก็ไม่รู้โทรเรียกจำปาแล้วค่ะ ใช่ไหม? ใช่ไหมซาล? เราต้องไปกันแล้วเนอะ!?"


          "ใช่ ใช่ครับคุณหนู! พวกผมขอตัวก่อนนะครับคุณดิมิทรี"



          หมับ



          ผมจับต้นแขนเฮียไว้แน่น เงยหน้าสบตาคนสูงกว่า บอกเขาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ภาษาบ้านเกิดและชื่อจริงถูกนำมาใช้ แสดงถึงความเข้มข้นของความจริงจัง "โจเชฟ...พี่รู้ใช่ไหม ว่าเส้นไหนข้ามได้ เส้นไหนข้ามไม่ได้...อย่าเล่นมากเกินไป"


          เอ่ยเตือน เมื่อผมเห็นในกล้องวงจรปิด เขาเข้าไปหาเทมในห้องเรียนพิเศษ ผมรู้ครับ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดผมแล้ว สองคนนี้ก็คงจะหาวิธีเซอร์ไพรส์วันเกิดให้เหมือนเคย แต่วิธีการวางแผนบางครั้งก็ไม่เข้าท่า อย่างสองปีก่อน เป็นการเซอร์ไพรส์ด้วยการให้เทมถือเค้กแล้วเข้าไปอยู่ในกล่องของขวัญขนาดใหญ่ แต่เพราะเฮียไม่ได้บอกคนรับใช้เอาไว้ เหล่าพ่อบ้านจึงเข็นกล่องของขวัญยักษ์ไปเก็บในห้องเก็บของ รวมกับของขวัญมากมาย เล่นเอาวุ่นวายกันไปหมด เพราะเฮียจำกล่องของขวัญที่ใส่เทมเอาไว้ไม่ได้ กว่าเราจะหากล่องที่เทมอยู่เจอ เด็กชายของผมก็ร้องไห้ในกล่องมืดๆ เงียบๆ คนเดียวเป็นชั่วโมง


          "เฮียรู้แล้วน่า...ไม่มีอะไรมากหรอก เอ่อ...อันที่จริงมันก็มีมากอยู่ แต่มันก็...เฮียบอกไม่ได้จริงๆ เอาไว้เดี๋ยวน้องก็รู้เอง"

          "กฎ?"

          "ไม่มีละเมิดสักข้อ สาบาน! ปลอดภัยชัวร์ล้านๆๆๆ เปอร์เซ็นต์! ...ให้ตายเถอะ นี่พี่กำลังทำเรื่องดีๆ อยู่นะ นายต้องเชื่อใจพี่สิน้องรัก" เขาครวญตอบด้วยภาษาเดียวกัน เรามองสบตากันชั่วครู่ ก่อนผมจะปล่อยแขนเขาออก หลังปล่อย รอยแดงปรากฏบนแขนที่มีมัดกล้าม สีแดงตัดขาวดูโดดเด่น

          "อย่าให้เทมทำอะไรแปลกๆ เพราะความคึกคะนองของพี่นะโจเชฟ เขายังเด็ก"

          "รู้แล้ว รู้แล้ว ครั้งนั้นมันแค่อุบัติเหตุ พี่สะเพร่าไปหน่อย พี่ขอโทษ"

          "ห้ามเกิดขึ้นครั้งที่สอง"

          "รับทราบครับน้องชาย"

          มองดวงตาสีฟ้าสะท้อนความจริงจังกลับคืนมา พยักหน้าตอบรับการเล่นซนของพี่ชายตัวเองและเด็กน้อย แล้วหันหลังเดินออกจากห้องอาหาร ก่อนจะนึกได้ถึงอีกเรื่องที่สำคัญ หันไปบอกพี่ชายที่กำลังหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ "อีกเรื่องนะครับเฮีย"

          "อะไรเหรอคะคุณหลวง"

          "เลิกใส่หมวกขนนกสีรุ้งปิดบังตัวเองเวลาไปโรงเรียนผมด้วยครับ มันไม่ได้เนียนเลยสักนิด แถมมองแล้วรู้ทันทีอีกต่างหากว่าเป็นใคร ชุดแม่วัวโชว์สะดือนั่นก็เหมือนกัน...ถือว่าขอนะครับ มันดูโรคจิตน่ะพี่ชาย"


          เฮียปลาหย็องอ้าปากหวอ

          ข้างกันมีคุณซาลยกมือกุมหัวแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ "...ผมเตือนแล้ว คุณหนูก็ไม่เชื่อ..."






***



          แกะแผ่นเจลใต้ตาคนยังหลับสนิทออก ลูบใต้ตาที่แทบจะไม่บวมเลยอย่างพอใจ

          แต่การปลุกไม่ค่อยราบรื่นนัก เมื่อเด็กชายตั้งท่าแต่จะรั้งผมกลับขึ้นไปนอนด้วยกันต่อบนเตียง ท่าทางดื้อดึง คิ้วขมวดปากยื่นเป็นพิเศษ เป็นพี่เทมคนดื้อ เป็นพี่เทมคนงัวเงียที่ถ้ายังฝืนปลุก จะได้เทมปุระฉบับงอแงไปทั้งวัน แต่วันนี้พี่เทมจะงอแงไม่ได้ครับ ถ้าเป็นวันที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่เป็นอะไรเลย ออกจะชอบเวลาเขางอแงให้ตามเอาใจด้วยซ้ำ เทมที่ติดผมหนึบแล้วไม่อยากให้ใครมายุ่งด้วยน่ารักจะตาย  แต่วันนี้แค่ช่วงเที่ยง ผมยังหาเวลาพักกลางวันตัวเองไม่เจอ


          ยิ้มขำคนกอดแขนผมแน่น แล้วละเมอว่ากำลังหม่ำแคนดี้ยักษ์ จนดูดแขนผมดังจ๊วบจ๊าบ น้ำลายไหลเยิ้ม ตัดใจปลุกเขาต่อไม่ลง เมื่อคืนเขาทั้งนอนดึกผิดเวลา ทั้งร้องไห้ โดนคุณตาแกล้งให้หัวหมุน ผมกลับไปใช้แผนแรกที่คิดเอาไว้
             

          ทางเลือกให้เขาไปหลับต่อบนรถ ดูเป็นอะไรที่เข้าท่า เหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุด


          เดินไปหยิบถังน้ำและผ้าเช็ดตัว เช็ดหน้าเช็ดตาคนหลับสนิท จับเขาพลิกตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ร่างสูงที่ห่อตัวเพราะความหนาวจากเครื่องปรับอากาศ ดูน่ากลั่นแกล้งจนเผลอจับเขาฟัดไปหลายนาที พอแต่งตัวให้เขาเสร็จ จึงเรียกพ่อบ้านมาช่วยอุ้มเขาลงไปขึ้นรถ


          พี่เทมยังคงหลับตาพริ้มไม่มีวี่แววตื่นมาตลอดทาง กระทั่งผมให้คนพาเขาเข้าไปนอนในห้องกรรมการนักเรียนก็ยังไม่รู้สึกตัว ถ้าผมเป็นนาฬิกาตื่นตามเวลา องค์ชายนิทราก็คงจะเป็นนาฬิกาตื่นตามชั่วโมง ถ้าหลับได้ไม่เต็มอิ่มครบเจ็ดชั่วโมงก็จะไม่ยอมตื่นล่ะมั้งครับ


          ผมมองเวลา คิดว่าเทมน่าจะตื่นอีกทีตอนแปดถึงเก้าโมง ทันเวลาขึ้นสแตนด์พอดี


          ช่วงเช้าถึงเที่ยงจะเป็นการกล่าวพิธีเปิดงาน การแสดงเล็กน้อยจากเหล่านักเรียน เปิดให้เดินซุ้มร้านค้าต่างๆ และเริ่มต้นการแข่งขันด้วยการประกวดเชียร์ของสแตนด์ ซึ่งเป็นตอนช่วงบ่าย ตามด้วยการแข่งกีฬาตามลำดับ


          กีฬาสีโรงเรียนเรามีแข่งทั้งหมดสามสิบอย่างครับ ฟุตบอล ตะกร้อ ว่ายน้ำ วิ่งแข่ง หมากกระดาน อีสปอร์ต และอีกมากมาย โดยแบ่งแข่งวันละห้าอย่าง เท่ากับสามสิบชนิดครบหกวันพอดี วันสุดท้ายจะเป็นการประกาศรางวัล ซึ่งนอกจากผู้ชนะเลิศในการแข่งกีฬาชนิดนั้นๆ แล้ว ก็ยังมีประกาศคะแนนสีชนะเลิศอีกด้วย เป็นการเอาคะแนนทุกอย่างมารวมกัน กีฬาเจ็ดสิบยี่สิบ อย่างอื่นอีกสิบ


          คะแนนพิเศษอีกสิบเปอร์เซ็นต์ก็เปลี่ยนไปตามปี เช่นปีก่อนให้คะแนนความสะอาด ปีก่อนหน้าก็ให้คะแนนสีที่ใช้เงินน้อยที่สุด เหล่าอาจารย์จะเขียนฉลากและจับสุ่มขึ้นมาในวันสุดท้าย ซึ่งจะไม่มีทางรู้ล่วงหน้าเลยครับ ว่าจะเป็นอะไร


          เพราะงั้นมันต้องสื่อสารและร่วมมือกันทุกฝ่าย ทำทุกอย่างให้ออกมาดีพร้อมทั้งหมด เพราะถึงจะแข่งแพ้ไปหลายชนิด ก็ยังพอหวังคะแนนฝ่ายเชียร์ คะแนนพิเศษให้พลิกกลับมาชนะได้ในท้ายที่สุด


          เป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กเรียนสามัคคีกันได้จริงๆ


          ...สามัคคีกันในสี แล้วไปตีกับคนนอกสีแทนน่ะครับ...


          แค่พ้นจากบานประตู ก็เป็นคนละโลกอันสุขสงบที่เด็กน้อยนอนหลับสนิท ภาพหลอนของสารคดีที่เทมเปิดดูซ้อนทับ เหล่าฝูงนกแร้งเข้ามารุมทึ้งผม แม้จะเพิ่งตีห้าครึ่ง แต่ทีมสภาก็มาพร้อมหน้าพร้อมตา


          "เฮ้ย! ชิบหายแล้ว พี่เนศ พี่หมู ทำยังไงดีครับ พิธีกรช่วงบ่ายไม่มี คิตตี้ท้องเสียตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ยังอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย" ผมที่กำลังเช็ครายชื่อ จัดที่นั่งรอบสุดท้ายชะงัก


          มาท้องเสียอะไรเอานาทีสุดท้ายกันนะ แย่จริง พวกผมต้องทำงานสภาให้เสร็จก่อนเจ็ดโมงเสียด้วย หลังจากนั้น เราก็ต้องแยกย้ายกันไปเข้าสีแล้ว


          พี่เนศหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรติดต่อฝ่ายจัดการทันที แต่ก็ได้สีหน้าเคร่งเครียดกลับมา "ชิบหายจริงด้วยว่ะ... พี่เพิ่งโทรไปถามไอ้คิน น้องเจนกับน้องแอนนา พิธีกรสำรองทั้งสองคนก็ดันไปกินอาหารร้านเดียวกัน ท้องเสียหมดเลย เฮ้ย มีใครว่างช่วยบ่าย แล้วจำสคริปต์ทั้งหมดได้บ้าง"

          พี่เนศหันไปสบตาเลขาตัวเอง สบตาทุกคน และคำตอบก็ไม่ได้น่าพอใจ เมื่อการส่ายหน้าปฏิเสธคือคำตอบ

          "ให้อาจารย์ขึ้นไปพูดแทนได้ไหมพี่เนศ อาจารย์ตรวจงานหลายรอบ คงพอจำได้บ้าง"

          "ให้ช่วยนี่คะแนนหายเยอะแน่ๆ เลยว่ะพี่ว่า ลองคิดหาทางอื่นก่อน"


          อาจารย์จะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเลยครับ ถ้าไม่ได้ลำบากกันจริงๆ เช่นมีการบาดเจ็บ การโกง ท่านถือว่าเป็นการเรียนรู้และให้นักเรียนแก้ปัญหากันเอง จะให้คำปรึกษาระหว่างจัดงานแล้วรอดูผลลัพธ์ เหมือนให้รายงานนักเรียนไปทำ แล้วนั่งรอฟังการรายงานหน้าห้องนั่นแหละครับ


          นอกจากนั้น นี่ก็ถือว่าเป็นการบ้าน เป็นงานที่ให้คะแนนจริงๆ ในส่วนกิจกรรมด้วย


          เพราะงั้นถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดแล้วไปขอให้อาจารย์ช่วย ก็จะถูกหักคะแนน คะแนนก็จะหายไปเยอะเลยละครับ คะแนนที่หายไปเยอะ ก็หมายถึงต้องไปยุ่งยากตอนใกล้ปิดเทอม ต้องไปทำงานเพื่อสังคม ทำคะแนนกิจกรรมเพิ่ม ถ้าคะแนนไม่พอ


          "หนูว่างช่วงบ่ายนะ แต่หนูจำสคริปต์ได้แค่ช่วงต้นเอง"

          "ด้นสดไม่ได้เหรอเนศ" พี่นรีหันไปถาม แต่พี่เนศก็กำลังยุ่งกับโทรศัพท์เพื่อโทรหาคนว่าง
          ผมหันไปตอบแทนประธานรุ่นพี่ "ไม่ได้หรอกครับ ทุกอย่างถูกวางแผนเอาไว้แล้ว จังหวะแสงไฟกับจังหวะดนตรีอยู่ที่จังหวะการพูดของพิธีกร ลูกเล่นต่างๆ ไหนจะสัญญาณมือ การกะพริบตาที่เตี๊ยมกันไว้อีก"

          "เชี่ยมาก...มีใครความจำดีๆ มาจำตอนนี้ทันไหมวะ"


          เลขาของผมที่เพิ่งเดินขึ้นมาจากการตรวจดูความเรียบร้อยมีสีหน้างุนงง เมื่อเห็นคนในห้องปล่อยรังสีมืดครึ้มจนคับห้อง "เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? มีอะไรหรือเปล่าหมู?" เปียเดินมากระซิบถามกับผม


          หรี่ตามองเลขาตัวเองแล้วยกยิ้มมุมปาก เดินไปหยิบแฟ้มจากกองเอกสารมาส่งให้หญิงสาวตรงหน้า เธอรับไปถืออย่างคนไม่รู้เรื่องรู้ราว เปิดอ่านศึกษาตามความเคยชินเวลาผมยื่นงานให้


          "เปีย ช่วยจำทั้งหมดนี้ให้หน่อยครับ"


          แต่พอออกคำสั่ง เธอก็เข้าโหมดเตรียมพร้อมทันที


          "สามสิบห้าแผ่นนี้เหรอ รีบหรือเปล่าละ?  อืม...ขอเวลาสักสองชั่วโมงได้ไหม เราต้องไปหาอาจารย์อภิญญาต่อน่ะ ว่าแต่จะให้ฉันจำไปทำไมเนี่ย..." เปียถามเสียงอุบอิบ แต่สายตากวาดเลื่อนอ่านอย่างรวดเร็ว

          "ช่วงบ่ายว่างไหมครับ?"

          "บ่ายเหรอ..." เธอทำท่าครุ่นคิด ก่อนพยักหน้า "ถ้าบ่ายหนึ่งถึงสองก็พอได้นะ แต่สามถึงสี่ไม่ได้ เรามีแข่งปิงปอง เย็นมีเวรไปส่งแขกกับพี่อ๋องกับอาจารย์ทวัต"

          "ครับ ทุกคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ต่อได้เลย ได้พิธีกรแล้วครับ"


          เสียงเฮดังลั่น "ขอบคุณมากนะเปีย รอดแล้วโว้ยยยยยยยยยย"

          "ฮือ กูนึกว่าต้องส่งไอ้จินไปเป็นพิธีกรหัวเดียวกระเทียมลีบซะแล้ว มุกแป๊กของมันถ้าไม่มีคนขัดนี่นรกชัดๆ"

          หญิงสาวอ้าปากเหวอหมดภาพลักษณ์ "ห๊า? พิธีกร? พิธีกรอะไรกันคะ?...เดี๋ยวๆ วันนี้เราเวรรับแขกนะหมู เฮ้ย!"

          "ฝากด้วยนะครับ" บอกเสียงเรียบ ก้าวขาเดินหนีไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อทันที

          พี่เนศปรี่เข้าไปหาเปีย พนมมือยกขึ้นไหว้คุณเลขาอย่างซาบซึ้ง ดวงตาคล้ายแปรเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจเหมือนในการ์ตูนตลก "น้องเปียคนงาม นางฟ้ามาโปรดของพี่...เป็นแฟนพี่นะครับ"

          "ขอปฏิเสธค่ะ...หมูแม่ง ตัวเองจำได้ในสิบห้านาทีก็ไม่ยอมทำ โยนมาให้กันได้นะยะ" เปียบ่นเสียงแผ่ว แอบหันมาค้อนใส่ผม ก่อนก้มหน้าอ่านเพื่อจำทุกตัวอักษร สลับก่นด่าประธานนักเรียนอีกคนไปด้วย



               ...ไม่เอาด้วยหรอกครับ ช่วงบ่ายผมจะไปแอบส่องเทมขึ้นสแตนด์นี่...



               หลังหมดเรื่องพิธีกร ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น สักพักอาจารย์หลายสิบคนก็เข้ามาสอบถาม และช่วยตรวจความเรียบร้อยรอบสุดท้าย เมื่อทุกฝ่ายพอใจ พวกผมก็ถูกปล่อยให้ไปเข้าประจำสีของตัวเอง


               ยังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อยก่อนเข้าแถว ผมจึงเดินมาโรงอาหาร ซื้อชานมไข่มุกไปให้คนยังไม่ตื่นนอน ระหว่างนั่งรอเครื่องดื่มบนโต๊ะประจำ คนคุ้นหน้าและเพิ่งจะเริ่มคุ้นหน้าก็เดินเข้ามาหา แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเต้ น้ำกับคาร์โลเดินมาพร้อมกันสามคน


          ทะเลาะกันมาสองปี บทจะดีกันก็ดีง่ายเลยนะครับ


          น้ำตะโกนทัก "มาเช้าจังวะ แล้วไอ้เทมล่ะ" ถามหาเพื่อนอีกคน ที่มักจะตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋

          "นอนอยู่ครับ"

          "เฮ้ย! นอนอยู่ไหน มันไม่สบายเหรอ"

          "อะไรวะ เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย เป็นอะไรมากหรือเปล่า"

          "เปล่าครับ เทมสบายดี เมื่อคืนมีเรื่องนิดหน่อยเขาเลยนอนดึก ตอนนี้นอนอยู่บนห้องกรรมการ เดี๋ยวหลังเข้าแถวค่อยไปปลุก"

          "อ๋อ แน่ะ...แน่ะๆๆๆ คงไม่ได้สวีทสหวีกิ๊วๆ กันใช่ไหมวะ อย่าเชียวนะมึง ลูกกูยังไม่โตพอกับเรื่องบัดสี"


          ผมยักคิ้วใส่หน้านิ่ง ไอ้เต้กรอกตาพร้อมเอื้อมมือมาจะตบหัวผม แต่วืด เพราะผมหลบทัน มันถลึงตาใส่ พึมพำ "กวนตีน"


          "นั่นเก้าอี้เทม มึงไปเอาเก้าอี้มาเพิ่มใหม่ดิโล แล้วก็อย่าไปนั่งใกล้ไอ้หมูมัน เดี๋ยวโดนต่อยหน้าแหก" น้ำพยักพเยิดไปที่เก้าอี้ของโต๊ะอื่น โต๊ะประจำของกลุ่ม เก้าอี้มีแค่สี่ตัวครับ และผมไม่ชอบให้ใครนั่งใกล้เท่าไหร่ ซึ่งทุกคนก็รู้ดี


          โลทำตามน้ำบอก แล้วนั่งลงตรงกันข้าม คนตัวใหญ่หน้าโฉด ทำให้บรรยากาศของโต๊ะดูคล้ายเด็กมัธยมกำลังโดนข่มขู่รีดไถเงินพิกล


          "แล้วไงครับ ทำไมมาพร้อมกัน"

          "กูก็...นั่นแหละ ก็ทำตามที่มึงบอกอ่ะ...แล้วมันก็ อืมๆๆๆ เอออออ นั่นแหละน่า ลูกผู้ชายเขาไม่พูดมากหรอก คุยกันด้วยกำปั้นก็จบ" น้ำบอกอ้อมแอ้ม สงสัยต่อมความรู้สึกผิดจะโดนผมกระทืบเข้าอย่างจัง จนทนไม่ไหวแล้วไปดักรออีกฝ่ายสินะครับ

          เต้หัวเราะสะใจเสียงดัง

          "จบจริงไอ้ห่า โดนไอ้คาร์โลชกกลิ้งไปรอบจนกูตกใจ"

          "ไม่ได้เอาจริง ไม่เป็นรอยหรอก"

          น้ำแยกเขี้ยว "ไม่เอาจริงปากกูยังเกือบแตก ไอ้สัส!"

          "เจ๊ากัน"

          "เออ!"

          "แล้วก็...นี่..." คาร์โลยื่นเอกสารมาตรงหน้าผม ชี้นิ้วไปที่จำนวนตัวเลขเจ็ดหลักบนกระดาษ "ผมอยากให้คุณเพิ่มอีกสองแสน..."

          ผมยิ้ม ไม่ตอบรับและปฏิเสธ อีกฝ่ายเดาะลิ้น "ค่าเลี้ยงเด็ก เงื่อนไขมันเบ็ดเสร็จยิบย่อยโคตรๆ เป็นทั้งบอดี้การ์ด พ่อบ้าน พี่เลี้ยงด้วยไม่ใช่หรือไง ข้อห้ามก็เยอะ ยุ่งยากสุดๆ เพิ่มเงินเดือนอีกสองแสน แล้วผมจะตกลง ปากกาสีแดงคือที่ผมแก้ในส่วนที่ผมคิดว่ามันยังไม่แฟร์ด้วย"


          เพิ่มวันหยุดอีกสิบวัน กับโบนัสจากสิบสองเดือน เพิ่มอีกหนึ่งเท่าตอนสิ้นปี แปดหลักเลยนะครับ...


          "ผมจะพิจารณาหลังคุณเริ่มงานก็แล้วกันนะครับ"


          คาร์โลจิ๊ปาก แต่ก็ยอมหันกระดาษไปเซ็นแล้วยื่นมาให้อีกครั้ง "เออ แล้วกู เอ้ย ที่ผมต้องไปฝึกเพิ่มเสาร์อาทิตย์ ขอเป็นฝึกช่วงเย็นถึงดึกได้ไหม ช่วงเช้าผมทำงานพิเศษแล้วก็อ่านหนังสือ"

          "กับผมพูดกูมึงก็ได้ครับ ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าด้วย ส่วนคำหยาบก็ตามที่ผมว่าไว้ เหี้ย สัตว์ มีหลุดได้บ้าง แต่อะไรที่มันจัญไรมากๆ ถ้าหลุดพูดต่อหน้าเขา ผมหักคำละสองหมื่น ส่วนตารางการฝึก ผมไม่สนใจครับ คุณไปคุยกับเลขาของผมได้เลย ผมสนใจผลลัพธ์เท่านั้น ถึงวันทดสอบ วันทำงานคุณต้องพร้อม"


          คาร์โลพยักหน้า ผมกดข้อความบอกเลขา ไม่ถึงสองนาที อีกฝ่ายก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู เจ้าตัวเบิกตากว้างขึ้น

          "ค่าแรกเข้า ถือว่าเป็นของขวัญทำสัญญาครับ"

          "แม่เจ้าโว้ย!...เจ้านายใหม่กูโคตรใจป้ำ"

          "เหี้ย...เหมือนกูดูหนังนักธุรกิจเลยว่ะ มึงแม่งยิ่งใหญ่สัสๆอ่ะหมู ดูเป็นอาเสี่ยในหนังมาเฟียชิบหาย"

          "ลูกชายเจ้าของธนาคารพูดแบบนี้ ฟังดูเป็นคำประชดประชันได้ตลกร้ายดีนะครับเต้"

          "ปล่อยกูไปเถ๊อะ กูลุ้นผลทำน้องของพ่อกับแม่สิ้นปีอยู่เนี่ย ติดปุ๊บ ปีหน้ากูย้ายสายเรียนเลย"

          "เดี๋ยวๆ แล้วพวกกูต้องทำตัวยังไงกับคาร์โลวะ คือยังไงอะ มันทำงาน แต่เป็นเพื่อนพวกกูควบไปงี้เหรอวะ"

          "เพื่อน?" คาร์โลมองพวกผมสามคนด้วยสายตาอ่านยาก มันมีแววตกตะลึง ไม่เชื่อหู และเสียดสีอยู่ในนั้น

          "ก็ใช่ไง เพื่อน  ตกใจอะไรวะ"

          "พวกมึงไม่รู้หรือไงว่ากูเป็นนักเรียนทุน"

          "แล้วไงวะ มึงเหยียดพวกกูเหรอ เฮ้ย ถึงกูจะไม่ฉลาดมาก แต่เกรดกูก็ไม่ต่ำกว่าสามนะเว้ย!"

          "กูจน..."

          "หา? แล้วไงอะ กูก็จนเป็นช่วงๆ อ่ะ หม่อมแม่หักเงินเพราะรู้ว่าเอาเงินไปซื้อของไร้สาระบ่อย"

          "จริง นี่พ่อกูก็เพิ่งหักตังค์กูไปตั้งเยอะ ดันรู้ว่ากูแอบขโมยตังค์ไปซื้อกล้องใหม่ โคตรซวย อุตส่าห์ปลอมชื่อในบัตรเครดิตแล้วนะ"

          "เฮ้อ ไม่ได้จนในแบบที่พวกมึงพูด จนแบบไม่มีพ่อแม่ส่งเสียเงินให้ใช้ ไม่มีนามสกุลดัง ไม่มีคนหนุนหลังน่ะ เรามันคนละชั้นกัน พวกมึงมันชั้นสูง กูมันรากหญ้า เข้าใจไหมวะไอ้พวกลูกคุณหนู" คาร์โลหัวเราะ "พวกมึงสองคนอาจจะไม่รู้ แต่กูเป็นเด็กกำพร้าว่ะ พี่น้องเยอะอีก กูต้องส่งค่าเลี้ยงน้อง ส่งให้ที่บ้าน ก็เหลือใช้เดือนไม่เท่าไหร่แล้ว ดีนะเจอมึง ค่อยยังชั่วหน่อย แต่เรื่องจะเป็นเพื่อนนี่กูว่าไม่น่าไหว เป็นเพื่อนกับเจ้านาย กับเพื่อนเจ้านาย มันแปลกๆ"


          เต้กับน้ำเงียบไป น้ำที่รู้เรื่องว่าคาร์โลเป็นเด็กกำพร้าอยู่แล้วแอบสะอึก แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น ผมขมวดคิ้ว "คนจนไม่มีเงินเดือนเกือบแสนนะครับคาร์โล"


          ยิ่งเขาเพิ่งเซ็นสัญญากับผม เงินเดือนเขาก็ครึ่งล้านแล้ว
         

          เต้เอื้อมมือไปตบบ่าคนตัวใหญ่สุดแปะๆ "คิดมากน่า พวกกูไม่ได้คบกันเพราะเงิน หรือนามสกุลนะเว้ย"


   
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 45 * 18/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 18-12-2018 19:25:37

          "พี่เทม...พี่เทมขอโทษน้องหมูหย็องนะครับ น้องหมูหย็องโกรธพี่เทม โกรธพี่เทมมากหรือเปล่าครับ...?"



          เสียงอ่อนอ่อยของคนข้างตัวดังขัดความคิด เสียงทุ้มเอ่ยติดสั่นอย่างน่าสงสารดึงความสนใจไปหาเขาทั้งหมด ผมตัดสินใจวางเรื่องนี้ลงทันที อย่างไรก็วันทดสอบก็คงยังไม่มาถึงเร็วๆ นี้...ล่ะมั้ง...



          ตะแคงข้างเข้าหากัน วางมือบนแก้มนุ่ม ลูบปลอบคนเอ่ยคำขอโทษแผ่วเบา





          "ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะครับ?"

          "ก-ก-ก็ ก็พี่เทมรับโทรศัพท์ของน้องหมูหย็อง แล้ว แล้วยังให้หย็องหย็องกับเฮียปลาหย็องเข้ามาในห้องด้วย พี่เทม พี่เทมขอโทษนะครับ"



          ผมเคยบอกไม่ให้สองคนนี้เข้ามาในห้องพร้อมๆกันครับ แค่คนเดียวยังพอทนได้ แต่มาพร้อมกันนี่เกินจะรับไหว ตาม ไหนจะชอบชวนเทมเล่นพิเรนทร์จนห้องรกเละเทะไปหมด ตามประสาผู้ชายพอรวมกลุ่มก็คึกคักจัด จนบางทีก็เล่นอะไรรุนแรงอันตราย จนต้องออกกฎ ถ้าจะเล่นพร้อมกันกับเฮียปลาและหย็องหย็อง จะต้องมาเรียกผมไปเฝ้าด้วย



          ผมวางฐานะน้องของพี่เทมลงก่อน กลับมาเป็นหมูหย็องของเขาแทน เพื่อบอกถึงระดับความจริงจัง



          "แต่เทมทำลงไปเพราะมีเหตุผลใช่ไหมครับ?" การให้อภัยในทันที จะทำให้เด็กน้อยละเลยกฎระเบียบ และกฎที่ช่วยแยกเขาออกจากอันตราย ก็ไม่ใช่อะไรที่จะหยวนๆให้นางฟ้าตัวน้อยได้ แต่การโกรธเขาทันทีก็ไม่ใช่หนทางที่ถูก "งั้นบอกหมูได้ไหมครับ ว่าทำไมถึงให้เฮียปลากับหย็องเข้ามาพร้อมกัน"



          เทมพยักหน้า แล้วเอื้อนเอ่ยบอกด้วยเสียงรู้สึกผิดมากมาย "พี่เทม เทม เทมทำการบ้านในไอแพดครับ แต่ว่า เพราะ เพราะเล่นในรถมากเกินไปเลยแบตเตอรี่หมดเกลี้ยงๆๆ พี่เทมเลยจะชาร์จๆๆๆ แต่ว่าพอชาร์จๆๆ กับพาวเวอร์แบงค์แล้วก็ไม่ติดครับ พาวเวอร์แบงค์ก็หมดเกลี้ยงๆๆๆ เหมือนกัน จะเสียบๆๆๆ สายเอง น้องหมูหย็องก็บอกว่าอันตราย พี่เทม พี่เทม เทม เทมเลยจะไปยืมของหมูหย็องในห้องทำงานครับ ตอนเข้าไปแล้ว แล้วหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็สว่างๆๆๆ แสบตา เพราะว่า เพราะว่าคุณตาลักพาตัวโทรเข้ามา"


          ถึงตรงนี้เขายิ่งมีสีหน้าหงอยลง เทมปุระสูดหายใจเข้าลึกแล้วค่อยๆ เล่าต่อ


          "แต่ว่า แต่ว่า ทีแรก ทีแรกเทมไม่ได้รับนะครับ เทมตั้งใจว่าจะไปบอกหมูหย็อง แต่ว่า แต่ว่าหมูหย็องก็กำลังตั้งใจเยอะแยะซ้อมๆๆๆๆ กีฬาอยู่ เทมเข้าไปไม่ได้ ความลับต้องจุ๊ๆๆๆ ไปกวนก็ไม่เด็กดีๆๆ ด้วย เทมก็เลยไม่รู้จะทำยังไงครับ เทมเลยวิ่งวนๆๆ เป็นวงกลม พอวิ่งเป็นวงๆๆ กลม ก็แล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดีครับ เพราะคุณตาลักพาตัวโทรมาไม่หยุดเลยครับ เทมกลัวๆๆๆ ว่าจะเป็นเรื่องจรวดๆๆๆ เป็นเรื่องเร็วๆๆ ด่วนๆๆๆ  ...ส-ส-สุดท้ายเทมเลยรับครับ...ขอโทษนะครับ"



          อา...ผมพอจะเดาได้แล้วล่ะครับ ว่ามันเป็นมายังไง



          "พอ พอเทมรับแล้ว แล้วคุณตาลักพาตัวก็พูดอะไรงงๆๆ เยอะแยะๆๆๆ ไปหมด เทม เทมตกใจเยอะแยะๆๆๆๆ ครับ เทมฟังไม่รู้เรื่องเลยครับ พี่เทม พี่เทม เทมก็เลยวิ่งวนๆๆๆ เป็นกลมๆๆๆ อีกรอบ คุณตา คุณตาลักพาตัวก็หัวเราะเสียงดัง พูดภาษาคุณมนุษย์ต่างดาวอีกเยอะแยะๆๆ เทมก็งงๆๆๆครับ แต่เทมได้ยินชื่อหมูหย็อง คุณตาลักพาตัวเรียกๆๆ หาน้องหมูหย็อง เทมเลยรีบวิ่งออกไปหาหมูหย็องครับ แต่เจอเฮียปลาหย็องกับหย็องหย็องพอดี พอพี่เทม พอพี่เทมเล่าให้ฟัง ทั้งสองคนเลยบอกว่าเดี๋ยวๆๆๆ จัดการเอง ไม่ต้องบอกน้องหมูหย็อง แต่เทม เทมก็ส่ายหัวแล้วนะครับ แต่เฮียปลาหย็องบอกเห็นน้องหมูหย็องตั้งใจๆๆๆๆ ซ้อมอยู่..."


          คนเก่งเล่าไปเริ่มมีเสียงสะอื้นเบาๆ จนผมต้องบีบมือให้กำลังใจ เด็กน้อยสูดจมูกฟึดฟัด


          "เทมเลยบอกว่า ว่าให้เฮียปลาหย็องไปคนเดียวครับ เพราะหมูหย็องไม่ให้เทมอยู่พร้อมกันคนเดียวสามคน ทีแรก ทีแรกเฮียปลาหย็องก็มาคนเดียว แต่พอ พอเฮียปลาหย็องคุยๆๆ กับคุณตา แล้วก็ทำนู่นนี่กับโทรทัศน์ แล้วก็ไปเรียกหย็องหย็องเข้ามาครับ เทมก็ตกใจๆๆๆ แต่เห็นทุกคนคุยกัน คุยกันเยอะแยะๆๆ เทมก็เลยไม่กล้าบอกให้หย็องหย็องออกไปครับ พี่เทม พี่เทม เทมเลยรีบๆๆ สร้างบ้านหนังสืออยู่คนเดียว ไม่เล่นๆๆๆ กับเฮียปลาหย็องกับหย็องหย็อง รอ รอน้องหมูหย็องมาหาในบ้านหนังสือครับ...เทม เทมขอโทษนะครับ"



          เจ้าหมาน้อยหูลู่หางตก กะพริบตาขับไล่หยดน้ำใสแล้วฮึบเอาไว้ ก่อนหลับตาปี๋รอฟังคำตัดสินโทษ




          ...เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักอะไรขนาดนี้กันนะ...





          อยากกอดเขาแน่นๆ ให้จมลงไปในอ้อมอก กกกอดเขาไว้จนกาลเวลาไร้ความหมาย





          เริ่มแรกเดิมที ผมก็ไม่ได้ตั้งกฎมาเพื่อแสดงความเหนือกว่า หรือเฝ้าจับผิดว่าหากคราใดเขาทำผิด แล้วจะต้องโกรธโมโหเขาอยู่แล้ว มีแต่เพียงความเป็นห่วงเจ้าแก้มกลมนุ่มเท่านั้น



          แค่ฟังก็รู้แล้ว ว่าเขาพยายามถึงที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ เพื่อรักษากฎเอาไว้ แต่เรื่องมันก็หนักหนา เกินกว่าเด็กน้อยคนพิเศษจะหาหนทางรับมือไหว ช่วงเวลาบีบคั้นที่เขาทำอะไรไม่ถูก ยังพยายามถนอมสัญญา แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับทุกอย่างแล้วครับ



          ถึงผิดจริงยังไง ต่อให้ผิดกฎหมายร้ายแรง ผมยังไม่โกรธเลย กับเรื่องแค่นี้ผมก็ไม่โกรธหรอกครับ กับเทม ผมมีทั้งความอดทนและความอ่อนโยนให้มหาศาล มันเยอะพอจะเอามารีดให้แบน แล้วทำเป็นผ้าคลุมนภาบนอากาศ แล้วยังเพียงพอเผื่อแผ่ไปถึงดวงจันทร์ได้เสียอีก



          แค่มอง ก็อ่อนยวบยาบ คิดถึงเรื่องที่จะโกรธเขาลงไม่ได้เลย ถึงเขาจะเจ็บตัวมา คนที่ผมจะโกรธก็คือตัวต้นเหตุอยู่ดี เทมที่เห็นผมเงียบไปก็เริ่มเบะปากหนัก ดูท่าจะเริ่มฮึบไม่ไหว หน้าตายุ่งเหยิงร้อนรนทั้งน่าเอ็นดูทั้งน่าสงสาร



          จุมพิตกลางหน้าผากเป็นสัญญาณบอกให้เด็กน้อยลืมตา



          "ครั้งนี้พี่เทมทำลงไปเพราะมีเหตุผล และพี่เทมก็พยายามถึงที่สุดแล้ว น้องหมูไม่โกรธพี่เทมครับ ...ขอบคุณนะครับ ที่พยายามทำตามกฎ พยายามรักษาสัญญา"



          เทมปุระแทบจะปล่อยโฮ เขาย้ายศีรษะบนหมอนมาซบลงบนซอกคอผม พึมพำขอบคุณซ้ำไปซ้ำมา น้ำเสียงโล่งอกปนดีใจเป็นอย่างมากที่ผมไม่โกรธ คงจะกังวลมากเลยสินะ ลูบผมนุ่มนิ่มอยู่สักพักเขาถึงนิ่งลง



          "ไม่ต้องร้องนะครับ พี่เทมแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมาก สุดยอดเลยครับ เก่งมากๆ"

          "ข-ขอบคุณครับ ฮึก ท-เอม เอม เทม เทม เทมกลัวหมูหย็องโกรธ โกรธมากเลยครับ"

          "ชู่ว...ไม่โกรธครับไม่โกรธ วันหลังถ้ามีเรื่องอะไร หรือเกิดอะไรขึ้น จนหาทางแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ พี่เทมวิ่งไปหาหมูได้ตลอดเวลาเลยนะครับ ไม่ต้องสนใจกฎหรือว่าอะไรทั้งนั้น เพราะพี่เทมสำคัญที่สุด สำคัญกว่าทุกๆสิ่ง เทมของหมูเป็นที่หนึ่งเหนือทุกอย่าง...ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็มาหาหมูได้เสมอ รู้ไหมครับคนดี"

          "ขอบคุณครับ หมูหย็อง น้องหมูหย็องก็เป็นที่หนึ่ง เป็นที่หนึ่งของเทมเหมือนกันครับ วิ่ง วิ่งมาหาเทมได้เลยนะครับ"

          "หึหึหึ แล้วจะวิ่งไปหานะครับ แต่ว่าเรื่องนี้พี่เทมลืมอะไรไปรู้ไหมครับ"

          เด็กชายฟ้าประทานผละออกมา แล้วเอียงคอมึนงง "พี่เทม ลืม ลืมอะไรเหรอครับน้องหมูหย็องครับ?"

          "ลืมนาฬิกาไงครับ หมูสอนวิธีโทรหาหมูแล้วไม่ใช่เหรอครับ" นาฬิการาคาแพงบนข้อมือ ไม่ได้ทำหน้าที่สำคัญสมราคา เมื่อคุณเจ้าของใช้แค่ใส่เดินไปมาเท่านั้น



          พี่เทมของผมทำหน้าเหวอแบบว่า 'อ๊ะ ลืมไปเสียสนิทเลย' ได้ตลกมาก จนเผลอขำเสียงก้องห้องใหญ่



          "แหะ แหะ...พี่เทม พี่เทมลืมไปสนิท มิดๆๆๆ เลยครับ"



          ยิ้มมองคนแก้มแดงหัวเราะแหะแหะ



          ว่าเขาไม่ได้หรอกครับ เราตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ขนาดนี้ จะเอาเวลาไหนไปกดโทรหากันล่ะ จะลืมไปก็ไม่ใช่เรื่องน่าดุน่าว่าอะไร  "งั้นวันหลังเรามาลองโทรคุยกันผ่านทางนาฬิกาบ่อยๆดีไหมครับ? พี่เทมจะได้คุ้นเคย"



          พี่เทมพยักหน้าเห็นด้วยอย่างที่สุด เห็นด้วยขนาดที่ว่าพอพยักหน้าเสร็จ ร่างสูงก็รีบวิ่งลงจากเตียง ไปหยิบนาฬิกาเรือนสวยมาสองเรือนทันทีทันใด หอบเล็กน้อยก่อนล้มตัวลงนอนข้างกันดังเดิม มือสวยส่งนาฬิกาเรือนสีดำสนิทมาให้ผม เสียง ปี๊บ ปี๊บ ดังแหวกอากาศยามค่ำคืน บนหน้าปัดปรากฏชื่อคนเคียงข้าง



          จะให้โทรคุยกันบนเตียงที่ห่างกันไม่ถึงคืบหรือครับเทมปุระ แล้วก็ตอนนี้ ตอนเกือบจะตีหนึ่งตอนนี้?



          "น้องหมูหย็อง รับ รับโทรศัพท์พี่เทมนะครับ"

          "หึหึหึ ครับผม"

          "ฮัล ฮัล ฮัลโหลหนึ่งสองสามครับ ใคร ใครโทรมาเหรอครับ"



          หึหึหึ แล้วกัน...สรุปผมเป็นคนโทรไปหาเขาหรอกหรือครับ



          เด็กน้อยตาแป๋วชวนผมคุยโทรศัพท์ครั้งแรกด้วยความตื่นเต้น แม้จะตื่นเต้นขนาดไหน แต่กลางดึกขนาดนี้ เด็กอนามัยที่ได้ปลดความทุกข์ในใจจนโล่ง ก็อยู่คุยได้ไม่นาน ที่สุดแล้วความง่วงก็พรากเขาไปจากผม เด็กชายหลับไปทั้งๆ ที่สายยังไม่ถูกตัด



          เสียงลมหายใจผ่านสัญญาณโทรศัพท์ก็แปลกใหม่ดี ผมจึงปล่อยให้เวลาบนหน้าปัดไหลต่อเนื่องไปตลอดทั้งคืน











          ก่อนจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความฮึกเหิมในยามเช้าตรู่



          เจ็ดวันแห่งการแข่งขันมาถึงแล้วครับ



























end 45 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

หงายการ์ดเปิดตัวคุงตา และรอคุงยายมาสมทบ!
* มาโตรชก้าคือตุ๊กตาแม่ลูกดก
ที่ข้างในจะกลวงๆแล้วสามารถเก็บตุ๊กเล็กกว่าไว้ด้านในหลายๆชั้นค่ะ

โซเฟียริน
zofiarin lll moore





หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 45 * 18/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 19-12-2018 10:37:30
เอ็นดู้ววววว :o8:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 46 * 21/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 21-12-2018 20:13:32








  46








          จากงานยุ่ง ประชุม ซ้อมหนัก คุณตาปั่นหัว คุยโทรศัพท์ดึกดื่น แล้วพอนึกถึงตารางกิจกรรมของทั้งวัน หลังออกกำลังกายและอาบน้ำแต่งตัว กาแฟดำเข้มๆ คือสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดในตอนนี้


           เอสเพรสโซ่ดับเบิ้ลช็อตหอมกรุ่นยามเช้ามืด ช่วยให้สติเข้าที่เข้าทาง หลังจากบอกบาริสต้าให้ทำกาแฟใส่กระติกเก็บความร้อนไว้สำรอง บอกแม่ครัวให้เตรียมอาหารเช้าไปทานบนรถ ก็ได้เวลาไปปลุกองค์ชายน้อย ระหว่างหันหลังออกจากห้องอาหาร ก็ต้องหยุด เฮียปลาหย็องเดินสะโหลสะเหลพร้อมกระเป๋าสะพายใบโตบนไหล่ มีอดีตพี่เลี้ยงว้าวุ่นหิ้วปีกอยู่ด้านหลัง กำลังพากันเดินลงบันไดตรงมาในห้องทานข้าว


          "คุณหนูครับ! เดินดีๆสิครับ รถรออยู่หน้าบ้านแล้ว จะมาล้มกลิ้งหัวแตกตอนนี้ไม่ได้นะครับ แล้วข้าวเช้าก็เป็นมือสำคัญสำหรับวัยกำลังโต ไม่ทานไม่ได้นะครับ!" ว่าแล้วก็ดึงแขนคนตัวใหญ่กว่าตัวเองขึ้นพาดบ่า สงสัยจะกลัวคุณชายใหญ่กลิ้งตกบันไดคอหักตายน่ะครับ


          "บอกแล้วไงซาล เราโตแล้ว อย่าเรียกเราว่าคุณหนู! แล้วนี่ตีสี่นะตีสี่ กระเพาะเรายังไม่ตื่นเลยเถอะ ดีไม่ดี น้ำย่อยก็ยังนอนอุตุอยู่เลยมั้ง ฮ้าวว ง่วงชะมัด...อ้าว...หมูหย็องเหรอ ว่างายยยคะคุณหลวงงงง" เฮียปลาหย็องโบกมือด้วยท่าทางแห้งเหี่ยว สงสัยจะเหนื่อยจริงครับ โหมดจำปาเลยโผล่ออกมาแบบครึ่งๆ กลางๆ


          คุณซาลที่กำลังแบกซากเฮียปลา พอหันมาเจอผมก็รีบก้มหัวให้ จังหวะที่ผละมือออก เตรียมประสานกลางลำตัวแล้วโค้งคำนับ เขาเผลอปล่อยคนในอ้อมแขน มนุษย์แห้งเหี่ยวไร้เรี่ยวแรงเสียหลัก เกือบได้ออกข่าวหน้าหนึ่งว่าด้วยการตายแสนน่าอับอาย ดีว่าบุรุษในชุดสูทรีบใช้มือดึงผมคุณหนูของตัวเองไว้ได้ทัน


          "อ๊ากกกกกกกกกกกกก หัวจะหลุดแล้ว! หลุดแล้วๆๆๆ  หลุดไปหรือยัง หลุดแล้วใช่หม้ายยยยยย!?"


          "คุณหนูครับ!?! ผมขอโทษครับ! ไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงจะผมจะร่วงออกมาหลายกระจุก แต่ศีรษะยังอยู่ดีครับ!"


          ผมมองละครลิงตรงหน้าด้วยสายตาเฉยชา พี่เลี้ยงของเฮียปลาหย็องกระวีกระวาดเขย่งตัวขึ้นมองหัวของคุณหนูตัวเอง ใช้เวลาสักพัก กว่าเฮียปลาจะเลิกโวยวายว่าหัวหลุด


          "อรุณสวัสดิ์ครับคุณดิมิทรี ผมต้องขออภัยด้วยครับ! ที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อพี่ชายของคุณหนู"


          กิริยาไม่เหมาะสม แต่ช่วยอาเฮียไม่ให้หัวทิ่มกระแทกพื้นตายอนาจ ผมไม่ถือหรอกครับ จะกระชากจนหนังหัวหลุด ผมก็ไม่ว่าอะไร


          "อรุณสวัสดิ์ครับคุณซาล เฮียจะกลับมหาลัยแล้วเหรอครับ?"


          "ใช่แล้วค่ะ เดี๋ยวคืนนี้คุณลุงขายปิ้งไก่จะกลับมาแล้ว จำปาก็หมดหน้าที่ดูคุณหลวงกับนายท่านด้วงสักที ถึงเวลาที่จำปาต้องกลับไปทำหน้าที่นางงามรักษ์โลกตามคำเรียกร้องของมนุษยชาติต่อ แต่ถ้าคุณหลวงคิดถึง ก็ไปหาจำปาที่มหาลัยได้นะคะ อ้อ ส่วนคุณหญิงแม่เลื่อนวันกลับค่ะ กลับอีกทีใกล้ๆคริสต์มาสเลย ส่วนลูกคนใช้จะกลับมาแปะมืออีกทีหนึ่งก็วันพุธหน้า"


          คุณลุงขายปิ้งไก่ก็คือคุณป๊าน่ะครับ ส่วนลูกคนใช้ก็คือเจ้ไก่หย็อง บ้านผมถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ เฮียปลาหย็องหรืออาเจ้ไก่หย็องก็ต้องอยู่แทน ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนอยู่บ้านเสมอ ...ว่าแต่ว่า อาทิตย์ก่อนยังเรียกไก่หย็องน้องรักอยู่เลย อาทิตย์นี้เป็นลูกคนใช้ไปซะแล้ว จำปาเลื่อนสถานะให้รวดเร็วยิ่งกว่าต้มบะหมี่เสียอีก


          "ช่วงนี้เฮียว่างหรือครับ ไม่ใช่ว่ายุ่งๆ กับการหาเงินแข่งกับเจ้ไก่กับเฮียเนื้อหย็องเหรอครับ"


          "กรี๊ด! ซาล! นายบันทึกเสียงไว้หรือเปล่า น้องชายใส่ใจจำปา น้องชายรักจำปา! น้ำตาจะไหล ถึงจำปาจะยุ่งกว่านี้ ก็จะแยกร่างมาหาคุณหลวงและนายท่านด้วงได้เสมอเจ้าค่ะ แน่นอนว่าคุณหลวงเทมจำปาก็ต้องมาหาบ่อยๆ เพราะคุณหลวงเทมตัลร้ากกกก"


          พี่ชายตัวโตมีท่าทีดี๊ด๊า ด้วยเพราะนานๆ ที น้องชายที่มักจะทำตัวเหินห่างถึงจะถามอะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง เฮียปลาหย็องดวงตาแจ่มใส มองตรงมาเหมือนอยากให้ผมถามเขาอีก ผมหลุบตามองแก้วกาแฟในมือก่อนค่อยๆ ไล่สายตามองใบหน้าที่มีความคล้ายคลึงกับของตัวเอง


          เอ่ยถามเสียงเรียบเรื่อย "เฮียไปทำอะไรที่โรงเรียนผมเหรอครับ" ผมถามถึงเรื่องที่อยากรู้


          หลังจากลุงยามถามถึงคนนามสกุลเหมือนผมเข้ามาในโรงเรียนหลายครั้งในสองเดือนมานี้


          "เฮ้ย! น้องรู้ได้ไง!?...อุ้ย จำปาหมายถึงคุณหลวงรู้ได้อย่างไรหรือเจ้าคะ?"


          "เข้าไปทำอะไรครับ?"


          "ก็ ก็เข้าไปเล่นๆ เฉยๆ อ-เอ่อ...อ๋อ! ก็วงนักร้องที่คุณหลวงเอามาใช้เปิดตัวงานแสดงตอนสิ้นปี เป็นเพื่อนของจำปาเองค่ะ ก็เลยติดรถมาเยี่ยมคุณหลวงด้วยยังไงล่ะคะ"


          บอกว่ามาเยี่ยมผม แต่ผมไม่เคยเจอหน้าพี่ชายตัวเองเสักครั้ง แถมคำตอบก็เหมือนเจ้าตัวเพิ่งจะคิดขึ้นได้ เมื่อตอนผมถามด้วยซ้ำ หรี่ตามองชายร่วมสายเลือดตรงหน้าอย่างจับผิด ดวงตาสีฟ้าเข้มดูล่อกแล่ก ท่าทางลุกลี้ลุกลน  พอสู้สายตาผมไม่ไหว อีกฝ่ายก็คว้าพี่เลี้ยงที่ยืนมองเพดานอย่างไม่เป็นธรรมชาติมาจับแขน เตรียมโกยอ้าวหนี


          "ต๊าย! จะตีสี่ครึ่งแล้ว จำปาต้องไปแล้วล่ะค่ะคุณหลวง มีใครก็ไม่รู้โทรเรียกจำปาแล้วค่ะ ใช่ไหม? ใช่ไหมซาล? เราต้องไปกันแล้วเนอะ!?"


          "ใช่ ใช่ครับคุณหนู! พวกผมขอตัวก่อนนะครับคุณดิมิทรี"



          หมับ




          ผมจับต้นแขนเฮียไว้แน่น เงยหน้าสบตาคนสูงกว่า บอกเขาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ภาษาบ้านเกิดและชื่อจริงถูกนำมาใช้ แสดงถึงความเข้มข้นของความจริงจัง "โจเชฟ...พี่รู้ใช่ไหม ว่าเส้นไหนข้ามได้ เส้นไหนข้ามไม่ได้...อย่าเล่นมากเกินไป"


          เอ่ยเตือน เมื่อผมเห็นในกล้องวงจรปิด เขาเข้าไปหาเทมในห้องเรียนพิเศษ ผมรู้ครับ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดผมแล้ว สองคนนี้ก็คงจะหาวิธีเซอร์ไพรส์วันเกิดให้เหมือนเคย แต่วิธีการวางแผนบางครั้งก็ไม่เข้าท่า อย่างสองปีก่อน เป็นการเซอร์ไพรส์ด้วยการให้เทมถือเค้กแล้วเข้าไปอยู่ในกล่องของขวัญขนาดใหญ่ แต่เพราะเฮียไม่ได้บอกคนรับใช้เอาไว้ เหล่าพ่อบ้านจึงเข็นกล่องของขวัญยักษ์ไปเก็บในห้องเก็บของ รวมกับของขวัญมากมาย เล่นเอาวุ่นวายกันไปหมด เพราะเฮียจำกล่องของขวัญที่ใส่เทมเอาไว้ไม่ได้ กว่าเราจะหากล่องที่เทมอยู่เจอ เด็กชายของผมก็ร้องไห้ในกล่องมืดๆ เงียบๆ คนเดียวเป็นชั่วโมง


          "เฮียรู้แล้วน่า...ไม่มีอะไรมากหรอก เอ่อ...อันที่จริงมันก็มีมากอยู่ แต่มันก็...เฮียบอกไม่ได้จริงๆ เอาไว้เดี๋ยวน้องก็รู้เอง"


          "กฎ?"


          "ไม่มีละเมิดสักข้อ สาบาน! ปลอดภัยชัวร์ล้านๆๆๆ เปอร์เซ็นต์! ...ให้ตายเถอะ นี่พี่กำลังทำเรื่องดีๆ อยู่นะ นายต้องเชื่อใจพี่สิน้องรัก" เขาครวญตอบด้วยภาษาเดียวกัน เรามองสบตากันชั่วครู่ ก่อนผมจะปล่อยแขนเขาออก หลังปล่อย รอยแดงปรากฏบนแขนที่มีมัดกล้าม สีแดงตัดขาวดูโดดเด่น


          "อย่าให้เทมทำอะไรแปลกๆ เพราะความคึกคะนองของพี่นะโจเชฟ เขายังเด็ก"

          "รู้แล้ว รู้แล้ว ครั้งนั้นมันแค่อุบัติเหตุ พี่สะเพร่าไปหน่อย พี่ขอโทษ"

          "ห้ามเกิดขึ้นครั้งที่สอง"

          "รับทราบครับน้องชาย"


          มองดวงตาสีฟ้าสะท้อนความจริงจังกลับคืนมา พยักหน้าตอบรับการเล่นซนของพี่ชายตัวเองและเด็กน้อย แล้วหันหลังเดินออกจากห้องอาหาร ก่อนจะนึกได้ถึงอีกเรื่องที่สำคัญ หันไปบอกพี่ชายที่กำลังหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ "อีกเรื่องนะครับเฮีย"


          "อะไรเหรอคะคุณหลวง"


          "เลิกใส่หมวกขนนกสีรุ้งปิดบังตัวเองเวลาไปโรงเรียนผมด้วยครับ มันไม่ได้เนียนเลยสักนิด แถมมองแล้วรู้ทันทีอีกต่างหากว่าเป็นใคร ชุดแม่วัวโชว์สะดือนั่นก็เหมือนกัน...ถือว่าขอนะครับ มันดูโรคจิตน่ะพี่ชาย"


          เฮียปลาหย็องอ้าปากหวอ


          ข้างกันมีคุณซาลยกมือกุมหัวแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ "...ผมเตือนแล้ว คุณหนูก็ไม่เชื่อ..."







***





          แกะแผ่นเจลใต้ตาคนยังหลบสนิทออก ลูบใต้ตาที่แทบจะไม่บวมเลยอย่างพอใจ


          แต่การปลุกไม่ค่อยราบรื่นนัก เมื่อเด็กชายตั้งท่าแต่จะรั้งผมกลับขึ้นไปนอนด้วยกันต่อบนเตียง ท่าทางดื้อดึง คิ้วขมวดปากยื่นเป็นพิเศษ เป็นพี่เทมคนดื้อ เป็นพี่เทมคนงัวเงียที่ถ้ายังฝืนปลุก จะได้เทมปุระฉบับงอแงไปทั้งวัน แต่วันนี้พี่เทมจะงอแงไม่ได้ครับ ถ้าเป็นวันที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่เป็นอะไรเลย ออกจะชอบเวลาเขางอแงให้ตามเอาใจด้วยซ้ำ เทมที่ติดผมหนึบแล้วไม่อยากให้ใครมายุ่งด้วยน่ารักจะตาย  แต่วันนี้แค่ช่วงเที่ยง ผมยังหาเวลาพักกลางวันตัวเองไม่เจอ


          ยิ้มขำคนกอดแขนผมแน่น แล้วละเมอว่ากำลังหม่ำแคนดี้ยักษ์ จนดูดแขนผมดังจ๊วบจ๊าบ น้ำลายไหลเยิ้ม ตัดใจปลุกเขาต่อไม่ลง เมื่อคืนเขาทั้งนอนดึกผิดเวลา ทั้งร้องไห้ โดนคุณตาแกล้งให้หัวหมุน ผมกลับไปใช้แผนแรกที่คิดเอาไว้

             
          ทางเลือกให้เขาไปหลับต่อบนรถ ดูเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม


          เดินไปหยิบถังน้ำและผ้าเช็ดตัว เช็ดหน้าเช็ดตาคนหลับสนิท จับเขาพลิกตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ร่างสูงที่ห่อตัวเพราะความหนาวจากเครื่องปรับอากาศ ดูน่ากลั่นแกล้งจนเผลอจับเขาฟัดไปหลายนาที พอแต่งตัวให้เขาเสร็จ จึงเรียกพ่อบ้านมาช่วยอุ้มเขาลงไปขึ้นรถ


          พี่เทมยังคงหลับสนิทมาตลอดทาง กระทั่งผมให้คนพาเขาเข้าไปนอนในห้องกรรมนักเรียนก็ยังไม่รู้สึกตัว ถ้าผมเป็นนาฬิกาตื่นตามเวลา องค์ชายนิทราก็คงจะเป็นนาฬิกาตื่นตามชั่วโมง ถ้าหลับได้ไม่ครบเจ็ดชั่วโมงก็จะไม่ยอมตื่นล่ะมั้งครับ


          ผมมองเวลา คิดว่าเทมน่าจะตื่นอีกทีตอนแปดถึงเก้าโมง ทันเวลาขึ้นสแตนด์พอดี


          ช่วงเช้าถึงเที่ยงจะเป็นการกล่าวพิธีเปิดงาน การแสดงเล็กน้อยจากเหล่านักเรียน เปิดให้เดินซุ้มร้านค้าต่างๆ และเริ่มต้นการแข่งขันด้วยการประกวดเชียร์ของสแตนด์ ซึ่งเป็นตอนช่วงบ่าย ตามด้วยการแข่งกีฬาตามลำดับ


          กีฬาสีโรงเรียนเรามีแข่งทั้งหมดสามสิบอย่างครับ ฟุตบอล ตะกร้อ ว่ายน้ำ วิ่งแข่ง หมากกระดาน อีสปอร์ต และอีกมากมาย โดยแบ่งแข่งวันละห้าอย่าง เท่ากับสามสิบชนิดครบหกวันพอดี วันสุดท้ายจะเป็นการประกาศรางวัล ซึ่งนอกจากผู้ชนะเลิศในการแข่งกีฬาชนิดนั้นๆ แล้ว ก็ยังมีประกาศคะแนนสีชนะเลิศอีกด้วย เป็นการเอาคะแนนทุกอย่างมารวมกัน กีฬาเจ็ดสิบยี่สิบ อย่างอื่นอีกสิบ


          คะแนนพิเศษอีกสิบเปอร์เซ็นต์ก็เปลี่ยนไปตามปี เช่นปีก่อนให้คะแนนความสะอาด ปีก่อนหน้าก็ให้คะแนนสีที่ใช้เงินน้อยที่สุด เหล่าอาจารย์จะเขียนฉลากและจับสุ่มขึ้นมาในวันสุดท้าย ซึ่งจะไม่มีทางรู้ล่วงหน้าเลยครับ ว่าจะเป็นอะไร


          เพราะงั้นมันต้องสื่อสารและร่วมมือกันทุกฝ่าย ทำทุกอย่างให้ออกมาดีพร้อมทั้งหมด เพราะถึงจะแข่งแพ้ไปหลายชนิด ก็ยังพอหวังคะแนนฝ่ายเชียร์ คะแนนพิเศษให้พลิกกลับมาชนะได้ในท้ายที่สุด


          เป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กเรียนสามัคคีกันได้จริงๆ



          ...สามัคคีกันในสี แล้วไปตีกับคนนอกสีแทนน่ะครับ...



          แค่พ้นจากบานประตู ก็เป็นคนละโลกอันสุขสงบที่เด็กน้อยนอนหลับสนิท ภาพหลอนของสารคดีที่เทมเปิดดูซ้อนทับ เหล่าฝูงนกแร้งเข้ามารุมทึ้งผม แม้จะเพิ่งตีห้าครึ่ง แต่ทีมสภาก็มาพร้อมหน้าพร้อมตา


          "เฮ้ย! ชิบหายแล้ว พี่เนศ พี่หมู ทำยังไงดีครับ พิธีกรช่วงบ่ายไม่มี คิตตี้ท้องเสียตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ยังอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย" ผมที่กำลังเช็ครายชื่อ จัดที่นั่งรอบสุดท้ายชะงัก


          มาท้องเสียอะไรเอานาทีสุดท้ายกันนะ แย่จริง พวกผมต้องทำงานสภาให้เสร็จก่อนเจ็ดโมงนะครับ แล้วเราต้องแยกกันไปเข้าสีแล้ว


          พี่เนศหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรติดต่อฝ่ายจัดการทันที แต่ก็ได้สีหน้าเคร่งเครียดกลับมา "ชิบหายจริงด้วยว่ะ... พี่เพิ่งโทรไปตามไอ้คิน น้องเจนกับน้องแอนนา พิธกรสำรองทั้งสองคนก็ท้องเสียหมดเลย ดันไปกินอาหารร้านเดียวกัน เฮ้ย มีใครว่างช่วยบ่ายแล้วจำสคริปต์ทั้งหมดได้บ้าง"

          "ให้อาจารย์ขึ้นไปพูดแทนได้ไหมพี่เนศ อาจารย์ตรวจงานหลายรอบ คงจะพอจำได้บ้าง"


          พี่เนศหันไปสบตาเลขาตัวเอง และสบตาทุกคน และคำตอบก็ไม่ได้น่าพอใจ เมื่อการส่ายหน้าปฏิเสธคือคำตอบ


          "ให้ช่วยนี่คะแนนหายเยอะแน่ๆ เลยว่ะพี่ว่า ลองคิดหาทางอื่นก่อน"


          อาจารย์จะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเลยครับ ถ้าไม่ได้ลำบากกันจริงๆ เช่นมีการบาดเจ็บ การโกง ท่านถือว่าเป็นการเรียนรู้และให้นักเรียนแก้ปัญหากันเอง จะให้คำปรึกษาระหว่างจัดงานแล้วรอดูผลลัพธ์ เหมือนให้รายงานนักเรียนไปทำ แล้วนั่งรอฟังการรายงานหน้าห้องนั่นแหละครับ


          นอกจากนั้น นี่ก็ถือว่าเป็นการบ้าน เป็นงานที่ให้คะแนนจริงๆ ในส่วนกิจกรรมด้วย


          เพราะงั้นถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดแล้วไปขอให้อาจารย์ช่วย ก็จะถูกหักคะแนน คะแนนก็จะหายไปเยอะเลยล่ะครับ คะแนนที่หายไปเยอะ ก็หมายถึงต้องไปยุ่งยากตอนใกล้ปิดเทอม ต้องไปทำงานเพื่อสังคม ทำคะแนนกิจกรรมเพิ่ม ถ้าคะแนนไม่พอ


          "หนูว่างช่วงบ่ายนะ แต่หนูจำสคริปต์ได้แค่ช่วงต้นเอง"

          "ด้นสดไม่ได้เหรอเนศ" พี่นรีหันไปถามเพื่อนตัวเองที่หน้าตาดูไม่ดีเลย

          ผมหันไปตอบ แทนประธานรุ่นพี่ "ไม่ได้หรอกครับ ทุกอย่างถูกวางแผนเอาไว้แล้ว จังหวะแสงไฟกับจังหวะดนตรีอยู่ที่จังหวะการพูดของพิธีกร ลูกเล่นต่างๆ ไหนจะสัญญาณมือ การกะพริบตาที่เตี้ยมกันไว้อีก"

          "เชี่ยมาก...มีใครความจำดีๆ มาจำตอนนี้ทันไหมวะ"


          เลขาของผมที่เพิ่งเดินขึ้นมาจากการตรวจดูความเรียบร้อยมีสีหน้างุนงง เมื่อเห็นคนในห้องมีสีหน้าเครียดกัน "เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? มีอะไรหรือเปล่าหมู?" เปียเดินมากระซิบถามกับผม

          หรี่ตามองเลขาตัวเองแล้วยกยิ้มมุมปาก เดินไปหยิบแฟ้มจากกองเอกสารมาส่งให้หญิงสาวตรงหน้า เธอรับไปอย่างมึนงง


          "เปีย ช่วยจำทั้งหมดนี้ให้หน่อยครับ"


          แต่พอออกคำสั่ง เธอก็เข้าโหมดเตรียมทำงานทันที


          "สามสิบห้าแผ่นนี้เหรอ รีบหรือเปล่าละ?  อืม...สักสองชั่วโมงทันหรือเปล่า เราต้องไปหาอาจารย์อภิญญาต่อนะ ว่าแต่จะให้ฉันจำไปทำไมเนี่ย..." เปียถามเสียงอุบอิบ แต่สายตากวาดเลื่อนอ่านอย่างรวดเร็ว

          "ช่วงบ่ายว่างไหมครับ?"

          "บ่ายเหรอ..." เธอทำท่าครุ่นคิด ก่อนพยักหน้า "ถ้าบ่ายหนึ่งถึงสองก็พอได้นะ แต่สามถึงสี่ไม่ได้ เรามีแข่งปิงปอง เย็นมีเวรไปส่งแขกกับพี่อ๋องกับอาจารย์ทวัต"

          "ครับ ทุกคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ต่อได้เลย ได้พิธีกรแล้วครับ"


          เสียงเฮดังลั่น "ขอบคุณมากนะเปีย รอดแล้วโว้ยยยยยยยยยย"

          "ฮือ กูนึกว่าต้องส่งไอ้จินไปเป็นพิธีกรหัวเดียวกระเทียมลีบซะแล้ว มุกแป๊กของมันถ้าไม่มีคนขัดนี่นรกชัดๆ"

          หญิงสาวอ้าปากเหวอหมดภาพลักษณ์ "ห๊า? พิธีกร? พิธีกรอะไรคะ?...เดี๋ยวๆ วันนี้เราเวรรับแขกนะหมู เฮ้ย!"

          "ฝากด้วยนะครับ" บอกเสียงเรียบ ก้าวขาเดินหนีไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อทันที

          พี่เนศปรี่เข้าไปหาเปีย พนมมือยกขึ้นไหว้คุณเลขาอย่างซาบซึ้ง ดวงตาคล้ายแปรเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจเหมือนในการ์ตูนตลก "น้องเปีย นางฟ้ามาโปรดของพี่...เป็นแฟนพี่นะครับ"

          "ขอปฏิเสธค่ะ...หมูแม่ง ตัวเองจำได้ในสิบห้านาทีก็ไม่ยอมทำ โยนมาให้กันได้นะยะ" เปียบ่นเสียงแผ่ว แล้วแอบหันมาค้อนใส่ผม ก่อนก้มหน้าอ่านเพื่อจำทุกตัวอักษรสลับก่นด่าประธานนักเรียนอีกคนไปด้วย



               ...ไม่เอาหรอกครับ ช่วงบ่ายผมจะไปแอบส่องเทมขึ้นสแตนด์นี่...



               หลังหมดเรื่องพิธีกร ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น สักพักอาจารย์หลายสิบคนก็เข้ามาสอบถาม และช่วยตรวจความเรียบร้อยรอบสุดท้าย เมื่อทุกฝ่ายพอใจ พวกผมก็ถูกปล่อยให้ไปเข้าประจำสีของตัวเอง


   
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 46 * 21/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 21-12-2018 20:17:52
         


          ยังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อยก่อนเข้าแถว ผมจึงเดินมาโรงอาหาร ซื้อชานมไข่มุกไปให้คนยังไม่ตื่นนอน ระหว่างนั่งรอเครื่องดื่มบนโต๊ะประจำ คนคุ้นหน้าและเพิ่งจะเริ่มคุ้นหน้าก็เดินเข้ามาหา แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเต้ น้ำกับคาร์โลเดินมาพร้อมกันสามคน


          ทะเลาะกันมาสองปี บทจะดีกันก็ดีง่ายเลยนะครับ


          น้ำตะโกนทัก "มาเช้าจังวะ แล้วไอ้เทมล่ะ" ถามหาเพื่อนอีกคน ที่มักจะตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋

          "นอนอยู่ครับ"

          "เฮ้ย! นอนอยู่ไหน มันไม่สบายเหรอ"

          "อะไรวะ เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย เป็นอะไรมากหรือเปล่า"

          "เปล่าครับ เทมสบายดี เมื่อคืนมีเรื่องนิดหน่อยเขาเลยนอนดึก ตอนนี้นอนอยู่บนห้องกรรมการ เดี๋ยวหลังเข้าแถวค่อยไปปลุก"

          "อ๋อ แน่ะ...แน่ะๆๆๆ คงไม่ได้สวีทสหวีกิ๊วๆ กันใช่ไหมวะ อย่าเชียวนะมึง ลูกกูยังไม่โตพอกับเรื่องบัดสี"


          ผมยักคิ้วใส่หน้านิ่ง ไอ้เต้กรอกตาพร้อมเอื้อมมือมาจะตบหัวผม แต่วืด เพราะผมหลบทัน มันถลึงตาใส่ พึมพำ "กวนตีน"


          "นั่นเก้าอี้เทม มึงไปเอาเก้าอี้มาเพิ่มใหม่ดิโล แล้วก็อย่าไปนั่งใกล้ไอ้หมูมัน เดี๋ยวโดนต่อยหน้าแหก" น้ำพยักพเยิดไปที่เก้าอี้ของโต๊ะอื่น โต๊ะประจำของกลุ่ม เก้าอี้มีแค่สี่ตัวครับ และผมไม่ชอบให้ใครนั่งใกล้เท่าไหร่ ซึ่งทุกคนก็รู้ดี


          โลทำตามน้ำบอก แล้วนั่งลงตรงกันข้าม คนตัวใหญ่หน้าโฉด ทำให้บรรยากาศของโต๊ะดูคล้ายเด็กมัธยมกำลังโดนข่มขู่รีดไถเงินพิกล


          "แล้วไงครับ ทำไมมาพร้อมกัน"

          "กูก็...นั่นแหละ ก็ทำตามที่มึงบอกอ่ะ...แล้วมันก็ อืมๆๆๆ เอออออ นั่นแหละน่า ลูกผู้ชายเขาไม่พูดมากหรอก คุยกันด้วยกำปั้นก็จบ" น้ำบอกอ้อมแอ้ม สงสัยต่อมความรู้สึกผิดจะโดนผมกระทืบเข้าอย่างจัง จนทนไม่ไหวแล้วไปดักรออีกฝ่ายสินะครับ

          เต้หัวเราะสะใจเสียงดัง

          "จบจริงไอ้ห่า โดนไอ้คาร์โลชกกลิ้งไปรอบจนกูตกใจ"

          "ไม่ได้เอาจริง ไม่เป็นรอยหรอก"

          น้ำแยกเขี้ยว "ไม่เอาจริงปากกูยังเกือบแตก ไอ้สัส!"

          "เจ๊ากัน"

          "เออ!"

          "แล้วก็...นี่..." คาร์โลยื่นเอกสารมาตรงหน้าผม ชี้นิ้วไปที่จำนวนตัวเลขเจ็ดหลักบนกระดาษ "ผมอยากให้คุณเพิ่มอีกสองแสน..."

          ผมยิ้ม ไม่ตอบรับและปฏิเสธ อีกฝ่ายเดาะลิ้น "ค่าเลี้ยงเด็ก เงื่อนไขมันเบ็ดเสร็จยิบย่อยโคตรๆ เป็นทั้งบอดี้การ์ด พ่อบ้าน พี่เลี้ยงด้วยไม่ใช่หรือไง ข้อห้ามก็เยอะ ยุ่งยากสุดๆ เพิ่มเงินเดือนอีกสองแสน แล้วผมจะตกลง ปากกาสีแดงคือที่ผมแก้ในส่วนที่ผมคิดว่ามันยังไม่แฟร์ด้วย"


          เพิ่มวันหยุดอีกสิบวัน กับโบนัสจากสิบสองเดือน เพิ่มอีกหนึ่งเท่าตอนสิ้นปี แปดหลักเลยนะครับ


          "ผมจะพิจารณาหลังคุณเริ่มงานก็แล้วกันนะครับ"


          คาร์โลจิ๊ปาก แต่ก็ยอมหันกระดาษไปเซ็นแล้วยื่นมาให้อีกครั้ง "เออ แล้วกู เอ้ย ที่ผมต้องไปฝึกเพิ่มเสาร์อาทิตย์ ขอเป็นฝึกช่วงเย็นถึงดึกได้ไหม ช่วงเช้าผมทำงานพิเศษแล้วก็อ่านหนังสือ"

          "กับผมพูดกูมึงก็ได้ครับ ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าด้วย ส่วนคำหยาบก็ตามที่ผมว่าไว้ เหี้ย สัตว์ มีหลุดได้บ้าง แต่อะไรที่มันจัญไรมากๆ ถ้าหลุดพูดต่อหน้าเขา ผมหักคำละสองหมื่น ส่วนตารางการฝึก ผมไม่สนใจครับ คุณไปคุยกับเลขาของผมได้เลย ผมสนใจผลลัพธ์เท่านั้น ถึงวันทดสอบ วันทำงานคุณต้องพร้อม"


          คาร์โลพยักหน้า ผมกดข้อความบอกเลขา ไม่ถึงสองนาที อีกฝ่ายก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู เจ้าตัวเบิกตากว้างขึ้น


          "ค่าแรกเข้า ถือว่าเป็นของขวัญทำสัญญาครับ"

          "แม่เจ้าโว้ย! เจ้านายใหม่กูโคตรใจป้ำ"

          "เหี้ย...เหมือนกูดูหนังนักธุรกิจเลยว่ะ มึงแม่งยิ่งใหญ่สัสๆอ่ะหมู ดูเป็นอาเสี่ยในหนังมาเฟียชิบหาย"

          "ลูกชายเจ้าของธนาคารพูดแบบนี้ ฟังดูเป็นคำประชดประชันได้ตลกร้ายดีนะครับเต้"

          "ปล่อยกูไปเถ๊อะ กูลุ้นผลทำน้องของพ่อกับแม่สิ้นปีอยู่เนี่ย ติดปุ๊บ ปีหน้ากูย้ายสายเรียนเลย"

          "เดี๋ยวๆ แล้วพวกกูต้องทำตัวยังไงกับคาร์โลวะ คือยังไงอะ มันทำงาน แต่เป็นเพื่อนพวกกูควบไปงี้เหรอวะ"

          "เพื่อน?" คาร์โลมองพวกผมสามคนด้วยสายตาอ่านยาก มันมีแววตกตะลึง ไม่เชื่อหู และเสียดสีอยู่ในนั้น

          "ก็ใช่ไง เพื่อน  ตกใจอะไรวะ"

          "พวกมึงไม่รู้หรือไงว่ากูเป็นนักเรียนทุน"

          "แล้วไงวะ มึงเหยียดพวกกูเหรอ เฮ้ย ถึงกูจะไม่ฉลาดมาก แต่เกรดกูก็ไม่ต่ำกว่าสามนะเว้ย!"

          "กูจน..."

          "หา? แล้วไงอะ กูก็จนเป็นช่วงๆ อ่ะ หม่อมแม่หักเงินเพราะรู้ว่าเอาเงินไปซื้อของไร้สาระบ่อย"

          "จริง นี่พ่อกูก็เพิ่งหักตังค์กูไปตั้งเยอะ ดันรู้ว่ากูแอบขโมยตังค์ไปซื้อกล้องใหม่ โคตรซวย อุตส่าห์ปลอมชื่อในบัตรเครดิตแล้วนะ"

          "เฮ้อ ไม่ได้จนในแบบที่พวกมึงพูด จนแบบไม่มีพ่อแม่ส่งเสียเงินให้ใช้ ไม่มีนามสกุลดัง ไม่มีคนหนุนหลังน่ะ เรามันคนละชั้นกัน พวกมึงมันชั้นสูง กูมันรากหญ้า เข้าใจไหมวะไอ้พวกลูกคุณหนู" คาร์โลหัวเราะ "พวกมึงสองคนอาจจะไม่รู้ แต่กูเป็นเด็กกำพร้าว่ะ พี่น้องเยอะอีก กูต้องส่งค่าเลี้ยงน้อง ส่งให้ที่บ้าน ก็เหลือใช้เดือนไม่เท่าไหร่แล้ว ดีนะเจอมึง ค่อยยังชั่วหน่อย แต่เรื่องจะเป็นเพื่อนนี่กูว่าไม่น่าไหว เป็นเพื่อนกับเจ้านาย กับเพื่อนเจ้านาย มันแปลกๆ"

          เต้กับน้ำเงียบไป น้ำที่รู้เรื่องว่าคาร์โลเป็นเด็กกำพร้าอยู่แล้วแอบสะอึก แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น ผมขมวดคิ้ว "คนจนไม่มีเงินเดือนเกือบแสนนะครับคาร์โล"


          ยิ่งเขาเพิ่งเซ็นสัญญากับผม เงินเดือนเขาก็ครึ่งล้านแล้ว
         

          เต้เอื้อมมือไปตบบ่าคนตัวใหญ่สุดแปะๆ "คิดมากน่า พวกกูไม่ได้คบกันเพราะเงิน หรือนามสกุลนะเว้ย"


          ...จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว...


          นอกจากพ่อแม่พวกเรารู้จักกันมานาน เลยอยากให้เราทั้งสามเป็นเพื่อนสนิทกันเฉกเช่นพวกท่าน ก็พูดได้ไม่เต็มปาก ว่านอกจากคาดหวังความสัมพันธ์มิตรภาพของสามเด็กชาย จะไม่คาดหวังเรื่องเงินทอง หรือผลประโยชน์ เพราะในความจริง พวกท่านก็คงหวังให้ตอนพวกเราโต เอื้ออำนวย ช่วยเหลือธุรกิจซึ่งกันและกันล่ะนะ


          ...แถมจำได้ว่าช่วงแรกที่เต้กับน้ำหลงกลมาบ้านผม ก็เพราะมันโดนพ่อหลอกว่าจะพาไปเที่ยว ส่วนไอ้น้ำก็โดนคุณหญิงแม่หลอกว่าจะซื้อของเล่นให้ ส่วนผมก็ต้องการเส้นสาย เรียกว่าแรกเริ่ม พวกเราสามคนคบกันเพราะเงินชัดๆ...


          "ใช่ๆ พวกกูไม่ได้แบ่งแยกฐานะอะไรนะ แค่คนอื่นไม่กล้าเข้ามายุ่งกับพวกกูเองต่างหาก ไอ้หมูมันดุอ่ะ ขี้หวงเทมอีก เลยไล่ตะเพิดคนอื่นออกไปหมด" ใช่ความผิดผมคนเดียวที่ไหน นามสกุลรั้งท้ายพวกคุณก็ไปข่มขวัญคนอื่นเหมือนกันนั่นแหละครับ ยิ่งพอมารวมตัวกัน ก็ยิ่งดูเข้าหายาก ไม่นับใครบางคนที่ชอบปากหมาหาเรื่องคนไปทั่วอีก


          ยกตัวอย่าง ก็เจ้าทุกข์รายใหญ่ก็นั่งตัวโตอยู่ข้างๆ คุณฐานทัพนั่นไง


          คาร์โลดูผ่อนคลายลง เมื่อสบตากับเต้และน้ำ "แต่กูว่ามันไม่เหมาะ..."

          "สองเสียงเว้ย! ถามไอ้เทมมันก็ไม่ว่าหรอก ตราบใดที่มึงไม่ไปจับไปแตะหมูหย็องของมันน่ะ"

          "ใช่ไหมวะหมู"


          ทั้งสามคนมองมาทางผมเหมือนรอคำตอบ


          "ครับ แต่งานก็คืองาน ถ้าผิดกฎ...คิดว่าคุณน่าจะอ่านข้อตกลงดีแล้ว" ยิ้มเย็นเตือนเพื่อนใหม่


          คาร์โลนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะตบโต๊ะเสียงดัง


          "เออ! ได้! งั้นต่อจากนี้ไป กูฝากตัวด้วยแล้วกัน"




          ...มิตรภาพก่อเกิดได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็จบลงอย่างรวดเร็วด้วยประโยคสั้นๆ...



          "แต่กูบอกเลยนะ ว่าสีกูต้องชนะ"

          "มึงเมาเหรอเต้ สีฟ้าต้องชนะโว้ยยยยยยยยย!"

          "เหอะ พวกมึงจะฝันก็ไปนอนเถอะ คิดว่าจะชนะพวกกูได้หรือไง"

          "มึงมันไอ้หมาหมู่!"

          "แล้วใครล่ะปากหมา ทำให้พวกกูต้องรวมฝูงกัน"

          คนตัวเล็กถลึงตามอง "ไอ้หมู มึงสั่งลูกน้องมึงให้แพ้เดี๋ยวนี้!"

          "งานเขาเริ่มปีหน้าครับ"

          "อย่าเล่นพรรคเล่นพวกไอ้หมากระเป๋า มันไม่แมน"

          "พูดแบบนี้มึงต่อยกับกูเลยไหมล่ะไอ้ควายโล!"

          "บนปากมึงยังช้ำไม่พอเหรอวะเพื่อนรัก"


          เฮ้อ...แค่แฝดนรกผมก็ปวดหัวจะแย่ ยังจะมาเพิ่มมนุษย์ไม่ยอมคนมาเพิ่มอีก เห็นเค้าหูหนวกก่อนวัยอันควรลอยมาลิบๆ ระหว่างคิดว่าควรเพิ่มกฎลดเสียงลงไปในสัญญาดีหรือไม่ นาฬิกาข้อมือก็สั่นเตือน บนหน้าจอมีอักษรสามตัว เรียงเป็นคำที่ทำเอามุมปากจุดประกายรอยยิ้ม


          ดูท่าว่าเด็กน้อยจะตื่นเสียแล้วครับ


          ♪


          "หุบปากครับ" หันไปบอกทั้งสามคนให้เงียบเสียงลง ก่อนจะกดรับ

           "พี่เทมตื่นแล้วเหรอครับ" น้ำเสียงเป็นละโทนชัดเจน จนเพื่อนสนิททั้งสองคนแกล้งทำปากเบะมองบนใส่

          [ ฮ-ฮ-ฮัลโหล ฮัลโหล สวัสดีครับ ม-มุ หมูหย็อง หมูหย็องครับ! เทม เทม พี่เทมหาน้องหมูหย็องไม่เจอครับ ]


          เสียงเขาดูกระวนกระวายใจจนน่าสงสาร ถ้าไม่มีโทรศัพท์ให้โทรหา เด็กชายต้องร้องไห้โฮหาผมอีกรอบแน่ๆ


          "น้องหมูลงมาซื้อชานมไข่มุกให้พี่เทมไงครับ หิวข้าวไหมครับ มีเคบับอยู่ในตู้เย็นนะ บอกเปียให้เอาไปอุ่นให้ทานรองท้องก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวน้องหมูซื้อโจ๊กขึ้นไปให้ อยากทานโจ๊กไหมครับ? หรืออยากทานอย่างอื่น"

          [ เทม พี่เทม พี่เทมอยากเจอน้องหมูหย็องครับ... ]


          น้ำเสียงงอแงปนออดอ้อน ทำเอาผมกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม ถ้าอยู่ตรงหน้า จะกัดปากหวานๆของเขาให้บวมเลย


          "กำลังขึ้นไปหาครับ"

          [ น้องหมูหย็องครับน้องหมูหย็อง ]

          "ครับ?"

          [ รีบๆ รีบๆ รีบ รีบมาหาพี่เทมนะครับ พี่เทมคิดถึง ]


          อา...ช่วงเช้าแดดแรงนะครับ หน้าผมเห่อร้อนไปหมด ผมตอบรับเสียงแผ่ว แล้วตั้งท่าจะลอยละลิ่วออกจากโต๊ะไป


          "เฮ้ยๆ หมูรอกูแป๊บดิ เดี๋ยวกูไปด้วย ซื้อข้าวแป๊บ"

          "ไม่รอครับ ตามไปทีหลังเองแล้วกัน"

          "ไอ้หมูววววววววว ไอ้เลววววววววว! เห็นเมียดีกว่าเพื่อน!"


          ...ไม่จริงครับ ผมเห็นเทมดีกว่าทุกคนต่างหาก...


          "งั้นกูไปเข้าสีมั่งละ เจอกันเมื่อสงครามจบเว้ยมึง" เต้ลุกขึ้นตามอีกคน

          "เดี๋ยวก่อน" คาร์โลเอ่ยเสียงรั้งพวกผมเอาไว้

          "อะไรของมึง เร็วๆ กูรีบ ต้องไปซื้อข้าวแดกก่อน เดี๋ยวเป็นลมแล้วจะโดนหญิงแดกหัว"

          "ถือว่าเป็นของขวัญจากกู บาส ฟุตบอล อีสปอร์ต หมากรุก วิ่งแข่ง...เล่นระวังๆ ก็แล้วกัน"


          พวกผมมองหน้ากันแล้วหัวเราะ "พวกมึงก็ระวัง อืม...ทุกกีฬาด้วยแล้วกัน"

          ดวงตาสามคู่เป็นประกายเจ้าเล่ห์ อย่างที่คนผ่านอะไรมาพอสมควร อดจะรู้สึกสยองหน่อยๆ ไม่ได้

          คาร์โลมองพวกผมแล้วส่ายศีรษะ "เพราะแบบนี้ไง กูถึงไม่อยากยุ่งกับคนมีเงินนัก...ไอ้พวกลูกคุณหนูตัวอันตราย"




***



          พิธีเปิดงานของโรงเรียนผม ก็ไม่ต่างจากที่อื่นเท่าไหร่ เราเริ่มต้นด้วยสุนทรพจน์ขอบคุณสปอนเซอร์ยาวเหยียด และยิ่งน่าเบื่อ เมื่อผมต้องจากเทมมาทำหน้าที่บนเวที เฝ้าภาวนาให้เวลาเคลื่อนผ่านไปถึงช่วงบ่ายเร็วๆ จะได้ไปดูเด็กชายในชุดมาสคอต


          มองผ่านหัวล้านสะท้อนแสงของคนที่ขึ้นมารับช่อดอกไม้ขอบคุณไป เห็นเทมปุระโบกมือให้อย่างอารมณ์ดี นับว่าชานมไข่มุกได้ผล เด็กน้อยไม่งอแงสักนิด แค่ให้ผมกอดเขาจนดูดชานมไข่มุกหมดแก้ว ก็กลับยิ้มแป้นแจ่มใส เป็นดวงตะวันน้อยๆ ของผมดังเดิม ผมยิ้มแล้วแอบโบกมือตอบ


          เหมือนรอยยิ้มของผมจะทำให้คนสติแตก ได้ยินเสียงกรี๊ดดังแว่วขึ้นมาถึงบนเวที


          "กรี๊ด!!! รุ่นพี่ดิมิทรียิ้มให้ฉัน! โบกมือให้ฉัน!"

          "ยิ้มให้พวกพี่ต่างหากย่ะ!"

          "งั้นหนูขอมือที่โบกก็ได้! จังหวะนี้เอาหมด!"

          "โอ้ยยยยยยย มีใครถ่ายรูปไว้ทันไหม หายากมาก รอยยิ้มของน้องหมู ฉันจะตายแล้วววว งานดียิ่งกว่านายแบบแบรนด์ไฮเอนทุกแบรนด์รวมกัน! ฮือ กูตาย"

          "น้องแม่งพรีเมี่ยม ยังไม่โตยังขนาดนี้ โตแล้วจะขนาดไหน! กูขอตายตามไปด้วยอีกคน บอกยมบาลให้เว้นที่กระทะทองแดงรอกูด้วยค่ะ ฮือ"



          เอ่อ...ผมส่งยิ้มให้ผู้ชายคนนั้นครับ คนที่สวมเสื้อสีฟ้า ใส่หมวกสีฟ้า คนที่เป็นเหตุผลที่ทำให้โลกเป็นสีฟ้าสดใสต่างหาก


          ช่วงเช้าผ่านไปอย่างทุกข์ทรมานกับการแสร้งตบมือชมเชยเหล่าผู้ใหญ่


          ตกบ่ายคือสมรภูมิรบของจริง บนสนามกว้างเริ่มเปิดศึกแข่งขันกันอย่างจริงจัง เสียงเชียร์ดังกระหึ่ม ศึกแย่งชิงคะแนนแรกของกองเชียร์ คือการแแปรอักษร โดยสแตนด์เชียร์จะตั้งเป็นวงรีล้อมรอบสนามขนาดใหญ่ โต้คำไปมากับฝั่งตรงข้าม แปดสีในแนวนอน และอีกสองสีหัวท้าย คะแนนคิดจากความไวและความถูกต้อง พร้อมความสวยงาม และคำที่เลือกมาใช้ ตอนนี้ห้าสีที่คะแนนนำ คือ สีม่วง สีขาว สีส้ม สีดำ สีฟ้าครับ แต่ละสีคัดสรรคำคม ประโยคเด็ดๆ มาแข่งขันกันมากมาย ห้าสีที่ชนะ จะนำมาแข่งกันอีกครั้ง จนกว่าจะได้ผูชนะเพียงหนึ่งเดียว แล้วถึงจะเริ่มแข่งการแสดงต่อไป


          ตอนนี้สีมาถึงรอบห้าสีแล้วครับ พิธีกรบนเวทียิ่งใส่ไฟ การโต้คารมด้วยแผ่นป้ายยิ่งร้อนระอุ เสียงโห่ฮาดังขรม


          "อูยยยยยย สีส้มของเขาแรงจริงๆ ครับ ตอกสีดำซะหน้าหงาย ว่าไงครับ 'หลุมดำดูดกากเดน' จะโต้ว่าไงดีครับ"

          "โอ้โห! สีดำแรงมาแรงกลับไม่น้อยหน้าค่ะ! 'ส้วมติง' คะแนนเขียนถูกอาจไม่ได้ แต่คะแนนความสะใจเอาไปร้อยค่าคุณผู้โช้มมมมมมมม!"

          "อือหือ...ส่วนสีขาวมาง่ายๆ แต่กระแทกใจด้วยคำว่า 'ชนะใสๆ' เข้าข่มครับ!"

          "สีฟ้าปีนี้มาสายกวนนะคะเนี่ย 'กลัวเหรอ ฟ้องแม่ไหม' เอย 'สงสัยลืมมารยาทไว้ที่บ้าน' เอย"

          "นั่นไง! คำเด็ดของสีฟ้ามาแล้วครับทุกคน! 'หัวร้อนหรา?' แหม ผมนี่ขึ้นแทนสีอื่นเลยครับ! กวนดีจริงๆ!"

          "กรี๊ด! สีส้มโต้ด้วยภาพง่ายๆ แต่ความหมายลึกซึ้งมากค่ะ แต่แอบลำบากพิธีกรอย่างเราเลยนะคะพี่โช ออกอากาศไม่ได้ซะด้วยรูปนี้"

          "ฮ่าๆ จริงด้วยครับน้องมิ้น อีกสิบนาทีนะครับทุกคน!"


          มือคนบนสแตนด์สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมือเป็นระวิง คิดถูกแล้วที่ให้เทมเป็นมาสคอต ไม่งั้นเทมเปลี่ยนแผ่นป้ายไม่ทันแน่นอนครับ จบลงด้วยความลุ้นระทึก คะแนนสีห่างกันไม่มากเท่าไหร่


          ต่อมาเป็นอาหารหลักของการเชียร์ นั่นก็คือการเต้นและเหล่าทีมเชียร์ลีดเดอร์ โดยเรียงลำดับการแสดงด้วยคะแนนจากมากไปหาน้อย แต่ละทีมแต่ละสีก็มาในคอนเซ็ปต์ที่แตกต่าง อย่างสีแดงของไอ้เต้ ก็มาในทีมนรก โดยที่นั่งทำเป็นกระทะทองแดง มีต้นงิ้วสองต้นข้างๆ เชียร์ลีดเดอร์แต่งตัวเป็นพญามัจจุราช ท่าเต้นมาในรูปแบบทรงพลังและน่ากลัว มาสคอตเป็นควายธนูก็ตีลังกาได้น่าชักชวนเข้ายิมนาสติกทีมชาติ เสียงร้องเพลงและตบมือพร้อมเพรียงมากครับ


          ส่วนสีของผมก็ไม่แคล้วเป็นตีมท้องทะเล แต่เป็นท้องทะเลที่ดุร้ายเสียหน่อย เพราะนางเงือกและนายเงือกมาในร่างฟันแหลมเหมือนฉลามขาว บนตัวมีชุดเกราะสีเงินเหลือบฟ้า ดูคล้ายหน่วยทหารคุ้มครองพระราชวัง และใช่ครับ ที่นั่งเชียร์ถูกตกแต่งเป็นพระราชวังใต้ท้องทะเลสวยหรู ราวกับไปยกของจริงมาตั้งไว้กลางโรงเรียน


          ส่วนมาสคอตที่ผมตั้งใจมาดู...



          ให้ตาย...คุณกุ้งตัวนั้นน่ารักชะมัด



          เทมมาในชุดกุ้งสีส้มสวมเสื้อเกราะ ในมือถือหอก บนไหล่มีผ้าคลุมสีฟ้าเหมือนฮีโร่ติดไว้ เวลาขยับผ้าสีฟ้าพลิ้วไสว คอยปกป้องมาสคอตตัวหลักอย่างโพไซดอนที่ถือตรีศูล ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ต้องเก๊กหน้าเคร่งขรึมให้สมเป็นทหารพระราชา เผลอยิ้มจนตาหยีเมื่อสบตากับผม ริมฝีปากเขาอ้าออกเป็นชื่อผม ก่อนจะรู้สึกตัวว่ากำลังอยู่ในการแข่งขัน พี่กุ้งตาโตก่อนรีบกลับไปตีหน้าดุดันเหมือนเดิม แต่ก็ไม่วายเหล่มามองผมบ่อยๆ อยู่ดี ไหนจะมุมปากที่คอยแต่อยากจะส่งยิ้มมาให้คนนอกสนามนั้นอีก


          กล้องในมือสั่นไปหมด


          ถ้าไม่เป็นการเข้าข้างสีตัวเองมากเกินไป ผมว่าสีผมควรติดหนึ่งในห้าครับ ฉากใช้ผ้าทำเป็นคลื่นและใช้ลูกเล่นอย่างปล่อยลูกโป่ง ฟองสบู่ก็สวยงามมากทีเดียว ยิ่งฉากปิดท้าย ที่นางเงือกโผล่มาจากหอยยักษ์กลางที่นั่งแล้วมีปีกโผล่ออกมา บินขึ้นฟ้าโปรยแผ่นกระดาษสีฟ้าไปทั่ว ก็ชวนตื่นตะลึงพอสมควร


          แต่ถ้ามองด้วยความลำเอียง... สีฟ้าควรชนะ


          เพราะคุณทหารกุ้งสุดน่ารักที่กำลังเช็ดเหงื่อจากการแสดงตรงนั้น


          ....แค่รอยยิ้มเต็มใบหน้าที่ส่งมาให้ จากคะแนนสิบเต็มสิบ  ก็ได้คะแนนจากผมไปหลายพันล้านคะแนนแล้วครับ....











     
end 46 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

                                                                                      ตอนหน้าจะเป็นตอนที่ทุกคนรอคอย...หรือเปล่านะ? อิ_อิ
 :hao7:


โซเฟียริน
zofiarin lll moore



หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 46 * 21/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 22-12-2018 09:38:39
พี่เทมมมมมม อ้อนจนน้องหมู (กับป้า) ละลายแล้วววว :mew1: :mew3:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 46 * 21/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 23-12-2018 00:13:51
เกิดอะไรขึ้นทำไมลงตอนสับไปสับมา

อยากเห็นกุ้งน่ารัก  :กอด1:

ปล.ตอนหน้าจริงๆนะ :z1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 47 * 25/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 25-12-2018 21:56:39




47










          ความคึกคักของกองเชียร์ที่เพิ่งจบไป ไม่ต่างอะไรกับอะดรีนาลีนที่ฉีดเข้าเส้นเลือด สร้างความฮึกเหิมให้เหล่านักกีฬา บรรยากาศในสนามยิ่งเข้มข้นมากยิ่งขึ้นเมื่อเผยคะแนนบนบอร์ด เราเริ่มต้นได้ไม่เลว สีฟ้าอยู่อันดับสี่ ถือว่ากลางๆ ไม่ผิดไปจากที่คาดไว้

          หลังจากคุณกุ้งเต้นเสร็จ สองเท้าก็ตั้งท่าจะวิ่งมาหาผมในทันที แต่ยังไม่ทันจะเดินได้ครบสิบก้าวดี คุณตัวนำโชคก็โดนผู้จัดการทีมอย่างพี่หญิงของเจ้าตัว มาลากพาตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เทมมองผมตาละห้อย ก่อนจะปล่อยให้หญิงจูงหนวดเดินออกไป ยิ้มขำคุณกุ้งที่หันหลังเดินด้วยสภาพคอตก ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรเข้านาฬิกาใครบางคน ต่อให้อยู่ในชุดมาสคอต ผมเชื่อว่าเด็กดีจะไม่ถอดนาฬิกาออกตามที่ผมบอกแน่นอน

          คุณกุ้งในขบวนแถวสัตว์ทะเลชะงัก หันกลับมามองอย่างรวดเร็ว พอเห็นผมยิ้มให้อยู่ เขาก็อ้าปากกว้างแล้วหุบลง อ้าแล้วหุบอยู่หลายหน อมลมจนแก้มขาวอมชมพูพองออก กลั้นยิ้มจนตาหยี สุดท้ายก็ทนไม่ไหว คลายออกเป็นรอยยิ้มกว้าง ชูมือขึ้นโบกไปมา โชว์ว่ามีสายเรียกเข้าจากผมให้ผมดู

          เด็กน้อยพยายามใช้ก้ามกุ้งอันใหญ่กดปุ่มรับสาย

          แต่เพราะอุปสรรคคือนิ้วที่ใหญ่เป็นพิเศษ กับเป้าหมายเล็กจิ๋ว แถมนาฬิกายังอยู่ในชุดหนา ไม่ว่าจะพยายามพลิกก้ามซ้าย พลิกก้ามขวา จิ้มเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล คุณกุ้งตัวโตจ้องมองแขนตัวเองเหมือนจะใช้พลังจิตกดรับ สุดท้ายรอยยิ้มกว้างผันแปรเป็นปากยู่ ท่าทางร้อนรนทำเอาดวงตาสีฟ้าทอแสงเอ็นดู เด็กชายวิ่งตุบตับไปหาเพื่อนสาวให้ช่วย ทั้งสองคนคุยอะไรกันเล็กน้อย คุณกุ้งถึงยอมเดินตามขบวนแต่โดยดี ส่วนหญิงหันมามองค้อนผม ข้อหาก่อกวนกุ้งน้อยทำให้ขบวนทหารหยุดชะงักกลางคัน

          รอสักพักเทมถึงโทรกลับมา สงสัยจะถอดชุดออกเสร็จแล้วละครับ     

          [ ฮัล ฮัลโหลครับ สวัสดีครับน้องหมูหย็องครับ เทม เทมปุระพูดครับ ]

          "หึหึหึ ว่าไงครับคุณกุ้ง"

          เทมส่งเสียงครางฮือในลำคอ ท่าทางประหม่าไม่น้อยเมื่อได้ยินผมเอ่ยแซว [ พี่เทม พี่เทมเป็นคุณกุ้งทหารปกป้องพระราชชะชาวังครับ พี่เทม พี่เทม เขินๆๆ เขินน้องหมูหย็องจังเลย พี่เทมเต้นผิดไปนิดหน่อยเยอะแยะๆๆ ด้วย พี่เทมย้ายๆๆๆ ย้ายสะโพกไม่ทันเพื่อนครับ จ๊ะเอ๋กับน้องหมูหย็องแล้วใจเต้นปริบๆๆ พี่เทม พี่เทม ลืม ลืมเอาสะโพกไปอีกด้านครับ ]

          ตอนคุณกุ้งกำลังเด้งตัวไปมา ก็หันมาเจอผมพอดี เด็กน้อยชะงักแก้มแดง เพื่อนคนอื่นโยกไปทางซ้ายแล้ว เขายังโยกค้างไว้ที่ขวาอยู่เลย หน้าตาเหลอหลาน่าขัน น่ารักจนผมรัวชัตเตอร์ไปเป็นสิบ

          [ ทำยังไงดีครับน้องหมูหย็องครับ พี่เทม พี่เทมกลัวสีโดนหักคะแนนเยอะแยะ เยอะแยะครับ ]

          "พระราชวังครับพี่เทม แค่แป๊บเดียวเองครับ ถ้าไม่สังเกตก็ไม่มีใครเห็นแน่นอน แต่ถึงโดนหักจริง พี่เทมก็ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวน้องหมูจะกู้คะแนนคืนมาให้ วันนี้พี่เทมทำได้ดีมาก จำท่าเต้นได้ทั้งหมดด้วย ตอนควงหอกก็เท่สุดๆ น้องหมูอึ้งไปเลยครับ"

          เสียงครางฮือครั้งนี้เป็นโทนสูง ไม่ใช่หงอยเหมือนครั้งก่อน ท่าทางดีใจมากที่ถูกชม

          [ พ-พระราชวัง ขอบ ขอบคุณนะครับ พี่เทม พี่เทมเคยควงหมุนติ้วๆๆๆ แล้วหล่นโป๊กใส่หัวตัวเองด้วยครับ แต่ว่า แต่ว่าวันนี้ วันนี้ๆๆๆ ไม่โป๊กๆๆๆ ใส่ตัวเอง ดีมากๆๆ เลย พี่เทมโชว์เมพขิงๆๆๆ ให้น้องหมูหย็องดูสำเร็จด้วยครับ! ] ยิ้มให้คนอยากโชว์เท่ แต่ขมวดคิ้วให้คนโดนหอกหล่นโป๊กใส่หัว และภาษาวัยรุ่นชวนมึน

          ไม่ต้องเดาเลยว่าใครสอนเด็กน้อยผมพูด

          "ไม่เอาเมพขิงๆ ตามน้ำพูดนะครับ แล้วทำไมพี่เทมถึงไม่บอกน้องหมูครับ ว่าทำตกใส่ตัวเองด้วย น้องหมูจะได้ช่วยทายา" อันที่จริงถ้ารู้ จะให้เขาออกมานั่งเฉยๆ เลยมากกว่า

          แย่จริง...ไม่รู้ว่าเทมเจ็บตัวไปเท่าไหร่กว่าจะทำได้คล่องขนาดนี้ ลาวาบนภูเขาที่ชื่อว่าความเป็นห่วง เดือดปุดๆ

          [ น้องหมูหย็อง น้องหมูหย็องไม่ชอบเมพขิงๆๆๆ งั้นเหรอครับ งั้น งั้นพี่เทมจะไม่พูดนะครับ ไม่พูดๆๆๆ ส่วนโป๊กๆๆ ตอนซ้อม ตอนซ้อมใช้นุ่มนิ่มๆๆๆ ครับ ตอนโป๊กๆๆๆ พี่เทม พี่เทมเลยไม่เจ็บสักนิดน้อยเลยครับ ---- เทมมันจะไปเจ็บตัวได้ไงวะ ฝ่ายออกแบบท่าเต้นแทบจะให้มันยืนเป็นรูปปั้นอยู่แล้ว มึงแม่งไปขู่มันทุกวัน จนมันเอาไปเก็บเป็นฝันร้ายแล้วมั้ง แค่โฟมที่ใช้ซ้อม มันก็เหลาแล้วเหลาอีก กลัวไอ้เทมโดนโฟมบาดมือแล้วหัวมันจะหลุดออกจากบ่า ] น้ำแทรกขึ้นมา ผมได้ฟังก็พยักหน้าพอใจ

          ดีแล้วครับที่กลัว ถ้าเทมเจ็บตัวกลับมาบ้านเพราะซ้อม ได้มีคนโดน 'ซ้อม' บ้างแน่ๆ

          นอกจากน้ำแล้ว ก็มีเสียงหญิงลอดมาให้ได้ยิน [ อีกอย่างนะ ถ้าหมูยอมไปนั่งบนอัฒจันทร์ดีๆ ไม่มายืนส่องกุ้งตรงแถวสต๊าฟให้เทมเห็น เทมก็ไม่เสียสมาธิจนเต้นผิดหรอก! ดูสิดู ตอนซ้อมเทมทำไม่ผิดเลยแท้ๆ แล้วนั่นอะไร ไปยืนตรงพื้นที่สำหรับนักข่าวได้ยังไงกัน ท่านประธานนักเรียนใช้อำนาจในทางมิชอบชัดๆ! ]

          หญิงบ่นไม่หยุด ท่าทางจะฉุนน่าดูที่ผมไปตั้งกล้องถ่ายรูปตรงนั้น เดาว่าคุณพี่สาวเขาขัดใจน่ะครับ โซนตรงที่เธอยืนเป็นมุมอับ ถ่ายรูปเทมไม่ค่อยชัด

          ยกยิ้มมุมปาก นี่แหละคือความหอมหวานของอำนาจ และสิทธิ์พิเศษละ...

         
          "เดี๋ยวจะส่งรูปให้ทีหลังนะครับ" สักสองรูป

          เสียงบ่นกลายเป็นเสียงประจบประแจง [ อุ้ย แหม...ท่านประธานเรานี่สายตากว้างไกล ใจดีไปช่วยเหลือชมรมหนังสือพิมพ์ทำงานสินะคะ ใจดีจริงๆ สักสิบรูปนะคะท่านประธาน...เอ้อ เทมจ๊ะ เทมเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปกินขนมตรงนู่นได้เลยนะจ๊ะ ถ้าจะออกไปข้างนอก มาบอกหญิงก่อนนะ เดี๋ยวหญิงพาไป ขอไปจัดการดูชุดนักกีฬาก่อน --- ไปเลยหญิง เดี๋ยวเราไปกับเทมเอง --- อ๋อ โอเคๆ งั้นเราฝากเทมด้วยนะ อีกสักสิบนาทีค่อยพาเทมมาแต่งตั ---- เฮ้ย! หญิง ชู่ววว! ---- ตายจริง! เราเผลอ โทษทีๆ ]

          เสียงจอแจกลบเสียงของเทมปุระเสียมิด กอปรได้ยินเหมือนมีคนยื้อแย่งเครื่องมือสื่อสารฉุกละหุก [ เทม เทมยังไม่ได้บ๊ายบาย บอกบ๊ายบายน้องหมูหย็องเลยนะครับน้ำ น้ำ ---- ฮัลโหล มึง ไอ้หมูแค่นี้ก่อนนะ กูช่วยเทมถอดหัวกุ้งก่อน --- บ๊าย --- ตี๊ดดดดด... ]

          ไม่ทันจะตอบรับอะไร น้ำก็กดตัดสายไปเสียแบบนั้น ได้ยินเทมบอกบ๊ายบายไม่เต็มประโยคด้วยซ้ำ

          อะไรของพวกนั้นนะ คงไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ กันใช่ไหมครับนั่นน่ะ อยากจะออกไปดู ติดแต่ว่าอีกหนึ่งชั่วโมงผมต้องลงแข่งแล้ว แถมตอนนี้ยังเข้ามาอยู่ในห้องพักนักกีฬาเพื่อเตรียมความพร้อม จะออกไปไหนไม่ได้จนกว่าจะแข่งเสร็จ 

          "นักกีฬายิงธนู หลังจบวอลเลย์บอลเตรียมตัวเลยนะครับ อีกสามสิบนาที" สต๊าฟเดินเข้ามาในเต็นท์แล้วตะโกนบอก ผมขานรับด้วยการพยักหน้า

          รายการแข่งกีฬาวันแรกจะเป็น วอลเลย์บอล ยิงธนู ปิงปอง แบดมินตัน แล้วก็วิ่งวิบากครับ นึกถึงรายการแข่งแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ แผนใหม่ที่เราคิดกันหลังน้ำก่อเรื่อง จากพูดคุยถกเถียงร่วมสามชั่วโมง นอกจากแผนเดิม แผนพิเศษเพิ่มเติมที่เปลี่ยนไป ก็จบด้วยวิธีการมักง่ายสิ้นคิด อย่างเช่น 'ชนะให้ได้มากที่สุด' เท่านั้นครับ

          พูดเหมือนจะง่าย แต่มันเป็นอะไรที่ทำยากที่สุด

          สีฟ้าเราเหมือนรวบรวมสมาชิกมาแต่แนวใช้สมองเสียส่วนใหญ่ เป็นการจับฉลากที่ผูกพันกันด้วยเกรดเฉลี่ยด้านวิชาการโดดเด่นโดยแท้ หมากรุก อีสปอร์ต แนวบุ๋นไม่ใช่บู๊ ผมมั่นใจว่าเราไม่หลุดจากอันดับหนึ่งและสองแน่นอน แต่นี่ไม่ใช่งานวิทยาศาสตร์ หรือสอบวัดระดับ

          นี่มันกีฬาสี แน่นอนว่าต้องเน้นกีฬาออกกำลัง

          และการจะชนะให้ได้มาก ในเกมกีฬาที่เกินกว่าครึ่งคือพึ่งศักยภาพทางร่างกาย ควบคู่การฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ... หันมามองคนในทีมที่สม่ำเสมอกับการนั่งนิ่งๆ ซ้อมหนักด้วยการเปิดหน้าหนังสือตำราเรียน ในหัวพลันบังเกิดภาพเอาไม้จิ้มฟันไปงัดท่อนซุงยักษ์แล้วหักดังเป๊าะ หนทางแลดูมืดมิดราวค่ำคืนวันราหู ต่อให้จับทุกคนในสีมาแข่ง แล้วเฟ้นคัดคนชนะมาลงเล่น ก็ยังด้อยกว่าตัวจริงนักกีฬาของโรงเรียนไกลโข ความสามารถทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น

          ทางแก้ปัญหาน่ะหรือครับ?

          ในกีฬาสีสามสิบอย่าง ยิงธนู ยิงปืน ฟันดาบ เทควันโด ยูโด คาราเต้ วิ่ง หมากรุก แปดอย่างที่เอ่ยมา... คือกีฬาที่ผมต้องลงแข่ง ใช่ครับ ผมลงแข่งทั้งหมดแปดอย่าง ไม่ใช่หนึ่งหรือสอง แต่เป็น 'แปด'

          มันเป็นอะไรที่โคตรบ้าสุดๆ ไปเลยครับ ตอนเราทดสอบหานักกีฬา กีฬาไหนเล่นเดี่ยว ผมชนะแทบจะทั้งหมด จากแค่วิ่งเพื่อขนมปี๊บ กลายเป็นแบกรับความหวังของหมู่บ้าน ถึงจะคิดไว้แล้วว่าปีนี้จะชนะให้ได้ แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองต้องมาวิ่งสู้ฟัดอะไรขนาดนั้น ดีว่ากฎมีบอกไว้ หนึ่งวันห้ามลงแข่งเกินสองอย่าง ไม่อย่างนั้น... เชื่อได้เลย ว่าจะได้เห็นชื่อดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟยาวติดกันเป็นพรืด นับได้เกินสิบแน่นอน

          ให้ตายเถอะ

          คิดแล้วก็รู้สึกหงุดขึ้นมา เพราะดันเผลอใจง่ายแค่เพียงโดนน้ำกับหญิงเป่าหู ใช้จุดอ่อน พูดถึงใบหน้ายิ้มแย้ม มีความสุขขนาดไหนของเด็กชายฟ้าประทานยามได้คล้องคอด้วยเหรียญทอง จนอดคิดตามไม่ได้ ว่ารอยยิ้มนั้นต้องเจิดจ้ามากแน่ๆ ถ้าไม่ใช่แค่ขนมปี๊บ แต่ได้เหรียญรางวัลมาด้วย ...เป็นรอยยิ้มที่เกิดจากชัยชนะของผม...เท่ากับผมสร้างรอยยิ้มนั้นขึ้นมาเอง


          รู้ตัวอีกที...ก็ฝึกซ้อมเป็นบ้าเป็นหลัง

          เกลียดเหงื่อ เกลียดความร้อน กลับกลายเป็นเหงื่อโทรมกาย อาบเหงื่อต่างน้ำ ออกวิ่งรอบสนามกลางแดดจ้า กลายเป็นหมูปิ้งแดดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนผิวขาวซีดโดนแดดย้อมกลายเป็นสีแทนอ่อน ไหนจะต้องทำงานดึกดื่นจนสิวขึ้น

          ตกหลุมกับดักเข้าไปเต็มๆ ไม่ใช่ตกแบบธรรมดา ตกแบบโง่เง่าเดินยิ้มเข้าไปเสียด้วย เฮ้อ


          "อะไรวะ?.........เฮ้ย!?"

          "มุดเข้ามาได้ยังไง!?!"



          เสียงแตกตื่นของเพื่อนร่วมเต็นท์ ทำให้หลุดจากภวังค์การบ่น หันไปมองแล้วก็ต้องให้เบิกตาโต จากผ้าที่คลุมราบไปกับพื้นเรียบร้อยถูกเลิกขึ้นโดยขาหมูสองข้างและก้นหมูสีชมพู ก้อนสีหวานดิ้นขยุกขยิกไปมา หางม้วนเป็นวงกลม เอกลักษณ์ของหางหมูเด้งดึ๋งดั๋งเมื่อคนสวมชุดขยับ

          เสียงปริศนาที่หนึ่งถามด้วยความฉงน

          "อ-อ้าว...ทำ ทำไมเทม เทม เทมไม่เห็นเจอน้องหมูหย็องเลยครับน้ำ? ยัง ยังเจอแต่น้ำคนเดียวอยู่เลยครับ?"

          เสียงปริศนาที่สองถอนหายใจอย่างระอา ก่อนตอบกลับ

          "มึงจะบ้าเหร๊ออออออ หันตูดเข้าไปมันจะเจออะไรนอกจากหน้ากูเล่า!?"

          "อ-อ-อ-เอ๊ะ อ้าว อ้าว...?"

          "ไม่ต้องมาอ้าว หันตูดออกมา เอาหัวเข้าไป!"

          ก้นกลมปฏิบัติตามคำสั่ง เร่งถีบตัวเองออกจากเต็นท์ ทว่าเสียงกุกกักฟังดูติดขัด เหมือนเจ้าหมูน้อยก้นใหญ่เกินไป มุดออกไม่ได้ จนต้องให้เพื่อนช่วยดึง วุ่นวายกันสักพัก เจ้ากุ้งสีส้มตัวโต ที่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าหมูสีชมพูก็มุดหน้าเข้ามาใหม่ ครั้งนี้หมูน้อยโผล่เข้ามาแบบมีหน้าตา ดวงตาคู่นั้นก้มต่ำมองไปรอบ กวาดมองไปทั่วแบบแอบๆ พอเห็นรองเท้าคู่คุ้นตา ก็เงยหน้าพรวด สบตาเข้ากับผมบนม้านั่ง นัยน์ตาสวยเป็นประกาย ฉีกยิ้มกว้าง

          หมูตัวนี้ไม่ได้ร้อง อู๊ด อู๊ด แต่เป็น "หมูหย็องครับ!"

          ร้องเรียกเสียงด้วยความดีใจ ก่อนจะชะงัก

          ผู้กระทำการบุกรุกอย่างอุกอาจรู้ตัวเสียแล้ว ว่าในห้องไม่ได้มีแค่เพียงหมูหย็องครับของเจ้าตัว สายตาหลายสิบคู่มองตรงไปที่หมูครึ่งตัวเป็นตาเดียว เมื่อมีคนมองเยอะ เจ้าหมูเลยก้มหน้างุดหลบหนี ปากสวยบอกเสียงเบา ท่าทางเก้อเขิน "แหะ แหะ ...พี่เทม พี่เทม พี่เทมมาเชียร์น้องหมูหย็องเฉยๆครับ"

          "แล้วมึงจะมุดเข้ามาเชียร์แบบนี้ก็ได้เหร๊ออออออออออออออออออออออออออ!?!"

          เพื่อนร่วมทีมแหกปากถามเสียงดังให้หมูปริศนาที่จู่ๆ ก็โผล่เข้ามา

          เสียงจ้อกแจ้กจอแจของนักกีฬาปะทุขึ้นทันที หลายคนคันไม้คันมือเริ่มอยากยกมือถือขึ้นมาถ่าย ไม่ก็เข้าไปรุมล้อมถาม ว่าต้องใจกล้าขนาดไหน ถึงได้สวมชุดน่าอายแบบนั้นเดินเพ่นพ่านไปทั่วโรงเรียนเพื่อคนคนเดียว แต่ก็เพราะรู้ไงว่าคนคนเดียว ที่เจ้าเด็กชายตามหาคือใคร และน่ากลัวขนาดไหน โทรศัพท์เลยยังคงอยู่อย่างสงบในกระเป๋า และเท้าก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ ทำแค่โห่แซวและมองอย่างหยอกล้อ ไม่กล้าทำอะไรเลยเถิด ต่อหน้าต่อตาเจ้าของเจ้าหมูสีชมพู

          ผมนั่งตัวแข็งเป็นหินเหมือนคนโดนขโมยสมอง อึ้งมองเขาอยู่นาน จนคุณหมูกวักมือเรียกถึงได้สติ 

          "เทมครับ?...พี่เทมครับ? มาได้ยังไงครับ??" แล้วทำไมมาในสภาพแบบนี้? มองนางฟ้าที่อยู่ในชุดมาสคอตหมูสีหวานจ๋อย ตรงคอมีโบว์สีขาวผูกไว้อย่างน่ารัก แล้วก็ให้รู้สึกว่าตัวเองโง่งม


          จิ๊กซอว์แห่งความลับ เหมือนถูกจับต่อเข้าด้วยกันจนเป็นรูปเป็นร่าง

          อา...ความลับ ความลับที่เขามาขอผม ไม่ใช่เรื่องของกีฬาที่ผมเข้าใจผิดไปเองสินะ แต่เป็นเรื่องนี้ต่างหาก....?


          คุณหมูยกนิ้วชี้ขึ้น กลายพันธุ์ได้อีกครั้ง ด้วยการส่งเสียงร้อง จุ๊ จุ๊ เป็นคุณตุ๊กแก

          "จุ๊ จุ๊ นะครับ เสียงดัง เดี๋ยวอาจารย์ อาจารย์จะเห็นนะครับ" น่าจะเห็นนานแล้วละครับหมูว่า สีดึงสายตาเสียขนาดนี้ ถ้าไม่เห็น ก็ควรถามแล้วครับ ว่ามีลูกตาไว้ประดับใบหน้าเฉยๆ หรือยังไง

          ผมคุกเข่าลง เกลี่ยแก้มชื้นเหงื่อที่บ่งบอกว่าทุลักทุเลขนาดไหนกว่าจะเข้ามาหาผมได้

          "พี่เทม พี่เทมเป็นคุณหมูนำโชคของน้องหมูหย็องครับ เป็นมาสคอต เป็นคุณตัวนำโชคของน้องหมูหย็องคนเดียวเลยครับ"  ไม่สนใจเสียงโห่จากเพื่อนคนอื่นๆ กอบกุมแก้ม มองตาเขาด้วยความซึ้งใจ

          "ขอบคุณมาก...มากๆ นะครับ"

           "ไอ้เทมเร็วๆ! อาจารย์ให้แค่สามนาทีนะเว้ย!"

          "ส-สามนาที!...น้องหมูหย็องครับน้องหมูหย็อง พี่เทม พี่เทมมาบอกว่าสู้ๆ สู้ๆ นะครับ ที่จริง ที่จริงพี่เทมทำน้ำมะนาวชดชื่ง ชดชื่งมาให้ด้วย แต่อาจารย์ไม่ให้นักกีฬาดื่มอะไรจากคนแปลกหน้าครับ พี่เทมเลยเอาเข้ามาให้ไม่ได้ คือ คือว่า ก็เลย ก็เลยไม่มีอะไรมาฝากนอกน้องหมูหย็องนอกจากกำลังใจ..." เขาว่าแล้วก็ยกมือวางแปะบนมือผม ตบปุบปับๆ ปั้นอากาศเป็นก้อนกำลังใจอย่างรวดเร็ว

          กำก้อนกำลังใจของเขาเอาไว้แนบอก ยกยิ้มอ่อนโยน
     
          "แค่พี่เทมมา แค่นั้นก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับ"

          "ขอบคุณน้องหมูหย็องด้วยนะครับ พี่เทม พี่เทมจะรอน้องหมูหย็องที่เส้นชัยนะครับ น้องหมูหย็องคนเก่งของพี่เทมต้องชนะแน่ๆ พี่เทมจะถือโถน้ำมะนาวรอ รอ รอที่เส้นชัยเลยนะครับ"

          "ครับ รอน้องหมูที่เส้นชัยนะ น้องหมูจะวิ่งไปหาเป็นคนแรกเลย"

          พี่เทมเม้มปาก ช้อนตาขึ้นอ้อน "น้อง น้องหมูหย็องครับ ก้มหน้า ก้มหน้าหน่อยนะครับ กระซิบๆๆๆ กันนะครับ"

          ผมโน้มตัวลงตามคำขอ

          พี่เทมยกมือขึ้นป้องปาก ในช่องว่างเล็กๆ แห่งความลับของผมกับเขา เป็นเสียงกระซิบที่ประหลาด ไร้ความหมาย เป็นเพียงคำสั้นๆ สามครั้ง สามคำ แนบชิดกับติ่งหู

           'จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ'


          แล้วหมูน้อยก็โดนลากออกไป

          เหลือไว้แต่เพียงหมูอีกคนที่หน้าแดงจัด นั่งคุกเข่าเป็นรูปปั้นอยู่นานหลายนาที




***



          เมื่อเริ่มการแข่งขัน ระหว่างรอถึงตาตนเอง สมาธิที่ถูกใช้ไปกับการเรียบเรียงวางแผน ก็ถูกก่อกวนด้วยเสียงของเหล่าผู้ช่วย ที่ช่วยได้เป็นอย่างดีเรื่องการกระจายข่าว เล่นชะโงกไปคุยกับสีอื่นขนาดนั้น ถ้าจบเกมแล้วคนทั้งโรงเรียนยังไม่รู้นี่ผมจะแปลกใจมากครับ

          "มึงรู้ปะ เมื่อกี้ตอนพวกกูอยู่ในเต็นท์เกิดอะไรขึ้น เทมเว้ย ไม่ๆ ไม่ใช่น้องเทมเทมนมใหญ่ เทมของเทมหมูอะมึง เออ นั่นแหละ แม่งมาจากไหนไม่รู้ แต่มันใส่ชุดมาสคอตหมูมาเชียร์ไอ้หมูถึงในเต็นท์เลย จู่ๆก็มุดเข้ามา พวกกูนี่สะดุ้งกันเป็นแถบ นึกว่าใครบุกมาอัดตัดกำลัง"       
   
          "เหยดดดดด จริงดิวะ!?"

          "มึงได้ถ่ายรูปไว้ไหม ส่งมาๆ! กูจะเอาไปลงเฟซ เรื่องนี้ต้องลงวงกว้างเว้ย"

          "ถ่ายก็แย่ละ ท่านประธานมองตาขวางขนาดนั้น"

          "เทมแม่งโคตรใจอะ หาได้ที่ไหนวะ แต่งชุดมาสคอตเพื่อมาเป็นกำลังใจให้คนคนเดียว สุดทางไปเลยโว้ย"

          "ถ้ากูเป็นท่านประธานนี่หัวใจวายตายห่าไปแล้ว ขนาดกูเป็นผู้ชายอกสามศอกยังหวั่นไหว โอ้ย ใจกู!"

          "มึงต้องเห็นของจริง ไอ้เหี้ยยยยย กูนี่เขินไปหมด มึงเห็นตอนไอ้หมูคุกเข่าไปจับแก้มเทมป่ะ กูนี่เหลวเลย นึกว่าอยู่ในซีรีส์!"

          "เออ แต่กูอยากรู้อีกอย่างว่ะ ตอนสุดท้ายเทมแม่งพูดอะไรกับหมูวะ ประธานชาเย็นของพวกเราถึงได้กลายเป็นน้ำแดงขนาดนั้น"


          ...นินทากันได้เสียงดัง ไม่มีเกรงใจกันดีนะครับ...

          แต่ไม่ว่าอะไรก็ทำให้อารมณ์ที่ดีมอดดับลงได้ ยิ่งหันขึ้นไปมองบนสแตนด์ เห็นเขายืนโดดเด่น โบกป้ายเชียร์ สะพายถังน้ำที่ด้านในบรรจุไปด้วยชิ้นเลม่อนสีเหลืองสดใส ยิ่งยิ้มกว้าง ...มันจะน่ารักเกินไปแล้ว... อยากวางธนูลงแล้วขึ้นไปกอดรัดเขาแน่นๆ ชะมัด

          "นักกีฬาสีฟ้าพร้อมหรือยังครับ ถ้าพร้อมแล้วเดินเข้าสนามได้เลยครับ"

          "ครับ"

          ผมก้าวเข้าสนามด้วยความมั่นใจ กำลังใจดีขนาดนี้ ต่อให้เป้ายิงเป็นแค่แมลงปอตัวเล็กบินผ่าน ก็ไม่น่าหวาดหวั่นเลยแม้แต่นิดเดียว สายตาคมกริบมองป้ายคะแนนที่ห่างแล้วหมายมาด ผมจะเป็นที่หนึ่ง เริ่มตั้งแต่เกมนี้เลย

          การแข่งยิงธนูแบ่งเป็นสองสายครับ สายแรกเป็นการแข่งโดยใช้ธนูแบบ recurve ส่วนสายที่สองคือ compound โดยธนูแบบแรก จะเป็นคันธนูที่มีความใกล้เคียงกับของโบราณดั้งเดิม แม้จะใช้วัสดุในสมัยใหม่ แต่ยังคงเอกลักษณ์และลักษณะเด่นไว้ อย่างเช่นการปล่อยสายธนูโดยนิ้วมือ ซึ่งการจะปล่อยให้ถูกต้องและสวยงาม ยากมากๆ ครับ การบังคับถ้าคลาดเคลื่อน พลาดแม้เพียงนิดก็จะพังไม่เป็นท่าทันที ไหนร่างกายจะต้องรับภาระหนักจากการดึงรั้งสาย ซึ่งแตกต่างจาก compound ที่จะมีตัวช่วยปล่อยลูกธนู เวลาน้าวสายก็เอามาเกี่ยวไว้กับตะขอแล้วกด คล้ายคลึงกับการลั่นไกปืน

          อธิบายง่ายๆ ก็คือ recurve เป็นแบบคลาสสิคเก่าแก่ ต้องใช้ความสามารถล้วนๆ ในการควบคุม ไร้อุปกรณ์ใดช่วย ส่วน compound คือธนูไฮเทค ที่ถูกออกแบบรังสรรค์ขึ้นมาให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น มีตัวช่วยในการยิงและการเล็ง ความเสถียร ตัวช่วยเรื่องรับน้ำหนัก ร่างกายไม่รับภาระเยอะเท่าแบบแรก

          ถึงจะเป็นธนูเหมือนกัน แต่ก็ถูกจัดไว้เป็นคนละประเภท

          การแข่งในกีฬาสีของโรงเรียนก็เช่นกัน นักกีฬาแบ่งออกเป็นสองคน แยกคนละสาย มีเพียงสีเดียว ที่มีนักกีฬายิงธนูเข้าแข่งเพียงหนึ่ง แต่ควบถึงสอง...
         

          สูดหายใจเข้าลึก สองขากางออก จังหวะการหายใจถูกผ่อนลง กล้ามเนื้อคลายตัว ก่อนเกร็งเฉพาะส่วน ยกแขนน้าวสายธนู ตรึงสายแนบชิดปลายจมูกและริมฝีปาก สายตาจดจ้องเล็งเป้าหมาย ปล่อยลูกธนูออกไป

          ทำซ้ำอีกครั้งกับ compound

          เพียงเท่านั้นชัยชนะก็ตกเป็นของผม

          ผมได้ยินเสียงร้องเย้คุ้นหูก่อนใคร หันไปสบตาเทพีแห่งชัยชนะของตัวเองแล้วก็ได้แต่ยิ้มขัน เจ้าหมูน้อยดีใจจนกระโดดหย็องแหย็งให้มั่วไปหมด ร่างสูงเกาะรั้วกั้นไว้แน่นพร้อมเขย่า ดูท่าอีกฝ่ายจะอยากเปลี่ยนร่างเป็นคุณลิง เพื่อปีนข้ามรั้วมาหาผมแทนเป็นคุณหมูน้อยแล้วละครับ หึหึหึ


       
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 47 * 25/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 25-12-2018 22:06:08
           

          การแข่งทั้งหกวัน ผมมีมาสคอตส่วนตัวคอยให้กำลังใจ คอยส่งข้าวส่งน้ำให้ทุกวัน รับรู้ได้ถึงไฟริษยาอันร้อนแรงจากคนรอบข้าง มันยิ่งกว่าความดุเดือดในสนามเสียอีกครับ ทุกวันคุณตัวนำโชคทำหน้าที่ได้ดีมาก แม้ตอนแข่งคาราเต้กับเทควันโด จะเม้มปากแน่นน้ำตาซึม เล่นเอาใจหายวาบก็ตามที เด็กน้อยที่เพิ่งรู้ ไม่อยากให้ผมลงแข่ง เพราะกลัวผมเจ็บตัว แต่ถอนตัวก็ไม่ทันแล้วครับ สุดท้ายก็เป็นการเชียร์แบบน้ำตานองหน้า จนผมต้องทำแต้มให้ชนะขาดอย่างรวดเร็ว

          ในส่วนของการแข่งอื่นๆ พูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นไปอย่างราบรื่น แม้ผมจะสอยเหรียญทองมาได้ในทุกการแข่งขันที่ลง จนได้แมวมองตามจีบเกือบครึ่งร้อย แต่กีฬาสีเป็นกิจกรรมสามัคคี เมื่อกีฬาอย่างอื่น เพื่อนๆ ไม่ช่วยสามัคคีชนะ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้ที่หนึ่งครับ

          ต่างกันสามสิบคะแนน...สีฟ้าได้ที่สองมาครอง

          ไม่ต่างจากที่คาร์โลเตือน ปีนี้ทีมม้ามืดอย่างสีเหลือง มาแรงจนแซงหน้าทุกคน กระทั่งสามสีหัวเรือใหญ่ร่วมมือกันก็ยังพ่ายให้ ฟุตบอล วอลเลย์บอล กีฬาประเภททีมคือตัวดึงคะแนนขนานใหญ่ บาสที่มีท่าทางร่อแร่ ดันพลิกกลับมาชนะรอบลูกโทษ เล่นเอาเทมน้ำตาคลอสงสารเต้ไปอีกระลอก สีเหลืองชนะติดกันจนคะแนนท่วมท้น คะแนนพิเศษก็เข้าทาง

          บทสรุปก็นั่นแหละครับ ที่สองตัวเบ้อเร่อ

          ส่วนความรู้สึกของผม ผู้ที่ตรากตรำแข่งถึงแปดอย่างน่ะเหรอครับ?

          อืม...เจ็บใจที่สีแพ้มากกว่าที่คิด คำพูดของตัวร้ายเกรดบีในหนังผุดขึ้นมาในหัว ระหว่างยิ้มรับถ้วยรางวัล 'ฝากไว้ก่อนเถอะ' ปีหน้าผมมาทวงคืนแน่ๆ

          แต่ถึงแม้จะแพ้ในคะแนนรวม แต่คะแนนเดี่ยวผมก็ชนะขาดลอย ได้รางวัลเป็นขนมปี๊บและเหรียญทองมามากมาย เยอะชนิดที่พี่เทมสามารถเทแล้วแหวกว่ายท่าผีเสื้อได้เลยละครับ เหรียญทองก็ให้เขาคล้องซ้อนกันจนชิดถึงปลายคาง ดูไปดูมา ก็คล้ายพวงมาลัยที่เหล่าแม่ยกคล้องให้พระเอกลิเกดีเหมือนกัน

          แต่รางวัลที่สำคัญที่สุด ก็คือรอยยิ้มเจิดจ้าของเจ้าก้อนความสุข ...เจิดจ้ากว่าที่หวังไว้มากเลยละครับ....

          เทมดีใจสุดๆ ยิ้มหวานจ๋อย เข้ามาคลอเคลีย อารมณ์ดีจับจูงมือผมไปโอ้อวดทุกคน ท่าทางยิ้มแป้นหน้าตาชื่นบานแสนน่าเอ็นดู  เล่นเอาความโมโห หงุดหงิด งุ่นง่านที่แพ้หายเกลี้ยง ยิ่งได้อ้อมกอดอุ่นพร้อมคำว่าขอบคุณครับข้างหูก็ลืมเลือนทุกสิ่ง

          ลืมกระทั่งวันเกิดตัวเอง

          ในเช้าวันสุดท้ายของสัปดาห์แสนวุ่น ผมถึงได้ทำหน้างงเมื่อเจอครอบครัวตัวเองแบบพร้อมหน้าพร้อมตา คุณป๊าอ้าแขนโชว์เค้ก คุณหม่าม้าถือประทัดรอ พี่น้องทั้งสี่ พร้อมด้วยคุณแม่ของเทม ในมือถือของขวัญยื่นส่งให้ตรงหน้าลิฟต์

         "เซอร์ไพรสสสสสสสสสสสสสสสสสส์!!! แฮปปี้เบิร์ธเดย์!! สุขสันต์วันเกิดอายุสิบหกนะหมูหย็อง!!"


          ประสานเสียงก่อนเงียบกริบ เมื่อเจ้าของวันเกิดเดินหน้านิ่งออกมา

          "อา...ว้าว...ตกใจจังเลยครับ ขอบคุณทุกคนมากนะครับ" พูดด้วยเสียงโมโนโทน

          หย็องหย็องกลอกตาเบะปาก "โอ้โหเฮีย...ว้าวได้หน้าโคตรนิ่งอะ...ปลอมเปลือกมาก"

          "คุณหญิงแม่บอกแล้วไงคะ ให้ไปเรียนทักษะการแสดงเพิ่ม! โอ้ยยยยยย นี่หม่าม้าอุตส่าห์บินข้ามทวีปภายในหนึ่งคืนเพื่อมาหาเลยนะคะ แล้วมาเจอหน้าปลาตายแบบนี้ ...ลำใย! จองตั๋วไปมัลดีฟส์แก้เซ็งให้ฉันที!"

          เหลือบตามองพี่ชายคนโตที่หน้างอ ขว้างค้อนมาให้ไม่หยุด

          "ก็คุณหลวงบอกจำปาเองนี่คะ! ว่าไม่เอาอะไรอันตราย แล้วมันจะเหลืออะไรให้เล่นกัน!?"

          ก็ไม่นึกว่าจะจืดชืดขนาดนี้...

          เช้านั้นเราจบลงง่ายๆ จนน่าเหลือเชื่อ ผมเป่าเค้ก จับมือเทมที่ดูกระสับกระส่าย สงสัยคงเพราะตื่นเต้นเกินไป เราทานอาหารด้วยกัน ทุกคนเข้ามาอวยพรและมอบของขวัญให้ผม ทว่าประสบการณ์หลายปีทำให้ผมระแวดระวัง ยังคงแอบชำเลืองมองรอบตัวบ่อยครั้ง คิดว่าทานไปสักพักอาจจะมีคนแต่งตัวด้วยชุดซุมบ้า หรือนักมายากลออกมาเต้นบนโต๊ะอาหารก็ได้ แต่ปรากฏว่าก็ไม่มี
         
          นี่มัน...น่าเหลือเชื่อมากๆ ครับ...

           ถ้าค้นพบว่าแท้จริงแล้ว โลกเราไดโนเสาร์ยังไม่สูญพันธุ์ ดูยังทำใจเชื่อง่ายกว่าการที่ครอบครัวผมจะทำอะไรพื้นๆ ดูปกติสามัญแบบนี้เสียอีก...

          ทุกคนเดินออกมาส่งพวกผมขึ้นรถไปโรงเรียน

          "น้องหมูหย็องครับ น้องเทมครับ คืนนี้จะอยู่ฉลองถึงเย็นกับทางโรงเรียนใช่ไหมครับ แล้วจะกลับบ้านกันกี่โมงคะ คุณแม่จะได้มาช่วยเตรียมเลี้ยงตอนกลางคืนถูก"

          "หมูๆ เจ้ต้องกลับไปโรงเรียนอ่ะ อยู่ถึงงานเลี้ยงตอนกลางคืนไม่ได้นะ โทษที"

          "ว๊าย ลูกคนใช้มาพูดขัดจำปาได้ยังไงกันคะ จำปาก็จะบอกคุณหลวงทั้งสองคนเหมือนกัน คืนนี้จำปามีธุระเร่งด่วน อยู่ฉลองตอนเย็นไม่ได้นะคะ แต่ไม่ต้องกลัวเปล่าเปลี่ยวไป เดี๋ยวจำปาจะส่งสแตนดี้เท่าตัวจริงมาให้ทดแทน อิอิ"

          "อืม...เฮียต้องไปช่วยรุ่นพี่เข้าวอร์ดด้วยเหมือนกัน"

          "เอ่อ หย็อง...หย็องต้องไม่ว่างด้วยไหมอะ?"

          หรี่ตามองทุกคนที่จู่ๆ ก็ร่วมใจกันไม่ว่าง กับเฮียเนื้อหย็องนี่พอเข้าใจได้ครับ แต่สายปาร์ตี้ตัวยงอีกสามคนนี่เกินจะเชื่อจริงๆ กระทั่งคุณป๊าที่รู้ว่าผมจะไม่ได้ฉลองด้วยเต็มวัน ยังยืนนิ่งยิ้มเฉย ...ไม่ใช่แล้วครับ นี่มันมีอะไรแน่ๆ แอบมองคนข้างกายยิ่งอาการหนักกว่าใครเพื่อน เทมเล่นไม่มองหน้าผมตั้งแต่ออกจากลิฟต์เลยทีเดียว


          เฮ้อ...แต่ก็เล่นตามน้ำไปก่อนก็แล้วกันครับ คงไม่แคล้วอยากให้ตกใจเหมือนทุกปี กลับบ้านมาเจอคนเยอะแยะ งานเลี้ยงยิ่งใหญ่ เจอช้างวาดรูป เจอสิงโตเดินสองข้าง ไม่ก็อาจจะเจอคนพ่นไฟ ไม่แน่คัลนิวาลแปลกๆ อาจจะมีโชว์มังกรปลอมก็ได้ ใครจะรู้ ผมตามรสนิยมสุดโต่งของพ่อแม่ตัวเองไม่ทันหรอกครับ อืม...หรืออาจจะเจอนายแบบนางแบบระดับโลกแบบสามปีก่อนก็ได้ หรือจะคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลกคนนั้นก็ไม่เลวเลยทีเดียว

          "คงกลับมาประมาณหกโมงเย็นครับ"

          หลังจากตอบก็ไร้การเหนี่ยวรั้ง ว้าว...แปลกดีจริงๆ...

          งานเลี้ยงปิดสัปดาห์อันเหนื่อยหนัก เป็นไปด้วยความครื้นเครงจนถึงเย็น นอกจากผู้คนเข้ามาเอ่ยแสดงความยินดีที่กวาดเหรียญทองด้วยตัวคนเดียวมากจนเป็นประวัติการณ์แล้ว ก็มีคนรู้จักเข้ามามอบของขวัญ พร้อมอวยพรวันเกิดให้อีกหลายคน และยิ่งเย็นคนก็ยิ่งคึก ขนาดเต้ที่เสียใจเพราะชวดที่หนึ่งยังเริ่มปลดปล่อย ด้วยการวิ่งไปเต้นกลางเวที พร้อมเริ่มถอดเสื้อผ้าเหวี่ยงไปมา ...ขอยืนยันไว้ตรงนี้เลยนะครับ งานเลี้ยงนี้ไม่มีเหล้า ไม่มียาอี ยาม้า หรือกัญชาใดๆ ทั้งสิ้น ความบ้าส่วนบุคคลล้วนๆ...

          ชั่วขณะที่ผมหันไปมองเพื่อนตัวเองด้วยสายตาเฉยชา หันมาตอบรับคำอวยพรและของขวัญจากรุ่นพี่ คนข้างกายก็หายไป

          "น้ำ เทมไปไหน" เอ่ยถามเพื่อนอีกคนที่ขำก๊ากคู่แฝด กำลังโดนอาจารย์เอาไม้ไล่ตีให้ลงจากเวที

          น้ำหันมองรอบตัวแล้วเบิกตากว้าง "เฮ้ย เมื่อกี้มันก็อยู่ตรงนี้ไม่ใช่เหรอวะ กูยังเพิ่มเติมน้ำส้มให้มันเอง"

          คิ้วขมวดเป็นปมแน่น

          "กูจะไปหาเทม"

          "เฮ้ย! กูไปด้วย เดี๋ยวกูช่วยหาด้านโรงอาหาร มึงไปดูห้องน้ำแล้วกัน เผื่อมันไปห้องน้ำ"

          เด็กน้อยของผมจะไปไหนเขาบอกก่อนเสมอ การหายไปเฉยๆ ทำเอาร้อนรน สติแทบขาดกระเจิง สองขาวิ่งอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปทางห้องน้ำ

          "เทมครับ! เทมอยู่หรือเปล่าครับ!?" เมื่อเรียกร้องหาแล้วไร้เสียงผู้ใดตอบกลับ ใจยิ่งว้าวุ่น ผมยืนนิ่ง เมื่อคิดขึ้นได้ว่าในนาฬิกามีที่เทมสวมมี GPS ติดอยู่ รีบยกข้อมือขึ้นดู

          ความพะวงรวมไปอยู่จุดเดียว จนเผลอปล่อยช่องว่างให้คนเข้ามาประชิด

          "อย่าขยับ! ตามพวกกูมาซะดีๆ!" เสียงคุ้นหู ทว่าไม่ทันคิดว่าคือใคร ผู้ชายสามคนในเสื้อสีดำพร้อมไอ้โม่งปิดหน้าปิดตา เข้ามารุมล้อมผมเอาไว้

          เทมหายไปก็ร้อนใจจะตายอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอพวกเวรนี้อีก ผมปล่อยหมัดไปที่คนตัวใหญ่ที่สุด ก่อนกระทืบเท้าคนตัวเล็กที่โอบเอวตัวเองเอาไว้ พอมันปล่อยก็เอี้ยวตัวถีบซ้ำที่ท้องจนกระเด็น เสียงชายน่าสงสัยแหกปากร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อสองคนผงะถอยหลัง ผมก็ถีบตัวเข้าประชิดไอ้โม่งคนที่เหลือที่ผวาตกใจ คว้าคอเสื้อเตรียมซัดหมัดใส่คนสุดท้ายให้จบเกม

          "เฮ้ยยยยยยยยยยยย เดี๋ยวก่อนนนนน ประธ๊านนนนน อย่าชกๆๆๆๆ กูเองๆๆๆ!" ชายในหมวกไอ้โม่งยกมือยอมแพ้ รีบดึงหมวกถอดออก เผยใบหน้าคนรู้จักแสนคุ้นเคย

          ค้างหมัดไว้หนึ่งคืบก่อนถึงสันจมูกโด่ง "อเล็กซ์?"

          ผมสบถ "เล่นห่าอะไรกัน! เทมอยู่ไหน!?"

          "แค่ก แค่ก ใจเย็นก่อนเว้ย" ชายน่าสงสัยอีกสองคนถอดตาม

          มันคือไอ้คนที่เกือบโป๊บนเวที และ...น้องชายของผมเอง?

          "หย็องหย็อง? เต้?"

          "เฮียแม่งกะเล่นถึงตายเลยหรือไง ถีบมาได้ เต็มๆ ท้องเลย! เครื่องในน้องยังอยู่ดีไหมวะเนี่ย"

          "เทมอยู่ไหน" เมื่อรู้ว่าเป็นการเล่นของพวกมัน ก็หายใจเข้าปอดอย่างโล่งอก

          "อยากเจอเทม ก็ตามพวกกูมาดิ ...โอ้ย...ปากกูแตกอะ แสบปากชิบหายเลย" เต้ว่าพลางเดินนำหน้า พร้อมยกมือกุมปาก บ่นงุ้งงิ้งกับน้องชายผมสองคน มีอเล็กซ์เดินตัวลีบตามหลัง

          "โธ่ เฮียเต้ยังดี หย็องนี่ดิ โดนเฮียหมูถีบเข้าเต็มรัก นึกว่าไส้จะพุ่งออกปากซะแล้ว"

          "ประธานแม่งโคตรโหด ถ้ากูห้ามไม่ทัน มีหวังฟันหลุดแหงๆ"

          ผมไม่ใส่ใจฟังคนร้ายทั้งสามบ่น ทำตัวเองทั้งนั้นเลยนี่ครับ เพราะหลังจากถามได้ความ เห็นว่าเทมให้มาตามผมไปหา พอจี้ถามว่าเทมบอกให้มาในสภาพโจรห้าร้อยแบบนี้หรือ ก็เลิกลั่กหลบตา ตอบอ้อมแอ้มว่าเปล่า แต่ลืมชุดไว้ที่ไหนไม่รู้ เลยไปขอยืมโม่งลุงภารโรงมาใส่แทน...ขอย้ำนะครับ ว่าที่นี่ไม่มีเล่นยา โง่ บ้าเองล้วนๆ ไม่มีอะไรผสม

          สองข้างทางที่ทั้งสามพาผมมา ทั้งดูแปลกตาและคุ้นเคยในคราเดียวกัน บันไดทางขึ้นตึกเรียนในยามค่ำคืน ดูวังเวงและเงียบสงบ มีเพียงเสียงฝีเท้าของพวกเราสี่คนดังแว่วก้องไปมา พอถึงชั้นสี่ก็เริ่มเห็นไฟตกแต่งประดับประดาตามข้างทาง หลอดไฟสวยฉายแสงนำทางไปถึงบนชั้นดาดฟ้า

          แอ๊ด

          เต้เปิดประตูออก แล้วผายมือให้ผมเดินเข้าไปก่อน

          "เชิญครับคุณดิมิทรี...แล้วมึงจะอึ้ง"

          "ฮิฮิ"

          "เทม?"

          "เออออออ มึงรีบๆ เดินเข้าไปเถอะน่า เทมก็อยู่ในนั้นแหละ"

          ทั้งสามคนดุนหลังผมให้เดินเข้าไปสักที หลังจากถามย้ำจนแน่ใจว่าเทมอยู่ที่จริงหรือไม่ จะให้ทำไงล่ะครับ ก็ผมเป็นห่วงเทมนี่น่า ถ้าเกิดเทมไม่อยู่ละ ถ้าตอนนี้เขาหลงทางหรือหายไปไหน ผมไม่สนใจเซอร์ไพรส์วันเกิดตัวเอง มากกว่าความปลอดภัยของเขาหรอกนะครับ

          เมื่อก้าวเท้าเข้าไป วินาทีแรกที่เห็นคือความมืดมิด สีดำถูกทาทับ ปกคลุมทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งร่างกายตัวเอง มองไม่เห็นสิ่งใด ก่อนทุกอย่างจะสว่างวาบ ตามมาด้วยเสียงร้องเพลงวันเกิด ประสานเสียงของคนหลายสิบคน ผมตาพร่าอยู่หลายวิ ถึงจะลืมตาและปรับโฟกัสการมองเห็นได้ ทั้งเพื่อน คนในสภา รุ่นพี่ คู่แข่ง รุ่นน้อง อีกมากมาย กำลังยืนล้อมกันเป็นวงใหญ่ ตรงกลางมีเค้กก้อนมหึมาขนาดที่สูงท่วมหัวผมไปอีกหลายเซ็นติเมตร

          "แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู ~ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู ~ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ~ แฮปปี้เบิร์ธเดย์...ทูยู...สุขสันต์วันเกิดนะหมูหย็อง!!"

          ผมตกใจไม่น้อย และเมื่อทุกคนเห็นเป้าหมายตกใจ ก็หัวเราะเสียงดัง พวกเขาเข้ามาล้อมผมเอาไว้ ก่อนจะช่วยกัน เข็นเค้กสีขาวก้อนยักษ์บนรถเข็นเข้ามาใกล้

          "เป่าเค้กเลย!"

          "เป่าเลย เป่าเลย เป่าเลย!"

          "ขอให้มีความสุขนะคะท่านประธาน"

          "ขอบคุณนะเว้ย ที่ให้ไปซ้อมที่บ้าน นี่ของขวัญ"

          "เอ้า นี่ก็ของขวัญ!"

          "พี่หมูคะ ช่วยรับของขวัญจากพวกเราชมรมรักเทมหมูด้วยนะคะ"

          เสียงเคาะไมค์ทำให้การจลาจลมอบของขวัญหยุดลง

          "อะแฮ่ม ทุกคนคะ เรื่องของขวัญกับเค้ก ไว้ค่อยทำหลังคนสำคัญของเจ้าของงานวันเกิด 'เซอร์ไพรส์' ให้เสร็จลุล่วงดีไหมคะ? ไม่งั้นเดี๋ยวท่านประธานจะอารมณ์ไม่ดี เพราะหาเทมไม่เจอ แล้วอาละวาดพังเค้กของพวกเราเอาได้นา ดูสิ ขนาดคนไปรับยังหน้าเขียวกลับมาเลย"

          มุกตลกร้ายของเปีย เล่นเอาคนฮาครืน หญิงสาวอีกคนก้าวเข้ามา "สุขสันต์วันเกิดนะหมู นี่เป็นของขวัญของพวกเรา แล้วก็นี่...ของขวัญจากคนพิเศษของนาย"

          เปียกับหญิงผายมือไปทางด้านหลัง ฉับพลัน ความมืดถูกแสงสว่างไล่ออกไป เผยภาพเวทีเล็กๆ ที่บนนั้นมีพี่ชายของผมถือกีตาร์ เสาร์นั่งอยู่บนเปียโน และคนอีกมายมายที่ถือเครื่องดนตรีหลากชนิด แต่สิ่งที่จับตาผมไว้ ก็คือคนสำคัญของผมที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด เขาถือไมค์แล้วส่งยิ้มมาให้

          เราสบตากัน ช่วงเวลานั้นเหมือนคนรอบข้างหายไป มีเพียงแค่ผมและเขา ยืนอยู่บนดาดฟ้าที่ตกแต่งไว้ได้สวยราวฉากในภาพยนตร์ดีๆ สักเรื่อง ห้วงอากาศถูกดูดออกไปจนรู้สึกแน่นและอึดอัดในอก หัวใจเต้นแรง แม้ไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร แต่เพียงอัญมณีสีน้ำตาลสะท้อนแสงไฟ ปรากฏภาพใบหน้าของผมในดวงตาฉ่ำหวาน ดวงตาคู่นั้นมองตรงมา มองแค่เพียงผม ราวกับกำลังบอกรักผมต่อหน้าคนนับร้อยบนนี้

          "ส-ส-สุขสันต์วันเกิดนะครับหมูหย็อง" เสียงเทมติดประหม่า เขาสูดหายใจเข้าลึก "ตอนนี้พี่เทม พี่เทม ไม่ได้เป็นพี่เทมของน้องหมูหย็องแล้วนะครับ ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกัน...เทม เทมเป็นแค่เทมเพื่อนสนิทของหมูหย็อง ...แต่ไม่ว่ายังไงเทมก็เป็นของน้องหมูหย็องนะครับ"

          เสียงแซวดังก้อง แต่ก็ไม่ก้องเท่าเสียงหัวใจอันอื้ออึงในอกของผมแน่นอน เทมกลั้นยิ้มจนแก้มแดง เขาดูขวยเขินเกินกว่าจะมองผมได้อีกต่อไป ร่างสูงก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนฮึดสู้ เงยขึ้นมาสบตาผมใหม่ มือเรียวละออกจากไมค์ เอานิ้วชี้ประกบกับนิ้วโป้ง "เมื่อกี้...เมื่อกี้เทมจีบหมูหย็องนะครับ"

          เขาเงียบไปหนึ่งอึดใจก่อนจะพูดต่อ "แล้วตอนนี้...ตอนนี้...เทมก็กำลังจะบอกรัก"

          ผมอ้าปากค้าง ไร้สติโดยสิ้นเชิง เด็กชายน้อยหันไปพยักหน้ากับเฮียปลา ก่อนเสียงเพลงจะเริ่มบรรเลงขึ้น สิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากที่สุดคือเทม...เทมกำลังร้องเพลง

          นางฟ้าตรงหน้าเป็นเหมือนเกมที่คาดเดาไม่ได้ เป็นสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยปริศนา เขาไม่ใช่โจทย์คณิตศาสตร์ หรือสูตรเคมีที่แค่ดีดลูกคิด กดเครื่องคิดเลข ทำการทดลองแล้วจะเดาทางออกทั้งหมด ไม่ใช่อะไรที่ตายตัว ในบรรยากาศดีๆ เด็กน้อยของผมอาจจะพังมันครืนลงในพริบตา ด้วยการงอแงอยากทานขนมหวาน หรือไปดูการ์ตูน แต่ความกะทันหันและคาดเดาไม่ได้ของเขาก็ทำเอาผมเสพติด อย่างเช่นในระหว่างพาไปเข้าห้องน้ำตอนกลางดึก เขาที่จู่ๆ ก็หันมาหอมแก้มแล้วชมผมว่าน่ารักจัง หรือแม้กระทั่งตอนนี้...


          เด็กชายที่แค่ไปร้องคาราโอเกะด้วยกัน ยังต้องเข้ามาซุกหลบกับอกผม เด็กชายที่เกลียดการร้องเพลงเพราะว่ามันไปตอกย้ำถึงความไม่ปกติของตัวเอง เด็กชายผู้พูดจาเชื่องช้ากว่าคนอื่น เด็กชายผู้แม้แต่จะเรียบเรียงบทสนทนาให้ต่อเนื่องยังยากยิ่ง

          ...เขากำลังร้องเพลง...

          ไม่รู้ว่าต้องฝึกเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าต้องพยายามมากมายเท่าใด และต้องใช้ความกล้าขนาดไหน ถึงได้สามารถออกมายืนตรงนั้นได้ ต่อหน้าผู้คนเยอะแยะที่เขาหวาดกลัว

           เด็กชายผู้นั้น ผู้รักผมมากกว่าความไม่ชอบ และรักผมมากเกินกว่าขีดจำใดๆ ของตัวเอง เขากำลังร้องเพลงขอความรัก...จากผม

          เสียงเขาไม่ได้ไพเราะเหนือใคร ไม่มีเทคนิคดีเด่นจนน่าเอ่ยยกยอ บางคำ บางช่วงยังติดขัดไปหมด ลืมเนื้อร้องบาง ร้องคร่อมจังหวะบ้าง แต่มันล้วนจับใจเสียเหลือเกิน ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ผมเริ่มร้องไห้ และไม่รู้ว่าตอนไหนที่เทมเข้ามาใกล้ขนาดนี้

          เพลงที่เขาเลือกมาร้อง ช่างสมกับเป็นเด็กพิเศษผู้มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก เขาคัดเลือกแค่เพียงบางช่วงของทั้งหมดของเนื้อทำนอง ร้องเฉพาะบางท่อน จับหลายสิบเพลงมารังสรรค์ขับร้อง สร้างเป็นเนื้อเพลงที่ตัวเองต้องการจะสื่อถึงอีกคนโดยเฉพาะ อย่างเช่นเพลงที่เทมเพิ่งร้องจบไป คือเพลง The Luckiest ของ Ben Folds เพลงที่เขาเฝ้าพรรนาว่าตัวเองโชคดีขนาดไหน เป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก และรักผมมากเกินกว่าจะเฟ้นหาวิธีเอื้อนเอ่ยบอกได้หมด ก่อนจะกระโดดข้ามไปที่เพลง All of me เพื่อบอกกับผมว่าเขารักทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกอย่างของเขาเป็นของผม และทุกอย่างของผมก็เป็นของเขา

          ผมเม้มปาก ปล่อยหยาดน้ำตาแห่งความตื้นตันและดีใจให้ไหลเงียบเชียบ ไม่ก่อกวนเด็กชายผู้ตั้งใจสารภาพรัก นิ้วมืออุ่นร้อนลูบเช็ดความเปียกชื้นออกให้ แต่มันกลับน่าตลก เพราะคุณนักร้องดันร้องไห้แทนเสียนี่ และเริ่มสะอื้นหนักขึ้น เพลงสุดท้ายที่เขาร้องให้ฟัง จึงตะกุกตะกักและขาดห้วง

          ถึงท่อนสุดท้าย เทมปุระคุกเข่าลง ส่งมือมาให้ผมจับ เงยหน้ามองด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ แก้มขาวกลายเป็นสีชาด เสียงเอ่ยขอทั้งกล้าและขลาดกลัวไปพร้อมๆ กัน

          "take my hand, take my whole life too ...รับมือผมไว้ แล้วช่วยรับทั้งหมดของชีวิตผมด้วยได้ไหมครับ หมูหย็องครับ หมูหย็อง...เป็นแฟนเทมนะครับ?"

          Can't help falling in love ของ Elvis Presley จบลงด้วยประโยคที่ผมเฝ้ารอมาทั้งชีวิต

          หลายปีที่แอบรักข้างเดียว ในวันนี้คนที่แอบรักมาตลอดกำลังคุกเข่าต่อหน้า ความสุขล้นทะลักไปทั้งหัวใจ ผมพยักหน้าขึ้นลงซ้ำๆ หลายสิบครั้ง จับมือนั้นไว้แน่น ไม่มีทางปล่อยออก แล้วดึงเขามากอดรัด ซบศีรษะกับลาดไหล่ที่กำลังสั่นเทิ้มไม่แพ้กัน "เป็นครับ เป็นครับ... ให้หมูเป็นแฟนเทมนะครับ...ฮึก...ขอบคุณนะครับ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ"



          กอดกันเนิ่นนานราวกาลเวลาหยุดหมุน ซึมซับไออุ่นของอีกฝ่าย สะอื้นไห้ในอ้อมอกของกันและกัน เหมือนเรื่องราวจะจบลงที่ตรงนั้น แต่ก็ไม่...

          เสียงกรี๊ดและกรีดร้องดังกระหึ่ม

          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!"

          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กูตาย! กูตายค่ะจังหวะนี้! แม่ขาช่วยลูกด้วย!"

          "โอ้ยยยยยยยยย เหม็นความรักแต่ก็ยินดีด้วยโว้ยยย!"

          "ในที่สุด สักทีเถอะ!"

          "ยินดีด้วยค่าาาาาาาาา"

          "มึงงงงงงง กูนิพพาน เทมหมูอิสเรียลลลลลลลลล"

          ผมกับเทมผงะออกจากกันเล็กน้อย ดันเผลอลืมไปเสียสนิทว่าอยู่ต่อหน้าคนเกือบร้อย ในมุมมืดยังมีเรื่องน่าตกใจยิ่งกว่า เมื่อครอบครัวผมเดินออกมาพร้อมทีมงานช่างกล้อง แม้แต่คุณป้ายังเดินยิ้มหวานพร้อมกล้องวิดีโอตัวเล็กในมือ

          ครวญในลำคอ จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายต่อลงกลายเป็นภาพสมบูรณ์

          ที่เฮียปลาหย็องไปๆ มาๆ ที่โรงเรียนผมก็เพื่อมาฝึกให้เทมร้องเพลงสินะ กับเสาร์ที่สนิทกันมากขึ้นก็เพราะเป็นนักเปียโน พฤติกรรมหลายอย่างคลี่คลายออก ราวม่านหมอกสลาย เผยภาพพระอาทิตย์สดใสและคำเฉลยที่เคยนึกแคลงใจ

          "จำปาอิจฉาแรง จำปาเข้าไปขัดขวางดีไหมคะหม่อมแม่!"

          "ไม่กลัวโดนถีบ ก็เอาเลยลูกจ๋า"

          "เอาจริง นี่ไก่นึกว่าคบกันนานแล้วนะเนี่ย..."

          "ป๊าไม่อยากให้เทมเทมมีแฟนเลย ถึงแฟนของเทมเทมจะเป็นลูกชายป๊าเองก็เถอะ ฮืออออ"

          คนถูกเอ่ยถึง ยังมุดหน้ากับไหล่ผมแน่น พอหมดความกล้า กระต่ายน้อยก็ขลาดเขินเกินกว่าจะสู้หน้าผู้คน

          เฮียปลาหย็องเดินมาตบบ่าผมเบาๆ "ยินดีด้วยนะน้องชาย ในที่สุดก็ได้เป็นแฟนกันจริงๆ สักที ปล่อยให้พวกเราลุ้นกันตั้งนาน" พอพูดเสร็จ เฮียก็ปล่อยมือออก พร้อมแย่งไมค์จากมือเทมไปถือไว้เอง

          "เอาละค่ะสาวๆ ไม่ต้องร้องไห้ไปนะคะ จำปายังว่าง ปล่อยน้องชายของพี่ไป ทีนี้เราก็มาเริ่มปาร์ตี้ของจริงกันสักที...ใครโสดขอให้ยกมือขึ้น!!!!"

          "กรี๊ดดดดดดดดดด ไม่ได้น้อง ขอคุณพี่ก็ได้ค่าาาาาาา"


          ผมคงยกไม่ได้แล้วละครับ ก็ในเมื่อผมไม่โสดแล้วนี่น่า...

          ลอบมองแก้มนุ่มนิ่มขึ้นสีแดงแล้วก็อมยิ้ม ท่ามกลางคอนเสิร์ตที่เฮียปลาเล่นใหญ่โยกหัวแทบหลุด ผมเชยคางแฟนหมาดๆ ของตัวเองขึ้นมาสบตา

          ริมฝีปากบดเบียด ส่งผ่านอุ่นไอความรักให้แก่กัน จูบแรกของเรา เกิดอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย และมีเพลงประกอบอันแสนร็อคหลุดโลกเป็นฉากหลัง


          ...ในงานฉลองวันเกิดอายุ 16 ในที่สุดความรักข้างเดียวของผมก็สมหวังแล้วครับ...



         

  end 47 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

Merry X'mas นะคะทุกคน
ฮืออออออออ ในที่สุดก็มาถึงวันนี้! /เช็ดน้ำตา
 :heaven :heaven :heaven



 
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 47 * 25/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Mizunoe ที่ 26-12-2018 09:24:06
พ. พูดอะไรไม่ได้แล้วนอกจาก

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :hao7:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 47 * 25/Dec/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 27-12-2018 19:05:17
 :-[  ฉลองๆ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 48 * 1/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 01-01-2019 00:01:47






48







          ในหน้าหนังสือประวัติศาสตร์ ผมเคยอ่านเจอทั้งวีรบุรุษชื่อก้อง กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มหาตำนานผู้มากความสามารถ ทว่า ไม่ว่าจะมีอำนาจหรือฉลาดมาแต่ไร พวกเขากลับล้วนพ่ายให้กับคำสั้นๆ อย่างคำว่ารัก ยามเยาว์ผมกางหนังสือเล่มโตยกยิ้มกับประวัติศาสตร์โชกเลือด แล้วได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นถึงฉากน้ำเน่าเบื้องหลังของพวกเขา นึกสงสัยนักกับไอ้คำว่ารักนี่มันวิเศษวิโสอย่างไร ทำไมอัศวินที่ผมเอาใจช่วยถึงได้ยอมยกธงขาว ทั้งๆ ที่เขาเป็นอัศวินไร้หัวใจ ผู้นำกองทัพเข่นฆ่าผู้คนนับแสน สีแดงฉานของหยาดโลหิตศัตรู ย้อมอาชาสีขาวปรอดจนมืดมิด เขาพรากชีวิตผู้คนด้วยใบหน้านิ่งเรียบ อัศวินผู้ภักดีต่อประเทศชาติและยอมคุกเข่าแต่เพียงกษัตริย์ของตน กลับกลายเป็นไอ้ผู้ชายโง่เง่า ยอมเอาหัวโขกพื้นเจ็ดวันเจ็ดคืน เพียงเพราะอยากรั้งหญิงอันเป็นที่รักไม่ให้บอกลาจาก เด็กชายห้าขวบในตอนนั้นได้แต่ค่อนขอดในใจ แกมันอัศวินงี่เง่า ไร้น้ำยาและไร้ศักดิ์ศรี

         ...จนมาเจอเองถึงได้รู้...

          เวลามีความรัก คนเราจะเพี้ยนได้เกินคาด ต่อหน้าความรักที่สวมมงกุฎกษัตริย์ บนบ่าติดเหรียญตราผู้นำสูงสุด เราก็เป็นเพียงคนโง่งม ยอมทำทุกอย่าง เพียงเพื่อให้ได้ถลำลึกมากยิ่งขึ้นไปอีก...

          แน่นอนครับ ขนาดผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยก่อนยังแพ้ ผมที่เป็นแค่เด็กชาย จะไปต่อกรได้ยังไงกัน? ยิ่งเมื่อรักข้างเดียวที่แอบซ่อนไว้มาหลายปี ได้รับการตอบรับ ผมงุ่นง่านไม่เป็นตัวของตัวเองยิ่งกว่าที่เคย รู้สึกอยากเกาะอีกฝ่ายหนึบเป็นกาวเหนียวหนืดไม่ปล่อยไปไหน อยากนอนเป็นขอนไม้โง่ๆ ให้เขากอดก่ายไม่สนใจอะไร แต่โชคร้ายที่ตอนนี้ไม่ใช่ปิดเทอม โชคร้ายที่วันที่เราเป็นแฟนกันคือวันอาทิตย์ พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าและโผล่พ้นขึ้นมาใหม่ มันคือวันจันทร์ ...วันที่ต้องไปโรงเรียน และเราจูบกันที่โรงเรียนไม่ได้ เพราะนับจากนี้ไปอีกสักครึ่งเดือน พวกนั้นคงตามติดเป็นเงา คอยตามแซว คอยเป็น กขค ไปถึง ฬอฮ ขัดขวางไม่ให้ผมได้ 'อะไร อะไร' กับแฟนหมาดๆ อย่างแน่นอน

          แต่ติ่งเนื้อนุ่มหยุ่นในปาก ก็ร้ายกาจยิ่งกว่าซาตานในคราบของงูในสวนเอเดน หลอกล่อยิ่งกว่า เย้ายวนยิ่งกว่า จูบกับเทมเป็นอะไรที่ดีมาก...มาก มากเสียจน...แย่ แย่มากๆ เพราะผมเอาแต่วนเวียนคลอเคลียอ้อนขอจากเขาร่ำไป เด็กน้อยไม่เป็นอันทำอะไรเพราะถูกผมยึดตัว ยึดริมฝีปาก และขโมยห้วงลมหายใจตลอดเวลา จะให้พรากจากไปตอนนี้ ผมขาดใจตายแน่ๆ

          ความยับยั้งชั่งใจดูเลือนลางยิ่งกว่าหมึกหนึ่งหยด ที่หวังย้อมสีทั่วมหาสมุทร

          ช่างหัวพระอาทิตย์และแสงแดด ช่างหัววันจันทร์ ช่างหัวต้องไปโรงเรียน วันแรกของการมีแฟนคือการทำตัวเถลไถล เช่นการโดดเรียน ฟังดูเป็นเด็กใจแตก ก็...ใช่ ผมกำลังใจแตก และไม่ใช่ใจแตกธรรมดา กำลังใจแตกแบบสุดๆ เพราะไม่ใช่แค่โรงเรียนที่โดนผมเมินเฉย ทั้งการฝึกฝน งานจากคุณยายและทุกอย่าง ถูกผมคนบ้างานปล่อยทิ้งทั้งหมดอย่างไม่ไยดี ใช้สิทธิ์พิเศษของประธานนักเรียนและหลานของเจ้าของบริษัทอย่างเต็มที่ เพื่อกกกอดกับเขาทั้งวันทั้งคืน

          คนป่วยแต่ในนามบนใบลาหยุดเรียนเงยหน้ามองผม มองทั้งๆ ที่แขนยังกอดก่ายช่วงเอวสอบเปลือยเปล่า ริมฝีปากยังดึงดูดอยู่กับยอดอกบวมเป่งเคลือบน้ำลายใส ผมก้มหน้ามองคนในอ้อมแขน ยิ้มมุมปากเป็นเชิงถามคุณชายน้อยว่าต้องการอะไร ก่อนจะเข้าใจสายตาออดอ้อนเชื่อมหวาน และฟันที่ขบบนติ่งไตแข็งเรียกเสียงร้องน่าอาย พยักหน้า รอเขาผละออก แต่เหมือนเด็กชายยังอาลัยขนมหวานในปาก จนต้องลากลิ้นขึ้นลง ใช้ลิ้นร้อนโบกมือบ๊ายบายเพื่อบอกลาชั่วคราวกับหัวนมของผม โบกมือบ๊ายบายกันเสร็จ ในที่สุดองค์ชายก็เคลื่อนตัวขึ้นมาเคาะประตูด้วยปากของเจ้าตัว เขาเคาะหลายครั้งหลายหน แต่หน้าตามัวเมาของอีกฝ่าย ก็ทำเอาเจ้าของบ้านอยากแกล้ง ผมเม้มปากไว้แน่น คุณชายน้อยขัดอกขัดใจครางฮือประท้วง และกดจูบลงมาอีกยกใหญ่ ผมถึงได้หัวเราะพอใจ ประตูแดงช้ำเปิดอ้าออกรับแขกอาคันตุกะคนคุ้นเคย เรียวลิ้นผู้มาเยือนตวัดทักทายอย่างมีมารยาท ก่อนคุณชายอุ่นร้อนจะเริ่มกลายเป็นแขกผู้กักขฬะ ตักตวงจาบจ้วงไม่รู้จักพอ พอกันกับเจ้าบ้านที่ถอดหนังแกะแล้วกระโจนเข้าใส่ตะลุมบอน เทมงับลิ้นผมไว้ ก่อนจะไล่เลียไปทั่วแนวฟัน เสียงดูดดึงพร้อมสะโพกที่ถูไถกันดังสวบสาบฟังดูลามกสิ้นดี

          ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่อยากให้นานกว่านี้... ตั้งแต่ผมสอนให้เทมหายใจทางจมูกเวลาเราร่วมรักด้วยริมฝีปาก เขาก็ยิ่งใช้เวลามากขึ้นและมากขึ้นในการจูบแต่ละครั้ง จนผมคิดว่าสักวันเราคงได้สถิติโลก

          "ฮ้า...เทม เทมหมดแรงแล้วครับ" คนหมดแรงก่อนเอ่ยยอมแพ้ เขาแลบลิ้นเลียน้ำใสที่เปื้อนรอบริมฝีปากผมออกให้ ก่อนจะแลบลิ้นเช็ดปากให้ตัวเอง อีกฝ่ายคงไม่ตั้งใจ แต่นั่นมันยั่วผมเข้าไปเต็มๆ ผมรั้งคอเด็กชายที่บอกว่าไม่ไหว ให้ก้มลงมาอีกครั้ง แล้วก็...ครับ...จูบมาราธอนของเราก็เริ่มอีกหน

          ผมรุกใส่จนเทมแทบจะต้องร้องขอชีวิต

          สิ่งเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันหลังเราเป็นแฟนกัน คือผมรู้สึกเป็นเจ้าของเทมเต็มขั้น ความอดทนไม่จับเขาโยนขึ้นเตียงแล้วขึ้นคร่อมหายไป เคยคิดไว้เหมือนกัน ว่าเมื่อยามเราเป็นคนรักกัน ผมจะค่อยๆ สอนเขา เราจะค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป แต่ไอ้ภาพจับมือมุ้งมิ้งกระเด็นหายไปในทันที หลังได้จูบเขาจริงจังบนหลังรถ จากจูบแรกหวานแหววบนดาดฟ้าแปรเป็นจูบกระชากวิญญาณ ผมดูถูกด้านมืดที่ถูกกดไว้ยาวนานหลายปี และวัยคึกคะนองแสนสุขภาพดีมากเกินไปหน่อย... อีกอย่างหลังจากเป็นแฟนกัน คือเทมน่ากินมากๆ ครับ ให้ตายเถอะ เหมือนเขาส่งกลิ่นที่อ่านได้ว่า 'หม่ำเทมได้นะครับ เทมเป็นแฟนหมูหย็องแล้วนะครับ เป็นแฟนหมูหย็อง หม่ำๆ ได้เลยนะครับ' เชิญชวนตลอดเวลา

          ผมอยากกินเขา อยากกินเขามากๆ เขาไม่ใช่เนื้ออันโอชะในกระป๋องที่หมาป่าแกะไม่ได้อีกต่อไป แต่เป็นก้อนเนื้อสเต็กมีเดียมแรร์ชุ่มฉ่ำบนจานที่มีแค่โถแก้วครอบเอาไว้ โอเค อันที่จริงก็เป็นโถแก้วกันกระสุนล่ะนะครับ ผมยังไม่ได้ไปถึงขั้นสุดกับเขา สัญญามันยังค้ำคอ

          ...แต่นอกจากสอดใส่ ผมว่าผมได้มาหมดเลยนะ...

          ร่องรอยทั่วตัวเราก็บอกได้ชัดเจน ว่าได้มาแบบหมดจดทุกส่วนขนาดไหน

          จากวันจันทร์ก็เป็นวันอังคาร จากวันอังคารก็เป็นวันพุธ ใบลาหยุดของเด็กชายฟ้าประทาน เป็นการป่วยที่แปลกขึ้นเรื่อยๆ เพราะผมหมดมุก แต่จะให้เขียนไปโต้งๆ ว่าขอหยุดเพราะอยากจู๋จี๋กับแฟนก็ดูโผงผางเกินไป ผมยังไม่อยากเป็นประธานนักเรียนที่ถูกจารึกชื่อไว้ในด้านกามจัดอะไรขนาดนั้น

          แม้ความเป็นจริงจะโต้เถียงไม่ออกแม้สักครึ่งคำก็ตามที

          สามวันแล้วที่ผมกับเขาเอาแต่นัวเนียกันในห้อง โผล่ออกไปแค่รับรถเข็นอาหารจากเมด และกลับเข้ามาในห้องเพื่อแนบชิดกัน ตื่นนอนบนเตียง ก็ไปต่อในห้องน้ำ จากห้องน้ำก็เป็นห้องนั่งเล่น ระเบียง ห้องทำงาน ห้องหนังสือ จนได้แต่นึกสงสัย นี่เราแค่ย้ายที่จูบกันไม่ใช่หรือไง ขนาดกินข้าวยังแทบจะเป็นการกินคำจุ๊บคำ

   และผมว่าน้ำใสในปากเขาก็เป็นเครื่องปรุงรสชั้นเยี่ยมเสียด้วยสิ ...ผมรู้น่า ว่าผมกำลังหลงเขาหัวปักหัวปํา

          ยามบ่ายของวัน หลังจากทานข้าวเที่ยง ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนโซฟา มีเทมนอนหนุนตักจับคางผมเล่น บางทีก็จับมือผมขึ้นมางับ มาจูบ มาดูดนิ้วเล่นเหมือนลูกสุนัขคันเขี้ยว ดวงตาสีน้ำตาลจดจ้องจนผมละความสนใจจากโน๊ตบุ๊คที่หยิบมาเปิดในรอบสามวัน

          "มองอะไรครับ" ก้มลงไปช้อนศีรษะคนรักขึ้นมากดจูบหน้าผากเนียนสวย เทมหลับตาพริ้มรับ เปลือกตาสีเปลือกไข่เปล่งประกายเหมือนอ้อนวอนขอเช่นกัน ใจร้ายไม่ลงจนต้องมอบให้ทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียม เทมหัวเราะคิกคักดูท่าจะจั๊กจี้ ก่อนลืมตาเพื่อมองผมต่อ เหมือนไม่อยากละสายตาไปไหนแม้สักวินาทีเดียว เสียงแหบแห้งตอบคำถามพร้อมรอยยิ้มเขินอาย "มองคุณแฟนครับ"

          ใช้ปลายนิ้วลูบแก้มนิ่ม เอ่ยถามเสียงอ่อนโยน "คุณแฟนของใครครับ?"

          "คุณแฟน คุณแฟนของเทมเองครับ"

          แล้วก็ได้คู่รักบ้าบอที่ยิ้มจนเหงือกแห้งมาหนึ่งคู่

          "น้ำแล้วก็หญิงรู้ก่อนครับ เพราะเทมอยากเชียร์ๆๆๆ หมูหย็องให้ประสบความสำเร็จ ชนะๆๆๆ เลยไปขอกับน้ำกับหญิง ว่าวันงาน เทมขอไปเชียร์หมูหย็องตัวต่อตัวได้ไหมครับ ทีแรกเทมตัดฉับๆๆๆ ถุงกระดาษ แล้วก็ระบายสีชมพูไว้สวมเป็นคุณหมูครับ เทมจะทำชุดคุณหมูเอง แต่น้ำเห็นก็บอกอะเนิดอนาดเกินไป พอหญิงเห็น ก็ ก็ พยักหน้าหงึกๆๆ เห็นด้วยใหญ่เลยครับ ก็เลย ก็เลยช่วยหาชุดให้ แต่ที่โรงเรียนไม่มีชุดคุณหมูเลยครับ เทมเลยต้องนอนๆๆ คิด นอนๆๆ จินตนาการแล้ววาด แล้ว แล้วหญิงก็เลยไปสั่งตัดให้แทนครับ แล้วน้ำรู้ได้ยังไงก็ไม่รู้ครับ ว่าเทมอยากจะขอหมูหย็องเป็น...ป-ป-ป-ป เป็น"

           คุณแฟนกำลังเล่าให้ผมฟังครับว่ากว่าจะได้ค่ำคืนเซอร์ไพรส์ เรื่องราวเป็นมายังไง หลังจากเล่าไม่จบสักที เพราะมองหน้ากันได้ไม่ถึงหกสิบวิก็จบลงที่เสียงจ๊วบจ๊าบแทนเสียงเล่าเรื่อง และตอนนี้ก็ติดขัดอีกหน แต่สาเหตุไม่ได้มาจากผมนะครับ แต่มาจากเจ้าก้อนความสุขที่นอนราบไปกับโซฟา กำลังกัดริมฝีปากตัวเองอย่างประหม่า เด็กชายติดอ่างขึ้นมากะทันหันเมื่อถึงคำว่าขอเป็นแฟน ความร้อนเหมือนโรคติดต่อ แก้มขึ้นสีแดง ผมดันเขินอายตามคนบนตัก เขาหันหน้าซุกเข้าหน้าท้อง พึมพำเสียงเบา "เป็นแฟนเทมครับ"

          ผมที่มุดหน้าซ่อนกับท้องเขาไม่ได้ ก็ได้แต่มุดหน้าเข้ากับเรือนผมนิ่ม เสพูดช่วยแก้คำผิดให้เขา ก่อนบรรยากาศหวานๆ จะลากไปโซนอันตราย "อเนจอนาถครับ แต่หมูว่าเทมวาดรูปสวยออกนะครับ ศิลปะมากๆ"

          ต้องใช้จิตวิญญาณและสมาธิพร้อมการคาดเดาขั้นสูงเลยล่ะครับ ถึงจะรู้ว่าเจ้าตัวน้อยวาดอะไร

          "อเนจอนาถครับ" เทมทวนคำผิด "หมูหย็อง หมูหย็องปากหวานหมูยอพี่เทมนี่ครับ"

          ผมหัวเราะ "ไม่ใช่หมูยอ ยอเฉยๆ ครับ"

          "ยอครับ ตอนทุกคน ตอนทุกคนเห็นรูปก็บอกว่าช้างสวยด้วยละครับ แต่ว่า แต่ว่าเทมไม่ค่อยดีใจๆๆๆ เลยครับ เทมวาดคุณหมูอู๊ดอู๊ดต่างหาก ไม่ใช่คุณช้างแปร๋นแปร๋นนะครับ"

          "เอาไว้เอามาให้หมูดูด้วยนะครับ"

          เทมพยักหน้าก่อนเล่าต่อ

          ผมหัวเราะจนคนบนตักสะเทือนไปทั้งตัว เมื่อเด็กชายบอกว่าเกือบจะได้ร้องเพลงชาติขอผมเป็นแฟน เพราะคิดไม่ออกว่าจะร้องเพลงอะไรที่ตัวเองพอจะร้องได้ออก เขาจำมาจากในภาพยนตร์ที่เคยดู เวลาจะขอใครเป็นแฟนก็ต้องร้องเพลงขอ แต่เพลงในหัวของเจ้าตัวที่พอจะร้องได้ก็มีแค่เพลงที่ต้องร้องทุกวันหน้าเสาธง ดีนะครับที่เขาไม่มาสวดมนต์ขอผมเป็นแฟน ให้ตาย เป็นเด็กพิเศษที่พิเศษจริงๆ... สุดท้ายก็ลงเอ่ยด้วยการไปถามเพื่อนสนิทอย่างน้ำกับเต้ แน่ละครับ เรื่องถึงน้ำกับแฝดนรกแล้ว บานปลายแน่นอน น้ำไปลากเฮียปลาหย็องที่งานอดิเรกคือเป็นนักร้องมาร่วมวง แล้วก็ ตูม! แตกออกเป็นทั้งครอบครัวของเรา เพื่อนของเราทั้งหมดรู้เรื่อง คุณพ่อคุณแม่ถึงกับสไกป์มาดูเขาซ้อมแทบทุกวัน คุณป้าก็แล้วใหญ่ ขอเป็นคนมาช่วยเรื่องขนมเค้กด้วยตัวเอง

          "คุณปะป๊าช่วยหาเพลงมาให้เยอะแยะเลยครับ แต่เทมชอบแค่บางประโยค เทม เทมเลือกไม่ถูก เลยจำมารวมๆๆๆ กัน แล้ว แล้วเฮียปลาหย็องกับเสาร์ แล้วก็ๆๆๆ คนเยอะแยะมาช่วยเทมเรียงครับ เทมฝึกร้องวันละหนึ่งชั่วโมงหลังเรียนพิเศษเสร็จทุกวันเลยครับ ตอน ตอนอาบน้ำก็แอบร้องๆๆๆ กับคุณฝักบัวครับ"

          ยิ่งฟังเขาเล่ายิ่งอุ่นวาบในหัวใจ เจ้าก้อนความสุขพยายามอย่างหนักมากเลยทีเดียว ถึงภาษาอังกฤษของเทมจะแข็งแรงระดับหนึ่ง เพราะผมส่งให้เขาเรียนกับเจ้าของภาษามาตั้งแต่เด็กก็เถอะ แต่จะร้องเป็นเรื่องเป็นราวนี่มัน...แค่ภาษาไทยเขายังไม่ไหวเลยครับ ภาษาที่สองนี่ไม่ต้องพูดถึง

          ความสำเร็จทุกอย่างในชีวิตดูเป็นเรื่องตลกและเล็กกระจ้อยร่อย ตอนที่ผมฝึกภาษาเยอรมันให้พูดอ่านเขียนได้คล่องภายในหนึ่งเดือนสำเร็จ ตามคำสั่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ของคุณยาย ผมยังไม่ดีใจและรู้สึกประสบความสำเร็จเท่านี้เลยครับ ไม่ใกล้เคียงสักนิด รู้สึกประสบความสำเร็จสุดๆ ตั้งแต่เกิดมา ก็ตอนที่ได้เขามาเป็นแฟน มาเป็นคนรักของตัวเอง เหมือนเป้าหมายอันสูงสุดถูกขีดฆ่าว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วอย่างไรอย่างนั้น

          บางครั้งผมยังนึกสงสัยไม่ได้ ทำไมเทมถึงเป็นอะไรที่พอดีต่อใจ พอดีต่อผมไปเสียหมด เริ่มจากตอนเราเจอกันครั้งแรก เขาเป็นความสงบของผม เป็นคนที่ช่วยเจ้าลูกแมวตัวเล็กทั้งๆ ที่ไม่ใช่กระทั่งแมวของตัวเอง เขาเดินตรงๆ ยัง
ไม่ได้ด้วยซ้ำในตอนนั้น จนกลายเป็นคำตอบที่ผมเฝ้าถามโลกใบนี้ ว่ามีไหมความรักที่ให้โดยไม่มีข้อแม้ จนวินาทีถัดมา เขาก็กลายเป็นจิ๊กซอว์ต่อรอยเว้าโหว่ให้เต็มรูป เป็นแม่เหล็กดึงดูดไม่ให้หนีหาย เป็นกล่องตกใจที่ไม่เคยทำให้เบื่อหน่าย จับมุมไหนก็มีเรื่องให้ลุ่มหลง ให้เรียนรู้วิธีเอาอกเอาใจไม่รู้จบ ผมเคยอ่านนิตยสาร เขาบอกไว้ว่าผู้หญิงเริ่มรักจากศูนย์ถึงร้อย ผู้ชายรักจากร้อยแล้วเริ่มถอยหลังถึงศูนย์ ในกรณีของผม ผมเริ่มรักเขาจากร้อยแล้วไต่ไปถึงอนันต์

          ผมนอนมองหน้ารักแท้ของตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

          ผมรักเขาชะมัด

          ยิ่งได้เลื่อนขั้นไปในความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ ความรักที่เคยนึกว่าล้นจนถึงทางตันแล้ว ก็ยังมีที่ทางให้เติมจนล้นยิ่งกว่า นอกจากอนันต์อันนับไม่ถ้วน ไร้ที่สิ้นสุดก็ดูจะเป็นคำที่เหมาะสม

          "หมูหย็องครับ อร่อย อร่อยไหมครับ แก้มพี่เทม เทม เทมอร่อยเหรอครับ" คนโดนผมกินแก้มถามเสียงสงสัย แก้มเด็กชายมีรอยแดงหลายจุด เจ้าแก้มสีขาวตึ๋งหนืดคล้ายโมจิดูยั่วน้ำลายให้กัดกิน ผมเพิ่งรู้ตัวว่าฟังเขาเล่าเรื่องไม่จบอีกแล้ว จำไม่ได้ว่าก้มไปคลอเคลียเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

          "อร่อยมากเลยครับที่รัก"

          เทมลูบแก้มที่โดนผมทำร้ายป้อยๆ ก่อนจะยิ้มขวยเขินตากลมเป็นสระอิ "เวลา เวลาหมูหย็องเรียกเทมที่รัก เทมหัวใจจะพุ่งปิ้วๆๆๆ ออกจากปากทุกทีเลยครับ ถึง ถึงเทมจะไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ แต่เวลาหมูหย็องเรียกเทมแล้วมีคำว่ารัก เทม เทมเขินๆๆ จังเลยครับ"

          เทมยิ้มตาหยี สีหน้าบ่งบอกว่ามีความสุขมากมาย ปลายเท้าส่ายสั่นไหวไปมา ท่าทางปล่อยเนื้อปล่อยตัวทำให้จอมโจรเริ่มอยู่ไม่สุข ก้มลงฉกฉวยขโมยจูบเขาอีกสี่ห้านาทีแล้วจึงเงยหน้ามาตอบ

          เส้นน้ำใสเชื่อมเราสองยืดออกตามระยะห่าง ก่อนจะค่อยๆ ขาดลง เทมมองตาละห้อยจนผมกลั้นยิ้มขำ

          "ที่รักเอาไว้ใช้เรียกคนรักกันน่ะครับ เป็นเหมือนคำแทนตัว เป็นเหมือนชื่อเล่นที่คนเป็นแฟนกันเอาไว้เรียกกัน"

          เทมตาโต ก่อนเอียงคอสงสัย "ให้คุณคนรักเรียกคุณแฟนเหรอครับ แต่ว่า แต่ว่าตอนเทมกับหมูหย็องเป็นเพื่อนสนิทๆๆๆ กัน หมูหย็อง หมูหย็องก็เรียกเทมว่า ท-ท-ท ที่รัก ที่รัก ที่รักแล้วนะครับ"

          สบตาสีน้ำตาลหยาดเยิ้มเพราะจูบเมื่อครู่ด้วยแววตาจริงจัง "ที่หมูเรียกเทมว่าที่รัก ก็เพราะหมูรักเทมมากๆ มานานแล้วยังไงล่ะครับ ถึงเทมจะเพิ่งเป็นแฟนหมูตอนนี้ก็จริง แต่สำหรับหมู...เทมเป็นแฟนหมูมานานแล้วนะครับรู้ไหม"

          ไม่เชื่อไปขอวิดีโอจากเฮียปลาหย็องได้เลยครับ ฉากผมขอเขาแต่งงานตอนเจ็ดขวบ ยังถูกเฮียเอามาล้ออยู่บ่อยๆ เลย...

          "หมูหย็องก็ ก็ เป็นที่รักของเทมมานานเยอะแยะแล้วเหมือนกันนะครับ ขอโทษนะครับ ขอโทษนะครับที่เทมไม่ค่อยรู้เรื่อง ทำให้หมูหย็องต้องรอนาน" เด็กชายขอโทษขอโพยยกใหญ่ ซ้ำดวงตาสวยส่งหยาดน้ำใสคลอหน่วยเป็นเครื่องบรรณาการ

          "ชู่ว...ฟังนะครับที่รัก เราไม่ต้องเร่งรัดอะไรเลย ไม่ว่าจะยังไง สักวันเทมก็ต้องเป็นที่รักของหมูอยู่ดีครับ เราต้องเป็นที่รักของกันและกันอยู่แล้ว เทมจะรู้ตัวช้าก็ไม่เป็นอะไร ยังไงหมูก็รอได้"

          เทมกระชับกอดผมแน่นขึ้น ส่งเสียงขอโทษอู้อี้ "แต่ว่า แต่ว่า แอบลับๆ รักคนเดียวมันเหงาไม่ใช่เหรอครับ เทม เทมจีบหมูหย็องไม่กี่เดือน ต้องเก็บความลับๆๆๆ จากหมูหย็อง พี่เทม เทม เทมยังเหงาเลยครับ ในหัวอยากเป็นแฟนกับหมูหย็องไวๆ อยากบอกทุกอย่างกับหมูหย็องมากที่สุดเลยครับ"

          เชยหน้าคนรักขึ้นสบตาอีกหน "งั้นต่อไปนี้อย่าปล่อยให้หมูเหงานะครับ รักหมูให้มากๆ นะครับรู้ไหม"

          "เทม เทม ไม่ปล่อยให้ที่รักเหงาแล้วครับ จะรักหมูหย็องให้มากๆ เยอะแยะๆๆๆๆๆ เลยครับ"

          "ขอบคุณครับ"

          "เทมก็ เทมก็ขอบคุณครับ แล้ว แล้วเราต้องเรียกกันว่ามูมู่กับบีบี๊ด้วยหรือเปล่าครับหมูหย็องครับ?"

          ผมหยุดชะงักริมฝีปากที่กำลังจรดทั่วใบหน้าใส มูมู่? บีบี๊? ตัวอะไรครับนั่นน่ะ?

          "ทำไมต้องเรียกว่ามูมู่ล่ะครับ?"

          "ก็ตอนน้ำ น้ำคุยกับแฟน น้ำแทนตัวว่าบูบู๊บีบี๊ใช่ไหมครับ เทม เทมจำไม่ค่อยได้ ชื่อเล่นคนรักนี่ไม่เหมือนกันเหรอครับ ของหมูหย็องกับเทมเป็นที่รักใช่ไหมครับ"

          "อืม...ไม่เหมือนกันนะครับ แต่ละคู่ก็มีวิธีเรียกแทนแฟนตัวเองแตกต่างกัน หมูเห็นบางคนในสภาก็แทนแฟนตัวเองว่าเจ้าอ้วนกับเจ้าเตี้ยเหมือนกัน"

          เทมปุระสะดุ้งตกใจ "ไม่ ไม่ใช่คำด่าเหรอครับ? คุณแฟนจะไม่เสียใจเหรอครับ?"

          "ถ้าเรียกด้วยความรัก ความเอ็นดูก็ไม่เป็นอะไรมั้งครับ แต่หมูก็ไม่ค่อยอยากเรียกแบบนั้นนะครับ เทมอยากได้คำเรียกอื่นเพิ่มเหรอครับ?"

          "ตั้งแบบอื่นเพิ่มได้ด้วยเหรอครับ เหมือน เหมือนชื่อของสายลับเลยครับ สายลับเทมกับสายลับหมูหย็อง โค้ด โค้ดเนมคือที่รักหนึ่งกับที่รักสอง"

          "ฟังดูมีที่หนึ่งที่สองไม่ดีเลยครับ หมูไม่อยากเป็นที่สองของเทมนะครับ"

          "เทม เทมก็ไม่อยากเป็นที่สองของหมูหย็องครับ อยากเป็นที่หนึ่ง ที่หนึ่งครับ"

          "อืม นอกจากตั้งจากจุดเด่นในร่างกาย ก็มีเอาชื่อเล่นมาตั้งนะครับ นอกนั่นก็มีเรียกที่รักด้วยภาษาของประเทศตัวเอง อย่างรัสเซียบ้านเกิดหมูก็จะเรียกว่า дорогой ภาษาอังกฤษก็ ดาร์ลิ้ง ฮันนี่"

          "โด โดรายากิ?" คำว่าที่รักภาษารัสเซีย กลายไปเป็นขนมของโปรดของเจ้าหุ่นยนต์แมวสีฟ้าได้ยังไงล่ะครับนั่นน่ะ ผมหัวเราะขำเด็กชายที่พยายามพูดตาม

          "Do-Ro-Goy ครับ"

          "โด โดโรกอย เรียก เรียกยากจังเลยครับ เหมือน เหมือนเรียกคุณผีกองกอยที่กระโดดดึ๋งๆๆๆ เลยครับ ไม่เอานะครับ พี่เทม เทม เทมไม่อยากให้หมูหย็องเป็นคุณผี แล้ว แล้วฮันนี่ เรียกน้ำผึ้งเหรอครับ?"

          "คำนี้ไม่ต้องแปลครับ อืม...แต่ถ้าจะให้แปลเป็นไทย ก็น่าจะประมาณว่าหวานใจนะครับ"

          "หวานใจ...หวานใจ เทม เทมชอบของหวาน แล้วก็รักหมูหย็อง งั้น งั้นเทมจะเรียกหมูหย็องว่าหวานใจที่รักนะครับ" เขาตกลงกับตัวเองเสร็จสรรพ แล้วก็ผุดลุกจากโซฟากระโดดโลดเต้นดีใจ

          "หมูหย็องหวานใจที่รัก! หมูหย็องหวานใจที่รักของเทม!"

          "หึหึหึ กลับมานั่งเร็วครับ เดี๋ยวจะชนขอบโต๊ะเอานะ" อ้าแขนกว้างรอ

          คนได้คำศัพท์ใหม่กระโจนเข้ามาในอ้อมกอด ใช้ศีรษะถูไถไปมาเหมือนลูกแมวตัวน้อย เจ้าก้อนความสุขบวมเบ่งบานออกกว่าเดิม มือสวยยกขึ้นเลิกเปิดผมหน้าของผมออก กดจูบทั่วกรอบหน้าลอกเลียนแบบ ดวงตาสีน้ำตาลตรึงดวงตาสีฟ้าเอาไว้ไม่ให้มีโอกาสได้มองสิ่งอื่นใด นัยน์ตาพราวระยิบระยับ เหมือนเหล่าดวงดาวกำลังเต้นไปรอบๆ ด้วยจังหวะแว่วหวาน

          "หมูหย็องที่รัก สุดที่รักของเทม หวานใจของเทม แฟนของเทม คนรักของเทม...เทมรักหมูหย็องนะครับ"

          คำสบถแล่นรัวในสมอง ระเบิดดังต่อเนื่องตูมตามอลังการยิ่งกว่าพลุฉลองวันปีใหม่ ผมจับต้นชนปลายไม่ถูก จู่ๆ ก็มาบอกรักให้หัวใจละลายกันเล่นแบบนี้ก็ได้เหรอครับ คนไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป โน้มตัวมาหอมแก้มซ้ายแก้มขวา ยังคงอ้อยใส่ผมอย่างต่อเนื่อง

          ให้ตาย...วันที่สี่เพิ่มซะดีไหมล่ะครับเนี่ย

         
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 48 * 1/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 01-01-2019 03:13:38

          แต่ความคิดเพิ่มวันนัวเนียก็โดนปิดบัญชีไป ดูท่าคำสาปการโดนขัดจังหวะยังไม่คลี่คลายง่ายๆ เมื่อนอกประตูส่งเสียงเอะอะเล็ดลอดมาถึงข้างใน เสื้อผ้าหลุดลุ่ยถูกผมกระชับเข้าที่เดิม ปากคนด้านบนหยุดวนเวียนแถวหัวไหล่ หันหน้ามองไปทางเข้าเช่นเดียวกัน ห้องผมเป็นห้องเก็บเสียงครับ กำแพงหนาถูกบุด้วยชั้นพิเศษเพิ่มอีกหลายชั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว เสียงตะโกนธรรมดาไม่มีทางโผล่เข้ามาให้ได้ยิน

          "ปล่อยตัวประกันออกมาด้วยครับเด็กชายดิมิทรี! กลับใจแต่โดยดีเถอะ ทางบ้านให้อภัยลูกแล้ว!"

          อา...นี่ไปขนลำโพงมาจากไหนล่ะครับเนี่ย...

          ผมถอนหายใจ หนียังไงก็ไม่พ้นจริงๆ โทรศัพท์ที่ขึ้นแจ้งเตือนหลักพันถูกปิด ทางนั้นก็โทรเข้าเบอร์ห้อง กริ่งที่ถูกครอบครัวตัวเองเข้ามาป่วนกดจนต้องถอดออก เอากระทะมาฟาดประตูผมก็ทำมาแล้วครับ

          ขอแค่ห้าวัน ห้าวันไม่ได้หรือยังไงกับรางวัลที่ผมเฝ้าดูแลเทมมาน่ะ ให้ตายเถอะ

          "เสียงคุณปะป๊ากับคุณหม่าม้าครับหมูหย็อง"

          เสยผมตัวเองขึ้นลวกๆ พ่นลมหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อสัญญาณหมดเวลาสนุกดังขึ้น ชกอัดหมอนสองสามครั้งระบายความขัดใจ แล้วยกยิ้มช่วยเทมแต่งตัว ต้องกลับสู่โลกความจริงแล้วครับ

          เดินออกมาเปิดกล้องตาแมวดู แล้วก็เห็นครอบครัวตัวเองพร้อมหน้าพร้อมตา แม่บ้านพ่อบ้านหลายคนต่อลำโพงตัวใหญ่อยู่โถงหน้าลิฟต์กว้างจนแออัด ...ต้องเล่นกันขนาดนี้เลยใช่ไหมครับ

          คุณนักศึกษา คุณนักเรียนเตรียมแพทย์ คุณประธานบริษัท คุณเจ้าของธุรกิจส่วนตัว คุณดีไซเนอร์ชื่อดังก้องโลก คุณเด็กมัธยม ว่างกันนักหรือไงครับ? ทำไมถึงได้มีเวลามาราวีกันได้เรื่อยๆ ยังกับเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงกัน

          "เราต้องควรแจ้งตำรวจไหมคะคุณ ลูกชายเรากักขังหน่วงเหนี่ยวลูกชายคนข้างบ้านมาสามวันแล้วนะคะ"

          "ที่รัก ผมว่าไม่ทันกาล เราควรพังประตูเข้าไป ผมเป็นห่วงสวัสดิภาพของเทมเทมตัวน้อย ผมกังวลว่าลูกชายของเราจะย่ำยีฝืนใจกระชากพรหมจรรย์เทมเทม เหมือนในละครหลังข่าวที่คุณดู"

          "กรี๊ด! จำปารับไม่ได้ บัดสีบัดเถลิงเป็นที่สุด!"

          "แต่ไก่ว่าตอนนี้เราควรหนี" อาเจ้ไก่หย็องที่เห็นหน้าทะมึนของผมบนหน้าจอเป็นคนแรก สะกิดคนที่เหลือให้หันมามองตาม

          ผมอยากกลอกตาให้กับท่าทางเล่นใหญ่พร้อมกันจริงๆ ทุกคนยกมือทาบอก อ้าปากค้าง
          เอาล่ะครับ สภาพของผมก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น แค่ช่วงคอแทบจะไม่มีที่ว่างสีเนื้อ กับริมฝีปากบวมแดงจัดเท่านั้นเอง โอเค อาจจะตาเยิ้ม เหมือนคนเมาด้วยอีกนิดหน่อย อืม...ผมคิดว่าแค่นั้นนะ แต่ดูจากปฏิกิริยาของคนอื่นแล้วก็ อา...สภาพผมคงเพิ่งเหมือนลุกออกจากวิดีโอหนังโป๊เลยละมั้งครับ

          "ตาเถรน้ำหมากลำไยหก! นี่ลูกผ่านสนามรบราคะที่ไหนมาคะ ต๊ายยยย! ยาดม ยาดม! ลำไย ฉันขอยาดม!"

          "วี๊ดวิ๊วววววว ~ เฮียเราแม่งเจ๋งว่ะ"

          "คุณหลวงด้วง! ปิดตาเลยนะคะ จำปารับไม่ได้ กรี๊ด คุณหลวงยังเด็กนัก กรี๊ด!"
         

          การต้องมาเห็นฝรั่งตัวโตๆ มาทำท่าวี๊ดวาย ยกพัดโบกไปมาเหมือนในละครไทยนี่ขัดหูขัดตามากๆ เลยครับ

          "เทมเทมล่ะหมู! เทมเทมไม่ได้แท้งลูกคาเตียงเหมือนในหนังใช่ไหมลูก! ลูกไม่ได้รุนแรงกับน้องใช่ไหม!?"

          คิ้วที่ขมวดกันยิ่งขมวดแน่นกว่าเดิม นี่คุณป๊าไปดูละครเรื่องไหนมาครับ ฉายช่องบ้านไอ้น้ำหรือเปล่า ผมจะได้ไปบอกให้มันแบนทิ้งซะ แล้วน้งๆ น้องๆ อะไรของคุณพ่อเขาล่ะครับ นับตามวันเกิดแล้วผมต่างหากที่เป็นน้องของเทมน่ะ เทมปุระพอได้ยินเสียงคุณป๊าเรียก ก็เดินเข้ามาหาหลังจากผมบอกให้เขาไปเปลื่ยนเสื้อที่กระดุมหลุดออก เทมชะโงกมองบนจอแล้วเบิกตากว้าง เด็กชายฉีกยิ้มสดใส ยกมือไหว้ทักทายไม่รู้เรื่องรู้ราว

          "คุณปะป๊า คุณหม่าม้า ทุกคน ทุกคนมาเยอะแยะเลยครับ"

          "เทมเทม!!!?"


          คุณพ่อเข่าอ่อนเป็นลมล้มลงไปดังตึง เมื่อเห็นสภาพของลูกชายคนโปรดที่เหมือนผ่านการย่ำยีจากมือชายนับร้อย


          "น้องกูพรากผู้เยาว์เหรอวะเนี่ย...ไม่สิ นี่มันผู้เยาว์พรากผู้เยาว์!"

          "คุณพระช่วย..."

          "โทรตามหมอดีไหมครับ"

          "เชี่ย...เฮียหมูแม่ง..."

          "ยาโด๊มมมมมมมมมมมมมมมม!!"

















  end 48 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

เสิร์ฟความหวานก่อนสิ้นปีค่ะ
ก่อนอื่นเลย ขอโทษด้วยนะคะที่ช่วงนี้เรามาช้า พอดีงานค่อนข้างยุ่งมากๆ เลยค่ะ
ปีหน้าเราจะพาคุณยายมาหาแล้วนะคะ!

ขอให้เป็นปีเริ่มต้นสิ่งดีๆ ของทุกคนเลยน้าาา
ปีนี้ก็รบกวนขอฝากเด็กๆ ไว้ด้วยอีกปีนะคะ

สวัสดีปีใหม่ค่า ♥

โซเฟียริน
zofiarin lll moore






หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 48 * 1/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 01-01-2019 06:55:43
สุขสันต์วันปีใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 48 * 1/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 01-01-2019 20:16:56
เสียดาย แต่ไม่เป็นไรค่อยเป็นค่อยไป  :hao7:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 48 * 1/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 02-01-2019 10:21:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 49 * 7/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 07-01-2019 20:47:14







49





         

          เมื่อบานประตูเปิดออก ภาพซอมบี้ในซีรี่ย์ที่วิ่งกรูเข้ามาฉีกทึ้งร่างของมนุษย์ก็บังเกิด เทมปุระยืนงงยามถูกจับหมุนไปมา คุณป๊าหลังจากตั้งสติได้ก็คว้าหยิบไฟฉายจากพ่อบ้าน ยกขึ้นส่องสำรวจตามตัวเด็กชายราวกับพ่อค้าอัญมณีหาจุดตำหนิบนเพชร พอนับรอยจ้ำสีบนคอได้เกินแปด คุณพ่อก็ตั้งท่าจะล้มตึงลงกับพื้นไปอีกรอบ

          นี่ถ้าปะป๊าเห็นหลังของเทม จะไม่น้ำลายฟูมปากเลยหรือไงครับ

          บางที การที่ทุกคนเห็นเทมมาตั้งแต่เด็กๆ ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างน่ารำคาญ เทมกลายเป็นเหมือนลูกคนสุดท้องของมิสซิสเอเลนและคุณท่านโจวิช เป็นน้องน้อยของบ้าน เป็นน้องคนเล็กที่ถูกเลี้ยงดูแบบเอเชีย ถูกเป็นห่วงหวงทุกฝีก้าว ต่างกับพี่ชายพี่สาวหัวทองต่างสายเลือดอีกห้าคน ที่ถูกเลี้ยงแบบปล่อยอิสระ ทุกเรื่องคุณป๊าคุณม๊า อาเฮีย อาเจ้ และหย็อง เราจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามกันและกันนัก แต่พอเกี่ยวกับเด็กชายแก้มนุ่มที่กำลังยื่นหน้าแปะอยู่กับกล้องแล้วละก็...จะมาวุ่นวายกันแบบใกล้ชิดติดขอบเวทีเลยทีเดียว

          ทุกคนถือว่าเทมปุระเป็นสมบัติของบ้านที่ต้องช่วยกันดูแล  แต่อยากจะบอกเหลือเกิน เทมไม่ใช่ของสาธารณะให้ทุกคนร่วมใจอนุรักษ์ แต่เป็นคนรักส่วนตัวของผม ของผมคนเดียวน่ะครับ เข้าใจไหม?

          เจ้ไก่กับหย็องหย็องยักคิ้วหลิ่วตา บอกว่าผมเป็นอาเสี่ยหื่นกามในร่างเด็กอายุสิบหก เข้ามากอดไหล่เอ่ยชมว่าเจ๋งมากกอปรกับบอกให้เพลาๆ ลงบ้าง ตบตีกับเฮียปลาหย็องที่ตั้งท่าสั่งสอนน้องๆ ไม่ให้ทำตาม เฮียเนื้อหย็องยิ่งน่ากลอกตาใส่ เมื่อในมือกำลังถือโทรศัพท์ฟ้องคุณป้า กว่าจะทำให้ทุกคนสงบได้ก็หลายนาที

          เราลงกันมาที่ห้องอาหาร ก้าวเข้าไปก็เจอหญิงร่างเล็กกำลังนั่งรออยู่ก่อนแล้ว สบตากับคุณป้าที่ยกมือป้องปากหัวเราะคิกคัก เมื่อเห็นผมทำหน้าเบื่อหน่าย เธอไม่ได้มีท่าทีตกใจเรื่องเทมโดนผมลักพาตัวเหมือนคนอื่น เพราะคนแรกที่ผมส่งข้อความไปขออนุญาตก็คือคุณป้าน่ะครับ ส่วนอีกคนก็คือคุณยาย เนื่องจากต้องส่งใบลางานให้เป็นกิจจะลักษณะ เทมปุระพอเห็นคุณแม่ก็วิ่งดุ๊กดิ๊กไปหาทันที ส่วนผม...ต้องมาตอบคำถามว่าทำไมเทมถึงหยุดเรียน

          พอตอบไปตรงๆ

          "คุณหญิงแม่คิดไว้แล้วไม่มีผิด! คิดไว้แล้วเชียว พอเป็นแฟนกันปุ๊บ ลูกคนสวนต้องรังแกลูกคนข้างบ้านทันทีแน่ๆ เกือบไปแล้วไหมล่ะคะ เกือบได้เสียกันแบบยังไม่ตบไม่แต่งแล้ว น้องเมย์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ พี่จะให้ความยุติธรรมกับลูกคนข้างบ้านเองค่ะ!"

          คุณป้าหัวเราะให้ท่าทางจริงจังเล่นใหญ่กว่าละครงิ้วของคุณม้า ไม่โต้ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มมองการละเล่นของบ้านผมอย่างเคยชิน สวนทางคุณป๊าที่ทำหน้าเหมือนลูกสาวโดนย่ำยี เอ่ยขอยาทามาป้ายมาแตะบนคอเทมปุระ ทายาไปก็บ่นผมไปไม่ขาดปาก

          "ทำไมหมูรุนแรงกับน้องจังเลยลูก ถนอมน้องหน่อย ป๊าใจบางไปหมดแล้ว"

          "ตอนเปิดประตูเห็นเต็มตา ปีศาจในหัวชมว่าเฮียโคตรเท่ มีที่ไหนโดดเรียนไปจู๋จี๋แบบโคตรเปิดเผย แต่อีกใจด้านเทวดาก็รู้สึกย้อนแย้ง เหมือนเห็นพี่ชายตัวเองไปหลอกเด็กแปดขวบมาด้วยลูกอมพิกล ระหว่างตบมือชื่นชมกับช่วยเฮียเนื้อหย็องโทรฟ้องตำรวจ หย็องลังเลมากเลยอะ"

          ให้ตาย ผมถูกคนในบ้านมองเหมือนเป็นผู้ร้ายฆ่าข่มขืน อยากจะประท้วงว่ารีบตัดสินผมกันเร็วเกินไปไหม เล่นไม่มีช่องว่างให้จำเลยแก้ตัวเลยหรือครับ? อยากจะบอกเหลือเกินว่าผิวเด็กน้อยนุ่มติดปลายลิ้น และขึ้นรอยแดงง่ายขนาดไหน ผิวเทมขาวและบอบบางเหมือนผิวเด็ก ออกแรงนิด บีบจับหน่อย ก็ตีตราได้ชัดกระจ่างสายตา ผมไม่ได้รุนแรงกับเขา อืม...ก็นิดหน่อย แต่ไม่ได้กระทำชำเราหนักหนา ขนาดต้องมาถูกทุกคนสอบสวนในห้องทานข้าวแบบนี้นะครับ 

           "จำปาเสียขวัญมากค่ะ ไม่คิดเลยว่าเรื่องบัดสีแบบนี้จะเกิดขึ้นภายใต้หลังคาเรือน คุณหลวงด้วง คุณหลวงแพทย์ อย่าทำตามนะคะ เราเป็นกุลสตรีศรีรัสเซีย เราต้องรักนวลสงวนตัว เข้าตามตรอกออกตามประตู หลังแต่งงานกันแล้วถึงจะแตะเนื้อต้องตัวกันได้ ส่วนลูกคนใช้จะทำอะไรก็ทำไปค่ะ จำปาไม่แคร์" เฮียจำปาวางท่าสั่งสอนน้องชายทั้งสองคน ก่อนจะหันไปแลบลิ้นใส่น้องสาวอีกฟากของโต๊ะ

          อาเจ้ไก่หย็องมองเหยียดพี่ชายผู้ยกมือแนบอก ทำตัวเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ราวแม่ชีที่อยู่ในถ้ำมาสามร้อยปี  ก่อนเบะปาก เอ่ยจิกกัดคู่แข่งหาเงินในปีนี้อย่างไม่ยอมแพ้ "แหม! โจเชฟ พี่อย่าให้ฉันร่ายนะ รายชื่อผู้หญิงที่พี่เขมือบไปน่ะ เอาแค่ในโรงเรียนฉัน เอาแค่ของเดือนนี้ที่เพิ่งผ่านมาสิบห้าวัน พี่ก็กินไปนับได้เป็นห้องแล้วนะโจ ไหนจะเมื่อเดือนก่อนที่เอาฉันไปอ้างสับรางอีก!" ภาษารัสเซียโต้อย่างเผ็ดร้อน

          ครับ ท่าทางตุ้งติ้ง แต่ใครจะรู้ เฮียปลาหย็องเป็นพวกเจ้าชู้ขนาดไหน เด็กของเฮียปลาหย็องมีทั้งผู้หญิงผู้ชาย สไตล์ตั้งแต่น่ารักยันกล้ามโต รสนิยมไม่ตายตัวได้หมดอีกต่างหาก หน้าตาดี ร่ำรวย นิสัยที่เปิดเผยข้างนอกถูกตั้งไว้ว่าเป็นผู้ชายขี้เล่นที่มีมุมสุขุม น่าค้นหา ใครๆ ก็วิ่งเข้าใส่หวังตะครุบจับ เมื่อก่อนเฮียปลาพาบรรดากิ๊กกั๊กเข้าออกบ้านเป็นว่าเล่น จนคุณป๊าคุณม้ารำคาญ บอกให้ไปใช้ตึกโซนรับแขกอย่างเดียว ใครไม่จริงจังไม่ต้องพามาขึ้นตึกส่วนตัว

          มือไม้กรีดกรายบนอากาศชะงักค้าง หันไปถลึงตาใส่น้องสาวแล้วตั้งท่าจะเถียง แต่ก็ไม่ทัน เมื่อหน่วยเสริมบุกตามเข้าไปติดๆ เฮียเนื้อหย็องที่นับวันยิ่งใกล้เคียงสัตว์สงวนของจีนอย่างแพนด้าเข้าไปทุกที ส่ายหน้าไปมาอย่างระอา

          "เฮียปลาน่ะเป็นพวกมือถือสากปากถือศีล หน้าเนื้อใจเสือเชื่อไม่ได้ เมื่ออาทิตย์ก่อนพี่กำลังวุ่นกับอาจารย์หมอแท้ๆ แต่เฮียดันโทรมาขอให้ไปรับเด็กผู้ชายที่ไหนไม่รู้ จะไม่ไปให้ก็งอแงบอกว่าคนนี้จริงจังในระดับเจ็ด...พี่ว่าอายุเขาน่าจะพอๆ กับหมูแล้วก็เทมเลยนะ"

          "ระดับเจ็ดในร้อยระดับหรือเปล่า ลูกคุณหญิงนี่แย่จริงๆ ดูสิทำไก่ไก่กับเนื้อหย็องลูกปะป๊าลำบากไปหมด"

          ปกติจบท่อนนี้ หย็องหย็องต้องแหกปาก บอกว่าคุณป๊ากับม้าไม่ให้เข้าทีมด้วยอีกแล้ว แต่ตอนนี้เจ้าตัวกลับหันไปมองพี่ใหญ่ด้วยสายตาโมโห

          "เฮียปลาแดกเด็กเหรอ!? ไหนเฮียบอกต่ำกว่าสิบแปดไม่กินไง แปลว่าไอ้ตั้มเพื่อนผมที่มันร้องเจ็บตูดหลังมาค้างบ้านเรา เฮียก็แดกไปจริงๆใช่ไหม!"

          "จะบ้าเรอะ! ตั้มเพื่อนหย็องมันเป็นรุก เฮียจะไปกินได้ยังไง ก็เฮียบอกแล้ว ที่เจ็บตูดเพราะเพื่อนหย็องตกใจจนตกบันได ตอนเห็นเฮียใส่ชุดนางรำเดินลงมาหาอะไรกินที่ครัวต่างหาก ...เดี๋ยวดิ แล้วไหงจู่ๆ หันมาแฉกันแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเราตกลงกันว่าจะมาแกล้งหมูหรือไงกัน! ความยุติธรรมของจำปาอยู่ที่ไหนคะ!?"

          นี่ไงครับ ผมถึงบอกว่าน่ารำคาญ นอกจากเป็นห่วงเทม หลายสิบเปอร์เซ็นต์ในนั้นคือหาเรื่องมาก่อกวนผมชัดๆ การขัดขวางเราสองคน และการทำให้ผมทำหน้าตาอย่างอื่นนอกจากหน้านิ่ง ดูจะเป็นงานอดิเรกแย่ๆ ของครอบครัวนี้ไปกันหมดเสียแล้ว

          ผมกล่าวเสริมเสียงเรียบ "อืม...เหมือนเห็นข่าวคลิปหลุดหลังเวที มีช่วงเฮียปลาโดนตบด้วยนะครับ?"

          "อ๋อ คลิปเมื่อเดือนก่อนใช่ไหมหมู เจ้ก็เห็น โดนตบหน้าสั่นเลยนี่นะ"

          "ทำไมเฮียทำตัวนิสัยแย่แบบนี้ นอกใจมันไม่ดีนะครับ"

          "ไม่ใช่นะคะ! จำปาไม่ได้คบสักหน่อย แล้วจะเรียกว่านอกใจได้ยังไง! จำปาบอกตรงตลอดๆ ว่ายังไม่พร้อมมีคนผูกมัด เอาตามความสมัครใจ พวกเราเป็นแค่เซ--- เอ่อ" เฮียปลาเหลือบมองเทมเล็กน้อย พอเห็นว่าเด็กชายกำลังตั้งอกตั้งใจหั่นผักคะน้าเป็นชิ้นเล็กๆ ตกอยู่ในศึกต่อสู้กับผัก ไม่ได้สนใจคนอื่น ก็แก้ตัวต่อ "แค่เพื่อนอุ่นเตียงค่ะ!"

          "จริงเหรอคะทุกคน? ต๊าย! จำปาคะ คุณหญิงแม่ผิดหวังในตัวลูกมากค่ะ! ไปมีกิ๊กยังไงให้โดนจับได้คะนั่นน่ะ จะกามเองคุณแม่ไม่ว่า แต่กามแล้วไปลำบากน้องๆ นี่รับไม่ได้! กากมากจริงๆ กาก And อ่อนด๋อยจนเกินกว่าคุณหญิงแม่จะรับได้ ไปเลยค่ะ ไปเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงสิบวันเลยนะคะ"

          "ว๊าย โดนคุณแม่ไล่แบบนี้ สำนวนไทยเขาเรียกว่าอะไรนะนิโคลัส"

          เฮียเนื้อหย็องหันไปมองพี่สาวตัวเอง "โดนตัดหางปล่อยวัดน่ะแอน"

          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดด อย่ามาว่าจำปาเป็นฮิปโปโปเตมัสนะคะ!"

          "หมา! / หมา! / หมา! / หมา! / หมา!"

          แล้วสงครามบนโต๊ะก็ลั่นระฆังเริ่มขึ้นเหมือนทุกวัน

          ผมคิดว่าคงจบเรื่องของผมแต่เพียงเท่านั้น แต่ในระหว่างที่กำลังหั่นบรอกโคลีเป็นชิ้นเล็กๆ ให้เจ้าตัวน้อย คุณป๊าที่กำลังแข่งขันหั่นแคร์รอตให้เทมก็เงยหน้าอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้

          "เอ้อ ตกลงปีใหม่เราจะไปเที่ยวที่ไหนกัน ปีนี้ป๊าไม่เอาโซนยุโรปแล้วนะ เบื่อ"

          "ไม่เอาฮ่องกงด้วยนะคะ ฝั่งจีนนี่ไม่เอาเลย ไก่ไปดูงานบ่อยจนเอือม"

          "งั้นคุณหญิงแม่ขอแบนแนวบุกป่าด้วยค่ะ"

          "นอนอยู่บ้านไหมล่ะครับ"

          "ไมได้นะเฮียเนื้อหย็อง! หย็องต้องเอารูปไปอวดกับเพื่อนๆ"

          "จำปาไม่เอาภาคเหนือแล้วนะเจ้าคะ ไปจนจะอู้คำเมืองได้แล้วเจ้า"

          "กระบี่ก็ดีนะ รูปที่เทมไปกับหมูปีก่อนสวยมากเลย"

          "ในไทยก็ดีนะครับ จะได้ไม่ต้องแบ่งวัน เมกุมิซังกับเทมจะได้ไปด้วยกันได้ทีเดียวเลย"

          "พาเทมกับคุณป้าไปต่างประเทศด้วยไม่ได้เหรอ หย็องอยากพาเทมไปเดินดูขนมอ่ะ เทมยังไม่เคยเห็นหิมะเลยนะ หย็องเอาใส่ขวดมาฝากมันก็ละลายหมดแล้ว"

          "นั่นสิหมู เจ้ก็เห็นด้วยกับหย็องนะ ไทยก็ดี แต่อยากให้ไปเปิดหูเปิดตากันที่นู่นมากกว่า บรรยากาศมันต่างกัน"

          แล้วก็ถกเถียงว่าด้วยเรื่องหาที่เที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตาประจำปี ช่วงปีใหม่ ตามประเพณีบ้านเราจะไปเที่ยวด้วยกันยกครอบครัวน่ะครับ ในความสบายๆ ของบ้าน ก็มีกฎนี้ต้องรักษา ทุกคนต้องหาเวลาว่างให้ตรงกัน แต่ผมก็เคยไปด้วยไม่กี่ครั้ง พอมีเทมผมก็ไม่ได้ไปด้วยอีกเลย เพราะสมัยก่อนเคยจะพาเทมไปด้วยกันครับ แต่เด็กชายของผมเมาเครื่องบินในระดับสูงอย่างรุนแรง บินในประเทศหรือไม่ไกลนัก ยังใช้ความบินระดับไม่สูงมาก เทมยังพอไหว แต่หากข้ามประเทศไกล เครื่องบินต้องบินในระดับความสูงที่สูงมาก หัวใจเด็กน้อยจะเต้นเร็วและผิดจังหวะ จนต้องล้มเลิกแผนไป

          ครั้นจะให้ผมไปเที่ยวคนเดียวก็พะวักพะวงห่วงเขาไปหมด

          แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ไปเที่ยวกับครอบครัวหรอกนะครับ เพียงแต่ไม่ได้ไปนอกประเทศด้วยเท่านั้น ปีไหนทุกคนไปต่างประเทศ พวกผมก็จะเที่ยวในประเทศรอ มีไปประเทศใกล้ๆ ที่ขับรถไปถึงได้อย่างพม่า เวียดนาม ลาวบ้างเช่นกัน พอคุณป๊ากับคุณม๊าและทุกคนกลับมา เราก็ไปเที่ยวด้วยกันสองครอบครัวต่อที่ต่างจังหวัด แล้วก็ยุ่งยากทุกปี เพราะทุกคนตื๊อให้พวกเราสามคนไปเมืองนอกด้วยกัน มันค่อนข้างจะลำบากถ้าไปต่างประเทศ อืม ต้องยอมรับครับว่าครอบครัวผมค่อนข้างจะฟุ่มเฟือย การไปเที่ยวจึงไม่ต่างกับเอาเงินมาโยนใส่กองไฟ เผาผลาญเล่นหมดอย่างรวดเร็ว ถ้าคุณป้าไปด้วย แน่นอนว่าคุณแม่ต้องดื้อขอออกให้ตลอด แค่ไปต่างจังหวัดก็หมดครึ่งล้านได้ ไปต่างประเทศยิ่งไม่ต้องพูดถึง คุณป้าเกรงใจ จึงปฏิเสธมาตลอด

          ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าทุกคนจะไปไหน คุณพ่อก็หันมาถามเอาคำตอบกับผมแทน

           "แล้วหมูจะเอายังไงลูก ปีนี้จะไปกับพวกป๊าไหม เราจะได้เที่ยวกันยาวๆ ไปเลย เทมก็โตแล้วนะป๊าว่า อาการเมาเครื่องบินก็ไม่เป็นแล้วไม่ใช่หรือ ส่วนเมย์ก็ไม่ต้องห่วงงานนักหรอก ถึงจะมีขโมยบุกคอนโดจริง ประกันก็จ่ายอยู่แล้ว ไปเที่ยวกับพวกเราดีกว่า"

          "แต่ว่าค่าใช้จ่ายไปต่างประเทศมันค่อนข้างจะ...."

          "พี่บอกกี่ครั้งแล้วคะว่าอย่าพูดเรื่องนี้ ยังไงเราก็ต้องดองเป็นตังเมแผ่นเดียวกันอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวบ้านเราจะจนลงเลยค่ะ ถ้าน้องเมย์พูดถึงเรื่องเงินอีก พี่จะเปิดบริษัทเพิ่มอีกสักแห่ง เอาให้รวยกว่าเดิม จนซื้อที่บนดวงจันทร์ไว้ปลูกใบโหระพามาผัดเผ็ดหอยลายขายเลยดีไหมคะ พี่ไม่ได้จะอะไรนะคะ แต่ค่าดูแลรักษาด้วงประจำเดือนของหย็องหย็อง ยังแพงกว่าเงินค่าเที่ยวของทั้งสองคนสามปีรวมกันเสียอีก พูดแล้วคุณหญิงแม่ก็เครียด ด้วงนี่ต้องมีเครื่องปรับอากาศทุกกรงด้วยเหรอคะหย็องหย็อง เจ้าลูกด้วง!"

          "หม่าม้าอ่า...ก็คริสโตเฟอร์แพ้อากาศในไทยนี่น่า หย็องกลัวคริสจะหายใจไม่สะดวก"

          คณแม่ตวัดสายตาดุใส่น้องคนเล็ก "คุณแม่จะไม่ว่าอะไรเลยค่ะ ถ้าหนูบริหารเงินเป็น ไม่ใช่ใช้เงินค่าขนมจนหมดแล้วมาเบิกเงินล่วงหน้าเรื่อยๆ แบบนี้"

          หย็องหย็องคอตก เมื่อความจริงตีแสกหน้า เอ่ยเสียงอ่อย "ขอโทษฮับ"

          "แล้วน้องเมย์ว่ายังไงคะ ปีนี้ไปต่างประเทศกับพวกเราได้ไหมคะ?" คุณแม่หันมาคาดคั้นคนด้านข้างตัวเองแทน ทุกสายตาหันไปมองคุณป้าเป็นตาเดียว หญิงร่างเล็กมีท่าทางอึกอัก แม้จะเป็นคนนุ่มนิ่ม ดูหัวอ่อน ยอมโน้มตามแรงลม ทว่ากลับไม่ชอบรับความช่วยเหลือเท่าไหร่นัก เพราะคิดว่าเป็นการรบกวนและทำให้คนอื่นลำบาก แถมยังเป็นประเภทจำพวกยึดมั่นในความคิดตัวเองอย่างหนักแน่น

          ผมเห็นท่าทางลำบากใจของคุณป้าจึงช่วยเอ่ยเสริม "อืม...ที่จริงผมก็มีแผนจะพาเทมไปเที่ยวช่วงปิดเทอมกับน้ำแล้วก็เต้ที่ญี่ปุ่นอยู่แล้วนะครับ อย่างที่บอกไว้ว่าเราจับฉลากได้รางวัล เพราะงั้นช่วงปีใหม่พวกผมเที่ยวในไทยก็ได้ครับ แล้วค่อยรอพวกคุณป๊ากลับมาจากนอก ตามมาสบทบเที่ยวพร้อมกัน"

          "แยกกันเที่ยวอีกแล้วเหรอ เจ้อยากเที่ยวด้วยกันหมดอ่ะหมู"

          "อะไรอ่า พวกเฮียจะไปญี่ปุ่นกันเหรอ เทมก็ไปด้วย? โห แบบนั้นก็ขี้โกงน่ะสิ ก็มีแค่เฮียหมูคนเดียวนี่น่าที่ได้ไปเที่ยวกับเทม ไม่โอเคใช่ไหมป๊า!"

          "ใช่ ใช่! แบบนั้นก็ให้ป๊าไปญี่ปุ่นด้วยคนสิ"

          "หย็องไปด้วย!"

          "นั่นมันช่วงปิดเทอม วันหยุดจะไม่ตรงกันเอานะครับ แล้วจะไปด้วยนี่ หลายวันนะครับ ไม่ใช่แค่ไปด้วยกันไม่กี่วันเหมือนไปเที่ยวต่างจังหวัด ไม่กลัวภาพลักษณ์จะหลุดต่อหน้าน้ำกับเต้แล้วหรือไงกันครับ?"

          "ไม่สน ป๊าเป็นเจ้าของ จะปิดจะหยุดวันไหนก็ได้! แล้วภาพลักษณ์ก็ไม่สนด้วย ป๊าจะไปเที่ยวกับเทม!"

          "ตามใจคนหัวล้านหน่อยค่ะลูกคนสวน เขาอยากไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันครบทั้งครอบครัวมานานแล้ว"

          "เอเลน ผมหัวไม่ล้านนะ!"

          "ใช่หมู ไปด้วยกันเถอะน่า เรื่องโรงเรียนเดี๋ยวพวกเจ้เขียนใบลาเอาก็ได้ ไม่มีอะไรยุ่งยากหรอก"

          "อืม...ให้เมกุมิซังไปพักผ่อนบ้าง เฮียก็ว่าสมควรนะหมู ไหนๆ ก็มีแผนจะไปเที่ยวนอกอยู่แล้ว ก็ปรับมาเที่ยวด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ แล้วญี่ปุ่น น้องค่อยไปปีหน้า หรือช่วงปิดเทอมหน้าอีกรอบก็ได้ แต่ปีใหม่ก็ไปกับพวกเราก่อน แล้วเมกุมิซังก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องค่าใช้จ่ายนะครับ แค่นี้ขนหน้าแข้งพวกเราไม่ร่วงแน่นอน"

          ถอนหายใจให้ความดื้อของทุกคนที่เริ่มโหวกเหวกขอไปด้วย ผมว่าพลังความขี้โมเมของคนในบ้านนี่ร้ายกาจมากเลยทีเดียว จากปีใหม่ก็บานปลายไปถึงแผนเที่ยวของพวกเรา ไม่ใช่แค่ปีใหม่แต่กระทั่งปิดเทอมก็มาขอแจม อยากจู๋จี๋กับเทมสองคน ก็ดันพ่วงครอบครัวจอมป่วนมาเต็ม แม้จะพยายามจะหาหนทางแก้ แต่เหมือนเขาฟอร์มทีมกันมาดี...

          แล้วคิดว่าตอนจบจบลงที่อะไรครับ?

          ขนาดคุณป้ายังโดนมัดมือชกหาช่องว่างแทรกคำปฏิเสธไม่ทัน แน่นอนว่าผมก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป จากคาดคะเนว่าปีนี้คงจะไปภาคใต้กันไม่กี่วัน แล้วกลับมาช่วยเทมติวเตรียมขึ้นมัธยมปลาย ก็ถูกครอบครัวจอมเล่นใหญ่เปลี่ยนแผนกะทันหัน วันหยุดปีใหม่ห้าวัน ไม่เพียงพอ ข้ออ้างมากมายถูกยกขึ้นมาเพื่อให้สมเหตุสมผล เช่น เพราะเป็นการไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของคนที่ยังคงต่อสู้กับผักในจานอย่างขะมักเขม้น ไม่ควรไปใกล้ๆ ประเทศที่เราจะไปเลยไกลขึ้นเรื่อยๆ แผนยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ


          สรุปเที่ยวปีใหม่ พวกผมจะไปนิวยอร์กกัน 15 วัน และไปญี่ปุ่น 14 วัน...ครอบครัวผมก็จะไปด้วยครับ



          "เทม เทมทานผักหมดแล้วครับ!"

          เด็กน้อยผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เงยหน้ายิ้มแฉ่งโชว์จานว่างเปล่าให้ดู ผมยกมือเช็ดมุมปากคนยิ้มสวย เอ่ยชม

          "เด็กดี"



****





หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 49 * 7/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 07-01-2019 20:47:55
          สงครามไม่ได้จบแค่บนโต๊ะอาหาร แต่ลุกลามมาถึงในแท็บเล็ต แจ้งเตือนมหาศาลจากแอปพลิเคชันทำเอาเหน็ดเหนื่อยได้เพียงแค่มอง ตั้งไอแพดไว้บนโต๊ะก่อนกดต่อสายไปถึงเพื่อนสนิท ไม่นาน บนหน้าจอปรากฏภาพเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เห็นมาสามวัน สองคนที่ยามแรกเมื่อติดต่อไป ใบหน้ากวนประสาทแต่เดิมยิ่งทวีมากขึ้น ใบหน้าล้อเลียนมาพร้อมคำโห่แซวไม่หยุด แต่พอเอ่ยบอกเหตุการณ์บนโต๊ะอาหาร

          [ มึงพาเทมไปกก แล้วกลับมาพร้อมข่าวร้ายเนี่ยนะ!? ]

          [ เวร เวรมากๆ กูคิดภาพนั่งเกร็งตัวแข็งโด่ออกเลย ]

          [ ทำไมมึงพูดแล้วกูคิดถึงอย่างอื่นแข็งวะ...เฮ้ย กูจะหลงประเด็นไม่ได้ กลับมาก่อนสติ แล้วยังไงอะ คือแผนญี่ปุ่นก็ล่มเรอะ แล้วที่พวกเราเครียดหาทางกัน จะเครียดไปเพื่ออะไรวะ ]

          ครับ สองแฝดแย่งกันพูดน้ำไหลไฟดับ ต่อว่าต่อขานผมต่างๆ นานา เหมือนเก็บกดมาสักสามสิบชาติ เทมปุระที่นั่งแบมือสองข้างให้ผมตัดเล็บให้ รีบหันขวับไปเอ่ยแก้ตัวให้ทันที จนต้องจับมือคุณนางฟ้าให้มั่น ไม่ให้กระพือปีกขยุกขยิก "เทมอย่าเพิ่งขยับเยอะนะครับ เดี๋ยวจะโดนกรรไกรบาดเอา"

          "อะ! ขอโทษ ขอโทษนะครับหมูหย็อง พี่เทมๆๆ เทม เทมจะอยู่นิ่งๆๆๆ นะครับ" เทมยืดหลังตรง ทำตัวแข็ง แล้วค่อยๆ ขยับเคลื่อนแค่เพียงคอ "ไม่ใช่นะครับน้ำครับ หมูหย็องบอกว่าเรายังไปญี่ปุ่นอยู่ครับ แต่ว่า แต่ว่า ปีใหม่ต้องไปเที่ยวกับคุณปะป๊า คุณหม่าม้าก่อนด้วยครับ คุณแม่ คุณแม่ของเทมก็ไปด้วยนะครับ แล้วก็ๆๆ ปิดเทอมก็ไปด้วยอีกรอบครับ ไปด้วยกันหมดทุกคนเลย สนุกๆๆๆๆ"

          [ โอ้โห เพื่อนรัก มึงสนิทกับคุณปะป๊าคุณหม่าม้าและบรรดาหย็องทั้งหลายก็พูดได้สิวะ กูเคยไปเที่ยวด้วยก็หลายครั้ง ยังเกร็งทุกครั้งเลยว่ะ นี่จะให้ไปอยู่ด้วยสองทริป รวมเบ็ดเสร็จเป็นเดือน แค่คิดก็อึดอัดแล้ว ป๊าม้ามึงแม่งดูเข้าหายากอ่ะ ]

          อืม...ถึงจะรู้จักกันมานานหลายปี แต่นอกจากคุณพ่อของเต้กับคุณหญิงแม่ของน้ำแล้ว คุณป๊าก็ยังชอบเก๊กขรึมใส่เต้กับน้ำเสมอ เห็นบอกกลัวเด็กๆ ที่สมัยก่อนชมว่าเจ้าตัวเท่เงียบขรึมจะหมดศรัทธา คุณหม่าม้าก็ชอบสวมบทบาทคุณหญิงร้ายกาจกับสะใภ้เข้ากรุง หน้าตาหยิ่งและดุที่ถอดแบบมาจากคุณยายจึงยิ่งดูน่าหวาดผวาเข้าไปอีก

          "คุณปะป๊า คุณปะป๊าเข้าหาง่ายๆๆๆๆ นะครับ คุณปะป๊าจะอ้าแขนกว้างๆๆๆ ให้เข้าไปกอดครับ เดินไปหาก็เข้าไปมุดได้เลยครับ คุณหม่าม้าก็ใจดีครับ ชอบ ชอบมาลูบหัวเทมเปาะแปะตลอดเลย หาขนมกับเสื้อผ้ามาให้ด้วยนะครับ"

          [ เออว่ะ เข้าง่ายยิ่งกว่าร้านสะดวกซื้อเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง ...จะบ้าเรอะ! ก็มีแค่มึงไหมล่ะลูก ที่ป๊าเขาเอ็นดูน่ะ ]

          "คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้เข้าหายากหรืออะไรหรอกครับ ท่านก็แค่อายนิสัยจริงเฉยๆ ตัวจริงก็เป็นคุณลุงคุณป้าทั่วไปนั่นแหละครับ"

          [ พูดง่ายจริงโว้ยยยยยยยย! ถ้ามึงจะยืนกรานให้พวกกูไปด้วย ได้! งั้นกูจะชวนท่านพ่อกับหม่อมแม่ไปด้วย! ไม่พอ กูจะชวนพี่ต้นน้ำ พี่น้ำเอกไปอีก! ]

          น้ำในชุดนอนตบโต๊ะจนนมในแก้วสะเทือน ไอ้เต้เพื่อนซี้ถึงกับเบิกตากว้าง ทำหน้าส่งสัญญาณถามประมาณว่า 'มึงเอาจริงดิ?' ใส่เพื่อนตัวเล็ก ส่วนอีกคนก็ตีสีหน้าจริงจัง บ่งบอกว่าพูดจริงทำจริงแน่นอน

          [ อ้าว ได้เหรอวะ...งั้นกูจะชวนพ่อกับแม่กูไปด้วย...ทำไมบ้านกูดูน้อย ไอ้สัส งั้นกูจะชวน รปภ. บ้านกูไปด้วย! ]

          เต้พยักหน้าหงึกหงักบอกอย่างหมายมาด

          เอ่อ จะไม่ถามสุขภาพผมสักคำเลยเหรอครับ? ภาพฮันนีมูนหลุดลอยออกไปไกล นี่มันทริปรวมญาติหรือยังไงกัน? สรุปเที่ยวปีใหม่ พวกผมจะไปนิวยอร์กกัน 15 วัน และไปญี่ปุ่น 14 วัน...ครอบครัวผม และครอบครัวของเพื่อนผมก็จะไปด้วยครับ


          พวกเราต่อล้อต่อเถียงกันอีกยกใหญ่ วกพูดคุยเรื่องบทเรียนนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรมาก จึงปล่อยผ่าน น้ำเงยหน้าจากเกมแล้วหันมาถาม

          [ เออ แล้วพรุ่งนี้มึงจะมาโรงเรียนไหม? เปียใกล้จะอกแตกตายแล้วนะ ติดต่อมึงไม่ได้อะ เห็นว่างานเลี้ยงส่งรุ่นพี่มีปัญหาอะไรสักอย่างนี่แหละ กูขี้เกียจฟัง ]

          [ ไม่มาอีกนี่กูจะตามไปลากถึงบ้านแล้วนะ ไอ้ห่า คอเคอนี่ดูไม่ได้ เพลาๆ บ้างโว้ย ลูกกูช้ำหม๊ด  ]

          ปล่อยเสียงให้เข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา
     
          "ไหนขอหมูดูหน่อยครับ อืม...โอเคครับ เสร็จแล้ว" จับมือเทมปุระพลิกไปมาสำรวจ ว่าไม่ลืมตะไบส่วนเล็บคมตรงไหนให้โค้งมนเรียบร้อย ป้องกันเจ้าตัวเผลอข่วนเนื้อตัวเอง "พรุ่งนี้เทมอยากไปโรงเรียนไหมครับ?"

          "ขอบ ขอบคุณครับ แล้ว แล้วหมูหย็องอยากไปไหมครับ?"

          "อยากอยู่กับเทมครับ" แค่สองคน

          "เทม เทมก็อยากอยู่กับหมูหย็องครับ"

          "งั้นเรา---"

          [ หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดที่ไม่ได้หมายถึงให้พวกมึงหยุดเรียน แต่หมายถึงหยุดทำให้พวกกูเป็นส่วนเกินของโลกสีชมพูสักทีโว้ย เลี่ยนชิบหาย ส่วนมึง เทม! ไอ้รูกไม่ลั๊กลี! มึงจะหยุดอีกไม่ได้นะ มึงไม่อยากเจอกูสองคนหรือไง ]

          เทมเบิกตาสีน้ำตาลโต กะพริบตาปริบๆ เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่เจอเพื่อนมาสามวันแล้ว ท่าทางลืมชัดเจนเล่นเอาคุณพ่อในมโนสมมุติแยกเขี้ยว เจ้าก้อนความสุขรีบยิ้มหวานประจบเพื่อนบ้าบาส "เทม เทมอยากเจอเต้ครับ"

          "แล้วกูล่ะ?" น้ำชะโงกหน้าเข้ามาในจอ

          เทมผงกศีรษะขึ้นลงไวๆ

          "เทม เทมอยากเจอน้ำด้วยครับ" น้ำพยักหน้าพอใจก่อนหมุนตัวไปเล่นเกมต่อ

          ผมยื่นมือไปเกลี่ยแก้มนุ่ม "แล้วหมูล่ะครับ?"

          เทมปุระยิ่งยิ้มหวานกว่าเดิม หวานหยด หวานจนหัวใจกระตุก

          "เทม เทมอยากเจอหวานใจที่รักทุกวันเลยครับ"

          [ เหม็นความรักโว้ยยยย / เหม็นความรักโว้ยยยย ]

          ปี๊บ -----

          หัวเราะในลำคอเมื่อเพื่อนทั้งสองกดตัดสายไปพร้อมกัน จากนิ้วมือลากไล้ข้างแก้ม เปลี่ยนเป็นโอบมาชเมลโลขาวนวลทั้งสองข้างไว้ในอุ้งมือ ก่อนโน้มตัวลงไปชิมรส อยากต่อลากยาวไปจนถึงตักเจ้าตัวขี้อ่อยใส่จาน แล้วทานเป็นฟูลคอร์สอยู่หรอกครับ แต่ก็อย่างทุกคนว่า ผมต้องถนอมคนน่ารักเสียหน่อย ประเดี๋ยวจะเตลิดหนีไปเสียก่อน จับมือเขาที่เพิ่งตัดเล็บเสร็จขึ้นมาอีกหน หลังจากไม่ได้เยี่ยมหน้าไปโลกภายนอกมาหลายวัน วันนี้ผมก็ให้คุณหมอเข้ามาดูแผลบนมือเทมอีกรอบ ครั้งนี้แผลแทบจะหายสนิทแล้วครับ เหลือแค่ร่องรอยนิดหน่อยเท่านั้น

          "แบมือ กำมือแล้วยังเจ็บอยู่หรือเปล่าครับ?"

          "เทม เทมแบมือได้กว๊างกว้างครับ กำได้กลมแน่นป๊อกๆๆ เลยด้วยนะครับ ไม่เจ็บเลยครับ"

          ผมมองแล้วครุ่นคิดนิดหน่อย กำลังชั่งใจว่าถึงเวลาให้เขากลับมาทำอะไรเป็นปกติหรือยัง เด็กชายเทมปุระเข้ามางอแงกับผมหลายวันแล้วครับ เจ้าตัวอยากจับพู่กัน สีเทียน ดินสอสีระบายเล่นใจจะขาด ถึงจะให้เล่นในแท็บเล็ตก็ไม่เหมือนจับของจริง เทมเปิดปิดกล่องสีตัวเองด้วยดวงตาหงอยเหงาอยู่ทุกวัน แกล้งตีสีหน้าครุ่นคิดเนิ่นนาน จนเด็กน้อยตรงหน้าร้อนใจไปหมด ดูท่าจะรู้ตัว ว่ากำลังถูกตัดสินเรื่องอนาคตการแต่งแต้ม

          "เทม เทมมือหายเกลี้ยงๆๆๆ ร้อยๆๆๆ ของร้อยๆๆๆ เปอร์เซ็นต์แล้วนะครับหมูหย็องครับ เทม เทมระบายสีได้หรือยังครับหมูหย็องครับ คุณหมอ คุณหมอก็บอกว่าเทมหายเพียบเลยนะครับ หายแบบเยอะแยะเกลี้ยงๆๆ เลยนะครับ" ว่าแล้วก็กำมือแล้วแบออก กำแบ กำแบ ให้ดูไม่หยุดหย่อน

          พอเห็นผมยังนิ่ง

          เด็กดียกมือไม้ขึ้นลงยุ่งเหยิง สรรหาวิธีทางสารพัดเพื่อให้เชื่อว่าไม่เจ็บแล้วแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ท่าทางน่าเอ็นดูจนแกล้งต่อไม่ลง ก้มไปปิดริมฝีปากร้อนรนด้วยริมฝีปากตัวเอง  กระซิบแนบชิดให้อีกฝ่ายใจเย็นลง "งั้นอนุญาตให้ระบายสีเล่นได้ครับ"
          อัญมณีสีสวยพราวระยับ ก่อนจะงับปากผมเบาๆ ความนิ่มยืดหยุ่นบดเบียดเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ

          "ขอบคุณนะครับ"

          พอได้รับคำอนุญาต องค์ชายก็วิ่งแล่นไปห้องเก็บของส่วนตัว เริ่มรื้อสมุดภาพระบายสีที่ระบายค้างไว้ออกมา จากหนึ่งเล่มเป็นสองและสาม กองสุมกันเป็นตั้งบนโต๊ะหน้าทีวีจนอดเอ่ยแซวไม่ได้ "จะระบายให้หมดในคืนเดียวเลยหรือครับ?"

          ผมปล่อยให้เขาฮึมฮัมเพลง ระบายสีไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะเริ่มตรวจเช็คอีเมลของตัวเองบ้าง เมลนับร้อยไม่มีอะไรน่าหนักใจเท่าอีเมลฉบับสุดท้าย อีเมลคุ้นตาจากคนคุ้นเคยทำเอาใบหน้านิ่งเรียบยู่ยับ คิ้วห่างขยับเข้ามาใกล้และเริ่มผูกกันแน่น ข้อความไม่กี่บรรทัด ทว่าทำเอากระเด้งตัวพรวดพราดด้วยความตื่นตระหนก จากเอนหลังบนโซฟา ตอนนี้นั่งหลังตรงแหน็ว เลื่อนอ่านข้อความซ้ำๆ เป็นสิบยี่สิบรอบด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ความตกใจและหวาดหวั่นดีดตัวพุ่งขึ้นถึงขีดสุด

         
          ท่านบอกว่าจะมาอีกครั้ง มาอีกครั้งด้วยเหตุผลเดียว คือมาดูความเหมาะสมคนรักของหลานชาย


          'หวังว่าหลานจะใช้วันหยุดได้สนุกสนานและคุ้มค่านะดิมิทรี เมื่อเร็วๆ นี้ พระองค์ทรงมาเยี่ยมเยือนยายที่คฤหาสน์ เราเล่นหมากรุกกันหลายตา ยายเล่นแพ้ท่านไปสองหนในสิบเกม จากปกติยายไม่เคยแพ้ท่านเกินหนึ่งในสิบสักครั้ง จนท่านตรัสแซวว่ายายก็ควรพักผ่อนเสียบ้างเช่นกัน  ยายเห็นดีเห็นงามด้วย อีกทั้งสิ้นปี ก็ฟังดูเหมาะสมจะเป็นวันหยุดที่ดี หลานคิดว่าอย่างไร ถ้าคริสต์มาสนี้ตากับยายจะไปหาเราที่ไทย

ยายของหลาน'




          และท่านก็กำลังจะมา มาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คนที่ผมเคารพที่สุด เกรงกลัวที่สุด ...คุณยายของผมเอง








end 49 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง








หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 49 * 7/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 08-01-2019 09:05:12
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆฟ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 50 * 11/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 11-01-2019 19:08:45







50






           ยามเช้าไม่สดใสเหมือนเมื่อวาน โดยเฉพาะเช้าหลังจากหัวหมุนวนไปด้วยภาพมโนคิดแง่ร้ายทั้งคืน สมองเหมือนแผ่นเสียงตกร่องคิดวนลูปแต่อะไรแย่ๆ สะบัดไม่ออก การมาอย่างกะทันหันของคุณยายทำเอาผมค่อนข้างเครียดหนัก ถึงจะมีเวลาเตรียมตัวเกือบเดือน แต่ก็ยังถือว่าฉุกละหุกนัก

          สองมือผูกเนคไทอย่างเลื่อนลอย ในหัวคิดสะระตะ ไล่เรียงแผนที่ต้องทำ ปะปนไปกับภาพเลวร้ายที่ฉายชัดยิ่งกว่าหนังสามมิติเรื่องไหน

          ถ้าคุณยายไม่ชอบเทม ไม่ยอมรับเทม...ผมจะทำยังไงดี

          คำตอบที่ลอยเด่นชัดทำเอาหนักใจ

          แผ่นอกใครบางคนกระทบแผ่นหลัง ความอุ่นร้อนเหมือนช่วยคลายความตึงเครียดลง เส้นเอ็นแข็งขืนอ่อนตัวไปตามเส้นโค้งของแผ่นอกที่รองรับ สองมือคนด้านหลังดึงผมให้เอนตัวลงไปพักพิง ช่วยให้ใจกระสับกระส่ายสงบ               
          เทมปุระเข้ามากอดผมจากด้านหลัง สองแขนกอดรัดโยกเยกตัวไปมา ขณะกำลังจะหมุนตัวไปหาเพื่อกอดตอบ แต่เสียงทุ้มนุ่มก็เอ่ยห้ามขัดเสียก่อน "น้องหมูหย็อง น้องหมูหย็องครับน้องหมูหย็อง ไม่หันๆๆๆ นะครับ"

          เลิกคิ้วกับคำห้ามของเด็กชายแสนขี้โกง มาขโมยกอดกันแต่เช้าไม่คิดจะจ่ายค่ากอดกลับ แม้จะสงสัย แต่ก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี ยืนนิ่งเป็นตุ๊กตาในอ้อมแขน ซึมซับความอบอุ่นแสนสบายใจ จนเปลือกตาที่เบิกค้างทั้งคืนเริ่มหนัก ตาปรือใกล้จะปิด คิดว่าคงได้เผลอหลับคาอกเขาแน่แล้ว แต่อะไรบางอย่างกลับคล้องคอลงมา

          ผมจับแผ่นกระดาษที่ถูกตัดเป็นวงต่อกันขึ้นมาดู จับพลิกซ้ายพลิกขวามอง แล้วรอยยิ้มแรกก็ถูกจุดขึ้นในความเงียบของรุ่งอรุณ

          "ทำให้หมูเหรอครับ?"

          แรงพยักหน้าของคนด้านหลังทำเอาใจแห้งเหี่ยวชุ่่มฉ่ำ พวงมาลัยกระดาษที่มีจี้เป็นกระดาษสีเหลืองทองห้อย ทำเอาอารมณ์ดี สมเป็นสิ่งประดิษฐ์ของเด็กน้อยสุดพิเศษและนางฟ้าใจดี เขาคล้องมาให้อีกหลายอัน เริ่มตัวสั่นไหวเพราะเผลอหัวเราะออก เหรียญรางวัลเริ่มจะเยอะจนแทบจะปิดถึงจมูก เจ้าเหรียญรางวัลรายละเอียดมั่วซั่ว มองแล้วคล้ายพวงมาลัยให้นักร้องหน้าเวทีเสียมากกว่า แต่ยังพอชัดเจน เพราะผู้ทำเขียนกำกับเอาไว้ 'เหรียญทองที่ 1 ของหมูหย็องครับ' 'ผู้ชนะ' 'คนเก่งที่ 1' 'เหรียญทองมากๆๆๆ'

          "พี่เทม พี่เทม เทม เทมเห็นหมูหย็องไม่มีความสุขเลยครับ เทม เทมเลยคิดว่าหมูหย็องต้องเสียใจที่ไม่ได้รางวัลที่หนึ่งแน่ๆ เลยครับ เทมเลยทำที่หนึ่งมาให้นะครับ ถึงจะแพ้ๆๆ ในกีฬาสี แต่หมูหย็องชนะที่หนึ่งกีฬาเทมนะครับ" เสียงคนอธิบายอู้อี้เพราะเอาหน้าซุกหลังคอคนในอ้อมแขนแน่น ไม่ต้องเอี้ยวตัวไปมอง ไม่จำเป็นต้องเห็นก็รู้ แก้มนุ่มต้องเปล่งปลั่งไปด้วยสีชมพูจนทั่วแน่ๆ

          เพราะเขายังเขินไม่เสร็จ ผมจึงไม่ได้รับอนุญาตให้หันไปมอง ได้แต่ปล่อยให้เขาโอบด้วยรอยยิ้ม แล้วฆ่าเวลา พักหัวใจตัวเองที่เต้นหนักหน่วง ด้วยการเสไปมองพวงมาลัยในมือต่อ กระดาษเอสี่สีขาวแผ่นบาง ถูกระบายสีเสียสดสวย ...เมื่อคืนเขาคงเห็นผมเงียบไป เลยนั่งทำให้สินะ
 
          เจ้ากระดาษแผ่นบาง หากหนาไปด้วยความห่วงใย

          กระชับแขนที่โอบล้อม แล้วเอ่ยจากใจ "ขอบคุณนะครับ"

          "เทม เทมทำแป้นให้หมูหย็องด้วยนะครับ มีโถทองให้ด้วยนะครับ!"

          ว่าแล้วก็จับผมหันตัว จูงกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปข้างล่าง แท่นรับรางวัลที่ควรจะเรียงต่อกันเป็นชั้น แล้วเขียนอันดับหนึ่งสองสาม เมื่อถูกผลิตผ่านมือช่างฝีมือเทมปุระก็เป็นลำดับหนึ่งเพียงอย่างเดียว กระดาษเอสี่ถูกเขียนตกแต่งแปะไว้บนโซฟา หันมองคนจัดงานรับรางวัล ก็เห็นหน้าตาคาดหวังจนแอบขำขึ้นมาอีกครา ดวงตาปลาบปลื้ม ชื่นชมยินดี ทำเอารู้สึกภูมิใจในตัวเองอย่างไม่มีเหตุผล สองขายอมเล่นตามเกม ปีนขึ้นไปเหยียบบนโซฟา โค้งตัวคำนับ รับเหรียญรางวัลอีกหลายอันจนแทบจะบังทิวทัศน์เสียมิด

          พอคล้องให้จนพอใจ เขาก็รับหน้าที่พิธีกรและกรรมการมอบถ้วยรางวัลต่อ ดินสอถูกแทนที่ไมค์ เด็กชายเลียนแบบได้ไม่มีที่ติ เขาตบไมค์สมมุติสองสามทีแล้วเริ่มเปิดงาน

          "แฮ่มอะ แฮ่มอะ"

          หึหึ ต้องอะแฮ่มไม่ใช่หรือครับคุณกรรมการ

          "เรา เราจะมามอบรางวัลให้ผู้ชนะการแข่งขัน ในการแข่งเทมกีฬากันนะครับ รายการแข่งมี อืมๆๆๆๆ แข่ง แข่งเยอะแยะๆๆๆ ไปหมดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น ทานผักเก่ง วิ่งเก่ง หล่อเก่ง เรียนเก่ง ตั้งใจเก่ง เท่เก่ง แล้วก็ แล้วก็ น่ารักเก่ง หมูหย็องเก่งๆๆ เนอะ หวานใจที่รักเก่งสุดยอดเลยเนอะครับ" ว่าแล้วก็หันมายิ้มตาปิดอย่างคนขี้โอ่ อวดหวานใจของตัวเองให้ผมหนึ่งที

          กรรมการคนนี้ต้องโดนสอบวินัยนะครับ มาอ่อย มาจีบ อย่างนี้ได้ยังไงกัน แถมยังลำเอียงให้แฟนตัวเองมากเกินไปแล้วนะครับ คุณกรรมการเทมปุระ

          "แต่นแต่น แต้นนนน จานรางวัลมาแล้วครับ"

          แอบโน้มตัวไปกระซิบข้างหู "ถ้วยรางวัลครับ"

          กรรมการตาโต พยักหน้าหงึกหงัก "ถ้วยรางวัล ถ้วยรางวัลครับ"

          ถ้วยรางวัลกระดาษถูกวาดได้เบี้ยวจนต้องอมยิ้ม รับมาถือไว้ พร้อมหันไปมองคุณกรรมการที่ตอนนี้รับหน้าที่เป็นช่างกล้องอีกอย่าง เด็กน้อยยกนิ้วชี้กับโป้งกางออกสองข้าง เอามาประกบกันเป็นสี่เหลี่ยมต่างกล้องถ่ายรูป ผมเก๊กท่าเหมือนตัวแทนรับรางวัลอันดับหนึ่งที่ได้ไปในปีนี้ ขยิบตาวิ้งส่งให้ คุณช่างกล้องรีบลั่นเสียงแชะไม่หยุด  "หันมามองทางนี้หน่อยนะครับ ถ่ายรูปนะครับ แชะๆๆๆๆ"

          หัวเราะจนแทบหายใจไม่ทัน เมื่อคุณตากล้องวิ่งวนไปมา จับผมแอ็คท่านู้นท่านี้ ถ่ายหมดกระทั่งรองเท้า ได้รูปจนพอใจก็หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดนิ้วตัวเอง เหมือนมืออาชีพที่เช็คเลนส์ก่อนเก็บ เทมปุระทำหน้านึกขึ้นได้ตอนกำลังช่วยผมลงจากโซฟา

          "เอารางวัล รางวัลนักกีฬาแก้คำผิดเทมดีเด่นไปด้วยอีกหนึ่งนะครับ เทม เทมแถมให้เยอะแยะเลย"

          แล้วจอมโจรก็ลงมืออุกอาจอีกหน ขโมยหอมแก้มผมไปสองฟอดใหญ่ ดวงตาสีน้ำตาลมองเหยื่อที่ยกมือกุมแก้มพร้อมอ้าปากเหวอ เจ้าตัวยิ้มกว้าง ท่าทางชอบอกชอบใจ "หมูหย็อง หมูหย็องยิ้มแล้ว อืมๆๆๆ งั้นเทม เทมแถมรางวัลตกกะใจได้น่ารักอันดับหนึ่งที่สุดในโลกด้วยครับ เทมให้อีกจุ๊บๆๆๆ นะครับ"

          ครั้งนี้เหยื่อลุกขึ้นสู้ ล็อคคอไว้ไม่ให้หนีหาย แล้วเลื่อนไปแนบชิดลึกซึ้ง กอบโกยรางวัลที่แท้จริง จนเจ้ารางวัลลมหายใจติดขัด สุดท้ายเสื้อก็ยับจนต้องไปเปลี่ยนใหม่

          พาเขาเข้ามาเปลี่ยนเสื้อ มองดวงหน้าอ่อนเยาว์ทำเอาคิดมาก...เขาน่ารักและแสนดีขนาดนี้แท้ๆ แล้วก็เผลอตกหลุมความคิดเข้าอีกหน

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องไม่สบายเหรอครับ"

          เด็กชายเริ่มร้อนใจ เมื่อสัมผัสได้ว่าผมนิ่งค้าง ฝ่ามืออุ่นเริ่มแตะป่ายไปทั่วตัว

          ยิ่งเขาแสนดี ตะกอนผงเหล็กในใจยิ่งหนักอึ้ง....อยากให้คุณยายรักและเอ็นดูเทม เหมือนที่ผมรัก

          เพื่อน คนอื่น ไม่ว่าใครไม่ชอบเทมผมก็ไม่ยี่หระ กับคุณพ่อคุณแม่ พี่น้อง ครอบครัวก็อาจจะลำบากใจนิดหน่อย ทว่าก็ยังไม่เข้าข่ายหวั่นไหว แต่สำหรับคุณยายผู้เป็นทั้งครอบครัว อาจารย์ และคนที่ผมชื่นชม ท่านเป็นเป้าหมายของผมมาตลอด เป็นฮีโร่ เป็นตัวเอกในหนังการ์ตูนผู้กอบกู้โลกที่มีลมหายใจ เป็นความฝันว่าอยากไปยืนในจุดนั้นไม่ต่างกัน แม้ท่านจะเคยทำผิดต่อผมไม่ต่างอะไรกับคุณพ่อคุณแม่ ข้อหาใช้เงินซื้อหลานไว้สืบทอดตระกูลฟังดูร้ายแรงพอกับพ่อแม่ขายลูกกิน แต่ก็อดเอนเอียงให้ไอดอลในใจไม่ได้ ยิ่งยามแผลทุกแผลสมานกันดี ...ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้คุณยายชอบเทม อยากให้คนที่ผมเคารพรัก ยอมรับเขา ไม่กีดขวางพวกเรา

          แม้จะอยู่กับท่านมาหลายปี

          แต่ก็เดาใจคุณยายไม่ถูก กับผม หลังจากเราดีกัน ท่านอะลุ่มอล่วยให้พอสมควร แต่กับคนอื่น ดาเลีย แอน ก็ยังคงเป็น ดาเลีย แอน กรอบของท่านไม่เคยเสื่อมไปตามกาลเวลา หลายสิ่งหลายอย่างของเทมค่อนข้าง...ผิดเพี้ยนไปจากความพอใจและมาตรฐานของท่านไป...เยอะมาก จนอดกังวลไม่ได้สำหรับการพบกันครั้งแรก ความประทับใจครั้งแรกนั้นแตกต่างจากงานกีฬาที่เพิ่งพ้นผ่าน กีฬาสียังมีโอกาสแก้ตัวในปีหน้า แต่เกมนี้...โอกาสมีเพียงครั้งเดียว

          กุมมือเด็กขี้แงไว้แนบแก้ม "หมูสบายดีครับ แค่คิดเรื่องอะไรนิดหน่อย"

          เด็กน้อยตาแป๋วสั่นศีรษะจนผมยุ่ง

          "ไม่นิดๆๆๆ หน่อยๆๆๆ นะครับ กับหมูหย็องใหญ่ทุกเรื่องเลยนะครับ ความลับเหรอครับ? เทมจุ๊ๆๆๆ เก่งๆๆๆ นะครับ เทมจะไม่บอกใครเลยนะครับ หมูหย็องบอกเทมไม่ได้เหรอครับ?"

          ส่ายหน้าไปมาบนฝ่ามือนุ่ม คนรักกันไม่ควรมีความลับต่อกัน ไม่ว่าเทมจะเป็นเด็กพิเศษหรืออะไร ผมก็จะให้เกียรติเขาในฐานะคนรัก เป็นคนที่เท่าเทียมกัน

          "คุณตา...คุณยาย...จะมาหาครับ"

          "คุณตาคุณยาย? คุณตาคุณยายคือคุณพ่อคุณแม่ของคุณปะป๊า กับ กับคุณหม่าม้าใช่ไหมครับ?"

          "คุณตาคุณยาย สำหรับเรียกคุณพ่อคุณแม่ของคุณหม่าม้า ส่วนคุณปู่คุณย่า เอาไว้เรียกคุณพ่อคุณแม่ของคุณปะป๊านะครับ"

          อธิบายแล้วก็หลุดขำคนทำหน้างงตรงหน้า

          "มีเยอะแยะๆๆ จังเลยครับ เทมมึนๆๆ ไปหมดเลยครับ ...แล้วๆๆๆ แล้ว แล้ว คุณตาคุณยายมาหาไม่ดีเหรอครับ หรือว่า หรือว่าคุณยาย คุณยายก็เป็นคุณยายลักพาตัวเหรอครับ? อ๋อๆๆๆๆ หมูหย็องครับหมูหย็อง ไม่ต้องกลัวนะครับ ตอนนี้เทมโตๆๆๆ แล้วนะครับ คุณตาอุ้มเทมขึ้นรถตู้ไม่ได้แล้วนะครับ ลักพาตัวเทมไปจากหมูหย็องไม่ได้แล้วนะครับ"

          ว่าแล้วก็กอดผมแน่น เกี่ยวนิ้วก้อยสัญญาว่าจะไม่ยอมโดนลักพาตัวไปเที่ยวอีก

          "หมูไม่ให้ใครลักพาตัวเทมไปหรอกครับ"

          "เทมก็ เทมก็ไม่ให้ใครลักพาตัวหมูหย็องไปเหมือนกันครับ หมูหย็องครับหมูหย็อง ถ้าหมูหย็องโดนใครอุ้ม ต้องทำตัวหนักๆๆๆ นะครับ ทำตัวหนักๆๆๆ เท่าบ้านเลยนะครับ เขาจะได้ยกหมูหย็องไม่ขึ้นนะครับ"

          "ต้องหนักเท่าบ้านเลยหรือครับ?"

          คำตอบคือการพยักหน้าจริงจัง "หึหึหึ ครับ หมูจะทำตัวหนักๆ เลยครับ"

          "แล้ว แล้ว แล้วที่หมูหย็องไม่ยิ้มๆๆ ไม่แฮปปี้เยอะๆๆ เพราะคุณยายจะลักพาตัวพวกเราเหรอครับ?"

          "อืม...ใกล้เคียงล่ะมั้งครับ คุณยาย...คุณยายของหมูเป็นคนดุมากเลยครับ ท่านดุ ท่านเข้มงวด เจ้าระเบียบ แล้วเหตุผลที่คุณยายมา นอกจากมาเยี่ยมหมู...ก็เพราะอยากมาเจอเทมครับ"

          "คุณยาย คุณยายมาหาเทมเหรอครับ?"

          "ครับ ท่านอยากมาเจอคนรักของหลานชายน่ะครับ แล้วหมูก็กังวล กลัวว่าคุณยายจะไม่ชอบเทม"

          "ทำไมคุณยายถึงจะไม่ชอบเทมเหรอครับ เพราะเทมทานผักไม่เก่งเหรอครับ เทมเป็นเด็กไม่ดีเหรอครับ แต่เทมดื้อนิดหน่อยๆๆๆ เองนะครับ" ยกนิ้วชี้กับนิ้วโป้งเกือบแตะกันโชว์ ว่านิดหน่อยขนาดไหน

          มันเขี้ยวคนบอกว่าตัวเองดื้อนิดหน่อย จนยืดตัวไปงับปากเขาเบาๆ

          "เทมเป็นเด็กดีที่ดื้อนิดหน่อยและทานผักน้อยครับ"

          เทมปุระยู่ปาก

          "หมูหย็องก็เป็นคนเท่ๆๆ น่ารักๆๆ เก่งๆๆๆ ที่ดุๆๆ ราวเบียด เหมือนกันครับ"

          "ระเบียบครับ"

          "ระเบียบครับ"


          เราจ้องตากัน

          แล้วเสียงหัวเราะก็ประสานเป็นหนึ่ง


          อา...เครียดได้ไม่นานเลย เพราะเจ้าก้อนความสุขดูดความทุกข์เก่งแท้ๆ เลยเชียว ผมลูบมือไปตามโครงหน้าอีกฝ่าย "เทมรู้ไหมครับ คนส่วนใหญ่ยังคงยึดติดตามเพศสภาพ หญิงต้องคู่กับชาย และชายต้องคู่กับหญิงเท่านั้น หมูเป็นผู้ชาย และเทมก็เป็นผู้ชาย การที่เราเป็นคนรักกัน มันทำให้บางคนไม่พอใจ ไม่ชอบใจ ถึงหมูจะไม่สนใจคนอื่น...แต่สำหรับคุณยาย หมูไม่สนใจไม่ได้ครับ คุณยายเป็นคนมีอำนาจมาก ท่านมีลูกน้องเยอะแยะ ถ้าท่านไม่ชอบเทม...ท่านอาจจะทำอะไรให้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ได้ ถึงหมูจะรู้ว่าท่านเป็นคนมีเหตุและผล แต่อะไรก็เกินคาดเดา"

          ยิ่งเทมเป็นผู้ชาย และเป็นเพียงผู้ชายที่ไม่สมประกอบในสายตาคนอื่น เป็นเพียงเด็กน้อยน่าสงสาร ผู้เกิดมาพร้อมอาการด้อยสติปัญญา ดูแลตัวเองไม่ได้ ทำตัวให้ไม่เป็นภาระยังไม่ได้...สีหน้าของคุณยายกับคุณตาในวันที่ผมบอก ยังคงตราตรึง แม้ไม่แสดงท่าทางรังเกียจเด่นชัด แต่สีหน้าที่บอกว่า 'ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง' เหมือนตอนผมคบเพื่อนต่างฐานะ เหมือนตอนผมทำอะไรผิด ก็กระจ่างแจ้งอยู่บนหน้าของท่านทั้งสอง

          ตาใสแดงก่ำ มือที่จับสั่นไหว ความเศร้าคืบคลานแต้มไปทั่วชายคนรัก จนต้องดึงมากอดปลอบ

          "ไม่ร้อง ไม่เศร้า และไม่ต้องกังวลนะครับ เทมไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะมีสักกี่สิบคุณยาย หมูก็ไม่ยอมให้ใครมาแยกเราจากกันเด็ดขาด ที่หมูเล่า ไม่ได้เล่าให้เทมเครียดหรือกลัว แค่อยากบอกเอาไว้ก่อน ว่าคุณยายอาจจะทำตัวไม่น่ารักด้วย อาจจะดุ หรือพูดจาทำร้ายจิตใจ แต่เราจะผ่านไปได้"

          ผมเล่ารายละเอียด เรื่องราวในอดีต ความเป็นมาเกือบทุกอย่าง

          เทมปุระยืนนิ่งตั้งใจฟัง เหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์เก่าที่โหลดข้อมูลช้าๆ ระหว่างเขากำลังพยายามทำความเข้าใจ ผมก็แอบลอบสังเกตสีหน้า บนนั้นนอกจากความเศร้าสร้อย ก็มีความไม่เข้าใจ เหมือนเจอโจทย์คณิตศาสตร์ยากเกินกำลังจะแก้

          "เพราะหมูหย็องเป็นผู้ชาย แล้วเทมก็เป็นผู้ชายเหรอครับ เราต้องเป็นผู้หญิงคนหนึ่งถึงจะรักกันได้เหรอครับ? งั้น งั้น งั้นเทม เทม เทมจะไปยืมกระโปรงอาเจ้ไก่กับคุณหม่าม้ามาใส่ดีไหมครับ? เทม เทมจะเป็นผู้หญิงเองนะครับ เทมมีสีน้ำเยอะแยะเลยครับ ทาปากได้เป็นสีรุ้งด้วยนะ ทาได้เยอะแยะๆๆ เลยครับ แบบนี้คุณยายจะไม่พาหมูหย็องไปแล้วใช่ไหมครับ"

          หมูว่า...คุณยายน่าจะหันหลังกลับเดินหนี เหมือนตอนเห็นเฮียปลาหย็องใส่ชุดสโนว์ไวท์มาต้อนรับนะครับ

          "หึหึหึ คุณยายไม่น่าจะชอบนะครับแบบนั้น หมูว่า แค่เทมเป็นเทม เป็นเทมอย่างที่เป็นเสมอมาก็พอแล้วครับ"

          "เทมจะเป็นเด็กดีนะครับ คุณยายสำคัญกับหมูหย็องใช่ไหมครับ เทมอยากให้คุณยายชอบเทมด้วย หมูหย็องจะได้ยิ้มเยอะๆๆๆ ไม่เครียดนะครับ ไม่ทำหน้าคิ้วขมวดนะครับ คุณยายเคยเป็นอาจารย์คุณทหาร งั้นเทมจะทำการบ้านให้เสร็จก่อนไปเจอคุณยายนะครับ ถ้าคุณยายถาม เทมจะได้บอกว่าทำการบ้านเสร็จแล้วด้วย คุณตาลักพาตัว เทมก็ เทมก็จะยอมให้ลักพาตัวสักร้อยยี่สิบนาทีก็ได้นะครับ"

          "ห้ามลืมนะครับ ถ้าคุณตาคุณยายพูดเรื่องอะไรเกี่ยวกับเทมไม่ดี นั่นไม่ใช่เรื่องจริง ที่รักของหมูดีที่สุดครับ"

          "ถ้าคุณยายแกล้งหมูหย็อง หมูหย็อง หมูหย็องก็ไม่ต้องเศร้านะครับ หวานใจที่รักของเทมดีที่ซู้ดดดเลยครับ"

          เราพูดคุยกันอีกหลายอย่าง กว่าจะได้ไปโรงเรียนก็หมดไปแล้วครึ่งวัน


*****

          พวกเรามาถึงโรงเรียนก็เวลาพักเที่ยงพอดีครับ เลยตรงเข้ามาในโรงอาหาร ตั้งใจว่าทานข้าวก่อนแล้วค่อยขึ้นห้องทีเดียว นั่งรอบนโต๊ะประจำไม่นาน คู่แฝดคนละฝากับคาร์โลก็เดินเข้ามาสมทบ

          "พวก-มึง-มา-สาย!"

          "แล้วเสื้อกันหนาวคู่นั่นมันอะไร๊ เกินหน้าเกินตาเกินไปแล้ว!"

          คนตัวเล็กแหกปากทันทีเมื่อเห็นพวกผม ยกมือขึ้นชี้เสื้อไหมพรมมีฮู้ดสีเทาบนตัวผมกับเทมด้วยความหมั่นไส้ ไม่ได้ตอบอะไร แค่จับคอเสื้อแหวกโชว์รอยนิดหน่อย ทั้งสองทำหน้าอ๋อขึ้นมา แล้วกรอกตาใส่

          "น้ำครับน้ำ ไม่สายนะครับน้ำ ตอนนี้ ตอนนี้เที่ยงแล้วนะครับ"

          "เออว่ะ ที่มึงพูดก็ถูก....จะบ้าเรอะะะะะะะ"

          เด็กชายเทมปุระเปิดกระเป๋าเป้สีฟ้าสดใส ข้างในนั้นมีกองพวงมาลัยกระดาษใส่อยู่ เหรียญรางวัลที่หนึ่ง ถูกทำมาเผื่อแผ่เพื่อนสนิทที่ชวดเหรียญทองไปด้วยเช่นเดียวกัน นางฟ้าน้อยกระพือปีก ลุกจากเก้าอี้ เอาไปคล้องคอเพื่อนทุกคนด้วยรอยยิ้มสดใส ผู้ได้รับมึนงง ความฉงนอบอวลไปทั่ว แต่เมื่อจับกระดาษที่ห้อยอยู่ ดวงตาสามคู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นซึ้งใจ บนจี้ถูกวาดถูกตัดตามความชอบของแต่ละคน น้ำเป็นเหรียญรางวัลเบค่อน เต้เป็นเหรียญรางวัลลูกบาส คาร์โลเป็น เอ่อ...ตุ๊กบาร์บี้?

           "อันนี้ อันนี้ เทม เทมทำเหรียญทองกีฬาสีเทมมาให้นะครับ เต้ เต้กับน้ำ แล้วก็คาร์โล ไม่ต้องร้องไห้นะครับ ไม่ชนะกีฬาสี แต่ว่าๆๆๆ ชนะที่หนึ่งกีฬาเทมเหมือนกันนะครับ แต่เป็นที่หนึ่งจุดห้านะครับ"

          "เชี่ย..." เต้อุทาน "ขอบคุณมากนะเว้ย ว่าแต่นี่อะไรวะ เหรียญนักเกตไก่เหร---"

          ตุบ!

          "โอ้ย! ไอ้หมู! เหยียบเท้ากูทำไมวะ" เต้หันมาถลึงตามองผม แต่เจอผมมองดุขัดเสียก่อน นักกีฬาบาสตัวจริงของโรงเรียนชะงัก ผมชี้นิ้วไปที่เทมและจี้ในมือคนตรงข้าม เต้หันมองตาม แล้ววกกลับมาที่เด็กชาย เทมเริ่มเม้มปาก ก้มมองต่ำ แก้มพองลม "อะ อ๋อ...กูเล่นมุกน่าเทม รู้เว้ย เต้าหู้ทอด--- ไม่ใช่เหรอวะ อะ เอ่อ อ๋อ! ลูกบาสใช่ไหมล่ะ!"

          "เต้ เต้เห็นเป็นลูกบาสจริงๆ ของจริงๆ ของจริงๆ เหรอครับ?"

          "จริงๆ สิวะ เมื่อกี้กูเล่นมุกเฉยๆ"

          แล้วเทมก็ยิ้มแฉ่ง แอบเห็นไอ้เต้ปาดเหงื่ออย่างโล่งใจ

          เจ้าของเหรียญเบค่อนวางโทรศัพท์ที่ถ่ายรูปไปหลายรูปลง ก่อนเงยหน้าถาม "แล้วอะไรคือที่หนึ่งจุดห้าวะ สมการหรือไง"

          "ก็ๆๆๆ ก็หมูหย็องเป็นที่หนึ่งนี่น่าครับ เต้กับน้ำ กับ กับ คาร์โลก็ต้องเป็นที่หนึ่งจุดห้า แต่ว่าก็เป็นที่หนึ่งนะครับ แต่เป็นที่หนึ่งครึ่งหนึ่งนะครับ ที่หนึ่งจุดห้านะครับ"

          "กูเกือบจะร้องไห้เพราะความซาบซึ้งละไอ้ห่า หมั่นไส้โว้ยยยย"

          "เอ้าๆ อย่าเพิ่งกัดกัน อ่ะนี่ ใบสำรวจอนาคต ส่งก่อนสอบ" เต้ยกมือโบกห้ามทัพ ก่อนจะหยิบกระดาษขึ้นแจก บนกระดาษมีอีกเรื่องที่น่าหนักใจไม่แพ้กัน หัวข้อน่าคิดมาก อย่างจบมัธยมต้นขึ้นมัธยมปลายจะต่อสายอะไร ที่น่าเครียดก็เพราะเด็กน้อยยังเลือกไม่ได้เลยครับ

          "งั้นกูแปะโป้งบ่นไว้ก่อน สรุปพวกมึงจะเรียนสายอะไรวะ ถามตั้งแต่ต้นปี จนจะท้ายปีแล้วยังไม่ได้คำตอบเลย"

          น้ำเคาะนิ้วบนหัวข้อเลือกสายเรียน

          "ไม่สายนะครับๆๆๆ หมูหย็องบอกว่ามาตอนเที่ยงครับ"

          "ไม่ใช่สายแบบน๊านนน"

          น้ำทำท่าเหมือนจะขาดอากาศหายใจ รีบเตะขาผมใต้โต๊ะให้อธิบายให้เทมฟัง

          "สายที่จะเรียนน่ะครับ จำได้ไหมครับที่หมูเคยอธิบาย"

          เทมนิ่งคิดไปสองสามนาที "อ๋อๆๆๆๆๆ ที่ต้องเลือกๆๆๆ ที่มีศิลปะแล้วก็ตัวเลข ภาษา แล้วก็การทดลองใช่ไหมครับ ใช่ไหมครับ เทม เทม เทมยังเลือกไม่ได้เลยครับ ต้องเลือกแล้วเหรอครับ? งั้น งั้น หมูหย็องจะเรียนสายอะไรเหรอครับ"

          "หมูแล้วแต่เทมเลยครับ" การเรียนระดับมัธยม ผมไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว อนาคตของผม การเรียนในโรงเรียนไม่ตอบโจทย์พอ แค่เรียนไปตามสมควรเท่านั้น

          "เต้ เต้กับน้ำ แล้วก็ แล้วก็คาร์โลจะเรียนอะไรเหรอครับ?"

          "กูอะไรก็ได้อะ หม่อมแม่ไม่ได้ว่าอะไร บอกตามใจ"

          "กูก็เหมือนกัน ยังไงก็ต้องรับช่วงต่อธนาคารกับพ่ออยู่แล้ว พ่อเลยปล่อยช่วงมัธยมว่ะ มีแค่มหาลัยที่กูต้องเข้าตามพ่อบอก หา connection เผื่ออนาคต"

          "ผมก็เข้าตามคุณอ่ะครับเทม"

          "อ้าว ทำไมมึงต้องเข้าตามเทมวะโล"

          คาร์โลยักไหล่ พูดด้วยเสียงที่บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ที่ต้องเข้าเรียนตามเทม

          "สัญญาจ้างครอบคลุมการเลือกทุกอย่างในอนาคตทั้งหมด เทมเข้าอะไร กูก็เข้าด้วย"

          "อ๋อ แบบนี้นี่เอง กูก็คิดอยู่ ถ้าแยกเรียนแล้วมึงจะดูแลไอ้เทมยังไง แหม เสี่ยหมูใช้คุ้มทุกบาทจริงๆ งั้นแล้วแต่มึงเลยครับลูกเทมของพ่อ จะเรียนไรก็เลือกมา เดี๋ยวพวกกูเข้าตาม"

          "หรือจะไปต่อนอกกันไหมล่ะ กูเคยไปเรียนคอร์สสั้นๆ ที่ฟินแลนด์ตามพี่ ก็โอเคนะเว้ย หรือจะประเทศอื่น กูได้หมดเลย เบื่อๆ รถติดในไทยแล้วด้วย"

          "นอกโรงเรียนแล้วจะเรียนกับใครเหรอครับน้ำ นอกโรงเรียนมีอาจารย์เหรอครับ เรียนกับคุณลุงยามเหรอครับ"

          "...นอกประเทศไหมล่ะ"

          "เรา เราเป็นคนไทยแล้วไปเรียนต่างประเทศได้ด้วยเหรอครับ!?"

          "...แล้วไอ้หัวทองๆ ที่นั่งหัวโด่ข้างมึงมันคนไทยหรือไงล่ะนั่นน่ะ ได้ทั้งนั้นแหละ จะไปไหนก็ว่ามาเลย"

          "เทมอยากไปเรียนต่อต่างประเทศไหมครับ?" 

          "ถ้าเทม เทมไปข้างนอกแล้วคุณแม่ คุณแม่ ก็จะเหงาๆๆๆ นะครับ"

          เต้เดาะลิ้น "เออว่ะ ลืมคุณป้าไปเลย งั้นมึงเก็บไปคิดแล้วกัน จะเอายังไงก็มาบอกพวกกูอีกที"

          กระดาษถูกคุณชายน้ำปัดออกไป ทั้งสามคนยื่นหน้าเข้ามา

          "โอเค หมดเวลาวิชาการ งั้นตอนนี้...เล่ามาให้หมดดดดดดดดดดด! หยุดสามวันพวกมึงไปทำอะไร๊กั๊น!"

          อืม ความอยากรู้สำคัญกว่าความรู้จริงๆ ครับ



****

หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 50 * 11/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 11-01-2019 19:16:12
          พรู่ดดดดด

          แค่ก แค่ก แค่ก



          "ว-ว่ายังไงนะ!? คุณตาคุณยายจะมางั้นเหรอ!?"

          "คุณยาย!?"

          "คุณยายมา!!"

          ควรไปเรียนเรื่องการเก็บอารมณ์ และมารยาทบนโต๊ะอาหารเพิ่มทั้งบ้านเลยครับ คุณป๊าคุณม้าสำลักอาหารที่กำลังทาน พี่ชายคนโตและคนรองก็ไม่ต่าง ดีว่าเฮียเนื้อหย็องยังพอกลืนทัน การแจ้งการมาถึงของคุณตาคุณยายในสิ้นเดือน ทำบ้านผมปั่นป่วนไม่แพ้กัน คุณพ่อคุณแม่เริ่มแหกปากกรีดร้องโหยหวน กระสับกระส่ายอยากหนีออกนอกประเทศกันเป็นทิวแถว "ห้ามหนีนะครับ คุณยายมีเรื่องจะพูดด้วย"

          "คุณหญิงแม่เป็นใบ้ค่ะ!"

          "พ่อก็ ก็ ก็ ลืมลิ้นไว้ที่อียิปต์! คุยด้วยไม่ได้หรอก!"

          ส่ายหน้าระอาให้เหล่าผู้ใหญ่ที่แตกตื่นกันไปหมด แต่จะว่าก็ไม่ได้หรอกครับ ถ้าไม่ใช่เพราะถูกคุณยายฝึกมาให้เก็บอารมณ์เก่ง ผมก็คงตาลีตาเหลือกไม่แพ้กัน ท่านไม่ได้มาเยี่ยมเยือนหลายปี จู่ๆ มาแบบไม่บอกไม่กล่าว ไม่แปลกที่คุณพ่อคุณแม่จะตื่นตระหนก ...กับคนรื่นเริง เน้นอิสระ กับคนเข้มงวด เอาจริงเอาจัง ก็...ไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่น่ะครับ

          ปล่อยความชุลมุนไว้ด้านหลัง และเริ่มมานั่งเตรียมตัวรับมือคุณยายจริงจัง กำหนดการตามอีเมลที่ได้รับ คือคุณตาและคุณยายมาหาหนึ่งอาทิตย์ หลังกวาดตามองอย่างถี่ถ้วน ถ้าจะให้คาดเดา ผมคิดว่าวันที่เป็นบททดสอบคือวันที่มีดินเนอร์ แตกต่างจากวันอื่นคือเขียนชัดเจนว่ามีแค่ผม เทม มิสเตอร์และมิสซิสชาโรนอฟทั้งสอง...เราสี่คนเท่านั้น

          เริ่มแรกก็คือเสื้อผ้า แบ่งเป็นเสื้อผ้าตอนไปรับคุณยายที่สนามบิน เสื้อผ้าอยู่บ้าน เสื้อผ้าไปทานอาหารค่ำ ทุกอย่างที่อยู่ในสายตาสีไพลินต้องเนี๊ยบกริบ โดดเด่น ทว่าต้องไม่ดูหรูหราอย่างไร้สาระ แต่ก็ต้องไม่ใช่เสื้อผ้าดาษดื่นจนไม่สะดุดตา โจทย์ข้อนี้ไม่ยาก ผมเลือกเรียกช่างตัดเสื้อเจ้าประจำของตระกูลมารับผิดชอบ ถึงแม้การเรียกตัวแบบทันทีทันใด และต้องการสูทแบบเร่งด่วนต้องทำให้จ่ายเงินเยอะกว่าเดิมถึงสี่เท่าก็ไม่เป็นอะไร

          มาข้อที่สองคือมารยาทบนโต๊ะอาหาร ข้อนี้ผมได้รับอิทธิพลมาจากคุณตาเต็มๆ  คุณตาซึ่งเป็นเอกอัครราชทูต ต้องรับแขกต่างบ้านต่างเมือง และต้อนรับคนใหญ่คนโตเสมอ สามารถตัดสินรากฐานมารยาทได้จากบนโต๊ะทานข้าว ท่านเกลียดคนทานเสียงดังจุบจิบ และไร้กิริยาอันดีที่สุด ท่านจึงเข้มงวดกับหลานชายเป็นอย่างมาก เกี่ยวกับเรื่องการรับประทานอาหารให้ถูกและควร มีเรื่องนี้ที่คุณตาชนะคุณยายขาดลอยเลยครับ คุณตาที่เข้มมากกับเรื่องนี้ จนผมติดเป็นนิสัย และก็เผลอเคร่งเครียดกับเทมตอนยังเด็ก ที่ชอบคว่ำจานข้าวตัวเองเล่น เฝ้าฝึกจนองค์ชายน้อยเป็นท่านเอกอัครราชทูตนัมเบอร์ทรี ต่อจากผมได้เลย

          แต่ก็มีจุดอ่อนคือ...ตะเกียบ เทมใช้ตะเกียบไม่ได้เลยครับ กอปรกับอีกอย่างคือแม้จะรู้วิธีทานอาหารให้ถูก แต่ท่าทางการจับก็จะแปลกๆ นิดหน่อย คือชอบทำมือป้อมๆ จับช้อนส้อม

          หักไปสองแต้มก็ยังถือว่าได้คะแนนอยู่นะครับ

          ร้านอาหารดินเนอร์ ท่านทั้งสองฝากเป็นธุระของผม แน่นอนว่าผมเลือกอาหารไทย อาหารประจำชาติเป็นตัวเลือกที่คลาสสิกสำหรับผู้มาเยือนเสมอ ไม่มากเรื่องและไม่ยุ่งยากนัก ไม่มีเส้นสปาเกตตี้ให้เด็กชายเผลอม้วนเล่น ไม่มีปลาดิบให้เทมร้องหยึ๋ย ภัตตาคารอันดับหนึ่งถูกผมใช้เส้นสายแทรกชื่อจองไปในดึกค่ำคืนหนึ่ง

          เรื่องที่พัก...แน่นอนเลยครับ คุณยายไม่ยอมพักบ้านที่มาจากน้ำพักน้ำแรงลูกเขยกับลูกสาวตัวเองแน่นอน ทั้งสามคนไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งความป่วนของพี่น้องผมก็เกินกว่าคุณยายจะทนไม่จับมาดุใส่ไหว ท่านเลือกพักที่โรงแรม ส่วนคุณตาเหมือนจะมาพักที่นี่ด้วยบางวัน ห้องรับแขกพิเศษของบ้านเรา ถูกจัดเตรียมอย่างดี คัดเลือกตั้งแต่กลิ่นน้ำหอม ยันปลอกหมอน ผ้าเช็ดตัวยี่ห้อเดียวกับคฤหาสน์รั้วสีแดงในป่าเขา

          อุปสรรคภายนอกถูกผมตรวจอย่างละเอียดลออ ดีเทลทุกอย่างแทบจะเอากล้องจุลทรรศน์มาตรวจเช็ค

          เรียนพิเศษช่วงเย็นของเทมถูกผมกดหยุดสต็อปไว้ก่อน เมื่อเด็กน้อยอยากฝึกพูดภาษารัสเซีย เวลาสามสิบกว่าวันฟังดูยาวนาน ทว่ารวดเร็วเมื่อเราไม่อยากให้มันมาถึงไวนัก อีกสามวันข้างหน้า ไฟลท์บินพิเศษจากมอสโกก็จะมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ


          ทุกอย่างถูกเตรียมไว้อย่างเพียบพร้อมที่สุด สมบูรณ์ที่สุด ความผิดพลาดจะเกิดขึ้นตอนไหน ครั้งไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ครั้งนี้





end 50 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

นาาาาาาาาาาา ซิเพนยาาาาา บาวากีชีวาวา


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 50 * 11/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Sujanarak ที่ 12-01-2019 00:12:17
รอรับคุณยาย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 50 * 11/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Mizunoe ที่ 12-01-2019 01:05:15
เครียดแทนน้องหมู...
ขอให้คุณยายและคุณตามองเทมที่หัวใจด้วยนะ ซ้าาาาธุ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 50 * 11/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 12-01-2019 05:56:52
คงไม่มีอะไรหรอกเนอะพี่หมูเนอะ
อย่าเครียดมากกกกก

แต่ถ้าคนเขียนต้ม "มาม่า" คนอ่านจะเครียดแทนนะเออ

ป.ล. เข้ามาเติม ...
จะบอกว่า น้ำตาไหลกับเหรียญทองของกีฬาพี่เทม ..
ใจหนอใจ ใจพี่เทม...ใสสะอาดดีจริง ๆ เลยครับ
เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ .. อย่างตั้งใจและทั่วถึงจริง ๆ ลูก
:mew1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 51 * 16/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 16-01-2019 19:18:01




51






          "ที่รักครับ ลองเปลี่ยนตัวนี้อีกตัวนะครับ"

          เทมปุระที่มีอมยิ้มในปาก ลุกขึ้นกางแขนกางขาให้ผมลองสวมใส่เสื้อผ้าครั้งสุดท้าย สูทที่ถูกสั่งตัดเป็นพิเศษ มาเยอะเกินกว่าวันใส่ หลายตัวมาเพียงเพราะผมเพลินจนเกินเรื่อง เผลอสั่งเพราะไม่ว่าจะเนื้อผ้าแบบไหน สีอะไร ก็คิดว่าเหมาะกับคนแก้มนุ่มไปเสียหมด รู้ตัวอีกที เด็กน้อยก็ได้เสื้อผ้ามาใหม่เกือบสามสิบกว่าตัว ส่ายหน้าระอาใจให้ตัวเอง ความสุขที่เหมือนบรรดาคุณแม่ขี้เห่อ แห่ซื้อเสื้อผ้าให้ลูกชายที่ในที่สุดก็มีไซส์เสื้อผ้าน่ารักๆ ใส่ได้สักที ดูเป็นงานอดิเรกน่าขวยเขินไม่เบาสำหรับเด็กผู้ชายอายุสิบหก

          ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปาก สองมือลูบลงเนื้อผ้าชั้นดี รอยแยกของสูทเปิดเผยเสื้อเชิ้ตแนบเนื้อโชว์สรีระของบุรุษวัยกำลังเจริญเติบโต ไม่บางและไม่หนา แขนขายาว ตัวสูง กล้ามเนื้อพอเหมาะ เป็นประติมากรรมหุ่นลองเสื้อแสนงดงาม ไม่ว่าจะสวมอะไรก็ดูเข้าท่าไปเสียหมด ผมกลายเป็นตาลุงจอมลามกทุกทีเมื่ออยู่ใกล้ เจ้ามือนิสัยไม่ดีเริ่มไม่อยู่นิ่งเฉย สอดมือเข้าไปรั้งเอวอีกฝ่ายมาแนบชิด ลูบจับไปทั่วจนเด็กชายจมูกแดงก่ำ ความขัดแย้งของดวงหน้าใสไร้เดียงสาและสีเข้มอันดุดัน ดูเย้ายวนน่าพุ่งเข้าใส่  อดไม่ได้ที่จะมองเขาด้วยความหลงใหล

          อืม...ผมอยากได้สูทสำหรับใส่เล่นอยู่บ้านอีกสักสิบตัว

          ระหว่างคิดทำให้ตู้เสื้อผ้าล้นทะลัก เด็กชายที่โดนผมลูบคลำไปทั่วทั้งตัวก็เริ่มดิ้นยุกยิก ลูกอมหวานดูท่าจะเริ่มหมดฤกธิ์ตรึงเขาเสียแล้ว ผมจำต้องปล่อยเจ้าตัวเล็กวิ่งไปเปิดกล่องต่อ ตอนนี้ในห้องเต็มไปด้วยกล่องใส่เครื่องนุ่งห่มสูงเป็นภูเขา เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ ที่ผมสั่งแก้ขนาดแก้แบบครั้งสุดท้ายเพิ่งส่งมาถึง นั่นรวมไปถึงกระเป๋าเป้นักเรียนใบใหม่ของเด็กชายด้วย เทมตื่นเต้นน่าดูกับกระเป๋าหนังสีฟ้าขาว ที่เปิดปิดเป็นทองคำสวยถูกสลักลายกระดิ่ง ออกแบบมาในธีมตัวการ์ตูนสุดชื่นชอบของเจ้าตัว

          "ของเทมกับของหมูหย็อง เหมือนกันๆๆๆ เลยครับ ต่างกันแค่สีๆๆๆ ของเทมกับของหมูหย็อง เป็นกระเป๋าคู่กันด้วยครับ"

          เดินไปนั่งลงข้างเด็กขี้เห่อที่เอากระเป๋าขึ้นมาสะพายบนหลังเรียบร้อย "ชอบไหมครับ?"

          "เทม เทมชอบมากๆๆๆ เลยครับ ขอบคุณหมูหย็องมากๆๆ เลยนะครับ" เขากำลังจะยกมือไหว้ขอบคุณตามความเคยชิน พอเห็นว่าเป็นผมก็รีบเก็บมือลง เคยบอกน่ะครับ ว่าไม่ต้องไหว้ขอบคุณผม พอให้ของแล้วโดนไหว้ ให้ความรู้สึกห่างไกลกันพิกล อย่างไรผมกับเขาก็ไม่ต่างจากคนคนเดียวกันอยู่แล้ว ไม่ต้องถือเป็นเรื่องเป็นราวอะไร อีกอย่าง...เหมือนผมเป็นอาเสี่ยเปย์ให้อีหนูอย่างไรอย่างนั้น คิดไม่ทันขาดคำ เด็กชายก็เข้ามากอดซบอกซบไหล่ ออดอ้อน ขาดแค่หัวล้านเท่านั้นแหละครับตอนนี้...     
     
          "ชอบก็ดีแล้วครับ เทมอย่าลืมเปิดกล่องรองเท้านะครับ หมูสั่งผ้าใบคู่ใหม่มาให้ด้วย เดี๋ยวสักบ่ายเทมเรียนพิเศษเสร็จแล้ว หมูจะไปรับไปเดินห้างนะครับ คุณป๊าอยากได้ของตกแต่งต้นคริสต์มาส"

          "ขอบคุณครับ เทม เทม จะรีบเรียนๆๆๆ นะครับ จะได้ไปกับทุกคนไวๆๆ"

          แอบจิ้มแก้มนุ่มที่เต่งตึงขึ้นด้วยรอยยิ้ม "อีกสามวันคุณยายจะมาแล้ว เทมกลัวหรือเปล่าครับ?"

คนตรงหน้าส่ายหน้าพึ่บพั่บ "หมูหย็องบอกว่า บอกว่า บอกว่าคุณยายคล้ายๆ หมูหย็อง ถ้าคล้ายๆๆๆ หมูหย็อง เทม เทมไม่กลัวครับ ถ้าคุณยายยังไม่ดุ ถ้าคุณยายดุๆๆๆ แล้วเทมจะกลัวนะครับ แล้วก็ แล้วก็คุณยายก็น่าสงสารด้วยนะครับ โดนแย่งเหรียญทองไป เทมจะทำเหรียญไปเผื่อคุณยายด้วยนะครับ"

          หลังจากเล่าให้เทมฟังในแบบฉบับเข้าใจง่าย เทมเข้าใจเรื่องราวว่าคุณยายทำความดีความชอบแต่ทว่าไม่ได้รับเหรียญเกียรติยศ ว่าด้วยเรื่องของโอกาสได้รับการแต่งตั้งอันทรงเกียรติของคุณยาย ทัศนคติต่อเรื่องราวนี้ เทมเห็นต่างไปจากผม

          สมัยสงครามในอดีต บทบาทของผู้หญิงคือแม่บ้านแม่เรือน อยู่แต่เพียงในบ้านดูแลสามีและลูก การที่เธอไต่เต้าจนถึงคุมอำนาจได้ เป็นเรื่องที่ฟังดูแล้ว 'เสื่อมเสีย' การเชิดชูผู้หญิง ก็ฟังไม่ต่างกับคำต่อว่าศักดิ์ศรีของผู้ชายหลายๆ คน ต่อให้เป็นพระสหายของอดีตองค์ราชินี และเป็นลูกสาวของผู้ถวายงานใกล้ชิดของอดีตจักรพรรดิ ก็ไม่ได้รับข้อยกเว้น เมื่อตักตวงผลประโยชน์ถึงที่สุด ก็เฉดหัวทิ้งให้แต่งงาน ไร้การแต่งตั้งยศศักดิ์ ไร้พิธีชื่นชมออกหน้า และกลายเป็นเพียงคนหลังม่าน เป็นเพียงข่าวลือและหมอกที่สลายหายไปในยามเช้า มีเพียงเหล่านักเรียน คนมีหน้าที่การงานชั้นสูง ถึงจะรับรู้ว่าความเป็นจริง สงครามผ่านพ้นมาได้ด้วยมันสมองและการวางแผนของผู้ใด ทว่ากลับพูดและล่าขานสืบต่อไปไม่ได้ เพราะผู้ชนะได้เขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่แล้ว

          ฟังจากคุณตาเล่า ท่านเคยเห็นกระทั่งองค์ราชินีโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับความไม่เป็นธรรม แต่จากสภามติและอะไรหลายๆ อย่าง สุดท้ายท่านก็กลายเป็นเพียงตำนาน เป็นเพียงความเป็นจริงในกลุ่มคนเฉพาะไป

          สำหรับผมมองแล้วคือน่าเจ็บใจ น่าโกรธแค้น มันก็เหมือนเราทุ่มเททำรายงาน ทั้งไปยืนสัมภาษณ์คนเป็นหมื่นเป็นแสน เสี่ยงอันตรายต่างๆ นานา ค้นคว้าหนังสือเป็นร้อยเป็นพันเล่ม ทุ่มเททำทุกอย่าง สุดท้ายก็ถูกขโมยความดีความชอบไปทั้งหมดเพียงเพราะเพศ ผมคิดว่าคุณยายก็คงไม่แตกต่างกัน ไม่ได้ทันคิดว่าตัวเองน่าสงสาร หรือน่าเห็นใจ อันที่จริงถ้าไม่ใช่เทมพูด ผมก็เชื่อมโยงคำว่าน่าสงสาร และน่าเห็นอกเห็นใจกับคุณยายไม่ออก และเชื่อว่าคนทุกคนที่เคยพบเจอคุณยาย ก็คาดไม่ถึงคำนี้เมื่อเห็นเธอเช่นกัน

          คุณยายดูเป็นหญิงแกร่งที่หาคำพวกนี้มาปะติดปะต่อด้วยไม่ได้น่ะครับ

          แต่หญิงแกร่งคนนั้นก็เคยร้องไห้ตอนต้องจำยอมปล่อยมือหลานชายคนเดียวมาแล้วนี่นะ...อืม ไม่เคยมองมุมนี้มาก่อนเลย ผมยกมือลูบผมนิ่มของคนจับรองเท้าเล่นเป็นเครื่องบิน "เทมจะทำเหรียญทองให้คุณยายเมื่อไหร่ครับ? ให้หมูช่วยไหม?"

          "เทม เทม ทำไว้เยอะแยะเลยครับ แต่ แต่ถ้าหมูหย็องจะทำด้วย เทม เทมจะไปเอากระดาษมาให้นะครับ เทมเก็บไว้ในห้องเรียนครับ เทม เทมทำตอนเรียนกับอาจารย์ยูริที่ไม่ใช่ยูริหย็องหย็องครับ อาจารย์ช่วยสอนเทมเขียนภาษารัสเซียชื่อคุณยายด้วยครับ เทมเขียนชื่อเทมกับชื่อหมูหย็องเป็นด้วยนะครับ แต่ต้องให้เทมดู ดู สมุดที่จดนะครับแล้วเทมถึงจะเขียนได้"

          แอบดูโพยแบบนั้นแล้วจะเรียกว่าเขียนได้ยังไงกันครับ หืม?

          ยกยิ้มกับวิธีเรียกอาจารย์ของคนตรงหน้า อาจารย์สอนภาษารัสเซียของเทมชื่อว่ายูริครับ พอเด็กน้อยได้ฟังก็ตาโต สับสนยกใหญ่ บอกว่าชื่อซ้ำกับชื่อจริงหย็องหย็อง เลยคิดค้นวิธีเรียกไม่ให้คนอื่นสับสนแบบตัวเอง ช่างคิดเก่งเป็นที่หนึ่งเลยเด็กคนนี้

          "เรียกชื่อกลางหรือนามสกุลก็ได้นะครับ"

          "แต่อาจารย์ยูริที่ไม่ใช่ยูริหย็องหย็องบอกว่า บอกว่า คนรัสเซีย พอ พอเราสนิทกันก็ให้เรียกชื่อจริงนะครับ อะ...แล้วแบบนี้เทมต้องเรียกหมูหย็องว่า ว่า ว่า ดิมิทรีด้วยไหมครับ? ดิมิทรีครับ?"

          ผมเผลอใจเต้นแรงและติดภาวะตกห้วงหลุมอากาศไปเกือบสิบวิ

          น้อยครั้งมากครับที่เทมจะเรียกผมด้วยชื่อจริง ผมคิดว่ามันคือจุดอ่อนขั้นสุดยอดของผมเลยละ เหมือนคนอ่อนไหวที่ติ่งหู หรือจั๊กจี้ข้างลำตัว ดิมิทรีจากเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียกแว่วหวาน ก็เป็นคำที่ฟังแล้วทำเอาสะดุดลมหายใจ

          "หมูหย็องแก้มแดงด้วยครับ! หมูหย็องเขินที่เทมเรียกหมูหย็องครับว่าดิมิทรีครับเหรอครับ? หมูหย็องชอบๆๆๆ เหรอครับ? งั้น งั้นเทมเรียกว่าดิมิทรีดีไหมครับ?"

          จะให้เขาเรียกผมด้วยชื่อนั้น มันก็เหมือนผมโดนบอกรักทุกครั้งเลยน่ะสิ ไม่ไหว ผมต้องตายแน่ๆ แสงจากสวรรค์ส่องเป็นทางตรงมาหา กวักมือให้เข้าไปอยู่รำไร

          "เอาไว้...เอาไว้นานๆ ครั้งค่อยเรียกนะครับ"

          "ทำไมล่ะครับหมูหย็องครับ?"

          "คือ...หมูเขินน่ะครับ"

          "เขินเขินไม่ดีเหรอครับ เขินเขินแล้วหมูหย็องน่ารัก"

          ล้มลงไปกองกับพื้นได้เลยครับ หมัดเสยค้างรัวต่อเนื่องไม่เว้นให้หายใจแบบนี้

          "เขินมากๆ แล้วหมูปวดแก้มน่ะครับ" ยิ้มจนปวดไปหมดแล้ว

          "อ๋อๆๆๆๆ เทม เทมรู้แล้วครับ ตอนหมูหย็องทำเทมเขินๆๆๆ เทมก็ยิ้มจนปวดแก้มเยอะแยะๆๆ เลยเหมือนกันครับ งั้น งั้น นานๆ ทีเรียกเนอะครับ วันละครั้งเนอะครับ?"

          วันละครั้งนี่มันนานตรงไหนกันนะเจ้าเด็กอันตราย มันเขี้ยวคนทำผมเขินเก่งจนจับเขามาฟัดเล่น จากเล่นๆ ก็เผลอจริงจังจนปากบวมกันทั้งคู่ ถ้าไม่ได้เสียงกดกริ่งก็คงลากยาวไปอีกนาน



*****


          อีกสองวันคุณยายจะมาถึง ซึ่งตรงกับวันคริสต์มาสพอดีครับ หลังจากยกโขยงไปช้อปปิ้งกันจนเต็มคราบ
ตอนนี้พวกผมกำลังจัดต้นคริสต์สูงสามสิบเมตรที่สวน ในส่วนของข้างบนได้คุณพ่อบ้านแม่บ้านจัดไว้ให้แล้ว เหลือบริเวณด้านล่างกับสวมมงกุฎอย่างดาวบนยอดไว้ให้พวกเราตกแต่งกันเอง ปกติคุณป๊าจะจัดงานเลี้ยงใหญ่กับหุ้นส่วนต่างๆ คุณหม่าม้าก็จะจัดงานแสดงโชว์ส่งท้ายปีก่อนไปใช้เวลากับครอบครัวช่วงปีใหม่ แต่ปีนี้ก็ต้องงดไปเพื่อเตรียมบ้านให้พร้อมรับคุณตาคุณยาย

          แปลกดีไม่ใช่น้อย เมื่อพร้อมหน้าพร้อมตากันตั้งแต่ยังไม่วันที่ยี่สิบห้า แม้พวกเราจะไม่ได้นับถือศาสนาอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็มีธรรมเนียมปฏิบัติของบ้าน ไม่ต่างจากบ้านอื่นที่คุณพ่อคุณแม่ทำงานยุ่ง หาเวลามาเจอลำบาก วันฉลองประสูติของพระเยซูลากยาวไปถึงเลยปีใหม่ จึงเป็นวันนัดพบหากิจกรรมทำร่วมกันที่ดี สีเขียวและแดงแลดูสดใส ของสวยงาม อาหารอร่อย บรรยากาศรื่นเริง ทำให้คล้อยตามมีความสุขได้ง่ายกว่าทุกวัน

          วันนี้ทุกคนสวมใส่หมวกสีแดงห้อยพู่สีขาว ขะมักเขม้นช่วยกันทำให้เสร็จไวๆ ใต้ต้นสนสูงท่วมหัวที่กำลังสวมเครื่องประดับ มีกล่องหลากสีที่รอคอยให้พวกเราไปเปิด

          "คุณยายนี่น่ากลัวมากเหรอเฮีย" หย็องหย็องที่กำลังจับต้นฮอลลี่แขวน หันมาถาม

          คุณยายเคยมาเยี่ยมตั้งแต่หย็องยังเด็กน่ะครับ แถมตอนเจอก็ร้องไห้จ้าเพราะกลัว จนไม่ค่อยได้โผล่เข้ามาหา ผิดกับตอนเจอกันครั้งแรกที่ยังเด็กไม่รู้เรื่องแล้วเข้าไปเกาะขาคุณตาเสียแน่น ความทรงจำเลยรางเลือนจนแทบจำไม่ได้ พอเห็นการปฏิวัติอันเอิกเกริกของครอบครัวที่สบายเป็นนิจ ไปเป็นดูมากพิธี น้องคนเล็กจึงทำตัวไม่ถูก

          "อืม...น่าเกรงขามน่ะ" เฮียเนื้อหย็องตอบ สภาพพี่ชายอนาคตคุณหมออิดโรยไม่ต่างกับลูกสนแห้งในมือ

          "อะไรคือกลัวมะขามเหรอครับเฮียเนื้อหย็อง หรือคุณมะขามเป็นตะคริว หน้าเลยเกร็งๆๆๆ เหรอครับ?"

          เด็กชายผู้มากล้นด้วยพลัง หยุดวิ่งหมุนเป็นวงกลมถาม

          "น่าเกรงขามครับเทม อืม...ประมาณว่าน่าเกรงใจผสมน่ากลัวน่ะครับ" ผมหันไปตอบแทน ด้วยกลัวถ้าต้องให้เฮียเนื้อหย็องตอบ อาจจะเหนื่อยเกินไปจนทรุดลงกับพื้นก็ได้ หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อคนหอบแฮ่ก

          "อ๋อๆๆๆๆ" คนตื่นเต้นกับต้นคริสต์มาสและกองกล่องของขวัญ วิ่งหมุนวนรอบต้นไม้ รอเวลาได้สวมดาวบนยอดต้นสนยักษ์ต่อ เสียงเจื้อยแจ้วคลอไปกับเพลงประจำเทศกาลอย่างลงตัว "อย่าวิ่งเร็วนะครับเทม เดี๋ยวจะหกล้ม"

          "ได้ๆๆๆ ครับ!"เทมปุระขานรับ แล้วเดินจงกรมไวๆ แทน เขาไม่ได้มาช่วยตกแต่ง เพราะตอนเด็กๆ เคยทำคริสตัลประดับตกแตก ถึงจะบอกว่าไม่เป็นอะไรแต่เด็กชายก็ฝังใจ จนไม่กล้าเข้ามาช่วยแขวนครับ ทำแค่คอยวิ่งหยิบนู้นนี้ส่งให้ กับเลือกของให้ผมแขวนแทน

          "คุณป้าเคยเจอคุณยายของพวกผมไหมครับ" หย็องหย็องถามกับคุณแม่ของเทมที่กำลังเลือกกิ่งก้านต้นสน

          "ขอโทษนะครับน้องหย็องหย็อง คุณป้าไม่เคยเจอกับคุณยายเลยค่ะ ตอนที่คุณยายเคยมา ตอนนั้นคุณป้าไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้มาสวัสดีท่าน"

          "คุณป้าไม่ต้องขอโทษสิครับ โธ่ ผมแค่อยากรู้จักต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนลุกฮือมาซื้อชุดสูทใหม่ แต่งบ้านให้เรียบร้อยเท่านั้นเอง....แล้วเจ้ไก่หย็องอ่ะ ว่าคุณยายน่ากลัวปะ?"

          "สุดๆ เหมือนคัดเอาแต่ส่วนความเย็นชาของหมูสักพันคนมาปั่นรวมกัน แล้วก็ตูม! เกิดเป็นคุณยายครั้นซ์!"

          เจ้ไก่หย็องที่เริ่มแกะกล่องของขวัญก่อนใครเพื่อน ตอบด้วยเสียงที่ใส่เอฟเฟคเวอร์เกินจริง

          "จำปาอยากเห็นไก่หย็องไปพูดให้คุณยายได้ยินมากค่ะ แล้วทีนี้ใครกันน้าจะตูม คริคริ" ชุดซานตาคลอสแสนเซ็กซี่ ที่กลายเป็นเซ็กส์เสื่อมทันทีเมื่ออยู่บนร่างของชายหนุ่มบึกบึน แต่ส่วนสยองไม่ได้อยู่กับชุดซานต้าสองท่อนโชว์สะดือหรอกครับ แต่เป็นใบหน้าที่แต่งแต้มได้เหมือนโดนคนต่อยตาม่วงช้ำเลือดช้ำหนองต่างหาก ซานตาที่ดูคล้ายซาตานแสนทำลายฝันเด็กๆ ทั่วโลก เดินเพ่นพ่านตกแต่งต้นสนใหญ่ อยากไล่ให้เฮียปลาหย็องไปถอดมากครับ ดีว่าเทมรู้แล้วว่าซานตาคลอสเป็นแค่ความเชื่อ และคนที่เอาของขวัญมาใส่ในถุงเท้าให้คือผมและคุณป้า พร้อมด้วยกองทัพชาโรนอฟอีกหกคน ไม่อย่างนั้น เฮียปลาคงเป็นความทรงจำอันโหดร้ายของเด็กน้อยของผม

          "เฮียโดนก่อนไก่แน่ ถ้ายังไม่ยอดถอดชุดซานตาฝันร้ายนั่นออกน่ะ ตอนคุณยายเห็นชุดสโนว์โวต์ของเฮีย ไก่ยังจำรังสีความเย็นนั้นได้อยู่เลยเถอะ ยังกับพาพายุหิมะมาจากมอสโกด้วยยังไงอย่างนั้นแหละ"

          "อะไรกันคะลูกตัวประกอบ! อิจฉาหุ่นแสนเซ็กซี่น่าขยี้ขย้ำของจำปาล่ะซี่! หึ!"

          เจ้ไก่มองเหยียดหุ่นเหมือนแหนมของพี่ชายตนเอง แล้วหันไปคุยกับน้องชายต่อ

          "อืม...ถ้าน่ากลัวเหมือนคุณตาหย็องก็โอเคนะ เหมือนจะน่ากลัวแต่ยังชอบเล่นมุกแป๊กให้ขำอยู่"

          คุณแม่เดินเข้ามาพร้อมถาดอบคุกกี้ขนมปังขิง กลิ่นขนมอบใหม่หอมโชยไปทั่วพื้นที่ กลิ่นของเครื่องเทศและเนยในนั้นเล่นเอานางฟ้าหยุดบิน วิ่งเข้าไปเกาะโต๊ะดู นัยน์ตาพราววิบวับยิ่งกว่าไฟตกแต่ง

          "ขนมปังขิง ขนมปังขิง! คุกกี้ คุกกี้ คุณคุกกี้แมน! ปีนี้ ปีนี้คุณหม่าม้าจะทำบ้านใหญ่ๆๆๆ ไหมครับ เทม เทม เทมขอช่วยด้วยนะครับ เทมอยากติดช็อกโกแลตบนบ้านขนม"

          คุณแม่ยกมือลูบกลุ่มผมนุ่ม เอี้ยวตัวไปรับถาดขนมจากพ่อบ้าน แล้วส่งถาดคุกกี้ที่เย็นแล้วให้เทมปุระ บนนั้นมีคุกกี้หลายลาย ตั้งแต่ถูกตัดเป็นรูปคน รูปรถ รูปซานตา รูปกวางเรนเดียร์ ที่เหมือนกันก็คือถูกเจาะรู ร้อยเชือกเรียบร้อย พร้อมสำหรับกลายเป็นของตกแต่ง ไม่แค่นั้น ยังมีขนมอื่นๆ และเด่นสะดุดตาคือน้ำตาลไอซิ่งที่ถูกละลายหลายสีสัน และขนมปังขิงอีกหลายถาดที่ถูกตัดไว้ เตรียมก่อร่างเป็นบ้านขนม

          "ปีนี้คุณหญิงแม่จะทำพระราชวังขนมหวานค่ะ ลูกคนข้างบ้านเอาถาดนี้ไปให้พวกคนใช้แรงงานตกแต่งต้นสนก่อนนะคะ แล้วค่อยวิ่งกลับมาช่วยคุณหญิงแม่ทำพระราชวังขนมกัน"

          "เทม เทม เอาไปเลยนะครับ!"

          พอเทมวิ่งเอาไปให้คุณปะป๊า คุณแม่ก็หันมาคุยกับหย็องหย็อง

          "เทียบกันไม่ได้หรอกค่ะหย็องหย็อง คุณพ่อ หม่าม้าหมายถึงคุณตาน่ะ คุณตาเรายังใกล้เคียงมนุษย์ ตัดความเจ้าเล่ห์ออกไป เอาความความเข้มงวดออกก็เป็นคุณลุงธรรมดาได้แล้ว แต่คุณยายน่ะ ตัดแล้วตัดอีก ก็หาแก่นแท้ของจิตใจไม่เจอ ขนาดแม่เป็นลูกสาวแท้ๆ เป็นลูกสาวคนเดียวด้วยนะ ท่านยังไม่เคยอะลุ่มอล่วยให้สักครั้ง ตื่นเช้าตอนตีห้า เรียนยันห้าทุ่ม ออกงานสังคมสวมหน้ากากแทบทุกวัน คนใหญ่คนโตพาแต่เรื่องน่าปวดหัวมาปรึกษา มีเรานั่งเป็นตุ๊กตาประดับคอยพยักหน้า ความกวดขันอยู่ในระดับยิ่งกว่าทหาร ต้องเป็นที่หนึ่งและเป็นอัจฉริยะทำได้ทุกอย่าง ต้องทำตามความคาดหวังอันหนักหนาเป็นยังไง อยากให้พวกลูกลองกันมากเลยละค่ะ คุณหญิงแม่บอกเลยนะคะ ว่าไม่มีกระทั่งเวลาร้องไห้ ชาโรนอฟห้ามมีน้ำตาค่ะ!"

          คุณหม่าม้าพูดระบายเหมือนคับอกคับใจมานาน พูดไปก็บดขนมไปด้วยจนละเอียด

          อืม...ความเข้มงวดของคุณยาย ผมหาข้อโต้แย้งช่วยแก้ตัวแทนไม่ได้จริงๆ ครับ

          หย็องหย็องทำหน้าไม่เชื่อในเรื่องเล่าที่ฟังดูเกินจริงจากคุณแม่ น้องชายยื่นมือมาสะกิดผมยิก

          "จริงๆ เหรอวะเฮียหมู คุณยายดุโหดเข้มขนาดนั้นเลยเหรอ เรียนบ้าอะไรกันวะตั้งแต่ตีห้ายันห้าทุ่ม ทาสยังไม่โดนขนาดนี้เลยไหมล่ะ?"

          "ถ้าให้ตอบเฉพาะตรงตามคำถาม...ก็ใช่ครับ เป็นเรื่องจริง"

          ช่วยไม่ได้ล่ะนะครับ คุณพ่อคุณแม่ของคุณยาย คนหนึ่งก็เป็นพี่เลี้ยงควบหน้าที่องครักษ์ของเจ้าชายจนเติบโตเป็นถึงจักรพรรดิ อีกคนก็เป็นอาจารย์ให้เหล่าลูกท่านหลานเธอ เติบโตมาในตระกูลข้าราชการชั้นสูง กอปรกับผ่านยุคสงคราม และพาตัวเองไปอยู่ในเหนือกองทัพทหาร ยิ่งไม่แปลกที่ท่านจะเข้มงวดทั้งด้านกิริยา ความรู้ ความสามารถกับลูกหลานของตัวเอง

          โทษท่านไม่ได้ เพราะท่านก็ถูกเลี้ยงดูมาอย่างนั้น แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของคุณแม่เช่นกัน ที่ทนความเข้มงวดของคุณยายไม่ไหว

          คุณแม่หันไปเชิดหน้าใส่ลูกคนเล็ก โบกพัดไปมา ทำหน้า 'เห็นไหมล่ะ คุณหญิงแม่บอกแล้ว ว่าไม่ได้เล่าเกินจริงสักนี๊ดดดด' ใส่

          "แต่เดี๋ยวนี้ คุณยายก็...ใจดีขึ้นแล้วนะครับ"

          คุณพ่อที่เดินมาช่วยทำบ้านขนมกับเฮียปลาหย็องและเฮียเนื้อหย็องไอโขลก คุณแม่ทำตาโตแทบถลน สบถเหมือนได้ฟังอะไรแสลงหู คุณปะป๊าลูบแขนตัวเองเหมือนขวัญผวา ทั้งสองหันขวับ

          "ผู้หญิงคนนั้นน่ะไม่มีทาง! / ผู้หญิงคนนั้นน่ะไม่มีทาง!"

          "หมูหย็อง...คุณยายตอนอยู่กับลูกกับอยู่กับคนอื่น มันคนละแบบเลยนะคะ! ตั้งแต่คุณหญิงแม่หนีออกจากบ้าน จนทุกวันนี้ เวลาคุณยายโทรมาถามถึงลูก ก็คุยกันเหมือนเป็นคนแปลกหน้า พอหมดคำถามก็ตัดสายทันที เราไม่ได้ติดต่อกันเรื่องอื่นเลย ขนาดถามถึงหลานคนอื่น ยังไม่เคยเลยสักครั้ง เรียกได้ว่าไม่เผาผีกันเลยดีกว่าค่ะ แล้วคำว่าใจดีก็ฟังดูตรงกันข้ามกับคุณยายที่แม่รู้จักสุดๆ"

          "เอ๊ะ...จะว่าไปก็คุ้นๆ นะที่รัก สถานการณ์ถูกคนในครอบครัวเย็นชาใส่นี่มันเดจาวูมากๆ รู้สึกคุ้นเคยพิลึก ติดอยู่ตรงปากผมนี่เอง"

          ทุกคนในบ้านผมครุ่นคิด ก่อนมองตรงมาที่ผม แล้วก็มองไปที่เด็กชายที่เปลี่ยนไปวิ่งวนรอบถาดขนมไม่หยุด

          "เหมือนหมูกับเทมใช่ไหมป๊า ปฏิบัติกับเทมอีกอย่าง กับคนอื่นอีกอย่าง"

          แล้วทุกคนก็พยักหน้าเห็นพ้อง พูดเป็นเสียงเดียว

          "อืม สมเป็นหลานคุณยายจริงๆ"


*****

หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 51 * 16/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 16-01-2019 19:22:36

               พรุ่งนี้ช่วงบ่าย ก็ถึงเวลาการมาถึงของหัวหน้าปีศาจที่ทุกคนขนานนามเสียที อดส่ายหน้าไม่ได้ เมื่อทุกคนเริ่มคิดว่าคุณยายมาคราวนี้จะมีปีกและเขาแหลมโค้งงอกขึ้นมา อันที่จริง ผมตื่นเต้นและดีใจมากนะครับ คิดถึงท่านมากด้วย ถึงเราจะคุยกันทางอีเมลทุกวัน แต่ก็เรื่องงานเสียส่วนใหญ่ พอถึงคราวถามไถ่เรื่องทั่วไป ก็ได้แค่เพียงเห็นหน้ากันผ่านทางอินเทอร์เน็ตทุกสามวัน แต่เทคโนโลยีก็ไม่สามารถทดแทนตัวคนจริงๆ ได้หรอกครับ

          "พรุ่งนี้ไปรับคุณยายที่สนามบินแล้วนะครับ"

          "เทม เทมเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วครับ อยากเจอคุณตาลักพาตัวกับคุณยายมากๆๆๆๆ เลยครับ เทมซ้อมสวัสดีเป็นภาษารัสเซียกับคุณกระจกเป็นสิบคูณสิบรอบเลยครับ ซ้อมกับหมูหย็องแล้วด้วย หมูหย็องอยากซ้อมสวัสดีเป็นภาษารัสเซียกับเทมไหมครับ"  เด็กน้อยลุกขึ้นนั่งหลังตรง กระตือรือร้น เฝ้านับวัน นับชั่วโมงรออย่างกับเฝ้ารอคอยวันฮาโลวีนแจกขนม ไม่ใช่วันชี้ชะตาว่าจะเป็นอย่างไร หึหึ อย่างน้อยก็มีอีกคนที่อยากเจอคุณยายเป็นเพื่อนผมนะครับ

          ถึงจะเหมือนสอนจระเข้ว่ายน้ำ แต่ผมก็พยักหน้ารับ "ครับ เรามาซ้อมกันนะ"

          เห็นเขาไม่เครียดแล้วก็สบายใจ มาถึงจุดนี้ แม้จะยังกังวลและกลัวอยู่มาก แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วล่ะครับ และไม่ว่าจะเป็นยังไง คุณยายชอบเทมก็ดี ถ้าหากคุณยายไม่ชอบเทม...คำตอบของผมก็ไม่สั่นคลอน เทมยังคงเป็นคำตอบเพียงหนึ่งเดียวของผมเสมอไม่เปลี่ยนแปลง




*****



          บรรยากาศที่ห้องรับรองค่อนข้างอึดอัด ปะปนไปกับความลุ้นระทึกและตื่นเต้น กระจกใสแผ่นใหญ่โชว์วิวทิวทัศน์เป็นรันเวย์ ห่างไกลออกไปเครื่องบินลำโตกำลังร่อนลงจอด เหมือนคนจำป้ายทะเบียน ผมก็จำเครื่องบินส่วนตัวของคุณยายได้แม่นยำ มองเครื่องบินลงขับเคลื่อน รอล้อหยุดหมุน พนักงานเข้ามาโค้งตัว เชิญเดินไปรอรับแขกกิตติมศักดิ์ คุณพ่อเดินนำหน้าไปตามทางเดิน ลมหายใจเหมือนก้อนหินหนักๆ ที่สูดเข้าไม่ได้ ถอนหายใจออกก็ไม่ได้ มันติดขัดไปเสียหมด มือผมเย็น และมันก็เกร็งจนบีบมืออีกคนแน่น

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง มือหมูหย็องเย็นจังเลยครับ หนาวเหรอครับ เทม เทม ถอดเสื้อให้นะครับ ห่มๆๆ สูทนะครับ อบอุ่นๆๆๆ" หันไปมองคนข้างกายที่วันนี้แต่งตัวดูดีมาก จนเผลอจับเขาฟัดไปทั้งเช้าแล้วก็เผลอยิ้ม ชุดดูไม่ต่างกับทายาทของนักธุรกิจพันล้าน แต่พวงมาลัยคล้องคอ ดูยังไงก็ลิเกที่มีแม่ยกรักใคร่เอ็นดู เด็กชายกลัวลืม จนต้องคล้องคอตัวเองไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเลยละครับ จะนอนก็วางไว้เคียงข้าง จะไปแปรงฟันก็พาไปด้วย หย็องหย็องมาขอ คนใจกว้างก็บอกขอแปะไว้ก่อน กลับบ้านจะทำให้ใหม่ หวงไว้จนผมชักจะหึงแล้วสิ

          "หึหึ หมูไม่ได้หนาวครับ แค่ตื่นเต้น"

          "เทม เทมก็ตื่นแล้วก็เต้นครับ เมื่อเช้าเทมเต้นกลมๆๆๆ วนรอบโซฟาหลายรอบเลยครับ"

           คิดถึงท่าเต้นเมื่อเช้าแล้วยิ่งแทบสำลักความขำ เทมดึงกางเกงนอนขึ้นถึงหน้าอก ส่ายก้นยุกยิก บอกว่าเป็นท่าบริหารร่างกายของเฮียปลาหย็อง ความเครียดกระเจิงหายไป ฝีเท้าที่ละล้าละลังกลับมามั่นคงดังเก่า

          ทางเดินทอดยาวดูหดสั้น ไม่นานผมก็มาถึงงวงช้าง ท่อขนาดใหญ่แนบชิดกับประตูเครื่องบิน เกือบจะเหมือนกับมาเฟียในหนัง หรือเหล่าดาราฮอลลีวูดยามเดินพรมแดง เสียก็แต่ว่าทันทีที่ประตูเลื่อนออก ไม่ได้มีพรมแดงกลิ้งไปตามพื้นแล้วจรดที่ปากทาง ไม่มีลมพัดแรงให้ผมปลิวไสว ไม่มีมุมกล้องหมุนวนไปมาให้เวลาตื่นเต้นเตรียมใจ และไม่ได้มีคนใส่แว่นตาดำ พกปืนพกมีดให้เห็นเด่นชัด แน่นอนว่าไม่ได้อยู่ในชุดสูทดำหรือเครื่องแบบ

          อืม ไม่ได้เห็นเด่นชัด แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มี ไม่ใส่เครื่องแบบก็ไม่ได้แปลว่าไม่ใช่

          หญิงชายหลายคน จากการกวาดตามองคร่าวๆ ก็นับได้สิบสองกรูกันออกมาจากประตูเครื่องบิน ก่อนจะยืนสองข้างทางเข้าประจำที่อย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบ ชั่วอึดใจคนคุ้นหน้าก็เดินออกมา  แฟรงค์หรือแฟรงค์กี้ อาจารย์สอนศิลปะป้องกันตัวของผมเอง หรืออีกศักดิ์ คือ พลโท แฟรากา ฮันนิช เอวาโนวา เยี่ยมหน้ามาจับมือทักทายคุณป๊า ยิ่งยืนยันว่าไม่มีทางผิดเครื่องแน่นอน ผมสบตากับเจ้าตัว อีกฝ่ายยักคิ้วท่าทางกวนประสาทมาให้

          ไม่ทันได้ตอบอะไร ความเงียบก็โรยตัวกะทันหัน เสียงรองเท้าก้องในหัวเกินกว่าความเป็นจริง ความกดดันคุกคามไปทั่วสรรพางค์ เพียงดวงตาสีไพลินแสนดุดันเหลือบมอง ใจผมเต้นตุบเมื่อเราประสานสายตา

          คุณยายยังคงเหมือนเดิม ไม่ต่างจากในความทรงจำ ทั่วร่างอาบไล้ไปด้วยอำนาจ แผ่นหลังเหยียดตรงดามไว้ด้วยศักดิ์ศรี ท่าทางองอาจทระนง แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างามทุกจังหวะการเคลื่อนไหวแม้เพียงกะพริบตา ความเป็นระเบียบเรียบร้อยดูได้จากเส้นผมที่ถูกมัดตึงเป็นมวย ไม่มีสักเส้นให้เกะกะใบหน้าเรียบนิ่ง รอยเหี่ยวย่นพอมีให้ใจชื่นว่าท่านไม่ได้เป็นแวมไพร์หรือจอมปีศาจอย่างที่ทุกคนคิด แต่ช่วงรอบปากแทบจะไม่มีริ้วรอย บ่งชัดว่าสตรีผู้นี้ขยับเคลื่อนส่วนนั้นน้อยกว่าส่วนใด รอยยิ้มไม่ได้เยือนบนดวงหน้าแสนดุดันเข้มงวดนั้นบ่อยครั้งนัก

          แอบเห็นคุณพ่อสูดหายใจลึกก่อนก้าวไปตรงหน้า ตั้งท่าจะกอดตามธรรมเนียนแต่ก็ต้องชะงักกึกกับสายตาเย็นเยียบ แม้มองเพียงธรรมดาแต่ทะเลลึกนั้นก็ดูคล้ายเย่อหยิ่งเกินกว่าจะมีผู้ใดสูงค่าพอให้สัมผัส คุณพ่อเก็บสองแขนอ้ากว้าง สีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย ทว่ายังสู้ยื่นมือไปตรงหน้าอีกหน

          "ยินดีต้อนรับครับคุณแม่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ หวังว่าการเดินทางคงไม่มีปัญหาอะไร ยังไงเดินทางมาเหนื่อยๆ เข้าไปนั่งพักก่อนดีไหมครับ แล้วเราค่อยกลับบ้านกัน"

          คุณยายมองมือที่ยื่นมาตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนมองเมิน "เรียกดิฉันว่าแอนเถอะค่ะ มิสเตอร์เซอร์กีย์"

          ...คุณยายไม่เรียกชื่อกลางของคุณพ่อด้วยซ้ำ...

          ชื่อกลางเป็นชื่อที่มีความสำคัญมากสำหรับคนประเทศเรา นอกจากเป็นชื่อที่มาจากชื่อของคุณพ่อและคุณแม่ หรือปู่ย่าตายาย ยังเป็นชื่อที่พวกเราเอาไว้ให้คนอื่นเรียก เพราะเวลาถูกถามชื่อ คนมักจะถามว่า 'จะให้เรียกคุณอย่างให้เกียรติว่าอย่างไร' ชื่อที่มีเกียรติในรัสเซีย นั่นก็คือชื่อกลาง ต่างจากบางที่ บางแห่ง ที่เอาไว้แสดงถึงความสนิทสนม หรือบางแห่งอาจจะเอาไว้เรียกสำหรับคนไม่สนิท แต่ความหมายของคุณยายนอกจากไม่สนิทด้วยแล้ว...ก็คือไม่ให้เกียรตินั่นเอง

          คุณพ่อนิ่งค้างอยู่นานก่อนลดมือลง คุณหม่าม้าที่เห็นท่าไม่ดีเลยรีบออกโรงแทน "เรียกแบบนั้นไม่ห่างเหินเกินไปหน่อยหรือคะ กับสามีของลูกสาวคนเดียวทั้งที"

          ไฟฟ้าปะทุจากดวงตาของผู้หญิงสองคนที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึง แล่นปลาบจนเสียวสันหลัง

          "มิสซิสเซอร์กีย์สบายดีหรือคะ?"

          อา...คำทักทายตัดรอน เสมือนคนตรงหน้าไม่ใช่ลูกสาวที่เคยอุ้มท้องนานเก้าเดือน ทำคุณแม่ยิ้มค้างไปอีกคน ถ้าเป็นเวลาปกติ คุณหม่าม้าคงไม่แคล้วต้องกรี๊ดแล้วโบกพัดไปมาเหมือนนางร้าย แต่ยามอยู่หน้าคุณยาย แน่นอนว่าทำไม่ได้ เพราะยิ่งกรีดร้อง ยิ่งแพ้เข้าไปใหญ่ ...แค่ตอนนี้ ธงขาวก็ปักเด่นชัดแล้วครับ

          สงครามประสาทคือใครร้อนตัวเสียจริตก่อน ผู้นั้น...แพ้

          เมื่อคุณปะป๊าหม่าม้าจอดสนิท คนอื่นก็เงียบตาม อาเฮียอาเจ้และหย็องทำเพียงเดินเข้าไปตามแรงดันของคุณม้า เอ่ยทักทายคุณยายด้วยความสุภาพในประโยคเรียบง่าย เพราะเอ่ยทักทายเพียงฝ่ายเดียว และจบที่แค่คุณยายพยักหน้ารับ ทุกอย่างจึงรวดเร็ว จนมาถึงผม คุณยายยืนมองนิ่งเฉย ก่อนอ้าแขนขวาออกเล็กน้อย

          แม้เพียงเล็กน้อย ทว่านั่นก็เพียงพอ

          "ดิมิทรี"

          ผมสืบเท้าก้าวเข้าไปใกล้ จากช้ากลายเป็นเร็ว จากเดินกลายเป็นวิ่ง สวมตัวเข้าอ้อมกอดที่แสนคะนึงหา ไม่ว่าในสายตาผู้ใด คุณยายจะเป็นปีศาจร้ายจอมเหี้ยมโหด เป็นอาจารย์ใจร้าย เป็นคุณยายแสนดุดันและเข้มงวด แต่ทุกสิ่งเหล่านั้นทำให้ผมสบายใจและคุ้นเคย สัมผัสเย็นยะเยือกทำให้ผมอุ่นวาบ ความโหดเหี้ยมก็เป็นเกราะป้องกันให้ผมปลอดภัย คุณยายเป็นสถานที่ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็เป็นบ้านสำหรับผมเสมอ

          "ผมคิดถึงคุณยายครับ"

          "หลานยาย"

          คำตอบรับและฝ่ามืออุ่นที่ลูบขึ้นลงอย่างแผ่วเบาบนหลัง ทำผมแทบร้องไห้ แต่ก็ต้องรีบกลั้น ยืดตัวตรงให้สมเป็นหลานชายของดาเลีย แอน แข็งแกร่ง ฉลาด มากความสามารถและสง่างาม สูดหายใจเข้าลึก ก่อนผายมือไปยังอีกคน อีกคนที่เป็นบ้านและทุกอย่างของผม


          "คุณยายครับ นี่เทม...เขาเป็นคนรักของผม"









end 51 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

แอร้ยยย ขอบคุณสำหรับ comment นะคะ ในนี้เงียบๆ นึกว่าไม่มีคนอ่านซะแล้ว แฮ่
 :กอด1:

โซเฟียริน
zofiarin lll moore


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 51 * 16/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 16-01-2019 22:39:45
ตัดจบได้ สะใจไปอีก
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 51 * 16/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 18-01-2019 04:53:07
สามตอนรวด. ตาแฉะไปเลย
หมูชัดเจนมาก และเชื่อว่าทั้งสองจะต้องผ่าน
ด่านคุณยายได้แน่นอน
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 52 * 19/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 19-01-2019 22:25:30










52






          ถ้าให้บรรยายบรรยากาศหลังแนะนำตัวเทม ก็คงต้องถามว่าคุณเคยแช่อ่างอาบน้ำเย็นๆ แล้วจมลงไปทั้งตัวไหมครับ? หรือเอาหัวมุดถังน้ำ คว่ำหน้าในสระ อะไรก็แล้วแต่ ที่ผมจะสื่อก็คือมันเงียบและน่าอึดอัด เหมือนทุกอย่างถูกตัดขาด ดิ่งอยู่ใต้ทะเลลึก สุสานร้าง ถ้าเป็นโทรศัพท์ ก็คงเป็นโทรศัพท์ที่ปิดเครื่อง เพราะไร้สัญญาณตอบรับใดๆ จากคุณยาย ​

          เทมเริ่มตื่นกลัวตั้งแต่เห็นคุณยายพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชากับคุณพ่อคุณแม่ เป็นโทนเสียงที่เทมแทบไม่เคยได้ยิน การปะทะกันของผู้ใหญ่ ทำเอาเจ้าลูกนกในกรงทองผู้บอบบางเสียยิ่งกว่าแก้วใจฝ่อ ดวงตาสีไพลินเบี่ยงเบนมาจับจ้องเป้าหมายใหม่ นั่นก็คือคนรักของหลานชาย องค์ชายผู้ขี้กลัวยิ่งหวาดหวั่น นัยน์ตาที่ไม่สบกับผู้อื่นเป็นนิจ ถูกกลบจนมิดแน่น เทมปุระหลับตาปี๋เมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีเย็นยะเยือก

          อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าไปประคองช่วยเหลือ "เทมครับ เข้ามาสวัสดีคุณยายสิครับ"

          เอ่ยเรียกเสียงปลอบประโลม เสียงอ่อนโยนพาคนตัวแข็งทื่อขยับตัว เด็กน้อยเดินเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ยกมือไหว้ แล้วโค้งตัวจนคล้ายตัวแอล เริ่มแนะนำตัวด้วยเสียงตะกุกตะกัก

          "คะ คะ คือ คือว่า ทะ ทะ เอม เทม เทมชื่อเทมครับ คือ Hello คุณยายนะครับ ไม่ใช่ๆๆๆ สปา สปา สปาเกตตี้ ม-ไม่ใช่สปาเกตตี้ สปาโกยนัย โนชิ คุณยายนะครับ อะ ไม่ใช่ คุณบาบุชกาครับ"

          Спокойной ночи...สปาโกยนัย โนชิ...ราตรีสวัสดิ์

          бабушка...บาบุชกา...คุณยาย

          รวมกันก็เป็น...ราตรีสวัสดิ์คุณคุณยายครับ


         ใจคอคนแก้มนุ่มจะบอกฝันดีตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดินเลยหรือครับ...?

          ถ้าเป็นเวลาปกติ ก็คงอดจะยิ้มกว้าง พร้อมหัวเราะออกมาไม่ได้ ไม่ใช่ขำความผิดพลาด แต่เจ้าตัวน้อยลนลานใช้คำผิดได้น่ารักเหลือเกิน มองเขาอย่างอาทร อุตส่าห์ซ้อมกับคุณกระจกมาเป็นอย่างดีแท้ๆ

          แต่ตอนนี้ที่ผมทำคือกัดฟันแน่น มองชายคนรักกำลังพยายามสุดชีวิต แน่นอนว่าท่าทางนั้นสำหรับผมแล้วน่าเอ็นดูสุดหัวใจ แต่กับคุณยายคงจะไม่...

          ท่านจ้องมองเทมปุระตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ให้อ่าน เพียงแต่หยุดนิ่งกับพวงมาลัยเหรียญรางวัลกระดาษนานเป็นพิเศษ ก่อนจะมองผ่านเลยไปเหมือนไม่มีอะไร หรือใครอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มที่ผมเผลอหลุดออกมาก็เริ่มราบเรียบตามใบหน้านิ่งเฉยของท่าน และเรียบสนิท เมื่อสายตาคุณยายที่หันมามองผมอย่างครุ่นคิดทำเอาผมร้อนตัวคิดว่าถูกท่านตำหนิที่เผลอหลุดความสุขุม

          เทมค้างตัวไว้เกือบนาที ไม่มีถ้อยคำอนุญาต ไม่มีกระทั่งพยักหน้าตอบรับเหมือนครั้งอาเฮียหรืออาเจ้ เป็นภาพที่ผมดูแล้วหน่วงในอก วินาทีที่สี่สิบ ผมไม่ทนอีกต่อไป กำลังก้าวขาเข้าไปหวังจับตัวเขายืนขึ้น คุณยายก็ขยับตัวเสียก่อน

          "เจอหน้ากันครั้งแรก สิ่งที่สุภาพบุรุษควรทำ คือกล่าวทักทายสวัสดี ไม่ใช่มาบอกฝันดีนะคุณเทมปุระ"

          ภาษาอังกฤษสำเนียงผู้ดีจ๋า ถูกเอ่ยอย่างเชื่องช้าและชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงราบเรียบไม่แสดงความยินดียินร้าย แต่แววตากดดันก็ทำเอาเด็กชายที่เผลอเงยหน้ามองสะดุ้งโหยง

          "เข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า?" คุณยายถามย้ำ ทั้งๆ ที่ยืนนิ่งแต่กลับรู้สึกถูกคุกคาม

​         สุดท้ายใจดวงน้อยก็เปราะแตกออก เทมวิ่งตุบตับอ้อมมาซุกกับหลังของผม และสองขาของคนถูกซุกก็เผลอก้าวไปข้างหน้าแบบอัตโนมัติ ซ่อนเขาไว้ด้านหลังกำแพง เปลี่ยนตัวเองเป็นเกราะป้องกัน เป็นองครักษ์ให้องค์ชาย "น-หนึ่งครับ สอง สอง สองครับ สอง ส-สาม..." เสียงนับหนึ่งถึงสิบวนไปวนมาแผ่วเบา ตามคำแนะนำของคุณพี่หมอบอกให้เจ้าตัวทำเวลาตื่นตกใจ เทมพูดอู้อี้อยู่กับแผ่นหลัง ก่อนค่อยๆ โผล่ศีรษะมองคุณยายข้ามไหล่ของผม

          "ทะ เทม เทม เทม ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษนะครับ เทม เทม กลัวๆๆๆ คุณยายไปนิดหน่อยเยอะแยะๆๆๆ ครับ เทม เทม เลยพูดผิดครับ เทมเข้าใจแล้วครับ ขอ ขอลองใหม่อีก อีกรอบได้ไหมครับคุณบาบุชกา" ภาษาอังกฤษปนไทยมั่วไปหมดเพราะเจ้าของเสียงกำลังตื่นเต้นจนสมาธิแตกกระเจิง

          คุณยายไม่ได้ตอบอะไร ดวงตาสีไพลินหรี่เล็ก เป็นท่าทางที่ถ้าเป็นผม คือเข้าใจแล้วว่าถูกลงโทษให้กลับไปขังตัวเองในห้องกับกองหนังสือและอาจารย์ฝึกสอน ซ้อมและรอเวลา เมื่อถึงวันรุ่งขึ้นต้องทำได้มากกว่าที่เธอคาดหวังกว่าเดิมสี่เท่า... แต่เด็กชายอ่านท่าทางนั้นว่าตกลง เจ้าเต่าน้อยหัวหดกะพริบตาปริบ ในความคิดของเด็กชายตาใส คงมองว่าคุณยายใจร้ายไม่ได้ใจร้ายเหมือนที่ทุกคนบอกอีกต่อไป เมื่อได้รับโอกาสแก้ตัวซ้ำสอง เด็กชายผู้มองโลกเป็นสีลูกกวาดยิ้มกว้างตาหยี ผงกหัวหงึกหงัก

          "ขอบ ขอบ ขอบคุณครับ แล้วก็ แล้วก็ เทม เทมขอโทษนะครับที่วิ่ง วิ่งมาซ่อนกับหมูหย็อง คือ คือ เทม เทม เห็นๆๆๆ คุณปะป๊าคุณหม่าม้าเหมือนโดนคุณยายดุ เทม เทมเลยกลัวครับ" เขาค่อยๆ พาตัวเองออกมายืนข้างหน้าอีกครั้ง

          สูดลมหายใจเข้าลึกจนรูจมูกบาน

          ภาษาบ้านเกิดถูกเด็กชายในชุดสูทสีน้ำตาลเข้มหลับตาปี๋พูดระรัว  เสียงที่มักจะเนิบนาบ เชื่องช้ากลับพูดเสียงดังฟังชัด เสียงตะโกนนั้นคงบอกว่าลื่นไหลไม่ได้ ออกจะเหมือนเด็กตื่นเวที กำลังท่องอาขยานหน้าชั้นเรียนแบบรัวเร็วและลิ้นพันกันเสียมากกว่า

          "ส-ส-ส-สะ สวัสดีครับคุณยาย ผม ผมชื่อเทมครับ เทมปุระครับ เป็นคนรักของดิมิทรีครับ ล-แล้วก็ แล้วก็ ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ ยิน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ฝาก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ!" แล้วเจ้าตัวก็ขมุบขมิบปาก ยกนิ้วมือขึ้นมานับ เหมือนกำลังสำรวจว่าตัวเองพูดครบหรือยัง "อ๋อๆๆๆ แล้ว แล้วก็ อันนี้ๆๆๆ อันนี้!...เทม เทม เทม จำไม่ได้...หมูหย็องครับ เทมจำไม่ได้ครับว่าเหรียญทองพูดยังไง"

          หางชี้ฟูแกว่งไกวตกลงกับพื้น เจ้าลูกสุนัขตัวน้อยครางหงิงขอความช่วยเหลือ สองมือถอดพวงมาลัยกระดาษออกจากคอ ละล้าละลังกับการจะยื่นให้หญิงชรา ที่กำลังมึนงงกับภาษาบ้านเกิดสำเนียงเทมปุระ ผมกัดกระพุ้งแก้ม กลั้นมุมปากที่คอยแต่อยากจะยกขึ้นกับพฤติกรรมละลายหัวใจ

          เด็กชายเริ่มหมุนตัวไปซ้ายทีขวาทีอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร พวงมาลัยกระดาษถูกยื่นไปตรงหน้าที ดึงมาชิดอกที เช่นเดียวกัน ข้อห้ามจากคนรักที่เคยช่วยฝึกซ้อม เป็นกาวเหนียวหนืดคอยยึดแขนให้หุบเข้าหุบออก 'คุณยายไม่ชอบให้ถูกเนื้อต้องตัวท่านครับ' ในหัวอีกฝ่ายคงกำลังหมุนติ้วเป็นใบพัด สุดท้ายก็แอบสะกิด กดปุ่มขอตัวช่วย "หมูหย็องครับหมูหย็อง ให้ๆๆๆ คุณยายจากหมูหย็องนะครับ เทมขอฝากให้คุณยายได้ไหมครับ เทม เทมกลัวตอนให้นิ้วจะไปโดนนิ้วคุณยายครับ เทม เทม แล้วก็ แล้วก็ เทมขอโทษนะครับ เทม ตื่นๆๆๆ เต้นๆๆๆ ลืมคำแนะนำตัวไปเกลี้ยงๆๆ เลยครับ"

          "ไม่เป็นไรครับ เทมพยายามแล้ว เอาเหรียญมานี่สิครับ"

          "ปะป๊าก็อยากได้เหรียญรางวัลของเทมเทมมั่งจัง..."

          "คุณคะ มันใช่เวลาไหมคะ! ชู่ว!"


          รับมาถือไว้ ก่อนหมุนตัวไปหาคุณยายที่กำลังจ้องมองมา ดูเป็นอะไรที่แปลกและเสียมารยาท เมื่อใกล้กันเพียงแค่นี้ แต่ต้องส่งต่อกันเป็นทอด ได้แต่หวังว่าคุณยายจะเข้าใจถึงเจตนา ผมกระซิบบอกเล่าความเป็นมาของพวงมาลัยกระดาษเหรียญทองสั้นๆ

          ท่านมองนิ่ง ทว่าครั้งนี้ความเงียบไม่ได้อยู่นานจนผมอึดอัดนัก

          "แล้วทำไมคุณเทมปุระถึงไม่ให้เองกับมือ? ... ตราบใดที่เขามีปากและไม่ได้เป็นใบ้ หลานจะตอบให้เขาทุกเรื่องไม่ได้นะดิมิทรี"

          ปากที่อ้าออกเตรียมช่วยตอบแทนหุบฉับ

          "...ครับ"

          "คุณยาย คุณยายแกล้งหมูหย็องเหรอครับ" เด็กชายที่เมื่อเป็นเรื่องของผม ก็พร้อมเตรียมตัวกลายเป็นคุณองครักษ์ หันมาถามอย่างกังวลปนห่วงใย

          "ไม่ใช่ครับเทม...คุณยายแค่ถามเฉยๆ ครับ"

          ภาษารัสเซียถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นภาษาอังกฤษอีกครั้ง "คุณเทมปุระ ถ้าจะให้ เดินออกมา เอาให้เอง"

          "คุณ คุณยายพูดว่าให้ ให้เทมเอาไปให้เองเหรอครับ? แต่ แต่ว่า หมูหย็องบอกว่า คุณยายไม่ชอบให้แตะตัวนะครับ คุณยายจะรับกับเทม เทมต้องโดนมือนะครับ แล้วก็ๆๆๆ เทม เทม โยนให้ไม่ได้นะครับ คุณแม่บอกว่าโยนของให้ผู้ใหญ่หรือโยนของให้คนอื่น เป็นๆๆ เด็กไม่น่ารักครับ"

          "เราจะทำยังไง ไหนลองคิดสิ" คำถามหยั่งเชิงมาจากดาเลีย แอน

          "ให้ ให้แบบไม่แตะๆๆ คุณยาย แล้วก็ แล้วก็ต้องให้เองเหรอครับ แต่ว่า แต่ว่า" เขาพึมพำมั่วไปหมด ใบหน้าอ่อนเยาว์ยุ่งเหยิงด้วยสมการที่แก้ไม่ออก ผมเริ่มจะวิตก กลัวคำถามกอปรความตื่นเต้น จะไปปลุกโรคย้ำคิดย้ำทำของเทมเข้า จากแค่เสียมารยาท ถ้าเทมเข้าโหมดงอแง สายตาดุดันของหญิงชราผู้กำลังรอคำตอบ คงยิ่งเข้มขึ้นเป็นเท่าตัว

          "อ๋อๆๆๆ งั้นๆๆๆ ทำ ทำแบบนี้ได้ไหมครับ หมูหย็องครับหมูหย็อง ยื่นให้คุณยายนะครับ....ใช่ๆๆๆ ครับ แล้ว แล้วหมูหย็องก็ทำมือหมดแรงๆๆๆ นะครับ ปล่อยๆๆๆ แขนไว้ในมือเทมนะครับ ....แล้วเทมก็จะจับข้อศอกหมูหย็องเอาไว้แบบนี้นะครับ เทมจับหมูหย็องนะครับ ยื่นให้ส่งต่อคุณยายนะครับ...นี่ไงครับ!"

          คนแก้โจทย์ได้ยกยิ้มภูมิอกภูมิใจ

          "ส่งแบบระบบสัมผัส ส่งแบบบลูทูธนะครับ!"

          เอ่อ เทมครับ...คุณยายไม่ใช่พระที่กำลังบิณฑบาตตอนเช้านะครับ

          ความเงียบกินเวลาไปหลายอึดใจ ดวงตาที่หรี่ลงของหญิงชราก็ทำเอาเสียวสันหลัง จนผมคิดว่าสิ้นหวังแล้ว และเริ่มคิดถึงแผนการอุ้มเจ้าแก้มนุ่มไปตกปลากันอยู่ขั้วโลกเหนือ สร้างบ้านอิกลูอยู่กันสองคน หลบหนีจากกองทัพคุณยายที่ตามไล่ล่า จนเสียงหนึ่งระเบิดหัวเราะดังลั่น คุณตาที่เดินออกมาพร้อมผู้หญิงสองคนก้าวตรงมาหา และยื่นมือออกไปรับเหรียญทองบลูทูธเจ้าปัญหามาไว้กับตัวเอง พินิจมองถ้อยคำที่เขียนไว้ในแต่ละส่วนด้วยแววตาขบขัน ก่อนจับมือภรรยารักให้มารับไปถือไว้

          "เขาตั้งใจดีนะ คุณอย่าเข้มงวดไปเลยดาเลีย"

          คุณยายไม่ได้กล่าวตอบ และไม่ได้รับของที่สามียื่นส่งให้ คุณตาส่ายหัวกับความดื้อรั้น ก่อนยกพวงเหรียญกระดาษคล้องคอตัวเองแทน แขนสองข้างอ้าออกกว้าง  "ว่าไงดิมิทรี ไม่มากอดตาบ้างหรือไง"

          สวมกอดชายชราที่ดูตัวเล็กกว่าแต่ก่อนนิดหน่อย "ยินดีต้อนรับนะครับคุณตา"

          ท่านกอดผมแน่นจนเกือบตัวลอย แล้วหันไปตบบ่าคนแก้มยุ้ยที่ตาโต "คุณตา คุณตาลักพาตัว! แล้วก็ แล้วก็ลักพาเหรียญทองของคุณยายไปด้วย ไปด้วยครับ!"

          "ของสามีก็เหมือนของภรรยา ของภรรยาก็คือของภรรยา...ต้องจำคำนี้ไว้ให้มั่นนะเทมปูร้า เพราะงั้นให้ตาก็เหมือนให้ยายเขานั่นแหละ คนคนเดียวกัน"

          "คุณตาลักพาตัวครับคุณตาลักพาตัว เทม เทมปุระครับ ปู ปูร้าไม่ใช่เทมปุระนะครับ"

           "งั้นเรอะ งั้นเรอะ เทมปุระสินะ ...แล้วมายืนอออะไรกันตรงนี้ ทำไมไม่ไปข้างใน"

          คุณหม่าม้าตรงเข้ามากอดทักทายคุณตาด้วยสีหน้าดีใจ ทั้งสองคนคืนดีกันตั้งแต่คุณตามาเยี่ยมครั้งที่สี่แล้วครับ แล้วยิ่งหลังจากคุณตาเปิดนิสัยเจ้าเล่ห์จอมขี้แกล้ง ก็เข้ากันได้ดีราวกับไม่เคยขัดแย้งเลยทีเดียว คุณปะป๊าตบหลังอาเฮียกับอาเจ้และหย็องหย็อง ก่อนจะพากันเดินเข้ามาล้อมวง

          "คุณพ่อคะ ไม่เจอกันนานเลย สบายดีไหมคะ เห็นมาแต่คุณแม่ คิดว่าไม่ได้มาด้วยเสียอีก เด็กๆ เข้ามาทักทายคุณตาเร็ว"

          "คุณตาสวัสดีครับ ที่ผมฝากซื้อได้มาหรือเปล่าครับ?" หย็องหย็องเดินวนรอบตัวคุณตาหาของฝาก

          "มาสิ จะไม่มาได้อย่างไรกัน หลานรักเปิดตัวแฟนทั้งที ...โตกันขึ้นเยอะเลยนะทุกคน ดีแล้ว ดีแล้ว ถ้ามาแล้วเจอหลานยังตัวเท่าเดิม ตาก็คงไม่รู้จะทำยังไงดี นอกจากให้ยายเขาจับพ่อแม่เราเข้าคุก ข้อหาทารุณหลานๆของตาล่ะนะ ...แล้วทำไมนิโคลัสถึงได้หน้าตาเหมือนปลาแห้งในวันขอบคุณพระเจ้าแบบนั้น หลานไม่ได้หลับไม่ได้นอนหรือยังไง"

          ยามไม่ใช่เวลาหน้าที่การงาน และยามอยู่กับเหล่าหลานๆ อย่างตอนนี้ อดีตท่านทูตมีรอยยิ้มที่ชวนเข้าใกล้ เสียงนุ่มละมุนก็สบายหูน่าเข้าหา กลิ่นอายโดยรอบต่างจากคุณยายลิบลับ

          พอเหตุการณ์เริ่มวุ่นวาย คุณยายหันหลังเดินออกไปทันที กองกำลังคุ้มกันเดินตามออกไปด้วย แผ่นหลังทระนงเริ่มห่างไกล ผมตัดสินใจจับมือเทมวิ่งตามหลังคุณยาย

          ไม่อยากให้ก่อเกิดเป็นความเข้าใจผิด ไม่อยากให้ท่านเข้าใจว่าเทมเป็นพวกเล่นหัว หรือเห็นท่านเป็นตัวตลก เพราะมันไม่ใช่ เด็กน้อยพยายามเป็นอย่างมาก กับการจะเดินเข้าหาใครก่อน แม้จะดูเล็กน้อยสำหรับคนธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับเด็กพิเศษผู้มีปัญหาด้านการเข้าหาสังคมและการสื่อสาร มันแสนยิ่งใหญ่ แม้มันจะผิดพลาดไปเยอะจากที่ซ้อม แต่เขาก็พยายาม พยายามมากๆ

          ไม่อยากให้มันไร้ค่าไปโดยเปล่าประโยชน์

          เพราะเป็นบุคคลพิเศษ การผ่านขั้นตอนต่างๆ จึงไม่จำเป็น ฝีเท้าของคนสิบสี่คนเดินออกจากตึก พอพ้นตัวอาคาร ข้างนอกก็มีรถตู้สีดำมันเงาที่ถูกรถเก๋งอีกสี่คันจอดประกบรอรับอยู่ กลัวจะไม่ทันเวลา จึงตะโกนเรียกออกไป

          "คุณยายครับ เดี๋ยวก่อนครับ!"

          หญิงชราหยุดขยับขา แต่ไม่ได้หันหลังกลับมามอง 

          "ผมทราบว่าเสียมารยาท แต่ผมไม่อยากให้คุณยายเข้าใจผิด"

          "เรื่องที่หลานวิ่งตึงตัง ตะโกนเเรียกยายเสียงดัง....หรือเรื่องที่เขาทำเมื่อกี้ล่ะ"

          "ผมขอโทษครับ...แล้วก็เรื่องของเทม เทมไม่----"

          ผมเก็บคำพูดเมื่ออัญมณีสีฟ้าที่ไม่ต่างกับของผมสบประสาน ในบางคราสีฟ้าใสก็เข้มจัดจนคล้ายสีน้ำเงิน เป็นสีน้ำเงินลึกล้ำ เป็นดวงเนตรแสนมีอำนาจ ที่สามารถออกคำสั่งที่ไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืนโดยแค่เพียงทอดมอง

          "ดิมิทรี เหมือนกับหลานที่ไม่ว่ายายจะพูดอย่างไร หลานก็คงไม่ฟัง ยายก็เช่นกัน...ยายจะดูและหาคำตอบด้วยตัวเอง"

          ไม่มีข้อโต้แย้งอันใดให้ตอบกลับ เพราะจริงอย่างท่านว่า ได้แต่ต้องจำยอมตอบรับ "...ผมทราบแล้วครับ"

          แรงดึงชายเสื้อทำให้สายตาประสานหลุดออก เจ้าตัวเล็กขยับตัวยุกยิก ดูไม่สบายใจ

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง เรา เราออกมาแบบนี้ คุณปะป๊าคุณหม่าม้า อาเฮียอาเจ้แล้วก็หย็องหย็อง กับ กับ กับคุณตาลักพาตัวจะไม่หลงทางเหรอครับ ทุกคนจะกลับบ้านยังไงเหรอครับ ต้องไปแจ้งคุณปะป๊าคุณหม่าม้าหายที่คุณพี่ประชาสัมพันธ์ไหมครับ"

          "ไม่เป็นไรครับเทม หมูแค่ออกมาส่งคุณยายเฉยๆ เดี๋ยวเราจะกลับเข้าไปหาคุณป๊าคุณม้านะครับ"

          "มาส่ง มาส่งคุณยาย คุณยายๆๆๆ ก็หลงทางเหรอครับ? คุณยายครับคุณยาย นั่งไปกับเทมกับหมูหย็องไหมครับ คุณลุงชื่นขับรถเก่งมากเลยนะครับ เวรี่กู้ดมากๆๆๆ เลยครับ ไปส่งเทมกับหมูหย็องที่โรงเรียนไม่เคยผิดเลย กลับบ้านก็ถูกทุกครั้งเลยด้วยนะครับ"

          หากเป็นคุณยายใจดีทั่วไป ประโยคให้ความช่วยเหลือคงจะน่าดีใจ แต่ไม่ใช่กับดาเลีย แอน ความช่วยเหลือไม่ต่างกับคำสบประมาท บรรยากาศกดดันแผ่มาล้อมรอบ

          "ดิฉันดูเป็นหญิงแก่ไร้ความสามารถ กระทั่งกลับโรงแรมเองก็ยังไม่ถูกหรือคะคุณเทมปุระ ดูเป็นหญิงชราที่ต้องได้รับความช่วยเหลือใช่ไหมคะ?"

          "อะ อะ ...คุณ คุณยายใช้ ใช้ภาษาอังกฤษคำยากเยอะแยะๆๆๆไปครับ ยากไป ยากไปครับครับ เทม เทมฟังไม่รู้เรื่อง ช่วย ช่วย? อ๋อๆๆๆ ช่วยๆๆๆ ใช่ครับลุงชื่นจะช่วยนะครับ เราจะได้พาคุณยายกลับบ้านไปทานข้าวกันนะครับ วันนี้มีอาหารเยอะแยะเลย คุณหม่าม้าทำเค้กไว้เยอะแยะๆๆๆ เลยด้วยครับ วันคริสต์มาส เราต้องรีบๆๆ กลับไปใช้เวลากับครอบครัวนะครับ"

          "พูดว่าครอบครัว จะไม่เร็วไปหน่อยหรือคุณเทมปุระ โดยเฉพาะครอบครัวที่ยังไม่ได้รับการยอมรับแบบนี้"

          น้ำเสียงไร้เยื่อใยที่ควรบั่นทอนกำลังใจไร้อานุภาพ เมื่อตอนนี้เด็กชายกำลังตกห้วงคิดคำนึงถึงขนมหวาน ถ้อยคำร้ายกลับเป็นคำถามธรรมดา

          "เทม เทมยอมรับคุณยายเป็นครอบครัวนะครับ เพราะหมูหย็องรักคุณยายมากๆๆๆ เทมก็จะรักคุณยายแบบเยอะๆๆๆ แยะๆๆ ด้วยนะครับ" ยิ่งกวนสายตาเย็นให้ขุ่น เมื่อองค์ชายของผมฟังไม่ทัน ยามคุณยายกลับมาพูดด้วยความเร็วปกติ คำถามถูกแปลงไปตามที่เด็กชายพอจะจับคำออก

           ความชอบขนมหวานเข้าเส้นเลือด การอ่านสถานการณ์ไม่ออก และฟังไม่ค่อยเข้าใจ  บางครั้งก็นับว่าเป็นข้อดี... ผมเผลอยิ้มขำคนเข้าใจผิดไปไกล จนโดนสายตาเข้มงวดดุผ่านความเงียบเข้าให้

          "หลานดูแลกันยังไงให้แค่นี้ก็ฟังไม่เข้าใจ เขาเรียนมาหกปีแล้วไม่ใช่หรือ"

          ตรวจสอบละเอียดไม่มีตกหล่นเลยสินะครับ

          ไม่ทันได้ตอบอะไร กลุ่มชาโรนอฟที่เหลือก็โหวกเหวกกันออกมา เสียงหัวเราะพูดคุยดังก้องที่จอดรถ นอกจากครอบครัวแล้ว ก็ยังมาพร้อมคนแปลกหน้าอีกสองคน ที่ดูยังไงก็ไม่ใช่บอดี้การ์ด ไม่ใช่เพราะว่าเป็นวัยรุ่นผู้หญิงในกระโปรงบานพลิ้ว แต่เพราะสัมผัสยังไงก็ไม่ได้กลิ่นอายของยอดฝีมือ เหมือนคุณตาจะอ่านสายตาผมออก จึงเอ่ยแนะนำ

          "เธอผมเปียคนนี้คืออิรินา ส่วนนี่ก็มาเรีย...พวกเธอเป็นคู่ดูตัวของหลานยังไงล่ะ"

          ทุกสรรพสิ่งหยุดชะงัก รวมไปถึงลมหายใจผมด้วย ประโยคที่พูดจบในสิบวิ กลับกระชากความรู้สึกไปอย่างยาวนาน ผู้หญิงสองคนเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้มีคำปฏิเสธอย่างที่ต้องการ

           คุณพ่อคุณแม่ตั้งสติได้ก่อนใครเพื่อน รีบเดินเข้ามาขวางตรงหน้า

          "นี่มันเรื่องอะไรกันครับคุณพ่อ? คู่ดูตัว? ดูตงดูตัวอะไรกัน! หมูหย็องลูกผมมีเทมเป็นคนรักอยู่แล้ว ผมจะไม่ยอมให้มีเรื่องไร้สาระอย่างการดูตัวเกิดขึ้นแน่นอน!"

          "ใช่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความคิดของใคร ก็ห้ามมาบังคับลูกหนูให้ทำสิ่งที่เขาไม่ต้องการ นอกจากคนที่ลูกหนูเลือกเอง หนูไม่มีทางยอมรับคนอื่นมาเป็นครอบครัวเด็ดขาด"

          "พวกผมก็ไม่ยอมรับ!"

          คำขาดถูกยื่นจากสองผู้ให้กำเนิด ผมขมวดคิ้วมุ่น เมื่อสติกลับคืน ความไม่พอใจแล่นลิ่วจนแทบจะระเบิดออก ไม่ว่าจะเป็นคุณตาหรือกระทั่งคุณยาย ผมก็จะไม่ให้อภัยเด็ดขาด ถ้ากล้าส่งใครเข้ามาแทรกความสัมพันธ์ของผมกับเทมปุระ ผมยินดีให้พวกท่านศึกษา และทดสอบเทมในเรื่องต่างๆ อย่างการวางตัวหรือการเรียน แต่ทุกอย่าง ทุกอย่างต้องไม่เกินขอบเขต และรวมไปถึงการห้ามทำร้ายจิตใจคนรักของผม

          เส้นที่ถูกขีดไว้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ห้ามข้าม...ไม่มีข้อยกเว้น

          ผมก้าวออกจากหลังของคุณพ่อกับคุณแม่ มองคุณตาด้วยดวงตาวาวโรจน์

          จิ้งจอกเฒ่ายกยิ้มพอใจ "หึหึ...สายตาเขาน่ากลัวเหมือนคุณเลยดาเลีย หลานชายเราโตขึ้นแล้วจริงๆ"

          "เลิกเล่นไร้สาระเสียที" แม้จะราบเรียบดั่งเดิม แต่แฝงไปด้วยการตำหนิ

          คุณตายกมือสองข้างยอมแพ้ "ใจเย็นก่อน ตาแค่ล้อเล่นเท่านั้น...นี่อิรินากับมาเรีย เป็นล่ามแปลภาษาไทยของตากับยายเอง"

          คุณตาได้รับการถลึงตาใส่อย่างถ้วนหน้า

          คำหยาบคายถูกสบถในลำคอ และเมื่อเห็นว่าเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นจริงๆ จึงคลายมือที่เผลอบีบกันแน่นออก เทมทำหน้างงอยู่เพียงคนเดียว ยื่นหน้ามากระซิบถามอย่างคนตามไม่ทัน "คุณตาลักพาตัวพูดอะไร อะไร อะไรเหรอครับหมูหย็องครับ?"

          "ไม่มีอะไรครับเทม คุณตาเล่นมุกตลกที่ไม่มีใครตลกด้วยน่ะครับ"

          "มุกแป๊กๆๆๆ เหรอครับ"

          "ครับ แป๊กสุดๆ จนน่าโมโหเลยละครับ"

          ผมโกรธคุณตาจนไม่คุยด้วยสักครึ่งสักคำ แม้คุณตาจะมานั่งร่วมรถ หรือพยายามขอโทษด้วยการไปต่อรอง จนพาคุณยายมาร่วมงานคริสต์มาสด้วยกันได้ก็ตาม แต่ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ ก็สมเป็นจิ้งจอกแสนมากกล เล่นใช้จุดอ่อนของผมเป็นกาวประสานความขุ่นมัว ใช้เทมปุระมาชวนผมคุยจนต้องยอมอ่อนลง

          "ถ้าครั้งหน้าคุณตายังเล่นมุกตลกนี้อีก รบกวนเตรียมใจรับความเงียบอันนิรันดร์ด้วยนะครับ"

          คุณตาหัวเราะชอบใจจนหย็องหย็องที่นั่งบนตักสะเทือน "งั้นครั้งหน้าเอาเป็นมุกเมียน้อยดีไหมล่ะดิมิทรี"

          กลับมอสโกตอนนี้เลยดีไหมล่ะครับคุณตา...?









end 52 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 52 * 19/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Mizunoe ที่ 20-01-2019 00:19:02
ไม่ตลกค่ะคุณตา!!!! ใจร่วงเลย
อยากเห็นเทมใส่สูทจังเลยย
ถ้าไม่ใช่เทมใครจะนึกได้น้อว่าควรจะให้รางวัลคุณยาย
คุณยายก็ลำเอียงให้หมูหย็องได้อีก
เชื่อว่าในอนาคตคุณยายจะลำเอียงให้เทมเพิ่มอีกคนนะคะ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 52 * 19/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 20-01-2019 13:51:35
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 53 * 22/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 22-01-2019 18:54:14







53








          หลังมุกตลกน่าเชื้อเชิญกลับประเทศ ก่อนมื้อเย็นและงานเลี้ยง คือความกระอักกระอ่วนหาที่สิ้นสุดไม่ได้ พอลงจากรถ ประกาศิตแรกจากคุณยายก็ฝ่าเปรี้ยงเข้าใส่ คำสั่งให้ทุกคนรวมตัวพูดคุยกันถือกำเนิด ผมที่คุ้นเคยกับเธอดี ทราบในทันทีว่าองค์อาจารย์ปีศาจลงแล้ว หากทำตัวไม่ดีเอาไว้ จบศพไม่สวยแน่นอน  ยิ่งเห็นเลขามาดเนี๊ยบคนคุ้นตาเดินเข้ามาก็ยิ่งแน่ใจ จนต้องรีบจับเทมปุระแยกตัวออกจากพายุ ให้องค์ชายน้อยไปเล่นรอกับหัวหน้าพ่อบ้านในห้องนั่งเล่น ...สงครามประสาทของจอมปีศาจ ผมไม่ให้เด็กน้อยของผมร่วมรบด้วยแน่นอน ต่อให้เจอตวัดสายตาดุใส่ก็ตามที

          ในห้องนั่งเล่นกว้างขวาง ผมไม่แน่ใจว่าระหว่างเครื่องปรับอากาศ กับหญิงชราที่กำลังรับแว่นจากคนสนิทสวมใส่ สิ่งใดทำให้หนาวสันหลังมากกว่ากัน เมื่อการเยี่ยมเยือนของญาติผู้ใหญ่ ไม่ได้อบอุ่นด้วยอ้อมกอดและของฝากอย่างในหนังสือ คำพูดถามไถ่สารทุกข์สุขดิบไม่ได้มาด้วยเสียงนุ่มให้อุ่นซ่านหัวใจ ไม่ใช่คำตัดพ้อต่อว่าเหล่าลูกหลานที่ไม่ค่อยไปหาเหมือนครอบครัวอื่น แต่มาในรูปแบบของเอกสารหลายแผ่น

          หกใบเป็นเกรดเฉลี่ยเทอมล่าสุด สามใบเป็นบทสรุปผลประกอบการ หรือก็คือใบสรุปรายได้ประจำปี

          สีฟ้าดุดันกลายเป็นยาลดอายุผู้ปกครองทั้งสาม คุณพ่อคุณแม่สุดเท่ที่กางปีกปกป้องที่สนามบินเลือนหายไปเหลือเพียงแค่ผู้ใหญ่คล้ายเด็กสามคนกำลังคอตก ใช่ครับ สามคน ผมไม่ได้ตกวิชานับเลขหรือวิชาคำนวณ แต่กระทั่งคุณแม่ของเทมปุระที่กำลังชิมอาหารช่วยตรวจรสรอรับแขกอยู่ในครัว ก็ถูกเรียกมาพูดคุยด้วยกัน

          แล้วศพไม่สวยทั้งสามก็กำลังนั่งหลังตรง เผลอกุมมืออย่างเรียบร้อยอยู่บนโซฟา มีพวกผมพี่น้องเกาะกลุ่มกันเฝ้ารอเข้าแถวโดนตรวจสอบเป็นรายถัดไป คุณตามองภาพตรงหน้าเหมือนกำลังดูละครตลก นี่ถ้าท่านขอข้าวโพดคั่วมาถือระหว่างชม ส่วนประกอบก็ครบแล้ว

          เป็นบรรยากาศน่ากลัวที่เหมือนภาพวันวานในอดีต ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากกำลังถูกคุณยายสั่งสอนในคฤหาสน์กลางป่าสน จนอดแอบยิ้มในใจไม่ได้ แต่ดูท่าคุณพ่อและคนอื่นคงจะไม่สนุกแบบผม เมื่อเริ่มโดนคุณยายร่ายยาวใส่ หายากนะครับ นอกจากเวลางานหรือสอนสั่ง คุณยายจะนิ่งเงียบดุจการ์กอยล์เลยทีเดียว

          "หนึ่งจุดห้าเปอร์เซ็นต์ รายได้เพิ่มขึ้นแค่นี้ ไม่ได้เท่ากับที่วางไว้เลยนะมิสเตอร์เซอร์กีย์ ความโดดเด่นของบริษัทก็เริ่มห่างไกลจากเลขตัวเดียวในตลาดหลักทรัพย์ขึ้นทุกที อันดับแปดนี่น่าพึงพอใจสำหรับมาตรฐานของคุณแล้วหรือ? ทั้งแผนรุกไปตลาดจีน หรือรุกไปประเทศเคียงข้าง ก็ล้วนมีช่องให้บริษัทอื่นขึ้นนำ ในฐานะหุ้นส่วน ปีหน้าขอให้เป็นสามเปอร์เซ็นต์ แล้วก็อุดช่องโหว่ด้านแรงงานอุตสหกรรมสิ่งทอเสียด้วยล่ะ ฉันได้ข่าวมาว่ามีพนักงานลุกฮือเกี่ยวกับค่าแรง มันส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ผู้นำ และแสดงชัดถึงศักยภาพในการควบคุมดูแล"

          หนึ่งจุดห้าเปอร์เซ็นต์ของสามหมื่นล้าน ก็หลายร้อยล้านดอลลาร์อยู่นะครับ ตีเป็นเงินไทยก็มหาศาลเลยทีเดียว...แต่หลักร้อยก็ไม่น่าพอใจนักสำหรับดาเลีย แอน ท่านจ้องเหล่าตัวเลขด้วยสายตาเย็นชาปนเหยียดหยาม กรอบแว่นตาสะท้อนแสงบาดลึกไปถึงจิตใจ คุณพ่อเม้มปากแน่นก่อนปล่อย เอ่ยแก้ตัวเสียงแผ่ว

          "...แต่นั่นไม่ใช่รายได้อย่างเดียวของผมนะครับ ธุรกิจอื่นผมก็มีตั้งมากมาย ดอกเบี้ย อสังหา หุ้น เงินลงทุน ทำไมคุณแม่ไม่เอามาบวก ถ้าบวกก็เกินพันไปเยอะ--- ขอโทษครับ เชิญพูดต่อได้เลย" คุณพ่อกลับไปเม้มปากแน่นกว่าเดิม เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสั่งให้หุบปากแบบไร้เสียง คุณยายวางเอกสารลงบนตัก ท่านถอดแว่นและเก็บสายตาก้มมองต่ำ นิ้วชี้เรียวยาวหมุนแหวนประจำตระกูลที่ถูกสวมบนนิ้วกลางข้างขวา กิริยาตัดบทสนทนาเป็นไปอย่างอ่อนช้อยทว่าเด็ดขาด

          "เรากำลังพูดถึงรายได้หลัก หรืออยากจะให้ดิฉันพูดถึงรายได้รองอย่างสัมปทานในไทย? ใช่โครงการที่กำไรแน่นิ่งมาหลายปีหรือเปล่าที่คุณอยากจะฟัง...เซอร์กีย์"

          อา...แรงน่าดู สำหรับการหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุย โครงการสัมปทานที่คุณป๊าอุตส่าห์ยอมย้ายบ้านมาอยู่เพื่อมัน พอจะได้ยินมาบ้างว่ารัฐบาลของประเทศชอบเล่นตุกติก กำไรจากที่ควรจะได้ ก็หดหายไปหลายสิบเปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องที่คุณพ่อหัวเสียมาตลอด แต่ยังดีที่มันได้ประจำทุกปี บวกกับสิทธิ์พิเศษเรื่องภาษีและหลายๆ อย่าง จึงพอจะเพิกเฉยต่อไปได้ แต่การโดนมีดจ้วงแผลแล้วราดน้ำเกลือซ้ำ ก็ไม่ใช่อะไรที่จะเพิกเฉยได้ง่ายนัก ถ้อยคำดังหมุดตอกย้ำ ทำเอาท่านประธานเหมือนถูกเหยียบหัว โจวิช ชาโรนอฟเหลือบมองหญิงชราด้วยแววตาน่าสะพรึง เสียงอ่อนอ่อยเปลี่ยนเป็นคล้ายเสียงคำราม "แต่ก็ได้เกือบพันล้าน!"

          นิ้วเรียวหยุดหมุน เงยหน้าเชื่องช้าสบตา "บาท...และก็ไม่ถึง"

          หัวหน้าครอบครัวอึกอัก หมดมาดตำนานที่ยังมีลมหายใจ "ก็ถ้าเอามาบวกกัน...ปีหน้าสามเปอร์เซ็นต์ ผมทราบแล้วครับ"

          นอกจากเพราะบุคลิกที่มากล้นด้วยอำนาจ อีกสิ่งที่ทำให้ต่อกรกับคุณยายได้ลำบาก คือสิ่งที่ท่านยกมาวิพากษ์ล้วนเถียงไม่ได้ เพราะ สิ่งที่เถียงและต่อกรด้วยยากที่สุด ก็คือความจริง ยิ่งเป็นความจริงแบบลับสุดยอดที่มาพร้อมสายตาดุดันยิ่งไม่ควร...

          แต่ดูเหมือนจะมีคนใจกล้าบ้าบิ่นประท้วงขอความเป็นธรรม

          คุณหม่าม้าที่เพิ่งโดนข้อหาเอาแต่เที่ยวเล่นมากเกินไป จนได้กำไรเท่าเดิมในปีก่อนเลิกสลด แล้วหันมาโวยวายแทน โหมดสงบเสงี่ยมเจียมตัวถูกดีดออก โหมดหวีดว้ายนางร้ายในละครถูกสวม

          "คุณแม่คะ พวกหนูโตกันแล้วนะคะ! พวกเราไม่ควรมาโดนตรวจสอบกันแบบนี้! จะหาเงินให้ได้เป็นหมื่นล้านขนาดนั้นไปเพื่ออะไรกัน แค่นี้ก็มีเยอะจนฟืนไม่พอเผาแล้ว!"

          "ฉันไม่ได้ตรวจสอบในฐานะ 'แม่' ของใคร แต่ตรวจสอบในฐานะผู้นำตระกูลชาโรนอฟ ชาโรนอฟที่พวกเธอมีเขียนห้อยท้ายชื่อ ชาโรนอฟที่เป็นตระกูลเก่าแก่และมีคุณงามความดีที่ต้องรักษา มีกฎและมีระเบียบต้องปฏิบัติตาม อย่างน้อยเธอก็เคยเป็น และตอนนี้ก็กลับมาเป็น ...คงไม่ได้ลืมใช่ไหมเอเลน"

          ไม่ใช่การตวาดอย่างเกรี้ยวกราด แค่เพียงพูดธรรมดากอปรกับนัยน์ตาเย็นจัด ก็ทำเอาคุณหญิงของบ้านสะอึกตามคุณป๊าไป

           ว่าด้วยเรื่องของขนบธรรมเนียมเรื่องการหารายได้ สำหรับนามสกุลชาโรนอฟ เมื่อเอ่ย นอกจากได้ยินแล้วจะคิดถึงข้าราชการหรือชนชั้นสูงผู้ทำงานใกล้ชิดราชวงศ์ ก็เหมือนคำแปลว่านักลงทุน เป็นผู้บุกเบิกในการสร้างธุรกิจชื่อดังไม่น้อยตั้งแต่ในอดีต หากไม่ใช่เพราะถูกไฟสงครามจนเหลือสมาชิกแค่เพียงหยิบมือ ก็คงจะเป็นอีกนามสกุลที่มีอิทธิพลต่อโลก แต่แม้ตัวจะหายไป แต่เงินของบรรพบุรุษยังคงมีให้ลูกหลานใช้ไม่ขาดมือ ตามกฎ เงินจำนวนหนึ่งในสี่ของที่หามา จะถูกเก็บเข้าส่วนกลาง เป็นเงินก้นถังไว้สำหรับเกิดเรื่อง เก็บกันมาตั้งแต่รุ่นแรก จนถึงรุ่นปัจจุบัน เพราะแบบนั้นต่อให้ผจญสงครามหรือมีเหตุอะไร ชาโรนอฟก็ยืนหยัด มีทุนสร้างเนื้อสร้างตัวได้อยู่ตลอด มีรากที่มั่นคงไม่สั่นคลอนต่อสิ่งใด และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่มีการกำหนดจำนวนเงินขึ้นมา เลขหลายหลักน่าปาดเหงื่อไม่ใช่น้อย

          และที่คุณยายไม่ค่อยพอใจ ทั้งๆ ที่คุณพ่อคุณแม่มีเงินพอใส่คลังตามจำนวน ก็เพราะเมื่อหักเงินใส่กระปุก นั่นหมายถึงตัวเลขที่จะหายไปในหน้าสังคม ระดับการเงินที่ใช้ออกหน้าออกตาลดน้อยลงจนอันดับร่วง ซึ่งก็ใช่ครับ มันเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องศักดิ์ศรีชอบเอาชนะของคุณยาย...ตรงนั่นแหละที่สำคัญ

          คุณแม่ฮึดฮัด รองเท้าส้งสูงของแบรนด์ไฮเอนด์กระแทกพื้นหินอ่อนด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยอมกลับไปนั่งลงเหมือนเดิม ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบสีเปลือกมังคุดบ่นพึมพำ "มันจะอะไรกันนักกันหนา! ก็เพราะแบบนี้ไง หนูถึงได้หนีออกจากบ้าน เพราะแบบนี้ไง ถึงไม่ให้ลูกๆ เป็นชาโรนอฟ!"

          "พอจะคุ้นหูอยู่บ้าง คลับคลายคลับคลาว่ามีเหตุการณ์น่าสมเพชทำนองนั้นเกิดขึ้นเหมือนกันนี่นะ ใช่ครั้งนั้นหรือเปล่า ที่สุดท้ายก็ซมซานกลับมาขอความช่วยเหลือ ไหนจะสภาพดูไม่ได้ ให้นมลูกตอนกลางคืน แล้วไปหาจิตแพทย์ตอนกลางวันสินะ"

          คุณแม่เหมือนอยากถลาเข้าไปจับมารดาของตัวเองเขย่าให้หัวสั่นหัวคลอน แต่ทำได้แค่ตบหมอนอิงแรงๆ และบ่นงึมงำในลำคอ คุณยายไม่สนใจฟังต่อ แค่เพียงส่งเอกสารคืนเลขาคนสนิท ก่อนจะรับใบต่อไปมาดู

          "แล้วก็คุณ...ถึงตอนนี้จะไม่ได้เป็นชาโรนอฟ แต่การทำตัวให้เหมาะสมก็เป็นเรื่องสมควร ในฐานะแม่ของคนรักของหลานชายฉัน คุณไม่ควรจะหางานทำเพิ่ม โดยเฉพาะงานอะไรที่มันไม่คุ้มการลงแรง"

          คุณป้าหน้าตาตื่น เหมือนเด็กนักเรียนกำลังโดนอาจารย์ดุ ใบหน้าสวยหวานซีดลง

          "นี่น้องเมย์รับงานพิเศษเพิ่มเหรอคะ!?" คุณแม่ตบโต๊ะเสียงดัง ท่าทางก้าวร้าวทำเอาหญิงชราคิ้วกระตุก

          ผิดกับลูกชายลำดับสาม ถามด้วยความห่วงใย "จริงหรือครับฮิเมโกะซัง? พวกเราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วไม่ใช่หรือครับ"

          ไม่ใช่แค่คุณแม่ที่มองอย่างไม่พอใจ ผมก็ไม่ค่อยพอใจพอสมควร

          คุณป้าชอบดื้อรั้นอยู่เรื่อย...ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยแข็งแรง แต่ก็ยังชอบรับงาน หรือหางานพิเศษทำ บางทีก็แอบมาช่วยพ่อบ้านแม่บ้านทำความสะอาด เคยกระทั่งไปถอนหญ้า ทำสวน จนเป็นลมล้มพับไป เล่นเอาเทมปุระร้องไห้จนตาบวมเป่ง ผมเจ็บหัวใจแทบตายกว่าเขาจะหยุด จนเราต้องออกกฎถึงพนักงานในบ้านทุกคน ห้ามให้เธอแตะงาน ช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นคนรับผิดชอบในส่วนที่คุณป้าทำ ต้องโดนไล่ออกสถานเดียว

          คุณป้าที่เพิ่งเจอคุณยายเป็นครั้งแรกเกร็งไปหมด ยิ่งพอถูกตำหนิตรงๆ ไม่อ้อมค้อมก็หน้าเสีย รีบยกมือไหว้ขอโทษหญิงชราและพวกเราทุกคน

          "ข-ขอโทษคุณดาเลีย และขอโทษทุกคนด้วยนะคะ แต่ว่า...แต่ว่ามันก็แค่งานเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ใช้แรง แค่รับงานออกแบบบ้านตามที่เคยเรียนมา หนูอยู่ว่างๆ ก็อยากจะทำตัวให้มีประโยชน์ ไม่ได้คิดถึงในแง่นั้นเลย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ"

          "บางทีการอยู่เฉยๆ ก็ดูจะมีประโยชน์มากกว่าการหาเรื่องใส่ตัว...คุณไม่คิดแบบนั้นหรือคะ"

          ดวงตาที่ฉายชัดว่า 'รู้ทุกเรื่องและรู้ทุกอย่าง' ทำเอาหญิงสาวมีสีหน้ารู้สึกผิด "ขอโทษจริงๆ ค่ะ ต่อไปจะระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้"

          สีไพลินควานหาความจริงจากนัยน์ตาสีน้ำตาล จนพอใจ จึงพยักหน้า

          ยิ่งนานคน คุณยายยิ่งคิ้วขมวดแน่น เสียงที่ดุก็เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ นี่ถ้าเจ้าตัวเล็กของผมอยู่ด้วย เขาคงร้องไห้น้ำตานองหน้า เอ่ยห้ามคุณยายปากคอสั่นว่าอย่าแกล้งทุกคนแน่ๆ ครับ

          เฮียปลาหย็องโดนจนตาแดงน้ำตาปริ่ม เฮียเนื้อหย็องรอดพ้นไปเพราะเกรดเฉลี่ยดี แต่ก็โดนเรื่องไม่รู้จักการแบ่งเวลาให้ถูก และไม่รู้จักดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี ในส่วนของพี่สาวคนเดียวนั้นก็หนักใช่เล่น ส่วนผมรอดปลอดภัยครับ มีถูกตำหนิบ้างเรื่องเจ็บตัวตอนไปเที่ยวกัน แต่อย่างอื่นไม่มีอะไรให้ดุด่าว่ากล่าว ไม่ใช่ลำเอียง ในเรื่องการศึกษาไม่มีคำว่าลำเอียงและอ่อนข้อสำหรับดาเลีย แอน แต่เพราะไม่ใช่แค่ปลายปีที่คุณยายตรวจ ของผมโดนทุกวันเสียด้วยซ้ำ การกวดขันให้เป็นดั่งคนต้นแบบเริ่มมานานจนผมทำเป็นกิจวัตร ต่อให้เถลไถล งานการก็ต้องไม่เสีย ประพฤติตัวเหมือนมีกล้องตามดูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ต่อให้โดนสุ่มตรวจ ผ้าที่ถูกพับ ก็เรียบกริบไร้ร่องรอยยับย่น

          หย็องหย็องน้องชายผู้น่าสงสาร กริ่งเกรงญาติผู้ใหญ่จนเบียดตัวเข้ากับซอกโซฟาเสียเกือบมิด แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้ สีแดงเถือกเด่นชัด เห็นถึงพวกผมที่นั่งฝั่งตรงข้าม...นี่หย็องแอบหยุดเรียนไปเยอะขนาดนี้เลยหรือครับ?

          "แล้วของเธอนี่มันอะไร....ยูริ โจวิช ชาโรนอฟ เกรดเฉลี่ยสองจุดแปด ไหนจะวันหยุดเรียนที่เยอะกว่าที่ทางโรงเรียนกำหนดนี้อีก คนเลี้ยงดูสมองเท่าชิปมังหรือยังไงกัน ถึงได้สั่งสอนให้ตั้งใจเล่าเรียนไม่ได้"

          คุณพ่อเมื่อเห็นหย็องหย็องโดนต่อว่าจนหน้าถอดสี ก็รีบเดินไปดึงมือลูกชายคนเล็กมานั่งเคียงข้าง พร้อมกุมมือภรรยารักข้างกายก่อนที่จะลุกขึ้นอาละวาดอีกรอบ

          "เกรดเฉลี่ยไม่ได้วัดอะไร นอกจากความตั้งใจเรียนในโรงเรียนนะครับคุณแม่"

          "จะบอกว่าหน้าที่ศึกษาหาความรู้ ไม่ใช่หน้าที่ของเด็กหรือ? ...แล้วก็แอนต่างหากค่ะ ไม่ใช่ 'คุณแม่' "

          "ครับ...แต่ว่าผมไม่ต้องการให้คุณแม่ดุลูกผมเรื่องการเรียน โลกนี้มีอะไรมากกว่าตัวเลขที่ออกทุกเทอมนะครับ"

          คุณพ่อยังคงดึงดันเรียกคุณยายว่าคุณแม่ จนโดนหรี่ตามองเตือน

          และความเงียบคือถ้อยคำสวนตอบว่า 'ไม่เห็นด้วย' ... ถ้าจะไม่ตั้งใจเรียน ก็ต้องเก่งอย่างอื่น ถ้าไม่เก่งก็ต้องพยายาม รู้หน้าที่ตัวเองและทำมันให้ดี ... คือคำที่ท่านพูดเสมอ และสิ่งที่คุณยายโกรธจริงๆ คือการที่หย็องหย็องไม่ทำตามกฎระเบียบเสียมากกว่า อย่างไรก็เป็นทหารล่ะนะ

          อา... เห็นผมหยุด ผมก็ทำงานเป็นประธานแลกนะครับ เพราะงั้นหยุดไป ก็ถือว่าอยู่ในกฎ เล่นตามระเบียบ

          "เข้ามหาวิทยาลัยใช้ใบลาปลอมไม่ได้ และหยุดเกินกำหนดมีสิทธิ์ซ้ำชั้น เรื่องพื้นฐานพวกนี้ พอจะรู้บ้างใช่ไหมคะ...มิสซิสเซอร์กีย์?"

          คุณยายยกแก้วน้ำขึ้นจิบ โยนหินลงน้ำให้ระลอกคลื่นกระทบลูกสาว คุณแม่มีสีหน้าครุ่นคิด  สักพก ใบหน้าสวยงามเริ่มบูดบึ้งหงิกงอคล้ายนางยักษ์ เสียงแหลมตวาดแว้ดใส่ผู้ชายสองคนที่เริ่มกระเถิบตัวออกห่าง

          "เดี๋ยวก่อนนะคะ ใบลาปลอม หยุดเรียนเกินกำหนด...? หนูไม่เห็นเคยรู้เรื่องนี้มาก่อน! แล้วคุณก็รู้เรื่องด้วยเหรอโจ!? กรี๊ดดดดดดดดดด...หย็องหย็องเจ้าลูกดื้อ! คุณหญิงแม่ว่าแล้วเชียว ทำไมพี่เลี้ยงของลูกถึงได้หนีหน้าหลบตา! โดน! โดนแน่ๆ ทั้งคริสโตเฟอร์และบรรดาพวกพี่น้องด้วงทั้งหลาย! คุณก็ด้วยโจวิช! หึ...อยากซื้อนักใช่ไหมไอ้เกาะส่วนตัวตรงนั้นน่ะ ได้! ฉันจะซื้อตัดหน้าคุณ แล้วทำเป็นเกาะเลี้ยงนกไปเลย! ทุกคนเข้าเกาะฟรียกเว้นคุณ ห้-า-ม-เ-ข้-า! นังสามีตัวดี!"

          "มะม้า มะม้า! ฟังหย็องก่อนนะ ก็เทอมแรกๆ มันไม่ค่อยมีอะไรให้เรียน หย็องก็เลยเบื่อๆ เลยโดดเรียนไปหาอะไรทำแค่นั้นเอง ส่วนที่หยุดเกิน ก็หยุดเกินไปแค่สิบ ไม่สิๆๆ แค่เจ็ดวันเองครับ อาจารย์ให้ไปทำงานอาสาสมัครก็เรียบร้อยแล้ว ปีก่อนก็ทำ..." สองมือตะครุบปิดปาก เหมือนเพิ่งปล่อยทองคำให้ร่วงลงพื้น สายตาล่อกแล่กค่อยๆ หันไปมอง หวังว่ามารดาจะไม่ได้ยิน แต่ก็ไม่ทัน นางยักษ์ได้ยินชัดเต็มสองรูหูจนแยกเขี้ยววาววับ

          "....นี่ปีก่อนลูกก็ทำแบบนี้งั้นเหรอ ยูริ โจวิช ชาโรนอฟ!!!"

          "ที่รัก ที่รัก ใจเย็นๆ ก่อน คุณจะแดกหัวลูกต่อหน้าคุณตาคุณยายไม่ได้ โอ้ย โอ้ยยยยยยยย อย่า! อย่ากดซื้อเกาะของผม!!!"

          "คุณแม๊!!!!"

          "หึ รวมหัวกันดีนักนะสองพ่อลูก ดี!"

          มหกรรมรุมทึ้งเริ่มต้นและจบลงในอีกหลายนาทีถัดมา พอดีกับกระดาษใบสุดท้ายถูกอ่าน ผมลุ้นยิ่งกว่าอะไร ลุ้นยิ่งกว่าทุกคนในครอบครัว

          "อืม"

          แค่อืม...ไม่มีประโยคประธาน กริยา หรือคําวิเศษณ์เสริม แต่เท่านั้นผมก็เผลอยิ้มกว้าง 'อืม' คือคำชมในห้าระดับของคุณยายแล้วครับ การไม่มีถ้อยคำติเตียนถือเป็นหนึ่งในคำชม เพราะมาตรฐานของหญิงชราช่างสูงส่ง จนไม่ว่าผิดแม้เพียงเล็กน้อย หรืออะไรก็ล้วนเป็นข้อด้อย แค่เพียงลืมเขียนจุดในกระดาษก็ถูกว่าไปสองบรรทัด

          "อะไรอะ เอ้ย ครับ! ทำไมของเทมคุณยายแค่อืม? เกรดเทมก็พอๆ กับหย็องนี่น่า สามปะเฮียหมู?"

          คนมีความผิดติดตัว อยากลากทุกคนให้ร่วงลงเหวด้วยกัน ตะแง้วร้องขอความเป็นธรรม แต่เสียดายที่นี่ไม่ใช่ศาลทหาร แต่เป็นศาลเตี้ยของดาเลีย แอน

          "เอาสมองปกติของตัวเองไปเทียบกับเด็กพิเศษที่สมองไม่ปกติ...ไม่รู้จะให้มองในแง่เขาพยายามจนเทียบเท่า  หรือจะมองว่าไร้ความสามารถจนแพ้เขาหลุดรุ่ยดี อย่างไรดีคะคุณยูริ?"

          "ขอโทษฮับ"

           นี่ล่ะครับคุณยาย ถึงจะดูเจ้าระเบียบ เข้มงวด โลกหมุนรอบตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เอาไม้บรรทัดวัดเหมือนกันทุกคน แม้มาตรฐานไม่เปลี่ยน แต่ระดับสามารถถูกปรับเปลี่ยนไปตามปัจจัย นับว่าสมเป็นหญิงชาติทหาร ในความอยุติธรรม ก็มีความยุติธรรมอยู่บ้างให้พอสบายใจ

          "สำหรับพวกเด็กๆ เพราะฉันไม่ได้มาตรวจด้วยตัวเองทุกปี ก็ยากจะดุกล่าวได้เต็มปาก ยังไงพวกเธอก็เป็นแค่สายเลือดห่างๆ แต่ก็อยากให้รู้ไว้ว่าฉันจับตาเฝ้าดูอยู่เสมอ ทำตัวให้มันดีๆ จะเกเรบ้าง...ฉันก็ไม่ได้ยุ่งนักหรอก แต่ทำอะไร ช่วยคิดถึงหน้าบรรพุบุรุษที่เพียรสร้างชื่อขึ้นมาบ้าง เข้าใจไหม?"

          อาเฮียฮาเจ้และหย็องหย็องตอบรับพร้อมเพรียง

          "ส่วนเธอสองคน...ฉันตรวจทุกปี แต่ก็ยังกระเตื้องขึ้นเชื่องช้ายังกับเต่าเป็นอัมพาต ตั้งใจกันหน่อย เป็นหัวหน้าครอบครัว จะมาเหลาะแหละแบบนี้ แล้วจะดูแลหลานชายฉันได้ยังไง"

หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 53 * 22/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 22-01-2019 18:55:04


          ก๊อก ก๊อก


          เหมือนสัญญาณช่วยชีวิตสำหรับสมาชิกในห้องรับแขก เมื่อดวงหน้าอ่อนเยาว์เยื้องหน้าเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ มีคุณหัวหน้าพ่อบ้านทำหน้าลำบากใจ โค้งตัวขออภัยที่ขัดจังหวะอยู่ด้านหลัง

          "ข-ข-ข ขอ ขอโทษครับ แต่ แต่ คือ คือว่า...เทม เทมขอยืมตัวหมูหย็องสามนาทีได้ไหมครับ แล้ว แล้วเทมจะพาหมูหย็องมาส่งคืนนะครับ นะครับ คือ คือว่าเทม ฮึก หมูหย็องครับ มุ มุ หมูหย็องครับ" ขนตาเปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำใส หัวใจผมบีบรัดจนปวดหน่วง สมองลืมเลือนว่ามีใครนั่งอยู่ มารยาทที่ถูกเธอพร่ำสอนหายไปแบบฉับพลัน สองขาก้าวกระโดดออกจากโซฟา รีบตรงดิ่งไปตรงหน้าแก้วตาดวงใจ สองมือกอดรวบเด็กชายเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

          โบกมือให้ทุกคนที่ตกใจกับความกะทันหัน ห้ามให้อย่าเพิ่งเข้ามาใกล้ ปิดประตูที่แง้มอ้าออก ตัดขาดให้เหลือเป็นโลกส่วนตัว

          "ชู่ว...ที่รักครับ ไม่ต้องร้องไห้นะครับ เทมเป็นอะไรครับ ใครรังแกหรือเทมอยากได้อะไร หรือว่าเจ็บตรงไหน บอกหมูสิครับคนดี" ลูบมือลงบนแผ่นหลังที่ห่อลงจนเล็กแคบ

          ศีรษะกดซุกกับบ่า พูดอู้อี้จนฟังไม่ได้ศัพท์ "แอนด์ แอนด์ ลืม ฮึก เทม เทมลืมครับ เทม เทมเป็นเด็กไม่ดี"

          "ที่รักเป็นเด็กดีครับ ที่รักเป็นเด็กดีเสมอ"

          "แต่ แต่ว่า เทม ฮึก เทม เทมลืมครับหมูหย็องครับ เทม เทมลืมเปิด ชะ ชะ ช่อง ช-ช่อง ช่อง ครับ เทม เทมไม่ได้เปิดวันที่ยี่สิบสี่สี่สี่ เทม เทมเปิดถึงแค่วันที่ยี่สิบอาม สาม แล้ว แล้ววันนี้ก็ ก็วันที่ยี่สิบห้าแล้วครับ วันคริสต์มาสแล้วครับ แต่เทม เทมลืมเปิด เทมขอโทษครับ เทมขอโทษ"

          อา...Advent Calendar

          เจ้าปฏิทินนับถอยหลัง 24 วัน ก่อนถึงวันคริสต์มาสที่ผมให้เขาทุกปี ข้างในปฏิทินจะบรรจุสิ่งของต่างๆ เช่น ขนม ลูกอม เพชร พลอย เทียนหอม น้ำหอม แล้วแต่คนทำจะรังสรรค์ แน่นอนว่าของเด็กชายฟ้าประทานต้องเป็นของหวานอย่างที่เจ้าตัวชื่นชอบ ในทุกวันที่พ้นผ่านในเดือนธันวาคม เริ่มตั้งแต่วันที่หนึ่ง ก็จะเปิดหนึ่งช่องต่อวันเพื่อรับของขวัญด้านใน แต่ละวันล้วนเป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆ ที่เขาตั้งตารอคอย  เปิดไปทีละช่องจนถึงคริสต์มาสอีฟ เป็นความสนุกกับการนับถอยหลังก่อนจะได้รับของขวัญชิ้นใหญ่

          Advent Calendar คือตัวต้นเหตุนี่เอง

          เมื่อวานมีหลายเรื่องให้ผมทำก่อนเข้าวันหยุดยาว ผลกระทบนั้น กลิ้งไปโดนเด็กชายที่นับแต่เป็นคนรักกันก็ติดผมหนึบไม่ยอมแยกไปไหนด้วย คนขี้เซาเอาแก้มเกยพนักเก้าอี้ เกาะก่ายผมหาวแล้วหาวอีก แม้จะรีบเร่ง แต่ลงท้ายก็ผิดเวลานอนไปถึงสองชั่วโมง กว่าจะได้ฤกษ์เข้าห้องนอนก็ปาไปห้าทุ่ม พอสัมผัสกับที่นอนก็หลับสนิททั้งๆ ที่ยังไม่ได้แขวนถุงเท้าบนหัวนอนด้วยซ้ำ เจ้าช่องเล็กๆ ที่เขาต้องเปิดกับผมก่อนนอนก็เป็นอันถูกลืมไป

          เรื่องราวเล็กน้อย แต่สำหรับเด็กพิเศษผู้มีอาการของโรค OCD หรือ Obsessive-Compulsive Disorder โรคย้ำคิดย้ำทำขั้นต้นร่วมด้วย เวลาไปโรงเรียน ต้องได้จัดหนังสือในล็อกเกอร์ให้เข้าที่ มองจนพอใจว่าหนังสือเรียงได้ถูกต้องตามลำดับตัวอักษร แปรงสีฟันเอียงมุมหันออกเหมือนเดิม ถุงเท้าพับเก็บที่เดิม เสื้อผ้าแขวนเรียงตามสี ไม่กำเริบหนักหากไม่มีอะไรกระตุ้น แต่แม้ไม่หนัก ก็ทำให้เขานอนไม่หลับและใช้ชีวิตติดขัดได้ ถ้าไม่ได้ทำอะไรที่เป็นระบบระเบียบ หรือได้ทำสิ่งเดิมเหมือนที่ทำอยู่ทุกวัน จะทำให้วิตก เผลอคิดซ้ำไปซ้ำมาจนไม่เป็นอันทำอะไร อีกข้อในกรณีของเทม คือเจ้าตัวจะกล่าวโทษและรู้สึกผิดต่อตนเอง ความคิดในแง่ลบจะพุ่งพรวดจนน่าเป็นห่วง

          การข้ามการเปิดช่องไป จึงไม่ใช่อะไรที่เล็กน้อยตามขนาดของ มันไปรวนความคิดให้ตกหลุมไปไหนไม่ได้

          ปากแนบชิดปิดถ้อยคำขอโทษขอโพยเนิ่นนาน จนไม่มีคำใดกล่าวว่าคนรักของผมอีก จึงผละแยกห่าง

          "หมูขอโทษนะครับ หมูลืมเตือนเทมไปเลย...เอางี้ไหมครับ เรามาเล่นเกมสมมุติกัน สมมุติว่าวันนี้คือวันที่ยี่สิบสี่ เทมมีเวลายี่สิบนาทีวิ่งขึ้นไปเอาปฏิทินลงมาเปิดนะครับ พอพ้นยี่สิบนาทีไปแล้ว วันนี้ก็จะกลายเป็นวันที่ยี่สิบห้าเหมือนเดิม"

          "ต-ต-แต่ แต่ว่า วัน วัน วันนี้ วันนี้เป็นวันที่ยี่สิบห้าเดือนธันวาคมนะครับ เกิน เกินวันเปิดมาแล้ว"

          "เกมสมมุติยังไงล่ะครับ วันนี้เป็นวันพิเศษ เทมได้โอกาสพิเศษยี่สิบนาทีนะครับ เดี๋ยวหมูจะหมุนเข็มนาฬิกาย้อนเวลาให้"

          "แล้ว แล้ววันนี้จะเป็นวันที่ยี่สิบสี่จริงๆๆๆ จริงๆๆๆ ของจริงๆๆๆๆๆ เหรอครับ เทม เทม จะกลายเป็นเทมในชุดนอนแบบเมื่อวานเหรอครับ"

          ยกมือเช็ดหยาดน้ำคนเจ้าน้ำตา พินิจมองจมูกที่ขึ้นสีแดงคล้ายกวางเรนเดียร์ลากเลื่อนของซานต้า กดจูบปลายจมูกสีลูกเชอร์รี่สุกก่ำ "ไม่ครับ แค่เฉพาะรอบปฏิทินเท่านั้นที่จะเป็นวันที่ยี่สิบสี่ เทมยังคงเป็นเทมวันที่ยี่สิบห้าครับ"

          หยิบผ้าเช็ดหน้าบีบจมูกแดง

          ฟืดดด

          "ยี่สิบสี่จริงๆ เหรอครับ? ยี่สิบสี่จริงๆ ของจริงๆ ของจริงๆ เหรอครับหมูหย็องครับ?"

          "จริงสิครับ"

          "งั้น งั้นๆๆๆ เทม เทมจะรีบไปเอานะครับ รีบๆๆ ไปเอานะครับ"

          "หมูต้องคุยกับคุณตาคุณยายอีกนิดหน่อย เทมรอสักสิบนาทีได้ไหมครับ หรือว่าจะขึ้นไปกับพ่อบ้านก่อน?"

          "เทม เทมอยากให้หมูหย็องไปด้วยครับ เทมกลัว กลัวๆๆ พลังสมมุติจะไม่ถึงชั้นหก ห้อง ห้องของเรานะครับ สมมุติถึงชั้นหกหรือเปล่าครับหมูหย็องครับ"

          "ถึงชั้นสิบเลยครับ"

          "งั้น งั้นเทม เทมไปกับคุณหัวหน้าพ่อบ้านนะครับ เดี๋ยว เดี๋ยวเทมลงมานะครับ"

          "เทมล้างหน้าด้วยนะครับ จะได้ลงมาทานข้าวกัน...อย่าให้เขาถือเองนะครับ มันเป็นกล่องไม้ใหญ่ เดี๋ยวจะสะดุดล้ม" หันไปกำชับกับพ่อบ้านอย่างไม่วางใจเจ้าเรนเดียร์จมูกแดง

          เทมรีบวิ่งตุบตับออกไป มองตามจนพ้นสายตาถึงได้หันหลังกลับ โบกมือปฏิเสธความช่วยเหลือจากพ่อบ้านอีกคน เลือกเปิดประตูหนึ่งบานด้วยตัวเอง ประตูอ้าออกอย่างเงียบเชียบ จนผู้สอดรู้สอดเห็นที่เอาหูแนบกับอีกบานไม่รู้ตัว ยังคงค้างท่าทางแอบฟังอย่างเต็มที่...ไม่อยากจะเชื่อเลย ต่อหน้าคุณตาคุณยายแท้ๆ

          ไม่สิ...นั่นคุณตากำลังเอาแก้วน้ำแอบฟังใช่ไหมครับ ล้ำหน้าคนอื่นไปไกลเชียว

          บนชุดโซฟารับแขก เหลือเพียงหญิงชรานั่งอยู่เพียงคนเดียว

          "มารยาทหายไปกับน้ำชาที่ดื่มหรือยังไงครับ?" เอ่ยถามเสียงนิ่ง

          เจ้ไก่ที่รู้ตัวก่อนรีบทำเป็นแปะป่ายสำรวจไปตามบานประตู คิ้วขมวด เดาะลิ้น  "จุ๊ จุ๊ จุ๊...ประตูบ้านเราลอกหรือเปล่าคะคุณแม่ ไก่ว่าเราควรเปลี่ยนประตูใหม่เนอะ"

          "นั่นสิคะลูกไก่ขา ดูสิ ปลวกแทะหมดเลยนะคะเนี่ย"

          ประตูหินอ่อนตัดบางแต่งพิเศษ ปลวกนี่ฟันเหล็กหรือไงครับถึงแทะเข้า

          "แหะๆ คุณป้าเป็นห่วงน้องเทมนี่ครับ น้องหมูหย็องไม่โกรธนะครับ"

          "ช่ายๆ ก็เป็นห่วงเทมอ่ะ กลัวโดนเฮียแด-- เอ่อ หย็องหมายถึงกลัวไม่สบาย"

          "จำปาได้ยินเสียงจ๊วบจ๊าบด้วยค่ะขุ่นแม๊ ขุ่นแม่ต้องลงหวายนะคะ! คุณหลวงหมูจะมาลวนลามคุณหลวงเทมไม่ได๊!" ​


          เรื่องแบบนี้ ก็จะสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวจนน่าโมโห ผมมองเมินกลุ่มก้อนหัวทองมุง เดินกลับเข้าไปหาคุณยาย

          "ผมทราบว่าคุณยายเหนื่อยจากการเดินทาง และคงอยากกลับไปพักผ่อน แต่ถ้ายังไง...ช่วยอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับได้ไหมครับ วันนี้มีเมนูสตูว์ลิ้นวัวที่คุณยายชอบ สูตรจากเลดี้เจนใส่ใบกระวานกับถั่วลูกไก่ ผมรับรองว่ารสชาติไม่ต่างกันเลย ไม่สิ อาจจะอร่อยกว่านิดหน่อย ก็ต้องขออภัยคุณยายล่วงหน้าด้วยครับ"

          มุมปากคนจิบชายกขึ้นเล็กน้อย "อยู่กับเซอร์กีย์ไม่นาน หลานก็อวดดีไม่ต่างเลยนะดิมิทรี นิสัยแย่ๆ จะลุกลามติดกันเร็ว เห็นท่าจะจริง"

          "คุณยายมาหาผมน้อยครั้งเกินไปนี่ครับ ถ้าจะไม่ให้ติดนิสัย...คุณยายคงต้องมาหาผมบ่อยๆ"

          เสียงหัวเราะในลำคออย่างคนรู้ทัน ทำเอาขวยเขินไม่น้อย "อ้อนเก่งขึ้นเสียด้วย คะแนนตรงนี้ยายคงไม่เอาไปบวกให้กับเขาหรอกนะ...เขาขี้แงอ่อนแอแบบนี้ประจำหรือ" เขาที่ว่าหมายถึงเทม

          "เขาน่ารักแบบนี้เสมอครับ" เผลอจุดรอยยิ้มอ่อนโยน เมื่อคิดถึงคนโยเยให้กอดปลอบบ่อยครั้งบ่อยหน

          ท่านส่ายหัวหน่ายระอาให้คนหลงแฟน "ตามใจกันเกินไปแล้ว"

          "ขอโทษครับ แต่ผมหวังว่า...สักวันคุณยายจะคิดเหมือนกัน"

          ดวงตาเย็นชา ถูกโคมไฟระย้าหลอมละลาย สีส้มนวลของแสง สะท้อนให้อุณหูภูมิเพิ่มขึ้นจนคล้ายอบอุ่น "แล้วอยู่ที่นี่...หลานเป็นยังไงบ้าง" อ่านทางข้อความ ถามทางโทรศัพท์ อย่างไรก็ไม่เท่าถามต่อหน้า

          "ดีครับ ทั้งสองคนดูแลผมดีมาก และทุกคนก็ดีกับผม ทั้งสนุกดี มีความสุขดี น่ารำคาญดีและน่าปวดหัวดี ถ้าคุณยายมาเยี่ยมบ่อยๆ คงจะต้องพาคุณลุงหมอมาด้วย เผื่อไว้ก่อนกรณีเป็นไมเกรนแบบเฉียบพลัน"

          "คงต้องพาจิตแพทย์มาด้วย"

          "ครับ จิตแพทย์ก็ด้วย" ผมหัวเราะ ก่อนเงียบลง "...ขอบคุณคุณยายที่มานะครับ"

          รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับบุคคลสำคัญผู้มีความลับจนเคลื่อนไหวประเทศและเปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้ จะออกมาข้างนอก จะเคลื่อนไหวทางซ้ายทางขวา หรือไปไหนๆ ต้องยื่นเรื่องกันวุ่นวาย แปดคนขึ้นตรงต่อคุณยาย ห้าคนของทางรัฐบาลส่งมาจับตาดู ยิ่งได้มุมมองจากเทม ผมยิ่งเห็นว่าแท้จริงแล้ว อำนาจก็ไม่ได้หอมหวานนัก ยิ่งมากยิ่งอันตรายและเหนี่ยวรั้ง กลายเป็นเหยี่ยวในวังสีแดงที่ถูกมัดแข้งขาไม่ให้โผบินไปไหน

          "แฮ่ก...ขอ ขอโทษครับ เทม เทมลงมาช้า เทม เทมล้างๆๆๆ หน้าแล้วแฉะๆๆๆ เลยต้องเปลี่ยนชุดใหม่ครับ"

          "หมู! เทมลงมาแล้ว! รีบๆ มาเปิดกับเทมดิ เจ้หิวข้าวจนสะดือจะติดกระดูกหลังแล้วเนี่ย"

          "น้องไก่หย็องคะ คุณป้าพอจะมีคุกกี้ในกระเป๋า เอาไปทานดีไหมคะ"

          "ว๊าย คุณน้องพูดเป็นเล่นใช่ไหมคะ? กว่าสะดือคุณน้องจะติดหลัง ต้องติดพุงสามชั้นก่อนนะคะนั่นน่ะ"

          "ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า เดี๋ยวไก่รอทานพร้อมกันทีเดียวก็ได้...บอกแม่ครัวเอาเฮียไปเป็นวัตถุดิบด้วยได้ป่ะ ไม่ต้องกินหรอกไก่งวง กินกระบือมีงวงตรงนี้ดีกว่า"

          "กรี๊ดดดดดดด ขุ่นแม๊! ไก่ว่าจำปาเป็นด้วงค่ะ!"

          "อืม...กระบือแปลว่าควายนะครับเฮีย"

          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"

          "ปะป๊าหิวอ่า หมูมาเร็วๆ คุณแม่มาเร็วๆ สิครับ"

          เสียงโหวกเหวกหน้าประตูทำเอาผมถอนหายใจ คุณยายที่ดูเหมือนจะตอบตกลง กลายเป็นมีท่าอยากหนีกลับโรงแรมอีกครั้ง

          "อืม...วุ่นวายดีด้วยครับ และจะยิ่งน่ารำคาญกว่านี้ถ้าเรายังไม่ยอมออกไป"

          ท่านเหลือบมองกลุ่มคนจอแจแล้วขมวดคิ้ว ผมลุ้นกับคำตอบจนเผลอบีบมือแน่น

          "...นำทางยายไปสิ"

          ก่อนคุณยายจะเปลี่ยนใจ ผมรีบเข้าไปประคองท่านทันที ได้แต่หวังว่าดินเนอร์จะไม่เกินความอดทน จนคุณยายลุกออกจากโต๊ะกลางคัน





         


end 53 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง





หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 53 * 22/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 22-01-2019 22:03:28
น้ำลายไหลเลย ตกใจหมด
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 53 * 22/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-01-2019 05:35:25
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 53 * 22/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-01-2019 05:39:34
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 54 * 25/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 25-01-2019 22:11:58






54






          โต๊ะอาหารวันนี้เอิกเกริกไปด้วยอาหารมากมาย ไก่งวงตัวใหญ่ ล็อบสเตอร์ตัวโต บรรดาของหวานนานาชนิด จานชามพิเศษถูกหยิบมาใช้จนคล้ายภาพวาดอาหารสวรรค์ กลิ่นหอมโชยอบอวลไปทั่วห้อง ต้นคริสต์มาสต้นเล็กกว่าข้างนอกถูกนำมาวาง แสงไฟจากเทียนบนเชิง ของตกแต่งประดับ เตาผิงจอมปลอมก็ช่วยทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ นักดนตรีเมื่อเห็นแขกก็เริ่มบรรเลงเพลงคลอเคลียหู ความสุนทรีย์ทั้งมวลดูน่าพอใจ

          ขาดก็แต่ตัวเจ้าบ้าน ที่ทำหน้าเหมือนท้องผูกอยู่หลังเก้าอี้สลักตัวสวย

          ปีปกติ อาหารไม่แตกต่าง แต่ในวันนี้เราจะไม่ค่อยขึ้นโต๊ะนั่งเก้าอี้ทานแบบเป็นทางการกันนักหรอกครับ จะตักเหมือนบัฟเฟต์แล้วไปนั่งกองกันแถวโซฟา ดูหนังเกี่ยวกับคริสต์มาสห่วยๆ สักเรื่องมากกว่า แต่ยามนี้คงไม่เหมาะ ให้ห่มผ้าห่มพื้นใหญ่ด้วยกันกับคุณตาคุณยาย วิจารณ์พระเอกนางเอกว่าโง่บรม แค่นึกภาพก็กระดากกระเดื่องเกินไป ไม่ต้องคิดการใหญ่อย่างนั่งอิงแอบ เอาแค่ที่นั่งเก้าอี้กับโต๊ะอาหารก็ชวนสับสน ตามหลักแล้ว เจ้าบ้านอย่างคุณปะป๊าควรนั่งหัวโต๊ะ แต่ถ้านับตามศักดิ์ก็ควรให้คุณตา แต่ถ้านับตามในตระกูล คนที่อยู่สูงสุดคือคุณยาย

          ผมชะลอฝีเท้าที่ประคองหญิงชราเล็กน้อย มองท่าทีบิดาที่เลิ่กลั่ก เห็นท่านจ้องมาทางผมเช่นเดียวกัน ก่อนหันไปสะกิดภรรยารักว่าจะเอาอย่างไร คุณแม่ยังคงโมโหเรื่องหย็องหย็องไม่หาย ไม่ช่วยเหลือ แค่เพียงยืนนิ่ง สายตา SOS ของคุณป๊าทำเอาผมถอนหายใจ สุกท้ายก็ตัดสินใจจับจูงคุณยายไปนั่งหัวโต๊ะ แล้วกระซิบบอกเฮียปลาให้ประคองคุณตาไปนั่งมุมหัวโต๊ะอีกด้าน

          จบลงด้วยดี

          หลังพยุงคุณยายนั่งที่เรียบร้อย เสียงเคลื่อนเก้าอี้หลายตัวก็ดังขึ้น พวกเรานั่งลงตาม ด้านขวามือของคุณยายคือที่ประจำของผม ตามด้วยเทมปุระ ส่วนด้านซ้ายคือคุณปะป๊าและเฮียเนื้อหย็อง ส่วนคุณแม่ถูกส่งไปนั่งรับมือกับคุณตาอีกฟากฝั่ง

          "อึ๋ย ไก่งวง แหยะ...หย็องไม่กินเด็ดขาดอ่ะ โคตรไม่อร่อย จานนั้น! ผมจะไปนั่งตรงนั้น! ไก่ทอด!"

          "กลับมานั่งตรงนี้เลยเจ้าตัวแสบ แถวหัวโต๊ะให้ผู้ใหญ่เขานั่งไป เราน่ะมานั่งกับเจ้"

          "เจ้ไก่เอาหมูหันส่วนสันในให้ผมก่อนได้ปะ เฮียปลาชอบแย่งส่วนอร่อยไปทุกที"

          พอนั่งประจำที่ หลังเคร่งเครียดกันมาเป็นชั่วโมงกับการถูกสอบสวน เวลานี้พอได้ปลดปล่อย มีกลิ่นชวนหิวคอยมอมเมาก็ทำเอาท้องร้องโครกคราก อาหารน่าทาน ดึงความเป็นปกติของบ้านคือเสียงดังและรื่นเริงกลับคืนมาหลายส่วน บนโต๊ะถูกสายตาหลายคู่จับจ้อง ส่งสัญญาณว่าอยากทาน จนสงสารเหล่าบริกรที่เดินหยิบอาหารจานนู้นจานนี้เสิร์ฟกันให้ยุ่งมือ

          ผมเอ่ยขอจานเนื้อแกะตุ๋นและสตูว์ลิ้นที่เอ่ยโฆษณาไว้ให้หญิงชราที่กำลังทานซุป ท่านพยักหน้า ก่อนทานเงียบๆ ผิดกับคุณตา ที่ได้ยินเสียงเข้มงวดแว่วมาให้ได้ยิน ดูท่าจะมีคนถูกคุณตาดุอยู่ล่ะครับ...

          ทุกคนผลัดกันคุยผลัดกันพูดถึงเรื่องต่างๆ มีบางเรื่องที่เครียด ที่ตลก ที่น่าเศร้า น่าหงุดหงิด เป็นเรื่องราวในปีที่แต่ละคนประสบ ผมว่าบรรยากาศไม่เลวเลยทีเดียว คุณตาสนใจฟังเรื่องเล่าจากเหล่าหลานๆ ส่วนคุณยายก็รับฟังอย่างสงบ แถมอาหารในจานท่านพร่องไปเยอะจนน่าปลาบปลื้ม คำคุยโวไม่เกินจริง

          "มินซพาย มินซพาย เทม เทมอยากทานมินซพายครับ หมูหย็องครับหมูหย็อง เทม เทม ขอ ขอทานชิ้นหนึ่งก่อนได้ไหมครับหมูหย็องครับ?"

           Mince pie เป็นสิ่งแรกที่ถูกคนรักของผมหมายปองก่อนอาหารใด นัยน์ตาสีน้ำตาลทอแสงวิบวับแข่งกับไฟประดับ ใจจริงอยากให้เขาทานของคาวให้อิ่มเสียก่อน แต่จากสายตาที่จับจ้องเอาเป็นเอาตายตั้งแต่เดินเข้ามา วันพิเศษกอปรน้ำเสียงออดอ้อนถูกส่งมาให้ใจสั่นคลอน ...ก็คงต้องให้เขาก่อนสักชิ้นล่ะนะครับ

          "ชิ้นเดียวก่อนนะครับ"

          เมื่อได้รับคำอนุญาต เด็กน้อยยกมือร้องเย้เสียงดัง สมาชิกในครอบครัวที่กำลังพูดคุยกันชะงัก พอถูกทุกคนจ้อง เด็กน้อยขี้อายก็ค่อยๆ นั่งลงอย่างขวยเขิน

          "มินซพายถาดนั้นเทมทานไม่ได้นะครับ มาทานของถาดนี้ครับ" จัดการเลื่อนอีกถาดที่ไม่มีรัม ไม่มีเหล้าเป็นส่วนผสมมาตรงหน้า เปิดกระปุกเนยแอปเปิ้ลปาดทาพร้อมสรรพให้เจ้าตัว เด็กชายเอ่ยขอบคุณตาเป็นประกาย ก่อนลุกขึ้นวิ่งตุบตับแย่งหน้าที่บริกร ไปตักบีฟสโตรกานอฟและบีฟเวลลิงตัน เอ่ยขอให้พ่อบ้านช่วยตัดแกะอบถั่วแมคคาเดเมีย บรรดาจานเนื้อถูกร่างสูงเอื้อมตักเสียพูน ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นเมนูบนจาน เมนูโปรดของผมทั้งนั้น รู้สึกดีจนหัวใจพองคับอก

          "ของ ของหมูหย็อง เทมตักให้นะครับ" องค์ชายที่ยามนี้กลายเป็นเด็กเสิร์ฟส่วนตัว โน้มมาเอามือป้องปากกระซิบ "เทม เทมเอาข้าวโพดออกให้แล้วครับ ไม่มีๆๆๆ ข้าวโพดนะครับ"

         
          ตามความชอบแล้ว ผมเป็นพวกสัตว์กินเนื้อมากกว่าทานผัก แม้ไม่ได้ยี้ใส่เหมือนเด็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ชื่นชอบ แต่ในเมื่อต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้เทม ผมก็ทานเยอะเป็นพิเศษ แม้อย่างอื่นจะเรื่องมาก แต่เรื่องผัก ก็พยายามไม่เลือกทาน แต่เขาก็ยังอุตส่าห์เฝ้ามองจนแอบรู้ ว่าผมไม่ชอบข้าวโพดเอาเสียเลย
         

          กัดลิ้นตัวเองแรงๆ ไม่ให้เผลอยิ้มกว้างเหมือนคนบ้า ยกมือจับแก้วน้ำขึ้นดื่ม หยุดมือไว้ไม่ให้ยกขึ้นไปรั้งใบหน้าน่ารักที่การกระทำน่ารักกว่ามาให้รางวัล

          "ขอบคุณครับ"

          กระซิบบอกกับคุณพ่อบ้านถึงเมนูที่เด็กชายชอบทานบ้าง ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้งเปื่อยนุ่มถูกนำมาวางข้างๆ เมนูหลายอย่างถูกสับเปลี่ยนหมุนวนให้คนแก้มนุ่มทาน อาหารที่เทมชอบก็ไม่พ้นของคาวโทนหวาน แต่ของคาวไม่สามารถเก็บสมาธิเขาเอาไว้ได้ ดวงตากลมใสแจ๋วแอบเหล่มองของชอบบ่อยครั้งบ่อยหน สองมือเชื่องช้าลงเรื่อยแทบหยุดนิ่ง จนต้องตักอาหารไปไว้ให้บนจานดึงความสนใจ ป้อนยิ้มหวาน เอ่ยเสียงนุ่ม "หลังทานหมดนะครับ"

          "หมดๆๆๆๆ ไม่ไหวนะครับ เยอะแยะ เยอะแยะๆๆๆ เลยครับหมูหย็องครับ กระเพาะเทมเต็มๆๆ นะครับ ขอเหลือจึ๋งๆๆๆ หนึ่ง ไว้ให้ของหวานนะครับ นะครับ?" มองเด็กขี้โกงอยากเหลือท้องไว้ให้ของหวาน ทั้งอยากจับมาฟัดทั้งขำกับท่าทางกุมท้อง คล้ายกลัวว่าผมจะบุกเข้าไปแย่งช่องว่างของกระเพาะให้กับเจ้าสลัดซีซาร์จานโต

          "อย่างน้อยก็ทานสเต๊กปลาให้หมดครับ"

          องครักษ์ช่องว่างกระเพาะตัวน้อยก้มมองชิ้นปลา ท่าทางเหมือนกำลังคิดคำนวณว่าจะเปลืองพื้นที่เกินไปหรือไม่ ทำเอาอยากหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆ กัน กับเรื่องของหวาน คนรักของผมก็จะจริงจังประมาณนี้

          ชูหนึ่งนิ้ว "ชิ้น ชิ้นเดียวนะครับ"

          "ครับ ชิ้นเดียวครับ"

          "เคโอๆๆๆ โอเค โอเคๆๆๆ ครับ"

          ทุกการกระทำ สัมผัสได้ถึงดวงตาหนึ่งคู่คอยจับจ้อง คุณยายที่ทานอิ่มแล้วมองผมกับเทมเงียบๆ "แฟรากา"

          "ครับท่าน" แฟรงค์ถูกคุณยายเรียก เคลื่อนกายออกจากจุดที่ยืนห่างออกไป เดินเข้ามาหา

          นอกจากบริกรที่ยืนเรียงรอให้บริการ ก็มีกำแพงบอดี้การ์ดคุณยายที่ยืนเป็นแถวอยู่ด้านหลังซ้อนอยู่อีกที อาหารทุกจานของคุณยายต้องถูกตรวจสอบก่อนขึ้นวางบนโต๊ะ และแม้ในเวลาส่วนตัวก็ต้องมีกำแพงมนุษย์คอยเฝ้าระวังเสมอ จะมองว่าสำคัญและสูงค่า หรือคล้ายนักโทษก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง นับว่าดีที่พวกเราทุกคนชาชินกับการถูกอารักขา เลยไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนจากคนภายนอก ส่วนเทมก็มีของหวานกวักมือเรียกความสนใจ จนไม่สนรอบกาย

          คุณยายกระซิบอะไรบางอย่าง ก่อนแฟรงค์จะโค้งคำนับแล้วเดินหายไป

          "คุณยายรับน้ำชาหลังอาหารไหมครับ?" เมื่อเห็นท่านพยักหน้า ก็เอ่ยบอกพ่อบ้านทันที "ผมสั่งเป็นชาคาโมมายล์มาให้ คืนนี้คุณยายจะได้หลับสบายนะครับ"

          ท่านพยักหน้าอีกครั้ง อัญมณีสีฟ้าถูกเบนไปมองคนด้านข้างของผม "คุณเทมปุระ"

          เด็กชายที่ตั้งอกตั้งใจทานขนม ไม่ทันรู้สึกตัวเมื่อถูกขานชื่อ เขายังทานต่อ จนผมต้องเอ่ยสำทับ "เทมครับ"

          "ครับหมูหย็องครับ" เทมวางเค้กขอนไม้ลงก่อนตอบรับเสียงใส

          "คุณยายเรียกครับ"

          "อ๋อๆๆๆๆ ครับ ครับคุณยายครับ"

          กระวนกระวายเล็กน้อย กลัวคุณยายจะหาว่าเทมไม่มีมารยาทและเมินเฉยต่อท่าน ทั้งๆ ที่จริงเด็กชายไม่ได้ตั้งใจ แต่พอได้เข้าโลกส่วนตัว ก็คล้ายปิดประตูใส่ทุกคนเสมอ สมาธิถูกใช้ได้เพียงหนึ่งสิ่ง และมีแค่ผมที่ถือกุญแจไขเข้าไปหาเจ้าตัวได้

         คุณยายรับถ้วยชามาไว้ในมือ เป่าเพียงนิดก่อนยกขึ้นจิบ เสียงราบเรียบเอ่ยถาม "คุณเทมปุระ รู้ไหมว่าหลานชายฉันชอบของหวานอะไร"

          คนถูกคำถามเอียงคอมึนงง "หลานชาย หลานชายของคุณยาย ก็ๆๆๆ ก็ ก็คือลูกของคุณหม่าม้าใช่ไหมครับ ลูกของคุณหม่าม้า เฮียปลาหย็อง เฮียปลาหย็องชอบขนมไทยมากๆๆๆ เลยครับ เทมเคยเห็นเฮียปลาหย็องหิ้วตะกร้าใส่ทองหยิบทองหยอดมานั่งทานในห้องนั่งเล่นด้วยครับ แล้วก็ๆๆๆ เฮียเนื้อหย็องชอบ--"

          "ฉันหมายถึงหลานชายคนเดียวของฉัน...ดิมิทรี"

          "แต่ว่า แต่ว่า ถ้าตามหนังสือ--"

          "ดิมิทรี คือคำตอบเดียวที่ฉันอยากฟัง"

          เทมปุระพยักหน้าหงึกหงัก ไม่มีสีหน้าโกรธเคืองหรือไม่พอใจที่ถูกพูดตัดบท ยิ้มกว้างก่อนอธิบายเจื้อยแจ้ว "หมูหย็องเหรอครับ หมูหย็องไม่ชอบของหวานครับ หมูหย็องไม่ชอบรสหวานๆๆๆ ไม่ชอบคุกกี้ เค้ก ลูกอม หมูหย็องชอบกาแฟขมๆๆ ไม่ใส่นมครับ ที่หม่ำบ่อยๆๆ จะเป็นไอศกรีมกาแฟ อะ แต่ถ้าเป็นขนมขมๆๆๆ หมูหย็องก็ทานนะครับ แต่ก็ไม่ชอบอยู่ดีครับ ตอนหม่ำๆๆๆ หมูหย็องจะคิ้วขมวดๆๆๆ หม่ำๆๆ ไปสองสามคำก็ไม่ทานแล้วครับ แต่ๆๆๆๆ เทมเคยเจอหมูหย็องหม่ำทิรามิสุไปตั้งเจ็ดคำด้วยครับ เยอะแยะๆๆๆ มากเลย แต่พอต่อมาก็ไม่ทานเหมือนเดิมครับ เทมเห็นด้วยว่าหมูหย็องแอบจิ้มๆๆๆ เฉพาะตรงผงกาแฟทาน ไม่ได้หม่ำตรงครีมๆๆ กับคุณเลดี้ฟิงเกอร์ เทม เทม เทมก็เลยไม่นับทิรามิสุว่าหมูหย็องชอบครับ"

          ไทยคำปนอังกฤษคำไม่เป็นปัญหา หญิงสาวที่คุณตาพามาเล่นตลกร้าย เป็นมืออาชีพจนแปลได้อย่างรวดเร็ว

          "แล้วรู้ไหมว่าเขาชอบอะไรอีก"

         เหมือนเด็กชายอดกลั้นอยากอวดผมมาเนิ่นนาน คนขี้อายเหมือนเจอเพื่อนคุย นั่งคุยฟุ้งหมูหย็องอย่างนู้นหมูหย็องอย่างนี้ให้คุณยายฟังไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ผมพอจะเข้าใจเจตนาของคุณยาย แต่ก็อดแก้มร้อนวูบวาบไม่ได้ เขาเล่นโอ้อวดเสียจนผมแทบจะกลายเป็นพระเจ้าอยู่แล้ว

          "งั้นหรือ..."

          "ใช่ๆๆๆ แล้วครับ แล้ว แล้วคุณยายไม่ชอบเหมือนหมูหย็องไหมครับ? คุณตาไม่ชอบเหมือนหมูหย็องไหมครับ คุณปะป๊ากับคุณหม่าม้ากับอาเฮีย อาเจ้ แล้วก็หย็องหย็อง ทุกคนไม่ชอบน้องแมวน้องโฮ่งโฮ่งเลยครับ"

          คุณยายไม่ตอบ เพียงยกชาขึ้นจิบเป็นคำตอบเงียบงันเช่นทุกครั้งที่เด็กชายตั้งคำถาม แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้น้อยอกน้อยใจ หยิบยกเรื่องของผมมาพูดคุยจนเสียงแหบ

          จนทุกคนทานของหวานเรียบร้อย ผมถึงได้ส่งน้ำให้เขาดื่ม

          "พูดมากเหมือนกันนะ"

          "เทม เทมอยากอวดหมูหย็องเยอะแยะๆๆๆ เลยครับ แต่อวดๆๆๆ อวด อวดแล้วเต้ เต้กับน้ำก็ไม่ค่อยอยากฟังครับ บอกว่า บอกว่าเทมขิงข่าตะไคร้แฟนครับ อะ...ขิง ขิงเป็นศัพท์แสลงวัยรุ่นแปลว่าอวดครับ หมูหย็อง หมูหย็องสุดยอดที่สุดในโลกเลยครับ เทมเลยอวดกับคุณยายๆๆๆ"

          หญิงชราจุดยิ้มเย่อหยิ่งที่มุมปาก "เขาเป็นหลานชายของฉัน...นั่นมันก็เรื่องปกติที่เขาสมควรทำได้"

          "...ขิงแฟน ขิงหลานพอกันทั้งคู่..." คุณป๊าพึมพำเสียงเบา

          "ไปเปิดของขวัญได้เลยไหมอะ" หย็องหย็องตะโกนขัดขึ้นมา ทวงถามถึงเวลาน่าอภิรมย์ที่สุดสำหรับเหล่าเด็กๆ 'เปิดของขวัญในวันคริสต์มาส' คุณป๊าหันมองนาฬิกา เห็นว่าถึงเวลาสมควรของกิจกรรมช่วงสุดท้าย

          "งั้นย้ายไปตรงสวนแล้วกัน คุณแม่ครับ คุณพ่อครับ เรียนเชิญนะครับ"

          ดาเลีย แอน ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงอะไร คำว่าคุณแม่ผ่านมาหลายสิบปีก็ยังคงไม่ได้รับการยอมรับ

          "คุณยายครับ...คือว่า...พวกเราจะเล่นเกมกระดานกันนิดหน่อย แล้วก็เปิดของขวัญ ถ้าคุณยายยังไม่ง่วงนัก อยู่ด้วยกันก่อนได้ไหมครับ ใช้เวลาไม่นาน สักชั่วโมงสองชั่วโมง"

          ท่านเหลือบมองสายตาคาดหวังของหลานชายก่อนส่ายหน้า ผมใจเสีย นึกว่าคงรั้งไว้ไม่ได้แล้ว อดเสียดายไม่ได้ อยากให้ท่านได้ใช้เวลาอยู่กับตนเอง และอยู่กับเทมนานๆ "หลานเอาแต่ใจขึ้นมากนะดิมิทรี...เอาเถอะ ถ้าสักครึ่งชั่วโมง ยายจะอยู่ดูสักหน่อยแล้วกัน"

          ผมยิ้ม "ครับ ครึ่งชั่วโมง"

          "คุณยายต้อง ต้องระวังทีมคุณหม่าม้านะครับ อาเจ้ไก่หย็อง เจ้ไก่หย็องทอยเต๋าเก่ง เก่งมากๆๆๆๆๆ เลยครับ คุณหม่าม้าด้วยครับ แต่ว่าเจ้ไก่หย็องเก่งที่สุดๆๆๆ แข่งกันได้ที่หนึ่งแทบทุกปีเลยครับ เทม เทมกับหมูหย็องแพ้แล้ว แล้วต้องเต้นไก่ย่างรอบสระน้ำด้วยนะครับ"

          เมื่อได้สดับฟัง ดวงตาคมกริบหรี่มองลูกสาวและหลานสาวที่อยู่ห่างออกไป "...หลานแพ้เธอหรือ เต้นไก่ย่างด้วย?" น้ำเสียงแฝงแววตำหนิไม่จริงจัง พร้อมด้วยร่างสูงที่ทำท่าไก่ย่างเป็นตัวอย่างให้คุณยายดู ทำเอาหลุดหัวเราะ

          คุณยายจ้องรอยยิ้มผมเนิ่นนาน

          "ครับ คุณแม่กับเจ้ไก่หย็อง ผมหมายถึงแอนนา พี่เขาเก่งเรื่องทำนองนี้มาก ได้ที่สองที่สามก็เต็มกลืน"

          "ไปฝึกเพิ่มซะนะดิมิทรี แพ้คนอย่างนั้น หลานนอนหลับได้อย่างไรกัน"

          "ได้ครับคุณยาย"

          "ว่าไงทั้งสามคน คุยกันไปถึงไหนแล้วล่ะ"

          คุณตาที่เห็นเดินนำหน้า จู่ๆ ก็โผล่มาจับไหล่ของเทมปุระ เด็กชายสะดุ้งตัวโยน หลับตาปี๋สองมือสับส่ายควานหาตัวผม ความทรงจำถูกหิ้วขึ้นรถตู้ไปเที่ยวยังคงฝังใจ พอคว้าความอบอุ่นคุ้นเคยได้ ก็สอดตัวเข้ามาหลบใต้ปีก

          "คุณตาลักพาตัว คุณตาลักพาตัว ห-ห-ห้าม ห้าม ห้ามๆๆๆ ห้ามลักพาตัวเทมนะครับ!"

          คุณตาทำหน้าเหวอ ก่อนหัวเราะดังลั่น "ความทรงจำดีจริงๆ เชียว ใจเย็นก่อนลูกไก่น้อย ตาไม่ลักพาตัวไปไหนแล้วละ ครั้งก่อนโดนหลานชายโกรธไม่คุยด้วยเสียหลายเดือน ไหนจะโดนภรรยารักดุข้อหาไปแกล้งหลานชายสุดที่รักของเธอเข้าเสียอีก ตาแค่เข้ามาพูดคุยกับพวกเราเฉยๆ"

          "แค่ แค่คุยนะครับ เทม เทมไปไม่ได้นะครับถ้าไม่มีหมูหย็องไปด้วย ถ้า ถ้าจะลักพาตัว ต้อง ต้อง ต้องพาเทมไปขออนุญาตกับคุณแม่ก่อน แล้วก็ๆๆๆ ลักพาตัวหมูหย็องไปพร้อมกันนะครับ"

          จิ้งจอกเฒ่าหัวเราะร่วน "แบบนั้นมันเรียกลักพาตัวเสียที่ไหน ขาดแค่ตะกร้ากับแซนด์วิช ก็เป็นปิกนิกแล้วเด็กเอ๋ย"

          "ถ้าไปไม่บ๊ายบายมาไม่สาธุ จะเป็นเด็กไม่เรียบร้อยๆๆๆ นะครับ จะทำให้คุณแม่เป็นห่วงด้วย"

          "ทำถูกแล้ว" คุณตาที่ตัวเล็กลงเล็กน้อยเพราะชราวัย แต่ส่วนสูงตอนนี้กลับน้อยลงกว่าครึ่งเพราะการกระทำ อดีตท่านทูตแสร้งค้อมตัวหลังงอให้เตี้ยลง มือเอื้อมสูงคล้ายอยากลูบศีรษะของเด็กชาย สีหน้าลำบากใจกับความสูงเป็นอุปสรรคถูกปั้นประดับ คนรักของผมมีท่าทางลังเล มองมือเหี่ยวย่นที มองหน้าผมที ตัดสินใจกลั้นหายใจจนแก้มนุ่มพองลม จับชายเสื้อป้อมปราการแน่น ก่อนโค้งตัว ยื่นศีรษะออกไปรองรับฝ่ามืออุ่นให้ลูบลงอย่างสะดวก

          คุณตายกยิ้มพอใจที่มีคนหลงกลเสียที  "เด็กดี เด็กดี"

          ผมแอบถอนหายใจในใจ ต่างกับคุณยายที่หรี่ตามองบทบาทการแสดง 'คนแก่ผู้น่าสงสาร' ด้วยความเฉยชา คุณตาชอบเล่นบทน่าสงสารให้พวกผมใจหายใจคว่ำอยู่บ่อยครั้งในหลายปีมานี้ นิสัยเสียที่เพิ่งมาโผล่ให้ประจักษ์น่ารำคาญไม่น้อย คุณยายสื่อสารทางแววตาแทนคำพูดนับล้านคำ แปดแสนคำในนั้นคือคำว่า 'เล่นเป็นเด็กเป็นเล็ก' ใส่สามีของตนเอง หญิงสูงศักดิ์เดินนำหน้าห่างไปไกล จนพวกผมต้องเร่งฝีเท้าตาม


          ภายใต้ความกดดันของอดีตทหารหญิง เกมกระดานปีนี้เป็นไปอย่างมีระบบระเบียบ ไร้การคดโกงและการกลั่นแกล้งโดยสิ้นเชิง ไม่มีการแอบมองไพ่ แอบกระตุกแผ่นเกม แอบจั๊กจี้ และพูดแทรกแซงกดดัน ผมชนะได้ถึงสามในสิบตา ได้แก้แค้นสั่งให้คุณแม่และเจ้ไก่หย็องไปเต้นระบำไก่ย่างถูกเผาในสระน้ำจนสาแก่ใจ ...อยากให้คุณยายมาหาทุกปีเลยครับ คือคำที่เทมเอ่ย ...และผมเห็นด้วยอย่างที่สุด

          ของขวัญ ถ้าคุณคิดว่าต้องเป็นของราคาแพง อืม...ก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่ของราคาแพงมันมีเยอะจนพวกเราไม่ได้สนใจ สิ่งน่าสนใจคือของหายากและมีเรื่องราวความเป็นมาเสียมากกว่า สิ่งของที่ให้จากผู้ปกครอง แสดงถึงความใส่ใจของพ่อแม่ในระดับหนึ่ง คนได้ว่าลุ้นแล้ว คนให้ลุ้นยิ่งกว่าอีกครับ คุณปะป๊าคุณหม่าม้าแทบจะดมยาดมคาดหวังรอยยิ้มลูกๆ ทุกครั้งที่เหล่าลูกชายลูกสาวแกะกระดาษห่อ ปีนี้ผมได้เป็นหนังสือหายาก เล่นเอาตาวาววับกับความต้องห้ามของมัน "ขอบคุณครับ ผมชอบมาก"

          คุณแม่พรูลมหายใจ "ชอบก็ดีแล้วค่ะ...นี่ถ้าไม่ใช่คุณหญิงแม่ ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครรู้ใจเทียบเท่าอีกไหม"

          ประโยคหลังถูกพูดเสียงดัง ดวงตาสีฟ้าเฉกเช่นเดียวกัน แอบมองหญิงชราที่นั่งบนเก้าอี้ห่างไปไม่ไกล ชัดเจนว่าคำพูดต้องการกระทบกระทั่งผู้ใด

          แฟรงค์เดินเข้ามาในเวลานั้นเอง ร่างกำยำกลับมาพร้อมกล่องของขวัญมากมาย อาจารย์ฝึกป้องกันตัวขยิบตาส่งมาให้

          ให้ตาย...ผมเกลียดที่ผมเดาเกมนี้ออก สงครามข่มกันของเหล่าผู้ใหญ่กำลังเริ่มต้นขึ้น

          คืนนั้นพวกเรานั่งเปิดกล่องของขวัญจนแทบร้องขอชีวิต เหมือนมันไม่มีจุดสิ้นสุด แกะเท่าไหร่ก็ไม่หมดเสียที ภูเขาของขวัญสูงท่วมหัวคล้ายฝันร้ายตามหลอกหลอน เล่นเอาผวาเมื่อหันไปเจออะไรที่คล้ายถูกห่อ ปีหน้าโอนเข้าบัญชีพอนะครับ ไม่ไหวจะแกะแล้วจริงๆ

          จากครึ่งชั่วโมง ก็กลายเป็นหนึ่งชั่วโมง จากหนึ่งชั่วโมงก็กลายเป็นสอง คุณตาคุณยายถูกคะยั้นคะยอให้อยู่ลากยาวจนมีปาร์ตี้น้ำชาตอนเที่ยงคืน ผมชักเป็นห่วงสุขภาพ จนต้องออกปากบอกหมดเวลาสนุก พาท่านทั้งสองนั่งรถออกไปส่งถึงโรงแรม คุยกับแฟรงค์กี้นิดหน่อย ก็รีบขอตัวแยกกลับบ้าน พอกลับมาถึงก็เจอคนนั่งสัปหงกรอที่โซฟาในห้องโถงรับรอง

          ระหว่างที่ทุกคนคุยสนุก ก็มีเทมปุระกับคุณป้าที่ชิงหลับไปตั้งแต่สี่ทุ่มครึ่ง ผมมองหาหญิงสาวตัวเล็ก แต่ไม่เห็นแม้แต่เงา คิดว่าพี่ชายคนรองของตนคงจะจัดการพาคุณป้าไปนอนเรียบร้อยแล้ว คงเหลือแต่เด็กที่ดื้อขอนั่งรอ ขยับเข้าไปใกล้จับลงใต้ตาแดง ร่องรอยร้องไห้ครั้งใหม่ สันนิษฐานได้ว่าคงตื่นกลางคันแล้วหาผมไม่เจอ

          รีบแล้วแต่ก็ไม่ทัน...

          พ่อบ้านที่ยืนเฝ้าโค้งตัวรายงาน

          "คุณหนูเทมร้องไห้หาคุณหนูดิมิทรีน่ะครับ บอกจะรอท่าเดียว ไม่ให้คนอื่นรอด้วยเพราะกลัวรบกวน นี่ก็เพิ่งผล็อยหลับไปครับ"

          "ทราบแล้วครับ วันนี้รบกวนจนถึงดึก ขอบคุณทุกคนมากนะครับ เมอร์รี่คริสต์มาสครับ"

          "เมอร์รี่คริสต์มาสครับ"

          ผมก้มลงช้อนตัวอีกคนมาไว้ในอ้อมแขน

          "ให้พวกผมช่วยไหมครับคุณหนู"

          เสียงของหัวหน้าผู้ดูแลประจำบ้านถามอย่างเป็นห่วง ถ้ามองจากภายนอกผมเตี้ยกว่าเทมก็จริง แต่ก็ไม่ได้เยอะมาก แค่เพียงไม่กี่เซน อีกทั้งน้ำหนักผมหนักกว่าเขาเสียอีก กล้ามเนื้อที่ถูกฝึนฝนทุกวันเผื่อเกิดเหตุอะไรจะได้ปกป้องอีกฝ่ายได้นั้นก็แข็งแกร่ง และแข็งแรงพอเผื่อในกรณีฉุกเฉินต้องอุ้มคนขี้เซาที่นอนตรงเวลาเข้าไปด้วย เพราะงั้นจึงไม่ใช่ปัญหา แม้ท่าทางทุลักทุเลเล็กน้อย ทว่ามั่นคง

          "ไม่เป็นไรครับ ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ"

          "ถ้าอย่างนั้น...ราตรีสวัสด์ครับ"

          ผมพยักหน้าตอบรับ

          เดินไปได้ถึงหน้าประตูลิฟต์ แสงไฟสว่างผิดจากในห้องโถงที่ถูกปิดจะได้ไม่กวนคนนอน ก็ปลุกสติคนหลับ เทมปุระสะลึมสะลือ ลืมตาสีน้ำตาลใสเชื่อมมอง พอเห็นผมก็เริ่มเป่าปี่ งอแงฟ้องใส่ทันที "ฮึก เทม เทม เทม ตื่นมา ตื่นมาแล้วหาหมูหย็องไม่เจอครับ คุณพ่อบ้าน คุณพ่อบ้านบอกว่าหมูหย็องไปส่งคุณตากับคุณยายที่โรงแรม เทม เทมจะไปหาด้วย แต่คุณแม่ คุณปะป๊าคุณหม่าม้า กับคุณพ่อบ้านไม่ให้เทมไปครับ"

          "ถ้าเทมไปหาหมู เราก็สวนกันสิครับที่รัก หมูไปแค่แป๊บเดียวเท่านั้นเอง"

          "ไม่ ไม่ ไม่แป๊บ ไม่แป๊บๆๆๆ ไม่แป๊บๆๆ เดียวนะครับ เทมรอตั้งหลายสิบ หลายสิบนาที"

          "ขอโทษนะครับ ความผิดหมูเอง คิดว่าจะกลับมาทันที่รักตื่น...คราวหน้าหมูจะปลุกไปด้วยกันนะ ไม่โกรธกันนะครับ?"
 
          "สัญญาๆๆๆ นะครับ? ไม่ทิ้งๆๆ ไม่ทิ้งเทมนะครับ?"

          "ด้วยเกียรติของชาโรนอฟครับ...ก้มหน้ามาสิครับ หมูซับน้ำตาให้นะ"

           คนตาแดงคล้องคอผมแล้วโน้มตัวลงมาใกล้ ใบหน้าใกล้ชิดสะดวกให้เช็ดหน้าเปื้อนหยาดหยดด้วยปลายลิ้นร้อน แลบลิ้นเลียน้ำตา ความเค็มปร่าที่ลิ้นเนิ่นนาน กว่าเขาจะหยุด

           "หมูจะเป็นโรคไตเพราะคนขี้แงแล้วนะครับ วันนี้เทมร้องไห้ไปสองรอบจนหมูปวดใจไปหมดแล้วนะรู้ไหมคนดี" บริการเสริมหลังซับน้ำตา คือใช้จมูกนวดแก้มนุ่ม หอมแก้มคนถูกอุ้มไปหลายฟอด ลงโทษคนใจร้ายต่อหัวใจให้สาสม คนใจร้ายเอียงซ้ายเอียงขวาใหลงโทษแต่โดยดี

          "เทม เทมขอโทษครับ เทม เทมไม่เห็นหมูหย็องแล้วเทมเศร้าๆๆๆ นี่ครับ เทม เทม เทมจะไม่ให้หมูหย็องไม่สบายๆๆๆ นะครับ ไม่ร้องๆๆ นะครับ" คนไม่ร้องสูดจมูกฟุดฟิด "เทม เทมหนักๆๆๆ นะครับ หมูหย็องปล่อยเทมลงเดินเอง เดินเองก็ได้ครับ"

          ผมแกล้งทำหน้าตกใจ แต่ไม่ได้ปล่อยเขาลง "เทมหนักมากกกกกเลยครับ"

          เขาตกใจตามไปด้วย "เทม เทม เทมหนักขนาดนั้นเลยเหรอครับ!?"

          "หึหึหึ เพราะวันนี้คนเก่งทานขนมเยอะไปแน่ๆ เลยครับ"

          "ก็ ก็ ก็ ก็ ขนมอร่อยนี่ครับ แต่ แต่ว่า แต่ว่าเทมทานไปนิดเดียวเองนะครับ" ทำนิ้วนิดเดียวได้กว้างมากครับ

          ยิ้มมองเขาเงียบๆ เด็กชายคอตก เอ่ยรับเสียงอ่อย "เทม เทม ทานเยอะแยะๆๆๆ เลยครับ เลยหนักๆๆๆ"

          "ไม่เป็นไรครับ หนักกว่านี้หมูก็อุ้มได้ อีกอย่าง วันนี้บริการพิเศษสำหรับคนเก่ง ...เทมพยายามได้ดีมากครับ"

          พยายามเข้ากับคุณตาคุณยายได้ดีมาก พยายามเพื่อผมได้ดีมาก

          "เทมอยากให้คุณตาคุณยายชอบเทมครับ จะได้ไม่พาหมูหย็องไปไหน ให้อยู่กับเทมนานๆๆๆ นานแบบตลอดไปเลยครับ"

          "แต่รู้ใช่ไหมครับ อะไรที่ไม่ไหวจริงๆ ก็ไม่ต้องฝืน"

          "เทม เทมไม่ฝืนเยอะแยะๆๆๆ เกินไปครับ"

          กดจูบหน้าผากใสแทนคำชม

          "อาบน้ำนอนกันนะครับคืนนี้ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว"

          "เทม เทมขอลองยกหมูหย็องดูมั่งได้ไหมครับ?" ตาแป๋วอ้อนวอน

          ผมหัวเราะคนอยากลองอุ้มกลับคืนบ้าง "ไปอุ้มในห้องน้ำนะครับ"

          "ทำไม ทำไม ทำไมต้องในห้องน้ำเหรอครับหมูหย็องครับ?"

          ทำหน้าเจ้าเล่ห์ ยิ้มหวานหลอกล่อ "ไม่บอกครับ ต้องลองไปอุ้มเองถึงจะรู้"









end 54 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง




หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 55 * 30/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 30-01-2019 21:54:33





56








           หลังจากในห้องน้ำ เด็กชายที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันก็เหมือนใบไม้ร่วงหล่น ถูกกระชากปลั๊กกะทันหัน หลับไปทั้งที่เรียวลิ้นยังสอดแทรกค้างไว้ในปากของผม ตอนเช้าหลังจากไปออกกำลังกาย เฝ้ารอเวลาอีกคนลืมตาตื่น ทันใดที่สีน้ำตาลโผล่พ้น จึงเป็นการเริ่มทบต้นทบดอกคนมายั่วให้อยากแล้วหนีไป

          เสียงดูดดึงแลกน้ำเชื่อมหวานทดแทนเสียงไก่ขันและนาฬิกาปลุก ฟันเรียงตัวแน่นให้ความรู้ดียามลากสัมผัสผ่าน ยาสีฟันกลิ่นคาราเมลของเมื่อคืนยังเหลือรสเคล้าไปกับน้ำลายร้อน ของหวานแสนน่าชังกลับทำเอาหิวกระหายจนต้องแย่งดูดกลืน เด็กชายไร้เดียงสาที่ถูกสอนมาอย่างดีเคลื่อนมือซุกซนบีบจับไปทั่วร่าง ผมเกร็งหน้าท้องจนแบนราบยามถูกจับส่วนอ่อนไหว ความร้อนแผดเผาไปทุกอณู สะโพกของอีกคนทับขยับส่ายไปมา ดวงหน้าอ่อนเยาว์ยามเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ทำเอาผมเจียนคลั่ง อยากผลักเขานอนลงแล้วปีนป่ายไปบดเบียด

          ...แล้วผมจะห้ามใจตัวเองไปทำไหมกันนะ?...

          ท่วงท่าเอื้ออำนวยจนความรู้สึกโหมกระพือ กางเกงบ็อกเซอร์เฉอะแฉะเลอะน้ำรักจนเป็นดวง แม้จะมีเนื้อผ้าบดบัง แต่ส่วนแข็งขืนก็ชัดพอให้ขี่เล่น เทมผละปากออก

          "อะ...ม-หมู หมูหย็องครับ--" ชายคนรักร้องคราง เสียงกามาชวนสยิวทำเอาแทบจะถึงฝั่งฝัน
 
          "รู้สึกดีไหมครับ?...ตรงนี้" ใช้สะโพกโยกขึ้นลงแทนนิ้วชี้ถาม "หรือว่าตรงนี้...อา...เทมครับ ที่รักครับ จูบหมูหน่อย...อา...อืม"

          เด็กชายคนดีให้มากกว่าที่ร้องขอ มือปัดป่ายบีบจุดเล็กบนแผ่นอกจนสะท้านเฮือก ผมคำรามในลำคอเมื่อทั้งริมฝีปากและตุ่มไตพร้อมกลางกลายถูกรุกรานพร้อมกัน ก้มลงมองศีรษะปกคลุมด้วยผมนุ่มซุกหน้าหาของโปรด เทมเวอร์ชั่นคนลามกดูจะเป็นเด็กชายขาดแคลเซียม อีกฝ่ายวุ่นวายกับหน้าอกทุกครั้ง แทบทุกคืน จนร่างกายผมผิดเพี้ยน บางครั้งบางคราว แค่เห็นหน้าคนรักในบริบทธรรมดา เจ้าจุดสองจุดก็เต่งตึงขึ้นร้องเรียกเขาเสียแล้ว มันกลายเป็นจุดอ่อน แตะเบาๆ ก็แทบขาดใจ ไม่ต้องถามถึงเมื่ออยู่ในโพรงปากร้อน โดนดูดดึงพร้อมถูกฟันขบกัด...รู้สึกดีจนแทบแตกเป็นเสี่ยง

          สองมือยกกอดศีรษะอีกคนให้แนบชิดยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่ยกตัวถูไถ ตัวประกันในปากอีกคนยิ่งโดนคาดคั้น สมองกลายเป็นเยลลี่ทำได้แค่สั่งให้เด้งดึ๋งขยับตัวเบียดเสียด ปากครวญหาแต่ชื่อชายคนรัก

          "เทมครับ เทม เทม เทม เทมครับ ที่รัก ที่รัก ที่รัก...อย่าเล่นแต่ข้างนั้นข้างเดียวสิครับ"

          ขยำเรือนผมสีขนกาเบาๆ เรียกร้องความสนใจ คนหลับตาพริ้มยอมกลิ้งลูกตาขึ้นมามอง แต่ปากยังคงไม่ผละออกห่างอย่างเด็กหวงของ ยิ้มมองเทมคนดื้อ ยกมือข้างขวาขึ้นเกลี่ยเจ้าลูกเชอร์รี่อีกลูกที่เปล่าเปลี่ยว "เล่นแต่ข้างนั้น...ข้างนี้น้อยใจแล้วนะครับ" รอยยิ้มพิศวงคล้ายน้ำผึ้งพิษร้ายแรง ออกฤทธิ์มัวเมาชวนให้ถลำลึก

          เชยคางคนมองตาเยิ้มให้ย้ายมาอีกฝั่ง "ที่รักครับ...ดูดข้างนี้ด้วยสิครับ"

          ผ้าห่มยับยู่ยี่ หมอนข้างและตุ๊กตาสีฟ้ากลิ้งตกจากเตียงใหญ่ แต่ก็ยังคงไม่พอ

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง...หวานใจที่รักครับ ที่รักครับ เทม เทม เทมขอ ขอ......" เขาโน้มคอผมไปกระซิบขอร้อง สีหน้าอ้อนวอนเรียกร้องขอทำเอาใจกระตุก จิตใจด้านเลวทรามระริกระรี้ ยามเห็นนางฟ้าที่ถูกฝึกถูกอาบถูกรัดรึงไปด้วยเถาวัลย์ราคะ ผมชอบเวลาเขาเรียกร้อง เอาแต่ใจในตัวผม ชอบที่เขามองตรงมาอย่างรักใคร่ในทุกสัดส่วน รักยามเขาบอกความต้องการออกมาตรงๆ ถ้อยคำหยาบโลนชวนรื่นหูจนแทบหยุดหายใจ แลบลิ้นเลียริมฝีปากคนขี้อ้อน

          "อยากมากหรือเปล่าครับ?"

          อยากฟังให้ชัดๆ อยากฟังเขาพูดความต้องการให้มากกว่านี้ ... มากกว่านี้อีก อยากย้อมเขาให้แปดเปื้อนสีของตัวเองให้มากยิ่งกว่านี้

          "เทม เทม อยากมากๆๆๆๆๆ อยากมากๆ อยากเยอะแยะๆๆๆๆ เลยครับ"

          ยื่นหน้าไปกระซิบถามเสียงกระเส่าชิดริมใบหู "...อยากให้หมูทำอะไรครับ"

          ระหว่างรอคำตอบ เริ่มแทะเล็มอาหารอันโอชะ คนให้นั่งตักตัวสั่นยามถูกขบเม้มติ่งหูนิ่ม

          "...........ครับ" คำตอบน่าพึงพอใจ เหมาะควรค่าแก่การให้รางวัล

          "หึหึหึ...มาครับ หมูช่วยนะ" ลากนิ้วไปเกี่ยวกางเกงของอีกคนออกเชื่องช้า โน้มตัวลงต่ำ "สวัสดีครับเทมปุระตัวน้อย"
         


***


          ผมกับเทมปุระหลับไปอีกรอบแล้วตื่นขึ้นมาอีกทีตอนฟ้ากระจ่าง สิบโมงดูเป็นยามเช้าที่สายกว่าปกติไปมากโข ตอนลุกขึ้นงัวเงีย ก็พบว่ากำลังนอนหลับบนแขนของคนร่วมเตียง องค์ชายน้อยเม้มปาก

          "เทม เทมแขนชาครับ..."

          หลุดขำก่อนค่อยๆ ย้ายศีรษะตัวเองไปหนุนแผ่นอกแทน ยกขาเกี่ยวก่าย ไม่ลืมจูบมุมปากอีกคนเบาๆ "ขอบคุณที่ให้หนุนนะครับ แล้วก็...อรุณสวัสดิ์ครับที่รัก"

          ความเร่าร้อนถูกหรี่ไฟเหลือเพียงความอบอุ่น

          สบตากันแผ่คลื่นสีแดง กระแสหวานชวนน่าขวยเขิน บรรยากาศอบอวลชวนกระดากอาย บนดวงหน้าของทั้งสองระเรื่อไปด้วยสีสดแสนคุ้นเคย เป็นความอึดอัดที่รู้สึกดี เป็นความอึดอัดที่สาเหตุมาจากใจพองฟูคับแน่นในอก แตกเป็นเสี่ยง หลอมละลาย และถูกสร้างขึ้นมาใหม่ภายใต้กายาของคนรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งหลังสัมผัสกันและกัน ยิ่งให้ความรู้สึกหลอมรวมเป็นคนหนึ่งอันคนเดียว

          เทมปุระเสยผมหน้าผมขึ้น ก่อนก้มลงจูบบนหน้าผากกลับคืน แย้มยิ้มจนตาหยี

          "อรุณสวัสดิ์ครับหมูหย็องครับ อรุณสวัสดิ์ครับหวานใจที่รักของเทม"

          ถ้อยคำล้ำค่าออกจากปากคนทำตัวแข็งเหมือนหุ่นยนต์ครึ่งซีก

          "ทำไมไม่เอาหมอนมาให้หมูล่ะครับ หรือผ้าห่มมารองแทนก็ได้ เทมปวดแขนหรือเปล่าครับ"

          บีบนวดอย่างเป็นห่วง เมื่อคืนเด็กชายก็อยากอุ้มผมบ้าง จนต้องยอมให้เขาอุ้มเดินรอบห้อง อันที่จริง จะเรียกว่าอุ้มก็ไม่เต็มปาก ดูคล้ายท่าลากเสียมากกว่า สามนาทีแรกก็อุ้มตัวลอยอยู่หรอกครับ แต่หลังจากนั้นเด็กชายก็หมดแรง ดีว่าพอไปอุ้มในห้องน้ำ มีตัวช่วยอย่างอ่างล้างหน้า จูบกันนานเป็นชั่วโมงก็ไม่เมื่อยอะไรนอกจากคอ

          " ไม่ ไม่เป็นไรครับ เทมไม่ปวดๆๆๆ ครับ เทมแค่แขนชาเพราะเอียงตัวไปนอนมองหมูหย็องเฉยๆ ครับ เทม เทมเห็นหมูหย็องนอนขมวดคิ้ว ทีแรก ทีแรกเทมก็จะลุกไปหยิบหมอนครับ แต่ว่าๆๆ แต่ว่าพอปล่อยมือ ปล่อยมือหมูหย็อง หมุหย็องก็ครางดุๆๆๆ เทม เทมเลยไม่กล้าลุกครับ เทม เทมเลยๆๆ ให้หมูหย็องนอนหมอนแขนเทมแทนครับ"

         ให้ตายสิ...ติดเขามากกระทั่งยามหลับ จูบซอกคอหอมกรุ่นแทนคำขอโทษ เรื่อยเลยไปถึงกลีบปากนุ่ม เทมปุระหลับตาเผยอปากออกให้รุกล้ำตามใจชอบ ชอนไชไปทั่วโพรงปาก ก่อนกดย้ำจุดที่ผมสงสัย

          ฟันกรามด้านในสุดเด็กน้อยโยกจริงๆ ด้วย...ถึงจะนิดเดียว แต่ก็รู้สึกว่าขยับได้

          "เทมครับ ตอนเคี้ยวฟันขยับหรือเปล่าครับ?"

          เทมปุระทำหน้าไม่แน่ใจ "ฟันโยกเยกโยกเยกเหรอครับ...ซี่ ซี่ ซี่ไหนเหรอครับหมูหย็องครับ"

          "ซี่ที่หมูจูบเมื่อกี้น่ะครับ"

          "ที่ๆๆๆ ที่หมูหย็องจูบๆๆๆ เมื่อกี้" เด็กชายอ้าปากแล้วเริ่มใช้นิ้วนับไปตามฟันขาว เบิกตาโต "โยกเยกโยกเยกจริงๆ ด้วยครับหมูหย็องครับ! ฟันเทมจะหลุดแล้วเหรอครับ!? เทมจะเป็นเทมฟันหลอๆๆๆ อีกแล้วเหรอครับ!?"

          คนใกล้ฟันหลอตื่นเต้นดีใจ ฟันน้ำนมซี่สุดท้ายกำลังจะหลุดออกแล้ว "อืม...งั้นเดี๋ยวหมูเรียกคุณหมอฟันมาตรวจเร็วขึ้นหน่อยนะครับ ฟันโยกเร็วกว่ากำหนดเสียอีก"

          "เทมอยากได้ขนมจากคุณพี่หมอฟันอีกจังเลยครับ อร่อยๆๆๆๆ"

          "แปรงฟันสะอาดทุกวัน ต้องได้ขนมจากคุณหมอเยอะแน่ๆ เลยครับ"

          "เทมแปรงฟันสะอาดๆๆๆ นะครับ เทมแปรงตามคลิปพี่แมวเหมียวมาลีสอนแปรงทุกท่าจนจบเพลงเลยครับ ใช้ ใช้ไหมขัดฟันทุกวันด้วยครับ บ้วนปากบุ๋งๆๆๆ ด้วยครับ หอม หอม"

          ท่าทางช่างโอ่น่าขย้ำจนต้องจับมาฟัด "เก่งมากครับ"

          "ฟันของหมูหย็องโยกเยกๆๆๆ มั่งไหมครับ"

          "ฟันน้ำนมของหมูหมดแล้วครับ ถ้าหลุดอีกนี่ได้กลายเป็นฟันหลอถาวร หมดหล่อแน่ๆ"

           "หมูหย็องถึงจะฟันหลอก็หล๊อหล่อครับ หล่อแบบหลอๆๆๆ นะครับ หลอๆๆ แบบหล่อๆๆๆ นะครับ"

           ผมหัวเราะจนตัวสะเทือน "ไม่อยากเป็นหมูหย็องหล่อแบบหลอๆ เลยครับ"

          "งั้นต้อง ต้องไปหาคุณหมอฟันให้ขูดหินปูนแล้วก็ แล้วก็ตรวจฟันทุกๆๆ สี่เดือนนะครับ"

          "งั้น...คุณหมอเทมช่วยตรวจฟันให้หน่อยได้ไหมครับ? ตรวจให้ครบทุกซี่แบบที่หมูทำเลยนะครับ"

          คุณหมอฟันคนน่ารักแก้มแดงเมื่อคิดถึงวิธีการตรวจ "เทม เทมเป็นคุณหมอฟันเหรอครับ...งั้น งั้น อ้า อ้าปากนะครับคุณคนไข้ครับ คุณหมอจะทำเบาๆๆๆ นะครับ" เด็กชายลอกเลียนคำพูดของคุณพี่หมอมาใช้

          หัวเราะในลำคอก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ

          ยื่นตัวไปกัดปลายคาง สบเข้ากับนัยน์ตาสีสวย "ไม่อยากให้คุณหมอทำเบาๆ ครับ...อยากให้คุณหมอทำแรงๆ"




***



          หนึ่งชั่วโมงไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ติดว่าต้องพาเทมไปทานข้าวหลังจากอดมื้อเช้าไปแล้ว ก็คงจะเล่นคุณหมอกับคนไข้ต่ออีกนานหลายชั่วโมง เสียดาย แต่สุขภาพคนรักต้องมาก่อน ปล่อยให้องค์ชายชำระล้างร่างกายไป ระหว่างรอก็เปิดงานขึ้นมาดูพลางๆ หยุดทำงานอยู่ว่างๆ นิ่งเฉย แล้วไม่ค่อยชินน่ะครับ ทำไปได้สักพัก ก็เห็นข้อความของเต้กับน้ำที่ล่วงหน้าไปก่อนส่งรูปมาให้ดู เต้กับน้ำทำหน้าแหยระหว่างรอเหล่าบรรดาคุณแม่ช็อปปิ้ง ตอนนี้สองครอบครัวนั้นเที่ยวกันอยู่ที่ลอนดอน เห็นว่าคุณหญิงแม่ หรือหม่อมแม่ที่น้ำชอบเรียกประชดอยากไปทานร้านโปรดก่อน แล้วค่อยนัดเจอกันที่นิวยอร์กตอนพวกผมไป เพราะกำหนดการฝั่งผมถูกเปลี่ยน เนื่องจากการมาของคุณยาย เลยต้องตามไปทีหลังครับ

          พอเห็นผมอ่านข้อความ ก็วิดีโอคอลมาทันที

          ผมคิดว่าจะไม่รับ แต่คนอาบน้ำตัวหอมฉุยก็เดินเข้ามาเสียก่อน เทมเข้ามานั่งใกล้ๆ เอียงอายเล็กน้อยแต่ก็ยอมฝังจมูกเข้ามาที่แก้มของคนเอียงคอรอ "อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ"

          "เทม เทมอาบน้ำเสร็จแล้วครับ แต่งตัวเสร็จแล้วครับ"

          ลูกตาใสแจ๋วเห็นชื่อเพื่อนสนิทบนจอก็ลิงโลด "น้ำ น้ำกับเต้ เต้เหรอครับ"

          ลงท้ายก็ต้องกดรับ ให้สามซี๊เขาคุยกัน หน้าจอสามช่องส่งเสียงวี๊ดว๊ายกันยกใหญ่ถึงที่เที่ยวต่างๆ คุยไปเทมก็ปิดตาไป กลัวเพื่อนจะสปอยล์สถานที่เที่ยว ก่อนเจ้าตัวเล็กจะวิ่งดุ๊กๆ ไปหยิบพาสปอร์ตมาให้ดูรูปถ่าย เล่าให้ฟังเจื้อยแจ้วถึงความชุลมุนตอนทุกคนยกโขยงไปให้กำลังใจยังกับจะไปรบตอนทำพาสปอร์ต

          "คุณพี่คนถ่าย ถ่ายแชะๆๆ ตอนเทม เทมกำลังจะจามฮัดชิ้วๆๆๆ ครับ ตา ตาเลยเบลอ เบลอๆๆๆ ตอนไปทำวีซ่า วีซ่า เทม เทมเพิ่งรู้ด้วยครับ ว่าตัวเอง ตัวเองเคยเปลี่ยนนามสกุล เทมนึกว่าตัวเองเป็นกุนเชียงมาตั้งแต่เกิดซะอีกครับ"

          สองแฝดหัวเราะจนแทบกลิ้งตกเตียง กับรูปบนหนังสือเดินทางของเทมปุระที่ตาไม่เท่ากัน ปล่อยเขาคุยกันสักพัก ก็ให้วางสายลงมาทานข้าว หย็องหย็องพอเห็นผมก็บ่นใส่ยกใหญ่ว่าคุณยายดุใส่เจ้าตัวแบบนั้นแบบนี้ มื้อเที่ยงหัวข้อที่ถูกนำมาพูดคุย ก็ไม่พ้นหญิงชราที่ผมเคารพรัก วงสนทนานินทาได้ถึงพริกถึงขิง ผมถอนหายใจหน่ายระอา จะว่าเข้าข้างก็ดี จะว่ามองตามความเป็นจริงก็ใช่ สำหรับผมแล้ว คุณยายทำถูกแล้วครับ คุณพ่อทำยอดได้แย่ คุณแม่ก็ติดเล่นเกินไป พี่น้องคนอื่นก็เช่นกัน ถูกตำหนิก็ไม่แปลก

          ผมฟังเงียบๆ ไม่ออกความคิดเห็น คอยตักอาหารเติมใส่จานคนหิวไม่ใส่ใจคำโอดโอยของครอบครัว

          แต่เมื่อได้ฟังคนกล่าวถึงคุณยาย ก็อดหวนนึกถึงเหตุผลที่ท่านมาไม่ได้ แอบลอบมองคนรักแล้วก็ยังหนักใจหลายส่วน คุณยายนับว่าเป็นปกติมาก ปกติจนผมหวั่นใจว่าจะมีคลื่นยักษ์ใต้ทะเลที่เงียบสงบ แต่ในทางกลับกัน ก็เชื่อมั่นว่าการที่ท่านปล่อยผมออกมาให้เลือกทางเดินชีวิตด้วยตัวเอง ยอมกระทั่งให้คุณป๊าคุณม้าและพี่น้องคนอื่นมาร่วมใช้นามสกุล เพื่อจะได้ปลดผมจากพันธะเหนี่ยวรั้ง อิสระที่มอบให้ คาดหวังว่าคำตอบท่านจะไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่ในเรื่องของคนรัก แม้ท่านจะดูไม่ค่อยพอใจ แต่สามปีที่ไม่เคยกล่าวถึง ได้แต่หวังว่านั่นคือช่วงเวลาทำใจ และการมาครั้งนี้ก็ขอให้เป็นเพียงการมาเยี่ยมเยือนอย่างแท้จริง

          ให้ผมเป็นไก่ตื่นตูม ดีกว่าเป็นหมอดูที่ทำนายอนาคตแม่นยำ ขอให้แผนสำรอง เป็นเพียงความคิดที่ถูกเก็บในกรุไปตลอดกาล......

         
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 55 * 30/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 30-01-2019 21:55:23

         
          ในส่วนของกำหนดการวันนี้ไม่มีอะไรมากครับ ช่วงเช้าถึงเที่ยง เป็นเวลาเอ้อระเหย เพราะคุณตาคุณยายค่อนข้างเหนื่อยจากการเดินทางและการละเล่นเมื่อคืนก่อน จึงหยุดพักที่โรงแรมทั้งวัน รอถึงช่วงมื้อเย็น พวกเราทั้งครอบครัวถึงจะเข้าไปหา นอกจากช่วงเย็นที่ถูกจองตัว ช่วงบ่ายผมก็มีแขก แฟรงค์กี้หรือแฟรงค์ อาจารย์สอนศิลปะป้องกันตัวโผล่หน้ามาในชุดฝึกเต็มยศ ร่างหนาที่ดูแล้วคงไม่สะทกสะท้านแม้แต่ตึกถล่มใส่ บอกสั้นๆ ตั้งแต่เมื่อวานว่าอยากติดตามพัฒนาการของลูกศิษย์ทางไกล ถ้อยคำฟังดูสมเป็นอาจารย์จนต้องเลิกคิ้ว สำหรับนายทหารผู้ชื่นชอบโยนตัวเองไปแถวเขตอันตราย และไม่ถนัดออมมือ ขี้รำคาญ ประโยคเล่านั้นฟังดูไม่จริงใจเอาเสียเลย

          ...ผมคิดว่าก็คงไม่พ้นคำสั่งคุณยาย ที่อยากรู้ความเป็นไปของผมแบบชัดเจนเสียมากกว่า...

          ดูท่าคงจะไม่ได้ทดสอบแค่เทม แต่ผมก็โดนด้วยสินะ

          "เทมครับ นี่แฟรากา หรือเรียกแฟรงค์ก็ได้ครับ เป็นอาจารย์ฝึกซ้อมของหมูเอง จำได้ไหมครับที่ตอนเช้าหมูจะคุยกับคนหลายๆ คน"

          เด็กชายเงยหน้ามอง ก่อนเริ่มขยับตัวมาซ้อนหลัง กระซิบตอบแผ่วเบา

          "เทม เทม เทมจำ จำได้ครับ แต่ แต่ว่า...เทมจำไม่ได้ว่า ตัว ตัวใหญ่ขนาดนี้"

          เห็นในจอกับตัวจริง นั้นแน่นอนว่าแตกต่าง เทมปุระผู้ไม่คุ้นชินกับคนตัวใหญ่ที่ชวนให้นึกถึงอดีตเลวร้ายยืนแอบอยู่ด้านหลัง เด็กน้อยโบกมือทักทาย ใช้วิธีเช็คแฮนด์ผ่านมือของผมอีกทีเหมือนเดิม "สะ สะ สวัสดีครับคุณแฟรงค์ เอ่อ เอ่อ เทม เทมขอโทษนะครับ แต่ แต่เทมกลัว กลัวคนตัวโตๆๆๆ เลย เลยยังไม่กล้าออกไป ขอ ขอเวลาสาม ไม่ๆๆๆ ขอ ขอห้านาทีนะครับ เทม เทมกำลังปรับ ปรับตัว"

          หมียักษ์ตัวโตเห็นท่าทางตัวสั่นของลูกเจี๊ยบก็อดจะแกล้งไม่ได้ ใบหน้าและทั่วร่างกายของชายเจ้าของส่วนสูงทะลุสองร้อยเซ็นติเมตร มีรอยแผลเป็นมากมายตกแต่ง ยิ่งทำให้ดูน่าคร้ามเกรง คิ้วขมวด ยกมือขึ้นสองข้าง ส่งเสียงคำรามก้องห้องโถง "แฮ่!"

          ผมมองตาขวาง เมื่อเด็กชายที่หลบอยู่ด้านหลังกระโดดตัวโยนวิ่งไปหลบอยู่ตรงมุมบันได

          เอ่ยเสียงเย็น "ถ้าจะมาเล่นอะไรไร้สาระก็ไสหัวกลับโรงแรมไปซะ"

          แฟรงค์ผิวปาก "แบ่งกันเล่นบ้าง"

          "อยากทำงานกับกองเอกสารสักสามปีไหมแฟรากา ผมว่าผมคุยกับคุณยายเรื่องนี้ได้นะครับ"

          สองมือคนตัวโตยกขึ้นยอมแพ้ "ขอทีเถอะ ให้ไปสู้กับกระทิงทั้งฝูงยังดีกว่าใส่สูทนั่งอยู่ในห้องแอร์ตั้งเยอะ...รู้แล้วน่า นายนี่มันดาเลียแอนตัวจิ๋วชัดๆ ....เฮ้ เจ้าหนู ฉันขอโทษ แค่ล้อเล่นน่ะรู้ไหม ล้อเล่น....นายก็ด้วยเจ้าลูกเจี๊ยบ!"

          แฟรงค์หันไปตะโกนบอกขอโทษ แต่ให้ผลตรงกันข้าม เด็กชายที่วิ่งกลับมาพยายามจับผมหนีไป ตกใจเสียงดังจนเข้ามามุดกับแผ่นหลังผมอีกครั้ง ความสั่นสะเทือนมาถึงผม มือกร้านแดดเต็มไปด้วยรอยแผลยื่นออกไปอยากกระชับมิตร ผมสับมือที่เอาแต่จะยื่นมาจับคนด้านหลังเสียงดัง มองด้วยสายตาแข็งกระด้าง เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาจริงจัง

          "ไม่ ไม่เอาครับ ไม่ให้เข้ามาหานะครับ หมู หมู หมูหย็องครับ!"

          "ตามพ่อบ้านไปรอผมที่สนามเถอะครับแฟรงค์ เราจะเริ่มกันที่ตรงนั้น"

          คำเตือนครั้งสุดท้าย ถ้าเขายังจะเล่นอีก ต่อให้เป็นพลโท ผมก็จะสอยร่วงให้เหลือแค่คนกรอกน้ำให้ดู

          "รู้แล้ว รู้แล้ว...นำไปสิคุณพ่อบ้าน ก่อนผมจะถูกลูกศิษย์ของตัวเองฆ่าตาย"

          เห็นเงาใหญ่เดินออกไป ก็หันมากอดปลอบเจ้าลูกเจี๊ยบพองขนฟูสู้ "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องจะไปออกกำลังกาย กับ กับคุณแฟรงค์เหรอครับ เขา เขาจะทำหมูหย็องเจ็บๆๆๆ ไหมครับ เทม เทมไม่อยากให้ไปเลยครับหมูหย็องครับ เขา เขาแฮ่ใส่ด้วยนะครับ"

          "ไม่เจ็บครับ แค่ออกกำลังกายเหมือนทุกวัน แฟรงค์เป็นพวกเห็นคนอ่อนแอกว่าแล้วจะอยากแกล้ง นิสัยไม่ดีนิดหน่อย แต่ไม่อันตราย ไม่ต้องกลัวนะครับ ไม่มีใครทำอันตรายเทมได้ และไม่มีใครทำหมูเจ็บได้แน่นอนครับ"

          "คุณแฟรงค์ๆๆๆ เป็นอาจารย์ แปลว่าๆๆๆ หมูหย็องเป็นนักเรียน แล้ว แล้วหมูหย็องจะตัวโตแบบคุณแฟรงค์ไหมครับ" เด็กชายถามอย่างกังวล

           อันที่จริงผมก็อยากนะครับ ถ้าตัวโตกล้ามใหญ่ จะได้ปกป้องคนตรงหน้าได้สะดวก แต่ถ้าเขาไม่ชอบ ผมเอาแต่พอดีก็ได้

          "ไม่หรอกครับ หมูคงไม่ตัวโตขนาดนั้น ...แต่ถ้าหมูตัวใหญ่ เทมจะไม่ชอบหรือเปล่าครับ?"

          "ตัวใหญ่ๆๆๆ เป็นหมูหย็องตัวใหญ่ๆ เหรอครับ? เทม เทมชอบหมูหย็องหมดๆๆ เลยครับ หมูหย็องตัวโตเท่าคุณแฟรงค์ เทม เทมก็ชอบครับ แต่ว่าๆๆ แล้ว แล้วจะเข้าประตูได้ไหมครับ? จะเข้า เข้าประตูบ้านได้เหรอครับ เทมกลัวหัวหมูหย็องจะโขกประตูโป๊กๆๆ จังเลยครับ แล้ว แล้ว ลิฟต์จะไม่ร้องตี๊ดๆๆๆ เหรอครับ ต้อง ต้องหัวชนรถตู้แน่ๆๆ เลยครับ หมูหย็องต้องใส่หมวกกันน็อคเวลาเดินเข้าบ้านนะครับ จะได้ไม่เจ็บหัว"

          หัวเราะในลำคอกับความคิดบรรเจิด นี่เขาคิดว่าผมจะตัวใหญ่ขนาดไหนกันแน่นะ

          "ถ้าตัวใหญ่พอดีประตู แบบนั้นได้ไหมครับ"

          คราวนี้เด็กชายมีสีหน้าโล่งใจ ยิ้มแย้มสดใส "ได้ครับๆๆๆ ไม่โขกโป๊กๆๆ หมูหย็องก็ไม่เจ็บนะครับ อะ...เทม เทมก็จะออกกำลังกายด้วยนะครับ! ออกแบบหมูหย็องนะครับ!"

          เป็นผมบ้างที่เลิกคิ้ว "เทมจะออกกำลังกาย? ออกแบบหมูด้วยเหรอครับ ทำไมล่ะครับ"

          แผนออกกำลังกายของเทมปุระไม่ได้มีเป็นพิเศษ มีแค่วิ่งกับว่ายน้ำสองวันครั้งก็พอดีเพียงพอตามวัย

          "เทมอยากอุ้มหมูหย็องได้ครับ อุ้มหมูหย็องได้นานๆๆๆ แล้วๆๆๆ แล้วก็ แล้วก็อยากมีพุงหกก้อนติดกันเหมือนหมูหย็องด้วยครับ เต้บอกว่าคนมีหกก้อนคือเท่มาก เทมอยากเท่แบบหมูหย็องบ้างครับ แข็งแรงๆๆ ปกป้องหมูหย็องครับ อุ้มหมูหย็องได้ด้วยครับ"

          ซิกแพคผมกำลังหลั่งน้ำตา...เป็นกล้ามเนื้ออยู่ดีๆ กลายเป็นไขมันเฉยเลย

         ยื่นหน้าไปกัดจมูกคนอยากมีพุงหกก้อนด้วยความมันเขี้ยว "เขาเรียกซิกแพคครับที่รัก ถ้าพุงต้องนุ่มนิ่มนะครับ"

          "งั้น งั้น งั้น เทมมีพุงตรงแก้มเหรอครับ เพราะแก้มเทมนุ่มๆๆ"

          หลุดหัวเราะเสียงดัง "ครับ เทมมีพุงตรงแก้ม"

          เด็กชายตาโต อ้าปากร้องวู้ว้าว "หูว...งั้นเทม เทม ให้พุงแก้มมีพุงหกก้อน มี มี มีซิกแพคด้วยได้ไหมครับ"

          "หึหึหึ แก้มมีซิกแพคไม่ได้นะครับ"

          หางตาเหลือบเห็นคนที่สมควรรออยู่ที่สนาม ยกคิ้วหลิ่วตาล้อเลียน เห็นแว่บๆ ว่าเขาเพิ่งเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง หรี่ตามองจับผิด...ให้ตาย ให้คนโผงผางแบบแฟรงค์กี้มาเป็นปาปารัสซีนี่ช่างไม่เนียนเอาซะเลย
 
          "หมูไปออกกำลังกายที่สนามนะครับ ถ้าเทมอยากออกกำลังกายกายแบบหมู ก็เริ่มจากอะไรง่ายๆ ก่อน หลังจากกลับจากเที่ยวปีใหม่ เดี๋ยวหมูจะหาเทรนเนอร์ให้ ตอนนี้ไปว่ายน้ำเล่นดีไหมครับ ชวนหย็องหย็องหรือเฮียปลาไปด้วย แล้วเดี๋ยวอีกสักแป๊บ หมูจะไปหา"

          "เทม เทมไปกับหมูหย็องไม่ได้เหรอครับ?"

          ไม่อยากให้เขาเห็นสภาพซ้อมต่อสู้เสียด้วย ภาพผมโดนทุ่มกับพื้น หรือภาพผมถือมีดเข้าใส่คน คงจะไม่ใช่ภาพที่ผมอยากให้เขาติดตา "หมูต้องทำข้อสอบที่คุณยายให้ครับ ข้อสอบเราต้องทำคนเดียว แอบดูกันไม่ได้ เทมรู้ใช่ไหมครับ?"

          "อ๋อๆๆๆๆ สอบ สอบแบบในชั่วโมงพละใช่ไหมครับ"

          "ใช่ครับ"

          "งั้น งั้นเทมรอที่สระน้ำนะครับ...หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องไปกี่นาทีเหรอครับ"

          "หมูไปไม่เกินสี่สิบนาทีครับ เทมเล่นสระในบ้าน แล้วก็เล่นเฉพาะสระกลางกับสระเล็ก ห้ามเล่นสระใหญ่ ถ้าเฮียปลาหรือหย็องหย็องชวน ก็ห้ามออกนอกบ้านนะครับ ช่วงนี้ฝุ่นเยอะ หมูไม่อยากให้ออกไปไหน"

          "เล่นเฉพาะสระกลางกับสระเล็กในบ้าน ไม่ ไม่ออกจากบ้านครับ โอเคๆๆๆ ครับ หมูหย็องครับหมูหย็อง สอบ สอบสู้ๆ นะครับ หมูหย็องต้องได้คะแนนเต็มๆๆๆ นะครับ" 

          "ขอบคุณครับ" กอดคนอวยพร แล้วบอกกับพ่อบ้านที่ยืนกระจายตัวแอบอยู่ทั่วบ้าน

          "ช่วยโทรเรียกหย็องหย็องหรือเฮียปลาให้หน่อยครับ แล้วก็หาคนไปเฝ้าสระสักห้าหกคนด้วย"

          "ไปกับพ่อบ้านนะครับ เดี๋ยวหมูจะรีบไปรีบมา"

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง มา มาหาเทมไวๆๆ นะครับ เทมคิดถึงเยอะแยะๆๆๆ เลยครับ"

          หน้าตาฉายความอาลัย ทุกก้าวที่ห่าง ก็เอาแต่หันหน้ามาหาจนพ่อบ้านต้องให้จับชายเสื้อเดิน มองเขาเดินออกไปจนไม่เห็นแผ่นหลังห่อเหี่ยว แล้วก็โทรถามย้ำกับน้องชายตัวเองว่าอยู่ที่สระเรียบร้อย เปิดกล้องวงจรปิดเช็คคนเฝ้าจนพอใจผมถึงหันมาให้ความสนใจกับข้อสอบของตัวเอง

          หลังจบทดสอบต่อสู้แบบระยะประชิด ผมก็เผลอคิดไปถึงคนที่ป่านนี้คงกำลังเล่นน้ำป๋อมแป๋ม อยากให้เขาเป็นอาจารย์ฝึกซ้อมแทนแฟรงค์ชะมัด จะจับเขาทุ่มใส่เตียงแล้วกดติดไม่ให้ลุกไปไหนได้เลย แต่ภาพฝันแสนหวาน ก็เป็นไปได้แค่ภาพมโนทางความคิดนั่นละครับ ตอนนี้ตรงหน้าไม่ใช่คนในฝัน แต่มีนายทหารเตรียมปืนเตรียมมีดนานาชนิดให้ผมเลือกจับ

          แฟรงค์ควงมีดอย่างคล่องมือ "เอาอะไรก่อนดีชาโรนอฟน้อย"

          ผมเลือกปืนคุ้นตามาถือ ไม่รอให้อาจารย์ตั้งตัว ก็จัดการเตรียมก่อนยิงเข้าเป้าไปห้าแผ่น

          กับคนเจอเหตุการณ์เลือดสาดบ่อยกว่าอาหารสามมื้อ ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรกับการกระทำอุกอาจ แค่เพียงมองวิเคราะห์อย่างจริงจัง ก่อนจะเข้ามาจัดท่าทาง และเริ่มให้ผมทดลองใช้อุปกรณ์อื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เมื่อก่อนผมก็เคยสงสัย นี่ผมจะโตไปเป็นนักฆ่าหรือนักธุรกิจกันแน่ ถึงต้องเก่งอาวุธและรอบรู้หลายอย่างขนาดนี้ แต่ก็เอาเถอะครับ รสนิยมส่วนตัวมันก็ห้ามกันไม่ได้ ถูกทหารเลี้ยงมา จะเป็นคุณชายจับแต่ปากกาเซ็นบนเอกสาร รอคอยแต่บอดี้การ์ดมาช่วยเหลือ ก็ดูจะไม่ใช่วิถีทางอาจารย์ปีศาจ อีกอย่างมันก็สนุกดีกับการได้จับอาวุธอันตราย และชั่งตราชั่งดู ในอนาคตก็มีเหตุให้ได้ใช้แน่ๆ อย่างน้อยเอาไปใช้ยิงเป้าชิงของรางวัลในงานวัดให้เทมปุระก็ได้น่ะนะ

          "เยี่ยม! เยี่ยมมาก! สมแล้วที่เป็นหลานชายของเธอ นายไม่อยากเข้าป่าไปปาร์ตี้กับฉันจริงๆ หรือเจ้าหนู ไปอยู่แต่บนยอดเขางาช้างน่าเบื่อออก ไปลงสนามจริงเถอะ รับรองนายจะต้องชอบ"

          "ไปคุยกับคุณยายสิครับ"

          สายตาบ้าเลือดสงบลงทันที ผู้ฝึกสอนเดาะลิ้น "ก็ได้กลายเป็นปาร์ตี้ฉลองฉันหัวขาดตายพอดี คุณดาเลียหวงหลานชายตัวน้อยยังกับอะไร ทุกวันนี้ฉันยังแปลกใจ ทำไมเธอยอมให้นายมาอยู่กับพ่อแม่ ไม่ได้ว่านะ แต่ก็เห็นๆ กันอยู่ อยู่กับตำนานกับอยู่กับคนธรรมดา อะไรน่าสนุกกว่ากัน ใกล้ชิดกับเธอคนนั้นเลยนะ พระเจ้า เสียดายแทนชะมัด"

          เริ่มแล้วสินะ...ความติ่งของพลทหารแฟรากา

          แฟรงค์กี้คือแฟนคลับอันดับต้นๆ ของดาเลีย แอน ถ้าได้เริ่มพูดถึงอดีตแล้วละก็ อีกนานกว่าจะยอมหยุด ผมเบื่อจะฟังคำสรรเสริญคุณยายจากอดีตลูกศิษย์ตัวยักษ์ ไม่บอกลาแต่หันหลังเดินจากมาทันที

          ตกเย็นผมก็เรียกเด็กชายขึ้นจากสระน้ำ ให้เขาไปอาบน้ำและพามาแต่งตัว เตรียมไปทานมื้อค่ำที่โรงแรม หลายคนดูอิดออด แทบจะต้องลากกันขึ้นรถกว่าจะได้ออกขบวนไปโรงแรมหรู

          ณ ห้องอาหารที่ถูกจองทั้งหมดเพื่อความเป็นส่วนตัว และล่ามสองคนที่ห่างไปไม่ไกล เห็นแล้วก็รู้เลยว่าเตรียมมารับฟัง 'ใคร' โดยเฉพาะ มื้อค่ำก็ยังคงความเรียบง่ายแบบฉบับกัดกันของคุณยายและคุณแม่ สงครามเย็นทว่าร้อนระอุล้อมรอบ มีคุณตาคอยปั่นประสาทด้วยภาษาไทยระคายหูอีกคน ให้ตาย ตั้งแต่คำว่าเมียคราวก่อน อยากรู้จริงๆ ว่าไปเรียนภาษาไทยมาจากที่ไหน

           ตามที่เราซ้อมกัน ผมพยายามจุดก่อกองไฟ สร้างประโยคให้เทมกับคุณยายได้พูดคุยกันเพื่อสร้างโอกาสในการทำความรู้จัก เทมปุระได้เทคนิคมาใหม่ เจ้าตัวน้อยใช้ความคล้ายคลึงของผมกับคุณยายเป็นตัวช่วยพิเศษ ทำให้พอจะกล้าพูดคุยแบบสบตาด้วยอีกหลายคำ แต่เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็ยังคงไม่มองตายามพูดคุยอยู่ดี แต่หักคะแนนเขาไม่ได้นะครับ เด็กน้อยพยายามแล้ว แต่อาการของโรคก็ไม่ใช่อะไรที่จะฝืนกันได้ บนโต๊ะอาหาร เป็นการพูดคุยแบบคุยกับกำแพงอยู่ส่วนมาก คุณยายใช้ความเงียบแทนคำตอบเกือบตลอดบทสนทนา อาหารที่เทมตักให้ ท่านก็ไม่แม้แต่จะแตะ ซ้ำยังเขี่ยออกเสียอีก แต่เทียบกับคุณป๊าที่ท่านเคลื่อนจานหนี...อย่างน้อยก็ไม่ติดลบนะครับ

          "ตาอยากขี่ตุ๊ดตุ๊ด"

          แทบจะสำลักน้ำ "คุณตาจะพูดว่านั่งรถตุ๊กตุ๊กหรือเปล่าครับ"

          "อ๋อ ตุ๊กตุ๊ก รถตุ๊กตุ๊ก ใช่! พรุ่งนี้เราไปนั่งรถตุ๊กตุ๊กเที่ยวรอบกรุงเทพกันเถอะ"

          "หย็องไปด้วย!"

          "อุ้ย จำปาห่มสไบไปด้วยดีไหมคะ เข้ากันม้ากมากกับรถตุ๊กตุ๊กเจ้าค่ะ เอ้ย ครับ!" จำปาเปลี่ยนโหมดแทบไม่ทัน เมื่อสบตากับหญิงชรา

          "คุณพ่อเคยดูรถไต่ถังไหมครับ ที่พัทยามีรถไต่ถังด้วยนะครับ สุดยอดมาก เขาแสดงโชว์ขี่รถผาดโผนกันน่าหวาดเสียวสุดๆ แถมยังให้ผู้ชมมีส่วนรวมเข้าไปซ้อนได้ด้วย"

          "จริงหรือโจวิช งั้นเราจะนั่งรถตุ๊กตุ๊กไปพัทยากันพรุ่งนี้เลย!"

          คุณยายไม่รอฟังคำเชิญร่วมสนุกกับการไปดูรถไต่ถัง ท่านลุกออกจากโต๊ะอาหาร มีผมที่จับมือเทมเดินตามไปอีกที

          วันนี้ความคืบหน้าไม่มี แต่คิดว่าอย่างน้อยก็ไม่ถอยหลัง




         





end 55 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 55 * 30/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 01-02-2019 00:38:58
ยายมาโหด
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 55 * 30/Jan/2019
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 01-02-2019 17:43:23
ถือว่าเป็นนิมิตที่ดี
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 56 * 3/Feb/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 03-02-2019 19:03:17





56





          ให้ตายสิ...ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณป๊ากับคุณตาจะเอาจริง

          หน้าบ้านนอกจากกระเป๋าเดินทาง ก็มีรถคันไม่คุ้นตาจอดอยู่หลายคัน  รถตุ๊กตุ๊กสีสันแสบตา ถูกฝรั่งหัวทองตัวเล็กตัวโตกรี๊ดกร๊าด สลับกันขึ้นไปนั่งแอคท่าถ่ายรูปคู่กันยกใหญ่เหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน โอเค อาจจะเคยเห็น แต่เคยนั่งไหม ก็ไม่เคยครับ และผมก็จะไม่นั่งมันแน่นอน...อากาศร้อนขนาดนี้ ฝุ่นควันมากมายขนาดนี้ ขอปฏิเสธดีกว่า กวาดตามองสมาชิกคนอื่นแล้วก็ยิ่งอิหลักอิเหลื่อ คุณแม่ คุณป้า เจ้ไก่ และเฮียปลาหย็องใส่หมวกสานที่ใหญ่พอจะตากปลาแห้งได้ทั้งโหล คนอื่นก็ไม่น้อยหน้าเมื่อคุณพ่อสั่งให้ทุกคนสวมชุดเสื้อลายดอก เหล่าสวนดอกไม้เดินนวยนาดเชิดฉายได้ชวนให้เข้าใจผิด นี่มันสงกรานต์ผิดฤดูหรือยังไงกันครับ.... ตอนนี้ทุกคนถูกวิญญาณนักท่องเที่ยวสิงสถิตย์แบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เว้นแต่หนึ่งอิสตรีผู้มีอำนาจเหนือทุกคน ที่กำลังมองภาพตรงหน้าด้วยความเฉยชาจากในรถตู้

          "ตาจองคันสีส้มแล้วกัน ใครจะมานั่งกับตาบ้าง"

          "หย็องนั่งด้วยๆๆๆ"

          "หย็องมาเอาหน้ากากกันฝุ่นไปใส่ก่อน แล้วนี่ทากันแดดหรือยัง"

          "เทมเทมมานั่งกับปะป๊านะครับลูก"

          ก้อนความสุขวิ่งวนรถสามล้อ จับแตะไปทั่วด้วยความสนอกสนใจ ยิ่งคุณป๊าอุ้มเจ้าตัวให้ลองนั่งที่คนขับ แก้มนุ่มก็ปริออกด้วยรอยยิ้มกว้าง

          "เทม เทมไม่เคยนั่งรถตุ๊กตุ๊กมาก่อนเลยครับ! เทม เทมนั่งตรงริมได้ไหมครับคุณปะป๊าครับ คุณแม่ครับ คุณแม่ครับ คุณแม่มานั่งกับเทมกับคุณปะป๊าแล้วก็หมูหย็องไหมครับ"

          คุณป้ามีท่าทางลำบากใจ ท่านหันมามองทางผมเหมือนขอความช่วยเหลือ แต่ถึงไม่ขอ ผมก็ไม่ให้เด็กชายที่กำลังตื่นเต้นกับทริปเที่ยวทะเลไปนั่งแน่ๆ ทั้งควันดำรถ มลพิษทางอากาศมากมาย ไหนจะความตื่นเต้นจนเด็กชายอยู่ไม่สุขอีก เจ้ารถที่ไม่มีแม้กระทั่งเข็มขัดนิรภัย แค่เบรคแรงๆ ก็ทำให้กลิ้งตกรถได้ ตกบนถนนที่มีรถจราจรวิ่งผ่าน...

          ไม่ไหว...แค่คิดความดันผมก็พุ่งพรวด

          เดินไปยกเจ้าตัวเล็กลงมา กอดเอวคนที่ขยับตัวดุ๊กดิ๊กอยากขึ้นไปนั่งริมรถไว้ข้างตัว

          "เทมครับ เรานั่งรถตู้ไปกันนะครับ"

          เทมปุระอ้าปากค้าง ดวงหน้าใสเริ่มเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพราะความผิดหวัง ผมสูดหายใจลึก ตั้งใจว่าจะไม่อ่อนข้อให้เขาแน่ๆ ถ้าเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย แต่เจ้าหยดใสน้ำตาคลอหน่วยก็ทำเอาความตั้งมั่นหลอมเหลว

          ผมไม่เก่งเรื่องใจร้ายกับเขา

          "...ไปถึงพัทยาแล้วค่อยนั่งดีไหมครับ นั่งตอนนี้วิวก็ไม่สวย รถก็ติด อากาศร้อน ไหนจะฝุ่นเยอะ สูดเข้าไปมากๆ จะไม่สบาย อีกอย่าง ถ้าทุกคนนั่งรถตุ๊กตุ๊กกันหมด คุณยายนั่งรถตู้คนเดียวจะเหงานะครับ"

          คุณป้าที่รู้ว่าลูกชายตนเองเวลาตื่นเต้นแล้วควบคุมยากรีบเข้ามาสมทบ

          "ใช่แล้วครับน้องเทม คุณแม่ก็จะนั่งรถตู้นะครับ ถ้าน้องเทมไปนั่งรถตุ๊กตุ๊ก คุณแม่ก็เหงานะครับ"

          "แต่ แต่ว่า คุณปะป๊าบอกใส่หน้ากาก ใส่หน้ากากก็ปลอดภัยหายห่วงแล้วนะครับ เทม เทม..."

          เด็กชายเม้มปาก มองสลับรถสามล้อกับรถตู้สีดำ วกกลับมามองผมแล้วก็ยอมพยักหน้า หัวทุยกลิ้งเกลือกอยู่บนไหล่ เด็กดีเอ่ยขอข้อต่อรองสุดท้าย

          "ถึง ถึงพัทยาแล้ว แล้ว แล้วค่อยนั่งเหรอครับหมูหย็องครับ แล้ว แล้วทุกคนจะไม่เป็นไรใช่ไหมครับ จะสบายๆๆ ดีใช่ไหมครับ"
          "ใช่ครับ ถึงพัทยาแล้วค่อยนั่งนะครับ"

          ...ขับวนในโรงแรม ด้วยความเร็วสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงน่ะนะ...

          หลังแบ่งกลุ่มได้ก็ถึงเวลาเคลื่อนขบวน ผมและเทมนั่งรถตู้คันเดียวกับคุณยาย ส่วนคุณป้ากับเฮียเนื้อหย็องและคุณแม่นั่งไปอีกคัน ที่เหลือก็...ครับ โหวกเหวกกันอยู่บนรถตุ๊กตุ๊กสี่สี ผมว่าเป็นภาพที่แปลกตามากกับขบวนรถดำที่ขับประกบรถสีสันแสบตา ดีว่าบอกให้คนขับไปเปลี่ยนยูนิฟอร์ม จากชุดเครื่องแบบเต็มยศก็กลายเป็นเสื้อเชิ้ตง่ายๆ ไม่อย่างนั้น คงจะเป็นอะไรที่พิลึกยิ่งกว่านี้

          บนรถไม่ได้อึดอัดนัก ผมนั่งข้างคุณยาย ส่วนเทมนั่งด้านหลัง เด็กน้อยเกาะกระจก โบกมือให้เฮียปลาที่อยู่ด้านนอก แอบเห็นหน้าพี่สาวบูดบึ้ง ท่าทางเบื่อเต็มทนกับการที่ต้องดึงสไบสีเขียวไว้ ป้องกันพี่ชายคนโตกลิ้งตกลงจากรถ     
     
          เห็นตาสีน้ำตาลละห้อย แล้วก็ยกท่าไม้ตายมาใช้ วานิลลาเชคถูกยื่นไปด้านหลัง คนหงอยพอได้น้ำหวานก็กลับมายิ้มสวย ชี้ชวนพูดคุยไม่หยุด สักพักเบาะหลังสุดก็ถูกยึดครองทั้งหมด เด็กน้อยทอดตัวยาว ความเงียบโปรยปราย คนน่ารักนอนกอดหมอนหลับไป ผมควานหารีโมตปรับอุณหภูมิแอร์ด้านหลัง หยิบผ้าห่มผืนนุ่มคลุมจนถึงปลายเท้าขาว จัดหมอนให้ดี เช็คเข็มขัดนิรภัย ทุกอย่างเป็นไปแบบรวดเร็วด้วยความเคยชิน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าบนรถไม่ได้มีแค่ผมกับเขาอย่างที่แล้วมา

          คุณยายทอดมองการกระทำของหลานชายด้วยแววตาอ่านไม่ออก ทักเสียงนิ่งคล้ายไม่ใส่ใจ

          "หลานเลี้ยงเขาเหมือนลูก"

           รู้ว่าเป็นประโยคเสียดสี ตอกย้ำความไม่เหมาะสม แต่มันไม่ได้ทำให้หงุดหงิดใจหรือรู้สึกเสียหน้า ได้ทำอะไรให้เทมสำหรับผมคือความภูมิใจ หลุดยิ้ม เมื่อคิดถึงภาพในอดีต จำได้ว่าเคยกระทั่งไล่จับเขาใส่แพมเพิร์ด จับขวดนมป้อน

          ผมเลี้ยงเขามากับมือเลยนะ คำนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคำชมเชย

          "ไม่ใช่แค่เหมือน แต่ผมเลี้ยงเขาเป็นลูกจริงๆ ครับ แต่ถ้าให้ขยายความ ก็ไม่ใช่แค่นั้น เขาเป็นทั้งน้องชาย พี่ชาย เพื่อน คนรัก สัตว์เลี้ยง งานอดิเรก เป็นทุกอย่างเลยครับ"

          เสียงสองถูกใช้แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เหมือนที่น้ำชอบจิกกัด ยามพูดถึงคนกำลังซุกหน้าเข้ากับตุ๊กตานุ่น น้ำเสียงเรียบนิ่งของผมมักจะแฝงไปด้วยกระแสความอ่อนโยนเป็นพิเศษ ไม่เคยรู้ตัวจนถูกทักเข้าหลายครั้ง แม้กระทั่งต่อหน้าคนที่เคารพสุดจิต ภาพลักษณ์เงียบขรึมก็ถูกกะเทาะออก เผลอแสดงออกเกินหน้าเกินตา

          "ฟังดูเป็นภาระ"

          "ถ้าจะมองในแง่นั้น ผมอยากให้คุณยายมองว่าเป็นแรงผลักดัน เป็นกำลังใจมากกว่าครับ หรือถ้าจะเรียกว่าภาระ เทมก็เป็นภาระดีๆ ที่ผมอยากมีติดตัวน่ะครับ"

          "...รสนิยมหลานแย่เหมือนเอเลนเข้าไปทุกวัน"

          น้ำแข็งสีฟ้าคมกริบเหลือบมอง ก่อนจะกลับไปจดจ้องหน้าจอที่มีเลขวิ่งพล่านดั่งเดิม ผมเข้าใจเส้นคั่นจบบทสนทนา ก่อนจะชวนท่านคุยถึงเรื่องอื่นแทน แต่กับคำถามอย่างเมื่อคืนนอนสบายไหมครับ หรืออะไรทำนองนั้นก็แค่เพียงผิวเผิน เรื่องสนุกของผมกับคุณยาย ก็คงไม่พ้นเรื่องงานและธุรกิจ หุ้น การลงทุน และงานบริหารถูกยกมาเป็นหัวข้อยืดยาวจวบจนรถจอดที่หน้าโรงแรมใหญ่

          แดดจ้าพร้อมกลิ่นอายความเค็มปะทะจมูก ความเหนียวหนืดตามเนื้อตัวตั้งแต่ยังไม่แตะน้ำ ความชื้นในอากาศมากกว่าปกติ บ่งบอกว่าถึงที่หมาย เราเป็นกลุ่มแรกที่มาถึง ส่วนเหล่ากลุ่มชนรถตุ๊กตุ๊กคนครึกครื้น กำลังแวะอยู่ที่จุดพักรถระหว่างทาง เพื่อเปลี่ยนกลับไปนั่งรถประจำตัว สาเหตุก็ไม่ใช่อะไรเกิดคาดการณ์ ใส่หน้ากากปิดจมูกในอากาศร้อนอบอ้าว ทำเอาแทบจะเป็นลมหลังจากกระดี๊กระด๊ากันได้เพียงสามสิบนาที ลงท้ายก็ต้องสับเปลี่ยนรถ เสียเวลา แทบทำเอาคุณท่านทั้งสองหงุดหงิด โดยเฉพาะคุณม้า ที่ต้องวกรถกลับไปหา เตือนแล้วไม่ฟังก็แบบนี้ละครับ คิดว่าที่นี่เป็นขั้วโลกเหนือหรือไงกัน ที่นี่คือประเทศที่มีอากาศร้อน ร้อนมาก ร้อนบัดซบนะครับ นั่งรถเปิดโล่งแบบนั้น เท่ากับเอาตัวเองไปปิ้งบนเตาย่างชัดๆ

          "เทมครับ เทม...ถึงแล้วนะครับ" ปลุกคนหลับตานิ่งสนิท

          เทมปุระงัวเงียลงจากรถทั้งที่ยังกอดตุ๊กตาสีฟ้าเอาไว้ในแขน เด็กชายกลายเป็นปลาทูคอหัก เอาแต่ครางฮืออยากนอนท่าเดียว ผมหยิบผ้าเย็นในตู้เย็นเล็กในรถ ยื่นส่งให้เขาเช็ดหน้าเช็ดตา ก่อนช่วยพยุงคุณยายลง เมื่อเท้าแตะพื้น เหล่าบอดี้การ์ดและคนดูแลส่วนตัวของท่านก็มารับช่วงต่อไป

          บริกรของโรงแรมเดินมาต้อนรับ ถามชื่อก่อนเชื้อเชิญให้เราเข้าไปนั่งรอในโถงล็อบบี้ พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มต้อนรับในลูกมะพร้าวลูกโตระหว่างรอนำกระเป๋าเข้าห้อง ไม่เกินสิบนาที ก็ได้คีย์การ์ดมาไว้ในมือ เพราะหาที่พักแบบฉุกละหุกแถมเป็นช่วงใกล้ปีใหม่ โรงแรมดีๆ ห้องดีๆ ก็ถูกจองไปหมด ที่พักที่ได้เลยค่อนข้างกระจัดกระจายไม่ได้ติดกัน ห้องของคุณยายกับคุณตาเป็นห้องสวีทใหญ่อยู่ชั้นบนสุดพร้อมสระว่ายน้ำสวนตัว พร้อมด้วยห้องของผู้ดูแลใกล้ชิด ส่วนห้องของผมอยู่ชั้นรองลงมา เป็นห้องแบบครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีประตูเชื่อมต่อกับอีกสี่ห้อง และมีห้องนั่งเล่นส่วนกลาง หนึ่งในนั้นคือของคุณป้าและอีกห้องถูกยึดโดยเฮียเนื้อหย็อง อีกห้องที่ว่างคงต้องรอดูว่าจะมีใครมาจับจอง เพราะแน่นอนว่าเทมต้องนอนกับผม นอกจากพวกโทรทัศน์ ตู้เย็นและเครื่องชงกาแฟ ห้องนี้พิเศษคือข้างนอกมีระเบียงพร้อมเก้าอี้สานชุดใหญ่ให้นั่งรับลมชมวิวทะแลแกล้ม ทะเลกว้างสีครามร้อยแปดสิบองศาคือจุดเด่น มีอ่างจากุซซีเล็กกว่าในห้องน้ำที่บ้านให้ลงแช่ยามค่ำคืนอีกหนึ่งอ่าง ส่วนห้องคนอื่นก็อยู่ชั้นถัดไป ซึ่งก็ลดความหรูลงเรื่อยๆ คิดภาพเลขาคุณป๊าถูกดุออกเลยทีเดียว คุณป๊าผู้ชอบความเวอร์วังอลังการคงไม่ค่อยพอใจนักแน่ๆ กับความไม่วีไอพีขั้นสุดของที่หลับนอน

          แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะครับ อยากจู่ๆ ก็มากันเอาเอง แถมยังมาช้าอีก และแน่นอนว่าคนมาก่อนก็ต้องได้เลือกก่อน

          ผมต่อสายโทรศัพท์ไปถึงห้องข้างบน เรานัดแนะกันว่าจะลงมาทานข้าวเช้าเกือบเที่ยงด้วยกันพร้อมคนกลุ่มหลังที่ยังมาไม่ถึง คงอีกราวๆ สองชั่วโมง ระหว่างนี้ก็นั่งพักผ่อนรอ

          อันที่จริงก็มีแค่สองคนที่นั่งพัก เฮียเนื้อหย็องที่ตายังคงดำกับตำราที่หอบหิ้วมาอ่านแม้วันหยุด แผ่ตัวอยู่ในห้องนักเล่นรวมตรงกลาง กางแขนขาบนโซฟาหลับตานิ่ง มีคุณป้าที่กำลังจัดของเข้าตู้อย่างเรียบร้อยยืนขำพี่ชายผู้ดูพร้อมละลายไปกับเก้าอี้

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมอน หมอนกับพี่ม่อนอยู่ไหนเหรอครับ"

          ส่วนคนที่ตื่นเต้นจนไม่รู้จะทำอะไรก่อน หลังวิ่งพล่านไปทั่ว ก็มานั่งจุมปุกเปิดกระเป๋า มาแค่สามวันสองคืน แต่กระเป๋าเดินทางก็มีถึงสี่ใบใหญ่ ห่วงยาง ของเล่น รองเท้า เสื้อผ้า และใบแสนสำคัญสำหรับการนอนพักค้างอ้างแรมที่อื่น คืออุปกรณ์การนอนที่ต้องมีมาจากบ้านมาอย่างน้อยสองสามอย่าง ไม่มีอะไรให้คุ้นตา คนไม่คุ้นเคยก็จะนอนหลับยาก

          "อยู่ในกระเป๋าใบสีฟ้าครับ ใบใหม่ที่หมูเพิ่งซื้อให้เทมไงครับ เจอหรือเปล่า"

          "อ๋อๆๆๆๆ เจอ เจอแล้วครับ เทม เทมเอาไปจัดเลยได้ไหมครับหมูหย็องครับ"

          "เอาแค่ตุ๊กตาไปวางพอนะครับ เดี๋ยวพวกผ้าปูหมูให้พนักงานโรงแรมมาปูให้"

          เทมร้องตอบรับก่อนวิ่งตุบตับไปจัดที่นอน

          "อ้าว น้องเทมไม่นอนกับคุณแม่หรือครับวันนี้"

          คุณป้าโผล่หน้ามาช่วยจัดเสื้อผ้า ก่อนเอ่ยแซวลูกชายที่พักหลังแทบจะถูกผมยึดครองตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เด็กชายทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ อ้าปากกว้าง หันมองผมทีมองคุณแม่ตัวเองที คิ้วขมวดเป็นโบ คุณป้าหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะเข้ามาช่วยจัดที่นอน "คุณแม่ถามล้อเล่นเฉยๆ ครับ น้องเทมนอนกับน้องหมูหย็องนะครับ ให้คุณแฟนนอนคนเดียว เดี๋ยวคุณแฟนเหงานะครับ"

          ผมรู้สึกแก้มร้อน เขินแปลกๆ กับการถูกแม่ของคนรักเอ่ยสัพยอก ยิ่งยังไม่ได้เข้าไปคุยกับคุณป้าแบบเป็นเรื่องเป็นราวสำหรับการเลื่อนขั้นสถานะ ยิ่งกระดากอายที่ยึดเทมปุระไว้เป็นของตัวเองคนเดียว ถึงมันจะเป็นไปตามสัญญาก็ตามแต่....

          "คุณแม่ครับคุณแม่ คุณแม่ครับ คุณแม่เหงาๆๆๆ หรือเปล่าครับ เทม เทมไม่ได้ไปนอนด้วย เทมขอโทษนะครับ"
หญิงตัวเล็กลูบมือลงบนศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยไหมนุ่ม แย้มรอยยิ้มอ่อนหวานอบอุ่น "เหงานิดหน่อยครับ แต่ว่าคุณแม่ดีใจที่น้องเทมติดหมูหย็องนะครับ กับคุณแม่ แค่นานๆ ครั้งคิดถึงกันบ้างก็พอแล้วครับ"

          เด็กชายเข้าไปกอดเอวเล็ก ซุกตัวเข้าหา "เทม เทมไม่ได้ลืมคุณแม่นะครับ เทมคิดถึงคุณแม่ทุกวันๆๆๆ เลยนะครับ"

          คุณป้าหัวเราะเสียงสดใส ให้เด็กชายผู้กำลังติดแฟน "โถ น้องเทมครับ คุณแม่ขอโทษนะคะ ทำหนูคิดมากเลย คุณแม่ไม่ได้น้อยใจนะคะน้องเทม เราเจอกันบ่อยๆ ตอนทานข้าวเย็น คุยกันบ้างทางโทรศัพท์ แค่นี้คุณแม่ก็พอใจแล้วครับ อีกอย่าง หนูไม่ได้หนีคุณแม่ไปไหนไกล เราแค่นอนห่างกันนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ต้องคิดมากนะครับ ความสุขของน้องเทมคือความสุขของคุณแม่ น้องเทมอยู่กับน้องหมูหย็องแล้วมีความสุข ก็อยู่กับน้องหมูหย็องนะคะ"

          แต่คนช่างเป็นห่วง ถึงได้รับคำยืนยันก็ยังไม่สบายใจ ส่ายศีรษะแนบเอวบางอย่างออดอ้อน

           "งั้น งั้น งั้นๆๆ วันนี้ วันนี้ เทม เทมจะเล่นกับคุณแม่เยอะแยะๆๆๆ เลยนะครับ คุณแม่จะได้ไม่เหงานะครับ คุณแม่ครับ ไป ไปก่อกองทรายกับเทมไหมครับ"

          "น้องเทมครับลูก อย่าเพิ่งลงไปนะครับ แดดยังแรงอยู่เลย น้องหมูหย็องไม่ชอบอากาศร้อนไม่ใช่หรือครับ ต้องคิดถึงน้องหมูหย็องด้วยนะครับ"

          "เทมจำได้ครับ เทมจำได้ว่าหมูหย็องไม่ชอบร้อนๆๆ แต่หมูหย็องบอกว่า บอกว่าๆๆๆ ในโรงแรมมีสระจำลองในร่มด้วยนะครับ ถ้าไปเล่นห้องนั้น ห้องนั้น ห้องนั้นหมูหย็องเล่นๆๆๆ ได้ครับ ไม่มีแดดร้อนๆๆๆ มีทรายเยอะแยะๆๆๆ ด้วยครับ"

          "อ๋อ...โอเคครับ งั้นเดี๋ยวคุณแม่ไปปลุกพี่เนื้อหย็องก่อนเนอะ แล้วเราค่อยลงไปพร้อมกันนะคะ โอเคไหมครับ?"

          "เคโอๆๆๆ โอเคๆๆ ครับ"

          ผมที่แอบลอบฟังการพูดคุยของแม่ลูก พอคุณป้าออกไป ก็วางไม้แขวนลงหลังจากแกล้งเอาเสื้อผ้าแขวนในตู้ยุ่งมือ สักพักในห้องก็มีเจ้าจิงโจ้กระโดดดึ๋งดั๋งมากอดจากด้านหลัง สองแขนคนร่างสูงรวบกอด ยื่นหน้ามาคลอเคลีย ฉกฉวยหอมแก้ม

          พัฒนาการของคนรัก คือเทมเข้ามาสัมผัสผมมากขึ้นจนน่าชื่นใจ

          "หมูหย็องครับ หมูหย็องครับ เทม เทมชวนคุณแม่ไปเล่นสระในร่มครับ เรา เราชวนคุณยายไปเล่นด้วยกันได้ไหมครับ คุณยายจะได้ไม่เหงานะครับ เทมเอาห่วงยางมาเยอะแยะๆๆๆ เลยครับ คุณยายไม่จมจ๋อมแจ๋มนะครับ ไม่จมๆๆ เพราะเทมเอามาเผื่อคุณยายด้วย เป็นสีชมพูด้วยครับ มีลายกาน้ำชาแบบที่คุณยายชอบดื่มด้วยนะครับ ของหมูหย็องเป็นสีดำเท่ๆๆๆ ด้วยครับ"

          ....คิดภาพคุณยายสวมห่วงยางสีชมพูแล้วหมูหนาวกระดูกสันหลังวาบเลยครับที่รัก...

         เอี้ยวตัวไปหอมแก้มคนเตรียมพร้อม ตัดสินใจไม่ขัดขวางจินตนาการ "ของเทมก็เป็นสีฟ้า ลายโดราเอมอนใช่ไหมครับ?"

         เทมปุระตาโต "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องเก่งจังเลยครับ! หมูหย็องรู้ได้ไงครับ หมูหย็องรู้ได้ไงครับ"

          ก็หมูเป็นคนซื้อให้ แถมยังช่วยจัดกระเป๋ารอบสอง ตรวจเช็คเก็บรายละเอียดให้ด้วยยังไงละครับ

          แสร้งตีหน้าขรึม ทั้งที่กำลังกลั้นรอยยิ้ม "หมูมีพลังวิเศษครับ รู้เกี่ยวกับเทมทุกเรื่องเลย"

          เทมปุระยิ้มจนตาหยีเป็นเส้นโค้ง "เทม เทมก็มีพลังพิเศษ รู้เกี่ยวกับหมูหย็องทุกเรื่องเลยครับ"

          แกล้งทำตาโตตามอีกคน "เทมเก่งจังเลยครับ งั้นรู้ไหมครับว่าตอนนี้หมูคิดอะไรอยู่"

          เด็กวิเศษมองตรงมาอย่างจริงจัง ลอบสำรวจ ท่าทางตรวจหาเหมือนจะให้ไม่มีส่วนไหนเล็ดรอด ทำเอาคนถูกจับจ้องร้อนแก้มผะผ่าว มาจ้องแล้วทำหน้าจริงจังใส่แบบนี้ก็แย่น่ะสิครับ เดี๋ยวไม่ได้เล่นน้ำกันพอดี

          "หมูหย็องคิด คิด คิดลามกกับเทม กับเทมๆๆๆ ใช่ไหมครับ!?"

          หน้าตาจริงจังลุ้นคำตอบจนตาเป็นประกายวิบวับ จับแขนผมเขย่าไปมาเหมือนขอร้องให้คำตอบคือใช่

          เผลอขำพรืดจนอารมณ์ลามกกระเจิง "ใช่ครับ หมูกำลังคิดลามกกับเทมอยู่ แต่อย่าเสียงดังนะครับ พูดให้คนอื่นได้ยินจะฟังดูไม่ดี เก็บไว้พูดกับหมูสองคนพอนะครับ"

          เด็กชายฟ้าประทานแสนเชื่อฟัง ผละปล่อยมือออกปิดปากตัวเอง พยักหน้าขึ้นลงหลายที  ผมหมุนตัวไปกอดเขาแทน ก่อนกระซิบกระซาบคุยกันเสียงเบา สลับเสียงจุ๊บประกอบหลายที

          ก่อนจะเลยเถิด ก็รั้งหน้าออกห่าง

          "งั้น...เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปหาคุณยายกันนะครับ แล้วเทมครับ ทากันแดดด้วยนะครับ สเปรย์อย่างเดียวคงเอาไม่อยู่ เดี๋ยวจะแสบผิว"

          "เล่นในร่มๆๆๆ ต้องทาด้วยเหรอครับหมูหย็องครับ เทมไม่อยากทาเหนียวหนืดเหนียวหนืดเลยครับ"

          "เดี๋ยวเราจะไปเล่นข้างนอกด้วยครับ เล่นน้ำทะเลไงครับ"

          จับเทมหันหลังแล้วเริ่มช่วยเขาป้ายครีมลงบนผิว กลิ่นหอมของครีมฟุ้งขึ้นแตะจมูกทันที

          "ทะเล! ทะเลๆๆๆๆ หมูหย็องครับหมูหย็อง เทม เทมไปจับคุณฟองคลื่นได้ไหมครับ เทม เทมไปไล่จับคุณฟองคลื่นได้ไหมครับ นั่งรถตุ๊กตุ๊กด้วยนะครับ นั่งด้วยกันนะครับหมูหย็องครับ ชวนคุณแม่ แล้วก็ๆๆๆ คุณยาย แล้วก็เฮียเนื้อหย็องด้วยนะครับ"

          "ได้ครับ รอแดดหายสักพัก แล้วเดี๋ยวหมูพาไปนะ หันข้างหน้ามาสิครับ"

          ทาครีมให้เขาเสร็จ ก็จับใส่หมวก สวมแว่นตากันแดด สวมเป้ให้สะพาย พร้อมกระเป๋าสีใสที่ข้างในใส่ของเล่นดินทราย ผมโทรบอกคุณป๊าเล็กน้อย เดี๋ยวมาถึงแล้วจะคลาดกัน เสียงคุณป๊ากับคุณแม่และเหล่าคนร่วมทางโอดโอยมาตามสาย บอกว่ารถติดไม่ขยับมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมไม่ได้อยู่เฝ้าฟังคนบ่น แค่บอกธุระเสร็จก็ตัดสาย พาเด็กชายที่หอบหิ้วห่วงยางพร้อมเล่นเต็มที่ไปชวนแขกคนสำคัญ

          "คุณยายครับคุณยาย ไปเล่นน้ำกันนะครับ"

          ท่านมองคนสวมแว่นตากันแดดรูปดาวห้าแฉกด้วยความเย็นชากว่าปกติสองเท่า แต่กริชน้ำแข็งคมกริบ ทำอะไรคนกระตือรือร้นคิดภาพฝันหวานถึงการก่อกองทรายสีนวลไม่ได้ ผู้เชื้อเชิญยิ้มแฉ่ง "เทมเป่าห่วงยางมาให้แล้วครับ ไม่จม ไม่จมจ๋อมแจ๋มๆๆ นะครับ ไปเล่นด้วยกันนะครับคุณยาย"

          เฮียเนื้อหย็องช่วยพูดเสริม "ไปนั่งชมวิวก็ได้นะครับ ชั้นนั้นมีสวนเปิดโล่ง บรรยากาศดีมากเลย"

          คุณยายตอบเพียงประโยคสั้นๆ ก่อนปิดประตู แต่เล่นเอาเด็กน้อยคอตก จริงๆ ผมรู้คำตอบ แน่นอนว่าต้องไม่พ้นคำปฏิเสธ เพียงแต่อยากให้ทั้งสองคนได้พูดคุยกันบ้าง "ไม่เป็นไรนะครับ คุณยายคงยังเหนื่อย"

          "งั้น งั้นๆๆๆ เทมนั่งรอคุณยายหายเหนื่อยได้ไหมครับ จะได้ไปเล่นด้วยกันนะครับ"

          "ให้คุณยายท่านพักก่อนดีไหมครับน้องเทม รอคุณปะป๊าคุณหม่าม้ากับคุณตามาก่อน ค่อยมาชวนคุณยายอีกทีนะครับ"

          "ก็ ก็ ก็ได้ครับ งั้นๆๆๆ เทมเขียนใส่กระดาษบอกชั้นคุณยายไว้นะครับ เผื่อ เผื่อๆๆๆ เผื่อคุณยายหายเหนื่อยแล้วเปลี่ยนใจ จะได้ไม่หลงๆๆๆ ไปหาพวกเราไม่ถูกนะครับ"

          เด็กชายรื้อกระเป๋า คนรักการแต่งแต้ม มีชุดระบายสีประจำกายติดตัวเสมอ เด็กชายนั่งยองๆ แล้วเขียนข้อความตัวใหญ่โยเยใส่กระดาษ สอดเอาไว้หน้าประตูหนึ่งแผ่น แปะหน้าประตูอีกหนึ่งแผ่น บนกระดาษนอกจากข้อความบอกชั้น ก็มีเบอร์โทรของผมเขียนกำกับไว้อยู่ด้วย พร้อมข้อความภาษาไทยในกรณีคุณยายหลง จะได้ยื่นกระดาษให้คนอื่นพาไปส่งถูกที่ถูกคน "เผื่อ เผื่อคุณยายหลง จะได้ จะได้ โทรถามทางนะครับ"

          'ชั้น 23 สระน้ำในร่มครับ
          ถ้าคุณยายหลงทาง โทรบอกหมูหย็องนะครับ 088-xxxxxx หมูหย็องตัวจริงผมทอง สูง 170 นะครับ คุณยายอย่าไปกับคนแปลกหน้านะครับ ชื่อดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟครับ'
 

          อา...ไม่ทันที่ผมจะบอกว่าคงไม่ดีเท่าไหร่ กับข้อความที่ออกแนวเหมือนคุณยายเป็นเด็กหลง แต่กระดาษที่ถูกสอดใต้ประตูก็ถูกดึงเข้าไปโดยคนข้างในเสียแล้ว เด็กชายยิ้มดีใจ เคาะประตูก๊อก ก๊อก

          "คุณยายครับคุณยาย เทม เทม เทมเห็นคุณยายทานข้าวเมื่อเช้านิดน้อยๆๆๆ เทมวาง วางมาชแมลโลไว้นอกประตูด้วยนะครับ ถ้าคุณยายหิวๆๆๆ หม่ำๆๆๆ นะครับ แล้วก็ๆๆ วางห่วงยางของคุณยายไว้ข้างนอกด้วยนะครับ ถ้าคุณยายเหงาๆๆๆ เทม เทมกับหมูหย็อง แล้วก็ๆๆๆ คุณแม่ แล้วก็ๆๆๆ เฮียเนื้อหย็องอยู่ที่สระน้ำชั้นยี่สิบสามนะครับ"

          ไม่มีเสียงตอบกลับ คนช่างห่วงหันมาถามผมอย่างกังวลใจ ในความคิดของอีกฝ่าย คงนึกว่าคุณยายหิวข้าวจนไม่มีแรง

          "เทม เทมกลัวคุณยายหิวๆๆๆ จังเลยครับหมูหย็องครับ เอา เอาคุกกี้มาให้คุณยายด้วยดีไหมครับ"

          "ไม่เป็นไรครับเทม ช่วงเช้าคุณยายท่านทานน้อยเป็นปกติครับ"

          "อ๋อๆๆๆ งั้นโอเคๆๆๆ ครับ ...งั้นๆๆๆ เทม เทมกับหมูหย็องแล้วก็คุณแม่ แล้วก็ๆๆ เฮียเนื้อหย็องไปแล้วนะครับ"

          เด็กน้อยยกมือไหว้ประตูลา ก่อนรีบมาจับมือผมให้พาเดินไปชั้นสระน้ำ

         
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 56 * 3/Feb/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 03-02-2019 19:06:28
         
          สมเป็นโรงแรมที่ได้คะแนนรีวิวสูง สระน้ำในร่มไม่ต่างกับสวนน้ำขนาดใหญ่ย่อส่วน แต่เอาเข้าจริงคือเล่นกันได้ไม่นานก็ต้องกลับออกมา นอกจากเพราะคุณพ่อมาถึงกันแล้ว คือคนเยอะมากครับ สมเป็นช่วงวันหยุดยาว

          เทมปุระที่เป็นเจ้าเต่าต้วมเตี้ยมเชื่องช้า โดนคนชนหน้าชนหลังจนผมหงุดหงิด พอไปนั่งเล่นกระบะทราย กองทรายที่เจ้าตัวเล็กนั่งก่อ ก็โดนเด็กคนอื่นมาแกล้งถีบจนถล่ม ทรายกระจายทั่วจนกระเด็นเข้าตา ถ้าเป็นความบังเอิญ ผมคงไม่โมโหขนาดนี้ แต่นี่เทมย้ายไปตรงมุมไหน ก็โดนเด็กคนนั้นตามไปเตะ ก่อนครั้งที่สี่จะเกิด ผมเดินตรงเข้าไปดุพูดห้าม แต่เด็กเจ้าปัญหาก็เตะทรายใส่ พอจับรั้งไว้ ก็มีหญิงชายคู่หนึ่งที่นั่งเล่นโทรศัพท์เดินเข้ามาหา ทั้งสองคนต่อว่าเรื่องผมไปดุลูกชายของเขา ท่าทางที่ยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูป ตะโกนเสียงดังหาว่าผมรังแกเด็ก ท่าทางคุกคามเรียกบอดี้การ์ดสี่คนที่ปะปนกับนักท่องเที่ยวทำหน้าที่ทันที เรื่องราวที่ดูท่าจะบานปลาย ทำเอาเฮียเนื้อหย็องรีบวิ่งเข้าคั่นกลาง พ่อแม่ของเด็กคนนั้นชี้โทษว่าเป็นความผิดของเทมที่นั่งเกะกะลูกชายตัวเอง ผมฉุนจัด หวิดจะได้มีเรื่องกับผู้ปกครองฝ่ายตรงข้ามอยู่ร่อมร่อ ถ้าคุณป้าไม่เข้ามาไกล่เกลี่ย

          เลี้ยงลูกยังไงให้อันธพาลมาแกล้งคนอื่นตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก แล้วพ่อแม่แบบไหนกัน ที่ปกป้องลูกด้วยคำพูดว่าน้องยังเด็ก น้องไม่รู้เรื่อง แค่การเล่นกัน ก็เพราะเด็กไม่รู้เรื่องน่ะสิครับ ถึงต้องรีบสั่งสอน ไม่ใช่เด็กทำตัวไม่ดีแล้วมาคอยแก้ตัวให้แล้วปล่อยไป จะรอให้โตก่อนแล้วค่อยมานั่งสอนตามหลัง มันก็สายเกินแล้วไม่ใช่หรือยังไงกันครับ

          ผมยืนเก็บของใส่กระเป๋า เตรียมพาเทมปุระขึ้นห้อง ขืนอยู่นานกว่านี้ไม่มีใครฉุดผมอยู่แน่นอน

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องโกรธๆๆๆ เหรอครับ โกรธเทมเหรอครับ เทมขอโทษนะครับ ขอโทษที่โดนคุณน้องแกล้งนะครับ"

          ความขุ่นเคืองลดฮวบฮาบ ผมไม่ควรอารมณ์เสีย เพราะคนเสียใจไม่ใช่พวกไม่รับรู้ แต่เป็นคนแก้มนุ่มข้างกาย พรูลมหายใจออก ปรับเปลี่ยนอารมณ์สีทมิฬ ดึงห่วงยางสีฟ้ามาช่วยถือ ปัดปอยผมชื้นออกจากหน้าผากมล ขยี้นิ้วโป้งบนหัวคิ้วที่ผูกกันแน่นให้คลาย ลอบมองตาสีน้ำตาลที่แดงเล็กน้อยเพราะระคายเคืองจากเม็ดทราย

          ยิ่งเห็นยิ่งโกรธ

          ถ้าคุณป้าไม่ขอ วันนี้ต้องมีคนเป็นหมันหยุดแพร่เชื้อพันธุ์ร้ายให้รกโลกสองรายเกิดขึ้น

          "ไม่ได้โกรธที่รักนะครับ หมูแค่ไม่ชอบใจพ่อแม่ของเด็กคนนั้น ...เทมเจ็บตาหรือเปล่าครับ?"

          เด็กชายส่ายศีรษะ "ไม่เจ็บๆๆ ครับ แค่คันๆๆ เฉยๆๆๆ ครับ"

          "รอสักแป๊บนะครับ หมูกำลังให้คนไปซื้อยาหยอดตามาให้ เทมอยากเล่นทรายต่อใช่ไหมครับ เดี๋ยวเราชวนคุณยายลงไปทานข้าวกันก่อน แล้วเดี๋ยวหมูพาไปเล่นที่หาดนะครับ"

          คราวนี้จะเล่นแบบให้การ์ดยืนล้อมเป็นกำแพง ดูซิ มันจะมีใครหน้าไหนเข้ามายุ่งอีก

          "โอเคๆๆๆ ครับ ชวนคุณยายไปทานข้าวกันนะครับ หมูหย็องไม่โกรธๆๆ นะครับ ไม่อารมณ์ไม่ดีๆๆ นะครับ"
มืออุ่นช่วยนวดแก้มให้ผ่อนคลาย ก่อนใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างช่วยยกมุมปากขึ้น ยิ้มกว้างโชว์ฟันครบซี่เป็นตัวอย่างให้ดูอีกทาง

          ผมหลุดยิ้มออกมาจริงๆ กับท่าทางปลอบแสนน่ารัก

          คุณป้าที่ยืนอยู่ถัดไป พอเห็นผมเย็นลงก็มีท่าทางโล่งใจ

          "งั้นเด็กๆ ไปหาคุณยายนะครับ เมื่อกี้คุณหม่าม้าของน้องหมูหย็องโทรตามให้ไปรับพอดี เดี๋ยวคุณป้ากับพี่เนื้อหย็องลงไปรับก่อนนะคะ ทั้งสองคนไปห้องคุณยายถูกใช่ไหมลูก"

          "คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจำทางได้ เดี๋ยวพวกผมตามลงไปอีกที น่าจะอีกสักพักกว่าคุณป๊าจะอาละวาดเรื่องห้องเสร็จ"

          คุณป้ายกมือปิดปากหัวเราะขำอีกระลอก ด้วยเข้าใจดีถึงนิสัยของคุณท่านของบ้าน คุณป้าหยิบผ้าขนหนูแห้งในกระเป๋าสาน ยกขึ้นเช็ดหัวลูกชายเบาๆ ก่อนเอาอีกผืนมาคล้องคอให้ผม และอีกผืนให้หมีแพนด้าขอบตาดำด้านหลัง

          "เช็ดหัวให้แห้งด้วยนะคะทั้งสามคน เดี๋ยวจะไม่สบาย แล้วเดี๋ยวเจอกันที่ห้องอาหารครับ"

          ก่อนเดินออกจากชั้น แอบเห็นคู่กรณีชูนิ้วกลางเป็นของฝาก เส้นด้ายขาดผึง หันไปสั่งอะไรกับบอดี้การ์ดนิดหน่อย หวังดีให้คนชอบเล่นดินเล่นทราย ได้นอนเล่นกลางหาด  กลิ้งเกลือกบนทรายที่เจ้าตัวชอบจนพอใจ

          ครั้งนี้ผมเคาะห้องแทนเด็กชายที่เริ่มยุกยิกเมื่อคิดถึงฟองคลื่นสีขาว

          "คุณยายครับ คุณตามาถึงแล้วครับ"

          ประตูแง้มออก คุณยายที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ลดความทางการลง และเนื้อผ้าเบาสบายมากยิ่งขึ้นเดินออกมา "จัดการแล้วหรือ"

          ข่าวสารรวดเร็วจริงๆ "ครับ"

          เด็กน้อยร้องตกใจกับคุณยายที่ไม่มีอะไรปกคลุมศีรษะ

          "คุณยายครับคุณยาย คุณยายไม่สวมหมวกเหรอครับ ไม่ได้ๆๆ นะครับ หมูหย็องบอกว่า บอกว่า ถ้า ถ้าไม่สวมหมวกเดี๋ยวจะไม่สบายๆๆ นะครับ คุณยายสวมหมวกไปด้วยนะครับ เราจะนั่งรถตุ๊กตุ๊กกันด้วยนะครับ ไม่ใส่หมวกเดี๋ยวจะร้อนๆๆๆ นะครับ"

          "ฉันบอกหรือว่าจะนั่ง"

          "แต่ๆๆๆๆ แต่ๆๆๆ แต่ว่า แต่ว่าทุกคนนั่งหมดเลยนะครับ ถ้าคุณยายไม่ได้นั่ง คุณยายจะเหงาๆๆ แล้วรถตุ๊กตุ๊กก็จะน้อยใจนะครับ"

          "รถน้อยใจ หรือเธอไม่พอใจกันแน่"

          "ไม่พอใจคือโกรธๆๆๆๆ ใช่ไหมครับ แต่ว่าเทม เทม เทมไม่ได้ไม่พอใจนะครับ แต่เทม เทมเสียใจครับ เพราะเทมอยากให้คุณยายเล่นสนุกนะครับ คุณยายจะได้ไม่เหงา หมูหย็องจะได้ไม่เหงาๆๆ คุณยายไม่ค่อยเล่นกับหมูหย็องเลยนะครับ"

          คุณยายเงียบลง ลำคอระหงที่มักเชิดตรง ยิ่งเชิดสูงขึ้น ท่านขยับตัวอย่างเย่อหยิ่ง อำนาจอาบไล้ล้นทะลักยามท่านถาม เสียงเงียบสงบเย็นจัดจนบาดเนื้อผิว "....กำลังต่อว่าการเลี้ยงดูหลานของดิฉันหรือคะคุณเทมปุระ"

          ผมสัมผัสได้ถึงสถาณการณ์ไม่ค่อยสู้ดี รีบเตรียมเข้าไปแทรก แต่ก็ถูกห้ามผ่านท่าทางเด็ดขาด

          เทมปุระเอียงคอสงสัยกับรังสีพายุหิมะ

          "ต่อว่าคืออะไรเหรอครับคุณยายครับ ...อ๋อๆๆๆ คือ คือ ด่าๆๆๆ ใช่ไหมครับ ด่าไม่ได้นะครับ ด่าไม่ได้ เทมว่าๆๆๆ คุณยายไม่ได้นะครับ คุณแม่ไม่ให้เทมดุๆๆๆ ผู้ใหญ่นะครับ เทม เทมแค่กลัวหมูหย็องกับคุณยายเหงาๆๆๆ ครับ เพราะว่าๆๆๆ คุณตายังเล่นกับหย็องหย็อง แล้วก็ แล้วก็ เล่นกับเจ้ไก่หย็องเฮียปลาหย็อง เฮียเนื้อหย็องด้วยครับ แต่ว่าคุณยายไม่มาเล่นกับหมูหย็อง เทมกลัวหมูหย็องจะเหงาครับ คุณยายมาแค่เจ็ดวันๆๆ ต้องเล่นกับหมูหย็องเยอะแยะๆๆๆ นะครับ"

          ท่านหรี่ตาจับผิด หาความหมายแฝงในประโยคแก้ต่าง แต่ในความบริสุทธิ์ไร้ร่องรอยด่างพร้อย มีเพียงความไร้เดียงสาปะปนไปด้วยความเป็นห่วงอย่างซื่อสัตย์และซื่อตรง ความเงียบงันยังคงอยู่ เทมปุระเริ่มรับความหนักอึ้งในอากาศไม่ไหว สองขาก้าวเขยิบเข้ามาเกาะแขนผม ช้อนอัญมณีสีน้ำตาลขึ้นก่อนรีบหลุบลงต่ำ ปลายเท้าเหยียบเท้าตัวเองไปมาอย่างประหม่า "คุณยาย คุณยายดุๆๆๆ เหรอครับ โกรธๆๆ เทมเหรอครับ เทม เทมขอโทษนะครับ คุณยายไม่โกรธๆๆๆ นะครับ เทมจับๆๆ แก้มคุณยายยิ้มๆๆ ไม่ได้ เพราะหมูหย็องบอกว่าคุณยายไม่ชอบให้แตะตัว งั้น งั้นเทมจะยกขนมหวานให้คุณยายหมดเลยนะครับ ไม่โกรธๆ นะครับ"

          ผมกลั้นใจกับผลลัพท์ หวาดกลัวเหลือเกินว่าวินาทีใดวินาทีหนึ่ง จะมีคำสั่งจับผมกับเขาแยกออกจากกัน แต่น่าตกใจที่มันไม่เกิดขึ้น และตกใจยิ่งกว่า จนแทบอ้าปากค้างเสียมารยาท ไม่หรอกครับ ดาเลีย แอน ไม่ขึ้นไปนั่งรถตุ๊กตุ๊กแน่ๆ แต่ท่านตามพวกผมออกมาดู ถึงจะไม่ได้ออกมานั่งบนเก้าอี้ริมชายหาดเหมือนคุณป๊าคุณม้า แต่ท่านก็นั่งอยู่ในคาเฟ่ ที่สามารถทอดสายตาดูพวกผมได้กระจ่าง

          ผมยืนนิ่ง แต่แอบเหลือบมองหญิงชราที่นั่งห่างไปไม่ไกล ไม่ได้คิดว่าขนมหวานของเจ้าก้อนความสุขจะทำให้คุณยายติดกับดัก สายใยเอื้ออาทรของคุณยายก็เป็นเรื่องเล่าปรัมปราพอกับแซนตาคลอส ความเอ็นดูของท่านไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพราะความน่ารักของเทมปุระในเวลาไม่กี่วัน แต่เด็กชายบังเอิญจับจุดท่านได้พอดีด้วยการยกผมขึ้นมากล่าวอ้าง

               แต่ที่ผมตกใจ คือการท่านยอมตามมาดูจริงๆ เพียงเพราะมีแนวโน้มว่าผมจะเหงาตามคำบอกเล่า กลัวว่าผมจะน้อยหน้าน้อยตาหลานคนอื่นที่มีคุณตา คุณพ่อคุณแม่คอยเล่นด้วย

          "คุณพระ...นั่นคุณแม่เหรอ โจวิช ตีฉันที ปลุกฉันสิ บอกฉันว่านี่ไม่ใช่ฝัน...ว้าย! ตีแรงแล้วไปย่ะ! นี่คุณแค้นที่ฉันซื้อเกาะตัดหน้าใช่ไหมโจ!"

          "อ้าว...ก็คุณบอกให้ผมตีอ่ะ"

          คุณแม่ถลึงตาใส่สามีผู้กำลังทำลอยหน้าลอยตา ก่อนหันไปจ้องคุณยาย "ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีวันได้เห็นคุณแม่มานั่งในคาเฟ่ขนมมุ้งมิ้งที่คนเดินให้ว่อน...กรี๊ด...ขนลุกไปหมดแล้ว!"

          ผมอารมณ์ดีจนเผลอหัวเราะออกมา เมื่อคุณแม่เริ่มไล่ตีคุณพ่อที่ปาลูกบอลใส่ ลูบแก้มนุ่มของคนกำลังตักทรายใส่ถัง

          "ขอบคุณนะครับ"

          ขอบคุณที่รู้ถึงความเหงาลึกๆ ของหมู ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือไม่ แต่เทมก็อุดช่องโหว่กระจิดริดให้ผมเสียมิด มองกันข้างนอก ผมมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่คนที่ผมอยากให้ยอมรับและตามมาเฝ้าดูแลบ้าง ก็คงไม่พ้นคุณยาย รู้ว่าท่านรัก แต่ก็ไม่ต่างกับเด็กเล็กที่เรียกร้องความสนใจจากพ่อกับแม่ ผมก็เหมือนกัน เพราะคนที่เป็นพ่อและแม่อันดับหนึ่งสำหรับผมคือหญิงชราผู้แสนเข้มงวดดุดัน ตั้งแต่เด็กก็อยากให้ท่านมาเฝ้าแบบหันไปก็เห็น มากกว่าออกคำสั่งแล้วให้เดินไปรายงาน มากกว่าถูกจับตาโดยคนอื่น ความฝันผมเป็นจริงในแบบเรียบง่ายด้วยน้ำมือคนกำลังตบแปะเมล็ดนับล้านบนหาดสีกากี

          "หมูหย็องขอบคุณ ขอบคุณอะไรเหรอครับ"

          "ขอบคุณเทมเฉยๆ ครับ"

          "งั้นๆๆๆ เทม เทมก็ขอบคุณด้วยครับ ขอบคุณนะครับหมูหย็อง"

          ภายในอกสั่นหวิวกับรอยยิ้มของคนรัก แรงดึงดูดมหาศาลดึงเชื่อมเราให้ขยับเคลื่อนเข้าหากัน แต่คำสาปยังตามติด ฝ่ามือของพี่ชายคนโตเขามาบดบังริมฝีปากนุ่มหวาน

          "บัดสีบัดเถลิงค่ะคุณหลวง! ช่วงเวลาครอบครัว ห้ามมาจู๋จี๋กันนะคะ!"

          ที่พรวนดินพลาสติกสีฟ้าถูกผมจับโยนปาใส่อาเฮียของตนด้วยความหงุดหงิด เฮียปลาแลบลิ้นกวนประสาทก่อนวิ่งหนีไป ถอนหายใจระอา ลืมบอกการ์ดไปเสียสนิท ว่าต่อให้เป็นคนในครอบครัว ก็ไม่ให้เข้ามาใกล้ ไม่สิ...ต้องเจาะจงว่าโดยเฉพาะคนในครอบครัวห้ามเข้ามาใกล้ต่างหาก....

          ริมฝีปากเย้ายวนที่อ้ารอเก้อ แก้มกลมขึ้นสีแดงจัด ขวยเขินได้น่าฟัดจนใจเต้นรัว...อา เสียดายจริงๆ

          เทมเขี่ยกองเนินทรายที่เจ้าตัวบอกว่าปั้นเป็นรถตุ๊กตุ๊กเบาๆ แก้ขวย ผมชักจะทนไม่ไหวกับการไม่ลากเขาไปที่ลับหูลับตาปล้ำจูบเขา จนได้ยินเสียงกรี๊ดขัดกิเลศ เทมสะดุ้งโหยง รีบหันขวับไปทางต้นเหตุด้วยความเป็นห่วงปนตกใจ พอสบกับกล้วยลูกโตที่ถูกลากไปทั่วผืนท้องทะเล เด็กชายเบิกตากว้างแวววาว ยิ่งกว่าลูกแมวเห็นปลาแซลมอน

          บานาน่าโบ้ท ....ไม่ได้นะครับ อันตรายสุดๆ

          "หมูหย็องครับ!"

          ไม่นะครับ อย่ามองหมูด้วยความคาดหวังระยิบระยับแบบนั้น อย่าพูดคำนั้นออกมานะครับ

          "เทม เทม เทมขอไปเล่นกับหย็องหย็องกับเจ้ไก่หย็องได้ไหมครับ!?"

          หมูให้ความเร็วสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยครับ

          "...เรากลับไปนั่งรถตุ๊กตุ๊กที่โรงแรมดีไหมครับ?"



         






end 56 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

          ทำคะแนนกับน้องหมูหย็องตะไมครับน้องเทม
ทำคะแนนกับคุณยายสิครับยูกกกกกก


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 56 * 3/Feb/2019
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 05-02-2019 08:30:11
เพิ่มคะแนนความเอาใจใส่ให้ลูกเทม เอ็นดู

อีกไม่นาน คุณยายต้องใจอ่อนยอมรับเทมแน่
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 57 * 7/Feb/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 07-02-2019 19:11:38






57





          คิดว่าองค์ชายน้อยจะได้ควบกล้วยหอมแทนควบม้าไหมล่ะครับ แน่นอนครับว่า...ไม่ เพราะองครักษ์ช่างหวงช่างห่วงไม่อนุญาต และคำห้ามข้อใหม่ คือผมไม่ให้เขาลงทะเล หลังตรวจเช็ค น้ำค่อนข้างสกปรกกว่าที่คิด แค่วิ่งไล่จับเกลียวคลื่น จุ่มลงไปมิดข้อเท้า ผิวบางก็แต้มสีจัด ขืนปล่อยให้กระโดดตู้มทั้งตัว ไม่พ้นขึ้นผื่นเป็นปื้นแดง นอนคันทรมานไปทั้งคืน หลังโดนห้ามติดๆ กัน องค์ชายเทมปุระก็เข้าโหมดงอแงในที่สุด เม้มปากแก้มพองลม ก้มหน้าชิดคอ นิ้วจิ้มวนเป็นวงกลมกับทรายขาว ใต้แว่นกันแดดรูปทรงโดดเด่น อัญมณีสีน้ำตาลสั่นระริกอย่างดื้อดึง การเห็นทุกคนได้เล่น แต่ตัวเองไม่ได้เล่น เป็นเรื่องโหดร้ายเหมือนยื่นอาหารกระป๋องที่ไม่เปิดให้เจ้าเป็ดน้อยหิวโซ

          ปากยู่ร้องขอความยุติธรรมให้ห่วงยางแห้งเหือดของตัวเองได้สัมผัสน้ำ

          "เทม เทมขอไปดูใกล้ๆๆๆ ก็ไม่ได้เหรอครับ ลอยตุบป่องๆๆๆ ใกล้ๆๆ ดูเฉยๆ นะครับ ไม่แตะๆๆ นะครับ"

          "เดี๋ยวจะโดนชนเอาสิครับถ้าเข้าไปใกล้ ...ลุกขึ้นสิครับ หมูพาไปเล่นอะไรเจ๋งๆ กว่าบานาน่าโบ้ทดีกว่านะครับ"

          "เจ๋งๆ เจ๋งๆๆๆ เจ๋งๆ เจ๋งกว่าบานาน่าโบ้ทอีกเหรอครับหมูหย็องครับ เราจะขี่องุ่นโบ้ทเหรอครับหมูหย็องครับ!?"

          วรรณะความเท่ขององุ่น อยู่สูงกว่าความเท่ของกล้วยในความคิดของเด็กชายหรือครับเนี่ย...

          แก้มนุ่มฟีบลงแล้วยืดด้วยรอยยิ้มกว้าง เจ้ากวางน้อยถูกนายพรานหลอกล่ออย่างง่ายดาย ดึงมือเขาลุกขึ้นยืน พาเดินออกไปตรงถนน จำได้ว่าตอนนั่งรถมาหาด ผมเห็นซุ้มเช่าพวกเรือกับเจ็ทสกี เดินไปติดต่อเช่าพร้อมเข้าคอร์สฝึกแบบสั้นๆ ภายในครึ่งชั่วโมงผมก็ขับจนคล่อง มั่นใจให้เด็กชายที่กรี๊ดกร๊าดอยู่บนหาดซ้อนโดยปลอดภัย

          เสยผมปรกหน้า ถอดแว่นตาสีชาออก กระโดดลงแล้วเดินลุยน้ำเข้าไปหาคนรัก เทมเข้ามาวิ่งวนรอบตัวผมทันที ร่างสูงต้อนรับกันด้วยคำพูดระรื่นหู สายตาเทิดทูนราวกับพระเจ้า

          "หมูหย็องครับ! หมูหย็องครับ! หมูหย็องเท่สุดๆๆๆๆ เลยครับ เท่มากๆๆๆๆๆ เท่เยอะแยะๆๆๆ เลยครับ ตอน ตอน ตอนที่เลี้ยวๆๆๆ น้ำกระจายฟู่ๆๆ เท่มากๆๆ เท่ที่สุดในโลกเลยครับ!"

          คำชมเล่นเอายิ้มแก้มปริ จับเจ้าลูกหมาวิ่งพล่านให้อยู่นิ่ง แต่ก็ไม่นิ่งนัก เมื่อเด็กชายตื่นเต้นเกินไป สองขาเอาแต่อยากกระโดดหย็องแหย็งไปรอบ เสียงเจื้อยแจ้วพร่ำชมและบอกเล่าความรู้สึก สามสิบนาทีมากพอให้คุณเชียร์ลีดเดอร์เสียงแหบแห้งเพราะเอาแต่ตะโกนเชียร์ เจ้าตัวเล็กวิ่งตามผมที่ขับไปทั่ว จนต้องโทรบอกให้เขาหยุดวิ่ง เดี๋ยวจะหกล้มเจ็บตัว

          "ดื่มน้ำก่อนนะครับ"

          รับขวดน้ำมาจากผู้ดูแล ยกขึ้นให้ถึงปากอิ่ม เทมดูดไปอึกใหญ่ แต่รีบร้อนเกินไปจนน้ำย้อยลงจากมุมปาก สายธารแก้กระหาย เย้ายวนมากเกินสำหรับคนเพิ่งขับขี่กลางทะเลแสนเค็มปร่า ประกบริมฝีปาก แย่งเขาดื่มน้ำจากที่ร่วงหล่นอย่างไม่รังเกียจ หางที่สั่นส่ายหยุดชะงัก ตากลมวิบวับเบิกกว้าง เสียงเงียบลง สวนทางสีเข้มที่กระจายมากขึ้น

          ทำคนขี้อายเขินได้หนึ่งอัตรา

          "ดื่มน้ำแล้วใส่เสื้อชูชีพนะครับ หมูจะพาไปเที่ยว"

          "ค-ค-ค-ค-ครับ"

          ยิ้มมองเจ้าแผ่นเสียงตกร่อง คล้ายได้ยินเสียงฉ่าจากแก้มแดงที่กำลังไหม้ เทมรีบก้มหน้าก้มตาดูดน้ำ ผมหน้าม้าไม่สามารถบดบังลูกท้อสีหวาน ท่าทางแอบซ่อนน่ากลั่นแกล้ง จนต้องโน้มตัวเข้าไปใกล้เหมือนจะแย่งหลอด แต่จุดประสงค์คือก้มลงไปใช้ปลายจมูกเฉียดแก้มนุ่ม ฉกฉวยดอมดมเจ้าผลไม้น่ากิน

          ลูกท้อกลายเป็นผลแอ็ปเปิ้ลทันที

          "ม-ม-หมูหย็องครับ! หมูหย็องครับ หมูหย็องครับ ม-ไม่ ไม่ได้นะครับ เทม เทมใจเต้นจะออกจากปากแล้วครับ เดี๋ยว เดี๋ยวหัวใจเทมจะตกใส่ทรายนะครับ ตกใส่ทะเลเป็นหัวใจดองเกลือนะครับ"

          สองมือยกขึ้นปิดปาก คิ้วขมวดทำหน้าจริงจัง เหมือนกลัวว่าดวงใจจะทะลุออกมาจริงๆ ผมขำจนตัวโยน ดึงเขาเข้ามากอด ช่วยลูบหลังคนถูกรังแก แอบเห็นเขาสำลักน้ำเมื่อสักครู่นี้ รอคนหายอายแล้วก็จับเขาใส่อุปกรณ์ นอกจากเสื้อชูชีพ ผมก็หาเสื้อกันฝนมาให้เขาสวมอีกตัว กลัวละอองน้ำจะสาดใส่จนระคายเคืองผิว พาเขาเดินไปตรงท่าเรือ ทีแรกตั้งใจจะแบกเจ้าตัวน้อยฝ่าทะเลไปขึ้นเจ็ทสกีกลางน้ำ แต่จากท่าทาง แค่ไปได้ครึ่งน่อง คนตื่นเต้นคงดิ้นยุกยิกจนตกน้ำไป

          "มันโยกเยกๆๆๆ ด้วยครับหมูหย็องครับ เรา เราจะจมไหมครับ"

          "ไม่จมครับ เทมเกาะไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวหมูจะนั่งซ้อนหลัง"

          "หมู หมู หมูหย็องครับ หมูหย็องไม่นั่งหน้าเหรอครับ แล้ว แล้วจะขี่ยังไงเหรอครับ"

          "ให้เทมขี่ไงครับ"

          ขำพรวดอีกครั้งกับหน้าตาเหวอของคุณแฟน

          "เทม เทมขี่เหรอครับ!?"

          "ใช่ครับ เดี๋ยวหมูซ้อนหลัง แล้วจะเอื้อมมือมาแบบนี้....แล้วเดี๋ยวหมูสอนขับนะครับ"

          วันนี้เขาอดเล่นหลายอย่างจนน่าสงสาร ให้เด็กชายลองอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง จะได้ไม่เบื่อหน่าย

          "แต่ แต่ แต่ว่าเทมยังขี่จักรยาน ขี่จักรยานสองล้อไม่ได้เลยนะครับ ให้ ให้ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ผิดกฎหมายเหรอครับหมูหย็องครับ เทม เทมยังไม่มีใบขับขี่ด้วยนะครับ ถ้า ถ้าเทมทำรถล้ม รถล้ม แล้วๆๆๆ แล้วหมูหย็องเจ็บล่ะครับ เทมไม่อยากให้หมูหย็องจมน้ำป๋อมแป๋มๆๆ นะครับ แล้ว แล้ว"

          กอดเอวคนวิตกกังวล ลูบปลอบมือที่เกาะแฮนด์แน่น "เจ็ทสกีขี่ง่ายกว่าจักรยานอีกนะครับ ดูสิครับ เราปล่อยแขนสองข้างก็ยังทรงตัวได้ ขับไม่ผาดโผน โอกาสพลิกคว่ำน้อยยิ่งกว่าจักรยานสามล้อเสียอีก เทมไม่ต้องกังวลนะครับ ถึงคว่ำจริง หมูก็ว่ายน้ำแข็งมากครับ"

          "แล้ว แล้ว เราจะชนคุณฉลามหรือว่าขับชนหัวคุณแมวน้ำไหมครับหมูหย็องครับ"

          "ไม่ชนครับ คุณฉลามกับแมวน้ำอยู่น้ำลึกมากๆ เราไม่ไปไกลขนาดนั้นครับ"

          เจ้าหนูจำไมถามอีกหลายอย่าง อย่างเช่นกลางทะเลมีไฟแดงให้จอดไหมครับ ถ้าเทมจามฮัดชิ้ว เจ็ทสกีจะคว่ำหรือเปล่า ผมตอบเขาอย่างใจเย็น จนเด็กชายวางใจ เริ่มมีความกล้าอยากขับเองขึ้นมาถึงกดสตาร์ท ความสั่นเล็กน้อยของเครื่องยนต์เรียกความตื่นตาได้มากโข

          "เทมค่อยๆ บิดนะครับ...แบบนี้...ไหนลองดูสิครับ"

          เทมบิดตามที่ผมบอก พอเห็นว่าเจ็ทสกีเคลื่อนก็พอใจ เด็กน้อยพาเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ ช้าในระดับถ้ามีเต่าเป็นคู่แข่ง ก็โดนแซงไปหลายสิบก้าว ใช้เวลาสักพักใหญ่ กว่าเทมจะกล้าบิดให้เจ็ทสกีเคลื่อนที่แรงขึ้น สายลมปะทะใบหน้า แทรกไปด้วยเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจดังคลอมากับละอองไอ เขาขับช้าสลับเร็วนิดหน่อย แต่ทุกครั้งการบิดเร่ง จะรีบหันมาบอกให้ผมระวังตกและเกาะเขาแน่นๆ เสมอ เป็นผู้ขับที่ใส่ใจผู้ร่วมทางดีมาก ก่อนคนขับจะจอดแล้วขอสลับมาเป็นคนซ้อน เพราะอยากให้ผมขับเร็วๆ และเลี้ยวเท่ๆ ให้ดู ก้อนความสุขไว้ใจผมมากกว่าตัวเอง พออยู่ด้านหลังก็เอ่ยเชียร์ร้องขอเร็วอีก เร็วอีก จนน่าขัน

          คุณหนูของตระกูลทำหน้าที่เป็นสารถีพาเขาล่องไปทั่วทะเล กอ่นได้รับรีเควสให้ขับไปหาแถวที่อาเฮียอาเจ้อยู่ พอเหล่าฝูงปลาชาโรนอฟเห็น ก็รีบแหวกว่ายมาหา แข่งปีนป่ายเบียดแย่งที่กันจนเจ็ทสกีโคลงเคลง เจ้ไก่และเฮียปลาเกาะเทมแน่น คุณป๊าคุณม้าและหย็องหย็องละความสนใจจากเรือกล้วย พยายามเข้ามายื้อแย่งที่นั่งอันน้อยนิดอีกคน จนต้องไล่ให้ไปเช่ากันเอาเอง ไม่นานก็กลายเป็นแก๊งเด็กแว้นกลางน้ำกลุ่มใหญ่ ขับไล่จับกันจนตัวแทบเกรียม เทมหัวเราะคึ่กๆ ท่าทางมีความสุขจนราวกับจะเปล่งแสงได้ เมื่อผมพาขับหนีเหล่าพี่ชายพี่สาวเหมือนพระเอกพานางเอกขับหนีตัวร้าย หนังบู๊กลางทะเลกลายเป็นหนังตลก เมื่อหย็องหย็องบิดเร็วเกินไปจนเจ็ทสกียกล้อคว่ำลง

          พอพระอาทิตย์เริ่มเหนื่อยล้า ใกล้ร่วงโรยลากลับไปนอนก็หมดเวลาสนุก ผมพาเทมมาล้างตัวก่อนกลับโรงแรม เราเล่นซนกันไปหน่อยจนเสื้อกันฝนแทบเอาไม่อยู่ จับเขาหมุนไปมา กระเบื้องเคลือบขึ้นลวดลายเล็กน้อย จดข้อความไว้ในความคิด คืนนี้ต้องให้เขาทาคาลาไมน์ก่อนเข้านอน

          "สนุกๆๆๆ มากเลยครับ เรา เรามาขี่ทุกวันเลยได้ไหมครับ เทมอยากบรื้นๆๆๆ แรงๆๆๆ แบบหมูหย็องบ้างครับ ขับหนีเฮียปลาหย็องกับเจ้ไก่หย็องฟิ้วๆๆ ฟ้าวๆๆๆ เลยครับ แล้วก็ แล้วก็ แล้วก็ๆๆๆ ไม่มีใครขับทันหมูหย็องเลยครับ เท่มากเลยครับ"

          "เทมชอบเหรอครับ งั้นเราซื้อไปไว้ขี่เล่นที่สระบ้านเราแล้วกันนะครับ ถ้ามาทุกวันเดี๋ยวจะกลับไปเรียนไม่ทัน"

          "เอา เอา เอาคันสีฟ้าได้ไหมครับหมูหย็องครับ"

          "ได้ครับ เดี๋ยวหมูดูให้นะ"

          "คุณหลวงใจป้ำเหลือหลายเจ้าค่ะ จำปาอยากได้สีช็อกกี้พิ้งค์ ซื้อให้จำปาด้วยนะเจ้าคะ"

          "คราวหลังเทมมานั่งซ้อนกับเจ้เปล่า เดี๋ยวให้หมูขับไล่ตามบ้าง"

          "โห เฮียหมูแม่งต้องขับชนเป็นรถบั๊มแน่ๆ เลยอ่ะ"

          ศึกไล่จับครั้งถัดไปถูกนัดเมื่อเจ็ทสกีเจ็ดคันใหม่ไปส่งที่บ้าน

          "เด็กๆ ล้างตัวเสร็จกันหรือยังคะ คุณป๊าคุณม้าเรียกแล้วนะคะ" คุณป้าโผล่หน้าเข้ามาเร่ง หลังเฮียเนื้อหย็องมาตามแล้วพวกเรายังเอ้อละเหยไม่เสร็จ

           "เสร็จแล้วคร้า~บบบบบบบคุณป้า"

          หย็องหย็องตะโกนตอบกลับ หลังหันหลังมาสำรวจพี่ๆ ของตัวเองที่แต่งตัวแล้วเรียบร้อย รอเจ้ไก่หย็องออกจากห้องน้ำก็ครบทีม มาถึงจุดมุ่งหมายของการมาทริปนี้ คืนนี้มีจัดงานรถไต่ถัง ห่างออกไปไม่ไกลนักยังมีงานวัดอีกด้วย คุณตากับคุณพ่อเหมือนย้อนวัยเป็นวัยรุ่น คึกคะนองกันน่าดูเมื่อเจออะไรชวนตื่นตา ทั้งสองคนยกมืออาสาสมัคร เมื่อคนขับขอให้ผู้ชมมีส่วนร่วมสนุกเสี่ยงตายด้วยกัน ทีแรกเทมก็ตื่นเต้น แต่พอเห็นว่าคุณปะป๊ากับคุณตาถูกเลือกก็กลายเป็นห่วงจนกระโจนเข้าไปเกาะแขน

          "ไม่ๆๆๆ ไม่ได้นะครับคุณปะป๊า ไม่ ไม่ได้นะครับคุณตาลักพาตัว หมูหย็องบอกว่าอันตรายๆๆๆ นะครับ อันตรายๆๆๆ เล่นไม่ได้นะครับ"

          กอปรกับคุณม้าดุสนับสนุน ผู้สูงวัยทั้งสองเลยได้เกาะราวดูกันตาละห้อยแทน จบงานโชว์ พวกผมไปเดินเล่นงานวัดกันต่อ ระหว่างทำใจลำบากกับการปฏิเสธเด็กน้อยตาแป๋วอยากขึ้นชิงช้าสวรรค์สนิมเขรอะ แมวน้อยเข้ามาถูไถต่อรองขอนั่งหมุนครึ่งรอบแล้วลงก็ได้ แต่ความไม่ได้มาตรฐานก็ทำเอาผมพยักหน้าตอบรับไม่ลง เกือบจะทำเขางอแง โชคดีระฆังง่วงนอนของเทมก็สั่นก๊องแก๊งพักยกช่วยชีวิต ผมกับคุณป้าและคุณตาขอตัวกลับโรงแรมกันก่อน ทิ้งคนที่เหลือเที่ยวสนุก ส่วนคุณยายกลับโรงแรมตั้งแต่พวกผมแว้นเจ็ทสกีกันเสร็จแล้วครับ ท่านไม่ขอร่วมดูโชว์ด้วย

          ตอนถึงเวลากลับบ้าน ค่อนข้างเป็นไปอย่างล่าช้าเพราะเป็นช่วงปีใหม่ มีอุบัติเหตุทำให้ถนนติดกันยาว สามชั่วโมงแล้วยังไปได้ไม่ไกลจากโรงแรมเลยครับ ไม่มีใครอารมณ์ดีรถที่เรียงกันแน่นขนัดและเต็มไปด้วยเสียงบีบแตร เส้นทางกลับบ้านจึงถูกขยายให้ยาวขึ้นด้วยการคั่นร้านอาหารเที่ยงไว้สักที่ ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่ได้มีคนคิดแบบพวกเราแค่คนเดียว ร้านอาหารดีๆ หลายร้านจึงเต็ม บางร้านไม่เต็มแต่ที่นั่งก็ไม่เพียงพอสำหรับสมาชิกครอบครัวรวมบอดี้การ์ดอีกเป็นโขยง ลงท้ายก็ต้องแยกกันทาน มีแค่แฟรงค์กี้ที่ตามพวกผมมาทานด้วยข้างนอกชั้นสาม คนที่เหลือทานด้านในชั้นล่าง

          ร้านอาหารที่มีระเบียงยื่นไปในทะเลถูกพวกผมจับจอง ความหน้ามืดอารมณ์บูด ทำให้ทุกคนสั่งอาหารมาเยอะจนล้นโต๊ะ กุ้งตัวใหญ่ ปูตัวมหึมา ปลาเนื้อสดหวาน หม้อไฟเดือดปุดส่งกลิ่นเครื่องแกงขิงข่าตะไคร้ชวนน้ำลายสอ อารมณ์ไม่ดีถูกปัดเป่าไปพร้อมลมพัด ดีที่วันนี้ฟ้ามืดครึ้มดูคล้ายฝนจะตก อากาศเย็น อาหารอร่อย เทมปุระที่นั่งติดระเบียงก็ชะโงกหน้ามองคลื่นสาดใส่ฝั่งกระทบหิน

          "เทมคัรบ อย่าชะโงกลงไปมากนะครับ เดี๋ยวจะพลัดตกลงไป"

          เห็นเขายื่นมือยื่นไม้ออกจากราวแล้วใจสั่น ต้องคอยพูดเตือนเสมอจนโดนแซวว่าเป็นคุณพ่อขี้ห่วง

          ถ้ามีเชือกในมือ ผมคงมัดเอวเด็กน้อยที่ชอบน้ำนักหนาให้แนบชิดติดที่นั่ง แต่ในเมื่อไม่มีจึงได้แต่คอยจับเก้าอี้ไม้ไม่ให้เขาขยับไปใกล้ระเบียงนัก เด็กชายเชื่อฟัง แต่ก็ยังอดชะเง้อคอไปมองไม่ได้ ทานข้าวคำ ส่องทะเลคำ สลับกับช่วยตักอาหารให้ผมและคนข้างเคียง เน้นหนักที่คุณยายที่นั่งตรงกันข้าม เทมยังนึกว่าคุณยายท่านโกรธตัวเองอยู่ จึงง้อคุณยายด้วยการตักอาหารให้เรื่อยๆ และสละของหวานขอคืนดีในทุกมื้ออาหาร ครับ คุณยายก็ยังไม่ทานอยู่ดี นอกเสียจากผมตักให้ ก็เป็นไปตามปกติ แม้ระแวกจะคราคร่ำไปด้วยผู้คนเอะอะ ตรงโต๊ะถัดไปฉลองวันเกิดให้ลูกน้อยเสียงดัง แต่ก็ดูเป็นบรรยากาศครอบครัว ผู้คนเยอะก็ดูสนุกสนานไปอีกแบบ เทศกาลช่วยลดหย่อนเส้นที่ตึงให้คลายเล็กน้อย แม้แต่คุณป๊าที่ติดความวีไอพีก็ยอมนั่งทานอย่างสงบ ทุกอย่างดูเป็นไปได้ดี

          "ก็เพราะมึงนั่นแหละ อ้าประตูเปิดกว้าง แล้วยังลืมปิดจนโดนขโมยของไปหมด"

          "โทษแต่กูได้ไงวะ กูก็ต้องเลี้ยงลูกดูลูกไหมล่ะ มึงสิเอาแต่ส่องผู้หญิงในชุดว่ายน้ำ แทนที่จะเอะใจว่ากระเป๋าตังค์หาย กุญแจโรงแรมก็เหี้ย เสือกหล่นไปไหนก็ไม่รู้ จะขอใหม่ก็ต้องใช้บัตรประชาชนยืนยัน จะให้ไปเอาที่ไหนวะ ก็บอกแม่งหายไปพร้อมกระเป๋าเงิน กูเพิ่งเช็คอินแม่งก็ไม่หยวนให้เลย ไอ้ห่าเอ้ย! กูต้องไปนอนอยู่เปลริมหาด หาโรงแรมนอนแม่งก็เต็มหมด เงินก็ไม่มี"

          "เลี้ยงบ้าอะไร กูเห็นมึงเล่นแต่โทรศัพท์นะอีนา แม่งเอ้ย พ่อมึงด่ากูอีกแล้ว ขอให้โอนเงินมาให้ก่อนแค่นี้เอง"

          "เงินเก่ามึงคืนเขาแล้วหรือยังเถอะ โอ้ย! เจมส์ อย่าเพิ่งงอแงได้ไหม แม่หนวกหู!"

          เด็กชายตบโต๊ะไม่พอใจ ตะเบ็งกรีดร้องงอแง "แม่ เจมส์จะเอาเค้ก! เอาเค้กให้เจมส์หน่อย! เจมส์จะเป่าเทียน! จะเอาๆๆๆๆๆๆ"

         
          เด็กชายอายุอานามน่าจะประมาณสิบขวบคนนั้น พยายามยืดตัวไปเกี่ยวเอาเค้กของเด็กผู้หญิงโต๊ะตรงกันข้าม ผู้ใหญ่ของอีกโต๊ะพยายามยกเค้กออกห่าง แต่เด็กชายคนนั้นนับว่ามีความพยายามเป็นเลิศ ตะโกนด่าผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นให้เอาเค้กมาให้ตนเอง ลุกออกจากเก้าอี้ก่อนกระโดดยื้อแย่ง ผู้หญิงอีกคนที่ดูท่าว่าคงเป็นคุณแม่ของน้องเจ้าของงานวันเกิด เดินไปเข้าไปบอกกลุ่มพ่อแม่วัยรุ่นให้ดูแลลูกตัวเองดีๆ คำตักเตือนทำให้อีกฝ่ายมีท่าทางไม่ค่อยพอใจนัก และยิ่งโหมกระพือความโมโห เมื่อทั้งสองคนไม่ได้ห้ามปรามการกระทำอันรบกวนผู้อื่นของลูกชาย เอาแต่ตะโกนด่าโทษกันไปมา และเริ่มลามไปด่าโต๊ะตรงกันข้าม

          "จะอะไรกันนักกันหนาวะคุณ ก็แบ่งให้ลูกผมมันเป่าหน่อยไม่ได้หรือไง คนไทยหรือเปล่าวะ แค่นี้น้ำใจก็ไม่มี"

          "ใช่ เรื่องแค่นี้ปะ เฮ้ย พวกเราดูดิ คนนี้แม่งงกกับเด็กแค่สิบขวบเว้ย กูจะไลฟ์สดให้ทุกคนดูให้หมดเลย คนแบบนี้แม่งก็มีในโลกด้วย ก็แค่เด็กไม่รู้ประสาหรือเปล่าวะ ทำเป็นเรื่องใหญ่"

          อา...เสียงตวาดแว้ด ครอบครัวที่ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีส่วนไหนที่ไม่ขัดตาผม เหตุการณ์เดจาวูที่ตอนนี้เกิดขึ้นกับคนอื่น โทรศัพท์ที่ถ่ายทอดสดลงทางอินเทอร์เน็ต เหมือนกลอย้อนกลับไปเมื่อวาน เด็กผู้หญิงผมแกละเริ่มเบะปากเมื่อเค้กของตัวเองโดนเด็กผู้ชายตะปบจนหน้าเค้กเละเทะ

          "แม่จ๋า เค้กเอลซ่าของหนู ฮือออ"

          "เฮ้ย! ทำไมคุณไม่ดูแลลูกตัวเองดีๆ วะครับ นี่วันเกิดลูกสาวผมนะ ก่อนจะมาถามหาน้ำใจ มึงถามหาว่ามารยาทในตัวเองก่อนดีไหม"

          "นี่มึงด่ากูเหรอไอ้เหี้ย ปากดีอย่างนี้กูจะเอาให้เลือดกลบปากเลย!"

          "มึงด้วยนังชะนี กล้ามาด่าลูกกูว่าเด็กดื้อเหรอ กูจะตบให้ดั้งยุบเลย!"

          ผัวะ เพี๊ยะ

          เหตุการณ์ตะลุมบอนที่อยู่ด้านข้าง เริ่มลุกลามรวดเร็วยิ่งกว่าไฟไหม้กองฟาง แฟรงค์พาคุณยายลุกออกจากโต๊ะทันที แต่โต๊ะที่ห่างกันไปแค่เมตรเดียวก็ละเนละนาดจากการทะเลาะวิวาท จนชนโต๊ะตัวอื่น ขวางกั้นทางพวกผมออกไปไม่ได้ แรงสะเทือนทำหม้อไฟร้อนระอุสั่นไหว ก่อนพลิกคว่ำมาทางผมที่กำลังพยุงเด็กน้อยที่ตื่นกลัวความรุนแรงจนตัวสั่น

          เคร้ง

          เทมปุระที่เข้ามากอดซุกกับอก ผลักออกผมออกไปให้ห่าง คว้ามือออกไปจับหม้อร้อนที่เอนเอียงจะหก แล้วจับค้างเอาไว้แน่น เพื่อกันไม่ให้สายธารเดือดผล่านหกรดใส่ผม เศษเสี้ยวของน้ำร้อนกระเด็นถูกผมเบาบาง เพราะมีคนช่วยปกป้องเอาไว้

          "เทมครับ!"

          จับมือเขาสะบัดออกแล้วปัดหม้อให้ตกไปทางอื่น จับถังน้ำแข็งมาใกล้แล้วจุ่มมือเขาไปลงไปทันที ความเป็นห่วงทะลุขึ้นจนหน้ามืด ความโกรธก็ไม่ต่าง มันพัวพันกันจนแทบแยกไม่ออก

          มือเขา...มือเขาเพิ่งจะหายดีไปเมื่อไม่นานนี้เอง นี่ต้องมาเจ็บตัวอีกแล้ว...!

          "ฮึก...ฮือ...หมูหย็องครับ ทะ เอม เทม เทม เทมเจ็บ เทมเจ็บครับ ฮือ"

          เทมเริ่มร้องไห้โฮเพราะความเจ็บปวดแผล น้ำตาเม็ดโตร่วงผล็อย เสียงสะอื้นเหมือนสัตว์บาดเจ็บทำใจปริแตก ตวาดลั่นให้กลุ่มคนที่เอาแต่ตกตะลึงขยับตัว

          "เรียกรถมาเดี๋ยวนี้! ผมจะพาเขาไปโรงพยาบาล แม่งเอ้ย!...เทมครับ ชู่ว...ไม่เป็นไรนะครับ ไม่เป็นไรนะครับที่รัก หมูจะพาไปหาหมอนะครับ อดทนอีกแค่แป๊บเดียวนะครับ ไม่เป็นอะไรนะครับ"

          คุณแม่ยกโทรศัพท์ต่อสายตรง เฮียเนื้อหย็องวิ่งไปหาน้ำแข็งและผ้าสะอาดมาเพิ่ม และเริ่มลงมือช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น

          "ฮัลโหล บอกการ์ดเข้ามาให้หมด แล้วเอารถมาเดี๋ยวนี้! โทรหาหมอเฉพาะทางพวกแผลไหม้น้ำร้อนลวกเอาไว้ด้วย ย้ำว่าเดี๋ยวนี้! ใครชักช้าไสหัวออกไปจากบ้านฉัน!"
 
          "ม๊า รถมาหรือยัง เอารถมาเร็วๆ มือเทมแดงไปหมดแล้ว!"

          "น้องเทมครับ ไม่เป็นไรนะครับลูก ไม่เป็นไรนะครับ"

          เสียงเย็นเยียบของคุณยายแว่วเข้ามาให้ได้ยิน "แฟรากา ปิดร้านเอาไว้ อย่าให้พวกต้นเหตุหลุดไปสักคน"

           สามนาทีต่อมาพวกการ์ดก็เข้ามาทำงาน บอกว่ารถจอดรอพร้อมอยู่หน้าร้าน ผมรีบอุ้มคนรักวิ่งไปขึ้นรถ ไม่ลืมคว้าน้ำแข็งและผ้าเย็นมาด้วย สบตากับไอ้คนหัวร้อนแล้วนึกอยากจับมันลงหม้อต้มทั้งเป็น

          ผมใจเสียเมื่อเทมร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าจะหยุด จนต้องเอ่ยเร่งคนขับ พอถึงมือหมอแล้วก็ต้องฉีดยาแก้ปวด ตรวจวินิจฉัยความลึกของบาดแผล หน้าผมซีดเซียวไม่แพ้คนในอ้อมแขน ห่วงเขาจนแทบจะกระอักตายอยู่แล้วระหว่างรอผล

          "อืม...มีตุ่มพองแล้วแผลค่อนข้างกว้าง Second degree burn ครับ... แต่ไม่เป็นไรนะครับ แผลไหม้ไม่ลึกมาก ยังไม่เป็น Deep partial-thickness นับว่าดีที่เป็นตรงฝ่ามือผิวหนากว่าส่วนอื่น และจับไม่นาน อีกทั้งปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ถูกวิธี แต่ก็...ค่อนข้างใหญ่ คงใช้เวลาราวๆ ครึ่งถึงหนึ่งเดือนถึงจะหายดี ช่วงสองสามวันแรกจะเจ็บมากหน่อยนะครับ ทานยาแก้ปวดเอา แล้วก็ต้องระวังเรื่องการติดเชื้อ...."

          ผมฟังคำอธิบายแล้วยิ่งเดือดพล่าน มองมือคนรักที่ถูกผ้าพันแผลสีขาวห่อหุ้มก็ยิ่งอยากร้องไห้ อยากแลกกันเจ็บได้ ผมจะรับทุกความเจ็บเอาไว้เอง ทำไมเทมต้องมาเจ็บตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กชายตัวน้อยเพิ่งจะได้จับดินสอสีระบายเมื่อไม่นาน เจ้าก้อนความสุขของผมเพิ่งจะได้ยิ้มดีใจอีกครั้งกับสมุดภาพที่เขาชื่นชอบ ก็ต้องมารักษาตัวอีกแล้ว เด็กชายที่พอได้ยาแก้ปวด ก็เริ่มสะอื้นเบาๆ ซุกซบอยู่ตรงซอกคอผม ยื่นแค่มือไปให้หมอตรวจ แต่ไม่ยอมคุยกับใครนอกจากผมคนเดียว

          ทั้งห้องแออัดไปด้วยสมาชิกในครอบครัวที่หน้าตาเคร่งขรึม พอผลตรวจออกมาดี ทุกคนก็พรูลมหายใจอย่างโล่งอก ก่อนเริ่มมีสีหน้าโกรธเคือง แอบเห็นคุณพ่อไปคุยกับคุณยาย ได้ยินคำว่าแจ้งความก็พอเดาออก...แต่ไม่ว่าคำตัดสินจะเป็นอย่างไร ผมจะคูณสอง ไม่สิ...คูณสิบให้พวกมัน...

          "เทมครับ เจ็บมากไหมครับ"

          คนถูกถามผงกศีรษะอยู่ตรงลาดไหล่ "ฮึก...เทม เทม จ-เจ็บครับ...แล้ว แล้วหมูหย็องเจ็บไหมครับ เทมช่วยหมูหย็องไว้ได้หรือเปล่าครับ หมูหย็องไม่เจ็บๆๆๆ ใช่ไหมครับ เทมกลัวหมูหย็องเจ็บเหมือนเทมครับ"

          กระชับอ้อมกอด ลูบหลังปลอบองครักษ์สุดที่รัก "ขอบคุณนะครับ เทมเป็นองครักษ์ที่เท่ที่สุดในโลกเลยครับ เก่งที่สุด เท่ที่สุด สุดยอดมากๆ เทมปกป้องหมูไว้นะครับ หมูไม่เจ็บสักนิดเดียว"

          "งั้น งั้น งั้นเทมก็ไม่เจ็บมั่งนะครับ เทมอยากเป็นองครักษ์เท่ๆๆๆ โดนเผาบรึ้มๆๆ ก็ไม่เจ็บครับ"

          "ถึงจะเจ็บ ถึงจะร้องไห้ เทมก็เท่ที่สุดในสายตาหมูนะครับ"

          คนโดนชมผละออกจากเถาวัลย์รัดรึง ตาฉ่ำบวมขอคำยืนยัน "จริงๆ เหรอครับหมูหย็องครับ เทม เทมเท่ๆๆ เหรอครับ" แก้มนุ่มเริ่มบวมเพราะอมยิ้ม

          นิ้วโป้งแปรเปลี่ยนเป็นผ้าเช็ดหน้า ซับหยดน้ำตาคนนั่งบนตัก "เท่ที่สุดของที่สุดของที่สุดเลยครับ...ขอบคุณมากนะครับ"

          แล้วก็เบ่งบานเป็นดอกไม้แสนสวยจับตา

          กลับมากรุงเทพก็วนเข้าอีหรอบเดิม เด็กน้อยต้องหาหมอทุกวัน ทานยาหลายเม็ด วันแรกเทมนอนแทบไม่ได้  ต่างกับแผลถูกบาด  แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกนั้นปวดแสบปวดร้อนกว่ามาก เขาทรมานจากพิษแผลจนไข้ขึ้น ตัวร้อนรุม งอแง ทำเอาผมไม่ผละห่างออกจากเตียงไปไหนไกล แผนเที่ยวกับคุณตาคุณยายถูกผมหยุดพักไว้ด้านหลัง ให้คุณป๊าคุณม๊ารับหน้าแทน สองวันถัดมาเด็กน้อยถึงดีขึ้นและเริ่มไม่ค่อยเจ็บบาดแผล แต่ก็ตึงจนขยับมากไม่ได้ ดวงหน้าใสบูดบึ้งเพราะคำสั่งไม่ให้จับดินสอสีกลับมาอีกหน

          จนมาถึงวันก่อนสุดท้ายคุณยายกลับ ผมถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามี...นัดสำคัญ

          นัดที่มีคำตัดสินอนาคตรออยู่

         
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 57 * 7/Feb/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 07-02-2019 19:19:16
         
         
          ถึงจะอยากใช้เหตุผลนางฟ้าปีกบาดเจ็บเป็นข้ออ้างเลื่อนออกไป แต่การหยุดเที่ยวกับผิดนัดก็ผิดมารยาทคนละระดับขั้น ไม่ว่ายังไงก็มีแต่ต้องไป ผมไล่ต้อนคุณพ่อคุณแม่และพี่น้องคนอื่นๆ ออกจากห้อง พาคนถูกรุมล้อมเยี่ยมไข้ใส่ชุดสูทเต็มยศให้เรียบร้อย

          "ชูมือขึ้นนะครับ หมูสวมเสื้อให้"

          "ขอบ ขอบคุณครับ เรา เราจะไปไหนเหรอครับหมูหย็องครับ"

          "ไปทานอาหารค่ำบอกลากับคุณตาคุณยายครับ พรุ่งนี้ท่านก็จะกลับกันแล้ว"

          "กลับ กลับแล้วเหรอครับ บ๊ายบายๆๆๆ แล้วเหรอครับ แต่ว่าๆๆๆ แต่ว่าคุณยายยังไม่หายโกรธเทมเลยนะครับหมูหย็องครับ อยู่นานๆๆๆ อีกนิดหน่อยเยอะแยะๆๆๆ ไม่ได้เหรอครับ"

          หัวเราะในลำคอให้เด็กน้อยที่คิดไปเองเป็นตุเป็นตะ เรื่องคุณยายงอนที่พูดจาเหมือนไปต่อว่าท่าน คุณยายไม่ได้โกรธอะไรเลยครับ คุณยายท่านแยกแยะได้ว่าคนพูดพูดด้วยเจตนาไหน  และที่จริง...วันนี้มีเรื่องหนักหนามากกว่านั้นที่น่ากังวล สองสามวันได้ความไม่สบายของเทมเบี่ยงความสนใจผมไปกองรวมที่สุขภาพเขาจนสิ้น พอตื่นมารับรู้ถึงกำหนดการก็แทบไม่อยากลุกออกจากผ้าห่ม ความเครียดเล่นงานทำเอาเมื่อคืนนอนแทบไม่หลับ ช่วงเวลาเผชิญหน้ามาถึงไวเกินไปแล้ว...

          "อยู่นานๆ คงไม่ได้นะครับ คุณตาคุณยายยังทำงานกันทั้งคู่ โดดงานมานานๆ คงไม่ดี ...คืนนี้เทมลองง้อคุณยายดูอีกรอบนะครับ คุณตาชอบดื่มไวน์ ส่วนคุณยายท่านค่อนข้างจะชอบพวกผลไม้ ลองตักให้ท่านดูนะครับ ...ไหนครับ...โอเคครับ หล่อมาก"

          ชุดสูทวันนี้ค่อนข้างเป็นทางการและหรูหราไม่น้อย จากเหตุการณ์อาหารไทยพลิกคว่ำ คุณตาก็รู้สึกเข็ดขยาดกับหม้อไฟจนขอเปลี่ยนแผน ผมก็เห็นดีเห็นงาม ระยะนี้งดอะไรร้อนๆ ให้เห็นแล้วรู้สึกคิ้วกระตุก หงุดหงิดในใจไปก่อนเสียดีกว่า ค่ำคืนนี้เราเลยนัดกันไปทานอาหารอิตาเลียนแทนครับ โชคดีที่ผมเผื่อแผนสำรองเอาไว้ ห้องอาหารชั้นบนสุดของตึกที่สูงที่สุดในประเทศเลยยังวางรอพวกเราไปใช้บริการ

          "หมูหย็องก็หล่อมากๆๆๆ เลยครับ...หมูหย็องเป็นอะไรเหรอครับ ไม่สบายๆๆๆ เหรอครับ"

          ผมเผลอยืนนิ่งจ้องหน้าเขาเนิ่นนาน ในหัวคิดสะระตะถึงอนาคตเบื้องหน้าหลังคำตัดสิน คิดไม่ออกว่าหากถูกจับแยกกัน ผมจะมีชีวิตแบบขาดเขาได้ยังไง ไม่สิ้นลมในชั่วเสี้ยววินาที ก็คงทรมานชั่วกับชั่วกัลป์ อันที่จริงผมว่าข้อแรกมีความเป็นไปได้มากกว่า เพราะชีวิตผมคงไม่ยืดยาวได้นานขนาดนั้นถ้าไม่มีเขาอยู่ข้างกาย...ผมไม่แข็งแกร่งพอขนาดใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีเขา

          สอดแขนเข้าไป ดึงให้มาแนบชิด สูดกรุ่นกลิ่นแสนรักใคร่ "ไม่มีอะไรครับ แค่อยากให้เทมกอดหมูแน่นๆ"

          "กอดๆๆๆ กอดแน่นๆๆๆ นะครับ เดี๋ยวกลับมากอดต่อได้ไหมครับหมูหย็องครับ ถ้าสายๆๆๆ ไปสายๆๆ แล้ว แล้ว แล้วจะคุณยายจะโกรธๆๆๆ หมูหย็องอีกคนนะครับ เทมไม่อยากให้คุณยายโกรธหมูหย็องนะครับ"

          "ต้องกลับมากอดกันอีกนะครับ กอดกันทุกวันเลย"

          "กอดหมูหย็องทุกวันเลยครับ"

         ระหว่างลงบันไดไปขึ้นรถตู้ประจำตัว ก็รู้สึกคล้ายตัวเองเป็นเดารานักร้องที่เพิ่งลงจาเวทีคอนเสิร์ต เมื่อคุณป๊าคุณม๊า คุณป้า และทุกคนยืนรอรับพร้อมกล้องในมือ เทมตาโตก่อนยิ้มตาหยี แอคท่าชูห้านิ้วใส่กล้องเพราะกำมือไม่ได้

          "ถ้าคุณยายทำอะไร รีบโทรมาบอกป๊าเลยนะลูก หรือถ้ามีคนบุกมาหิ้วตัว วิ่งขึ้นชั้นบนสุด ไปด่านฟ้าเลย ป๊าสั่งเฮลิคอปเตอร์บินวนคอยช่วยเหลือตลอดเวลา ป๊าเตรียมเครื่องบินออกนอกประเทศไว้ให้แล้วด้วย"

          "ใช่ ลูกคนข้างบ้านต้องสู้นะคะ! ถ้าถูกดุหรือถูกว่า ฮึบแล้วดึงหมูหย็องออกมาเลย คุณปะป๊ากับุคณหญิงแม่อนุมัติซะอย่าง ใครก็มาห้ามเราสองคนคบกันไม่ได้ ไม่ลูกน้องเมย์เป็นสะไภ้ บ้านนี้ก็ไม่ต้อนรับใครแล้วค่ะ!"

          "เทมมาใกล้ๆ เจ้สิ ตบแป้งหน่อย วันสำคัญจะหน้าโทรมไม่ได้"

          "น้องเทมครับลูก ทำตัวดีๆ นะครับ อย่าทำให้น้องหมูหย็องลำบากใจ แล้วอย่าดื้อให้คุณตาคุณยายดุนะครับ ผักต้องทานนะครับรู้ไหม ห้ามเขี่ยผักให้คุณตาคุณยายเห็นนะครับ"

          "งั้น งั้น งั้นแอบเขี่ยได้ไหมครับคุณแม่ครับ"

          แล้วก็กลายเป็นฮาครืนกันไป เมื่อเด็กชายแก้มนุ่มถามตาเสียงซื่อตาใส ความอบอุ่นอบอวล กำลังใจเต็มหลอด ขาที่ต้องก้าวไปข้างหน้าไม่ได้หนักอึ้งเหมือนเมื่อครู่ ผมส่ายศีรษะกับการอวยพรประหลาดๆ ของเหล่าพี่ชายน้องชายพี่สาวที่พยายามช่วยให้ผ่อนคลาย ก่อนก้าวขึ้นรถด้วยฝีเท้าที่มั่นคง

          การทานอาหารร่วมกันไม่ได้ติดขัดเหมือนช่วงแรกที่เทมพบญาติผู้ใหญ่ทั้งสอง มุกตลกฝืดๆ ของคุณตาก็ช่วยให้ร้านอาหารกว้างที่ถูกจองทั้งร้านไม่เงียบจนน่าขวัญผวานัก เสียงไวโอลินสีเป็นเพลงบรรเลงไพเราะเสนาะหู และสมเป็นร้านอาหารห้าดาว ทุกอย่างออกมาปราณีตตั้งแต่บริกรจนถึงเมนูอาหาร แต่ผมกลับไม่รู้สึกถึงรสชาตินัก แตกต่างกับเคี้ยวกระดาษอย่างไรก็ไม่มีความเห็นต่าง แม้ภายนอกจะดูนิ่งขรึม แต่ในใจก็หวั่นเกรงไม่น้อย สบตากับหญิงชราที่วันนี้เหมือนกลับสู่โลกความเป็นจริง แล้วยิ่งให้รู้สึกหายใจยากลำบาก

          เพราะมือเทมเจ็บ คุณตาจึงยอมอ่อนข้อให้เด็กชายฟ้าประทาน ไม่ต่อว่าเรื่องการจับช้อนส้อมที่กระดกไปมาจนโต๊ะเปื้อน มือที่จับช้อนข้างไม่ถนัดดูกลมป้อมคล้ายมือของตัวละครที่เด็กชายชื่นชอบ ลอบมองแล้วความเอ็นดูก็เต็มตื้นหัวใจ

          "ไม่อร่อยหรือดิมิทรี"

          ท่านเอ่ยถามเมื่อเห็นผมทานไปได้เพียงนิดเดียว

          "อร่อยครับ...คุณยายรับอะไรเพิ่มไหมครับ ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องเห็ดทรัฟเฟิล มีของหวานพิเศษที่ทำจากเห็ดด้วย เป็นพานาคอตต้า หรือจะรับของหวานเป็นไอศกรีมก็มีนะครับ"

          คุณยายตอบรับด้วยการวางผ้าเช็ดปาก ขยับช้อนไปวางไว้เหนือจาน บอกทางอ้อมว่าท่านอิ่มแล้วพร้อมจบมื้ออาหาร ไร้เสียงช้อนส้อมกระทบจานก็มีเพียงเสียงเพลงคลอ คุณตาเห็นความเงียบที่ยืดยาว ดังนั้นอดีตเอกอัครราชทูตจึงช่วยพูดขัดบรรยากาศอึดอัด

          "หลานเลือกร้านได้ดีดิมิทรี คาเวียร์ที่นี่ก็ใช้ได้นะ แต่ก็ไม่อร่อยเท่าบ้านเรา"

          "ที่ๆๆๆ คุณปะป๊าคุณมะม๊าหิ้วมาฝากใช่ไหมครับ อร่อยๆๆๆ เทมชอบทานกับอโวคาโดมากๆๆๆ เลยครับ"

          "หืม...รสนิยมการทานเราดีเหมือนกันนี่น่า ตาก็ชอบอโวคาโดเหมือนกัน แต่ยังไม่เคยลองทานพร้อมกัน ฟังแล้วน่าอร่อย ไว้กลับไปจะลองเอาไปทำดูนะ"

          "แต่เทมชอบราดใส่นมข้นหวานที่สุดเลยครับ เค็มๆๆๆ กับหวานๆๆๆ เมล็ดไข่ปลาเป๊าะแป๊ะๆๆๆ"

          คุณตาสำลักไวน์เล็กน้อย ก่อนหลุดหัวเราะร่วนจนตาคมหยีลง "ตากลับคำทันไหมล่ะเนี่ย"

          "เฮียปลาหย็อง เฮียปลาหย็องก็บอกว่าอร่อยนะครับ แต่ว่า แต่ว่าทำให้คุณมะม๊าเห็นไม่ได้นะครับ คุณมะม๊าไม่ชอบ บอกว่าทำคาเวียร์เสียของหมดครับ"

          พนักงานมาโค้งตัวสอบถามถึงเครื่องดื่มล้างปาก ผมสั่งเป็นชาดอกไม้ให้คุณยาย และม็อกเทลให้คุณตา พอถึงตาตัวเอง เด็กน้อยก็ยกมืออาสาขอสั่งให้ "ของ ของหมูหย็องเอาอเมริกาโน่เย็นแบบดีแคฟครับ ไม่เอา ไม่เอาคาเฟอีนนะครับ จะได้นอนหลับสบาย แล้วก็ๆๆ ไม่เอาน้ำเชื่อม ไม่เอานมครับ ใส่น้ำแข็งนิดหน่อยๆๆๆ ไม่เอาเยอะแยะๆๆๆ นะครับ เอาแค่เย็นๆๆๆๆ เฉยๆๆ ครับ ขอบ ขอบคุณครับ"

          เด็กชายกระตือรือร้นช่วยสั่งอย่างรู้ใจ

          "ขอบคุณครับ เทมอยากดื่มอะไรเพิ่มไหมครับ อยากทานขนมเพิ่มหรือเปล่า?"

          "เทม เทมอิ่มมากๆๆๆ เลยครับ"

          ยิ้มมองคนอิ่ม ยิ่งแอบเห็นกระดุมที่ถูกปลด หรือหลุดเพราะพุงป่องๆ ขององค์ชายน้อยก็ไม่รู้ จนต้องกลั้นยิ้มกลั้นหัวเราะด้วยกลัวเสียมารยาท

          "งั้นแค่นี้ครับ ขอบคุณมากครับ"

          "ได้ครับ รบกวนรอสักครู่นะครับ กระผมจะรีบนำมาให้"

          คุณยายหันไปมองคุณตาเล็กน้อย สัญญาณเล็กๆ ที่ผมรับรู้ว่าในที่สุดก็มาถึงแล้ว

          "เทมพาตาไปห้องน้ำหน่อยเร็ว แก่แล้วจำทางไม่ค่อยได้ ตากลัวจะหลงเอา"

          "แต่ แต่ แต่ว่าเทมก็ไม่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ไหนนะครับคุณตา เทม เทมไม่มีแผนที่ด้วยนะครับ เราไปขอแผนที่กันก่อนดีไหมครับ จะได้ไม่หลงทางไปหาห้องน้ำนะครับ"

          "แต่ตารู้ เราไปเป็นเพื่อนตาก็พอแล้ว มามา"

          "อ๋อๆๆๆ โอเคๆๆ ครับ หมูหย็องครับหมูหย็อง เทมพาคุณตาไปห้องน้ำนะครับ คุณยายครับคุณยาย เทมพาคุณตาไปห้องน้ำนะครับ ถ้า ถ้าเทมกับคุณตาหลงไปรับด้วยนะครับ"

          "...ครับ"

          เผลอเอื้อมมือไปคว้าข้อมือคนที่ลุกออกไป เทมเอียงคอถามสงสัย แต่ผมก็ไม่กล้าปล่อย กลัวเขาจะหายไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย จ้องเขาอย่างหวาดหวั่น จนได้เสียงเย็นเตือนสติ "ดิมิทรี"

          "...ขอโทษครับ..." เอ่ยขอโทษสำหรับการแสดงกิริยาไม่สมควร แต่ก็ไม่วายกำชับเสียงเบา "...เทมรีบไปรีบมานะครับ"

          "เทม เทมจะรีบไปรีบมานะครับ จะพยายามจำทางไว้นะครับ จะได้ไม่หลงๆๆ"

          พอไม่มีคุณตาและเด็กชายแก้มนุ่ม ค่ำคืนนี้ก็เหลือเพียงเสียงของเครื่องดนตรีเป็นจังหวะ พร้อมใจที่ลุ้นระทึกยิ่งกว่าตอนเกรดออกหรืออะไร หลังสิ้นสุดเสียงรินน้ำชาหยดสุดท้าย คุณยายยกขึ้นจิบก่อนใช้สายตาคมกริบมองผมตรงๆ ไม่หลบเลี่ยง

          "หลานเก็บอารมณ์ไม่อยู่เลยนะดิมิทรี เกร็งจนจับผิดได้ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา ....หลานกำลังจินตนาการภาพยายเป็นตัวร้ายอยู่งั้นหรือ"

          "ผมขอโทษครับ แต่ว่า...กับผม....ตั้งแต่ยังเด็กคุณยายก็เป็นฮีโร่ เป็นมาเสมอ และจะเป็นตลอดไป...แต่กับคนอื่น กับคนที่ตอนนี้ยังเป็นคนอื่น..."
         
          กับคนอื่น ความเวทนาสงสารก็เป็นเรื่องเล่าในนิทานที่ไม่มีจริง ฮีโร่ก็เป็นแค่ภาพลวงตา และคำว่าตัวร้ายคงน้อยเกินไป

          ท่านยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มที่อ่านไม่ออกเหมือนแววตาสีฟ้าเข้ม "แต่เขาไม่ใช่คนอื่นสำหรับหลานใช่ไหม"

          คล้ายเสียงของไซเรนก่อนล่มเรือข้ามมหาสมุทร คำถามเกริ่นนำก่อนเกิดสงคราม

          "ครับ...เขาเป็นคนรักของผม เป็นคนที่ผมตัดสินใจจะอยู่ด้วยชั่วชีวิต"

          ท่านวางแก้วน้ำชาลง มือประสานบนตัก

          "ถ้ายายไม่ยอม...หลานจะทำยังไง"

          ตรงประเด็นและกระชากลมหายใจให้ขาดห้วงไปหลายวินาที ลอบสำรวจมองว่านั้นแค่เป็นคำถาม...หรือว่า...คำตอบ

          ดีที่มันเป็นแค่เพียงคำถามหยั่งเชิง สูดหายใจลึก ไม่คิดปิดบัง เพราะการพูดปดโกหกหญิงชราตรงหน้า ก็เหมือนการแหวกท้องออกแล้วบอกไม่มีเครื่องในอยู่ในนั้น ความจริงเป็นสิ่งที่ท่านควานหาและกุมมันไว้ในมือตลอดหลายสิบปี ลับลึกลับ ลับสุดลึก ก็เหมือนตื้นเขินเพียงปลายนิ้ว

          "...ผมคิดไว้หลายอย่าง แต่ถ้าคุณยายเอาจริง...ไม่ว่ายังไงผมก็หนีคุณยายไม่ได้ และผมก็สู้ตรงๆ ไม่ไหว...แต่ผมจะขังคุณยายเอาไว้ครับ ผมจะทำให้คุณยายกลายเป็นศัตรูของรัฐบาล ไม่มีแขนขาคอยช่วยเหลือ เป็นกบฎ เป็นคนขายชาติที่ปล่อยข้อมูลออกไป ผลลัพธ์แน่นอนว่ารุนแรง และผมจะเสียใจไปตลอดชีวิต แต่ผมจะยังคงมีความสุขและอยู่ต่อไปได้ แต่ถ้าไม่มีเทม...ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณยายครับ"

               คำกล่าวเตือน ทุกถ้อยคำไม่ได้เอ่ยด้วยความโลเลหรืออ่อนน้อมอย่างทุกครั้ง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยการเอาจริง... ในสนามนี้ ผมจะไม่อ่อนข้อให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น และคำสอนที่ปีศาจเฝ้าบอก คือหากจะลงมือ ต้องลงมือให้เด็ดขาดไม่เหลือรากให้เติบโต

          ท่านไม่ได้ตื่นตระหนกกับยามได้ฟังแผนแสนร้ายกาจที่อกตัญญูอย่างยิ่ง แต่รับฟังอย่างสงบ ริมฝีปากที่มักเรียบเป็นเส้นตรงยกขึ้นเล็กน้อย  บรรยากาศรอบตัวดูผ่อนคลายคล้ายยามท่านอารมณ์ดี ท่าทางตอนนี้ของดาเลีย แอนเหมือนกำลังได้ฟังหลานชายบอกว่าได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ไม่ใช่แผนล่มสลายเกียรติยศของตนเอง

          "ยังไม่ใช่ไพ่ทั้งหมดที่หลานมีไม่ใช่หรือ"

          รอยยิ้มของคุณยายทำเอาผมหนาวเหน็บและคำถามของท่านก็ไม่ต่าง เผลอกำมือแน่น ความลับของผู้ครองมหาความลับนั้นยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่าอภิมหาความลับ เป็นเรื่องราวที่ยามได้รู้ครั้งแรกถึงกับหน้าไร้เฉดเลือด น้ำลายเหนียวหนืดในคอทำให้พูดออกไปอย่างยากลำบาก แต่ความกดดันที่ดาเลีย แอนแผ่ออกมาก็ทำให้ต้องสารภาพออกไป

          "ผม...รู้ความสัมพันธ์ของคุณยายกับเขาคนนั้นครับ เขาคนนั้นที่ไม่สมควรรัก...คนที่ไม่สมควรอาจเอื้อมมากที่สุด เป็นความลับที่ถ้าปูดออกไป ชาโรนอฟคงไม่เหลือแม้แต่ในอดีต"

          ท่านหลับตาลง คล้ายจมจ่อมลงไปในอดีต หวนคืนไปสู่ภาพความทรงจำอันยาวนานและห่างไกล กลับไปในภาพถ่ายและจดหมายเก่าสีซีดเหล่านั้น ตัวอักษรถักทอถ้อยคำแสนหวาน ผมไม่แม้แต่จะคาดคิดหรือจินตนาการภาพฝันออกได้ว่าคุณยายจะเขียน วันนั้นผมเพิ่งรู้ ปีศาจก็มีหัวใจ แต่หัวใจดวงนั้นกลับไปอยู่ในมือของคนที่ไม่สมควรที่สุด...ชื่อที่ลงท้ายทำเอากระดูกในกายหดตัวด้วยความหวาดหวั่น เลือดในกายเย็นเฉียบ

          หัวใจของปีศาจที่อยู่ในมือของสามีเพื่อนสนิทของตัวเอง คนที่อยู่บนจุดสูงสุดคนนั้น

          ท่านลืมตาขึ้นเชื่องช้า ก่อนผุดรอยยิ้มอ่อนโยนที่หายากเสียยิ่งกว่าปาฏิหาริย์

          "หึหึหึ...ดี ดีมาก ความเลือดเย็นเด็ดขาดที่เฝ้าสอนสั่งประจักษ์ตาก็วันนี้ หลานสมแล้วที่ยายเลี้ยงดูมา ถ้าเป็นพวกโลเลไก่อ่อนไร้น้ำยา ยายคงทนไม่ได้"

           "...ผมขอโทษนะครับ..."

          ขอโทษที่รับรู้และกล้าใช้มันเป็นเครื่องมือ

          ผมโค้งตัวลงจนศีรษะเกือบแนบกับโต๊ะ แต่ก่อนจะสัมผัสกับแผ่นหินแข็งกระด้าง ก็ได้รับมือที่แตะลงมาเบาบางหยุดไว้เสียก่อน

          "อย่าขอโทษ มันไม่จำเป็น ...ถ้ากลับกัน มีคนจะมาพรากหลานไปแบบยายไม่ยินยอม...ต่อให้เป็นหน้าไหน ยายก็คงใช้ทุกวิถีทางเหมือนกัน ...รู้ไหมดิมิทรี เราสองคนมีหลายอย่างที่คล้ายกัน หลายอย่างที่เหมือนกันจนน่าขัน โดยเฉพาะในส่วนนั้น ส่วนที่รักเดียวใจเดียวจนน่ากลัวนั้นก็ด้วย...ต่อให้ยกคนมาทั้งโลกเราก็ไม่เกรง เพราะสิ่งที่เรากลัวที่สุดคือคนที่เรามอบหัวใจให้ เมื่อมีที่หนึ่ง...ที่สองก็ไม่สำคัญ"

          ผมลุกออกจากเก้าอี้ อ้อมไปคุกเข่าต่อหญิงชราที่เป็นครอบครัวอันดับหนึ่งสำหรับผมเสมอมา จับมือเหี่ยวย่นขึ้นแนบแก้ม สบตาท่านอย่างเปิดเผยและอ้อนวอน

          "ผมรักคุณยายครับ ผมรักคุณยายมาก คุณยายเป็นทั้งพ่อและแม่ เป็นอาจารย์ เป็นคนสำคัญสำหรับผมอย่างที่สุด ผมเคารพและชื่นชมคุณยาย ทุกคำสั่ง ทุกคำสอน ผมเชื่อฟังและปฏิบัติตาม แต่ไหนแต่ไร ก็พยายามที่จะให้คุณยายยอมรับ เพราะการได้รับความรักจากคุณยายคือสิ่งที่ผมภาคภูมิใจ ที่วันนี้ผมขอร้องให้คุณยายยอมรับเทม ยอมรับเรื่องราวของผมกับเขา ไม่ใช่เพราะอำนาจของคุณยาย แต่ผมแค่อยากให้คนที่ผมรัก...ยอมรับคนที่ผมรักอีกคน...คุณยายครับ... เขาเป็นดิมิทรีของผม"

          ชื่อดิมิทรีที่คุณยายตั้งให้
          โลกของคนรัก เป็นโลกทั้งใบของคนที่รัก

          "เขาเป็นโลกทั้งใบของผม"


          คุณยายเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำชาก่อนลูบขอบแก้วหมุนวนคล้ายไม่รับรู้สิ่งใด ใบหน้าที่เย็นชาเป็นน้ำแข็งนิ่งเฉย คิดไม่ออกว่าท่านคิดเห็นอย่างไร ความเงียบกัดกินจนปวดหน่วงในอก

          มือที่ลูบหยุดนิ่ง เชยคางผมให้สบตา

หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 57 * 7/Feb/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 07-02-2019 19:20:16


           "ในฐานะผู้นำตระกูล...เขาไม่มีความเหมาะสม"

          เผลอขบกรามแน่น เนื้อตัวเกร็งขึ้นมา ในหัวแล่นไปด้วยความกลัวถึงขีดสุด

          "ทั้งเป็นผู้ชาย ทั้งไม่สมประกอบ ดิมิทรีของหลาน...เป็นคนธรรมดายังไม่ได้ด้วยซ้ำ"

          ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่แก้มผมเจิ่งนองไปด้วยความเสียใจที่เปียกชื้น ความผิดหวังก่อตัวเป็นหินแหลมคมทิ่มแทงไปทั่วร่างจนแทบทรุด

          "พ่อแม่หรือก็ดูไม่ได้เรื่องกันทั้งคู่ โดยเฉพาะคนเป็นพ่อ ทั้งเป็นคนที่ใช้ชีวิตล้มเหลว ติดเหล้าติดการพนัน ทำร้ายลูกและภรรยา ฝั่งคนเป็นแม่ก็เป็นหญิงสาวที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง เชื้อสายก็แสนธรรมดา ส่วนผสมออกมาน่าเศร้านัก คนลูก...ไหนจะนิสัยใจคอขี้แง ช่างกลัว อ่อนแอ ด้อยค่า ด้อยปัญญา พึ่งพาไม่ได้ ไม่ได้เรื่องได้ราว จะพูดให้ตรงก็คือกระทั่งดูแลตัวเองก็ยังไม่มีความสามารถพอเสียด้วยซ้ำ ในอนาคตไม่ต้องถามถึงการทำงาน แค่เรียนจบไหมก็ยังไม่รู้ พูดจากันให้รู้เรื่องยังยากลำบาก ไม่ใกล้เคียงมาตรฐานที่ต่ำที่สุดด้วยซ้ำ เป็นเพียงภาระฉุดรั้งที่มีลมหายใจ"

          ท่านเงียบลง ดวงตาสีฟ้าดูเข้มขึ้น ประกายแสงในนั้นประกาศกร้าวอย่างมั่นใจในประโยคที่เอ่ย

          "ไม่คู่ควรกับหลานสักอย่าง"

          ถ้อยคำร้ายกาจตัดรอนหัวใจผมออกเป็นชิ้น กับคนอื่น ถ้อยคำนี้เป็นเพียงลมพัดผ่าน ไม่มีผลต่อความรู้สึกอันใดนอกจากจุดระเบิดโทสะ แต่เมื่อเป็นคนที่เคารพรัก มันก็ยิ่งกว่าอาวุธชนิดไหน ...เจ็บกว่ามากและโกรธกว่ามาก ผมหลับตากำหมัดแน่นเพื่อสงบสติอารมณ์  ไม่อยากมองหน้าปีศาจใจร้ายอีกต่อไป

          "ถ้านั่นเป็นคำตอบของคุณยาย...อภัยให้ผมด้วยครับที่ผมเห็นต่าง"

          ความเสียใจบิดมวลในท้องก่อนทะลักทลายออกมาเป็นความโกรธ เผลอขึ้นเสียงใส่คนที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยคิดจะโต้เถียง น้ำคำของหญิงชราไม่ต่างกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมเฝ้าทำตามคำแนะนำของท่านมาตลอด ทุกคำพูดทุกคำสั่งของคุณยายถูกผมนำมาปรับใช้ และยึดถือเป็นแนวทาง แต่มีแค่เรื่องนี้เท่านั้น มีเรื่องนี้เท่านั้นที่ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้อง วาจาแง่ร้าย คำสั่งแยกห่าง ผมไม่คิดจะเก็บมาเป็นกรอบปฏิบัติ

          "ไม่สมประกอบก็แล้วยังไงล่ะครับ... ในเมื่อเทมไม่จำเป็นต้องฉลาดหรือเก่ง เพราะเขามีผมที่ทั้งฉลาดและเก่งกาจอยู่แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งหรือแข็งแกร่ง เพราะผมทั้งเข้มแข็งและแข็งแกร่ง เขาจะอ่อนแอ ไม่ได้เรื่อง ก็ไม่เป็นอะไร เพราะผมจะปกป้องและดูแลเขาเอง เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเป็น เพราะผมทำได้ทุกอย่าง ทำไมเขาต้องทำงาน ในเมื่อผมรวยพอจะเลี้ยงเขาไปได้เป็นแสนปี ผมไม่ต้องการคนช่วยทำงาน ในเมื่อผมจ้างเลขาได้เป็นร้อยคน ผมไม่ต้องการคนเก่ง ไม่ต้องการคนฉลาด ไม่ต้องการก้อนเนื้อที่มีสายเลือดสูงศักดิ์ พวกดาษดื่นพวกนั้น...แค่ออกไปหาที่ไหนก็เจอ"

          "ความเหมาะสมที่คุณยายพูดถึง มันก็แค่สิ่งที่พวกทิฐิหลงตัวเองว่าวิเศษวิโสกว่าคนอื่นสร้างมาตีกรอบ แล้วมันจะแปลกอะไรถ้าผมสร้างกฎความเหมาะสมขึ้นมาเอง ในโลกของผม ในกฎของผม  ไม่มีใครเทียบกับเขาได้ เขาพิเศษที่สุด เก่งที่สุด ฉลาดที่สุด สวยงามและล้ำค่ากว่าสิ่งอื่นใด ถ้าให้มองในมุมของผม ไม่ใช่เขาไม่คู่ควรกับผม แต่เป็นผมต่างหากที่ไม่คู่ควรกับเขา"

          หยุดหอบก่อนยืนนิ่ง

          "ทุกส่วนที่คุณยายพูดมาคือส่วนที่ผมรักเขาทั้งหมด เป็นข้อดีทั้งสิ้นไร้ซึ่งข้อตำหนิ...และต่อให้เป็นคุณยาย ผมก็จะไม่ยอมให้มาพูดถึงคนรักของผมแบบนี้...ต่อให้ต้องเสียอะไรไปก็ตามที ขออภัยกับความเสียมารยาทอีกครั้ง ผมขอตัวก่อนนะครับ"

          แผ่นหลังเหยียดตรง โค้งตัวทำความเคารพ แล้วหันหลังเดินออกมา

          "ดิมิทรี"

          เสียงเย็นเอ่ยดุดันและเต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจ น้ำเสียงที่ท่านใช้ยามดุผมเมื่อทำตัวผิด มันคุ้นเคยมากพอให้ผมชะงักอัตโนมัติ

          "กลับมานั่ง และฟังยายพูดให้จบ"

          "ถ้าคุณยายจะพูดอะไรถึงเขาในทางไม่ดีอีก...เพียงพอแล้วครับ แต่ถ้าคุณยายอยากให้ผมออกจากตระกูล ขอเวลาไม่กี่ชั่วโมง ผมจะไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้"

          "...ดิมิทรี มิคัล ชาโรนอฟ หลานหยุดเดี๋ยวนี้!"

          ท่านลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงหน้าชราไร้ความนิ่งเรียบ แต่อาบไล้ไปด้วยความโกรธ หมดสิ้นซึ่งการควบคุมอารมณ์ ตวาดเสียงดังอย่างที่ไม่เคยได้ยิน มันดังก้องห้องอาหาร ใบหน้าโมโหจากภูเขาน้ำแข็งและปีศาจแสนเย็นชาไม่ใช่สิ่งที่คุ้นเคย คล้ายกับท่านทนฟังไม่ได้อีกต่อไป

          "กลับมานั่ง"

          ผมยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แม้จะแทบทนความกดดันจากคุณยายไม่ได้ก็ตาม

          ดวงตาสีฟ้าเย็นเฉียบออกคำสั่งเด็ดขาด "...ความปลอดภัยของเขา หลานไม่สนใจหรือยังไง"

          เผลอตวาดดวงตาแข็งกร้าวไม่แพ้กัน "ห้ามแตะต้องเขา!"

          "หยุดขึ้นเสียงใส่ยาย และกลับมานั่ง สองครั้งก็มากเกินพอ...ยายจะไม่พูดย้ำอีกเป็นครั้งที่สาม"

          สีฟ้าต่างวัยสบประสาน มือของหญิงชราจับแตะโทรศัพท์ ความเป็นรองเพราะไร้คนรักอยู่ในสายตาทำให้สุดท้ายฝีเท้าที่เดินออกห่าง ก็ต้องก้าววกกลับเข้าไปนั่งตามเดิม บนไหล่หนึกอึ้ง ฟันขบกัดกันแน่น เริ่มห่วงเด็กชายที่ป่านนี้ยังไม่กลับมาจากการพาคุณตาไปเข้าห้องน้ำสักที

          ปล่อยความเงียบให้ออกมาวิ่งเล่นอีกหน ถ้าคำตอบของคุณยายคือคำว่าไม่ ผมก็ไม่มีเรื่องจะพูดคุยด้วยอีกต่อไป

          หญิงชราพรูลมหายใจ

          "นี่หลานเป็นวัยรุ่นใจร้อนไร้การสั่งสอนหรือยังไง เรากลายเป็นเด็กควบคุมตัวเองไม่ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่"

          "...ขอโทษครับ"

          "ไม่ทันไร เขาก็กลายเป็นจุดอ่อนที่แค่แตะโดน หลานก็สิ้นความใจเย็น เกราะป้องกันร้าวง่ายแค่เพียงคำพูดยังนิ่งทนไม่ได้ ในอนาคตถ้าเกิดมีคนจับเขามาใช้ต่อรอง จะทำอย่างไร"

          "ไม่ใช่ใครก็ได้ครับ"

          "หลานกำลังเถียงกับความจริง"

          "ถูกครับที่ผมโกรธทุกคนที่พูดถึงเทมไม่แง่ไม่ดี แต่คนที่ทำให้ผมเสียใจจนเป็นแบบนี้ได้...ก็มีแค่คนที่รักและเคารพมากเท่านั้น"

          ผมกระพริบตาไล่หยดน้ำที่คลอหน่วย ไม่อยากร้องไห้ให้ท่านสมเพชไปมากกว่านี้ ผ้าเช็ดหน้าตราสัญลักษณ์เหยี่ยวถูกยื่นส่งมาให้ ผมรับไว้ก่อนกำแน่น นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นตรานี้ก็เป็นได้ใครจะรู้ คุณยายคล้ายเดาความคิดผมออก ท่านเอ่ยเสียงเย็นเนิบนาบ

          "ไม่ว่าอย่างไรหลานก็เป็นชาโรนอฟ ไม่มีสิทธิ์เลิกเป็นเพราะยายไม่อนุญาต"

          ท่านหลับตาลงอีกหน ก่อนลืมตาสบประสานแบบไม่ปิดบังความรู้สึกภายในลูกแก้วใส

          "ยายไม่ชอบเขาเลยสักนิด ไม่อาจยอมรับความไร้เดียงสาที่เป็นดาบสองคม ไม่อาจยอมรับการที่เด็กน้อยที่ยายเฝ้าดูแล ได้คนรักที่ต่างศักดิ์กันจนเกินไป ระดับความแง่ร้ายที่ยายคิดเอาไว้เมื่อหลานก้าวออกจากคฤหาสน์ คือท้องก่อนแต่งเหมือนแม่ของเรา ไม่ใช่ความรักแบบผิดเพศ รักกับคนพิการ มันทำใจแทบไม่ได้ ยายเลี้ยงเรามาแบบดีพร้อม ต่อให้ไม่นับในด้านความไม่เหมาะสมหรือตามกฎเกณฑ์ที่ใครตั้ง และนับการที่เขาพร้อมละทิ้งชีวิตตัวเองหากเพื่อปกป้องหลาน ก็ยังมีหลายข้อโต้แย้งที่ทำให้ยายนึกเอ็นดูเขาไม่ลง"

          ก้อนสะอื้นจุกในลำคอ ลมหายใจติดขัด อยากวิ่งหนีออกไปไม่รับฟังต่อ แต่ความปลอดภัยของเทมก็ทำให้ผมต้องนั่งหลังตรง ห้ามความเสียใจที่พรั่งพรู การที่ท่านเผยความรู้สึกให้อ่าน ยิ่งทำร้ายใจผมหนัก เพราะทุกคำคือความจริงแม้ไม่มีเรื่องตระกูลเข้ามาข้องเกี่ยว ท่านก็ยังคงไม่ชอบเทมแม้แต่น้อย มองตรงไปเหมือนไม่หวั่นไหว ทั้งที่ในใจป่นปี้ไม่มีเหลือ

          "...สิ่งที่ยายโทษคือตัวเอง ได้แต่เฝ้าถามคำถามเดิมซ้ำๆ ถ้าวันนั้นยายตัดสินใจไม่ปล่อยหลานมา ทุกอย่างจะดีกว่านี้ไหม หลานจะยังเป็นดิมิทรีของยายที่สมบรูณ์แบบเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า ...และคำตอบก็คือใช่"

          "หลานจะยังเป็นหลาน เป็นดิมิทรีที่ทั้งวันเอาแต่ตั้งใจเรียนรู้ ฝึกซ้อมและฝึกฝนเพื่อเตรียมรับตำแหน่งสืบทอดผู้นำของชาโรนอฟ และเพื่อกลายเป็นผู้เหมาะสมกับการเข้าวังไปเป็นองครักษ์คนใกล้ชิดของกษัตริย์ แต่ก็แค่นั้น หลานจะเป็นแค่ดิมิทรีผู้มีเกียรติ ไร้ซึ่งความสุข เย็นชาและไร้หัวใจ ....ตั้งแต่ก้าวแรกที่ยายลงจากเครื่องมา หลานรู้ไหมดิมิทรี แค่ไม่กี่สิบนาทีที่ยืนอยู่ตรงนั้น หลานยิ้มและหัวเราะบ่อยขนาดไหน ความสุขที่แผ่ออกมาโดยไม่ต้องพูดยามมองเขา มันแทบจะมากกว่าเจ็ดปีที่ยายเลี้ยงเรามารวมกันเสียอีก"

          "ยายไม่เคยแพ้รู้ไหมหลานรัก...แต่ยายก็แพ้ แพ้อยู่ ณ ตรงนั้น ยายแพ้คนพิการ แพ้เด็กไม่ได้เรื่อง แพ้ให้เด็กคนนั้นอย่างราบคาบ มันน่าเจ็บใจ แต่ในฐานะยายของหลาน ความสุขและรอยยิ้มวันนั้น...มันเหนือกว่าความสำเร็จของการชนะสงคราม เหนื่อเกียรติยศและศักดิ์อันใด ยายทำไม่ได้และไม่มีใครทำได้ ...เขาชนะทุกคน...และยายก็คงต้องยอมรับ"

          "ยอมรับให้เขาเป็นคนรักของหลานชายคนเดียวของยาย เพราะเขาทำให้หลานมีความสุข"

          ผมปล่อยโฮแบบไม่เหลือมาด เดิมอ้อมเข้าไปในอ้อมกอดเล็กของหญิงชรา ครางเครือในลำคอ ได้แต่พึมพำขอโทษสลับกับขอบคุณ "ขอบคุณนะครับคุณยาย"

          หญิงชราผู้มักถูกเว้นระยะห่าง กอดรับผมอย่างเก้กัง ก่อนจะตบเบาๆ ที่ศีรษะ มือเล็กลูบขึ้นลงปลอบประโลมหลานชายตัวโตที่ตัวสั่นสะท้าน

          "เงียบซะดิมิทรี หยุดเสียก่อนร้านอาหารเขาจะจมน้ำตาของหลาน"

          "ครับ ขอบคุณนะครับ ...ขอบคุณมากนะครับคุณยาย"

          พักใหญ่กว่าผมจะค่อยๆ คลายแขนที่กอดท่านออก หินหนักหลายพันตันหลุดสลายหายไป ลมหายใจสูดเข้าอย่างสะดวก ขยับตัวขัดเขิน กระดากเล็กน้อยเพราะเผลอทำตัวเป็นเด็กเล็กกระจองอแง ความเครียดสะสมหลายวันทำให้เผลอระเบิดออกอย่างน่าอับอาย ลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ ก่อนเริ่มตั้งใจคุยเรื่องเป็นการเป็นงานหลังเห็นคุณยายมีสีหน้าจริงจังอีกครั้ง

          "แต่ในฐานะผู้นำตระกูล หลานต้องจ่ายค่าความรักครั้งนี้แพงเหมือนกัน...หลานต้องมีลูก ชาโรนอฟต้องมีผู้สืบทอดทางสายเลือด"

          ข้อตกลงฟ้าผ่าฟาดใส่จนขาที่กำลังยืนแทบอ่อนลงไปกองกับพื้น

          "แต่พี่น้องคนอื่นก็มีนะครับ คุณแม่ก็ยังอยู่"

          "แต่หลานยายมีคนเดียว เป็นคนเดียวที่ยายยอมรับ ยายไม่ต้องการสุนัขพันธุ์ทางจากคนอื่น"

          "...ผมทำไม่ได้ครับ..." ไม่ว่าจะผสมเทียมหรืออะไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรักลูกของตัวเองที่เกิดกับคนอื่นลง และผมไม่ต้องการให้เด็กที่เกิดมากลายเป็นเพียงแค่เครื่องมือสืบเชื้อสาย และผมไม่อยากนอกใจเทม ทุกอย่างของผมเป็นของเขา จะให้ตัวตนของตัวเองถูกคนอื่นครอบครอง แค่คิดก็ทนไม่ได้

          "แม้แต่เรื่องนี้หลานก็ยอมลงไม่ได้หรือ แม้แต่ยาย...ยังมีแม่ของเรา"

          "...ผมคงมีเหลนให้คุณยายไม่ได้จริงๆ ครับ ผมหักหลังเทมไม่ได้แม้ว่าจะน้อยนิดขนาดไหนก็ตาม แต่คุณยายครับ เรื่องนี้คุณยายไม่ต้องเป็นกังวลไป ถึงไม่มีผม แต่ชาโรนอฟจะยังคงมีชื่อสืบต่อด้วยผู้นำที่สมควรและเหมาะสม...คงมีหลานสักคนของพวกเราในสี่พี่น้องที่ใช้ได้นะครับ"

          ท่านถอนหายใจยาว "ท่าทางดูไม่ได้เรื่อง ถ้ามีลูกจะต่างกันสักกี่มากน้อย คิดภาพแล้วยากเสียยิ่งกว่าจับลิงมาเป็นหมอ ถ้าถึงที่สุดแล้ว...ยังไงก็อย่าให้จบแบบไร้เกียรติยศ เข้าใจคำพูดยายใช่ไหมดิมิทรี ถ้ามันจะล่มสลายจริงๆ ก็อย่าให้เสื่อมเสีย อย่าในบรรพบุรุษหลั่งน้ำตาอยู่เบื้องหลัง"

          ผมคุกเข่าลงเอ่ยคำสัญญา

          "ด้วยเกียรติของชาโรนอฟครับ"

          "ในอนาคต อุปสรรคจากคนรักแสนพิเศษของหลานคงมากพอจะเป็นภูเขาลูกใหญ่ให้ข้าม"

          ผมเผลอยิ้ม "ไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต มีแค่ภูเขาลูกเดียวที่ผมกลัวเกรงครับ และต่อให้มีอุปสรรคอยู่ข้างหน้าจริงๆ ก็ทำอะไรผมไม่ได้ ผมมีอาจารย์ที่ดี มีครอบครัวที่ดีคอยช่วยเหลือ"

          "ประจบสอพลอ เจ้าเล่ห์เหมือนตาของเราไม่มีผิด มิคัล...จะแอบมองเป็นพวกไม่เคร่งมารยาทไปถึงเมื่อไหร่"

          คุณตาที่ถูกเรียก เดินออกมาจากมุมมืด ผมรีบมองซ้ายมองขวาหาอีกคน "หึหึหึ....กำลังลุ้นเชียว ว่าเฮลิคอปเตอร์กับบอดี้การ์ดสี่สิบคนด้านล่างของลูกเขยจะได้ใช้ไหม น่าเสียดายจริงๆ แฟรากาเก็บปืนลงเถอะ"

          ไม่สนใจคุณตาที่เริ่มหัวเราะชอบอกชอบใจกับท่าทางเสียดายของพลทหารชอบมีเรื่อง

          เอ่ยถามถึงคนสำคัญ "เทมล่ะครับ?"

          "หลับน่ะ ตาเผลอแกล้งเข้านานไปหน่อย ออกมาก็ขดตัวนั่งหลับรอเสียแล้ว"

          ผมถามอย่างร้อนใจ "นี่คุณตาทิ้งเขาไว้หน้าห้องน้ำหรือครับ!?"

          "นั่งทานไอศกรีมฟังเพลงดูหนังรออยู่ตรงนู้นแหนะ"

          ผมรีบวิ่งไปดูก็เห็นคนสู้รบกับช้อนคันเล็ก สุดท้ายเขาก็ปักไว้เฉยๆ ก่อนถือถ้วยแก้วเหมือนไอศกรีมโคน ถือด้วยมือข้างเดียวแลบลิ้นเลียทาน ที่หูเสียบหูฟังแล้วดูการ์ตูนเรื่องโปรดด้วยตาครึ่งหลับครึ่งตื่น

          "เทมครับ" ดึงหูฟังออกก่อนเขย่าปลุกแผ่วเบา

          "หมูหย็องครับ เทมง่วงๆๆ จังเลยครับ คุณตาบอกว่า บอกว่า บอกว่าๆๆ คุณยายหายโกรธเทมแล้วนะครับ หายโกรธเทมแล้ว เทมเลยโล่งใจๆๆๆ พอโล่งใจๆๆ แล้วก็ง่วงเลยครับหมูหย็องครับ"

          หลุดหัวเราะคนที่ยังคิดว่าคุณยายโกรธไม่หาย จับเขาเช็ดปากที่เปรอะ พาเขาเดินเข้ามาหาคุณตาคุณยายที่ยืนรอ คุณยายมองสภาพคนตาปิดกระดูกอ่อนเกาะไหล่ผมหนึบด้วยความเย็นชา แต่ผมกลับยิ้มได้ เพราะประโยคถัดมาของท่าน


          "แค่นอนดึกยังไม่ได้ แล้วแบบนี้ในอนาคตจะมาเป็นภรรยาของผู้นำตระกูลชาโรนอฟได้ยังไงกัน แย่จริงๆ เลยเชียว ...เป็นคนรักที่ไม่ได้เรื่องเสียจริง"

         



end 57 .

Twitter #เพื่อนผู้ปกครอง





หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 57 * 7/Feb/2019
เริ่มหัวข้อโดย: littleduck25 ที่ 22-02-2019 17:57:07
คิดถึงน้องเทมเทมจังเลยยย
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 58-59 * 27/มีค/19
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 27-03-2019 20:18:23








NEW!





58








          เช้าของวันที่หินหนักอึ้งก้อนที่หนึ่งหลุดออก เป็นเช้าที่ผมอารมณ์ดีมาก หลังกิจวัตรประจำวันอย่างออกกำลังกายและตรวจดูงานคร่าวๆ พร้อมห้ามใจตัวเองไม่ให้เปิดเอกสารทำงานในวันหยุดเช้าตรู่ การมาแอบเฝ้ามองคนหลับก็เป็นงานอดิเรกอีกอย่างที่ผมรักที่จะทำ ฟังดูน่าเรียกตำรวจจับ แต่ก็เป็นสิทธิ์พิเศษที่ทำได้ของคนรัก ชุดนอนผ้านิ่มสีขาวลายการ์ตูนสีฟ้าหลวมเล็กน้อย ความใหญ่ของเสื้อผ้าทำให้ผู้สวมดูนุ่มนวลตัวเล็กน่าถนอม รวมกับใบหน้าน่าเอ็นดู ไม่ต้องมีปีกสีขาวและวงแหวนสีทอง ดูยังไงก็เป็นองค์นางฟ้าตัวน้อยที่กำลังนิทรา รอจนใกล้ถึงเวลาตื่นนอนของคนข้างกาย ก่อนจับคนแก้มนุ่มมานั่งตักแล้วฟัดเล่น เทมงัวเงียแต่ก็ให้ความร่วมมือเผยอปากให้ลิ้มรส ดวงตาปรือเริ่มตื่นเต็มตา คนถูกสองขาเกี่ยวกระหวัดหัวเราะคึ่กๆ ต้นเหตุจากถูกจมูกโด่งชอนไชไปทั้งตัว ก้อนความสุขหมุนตัวพลิกหนี นอนพาดยาวซ่อนหน้าบนตัก เสื้อที่เลิกขึ้นจากการดิ้นหลบหลีก โชว์แผ่นหลังขาวเนียน ผมไล่พรมจูบตั้งแต่ต้นคอสวย ลามตามรอยกระดูกสันหลังและจรดลงที่แอ่งสะโพกนิ่งนาน

          "วันนี้ที่รักอยากทำอะไรดีครับ เราว่างถึงช่วงบ่าย หลังจากนั้นต้องไปส่งคุณยายแล้วก็ไปเที่ยวกันนะครับ"

          ถามเว้นช่วงให้เวลาคนหูแดงคอแดงแม้แต่ตามตัวก็แดงปรับอารมณ์ ดึงสติมาที่กิจกรรมที่จะทำของวันก่อนเขาจะระเบิดตัวออกเป็นเสี่ยงเพราะเขินมากเกินไป ยิ้มมองคนตาหวานเยิ้ม เขาลุกขึ้นชันเขา ป้องมือกระซิบกระซาบ ขอร้องแกมอ้อนวอนขนาดนั้น จะไม่ทำให้ก็กระไรอยู่

          ยามแรกว่างหกชั่วโมง...ต่อมาถูกลดทอนเหลือเพียงสี่

          หลังเสร็จราชกิจบนเตียงก็ไม่ได้ทิ้งขว้างไปไหน องครักษ์ผู้ภักดีรับช่วงต่อปรนนิบัติองค์ชายน้อยทั้งสระผมและอาบน้ำ เช็ดตัวให้แห้งหมาด ปลดถุงมือกันความชื้นออก จับเสื้อผ้าสวมใส่ ก่อนจูงมือมานั่งบนโซฟาพร้อมกล่องเครื่องมือล้างแผล ผ้าพันสีขาวคลายตัวออกเชื่องช้าด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ตามข้อนิ้วลอกออกเห็นสีเนื้อชมพู ตรงกลางฝ่ามือแผลถูกลวกบวมน้ำพองเต่ง ตุ่มน้ำกินพื้นที่ไปเกือบครึ่ง ไม่อยากคิดตอนตุ่มน้ำใสนี้แตกออก เด็กชายของผมจะทรมานขนาดไหน ภาพชัดเจนโดยไม่ต้องเปลืองแรงเค้นภาพ

          แม้ไม่ได้เกิดบนกายตนเอง แต่ก็เจ็บได้เฉกเช่นเดียวกัน

          "เจ็บมากไหมครับ" เผลอถามด้วยเสียงสั่นไหว

          "หมูหย็องไม่ร้องๆๆๆ นะครับ เทมเจ็บนิดหน่อยเยอะแยะๆๆๆ เองครับ คุณพี่หมอบอกว่า บอกว่า บอกว่าไม่นานก็หายๆๆๆ แล้วนะครับ ทานยาแล้วก็ล้างแผล แป๊บเดียว แป๊บเดียวก็หายนะครับ เทมแข็งแรงๆๆๆ มากๆๆๆ เลยนะครับ"

          ปลอบทั้งๆ ที่ตัวเองก็น้ำตานองกัดปากแน่นนี่ไม่น่าเชื่อถือรู้ไหมครับคนเก่ง จมูกแดงซูดน้ำมูกฟุดฟุด ดูท่าหลังมื้ออาหาร นอกจากของหวานก็คงต้องมียาแก้ปวดเสริมให้

          พอรู้ตัวว่าถูกแอบเห็น เทมปุระคนเท่ก็รีบก้มหน้าลงชิดคอซ่อนทันที เห็นแค่สายฝนตกลงดังเปราะแปะ เคลื่อนตัวไปจูบซับที่ปลายหางตาชื้น ยกมือที่ล้างแผลเสร็จแล้วมาอวยพรวิเศษ ประทับตราสัญลักษณ์เอาใจช่วยแผ่วเบา กระซิบใกล้กับบาดแผล "รบกวนช่วยหายไวๆ ด้วยครับ....อย่าทำให้ที่รักของผมเจ็บนานเกินไปรู้ไหม"

          ทายาและเริ่มพันผ้าขาวสะอาด หยิบปลอกแขนสวมป้องกันคนซุกซนเผลอเอามือไปฟาดอะไรเข้าให้เจ็บตัว

          "ขอบคุณครับ เทม เทมจะหายไวๆๆ นะครับ แล้ว แล้ว แล้วคุณยายกับคุณตาลักพาตัวจะกลับเลยเหรอครับ ไม่ไป ไม่ไปเที่ยวกับเราด้วยเหรอครับหมูหย็องครับ"

          "พวกท่านไม่ได้ไปด้วยครับ ช่วงปีใหม่ ท่านค่อนข้างมีธุระเยอะ ปลีกตัวไปไหนนานๆ ค่อนข้างจะลำบาก"

          "เอา เอาธุระไปนิวยอร์กด้วยไม่ได้เหรอครับ เทม เทมอยากให้ไปด้วยกันจังเลยครับ คุณตาลักพาตัวกับคุณยายไม่ได้ไปด้วย ท่านจะเหงาๆๆๆ หรือเปล่าครับ ไม่ไปด้วยกัน ไม่ไปด้วยกัน เรา เราห่อความสนุกมาฝากไม่ได้นะครับ"

          "งั้นเราซื้อขนมแล้วก็ของฝากมาให้ท่านแทนแล้วกันนะครับ"

          ท่าทางเงื่องหงอยหูลู่หางตก ทำเอาแปลกใจ "เทมชอบคุณตาคุณยายงั้นหรือครับ?"

          กับคุณตาที่มีความขี้เล่นผสมอยู่บ้างยังพอทำเนา แต่กับคุณยายที่ไม่ว่าใครก็เข้าหน้าไม่ติด ปล่อยออร่าทมิฬไม่น่าเข้าใกล้ เล่นเอามีแต่คนอยากวิ่งหนี  ทำให้อดแปลกใจไม่ได้ กับเด็กชายผู้ขี้กลัวซึ่งไม่ชื่นชอบอะไรที่ตรงกันข้ามกับคำว่าไม่น่ากลัว จะนึกติดอกติดใจคุณยายผู้แสนเย็นชา จนดูเศร้าสร้อยถ้าคุณยายกลับไป ไม่ต้องไปพูดถึงว่าชอบหรือไม่ชอบ เอาแค่ไม่กลัวแล้วสบตาให้ได้นานกว่าห้าวินาทีก่อนดีกว่า

          "เทม เทมกลัวๆ เทมกลัวๆๆ คุณยายดุๆๆๆ แต่ก็ แต่ก็ชอบคุณตาลักพาตัวกับคุณยายนิดหน่อยๆๆ ครับ เพราะ เพราะหมูหย็องชอบครับ แล้วๆๆๆ แล้วก็ เทมกลัวหมูหย็องเหงาๆๆๆ ด้วยครับ แต่ แต่ว่า คุณยาย คุณยายเกลียดเทมเหรอครับ แล้ว แล้วก็เกลียดคุณปะป๊าคุณหม่าม้า คุณแม่ แล้ว แล้วก็เฮียปลาหย็อง เจ้ไก่หย็อง แล้วๆๆ แล้วก็เฮียเนื้อหย็องกับหย็องหย็องเหรอครับ คุณตาลักพาตัวบอกว่า คุณยาย คุณยายหายโกรธเทมแล้วครับ แต่เทมยังเห็นคุณยายไม่ชอบๆๆ เทมอยู่เลยครับ คุณยาย คุณยายจะโป้งๆๆ เทมตลอดไปเลยเหรอครับหมูหย็องครับ"

          คอที่ตกแล้วก็ยิ่งตกกันไปใหญ่ ตาแห้งเริ่มครึ้มฟ้าครึ้มฝนขึ้นมาอีกระลอก ฉุดคนเสียอกเสียใจและรับมือไม่เก่งกับความรู้สึกในแง่ลบมานั่งบนตัก การถูกโกรธถูกเกลียดดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับเด็กชายฟ้าประทาน คนรอบข้างล้วนถูกผมคัดกรองก่อนอนุมัติให้เข้าใกล้ บุคคลผู้หมุนเวียนรอบตัวล้วนไม่ส่งผลกระทบด้านอารมณ์ให้แก้วใสขุ่นมัวหมอง แก้วใบนี้ได้รับความรักความอาทรจากทุกคนที่เข้ามาเป็นความทรงจำ

          ริมฝีปากหมุนเปลี่ยนสถานที่ไปรอบกรอบดวงหน้าใส กดจูบไล่ไปตั้งแต่พวงแก้มถึงหน้าผากระหว่างอธิบาย

          "ท่านไม่ได้เกลียดเทมนะครับ...เพียงแต่ท่านก็ไม่ได้ชอบ แค่เรื่องราวบางอย่าง มันก็เกินจะรับได้สำหรับคนบางคน เหมือนเทมไม่ชอบผัก ไม่ชอบหนังผี ไม่ชอบอะไรน่ากลัว บางส่วนของเทมอาจจะทำให้คุณยายขัดตาไปบ้าง แต่เทมก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะยังมีหมูที่ชอบ มีหลายคนที่ชอบ แต่เทมรู้ใช่ไหมครับว่าเราบังคับให้ทุกคนชอบเหมือนกันไม่ได้ เหมือนที่หมูไม่เคยบังคับให้เทมดื่มกาแฟขมๆ และเหมือนที่เทมก็ไม่บังคับให้หมูทานขนมหวานๆ สำหรับคุณยายแล้ว แค่ท่านยอมรับ ก็ถือว่ามากพอแล้วครับ ยากมากนะครับรู้ไหม เทมเก่งมากเลยนะครับ พยายามได้ดีมาก และตอนนี้ท่านก็ยอมรับเทมแล้ว เทมสุดยอดมากครับ"

          "คุณยาย คุณยายยอมรับเทมด้วยเหรอครับ"

          "ใช่ครับ"

          "เทม เทมสุดยอดๆๆๆ ครับ หมูหย็องสุดยอดๆๆๆๆๆ ครับ"

           เด็กชายหน้าตาชื่นบาน แต่ก็ยังดูมึนเล็กน้อยกับความรู้สึกซับซ้อนที่ไม่ค่อยถนัดนัก

          "แต่ว่า แต่ว่า ทำไมคุณยายถึงไม่ชอบ ไม่ชอบคุณหม่าม้าล่ะครับหมูหย็องครับ คุณหม่าม้า คุณหม่าม้าเป็นคุณลูกสาวของคุณยายไม่ใช่เหรอครับ คุณยายเป็นคุณแม่แต่ไม่ชอบคุณลูกสาวได้ด้วยเหรอครับ คุณยายดุๆๆๆๆ มองน่ากลัวๆๆๆ ด้วยครับ เทม เทม เทมนึกว่า นึกว่าจะมีแต่คุณพ่อของเทมซะอีกที่เกลียดเทม เทม เทมไม่บังคับคุณยายนะครับ แต่ว่า แต่ว่าเทม เทมก็ไม่อยากให้คุณยายไม่ชอบคุณหม่าม้าเลยครับ เทม เทมกลัวคุณหม่าม้าจะเสียใจเยอะแยะๆๆๆ จังเลยครับ เทมโดนคุณพ่อเกลียด เทมก็เสียใจเยอะแยะๆๆๆ เลยครับ"

          ท้ายประโยคเอ่ยเสียงแผ่ว คำถามที่ทำเอาหัวใจสะดุดกึก 'คุณพ่อ' ไม่ใช่บุคคลที่เทมปุระเอ่ยถึงบ่อยนัก บิดาผู้ให้กำเนิดและผู้เกือบพรากลมหายใจกลับคืน นักธุรกิจผู้สิ้นเนื้อประดาตัวที่ถูกผมหมายหัว ย้อนคิดยิ่งฉงน นางฟ้าตัวน้อยในวัยเยาว์ตัวกระจ่อยร้อยกว่าคนวัยเดียวกันนัก ตัวขาวจัดผอมแห้งดูแรงน้อยและบอบบาง ไม่ต้องคำนึงถึงการรับการทำร้ายร่างกาย เอาแค่ถ้าเจ้าตัวสะดุดล้ม ก็น่าห่วงว่าจะแตกสลายเอาได้ง่ายๆ แต่ไหล่เล็กจ้อยกลับมีเรื่องราวยิ่งใหญ่ให้แบกรับ ถูกบิดาด่าทอต่อว่าและทุบตีจนกลัวความรุนแรงทุกอย่าง อดีตไม่สวยหวานเหมือนรอยยิ้มที่ถักทอให้ผู้อื่น

          "ก็เหมือนกับเทมยังไงครับ คุณยายไมได้เกลียด แต่ท่านก็แค่ไม่ชอบนิดหน่อย เหมือนเห็นผักสีเขียวในจานพุดดิ้งหวาน คุณยายท่านแค่ทะเลาะกับคุณแม่และคุณพ่อครับ เรื่องค่อนข้างใหญ่จนแตกหักกันไป แต่ถึงจะไม่ชอบ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รัก แต่บางครั้งความรักก็ไม่ได้มาพร้อมความชอบนะครับ"

          มองคนทำหน้างงแล้วผมก็อมยิ้ม ก่อนคิดคำอธิบายให้เด็กชายเข้าใจง่ายดาย "หมูไม่ค่อยชอบพ่อแม่และพี่น้องของตัวเองครับ หมูไม่ชอบความน่ารำคาญ ไม่ชอบที่ทุกคนเข้ามาก่อกวน เราทะเลาะกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้เกลียด ในบางครั้งความรักก็ไม่ได้มาพร้อมสรรพในทุกด้าน ความรู้สึกเป็นสิ่งน่าพิศวง เรารักและเราสามารถเกลียดไปพร้อมกันได้ เรารักและเราไม่ชอบไปด้วยกันได้ มันไม่ผิดอะไรเพราะมันเหนือการควบคุม แต่สิ่งที่ควบคุมได้คือการกระทำ คำพูด เวลาเรารู้สึกทั้งสองอย่างไปพร้อมกัน ให้เราเก็บคำพูดร้ายๆ แล้วบังคับให้ตัวเองทำตัวดี จะได้ไม่เสียใจภายหลังว่าทำตัวแย่ๆ เพราะอะไรที่ทำลงไปแล้ว เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไข การไม่ชอบหรือถูกไม่ชอบ ก็ไม่เป็นอะไรครับ มันมองได้หลายมุมมอง ไม่ชอบก็ไม่ใช่สิ่งไม่ดีเสมอไป"


          ลูบหลังปลอบก่อนเอ่ยต่อ "กลับกัน ไม่ใช่แค่ว่าเป็นคุณพ่อเป็นคุณแม่ เป็นคนให้กำเนิด แล้วจะสามารถรับประกันได้นะครับว่าเขาจะรักลูกของตัวเอง ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนที่รักลูก และพ่อแม่ที่ทำตัวไม่ดีกับลูก ก็เป็นแค่คนให้กำเนิดที่เราไม่มีอะไรต้องติดค้าง เทมไม่ต้องรู้สึกแย่ที่คุณพ่อเกลียดเทม จำที่หมูบอกได้ไหมครับ"

          "เทม เทมจำได้ครับ จำที่หมูหย็องพูดได้หมดเลยครับ หมูหย็องบอกว่า บอกว่าหมูหย็องจะเป็นคุณพ่อให้เทมเอง แล้วก็ แล้วก็เป็นคุณเพื่อนให้ด้วย เป็นคุณพี่ชายเป็นคุณน้องชาย เป็นให้ทุกอย่างเลยครับ แล้ว แล้วเทมก็ไม่ต้องกลัวคุณพ่อมาตีๆๆๆ อีก แล้ว แล้วก็ แล้วก็ไม่ต้องสนใจคุณพ่อ เพราะว่าเทมมีหมูหย็อง มีคุณแม่ มี มีคุณปะป๊า คุณหม่าม้า แล้วก็ๆๆ แล้วก็ เฮียปลาหย็อง เจ้ไก่หย็อง เฮียเนื้อหย็อง หย็องหย็องเป็นครอบครัว ครอบครัวใหญ่ๆๆ ของพวกเรา"

          "ใช่แล้วครับ"

          "งั้นๆๆๆ เทม เทมจะชอบคุณยายแทนคุณยายที่ไม่ชอบเทมเองครับ แล้วก็ แล้วก็จะชอบคุณหม่าม้าแทนที่คุณยายไม่ชอบเองนะครับ แต่ แต่ว่าความรู้สึกเข้าใจ เข้าใจ เข้าใจยากๆๆๆ จังเลยครับ เทมชอบหมูหย็อง แล้วก็รักหมูหย็องด้วยครับ ชอบหมูหย็องที่สุดเลยครับ ชอบหมดๆๆ เลยครับ ไม่มีไม่ชอบเลยครับ"


          เป็นหน่วยซุ่มจู่โจมเหรอครับ หืม จู่ๆ ก็เล่นมาปาระเบิดให้หัวใจเต้นตูมตามแล้วกลบฝังมิดด้วยรอยยิ้มกันแบบนี้ นายทหารคนนี้ร้ายกาจเสียจริง


          "ชอบตอนหมูบังคับให้หม่ำคุณผักด้วยเหรอครับ?"

          คนไม่โกหกทำปากเป็ด "ชอบๆๆๆ รักๆๆๆ เท่าเดิม แต่ว่าความสุขน้อยลงหนึ่งมิลลิเมตรครับ"

          "หึหึหึ ครับ"

          "แต่ว่า แต่ว่า หมูหย็องเป็นคุณยายให้เทมไม่ได้ใช่ไหมครับ เพราะหมูหย็องไม่ใช่ผู้หญิงๆๆๆ แล้ว แล้ว เทม เทมมีคุณตากับคุณยายไหมครับหมูหย็องครับ เทม เทม...เทมมีคุณตาคุณยายไหมครับหมูหย็อง"


          คำถามน่าลำบากใจกับการนำความจริงมาตอบ แค่ถูกพ่อของตัวเองปฏิเสธตัวตนก็เป็นเรื่องยากสำหรับเด็กน้อยแล้ว ถ้ายังรับรู้ว่ากระทั่งคุณตาคุณยาย คุณปู่คุณย่าของเขาก็พร้อมใจกันทอดทิ้งและรังเกียจ คงไม่ใช่เรื่องที่หัวใจดวงน้อยจะทานทนรับไหว ไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่าถูกคนในครอบครัวเกลียดและไม่ยอมรับอีกแล้ว


          ถ้าเทมไม่เจอกับผม ถ้าไร้คุณป้าไปสักคน ทั้งโลกนี้เทมก็จะไม่เหลือใครอีกเลย เขาจะโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพังในโลกที่กว้างใหญ่ ไร้ที่พึ่งพิงและแตกสลายไปเงียบๆ โดยไร้ใดเหลียวมอง แค่คิดถึงตรงนั้นก็รู้สึกเลือดในกายเย็นจัด กอดเขาเพื่ออิงไออุ่น


          "ที่รักครับ เราเป็นแฟนกันแล้ว เป็นคนรักกันแล้ว และในอนาคตวันหนึ่งที่เราแต่งงานกัน ทุกอย่างของหมูก็จะเป็นของเทมนะครับ ต่อให้ตอนนี้ยังไม่ได้แต่งตามกฎหมาย แต่ทุกอย่างของหมูก็เป็นของเทม ครอบครัวของหมูก็คือครอบครัวของเทม คุณตาของหมูก็เป็นคุณตาของเทม คุณยายของหมูก็เป็นคุณยายของเทมนะครับ ท่านทั้งสองเป็นคุณตาคุณยายของเทม...เป็นครอบครัวของเทมนะครับ"


          รอยยิ้มเฉิดฉายแสดงอาการดีใจสุดขีด "ครอบครัวของเทมใหญ่จังเลยครับ มีคุณตาคุณยายเพิ่มมาอีกด้วย ดีจังเลยครับหมูหย็องครับ"  ก่อนศีรษะทุยจะเอียงไปมา เหมือนกำลังคิดตามคำพูดของผม ดวงตาเบิกกว้างพราวระยับ ดูตกใจกับความรู้ใหม่ "แล้ว แล้ว แต่งงาน แต่งงานเหมือนในหนังเหรอครับ ที่มีเค้กก้อนโตๆๆๆ มีบาทหลวงถามเยอะแยะๆๆๆ แต่งงาน แต่งงานที่หมายถึงพิธีเกี่ยวก้อยสัญญาๆๆๆ ว่าเราจะรักกัน ดูแลกัน แล้วก็ แล้วก็ อยู่ด้วยกันตลอดไปเหรอครับ แต่ว่า แต่ว่า เรา เราเป็นผู้ชายแต่งงานกันได้ด้วยเหรอครับหมูหย็องครับ ในหนัง ในหนังเทมเห็นแต่ผู้หญิงกับผู้ชายนะครับ"

          "ในบางประเทศ ผู้ชายกับผู้ชายก็สามารถแต่งงานกันได้ครับ"

          เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วว่าเทมต้องถูกตบแต่งตามประเพณีอย่างถูกต้อง ไม่ใช่แค่แฟนผิวเผิน ไม่ใช่คนรักที่ไม่มีหลักฐาน ทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย ต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง เทมปุระสักวันจะต้องแต่งเข้ามาใช้นามสกุลเดียวกันกับผมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เป็นคนรักของดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟคนนี้

          ...ยิ่งถ้านับตอนที่ผมยังเด็ก ใจร้อนรนไม่รู้จักระงับอารมณ์จนไปขอเขาแต่งงานเข้า และได้รับคำตอบรับใสซื่อจากคนไม่รู้เรื่อง ตอนนี้เทมก็อยู่ในฐานะคู่หมั้นของผมแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาเก้าปีแล้วครับ...

          อันที่จริงก็มีแต่เขาที่ไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่คุณพ่อคุณแม่และทุกคนก็รู้กันถ้วนหน้า เฮียปลาหย็องเล่นเอาคลิปแอบถ่ายตอนนั้นมาเผยแพร่ตั้งแต่หลายปีก่อน ฐานะในบ้านของเทมจึงเป็นคู่หมั้นของผมมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่คุณหนูเทมเพื่อนคุณหนูดิมิทรี แต่เป็นคุณหนูเทมผู้ซึ่งวันหนึ่งจะเป็น ฟ้าประทาน ชาโรนอฟ นายหัวคนหนึ่งของบ้าน

          ...ยิ่งได้รับคำตอบรับจากคุณยาย คำตอบรับจากผู้นำตระกูลตอนนี้ ฐานะคู่หมั้นก็เป็นทางการไปเรียบร้อย...

          "งั้น งั้น งั้น หมูหย็องจะแต่งงานกับเทมไหมครับ แต่งงานกับเทมนะครับ?"

          "ครับ!?"

          ผมที่มัวแต่คิดว่าควรจะบอกเขายังไงดีว่าความสัมพันธ์ของเรามันไปไกลถึงไหนต่อไหน ถึงกับตกใจจนเผลอตอบรับเสียงดัง เทมตาโตกับคำตอบตงลงทันควันแล้วยิ้มตาหยี ลุกออกจากตักก่อนชูมือโห่ร้องดีใจ เต้นหมุนตัวไปทั่วห้อง ทิ้งผมให้หัวใจเกือบไถลทะลุออกปาก ทำหน้าตาเหวออยู่บนโซฟาตัวใหญ่ นี่คือการแก้แค้นของเมื่อเก้าปีก่อนเหรอครับ....มาชิงขอแต่งงานตัดหน้ากันง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน

          "แต่งงานๆๆๆๆ แต่งงานๆๆๆๆๆๆ แต่งงานๆๆๆ กับหมูหย็องนะครับ หมูหย็องจะแต่งงานกับเทมด้วย แต่งกับเทมๆๆๆๆ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปแล้วก็มีเค้กก้อนใหญ่ๆๆๆ ให้ตัดด้วยนะครับ แล้ว แล้วใครจะใส่ชุดเจ้าสาวเหรอครับหมูหย็องครับ"

          "เดี๋ยว...เดี๋ยวนะครับ ให้หมูพักหายใจก่อนครับ"

          ผมยกมือปิดปาก รู้สึกหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม แข็งขาอ่อนยวบยาบแทบจมลงไปในเบาะ ลมหายใจเข้าออกผิดถูกเพี้ยนไปหมด สมองกลายเป็นแค่ฟองน้ำโง่ๆ เบ่งบานในกะโหลก คิดอะไรไม่ได้เป็นเหตุเป็นผล ขาวโพลนยิ่งกว่าผ้าพันแผลที่เพิ่งพันมือเขาไปเสียอีก เลือดเดือดปุดๆ เหมือนน้ำเดือดจัด พยายามตั้งสติว่ามันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง เรากำลังทำอะไรกันอยู่ ทำไมถึงลงท้ายด้วยการที่ผมถูกเขาขอแต่งงาน

          "แล้ว แล้ว แต่งงานนี่ต้องทำอะไรบ้างเหรอครับ"

          จะขอกันทั้งๆ ที่ไม่รู้เรื่องไม่ได้นะครับ...จะดุองค์ชายที่ถามตาแป๋วก็ดุไม่ลง ลูกศรเล่ห์โกงที่ใช้กับเขาสมัยก่อนเหมือนย้อนมาปักอก ละลำละลั่กตอบกลับคนเกาะโซฟาขอคำตอบ

          "เทมครับ...เทมจะแต่งเลยเหรอครับ แต่เราแค่อายุสิบหกกันเอง หมูวางแผนไว้ว่าเราจะเป็นแฟนกันตอนอายุสิบหก หมั้นตอนอายุสิบแปด แล้วเราค่อยแต่งกันตอนอายุยี่สิบนะครับ แต่ถ้าเทมอยากแต่งเลย...มันก็ได้อยู่หรอกครับ ต้องได้สิ...ถ้าให้ศาลออกหมายว่าเป็นเหตุสมควร สิบหกก็แต่งกันได้ตามกฎหมายแล้ว บังคับเสียหน่อย ไม่ใช่สิ ในไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับแต่งงานกับเพศเดียวกัน งั้นต้องต้องไปใช้แผนเดิมคือไปแต่งที่ออสเตรเลีย ปต่เราจะแต่งกันเลยเหรอครับ เราเป็นแฟนกันได้ไม่ถึงปีเลยนะครับ...อันที่จริงก็เป็นคู่หมั้นกันมาตั้งเก้าปีแล้วด้วย...ไม่สิ แต่ก็เป็นคู่หมั้นแบบเพื่อนกัน...เพื่อนที่ไหนเป็นคู่หมั้นกันวะ...ก่อนอื่น ต้องรีบไปบอกคุณยายแล้วก็คุณตา บอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยสินะ...ที่สำคัญต้องไปขอเทมกับคุณป้าอย่างเป็นทางการก่อน งานต้องไปจัดที่มอสโก จัดแบบไทย ไม่สิ เทมเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น ต้องจัดแบบญี่ปุ่นด้วย แล้วก็ตามประเพณีของตระกูล เชิญแขก ไม่ใช่สิ...ต้องขอหมั้นให้เรียบร้อยก่อน หมั้นสักสามเดือน ต้องหาสถานที่ อืม แล้วก็ต้องสั่งทำแหวน Engagement ring กับ Wedding band ....)$(*&_&@)($*)@*$)(*$)+($@($*+*$_@+)$"

          ผมพึมพำกับตัวเองยาวเยียดอย่างหยุดตัวเองไม่อยู่ ทั้งดีใจ มีความสุข และร้อนรนยิ่งกว่าครั้งไหน ความเละเทะของสมองที่ไม่เคยเจอเล่นเอาไม่รู้จะทำอะไรก่อนทำอะไรทีหลัง เริ่มลุกขึ้นเดินไปมาเพ่นพ่าน

          "หมูหย็องพูดวะกับเทมไม่ได้นะครับ เราไม่พูดไม่น่ารักใส่กันนะครับ"

          "หมูขอโทษครับ หมูกำลังสติแตก"

          เทมกระโดดดึ๋งมาเกาะไหล่ จับผมที่เดินว่อนไปทั่วห้อง ประเดี๋ยวก็หยิบจับโทรศัพท์ขึ้นมากด ประเดี๋ยวก็หยิบแมคบุ๊คขึ้นมาเปิด จับหนังสือสถานที่มาดูวุ่นวายให้หยุดลงแล้วกอดไว้แน่น "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องไม่แตกนะครับ เทมกอดไว้แน่นๆๆๆ แล้วนะครับ ไม่แตกนะครับไม่แตก เราแต่งงานกันนะครับ ไม่ได้เล่นต่อยกันตุบตับนะครับ หมูหย็องไม่เป็นอะไรนะครับ ไม่แตกนะครับ แต่งงานกับเทมนะครับ"


          ...สติแตกยิ่งกว่าเดิมอีกครับที่รัก...



หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 58-59 * 27/มีค/19
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 27-03-2019 20:18:56



*****


          ผมไม่รีรอที่จะนำข่าวดีนี้ป่าวประกาศ

          "ผมจะแต่งงานกับเทมครับ"

          คุณพ่อกำลังเดินอยู่ถึงกับสะดุดล้ม คุณแม่กำโทรศัพท์ในมือแน่นอ้าปากพะงาบๆ แล้วกรีดร้องเสียงดังว่าลูกคนข้างบ้านถูกผมหลอกรวบหัวรวบหางไปแล้ว อาเฮียอาเจ้ปล่อยช้อนลงดังเคร้ง ประชุมบ้านครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นแบบฉับพลันหลังผมวิ่งลงบันได้ตึงตังมากู่ร้องบอกในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คุณตาคุณยายมาถึงอย่างรวดเร็ว แอบเห็นทรงผมเนี๊ยบกริบหลุ่ยเล็กน้อย บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าดาเลีย แอน ตกอกตกใจขนาดไหน

          ชาโรนอฟทั้งเก้าคนนั่งเรียงแถวหน้ากระดาน แบ่งแยกเป็นสองฝั่ง ฝั่งคุณตาคุณยาย และฝั่งของของคุณพ่อคุณแม่และพวกผม ในห้องกว้างใหญ่ ไม่มีตัวต้นเหตุเพราะยังไม่อยากให้เขาเผชิฐหน้ากับคุณยาย และไม่มีคุณยังไม่ได้ไปเชิญคุณป้า และไม่ได้ว่าที่ผู้เข้าร่วมพิธีแต่งงาน

          "ยายไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกันสองรอบในหนึ่งศตวรรษหรอกนะดิมิทรี มันมากเกินไป และสิบหกก็เร็วเกินไปสำหรับการแต่งงาน...ถึงหลานจะบอกว่าขอเขาแต่งงานตั้งแต่เจ็ดขวบ เป็นคู่หมั้นกันมาเกือบสิบปี แต่ถ้านับตามขนบธรรมเนียมของตระกูลเรา ฐานะของเขาก็เพิ่งจะเป็นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว...ทำให้ถูกเรื่องถูกราว เข้าใจไหม"

          หลังเมฆหมอกขมุกขมัวและคำขออนุญาตขอแต่งงานถูกผมกล่าว คำตอบของคุณยายก็ช่วยหยุดอาการลิงโลดให้ฟ่อลง เมินหน้าหนีคุณป๊าที่กระซิบถามว่าเทมเทมท้องก่อนแต่งหรือ ถึงได้จะแต่งงานกันแบบสายฟ้าแล่บเหมือนดาราละครหลังข่าว ผมตั้งสติขึ้นได้หลังมัวเมามาเกือบสามชั่วโมงเพราะถูกคนที่รักและลุ่มหลงสุดหัวใจเอ่ยคำขอที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน

          กระแอมไอแก้เก้อเล็กน้อย "ครับ...ต้องขอโทษด้วยครับที่ผมทำให้คุณยายตกอกตกใจ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แค่อยากมาแจ้งคุณตากับคุณยาย คุณพ่อกับคุณแม่และทุกคนเอาไว้ก่อน...ต่อไปนี้เทมจะอยู่ในฐานะคู่หมั้นของผม และเราจะแต่งงานกันตอนอายุ...ยี่สิบ"

          ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เผลอสติหลุดพลั้งปากบอกไปทั้งที ก็ไม่ควรใช้ความกล้าให้ไร้ประโยชน์ ถือโอกาสแจ้งตามกำหนดการเดิมไปเลยก็แล้วกัน ยังไงผมก็อยากแต่งกับเขาให้เป็นเรื่องเป็นราวตอนยี่สิบอยู่แล้ว ต้องแต่งเร็วหน่อย ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้อยู่กันพร้อมหน้า อยากให้งานแต่งของเราอยู่กันครบถ้วนและสวยงาม

          ท่านขมวดคิ้ว เอ่ยขัดอย่างไม่เห็นด้วย

          "ยังไม่จบมหาลัยด้วยซ้ำ"

          "ตามจริงแล้ว อย่างที่คุณยายทราบ...ผมจบมหาลัยด้วยการสอบเทียบมาสองใบแล้วครับ ใบที่สามกำลังจะได้ภายในสิ้นปีหน้า"

          คุณยายจ้องมองผมเหมือนกำลังเห็นเอเลี่ยนใช้หลอดเจาะดูดกินสมองหลานชาย แม้จะนิ่งเฉย แต่ประกายในนั้นก็เหมือนอยากลุกขึ้นมาจับผมเขย่าให้ได้สติ แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ สบตาท่านตามตรง จ้องอยู่นานจนท่านถอนหายใจ ความดื้อดึงของผมไม่เคยเป็นสองรองใครในเรื่องของเทมปุระ คุณพ่อกับคุณแม่และพี่น้องของผมไม่ได้คัดค้าน แต่กำลังตื่นเต้นหาสถานที่จัดงานกันอย่างขะมักเขม้น หากคุณยายอยากให้ผมอายุเกินยี่สิบห้าเสียก่อน สองฝากฝั่งที่มีโต๊ะวางกั้น เหมือนเป็นคนละขั้วโลก

          "ไม่ใช่ว่ายายยอมรับแล้วหลานจะทำอะไรตามใจก็ได้ คิดจะแต่งก็แต่ง มันได้ที่ไหนกัน หลานไม่ใช่คนตัวเปล่าเหมือนคนรักของหลานนะดิมิทรี จะให้คนข้างนอกมองว่าสายเลือดเราเป็นพวกไวไฟไปกันหมดหรือ เป็นพวกหมกหมุ่นจนไม่เอาการเอางานหรือยังไง"

          "ผมทราบครับ...แต่ผมก็มีเหตุผลที่อยากแต่งงานแบบรวดเร็วเช่นเดียวกัน"

          "ถ้าเหตุผลนั้น ยายรู้ แต่ก็ยังไม่เห็นมันจะจำเป็น หมั้นไว้ก่อนก็ไม่ต่าง"

          คุณตาเมื่อเห็นภรรยาเริ่มมีท่าทางอยากจับผมมานั่งสั่งสอนเสียใหม่ก็เอ่ยถาม

          "ตารู้หลานจริงจังกับเขา แต่ไม่ใช่ว่าแค่เราคิดอยากแต่งก็จะแต่งได้เลย ฐานะของเราไม่ใช่ฐานะของเด็กเล่น เรามีหน้ามีตาที่ต้องรักษา มีธรรมเนียมปฏิบัติที่ต้องทำตามให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วนี่หลานได้คุยกับแม่ของตาหนูเขาหรือยัง"

          "ยังครับ แต่ผมคิดว่าหลังกลับมาจากเที่ยวแล้วจะจัดการให้เรียบร้อย"

          "งั้นหรือ...ก็ดี ก็ดี ...งั้นก็หมั้นกันไว้ก่อนแล้วกัน ตอนไปเที่ยวก็จัดการขอกันให้เรียบร้อย โจวิช จัดงานแถลงข่าวให้ดีเสียด้วยล่ะ ทางพวกเราก็จะจัดการเตรียมงานประกาศเอาไว้ให้เหมือนกัน แล้วถ้าจะแต่งกันตอนยี่สิบก็ตามใจเรา แต่ช่วงนี้ก็หมั้นเอาไว้ก่อน"

          "มิคัล!"

          "แอน เราก็อายุกันมากแล้ว เห็นหลานรักเป็นฝั่งเป็นฝาก่อนเข้าโลงมันก็ดีไม่ใช่หรือ อีกอย่างดิมิทรีเขาก็เหมือนกันกับคุณ รักแล้วรักเลยไม่มีแปรเปลี่ยน เป็นเด็กมีความรับผิดชอบและตั้งมั่นมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่เด็กไม่มีหัวคิด ทุกอย่างที่เขาทำก็เป็นไปตามคำสอน ผมเชื่อว่าหลานของเราคิดดูถี่ถ้วนแล้ว อีกอย่าง...ผมอยากให้หลานของเราสมหวังในความรัก"

          คุณตากับคุณยายสบตาสื่อความหมายกันและกัน ผมหายใจเข้าออกอย่างอึดอัดเมื่อรู้ถึงความนัยที่แฝงในประโยค ต่างจากคุณแม่และคุณพ่อที่ไม่รู้เรื่องราวเบื้องหลัง 'ไม่สมหวังในรัก' คล้ายถ้อยคำตัดพ้อน้อยใจจากคุณตา แม้คุณตาจะไม่ได้โกรธเคืองคุณยาย และรู้มาตั้งแต่ต้นว่าที่คุณยายตอบรับคำขอแต่งงานทางการเมือง นอกจากเพื่อเป็นสัญลักษณ์ยุติสงคราม ก็เพื่อความบริสุทธิ์ของอีกคนที่ถูกคลุมถุงชนว่าไร้พันธะ เป็นเพียงทางผ่านเพื่อคนในดวงใจ คุณยายไม่เอ่ยสิ่งใดโต้ตอบ แต่ยังคงแสดงออกอย่างขึงขังว่าไม่ยินยอม

          ทราบดีว่าท่านทำใจลำบาก หลังเพิ่งยอมรับ วันต่อมาก็เจอเรื่องให้น่าขุ่นใจ แต่ถึงเทมไม่ขอ ไม่พ้นปีนี้หรือปีหน้า ผมก็คงขอเขาอยู่ดี

          "นั่นสิครับคุณแม่ สี่ปีกับเก้าปีต่างกันตรงไหน จะยี่สิบหรือยี่สิบห้าก็ไม่เห็นเป็นอะไร"

          "จะตามใจให้เสียคน ก็เอาไว้เลี้ยงลูกตัวเองเถอะโจวิช แต่อย่าเอามาใช้กับหลานชายของฉัน"

          "หลานชายคุณแม่ก็เป็นลูกชายของผมนะครับ และอันที่จริง คนที่สนิทกับเขาที่สุดก็คือคุณแม่ คุณแม่ต้องทราบนิสัยหมูหย็องดีอยู่แล้ว ว่าถ้าเป็นเรื่องที่ตั้งใจ ยังไงเขาก็ไม่ฟังคำของคนอื่น จะงานหรือการเรียนก็ไม่เคยมีอะไรให้น่าเป็นห่วง ถ้าความสุขที่เขาเรียกร้องขอคือคำอนุญาต พวกเราที่เป็นได้แค่ไม้ประดับให้ลูกชายหลานชาย ก็ให้เขาไปไม่ดีกว่าหรือครับ คนอื่นเลี้ยงลูกยังไงผมไม่รู้ แต่ผมเลี้ยงลูกด้วยการให้อิสระ ไม่สมควรก็ตักเตือน แต่ถ้าเขามีเหตุผลจริงๆ ผมก็พร้อมรับฟัง พร้อมสนับสนุนและอยู่เคียงข้างให้ความช่วยเหลือ ถ้าผิดพลาดก็ถือเป็นบทเรียน"

          "ถ้าเกิดวันหนึ่งเขาเปลี่ยนใจขึ้นมา!"

          "เขาเป็นลูกของหนูกับโจวิช เป็นหลานของคุณพ่อและคุณแม่ เรื่องอื่นหนูไม่รู้ แต่เรื่องรักจริงนี่หนูว่าเราเถียงกันไม่ได้นะคะ รักแบบฝังจิตฝังใจ ตระกูลเราชัดเจนว่าเป็นคำสาป ต่อให้ตายแล้วก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะเลิกรักได้ไหม ความตายจะแหลมคมพอให้ตัดความสัมพันธ์ของเราได้หรือเปล่า เพราะแบบนั้น วันหนึ่งที่คุณแม่ว่า...หนูว่ามันไม่มีจริงค่ะ"

          คุณพ่อคุณแม่ที่ยืนหยัดช่วยพูด บ่งชัดว่าไม่ว่าความคิดนี้จะดูไร้สาระ แต่ก็พร้อมรับฟัง

          "คุณยายครับ อาจจะดูวู่วาม แต่ผมคิดมาดีแล้วจริงๆ นะครับ ไม่ใช่จู่ๆ แต่ผมเตรียมการไว้ล่วงหน้ามาหลายปี"

            คุณยายสบตาผมและยังคงนิ่งเงียบ ท่านยกโทรศัพท์ขึ้นกดก่อนยื่นมาตรงหน้า

           "ถ้าเหตุผลของหลานคือสิ่งนี้...ต่อให้แต่งในปีนี้ก็คงไม่ทัน"

          ผมเลื่อนสายตาลงอ่านแผ่นเอกสารในฉบับถูกสแกนที่ถูกส่งมาในอีเมล แค่เห็นตราสัญลักษณ์บนหัวกระดาษ หัวใจก็ถูกบีบรัดจนหน่วงในอก ข้อความต่อมายิ่งทำเอาแทบหยุดลมหายใจ

          "...!!!...."



****



               "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องเศร้าๆๆๆๆ คุณตาลักพาตัวกับุคณยายจะกลับบ้านเหรอครับ? คุณยายครับคุณยาย คุณตาลักพาตัวครับคุณตาลักพาตัว ไม่ไป ไม่ไปเที่ยวกับพวกเราเหรอครับ หมูหย็องเหงาๆๆๆ นะครับ"

               เผลอเหม่อลอยมองหน้าคนข้างกายเนิ่นนาน ยกยิ้มกับสีหน้าวิตกกังวลแสนเป็นห่วงเป็นใย คนที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่หมูเลยครับที่รัก...แต่เป็นเทมต่างหาก ส่ายศีรษะแล้วเดินมาหาเขาที่ยืนอยู่หน้าหญิงชราและชายชรา ตอนนี้พวกเราเคลื่อนย้ายมาที่สนามบินแล้วครับ มาส่งคุณตาและคุณยายกลับบ้านและเตรียมนั่งเครื่องไปเที่ยวกันต่อ คุณยายยังคงดูสูงศักดิ์น่าเกรงขาม คุณตาก็ยังดูสง่างาม กองบอดี้การ์ดก็ยังดูเหมือนมาเฟียเตรียมซื้อขายสิ่งผิดกฎหมายเหมือนเดิม

          คุณตากอดลาหลานๆ ทุกคน หนวดปลอมที่ได้เป็นของฝากสั่นกึกเพราะหัวเราะขำคนขอให้ไปเที่ยวด้วยกันต่อ

          "ใจคอจะให้ตาบินไปบินมาไม่พักเลยหรือยังไง ตาแก่แล้วนะตาหนู นั่งๆ ไป กระดูกหักจะทำยังไงกันหือ"

          เด็กน้อยสะดุ้งโหยง "งั้น งั้น งั้นไม่ไปนะครับ ไม่ไปนะครับ เทมไม่อยากให้คุณตากระดูกหักก๊อบแก๊บๆๆ นะครับ แล้ว แล้วถ้า ถ้านั่ง นั่งกลับบ้านจะไม่กระดูกหักก๊อบแก๊บๆๆๆ เหรอครับ นั่ง นั่งรถตุ๊กตุ๊กกลับแทนไม่ได้เหรอครับ"

          "เดี๋ยวๆ เทม นั่งรถตุ๊กตุ๊ก ต่อให้คุณตาอยู่ได้อีกสามสิบปี ก็ไม่น่าจะพอนะเฮ้ย ไปรัสเซียนะ ไม่ใช่ห้างหน้าปากซอย"

          "ว้าย! หย็องหย็อง ไอ้น้องบ้า แกแช่งคุณตาเหรอยะ คุณตาคะอย่าไปฟังหย็องหย็องพูดนะคะ"

          "โอ้ย! เจ้ไก่แม่งโบกมาได้ไง หญิงถึกแห่งปีเรอะ ฟาดมานี่แยกไม่ออกเลยว่ามือหรือตี--- อย่าฮับ อย่าตีน้อง"

          "วันหยุดหน้าก็ไปเที่ยวที่บ้านเราสิ ไม่ต้องห่วง ถึงคฤหาสน์บ้านเราจะลึกลับไปหน่อย แต่ไวไฟเข้าถึงนะ"

          "ไปได้เหรอครับคุณตา คือคุณยายเขา..."

          "หึหึหึ มาเถอะ ถ้ายายเขาไม่ให้เข้า ก็นั่งปิกนิคกันข้างนอกก็ได้"

          ผมปล่อยให้พี่ชายพี่สาวและน้องชายร่ำลาคุณตาให้เรียบร้อย รอจนคุณพ่อและคุณแม่พูดคุยเสร็จ ดูพวกเขาเดินยกโขยงกันไปเตรียมขึ้นเครื่องไปนิวยอร์ก ฝากเทมกับคุณป้าให้เดินนำไปก่อน ในห้องรับรองแขกวีไอพี เหลือแค่เพียงผมและทั้งสองท่าน

          "ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่มาเยี่ยม ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมก็มีความสุขและดีใจมาก ขอให้คุณตาคุณยายสุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะครับ"

          "พูดอะไรห่างเหินเสียจริง มานี่สิดิมิทรี มา มา มาให้ตากอดเราหน่อย"

          ผมเดินไปให้ท่านกอดและกอดท่านกลับ

          "วันหยุดยาว เราก็กลับมาเที่ยวบ้านเราบ้าง ตาหนูก็ไม่ได้แพ้เครื่องบินแล้วไม่ใช่หรือไง ไม่มีข้ออ้างให้เราใช้แล้วนะรู้ไหม ฮึ พาเขามาทำความคุ้นชินเสียสิ ไหนๆ อนาคตก็ต้องมาเป็นครอบครัวเดียวกัน มาทำความรีู้จักบ้านอีกหลังเอาไว้ก็ไม่เสียหาย"

          ยิ้มกับคำพูดชักชวนแสนอบอุ่น เหลือบมองหญิงชราที่ยังยืนนิ่งไร้ปฏิกิริยา ท่านหลับตาลง อ้าแขนออกเชื่องช้า ผมผละออกจากอ้อมแขนหนึ่งเข้าสู่อีกอ้อมแขนหนึ่ง ความหนาวเหน็บในใจอบอวลโดยอ้อมแขนเล็กทว่าแข็งแกร่ง

          "...ยายไม่อยากให้หลานถูกกดดันด้วยเรื่องอื่น ถ้าอยากจะแต่งงาน ก็ควรเป็นความรู้สึกบริสุทธิ์ไม่ใช่ถูกเร่งรัดด้วยความตายของใคร และยายก็อยากให้หลานคิดดูดีๆ อีกครั้ง นี่เป็นเรื่องใหญ่และเรื่องสำคัญ แต่งว่ายากแล้ว แต่หากวันหนึ่งหลานอยากเลิกกัน มันจะยากเสียยิ่งกว่า อย่าให้ความสงสารครอบงำจนทำอะไรไร้สติ"

          "ผมรู้ครับว่าคุณยายเป็นห่วง...แต่ไม่ใช่เพราะมีอะไรกดดันถึงทำให้ผมอยากแต่งกับเขาหรอกครับ กับเทม ไม่ใช่แค่ความสงสาร คุณยายก็รู้ว่าพวกเราไม่ใช่พวกมีความรู้สึกเผื่อแผ่ให้คนอื่นขนาดนั้น กับคนที่เราไม่รัก ไม่มีทางที่จะรู้สึกสงสารขึ้นมาได้ และผมคิดมาดีแล้ว ไตร่ตรองมาดีแล้ว คิดมานานหลายปีแล้วครับ แต่เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิด ก็แค่ตัวแปรหนึ่งที่ผมอยากทำให้เป็นของขวัญแก่เขาเท่านั้นเอง และคุณยายครับ...ให้ความกรุณานี้แก่เขาได้ไหมครับ ...ผมขอร้อง"

          ตั้งแต่เกิดมา ผมยังไม่เคยเอ่ยปากขอสิ่งใด ไม่เคยอ้อนวอนขอเรื่องอะไร เทมเป็นคำขอแรก

          ท่านเงียบไปหลายอึดใจ

          "...แหวนเหยี่ยวสีเลือดที่หลานสั่งทำเมื่อหลายปีก่อน"

          "คุณยายทราบ?"

          "คิดว่าจะทำแหวนประจำตระกูลได้โดยพลการโดยที่เจ้าของบ้านไม่รู้หรือ...หลานจริงจังกับเขามานานยายรับรู้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำใจยอมรับ และไม่ใช่เรื่องแปลกที่ยายอยากยื้อเวลาให้เราลองขบคิดให้ยืดยาว เผื่อเมื่อเราโตอาจจะตาสว่างเปลี่ยนใจ ไม่อยากให้มีพันธะเหนี่ยวรั้ง...แต่ดูท่า...ไม่ว่ายังไงก็คงไม่เปลี่ยนใจสินะ ตั้งแต่เมื่อเก้าปีก่อน ต่อให้ยืดเวลาออกไปร้อยปี ...หลานก็คงเลือกแค่เขา"

          "...ขอโทษครับ ผมมีแต่เขาเท่านั้น กาลเวลาไม่ได้ทำให้น้อยลง มีแต่เพิ่มขึ้นและมั่นคงขึ้นเท่านั้นครับ"

          "เอาเถอะ...หลานจะทำอะไรก็ทำ แต่ถ้าจะแต่ง ยังไงก็ต้องแต่งที่บ้านเรา เข้าใจไหม...พาเขาไปบ้านของเรา ทำให้ถูกต้องตามธรรมเนียม ตามพิธีการ"

          "...!!....ขอบคุณครับ! ขอบคุณมากครับคุณยาย"

          "มาๆ ตากอดด้วยคน"

          คุณยายมองตาขวาง หันหลังเดินหนีเข้าเครื่องบินทันท่วงทีก่อนจะโดนสามีถูกตัว คุณตามองท่าทางขัดขืนด้วยสายตาเปี่ยมรัก "ดื้อนะว่าไหม เราก็อย่าโกรธยายเขาเข้าเสียละ มีหลานชายสุดที่รักคนเดียว ก็หวงมากเสียหน่อย จะให้ใครมาแย่งไปง่ายๆ ก็ทำใจยาก เขาเลี้ยงเรามาตั้งแต่ยังแบเบาะ ถึงจะเข้มงวด แต่ทุกสิ่งก็ดีที่สุดเสมอ ตารู้ว่าตาหนูเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของหลาน แต่มาตรฐานเรากับยายก็เหมือนกัน กับคนที่ไม่ใช่ ทำยังไงก็ไม่ใช่ แต่ถึงยังงั้นก็เป็นพวกใจอ่อนกับสิ่งที่รัก...ยอมรับแล้วก็ไม่มีกลับคำ แค่เล่นตัวไปเท่านั้นละนะ แก่แล้วก็เรียกร้องความสนใจจากลูกหลานเป็นธรรมดา"

          หลุดยิ้มกับคำที่คุณตาใช้กล่าวถึงคุณยาย ท่านวางมือลงบนศีรษะผม โยกไปมาเหมือนผมเป็นแค่เด็กสามขวบ บรรยากาศอบอุ่น จนเผลอหลุดปากถามเรื่องไม่สมควรออกไป "...เจ็บไหมครับคุณตา"

          อดีตท่านทูตงงกับคำถามช่วงต้น ก่อนตระหนก และลงท้ายที่หัวเราะ

          "เรื่องอะไรล่ะ ถ้าเรื่องที่หลานไม่ไปเยี่ยมเลย ก็ใช่ แต่ถ้าเรื่องยายเขาไม่รัก หึหึหึ ตาชินแล้วละ ไม่รัก แต่นอกจากโลกทั้งใบของยายเขาอย่างหลานแล้ว ก็ไม่มีใครสำคัญกับแอนเขาเท่าตาอีก เราเป็นเพื่อนสนิทกัน พวกเราอยู่กันมานานจนรู้ไส้รู้พุง ไม่รักก็ใช่จะไม่มีเยื่อใยและความผูกพัน ดิมิทรี หลานไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของตากับยายหรอก พวกเราผ่านอะไรมามาก เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เราพูดคุยข้ามผ่านกันมาแล้ว เหลือแต่หลานนั่นแหละที่เพิ่งเริ่มต้น แต่จำเอาไว้...ในหนทางที่มีขวากหนาม หลานไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ไม่ได้เดินคนเดียว จำให้มั่น สลักลึกเอาไว้ในใจ พวกเราเป็นครอบครัวและพร้อมช่วยเหลือหลานเสมอ ไม่ใช่แค่โจวิชหรือเอเลน แต่ตากับยายก็พร้อมสนับสนุนหลาน...กับตาหนูเขาก็ด้วยเช่นกัน"

          "ผมโชคดีเหลือเกินครับที่มีคุณตาและคุณยาย...ขอบคุณมากนะครับสำหรับทุกอย่าง"

          ท่านตบหลังเบาๆ แล้วผละออก "อย่าร้องไห้เชียว ตาไม่อยากโดนยายของหลานดุเอาหรอกนะ เอ้าๆ ไปซะ อย่าลืมของฝากตากับยายละ แล้วไม่ต้องฝากเลขาเราส่งมานะคราวนี้ จะให้ก็เอาไปให้ด้วยมือตัวเอง ตาหนูเขาก็ด้วย ฝากซื้อของไป ก็ดูมึนจริงๆ ตาฝากซื้อซอสซิลของเล่น ก็ซอสฟิชๆๆ น้ำปลาอยู่นั่น เฮ้อ หลานคุยกับเขายังไงให้เข้าใจกันเนี่ย"

          หลุดหัวเราะคนแสนมึนของผม

          "ทีแรกพวกโจเชฟกับคุณพ่อก็มึนไปหลายเดือนเหมือนกันครับ ต้องอยู่กับเขานานๆ ถึงจะพอเข้าใจ...ผมจะพาเทมไปเยี่ยมบ่อยๆ คุณตากับคุณยายจะได้เข้าใจเขาได้นะครับ"

          "ด้วยเกียรติของชาโรนอฟ?"

          "ด้วยเกียรติของชาโรนอฟ ผมจะพาเขาไปเยี่ยมบ่อยๆ ครับ"

          ท่านพยักหน้าพออกพอใจ ก่อนเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

          "เอ้อ...แล้วตกลงตาได้หลานสะไภ้หรือหลานเขยล่ะ นี่ตาพนันกับเอเลนแล้วก็โจวิชกับพี่สาวของเราเอาไว้นะ ตาว่าตาได้หลานสะไภ้ เราว่าไง เฉลยให้ตาฟังเสียหน่อยสิดิมิทรี"

          ผมโค้งตัวลาแล้วหันหลังเดินออกมาทันที ทิ้งเสียงโวยวายว่าอย่าให้เขากดได้นะของคุณตาเอาไว้ข้างหลัง กระจกใสตามทางเดิน ทำให้มองเห็นลำตัวเครื่องชัดเจน บนหน้าต่างวงกลม เห็นคุณยายกำลังจ้องมองมาทางผมเช่นเดียวกัน ยกมือขึ้นแตะหัวใจและโค้งตัวทำความเคารพ ท่านตอบรับด้วยการพยักหน้าเฉกเช่นคนข้างกาย ก่อนจะมองตรงไปข้างหน้า

          ใจหาย แต่ก็ไม่ใช่การจากถาวร แค่เพียงชั่วคราว

          เสียงฝีเท้าเดินไม่เป็นจังหวะคุ้นหูใกล้เข้ามา สิบห้านาทีนานเกินไปจนเขาเดินกลับมาตาม เกาะกำแพง โผล่หน้าแค่เพียงเสี้ยว ร้องเรียกเสียงอ่อย

          "...หมูหย็องครับ"

          "หมูกำลังไปเดี๋ยวนี้แหละครับ"








end 58 .

Twitter #เพื่อนผู้ปกครอง




หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 58-59 * 27/มีค/19
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 27-03-2019 20:32:52





NEW!



59





          แม้จะล่วงเลยเข้ายามดึก แต่ผู้คนมากมายยังคงเดินกันขวักไขว่ ตามระแวกมุมต่างๆ ล้วนถูกจับจอง บนเก้าอี้พลาสติกที่เอาไว้นั่งคอย ก็มีคนเอาเสื้อคลุมตัวนอนยาวเหยียด บางกลุ่มก็นั่งลงกับพื้นล้อมเป็นวงกลมพูดคุยเสียงดังจอแจ สนามบินคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังรอเวลาสู่การเดินทาง นอกจากเสียงประกาศแจ้งเหตุนานาและเวลาเปลี่ยนเที่ยวบิน ที่ได้ยินบ่อยอีกอย่าง คงไม่พ้นเสียงประกาศไฟนอลคอล การเรียกขึ้นเครื่องครั้งสุดท้ายดูไม่ต่างกับประทัดใช้ไล่สัตว์ให้แตกตื่น ไม่นานที่ชื่อถูกขาน กลุ่มวัยรุ่นที่คงยกแก๊งกันไปเที่ยววิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปด้านใน เสียงตะโกน 'ตกเครื่องแน่ๆ' พร้อมขาหลายคู่สมัครสมานวิ่งพรวดพราดเรียกความสนใจให้คนหันมอง เว้นเสียแต่เด็กชายข้างกายที่มือหนึ่งจับจูงกัน อีกมือถือพาสปอร์ตสองเล่ม ความสนใจพุ่งตรงไปที่สมุดสีเลือดนกจนไม่ได้หลบหลีก ขยับมือซ้ายโอบเอวดึงเข้าหา เบี่ยงองศาให้พ้นจากการถูกชน

          จนฝูงสัตว์ตื่นเสียงวิ่งผ่านไป ก็ยังคงอมยิ้มจดๆ จ้องๆ ของในมือ

         เจ้าตัวน่ารัก ทำไมไม่ระมัดระวังตัวเองเลยครับ หืม

          "พาส พาสปอร์ต ของ ของ ของหมูหย็องกับของเทม กับของเทม มีเลขแปดกับมีคำว่าพาสปอร์ตบนหน้าปกเหมือนกันด้วยครับ ตรง ตรงตัวเลขที่ห้าเป็นเลขแปดเหมือนกันด้วยครับ แล้ว แล้วบนปกก็มีคำว่าพาสปอร์ต ตัวพีตัวเอดับเบิ้ลเอสตัวพีตัวโอตัวอาร์ตัวที พาสปอร์ตครับ เหมือนกัน เหมือนกันเลยครับ"

          เด็กชายผู้ดีใจกับจุดเล็กๆ ที่เหมือนกันดูน่ารักจับใจ สมุดประจำตัวเล่มสำคัญในมือถูกยกขึ้นมามองซ้ำมองเล่า มองกี่หนก็ยังเรียกแสงประกายวิบวับในดวงเนตร จากทีแรกเสียอกเสียใจที่มีกันคนละสีและคนละลายเพราะต่างเชื้อชาติ แต่พอจับพลิกดูเห็นตัวเลขหนึ่งในหลายตัวมีเหมือนกันหนึ่งตัว เห็นบนปกมีคำว่าพาสปอร์ตที่ไม่ว่าของใครก็ต้องมีไม่ต่าง แต่แค่นั้นก็เพียงพอให้เจ้าตัวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

         บนบัตรประจำตัวเขาไม่ควรใช้คำว่าพาสปอร์ต ควรใช้สิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุดถึงจะเหมาะควร

          "ถ้าอยากให้เหมือนกัน...ไม่สนใจอยากมาใช้นามสกุลเหมือนกันด้วยเหรอครับ?"

          คาดหวังปฏิกิริยาขวยเขินจากคนรัก แต่ที่ได้คือเอียงคองงพร้อมตอบคำกลับง่ายดาย

          "ชาโรนอฟเหรอครับ เทม เทมก็จะเป็น ฟ้าประทาน ชาโรนอฟเหรอครับ หรือ หรือว่าหมูหย็องจะเป็น ดิมิทรี กุนเชียงเหรอครับ เป็น เป็นดับเบิ้ลหมูกุนเชียงเหรอครับ แต่ แต่ถ้าเทมเป็นชาโรนอฟ คุณแม่เป็นกุนเชียงคนเดียว จะเหงา จะเหงานะครับ ชวนๆๆๆ ชวนคุณแม่มาเป็นชาโรนอฟด้วยได้ไหมครับ"

          ฟ้าประทาน ชาโรนอฟ ฟังแล้วลื่นหูน่าพึงใจยิ่งยวด ยกยิ้มพอใจแม้การขอแต่งงานกลายๆ จะเป็นหมันถูกปัดตกไปอย่างรวดเร็วเพราะคนตรงหน้าไม่เข้าใจ มุกจีบอ้อมใดๆ ล้วนพังกลางทางไปไม่ถึงเป้าหมาย เกาะป้องกันเทมคนซื่อไร้เดียงสาที่ผมเฝ้าปีนมาหลายปีไม่ได้ทะลวงเข้าไปง่ายดาย เห็นคนถามหน้าซื่อตาใสไร้ริ้วแดงลาดผ่านอย่างที่คาดหวังแล้วอยากจับมากอดมาฟัดนัก  ไม่ทันได้ตอบอะไร คุณพ่อบ้านก็เดินเข้ามาหาพร้อมพิกัดร้านของหวานที่ต้องการ

          "ร้านไอศกรีมที่ยังเปิดและมีรสที่คุณหนูเทมต้องการ มีอยู่หนึ่งร้านด้านนอกครับคุณดิมิทรี จะให้กระผมสั่งคนให้ซื้อเข้ามาให้เลยดีไหมครับ"

          "เทมอยากไปเดินเลือกซื้อเองไหมครับ? หรือจะให้พ่อบ้านซื้อเข้ามาให้เลยดี"

          "เทม เทมอยากไปเลือกเองได้ไหมครับ"

          คุณพ่อบ้านเงยหน้าสบตาเล็กน้อย ผมส่ายหน้าเป็นเชิงไม่ต้องพูดอะไร รู้ว่าคงจะแจ้งกำหนดการที่ใกล้จะถึงในอีกสี่สิบกว่านาทีข้างหน้า สี่ทุ่มคือเวลาเครื่องออกที่ผมจองรันเวย์เอาไว้ แม้สมควรแก่เวลาที่จะเข้าไปรอในเกทเพื่อเตรียมพร้อม แต่ผมยังพาคนรักเดินตามหาของทานเล่นบนไฟล์ทบินยาวนานเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง ขนมที่พ่อครัวตระเตรียมไว้ให้ เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่มีไอศกรีมรสโปรดลำดับที่แปดอย่างพิชตาชิโอ มีเพียงเจ็ดลำดับแรกใส่ตู้เย็นไว้ให้องค์ชายน้อย ถึงเขาจะแค่ถามถึงเฉยๆ แต่ถ้าผมหาให้เขาไม่ได้ ไม่ได้เตรียมพร้อมไว้ทั้งหมด ก็ให้รู้สึกบกพร่องต่อหน้าที่คนรักที่ดีชอบกล ค่าเช่าสนามบินแสนแพงที่นับเป็นรายนาทีก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรถ้าเทมต้องการจะเอ้อละเหยจนไปขึ้นเครื่องสาย ภารกิจตามหาไอศกรีมจึงเกิดขึ้นเอาตอนนี้

          "ได้สิครับ เดี๋ยวหมูโทรบอกคุณป้ากับเฮียเนื้อหย็องแล้วเราไปซื้อกันนะ"

          ของหวานกับอารมณ์ดีเหมือนเป็นส่วนผสมสองอย่างที่มาคู่กันเสมอ ส่วนผสมที่ผสานจนเป็นเนื้อเดียวกันสำหรับเด็กน้อย พอรู้ว่าจะได้ไอศกรีมก็เริ่มลิงโลดขยับตัวอยู่ไม่สุขด้วยอารามดีใจ แผลบนมือทุเลาลงจากขนมได้ดียิ่งกว่าฤกธิ์ของยาแก้ปวด ห้านิ้วถูกกางเริ่มร่ายรายชื่อคนที่เจ้าตัวจะซื้อมาเผื่อแผ่

          "เทมจะซื้อ ซื้อ ซื้อให้คุณแม่กับเฮียเนื้อหย็องด้วยครับ ซื้อๆๆๆ ซื้อให้คุณพี่บอดี้การ์ด คุณพ่อบ้าน คุณพี่หมอ ทุกคน ทุกคนเลยครับ"

          "เอาพาสปอร์ตมาเก็บก่อนครับ ถ้าหล่นหายไป ไปสายคงไม่ดี เทมไม่อยากให้คุณป๊าคุณม้ารอนานใช่ไหมครับ"

          "ทำพาสปอร์ตหายแล้วไปสาย ไปไม่ได้ๆๆๆ ไม่สายๆๆๆ ไปสายไม่ดี ต้อง ต้องรักษาเวลาใช่ไหมครับ แต่ว่า แต่ว่า เทม เทม ขอ ขอเก็บเอาไว้ในกระเป๋าเป้ของเทมได้ไหมครับ เทมอยากเก็บเอาไว้เองครับ"

          "ได้ครับ หันหลังมาครับ หมูเอาใส่เป้ให้"

          คนยิ้มสวยของผมพยักหน้าหงึกหงัก หลังสมุดสำคัญถูกเก็บ ก็เดินตามแรงจูงมือแต่โดยดี ตลอดระยะทางเต็มไปด้วยประโยคพร้อมเครื่องหมายปรัศนี หนูน้อยจำไมวันนี้มีหลายคำถามให้ผมตอบ หลังเขาได้คำตอบหนึ่งข้อ ข้ออื่นก็ตามมาอย่างต่อเนื่อง อมยิ้มระหว่างหาคำมาอธิบาย มือที่จับกันถูกบีบแน่นเล็กน้อย ตาสวยทอแสงวิบวับ ท่าทางลนลานอยู่ไม่สุขทำให้เขายิ่งดูเด็กลงมากกว่าเดิม

          คำถามล่าสุด คืออยากทราบเหตุผลว่าทำไมเดอะแก๊งจอมซน อันได้แก่ คุณป๊า เฮียปลาหย็องและหย็องหย็อง ทำไมไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย

          "พวกคุณป๊าต้องล่วงหน้าไปทำธุระก่อนน่ะครับ"

          หลังจากบอกลาคุณตาคุณยาย ก็ได้โบกมือบ๊ายบายครอบครัวตัวเองอีกครั้ง เนื่องจากพวกเราแยกกันไปคนละลำ ไม่ใช่ว่าพื้นที่ไม่เพียงพอ เครื่องบินส่วนตัวทั้งสอง ต่างก็กว้างพอให้บรรจุคนสามสิบคนได้อย่างสบาย โดยเฉพาะเครื่องบินส่วนตัวของผมที่คุณยายซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้ สักร้อยคนก็ยังไหว แต่ผมไม่นึกอยากได้ความน่ารำคาญเป็นของแถมตั้งแต่เริ่มต้น นี่เป็นครั้งแรกของเด็กชายที่จะได้นั่งเครื่องเดินทางไกล หากถูกพี่น้องและคุณป๊าก่อกวนยามมีความตื่นเต้นมากเป็นทุน เกรงว่าจะเผลอเล่นกันจนเลยเถิดพาอาการแย่เข้าไปใหญ่ คนรักของผมยิ่งปฏิเสธสิ่งหลอกล่อไม่ได้  คิดภาพออกเลยว่าต้องมีคนอาเจียนลงบนบอร์ดเกม แล้วคุณป๊าจะต้องวิ่งโวยวายทั้งลำ ข้ออ้างพื้นที่ว่างถูกจับจองด้วยเครื่องมือแพทย์จึงถูกใช้ และตัวป่วนทั้งหลายต้องยอมจำนนให้ความปลอดภัยคนแก้มนุ่มที่มาก่อนสิ่งอื่นใด

          "อ๋อๆๆๆ แล้ว แล้ว แล้วๆๆๆ แล้ว คุณพี่หมอกับคุณพี่พยาบาลก็ไปเที่ยวกับพวกเราด้วยเหรอครับ"

          ก่อนตอบคำถาม ก็แอบลอบสำรวจเฟ้นหาความง่วงบนดวงหน้าขาวใส แต่ก็ยังไม่พบ วันนี้เด็กชายตาใสแป๋ว ไร้ทีท่าง่วงซึมแม้จะเข้าใกล้เวลานอน
         
          "พวกคุณหมอขอติดเครื่องไปด้วยเฉยๆ ครับ พอถึงที่นู่นแล้วก็แยกย้ายกัน"

          ตั้งใจรอให้ใกล้ถึงเวลานอนหลับของเด็กน้อยเสียก่อนถึงจะพาขึ้นเครื่อง คิดคำนึงไว้ พอขึ้นแล้วก็ให้เขาหลับเสียเลย ตอนเครื่องบินกำลังเดินทางเขาจะได้ไม่เกิดอาการเมา ผลจากการทดลองในห้องปฏิบัติการจำลองแรงดันอากาศที่โรงพยาบาล และลองซ้ำด้วยการให้เทมปุระลองนั่งเครื่องบินวนไปรอบๆ ด้วยความสูงระดับเดียวกับที่จะใช้เดินทาง อาการของเขาไม่ได้รุนแรงเหมือนสมัยยังเด็กที่ถึงขั้นเสี่ยงชีวิต ตอนนี้เด็กชายแค่คลื่นไส้ และหนักสุดคืออาเจียนเหมือนคนเมารถเมาเรือธรรมดา และจะเป็นปกติในชั่วโมงที่สอง แต่ผมก็ไม่อยากไว้วางใจนัก ประเทศที่จะไปต้องใช้เวลาเดินทางอยู่บนท้องฟ้าเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง ทีมแพทย์และพยาบาลพร้อมอุปกรณ์เต็มยศจึงต้องเพียบพร้อม เป็นสัมภาระกองโตที่ผมขนไปด้วยเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน พร้อมกับคุณพ่อบ้านและบอดี้การ์ดที่เดินตามเป็นเงาที่เด็กชายไม่ได้กล่าวถามถึง เนื่องจากคุ้นชินกับการมีผู้ดูแลอำนวยความสะดวกติดตามไปด้วยยามออกเดินทางไกล

          รองเท้ากระทบพื้นไม่เป็นจังหวะ ความตื่นเต้นชาร์จเขาจนแบตเต็มเปี่ยม ท่าทางกระฉับกระเฉงต่อให้ห้าทุ่มก็ยังไม่แน่ว่าจะหลับ ในเมื่อเขายังไม่ง่วง ผมจึงเริ่มคิดแผนระบายเรี่ยวแรงที่เหลือเฟือเสียก่อน เจ้าตุ๊กตาไขลานจะได้หมดแรง

          "นอกจากไอศกรีม เทมอยากได้ขนมหรืออะไรเพิ่มไหมครับ เดี๋ยวขึ้นเครื่องแล้วพวกเราจะต้องนั่งกันนานกว่าจะถึงจุดหมาย"

          "นั่งนานๆ นั่งนานๆ นั่งนานๆ นานๆๆๆ งั้น งั้น งั้นๆๆ สะสม สะสมส้มระเบียงกันนะครับ ผจญภัย ผจญภัย แล้ว แล้ว นานๆๆๆๆ แบบนานๆๆๆๆๆ เลยเหรอครับ นาน นานกว่าตอนเรานั่งไปเชียงใหม่อีกเหรอครับหมูหย็องครับ กี่ชั่วโมงเหรอครับ หนึ่งสองสามสี่ชั่วโมงหรือเปล่าครับ?"

          "ไม่ใช่ส้มระเบียงครับเทม เสบียงครับ อืม...นานกว่าตอนไปเชียงใหม่เกือบยี่สิบชั่วโมงเลยครับ"

          คนได้ยินครางเสียงอ่อน "เสบียง เสบียง! บินสูงๆๆๆๆ บินสูงๆๆ ด้วยใช่ไหมครับหมูหย็องครับ เทม เทม เทมต้องอุ๋งๆๆๆ ออกมาหมดท้องแน่ๆๆ เลยครับ" ว่าแล้วก็ลูบท้องตัวเองอย่างน่าสงสาร

          "ไม่หรอกครับ เทมตื่นมาก็น่าจะหายเมาได้สักพักแล้ว มาครับ มาเลือกขนมกันดีกว่านะ"

          เห็นร้านขนมเพื่อสุขภาพแล้วก็พาเขาเดินเข้าไป ปล่อยให้เขาวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าตรอกขนมไปเรื่อย ร่างสูงหยิบซองนั้นซองนี้ใส่ตะกร้าที่ผมช่วยถือ นอกจากเป็นพ่อบ้านส่วนตัวแล้ว ก็ยังเป็นแผนกคิวซี คอยเดินตามช่วยตรวจสอบ แยกขนมที่มีส่วนผสมที่คนตรงหน้าแพ้ออกไว้อีกตะกร้า แวะกันแทบจะทุกร้านจนเกือบลืมเป้าหมาย แต่สุดท้ายก็มาถึงจนได้ เทมปุระวิ่งปรี่เข้าไปเกาะตู้เย็น

          "มีรสวานิลากับเกลือด้วยครับ! มี มีรสพิชตาชิโอที่เทมอยากหม่ำๆๆ ด้วยครับ! เทม เทม เทมเอาไป เอาไปเยอะแยะๆๆๆ เลยได้ไหมครับหมูหย็องครับ จะละลายเหลวๆๆๆ ไหลๆๆๆ หรือเปล่าครับ"

          ไอศกรีมถ้าเป็นปกติคงเอาขึ้นไปไม่ได้ ถ้าไม่ละลายตั้งแต่กลางทาง ก็ไม่ผ่านแม้แต่ขั้นตอนตรวจค้นของ  แต่บนเครื่องผมมีห้องครัวเล็กๆ แน่นอนว่ามีตู้เย็นไว้แช่ของทานเล่น และคำว่าเครื่องบินส่วนตัวก็พร้อมจะอยู่เหนือกฎเกณฑ์ข้อห้ามทั้งปวง

          "ได้ครับ แต่เทมเอาไว้ทานพรุ่งนี้นะครับ วันนี้แปรงฟันแล้ว ก่อนนอนไม่ควรทานอะไรอีกนะครับ"

          "เทมแค่ แค่แตะ แค่แตะๆๆๆ ก็ไม่ได้เหรอครับ แตะบนลิ้นลึกๆๆๆ ไม่ให้โดนฟันก็ไม่ได้เหรอครับหมูหย็องครับ"

          ...อย่าทำหน้าชวนใจอ่อนใส่กันสิคนดี ไม่ทำตาหวานใส่กันนะครับ

          "ถึงจะไม่โดนฟันก็ไม่ได้นะครับ ถ้าจะทานอีกรอบเทมต้องแปรงฟันใหม่เท่านั้น แล้วหมูก็จะให้หม่ำได้อีกแค่ช้อนเดียวด้วย วันนี้ที่รักทานขนมเต็มอัตราแล้วครับ"

          "แปรงฟัน แปรงก็ต้องใช้ ใช้เครื่องพ่นน้ำปิ้วๆๆๆ แล้วก็ไหมขัดฟัน แต่ แต่เทมมือเจ็บๆๆ จังเลยครับ ไม่อยากให้หมูหย็องขัดๆๆๆ ถูๆๆๆ ฟันให้ด้วยครับ ไม่ใช่มือเทมแล้วเหงือกอยากขำครับ เหงือกจะหัวเราะๆๆๆ เหงือกขำๆๆ หัวเราะๆๆๆ แล้วเทมขยับๆๆ เคลื่อนไหวๆๆๆ เทม เทมจะเจ็บครับ หมูหย็องก็ๆๆ จะเป็นห่วง"

          ตอนนี้เทมมือเจ็บ แม้ไม่ใช่มือข้างที่ถนัด แต่ก็ใช้ไหมขัดฟันเองไม่สะดวก ต่อให้ใช้ Water Flosser ร่วมด้วย ยังไงก็ต้องใช้ไหมขัดฟันด้วยอยู่ดี พอผมทำให้เขาก็จั๊กจี้หัวเราะคิกคักจนกลัวว่าไหมจะบาดเหงือกเลือดออก

          "ใช่ครับ แต่ถ้าทานแล้วไม่ใช้ไหมขัดฟัน ถ้าเกิดฟันผุ ตอนไปหาคุณหมอฟันจะอดได้แสตมป์ฟันสวยนะครับ เทมไม่อยากทานมูสเค้กของคุณหมอเหรอครับ?"

          ชั่งใจระหว่างไอศกรีมกับมูสเค้กเลิศรสจากเชฟระดับโลก ผู้คิวทองขนาดที่ถ้าไม่มีเส้นสายก็รอกันเป็นปี ขนาดใช้เส้นสายก็ยังต้องสั่งล่วงหน้ากันหลายเดือน แน่นอนว่ามูสเค้กชนะอย่างไม่ต้องสงสัย เทมปุระคลายปากที่ยู่ยี่ออกก่อนพยักหน้าหงึกๆ เหมือนคุยกับความอยากขนมของตัวเองเสร็จแล้ว

          "เทม เทมไม่อยากฟันผุครับ งั้น งั้นเก็บไว้หม่ำๆๆ พรุ่งนี้ก็ได้ครับ"

          ลูบผมนุ่มนิ่ม แล้วเริ่มปล่อยให้เขาวิ่งดุ๊กๆ สอดส่องหาไอศกรีมที่อยากได้ คนมือเจ็บเหมือนลืมเลือนบาดแผล หยิบถ้วยนู้นถ้วยนี้เสียเพลิน จากตะกร้าก็เริ่มเป็นรถเข็น

          "ของหมูหย็อง ของหมูหย็องเป็นดาร์กช็อกโกแลตใส่รัมกับลูกเกดครับ ส่วนของเทม เทม เทมเอารสพิสตาชิโอ หมูหย็องครับหมูหย็อง ซื้อ ซื้อไปให้เฮียเนื้อหย็องกับคุณแม่ด้วยนะครับ คุณแม่ชอบบลูเบอร์รี่ ของเฮียเนื้อหย็อง อืมๆๆๆ เฮียเนื้อหย็องชอบ ชอบไอศกรีมรสอะไรน้า อืมๆๆ เทม เทมไม่รู้ครับ...แต่ว่า แต่ว่าเทมรู้ว่าเฮียเนื้อหย็องชอบหม่ำๆๆ ผัดไท มี มี มีไอศกรีมรสผัดไทหรือเปล่าครับ?"

          "....หมูว่าไม่น่าจะมีนะครับ"

          ท่าทางหนักอกหนักใจกลัวเลือกไปไม่ถูกปากพี่ชายผม สาละวนหยิบขึ้นจับวางจนชักห่วงกลัวเขาเจ็บ ไม่เกินสองนาทีก็หมดความอดทน เหลือบตาสบกับพ่อบ้านที่ทำตัวเป็นเงาเดินถือของตามหลัง ขอตัวช่วยโดยไม่ต้องพูดให้มากความ ผู้ดูแลเก่าแก่บอกโพยให้ทันทีทันใด

         "ถ้าเป็นไอศกรีม คุณนิโคลัสชอบแนว Sorbet หรือ Sherbet รสผลไม้อะไรก็ได้ครับ ยกเว้นทุเรียนกับองุ่น"

          ผมหยิบอันที่เห็นแถวนั้นส่งๆ ไปหนึ่งถ้วยลงตะกร้า "เทมครับ เอารสนี้ก็ได้ครับเฮียเนื้อหย็องชอบ"

          "หมูหย็องเก่งจังเลยครับ หมูหย็องเก่งที่สุดเลยครับ รู้ๆๆ รสไอศกรีมที่เฮียเนื้อหย็องชอบด้วย แล้วก็ๆๆ เทมจะซื้อเผื่อคุณพ่อบ้าน คุณพี่หมอแล้วก็คุณพยาบาล แล้วก็ๆๆๆ คุณนักบิน คุณผู้ช่วยนักบิน แล้วก็ๆๆๆ คุณบอดี้การ์ดด้วยนะครับ มีใครอีก มีใครอีกหรือเปล่านะ เทม เทมนับนิ้วก่อนนะครับ"

          ขาดแค่ยามเฝ้าก็ครบทั้งสนามบินแล้วครับที่รัก

          เทมปุระกล้าๆ กลัวๆ จับมือผมเดินไปถามคนรอบตัวอย่างเอียงอาย สองมือเกาะหลังโผล่แค่หน้าและตาที่เสหลบมองพื้นถามเสียงแผ่ว เสียงเบาใกล้เคียงกระซิบเอ่ยถามว่าชอบไอศกรีมรสอะไรหรือครับ หรี่ตามองพวกผู้คนที่ได้รับความใจดีของคนรักของผมอย่างไม่ชอบใจนัก เห็นเหล่าการ์ด หมอ และพยาบาลหลบตาทันควันเมื่อสายตาคมกริบจับจ้อง ด้วยรับรู้ดีว่าผมไม่นิยมชมชอบแบ่งความใจดีนี้กับใคร กฎข้อห้ามก็ระบุชัดว่าการสนิทสนมกับคนแก้มนุ่มเกินไป เป็นข้อห้ามสำคัญที่ทำให้ตกงานได้ทันที คุณพ่อบ้านที่เทมเรียกรีบเข้ามาแก้ไขสถานการณ์

          "ขอบคุณในความกรุณาครับคุณหนูเทม ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของกระผมเองครับ เดี๋ยวผมจะเตรียมส่วนของทุกท่านให้เอง ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะครับ"

          "อ๋อๆๆๆ โคเอๆๆๆ นะครับ ขอบคุณ ขอบคุณครับ"

          วนลูปเทมเลือกขนมผมคัดเลือกไปอีกสักพักใหญ่ และไม่จบง่ายๆ เมื่อออกจากร้านไอศกรีมก็ต่อด้วยเข้าร้านเค้ก ได้เค้กเรดเวลเวทกับชูครีมหลากรส โผล่ร้านตุ๊กตาของเล่น เปิดประตูเข้าร้านของฝาก เดินไปทั่วสนามบินกว้าง ออกกำลังให้เหนื่อยก่อนเข้านอน หวังผลให้คนเมาอากาศได้หลับสนิท

          ห้าทุ่มก็เริ่มเห็นเค้าลางความง่วงที่มาตอกบัตรเข้าทำงานสายเอาเรื่อง จูงคนมือเจ็บขึ้นรถรับส่งไปห้องรับรอง โทรบอกให้นักบินเตรียมเครื่องให้พร้อมเทคออฟ ในห้องนั่งรอมีคุณป้ากับเฮียเนื้อหย็องนั่งรอกันอยู่ ทั้งสองคนติดไปกับลำของผมด้วยครับ เพราะชนะเป่ายิงฉุบมา แน่นอนครับ ว่าคุณพ่อไม่ได้ยินยอมนั่งแยกเครื่องกันง่ายๆ ต่อรองจนถึงที่สุด งัดเกมขึ้นมาให้ประลอง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ไป คุณป๊าแทบจะใช้เล็บข่วนตามทางไม่อยากจากลูกชายคนโปรด

          พี่ชายลำดับที่สองนั่งขอบตาดำกับกองตำราแพทย์เอ่ยทักอย่างอ่อนแรง "มากันแล้วหรือ เทมง่วงหรือยังล่ะ"

          "ครับ"

          "งั้นขึ้นเครื่องกันเลยแล้วกัน" เฮียเนื้อหย็องกวาดรวบของบนโต๊ะลงกระเป๋า

          คุณป้าเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ คาดว่าคงจะเตรียมตัวสำหรับการเดินทางยาว พอเห็นเทมที่เกาะผมเป็นลูกลิงก็เข้ามาช่วยประคอง แต่คนง่วงนอนก็งอแงเกาะไม่ปล่อย จนมารดาได้แต่ยิ้มขำแล้วช่วยดึงถุงขนมไปถือแทน

          "เพิ่งไปเดินซื้อของกันมา เหงื่อคงจะออก อาบน้ำกันก่อนดีไหมครับเด็กๆ กว่าจะถึงอีกหลายชั่วโมงเชียว เดี๋ยวจะเหนียวเหนอะหนะไม่สบายตัวกัน ไปรอเข้าห้องน้ำบนเครื่องเดี๋ยวจะนานนะครับ"

          "ไปอาบบนเครื่องก็ได้ครับเมกุมิซัง ลำนี้ของหมูหย็องมีห้องอาบน้ำสองห้อง ไม่ต้องรอกันนาน"

          คุณป้าตกใจ "ไม่ใช่ลำที่นั่งประจำหรือคะ"

          "ลำเล็กนั่นพวกคุณป๊านั่งกันไปแล้วน่ะครับ ลำนี้จะใหญ่กว่า เมกุมิซังอาจจะยังไม่เคยนั่ง เพราะปกติโดนคุณป๊ากับคุณม้าเอาไปใช้เดินทางต่างประเทศ ครั้งนี้เจ้าของจะใช้เองเลยต้องหลีกทาง"

          คุณป้าลูบอกเหมือนขวัญหาย พึมพำกับตัวเองเบาๆ "ตายจริง...ทางนั้นคนเยอะกว่าด้วย จะไม่เป็นอะไรหรือคะ ไม่รู้จะนั่งกันอึดอัดหรือเปล่า"

          ระหว่างที่คุณแม่ของตัวเองกำลังกังวล เด็กชายผู้อ่านบรรยากาศไม่ออกก็คล้องคอผมเขย่าไปมาเรียกร้องความสนใจ เสียงอ้อแอ้ถามหาของใช้ประจำ

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องครับ เทม เทม เทมเอาผ้าห่มมาหรือยังครับ"

          "หมูเอามาให้แล้วครับ เทมบ๊ายบายพี่ม่อนครบแล้วใช่ไหมครับ?"

          ถามย้ำกับเขาอีกรอบ เพราะจะไปไหนเด็กมีมารยาทก็ต้องบอกกล่าวลาเหล่าของสะสมของตัวเองเสียก่อน ไม่บะบุยก่อนไปเดี๋ยวของเล่นจะน้อยใจ อา...ไม่ได้บอกลาเป็นรายชิ้นหรอกครับ ไม่งั้นกว่าจะได้ไปก็คงปีหน้า แต่ผมให้เขาไปบอกลาเป็นตู้ๆ ไป ตามลิตส์ที่ผมช่วยจดเอาไว้ให้ และต้องถามเสียก่อน เพราะเคยมีเหตุในอดีต หย็องหย็องเข้ามากวนเด็กน้อยตอนกำลังร่ำลา จนลาไม่ครบ มานึกขึ้นได้ตอนขึ้นเครื่องไปแล้วทำเอาต้องวกเครื่องบินกลับมาทั้งๆ ที่เพิ่งบินได้ไม่ถึงสิบนาที ตอนนั้นผมก็ว่าทำไมเขาดูตัวสั่นๆ พะวักพะวง เหลียวหน้าเหลียวหลัง แต่ถามก็ไม่ยอมบอกเพราะกลัวผมดุน้องชายที่เป็นต้นเหตุ สุดท้ายก็ฮึบไม่ไหว ร้องไห้จ้า

          เทมปุระสะลึมสะลือ หมุนเป้สีฟ้าด้านหลังมาเปิดแผ่นกระดาษที่ถูกติ๊กไว้อย่างเป็นระเบียบ ไล่สายตาตามเครื่องหมายที่ตัวเองกาเอาไว้ ใช้นิ้วจิ้มไล่แล้วพยักหน้าหงึกๆ

          "บะบุยๆๆๆ กับพี่ม่อนครบทุกตู้แล้วครับ บ๊ายบายคุณเมดกับคุณแม่ครัวแล้วครับ แล้วก็ๆๆ บ๊ายบายคุณลุงชื่นแล้วด้วยครับ"

          "ดีมากครับ ถ้าเทมง่วงหลับเลยก็ได้นะครับ"

          แต่พอบอกว่าให้หลับเลยกลับกระเด้งตัวยืดหลังตรง

          "เทม เทม เทมอยากตื่นดูไฟสวยๆๆๆ ก่อนได้ไหมครับ"

          เอ่ยขอด้วยสภาพตาครึ่งปิดครึ่งเปิดขนาดนี้ ลืมตาได้อีกห้านาทีก็เก่งแล้วครับ

          "ค่อยดูตอนใกล้ถึงดีไหมครับ วันนี้เราบินกันสูงมาก ถ้าที่รักยังตื่นอยู่ เดี๋ยวจะปวดท้องไม่ก็คลื่นไส้เอาได้นะครับ"

          "อือ...แต่ แต่เทมอยากดูครับ"

          เลิกผมหน้าม้าแล้วกดจูบหน้าผากนวลปลอบให้นิ่ง "เดี๋ยวหมูอัดวิดีโอไว้ให้ได้ไหมครับ แล้วขากลับหมูจะเปลี่ยนเวลาบินเป็นก่อนเวลาเข้านอนของที่รัก ให้นั่งดูนานๆ เลย"

          "ที่รัก ที่รัก ที่รักอยากดื้อครับ"

          "ดื้อต่อพรุ่งนี้ดีไหมครับ ดื้อวันนี้เทมได้ดื้อกับหมูแค่แป๊บเดียว แต่ถ้าดื้อพรุ่งนี้ เดี๋ยวหมูให้ดื้อด้วยทั้งวันเลย คืนนี้นอนก่อนนะครับ"

          "เทมไม่อยากดื้อเยอะแยะๆๆๆๆ ครับ เทม เทมอยากดื้อแค่นิดน้อยๆๆๆๆ นะครับ ดื้อแค่เท่านี้นะครับ ให้หมูหย็องตามใจเท่านี้นะครับ"

          กลั้นขำคู่กรณีกำลังต่อรองทั้งที่จะหลับอยู่รอมร่อ นิ้วชี้จรดนิ้วโป้งก็น้อยจริงอย่างเจ้าตัวว่า แต่ถ้ารู้สึกไม่ดีขึ้นมา ผมคงสงสารเด็กชายจนกลัวว่าจะเผลอสั่งให้เครื่องจอดแล้วพาเขากลับบ้านนอนไม่ไหว นางฟ้าน้อยคล้ายกลายเป็นปีศาจตัวจิ๋วที่กำจุดอ่อนผมเอาไว้ และร้ายกาจพอที่จะรู้วิธีใช้ เสียงนุ่มเรียกหมูหย็องครับ หมูหย็องครับอย่างออดอ้อน

          "...บอกนักบินช่วยบินค้างระดับไว้ก่อนสักชั่วโมงนะครับ"

          "รับทราบครับคุณดิมิทรี"

          พอรู้ว่าได้อย่างที่ต้องการก็ยิ้มแก้มตุ่ย มันเขี้ยวจดต้องก้มลมไปงับก้อนซาลาเปาสองข้าง

          "มาครับเด็กดื้อ หมูให้ดูแค่แป๊บเดียวแล้วต้องหลับเลยนะครับ"

          "หมูหย็องใจดีที่ซู้ดดดดเลยครับ"

          คุณป้าที่ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด ยิ้มแล้วส่ายหน้าระอา รู้ดีว่าถึงเอ่ยขัดไป ผมก็ยังคงเป็นหมูหย็องจอมตามใจเทมปุระอยู่วันยังค่ำ แต่หญิงสาวตัวเล็กก็อดเอ่ยปรามไม่ได้ "น้องเทมครับ ไม่เอานะครับคนเก่ง วันหลังต้องไม่ดื้อกับน้องหมูหย็องมากเกินไปนะครับ โดยเฉพาะเหตุผลสำคัญอย่างสุขภาพด้วยแล้ว ส่วนน้องหมูหย็องก็อย่าตามใจน้องเทมมากนะครับรู้ไหม"

          คนที่กำลังฝืนห้วงนิทราเดินกอดแขนซุกไหล่ผมไม่ทันได้ฟังคำสอน เหลือแต่ผู้ต้องหาอีกคนอย่างผมที่ยิ้มแล้วแก้ต่างให้ชายคนรัก "ไม่เป็นอะไรหรอกครับคุณป้า ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างเทมก็เฝ้ารอวันนี้มานาน ไหนจะเป็นครั้งแรกของเขาอีก ไม่แปลกที่เทมจะเรียกร้องนะครับ"

          "น้องหมูหย็องละก็...พอเกี่ยวกับน้องเทม น้องหมูหย็องก็เห็นเป็นเรื่องเล็กทุกทีเลยค่ะ"

          "เทมไม่ดื้อหรอกครับเมกุมิซัง มีแค่ช่วงทานข้าวกับง่วงนอนนั่นแหละครับ ถึงจะงอแง"

          "โธ่...น้องเนื้อหย็องก็เป็นไปด้วยหรือคะ คุณป้าเข้าใจนะคะว่าห้ามใจลำบาก แต่เราต้องฮึดสู้ด้วยการไม่ตามใจน้องเทมมากเกินไปนะคะ อ๊ะ...น้องเทมเรียกคุณแม่หรือเปล่าครับ"

          ผมกับเฮียเนื้อหย็องอมยิ้มมองหญิงร่างเล็กที่เพิ่งบอกแหมบๆ ว่าไม่ให้ตามใจมากเกินไป แต่พอลูกชายงึมงำเบาๆ ถึงขนมที่เพิ่งซื้อมา ก็รีบเปิดถุงหยิบยื่นให้ทันควัน เหมือนคุณป้าเพิ่งจะรู้สึกตัว ถึงได้เกาแก้มแก้เก้อ

          "ก็...ก็ไม่ตามใจมากเกินไปนะคะ ในขอบเขตพอดีๆ นะคะ"

         
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 58-59 * 27/มีค/19
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 27-03-2019 20:40:00

          ยกหน้าที่ทักทายนักบินให้พี่ชาย และมอบหน้าที่ให้พ่อบ้านจัดการกับสัมภาระอย่างคุณหมอและนางพยาบาล ส่วนตัวเองพาองค์ชายนายเหนือหัวไปในห้องนอนท้ายสุดของลำเครื่อง บนเครื่องบินส่วนตัวถูกแบ่งแยกเป็นโซนส่วนตัวมากน้อยตามลำดับ ด้านหน้าสุดเป็นเก้าอี้นั่งสิบแปดที่นั่ง กั้นด้วยประตูเปิดปิดก่อนเข้าสู่ห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาหนังเข้าชุด ทุกอย่างคุมโทนสีดำสีทอง สีน้ำตาล ไม้ Luxury Vintage ตามรสนิยมเจ้าของ พร้อมโทรทัศน์จอใหญ่และเครื่องเกมรุ่นใหม่ล่าสุด ขาดไม่ได้คือตู้หนังสือขนาดกลางที่บรรจุไปด้วยเรื่องราวที่ผมชอบ แต่เดินผ่านเมื่อกี้เห็นว่าหลายเล่มถูกสับเปลี่ยน คงไม่แคล้วถูกคุณป๊าและคุณม้ายัดใหม่ เพราะชื่อตรงสันเป็นนิตยสารแฟชั่นกับการตลาด ข้างในชั้นเรียงกันค่อนข้างไม่เป็นระเบียบจนคิ้วขมวดมุ่น เมดทำความสะอาดก็คงไม่กล้าหยิบออก จำได้ว่าล่าสุดที่ใช้เครื่องนี้คือตอนพาเทมไปเที่ยวที่เวียดนาม ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีสิ่งแปลกแยก

          ให้ยืมใช้แล้วทำรกแบบนี้ วันหลังจะไม่ให้ยืมแล้วนะครับ

          ผ่านห้องนั่งเล่นมาก็จะเป็นห้องทานข้าวและห้องครัว มีมินิบาร์เล็กๆ สำหรับไว้สังสรรค์ ถัดไปก็เป็นห้องอาบน้ำและห้องน้ำ ท้ายสุดก็คือไพรเวทโซนที่ถูกกั้นเป็นห้องแปดห้อง กล่าวง่ายๆ บนนี้ก็เหมือนยกโรงแรมดีๆ สักที่ทั้งชั้นมายัดใส่เอาไว้

          ผมพาคุณป้าที่ทำหน้าอึ้งไม่น้อยไปที่ห้องฝั่งตรงข้าม บอกกำหนดการคร่าวๆ แล้วพาคนรักเข้ามาอีกห้องหนึ่งที่ใหญ่กว่าและพิเศษกว่าห้องอื่น ห้องอื่นอาจจะมีแค่เตียงห้าฟุตและเก้าอี้พร้อมโทรทัศน์ แต่ห้องนี้เหมือนห้องจำลองห้องนอนจากที่บ้าน ในขนาดที่กระทัดรัด แต่ยังคงมีเตียงนอนใหญ่ไว้ให้คนรักกลิ้งเกลือกเล่นได้ เก็บกระเป๋าเป้แล้วพาไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่มีเข็มขัดนิรภัยพร้อมถูกใช้ทันที

          "นั่งแล้วคาดเข็มขัดก่อนนะครับ รอเครื่องเทคออฟเสร็จ หมูจะพาไปดูวิวแล้วกลับมานอน"

          พอผมคาดให้เขาเสร็จ กำลังจะจัดการในส่วนของตัวเอง เด็กชายที่เห็นแบบนั้นก็เม้มปากแน่น ตาใสชื้นแดงจนร้อนรน "เทม เทมก็อยากคาดเข็มขัดให้หมูหย็อง คาดเข็มขัดให้หมูหย็องด้วยนะครับ ทำไม ทำไมๆๆๆๆ หมูหย็องไม่ให้เทมทำให้ครับ เทมก็อยากทำให้หมูหย็องบ้างนี่ครับ"

          คนรักประท้วงทวงหน้าที่ประจำพร้อมสีหน้าเสียอกเสียใจ

          ครางในลำคอด้วยใจอ่อนยวบ "โธ่ ที่รักครับ...เรื่องเท่านี้เท่านั้น ขอแค่บอกกันนะครับ ไม่ต้องร้องนะคนดี หมูแค่กลัวเทมจะเจ็บมือครับ แต่ถ้าเทมอยากช่วย ใช้มือข้างเดียวนะครับ"

          "แต่เทมใช้มือข้างเดียวทำไม่เป็นนี่ครับ ทำไม่เป็นๆๆๆ นี่ครับ"

          ลูบใต้ตาคนที่ฝืนตื่นเกินเวลานอนจนเริ่มงอแง

          "แค่ทำไม่เป็นเองครับ ไม่ใช่ทำไม่ได้นี่น่า เดี๋ยวหมูช่วยสอนให้เองนะ ...เทมช่วยหมูจับสายนี้ไว้ทีได้ไหมครับ หมูจับไม่ค่อยสะดวกเลย"

          อารมณ์แปรปรวนเป็นแมวน้อยเจ้าอารมณ์ ปะเดี๋ยวน้ำตาซึมให้ระทวย อีกเดี๋ยวก็ยิ้มสดใสจนดอกทานตะวันยังต้องยอมแพ้ "เทม เทมจับให้เองครับ เทมจับให้หมูหย็องเองครับ"

          ก็ไม่ต่างกับผมคาดเองอยู่ดีนั่นละนะครับ ออกจะเสียเวลามากกว่าเดิมไปโขด้วยซ้ำ จนนักบินคอลโฟนมาถามถึงความพร้อมก็ยังต้องรอเด็กน้อยเล็งเป้าตัวล็อคให้เข้าที่เสียก่อนถึงจะได้ออกเดินทาง

          ไม่เกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ทั้งเรื่องที่เทมดูวิวได้ไม่เกินสามนาทีก็คอพับคออ่อน หัวเกือบโขกกับหน้าต่างจนต้องรีบเอามือรอง ตอนตื่นมาตอนเช้าก็มีอาการพะอืดพะอม ร้องไห้ไปหนึ่งยกเพราะไม่อยากทานข้าวเช้า ตกสายก็ปวดหัวปวดหูจนต้องให้คุณพี่หมอมาตรวจซ้ำหลังเพิ่งตรวจร่างกายและวัดความดันไปทุกชั่วโมง ได้ยาพารามาทานแก้ปวดแล้วนอนซุกอยู่ในห้อง

          "ทำไม ทำไมคุณยาแก้ปวดถึงรู้ล่ะครับหมูหย็องครับ ทำไมๆๆๆๆ คุณยาแก้ปวดถึงรู้ครับว่าเราเจ็บตรงไหน ปวดตรงไหนทั้งๆๆๆ ที่เทมไม่ได้บอก ไม่ได้แอบกระซิบบอกเลยนะครับ แล้ว แล้ว แล้วยังไปช่วยรักษาได้ถูกด้วยล่ะครับ คุณยาแก้ปวดมี GPS เหรอครับ หรือเป็นยาบังคับแบบรถบังคับแล้วคุณพี่หมอกดรีโมทควบคุมอยู่เหรอครับ แล้วๆๆๆ ถ้าเทมแกล้งปวดขน คุณยาแก้ปวดจะรู้หรือเปล่าครับว่าเทมแกล้งปวด แล้วๆๆๆ ก็จะไปรักษาให้แบบแกล้งๆๆๆ หรือเปล่าครับ"

          ...กดปุ่มเรียกคุณหมอมาอีกรอบสิครับ จะรออะไรล่ะ


          พอดีขึ้นจากยาวิเศษที่ชื่อไอศกรีมรสเฮเซลนัท ก็มานอนคว่ำตัวพาดยาวบนขาของผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านข่าวในแท็บเล็ต ส่วนอีกคนก็กำลังเปิดโน๊ตบุ๊คทำข้อสอบ หัวทุยกลิ้งเกลือกไปมาเวลาคิดไม่ออก แต่ถ้าข้อไหนทำได้ก็ตอบฉะฉาน บทเรียนของเด็กชายแตกต่างจากของนักเรียนทั่วไปที่มีแต่ตัวอักษรและตัวเลขติดกันเป็นพรืด ในส่วนวิธีเรียนของเด็กน้อยจะเป็นการเล่าทุกอย่างผ่านรูปภาพหรือการ์ตูนสั้น อย่างประวัติศาสตร์ก็เป็นการ์ตูนที่มีตัวละครย้อนยุคพาไปทำความรู้จักเหตุการณ์และคนสำคัญต่างๆ พอดูจนจบก็จะมีคำถามท้ายบทให้ตอบ เป็นการเก็งข้อสอบไปในตัว และถึงจะปิดเทอมแล้ว แต่ผมกับพวกเต้และน้ำยังไม่ได้สอบครับ โรงเรียนเราค่อนข้างพิเศษตรงถ้ายังเรียนต่อที่โรงเรียนเดิม สามารถขอย้ายวันสอบเป็นวันไหนก็ได้ ขอแค่เป็นก่อนวันผลออกหนึ่งอาทิตย์ก็พอ ผมที่ไม่อยากให้เทมเครียดกับการเรียนเลยย้ายวันสอบออกหลังเที่ยวเสร็จ แต่ก็ให้เขาทบทวนทุกวันแทน

          "ข้อนี้ตอบคุณลุงชาลส์ ดาร์วินใช่ไหมครับ เทม เทมจำได้"

          "ถูกต้องครับ เก่งมาก"
         


          ก๊อก ก๊อก



          "น้องเทมครับ น้องหมูหย็องครับ"

          "เข้ามาได้เลยครับ"

          "ขอโทษที่เข้ามากวนตอนเรียนนะคะเด็กๆ แต่คุณแม่อยากมาดูน่ะครับว่าน้องเทมดีขึ้นหรือยัง"

          คุณป้าเข้ามานั่งลงบนเตียงแล้วแตะมือเรียวเล็กลงบนหน้าผากลูกชาย เทมปุระถูไถหน้าไปกับฝ่ามือมารดา "เทม เทมดีขึ้นเยอะแยะๆๆๆ แล้วครับ แต่ตอนนี้ๆๆๆ เทม เทมจะปวดหัวกับข้อสอบแทนแล้วครับ ปวดหัวแบบผู้ใหญ่ๆๆๆ ปวดหัวเวลาทำงานเยอะแยะๆๆๆๆ เลยครับ"

          ผมหลุดหัวเราะกับการพูดเลียนแบบคุณป๊าที่ชอบบ่นปวดหัวทุกครั้งที่ได้งานมาเยอะ

          คุณป้าแสร้งทำตาโต "ปวดหัวกับข้อสอบเหมือนผู้ใหญ่ทำงานเลยเหรอครับ แบบนี้แปลว่าน้องเทมของคุณแม่โตแล้วใช่ไหมครับ"

          "เทม เทมโตโต้โต๊เลยครับ โต้โตเลยครับ สิบหกแล้วครับ อีกนิดก็จะมีสิวขึ้นแล้วด้วยครับคุณแม่ครับ"

          หญิงสาวมองเด็กชายผู้บอกว่าตัวเองโตแล้วด้วยดวงตาทอแสงอ่อนลง "...คุณแม่อยากเห็นน้องเทมโตมากกว่านี้จังเลยค่ะ"

          "คุณป้าครับ!"

          เผลอคำรามตักเตือนหญิงสาวที่เข้ามาใหม่ มารดาคนรักสะดุ้งตกใจแล้วหน้าซีดเหมือนเพิ่งได้สติว่าเผลอพูดอะไรออกไป รีบเช็ดหยดน้ำที่หางตาก่อนเปลี่ยนเรื่อง เทมที่เห็นผมเสียงดังใส่คุณแม่ตัวเองก็ใจเสีย ร้องไห้ไปอีกหนึ่งยก ผมกับคุณป้าช่วยกันปลอบกันพักใหญ่ ไม่นานเด็กน้อยก็ผล่อยหลับไป จับผ้าห่มขึ้นคลุม ตบผ้านวมสีฟ้าของคนกำลังหลับ สงสารใต้ตาที่ช้ำจากการร้องไห้หลายครั้งในวันนี้ หอมหัวทุยก่อนยืดตัวนั่งหลังตรง กระชับเสื้อเชิ้ตของตัวเองให้เข้าที่ เดินไปหยิบกระเป๋าเอกสารที่เตรียมไว้มาหลายปีแล้วกดปุ่มเรียกคุณหมอมานั่งเฝ้าระหว่างที่ผมมีธุระสำคัญที่ต้องสะสาง

          "ผมขอเวลาสักเดี๋ยวได้ไหมครับ"

          หญิงร่างเล็กยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนยามทอดมองมาที่ผมเหมือนทุกครั้ง

          แม้ครั้งนี้ผมกำลังจะบอกเรื่องโหดร้ายสำหรับเธอ

          ...และเธอเองก็รู้ดีก็ตาม

         
         รอจนคุณหมอและพยาบาลเข้ามาในห้องผมจึงเดินออกไป คุณป้าเดินไปลูบศีรษะคนหลับตาพริ้มแล้วเดิมตามหลังผมออกจากห้อง เดินผ่านโซนต่างๆ ก่อนหยุดเท้าลงที่ห้องนั่งเล่น ผายมือเชิญคนตรงหน้าให้นั่งลงก่อนนั่งลงตาม แม้จะนั่งลงแล้วหลายนาที ตัวสื่อสารเดียวที่ทำงานก็คือความเงียบ บรรยากาศค่อนข้างน่าอึดอัดปะปนไปด้วยความลำบากใจ บนโต๊ะไม้เคลือบเงามีแจกันปักดอกไม้สวยสด แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น คุณป้ามองท่าทางเคร่งเครียดของผมก่อนหลุดขำ

          "โธ่ น้องหมูหย็องไม่ต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นนะคะ ถ้าน้องเทมมาเห็นเข้า น้องเทมจะโกรธคุณป้าเอาได้นะ ดูสิคะ ตอนนี้เหมือนป้ากำลังแกล้งแฟนลูกชายเลย" คุณป้ายิ้มหวานก่อนทำท่าขึงขัง "หรือน้องหมูหย็องอยากให้คุณป้าเล่นบทแม่สะใภ้จอมโหดดีคะ พี่เอเลนเพิ่งกำชับมาว่าไม่ให้น้องหมูหย็องผ่านด่านง่ายๆ เสียด้วย"

          ผมถอนหายใจแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย "ปล่อยให้คุณม้าเล่นกับเฮียปลาหย็องไปสองคนเถอะครับ ถ้าคุณป้าร่วมวงไปอีกคน ผมคงต้องทานยาลดความดันแล้วละ"

          หลังจากเสียงหัวเราะก็ยังไม่ได้ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นอยู่ดี...

          "...เมื่อไหร่เหรอคะ แต่ถ้าให้คุณป้าเดา ก็คงเหลือเวลาอีกไม่นานสินะ"

          รอยยิ้มอ่อนหวานประดับมุมปาก ซ้อนทับภาพของคนรัก เธอเอ่ยถามด้วยความนิ่งสงบไร้ความสั่นไหว เป็นดอกไม้บอบบางที่แสนแกร่งและงดงาม

          ในบรรดาคนไม่กี่คนในโลกนี้ที่ผมแคร์ เธอเป็นอีกหนึ่งคนที่ผมภาวนาให้มีความสุข

          ไม่ว่าใครก็ล้วนมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง เบื้องหน้าเบาบางด้านหลังหนักอึ้ง น่าแปลกที่ประสบการณ์เลวร้ายมักจะหลอมหลวมเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต ไม่ละเว้นให้ผู้ใด และไม่ใจดีให้กับใคร

          ...หญิงสาวผู้มีรอยยิ้มงดงามคนนี้ก็เช่นเดียวกัน...

          เรื่องราวในอดีตที่ถูกสืบพบชวนสะเทือนใจ ถูกพ่อแท้ๆ ข่มขืนและถูกแม่ของตนเองริษยา เป็นที่รังเกียจของคนในบ้าน หุ่นเชิดที่มีรอยยิ้มประดับเมื่อเติบโตก็ถูกส่งให้ชายอื่นรับไปดูแลในฐานะคู่หมั้นเพื่อเชื่อมธุรกิจ ผลประโชยน์มีค่ากว่าความรู้สึกของมนุษย์คนหนึ่ง ชะตากรรมของตุ๊กตายังคงเลวร้าย เมื่อสามีที่เพิ่งเคยพบหน้าดีได้เพียงไม่ถึงสัปดาห์ก็เริ่มแสดงสันดรที่แท้จริง ความรุนแรงราวเป็นของแน่นอนที่เธอต้องประสบทุกช่วงเวลาที่ไหลผ่าน ยิ่งเลวร้ายเมื่อธุรกิจไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง ทางครอบครัวโลภมากของฝ่ายหญิงใช้จังหวะเศรษฐกิจไม่ดีรวบเป็นของตนเอง ความแค้นมากมายจะลงที่ใดได้ หากไม่ใช่ตุ๊กตากระเบื้องที่จากบ้านมา ที่พึ่งทางใจสุดท้ายของชายผู้พ่ายแพ้คือสารพัดสิ่งเสพติด นับวันเหล้ายาการพนันเป็นเครื่องเร่งให้เรื่องเลวร้ายคูณสองและคูณสาม หนี้สิ้นทบทวี ปัจจัยติดลบ ไม่มีเงินติดตัวสักบาทจนต้องขายเรือนร่างของภรรยาเพื่อแลกเศษเงิน การรุมโทรมฟังดูเป็นเรื่องน่าหวาดหวั่นแต่ห่างไกลเพียงในหน้าหนังสือพิมพ์สำหรับใครหลายคน แต่ไม่ใช่กับเธอผู้ถูกกระทำตั้งแต่เมื่อยังไม่รู้ความจนเติบโตมาเพื่อถูกย่ำยีจากคนไม่รู้จักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกทำให้ติดวนอยู่ในวังวนยาเสพติดเพื่อให้หนีไปไหนไม่ได้ คุณค่าความเป็นคนลดทอนจนเหลือเพียงแลกกับม้วนบุหรี่ วันเวลาแสนโหดร้ายลากยาวนานดั่งไม่มีที่สิ้นสุด และในวันหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นที่สุดก็ถือกำเนิด

           เธอท้อง ท้องโดยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ อาจจะเป็นหนึ่งในผู้ชายหลายสิบคนที่เคยเข้ามากระทำชำเรา

          การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมกระชากความรู้สึกที่เคยนึกว่าหมดไปแล้วให้กลับคืนมา ความรู้สึกสับสนแผ่กระจาย ความด้อยค่า รังเกียจและขยะแขยงตนเองไม่คู่ควรแก่การให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตใดจากสิ่งสกปรกโสมมเช่นเธอ...การตัดสินใจในตอนนั้นคือทุกหนทาง

          ...ทุกหนทางที่จะไม่ให้เด็กคนนี้ลืมตาขึ้นมาดูโลก...

          เสพยาหนัก ยาขับเลือด ชกท้อง ตกบันได วิ่งไปให้รถชน ถูกทำร้ายร่างกาย ทุกหนทางที่กระทำแต่เด็กน้อยยังคงดื้อดึงราวกับกู่ร้องว่าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ความมหัศจรรย์ของหนึ่งชีวิตดูคล้ายคำประชดประชันจากโชคชะตา ยามไม่อยากให้เกิดดันเกิด ยามอยากให้ดับสูญกลับไม่ดับไป

          ดอกไม้ผลิดอกออกผล ผลกำเนิดจากการตั้งครรภ์ที่ถูกทำร้ายไม่ใช่ผลผลิตที่สมประกอบ ยามคลอดออกมาตัวเล็กจิ๋วจนไม่น่าเชื่อว่าจะเติบโตได้ แรกรักคือยามก้อนเลือดเนื้อเชื้อไขอยู่ในอ้อมอก รู้สึกผิดและคิดได้ว่าไม่ควรทำลงไป แต่ไม่มีกาลเวลาใดถูกหมุนย้อนกลับได้ หยดน้ำตาไม่ช่วยให้ความจริงแปรผัน เธอเป็นคนทำร้ายลูกชายให้พังทลาย กลับบ้านไปพร้อมลูกชายที่เป็นแรงบัลดาลใจของชีวิต เธอเลิกยาและหันหน้าไปตั้งใจทำงานเลี้ยงดูลูก คล้ายจะจบง่ายดายเกินไป สามีที่หนีออกจากบ้านไปสองปีหวนกลับคืนมาเมื่อหญิงสาวฮึดสู้หาเงินใช้หนี้ เวลาไม่อาจย้อนกลับ แต่เหตุการณ์เลวร้ายสามารถเกิดขึ้นได้เหมือนย้อนอดีต แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมเมื่อคนที่อาจจะเป็นพ่อเริ่มทำร้ายลูกรัก ในค่ำคืนหนึ่งดอกไม้บอบบางเป็นฝ่ายอุ้มลูกหนีหาย แต่ก็ถูกตามกลับมาและถูกทำร้ายหนักขึ้นและหนักขึ้น จุดแตกหักเมื่อเธอทนไม่ไหวต้องยอมพลีกายให้ชายในเครื่องแบบเพื่อแลกกับการตั้งข้อหาและดำเนินเรื่องจับกุมสามี สามีที่ถูกจับไปผูกใจเจ็บ ประกาศก้าวหากออกมาเมื่อไหร่จะตามฆ่า เธอใช้เรือนร่างแลกอีกครั้งกับการเปลี่ยนชื่อแซ่และประวัติทุกอย่าง ใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ กับงานที่แค่พอใช้ชีวิตอยู่ได้จนผมไปพบเข้า

          มันน่าขันตรงที่ในเรื่องราวความเป็นจริง บาดแผลไม่ได้หายไปเพียงเพราะได้รับชีวิตที่ดีขึ้น

          ยามเยาว์รอยช้ำที่คอของเทมบ่อยครั้งที่ผมเห็นและเริ่มวิตกหนัก

          คุณป้าเป็นโรคซึมเศร้าและบางครั้งก็ประสาทหลอนนึกย้อนกลับไปในอดีต ความรู้สึกขัดแย้งที่ให้กำเนิดลูกชายที่ผิดปกติจนไม่อยากให้เขาได้เติบโตไปอย่างยากลำบาก จนเคยคิดปลิดชีวิตเล็กๆ นั้นในช่วงค่ำคืน ...ผมใจหายและเริ่มหาที่ปรึกษาจากเลขาที่คุณยายเคยหาไว้ให้ ที่ปรึกษาจัดการทุกเรื่องให้อย่างรวดเร็วและดีเกินไป ในผลการตรวจสภาพจิตใจและร่างกายผลออกมาแย่มากกว่าที่คาด

          คุณป้ามีจิตผิดปกติ คล้ายเป็นคนสองบุคลิค ที่เมื่อเป็นปกติก็เป็นหญิงสาวอ่อนหวานอ่อนโยน เป็นแม่ที่ใจดีและเพียบพร้อม แต่เมื่อจิตใจอ่อนแอก็ร้องไห้โวยวายคิดแต่อยากทำร้ายทำลาย สุขภาพร่างกายก็พังไม่ต่าง โรคร้ายถูกหว่านเมล็ดและเติบโตอย่างรวดเร็ว

           HIV คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ...หรือติดผ่านเข็มฉีดยาที่ใช้ร่วมกัน

          ถ้ายังคงเป็นแค่ HIV มันไม่ได้น่ากลัว เพราะสามารถควบคุมและมีโอกาสที่จะรักษาให้หายหรือดูแลให้มีชีวิตอยู่อย่างยาวนาน แต่ระยะที่ตรวจพบคือระยะที่สอง ผมยังคงใจสู้ สร้างหน่วยแพทย์เฉพาะทางขึ้นมาเพื่อยื้อทุกทางให้เทมยังคงสามารถมีครอบครัวทางสายเลือดคนสุดท้ายเอาไว้ แต่ร่างกายของคุณป้าดื้อต่อยารักษาเนื่องจากสารเสพติดในสมัยก่อนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันรวน ร่างกายที่ดื้อต่อยา ภายในสามปีมันก็เดินทางไปถึงระยะสุดท้ายที่เรียกว่า AIDS หรือชื่อเต็มคือ Acquired Immunodeficiency Syndrome ...เอดส์

          ภาวะแทรกซ้อนนานาชนิดและวัณโรคเข้ามาซ้ำเติม

          เป็นนาฬิกาทรายที่ทุกเมล็ดไหลออกอย่างรวดเร็ว

          ผมเริ่มหยุดความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเมื่อรู้เวลาที่แน่นอน จากเดิมผมก็เริ่มแยกเทมออกห่างจากคุณป้าทุกเลิกเรียนและเสาร์อาทิตย์ ต่อมาก็เริ่มแยกนานขึ้น และระแวดระวังการอยู่สองต่อสองของสองแม่ลูก ทั้งกังวลว่าคุณป้าจะเผลอทำร้ายเทมและเด็กน้อยเผลอติดโรค ในคอนโดที่เทมอยู่ติดกล้องวงจรปิดไว้ทุกห้อง ด้านหน้าประตูก็มีการ์ดคอยเฝ้าระวังตลอด ระยะเวลาที่คุณป้าอยู่กับเทมและการถูกเนื้อต้องตัวถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน คุณป้าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีปฏิบัติตัวตามขอบเขต แต่หลายครั้งก็มีที่เกินควบคุมจนผมตัดสินใจยื่นคำขาด

          'เรื่องที่ผมจะพูดด้วย ขอให้คุณป้ามองข้ามอายุและช่วยขบคิดอย่างจริงจังด้วยครับ'

          รอจนผู้ร่วมบทสนทนาไม่คิดว่าผมล้อเล่น สูดหายใจลึกก่อนเอ่ยบอกความต้องการตามตรง

          'ผมไม่อยากให้คุณป้าเข้าใกล้หรือสร้างสายใยให้กับเทมไปมากกว่านี้ครับ'

          การสูญเสียแม่ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่สำหรับเด็กพิเศษ ผมกลัวเขาจะแตกสลายไปพร้อมร่างไร้วิญญาณของมารดา ยิ่งอยู่ด้วยกันมาก ยามสูญเสียยิ่งสิ้นหวัง ระยะห่างอาจไม่ได้ช่วยให้ไม่เจ็บ แต่ก็บรรเทาความหนักหนาลงได้

          ผมในวัยเด็กเลือกเส้นทางที่ใจร้ายให้ผู้หญิงคนนี้ ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตกับต้องห่างไกลกับคนที่รัก

          'เป็นคำขอที่โหดร้ายจังเลยนะคะ...' เธอยิ้ม 'แต่ป้าเข้าใจดีค่ะ ป้าจะทำตามที่น้องหมูหย็องบอกทุกอย่าง'

          'ผมได้ผลแล็บมาวันนี้ คุณป้าจะอยู่ได้อีกประมาณสิบปีครับถ้ายาตัวใหม่ได้ผล'

          เธอรับแฟ้มเอกสารไปเปิดดู ก่อนจะวางลงแล้วหลับตานิ่งอยู่นาน

          'สิบปี...สิบปีน้องเทมกับน้องหมูหย็องก็อายุยี่สิบสินะคะ...ดีจังเลยค่ะ อย่างน้อยก็ได้เห็นทั้งสองคนเรียนจนจบมอหก'

          '...ขอโทษนะครับกับความเห็นแก่ตัวของผม'

          'ไม่เลยค่ะ ไม่จริงเลย ป้าก็คิดเอาไว้แล้วตอนรู้ผลว่าตัวเองเป็นโรคร้าย...ถ้าไม่มีน้องหมูหย็อง ป้าก็คง...คงจะให้น้องเทมตายไปพร้อมกับป้าด้วย ปล่อยน้องเทมไว้ในโลกนี้ตัวคนเดียว น้องคงจะอยู่ไม่ได้ แต่พอมีน้องหมูหย็องคอยดูแลให้ กับแม่ที่..ฮึก...กับแม่ที่ทำร้ายเขาตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลกแล้ว แล้วยังจะมาตายไปให้เขาเสียใจอีก ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้นค่ะ ไม่ว่าหนทางอะไรที่ทำให้น้องเทมเจ็บปวดน้อยที่สุด น้อยลงสักนิด ป้าก็พร้อมจะทำทุกอย่างค่ะ'

          ระยะเวลาสบตากินเวลาไปชั่วอึดใจ

          'เทมยังขาดแม่ไปไม่ได้ แต่ถ้าใกล้ถึงวันนั้น...ผมไม่อยากให้ความทรงจำสุดท้ายของเขาเห็นแม่ตัวเองตายแบบทุรนทุราย...มันจะเป็นภาพฝังใจ'

          คุณป้ายิ้มทั้งน้ำตา 'บังเอิญจังเลยค่ะ...ป้าก็กำลังจะขอแบบนั้นเลยเชียว'

          '...ครับ...'

          'อย่าทำหน้ารู้สึกผิดแบบนั้นเลยนะคะ...เอางี้แล้วกันนะคะ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกัน เรามาทำสัญญากันดีไหมคะ'

          'สัญญาหรือครับ?'

          'ใช่ค่ะ คุณป้ารู้น้า ว่าน้องหมูหย็องรักน้องเทมมากๆ เพราะงั้นนี่ถือว่าเป็นการแก้แค้นเล็กๆ ได้ไหมคะ ที่น้องหมูหย็องพรากน้องเทมและแย่งความรักจากน้องเทมไปเสียหมด น้องหมูหย็องต้องห้ามล่วงเกินน้องเทมก่อนอายุสิบแปดเด็ดขาดเลยนะคะ จูบก็ห้ามค่ะ'

          '...ยากเกินไปแล้วครับ ถ้าแค่จูบยังไม่ได้...'

          'อืม...งั้นหยวนๆ ให้ ถ้าน้องเทมเป็นคนเริ่มเองค่ะ แต่นอกจากนั้นต้องเป็นแฟนกันก่อนนะคะ ถึงจะจุ๊บๆ กันได้ แล้วก็ต้องทำให้น้องเทมเรียนจบมหาลัยให้ได้นะคะ จะจบตอนอายุห้าสิบก็ไม่เป็นอะไร แต่ถือเป็นคำขอที่เห็นแก่ตัวที่อยากเห็นลูกชายเรียนจนจบแทนคุณแม่ที่ไม่จบแล้วกันนะคะ'

          'แค่นั้นหรือครับ'

          'โธ่ ไม่เห็นเป็นเรื่องยากเลยหรือคะ งั้น...อืม ก็ต้องดูแลน้องเทมให้ดีๆ ให้ทานอาหารครบห้าหมู่ แต่อย่าตามใจมากเกินไปนะคะ กอดเขาบ่อยๆ อยู่เคียงข้าง คอยให้กำลังใจและช่วยปกป้อง อยู่กับเขาให้นานที่สุด...ทำในส่วนที่ป้าทำไม่ได้'

          'ผมจะเป็นผู้ปกครองของเทมเองครับ จะทำให้ดีที่สุด'

          คุณป้าซับน้ำตาแล้วเริ่มหัวเราะ 'นั่นสินะคะ หน้าที่แบบนี้มันผู้ปกครองชัดๆ เลยนี่น่า เป็นผู้ปกครองหรือคะ...เป็นเพื่อนและเป็นผู้ปกครอง...เพื่อนผู้ปกครองสินะคะ'

          'ครับ...ผมจะเป็นทุกอย่างให้เขาเอง'

          'ป้าจะยังไม่ฝากน้องเทมตอนนี้ ตอนที่ป้ายังมีชีวิตอยู่ เพราะป้าไม่อยากให้น้องหมูหย็องถูกน้องเทมฉุดรั้ง ถือว่าเป็นช่วงทดลองแล้วกันนะคะ ช่วงให้น้องหมูหย็องเก็บไปคิดจริงๆ ว่าจะรับทั้งหมดของเทมได้หรือเปล่า ส่วนถ้าวันใดหมดรัก...ถ้าวันไหนไม่เอ็นดูน้องแล้ว ก็ไม่อยากให้คิดมากในเรื่องจะปล่อยมือน้องนะคะ ไม่ต้องลังเล และที่สำคัญ ป้าไม่อยากให้ความตายของป้าเป็นการผลักภาระดูแลน้องเทมให้เป็นของหนู น้องหมูหย็องไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไร'

          ผมยิ้ม

          'ต่อให้มีคนตายอีกมากมายขนาดไหน ผมก็ไม่สนใจหรอกครับ ไม่มีใครหรืออะไรส่งผลต่อความรู้สึกของผมได้ถ้าผมไม่รัก ผมรักเทม รักขนาดที่ต่อให้ตาย ความรู้สึกสุดท้ายที่จะนึกถึงก่อนตายก็คงเป็นการบอกรักเขา ตอนนี้ผมเป็นแค่เด็กในสายตาทุกคน เลยฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่นับจากวันนี้ ผมจะแสดงให้ดู จะพยายามให้มากยิ่งขึ้น ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อความภาคภูมิและความสุขของตัวเอง ผมสามารถพูดแทนตัวเองในอีกห้าปีข้างหน้า สิบปีข้างหน้า แปดสิบปีข้างหน้าถ้าอยู่ถึง เทมจะเป็นความสุขของผมเสมอ และคุณป้าก็แค่เป็นฉนวนเร่งในเรื่องที่จะเป็นในอีกหลายปีข้างหน้าเท่านั้น ...ไม่ว่ายังไง สักวันผมก็จะเป็นผู้ครอบครองเขาอยู่ดี'

          เธอมองผมในวัยสิบขวบด้วยสายตาทึ่งไม่น้อย ก่อนจะยิ้ม

          'ใกล้เวลานั้นเมื่อไหร่ ถ้าน้องหมูหย็องยังยืนยันคำเดิม...มาขอน้องเทมกับป้าอีกครั้งนะคะ'



          สัญญาที่ก่อร่างในหลายปีก่อน ทำให้ผมมีเป้าหมายที่ชัดเจนจนเป็นเหตุผลที่ผมบังคับให้ตัวเองเรียนรู้ทุกอย่างจนเติบโตทางความคิดและวิสัยทัศน์รวดเร็วกว่าคนอื่น ผมมีพันธะสัญญาที่ต้องทำให้สำเร็จลุล่วงในเวลาที่จำกัด อยากเป็นผู้ปกครองที่เพียบพร้อมของเด็กน้อย

          แต่ก็ไม่นึกว่าเวลาที่จำกัดนั้นจะหมดลงเร็วขนาดนี้...

          เอกสารที่คุณยายเอาให้ดูเป็นผลจากแล็บล่าสุดถึงอาการของคุณป้า ร่างกายที่ดื้อยาแทบทุกตัวจนต้องคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ ทุกสามถึงสี่เดือน และตัวยาที่ใช้ปัจจุบันก็มีฤทธิ์แรงขนาดที่ผิดกฎหมายและไม่ถูกนำมาใช้ในสถานรักษาแห่งใด แต่ร่างกายคุณป้าและโรคก็เลิกตอบสนอง

          มันถึงทางตันแล้ว

          "...อีกหกเดือนครับ..."

          "...เร็วไปสามปีเลยนะคะ แย่จังเลยค่ะ...อดเห็นเด็กๆ ใส่ชุดครุยเลย"

          "แต่ถ้าเราลอง---"

          ไม่ทันพูดจบประโยค คุณป้าก็ยกมือเป็นเชิงไม่ต้องพูดต่อ ดวงหน้าที่มีส่วนคล้ายคลึงคนรักทำเอารู้สึกแย่ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทอแสงเศร้าสร้อยก่อนฉายแววเด็ดเดี่ยว

          "คนที่รู้ดีเรื่องเวลาที่สุด...ก็ต้องเป็นเจ้าของร่างกายอยู่แล้วใช่ไหมล่ะคะ ป้าพอจะรู้ตัวเองค่ะ ถ้าปล่อยไปนานมากกว่านี้ น้องเทมคงจะจับได้แล้วเริ่มเป็นห่วง ให้ทุกอย่างจบลงในหกเดือนนี้เถอะนะคะ มาสร้างความทรงจำดีๆ กันนะ"

          ทั้งๆ ที่คนที่ควรจะถูกปลอบมากที่สุดคือเธอ แต่ฝ่ามืออ่อนโยนกับลูบลงบนศีรษะของผมอย่างแผ่วเบา

          "ไม่ว่ายังไง น้องหมูหย็องก็ทำดีที่สุดแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่พยายามรักษาคุณป้าด้วยทุกวิถีทางมาตลอด ไหนจะช่วยดูแลเทมอีก ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ...แล้ว...คำตอบของน้องหมูหย็องล่ะคะ"

          ผมเปิดแมคบุ๊คกดเข้าโปรแกรมสนทนาออนไลน์ หน้าจอถูกแบ่งออกเป็นหลายช่อง ด้านบนสุดคือคุณตาและคุณยายที่รู้เรื่องราวทุกอย่าง กับอีกสองช่องที่เป็นทนายความส่วนตัวของผมและประจำตระกูล คุณป้าตกใจไม่น้อยกับการเผชิญหน้าอีกครั้งแบบไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวรีบยกมือไหว้ผู้สูงวัยทั้งสอง ผมหยิบแฟ้มใส่เอกสารสำคัญมาวางลงบนโต๊ะ คลี่กางออกพลางยืดหลังตรง

         
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 58-59 * 27/มีค/19
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 27-03-2019 20:40:33



          "ในไทยการแต่งงานระหว่างผู้ชายกับผู้ชายยังไม่ได้รับการยอมรับ ผมจึงแต่งกับเขาเป็นหลักฐานให้คุณป้าสบายใจไม่ได้ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ไม่ว่ายังไงผมก็จะแต่งงานกับเขาในที่ที่กฎหมายเอื้ออำนวย เทมจะไม่ใช่แค่แฟนหรือคนรัก เราจะเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องทั้งตามประเพณีและตามกฎหมาย แต่ถ้ามองว่าทะเบียนสมรสเป็นเพียงแผ่นกระดาษที่แสดงออกทางกฎหมายว่ามีสิทธิ์อันชอบธรรมในตัวอีกฝ่าย...แผ่นนี้ก็คงไม่ต่างกัน"

          "น้องหมูหย็องครับ...นี่มัน..."

          "ตอนนี้ผมเพิ่งตัดสินใจอนาคตตัวเองได้ว่าอยากทำงานเกี่ยวกับทางที่ดิน ตอนนี้เริ่มกว้านซื้อที่ต่างๆ ในหลากประเทศ ทั้งในรัสเซีย มอสโก ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ปารีส อังกฤษ อเมริกา และในประเทศอื่นๆ อีก รวมกันกับที่มีอยู่แล้วทั้งหมดก็ประมาณแสนกว่าไร่ครับ นอกจากนั้นผมยังลงทุนในหลายบริษัทและหลายกิจการ ทั้งด้านอาหาร สื่อบันเทิง ที่อยู่อาศัย โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และอีกหลายอย่าง สัมปทานที่เพิ่งได้สัญญาขาดมาคือสร้างรถไฟเอกชนในหลายประเทศ ก็เป็นรายได้หลักของตระกูลผมเหมือนกัน รายได้ของผมต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันสองร้อยกว่าล้านบาทหลังจากหักภาษีเรียบร้อยแล้วครับ"

          ผมตอบไม่ตรงคำถาม ก่อนวกมาที่คุณป้าสงสัย ลูบตัวหนังสือที่เขียนชัดถึงหน้าที่ของมัน

          "พินัยกรรมของผมเองครับ ผมใส่ชื่อเทมเป็นผู้รับมรดกในกรณีที่ถ้าหากว่าเกิดผมเป็นอะไรไปก่อน ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของผมและของชาโรนอฟจะเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวในฐานะผู้รับมรดกครับ และฉบับนี้ก็คือสัญญาที่ถูกร่างขึ้นอย่างถูกต้อง ถ้าวันใดวันหนึ่งผมกับเขาเกิดเลิกกันขึ้นมา ข้อตกลงเดียวกันคือทุกอย่างของผมจะเป็นของเขา เทมจะมีคนคอยดูแล มีหมอประจำตัวทั้งด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ"

          คุณตาคุณยายเพียงนั่งเงียบและรับฟัง ทนายความทั้งสองและผู้ช่วยจดทุกคำพูดของผมลงแผ่นกระดาษและอัดวิดีโอบันทึกเอาไว้ อำนวยทุกอย่างให้เป็นผลประโยชน์แก่อีกฝ่าย ไม่ให้ผมสามารถผิดคำพูดได้ในอนาคต ตอนนี้ ณ ขณะนี้เหมือนทุกอย่างอยู่ในชั้นศาลพร้อมพยานที่ไม่มีทางบิดพลิ้วได้ บนโต๊ะแผ่นกระดาษที่มีตราประทับรับรองความถูกต้อง และมีชื่อของเทมเป็นเจ้าของเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสมุดบัญชีเงินฝากหลายสิบเล่ม โฉนดที่ดิน อสังหา ธุรกิจและหุ้นส่วนต่างๆ ที่เจ้าตัวไม่เคยรู้ว่าเป็นเจ้าของ

          "มากเกินไปค่ะ แค่ที่น้องหมูหย็องรักและจะดูแลเทมก็มากพอแล้ว ขอแค่คำสัญญา---"

          "ให้ผมได้ทำเถอะครับ"

          ไม่ใช่ความดื้อดึง แต่เป็นความจริงจัง การจะดูหนึ่งชีวิต ไม่ใช่เรื่องที่จะทำเป็นเล่นได้ ทางไหนที่ผูกมัดเชื่อมโยงและแสดงออกได้ ผมก็อยากจะทำ คุณป้าเงียบลงก่อนจะยอมพยักหน้าให้ผมพูดต่อ

          "เงินฝากพวกนี้เป็นรายได้ครึ่งหนึ่งที่ผมหาได้แล้วฝากเข้าธนาคารให้เขาครับ โฉนดที่ดิน บ้าน หุ้นและธุรกิจต่างๆ ผมโอนให้เขาเป็นเจ้าของในทุกวันเกิด ...เทมเคยบอกว่าอยากขายขนมหวานตอนโต ผมเลยซื้อคาเฟ่ให้เขาที่ปารีสกับภัตตาคารที่สิงคโปร์เพราะเจ้าตัวบอกสิงโตพ่นน้ำเท่ดี หึหึหึ...แต่เอาใจยากน่าดูเลยครับน้องเทมของคุณป้า เร็วๆ นี้บอกอยากเป็นนักชิมแทน ผมเลยกำลังดูๆ ที่เอาไว้สร้างโรงเรียนสอนทำอาหารให้เขาอยู่"

          คุณป้าหัวเราะทั้งน้ำตา เอ่ยแซว "ตามใจกันมากเกินไปแล้วนะคะ"

          "แก้ยากแล้วละครับ...ส่วนทางด้านนี้เป็นแผนการคร่าวๆ เกี่ยวกับอนาคตของเทมในช่วงที่...คุณป้าไม่อยู่แล้ว ทั้งเส้นทางการศึกษา สาขา โรงเรียน และมหาลัยที่ผมเลือกไว้ให้เขาเลือกอีกที"

          คุณป้ายกขึ้นมาอ่าน เริ่มหัวเราะเสียงดังขึ้น เพราะสาขาที่เทมอยากเรียน และอาชีพที่อยากทำล้วนแปลกๆ ทั้งสิ้น เหมือนหญิงสาวจะสะดุดตาอยู่ที่แผ่นหนึ่ง ท่านเงยหน้าขึ้นมาถาม

          "...สุสานชาโรนอฟหรือคะ?"

          "ในบั้นปลาย ครับ ผมจะพาเทมกลับไปอยู่ที่นั่นพร้อมครอบครัวทุกคน"

          "ไหนๆ ความตั้งใจที่อยากบริจาคร่างกายหลังตายก็ทำไม่ได้ จะเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าจะรบกวนขอไปนอนรอที่นั้นด้วยอีกสักคน..."

          คุณยายยังคงเงียบ แต่คุณตานิ่งสักพักก่อนพยักหน้าตอบรับ

          "มาเถอะ เป็นแม่ของตาหนู ถึงยังไงก็นับเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว"

          คุณป้ายกมือไหว้ด้วยความซาบซึ้งใจ "ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ"

          ผมรอคุณป้าคุยกับคุณตาและคุณยายจบก่อนจะมองท่านแล้วโค้งศีรษะลง

          "ผมตั้งใจจะให้ความสำคัญกับเทมไปชั่วชีวิต จะดูแลเขาต่อให้สิ้นลมหายใจไปแล้วก็ตาม คุณป้าครับ...ยกเทมให้ผมนะครับ"

          ฝ่ามือเล็กโอบใบหน้าก่อนหน้าผากจรดลงบนโต๊ะ

          "...ป้า...ไม่สิ...แม่ขอฝากน้องเทมด้วยนะคะ"



       






end 59 .

Twitter #เพื่อนผู้ปกครอง






หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 58-59 * 27/มีค/19
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 31-03-2019 13:41:36
ถึงว่าเรื่องมันถึงซับซ้อนนัก

ว่าแต่เทมคงไม่ได้รับเชื้อมาใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 58-59 * 27/มีค/19
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 01-05-2019 19:57:14
ไม่มาต่อหรอ  คิดถึงเด็กๆ :ling2:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 58-59 * 27/มีค/19
เริ่มหัวข้อโดย: Khratiin ที่ 18-02-2020 07:16:51
 :L1:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 58-59 * 27/มีค/19
เริ่มหัวข้อโดย: Kirana9165 ที่ 18-02-2020 08:18:24
คิดถึงน้องเทม มากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 58-59 * 27/มีค/19
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 18-02-2020 10:40:08

 



 


 

60




 
 

 

          ผมอยากให้ทุกอย่างจบลงอย่างสวยงามตรงนี้ อยากให้คำว่ามีความสุขตลอดไปเป็นจริง แต่ไม่มีใครที่สามารถมีความสุขได้โดยไร้ความทุกข์ แม้แต่เด็กน้อยที่ผมเฝ้าถนอมก็ตาม



          สถานที่ที่คุณป้าต้องเลือกยังคงมีอยู่ สิ่งที่ต้องตัดสินใจก็ยังมีอยู่เช่นกัน


         เสียงของเครื่องบินที่กำลังลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า ความสั่นเล็กน้อยที่พอสัมผัสได้ ในห้องนั่งเล่นหลังการฝากเนื้อฝากตัวที่อบอุ่น บรรยากาศตื้นตันใจค่อยๆ เลือนหายไป



          "ที่ซูริกสวิตเซอร์แลนด์ก็ดีนะคะ คุณป้า..." ท่านสะดุดเล็กน้อย ก่อนหัวเราะออกมาเบาๆ "ไม่ใช่สิ ต่อแต่นี้ไปคงต้องเป็นคุณแม่สินะคะ เฮ้อ ทั้งดีใจแล้วก็อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้เลยค่ะ ดีใจที่สุดที่น้องหมูหย็องยังรักและมั่นคงเสมอมากับน้องเทม แต่ก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ คุณแม่ว่าคุณแม่ต้องเป็นแม่ที่หวงลูกชายหน่อยๆ แน่ๆ เลยค่ะ แต่กับลูกชายคนใหม่คนนี้คุณแม่ก็รู้สึกรักมากๆ เหมือนกัน กลายเป็นว่าลูกรักที่คุณแม่หวงทั้งสองคนรักกัน เลยไม่รู้จะห่วงใครก่อนเลยค่ะ ถ้าไม่ใช่น้องหมูหย็องคุณแม่คงต้องไว้หนวดแล้วถือปืนมาไล่แน่ๆ แบบว่าเป็นสไตล์พ่อกำนันที่ไม่ถูกกับลูกเขย"

 

          แม้จะว่าแบบนั้น แต่ผมก็แทบแยกไม่ออกเวลาที่คุณป้ามองมาที่ผมกับเทม ในนั้นเต็มไปด้วยความรักไม่ต่างกับลูกชายอีกคน คำเรียกขานที่คงช้ากว่าความรู้สึกรักและเอ็นดูที่มอบมาให้ผมมาก่อนนานแล้ว พอได้รับคำแทนตัวแบบนั้น อกและไหล่ทั้งสองข้างก็อดจะยกขึ้นเล็กน้อยอย่างภาคภูมิไม่ได้ ในที่สุดเส้นชัยที่พากเพียรวิ่งเข้าใส่ก็ก้าวถึง ได้รับการยอมรับ และได้รับมอบหมายสิ่งล้ำค่ามาดูแลเสียที



          "อย่ายิงผมเลยนะครับ เดี๋ยวเทมจะเสียใจ"

          พอเห็นผมรับมุก คุณป้ายิ่งหัวเราะจนตัวสั่นคลอน สองมือยกขึ้นทำท่าคล้ายปืน ปลดเซฟ ก่อนเก็บลงข้างลำตัว

          "คุณแม่ไม่กล้ายิงแล้วค่ะ ไม่งั้นน้องเทมคงร้องไห้จนตาบวมกลายเป็นคุณปลาทองแน่นอนเลย ดีไม่ดีแอบปีนห้องหนีตามน้องหมูหย็องไปอีกล่ะ คงได้กลายเป็นคุณแม่ร้องไห้แทนแน่ๆ"

          ผมคุยเล่นกับคุณป้าอีกพักใหญ่ ไม่อยากให้เรื่องที่เรากำลังจะคุยกันต่อไปมันเคร่งเครียด แม้ที่จริงแล้วเรื่องนี้มันจะหนักหนามากก็ตามที
 

          "ที่สวิต คุณแม่ยังไม่เคยไปเลยค่ะ แต่เห็นในรูปที่พี่เอเลนกับทุกคนไปเที่ยวมาแล้วสวยมาก สถาปัตยกรรมที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้ผสานกับความล้ำสมัยของยุคใหม่ และความงามของธรรมชาติได้อย่างยอดเยี่ยม โครงสร้างของตึกนี้คนออกแบบช่างคิดจริงๆ! ดูสิคะน้องหมูหย็องความสมมาตรขององศาโค้งของตัวตึกดูแล้วอิ่มตาดีเหลือเกิน" ตาสีน้ำตาลวิบวับเมื่อได้พูดถึงสิ่งที่ชอบ



          ผมตอบรับรอยยิ้มด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน "คุณป๊ากับคุณตามีบ้านพักตากอากาศที่นั่นครับ ถ้าคุณป้าชอบเห็นวิวทะเลเชื่อมต่อกับภูเขาและเมือง ซึมซับความเงียบสงบของเมืองเก่า คงต้องเลือก Ascona ที่คุณตารัก แต่ถ้าชอบเดินทางสะดวก ใจกลางเมือง เสพสถาปัตยกรรมยิ่งใหญ่พร้อมผู้คนและวิถีชีวิตคงต้องไปเยี่ยมที่บ้านพักของคุณพ่อ อืม...แต่จริงๆ มีอีกที่หนึ่งที่ผมอยากแนะนำ เมืองนี้อยู่กึ่งกลางระหว่างธรรมชาติและผู้คน ยิ่งในฤดูที่ใกล้จะถึงนี้จะยิ่งสวยเป็นพิเศษ แสงของพระอาทิตย์ช่วงตกดินสะท้อนกับวิหารเก่าแก่จนเป็นลวดลายบนท้องถนนทอดตัวยาว แถมที่พักแถบนี้ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยครับ...นี่ครับ"



          ท่านก้มลงมองด้วยความคาดหวังกับคำโฆษณา ไม่ต้องเดาก็รู้จากรอยยิ้มที่ฉีกกว้างขึ้น คุณลูกค้าที่ผมเสนอขายพอใจกับตัวสินค้ามากขนาดไหน



          "ว้าว! สวยเหลือเกินสวยมากเลยค่ะ อะ...โดยเฉพาะตรงสวนสาธารณะตรงนี้ ทำเป็นธีมใต้ท้องทะเลหรือคะ เหมือนพระราชวังของเหล่าเงือกเลย สีน้ำเงิน ฟ้า ขาว เหลือง ส้ม ดำ อืม คุมโทนให้เหมือนใต้ทะเลที่มีแสงแดดส่องถึงสินะคะ ตายจริง ม้าลื่นสีฟ้าตรงนั้นน้องเทมต้องชอบมากแน่ๆ"



          นิ้วเรียวจรดไปที่หน้าจอ ตำแหน่งเดียวกับเหตุผลที่ผมจดที่นี่ไว้ในใจ คิดเอาไว้ว่าเจ้าตัวเล็กต้องชอบ ยิ่งได้คำยืนยันจากอีกหนึ่งเสียงกิตติมศักดิ์ ยิ่งมั่นใจว่าไม่มีทางคิดผิด

 

          ผมปล่อยให้คุณป้าเลือกชมสถานที่ต่อไปเงียบๆ เสนอแนะบ้างเป็นบางหนเมื่อถูกถามความคิดเห็น ทุกประโยคมักจะมาพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอ่อนโยน ท่าทางเลื่อนหน้าจอไปมาอย่างตื่นเต้นและสนุกสนาน เหมือนที่เรากำลังเลือกอยู่ตอนนี้คือสถานที่ท่องเที่ยว

 

          ไม่ใช่สถานที่จบชีวิตแต่อย่างใด

 

          ออสเตรเลีย แคนาดา เบลเยียม เนเธอร์แลนด์สวิตเซอร์แลนด์ โคลัมเบีย ญี่ปุ่น อินเดีย ลักเซมเบิร์ก อเมริกา สิบประเทศคือตัวเลือกที่มีอยู่ในปัจจุบัน สถานที่สำคัญสุดท้ายที่ท่านต้องเลือกด้วยตัวเอง



        ปรานีฆาตหรือการุณยฆาตไม่น่าจะใช่คำทั่วไปที่ทุกคนคุ้นเคย แต่พวกเราก็ได้สนิทกับคำนี้มาสักพักใหญ่ การฆ่าตัวตายในแบบถูกต้องตามกฎหมาย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หนทางการจบชีวิตที่ตัวเราสามารถลิขิตระยะเวลากำหนดได้ด้วยตนเอง แต่ก็ใช่ว่าทุกประเทศจะถูกกฎหมาย และด้วยหลักเหตุผลทางศีลธรรมและอีกหลายๆ อย่าง การจะเข้ารับการการุณยฆาตเป็นเรื่องยากมาก ต้องดูเหตุผลด้านความจำเป็นที่จำกัดอยู่แค่ไม่กี่อย่าง เช่นเป็นโรคร้ายที่เกินรักษา สภาพจิตใจที่เกินเยียวยา ไม่ใช่แค่รู้สึกอยากตายก็เข้ารับได้ ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจทั้งสภาพจิตใจและร่างกายมากมาย แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็พอสมควรเช่นกัน


          สถานที่ทำการุณยฆาต



          เรากำลังเลือกที่แห่งสุดท้าย ที่แห่งสุดท้ายที่คุณป้าจะนอนหลับไปตลอดกาล
 

          สานต่อความต้องการสุดท้ายที่คุณป้าและผมตกลงร่วมกัน



          ผมไม่ได้เร่งรัด รอคุณป้าเลือกอย่างใจเย็น เพราะรู้ว่ามันยาก ภายใต้รอยยิ้มอ่อนหวาน ไม่รู้ว่าน้ำตามากมายขนาดไหน ผมกำมือแน่นก่อนค่อยๆ คลายออก การยอมรับความเป็นจริงเป็นเรื่องที่ลำบากเสมอ แม้จะพยายามถ่วงเวลาไว้แค่ แต่ในที่สุดวันนี้ก็ต้องมาถึง



          คุณป้าเม้มปาก ท่าทางคิดไม่ตก "เลือกไม่ถูกเลยค่ะ ยากมากจริงๆ ที่ไหนก็สวยเหลือเกิน น้องหมูหย็องอยากเป็นคนเลือกไหมคะ ถ้าให้คุณแม่เลือกเองคงได้ปีหน้านู่นแน่ๆ เลยล่ะค่ะ"

 

          "ไม่จำเป็นต้องเป็นหนึ่งในนั้น จะเป็นที่ไหนก็ได้นะครับ ถ้าคุณป้า...คุณแม่มีที่ไหนที่อยากไปก็สามารถบอกได้เลย ผมจะจัดการให้เรียบร้อย ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอะไร แค่เลือกสถานที่ที่คุณแม่ชอบก็พอครับ ขอแค่ไม่ใช่ประเทศที่เทมจะใช้ชีวิตอยู่ก็พอแล้ว"
 


           อันที่จริงเรื่องเหล่านี้ต้องดำเนินการในโรงพยาบาล แต่ก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงถ้าจะจัดการให้เกิดขึ้นในที่แห่งไหนก็ได้ ขอเพียงคุณป้าพอใจ และแค่ไม่ใช่ประเทศที่เจ้าตัวเล็กต้องใช้ชีวิตอยู่ก็เป็นพอ เทมคงจะทำใจยากหากเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในสถานที่ใกล้ตัวเอง สถานที่บันทึกความทรงจำที่เจ็บปวด ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ห่างไกลได้มากที่สุด ไกลพอที่เขาจะสามารถหลบหลีกคมหนามพวกนั้นจนไม่โดนทำร้ายได้



          "ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่ไม่อยากให้น้องหมูหย็องยุ่งยากไปมากกว่านี้ เอาตามที่มีจะสะดวกกว่า เป็นที่สวิตเซอร์แลนด์ก็ได้ค่ะ ยังไงก็คงไม่ต่างกันนัก"



          ผมหันไปพยักหน้าให้กับเลขาที่ยังคงอยู่บนหน้าจอรอคอยคำสั่ง อีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับก่อนหน้าจอเล็กๆ จะดับไป ส่วนคุณตาคุณยายหลังจากช่วยมาเป็นพยานเมื่อครู่ ท่านก็ไปพักผ่อนต่อนานแล้วครับ คิดว่าอาจจะโดนดุย้อนหลังมาแหน่อยที่ทำตามอำเภอใจมากขนาดนี้ แต่คิดว่าสุดท้ายพวกท่านก็จะตามใจผมอยู่ดี



          "แล้วจะบอกทุกคนเมื่อไหร่ดีคะ ถ้าเป็นไปได้คุณแม่ก็อยากให้เป็นหลังเที่ยวเสร็จสักพัก ไม่อยากให้ทุกคนหมดสนุกกันด้วยเรื่องนี้"

          "ได้ครับ งั้นเราจะบอกทุกคนหลังเที่ยวเสร็จ แล้วก็...ผมมาคิดดูแล้ว ผมอยากจะขอเทมหมั้นแล้วก็จัดงานแต่งงานน่ะครับ"

          "อ๋อ...แต่งงานสินะคะ"



          คุณป้าทำสมุดในมือล่วงลงกับพื้น ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือสั่นๆ ชี้เข้าหาผมแล้วชี้ออกไปทางด้านนอกประตูสลับกันไปมา เผลออ้าปากเสียกว้างจนหมดภาพลักษณ์สาวน้อยเรียบร้อย ใช้เวลาพักใหญ่กว่าคุณป้าจะตั้งสติได้แล้วละล่ำละลักถาม



          "อ-เอ๊!? ม-หมั้น? หมั้น หมั้น แต่ง แต่ง แต่งงาน แต่งงานหรือคะ แต่งงานกับน้องเทมงั้นหรือคะ?! ตอนนี้เลยหรือคะ??? ไม่ใช่ตอนเรียนจบแล้วงั้นเหรอคะ? หมั้นที่หมายถึงจะแต่งงานกันน่ะเหรอคะ?! แต่งงาน แต่งงานที่แต่งงานแบบนั้นน่ะเหรอคะ เอ๊ ตอนนี้ ตอนนี้เลยเหรอคะ? เอ๊ น้อง น้องเทมอายุถึงแล้วงั้นเหรอคะ เอ๊ะ..ก็ ก็สิบหกแล้วสินะคะ แต่ว่าที่ต่างประเทศต้องอายุเกินยี่สิบหรือเปล่าคะ แล้ว แล้ว เอ๊??????"



          พอพูดตะกุกตะกักแล้วทำตาโตแบบนี้ก็อดทำให้หลุดยิ้มออกมาไม่ได้ คล้ายเด็กน้อยของผมตอนลนลานไม่มีมีผิด คุณป้าหรือสถานะใหม่คือคุณแม่อีกคนของผมยังคงดูแตกตื่น เรื่องที่ดูใหญ่โตที่ผมแจ้งอย่างกะทันหัน ทำเอาคนที่มักยิ้มรับทุกอย่างอย่างใจเย็น ถึงกับเรียบเรื่องเรื่องไม่ทัน คุณป้ายังคงทำหน้าตาตลกๆ ทั้งยิ้มกว้างและคล้ายจะร้องไห้สลับกันไปมา ดูท่าสติที่หลุดลอยออกไปคงยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก ท่านหลุดเสียงกรี๊ดออกมาเบาๆ มือที่ตกข้างลำตัวยกขึ้นปิดปาก น้ำใสๆ เอ่อคลอ



          "ตอนนี้จริงๆ เหรอคะ เป็นตอนนี้ได้จริงๆ หรือคะน้องหมูหย็อง"

          "เรื่องหมั้นคุณตากับคุณหม่าม้าคงจะติดต่อกับคุณแม่ไว้บ้างแล้วใช่ไหมครับ"

          "ก-ก็มีเกริ่นให้ฟังบ้างค่ะก่อนที่คุณตาของน้องหมูหย็องจะกลับ ตอนน้องหมูหย็องพูดเมื่อครู่ คุณแม่ก็คิดว่าคงจะเป็นหลังจากทั้งสองคนเรียนจบ คิดว่าคงจะอีกนาน"



          ก็ควรเป็นอย่างนั้น ควรจะเป็นเวลาอีกหลายปี กว่าจะถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม ผมอยากจะดึงธุรกิจของคุณยายและคุณตามาจัดการอะไรให้มันเรียบร้อยก่อนจะแต่งงานกับเทม เพื่อความปลอดภัย

          ผมคิดไว้ว่ารอเทมอายุสักยี่สิบก็จะขอเขาหมั้น ยี่สิบห้าถึงจะขอเขาแต่งงาน อยากให้เด็กน้อยโตขึ้นมากกว่านี้ เพราะมันเหมือนการเปิดตัว ด้วยฐานะที่ผมต้องก้าวไปยืน มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ของการเป็นจุดสนใจ ลำพังเพียงแค่ฐานะของลูกชายนักธุรกิจชื่อก้องโลกกับดาวเด่นแห่งวงการแฟชั่น แค่นั้นก็เรียกร้องความสนใจจากผู้คนมากมาย ดูอย่างพวกเฮียปลาหรือหย็องหย็องก็ได้ ชีวิตไม่ค่อยมีความส่วนตัวนักหรอก คนเข้าหาบางครั้งก็น่าปวดหัวกับจุดประสงค์ ต้องมานั่งคาดเดาว่ามาดีหรือมาร้าย ยิ่งการแต่งงานกับเด็กผู้ชายที่เป็นเด็กพิเศษ ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นเรื่องที่แค่คิด ผู้คนก็ล้วนต้องหันมามองกันอย่างบ้าคลั่งแน่ คำวิพากษ์วิจารณ์ที่คงไม่ได้มาแค่ด้านบวก คำพูดในแง่ลบที่ต้องเผชิญ

          แค่คนธรรมดายังเป็นเรื่องอันตราย ยิ่งกับเด็กชายในกรงแก้วด้วยแล้ว... ถึงเทมจะไม่เข้าใจ แต่สายตาที่คนมองเวลาออกไปข้างนอกก็คงไม่ดีต่อเขา

          แต่มันก็ในกรณีที่ผมแต่งงานแบบจดทะเบียนสมรส เพราะถึงยังไงก็คงซ่อนข่าวลำบาก นามสกุลที่พ่วงท้าย ขยับตัวแต่ละทีก็แสนน่าอึดอัด



          แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีวิธี



          "ใช่ครับ แต่ไม่มีใครกำหนดไว้นี่ครับ ว่าเราจะแต่งงานกับคนเดิมได้กี่ครั้ง ถ้าผมจะแต่งงานตอนนี้ ในอนาคตผมก็แต่งงานกับเขาอีกรอบได้ ในอีกสิบปี สิบห้าปี ถึงวันนั้นผมค่อยคุกเข่าขอเขาแต่งงานอีกครั้งก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว"



          ที่ผมดื้อดึงอยากจัดงานในตอนนี้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าเทมขอ แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจและคิดขึ้นได้



          "งานนี้จะไม่มีใครรู้นอกจากคนสนิท เพราะงานที่จะจัดผมจะยังไม่จดทะเบียนสมรส งานนี้ที่ขาดไปคือกระดาษแผ่นเดียวนั้น ผมขอทดแทนด้วยคำสัญญาอีกแผ่นที่ผมมอบให้คุณแม่เอาไว้ ส่วนทะเบียนสมรส เมื่อเทมพร้อม ผมจะเป็นคนจูงมือเขาไปเซ็นเองครับ"



          ในวันที่เขาควรมีความสุขที่สุด ในวันอันศักดิสิทธิ์ที่ควรมีสักขีพยานเป็นคนที่เขารักที่สุดมารวมตัวกัน พื้นที่ตรงนั้นไม่ควรขาดมารดาที่เด็กน้อยรักยิ่งไป ครอบครัวเพียงคนเดียวที่แสนสำคัญควรได้เฝ้ามองและร่วมรับรู้ความสุขนั้นด้วยกัน หญิงสาวที่อุ้มนางฟ้าตัวน้อยมา ควรได้ส่งเขาออกจากอ้อมกอดด้วยสองมือของตัวเอง



          "ถึงคุณแม่จะไม่ได้เห็นเทมในวันรับปริญญา แต่คุณแม่จะได้เห็นเทมปุระในชุดสูทนะครับ คุณแม่จะได้เห็นกับตาในวันที่เทมมีคนรับช่วงต่อดูแล วันสำคัญที่สุดหนึ่งวันของชีวิตของเทม ผมอยากให้มีคุณแม่ที่เทมรักมากร่วมอยู่ด้วย ไม่ใช่คุณป๊าหรือคุณม้า แต่ต้องเป็นคุณแม่เท่านั้น ไม่มีใครแทนที่ได้"

       

          "ค่ะ ค่ะ ได้ทั้งหมดเลยค่ะ แม่...แม่ไม่คิดเลยค่ะว่าจะได้อยู่ร่วมวันที่น้องเทมจะเข้าแต่งงาน มันดูเป็นอนาคตที่ห่างไกลที่คุณแม่ไม่สามารถจับต้องได้ มัน...ดู ฮึก ห่างไกล..."



          ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้คุณแม่ที่เริ่มร้องไห้แบบจริงจังจนจมูกแดงก่ำ คุณแม่ที่เริ่มสะอื้น พูดขอบคุณผมซ้ำไปมา ชั่งใจเล็กน้อยก่อนตัดสินใจเอ่ยต่อ "คุณแม่ครับ ผมมีเรื่องบางอย่างที่ต้องบอกคุณแม่ให้ทราบ เกี่ยวกับคนคนนั้น...เขาจะพ้นโทษปีหน้านะครับ"


           รอยยิ้มสลายลงช้าๆ ก่อนจะซีดเผือด ร่างบางกระตุกเฮือกและสั่นอย่างคนหวาดกลัวแม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อโดยตรง สองแขนเล็กยกขึ้นกอดตัวแน่นเหมือนพยายามป้องกันตัวจากเองบางสิ่ง หรือ'บางคน' ที่เคยทำร้ายกันเมื่อนานมาแล้ว ดวงตาสีอ่อนหันมองรอบตัวท่าทางร้อนรน มือบางยกขึ้นปิดปากท่าทางคล้ายหายใจไม่ออกและพะอืดพะอม คุณป้าลุกขึ้นยืนก่อนทรุดฮวบลงกับพื้น ขาอ่อนแรงพาท่านไปไหนไม่ได้ ได้แต่คว้าแจกันใกล้มือมาอาเจียนใส่ ท่านกอดแจกันแน่น



          "คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"



          ผมกำลังจะลุกไปแตะเรียกสติคุณป้าที่ดูหวาดเกรงถึงขีดสุดจนตัดขาดโลกภายนอก แต่ก็ไม่ทันผู้ชายอีกคนที่ผมจงใจแง้มประตูให้เขาได้ยินความเป็นไปในห้องมาตั้งแต่ต้น เฮียเนื้อหย็องเหลือบมองให้ผมหลบออกไปก่อน ก่อนจะรีบตรงปรี่เข้ากอดคุณป้าที่กำลังตื่นกลัว หญิงร่างเล็กที่จมจ่อมไปในอดีตคล้ายเห็นภาพซ้อนของบุคคลที่เพิ่งเข้ามาใหม่กับคนร้ายกาจหลายปีก่อน คุณป้าดิ้นก่อนขืนตัวหนี เมื่อหลุดจากอ้อมกอด สองมือเล็กก็คว้าสิ่งใกล้มืออย่างแจกันที่เคยกอดแน่น แล้วเขวี้ยงเข้าใส่ เสียงแตกดังก้องห้อง สิ่งที่บรรจุในนั้นเลอะเทอะกระจายไปทั่ว เฮียเนื้อหย็องไม่มีท่าทีรังเกียจ แม้สิ่งสกปรกเหล่านั้นจะเปรอะเปื้อนตัวเองมากกว่าครึ่ง ท่านกรีดร้องตะโกนว่าห้ามเข้ามา พยายามปกป้องตัวเองด้วยการทำร้ายอีกคน แต่แม้จะโดนทุบตีตบข่วนแขนแกร่งก็ไม่ปล่อย ใบหน้าคมสันโดนเล็บจิกจนเลือดซิบ แต่มือใหญ่ยังคงบรรจงลูบลงบนศรีษะอย่างปลอบโยน


 

          "...เมครับ เมกุมิ เมกุมิ ผมอยู่ตรงนี้กับคุณนะครับ มีแค่ผมและหมูหย็อง มีแค่เราสามคน ไม่มีใครอื่น เรื่องราวครั้งนั้นคุณผ่านมันมาแล้วทั้งหมด คุณที่อยู่ในตอนนี้ปลอดภัย ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล้ำกรายใกล้คุณ ผมจะปกป้องคุณเอง"



          คุณป้าส่ายหน้าไม่เชื่อ กรีดร้องเหมือนเจ็บปวดอย่างหนัก น้ำเสียงสั่นกลัวเค้นเอาคำตอบซ้ำไปมา
 

          "จริงนะคะนิโคลัส จริงๆ นะคะ มันไม่อยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ ไม่อยู่จริงๆ ใช่ไหมคะ ไม่มีใครอยู่ ไม่มีใคร ไม่มีมันใช่ไหมคะ"



          คุณป้าจับเฮียเนื้อหย็องไว้แน่น ไม่กล้าลืมตาขึ้นมองอะไร ดั่งกลัวว่าจะค้นพบใครคนนั้นบนนี้

 

          "ครับ ไม่มีใคร ทีนี้สูดลมหายใจเข้าออกตามจังหวะการบีบมือของผมนะครับ ...ดีมากครับ เชื่อใจผมนะเมกุมิ ค่อยๆ ลืมตา แล้วคุณจะเห็นแค่ผม เห็นแค่หมูหย็อง ไม่มีใครอีก"



          อย่างที่คิดเอาไว้ เรื่องนี้เซนซิทีฟเกินไปสำหรับคุณป้า...คิดถูกแล้วที่ให้การ์ดไปเรียกเฮียเนื้อหย็องมารออยู่ข้างนอก ผมรอให้คุณป้าใจเย็นลงในอ้อมแขนของพี่ชายตัวเองสักพัก ระหว่างนั้นก็เดินออกมานอกห้องเพื่อตรงไปยังห้องนอนท้ายเครื่อง แง้มประตูแอบดูคนที่ยังนอนหลับสนิทบนเตียง แก้มนิ่มจมลงบนหมอนนุ่มนิ่งสงบ คุณหมอกับพยาบาลเมื่อเห็นผมเข้า ก็ละสายตาจากเครื่องวัดชีพจร ลุกขึ้นยืน ผมโบกมือเป็นเชิงบอกไม่มีอะไร ก่อนจะพยักหน้าขอตัวเพื่อกลับมาห้องรับแขกเช่นเดิม เพราะไม่ใช่ห้องรับแขกที่บ้านที่เก็บเสียงได้มิดชิด จึงกลัวว่าเด็กน้อยจะตื่นจนได้ยินเสียงที่ไม่ควรเข้า
 

          ไม่มากครั้งนักที่ผมจะเห็นคุณป้าสติหลุด มีแค่ช่วงที่เชื้อเริ่มดื้อต่อยาตัวเดิมจนสภาพจิตใจอ่อนแอ ความเจ็บปวดที่รุมเร้าตัดเส้นควบคุมตัวเองให้ขาดสะบั้น แต่เมื่อได้รับยาตัวใหม่มาก็จะดีขึ้นจนเป็นปกติ แต่ได้ยินทั้งจากคุณหมอและพี่ชายตัวเอง ว่าคุณป้าควบคุมตัวเองได้ยากขึ้นเรื่อยๆ คงเพราะจากปัจจัยหลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นคงเป็นเพราะทั้งความเครียดและร่างกายที่เจ็บปวด จนบางครั้งสมองก็สั่งให้หลบหลีกความเจ็บนั้นด้วยการจมลงไปในบ่อของความเกรี้ยวกราด
 

          ดีแล้วที่เริ่มแยกเทมออกมา



          มันฟังดูโหดร้ายและสารเลวที่พรากแม่พรากลูกให้ห่างไกล แต่ผมกลัว ผมกลัวเหตุการณ์จะซ้ำรอยถ้าเกิดคุณป้าขาดสติแล้วทำร้ายเทม เมื่อยังเด็กคุณป้ากระทำลงไปตอนเจ้าตัวน้อยหลับสนิท เขาจึงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ถูกแม่ที่รักมากทำร้าย คงยิ่งกว่าเจ็บปวด ยิ่งได้รับรู้ว่าคุณแม่ไม่ได้ตั้งใจ แต่ทำไปเพราะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้คงยิ่งกว่าเจ็บ การได้แต่ยืนมองคนที่ตัวเองรักเดินหน้าเข้าไปหาความทรมาน ผมรู้และเข้าใจดีกว่าใครว่ามันยิ่งกว่าตายทั้งเป็น



          ช่วงที่คุณป้าเริ่มถูกแยกห่าง ผมให้เธอไปทำตามความฝันทุกสิ่งที่ไม่เคยได้รับโอกาส แม้เวลาจะหมดก่อนจะศึกษาให้จบปริญญา แต่คุณป้าก็ได้เรียนสิ่งที่ต้องการ ได้ลองออกแบบบ้านและสร้างขึ้นมาจริงๆ ท่องเที่ยวในทุกๆ หนแห่ง และใช้เวลาช่วงสุดท้ายกับคนที่รักอย่างเดียวกับที่คนคนหนึ่งสมควรได้รับ
 

          เฮียเนื้อหย็อง

 

          เฮียเนื้อหย็องกับคุณป้ารักกัน...แต่ไม่ได้คบกัน



          ความสัมพันธ์ไร้ชื่อเรียกที่คุณป้าไม่ยอมมอบชื่อเรียกให้คงอยู่มายาวนานพอๆ กับที่ผมรักเทม หลังเฮียเนื้อหย็องมาขอกำลังใจจากผมไปสารภาพรักกับคุณป้า



          'กับพลุที่รอถูกจุดแล้วสลายไปในชั่วพริบตา อย่าเอาอนาคตมาผูกไว้ด้วยกันเลยนะคะ'

          คือคำตอบที่ถูกบอกเล่า
 

          แม้ถูกปฏิเสธแต่ก็ไม่สามารถตัดใจได้ กับคนที่เป็นเหตุผลให้อยากเรียนหมอเพื่อไปรักษา โยนอนาคตความฝันทุกอย่างทิ้งเพื่อไปจับหนังสืออ่านทั้งวันทั้งคืน


 

          ก็ไม่แปลกใจที่ผมจะได้ฟังคำขอร้องอะไรแบบนี้


 

          การ์ดที่ยืนอยู่หน้าห้องยังคงยืนสงบนิ่งอย่างมืออาชีพ ทำตัวเป็นเงาไม่ยุ่งเกี่ยว แม้จะเห็นผมยืนแอบฟังบทสนทนาในห้องก็ทำเป็นไม่รู้เห็น มือที่กำลังจะผลักประตูเปิดออกนิ่งค้างกับคำขอของพี่ชายของตัวเอง



          "ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วผมเคยคุกเข่าลงขอให้คุณรับรักผม และคุณตอบว่าไม่ ครั้งที่สองผมคุกเข่าลงอีกครั้งเพื่อขอให้คุณอยู่ต่อไปจนถึงลมหายใจสุดท้าย คุณก็ปฏิเสธอีกเช่นเดียวกัน"
 


           เสียงทุ้มแหบแห้งเอ่ยอย่างอ้อนวอน "ครั้งนี้ ถ้าผมขอตามคุณไป ตามคุณไปทุกหนแห่ง...แม้แต่โลกหลังความตาย คุณจะให้คำตอบที่เปลี่ยนไปกับผมได้ไหมครับเมกุมิ....ช่วยบอกตกลงกับผมได้ไหมครับ"


           คุณป้านิ่งอึ้งไป ตกใจจนเผลอลุกขึ้นยืน "...คุณนิโคลัส!"



          ก่อนที่จะสงบลงอย่างรวดเร็วแล้วยิ้มอ่อนหวาน ในดวงตาสะท้อนภาพเขียนแสนคล้ายคลึงยามเทมปุระมองผม มันเต็มไปด้วยความรักลึกซึ้งแม้ไม่พูดออกมา ที่ต่างคงเป็นเหล่ามวลสารที่อัดแน่นนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว แทนด้วยความรวดร้าวก่อนจะถูกกลบด้วยความอ่อนโยนเฉกเช่นเดิม "ขอบคุณมากนะคะที่รักกันมากขนาดนี้..และต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ ที่ครั้งนี้คำตอบก็ยังคงเป็นการปฏิเสธเหมือนเดิม"

          มือเล็กแตะลงสันกรามชายคนรัก ลูบแผ่ว "จะให้เห็นแก่ตัวพาว่าที่คุณหมอไปด้วยกันได้ยังไงกันคะ มีคนเจ็บป่วยในอนาคตอีกหลายพันหลายหมื่นคนที่จะได้มือคู่นี้ช่วยชีวิตเอาไว้ ...คนตายไม่ต้องการหมอหรอกนะคะรู้ไหม"

          "แต่คุณต้องการผม"

          "...ใช่ค่ะ แต่ต้องไม่ใช่ในเร็วๆ นี้ เมต้องการเจอคุณในตอนที่อายุเยอะกว่านี้มากๆ อย่างน้อยๆ ก็ต้องอายุเจ็ดสิบปีขึ้นไปนะคะ ต้องเป็นคุณปู่นิโคลัส เป็นคุณลุงเนื้อหย็องเสียก่อน เป็นคุณหมอเฉพาะทางสี่ด้านตามที่วาดหวังเอาไว้ ใช้ชีวิตให้เต็มที่"

          "จะมีประโยชน์อะไร เหมือนหัวล้านได้หวี เหมือนไก่ได้พลอย ผมจะเอาความสามารถพวกนั้นมาทำไมในตอนที่คุณไม่อยู่แล้ว ที่ผมทำมาทั้งหมด ตั้งใจเรียนมาทั้งหมดก็เพื่อเป็นหมอมารักษาคนไข้เพียงคนเดียวของผม ...อยู่ต่อได้ไหมครับ ถึงมันจะทรมาน แต่ช่วยอยู่ต่อไป อยู่ต่อไปเพื่อผม...อีกสักครึ่งปีก็ยังดี ระหว่างนี้ผมจะหายาตัวใหม่..."

          มือบางเลื่อนจากแก้มมาปิดปากที่ดื้อดึงต่อทางตัน "ไม่ดื้อนะคะ"
 

          "คุณหมอเนื้อหย็องก็รู้ใช่ไหมคะว่าอาการสุดท้ายของโรคเอดส์เป็นยังไง ร้ายกาจขนาดไหน เจ็บปวดเมทนได้ค่ะ ความเจ็บปวดแลกกับตอบรับคำขอของคุณ ไม่ยากเลยที่จะเลือก แต่...คุณทนเห็นได้หรือคะตอนที่โรคร้ายดำเนินไปในถึงช่วงสุดท้าย ถึงคุณทนได้ แต่...น้องเทมทนเห็นไม่ได้นะคะ เมจะให้ลูกเห็นสภาพคุณแม่ของเขาทุรนทุรายตายอย่างทรมานได้ยังไงกัน จะให้เมเป็นฝันร้ายของลูก เมทำไม่ได้ ไหนจะคุณอีก"
 

          มือบางสั่นสะท้าน เม้มปากแน่นก่อนจะค่อยๆ คลายออก "อย่าให้เมเป็นฝันร้ายของคุณได้ไหมคะ ให้เมไปในตอนที่เมพร้อมและยังเป็นรอยยิ้มเมื่อคุณนึกถึง เวลาที่ผ่านมามันดีมาก และเมก็อยากให้มันจบลงแบบนี้ ...อย่ายืดเวลาให้เจ็บปวดกันไปมากกว่านี้เลยนะคะ"



          สีหน้าเจ็บปวดราวโรคระบาดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกับบุคคลทั้งสอง

 

          "ขอร้องนะคะนิโคลัส อย่าคิดแบบนี้และอย่าได้ลงมือทำเป็นอันขาด ในฐานะที่เป็นแม่คนหนึ่ง ในฐานะที่เป็นคนที่ห่วงใยคุณไม่แพ้ใคร อยากให้คุณมีชีวิตที่ยืนยาว...และไม่จำเป็นต้องเป็นเม ใครก็ได้ที่ทำให้คุณมีความสุข อย่าขังตัวเองไว้กับคนที่ไม่มีลมหายใจแล้วนะคะ คุณต้องก้าวต่อไป ...แค่นานๆ คิดถึงกันบ้างก็เพียงพอแล้ว"
 

          ...ยากแค่ไหนกันนะ ที่ต้องตัดใจบอกให้คนที่ตัวเองรักไปมีชีวิตที่ดีโดยไร้ตัวเองเคียงข้าง...

          หัวใจต้องกว้างขวางขนาดไหนถึงสามารถอวยพรให้คนอื่นได้ ในชั่วเวลาที่ตัวเองต้องเผชิญสิ่งที่น่ากลัวเพียงลำพัง
 

 

          "ความสุขของผมคือคุณ" เฮียเนื้อหย็องร้องไห้เงียบๆ กับความเด็ดเดี่ยวที่หญิงร่างเล็กมี
 

          หลังถูกปลอบโยนก็เป็นฝ่ายปลอบโยนกลับ ใช้ปลายนิ้วเล็กช่วยซับน้ำตาให้คนตัวโต พูดเสียงเข้ม "ห้ามตามไปเด็ดขาดเลยนะคะ เอานิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวสัญญากันเดี๋ยวนี้เลยค่ะ"

          แม้จะไม่เต็มใจและพยายามขัดขืน แต่สุดท้ายพี่ชายของผมก็พ่ายให็กับหญิงร่างเล็กที่ใจแสนยิ่งใหญ่
 

          "สัญญากันแล้วนะคะ ถ้าผิดสัญญาจะโกรธมากๆ" คุณป้าเงียบลงเล็กน้อย สีน้ำตาลสวยแฝงความเศร้า

          "ถ้า...เมไม่อยู่แล้ว รบกวนเฮียเนื้อหย็องช่วยน้องหมูหย็องดูแลน้องเทมด้วยนะคะ แล้วก็...ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ ใช้ชีวิตให้มีความสุขมากๆ นะคะรู้ไหม"



          เฮียเนื้อหย็องหันไปทางอื่นอย่างดื้อดึงอีกครั้ง
 

          "น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน"

          คุณป้าหัวเราะคิก"น้ำหยดลงหินทุกวัน หินลุกขึ้นวิ่งหนีต่างหากค่ะ ...แล้วหินก้อนนั้นก็คงไม่เหลือเวลามากพอให้คุณกร่อนด้วยนะคะ"



          ทั้งสองคนสบตากันในความเงียบ

         
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 60 * 18/กุมภา/63
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 18-02-2020 10:42:46

          เมื่อทุกอย่างดูนิ่งสงบลงแล้ว
 


          ก๊อก ก๊อก



          ผมตัดสินใจเคาะลงประตูเพื่อให้คนในห้องรู้สึกตัว


 
          "คุณแม่ดีขึ้นหรือยังครับ"

          "อ๊ะ น้องหมูหย็องคะ" คุณป้าเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาก็รีบลุกขึ้น ยกมือขึ้นๆ ลงๆ ท่าทางอยากจับผมหมุนตัวมองสำรวจด้วยความเป็นห่วง แต่คงเพราะเพิ่งจะอาเจียนออกมา ถึงจะเปลี่ยนชุดและทำความสะอาดแล้ว แต่ก็ยังลังเลที่จะเข้ามาใกล้ "แย่แล้ว...เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ เมื่อสักครู่ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ ให้คุณป้าไปเรียกคุณหมอให้ดีไหมครับ อะ ตรงต้นคอนี่มีรอยแดงด้วย ทำยังไงดีครับน้องเนื้อหย็อง น้องหมูหย็องเจ็บตัวเสียแล้ว เจ็บมากไหมครับ โธ่ คุณป้าขอโทษจริงๆ นะครับ"



          ปกติถ้าไม่ใช่ต่อหน้าเทมปุระ คำลงท้ายของคุณป้าจะเป็นคะค่ะ ไม่ใช่ครับแบบที่พูดกับเจ้าตัวน้อย แต่ตอนนี้กลับเผลอใช้วิธีพูดแบบเดียวกับตอนที่พูดกับลูกชายตัวเอง ยามลนลานมักใช้คำผิดๆ ถูกๆ คล้ายคนแก้มนิ่มที่กำลังหลับอยู่ไม่มีผิดเพี้ยน

 

          "ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้โดนอะไร ส่วนที่คอ อา รอยนี้คือ...เทมเป็นคนทำน่ะครับ"

          "อะ เอ๋? อะ...อ๋อ ง-งั้น...งั้นหรือคะ" คุณป้าตอบรับอย่างเขินอายก่อนจะเก้ๆ กังๆ กลับไปนั่งลงทีเดิม พึมพำเสียงเบาๆ "ด-เด็กๆ โตไวกันเหลือเกินค่ะ คุณแม่ใจบางไปหมดแล้ว"

 

          สบตากับเฮียเนื้อหย็องเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มรื้อบทสนทนาที่ค้างคาเอาไว้เมื่อครู่กลับมาสานต่อ



          "คุณแม่พอจะรับฟังต่อไหวไหมครับ"

          คุณแม่เกร็งตัวขึ้น แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงอุ่นไอของคนเคียงข้างก็สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนพยักหน้าช้าๆ

          "ค่ะ คุณแม่พร้อมแล้ว ...ข-เขาจะออกมาหรือคะ"

          "ครับ เลขาของผมแจ้งมาว่าเขาทำตัวดี เลยได้รับการลดโทษเร็วขึ้นครึ่งปี"


           นับว่าคนคนนี้อึดและโชคดีพอสมควรเลยทีเดียว ที่ยังรอดพ้นเหล่านักโทษที่ผมจ้างวานดูแลเขาเป็น 'พิเศษ' มาได้ถึงหลายปี แต่ก็อย่างว่า ผมไม่ค่อยชอบให้อะไรๆ มันจบอย่างง่ายดายนัก ความแค้นไม่สามารถระบายลงได้กับซากศพที่ไร้ความรู้สึกหรอกนะครับ



          "ถ้าออกมาเฉยๆ ผมก็คงจะปล่อยผ่านไม่เอาเรื่องนี้มาปรึกษาคุณแม่ แต่ว่าผมได้รับคำร้องขอ พวกจดหมายต่างๆ จากที่อยู่เก่าของคุณแม่ที่เขาเรียกร้องขอพบเทมมาหลายปีแล้วครับ ไหนจะข่าวที่ได้รับมาว่าเขาพยายามจะยื่นเอกสารเพื่อฟ้องร้องขอดูแลลูกชาย และในใบเกิดของเทม ในชื่อผู้ปกครองมีชื่อของเขาอยู่ในฐานะบิดา และเทมก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ในวันที่คุณแม่...ไม่อยู่แล้ว เขาจะกลายเป็นผู้ปกครองที่เหลือเพียงคนเดียว และมีสิทธิ์ขาดในตัวของเทมในฐานะพ่อ"



          คุณป้าลุกขึ้นพรวด หน้าซีดเผือดยิ่งกว่าครั้งไหน ตะโกนเสียงดังแบบที่ผมไม่เคยได้ยิน

 

          "ไม่ได้! ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้นะคะ ไม่ได้เด็ดขาด น้องเทม น้องเทมจะเจอมันไม่ได้เด็ดขาด! ไม่ว่ายังไงก็ห้ามเจอกันเด็ดขาด! ห้าม ห้ามนะคะ น้องหมูหย็อง ป้าขอร้อง อย่าให้มันพาน้องเทมไปนะคะ ถ้า ถ้า ถ้ามันได้เจอน้องเทม มันต้องทำเรื่องเลวร้ายแน่ๆ สัตว์นรกแบบนั้นต่อให้ตายก็ไม่มีทางสำนึก! ถ้าต้องให้มันพาเทมไป ให้น้องเทมตายตามป้าไปยังดีเสียกว่า!"

 

          ผมตากระตุกกับถ้อยคำระคายหู ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะจ้องหน้าเฮียเนื้อหย็อง

 

          "เมกุมิซัง ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ หมูหย็องไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำร้ายเทมแน่นอน"

          "ครับ ผมไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำร้ายและพรากเทมไปจากผมแน่นอน...แม้แต่คุณป้าเองก็ตาม"

          ความจริงจังที่เข้มจัดในน้ำเสียงและแววตาดึงให้ หญิงร่างเล็กค่อยๆ ตั้งสติอีกครั้ง น้ำตาไล่อาบสองข้างแก้มจนเปียกชุ่ม "ข-ขอโทษค่ะ พอเป็นเรื่องนี้แล้ว...ป้า ป้า ม-ไม่ไหวจริงๆ ...เป็นคนคนเดียวที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถยกโทษให้ได้"

          "ครับ ผมก็ต้องขอโทษด้วยเหมือนกันที่เสียงแข็งใส่คุณแม่เมื่อสักครู่ แต่ที่ผมต้องพูดถึงเรื่องนี้ก็เพราะต้องให้คุณแม่เซ็นเอกสารยินยอมมอบเทมเป็นลูกบุญธรรมให้กับทางครอบครัวของผม เพื่อให้เทมไม่ต้องไปอยู่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือไปอยู่กับญาติฝ่ายไหน"



          ที่ผมยังถอนรากถอนโคนเขาไม่ได้ เพราะมันยุ่งยากนิดหน่อยกับฝั่งของทางญาติของเขา ต้องใช้เวลานานนิดหน่อย ...พวกตำรวจที่ซื่อสัตย์ซื้อไม่ได้ด้วยเงินน่ะ น่ารำคาญจริงๆ นะ



          "แล้วถ้าเกิด...ถ้าเกิดมันมาฟ้องร้องแย่งสิทธิ์เป็นผู้ดูแลน้องเทมล่ะคะน้องหมูหย็อง ที่น้องหมูหย็องบอก มันจะมาขโมยน้องเทมไปใช่ไหมคะ"

          "คนตายขึ้นศาลไม่ได้หรอกครับ"

          "!?!"

          "ใบมรณะบัตรของเขา คงเรียบร้อยหลังพวกเรากลับจากเที่ยวพอดี"

 

          อันที่จริงเขาก็คงจะยังมีชีวิตอยู่ในการควบคุมดูแลที่เป็นพิเศษไปอีกสักพักใหญ่ ยังคงหายใจทว่าไร้ตัวตน ผลตอบแทนของต้นตอเรื่องร้ายๆ สิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ตอนนี้คือนรกชั่วกัปชั่วกัลป์ ไม่ว่าจะคนในคุก ครอบครัวของคุณป้าที่บีบคั้นคุณป้ามาตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่ของสามีเก่าที่เลี้ยงลูกได้ตามใจจนเลวระยำ คนใดมีส่วนร่วมให้อนาคตต้องมาในเส้นทางนี้ ล้วนต้องได้รับแรงโทสะที่หมุนเวียนในอกผม ผมพอใจจะเล่นบทศาลเตี้ยไล่บี้ทุกคนจนกว่าจะสาแก่ใจและเก็บกวาดให้ราบเรียบ

 

          โทษทัณฑ์สำหรับน้ำตาในอนาคตของเด็กชายที่ผมรักจะต้องเสียไป ล้วนต้องถูกกำจัดให้สิ้น
 



          "ผมบอกรายละเอียดคุณแม่มากไม่ได้ แต่ตอนนี้ แค่ลายเซ็นของคุณแม่คนเดียวก็เพียงพอ และคนที่จะเป็นผู้ปกครองของเทม คุณแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง เขาจะเป็นแต่เพียงในนาม ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีตัวตน เป็นเพียงบุคคลนิรนามที่ผมสร้างขึ้น ตอนนี้ยุ่งยากนิดหน่อยผมจึงไม่สามารถให้เทมเป็นชาโรนอฟได้ แต่ไม่เกินสองสามปีนี้ รอจนถึงเทมบรรลุนิติภาวะ หรือหลังแต่งงาน เขาจะกลายเป็นฟ้าประธาน ชาโรนอฟทันทีครับ"

          ครั้งนี้น้ำตาที่หยดลงบนตัก ดูปิติดีใจและโล่งอกอย่างที่สุด "...ขอบคุณมากนะคะ"

          "แล้วน้องหมูหย็องจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ เรื่องผิด เอ่อ เรื่องสีเทาแบบนี้"

          ผมยิ้มรับเบาบาง "คุณป้าพูดเรื่องอะไรกันครับ ทุกอย่างล้วนเป็นเพียง 'ความบังเอิญ' ที่มาจากผลจากกรรมทั้งนั้น"

         

          จากกรรม กรรมที่มาจากการกระทำ และความบังเอิญที่ถูกคัดสรรโดยผม



          คุณป้าที่ประสานมือไว้บนตัก เอื้อมมาจับมือผมไว้ ก่อนเงยหน้าสบสายตาประสาน



          "น้องหมูหย็องคะ ไหนๆ วันนี้คุณแม่ก็ได้รับน้องหมูหย็องเป็นลูกชายอีกคนของคุณแม่แล้ว จะดุคุณแม่ไหมคะ ถ้าคุณแม่จะขอพูดอะไรบางอย่าง"



          ผมเคารพคุณป้ามาตลอด ไม่ต่างจากคุณป๊าคุณหม่าม้า สำหรับผมเธอเป็นครอบครัวอีกคนหนึ่ง ไม่แปลกเลยที่จะพยักหน้ารับอย่างไร้ความลังเล "คุณแม่พูดกับผมได้เสมอครับ"



          "น้องหมูหย็องคะ คุณแม่ทราบดีเลยค่ะ รับรู้มาตลอด ว่าน้องหมูหย็องคนเท่ที่น้องเทมรักนั้นเก่งขนาดไหน" ท่านเงียบลงหนึ่งอึดใจ ก่อนความห่วงใยในน้ำเสียงจะเพิ่มมากยิ่งขึ้น "แต่...ตอนนี้หนูยังเด็กมากๆ มากไม่ต่างอะไรกับน้องเทมในสายตาของแม่ เรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่น้องหมูหย็องก็เก็บไว้และจัดการคนเดียวทั้งหมด ถ้าเป็นไปได้ นอกจากฝากดูแลน้องเทมแล้ว ก็ขอฝากดูแลลูกอีกคนของคุณแม่ด้วยนะครับ ช่วยดูแลน้องหมูหย็องของคุณแม่และน้องเทมให้ดีๆ ดูแลตัวเองให้เก่ง พักผ่อนให้เพียงพอ ทานให้อิ่ม เล่นสนุกเอาแต่ใจบ้าง ไม่จำเป็นต้องแบกทุกสิ่งทุกอย่าง เรื่องบางอย่างเราก็ควบคุมมันไม่ได้ ทำได้เท่าที่ทำ ทำให้ดีที่สุดแล้วไม่ต้องเสียใจทีหลัง ที่เหลือแค่ปล่อยมันไปนะครับ ถ้าสุดท้ายเรื่องราวมันยังแย่ ก็ไม่ใช่ความผิดของหนู"

          เฮียเนื้อหย็องที่นั่งทำหน้าเครียดก็เอ่ยต่อทันที "พี่เห็นด้วยกับเมกุมิซังนะหมูหย็อง น้องทำดีที่สุดแล้ว วันหลังมีอะไร มาบอกพวกเราบ้างนะ ให้เราได้ทำอะไรเพื่อน้องบ้าง"

          "ทุกคนเป็นห่วงและพร้อมเป็นเบาะรองรับ เป็นที่พักพิงให้หนูนะครับ หนูรู้ใช่ไหมครับ เรื่องของคุณแม่ น้องหมูหย็องทำได้ดีมากๆ แล้ว"

          "ขอบคุณครับ"

         

           ผมก็หวังให้มันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน หวังให้ทุกอย่างดีพอ

 

           พวกเราคุยกันอีกสักพักก่อนแยกย้าย ก่อนแยกย้ายกัน คุณแม่เข้ามาบอกผมว่าสิ่งที่ช่วยให้เตรียมก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว



          "ไม่ต้องเกรงใจที่จะใช้นะคะ ถ้าเกิดเกินการควบคุมจริงๆ ใช้ได้เลยนะคะ ไม่ต้องกลัวว่าสุดท้ายถ้าน้องเทมรู้แล้วจะโทษน้องหมูหย็อง ในคลิปที่เป็นคลิปสารภาพคุณแม่บอกน้องในนั้นแล้วว่าคุณแม่เป็นคนขอร้องให้น้องหมูหย็องทำแบบนี้เอง"

          "...ครับ ขอบคุณมากครับ"



           หวังให้ดีพอ และสิ่งที่ทำลงไปนั้นถูกต้อง

 

          ก ข ค ง เพียงสี่ข้อที่ให้เลือกตอบบนข้อสอบ หลังหมดเวลามีเฉลยคำตอบที่ถูกต้อง แต่ในหนึ่งวัฏจักรของหนึ่งช่วงชีวิต ไม่ได้มีตัวเลือกที่ตายตัวและคำตอบที่ถูกเพียงหนึ่งเหมือนโจทย์บนกระดาษ ไม่มีทริคกลโกงให้เลือกใช้ ไม่สามารถพลิกหน้าหนังสือไปท้ายเล่มเพื่อดูคำเฉลย ไม่มีอุปกรณ์วิเศษช่วยบอกอนาคตล่วงหน้า สิ่งที่ผมตัดสินใจเลือกเดิน ก็ได้แต่หวังว่ามันจะถูกต้อง...อย่างน้อย ก็ถูกต้องที่สุดในทุกทางเลือก

         

     ตอนเทมเห็นผมบาดเจ็บ เขาไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะทำร้ายตัวเองเพื่อช่วยเหลือผม กรรไกรที่ปักเข้าร่างกายตัวเอง หยาดเลือดสีแดงสดที่ทะลักออกมาอย่างน่ากลัว เขาไม่สนใจด้วยซ้ำ กับคุณป้า กับคุณแม่ที่เจ้าตัวแสนรัก ผมก็กลัวเขาจะตามคุณแม่ไป หายไปจากผมตลอดกาล

          ที่ผมทำทุกอย่าง ก็เพียงแค่ให้เทมรักผมและอยู่กับผม ถ้าวันใดวันหนึ่งเทมหายไป

          แค่คิดโลกก็พังไปหมดแล้ว



          ผมมีสองทางเลือก

          หนึ่ง คือบอกให้เทมรู้ว่าคุณแม่กำลังจะตาย

          สอง คือเลือกที่จะไม่บอกความจริงกับเขาในตอนนี้  คุณป้าจะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายปีในหน้าจอเล็กๆ วิดีโอสั้นๆ นับร้อยคลิปที่ถูกบันทึกเอาไว้ กับคุณแม่ที่หนีออกจากบ้านไปเที่ยวรอบโลกกับเฮียเนื้อหย็อง คลิปที่จะถูกเปิดให้เขาดูอาทิตย์ละครั้งถึงสองครั้ง เพื่อให้เชื่อว่าคุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ พูดคุยโต้ตอบกับบทละครที่ผมได้มา



          ศีลธรรมน่ะหรือ...สิ่งที่ถูกต้องน่ะหรือ แล้วเรื่องพวกนั้นมันยังไงล่ะ

          ขอแค่ทำให้เขามีความสุขเรื่องอื่นก็ช่างหัวมันปะไร



           ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับผมตลอดมา ต่อให้เป็นเรื่องยาก ขอแค่ใส่ความพยายามและตั้งใจ ไม่นานก็สัมฤทธิ์ผลดังใจหวัง คำว่าเป็นไปไม่ได้ดูห่างไกลเมื่อเกิดมาพร้อมสติปัญญาสูงส่ง ความสามารถ และมีอำนาจอันยิ่งใหญ่รองรับทุกย่างก้าว สมบัติมหาศาลที่ซื้อได้ทุกสิ่งที่ต้องการ ขอแค่ผมอยากได้ ไม่ว่าอะไรก็ต้องได้ เคยเชื่อแบบนั้น ...จนกระทั่งตอนนี้


 

          แค่ยืดเวลาออกไปให้นานอีกแค่หนึ่งปียังทำไม่ได้เลย



          ผมเปิดประตูออกและก้าวเข้าไปหยุดอยู่ที่หน้าเตียงนอน โบกมือไล่หมอและพยาบาลออกไป เมื่อเสียงประตูปิดสนิทลง ผมยืนจ้องมองเขาอยู่เนิ่นนานก่อนสอดตัวเข้าไปใต้ผืนผ้าห่มเดียวกัน ค่อยๆ ดึงหมอนที่เขานอนออก ขยับหัวทุยให้ขยับมาหนุนที่แขนของผม องค์ชายน้อยครางเสียงฮือในลำคอเพราะถูกรบกวนก่อนจะผ่อนลมหายใจอย่างสม่ำเสมอเหมือนเดิมเมื่อผมกล่อม

          ฝ่ามือที่ติดสั่นนิดๆของผมค่อยๆ ลูบที่แก้มเขาแผ่วเบา

          บางครั้งบางหนในช่วงค่ำคืนของเวลารัตติกาล ในความมืด ผมเห็นภาพซ้อนเทมที่ยังเล็กกว่านี้มาก เป็นเทมที่ยังคงเป็นเด็กชายเทมปุระตัวน้อยตัวกระจ้อยร่อย เป็นเจ้าตัวเล็กที่สวมรองเท้าสีฟ้าอ่อนคู่จิ๋วที่ใหญ่เพียงครึ่งฝ่ามือ เดินเอียงสายเอียงขวาพร้อมเสียงจากรองเท้าคู่เก่งประกอบ คนเก่งของผมเริ่มเดินเก่งเมื่อตอนแปดขวบ ตอนที่เขาวิ่งได้เกินสามนาทีโดยไม่หกล้ม ตอนที่เขาพูดประโยคยาวๆ ได้ ผมกับคุณป้าแทบจะกอดคอกันร้องไห้ การเจริญเติบโตของเทมเป็นไปอย่างเชื่องช้า ช้าเสียจนคุณป้าคงไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นเขาเติบใหญ่ ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเล็กของผมเพิ่งจะพูดคล่องเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาเพิ่งจะเลิกกลัวเวลาไปห้องน้ำคนเดียว เขายังเด็ก เด็กมากๆ อ่อนเยาว์และอ่อนวัยเสียเหลือเกินกับการต้องขาดแม่ไป


 

          เทมยังไม่พร้อมเลย

          แต่ทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อม กาลเวลาก็เตรียมพรากสิ่งสำคัญของเขาไปเสียแล้ว



          ...เขาจะอยู่ได้ไหมนะ เขาจะผ่านมันไปได้หรือเปล่า



          เป็นคำถามที่วนเวียนในหัวผมเป็นล้านๆ ครั้ง

          และเป็นล้านๆ ครั้ง ที่ไม่เคยได้คำตอบเลยสักครั้งเดียว...



         







.

.

.
















end 60 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

( ; _ ; ) <3




หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 60 * 18/กุมภา/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kirana9165 ที่ 18-02-2020 18:58:24
ขอบคุณมากๆ  ที่มาต่อนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 61 * 23/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 23-02-2020 20:09:58












61










          ขบคิดค้นหาทางออกที่ดีที่สุด แต่มันก็ไม่มีข้อไหนที่จะง่ายดาย ผมคาดคะเนไว้ว่าเทมคงจะยอมรับการตายของแม่ไม่ได้จนอาจจะช็อคไป สมองของเด็กพิเศษค่อนข้างอ่อนไหวยิ่งกว่าแก้วบอบบางใบไหน ถูกกระแทกแรงๆ มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยังคงอยู่ไว้โดยไม่แตกสลาย จากที่แล้วๆ มา เวลาเจอเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ เทมรับมือเรื่องเล่านี้ด้วยสองแบบ เขาอาจจะทำร้ายตัวเอง สติแตก โวยวาย พัฒนาการถอยหลัง แต่ไม่เป็นไร ถ้าเทมมาในรูปแบบที่เคยเป็นมา ผมยังพอรับมือได้

          แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือปิดกั้นตัวเอง

          เทมมีประตูเปิดปิดที่เขาไม่รู้ตัว มันเป็นเหมือนเซฟโซนที่เขารู้สึกปลอดภัยที่ได้ซ่อนตัวเองเอาไว้ ผมเคยเจอเทมในโหมดนี้แค่ครั้งเดียวคือตอนที่เขาหลงทางอยู่ในกล่องของขวัญ ในงานวันเกิดที่ทุกคนอยากเซอร์ไพรส์ผมเลยให้เทมซ่อนอยู่ในนั้น สุดท้ายด้วยของขวัญที่มากมาย เจ้าตัวเลยถูกแม่บ้านพาไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของ ในกล่องมืดๆ ที่เรียกร้องเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครหาเขาเจอ ตอนที่ผมไปพบเข้า เทมเหมือนไม่มีจิตวิญญาณเหลืออยู่เลย กลายเป็นผมที่เรียกเท่าไหร่ก็ส่งไปไม่ถึง

          มันน่ากลัวมาก

          เทมเหมือนไม่เห็นผม ไม่เห็นทุกคน ไม่ได้ยินทุกอย่าง ความเสียใจและน้ำตาของผมไม่ได้ผลเหมือนตอนที่เขาก้าวร้าว คนภายนอกทำได้เพียงแต่เฝ้ารอให้เขากลับมาด้วยตัวเอง

          ผมปรึกษากับทีมแพทย์ของเทมอยู่บ่อยครั้งในเรื่องนี้ มันมีโอกาสที่เขาจะหลุดลอยหายไปในหุบเขาแห่งความสิ้นหวังแบบในครั้งนั้น แต่ครั้งนี้มันจะไม่ใช่แค่ไม่กี่ชั่วโมงเหมือนครั้งก่อน ครั้งนี้อาจจะยาวนาน และเขาอาจจะหลงทาง หรือพอใจที่จะไม่กลับมาหาผมอีกเลย

          ความฟุ้งซ่านมากมายที่ยังไงก็เป็นได้แค่คำสันนิษฐาน สุดท้ายผมก็นอนไม่หลับทั้งคืน เอาแต่นอนมองหน้าเขา จับแตะเขาไปทั่ว ใช้จมูกซุกไซร้ซอกคอขาว ดอมดมกลิ่นกายหอมกรุ่นเพื่อชาร์จแบตให้ตัวเอง

          ขอให้ทุกอย่างไม่เป็นอะไร

          ขอให้เทมกลับมาหาผม

          ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นอะไร


          กลิ่นตัวของนางฟ้าตัวน้อยค่ำคืนนี้เป็นกลิ่นของนมอุ่นๆ ใส่น้ำผึ้ง บางคืนก็เป็นกลิ่นนมอุ่นอบอวลไปด้วยวานิลา กลิ่นของเทมมักจะหวานเหมือนขนม และอบอุ่นเหมือนแสงแดด เป็นคุณพระอาทิตย์ตัวน้อยที่แอบเข้าไปในครัวขโมยขนมกินจนเต็มกระพุงแก้ม

          เวลาที่เหนื่อยหรือท้อแท้จากอะไร แค่มากอดเขา ทุกอย่างมันก็ดีขึ้น แม้มันจะไม่ได้หายไป แต่ก็มีกำลังใจที่จะสู้ต่อ กลุ่มก้อนความสุขของหมูหย็อง เป็นคนเก่งจริงๆ เลยนะครับ

           มองนาฬิกาคิดว่าอีกไม่ถึงชั่วโมง คนตัวหอมก็คงได้เวลาตื่นนอน ไม่รู้ว่าตอนตื่นแล้วเขาจะอยากอาเจียน หรือรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า แต่เท่าที่ผมเฝ้าดูเมื่อคืน นอกจากดูหลับไม่ค่อยสนิท ที่เหลือก็ปกติดี

          อา...หรือที่เขานอนไม่ค่อยสบายเพราะถูกผมก่อกวนกันแน่นะ

          ค่อยๆ ขยับองค์ชายนิทราให้กลับคืนสู่หมอนประจำตำแหน่ง แล้วลุกขึ้นไปที่หน้าห้อง เรียกคุณหมอกับพยาบาลเข้ามาเฝ้าตามเดิม ก่อนเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วมุ่งตรงไปห้องอาบน้ำ ผมสะบัดหัวไล่ความคิดที่สับสนวุ่นวาย เปลี่ยนไปคิดถึงแผนการพาเทมเที่ยวแทน

          แผนการมาเที่ยวแบบถูกมัดมือชกครั้งนี้เกิดขึ้นแบบฉับไว ผมที่คุยกับเต้และน้ำแล้วไม่ได้บทสรุปว่าจะเที่ยวที่ไหน ทั้งสองคนไม่มีที่อยากไปเป็นพิเศษ เพราะเจ้าสองแฝดนรกมาบ่อยจนเก็บแลนด์มาร์คครบหมดทุกที่ มาเรียนช่วงหยุดยาวก็หลายครั้ง ยิ่งครอบครัวผมยิ่งแล้วใหญ่ มีบ้านอยู่ตั้งหลายหลังเสียด้วยซ้ำ เพราะที่นี่มีทั้งสาขาหลักของคุณปะป๊าและสาขาย่อยที่สำคัญของคุณหม่าม้า สุดท้ายสถานที่ที่จะไป ก็จบลงที่อิงความชอบของเทมเป็นหลัก

          อืม ผมคิดว่าจะพาเขาไปสวนสนุก พิพิธภัณฑ์ แล้วก็เดินสายหาของหวานทานกัน เอาใจเด็กน้อยก่อนสอบเสียหน่อย

          นอกจากแผนเที่ยว เรื่องดีๆ ที่ทำเอาทำตื่นเต้นและหัวใจพองโตจนคับอก ก็คืองานสำคัญที่กำลังจะเกิด งานแต่งงานที่ต้องสมบรูณ์แบบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แค่ได้คิดถึงรายละเอียดต่างๆ คิดแล้วก็คึกคักขึ้นมา รีบตรงปรี่ไปเปิดแมคบุ๊ค ดึงข้อมูลที่ผมเคยทำเอาไว้เล่นๆ ว่าในอนาคตอยากจะจัดงานยังไงมาดู เสียดายที่งานหมั้นรวบงานแต่งครั้งแรกของเราครั้งนี้ จะไม่ได้จัดแบบยิ่งใหญ่แบบที่ชวนแขกจำนวนมากมาได้ งานครั้งนี้แขกที่จะถูกเชิญมานั้นจะต้องถูกจำกัดวงแคบให้น้อยที่สุด เอาแค่ครอบครัว และคนสนิทจริงๆ เท่านั้น สถานะของเทมที่คนอื่นจะได้รับรู้หลังงานจบ คือเป็นคู่หมั้นของผมอย่างเป็นทางการ เป็นวันที่ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านเข้ามาพูดคุยกัน ไม่ใช่เข้าพิธีแต่งงานไปแล้ว

          คิดแล้วก็ปวดหัวนิดหน่อย มันต้องยุ่งวุ่นวายมากแน่ๆ คุณป๊ากับคุณหม่าม้าเคยพูดกับผมเอาไว้นานแล้ว ถึงจะเหมือนแค่พูดลอยๆ แต่ก็เห็นได้ชัดเลยว่าแทบจะเกาะขาขอร้องอยู่แล้ว คุณพ่อคุณแม่อยากให้ทั้งสองคนเป็นคนดำเนินการจัดงานครับ คุณป๊าคุณม้าอยากให้จัดที่ปารีส ดินแดนแห่งความโรแมนติกที่ทั้งสองคนไปฮันนีมูนมา หรือว่าจัดที่เกาะส่วนตัวที่มัลดีฟส์ และแน่นอนอีกเช่นกันว่าคุณตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณยายของผมต้องไม่ยอมแน่ๆ ท่านทั้งสองอยากให้ไปจัดที่คฤหาสน์ของบ้านเราที่มอสโก ซึ่งถ้าอิงตามขนบธรรมเนียม งานหมั้นครั้งแรกยังไงก็ต้องจัดที่นั่นนั้นแหละครับ

          อืม ตรงงานหมั้นคุณพ่อคุณแม่คงจะสู้คุณยายไม่ไหว แต่ตรงงานแต่งงานคงจะสู้กันยิบตาแน่ๆ

          แต่ปัญหาแรกเลยคือผมต้องบอกผู้ใหญ่ก่อนสินะ ทั้งสองเรื่องของคุณป้าที่แน่ใจว่าคงต้องโดนคุณแม่โมโหใส่แน่ๆ แล้วไหนจะเรื่องแต่งงาน เพราะหลังจากคุยกันล่าสุด เหมือนผมจะยอมถอยออกมาด้วยแค่หมั้นไว้ก่อน แต่ไม่ว่ายังไงงานแต่งงานผมก็อยากให้เทมมีครอบครัวร่วมอยู่ด้วยจริงๆ

          ถ้าจะถูกขัดขวางล่ะก็ ผมจะหอบเทมหนีไปที่เกาะที่ผมซื้อเอาไว้ซะเลย


          ในสี่ห้าเดือนนี้เรื่องที่ต้องทำมีอยู่เยอะมาก ผมพยายามเรียบเรียงขั้นตอนทุกอย่างให้ละเอียดที่สุด ค่อยๆ ไล่สิ่งที่ต้องทำตามลำดับใส่อีเมลแล้วส่งต่อให้เลขารับไปจัดการ เริ่มต้นสั่งการ กระจายงานต่างๆ ต้องนัดช่างภาพคนที่ผมเคยดูงานเขาแล้วชอบเอาไว้ ช่างตัดเสื้อ อืม เรื่องนี้ให้คุณแม่ช่วยจัดการน่าจะดี เส้นสายของเจ้าของแบรนด์เดมัวร์ ต้องไม่ทำให้ผมผิดหวังในการลัดคิวจองแบบเร่งด่วน อืม ต้องให้เทมเลือกของที่เขาชอบด้วย ผมเคาะนิ้วกดปุ่มเอนเตอร์ส่งข้อความสุดท้าย


          วันที่จัดผมไม่อยากให้ใกล้กับช่วงต่อของคุณป้านัก ตอนนี้เป็นเดือนมกรา ผมคงจะจัดงานแต่งช่วงกุมภา และงานของคุณป้าช่วงเดือนพฤษภา

          ช่วงเวลานี้ผมจะพยายามทำให้มันเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของทั้งสองคน

          ผมที่ค่อนข้างพอใจกับคำตอบรับจากเลขา ก็เตรียมตัวเข้าไปหาคนแก้มนุ่ม แต่ก็ต้องเลิกคิ้วแปลกใจ บนเตียงเหลือเพียงที่นอนที่ว่างเปล่า

          เผลอทำงานจนเลยเวลาตื่นของเขาเสียได้ แย่จริงเชียว

          ถ้าไม่ใช่ว่ามีใครบังอาจมาลักพาตัวองค์ชายน้อย ก็คงเป็นเจ้าชายทรงตื่นแล้ว และกำลังออกเดินทางตามหาผมล่ะสินะ แถมยังตื่นมาแบบงัวเงีย ขนผ้าห่มกอดหมอนออกเดินอีกต่างหาก

         ถึงไม่มีรอยเท้าให้เดินตามหา แต่เบาะแสสำคัญของการหายตัวไปก็แจ่มแจ้งอยู่ตามทางเดิน ผมออกเดินตามรอยของเครื่องนอนที่ตกหล่นลงบนพื้น เล่นเป็นฮันเซล แอนด์ เกรเทล ที่ไม่ได้ตามเศษขนมปังเข้าไปในป่า แต่ออกตามหาคนรักที่ไปซนอยู่ที่ไหนสักแห่ง

          หมอนใบที่หนึ่ง ตุ๊กตาตัวที่สอง ผ้าห่มผืนที่สาม
 
          ก็เจอเขาพอดี

          วางของในมือลงบนเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล ยกมือกอดอกก่อนเอนสะโพกพิงโต๊ะด้านข้าง มองคนที่ใช้ผ้าห่มอีกผืนคลุมหัวจนมิด เหลือแค่ลูกตาที่กำลังจดจ้องนอกหน้าต่าง คุณหมอและคุณพยาบาลที่กำลังตั้งท่าอธิบายอะไรบางอย่างให้เด็กชายฟัง พอหันมาเห็นผมก็ชะงัก ก้มหัวให้เล็กน้อย ผมคลายมือที่กอดอกอยู่ออก ยกนิ้วชี้จรดริมฝีปาก ส่งสัญลักษณ์ให้เขาลดเสียงที่จะทักทายลง พอเห็นพวกเขาเข้าใจ ก็ส่งอีกสัญญาณให้ออกไปพักได้

          คุณคนนั้นที่กำลังตื่นเต้นกับบางอย่างนอกหน้าต่าง ไม่ทันได้เอะใจว่าตอนนี้เหลือตัวเองอยู่เพียงลำพัง ยังคงเอาแต่จดจ่อ ...อันตรายเสียจริง จะถูกขย้ำแล้วเจ้าแกะน้อยก็ยังไม่รู้ตัว

          ย่องเข้าไปหาอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะอุ้มเขาจากด้านหลังทั้งผ้าห่ม คนถูกอุ้มจนตัวลอยกรีดร้องดิ้นตีขาไปมา ก่อนจะหัวเราะเอิ้กอ้ากเพราะถูกผมจูบที่คอ


          "มอนิ่งครับที่รัก"

          "หมูหย็องเล่นจ๊ะเอ๋กับเทมเหรอครับ เทม เทมตกใจๆๆๆ ตกใจไปหมดเกลี้ยงๆๆๆ เลยครับ"

          "ตกใจขนาดไหนครับ"

          ผมค่อยๆ วางเขาลง กดริมฝีปากที่แก้มนุ่มที่ฟูแต่เช้าด้วยรอยยิ้มกว้าง และได้รอยยิ้มจนตายีตอบกลับมา วันนี้อารมณ์ดีจังเลยคนน่ารักของหมู

          "ขนาดนี้ๆๆๆ ขนาดนี้ๆๆๆๆ เลยครับ"

          ผมจับมือที่เริ่มอยู่ไม่สุขเพราะพยายามขยับบอกว่าตกใจขนาดไหน จับมือเขาให้โอบเอวผมเอาไว้ แล้วจ้องตาคนรักในระยะใกล้

          "รู้สึกไม่สบาย หรือไม่ดีตรงไหนไหมครับ ปวดหัวหรือเปล่าครับ"

          "เทม เทมปวดแบบบีบๆๆๆ ในหัวนิดหน่อยครับ แล้วก็ท้องหมุนๆๆๆ ตอนตื่นครับ แต่ว่า แต่ว่า พออาเยียนออกแล้วก็โล่งๆๆๆๆๆ พุงแล้วครับ ตอนนี้เทมแข็งแรงม้ากม้ากมาก คุณพี่หมอกับคุณพี่พยาบาลก็ตบมือบอกว่าเทมเก่งม้ากม้ากมากด้วยครับ อาเยียนแค่ครั้งเดียวก็ลุกมาหาหมูหย็องได้เลยครับ"

          "อาเจียนครับ"

          "อาเจียน อาเจียนครั้งเดียวครับ"

          ใช้นิ้วสางผมที่ชี้โด่เด่ของเขาให้เรียบ ค่อยๆ แตะที่หน้าผากเพื่อความมั่นใจ มองสำรวจว่าเขาไม่มีไข้หรือเป็นอะไรมากกว่านั้น พอเห็นลูกตากลมใสวิบวับดูเป็นคุณก้อนความสุขแบบปกติ ผมก็ยิ้มออกมา

          "เก่งมากครับ"

          เทมยิ้มรับกว้าง แต่แค่แป๊บเดียวก็เริ่มคิ้วตก มือที่โอบเอวผมไว้ ยกขึ้นมาแตะแปะป้ายไปทั่วบนหน้าผมแทน ดวงตาใสแจ๋วเห่อแดงเริ่มมีน้ำตาคลอ

          "มะ มะ หมูหย็องครับ หมูหย็องครับ หมูหย็องไม่สบายเหรอครับ ทะ ทะ ทำไม ทำไมดูไม่มีความสุขล่ะครับ หมูหย็องก็เมาคุณเครื่องบินเหรอครับ เทมจะไปบอกคุณพี่หมอกับคุณพี่พยาบาลนะครับ"

          ปิดบังคนเก่งคนนี้ไม่ได้เลย

          ค่อยๆ เอียงหน้าซบเข้ากับฝ่ามือที่ยังพันผ้าพันแผลเขาเอาไว้ จูบพิตปลอบเด็กน้อยที่แตกตื่นด้วยความเป็นห่วงให้ใจเย็นลง จับแขนเขาให้ขยายออก ก่อนซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขา ทำตัวเองให้เป็นหมูหย็องตัวเล็กตัวน้อยให้เขากอดปลอบ

          เทมกอดผมแน่น เหมือนจะสะอื้นอยู่หน่อยๆ ด้วย

          "หมูไม่ได้ไม่สบายครับ แค่เจอเรื่องยากนิดหน่อย"

          "เทม เทม เทมช่วยได้ไหมครับ เทม เทม เทมนะ เทมนะ ปีนี้เทมทำหารยาวได้แล้วด้วยนะครับ ท่องสูตรคูณ สูตรคูณ คูณได้ถึงแม่แปดคล่องมากๆๆๆๆ แล้วด้วยนะครับ เทมจะช่วยหมูหย็องเองนะครับ หรือว่าๆๆๆๆ หรือว่าหมูหย็องโดนใครแกล้งครับ เทมจะปกป้องหมูหย็องเองนะครับ ให้เขามาแกล้งเทมแทนได้เลยนะครับ นะๆๆๆ แกล้งเทมได้แต่ไม่ให้แกล้งหมูหย็องนะครับ เทมจะยืนนิ่งๆ ไม่ขยับยุกยิกเลยครับ จะร้องไห้แค่นิดน้อยด้วย อ๊ะ หรือว่าๆๆๆ หมูหย็องเครียดที่คุณสิวขึ้นเหรอครับ แต่ว่าๆๆๆ ตอนนี้หมูหย็องก็หน้าใสแป๋วแหว๋วแล้วนะครับ หรือว่าเป็นคุณสิวล่องหนครับ ขึ้นแบบ ขึ้นแบบล่องหนหมูหย็องเลยเครียดเหรอครับ"

          เทมที่ปลายจมูกขึ้นสีแดง สูดจมูกฟุดฟิด เจื้อยแจ้วถามด้วยความเป็นห่วง ทำเอาหัวใจที่รัดเกร่งผ่อนคลาย และเริ่มขำหนักที่เขาพยายามเอานิ้วรูดๆ บนหน้าผมเหมือนพยายามหาสิวล่องหนที่ว่าให้เจอ แล้วจะเอามาไว้ที่หน้าตัวเองแทน

          "ไม่มีใครแกล้งหมูครับ แล้วก็ห้ามมีใครมาแกล้งเทมด้วย ใครมาแกล้งเทมหมูจะต่อยให้หน้าแหกเลยครับ"

          "หน้าแหก หน้าแหกคือยังไงเหรอครับหมูหย็องครับ เหมือนหน้าฉีก หน้าฉีกแบบฉีกกระดาษหรือเปล่าครับ ต่อยแบบกรรไกรใช่ไหมครับ สองนิ้วกรรไกรแบบนี้ ผลัวะๆๆๆๆ ต่อยให้หน้าขาดเป็นเส้นๆๆๆ เลย เทมตัดกระดาษแบบเป็นคลื่นได้ด้วยนะครับ งั้นๆๆๆ ใครมาแกล้งหมูหย็อง เทมก็จะต่อยให้หน้าขาดเป็นเส้นๆๆๆ แล้วเอามาพับเป็นโบว์เลยครับ อ๊ะ หรือว่าตกแบบคัตเตอร์ ต่อยแบบคัตเตอร์หน้าขาดหรือเปล่าครับหมูหย็องครับ"

          ผมขำจนไหล่สั่นกับท่าต่อยสองนิ้วของเขา ไหนจะต่อยให้ขาดแล้วเอามาพับอะไรนั่นอีกล่ะ

          ตัวก็แค่นี้ แก้มก็นุ่มนิ่ม แต่โหดจังเลยครับ

          อดไม่ได้จนต้องแซวคนทำคิ้วขมวดเก๊กหน้าเข้ม

          "ที่รักโหดจังเลยครับ"

          "ใช่ครับ เทมน่ะนะจะโหดๆๆๆๆ แล้วครับ คุณป๊าบอกว่าลูกผู้ชายต้องโหดๆๆๆ จับตะเกียบมาฟาดฟันใส่กัน ต้องปกป้องตัวเองแล้วก็คนที่รักด้วยครับ คุณป๊าบอกว่าเวลามีใครทำอะไรเทม ให้รีบวิ่งมาบอกหมูหย็องแล้วก็คุณป๊าทันทีเลยครับ แล้วคุณป๊าจะพายกแก้วไปทำอะไรสักอย่างด้วยครับ แล้วเราก็จะได้รอยแผลเป็นรอย รอย รอย...รอยอะไรอ่า อืมๆๆๆๆ เทม เทมจำไม่ได้แล้วครับ เทมขอไปถามคุณปะป๊าก่อนได้ไหมครับ อิ๊บๆๆ หยุดไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวเทมมาบอกกุติคนโหดก่อนหลังอีกรอบนะครับ"

          รอยแผลเป็นเกียรติยศสินะ จากเรื่องโรงเรียนลูกผู้ชายหรือเปล่าครับเนี่ย ไปจำอะไรแผลงๆ มาอีกแล้วเจ้าตัวนุ่มนิ่มจอมซน ไปดูหนังกับคุณป๊าทีไรได้เรื่องป่วนๆ มาทุกที คุณป๊านี่ต้องโดนผมดุสักหน่อยแล้ว บอกกี่ครั้งกี่หนว่าอย่ามาเป่าหูนางฟ้าตัวน้อย

          "ยกแก๊งหรือเปล่าครับ แล้วก็คตินะครับที่รัก ไม่ใช่กุติ หมูบอกแล้วใช่ไหมครับว่าอย่าเชื่อคุณป๊ามาก ยิ่งตอนคุณป๊าดูหนังจบแล้วกำลังโม้น่ะ เชื่อไม่ได้เลยนะครับ"

          "ยกแก๊งๆๆ คติๆๆๆ ยกแก๊งคติครับ เทม เทม เทมก็ยังไม่เชื่อนะครับ เทม เทม เทมเชื่อหมูหย็องเลยทันทีทันใดเดี๋ยวนี้เดี๋ยวนั้นคนเดียวเลยครับ คนอื่นๆๆๆๆ เทมวิ่งๆๆๆ วิ่งๆๆๆ วิ่งมาถามหมูหย็องก่อนเชื่อนะครับ เทม เทมเชื่อหมูหย็องคนเดียวเลยครับ"
          "น่ารักมากครับ"

          ผมกอดแล้วฟังเทมพูดไปเรื่อยๆ แล้วก็เหมือนคนน่ารักจะเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองเผลอนอกเรื่อง จนเบรคเอี๊ยดแล้ววกกลับมาอีกครั้ง

          "อ๊ะ แล้วๆๆๆๆ หมูหย็องเป็นอะไรครับ หวานใจที่รักของเทมเป็นอะไรเหรอครับๆๆๆ "

          เหมือนจะเป็นเด็ก ที่แค่ชวนเล่นก็สามารถเบียงเบนความสนใจให้ละทิ้งอีกอย่าง แต่ก็ไม่ได้เลยนะครับ พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับผม แค่เพียงนิดเดียว แต่ความเป็นห่วงมากมายในนั้น ก็ไม่ยอมที่จะปล่อยผ่านเลยสินะครับ

          ผละออกจากอ้อมกอด สบตาที่มองตรงลงมาด้วยความเป็นห่วงมหาศาล ท่าทางที่พยายามฮึบไม่ให้ร้องไห้ดูน่าเวทนาจนใจอ่อนเหลว ลูบมือลงที่ศีรษะของคนรัก

          เส้นผมที่โด่เด่ไม่เป็นทรงเพราะเจ้าของเล่นซนนี่ผมก็รัก แก้มย้อยที่ทำให้เขาถูกคิดว่าอายุน้อยกว่าอายุจริงไปหลายปีนี่ผมก็รัก ริมฝีปากอิ่มที่บางทีก็ถูกขบกัดจนบวมด้วยความประหม่านี่ผมก็รัก สองมือที่ตอนนี้ไม่ได้นวลเนียนแต่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลนี่ผมก็รัก

          ผมรักเขาเป็นอย่างยิ่ง

          "...เทมครับ"

          "ครับ"

          "เทมครับ"

          "ครับ หมูหย็องครับ"

          "เทมครับ"

          "คะ คะ ครับ ครับ ครับหมูหย็อง"

          เสียงที่ดูจะขาดใจลงทุกครั้งที่เรียกเขา ทำเอาองค์ชายผมเริ่มร้องไห้จริงจังอีกหน เทมดึงผมมาไว้ที่ตำแหน่งเดิม กอดรวบผมไว้ให้แน่นกว่าที่เคยทำ มือที่ลูบขึ้นลงบนหลังที่สั่นของผม ทั้งให้กำลังใจและปลอบโยน

          ผมก็แค่อยากจะมั่นใจ

          ขอความมั่นใจให้ผม

          "ถ้าวันหนึ่งหมูทำผิดต่อเทมลงไป ทำเรื่องที่ไม่ดี ไม่ดี...มากๆ ตัดสินใจโดยไม่ถามความคิดเห็น เห็นแก่ตัวเอง ทำให้คนที่เทมรักต้องเจ็บปวด ทำให้เทมต้องเสียใจ โกหกเทม หลอกลวงเทม เทมจะทิ้งหมูไปไหมครับ"

          หลังงานแต่งงาน ผมจะลองเกริ่นเรื่องของคุณป้าให้เทมฟัง

          ถ้าผมเห็นท่าไม่ดี เห็นเทมทนยอมรับความจริงเรื่องของคุณป้าไม่ได้ ถ้าผมใช้วิดีโอหลอกหลวงเขาเพื่อยืดเวลาออกไป และเพราะผมต้องให้คุณป้าได้มีชีวิตอยู่ในความหลอกลวงนั้น คุณป้าและเทมก็จะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้บอกลากันครั้งสุดท้าย คุณป้าจำเป็นต้องจากไปแบบไม่ได้แม้แต่สัมผัส หรือได้มองลูกชายผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจก่อนสิ้นลมหายใจ เป็นความตายที่ต้องโดดเดี่ยวและถูกทิ้งไว้ข้างหลังเพียงลำพัง งานศพที่ไม่มีคนที่รักที่สุดได้ร่วมแสดงความอาลัย ไร้ความคิดถึงจากคนที่คุณป้าคงจะคะนึงหาที่สุด

          ความเห็นแก่ตัวของผมที่อยากให้เทมไม่เจ็บปวด จนไม่สนใจผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่อยากเอ่ยประโยคบอกลาและขอโทษกับลูกชายมากมายแค่ไหน

          แต่

          อีกห้าปี สิบปี ยี่สิบปี

          แต่ในที่สุดวันหนึ่งเทมก็ต้องรู้ รู้ความจริงว่าคุณแม่ของเขาตายไปแล้ว และคนรักของเขา คนที่เคยสัญญากับเขาเอาไว้ว่าจะไม่โกหกกันนั้นผิดคำสัญญาอย่างร้ายกาจ

          ไม่รู้เลยว่าอะไรจะเจ็บปวดกับเขามากกว่ากัน ความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้าใส่แบบคูณสอง ใครจะยืนหยัดรับเอาไว้ไหว แต่ทั้งๆ ที่ผมรู้ แต่ก็คงจะเลือกทางเส้นนั้นอยู่ดี เพราะอย่างน้อยๆ วินาทีที่ยังมีเขาก็ยังมีเยอะกว่าที่ไม่มี

          ถ้าผมมันร้ายกาจขนาดนั้น ทำเรื่องเลวทรามขนาดนั้น เทมจะยังรักผมอยู่ไหมนะ

          จะให้อภัยผมได้หรือเปล่า

หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 61 * 23/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: ZOFIARIN ที่ 23-02-2020 20:11:26



          เขาส่ายหน้ารัวเร็ว


          "ทะ ทะ ทิ้ง ทะ ทิ้ง ทิ้งหมูหย็องไม่ได้นะครับ ทิ้งไม่ได้นะครับ ไม่ไปไหนนะครับ เทม เทมไม่ไปไหนนะครับ เทมจะอยู่กับหมูหย็องตลอดไปเลยครับ อย่าไล่เทมนะครับ ทะ ทะ เทม เทม เทมรักหมูหย็องครับ รักหมูหย็องที่สุดเลยครับ แล้ว แล้ว แล้วหมูหย็องก็บอกว่ารัก รัก รักเทมที่สุดเลยครับ ทำไมๆๆๆ ต้องทำร้ายกันเหรอครับ หมูหย็องไม่ชอบเทมแล้วเหรอครับ"

          คำถามที่ยิ่งกว่ามีดกรีดลงกลางใจ ทำเอาผมเผลอตะคอกใส่จนคนที่กำลังกอดอยู่สะดุ้งโหยง
 
          "ไม่ใช่นะครับ!! หมูน่ะ หมูน่ะรักเทมที่สุด รักเทม รักเทม รักเทมที่สุดในโลก รักเทมแค่เดียวเท่านั้น ชอบเทมมากๆ ชอบเทมที่สุด ชอบจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เชื่อหมูนะครับ...หมูรักเทม รัก รัก รักมากๆ ไม่มีทางไล่เทมไปไหนแน่นอน อยากอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่ว่า...ถ้าวันหนึ่งหมูทำให้เทมต้องเจ็บปวดล่ะครับ ถ้าหมูผิดสัญญาที่เคยให้ไว้ล่ะครับ เทมจะหายไปไหนไหมครับ"

          "อย่าทิ้งหมูไปได้ไหมครับ หมูอยู่ไม่ได้นะ อยู่ไม่ได้นะครับ ถ้าไม่มีเทม"

          ไม่เคยอยากผิดสัญญา

          ไม่เคยคิดอยากจะทำร้ายหรือทำให้ไม่มีความสุขเลย

          คิดแต่จะรักและดูแลให้ดีเท่านั้น

          "เทม เทมขอโทษนะครับ อะ อะ อะ โอ๋ โอ๋ๆๆๆๆๆ หมูหย็องนะครับ โอ๋หมูหย็องนะครับ อย่า อย่าร้องนะครับ อย่าร้องไห้นะครับ เทม เทมเชื่อหมูหย็องแค่คนเดียวเลยครับ เทม เทมจะไม่ถามอาจารย์ ไม่ถามคุณป๊า คุณหม่าม้า ไม่ถามคุณแม่ ไม่ถามใครเลยครับ เทมเชื่อทุกอย่างที่หมูหย็องบอกเลยนะครับ"หมูหย็องจะโกหกก็ได้ครับ เทม เทม เทมไม่ชอบคนโกหก แต่ว่า แต่ว่าเทมชอบหมูหย็องมากๆๆๆๆๆ เทมรักหมูหย็องมากๆๆๆๆๆ เลยครับ"

          เทมรั้งผมออกมา สองมือจับหน้าผมให้เงยขึ้นมองเขาที่ยิ้มแฉ่งมาให้ทั้งๆ ที่ร้องไห้จนตาบวม เสียงอู้อี้ที่ทั้งตะกุกตะกักและดังจนคล้ายลำโพงที่เสียงแตก จับใจความลำบาก แต่กลับฝังลึกสลักลงในใจที่ไม่มีหลักให้ยึดเหนี่ยว เป็นเสาที่ปักไว้ที่ใจกลางแห่งความมั่นคง คล้ายคำสัญญาที่ไม่มีวันสั่นคลอน

          "เพราะงั้น เพราะงั้นนะ หมูหย็องจะโกหกเทมก็ได้ครับ เทม เทมโดนหลอกก็ไม่เป็นไรครับ ทำร้าย ทำร้าย ร้ายๆๆๆๆ ก็ได้ครับ เทมลำเอียงให้หมูหย็องนะครับ เทม เทมรักษาสัญญาคนเดียวก็ได้ครับ ทะ ทะ เทม เทม เทมจะรักษาสัญญาของหมูหย็องให้ด้วยนะครับ หมูหย็องจะทำอะไรก็ได้ครับ หมูหย็องจะแกล้งเทมก็ได้ครับ หมูหย็องจะนิสัยไม่ดี ดื้อๆๆๆ ก็ไม่เป็นอะไรครับ เทม เทม เทมจะอยู่กับหมูหย็องตลอดไปนะครับ จะอยู่ด้วยไม่หายไปไหนเลย อยู่กับหมูหย็องนะครับ เกี่ยวก้อยสัญญาเลยนะครับ"

          ผมเผลอปล่อยโฮจนเด็กน้อยสะดุ้งเฮือก ละล่ำละลักเอ่ยปลอบ

          "ไม่หายฟิ้วๆๆๆ ไปไหนนะครับ เทมไม่หายไปไหนนะครับ อยู่นะ เทมจะอยู่กับหมูหย็องนะครับ"

          "หมู หมูไม่ได้ปิดบังหรือโกหกเทมนะครับ แต่ว่า..."

          ผมรำคาญตัวเองตอนนี้มาก อยากพูดก็พูดอะไรไม่ออก เจ้าพวกน้ำตางี่เง่าที่เอาแต่ไหลช่างน่าหงุดหงิดนัก เทมที่ตกใจจนเลิกร้องไห้ ก็เริ่มอยากร้องตามผมอีกรอบ เราสลับกันร้องสลับกันปลอบ วนเวียนไปอย่างน่าตลก

          "อย่าเกลียดหมูนะครับ อย่าเกลียดกันนะ"

          "ไม่เกลียดนะครับๆๆๆ อะ อะ โอ๋ๆๆๆๆๆๆๆ นะครับ เทมนะ เทมนะๆๆๆๆ เทมนะรักหมูหย็องแบบว่าเข้าเส้นชัยแล้วก็ขึ้นแท่นรับรางวัลเหรียญทองอันดับหนึ่งเลยนะครับ รักแบบเยอะแยะๆๆๆๆ ไปหมดเลย แบบว่าๆๆๆ แบบว่าๆๆๆ ต่อให้หมูหย็องบังคับให้เทมทานผักเป็นกะละมังทางรูจมูก ก็ยังรักแบบม้ากม้ากมากๆๆๆ รักแบบเยอะแยะๆๆๆๆ ไม่น้อยนิดน้อยหน่อยลงเลยนะครับ รักแบบติดหมูหย็องนุบนิบหนึบหนับ เทมจะไม่ไปไหนเลยครับ เทมจะไม่ไปไหนเลย โดนไล่ก็ไม่ไปนะครับ เทมจะปิดหูด้วย เทมจะเป็นหมากฝรั่งเกาะหมูหย็องแน่นๆๆๆๆ เลยครับ ใครมาดึงก็จะยืดๆๆ แล้วพันหมูหย็องเอาไว้เลย แบบนี้นะครับ พันแน่นๆๆๆๆ อยู่ด้วยตลอดไปเลย ไม่หายฟิ้วไปไหนแน่นอน"

          เหมือนกลัวว่าผมจะยังไม่เชื่อว่าเขาจะไม่หายไปไหน องค์ชายน้อยเริ่มแล้วเริ่มหยิบปลายเสื้อของพวกเรามาผูกเอาไว้ด้วยกัน และเพิ่มความมั่นใจให้คนโยเยด้วยนิ้วที่ขยับมาสอดประสาน ความอบอุ่นจากฝ่ามือเป็นหลักฐานว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ ข้างๆ ผม ไม่ได้หายไปไหน

          "นี่ไงครับ เทม เทม เทมจะผูกเทมไว้กับหมูหย็องแบบนี้นะครับ จับมือ จับมือกันไว้แบบนี้ด้วยนะครับ รักหมูหย็องแบบนี้ ชอบหมูหย็องแบบนี้ อยู่กับหมูหย็องแบบนี้ไปสามร้อยหกสิบห้าวัน สิบสองเดือน ตลอดไปเลยนะครับ"

          ผมยิ้มรับคำสัญญาที่หนักแน่นยิ่งกว่าคำสาบาน คำพูดของเทมศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าใคร

          เทมไม่เคยโกหกผมเลย

          ผมเชื่อว่าเขาจะไม่ทิ้งผมหายไปไหน

          "ครับ อยู่กับหมูตลอดไปเลยนะ แล้วถ้าถึงวันนั้นแล้วเทมโกรธ...ก็อยู่ให้หมูง้อด้วยนะครับ ให้หมูได้ง้อและขอโทษ ถ้าเทมเสียใจก็ช่วยอยู่ให้หมูปลอบด้วยนะครับ"

          เทมเด็กดีพยักหน้าหงึกหงัก ไม่โต้เถียงสักคำ ผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าได้ทำหน้าที่ของมัน เช็ดหยาดหยดน้ำใสทั้งของคนรักและของตัวเอง


          "แล้วไหนคำทักทายตื่นนอนของหมูล่ะครับ"

          "อ๋อๆๆๆๆ ใช่ๆๆๆ มอนิ่งจุ๊บๆๆๆๆๆ ครับ"

          เทมจุ๊บผมไปทั่วหน้า แล้วก็ทำหน้าแหยเพราะแลบลิ้นมาเลียคราบน้ำตาของผม แต่กระนั้นก็ยังเลียไม่ยอมหยุด เหมือนไม่อยากให้เหลือเอาไว้สักหยดเดียว

          "ฮึ่มๆๆๆ เค็มมากๆๆๆๆ เลยครับ หมูหย็องไม่ร้องแล้วนะครับ ไม่อร่อยเลยครับ"

          หัวเราะออกมาทั้งๆ ที่ยืนนิ่งให้คนรักเลียหน้าตัวเอง

          "ไม่ร้องแล้วครับ แล้วเมื่อกี้เทมกำลังดูอะไรอยู่เหรอครับ"

          เทมหยุดชะงักแล้วตาเป็นประกาย หืม อะไรกัน จู่ๆ ก็ดูตื่นเต้นขึ้นมา

          "หมูหย็องครับๆๆๆๆ หมูหย็องครับ หมูหย็องครับ คุณเครื่องบิน คุณเครื่องบินบูดหรือเปล่าครับ คุณเครื่องบินบูดเลยมีคุณราขึ้นหรือเปล่าครับ"


          หือ เครื่องบินบูด? ราขึ้นเครื่องบิน?

          อา

          สนิมหรือเปล่านะ แต่เครื่องบินตรวจเช็คตลอด ไม่น่าจะมีตรงส่วนไหนที่เก่าหรือไม่ได้รับการดูแลจนสนิมขึ้นมาเกาะได้ วัสดุก็เป็นเกรดที่ดี แล้วองค์ชายองค์นี้ไปเห็นสนิมมาจากไหนกันนะ

          "สนิมหรือเปล่าครับ?"

          "ไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่นะครับหมูหย็อง คุณรา คุณราสีขาวๆๆๆ นะครับ ไม่ใช่คุณสนิมสีส้มๆๆๆ นะครับ สีขาวเหมือนตอนที่เราทำทดลองในชิวาทดลองวิทยาศาสตร์เลยครับ คุณขนมปังมีคุณราทานแล้วท้องเสียง คุณเครื่องบินก็ทานไม่ได้นะครับหมูหย็องครับ เพราะมีขึ้นราเกาะแกะนะครับ เป็นสีขาวๆๆๆๆ  นะครับ ทานคุณเครื่องบินบูดไม่ได้นะครับ เดี๋ยวท้องเสียนะครับ"

          เอ่อ คือหมูก็ไม่ได้จะทานเครื่องบินนะครับตัวเล็ก ทำไมถึงห้ามจริงจัง เหมือนหมูจะไปหักปีกมาโยนใส่ปากแบบนั้นล่ะครับ

          "วิชาครับ แล้วอยู่ไหนเหรอครับ เทมพาหมูไปดูได้ไหมครับ"

          "นี่ไงครับๆๆๆ เทม เทมตื่นมาหาหมูหย็องไม่เจอ แล้ว แล้ว แล้วๆๆๆๆ ก็เลยเดินหากับคุณพี่หมอ กับ กับคุณพี่พยาบาลแล้วเทมก็เห็นคุณราครับ คุณราเยอะแยะๆๆๆ เลย เกาะคุณเครื่องบินด้วยนะครับ"

          ข้างนอกหน้าต่างใส บนกระจกที่ถูกอุณหภูมิติดลบทำให้ความเย็นแผ่ออกมาแม้จะซ้อนกันถึงสองชั้น บนนั้นมีเกล็ดหิมะที่เกาะตัวอยู่กันหนาแน่น สีขาวที่แผ่ตัวบอกถึงการเข้าใกล้จุดหมาย

          "ที่รักครับ นั่นหิมะครับ ไม่ใช่รานะ"

          "หิมะเหรอครับ หิมะแบบที่เห็นในโทรทัศน์เหรอครับ แบบๆๆๆๆๆ แบบที่เห็นในหนังใช่ไหมครับ สีขาวๆๆๆๆ ดูนุ่มฟูๆๆๆๆ เทม เทมอยากปั้นลูกชิ้นหิมะสองลูกที่โปะใส่กัน แล้วก็ๆๆๆ ใส่ผ้าพันคอแบบในหนังครับ"

          ผมหยุดคิดภาพตามที่เขาบอกไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกออก "สโนว์แมนใช่ไหมครับ ได้ครับ ไว้หมูจะพาไปปั้นนะ"

          คุณพ่อบ้านเดินมาเรียกพวกผมเพื่อทานข้าวเช้า เทมเล่าเรื่องคุณหิมะที่เจอให้คุณป้ากับเฮียเนื้อหย็องฟัง ทั้งสองคนโดนเทมกำชับยกใหญ่ว่าเครื่องบินทานไม่ได้เพราะคุณหิมะจองไปแล้ว และทานไม่ได้เดี๋ยวท้องจะเสีย พอมั่นใจว่าจะไม่มีใครไปแทะเครื่องบิน เด็กน้อยก็พอใจ ไม่นานสัญญาณถึงจุดหมายก็แสดงบนหน้าจอ ถึงเวลาเตรียมตัวนั่งแล้วรัดเข็มขัดรอเครื่องลงจอด

          มือที่จับอยู่บีบแน่น ส่งยิ้มให้คนข้างกาย

          "มาเที่ยวให้สนุกกันนะครับ"

          "ครับ มาสนุกๆๆๆๆ กันนะ"















end 61 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

little by little


หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 61 * 23/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 05-03-2020 21:57:17
สนุกดีค่าเพิ่งมาอ่าน​ รอตอนต่อไปนะคะ
จะมีมาม่าหลังจากนี้ไหมนะ :ling3:
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 61 * 23/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Kirana9165 ที่ 28-03-2020 07:57:43
คิดถึงน้องเทมแล้ว รอๆๆๆๆไไ
หัวข้อ: Re: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 61 * 23/02/63
เริ่มหัวข้อโดย: Mizunoe ที่ 13-10-2020 00:20:56
รอเรื่องนี้เสมอนะคะ :mew2: