———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 61 * 23/02/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 61 * 23/02/63  (อ่าน 37075 ครั้ง)

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter






  45








          จากงานยุ่ง ประชุม ซ้อมหนัก คุณตาปั่นหัว คุยโทรศัพท์ดึกดื่น แล้วพอนึกถึงตารางกิจกรรมของทั้งวัน หลังออกกำลังกายและอาบน้ำแต่งตัว กาแฟดำเข้มๆ คือสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดในตอนนี้


           เอสเพรสโซ่ดับเบิ้ลช็อตหอมกรุ่นยามเช้ามืด ช่วยให้สติเข้าที่เข้าทาง หลังจากบอกบาริสต้าให้ทำกาแฟใส่กระติกเก็บความร้อนไว้สำรอง บอกแม่ครัวให้เตรียมอาหารเช้าไปทานบนรถ ก็ได้เวลาไปปลุกองค์ชายน้อย ระหว่างหันหลังออกจากห้องอาหาร ก็ต้องหยุด เฮียปลาหย็องเดินสะโหลสะเหลพร้อมกระเป๋าสะพายใบโตบนไหล่ มีอดีตพี่เลี้ยงว้าวุ่นหิ้วปีกอยู่ด้านหลัง กำลังพากันเดินลงบันไดตรงมาในห้องทานข้าว


          "คุณหนูครับ! เดินดีๆสิครับ รถรออยู่หน้าบ้านแล้ว จะมาล้มกลิ้งหัวแตกตอนนี้ไม่ได้นะครับ แล้วข้าวเช้าก็เป็นมื้อสำคัญสำหรับวัยกำลังโต ไม่ทานไม่ได้นะครับ!" ว่าแล้วก็ดึงแขนคนตัวใหญ่กว่าตัวเองขึ้นพาดบ่า สงสัยจะกลัวคุณชายใหญ่กลิ้งตกบันไดคอหักตายน่ะครับ


          "บอกแล้วไงซาล เราโตแล้ว อย่าเรียกเราว่าคุณหนู! แล้วนี่ตีสี่นะตีสี่ กระเพาะเรายังไม่ตื่นเลยเถอะ ดีไม่ดี น้ำย่อยก็ยังนอนอุตุอยู่เลยมั้ง ฮ้าวว ง่วงชะมัด...อ้าว...หมูหย็องเหรอ ว่างายยยคะคุณหลวงงงง" เฮียปลาหย็องโบกมือด้วยท่าทางแห้งเหี่ยว สงสัยจะเหนื่อยจริงครับ โหมดจำปาเลยโผล่ออกมาแบบครึ่งๆ กลางๆ


          คุณซาลที่กำลังแบกซากเฮียปลา พอหันมาเจอผมก็รีบก้มหัวให้ จังหวะที่ผละมือออก เตรียมประสานกลางลำตัวแล้วโค้งคำนับ เขาเผลอปล่อยคนในอ้อมแขน มนุษย์แห้งเหี่ยวไร้เรี่ยวแรงเสียหลัก เกือบได้ออกข่าวหน้าหนึ่งว่าด้วยการตายแสนน่าอับอาย ดีว่าบุรุษในชุดสูทรีบใช้มือดึงผมคุณหนูของตัวเองไว้ได้ทัน


          "อ๊ากกกกกกกกกกกกก หัวจะหลุดแล้ว! หลุดแล้วๆๆๆ  หลุดไปหรือยัง หลุดแล้วใช่หม้ายยยยยย!?"


          "คุณหนูครับ!?! ผมขอโทษครับ! ไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงผมจะร่วงออกมาหลายกระจุก แต่ศีรษะยังอยู่ดีครับ!"


          ผมมองละครลิงตรงหน้าด้วยสายตาเฉยชา พี่เลี้ยงของเฮียปลาหย็องกระวีกระวาดเขย่งตัวขึ้นมองหัวของคุณหนูตัวเอง ใช้เวลาสักพัก กว่าเฮียปลาจะเลิกโวยวายว่าหัวหลุด


          "อรุณสวัสดิ์ครับคุณดิมิทรี ผมต้องขออภัยด้วยครับ! ที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อพี่ชายของคุณหนู"


          กิริยาไม่เหมาะสม แต่ช่วยอาเฮียไม่ให้หัวทิ่มกระแทกพื้นตายอนาถ ผมไม่ถือหรอกครับ จะกระชากจนหนังหัวหลุด ผมก็ไม่ว่าอะไร


          "อรุณสวัสดิ์ครับคุณซาล เฮียจะกลับมหาลัยแล้วเหรอครับ?"


          "ใช่แล้วค่ะ เดี๋ยวคืนนี้คุณลุงขายปิ้งไก่จะกลับมาแล้ว จำปาก็หมดหน้าที่ดูคุณหลวงกับนายท่านด้วงสักที ถึงเวลาที่จำปาต้องกลับไปทำหน้าที่นางงามรักษ์โลกตามคำเรียกร้องของมนุษยชาติต่อ แต่ถ้าคุณหลวงคิดถึง ก็ไปหาจำปาที่มหาลัยได้นะคะ อ้อ ส่วนคุณหญิงแม่เลื่อนวันกลับค่ะ กลับอีกทีใกล้ๆคริสต์มาสเลย ส่วนลูกคนใช้จะกลับมาแปะมืออีกทีหนึ่งก็วันพุธหน้า"


          คุณลุงขายปิ้งไก่ก็คือคุณป๊าน่ะครับ ส่วนลูกคนใช้ก็คือเจ้ไก่หย็อง บ้านผมถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ เฮียปลาหย็องหรืออาเจ้ไก่หย็องก็ต้องอยู่แทน ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนอยู่บ้านเสมอ ...ว่าแต่ว่า อาทิตย์ก่อนยังเรียกไก่หย็องน้องรักอยู่เลย อาทิตย์นี้เป็นลูกคนใช้ไปซะแล้ว จำปาเลื่อนสถานะให้รวดเร็วยิ่งกว่าต้มบะหมี่เสียอีก


          "ช่วงนี้เฮียว่างหรือครับ ไม่ใช่ว่ายุ่งๆ กับการหาเงินแข่งกับเจ้ไก่กับเฮียเนื้อหย็องเหรอครับ"


          "กรี๊ด! ซาล! นายบันทึกเสียงไว้หรือเปล่า น้องชายใส่ใจจำปา น้องชายรักจำปา! น้ำตาจะไหล ถึงจำปาจะยุ่งกว่านี้ ก็จะแยกร่างมาหาคุณหลวงและนายท่านด้วงได้เสมอเจ้าค่ะ แน่นอนว่าคุณหลวงเทม จำปาก็ต้องมาหาบ่อยๆ เพราะคุณหลวงเทมตัลร้ากกกก"


          พี่ชายตัวโตมีท่าทีดี๊ด๊า ด้วยเพราะนานๆ ที น้องชายที่มักจะทำตัวเหินห่างถึงจะถามอะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง เฮียปลาหย็องดวงตาแจ่มใส มองตรงมาเหมือนอยากให้ผมถามเขาอีก ผมหลุบตามองแก้วกาแฟในมือก่อนค่อยๆ ไล่สายตามองใบหน้าที่มีความคล้ายคลึงกับของตัวเอง


          เอ่ยถามเสียงเรียบเรื่อย "เฮียไปทำอะไรที่โรงเรียนผมเหรอครับ" ผมถามถึงเรื่องที่อยากรู้


          หลังจากลุงยามถามถึงคนนามสกุลเหมือนผมเข้ามาในโรงเรียนหลายครั้งในสองเดือนมานี้


          "เฮ้ย! น้องรู้ได้ไง!?...อุ้ย จำปาหมายถึงคุณหลวงรู้ได้อย่างไรหรือเจ้าคะ?"


          "เข้าไปทำอะไรครับ?"


          "ก็ ก็เข้าไปเล่นๆ เฉยๆ อ-เอ่อ...อ๋อ! ก็วงนักร้องที่คุณหลวงเอามาใช้เปิดตัวงานแสดงตอนสิ้นปี เป็นเพื่อนของจำปาเองค่ะ ก็เลยติดรถมาเยี่ยมคุณหลวงด้วยยังไงล่ะคะ"


          บอกว่ามาเยี่ยมผม แต่ผมไม่เคยเจอหน้าพี่ชายตัวเองสักครั้ง แถมคำตอบก็เหมือนเจ้าตัวเพิ่งจะคิดขึ้นได้ เมื่อตอนผมถามด้วยซ้ำ หรี่ตามองชายร่วมสายเลือดตรงหน้าอย่างจับผิด ดวงตาสีฟ้าเข้มดูล่อกแล่ก ท่าทางลุกลี้ลุกลน  พอสู้สายตาผมไม่ไหว อีกฝ่ายก็คว้าพี่เลี้ยงที่ยืนมองเพดานอย่างไม่เป็นธรรมชาติมาจับแขน เตรียมโกยอ้าวหนี


          "ต๊าย! จะตีสี่ครึ่งแล้ว จำปาต้องไปแล้วล่ะค่ะคุณหลวง มีใครก็ไม่รู้โทรเรียกจำปาแล้วค่ะ ใช่ไหม? ใช่ไหมซาล? เราต้องไปกันแล้วเนอะ!?"


          "ใช่ ใช่ครับคุณหนู! พวกผมขอตัวก่อนนะครับคุณดิมิทรี"



          หมับ



          ผมจับต้นแขนเฮียไว้แน่น เงยหน้าสบตาคนสูงกว่า บอกเขาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ภาษาบ้านเกิดและชื่อจริงถูกนำมาใช้ แสดงถึงความเข้มข้นของความจริงจัง "โจเชฟ...พี่รู้ใช่ไหม ว่าเส้นไหนข้ามได้ เส้นไหนข้ามไม่ได้...อย่าเล่นมากเกินไป"


          เอ่ยเตือน เมื่อผมเห็นในกล้องวงจรปิด เขาเข้าไปหาเทมในห้องเรียนพิเศษ ผมรู้ครับ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดผมแล้ว สองคนนี้ก็คงจะหาวิธีเซอร์ไพรส์วันเกิดให้เหมือนเคย แต่วิธีการวางแผนบางครั้งก็ไม่เข้าท่า อย่างสองปีก่อน เป็นการเซอร์ไพรส์ด้วยการให้เทมถือเค้กแล้วเข้าไปอยู่ในกล่องของขวัญขนาดใหญ่ แต่เพราะเฮียไม่ได้บอกคนรับใช้เอาไว้ เหล่าพ่อบ้านจึงเข็นกล่องของขวัญยักษ์ไปเก็บในห้องเก็บของ รวมกับของขวัญมากมาย เล่นเอาวุ่นวายกันไปหมด เพราะเฮียจำกล่องของขวัญที่ใส่เทมเอาไว้ไม่ได้ กว่าเราจะหากล่องที่เทมอยู่เจอ เด็กชายของผมก็ร้องไห้ในกล่องมืดๆ เงียบๆ คนเดียวเป็นชั่วโมง


          "เฮียรู้แล้วน่า...ไม่มีอะไรมากหรอก เอ่อ...อันที่จริงมันก็มีมากอยู่ แต่มันก็...เฮียบอกไม่ได้จริงๆ เอาไว้เดี๋ยวน้องก็รู้เอง"

          "กฎ?"

          "ไม่มีละเมิดสักข้อ สาบาน! ปลอดภัยชัวร์ล้านๆๆๆ เปอร์เซ็นต์! ...ให้ตายเถอะ นี่พี่กำลังทำเรื่องดีๆ อยู่นะ นายต้องเชื่อใจพี่สิน้องรัก" เขาครวญตอบด้วยภาษาเดียวกัน เรามองสบตากันชั่วครู่ ก่อนผมจะปล่อยแขนเขาออก หลังปล่อย รอยแดงปรากฏบนแขนที่มีมัดกล้าม สีแดงตัดขาวดูโดดเด่น

          "อย่าให้เทมทำอะไรแปลกๆ เพราะความคึกคะนองของพี่นะโจเชฟ เขายังเด็ก"

          "รู้แล้ว รู้แล้ว ครั้งนั้นมันแค่อุบัติเหตุ พี่สะเพร่าไปหน่อย พี่ขอโทษ"

          "ห้ามเกิดขึ้นครั้งที่สอง"

          "รับทราบครับน้องชาย"

          มองดวงตาสีฟ้าสะท้อนความจริงจังกลับคืนมา พยักหน้าตอบรับการเล่นซนของพี่ชายตัวเองและเด็กน้อย แล้วหันหลังเดินออกจากห้องอาหาร ก่อนจะนึกได้ถึงอีกเรื่องที่สำคัญ หันไปบอกพี่ชายที่กำลังหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ "อีกเรื่องนะครับเฮีย"

          "อะไรเหรอคะคุณหลวง"

          "เลิกใส่หมวกขนนกสีรุ้งปิดบังตัวเองเวลาไปโรงเรียนผมด้วยครับ มันไม่ได้เนียนเลยสักนิด แถมมองแล้วรู้ทันทีอีกต่างหากว่าเป็นใคร ชุดแม่วัวโชว์สะดือนั่นก็เหมือนกัน...ถือว่าขอนะครับ มันดูโรคจิตน่ะพี่ชาย"


          เฮียปลาหย็องอ้าปากหวอ

          ข้างกันมีคุณซาลยกมือกุมหัวแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ "...ผมเตือนแล้ว คุณหนูก็ไม่เชื่อ..."






***



          แกะแผ่นเจลใต้ตาคนยังหลับสนิทออก ลูบใต้ตาที่แทบจะไม่บวมเลยอย่างพอใจ

          แต่การปลุกไม่ค่อยราบรื่นนัก เมื่อเด็กชายตั้งท่าแต่จะรั้งผมกลับขึ้นไปนอนด้วยกันต่อบนเตียง ท่าทางดื้อดึง คิ้วขมวดปากยื่นเป็นพิเศษ เป็นพี่เทมคนดื้อ เป็นพี่เทมคนงัวเงียที่ถ้ายังฝืนปลุก จะได้เทมปุระฉบับงอแงไปทั้งวัน แต่วันนี้พี่เทมจะงอแงไม่ได้ครับ ถ้าเป็นวันที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่เป็นอะไรเลย ออกจะชอบเวลาเขางอแงให้ตามเอาใจด้วยซ้ำ เทมที่ติดผมหนึบแล้วไม่อยากให้ใครมายุ่งด้วยน่ารักจะตาย  แต่วันนี้แค่ช่วงเที่ยง ผมยังหาเวลาพักกลางวันตัวเองไม่เจอ


          ยิ้มขำคนกอดแขนผมแน่น แล้วละเมอว่ากำลังหม่ำแคนดี้ยักษ์ จนดูดแขนผมดังจ๊วบจ๊าบ น้ำลายไหลเยิ้ม ตัดใจปลุกเขาต่อไม่ลง เมื่อคืนเขาทั้งนอนดึกผิดเวลา ทั้งร้องไห้ โดนคุณตาแกล้งให้หัวหมุน ผมกลับไปใช้แผนแรกที่คิดเอาไว้
             

          ทางเลือกให้เขาไปหลับต่อบนรถ ดูเป็นอะไรที่เข้าท่า เหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุด


          เดินไปหยิบถังน้ำและผ้าเช็ดตัว เช็ดหน้าเช็ดตาคนหลับสนิท จับเขาพลิกตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ร่างสูงที่ห่อตัวเพราะความหนาวจากเครื่องปรับอากาศ ดูน่ากลั่นแกล้งจนเผลอจับเขาฟัดไปหลายนาที พอแต่งตัวให้เขาเสร็จ จึงเรียกพ่อบ้านมาช่วยอุ้มเขาลงไปขึ้นรถ


          พี่เทมยังคงหลับตาพริ้มไม่มีวี่แววตื่นมาตลอดทาง กระทั่งผมให้คนพาเขาเข้าไปนอนในห้องกรรมการนักเรียนก็ยังไม่รู้สึกตัว ถ้าผมเป็นนาฬิกาตื่นตามเวลา องค์ชายนิทราก็คงจะเป็นนาฬิกาตื่นตามชั่วโมง ถ้าหลับได้ไม่เต็มอิ่มครบเจ็ดชั่วโมงก็จะไม่ยอมตื่นล่ะมั้งครับ


          ผมมองเวลา คิดว่าเทมน่าจะตื่นอีกทีตอนแปดถึงเก้าโมง ทันเวลาขึ้นสแตนด์พอดี


          ช่วงเช้าถึงเที่ยงจะเป็นการกล่าวพิธีเปิดงาน การแสดงเล็กน้อยจากเหล่านักเรียน เปิดให้เดินซุ้มร้านค้าต่างๆ และเริ่มต้นการแข่งขันด้วยการประกวดเชียร์ของสแตนด์ ซึ่งเป็นตอนช่วงบ่าย ตามด้วยการแข่งกีฬาตามลำดับ


          กีฬาสีโรงเรียนเรามีแข่งทั้งหมดสามสิบอย่างครับ ฟุตบอล ตะกร้อ ว่ายน้ำ วิ่งแข่ง หมากกระดาน อีสปอร์ต และอีกมากมาย โดยแบ่งแข่งวันละห้าอย่าง เท่ากับสามสิบชนิดครบหกวันพอดี วันสุดท้ายจะเป็นการประกาศรางวัล ซึ่งนอกจากผู้ชนะเลิศในการแข่งกีฬาชนิดนั้นๆ แล้ว ก็ยังมีประกาศคะแนนสีชนะเลิศอีกด้วย เป็นการเอาคะแนนทุกอย่างมารวมกัน กีฬาเจ็ดสิบยี่สิบ อย่างอื่นอีกสิบ


          คะแนนพิเศษอีกสิบเปอร์เซ็นต์ก็เปลี่ยนไปตามปี เช่นปีก่อนให้คะแนนความสะอาด ปีก่อนหน้าก็ให้คะแนนสีที่ใช้เงินน้อยที่สุด เหล่าอาจารย์จะเขียนฉลากและจับสุ่มขึ้นมาในวันสุดท้าย ซึ่งจะไม่มีทางรู้ล่วงหน้าเลยครับ ว่าจะเป็นอะไร


          เพราะงั้นมันต้องสื่อสารและร่วมมือกันทุกฝ่าย ทำทุกอย่างให้ออกมาดีพร้อมทั้งหมด เพราะถึงจะแข่งแพ้ไปหลายชนิด ก็ยังพอหวังคะแนนฝ่ายเชียร์ คะแนนพิเศษให้พลิกกลับมาชนะได้ในท้ายที่สุด


          เป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กเรียนสามัคคีกันได้จริงๆ


          ...สามัคคีกันในสี แล้วไปตีกับคนนอกสีแทนน่ะครับ...


          แค่พ้นจากบานประตู ก็เป็นคนละโลกอันสุขสงบที่เด็กน้อยนอนหลับสนิท ภาพหลอนของสารคดีที่เทมเปิดดูซ้อนทับ เหล่าฝูงนกแร้งเข้ามารุมทึ้งผม แม้จะเพิ่งตีห้าครึ่ง แต่ทีมสภาก็มาพร้อมหน้าพร้อมตา


          "เฮ้ย! ชิบหายแล้ว พี่เนศ พี่หมู ทำยังไงดีครับ พิธีกรช่วงบ่ายไม่มี คิตตี้ท้องเสียตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ยังอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย" ผมที่กำลังเช็ครายชื่อ จัดที่นั่งรอบสุดท้ายชะงัก


          มาท้องเสียอะไรเอานาทีสุดท้ายกันนะ แย่จริง พวกผมต้องทำงานสภาให้เสร็จก่อนเจ็ดโมงเสียด้วย หลังจากนั้น เราก็ต้องแยกย้ายกันไปเข้าสีแล้ว


          พี่เนศหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรติดต่อฝ่ายจัดการทันที แต่ก็ได้สีหน้าเคร่งเครียดกลับมา "ชิบหายจริงด้วยว่ะ... พี่เพิ่งโทรไปถามไอ้คิน น้องเจนกับน้องแอนนา พิธีกรสำรองทั้งสองคนก็ดันไปกินอาหารร้านเดียวกัน ท้องเสียหมดเลย เฮ้ย มีใครว่างช่วยบ่าย แล้วจำสคริปต์ทั้งหมดได้บ้าง"

          พี่เนศหันไปสบตาเลขาตัวเอง สบตาทุกคน และคำตอบก็ไม่ได้น่าพอใจ เมื่อการส่ายหน้าปฏิเสธคือคำตอบ

          "ให้อาจารย์ขึ้นไปพูดแทนได้ไหมพี่เนศ อาจารย์ตรวจงานหลายรอบ คงพอจำได้บ้าง"

          "ให้ช่วยนี่คะแนนหายเยอะแน่ๆ เลยว่ะพี่ว่า ลองคิดหาทางอื่นก่อน"


          อาจารย์จะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเลยครับ ถ้าไม่ได้ลำบากกันจริงๆ เช่นมีการบาดเจ็บ การโกง ท่านถือว่าเป็นการเรียนรู้และให้นักเรียนแก้ปัญหากันเอง จะให้คำปรึกษาระหว่างจัดงานแล้วรอดูผลลัพธ์ เหมือนให้รายงานนักเรียนไปทำ แล้วนั่งรอฟังการรายงานหน้าห้องนั่นแหละครับ


          นอกจากนั้น นี่ก็ถือว่าเป็นการบ้าน เป็นงานที่ให้คะแนนจริงๆ ในส่วนกิจกรรมด้วย


          เพราะงั้นถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดแล้วไปขอให้อาจารย์ช่วย ก็จะถูกหักคะแนน คะแนนก็จะหายไปเยอะเลยละครับ คะแนนที่หายไปเยอะ ก็หมายถึงต้องไปยุ่งยากตอนใกล้ปิดเทอม ต้องไปทำงานเพื่อสังคม ทำคะแนนกิจกรรมเพิ่ม ถ้าคะแนนไม่พอ


          "หนูว่างช่วงบ่ายนะ แต่หนูจำสคริปต์ได้แค่ช่วงต้นเอง"

          "ด้นสดไม่ได้เหรอเนศ" พี่นรีหันไปถาม แต่พี่เนศก็กำลังยุ่งกับโทรศัพท์เพื่อโทรหาคนว่าง
          ผมหันไปตอบแทนประธานรุ่นพี่ "ไม่ได้หรอกครับ ทุกอย่างถูกวางแผนเอาไว้แล้ว จังหวะแสงไฟกับจังหวะดนตรีอยู่ที่จังหวะการพูดของพิธีกร ลูกเล่นต่างๆ ไหนจะสัญญาณมือ การกะพริบตาที่เตี๊ยมกันไว้อีก"

          "เชี่ยมาก...มีใครความจำดีๆ มาจำตอนนี้ทันไหมวะ"


          เลขาของผมที่เพิ่งเดินขึ้นมาจากการตรวจดูความเรียบร้อยมีสีหน้างุนงง เมื่อเห็นคนในห้องปล่อยรังสีมืดครึ้มจนคับห้อง "เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? มีอะไรหรือเปล่าหมู?" เปียเดินมากระซิบถามกับผม


          หรี่ตามองเลขาตัวเองแล้วยกยิ้มมุมปาก เดินไปหยิบแฟ้มจากกองเอกสารมาส่งให้หญิงสาวตรงหน้า เธอรับไปถืออย่างคนไม่รู้เรื่องรู้ราว เปิดอ่านศึกษาตามความเคยชินเวลาผมยื่นงานให้


          "เปีย ช่วยจำทั้งหมดนี้ให้หน่อยครับ"


          แต่พอออกคำสั่ง เธอก็เข้าโหมดเตรียมพร้อมทันที


          "สามสิบห้าแผ่นนี้เหรอ รีบหรือเปล่าละ?  อืม...ขอเวลาสักสองชั่วโมงได้ไหม เราต้องไปหาอาจารย์อภิญญาต่อน่ะ ว่าแต่จะให้ฉันจำไปทำไมเนี่ย..." เปียถามเสียงอุบอิบ แต่สายตากวาดเลื่อนอ่านอย่างรวดเร็ว

          "ช่วงบ่ายว่างไหมครับ?"

          "บ่ายเหรอ..." เธอทำท่าครุ่นคิด ก่อนพยักหน้า "ถ้าบ่ายหนึ่งถึงสองก็พอได้นะ แต่สามถึงสี่ไม่ได้ เรามีแข่งปิงปอง เย็นมีเวรไปส่งแขกกับพี่อ๋องกับอาจารย์ทวัต"

          "ครับ ทุกคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ต่อได้เลย ได้พิธีกรแล้วครับ"


          เสียงเฮดังลั่น "ขอบคุณมากนะเปีย รอดแล้วโว้ยยยยยยยยยย"

          "ฮือ กูนึกว่าต้องส่งไอ้จินไปเป็นพิธีกรหัวเดียวกระเทียมลีบซะแล้ว มุกแป๊กของมันถ้าไม่มีคนขัดนี่นรกชัดๆ"

          หญิงสาวอ้าปากเหวอหมดภาพลักษณ์ "ห๊า? พิธีกร? พิธีกรอะไรกันคะ?...เดี๋ยวๆ วันนี้เราเวรรับแขกนะหมู เฮ้ย!"

          "ฝากด้วยนะครับ" บอกเสียงเรียบ ก้าวขาเดินหนีไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อทันที

          พี่เนศปรี่เข้าไปหาเปีย พนมมือยกขึ้นไหว้คุณเลขาอย่างซาบซึ้ง ดวงตาคล้ายแปรเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจเหมือนในการ์ตูนตลก "น้องเปียคนงาม นางฟ้ามาโปรดของพี่...เป็นแฟนพี่นะครับ"

          "ขอปฏิเสธค่ะ...หมูแม่ง ตัวเองจำได้ในสิบห้านาทีก็ไม่ยอมทำ โยนมาให้กันได้นะยะ" เปียบ่นเสียงแผ่ว แอบหันมาค้อนใส่ผม ก่อนก้มหน้าอ่านเพื่อจำทุกตัวอักษร สลับก่นด่าประธานนักเรียนอีกคนไปด้วย



               ...ไม่เอาด้วยหรอกครับ ช่วงบ่ายผมจะไปแอบส่องเทมขึ้นสแตนด์นี่...



               หลังหมดเรื่องพิธีกร ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น สักพักอาจารย์หลายสิบคนก็เข้ามาสอบถาม และช่วยตรวจความเรียบร้อยรอบสุดท้าย เมื่อทุกฝ่ายพอใจ พวกผมก็ถูกปล่อยให้ไปเข้าประจำสีของตัวเอง


               ยังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อยก่อนเข้าแถว ผมจึงเดินมาโรงอาหาร ซื้อชานมไข่มุกไปให้คนยังไม่ตื่นนอน ระหว่างนั่งรอเครื่องดื่มบนโต๊ะประจำ คนคุ้นหน้าและเพิ่งจะเริ่มคุ้นหน้าก็เดินเข้ามาหา แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเต้ น้ำกับคาร์โลเดินมาพร้อมกันสามคน


          ทะเลาะกันมาสองปี บทจะดีกันก็ดีง่ายเลยนะครับ


          น้ำตะโกนทัก "มาเช้าจังวะ แล้วไอ้เทมล่ะ" ถามหาเพื่อนอีกคน ที่มักจะตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋

          "นอนอยู่ครับ"

          "เฮ้ย! นอนอยู่ไหน มันไม่สบายเหรอ"

          "อะไรวะ เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย เป็นอะไรมากหรือเปล่า"

          "เปล่าครับ เทมสบายดี เมื่อคืนมีเรื่องนิดหน่อยเขาเลยนอนดึก ตอนนี้นอนอยู่บนห้องกรรมการ เดี๋ยวหลังเข้าแถวค่อยไปปลุก"

          "อ๋อ แน่ะ...แน่ะๆๆๆ คงไม่ได้สวีทสหวีกิ๊วๆ กันใช่ไหมวะ อย่าเชียวนะมึง ลูกกูยังไม่โตพอกับเรื่องบัดสี"


          ผมยักคิ้วใส่หน้านิ่ง ไอ้เต้กรอกตาพร้อมเอื้อมมือมาจะตบหัวผม แต่วืด เพราะผมหลบทัน มันถลึงตาใส่ พึมพำ "กวนตีน"


          "นั่นเก้าอี้เทม มึงไปเอาเก้าอี้มาเพิ่มใหม่ดิโล แล้วก็อย่าไปนั่งใกล้ไอ้หมูมัน เดี๋ยวโดนต่อยหน้าแหก" น้ำพยักพเยิดไปที่เก้าอี้ของโต๊ะอื่น โต๊ะประจำของกลุ่ม เก้าอี้มีแค่สี่ตัวครับ และผมไม่ชอบให้ใครนั่งใกล้เท่าไหร่ ซึ่งทุกคนก็รู้ดี


          โลทำตามน้ำบอก แล้วนั่งลงตรงกันข้าม คนตัวใหญ่หน้าโฉด ทำให้บรรยากาศของโต๊ะดูคล้ายเด็กมัธยมกำลังโดนข่มขู่รีดไถเงินพิกล


          "แล้วไงครับ ทำไมมาพร้อมกัน"

          "กูก็...นั่นแหละ ก็ทำตามที่มึงบอกอ่ะ...แล้วมันก็ อืมๆๆๆ เอออออ นั่นแหละน่า ลูกผู้ชายเขาไม่พูดมากหรอก คุยกันด้วยกำปั้นก็จบ" น้ำบอกอ้อมแอ้ม สงสัยต่อมความรู้สึกผิดจะโดนผมกระทืบเข้าอย่างจัง จนทนไม่ไหวแล้วไปดักรออีกฝ่ายสินะครับ

          เต้หัวเราะสะใจเสียงดัง

          "จบจริงไอ้ห่า โดนไอ้คาร์โลชกกลิ้งไปรอบจนกูตกใจ"

          "ไม่ได้เอาจริง ไม่เป็นรอยหรอก"

          น้ำแยกเขี้ยว "ไม่เอาจริงปากกูยังเกือบแตก ไอ้สัส!"

          "เจ๊ากัน"

          "เออ!"

          "แล้วก็...นี่..." คาร์โลยื่นเอกสารมาตรงหน้าผม ชี้นิ้วไปที่จำนวนตัวเลขเจ็ดหลักบนกระดาษ "ผมอยากให้คุณเพิ่มอีกสองแสน..."

          ผมยิ้ม ไม่ตอบรับและปฏิเสธ อีกฝ่ายเดาะลิ้น "ค่าเลี้ยงเด็ก เงื่อนไขมันเบ็ดเสร็จยิบย่อยโคตรๆ เป็นทั้งบอดี้การ์ด พ่อบ้าน พี่เลี้ยงด้วยไม่ใช่หรือไง ข้อห้ามก็เยอะ ยุ่งยากสุดๆ เพิ่มเงินเดือนอีกสองแสน แล้วผมจะตกลง ปากกาสีแดงคือที่ผมแก้ในส่วนที่ผมคิดว่ามันยังไม่แฟร์ด้วย"


          เพิ่มวันหยุดอีกสิบวัน กับโบนัสจากสิบสองเดือน เพิ่มอีกหนึ่งเท่าตอนสิ้นปี แปดหลักเลยนะครับ...


          "ผมจะพิจารณาหลังคุณเริ่มงานก็แล้วกันนะครับ"


          คาร์โลจิ๊ปาก แต่ก็ยอมหันกระดาษไปเซ็นแล้วยื่นมาให้อีกครั้ง "เออ แล้วกู เอ้ย ที่ผมต้องไปฝึกเพิ่มเสาร์อาทิตย์ ขอเป็นฝึกช่วงเย็นถึงดึกได้ไหม ช่วงเช้าผมทำงานพิเศษแล้วก็อ่านหนังสือ"

          "กับผมพูดกูมึงก็ได้ครับ ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าด้วย ส่วนคำหยาบก็ตามที่ผมว่าไว้ เหี้ย สัตว์ มีหลุดได้บ้าง แต่อะไรที่มันจัญไรมากๆ ถ้าหลุดพูดต่อหน้าเขา ผมหักคำละสองหมื่น ส่วนตารางการฝึก ผมไม่สนใจครับ คุณไปคุยกับเลขาของผมได้เลย ผมสนใจผลลัพธ์เท่านั้น ถึงวันทดสอบ วันทำงานคุณต้องพร้อม"


          คาร์โลพยักหน้า ผมกดข้อความบอกเลขา ไม่ถึงสองนาที อีกฝ่ายก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู เจ้าตัวเบิกตากว้างขึ้น

          "ค่าแรกเข้า ถือว่าเป็นของขวัญทำสัญญาครับ"

          "แม่เจ้าโว้ย!...เจ้านายใหม่กูโคตรใจป้ำ"

          "เหี้ย...เหมือนกูดูหนังนักธุรกิจเลยว่ะ มึงแม่งยิ่งใหญ่สัสๆอ่ะหมู ดูเป็นอาเสี่ยในหนังมาเฟียชิบหาย"

          "ลูกชายเจ้าของธนาคารพูดแบบนี้ ฟังดูเป็นคำประชดประชันได้ตลกร้ายดีนะครับเต้"

          "ปล่อยกูไปเถ๊อะ กูลุ้นผลทำน้องของพ่อกับแม่สิ้นปีอยู่เนี่ย ติดปุ๊บ ปีหน้ากูย้ายสายเรียนเลย"

          "เดี๋ยวๆ แล้วพวกกูต้องทำตัวยังไงกับคาร์โลวะ คือยังไงอะ มันทำงาน แต่เป็นเพื่อนพวกกูควบไปงี้เหรอวะ"

          "เพื่อน?" คาร์โลมองพวกผมสามคนด้วยสายตาอ่านยาก มันมีแววตกตะลึง ไม่เชื่อหู และเสียดสีอยู่ในนั้น

          "ก็ใช่ไง เพื่อน  ตกใจอะไรวะ"

          "พวกมึงไม่รู้หรือไงว่ากูเป็นนักเรียนทุน"

          "แล้วไงวะ มึงเหยียดพวกกูเหรอ เฮ้ย ถึงกูจะไม่ฉลาดมาก แต่เกรดกูก็ไม่ต่ำกว่าสามนะเว้ย!"

          "กูจน..."

          "หา? แล้วไงอะ กูก็จนเป็นช่วงๆ อ่ะ หม่อมแม่หักเงินเพราะรู้ว่าเอาเงินไปซื้อของไร้สาระบ่อย"

          "จริง นี่พ่อกูก็เพิ่งหักตังค์กูไปตั้งเยอะ ดันรู้ว่ากูแอบขโมยตังค์ไปซื้อกล้องใหม่ โคตรซวย อุตส่าห์ปลอมชื่อในบัตรเครดิตแล้วนะ"

          "เฮ้อ ไม่ได้จนในแบบที่พวกมึงพูด จนแบบไม่มีพ่อแม่ส่งเสียเงินให้ใช้ ไม่มีนามสกุลดัง ไม่มีคนหนุนหลังน่ะ เรามันคนละชั้นกัน พวกมึงมันชั้นสูง กูมันรากหญ้า เข้าใจไหมวะไอ้พวกลูกคุณหนู" คาร์โลหัวเราะ "พวกมึงสองคนอาจจะไม่รู้ แต่กูเป็นเด็กกำพร้าว่ะ พี่น้องเยอะอีก กูต้องส่งค่าเลี้ยงน้อง ส่งให้ที่บ้าน ก็เหลือใช้เดือนไม่เท่าไหร่แล้ว ดีนะเจอมึง ค่อยยังชั่วหน่อย แต่เรื่องจะเป็นเพื่อนนี่กูว่าไม่น่าไหว เป็นเพื่อนกับเจ้านาย กับเพื่อนเจ้านาย มันแปลกๆ"


          เต้กับน้ำเงียบไป น้ำที่รู้เรื่องว่าคาร์โลเป็นเด็กกำพร้าอยู่แล้วแอบสะอึก แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น ผมขมวดคิ้ว "คนจนไม่มีเงินเดือนเกือบแสนนะครับคาร์โล"


          ยิ่งเขาเพิ่งเซ็นสัญญากับผม เงินเดือนเขาก็ครึ่งล้านแล้ว
         

          เต้เอื้อมมือไปตบบ่าคนตัวใหญ่สุดแปะๆ "คิดมากน่า พวกกูไม่ได้คบกันเพราะเงิน หรือนามสกุลนะเว้ย"


   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2018 00:33:01 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter

          "พี่เทม...พี่เทมขอโทษน้องหมูหย็องนะครับ น้องหมูหย็องโกรธพี่เทม โกรธพี่เทมมากหรือเปล่าครับ...?"



          เสียงอ่อนอ่อยของคนข้างตัวดังขัดความคิด เสียงทุ้มเอ่ยติดสั่นอย่างน่าสงสารดึงความสนใจไปหาเขาทั้งหมด ผมตัดสินใจวางเรื่องนี้ลงทันที อย่างไรก็วันทดสอบก็คงยังไม่มาถึงเร็วๆ นี้...ล่ะมั้ง...



          ตะแคงข้างเข้าหากัน วางมือบนแก้มนุ่ม ลูบปลอบคนเอ่ยคำขอโทษแผ่วเบา





          "ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะครับ?"

          "ก-ก-ก็ ก็พี่เทมรับโทรศัพท์ของน้องหมูหย็อง แล้ว แล้วยังให้หย็องหย็องกับเฮียปลาหย็องเข้ามาในห้องด้วย พี่เทม พี่เทมขอโทษนะครับ"



          ผมเคยบอกไม่ให้สองคนนี้เข้ามาในห้องพร้อมๆกันครับ แค่คนเดียวยังพอทนได้ แต่มาพร้อมกันนี่เกินจะรับไหว ตาม ไหนจะชอบชวนเทมเล่นพิเรนทร์จนห้องรกเละเทะไปหมด ตามประสาผู้ชายพอรวมกลุ่มก็คึกคักจัด จนบางทีก็เล่นอะไรรุนแรงอันตราย จนต้องออกกฎ ถ้าจะเล่นพร้อมกันกับเฮียปลาและหย็องหย็อง จะต้องมาเรียกผมไปเฝ้าด้วย



          ผมวางฐานะน้องของพี่เทมลงก่อน กลับมาเป็นหมูหย็องของเขาแทน เพื่อบอกถึงระดับความจริงจัง



          "แต่เทมทำลงไปเพราะมีเหตุผลใช่ไหมครับ?" การให้อภัยในทันที จะทำให้เด็กน้อยละเลยกฎระเบียบ และกฎที่ช่วยแยกเขาออกจากอันตราย ก็ไม่ใช่อะไรที่จะหยวนๆให้นางฟ้าตัวน้อยได้ แต่การโกรธเขาทันทีก็ไม่ใช่หนทางที่ถูก "งั้นบอกหมูได้ไหมครับ ว่าทำไมถึงให้เฮียปลากับหย็องเข้ามาพร้อมกัน"



          เทมพยักหน้า แล้วเอื้อนเอ่ยบอกด้วยเสียงรู้สึกผิดมากมาย "พี่เทม เทม เทมทำการบ้านในไอแพดครับ แต่ว่า เพราะ เพราะเล่นในรถมากเกินไปเลยแบตเตอรี่หมดเกลี้ยงๆๆ พี่เทมเลยจะชาร์จๆๆๆ แต่ว่าพอชาร์จๆๆ กับพาวเวอร์แบงค์แล้วก็ไม่ติดครับ พาวเวอร์แบงค์ก็หมดเกลี้ยงๆๆๆ เหมือนกัน จะเสียบๆๆๆ สายเอง น้องหมูหย็องก็บอกว่าอันตราย พี่เทม พี่เทม เทม เทมเลยจะไปยืมของหมูหย็องในห้องทำงานครับ ตอนเข้าไปแล้ว แล้วหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็สว่างๆๆๆ แสบตา เพราะว่า เพราะว่าคุณตาลักพาตัวโทรเข้ามา"


          ถึงตรงนี้เขายิ่งมีสีหน้าหงอยลง เทมปุระสูดหายใจเข้าลึกแล้วค่อยๆ เล่าต่อ


          "แต่ว่า แต่ว่า ทีแรก ทีแรกเทมไม่ได้รับนะครับ เทมตั้งใจว่าจะไปบอกหมูหย็อง แต่ว่า แต่ว่าหมูหย็องก็กำลังตั้งใจเยอะแยะซ้อมๆๆๆๆ กีฬาอยู่ เทมเข้าไปไม่ได้ ความลับต้องจุ๊ๆๆๆ ไปกวนก็ไม่เด็กดีๆๆ ด้วย เทมก็เลยไม่รู้จะทำยังไงครับ เทมเลยวิ่งวนๆๆ เป็นวงกลม พอวิ่งเป็นวงๆๆ กลม ก็แล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดีครับ เพราะคุณตาลักพาตัวโทรมาไม่หยุดเลยครับ เทมกลัวๆๆๆ ว่าจะเป็นเรื่องจรวดๆๆๆ เป็นเรื่องเร็วๆๆ ด่วนๆๆๆ  ...ส-ส-สุดท้ายเทมเลยรับครับ...ขอโทษนะครับ"



          อา...ผมพอจะเดาได้แล้วล่ะครับ ว่ามันเป็นมายังไง



          "พอ พอเทมรับแล้ว แล้วคุณตาลักพาตัวก็พูดอะไรงงๆๆ เยอะแยะๆๆๆ ไปหมด เทม เทมตกใจเยอะแยะๆๆๆๆ ครับ เทมฟังไม่รู้เรื่องเลยครับ พี่เทม พี่เทม เทมก็เลยวิ่งวนๆๆๆ เป็นกลมๆๆๆ อีกรอบ คุณตา คุณตาลักพาตัวก็หัวเราะเสียงดัง พูดภาษาคุณมนุษย์ต่างดาวอีกเยอะแยะๆๆ เทมก็งงๆๆๆครับ แต่เทมได้ยินชื่อหมูหย็อง คุณตาลักพาตัวเรียกๆๆ หาน้องหมูหย็อง เทมเลยรีบวิ่งออกไปหาหมูหย็องครับ แต่เจอเฮียปลาหย็องกับหย็องหย็องพอดี พอพี่เทม พอพี่เทมเล่าให้ฟัง ทั้งสองคนเลยบอกว่าเดี๋ยวๆๆๆ จัดการเอง ไม่ต้องบอกน้องหมูหย็อง แต่เทม เทมก็ส่ายหัวแล้วนะครับ แต่เฮียปลาหย็องบอกเห็นน้องหมูหย็องตั้งใจๆๆๆๆ ซ้อมอยู่..."


          คนเก่งเล่าไปเริ่มมีเสียงสะอื้นเบาๆ จนผมต้องบีบมือให้กำลังใจ เด็กน้อยสูดจมูกฟึดฟัด


          "เทมเลยบอกว่า ว่าให้เฮียปลาหย็องไปคนเดียวครับ เพราะหมูหย็องไม่ให้เทมอยู่พร้อมกันคนเดียวสามคน ทีแรก ทีแรกเฮียปลาหย็องก็มาคนเดียว แต่พอ พอเฮียปลาหย็องคุยๆๆ กับคุณตา แล้วก็ทำนู่นนี่กับโทรทัศน์ แล้วก็ไปเรียกหย็องหย็องเข้ามาครับ เทมก็ตกใจๆๆๆ แต่เห็นทุกคนคุยกัน คุยกันเยอะแยะๆๆ เทมก็เลยไม่กล้าบอกให้หย็องหย็องออกไปครับ พี่เทม พี่เทม เทมเลยรีบๆๆ สร้างบ้านหนังสืออยู่คนเดียว ไม่เล่นๆๆๆ กับเฮียปลาหย็องกับหย็องหย็อง รอ รอน้องหมูหย็องมาหาในบ้านหนังสือครับ...เทม เทมขอโทษนะครับ"



          เจ้าหมาน้อยหูลู่หางตก กะพริบตาขับไล่หยดน้ำใสแล้วฮึบเอาไว้ ก่อนหลับตาปี๋รอฟังคำตัดสินโทษ




          ...เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักอะไรขนาดนี้กันนะ...





          อยากกอดเขาแน่นๆ ให้จมลงไปในอ้อมอก กกกอดเขาไว้จนกาลเวลาไร้ความหมาย





          เริ่มแรกเดิมที ผมก็ไม่ได้ตั้งกฎมาเพื่อแสดงความเหนือกว่า หรือเฝ้าจับผิดว่าหากคราใดเขาทำผิด แล้วจะต้องโกรธโมโหเขาอยู่แล้ว มีแต่เพียงความเป็นห่วงเจ้าแก้มกลมนุ่มเท่านั้น



          แค่ฟังก็รู้แล้ว ว่าเขาพยายามถึงที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ เพื่อรักษากฎเอาไว้ แต่เรื่องมันก็หนักหนา เกินกว่าเด็กน้อยคนพิเศษจะหาหนทางรับมือไหว ช่วงเวลาบีบคั้นที่เขาทำอะไรไม่ถูก ยังพยายามถนอมสัญญา แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับทุกอย่างแล้วครับ



          ถึงผิดจริงยังไง ต่อให้ผิดกฎหมายร้ายแรง ผมยังไม่โกรธเลย กับเรื่องแค่นี้ผมก็ไม่โกรธหรอกครับ กับเทม ผมมีทั้งความอดทนและความอ่อนโยนให้มหาศาล มันเยอะพอจะเอามารีดให้แบน แล้วทำเป็นผ้าคลุมนภาบนอากาศ แล้วยังเพียงพอเผื่อแผ่ไปถึงดวงจันทร์ได้เสียอีก



          แค่มอง ก็อ่อนยวบยาบ คิดถึงเรื่องที่จะโกรธเขาลงไม่ได้เลย ถึงเขาจะเจ็บตัวมา คนที่ผมจะโกรธก็คือตัวต้นเหตุอยู่ดี เทมที่เห็นผมเงียบไปก็เริ่มเบะปากหนัก ดูท่าจะเริ่มฮึบไม่ไหว หน้าตายุ่งเหยิงร้อนรนทั้งน่าเอ็นดูทั้งน่าสงสาร



          จุมพิตกลางหน้าผากเป็นสัญญาณบอกให้เด็กน้อยลืมตา



          "ครั้งนี้พี่เทมทำลงไปเพราะมีเหตุผล และพี่เทมก็พยายามถึงที่สุดแล้ว น้องหมูไม่โกรธพี่เทมครับ ...ขอบคุณนะครับ ที่พยายามทำตามกฎ พยายามรักษาสัญญา"



          เทมปุระแทบจะปล่อยโฮ เขาย้ายศีรษะบนหมอนมาซบลงบนซอกคอผม พึมพำขอบคุณซ้ำไปซ้ำมา น้ำเสียงโล่งอกปนดีใจเป็นอย่างมากที่ผมไม่โกรธ คงจะกังวลมากเลยสินะ ลูบผมนุ่มนิ่มอยู่สักพักเขาถึงนิ่งลง



          "ไม่ต้องร้องนะครับ พี่เทมแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมาก สุดยอดเลยครับ เก่งมากๆ"

          "ข-ขอบคุณครับ ฮึก ท-เอม เอม เทม เทม เทมกลัวหมูหย็องโกรธ โกรธมากเลยครับ"

          "ชู่ว...ไม่โกรธครับไม่โกรธ วันหลังถ้ามีเรื่องอะไร หรือเกิดอะไรขึ้น จนหาทางแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ พี่เทมวิ่งไปหาหมูได้ตลอดเวลาเลยนะครับ ไม่ต้องสนใจกฎหรือว่าอะไรทั้งนั้น เพราะพี่เทมสำคัญที่สุด สำคัญกว่าทุกๆสิ่ง เทมของหมูเป็นที่หนึ่งเหนือทุกอย่าง...ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็มาหาหมูได้เสมอ รู้ไหมครับคนดี"

          "ขอบคุณครับ หมูหย็อง น้องหมูหย็องก็เป็นที่หนึ่ง เป็นที่หนึ่งของเทมเหมือนกันครับ วิ่ง วิ่งมาหาเทมได้เลยนะครับ"

          "หึหึหึ แล้วจะวิ่งไปหานะครับ แต่ว่าเรื่องนี้พี่เทมลืมอะไรไปรู้ไหมครับ"

          เด็กชายฟ้าประทานผละออกมา แล้วเอียงคอมึนงง "พี่เทม ลืม ลืมอะไรเหรอครับน้องหมูหย็องครับ?"

          "ลืมนาฬิกาไงครับ หมูสอนวิธีโทรหาหมูแล้วไม่ใช่เหรอครับ" นาฬิการาคาแพงบนข้อมือ ไม่ได้ทำหน้าที่สำคัญสมราคา เมื่อคุณเจ้าของใช้แค่ใส่เดินไปมาเท่านั้น



          พี่เทมของผมทำหน้าเหวอแบบว่า 'อ๊ะ ลืมไปเสียสนิทเลย' ได้ตลกมาก จนเผลอขำเสียงก้องห้องใหญ่



          "แหะ แหะ...พี่เทม พี่เทมลืมไปสนิท มิดๆๆๆ เลยครับ"



          ยิ้มมองคนแก้มแดงหัวเราะแหะแหะ



          ว่าเขาไม่ได้หรอกครับ เราตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ขนาดนี้ จะเอาเวลาไหนไปกดโทรหากันล่ะ จะลืมไปก็ไม่ใช่เรื่องน่าดุน่าว่าอะไร  "งั้นวันหลังเรามาลองโทรคุยกันผ่านทางนาฬิกาบ่อยๆดีไหมครับ? พี่เทมจะได้คุ้นเคย"



          พี่เทมพยักหน้าเห็นด้วยอย่างที่สุด เห็นด้วยขนาดที่ว่าพอพยักหน้าเสร็จ ร่างสูงก็รีบวิ่งลงจากเตียง ไปหยิบนาฬิกาเรือนสวยมาสองเรือนทันทีทันใด หอบเล็กน้อยก่อนล้มตัวลงนอนข้างกันดังเดิม มือสวยส่งนาฬิกาเรือนสีดำสนิทมาให้ผม เสียง ปี๊บ ปี๊บ ดังแหวกอากาศยามค่ำคืน บนหน้าปัดปรากฏชื่อคนเคียงข้าง



          จะให้โทรคุยกันบนเตียงที่ห่างกันไม่ถึงคืบหรือครับเทมปุระ แล้วก็ตอนนี้ ตอนเกือบจะตีหนึ่งตอนนี้?



          "น้องหมูหย็อง รับ รับโทรศัพท์พี่เทมนะครับ"

          "หึหึหึ ครับผม"

          "ฮัล ฮัล ฮัลโหลหนึ่งสองสามครับ ใคร ใครโทรมาเหรอครับ"



          หึหึหึ แล้วกัน...สรุปผมเป็นคนโทรไปหาเขาหรอกหรือครับ



          เด็กน้อยตาแป๋วชวนผมคุยโทรศัพท์ครั้งแรกด้วยความตื่นเต้น แม้จะตื่นเต้นขนาดไหน แต่กลางดึกขนาดนี้ เด็กอนามัยที่ได้ปลดความทุกข์ในใจจนโล่ง ก็อยู่คุยได้ไม่นาน ที่สุดแล้วความง่วงก็พรากเขาไปจากผม เด็กชายหลับไปทั้งๆ ที่สายยังไม่ถูกตัด



          เสียงลมหายใจผ่านสัญญาณโทรศัพท์ก็แปลกใหม่ดี ผมจึงปล่อยให้เวลาบนหน้าปัดไหลต่อเนื่องไปตลอดทั้งคืน











          ก่อนจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความฮึกเหิมในยามเช้าตรู่



          เจ็ดวันแห่งการแข่งขันมาถึงแล้วครับ



























end 45 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

หงายการ์ดเปิดตัวคุงตา และรอคุงยายมาสมทบ!
* มาโตรชก้าคือตุ๊กตาแม่ลูกดก
ที่ข้างในจะกลวงๆแล้วสามารถเก็บตุ๊กเล็กกว่าไว้ด้านในหลายๆชั้นค่ะ

โซเฟียริน
zofiarin lll moore





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2018 20:14:47 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter








  46








          จากงานยุ่ง ประชุม ซ้อมหนัก คุณตาปั่นหัว คุยโทรศัพท์ดึกดื่น แล้วพอนึกถึงตารางกิจกรรมของทั้งวัน หลังออกกำลังกายและอาบน้ำแต่งตัว กาแฟดำเข้มๆ คือสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดในตอนนี้


           เอสเพรสโซ่ดับเบิ้ลช็อตหอมกรุ่นยามเช้ามืด ช่วยให้สติเข้าที่เข้าทาง หลังจากบอกบาริสต้าให้ทำกาแฟใส่กระติกเก็บความร้อนไว้สำรอง บอกแม่ครัวให้เตรียมอาหารเช้าไปทานบนรถ ก็ได้เวลาไปปลุกองค์ชายน้อย ระหว่างหันหลังออกจากห้องอาหาร ก็ต้องหยุด เฮียปลาหย็องเดินสะโหลสะเหลพร้อมกระเป๋าสะพายใบโตบนไหล่ มีอดีตพี่เลี้ยงว้าวุ่นหิ้วปีกอยู่ด้านหลัง กำลังพากันเดินลงบันไดตรงมาในห้องทานข้าว


          "คุณหนูครับ! เดินดีๆสิครับ รถรออยู่หน้าบ้านแล้ว จะมาล้มกลิ้งหัวแตกตอนนี้ไม่ได้นะครับ แล้วข้าวเช้าก็เป็นมือสำคัญสำหรับวัยกำลังโต ไม่ทานไม่ได้นะครับ!" ว่าแล้วก็ดึงแขนคนตัวใหญ่กว่าตัวเองขึ้นพาดบ่า สงสัยจะกลัวคุณชายใหญ่กลิ้งตกบันไดคอหักตายน่ะครับ


          "บอกแล้วไงซาล เราโตแล้ว อย่าเรียกเราว่าคุณหนู! แล้วนี่ตีสี่นะตีสี่ กระเพาะเรายังไม่ตื่นเลยเถอะ ดีไม่ดี น้ำย่อยก็ยังนอนอุตุอยู่เลยมั้ง ฮ้าวว ง่วงชะมัด...อ้าว...หมูหย็องเหรอ ว่างายยยคะคุณหลวงงงง" เฮียปลาหย็องโบกมือด้วยท่าทางแห้งเหี่ยว สงสัยจะเหนื่อยจริงครับ โหมดจำปาเลยโผล่ออกมาแบบครึ่งๆ กลางๆ


          คุณซาลที่กำลังแบกซากเฮียปลา พอหันมาเจอผมก็รีบก้มหัวให้ จังหวะที่ผละมือออก เตรียมประสานกลางลำตัวแล้วโค้งคำนับ เขาเผลอปล่อยคนในอ้อมแขน มนุษย์แห้งเหี่ยวไร้เรี่ยวแรงเสียหลัก เกือบได้ออกข่าวหน้าหนึ่งว่าด้วยการตายแสนน่าอับอาย ดีว่าบุรุษในชุดสูทรีบใช้มือดึงผมคุณหนูของตัวเองไว้ได้ทัน


          "อ๊ากกกกกกกกกกกกก หัวจะหลุดแล้ว! หลุดแล้วๆๆๆ  หลุดไปหรือยัง หลุดแล้วใช่หม้ายยยยยย!?"


          "คุณหนูครับ!?! ผมขอโทษครับ! ไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงจะผมจะร่วงออกมาหลายกระจุก แต่ศีรษะยังอยู่ดีครับ!"


          ผมมองละครลิงตรงหน้าด้วยสายตาเฉยชา พี่เลี้ยงของเฮียปลาหย็องกระวีกระวาดเขย่งตัวขึ้นมองหัวของคุณหนูตัวเอง ใช้เวลาสักพัก กว่าเฮียปลาจะเลิกโวยวายว่าหัวหลุด


          "อรุณสวัสดิ์ครับคุณดิมิทรี ผมต้องขออภัยด้วยครับ! ที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อพี่ชายของคุณหนู"


          กิริยาไม่เหมาะสม แต่ช่วยอาเฮียไม่ให้หัวทิ่มกระแทกพื้นตายอนาจ ผมไม่ถือหรอกครับ จะกระชากจนหนังหัวหลุด ผมก็ไม่ว่าอะไร


          "อรุณสวัสดิ์ครับคุณซาล เฮียจะกลับมหาลัยแล้วเหรอครับ?"


          "ใช่แล้วค่ะ เดี๋ยวคืนนี้คุณลุงขายปิ้งไก่จะกลับมาแล้ว จำปาก็หมดหน้าที่ดูคุณหลวงกับนายท่านด้วงสักที ถึงเวลาที่จำปาต้องกลับไปทำหน้าที่นางงามรักษ์โลกตามคำเรียกร้องของมนุษยชาติต่อ แต่ถ้าคุณหลวงคิดถึง ก็ไปหาจำปาที่มหาลัยได้นะคะ อ้อ ส่วนคุณหญิงแม่เลื่อนวันกลับค่ะ กลับอีกทีใกล้ๆคริสต์มาสเลย ส่วนลูกคนใช้จะกลับมาแปะมืออีกทีหนึ่งก็วันพุธหน้า"


          คุณลุงขายปิ้งไก่ก็คือคุณป๊าน่ะครับ ส่วนลูกคนใช้ก็คือเจ้ไก่หย็อง บ้านผมถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ เฮียปลาหย็องหรืออาเจ้ไก่หย็องก็ต้องอยู่แทน ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนอยู่บ้านเสมอ ...ว่าแต่ว่า อาทิตย์ก่อนยังเรียกไก่หย็องน้องรักอยู่เลย อาทิตย์นี้เป็นลูกคนใช้ไปซะแล้ว จำปาเลื่อนสถานะให้รวดเร็วยิ่งกว่าต้มบะหมี่เสียอีก


          "ช่วงนี้เฮียว่างหรือครับ ไม่ใช่ว่ายุ่งๆ กับการหาเงินแข่งกับเจ้ไก่กับเฮียเนื้อหย็องเหรอครับ"


          "กรี๊ด! ซาล! นายบันทึกเสียงไว้หรือเปล่า น้องชายใส่ใจจำปา น้องชายรักจำปา! น้ำตาจะไหล ถึงจำปาจะยุ่งกว่านี้ ก็จะแยกร่างมาหาคุณหลวงและนายท่านด้วงได้เสมอเจ้าค่ะ แน่นอนว่าคุณหลวงเทมจำปาก็ต้องมาหาบ่อยๆ เพราะคุณหลวงเทมตัลร้ากกกก"


          พี่ชายตัวโตมีท่าทีดี๊ด๊า ด้วยเพราะนานๆ ที น้องชายที่มักจะทำตัวเหินห่างถึงจะถามอะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง เฮียปลาหย็องดวงตาแจ่มใส มองตรงมาเหมือนอยากให้ผมถามเขาอีก ผมหลุบตามองแก้วกาแฟในมือก่อนค่อยๆ ไล่สายตามองใบหน้าที่มีความคล้ายคลึงกับของตัวเอง


          เอ่ยถามเสียงเรียบเรื่อย "เฮียไปทำอะไรที่โรงเรียนผมเหรอครับ" ผมถามถึงเรื่องที่อยากรู้


          หลังจากลุงยามถามถึงคนนามสกุลเหมือนผมเข้ามาในโรงเรียนหลายครั้งในสองเดือนมานี้


          "เฮ้ย! น้องรู้ได้ไง!?...อุ้ย จำปาหมายถึงคุณหลวงรู้ได้อย่างไรหรือเจ้าคะ?"


          "เข้าไปทำอะไรครับ?"


          "ก็ ก็เข้าไปเล่นๆ เฉยๆ อ-เอ่อ...อ๋อ! ก็วงนักร้องที่คุณหลวงเอามาใช้เปิดตัวงานแสดงตอนสิ้นปี เป็นเพื่อนของจำปาเองค่ะ ก็เลยติดรถมาเยี่ยมคุณหลวงด้วยยังไงล่ะคะ"


          บอกว่ามาเยี่ยมผม แต่ผมไม่เคยเจอหน้าพี่ชายตัวเองเสักครั้ง แถมคำตอบก็เหมือนเจ้าตัวเพิ่งจะคิดขึ้นได้ เมื่อตอนผมถามด้วยซ้ำ หรี่ตามองชายร่วมสายเลือดตรงหน้าอย่างจับผิด ดวงตาสีฟ้าเข้มดูล่อกแล่ก ท่าทางลุกลี้ลุกลน  พอสู้สายตาผมไม่ไหว อีกฝ่ายก็คว้าพี่เลี้ยงที่ยืนมองเพดานอย่างไม่เป็นธรรมชาติมาจับแขน เตรียมโกยอ้าวหนี


          "ต๊าย! จะตีสี่ครึ่งแล้ว จำปาต้องไปแล้วล่ะค่ะคุณหลวง มีใครก็ไม่รู้โทรเรียกจำปาแล้วค่ะ ใช่ไหม? ใช่ไหมซาล? เราต้องไปกันแล้วเนอะ!?"


          "ใช่ ใช่ครับคุณหนู! พวกผมขอตัวก่อนนะครับคุณดิมิทรี"



          หมับ




          ผมจับต้นแขนเฮียไว้แน่น เงยหน้าสบตาคนสูงกว่า บอกเขาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ภาษาบ้านเกิดและชื่อจริงถูกนำมาใช้ แสดงถึงความเข้มข้นของความจริงจัง "โจเชฟ...พี่รู้ใช่ไหม ว่าเส้นไหนข้ามได้ เส้นไหนข้ามไม่ได้...อย่าเล่นมากเกินไป"


          เอ่ยเตือน เมื่อผมเห็นในกล้องวงจรปิด เขาเข้าไปหาเทมในห้องเรียนพิเศษ ผมรู้ครับ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดผมแล้ว สองคนนี้ก็คงจะหาวิธีเซอร์ไพรส์วันเกิดให้เหมือนเคย แต่วิธีการวางแผนบางครั้งก็ไม่เข้าท่า อย่างสองปีก่อน เป็นการเซอร์ไพรส์ด้วยการให้เทมถือเค้กแล้วเข้าไปอยู่ในกล่องของขวัญขนาดใหญ่ แต่เพราะเฮียไม่ได้บอกคนรับใช้เอาไว้ เหล่าพ่อบ้านจึงเข็นกล่องของขวัญยักษ์ไปเก็บในห้องเก็บของ รวมกับของขวัญมากมาย เล่นเอาวุ่นวายกันไปหมด เพราะเฮียจำกล่องของขวัญที่ใส่เทมเอาไว้ไม่ได้ กว่าเราจะหากล่องที่เทมอยู่เจอ เด็กชายของผมก็ร้องไห้ในกล่องมืดๆ เงียบๆ คนเดียวเป็นชั่วโมง


          "เฮียรู้แล้วน่า...ไม่มีอะไรมากหรอก เอ่อ...อันที่จริงมันก็มีมากอยู่ แต่มันก็...เฮียบอกไม่ได้จริงๆ เอาไว้เดี๋ยวน้องก็รู้เอง"


          "กฎ?"


          "ไม่มีละเมิดสักข้อ สาบาน! ปลอดภัยชัวร์ล้านๆๆๆ เปอร์เซ็นต์! ...ให้ตายเถอะ นี่พี่กำลังทำเรื่องดีๆ อยู่นะ นายต้องเชื่อใจพี่สิน้องรัก" เขาครวญตอบด้วยภาษาเดียวกัน เรามองสบตากันชั่วครู่ ก่อนผมจะปล่อยแขนเขาออก หลังปล่อย รอยแดงปรากฏบนแขนที่มีมัดกล้าม สีแดงตัดขาวดูโดดเด่น


          "อย่าให้เทมทำอะไรแปลกๆ เพราะความคึกคะนองของพี่นะโจเชฟ เขายังเด็ก"

          "รู้แล้ว รู้แล้ว ครั้งนั้นมันแค่อุบัติเหตุ พี่สะเพร่าไปหน่อย พี่ขอโทษ"

          "ห้ามเกิดขึ้นครั้งที่สอง"

          "รับทราบครับน้องชาย"


          มองดวงตาสีฟ้าสะท้อนความจริงจังกลับคืนมา พยักหน้าตอบรับการเล่นซนของพี่ชายตัวเองและเด็กน้อย แล้วหันหลังเดินออกจากห้องอาหาร ก่อนจะนึกได้ถึงอีกเรื่องที่สำคัญ หันไปบอกพี่ชายที่กำลังหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ "อีกเรื่องนะครับเฮีย"


          "อะไรเหรอคะคุณหลวง"


          "เลิกใส่หมวกขนนกสีรุ้งปิดบังตัวเองเวลาไปโรงเรียนผมด้วยครับ มันไม่ได้เนียนเลยสักนิด แถมมองแล้วรู้ทันทีอีกต่างหากว่าเป็นใคร ชุดแม่วัวโชว์สะดือนั่นก็เหมือนกัน...ถือว่าขอนะครับ มันดูโรคจิตน่ะพี่ชาย"


          เฮียปลาหย็องอ้าปากหวอ


          ข้างกันมีคุณซาลยกมือกุมหัวแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ "...ผมเตือนแล้ว คุณหนูก็ไม่เชื่อ..."







***





          แกะแผ่นเจลใต้ตาคนยังหลบสนิทออก ลูบใต้ตาที่แทบจะไม่บวมเลยอย่างพอใจ


          แต่การปลุกไม่ค่อยราบรื่นนัก เมื่อเด็กชายตั้งท่าแต่จะรั้งผมกลับขึ้นไปนอนด้วยกันต่อบนเตียง ท่าทางดื้อดึง คิ้วขมวดปากยื่นเป็นพิเศษ เป็นพี่เทมคนดื้อ เป็นพี่เทมคนงัวเงียที่ถ้ายังฝืนปลุก จะได้เทมปุระฉบับงอแงไปทั้งวัน แต่วันนี้พี่เทมจะงอแงไม่ได้ครับ ถ้าเป็นวันที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่เป็นอะไรเลย ออกจะชอบเวลาเขางอแงให้ตามเอาใจด้วยซ้ำ เทมที่ติดผมหนึบแล้วไม่อยากให้ใครมายุ่งด้วยน่ารักจะตาย  แต่วันนี้แค่ช่วงเที่ยง ผมยังหาเวลาพักกลางวันตัวเองไม่เจอ


          ยิ้มขำคนกอดแขนผมแน่น แล้วละเมอว่ากำลังหม่ำแคนดี้ยักษ์ จนดูดแขนผมดังจ๊วบจ๊าบ น้ำลายไหลเยิ้ม ตัดใจปลุกเขาต่อไม่ลง เมื่อคืนเขาทั้งนอนดึกผิดเวลา ทั้งร้องไห้ โดนคุณตาแกล้งให้หัวหมุน ผมกลับไปใช้แผนแรกที่คิดเอาไว้

             
          ทางเลือกให้เขาไปหลับต่อบนรถ ดูเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม


          เดินไปหยิบถังน้ำและผ้าเช็ดตัว เช็ดหน้าเช็ดตาคนหลับสนิท จับเขาพลิกตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ร่างสูงที่ห่อตัวเพราะความหนาวจากเครื่องปรับอากาศ ดูน่ากลั่นแกล้งจนเผลอจับเขาฟัดไปหลายนาที พอแต่งตัวให้เขาเสร็จ จึงเรียกพ่อบ้านมาช่วยอุ้มเขาลงไปขึ้นรถ


          พี่เทมยังคงหลับสนิทมาตลอดทาง กระทั่งผมให้คนพาเขาเข้าไปนอนในห้องกรรมนักเรียนก็ยังไม่รู้สึกตัว ถ้าผมเป็นนาฬิกาตื่นตามเวลา องค์ชายนิทราก็คงจะเป็นนาฬิกาตื่นตามชั่วโมง ถ้าหลับได้ไม่ครบเจ็ดชั่วโมงก็จะไม่ยอมตื่นล่ะมั้งครับ


          ผมมองเวลา คิดว่าเทมน่าจะตื่นอีกทีตอนแปดถึงเก้าโมง ทันเวลาขึ้นสแตนด์พอดี


          ช่วงเช้าถึงเที่ยงจะเป็นการกล่าวพิธีเปิดงาน การแสดงเล็กน้อยจากเหล่านักเรียน เปิดให้เดินซุ้มร้านค้าต่างๆ และเริ่มต้นการแข่งขันด้วยการประกวดเชียร์ของสแตนด์ ซึ่งเป็นตอนช่วงบ่าย ตามด้วยการแข่งกีฬาตามลำดับ


          กีฬาสีโรงเรียนเรามีแข่งทั้งหมดสามสิบอย่างครับ ฟุตบอล ตะกร้อ ว่ายน้ำ วิ่งแข่ง หมากกระดาน อีสปอร์ต และอีกมากมาย โดยแบ่งแข่งวันละห้าอย่าง เท่ากับสามสิบชนิดครบหกวันพอดี วันสุดท้ายจะเป็นการประกาศรางวัล ซึ่งนอกจากผู้ชนะเลิศในการแข่งกีฬาชนิดนั้นๆ แล้ว ก็ยังมีประกาศคะแนนสีชนะเลิศอีกด้วย เป็นการเอาคะแนนทุกอย่างมารวมกัน กีฬาเจ็ดสิบยี่สิบ อย่างอื่นอีกสิบ


          คะแนนพิเศษอีกสิบเปอร์เซ็นต์ก็เปลี่ยนไปตามปี เช่นปีก่อนให้คะแนนความสะอาด ปีก่อนหน้าก็ให้คะแนนสีที่ใช้เงินน้อยที่สุด เหล่าอาจารย์จะเขียนฉลากและจับสุ่มขึ้นมาในวันสุดท้าย ซึ่งจะไม่มีทางรู้ล่วงหน้าเลยครับ ว่าจะเป็นอะไร


          เพราะงั้นมันต้องสื่อสารและร่วมมือกันทุกฝ่าย ทำทุกอย่างให้ออกมาดีพร้อมทั้งหมด เพราะถึงจะแข่งแพ้ไปหลายชนิด ก็ยังพอหวังคะแนนฝ่ายเชียร์ คะแนนพิเศษให้พลิกกลับมาชนะได้ในท้ายที่สุด


          เป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กเรียนสามัคคีกันได้จริงๆ



          ...สามัคคีกันในสี แล้วไปตีกับคนนอกสีแทนน่ะครับ...



          แค่พ้นจากบานประตู ก็เป็นคนละโลกอันสุขสงบที่เด็กน้อยนอนหลับสนิท ภาพหลอนของสารคดีที่เทมเปิดดูซ้อนทับ เหล่าฝูงนกแร้งเข้ามารุมทึ้งผม แม้จะเพิ่งตีห้าครึ่ง แต่ทีมสภาก็มาพร้อมหน้าพร้อมตา


          "เฮ้ย! ชิบหายแล้ว พี่เนศ พี่หมู ทำยังไงดีครับ พิธีกรช่วงบ่ายไม่มี คิตตี้ท้องเสียตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ยังอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย" ผมที่กำลังเช็ครายชื่อ จัดที่นั่งรอบสุดท้ายชะงัก


          มาท้องเสียอะไรเอานาทีสุดท้ายกันนะ แย่จริง พวกผมต้องทำงานสภาให้เสร็จก่อนเจ็ดโมงนะครับ แล้วเราต้องแยกกันไปเข้าสีแล้ว


          พี่เนศหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรติดต่อฝ่ายจัดการทันที แต่ก็ได้สีหน้าเคร่งเครียดกลับมา "ชิบหายจริงด้วยว่ะ... พี่เพิ่งโทรไปตามไอ้คิน น้องเจนกับน้องแอนนา พิธกรสำรองทั้งสองคนก็ท้องเสียหมดเลย ดันไปกินอาหารร้านเดียวกัน เฮ้ย มีใครว่างช่วยบ่ายแล้วจำสคริปต์ทั้งหมดได้บ้าง"

          "ให้อาจารย์ขึ้นไปพูดแทนได้ไหมพี่เนศ อาจารย์ตรวจงานหลายรอบ คงจะพอจำได้บ้าง"


          พี่เนศหันไปสบตาเลขาตัวเอง และสบตาทุกคน และคำตอบก็ไม่ได้น่าพอใจ เมื่อการส่ายหน้าปฏิเสธคือคำตอบ


          "ให้ช่วยนี่คะแนนหายเยอะแน่ๆ เลยว่ะพี่ว่า ลองคิดหาทางอื่นก่อน"


          อาจารย์จะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเลยครับ ถ้าไม่ได้ลำบากกันจริงๆ เช่นมีการบาดเจ็บ การโกง ท่านถือว่าเป็นการเรียนรู้และให้นักเรียนแก้ปัญหากันเอง จะให้คำปรึกษาระหว่างจัดงานแล้วรอดูผลลัพธ์ เหมือนให้รายงานนักเรียนไปทำ แล้วนั่งรอฟังการรายงานหน้าห้องนั่นแหละครับ


          นอกจากนั้น นี่ก็ถือว่าเป็นการบ้าน เป็นงานที่ให้คะแนนจริงๆ ในส่วนกิจกรรมด้วย


          เพราะงั้นถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดแล้วไปขอให้อาจารย์ช่วย ก็จะถูกหักคะแนน คะแนนก็จะหายไปเยอะเลยล่ะครับ คะแนนที่หายไปเยอะ ก็หมายถึงต้องไปยุ่งยากตอนใกล้ปิดเทอม ต้องไปทำงานเพื่อสังคม ทำคะแนนกิจกรรมเพิ่ม ถ้าคะแนนไม่พอ


          "หนูว่างช่วงบ่ายนะ แต่หนูจำสคริปต์ได้แค่ช่วงต้นเอง"

          "ด้นสดไม่ได้เหรอเนศ" พี่นรีหันไปถามเพื่อนตัวเองที่หน้าตาดูไม่ดีเลย

          ผมหันไปตอบ แทนประธานรุ่นพี่ "ไม่ได้หรอกครับ ทุกอย่างถูกวางแผนเอาไว้แล้ว จังหวะแสงไฟกับจังหวะดนตรีอยู่ที่จังหวะการพูดของพิธีกร ลูกเล่นต่างๆ ไหนจะสัญญาณมือ การกะพริบตาที่เตี้ยมกันไว้อีก"

          "เชี่ยมาก...มีใครความจำดีๆ มาจำตอนนี้ทันไหมวะ"


          เลขาของผมที่เพิ่งเดินขึ้นมาจากการตรวจดูความเรียบร้อยมีสีหน้างุนงง เมื่อเห็นคนในห้องมีสีหน้าเครียดกัน "เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? มีอะไรหรือเปล่าหมู?" เปียเดินมากระซิบถามกับผม

          หรี่ตามองเลขาตัวเองแล้วยกยิ้มมุมปาก เดินไปหยิบแฟ้มจากกองเอกสารมาส่งให้หญิงสาวตรงหน้า เธอรับไปอย่างมึนงง


          "เปีย ช่วยจำทั้งหมดนี้ให้หน่อยครับ"


          แต่พอออกคำสั่ง เธอก็เข้าโหมดเตรียมทำงานทันที


          "สามสิบห้าแผ่นนี้เหรอ รีบหรือเปล่าละ?  อืม...สักสองชั่วโมงทันหรือเปล่า เราต้องไปหาอาจารย์อภิญญาต่อนะ ว่าแต่จะให้ฉันจำไปทำไมเนี่ย..." เปียถามเสียงอุบอิบ แต่สายตากวาดเลื่อนอ่านอย่างรวดเร็ว

          "ช่วงบ่ายว่างไหมครับ?"

          "บ่ายเหรอ..." เธอทำท่าครุ่นคิด ก่อนพยักหน้า "ถ้าบ่ายหนึ่งถึงสองก็พอได้นะ แต่สามถึงสี่ไม่ได้ เรามีแข่งปิงปอง เย็นมีเวรไปส่งแขกกับพี่อ๋องกับอาจารย์ทวัต"

          "ครับ ทุกคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ต่อได้เลย ได้พิธีกรแล้วครับ"


          เสียงเฮดังลั่น "ขอบคุณมากนะเปีย รอดแล้วโว้ยยยยยยยยยย"

          "ฮือ กูนึกว่าต้องส่งไอ้จินไปเป็นพิธีกรหัวเดียวกระเทียมลีบซะแล้ว มุกแป๊กของมันถ้าไม่มีคนขัดนี่นรกชัดๆ"

          หญิงสาวอ้าปากเหวอหมดภาพลักษณ์ "ห๊า? พิธีกร? พิธีกรอะไรคะ?...เดี๋ยวๆ วันนี้เราเวรรับแขกนะหมู เฮ้ย!"

          "ฝากด้วยนะครับ" บอกเสียงเรียบ ก้าวขาเดินหนีไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อทันที

          พี่เนศปรี่เข้าไปหาเปีย พนมมือยกขึ้นไหว้คุณเลขาอย่างซาบซึ้ง ดวงตาคล้ายแปรเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจเหมือนในการ์ตูนตลก "น้องเปีย นางฟ้ามาโปรดของพี่...เป็นแฟนพี่นะครับ"

          "ขอปฏิเสธค่ะ...หมูแม่ง ตัวเองจำได้ในสิบห้านาทีก็ไม่ยอมทำ โยนมาให้กันได้นะยะ" เปียบ่นเสียงแผ่ว แล้วแอบหันมาค้อนใส่ผม ก่อนก้มหน้าอ่านเพื่อจำทุกตัวอักษรสลับก่นด่าประธานนักเรียนอีกคนไปด้วย



               ...ไม่เอาหรอกครับ ช่วงบ่ายผมจะไปแอบส่องเทมขึ้นสแตนด์นี่...



               หลังหมดเรื่องพิธีกร ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น สักพักอาจารย์หลายสิบคนก็เข้ามาสอบถาม และช่วยตรวจความเรียบร้อยรอบสุดท้าย เมื่อทุกฝ่ายพอใจ พวกผมก็ถูกปล่อยให้ไปเข้าประจำสีของตัวเอง


   

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter
         


          ยังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อยก่อนเข้าแถว ผมจึงเดินมาโรงอาหาร ซื้อชานมไข่มุกไปให้คนยังไม่ตื่นนอน ระหว่างนั่งรอเครื่องดื่มบนโต๊ะประจำ คนคุ้นหน้าและเพิ่งจะเริ่มคุ้นหน้าก็เดินเข้ามาหา แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเต้ น้ำกับคาร์โลเดินมาพร้อมกันสามคน


          ทะเลาะกันมาสองปี บทจะดีกันก็ดีง่ายเลยนะครับ


          น้ำตะโกนทัก "มาเช้าจังวะ แล้วไอ้เทมล่ะ" ถามหาเพื่อนอีกคน ที่มักจะตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋

          "นอนอยู่ครับ"

          "เฮ้ย! นอนอยู่ไหน มันไม่สบายเหรอ"

          "อะไรวะ เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย เป็นอะไรมากหรือเปล่า"

          "เปล่าครับ เทมสบายดี เมื่อคืนมีเรื่องนิดหน่อยเขาเลยนอนดึก ตอนนี้นอนอยู่บนห้องกรรมการ เดี๋ยวหลังเข้าแถวค่อยไปปลุก"

          "อ๋อ แน่ะ...แน่ะๆๆๆ คงไม่ได้สวีทสหวีกิ๊วๆ กันใช่ไหมวะ อย่าเชียวนะมึง ลูกกูยังไม่โตพอกับเรื่องบัดสี"


          ผมยักคิ้วใส่หน้านิ่ง ไอ้เต้กรอกตาพร้อมเอื้อมมือมาจะตบหัวผม แต่วืด เพราะผมหลบทัน มันถลึงตาใส่ พึมพำ "กวนตีน"


          "นั่นเก้าอี้เทม มึงไปเอาเก้าอี้มาเพิ่มใหม่ดิโล แล้วก็อย่าไปนั่งใกล้ไอ้หมูมัน เดี๋ยวโดนต่อยหน้าแหก" น้ำพยักพเยิดไปที่เก้าอี้ของโต๊ะอื่น โต๊ะประจำของกลุ่ม เก้าอี้มีแค่สี่ตัวครับ และผมไม่ชอบให้ใครนั่งใกล้เท่าไหร่ ซึ่งทุกคนก็รู้ดี


          โลทำตามน้ำบอก แล้วนั่งลงตรงกันข้าม คนตัวใหญ่หน้าโฉด ทำให้บรรยากาศของโต๊ะดูคล้ายเด็กมัธยมกำลังโดนข่มขู่รีดไถเงินพิกล


          "แล้วไงครับ ทำไมมาพร้อมกัน"

          "กูก็...นั่นแหละ ก็ทำตามที่มึงบอกอ่ะ...แล้วมันก็ อืมๆๆๆ เอออออ นั่นแหละน่า ลูกผู้ชายเขาไม่พูดมากหรอก คุยกันด้วยกำปั้นก็จบ" น้ำบอกอ้อมแอ้ม สงสัยต่อมความรู้สึกผิดจะโดนผมกระทืบเข้าอย่างจัง จนทนไม่ไหวแล้วไปดักรออีกฝ่ายสินะครับ

          เต้หัวเราะสะใจเสียงดัง

          "จบจริงไอ้ห่า โดนไอ้คาร์โลชกกลิ้งไปรอบจนกูตกใจ"

          "ไม่ได้เอาจริง ไม่เป็นรอยหรอก"

          น้ำแยกเขี้ยว "ไม่เอาจริงปากกูยังเกือบแตก ไอ้สัส!"

          "เจ๊ากัน"

          "เออ!"

          "แล้วก็...นี่..." คาร์โลยื่นเอกสารมาตรงหน้าผม ชี้นิ้วไปที่จำนวนตัวเลขเจ็ดหลักบนกระดาษ "ผมอยากให้คุณเพิ่มอีกสองแสน..."

          ผมยิ้ม ไม่ตอบรับและปฏิเสธ อีกฝ่ายเดาะลิ้น "ค่าเลี้ยงเด็ก เงื่อนไขมันเบ็ดเสร็จยิบย่อยโคตรๆ เป็นทั้งบอดี้การ์ด พ่อบ้าน พี่เลี้ยงด้วยไม่ใช่หรือไง ข้อห้ามก็เยอะ ยุ่งยากสุดๆ เพิ่มเงินเดือนอีกสองแสน แล้วผมจะตกลง ปากกาสีแดงคือที่ผมแก้ในส่วนที่ผมคิดว่ามันยังไม่แฟร์ด้วย"


          เพิ่มวันหยุดอีกสิบวัน กับโบนัสจากสิบสองเดือน เพิ่มอีกหนึ่งเท่าตอนสิ้นปี แปดหลักเลยนะครับ


          "ผมจะพิจารณาหลังคุณเริ่มงานก็แล้วกันนะครับ"


          คาร์โลจิ๊ปาก แต่ก็ยอมหันกระดาษไปเซ็นแล้วยื่นมาให้อีกครั้ง "เออ แล้วกู เอ้ย ที่ผมต้องไปฝึกเพิ่มเสาร์อาทิตย์ ขอเป็นฝึกช่วงเย็นถึงดึกได้ไหม ช่วงเช้าผมทำงานพิเศษแล้วก็อ่านหนังสือ"

          "กับผมพูดกูมึงก็ได้ครับ ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าด้วย ส่วนคำหยาบก็ตามที่ผมว่าไว้ เหี้ย สัตว์ มีหลุดได้บ้าง แต่อะไรที่มันจัญไรมากๆ ถ้าหลุดพูดต่อหน้าเขา ผมหักคำละสองหมื่น ส่วนตารางการฝึก ผมไม่สนใจครับ คุณไปคุยกับเลขาของผมได้เลย ผมสนใจผลลัพธ์เท่านั้น ถึงวันทดสอบ วันทำงานคุณต้องพร้อม"


          คาร์โลพยักหน้า ผมกดข้อความบอกเลขา ไม่ถึงสองนาที อีกฝ่ายก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู เจ้าตัวเบิกตากว้างขึ้น


          "ค่าแรกเข้า ถือว่าเป็นของขวัญทำสัญญาครับ"

          "แม่เจ้าโว้ย! เจ้านายใหม่กูโคตรใจป้ำ"

          "เหี้ย...เหมือนกูดูหนังนักธุรกิจเลยว่ะ มึงแม่งยิ่งใหญ่สัสๆอ่ะหมู ดูเป็นอาเสี่ยในหนังมาเฟียชิบหาย"

          "ลูกชายเจ้าของธนาคารพูดแบบนี้ ฟังดูเป็นคำประชดประชันได้ตลกร้ายดีนะครับเต้"

          "ปล่อยกูไปเถ๊อะ กูลุ้นผลทำน้องของพ่อกับแม่สิ้นปีอยู่เนี่ย ติดปุ๊บ ปีหน้ากูย้ายสายเรียนเลย"

          "เดี๋ยวๆ แล้วพวกกูต้องทำตัวยังไงกับคาร์โลวะ คือยังไงอะ มันทำงาน แต่เป็นเพื่อนพวกกูควบไปงี้เหรอวะ"

          "เพื่อน?" คาร์โลมองพวกผมสามคนด้วยสายตาอ่านยาก มันมีแววตกตะลึง ไม่เชื่อหู และเสียดสีอยู่ในนั้น

          "ก็ใช่ไง เพื่อน  ตกใจอะไรวะ"

          "พวกมึงไม่รู้หรือไงว่ากูเป็นนักเรียนทุน"

          "แล้วไงวะ มึงเหยียดพวกกูเหรอ เฮ้ย ถึงกูจะไม่ฉลาดมาก แต่เกรดกูก็ไม่ต่ำกว่าสามนะเว้ย!"

          "กูจน..."

          "หา? แล้วไงอะ กูก็จนเป็นช่วงๆ อ่ะ หม่อมแม่หักเงินเพราะรู้ว่าเอาเงินไปซื้อของไร้สาระบ่อย"

          "จริง นี่พ่อกูก็เพิ่งหักตังค์กูไปตั้งเยอะ ดันรู้ว่ากูแอบขโมยตังค์ไปซื้อกล้องใหม่ โคตรซวย อุตส่าห์ปลอมชื่อในบัตรเครดิตแล้วนะ"

          "เฮ้อ ไม่ได้จนในแบบที่พวกมึงพูด จนแบบไม่มีพ่อแม่ส่งเสียเงินให้ใช้ ไม่มีนามสกุลดัง ไม่มีคนหนุนหลังน่ะ เรามันคนละชั้นกัน พวกมึงมันชั้นสูง กูมันรากหญ้า เข้าใจไหมวะไอ้พวกลูกคุณหนู" คาร์โลหัวเราะ "พวกมึงสองคนอาจจะไม่รู้ แต่กูเป็นเด็กกำพร้าว่ะ พี่น้องเยอะอีก กูต้องส่งค่าเลี้ยงน้อง ส่งให้ที่บ้าน ก็เหลือใช้เดือนไม่เท่าไหร่แล้ว ดีนะเจอมึง ค่อยยังชั่วหน่อย แต่เรื่องจะเป็นเพื่อนนี่กูว่าไม่น่าไหว เป็นเพื่อนกับเจ้านาย กับเพื่อนเจ้านาย มันแปลกๆ"

          เต้กับน้ำเงียบไป น้ำที่รู้เรื่องว่าคาร์โลเป็นเด็กกำพร้าอยู่แล้วแอบสะอึก แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น ผมขมวดคิ้ว "คนจนไม่มีเงินเดือนเกือบแสนนะครับคาร์โล"


          ยิ่งเขาเพิ่งเซ็นสัญญากับผม เงินเดือนเขาก็ครึ่งล้านแล้ว
         

          เต้เอื้อมมือไปตบบ่าคนตัวใหญ่สุดแปะๆ "คิดมากน่า พวกกูไม่ได้คบกันเพราะเงิน หรือนามสกุลนะเว้ย"


          ...จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว...


          นอกจากพ่อแม่พวกเรารู้จักกันมานาน เลยอยากให้เราทั้งสามเป็นเพื่อนสนิทกันเฉกเช่นพวกท่าน ก็พูดได้ไม่เต็มปาก ว่านอกจากคาดหวังความสัมพันธ์มิตรภาพของสามเด็กชาย จะไม่คาดหวังเรื่องเงินทอง หรือผลประโยชน์ เพราะในความจริง พวกท่านก็คงหวังให้ตอนพวกเราโต เอื้ออำนวย ช่วยเหลือธุรกิจซึ่งกันและกันล่ะนะ


          ...แถมจำได้ว่าช่วงแรกที่เต้กับน้ำหลงกลมาบ้านผม ก็เพราะมันโดนพ่อหลอกว่าจะพาไปเที่ยว ส่วนไอ้น้ำก็โดนคุณหญิงแม่หลอกว่าจะซื้อของเล่นให้ ส่วนผมก็ต้องการเส้นสาย เรียกว่าแรกเริ่ม พวกเราสามคนคบกันเพราะเงินชัดๆ...


          "ใช่ๆ พวกกูไม่ได้แบ่งแยกฐานะอะไรนะ แค่คนอื่นไม่กล้าเข้ามายุ่งกับพวกกูเองต่างหาก ไอ้หมูมันดุอ่ะ ขี้หวงเทมอีก เลยไล่ตะเพิดคนอื่นออกไปหมด" ใช่ความผิดผมคนเดียวที่ไหน นามสกุลรั้งท้ายพวกคุณก็ไปข่มขวัญคนอื่นเหมือนกันนั่นแหละครับ ยิ่งพอมารวมตัวกัน ก็ยิ่งดูเข้าหายาก ไม่นับใครบางคนที่ชอบปากหมาหาเรื่องคนไปทั่วอีก


          ยกตัวอย่าง ก็เจ้าทุกข์รายใหญ่ก็นั่งตัวโตอยู่ข้างๆ คุณฐานทัพนั่นไง


          คาร์โลดูผ่อนคลายลง เมื่อสบตากับเต้และน้ำ "แต่กูว่ามันไม่เหมาะ..."

          "สองเสียงเว้ย! ถามไอ้เทมมันก็ไม่ว่าหรอก ตราบใดที่มึงไม่ไปจับไปแตะหมูหย็องของมันน่ะ"

          "ใช่ไหมวะหมู"


          ทั้งสามคนมองมาทางผมเหมือนรอคำตอบ


          "ครับ แต่งานก็คืองาน ถ้าผิดกฎ...คิดว่าคุณน่าจะอ่านข้อตกลงดีแล้ว" ยิ้มเย็นเตือนเพื่อนใหม่


          คาร์โลนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะตบโต๊ะเสียงดัง


          "เออ! ได้! งั้นต่อจากนี้ไป กูฝากตัวด้วยแล้วกัน"




          ...มิตรภาพก่อเกิดได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็จบลงอย่างรวดเร็วด้วยประโยคสั้นๆ...



          "แต่กูบอกเลยนะ ว่าสีกูต้องชนะ"

          "มึงเมาเหรอเต้ สีฟ้าต้องชนะโว้ยยยยยยยยย!"

          "เหอะ พวกมึงจะฝันก็ไปนอนเถอะ คิดว่าจะชนะพวกกูได้หรือไง"

          "มึงมันไอ้หมาหมู่!"

          "แล้วใครล่ะปากหมา ทำให้พวกกูต้องรวมฝูงกัน"

          คนตัวเล็กถลึงตามอง "ไอ้หมู มึงสั่งลูกน้องมึงให้แพ้เดี๋ยวนี้!"

          "งานเขาเริ่มปีหน้าครับ"

          "อย่าเล่นพรรคเล่นพวกไอ้หมากระเป๋า มันไม่แมน"

          "พูดแบบนี้มึงต่อยกับกูเลยไหมล่ะไอ้ควายโล!"

          "บนปากมึงยังช้ำไม่พอเหรอวะเพื่อนรัก"


          เฮ้อ...แค่แฝดนรกผมก็ปวดหัวจะแย่ ยังจะมาเพิ่มมนุษย์ไม่ยอมคนมาเพิ่มอีก เห็นเค้าหูหนวกก่อนวัยอันควรลอยมาลิบๆ ระหว่างคิดว่าควรเพิ่มกฎลดเสียงลงไปในสัญญาดีหรือไม่ นาฬิกาข้อมือก็สั่นเตือน บนหน้าจอมีอักษรสามตัว เรียงเป็นคำที่ทำเอามุมปากจุดประกายรอยยิ้ม


          ดูท่าว่าเด็กน้อยจะตื่นเสียแล้วครับ


          ♪


          "หุบปากครับ" หันไปบอกทั้งสามคนให้เงียบเสียงลง ก่อนจะกดรับ

           "พี่เทมตื่นแล้วเหรอครับ" น้ำเสียงเป็นละโทนชัดเจน จนเพื่อนสนิททั้งสองคนแกล้งทำปากเบะมองบนใส่

          [ ฮ-ฮ-ฮัลโหล ฮัลโหล สวัสดีครับ ม-มุ หมูหย็อง หมูหย็องครับ! เทม เทม พี่เทมหาน้องหมูหย็องไม่เจอครับ ]


          เสียงเขาดูกระวนกระวายใจจนน่าสงสาร ถ้าไม่มีโทรศัพท์ให้โทรหา เด็กชายต้องร้องไห้โฮหาผมอีกรอบแน่ๆ


          "น้องหมูลงมาซื้อชานมไข่มุกให้พี่เทมไงครับ หิวข้าวไหมครับ มีเคบับอยู่ในตู้เย็นนะ บอกเปียให้เอาไปอุ่นให้ทานรองท้องก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวน้องหมูซื้อโจ๊กขึ้นไปให้ อยากทานโจ๊กไหมครับ? หรืออยากทานอย่างอื่น"

          [ เทม พี่เทม พี่เทมอยากเจอน้องหมูหย็องครับ... ]


          น้ำเสียงงอแงปนออดอ้อน ทำเอาผมกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม ถ้าอยู่ตรงหน้า จะกัดปากหวานๆของเขาให้บวมเลย


          "กำลังขึ้นไปหาครับ"

          [ น้องหมูหย็องครับน้องหมูหย็อง ]

          "ครับ?"

          [ รีบๆ รีบๆ รีบ รีบมาหาพี่เทมนะครับ พี่เทมคิดถึง ]


          อา...ช่วงเช้าแดดแรงนะครับ หน้าผมเห่อร้อนไปหมด ผมตอบรับเสียงแผ่ว แล้วตั้งท่าจะลอยละลิ่วออกจากโต๊ะไป


          "เฮ้ยๆ หมูรอกูแป๊บดิ เดี๋ยวกูไปด้วย ซื้อข้าวแป๊บ"

          "ไม่รอครับ ตามไปทีหลังเองแล้วกัน"

          "ไอ้หมูววววววววว ไอ้เลววววววววว! เห็นเมียดีกว่าเพื่อน!"


          ...ไม่จริงครับ ผมเห็นเทมดีกว่าทุกคนต่างหาก...


          "งั้นกูไปเข้าสีมั่งละ เจอกันเมื่อสงครามจบเว้ยมึง" เต้ลุกขึ้นตามอีกคน

          "เดี๋ยวก่อน" คาร์โลเอ่ยเสียงรั้งพวกผมเอาไว้

          "อะไรของมึง เร็วๆ กูรีบ ต้องไปซื้อข้าวแดกก่อน เดี๋ยวเป็นลมแล้วจะโดนหญิงแดกหัว"

          "ถือว่าเป็นของขวัญจากกู บาส ฟุตบอล อีสปอร์ต หมากรุก วิ่งแข่ง...เล่นระวังๆ ก็แล้วกัน"


          พวกผมมองหน้ากันแล้วหัวเราะ "พวกมึงก็ระวัง อืม...ทุกกีฬาด้วยแล้วกัน"

          ดวงตาสามคู่เป็นประกายเจ้าเล่ห์ อย่างที่คนผ่านอะไรมาพอสมควร อดจะรู้สึกสยองหน่อยๆ ไม่ได้

          คาร์โลมองพวกผมแล้วส่ายศีรษะ "เพราะแบบนี้ไง กูถึงไม่อยากยุ่งกับคนมีเงินนัก...ไอ้พวกลูกคุณหนูตัวอันตราย"




***



          พิธีเปิดงานของโรงเรียนผม ก็ไม่ต่างจากที่อื่นเท่าไหร่ เราเริ่มต้นด้วยสุนทรพจน์ขอบคุณสปอนเซอร์ยาวเหยียด และยิ่งน่าเบื่อ เมื่อผมต้องจากเทมมาทำหน้าที่บนเวที เฝ้าภาวนาให้เวลาเคลื่อนผ่านไปถึงช่วงบ่ายเร็วๆ จะได้ไปดูเด็กชายในชุดมาสคอต


          มองผ่านหัวล้านสะท้อนแสงของคนที่ขึ้นมารับช่อดอกไม้ขอบคุณไป เห็นเทมปุระโบกมือให้อย่างอารมณ์ดี นับว่าชานมไข่มุกได้ผล เด็กน้อยไม่งอแงสักนิด แค่ให้ผมกอดเขาจนดูดชานมไข่มุกหมดแก้ว ก็กลับยิ้มแป้นแจ่มใส เป็นดวงตะวันน้อยๆ ของผมดังเดิม ผมยิ้มแล้วแอบโบกมือตอบ


          เหมือนรอยยิ้มของผมจะทำให้คนสติแตก ได้ยินเสียงกรี๊ดดังแว่วขึ้นมาถึงบนเวที


          "กรี๊ด!!! รุ่นพี่ดิมิทรียิ้มให้ฉัน! โบกมือให้ฉัน!"

          "ยิ้มให้พวกพี่ต่างหากย่ะ!"

          "งั้นหนูขอมือที่โบกก็ได้! จังหวะนี้เอาหมด!"

          "โอ้ยยยยยยย มีใครถ่ายรูปไว้ทันไหม หายากมาก รอยยิ้มของน้องหมู ฉันจะตายแล้วววว งานดียิ่งกว่านายแบบแบรนด์ไฮเอนทุกแบรนด์รวมกัน! ฮือ กูตาย"

          "น้องแม่งพรีเมี่ยม ยังไม่โตยังขนาดนี้ โตแล้วจะขนาดไหน! กูขอตายตามไปด้วยอีกคน บอกยมบาลให้เว้นที่กระทะทองแดงรอกูด้วยค่ะ ฮือ"



          เอ่อ...ผมส่งยิ้มให้ผู้ชายคนนั้นครับ คนที่สวมเสื้อสีฟ้า ใส่หมวกสีฟ้า คนที่เป็นเหตุผลที่ทำให้โลกเป็นสีฟ้าสดใสต่างหาก


          ช่วงเช้าผ่านไปอย่างทุกข์ทรมานกับการแสร้งตบมือชมเชยเหล่าผู้ใหญ่


          ตกบ่ายคือสมรภูมิรบของจริง บนสนามกว้างเริ่มเปิดศึกแข่งขันกันอย่างจริงจัง เสียงเชียร์ดังกระหึ่ม ศึกแย่งชิงคะแนนแรกของกองเชียร์ คือการแแปรอักษร โดยสแตนด์เชียร์จะตั้งเป็นวงรีล้อมรอบสนามขนาดใหญ่ โต้คำไปมากับฝั่งตรงข้าม แปดสีในแนวนอน และอีกสองสีหัวท้าย คะแนนคิดจากความไวและความถูกต้อง พร้อมความสวยงาม และคำที่เลือกมาใช้ ตอนนี้ห้าสีที่คะแนนนำ คือ สีม่วง สีขาว สีส้ม สีดำ สีฟ้าครับ แต่ละสีคัดสรรคำคม ประโยคเด็ดๆ มาแข่งขันกันมากมาย ห้าสีที่ชนะ จะนำมาแข่งกันอีกครั้ง จนกว่าจะได้ผูชนะเพียงหนึ่งเดียว แล้วถึงจะเริ่มแข่งการแสดงต่อไป


          ตอนนี้สีมาถึงรอบห้าสีแล้วครับ พิธีกรบนเวทียิ่งใส่ไฟ การโต้คารมด้วยแผ่นป้ายยิ่งร้อนระอุ เสียงโห่ฮาดังขรม


          "อูยยยยยย สีส้มของเขาแรงจริงๆ ครับ ตอกสีดำซะหน้าหงาย ว่าไงครับ 'หลุมดำดูดกากเดน' จะโต้ว่าไงดีครับ"

          "โอ้โห! สีดำแรงมาแรงกลับไม่น้อยหน้าค่ะ! 'ส้วมติง' คะแนนเขียนถูกอาจไม่ได้ แต่คะแนนความสะใจเอาไปร้อยค่าคุณผู้โช้มมมมมมมม!"

          "อือหือ...ส่วนสีขาวมาง่ายๆ แต่กระแทกใจด้วยคำว่า 'ชนะใสๆ' เข้าข่มครับ!"

          "สีฟ้าปีนี้มาสายกวนนะคะเนี่ย 'กลัวเหรอ ฟ้องแม่ไหม' เอย 'สงสัยลืมมารยาทไว้ที่บ้าน' เอย"

          "นั่นไง! คำเด็ดของสีฟ้ามาแล้วครับทุกคน! 'หัวร้อนหรา?' แหม ผมนี่ขึ้นแทนสีอื่นเลยครับ! กวนดีจริงๆ!"

          "กรี๊ด! สีส้มโต้ด้วยภาพง่ายๆ แต่ความหมายลึกซึ้งมากค่ะ แต่แอบลำบากพิธีกรอย่างเราเลยนะคะพี่โช ออกอากาศไม่ได้ซะด้วยรูปนี้"

          "ฮ่าๆ จริงด้วยครับน้องมิ้น อีกสิบนาทีนะครับทุกคน!"


          มือคนบนสแตนด์สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมือเป็นระวิง คิดถูกแล้วที่ให้เทมเป็นมาสคอต ไม่งั้นเทมเปลี่ยนแผ่นป้ายไม่ทันแน่นอนครับ จบลงด้วยความลุ้นระทึก คะแนนสีห่างกันไม่มากเท่าไหร่


          ต่อมาเป็นอาหารหลักของการเชียร์ นั่นก็คือการเต้นและเหล่าทีมเชียร์ลีดเดอร์ โดยเรียงลำดับการแสดงด้วยคะแนนจากมากไปหาน้อย แต่ละทีมแต่ละสีก็มาในคอนเซ็ปต์ที่แตกต่าง อย่างสีแดงของไอ้เต้ ก็มาในทีมนรก โดยที่นั่งทำเป็นกระทะทองแดง มีต้นงิ้วสองต้นข้างๆ เชียร์ลีดเดอร์แต่งตัวเป็นพญามัจจุราช ท่าเต้นมาในรูปแบบทรงพลังและน่ากลัว มาสคอตเป็นควายธนูก็ตีลังกาได้น่าชักชวนเข้ายิมนาสติกทีมชาติ เสียงร้องเพลงและตบมือพร้อมเพรียงมากครับ


          ส่วนสีของผมก็ไม่แคล้วเป็นตีมท้องทะเล แต่เป็นท้องทะเลที่ดุร้ายเสียหน่อย เพราะนางเงือกและนายเงือกมาในร่างฟันแหลมเหมือนฉลามขาว บนตัวมีชุดเกราะสีเงินเหลือบฟ้า ดูคล้ายหน่วยทหารคุ้มครองพระราชวัง และใช่ครับ ที่นั่งเชียร์ถูกตกแต่งเป็นพระราชวังใต้ท้องทะเลสวยหรู ราวกับไปยกของจริงมาตั้งไว้กลางโรงเรียน


          ส่วนมาสคอตที่ผมตั้งใจมาดู...



          ให้ตาย...คุณกุ้งตัวนั้นน่ารักชะมัด



          เทมมาในชุดกุ้งสีส้มสวมเสื้อเกราะ ในมือถือหอก บนไหล่มีผ้าคลุมสีฟ้าเหมือนฮีโร่ติดไว้ เวลาขยับผ้าสีฟ้าพลิ้วไสว คอยปกป้องมาสคอตตัวหลักอย่างโพไซดอนที่ถือตรีศูล ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ต้องเก๊กหน้าเคร่งขรึมให้สมเป็นทหารพระราชา เผลอยิ้มจนตาหยีเมื่อสบตากับผม ริมฝีปากเขาอ้าออกเป็นชื่อผม ก่อนจะรู้สึกตัวว่ากำลังอยู่ในการแข่งขัน พี่กุ้งตาโตก่อนรีบกลับไปตีหน้าดุดันเหมือนเดิม แต่ก็ไม่วายเหล่มามองผมบ่อยๆ อยู่ดี ไหนจะมุมปากที่คอยแต่อยากจะส่งยิ้มมาให้คนนอกสนามนั้นอีก


          กล้องในมือสั่นไปหมด


          ถ้าไม่เป็นการเข้าข้างสีตัวเองมากเกินไป ผมว่าสีผมควรติดหนึ่งในห้าครับ ฉากใช้ผ้าทำเป็นคลื่นและใช้ลูกเล่นอย่างปล่อยลูกโป่ง ฟองสบู่ก็สวยงามมากทีเดียว ยิ่งฉากปิดท้าย ที่นางเงือกโผล่มาจากหอยยักษ์กลางที่นั่งแล้วมีปีกโผล่ออกมา บินขึ้นฟ้าโปรยแผ่นกระดาษสีฟ้าไปทั่ว ก็ชวนตื่นตะลึงพอสมควร


          แต่ถ้ามองด้วยความลำเอียง... สีฟ้าควรชนะ


          เพราะคุณทหารกุ้งสุดน่ารักที่กำลังเช็ดเหงื่อจากการแสดงตรงนั้น


          ....แค่รอยยิ้มเต็มใบหน้าที่ส่งมาให้ จากคะแนนสิบเต็มสิบ  ก็ได้คะแนนจากผมไปหลายพันล้านคะแนนแล้วครับ....











     
end 46 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

                                                                                      ตอนหน้าจะเป็นตอนที่ทุกคนรอคอย...หรือเปล่านะ? อิ_อิ
 :hao7:


โซเฟียริน
zofiarin lll moore



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2018 00:32:02 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
พี่เทมมมมมม อ้อนจนน้องหมู (กับป้า) ละลายแล้วววว :mew1: :mew3:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
เกิดอะไรขึ้นทำไมลงตอนสับไปสับมา

อยากเห็นกุ้งน่ารัก  :กอด1:

ปล.ตอนหน้าจริงๆนะ :z1:

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter




47










          ความคึกคักของกองเชียร์ที่เพิ่งจบไป ไม่ต่างอะไรกับอะดรีนาลีนที่ฉีดเข้าเส้นเลือด สร้างความฮึกเหิมให้เหล่านักกีฬา บรรยากาศในสนามยิ่งเข้มข้นมากยิ่งขึ้นเมื่อเผยคะแนนบนบอร์ด เราเริ่มต้นได้ไม่เลว สีฟ้าอยู่อันดับสี่ ถือว่ากลางๆ ไม่ผิดไปจากที่คาดไว้

          หลังจากคุณกุ้งเต้นเสร็จ สองเท้าก็ตั้งท่าจะวิ่งมาหาผมในทันที แต่ยังไม่ทันจะเดินได้ครบสิบก้าวดี คุณตัวนำโชคก็โดนผู้จัดการทีมอย่างพี่หญิงของเจ้าตัว มาลากพาตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เทมมองผมตาละห้อย ก่อนจะปล่อยให้หญิงจูงหนวดเดินออกไป ยิ้มขำคุณกุ้งที่หันหลังเดินด้วยสภาพคอตก ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรเข้านาฬิกาใครบางคน ต่อให้อยู่ในชุดมาสคอต ผมเชื่อว่าเด็กดีจะไม่ถอดนาฬิกาออกตามที่ผมบอกแน่นอน

          คุณกุ้งในขบวนแถวสัตว์ทะเลชะงัก หันกลับมามองอย่างรวดเร็ว พอเห็นผมยิ้มให้อยู่ เขาก็อ้าปากกว้างแล้วหุบลง อ้าแล้วหุบอยู่หลายหน อมลมจนแก้มขาวอมชมพูพองออก กลั้นยิ้มจนตาหยี สุดท้ายก็ทนไม่ไหว คลายออกเป็นรอยยิ้มกว้าง ชูมือขึ้นโบกไปมา โชว์ว่ามีสายเรียกเข้าจากผมให้ผมดู

          เด็กน้อยพยายามใช้ก้ามกุ้งอันใหญ่กดปุ่มรับสาย

          แต่เพราะอุปสรรคคือนิ้วที่ใหญ่เป็นพิเศษ กับเป้าหมายเล็กจิ๋ว แถมนาฬิกายังอยู่ในชุดหนา ไม่ว่าจะพยายามพลิกก้ามซ้าย พลิกก้ามขวา จิ้มเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล คุณกุ้งตัวโตจ้องมองแขนตัวเองเหมือนจะใช้พลังจิตกดรับ สุดท้ายรอยยิ้มกว้างผันแปรเป็นปากยู่ ท่าทางร้อนรนทำเอาดวงตาสีฟ้าทอแสงเอ็นดู เด็กชายวิ่งตุบตับไปหาเพื่อนสาวให้ช่วย ทั้งสองคนคุยอะไรกันเล็กน้อย คุณกุ้งถึงยอมเดินตามขบวนแต่โดยดี ส่วนหญิงหันมามองค้อนผม ข้อหาก่อกวนกุ้งน้อยทำให้ขบวนทหารหยุดชะงักกลางคัน

          รอสักพักเทมถึงโทรกลับมา สงสัยจะถอดชุดออกเสร็จแล้วละครับ     

          [ ฮัล ฮัลโหลครับ สวัสดีครับน้องหมูหย็องครับ เทม เทมปุระพูดครับ ]

          "หึหึหึ ว่าไงครับคุณกุ้ง"

          เทมส่งเสียงครางฮือในลำคอ ท่าทางประหม่าไม่น้อยเมื่อได้ยินผมเอ่ยแซว [ พี่เทม พี่เทมเป็นคุณกุ้งทหารปกป้องพระราชชะชาวังครับ พี่เทม พี่เทม เขินๆๆ เขินน้องหมูหย็องจังเลย พี่เทมเต้นผิดไปนิดหน่อยเยอะแยะๆๆ ด้วย พี่เทมย้ายๆๆๆ ย้ายสะโพกไม่ทันเพื่อนครับ จ๊ะเอ๋กับน้องหมูหย็องแล้วใจเต้นปริบๆๆ พี่เทม พี่เทม ลืม ลืมเอาสะโพกไปอีกด้านครับ ]

          ตอนคุณกุ้งกำลังเด้งตัวไปมา ก็หันมาเจอผมพอดี เด็กน้อยชะงักแก้มแดง เพื่อนคนอื่นโยกไปทางซ้ายแล้ว เขายังโยกค้างไว้ที่ขวาอยู่เลย หน้าตาเหลอหลาน่าขัน น่ารักจนผมรัวชัตเตอร์ไปเป็นสิบ

          [ ทำยังไงดีครับน้องหมูหย็องครับ พี่เทม พี่เทมกลัวสีโดนหักคะแนนเยอะแยะ เยอะแยะครับ ]

          "พระราชวังครับพี่เทม แค่แป๊บเดียวเองครับ ถ้าไม่สังเกตก็ไม่มีใครเห็นแน่นอน แต่ถึงโดนหักจริง พี่เทมก็ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวน้องหมูจะกู้คะแนนคืนมาให้ วันนี้พี่เทมทำได้ดีมาก จำท่าเต้นได้ทั้งหมดด้วย ตอนควงหอกก็เท่สุดๆ น้องหมูอึ้งไปเลยครับ"

          เสียงครางฮือครั้งนี้เป็นโทนสูง ไม่ใช่หงอยเหมือนครั้งก่อน ท่าทางดีใจมากที่ถูกชม

          [ พ-พระราชวัง ขอบ ขอบคุณนะครับ พี่เทม พี่เทมเคยควงหมุนติ้วๆๆๆ แล้วหล่นโป๊กใส่หัวตัวเองด้วยครับ แต่ว่า แต่ว่าวันนี้ วันนี้ๆๆๆ ไม่โป๊กๆๆๆ ใส่ตัวเอง ดีมากๆๆ เลย พี่เทมโชว์เมพขิงๆๆๆ ให้น้องหมูหย็องดูสำเร็จด้วยครับ! ] ยิ้มให้คนอยากโชว์เท่ แต่ขมวดคิ้วให้คนโดนหอกหล่นโป๊กใส่หัว และภาษาวัยรุ่นชวนมึน

          ไม่ต้องเดาเลยว่าใครสอนเด็กน้อยผมพูด

          "ไม่เอาเมพขิงๆ ตามน้ำพูดนะครับ แล้วทำไมพี่เทมถึงไม่บอกน้องหมูครับ ว่าทำตกใส่ตัวเองด้วย น้องหมูจะได้ช่วยทายา" อันที่จริงถ้ารู้ จะให้เขาออกมานั่งเฉยๆ เลยมากกว่า

          แย่จริง...ไม่รู้ว่าเทมเจ็บตัวไปเท่าไหร่กว่าจะทำได้คล่องขนาดนี้ ลาวาบนภูเขาที่ชื่อว่าความเป็นห่วง เดือดปุดๆ

          [ น้องหมูหย็อง น้องหมูหย็องไม่ชอบเมพขิงๆๆๆ งั้นเหรอครับ งั้น งั้นพี่เทมจะไม่พูดนะครับ ไม่พูดๆๆๆ ส่วนโป๊กๆๆ ตอนซ้อม ตอนซ้อมใช้นุ่มนิ่มๆๆๆ ครับ ตอนโป๊กๆๆๆ พี่เทม พี่เทมเลยไม่เจ็บสักนิดน้อยเลยครับ ---- เทมมันจะไปเจ็บตัวได้ไงวะ ฝ่ายออกแบบท่าเต้นแทบจะให้มันยืนเป็นรูปปั้นอยู่แล้ว มึงแม่งไปขู่มันทุกวัน จนมันเอาไปเก็บเป็นฝันร้ายแล้วมั้ง แค่โฟมที่ใช้ซ้อม มันก็เหลาแล้วเหลาอีก กลัวไอ้เทมโดนโฟมบาดมือแล้วหัวมันจะหลุดออกจากบ่า ] น้ำแทรกขึ้นมา ผมได้ฟังก็พยักหน้าพอใจ

          ดีแล้วครับที่กลัว ถ้าเทมเจ็บตัวกลับมาบ้านเพราะซ้อม ได้มีคนโดน 'ซ้อม' บ้างแน่ๆ

          นอกจากน้ำแล้ว ก็มีเสียงหญิงลอดมาให้ได้ยิน [ อีกอย่างนะ ถ้าหมูยอมไปนั่งบนอัฒจันทร์ดีๆ ไม่มายืนส่องกุ้งตรงแถวสต๊าฟให้เทมเห็น เทมก็ไม่เสียสมาธิจนเต้นผิดหรอก! ดูสิดู ตอนซ้อมเทมทำไม่ผิดเลยแท้ๆ แล้วนั่นอะไร ไปยืนตรงพื้นที่สำหรับนักข่าวได้ยังไงกัน ท่านประธานนักเรียนใช้อำนาจในทางมิชอบชัดๆ! ]

          หญิงบ่นไม่หยุด ท่าทางจะฉุนน่าดูที่ผมไปตั้งกล้องถ่ายรูปตรงนั้น เดาว่าคุณพี่สาวเขาขัดใจน่ะครับ โซนตรงที่เธอยืนเป็นมุมอับ ถ่ายรูปเทมไม่ค่อยชัด

          ยกยิ้มมุมปาก นี่แหละคือความหอมหวานของอำนาจ และสิทธิ์พิเศษละ...

         
          "เดี๋ยวจะส่งรูปให้ทีหลังนะครับ" สักสองรูป

          เสียงบ่นกลายเป็นเสียงประจบประแจง [ อุ้ย แหม...ท่านประธานเรานี่สายตากว้างไกล ใจดีไปช่วยเหลือชมรมหนังสือพิมพ์ทำงานสินะคะ ใจดีจริงๆ สักสิบรูปนะคะท่านประธาน...เอ้อ เทมจ๊ะ เทมเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปกินขนมตรงนู่นได้เลยนะจ๊ะ ถ้าจะออกไปข้างนอก มาบอกหญิงก่อนนะ เดี๋ยวหญิงพาไป ขอไปจัดการดูชุดนักกีฬาก่อน --- ไปเลยหญิง เดี๋ยวเราไปกับเทมเอง --- อ๋อ โอเคๆ งั้นเราฝากเทมด้วยนะ อีกสักสิบนาทีค่อยพาเทมมาแต่งตั ---- เฮ้ย! หญิง ชู่ววว! ---- ตายจริง! เราเผลอ โทษทีๆ ]

          เสียงจอแจกลบเสียงของเทมปุระเสียมิด กอปรได้ยินเหมือนมีคนยื้อแย่งเครื่องมือสื่อสารฉุกละหุก [ เทม เทมยังไม่ได้บ๊ายบาย บอกบ๊ายบายน้องหมูหย็องเลยนะครับน้ำ น้ำ ---- ฮัลโหล มึง ไอ้หมูแค่นี้ก่อนนะ กูช่วยเทมถอดหัวกุ้งก่อน --- บ๊าย --- ตี๊ดดดดด... ]

          ไม่ทันจะตอบรับอะไร น้ำก็กดตัดสายไปเสียแบบนั้น ได้ยินเทมบอกบ๊ายบายไม่เต็มประโยคด้วยซ้ำ

          อะไรของพวกนั้นนะ คงไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ กันใช่ไหมครับนั่นน่ะ อยากจะออกไปดู ติดแต่ว่าอีกหนึ่งชั่วโมงผมต้องลงแข่งแล้ว แถมตอนนี้ยังเข้ามาอยู่ในห้องพักนักกีฬาเพื่อเตรียมความพร้อม จะออกไปไหนไม่ได้จนกว่าจะแข่งเสร็จ 

          "นักกีฬายิงธนู หลังจบวอลเลย์บอลเตรียมตัวเลยนะครับ อีกสามสิบนาที" สต๊าฟเดินเข้ามาในเต็นท์แล้วตะโกนบอก ผมขานรับด้วยการพยักหน้า

          รายการแข่งกีฬาวันแรกจะเป็น วอลเลย์บอล ยิงธนู ปิงปอง แบดมินตัน แล้วก็วิ่งวิบากครับ นึกถึงรายการแข่งแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ แผนใหม่ที่เราคิดกันหลังน้ำก่อเรื่อง จากพูดคุยถกเถียงร่วมสามชั่วโมง นอกจากแผนเดิม แผนพิเศษเพิ่มเติมที่เปลี่ยนไป ก็จบด้วยวิธีการมักง่ายสิ้นคิด อย่างเช่น 'ชนะให้ได้มากที่สุด' เท่านั้นครับ

          พูดเหมือนจะง่าย แต่มันเป็นอะไรที่ทำยากที่สุด

          สีฟ้าเราเหมือนรวบรวมสมาชิกมาแต่แนวใช้สมองเสียส่วนใหญ่ เป็นการจับฉลากที่ผูกพันกันด้วยเกรดเฉลี่ยด้านวิชาการโดดเด่นโดยแท้ หมากรุก อีสปอร์ต แนวบุ๋นไม่ใช่บู๊ ผมมั่นใจว่าเราไม่หลุดจากอันดับหนึ่งและสองแน่นอน แต่นี่ไม่ใช่งานวิทยาศาสตร์ หรือสอบวัดระดับ

          นี่มันกีฬาสี แน่นอนว่าต้องเน้นกีฬาออกกำลัง

          และการจะชนะให้ได้มาก ในเกมกีฬาที่เกินกว่าครึ่งคือพึ่งศักยภาพทางร่างกาย ควบคู่การฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ... หันมามองคนในทีมที่สม่ำเสมอกับการนั่งนิ่งๆ ซ้อมหนักด้วยการเปิดหน้าหนังสือตำราเรียน ในหัวพลันบังเกิดภาพเอาไม้จิ้มฟันไปงัดท่อนซุงยักษ์แล้วหักดังเป๊าะ หนทางแลดูมืดมิดราวค่ำคืนวันราหู ต่อให้จับทุกคนในสีมาแข่ง แล้วเฟ้นคัดคนชนะมาลงเล่น ก็ยังด้อยกว่าตัวจริงนักกีฬาของโรงเรียนไกลโข ความสามารถทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น

          ทางแก้ปัญหาน่ะหรือครับ?

          ในกีฬาสีสามสิบอย่าง ยิงธนู ยิงปืน ฟันดาบ เทควันโด ยูโด คาราเต้ วิ่ง หมากรุก แปดอย่างที่เอ่ยมา... คือกีฬาที่ผมต้องลงแข่ง ใช่ครับ ผมลงแข่งทั้งหมดแปดอย่าง ไม่ใช่หนึ่งหรือสอง แต่เป็น 'แปด'

          มันเป็นอะไรที่โคตรบ้าสุดๆ ไปเลยครับ ตอนเราทดสอบหานักกีฬา กีฬาไหนเล่นเดี่ยว ผมชนะแทบจะทั้งหมด จากแค่วิ่งเพื่อขนมปี๊บ กลายเป็นแบกรับความหวังของหมู่บ้าน ถึงจะคิดไว้แล้วว่าปีนี้จะชนะให้ได้ แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองต้องมาวิ่งสู้ฟัดอะไรขนาดนั้น ดีว่ากฎมีบอกไว้ หนึ่งวันห้ามลงแข่งเกินสองอย่าง ไม่อย่างนั้น... เชื่อได้เลย ว่าจะได้เห็นชื่อดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟยาวติดกันเป็นพรืด นับได้เกินสิบแน่นอน

          ให้ตายเถอะ

          คิดแล้วก็รู้สึกหงุดขึ้นมา เพราะดันเผลอใจง่ายแค่เพียงโดนน้ำกับหญิงเป่าหู ใช้จุดอ่อน พูดถึงใบหน้ายิ้มแย้ม มีความสุขขนาดไหนของเด็กชายฟ้าประทานยามได้คล้องคอด้วยเหรียญทอง จนอดคิดตามไม่ได้ ว่ารอยยิ้มนั้นต้องเจิดจ้ามากแน่ๆ ถ้าไม่ใช่แค่ขนมปี๊บ แต่ได้เหรียญรางวัลมาด้วย ...เป็นรอยยิ้มที่เกิดจากชัยชนะของผม...เท่ากับผมสร้างรอยยิ้มนั้นขึ้นมาเอง


          รู้ตัวอีกที...ก็ฝึกซ้อมเป็นบ้าเป็นหลัง

          เกลียดเหงื่อ เกลียดความร้อน กลับกลายเป็นเหงื่อโทรมกาย อาบเหงื่อต่างน้ำ ออกวิ่งรอบสนามกลางแดดจ้า กลายเป็นหมูปิ้งแดดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนผิวขาวซีดโดนแดดย้อมกลายเป็นสีแทนอ่อน ไหนจะต้องทำงานดึกดื่นจนสิวขึ้น

          ตกหลุมกับดักเข้าไปเต็มๆ ไม่ใช่ตกแบบธรรมดา ตกแบบโง่เง่าเดินยิ้มเข้าไปเสียด้วย เฮ้อ


          "อะไรวะ?.........เฮ้ย!?"

          "มุดเข้ามาได้ยังไง!?!"



          เสียงแตกตื่นของเพื่อนร่วมเต็นท์ ทำให้หลุดจากภวังค์การบ่น หันไปมองแล้วก็ต้องให้เบิกตาโต จากผ้าที่คลุมราบไปกับพื้นเรียบร้อยถูกเลิกขึ้นโดยขาหมูสองข้างและก้นหมูสีชมพู ก้อนสีหวานดิ้นขยุกขยิกไปมา หางม้วนเป็นวงกลม เอกลักษณ์ของหางหมูเด้งดึ๋งดั๋งเมื่อคนสวมชุดขยับ

          เสียงปริศนาที่หนึ่งถามด้วยความฉงน

          "อ-อ้าว...ทำ ทำไมเทม เทม เทมไม่เห็นเจอน้องหมูหย็องเลยครับน้ำ? ยัง ยังเจอแต่น้ำคนเดียวอยู่เลยครับ?"

          เสียงปริศนาที่สองถอนหายใจอย่างระอา ก่อนตอบกลับ

          "มึงจะบ้าเหร๊ออออออ หันตูดเข้าไปมันจะเจออะไรนอกจากหน้ากูเล่า!?"

          "อ-อ-อ-เอ๊ะ อ้าว อ้าว...?"

          "ไม่ต้องมาอ้าว หันตูดออกมา เอาหัวเข้าไป!"

          ก้นกลมปฏิบัติตามคำสั่ง เร่งถีบตัวเองออกจากเต็นท์ ทว่าเสียงกุกกักฟังดูติดขัด เหมือนเจ้าหมูน้อยก้นใหญ่เกินไป มุดออกไม่ได้ จนต้องให้เพื่อนช่วยดึง วุ่นวายกันสักพัก เจ้ากุ้งสีส้มตัวโต ที่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าหมูสีชมพูก็มุดหน้าเข้ามาใหม่ ครั้งนี้หมูน้อยโผล่เข้ามาแบบมีหน้าตา ดวงตาคู่นั้นก้มต่ำมองไปรอบ กวาดมองไปทั่วแบบแอบๆ พอเห็นรองเท้าคู่คุ้นตา ก็เงยหน้าพรวด สบตาเข้ากับผมบนม้านั่ง นัยน์ตาสวยเป็นประกาย ฉีกยิ้มกว้าง

          หมูตัวนี้ไม่ได้ร้อง อู๊ด อู๊ด แต่เป็น "หมูหย็องครับ!"

          ร้องเรียกเสียงด้วยความดีใจ ก่อนจะชะงัก

          ผู้กระทำการบุกรุกอย่างอุกอาจรู้ตัวเสียแล้ว ว่าในห้องไม่ได้มีแค่เพียงหมูหย็องครับของเจ้าตัว สายตาหลายสิบคู่มองตรงไปที่หมูครึ่งตัวเป็นตาเดียว เมื่อมีคนมองเยอะ เจ้าหมูเลยก้มหน้างุดหลบหนี ปากสวยบอกเสียงเบา ท่าทางเก้อเขิน "แหะ แหะ ...พี่เทม พี่เทม พี่เทมมาเชียร์น้องหมูหย็องเฉยๆครับ"

          "แล้วมึงจะมุดเข้ามาเชียร์แบบนี้ก็ได้เหร๊ออออออออออออออออออออออออออ!?!"

          เพื่อนร่วมทีมแหกปากถามเสียงดังให้หมูปริศนาที่จู่ๆ ก็โผล่เข้ามา

          เสียงจ้อกแจ้กจอแจของนักกีฬาปะทุขึ้นทันที หลายคนคันไม้คันมือเริ่มอยากยกมือถือขึ้นมาถ่าย ไม่ก็เข้าไปรุมล้อมถาม ว่าต้องใจกล้าขนาดไหน ถึงได้สวมชุดน่าอายแบบนั้นเดินเพ่นพ่านไปทั่วโรงเรียนเพื่อคนคนเดียว แต่ก็เพราะรู้ไงว่าคนคนเดียว ที่เจ้าเด็กชายตามหาคือใคร และน่ากลัวขนาดไหน โทรศัพท์เลยยังคงอยู่อย่างสงบในกระเป๋า และเท้าก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ ทำแค่โห่แซวและมองอย่างหยอกล้อ ไม่กล้าทำอะไรเลยเถิด ต่อหน้าต่อตาเจ้าของเจ้าหมูสีชมพู

          ผมนั่งตัวแข็งเป็นหินเหมือนคนโดนขโมยสมอง อึ้งมองเขาอยู่นาน จนคุณหมูกวักมือเรียกถึงได้สติ 

          "เทมครับ?...พี่เทมครับ? มาได้ยังไงครับ??" แล้วทำไมมาในสภาพแบบนี้? มองนางฟ้าที่อยู่ในชุดมาสคอตหมูสีหวานจ๋อย ตรงคอมีโบว์สีขาวผูกไว้อย่างน่ารัก แล้วก็ให้รู้สึกว่าตัวเองโง่งม


          จิ๊กซอว์แห่งความลับ เหมือนถูกจับต่อเข้าด้วยกันจนเป็นรูปเป็นร่าง

          อา...ความลับ ความลับที่เขามาขอผม ไม่ใช่เรื่องของกีฬาที่ผมเข้าใจผิดไปเองสินะ แต่เป็นเรื่องนี้ต่างหาก....?


          คุณหมูยกนิ้วชี้ขึ้น กลายพันธุ์ได้อีกครั้ง ด้วยการส่งเสียงร้อง จุ๊ จุ๊ เป็นคุณตุ๊กแก

          "จุ๊ จุ๊ นะครับ เสียงดัง เดี๋ยวอาจารย์ อาจารย์จะเห็นนะครับ" น่าจะเห็นนานแล้วละครับหมูว่า สีดึงสายตาเสียขนาดนี้ ถ้าไม่เห็น ก็ควรถามแล้วครับ ว่ามีลูกตาไว้ประดับใบหน้าเฉยๆ หรือยังไง

          ผมคุกเข่าลง เกลี่ยแก้มชื้นเหงื่อที่บ่งบอกว่าทุลักทุเลขนาดไหนกว่าจะเข้ามาหาผมได้

          "พี่เทม พี่เทมเป็นคุณหมูนำโชคของน้องหมูหย็องครับ เป็นมาสคอต เป็นคุณตัวนำโชคของน้องหมูหย็องคนเดียวเลยครับ"  ไม่สนใจเสียงโห่จากเพื่อนคนอื่นๆ กอบกุมแก้ม มองตาเขาด้วยความซึ้งใจ

          "ขอบคุณมาก...มากๆ นะครับ"

           "ไอ้เทมเร็วๆ! อาจารย์ให้แค่สามนาทีนะเว้ย!"

          "ส-สามนาที!...น้องหมูหย็องครับน้องหมูหย็อง พี่เทม พี่เทมมาบอกว่าสู้ๆ สู้ๆ นะครับ ที่จริง ที่จริงพี่เทมทำน้ำมะนาวชดชื่ง ชดชื่งมาให้ด้วย แต่อาจารย์ไม่ให้นักกีฬาดื่มอะไรจากคนแปลกหน้าครับ พี่เทมเลยเอาเข้ามาให้ไม่ได้ คือ คือว่า ก็เลย ก็เลยไม่มีอะไรมาฝากนอกน้องหมูหย็องนอกจากกำลังใจ..." เขาว่าแล้วก็ยกมือวางแปะบนมือผม ตบปุบปับๆ ปั้นอากาศเป็นก้อนกำลังใจอย่างรวดเร็ว

          กำก้อนกำลังใจของเขาเอาไว้แนบอก ยกยิ้มอ่อนโยน
     
          "แค่พี่เทมมา แค่นั้นก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับ"

          "ขอบคุณน้องหมูหย็องด้วยนะครับ พี่เทม พี่เทมจะรอน้องหมูหย็องที่เส้นชัยนะครับ น้องหมูหย็องคนเก่งของพี่เทมต้องชนะแน่ๆ พี่เทมจะถือโถน้ำมะนาวรอ รอ รอที่เส้นชัยเลยนะครับ"

          "ครับ รอน้องหมูที่เส้นชัยนะ น้องหมูจะวิ่งไปหาเป็นคนแรกเลย"

          พี่เทมเม้มปาก ช้อนตาขึ้นอ้อน "น้อง น้องหมูหย็องครับ ก้มหน้า ก้มหน้าหน่อยนะครับ กระซิบๆๆๆ กันนะครับ"

          ผมโน้มตัวลงตามคำขอ

          พี่เทมยกมือขึ้นป้องปาก ในช่องว่างเล็กๆ แห่งความลับของผมกับเขา เป็นเสียงกระซิบที่ประหลาด ไร้ความหมาย เป็นเพียงคำสั้นๆ สามครั้ง สามคำ แนบชิดกับติ่งหู

           'จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ'


          แล้วหมูน้อยก็โดนลากออกไป

          เหลือไว้แต่เพียงหมูอีกคนที่หน้าแดงจัด นั่งคุกเข่าเป็นรูปปั้นอยู่นานหลายนาที




***



          เมื่อเริ่มการแข่งขัน ระหว่างรอถึงตาตนเอง สมาธิที่ถูกใช้ไปกับการเรียบเรียงวางแผน ก็ถูกก่อกวนด้วยเสียงของเหล่าผู้ช่วย ที่ช่วยได้เป็นอย่างดีเรื่องการกระจายข่าว เล่นชะโงกไปคุยกับสีอื่นขนาดนั้น ถ้าจบเกมแล้วคนทั้งโรงเรียนยังไม่รู้นี่ผมจะแปลกใจมากครับ

          "มึงรู้ปะ เมื่อกี้ตอนพวกกูอยู่ในเต็นท์เกิดอะไรขึ้น เทมเว้ย ไม่ๆ ไม่ใช่น้องเทมเทมนมใหญ่ เทมของเทมหมูอะมึง เออ นั่นแหละ แม่งมาจากไหนไม่รู้ แต่มันใส่ชุดมาสคอตหมูมาเชียร์ไอ้หมูถึงในเต็นท์เลย จู่ๆก็มุดเข้ามา พวกกูนี่สะดุ้งกันเป็นแถบ นึกว่าใครบุกมาอัดตัดกำลัง"       
   
          "เหยดดดดด จริงดิวะ!?"

          "มึงได้ถ่ายรูปไว้ไหม ส่งมาๆ! กูจะเอาไปลงเฟซ เรื่องนี้ต้องลงวงกว้างเว้ย"

          "ถ่ายก็แย่ละ ท่านประธานมองตาขวางขนาดนั้น"

          "เทมแม่งโคตรใจอะ หาได้ที่ไหนวะ แต่งชุดมาสคอตเพื่อมาเป็นกำลังใจให้คนคนเดียว สุดทางไปเลยโว้ย"

          "ถ้ากูเป็นท่านประธานนี่หัวใจวายตายห่าไปแล้ว ขนาดกูเป็นผู้ชายอกสามศอกยังหวั่นไหว โอ้ย ใจกู!"

          "มึงต้องเห็นของจริง ไอ้เหี้ยยยยย กูนี่เขินไปหมด มึงเห็นตอนไอ้หมูคุกเข่าไปจับแก้มเทมป่ะ กูนี่เหลวเลย นึกว่าอยู่ในซีรีส์!"

          "เออ แต่กูอยากรู้อีกอย่างว่ะ ตอนสุดท้ายเทมแม่งพูดอะไรกับหมูวะ ประธานชาเย็นของพวกเราถึงได้กลายเป็นน้ำแดงขนาดนั้น"


          ...นินทากันได้เสียงดัง ไม่มีเกรงใจกันดีนะครับ...

          แต่ไม่ว่าอะไรก็ทำให้อารมณ์ที่ดีมอดดับลงได้ ยิ่งหันขึ้นไปมองบนสแตนด์ เห็นเขายืนโดดเด่น โบกป้ายเชียร์ สะพายถังน้ำที่ด้านในบรรจุไปด้วยชิ้นเลม่อนสีเหลืองสดใส ยิ่งยิ้มกว้าง ...มันจะน่ารักเกินไปแล้ว... อยากวางธนูลงแล้วขึ้นไปกอดรัดเขาแน่นๆ ชะมัด

          "นักกีฬาสีฟ้าพร้อมหรือยังครับ ถ้าพร้อมแล้วเดินเข้าสนามได้เลยครับ"

          "ครับ"

          ผมก้าวเข้าสนามด้วยความมั่นใจ กำลังใจดีขนาดนี้ ต่อให้เป้ายิงเป็นแค่แมลงปอตัวเล็กบินผ่าน ก็ไม่น่าหวาดหวั่นเลยแม้แต่นิดเดียว สายตาคมกริบมองป้ายคะแนนที่ห่างแล้วหมายมาด ผมจะเป็นที่หนึ่ง เริ่มตั้งแต่เกมนี้เลย

          การแข่งยิงธนูแบ่งเป็นสองสายครับ สายแรกเป็นการแข่งโดยใช้ธนูแบบ recurve ส่วนสายที่สองคือ compound โดยธนูแบบแรก จะเป็นคันธนูที่มีความใกล้เคียงกับของโบราณดั้งเดิม แม้จะใช้วัสดุในสมัยใหม่ แต่ยังคงเอกลักษณ์และลักษณะเด่นไว้ อย่างเช่นการปล่อยสายธนูโดยนิ้วมือ ซึ่งการจะปล่อยให้ถูกต้องและสวยงาม ยากมากๆ ครับ การบังคับถ้าคลาดเคลื่อน พลาดแม้เพียงนิดก็จะพังไม่เป็นท่าทันที ไหนร่างกายจะต้องรับภาระหนักจากการดึงรั้งสาย ซึ่งแตกต่างจาก compound ที่จะมีตัวช่วยปล่อยลูกธนู เวลาน้าวสายก็เอามาเกี่ยวไว้กับตะขอแล้วกด คล้ายคลึงกับการลั่นไกปืน

          อธิบายง่ายๆ ก็คือ recurve เป็นแบบคลาสสิคเก่าแก่ ต้องใช้ความสามารถล้วนๆ ในการควบคุม ไร้อุปกรณ์ใดช่วย ส่วน compound คือธนูไฮเทค ที่ถูกออกแบบรังสรรค์ขึ้นมาให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น มีตัวช่วยในการยิงและการเล็ง ความเสถียร ตัวช่วยเรื่องรับน้ำหนัก ร่างกายไม่รับภาระเยอะเท่าแบบแรก

          ถึงจะเป็นธนูเหมือนกัน แต่ก็ถูกจัดไว้เป็นคนละประเภท

          การแข่งในกีฬาสีของโรงเรียนก็เช่นกัน นักกีฬาแบ่งออกเป็นสองคน แยกคนละสาย มีเพียงสีเดียว ที่มีนักกีฬายิงธนูเข้าแข่งเพียงหนึ่ง แต่ควบถึงสอง...
         

          สูดหายใจเข้าลึก สองขากางออก จังหวะการหายใจถูกผ่อนลง กล้ามเนื้อคลายตัว ก่อนเกร็งเฉพาะส่วน ยกแขนน้าวสายธนู ตรึงสายแนบชิดปลายจมูกและริมฝีปาก สายตาจดจ้องเล็งเป้าหมาย ปล่อยลูกธนูออกไป

          ทำซ้ำอีกครั้งกับ compound

          เพียงเท่านั้นชัยชนะก็ตกเป็นของผม

          ผมได้ยินเสียงร้องเย้คุ้นหูก่อนใคร หันไปสบตาเทพีแห่งชัยชนะของตัวเองแล้วก็ได้แต่ยิ้มขัน เจ้าหมูน้อยดีใจจนกระโดดหย็องแหย็งให้มั่วไปหมด ร่างสูงเกาะรั้วกั้นไว้แน่นพร้อมเขย่า ดูท่าอีกฝ่ายจะอยากเปลี่ยนร่างเป็นคุณลิง เพื่อปีนข้ามรั้วมาหาผมแทนเป็นคุณหมูน้อยแล้วละครับ หึหึหึ


       
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-12-2018 19:06:24 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter
           

          การแข่งทั้งหกวัน ผมมีมาสคอตส่วนตัวคอยให้กำลังใจ คอยส่งข้าวส่งน้ำให้ทุกวัน รับรู้ได้ถึงไฟริษยาอันร้อนแรงจากคนรอบข้าง มันยิ่งกว่าความดุเดือดในสนามเสียอีกครับ ทุกวันคุณตัวนำโชคทำหน้าที่ได้ดีมาก แม้ตอนแข่งคาราเต้กับเทควันโด จะเม้มปากแน่นน้ำตาซึม เล่นเอาใจหายวาบก็ตามที เด็กน้อยที่เพิ่งรู้ ไม่อยากให้ผมลงแข่ง เพราะกลัวผมเจ็บตัว แต่ถอนตัวก็ไม่ทันแล้วครับ สุดท้ายก็เป็นการเชียร์แบบน้ำตานองหน้า จนผมต้องทำแต้มให้ชนะขาดอย่างรวดเร็ว

          ในส่วนของการแข่งอื่นๆ พูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นไปอย่างราบรื่น แม้ผมจะสอยเหรียญทองมาได้ในทุกการแข่งขันที่ลง จนได้แมวมองตามจีบเกือบครึ่งร้อย แต่กีฬาสีเป็นกิจกรรมสามัคคี เมื่อกีฬาอย่างอื่น เพื่อนๆ ไม่ช่วยสามัคคีชนะ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้ที่หนึ่งครับ

          ต่างกันสามสิบคะแนน...สีฟ้าได้ที่สองมาครอง

          ไม่ต่างจากที่คาร์โลเตือน ปีนี้ทีมม้ามืดอย่างสีเหลือง มาแรงจนแซงหน้าทุกคน กระทั่งสามสีหัวเรือใหญ่ร่วมมือกันก็ยังพ่ายให้ ฟุตบอล วอลเลย์บอล กีฬาประเภททีมคือตัวดึงคะแนนขนานใหญ่ บาสที่มีท่าทางร่อแร่ ดันพลิกกลับมาชนะรอบลูกโทษ เล่นเอาเทมน้ำตาคลอสงสารเต้ไปอีกระลอก สีเหลืองชนะติดกันจนคะแนนท่วมท้น คะแนนพิเศษก็เข้าทาง

          บทสรุปก็นั่นแหละครับ ที่สองตัวเบ้อเร่อ

          ส่วนความรู้สึกของผม ผู้ที่ตรากตรำแข่งถึงแปดอย่างน่ะเหรอครับ?

          อืม...เจ็บใจที่สีแพ้มากกว่าที่คิด คำพูดของตัวร้ายเกรดบีในหนังผุดขึ้นมาในหัว ระหว่างยิ้มรับถ้วยรางวัล 'ฝากไว้ก่อนเถอะ' ปีหน้าผมมาทวงคืนแน่ๆ

          แต่ถึงแม้จะแพ้ในคะแนนรวม แต่คะแนนเดี่ยวผมก็ชนะขาดลอย ได้รางวัลเป็นขนมปี๊บและเหรียญทองมามากมาย เยอะชนิดที่พี่เทมสามารถเทแล้วแหวกว่ายท่าผีเสื้อได้เลยละครับ เหรียญทองก็ให้เขาคล้องซ้อนกันจนชิดถึงปลายคาง ดูไปดูมา ก็คล้ายพวงมาลัยที่เหล่าแม่ยกคล้องให้พระเอกลิเกดีเหมือนกัน

          แต่รางวัลที่สำคัญที่สุด ก็คือรอยยิ้มเจิดจ้าของเจ้าก้อนความสุข ...เจิดจ้ากว่าที่หวังไว้มากเลยละครับ....

          เทมดีใจสุดๆ ยิ้มหวานจ๋อย เข้ามาคลอเคลีย อารมณ์ดีจับจูงมือผมไปโอ้อวดทุกคน ท่าทางยิ้มแป้นหน้าตาชื่นบานแสนน่าเอ็นดู  เล่นเอาความโมโห หงุดหงิด งุ่นง่านที่แพ้หายเกลี้ยง ยิ่งได้อ้อมกอดอุ่นพร้อมคำว่าขอบคุณครับข้างหูก็ลืมเลือนทุกสิ่ง

          ลืมกระทั่งวันเกิดตัวเอง

          ในเช้าวันสุดท้ายของสัปดาห์แสนวุ่น ผมถึงได้ทำหน้างงเมื่อเจอครอบครัวตัวเองแบบพร้อมหน้าพร้อมตา คุณป๊าอ้าแขนโชว์เค้ก คุณหม่าม้าถือประทัดรอ พี่น้องทั้งสี่ พร้อมด้วยคุณแม่ของเทม ในมือถือของขวัญยื่นส่งให้ตรงหน้าลิฟต์

         "เซอร์ไพรสสสสสสสสสสสสสสสสสส์!!! แฮปปี้เบิร์ธเดย์!! สุขสันต์วันเกิดอายุสิบหกนะหมูหย็อง!!"


          ประสานเสียงก่อนเงียบกริบ เมื่อเจ้าของวันเกิดเดินหน้านิ่งออกมา

          "อา...ว้าว...ตกใจจังเลยครับ ขอบคุณทุกคนมากนะครับ" พูดด้วยเสียงโมโนโทน

          หย็องหย็องกลอกตาเบะปาก "โอ้โหเฮีย...ว้าวได้หน้าโคตรนิ่งอะ...ปลอมเปลือกมาก"

          "คุณหญิงแม่บอกแล้วไงคะ ให้ไปเรียนทักษะการแสดงเพิ่ม! โอ้ยยยยยย นี่หม่าม้าอุตส่าห์บินข้ามทวีปภายในหนึ่งคืนเพื่อมาหาเลยนะคะ แล้วมาเจอหน้าปลาตายแบบนี้ ...ลำใย! จองตั๋วไปมัลดีฟส์แก้เซ็งให้ฉันที!"

          เหลือบตามองพี่ชายคนโตที่หน้างอ ขว้างค้อนมาให้ไม่หยุด

          "ก็คุณหลวงบอกจำปาเองนี่คะ! ว่าไม่เอาอะไรอันตราย แล้วมันจะเหลืออะไรให้เล่นกัน!?"

          ก็ไม่นึกว่าจะจืดชืดขนาดนี้...

          เช้านั้นเราจบลงง่ายๆ จนน่าเหลือเชื่อ ผมเป่าเค้ก จับมือเทมที่ดูกระสับกระส่าย สงสัยคงเพราะตื่นเต้นเกินไป เราทานอาหารด้วยกัน ทุกคนเข้ามาอวยพรและมอบของขวัญให้ผม ทว่าประสบการณ์หลายปีทำให้ผมระแวดระวัง ยังคงแอบชำเลืองมองรอบตัวบ่อยครั้ง คิดว่าทานไปสักพักอาจจะมีคนแต่งตัวด้วยชุดซุมบ้า หรือนักมายากลออกมาเต้นบนโต๊ะอาหารก็ได้ แต่ปรากฏว่าก็ไม่มี
         
          นี่มัน...น่าเหลือเชื่อมากๆ ครับ...

           ถ้าค้นพบว่าแท้จริงแล้ว โลกเราไดโนเสาร์ยังไม่สูญพันธุ์ ดูยังทำใจเชื่อง่ายกว่าการที่ครอบครัวผมจะทำอะไรพื้นๆ ดูปกติสามัญแบบนี้เสียอีก...

          ทุกคนเดินออกมาส่งพวกผมขึ้นรถไปโรงเรียน

          "น้องหมูหย็องครับ น้องเทมครับ คืนนี้จะอยู่ฉลองถึงเย็นกับทางโรงเรียนใช่ไหมครับ แล้วจะกลับบ้านกันกี่โมงคะ คุณแม่จะได้มาช่วยเตรียมเลี้ยงตอนกลางคืนถูก"

          "หมูๆ เจ้ต้องกลับไปโรงเรียนอ่ะ อยู่ถึงงานเลี้ยงตอนกลางคืนไม่ได้นะ โทษที"

          "ว๊าย ลูกคนใช้มาพูดขัดจำปาได้ยังไงกันคะ จำปาก็จะบอกคุณหลวงทั้งสองคนเหมือนกัน คืนนี้จำปามีธุระเร่งด่วน อยู่ฉลองตอนเย็นไม่ได้นะคะ แต่ไม่ต้องกลัวเปล่าเปลี่ยวไป เดี๋ยวจำปาจะส่งสแตนดี้เท่าตัวจริงมาให้ทดแทน อิอิ"

          "อืม...เฮียต้องไปช่วยรุ่นพี่เข้าวอร์ดด้วยเหมือนกัน"

          "เอ่อ หย็อง...หย็องต้องไม่ว่างด้วยไหมอะ?"

          หรี่ตามองทุกคนที่จู่ๆ ก็ร่วมใจกันไม่ว่าง กับเฮียเนื้อหย็องนี่พอเข้าใจได้ครับ แต่สายปาร์ตี้ตัวยงอีกสามคนนี่เกินจะเชื่อจริงๆ กระทั่งคุณป๊าที่รู้ว่าผมจะไม่ได้ฉลองด้วยเต็มวัน ยังยืนนิ่งยิ้มเฉย ...ไม่ใช่แล้วครับ นี่มันมีอะไรแน่ๆ แอบมองคนข้างกายยิ่งอาการหนักกว่าใครเพื่อน เทมเล่นไม่มองหน้าผมตั้งแต่ออกจากลิฟต์เลยทีเดียว


          เฮ้อ...แต่ก็เล่นตามน้ำไปก่อนก็แล้วกันครับ คงไม่แคล้วอยากให้ตกใจเหมือนทุกปี กลับบ้านมาเจอคนเยอะแยะ งานเลี้ยงยิ่งใหญ่ เจอช้างวาดรูป เจอสิงโตเดินสองข้าง ไม่ก็อาจจะเจอคนพ่นไฟ ไม่แน่คัลนิวาลแปลกๆ อาจจะมีโชว์มังกรปลอมก็ได้ ใครจะรู้ ผมตามรสนิยมสุดโต่งของพ่อแม่ตัวเองไม่ทันหรอกครับ อืม...หรืออาจจะเจอนายแบบนางแบบระดับโลกแบบสามปีก่อนก็ได้ หรือจะคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลกคนนั้นก็ไม่เลวเลยทีเดียว

          "คงกลับมาประมาณหกโมงเย็นครับ"

          หลังจากตอบก็ไร้การเหนี่ยวรั้ง ว้าว...แปลกดีจริงๆ...

          งานเลี้ยงปิดสัปดาห์อันเหนื่อยหนัก เป็นไปด้วยความครื้นเครงจนถึงเย็น นอกจากผู้คนเข้ามาเอ่ยแสดงความยินดีที่กวาดเหรียญทองด้วยตัวคนเดียวมากจนเป็นประวัติการณ์แล้ว ก็มีคนรู้จักเข้ามามอบของขวัญ พร้อมอวยพรวันเกิดให้อีกหลายคน และยิ่งเย็นคนก็ยิ่งคึก ขนาดเต้ที่เสียใจเพราะชวดที่หนึ่งยังเริ่มปลดปล่อย ด้วยการวิ่งไปเต้นกลางเวที พร้อมเริ่มถอดเสื้อผ้าเหวี่ยงไปมา ...ขอยืนยันไว้ตรงนี้เลยนะครับ งานเลี้ยงนี้ไม่มีเหล้า ไม่มียาอี ยาม้า หรือกัญชาใดๆ ทั้งสิ้น ความบ้าส่วนบุคคลล้วนๆ...

          ชั่วขณะที่ผมหันไปมองเพื่อนตัวเองด้วยสายตาเฉยชา หันมาตอบรับคำอวยพรและของขวัญจากรุ่นพี่ คนข้างกายก็หายไป

          "น้ำ เทมไปไหน" เอ่ยถามเพื่อนอีกคนที่ขำก๊ากคู่แฝด กำลังโดนอาจารย์เอาไม้ไล่ตีให้ลงจากเวที

          น้ำหันมองรอบตัวแล้วเบิกตากว้าง "เฮ้ย เมื่อกี้มันก็อยู่ตรงนี้ไม่ใช่เหรอวะ กูยังเพิ่มเติมน้ำส้มให้มันเอง"

          คิ้วขมวดเป็นปมแน่น

          "กูจะไปหาเทม"

          "เฮ้ย! กูไปด้วย เดี๋ยวกูช่วยหาด้านโรงอาหาร มึงไปดูห้องน้ำแล้วกัน เผื่อมันไปห้องน้ำ"

          เด็กน้อยของผมจะไปไหนเขาบอกก่อนเสมอ การหายไปเฉยๆ ทำเอาร้อนรน สติแทบขาดกระเจิง สองขาวิ่งอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปทางห้องน้ำ

          "เทมครับ! เทมอยู่หรือเปล่าครับ!?" เมื่อเรียกร้องหาแล้วไร้เสียงผู้ใดตอบกลับ ใจยิ่งว้าวุ่น ผมยืนนิ่ง เมื่อคิดขึ้นได้ว่าในนาฬิกามีที่เทมสวมมี GPS ติดอยู่ รีบยกข้อมือขึ้นดู

          ความพะวงรวมไปอยู่จุดเดียว จนเผลอปล่อยช่องว่างให้คนเข้ามาประชิด

          "อย่าขยับ! ตามพวกกูมาซะดีๆ!" เสียงคุ้นหู ทว่าไม่ทันคิดว่าคือใคร ผู้ชายสามคนในเสื้อสีดำพร้อมไอ้โม่งปิดหน้าปิดตา เข้ามารุมล้อมผมเอาไว้

          เทมหายไปก็ร้อนใจจะตายอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอพวกเวรนี้อีก ผมปล่อยหมัดไปที่คนตัวใหญ่ที่สุด ก่อนกระทืบเท้าคนตัวเล็กที่โอบเอวตัวเองเอาไว้ พอมันปล่อยก็เอี้ยวตัวถีบซ้ำที่ท้องจนกระเด็น เสียงชายน่าสงสัยแหกปากร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อสองคนผงะถอยหลัง ผมก็ถีบตัวเข้าประชิดไอ้โม่งคนที่เหลือที่ผวาตกใจ คว้าคอเสื้อเตรียมซัดหมัดใส่คนสุดท้ายให้จบเกม

          "เฮ้ยยยยยยยยยยยย เดี๋ยวก่อนนนนน ประธ๊านนนนน อย่าชกๆๆๆๆ กูเองๆๆๆ!" ชายในหมวกไอ้โม่งยกมือยอมแพ้ รีบดึงหมวกถอดออก เผยใบหน้าคนรู้จักแสนคุ้นเคย

          ค้างหมัดไว้หนึ่งคืบก่อนถึงสันจมูกโด่ง "อเล็กซ์?"

          ผมสบถ "เล่นห่าอะไรกัน! เทมอยู่ไหน!?"

          "แค่ก แค่ก ใจเย็นก่อนเว้ย" ชายน่าสงสัยอีกสองคนถอดตาม

          มันคือไอ้คนที่เกือบโป๊บนเวที และ...น้องชายของผมเอง?

          "หย็องหย็อง? เต้?"

          "เฮียแม่งกะเล่นถึงตายเลยหรือไง ถีบมาได้ เต็มๆ ท้องเลย! เครื่องในน้องยังอยู่ดีไหมวะเนี่ย"

          "เทมอยู่ไหน" เมื่อรู้ว่าเป็นการเล่นของพวกมัน ก็หายใจเข้าปอดอย่างโล่งอก

          "อยากเจอเทม ก็ตามพวกกูมาดิ ...โอ้ย...ปากกูแตกอะ แสบปากชิบหายเลย" เต้ว่าพลางเดินนำหน้า พร้อมยกมือกุมปาก บ่นงุ้งงิ้งกับน้องชายผมสองคน มีอเล็กซ์เดินตัวลีบตามหลัง

          "โธ่ เฮียเต้ยังดี หย็องนี่ดิ โดนเฮียหมูถีบเข้าเต็มรัก นึกว่าไส้จะพุ่งออกปากซะแล้ว"

          "ประธานแม่งโคตรโหด ถ้ากูห้ามไม่ทัน มีหวังฟันหลุดแหงๆ"

          ผมไม่ใส่ใจฟังคนร้ายทั้งสามบ่น ทำตัวเองทั้งนั้นเลยนี่ครับ เพราะหลังจากถามได้ความ เห็นว่าเทมให้มาตามผมไปหา พอจี้ถามว่าเทมบอกให้มาในสภาพโจรห้าร้อยแบบนี้หรือ ก็เลิกลั่กหลบตา ตอบอ้อมแอ้มว่าเปล่า แต่ลืมชุดไว้ที่ไหนไม่รู้ เลยไปขอยืมโม่งลุงภารโรงมาใส่แทน...ขอย้ำนะครับ ว่าที่นี่ไม่มีเล่นยา โง่ บ้าเองล้วนๆ ไม่มีอะไรผสม

          สองข้างทางที่ทั้งสามพาผมมา ทั้งดูแปลกตาและคุ้นเคยในคราเดียวกัน บันไดทางขึ้นตึกเรียนในยามค่ำคืน ดูวังเวงและเงียบสงบ มีเพียงเสียงฝีเท้าของพวกเราสี่คนดังแว่วก้องไปมา พอถึงชั้นสี่ก็เริ่มเห็นไฟตกแต่งประดับประดาตามข้างทาง หลอดไฟสวยฉายแสงนำทางไปถึงบนชั้นดาดฟ้า

          แอ๊ด

          เต้เปิดประตูออก แล้วผายมือให้ผมเดินเข้าไปก่อน

          "เชิญครับคุณดิมิทรี...แล้วมึงจะอึ้ง"

          "ฮิฮิ"

          "เทม?"

          "เออออออ มึงรีบๆ เดินเข้าไปเถอะน่า เทมก็อยู่ในนั้นแหละ"

          ทั้งสามคนดุนหลังผมให้เดินเข้าไปสักที หลังจากถามย้ำจนแน่ใจว่าเทมอยู่ที่จริงหรือไม่ จะให้ทำไงล่ะครับ ก็ผมเป็นห่วงเทมนี่น่า ถ้าเกิดเทมไม่อยู่ละ ถ้าตอนนี้เขาหลงทางหรือหายไปไหน ผมไม่สนใจเซอร์ไพรส์วันเกิดตัวเอง มากกว่าความปลอดภัยของเขาหรอกนะครับ

          เมื่อก้าวเท้าเข้าไป วินาทีแรกที่เห็นคือความมืดมิด สีดำถูกทาทับ ปกคลุมทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งร่างกายตัวเอง มองไม่เห็นสิ่งใด ก่อนทุกอย่างจะสว่างวาบ ตามมาด้วยเสียงร้องเพลงวันเกิด ประสานเสียงของคนหลายสิบคน ผมตาพร่าอยู่หลายวิ ถึงจะลืมตาและปรับโฟกัสการมองเห็นได้ ทั้งเพื่อน คนในสภา รุ่นพี่ คู่แข่ง รุ่นน้อง อีกมากมาย กำลังยืนล้อมกันเป็นวงใหญ่ ตรงกลางมีเค้กก้อนมหึมาขนาดที่สูงท่วมหัวผมไปอีกหลายเซ็นติเมตร

          "แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู ~ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู ~ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ~ แฮปปี้เบิร์ธเดย์...ทูยู...สุขสันต์วันเกิดนะหมูหย็อง!!"

          ผมตกใจไม่น้อย และเมื่อทุกคนเห็นเป้าหมายตกใจ ก็หัวเราะเสียงดัง พวกเขาเข้ามาล้อมผมเอาไว้ ก่อนจะช่วยกัน เข็นเค้กสีขาวก้อนยักษ์บนรถเข็นเข้ามาใกล้

          "เป่าเค้กเลย!"

          "เป่าเลย เป่าเลย เป่าเลย!"

          "ขอให้มีความสุขนะคะท่านประธาน"

          "ขอบคุณนะเว้ย ที่ให้ไปซ้อมที่บ้าน นี่ของขวัญ"

          "เอ้า นี่ก็ของขวัญ!"

          "พี่หมูคะ ช่วยรับของขวัญจากพวกเราชมรมรักเทมหมูด้วยนะคะ"

          เสียงเคาะไมค์ทำให้การจลาจลมอบของขวัญหยุดลง

          "อะแฮ่ม ทุกคนคะ เรื่องของขวัญกับเค้ก ไว้ค่อยทำหลังคนสำคัญของเจ้าของงานวันเกิด 'เซอร์ไพรส์' ให้เสร็จลุล่วงดีไหมคะ? ไม่งั้นเดี๋ยวท่านประธานจะอารมณ์ไม่ดี เพราะหาเทมไม่เจอ แล้วอาละวาดพังเค้กของพวกเราเอาได้นา ดูสิ ขนาดคนไปรับยังหน้าเขียวกลับมาเลย"

          มุกตลกร้ายของเปีย เล่นเอาคนฮาครืน หญิงสาวอีกคนก้าวเข้ามา "สุขสันต์วันเกิดนะหมู นี่เป็นของขวัญของพวกเรา แล้วก็นี่...ของขวัญจากคนพิเศษของนาย"

          เปียกับหญิงผายมือไปทางด้านหลัง ฉับพลัน ความมืดถูกแสงสว่างไล่ออกไป เผยภาพเวทีเล็กๆ ที่บนนั้นมีพี่ชายของผมถือกีตาร์ เสาร์นั่งอยู่บนเปียโน และคนอีกมายมายที่ถือเครื่องดนตรีหลากชนิด แต่สิ่งที่จับตาผมไว้ ก็คือคนสำคัญของผมที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด เขาถือไมค์แล้วส่งยิ้มมาให้

          เราสบตากัน ช่วงเวลานั้นเหมือนคนรอบข้างหายไป มีเพียงแค่ผมและเขา ยืนอยู่บนดาดฟ้าที่ตกแต่งไว้ได้สวยราวฉากในภาพยนตร์ดีๆ สักเรื่อง ห้วงอากาศถูกดูดออกไปจนรู้สึกแน่นและอึดอัดในอก หัวใจเต้นแรง แม้ไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร แต่เพียงอัญมณีสีน้ำตาลสะท้อนแสงไฟ ปรากฏภาพใบหน้าของผมในดวงตาฉ่ำหวาน ดวงตาคู่นั้นมองตรงมา มองแค่เพียงผม ราวกับกำลังบอกรักผมต่อหน้าคนนับร้อยบนนี้

          "ส-ส-สุขสันต์วันเกิดนะครับหมูหย็อง" เสียงเทมติดประหม่า เขาสูดหายใจเข้าลึก "ตอนนี้พี่เทม พี่เทม ไม่ได้เป็นพี่เทมของน้องหมูหย็องแล้วนะครับ ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกัน...เทม เทมเป็นแค่เทมเพื่อนสนิทของหมูหย็อง ...แต่ไม่ว่ายังไงเทมก็เป็นของน้องหมูหย็องนะครับ"

          เสียงแซวดังก้อง แต่ก็ไม่ก้องเท่าเสียงหัวใจอันอื้ออึงในอกของผมแน่นอน เทมกลั้นยิ้มจนแก้มแดง เขาดูขวยเขินเกินกว่าจะมองผมได้อีกต่อไป ร่างสูงก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนฮึดสู้ เงยขึ้นมาสบตาผมใหม่ มือเรียวละออกจากไมค์ เอานิ้วชี้ประกบกับนิ้วโป้ง "เมื่อกี้...เมื่อกี้เทมจีบหมูหย็องนะครับ"

          เขาเงียบไปหนึ่งอึดใจก่อนจะพูดต่อ "แล้วตอนนี้...ตอนนี้...เทมก็กำลังจะบอกรัก"

          ผมอ้าปากค้าง ไร้สติโดยสิ้นเชิง เด็กชายน้อยหันไปพยักหน้ากับเฮียปลา ก่อนเสียงเพลงจะเริ่มบรรเลงขึ้น สิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากที่สุดคือเทม...เทมกำลังร้องเพลง

          นางฟ้าตรงหน้าเป็นเหมือนเกมที่คาดเดาไม่ได้ เป็นสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยปริศนา เขาไม่ใช่โจทย์คณิตศาสตร์ หรือสูตรเคมีที่แค่ดีดลูกคิด กดเครื่องคิดเลข ทำการทดลองแล้วจะเดาทางออกทั้งหมด ไม่ใช่อะไรที่ตายตัว ในบรรยากาศดีๆ เด็กน้อยของผมอาจจะพังมันครืนลงในพริบตา ด้วยการงอแงอยากทานขนมหวาน หรือไปดูการ์ตูน แต่ความกะทันหันและคาดเดาไม่ได้ของเขาก็ทำเอาผมเสพติด อย่างเช่นในระหว่างพาไปเข้าห้องน้ำตอนกลางดึก เขาที่จู่ๆ ก็หันมาหอมแก้มแล้วชมผมว่าน่ารักจัง หรือแม้กระทั่งตอนนี้...


          เด็กชายที่แค่ไปร้องคาราโอเกะด้วยกัน ยังต้องเข้ามาซุกหลบกับอกผม เด็กชายที่เกลียดการร้องเพลงเพราะว่ามันไปตอกย้ำถึงความไม่ปกติของตัวเอง เด็กชายผู้พูดจาเชื่องช้ากว่าคนอื่น เด็กชายผู้แม้แต่จะเรียบเรียงบทสนทนาให้ต่อเนื่องยังยากยิ่ง

          ...เขากำลังร้องเพลง...

          ไม่รู้ว่าต้องฝึกเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าต้องพยายามมากมายเท่าใด และต้องใช้ความกล้าขนาดไหน ถึงได้สามารถออกมายืนตรงนั้นได้ ต่อหน้าผู้คนเยอะแยะที่เขาหวาดกลัว

           เด็กชายผู้นั้น ผู้รักผมมากกว่าความไม่ชอบ และรักผมมากเกินกว่าขีดจำใดๆ ของตัวเอง เขากำลังร้องเพลงขอความรัก...จากผม

          เสียงเขาไม่ได้ไพเราะเหนือใคร ไม่มีเทคนิคดีเด่นจนน่าเอ่ยยกยอ บางคำ บางช่วงยังติดขัดไปหมด ลืมเนื้อร้องบาง ร้องคร่อมจังหวะบ้าง แต่มันล้วนจับใจเสียเหลือเกิน ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ผมเริ่มร้องไห้ และไม่รู้ว่าตอนไหนที่เทมเข้ามาใกล้ขนาดนี้

          เพลงที่เขาเลือกมาร้อง ช่างสมกับเป็นเด็กพิเศษผู้มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก เขาคัดเลือกแค่เพียงบางช่วงของทั้งหมดของเนื้อทำนอง ร้องเฉพาะบางท่อน จับหลายสิบเพลงมารังสรรค์ขับร้อง สร้างเป็นเนื้อเพลงที่ตัวเองต้องการจะสื่อถึงอีกคนโดยเฉพาะ อย่างเช่นเพลงที่เทมเพิ่งร้องจบไป คือเพลง The Luckiest ของ Ben Folds เพลงที่เขาเฝ้าพรรนาว่าตัวเองโชคดีขนาดไหน เป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก และรักผมมากเกินกว่าจะเฟ้นหาวิธีเอื้อนเอ่ยบอกได้หมด ก่อนจะกระโดดข้ามไปที่เพลง All of me เพื่อบอกกับผมว่าเขารักทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกอย่างของเขาเป็นของผม และทุกอย่างของผมก็เป็นของเขา

          ผมเม้มปาก ปล่อยหยาดน้ำตาแห่งความตื้นตันและดีใจให้ไหลเงียบเชียบ ไม่ก่อกวนเด็กชายผู้ตั้งใจสารภาพรัก นิ้วมืออุ่นร้อนลูบเช็ดความเปียกชื้นออกให้ แต่มันกลับน่าตลก เพราะคุณนักร้องดันร้องไห้แทนเสียนี่ และเริ่มสะอื้นหนักขึ้น เพลงสุดท้ายที่เขาร้องให้ฟัง จึงตะกุกตะกักและขาดห้วง

          ถึงท่อนสุดท้าย เทมปุระคุกเข่าลง ส่งมือมาให้ผมจับ เงยหน้ามองด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ แก้มขาวกลายเป็นสีชาด เสียงเอ่ยขอทั้งกล้าและขลาดกลัวไปพร้อมๆ กัน

          "take my hand, take my whole life too ...รับมือผมไว้ แล้วช่วยรับทั้งหมดของชีวิตผมด้วยได้ไหมครับ หมูหย็องครับ หมูหย็อง...เป็นแฟนเทมนะครับ?"

          Can't help falling in love ของ Elvis Presley จบลงด้วยประโยคที่ผมเฝ้ารอมาทั้งชีวิต

          หลายปีที่แอบรักข้างเดียว ในวันนี้คนที่แอบรักมาตลอดกำลังคุกเข่าต่อหน้า ความสุขล้นทะลักไปทั้งหัวใจ ผมพยักหน้าขึ้นลงซ้ำๆ หลายสิบครั้ง จับมือนั้นไว้แน่น ไม่มีทางปล่อยออก แล้วดึงเขามากอดรัด ซบศีรษะกับลาดไหล่ที่กำลังสั่นเทิ้มไม่แพ้กัน "เป็นครับ เป็นครับ... ให้หมูเป็นแฟนเทมนะครับ...ฮึก...ขอบคุณนะครับ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ"



          กอดกันเนิ่นนานราวกาลเวลาหยุดหมุน ซึมซับไออุ่นของอีกฝ่าย สะอื้นไห้ในอ้อมอกของกันและกัน เหมือนเรื่องราวจะจบลงที่ตรงนั้น แต่ก็ไม่...

          เสียงกรี๊ดและกรีดร้องดังกระหึ่ม

          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!"

          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กูตาย! กูตายค่ะจังหวะนี้! แม่ขาช่วยลูกด้วย!"

          "โอ้ยยยยยยยยย เหม็นความรักแต่ก็ยินดีด้วยโว้ยยย!"

          "ในที่สุด สักทีเถอะ!"

          "ยินดีด้วยค่าาาาาาาาา"

          "มึงงงงงงง กูนิพพาน เทมหมูอิสเรียลลลลลลลลล"

          ผมกับเทมผงะออกจากกันเล็กน้อย ดันเผลอลืมไปเสียสนิทว่าอยู่ต่อหน้าคนเกือบร้อย ในมุมมืดยังมีเรื่องน่าตกใจยิ่งกว่า เมื่อครอบครัวผมเดินออกมาพร้อมทีมงานช่างกล้อง แม้แต่คุณป้ายังเดินยิ้มหวานพร้อมกล้องวิดีโอตัวเล็กในมือ

          ครวญในลำคอ จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายต่อลงกลายเป็นภาพสมบูรณ์

          ที่เฮียปลาหย็องไปๆ มาๆ ที่โรงเรียนผมก็เพื่อมาฝึกให้เทมร้องเพลงสินะ กับเสาร์ที่สนิทกันมากขึ้นก็เพราะเป็นนักเปียโน พฤติกรรมหลายอย่างคลี่คลายออก ราวม่านหมอกสลาย เผยภาพพระอาทิตย์สดใสและคำเฉลยที่เคยนึกแคลงใจ

          "จำปาอิจฉาแรง จำปาเข้าไปขัดขวางดีไหมคะหม่อมแม่!"

          "ไม่กลัวโดนถีบ ก็เอาเลยลูกจ๋า"

          "เอาจริง นี่ไก่นึกว่าคบกันนานแล้วนะเนี่ย..."

          "ป๊าไม่อยากให้เทมเทมมีแฟนเลย ถึงแฟนของเทมเทมจะเป็นลูกชายป๊าเองก็เถอะ ฮืออออ"

          คนถูกเอ่ยถึง ยังมุดหน้ากับไหล่ผมแน่น พอหมดความกล้า กระต่ายน้อยก็ขลาดเขินเกินกว่าจะสู้หน้าผู้คน

          เฮียปลาหย็องเดินมาตบบ่าผมเบาๆ "ยินดีด้วยนะน้องชาย ในที่สุดก็ได้เป็นแฟนกันจริงๆ สักที ปล่อยให้พวกเราลุ้นกันตั้งนาน" พอพูดเสร็จ เฮียก็ปล่อยมือออก พร้อมแย่งไมค์จากมือเทมไปถือไว้เอง

          "เอาละค่ะสาวๆ ไม่ต้องร้องไห้ไปนะคะ จำปายังว่าง ปล่อยน้องชายของพี่ไป ทีนี้เราก็มาเริ่มปาร์ตี้ของจริงกันสักที...ใครโสดขอให้ยกมือขึ้น!!!!"

          "กรี๊ดดดดดดดดดด ไม่ได้น้อง ขอคุณพี่ก็ได้ค่าาาาาาา"


          ผมคงยกไม่ได้แล้วละครับ ก็ในเมื่อผมไม่โสดแล้วนี่น่า...

          ลอบมองแก้มนุ่มนิ่มขึ้นสีแดงแล้วก็อมยิ้ม ท่ามกลางคอนเสิร์ตที่เฮียปลาเล่นใหญ่โยกหัวแทบหลุด ผมเชยคางแฟนหมาดๆ ของตัวเองขึ้นมาสบตา

          ริมฝีปากบดเบียด ส่งผ่านอุ่นไอความรักให้แก่กัน จูบแรกของเรา เกิดอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย และมีเพลงประกอบอันแสนร็อคหลุดโลกเป็นฉากหลัง


          ...ในงานฉลองวันเกิดอายุ 16 ในที่สุดความรักข้างเดียวของผมก็สมหวังแล้วครับ...



         

  end 47 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

Merry X'mas นะคะทุกคน
ฮืออออออออ ในที่สุดก็มาถึงวันนี้! /เช็ดน้ำตา
 :heaven :heaven :heaven



 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-12-2018 18:58:34 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ Mizunoe

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พ. พูดอะไรไม่ได้แล้วนอกจาก

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter






48







          ในหน้าหนังสือประวัติศาสตร์ ผมเคยอ่านเจอทั้งวีรบุรุษชื่อก้อง กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มหาตำนานผู้มากความสามารถ ทว่า ไม่ว่าจะมีอำนาจหรือฉลาดมาแต่ไร พวกเขากลับล้วนพ่ายให้กับคำสั้นๆ อย่างคำว่ารัก ยามเยาว์ผมกางหนังสือเล่มโตยกยิ้มกับประวัติศาสตร์โชกเลือด แล้วได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นถึงฉากน้ำเน่าเบื้องหลังของพวกเขา นึกสงสัยนักกับไอ้คำว่ารักนี่มันวิเศษวิโสอย่างไร ทำไมอัศวินที่ผมเอาใจช่วยถึงได้ยอมยกธงขาว ทั้งๆ ที่เขาเป็นอัศวินไร้หัวใจ ผู้นำกองทัพเข่นฆ่าผู้คนนับแสน สีแดงฉานของหยาดโลหิตศัตรู ย้อมอาชาสีขาวปรอดจนมืดมิด เขาพรากชีวิตผู้คนด้วยใบหน้านิ่งเรียบ อัศวินผู้ภักดีต่อประเทศชาติและยอมคุกเข่าแต่เพียงกษัตริย์ของตน กลับกลายเป็นไอ้ผู้ชายโง่เง่า ยอมเอาหัวโขกพื้นเจ็ดวันเจ็ดคืน เพียงเพราะอยากรั้งหญิงอันเป็นที่รักไม่ให้บอกลาจาก เด็กชายห้าขวบในตอนนั้นได้แต่ค่อนขอดในใจ แกมันอัศวินงี่เง่า ไร้น้ำยาและไร้ศักดิ์ศรี

         ...จนมาเจอเองถึงได้รู้...

          เวลามีความรัก คนเราจะเพี้ยนได้เกินคาด ต่อหน้าความรักที่สวมมงกุฎกษัตริย์ บนบ่าติดเหรียญตราผู้นำสูงสุด เราก็เป็นเพียงคนโง่งม ยอมทำทุกอย่าง เพียงเพื่อให้ได้ถลำลึกมากยิ่งขึ้นไปอีก...

          แน่นอนครับ ขนาดผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยก่อนยังแพ้ ผมที่เป็นแค่เด็กชาย จะไปต่อกรได้ยังไงกัน? ยิ่งเมื่อรักข้างเดียวที่แอบซ่อนไว้มาหลายปี ได้รับการตอบรับ ผมงุ่นง่านไม่เป็นตัวของตัวเองยิ่งกว่าที่เคย รู้สึกอยากเกาะอีกฝ่ายหนึบเป็นกาวเหนียวหนืดไม่ปล่อยไปไหน อยากนอนเป็นขอนไม้โง่ๆ ให้เขากอดก่ายไม่สนใจอะไร แต่โชคร้ายที่ตอนนี้ไม่ใช่ปิดเทอม โชคร้ายที่วันที่เราเป็นแฟนกันคือวันอาทิตย์ พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าและโผล่พ้นขึ้นมาใหม่ มันคือวันจันทร์ ...วันที่ต้องไปโรงเรียน และเราจูบกันที่โรงเรียนไม่ได้ เพราะนับจากนี้ไปอีกสักครึ่งเดือน พวกนั้นคงตามติดเป็นเงา คอยตามแซว คอยเป็น กขค ไปถึง ฬอฮ ขัดขวางไม่ให้ผมได้ 'อะไร อะไร' กับแฟนหมาดๆ อย่างแน่นอน

          แต่ติ่งเนื้อนุ่มหยุ่นในปาก ก็ร้ายกาจยิ่งกว่าซาตานในคราบของงูในสวนเอเดน หลอกล่อยิ่งกว่า เย้ายวนยิ่งกว่า จูบกับเทมเป็นอะไรที่ดีมาก...มาก มากเสียจน...แย่ แย่มากๆ เพราะผมเอาแต่วนเวียนคลอเคลียอ้อนขอจากเขาร่ำไป เด็กน้อยไม่เป็นอันทำอะไรเพราะถูกผมยึดตัว ยึดริมฝีปาก และขโมยห้วงลมหายใจตลอดเวลา จะให้พรากจากไปตอนนี้ ผมขาดใจตายแน่ๆ

          ความยับยั้งชั่งใจดูเลือนลางยิ่งกว่าหมึกหนึ่งหยด ที่หวังย้อมสีทั่วมหาสมุทร

          ช่างหัวพระอาทิตย์และแสงแดด ช่างหัววันจันทร์ ช่างหัวต้องไปโรงเรียน วันแรกของการมีแฟนคือการทำตัวเถลไถล เช่นการโดดเรียน ฟังดูเป็นเด็กใจแตก ก็...ใช่ ผมกำลังใจแตก และไม่ใช่ใจแตกธรรมดา กำลังใจแตกแบบสุดๆ เพราะไม่ใช่แค่โรงเรียนที่โดนผมเมินเฉย ทั้งการฝึกฝน งานจากคุณยายและทุกอย่าง ถูกผมคนบ้างานปล่อยทิ้งทั้งหมดอย่างไม่ไยดี ใช้สิทธิ์พิเศษของประธานนักเรียนและหลานของเจ้าของบริษัทอย่างเต็มที่ เพื่อกกกอดกับเขาทั้งวันทั้งคืน

          คนป่วยแต่ในนามบนใบลาหยุดเรียนเงยหน้ามองผม มองทั้งๆ ที่แขนยังกอดก่ายช่วงเอวสอบเปลือยเปล่า ริมฝีปากยังดึงดูดอยู่กับยอดอกบวมเป่งเคลือบน้ำลายใส ผมก้มหน้ามองคนในอ้อมแขน ยิ้มมุมปากเป็นเชิงถามคุณชายน้อยว่าต้องการอะไร ก่อนจะเข้าใจสายตาออดอ้อนเชื่อมหวาน และฟันที่ขบบนติ่งไตแข็งเรียกเสียงร้องน่าอาย พยักหน้า รอเขาผละออก แต่เหมือนเด็กชายยังอาลัยขนมหวานในปาก จนต้องลากลิ้นขึ้นลง ใช้ลิ้นร้อนโบกมือบ๊ายบายเพื่อบอกลาชั่วคราวกับหัวนมของผม โบกมือบ๊ายบายกันเสร็จ ในที่สุดองค์ชายก็เคลื่อนตัวขึ้นมาเคาะประตูด้วยปากของเจ้าตัว เขาเคาะหลายครั้งหลายหน แต่หน้าตามัวเมาของอีกฝ่าย ก็ทำเอาเจ้าของบ้านอยากแกล้ง ผมเม้มปากไว้แน่น คุณชายน้อยขัดอกขัดใจครางฮือประท้วง และกดจูบลงมาอีกยกใหญ่ ผมถึงได้หัวเราะพอใจ ประตูแดงช้ำเปิดอ้าออกรับแขกอาคันตุกะคนคุ้นเคย เรียวลิ้นผู้มาเยือนตวัดทักทายอย่างมีมารยาท ก่อนคุณชายอุ่นร้อนจะเริ่มกลายเป็นแขกผู้กักขฬะ ตักตวงจาบจ้วงไม่รู้จักพอ พอกันกับเจ้าบ้านที่ถอดหนังแกะแล้วกระโจนเข้าใส่ตะลุมบอน เทมงับลิ้นผมไว้ ก่อนจะไล่เลียไปทั่วแนวฟัน เสียงดูดดึงพร้อมสะโพกที่ถูไถกันดังสวบสาบฟังดูลามกสิ้นดี

          ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่อยากให้นานกว่านี้... ตั้งแต่ผมสอนให้เทมหายใจทางจมูกเวลาเราร่วมรักด้วยริมฝีปาก เขาก็ยิ่งใช้เวลามากขึ้นและมากขึ้นในการจูบแต่ละครั้ง จนผมคิดว่าสักวันเราคงได้สถิติโลก

          "ฮ้า...เทม เทมหมดแรงแล้วครับ" คนหมดแรงก่อนเอ่ยยอมแพ้ เขาแลบลิ้นเลียน้ำใสที่เปื้อนรอบริมฝีปากผมออกให้ ก่อนจะแลบลิ้นเช็ดปากให้ตัวเอง อีกฝ่ายคงไม่ตั้งใจ แต่นั่นมันยั่วผมเข้าไปเต็มๆ ผมรั้งคอเด็กชายที่บอกว่าไม่ไหว ให้ก้มลงมาอีกครั้ง แล้วก็...ครับ...จูบมาราธอนของเราก็เริ่มอีกหน

          ผมรุกใส่จนเทมแทบจะต้องร้องขอชีวิต

          สิ่งเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันหลังเราเป็นแฟนกัน คือผมรู้สึกเป็นเจ้าของเทมเต็มขั้น ความอดทนไม่จับเขาโยนขึ้นเตียงแล้วขึ้นคร่อมหายไป เคยคิดไว้เหมือนกัน ว่าเมื่อยามเราเป็นคนรักกัน ผมจะค่อยๆ สอนเขา เราจะค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป แต่ไอ้ภาพจับมือมุ้งมิ้งกระเด็นหายไปในทันที หลังได้จูบเขาจริงจังบนหลังรถ จากจูบแรกหวานแหววบนดาดฟ้าแปรเป็นจูบกระชากวิญญาณ ผมดูถูกด้านมืดที่ถูกกดไว้ยาวนานหลายปี และวัยคึกคะนองแสนสุขภาพดีมากเกินไปหน่อย... อีกอย่างหลังจากเป็นแฟนกัน คือเทมน่ากินมากๆ ครับ ให้ตายเถอะ เหมือนเขาส่งกลิ่นที่อ่านได้ว่า 'หม่ำเทมได้นะครับ เทมเป็นแฟนหมูหย็องแล้วนะครับ เป็นแฟนหมูหย็อง หม่ำๆ ได้เลยนะครับ' เชิญชวนตลอดเวลา

          ผมอยากกินเขา อยากกินเขามากๆ เขาไม่ใช่เนื้ออันโอชะในกระป๋องที่หมาป่าแกะไม่ได้อีกต่อไป แต่เป็นก้อนเนื้อสเต็กมีเดียมแรร์ชุ่มฉ่ำบนจานที่มีแค่โถแก้วครอบเอาไว้ โอเค อันที่จริงก็เป็นโถแก้วกันกระสุนล่ะนะครับ ผมยังไม่ได้ไปถึงขั้นสุดกับเขา สัญญามันยังค้ำคอ

          ...แต่นอกจากสอดใส่ ผมว่าผมได้มาหมดเลยนะ...

          ร่องรอยทั่วตัวเราก็บอกได้ชัดเจน ว่าได้มาแบบหมดจดทุกส่วนขนาดไหน

          จากวันจันทร์ก็เป็นวันอังคาร จากวันอังคารก็เป็นวันพุธ ใบลาหยุดของเด็กชายฟ้าประทาน เป็นการป่วยที่แปลกขึ้นเรื่อยๆ เพราะผมหมดมุก แต่จะให้เขียนไปโต้งๆ ว่าขอหยุดเพราะอยากจู๋จี๋กับแฟนก็ดูโผงผางเกินไป ผมยังไม่อยากเป็นประธานนักเรียนที่ถูกจารึกชื่อไว้ในด้านกามจัดอะไรขนาดนั้น

          แม้ความเป็นจริงจะโต้เถียงไม่ออกแม้สักครึ่งคำก็ตามที

          สามวันแล้วที่ผมกับเขาเอาแต่นัวเนียกันในห้อง โผล่ออกไปแค่รับรถเข็นอาหารจากเมด และกลับเข้ามาในห้องเพื่อแนบชิดกัน ตื่นนอนบนเตียง ก็ไปต่อในห้องน้ำ จากห้องน้ำก็เป็นห้องนั่งเล่น ระเบียง ห้องทำงาน ห้องหนังสือ จนได้แต่นึกสงสัย นี่เราแค่ย้ายที่จูบกันไม่ใช่หรือไง ขนาดกินข้าวยังแทบจะเป็นการกินคำจุ๊บคำ

   และผมว่าน้ำใสในปากเขาก็เป็นเครื่องปรุงรสชั้นเยี่ยมเสียด้วยสิ ...ผมรู้น่า ว่าผมกำลังหลงเขาหัวปักหัวปํา

          ยามบ่ายของวัน หลังจากทานข้าวเที่ยง ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนโซฟา มีเทมนอนหนุนตักจับคางผมเล่น บางทีก็จับมือผมขึ้นมางับ มาจูบ มาดูดนิ้วเล่นเหมือนลูกสุนัขคันเขี้ยว ดวงตาสีน้ำตาลจดจ้องจนผมละความสนใจจากโน๊ตบุ๊คที่หยิบมาเปิดในรอบสามวัน

          "มองอะไรครับ" ก้มลงไปช้อนศีรษะคนรักขึ้นมากดจูบหน้าผากเนียนสวย เทมหลับตาพริ้มรับ เปลือกตาสีเปลือกไข่เปล่งประกายเหมือนอ้อนวอนขอเช่นกัน ใจร้ายไม่ลงจนต้องมอบให้ทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียม เทมหัวเราะคิกคักดูท่าจะจั๊กจี้ ก่อนลืมตาเพื่อมองผมต่อ เหมือนไม่อยากละสายตาไปไหนแม้สักวินาทีเดียว เสียงแหบแห้งตอบคำถามพร้อมรอยยิ้มเขินอาย "มองคุณแฟนครับ"

          ใช้ปลายนิ้วลูบแก้มนิ่ม เอ่ยถามเสียงอ่อนโยน "คุณแฟนของใครครับ?"

          "คุณแฟน คุณแฟนของเทมเองครับ"

          แล้วก็ได้คู่รักบ้าบอที่ยิ้มจนเหงือกแห้งมาหนึ่งคู่

          "น้ำแล้วก็หญิงรู้ก่อนครับ เพราะเทมอยากเชียร์ๆๆๆ หมูหย็องให้ประสบความสำเร็จ ชนะๆๆๆ เลยไปขอกับน้ำกับหญิง ว่าวันงาน เทมขอไปเชียร์หมูหย็องตัวต่อตัวได้ไหมครับ ทีแรกเทมตัดฉับๆๆๆ ถุงกระดาษ แล้วก็ระบายสีชมพูไว้สวมเป็นคุณหมูครับ เทมจะทำชุดคุณหมูเอง แต่น้ำเห็นก็บอกอะเนิดอนาดเกินไป พอหญิงเห็น ก็ ก็ พยักหน้าหงึกๆๆ เห็นด้วยใหญ่เลยครับ ก็เลย ก็เลยช่วยหาชุดให้ แต่ที่โรงเรียนไม่มีชุดคุณหมูเลยครับ เทมเลยต้องนอนๆๆ คิด นอนๆๆ จินตนาการแล้ววาด แล้ว แล้วหญิงก็เลยไปสั่งตัดให้แทนครับ แล้วน้ำรู้ได้ยังไงก็ไม่รู้ครับ ว่าเทมอยากจะขอหมูหย็องเป็น...ป-ป-ป-ป เป็น"

           คุณแฟนกำลังเล่าให้ผมฟังครับว่ากว่าจะได้ค่ำคืนเซอร์ไพรส์ เรื่องราวเป็นมายังไง หลังจากเล่าไม่จบสักที เพราะมองหน้ากันได้ไม่ถึงหกสิบวิก็จบลงที่เสียงจ๊วบจ๊าบแทนเสียงเล่าเรื่อง และตอนนี้ก็ติดขัดอีกหน แต่สาเหตุไม่ได้มาจากผมนะครับ แต่มาจากเจ้าก้อนความสุขที่นอนราบไปกับโซฟา กำลังกัดริมฝีปากตัวเองอย่างประหม่า เด็กชายติดอ่างขึ้นมากะทันหันเมื่อถึงคำว่าขอเป็นแฟน ความร้อนเหมือนโรคติดต่อ แก้มขึ้นสีแดง ผมดันเขินอายตามคนบนตัก เขาหันหน้าซุกเข้าหน้าท้อง พึมพำเสียงเบา "เป็นแฟนเทมครับ"

          ผมที่มุดหน้าซ่อนกับท้องเขาไม่ได้ ก็ได้แต่มุดหน้าเข้ากับเรือนผมนิ่ม เสพูดช่วยแก้คำผิดให้เขา ก่อนบรรยากาศหวานๆ จะลากไปโซนอันตราย "อเนจอนาถครับ แต่หมูว่าเทมวาดรูปสวยออกนะครับ ศิลปะมากๆ"

          ต้องใช้จิตวิญญาณและสมาธิพร้อมการคาดเดาขั้นสูงเลยล่ะครับ ถึงจะรู้ว่าเจ้าตัวน้อยวาดอะไร

          "อเนจอนาถครับ" เทมทวนคำผิด "หมูหย็อง หมูหย็องปากหวานหมูยอพี่เทมนี่ครับ"

          ผมหัวเราะ "ไม่ใช่หมูยอ ยอเฉยๆ ครับ"

          "ยอครับ ตอนทุกคน ตอนทุกคนเห็นรูปก็บอกว่าช้างสวยด้วยละครับ แต่ว่า แต่ว่าเทมไม่ค่อยดีใจๆๆๆ เลยครับ เทมวาดคุณหมูอู๊ดอู๊ดต่างหาก ไม่ใช่คุณช้างแปร๋นแปร๋นนะครับ"

          "เอาไว้เอามาให้หมูดูด้วยนะครับ"

          เทมพยักหน้าก่อนเล่าต่อ

          ผมหัวเราะจนคนบนตักสะเทือนไปทั้งตัว เมื่อเด็กชายบอกว่าเกือบจะได้ร้องเพลงชาติขอผมเป็นแฟน เพราะคิดไม่ออกว่าจะร้องเพลงอะไรที่ตัวเองพอจะร้องได้ออก เขาจำมาจากในภาพยนตร์ที่เคยดู เวลาจะขอใครเป็นแฟนก็ต้องร้องเพลงขอ แต่เพลงในหัวของเจ้าตัวที่พอจะร้องได้ก็มีแค่เพลงที่ต้องร้องทุกวันหน้าเสาธง ดีนะครับที่เขาไม่มาสวดมนต์ขอผมเป็นแฟน ให้ตาย เป็นเด็กพิเศษที่พิเศษจริงๆ... สุดท้ายก็ลงเอ่ยด้วยการไปถามเพื่อนสนิทอย่างน้ำกับเต้ แน่ละครับ เรื่องถึงน้ำกับแฝดนรกแล้ว บานปลายแน่นอน น้ำไปลากเฮียปลาหย็องที่งานอดิเรกคือเป็นนักร้องมาร่วมวง แล้วก็ ตูม! แตกออกเป็นทั้งครอบครัวของเรา เพื่อนของเราทั้งหมดรู้เรื่อง คุณพ่อคุณแม่ถึงกับสไกป์มาดูเขาซ้อมแทบทุกวัน คุณป้าก็แล้วใหญ่ ขอเป็นคนมาช่วยเรื่องขนมเค้กด้วยตัวเอง

          "คุณปะป๊าช่วยหาเพลงมาให้เยอะแยะเลยครับ แต่เทมชอบแค่บางประโยค เทม เทมเลือกไม่ถูก เลยจำมารวมๆๆๆ กัน แล้ว แล้วเฮียปลาหย็องกับเสาร์ แล้วก็ๆๆๆ คนเยอะแยะมาช่วยเทมเรียงครับ เทมฝึกร้องวันละหนึ่งชั่วโมงหลังเรียนพิเศษเสร็จทุกวันเลยครับ ตอน ตอนอาบน้ำก็แอบร้องๆๆๆ กับคุณฝักบัวครับ"

          ยิ่งฟังเขาเล่ายิ่งอุ่นวาบในหัวใจ เจ้าก้อนความสุขพยายามอย่างหนักมากเลยทีเดียว ถึงภาษาอังกฤษของเทมจะแข็งแรงระดับหนึ่ง เพราะผมส่งให้เขาเรียนกับเจ้าของภาษามาตั้งแต่เด็กก็เถอะ แต่จะร้องเป็นเรื่องเป็นราวนี่มัน...แค่ภาษาไทยเขายังไม่ไหวเลยครับ ภาษาที่สองนี่ไม่ต้องพูดถึง

          ความสำเร็จทุกอย่างในชีวิตดูเป็นเรื่องตลกและเล็กกระจ้อยร่อย ตอนที่ผมฝึกภาษาเยอรมันให้พูดอ่านเขียนได้คล่องภายในหนึ่งเดือนสำเร็จ ตามคำสั่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ของคุณยาย ผมยังไม่ดีใจและรู้สึกประสบความสำเร็จเท่านี้เลยครับ ไม่ใกล้เคียงสักนิด รู้สึกประสบความสำเร็จสุดๆ ตั้งแต่เกิดมา ก็ตอนที่ได้เขามาเป็นแฟน มาเป็นคนรักของตัวเอง เหมือนเป้าหมายอันสูงสุดถูกขีดฆ่าว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วอย่างไรอย่างนั้น

          บางครั้งผมยังนึกสงสัยไม่ได้ ทำไมเทมถึงเป็นอะไรที่พอดีต่อใจ พอดีต่อผมไปเสียหมด เริ่มจากตอนเราเจอกันครั้งแรก เขาเป็นความสงบของผม เป็นคนที่ช่วยเจ้าลูกแมวตัวเล็กทั้งๆ ที่ไม่ใช่กระทั่งแมวของตัวเอง เขาเดินตรงๆ ยัง
ไม่ได้ด้วยซ้ำในตอนนั้น จนกลายเป็นคำตอบที่ผมเฝ้าถามโลกใบนี้ ว่ามีไหมความรักที่ให้โดยไม่มีข้อแม้ จนวินาทีถัดมา เขาก็กลายเป็นจิ๊กซอว์ต่อรอยเว้าโหว่ให้เต็มรูป เป็นแม่เหล็กดึงดูดไม่ให้หนีหาย เป็นกล่องตกใจที่ไม่เคยทำให้เบื่อหน่าย จับมุมไหนก็มีเรื่องให้ลุ่มหลง ให้เรียนรู้วิธีเอาอกเอาใจไม่รู้จบ ผมเคยอ่านนิตยสาร เขาบอกไว้ว่าผู้หญิงเริ่มรักจากศูนย์ถึงร้อย ผู้ชายรักจากร้อยแล้วเริ่มถอยหลังถึงศูนย์ ในกรณีของผม ผมเริ่มรักเขาจากร้อยแล้วไต่ไปถึงอนันต์

          ผมนอนมองหน้ารักแท้ของตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

          ผมรักเขาชะมัด

          ยิ่งได้เลื่อนขั้นไปในความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ ความรักที่เคยนึกว่าล้นจนถึงทางตันแล้ว ก็ยังมีที่ทางให้เติมจนล้นยิ่งกว่า นอกจากอนันต์อันนับไม่ถ้วน ไร้ที่สิ้นสุดก็ดูจะเป็นคำที่เหมาะสม

          "หมูหย็องครับ อร่อย อร่อยไหมครับ แก้มพี่เทม เทม เทมอร่อยเหรอครับ" คนโดนผมกินแก้มถามเสียงสงสัย แก้มเด็กชายมีรอยแดงหลายจุด เจ้าแก้มสีขาวตึ๋งหนืดคล้ายโมจิดูยั่วน้ำลายให้กัดกิน ผมเพิ่งรู้ตัวว่าฟังเขาเล่าเรื่องไม่จบอีกแล้ว จำไม่ได้ว่าก้มไปคลอเคลียเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

          "อร่อยมากเลยครับที่รัก"

          เทมลูบแก้มที่โดนผมทำร้ายป้อยๆ ก่อนจะยิ้มขวยเขินตากลมเป็นสระอิ "เวลา เวลาหมูหย็องเรียกเทมที่รัก เทมหัวใจจะพุ่งปิ้วๆๆๆ ออกจากปากทุกทีเลยครับ ถึง ถึงเทมจะไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ แต่เวลาหมูหย็องเรียกเทมแล้วมีคำว่ารัก เทม เทมเขินๆๆ จังเลยครับ"

          เทมยิ้มตาหยี สีหน้าบ่งบอกว่ามีความสุขมากมาย ปลายเท้าส่ายสั่นไหวไปมา ท่าทางปล่อยเนื้อปล่อยตัวทำให้จอมโจรเริ่มอยู่ไม่สุข ก้มลงฉกฉวยขโมยจูบเขาอีกสี่ห้านาทีแล้วจึงเงยหน้ามาตอบ

          เส้นน้ำใสเชื่อมเราสองยืดออกตามระยะห่าง ก่อนจะค่อยๆ ขาดลง เทมมองตาละห้อยจนผมกลั้นยิ้มขำ

          "ที่รักเอาไว้ใช้เรียกคนรักกันน่ะครับ เป็นเหมือนคำแทนตัว เป็นเหมือนชื่อเล่นที่คนเป็นแฟนกันเอาไว้เรียกกัน"

          เทมตาโต ก่อนเอียงคอสงสัย "ให้คุณคนรักเรียกคุณแฟนเหรอครับ แต่ว่า แต่ว่าตอนเทมกับหมูหย็องเป็นเพื่อนสนิทๆๆๆ กัน หมูหย็อง หมูหย็องก็เรียกเทมว่า ท-ท-ท ที่รัก ที่รัก ที่รักแล้วนะครับ"

          สบตาสีน้ำตาลหยาดเยิ้มเพราะจูบเมื่อครู่ด้วยแววตาจริงจัง "ที่หมูเรียกเทมว่าที่รัก ก็เพราะหมูรักเทมมากๆ มานานแล้วยังไงล่ะครับ ถึงเทมจะเพิ่งเป็นแฟนหมูตอนนี้ก็จริง แต่สำหรับหมู...เทมเป็นแฟนหมูมานานแล้วนะครับรู้ไหม"

          ไม่เชื่อไปขอวิดีโอจากเฮียปลาหย็องได้เลยครับ ฉากผมขอเขาแต่งงานตอนเจ็ดขวบ ยังถูกเฮียเอามาล้ออยู่บ่อยๆ เลย...

          "หมูหย็องก็ ก็ เป็นที่รักของเทมมานานเยอะแยะแล้วเหมือนกันนะครับ ขอโทษนะครับ ขอโทษนะครับที่เทมไม่ค่อยรู้เรื่อง ทำให้หมูหย็องต้องรอนาน" เด็กชายขอโทษขอโพยยกใหญ่ ซ้ำดวงตาสวยส่งหยาดน้ำใสคลอหน่วยเป็นเครื่องบรรณาการ

          "ชู่ว...ฟังนะครับที่รัก เราไม่ต้องเร่งรัดอะไรเลย ไม่ว่าจะยังไง สักวันเทมก็ต้องเป็นที่รักของหมูอยู่ดีครับ เราต้องเป็นที่รักของกันและกันอยู่แล้ว เทมจะรู้ตัวช้าก็ไม่เป็นอะไร ยังไงหมูก็รอได้"

          เทมกระชับกอดผมแน่นขึ้น ส่งเสียงขอโทษอู้อี้ "แต่ว่า แต่ว่า แอบลับๆ รักคนเดียวมันเหงาไม่ใช่เหรอครับ เทม เทมจีบหมูหย็องไม่กี่เดือน ต้องเก็บความลับๆๆๆ จากหมูหย็อง พี่เทม เทม เทมยังเหงาเลยครับ ในหัวอยากเป็นแฟนกับหมูหย็องไวๆ อยากบอกทุกอย่างกับหมูหย็องมากที่สุดเลยครับ"

          เชยหน้าคนรักขึ้นสบตาอีกหน "งั้นต่อไปนี้อย่าปล่อยให้หมูเหงานะครับ รักหมูให้มากๆ นะครับรู้ไหม"

          "เทม เทม ไม่ปล่อยให้ที่รักเหงาแล้วครับ จะรักหมูหย็องให้มากๆ เยอะแยะๆๆๆๆๆ เลยครับ"

          "ขอบคุณครับ"

          "เทมก็ เทมก็ขอบคุณครับ แล้ว แล้วเราต้องเรียกกันว่ามูมู่กับบีบี๊ด้วยหรือเปล่าครับหมูหย็องครับ?"

          ผมหยุดชะงักริมฝีปากที่กำลังจรดทั่วใบหน้าใส มูมู่? บีบี๊? ตัวอะไรครับนั่นน่ะ?

          "ทำไมต้องเรียกว่ามูมู่ล่ะครับ?"

          "ก็ตอนน้ำ น้ำคุยกับแฟน น้ำแทนตัวว่าบูบู๊บีบี๊ใช่ไหมครับ เทม เทมจำไม่ค่อยได้ ชื่อเล่นคนรักนี่ไม่เหมือนกันเหรอครับ ของหมูหย็องกับเทมเป็นที่รักใช่ไหมครับ"

          "อืม...ไม่เหมือนกันนะครับ แต่ละคู่ก็มีวิธีเรียกแทนแฟนตัวเองแตกต่างกัน หมูเห็นบางคนในสภาก็แทนแฟนตัวเองว่าเจ้าอ้วนกับเจ้าเตี้ยเหมือนกัน"

          เทมปุระสะดุ้งตกใจ "ไม่ ไม่ใช่คำด่าเหรอครับ? คุณแฟนจะไม่เสียใจเหรอครับ?"

          "ถ้าเรียกด้วยความรัก ความเอ็นดูก็ไม่เป็นอะไรมั้งครับ แต่หมูก็ไม่ค่อยอยากเรียกแบบนั้นนะครับ เทมอยากได้คำเรียกอื่นเพิ่มเหรอครับ?"

          "ตั้งแบบอื่นเพิ่มได้ด้วยเหรอครับ เหมือน เหมือนชื่อของสายลับเลยครับ สายลับเทมกับสายลับหมูหย็อง โค้ด โค้ดเนมคือที่รักหนึ่งกับที่รักสอง"

          "ฟังดูมีที่หนึ่งที่สองไม่ดีเลยครับ หมูไม่อยากเป็นที่สองของเทมนะครับ"

          "เทม เทมก็ไม่อยากเป็นที่สองของหมูหย็องครับ อยากเป็นที่หนึ่ง ที่หนึ่งครับ"

          "อืม นอกจากตั้งจากจุดเด่นในร่างกาย ก็มีเอาชื่อเล่นมาตั้งนะครับ นอกนั่นก็มีเรียกที่รักด้วยภาษาของประเทศตัวเอง อย่างรัสเซียบ้านเกิดหมูก็จะเรียกว่า дорогой ภาษาอังกฤษก็ ดาร์ลิ้ง ฮันนี่"

          "โด โดรายากิ?" คำว่าที่รักภาษารัสเซีย กลายไปเป็นขนมของโปรดของเจ้าหุ่นยนต์แมวสีฟ้าได้ยังไงล่ะครับนั่นน่ะ ผมหัวเราะขำเด็กชายที่พยายามพูดตาม

          "Do-Ro-Goy ครับ"

          "โด โดโรกอย เรียก เรียกยากจังเลยครับ เหมือน เหมือนเรียกคุณผีกองกอยที่กระโดดดึ๋งๆๆๆ เลยครับ ไม่เอานะครับ พี่เทม เทม เทมไม่อยากให้หมูหย็องเป็นคุณผี แล้ว แล้วฮันนี่ เรียกน้ำผึ้งเหรอครับ?"

          "คำนี้ไม่ต้องแปลครับ อืม...แต่ถ้าจะให้แปลเป็นไทย ก็น่าจะประมาณว่าหวานใจนะครับ"

          "หวานใจ...หวานใจ เทม เทมชอบของหวาน แล้วก็รักหมูหย็อง งั้น งั้นเทมจะเรียกหมูหย็องว่าหวานใจที่รักนะครับ" เขาตกลงกับตัวเองเสร็จสรรพ แล้วก็ผุดลุกจากโซฟากระโดดโลดเต้นดีใจ

          "หมูหย็องหวานใจที่รัก! หมูหย็องหวานใจที่รักของเทม!"

          "หึหึหึ กลับมานั่งเร็วครับ เดี๋ยวจะชนขอบโต๊ะเอานะ" อ้าแขนกว้างรอ

          คนได้คำศัพท์ใหม่กระโจนเข้ามาในอ้อมกอด ใช้ศีรษะถูไถไปมาเหมือนลูกแมวตัวน้อย เจ้าก้อนความสุขบวมเบ่งบานออกกว่าเดิม มือสวยยกขึ้นเลิกเปิดผมหน้าของผมออก กดจูบทั่วกรอบหน้าลอกเลียนแบบ ดวงตาสีน้ำตาลตรึงดวงตาสีฟ้าเอาไว้ไม่ให้มีโอกาสได้มองสิ่งอื่นใด นัยน์ตาพราวระยิบระยับ เหมือนเหล่าดวงดาวกำลังเต้นไปรอบๆ ด้วยจังหวะแว่วหวาน

          "หมูหย็องที่รัก สุดที่รักของเทม หวานใจของเทม แฟนของเทม คนรักของเทม...เทมรักหมูหย็องนะครับ"

          คำสบถแล่นรัวในสมอง ระเบิดดังต่อเนื่องตูมตามอลังการยิ่งกว่าพลุฉลองวันปีใหม่ ผมจับต้นชนปลายไม่ถูก จู่ๆ ก็มาบอกรักให้หัวใจละลายกันเล่นแบบนี้ก็ได้เหรอครับ คนไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป โน้มตัวมาหอมแก้มซ้ายแก้มขวา ยังคงอ้อยใส่ผมอย่างต่อเนื่อง

          ให้ตาย...วันที่สี่เพิ่มซะดีไหมล่ะครับเนี่ย

         
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2019 20:38:24 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter

          แต่ความคิดเพิ่มวันนัวเนียก็โดนปิดบัญชีไป ดูท่าคำสาปการโดนขัดจังหวะยังไม่คลี่คลายง่ายๆ เมื่อนอกประตูส่งเสียงเอะอะเล็ดลอดมาถึงข้างใน เสื้อผ้าหลุดลุ่ยถูกผมกระชับเข้าที่เดิม ปากคนด้านบนหยุดวนเวียนแถวหัวไหล่ หันหน้ามองไปทางเข้าเช่นเดียวกัน ห้องผมเป็นห้องเก็บเสียงครับ กำแพงหนาถูกบุด้วยชั้นพิเศษเพิ่มอีกหลายชั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว เสียงตะโกนธรรมดาไม่มีทางโผล่เข้ามาให้ได้ยิน

          "ปล่อยตัวประกันออกมาด้วยครับเด็กชายดิมิทรี! กลับใจแต่โดยดีเถอะ ทางบ้านให้อภัยลูกแล้ว!"

          อา...นี่ไปขนลำโพงมาจากไหนล่ะครับเนี่ย...

          ผมถอนหายใจ หนียังไงก็ไม่พ้นจริงๆ โทรศัพท์ที่ขึ้นแจ้งเตือนหลักพันถูกปิด ทางนั้นก็โทรเข้าเบอร์ห้อง กริ่งที่ถูกครอบครัวตัวเองเข้ามาป่วนกดจนต้องถอดออก เอากระทะมาฟาดประตูผมก็ทำมาแล้วครับ

          ขอแค่ห้าวัน ห้าวันไม่ได้หรือยังไงกับรางวัลที่ผมเฝ้าดูแลเทมมาน่ะ ให้ตายเถอะ

          "เสียงคุณปะป๊ากับคุณหม่าม้าครับหมูหย็อง"

          เสยผมตัวเองขึ้นลวกๆ พ่นลมหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อสัญญาณหมดเวลาสนุกดังขึ้น ชกอัดหมอนสองสามครั้งระบายความขัดใจ แล้วยกยิ้มช่วยเทมแต่งตัว ต้องกลับสู่โลกความจริงแล้วครับ

          เดินออกมาเปิดกล้องตาแมวดู แล้วก็เห็นครอบครัวตัวเองพร้อมหน้าพร้อมตา แม่บ้านพ่อบ้านหลายคนต่อลำโพงตัวใหญ่อยู่โถงหน้าลิฟต์กว้างจนแออัด ...ต้องเล่นกันขนาดนี้เลยใช่ไหมครับ

          คุณนักศึกษา คุณนักเรียนเตรียมแพทย์ คุณประธานบริษัท คุณเจ้าของธุรกิจส่วนตัว คุณดีไซเนอร์ชื่อดังก้องโลก คุณเด็กมัธยม ว่างกันนักหรือไงครับ? ทำไมถึงได้มีเวลามาราวีกันได้เรื่อยๆ ยังกับเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงกัน

          "เราต้องควรแจ้งตำรวจไหมคะคุณ ลูกชายเรากักขังหน่วงเหนี่ยวลูกชายคนข้างบ้านมาสามวันแล้วนะคะ"

          "ที่รัก ผมว่าไม่ทันกาล เราควรพังประตูเข้าไป ผมเป็นห่วงสวัสดิภาพของเทมเทมตัวน้อย ผมกังวลว่าลูกชายของเราจะย่ำยีฝืนใจกระชากพรหมจรรย์เทมเทม เหมือนในละครหลังข่าวที่คุณดู"

          "กรี๊ด! จำปารับไม่ได้ บัดสีบัดเถลิงเป็นที่สุด!"

          "แต่ไก่ว่าตอนนี้เราควรหนี" อาเจ้ไก่หย็องที่เห็นหน้าทะมึนของผมบนหน้าจอเป็นคนแรก สะกิดคนที่เหลือให้หันมามองตาม

          ผมอยากกลอกตาให้กับท่าทางเล่นใหญ่พร้อมกันจริงๆ ทุกคนยกมือทาบอก อ้าปากค้าง
          เอาล่ะครับ สภาพของผมก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น แค่ช่วงคอแทบจะไม่มีที่ว่างสีเนื้อ กับริมฝีปากบวมแดงจัดเท่านั้นเอง โอเค อาจจะตาเยิ้ม เหมือนคนเมาด้วยอีกนิดหน่อย อืม...ผมคิดว่าแค่นั้นนะ แต่ดูจากปฏิกิริยาของคนอื่นแล้วก็ อา...สภาพผมคงเพิ่งเหมือนลุกออกจากวิดีโอหนังโป๊เลยละมั้งครับ

          "ตาเถรน้ำหมากลำไยหก! นี่ลูกผ่านสนามรบราคะที่ไหนมาคะ ต๊ายยยย! ยาดม ยาดม! ลำไย ฉันขอยาดม!"

          "วี๊ดวิ๊วววววว ~ เฮียเราแม่งเจ๋งว่ะ"

          "คุณหลวงด้วง! ปิดตาเลยนะคะ จำปารับไม่ได้ กรี๊ด คุณหลวงยังเด็กนัก กรี๊ด!"
         

          การต้องมาเห็นฝรั่งตัวโตๆ มาทำท่าวี๊ดวาย ยกพัดโบกไปมาเหมือนในละครไทยนี่ขัดหูขัดตามากๆ เลยครับ

          "เทมเทมล่ะหมู! เทมเทมไม่ได้แท้งลูกคาเตียงเหมือนในหนังใช่ไหมลูก! ลูกไม่ได้รุนแรงกับน้องใช่ไหม!?"

          คิ้วที่ขมวดกันยิ่งขมวดแน่นกว่าเดิม นี่คุณป๊าไปดูละครเรื่องไหนมาครับ ฉายช่องบ้านไอ้น้ำหรือเปล่า ผมจะได้ไปบอกให้มันแบนทิ้งซะ แล้วน้งๆ น้องๆ อะไรของคุณพ่อเขาล่ะครับ นับตามวันเกิดแล้วผมต่างหากที่เป็นน้องของเทมน่ะ เทมปุระพอได้ยินเสียงคุณป๊าเรียก ก็เดินเข้ามาหาหลังจากผมบอกให้เขาไปเปลื่ยนเสื้อที่กระดุมหลุดออก เทมชะโงกมองบนจอแล้วเบิกตากว้าง เด็กชายฉีกยิ้มสดใส ยกมือไหว้ทักทายไม่รู้เรื่องรู้ราว

          "คุณปะป๊า คุณหม่าม้า ทุกคน ทุกคนมาเยอะแยะเลยครับ"

          "เทมเทม!!!?"


          คุณพ่อเข่าอ่อนเป็นลมล้มลงไปดังตึง เมื่อเห็นสภาพของลูกชายคนโปรดที่เหมือนผ่านการย่ำยีจากมือชายนับร้อย


          "น้องกูพรากผู้เยาว์เหรอวะเนี่ย...ไม่สิ นี่มันผู้เยาว์พรากผู้เยาว์!"

          "คุณพระช่วย..."

          "โทรตามหมอดีไหมครับ"

          "เชี่ย...เฮียหมูแม่ง..."

          "ยาโด๊มมมมมมมมมมมมมมมม!!"

















  end 48 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

เสิร์ฟความหวานก่อนสิ้นปีค่ะ
ก่อนอื่นเลย ขอโทษด้วยนะคะที่ช่วงนี้เรามาช้า พอดีงานค่อนข้างยุ่งมากๆ เลยค่ะ
ปีหน้าเราจะพาคุณยายมาหาแล้วนะคะ!

ขอให้เป็นปีเริ่มต้นสิ่งดีๆ ของทุกคนเลยน้าาา
ปีนี้ก็รบกวนขอฝากเด็กๆ ไว้ด้วยอีกปีนะคะ

สวัสดีปีใหม่ค่า ♥

โซเฟียริน
zofiarin lll moore






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2019 20:38:48 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
เสียดาย แต่ไม่เป็นไรค่อยเป็นค่อยไป  :hao7:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter







49





         

          เมื่อบานประตูเปิดออก ภาพซอมบี้ในซีรี่ย์ที่วิ่งกรูเข้ามาฉีกทึ้งร่างของมนุษย์ก็บังเกิด เทมปุระยืนงงยามถูกจับหมุนไปมา คุณป๊าหลังจากตั้งสติได้ก็คว้าหยิบไฟฉายจากพ่อบ้าน ยกขึ้นส่องสำรวจตามตัวเด็กชายราวกับพ่อค้าอัญมณีหาจุดตำหนิบนเพชร พอนับรอยจ้ำสีบนคอได้เกินแปด คุณพ่อก็ตั้งท่าจะล้มตึงลงกับพื้นไปอีกรอบ

          นี่ถ้าปะป๊าเห็นหลังของเทม จะไม่น้ำลายฟูมปากเลยหรือไงครับ

          บางที การที่ทุกคนเห็นเทมมาตั้งแต่เด็กๆ ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างน่ารำคาญ เทมกลายเป็นเหมือนลูกคนสุดท้องของมิสซิสเอเลนและคุณท่านโจวิช เป็นน้องน้อยของบ้าน เป็นน้องคนเล็กที่ถูกเลี้ยงดูแบบเอเชีย ถูกเป็นห่วงหวงทุกฝีก้าว ต่างกับพี่ชายพี่สาวหัวทองต่างสายเลือดอีกห้าคน ที่ถูกเลี้ยงแบบปล่อยอิสระ ทุกเรื่องคุณป๊าคุณม๊า อาเฮีย อาเจ้ และหย็อง เราจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามกันและกันนัก แต่พอเกี่ยวกับเด็กชายแก้มนุ่มที่กำลังยื่นหน้าแปะอยู่กับกล้องแล้วละก็...จะมาวุ่นวายกันแบบใกล้ชิดติดขอบเวทีเลยทีเดียว

          ทุกคนถือว่าเทมปุระเป็นสมบัติของบ้านที่ต้องช่วยกันดูแล  แต่อยากจะบอกเหลือเกิน เทมไม่ใช่ของสาธารณะให้ทุกคนร่วมใจอนุรักษ์ แต่เป็นคนรักส่วนตัวของผม ของผมคนเดียวน่ะครับ เข้าใจไหม?

          เจ้ไก่กับหย็องหย็องยักคิ้วหลิ่วตา บอกว่าผมเป็นอาเสี่ยหื่นกามในร่างเด็กอายุสิบหก เข้ามากอดไหล่เอ่ยชมว่าเจ๋งมากกอปรกับบอกให้เพลาๆ ลงบ้าง ตบตีกับเฮียปลาหย็องที่ตั้งท่าสั่งสอนน้องๆ ไม่ให้ทำตาม เฮียเนื้อหย็องยิ่งน่ากลอกตาใส่ เมื่อในมือกำลังถือโทรศัพท์ฟ้องคุณป้า กว่าจะทำให้ทุกคนสงบได้ก็หลายนาที

          เราลงกันมาที่ห้องอาหาร ก้าวเข้าไปก็เจอหญิงร่างเล็กกำลังนั่งรออยู่ก่อนแล้ว สบตากับคุณป้าที่ยกมือป้องปากหัวเราะคิกคัก เมื่อเห็นผมทำหน้าเบื่อหน่าย เธอไม่ได้มีท่าทีตกใจเรื่องเทมโดนผมลักพาตัวเหมือนคนอื่น เพราะคนแรกที่ผมส่งข้อความไปขออนุญาตก็คือคุณป้าน่ะครับ ส่วนอีกคนก็คือคุณยาย เนื่องจากต้องส่งใบลางานให้เป็นกิจจะลักษณะ เทมปุระพอเห็นคุณแม่ก็วิ่งดุ๊กดิ๊กไปหาทันที ส่วนผม...ต้องมาตอบคำถามว่าทำไมเทมถึงหยุดเรียน

          พอตอบไปตรงๆ

          "คุณหญิงแม่คิดไว้แล้วไม่มีผิด! คิดไว้แล้วเชียว พอเป็นแฟนกันปุ๊บ ลูกคนสวนต้องรังแกลูกคนข้างบ้านทันทีแน่ๆ เกือบไปแล้วไหมล่ะคะ เกือบได้เสียกันแบบยังไม่ตบไม่แต่งแล้ว น้องเมย์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ พี่จะให้ความยุติธรรมกับลูกคนข้างบ้านเองค่ะ!"

          คุณป้าหัวเราะให้ท่าทางจริงจังเล่นใหญ่กว่าละครงิ้วของคุณม้า ไม่โต้ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มมองการละเล่นของบ้านผมอย่างเคยชิน สวนทางคุณป๊าที่ทำหน้าเหมือนลูกสาวโดนย่ำยี เอ่ยขอยาทามาป้ายมาแตะบนคอเทมปุระ ทายาไปก็บ่นผมไปไม่ขาดปาก

          "ทำไมหมูรุนแรงกับน้องจังเลยลูก ถนอมน้องหน่อย ป๊าใจบางไปหมดแล้ว"

          "ตอนเปิดประตูเห็นเต็มตา ปีศาจในหัวชมว่าเฮียโคตรเท่ มีที่ไหนโดดเรียนไปจู๋จี๋แบบโคตรเปิดเผย แต่อีกใจด้านเทวดาก็รู้สึกย้อนแย้ง เหมือนเห็นพี่ชายตัวเองไปหลอกเด็กแปดขวบมาด้วยลูกอมพิกล ระหว่างตบมือชื่นชมกับช่วยเฮียเนื้อหย็องโทรฟ้องตำรวจ หย็องลังเลมากเลยอะ"

          ให้ตาย ผมถูกคนในบ้านมองเหมือนเป็นผู้ร้ายฆ่าข่มขืน อยากจะประท้วงว่ารีบตัดสินผมกันเร็วเกินไปไหม เล่นไม่มีช่องว่างให้จำเลยแก้ตัวเลยหรือครับ? อยากจะบอกเหลือเกินว่าผิวเด็กน้อยนุ่มติดปลายลิ้น และขึ้นรอยแดงง่ายขนาดไหน ผิวเทมขาวและบอบบางเหมือนผิวเด็ก ออกแรงนิด บีบจับหน่อย ก็ตีตราได้ชัดกระจ่างสายตา ผมไม่ได้รุนแรงกับเขา อืม...ก็นิดหน่อย แต่ไม่ได้กระทำชำเราหนักหนา ขนาดต้องมาถูกทุกคนสอบสวนในห้องทานข้าวแบบนี้นะครับ 

           "จำปาเสียขวัญมากค่ะ ไม่คิดเลยว่าเรื่องบัดสีแบบนี้จะเกิดขึ้นภายใต้หลังคาเรือน คุณหลวงด้วง คุณหลวงแพทย์ อย่าทำตามนะคะ เราเป็นกุลสตรีศรีรัสเซีย เราต้องรักนวลสงวนตัว เข้าตามตรอกออกตามประตู หลังแต่งงานกันแล้วถึงจะแตะเนื้อต้องตัวกันได้ ส่วนลูกคนใช้จะทำอะไรก็ทำไปค่ะ จำปาไม่แคร์" เฮียจำปาวางท่าสั่งสอนน้องชายทั้งสองคน ก่อนจะหันไปแลบลิ้นใส่น้องสาวอีกฟากของโต๊ะ

          อาเจ้ไก่หย็องมองเหยียดพี่ชายผู้ยกมือแนบอก ทำตัวเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ราวแม่ชีที่อยู่ในถ้ำมาสามร้อยปี  ก่อนเบะปาก เอ่ยจิกกัดคู่แข่งหาเงินในปีนี้อย่างไม่ยอมแพ้ "แหม! โจเชฟ พี่อย่าให้ฉันร่ายนะ รายชื่อผู้หญิงที่พี่เขมือบไปน่ะ เอาแค่ในโรงเรียนฉัน เอาแค่ของเดือนนี้ที่เพิ่งผ่านมาสิบห้าวัน พี่ก็กินไปนับได้เป็นห้องแล้วนะโจ ไหนจะเมื่อเดือนก่อนที่เอาฉันไปอ้างสับรางอีก!" ภาษารัสเซียโต้อย่างเผ็ดร้อน

          ครับ ท่าทางตุ้งติ้ง แต่ใครจะรู้ เฮียปลาหย็องเป็นพวกเจ้าชู้ขนาดไหน เด็กของเฮียปลาหย็องมีทั้งผู้หญิงผู้ชาย สไตล์ตั้งแต่น่ารักยันกล้ามโต รสนิยมไม่ตายตัวได้หมดอีกต่างหาก หน้าตาดี ร่ำรวย นิสัยที่เปิดเผยข้างนอกถูกตั้งไว้ว่าเป็นผู้ชายขี้เล่นที่มีมุมสุขุม น่าค้นหา ใครๆ ก็วิ่งเข้าใส่หวังตะครุบจับ เมื่อก่อนเฮียปลาพาบรรดากิ๊กกั๊กเข้าออกบ้านเป็นว่าเล่น จนคุณป๊าคุณม้ารำคาญ บอกให้ไปใช้ตึกโซนรับแขกอย่างเดียว ใครไม่จริงจังไม่ต้องพามาขึ้นตึกส่วนตัว

          มือไม้กรีดกรายบนอากาศชะงักค้าง หันไปถลึงตาใส่น้องสาวแล้วตั้งท่าจะเถียง แต่ก็ไม่ทัน เมื่อหน่วยเสริมบุกตามเข้าไปติดๆ เฮียเนื้อหย็องที่นับวันยิ่งใกล้เคียงสัตว์สงวนของจีนอย่างแพนด้าเข้าไปทุกที ส่ายหน้าไปมาอย่างระอา

          "เฮียปลาน่ะเป็นพวกมือถือสากปากถือศีล หน้าเนื้อใจเสือเชื่อไม่ได้ เมื่ออาทิตย์ก่อนพี่กำลังวุ่นกับอาจารย์หมอแท้ๆ แต่เฮียดันโทรมาขอให้ไปรับเด็กผู้ชายที่ไหนไม่รู้ จะไม่ไปให้ก็งอแงบอกว่าคนนี้จริงจังในระดับเจ็ด...พี่ว่าอายุเขาน่าจะพอๆ กับหมูแล้วก็เทมเลยนะ"

          "ระดับเจ็ดในร้อยระดับหรือเปล่า ลูกคุณหญิงนี่แย่จริงๆ ดูสิทำไก่ไก่กับเนื้อหย็องลูกปะป๊าลำบากไปหมด"

          ปกติจบท่อนนี้ หย็องหย็องต้องแหกปาก บอกว่าคุณป๊ากับม้าไม่ให้เข้าทีมด้วยอีกแล้ว แต่ตอนนี้เจ้าตัวกลับหันไปมองพี่ใหญ่ด้วยสายตาโมโห

          "เฮียปลาแดกเด็กเหรอ!? ไหนเฮียบอกต่ำกว่าสิบแปดไม่กินไง แปลว่าไอ้ตั้มเพื่อนผมที่มันร้องเจ็บตูดหลังมาค้างบ้านเรา เฮียก็แดกไปจริงๆใช่ไหม!"

          "จะบ้าเรอะ! ตั้มเพื่อนหย็องมันเป็นรุก เฮียจะไปกินได้ยังไง ก็เฮียบอกแล้ว ที่เจ็บตูดเพราะเพื่อนหย็องตกใจจนตกบันได ตอนเห็นเฮียใส่ชุดนางรำเดินลงมาหาอะไรกินที่ครัวต่างหาก ...เดี๋ยวดิ แล้วไหงจู่ๆ หันมาแฉกันแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเราตกลงกันว่าจะมาแกล้งหมูหรือไงกัน! ความยุติธรรมของจำปาอยู่ที่ไหนคะ!?"

          นี่ไงครับ ผมถึงบอกว่าน่ารำคาญ นอกจากเป็นห่วงเทม หลายสิบเปอร์เซ็นต์ในนั้นคือหาเรื่องมาก่อกวนผมชัดๆ การขัดขวางเราสองคน และการทำให้ผมทำหน้าตาอย่างอื่นนอกจากหน้านิ่ง ดูจะเป็นงานอดิเรกแย่ๆ ของครอบครัวนี้ไปกันหมดเสียแล้ว

          ผมกล่าวเสริมเสียงเรียบ "อืม...เหมือนเห็นข่าวคลิปหลุดหลังเวที มีช่วงเฮียปลาโดนตบด้วยนะครับ?"

          "อ๋อ คลิปเมื่อเดือนก่อนใช่ไหมหมู เจ้ก็เห็น โดนตบหน้าสั่นเลยนี่นะ"

          "ทำไมเฮียทำตัวนิสัยแย่แบบนี้ นอกใจมันไม่ดีนะครับ"

          "ไม่ใช่นะคะ! จำปาไม่ได้คบสักหน่อย แล้วจะเรียกว่านอกใจได้ยังไง! จำปาบอกตรงตลอดๆ ว่ายังไม่พร้อมมีคนผูกมัด เอาตามความสมัครใจ พวกเราเป็นแค่เซ--- เอ่อ" เฮียปลาเหลือบมองเทมเล็กน้อย พอเห็นว่าเด็กชายกำลังตั้งอกตั้งใจหั่นผักคะน้าเป็นชิ้นเล็กๆ ตกอยู่ในศึกต่อสู้กับผัก ไม่ได้สนใจคนอื่น ก็แก้ตัวต่อ "แค่เพื่อนอุ่นเตียงค่ะ!"

          "จริงเหรอคะทุกคน? ต๊าย! จำปาคะ คุณหญิงแม่ผิดหวังในตัวลูกมากค่ะ! ไปมีกิ๊กยังไงให้โดนจับได้คะนั่นน่ะ จะกามเองคุณแม่ไม่ว่า แต่กามแล้วไปลำบากน้องๆ นี่รับไม่ได้! กากมากจริงๆ กาก And อ่อนด๋อยจนเกินกว่าคุณหญิงแม่จะรับได้ ไปเลยค่ะ ไปเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงสิบวันเลยนะคะ"

          "ว๊าย โดนคุณแม่ไล่แบบนี้ สำนวนไทยเขาเรียกว่าอะไรนะนิโคลัส"

          เฮียเนื้อหย็องหันไปมองพี่สาวตัวเอง "โดนตัดหางปล่อยวัดน่ะแอน"

          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดด อย่ามาว่าจำปาเป็นฮิปโปโปเตมัสนะคะ!"

          "หมา! / หมา! / หมา! / หมา! / หมา!"

          แล้วสงครามบนโต๊ะก็ลั่นระฆังเริ่มขึ้นเหมือนทุกวัน

          ผมคิดว่าคงจบเรื่องของผมแต่เพียงเท่านั้น แต่ในระหว่างที่กำลังหั่นบรอกโคลีเป็นชิ้นเล็กๆ ให้เจ้าตัวน้อย คุณป๊าที่กำลังแข่งขันหั่นแคร์รอตให้เทมก็เงยหน้าอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้

          "เอ้อ ตกลงปีใหม่เราจะไปเที่ยวที่ไหนกัน ปีนี้ป๊าไม่เอาโซนยุโรปแล้วนะ เบื่อ"

          "ไม่เอาฮ่องกงด้วยนะคะ ฝั่งจีนนี่ไม่เอาเลย ไก่ไปดูงานบ่อยจนเอือม"

          "งั้นคุณหญิงแม่ขอแบนแนวบุกป่าด้วยค่ะ"

          "นอนอยู่บ้านไหมล่ะครับ"

          "ไมได้นะเฮียเนื้อหย็อง! หย็องต้องเอารูปไปอวดกับเพื่อนๆ"

          "จำปาไม่เอาภาคเหนือแล้วนะเจ้าคะ ไปจนจะอู้คำเมืองได้แล้วเจ้า"

          "กระบี่ก็ดีนะ รูปที่เทมไปกับหมูปีก่อนสวยมากเลย"

          "ในไทยก็ดีนะครับ จะได้ไม่ต้องแบ่งวัน เมกุมิซังกับเทมจะได้ไปด้วยกันได้ทีเดียวเลย"

          "พาเทมกับคุณป้าไปต่างประเทศด้วยไม่ได้เหรอ หย็องอยากพาเทมไปเดินดูขนมอ่ะ เทมยังไม่เคยเห็นหิมะเลยนะ หย็องเอาใส่ขวดมาฝากมันก็ละลายหมดแล้ว"

          "นั่นสิหมู เจ้ก็เห็นด้วยกับหย็องนะ ไทยก็ดี แต่อยากให้ไปเปิดหูเปิดตากันที่นู่นมากกว่า บรรยากาศมันต่างกัน"

          แล้วก็ถกเถียงว่าด้วยเรื่องหาที่เที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตาประจำปี ช่วงปีใหม่ ตามประเพณีบ้านเราจะไปเที่ยวด้วยกันยกครอบครัวน่ะครับ ในความสบายๆ ของบ้าน ก็มีกฎนี้ต้องรักษา ทุกคนต้องหาเวลาว่างให้ตรงกัน แต่ผมก็เคยไปด้วยไม่กี่ครั้ง พอมีเทมผมก็ไม่ได้ไปด้วยอีกเลย เพราะสมัยก่อนเคยจะพาเทมไปด้วยกันครับ แต่เด็กชายของผมเมาเครื่องบินในระดับสูงอย่างรุนแรง บินในประเทศหรือไม่ไกลนัก ยังใช้ความบินระดับไม่สูงมาก เทมยังพอไหว แต่หากข้ามประเทศไกล เครื่องบินต้องบินในระดับความสูงที่สูงมาก หัวใจเด็กน้อยจะเต้นเร็วและผิดจังหวะ จนต้องล้มเลิกแผนไป

          ครั้นจะให้ผมไปเที่ยวคนเดียวก็พะวักพะวงห่วงเขาไปหมด

          แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ไปเที่ยวกับครอบครัวหรอกนะครับ เพียงแต่ไม่ได้ไปนอกประเทศด้วยเท่านั้น ปีไหนทุกคนไปต่างประเทศ พวกผมก็จะเที่ยวในประเทศรอ มีไปประเทศใกล้ๆ ที่ขับรถไปถึงได้อย่างพม่า เวียดนาม ลาวบ้างเช่นกัน พอคุณป๊ากับคุณม๊าและทุกคนกลับมา เราก็ไปเที่ยวด้วยกันสองครอบครัวต่อที่ต่างจังหวัด แล้วก็ยุ่งยากทุกปี เพราะทุกคนตื๊อให้พวกเราสามคนไปเมืองนอกด้วยกัน มันค่อนข้างจะลำบากถ้าไปต่างประเทศ อืม ต้องยอมรับครับว่าครอบครัวผมค่อนข้างจะฟุ่มเฟือย การไปเที่ยวจึงไม่ต่างกับเอาเงินมาโยนใส่กองไฟ เผาผลาญเล่นหมดอย่างรวดเร็ว ถ้าคุณป้าไปด้วย แน่นอนว่าคุณแม่ต้องดื้อขอออกให้ตลอด แค่ไปต่างจังหวัดก็หมดครึ่งล้านได้ ไปต่างประเทศยิ่งไม่ต้องพูดถึง คุณป้าเกรงใจ จึงปฏิเสธมาตลอด

          ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าทุกคนจะไปไหน คุณพ่อก็หันมาถามเอาคำตอบกับผมแทน

           "แล้วหมูจะเอายังไงลูก ปีนี้จะไปกับพวกป๊าไหม เราจะได้เที่ยวกันยาวๆ ไปเลย เทมก็โตแล้วนะป๊าว่า อาการเมาเครื่องบินก็ไม่เป็นแล้วไม่ใช่หรือ ส่วนเมย์ก็ไม่ต้องห่วงงานนักหรอก ถึงจะมีขโมยบุกคอนโดจริง ประกันก็จ่ายอยู่แล้ว ไปเที่ยวกับพวกเราดีกว่า"

          "แต่ว่าค่าใช้จ่ายไปต่างประเทศมันค่อนข้างจะ...."

          "พี่บอกกี่ครั้งแล้วคะว่าอย่าพูดเรื่องนี้ ยังไงเราก็ต้องดองเป็นตังเมแผ่นเดียวกันอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวบ้านเราจะจนลงเลยค่ะ ถ้าน้องเมย์พูดถึงเรื่องเงินอีก พี่จะเปิดบริษัทเพิ่มอีกสักแห่ง เอาให้รวยกว่าเดิม จนซื้อที่บนดวงจันทร์ไว้ปลูกใบโหระพามาผัดเผ็ดหอยลายขายเลยดีไหมคะ พี่ไม่ได้จะอะไรนะคะ แต่ค่าดูแลรักษาด้วงประจำเดือนของหย็องหย็อง ยังแพงกว่าเงินค่าเที่ยวของทั้งสองคนสามปีรวมกันเสียอีก พูดแล้วคุณหญิงแม่ก็เครียด ด้วงนี่ต้องมีเครื่องปรับอากาศทุกกรงด้วยเหรอคะหย็องหย็อง เจ้าลูกด้วง!"

          "หม่าม้าอ่า...ก็คริสโตเฟอร์แพ้อากาศในไทยนี่น่า หย็องกลัวคริสจะหายใจไม่สะดวก"

          คณแม่ตวัดสายตาดุใส่น้องคนเล็ก "คุณแม่จะไม่ว่าอะไรเลยค่ะ ถ้าหนูบริหารเงินเป็น ไม่ใช่ใช้เงินค่าขนมจนหมดแล้วมาเบิกเงินล่วงหน้าเรื่อยๆ แบบนี้"

          หย็องหย็องคอตก เมื่อความจริงตีแสกหน้า เอ่ยเสียงอ่อย "ขอโทษฮับ"

          "แล้วน้องเมย์ว่ายังไงคะ ปีนี้ไปต่างประเทศกับพวกเราได้ไหมคะ?" คุณแม่หันมาคาดคั้นคนด้านข้างตัวเองแทน ทุกสายตาหันไปมองคุณป้าเป็นตาเดียว หญิงร่างเล็กมีท่าทางอึกอัก แม้จะเป็นคนนุ่มนิ่ม ดูหัวอ่อน ยอมโน้มตามแรงลม ทว่ากลับไม่ชอบรับความช่วยเหลือเท่าไหร่นัก เพราะคิดว่าเป็นการรบกวนและทำให้คนอื่นลำบาก แถมยังเป็นประเภทจำพวกยึดมั่นในความคิดตัวเองอย่างหนักแน่น

          ผมเห็นท่าทางลำบากใจของคุณป้าจึงช่วยเอ่ยเสริม "อืม...ที่จริงผมก็มีแผนจะพาเทมไปเที่ยวช่วงปิดเทอมกับน้ำแล้วก็เต้ที่ญี่ปุ่นอยู่แล้วนะครับ อย่างที่บอกไว้ว่าเราจับฉลากได้รางวัล เพราะงั้นช่วงปีใหม่พวกผมเที่ยวในไทยก็ได้ครับ แล้วค่อยรอพวกคุณป๊ากลับมาจากนอก ตามมาสบทบเที่ยวพร้อมกัน"

          "แยกกันเที่ยวอีกแล้วเหรอ เจ้อยากเที่ยวด้วยกันหมดอ่ะหมู"

          "อะไรอ่า พวกเฮียจะไปญี่ปุ่นกันเหรอ เทมก็ไปด้วย? โห แบบนั้นก็ขี้โกงน่ะสิ ก็มีแค่เฮียหมูคนเดียวนี่น่าที่ได้ไปเที่ยวกับเทม ไม่โอเคใช่ไหมป๊า!"

          "ใช่ ใช่! แบบนั้นก็ให้ป๊าไปญี่ปุ่นด้วยคนสิ"

          "หย็องไปด้วย!"

          "นั่นมันช่วงปิดเทอม วันหยุดจะไม่ตรงกันเอานะครับ แล้วจะไปด้วยนี่ หลายวันนะครับ ไม่ใช่แค่ไปด้วยกันไม่กี่วันเหมือนไปเที่ยวต่างจังหวัด ไม่กลัวภาพลักษณ์จะหลุดต่อหน้าน้ำกับเต้แล้วหรือไงกันครับ?"

          "ไม่สน ป๊าเป็นเจ้าของ จะปิดจะหยุดวันไหนก็ได้! แล้วภาพลักษณ์ก็ไม่สนด้วย ป๊าจะไปเที่ยวกับเทม!"

          "ตามใจคนหัวล้านหน่อยค่ะลูกคนสวน เขาอยากไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันครบทั้งครอบครัวมานานแล้ว"

          "เอเลน ผมหัวไม่ล้านนะ!"

          "ใช่หมู ไปด้วยกันเถอะน่า เรื่องโรงเรียนเดี๋ยวพวกเจ้เขียนใบลาเอาก็ได้ ไม่มีอะไรยุ่งยากหรอก"

          "อืม...ให้เมกุมิซังไปพักผ่อนบ้าง เฮียก็ว่าสมควรนะหมู ไหนๆ ก็มีแผนจะไปเที่ยวนอกอยู่แล้ว ก็ปรับมาเที่ยวด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ แล้วญี่ปุ่น น้องค่อยไปปีหน้า หรือช่วงปิดเทอมหน้าอีกรอบก็ได้ แต่ปีใหม่ก็ไปกับพวกเราก่อน แล้วเมกุมิซังก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องค่าใช้จ่ายนะครับ แค่นี้ขนหน้าแข้งพวกเราไม่ร่วงแน่นอน"

          ถอนหายใจให้ความดื้อของทุกคนที่เริ่มโหวกเหวกขอไปด้วย ผมว่าพลังความขี้โมเมของคนในบ้านนี่ร้ายกาจมากเลยทีเดียว จากปีใหม่ก็บานปลายไปถึงแผนเที่ยวของพวกเรา ไม่ใช่แค่ปีใหม่แต่กระทั่งปิดเทอมก็มาขอแจม อยากจู๋จี๋กับเทมสองคน ก็ดันพ่วงครอบครัวจอมป่วนมาเต็ม แม้จะพยายามจะหาหนทางแก้ แต่เหมือนเขาฟอร์มทีมกันมาดี...

          แล้วคิดว่าตอนจบจบลงที่อะไรครับ?

          ขนาดคุณป้ายังโดนมัดมือชกหาช่องว่างแทรกคำปฏิเสธไม่ทัน แน่นอนว่าผมก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป จากคาดคะเนว่าปีนี้คงจะไปภาคใต้กันไม่กี่วัน แล้วกลับมาช่วยเทมติวเตรียมขึ้นมัธยมปลาย ก็ถูกครอบครัวจอมเล่นใหญ่เปลี่ยนแผนกะทันหัน วันหยุดปีใหม่ห้าวัน ไม่เพียงพอ ข้ออ้างมากมายถูกยกขึ้นมาเพื่อให้สมเหตุสมผล เช่น เพราะเป็นการไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของคนที่ยังคงต่อสู้กับผักในจานอย่างขะมักเขม้น ไม่ควรไปใกล้ๆ ประเทศที่เราจะไปเลยไกลขึ้นเรื่อยๆ แผนยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ


          สรุปเที่ยวปีใหม่ พวกผมจะไปนิวยอร์กกัน 15 วัน และไปญี่ปุ่น 14 วัน...ครอบครัวผมก็จะไปด้วยครับ



          "เทม เทมทานผักหมดแล้วครับ!"

          เด็กน้อยผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เงยหน้ายิ้มแฉ่งโชว์จานว่างเปล่าให้ดู ผมยกมือเช็ดมุมปากคนยิ้มสวย เอ่ยชม

          "เด็กดี"



****





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2019 22:29:50 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter
          สงครามไม่ได้จบแค่บนโต๊ะอาหาร แต่ลุกลามมาถึงในแท็บเล็ต แจ้งเตือนมหาศาลจากแอปพลิเคชันทำเอาเหน็ดเหนื่อยได้เพียงแค่มอง ตั้งไอแพดไว้บนโต๊ะก่อนกดต่อสายไปถึงเพื่อนสนิท ไม่นาน บนหน้าจอปรากฏภาพเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เห็นมาสามวัน สองคนที่ยามแรกเมื่อติดต่อไป ใบหน้ากวนประสาทแต่เดิมยิ่งทวีมากขึ้น ใบหน้าล้อเลียนมาพร้อมคำโห่แซวไม่หยุด แต่พอเอ่ยบอกเหตุการณ์บนโต๊ะอาหาร

          [ มึงพาเทมไปกก แล้วกลับมาพร้อมข่าวร้ายเนี่ยนะ!? ]

          [ เวร เวรมากๆ กูคิดภาพนั่งเกร็งตัวแข็งโด่ออกเลย ]

          [ ทำไมมึงพูดแล้วกูคิดถึงอย่างอื่นแข็งวะ...เฮ้ย กูจะหลงประเด็นไม่ได้ กลับมาก่อนสติ แล้วยังไงอะ คือแผนญี่ปุ่นก็ล่มเรอะ แล้วที่พวกเราเครียดหาทางกัน จะเครียดไปเพื่ออะไรวะ ]

          ครับ สองแฝดแย่งกันพูดน้ำไหลไฟดับ ต่อว่าต่อขานผมต่างๆ นานา เหมือนเก็บกดมาสักสามสิบชาติ เทมปุระที่นั่งแบมือสองข้างให้ผมตัดเล็บให้ รีบหันขวับไปเอ่ยแก้ตัวให้ทันที จนต้องจับมือคุณนางฟ้าให้มั่น ไม่ให้กระพือปีกขยุกขยิก "เทมอย่าเพิ่งขยับเยอะนะครับ เดี๋ยวจะโดนกรรไกรบาดเอา"

          "อะ! ขอโทษ ขอโทษนะครับหมูหย็อง พี่เทมๆๆ เทม เทมจะอยู่นิ่งๆๆๆ นะครับ" เทมยืดหลังตรง ทำตัวแข็ง แล้วค่อยๆ ขยับเคลื่อนแค่เพียงคอ "ไม่ใช่นะครับน้ำครับ หมูหย็องบอกว่าเรายังไปญี่ปุ่นอยู่ครับ แต่ว่า แต่ว่า ปีใหม่ต้องไปเที่ยวกับคุณปะป๊า คุณหม่าม้าก่อนด้วยครับ คุณแม่ คุณแม่ของเทมก็ไปด้วยนะครับ แล้วก็ๆๆ ปิดเทอมก็ไปด้วยอีกรอบครับ ไปด้วยกันหมดทุกคนเลย สนุกๆๆๆๆ"

          [ โอ้โห เพื่อนรัก มึงสนิทกับคุณปะป๊าคุณหม่าม้าและบรรดาหย็องทั้งหลายก็พูดได้สิวะ กูเคยไปเที่ยวด้วยก็หลายครั้ง ยังเกร็งทุกครั้งเลยว่ะ นี่จะให้ไปอยู่ด้วยสองทริป รวมเบ็ดเสร็จเป็นเดือน แค่คิดก็อึดอัดแล้ว ป๊าม้ามึงแม่งดูเข้าหายากอ่ะ ]

          อืม...ถึงจะรู้จักกันมานานหลายปี แต่นอกจากคุณพ่อของเต้กับคุณหญิงแม่ของน้ำแล้ว คุณป๊าก็ยังชอบเก๊กขรึมใส่เต้กับน้ำเสมอ เห็นบอกกลัวเด็กๆ ที่สมัยก่อนชมว่าเจ้าตัวเท่เงียบขรึมจะหมดศรัทธา คุณหม่าม้าก็ชอบสวมบทบาทคุณหญิงร้ายกาจกับสะใภ้เข้ากรุง หน้าตาหยิ่งและดุที่ถอดแบบมาจากคุณยายจึงยิ่งดูน่าหวาดผวาเข้าไปอีก

          "คุณปะป๊า คุณปะป๊าเข้าหาง่ายๆๆๆๆ นะครับ คุณปะป๊าจะอ้าแขนกว้างๆๆๆ ให้เข้าไปกอดครับ เดินไปหาก็เข้าไปมุดได้เลยครับ คุณหม่าม้าก็ใจดีครับ ชอบ ชอบมาลูบหัวเทมเปาะแปะตลอดเลย หาขนมกับเสื้อผ้ามาให้ด้วยนะครับ"

          [ เออว่ะ เข้าง่ายยิ่งกว่าร้านสะดวกซื้อเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง ...จะบ้าเรอะ! ก็มีแค่มึงไหมล่ะลูก ที่ป๊าเขาเอ็นดูน่ะ ]

          "คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้เข้าหายากหรืออะไรหรอกครับ ท่านก็แค่อายนิสัยจริงเฉยๆ ตัวจริงก็เป็นคุณลุงคุณป้าทั่วไปนั่นแหละครับ"

          [ พูดง่ายจริงโว้ยยยยยยยย! ถ้ามึงจะยืนกรานให้พวกกูไปด้วย ได้! งั้นกูจะชวนท่านพ่อกับหม่อมแม่ไปด้วย! ไม่พอ กูจะชวนพี่ต้นน้ำ พี่น้ำเอกไปอีก! ]

          น้ำในชุดนอนตบโต๊ะจนนมในแก้วสะเทือน ไอ้เต้เพื่อนซี้ถึงกับเบิกตากว้าง ทำหน้าส่งสัญญาณถามประมาณว่า 'มึงเอาจริงดิ?' ใส่เพื่อนตัวเล็ก ส่วนอีกคนก็ตีสีหน้าจริงจัง บ่งบอกว่าพูดจริงทำจริงแน่นอน

          [ อ้าว ได้เหรอวะ...งั้นกูจะชวนพ่อกับแม่กูไปด้วย...ทำไมบ้านกูดูน้อย ไอ้สัส งั้นกูจะชวน รปภ. บ้านกูไปด้วย! ]

          เต้พยักหน้าหงึกหงักบอกอย่างหมายมาด

          เอ่อ จะไม่ถามสุขภาพผมสักคำเลยเหรอครับ? ภาพฮันนีมูนหลุดลอยออกไปไกล นี่มันทริปรวมญาติหรือยังไงกัน? สรุปเที่ยวปีใหม่ พวกผมจะไปนิวยอร์กกัน 15 วัน และไปญี่ปุ่น 14 วัน...ครอบครัวผม และครอบครัวของเพื่อนผมก็จะไปด้วยครับ


          พวกเราต่อล้อต่อเถียงกันอีกยกใหญ่ วกพูดคุยเรื่องบทเรียนนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรมาก จึงปล่อยผ่าน น้ำเงยหน้าจากเกมแล้วหันมาถาม

          [ เออ แล้วพรุ่งนี้มึงจะมาโรงเรียนไหม? เปียใกล้จะอกแตกตายแล้วนะ ติดต่อมึงไม่ได้อะ เห็นว่างานเลี้ยงส่งรุ่นพี่มีปัญหาอะไรสักอย่างนี่แหละ กูขี้เกียจฟัง ]

          [ ไม่มาอีกนี่กูจะตามไปลากถึงบ้านแล้วนะ ไอ้ห่า คอเคอนี่ดูไม่ได้ เพลาๆ บ้างโว้ย ลูกกูช้ำหม๊ด  ]

          ปล่อยเสียงให้เข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา
     
          "ไหนขอหมูดูหน่อยครับ อืม...โอเคครับ เสร็จแล้ว" จับมือเทมปุระพลิกไปมาสำรวจ ว่าไม่ลืมตะไบส่วนเล็บคมตรงไหนให้โค้งมนเรียบร้อย ป้องกันเจ้าตัวเผลอข่วนเนื้อตัวเอง "พรุ่งนี้เทมอยากไปโรงเรียนไหมครับ?"

          "ขอบ ขอบคุณครับ แล้ว แล้วหมูหย็องอยากไปไหมครับ?"

          "อยากอยู่กับเทมครับ" แค่สองคน

          "เทม เทมก็อยากอยู่กับหมูหย็องครับ"

          "งั้นเรา---"

          [ หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดที่ไม่ได้หมายถึงให้พวกมึงหยุดเรียน แต่หมายถึงหยุดทำให้พวกกูเป็นส่วนเกินของโลกสีชมพูสักทีโว้ย เลี่ยนชิบหาย ส่วนมึง เทม! ไอ้รูกไม่ลั๊กลี! มึงจะหยุดอีกไม่ได้นะ มึงไม่อยากเจอกูสองคนหรือไง ]

          เทมเบิกตาสีน้ำตาลโต กะพริบตาปริบๆ เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่เจอเพื่อนมาสามวันแล้ว ท่าทางลืมชัดเจนเล่นเอาคุณพ่อในมโนสมมุติแยกเขี้ยว เจ้าก้อนความสุขรีบยิ้มหวานประจบเพื่อนบ้าบาส "เทม เทมอยากเจอเต้ครับ"

          "แล้วกูล่ะ?" น้ำชะโงกหน้าเข้ามาในจอ

          เทมผงกศีรษะขึ้นลงไวๆ

          "เทม เทมอยากเจอน้ำด้วยครับ" น้ำพยักหน้าพอใจก่อนหมุนตัวไปเล่นเกมต่อ

          ผมยื่นมือไปเกลี่ยแก้มนุ่ม "แล้วหมูล่ะครับ?"

          เทมปุระยิ่งยิ้มหวานกว่าเดิม หวานหยด หวานจนหัวใจกระตุก

          "เทม เทมอยากเจอหวานใจที่รักทุกวันเลยครับ"

          [ เหม็นความรักโว้ยยยย / เหม็นความรักโว้ยยยย ]

          ปี๊บ -----

          หัวเราะในลำคอเมื่อเพื่อนทั้งสองกดตัดสายไปพร้อมกัน จากนิ้วมือลากไล้ข้างแก้ม เปลี่ยนเป็นโอบมาชเมลโลขาวนวลทั้งสองข้างไว้ในอุ้งมือ ก่อนโน้มตัวลงไปชิมรส อยากต่อลากยาวไปจนถึงตักเจ้าตัวขี้อ่อยใส่จาน แล้วทานเป็นฟูลคอร์สอยู่หรอกครับ แต่ก็อย่างทุกคนว่า ผมต้องถนอมคนน่ารักเสียหน่อย ประเดี๋ยวจะเตลิดหนีไปเสียก่อน จับมือเขาที่เพิ่งตัดเล็บเสร็จขึ้นมาอีกหน หลังจากไม่ได้เยี่ยมหน้าไปโลกภายนอกมาหลายวัน วันนี้ผมก็ให้คุณหมอเข้ามาดูแผลบนมือเทมอีกรอบ ครั้งนี้แผลแทบจะหายสนิทแล้วครับ เหลือแค่ร่องรอยนิดหน่อยเท่านั้น

          "แบมือ กำมือแล้วยังเจ็บอยู่หรือเปล่าครับ?"

          "เทม เทมแบมือได้กว๊างกว้างครับ กำได้กลมแน่นป๊อกๆๆ เลยด้วยนะครับ ไม่เจ็บเลยครับ"

          ผมมองแล้วครุ่นคิดนิดหน่อย กำลังชั่งใจว่าถึงเวลาให้เขากลับมาทำอะไรเป็นปกติหรือยัง เด็กชายเทมปุระเข้ามางอแงกับผมหลายวันแล้วครับ เจ้าตัวอยากจับพู่กัน สีเทียน ดินสอสีระบายเล่นใจจะขาด ถึงจะให้เล่นในแท็บเล็ตก็ไม่เหมือนจับของจริง เทมเปิดปิดกล่องสีตัวเองด้วยดวงตาหงอยเหงาอยู่ทุกวัน แกล้งตีสีหน้าครุ่นคิดเนิ่นนาน จนเด็กน้อยตรงหน้าร้อนใจไปหมด ดูท่าจะรู้ตัว ว่ากำลังถูกตัดสินเรื่องอนาคตการแต่งแต้ม

          "เทม เทมมือหายเกลี้ยงๆๆๆ ร้อยๆๆๆ ของร้อยๆๆๆ เปอร์เซ็นต์แล้วนะครับหมูหย็องครับ เทม เทมระบายสีได้หรือยังครับหมูหย็องครับ คุณหมอ คุณหมอก็บอกว่าเทมหายเพียบเลยนะครับ หายแบบเยอะแยะเกลี้ยงๆๆ เลยนะครับ" ว่าแล้วก็กำมือแล้วแบออก กำแบ กำแบ ให้ดูไม่หยุดหย่อน

          พอเห็นผมยังนิ่ง

          เด็กดียกมือไม้ขึ้นลงยุ่งเหยิง สรรหาวิธีทางสารพัดเพื่อให้เชื่อว่าไม่เจ็บแล้วแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ท่าทางน่าเอ็นดูจนแกล้งต่อไม่ลง ก้มไปปิดริมฝีปากร้อนรนด้วยริมฝีปากตัวเอง  กระซิบแนบชิดให้อีกฝ่ายใจเย็นลง "งั้นอนุญาตให้ระบายสีเล่นได้ครับ"
          อัญมณีสีสวยพราวระยับ ก่อนจะงับปากผมเบาๆ ความนิ่มยืดหยุ่นบดเบียดเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ

          "ขอบคุณนะครับ"

          พอได้รับคำอนุญาต องค์ชายก็วิ่งแล่นไปห้องเก็บของส่วนตัว เริ่มรื้อสมุดภาพระบายสีที่ระบายค้างไว้ออกมา จากหนึ่งเล่มเป็นสองและสาม กองสุมกันเป็นตั้งบนโต๊ะหน้าทีวีจนอดเอ่ยแซวไม่ได้ "จะระบายให้หมดในคืนเดียวเลยหรือครับ?"

          ผมปล่อยให้เขาฮึมฮัมเพลง ระบายสีไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะเริ่มตรวจเช็คอีเมลของตัวเองบ้าง เมลนับร้อยไม่มีอะไรน่าหนักใจเท่าอีเมลฉบับสุดท้าย อีเมลคุ้นตาจากคนคุ้นเคยทำเอาใบหน้านิ่งเรียบยู่ยับ คิ้วห่างขยับเข้ามาใกล้และเริ่มผูกกันแน่น ข้อความไม่กี่บรรทัด ทว่าทำเอากระเด้งตัวพรวดพราดด้วยความตื่นตระหนก จากเอนหลังบนโซฟา ตอนนี้นั่งหลังตรงแหน็ว เลื่อนอ่านข้อความซ้ำๆ เป็นสิบยี่สิบรอบด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ความตกใจและหวาดหวั่นดีดตัวพุ่งขึ้นถึงขีดสุด

         
          ท่านบอกว่าจะมาอีกครั้ง มาอีกครั้งด้วยเหตุผลเดียว คือมาดูความเหมาะสมคนรักของหลานชาย


          'หวังว่าหลานจะใช้วันหยุดได้สนุกสนานและคุ้มค่านะดิมิทรี เมื่อเร็วๆ นี้ พระองค์ทรงมาเยี่ยมเยือนยายที่คฤหาสน์ เราเล่นหมากรุกกันหลายตา ยายเล่นแพ้ท่านไปสองหนในสิบเกม จากปกติยายไม่เคยแพ้ท่านเกินหนึ่งในสิบสักครั้ง จนท่านตรัสแซวว่ายายก็ควรพักผ่อนเสียบ้างเช่นกัน  ยายเห็นดีเห็นงามด้วย อีกทั้งสิ้นปี ก็ฟังดูเหมาะสมจะเป็นวันหยุดที่ดี หลานคิดว่าอย่างไร ถ้าคริสต์มาสนี้ตากับยายจะไปหาเราที่ไทย

ยายของหลาน'




          และท่านก็กำลังจะมา มาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คนที่ผมเคารพที่สุด เกรงกลัวที่สุด ...คุณยายของผมเอง








end 49 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2019 22:23:26 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter







50






           ยามเช้าไม่สดใสเหมือนเมื่อวาน โดยเฉพาะเช้าหลังจากหัวหมุนวนไปด้วยภาพมโนคิดแง่ร้ายทั้งคืน สมองเหมือนแผ่นเสียงตกร่องคิดวนลูปแต่อะไรแย่ๆ สะบัดไม่ออก การมาอย่างกะทันหันของคุณยายทำเอาผมค่อนข้างเครียดหนัก ถึงจะมีเวลาเตรียมตัวเกือบเดือน แต่ก็ยังถือว่าฉุกละหุกนัก

          สองมือผูกเนคไทอย่างเลื่อนลอย ในหัวคิดสะระตะ ไล่เรียงแผนที่ต้องทำ ปะปนไปกับภาพเลวร้ายที่ฉายชัดยิ่งกว่าหนังสามมิติเรื่องไหน

          ถ้าคุณยายไม่ชอบเทม ไม่ยอมรับเทม...ผมจะทำยังไงดี

          คำตอบที่ลอยเด่นชัดทำเอาหนักใจ

          แผ่นอกใครบางคนกระทบแผ่นหลัง ความอุ่นร้อนเหมือนช่วยคลายความตึงเครียดลง เส้นเอ็นแข็งขืนอ่อนตัวไปตามเส้นโค้งของแผ่นอกที่รองรับ สองมือคนด้านหลังดึงผมให้เอนตัวลงไปพักพิง ช่วยให้ใจกระสับกระส่ายสงบ               
          เทมปุระเข้ามากอดผมจากด้านหลัง สองแขนกอดรัดโยกเยกตัวไปมา ขณะกำลังจะหมุนตัวไปหาเพื่อกอดตอบ แต่เสียงทุ้มนุ่มก็เอ่ยห้ามขัดเสียก่อน "น้องหมูหย็อง น้องหมูหย็องครับน้องหมูหย็อง ไม่หันๆๆๆ นะครับ"

          เลิกคิ้วกับคำห้ามของเด็กชายแสนขี้โกง มาขโมยกอดกันแต่เช้าไม่คิดจะจ่ายค่ากอดกลับ แม้จะสงสัย แต่ก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี ยืนนิ่งเป็นตุ๊กตาในอ้อมแขน ซึมซับความอบอุ่นแสนสบายใจ จนเปลือกตาที่เบิกค้างทั้งคืนเริ่มหนัก ตาปรือใกล้จะปิด คิดว่าคงได้เผลอหลับคาอกเขาแน่แล้ว แต่อะไรบางอย่างกลับคล้องคอลงมา

          ผมจับแผ่นกระดาษที่ถูกตัดเป็นวงต่อกันขึ้นมาดู จับพลิกซ้ายพลิกขวามอง แล้วรอยยิ้มแรกก็ถูกจุดขึ้นในความเงียบของรุ่งอรุณ

          "ทำให้หมูเหรอครับ?"

          แรงพยักหน้าของคนด้านหลังทำเอาใจแห้งเหี่ยวชุ่่มฉ่ำ พวงมาลัยกระดาษที่มีจี้เป็นกระดาษสีเหลืองทองห้อย ทำเอาอารมณ์ดี สมเป็นสิ่งประดิษฐ์ของเด็กน้อยสุดพิเศษและนางฟ้าใจดี เขาคล้องมาให้อีกหลายอัน เริ่มตัวสั่นไหวเพราะเผลอหัวเราะออก เหรียญรางวัลเริ่มจะเยอะจนแทบจะปิดถึงจมูก เจ้าเหรียญรางวัลรายละเอียดมั่วซั่ว มองแล้วคล้ายพวงมาลัยให้นักร้องหน้าเวทีเสียมากกว่า แต่ยังพอชัดเจน เพราะผู้ทำเขียนกำกับเอาไว้ 'เหรียญทองที่ 1 ของหมูหย็องครับ' 'ผู้ชนะ' 'คนเก่งที่ 1' 'เหรียญทองมากๆๆๆ'

          "พี่เทม พี่เทม เทม เทมเห็นหมูหย็องไม่มีความสุขเลยครับ เทม เทมเลยคิดว่าหมูหย็องต้องเสียใจที่ไม่ได้รางวัลที่หนึ่งแน่ๆ เลยครับ เทมเลยทำที่หนึ่งมาให้นะครับ ถึงจะแพ้ๆๆ ในกีฬาสี แต่หมูหย็องชนะที่หนึ่งกีฬาเทมนะครับ" เสียงคนอธิบายอู้อี้เพราะเอาหน้าซุกหลังคอคนในอ้อมแขนแน่น ไม่ต้องเอี้ยวตัวไปมอง ไม่จำเป็นต้องเห็นก็รู้ แก้มนุ่มต้องเปล่งปลั่งไปด้วยสีชมพูจนทั่วแน่ๆ

          เพราะเขายังเขินไม่เสร็จ ผมจึงไม่ได้รับอนุญาตให้หันไปมอง ได้แต่ปล่อยให้เขาโอบด้วยรอยยิ้ม แล้วฆ่าเวลา พักหัวใจตัวเองที่เต้นหนักหน่วง ด้วยการเสไปมองพวงมาลัยในมือต่อ กระดาษเอสี่สีขาวแผ่นบาง ถูกระบายสีเสียสดสวย ...เมื่อคืนเขาคงเห็นผมเงียบไป เลยนั่งทำให้สินะ
 
          เจ้ากระดาษแผ่นบาง หากหนาไปด้วยความห่วงใย

          กระชับแขนที่โอบล้อม แล้วเอ่ยจากใจ "ขอบคุณนะครับ"

          "เทม เทมทำแป้นให้หมูหย็องด้วยนะครับ มีโถทองให้ด้วยนะครับ!"

          ว่าแล้วก็จับผมหันตัว จูงกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปข้างล่าง แท่นรับรางวัลที่ควรจะเรียงต่อกันเป็นชั้น แล้วเขียนอันดับหนึ่งสองสาม เมื่อถูกผลิตผ่านมือช่างฝีมือเทมปุระก็เป็นลำดับหนึ่งเพียงอย่างเดียว กระดาษเอสี่ถูกเขียนตกแต่งแปะไว้บนโซฟา หันมองคนจัดงานรับรางวัล ก็เห็นหน้าตาคาดหวังจนแอบขำขึ้นมาอีกครา ดวงตาปลาบปลื้ม ชื่นชมยินดี ทำเอารู้สึกภูมิใจในตัวเองอย่างไม่มีเหตุผล สองขายอมเล่นตามเกม ปีนขึ้นไปเหยียบบนโซฟา โค้งตัวคำนับ รับเหรียญรางวัลอีกหลายอันจนแทบจะบังทิวทัศน์เสียมิด

          พอคล้องให้จนพอใจ เขาก็รับหน้าที่พิธีกรและกรรมการมอบถ้วยรางวัลต่อ ดินสอถูกแทนที่ไมค์ เด็กชายเลียนแบบได้ไม่มีที่ติ เขาตบไมค์สมมุติสองสามทีแล้วเริ่มเปิดงาน

          "แฮ่มอะ แฮ่มอะ"

          หึหึ ต้องอะแฮ่มไม่ใช่หรือครับคุณกรรมการ

          "เรา เราจะมามอบรางวัลให้ผู้ชนะการแข่งขัน ในการแข่งเทมกีฬากันนะครับ รายการแข่งมี อืมๆๆๆๆ แข่ง แข่งเยอะแยะๆๆๆ ไปหมดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น ทานผักเก่ง วิ่งเก่ง หล่อเก่ง เรียนเก่ง ตั้งใจเก่ง เท่เก่ง แล้วก็ แล้วก็ น่ารักเก่ง หมูหย็องเก่งๆๆ เนอะ หวานใจที่รักเก่งสุดยอดเลยเนอะครับ" ว่าแล้วก็หันมายิ้มตาปิดอย่างคนขี้โอ่ อวดหวานใจของตัวเองให้ผมหนึ่งที

          กรรมการคนนี้ต้องโดนสอบวินัยนะครับ มาอ่อย มาจีบ อย่างนี้ได้ยังไงกัน แถมยังลำเอียงให้แฟนตัวเองมากเกินไปแล้วนะครับ คุณกรรมการเทมปุระ

          "แต่นแต่น แต้นนนน จานรางวัลมาแล้วครับ"

          แอบโน้มตัวไปกระซิบข้างหู "ถ้วยรางวัลครับ"

          กรรมการตาโต พยักหน้าหงึกหงัก "ถ้วยรางวัล ถ้วยรางวัลครับ"

          ถ้วยรางวัลกระดาษถูกวาดได้เบี้ยวจนต้องอมยิ้ม รับมาถือไว้ พร้อมหันไปมองคุณกรรมการที่ตอนนี้รับหน้าที่เป็นช่างกล้องอีกอย่าง เด็กน้อยยกนิ้วชี้กับโป้งกางออกสองข้าง เอามาประกบกันเป็นสี่เหลี่ยมต่างกล้องถ่ายรูป ผมเก๊กท่าเหมือนตัวแทนรับรางวัลอันดับหนึ่งที่ได้ไปในปีนี้ ขยิบตาวิ้งส่งให้ คุณช่างกล้องรีบลั่นเสียงแชะไม่หยุด  "หันมามองทางนี้หน่อยนะครับ ถ่ายรูปนะครับ แชะๆๆๆๆ"

          หัวเราะจนแทบหายใจไม่ทัน เมื่อคุณตากล้องวิ่งวนไปมา จับผมแอ็คท่านู้นท่านี้ ถ่ายหมดกระทั่งรองเท้า ได้รูปจนพอใจก็หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดนิ้วตัวเอง เหมือนมืออาชีพที่เช็คเลนส์ก่อนเก็บ เทมปุระทำหน้านึกขึ้นได้ตอนกำลังช่วยผมลงจากโซฟา

          "เอารางวัล รางวัลนักกีฬาแก้คำผิดเทมดีเด่นไปด้วยอีกหนึ่งนะครับ เทม เทมแถมให้เยอะแยะเลย"

          แล้วจอมโจรก็ลงมืออุกอาจอีกหน ขโมยหอมแก้มผมไปสองฟอดใหญ่ ดวงตาสีน้ำตาลมองเหยื่อที่ยกมือกุมแก้มพร้อมอ้าปากเหวอ เจ้าตัวยิ้มกว้าง ท่าทางชอบอกชอบใจ "หมูหย็อง หมูหย็องยิ้มแล้ว อืมๆๆๆ งั้นเทม เทมแถมรางวัลตกกะใจได้น่ารักอันดับหนึ่งที่สุดในโลกด้วยครับ เทมให้อีกจุ๊บๆๆๆ นะครับ"

          ครั้งนี้เหยื่อลุกขึ้นสู้ ล็อคคอไว้ไม่ให้หนีหาย แล้วเลื่อนไปแนบชิดลึกซึ้ง กอบโกยรางวัลที่แท้จริง จนเจ้ารางวัลลมหายใจติดขัด สุดท้ายเสื้อก็ยับจนต้องไปเปลี่ยนใหม่

          พาเขาเข้ามาเปลี่ยนเสื้อ มองดวงหน้าอ่อนเยาว์ทำเอาคิดมาก...เขาน่ารักและแสนดีขนาดนี้แท้ๆ แล้วก็เผลอตกหลุมความคิดเข้าอีกหน

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องไม่สบายเหรอครับ"

          เด็กชายเริ่มร้อนใจ เมื่อสัมผัสได้ว่าผมนิ่งค้าง ฝ่ามืออุ่นเริ่มแตะป่ายไปทั่วตัว

          ยิ่งเขาแสนดี ตะกอนผงเหล็กในใจยิ่งหนักอึ้ง....อยากให้คุณยายรักและเอ็นดูเทม เหมือนที่ผมรัก

          เพื่อน คนอื่น ไม่ว่าใครไม่ชอบเทมผมก็ไม่ยี่หระ กับคุณพ่อคุณแม่ พี่น้อง ครอบครัวก็อาจจะลำบากใจนิดหน่อย ทว่าก็ยังไม่เข้าข่ายหวั่นไหว แต่สำหรับคุณยายผู้เป็นทั้งครอบครัว อาจารย์ และคนที่ผมชื่นชม ท่านเป็นเป้าหมายของผมมาตลอด เป็นฮีโร่ เป็นตัวเอกในหนังการ์ตูนผู้กอบกู้โลกที่มีลมหายใจ เป็นความฝันว่าอยากไปยืนในจุดนั้นไม่ต่างกัน แม้ท่านจะเคยทำผิดต่อผมไม่ต่างอะไรกับคุณพ่อคุณแม่ ข้อหาใช้เงินซื้อหลานไว้สืบทอดตระกูลฟังดูร้ายแรงพอกับพ่อแม่ขายลูกกิน แต่ก็อดเอนเอียงให้ไอดอลในใจไม่ได้ ยิ่งยามแผลทุกแผลสมานกันดี ...ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้คุณยายชอบเทม อยากให้คนที่ผมเคารพรัก ยอมรับเขา ไม่กีดขวางพวกเรา

          แม้จะอยู่กับท่านมาหลายปี

          แต่ก็เดาใจคุณยายไม่ถูก กับผม หลังจากเราดีกัน ท่านอะลุ่มอล่วยให้พอสมควร แต่กับคนอื่น ดาเลีย แอน ก็ยังคงเป็น ดาเลีย แอน กรอบของท่านไม่เคยเสื่อมไปตามกาลเวลา หลายสิ่งหลายอย่างของเทมค่อนข้าง...ผิดเพี้ยนไปจากความพอใจและมาตรฐานของท่านไป...เยอะมาก จนอดกังวลไม่ได้สำหรับการพบกันครั้งแรก ความประทับใจครั้งแรกนั้นแตกต่างจากงานกีฬาที่เพิ่งพ้นผ่าน กีฬาสียังมีโอกาสแก้ตัวในปีหน้า แต่เกมนี้...โอกาสมีเพียงครั้งเดียว

          กุมมือเด็กขี้แงไว้แนบแก้ม "หมูสบายดีครับ แค่คิดเรื่องอะไรนิดหน่อย"

          เด็กน้อยตาแป๋วสั่นศีรษะจนผมยุ่ง

          "ไม่นิดๆๆๆ หน่อยๆๆๆ นะครับ กับหมูหย็องใหญ่ทุกเรื่องเลยนะครับ ความลับเหรอครับ? เทมจุ๊ๆๆๆ เก่งๆๆๆ นะครับ เทมจะไม่บอกใครเลยนะครับ หมูหย็องบอกเทมไม่ได้เหรอครับ?"

          ส่ายหน้าไปมาบนฝ่ามือนุ่ม คนรักกันไม่ควรมีความลับต่อกัน ไม่ว่าเทมจะเป็นเด็กพิเศษหรืออะไร ผมก็จะให้เกียรติเขาในฐานะคนรัก เป็นคนที่เท่าเทียมกัน

          "คุณตา...คุณยาย...จะมาหาครับ"

          "คุณตาคุณยาย? คุณตาคุณยายคือคุณพ่อคุณแม่ของคุณปะป๊า กับ กับคุณหม่าม้าใช่ไหมครับ?"

          "คุณตาคุณยาย สำหรับเรียกคุณพ่อคุณแม่ของคุณหม่าม้า ส่วนคุณปู่คุณย่า เอาไว้เรียกคุณพ่อคุณแม่ของคุณปะป๊านะครับ"

          อธิบายแล้วก็หลุดขำคนทำหน้างงตรงหน้า

          "มีเยอะแยะๆๆ จังเลยครับ เทมมึนๆๆ ไปหมดเลยครับ ...แล้วๆๆๆ แล้ว แล้ว คุณตาคุณยายมาหาไม่ดีเหรอครับ หรือว่า หรือว่าคุณยาย คุณยายก็เป็นคุณยายลักพาตัวเหรอครับ? อ๋อๆๆๆๆ หมูหย็องครับหมูหย็อง ไม่ต้องกลัวนะครับ ตอนนี้เทมโตๆๆๆ แล้วนะครับ คุณตาอุ้มเทมขึ้นรถตู้ไม่ได้แล้วนะครับ ลักพาตัวเทมไปจากหมูหย็องไม่ได้แล้วนะครับ"

          ว่าแล้วก็กอดผมแน่น เกี่ยวนิ้วก้อยสัญญาว่าจะไม่ยอมโดนลักพาตัวไปเที่ยวอีก

          "หมูไม่ให้ใครลักพาตัวเทมไปหรอกครับ"

          "เทมก็ เทมก็ไม่ให้ใครลักพาตัวหมูหย็องไปเหมือนกันครับ หมูหย็องครับหมูหย็อง ถ้าหมูหย็องโดนใครอุ้ม ต้องทำตัวหนักๆๆๆ นะครับ ทำตัวหนักๆๆๆ เท่าบ้านเลยนะครับ เขาจะได้ยกหมูหย็องไม่ขึ้นนะครับ"

          "ต้องหนักเท่าบ้านเลยหรือครับ?"

          คำตอบคือการพยักหน้าจริงจัง "หึหึหึ ครับ หมูจะทำตัวหนักๆ เลยครับ"

          "แล้ว แล้ว แล้วที่หมูหย็องไม่ยิ้มๆๆ ไม่แฮปปี้เยอะๆๆ เพราะคุณยายจะลักพาตัวพวกเราเหรอครับ?"

          "อืม...ใกล้เคียงล่ะมั้งครับ คุณยาย...คุณยายของหมูเป็นคนดุมากเลยครับ ท่านดุ ท่านเข้มงวด เจ้าระเบียบ แล้วเหตุผลที่คุณยายมา นอกจากมาเยี่ยมหมู...ก็เพราะอยากมาเจอเทมครับ"

          "คุณยาย คุณยายมาหาเทมเหรอครับ?"

          "ครับ ท่านอยากมาเจอคนรักของหลานชายน่ะครับ แล้วหมูก็กังวล กลัวว่าคุณยายจะไม่ชอบเทม"

          "ทำไมคุณยายถึงจะไม่ชอบเทมเหรอครับ เพราะเทมทานผักไม่เก่งเหรอครับ เทมเป็นเด็กไม่ดีเหรอครับ แต่เทมดื้อนิดหน่อยๆๆๆ เองนะครับ" ยกนิ้วชี้กับนิ้วโป้งเกือบแตะกันโชว์ ว่านิดหน่อยขนาดไหน

          มันเขี้ยวคนบอกว่าตัวเองดื้อนิดหน่อย จนยืดตัวไปงับปากเขาเบาๆ

          "เทมเป็นเด็กดีที่ดื้อนิดหน่อยและทานผักน้อยครับ"

          เทมปุระยู่ปาก

          "หมูหย็องก็เป็นคนเท่ๆๆ น่ารักๆๆ เก่งๆๆๆ ที่ดุๆๆ ราวเบียด เหมือนกันครับ"

          "ระเบียบครับ"

          "ระเบียบครับ"


          เราจ้องตากัน

          แล้วเสียงหัวเราะก็ประสานเป็นหนึ่ง


          อา...เครียดได้ไม่นานเลย เพราะเจ้าก้อนความสุขดูดความทุกข์เก่งแท้ๆ เลยเชียว ผมลูบมือไปตามโครงหน้าอีกฝ่าย "เทมรู้ไหมครับ คนส่วนใหญ่ยังคงยึดติดตามเพศสภาพ หญิงต้องคู่กับชาย และชายต้องคู่กับหญิงเท่านั้น หมูเป็นผู้ชาย และเทมก็เป็นผู้ชาย การที่เราเป็นคนรักกัน มันทำให้บางคนไม่พอใจ ไม่ชอบใจ ถึงหมูจะไม่สนใจคนอื่น...แต่สำหรับคุณยาย หมูไม่สนใจไม่ได้ครับ คุณยายเป็นคนมีอำนาจมาก ท่านมีลูกน้องเยอะแยะ ถ้าท่านไม่ชอบเทม...ท่านอาจจะทำอะไรให้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ได้ ถึงหมูจะรู้ว่าท่านเป็นคนมีเหตุและผล แต่อะไรก็เกินคาดเดา"

          ยิ่งเทมเป็นผู้ชาย และเป็นเพียงผู้ชายที่ไม่สมประกอบในสายตาคนอื่น เป็นเพียงเด็กน้อยน่าสงสาร ผู้เกิดมาพร้อมอาการด้อยสติปัญญา ดูแลตัวเองไม่ได้ ทำตัวให้ไม่เป็นภาระยังไม่ได้...สีหน้าของคุณยายกับคุณตาในวันที่ผมบอก ยังคงตราตรึง แม้ไม่แสดงท่าทางรังเกียจเด่นชัด แต่สีหน้าที่บอกว่า 'ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง' เหมือนตอนผมคบเพื่อนต่างฐานะ เหมือนตอนผมทำอะไรผิด ก็กระจ่างแจ้งอยู่บนหน้าของท่านทั้งสอง

          ตาใสแดงก่ำ มือที่จับสั่นไหว ความเศร้าคืบคลานแต้มไปทั่วชายคนรัก จนต้องดึงมากอดปลอบ

          "ไม่ร้อง ไม่เศร้า และไม่ต้องกังวลนะครับ เทมไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะมีสักกี่สิบคุณยาย หมูก็ไม่ยอมให้ใครมาแยกเราจากกันเด็ดขาด ที่หมูเล่า ไม่ได้เล่าให้เทมเครียดหรือกลัว แค่อยากบอกเอาไว้ก่อน ว่าคุณยายอาจจะทำตัวไม่น่ารักด้วย อาจจะดุ หรือพูดจาทำร้ายจิตใจ แต่เราจะผ่านไปได้"

          ผมเล่ารายละเอียด เรื่องราวในอดีต ความเป็นมาเกือบทุกอย่าง

          เทมปุระยืนนิ่งตั้งใจฟัง เหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์เก่าที่โหลดข้อมูลช้าๆ ระหว่างเขากำลังพยายามทำความเข้าใจ ผมก็แอบลอบสังเกตสีหน้า บนนั้นนอกจากความเศร้าสร้อย ก็มีความไม่เข้าใจ เหมือนเจอโจทย์คณิตศาสตร์ยากเกินกำลังจะแก้

          "เพราะหมูหย็องเป็นผู้ชาย แล้วเทมก็เป็นผู้ชายเหรอครับ เราต้องเป็นผู้หญิงคนหนึ่งถึงจะรักกันได้เหรอครับ? งั้น งั้น งั้นเทม เทม เทมจะไปยืมกระโปรงอาเจ้ไก่กับคุณหม่าม้ามาใส่ดีไหมครับ? เทม เทมจะเป็นผู้หญิงเองนะครับ เทมมีสีน้ำเยอะแยะเลยครับ ทาปากได้เป็นสีรุ้งด้วยนะ ทาได้เยอะแยะๆๆ เลยครับ แบบนี้คุณยายจะไม่พาหมูหย็องไปแล้วใช่ไหมครับ"

          หมูว่า...คุณยายน่าจะหันหลังกลับเดินหนี เหมือนตอนเห็นเฮียปลาหย็องใส่ชุดสโนว์ไวท์มาต้อนรับนะครับ

          "หึหึหึ คุณยายไม่น่าจะชอบนะครับแบบนั้น หมูว่า แค่เทมเป็นเทม เป็นเทมอย่างที่เป็นเสมอมาก็พอแล้วครับ"

          "เทมจะเป็นเด็กดีนะครับ คุณยายสำคัญกับหมูหย็องใช่ไหมครับ เทมอยากให้คุณยายชอบเทมด้วย หมูหย็องจะได้ยิ้มเยอะๆๆๆ ไม่เครียดนะครับ ไม่ทำหน้าคิ้วขมวดนะครับ คุณยายเคยเป็นอาจารย์คุณทหาร งั้นเทมจะทำการบ้านให้เสร็จก่อนไปเจอคุณยายนะครับ ถ้าคุณยายถาม เทมจะได้บอกว่าทำการบ้านเสร็จแล้วด้วย คุณตาลักพาตัว เทมก็ เทมก็จะยอมให้ลักพาตัวสักร้อยยี่สิบนาทีก็ได้นะครับ"

          "ห้ามลืมนะครับ ถ้าคุณตาคุณยายพูดเรื่องอะไรเกี่ยวกับเทมไม่ดี นั่นไม่ใช่เรื่องจริง ที่รักของหมูดีที่สุดครับ"

          "ถ้าคุณยายแกล้งหมูหย็อง หมูหย็อง หมูหย็องก็ไม่ต้องเศร้านะครับ หวานใจที่รักของเทมดีที่ซู้ดดดเลยครับ"

          เราพูดคุยกันอีกหลายอย่าง กว่าจะได้ไปโรงเรียนก็หมดไปแล้วครึ่งวัน


*****

          พวกเรามาถึงโรงเรียนก็เวลาพักเที่ยงพอดีครับ เลยตรงเข้ามาในโรงอาหาร ตั้งใจว่าทานข้าวก่อนแล้วค่อยขึ้นห้องทีเดียว นั่งรอบนโต๊ะประจำไม่นาน คู่แฝดคนละฝากับคาร์โลก็เดินเข้ามาสมทบ

          "พวก-มึง-มา-สาย!"

          "แล้วเสื้อกันหนาวคู่นั่นมันอะไร๊ เกินหน้าเกินตาเกินไปแล้ว!"

          คนตัวเล็กแหกปากทันทีเมื่อเห็นพวกผม ยกมือขึ้นชี้เสื้อไหมพรมมีฮู้ดสีเทาบนตัวผมกับเทมด้วยความหมั่นไส้ ไม่ได้ตอบอะไร แค่จับคอเสื้อแหวกโชว์รอยนิดหน่อย ทั้งสองทำหน้าอ๋อขึ้นมา แล้วกรอกตาใส่

          "น้ำครับน้ำ ไม่สายนะครับน้ำ ตอนนี้ ตอนนี้เที่ยงแล้วนะครับ"

          "เออว่ะ ที่มึงพูดก็ถูก....จะบ้าเรอะะะะะะะ"

          เด็กชายเทมปุระเปิดกระเป๋าเป้สีฟ้าสดใส ข้างในนั้นมีกองพวงมาลัยกระดาษใส่อยู่ เหรียญรางวัลที่หนึ่ง ถูกทำมาเผื่อแผ่เพื่อนสนิทที่ชวดเหรียญทองไปด้วยเช่นเดียวกัน นางฟ้าน้อยกระพือปีก ลุกจากเก้าอี้ เอาไปคล้องคอเพื่อนทุกคนด้วยรอยยิ้มสดใส ผู้ได้รับมึนงง ความฉงนอบอวลไปทั่ว แต่เมื่อจับกระดาษที่ห้อยอยู่ ดวงตาสามคู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นซึ้งใจ บนจี้ถูกวาดถูกตัดตามความชอบของแต่ละคน น้ำเป็นเหรียญรางวัลเบค่อน เต้เป็นเหรียญรางวัลลูกบาส คาร์โลเป็น เอ่อ...ตุ๊กบาร์บี้?

           "อันนี้ อันนี้ เทม เทมทำเหรียญทองกีฬาสีเทมมาให้นะครับ เต้ เต้กับน้ำ แล้วก็คาร์โล ไม่ต้องร้องไห้นะครับ ไม่ชนะกีฬาสี แต่ว่าๆๆๆ ชนะที่หนึ่งกีฬาเทมเหมือนกันนะครับ แต่เป็นที่หนึ่งจุดห้านะครับ"

          "เชี่ย..." เต้อุทาน "ขอบคุณมากนะเว้ย ว่าแต่นี่อะไรวะ เหรียญนักเกตไก่เหร---"

          ตุบ!

          "โอ้ย! ไอ้หมู! เหยียบเท้ากูทำไมวะ" เต้หันมาถลึงตามองผม แต่เจอผมมองดุขัดเสียก่อน นักกีฬาบาสตัวจริงของโรงเรียนชะงัก ผมชี้นิ้วไปที่เทมและจี้ในมือคนตรงข้าม เต้หันมองตาม แล้ววกกลับมาที่เด็กชาย เทมเริ่มเม้มปาก ก้มมองต่ำ แก้มพองลม "อะ อ๋อ...กูเล่นมุกน่าเทม รู้เว้ย เต้าหู้ทอด--- ไม่ใช่เหรอวะ อะ เอ่อ อ๋อ! ลูกบาสใช่ไหมล่ะ!"

          "เต้ เต้เห็นเป็นลูกบาสจริงๆ ของจริงๆ ของจริงๆ เหรอครับ?"

          "จริงๆ สิวะ เมื่อกี้กูเล่นมุกเฉยๆ"

          แล้วเทมก็ยิ้มแฉ่ง แอบเห็นไอ้เต้ปาดเหงื่ออย่างโล่งใจ

          เจ้าของเหรียญเบค่อนวางโทรศัพท์ที่ถ่ายรูปไปหลายรูปลง ก่อนเงยหน้าถาม "แล้วอะไรคือที่หนึ่งจุดห้าวะ สมการหรือไง"

          "ก็ๆๆๆ ก็หมูหย็องเป็นที่หนึ่งนี่น่าครับ เต้กับน้ำ กับ กับ คาร์โลก็ต้องเป็นที่หนึ่งจุดห้า แต่ว่าก็เป็นที่หนึ่งนะครับ แต่เป็นที่หนึ่งครึ่งหนึ่งนะครับ ที่หนึ่งจุดห้านะครับ"

          "กูเกือบจะร้องไห้เพราะความซาบซึ้งละไอ้ห่า หมั่นไส้โว้ยยยย"

          "เอ้าๆ อย่าเพิ่งกัดกัน อ่ะนี่ ใบสำรวจอนาคต ส่งก่อนสอบ" เต้ยกมือโบกห้ามทัพ ก่อนจะหยิบกระดาษขึ้นแจก บนกระดาษมีอีกเรื่องที่น่าหนักใจไม่แพ้กัน หัวข้อน่าคิดมาก อย่างจบมัธยมต้นขึ้นมัธยมปลายจะต่อสายอะไร ที่น่าเครียดก็เพราะเด็กน้อยยังเลือกไม่ได้เลยครับ

          "งั้นกูแปะโป้งบ่นไว้ก่อน สรุปพวกมึงจะเรียนสายอะไรวะ ถามตั้งแต่ต้นปี จนจะท้ายปีแล้วยังไม่ได้คำตอบเลย"

          น้ำเคาะนิ้วบนหัวข้อเลือกสายเรียน

          "ไม่สายนะครับๆๆๆ หมูหย็องบอกว่ามาตอนเที่ยงครับ"

          "ไม่ใช่สายแบบน๊านนน"

          น้ำทำท่าเหมือนจะขาดอากาศหายใจ รีบเตะขาผมใต้โต๊ะให้อธิบายให้เทมฟัง

          "สายที่จะเรียนน่ะครับ จำได้ไหมครับที่หมูเคยอธิบาย"

          เทมนิ่งคิดไปสองสามนาที "อ๋อๆๆๆๆๆ ที่ต้องเลือกๆๆๆ ที่มีศิลปะแล้วก็ตัวเลข ภาษา แล้วก็การทดลองใช่ไหมครับ ใช่ไหมครับ เทม เทม เทมยังเลือกไม่ได้เลยครับ ต้องเลือกแล้วเหรอครับ? งั้น งั้น หมูหย็องจะเรียนสายอะไรเหรอครับ"

          "หมูแล้วแต่เทมเลยครับ" การเรียนระดับมัธยม ผมไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว อนาคตของผม การเรียนในโรงเรียนไม่ตอบโจทย์พอ แค่เรียนไปตามสมควรเท่านั้น

          "เต้ เต้กับน้ำ แล้วก็ แล้วก็คาร์โลจะเรียนอะไรเหรอครับ?"

          "กูอะไรก็ได้อะ หม่อมแม่ไม่ได้ว่าอะไร บอกตามใจ"

          "กูก็เหมือนกัน ยังไงก็ต้องรับช่วงต่อธนาคารกับพ่ออยู่แล้ว พ่อเลยปล่อยช่วงมัธยมว่ะ มีแค่มหาลัยที่กูต้องเข้าตามพ่อบอก หา connection เผื่ออนาคต"

          "ผมก็เข้าตามคุณอ่ะครับเทม"

          "อ้าว ทำไมมึงต้องเข้าตามเทมวะโล"

          คาร์โลยักไหล่ พูดด้วยเสียงที่บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ที่ต้องเข้าเรียนตามเทม

          "สัญญาจ้างครอบคลุมการเลือกทุกอย่างในอนาคตทั้งหมด เทมเข้าอะไร กูก็เข้าด้วย"

          "อ๋อ แบบนี้นี่เอง กูก็คิดอยู่ ถ้าแยกเรียนแล้วมึงจะดูแลไอ้เทมยังไง แหม เสี่ยหมูใช้คุ้มทุกบาทจริงๆ งั้นแล้วแต่มึงเลยครับลูกเทมของพ่อ จะเรียนไรก็เลือกมา เดี๋ยวพวกกูเข้าตาม"

          "หรือจะไปต่อนอกกันไหมล่ะ กูเคยไปเรียนคอร์สสั้นๆ ที่ฟินแลนด์ตามพี่ ก็โอเคนะเว้ย หรือจะประเทศอื่น กูได้หมดเลย เบื่อๆ รถติดในไทยแล้วด้วย"

          "นอกโรงเรียนแล้วจะเรียนกับใครเหรอครับน้ำ นอกโรงเรียนมีอาจารย์เหรอครับ เรียนกับคุณลุงยามเหรอครับ"

          "...นอกประเทศไหมล่ะ"

          "เรา เราเป็นคนไทยแล้วไปเรียนต่างประเทศได้ด้วยเหรอครับ!?"

          "...แล้วไอ้หัวทองๆ ที่นั่งหัวโด่ข้างมึงมันคนไทยหรือไงล่ะนั่นน่ะ ได้ทั้งนั้นแหละ จะไปไหนก็ว่ามาเลย"

          "เทมอยากไปเรียนต่อต่างประเทศไหมครับ?" 

          "ถ้าเทม เทมไปข้างนอกแล้วคุณแม่ คุณแม่ ก็จะเหงาๆๆๆ นะครับ"

          เต้เดาะลิ้น "เออว่ะ ลืมคุณป้าไปเลย งั้นมึงเก็บไปคิดแล้วกัน จะเอายังไงก็มาบอกพวกกูอีกที"

          กระดาษถูกคุณชายน้ำปัดออกไป ทั้งสามคนยื่นหน้าเข้ามา

          "โอเค หมดเวลาวิชาการ งั้นตอนนี้...เล่ามาให้หมดดดดดดดดดดด! หยุดสามวันพวกมึงไปทำอะไร๊กั๊น!"

          อืม ความอยากรู้สำคัญกว่าความรู้จริงๆ ครับ



****

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2019 16:07:26 โดย ZOFIARIN »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter
          พรู่ดดดดด

          แค่ก แค่ก แค่ก



          "ว-ว่ายังไงนะ!? คุณตาคุณยายจะมางั้นเหรอ!?"

          "คุณยาย!?"

          "คุณยายมา!!"

          ควรไปเรียนเรื่องการเก็บอารมณ์ และมารยาทบนโต๊ะอาหารเพิ่มทั้งบ้านเลยครับ คุณป๊าคุณม้าสำลักอาหารที่กำลังทาน พี่ชายคนโตและคนรองก็ไม่ต่าง ดีว่าเฮียเนื้อหย็องยังพอกลืนทัน การแจ้งการมาถึงของคุณตาคุณยายในสิ้นเดือน ทำบ้านผมปั่นป่วนไม่แพ้กัน คุณพ่อคุณแม่เริ่มแหกปากกรีดร้องโหยหวน กระสับกระส่ายอยากหนีออกนอกประเทศกันเป็นทิวแถว "ห้ามหนีนะครับ คุณยายมีเรื่องจะพูดด้วย"

          "คุณหญิงแม่เป็นใบ้ค่ะ!"

          "พ่อก็ ก็ ก็ ลืมลิ้นไว้ที่อียิปต์! คุยด้วยไม่ได้หรอก!"

          ส่ายหน้าระอาให้เหล่าผู้ใหญ่ที่แตกตื่นกันไปหมด แต่จะว่าก็ไม่ได้หรอกครับ ถ้าไม่ใช่เพราะถูกคุณยายฝึกมาให้เก็บอารมณ์เก่ง ผมก็คงตาลีตาเหลือกไม่แพ้กัน ท่านไม่ได้มาเยี่ยมเยือนหลายปี จู่ๆ มาแบบไม่บอกไม่กล่าว ไม่แปลกที่คุณพ่อคุณแม่จะตื่นตระหนก ...กับคนรื่นเริง เน้นอิสระ กับคนเข้มงวด เอาจริงเอาจัง ก็...ไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่น่ะครับ

          ปล่อยความชุลมุนไว้ด้านหลัง และเริ่มมานั่งเตรียมตัวรับมือคุณยายจริงจัง กำหนดการตามอีเมลที่ได้รับ คือคุณตาและคุณยายมาหาหนึ่งอาทิตย์ หลังกวาดตามองอย่างถี่ถ้วน ถ้าจะให้คาดเดา ผมคิดว่าวันที่เป็นบททดสอบคือวันที่มีดินเนอร์ แตกต่างจากวันอื่นคือเขียนชัดเจนว่ามีแค่ผม เทม มิสเตอร์และมิสซิสชาโรนอฟทั้งสอง...เราสี่คนเท่านั้น

          เริ่มแรกก็คือเสื้อผ้า แบ่งเป็นเสื้อผ้าตอนไปรับคุณยายที่สนามบิน เสื้อผ้าอยู่บ้าน เสื้อผ้าไปทานอาหารค่ำ ทุกอย่างที่อยู่ในสายตาสีไพลินต้องเนี๊ยบกริบ โดดเด่น ทว่าต้องไม่ดูหรูหราอย่างไร้สาระ แต่ก็ต้องไม่ใช่เสื้อผ้าดาษดื่นจนไม่สะดุดตา โจทย์ข้อนี้ไม่ยาก ผมเลือกเรียกช่างตัดเสื้อเจ้าประจำของตระกูลมารับผิดชอบ ถึงแม้การเรียกตัวแบบทันทีทันใด และต้องการสูทแบบเร่งด่วนต้องทำให้จ่ายเงินเยอะกว่าเดิมถึงสี่เท่าก็ไม่เป็นอะไร

          มาข้อที่สองคือมารยาทบนโต๊ะอาหาร ข้อนี้ผมได้รับอิทธิพลมาจากคุณตาเต็มๆ  คุณตาซึ่งเป็นเอกอัครราชทูต ต้องรับแขกต่างบ้านต่างเมือง และต้อนรับคนใหญ่คนโตเสมอ สามารถตัดสินรากฐานมารยาทได้จากบนโต๊ะทานข้าว ท่านเกลียดคนทานเสียงดังจุบจิบ และไร้กิริยาอันดีที่สุด ท่านจึงเข้มงวดกับหลานชายเป็นอย่างมาก เกี่ยวกับเรื่องการรับประทานอาหารให้ถูกและควร มีเรื่องนี้ที่คุณตาชนะคุณยายขาดลอยเลยครับ คุณตาที่เข้มมากกับเรื่องนี้ จนผมติดเป็นนิสัย และก็เผลอเคร่งเครียดกับเทมตอนยังเด็ก ที่ชอบคว่ำจานข้าวตัวเองเล่น เฝ้าฝึกจนองค์ชายน้อยเป็นท่านเอกอัครราชทูตนัมเบอร์ทรี ต่อจากผมได้เลย

          แต่ก็มีจุดอ่อนคือ...ตะเกียบ เทมใช้ตะเกียบไม่ได้เลยครับ กอปรกับอีกอย่างคือแม้จะรู้วิธีทานอาหารให้ถูก แต่ท่าทางการจับก็จะแปลกๆ นิดหน่อย คือชอบทำมือป้อมๆ จับช้อนส้อม

          หักไปสองแต้มก็ยังถือว่าได้คะแนนอยู่นะครับ

          ร้านอาหารดินเนอร์ ท่านทั้งสองฝากเป็นธุระของผม แน่นอนว่าผมเลือกอาหารไทย อาหารประจำชาติเป็นตัวเลือกที่คลาสสิกสำหรับผู้มาเยือนเสมอ ไม่มากเรื่องและไม่ยุ่งยากนัก ไม่มีเส้นสปาเกตตี้ให้เด็กชายเผลอม้วนเล่น ไม่มีปลาดิบให้เทมร้องหยึ๋ย ภัตตาคารอันดับหนึ่งถูกผมใช้เส้นสายแทรกชื่อจองไปในดึกค่ำคืนหนึ่ง

          เรื่องที่พัก...แน่นอนเลยครับ คุณยายไม่ยอมพักบ้านที่มาจากน้ำพักน้ำแรงลูกเขยกับลูกสาวตัวเองแน่นอน ทั้งสามคนไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งความป่วนของพี่น้องผมก็เกินกว่าคุณยายจะทนไม่จับมาดุใส่ไหว ท่านเลือกพักที่โรงแรม ส่วนคุณตาเหมือนจะมาพักที่นี่ด้วยบางวัน ห้องรับแขกพิเศษของบ้านเรา ถูกจัดเตรียมอย่างดี คัดเลือกตั้งแต่กลิ่นน้ำหอม ยันปลอกหมอน ผ้าเช็ดตัวยี่ห้อเดียวกับคฤหาสน์รั้วสีแดงในป่าเขา

          อุปสรรคภายนอกถูกผมตรวจอย่างละเอียดลออ ดีเทลทุกอย่างแทบจะเอากล้องจุลทรรศน์มาตรวจเช็ค

          เรียนพิเศษช่วงเย็นของเทมถูกผมกดหยุดสต็อปไว้ก่อน เมื่อเด็กน้อยอยากฝึกพูดภาษารัสเซีย เวลาสามสิบกว่าวันฟังดูยาวนาน ทว่ารวดเร็วเมื่อเราไม่อยากให้มันมาถึงไวนัก อีกสามวันข้างหน้า ไฟลท์บินพิเศษจากมอสโกก็จะมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ


          ทุกอย่างถูกเตรียมไว้อย่างเพียบพร้อมที่สุด สมบูรณ์ที่สุด ความผิดพลาดจะเกิดขึ้นตอนไหน ครั้งไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ครั้งนี้





end 50 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

นาาาาาาาาาาา ซิเพนยาาาาา บาวากีชีวาวา


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2019 16:04:35 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ Sujanarak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1

ออฟไลน์ Mizunoe

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เครียดแทนน้องหมู...
ขอให้คุณยายและคุณตามองเทมที่หัวใจด้วยนะ ซ้าาาาธุ

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
คงไม่มีอะไรหรอกเนอะพี่หมูเนอะ
อย่าเครียดมากกกกก

แต่ถ้าคนเขียนต้ม "มาม่า" คนอ่านจะเครียดแทนนะเออ

ป.ล. เข้ามาเติม ...
จะบอกว่า น้ำตาไหลกับเหรียญทองของกีฬาพี่เทม ..
ใจหนอใจ ใจพี่เทม...ใสสะอาดดีจริง ๆ เลยครับ
เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ .. อย่างตั้งใจและทั่วถึงจริง ๆ ลูก
:mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2019 06:01:56 โดย Meen2495 »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter




51






          "ที่รักครับ ลองเปลี่ยนตัวนี้อีกตัวนะครับ"

          เทมปุระที่มีอมยิ้มในปาก ลุกขึ้นกางแขนกางขาให้ผมลองสวมใส่เสื้อผ้าครั้งสุดท้าย สูทที่ถูกสั่งตัดเป็นพิเศษ มาเยอะเกินกว่าวันใส่ หลายตัวมาเพียงเพราะผมเพลินจนเกินเรื่อง เผลอสั่งเพราะไม่ว่าจะเนื้อผ้าแบบไหน สีอะไร ก็คิดว่าเหมาะกับคนแก้มนุ่มไปเสียหมด รู้ตัวอีกที เด็กน้อยก็ได้เสื้อผ้ามาใหม่เกือบสามสิบกว่าตัว ส่ายหน้าระอาใจให้ตัวเอง ความสุขที่เหมือนบรรดาคุณแม่ขี้เห่อ แห่ซื้อเสื้อผ้าให้ลูกชายที่ในที่สุดก็มีไซส์เสื้อผ้าน่ารักๆ ใส่ได้สักที ดูเป็นงานอดิเรกน่าขวยเขินไม่เบาสำหรับเด็กผู้ชายอายุสิบหก

          ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปาก สองมือลูบลงเนื้อผ้าชั้นดี รอยแยกของสูทเปิดเผยเสื้อเชิ้ตแนบเนื้อโชว์สรีระของบุรุษวัยกำลังเจริญเติบโต ไม่บางและไม่หนา แขนขายาว ตัวสูง กล้ามเนื้อพอเหมาะ เป็นประติมากรรมหุ่นลองเสื้อแสนงดงาม ไม่ว่าจะสวมอะไรก็ดูเข้าท่าไปเสียหมด ผมกลายเป็นตาลุงจอมลามกทุกทีเมื่ออยู่ใกล้ เจ้ามือนิสัยไม่ดีเริ่มไม่อยู่นิ่งเฉย สอดมือเข้าไปรั้งเอวอีกฝ่ายมาแนบชิด ลูบจับไปทั่วจนเด็กชายจมูกแดงก่ำ ความขัดแย้งของดวงหน้าใสไร้เดียงสาและสีเข้มอันดุดัน ดูเย้ายวนน่าพุ่งเข้าใส่  อดไม่ได้ที่จะมองเขาด้วยความหลงใหล

          อืม...ผมอยากได้สูทสำหรับใส่เล่นอยู่บ้านอีกสักสิบตัว

          ระหว่างคิดทำให้ตู้เสื้อผ้าล้นทะลัก เด็กชายที่โดนผมลูบคลำไปทั่วทั้งตัวก็เริ่มดิ้นยุกยิก ลูกอมหวานดูท่าจะเริ่มหมดฤกธิ์ตรึงเขาเสียแล้ว ผมจำต้องปล่อยเจ้าตัวเล็กวิ่งไปเปิดกล่องต่อ ตอนนี้ในห้องเต็มไปด้วยกล่องใส่เครื่องนุ่งห่มสูงเป็นภูเขา เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ ที่ผมสั่งแก้ขนาดแก้แบบครั้งสุดท้ายเพิ่งส่งมาถึง นั่นรวมไปถึงกระเป๋าเป้นักเรียนใบใหม่ของเด็กชายด้วย เทมตื่นเต้นน่าดูกับกระเป๋าหนังสีฟ้าขาว ที่เปิดปิดเป็นทองคำสวยถูกสลักลายกระดิ่ง ออกแบบมาในธีมตัวการ์ตูนสุดชื่นชอบของเจ้าตัว

          "ของเทมกับของหมูหย็อง เหมือนกันๆๆๆ เลยครับ ต่างกันแค่สีๆๆๆ ของเทมกับของหมูหย็อง เป็นกระเป๋าคู่กันด้วยครับ"

          เดินไปนั่งลงข้างเด็กขี้เห่อที่เอากระเป๋าขึ้นมาสะพายบนหลังเรียบร้อย "ชอบไหมครับ?"

          "เทม เทมชอบมากๆๆๆ เลยครับ ขอบคุณหมูหย็องมากๆๆ เลยนะครับ" เขากำลังจะยกมือไหว้ขอบคุณตามความเคยชิน พอเห็นว่าเป็นผมก็รีบเก็บมือลง เคยบอกน่ะครับ ว่าไม่ต้องไหว้ขอบคุณผม พอให้ของแล้วโดนไหว้ ให้ความรู้สึกห่างไกลกันพิกล อย่างไรผมกับเขาก็ไม่ต่างจากคนคนเดียวกันอยู่แล้ว ไม่ต้องถือเป็นเรื่องเป็นราวอะไร อีกอย่าง...เหมือนผมเป็นอาเสี่ยเปย์ให้อีหนูอย่างไรอย่างนั้น คิดไม่ทันขาดคำ เด็กชายก็เข้ามากอดซบอกซบไหล่ ออดอ้อน ขาดแค่หัวล้านเท่านั้นแหละครับตอนนี้...     
     
          "ชอบก็ดีแล้วครับ เทมอย่าลืมเปิดกล่องรองเท้านะครับ หมูสั่งผ้าใบคู่ใหม่มาให้ด้วย เดี๋ยวสักบ่ายเทมเรียนพิเศษเสร็จแล้ว หมูจะไปรับไปเดินห้างนะครับ คุณป๊าอยากได้ของตกแต่งต้นคริสต์มาส"

          "ขอบคุณครับ เทม เทม จะรีบเรียนๆๆๆ นะครับ จะได้ไปกับทุกคนไวๆๆ"

          แอบจิ้มแก้มนุ่มที่เต่งตึงขึ้นด้วยรอยยิ้ม "อีกสามวันคุณยายจะมาแล้ว เทมกลัวหรือเปล่าครับ?"

คนตรงหน้าส่ายหน้าพึ่บพั่บ "หมูหย็องบอกว่า บอกว่า บอกว่าคุณยายคล้ายๆ หมูหย็อง ถ้าคล้ายๆๆๆ หมูหย็อง เทม เทมไม่กลัวครับ ถ้าคุณยายยังไม่ดุ ถ้าคุณยายดุๆๆๆ แล้วเทมจะกลัวนะครับ แล้วก็ แล้วก็คุณยายก็น่าสงสารด้วยนะครับ โดนแย่งเหรียญทองไป เทมจะทำเหรียญไปเผื่อคุณยายด้วยนะครับ"

          หลังจากเล่าให้เทมฟังในแบบฉบับเข้าใจง่าย เทมเข้าใจเรื่องราวว่าคุณยายทำความดีความชอบแต่ทว่าไม่ได้รับเหรียญเกียรติยศ ว่าด้วยเรื่องของโอกาสได้รับการแต่งตั้งอันทรงเกียรติของคุณยาย ทัศนคติต่อเรื่องราวนี้ เทมเห็นต่างไปจากผม

          สมัยสงครามในอดีต บทบาทของผู้หญิงคือแม่บ้านแม่เรือน อยู่แต่เพียงในบ้านดูแลสามีและลูก การที่เธอไต่เต้าจนถึงคุมอำนาจได้ เป็นเรื่องที่ฟังดูแล้ว 'เสื่อมเสีย' การเชิดชูผู้หญิง ก็ฟังไม่ต่างกับคำต่อว่าศักดิ์ศรีของผู้ชายหลายๆ คน ต่อให้เป็นพระสหายของอดีตองค์ราชินี และเป็นลูกสาวของผู้ถวายงานใกล้ชิดของอดีตจักรพรรดิ ก็ไม่ได้รับข้อยกเว้น เมื่อตักตวงผลประโยชน์ถึงที่สุด ก็เฉดหัวทิ้งให้แต่งงาน ไร้การแต่งตั้งยศศักดิ์ ไร้พิธีชื่นชมออกหน้า และกลายเป็นเพียงคนหลังม่าน เป็นเพียงข่าวลือและหมอกที่สลายหายไปในยามเช้า มีเพียงเหล่านักเรียน คนมีหน้าที่การงานชั้นสูง ถึงจะรับรู้ว่าความเป็นจริง สงครามผ่านพ้นมาได้ด้วยมันสมองและการวางแผนของผู้ใด ทว่ากลับพูดและล่าขานสืบต่อไปไม่ได้ เพราะผู้ชนะได้เขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่แล้ว

          ฟังจากคุณตาเล่า ท่านเคยเห็นกระทั่งองค์ราชินีโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับความไม่เป็นธรรม แต่จากสภามติและอะไรหลายๆ อย่าง สุดท้ายท่านก็กลายเป็นเพียงตำนาน เป็นเพียงความเป็นจริงในกลุ่มคนเฉพาะไป

          สำหรับผมมองแล้วคือน่าเจ็บใจ น่าโกรธแค้น มันก็เหมือนเราทุ่มเททำรายงาน ทั้งไปยืนสัมภาษณ์คนเป็นหมื่นเป็นแสน เสี่ยงอันตรายต่างๆ นานา ค้นคว้าหนังสือเป็นร้อยเป็นพันเล่ม ทุ่มเททำทุกอย่าง สุดท้ายก็ถูกขโมยความดีความชอบไปทั้งหมดเพียงเพราะเพศ ผมคิดว่าคุณยายก็คงไม่แตกต่างกัน ไม่ได้ทันคิดว่าตัวเองน่าสงสาร หรือน่าเห็นใจ อันที่จริงถ้าไม่ใช่เทมพูด ผมก็เชื่อมโยงคำว่าน่าสงสาร และน่าเห็นอกเห็นใจกับคุณยายไม่ออก และเชื่อว่าคนทุกคนที่เคยพบเจอคุณยาย ก็คาดไม่ถึงคำนี้เมื่อเห็นเธอเช่นกัน

          คุณยายดูเป็นหญิงแกร่งที่หาคำพวกนี้มาปะติดปะต่อด้วยไม่ได้น่ะครับ

          แต่หญิงแกร่งคนนั้นก็เคยร้องไห้ตอนต้องจำยอมปล่อยมือหลานชายคนเดียวมาแล้วนี่นะ...อืม ไม่เคยมองมุมนี้มาก่อนเลย ผมยกมือลูบผมนิ่มของคนจับรองเท้าเล่นเป็นเครื่องบิน "เทมจะทำเหรียญทองให้คุณยายเมื่อไหร่ครับ? ให้หมูช่วยไหม?"

          "เทม เทม ทำไว้เยอะแยะเลยครับ แต่ แต่ถ้าหมูหย็องจะทำด้วย เทม เทมจะไปเอากระดาษมาให้นะครับ เทมเก็บไว้ในห้องเรียนครับ เทม เทมทำตอนเรียนกับอาจารย์ยูริที่ไม่ใช่ยูริหย็องหย็องครับ อาจารย์ช่วยสอนเทมเขียนภาษารัสเซียชื่อคุณยายด้วยครับ เทมเขียนชื่อเทมกับชื่อหมูหย็องเป็นด้วยนะครับ แต่ต้องให้เทมดู ดู สมุดที่จดนะครับแล้วเทมถึงจะเขียนได้"

          แอบดูโพยแบบนั้นแล้วจะเรียกว่าเขียนได้ยังไงกันครับ หืม?

          ยกยิ้มกับวิธีเรียกอาจารย์ของคนตรงหน้า อาจารย์สอนภาษารัสเซียของเทมชื่อว่ายูริครับ พอเด็กน้อยได้ฟังก็ตาโต สับสนยกใหญ่ บอกว่าชื่อซ้ำกับชื่อจริงหย็องหย็อง เลยคิดค้นวิธีเรียกไม่ให้คนอื่นสับสนแบบตัวเอง ช่างคิดเก่งเป็นที่หนึ่งเลยเด็กคนนี้

          "เรียกชื่อกลางหรือนามสกุลก็ได้นะครับ"

          "แต่อาจารย์ยูริที่ไม่ใช่ยูริหย็องหย็องบอกว่า บอกว่า คนรัสเซีย พอ พอเราสนิทกันก็ให้เรียกชื่อจริงนะครับ อะ...แล้วแบบนี้เทมต้องเรียกหมูหย็องว่า ว่า ว่า ดิมิทรีด้วยไหมครับ? ดิมิทรีครับ?"

          ผมเผลอใจเต้นแรงและติดภาวะตกห้วงหลุมอากาศไปเกือบสิบวิ

          น้อยครั้งมากครับที่เทมจะเรียกผมด้วยชื่อจริง ผมคิดว่ามันคือจุดอ่อนขั้นสุดยอดของผมเลยละ เหมือนคนอ่อนไหวที่ติ่งหู หรือจั๊กจี้ข้างลำตัว ดิมิทรีจากเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียกแว่วหวาน ก็เป็นคำที่ฟังแล้วทำเอาสะดุดลมหายใจ

          "หมูหย็องแก้มแดงด้วยครับ! หมูหย็องเขินที่เทมเรียกหมูหย็องครับว่าดิมิทรีครับเหรอครับ? หมูหย็องชอบๆๆๆ เหรอครับ? งั้น งั้นเทมเรียกว่าดิมิทรีดีไหมครับ?"

          จะให้เขาเรียกผมด้วยชื่อนั้น มันก็เหมือนผมโดนบอกรักทุกครั้งเลยน่ะสิ ไม่ไหว ผมต้องตายแน่ๆ แสงจากสวรรค์ส่องเป็นทางตรงมาหา กวักมือให้เข้าไปอยู่รำไร

          "เอาไว้...เอาไว้นานๆ ครั้งค่อยเรียกนะครับ"

          "ทำไมล่ะครับหมูหย็องครับ?"

          "คือ...หมูเขินน่ะครับ"

          "เขินเขินไม่ดีเหรอครับ เขินเขินแล้วหมูหย็องน่ารัก"

          ล้มลงไปกองกับพื้นได้เลยครับ หมัดเสยค้างรัวต่อเนื่องไม่เว้นให้หายใจแบบนี้

          "เขินมากๆ แล้วหมูปวดแก้มน่ะครับ" ยิ้มจนปวดไปหมดแล้ว

          "อ๋อๆๆๆๆ เทม เทมรู้แล้วครับ ตอนหมูหย็องทำเทมเขินๆๆๆ เทมก็ยิ้มจนปวดแก้มเยอะแยะๆๆ เลยเหมือนกันครับ งั้น งั้น นานๆ ทีเรียกเนอะครับ วันละครั้งเนอะครับ?"

          วันละครั้งนี่มันนานตรงไหนกันนะเจ้าเด็กอันตราย มันเขี้ยวคนทำผมเขินเก่งจนจับเขามาฟัดเล่น จากเล่นๆ ก็เผลอจริงจังจนปากบวมกันทั้งคู่ ถ้าไม่ได้เสียงกดกริ่งก็คงลากยาวไปอีกนาน



*****


          อีกสองวันคุณยายจะมาถึง ซึ่งตรงกับวันคริสต์มาสพอดีครับ หลังจากยกโขยงไปช้อปปิ้งกันจนเต็มคราบ
ตอนนี้พวกผมกำลังจัดต้นคริสต์สูงสามสิบเมตรที่สวน ในส่วนของข้างบนได้คุณพ่อบ้านแม่บ้านจัดไว้ให้แล้ว เหลือบริเวณด้านล่างกับสวมมงกุฎอย่างดาวบนยอดไว้ให้พวกเราตกแต่งกันเอง ปกติคุณป๊าจะจัดงานเลี้ยงใหญ่กับหุ้นส่วนต่างๆ คุณหม่าม้าก็จะจัดงานแสดงโชว์ส่งท้ายปีก่อนไปใช้เวลากับครอบครัวช่วงปีใหม่ แต่ปีนี้ก็ต้องงดไปเพื่อเตรียมบ้านให้พร้อมรับคุณตาคุณยาย

          แปลกดีไม่ใช่น้อย เมื่อพร้อมหน้าพร้อมตากันตั้งแต่ยังไม่วันที่ยี่สิบห้า แม้พวกเราจะไม่ได้นับถือศาสนาอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็มีธรรมเนียมปฏิบัติของบ้าน ไม่ต่างจากบ้านอื่นที่คุณพ่อคุณแม่ทำงานยุ่ง หาเวลามาเจอลำบาก วันฉลองประสูติของพระเยซูลากยาวไปถึงเลยปีใหม่ จึงเป็นวันนัดพบหากิจกรรมทำร่วมกันที่ดี สีเขียวและแดงแลดูสดใส ของสวยงาม อาหารอร่อย บรรยากาศรื่นเริง ทำให้คล้อยตามมีความสุขได้ง่ายกว่าทุกวัน

          วันนี้ทุกคนสวมใส่หมวกสีแดงห้อยพู่สีขาว ขะมักเขม้นช่วยกันทำให้เสร็จไวๆ ใต้ต้นสนสูงท่วมหัวที่กำลังสวมเครื่องประดับ มีกล่องหลากสีที่รอคอยให้พวกเราไปเปิด

          "คุณยายนี่น่ากลัวมากเหรอเฮีย" หย็องหย็องที่กำลังจับต้นฮอลลี่แขวน หันมาถาม

          คุณยายเคยมาเยี่ยมตั้งแต่หย็องยังเด็กน่ะครับ แถมตอนเจอก็ร้องไห้จ้าเพราะกลัว จนไม่ค่อยได้โผล่เข้ามาหา ผิดกับตอนเจอกันครั้งแรกที่ยังเด็กไม่รู้เรื่องแล้วเข้าไปเกาะขาคุณตาเสียแน่น ความทรงจำเลยรางเลือนจนแทบจำไม่ได้ พอเห็นการปฏิวัติอันเอิกเกริกของครอบครัวที่สบายเป็นนิจ ไปเป็นดูมากพิธี น้องคนเล็กจึงทำตัวไม่ถูก

          "อืม...น่าเกรงขามน่ะ" เฮียเนื้อหย็องตอบ สภาพพี่ชายอนาคตคุณหมออิดโรยไม่ต่างกับลูกสนแห้งในมือ

          "อะไรคือกลัวมะขามเหรอครับเฮียเนื้อหย็อง หรือคุณมะขามเป็นตะคริว หน้าเลยเกร็งๆๆๆ เหรอครับ?"

          เด็กชายผู้มากล้นด้วยพลัง หยุดวิ่งหมุนเป็นวงกลมถาม

          "น่าเกรงขามครับเทม อืม...ประมาณว่าน่าเกรงใจผสมน่ากลัวน่ะครับ" ผมหันไปตอบแทน ด้วยกลัวถ้าต้องให้เฮียเนื้อหย็องตอบ อาจจะเหนื่อยเกินไปจนทรุดลงกับพื้นก็ได้ หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อคนหอบแฮ่ก

          "อ๋อๆๆๆๆ" คนตื่นเต้นกับต้นคริสต์มาสและกองกล่องของขวัญ วิ่งหมุนวนรอบต้นไม้ รอเวลาได้สวมดาวบนยอดต้นสนยักษ์ต่อ เสียงเจื้อยแจ้วคลอไปกับเพลงประจำเทศกาลอย่างลงตัว "อย่าวิ่งเร็วนะครับเทม เดี๋ยวจะหกล้ม"

          "ได้ๆๆๆ ครับ!"เทมปุระขานรับ แล้วเดินจงกรมไวๆ แทน เขาไม่ได้มาช่วยตกแต่ง เพราะตอนเด็กๆ เคยทำคริสตัลประดับตกแตก ถึงจะบอกว่าไม่เป็นอะไรแต่เด็กชายก็ฝังใจ จนไม่กล้าเข้ามาช่วยแขวนครับ ทำแค่คอยวิ่งหยิบนู้นนี้ส่งให้ กับเลือกของให้ผมแขวนแทน

          "คุณป้าเคยเจอคุณยายของพวกผมไหมครับ" หย็องหย็องถามกับคุณแม่ของเทมที่กำลังเลือกกิ่งก้านต้นสน

          "ขอโทษนะครับน้องหย็องหย็อง คุณป้าไม่เคยเจอกับคุณยายเลยค่ะ ตอนที่คุณยายเคยมา ตอนนั้นคุณป้าไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้มาสวัสดีท่าน"

          "คุณป้าไม่ต้องขอโทษสิครับ โธ่ ผมแค่อยากรู้จักต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนลุกฮือมาซื้อชุดสูทใหม่ แต่งบ้านให้เรียบร้อยเท่านั้นเอง....แล้วเจ้ไก่หย็องอ่ะ ว่าคุณยายน่ากลัวปะ?"

          "สุดๆ เหมือนคัดเอาแต่ส่วนความเย็นชาของหมูสักพันคนมาปั่นรวมกัน แล้วก็ตูม! เกิดเป็นคุณยายครั้นซ์!"

          เจ้ไก่หย็องที่เริ่มแกะกล่องของขวัญก่อนใครเพื่อน ตอบด้วยเสียงที่ใส่เอฟเฟคเวอร์เกินจริง

          "จำปาอยากเห็นไก่หย็องไปพูดให้คุณยายได้ยินมากค่ะ แล้วทีนี้ใครกันน้าจะตูม คริคริ" ชุดซานตาคลอสแสนเซ็กซี่ ที่กลายเป็นเซ็กส์เสื่อมทันทีเมื่ออยู่บนร่างของชายหนุ่มบึกบึน แต่ส่วนสยองไม่ได้อยู่กับชุดซานต้าสองท่อนโชว์สะดือหรอกครับ แต่เป็นใบหน้าที่แต่งแต้มได้เหมือนโดนคนต่อยตาม่วงช้ำเลือดช้ำหนองต่างหาก ซานตาที่ดูคล้ายซาตานแสนทำลายฝันเด็กๆ ทั่วโลก เดินเพ่นพ่านตกแต่งต้นสนใหญ่ อยากไล่ให้เฮียปลาหย็องไปถอดมากครับ ดีว่าเทมรู้แล้วว่าซานตาคลอสเป็นแค่ความเชื่อ และคนที่เอาของขวัญมาใส่ในถุงเท้าให้คือผมและคุณป้า พร้อมด้วยกองทัพชาโรนอฟอีกหกคน ไม่อย่างนั้น เฮียปลาคงเป็นความทรงจำอันโหดร้ายของเด็กน้อยของผม

          "เฮียโดนก่อนไก่แน่ ถ้ายังไม่ยอดถอดชุดซานตาฝันร้ายนั่นออกน่ะ ตอนคุณยายเห็นชุดสโนว์โวต์ของเฮีย ไก่ยังจำรังสีความเย็นนั้นได้อยู่เลยเถอะ ยังกับพาพายุหิมะมาจากมอสโกด้วยยังไงอย่างนั้นแหละ"

          "อะไรกันคะลูกตัวประกอบ! อิจฉาหุ่นแสนเซ็กซี่น่าขยี้ขย้ำของจำปาล่ะซี่! หึ!"

          เจ้ไก่มองเหยียดหุ่นเหมือนแหนมของพี่ชายตนเอง แล้วหันไปคุยกับน้องชายต่อ

          "อืม...ถ้าน่ากลัวเหมือนคุณตาหย็องก็โอเคนะ เหมือนจะน่ากลัวแต่ยังชอบเล่นมุกแป๊กให้ขำอยู่"

          คุณแม่เดินเข้ามาพร้อมถาดอบคุกกี้ขนมปังขิง กลิ่นขนมอบใหม่หอมโชยไปทั่วพื้นที่ กลิ่นของเครื่องเทศและเนยในนั้นเล่นเอานางฟ้าหยุดบิน วิ่งเข้าไปเกาะโต๊ะดู นัยน์ตาพราววิบวับยิ่งกว่าไฟตกแต่ง

          "ขนมปังขิง ขนมปังขิง! คุกกี้ คุกกี้ คุณคุกกี้แมน! ปีนี้ ปีนี้คุณหม่าม้าจะทำบ้านใหญ่ๆๆๆ ไหมครับ เทม เทม เทมขอช่วยด้วยนะครับ เทมอยากติดช็อกโกแลตบนบ้านขนม"

          คุณแม่ยกมือลูบกลุ่มผมนุ่ม เอี้ยวตัวไปรับถาดขนมจากพ่อบ้าน แล้วส่งถาดคุกกี้ที่เย็นแล้วให้เทมปุระ บนนั้นมีคุกกี้หลายลาย ตั้งแต่ถูกตัดเป็นรูปคน รูปรถ รูปซานตา รูปกวางเรนเดียร์ ที่เหมือนกันก็คือถูกเจาะรู ร้อยเชือกเรียบร้อย พร้อมสำหรับกลายเป็นของตกแต่ง ไม่แค่นั้น ยังมีขนมอื่นๆ และเด่นสะดุดตาคือน้ำตาลไอซิ่งที่ถูกละลายหลายสีสัน และขนมปังขิงอีกหลายถาดที่ถูกตัดไว้ เตรียมก่อร่างเป็นบ้านขนม

          "ปีนี้คุณหญิงแม่จะทำพระราชวังขนมหวานค่ะ ลูกคนข้างบ้านเอาถาดนี้ไปให้พวกคนใช้แรงงานตกแต่งต้นสนก่อนนะคะ แล้วค่อยวิ่งกลับมาช่วยคุณหญิงแม่ทำพระราชวังขนมกัน"

          "เทม เทม เอาไปเลยนะครับ!"

          พอเทมวิ่งเอาไปให้คุณปะป๊า คุณแม่ก็หันมาคุยกับหย็องหย็อง

          "เทียบกันไม่ได้หรอกค่ะหย็องหย็อง คุณพ่อ หม่าม้าหมายถึงคุณตาน่ะ คุณตาเรายังใกล้เคียงมนุษย์ ตัดความเจ้าเล่ห์ออกไป เอาความความเข้มงวดออกก็เป็นคุณลุงธรรมดาได้แล้ว แต่คุณยายน่ะ ตัดแล้วตัดอีก ก็หาแก่นแท้ของจิตใจไม่เจอ ขนาดแม่เป็นลูกสาวแท้ๆ เป็นลูกสาวคนเดียวด้วยนะ ท่านยังไม่เคยอะลุ่มอล่วยให้สักครั้ง ตื่นเช้าตอนตีห้า เรียนยันห้าทุ่ม ออกงานสังคมสวมหน้ากากแทบทุกวัน คนใหญ่คนโตพาแต่เรื่องน่าปวดหัวมาปรึกษา มีเรานั่งเป็นตุ๊กตาประดับคอยพยักหน้า ความกวดขันอยู่ในระดับยิ่งกว่าทหาร ต้องเป็นที่หนึ่งและเป็นอัจฉริยะทำได้ทุกอย่าง ต้องทำตามความคาดหวังอันหนักหนาเป็นยังไง อยากให้พวกลูกลองกันมากเลยละค่ะ คุณหญิงแม่บอกเลยนะคะ ว่าไม่มีกระทั่งเวลาร้องไห้ ชาโรนอฟห้ามมีน้ำตาค่ะ!"

          คุณหม่าม้าพูดระบายเหมือนคับอกคับใจมานาน พูดไปก็บดขนมไปด้วยจนละเอียด

          อืม...ความเข้มงวดของคุณยาย ผมหาข้อโต้แย้งช่วยแก้ตัวแทนไม่ได้จริงๆ ครับ

          หย็องหย็องทำหน้าไม่เชื่อในเรื่องเล่าที่ฟังดูเกินจริงจากคุณแม่ น้องชายยื่นมือมาสะกิดผมยิก

          "จริงๆ เหรอวะเฮียหมู คุณยายดุโหดเข้มขนาดนั้นเลยเหรอ เรียนบ้าอะไรกันวะตั้งแต่ตีห้ายันห้าทุ่ม ทาสยังไม่โดนขนาดนี้เลยไหมล่ะ?"

          "ถ้าให้ตอบเฉพาะตรงตามคำถาม...ก็ใช่ครับ เป็นเรื่องจริง"

          ช่วยไม่ได้ล่ะนะครับ คุณพ่อคุณแม่ของคุณยาย คนหนึ่งก็เป็นพี่เลี้ยงควบหน้าที่องครักษ์ของเจ้าชายจนเติบโตเป็นถึงจักรพรรดิ อีกคนก็เป็นอาจารย์ให้เหล่าลูกท่านหลานเธอ เติบโตมาในตระกูลข้าราชการชั้นสูง กอปรกับผ่านยุคสงคราม และพาตัวเองไปอยู่ในเหนือกองทัพทหาร ยิ่งไม่แปลกที่ท่านจะเข้มงวดทั้งด้านกิริยา ความรู้ ความสามารถกับลูกหลานของตัวเอง

          โทษท่านไม่ได้ เพราะท่านก็ถูกเลี้ยงดูมาอย่างนั้น แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของคุณแม่เช่นกัน ที่ทนความเข้มงวดของคุณยายไม่ไหว

          คุณแม่หันไปเชิดหน้าใส่ลูกคนเล็ก โบกพัดไปมา ทำหน้า 'เห็นไหมล่ะ คุณหญิงแม่บอกแล้ว ว่าไม่ได้เล่าเกินจริงสักนี๊ดดดด' ใส่

          "แต่เดี๋ยวนี้ คุณยายก็...ใจดีขึ้นแล้วนะครับ"

          คุณพ่อที่เดินมาช่วยทำบ้านขนมกับเฮียปลาหย็องและเฮียเนื้อหย็องไอโขลก คุณแม่ทำตาโตแทบถลน สบถเหมือนได้ฟังอะไรแสลงหู คุณปะป๊าลูบแขนตัวเองเหมือนขวัญผวา ทั้งสองหันขวับ

          "ผู้หญิงคนนั้นน่ะไม่มีทาง! / ผู้หญิงคนนั้นน่ะไม่มีทาง!"

          "หมูหย็อง...คุณยายตอนอยู่กับลูกกับอยู่กับคนอื่น มันคนละแบบเลยนะคะ! ตั้งแต่คุณหญิงแม่หนีออกจากบ้าน จนทุกวันนี้ เวลาคุณยายโทรมาถามถึงลูก ก็คุยกันเหมือนเป็นคนแปลกหน้า พอหมดคำถามก็ตัดสายทันที เราไม่ได้ติดต่อกันเรื่องอื่นเลย ขนาดถามถึงหลานคนอื่น ยังไม่เคยเลยสักครั้ง เรียกได้ว่าไม่เผาผีกันเลยดีกว่าค่ะ แล้วคำว่าใจดีก็ฟังดูตรงกันข้ามกับคุณยายที่แม่รู้จักสุดๆ"

          "เอ๊ะ...จะว่าไปก็คุ้นๆ นะที่รัก สถานการณ์ถูกคนในครอบครัวเย็นชาใส่นี่มันเดจาวูมากๆ รู้สึกคุ้นเคยพิลึก ติดอยู่ตรงปากผมนี่เอง"

          ทุกคนในบ้านผมครุ่นคิด ก่อนมองตรงมาที่ผม แล้วก็มองไปที่เด็กชายที่เปลี่ยนไปวิ่งวนรอบถาดขนมไม่หยุด

          "เหมือนหมูกับเทมใช่ไหมป๊า ปฏิบัติกับเทมอีกอย่าง กับคนอื่นอีกอย่าง"

          แล้วทุกคนก็พยักหน้าเห็นพ้อง พูดเป็นเสียงเดียว

          "อืม สมเป็นหลานคุณยายจริงๆ"


*****

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2019 12:34:07 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter

               พรุ่งนี้ช่วงบ่าย ก็ถึงเวลาการมาถึงของหัวหน้าปีศาจที่ทุกคนขนานนามเสียที อดส่ายหน้าไม่ได้ เมื่อทุกคนเริ่มคิดว่าคุณยายมาคราวนี้จะมีปีกและเขาแหลมโค้งงอกขึ้นมา อันที่จริง ผมตื่นเต้นและดีใจมากนะครับ คิดถึงท่านมากด้วย ถึงเราจะคุยกันทางอีเมลทุกวัน แต่ก็เรื่องงานเสียส่วนใหญ่ พอถึงคราวถามไถ่เรื่องทั่วไป ก็ได้แค่เพียงเห็นหน้ากันผ่านทางอินเทอร์เน็ตทุกสามวัน แต่เทคโนโลยีก็ไม่สามารถทดแทนตัวคนจริงๆ ได้หรอกครับ

          "พรุ่งนี้ไปรับคุณยายที่สนามบินแล้วนะครับ"

          "เทม เทมเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วครับ อยากเจอคุณตาลักพาตัวกับคุณยายมากๆๆๆๆ เลยครับ เทมซ้อมสวัสดีเป็นภาษารัสเซียกับคุณกระจกเป็นสิบคูณสิบรอบเลยครับ ซ้อมกับหมูหย็องแล้วด้วย หมูหย็องอยากซ้อมสวัสดีเป็นภาษารัสเซียกับเทมไหมครับ"  เด็กน้อยลุกขึ้นนั่งหลังตรง กระตือรือร้น เฝ้านับวัน นับชั่วโมงรออย่างกับเฝ้ารอคอยวันฮาโลวีนแจกขนม ไม่ใช่วันชี้ชะตาว่าจะเป็นอย่างไร หึหึ อย่างน้อยก็มีอีกคนที่อยากเจอคุณยายเป็นเพื่อนผมนะครับ

          ถึงจะเหมือนสอนจระเข้ว่ายน้ำ แต่ผมก็พยักหน้ารับ "ครับ เรามาซ้อมกันนะ"

          เห็นเขาไม่เครียดแล้วก็สบายใจ มาถึงจุดนี้ แม้จะยังกังวลและกลัวอยู่มาก แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วล่ะครับ และไม่ว่าจะเป็นยังไง คุณยายชอบเทมก็ดี ถ้าหากคุณยายไม่ชอบเทม...คำตอบของผมก็ไม่สั่นคลอน เทมยังคงเป็นคำตอบเพียงหนึ่งเดียวของผมเสมอไม่เปลี่ยนแปลง




*****



          บรรยากาศที่ห้องรับรองค่อนข้างอึดอัด ปะปนไปกับความลุ้นระทึกและตื่นเต้น กระจกใสแผ่นใหญ่โชว์วิวทิวทัศน์เป็นรันเวย์ ห่างไกลออกไปเครื่องบินลำโตกำลังร่อนลงจอด เหมือนคนจำป้ายทะเบียน ผมก็จำเครื่องบินส่วนตัวของคุณยายได้แม่นยำ มองเครื่องบินลงขับเคลื่อน รอล้อหยุดหมุน พนักงานเข้ามาโค้งตัว เชิญเดินไปรอรับแขกกิตติมศักดิ์ คุณพ่อเดินนำหน้าไปตามทางเดิน ลมหายใจเหมือนก้อนหินหนักๆ ที่สูดเข้าไม่ได้ ถอนหายใจออกก็ไม่ได้ มันติดขัดไปเสียหมด มือผมเย็น และมันก็เกร็งจนบีบมืออีกคนแน่น

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง มือหมูหย็องเย็นจังเลยครับ หนาวเหรอครับ เทม เทม ถอดเสื้อให้นะครับ ห่มๆๆ สูทนะครับ อบอุ่นๆๆๆ" หันไปมองคนข้างกายที่วันนี้แต่งตัวดูดีมาก จนเผลอจับเขาฟัดไปทั้งเช้าแล้วก็เผลอยิ้ม ชุดดูไม่ต่างกับทายาทของนักธุรกิจพันล้าน แต่พวงมาลัยคล้องคอ ดูยังไงก็ลิเกที่มีแม่ยกรักใคร่เอ็นดู เด็กชายกลัวลืม จนต้องคล้องคอตัวเองไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเลยละครับ จะนอนก็วางไว้เคียงข้าง จะไปแปรงฟันก็พาไปด้วย หย็องหย็องมาขอ คนใจกว้างก็บอกขอแปะไว้ก่อน กลับบ้านจะทำให้ใหม่ หวงไว้จนผมชักจะหึงแล้วสิ

          "หึหึ หมูไม่ได้หนาวครับ แค่ตื่นเต้น"

          "เทม เทมก็ตื่นแล้วก็เต้นครับ เมื่อเช้าเทมเต้นกลมๆๆๆ วนรอบโซฟาหลายรอบเลยครับ"

           คิดถึงท่าเต้นเมื่อเช้าแล้วยิ่งแทบสำลักความขำ เทมดึงกางเกงนอนขึ้นถึงหน้าอก ส่ายก้นยุกยิก บอกว่าเป็นท่าบริหารร่างกายของเฮียปลาหย็อง ความเครียดกระเจิงหายไป ฝีเท้าที่ละล้าละลังกลับมามั่นคงดังเก่า

          ทางเดินทอดยาวดูหดสั้น ไม่นานผมก็มาถึงงวงช้าง ท่อขนาดใหญ่แนบชิดกับประตูเครื่องบิน เกือบจะเหมือนกับมาเฟียในหนัง หรือเหล่าดาราฮอลลีวูดยามเดินพรมแดง เสียก็แต่ว่าทันทีที่ประตูเลื่อนออก ไม่ได้มีพรมแดงกลิ้งไปตามพื้นแล้วจรดที่ปากทาง ไม่มีลมพัดแรงให้ผมปลิวไสว ไม่มีมุมกล้องหมุนวนไปมาให้เวลาตื่นเต้นเตรียมใจ และไม่ได้มีคนใส่แว่นตาดำ พกปืนพกมีดให้เห็นเด่นชัด แน่นอนว่าไม่ได้อยู่ในชุดสูทดำหรือเครื่องแบบ

          อืม ไม่ได้เห็นเด่นชัด แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มี ไม่ใส่เครื่องแบบก็ไม่ได้แปลว่าไม่ใช่

          หญิงชายหลายคน จากการกวาดตามองคร่าวๆ ก็นับได้สิบสองกรูกันออกมาจากประตูเครื่องบิน ก่อนจะยืนสองข้างทางเข้าประจำที่อย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบ ชั่วอึดใจคนคุ้นหน้าก็เดินออกมา  แฟรงค์หรือแฟรงค์กี้ อาจารย์สอนศิลปะป้องกันตัวของผมเอง หรืออีกศักดิ์ คือ พลโท แฟรากา ฮันนิช เอวาโนวา เยี่ยมหน้ามาจับมือทักทายคุณป๊า ยิ่งยืนยันว่าไม่มีทางผิดเครื่องแน่นอน ผมสบตากับเจ้าตัว อีกฝ่ายยักคิ้วท่าทางกวนประสาทมาให้

          ไม่ทันได้ตอบอะไร ความเงียบก็โรยตัวกะทันหัน เสียงรองเท้าก้องในหัวเกินกว่าความเป็นจริง ความกดดันคุกคามไปทั่วสรรพางค์ เพียงดวงตาสีไพลินแสนดุดันเหลือบมอง ใจผมเต้นตุบเมื่อเราประสานสายตา

          คุณยายยังคงเหมือนเดิม ไม่ต่างจากในความทรงจำ ทั่วร่างอาบไล้ไปด้วยอำนาจ แผ่นหลังเหยียดตรงดามไว้ด้วยศักดิ์ศรี ท่าทางองอาจทระนง แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างามทุกจังหวะการเคลื่อนไหวแม้เพียงกะพริบตา ความเป็นระเบียบเรียบร้อยดูได้จากเส้นผมที่ถูกมัดตึงเป็นมวย ไม่มีสักเส้นให้เกะกะใบหน้าเรียบนิ่ง รอยเหี่ยวย่นพอมีให้ใจชื่นว่าท่านไม่ได้เป็นแวมไพร์หรือจอมปีศาจอย่างที่ทุกคนคิด แต่ช่วงรอบปากแทบจะไม่มีริ้วรอย บ่งชัดว่าสตรีผู้นี้ขยับเคลื่อนส่วนนั้นน้อยกว่าส่วนใด รอยยิ้มไม่ได้เยือนบนดวงหน้าแสนดุดันเข้มงวดนั้นบ่อยครั้งนัก

          แอบเห็นคุณพ่อสูดหายใจลึกก่อนก้าวไปตรงหน้า ตั้งท่าจะกอดตามธรรมเนียนแต่ก็ต้องชะงักกึกกับสายตาเย็นเยียบ แม้มองเพียงธรรมดาแต่ทะเลลึกนั้นก็ดูคล้ายเย่อหยิ่งเกินกว่าจะมีผู้ใดสูงค่าพอให้สัมผัส คุณพ่อเก็บสองแขนอ้ากว้าง สีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย ทว่ายังสู้ยื่นมือไปตรงหน้าอีกหน

          "ยินดีต้อนรับครับคุณแม่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ หวังว่าการเดินทางคงไม่มีปัญหาอะไร ยังไงเดินทางมาเหนื่อยๆ เข้าไปนั่งพักก่อนดีไหมครับ แล้วเราค่อยกลับบ้านกัน"

          คุณยายมองมือที่ยื่นมาตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนมองเมิน "เรียกดิฉันว่าแอนเถอะค่ะ มิสเตอร์เซอร์กีย์"

          ...คุณยายไม่เรียกชื่อกลางของคุณพ่อด้วยซ้ำ...

          ชื่อกลางเป็นชื่อที่มีความสำคัญมากสำหรับคนประเทศเรา นอกจากเป็นชื่อที่มาจากชื่อของคุณพ่อและคุณแม่ หรือปู่ย่าตายาย ยังเป็นชื่อที่พวกเราเอาไว้ให้คนอื่นเรียก เพราะเวลาถูกถามชื่อ คนมักจะถามว่า 'จะให้เรียกคุณอย่างให้เกียรติว่าอย่างไร' ชื่อที่มีเกียรติในรัสเซีย นั่นก็คือชื่อกลาง ต่างจากบางที่ บางแห่ง ที่เอาไว้แสดงถึงความสนิทสนม หรือบางแห่งอาจจะเอาไว้เรียกสำหรับคนไม่สนิท แต่ความหมายของคุณยายนอกจากไม่สนิทด้วยแล้ว...ก็คือไม่ให้เกียรตินั่นเอง

          คุณพ่อนิ่งค้างอยู่นานก่อนลดมือลง คุณหม่าม้าที่เห็นท่าไม่ดีเลยรีบออกโรงแทน "เรียกแบบนั้นไม่ห่างเหินเกินไปหน่อยหรือคะ กับสามีของลูกสาวคนเดียวทั้งที"

          ไฟฟ้าปะทุจากดวงตาของผู้หญิงสองคนที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึง แล่นปลาบจนเสียวสันหลัง

          "มิสซิสเซอร์กีย์สบายดีหรือคะ?"

          อา...คำทักทายตัดรอน เสมือนคนตรงหน้าไม่ใช่ลูกสาวที่เคยอุ้มท้องนานเก้าเดือน ทำคุณแม่ยิ้มค้างไปอีกคน ถ้าเป็นเวลาปกติ คุณหม่าม้าคงไม่แคล้วต้องกรี๊ดแล้วโบกพัดไปมาเหมือนนางร้าย แต่ยามอยู่หน้าคุณยาย แน่นอนว่าทำไม่ได้ เพราะยิ่งกรีดร้อง ยิ่งแพ้เข้าไปใหญ่ ...แค่ตอนนี้ ธงขาวก็ปักเด่นชัดแล้วครับ

          สงครามประสาทคือใครร้อนตัวเสียจริตก่อน ผู้นั้น...แพ้

          เมื่อคุณปะป๊าหม่าม้าจอดสนิท คนอื่นก็เงียบตาม อาเฮียอาเจ้และหย็องทำเพียงเดินเข้าไปตามแรงดันของคุณม้า เอ่ยทักทายคุณยายด้วยความสุภาพในประโยคเรียบง่าย เพราะเอ่ยทักทายเพียงฝ่ายเดียว และจบที่แค่คุณยายพยักหน้ารับ ทุกอย่างจึงรวดเร็ว จนมาถึงผม คุณยายยืนมองนิ่งเฉย ก่อนอ้าแขนขวาออกเล็กน้อย

          แม้เพียงเล็กน้อย ทว่านั่นก็เพียงพอ

          "ดิมิทรี"

          ผมสืบเท้าก้าวเข้าไปใกล้ จากช้ากลายเป็นเร็ว จากเดินกลายเป็นวิ่ง สวมตัวเข้าอ้อมกอดที่แสนคะนึงหา ไม่ว่าในสายตาผู้ใด คุณยายจะเป็นปีศาจร้ายจอมเหี้ยมโหด เป็นอาจารย์ใจร้าย เป็นคุณยายแสนดุดันและเข้มงวด แต่ทุกสิ่งเหล่านั้นทำให้ผมสบายใจและคุ้นเคย สัมผัสเย็นยะเยือกทำให้ผมอุ่นวาบ ความโหดเหี้ยมก็เป็นเกราะป้องกันให้ผมปลอดภัย คุณยายเป็นสถานที่ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็เป็นบ้านสำหรับผมเสมอ

          "ผมคิดถึงคุณยายครับ"

          "หลานยาย"

          คำตอบรับและฝ่ามืออุ่นที่ลูบขึ้นลงอย่างแผ่วเบาบนหลัง ทำผมแทบร้องไห้ แต่ก็ต้องรีบกลั้น ยืดตัวตรงให้สมเป็นหลานชายของดาเลีย แอน แข็งแกร่ง ฉลาด มากความสามารถและสง่างาม สูดหายใจเข้าลึก ก่อนผายมือไปยังอีกคน อีกคนที่เป็นบ้านและทุกอย่างของผม


          "คุณยายครับ นี่เทม...เขาเป็นคนรักของผม"









end 51 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

แอร้ยยย ขอบคุณสำหรับ comment นะคะ ในนี้เงียบๆ นึกว่าไม่มีคนอ่านซะแล้ว แฮ่
 :กอด1:

โซเฟียริน
zofiarin lll moore


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2019 12:37:06 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
สามตอนรวด. ตาแฉะไปเลย
หมูชัดเจนมาก และเชื่อว่าทั้งสองจะต้องผ่าน
ด่านคุณยายได้แน่นอน

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter










52






          ถ้าให้บรรยายบรรยากาศหลังแนะนำตัวเทม ก็คงต้องถามว่าคุณเคยแช่อ่างอาบน้ำเย็นๆ แล้วจมลงไปทั้งตัวไหมครับ? หรือเอาหัวมุดถังน้ำ คว่ำหน้าในสระ อะไรก็แล้วแต่ ที่ผมจะสื่อก็คือมันเงียบและน่าอึดอัด เหมือนทุกอย่างถูกตัดขาด ดิ่งอยู่ใต้ทะเลลึก สุสานร้าง ถ้าเป็นโทรศัพท์ ก็คงเป็นโทรศัพท์ที่ปิดเครื่อง เพราะไร้สัญญาณตอบรับใดๆ จากคุณยาย ​

          เทมเริ่มตื่นกลัวตั้งแต่เห็นคุณยายพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชากับคุณพ่อคุณแม่ เป็นโทนเสียงที่เทมแทบไม่เคยได้ยิน การปะทะกันของผู้ใหญ่ ทำเอาเจ้าลูกนกในกรงทองผู้บอบบางเสียยิ่งกว่าแก้วใจฝ่อ ดวงตาสีไพลินเบี่ยงเบนมาจับจ้องเป้าหมายใหม่ นั่นก็คือคนรักของหลานชาย องค์ชายผู้ขี้กลัวยิ่งหวาดหวั่น นัยน์ตาที่ไม่สบกับผู้อื่นเป็นนิจ ถูกกลบจนมิดแน่น เทมปุระหลับตาปี๋เมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีเย็นยะเยือก

          อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าไปประคองช่วยเหลือ "เทมครับ เข้ามาสวัสดีคุณยายสิครับ"

          เอ่ยเรียกเสียงปลอบประโลม เสียงอ่อนโยนพาคนตัวแข็งทื่อขยับตัว เด็กน้อยเดินเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ยกมือไหว้ แล้วโค้งตัวจนคล้ายตัวแอล เริ่มแนะนำตัวด้วยเสียงตะกุกตะกัก

          "คะ คะ คือ คือว่า ทะ ทะ เอม เทม เทมชื่อเทมครับ คือ Hello คุณยายนะครับ ไม่ใช่ๆๆๆ สปา สปา สปาเกตตี้ ม-ไม่ใช่สปาเกตตี้ สปาโกยนัย โนชิ คุณยายนะครับ อะ ไม่ใช่ คุณบาบุชกาครับ"

          Спокойной ночи...สปาโกยนัย โนชิ...ราตรีสวัสดิ์

          бабушка...บาบุชกา...คุณยาย

          รวมกันก็เป็น...ราตรีสวัสดิ์คุณคุณยายครับ


         ใจคอคนแก้มนุ่มจะบอกฝันดีตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดินเลยหรือครับ...?

          ถ้าเป็นเวลาปกติ ก็คงอดจะยิ้มกว้าง พร้อมหัวเราะออกมาไม่ได้ ไม่ใช่ขำความผิดพลาด แต่เจ้าตัวน้อยลนลานใช้คำผิดได้น่ารักเหลือเกิน มองเขาอย่างอาทร อุตส่าห์ซ้อมกับคุณกระจกมาเป็นอย่างดีแท้ๆ

          แต่ตอนนี้ที่ผมทำคือกัดฟันแน่น มองชายคนรักกำลังพยายามสุดชีวิต แน่นอนว่าท่าทางนั้นสำหรับผมแล้วน่าเอ็นดูสุดหัวใจ แต่กับคุณยายคงจะไม่...

          ท่านจ้องมองเทมปุระตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ให้อ่าน เพียงแต่หยุดนิ่งกับพวงมาลัยเหรียญรางวัลกระดาษนานเป็นพิเศษ ก่อนจะมองผ่านเลยไปเหมือนไม่มีอะไร หรือใครอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มที่ผมเผลอหลุดออกมาก็เริ่มราบเรียบตามใบหน้านิ่งเฉยของท่าน และเรียบสนิท เมื่อสายตาคุณยายที่หันมามองผมอย่างครุ่นคิดทำเอาผมร้อนตัวคิดว่าถูกท่านตำหนิที่เผลอหลุดความสุขุม

          เทมค้างตัวไว้เกือบนาที ไม่มีถ้อยคำอนุญาต ไม่มีกระทั่งพยักหน้าตอบรับเหมือนครั้งอาเฮียหรืออาเจ้ เป็นภาพที่ผมดูแล้วหน่วงในอก วินาทีที่สี่สิบ ผมไม่ทนอีกต่อไป กำลังก้าวขาเข้าไปหวังจับตัวเขายืนขึ้น คุณยายก็ขยับตัวเสียก่อน

          "เจอหน้ากันครั้งแรก สิ่งที่สุภาพบุรุษควรทำ คือกล่าวทักทายสวัสดี ไม่ใช่มาบอกฝันดีนะคุณเทมปุระ"

          ภาษาอังกฤษสำเนียงผู้ดีจ๋า ถูกเอ่ยอย่างเชื่องช้าและชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงราบเรียบไม่แสดงความยินดียินร้าย แต่แววตากดดันก็ทำเอาเด็กชายที่เผลอเงยหน้ามองสะดุ้งโหยง

          "เข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า?" คุณยายถามย้ำ ทั้งๆ ที่ยืนนิ่งแต่กลับรู้สึกถูกคุกคาม

​         สุดท้ายใจดวงน้อยก็เปราะแตกออก เทมวิ่งตุบตับอ้อมมาซุกกับหลังของผม และสองขาของคนถูกซุกก็เผลอก้าวไปข้างหน้าแบบอัตโนมัติ ซ่อนเขาไว้ด้านหลังกำแพง เปลี่ยนตัวเองเป็นเกราะป้องกัน เป็นองครักษ์ให้องค์ชาย "น-หนึ่งครับ สอง สอง สองครับ สอง ส-สาม..." เสียงนับหนึ่งถึงสิบวนไปวนมาแผ่วเบา ตามคำแนะนำของคุณพี่หมอบอกให้เจ้าตัวทำเวลาตื่นตกใจ เทมพูดอู้อี้อยู่กับแผ่นหลัง ก่อนค่อยๆ โผล่ศีรษะมองคุณยายข้ามไหล่ของผม

          "ทะ เทม เทม เทม ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษนะครับ เทม เทม กลัวๆๆๆ คุณยายไปนิดหน่อยเยอะแยะๆๆๆ ครับ เทม เทม เลยพูดผิดครับ เทมเข้าใจแล้วครับ ขอ ขอลองใหม่อีก อีกรอบได้ไหมครับคุณบาบุชกา" ภาษาอังกฤษปนไทยมั่วไปหมดเพราะเจ้าของเสียงกำลังตื่นเต้นจนสมาธิแตกกระเจิง

          คุณยายไม่ได้ตอบอะไร ดวงตาสีไพลินหรี่เล็ก เป็นท่าทางที่ถ้าเป็นผม คือเข้าใจแล้วว่าถูกลงโทษให้กลับไปขังตัวเองในห้องกับกองหนังสือและอาจารย์ฝึกสอน ซ้อมและรอเวลา เมื่อถึงวันรุ่งขึ้นต้องทำได้มากกว่าที่เธอคาดหวังกว่าเดิมสี่เท่า... แต่เด็กชายอ่านท่าทางนั้นว่าตกลง เจ้าเต่าน้อยหัวหดกะพริบตาปริบ ในความคิดของเด็กชายตาใส คงมองว่าคุณยายใจร้ายไม่ได้ใจร้ายเหมือนที่ทุกคนบอกอีกต่อไป เมื่อได้รับโอกาสแก้ตัวซ้ำสอง เด็กชายผู้มองโลกเป็นสีลูกกวาดยิ้มกว้างตาหยี ผงกหัวหงึกหงัก

          "ขอบ ขอบ ขอบคุณครับ แล้วก็ แล้วก็ เทม เทมขอโทษนะครับที่วิ่ง วิ่งมาซ่อนกับหมูหย็อง คือ คือ เทม เทม เห็นๆๆๆ คุณปะป๊าคุณหม่าม้าเหมือนโดนคุณยายดุ เทม เทมเลยกลัวครับ" เขาค่อยๆ พาตัวเองออกมายืนข้างหน้าอีกครั้ง

          สูดลมหายใจเข้าลึกจนรูจมูกบาน

          ภาษาบ้านเกิดถูกเด็กชายในชุดสูทสีน้ำตาลเข้มหลับตาปี๋พูดระรัว  เสียงที่มักจะเนิบนาบ เชื่องช้ากลับพูดเสียงดังฟังชัด เสียงตะโกนนั้นคงบอกว่าลื่นไหลไม่ได้ ออกจะเหมือนเด็กตื่นเวที กำลังท่องอาขยานหน้าชั้นเรียนแบบรัวเร็วและลิ้นพันกันเสียมากกว่า

          "ส-ส-ส-สะ สวัสดีครับคุณยาย ผม ผมชื่อเทมครับ เทมปุระครับ เป็นคนรักของดิมิทรีครับ ล-แล้วก็ แล้วก็ ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ ยิน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ฝาก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ!" แล้วเจ้าตัวก็ขมุบขมิบปาก ยกนิ้วมือขึ้นมานับ เหมือนกำลังสำรวจว่าตัวเองพูดครบหรือยัง "อ๋อๆๆๆ แล้ว แล้วก็ อันนี้ๆๆๆ อันนี้!...เทม เทม เทม จำไม่ได้...หมูหย็องครับ เทมจำไม่ได้ครับว่าเหรียญทองพูดยังไง"

          หางชี้ฟูแกว่งไกวตกลงกับพื้น เจ้าลูกสุนัขตัวน้อยครางหงิงขอความช่วยเหลือ สองมือถอดพวงมาลัยกระดาษออกจากคอ ละล้าละลังกับการจะยื่นให้หญิงชรา ที่กำลังมึนงงกับภาษาบ้านเกิดสำเนียงเทมปุระ ผมกัดกระพุ้งแก้ม กลั้นมุมปากที่คอยแต่อยากจะยกขึ้นกับพฤติกรรมละลายหัวใจ

          เด็กชายเริ่มหมุนตัวไปซ้ายทีขวาทีอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร พวงมาลัยกระดาษถูกยื่นไปตรงหน้าที ดึงมาชิดอกที เช่นเดียวกัน ข้อห้ามจากคนรักที่เคยช่วยฝึกซ้อม เป็นกาวเหนียวหนืดคอยยึดแขนให้หุบเข้าหุบออก 'คุณยายไม่ชอบให้ถูกเนื้อต้องตัวท่านครับ' ในหัวอีกฝ่ายคงกำลังหมุนติ้วเป็นใบพัด สุดท้ายก็แอบสะกิด กดปุ่มขอตัวช่วย "หมูหย็องครับหมูหย็อง ให้ๆๆๆ คุณยายจากหมูหย็องนะครับ เทมขอฝากให้คุณยายได้ไหมครับ เทม เทมกลัวตอนให้นิ้วจะไปโดนนิ้วคุณยายครับ เทม เทม แล้วก็ แล้วก็ เทมขอโทษนะครับ เทม ตื่นๆๆๆ เต้นๆๆๆ ลืมคำแนะนำตัวไปเกลี้ยงๆๆ เลยครับ"

          "ไม่เป็นไรครับ เทมพยายามแล้ว เอาเหรียญมานี่สิครับ"

          "ปะป๊าก็อยากได้เหรียญรางวัลของเทมเทมมั่งจัง..."

          "คุณคะ มันใช่เวลาไหมคะ! ชู่ว!"


          รับมาถือไว้ ก่อนหมุนตัวไปหาคุณยายที่กำลังจ้องมองมา ดูเป็นอะไรที่แปลกและเสียมารยาท เมื่อใกล้กันเพียงแค่นี้ แต่ต้องส่งต่อกันเป็นทอด ได้แต่หวังว่าคุณยายจะเข้าใจถึงเจตนา ผมกระซิบบอกเล่าความเป็นมาของพวงมาลัยกระดาษเหรียญทองสั้นๆ

          ท่านมองนิ่ง ทว่าครั้งนี้ความเงียบไม่ได้อยู่นานจนผมอึดอัดนัก

          "แล้วทำไมคุณเทมปุระถึงไม่ให้เองกับมือ? ... ตราบใดที่เขามีปากและไม่ได้เป็นใบ้ หลานจะตอบให้เขาทุกเรื่องไม่ได้นะดิมิทรี"

          ปากที่อ้าออกเตรียมช่วยตอบแทนหุบฉับ

          "...ครับ"

          "คุณยาย คุณยายแกล้งหมูหย็องเหรอครับ" เด็กชายที่เมื่อเป็นเรื่องของผม ก็พร้อมเตรียมตัวกลายเป็นคุณองครักษ์ หันมาถามอย่างกังวลปนห่วงใย

          "ไม่ใช่ครับเทม...คุณยายแค่ถามเฉยๆ ครับ"

          ภาษารัสเซียถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นภาษาอังกฤษอีกครั้ง "คุณเทมปุระ ถ้าจะให้ เดินออกมา เอาให้เอง"

          "คุณ คุณยายพูดว่าให้ ให้เทมเอาไปให้เองเหรอครับ? แต่ แต่ว่า หมูหย็องบอกว่า คุณยายไม่ชอบให้แตะตัวนะครับ คุณยายจะรับกับเทม เทมต้องโดนมือนะครับ แล้วก็ๆๆๆ เทม เทม โยนให้ไม่ได้นะครับ คุณแม่บอกว่าโยนของให้ผู้ใหญ่หรือโยนของให้คนอื่น เป็นๆๆ เด็กไม่น่ารักครับ"

          "เราจะทำยังไง ไหนลองคิดสิ" คำถามหยั่งเชิงมาจากดาเลีย แอน

          "ให้ ให้แบบไม่แตะๆๆ คุณยาย แล้วก็ แล้วก็ต้องให้เองเหรอครับ แต่ว่า แต่ว่า" เขาพึมพำมั่วไปหมด ใบหน้าอ่อนเยาว์ยุ่งเหยิงด้วยสมการที่แก้ไม่ออก ผมเริ่มจะวิตก กลัวคำถามกอปรความตื่นเต้น จะไปปลุกโรคย้ำคิดย้ำทำของเทมเข้า จากแค่เสียมารยาท ถ้าเทมเข้าโหมดงอแง สายตาดุดันของหญิงชราผู้กำลังรอคำตอบ คงยิ่งเข้มขึ้นเป็นเท่าตัว

          "อ๋อๆๆๆ งั้นๆๆๆ ทำ ทำแบบนี้ได้ไหมครับ หมูหย็องครับหมูหย็อง ยื่นให้คุณยายนะครับ....ใช่ๆๆๆ ครับ แล้ว แล้วหมูหย็องก็ทำมือหมดแรงๆๆๆ นะครับ ปล่อยๆๆๆ แขนไว้ในมือเทมนะครับ ....แล้วเทมก็จะจับข้อศอกหมูหย็องเอาไว้แบบนี้นะครับ เทมจับหมูหย็องนะครับ ยื่นให้ส่งต่อคุณยายนะครับ...นี่ไงครับ!"

          คนแก้โจทย์ได้ยกยิ้มภูมิอกภูมิใจ

          "ส่งแบบระบบสัมผัส ส่งแบบบลูทูธนะครับ!"

          เอ่อ เทมครับ...คุณยายไม่ใช่พระที่กำลังบิณฑบาตตอนเช้านะครับ

          ความเงียบกินเวลาไปหลายอึดใจ ดวงตาที่หรี่ลงของหญิงชราก็ทำเอาเสียวสันหลัง จนผมคิดว่าสิ้นหวังแล้ว และเริ่มคิดถึงแผนการอุ้มเจ้าแก้มนุ่มไปตกปลากันอยู่ขั้วโลกเหนือ สร้างบ้านอิกลูอยู่กันสองคน หลบหนีจากกองทัพคุณยายที่ตามไล่ล่า จนเสียงหนึ่งระเบิดหัวเราะดังลั่น คุณตาที่เดินออกมาพร้อมผู้หญิงสองคนก้าวตรงมาหา และยื่นมือออกไปรับเหรียญทองบลูทูธเจ้าปัญหามาไว้กับตัวเอง พินิจมองถ้อยคำที่เขียนไว้ในแต่ละส่วนด้วยแววตาขบขัน ก่อนจับมือภรรยารักให้มารับไปถือไว้

          "เขาตั้งใจดีนะ คุณอย่าเข้มงวดไปเลยดาเลีย"

          คุณยายไม่ได้กล่าวตอบ และไม่ได้รับของที่สามียื่นส่งให้ คุณตาส่ายหัวกับความดื้อรั้น ก่อนยกพวงเหรียญกระดาษคล้องคอตัวเองแทน แขนสองข้างอ้าออกกว้าง  "ว่าไงดิมิทรี ไม่มากอดตาบ้างหรือไง"

          สวมกอดชายชราที่ดูตัวเล็กกว่าแต่ก่อนนิดหน่อย "ยินดีต้อนรับนะครับคุณตา"

          ท่านกอดผมแน่นจนเกือบตัวลอย แล้วหันไปตบบ่าคนแก้มยุ้ยที่ตาโต "คุณตา คุณตาลักพาตัว! แล้วก็ แล้วก็ลักพาเหรียญทองของคุณยายไปด้วย ไปด้วยครับ!"

          "ของสามีก็เหมือนของภรรยา ของภรรยาก็คือของภรรยา...ต้องจำคำนี้ไว้ให้มั่นนะเทมปูร้า เพราะงั้นให้ตาก็เหมือนให้ยายเขานั่นแหละ คนคนเดียวกัน"

          "คุณตาลักพาตัวครับคุณตาลักพาตัว เทม เทมปุระครับ ปู ปูร้าไม่ใช่เทมปุระนะครับ"

           "งั้นเรอะ งั้นเรอะ เทมปุระสินะ ...แล้วมายืนอออะไรกันตรงนี้ ทำไมไม่ไปข้างใน"

          คุณหม่าม้าตรงเข้ามากอดทักทายคุณตาด้วยสีหน้าดีใจ ทั้งสองคนคืนดีกันตั้งแต่คุณตามาเยี่ยมครั้งที่สี่แล้วครับ แล้วยิ่งหลังจากคุณตาเปิดนิสัยเจ้าเล่ห์จอมขี้แกล้ง ก็เข้ากันได้ดีราวกับไม่เคยขัดแย้งเลยทีเดียว คุณปะป๊าตบหลังอาเฮียกับอาเจ้และหย็องหย็อง ก่อนจะพากันเดินเข้ามาล้อมวง

          "คุณพ่อคะ ไม่เจอกันนานเลย สบายดีไหมคะ เห็นมาแต่คุณแม่ คิดว่าไม่ได้มาด้วยเสียอีก เด็กๆ เข้ามาทักทายคุณตาเร็ว"

          "คุณตาสวัสดีครับ ที่ผมฝากซื้อได้มาหรือเปล่าครับ?" หย็องหย็องเดินวนรอบตัวคุณตาหาของฝาก

          "มาสิ จะไม่มาได้อย่างไรกัน หลานรักเปิดตัวแฟนทั้งที ...โตกันขึ้นเยอะเลยนะทุกคน ดีแล้ว ดีแล้ว ถ้ามาแล้วเจอหลานยังตัวเท่าเดิม ตาก็คงไม่รู้จะทำยังไงดี นอกจากให้ยายเขาจับพ่อแม่เราเข้าคุก ข้อหาทารุณหลานๆของตาล่ะนะ ...แล้วทำไมนิโคลัสถึงได้หน้าตาเหมือนปลาแห้งในวันขอบคุณพระเจ้าแบบนั้น หลานไม่ได้หลับไม่ได้นอนหรือยังไง"

          ยามไม่ใช่เวลาหน้าที่การงาน และยามอยู่กับเหล่าหลานๆ อย่างตอนนี้ อดีตท่านทูตมีรอยยิ้มที่ชวนเข้าใกล้ เสียงนุ่มละมุนก็สบายหูน่าเข้าหา กลิ่นอายโดยรอบต่างจากคุณยายลิบลับ

          พอเหตุการณ์เริ่มวุ่นวาย คุณยายหันหลังเดินออกไปทันที กองกำลังคุ้มกันเดินตามออกไปด้วย แผ่นหลังทระนงเริ่มห่างไกล ผมตัดสินใจจับมือเทมวิ่งตามหลังคุณยาย

          ไม่อยากให้ก่อเกิดเป็นความเข้าใจผิด ไม่อยากให้ท่านเข้าใจว่าเทมเป็นพวกเล่นหัว หรือเห็นท่านเป็นตัวตลก เพราะมันไม่ใช่ เด็กน้อยพยายามเป็นอย่างมาก กับการจะเดินเข้าหาใครก่อน แม้จะดูเล็กน้อยสำหรับคนธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับเด็กพิเศษผู้มีปัญหาด้านการเข้าหาสังคมและการสื่อสาร มันแสนยิ่งใหญ่ แม้มันจะผิดพลาดไปเยอะจากที่ซ้อม แต่เขาก็พยายาม พยายามมากๆ

          ไม่อยากให้มันไร้ค่าไปโดยเปล่าประโยชน์

          เพราะเป็นบุคคลพิเศษ การผ่านขั้นตอนต่างๆ จึงไม่จำเป็น ฝีเท้าของคนสิบสี่คนเดินออกจากตึก พอพ้นตัวอาคาร ข้างนอกก็มีรถตู้สีดำมันเงาที่ถูกรถเก๋งอีกสี่คันจอดประกบรอรับอยู่ กลัวจะไม่ทันเวลา จึงตะโกนเรียกออกไป

          "คุณยายครับ เดี๋ยวก่อนครับ!"

          หญิงชราหยุดขยับขา แต่ไม่ได้หันหลังกลับมามอง 

          "ผมทราบว่าเสียมารยาท แต่ผมไม่อยากให้คุณยายเข้าใจผิด"

          "เรื่องที่หลานวิ่งตึงตัง ตะโกนเเรียกยายเสียงดัง....หรือเรื่องที่เขาทำเมื่อกี้ล่ะ"

          "ผมขอโทษครับ...แล้วก็เรื่องของเทม เทมไม่----"

          ผมเก็บคำพูดเมื่ออัญมณีสีฟ้าที่ไม่ต่างกับของผมสบประสาน ในบางคราสีฟ้าใสก็เข้มจัดจนคล้ายสีน้ำเงิน เป็นสีน้ำเงินลึกล้ำ เป็นดวงเนตรแสนมีอำนาจ ที่สามารถออกคำสั่งที่ไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืนโดยแค่เพียงทอดมอง

          "ดิมิทรี เหมือนกับหลานที่ไม่ว่ายายจะพูดอย่างไร หลานก็คงไม่ฟัง ยายก็เช่นกัน...ยายจะดูและหาคำตอบด้วยตัวเอง"

          ไม่มีข้อโต้แย้งอันใดให้ตอบกลับ เพราะจริงอย่างท่านว่า ได้แต่ต้องจำยอมตอบรับ "...ผมทราบแล้วครับ"

          แรงดึงชายเสื้อทำให้สายตาประสานหลุดออก เจ้าตัวเล็กขยับตัวยุกยิก ดูไม่สบายใจ

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง เรา เราออกมาแบบนี้ คุณปะป๊าคุณหม่าม้า อาเฮียอาเจ้แล้วก็หย็องหย็อง กับ กับ กับคุณตาลักพาตัวจะไม่หลงทางเหรอครับ ทุกคนจะกลับบ้านยังไงเหรอครับ ต้องไปแจ้งคุณปะป๊าคุณหม่าม้าหายที่คุณพี่ประชาสัมพันธ์ไหมครับ"

          "ไม่เป็นไรครับเทม หมูแค่ออกมาส่งคุณยายเฉยๆ เดี๋ยวเราจะกลับเข้าไปหาคุณป๊าคุณม้านะครับ"

          "มาส่ง มาส่งคุณยาย คุณยายๆๆๆ ก็หลงทางเหรอครับ? คุณยายครับคุณยาย นั่งไปกับเทมกับหมูหย็องไหมครับ คุณลุงชื่นขับรถเก่งมากเลยนะครับ เวรี่กู้ดมากๆๆๆ เลยครับ ไปส่งเทมกับหมูหย็องที่โรงเรียนไม่เคยผิดเลย กลับบ้านก็ถูกทุกครั้งเลยด้วยนะครับ"

          หากเป็นคุณยายใจดีทั่วไป ประโยคให้ความช่วยเหลือคงจะน่าดีใจ แต่ไม่ใช่กับดาเลีย แอน ความช่วยเหลือไม่ต่างกับคำสบประมาท บรรยากาศกดดันแผ่มาล้อมรอบ

          "ดิฉันดูเป็นหญิงแก่ไร้ความสามารถ กระทั่งกลับโรงแรมเองก็ยังไม่ถูกหรือคะคุณเทมปุระ ดูเป็นหญิงชราที่ต้องได้รับความช่วยเหลือใช่ไหมคะ?"

          "อะ อะ ...คุณ คุณยายใช้ ใช้ภาษาอังกฤษคำยากเยอะแยะๆๆๆไปครับ ยากไป ยากไปครับครับ เทม เทมฟังไม่รู้เรื่อง ช่วย ช่วย? อ๋อๆๆๆ ช่วยๆๆๆ ใช่ครับลุงชื่นจะช่วยนะครับ เราจะได้พาคุณยายกลับบ้านไปทานข้าวกันนะครับ วันนี้มีอาหารเยอะแยะเลย คุณหม่าม้าทำเค้กไว้เยอะแยะๆๆๆ เลยด้วยครับ วันคริสต์มาส เราต้องรีบๆๆ กลับไปใช้เวลากับครอบครัวนะครับ"

          "พูดว่าครอบครัว จะไม่เร็วไปหน่อยหรือคุณเทมปุระ โดยเฉพาะครอบครัวที่ยังไม่ได้รับการยอมรับแบบนี้"

          น้ำเสียงไร้เยื่อใยที่ควรบั่นทอนกำลังใจไร้อานุภาพ เมื่อตอนนี้เด็กชายกำลังตกห้วงคิดคำนึงถึงขนมหวาน ถ้อยคำร้ายกลับเป็นคำถามธรรมดา

          "เทม เทมยอมรับคุณยายเป็นครอบครัวนะครับ เพราะหมูหย็องรักคุณยายมากๆๆๆ เทมก็จะรักคุณยายแบบเยอะๆๆๆ แยะๆๆ ด้วยนะครับ" ยิ่งกวนสายตาเย็นให้ขุ่น เมื่อองค์ชายของผมฟังไม่ทัน ยามคุณยายกลับมาพูดด้วยความเร็วปกติ คำถามถูกแปลงไปตามที่เด็กชายพอจะจับคำออก

           ความชอบขนมหวานเข้าเส้นเลือด การอ่านสถานการณ์ไม่ออก และฟังไม่ค่อยเข้าใจ  บางครั้งก็นับว่าเป็นข้อดี... ผมเผลอยิ้มขำคนเข้าใจผิดไปไกล จนโดนสายตาเข้มงวดดุผ่านความเงียบเข้าให้

          "หลานดูแลกันยังไงให้แค่นี้ก็ฟังไม่เข้าใจ เขาเรียนมาหกปีแล้วไม่ใช่หรือ"

          ตรวจสอบละเอียดไม่มีตกหล่นเลยสินะครับ

          ไม่ทันได้ตอบอะไร กลุ่มชาโรนอฟที่เหลือก็โหวกเหวกกันออกมา เสียงหัวเราะพูดคุยดังก้องที่จอดรถ นอกจากครอบครัวแล้ว ก็ยังมาพร้อมคนแปลกหน้าอีกสองคน ที่ดูยังไงก็ไม่ใช่บอดี้การ์ด ไม่ใช่เพราะว่าเป็นวัยรุ่นผู้หญิงในกระโปรงบานพลิ้ว แต่เพราะสัมผัสยังไงก็ไม่ได้กลิ่นอายของยอดฝีมือ เหมือนคุณตาจะอ่านสายตาผมออก จึงเอ่ยแนะนำ

          "เธอผมเปียคนนี้คืออิรินา ส่วนนี่ก็มาเรีย...พวกเธอเป็นคู่ดูตัวของหลานยังไงล่ะ"

          ทุกสรรพสิ่งหยุดชะงัก รวมไปถึงลมหายใจผมด้วย ประโยคที่พูดจบในสิบวิ กลับกระชากความรู้สึกไปอย่างยาวนาน ผู้หญิงสองคนเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้มีคำปฏิเสธอย่างที่ต้องการ

           คุณพ่อคุณแม่ตั้งสติได้ก่อนใครเพื่อน รีบเดินเข้ามาขวางตรงหน้า

          "นี่มันเรื่องอะไรกันครับคุณพ่อ? คู่ดูตัว? ดูตงดูตัวอะไรกัน! หมูหย็องลูกผมมีเทมเป็นคนรักอยู่แล้ว ผมจะไม่ยอมให้มีเรื่องไร้สาระอย่างการดูตัวเกิดขึ้นแน่นอน!"

          "ใช่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความคิดของใคร ก็ห้ามมาบังคับลูกหนูให้ทำสิ่งที่เขาไม่ต้องการ นอกจากคนที่ลูกหนูเลือกเอง หนูไม่มีทางยอมรับคนอื่นมาเป็นครอบครัวเด็ดขาด"

          "พวกผมก็ไม่ยอมรับ!"

          คำขาดถูกยื่นจากสองผู้ให้กำเนิด ผมขมวดคิ้วมุ่น เมื่อสติกลับคืน ความไม่พอใจแล่นลิ่วจนแทบจะระเบิดออก ไม่ว่าจะเป็นคุณตาหรือกระทั่งคุณยาย ผมก็จะไม่ให้อภัยเด็ดขาด ถ้ากล้าส่งใครเข้ามาแทรกความสัมพันธ์ของผมกับเทมปุระ ผมยินดีให้พวกท่านศึกษา และทดสอบเทมในเรื่องต่างๆ อย่างการวางตัวหรือการเรียน แต่ทุกอย่าง ทุกอย่างต้องไม่เกินขอบเขต และรวมไปถึงการห้ามทำร้ายจิตใจคนรักของผม

          เส้นที่ถูกขีดไว้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ห้ามข้าม...ไม่มีข้อยกเว้น

          ผมก้าวออกจากหลังของคุณพ่อกับคุณแม่ มองคุณตาด้วยดวงตาวาวโรจน์

          จิ้งจอกเฒ่ายกยิ้มพอใจ "หึหึ...สายตาเขาน่ากลัวเหมือนคุณเลยดาเลีย หลานชายเราโตขึ้นแล้วจริงๆ"

          "เลิกเล่นไร้สาระเสียที" แม้จะราบเรียบดั่งเดิม แต่แฝงไปด้วยการตำหนิ

          คุณตายกมือสองข้างยอมแพ้ "ใจเย็นก่อน ตาแค่ล้อเล่นเท่านั้น...นี่อิรินากับมาเรีย เป็นล่ามแปลภาษาไทยของตากับยายเอง"

          คุณตาได้รับการถลึงตาใส่อย่างถ้วนหน้า

          คำหยาบคายถูกสบถในลำคอ และเมื่อเห็นว่าเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นจริงๆ จึงคลายมือที่เผลอบีบกันแน่นออก เทมทำหน้างงอยู่เพียงคนเดียว ยื่นหน้ามากระซิบถามอย่างคนตามไม่ทัน "คุณตาลักพาตัวพูดอะไร อะไร อะไรเหรอครับหมูหย็องครับ?"

          "ไม่มีอะไรครับเทม คุณตาเล่นมุกตลกที่ไม่มีใครตลกด้วยน่ะครับ"

          "มุกแป๊กๆๆๆ เหรอครับ"

          "ครับ แป๊กสุดๆ จนน่าโมโหเลยละครับ"

          ผมโกรธคุณตาจนไม่คุยด้วยสักครึ่งสักคำ แม้คุณตาจะมานั่งร่วมรถ หรือพยายามขอโทษด้วยการไปต่อรอง จนพาคุณยายมาร่วมงานคริสต์มาสด้วยกันได้ก็ตาม แต่ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ ก็สมเป็นจิ้งจอกแสนมากกล เล่นใช้จุดอ่อนของผมเป็นกาวประสานความขุ่นมัว ใช้เทมปุระมาชวนผมคุยจนต้องยอมอ่อนลง

          "ถ้าครั้งหน้าคุณตายังเล่นมุกตลกนี้อีก รบกวนเตรียมใจรับความเงียบอันนิรันดร์ด้วยนะครับ"

          คุณตาหัวเราะชอบใจจนหย็องหย็องที่นั่งบนตักสะเทือน "งั้นครั้งหน้าเอาเป็นมุกเมียน้อยดีไหมล่ะดิมิทรี"

          กลับมอสโกตอนนี้เลยดีไหมล่ะครับคุณตา...?









end 52 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2019 21:33:54 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ Mizunoe

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่ตลกค่ะคุณตา!!!! ใจร่วงเลย
อยากเห็นเทมใส่สูทจังเลยย
ถ้าไม่ใช่เทมใครจะนึกได้น้อว่าควรจะให้รางวัลคุณยาย
คุณยายก็ลำเอียงให้หมูหย็องได้อีก
เชื่อว่าในอนาคตคุณยายจะลำเอียงให้เทมเพิ่มอีกคนนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด