———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 61 * 23/02/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 61 * 23/02/63  (อ่าน 36974 ครั้ง)

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0










เรื่องราวของเด็กชายออทิสติก ผู้ถูกแอบรักโดยเพื่อนสนิท
ที่สถาปนาตัวเองเป็นผู้ปกครองเขา
ความรักที่ท่วมท้น กับอีกคนที่ใสซื่อเกินจะรู้
ผู้ปกครอง
ที่สักวัน
หวังจะเป็น

...ผู้ครอบครอง…


.
.
.



คำเตือน

เนื้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับความรักของชายรักชาย
และอาจมีข้อผิดพลาดทางการเขียน ทางเหตุผล ทางความสมจริง
เรื่องราวและความรู้ในนิยายถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

นิยายอาจจะมีการแก้ไขเนื้อหา Rewrite อยู่ตลอดเวลาจนกว่าจะจบ



zofiarin lll moore
นัก(อยาก)เขียนผู้อวยพระเอก.



ใครเล่นทวิตเตอร์ อยากบ่น พูดคุยเกี่ยวกับนิยาย
 twitter #เพื่อนผู้ปกครอง นะคะ
ขอบคุณมากค่ะ


: )






ขอบคุณพี่ Meen2495 ที่คอยช่วยแก้ไขคำผิดด้วยค่า
M(_ _)M





 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2020 20:06:52 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter







▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    1    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇










          “เธอช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ~ ในความคุ้นเคยกันอยู่ มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น ~ ♪ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเล้ยยยยยยยย ว่าเพื่อนคนหนึ่ง มันแอบ มันคิดอะไร ไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน ♪ ...ขอเสียงคนคิดไม่ซื่อกับเพื่อนตัวเองหน่อยพี่น้องคร้าบบบ!”



          เสียงเพลงประจำชาติของคนแอบรักเพื่อน ดังกรอกหูผมด้วยเสียงร้องที่คุ้นเคย



              อา...นี่ผมอุตสาห์สั่งเปลี่ยนกลอนประตู เป็นแบบล็อกด้วยรหัสและคีย์การ์ดแล้วนะครับ พาสเวิร์ดผมก็เปลี่ยนทุกอาทิตย์ ยังอุตส่าห์จะเดารหัสแล้วบุกรุกเข้ามาทรมานกันอีกจนได้

          ผมคร่ำครวญในใจ สั่งให้สมองตัวเองจำไว้ว่าอย่าลืมหาประตูแบบอื่นมาติดตั้ง เพื่อป้องกันตัวอันตรายเข้ามาจู่โจม



          ยามเช้าที่แสนซ้ำซากและน่าเบื่อ

          สาบานเถอะ ให้สุนัขฉี่รดสังกะสีเสียงยังเพราะน่าฟังกว่าร้อยเท่า

          แม้ว่าผมจะพยายามคำรามในลำคอเป็นเชิงไล่กลายๆ แต่ต้นตอของเสียงร้องแห่งหายนะ ยังคงตะเบ็งเสียงกรีดร้องโหยหวนดำเนินต่อไป ไม่ได้สนใจคำเตือนที่ผมมีให้เลยสักนิดเดียว



          เสียงบาดหูยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดังขึ้นเรื่อยๆไม่มีทีท่าจะหยุดลง




          “ให้ตายเถอะโจเชฟ พี่มันน่ารำคาญ!" ผมรำคาญเขา จนเผลอหลุดพูดสบถภาษาบ้านเกิด

               "ภาษาไทยสิจ๊ะคุณหลวง" ปกติคำร้องขอของเขาจะถูกผมเมินเฉยโดยสิ้นเชิง แต่ในวันนี้ วันเปิดเทอมวันแรกแบบนี้ ผมไม่อยากปวดหัวและอารมณ์เสียตั้งแต่วันแรกนะครับ

               ผมยอมลดเสียงให้เรียบนิ่งลง เอ่ยด้วยภาษาที่พี่ชายตัวเองต้องการ

               "เฮียปลาครับ รบกวนหยุดร้อง หยุดการกระทำอันป่าเถื่อนของเฮียเดี๋ยวนี้ เพลงเขาเสียหายหมดแล้วครับ!”

          "ขออีกท่อนได้ไหมจ๊ะคุณหลวง จำปาไม่อยากค้างคาเหมือนขี้คาก้น ....เธอช่างไม่รู้วววววววอะไรบ้างเลย ~ ในความคุ้นเคย เอย เอย เอย ~ กันอยู่ มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่าน้านนน ~ ♪"



          ผมลุกขึ้นพรวด ถีบผ้าห่มตกเตียง วางคำว่ามารยาทเอาไว้ในโลกแห่งความฝัน เอื้อมมือคว้าคอเสื้อของพี่ชาย ผู้กำลังทำหน้าวอนอวัยวะเบื้องล่างของผมอยู่ คิ้วที่เลิกขึ้นสองสามครั้ง บอกได้เลยว่าเขาไม่ได้กลัวกันสักนิด แถมยังทำท่าสะดุ้งเกินจริงได้น่าต่อยย้ำลงไปเอามากๆ


          เขายังคงร้องเพลงแห่งความตายออกมา


          มือของผมที่กุมคอเสื้อคนตรงหน้า เขย่าไปมา พยายามให้พี่ชายตัวเองหยุดฆ่ากันด้วยเสียง มันเป็นวิธีที่เหี้ยมโหด และเป็นสาเหตุการตายที่อเนจอนาถ น่าสมเพชเกินกว่าจะรับได้ ถ้าจะต้องตายเพราะเสียงร้องของเฮียปลาหย็อง สู้ให้ผมเดินเตะโต๊ะนิ้วก้อยเท้าหลุด แล้วติดเชื้อในกระแสเลือดดับสูญไป ยังนับเป็นการตายที่มีเกียรติ ดูดี และคุ้มค่าที่เติบโตมามากกว่าเป็นไหนๆ



               "ผมบอกแล้วไงครับ ว่าห้ามเข้ามาในห้องของผมก่อนได้รับอนุญาต" ผมบ่นเขาเป็นภาษารัสเซียด้วยใบหน้าหงุดหงิด เสี้ยวหนึ่งเจ้าปีศาจในใจ กระซิบบอกให้ผมเตะเขาออกนอกระเบียงชั้นเจ็ดไปซะ

          “อะไรกันหย็องที่สี่ นี่เฮียปลาจ๋าสุดน่ารัก อุตส่าห์ร้องเพลงอวยพรต้อนรับเปิดเทอมนะ ชิชะ ทำมาเป็นรำคาญพี่รำคาญน้อง จำปางอนนะจ๊ะงอน”



           พูดอย่างเดียว เฮียปลาหย็องคงเกรงว่าผมจะไม่เชื่อว่าเขางอนจริง ใบหน้าที่มีส่วนคล้ายกัน ทำปากจู๋แก้มป่องใส่ผมเป็นภาพประกอบ ซึ่งมันไม่ได้น่ารักน่าชังเลยแม้แต่น้อยครับ ไม่ใกล้เคียงคำนั้นเลยสักนิดเดียว...แล้วให้ตายเถอะ หน้าของเฮียปลาหย็องตอนนี้ ทำเอาผมคิดไปถึงภาพศพปลาทองขึ้นอืดในโถสักสิบวันลอยซ้อนทับกันมาเลยทีเดียว




               พลั่ก!



          เสียงผมถีบอาเฮีย พี่ชายบังเกิดเกล้าของตัวเองแบบแน่นๆเน้นๆ จนเจ้าตัวล้มลงไปนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น ไม่ต้องตกใจไปครับ บ้านผมเป็นพวกใช้ความรุนแรงแทนการบอกรัก เลี้ยงด้วยลำแข้งกันมาแต่เล็กแต่น้อย ครอบครัวของผมเลี้ยงกันมาแบบเพื่อนกัน มากกว่าจะแบ่งศักดิ์ด้วยอายุ เพราะแบบนั้นเรื่องถึงเนื้อถึงตัวในด้านการใช้กำลังจึงเป็นเรื่องสามัญ เหมือนมุกตลกหรือสูตรอาหารประจำบ้านนั่นล่ะครับ



          นับว่าได้ด้านสีขาวช่วยรั้งเอาไว้ ดีแค่ไหนกันที่ผมไม่ไปเตะเขาที่ชานระเบียง...



          และยิ่งเป็นอาเฮียปลาหย็องท่านนี้ มีป้ายติดไว้บนหน้าว่าเป็นพวกมาโซคิสชอบโดนรุนแรงใส่ ไม่โดนสักวันแล้วจะกินข้าวไม่ลง ยืนตรงๆไม่ได้ ต้องเข้าไปก่อกวนพี่น้องสักคน แล้วโดนตบตีกลับมาให้สบายกายสบายใจ ยิ่งไม่ต้องเป็นห่วงไปนะครับ

          ความเจ็บปวดเป็นเชื้อเพลิงในการใช้ชีวิตของอาเฮียเขา



แต่แล้วผมก็ต้องนึกเสียใจ...

          อา...ผมไม่น่าถีบเฮียแกไปเลยครับ น่าจะลุกเอาหมอนไปอุดหน้าให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเสียมากกว่า

เพราะเหมือนลูกถีบยามเช้าเมื่อสักครู่นี้ จะไปสะกิดต่อมเรียกความน่ารำคาญของเฮียเข้าซะแล้ว



เสียงสะอึกสะอื้นดังทดแทนเสียงร้องเพลง แต่ก็ให้ผลทำลายประสาทพอกัน



          “คุณหลวง! คุณหลวงถีบจำปาทำไมเจ้าคะ จำปาทำอะไรผี้ดดดด จำปาจะฟ้องหม่อมแม่! ให้คุณหญิงแม่ไม่ให้คุณหลวงกินข้าวเช้า ฮืออออ คนใจร้าย คนใจดำ!”



          จำปาเสียงใหญ่เหมือนคิงคองตอนกำลังเกรี้ยวกราด ทำท่าบีบน้ำตาพลางเอามือปิดปาก แล้วลุกขึ้นวิ่งหนีพร้อมท่าสโลวโมชั่นออกนอกประตู พร้อมเสียงเพลงประกอบที่เจ้าตัวฮัมเพลงเอง เป็นทำนองประกอบการย่างกรายออกจากห้องไป

          ออกจากห้องไปแล้วยังไม่วายเดินลงส้นเท้าปึงปังเพื่อบ่งบอกความไม่พอใจให้ชัดเจนอีกครั้ง



         

          ในที่สุดห้องผมก็กลับมาเงียบสงบอย่างที่ควรจะเป็น เช้าวันเปิดเทอมของมัธยมสาม ช่างเป็นการเริ่มต้นได้บัดซบตั้งแต่วันแรกเลยทีเดียว จริงๆนอกจากความกวนของเฮีย ผมจะไม่อะไรเลยครับ เพราะชาชินกับความไม่เต็มของพี่คนโตมาเนิ่นนาน แต่เพลงที่ร้องนี่มันตอกย้ำ ซ้ำเติม สะท้านสะเทือนไปถึงทรวงใน ไม่ต้องถามถึงหัวใจที่เจ็บแสบเหมือนใครเอาเข็มมาจิ้ม แล้วราดซ้ำด้วยพริกน้ำปลา

          จะปล่อยปละละเลยนอนนิ่งเฉยฟัง โดยไม่ทำอะไร

          ทำไม่ได้จริงๆครับ แค่เตะนี่มันยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ นับว่าผมยังมีจิตใจปรานี



          ผมลุกขึ้นมาจากเตียง พร้อมเริ่มด้วยกิจวัตรประจำวันเดิมๆ ที่ทำจนไม่รู้ว่ามันมาลงเอยแบบนี้ได้ยังไง เริ่มแรกด้วยการหยิบกรอบรูปถ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมา โต๊ะข้างเตียงสีดำสนิทเคลือบเงาสวย บนนั้นมีกรอบรูปบรรจุรูปถ่ายแห่งความทรงจำเอาไว้มากมาย

         มันเยอะเสียจนเลือกไม่ถูกเลยครับ มีหลายขนาด หลายอารมณ์และหลากอิริยาบถ



          แต่ที่เหมือนกัน ก็คือ

          ทุกๆรูป เป็นรูปของคนๆเดียว...



          ผมเลือกไม่ได้ เลยตัดสินใจหยิบรูปสุ่มๆมาอันหนึ่ง ได้เป็นรูปเจ้าตัวตอนอนุบาลนุ่งกางเกงสีแดงที่ดึงจนสูงเกือบถึงอก ปากสีชมพูอมส้มน่าจุ้บ แก้มขาวนวลปะแป้งเสียขาววอก กำลังยิ้มกว้างจนตาหยีอัญมณีสีน้ำตาลที่เผย แวววาว ทอประกายไปด้วยความสุข

          หัวใจที่หงิกงอของผมผ่อนคลายออก

          แม้จะไม่มีปีกสีขาวติดอยู่ด้านหลัง หรือไร้วงแหวนอยู่บนหัว แต่เขาก็เป็นนางฟ้าของผม

          อา...นางฟ้า นี่มันนางฟ้าชัดๆ



          ผมบอกเลยนะครับ เหตุผลเดียวที่ทุกวันนี้โลกนี้ยังน่าอยู่ ก็เพราะมีนางฟ้าไร้ปีกคนนี้เดินไปเดินมาเท่านั้นแหละครับ



          ผมหยิบกรอบรูปขึ้นมาพลางเริ่มพิธีประจำวัน ผมยิ้มอ่อนโยน ลูบรูปถ่ายแผ่วเบา



          “ขอให้เป็นวันดีๆอีกหนึ่งวันนะครับ ขอให้เป็นอีกวัน ที่ทำให้เรารู้จักกันดีมากยิ่งขึ้น...แล้วก็ขอให้เด็กน้อยที่ผมแอบรัก เติบโตในด้านความรู้สึกขึ้นอีกนิด เติบโตให้พอที่จะเรียนรู้ความรู้สึกรักอันแสนพิเศษ จะได้รับรู้ความรู้สึกพิเศษนี้ไปด้วยกัน...จะได้เป็นของผมสักทีนะครับ...เทม





          ผมมองรูปที่อยู่ในมือตาหวานเชื่อม แอบรู้สึกว่าตัวเองช่างดูเพ้อฝัน เหมือนคนที่กำลังมัวเมาในความรักจนไร้สติ ลุ่มหลงจนทำตัวแปลกประหลาดและดูบ้าบอ ไม่มีเหตุผล ถ้าคนนอกมาเห็น อาจจะหาว่าผมโรคจิตก็ได้



         แต่ว่าผมก็คงทำอะไรไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าผมก็เถียงไม่ได้เสียด้วยสิ

         ว่าตัวเองไม่ได้กำลังหลุ่มหลงเขา...



          เอาเป็นว่าผมจบท้ายพิธีด้วยการประทับจูบลงไปบนรูปเบาๆก็เป็นอันเสร็จ นี่แหละครับ ศาสตร์ใสๆ ไม่ได้ด้วยกลก็ต้องเอาด้วยเล่ห์ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลนี่ล่ะครับ

          ผมขอดักไว้ทั้งสองทางเพื่อความมั่นใจดีกว่าครับ



          เพราะผมจะใช้ทุกวิธีทาง ทุกวิธีทางที่ได้นางฟ้ามาครอบครอง

               จะสร้างกรงไว้ดักขัง หรือสร้างโซ่ไว้พันธนาการ ผมก็ไม่เกี่ยงวิธี

               ขอแค่ดักจับนางฟ้าไม่ให้หลุดรอดไปไหนได้ก็เป็นพอ...



          แต่ให้ตายเถอะ

          ทั้งๆที่ก็ทำบ่อยแท้ๆ แต่ความเขินอายที่ปะทุขึ้นมาทุกครั้งที่ทำเสร็จกูดูไม่มีวี่แววจะลดลง ทำเสร็จผมก็ต้องมานั่งเอามือกุมหน้าตัวเองเพราะความอาย ขนาดเป็นแค่รูปยังรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วหน้าขนาดนี้ ไม่อยากคิดถึงในวันข้างหน้าเลยครับ ถ้าสักวันในอนาคตได้ทำกับตัวจริง ผมจะเขินขนาดไหน คาดว่าไส้เดือนที่บิดเพราะน้ำร้อนลวกยังต้องยอมแพ้ ผมอาจจะบิดจนเลขแปดต้องร้องขอมาเป็นลูกศิษย์ก็ได้



          เพราะงั้นนี่ก็ถือเป็นการซักซ้อมไปในตัวด้วย ไม่ใช่แค่งมงายทำไปส่งๆนะครับ

          มันคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้หัวใจครับ







          ผมเดินไปอาบน้ำแต่งตัว ใส่ชุดนักเรียนเตรียมพร้อมไปสู้รบกับความรู้อีกหนึ่งวัน แต่กว่าจะเตรียมพร้อมลงมาข้างล่างได้ก็แอบล่าช้าไปเล็กน้อย เพราะตารางเรียนของโรงเรียนผมจะเปลี่ยนทุกเทอม ทำให้ต้องมาจัดกระเป๋ากันใหม่  เมื่อวานผมก็ยุ่งๆเลยไม่ทันได้เรียงหนังสือให้เขาที่

          พอเช็คว่าทุกอย่างไม่ขาดเหลืออะไร ผมก็ลงลิฟต์ตรงเข้าไปในห้องอาหาร

          โต๊ะหินอ่อนตัวยาวประดับทองอันวิจิตรวางเด่นอยู่กลางห้อง ผมเคยได้ยินเฮียปลาหย็องแอบถามคุณหญิงเขาว่าทองแท้ไหม ก็ไม่ยอมบอกกัน เพราะกลัวเหล่าลูกๆที่น่ารัก จะแอบเอาช้อนมาขูดมาแซะ แอบเอาไปขายครับ

          ซึ่งต้องขอบอกเลยนะครับว่าไม่เป็นความจริงนะครับ เพราะคนบ้านนี้จะไม่มานั่งเอาช้อนมางัดแงะหรอกครับ ไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้นกัน

          แต่จะยกไปขายทั้งโต๊ะเลยต่างหาก...

           นี่ต่างหาก ความเป็นไปได้ที่แท้จริง



          โต๊ะตัวยาวมีเก้าอี้ทั้งหมดสามสิบสองตัว แต่มีคนนั่งอยู่แล้วหกคน นับจากหัวโต๊ะคือคุณท่านของบ้าน คุณพ่อของผมเองครับ ด้านซ้ายประกบด้วยคุณหญิง ก็คุณคือคุณของแม่ผม ด้านขวาของคุณพ่อ ก็คืออาเจ้ พี่สาวของผมเองครับ ถัดๆไปก็ช่างมันเถอะ แค่เหล่าๆอาเฮียกับน้องชายน่ะครับ



          จากสมาชิกที่นั่งกันอยู่ คงจะพอเดาได้ว่าผมมีครอบครัวค่อนข้างใหญ่ครับ มีคุณพ่อคุณแม่ ที่ไม่รู้คึกอะไรถึงมีลูกออกมาตั้งห้าคน มีพี่ชายคนโตที่ชื่อปลาหย็อง ก็คืออาเฮียที่ไปปลุกผมนั่นเองครับ พี่สาวคนถัดมาชื่อไก่หย็อง คนถัดมาเป็นพี่ชายอีกคนครับชื่อเนื้อหย็อง และถัดมาก็คือผม



          จะชื่ออะไรครับคุณคิดว่า?

          อย่าตลกร้ายด้วยการบอกว่าเหล่าเนื้อหมด แล้วจะให้ผมชื่อผักหย็องนะครับ คิดดูดีๆยังเหลือเนื้ออีกอย่างนะครับ
เฉลยก็คือ ชื่อของผมก็คงหนีไม่พ้น หมูหย็อง จริงๆแล้วคุณพ่อคุณแม่ผม ก็คิดจะปิดบัญชีที่หมูหย็องนี่แหละครับ แต่ดันปิดไม่ได้ มีมารโดนถีบมาเกิดอีกคน น้องเล็กจบท้ายตะกูลหย็อง น้องชายตัวแสบของพวกผม ชื่อหย็องหย็องครับ

          นี่ถ้าเกิดยังมีหย็องอีกคนโดนถีบมาเกิด คุณท่านคุณหญิงก็บอกจนปัญญาจะหาอะไรมาหย็อง ก็จะตั้งเป็นหย็องหย็องหย็อง ถัดไปอีกคนก็จะเป็น หย็องหย็องหย็องหย็อง และยังมีความคิดเป็นห่วงเผื่ออีกคน ว่ากลัวชื่อจะยาวไป คนที่เจ็ดถ้าสมมุติว่ามีก็จะเรียกว่า หย็องรุ่นที่เจ็ด เพื่อความกระชับในการเรียก



          จริงๆควรหยุดตั้งแต่สี่หย็องแล้วล่ะครับผมว่า...

          ผมที่เป็นพี่ชาย ก็อดดีใจแทนน้องที่ยังไม่ได้เกิดมาไม่ได้ เกิดมาทั้งทีต้องมีชื่อหย็องหย็องหย็อง เป็นผมขอกลับเข้าไปในท้องแม่จะดีกว่า กว่าจะเรียกเสร็จลิ้นพันกันกี่รอบก็ไม่รู้ เวลาจะแนะนำตัวนี่ผมคิดว่าต้องมีเผลอแนะนำเกินแน่ๆเลยครับ เพราะต้องขี้เกียจนับบ้างล่ะ ว่ากี่หย็องเข้าไปแล้ว

          สรุปง่ายๆ ครอบครัวผมก็มี คุณพ่อ คุณแม่ ปลาหย็อง ไก่หย็องพี่สาวคนเดียว เนื้อหย็อง หมูหย็อง หย็องหย็องครับ จบครบถ้วนกระบวนความหย็อง



          ฟังจากชื่อและวิธีการเรียก พวกคุณอาจจะคิดว่าพวกผมคือครอบครัวชาวจีน ที่โล้สำเภามาตั้งรากฐานที่เมืองไทย ผิวขาวเหลือง ตาตี่ เป็นอาตี๋และอาหมวย

          แต่ความจริงคือพวกผมหัวทองและตาสีฟ้า ผิวสีขาวจัด หรือถ้าจะให้เรียกกันตามแบบง่ายๆ ก็ฝรั่งนั่นเองครับ คงจะคิดสินะครับว่า อ๋อ สงสัยคุณพ่อหรือคุณแม่ หรือไม่ก็คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายสักคนเป็นคนจีน หึ...ไม่ใช่เลยครับ ฝรั่งแท้ๆ ฝรั่งสดจากต้นร้อยเปอร์เซนทั้งคู่เลยครับ อิมพอร์ตจากอังกฤษและรัสเซีย เมดอินโดยฝรั่งตั้งแต่หัวจนเท้าเชียวครับ



          แต่ทั้งๆที่ไม่มีเชื้อเอเชียแม้แต่น้อย แล้วทำไมถึงลงเอยแบบนี้


         นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณหญิงเขาเป็นมิสซิสเอเลน จิบชาอยู่รัสเซียสบายๆแล้วดันไปเปิดช่องหนังจีนย้อนยุคเข้า พอตั้งท้องจะตั้งชื่อลูกๆว่าจอร์จ ว่าอเล็กซ์ก็ไม่ชอบใจ ติดซีรี่ย์หนังจีนงอมแงม อยากให้เหล่าลูกๆเรียกขานตัวเองว่าหม่าม้า ป่าป๊า เรียกพี่น้องของตัวเองว่าอาเฮีย อาเจ้ เหมือนในหนังที่ตัวเองดูมาครับ จริงๆชื่อพวกผมเกือบจะเป็นฮองเฮา ปี่เซียะ ฮ่องเต้ ตามซีรี่ย์ย้อนยุคศึกชิงบัลลังก์ตามหนังจีนที่คุณแม่โปรดปรานแล้วครับ


          แต่พอดีว่าตอนท้อง ก็เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญขึ้นเสียก่อน ระหว่างที่ตั้งครรภ์ คุณแม่แพ้ท้องขั้นหนัก มีความอยากกินอยากทานสารพัดหย็อง ทานเยอะจัดวันละหลายกิโล พยาบาลห้ามก็ไม่ฟัง เกรี้ยวกราดจะทานให้ได้ จะหลับจะตื่นก็เรียกหา ชอบจัดขนาดสั่งทำน้ำหอมกลิ่นหมูหย็องเลยนะครับ คิดดูเอาเถอะ


          ความคลั่งไคล้จนแทบจะขอหมูหย็องมาปั่นมาบดแล้วฉีดเข้าเส้นเลือด ทำเอาคุณป๊ากุมขมับ แทบจะต้องสร้างโรงงานผลิตเฉพาะให้เลยทีเดียวครับ และเหตุการณ์แพ้ท้องครั้งนั้นมันตราตรึงใจพวกท่านมากกว่า


          เลยสรุปได้ชื่อเล่นตะกูลหย็องมาแทนปี่เซียะกับฮ่องเฮาครับ ส่วนชื่อจริง ดีว่าคุณท่านใหญ่ทนการกระดกลิ้นชื่อจีนไม่ไหว แค่ชื่อไทยก็ทำเอาลิ้นแทบเปลี้ย เลยตั้งเป็นภาษารัสเซียตามคุณยายไปครับ


          แต่จริงๆเห็นว่าคุณแม่พ่ายแพ้เกมเป่ายิงฉุบต่างหาก เลยเสียสิทธิ์การตั้งชื่อจริงไป


          เป็นครอบครัวบันเทิงที่แท้จริง...





          ส่วนที่ย้ายมาอยู่เมืองไทย เพราะคุณป๊าเขาเกิดนิมิตว่าผมต้องมาได้คนรักที่เมืองไทย ก็เลยย้ายมาครับ ....ก็คงไม่ใช่เหตุผลแบบนั้นหรอกครับ....



          เห็นว่ามาเปิดบริษัทที่เมืองไทย เพราะแลเห็นว่าเหมาะสมกับการลงทุน และพัฒนาต่อยอดได้ง่ายครับ ที่ประเทศไทยมีทรัพยากรล้ำค่าหลายอย่าง และทำเลติดเพื่อนบ้านที่เอื้ออำนวยดีมากต่อการส่งออก ซึ่งก็นับว่าคุณพ่อและเฮียปลาหย็องทำได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว เพราะบริษัทของบ้านผมได้รุกเข้าตลาดในไทย และครอบครองแทบจะเรียกได้ว่าผูกขาดตลาดอาหารและร้านค้าสะดวกซื้อได้อย่างรวดเร็ว ทุกตรอกซอกซอย คุณจะเห็นร้านสะดวกซื้อที่เป็นแบรนด์ของครอบครัวผมแน่นอนครับ


          ที่มีหมาแมวนอนอยู่หน้าร้าน นั่นแหละครับ...ใช่เลย


ด้วยสาขาที่เยอะมากมาย และทำโรงงานผลิตสินค้าเกี่ยวกับอาหารหลากหลายอย่าง ที่จำหน่ายทั้งในร้านสะดวกซื้อของตัวเอง และรับผลิตอาหารวางตามร้านอาหารอื่นๆอีก จะวัตถุดิบ หรือเครื่องปรุงไว้ทำอาหารก็มีพร้อมครบจบ เรียกว่าเงินในไม่ให้ออก ดึงเงินนอกเข้ามา เรือล่มในหนองทองจะไปไหน ตามเฮียเนื้อหย็องว่าไว้

          นอกจากนั้นป๊ายังเอาเงินต่อเงิน ด้วยการสรรหาธุรกิจร่วมลงทุนกับหลากบริษัท ทั้งอสังหา ของอุปโภค บริโภค สัมปทานที่ผูกขาดกับทางรัฐบาล ฟันกำไรปีละหลายพันล้าน เยอะแยะยิบย่อยไปหมด ทำให้ยกระดับจากครอบครัวมีเงินธรรมดา เป็นอภิมหาเศรษฐีได้ภายในไม่ถึงสิบปี



          แต่ครอบครัวเรานอกจากบ้านใหญ่อลังการด้วยตึกสิบชั้น ที่ตั้งอยู่บนทำเลทองใกล้รถไฟฟ้าเพียงแค่เดินเจ็ดนาที สระว่ายน้ำที่กว้างระดับโอลิมปิกต้องอายและมาขอยืม กอปรกับโรงรถกว้างขวางที่มีรถหรูหรามากกว่าสี่สิบคัน เครื่องบินส่วนตัวอีกสองลำ พร้อมคนรับใช้มากกว่ายี่สิบคน บอดี้การ์ดที่เดินกันให้วุ่นวาย...ก็เป็นครอบครัวธรรมดาครับ

          ครอบครัวธรรมดาที่รวยมากเท่านั้นเองครับ



          นอกจากความร่ำรวยแล้ว พวกเราก็ยังหน้าตาดีมากอีกด้วย อันนี้ไม่ได้ยอหรือถือหางสายเลือดตัวเองนะครับ แต่ไม่ว่าใครๆก็บอก เดินไปทางไหน เสียงคำชมไล่หลังมักจะตามติดมาด้วยคำว่า ดูดี หล่อ เท่  งดงาม อะไรทำนองนี้เสมอ จนเกิดเป็นความเคยชินและสร้างความมั่นอกมั่นใจ จนคล้ายคลึงกับคำว่าหลงตัวเองให้พวกผมพอตัวเลยทีเดียว


          เกิดมานอกจากโตมาด้วยน้ำนมและอาหาร ก็เหมือนจะเติบโตขึ้นมาด้วยคำชมว่าหน้าตาดีกันนี่ล่ะครับ หน้าตาดีปัญญาทางการเรียนรู้ก็สูงส่ง ความสามารถพิเศษก็เพียบ ใกล้เคียงกับคำว่าสมบรูณ์แบบ


          ประหนึ่งพระเจ้านั่งคัดสรรคัดเลือกเซลล์ให้พวกผมทีล่ะชิ้นส่วน ถึงได้แต่ส่วนที่ดีที่สุดมาหล่อหลอมเป็นพวกผม

          แต่แน่นอนว่าการที่ใครสักคนจะเกิดมาสมบรูณ์แบบไปหมด มันยากครับ และพระเจ้าก็กลัวคนจะริษยาอิจฉากันมากเกินไป



          ทำให้ครอบครัวผมนอกจากหน้าตา ปัญญา และฐานะที่ดี


         ก็มีสตินี่แหละครับ...ที่ไม่ค่อยดีเอาเสียเลย...



          ดูได้จากอาเฮียพี่ใหญ่สุด ที่อายุอานามก็ปาไปตั้งยี่สิบสองเข้าไปแล้ว ยังทำตัวบ้าบอเล่นใหญ่
 

สวมบทบาทเป็นจำปา มาหลอกหลอนผมทุกเช้าอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ถ้าคุณได้มีโอกาสเห็นเฮียปลาหย็องนุ่งสไบสีเขียวเรืองแสง ที่ขาดเป็นรูโชว์หัวนมสองข้าง พร้อมที่คาดผมเทเลทับบี้ นั่งจิบชาพร้อมฮัมเพลงฉันขี่ไอ้ทุยตะลุยท้องนา พลางนั่งหัวเราะฮิฮะคนเดียวเสียงดังลั่นบ้าน คุณจะเสียดายความหล่อเหลามาก จนอาจจะนึกอยากเดินไปหยิบขวานจามหัวให้หลุด เพื่อไม่ให้ใบหน้าอันงดงามต้องแปดเปื้อน และต่ออยู่กับบนร่างกายที่สวมชุดอันแสนทุเรศสายตาก็เป็นได้ครับ



          ส่วนพี่สาวคนเดียวอาเจ้ไก่หย็อง อายุกำลังเป็นวัยดอกไม้แรกแย้มกำลังเบ่งบาน วัยยี่สิบปี ที่ควรจะรักสวยรักงาม เป็นคุณหนูผู้เรียบร้อย ตามแบบฉบับจินตนาการความโรแมนติกของผู้ชาย ที่มองเด็กสาวแสนสวยที่เรียนโรงเรียนหญิงล้วนมาตั้งแต่เกิดควรจะเป็น


          แต่ความจริงก็คือ...อาเจ้ก็บ้าพลังชกต่อยกับพวกผมตั้งแต่เด็ก ความสกปรกซกมก ไม่เป็นสองรองใครในปฐพีนี้ อายุอานามแค่นี้ก็เข้าบ่อนบ่อยเทียบเท่าอาเสี่ยอายุห้าสิบ ชอบการพนันมากถึงขนาดเอาเงินไปลงทุนเปิดบ่อนที่ต่างประเทศเลยครับ แถมมีลูกน้องหน้าตาเถื่อนๆคอยรองมือรองเท้าอีก


                บ้าพลังแถมเดินทางเข้าสายสีเทาไม่พอ


               ยังบ้าบอลสุดๆ อยากโดนเตะก้านคอพับ คอหักเป็นปลาทู ขอให้ไปล้อเลียนทีมอาเจ้ได้เลยครับ หย็องหย็องเคยปากเสียไปที...เล่นเอาคอเคล็ด เดินคอเอียงเป็นสัปดาห์



          ถัดมาอาเฮียเนื้อหย็อง อายุอานามห่างกับอาเจ้แค่หนึ่งปี คือสิบเก้า


          บอกตรงๆ ทุกคนกลุ้มใจกับการเรียกชื่อเฮียนอกบ้านมากครับ เพราะชื่อเฮียแกดันไปเหมือนคำทับศัพท์ของยาเสพติดชนิดหนึ่งในไทย ทำให้เจ้าตัวเหมือนติดเนื้อ เสพสิ่งผิดกฎหมายตลอดเวลา เมื่อถึงคราวไปเรียกข้างนอก ก็เสียวคุณตำรวจจะมาเรียกไปสอบสวนกันทุกที เพราะงั้น ทั้งๆที่คนในบ้านหรือเพื่อนๆ จะเรียกกันแค่ชื่อต้นคำเดียวเพื่อความสะดวก แต่เฮียเนื้อหย็องได้ขอร้องไว้ว่า ให้เรียกชื่อเล่นแกแบบเต็มๆสองพยางค์ครับ


          เฮียเนื้อหย็อง ค่อนข้างปกติที่สุดในบ้าน เพราะเงียบๆ เป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยยุ่งวุ่นวายกับใคร ดูเป็นฝรั่งหล่อเนิร์ดๆ อาจจะเป็นเพราะแว่นตาที่สวมใส่ แต่ไม่รู้ทำไม ชอบพ่นสำนวนโบราณๆออกมาตลอด จนบางทีก็งงกันไป บางครั้งบางหนก็โบราณจัด จนต้องไปหยิบพจนานุกรมมาเปิด เพื่อหาความหมายที่เฮียเนื้อหย็องต้องการจะสื่อเลยครับ



          ส่วนตัวผม ผมก็คิดว่าปกติในระดับหนึ่งนะครับ

     เอาเป็นว่าค่อยทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆแล้วกันนะครับ



        ส่วนหย็องหย็องตัวแสบ นิสัยแสนดื้อด้าน แสนเอาแต่ใจ โหวกเหวกโวยวาย น้องชายที่อายุห่างจากผมหนึ่งหนึ่งปี คือสิบสี่ปี (ผมสิบห้าครับ) ด้วยความเป็นน้องเล็กของบ้าน คนในครอบครัวก็เลยไม่ค่อยโกรธเท่าไหร่ครับ เวลาเจ้าตัวทำผิด ทำให้เอาแต่ใจสุดๆ จะมาดัดนิสัยตอนโตก็ไม่ทันแล้ว ได้แต่เอาแข้งพาดหน้าให้สงบ  เวลาเจ้าตัววอแวถึงที่สุดเท่านั้นล่ะครับ


          นอกจากความเอาแต่ใจ นิสัยแปลกประหลาดที่เป็นดังสิ่งพิสูจน์สายเลือดของบ้านนี้ ก็คือความบ้าคลั่งตัวด้วงครับ เลี้ยงเป็นร้อยตัวพันตัว จนคุณพ่อต้องสร้างห้องเลี้ยงด้วงโดยเฉพาะให้ ตอนเด็กๆ เด็กคนอื่นอาจจะเขียนอาชีพในอนาคตว่าอยากเป็นหมอ ทหาร ตำรวจ


          แต่หย็องหย็องเขียนว่าโตไปอยากเป็นด้วงครับ จะเป็นราชาด้วงที่อยู่เหนือด้วงทั้งปวง...


 เฮ้อ พี่ชายอย่างผมเหนื่อยใจมากนะครับ ด้วงมันเป็นอาชีพไม่ได้นะครับหย็องหย็อง มันไม่ได้เงิน






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2018 10:09:53 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter
          ผมตรงมานั่งที่ประจำ พลางโบกมือบอกแม่ครัวให้เอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟได้

เริ่มต้นมื้ออาหารแรกของวัน ทานไปได้ไม่ถึงสามคำ เสียงบาดหูก็เริ่มต้น


          “คุณผู้หญิงเจ้าขาา ดูคุณหลวงสิเจ้าคะ เมื่อเช้าจำปาอุตสาห์หวังดีไปปลุก กลัวตื่นสายไปโรงเรียนไม่ทัน กลับเตะจำปาจนตัวเกือบขาดสองท่อน กระซุกๆ กระซิกๆๆ”


เฮียปลายกผ้าเช็ดปากเช็ดน้ำตาปลอมๆ พลางเล่นใหญ่ฟ้องคุณแม่ด้วยเสียงสองที่ดัดจนน่าขนลุก


          “ต๊าย จริงหรือจ๊ะจำปา นังคุณหลวงนี่แย่จริงๆเลยเชียว คุณแม่จะจัดการให้นะจ๊ะ จำปาไม่ต้องเล่นใหญ่รัชดาลัยไป”


          คุณหญิงเล่นใหญ่กว่าด้วยการหยิบพัดมากลางออกโบกไปมา พลางจิกสายตามาใส่ผมแล้วหัวเราะโฮะๆ ใส่


          “ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่จริงๆ”


           เฮียเนื้อหย็องพูดขึ้นเบาๆพลางยกมือดันแว่นขึ้น จะไปดันทำไมบ่อยๆครับเฮีย ผมนี่งงจริงๆ ดั้งก็โด่งจนจะตากผ้าได้อยู่แล้ว แค่แว่นมันจะร่วงอะไรบ่อยนักหนา


          “พูดงั้นมันก็ไม่ถูกนะเฮียเนื้อหย็อง เราที่เป็นลูกด้วยล่ะ...”

เจ้ไก่หย็องยอมรับความเพี้ยนของสองแม่ลูกไม่ได้ จนไม่อยากนับเป็นพวกด้วยเลยทีเดียว


          “ไก่ไม่ต้องกลัวไป จริงๆแล้วพ่อสามารถผสมพันธุ์ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งเพศเมีย ทำเอง ท้องเอง คลอดเอง นักเลงพอ ส่วนหม่าม้าของลูกกับอาเฮียน่ะ พ่อไปซื้อน้ำยาล้างจานแล้วเขาแถมมาเฉยๆ”


          พ่อถึงกับยอมถอนสายเลือดพร้อมตัดสัมพันธ์ภรรยารักเลยครับ...

          แต่ผู้ชายที่ไหนท้องได้ครับคุณพ่อ... ดีไม่สุดจริงๆนะครับ คนๆนี้


          “ป๊าๆ วันนี้ที่ไปเอาของก่อนเปิดเทอมที่โรงเรียน หย็องไปรถไฟฟ้าเองนะ จะไปแว๊นรถไฟฟ้ากับเพื่อน”  น้องเล็กพูดผ่ากลาง แทรกขึ้นกลางวงอาหารที่กำลังวุ่นวาย


          ...ว่าแต่รถไฟฟ้านี่มันแว๊นได้หรือหย็องหย็อง หรือผมตกข่าวไป แถลงไขให้ผมรู้ทีครับ


          “อ้าว ไหงงั้นล่ะคุณชาย ไปแย่งงานลุงแช่มอีกแล้ว แบบนี้ลุงแช่มจะแหกขี้ตาตื่นมาแต่เช้าเพื่อรอไปส่งเราที่โรงเรียนทำไมล่ะครับลูก ป๊าบอกแล้วไง ไม่ให้ไปส่งต้องบอกลุงเขาก่อน”

          “ผมบอกลุงแช่มแล้วป๊า แต่มาขอป๊าทีหลัง”

          “อุ้ย คุณหญิงแม่ ได้ยินเหมือนที่จำปาได้ยินไหมคะ ได้ยินไหมคะ”

          “ใช่เสียงคนไม่สำคัญหรือเปล่าลูกปลา นอกจากเสียงก็มีกลิ่นหัวเน่าด้วยนะคะเนี่ย อะโฮะๆๆๆ สำคัญน้อยกว่าคนขับรถ บอกทีหลังด้วยนะ คนมาทีหลังก็ต้องดูแลตัวเองมากเลยอ่ะค่ะคุณลูกปลาขา โฮะๆ”

          ทีมจำปาได้ไปหนึ่งแต้มครับ เหมือนตอนนี้ผมเห็นลูกศรพร้อมคำว่าพ่ายแพ้ พุ่งตรงตกลงมาปักคาหลังพ่อตัวเอง อืม หลายดอกเสียด้วย...




          ผมนั่งมองความวุ่นวาย เหมือนเป็นละครบรรเทิงยามค่ำเงียบๆ ก่อนจะเลิกให้ความสนใจ มุ่งมั่นต่อการทานอาหารเช้าของตัวเองให้เสร็จ ปล่อยบทสนทนาให้ห่างไกลออกไป


          กว่าเหตุการณ์สงครามบนโต๊ะอาหารยามเช้าจะจบ คุณพ่อก็เสียแต้มไปหลายแต้ม โดนลูกดอกปักอกปักหลังเสียเกือบพรุน เลือดแทบจะกระอัก ส่วนผู้ชนะศึกวันนี้ก็คือทีมจำปาครับ วันนี้เล่นได้ดี ฝีปากนับว่าคมกริบ ประชดประชันที ทำเอาคุณพ่อมืออ่อนตักข้าวเข้าปากไม่ถูกเลยทีเดียว



          ระหว่างที่ผมใส่รองเท้าเตรียมตัวไปขึ้นรถ



          ก็หันไปเห็น...นางฟ้า

          ...นางฟ้าของผมเองครับ...



        ว่าแต่ทำไมนางฟ้าของผมถึงไม่รออยู่ที่บ้าน ทำไมถึงวิ่งมาหาผมแบบนี้ ผมที่ตกใจกับการมาแบบกระทันหันด้วยตัวคนเดียวของเขา ก็ถึงกับอุทานถามออกไปอย่างร้อนรน


     “เทม! เทมครับ มาได้ยังไงครับ หมูกำลังจะออกไปรับเลย มาคนเดียวไม่ได้นะครับ ข้ามถนนอันตรายนะรู้ไหม”


          นางฟ้าของผมวิ่งเข้ามาในตัวบ้าน พอเห็นผมก็ยิ้มกว้างสว่างโร่เข้ามาหา รอยยิ้มเจิดจ้าจนทำให้สมองผมติดขัด เหมือนผมจะเห็นแสงสว่างผุดขึ้นรอบตัวเขา เหมือนมีปีกสีขาวคู่ใหญ่แนบติดอยู่บนแผ่นหลังกว้าง มีวงแหวนสีขาวนวลลอยอยู่บนศรีษะ

          เด็กผู้ชายมัธยมต้น ที่ตัวสูงใหญ่กว่าผมมาก วิ่งเข้ามาหยุดตรงหน้าผม พลางหอบหายใจเล็กน้อย เหงื่อผุดเต็มใบหน้าใส แก้มยุ้ยๆและหน้าผากแดงระเรื่อ



          ...น่ารัก

          คนอะไรทำไมน่ารักขนาดนี้



         คำว่าน่ารักเหมือนถูกเทไหลออกมาจนท่วมสมอง และสมองผมเอาแต่ตะโกนคำๆนี้ไม่หยุด

            น่ารัก น่ารัก น่ารัก เทมน่ารักจังเลย



          แต่ก่อนผมจะโดนความน่ารักทำลายล้างจนไม่เหลือสมองไว้คิดอะไรอื่นได้อีก ต้องดุเจ้าตัวเล็กที่สูงเกือบสองเมตรตรงหน้านี้เสียก่อน แต่ไม่ทันที่ผมจะได้รวบรวมแรงกำลัง เพื่อที่จะทำใจดุคนตรงหน้าลง เสียงทุ้มที่ติดสั่นก็เอ่ยตัดหน้าขึ้น

     “แฮ่ก ค-ค-ค-คือว่า เทมรอหมูหย็องนานแล้วคะ-ครับ แต่หมูหย็องยัง ม-ม-ม-ม ไม่มา เทมเป็นห่วงหมูหย็อง เลยวิ่งมาหา คุณแม่พาข้าม ไม่น่ากลัวเลย หมูหย็องไม่โกรธนะ ถนนว่างมากๆ ไม่มีรถเลยสักนิดครับ ครึ่งคันก็ไม่มีเลยนะครับ”



          เจ้าตัวสลดลง ก้มหน้าคางชิดอก ยืนตัวตรงแหน่ว ละล่ำละลักอธิบายให้ผมฟัง

   ท่าทางน่าอาทร เรียกความอาดูรของผมที่มีต่อเขาให้พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว

          โถ่ ตัวเล็กของหมู



          อย่างที่เห็นครับ

เทมหรือเทมปุระเป็น ...เด็กพิเศษ...



          ถ้าเรียกในทางการแพทย์ก็คือออทิสติก ปัญหาของเทมคือการเรียนรู้ในเรื่องชีวิตประจำวัน ที่ช้ามากกว่าคนปกติ ไม่สามารถเข้าใจหรือแยกแยะอารมณ์ที่ลึกซึ้งหรืออะไรมากๆ ได้ง่ายเหมือนคนทั่วไป ไม่เข้าใจในสถานการณ์ ไม่สามารถอ่านอารมณ์คนอื่นๆออก ไม่สามารถรับรู้ได้ทันทีทันใด ว่าอะไรจริงหรืออะไรล้อเล่น วิธีการคิดของเขาจะไม่เหมือนคนอื่นๆครับ บางครั้งดูเรียบง่ายแต่ทว่าซับซ้อน กลับกันในบางครั้งการกระทำที่ดูเข้าใจยากกลับเป็นสิ่งที่เรียบง่าย



          และจิตใจของเขาเปราะบางมากกว่าคนปกติมาก ด้วยความคิดที่มักจะหมกมุ่นไม่หยุด การมีเรื่องสะเทือนใจ จะทำให้เด็กพิเศษเก็บความเศร้า หรือเรื่องไม่ดีนั้นไว้อย่างยาวนาน ถ้ารุนแรงอาจจะฝันร้ายซ้ำไปมา เป็นการย้ำคิดย้ำทำ หมกมุ่นกับมันจนทำร้ายความรู้สึกตัวเองไปมาไม่หยุด จนกระทั่งวันหนึ่งมันก็จะแตกสลายไปในที่สุด...



          และจุดเด่นคือค่อนข้างโตช้า โตช้าที่ไม่ใช่สภาพร่างกายภายนอก แต่คือสภาพจิตใจและสมอง

          ไปหาหมอวัดความรู้ครั้งก่อน คุณหมอบอกไว้ว่า สมองของเจ้าตัวพัฒนาช้ากว่าอายุจริงห้าปีครับ เท่ากับแม้ว่าคนตัวโตตรงหน้าจะอายุเท่าผม ตัวโตกว่าผม แต่ลักษณะนิสัย และการพึ่งพาตัวเองอยู่ที่สิบขวบเท่านั้น

          แต่สำหรับเรื่องความจำเทมไม่มีปัญหาเลยครับ ระบบความทรงจำของเจ้าตัวเป็นแบบภาพ เหมือนกล้องถ่ายรูปที่กระพริบตาแล้วมีเสียงแชะ แล้วเจ้าตัวก็สามารถจำได้ เรียกได้ว่าความทรงจำดีมาก

          แต่กระนั้นการเรียนก็ยังค่อนข้างยากมากสำหรับเขาครับ เพราะถึงจะจำได้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะนำมาใช้อย่างไร แต่นับว่ายังดี ที่ข้อสอบและการเรียนในไทยเน้นอ่านแล้วจำไปทำข้อสอบ ช่วยเอื้ออำนวยต่อเจ้าตัวค่อนข้างมาก

          แต่ถ้าเป็นวิชาที่ต้องคิดวิเคราะห์เยอะๆ หลายขั้นตอน หรือใช้อารมณ์จินตนาการในระดับที่ลึกซึ้งมาก ก็จะยากไปสำหรับเจ้าตัวครับ ต้องใช้วิธีอธิบายที่ใจเย็นและรู้วิธีการเรียงลำดับการสอนที่ถูกต้อง ถึงจะทำให้เจ้าตัวเขาเข้าใจได้



          แต่โดยรวมแล้วเรื่องเรียนเด็กน้อยของผมทำได้ดีมากครับ ยิ่งมีผมคอยติวให้ทุกอาทิตย์ แน่นอนว่าคะแนนต้องติดอันดับต้นๆ 1 ใน 10 ตลอด แม้จะเป็นเรื่องยากที่ต้องทำตัวเข้มงวดกับเขา คนที่ผมมักใจอ่อน และนึกอยากตามใจตลอดเวลา แต่การเรียนในช่วงพื้นฐาน ก็สำคัญมากจนผมไม่สามารถปล่อยปะละเลยไปได้อย่างง่ายดาย



          แต่ทั้งๆที่อายุสมองแค่สิบขวบ แต่กลับสามารถเรียนมัธยมสามได้

          เห็นไหมครับ? เด็กชายเทมปุระของผมนี่อัจฉริยะชัดๆ 



          ส่วนปัญหาที่หมอค่อนข้างเป็นห่วงสำหรับเทม ก็เหมือนเด็กออทิสติกคนอื่นๆ ก็คือการเข้าสังคมที่ถือว่าค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ยาก ทั้งการไม่ยอมสบตา การทำอะไรซ้ำๆกันไปมา เรื่องบางอย่างเจ้าตัวจะเหมือนถูกโปรแกรมไว้เลยครับ เช่นการมาหาผมทุกวันเป็นต้น




          “ใจเย็นๆนะครับเทม ค่อยๆพูด หมูไม่ได้โกรธนะครับ แล้วคุณป้าไปไหน ทำไมไม่มาพร้อมกับเทมล่ะครับ?”



          อาการแทรกซ้อนของเทมสำหรับผม ที่น่าห่วงที่สุดคงเป็นอาการพูดจาติดอ่าง แม้ว่าตอนนี้จะดีขึ้นมากจนแทบจะเรียกได้ว่าการพูดคุยเป็นปกติ แต่ถ้าหากมีตัวกระตุ้น เช่นตกใจ เสียใจ หรือหวาดกลัว อาการติดอ่างก็จะกำเริบ...ต้องทำให้เจ้าตัวใจเย็นลง

          เทมสูดหายใจเข้าลึกแล้วอมลมไว้ในแก้ม จนแก้มยุ้ยขาวใสพองกลม เหมือนหนูแฮมสเตอร์ที่แอบอมเมล็ดทานตะวันไว้ข้างในแน่นเอี๊ยด



          ก่อนจะรู้ตัวก็หยิบโทรศัพท์จากในกระเป๋าขึ้นมากดถ่ายรูปแล้วครับ..

          แชะ

          “ฟู่วววว เป็น-ปกติ-แล้วคร้าบบบ เป็นปกติแล้วเห็นไหม หมูหย็องเห็นไหมครับ คุณแม่ไม่ได้ตามเทมมาครับ แค่พาข้ามแล้วก็ไปเฝ้ายามต่อ อู้ อู้งานไม่ได้ เดี๋ยวโดนบอสหักเงินเดือนครับ”

          เทมว่าก่อนจะสังเกตเห็นกล้องในมือผม เลยชูสองนิ้วสู้กล้อง ฉีกยิ้มยิงฟัน โชว์ฟันขาวสะอาดกับเจ้าเขี้ยวเจ้าสเน่ห์ใส่ ความเคยชินต่อการโดนผมถ่ายรูปแบบไม่ทันตั้งตัวนับว่าสูงมาก

          แต่ทั้งๆที่เป็นรอยยิ้มที่ส่งให้กับกล้องแท้ๆ แต่กลับมีอานุภาพสูง จนเผื่อแผ่มาทำลายผมด้วย

               ละลาย ละลายแล้วครับ ไอติมในหน้าร้อนยังไม่สู้หัวใจผมตอนนี้ สภาวะของหัวใจผมตอนนี้ได้กลายเป็นของเหลวไปแล้วเรียบร้อย...



          “ถ้าบอสกล้าหักเงินคุณป้า มาฟ้องหมูได้เลยนะครับ หมูจะจัดการให้”

          คุณแม่ของเทมทำงานที่คอนโดตรงข้ามบ้านผมเองครับ และคอนโดที่ว่าก็เป็นคอนโดของที่บ้านผมเองเช่นกัน เรียกได้ว่าห่างกันแค่เพียงถนนกั้นเท่านั้น สามารถไปมาหาสู่กันได้สบายๆ แต่จะดีกว่านี้ถ้าอยู่ด้วยกันไปเลยในความคิดผมล่ะนะ แต่จะไปพรากแม่พรากลูกก็ไม่ดีครับ ถ้าเทมอายุบรรลุนิติภาวะเมื่อไหร่...อันนั้นก็แล้วค่อยว่ากันอีกที พรากได้แบบถูกกฎหมายหน่อย...



          “บอสใจดีในบ้าน แต่พอเจอบอสนอกบ้านทีไร บอสดูดุๆ ดุๆน่ากลัว น่ากลัวครับ”

          บอสที่ว่าก็ป๊าผมอีกนั้นล่ะครับ อย่างว่า ในบ้านจะติ๊งต๊องกิ่งก่องแก้ว บ้าบอสติหลุดแค่ไหน แต่ถ้าออกไปข้างนอกก็ต้องวางตัวภูมิฐาน ให้ลูกน้องวางใจว่าบริษัทกำลังเดินไปข้างหน้า

          ไม่ใช่มุ่งตรงไปศรีธัญญาน่ะครับ...



          “เป็นเกมไงครับเทม ใส่หน้ากากให้คนเชื่อถือเรา เหมือนที่หมูเคยอธิบายให้ฟังไงครับ จำได้ไหม”

          “ได้ครับ จำได้ครับ เทมจำได้ๆ จำที่หมูพูดได้ทุกอย่างเลยครับ แล้วทำไมวันนี้หมูหย็องมาหาเทมช้า ไม่สบายหรือเปล่า ไปหาคุณพี่หมอกันไหมครับ?”

          เจ้าตัวว่าพลางจับมือผมตั้งท่าจะดึงไปจริงๆ

          “หมูไม่ได้ไม่สบายครับ วันนี้เปิดเทอมวันแรก หมูเลยตื่นเต้นนิดหน่อย เลยตื่นสาย ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ หมูขอโทษนะครับที่ไปรับเทมช้า”

          “อ๋อๆๆๆ ไม่เป็นไรครับ เทม เทมแค่เป็นห่วงหมูหย็องเฉยๆ งั้นไป ไปโรงเรียนกันนะครับ เทมช่วยหมูหย็องใส่รองเท้านะ เทมผูกเชือกรองเท้าเป็นคุณโบว์ได้ด้วย”

          “เทม! เทมครับ ไม่ต้อง ไม่ต้อง ไม่ต้องครับ! หมูใส่เองได้ครับ!”



          ไม่ทันแล้วครับ ร่างสูงก้มลงนั่งขัดสมาธิ จริงจังกับการสวมรองเท้า พลางผูกเชือกรองเท้าให้ผมเสียแล้ว ใบหน้าจริงจังของฝ่ายตรงข้ามทำเอาเจ้าก้อนในอกเต้นถี่รัว ถ้าเทมเงยหน้าขึ้นมามองกันตอนนี้ ต้องบอกให้ผมเลิกทานมะเขือเทศแน่นอน เพราะเจ้าตัวต้องคิดว่าที่แก้มผมแดงแจ๋ขนาดนี้ เพราะกินเจ้าผลสีแดงกลมนั้นมากเกินไป

          แต่ที่จริงไม่ใช่เลย...

          ที่หน้าของผมร้อนผะผ่าวกลายเป็นสีแดงจัดแบบนี้

เพราะการกระทำแสนใส่ใจของนายต่างหากล่ะ...เทมปุระ





          มือใหญ่อุ่นร้อนสัมผัสที่ข้อเท้าผมเบาๆ พลางพับถุงเท้าให้อย่างบรรจง ตอนที่มือร้อนสัมผัสถูกเนื้อผิว ก็เหมือนกับหยดสีเข้มลงไปในน้ำใส ความร้อนแผ่กระจายไปรอบบริเวณ

          จากหน้าที่แดงอยู่แล้ว คิดว่าตอนนี้จุดแดงบนซาลาเปาก็คงยังแดงไม่เท่าหน้าผม แม้กระทั่งไฟแดงก็น่ากลัวว่าจะต้องพ่ายแพ้ หัวใจที่เต้นตึกตักในอก ล้นเต็มตื้น มากมายไปด้วยถ้อยคำบางอย่าง เป็นถ้อยคำที่ผมเก็บเอาไว้ในใจมาแสนนาน



     “เทมครับ...”

เทมเงยหน้าตามเสียงเรียกชื่ออันแผ่วเบาของผม

      “ครับ...?”



          เจ้าตัวเงยหน้ายิ้มรับ พร้อมคำตอบรับและน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวล ที่น่ากลัวว่าจะทำเอาหัวใจผมต้องทำงานหนักจนหัวใจวาย เนื่องจากขยับด้วยจังหวะที่ถี่เร็วเกินไป ความรู้สึกหวานๆในอกแผ่ซ่านออกมา นัยน์ตาสวยที่สบกันอยู่ เหมือนมีแรงดึงดูดที่มักจะทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองเสมอ



          ท่ามกลางบรรยากาศดีๆยามเช้าของสองเรา ระหว่างผมและเด็กน้อยของผม

ระหว่างบรรยากาศกำลังเป็นใจ ดูเป็นคำอวยพรดีๆ ของยามเช้าของวันเปิดเทอม



           ก็ถูกตัดฉับ...



          “พี่จะแว๊นนนนนนนนนน น้องก็มาซ้อนนน พี่จะซ้อน น้องก็มาแว๊น หากเราได้แว๊นด้วยกันก็คงจะดี  ~ ถึงตอนสุดท้ายจะแหกโค้งรถสิบล้อชน ไม่ตายดี พี่ก็โอเคคคคค ชะเอิงเอิงเอยยย ~ ♪ ”



          เสียงขัดจังหวะจากน้องชาย ที่ผมลดขั้นให้เป็นแค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงก็ดังขึ้น ทำความหวานที่แผ่ซ่านเมื่อสักครู่แตกเป็นเสี่ยงๆ แหลกสลายพังเสียไม่มีชิ้นดี



          ผมหันไปตวัดสายตาเย็นยะเยือกใส่ นี่ถ้าตาผมมีแสงเลเซอร์เหมือนในหนังแอคชั่นฮีโร่ที่เทมชอบดู หย็องหย็องที่กำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี คงได้ตัวขาดสามร้อยยี่สิบสี่ท่อน พร้อมถูกเผาจนแหลกเป็นจุลไปแล้วครับ...



          ขัดขวางความบรรยากาศดีๆเสียหมด

  ผมหน้าตึง หันไปมองสบกับนัยน์ตาสีฟ้าเหมือนกันด้วยความเย็นชา

          “อ้าว ไรอ่ะเฮีย มายืนค้างเป็นพระเอกเอ็มวีอยู่ได้ เกะกะว่ะ ถอยไปดิ ผมจะรีบไปแว๊นเดี๋ยวสาย”

      น้องชายบังเกิดเกล้าของผมใช้ตีนเขี่ยผมที่ยืนนิ่งค้างอยู่ พอเจ้าตัวสังเกตเห็นเทม ใบหน้าที่เหมือนจะมีคำว่า 'อ๋อ' แปะหราขึ้นมา ก็ทำตาเจ้าเล่ห์ใส่

          “เอาะ เอาะ อ๋ออออออ ไม่ได้มายืนนิ่งเป็นพระเอกเอ็มวี แต่มาจู๋จี๋ดู๋ดี๋กันนี่เอง แหม โทษๆนะ น้องชายผู้น่ารักไม่เห็นว่าเทมอยู่ตรงนี้ ไม่งั้นผมออกประตูหลังไปแล้ว ซอรี่นะบราเธอะะะะ”

          หย็องหย็องลงเสียงคำว่าเธอะรุนแรงเสียน้ำลายกระเด็น ผมที่หลบไม่ทันก็ได้แต่รับความเปียกชื้นบนใบหน้า เหมือนจะได้กลิ่นตุๆ คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นโจ๊กปลาเมื่อเช้า ลอยมาตามน้ำลายเลยทีเดียว นึกขยะแขยง จนอยากจะกลับขึ้นห้องแล้วอาบน้ำใหม่สักสามรอบเลยครับ



          ผัวะ!

เสียงผมโบกหัวเจ้าตัวไปหนึ่งที เป็นการอวยพรเริ่มต้นวันเปิดเทอมจากผมเอง



“หมูหย็องเจ็บมือหรือเปล่าครับ”

          เทมรีบลุกขึ้นยืน จับมือข้างที่ผมโบกกะโหลกเจ้าน้องชาย จับพลิกไปมามองหาร่องรอยช้ำจากการตบกระโหลกที่แสนหนาของน้องชายไป เด็กน้อยของผมคงจะตกใจเสียงผัวะน่ะครับ เลยดูลนลานใหญ่เลย



          “เดี๋ยวนะ เดี๋ยวๆๆๆๆๆ เทมต้องห่วงใยน้องหย็องไหมอ่ะ หย็องเป็นคนถูกเฮียหมูตบนะ ไม่ใช่เฮียหมูถูกหย็องตบ เทมครับ ผู้บาดเจ็บอยู่ทางนี้ครับ เฮลโล่ววว ขอความยุติธรรมให้ผู้ถูกกระทำด้วยครับเทม”

          หย็องหย็องเรียกร้องความเป็นธรรมจากร่างสูงทันที

          “อ๋อๆ จริงด้วย หย็องหย็องเจ็บไหมครับ เอายาหม่องหรือเปล่า เทมมีๆ แล้วก็มียาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายขี่จรวดด้วยนะ เอามาทาไหม ทาถู ทาถู หายเพี้ยง หายเพี้ยงเลยนะครับ” เทมปุระเปิดกระเป๋าเป้ หยิบขวดยาสีขาวเตรียมเปิดฝามาทาให้หย็องหย็อง น้องชายผมรีบโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน

          “หย็องไม่เอานะเทม โธ่ เอายาธาตุมาทาแก้เจ็บหัวที่โดนตบ คงจะหายในสามนาทีเนอะ...ก็ไม่ใช่ไหมล่ะครับเทมครับ ทาไปแล้วมันจะหายไหมล่ะนั่นน่ะ โอ้ย ปวดหมองมากกว่าโดนเฮียโบกอีก”

          “อย่าพูดมาก จะไปแว๊น ไปสู่สุคติที่ไหนก็ไปเถอะครับหย็อง”

          ผมเอื้อมมือไปผลักหัวเจ้าตัวแสบเบาๆอีกที นึกหมั่นเขี้ยวนัก ที่สองคนนี้มักจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยในเรื่องที่แสนน่าปวดหัว ผมยิ่งไม่อยากให้เทมปุระติดนิสัยแปลกๆจากคนในบ้านอยู่ เจ้าตัวแสบเผ่นแน่บออกไป ก่อนจะพ้นสายตา ยังไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่ผมอีก

          เจ็บแล้วไม่จำนี่สายเลือดตะกูลหย็องจริงๆนะครับ...



          “มือหมูไม่เป็นอะไรหรอกครับเทม ไม่เจ็บเลยครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ตอนนี้หมูว่าเรารีบไปโรงเรียนกันดีกว่า เดี๋ยวสาย เทมจะอดได้สติกเกอร์นะครับ”

          ผมพลิกมือเทมที่ยังคงกุมมือผมพลิกไปมา ท่าทางคงจะอยากสำรวจจนแน่ใจว่าเสียงดังเมื่อสักครู่ ไม่ได้ทิ้งร่องรอยหรือสร้างบาดแผลให้ผมจริงๆ ผมสอดประสานปลายนิ้วของตัวเองกับเทมปุระ พลางออกแรงเล็กน้อย จับจูงเจ้าตัวน้อยของผมไปยังรถตู้ที่เปิดประตูรอรับอยู่หน้าบ้าน



          “สวัสดีครับลุงชื่น”

          “สวัสดีครับคุณหนูเทม คุณหนูหมูครับ คุณท่านฝากบอกว่าเย็นนี้ให้กลับมาเร็วๆหน่อยนะครับ ชวนคุณเทมมาทานข้าวเย็นด้วย”



          เด็กน้อยของผมยกมือไหว้ลุงชื่นคนขับรถเหมือนทุกวันอย่างน่ารัก ลุงชื่นยกมือรับไหว้ก่อนจะทักทายเล็กน้อย ก่อนจะถ่ายทอดคำสั่งของคุณพ่อออกมาให้ผมรู้

          สงสัยคุณป๊าจะออกอีกประตูทำให้คลาดกัน เลยฝากลุงชื่นมาบอกแทน อยู่ต่อหน้าเลขาแล้วจะโทรศัพท์มาบอกด้วยตัวเองก็ยากครับ เดี๋ยวจะเผลอปล่อยตัว จะพูดจางุ้งงิ้งใส่ลูกก็ไม่ได้ครับ ดูไม่ดี ดูไม่งาม ดูเป็นบ้าน่าไล่ไปหลังคาแดง



          ผมนึกถึงตารางเรียนและแผนการต่างๆของวันนี้ในสมอง ก่อนจะตัดการไปสมัครเรียนพิเศษออกไปก่อน แล้วพาลูกรักของบอสมาหาแทน ไม่ได้พาเทมแวะมาทานข้าวเย็นด้วยหลายวันแล้วครับ เพราะใกล้เปิดเทอม ผมจึงยุ่งวุ่นวายกับการติวเนื้อหาเตรียมพร้อมการเรียนสำหรับเทอมหน้าให้เทม ไหนจะพาเทมไปหาซื้ออุปกรณ์การเรียนใหม่ แล้วเราสองคนก็มักจะจบด้วยการทานข้าวที่ห้างหรือแถวโรงเรียนพิเศษ ด้วยไม่อยากให้นอนดึกจนเกินไป กว่าจะเสร็จธุระในหนึ่งวันก็ดึกแล้ว ผมจึงส่งเจ้าตัวกลับบ้านนอนเลยทันทีตลอด  มื้อเย็นที่เทมปุระมักจะมาร่วมรับประทานกับบ้านผมบ่อยๆ จึงถูกงดไปเสียหลายวัน

          ถึงเวลาคุณท่านเรียกร้อง ยื้อแย่งเวลาของเด็กน้อยของผมอีกแล้วครับ เฮ้อ



          ระหว่างปลงตก ผมก็จูงมือเด็กชายเทมปุระขึ้นประจำที่ คาดสายรัดนิรภัยให้เจ้าตัว ก่อนเด็กดีจะพูดขอบคุณเบาๆ มือใหญ่ยื่นมือมาคาดสายให้ผมเช่นกัน และแน่นอนว่าผมก็ยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยขอบคุณให้คนข้างตัว





          เอาล่ะครับ ไปโรงเรียนเพื่อต่อสู้ในวันแรกของเทอมสองมอสามกันครับ











 



end 1.
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง


ลองอ่านให้ถึงตอนที่ 20 นะคะ
แล้วค่อยตัดสินใจว่าใช่แนวตัวเองหรือไม่ สิบบทแรกยังตัดสินไม่ได้ค่ะ : )

โซเฟียริน
zofiarin lll moore
 


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2018 10:02:38 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter














▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    2    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇









          รถติดแน่นไม่ขยับเขยื้อน จนผมเกือบจะต้องขอลุงชื่นลงกลางทาง แล้วเรียกวินมอไซค์นั่งไปกันแทนซะแล้วครับ เทมเครียดจนนั่งกัดเล็บ ผมต้องห้ามกันยกใหญ่ ปลอบกันได้แค่พอทุเลา จนรถถึงหน้าประตูรั้วสีขาวตะหง่านแสนคุ้นตา เจ้าตัวถึงลดอาการกังวลกลับมาสดใสร่าเริงเหมือนเดิม

          เทมยกมือไหว้ขอบคุณลุงชื่น พลางรีบแกะสายรัดนิรภัยทั้งของตัวเองและของผม แล้วจูงมือผมตรงดิ่งไปที่ป้อมยามหน้าประตูโรงเรียน



          “ลุงสันครับ ลุงสัน สวัสดีวันเปิดเทอมครับ”

          “อ้าวๆ! คุณเทม คุณหมู สวัสดีครับ มาแล้วหรือครับ ลุงกำลังคิดเลยว่าจะมาทันกันไหมน้า ถ้ามาไม่ทัน สติ๊กเกอร์ของลุงต้องเป็นหมันแน่ๆเลยเชียว”

          “หา สติกเกอร์ของเทมท้องหรือครับ? ท้อง ท้องแล้วใครเป็นคุณพ่อครับ แสตมป์ที่ลุงสันสะสมหรือเปล่า”

          “เย้ย ไม่ใช่ครับๆ ฮ่าๆ ไม่ได้ท้องแบบนั้นครับคุณเทม ลุงจะสื่อว่ามันคงเสียใจถ้าคุณหนูมาไม่ทัน”

          “อ๋อๆๆๆ โอ๋ๆนะครับคุณสติกเกอร์ เทมก็เสียใจถ้ามาไม่ทัน แต่หมูหย็องบอกว่ามาทันแน่ๆ แล้วก็ทันจริงๆด้วย ลุงชื่นขับเก่งมากเลยครับ มุดๆๆๆ แล้วก็ ตู้มๆ โผล่มาหน้าประตูโรงเรียนเลย สุดยอดมากๆเลยครับ”



          เทมยืนคุยเจื้อยแจ้วเรื่องการขับรถของลุงชื่นให้ลุงยามหน้าโรงเรียนฟังอย่างออกรส ที่บอกว่ามุดนั่นก็เพราะผมขอให้ลุงชื่นใช้ทางลัดเองครับ เส้นทางจึงดูลัดลดคดเคี้ยวไปมา จนดูเหมือนมุดซอยนู่นออกซอยนี้

          จริงๆปกติผมออกจะชอบใช้เส้นทางธรรมดามากกว่านะครับ...

          และถ้าตื่นเร็วและพอมีเวลา ลุงชื่นก็จะรู้ใจพาขับแบบวนอ้อมครับ เพราะจะมาถึงช้ากว่าปกติ

จะได้ยืดเวลาถึงโรงเรียนออกไปอีกหน่อย เพราะผมอยากถนอมเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันสองคน ให้ยืดยาวออกไปอีกนิดก็ยังดี



          แต่วันเปิดเทอมวันแรกก็อย่างที่รู้กันครับ รถมักจะติดเป็นพิเศษ จะมาอ้อมไปอ้อมมา ก็กลัวเทมจะพลาดสติกเกอร์แล้วเศร้าใจอีก เสียดายแต่ก็ไม่อยากเห็นเด็กน้อยเศร้า

          แต่ก็เสียดายเวลาอยู่บนรถกันสองคนกับนางฟ้าเหลือเกินครับ เฮ้อ



          เทมเปิดกระเป๋าเป้ที่สะพาย หยิบสมุดปกสีฟ้าสดใสลายเจ้าแมวแห่งโลกอนาคตออกมา เทมชอบโดราเอม่อนมากครับ บอกว่าเท่มาก แมวหูกุด มีมือเป็นลูกชิ้น นี่ถ้าคนพูดเป็นคนอื่น ผมคงมองเหยียดใส่ตั้งแต่หัวจรดเท้า เพราะผมเกลียดแมวในระดับที่ถ้ามีผมยืนอยู่ ในระยะสิบเมตรต้องไม่มีเจ้าขนปุยพวกนั้น แต่พอเทมเป็นคนพูดชม

          ผมก็ชักจะรู้สึกว่ามัน...น่ารักขึ้นมานิดๆเลยครับ



          และเพราะว่าชอบมาก ข้าวของเครื่องใช้แทบจะทุกอย่าง ก็จะมีเจ้าแมวหุ่นยนต์ตัวกลมร่วมอยู่ด้วยเสมอ กอปรกับสีฟ้าที่เจ้าตัวชอบอีก เด็กน้อยของผมจึงกลายเป็นก้อนความสุขสีฟ้า เป็นก้อนนุ่มนิ่มกลมๆที่มีสีฟ้าเป็นส่วนประกอบ



          เทมยื่นสมุดที่กางออกไปให้ลุงสัน ลุงยามประจำโรงเรียนของผมก็รู้หน้าที่ หยิบสติกเกอร์ลายเจ้าแมวหุ่นยนต์แห่งโลกอนาคต แปะลงบนสมุดตรงหน้า  ได้มาแล้วอีกหนึ่งแต้ม

          เทมยื่นสมุดมาให้ผมดู ยิ้มดีใจยกใหญ่ เหมือนมีคำว่า มีความสุขจังเลย ลอยละล่องแผ่อยู่รอบกายคนตัวสูง  จนผมเผลอยิ้มตามและมีความสุขไปด้วย



          สดใสกว่าสีฟ้าบนสมุด ก็รอยยิ้มของเทมเวลามีความสุขนี่แหละครับ



          เด็กน้อยของผมเก็บสมุดสะสมสติกเกอร์ 'เด็กนักเรียนดีเด่นผู้มาทันเวลาเข้าเรียน' ลงกระเป๋า ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง แล้วบอกลาลุงยามเพื่อเตรียมเข้าห้องเรียน ระหว่างที่ผมเดินผ่านลุงยามที่อยู่ในป้อม ผมก็ยื่นซองสีดำสนิทที่ข้างในบรรจุเงินจำนวนสามพันบาทใส่เอาไว้ส่งให้ไป ลุงสันยกมือไหว้ขอบคุณผม ก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ประจำของตนเองต่อ



          กิจกรรมสะสมสติกเกอร์ของลุงยามกับเทม กฎก็ง่ายๆครับ ถ้าไปสายก็จะอดได้ เพราะอย่างนั้นต้องตื่นแต่เช้ามาโรงเรียนให้ทันทุกวัน เก็บสะสมครบสิบแต้ม จะได้ขนมที่เจ้าตัวชอบ เป็นขนมที่ผมสั่งทำขึ้นโดยเฉพาะ แน่นอนว่าหาซื้อทานตามร้านทั่วไปไม่ได้

          เกมเล็กๆในยามเช้า เป็นแรงจูงใจที่ผมจ้างลุงยามของโรงเรียนทำเอง แรงจูงใจสำหรับเทมค่อนข้างสำคัญครับ อย่างที่เคยบอก เทมถึงแม้จะตัวโตและอายุเท่ากับผม แต่ข้างในเจ้าตัวยังคงเป็นเด็กน้อยอยู่ การตื่นแต่เช้ามาโรงเรียนค่อนข้างจะลำบาก เพราะงั้นแรงจูงใจที่ผมคิดออก คือการทำให้โรงเรียนเป็นเหมือนเกม ที่เจ้าตัวจะต้องเก็บแต้ม สะสมคะแนนแล้วจะได้รางวัล



          ไม่มีเด็กที่ไหนไม่ชอบของขวัญของรางวัลหรอกใช่ไหมล่ะครับ?

          โดยเฉพาะเด็กชายเทมปุระ ที่ชื่นชอบขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจ



          ผมเลยมายื่นข้อเสนอกับลุงสัน แรกๆแกก็ทำเพราะเงินนั่นล่ะนะครับ แต่หลังๆก็ดูจะชอบใจคุณเทมที่ยิ้มเป็นดอกทานตะวันมาหาทุกเช้า จนเริ่มไม่ยอมรับเงินผมเลยทีเดียว แถมเตรียมสติกเกอร์เจ้าแมวสีฟ้าไว้เพียบเลยอีกต่างหาก แต่ผมรู้สึกว่าให้เงินลุงเขาดีกว่า ไม่ใช่ว่าดูถูกน้ำใจแกนะครับ



          แต่คนที่ดูแลเจ้าเด็กน้อยที่ยืนยิ้มรอผมให้เดินไปหาน่ะ มีผมแค่คนเดียวก็พอ...





ผมเดินตรงไปหาคนที่ยิ้มกว้างแผ่บรรยากาศความสุขกระจายไปรอบตัว

          “ดีใจด้วยนะครับ อีกเก้าแต้มก็จะได้ทานขนมที่เทมชอบแล้วใช่ไหม”

          “ใช่ครับ ไม่อยากให้ติดเสาร์อาทิตย์เลย จะได้ทานไวๆ”

          “อ้าว แต่เสาร์อาทิตย์ได้อยู่กับหมูสองคนทั้งวันนะครับ ไม่ดีหรือ”

          ผมแกล้งช้อนตาขึ้นมองเจ้าเด็กน้อยตัวโตข้างๆ พลางทำหน้าเสียใจ คิ้วขมวดใส่ เทมรีบส่ายหัวพรึ่บพรั่บเป็นการใหญ่ ปฏิเสธจริงจังจนผมนึกสงสาร จนผมต้องจับปลายคางเจ้าตัวเบาๆให้นิ่งลง

          “ดี ดีที่สุดเลยครับ อยู่กับหมูหย็อง ดีที่สุดเลย เทมชอบที่สุดเลยครับ แต่ก็จะดีมากๆ ดีแบบพิเศษ ถ้าได้ทานขนมที่ชอบกับหมูหย็องที่ชอบด้วยกัน...”



          เจ้าตัวทำเสียงอ่อย จับชายเสื้อรั้งผมไว้



          ผมอยากจะสบถคำหยาบต่างๆนาๆ ดุด่าให้เจ้าหัวใจตัวดีเลิกเต้นแรงเสียที

          คำว่าชอบของเด็กชายเทมปุระ ช่างอนุภาพรุนแรงยิ่งกว่าระเบิดนิวเคลียร์ชุบแป้งทอดเสียอีก ทั้งๆที่ไม่ใช่การสารภาพรักต่อผมแท้ๆ ทั้งๆที่มีคำว่าชอบขนมในประโยคด้วยแท้ๆ

          แต่ก็...รุนแรงเหลือเกิน

          หัวใจผมแทบจะต้านทาน ทนทานไม่ไหวกับคำว่าชอบนั่น

          ความสุขที่ล้นปรี่ออกมาจุกที่คอจนอยากร้องไห้นี่มัน...

เจ้าหัวใจแสนใจง่ายที่แสนอ่อนข้อให้เขา นับวันยิ่งเอาใหญ่ แค่ถ้อยคำสั้นๆก็ตั้งรับไม่ไหวเสียแล้ว



          ผมต้องกลั้นหายใจ สลับกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อตั้งสติ  ใจเย็นไว้ก่อนไอ้หมู



          บอกตัวเองว่าจะมาเป็นลมเพราะความดีใจ กลางทางเดินไปห้องเรียนไม่ได้

เกิดโดนถ่ายรูปตอนลงไปนอนวัดกับพื้น แล้วโดนจับไปลงหนังสือพิมพ์โรงเรียน 'ท่านประธานมัธยมต้น เป็นล้มคาทางเท้า เพราะโดนพลังศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างของนางฟ้าไร้ปีก อ่านต่อหน้าสาม' คงได้อายยันลูกของผมกับเทม(?)บวชกันพอดี




          “รู้แล้วครับ หมูก็ชอบอยู่กับเทมที่สุดเหมือนกัน เมื่อกี้หมูล้อเล่นนะครับ ไม่ได้โกรธเทมเลย ไม่ต้องคิดมากนะ เอากระเป๋าไปเก็บแล้วเตรียมตัวเข้าแถวกันนะครับ”

          เทมพยักหน้ารับหงึกๆ พลางรีบเดินนำหน้าผมก่อนจะหันมาเร่งผม ด้วยการกวักมือทั้งสองข้างเหมือนเจ้าแมวกวักขึ้นลง เป็นเชิงเรียกให้ผมเดินตามเขาไวๆ



          ต้องเดินกันสักพักเลยครับกว่าจะถึงตึกมัธยมต้น เนื่องจากโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ค่อนข้างมีพื้นที่กว้างขวาง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักเรียนในการทำกิจกรรมกลางแจ้งมากเกินไป จึงกว้างได้อย่างน่าเหลือเชื่อเลยครับ



          โดนฟาด สั่งทำการบ้าน ไม่น่ากลัวเท่าวิ่งรอบสนาม เป็นวลีที่เด็กโรงเรียนผมพูดกันบ่อยๆ มันกว้างขวางระดับที่ใช้การวิ่งรอบสนามเป็นการลงโทษยามทำผิด เพียงแค่นั้นก็สามารถปราบความซนของเด็กในวัยที่อยู่นิ่งไม่ได้อย่างพวกผมอยู่หมัดเชียวล่ะครับ



          ยิ่งสำหรับเด็กสมัยใหม่ ที่เน้นจับเครื่องมือเทคโนโลยีแล้วนั่งเฉยๆ การวิ่งรอบสนามขนาดใหญ่ขนาดนี้ นับว่าโหดเหี้ยมได้เลยทีเดียว ไม่นับอากาศร้อนของประเทศไทย ที่ถึงแม้จะมีโดมช่วยบังกันแดดอยู่ แต่บอกเลยครับ กันได้แค่แสง แต่ไอร้อนนี่เต็มๆ



          ตึกเรียนมัธยมต้นของโรงเรียนผมจะแบ่งเป็นสามตึกครับ ตึกละห้าชั้น การเดินขึ้นชั้นเรียนแต่ละเช้า ลงมาเข้าแถวและเดินขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าเป็นโรงเรียนที่ทำออกมา ได้ท้าทายศักยภาพร่างกายของเด็กดีจริงๆ  แต่สิทธิ์พิเศษของเหล่าคณะกรรมการนักเรียน คือสามารถใช้ลิฟต์ได้ครับ เพราะงั้นผมก็สบายกันไป



          พอประตูลิฟต์เปิดอ้าออก เจอหน้าคนที่ยืนดักรออยู่ ผมก็ทำหน้าเหม็นเบื่อออกมาทันที

          “สวัสดีคร้าบ เทมเทมและคุณท่าน-ประ-ธาน-นัก-เรียน เหี้ยเอ้ย มาช้าเชียวนะมึง รู้ไหมว่าเขาจับฉลากที่นั่งกันหมดแล้ว มึงต้องเห็นสงครามเมื่อเช้า แทบจะยกเก้าอี้ตบกันแย่งนั่งข้างมึง”

          ผู้ชายหน้าตาดีท่าทางกวนๆ โผล่หัวออกมาทักทายเหมือนตุ๊กตาจ๊ะเอ๋ในกล่องตกใจ

              เต้ เพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กของผมเองครับ มันเล่นทักทายด้วยเสียงที่ต่อให้เฝ้ายามอยู่หน้าประตูโรงเรียนก็อาจจะได้ยิน พร้อมข้อความที่ทำเอาผมขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม จับฉลากที่นั่งไปแล้ว?



          ได้ยังไงกัน ปกติต้องจับตอนเข้าแถวเสร็จแล้วไม่ใช่หรือ



          “อย่าพูดคำหยาบต่อหน้าเทม แล้วทำไมถึงจับกันตอนเช้า ผมจำได้ว่าต้องหลังเข้าแถวไม่ใช่หรือ”



          ผมตวัดสายตาคาดโทษเต้เล็กน้อย การพูดคำหยาบต่อหน้าเทม สำหรับผมถือเป็นเรื่องต้องห้าม เทมกำลังอยู่ในวัยกำลังลอกเลียนแบบพฤติกรรม จะทั้งการกระทำหรือคำพูด เจ้าตัวมักจะพูดทวนและนำมาใช้ บางครั้งก็นำมาใช้แบบไม่เข้าใจ ทำให้เกิดปัญหาเหมือนกัน



          และหัวใจผมต้องแหลกสลายไม่เป็นชิ้นดีแน่ ถ้าได้ยินคำว่าเหี้ยจากเจ้าชายน้อยผู้แสนบริสุทธิ์ของผม...



          “โทษทีๆ เทมอย่าพูดตามเต้นะ เออ ก็นั่นแหละ ก็เดิมๆ แตมเขาคงเห็นว่าโอกาสแบบนี้ ไม่ได้มีบ่อยๆที่มึงจะมาช้า เลยชวนกลุ่มสาวๆทำฉลากแล้วจับที่นั่งกันเอง แล้วทำฉลากอีท่าไหนไม่รู้ ดันมีชื่อมึงตั้งหกแผ่น คนที่จับได้ก็เถียงกันใหญ่ ว่าของใครเป็นของจริง ใครมีสิทธิ์จะได้นั่งข้างคุณประธานนักเรียนกันแน่ ฮึ กูนี่แทบจะบอกไอ้น้ำให้ไปซื้อป๊อปคอร์นมานั่งชมศึกชิงเก้าอี้ สนุกชิบหาย”



          เต้พูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง ขัดกับผมที่ถอนหายใจเบาๆ เพราะเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาสองสามครั้งแล้ว และก็เกิดการทะเลาะเบาะแว้งของเด็กในห้องทุกครั้งครับ ทุกคนต่างล้วนมีคนที่ตัวเองอยากนั่งใกล้ จนอาจารย์ต้องเป็นคนทำฉลากขึ้นมาเอง เพื่อป้องกันการโกงกันที่จะเกิดขึ้น ผมไม่นึกเลย ว่าจนถึงตอนนี้ ก็ยังจะมีคนดื้อดึงทำกันขึ้นมาอีก



          “ที่นั่งข้างผม ก็ต้องเป็นเทมอยู่แล้ว ทำไมชอบทำให้เรื่องมันวุ่นวาย”



          ใช่ครับ ผมได้ดำเนินเรื่องทั้งการย้ายห้องและย้ายที่นั่ง กับทางผู้อำนวยการโรงเรียนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของคุณป๊าไว้ตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอะไร ที่ถ้าหากมีการจับคู่ หรือต้องห่างกัน ขอให้เทมได้อยู่กับผม แน่นอนว่าผมใช้ความพิเศษของเทมเป็นข้อต่อรองอีกข้อ เพื่อเป็นเหตุผลรองรับ ว่าผมมีเหตุจำเป็นต้องช่วยดูแลเทมระหว่างเรียนหนังสือหรือทำกิจกรรมใดๆก็ตามแต่ ทำให้ผู้อำนวยการต้องจำยอมในเหตุผล และสามารถใช้เหตุผลข้อนี้ เพื่อบอกอ้างอาจารย์ท่านอื่นๆให้เข้าใจด้วยได้



          ปาท่องโก๋แห่งสิงหสารสาทรวิทยา โรงเรียนเอกชนชื่อดัง ก็เป็นหนึ่งในฉายาที่ทุกคนใช้เรียกผมกับเทมปุระครับ



          “มึงลืมไปแล้วเหรอว่าห้องเรามันจัดแถวแบบ สามสามสาม 3-3-3  ถ้ารอบไหนมึงจับที่นั่งไม่ได้ชิดในกำแพงหรือติดหน้าต่าง ถ้าเทมอยู่ด้านซ้าย ด้านขวาก็ว่าง ถ้าด้านขวาเทมนั่ง ด้านซ้ายก็ว่าง ใครๆก็อยากแย่งชิงเพื่อสร้างโอกาสทั้งนั้น หึๆ ปีนี้ไม่รู้จะโชคดีเป็นกูหรือไอ้น้ำที่นั่งติดมึง เป็นไม้กันหมาเป็นปีที่สามหรือเปล่า ถ้าไม่เป็นงั้น กูคงโชคดี ได้ดูมึงอาละวาดกลางเวลาสอนอีกแหงๆ อดเห็นตั้งแต่ประถมแล้ว ขออีกสักทีก่อนขึ้นมอปลายสิวะ”



          เต้พูดเกินไปครับ ผมไม่ได้ว้ากหรือโวยวายขนาดนั้น แค่ลุกขึ้นแล้วยกโต๊ะตัวเองกับเทมไปอยู่หลังห้องสุดในระหว่างคาบ ด้วยความรำคาญเพื่อนผู้หญิงร่วมห้องอีกคน ที่เซ้าซี้ถามผมทุกๆสิบนาที ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องส่วนตัว

          ทีแรกผมเตือนเธอดีๆว่าให้ตั้งใจฟังก่อน ไม่เข้าใจ จบคาบค่อยเข้าไปถามอาจารย์ดีกว่า ครูผู้สอนยังไงก็ต้องอธิบายได้ดีกว่าเพื่อนร่วมเรียนอยู่แล้ว แต่เธอช่างแสนดื้อดึงและดื้อด้าน พูดไปก็เหมือนพูดกับกำแพง เส้นความอดทนผมขาดลงในที่สุด

          ...การกระทำครั้งนั้นส่งผลให้ผมได้อยู่อย่างสงบได้เป็นอาทิตย์เลยทีเดียว



          “เทม เทมอยากนั่งข้างหน้าต่างครับ ท้องฟ้าตอนสิบเอ็ดโมงสดใสมาก”



          เทมคงจับประเด็นได้แค่ว่าพวกผมกำลังพูดคุยถึงการย้ายที่นั่ง น่าดีใจจัง การฟังจับใจความสนทนาของเทมพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว อย่างน้อยก็จับหัวข้อได้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ทำแค่พูดทวนคำสุดท้าย ผมรู้สึกปลื้มใจ จนอยากจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาจริงๆเลยครับ ผมอดหันไปยิ้มให้เทมปุระไม่ได้



          “ได้ครับ ถ้าหมูจับได้ข้างหน้าต่าง เรามาแลกกันนะ”

        “ไม่เป็นไรครับ ภาพท้องฟ้าสดใสที่มีหมูหย็องอยู่ด้วย สดใสและสวยงามมากกว่าเยอะเลย สวยกว่าแบบพิเศษ เหมือนก๋วยเตี๋ยวเพิ่มเกี๊ยวเลย พิเศษมากๆ เทมชอบ”



          อา...

         ทำไมถึงได้ถนัดสร้างความเสียหายต่อหัวใจผมขนาดนี้ก็ไม่รู้ คำพูดน่าดีใจถูกเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างง่ายดาย

          เป็นผู้ฟังอย่างผมเสียอีก ที่ยุ่งยากกับการจัดการความรู้สึกพองฟูให้ยุบตัวลงอย่างยากลำบาก

          ตั้งแต่เข้าโรงเรียนมาแค่ไม่กี่นาที หัวใจของผมก็อยู่แทบไม่เป็นสุข เอาแต่ร่ำร้องว่าให้กระชากเจ้าเด็กน้อยตัวสูงข้างๆ มากอดแน่นๆเสียที

          ผมยกมือขึ้นมาปิดใบหน้า หลบสายตาของเต้ที่มองมาอย่างล้อเลียน กว่าจะตั้งสติเดินต่อได้ ก็เล่นเอาเต้พูดแซวไม่หยุด



          “โดนจีบแต่เช้าเลยว่ะเพื่อนเรา เปิดเทอมวันแรกก็ชื่นใจแต่เช้าเชียวนะมึง น่าหมั่นไส้จริงๆ ไม่ไหวๆ อยู่ด้วยนานๆ กูจะเป็นเบาหวานตายห่า”

          “หุบปากเถอะครับเต้ ไม่งั้นผมจะเอารองเท้าอุดให้คุณเอง”

          “เขินแล้วรุนแรงนะเชี้ยหมู เอ้ย! หมู เทมดูดิ ดูๆ หมูมันจะรังแกเต้อีกแล้วเว้ย”

          ไอ้คุณเต้หันไปทำท่ากลัวห่อไหล่ตัวสั่นใส่เทม เทมหัวเราะกับท่าทางของเต้ที่เล่นใหญ่สุดๆ

          “หมูหย็อง หมูหย็องไม่รังแกใครครับ หมูหย็องเป็นเพื่อนที่ดี” นางฟ้าของผมพูดแก้ต่างให้ผม

          “ดีกับมึงแค่คนเดียวล่ะสิไม่ว่า...กับคนอื่นนี่ดุร้ายเย็นชาใส่อย่างกับปีศาจ”

          เต้บ่นพึมพำเบาๆในลำคอ จนผมได้ยินไม่ชัด

          “เต้ว่าไงนะครับ?”

          “เปล๊า เออ กูลงไปกินข้าวเช้ากับไอ้น้ำก่อน ลืมกินมาว่ะวันนี้ ยังไงเดี๋ยวเจอกันในแถวเว้ย ไปละๆ”

          เต้โบกมือหยอยๆให้ผมกับเทมก่อนจะรีบสับขาวิ่งออกไป ดูท่าจะหิวมากจริงๆ

ไม่ดีนะครับ การทานข้าวเช้าไม่ตรงเวลา ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง และอาจจะทำให้กลายเป็นคนกวน...เหมือนเต้ก็ได้

          เพราะงั้นอย่าลืมทานข้าวเช้ากันนะ



          ผมอดไม่ได้ที่จะหันมาย้ำกับเทมถึงความสำคัญของอาหารเช้า

          “เทมต้องทานข้าวเช้าให้เป็นเวลานะครับ เห็นเต้ไหมครับ ลืมทานเลยต้องมารีบร้อนที่โรงเรียน”

          ผมหันมาบอกกับเด็กน้อยข้างกาย เจ้าตัวพยักหน้ารับจริงจัง น่าเอ็นดูจนอดจะเอื้อมมือไปลูบหัวไม่ได้ หืม สูงขึ้นอีกแล้วหรือเปล่านะ ระยะที่ต้องเอื้อมมือ รู้สึกว่าต้องยืดขึ้นมากเรื่อยๆเลยเชียว

          ระหว่างที่ผมคิดว่าควรดื่มนมเพื่อตามสูงของเทมบ้าง ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายภายในห้อง



          “เธอสิขี้โกง! เราเห็นนะว่าเธอแอบพับหัวมุมฉลาก จะได้รู้ใช่ไหมล่ะว่าอันไหนเป็นชื่อของหมู!”

          “อ้าว อย่ามาพูดหมาๆแบบนี้นะเตย พูดแบบนี้เราก็เห็นเธอแอบเอาปากกามาร์คไว้บนกระดาษเหมือนกันนั้นแหละ!”

          “นี่พวกเธอโกงกันเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ อยากได้จนตัวสั่น หึ"

          “ว่าไงนะ ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย!”

          “พูดเหมือนแกไม่อยากได้งั้นแหละ ถ้างั้นก็สละสิทธิ์ไปเลยสิยะนังก้อย”

          “ทำไมฉันต้องสละ ในเมื่อฉันจับได้เองจริงๆ พรมหลิขิตขนาดนี้  ไม่ใช่ใช้วิธีการโกงเหมือนพวกเธอ ว้าย น่าสงสาร! พวกต้องใช้เล่ห์มาแย่งคนอื่นเขา”



          แล้วเสียงเหมือนคนกำลังตีกันก็ดังขึ้น จนผมต้องรีบก้าวพรวดเข้าไปในห้อง ภาพสถานการ์ณที่เห็น ไม่ดีเลยครับ กลุ่มผู้หญิงหลายคนต่างกำลังกระชากคอเสื้อฝ่ายตรงข้ามและเงื้อมือจะฟาดใส่อีกคน พอทุกคนเห็นผมเข้าห้องไป ก็เหมือนกับวีดีโอถูกกดหยุดเวลาเอาไว้ ทุกคนนิ่งค้างและเบิกตากว้างมองผม



          “มะ-หมู คือนี่มัน...”

แตม หญิงสาวสวยน่ารักประจำห้องที่กำลังง้างมือรีบหดมือลงมาไว้ข้างตัว เดินตรงมาหาผม

          “ไม่ใช่แบบที่เห็นนะหมู คือพวกเรากำลังหารือกันเฉยๆ ไม่ได้มีเรื่องอะไรกันเลย”



          ผมเบิกตานิดๆ แปลกใจกับข้อแก้ตัว เป็นคำแก้ตัวชนิดที่ว่าแถจนสีข้างน่าจะถลอก แถเปื่อย แถสด แถน้ำร้อนลวกมากๆเลยครับ กลุ่มหญิงสาวที่เกาะกลุ่มกันตรงกลางห้อง ต่างรีบถลาเข้ามาทางผมที่ยืนอยู่ตรงประตู จนผมต้องยกมือขึ้นห้ามไว้ ให้ไม่ต้องเข้ามาใกล้อีก



          “ช่วยกรุณาอยู่ในความสงบกันด้วย ที่นี่ห้องเรียน ถ้าพวกคุณจะทะเลาะกัน ก็ขอให้ไปทำที่อื่น ไม่งั้น...ผมคงจำเป็นต้องจดชื่อคนมีปัญหาเข้าบัญชีนะครับ”



          สมุดบัญชีที่ประธานนักเรียนทั้งสามระดับชั้นต่างมีกันติดตัว เปรียบเทียบได้กับสมุดบัญชีหนังหมาของพญายมราช ที่เอาไว้จดชื่อของคนที่เตรียมถูกลงทัณฑ์ในขุมนรก จะเปรียบเทียบแบบนั้นก็ไม่ผิดเลยครับ

          เพราะโรงเรียนของผมสนับสนุนกิจกรรมนักเรียนกันมากๆ การทัศนศึกษาเป็นชื่อเล่นของการท่องเที่ยวที่สนุกสนานและหรูหราของเด็กนักเรียนโรงเรียนนี้ กิจกรรมงานเลี้ยงที่โรงเรียนก็มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศ ถ้าเกิดพลาดงานขึ้นมา เสียดายแทบขาดใจ โคตรพลาดจนเป็นปมไปตลอดชีวิต คงเป็นคำที่อธิบายความรู้สึกคนไม่ได้เข้าร่วมได้เป็นอย่างดี

          การมีชื่อในบัญชีทำให้สิทธิ์การเข้าร่วมในกิจกรรมสันทนาการต่างๆถูกงดเด็ดขาด ทำได้แค่เป็นผู้ช่วยภารโรงทำความสะอาดหลังจบงานเลี้ยงเท่านั้น เป็นการลงโทษที่เด็กวัยรักสนุกแบบพวกผมไม่อยากโดนและหวาดกลัว เป็นอำนาจเล็กๆน้อยๆที่ทำให้สภานักเรียนช่วยควบคุมนักเรียนได้ดีมากยิ่งขึ้น



          ผมกวาดสายตามองเหล่าเด็กหญิงที่สงบเสงี่ยมตรงหน้า แล้วได้แต่นึกเบื่อหน่ายเหตุการณ์ซ้ำซากนี่ และผมก็ต้องพูดประโยคเดิมซ้ำๆกัน ราวกับกลอเทปไปมาไม่จบไม่สิ้น



          “จับฉลากเลือกที่นั่ง ไม่ใช่หน้าที่ที่พวกคุณจะมาทำตามอำเภอใจ อาจารย์ประจำชั้นจะเป็นคนเตรียมการเอง เข้าใจใช่ไหมครับ เข้าใจแล้วก็แยกย้าย เตรียมตัวไปเข้าแถวกันได้แล้ว”



          เด็กในวัยนี้แน่นอนว่ากำลังอยู่ในวัยต่อต้านและพูดให้เชื่อฟังได้ยาก หลายคนทำท่าเหมือนจะเถียงขึ้นมา แต่ผมก็กดสายตาให้นิ่งลึกขึ้นไปอีก จนพวกเธอต้องยอมตอบรับเสียงอ่อย แล้วแยกย้ายกันออกไปจากห้อง





          “หมูหย็อง หมูหย็องเท่จังเลยครับ พอพูดแล้วทุกคนก็ทำตาม เหมือนหน้ากากเรดเลย เป็นฮีโร่ล่ะ เป็นพระเอก เป็นพระเอกเท่ๆ”

          ร่างสูงทำตาโตอ้าปากกว้างๆพูดชม ท่าทางตื่นเต้นทุกครั้ง เวลาผมอยู่ในมาดประธานนักเรียนผู้ดุดัน ในสายตาคนอื่น ผมในโหมดนี้น่าจะดูน่าเกรงขามมากกว่าคำว่าเท่นะครับ

          แล้วก็คงจะไม่ใช่พระเอกแต่เป็นตัวร้ายแทน...



          “แต่ยิ้มหน่อยดีกว่านะครับ ยิ้มยิ้มนะ ยิ้มแล้วโลกจะสดใส”



          พูดแล้วเอานิ้วมาลูบไล้บนแก้มคนอื่นแบบนี้ นี่เรียกลวนลามได้หรือเปล่า

          แจ้งจับแล้วขังไว้ในใจไม่ให้ออกไปไหนได้ไหมครับ?

 

          ผมยิ้มขำคนตรงหน้า ที่พอเห็นผมยังเก๊กวางท่าขรึมอยู่ ก็เลยดึงมือตัวเองกลับ แล้วไปจับปากตัวเองฉีกยิ้มแทน นิ้วมือที่ดึงมุมปากจนกว้างกว่าปกติทำให้รอยยิ้มไม่เหมือนทุกครั้ง แต่เป็นรอยยิ้มที่เหมือนลูกหมาขนฟูแยกเขี้ยวใส่พิกลน่ะครับ ฮ่าๆ



          “ฮ่าๆ พอแล้วครับเทม เดี๋ยวเจ็บปากนะครับ เอากระเป๋าไปเก็บในล็อกเกอร์แล้วลงไปเตรียมเข้าแถวกันเถอะ”

          “โอเค โอครับคุณหัวหน้า เทมปุระจะปฎิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดครับ”



          เด็กน้อยยืนตัวตรงแหน่ว ยกมือตะเบ๊ะท่า เหมือนเวลาทหารรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาใส่ผม ก่อนจะรีบทำท่าโค้งตัว แล้วหยิบกระเป๋าทั้งของตัวเองแล้วก็ของผม ไปเก็บให้ที่หลังห้อง

          ทะเล้นจริงๆเด็กชายเทมปุระ ผมมองตามร่างสูงไป เห็นท่าทางการหมุนรหัสปลดล็อกแสนคล่องแคล่ว เลขสี่หลักแสนจำง่าย รหัสของผมเป็นเวลาเกิดของเทมปุระ ส่วนรหัสของเทมปุระคือเบอร์โทรศัพท์ตรงกลางของผมเองครับ

          กว่าเทมจะจัดของ เรียงหนังสือเข้าที่จนพอใจก็เกือบได้เวลาเข้าแถวพอดี




          “ขอบคุณนะครับเทม”

ผมเงยหน้าสบตา แล้วยิ้มหวานให้คนที่ตั้งอกตั้งใจ จัดของในล็อคเกอร์ของผมจนเป็นระเบียบเรียบร้อย

          “ขอบคุณที่ให้เทมจัดเหมือนกันครับ”

เจ้าตัวยิ้มหวานแข่งกับผม



          อา..ถ้าคุณอยากรู้ว่านางฟ้ามีจริงไหมล่ะก็ ผมขอบอกเลยนะครับว่ามีจริง

          นางฟ้าไร้ปีกที่กำลังเดินเคียงข้างผมตรงนี้ยังไงล่ะ...



         * ต่อด้านล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2018 09:44:33 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ปวดหัวกับบ้านนี้ มีทุกอย่างยกเว้นสติจริงๆ

ออฟไลน์ TheBig

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เทมน่ารักจังค่ะ

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter

          พอลงมาถึงสนาม แถวของฝั่งน้องอนุบาลและเด็กประถมก็ถูกจัดเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ผมกวาดสายตามองไปยังแถวของห้องตัวเอง ก่อนจะพาเจ้าเด็กน้อยของผม ไปต่อแถวที่เต้กับน้ำกำลังยืนคุยน้ำลายแตกฟองกันอยู่ ผู้ชายที่ตัวสูงพอๆกับเทมหันมา ก่อนจะรีบโบกไม้โบกมือเรียกให้พวกผมเดินเข้าไปหา และคนที่ตัวเล็กกว่าที่ยืนข้างกันก็โบกมือมาอย่างแจ่มใสเช่นเดียวกัน



          “ไงมึง ไม่เจอกันตั้งเดือนเลยไหมวะ กูเอาของฝากมาจากอิตาลีให้ด้วย รอบนี้ไม่มีแอลกอฮอล์ สาบาน”



          น้ำพูดพลางฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วหัวเราะในลำคอ ครั้งก่อนไอ้แสบนี่เอาของฝากมาให้เทมปุระ

          ...เป็นช็อกโกแลตไส้เหล้ารัมครับ...

          ผมก็เพิ่งมาทราบเรื่องตอนคุณป้าบอก เทมโยเยหน้าแดงร้องหาแต่ผมไม่ยอมนอน ผมตกใจจนเรียกรถพยาบาล และโทรเรียกคุณหมอประจำตัวเทมมากลางดึกเลยทีเดียว

          ภาพที่เปิดประตูเข้าไปเจอ คือนางฟ้าไร้ปีกของผมนั่งตาเยิ้ม ยิ้มหวาน กอดตุ๊กตาแมวสีฟ้าสดใสอยู่กลางห้อง พอเห็นผมก็รีบลุกขึ้นวิ่งเข้ามากอดนัวเนียใหญ่ ร้องห่มร้องไห้ว่าหาผมไม่เจอ ผมจะทิ้งเจ้าตัวไป

          น่ารักและแสนเย้ายวนจนผมแทบจะหัวใจวายอยู่ตรงนั้น

          กว่าจะหายเมา กว่าจะหลับได้ กว่าจะปลอบกันเสร็จ

          เล่นเอาผมเกือบจะจับตัวเองมัดเชือก ไม่ให้วิ่งไปฟัดเด็กขี้อ่อยแทบไม่ทัน นอนไม่หลับเลยครับคืนนั้น  ข่มตาไม่หลับแถมเดินไปห้องน้ำหลายครั้งจนเช้าอีกต่างหาก...เช้ามาตาคล้ำเสียแยกไม่ออกระหว่างผมกับหมีแพนด้า น่ากลัวว่าถ้าออกไปเดินข้างนอก อาจจะถูกเจ้าหน้าที่จับกลับสวนสัตว์ด้วยความสับสนก็เป็นไปได้



          พอซักถามหาสาเหตุจากคุณป้า ก็ค้นพบว่าคือไอ้ช็อกโกแลตเวรจากนายน้ำที่ให้มาเป็นของฝาก



        เช้าวันมาโรงเรียน บอกเลยครับ ผมจะไม่ทน ความอดทนของผมมีให้แค่คนเดียวเท่านั้น

         และคนๆนั้น ก็ไม่ใช่คนที่ผมเดินตรงดิ่งไปหา



          เจ้าคนที่นั่งเล่นเกมสบายใจ ไม่ล่วงรู้ว่าชะตากรรมตัวเองใกล้ขาด



          น้ำโดนผมโบกกะโหลกไปสามครั้งติด ชกหน้าซ้ำลงไปอีกหน พร้อมสั่งลงโทษกักบริเวณ อยู่เย็นคัดหนังสือสิบเล่ม ข้อหานำของอบายมุขเข้ามาในโรงเรียน แค่นั้นไม่สาแก่ใจ ผมใช้อำนาจของประธานนักเรียนที่มี สั่งให้ล้างห้องน้ำอีกครึ่งเดือน...เล่นเอาไอ้น้ำเจอหน้าผมก็มองค้อน ขมุบขมิบปากด่าผมไปเป็นเดือน แต่ก็ต้องทำตามคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นล่ะครับ



          ถ้าครั้งนี้ของฝากพิเรนท์อีก ผมจะเอาให้ก้านคอหมุนได้สามร้อยหกสิบองศาเลยครับ

        แล้วไม่ต้องล้างแล้วห้องน้ำ จับมันโบกปูนถ่วงน้ำคงง่ายกว่า...


          “ก็ดีแล้วครับ ผมก็กำลังคิดอยากพิสูจน์อยู่พอดีเลย เมื่อปิดเทอม โรงเรียนทำระบบท่อประปาใหม่ เห็นว่าแรงดันน้ำดีมาก เห็นว่าต่อให้มีอะไร หรือศพใครอุดตัน ก็คงไหลลงทะเลได้แบบสบายๆเลยทีเดียว”

          ผมพูดแล้วยิ้มเย็นใส่ตาน้ำ เจ้าตัวเบิกตากว้างหน้าซีดเล็กน้อยจะหัวเราะเสียงแห้ง

          “เหี้ยยยยย โหดสัตว์ ไอ้เต้เพื่อนเกลอ ถ้ากูหายไป โปรดรู้ไว้กูเป็นสาหร่ายอยู่ใต้ทะเลนะมึง คุณชายแม่งโหดจริงโว้ย ไม่กล้าแล้วครับท่าน กระผมสำนึกผิดแล้วจริ๊งจริ๊ง”

          “เออ อย่าไปกวนลูกชายคุณเขาสิวะไอ้นี่ พูดแล้วเสียดายชิบหาย เมื่อเช้าหิวข้าวไปหน่อย ไม่งั้นจะรอดูไอ้หมูมันว้ากใส่พวกแม่หญิงในห้อง คงสนุกพิลึก”

          “ระวังคำพูดด้วยครับ เทมก็อยู่ แล้วเรื่องเมื่อเช้ามันก็ไม่มีอะไรครับ ผมไม่ได้ว้ากอะไร แค่พูดให้เข้าใจแล้วสั่งแยกย้ายเฉยๆ”



          ผมเหลือบมามองเทมปุระที่กำลังเงยหน้ามองท้องอยู่ ก่อนจะถอนหายใจในใจอย่างโล่งอก ดีกว่าเขาไม่ทันได้ฟังเจ้าคู่แฝดนรกพูดกัน

          เฮ้อ สักวันถ้าเทมติดคำหยาบมาจากพวกนี้ ผมต้องทนไม่ให้ตัวเองพุ่งเข้าไปบีบคอแล้วเขย่าๆสองคนนี้ให้หัวหลุดไม่ได้แน่ๆ ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่รุ่นพ่อแม่นี่ผมคงเลิกคบตั้งแต่เจอเทมแล้วครับ คนอะไรหยาบคายเหมือนหนังหน้า



          “โหย ไรว้า แต่ก่อนมึงก็พูดอ่ะ ใช่ไหมเต้ เถื่อนกว่าพวกกูอีก อะ โทษครับ ไม่พูดแล้วครับ อย่าโบกหัวกูแต่เช้าขนาดนี้สิวะ เดี๋ยวกูฉี่แตกกลางห้องเรียนทำไง”         

          เด็กน้อยของผมเลิกมองคุณท้องฟ้า แล้วพยายามตั้งใจฟังบทสนทนา พอได้ยินว่าเพื่อนตัวเองจะปัสสาวะราดกลางห้องเรียน ใบหน้าอ่อนเยาว์ก็ตกใจ

          “ใส่แพมเพิร์ดไหมครับน้ำ หรือถ้าปวดฉิ่งฉ่องฉิ่งฉ่องบอกเทมก็ได้นะครับ เดี๋ยวเทมพาไปห้องน้ำเป็นเพื่อนนะ ไม่ราดกลางห้องเรียนนะครับ”

          เทมว่าแล้วมองน้ำอย่างเป็นห่วง ผมมองความเป็นห่วงเป็นใยนั่น แล้วอดเสียดายไม่ได้ เสียของจริงๆครับ ความเป็นห่วงของเทมนี่ควรเป็นของผมทั้งหมดเลยแท้ๆ



          “โธ่ นางฟ้าของน้ำ ใครจะแสนดีเท่ามิมี อย่าไปยืนใกล้ไอ้ปีศาจหมูหย็องนะเทม เดี๋ยวเชื้อความโหดเหี้ย เอ้ย โหดเหี้ยมจะติดเอา”



          น้ำดึงเทมที่ยืนอยู่ข้างผมไปหลบอยู่ข้างหลังมันเอง ไอ้เต้รีบรับไม้ต่อ ทำตัวเหมือนเป็นนักบวช กระโดดมายืนข้างหน้าขวางกั้นน้ำกับเทมอีกชั้นหนึ่ง ปากขมุบขมิกทำทีเป็นท่องคาถา มือสองข้างทำท่าไม้กางเขน สร้างบาเรียป้องกันเทมจากปีศาจอย่างผม



          ไหนบอกหมอสิครับ

          อาการมันเป็นยังไง จะหลังคาแดงหรือศรีธัญญา เลือกมาเลย เดี๋ยวให้คนขับรถขับไปส่ง

          หรือจริงๆแล้วระหว่างทางมาเข้าแถว ผมมาตึกผิดตึก นี่มัธยมต้นใช่ไหม หรือผมเข้าใจผิด

          จริงๆแล้วตึกนี้เป็นตึกของเด็กเล็กที่กำลังจะเข้าเตรียมอนุบาล

          บอกผมที...



          “อย่าเข้ามานะเจ้าผีร้าย โอม ดุ๊กดิ๊กกระดุ๊กกระดิ๊กกิ๊กกิ๊กกระดู๊ว”

          ทำท่าสร้างบาเรียไม่พอ มันยังทำท่าปล่อยคลื่นลำแสงใส่ผมอีก ระหว่างผมคิดว่าเส้นความอดทนน่าจะตึงได้ที่ และฝ่ามือกำลังจะได้ฟาดลงบนหัวคน ก็มีคนมาห้ามทัพได้ทัน


 “ดิมิทรี”



          เสียงของอาจารย์ประจำชั้นเรียกชื่อผม ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้กลุ่มพวกเรา การปรากฎตัวอย่างกระทันหันของอาจารย์ที่เคารพ ทำให้ทั้งสี่คนรีบยกมือไหว้อาจารย์ที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานเป็นเดือน อย่างพร้อมเพียงทันที



          “สวัสดีครับอาจารย์พะนอรัตน์”

          “สวัสดีจ้ะเด็กๆ ไม่เจอกันไม่นาน สูงขึ้นเยอะเชียวนะ ยกเว้นเธอนะจ๊ะ ตรัณ”

          นายตรัณหรือไอ้น้ำ ทำท่าเหมือนถูกคำพูดของอาจารย์ทิ่มแทงอก แล้วเอนตัวเสไปมา ก่อนจะซบลงกับไหล่ไอ้เต้ เหมือนโดนคำพูกเล่นงานจนไม่สามารทรงตัวอยู่ได้

          “โห 'จารย์คร้าบบบบบ รุนแรงต่อผมแต่เช้าเชียวนะครับ ปรานีผมหน่อย นี่ผมก็ไปโด๊บนมมาเป็นแกลลอนแล้วนะครับ สูงขึ้นตั้งครึ่งเซน”

          “อาจารย์ล้อเล่นจ้า เดี๋ยวก็สูงขึ้นนะตรัณ ไม่ต้องกลัวไปหรอกจ้ะ”



          ไอ้น้ำนี่ตัวเล็กที่สุดในพวกเราสามคนเลยครับ สูงสุดจะเป็นเทม รองลงมาจากเทมจะเป็นเต้ ผม แล้วก็น้ำ ซึ่งไอ้น้ำนี่เตี้ยห่างจากผมไปมากครับ ตัวก็บาง หน้าก็อ่อน เหมือนเด็กยังไม่หลุดพ้นจากเลขหลักเดียว แต่สันดารนี่เป็นพวกลามก เฒ่าหัวงูสวนทางรูปร่างมากครับ อย่าไปโดนร่างกายภายนอกหลอกเชียว

          “มันจะไปสูงได้ไงวะน้ำ มึงเล่นแดกเป็นเต้า ไม่ใช่แดกเป็นกล่อง เอ้ย อาจารย์ ผมขอโทษครับ”

          ไอ้เต้ที่เผลอหลุดปากพูดจาทะลึ่งต่อหน้าผู้ใหญ่ รีบยกมือไหว้อาจารย์พะนอรัตน์ที่หน้าตึงขึ้นมาทันที ไอ้น้ำรีบถีบเพื่อนตัวสูงของมันเป็นการลงโทษ

          “พูดไปเรื่อยนะมึงเชี้ยเต้ ไม่มีหรอกครับอาจารย์ ฮ่าๆ ฐานทัพเขาล้อเล่น”

เสียงหัวเราะไอ้น้ำแห้งเหี่ยวมากครับ สัมผัสได้เลยว่าไอ้เต้พูดเรื่องจริงแน่นอน



          ย้อนเวลากลับไปปิดหูเทมได้ไหมครับ ไม่อยากให้ความจัญไรของไอ้น้ำระคายหูเทมเลยจริงๆ



          “อะแฮ่ม จ้ะ อาจารย์ก็หวังว่าจะไม่มีอย่างที่เธอพูดนะนายตรัณ เธอเพิ่งจะอายุสิบห้า เพิ่งจะวัยมัธยมเท่านั้น เรื่องพวกนี้ รอโตกว่านี้ดีกว่านะจ๊ะ นายฐานทัพก็ระวังคำพูดหน่อยล่ะ เกิดอาจารย์คนอื่นได้ยินเข้า โดนลงโทษขึ้นมา จะหาว่าอาจารย์ไม่เตือนไม่ได้นะ”

          โชคดีเป็นของนายตรัณและนายฐานทัพจริงๆครับ ที่คนที่กำลังพูดด้วยคืออาจารย์พะนอรัตน์ อาจารย์ที่ติดในสามใจดีและเข้าใจเด็ก

          เกิดเป็นเจ้ดารุณีล่ะก็

          หึ...รอบสนามสิบรอบยังนับว่าปรานีครับ ผมขอใช้ตำแหน่งประธานนักเรียนรับรอง



          ระหว่างที่ผมมองไอ้เพื่อนตัวดีสองตัวหาเรื่องใส่หัว ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อสักครู่อาจารย์พะนอรัตน์เข้ามาเรียกผม คิดว่าน่าจะมีธุระกับผม แต่เพราะโดนไอ้คู่แสบชวนคุยเลยลืมผมไป



          “อาจารย์เรียกผมเมื่อสักครู่ มีอะไรหรือเปล่าครับ”

          “อุ้ย ตายจริง ขอโทษทีจ้ะ อาจารย์ลืมเลยว่ามีธุระกับเธอ พอดีว่าอาจารย์ธิติอยากให้มีตัวแทนนักเรียนกล่าวต้อนรับเปิดเทอมน่ะจ้ะ แต่พอดีว่าอาจารย์หานายทเนศพลไม่เจอ เลยคิดว่าเป็นเธอแทนก็ได้”



          ทเนศพลคือประธานนักเรียนของฝั่งมัธยมปลายครับ ประธานนักเรียนของสิงหสารสาทรวิทยาจะแบ่งเป็นสามตำแหน่ง สามคน เป็นของชั้นประถม ชั้นมัธยมต้น และมัธยมปลาย รวมทั้งหมดสามคน และมีทีมสภานักเรียนของแต่ละช่วงชั้นอีกทีม ทีมละสิบคนครับ ทเนศพลหรือพี่เนศ คือรุ่นพี่ชั้นมอหกที่ดำรงตำแหน่งประธานฝั่งมัธยมปลายอยู่ตอนนี้



          “พี่เนศบอกในกลุ่มไลน์เมื่อคืนก่อน ว่าเจ้าตัวกลับมาไทยไม่ทันวันเปิดเทอมครับ พอดีว่าสนามบินพายุเข้า ไฟล์ทบินเลยต้องเลื่อน”

          “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะอาจารย์ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ ถ้าอย่างนั้น ยังไงอาจารย์ขอฝากดิมิทรี ช่วยขึ้นไปพูดต้อนรับเปิดเทอมแทนทีนะจ๊ะ เดี๋ยวสักก่อนเลิกแถว หลังผู้อำนวยการพูดจบ เธอก็เดินไปข้างเวทีเตรียมขึ้นไปได้เลยจ้ะ”

          “ครับ”

ผมตอบรับสั้นๆ อาจารย์พูดขอบคุณก่อนจะเดินท่าทางสบายใจจากพวกผมไป

          ต้องสบายใจแน่ล่ะครับ โยนภาระให้คนอื่นเรียบร้อยแล้ว



          ระหว่างสมองผมกำลังร้อยเรียงคำพูดเพื่อเตรียมขึ้นไปพูด เสียงนกเสียงกาก็เริ่มขึ้น นี่ใจคอพวกมันจะไม่กลัวบาปกันเลยใช่ไหมครับ ระหว่างสวดมนต์ ยังมีกระจิตกระใจมาแซะคนอื่นอีก ที่กระทะทองแดงยังเดือดไม่ยอมดับ ก็เพราะรอพวกมันลงไปถูกต้มแน่ๆเลยครับ


          “คนจริงว่ะ ต้องขึ้นเวทีกระทัน หน้ายังไม่กระดิกตื่นเต้นสักเซน”

          “อ้าว ฉายาประธานปีศาจไม่ได้มาจากสอยดาวงานกาชาดนะครับผมมมม แค่นี้ไม่สะกิดเกล็ดบนหนังหน้าคุณดิมิทรีเขาหรอกครับคุณเต้”

          “จริงว่ะ ดูดิ ขนาดอาจารย์ยังต้องเสียงสองใส่ ทีพูดกับพวกเรานี่เสียงหนึ่ง ระบบลำเอียงมันออโต้กับคุณประธานนักเรียนเขาจริงๆเหวย”



              สองแสบจอมแซะ นินทากันข้ามหัวผมไปมา เรื่องจิกกัดชาวบ้านนี่ต้องยกให้พวกมันจริงๆครับ เล็กๆน้อยก็ขอให้ได้จิก ผมว่าตอนเกิดมันไม่น่าจะคลอดแบบคนอื่นนะครับ คิดว่าคงออกมาจากไข่แทน จิกเก่งเป็นไก่เลย

          ผมยกเท้าแล้วยื่นไปเหยียบขยี้เท้าไอ้น้ำที่ยืนอยู่ไม่ไกล เจ้าตัวสะดุ้งซี๊ดปาก ก่อนจะรีบทำตัวยืนนิ่งสงบเสงี่ยมเจียมตัว เก็บปากเก็บคำ ส่วนไอ้เต้ผู้ยังไม่รู้ชะตากรรมหัวแม่โป้งเท้าของตัวเองก็ยังคงแซะไม่หยุดปาก

           ผมกำลังยื่นปลายเท้าไปตัดสินชะตากรรมของมัน อีกนิดเดียวจะได้ขยี้ให้สาแก่ใจ

แต่ผมก็รับรู้ถึงแรงสะกิดจากข้างหลังเสียก่อน



          “หมูหย็องครับ หมูหย็อง”

          เทมเรียกชื่อผมเสียงเบา สงสัยเด็กน้อยกลัวอาจารย์จะดุที่พูดคุยเล่นกันระหว่างเข้าแถว เต้ยิ้มรู้ทันก่อนจะแอบสลับที่ตัวเองกับเทมปุระให้ เพราะเป็นการเข้าแถวเรียงระดับความสูง ระหว่างผมกับเทมจึงถูกขั้นกลางด้วยมารผจญหนึ่งตน คือนายฐานทัพนั้นเองครับ

          พอสลับที่เสร็จ เทมหันไปพูดขอบคุณเต้เบาๆ ก่อนจะถามผมด้วยระดับเสียงเดียวกัน

        “หืม? มีอะไรหรือเปล่าครับเทม อยากเข้าห้องน้ำเหรอ”

          “ไม่ใช่ๆๆครับ ไม่ใช่ห้องน้ำครับ เทม เทมจะถามหมูหย็อง ถามหมูหย็องว่าตื่นเต้นหรือเปล่าครับ ทำไหวไหมครับ”

          ผมแอบเหลือบมองสีหน้าของเทม คนน่ารักของผมทำหน้าวิตกกังวลเสียยิ่งกว่าผม ที่เป็นคนต้องขึ้นไปพูดบนเวทีเสียอีก ผมอยากหันไป แล้วลูบหัวทุยที่ตอนนี้เหมือนกับมีหูโผล่ และหางงอกที่ส่ายไปมาอย่างกังวลใจ หูที่กำลังลู่ตกลงด้วยความเป็นห่วงนั่น ช่างน่ารักมากมายเสียจริงๆ

         

               รอยยิ้มเอ็นดูติดริมฝีปากเสมอ ยามได้ยินคำพูดจาจากอีกฝ่าย เป็นคุณก้อนความสุข ที่พูดอะไรก็ทำให้ผมมีความสุขไปหมดเลยจริงๆ



          ผมไม่ตื่นเต้นอะไรหรอกครับ สำหรับผมเรื่องแค่นี้มันก็ง่ายๆ แค่จู่ๆต้องขึ้นเวที พูดให้นักเรียนสามพันกว่าคนฟังเอง สิ่งที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าคนสามพันคือคำพูดที่เขาจะพูดกับผมมากกว่า

          น่าตื่นกว่ากันมากหลายสิบเท่าเลยครับ



          แต่จู่ๆ ผมก็เกิดนึกอยากรู้

          ว่าถ้าผมบอกว่าตื่นเต้น ร่างสูงจะทำอย่างไร

 ผมเลยแกล้งขมวดคิ้วเสียแน่น ตีสีหน้ากังวลไม่แพ้กัน พลางพูดเสียงแผ่ว



          “อืม หมูก็กังวลนิดหน่อยนะครับ ไม่รู้จะทำได้ไหม”



          นายตรัณกับนายฐานทัพ ที่กางหูออกกว้างเหมือนจานดาวเทียมคอยแอบดักฟังพวกผมพูดกันอยู่ พอได้ยินประโยคที่ผมพูด ก็พร้อมใจกันทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ผม เหมือนจะได้ยินเสียงแว่วๆ ของทั้งสองคน พึมพำอะไรสักอย่าง คล้ายๆว่า ตออะไรสักอย่างนี่แหละครับ...



          “ง-ง-ง-งะ งั้น งั้นงั้น เทมจะบอกอาจารย์ให้นะครับ ท-เทมก็อยากทำแทนหมูหย็อง ต-ต-ต แต่ว่าถ้าเปลี่ยนเป็นเทม คงไม่มีใครอยากฟัง”

          ร่างสูงหันตัว เตรียมออกเดินไปหาอาจารย์ที่อยู่ใกล้ๆทันที

          ผมต้องรีบหมุนตัวไปจับคว้ามือใหญ่ ให้คนที่กำลังเป็นห่วงผมขั้นหนักหยุดนิ่งลง ผมกำข้อมือใหญ่นั่นหลวมๆ ก่อนจะลูบข้อนิ้วเจ้าตัวเบาๆ เป็นเชิงปลอบประโลมให้เด็กน้อยที่ตื่นตะหนกใจเย็นลง



          รู้สึกผิดเลยครับ

          ที่การล้อเล่นของผม ทำให้คนตรงหน้าวิตกจนอาการพูดติดอ่างกำเริบขึ้นมา

          หน้าตากังวลจนเหมือนจะร้องไห้ของเขานั้นทำผมใจเสีย

          ...น่าสงสารจริงเชียวเด็กพิเศษของผม



          “ไม่เป็นไรนะครับ หมูแค่ตื่นเต้น ทำได้แน่นอน แล้วเทมอย่าพูดแบบนั้นรู้ไหม อย่าดูถูกตัวเองเด็ดขาดเลยนะครับ ทำไมจะไม่มีใครอยากฟัง นี่ถ้าป๊ารู้ว่าเทมจะขึ้นเวทีพูดนะ ป๊าต้องโดดงาน แล้วจ้างช่างกล้องมาถ่ายรูปแน่ๆเลยครับ รู้ไหมคนเก่ง”

          “แล้วถ้าสมมุติ สมมุติ สมมุติเทมได้พูดจริงๆ...หมูหย็องจะอยากฟังไหมครับ?”



          จะเหลือหรือครับเทมปุระ...

          ไม่อยากจะพูดเลยครับ ถ้าป๊าผมเอ็นดูคนตรงหน้า ผมคงต้องเรียกว่าคลั่งไคล้เจ้าตัวสุดๆ ถ้าขนาดแค่ป๊าที่เอ็นดู ยังจ้างช่างกล้อง ระดับความคลั่งของผมที่มีต่อเทมนี่น่ากลัวว่าผมคงสั่งบอดี้การ์ดปิดโรงเรียน แล้วหวงเจ้าตัวไว้ไม่ให้ใครมานั่งฟังเขาพูด แล้วคงตั้งกล้องอัดวีดีโอ 4K 3D 4D ทุกมุม ทุกองศาอัดไว้ดูคนเดียว ไม่แบ่งปันเขาร่วมกับใคร



          ความคลั่งไคล้หลงใหลในตัวเทมปุระของผม มันมาก...มากเสียจนใครก็คาดไม่ถึงเลยล่ะครับ



          “อยากแน่นอนสิครับ แล้วเทมก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ หมูทำได้แน่นอน คอยดูหมูดีๆนะรู้ไหม หมูก็จะมองหาเทมตอนพูดอยู่บนเวทีนะครับ”



          เด็กน้อยที่เชื่อฟังผมทุกคำพูด แน่นอนว่าครั้งนี้เขาก็เชื่อ เทมปุระยิ้มดีใจที่ผมทำได้

          พอเจ้าตัวใจเย็น การพูดจาและบรรยากาศสดใสก็กลับมาแผ่กระจายเหมือนเดิม เหมือนดอกทานตะวันได้รับแสงอาทิตย์เต็มที่ ผมสังเกตอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง ว่าไม่มีอารมณ์กังวลใจเหลือตกค้างบนใบหน้าร่างสูง ถึงได้วางใจ



          ไอ้สองหน่อผู้ชมที่แอบฟังเนียนๆ กลอกตาเป็นเลขเก้าไทยใส่ผม พลางเบะปาก หน้าตาท่าทางน่าเอารองเท้าลูบหน้าจริงๆครับ ให้ตายเถอะ เสียบรรยากาศจริงๆ

          แต่เห็นแก่ที่อุตสาห์รู้งานเอาตัวช่วยมาบังผมกับเทม จะยอมหยวนๆให้สักครั้งก็แล้วกัน







          อีกนิดเดียวก็จะถึงเวลาผมขึ้นไปพูดแล้ว ผมจึงบอกให้เต้กับน้ำช่วยพาเทมขึ้นเรียนแทนผมหลังเลิกแถว ไม่ต้องรอผมขึ้นห้อง เพราะอาจารย์อาจจะมีเรื่องพูดคุยด้วยอีก



          ระหว่างที่ผมกำลังจะแยกตัวออกมา ร่างสูงก็กระตุกชายเสื้อผมไว้อีกครั้ง



      “หมูหย็องครับ หมูหย็อง แบมือออกสิครับ สองข้างเลย”



ผมยื่นมือทั้งสองข้าง ที่แบออก ส่งไปให้ตามคำขอของเขาอย่างงงๆ

          เทมจับมือผมที่แบออก แล้วดึงไปตรงหน้าตัวเอง ใบหน้าที่ผมนึกรักก้มลงมาใกล้ ริมฝีปากร้อนผะผ่าวที่สัมผัสโดนเพียงเสี้ยววิ ก่อนที่ลมหายใจร้อนจะถูกเป่าลงมาบนมือผม ก่อนที่มือที่จับซ้อนทับกับมือของผม จะจับให้มือของเราทั้งสองคนกำลง

          เหมือนกับให้กักเก็บลมหายใจอุ่นเมื่อสักครู่นี้เอาไว้

     ร่างสูงที่คงไม่รู้ ว่าเพิ่งทำอะไรกับหัวใจผมลงไป หันมาฉีกยิ้มกว้างใส่

ก่อนขยับริมฝีปากที่น่าหลงใหลนั่น เป็นคำพูดที่แทบจะทำให้ผมล้มลงไปกองอยู่ตรงนั้น





          “ให้กำลังใจนะครับ”

















end 2.
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2018 10:03:40 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter






▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    3    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇










          ผมไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเมื่อเช้าบนเวที ผมพูดอะไรออกไปบ้าง ได้แต่ภาวนาให้สติที่แทบไม่มีเหลือ และร่างกายที่คอยแต่จะล้มลงบนพื้น ได้ขยับปากออกเสียงตามบทที่ร้อยเรียงไว้ในความคิดได้ครบถ้วนและถูกต้องไม่ผิดเพี้ยน ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ระเบิดทุกความคิดให้พังกระจายนั้นขึ้น...



          หลังจากการ ให้กำลังใจ ของเทม วินาทีนั้นผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันขาวโพลนไปหมด อาจจะเป็นเหมือนอาการของคนที่เคยเจอระเบิดลงใกล้ๆตัว ตามที่ผมเคยอ่าน แสงสว่างจ้าจากแรงปะทุของระเบิด จะทำให้โลกสว่างไปวูบหนึ่ง ก่อนจะไม่รู้สึกอะไรอีกเลย



          อืม...อานุภาพของวิธีการ ให้กำลังใจ ของเทมก็ไม่ต่างกันนัก

          แรงปะทะจากคำพูดและลมหายใจอุ่นร้อน สัมผัสเพียงเสี้ยววิจากริมฝีปาก

               รุนแรงมากเหมือนกันไม่มีผิด



           วูบนั้น ผมไม่สามารถตั้งสติและมองเห็นอะไรได้เลย มีแต่ความอบอุ่นที่ฝ่ามือ และภาพใบหน้าของชายที่แอบรักอกำลังยิ้มให้ตรงหน้าเท่านั้นที่อยู่ในครรลองสายตา รอบข้างเหมือนถูกทาทับด้วยสีขาว ความรู้สึกเหมือนถูกดึงขึ้นสูงสุด แล้วฉับพลันก็รู้สึกเหมือนกับโดนน้ำร้อนๆสาดไปทั้งตัว โดยเน้นหนักที่ใบหน้า เลือดทั้งร่างวิ่งพล่านไปทั่วกาย ผมไม่รู้ว่าหน้าตัวเองจะแดงได้ขนาดไหน แต่น่ากลัวว่ามันจะต้องแดงจัดเป็นอย่างมาก



          ไม่เคยรู้ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ...

          ว่าหัวใจคนเราจะสามารถเต้นแรงและถี่รัวได้ขนาดนี้ แรงจนผมคิดว่า ผมควรหยิบโทรศัพท์และเรียกรถพยาบาล เพราะมันน่าจะถึงขีดอันตราย

          ความรู้สึกแตกตู้มเหมือนพลุอยู่ในสมองและหัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า เหมือนทุกๆอย่างในร่างกายของผมกู่ร้องเสียงดัง ไม่ไหว ไม่ไหว! เทมร้ายกาจเกินไป



          สัญญาณสีแดง แจ้งเตือนไปทั่ว แล้วก็ตัดฉับ

          ผมรู้สึกตัวเองครึ่งๆกลางอยู่ที่เวที รู้สึกเท้าไม่ติดพื้นพิกล ตัวลอยๆ มาถึงห้องด้วยการจับจูงของเทม ที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังยืนรอผมอยู่ แม้ว่าผมจะบอกให้เต้กับน้ำไม่ต้องรอ พาเทมขึ้นห้องไปก่อนแท้ๆ



          แต่เห็นว่าเทมไม่ยอม...

บอกว่าเป็นห่วง คิดว่าผมไม่สบาย เป็นไข้หนัก เพราะทั้งตัวและหน้าแดงเถือกไปหมด...



          ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ!

ก็เพราะเขา เป็นเพราะเขา! ก็เพราะนายนั้นแหละ เทมปุระ เจ้าเด็กซื่อบื้อ!

          ไม่ใช่เชื้อไวรัสตัวไหนที่ทำให้ผมไม่สบาย แต่เป็นการกระทำจู่โจมแบบกระทันหันของเขาต่างหาก!

ที่ทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ อยากจะโกรธ อยากจะโวยวายใส่ อยากคุกเข่าลงขอร้อง อ้อนวอนว่าอย่าทำแบบนี้ใส่กันได้ไหมครับเทมปุระ คนดี เชื่อฟังกันหน่อย



          เพราะมันทำให้หมูยิ่งคิดไปไกล....และห้ามตัวเองลำบาก



          บอกผมทีสิ ว่าผมควรทำยังไง กับความรู้สึกที่อยากครอบครองเขาแทบขาดใจ แต่ทำอะไรไม่ได้

ในตอนนี้สถานะของผมและเทมยังเป็นแค่เพื่อนกันอยู่ ถึงในอนาคต แน่นอนผมว่าจะลบเส้นมิตรภาพนี้ออก และแต่งแต้มสีความรักลงไป เขาจะถูกผมพันธนาการไว้ด้วยความรักอันมากมาย



          แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นแค่เพื่อนนะครับ



          ได้แต่เข่นเขี้ยวไว้ข้างใน ฝากไว้ก่อน ฝากไว้ก่อนนะครับเทมปุระ

หมูต้องเอาคืนแน่ๆ หัวใจเต้นแรงแทบคลั่งแบบนี้ สักวันเทมจะต้องได้รู้สึกเหมือนหมูแน่นอน



          ผมก่นบ่นกับตัวเองในใจ สู้รบตบมือกับความรู้สึกตู้มต้ามในอก ขนาดขึ้นมานั่งในห้องสักพักแล้ว ก็ยังไม่ดีขึ้นสักนิด เจ้าหัวใจนี่ก็ไม่รู้จะขยันขนาดนี้ไปเพื่ออะไร ผมไม่มีค่าโอทีให้หรอกนะ



           ใจเย็นสิ ใจเย็นๆ!

ผมบอกตัวเองเป็นรอบที่ล้านได้แล้วมั้ง



          ที่เย็นลงไม่ได้สักที มันเพราะอะไรกันนะ

เพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้น หรือเป็นความอุ่นร้อนที่ยังตราตึงอยู่ที่ฝ่ามือกันแน่

          หรืออาจจะเป็นเพราะฝ่ามือใหญ่ที่แนบชิดอยู่ตอนนี้หรือเปล่า ตั้งแต่จับจูงขึ้นมา เทมก็ยังไม่ยอมปล่อยมือผมให้เป็นอิสระเลยสักนาที มือใหญ่นั้นสามารถจับมือผมได้จนมิด ความร้อนที่เชื่อมต่อกัน ทำเอาพาลคิดไปถึงความร้อนฉ่าจากริมฝีปากนุ่มนิ่มที่ทาบทับลงมาเมื่อเช้า...



          แล้วก็ ตู้ม อีกครั้ง...



          ความตั้งใจที่พยายามเย็นลงก็เข้าสู่วัฏจักรวนลูป เย็นได้เพียงนิด แรงบีบกระชับที่มือก็กระตุ้นให้เอาแต่คิดถึงเหตุการณที่เพิ่งเกิดขึ้น แล้วก็ ตู้ม! วนไปไม่รู้จักจบสิ้น



          “หมูหย็องครับ หมูหย็อง...ไปหาคุณพี่หมอกันเถอะนะครับ”

น้ำเสียงร้อนรนห่วงใย ที่เหมือนคนเอื้อนเอ่ยกำลังจะขาดใจ ถูกกระซิบเบาๆที่ข้างใบหู



          แล้วมันก็ ตู้มมมมมมมม!! อีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้ง

          ครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยแรงผลักดันจากลมหายใจ ที่ไล้อยู่บนใบหูใจง่ายที่ไวต่อสัมผัสของเขาเหลือเกิน น้ำเสียงอ่อนโยนเป็นห่วงเป็นใยกับการกระซิบชิดใกล้ในตอนนี้  ไม่ได้ทำให้ผมดีขึ้นหรอกนะครับเทม ไม่เลยสักนิดเดียว!



          กลับกันยิ่งทำให้ผมแย่ลง

          ใจเจ้ากรรมจะวายแล้วเอย...

     ผมสามารถเบิกตัวช่วยได้จากที่ไหนครับ     



          ไม่ไหว สู้ไม่ไหวเลย รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนมาก อาจารย์ที่ตอนนี้กำลังพูดต้อนรับเปิดเทอมข้างหน้าห้อง ต้องได้ยินเสียงหัวใจผมเต้นแน่ๆ เล่นเต้นแรงเสียขนาดนี้ ดังเสียขนาดนี้ ผมเม้มปากแน่น รวบรวมความพยายามที่แตกซ่านมากองรวมกันอีกครั้ง



          ต้องบอกเทม บอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ตอนนี้เด็กน้อยต้องปล่อยมือผมก่อน ให้ผมได้มีเวลาตั้งสติ แต่ปราสาททรายที่เรียกว่าสติ ยังคงโดนคลื่นซัดจากทะเลระลอกแล้วระลอกเล่า



          ขยับได้แต่ปาก แต่เสียงไม่ออกมาครับ

          เป็นเอามากจริงๆ

          ...ผมยอมรับ...



          แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ระหว่างผมกับเทมปุระแม้จะเสพติดการสัมผัสซึ่งกันและกัน

          แต่บริเวณนั้น ...บริเวณริมฝีปากน่ะ

มันก็ต้องห้ามไม่ใช่หรือ บริเวณต้องห้าม เขตหวงข้ามที่ไม่ใช่คนเป็นเพื่อนกันจะสัมผัสแตะต้องได้

แม้ว่าผมเคยจะล่วงละเมิดเล็กน้อย แต่ก็แค่สัมผัสด้วยปลายนิ้ว และผมเคยทำแค่แอบสัมผัสตอนช่วงเขาหลับ



          ไม่ใช่จู่ๆก็มาจู่โจมกันแบบนี้ แบบที่เขารู้สึกตัวและทำไปด้วยตัวเองแบบนี้ ความรู้สึกช่างต่างกันลิบลับ ตอนผมแอบทำในความมืดเป็นความรู้สึกลึกซึ้งและหัวใจเต้นอย่างนุ่มนวลแต่ก้องกังวาน

ไม่ใช่เต้นบ้าบอจนจะทะลุออกปาก ผมแทบจะต้องเอามือมาปิดปากตัวเอง ด้วยกลัวเจ้าก้อนในอกจะทะลักออก



          “หึหึ เทมเอ้ย ถ้าอยากช่วยให้ไอ้หมูมันหายป่วย ก็แค่ปล่อยมือ แล้วก็นับหนึ่งถึงร้อย มันก็หายแล้ว เชื่อกูดิ”

          “กูว่าไม่น่าจะพอนะมึง วันนี้คุณเขาโดนหนักว่ะ สักสองชั่วโมงคงพอเรียกสติกลับมาได้สักครึ่ง ตอนนี้ให้มันเลิกนั่งตัวแดงหน้าแดงได้ก็เก่งแล้ว น่ากลัวชิบหาย ช็อกจนระบบสมองพังไปแล้วหรือเปล่าวะเพื่อนกู”



          เหมือนเสียงระฆังช่วยชีวิตดังขึ้น

          ทุกครั้งผมจะเกลียดการถูกขัดจังหวะในบรรยากาศดีๆที่มี แต่ครั้งนี้ ผมแทบจะลงไปคุกเข่าขอบคุณฟ้าดินที่ดลใจให้ไอ้สองแสบจิกกัดผมได้ถูกเวลา ผมพยายามเบี่ยงเบนความสนใจและความนึกคิดทุกอย่างของตัวเอง ไปที่การตอบโต้ของสองเพื่อนช่างแซะ



          “จริงๆเหรอครับเต้ จริงๆนะ ถ้านับหนึ่งถึงร้อยแล้วหมูหย็อง หมูหย็องยังไม่หาย เทมจะโทรบอกคุณปะป๊าแล้วนะครับ แล้วตอนนับต้องหลับตา เหมือนตอนเล่นซ่อนแอบหรือเปล่าครับ”

          เด็กน้อยปากพูดตอบโต้กับเต้ก็จริง แต่ผมยังรู้สึกได้ถึงสายตาของเจ้าตัวที่ยังคงเอาแต่มองผมอย่างเป็นห่วง สายตาที่ลูบโลมมองเหมือนอยากช่วยปลอบประโลมผม ที่เป็นไข้ใจนั่งตัวแข็งทือ กลับยิ่งทำให้ร้อนผะผ่าว



          ช่วยด้วยครับ บอกเทมทีว่าขอสักสามร้อยวิ ไม่สิ! สักพันวิไปเลย หลับตาด้วย ใช้เปลือกตาสีไข่มุกนั่นบดบังอัญมณีสีน้ำตาลมองกันแสนหวานเสีย ผมจะทนไม่ไหว หัวใจแทบจะทะลุออกจากปาก มาเต้นซุมบ้ากลางห้องเรียนอยู่แล้ว!



          “ฮ่าๆ เออ หลับตาด้วยก็ดี หายแน่นอน เชื่อกูดิ มันก็หน้าแดงบ่อยๆไม่ใช่หรือไงล่ะ น่า ปล่อยมือแล้วหลับตาไปซะ”

          “ต-ต-ต-แต่ว่า แต่ว่า หมูหย็อง หมูหย็องปกติแดงแล้วไม่เงียบแบบนี้นี่น่า กังวลจนตรงหน้าอกมันเจ็บๆไปหมด ล-แล้วครับ”

          “จะบอกว่าเป็นห่วงจนปวดใจสินะ...ชิบหาย ขนาดกูไม่ใช่ไอ้หมู ยังหัวใจแอบเต้นแรงไปสองจังหวะเลยว่ะ”

          “เหี้ย! มึงก็อย่าไปเดเมจมันเพิ่มสิวะไอ้เทมเอ้ยยย ไอ้หมูมันเลยจะตายเอา ให้เวลามันหายใจหายคอบ้างพ่อคุณ ฮ่าๆๆๆๆ”



          ใช่ จะตายอยู่แล้ว ปรานีกันด้วยนะครับเทม หมูขอร้องล่ะนะคนดี



          “เต้กับน้ำพูดงงๆจังเลยครับ ง-ง งั้นๆๆๆ เทมรีบหลับตาล่ะนะ หมูจะได้หายไวๆ หายเพี้ยงๆนะครับหมูหย็อง” เทมบีบกระชับมือผมแน่นๆอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยมือออกอย่างอ้อยอิ่ง

          เสียงเจ้าตัวเงียบไป หลังพยายามคุยกับผมอยู่สักพักใหญ่ แต่ผมมัวแต่สติแตกจนไม่สามารถพูดเป็นคำได้ จึงไม่ได้ตอบอะไรกับคนข้างกายไปสักคำเดียว



          ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ พอไม่มีตัวการหลักในตัวเร่งปฎิกิริยา ผมว่าผมโอเคขึ้นแล้วครับ คำแซวของไอ้สองแสบ และตีนที่สะกิดยิกๆเป็นเชิงล้อเลียนนี่สกัดจุดเขินอายได้ชะงัก ตอนนี้จากเขินอายจนนิ่งค้าง กลายเป็นอยากชกคนให้นิ่งสลบแทนแล้วครับ



          ผมหันไปจ้องหน้าเทมที่หลับตาปี๋ คิ้วขมวดแน่น พลางขมุบขมิบปากนับเลขหนึ่งถึงร้อย เห็นแว่บๆว่าเจ้าตัวนับข้ามไปจาก 67 ไป 72 เฉยเลย ผมหลุดขำออกมา นั่งมองคนที่หลับตาปี๋อย่างเอ็นดู หัวใจเริ่มกลับมาสงบลงนิดหน่อย มองสำรวจใบหน้าน่ารัก ยังเป็นแค่เด็กน้อยไร้เดียงสาที่นับเลขยังผิดแท้ๆ มาทำให้หัวใจผมทำงานหนักแบบนี้ได้ สุดยอดไปเลยนะครับเทม



          ผมยื่นนิ้วมือไปสะกิดเทม เจ้าตัวก็ยังไม่ลืมตา จนผมต้องสะกิดซ้ำอีกที ก็ยังไม่ยอมลืมตา

          “เต้อ่า น้ำอ่า ย-ย-อย่าเพิ่งสะกิดเทมสิครับ เทม เทม เทมเพิ่งนับได้ถึง อะ อะ อะ แย่แล้ว แย่แล้ว...ลืมว่านับไปถึงเท่าไหร่ เอ่อ แปดสิบสามแล้วเนอะ แปดสิบสาม แปดสิบสี่ แปดสิบห้า..."



          ผมยิ้มมุมปาก หัวเราะในลำคอ แปดสิบสามที่ไหนกันล่ะครับเทม...

เจ้าเด็กน่ารัก เมื่อตะกี้เพิ่งถึงเจ็ดสิบเก้าเอง ไปแปดสิบสามได้ยังไงกันนะ พอกังวลแล้วก็รนไปหมดเลยนะครับเทมปุระ อาการติดอ่างก็เริ่มกำเริบแล้วด้วย ผมต้องรีบดึงเจ้าตัวกลับมาแล้วล่ะครับ

          “หึหึ ไม่ใช่กูกับไอ้เต้สักหน่อย ลืมตาดูดิ ว่าใครสะกิด”

          “ต-แต่ว่า...เต้บอกว่า...”

เทมดูลังเล ขนตาสีอ่อนที่เรียงตัวสวยขยับยุกยิกไปมา เมื่อเจ้าของตัดสินใจไม่ได้ว่าจะลืมตาดีหรือไม่

          “หมูไม่เป็นอะไรแล้วครับเทม แค่ตื่นเต้นนิดหน่อยอย่างที่บอกไงครับ”



พรวด



          “หมูหย็อง!!!”



          ผมกับไอ้เต้ไอ้น้ำสะดุ้งเลยครับ จู่ๆเทมก็ลุกพรวดขึ้นยืน คนในห้องที่กำลังฟังอาจารย์บอกแนวทางของการเรียนเทอมนี้ ก็หันมามองพวกผมที่อยู่ท้ายสุดของห้องกันเป็นตาเดียว เทมเหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอตะโกนออกไป จึงหัวเราแฮะๆอย่างน่ารัก แล้วหันไปยกมือไหว้ขอโทษอาจารย์และเพื่อนๆที่ก่อกวนในชั้นเรียน แล้วค่อยๆนั่งลง ก้มหน้างุดๆ พึมพำเสียงแผ่ว



          “กะ-ก้อ ก็เทมดีใจ ดีใจ ดีใจที่หมูหย็องพูดด้วยแล้วนี่ครับ”



          ก็เป็นซะแบบนี้ เป็นนางฟ้าไร้ปีกแบบนี้ไงครับ เป็นความน่ารักที่ไม่ใช่ที่หนึ่ง เพราะไม่มีอะไรน่ารักพอจะเอามาเทียบกับเขาได้แบบนี้ เป็นความน่ารักที่สุดของที่สุด จะไม่ให้ผมเป็นเอามากกับทุกการกระทำของเขาได้อย่างไงกันนะ

         

          “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับเทม หมูตื่นเต้นไปหน่อย เป็นห่วงหมูแย่เลย”

          “ค-ค-ค-แค่หมูหย็องไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ เทม เทมตกใจหมดเลยครับ" เทมปุระพยายามคิดหาคำอธิบายให้พวกผมเข้าใจ แต่เหมือนคิดไม่ออกว่าจะพูดอย่างไร เขาเอียงคออย่างน่ารัก

          "ปก-ปกกาติหมูหย็องจะตัวแดงๆเฉยๆ แต่รอบนี้ตัวแดงแล้วก็ดู ดู..? เทมไม่รู้เรียกว่าอะไร เขาเรียกว่าอะไรเหรอครับน้ำ หมูหย็องแบบเมื่อเช้าน่ะ”

          “เรียกว่าบ้าหรือเปล่าวะเทม กร๊ากกก”

               ไอ้น้ำไม่ปล่อยโอกาสจิกผมไป ได้โอกาสจากเทมก็สอดขึ้นทันที ผมหันไปส่งสายตาเย็นชาใส่มัน

          “เทมครับ ปกตินะครับ ไม่ใช่ปกกาติ" เอ่ยเสียงอ่อนโยนบอกเทมปุระ เขาพยายามบังคับริมฝีปากและออกเสียงให้ถูกต้องตามที่ผมบอกอีกครั้ง

          "ปกติครับ" ผมพยักหน้าให้เขาเป็นเชิงชมเชยว่าเก่งมาก เด็กน้อยยิ้มกว้างอย่างดีใจ ผมเสพรอยยิ้มของเทมด้วยความอบอุ่นในหัวใจ ก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้น้ำด้วยสีหน้าราบเรียบ

          "นั่นมันอาการทางจิตของคุณไม่ใช่หรือครับ คุณตรัณ อยากถูกแรงปะทะให้ตัวสั้นเหลือแค่เสาหลักกิโลหรือไง”

          “อูย พ่อคัมแบ็คแล้วว่ะมึง พ่อกลับมาแล้วอย่างนี้ น้ำก็ต้องขอส่งไม้ต่อล่ะครับ รับไม้ผมไปครับคุณฐานทัพพพ”

          น้ำทำท่าโยนไม้ต่อให้แฝดคนละฝาของตัวเอง

          “หึๆ เขาเรียกเขินจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวน่ะเทม โดนมึงจูบไปทีก็ไปไม่เป็นแบบนี้แหละ”

          “อ๋อๆๆๆๆ” เทมพยักหน้ารับหงึกหงัก เหมือนจะเข้าใจแต่ก็คงไม่เข้าใจเท่าไหร่อยู่ดีนั้นแหละครับ ทำหน้างงๆ ปนมึนๆแบบนั้น



          ผมเคลื่อนสายตารำคาญจากไอ้น้ำ เป็นเย็นชาและกดดันใส่ไอ้คนที่เพิ่งพูดอะไรไม่เข้าท่าให้เทมฟัง

          “อย่ามาสอนอะไรแปลกๆให้เทมนะสัตว์เต้”

          ผมขยับปากพูดแบบไร้เสียงให้ไอ้เต้ที่ทำหน้าเหนือกว่าใส่ผมเห็นกันสองคน ท่าทางยักไหล่ไม่ยี่หระของมัน ทำเอาผมอยากจะเสยคางให้มันกลิ้งลงไปกับพื้น แต่เด็กน้อยที่นั่งข้างกันก็เป็นก้อนน้ำแข็งชั้นดีที่คอยลูบผมให้ใจเย็น ไอ้เต้ก็รู้ ต่อหน้าเทมผมจะไม่ทำตัวเกเร เพราะอยากเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็กชายของผม และเพราะมันรู้...มันแลบลิ้นใส่ผมอีกครั้ง ผมถลึงตาใส่ไอ้เต้ที่กวนไม่เลิก



          “อ้าวๆ หยาบคายนะครับคุณหมูหย็อง พูดจงพูดจา สัตว์เสิดอะไรกัน ต่อหน้าเด็ก คุณทำแบบนี้ไม่ถูกต้องนะครับ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะครับคุณดิมิทรี”

          “ก๊ากกก กูขำ! เชี้ยหมูแม่งหัวร้อนมากอ่ะ หลุดคำหยาบขนาดนี้ ยังควบคุมตัวเองไม่อยู่ กูว่าสติคงยังกลับมาไม่เต็มร้อยว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ ”

          “หัวหมูเป็นเตาแก๊สเหรอครับ ร้อนได้ด้วยเหรอ ร้อนๆ ร้อนแบบฟู่ๆเลยเหรอครับ เอาเตามาปิ้งหมูกระทะบนหัวหมูหย็องกันได้ไหมครับ”



          เทมที่ไม่รู้เรื่องราว หันมาลูบหัวผมเบาๆแล้วเบิกตางงงวย เหมือนกับต้องการพิสูจน์ว่าหัวผมร้อนจริงหรือไม่

          ถ้าไม่ใช่เทมนางฟ้าตัวน้อยๆของผมทำ เป็นคนอื่นแล้วทำแบบนี้

          ...ผมต้องคิดว่าอีกฝ่ายกำลังหาเรื่องฆ่าตัวตาย และผมจะไม่ลังเลเลยที่จะช่วยตอบสนอง โดยเป็นคนดับชีพมันให้... แต่พอเป็นเทมปุระ มือที่ลูบอยู่ก็อุ่นดี ผมจึงไม่ว่าอะไร นั่งยิ้มและปล่อยให้เทมลูบอยู่แบบนั้นต่อไปโดยไม่ทักท้วง



          “ก๊ากกกกกกกกกกกก มุกนี้กูซื้อ! เท่าไหร่ว่ามา ก๊ากกก ไอ้เต้ มึงไปหยิบกระทะจากป้าแจ่มมาเลยนะ เที่ยงนี้กูจะกินหมูกระทะจากไฟอันแน่นทรวงของไอ้หมู แม่งคงอร่อยพิลึก ฮ่าๆๆๆ”









          พวกผมที่กำลังสุมหัวกัดกันได้ที่ ก็ต้องพับโครงการและฝากความแค้นครั้งนี้เอาไว้ลง เสียงอาจารย์เรียกไล่ระดับเลขที่จากน้อยไปมากที่หน้าห้อง เป็นเสียงระฆังขัดจังหวะชั้นดี



          “เลขที่ต่อไป มาจับฉลากได้เลยจ้ะ”



         เสียงอาจารย์พะนอรัตน์ร้องบอก จากนั้นคนที่ส่วนสูงน้อยที่สุดในกลุ่มของผมก็ทำท่าสะบัดเสื้อเท่ๆ เดินออกไปหน้าห้อง ไม่วายทำมาขยิบตาใส่พวกผมอีก ผมอยากจะป้องปากแล้วตะโกนบอกมันว่า น่ารังเกียจ! มากเลยครับ แต่เกรงใจอาจารย์ ผมมองมันเหมือนเป็นแค่ธาตุอากาศไม่มีตัวตน ส่วนคู่แฝดเพื่อนซี้ของไอ้น้ำอย่างไอ้เต้ ก็แอบชูนิ้วกลางให้อย่างเนียนๆ...



          “หวังนั่งตรงไหนจ๊ะตรัณ เทอมนี้”

          “แฮ่ ขอไกลๆจากกระดานก็ดีครับ พอดีว่าผมสายตาไกล๊ไกลไก๋ไก่ไก๊”

พูดอย่างเดียวไม่พอ มันยังทำท่าเต้นไก๊ไก๋ไก่ของมันประกอบด้วยครับ เรียกเสียงฮาครืนจากทั้งห้อง

และเรียกสายตาเหม็นเบื่อจากผมกับไอ้เต้อย่างพร้อมเพียงกัน



          “แหม จะได้ไกลสายตาอาจารย์ล่ะสิไม่ว่า เอ้า จับเลยจ้ะ ดูสิว่าจะได้นั่งไหน...หืม ดีใจด้วยนะจ๊ะ!”



          ไอ้น้ำสายตาพราวระยับเลยครับ คิดว่าคงจับได้ที่หลังสุดของห้องเหมือนเดิม ตามที่มันปรารถนาเอาไว้ มันหันมายักคิ้วให้พวกผม ทำนองว่า เป็นไงล่ะคนมันเก่ง คนมันดวงดี จับได้ที่นั่งดีๆติดกันสามปี



          “ได้นั่งชิดติดโต๊ะอาจารย์สุดาเลย เอ้า ไปนั่งเลยจ้ะพ่อหนุ่มสายตาไกล”



          ไอ้น้ำเกิดภาวะช็อกค้าง พลางค่อยๆหันหน้าไปที่หน้าห้องอีกด้านหนึ่ง ที่มีโต๊ะของอาจารย์สุดาผู้หน้าดุ แต่นิสัยดุยิ่งกว่าวางอยู่ ห่างไปเพียงเอื้อมมือถึง ก็เป็นหลุมศพที่ไอ้น้ำต้องเข้าไปอยู่ครับ

           เทอมที่แล้วเพชรจ้าได้นั่งที่ตรงนั้น มันแทบจะสติแตกไปเลย เมื่อต้องหันมาสบตาอาจารย์สุดาทุกครั้งที่เงยหน้ามองกระดาน จะขยับตัวหรือเปลี่ยนหน้าหนังสือยังลำบากใจ กลัวองศาที่ขยับจะดูไม่เรียบร้อย ไม่ถูกใจเจ๊ระเบียบแห่งสิงหสารสารทวิทยา

          เห็นว่าเทอมนี้ มันแทบจะไปบนบานทุกศาลที่ว่าศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ได้นั่งห่างไกลจากเจ๊สุดามากที่สุด ซื้อแผงไข่นับสิบมาบน ไม่พอยังไปขอจากโรงอาหาร จนป้าแม่ครัวแทบจะไม่มีไข่ใช้ ต้องออกไปซื้อไข่จากข้างนอกเข้ามาเพิ่มเลยครับ



          แต่สำหรับอาจารย์ที่ได้ขึ้นชื่อว่าดุจัด และระเบียบจัด ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเพชรจ้าและไอ้น้ำถึงกลัวและเกร็งขนาดนั้น กับความโหดและดุของท่าน เพราะอาจารย์สุดานี่สอนวิชาสังคมมารยาทครับ เนื่องด้วยโรงเรียนของผมค่อนข้างจะเป็นโรงเรียนที่เหล่าลูกคุณหนูมาเรียนเยอะมาก วิชานี้จึงถือกำเนิดขึ้นมา และภาพลักษณ์อาจารย์ที่จะมาสอนมารยาทให้เหล่าลูกลิงทโมนแสนซน และดื้อด้าน แน่นอนว่าต้องไม่ใช่อาจารย์ที่ดูใจดีแน่ล่ะครับ

          แน่นอนว่าต้องตรงกันข้ามกับคำว่าใจดีแบบสุดๆ...



          ผมมองหน้าเพื่อนสนิทของตัวเองที่ซีดลง แล้วยิ้มมุมปาก

R.I.P. นะครับน้ำ บาปกรรมที่ก่อเอาไว้กับผม ถือว่าผมอโหสิกรรมให้แล้วกัน

          ไหนๆก็จะตกนรกไปทั้งเทอมอยู่แล้ว...



          เคยเห็นผ้าขี้ริ้วซีดๆไหมครับ หน้าไอ้น้ำตอนนี้เป็นอย่างนั้นเลยครับ แทบจะแยกไม่ออกว่าอันไหนผ้าขี้ริ้วหรืออันไหนหน้ามัน จืดเจี๋ยนตรงกันข้ามกับท่าทางร่าเริงระริกระรี้ ตอนออกไปทีแรกมาก ผมที่เห็นเพื่อนได้ดิบได้ดี ก็อดจะยิ้มกว้างขึ้นอีกนิดไม่ได้

          หลังจากไอ้น้ำหน้าหงอยเดินมาบอกลาพวกผมเหมือนลาไปตาย เลขที่ถัดๆไปก็ถูกเรียก จนมาถึงไอ้เต้ ผู้เห็นเพื่อนเกลอได้ที่นั่งดีๆ ก็หัวเราะลั่นอย่างไม่เกรงใจใคร หัวเราะจนน้ำตาเล็ด ขำจนไอ้น้ำแทบวิ่งมาบีบคอเพื่อนรักให้หักแล้วกระทืบซ้ำ



         
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2018 09:45:32 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter
เต้เดินออกไปด้วยท่าทางสบายๆ คงคิดว่ายังไงที่นั่งที่อันตรายที่สุดก็ถูกน้ำจับไปแล้ว นั่งตรงไหนก็ดีกว่าทั้งนั้น



          “ฐานทัพจับได้ตรงที่นั่งตรงหน้าอาจารย์สมศรีนะจ๊ะ”



          ห้องเรียนของที่สิงหสารสารทวิทยา จะประกอบไปด้วยอาจารย์ผู้ดูแลประจำห้องสามคนครับ

โดยจะนั่งร่วมเรียนกับนักเรียนตลอด เพื่อช่วยอาจารย์หลักประจำวิชา ช่วยเดินเข้ามาสอนให้เข้าใจกันอย่างทั่วถึงระหว่างเรียน ในส่วนของโต๊ะอาจารย์ประจำห้อง หรือที่เรียกว่าอาจารย์ประจำชั้น คือทั้งสองมุมของหน้ากระดาน และด้านหลังห้องครับ



          ที่ต้องมีอาจารย์ดูแลเยอะขนาดนี้ ก็เป็นเพราะว่านักเรียนแต่ละห้อง มีประมาณสี่สิบคนขึ้นไป จำนวนถือว่าเยอะเอาเรื่อง ไม่ว่าจะความยับยั้งชั่งใจในการพูดคุย หรือการไม่ตั้งใจเรียนในห้องนั้นก็หักห้ามยาก เพราะอยู่ร่วมกับเด็กในวัยเดียวกัน เป็นธรรมดาที่มักจะเกิดความวุ่นวาย เกินความสามารถของผู้ใหญ่คนเดียวเสมอๆ  อาจารย์แค่คนเดียว คงไม่สามารถดูแลได้ทั้งหมด



           จึงออกนโยบาย อาจารย์สามคนต่อหนึ่งห้อง เพื่อที่จะได้ช่วยสอนอย่างทั่วถึง หรือเรียกอีกอย่าง ก็จะได้มาช่วยกันควบคุมความประพฤติกันง่ายๆ และทั่วถึงนั่นล่ะครับ



          จริงๆคือผู้อำนวยการเห็นว่า ไหนๆก็เก็บเงินค่าเทอมสูงลิบลิ่วแล้ว ก็ทำให้ดูแตกต่างไปเลยดีกว่า ด้วยการแสดงความใส่ใจลูกหลานของท่านด้วยการจ้างผู้คุมช่วยเข้ามาดูแลถึงห้องละสามคน ให้ความมั่นใจว่าจะไม่วอกแวกระหว่างเรียนแน่นอน ผลการเรียนที่ถูกเข้มงวดตอนเรียน แน่นอนว่าให้ผลลัพท์ที่ดีมาก



          ค่าเฉลี่ยเด็กเรียนดี กีฬาเด่นของโรงเรียนผม ติดหนึ่งในสามของประเทศ



          เบื้องหลังโรงเรียนหัวกะทิ ไม่ใช่ฉายาที่ซื้อผงซักฟอกแล้วแถมมานะครับ เรียกว่ากดดันในระบบรอบทิศทางเลยจริงๆ แต่เอาเข้าจริง แบบนี้มันก็ดีนะผมว่า เพราะช่วงเวลาพักทุกคาบ สิบนาที จะเล่นซนโหวกเหวกแค่ไหนก็ได้ อาจารย์ไม่ว่าเลยครับ แต่เวลาเรียน ต้องตั้งใจเท่านั้นเอง



          แต่ดูท่าจะมีคนที่ไม่ได้คิดว่ามีอาจารย์เยอะแบบนี้แล้วดีแบบผมอยู่หลายคน เช่นน้ำและเต้เป็นต้น

          เต้ที่ทำหน้าเหมือนโลกอันสวยสดงดงามถล่มลงมาตรงหน้า ก่อนจะหันไปมองไอ้น้ำที่ยิ้มระรื่นเหมือนได้ผู้ร่วมชะตากรรม แต่สักพักไอ้เต้ก็กลับมาทำท่าเหนือกว่าใส่ไอ้แฝดคนละฝาของตัวอีกครั้งครับ ถ้าผมเดาจากความคิดของมันก็คงจะเป็นทำนอง

          'ได้นั่งใกล้อาจารย์แล้วไงวะ อาจารย์สมศรีใจดีจะตายห่า เป็นคุณป้าขี้เล่น ไม่ใช่อาเจ้ที่ตั้งท่าจะงับหัวมึงแดกตลอดเวลาเหมือนเจ๊สุดาโว้ยยยยยยยย'

          ประมาณนี้แน่ๆครับ



          “แต่เทอมนี้อาจารย์สมศรีย้ายไปฝ่ายประถมนะจ๊ะ และเนื่องจากยังหาอาจารย์คนใหม่ไม่ได้ โค้ชบำรุงจะมาทำหน้าที่ในเทอมนี้แทนอาจารย์สมศรีไปก่อน หรือจนกว่าจะหาอาจารย์คนใหม่ได้ แต่แหม เธอนี่โชคดีจริงๆเลยนะฐานทัพ เป็นโค้ชที่ช่วยดูแลทีมบาสอยู่พอดี คงจะสนิทกันดีสินะ”



          นายฐานทัพที่อาจารย์บอกว่าโชคดี อ้าปากเหวอ กว้างระดับที่ผมว่ารถบรรทุกเข้าไปกลับรถยังได้เลยครับ มันปากสั่นถามอาจารย์พะนอรัตน์ เหมือนถามหาเชือกฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย

          “ม-ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมครับจารย์ บอกผมที ว่าจารย์ล้อผมเล่น”

          “เรื่องจริงจ้ะ ดีใจจนปากคอสั่นเชียวนะ เอ้า ไปนั่งที่ได้แล้ว เดี๋ยวโค้ชบำรุงจะเริ่มเข้ามาคาบบ่ายนะ”



          ผมได้เสียเพื่อนไปอีกหนึ่งคนแล้วครับ ไอ้เต้เดินโซเซเหมือนลูกตุ้มแกว่งไกวไปนั่งประจำที่

ท่าทางที่คล้ายวิญญาณออกจากร่าง อย่างน้อยๆก่อนมันตาย ผมกับมันก็เคยเป็นเพื่อนกัน ผมทำมือเป็นท่าไม้กางเขนสวดส่งให้มันเป็นครั้งสุดท้าย สู่สุคตินะครับ



          ต้องขอบอกที่มาที่ไปของโค้ชบำรุงที่ทำให้ไอ้เต้ตกนรกเหมือนไอ้น้ำนะครับ โค้ชบำรุงเรียกได้ว่าเป็นคู่รักคู่แค้นไอ้เต้เลยครับ ไม้เบื่อไม้เมากันสุดๆ เนื่องจากว่ามันอยู่ทีมบาสตัวจริงของโรงเรียน แล้วโค้ชบำรุงก็เป็นที่ปรึกษาของทีมครับ นานๆทีถึงจะเข้าไปช่วยฟอร์มทีมที แต่ไม่รู้ทำไม เหมือนแกถูกใจ ถูกชะตาไอ้เต้มันมากครับ



              น่าจะเพราะเต้มันเก่งบาสสุดๆ ต้องยอมรับเลยว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่ง นานๆหลายร้อยปีถึงจะมีโดนเตะมาเกิดสักคน ตั้งแต่ยังเล็กมันก็กวาดรางวัลมาหลากหลาย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำชื่อเสียงให้โรงเรียนเยอะมาก ในวงการกีฬามันดังมากครับ ทำให้โค้ชบำรุงแกพลอยได้ยืดไปด้วย เวลาเจอหน้าไอ้เต้แต่ละครั้ง จะพุ่งเข้าไปโม้ชวนพูดชวนคุยไม่หยุดหย่อน



          ไม่ใช่ชื่นชมไอ้เต้นะครับ แต่เป็นชื่นชมตัวเองให้มันฟัง ที่สำคัญคือแกพูดไม่หยุดจริงๆครับ พูดเป็นต่อยหอย พูดจนลิงหลับ แถมเรื่องที่ยกเอามาคุยนี่ก็เรียกได้ว่าน่ารำคาญสุดๆ



          อย่างเช่น เรื่องราวในอดีตที่แกเคยได้เหรียญทองระดับชาติ (ที่เห็นว่าได้แค่ครั้งเดียว แถมเจ้าตัวเป็นแค่ตัวสำรองที่ได้เล่นในสนาม ได้ลงแค่ครึ่งหลังของเกม ประมาณสิบนาทีสุดท้ายเองด้วยครับ...) ที่โม้มาแล้วสักสามพันรอบได้ ตามที่ไอ้เต้ว่าเอาไว้ ยังไม่พอ ยังชอบสั่งให้ไอ้เต้ไปวิ่งรอบสนามด้วยครับ สนามที่นักเรียนทุกคนในโรงเรียนขยาดกันนั่นล่ะครับ....



          'สมัยโค้ชน่ะนะ ต้องวิ่งทุกวัน วันละเป็นสิบยี่สิบกิโล เด็กสมัยนี้น่ะมันเหลาะแหละ ใช้ไม่ได้ ฐานทัพ เธอดูโค้ชไว้เป็นตัวอย่าง ถ้าจะเล่นบาสให้ประสบความสำเร็จ ไปถึงทีมชาติได้ ต้องเอาฉันเป็นแบบอย่าง เพราะอย่างนั้น ไปวิ่งรอบสนามสักสิบรอบด้วยนะฐานทัพ เอ้า ปฎิบัติ!'



          แบบนี้เป็นต้นครับ เพราะงั้นไอ้เต้จึงหลบหน้าแกตลอด เรียกได้ว่าถ้าแกอยู่โรงยิมสอง ไอ้เต้จะหนีไปโรงยิมห้า แกไปโรงยิมห้า ไอ้เต้หนีไปโรงยิมสอง

          แล้วคิดดูสิครับ กับคนที่พยายามหนีขนาดนั้น กลับต้องมานั่งใกล้กัน ห่างกันเพียงเอื้อมมือ...

แล้วผมไม่อยากจะคิด ทุกคาบทุกชั่วโมงที่เรียนเสร็จ พวกผมจะมีเวลาพักสิบนาที เพื่อเตรียมตัวสำหรับคาบต่อไป ทุกครั้งไอ้สองหน่อแฝดคนละฝา จะใช้เวลาสิบนาทีนั้นมานั่งคุยกัน จิกกัดคนอื่นไปทั่ว



          แต่ช่วงเวลาพักสิบนาทีต่อจากนี้ไป คงไม่เหมือนเดิม...

ช่องว่างที่แคบแค่เพียงลมหายใจขว้างกั้น ระหว่างนายฐานทัพคนโปรดกับโค้ชบำรุง



          อา...แค่คิด ก็บันเทิงเสียแล้วสิครับ

ทั้งเทอมนี้ นั่นคงเป็นสิบนาทีที่ยาวนาน และนรกแตกมากสำหรับไอ้เต้อย่างประมาณหาที่สุดไม่ได้แน่นอน พิมพ์ 99 ไว้อาลัยให้ไอ้เต้มันด้วยนะครับ...



          การจับฉลากที่นั่งยังดำเนินต่อไป ท่ามกลางเสียงโหยหวนของเหล่านักเรียน ที่ได้ที่นั่งไม่ได้ดังใจยังคงระงมอย่างต่อเนื่อง จนอดคิดไม่ได้ ว่านี่เป็นการจับฉลากเลือกที่นั่ง หรือการชุมนุมจับคนผีเข้า มาสาดน้ำมนต์ไล่ผีออกจากร่างกันแน่นะ



          จนมาถึงเลขที่ของเทมปุระ เทมยกมือลูบอกตัวเอง พลางหันมามองหน้าผม เหมือนขอกำลังใจ ผมยิ้มให้กำลังใจเขา มองสบดวงตาสีน้ำตาลที่กำลังสั่นไหว เขาเลขที่ก่อนผมครับ แน่นอนว่าชะตาที่นั่งของผมก็อยู่ในกำมือของเขา เพราะผมจะตามไปนั่งเคียงข้างกัน และเด็กน้อยก็กังวลทุกครั้ง เพราะกลัวผมจะไม่ได้นั่งที่ผมอยากนั่ง



          “ไม่ว่าตรงไหนก็ได้ครับ ไม่ต้องกังวลนะครับเทม หมูนั่งตรงไหนก็ได้”



               ใช่ครับ นั่งตรงไหน ตรงไหนก็ได้ที่มีเทมนั่งอยู่ด้วยก็พอ

               ผมชอบหมดเลยครับ ที่ที่มีเขาอยู่ข้างกายน่ะ



          เทมพอได้รับรอยยิ้มให้กำลังใจจากผม ก็ตั้งท่าฮึดสู้ มือที่กำไว้แน่นเหมือนจะไปรบกับข้าศึก หน้าตาเคร่งเครียดก็เหมือนเตรียมตัวขึ้นศาล เพื่อให้ศาลตัดสินความผิดอย่างไรอย่างนั้น ท่าทางแสนจริงจังของเด็กน้อยดูแสนขึงขัง ทั้งๆที่แค่ไปจับฉลากเลือกที่นั่งเท่านั้นเองแท้ๆ

          และท่าทางตื่นเต้นแต่ก็ยังฮึดสู้ สูดลมหายใจลึกจนจมูกบานนั่น ก็ทำเอาผมอดขำไม่ได้



          “ฟ้าประทานอยากนั่งตรงไหนจ๊ะ” เสียงของอาจารย์พะนอรัตน์อ่อนลงหลายส่วน เสียงนุ่มที่ถาม เหมือนกับว่าถ้าเทมบอกว่าอยากนั่งตรงไหน เจ้าตัวก็จะให้ไปนั่งโดยไม่ต้องจับฉลากอย่างไรอย่างนั้นเลยครับ ถ้าจะถามผม สำหรับคนที่อาจารย์พะนอรัตน์ลำเอียงให้มากที่สุด คงจะเป็นคนที่กำลังยิ้มเขินอาย ตอบด้วยเสียงเบาหวิวเสียมากกว่า



          “อยาก...อยากนั่งข้างหน้าต่างครับ”

          “หืม ปีนี้ก็อยากนั่งข้างหน้าต่างอีกหรือจ๊ะเราน่ะ”

          “ค-ครับ...นั่งข้างหน้าต่าง แล้ว...แล้ว...หมูหย็องกับท้องฟ้าสวยมากเลย”



          ผมได้ยินเสียงกรี๊ดจากฝั่งผู้หญิง กอปรกับเสียงกัดผ้าเช็ดหน้าด้วยความอิจฉา และเสียงโห่แซวจากฝั่งผู้ชายดังขึ้นจนลั่นห้อง ผมยิ้มรับสายตาอายๆของเจ้าตัว ที่เหมือนเผลอพูดความลับของตัวเองให้คนอื่นรู้ ถ้าระดับความหวานขนาดนี้ ผมพอรับมือได้ครับ แม้ว่าเจ้าหัวใจอ่อนแอที่แพ้ทางเขาตลอด จะขยับตัวเต้นเร็วขึ้นสองสามจังหวะก็ตาม แต่ยังนับว่าผมยังเอาอยู่  ไม่เขินจนสติหลุด เหมือนเมื่อเช้า...



          เสียงโห่แซวยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เรื่องผมกับเทมคนทั้งโรงเรียนรู้ครับ

          สำหรับอาจารย์คือรู้ในเชิงญาติพี่น้องที่สนิทสนมกันเป็นอย่างมาก และให้มีความอะลุ่มอลวย ไม่ต้องตกใจในความสัมพันธ์น้องติดพี่เป็นพิเศษ ตามที่ผู้อำนวยการฝากฝังไว้



               แต่ฝั่งนักเรียน ก็รู้กันว่า ภายใต้คำว่าญาติพี่น้องปลอมๆ 'เขาเป็นคนของผม'

               

               นักเรียนในห้องนี้ถ้าไม่นับพวกผู้หญิงเจ็ดแปดคน ก็นับว่านิสัยดี สมที่ผมขอเลือกมาอยู่ และโชคดีว่าคนในห้องของผมไม่มีปัญหากับเทม เท่าที่ให้คนสืบนิสัยใจคอดู ก็ไม่มีคนมีปัญหากับชายรักชาย หรือว่าอคติกับเด็กพิเศษ หรือลึกๆในใจอาจจะมี แต่ผมไม่รู้ก็ได้ครับ...เพราะไม่เคยเห็นใครกล้าลุกมาท้าท้ายสักครั้ง เทมที่ตัวติดกับผมตลอด แน่นอนว่าต้องไม่มีใกล้กล้ามาทำอะไร

            หากมีใครกล้าแตะต้องคนของผม

               ชีวิตมันต้องไม่ตายดีอย่างแน่นอน...





          มือใหญ่ยกมือไหว้ขออนุญาต ก่อนจะจับฉลากที่ถูกม้วนอย่างดีในโถขึ้นมา แล้วส่งให้อาจารย์พะนอรัตน์ที่ยิ้มรอรับอยู่ ท่าทางที่อาจารย์ค่อยๆคลี่ม้วนกระดาษออกอ่าน กับเทมปุระที่ลุ้นจนตัวโก่ง ก่อนจะเป็นเด็กน้อยที่ยิ้มกว้าง เมื่อเห็นตัวเลขบนกระดาษสีขาว

          “อุ้ย ตายจริง ดูท่าฟ้าจะประทานให้สมชื่อเลยนะจ๊ะ ไปจ้ะ บอกดิมิทรีขยับไปอีกสองโต๊ะ ก็ที่ของเราแล้วจ้ะ”

          เด็กน้อยของผมอ้าปากเป็นตัวโอสลับยิ้มไม่หยุด นัยน์ตาสีอ่อนหยีลงด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะชูมือร้องเย้ออกมาด้วยความดีใจ รอยยิ้มนั่นทำเอาผมเจ็บจี๊ดขึ้นมากลางหัวใจ คล้ายศรรักปักอกซ้ำแล้วซ้ำเล่านับไม่ถ้วนเลยครับ เหมือนได้ยินคิวปิดที่แผลงศรสะบัดปีกอยู่ไม่ไกล



          ที่นั่งอีกสองแถวถัดไปจากผม เรียกได้ว่ามุมดีที่สุดในห้อง ปกติหน้าต่างที่พวกผมนั่งอยู่จะมีเหล็กดัด เพื่อป้องกันเวลานักเรียนเปิดหน้าต่างแล้วผลัดตกลงไป แต่แถวตรงนั้น ตรงโต๊ะที่นั่งใหม่ของเรา บานหน้าต่างใสแจ๋ว ไม่มีเหล็กดัดหรืออะไรมาบดบังสายตา ทำให้เห็นท้องฟ้าใสสะอาดได้อย่างเต็มที่

          ทีนี้เด็กน้อยของผมคงได้เลิกบ่นงึมงำว่า อย่ามาบังคุณท้องฟ้านะครับ เสียที



          เหมือนได้ยินเสียงสาปแช่งแว่วๆมาจากเพื่อนที่นั่งอยู่คนละมุมของห้อง



               แต่ใครจะสนล่ะครับ



               ในเมื่อเจ้าท้องฟ้าอันสดใสของผม ฉีกยิ้มกว้างเดินเข้ามาหา และนั่งลงข้างๆกันแล้ว

ความสนใจทั้งหมด รวมเป็นจุดเดียวที่คนข้างกาย



 













end 3 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2018 10:04:38 โดย ZOFIARIN »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o13 น่ารักมากค่ะ  :hao3: ตามอ่านค่ะ  :hao7:

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter






▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    4    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇









          "เหอะ พวกชีวิตดี๊" น้ำส่งเสียงหึขึ้นจมูก พลางทำท่าสะบัดสะบิ้งใส่ผม ตั้งแต่ออกจากห้อง ยันลงบันไดมาที่โรงอาหาร ก็ตั้งท่าประชดประชันใส่ผมกับเทมปุระไม่หยุด

          "อะไร ทำไม ทำไม๊ มองแบบนี้ มึงมีปัญหากับพวกกู แก๊งนั่งใกล้ชิดติดอาจารย์หรือครับท่านประธานนักเรียน"

          น้ำทำเสียงหาเรื่องพร้อมตาที่เขม่นมอง มันยังคงบ่นอย่างต่อเนื่อง เทมที่เดินข้างๆผมมองอย่างสนใจ เพราะน้ำช่างสรรหาคำมาประชดประชันได้ไม่ซ้ำกัน แถมทำท่าได้ตลกจนเจ้าตัวขำจนหน้าแดงไปหลายรอบ

          "ต่อให้เป็นนางฟ้าของโรงเรียน กูก็ไม่เว้นหรอกนะ ไอ้ฟ้าประธาน ไอ้ฟ้าลำเอียง ทำไมมึงจับได้ที่ดีๆ ขณะที่กูต้องจ้องตากับแม่มดทั้งชั่วโมงด้วยวะ ฮืออออ เต้ ช่วยกูด้วยย กูจะถูกสายตาคู่นั้นสาปให้กลายเป็นกบแห้งแน่ๆเลย เจ้แกจ้องกระทั่งตอนกูเผลอจาม ขนาดแค่ขนจมูกขยับยังเหมือนเจ้แกจะด่ากูว่ามารยาททรามเลยอ่ะ"

          ผมหน้าตึงใส่คนที่ปากขมุบขมิบไม่หยุด ไอ้น้ำนี่พาลจริงๆเลยครับ แล้วพาลใส่ใครไม่พาล มาพาลใส่เทม ความโกรธของผมพุ่งขึ้นมา อย่ามาพาลใส่เทมปุระของผมนะครับ ผมจะไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่ ผมมองมันด้วยสายตากดดันและบอกเสียงแข็ง

          "อย่าพาลใส่เทม โชคร้ายเองก็ช่วยไม่ได้ เทอมนี้ก็ทำตัวดีๆไปแล้วกัน"

          ผมมองเหยียดใส่เจ้าคนงอแง ที่หันมาส่งสายตาขวางใส่ เมื่อผมไม่เข้าข้าง ก่อนจะรุดหน้าไปคล้องคอเพื่อนเกลอของตัวเอง ที่ตั้งแต่ออกจากห้องมาก็เงียบกริบ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปาก สวนทางกับคู่แสบอีกคนที่ยังคงบ่นไม่หยุด

          "จิ๊ๆ มึงนี่ก็ไม่มีหยวนเลยนะ กูกำลังเสียใจแท้ๆ แล้วไอ้เต้นี่เป็นไรวะ สติหลุด วิญญาณหายออกไปไหน กูต้องเคาะจานข้าวเรียกไหม เอ้า โมะๆๆๆๆ มาเว้ยมา กลับมานะจิต กลับมานะสติ โมะๆๆๆๆ"

          "นั่นมัน นั่นมันวิธีเรียกน้องหมากินข้าวไม่ใช่เหรอครับน้ำ" เทมถามขึ้นมาอย่างสงสัย

          "เออ ใช้วิธีเดียวกันเนี่ยแหละ สปีชี่ย์เดียวกัน ไม่ต้องแบ่งแยกวิธีเรียกหรอก แอร้ก"


          เสียงสุดท้ายเป็นเสียงเจ้าคนตัวเล็กของกลุ่มที่โดนโบกโดยคนที่เงียบเป็นเป่าสากครับ เต้หันหลังกลับมาพร้อมฝ่ามืออรหันต์ฟาดลงที่แสกกลางหัวของนายตรัณได้อย่างพอดิบพอดี เหมือนเอาไม้บรรทัดมาวัดองศาเลยทีเดียว
          คนโดนฟาดกลางกบาลแบบไม่ทันตั้งตัวก็เผลอกัดลิ้นตัวเองเข้าไปเต็มๆ เจ็บจนน้ำตาเล็ด ร่างเล็กวิ่งไปหลบหลังเทมที่ยืนตกใจกับความรุนแรงตรงหน้า


          "ไอ้เหี้ยเต้!! สารเลว ไอ้สัตว์! เจ็บนะเว้ย! ฟาดลงมาไม่อ้อมแรงกูไม่ว่า แต่ทำกูกัดลิ้นตอนจะแดกข้าวแบบนี้ไม่ได้! ส้มตำกูจะกินอร่อยไหมวะวันนี้ ฮือออ"


          ไอ้น้ำหลบหลังเทม โผล่แค่หัวและมือออกมา พลางชูนิ้วกลางสัญลักษณ์คำด่าแสนหยาบ ชี้ใส่หน้าคนที่ลงมือเมื่อสักครู่ ส่วนคนลงมือ หน้าที่ปกติจะกวนแสนกวนนั้น กลับกำลังฉายแววหงุดหงิดปนเหนื่อยล้า


          "อย่าพูดมาก มึงยังดีโดนแค่จ้องตา มึงลองมาฟังโค้ชบำรุงโม้ทุกชั่วโมงแบบกูก่อนเถอะ ไหนอาจารย์พะนอรัตน์บอกว่าจะมาบ่ายไงวะ นี่โผล่มาตั้งแต่คาบแรกเลย กูจะบ้าตาย กูต้องตายแน่ๆเลยว่ะเทอมนี้...กูดร็อปแม่งดีไหมวะเนี่ย ย้ายโรงเรียนแม่งเลย"

          เต้พึมพำในลำคอไม่หยุด เท่าที่เห็นคือโค้ชแกชวนเต้คุยไม่หยุดเลยจริงๆครับ ใช้เวลาพักสิบนาที่ได้คุ้มค่ามากๆ ไอ้เต้ที่ทำท่าจะขอตัวมาปรึกษาเรื่องงานกับผมก็ไม่ได้ แกดึงตัวไว้สุดๆ พูดน้ำไหลไฟดับ ระดับไอ้จันทร์ที่นั่งข้างๆไอ้เต้ ยังต้องหลีกหนีมาไกลถึงหลังห้อง เพราะรำคาญเสียงโค้ชแกเลยครับ

          ไอ้น้ำจากที่โกรธ พอเห็นเพื่อนรักเหี่ยวเฉาใกล้จะตายกว่าตัวเองหลายเท่านัก ก็นึกเวทนา เดินออกมาจากเกาะป้องกัน แล้วตบไหล่สูงเป็นเชิงปลอบ


          "อดทนเอาไว้เว้ยมึง แค่ไม่กี่เดือนหรอกมั้ง ถ้าหาอาจารย์คนใหม่ได้เร็ว มาๆ อย่าเครียด เดี๋ยววันนี้ไอ้หมูเลี้ยงข้าว" ผมหันไปมองไอ้น้ำที่พูดจาตุตะเอาเอง กำลังจะแย้งขึ้น แต่เด็กน้อยของผมก็ออกตัวเสียก่อน

          "งั้นเทม เทมจะเลี้ยงขนมเต้ด้วยนะครับ เต้สู้ๆนะ โค้ชคงไม่ได้อยากแกล้ง แค่ แค่ดีใจที่ไม่ค่อยได้เจอเต้เท่านั้นเองครับ" เทมปุระปลอบใจเพื่อนตัวเอง ขนาดเทมที่ไร้เดียงสายังรู้เลยครับ ว่าเต้ไม่ชอบโค้ชบำรุงขนาดไหน หลีกหนีทุกครั้งที่โค้ชเดินผ่านในระยะยี่สิบเมตรจริงๆ


          ผมหันมามองคนข้างกายด้วยสายตาปลาบปลื้ม นางฟ้าน้อยของผม ช่างเห็นอกเห็นใจคนอื่น น่ารักเหลือเกิน เหมือนครั้งนี้ไอ้เต้จะซาบซึ้งกับคำปลอบโยนของเทม และเห็นด้วยกับผม ถึงขนาดหันมาตบไหล่เจ้าตัวเบาๆ


          "ขอบใจพวกมึงว่ะ โค้ชแกจัดหนักใส่กูจริงๆ นี่ตอนเย็นแกก็เรียกตัวไว้ วันนี้ขั้นต่ำสั่งวิ่งสิบรอบแหงๆ แล้วดูอากาศวันนี้ กูจะไม่กลายเป็นไอน้ำ ระเหยไปกับแสงแดดใช่ไหมวะ"

          เทมทำสีหน้ากังวลตาม เห็นเต้แสดงออกว่ากำลังเครียดจนไม่มีอารมณ์พูดจาล้อเล่น ทั้งๆที่ปกติจะต้องกวนและทำตัวแสบ คอยแหย่คนนู้นคนนี้คู่กันกับน้ำ ยิ้มหัวเราะอยู่ตลอดเวลา พอมาทำหน้าเครียดๆแบบนี้ เจ้าตัวก็คงเป็นห่วงเพื่อนมากนั้นล่ะครับ

          ผมก็พอเข้าใจ แม้จะดูเล็กน้อย แต่ในระยะยาวก็คงไม่ดีทั้งต่อตัวเต้เองและต่อคนของผม สิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี นี่ส่งผลต่อความสุขของคนเราอย่างมากนะครับ อย่าดูถูกไป ที่สำคัญก็คือ เทมปุระสามารถซึมซับเอาความรู้สึกด้านลบได้ง่าย ผมไม่อยากให้คนรอบตัวส่งต่อความรู้สึกด้านลบให้เจ้าตัว


          อยากให้เทมอยู่ในสิ่งแวดล้อมดีๆ ที่อ้อมล้อมไปด้วยความสุข
          และถ้าจะมีอะไรมาทำลายความสุขนั้น ผมก็คงยอมอยู่เฉยไม่ได้

          ...ผมคิดว่าผมคงจะต้องยื่นมือเข้าช่วยเล็กๆน้อยๆแล้วล่ะ


          "ผมจะไปคุยกับผู้อำนวยการ เรื่องหาอาจารย์ประจำชั้นใหม่ให้เร็วยิ่งขึ้นแล้วกันนะครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาได้เร็วขนาดไหน แต่ผมให้สัญญาว่าคงไม่เกินสิ้นเดือนนี้"


          แม้ผมจะพูดด้วยเสียงปกติ แต่เต้ที่หันมาคงไม่คิดแบบนั้น จากสีหน้าของไอ้เต้ คงเห็นผมเป็นผู้ช่วยชีวิตที่ดึงมือมันขึ้นมาจากหุบเหวโลกันต์ ทั้งที่ปกติจะมองผมเป็นพวกปีศาจมีเขางอกและหางแหลม แต่ดูจากสีหน้าคราวนี้ ทดแทนเขางอกและปีกสีดำ คงจะเป็นวงแหวนและปีกเทวดาสีขาวสะอาดแทนแล้วล่ะครับ

          ไอ้เต้หันหลังกระโจนตัวมาคว้าผมไปกอดหมับ พลางแหกปากกลางบันได เด็กมากมายที่กำลังจะลงไปทานข้าวที่โรงอาหาร ถึงกับตกใจและหันมามองไอ้เต้ที่จู่ๆก็มาทำอนาจารใส่ผม


          "มึงงงงงงงงงงงงงงงงง ไอ้เชี้ย โอ้ยยย กูขอบใจมึงมากนะเว้ยไอ้หมู มึงมันพระผู้ช่วยของแท้ กูยกเทมให้มึงเลย มึงมันคู่ควรกับนางฟ้าที่สุด พ่อเทวดา พ่อพระเอกของกู!! เห็นมึงชั่วช้ามาตลอดจนวันนี้ถึงตะหนักแท้ มึงมันคนดีที่หนึ่งเลยโว้ยยย"


          ผมดันหน้ามันออกห่างๆทันที ขยะแขยงครับ ถึงจะค่อนข้างพอใจกับคำยกยอปอปั้นของมัน ที่ว่าผมเหมาะสมกับเทมนั่นก็เถอะ แต่หมาที่ดีใจนี่ขัดขวางมันยากจริงๆ เกาะผมหนึบเป็นหมากฝรั่งติดรองเท้าเลยครับ ผลักยังไงก็ไม่หลุด  ระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าควรถีบมันให้ตกบันไดไปซะ ก็มีมือใหญ่ช่วยแกะไอ้เต้ที่มัวแต่ดีใจที่จะได้หลุดพ้นจากบ่วงของโค้ชบำรุงในเร็ววันออกไป


          "อย่า อย่า อย่ากอดหมูหย็องนะครับ ไม่เอานะ ไม่จับหมูหย็อง"


          เทมหน้าบึ้ง แกะมือเต้ออก เมื่อกี้ยังเป็นห่วงกันอยู่เลยแท้ๆ...แต่พอเห็นว่าเต้รวบตัวผมเข้าไปกอดด้วยความเผลอเพราะความดีใจ มาดองครักษ์ที่ไม่ได้เห็นมานานของเทมก็กำเริบ เจ้าตัวไม่ชอบให้ผมถูกใครมาถึงเนื้อถึงตัวครับ นอกจากเจ้าตัวเองกับคนในครอบครัว

          ถ้ามีใครมาแตะ หน้าที่อารมณ์ดี ยิ้มหวานอยู่เป็นนิจจะบึ้ง คิ้วจะขมวด และถ้าขืนผมยังถูกกอดอีกต่อไปสักหนึ่งนาที เชื่อได้เลยครับว่านัยน์ตาสวยจะผุดน้ำตาเม็ดโตๆ ร่วงออกมาจากตาคู่งามที่ฉายแววหงุดหงิดไม่พอใจนั้นอย่างแน่นอน


          "ปล่อยกูไอ้เหี้ยเต้ ไม่งั้นกูจะสั่งให้โค้ชอยู่กับมึงไปยัน ม.6 เลยไอ้สัตว์"


          ผมกระซิบเบาๆ พอให้ได้ยินกับไอ้เต้สองคน คำขู่ที่โคตรได้ผล
ทำให้มันได้สติ รีบยกมือทำท่ายอมแพ้ใส่ผมกับเทม แต่ยังคงหัวเราะอารมณ์ดี

          เทมที่เห็นผมถูกปล่อยแล้วก็มาจับตัวผมเป็นการใหญ่ พลางทำท่าปัดๆ เช็ดตัวผมให้

เอ่อ...นี่ถ้าเทมไม่ได้ใสซื่อ ผมจะนึกว่าเทมคิดว่าเต้เป็นตัวเชื้อโรคแล้วนะครับ


          อาการ 'หวง' แบบนี้ เทมปุระเป็นมาตั้งแต่สนิทกับผมแล้วครับ เป็นท่าทางที่นานๆครั้งจะได้เห็น เพราะผมไม่ชอบถูกเนื้อต้องตัวใครเป็นนิสัย แต่ได้เห็นกี่ครั้งก็ชื่นใจชะมัด

          ถึงตอนนี้จะยังไม่ใช่หึงหวงแบบคนรัก แต่การถูกหวงจากคนที่แอบรัก
          ไม่ว่าอย่างไร ก็รู้สึกดีใช่ไหมล่ะครับ

          "โทษทีว่ะ กูดีใจไปหน่อย มึงแม่ง โคตรช่วยชีวิตกูไว้เลย มาๆ วันนี้กูเลี้ยงพวกมึงเอง"

          ไอ้น้ำได้ยินว่าไอ้เต้จะเลี้ยง ก็รีบส่ายหางกระดิกเข้าไปหาเลยครับ ไอ้เต้คว้าคอเพื่อนเกลอมากอดหมับ  พลางผิวปากเดินนำลงบันไดไปอย่างอารมณ์ดี

          รู้แบบนี้ ผมน่าจะบอกว่าสักสามเดือนนะครับ...



          "ไม่มีอะไรหรอกครับเทม เต้แค่ดีใจที่ไม่ต้องนั่งติดกับโค้ชตลอดเทอมน่ะครับ ไม่หน้าบึ้งนะครับ ไปทานข้าวกันดีกว่า"

          ผมลูบหลังมือเทมเบาๆ ก่อนจะปล่อยออก คนยังมองกันอยู่เยอะมากครับ ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมห้องที่ชาชินกับการกระทำของผมแล้ว แต่ยังมีคนอื่นและชั้นอื่นๆร่วมอยู่ด้วย ผมเลยทำอะไรมากมายนักไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียชื่อประธานนักเรียน

          เทมยังคงดูบึ้งตึง แก้มนุ่มยังคงพองลมอยู่เล็กน้อย แต่พอผมยิ้มหวานให้เจ้าตัว เด็กน้อยของผมก็คงใบหน้าที่บึ้งตึงได้อยู่ไม่นาน ยิ้มหวานจ๋อยก็ถูกทอตอบกลับมา นางฟ้ายิ้มง่ายกลับมาแล้ว


          "เทม เทม เทมรู้ว่าเต้ดีใจครับ แต่เทมแค่ไม่ชอบให้ใครมาจับหมูหย็องนี่น่า ไม่โกรธกันนะครับ?"


          เทมถามผมเสียงอ่อนอ่อย ร่างสูงเหมือนตัวหดเล็กลง ไหล่กว้างห่อลงเล็กน้อยดูน่าสงสารจนผมใจอ่อนยวบ ใครจะโกรธลงล่ะครับ ไม่มีทางเลยที่ผมจะโกรธเด็กน้อยของผมลง
          ผมรีบส่ายหน้า แต่จะให้บอกเขาไปตรงๆว่า เปล่านะ ชอบที่เทมหวงกันมากเลย ก็น่าอายออกไม่ใช่หรือ ผมเลยเสพูดอย่างอื่นไปแทน


          "ไม่โกรธครับ หมูเป็นเพื่อนสนิทของเทมนะครับ เทมมีสิทธิ์หวงอยู่แล้ว"


          ใช่ครับ ผมใช้คำว่าเพื่อนสนิท เพื่อนสนิทเป็นพิเศษ มาอธิบายพฤติกรรมแปลกๆของผม ที่บางครั้งก็เผลอทำเกินเลยออกไปกับเทม มาเป็นข้อแก้ตัวบังหน้า และใช้คำว่าเพื่อนสนิทพิเศษอธิบายอาการและความรู้สึกแปลกประหลาดที่เทมมีต่อผมเช่นกัน ผมคิดว่าผมไม่ได้เข้าใจผิดคิดไปเองคนเดียวนะครับ ว่าความรู้สึกของเทมที่มีต่อผม


          มันค่อนข้างจะพิเศษ พิเศษกว่าที่มีให้คนอื่นๆ และพิเศษกว่าเพื่อนกันธรรมดา เป็นความรู้สึกที่มีให้แค่คนเดียว เป็นเพื่อนที่แบบนี้มีคนเดียวในโลก


               แต่ก็นั่นล่ะครับ ข้ามขั้นมากเกินไปก็ไม่ได้ นอกจากความรู้สึกที่พิเศษ เทมก็ยังเป็นคนพิเศษอีกด้วย ต้องค่อยๆใช้วิธีตะล่อมและให้เข้าใจได้ด้วยตัวเอง ผมอยากให้เรื่องของเรามันเป็นไปอย่างธรรมชาติ


          แต่ก็อาจจะเป็นธรรมชาติปนเปื้อนสารเคมีเร่งโตจากผมสักหน่อย
          เพราะบางครั้งก็มีแอบใจร้อน อยากเปลี่ยนฐานะจากเพื่อนที่เป็นผู้ปกครองกลายๆ

          เป็นผู้ครอบครองเต็มตัวเสียที



          "งั้น งั้นเหรอครับ ถ้างั้นๆๆๆ ถ้างั้นเวลาหมูหย็องมีคนมาแตะต้อง ก็หวงได้ใช่ไหมครับ เพราะหมูหย็องเป็นเพื่อนสนิทคนพิเศษของเทมใช่ไหมครับ"


          เจ้าตัวยิ้มโล่งใจให้ผม ผมก็ไม่แน่ใจนักว่าเจ้าสถานะเพื่อนสนิทคนพิเศษนี้ ในอนาคตจะทำพิษให้ผมหรือเปล่า แต่ในตอนนี้ มันทำให้ผมพิเศษกว่าคนอื่นขึ้นมา และเทมยังไม่ฉุกใจในความรู้สึกที่แปลกประหลาดของตัวเองที่มีต่อเพื่อนคนนี้ จนไม่รีบปิดกั้นมันเอาไว้ ผมก็ถือว่าดีแล้วล่ะครับ


          หลายครั้งที่คนเรามักจะกลัวสิ่งที่ไม่รู้จัก ขนาดคนปกติธรรมดา ยังกลัว กับเทมที่เป็นคนพิเศษ ผมก็กลัวใจของเขาจะตื่นตกใจ และหนีจากผมไป จนอะไรๆที่ผมคาดหวังจะพังลงมา


          ผมพังไม่ได้ และผมไม่ถูกรักจากเขาไม่ได้ ผมมาไกลเกินกว่าจะผิดหวังแล้วครับ ...ผมรู้ตัวผมดี



          "ใช่แล้วครับ ฟังหมูนะครับ เทมมีสิทธิ์ในตัวหมู ทุกๆอย่างของหมูเป็นของเทม เทมจะทำอะไรก็ได้ จะรู้สึกยังไงด้วยก็ได้ รู้ไหมครับคนดี"


          ผมเผลอตัวยื่นมือไปลูบไล้ใบหน้าที่เริ่มส่อแววความหล่อเหลาอย่างหาจับตัวได้ยากนั้นอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาที่ฉ่ำเยิ้ม มองตรงมาที่ผม แก้มใสระเรื่อเจือสีแดง ดูท่าคำพูดที่ใส่อารมณ์บางอย่างเข้าไปด้วยของผม จะทำให้เจ้าตัวรับรู้ แม้จะไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร แต่สัญชาติญาณก็คงพอสัมผัสได้ ถึงได้หน้าแดงขึ้นมาขนาดนี้


          ผมเลื่อนสายตาลงไปที่ปากสวย ที่ทำให้ผมใจแทบหยุดเต้นเมื่อตอนเช้า
นึกอยากลองประกบจูบลงไปบนริมฝีปากชมพูอมส้มแสนสวยนั่น ทุกครั้งที่ใกล้กัน ผมรู้สึกถูกดึงดูดด้วยแรงมหาศาลที่มองไม่เห็นตลอดเวลา


          "ไอ้หมู กูหิวจะตายอยู่แล้วววว ไอ้เต้บอกถ้าลงมาช้าไม่เลี้ยงแล้วนะเว้ย!"


          อา...
          ตัวขัดจังหวะนี่มันตัวขัดจังหวะจริงๆเลยครับให้ตายเถอะ


          เสียงโหวกเหวกของไอ้น้ำที่ดังขึ้นมาเรียกสติของผมกลับคืนที่เดิม
แล้วให้ตายสิ นี่ผมเพิ่งจะด่าไอ้เต้ไปว่ามาทำอนาจารผมกลางบันได แต่นี่ตัวผมเองก็เกือบจะเผลอทำอนาจารกับเทมกลางโรงเรียนไปด้วยซะได้ ผมเหลือบสายตาไปเห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกรี๊ดกร๊าด ยกโทรศัพท์ขึ้นมาทางนี้ คิดว่าคงจะถ่ายวิดีโอ ถ่ายรูปไปลงเพจแปลกๆอีกตามเคย


          มีเพจแปลกๆที่ผมเคยเห็นจากที่ไอ้น้ำเอามาให้ดูครับ เป็นเพจที่เอาไว้ 'จิ้น' ผู้ชายสองคนในโรงเรียน โดยจะถ่ายรูปพฤติกรรมที่ดูแล้วเกินเลยมากกว่าเพื่อน มากกว่าพี่น้องร่วมโรงเรียนกันไปลง ไอ้เต้ไอ้น้ำก็โดนบ่อยครับ รูปที่ถูกถ่ายลง สองแฝดคนล่ะฝายังถึงกับตะลึง เพราะคนถ่ายจับจังหวะการถ่ายได้น่าคิดไปไกลมาก รูปเพื่อนกอดคอหัวเราะกันธรรมดา พอมาโผล่ที่เพจ กลับกลายเป็นเหมือนคู่รักที่ตะกองกอดกันอย่างลึกซึ้ง ไม่รวมประโยคบรรยายที่ผมนึกว่าเชคสเปียร์ลงมาเขียนเองนั่นอีก หวานจนผมนึกขนลุกเลยทีเดียว


          เห็นว่าห้ามไปก็เท่านั้นด้วยครับ คนที่ให้ความร่วมมือก็มี แต่บางคนก็ดื้อดึงจะลงจนทำให้มีเรื่องมีราว สำหรับผม ตำแหน่งประธานนักเรียนค่อนข้างค้ำคอ แม้ที่จริงผมจะทั้งไม่ชอบใจแต่ก็มีปนด้วยความพอใจไม่น้อย แต่ความไม่ชอบใจก็ชนะ เพราะการที่จะมีสายตาสอดรู้สอดเห็นมามองผมกับเทมตอนอยู่ในโลกส่วนตัว ค่อนข้างน่ารำคาญไม่น้อย


          แต่ต้องยอมรับว่าบางครั้งรูปที่ถ่าย ก็ออกมาสวยจับใจจริงๆครับ ผมก็เคยแอบไปเซฟรูปของเทมกับผมบ่อยๆจากในเพจนั้น เรียกได้ว่าเป็นผลประโยชน์ลับๆ...แต่เนื่องด้วยอย่างที่ว่ามาข้างต้น ในความชอบก็มีความไม่ชอบมากกว่า


          และความจำเป็น ความเหมาะสม ที่มากกว่าความชอบหรือไม่ชอบ
          ผมจึงเดินตรงไปที่กลุ่มเด็กสาวเหล่านั้น พวกเธอพอเห็นผมเดินเข้าไปหา ก็ดูตกใจกันมากจนลนลาน รีบเอ่ยอธิบาย


          "ขะ-ขอโทษค่ะ คือพวกเราเห็นว่าน่ารักดี ไม่ได้คิดจะรบกวนหรือเอารูปไปทำอะไรไม่ดีนะคะ มือมันไปเองโดยอัตโนมัติน่ะค่ะ"

          เหมือนพวกเธอรู้ว่าผมจะเข้ามาพูดอะไร จึงรีบออกตัวก่อน

          "มันไม่ดีนะครับ ที่จะถ่ายรูปคนอื่นก่อนโดยไม่ขออนุญาต ถ้ายังไง รบกวนช่วยลบรูปแล้วไม่เผยแพร่ต่อที่ไหนด้วยนะครับ"
         
           "ค่ะๆ ได้ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ"

          พวกเธอรีบหยิบโทรศัพท์มาลบรูป และวีดีโอออกต่อหน้าให้ผมดู อืม ถ่ายไว้ครบถ้วนดีจริงๆ รูปเทมหน้าแดงก็อยากได้อยู่หรอก แต่จะให้หลุดว่อนบนอินเตอร์เนท ผมก็หวงเหมือนกัน ทำใจลำบากจริงๆ

          "ขอบคุณมากครับ"

ผมพูดขอบคุณก่อนจะเดินหันหลังออกมาหาเทมที่ยืนรอผมกับน้ำอยู่ที่มุมบันได


          "โอ้ย! ดุมากกกก! ชอบ มาดราชินีมากกกกกกก เอ๊ะ หรือราชาวะ"

          "ฮือ เคะผมท้องสวยหยิ่งแสนมาดแมน กับเมะใสซื่อน่ารักนี่มันดีต่อใจ ช่วยด้วย ทำไมไม่อ่อนโยนต่อใจ"

          "บ้าเหรอแก ฮือ เทมเป็นเคะน่ารัก ส่วนหมูเป็นเมะผมทองแสนดุดันต่างหาก โอ้ยใจฉัน"

          "อะไรก็แล้วแต่"

          "เออ อะไรก็แล้วแต่"

          "อยากให้เขาได้กัน! / อยากให้เขาได้กัน!"

          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดด"


          ระหว่างที่ผมจับจูงเทมเดินลงบันได ก็ได้ยินเสียงกลุ่มเด็กสาวกรี๊ดไล่หลังตามมา หืม? ผมพูดดุไปงั้นเหรอ ทำไมถึงต้องกรี๊ดกันขนาดนั้นนะ?




          ไอ้เต้ที่อารมณ์ดีแทบจะหาพรมมาปูให้ผมเดิน ท่าทางที่โคตรประจบประแจง บอกตรงๆเลยครับ ว่าเป็นการกระทำที่น่าขนลุกสุดๆ ผมมองเหยียดร่างที่สูงกว่าตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เจ้าตัวก็ไม่ถือสา พลางบอกอย่างอารมณ์ดี

          "จะแดกไร มึงเลือกเลย เดี๋ยวทั้งเดือนนี้กูเลี้ยงข้าวพวกมึงเอง ไอ้น้ำด้วยข้อหาที่ตบซะลิ้นเกือบแยกแฉก เอ๊ะ หรือปกติลิ้นมึงก็แยกสองแฉกอยู่แล้ววะ ฮ่าๆๆๆ ทำไมวันนี้มันสดใสแบบนี้วะเนี่ย"


          ไอ้น้ำที่มองเหยียดใส่ไอ้เต้เหมือนกับผม เริ่มตีตัวออกห่างคนบ้า ที่ทำท่าเหมือนจะเต้นรำกลางโรงอาหาร


          "กูไม่ใช่เหี้ยนะสัตว์เต้ มึงใจเย็นๆได้ไหม กูรู้ว่ามึงดีใจ แต่เก็บอาการหน่อยโว้ยยย มึงทำคนเขากลัวกันหมดแล้ว"

          "มึงไม่เข้าใจอารมณ์พลุดพ้นหรอกโว้ยยยยยยย หูกูจะได้เป็นสุขเป็นสุขแล้ว อา ช่วงเวลาอันแสนสงบของกูกำลังจะกลับมา ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว!"

          "หลุดจากโค้ช ก็มีอาจารย์คนอื่นอยู่ดีหรือเปล่าวะ แล้วนี่มึงยังต้องอยู่กับโค้ชแกไปอีกเกือบยี่สิบวันนะ จะดีใจอะไรนักหนา"


          เหมือนคำพูดไอ้น้ำจะเป็นความจริงตีแสกหน้าไอ้เต้ที่กำลังฟ้อนรำด้วยความดีใจ จนมันหยุดชะงัก วิ่งเข้ามารัดคอไอ้คนตัวเล็กกว่า พลางหมุนกันไปรอบๆ จนมันล้มกองกันอยู่กับพื้น

          เป็นภาพที่อุบาทว์สายตาจริงๆครับ ผู้ชายสองคนนอนทับกันกลางโรงอาหารเนี่ย ผมล่ะอยากสั่งให้พวกมันไปคัดคำขอโทษสามร้อยหน้ากระดาษเอสี่ มาส่งให้ทุกคนที่กำลังนั่งทานข้าวกลางวันในโรงอาหารเป็นการขอโทษที่ต้องมาเจอภาพอุจาดตาในครั้งนี้จริงๆ

          "โว้ยยยย ปากมึงมาโดนแก้มกูด้วยไอ้เต้ ไอ้เวรเอ้ย อี๋ๆๆ"

          ไอ้น้ำรีบถีบไอ้เต้ออกจากตัวแล้วเอาเสื้อเช็ดหน้าตัวเองทันที ไอ้เต้ทำหน้าพะอืดพะอมจะอ้วก ก่อนทั้งสองคนจะมองหน้ากันแล้วหันไป


          "แหวะ / แหวะ"


          นั่นแหละครับ...
          ระหว่างที่พวกมันยังคงตบตีกัน ผมก็หันมาหาเทมที่ดูท่าทางลังเลกับมื้อเที่ยง ดูท่าเจ้าตัวจะเลือกไม่ถูกว่าจะทานอะไรดี

 

          โรงอาหารโรงเรียนผมใหญ่มาก และมีถึงสามโรงด้วยกันครับ อาหารก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะร้านอาหารญี่ปุ่น ที่มีทั้งราเม็ง ซูชิ ถึงจะอร่อยกว่าซูชิข้างทางคำละห้าบาทไม่มาก แต่ก็นับว่าอร่อยกว่าโขอยู่ มีร้านไก่ทอดที่สาขาแฟรนไชน์กระจายอยู่ทั่วประเทศอยู่หนึ่งร้าน ร้านอาหารสำหรับมังสวิรัติสำหรับคุณหนูที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ก็มี กระทั่งร้านหมูกระทะ ที่โรงอาหารผมก็มีนะครับ สั่งเป็นเซทแล้วพี่เขาจะเอาเตามาวางให้ที่โต๊ะ นั่งปิ้งย่างพลิกหมูกันได้ตามสบาย

          ส่วนอาหารประจำวันสำหรับคนสิ้นคิดก็มีให้ เป็นอาหารจากทางโรงเรียน ที่นอกจากสารอาหารที่ดีครบห้าหมู่ ก็ไม่มีอะไรเลยครับ ไม่มีจริงๆกระทั่งรสชาติ ไม่มีเลยสักนิด เป็นได้แค่ซากอาหารจืดๆ ที่มีไว้สำหรับคนรีบเร่งหรือลืมหยิบกระเป๋าเงินหรือบัตรประจำตัวนักเรียนมาเท่านั้นครับ เรียกง่ายๆก็อาหารคนจนตรอกไม่มีทางเลือกว่าจะทานอะไร


          "เทมอยากทานอะไรครับ? อุด้งไหม ที่เป็นเส้นใหญ่ๆน่ะครับ เมื่อวันก่อนบอกอยากทานไม่ใช่หรือ"

          "คุณแม่ คุณแม่เพิ่งทำให้เทมทานเมื่อเช้าครับ อยากทานหมูกระทะ ย่างบนหัวร้อนของหมูหย็อง"


          แล้วเจ้าตัวก็หัวเราะคิกคักอย่างพอใจ ดูท่าเพิ่งจะเข้าใจว่าที่เองพูดออกไปนั้นเป็นมุกแล้วล่ะครับ
จะเข้าใจช้ากว่าชาวบ้านเป็นประจำ เห็นท่าทางยิ้มอารมณ์ดีแล้วผมก็อยากแกล้ง เลยยื่นนิ้วไปจี๋เอวร่างสูง จนเจ้าตัวสะดุ้ง หัวเราะพลางหันตัวหลบหนีไปมาจนหน้าแดงก่ำ


          "ฮ่าๆๆๆๆ พ-พ-พ-พ-พอแล้ว พ-พอแล้วครับ เทมขอโทษครับ ก็มันตลกนี่น่า น้ำบอกว่าหัวหมูหย็องจะลุกฟู่ๆ เทมคิดว่าต้องเป็นพลุตู้มต้ามเลย"

          "มาล้อว่าหัวหมูร้อนเหรอครับเจ้าเด็กแสบ มาให้หมูจักจี้ซะดีๆนะครับ"


          ผมพยายามจักจี้เอวเจ้าตัว จนเจ้าเด็กโข่งวิ่งชลมุนไปพักใหญ่เลยครับ สุดท้ายก็เป็นผมที่ต้องยอมรามือเอง พอเอวไม่โดนก่อกวนจากนิ้วของผมก็หันไปคิดเรื่องอาหารต่อด้วยท่าทางสบายๆ เรื่องพละกำลังนี่อย่าไปดูถูกเด็กซนเขานะครับ ชอบนักล่ะ เล่นไปทั่วเนี่ย เห็นสูงๆแบบนั้น แต่ไม่ได้สูงแห้งแรงน้อย ตัวบางไร้กล้ามนะครับ สูงมากแรงเยอะต่างหาก ผมมีตารางออกกำลังกายสำหรับเด็กน้อยของผมด้วย

          ไอ้น้ำกับไอ้เต้ที่คงจะเพิ่งตีกันเสร็จเหมือนกัน ก็เดินกอดคออารมณ์ดีเข้ามา

          "อ้าว ยังไม่สั่งข้าวมาแดกกันอีกเหรอวะ ตกลงจะกินไรกันล่ะ"

          ผมหันไปสบตาเจ้าเด็กซน ที่ยิ้มซุกซนยิ่งกว่า เสียงทุ้มพูดบอกชัดเจน

          "หมูกระทะครับ เพราะหัวหมูหย็องร้อนมากๆๆๆๆเลย ฟู่ๆเลยครับ"

          "อุบ ฮ่าๆๆๆๆๆ มุกนี้ยังอยู่ว่ะมึง ก๊ากกก" ไอ้น้ำที่ดูพออกพอใจกับมุกนี้เหมือนกัน หัวเราะยกใหญ่
พลางเดินมาลากพวกผมไปที่ร้านหมูกระทะเพื่อเลือกเมนู


          "เอาผักมาอีกหน่อยครับ อย่าเอามาแต่เนื้อสิ ขอชุดผักรวมอีกสองชุดด้วยครับ"

          "เอากุ้งมาอีกๆๆ"

          "ไม่อยากทานคุณผักเขียวๆเลยครับ ขม ขม ขม ไม่อร่อยเลย"

          "ต้องทานนะครับเทม ผักมีประโยชน์ ไม่ทานไม่ได้นะครับ"

          "กูเอาข้าวผัดกระเทียมอีกสองถ้วย พวกมึงเอาป่ะ"

          "ผมกับเทมคนละสองด้วยครับ"

          "กูอยากกินกับขนมจีนว่ะ ส้มตำย่างด้วย"

          "มาอีกละ ไอ้น้ำแดกแปลก หมูกระทะกับขนมจีนส้มตำย่าง มึงคิดว่ามันจะไปตีกันในท้องมั้งไหม"

          "ก็กูจะแดก สั่งมาๆๆ"

          "เออ มีใครเอาไรอีกไหม"

          "พอแล้วๆ ส่งใบให้พี่เขาเลย"



          พอเลือกเมนูกันเสร็จ ก็จัดการส่งใบเมนูให้พี่ที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่ พอสักพักพี่ที่ร้านอาหารก็จัดชุดเตาไฟมาให้ ถ่านสีแดงพร้อมเตาร้อนและกลิ่นน้ำซุปกระจายออกมา เรียกให้ท้องที่ไม่มีอะไรตกถึงมาหลายชั่วโมง เริ่มประท้วงให้หาอาหารเติมลงไปทันที

          "มาแล้วคร้าบบบ หกร้อยแปดสิบสี่บาทครับผม"

          พี่ร้านอาหารเดินมาอีกครั้ง พร้อมด้วยสารพัดจานที่ประจุเนื้อหมูไก่ปลากุ้ง ที่พวกผมสั่งกันมาเยอะแยะ ไอ้เต้ควักบัตรยื่นให้พี่เขา บัตรประจำตัวนักเรียนของพวกผมเป็นบัตรเงินสดไปในตัวครับ สามารถรูดซื้ออะไรก็ได้ในโรงเรียนหรือกระทั่งนอกโรงเรียน เป็นอะไรที่สะดวกสบายมากๆ

          ไอ้น้ำผู้ชอบสวาปามไม่รอช้า จับก้อนไขมันชิ้นโต ถูไถรอบกระทะร้อนๆ จนเกิดเสียงซู่ซ่า แล้วเจ้าตัวก็เริ่มเอาบรรดาเนื้อไล่เรียงลงไป โดยเจ้าเบ่ค่อนชิ้นหนากินพื้นที่ไปเกินกว่าครึ่ง
          ไอ้น้ำนี่ลัทธิเบค่อนครับ กินเหมือนยัด ความฝันเพ้อๆ ของมันคืออยากนอนบนที่นอนที่ทำจากเบค่อน และอาบน้ำด้วยแผ่นเบค่อนครับ


         








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2018 09:46:03 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter

          ตอนได้ฟังครั้งแรก ผมอยากจับมันไปอยู่กับน้องชายคนเล็กของตัวเองมากครับ จับพวกมันมัดแล้วไปอยู่ในโรงด้วงกับโรงเบค่อนน่าจะดี เหมาะสมกันเสียยิ่งกิ่งทองใบหยก อีกคนอยากโตเป็นด้วง อีกคนยามหลับยามตื่นก็อยากอยู่กับเบค่อน คงจะเข้ากันได้เป็นอย่างดี


          "โอ้โห เชี้ยน้ำ มึงสั่งเบค่อนมาแปดจานเลยเหรอวะ แดกคนเดียวไปเลยนะมึง กูกำลังลดหุ่นอยู่ จะเร่งรีดไขมันออกโชว์กล้ามก่อนไปแข่งโว้ย"

          "เรื่องของพุงมึงเลยจ้า แปดจานนี่ไม่คณาท้องกูหรอก บอกเลย"


          บางครั้งผมก็นึกอยากให้มันไปตรวจพวกคลอเรสเตอลอลบ้างนะครับ ผมว่าถ้าตรวจอาจจะมีพุ่งทะลุเกินสี่ร้อยก็เป็นไปได้


          "เอาผักลงหม้อด้วยครับ อย่าทานแต่เนื้อ"


ผมดุออกไป ไอ้พวกนี้มาทางสายเนื้อครับ ผักเผิกไม่แตะ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเทมปุระสักนิดเดียว


          "ครับคุณพ่อ ได้ครับคุณชาย กระผมจะใส่เดี๋ยวนี้แหละขอรับ"

 ไอ้น้ำเบ้ปากใส่ ก่อนจะยอมหยิบถาดผักที่ตั้งแต่เริ่มเปิดเตามาไม่มีใครแตะต้อง เทมปุระของผมที่ทำเนียนๆ นั่งทานเงียบๆ เห็นผักลงหม้อก็แอบมุ่ยหน้าจนแก้มตุ่ย

          ไม่ได้เลยครับ เรื่องทานผักนี่เทมดื้อมากจริงๆ ถ้าไม่เฝ้าจับตาตอนทานดีๆ มีแอบอมแล้วไปคายทิ้งในห้องน้ำประจำ ดีว่าเดี๋ยวนี้ยังแค่ดื้อเงียบ ยังพอทานบ้างไม่ทานบ้าง แต่ก่อนไม่ทานเลยสักนิดครับ และหนักข้อถึงขนาดลงไปงอแงดิ้นกับพื้นเพราะไม่อยากทานเลยด้วย


          "ทานผักด้วยนะครับเทม หมูไม่อยากบังคับนะครับรู้ไหม แต่มันดีต่อสุขภาพนะครับ"


          สายตาที่จ้องมือผมที่ตักผักใส่ถ้วยให้ นี่ยังกับสายตาที่มองผมลุกไปต่อยตุ๊กตาตัวโปรดเจ้าตัวเลยครับ ลำบากใจแต่ก็ต้องทำจริงๆ พอผักในจานเริ่มเยอะขึ้น เทมเริ่มทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ใส่ จนผมก็มือไม้อ่อนกระทันหัน ทำใจแข็งตักผักใส่ถ้วยเพิ่มขึ้นไม่ลง เฮ้อ วันนี้ทานแค่นี้ไปก่อนก็ได้


          "นี่ครับ ทานให้หมดนะ ไม่หมดหมูจะเสียใจมากๆ"


          เทมพยักหน้ารับอย่างจำยอม เจ้าตัวหันไปคีบหมูมาโปะผัก พลางเทน้ำจิ้มเสียเยอะ
คิดว่าคงจะเอามากลบรสชาติขมๆของผักครับ ในมือยังมีแก้วน้ำที่เตรียมเอาไว้เป็นตัวช่วยกลืนอีกอย่าง

          เฮ้อ เทมกับผักนี่ศัตรูคู่อาฆาตกันจริงๆเลย


          ถ้วยนั้นกว่าจะหมด ก็เล่นดื่มน้ำจนเกือบอิ่ม ผมจึงปลอบใจด้วยการย่างกุ้งแล้วแกะเปลือกให้เจ้าตัวทาน


          "นี่ครับ รางวัลคนเก่งนะ เทมเก่งมากเลยครับ ทานผักหมดด้วย"

          "หมูหย็องทานด้วยครับ ทานด้วยนะ เทมแกะให้เอง เทมแกะให้นะครับ"


          พอถูกชมว่าเก่ง ก็อารมณ์ดีผิดหูผิดตาเลยครับ แต่ผมที่เป็นคุณหนูของตะกูลที่มีคนดูแลล้อมรอบมาตลอดชีวิต ยังแกะกุ้งได้ดีกว่าเด็กชายเทมปุระเสียอีก เจ้าตัวแกะออกมาอีท่าไหนไม่รู้ เหลือแค่เศษเนื้อ ถ้าไม่บอกว่าเป็นกุ้ง ผมก็ไม่รู้นะครับนั่นน่ะ นึกว่าซากอะไรสักอย่าง ที่ไม่ใช่กุ้งแน่นอน แกะกุ้งยังไงให้ไม่เหลือสภาพเป็นกุ้งได้ เก่งจริงๆเลยเชียว...


           แต่ผมก็ไม่อยากขัดจังหวะความกระตือรื้อร้นและตั้งอกตั้งใจ เลยปล่อยให้เจ้าตัวแกะให้ เลยตามเลย อ้าปากรับคำเศษเนื้อกุ้ง แล้วผมก็นั่งป้อนเจ้ากุ้งตัวใหญ่ที่แกะเองให้เขาไปแทนครับ


          "นี่กูแดกหมูกระทะหรือบัวลอย ทำไมมันหว๊านหวานวะเพื่อนเต้"

          "กูยังงง นี่พี่เขาเอาน้ำตาลมาให้กูจิ้ม หรือซอสสุกี้วะ ตายห่าละ เลิกเรียนสงสัยกูต้องไปตรวจเบาหวานหน่อยแล้ว"

          "น่ากลัวจังเลยเคอะพี่เต้ หน่องน้ำขอไปด้วยนะเคอะ"

          "ได้เลยจ้ะน้องน้ำ ไปแล้วก็ตรวจคลอเรสเตอลอลไปด้วยเลยนะจ๊ะ นี่แดกหรือยัดห่าจ๊ะเนี้ย เบค่อนแปดจานพวกกูไม่ได้แดกกันสักคำ!"

          "อุ้ย นึกว่าพวกพี่ๆจะไม่รู้ตัวกันเสียอีก อุฮิ"

          "อุฮิเหี้ยไรของมึ้งงงงงงง เอาเบค่อนกูคืนมาาา"

          "ไหนมึงบอกจะไม่แดกไง สัสเต้ อย่า! อย่าเอาตะเกียบของมึงมาแตะ! นั่นมันเบค่อนของกูโว้ยยย อย่ามาแย่งเมียรักของกูนะไอ้สัสสสสสส เอ้า เอาผักบุ้งไปแดกซะ บำรุงงูบนหัวมึงไอ้เฒ่า"

          ไอ้เต้กับไอ้น้ำเริ่มสงครามปาผักใส่กัน ผมล่ะหน่ายพวกมันจริงๆเลยครับ

          "จบมอสามจะไปเที่ยวที่ไหนกันครับ"



          ผมพูดผ่าแทรกจังหวะขึ้นไป เพื่อตัดจบสงครามผัก
          ทุกปีหลังเลื่อนชั้น พวกผมสี่คนจะออกไปเที่ยวด้วยกันครับ จะเป็นที่ต่างจังหวัดต่างๆ รอบล่าสุดก็ไปเที่ยวบางปะกงกันห้าวันสี่คืน ปีนี้จบมอสามทั้งที ก็คิดว่าน่าจะถามตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะพวกนี้ชอบเล่นใหญ่ไปกันหลายวัน ประเดี๋ยวต้องไปเที่ยวกับที่บ้าน จะได้จัดเวลาให้พอดีกันได้



          "อืม มึงถามเร็วจังวะ ยังไม่ทันคิดเลย แต่อยากไปน้ำๆอีก ไม่ค่อยอินภูเขาว่ะ พวกมึงอยากไปไหนกัน"

          "ว่ายน้ำจ๋อมแจ๋มเทมก็ชอบครับ อยากไปอีกๆ กุ้งตัวโต๊โต นอนเปลก็สบาย ขนมเค้ก ขนมเค้กตรงที่พักรถก็อร่อย อร่อยมากๆเลย"

          "หืม เทมอยากไปเล่นน้ำอีกเหรอวะ โห สองเสียงละดิ จริงๆรอบนี้กูแอบอยากจัดหนักว่ะ จบมอสามทั้งที ถ้าเทียบกับแต่ก่อนคือนี่ถึงวัยทำบัตรประชาชนแล้วนะเว้ย สิบห้าอ่ะ แบบอีกขั้นของความใกล้เป็นผู้ใหญ่"

          "จัดใหญ่ขนาดไหนของมึงวะ ฟังดูน่ากลัวพิกล"

          "ลองเสนอความคิดมาสิครับ เผื่อน่าสนใจแล้วพอจะไปกันได้"

          "ก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่ะ แต่อยากจัดหนักๆ แต่ไม่รู้จะจัดไง มันตันๆ ติดตรงปลายสมอง"

          "มึงมีสมองด้วยเหรอเต้! เหี้ย ไม่เคยบอกกันวะ คบกันมาตั้งหลายปี กูเพิ่งรู้ว่ามึงมีกับเขาด้วย"

          "เดี๋ยวกูปั๊ดคว่ำหม้อใส่หน้าไอ้ห่านี่ มีใครอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษไหมวะ"

          "ที่ไหนก็ได้ครับที่มีขนมอร่อยๆ อยากทานขนมเยอะๆ"

          "ขนมเยอะๆเหรอวะ ไปเซเว่นไหมล่ะเทม แหม เดี๋ยวกูซื้อให้กินก็ได้ บอกอย่างอื่นด้วยดิ"

          "งั้นเหรอครับ... งั้น งั้น งั้นก็ที่หมูหย็องไปด้วย!"

          "โว้ยยย พูดอย่างกับถ้ามึงไปแล้วมันจะยอมปล่อยมึงไปคนเดียวงั้นแหละ สถานที่ดิสถานที่"

          "อ๋อๆๆๆ งั้นก็ๆ มีที่นี่ๆๆๆ เทมเห็นในโทรทัศน์ครับ เสาแดงๆ มีคุณกวางเยอะแยะเลย มีขนมก้อนกลมๆขาวๆ ดูยืดๆ น่าทานมั่กมากด้วยครับ"

          "ที่ไหนวะ เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารีป่ะ ก็เคยไปกันมาแล้วไงเทม"

          "ไม่ใช่ๆๆๆ ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ที่เชียงใหม่ครับ หมูหย็องครับหมูหย็อง ช่วยเทมค้นในโทรศัพท์หน่อยครับ ที่เราเคยดูกันในโทรทัศน์เมื่อเดือนก่อนไงครับ"



          อา เสาแดงๆ? กวางเยอะๆ? คุ้นๆนะครับ เหมือนตอนดูโทรทัศน์กับเจ้าตัว จะเห็นตื่นเต้นอยู่ แต่ตอนนั้นผมก็นั่งทำงานอยู่ด้วย เลยไม่ค่อยแน่ใจว่าจะใช่ที่ผมคิดหรือเปล่า


          "แอฟริกาเหรอวะ อันนั้นก็จัดหนักเกิ๊น ลำบากเกิ๊น หม่อมแม่กูคงไม่ให้ไป"

          "ไม่น่าจะใช่นะครับ ขอเวลานึกสักครู่"


          เสาแดงๆ กวางเยอะๆ คุ้นๆนะครับ เหมือนในทีวีเขาจะบอกชื่อเมืองอยู่ ผมก็มัวแต่ทำงานกับบันทึกรอยยิ้มเด็กน้อย เลยเก็บรายละเอียดในโทรทัศน์มาได้ไม่ครบเหมือนกัน จำได้แค่ว่าเป็นที่ญี่ปุ่น ยานาหรือเปล่านะ? รารา หืม ไม่ใช่แฮะ


          อ๋อ! นะระกับเกียวโตที่ประเทศญี่ปุ่น



          "ผมจำได้แล้วครับ ที่นะระ ที่เขาเชื่อว่ากวางเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัตว์ของเทพเจ้าเลยปล่อยกวางให้เดินทั่วเมืองเลยน่ะครับ ที่สวนกวางเห็นว่าสามารถป้อนขนมให้ทานได้ด้วย ส่วนเสาแดงๆนี่ที่เกียวโต  ศาลเจ้าเสาแดงหมื่นต้น คนนิยมไปกันมากเลยครับ"

          "เฮ้ยๆๆ อันนี้ดี ดีมากเจ้าเทม เอาไปห้าแต้มกริฟฟินดอร์ โซนนั้นกูยังไม่เคยไปเลย เคยไปแต่โตเกียวกับฮอกไกโด โกเบ โอเคไหมวะ ไปกันไหมมึงงงง ไปเถอะ น้ำอยากไป๊"

          "แฮะๆ ได้มาห้าแต้มแหนะ งั้นเทมแบ่งให้หย็องสี่แต้มนะครับ"

          "เก่งมากๆ กูว่าที่เทมเลือกมาก็ดีเลยนะ ไปต่างประเทศกัน เคยไปเที่ยวด้วยกันแต่ในประเทศ ลองไปกันเองดูก็ดีนะเว้ย ญี่ปุ่นความปลอดภัยสูงจะตายห่า อย่างมากก็หลงทางรถไฟกันนั้นแหละ"

          "ผมก็ไม่มีอะไรคัดค้านครับ พาเทมไปเที่ยวต่างประเทศดูก็ดีเหมือนกัน เทมยังไม่เคยออกนอกประเทศเลย"

          "เยส สรุปญี่ปุ่นนะเว้ย ไปกี่วันดีวะ โซนนั้นมันมีสวนสนุก universal ที่โอซะก้าด้วยนี่หว่า เหี้ย ตื่นเต้นขึ้นมาเลยอ่ะ"

          "ผมจำได้ว่าพาสปอร์ตไทยฟรีวีซ่าสิบห้าวันนะครับ งั้นก็ไปเจ็ดวันไหม?"

          "โหยย น้อยว่ะ ขออีกๆ กูอยากจัดหนักๆ!"

          "มึงจะย้ายไปถาวรเลยไหมล่ะไอ้เต้ งั้นจัดไปสิบสองวันสวยๆเลยคร้าบพี่น้องคร้าบบบ"

          "อืม ก็ได้นะครับ ยังไงก็ปิดเทอมใหญ่สองเดือนอยู่แล้ว"

          "ยี้ปุ่นเหรอ ยี้ปุ่นเหรอครับ ต่างประเทศเหรอ ไกลกว่าเชียงใหม่อีกเหรอครับ"

          "ญี่ปุ่นครับเทม"

          "ญี่ปุ่นๆๆๆๆ"

          "ใช่แล้วววว ไกลแบบนั่งเครื่องบินหกชั่วโมงอ่ะ ตอนไปเชียงใหม่นั่งเครื่องบินชั่วโมงเดียวใช่ไหมล่ะ"

          "โห โห นานกว่านั่งรถไฟไปลพบุรีอีก"

          "เออ นานกว่า ไกลกว่า แล้วก็สนุกกว่าด้วย มีสวนสนุกใหญ่มากกกก มีขนมของกินอร่อยๆเพียบ มึงต้องชอบแน่ๆอ่ะเทม เอาหัวไอ้น้ำเป็นประกัน"

          "อ้าว หัวกูไปเกี่ยวอะไร๊"

          "แต่ว่ามันฟังดูไกล ดูไกลๆ ต้องใช้เงินเยอะใช่ไหมครับ เทมกลัวคุณแม่ไม่มีเงินนะครับ ไปไกลด้วย กลัวคุณแม่เหงาๆๆๆ ไม่มีเทม อยู่คนเดียว"



          พวกผมชะงักกันไป เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าในกลุ่มสี่คน สามคนเรื่องฐานะการเงินสำหรับพวกผมไม่ใช่ปัญหา ต่อให้ไปเที่ยวยุโรปสักสามเดือนหรือสามปีก็ไม่ลำบากเรื่องค่าใช้จ่ายอะไร แต่สำหรับเทมปุระนั้นไม่ใช่
          เทมมีคุณแม่เพียงคนเดียว แถมยังทำงานที่ไม่ได้เงินเดือนเยอะแยะอะไรถ้าเทียบกับพวกผม เงินเดือนแสนกว่าๆของคุณแม่เทม เป็นได้แค่สองในห้าของเงินค่าขนมไอ้เต้ด้วยซ้ำครับ
          และเจ้าตัวเองก็รู้ ถึงจะดูเป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไร แต่กับความลำบากของแม่ที่กลับบ้านไปก็เห็นทุกวัน ก็รับรู้ได้ครับ


          เทมไม่ใช่เด็กฟุ่มเฟือย มีบ้างกับบางครั้งที่อดใจไม่ไหวกับขนมหรือไอศกรีม แต่เงินที่ได้มาโรงเรียนทุกวัน ผมรู้ครับว่าเจ้าตัวใช้ไม่เคยหมด แล้วเก็บไปยอดใส่กระปุกพี่ม่อนของเจ้าตัวตลอด พอถึงวันเกิดคุณแม่ ก็ยกพี่กระปุกไปให้เป็นประจำทุกปี บอกให้คุณแม่เอาไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆใส่


          จริงๆแล้วค่าเทอมที่นี่ก็แพงติดอันดับต้นๆของประเทศเหมือนกัน แต่ผมก็แอบใช้เส้นสาย ให้เทมได้ทุนบังหน้า แต่ในความจริงเป็นผมเอง ที่เป็นคนใช้เงินค่าขนมส่วนตัวมาจ่ายค่าเทอมให้เทม ค่าขนมค่าเสื้อผ้าเขาทุกอย่างผมก็ออกให้เองครับ แต่ก็มีบางครั้งที่เทมจะงอแงขอจ่ายเอง


          เรื่องนี้คุณป๊าคุณม้าผมก็รู้ครับ ไม่ว่าอะไร บอกเสียอีกว่าไม่ต้องใช้เงินค่าขนมส่วนตัว เดี๋ยวจะออกให้เอง เคยเข้าไปพูดจาทำนองขอช่วยเหลือค่าใช้จ่ายกับทางคุณแม่ของเทมแล้ว แต่คุณป้าเป็นคนที่ค่อนข้างเด็ดเดี่ยวมากครับ บอกว่าถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆจะไม่ขอรับความช่วยเหลือ


          จนวันหนึ่งที่ผมไปทำข้อตกลง ถึงได้มีส่วนร่วมช่วยออกได้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยจ่ายทั้งหมดครับ ท่านรับแค่ครึ่งเดียว


          ผมคิดว่าจริงๆท่านก็พอรู้ ว่าผมแอบจ่ายอะไรให้เทมบ้าง แต่ก็ทำหยวนๆไป เพราะเทมติดผมมาก ถ้าจับแยกกันก็ไม่ดีต่อตัวเทมเอง และจะห้ามผมไม่ให้ทำอะไรเพื่อเจ้าตัว ก็ยากเสียยิ่งกว่าอะไร เพราะผมทนเห็นคนที่รักลำบากไม่ได้ครับ และในสัญญาของผมกับคุณป้า เรื่องนี้ผมก็ขอช่วยรับผิดชอบเทมเองด้วย
          แต่ในส่วนเรื่องค่าเที่ยวเล่น คุณป้าขอเอาไว้ว่าจะออกให้เอง และในทุกวันเกิดของผม ผมมักจะได้ของขวัญที่มีมูลค่าสูงจากคุณป้าทุกที


          เป็นสิ่งเดียวที่ผมเสียใจ ที่ไทยไม่มีกฎหมายรองรับการสมรสกันของเพศเดียวกัน ไม่อย่างนั้นพออายุสิบเจ็ด ผมจะขอให้คุณป๊าคุณม้าไปแต่งเทมเข้าบ้าน พวกผมจะได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของเทมในฐานะคนของครอบครัวได้อย่างสบายใจกันเสีย ไม่ต้องทำแบบหลบๆซ่อนๆ


          ท่องเที่ยวแต่ละครั้ง นอกจากความเป็นห่วงในฐานะผู้ให้กำเนิด คุณป้าก็ไม่เคยห้ามไม่ให้ไปเลยครับ สนับสนุนตลอด เพราะอยากให้ลูกชายได้สนุกสมวัย ได้เจอโลกกว้างภายนอก ไปเที่ยวกับผม คุณป้าไม่เคยต้องกังวลเลย เพราะรู้ว่าผมจะดูแลเทมปุระอย่างดี แต่ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวแต่ละครั้ง พวกผมก็จะพยายามไม่เลือกที่เที่ยวที่ค่าใช้จ่ายเยอะ หรือกิจกรรมที่แพงมากนักครับ เพราะเกรงใจคุณแม่ของเทมกัน


          แต่คราวนี้จะไปญี่ปุ่น ค่าใช้จ่ายคงไม่จบแค่หลักพันหลักหมื่นเหมือนที่แล้วมา...


          พวกผมสามคนหันมามองหน้ากัน ไอ้เต้กระทุ้งแขนไอ้น้ำยิกๆ เหมือนเป็นการบอกว่าให้หาวิธีอะไรสักอย่างมาแก้ปัญหา ไอ้น้ำที่โดนโบ้ย ก็ถลึงตาใส่ พลางบุ้ยปากมาที่ผม อา...ออกค่าใช้จ่ายค่าเที่ยวให้เทมไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมหรอกครับ ลำพังแค่ค่าขนมของผมแค่เดือนเดียวก็พอเพียงจะพาไปสักสามร้อยเทมแล้ว ไม่นับงานพิเศษที่ผมรับจากคุณยายมาทำด้วยอีก ไม่มีปัญหาเลยครับสำหรับเรื่องเงิน


          ปัญหามันอยู่ที่คุณป้านี่ล่ะครับ ไอ้เต้ไอ้น้ำก็รู้ถึงความ อืม...ค่อนข้างดื้อรั้น ทิฐิของผู้ใหญ่น่ะครับ พวกท่านก็คงคิดว่าการรับความช่วยเหลือจากเด็กๆก็คงดูไม่ดีนัก อายุมากกว่าก็ควรเป็นฝ่ายดูแล เป็นฝ่ายให้มากกว่ารับ ค่าขนมค่าเที่ยว บางครั้งคุณป้าก็ให้มาเผื่อพวกผมเสมอเลยครับ ไม่มากมายอะไร แต่น้ำใจกับความสม่ำเสมอก็ทำให้พวกผมซึ้งใจตลอด


          ครั้งนี้ดูท่าคงต้องหาวิธีแล้วล่ะครับ ลองไอ้น้ำกับไอ้เต้ตัดสินใจจะไปแล้ว คงดื้อดึงกันถึงที่สุด ผมเองก็คงจะต้องขอดื้อด้วยในครั้งนี้ บรรยากาศดีๆที่ญี่ปุ่น...ผมก็อยากไปเที่ยวกับเทมเหมือนกัน



          "มึงๆ หรือบอกคุณป้าว่าไปต่างจังหวัด แต่ลักพาตัวไปยุ่นกันได้ไหมวะ ค่าใช้จ่ายเดี๋ยวพวกกูช่วยออกก็ได้อ่ะ ไม่ใช่ปัญหา แต่อย่าล่มทริปนะเว้ย เมื่อตะกี้กูวาดฝันไว้เต็มที่แล้ว จะพังภายในสองนาทีมาม่ายังไม่สุกไม่ได้!"


          ไอ้น้ำลุกอ้อมโต๊ะมากระซิบกระซาบกับผม เทมมองอย่างสงสัยว่าคุยอะไรกัน พอผมหันไปบอกว่าคุยเรื่องผักที่เหลือบนเตา เจ้าตัวก็รีบหันไปคุยเล่นกับเต้แทนทันที


          "ติดปัญหาที่ทำพาสปอร์ตนี่สิครับ พวกเรายังไม่บรรลุนิติภาวะ จะไปทำพาสปอร์ต ผู้ปกครองก็ต้องไปด้วย จะหาคนมาแกล้งทำก็ไม่ได้ ต้องตัวจริงเท่านั้น ค่าใช้จ่ายผมไม่เป็นห่วงหรอกครับ แค่ค่าเที่ยวของเทมน่ะเรื่องเล็กน้อย ให้เลี้ยงเจ้าตัวทั้งชีวิตยังได้ ติดแต่คุณป้านี่สิ..."

          "ยังไงดีวะ โอ้ย กูปวดหัว ทำไมคุณป้าไม่รับความช่วยเหลือง่ายๆวะ ฮือ ยุ่นปี่ญี่ปุ่นของกู๊"

          "หรืออาจจะต้องย้ายแผน ไปตอนอายุพอจะทำพาสปอร์ตเองได้..."

          "ไม่เอาาา ไปตอนโตกับตอนนี้มันต่างกันนะเว้ย แถมมาพูดให้อยากแล้วจากไปก็ไม่ได้ไหมวะ"

          "งั้นก็คิดวิธีมาสิครับ"



          พวกผมมองตากันแล้วเห็นแต่แววตาหนักใจและจนมุม ไม่รู้จะหาวิธีอะไรมาตะล่อมคุณป้าดี ค่าใช้จ่ายน่าจะเยอะมาก ถึงจะไม่ต้องเสียค่าเครื่องบินเพราะนั่งเครื่องบินส่วนตัวผมไปก็ได้ก็ตามที ยิ่งพวกผมเป็นพวกใช้เงินกันค่อนข้างบ้าระห่ำแล้วด้วย ลำบากคุณป้าเกินไปแน่นอน แต่จะไม่ให้ไป ความอยากก็ถูกจุดขึ้นมาแล้ว ก็เหมือนระเบิดเวลาที่ถูกกดปุ่มไปเรียบร้อย มีแต่ต้องระเบิดเท่านั้นครับ


          มีแต่ต้องไปเท่านั้นจึงจะดับความอยากนี้ได้



          "ใช่ๆ ใช่ครับ แล้วก็นะ แล้วก็ แล้วร้านนั้นก็มีจับฉลากด้วย อาแปะบอกว่ารางวัลใหญ่ได้เงินสองร้อยเลยนะครับ แต่ว่าเทมจับได้แต่ลูกอม แต่ที่จริงเทมก็อยากได้ลูกอมนั่นแหละ เลยไปจับ"

          "เอ้า งี้ซื้อเอาก็ได้ไหมวะลูกอมน่ะ ใครจับฉลากก็ต้องหวังรางวัลที่หนึ่งทั้งนั้นนั่นแหละ ไอ้นี่นิ รอบหน้าไปกับกูเลย เดี๋ยวจะสอยรางวัลที่หนึ่งในครั้งเดียวให้ดู!"

          "โห โห โห เต้เท่สุดๆไปเลยครับ จับครั้งเดียวได้เลยเหรอ สุดยอดๆๆ ฉลากเยอะมากๆเลยนะครับ เด็กๆไปจับ แป่วตั้งหลายคน"

          "เออ หน้าโรงเรียนใช่มะ-"

          "ใช่!!! นั่นแหละ! / ใช่!!! นั่นแหละ!"


          เต้สะดุ้งที่ผมกับน้ำชี้นิ้วแล้วตะโกนใส่พร้อมๆกัน คงไม่นึกว่าพวกผมจะพร้อมใจกันตอบขนาดนี้
พวกผมที่จนปัญญาหาทางออก จึงหันไปนั่งแอบฟังเพื่อนทั้งสองคนคุยกันอย่างสนุกสนานแทน ก็บังเกิดไอเดียจากการแอบฟัง นี่ไงครับ คำตอบ!


          อา ทำไมผมถึงคิดไม่ถึงกันนะ


          "พวกมึงก็รู้จักอาแปะแกเหรอวะ ไหงกูไม่รู้จักอยู่คนเดียว"

          "มึงนี่ไม่รู้เรื่องจริงๆเลยไอ้เต้ ไป เอาหัวมึงมุดหม้อไปซะ"

          "อะไรว้า บอกกูด้วยดิ"



          ไอ้น้ำกลอกตาครบทิศ เล่นตัวอีกนิดหน่อย ก็ไปกระซิบบอกแฝดคนละฝาของตัวเอง


          "น้ำกับหมูหย็องก็จะไปจับฉลากด้วยเหรอครับ แต่ว่า แต่บางวันลุงเขาก็ไม่ขี่จักรยานมานะ"


          อาแปะที่เทมพูดถึงคือคุณลุงคนหนึ่งที่อายุค่อนข้างเยอะมากแล้วครับ ถีบจักรยานมาขายไอศกรีมที่หน้าโรงเรียนประจำ นอกจากไอศกรีม ก็มีอย่างอื่นขายด้วย เรียกว่าร้านโชว์ห่วยเคลื่อนที่ยังได้เลยครับ ของเล่น ขนมเก่าแก่ที่เคยเห็นแต่ในอินเตอร์เนท แกก็ขนมาขาย ทีเด็ดคือฉลากสองบาทของแก ที่เด็กๆชอบไปจับกัน เห็นว่าตื่นเต้นดี เป็นฉลากที่เอามาขูดๆ รางวัลที่หนึ่งก็ได้เงิน ที่สองก็ได้ไอศกรีม ที่สามก็ได้ขนมอื่นๆ ที่เหลือก็ลูกอมที่เทมชอบนั่นแหละครับ


          ส่วนนี่เป็นทางออกของแผนการท่องเที่ยวของผมยังไงน่ะเหรอ?
          หึหึหึ



          "เฮ้ย ฉลาดว่ะ พวกมึงคิดได้ไงวะ สมแล้วที่เป็นลูกพ่อ"

          ไอ้เต้เอื้อมมือไปลูบหัวคนตัวเล็กของกลุ่มไปมา พลางทำหน้าตาซาบซึ้งปนปลื้มปิติ ประหนึ่งลูกได้รับปริญญาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งใส่ชุดครุยมาอยู่ตรงหน้า ไอ้น้ำก็ดิ้นขลุกขลักหลบลี้หนีมือใหญ่เป็นพัลวัน


          "ใครลูกมึงงงง มีมึงเป็นพ่อ กูเกิดจากกระบอกไม้ไผ่ดีกว่าอี้กกก ก็เมื่อกี้ได้ยินมึงคุยกับเทมไง"

          "โห ไอ้เทมนี่ก็เจ๋งนะเนี่ย สร้างปัญหา แก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองจบ เสร็จในคนเดียว"

          "อย่าปากหมาว่าเทมสร้างปัญหานะครับคุณฐานทัพ ถ้ายังอยากห่างไกลกับโค้ชบำรุง"

          "กระผม นายฐานทัพ ต้องกราบขออภัยมิสเตอร์ดิมิทรีด้วยขอรับกระผ๋ม"

          "งี้ก็ได้ไปแล้วแน่นอนสิวะ"

          "เออ / ครับ"

          "เยสสสสสสสสสสสสสสส!!!"



          เทมที่ยังงงๆก็หันมาเอียงคอสงสัยถามผม


          "ไปไหนกันเหรอครับ หมูหย็องจะไปไหนเหรอครับ เทมไปด้วยคนๆๆ"

          "เทมต้องไปกับหมูด้วยแน่นอนอยู่แล้วสิครับ หึหึหึ ไปเที่ยวด้วยกันตอนปิดเทอมไงครับ"

          เจ้าเด็กแสนขี้กังวลข้างตัวผมก็ทำหน้ากังวล สมที่ผมเรียกเจ้าตัว ผมเลยต้องยื่นมือไปลูบผมนิ่มเบาๆ

          "ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เชื่อหมูนะ ไม่มีปัญหาแน่ๆครับ มีอะไรที่หมูทำไม่ได้บ้าง"


          ใบหน้าที่กำลังวิตก พอหันมาสบตาอันแสนมั่นใจของผม ก็เหมือนกับก้อนเมฆฟ้าคะนองที่ถูกสายลมพัดให้กระจายออกไป เจ้าตัวยิ้มแฉ่งออกมา พลางทำท่ายืดอกภูมิอกภูมิใจในตัวผม


          "ไม่มีครับ! ซูเปอร์หมูหย็องของเทมเก่งที่สุด เก่งที่หนึ่งในโลกเลย!"


          ผมขยี้ผมเจ้าเด็กปากหวาน จนเจ้าตัวหัวเราะร่วนออกมา ผมเหม่อมองรอยยิ้มของเขา หลุดเข้าไปในภวังค์แสนสุข ยินดีที่ทำให้เขายิ้มได้
          แค่รอยยิ้มนี้ ขอแค่ได้มองรอยยิ้มที่มีความสุขนี้เท่านั้น  ไม่มีอะไรที่ผมทำไม่ได้เพื่อรอยยิ้มนี้หรอกครับ


          จะยากกว่านี้ก็จะทำ

          จะลำบากกว่านี้ก็จะหามาให้

          เพื่อรอยยิ้มของเด็กน้อยเพียงคนเดียวของผม จะได้ยิ้มให้ผมแบบนี้ตลอดไป




          "ซูเปอร์หมูนี่คือหมูที่อ้วนเป็นพิเศษหรือเปล่าวะ"

          "โง่จริงสัสเต้ ซูเปอร์หมู คือหมูพิเศษ ที่มีขาที่ห้างอกออกมาบนหัวต่างหาก!"



          อา


          ถ้าทำเพื่อให้ไอ้สองคนนี้หายไป ผมคิดว่าผมก็ทำได้ทุกอย่างเหมือนกันนะครับ....


          ขัดจังหวะจริงๆ


 








end 4 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2018 10:05:35 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao7: น้องเทมน่ารักกกกกกน่าฟัดมากกกกกกก  :hao7:

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter






▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    5   ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇





          เขาว่ากันว่า วันแรกมักจะเป็นวันที่เรารู้สึกว่ายาวนานเป็นพิเศษ ผมค่อนข้างเห็นด้วยนะครับ แค่เปิดเทอมวันแรก ผมก็รู้สึกว่าหลอดเลือดพลังชีวิตที่เก็บสะสมมาตลอดช่วงปิดเทอม ถูกดูดออกไปจนหร่อยหลอลงแล้ว
          หรืออาจจะเป็นเพราะอยู่แบบเอื่อยเฉื่อยมานาน พอต้องปรับตัวมาเป็นนักเรียนผู้ขยันขันแข็ง ร่างกายยังปรับสภาพไม่ทัน ผมก็ไม่ใคร่แน่ใจนัก

          "กว่าจะเลิกเรียน กูนี่แทบจะท่องตามโค้ชพูดได้ ถ้วยรางวัลนั่นน่ะ โค้ชต้องตั้งโชว์ไว้แบบแอบๆ กลัวคนรู้แล้วจะเกร็งที่ต้องคุยกับนักกีฬาทีมชาติที่เก่งขนาดนี้ โอ้โห เพื่อนกูกวาดมาเป็นสิบยี่สิบถ้วย เพื่อนกูยังไม่พรู่ดดด"

          ไอ้น้ำที่สะพายกระเป๋าเป้เรียบร้อย เดินมารอพวกผมที่กำลังเก็บหนังสือลงกระเป๋านักเรียน พูดนินทาครูประจำชั้นจำเป็นอย่างออกรส

          ไอ้เต้ลากแฝดไปลงนรกสิบนาทีด้วยกันมาครับ เรียกได้ว่า พอถึงช่วงพัก ไอ้เต้ก็รีบวิ่งพรวดไปลากคอไอ้น้ำมานั่งแหมะกับตัวเองทันที ถือคติถ้ายังไงก็ต้องโดน ขอลากคนอื่นไปทนทุกข์ด้วยนั่นเอง

          จากที่มีแค่ไอ้เต้หน้าเปื่อย ไอ้น้ำที่ถูกเกือบสาปเป็นกบแห้งจากเจ้ระเบียบประจำโรงเรียน และหมูหย็องหัวร้อน ตอนนี้ก็กลายเป็นไอ้เต้หน้าเปื่อย กับไอ้น้ำที่หัวร้อนบ่นไม่หยุดแทนครับ

          วันๆหนึ่ง คนเราสามารถพูดได้มากขนาดไหนกันแน่ อย่างไอ้น้ำนี่เอามันไปบันทึกสถิติโลกได้หรือเปล่า พูดเก่ง บ่นเก่งเหลือเชื่อเลยจริงๆ


          "เข้าใจความรู้สึกกูหรือยังล่ะ ครั้งหนึ่งกูเคยแซะกลับไปว่า อ๋อ ถ้าถ้วยรางวัลชนะทีมชาติ ของผมก็มีชนะเลิศจูเนียร์รุ่นเยาว์ที่เคยไปแข่งที่ฝรั่งเศษอยู่นะครับ แล้วมึงรู้ไหมโค้ชแม่งว่าไง มันบอกก็แค่รุ่นเยาว์จะเทียบอะไรกับรุ่นผู้ใหญ่ กระจอกๆ โอ้โห กูนี่อยากจะแหมไปให้ถึงดวงอาทิตย์ โคตรหัวร้อนแบบมึงเลยวันนั้น"


          ไอ้เต้ยิ่งฟังไอ้น้ำผู้ร่วมชะตากรรมมาด้วยกันพูด เหมือนโยนฟืนลงกองเพลิง มันนึกย้อนไปถึงอดีต ขุดทุกเรื่องราวที่คับอกคับใจมาเล่าแบบน้ำไหลไฟดับ จากที่ทำหน้าเปื่อย ตอนนี้สองเพื่อนเกลอแข่งกันบ่นไม่หยุดเลยครับ มากกว่าหัวร้อน ก็หัวลาวาไอ้พวกนี้นี่ล่ะ...


          "หมูหย็องครับ หมูหย็อง เราต้องไปนั่งฟังโค้ชช่วยเต้กันด้วยไหมครับ"


เทมยกมือป้องปากแล้วเอนตัวมากระซิบกับผมเบาๆ คงเห็นว่าเพื่อนลำบากก็น่าจะไปช่วยเพื่อนแบ่งเบา


          "บางครั้ง วิธีการช่วยที่ดีที่สุดคือการไม่ทำอะไรนะครับเทม ให้เพื่อนได้เติบโตด้วยตัวเองเถอะนะครับ..."


พอผมพูดจบ เพื่อนที่ผมอุตสาห์หวังดีให้ได้เติบโตด้วยลำแข้ง ก็หันมาถลึงตาใส่ทันที


          "มีแต่หูกูสิที่โต อย่าอื่นนี่ฟีบไปหมดแล้ว ด้วยเฉพาะสมองกูเนี่ย ฟังจนหลอน ถ้าคืนนี้กูเก็บไปฝันนะ กูจะแอบเอาหมามุ่ยไปโปรยใส่เก้าอี้แก เอาให้คันจนโม้ไม่ออกเลย"


          ตัวตนของผมในฐานะเพื่อนและประธานนักเรียนกำลังตีกันอยู่ครับ ระหว่างช่วยเพื่อนไปเดินเก็บหมามุ่ยกับหยิบโทรศัพท์มาอัดเสียงเก็บหลักฐาน ไม่รู้ควรจะเลือกทำอย่างไรดีเลยจริงๆ ไอ้เต้พยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย นี่ผมควรจดรายชื่อลงบัญชีหนังหมาเลยดีไหมครับ คิดว่าเหรียญตรานักเรียนดีเด่นปีนี้ ผมน่าจะได้สามปีซ้อนเลยทีเดียว




          "หมู เราขอเวลาสักแป๊บได้ไหม ขอคุยเรื่องตารางงานหน่อย"

          เปีย สาวน้อยที่มีเอกลักษณ์คือผมเปียสมชื่อ ตะโกนเรียกผมจากนอกห้อง ด้านหลังเปียมีคนในทีมคณะกรรมการที่คุ้นหน้าคุ้นตา ถือแฟ้มตามหลังอยู่อีกสองสามคน


          อา...
          คำว่าแป๊บเดียวของเปียนี่เชื่อถือไม่ได้พอๆกับเวลาที่ผู้ชายถูกถามว่าเคยดูหนังโป๊ไหม แล้วตอบว่าไม่เลยครับ


          "เต้กับน้ำกลับกันไปก่อนเลยแล้วกัน เทมจะลงไปเล่นข้างล่างรอหมู หรือจะไปห้องกรรมการนักเรียนกับหมูด้วยกันดีครับ?"

          เต้กับน้ำพยักหน้าเข้าใจ ว่าเย็นนี้สำหรับผมคงอีกยาวนานกว่าจะได้กลับบ้าน จึงหันไปกอดคอ เดินไป นินทาโค้ชจากไป พวกนี้มันรู้ตัวไหมครับ ว่ายังอยู่ในโรงเรียน เกิดแกเดินผ่าน แล้วได้ยินขึ้นมานี่ผมไม่ช่วยแน่ๆล่ะครับ


          เทมลังเล ท่าทางไม่อยากห่างจากผม แต่พอหันไปมองเหล่ากรรมการนักเรียนที่ส่งยิ้มมาให้ก็สองจิตสองใจ


          เทมที่ตัวติดหนึบกับผมตลอดเวลา แต่ถ้าต้องเข้าไปในห้องกรรมการนักเรียน เจ้าตัวยังยอมแพ้เลยครับ นอกจากมีคนที่ไม่รู้จักเยอะเดินเข้าออกเยอะ เพราะต้องมาดำเนินเรื่องต่างๆ ยังคุยกันแต่เรื่องที่ฟังดูน่าปวดหัว แถมมีแรงกดดันมากมายลอยละล่องเต็มห้องอีก ถึงเด็กน้อยของผมพอได้นั่งลงทำอะไรแล้วจะไม่สนใจโลกภายนอก แต่ก็ยกเว้นเสียงของผมเอาไว้ครับ ถ้าได้ยินเสียงผมอารมณ์ไม่ดี เจ้าตัวจะรีบวิ่งมาหาเลยทันที


          ไม่นับเวลาน้ำเสียงจิกกัด ยามคำโต้ตอบเฉือดเฉือนเวลาที่ข้อมติไม่ตรงกันของทีม เรียกได้ว่าถ้าไปนั่งฟังเฉยๆ ก็เหมือนพาตัวเองเข้าไปในดงสงครามย่อยๆนั่นแหละครับ กับเทมที่ยังเด็กอยู่ ก็คงคล้ายๆภาพพ่อแม่ตีกัน พวกผมเคยทะเลาะกันเพราะหาข้อตกลงร่วมกันไม่ได้ จนเทมร้องไห้จ้ากลางห้องเลยเชียวครับ ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่หนีบเจ้าตัวไปอีก เลือกถามความสมัครใจแทนดีกว่า


          แต่ข้อที่ยื่นให้เลือก ก็อยู่ในขอบเขตเซฟโซน เป็นเขตปลอดภัยที่อยู่ในสายตาผมนะครับ


          "อ้าว ให้เล่นข้างล่างทำไมล่ะ ไปห้องกรรมการด้วยกันสิ นี่หญิงเขาได้สมุดระบายสีโดเรม่อนแบบใหม่มาด้วยนะ ได้มาจากญี่ปุ่นเลย เห็นว่าเป็นแบบลิมิเต็ด จำนวนจำกัดเชียวนะเทม ไปด้วยกันสิ"


          เสียงของเปียฟังดูล่อหลอกเด็กน้อยไร้เดียงสาข้างตัวผมเป็นอย่างมาก
          เปิดเทอมใหม่มานี้ เตรียมตัวมาดีถึงขนาดร่วมมือกับหญิงให้หาเครื่องมาล่อเชียวหรือ
          ยัยตัวแสบ...


          เปียรู้ครับ ว่าถ้าเทมไปด้วย ผมจะไม่สามรถกลายร่างเป็นท่านประธานผู้เด็ดขาด หรือท่านประธานปีศาจอย่างที่พวกเธอชอบเรียกกันได้ แน่นอนล่ะว่าผมไม่ชอบเกรี้ยวกราดให้เทมเห็น ผมไม่อยากให้ภาพลักษณ์น่ากลัวๆติดตาคนที่ผมแอบรักไปหรอกนะครับ

          ใครๆก็อยากดูดีในสายตาคนที่ตัวเองชอบกันทั้งนั้นแหละ

          ผมหันไปสบตาเลขาของตัวเองเล็กน้อย รอยยิ้มเรียบร้อยบนใบหน้าน่ารักนั่น เหมือนกับกำลังท้าทายผมไปในตัว ผมคิ้วกระตุก ตั้งใจจะปฏิเสธ


          "โดราเอ่ม่อน! พี่ม่อนเหรอครับ จริงเหรอ จริงเหรอ งั้นเทมขอไปด้วยนะครับ!"


          อา ไม่ทันเสียแล้ว นางฟ้ากระโดดตะครุบเหยื่อซะแล้วล่ะ ผมถอนหายใจเล็กน้อย ถือว่าครั้งนี้ให้เธอชนะไปก่อนก็แล้วกัน เปียหันไปตีมือกับหญิงที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะเดินยิ้มหวานไปรอที่ห้องกรรมการนักเรียน


          ผมหันมามองเด็กตัวโย่งที่ยิ้มหวาน ฮัมเพลง อัง อัง อัง เพลงเปิดเรื่องของเจ้าหุ่นยนต์แมวแห่งโลกอนาคตอย่างอารมณ์ดี เห็นแก่ที่เทมอารมณ์ดี ผมจะไม่เก็บหนี้แค้นครั้งนี้ไว้แล้วกันนะครับเปีย


     "เทมครับ วันนี้ประชุมวันแรก มันจะหนักหน่อยนะรู้ไหม ถ้าไม่ไหวก็บอกหมูนะครับ เดี๋ยวหมูจะพาเดินไปส่งที่สนามเด็กเล่น"

          "ได้ๆๆๆ ได้ครับ ถ้าเทมหนักเดี๋ยวจะวางนะ"

          ไม่ได้หมายถึงกระเป๋าที่เอาของผมไปสะพายนะครับเทม เฮ้อ เจ้าเด็กน้อยแสนซื่อ




          พอเปิดประตูเข้ามาให้ที่คุ้นเคย สายตาเห็นแฟ้มที่ตั้งเรียงกันสูง พร้อมสมาชิกทีมสภาที่ตั้งหน้าตั้งตาเตรียมงานมาให้ผมตัดสินใจ ผมต้องรีบยกมือห้าม

          "ผมมีเวลาไม่มากนะครับ ได้ถึงแค่หกโมงเย็นเท่านั้น พอดีมีนัดทานข้าวกับคุณพ่อ"

          "หกโมงเองเหรอ... ได้ๆ ขอเวลาไปเลือกหัวข้อแป๊บนะท่านประธาน"

          ผมรีบเอ่ยบอกเวลาเส้นตาย ขีดเส้นเวลาไว้ก่อนเป็นดีครับ เรื่องที่ยังหามติไม่ได้ตั้งแต่เทอมก่อน ยังยาวเป็นหางว่าว กลัวคึกกันตั้งแต่วันแรกจนไม่ปล่อยให้ผมกลับบ้านก่อนตะวันตกดิน อันที่จริงเราประชุมกันทุกวันอังคารกับพฤหัส
          แต่มาเรียกผมตั้งแต่วันจันทร์ วันแรกที่เปิดเทอม...น่าจะคึกคักกันได้ที่เลยล่ะครับ


          "เทมจ๋าาา นี่ไง หญิงเห็นแล้วคิดถึงเทมเลย เห็นไหมว่ามีเพื่อนของโดเรม่อนตัวอื่นด้วยนะ"


          หญิงหยิบสมุดภาพเล่มใหญ่ออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้เทมที่นั่งเรียบร้อยรอ ต่อให้เป็นเพื่อนกัน แต่เทมก็ยังยกมือไหว้ขอบคุณเวลาได้รับของจากคนอื่นอยู่ดีครับ หญิงรีบโบกไม้โบกมือเป็นพัลวันว่าไม่เป็นไร


          "ขอบคุณครับ หญิงใจดีจัง แต่ถ้าเทมระบายหมดเดี๋ยวหญิงไม่มีเล่นไหมครับ เทมขอระบายแค่หน้าเดียวก็ได้นะ แต่ที่เหลือขออนุญาตยืมโทรศัพท์หมูหย็องมาถ่ายรูปไว้ดูก่อนนะ ได้ไหมครับ"

          "ไม่ต้องๆ หญิงให้เทมทั้งเล่มเลย หญิงซื้อมาตั้งหลายเล่มเลยนะ อันนี้ตั้งใจซื้อมาฝากโดยเฉพาะเลย"

          "จริงเหรอ จริงเหรอครับ ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวระบายเสร็จจะให้หญิงดูเป็นคนแรกเลยนะครับ อะ แต่ต้องให้หมูหย็องดูก่อน งั้นหญิงที่สองเลย! รอบก่อนหญิงบอกเทมระบายสีม่วงสวยใช่ไหม งั้นจะระบายสีม่วงเยอะๆเลยนะ"


          เทมยิ้มหวาน เหมือนเด็กชายตัวน้อยที่ประจบผู้ใหญ่ที่ให้ขนมตัวเอง พอเจอรอยยิ้มน่ารักประจบ หญิงทำท่าจะเป็นลม สงสัยจะโดนแอ็ทแท็คหัวใจไปน่ะครับ...ผมเข้าใจ ผมเข้าใจ


          หญิงมีน้องชายที่อายุห่างจากตัวเองมากสองคน แต่ซนยังกับลิง พอมาเจอเทมที่ดูนิสัยน่ารักหัวอ่อน ก็เลยอดจะโอ๋ไม่ได้ เห็นว่าเลือดพี่สาวมันร่ำร้อง เอาของเล่นของฝากน้องชายตัวเองมาแบ่งปันให้เทมเสมอๆ


          ทีแรกทุกคนก็รู้สึกแปลกๆนะครับ ที่เพื่อนวัยเดียวกัน จะมานั่งระบายสีเทียนหรือเล่นตุ๊กตาหุ่น แล้วก็แสดงออกเหมือนเด็กทั้งๆ ที่ตัวโตกว่าตัวเองไม่รู้ตั้งเท่าไหร่  แถมช่วงแรกที่ผมรับตำแหน่ง เทมยังไม่รู้จักใคร อาการเด็กพิเศษของเจ้าตัว ที่ไม่ยอมสบตา ไม่พูดกับคนแปลกหน้านั้นยังรุนแรงอยู่ แต่พอคุ้นชิน ทุกคนก็เข้ากันได้ดี


          ออกจะดีเกินไปด้วยซ้ำ เมื่อขนาดไม้ เหรัญญิกผู้แสนเงียบขรึม ยังเดินไปหยิบน้ำส้มจากตู้เย็นมาวางไว้ให้บนโต๊ะตรงหน้าเทม


          เทมนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำที่ของผมตรงท้ายห้องครับ กลางห้องจะเป็นโต๊ะยาวกับเก้าอี้อีกสิบตัว  ในห้องเต็มไปด้วยเอกสารต่างๆ มีตู้เย็นที่เอาไว้ใส่น้ำ ใส่ขนมเอาไว้ เพราะว่าบางทีก็อยู่ดึกลากยาวกันไปถึงค่ำมืด และวุ่นวายเกินกว่าจะเดินลงไปที่โรงอาหารยามหิว แล้วหน้าห้องก็จะเป็นไวท์บอร์ดขนาดใหญ่ ไว้ขีดเขียน อภิปรายเรื่องที่พูดคุยกัน


          อย่างที่บอกว่าโรงเรียนของผมเน้นกิจกรรมนักเรียนมาก และการปกครองกันด้วยตัวเด็กนักเรียนเอง ก็ดูจะเป็นการเด็กเข้าใจเด็กมากกว่า และเป็นการเสริมพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์และเข้าสังคมของนักเรียนด้วย เลยเป็นอะไรที่จริงจังขนาดมีห้องแยกให้นี่แหละครับ

          ไม่ใช่แค่เฉพราะห้องสภาของประธานนักเรียน แต่ชมรมของที่นี่ก็มีห้องประจำให้หมดเลยครับ นักเรียนทุกคนต้องมีชมรมอยู่อย่างน้อยสองชมรม เรียกว่าให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่นักเรียนสนใจกันสุดๆ จนถึงขั้นยัดเยียดเลยล่ะครับ ไม่ทำก็ไม่ได้ เป็นคะแนนช่วยได้ดีเวลาคะแนนสอบไม่สวยเสียด้วย


          "มีน้ำแอปเปิลด้วยนะ นายจะกินไหม"


          ไม้เอ่ยถามเสียงเรียบ ท่าทางดูดุ ขัดกับนิสัยใจดี เทมส่ายหัว ก่อนยกมือไหว้ขอบคุณไม้ด้วยความเคยชิน ไม้ตบหัวเทมปุๆ ก่อนจะเดินออกมานั่งประจำที่ พอเด็กน้อยของผมเริ่มหยิบสีเทียน ก้มหน้าก้มตาระบายสีอย่างตั้งอกตั้งใจ จนผมแน่ใจว่าสมาธิของเจ้าตัวมุ่งตรงไปแค่ที่สมุดระบายสีตรงหน้าแล้ว ผมก็เดินไปที่หน้ากระดาน


          "เริ่มที่งานจบของรุ่นพี่มอหกเป็นไง"

          เลขาคนเก่งของผมหยิบหัวข้อได้น่าปวดหัวมากครับ ข้อแรกก็เหนื่อยแล้ว เสียงโอดครวญของหลายคนในห้องดังขึ้นมาอย่างพร้อมเพียง


     เลี้ยงส่งพี่มอหก ยังตัดสินใจกันไม่ได้ครับว่าจะทำยังไง คอนเสิร์ต แน่นอนว่ามีทุกปี แต่แขกรับเชิญพิเศษที่จะเชิญมา จะจองตัวไว้นานๆก็ไม่ได้ เพราะก็ต้องดูกระแสความนิยมด้วย ถ้าถึงช่วงเดือนที่จัดงาน เกิดไม่เป็นที่นิยมแล้ว งานก็คงจะกร่อยน่าดู เลยต้องจับกระแสลมความดังของแขกรับเชิญ ที่สุดแสนจะแปรปรวนและไม่แน่นอนให้ถูกจังหวะ ยากนะครับ เพราะความนิยมชมชอบของเหล่าเด็กวัยรุ่น เปลี่ยนแปลงแทบจะรายวันจนเหมือนเล่นหุ้นก็ไม่ปาน


          เรื่องเซอร์ไพรส์ก็เป็นอีกเรื่องที่เราจะทำส่งท้ายให้รุ่นพี่ที่จบ เรียกได้ว่าน่าปวดหัวกันมากครับ คิดกันหัวแทบแตกตั้งแต่ต้นปีก่อน จนตอนนี้ก็ยังลังเลตัดใจเลือกกันไม่ได้สักที พวกรุ่นพี่ก็ต่างคาดหวัง จะทำออกมาง่อยๆ ทำแบบมักง่ายก็คงไม่ได้ ที่สำคัญก็คือ เราต้องดำเนินเรื่องขอความร่วมมือกับหลายชมรมมาก เพื่อให้งานออกมาเป็นไปได้ด้วยดี และต้องกระจายงานให้ครบทุกชมรม เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วม ซึ่งชมรมมีอยู่ทั้งหมดยี่สิบแปดชมรมครับ...ดีว่าไม่ต้องกระจายให้ชมรมย่อยด้วย ไม่งั้นเห็นที กว่าจะดำเนินแจกจ่ายงานเสร็จ น่ากลัวว่าพวกรุ่นพี่คงจะได้เรียนจบมหาลัยกันเสียก่อน


          "เอาเรื่องยากให้จบๆไปก่อนเถอะ มีงานกีฬาสีอีกนะ กับคริสต์มาส เคลียร์สามเรื่องใหญ่เสร็จ ปีนี้พวกเราก็นอนตีพุงกันได้แล้ว"


          เปียว่าอย่างเหนื่อยๆเหมือนกัน ก็จริงครับ ผมว่าทำเรื่องยากให้สำเร็จเสร็จสิ้นก่อนดีกว่า เผื่อเวลาผิดพลาดขึ้นมาจะได้มีเวลาแก้ไขให้ทันด้วย



          "แล้วแบบสอบถามที่ผมส่งให้ไปทำล่ะครับ ผลออกมาว่ายังไงบ้าง"

          "ส่งไปถามของรุ่นน้อง1-3กับรุ่นพี่4-5แล้ว ก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่าไหร่ มีเฮลิคอปเตอร์ กับลิมูซีนไปรับเหมือนเดิม"

          "ลิมูซีนขอให้ใช้เป็นบรรทัดฐานของทุกปีเลยครับ ผมว่าเฮลิคอปเตอร์ มันลำบากเกินไปสำหรับชุดราตรี เวลาใส่เข็มขัดนิรภัยรัดชุดยับ กับลมแรงๆ ทำผมที่เซทไว้พัง ผู้หญิงไม่น่าจะชอบใจ"

          "ที่หมูพูดมาก็ถูกนะ เราว่าใช้รถไปรับสวยคลาสิคที่สุด นั่งมาสวยๆกันดีกว่า แถมเอางบประมาณของเฮลิคอปเตอร์มาใช้ในส่วนของการจ้างศิลปินดีกว่าไหม"

          "คอนเสิร์ตปีนี้ ศิลปินรับเชิญที่คิดเอาไว้มีใครบ้าง"

          "ก็มีวง abc กับศิลปินเดี่ยว xxx หรือไม่ก็ดาราคู่ขวัญ xyz"

          "โห ดังเอาเรื่องเลยนี่น่า!! ดึงตัวมาได้เหรอ คุณ xxx น่าจะอยู่ในช่วงดังเปรี้ยง ขาขึ้นสุดๆเลยนี่"

          "เป็นญาติของเพื่อนสนิทน่ะ เลยขอตัวมาได้"

          "เออ ชมรมดนตรีขอให้รีบตัดสินใจเรื่องเลือกศิลปินรับเชิญก่อนเลยนะ เพราะต้องไปตกลงเรื่องเพลง กับหาวันซ้อมให้ตรงกันก่อนสักสามครั้ง"

          "ได้ แต่ถ้าดูจากงบประมาณ เฉลี่ยความชอบแล้ว เราว่านักร้องวง  abc ดีที่สุดนะ"

          "แต่เราว่าถ้าเป็นดาราคู่ขวัญ xyz ดีกว่านะ ช่วงจัดงานเลี้ยงจบ ละครก็เปิดออนแอร์ภาคต่อพอดีด้วย"

          "แต่เราว่าศิลปิลเดี่ยวคนนี้ ร้องเพลงโทนกินใจได้มากกว่า แถมแค่คนเดียว ทำให้ชมรมดนตรีไม่ต้องปรับอะไรเยอะมากนักด้วยนะ"

          "ขอค้าน ยิ่งเป็นคนเดียว ยิ่งน่าจะยาก แล้วแนวดนตรีก็คนล่ะทางกับชมรมดนตรีของเรา ที่ถนัดแนวร็อค แนวป็อบมากกว่า"

          "งั้นอาจจะต้องไปขอความร่วมมือกับชมรมดนตรีคลาสสิคสิ"

          "ไม่ได้หรอก คลาสสิคถูกจองคิวไว้ช่วงเต้นรำแล้ว ยังไงช่วงเต้นรำก็เปิดแผ่นไม่ได้ ต้องดนตรีสดเท่านั้น"



          ยิ่งเสนอความคิดก็ยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆครับ ผมที่ต้องฟังทุกคนพูดให้ทันแล้วเก็บมาชั่งน้ำหนักทางความคิดยิ่งหนักใจ แต่ละคนความคิดก็ดี แต่พอเสนอความคิดเห็น ฝ่ายค้านจะค้านมาเรื่อยๆ เมื่อเห็นช่องปัญหา ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายผมต้องรีบรุดแยกก่อน


          "รบกวนเอาผลโพลแบบสอบถามมาเสนอด้วยครับ"

          "อะ จริงด้วย มีทำโหวตไว้ในเว็บบอร์ดโรงเรียนนี่น่า"

          "อืม...มีวง abc กับดาราคู่ขวัญที่คะแนนเท่ากันอยู่นะ เอายังไงดีหมู"

          "ทุกคนเขียนชื่อคนที่ตัวเองต้องการให้มาเป็นแขกรับเชิญ แล้วส่งกระดาษขึ้นมาให้ผมครับ เปียรบกวนรวบรวมมาให้ผมที สามนาทีนะครับ เริ่มได้เลยครับ"


          เปียพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะฉีกกระดาษแล้วเขียนโหวตของตัวเองส่งให้ผม แล้วเดินไปรับโหวตจากเพื่อนๆกับมือ พอครบทุกคนแล้วก็เอามาให้ผมที่ยืนรอนับคะแนนอยู่


          "มติเป็นเอกฉันท์ที่ดาราคู่ขวัญนะครับ แต่ถ้าการมาพูดคุยเฉยๆ ผมว่ามันธรรมดาไปหน่อย รบกวนให้แขกรับเชิญ หาเพลงมาร้องคู่กัน แล้วก็การแสดงละครสดคู่กันสักหน่อยเพิ่มไปด้วยนะครับ ส่วนเรื่องที่ใช้แสดง ขอให้ทางชมรมนักเขียนเขียนบทมาให้นะครับ จัดการประกวดแต่งเรื่องมาด้วย แล้วค่อยเอาผู้ชนะกับชมรมนักเขียนมาเปิดโหวตอีกที เพื่อเป็นกิจกรรมของนักเรียนคนอื่นให้ร่วมสนุก ผู้ชนะจะได้สิทธิ์พิเศษได้เข้าไปพูดคุยกับนักแสดงบนเวที"

          "ระยะเวลาการประกวดล่ะคะ?"

          "หนึ่งเดือนครับ เริ่มประกาศตั้งแต่พรุ่งนี้ได้เลย"


          ขิมฝ่ายประชาสัมพันธ์พยักหน้ารับหน้าที่ไปทันที เปียลุกขึ้นมาเขียนหัวข้อที่สรุปกันได้แล้วบนกระดาน ระหว่างที่ผมกำลังเลือกหัวข้อที่จะมาพูดคุยกันต่อไป


          "หัวข้อต่อไปคือเรื่องเซอร์ไพร์สครับ กับของขวัญ"

          "ฉันอุตส่าห์ไม่แตะหัวข้อนั้นแล้วเชียว..." เปียบ่นพึมพำออกมาเบาๆ

          "ของขวัญปีก่อนที่เป็นน้ำหอมสั่งทำพิเศษ ผลตอบรับก็ค่อนข้างโอเคนะครับ ปีนี้ทุกคนคิดว่าควรเป็นอะไรดีครับ?"

          "เอาเงินใส่ซองแจกเลยได้ไหม ฮือ คิดไม่ออก"

          "เออ เอาเงินใส่ซองไปเถ๊อะะะ เล่นจะเอาไม่ให้ซ้ำกันทุกปีแบบนี้ โรงเรียนเปิดมาตั้งกี่สิบปีแล้ว"

          "อย่าโอดครวญครับ เสนอความคิดเห็น สามนาที เดินมาเขียนไอเดียของขวัญที่ไม่ซ้ำกับรุ่นพี่ที่เรียนจบไปปีก่อนๆบนกระดานคนล่ะสามอย่างด้วยครับ"

          "โหหหหหหหห / โหหหหห / โหหหห / โห สามเลยเรอะ!"

          "อย่างเดียวยังคิดไม่ออกเลย..."

          "อีกสองนาทีนะครับ ใครมาเขียนก่อนได้เปรียบนะครับ คนที่เขียนซ้ำ จะได้เป็นของขวัญพิเศษ คือรับหัวข้องานคิดชุดธีมแต่งตัวเป็นอันดับต่อไป"


          ผมกวาดสายตามองทีมสภาของตัวเองรอบๆห้อง สบตานับสิบคู่แล้วยิ้มเย็นที่มุมปาก

          ไม่ถึงเสี้ยววิ เสียงเลื่อนเก้าอี้ของทุกคนพร้อมเสียงรองเท้าวิ่ง ก็กู่กันมาตรงหน้ากระดาน พลางแย่งกันเขียนเสนอความคิดกันยกใหญ่

          ความกดดันนี่ดีต่อความคิดสร้างสรรค์จริงๆเลยนะครับ ว่าไหม?



          "เฮ้ย กูเขียนก๊อน อย่า อย่าเขียนอันนั้นลงไป กูจองไว้แล้วในความคิดเมื่อกี้ เอาน้ำลายป้ายไว้แล้วด้วย!"

          "ใครเร็วใครได้สิยะ"

          "เฮ้ย ปากกาหมึกหมด อย่า อย่าเริ่มเขียนตัวอักษรนั้นเชียวนะ! กูรู้นะว่ามึงจะลอกความคิดกู๊"

          "ไอ้คนทรยศศศศศ"



          สงครามแย่งชิงไอเดียจบลงที่สี่นาทีกว่าๆ ถือว่าเวลาดี พอจะหยวนให้ได้ครับ
          กระดานสีขาวที่เคยสะอาดตา ตอนนี้เต็มไปด้วยหลากลายมือ ที่กระจายเขียนชื่อสิ่งของ สิ่งต่างๆมากมายจากสมองที่ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีนำเสนออยู่ทั่วกระดาน


          ผมกวาดสายตาไล่อ่านแต่ละอย่างอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะสะดุดกึก


          "ใครเป็นคนเขียนเหล้ายาดองประจำรุ่นครับ จากลายมือ...อืม ตี๋ คุณมาทำความสะอาดห้องกรรมการสองอาทิตย์ แล้วก็ไปคัดกฎของโรงเรียน ข้อที่ว่าด้วยห้ามนำสิ่งของมึนเมาเข้ามาในโรงเรียน สิบหน้ากระดาษเอสี่มาส่งผมก่อนวันศุกร์ด้วยนะครับ"

     "อ้ากกก! เผลอตัวเขียนไป ท่านประธานอภัยให้ผมเถอะครับ"


          ผมสบตาตี๋ ปากขยับเป็นรอยยิ้มเย็น เป็นรอยยิ้มประจำตัวที่มีไว้ไม่ให้ใครปฏิเสธ กอปรกับสายตากดดันส่งไปให้ ตี๋คอตกก้มหน้ารับชะตากรรมไปอย่างยอมแพ้ พอเห็นว่าเขายอมรับโทษแล้ว ผมก็เลิกสนใจ หันมาอ่านบนกระดานต่อ



          อืม...ที่น่าสนใจก็มีหลายอย่าง
          ผมเดินไปหยิบปากกาเมจิคสีแดงวงสิ่งที่น่าสนใจ และอยู่ในงบประมาณความเป็นไปได้

          แล้วก็ต้องมาสะดุดอีกครั้ง...

          กรรมการนักเรียนท่านนี้นี่ถูกเลือกมาโดยการเอาสแตมป์ไปแลกหรือเปล่าครับ

          เกาะส่วนตัว


          เขียนมาได้...


          แจกเกาะส่วนตัวรุ่นพี่ที่เรียบจบทุกคนได้นี่ก็ไม่ต้องเปิดมันแล้วครับโรงเรียน เอาเงินไปซื้อแผ่นดินเลยไม่ดีกว่าหรือ แจกเกาะส่วนตัวนักเรียนสักสองร้อยคน ได้พอดีล่ะครับ คงซื้อที่ได้สักจังหวัด
          ผมตวัดสายตาไปมองเอ็ม เหมือนเจ้าตัวจะรู้ตัวว่าเขียนอะไรออกมา หัวเราะแห้งแล้งให้ผมก่อนจะรีบหลบสายตาผมแล้วทำเนียนเป็นก้มหน้าก้มตาตั้งใจอ่านเอกสารตรงหน้า


          "ครับ ที่ผมวงไว้ก็คือสิ่งที่น่าสนใจ และเป็นไปได้ในหลักของความเป็นจริง แน่นอนว่าจะไม่มีรุ่นพี่มอหกคนไหนได้เกาะส่วนตัวไปเป็นของขวัญเรียนจบนะครับ"

          "ตั๋วพร้อมที่พักท่องเที่ยวนี่ก็โอเคนะ เพราะมอหก อาจารย์ให้โฟกัสเรื่องเรียนต่อ จนรุ่นพี่บางคนก็ยุ่งเรื่องหามหาลัย ทำให้ไม่ได้เข้าร่วมทัศนศึกษากันก็เยอะ ได้ความทรงจำก่อนจะจากกันแยกย้ายไปเรียน เราว่าก็ดีไม่น้อย งบเท่ากับทัศนศึกษาด้วย คิดง่ายเลยใช่ไหมไม้"


          หญิงออกความคิดเห็นพลางถามความคิดเห็นผู้ดูแลเงินงบประมาณ

          "ได้" หัวหน้าฝ่ายเหรัญญิกผู้เงียบขรึม เอาจริงเอาจังตอบรับสั้นๆ

          "มันจะไม่ไปซ้ำกับรุ่น 46 หรือ เหมือนจะจำได้ว่ารุ่นนั้นก็ไปเที่ยวยกรุ่นไหมอะ"

          "ไม่หรอกครับ เราก็ไปคนละที่ แค่นี้ก็ไม่ซ้ำแล้ว"

          "เล่นง่ายงี้เลยเรอะ..."

          "ถ้ามีความคิดที่ดีกว่าก็เสนอมาได้นะครับ"

          "แฮ่ เป็นความคิดที่เลิศประเสิรฐศรีมณีเอี่ยมอ่องสุดๆไปเลยครับผ้มมม"

          "งั้นก็ได้ข้อสรุปของขวัญเรียนจบเป็นการท่องเที่ยวนะครับ วิธีการเซอร์ไพร์ส ผมคิดว่าการหาสมับติทั่วโรงเรียนแบบคราวก่อนๆ ค่อนข้างวุ่นวายและรบกวนเวลาเรียนของคนอื่นมากเกินไป มีวิธีอื่นที่น่าสนใจไหมครับ?"

          "เอาบัตรเชิญซ่อนไว้ที่โต๊ะหรือไม่ก็ล็อกเกอร์แบบครั้งน้ำหอมไหม? สะดวกดีนะ เรียบง่ายแต่คลาสสิค"

          "ซ้ำซากไปครับ ไม่ผ่าน"

          "ส่งนกฮูกบินไปหาเหมือนแฮร์รี่พอตเตอร์เลยไหมล่ะ"

          "เอาไปยี่สิบคะแนนเรเวนคลอเลยแจ้ ชอบว่ะ ฮ่าๆ"

          "ติดลบร้อยคะแนนเรเวนคลอเลยครับ อยากโดนข้อหาทารุณกรรมสัตว์หรือไงกัน แจ้กับโอม ไปคัดข้อกฎหมายมาคนละสิบหน้าเอสี่ส่งวันศุกร์พร้อมกับเอ็มด้วยนะครับ"



          เอ็มหันไปยักคิ้วให้เพื่อนร่วมชะตากรรมคัดสิบจบอย่างแจ้กับโอม ที่อ้าปากค้างเพราะความซวยตกทับหัว



          "งั้นเป็นใส่ไว้ในลูกโป่ง แล้วขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง ให้เอาไปไว้ในห้องนอนไหม แบบนี้ก็ดูดีนะ ตื่นเช้ามาต้องตกใจแน่ๆ คงคิดไม่ถึงว่าเราจะรุกเข้าไปถึงในห้องนอน"

          "เป็นความคิดที่ดีครับ ยกมือถ้าเห็นด้วยครับ"



          สภานักเรียนลงมติอย่างท้วมท้น



          "ต่อไปก็เป็นเรื่องอาหารกับธีมชุด..."


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2018 09:52:26 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter

          ขนาดวันแรกของการเรียน โรงเรียนจะเลิกไวเป็นพิเศษ
วันนี้พวกผมเลิกเรียนตั้งแต่บ่ายสองโมง แต่กว่าผมจะได้โบกมืออำลารั้วประตูสีขาวที่ติดตราประทับสิงโตสามหัว สัญลักษณ์ของโรงเรียนสิงหสารสารทวิทยา ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสี เข้มสั้นของนาฬิกาชี้ไปที่เลขหก  การประชุมลากยาวไปถึงสี่ชั่วโมง...


          กว่าการประชุมจะเลิกก็เล่นเอาโทรศัพท์ของผมสั่นครืนไม่หยุดด้วยสายเรียกเข้าจากคุณพ่อที่โทรตาม แรงสั่นทำเอาเทมปุระที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเผลอหลับไปตอนไหน เดินงัวเงียถือโทรศัพท์มาหาผม บอกคุณป๊าให้รีบกลับบ้านด่วน ผมถึงได้เพิ่งรู้สึกตัว ว่าควรจบการพูดคุยแต่เพียงเท่านี้


          ตอนนี้พวกผมอยู่บนรถตู้ที่ลุงชื่นขับมารับอย่างตรงเวลา ผมเอ่ยขอโทษคุณลุงคนขับประจำของผมเล็กน้อย เนื่องเพราะผมสะเพร่าลืมโทรแจ้งว่าวันนี้ผมจะกลับเย็น ทำเอาลุงชื่นต้องรอผมถึงสามชั่วโมง


          บนรถตู้สีดำคันใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรถแรงกี่ร้อยแรงม้า จะรถสปอตเปิดประทุนคันตรงหน้า หรือรถมอไซค์แต่งเครื่องเพิ่มความเร็วด้านข้าง ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อไฟแดง ที่คงสีแดงไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลายกว่าสิบนาทีแล้ว การจราจรยามเย็นเป็นไปอย่างติดขัด และโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุดในกระเป๋ากางเกงของผมก็น่ารำคาญไม่ใช่เล่นเลย


          ผมเลือกที่จะหยิบออกมาแล้วเข้าไปในกลุ่มไลน์ เพื่อบอกให้ใครสักคนช่วยบอกคุณพ่อให้สงบ เรากำลังจะถึงบ้านใน...อืม ผมคิดว่าน่าจะภายในชาตินี้นะครับ ถ้าไฟมันจะเขียวสักที


LINE

กลุ่ม FML ฟมล แฟมิลี่ที่แปลว่ากรอบคั่ว เอ้ย ครอบครัว


MOO DIMITRI : อยู่บนรถกำลังกลับ บอกป๊าหยุดกระหน่ำโทรมาที

J DAD&HUS : ทำไมไม่รับโทรศัพท์พ่อวววววววงงงงครับรูกกกก

J DAD&HUS : เอาน้องเทมเทมไปซ่อนไว้ที่ไหน วาร์ปมาเดี๋ยวนี้

เรียกข้าว่าราชาด้วง : เฮียหมูๆ บอกรหัสห้องหน่อยดิ จะเข้าไปยืมหนังสืออ่ะ

KAI ไก่ไม่ใช่ใคร : นังด้วงตอแหล มันจะเข้าไปขโมยแม็คบุ้คแกมาเล่นเกม ของตัวเองลืมไว้ที่โรงเรียนนู่น ยังไม่เปิดเทอมเลยเข้าไปโรงเรียนไม่ได้ จะลงแดงขาดเกมตาย

เรียกข้าว่าราชาด้วง : อ้าว อาเจ้ ทำไมมาแฉกันอย่างนี้ล่ะ ป๊าาาาา เจ๊ไก่ด่าหย็องว่าตอแหล

J DAD&HUS : รับสายพ่อหน่อยยยยยยยยยยยย ใจจะขาดแล้วเอยยย

เรียกข้าว่าราชาด้วง : พ่อๆ ลูกอยู่นี่ไง ลูกหย็องเอง

เ นื้ อ ห ย อ ง : หมาหัวเน่าเขียนแบบนี้

เรียกข้าว่าราชาด้วง : ....ใบลาออกจากตะกูลอยู่ไหน!

ปา ปลากดว่าเป็งปลาป๋อง : จำปาจำไม่เคยได้เลยค่ะ ว่ามีคนคนนี้อยู่ในตระกูลด้วย @หญิงแม่ เคยคลอดคนคนนี้ออกมาด้วยเหรอคะ อุต๊ะ ตกใจ

MRS.EREN : นอกจากจำปาลูกสาวหม่อมแม่ ที่เหลือซื้อข้าวสารแล้วเขาแถมมาค่ะคุณลูกขา

เรียกข้าว่าราชาด้วง : ป๊าๆ งี้ส่วนแบ่งมรดกก็เหลือแค่ไม่กี่คนใช่เปล่า

KAI ไก่ไม่ใช่ใคร : รักป๊าที่สุดในโลก

เรียกข้าว่าราชาด้วง : เฮ้ย เจ้ไก่ขี้โกง บอกตัดหน้า หย็องรักป๊ามากกว่าเจ้ไก่พันๆๆๆเท่า

J DAD&HUS : อุ้ย ลูกรุมรัก เบื่อความฮอตของตัวเอง อิอิ เอาหุ้นไปเพิ่มคนละสิบเปอร์เซนเลยจ้าาา

MRS.EREN : นังสามีไม่รักดี นังสามีแพศยา เห็นของแถมดีกว่าเมียในไส้ เรื่องนี้ต้องถึงคุณครูเอนเดอร์สันแน่!

ปา ปลากดว่าเป็งปลาป๋อง : กรี๊ด กรี๊ด หม่อมแม่อย่าไปยอมนะคะ เราต้องฮุบสมบัติของพวกนังลูกเลี้ยงมาให้ได้ จำปามีปราด้าอีกหลายคอลเลคชั่นที่อยากได้ กรี๊ด กรี๊ด



          แล้วผมก็กดออกจากกลุ่มหลังจากเสียงกรี๊ดครั้งที่สี่ของเฮียปลาครับ...
บอกลุงชื่นขับออกนอกประเทศไปเลยได้ไหมครับ จู่ๆก็รู้สึกว่าดีแล้วที่รถติดขึ้นมาเลยครับ

          อยากอยู่นั่งมองไฟแดงไปนานๆเลยทีเดียว


          ผมหยิบโทรศัทพ์ไปใส่กระเป๋าเป้ไว้แทน ก่อนจะหันมามองคนที่กอดตุ๊กตาแมวสีฟ้านั่งตาปรืออยู่ข้างๆ บนรถมีอีกหลายตัวเชียวครับ ทั้งแบบเป็นหมอนรองคอ ผ้าห่ม แบบเป็นตัวใหญ่เลยก็มี แผ่นติดกันแดดด้านฝังของเทมก็เป็นลายเดียวกันกับหุ่นยนต์แมวที่เจ้าตัวกอดอยู่ พร้อมแก้วน้ำเก็บความเย็นครบเซ็ท ตรงกระเป๋าข้างหน้าก็มีรูบิก กับเกมปริศนาต่างๆที่ไม่พ้นเป็นลายที่เจ้าตัวชอบ ที่ผมซื้อมาติดรถไว้ให้เองครับ แก้เบื่อเวลารถติดนานๆ


          เทมที่ตาปรืออ้าปากหาวหวอด ดูเหมือนองค์ชายตัวน้อยที่มัวแต่เล่นซนจนอดหลับอดนอน
          อ่า ไม่น่ารีบเก็บโทรศัพท์ไปเลยครับ น่าจะถ่ายรูปเจ้าชายใกล้นิทราตรงหน้านี้ก่อน


          แต่ถึงจะอยากยื่นหมอนยื่นผ้าห่มแล้วร้องเพลงกล่อมฝันดีเจ้าตัวแค่ไหน ก็ให้นอนตอนนี้ไม่ได้หรอกครับ ไม่งั้นเดี๋ยวตอนกลางคืนจะงอแงไม่ง่วง ไม่อยากนอนเอา เมื่อเย็นก็เผลองีบไปแล้วด้วย  น่ากลัวว่าคืนนี้เจ้าตัวอาจจะนอนไม่หลับยันดึกดื่นเป็นแน่แท้ ผมเอื้อมมือไปเขย่าคนที่กำลังจะเคลิ้มหลับ


          "เทมอย่าเพิ่งนอนนะครับ นอนตอนนี้เดี๋ยวกลางคืนจะไม่ง่วงเอานะ"

          "แต่เทมง่วงมากเลยครับหมูหย็อง ระบายสีก็ยังไม่เสร็จเลยด้วย หิวด้วย รถติดนานจังเลยครับ หมูหย็องก็ไม่ให้เทมนอนอีก"


          เทมมุ่ยปาก พูดพึมพำออกมาเบาๆ คงจะทั้งหิวแล้วก็ง่วงมากนั่นแหละครับถึงได้งอแงขึ้นมา เจ้าตัวเอาหน้าซุกตุ๊กตาพลางหันหนีผมไปอีกทาง หึ ง่วงแล้วมาพาลงอนผมนะ เจ้าเด็กโข่งขี้งอนนี่


          "หันมาทางนี้สิครับ ไหนเอาสมุดระบายสีมาโชว์หมูหน่อย ว่าเสร็จไปถึงไหนแล้ว"


          ผมลูบหัวที่มีผมนุ่มนิ่มกระจายตัวอยู่แผ่วเบา ใบหน้าอ่อนวัยที่เริ่มหล่อเหลาขึ้นเรื่อยๆ นั้นค่อยๆเอียงคอหันมามองผม แต่ร่างสูงยังไม่ยอมโผล่หน้าออกมาดีๆ โผล่ออกมาแค่ลูกตาสองข้าง ซ่อนใบหน้าครึ่งล่างไว้ที่พุงตุ๊กตาสีฟ้าสดใส

          หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปทันไหมครับ...องศานี้น่ารักกระแทกใจผมมาก


          "งั้นหมูหย็องก็เล่ามาก่อนสิครับ วันนี้หมูหย็อง...เหนื่อยหรือเปล่า?"


          ผมสบตาสีน้ำตาลอ่อน ที่ตอนนี้ความมืดของรอบข้างผลักดันให้สีน้ำตาลอ่อนใสนั้นดูเข้มขึ้นเล็กน้อย
นัยน์ตาแสนสวยนั่นมองมาที่ผมด้วยความเป็นห่วง


          อา...

         รู้สึกเรี่ยวแรงที่ใช้ออกไป ได้รับการชาร์ตพลังกลับคืนมาเต็มหลอดเลยครับ การที่เราเหนื่อยๆ แล้วแค่มีคำถามใส่ใจอย่างเหนื่อยไหมจากคนที่เป็นห่วงเรานี่มันดีจริงๆนะครับ

          เทมผละมือที่โอบกอดตุ๊กตานุ่นนั่น แล้วมาหยุดที่ใบหน้าของผม มือของเขาลูบลงมาที่แก้ม เกลี่ยไปมา
เหมือนกับอยากช่วยขับไล่ความเหนื่อยล้าให้ออกไป ก่อนจะหยุดนิ่งค้าง

          เรายังคงสบตากัน ผมเอียงคอแนบใบหน้ากับมือแกร่งที่อุ่นร้อน


          "บางที..."

          "ถ้าได้กำลังใจจากเทมอีก...สักครั้ง..."

          "หมู...ก็คงหายเหนื่อย...ล่ะมั้งครับ?"


          ผมทอดเสียงหวานเอ่ยทิ้งช่วงออกไปอย่างจงใจ พร้อมแนบใบหน้าชิดใกล้ฝ่ามือร้อนที่เกร็งขึ้นมาเล็กน้อยนั่นมากยิ่งขึ้น มือใหญ่เหมือนจะผละออก แต่ผมก็ใช้มือที่เล็กกว่าของตัวเองซ้อนทับเอาไว้


          แก้มที่แดงระเรื่อบ่งบอกว่าสัญชาติญาณเขารับรู้ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจ
          ว่าอะไรคือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น


          เทมดูตกใจและแปลกใจ
          แต่ผมก็ยังไม่ปล่อยเขาไป


          อีกนิด

          อีกนิดเดียว

          ขอแค่อีกนิดเดียวเท่านั้น

          ผมเอ่ยเสียงอ่อนหวานออดอ้อนสำทับเขาไปอีกครั้ง


          "...นะครับ?"


          และผมเป็นคนรอบคอบ...

          นึกกลัวว่าเขาจะลืมวิธีการให้กำลังใจ ว่าแบบไหนที่ผมต้องการ
          จึงแสดงให้เขาดู

          ด้วยอะไรที่ชัดเจนยิ่งกว่า คำอธิบายใดๆ

          เรียวปากร้อนของผมประทับลงกับฝ่ามือของเขา


          นิ่งค้างและยาวนาน


          ดวงตาสีฟ้าสดของผมเหมือนจะเข้มขึ้นมาเมื่อตอบรับสายตาประหลาดจากนัยน์ตาสีน้ำตาล แสงจากเสาไฟที่พาดผ่าน ยามรถเคลื่อนตัว เป็นแสงสว่างเพียงอย่างเดียวที่อาบไล้พวกผมอยู่ ความมืดของราตรีห่อหุ้มพวกเราไว้ และบรรยากาศแปลกประหลาดที่ห่อพวกเราเข้าไว้ด้วยกันอีกชั้น

          ก็ทำให้สายตาที่เรามองกันนั้น แปลกประหลาดขึ้นมาเฉกเช่นเดียวกัน


          ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่านะ ว่าใบหน้าของเทมขยับเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม


          อา...

          ผมว่า ผมไม่ได้คิดไปเองนะ ใบหน้านั่นใกล้เข้ามาจริงๆ และยังคงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สายตาสวยจัดที่ตรึงผมไว้ตั้งแต่แรกพบนั้นเคลื่อนเข้ามา จนผมสามารถเห็นความใสกระจ่างนั้นได้อย่างชัดเจน นัยน์ตาที่ผมว่ามันช่างสุกใส


          ครั้งนี้กลับอาบไล้ไปด้วยบางสิ่งที่...แปลกประหลาด
ผมก็ไม่รู้จะอธิบายมันยังไง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันบนตาของเขา


          แปลกประหลาด น่าอึดอัด


          แต่กลับทำให้ใจเต้นแรง
          รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว
          ปลุกความรู้สึกตื่นเต้น และเขย่าให้หัวใจเต้นในจังหวะที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


          สัญชาติญาณของผมสั่งให้ผมหลับตาลง
แต่ก็เหมือนผมเมินเฉยต่อเสียงเตือนภัย เปล่าหรอก ไม่ใช่เลยครับ
          ความจริง ผมเองก็อยากหลับตาลงหลีกหนีสายตาแสนซื่อ ที่ยามนี้กลับดูคล้ายคมกริบขึ้นมานั่นเหมือนกัน

          แต่ก็ทำไม่ได้ ผมยังคงลืมตามองเขาตาเชื่อม ยังคงถูกเขาดึงดูดเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน

          ผมว่าผมรู้นะ ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น แนนอนล่ะ ว่าผมเป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นมา
           แต่ผมก็เพียงแค่นึกว่า..ที่มือ ไม่ใช่อะไรที่เกินเลยไปมากกว่านั้น

          เอาล่ะ ผมจะโยนความผิดไปก็ไม่ใช่เรื่อง ผมควรยืดอกรับความผิดที่ก่อเรื่องนี้ขึ้นมาเอง
ผมควรยอมรับโทษทัณฑ์จากเทมด้วยความเต็มใจ ผมจึงผละใบหน้าห่างมือของเขาเล็กน้อย

          เพื่อขยับไปให้เขาลงโทษได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

          ใกล้กัน กั้นกลางเพียงแค่ลมหายใจร้อน
















                    ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ














                         บัดซบ!!!!!
















          ผมไม่รู้ตัวเลยว่ารถจอดนิ่งสนิทที่หน้าบ้านตอนไหน
แต่เสียงกระจกที่ถูกเคาะก็ทำให้ผมกับเทมสะดุ้งผละออกจากกัน หน้าของเทมแดงแจ๋ และผมว่าหน้าของผมก็แดงไม่แพ้เทมเช่นเดียวกัน

          โธ่เว้ย ให้ตายเถอะ ผมควรบอกลุงชื่นให้ขับออกนอกประเทศไปจริงๆ
          โอกาสที่เฝ้ารอมาตั้งหลายปีพังทลายลงเพราะพ่อที่แนบหน้าเบียดกระจก เหมือนจิงจิ้กเกาะพนังนั้นแท้ๆ ผมยกมือหยีหัวตัวเองอย่างหัวเสีย ลุงชื่นที่สบตาทางกระจก ส่งสายตาขอโทษมาทางผม


          เฮ้อ เอาล่ะ เสียไปแล้วก็เสียไป...


          โธ่เว้ย!

          ครั้งหน้้า ครั้งหน้าจะไม่ให้พลาดแน่นอน


          ผมเคลื่อนมือไปแตะที่บ่ากว้างนั่น เทมสะดุ้งตัวโยน พลางหน้าแดงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
อย่างน้อยๆ ปฎิกิริยาที่แสดงออกมา ก็แตกต่างไปจากทุกครั้ง นับว่าเป็นการเร่งใส่ปุ๋ยที่ดี...
          ผมลอบยิ้มกับตัวเองเล็กน้อย หยิบขนแกะขึ้นมาสวม พลางเดินไปต้อนเจ้าหมาน้อยที่ดูหลงทาง


          "เทมครับ?"

          "ค-ค-ค-ค-ครับ!?!"


          ปกติทุกครั้งที่อาการติดอ่างของเทมกำเริบผมจะกังวลใจ มีแค่ครั้งนี้ที่ผมรู้สึกอุ่นใจ ว่าไม่ใช่แค่ผมที่ถูกอิทธิพลของเขาครอบงำ แต่เขาเองก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน


          "ไปทานข้าวกันนะ คุณป้าเลิกงานแล้วใช่หรือเปล่า ไปเรียกท่านมาทานข้าวด้วยกันนะ?"

          "อ๋อๆๆๆ เอ่อ ค-ค-ครับ"


          หึหึ เด็กพิเศษของผมหน้าแดงดูมึนงงไปหมด มนต์ของบรรกาศเมื่อกี้ยังคงหลงเหลืออยู่จางๆ
เสียงเคาะกระจกที่เร่งรัดให้พวกผมลงจากรถ ยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดูท่าจะไม่หยุดจนกว่าพวกผมสองคนจะลงไป ผมสะกิดเทมอีกครั้งให้หยิบกระเป๋า เตรียมลงรถเพื่อไปทานข้าวกัน


          จังหวะที่ผมกำลังจะกดรีโมทเปิดประตูรถ เทมก็จับมือผมไว้ ผมหันไปมองอย่างแปลกใจ เทมเอื้อมมือมาแย่งรีโมทกดปลดล็อกประตูเอง จังหวะที่ประตูกำลังเคลื่อนแยกห่างออกจากกัน เด็กพิเศษก็ทำการอุกฉกาจ ด้วยการจับมือผมขึ้นมาจุมพิตเร็วๆ พลางแทรกตัวลงจากรถไป ก้มหน้าคางชิดอกพูดจาระรัวจนน่ากลัวว่าลิ้นจะพันกัน


          "คุ-คุงป๊า ส-สวัสดีครับ คือ คือ คือว่า ท-ท-ทะเทม เทม-เทม เทมจะไปเรียกคุณแม่มาทานข้าว ดะ-ด-เดี๋ยวมานะครับ"


          แล้วร่างสูงก็วิ่งปรู๊ดจากไป ให้ผมทันเห็นแค่หูแดงๆที่ชัดเจนแม้กระทั่งยามค่ำคืน


          "เทมเทมอย่าวิ่งลูก มันอันตราย!! อ้าว ทำไมเทมเทมรีบร้อนจังเลยล่ะ"


          คุณป๊ายกมือเกาหัวอย่างฉงน เมื่อปกติเทมเทมของเจ้าตัวต้องวิ่งมาหาแล้วกอดเจ้าตัวแน่นๆ แต่นี่ยังไม่ทันได้พูดคุยด้วย ก็วิ่งไปนู่นเสียแล้ว


          ผมได้แต่ยกมือที่ถูกเทมจับ ค้างไว้กลางอากาศ พลางห้ามใบหน้าที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆไม่ได้
          ปากก็เอาแต่จะยกยิ้มกว้างไม่ยอมหุบ


          "อ้าว แล้วลูกป๊าคนนี้เป็นอะไรไปอีกคนครับ นั่งหน้าแดงแยกเขี้ยวใส่ลมใส่แล้งที่ไหนครับลูก"


          ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่พ่อตัวเองแล้วเดินตัวปลิวเข้าบ้านไป ทิ้งให้คุณป๊ายืนงงทำหน้าสงสัยใส่ลุงชื่น


          แยกเขี้ยวอะไรกันล่ะ


           เขาเรียกว่ายิ้มกว้างเพราะมีความสุขต่างหาก!








end 5 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2018 10:06:24 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter









▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    6    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇









          "ศึกนอกไม่สู้ศึกใน"


          เฮียเนื้อหย็องพูดขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าที่อยากลุกออกจากเก้าอี้แล้ววิ่งขึ้นห้องของผม
          ศึกนอกบ้านไม่น่าปวดหัวเท่าในบ้านจริงๆครับ


          โดยเฉพาะในบ้าน ที่สมาชิกครอบครัวอยู่กันครบถ้วนพร้อมหน้าขนาดนี้ เฮียเนื้อหย็องยังไม่เปิดเทอม ผมก็พอเข้าใจ หรือเฮียปลา มนุษย์มหาลัยผู้ใช้ชีวิตแทบจะเรียกได้ว่ากินอยู่ที่นั่น วันนี้ก็ยังกลับมาบ้านได้ ก็ยังเข้าใจได้
แต่ขนาดคุณม้ายังอยู่บ้านได้นี่น่าตกใจจริงๆครับ  ถ้าถามว่าในบ้านสามารถเห็นหน้าใครได้บ่อยที่สุดก็จะเป็นหย็องหย็อง และถ้าถามว่าใครที่ไม่อยู่บ้านบ่อยที่สุดก็คือนายหญิงของบ้านครับ


          ม้าเดินทางไปมาต่างประเทศบ่อยมากๆ ทั้งงานการกุศล งานเดินแบบ งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต่างเรียกร้องหาคุณม๊าทั้งนั้น หนึ่งอาทิตย์ได้เจอกันสักครั้งก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว


          อาทิตย์นี้ผมเจอคุณม้าไปแล้วเมื่อวาน เลยนึกว่าจะได้เจอกันอีกทีหลังแฟชั่นวีคที่ลอนดอนจบเสียอีก อ้อ คุณแม่ผมทำงานแบรนด์เกี่ยวกับเสื้อผ้าครับ มีห้องเสื้อชั้นสูงที่รับลูกค้าต่อเดือนไม่กี่คนแต่สวนทางรายได้อยู่หนึ่งแบรนด์


          ห้องเสื้อหลักของคุณแม่ไม่มีเปิดจองลากยาวไปอีกสิบปีข้างหน้าเลยครับ เรียกได้ว่าเต็มมากๆ ไม่สามารถรับเพิ่มได้อีกแล้ว แต่ทุกคนก็ยังพยายามหาหนทางใช้เส้นสายเพื่อจะได้ชุดของห้องเสื้อของคุณแม่สักครั้ง เรียกว่า ยิ่งน้อย ยิ่งหายาก คนยิ่งอยากพิชิต คำนี้ใช้ได้จริงครับ

          และยังมีแบรนด์เสื้อผ้าทั่วไปอีก ไม่นับธุรกิจคาเฟ่ที่เจ้าตัวชอบไปเปิดตามประเทศต่างๆ ที่เจ้าตัวเคยเล่าให้ฟัง แต่พอเริ่มถึงร้านที่สิบ พวกผมก็กระจายตัวหนีแล้วครับ เลยไม่รู้สักทีว่าตกลงมีกี่ร้าน เรียกได้ว่าเป็นเวิร์กกิ้งวูแมนที่แท้จริง


          "ไม่ใช่ว่าหม่าม้าต้องอยู่สิงคโปร์เหรอครับตอนนี้"


          คุณหญิงของบ้านที่ตอนนี้ติดละครหลังข่าว มองเหยียดใส่ผม ไม่ต้องตกใจไปครับ ผมเคยเล่าแล้วใช่ไหมว่าคุณแม่ของผมติดซี่รี่ย์จีนจนเกือบจะตั้งชื่อพวกผมเป็นฮ่องเต้ ติดขนาดที่ว่าให้พวกผมเรียกว่าตัวเองว่าหม่าม้ากับปะป๊า เรียกเหล่าพี่น้องของตัวเองว่าอาเฮีย อาเจ้ที่ขัดกับสายเลือดและสภาพกายหยาบของพวกผมโดยสิ้นเชิง ตอนเด็กๆผมก็เคยนึกสงสัยครับว่าทำไมเวลาเรียกแม่ว่าหม่าม้า ปะป๊า เรียกพี่ชายพี่สาวตัวเองว่าอาเฮีย อาเจ้แล้วคนชอบมองมาอย่างแปลกใจ จนโตถึงได้รู้นี่แหละครับ ว่าคำเรียกมันสวนทางผมทองๆ ตาสีฟ้าๆนี่แค่ไหน


          และตอนนี้คุณแม่ก็ติดละครไทยครับ...ยัดเยียดอีกครั้ง ด้วยการอยากให้พวกผมเรียกว่า 'หม่อมแม่' หรือ 'คุณหญิงแม่' ซึ่งแน่นอนครับว่าพวกผมปฎิเสธ.... ม้ากับป๊าเป็นคำเรียกที่พวกผมชินไปแล้ว เลยแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่จะให้มาเรียกหม่อมแม่หรือคุณหญิงแม่อีกนี่ก็ไม่เอาล่ะครับ ขอบาย


          มีเพียงคนเดียวที่ยอมตามใจคุณหญิงเขาก็คือลูกชายคนโปรดนั้นแหละ จำจำปาได้ไหมครับ
มีอยู่คนเดียวนั่นแหละครับ ที่จะยอมเล่นบทละครน้ำเน่ากับหม่าม้าเขา...


          ส่วนพวกผมที่ไม่ยอมเรียก เลยกลายเป็นลูกชู้กับลูกคนใช้ ไม่ก็ลูกที่เก็บมาเลี้ยงกันไปแทนครับ
สายตาที่มองเหยียดอยู่นี่ ก็เป็นสายตาของคุณหญิงในบทบาทของเมียหลวงที่มองลูกเมียน้อยในหนังไทยครับ


          "ฉันจะอยู่ที่ไหนก็ได้ก็เรื่องของฉัน นี่มันบ้านของสามีฉัน ฉันจะไปจะมาก็ได้ไม่ต้องบอกใคร หึ ลำไย เสิร์ฟอาหารสิ"


          ลำไย ที่คุณแม่เรียกคือแซ็ค พ่อบ้านส่วนตัวควบตำแหน่งบอดี้การ์ด ชาวแอฟริกาตัวสูงสองเมตรที่ยืนอยู่ด้านหลัง... เดาจากชุดสูทเต็มยศที่ลำไยของแม่ใส่ และกระเป๋าเดินทาง พร้อมด้วยอารมณ์หงุดหงิด คิดว่าคงจะมีเหตุทำให้ไปไม่ได้มั้งครับ


          "สาขาหลักมีปัญหา ม้าเลยต้องเปลี่ยนไปอเมริกาแทนน่ะ แล้วพรุ่งนี้มีละครเรื่องโปรดฉาย เจ้าตัวเลยหงุดหงิดที่ไม่ได้ดูแบบสดๆ ตอนฉันกลับมาแอบได้ยินหม่าม้านั่งไล่รายชื่อไล่คนออกไปหลายคนเลย ซวยจริงๆ ทำงานพลาดไม่เท่าทำคุณหญิงเขาพลาดละคร โดนจัดหนักเต็มๆ"


          เจ้ไก่หย็องที่เพิ่งลงมา กำลังจะเดินไปนั่งที่ประจำตัวเอง ระหว่างที่เดินผ่าน แล้วเห็นผมกำลังโดนแม่ของตัวเองมองจิกใส่อยู่ก็เดินตรงเข้ามากระซิบบอก


          อา...เข้าใจแล้วครับ เรื่องเป็นแบบนี้นี่เอง


          "หม่อมแม่อย่ากริ้วอย่าโกรธไปเลยค่ะ พอลงจากเครื่องปุ๊บ จำปาจะรีบบอกให้จอเจียเอาให้ดูทันทีเลย แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้ จำปาดูแทนให้เอง อิอิ"

          "จำปา หล่อนจะเป็นลูกคนใช้อีกคนใช่ไหม ดูสดกับดูย้อนหลังมันไม่เหมือนกัน ฮือ ฉันจะไม่ไป ยกเลิกตั๋วไปซะ ฉันจะไม่ไปปปป แล้วทำไมฉันจะต้องไปนั่งเครื่องบินส่วนรวม ทั้งๆที่มีเครื่องบินส่วนตัวด้วย ไม่ไปๆๆๆ"

          "ขอโทษด้วยครับมิสเอเลน เพราะงานด่วนกระทันหัน ทำให้ยื่นเรื่องขอเอาเครื่องบินส่วนตัวไปไม่ทัน ทางหอบังคับการมีกฏว่าต้องยื่นเรื่องเอาเครื่องบินขึ้นก่อนอย่างน้อยสามชั่วโมง"

          เลขาอีกคนของคุณแม่โค้งตัวพูดขออภัยอย่างสุภาพ แต่ก็ถูกคุณแม่ถลึงตาใส่ หม่าม้างอแงตบโต๊ะดังปังปังไม่ยอมหยุด ตั้งแต่ติดละครไทยนี่เล่นใหญ่มากเลยนะครับคุณแม่


       "ไม่ไปก็ดีนะครับ หุ้นจะได้ร่วง ผมกำลังอยากช้อนหุ้นของบริษัทเอเลชพอดี"


         เฮียเนื้อหย็องวางไอแพดพลางหันไปยิ้มให้แม่ตัวเอง เล่นเอาแม่หัวร้อนแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ลูกชายตัวเองเลยครับ นี่เป็นกิริยาของผู้หญิงอายุสี่สิบกว่าแน่เหรอ...ให้ตายเถอะ ผมล่ะอยากจะถ่ายวีดีโอไปให้คุณยายที่รัสเซียดูมากๆเลยเชียว รับรองว่าทั้งบ้านได้ถูกจับเข้าคอร์สอบรมมารยาทเป็นเดือนแบบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่นอน


          "ไม่มีทางได้หุ้นม้าไปหรอกย่ะตาเนื้อหย็อง บอกเลยว่าปีนี้ผลประกอบการพุ่งกระฉูด ปีนี้ม้าชนะแน่นอน โฮะๆๆๆ"


          เป็นสงครามแย่งชิงวันหยุดของครอบครัวผมเองครับ ข้อเสียของการที่ป๊ากับม้าแยกกันทำงาน คือไม่มีคนช่วยทำงาน และเหล่าลูกๆก็ไม่มีใครสนใจจะรับสืบทอดเท่าไหร่ อย่างเฮียเนื้อหยองที่ตอนนี้ก็ตั้งใจจะเรียนหมอแล้วเปิดโรงพยาบาลของตัวเอง ก็กำลังศึกษาเล่นหุ้นควบคู่ไปด้วยเพื่อหาทุน เจ้ไก่ก็ไม่สนใจแนวทางแฟชั่นครับ เสื้อที่เจ้แกใส่ยังซื้อมาจากตลาดนัดของสามปีที่แล้วอยู่เลย(ม้าเคยขนเอาไปทิ้งในถังขยะ แต่เจ้ไก่แกซื้อแบบยกโหลมาครับ...ม้าหัวร้อนแทบพ่นไฟใส่ ลดระดับไปเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงเป็นเดือนเชียว)


          จะมีก็แค่เฮียปลาที่ยังพอยอมไปช่วยงานบ้าง ทำให้ป๊ากับม้าพอจะมีวันหยุดยาวให้ตัวเอง แต่พอลูกๆเริ่มโตมากยิ่งขึ้นก็เริ่มออกอาการงอแง อยากหนีเที่ยว แต่จะปล่อยตำแหน่งว่างก็ไม่ได้ เลยทำให้เกิดเกมนี้ขึ้นมานั่นเองครับ แต่ผมกับไก่หย็องยังไม่ต้องเล่น เพราะยังเด็กอยู่ แต่กับเฮียปลา เจ้ไก่ กับเฮียเนื้อหย็องนี่ไม่รอดครับ ห่ำหั่นกันน่าดู


อ๋อ ไม่ต้องกลัวไม่ยุติธรรมนะครับ เพราะจำนวนเงินที่ลูกๆหามาได้ จะถูกคูณด้วย 100 ครับ

อย่างปีก่อนเฮียปลาหาได้สามล้านกว่าจากการรับทำงานพิเศษ 3,000,000 x 300 = 300,000,000 เท่ากับเฮียปลาหาได้สามร้อยล้านครับ กติกานี้หม่าม้ากับปะป๊าช่วยเพิ่มเข้ามา เพื่อความยุติธรรม ไม่งั้นจะสู้บริษัทยักษ์ใหญ่กำไรสุทธิต่อปีหลายพันล้านได้ยังไงกัน จริงไหมครับ?


          แพ้มาก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่จะเสียเวลาทั้งปิดเทอมไปทำงานดูแลแทน...ส่วนผู้ชนะก็ทิ้งงานไปเที่ยวได้ตามใจชอบ


          แต่ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ป๊าม้าก็ได้รับผลประโยชน์ทั้งนั้น ถึงแพ้ก็ถือว่าได้ฝึกลูกให้สามารถหาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ ชนะก็ได้ฝึกลูกทำงานของตัวเองอีก เผื่อมีคนเปลี่ยนใจรับสืบทอดกิจการ แถมยังสามารถทิ้งงานไปตะลอนๆได้อีก ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องที่แท้จริง ฉลาดมากครับ



          "ปีนี้หนูบอกเลยนะคะว่า อย่าประมาทไป เตือนด้วยความหวังดี หึๆ ภัตตาคารกับโรงแรมที่หนูลงทุนไปที่มาเก๊านับว่าไปได้ดีมาก หม่าม้าได้มาเป็นเด็กเสิร์ฟร้านหนูทั้งเดือนแน่นอน"


          เจ้ไก่หย็องที่ยังเคียดแค้นคุณแม่ที่ลากตัวเองไปตะลอนออกงาน จนพลาดแมทช์ฟุตบอลไปหลายแมทช์ยิ้มยียวนใส่อีกคน หม่าม้าถึงกับอยู่ไม่สุข กระซิบบอกลำไยให้จองตั๋วใหม่อีกรอบแทนที่แคนเซิลไป ปีนี้เจ้ไก่เอาจริงมากครับ เอาของสะสมไปขาย เก็บค่าขนมทุกบาท เอาไปลงทุนเปิดภัตตาคารกับโรงแรม ทีแรกที่ผมได้ยินก็คิดว่ารายได้มันก็น่าจะไม่เยอะมาก เพราะโรงแรมถ้าไม่ใช่หน้าฤดูท่องเที่ยว คนก็คงจะน้อย ภัตตาคารก็เหมือนกัน


          แต่เจ้ไก่หย็องบอกว่าอาหารอร่อยและที่พักสวยมาก ที่สำคัญบ่อนในโรงแรมก็ใหญ่มากเช่นกัน...นั่นแหละครับ เปิดบ่อนแข่งขนาดนี้ ถ้าปีนี้เจ้ไก่เป็นผู้ชนะ ผมก็ไม่แปลกใจ


          เฮียปลาก็ไม่น้อยหน้า หยิบไอแพดมาสไลด์เปิดดูฟอเรกซ์(คล้ายๆเล่นหุ้น แต่การเป็นค้าค่าเงินแทน) ว่าส่วนต่างของค่าเงินที่ตัวเองกว้านซื้อไว้ ส่วนต่างดีงามขนาดไหนให้ป๊าดู ป๊าก็ไม่ยอมแพ้ครับ วิ่งไปหยิบหนังสือพิมพ์ข่าวธุรกิจ ที่หน้าหนึ่งเขียนพาดหัวข่าวโชว์ความสำเร็จของบริษัท ที่กำลังตะลุยขยายขอบเขตธุรกิจไปถึงประเทศเพื่อนบ้านขึ้นมาข่ม


          เหมือนกับเห็นกระแสไฟฟ้าจากตาแต่ละคนแล่นใส่กันจนเกิดเสียงแปลบปลาบ บนโต๊ะบรรยากาศสู้รบตลบอบอวล

          เอ่อ...เรายังเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่หรือเปล่าครับ?




          "เทม เทมมาาแล้วคร้าบบบบบบ เทมขอโทษนะครับที่มาช้า แต่คุณแม่บอกให้อาบน้ำก่อน แฮ่ก"


          เหมือนระฆังหมดยกถูกตีดังขึ้นด้วยเสียงของเทมที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เจ้าตัวอยู่ในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อนลายตัวการ์ตูนที่ชอบ เนื้อผ้าที่ดูนุ่มนิ่ม ทำให้เจ้าตัวดูน่าฟัดน่ากอดกว่าสิ่งอื่นใด ผมลุกจากเก้าอี้ไปหาคนที่เข้ามาใหม่ทันที


          "เทมวิ่งมาทำไมครับ ถ้าหกล้มขึ้นมาจะทำยังไง"

          "ให้หมูหย็องเป่าเพี้ยงๆๆๆให้ เทมก็หายเจ็บแล้วครับ"


แสนรู้นักนะครับ ว่าจะทำยังไงให้ผมโกรธเจ้าตัวไม่ลง ผมยกมือยีหัวเด็กน้อยอย่างอดไม่ได้


          "แล้วคุณป้าล่ะครับเทม? ไม่มาทานด้วยกันเหรอ"

          "คุณแม่บอกว่าทานแล้วครับ เดินมาส่งเทมแล้วก็ขึ้นไปทำงานต่อแล้ว คุณแม่ คุณแม่งอนตุ๊บป่องๆด้วย ที่ไม่ยอมชวนก่อน งอนแก้มบวมแบบนี้เลย"


          แล้วเจ้าตัวก็ทำแก้มพองลมกลมๆให้ผมดู ผมขำออกมากับท่าทางน่าเอ็นดูนั่น


          ร่างสูงที่รีบวิ่งมายังไม่ทันหายหอบดี คุณท่านของบ้านก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วอ้าแขนออกกว้าง

          "เทมเทมของปะป๊าาาาาา"

          "คุณป๊า!" เทมวิ่งดุกๆ เข้าไปในอ้อมกอดป๊า ก่อนจะถูกป๊าพยายามอุ้มขึ้นเพื่อเหวี่ยงไปมารอบๆเหมือนตอนเด็กๆ แต่ไม่ได้ดูเลยครับ ว่าตอนนี้เทมตัวสูงจนเกือบเท่าตัวเองแล้ว น้ำหนักก็ไม่ได้แค่หลักสิบต้นๆเหมือนแต่ก่อน แถมตัวเองก็อายุมากขึ้นตั้งเท่าไหร่ สังขารไปไกลกว่าความอยากมากนัก ผลสภาพออกมาคือตอนนี้ป๊าต้องคลำหลังตัวเองป้อยๆ สงสัยจะยอกเสียแล้วล่ะมั้งครับนั่น


          "ไม่ค่อยโตขึ้นเลยนะเราเนี่ย ยังตัวเล็กเหมือนเดิมเลย"


          ตัวเล็กที่ไม่ค่อยโตที่ป๊าว่าคือเด็กอายุสิบห้าที่สูงร้อยเจ็ดสิบนะครับ...แต่ผมก็พอเข้าใจครับ เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็อดเห็นเด็กน้อยแก้มใสตรงหน้า ยังเป็นแค่เด็กชายตัวเล็กๆไม่ได้


          ป๊ารักและเอ็นดูเทมมากครับ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เคยถามเหมือนกันนะครับ แต่ป๊าไม่ยอมบอก พูดแค่ว่าจะเล่าให้ฟังสักวัน ต้องขอบอกก่อนเลยนะครับว่าต่อให้เป็นเพื่อนสนิทของผมอย่างเต้แล้วก็น้ำ ก็ยังไม่เคยเห็นป๊าในโหมดน็อตหลุดแบบนี้

          โหมดเฮฮาบ้าบอของบ้านผม จะเปิดขึ้นกับเฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้น กับคนนอกก็อาจจะมีเล่นตลกบ้าง แต่ไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวกันเต็มที่แบบนี้ครับ ป๊าม้าที่เต้กับน้ำรู้จัก จึงค่อนข้างเคร่งขรึมและใจดีในเรื่องที่ควรใจดี ส่วนเรื่องที่ต้องดุ ก็ดูดุมากครับ แต่กับเทม ป๊ากับม้าปล่อยตัวตามสบายด้วยแบบหมดคราบเลย



          "แต่เทม เทมสูงที่สุดในห้องเลยนะครับคุณป๊า ไม่เชื่อถามหมูหย็องดูเลยๆๆๆๆ"

          "จริงๆเหรอ คนเอเชียตัวเล็กกันนี่น่า"

          "ตัวเล็กๆก็น่ารัก หมูหย็องตัวเล็กๆ"

          "แหนะ มาจีบลูกป๊าแบบนี้คิดค่าสินสอดนะรู้ไหมเจ้าตัวแสบ"

          "ค่าสินสอดคืออะไรเหรอครับ"

          "ที่เอาไว้จ่ายให้พ่อแม่เวลาที่เราจะมาขอตัวลูกชายเขาไปอยู่ด้วยกันไง"

          "เทมมี มีเงินเก็บไว้ในกระปุกพี่ม่อนอยู่นะ จะพอหรือเปล่าครับ ขอหมูหย็องนะครับ"

          "หือ มีอยู่เท่าไหร่ล่ะ"

          "ปีก่อน ปีก่อนๆๆๆ คุณแม่บอกว่าเทมเก็บได้หมื่นเจ็ดครับ มีเลขเจ็ดแล้วก็ศูนย์อีกสี่ตัว แต่เทมก็ให้คุณแม่ไปหมดเลย ถ้าต้องจ่ายค่าหมูหย็อง เอาไว้ปีหน้าได้หรือเปล่าครับคุณป๊า"

          "มีขอผ่อนด้วยเจ้าตัวเล็ก อะๆ ยอมๆ ขายให้เทมเทมคนเดียวเลยลูก"


          ผมเลิกตามองสองหนุ่มคุยกันเรื่องค่าสินสอดสู่ขอตัวผม นี่ถ้านักข่าวรู้ว่านักธุรกิจผู้มีมากอิทธิพลในวงการกาเงินอย่าง โจวิช เซอร์กีย์ ชาโรนอฟ ขายลูกชายแค่หมื่นเจ็ด คงเป็นเรื่องเขย่าวงการธุรกิจโลกน่าดูเลยนะครับเนี่ย
เทมปุระทำนิ้วก้อยไปเกี่ยวก้อยสัญญาขอผมกับคุณป๊า ซึ่งคนที่อุ้มเจ้าตัวอยู่ก็ยอมเกี่ยวก้อยด้วย
ผมหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเทมหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ผม


          "เทม เทมซื้อหมูหย็องแล้วนะครับ"

          "เทมไม่ต้องจ่ายหรอกครับ หมูยกตัวเองให้ไปฟรีๆเลย" ผมดึงเทมออกจากอ้อมกอดของป๊าแล้วพาเจ้าตัวมานั่งลงข้างๆกัน คุณป๊าฮึดฮัดยกใหญ่ เพราะเจ้าตัวอยากให้เทมไปนั่งด้วยข้างๆ

          ไม่ได้หรอกครับ ป๊าน่ะบังคับเทมให้ทานผักไม่ได้ เกิดไปนั่งข้างกัน ไม่แคล้วจะโดนป๊าตักแต่ของชอบให้จนเสียนิสัย เสียการปกครองไปเสียหมด


          "อ้าว ทำไมใจง่ายงี้วะเฮียหมู หม่าม้าๆ ดูลูกม้าดิ ค่าสินสอดก็ไม่เอา จับตัวเองใส่พานให้เขาเฉยเลย!"

          "ทำไมลูกคนใช้ถึงโง่อย่างนี้คะ ไม่ได้สินสอดก็ดีขนาดไหนแล้ว นี่ดีไม่ดีฝ่ายเราต้องเป็นคนไปจ่ายค่าเสียหายให้น้องเมย์เขาอีก ลูกชายคนรองดันเช้าถึงเย็นถึงลูกชายเขาขนาดนี้ เดี๋ยวคืนนี้ก็คงถึงอีก เฮ้อ ลำไยขอยาดม ...เอาลำโพงมาให้ฉันทำไม ยาดมจ้ะยาดม ไม่ใช่ลำโพง!"

          "หม่อมแม่ จำปาคิดว่าเราควรขัดขวางนะคะ เราต้องเล่นบทแม่ผัวใจร้ายกับพี่สาวร้ายกาจใส่"

          "แต่หม่อมแม่แกล้งลูกน้องเมย์ไม่ลงนี่คะจำปาลูกกก ถ้าหนูแกล้งเทมลง หม่าม้าก็โอเค"


          เฮียเล่นใหญ่ด้วยการตบโต๊ะปัง ชี้หน้าเทมที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ่ยๆ พอสบตาแป๋วๆของเทม เจ้าตัวก็เม้มปากแน่นก่อนจะค่อยๆนั่งลงเหมือนเดิม


          "ฮืออออออ คุณหญิงแม๊ จำปาใจไม้ไส้ระกำใส่คนที่เคยช่วยไล่หมาไม่ให้กัดจำปาตอนเด็กๆไม่ล๊ง"


          เฮียปลาหย็องบีบเสียงเล็กเสียงน้อย หยิบผ้าเช็ดปากขึ้นซับน้ำตาหลอกๆไปทั่วหน้า เฮียปลากลัวสุนัขครับ จะใหญ่เป็นพิทบูลหรือตัวเล็กเป็นชิวาวาแคระแกร็น เจ้าตัวก็กลัวหมดไม่แบ่งแยก

          ตอนเด็กๆเฮียปลาโดนปอมปอมวิ่งไล่ตาม เพราะอยากเล่นด้วย แต่เจ้าตัวกลัวสุดๆ วิ่งหนีไม่คิดชีวิต ปีนขึ้นต้นไม้ไปถึงปลายสุด เจ้าลูกหมาก็เห่าบ็อกบ็อกเฝ้าไม่ห่าง เฮียปลาจะลงก็ไม่กล้า จนได้เทมที่เดินผ่านมาพอดี อุ้มเจ้าปอมปอมไปคืนเจ้าของ เฮียปลาซาบซึ้งใจจนจะรับเทมเป็นลูกบุญธรรมเลยครับตอนนั้น ซึ่งตอนนั้นเฮียเพิ่งจะอายุสิบเจ็ด จะมารับเด็กห้าขวบเป็นลูกบุญธรรมได้ไงกัน


          "เฮียปลา เฮียต้องอัญเชิญวิญญาณจำปาออกจากร่างก่อนนะ ไก่กินข้าวไม่ลงอ่ะ รำ"

          "รำวงเหรอไก่น้องรักของเฮีย"

          "รำคาญ!"


          หย็องหย็องตบไม้ตบมือชอบใจใหญ่ เฮียทำท่ากระเง้ากระงอดก่อนจะทำตัวสั่นๆ เหมือนวิญญาณกำลังออกจากร่างแล้วหันมาทำหน้าเก๊กหล่อใส่พวกผม เฮียเนื้อหยองถึงกับกรอกตาเป็นเลขแปดไทยใส่พี่ชายคนโตของตัวเอง


          "เปิดเทอมวันแรกเป็นไงบ้างล่ะสามหนุ่ม" เจ้ไก่หันมาถามพวกผมกับเฮียปลา

          "ผมยังไม่เปิดเทอม แต่ได้ตารางเรียนมาแล้ว ปีนี้ไม่ดีเลยอ่ะอาเจ้ ตารางเรียนสามวันแรกนี่วิชาที่เกลียดติดกันเป็นพรืด ป๊าๆหยองขอโดดเรียนสักสามวันได้ไหมครับ เรียนแค่พฤหัสกับศุกร์พอ" หย็องหย็องพูดแทรกขึ้นมา ท่าทางเบื่อหน่ายกับตารางเอามากๆ คุณป๊าที่ได้ยินแบบนั้นก็วางมีดส้อมลง หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปาก ก่อนจะยิ้มหวานให้ลูกชายคนเล็กของตัวเอง

          "ได้สิหย็องหย็องลูกป๊า ลาออกจากโรงเรียนได้เลย บ้านเราจะได้มีคนทำสวนกับคนขัดห้องน้ำเพิ่ม"

          "โห ปะป๊าาาาา!!"

          "ป๊าใจร้ายกับน้องหย็องหย็องเกินไปแล้วนะคะ!"

          "อาเจ้จ๋า..." หย็องหย็องทำหน้าปลื้มปริ่ม ส่งสายตาซาบซึ้งให้พี่สาวตัวเองที่ออกโรงปกป้อง

          "ถ้าไอ้หย็องหย็องโดดเรียนแล้วโดนไล่ออก ไก่จะให้มันไปขัดพื้นที่ภัตตาคารไก่เอง" เจ้ไก่แสยะยิ้มเหี้ยม

          "เชอะ!! บ้านนี้มีแต่คนไร้หัวใจ!"


          หย็องหย็องทำท่ากอดอก อมลมไว้ในแก้ม เห็นแล้วน่าชังน่าตบให้หัวสั่นหัวคลอนมากครับ


          "ของผมค่อนข้างวุ่นวายนิดหน่อยครับ ต้องเคลียนร์งานให้เสร็จ เพราะเป็นปีสุดท้ายที่จะส่งต่อตำแหน่งประธานให้กลุ่มอื่นแล้ว"

          "หืม ทำไมต้องส่งต่อล่ะ ไม่ใช่ว่าก็เป็นไปเรื่อยๆแบบนั้นงั้นเหรอ" หม่าม้าหันมาถามด้วยความงงงวย

          "ที่โรงเรียนของผม ประธานจะถูกเลือกตอน ม.2 กับ ม.5 ครับ นี่ก็มีแค่รุ่นผมที่พิเศษ เพราะเป็นประธานตั้งแต่ ม.1 แถมเป็นลากยาวมาถึง ม.3 อีกต่างหาก"

          "ทำไมต้องทำอะไรให้ยุ่งยากด้วยล่ะ ป๊าล่ะเหนื่อยใจแทน ย้ายไปโรงเรียนวัดแทนไหมหมู"

          "เดี๋ยวๆป๊า มันใช่เหรออออออ หย็องว่ามันไม่ใช่มั้งง"


          ผมมองเมินข้อเสนอแนะของป๊าไป พลางหันไปอธิบายให้ม้าฟังต่อ


          "ผู้อำนวยการบอกว่า อยู่ในอำนาจนานเกินไปจะทำให้ติดนิสัยบ้าอำนาจน่ะครับ เลยสลับๆกันไป แต่กลุ่มพวกผมถูกโหวตคะแนนชนะทุกปี เลยหยวนๆกันมาสองปีตามใจเด็กนักเรียน เทอมหน้าผู้อำนวยการเลยบอกว่าให้ไปใช้ชีวิตแบบนักเรียนปกติได้แล้ว ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไร ให้คนอื่นลำบากบ้าง"

          "เออ ก็ดีนะแบบนี้ม้าว่า ตอนเราจะเรียนโรงเรียนนี้ม้าก็ว่าดูไม่ค่อยดี เพราะเป็นโรงเรียนเพื่อนของป๊าเขา"

          "อ้าว นี่คุณจะบอกว่าผมคบแต่พวกไม่ดีหรือไง"

          "อุ้ย ทำไมเตงฉลาด"

          "ข่นบ้าาาาาาาาาาาาา มาว่าเค้านะ ฮึ คืนนี้ไปนอนที่โรงจอดรถเลย!"



          พ่อทำเสียงสูงแล้วสะบัดบ๊อบใส่แม่ เดี๋ยวนี้โลกพัฒนาการถึงขั้นสามารถกรองดีเอ็นเอออกจากเซลล์ได้หรือยังครับ ช่วยกรองออกไปให้ผมที ก่อนที่ผมจะกลายเป็นแบบนี้ไป...



          "เทมครับ เขี่ยผักออกจากจานไม่ได้นะครับ"


          ผมเหลือบตามองคนที่เวลาทานข้าวจะเงียบลง เพราะชอบทำตัวเนียนจากสายตาคนอื่นแล้วแอบหยิบผักออก คลาดสายตาไม่ได้เลยนะครับคนนี้ เด็กน้อยของผมมุ่ยหน้าลงแต่ ก็ยอมตักบร็อคโคลี่ที่ผมตักไว้ให้เข้าปากอย่างจำยอม เจ้าตัวหลับตาปี๋รีบเคี้ยวเร็วๆแล้วดื่มน้ำตาม พอผมเห็นเทมปุระทานผักแล้ว ก็หันมาเข้าประเด็นที่ต้องการ


          "ปะป๊าครับ ไม่ใช่ว่าบริษัทกำลังจะมีโปรโมชั่นจับฉลากชิงรางวัลลุ้นโชค ผู้ชนะได้ไปญี่ปุ่นสิบสองวันเหรอครับ?"


          ป๊าหันมามองหน้าผมด้วยสายตาที่งงยิ่งกว่าไก่ตาแตก ก็สมควรอยู่หรอกครับ เพราะมันไม่มีหรอกจับฉลากชิงโชคอะไรนั่น แคมเปญล่าสุดของบริษัทที่ชิงรางวัลแจกบ้านก็เพิ่งจบไป


          "หา? มีด้วยเหรอ...อะ อ๋อ สงสัยจะมีล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ" ผมส่งสัญญาณทางสายตามาทางเทม เพื่อบอกกลายๆว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเทมเทมของป๊า ป๊าจึงเออออห่อหมกด้วยความมึนงง ถูกผมมัดมือชกเรียบร้อยแล้วก็ตักข้าวทานต่อแบบมึนๆ


          "นี่ไงครับเทม ถ้าเทมส่งจดหมายลุ้นโชคกับคุณป๊า ถ้าโชคดีได้รางวัล ก็ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นฟรีนะครับ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย คุณป้าจะได้ประหยัดเงินด้วยนะ"

          "จริงๆเหรอครับ จริงๆเหรอ!? ดีจังเลยๆๆ ต้องทำยังไงบ้างเหรอครับคุณป๊า"

          "อ๋อ เอาเลขบัญชีมาเดี๋ยวป๊าโอนเงินให้ เอ้ย ไม่ใช่สิเนอะ ก็ เอ่อ ก็ เอ่ออ--"

          "นายก็ไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อร้านนี้นะ ไส้กรอกพริกก็ได้ พอเขาให้ใบเสร็จก็เอามาเขียนชื่อแล้วเอามาให้ป๊า เดี๋ยวป๊าจะเอาไปส่งที่บริษัทให้"


          ป๊าที่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้เฮียเนื้อหย็องผู้ฉลาดเฉลา เพราะตัวเองคิดไม่ทันได้แต่ถอนหายใจโล่งอกที่มีคนแก้ปัญหาให้ตัวเอง พลางทำปากขมุบขมิบทำนองว่า 'ทำไมต้องทำให้ยุ่งยาก เดี๋ยวนั่งเครื่องบินที่บ้าน แล้วไปนอนพักที่โรงแรมเราก็ได้แล้วเนี่ย ไม่ก็เลขบัญชีมา รับรองโอนเสร็จไวในสี่วินาที...'


          "จริงเหรอครับเฮียเนื้อหย็อง แบบนี้เทมก็จะได้ไปญี่ปุ่นกับหมูหย็องกับน้ำกับเต้แล้วใช่ไหม เย้ๆๆๆ เที่ยวกับเพื่อน เที่ยวกับเพื่อนๆ เที่ยวกับหมูหย็อง เที่ยวกับหมูหย็อง" เทมดีใจจนหันมายิ้มตาหยีกับผม ผมเผลอลูบหัวเขาอีกครั้งด้วยความเอ็นดู


           หย็องหย็องหันไปพึมพำกับเจ๊ไก่หย็อง ดูฉงนกับวิธีการของผม

          "เทมเข้าใจคำว่าจับฉลากชิงลุ้นโชคไหมวะเจ้ไก่หย็อง มันคือผู้ชนะ 1 ในล้านคนเลยนะ แต่นี่คือไหงมั่นใจแล้วว่าจะชนะวะ"

          "เออ เอาน่า แคมเปญนี้เกิดมาเพื่อคนคนเดียว คนส่งก็มีคนเดียว ไม่ใช่สุ่มจากหนึ่งในล้าน แต่เป็นล็อคผู้ชนะว่าคนนี้ได้แบบหนึ่งล้านเปอร์เซนแทนไง"

          "แบบนั้นก็ได้เหรอวะ...."


       
          ใช่ครับ นี่แหละครับทางออก ออกให้ตรงๆไม่ได้ ก็ออกให้อ้อมๆแทนแล้วกัน ทำว่าเทมเป็นเป็นผู้โชคดีจากการลุ้นรางวัล โดยรางวัลคือทริปไปเที่ยวญี่ปุ่นกับพวกผมพอดีเป๊ะๆ คุณป้าไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งนั้น


          "ซื้อไอศกรีม ซื้อไอศกรีมได้ไหมครับ ไส้กรอกพริกสีแดงๆมันเผ็ดๆ เทมทานเผ็ดไม่เก่งเลยครับ" เทมพูดเสียงอ่อยขึ้นมา เพราะเคยโดนเจ้าน้ำแกล้งให้กินไส้กรอกพริก ที่เผ็ดสุดๆ เล่นเอาเผ็ดจนน้ำหูน้ำตาไหลไม่หยุด เลยทำให้เด็กน้อยของผมกลัวไส้กรอกไปเลยครับ แน่นอนว่าไอ้น้ำโดนผมชกหน้าเสียปากม่วงไปหลายวัน ข้อหามาแกล้งเทมปุระของผม


          "เทมซื้ออะไรก็ได้ครับ แค่ลูกอมก็ได้ครับ"

          "ต้องซื้อส่งแบบเยอะๆไหมครับหมูหย็อง แบบที่เต้เคยซื้อแผ่นแพลงวง FNK จับฉลากหรือเปล่าครับ"

          "ซื้อแค่อันเดียว เทมก็ได้แล้วล่ะหย็องว่า ผลจับฉลากล็อคผู้ชนะซะขนาดนี้...โอ้ยๆๆๆๆ! ล้อเล่นนะล้อเล่น โอ้ยๆๆ"


          ผมยื่นเท้าออกไปขยี้เท้าเจ้าหย็องหย็องน้องไม่รักดีที่จะทำแผนผมพัง


          "แต่ว่า...คุณแม่อยู่คนเดียว เทมกลัวคุณแม่เหงา..." เทมว่าเสียงแผ่ว

          "งั้นเดี๋ยวคุณหญิงแม่ผู้ใจดีและงามเลิศคนนี้ จะชวนน้องเมย์ไปเที่ยวด้วยกันเอง เพราะงั้นลูกคนข้างบ้านก็ไม่ต้องห่วงแม่ไปนะจ๊ะ ไปเที่ยวกันได้เลย"

          "คุณหญิงแม่จะพาคุณแม่ไปเที่ยวเหรอครับ"

          "ใช่แล้วจ้าลูกคนข้างบ้าน นี่ดีนะว่าจะไม่อยู่กันพอดี ไม่งั้นน้องเมย์ก็คงไม่กล้าทิ้งเธอไว้แล้วหนีเที่ยวกับฉันหรอก ไปเลยนะ ไปๆเที่ยวกันเลย โฮะๆๆๆๆ"


          ผมหันไปผงกหัวเป็นเชิงขอบคุณคุณม้าที่ช่วยแก้ปัญหาให้ ม้าหันมาแสยะยิ้มใส่ พลางขมุบขมิบปากเป็นคำที่อ่านได้ว่า 'ติด-หนี้-ม้า-1-หน-นะ-จ๊ะ!' ....รู้สึกว่าช่วงเวลาพักผ่อนปิดเทอมไม่ปลอดภัยขึ้นมาซะแล้วล่ะครับ...




* ต่อข้างล่าง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2018 10:35:48 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao7: น้องเทมมมมม สงสัยจนหมูหยองหมดแรงกลายร่างเป็นหมูแดดเดียวไปเลย  :hao7:  :hao7:  :hao7: เริ่มเห็นอนาคตลางๆของหมูหยอง ว่าควรอยู่ position ไหนละ...  :hao3: :hao3:  :hao3:

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter

          "ดีจังเลยนะครับเทม แบบนี้ก็ได้ไปเที่ยวกับหมูแล้ว" ผมหันไปยิ้มอ่อนโยนให้เจ้าตัวที่ทำหน้าดีใจสุดๆอยู่ข้างๆ

          "ป๊าก็อยากไปด้วยอ่า เราก็ไม่ได้เที่ยวด้วยกันมานานแล้วนะเทมเทม ตั้งแต่เทมเทมยังใส่กางเกงแดงอยู่เลย"

          "ม้าๆ ป๊าโดนเทมแย่งไปอีกแล้วอ่ะ"

          "ฉันมีน้องเมย์ของฉันก็พอแล้วจ๊ะ โฮะๆๆๆๆ" คุณแม่ที่ไม่รู้หยิบพัดขึ้นมาจากไหน เอามาป้องปากหัวเราะแบบมาดร้าย น้องเมย์ที่แม่เรียกนี่คือชื่อเล่นของคุณป้า คุณแม่ของเทมครับ


          แม่ของเทมเป็นผู้หญิงเรียบร้อยน่ารักอ่อนหวานมากๆ ซึ่งไปถูกใจคุณหญิงเขาเต็มๆ เพราะในครอบครัวเราก็มีแต่ผู้ชายเสียส่วนใหญ่ มีลูกสาวคนเดียวก็ห้าวสุดๆ ไม่นิยมชมชอบการโดนคุรแม่จับแต่งตัวเป็นตุ๊กตา ขัดใจคุณแม่ตั้งแต่หัวจนเท้า
          ลูกรักคนเดียวที่พอจะหยวนๆให้ได้ ก็เป็นผู้ชายแท้ๆที่สูงเกือบสองเมตร จะจับมาเล่นแต่งตัวก็ไม่ได้อีก ถึงเฮียปลาจะยอม แต่รสนิยมตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงครับ


           พอเจอหญิงสาวน่ารักๆอย่างคุณป้าเข้า ก็เลยจับมาเป็นน้องตัวเองเสีย อีกอย่าง เห็นว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้วด้วย


          แล้วไม่ต้องกลัวว่าคุณป้าที่เป็นผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวาน จะทำงานเป็นยามได้ยังไงนะครับ แค่อยู่ในห้องส่วนตัวคอยดูกล้องวงจรปิด แล้วถ้ามีอะไรก็ส่งสัญญาณแจ้งเตือนยามคนอื่นๆเท่านั้นเองครับ จะเหนื่อยหน่อยก็ตรงทำงานไม่ค่อยเป็นเวลาเท่านั่นเองครับ


          เรียกได้ว่าครอบครัวผมชอนไช้ไปทุกตารางนิ้วของการใช้ชีวิตของครอบครัวเทมปุระเรียบร้อยแล้วครับ

          เรียบร้อยแบบเบ็ดเสร็จมากๆเสียด้วย




          "ได้ที่พักหรือยังล่ะ ไปพักโรงแรมเพื่อนเจ้ไหม ตรงสถานีชินจูกุเลย เดินทางสะดวกสบาย"

          "เดี๋ยวขอดูแผนการอีกทีแล้วกันนะครับแล้วจะมาถามดูอีกที"

          "อะไรๆๆๆ งั้นเอาตั๋วสวนสนุกของเฮียไปสิ เฮียได้มาตอนไปแสดงคอนเสิร์ตอ่ะ แฟนๆส่งมาให้"


          ไม่รู้ผมบอกไปหรือยังนะครับ ว่าเฮียปลาที่บ๊องๆ และชอบทำเสียงอุบาทว์น่าสมเพชท่านนี้ เป็นนักร้องนำของวงที่ฟอร์มกับเพื่อนที่มหาลัย เป็นวงมีชื่อเสียง ดังมากพอตัวเลยครับ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ทำจริงจังนัก แค่ทำเป็นงานอดิเรกเฉยๆ ส่วนที่ชอบมาร้องเพลงด้วยเสียงบาดหู

          ...ผมบอกแล้วไงครับว่าเฮียปลาหย็องน่ะ ชอบมาหาเรื่องให้ถูกตบตี...


          "นี่แกข่มฉันเหรอยะ นังเฮียปลา"

          "ถ้าใช่แล้วทำไมยะนังไก่ จะตบไหมล่ะ ไม่รู้เหรอว่าที่นี่บ้านใคร ฉันจะให้คุณหญิงแม่ไล่แกออกกก"

          "ป๊า เฮียปลามันไล่ไก่ออกจากบ้าน!"

          "อะไรนะ! คุณดูลูกคุณสิมารังแกลูกสาวของผม!"

          "แล้วนังจำปาไม่ใช่ลูกของคุณพี่เหรอคะ นี่คุณจำคืนวันใต้ต้นกล้วยของเราไม่ได้ใช่ไหม๊!"

          "ตีกัน ตีกัน ตีกัน ตีกัน"

          หย็องหย็องที่นั่งตบมือเสี้ยม บอกแม่บ้านให้เอาป๊อบคอร์นมาให้เจ้าตัว แล้วเริ่มดูศึกสองทีมฟาดฟันกันด้วยความบันเทิงใจ มีแค่ผม เทมปุระ และเฮียเนื้อหย็องที่ยังคงทานข้าวกันต่อไป ได้ยินเสียงถอนหายใจแว่วเข้ามา

          "เฮ้อ เดี๋ยวกลับไปนอนหอดีกว่า" เฮียเนื้อหย็องถึงกับจะหนีกลับหอเลยครับ...


     มื้อเย็นวุ่นวายเละเทะไปหมดเลยครับ กว่าจะทานกันเสร็จก็นู่นเลย เกือบสี่ทุ่ม หม่าม้าเกือบตกเครื่องบิน ได้แต่รีบเดินมากอดพวกผมทีละคนแบบไวๆ จุ๊บแก้มปะป๊าแบบลวกๆ แล้วรีบวิ่งขึ้นรถตรงดิ่งไปสนามบิน


          "เทมเทมคืนนี้นอนกับปะป๊าสิ เดี๋ยวป๊าก็ต้องไปทำงานตั้งหลายอาทิตย์นะ"


          ป๊าว่าพลางดึงเทมที่กำลังเดินตามหลังผมไปเข้าห้องนอนออกมาจากลิฟต์เฉพาะตัวของผม คืนนี้เทมจะค้างคืนกับผมครับ เพราะผมว่ามันดึกแล้วครับ เดินกลับบ้านมันอันตราย...ครับ...แค่ข้ามถนนก็อันตรายครับ คุณไม่รู้เหรอว่าการข้ามถนนแล้วถูกรถชน เป็นสาเหตุการตายอันดับแรกๆของโลกเลยนะครับ


          ...โอเคครับ ผมยอมรับก็ได้
          ที่ผมรั้งเทมปุระเอาไว้ ก็แค่เพราะว่าอยากนอนกอดเขาเท่านั่นเองครับ ถูกต้องแล้ว


          แต่ตอนนี้ผมกำลังโดนแย่งเทมไปจากอก ด้วยน้ำมือของบิดาตัวเองครับ
          "พรุ่งนี้คุณป๊าไปทำงานแต่เช้าไม่ใช่เหรอครับ ให้เทมไปนอนด้วย เดี๋ยวก็เอาแต่ชวนเทมเล่นเกมกันจนไม่ได้นอนอีก ไม่ให้ไปครับ แยกย้ายกันไปนอนเลย"


          คู่นี้เคยเล่นเกม XO กันถึงเช้ามาแล้วครับ ผมไม่ให้เด็กน้อยของผมไปนอนกับป๊าด้วยอีกเด็ดขาดเลย ป๊าตั้งท่าจะเถียง แต่โทรศัพท์ก็สั่นส่งเสียงเรียกเจ้าตัวไปก่อน ทำให้ป๊าต้องยอมแพ้ศึกแย่งชิงเทมยกนี้ไปอย่างช่วยไม่ได้


          "เทมเทมหลังเลิกเรียนแวะไปเล่นกับป๊าที่บริษัทบ้างนะลูก ป๊าเหงา"

          "แต่เทม เทมต้องเรียนพิเศษตอนเย็นๆๆนะครับ งั้น งั้น เดี๋ยวให้หมูโทรหานะคุณป๊านะครับ"

          "ทำไมเด็กสมัยนี้ต้องเรียนพิเศษๆๆๆๆ ลูกสาวก็ไม่มาหา ลูกชายก็ไม่ไป นี่ลูกรักยังไม่ยอมมาอีก อะไรก็ไม่รู้ ใช่ซี่ ป๊าก็เป็นแค่ป๊านี่" คุณป๊าทำหน้าถูกขัดใจ ก่อนจะเริ่มงอแง เทมปุระก็เดินไปกอดคุณป๊าโยกไปมา

          "โอ๋เอ๊ โอ๋เอ๊ คุณป๊าตั้งใจทำงานนะครับ สู้ๆ สู้ๆนะครับ หมูหย็องกับเทมส่งกำลังใจให้เสมอ เสมอเลยครับ"


          ท่าส่งกำลังใจของเทมคือทำนิ้วชี้ไว้บนหัวสองข้างแล้วโยกตัวไปมาครับ ร่างสูงที่โยกเยกไปมา น่ารักมากจนน้ำตาผมแทบไหล ป๊าจับเทมกอดรัดฟัดเหวี่ยงอีกรอบ บอกฝันดีพวกผม ก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ของตัวเองไป


       

   "เทมนอนกับหย็องหย็องดิ เนี่ย ได้ด้วงตัวใหม่ เขางี้โค้งงอได้องศาเป๊ะๆ แถมเป็นด้วงเผือกด้วย หายากมากนะ ไปนอนดูกันๆๆๆ จะเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของมัน"


          แค่คุณพ่อคนเดียวยังไม่พอ ไอ้หย็องหย็องยังมากระโดดเกาะหลังเทมอีกคน ผมนี่อยากจะติดป้ายห้ามเข้าใกล้เทมปุระเกินสองเมตรมากๆเลยครับ เอาที่เป็นแบบไม้กั้นได้ด้วยยิ่งดี


          ท่าทางของหย็องหย็องดูอยากให้เทมไปนอนด้วยมากครับ เพราะเด็กน้อยของผมเป็นผู้ฟังที่ดีมาก ไม่มีใครสามารถทนคุยเรื่องด้วงกับหย็องหย็องได้หรอกครับนอกจากเทม น้องชายของผมถึงชอบลากเทมไปเป็นผู้ฟัง ซึ่งนั่นน่ะมันการทรมานกันชัดๆ ผมจะไม่ยอมให้เทมต้องไปนั่งปวดหูกับการพล่ามเรื่องด้วงของน้องชายผมแน่


          "หย็องจะนอนดึกไม่ได้ นี่มันใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว หม่าม้าสั่งไว้ว่ายังไง"


          หย็องหย็องเป็นเด็กดื้อมากครับ ชอบนอนเช้าตื่นสายประจำ กลางคืนเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องด้วงไม่หลับไม่นอน ทำให้ม้าออกกฏระยะเวลาในการเข้าห้องสัตว์เลี้ยงของเจ้าตัว เคอร์ฟิวอยู่ที่สี่ทุ่มครับ หลังจากนั้นห้องจะถูกล็อค ซึ่งมีแค่ม้ากับเฮียเนื้อหย็องที่รู้รหัส


          "โห ไรอะ ก็เข้าไปแป๊บเดียว แล้วเดี๋ยวก็ไปนอนแล้ว"

          "อยากโดนคุณม้าล็อคห้องด้วงไปสองอาทิตย์ก็ตามใจนะครับหย็อง ถือว่าเฮียเตือนแล้ว"


          แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ดื้อ แต่หย็องหย็องเป็นคนที่เอาแต่ใจมากครับ ขัดคำสั่งม้าหลายรอบมากเรื่องออกเกินเวลา จนม้าต้องใช้วิธีลงโทษ ด้วยการแยกเจ้าตัวจากด้วงที่รักทุกครั้งที่ผิดข้อตกลง ถึงจะได้ผล


          "เฮียหมูขี้ฟ้อง ฮึ้ย ไปนอนแล้ว!" เจ้าตัวแสบสะบัดหน้า เชิดคอตั้งเดินออกไป

          "อ้าว ยังไม่เข้าห้องนอนกันอีกเหรอ" เจ้ไก่ที่เพิ่งเดินมาตรงหน้าลิฟต์ที่จะแยกย้ายขึ้นไปที่ชั้นส่วนตัวของแต่ละคน เห็นพวกผมที่เพิ่งยืนคุยกับหย็องเสร็จก็ทักขึ้น

          "กำลังจะเข้าห้องครับ เฮียเนื้อหย็องกลับหอแล้วเหรอครับ"

          "ช่าย นี่เพิ่งไปช่วยกับเฮียปลาขนหนังสือขึ้นรถให้"

          "กลับเร็วจัง อีกตั้งห้าวันไม่ใช่เหรอครับ ถึงจะเปิดเทอม"

          "เห็นเจ้าตัวว่าจะไปเตรียมตัวก่อนน่ะ อุ้ย คืนนี้มีแมทซ์สำคัญ ทีมที่เจ้เชียร์แข่ง ไปละๆ แล้วก็..."


          เจ้ไก่หย็องมองนาฬิกาแล้วเตรียมตัววิ่งขึ้นลิฟต์ไปเข้าห้องดูแข่ง แต่ตอนจะประตูจะเลื่อนปิดสนิทก็ยังไม่วายแง้มประตูออก แล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้


          "คืนนี้จะทำอะไรกันก็อย่าเสียงดังนักล่ะ เจ้อยู่โต้รุ่ง อาจจะได้ยินนะจ๊ะหนุ่มๆ หึหึ ว้าย! ไอ้หมู ไอ้น้องบ้า เฮ้ยยยย อย่า อย่าโยน! ไปแล้วๆ!"


          ผมหยิบดอกไม้ในแจกันที่วางตกแต่งบ้านปาใส่เจ้ไก่ที่มาแซวกันซึ่งๆหน้า

          ผมอุตส่าห์ทำใจไม่คิดถึงเรื่องในรถนั่นแล้วเชียว ผมหน้าแดงขึ้นมาหน่อยๆเมื่อนึกถึงเรื่องราวเมื่อตอนเย็น ถ้าหากว่าป๊าไม่ได้ขัดจังหวะล่ะก็... ผมกับเทมก็คงจะ...จูบ...


          ผมรีบส่ายหน้าไล่ความคิดนั้นออกไป เพราะคืนนี้ตัวต้นเหตุที่มักจะทำให้จิตใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก็จะมานอนด้วย ทั้งๆที่ปกติก็มานอนประจำแท้ๆ แต่พอเกิดเรื่องแปลกๆ แล้วก็รู้สึกเก้อเขินขึ้นมา

          ผมพยายามยุติความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะหันมายิ้มหวานให้เด็กน้อยที่เรียบร้อยรอผมอยู่




ขึ้นมาถึงห้อง ผมก็เตรียมตัวไปชำระล้างร่างกายตัวเองที่สกปรกมาทั้งวัน

          "เทมอาบน้ำมาแล้วใช่ไหมครับ งั้นรอหมูอาบน้ำก่อนนะ ไปนอนรอที่เตียงเลยก็ได้นะครับถ้าง่วง"

          อา...ทำไมรูปประโยคมันดูแปลกๆนะครับ

          "เทมยังไม่ค่อยง่วงเลยครับ..."

          นั่นไงครับ เพราะแอบหลับไปในห้องกรรมการแท้ๆ เด็กน้อยของผมเลยเกิดอาการตาแข็งขึ้นมา ปกติเวลาสี่ทุ่มเป็นเวลานอนประจำของเทมปุระครับ แค่เข็มสั้นชี้เลขสาม ก็เริ่มตาปรือ หาวหวอดๆ อยากนอนแล้ว

          "งั้นนั่งอ่านหนังสือหรือดูทีวีรอหมูอาบน้ำก่อนนะครับ"

          "โอเคครับผม"

          เทมทำตัวว่าง่ายตรงดิ่งไปที่โซฟาแล้วเปิดโทรทัศน์ดูนั่งรอ





          ระหว่างที่ผมอาบน้ำ ก็เกิดรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ ก็ทำมาเป็นประจำ อาบน้ำเตรียมเข้านอนกับเทมปุระ แต่วันนี้กลับรู้สึกหัวจิตหัวใจไม่สงบเลย ไม่ใช่แค่ระลอกคลื่นเบาๆที่โต้เข้าฝั่งสม่ำเสมอ แต่เป็นคลื่นยักษ์ลูกโตอย่างสึนามิที่ซัดเข้าฝั่งโครมๆ
          เหตุการณ์วันนี้ไหลวนไปมาเหมือนหนูติดจั่นที่ได้แต่วิ่งไปไหนไม่ได้ ผมอาบน้ำฟอกสบู่สะอาดกว่าทุกวัน ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าทำไม เดินผ่านกระจก ก็มองสำรวจตัวเองว่าทุกอย่างดูเรียบร้อยไหม....

          ให้ตายเถอะ หมูหย็อง...นี่นายคาดหวังอะไรให้เกิดขึ้นคืนนี้กันนะ


ทั้งๆที่วันนี้มันก็พัฒนาขึ้นมาหลังจากหยุดอยู่แค่จับมือกอดหอมแก้มมาตั้งหลายปีแล้วแท้ๆ

          เฮ้อ ผมพรูลมหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากโซนตู้เสื้อผ้า เพื่อมาเรียกเทมขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยกัน
ออกจากห้องแต่งตัวไป ก็เห็นเทมกำลังนั่งหน้าแดงเหม่อมองโทรทัศน์ ที่ดูเหมือนเจ้าตัวไม่ได้ให้ความสนใจ ได้แต่ปล่อยให้สารคดีเล่นต่อไปทั้งๆที่ดวงตาคู่สวยไม่ได้มอง


          "เทมครับ? ง่วงแล้วหรือ?"


          เทมสะดุ้งตัวโยน จนผมแปลกใจ ตกใจอะไรกันนะ ผมมองสำรวจใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนั่น แล้วก็เกิดพลันเข้าใจ อา...นี่เขาก็กำลังคิดเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นวันนี้เหมือนกันหรือเปล่านะ?

          เหมือนอาการหน้าแดงจะโรคที่ติดต่อกันได้ ผมรู้สึกอุ่นร้อนที่แก้มทั้งสองข้างขึ้นมา นึกดีใจที่ไม่ได้ปั่นป่วนอยู่แค่คนเดียว ผมย่างกรายเข้าไปหาเด็กน้อยแก้มแดงช้าๆ นั่งลงข้างร่างสูงที่ดูเกร็งกว่าทุกวัน เทมกลั้นหายใจเมื่อผมขยับเข้าไปใกล้

               หึ ผมอดจะนึกขันอีกฝ่ายที่กลั้นหายใจเสียจากหน้าแดงๆจะกลายเป็นเขียวไม่ได้

               "ฮ่าๆๆๆ เกร็งอะไรขนาดนั้นน่ะครับเทม โธ่ อย่ากลั้นหายใจสิครับ หายใจดีๆเร็วครับ หึหึ"


          ท่าทางของเทมที่เหมือนต่อสู้กับตัวเอง พอสบตาผมก็ตกใจ แต่ก็เหมือนอยากมองอีก พอขยับลูกตากลมนั้นมามองผม ก็ดูเจ้าตัวจะเขินอายขึ้นมาจึงหลบตาไปอีกครั้ง พอผมเขยิบตัวเข้าไปใกล้ ก็นั่งหลังตรงแหน่ว กลั้นหายใจเสียอีกรอบจนแก้มพองออก ท่าทางน่าขันน่าอาดูร เสียจนผมหัวเราะออกมาเสียงดัง พอเสียงหัวเราะของผมถูกบรรเลงขึ้น บรรยากาศของคนข้างตัวก็ผ่อนคลายลง


          "เทม เทมก็...ไม่รู้...ไม่รู้เหมือนกันครับ" เทมยิ้มแล้วตอบผมเสียงอ่อย ใบหน้านั้นยังคงขึ้นริ้วสีแดงพาดไปทั่ว เขาน่าเอ็นดูจนผมยอมช่วยเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย

          "โทรบอกคุณแม่แล้วใช่ไหมครับ ว่าจะค้างกับหมูคืนนี้"

          "ตอนหมูหย็องอาบน้ำอยู่ เทม เทมโทรบอกคุณแม่แล้วครับ" ฝ่ามือที่เล็กกว่ามือของคนที่ตอบคำถามถูกวางลงบนผมนุ่มนิ่ม ผมลูบผมเขาเบาๆ เทมปุระทำหน้าเคลิ้มตามสัมผัสอ่อนโยน

          "งั้นเทมง่วงหรือยังครับ"

          "เทม เทมยังไม่ง่วงเลยสักหน่อย ตาโตๆๆไม่หลับเลยครับ งั้นๆๆๆ หมูหย็องเล่าต่อสิครับ วันนี้หมูหย็องทำงานเหนื่อยไหม"


          ผมยิ้มให้เด็กน้อยที่ความจำดีเหลือเกิน ขนาดเรื่องที่ผมพูดไปตั้งแต่เย็นยังจำได้ รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ คำพูดของผม เทมให้ความสำคัญเสมอ


          "ก็นิดหน่อยครับ แต่วันนี้ไม่มีทะเลาะกันเลยนะครับ ค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดีเลยล่ะ หลายๆอย่างก็ได้มติอย่างเป็นทางการแล้วด้วย แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่ยังจัดการให้ลงตัวไม่ได้ครับ หมูคงต้องประชุมต่อกันอีกหลายวันเลย เหนื่อยเทมต้องตามไปเฝ้าแล้วนะครับ"


          ผมช้อนตาขึ้นมองร่างสูงที่ดูงงกับคำยากๆบางคำที่ผมใช้ ผมพยายามใช้คำที่หลากหลาย เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เทมเรียนรู้คำศัพท์เยอะๆครับ


          "ม้าติคืออะไรเหรอครับหมูหย็อง คุณม้าติคนอื่นเหรอครับ"

          "มะ-ติ มติครับเทม มติที่หมูพูดหมายถึงความคิดเห็นครับ ทุกคนได้ความคิดเห็นที่ตรงกันแล้ว เข้าใจกันแล้ว"

          "มติๆๆๆ อ๋อๆ ดีจังเลยครับ อย่างน้อยก็เสร็จแล้ว เสร็จไปหนึ่งข้อใช่ไหมครับ"

          "ใช่ครับ"

          "ไม่ต้องห่วงนะ เทมจะตามไปให้กำลังใจทุกวันเลย ไปเฝ้าไปเฝ้า เป็นองค์รักษ์ของหมูหย็องเองครับ"

          "ไม่ใช่ว่าไปเพราะสมุดระบายสีที่หญิงเอามาให้นะครับ?"

          "ม่ายช่ายซ้ากกกกกะหน่อย เทมน่ะ เทมไปเพื่อหมูหย็องต่างหากล่ะครับ!"


          เจ้าตัวยืดอกแล้วตบลงเบาๆอย่างยืนยันคำพูดให้ผมเชื่อ ผมยิ้ม
องค์รักษ์เทมปุระทำจมูกฟุดฟิดก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้หัวผม ผมชะงักกับความใกล้กันแบบกะทันหัน ยังไม่ได้ทันตั้งตัว จมูกโด่งก็แปะลงมา ก่อนจะใช้ปลายจมูกเขี่ยเส้นผมบนหัวผมไปมา สูดลมหายใจดังฟืด ผมจั๊กจี้จนหัวเราะออกมาอีกรอบ


          "ทำอะไรครับเทม หมูจั๊กจี้นะครับ"

          ผมดันคางร่างสูงออกเบาๆ เพราะอาการใจเต้นแรงและความคิดที่เริ่มกลับมาฟุ้งซ่าน

          "กลิ่น กลิ่นไม่คุ้นเลยครับ หมูหย็องครับ หมูหย็องเปลี่ยนแชมพูเหรอครับ"

          "หืม กลิ่นนี้หรือครับ เหม็นหรือเปล่า ไม่ชอบเหรอครับ?"


          ผมยกมือขึ้นมาดมกลิ่น บนร่างกายที่สะอาดสะอ้านกรุ่นไปด้วยกลิ่นที่ออกแนววานิลลาเหมือนขนมที่เพิ่งอบจากเตา
          กลิ่นแนวไม้หอมที่ใช้ประจำเพิ่งหมดไปเมื่อวันก่อน ตัวที่ผมใช้เป็นกลิ่นพิเศษที่จำนวนจำกัดและต้องสั่งทำครับ ยุ่งๆกับปิดเทอมเลยยังได้สั่งสำรองมาไว้ ก็เลยต้องใช้กลิ่นอื่นที่มีไปก่อน แม้ว่าจริงๆแล้ว ผมค่อนข้างติดเจ้ากลิ่นนั้น และไม่อยากใช้กลิ่นอื่น แต่จะไม่อาบน้ำสระผม ผมก็ทนไม่ได้หรอกครับ


          ไม่งั้นจากหมูหย็องคงได้เป็นหมูเน่าแทนแน่นอน แต่พอเทมทักขึ้นมาผมก็กังวลใจ ถ้าเจ้าตัวไม่ชอบกลิ่น คืนนี้ร่างสูงอาจจะไม่ดึงผมเข้าไปกอดก็ได้...ไม่เอานะ ผมอยากนอนหลับในอ้อมแขนแข็งแรงนั่น อยากใช้ความอบอุ่นของร่างกายอีกคนแทนไออุ่นจากผ้าห่มผืนใหญ่


          ผมขมวดคิ้ว พลางนึกในใจว่าควรลุกไปหยิบขวดน้ำหอมมาพรมบนร่างกลบกลิ่นนี้ดีไหม หรือควรอาบน้ำอีกครั้งดี ระหว่างที่ชั่งใจ ก็มีนิ้วเรียวสวย ขยับมาจิ้มเบาๆที่ระหว่างคิ้วที่ขมวดแน่นเป็นปมของผม หยุดความคิดเสียก่อน



          "ไม่เหม็นๆๆๆ ไม่เหม็นครับ หอมมากๆ มากเลยครับ กลิ่นอะไรที่อยู่บนตัวหมูหย็องก็หอมไปหมด...แต่กลิ่นนี้"

          "หืม? กลิ่นนี้มันทำไมหรือครับเทม?"

          "กลิ่นน่าหม่ำๆๆๆจังเลย เหมือนขนมที่เทมชอบเลยครับ เทมขอชิมหมูหย็องหน่อยได้ไหมครับ? หอมมากเลย"



          คำพูดที่คลับคล้ายกับถูกเกี้ยวพาราสี และการกระทำที่ราวกับจะพิสูจน์เพื่อยืนยันคำพูดว่าใช่ จมูกโด่งสวยเคลื่อนย้ายมาที่ลาดไหล่ ชุดนอนตัวหลวมที่ถูกออกแบบมาเพื่อสะดวกแก่การนอนหลับ กลับกลายเป็นว่าทำผิดหน้าที่ เมื่อมันแปรเปลี่ยนเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกแก่จมูกของร่างสูงให้แตะต้องผมได้อย่างง่ายดาย

           สัมผัสกำลังลากไล้จากหัวไหล่กลมมาถึงต้นคอขาวที่แข็งเกร็งของผม ทุกมิลลิเมตรที่ปลายจมูกเกลี่ยโดน อุณหภูมิร้อนผ่าวสูงขึ้นและสูงขึ้น ราวถูกจุดกองไฟใต้ผิวหนัง และการขยับของเขา ก็เป็นการราดน้ำมันลงไปให้เปลวเพลิงลุกลามไปทั่ว

          ผมเอียงคอเพื่อให้เทมปุระได้สูดดมกลิ่นไอได้ชัดมากขึ้น เจ้าตัวตอบแทนด้วยการแนบริมฝีปากร้อนประทับตราไปทั่วลำคอ เหมือนผมสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นจากลิ้นร้อนที่ลากเลียไปทั่ว เหมือนกำลังลิ้มลองขนมชิ้นโปรด

          ความรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้อง ทำให้ผมยกมือสองข้างขึ้นไปขยุ้มผมนุ่มหนักหน่วงสลับแผ่วแบวเพื่อระบายความรู้สึกออกไป แต่นั่นกลับทำให้เกิดเสียงครางพึงพอใจ จากร่างสูงที่ดอมดมและดูดเลียชิมรสผมอยู่

          ผมไม่รู้เลยว่าเราใกล้กันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หลังผมราบไปกับโซฟาหนังชั้นดี และเทมก็กำลังนอนราบทาบทับกับร่างกายของผมอีกที

          ยาวนานราวชั่วกัลป์ ชั่วคณะที่ผมกำลังเตลิดไปกับความรู้สึกรุ่มร้อนที่เทมมอบให้ จากทั้งปลายจมูกและริมฝีปาก รวมทั้งลิ้นร้อนที่รุกรานไปทั่ว


          เทมที่ผมคิดว่าจะคลอเคลียแทะโลมซอกคอผมตลอดไป ก็เงยหน้าขึ้นมาสบตา นัยน์ตาใสซื่อ ที่ตอนนี้ทรงพลังผิดแผกไปจากทุกที่ กำลังไล่มองผมทั่วใบหน้าที่ร้อนผ่าวและแดงจัดของผม แม้ความเปียกชื้นและความหนักของร่างสูงที่กดทับจะทำให้ผมรู้สึกไม่สบายตัว แต่ผมก็เลือกจะส่งยิ้มให้เขา บุรุษด้านบนที่หน้าแดงก่ำพร้อมกับสีหน้างงงวย



          "ท-ท-เทม ไม่รู้เป็นอะไรไปครับ ตั้งแต่ในรถ...เทมก็ ก็ ก็ ก็รู้สึกหิวหมูหย็องมากๆ รู้สึกเหมือนอยากกิน อยากทานไปหมดทุกส่วนเลย เทมกลัว กลัวว่าหมูหย็องจะเกลียดกัน เทมแปลกไป หยุดตัวเองไม่ได้ ห้ามตัวเองไม่ได้เลยครับ อึก"


          เทมร้องไห้ออกมา ทุกหยาดน้ำตาของเทมปุระไม่เคยทำให้ผมสบายใจ กลับกัน น้ำตาของเทมปุระเปรียบเสมือนน้ำกรดที่มีฤทธิ์แรงกล้าเสมอ ทุกหยดน้ำตาของร่างสูงมักจะกัดกร่อนหัวใจของผม ให้เจ็บปวดและทุกข์ทนทรมานแทบขาดใจ
          แต่น้ำตาที่มาพร้อมคำสารภาพครั้งนี้ ให้ผลตรงกันข้าม มันทำให้หัวใจพองฟู เหมือนสารละลายบางอย่าง ที่ผมให้ผมรู้สึกหลอมเหลวไปทั้งเนื้อทั้งตัวและหัวใจ หัวใจที่เต้นตึกตัก ขยับขยายแผ่ออกกว้างจบคับอก


          เขากำลังมีอารมณ์ และเขามีอารมณ์เพราะผม
          เขาอยากกลืนกินผมเข้าไป

               ดีใจจัง...


          น้ำตาที่ไหลเป็นสายจากร่างสูง ตกกระทบใบหน้าของผมจนชุ่มฉ่ำไปด้วย ผมผละมือที่จากขยุ่มผมนุ่มนั้นเป็นลูบปลอบโยน และเอื้อมมาลูบน้ำใสที่กำลังรวยรินจากคนขี้แง



             "ความรู้สึกที่หมูมีให้เทม มันตรงข้ามกับเกลียดไปไกลมาก ไกล...มากๆ หมูเคยบอกแล้วใช่ไหมครับ? ว่าหมูเป็นของเทม ไม่ว่าจะลำคอนี้ หรือริมฝีปากนี้ ใบหูข้างขวา หรือใบหูข้างซ้าย แขนทั้งสองข้าง ทุกๆส่วน ทุกๆพื้นที่...เป็นของเทม เป็นเสมอมา เพราะแบบนั้น ไม่ว่าเทมจะทำอะไร จะลิ้มรสร่างกายนี้ หรืออยากกัดกิน....ก็เชิญตามสบายเลยครับ..."

ผมเคลื่อนตัวไปหอมแก้มนุ่ม บอกเขาซ้ำอีกครั้ง

          "ใช้ร่างกายของหมูได้ตามสบายเลยนะครับ"



          เทมสบตาผมด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว เจ้าตัวยังคงดูสับสน แต่มือแกร่งทั้งสองข้างก็ก้มลงมากอดผมไว้แน่น เสียงสะอื้นราวกับร่ำไห้บอกลาเส้นกั้นของสองเรา เส้นที่เพิ่งขาดลงไป ผมคิดว่าเป็นเส้นสำคัญที่ขีดกลางขวางกั้นเราสองคนให้เป็นแค่เพื่อนสนิทมากธรรมดามาโดยตลอด ถึงเวลาที่เส้นนี้ควรจะหายไป และเทมจะต้องก้าวข้ามมาหาผม               

แล้วเราจะต้องเดินไปสู่ความสัมพันธ์แบบใหม่


          ผมโอบกอดร่างสูงที่ซุกตัวเข้ามาหา


          "หยุดร้องไห้นะครับคนดี"

          "เทมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยครับหมูหย็อง กับเต้กับน้ำ กับหญิง กับเฮียปลาเฮียไก่ กับคุณป๊า คุณแม่ กับทุกๆคน หมูหย็องไม่เหมือนใครเลย ความรู้สึกตรงนี้ มันแปลกๆ หมูหย็องพิเศษ พิเศษมากๆ ยิ่งกว่าผัดกระเพราเพิ่มไข่ดาว ยิ่งกว่าบะหมี่พิเศษเกี๊ยว มันเอาแต่ร้องว่าอยากอยู่ใกล้ๆหมูหย็อง ชอบหมูหย็องมากๆๆๆเลยครับ มากกว่าทุกคน ไม่อยากให้หมูหย็องยุ่งกับใคร อึก"


          เทมละล่ำละลักสารภาพออกมา เหมือนเด็กที่แอบซ่อนความผิดมานาน รวบตัวผมไปกอดไว้แน่นกว่าเดิม


           "เทมไม่อยากเป็นคนนิสัยไม่ดี ที่หวงหมูหย็องเหมือนของเล่น คนเราต้องรู้จักแบ่งปัน ฮือ แต่กับหมูหย็อง เทมเป็นคนเห็นแก่ตัว เป็นคนนิสัยไม่ดี เทมแบ่งให้ใครไม่ได้เลย แบ่งหมูหย็องให้ใครไม่ได้เลยครับ อยากให้หมูหย็องเป็นของเทมคนเดียว"


          เทมผละตัวออกมาคร่อมร่างผมไว้ ทำให้ผมเห็นสีหน้าของร่างสูงได้ชัดเจน สีหน้าของเทมดูหลากหลายความรู้สึก ทั้งทุกข์ ทั้งสุข ทั้งทรมาน ทั้งความสับสนมึนงง และไม่รู้จะทำอย่างไร ราวกับเด็กตัวเล็กที่กำลังหลงทางในเขาวงกต ไม่สามารถหาทางออกได้


          มือแกร่งเคลื่อนมากอบกุมมือของผมให้เลื่อนไปสัมผัสบริเวณหน้าอกด้านซ้าย ที่มีหัวใจดวงนั้นที่ผมอยากได้บรรจุเอาไว้อยู่ ข้างในนั้นเต้นแรง เป็นความรู้สึกที่คุ้นชิน


          ผมคุ้นเคยกับจังหวะการเต้นของหัวใจดวงนี้ เพราะมันคล้ายคลึงกับจังหวะการเต้นของหัวใจของผม
          มันเป็นจังหวะการเต้นของหัวใจ ที่กำลังพร่ำบอกว่ารัก


           "มันแปลกมาตลอด แต่พอบนรถ ความรู้สึกประหลาดมันก็ยิ่งมากขึ้น มากขึ้น มองหมูหย็องทีไร ก็สึกทรมานตรงนี้ด้วยครับ เทมกลัว กลัวหมูหย็องจะเกลียด กลัวจะทำอะไรไม่ดีลงไปครับ ฮือ"


           เสียงร้องไห้โฮดังยิ่งขึ้น กับร่างสูงที่คงจะรู้สึกสับสนกับความรู้สึกที่ตัวเองไม่เข้าใจ เทมจับมือผมที่อยู่บนหน้าอก จากสัมผัสหัวใจที่กำลังเต้นแรง กลับเคลื่อนไปอยู่บนบางอย่างที่กำลังตื่นตัวและแข็งค้าง


          ผมตกใจและหน้าแดงจัดกับความแข็งขืนใต้ฝ่ามือ พอฝ่ามือผมไปถูกเทมน้อย เจ้าของก็สะดุ้งเฮือก น้ำตาหยดแหมะๆ เบ้ปากฟ้องผม


          "หมูหย็องครับ หมูหย็อง ดูสิครับ ฮือ มันดุกดิกใหญ่เลย ท-ท-ทเทมนอกจากโง่ เป็นคนบ้า ปัญญาอ่อน แล้วยังเป็นโรคอะไรอีกหรือครับ"


          บรรยากาศความรักแบบแปลกๆ ที่เหมือนโซดารสสตรอเบอร์รี่กลิ่นส้มและเหล้าองุ่น ที่กระจายตัวอยู่ล้อมรอบตัวหายไปทันที หลังจากที่เทมพูดคำนั้นออกมา ผมหน้าตึง  สีหน้าดุจัด พลางละมือจากเจ้าเทมน้อย ประกบใบหน้าที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาให้แน่นิ่ง เทมตกใจกับการกระทำของผม แต่ก็กลั้นสะอื้นและรอฟังผมทันที


          "ทำไมเทมว่าตัวเองแบบนั้นครับ เป็นคำเรียกตัวเองในแง่ลบที่ไม่ดีเลย และมันไม่ใช่ความจริง เทมไม่ได้เป็นคนบ้า เทมไม่ได้ปัญญาอ่อน และที่สำคัญเทมไม่ได้โง่เลยสักนิด เทมแค่เรียนรู้ช้า บกพร่องทางอารมณ์นิดหน่อย หมูขอร้อง ขอร้องนะครับ..."


          น้ำเสียงผมที่อ้อนวอนขอร้องเขาราวกับจะขาดใจ ผมทนไม่ได้ ทนไม่ได้ให้ใครมาว่าเขา แม้แต่ตัวเขาเองก็ห้ามว่าเด็ดขาด เทมปุระของผมเป็นสิ่งที่ล้ำค่า และแสนวิเศษที่สุด


          "อย่าเรียกตัวเองแบบนั้นอีกนะครับ เทมเป็นเด็กที่พิเศษ เป็นเพื่อนที่พิเศษ คำในแง่ร้ายพวกนั้นไม่ควรใช้อธิบายเทมของหมู ไม่ว่าใครก็ห้ามเรียกเทมแบบนั้น แม้แต่ตัวเทมเองก็ห้ามนะครับ เพราะมันไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่เทมเลยสักนิด"


          ผมไม่รู้จะบอกเขาว่ายังไง เทมไม่เคยสบายใจเลย เจ้าตัวรู้ว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่นๆ และคอยดูถูกตัวเองเสมอมา เทมมีความรักใส่ตะกร้าที่พร้อมมอบให้คนอื่นเสมอ มีความห่วงใยที่พร้อมจะนึกถึงคนอื่นตลอดเวลา แต่กับตัวเอง เทมกลับไม่ให้ความสำคัญ ผมอยากให้ความรักของผมช่วยอุดรูตะกร้าที่ขาดของเทม อยากให้เทมรักตัวเองเหมือนที่ผมนึกรัก


         
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2018 10:37:56 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter


"มีแค่หมูหย็อง มีแค่หมูหย็องเท่านั้นแหละครับที่รักเทม"


          อา ใจจริงผมอยากเก็บเครดิตตรงนี้ไว้คนเดียวนะครับ เพราะผมก็แอบสอนเขามาตลอดว่าผมเป็นคนที่รักเขามากที่ แล้วเป่าหูเจ้าตัวให้เชื่อว่าทั้งโลกใบนี้มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่รักเขา และต่อให้เอาความรักของคนทั้งโลกมารวมกัน ก็ไม่เท่าความรู้สึกที่ผมมีให้เขาหรอก


         แต่ก็นั้นแหละครับ ผมทำไม่ได้ ผมต้องให้เขารับรู้ว่าไม่ใช่แค่กับผม แต่เขาสามารถได้รับความรักจากทุกคน เป็นคนที่คู่ควรแก่การถูกรักที่สุด


          "อีกหลายคนเลยนะครับที่รักเทม คุณแม่ คุณป๊าหม่าม้า เฮียปลาเจ้ไก่เฮียเนื้อหย็อง หย็องหย็องก็รัก เต้ก็รักน้ำก็รัก...หมู...ก็รัก"


          เทมที่โดนผมดุจนสลดแล้วก้มหน้าซุกตรงอกผม ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกครั้ง ตาที่แดงก่ำเพราะเสียน้ำตาไปมากมายสบตามามองผม ผมนึกสงสารเจ้าตัวในวันพรุ่งนี้ว่าจะต้องปวดหัวปวดตา เพราะร้องไห้มากเกินไปแน่นอน ได้แต่หวังให้ไม่เป็นหนักถึงไข้ขึ้น ใบหน้าที่แดงก่ำไม่แพ้ตาคู่สวยกำลังฉีกยิ้มหวานมาให้ผม


          "แต่หมูหย็อง หมูหย็องก็จะรักเทมที่สุดใช่ไหมครับ"


          ตรงนี้ ผมว่าผมควรได้หน้าไปคนเดียวนะครับ ก็เพราะมันเป็นเรื่องจริงนี่น่า...
ผมลูบหัวเด็กน้อยที่งอแง อยากฟังคำบอกรักจากผม มองมาด้วยดวงตาเป็นประกายอ้อนกัน


          "ใช่ครับ หมูรักเทมที่สุดเลย" ผมยิ้มพร้อมถักร้อยอารมณ์ใส่ลงไปในคำพูดและแววตาที่สบกัน
เทมอมยิ้มจนแก้มบวมเมื่อได้ฟัง แต่สุดท้ายร่างสูงก็พ่าย กลั้นร้อยยิ้มกว้างไว้ไม่ไหว ร่างสูงก้มลงมากอดผมพลิกไปมา เราหัวเราะด้วยกันจนเหนื่อยหอบ บนโซฟาตัวใหญ่มีผมกับเขานอนตะกองกอดกัน ด้วยแววตาหวานเชื่อมที่เคลือบไปด้วยความรักใคร่


          ภายใต้บรรยากาศหวานๆ ความใคร่ก็เริ่มเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง

          ผมคิดว่าผมจะสอนวิธีการ ปลดปล่อยของผู้ชาย ให้กับเทม


          เทมที่ระหว่างกอดผมแน่น เจ้าเทมน้อยก็ดันลุกขึ้นอย่างแข็งขันถูไถต้นขาผมอยู่ ใบหน้าทรมานดูอึดอัดแต่ไม่รู้วิธีการ สัญชาติญาณของเจ้าตัวแค่สั่งให้ทำตัวยุกยิกไปมา แต่เหมือนกลับว่านั่นจะยิ่งทำให้แรงอารมณ์สูงขึ้น แรงเสียดจากสะโพกสอบ ทำเอาผมหน้าแดงฉานและร้อนดังเปลวไฟ แม้ผมจะเขินอายขนาดไหน อายแทบเป็นบ้า


          แต่ผมคิดว่าผมควรเป็นคนสอนเขา ครั้งแรกของเขาควรเป็นของผม
          แม้ว่าจะเป็นแค่การช่วยตัวเองก็เถอะ

          ไม่ว่าอะไรที่เป็นครั้งแรก ผมก็อยากเป็นคนแรกของเขาเสมอ
          อยากให้เขาเป็นคนแรกของผม เป็นคนแรกของผมเฉกเช่นเดียวกัน


          "เทมครับ เทมรู้ไหมว่าเทมกำลังโต" ผมบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นมากนัก ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะสกัดถ้อยคำมาอธิบาย ทั้งๆที่สติของผมใกล้ขาดลงเต็มทน หลังคำสารภาพรักกลายๆของเขา ยิ่งทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง อยากจะเร่งรัด รวบหัวรวบหางให้เขาเป็นของผม ให้เราหลอมหลวมเป็นหนึ่งเดียว ให้ผมเป็นของเขา ให้เขาเป็นของผมสิ้นเรื่องสิ้นราวไป

               แต่คำสัญญาที่มีไว้กับคุณป้าก็เหมือนสายโซ่ที่คล้องคอผมอยู่
               อา...ไม่น่าไปสัญญาด้วยเลยจริงๆ


          แต่แรงอารมณ์ที่หาทางออกไม่ได้ของผู้ชายนี่ทรมานมากนะครับ ถือว่าผมละเมิดข้อตกลง แต่ยังอยู่ในข้อตกลงก็แล้วกัน เพราะใบหน้าแดงก่ำและลมหายใจร้อนที่เป่าอยู่ข้างใบหูก็ทำเอาผมนึกสงสาร ผมจะพยายามไม่ให้เตลิดไปถึงขั้นสุดท้ายแล้วกันนะครับ


          "เทมรู้ครับ" เทมตอบรับคำถามของผม

          "ไปที่ห้องน้ำกันนะครับ" ผมสะกิดให้เทมลุกออกจากตัวผม เจ้าตัวดูขัดใจเล็กน้อย เหมือนไม่อยากแยกออกจากผมไปไหน ผมยิ้มและปลอบเด็กน้อยหน้ามุ่ยที่อยากทำตัวติดกับผม ด้วยการเอื้อมมือไปจับมือใหญ่นั้นไว้ แล้วจูงไปที่ประตู ผลักให้ร่างสูงเข้าไปยืนในอ่างอาบน้ำก่อนจะค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเขาออกทีละเม็ด มือใหญ่รวบมือผมเอาไว้


          "หมูหย็องครับ เทมอาบน้ำมาแล้วนะครับ"


          เทมเอียงคอมองอย่างสงสัย เจ้าตัวคงนึกว่าที่ผมถอดเสื้อ คือผมจะอาบน้ำให้

          อืม...ครั้งนี้ไม่ใช่หรอกครับเทมปุระ ไม่ใช่ชำระล้างออกให้
          แต่ครั้งนี้หมูกำลังจะอาบสีที่ในชีวิตนี้เทมไม่เคยรู้จักให้ต่างหาก


          "หมูจะสอนวิธีการปลดปล่อยให้นะครับ ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะมีปฏิกิริยาเวลาถูกกระตุ้นอารมณ์ ความรู้สึกที่เทมรู้สึกกับหมู เขาเรียกว่ามีอารมณ์ทางเพศ เจ้าสิ่งนี้ ตรงนี้น่ะ ตรงเทมน้อย ต้องได้รับการปลดปล่อยแล้วจะดีขึ้น หมูจะสอนวิธีให้นะครับ เขาเรียกว่าการช่วยตัวเอง"


          แต่ขั้นต่อไป นอกเหนือจากนี้เอาไว้เราได้คบกันจริงจัง แล้วหมูจะสอนอีกครั้งนะครับ


          ผมพยายามพูดให้ช้า และอธิบายให้กระจ่างในครั้งเดียว ด้วยกลัวเทมจะถามซ้ำ เพราะผมกลัวว่าตัวเองจะไม่มีสติพอที่จะอธิบายอีกแล้ว ผมจะข้ามไปแสดงให้เข้าใจโดยทางภาคปฎิบัติเลย...


           ผมเม้มปากพยายามให้หัวใจที่สั่นไหวระรั่วเต้นช้าลง หมูหย็องคนเก่ง ผู้ไม่เคยเกรงกลัวต่ออะไร แม้กระทั่งต่อหน้านักเรียนสามพันกว่าคน ผมก็สามารถขึ้นไปพูดคุยได้อย่างสบายๆ ต่อหน้าผู้ร่วมทำธุรกิจกับพ่อที่มีอำนาจมหาศาล หรือต่อหน้านางแบบ คนดังระดับโลกผมก็ไม่เคยตื่นเต้นอะไร แต่เวลานี้ผมกับมือสั่น และใจที่สั่นยิ่งกว่า


          ท่อนบนที่เปลือยเปล่าทำเอาสมองผมร้อนวูบ ช่วงคอแกร่ง ช่วงแขนแน่นตึง ไหล่กว้างสมส่วนและเอวสอบตอบรับกันเป็นอย่างดี  หน้าท้องแบนราบที่มีซิกแพคให้เห็นเบาบางดูเรียงตัวสวย กล้ามเนื้อคล้ายตัววีไล่เรียงหายไปในกางเกงเนื้อนุ่ม ผมใช้เวลาตั้งสติหลายวินาที กว่าจะทำลายมนตร์สะกดแสนร้ายกาจของร่างกายตรงหน้าได้ สูดลมหายใจเข้าลึกอยู่นาน กว่าจะดำเนินภารกิจต่อด้วยการปลดปราการชิ้นสุดท้าย

          กางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นที่ปกปิดอะไรอะไรที่อยู่ข้างใต้ไม่ได้เลย


          "หมูหย็องครับ..." เทมก้มหน้าลงมาเรียกชื่อผมแผ่วเบา สัมผัสได้ถึงการเกร็งตัวของร่างสูงเมื่อผมยื่นมือที่สั่นแตะต้องโดนเจ้าตัว ความร้อนราวกับเหล็กอังไฟของท่อนกลางกายของเทม เหมือนคบเพลิงที่จุดไฟในร่างของผม ผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนจัดจนแทบจะเป็นลม ทั้งๆที่ในห้องน้ำควรจะเย็นสบาย แต่บริเวณที่ผมกับร่างสูงยืนอยู่กับเหมือนมีมวลไอความร้อนแผ่ซ่านออกมา


          ผมเริ่มขยับมือสาธิตวิธีให้เจ้าตัว แรกๆก็ติดขัดเล็กน้อย เพราะผมไม่เคยจับของใครนอกจากตัวเอง แล้วก็เริ่มคล่องขึ้น ถ้าให้ผมเดา สังเกตจากสีหน้าบิดเบี้ยวของเจ้าตัว และหน้าท้องที่เกร็งจนเห็นกล้ามเนื้อสวยแล้ว ผมว่าผมทำครั้งแรกได้ไม่เลวเลย...เทมน่าจะมีความสุขมาก


          ริมฝีปากสวยพร่ำเรียกชื่อผมไม่ขาดปาก เทมตัวน้อยที่ไม่ได้น้อยสมชื่อ เริ่มร้องไห้ เป็นหยาดน้ำตาที่ไม่ได้ใสเหมือนหยดน้ำจากตา แต่เป็นหยาดน้ำสีขาวขุนที่เริ่มเปรอะเปื้อนไปทั่วมือผม ภาพตรงหน้าช่าง...ลามก
เสียงที่กำลังดังไปทั่วห้องน้ำก็สุดแสนน่าอาย


"อะ อา...หมูหย็อง หมูครับ"


           เสียงครางทุ้มแหบพร่าดังไม่ขาดสาย เพียงไม่นานเทมก็ปลดปล่อยออกมา ท่อนขายาวพยุงตัวเองไว้ไม่ไหว ต้องนั่งลงในอ่าง มือแกร่งดึงผมให้ทรุดฮวบลงไปซบกับแผ่นอกกว้าง เสียงหอบเหมือนเหน็ดเหนื่อยจากการวิ่งหลายสิบกิโลดังสะท้อนห้องน้ำใหญ่ แทนเสียงเสียดสีเมื่อสักครู่ ผมขยับตัวนั่งลงบนตักแกร่งที่ยังสัมผัสได้ถึงความแข็งร้อน


          ครั้งเดียวคงไม่พอสินะ...


          ผมบดเบียดสะโพกลงไปแผ่วเบา แต่เทมน้อยกลับเด้งตัวต่อต้านผมอย่างแรง เทมที่เพิ่งเคยเสร็จสมเป็นครั้งแรกเงยหน้ามองผมที่นั่งอยู่บนหน้าตักแข็งแรง ใบหน้าหล่อเหลาที่แดงเรื่อจากแรงอารมณ์ พร้อมนัยน์ตาฉ่ำเยิ้ม ดูน่ารัก น่าใคร่เสียจนผมอดใจไม่ไหว ก้มลงใช้เรียวปากของตัวเองจูบซับเหงื่อบนใบหน้างงงวย


          "รู้สึกดีไหมครับเทม?"

          เทมพยักหน้าตอบรับราวกับคนยังไม่ตื่นจากฝันดี

          "เทม เทมรู้-รู้สึกแปลกๆครับ ไม่รู้เรียกว่าอะไร"


          ผมยิ้มให้เด็กน้อยไร้เดียงสาตรงหน้า ยื่นใบหน้าตัวเองไปใกล้ใบหูที่แดงไม่แพ้ส่วนใดของร่างกายคนข้างใต้ แนบริมฝีปากเข้าไปใกล้ พูดเสียงกระเส่า


          "เขาเรียกว่าเสียวครับ"

          "เรียกว่าเสียวงั้นเหรอครับ อือ มือหมูหย็องเสียวมากเลยครับ เทมไม่รู้เลยว่าตรงนั้นใช้ทำอย่างอื่นได้ด้วยนอกจากแกว่งไปมากับฉิ่งฉ่อง"


          แย่แล้วครับ ผมอดใจไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมกำลังล่อลวงเทมปุระให้กลายเป็นเด็กใจแตกเสียแล้ว คำว่าเสียวจากร่างแกร่งด้านใต้ฉุดอารมณ์ผมขึ้นสูง ถ้อยคำลามกง่ายๆ กลับก่อพายุรุนแรงในร่างกายของผม


          "หมูอยากเสียวบ้างจัง เทมช่วยหมูหน่อยได้ไหมครับ?"


          ผมทอดเสียงหวานราวกับนางเงือกที่ใช้เสียงเพลงขับร้องล่อลวงเหล่ากะลาสีให้ลุ่มหลง ชักชวนและชักจูงไป ให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ เทมทำหน้าหน้าเคลิบเคลิ้ม พยักหน้าอย่างเลื่อนลอย


          "หมูหย็องให้ทำอะไร เทมจะทำให้ทุกอย่างเลยครับ"










          กว่าการเรียนรู้ครั้งแรกของเทมจะจบลง ผมก็พ่ายแพ้ไปหลายยก เทมแข็งแรงมากจริงๆครับ มีแค่สองรอบแรกเท่านั้นที่เจ้าตัววิ่งนำเข้าเส้นชัยไปก่อน รอบหลังๆนี่ผมทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น

          ครั้งแรกกับเขา ผมประหม่ามากเกินไป ตื่นเต้นมากเกินไป รักเขามากเกินไป จนควบคุมความรู้สึกที่อยากเอาแต่พรั่งพรูออกมาไม่ได้ แต่ครั้งหน้าผมจะไม่ยอม


          เหนื่อยยิ่งกว่าวิชาพละทั้งเดือนรวมกัน เทมช่างเป็นเด็กขี้สงสัย จับตรงนู่นตรงนี้ของผมทดลองไปทั่ว พยายามหาส่วนที่ผมเสียวมากที่สุด และรังแกเน้นยำอย่างไม่ปรานี ในความใสซื่อ และผมที่เผลอไร้สติ ทำให้ถ้อยคำที่เริ่มพูดคุยกันลามกขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องเอามือปิดปากเทมเอาไว้ ด้วยกลัวจะสามารถถึงเส้นชัยได้เพียงลมปากของคนตรงหน้า


          เราสลับกันปรนเปรอ และทำไปพร้อมๆกัน หลากหลายท่วงท่า เรียกได้ว่า ถ้าก่อนเข้าห้องน้ำคือเลเวลหนึ่ง เทมที่อุ้มผมออกมาจากห้องน้ำก็เลเวลใกล้จะตันแล้วล่ะครับ

          หลังผมยืนยันว่าไม่ไหว ยืนยันขอให้รอบนี้เป็นรอบสุดท้าย เทมก็ช่วยเข้ามาพยุงผมอาบน้ำ แต่ก็ลงท้ายด้วยการเกินเลยผมอีกครั้งและอีกครั้ง
         

          จนผมต้องให้เทมยืนรอแล้วรีบอาบน้ำให้เสร็จด้วยแข้งขาที่อ่อนแรงของตัวเอง
ผมเหลือบตามองนาฬิกา จำได้ว่าตอนเข้าไปคือช่วงประมาณสี่ทุุ่ม แต่ตอนนี้ตีสี่กว่าเข้าไปแล้ว อีกแค่ชั่วโมงกว่าๆ ผมก็ต้องอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียน


          ใบหน้าของผมที่นอนสบตากันบนเตียงตอนนี้ดูเหนื่อยอ่อนกันทั้งคู่ แต่กลับมีรอยยิ้มและดวงตาอิ่มเอมเปี่ยมสุข



          ผมว่ามันคุ้มค่า


               เพราะต่อให้เหนื่อยกว่าวิชาพละทั้งปีรวมกัน ก็มีความสุขมากกว่าความสุขทั้งปีรวมกันเช่นกัน
               การได้ใกล้ชิดกับคนที่ตัวเองรัก...มันช่างเป็นความสุขที่แสนสุขจริงๆนะครับ


               เทมที่ตาเริ่มปรือ เพราะนอนผิดเวลาไปหลายชั่วโมง แต่ยังคงพยายามเบิกตาเอาไว้ เพียงเพราะอยากนอนมองหน้าผมนั้นช่างน่าเอ็นดู ผมที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงแสนอบอุ่นก็เคลื่อนตัวขึ้นไปจูบที่ปลายคางของเขา



          "มีเวลาแค่ชั่วโมงเดียวก็จริง แต่ว่าหลับสักหน่อยก็ดีนะครับ ฝันดีนะครับเทมปุระ"


อ้อมกอดที่รัดแน่นยิ่งขึ้นทำให้ผมลอบยิ้ม และเสียงทุ้มต่ำก็ทำให้ผมเชื่อ ว่าคืนนี้ผมจะหลับฝันดี



          "ฝันดีนะครับหมูหย็อง"









end 6 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

     





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2018 10:39:17 โดย ZOFIARIN »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
  :hao3: น้องเทมนี่ไม่น้องละ... skillความไสแบบน่าจับฟัดนี่ต้องเรียกพี่  :hao3: น่ารักค่ะ ชอบเรื่องนี่ อ่านแล้วหุบยิ้มไม่ได้เลยค่ะ  o13

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter











▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    7    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇









          ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการคอแห้งผาก เหมือนกับเพิ่งเดินฝ่าทะเลทรายอันแห้งแล้ง
น่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์เสียน้ำมากเมื่อคืน...

          ผมควานมือหาสวิตช์โคมไฟ กดแตะเพื่อเรียกแสงสว่างให้กระจายไปทั่วห้อง รอสักพักกว่าสายตาที่พร่ามัวจะเริ่มกระจ่าง สิ่งแรกที่อยู่ในครรลองสายตาคือร่างสูงที่กำลังนอนมองผมนิ่งอยู่ พอเห็นผมลืมตาตื่นขึ้น
เหมือนกับต้นไม้ที่ขาดน้ำได้รับการรดให้ชุ่มฉ่ำในที่สุด รอยยิ้มถูกถักทอขึ้นทันทีเมื่อเราสบตากัน


          "หมูหย็อง อรุณสวัสดิ์ครับ"

          "อรุณสวัสดิ์ครับ...เทม"


          ผมเอ่ยเสียงแผ่วเบา พอตื่นเต็มตาและมีสติ ถึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องน่าอายมากมายขนาดไหน ผมรู้สึกว่าไม่สามารถสบตาหวานฉ่ำนั้นได้ จึงเสมองส่วนอื่นของใบหน้าเขาแทน
          เทมยังคงหน้าแดง ผมเดาว่าคงเป็นสีแดงที่ผสมผสานจากทั้งความเขินและความอาย กอปรกับร่างสูงดูเหมือนจะมีไข้นิดหน่อย จากอุณหภูมิที่แผ่ออกมาจากอ้อมแขนเขาที่โอบกอดผมอยู่ มันค่อนข้างร้อนมากกว่าปกติ
         
          ผมข่มความอายและหันกลับไปสบตาเจ้าตัว

          และรู้สึกว่าเป็นความคิดที่ผิดถนัด

          เพราะมัน ตู้ม

          สติที่กว่าผมจะรวบรวมมาได้แต่ละเล็กแต่ละน้อย แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไม่มีเหลือ ด้วยนัยน์ตาหวานๆ และรอยยิ้มหวานๆ ที่กำลังส่งให้กัน

          ผมเหมือนถูกดึงดูด ได้แต่ขยับตัวเลื่อนลอยขึ้นไปหาเป้าหมายสีชมพูอ่อนตรงหน้า ริมฝีปากสุขภาพดีที่ยามนี้เหมือนกำลังโบกมือเรียกให้ผมเข้าไปหา ก่อนจะถึงตรงนั้น ผมเม้มปากตัวเองแน่นแล้วตัดใจเปลี่ยนทิศทางไปที่ปลายคางของเขาแทน

          เสียงจุ้บเบาๆดังออกมาทันทีที่ผมสัมผัส แม้จะเบาแสนเบา แต่ด้วยความที่ห้องนี้มีเพียงเราสองคน และเสียงเครื่องปรับอากาศชั้นดีก็ทำงานได้ดีเกินไป ทั้งห้องจึงเงียบสนิท เสียงแผ่วเบา ดูดังก้องขึ้นมา เรียกเลือดทั่วร่างให้มาทำหน้าที่แดงฉานบนใบหน้าผม

          เทมฉีกยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะลงมือลอกเลียนแบบ แต่เพราะผมนอนซุกอกเขาอยู่ เจ้าตัวจึงไม่สามารถจูบรับอรุณที่ปลายคางของผมได้ นางฟ้าของผมปลี่ยนเป้าหมายมาที่ติ่งหูด้านซ้ายที่ไร้การป้องกันแทน

          ผมรู้สึกสะท้านไปทั้งร่างกาย ไม่เคยนึกผูกใบหูกับสัมผัสวาบหวามหวิว แต่เทมปุระกลับเปิดเผยข้อมูลนี้ให้ผมรู้  ตั้งแต่เมื่อคืน ใบหูใบเล็ก ติ่งหูอันจิ๋ว แต่กลับสามารถรวบรวมความรู้สึกมหาศาลอัดแน่นเอาไว้ได้ แค่แตะต้องเหมือนแมลงปอเกาะผิวน้ำเบาๆ ก็เรียกความร้อนให้พุ่งทะยานไปไกลถึงไหนต่อไหน

          เทมดูพออกพอใจกับท่าทางสะดุ้งโหยงของผม เขาตั้งท่าจะจู่โจมลงมาอีก จนผมผวายกมือปิดกั้น จนริมฝีปากสวยๆ ประทับลงหลังมือที่ยกขึ้นป้องกันแทน

          ผมรู้สึกว่าพ่ายแพ้ ไม่ใช่แค่ติ่งหู และไม่ใช่แค่ที่ซอกคอ แต่ไม่ว่าจะเป็นตรงไหนของร่างกาย ทุกๆจุด ทุกๆส่วน
ขอแค่ให้คนที่สัมผัสโดน คือชายที่กำลังกอดรัดผมอยู่ ...ก็ทำให้รู้สึกอย่างรุนแรงไม่ต่างกัน

          ผมกัดปาก พยายามไม่ส่งเสียงแปลกๆออกไป ระหว่างที่โดนเทมจู่โจมไม่เว้นจังหวะ
เทมจูบไปทั่วตัวผม ราวกับเด็กเห่อของเล่นใหม่ ที่เล่นไม่ยอมหยุด ราวกับเด็กเล่นของเล่นชิ้นโปรดที่แสนรักแสนหวง

          แม้จะเว้นบริเวณริมฝีปาก แต่ส่วนอื่นก็ถูกเรียวปากสวยๆนั่นประทับไม่ว่างเว้น

          นี่ผมคงไม่ได้ไปเปิดประตูสู่อะไรแปลกๆให้เทมใช่ไหมครับ
ทำไมนางฟ้าของผมถึงได้กลายเป็นเหมือนเจ้าหมาน้อยที่ฟันเพิ่งขึ้น แล้วคันเขี้ยวจนฟัดผมไม่หยุดแบบนี้


          จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ


          "อือ...."
          "ท-เทม...หยุดก่อนครับ เช้าแล้วนะ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย"
          "ทะ-เทม เทมครับ เทม..."

          เทมที่น้อยครั้งนักที่จะดื้อกับผม กลับยังคงทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงห้าม
          ผมจนใจและ...มีความสุข การกระทำเอาแต่ใจของเทมกลับทำให้ผมอมยิ้มไว้จนปวดแก้ม

          ท่าทีดื้อดึงนั่นก็ทำให้ผมใจเต้นตึกตักไม่หยุด

          ผมยอมนอนนิ่งเฉย และรอดูเจ้าหมาน้อยที่เขี้ยวเพิ่งงอก ว่าเจ้าตัวจะพึงพอใจเมื่อไหร่

          แต่ห้านาทีก็แล้ว สิบนาทีก็แล้ว จนผมต้องห้ามอย่างจริงจัง ไม่งั้นผมกลัวว่าผมจะสามารถกลายเป็นหมูแห้งได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

          เพราะมันตื่นขึ้นมาแล้ว...เจ้าสิ่งที่ตื่นขึ้นมาเคารพธงชาติ กำลังยืนตรงอย่างแข็งขัน ผมหน้าแดง รีบระล่ำระลักบอก

          "เทมครับ จะสายแล้วนะครับ จะไม่ได้สติกเกอร์นะครับถ้าไปสาย"

          เทมหยุดชะงักกึก พลางสบตาผมแล้วมุ่ยหน้าขัดใจ สีหน้าของเทมที่ถูกขัดอก ดูน่าเอ็นดู ผมของเทมยุ่งเหยิง และนัยน์ตาที่มักใสกระจาง ดูแดงเล็กน้อย ใต้ตาดูมีรอยคล้ำและบวมเป่ง ผมเอื้อมมือไปลูบใต้ตานั้นแผ่วเบา ผิวขาวของมือผมเมื่อทาบลงกับใต้ตา ยิ่งทำให้ร่องรอยที่มีเด่นชัดจนผมนึกเป็นห่วง

          "ทำไมตาดูแดงจังครับ เมื่อคืนไม่ได้นอนเลยหรือ" แม้มีเวลาแค่พอได้งีบชั่วโมงกว่าๆก็ต้องตื่น แต่ดูจากหลักฐานทุกอย่างบนใบหน้าของคนตรงหน้า กลับแสดงชัดเจน ว่าเจ้าตัวคงจะไม่ได้นอนเลยแม้สักวินาทีเดียว

          ลูกตากลมสีน้ำตาลสวยนั่นเสหลบตาผม เหมือนเด็กๆที่ถูกจับได้ว่ากระทำผิด เทมอ้อมแอ้มตอบผมเสียงแผ่วเบา ด้วยกลัวว่าจะถูกผมดุ

          "ก็...ก็เทมไม่อยากนอนนี่ครับ เทม เทมกลัวว่าเมื่อคืนเทมจะฝันไปเฉยๆ แล้วก็อยากมองหมูหย็องเยอะๆๆๆๆแล้วก็นานๆๆๆๆเลยด้วยครับ"

          เจ้าเด็กคนนี้นี่ จะทำให้ผมอมยิ้มจนปวดแก้มแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ แล้วผมก็นึกขึ้นได้ ว่าผมไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องกลั้นยิ้มเลย ผมฉีกยิ้มกว้างกับถ้อยคำแสนน่าดีใจนั่น พลางเอื้อมมือสุดแขนหวังจะกอดรัดรั้งคอร่างสูงให้มาใกล้ชิด

          "พิสูจน์ไหมครับ ว่าฝันไปหรือเปล่า? เขาบอกว่าในฝัน คนเราจะไม่รู้สึกเจ็บ เพราะงั้น..."

          ผมเคลื่อนหน้าไปหาใบหน้าที่กำลังเหรอหรา เพราะตกใจในการกระทำอันอุกอาจ

          ผมไล่สายตาสำรวจรอบใบหน้าแสนรัก

          ทั้งๆที่ผมหักห้ามใจตัวเองไว้แล้วเชียว ว่าไม่ว่ายังไง ตรงริมฝีปากนั้นน่ะ ก็อยากเว้นไว้ก่อน คิดว่าริมฝีปากสวยๆนั่นควรตกเป็นของตัวผมในอนาคต อยากให้เราอยู่ในฐานะคนรักที่แน่นอน
          ไม่ใช่ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนสนิทแบบนี้
   
          ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทที่แบบนี้มีคนเดียวในโลกก็เถอะ....

          อา...แต่ก็คงต้องพูดขอโทษตัวเองในอนาคตเสียแล้วล่ะครับ

         ใครใช้ให้เทมพูดจาน่ารักใส่ผมขนาดนี้กันล่ะ ขอผมชิมก่อนที่จะได้ครอบครองเขาก็แล้วกัน

          ผมแลบลิ้นร้อนชื้นลากเลียไปที่ริมฝีปากของร่างสูง เทมที่ตกใจจนเผลออ้าปากค้าง ยิ่งทำให้ผมสามารถแทะโลมเขาได้สะดวกยิ่งขึ้น ผมขบเม้มสลับลิ้มรสผิวเนื้ออ่อนนุ่ม และเริ่มลงมือพิสูจน์ว่านี่ไม่ใช่ฝัน ด้วยการใช้ฟันขบปากสวยแผ่วเบาสลับหนักหน่วง

          แรกเริ่มผมคิดว่าจะหยุดอยู่ที่ตรงนั้น แต่โอกาสอันหอมหวานที่นานๆจะมีสักครั้ง
          และความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของที่ผมมีก็ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หลังจากค่ำคืนของสองเรา

          ฟันขาวมุ่งหาเป้าหมายถัดไป เรื่อยไปถึงสันกรามได้รูปสวย และจบลงที่ต้นคอแกร่ง แนบริมฝีปากลงไปดูดกัด
แรงขึ้น และแรงขึ้น จนขึ้นสีแดงคล้ายดอกกุหลาบ

          ผมไม่เคยคิดว่าดอกไม้มันสวย จนกระทั่งมันเบ่งบานอยู่บนผิวของคนตรงหน้า

          อืม...ผมว่าดอกไม้ ควรอยู่ด้วยกันเป็นช่อถึงจะยิ่งงดงาม
ร่องรอยคิสมาร์กที่ผมปลูก เบ่งบานอีกหลายดอก กระจัดกระจายเต็มไปหมด จนกระทั่งร่างสูงครางประท้วง

          "เทมเจ็บคอจังเลย หมูหย็องแกล้งเทมทำไมครับ แกล้งกันไม่ได้นะครับ" เทมทำเสียงเสียอกเสียใจ เพราะโดนผมกัด จะเถียงว่าไม่ได้แกล้ง หลักฐานก็คาต้นคอเขาเสียขนาดนั้น ผมจึงหันไปหอมแก้มเอาใจคนโดนผมรังแก

          "ไม่ได้แกล้งเทมนะครับ หมูกำลังพิสูจน์ไงครับ ว่าเทมไม่ได้ฝันไป เจ็บไหมครับ หมูขอโทษนะ" ผมยิ้มและลูบที่ลำคอเขาปลอบประโลม รอยยิ้มของผมถูกส่งให้เทมอย่างอ่อนหวาน เทมยิ้มกว้างส่ายหัวจนผมชี้ฟูนั่นกระจาย

          "เจ็บจี๊ดๆนิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นไรแล้วฃ เพราะรู้แล้วว่าไม่ได้ฝันไป ดีจังเลยครับที่ไม่ใช่ฝันไป ดีจังๆๆๆ...แต่เมื่อกี้ เมื่อกี้"

          หลังจากสีหน้าดีอกดีใจ ก็เป็นสีหน้าสับสนพร้อมแก้มที่ชมพูเปล่งขึ้นมาเหมือนกลีบดอกบัว

          "หืม เมื่อกี้? มีอะไรเหรอครับ? "

          เทมดูลุกลี้ลุกลน ยอมปล่อยผมจากอ้อมกอด ลุกขึ้นนั่ง เจ้าตัวเหมือนหุ่นยนต์ที่เครื่องกำลังรวน ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง ยิ่งผมลุกขึ้นนั่งตาม แล้วขยับเข้าไปใกล้ เพื่อฟังให้ชัดว่าเด็กน้อยกำลังพึมพำว่าอย่างไร ดอกบัวที่เปล่งปลั่ง ก็ผลิบานยิ่งกว่าเดิม แดงจนผมฉงน ว่าเจ้าเด็กแสนขี้อายของผม กำลังเขินอายด้วยเรื่องอะไรอยู่...

          "ใจเย็นๆนะครับเทม ค่อยๆอธิบายนะครับ" ผมลูบมือแกร่งไปมาเพื่อกล่อมให้คนตรงหน้าใจเย็น นัยน์ตาใสฉาบไปด้วยความเขินอาย เทมเม้มปากแน่นพลางดึงมือออกจากการกอบกุมของผม ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างงงวย

          สองมือปิดหน้าตัวเองแน่น พูดเสียงค่อยจนผมฟังไม่ชัด จับใจความได้แค่

          จูบ...

          แย่ล่ะสิ เด็กน้อยดันรู้จักการจูบซะได้
          เอาไงดีนะ

          เทมคงเห็นผ่านละครโทรทัศน์ นิยาย หรือสิ่งต่างๆ ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าถึงจะจำกัดการเข้าถึงสื่อขนาดไหน แต่รอบๆตัวของเทม ก็มีสื่อเยอะแยะมากมายที่ไม่ได้จำกัดแค่จากหนังสือหรือทีวี มากขนาดที่ต่อให้ผมไม่ให้เทมมีโทรศัพท์ไว้ใช้ หรือสร้างขอบเขตไว้อย่างดีขนาดไหน ก็ต้องมีหลุดรอดออกมาให้เด็กน้อยรู้จนได้

          ผมครุ่นคิดหาคำอธิบาย ว่าจะอธิบายไปตรงๆหรืออย่างไรดี
          ถึงนั้นจะเรียกว่าจูบได้ไม่เต็มปากก็เถอะ เพราะก็ยั้งตัวเองไว้แค่ริมฝีปากล่างเท่านั้น

          และเทมรู้สึกยังไงกับการที่ผมจูบเขา กำลังรังเกียจกันหรือเปล่านะ?

          เพียงแค่คิดว่าจะถูกคนตรงหน้าเกลียด เลือดในกายของผมพลันเย็นเฉียบ
สัมผัสไม่ได้ถึงอารมณ์ความอยากมีชีวิตอยู่ ผมพยายามเอื้อมมือไปแกะมือที่กั้นอยู่นั่นออก แต่ปราการปิดกั้นสีหน้าที่ต้องการจะมองนั่นก็ดูแล้วแข็งแรง แม้ว่าผมอยากจะจับมือเขาออก เพื่ออ่านสีหน้า แต่ก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง

          เพียงแค่คิดยังรู้สึกเจ็บจนร่างกายสั่นสะท้าน น้ำตาเอ่อขึ้นอยู่ที่ขอบตา
ผมรู้สึกว่าหายใจไม่ออก แน่นหน้าอกจนนึกว่าตัวเองกำลังจะตายภายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า หากไม่ใช่เพราะเสียงแผ่วเบาหลุดรอดออกมาจากฝ่ามือให้ได้ยิน

          "เทมได้จูบกับหมูหย็องด้วย"

          เสียงทุ้มที่ต่อให้ฟังยังไง ก็รับรู้ได้ถึงความดีใจในนั้น พร้อมมือแกร่งที่ผ่อนมือลง รอยยิ้มขวยเขินประดับไปด้วยความสุข ดวงตาหยีลงเพราะรอยยิ้มมองตรงมาที่ผมอย่างแสนรัก แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นผม เทมชะงัก ก่อนจะรีบดึงผมให้เข้าไปหา


          "หมูหย็องครับ! หมูหย็อง หมูหย็องเป็นอะไรครับ ม-ม-ม ไม่สบายเหรอ ไม่สบายหรือเปล่า หา หา หา หาหมอ หาหมอ ไปหาหมอกันนะ ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา ไม่ร้องไห้ อย่าร้องไห้นะ เจ็บตรงไหน ปวดตรงไหนบอกเทมหน่อยครับ หมูหย็อง หมูหย็องไม่เป็นอะไรนะครับ"


          ผมที่นั่งหน้าซีดตัวสั่นด้วยกลัวถูกเทมเกลียด คลายความตึงเครียดขั้นสูงสุดของร่างกายลง อ้อมกอดร้อนจัดทำให้ผมสบายใจ เทมดูตื่นตะหนกตกใจ ที่พอโผล่หน้าออกมาหลังความขวยเขินลดลง ก็ดันเห็นผมนั่งหน้าซีดตัวสั่น ตาแดง ทำท่าร่ำๆจะร้องไห้อยู่ตรงหน้า มือใหญ่ลูบคลำผมไปทั่ว จับมือซ้ายมือขวายกขึ้นดูเหมือนหาร่องรอยที่เป็นต้นเหตุ ร่างสูงลุกขึ้นพรวดพลางตั้งท่าจะอุ้มผม จนผมต้องรีบกระตุกมือใหญ่ให้ใจเย็น


          "ไม่ได้นะ ไม่ได้นะครับ หมูหย็องต้องไปหาหมอ ไม่สบายต้องไปหาหมอนะครับ เทมไม่อยากให้หมูหย็องเจ็บปวด เทมจะไปบอกคุณป๊าเดี๋ยวนี้แหละ"


          ความเป็นห่วงที่ฉายชัด ความร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูกของเขาทำให้ผมนึกตลกตัวเอง


               คิดไปได้ยังไงนะว่าเทมปุระจะเกลียดผม ไม่มีทางหรอก
          เขารักผม รักผมมากขนาดที่แทบจะอุ้มผมตัวลอยออกนอกห้อง ทั้งๆที่โป๊เชียวนะ

          ผมหัวเราะออกมากับความคิดบ้าบอของตัวเอง จนเด็กน้อยยืนงง สับสนกับความผีเข้าผีออกของผม


               "หมูไม่ได้เป็นอะไรครับ แค่ตกใจที่เทมไม่ยอมให้เห็นหน้า นึกว่าโกรธกันเสียอีก"


                    เทมร้องอ๋อในลำคอ พลางลูบอกตัวเองเรียกขวัญเป็นการใหญ่ ผมที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาเสียขวัญก็ช่วยลูบด้วย เทมกลับมานั่งลงบนเตียงกับผมตามเดิม เจ้าตัวดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างด้วยสีหน้าเขินอายอีกครั้ง


               ผมยิ้มกริ่มให้กับท่าทางแสนขี้อายของคนตรงหน้า เมื่อคืนพอผมอาบน้ำเสร็จก็เหนื่อยจัด แค่ยืนให้ตรงๆยังทำได้ยาก เทมจึงจับผมนั่งบนเก้าอี้ แล้วเช็ดตัว เช็ดผมจนแห้งสนิท จับผมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วอุ้มผมไปวางลงที่เตียง พอเจ้าตัวจะไปแต่งตัวมานอนบ้าง ผมก็เกิดนึกไม่อยากให้ร่างใหญ่ห่างกายไปแม้แต่วินาที จึงอ้อนให้เขานอนด้วยทั้งๆที่ร่างกายเปลือยเปล่า เทมก็แสนดี ยินยอมผมไปเสียทุกอย่าง ทำให้เช้านี้เทมไม่ได้อยู่ในชุดนอนตัวเก่งอย่างเคย


          "เทม เทม เทมไม่ได้โกรธครับ ไม่ได้โกรธหมูหย็องนะครับ" เทมปุระเม้มริมฝีปาก กัดๆปล่อย คล้ายลังเลที่จะพูด

          "ค-ค-แค่รู้สึกหน้ามันจะไหม้ยังไงก็ไม่รู้ครับ หน้าร้อนนี่เหมือนหัวร้อนไหมครับหมูหย็อง"


          ผมใช้สัมผัสปลอบเขา สบดวงตาฉายแววประกายสับสน ผมยิ้ม และรอเขาพูดอย่างใจเย็น


          "แล้ว แล้วก็เทมเคยดูในโทรทัศน์กับเต้เล่าให้ฟัง ในโทรทัศน์เขาบอกว่าคนรักกันถึงจะจูบกันได้ เต้ก็บอกว่าจูบกับแฟน แต่หมูหย็องกับเทมเป็นเพื่อนกันแล้วทำไมถึงจูบกันได้ล่ะครับ แปลกใจจังเลย แล้วคนรักกับแฟนคืออะไรกันแน่ เอาปากมาชนๆกันนี่เรียกว่าจูบใช่ไหม หรือว่าเทมเข้าใจผิดไปเองครับ?"


          เขาเอียงคอสงสัย คำพูดประโยคยาวๆที่หาได้ยากจากเด็กชายตัวน้อยของผมหลั่งไหลออกมาไม่หยุด เหมือนคนตรงหน้าถึงขีดจำกัดของความอดทนแล้ว เขาต้องการคำตอบมากๆ มากพอกับที่ผมต้องการจะตอบเขาเช่นเดียวกัน


          "เทมงงๆๆจังเลย ถ้าต้องเป็นแฟนถึงจูบกันได้ แล้วทำไมเราสองคนที่เป็นเพื่อนถึงจูบกันล่ะครับ แต่ แต่เทมก็รู้สึกดีมากเลย ในนี้เต้นตุ้บๆ ตุ้บตั้บใหญ่เลย ดีใจใหญ่เลย ปกติหมูหย็องจะให้จุ้บๆแค่ตรงอื่น แต่ตรงปากจะไม่ให้จุ้บจุ้บ เลยดีใจมากๆ รู้สึกดีมากๆ มีความสุขมากๆเลยครับ"


          เสียงทุ้มพูดรัวเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน พยายามอธิบายให้ผมฟัง ถ้อยคำที่แสนซื่อตรงมุ่งตรงไปดึงส่วนที่อ่อนโยนที่สุดของผม และปลุกความอาดูรอย่างที่สุดขึ้นมา นึกสงสารเด็กชายเทมปุระที่โดนผมปั่นหัวจนสับสนวุ่นวาย
 
          เพราะประครองความเป็นเพื่อนมาเป็นเส้นกราฟตรงตลอด มีขึ้นสูงเล็กน้อย ในบางคราที่ผมอดกลั้นไม่ไหว
แต่คงเส้นคงวา ไม่เกินเลยมากไปเสมอมาตลอดหลายปี

          แต่ความอดทนก็ถูกกาลเวลากัดกร่อน จนโซ่ที่ตรึงผมไว้ขาดไปหลายเส้น เรี่ยวแรงรั้งที่ลดน้อยยถอยลง ก็ทำให้ผมกระโดดเข้าใส่เทมปุระอย่างรุนแรง ทำให้คนที่ไม่เคยเจอผมในโหมดออกล่า และรุกอย่างรุนแรงถึงกับมึนงง วุ่นวายใจ

          สีหน้าของเด็กเจ้าปัญหาตรงหน้าทำผมอารมณ์ดี นิ้วเรียวสวยชี้ไปที่หน้าอกตัวเอง ฟ้องว่าตรงไหนที่เต้นตุ้บตั้บตามที่บอกเล่า ผมก็อยากจะบอกเหมือนกันว่าตอนที่ผมทำ ตรงนั้นของผมก็เต้นตุ้บๆไม่แพ้เทมปุระเลยสักนิด
 
          ผมพยายามเรียบเรียงคำอธิบายดีๆให้คนตรงหน้า พลางคิดหาบทลงโทษให้กับไอ้เต้ที่มาเล่าอะไรบ้างก็ไม่รู้ให้เทมฟัง ผมต้องการเป็นคนสอนเขาเองทั้งหมดแท้ๆ มาตัดหน้ากันนี่ยอมไม่ได้ครับ


          "หน้าร้อนนี่เขาเรียกเขินครับ คล้ายๆกับอาย ส่วนตามโทรทัศน์แล้วก็ที่เต้บอก...ถูกต้องแล้วครับ เฉพาะคนรักกันเท่านั้นถึงจูบกันได้ หมูถึงไม่เคยให้ปากเราแตะกันเลย เพราะเราเป็นแค่เพื่อนกัน"


          มือขาวจัดอมชมพูตามสายเลือดตะวันตกของผมเลื่อนขึ้นมาไล้ริมฝีปากของตัวเอง เพื่อบ่งบอกถึงบริเวณต้องห้าม สายตาของเทมที่มองตามการเคลื่อนไหวของปลายนิ้ว ราวกับต้องมนตร์สะกด ผมอมยิ้มให้กับท่าทางกำลังอดทนของเขา ท่าทางที่มองตามการเคลื่อนไหวของผมไม่ละสายตา สายตาทอแสงความหิวโหย คล้ายเขาอยากก้มลงมาฟัดผมมากกว่าฟังคำอธิบาย


          แต่ยังหรอก ผมยังไม่ให้เขาฟัดผมตอนนี้
          ตอนที่ถึงหัวเลี้ยวหัวต่อ ถึงส่วนสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ของสองเรา



          "เทมรู้ไหมครับว่าแฟน หรือคนรักหมายถึงอะไร?"

          เทมทำท่าครุ่นคิด พยายามลากสายตาออกจากริมฝีปากของผม ที่กำลังกลั้นยิ้มให้กับความกระหายของคนตรงหน้า

          "เพื่อนสนิทสุดๆๆๆๆๆ?"

          "หึหึ ครับ นั่นก็ใช่ เพื่อนสนิทสุดๆ แต่ก็เป็นมากกว่านั้นด้วย แฟนก็คือชื่อเล่นของคำเรียกของคนรัก เป็นคนรักกัน ก็คือสองคนที่คบกัน ไม่ใช่คบกันฉันท์เพื่อนสนิทเท่านั้น แต่คนรักกันจะเป็นมากกว่านั้น เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งน้อง ทั้งที่ปรึกษา เป็นครอบครัว อยู่เคียงข้างกัน คอยช่วยเหลือ พึ่งพากันและกัน เป็นคนที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต"

          "เพื่อนก็ทำแบบนั้นไม่ใช่เหรอครับหมูหย็อง อยู่ด้วยกัน เล่นด้วยกัน ช่วยดูแลกัน หมูหย็องกับเทม เราสองคนก็ไม่เห็นแตกต่างไปจากที่หมูหย็องบอกเลยนะครับ แบบนี้เราก็เป็นคนรักกันแล้วหรือเปล่าครับ?"


          ผมชะงักกึก หัวใจเต้นหนักหน่วง กับคำว่าคนรักที่ออกมาจากปากร่างสูง พาลเอาคำพูดในหัวกระเจิดกระเจิงหายไปหมด ผมได้แต่นั่งบีบมือตัวเองแน่น ใช้ความพยายามขั้นสูงสุด ที่จะไม่จบเรื่องการอธิบายลงแค่นี้ แล้วลากเทมขึ้นไปกกกอดกันบนเตียงต่อ


          "ตอนนี้ยังไม่ใช่ครับ" เทมทำหน้าผิดหวัง เสียใจสุดๆออกมา จนผมนึกอยากจะเปลี่ยนคำพูดตัวเองให้ถูกต้องตามใจเขา แต่ก็เลือกที่จะกลั้นใจอธิบายต่อไป เพื่อผลลัพท์ที่ดีกว่า


          "ฟังหมูบอกก่อนนะคนดี หมูบอกว่ายังไม่ใช่ ก็เพราะหมูอยากให้เทมเข้าใจคำว่าคนรักดีเสียก่อน คำว่าคนรักหรือแฟน มีได้แค่คนเดียวเท่านั้น ไม่เหมือนกับเพื่อน ที่จะมีกี่คนก็ได้ เป็นคนพิเศษที่สุดเพียงหนึ่งเดียว เป็นคนที่มีเพียงหนึ่งเดียวบนโลก เป็นคนๆเดียว ที่เรามีความรู้สึกพิเศษให้"


          ผมมองดวงตาสวยของเขาตลอดเวลาเอื้อนเอ่ย


          "เป็นความรู้สึกที่เรียกว่ารัก รักที่เหมือนครอบครัว เหมือนเพื่อน เหมือนพี่เหมือนน้อง แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว รักแบบคนรักมันลึกซึ้งกันคนละแบบ แบบที่เรารู้สึกว่าเรายอมทำได้ทุกอย่างเพื่อเขา อยากอยู่ใกล้เขา แต่ก็ไม่อยากให้เขาอยู่ใกล้ใคร อยากให้เขามองเราแค่คนเดียว สนิทกับเราแค่คนเดียว หึงเขา หวงเขา อยากปกป้องเขา อยากให้เขามีความสุข..."


          ถึงส่วนสำคัญของการอธิบาย ผมค่อนข้างเขินเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพูดต่อไป สบตาเขา ไม่หลีกหนีไปไหน


          "แล้วก็สามารถสัมผัสกันได้มากกว่าคนอื่นๆ เพื่อนกันก็จะแค่มีกอดกันเวลาดีใจ พ่อกับแม่ก็หอมแก้มหรือลูบหัว แต่กับแฟนเราจะมีอะไรกัน จูบกัน กอดกัน หอมแก้มกัน ลึกซึ้งด้วยกัน ร่วมรักแนบชิดกันและกัน แบบที่หมูอธิบายให้เทมฟังเมื่อคืนนะครับ"


          ผมกลั้นใจรอคนที่มีท่าทางครุ่นคิดตามคำพูดของผม ความรู้สึกตื่นเต้นมากมายประเดประดังเข้ามา ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจไหม ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกเหมือนกันไหม การรอฟังเขาตอบเหมือนกับการพนันที่ผมทุ่มเทให้ทั้งชีวิต และตอนนี้ก็ถึงเวลาสุดท้าย เป็นช่วงเวลากำลังรอลูกเต๋าที่ทอยออกไปตัดสินชี้ชะตา ผมบีบมือตัวเองแน่นขึ้นไปอีก

          ได้แต่ภาวนาให้ตัวผมเป็นผู้ชนะในการพนันอันยิ่งใหญ่


         
          "เทมก็รู้สึกว่ารักหมูหย็องพิเศษกว่าใครเลย ไม่เหมือนทุกๆคนนะครับ หมูหย็องต่างมากๆ โดดเด่นออกมาจากทุกคน พิเศษกว่าใครทั้งหมด มีแค่คนเดียวในโลกครับ"


          เทมพยายามอธิบายความรู้สึกของเขาให้ผมฟัง มันตะกุกตะกักนิดหน่อย เพราะเขาตั้งใจสื่อสารกับผมมาก
เขาพยายามเต็มที่ที่จะพูดให้ถูกต้อง


          ผมเบิกตากว้างมองเขา รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะร้องไห้ คำว่ารักจากเขา เหมือนน้ำเหมือนสายลม ช่วยรดช่วยเป่าหัวใจอันตีบลีบของผมให้พองฟูขึ้น ความรู้สึกของผมมันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ เหมือนหัวใจที่ว่างเปล่าถูกเติมเต็มจนเต็ม เหมือนความพยายามทุกอย่างประสบความสำเร็จ รู้สึกมีความสุข รู้สึกเป็นผู้ชนะคนทั้งโลก


          "อยากให้หมูหย็องมีความสุข อยากให้หมูหย็องไม่เป็นไข้ อยากให้สุขภาพแข็งแรง" เทมเอื้อมมือใหญ่มาจับมือที่กุมกันเอาไว้แน่นของผม เขาลูบมันเบาๆ แล้วพยายามอธิบายต่อด้วยแก้มขาวขึ้นสีระเรื่อ


          "เวลาหมูหย็องอยู่ใกล้ใคร เทมก็รู้สึกร้อนใจไปหมดเลยครับ ไม่ชอบให้หมูหย็องยุ่งกับใคร ไม่ชอบให้ใครจับหมูหย็อง หรือว่าหมูหย็องไปจับใคร ถ้าเพื่อหมูหย็องเทมก็ยอมได้ทุกอย่างครับ ทำให้หมูหย็องได้หมดเลย ไม่ให้ทานขนม เทมก็จะไม่ทาน ให้ทานผักเยอะๆๆๆเทมก็จะหม่ำให้นะ แต่ขอทานวันละน้อยๆแต่หลายๆวันแทนนะครับ"

           ผมแอบหัวเราะเบาๆให้เด็กน้อย กับคำออดอ้อนขอต่อรอง

          "เทมยอมทุกๆๆๆอย่างเลยครับ อยากปกป้องหมูหย็อง อยากเป็นองครักษ์ของหมูหย็อง เวลาหมูหย็องยืนอยู่ในดงคนเยอะๆ เทมก็มองเห็นแค่หมูหย็องคนเดียวด้วย เห็นเป็นคนแรกด้วย แนบชิดตัวติดๆๆๆกัน ก็อยากตัวติดกันกับแค่หมูหย็อง กับคนอื่นไม่เคยรู้สึกแบบนี้ด้วยเลย"


          เทมหยุดพูด นัยน์ตางดงามสบผมอย่างตรงไปตรงมา เอ่ยประโยคคำถามที่ทำให้ผมแทบจะล้มตายอยู่ตรงนั้น


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2018 11:48:43 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter



          "แล้วทำไมเรายังไม่ใช่คนรักกันล่ะครับ ในเมื่อเทมรักหมูหย็องขนาดนี้?"



          ให้ตายเถอะ! พระเจ้า นี่เขากำลังสารภาพรักกับผมนะ นี่เขากำลังขอผมคบอยู่หรือเปล่า!?


          เขาจะรู้ตัวบ้างไหมว่าพูดอะไรออกมา เขารู้ใช่ไหม ว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่!?


          ผมรู้สึก ตู้ม ตู้ม ตู้ม ติดต่อกันหลายครั้งจนสมองพร่าเบลอไปหมด สีขาวสว่างโร่เคลือบไปทุกห้องของความคิด แก้มที่เห่อร้อนราวกับอังไฟ ความดีใจที่ไม่รู้มาจากไหนมากมาย กำลังตะเกียกตะกายกระจายไปทั่วร่าง ความสุขที่พุ่งขึ้น น่ากลัวว่าความสูงของมันจะทะลุออกนอกชั้นบรรยากาศของโลก รู้สึกเตียงที่ตัวเองนั่งกลายเป็นปุยเมฆนุ่มนิ่มที่กำลังล่อยลอยอยู่บนอากาศ


          ผมพลาดไปตรงไหนนะ ทำไมมันถึงมาจบลงแบบนี้ได้?


          แบบที่ผมนึกว่าเขาไม่รับรู้ความรู้สึกของตัวเอง
          แต่ความจริงเขาเข้าใจ เขารับรู้ เขาแค่ไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกนั้นว่าอะไร เขาแค่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับความรู้สึกพิเศษนั้น


          ผมเป็นคนผูกความสัมพันธ์นี้ให้ยุ่งเหยิง  และเรื่องมันก็ยุ่งเหยิงมากจริงๆ


          ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง ในเมื่อเรื่องราวของเรามันข้ามขั้นแบบก้าวกระโดดผิดไปจากคนอื่น คนอื่นอาจจะเริ่มจากจีบ เป็นแฟน และสัมผัสกัน แต่ความสัมพันธ์ของผมกับเทม กลับก้าวกระโดดสลับกันไปมาจนน่ามึนงง ขึ้นไปยืนบนแท่นเพื่อนสนิทบ้างล่ะ แท่นของคนพิเศษบ้างล่ะ หมุนวนปนกันมั่วไปหมด


          เป็นผมที่ขีดเส้นให้เป็นแค่คำว่าเพื่อนกัน ระหว่างที่เขาสับสน ผมตั้งชื่อความรู้สึกว่าเพื่อนสนิทขึ้นมาเป็นคำตอบให้เขา เขาที่เชื่อทุกอย่างที่ผมพูด จึงไม่นึกสงสัย และเชื่อผมเสมอมา


          ผมที่วางแผนให้ระหว่างเรามันค่อยๆพัฒนา ค่อยๆให้เขารักผม รักผมในแบบที่ผมรักเขา แต่วันนี้ ณ ตอนนี้ ผมก็เพิ่งรู้สึกตัว ว่าเขาก็รู้สึกแบบเดียวกันกับผมตลอดมา


          ม่านหมอกที่ปกคลุมอยู่ ก็กระจ่างแจ้งชัดทันตา


          สิ่งที่ผมควรทำ ก็แค่สารภาพรักออกไป และเปลี่ยนชื่อความสัมพันธ์ของเราใหม่ซะ


          เพราะเทมพร้อมเป็นทุกอย่างให้ผมแล้ว...



          "เทมครับ..."

          ผมกำลังจะเอ่ยถามเขา ว่าถ้าในเมื่อความรู้สึกของเราตรงกันขนาดนี้แล้ว...


          เราเลิกเป็นเพื่อนที่แบบนี้มีคนเดียวในโลก มาเป็นคนรักคนนี้มีคนเดียวในโลกกันไหมครับ
          มาคบกันไหมครับเทม มาเป็นคนรักกันนะ?



          แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยถามออกไป คนที่ผมเข้าใจว่าเขาไม่รู้อะไร ก็เอ่ยถ้อยคำที่ผมไม่เคยคิดฝันว่าจะออกมาจากปากน่าจูบคู่นั้น



          "อ๋อๆๆๆๆ หรือว่าเพราะเทมยังไม่ได้จีบหมูใช่หรือเปล่าครับ?"


          "เทมครับ!?" ผมรู้สึกเหมือนเลือดในกายของตัวเองกลายเป็นลาวา มันลวกร้อนและแดงฉาน คล้ายได้ยินเสียงฉ่าบนหน้าของตัวเอง ความร้อนบนผิวระอุ ถ้าเอามือไปทาบทับอาจจะไหม้ก็เป็นได้


          เทมปุระเอียงคออย่างน่ารัก ท่าทางคิดมากของเขาน่าเอ็นดู


          "เต้บอกว่ากว่าจะมีแฟนแต่ละคนก็ยาก ต้องจีบให้ติดก่อน เพราะงั้น..."


เขายกมือขึ้นมาสองข้าง นิ้วชี้กับนิ้วโป้งแตะเข้าหากัน ส่งยิ้มกว้างจนตาหยีมาให้ผม



          "เทมขอจีบหน่อยนะครับ ขอจีบหมูหย็องมาเป็นแฟนเทมนะ"

           "!!!?!"







          ผมลุกไปอาบน้ำแต่งตัวสวมชุดนักเรียน ด้วยสมองพร่าเบลอที่ก้องไปด้วยคำสองคำ


          ขอจีบ


          คนที่ใจตรงกันแล้วยังต้องจีบกันอีกหรือ? เป็นผมหรือเทมปุระกันแน่นะที่มึนงง แต่อันที่จริงผมกับเขาก็ดูมึนๆ งงๆ มั่วๆ กับความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดนี้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะแบบนั้น ต่อให้ประหลาดไปมากกว่าเดิม ก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งครับ


          ผมส่องกระจกระหว่างกลัดกระดุมเสื้อ แล้วก็ค้นพบกับภาพสะท้อนของคนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนบ้า
กระจกฉายภาพของชายที่หน้าตาดูมีความสุขที่สุดในโลกจนน่าหมั่นไส้กว่าใครๆทั้งหมด คนที่ได้รับความรักจากคนที่ตัวเองแอบรักมานานหลายปี


          คนที่กำลังจะถูกคนที่ตัวเองแอบรัก จีบ


          ผมอารมณ์ดีจัด ถึงขนาดฮัมเพลงในลำคออย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ไม่ว่าจะอะไรรอบตัวก็ดูละมุนละไมไปเสียหมด ห้องนอนกว้างที่ตกแต่งสีคุมโทนด้วยดำ น้ำเงิน เงิน และเทา สีโทนเคร่งขรึม แต่วันนี้กลับดูเป็นเฉดสีดำที่อบอุ่นหัวใจ เป็นสีดำพาสเทลที่อยู่บนหน้าปกนิทานของเด็กน้อย


          ผมไม่นึกมาก่อนว่าวันนี้จะมาถึงได้ไวขนาดนี้ ใจจริงอยากจะไปเช่าป้ายบนตึกสูงๆ หลายๆแห่ง ซื้อพื้นที่ว่างหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์ จัดโต๊ะตั้งแถลงและประกาศ ว่าในที่สุดเราก็รักกัน และเทมคนนั้นก็กำลังจะจีบผม หมูหย็องคนนี้


          ผมไม่รู้หรอกครับว่าเทมจะจีบผมยังไง จะใช้วิธีการอะไร หรือเทมรู้จักคำว่าจีบมากแค่ไหน เพราะผมสุขใจเกินกว่าจะคิดอะไรออกแล้ว


          ผมที่กำลังนวดแก้มตัวเองเพราะชักจะเริ่มเมื่อย ด้วยเพราะยิ้มนานเกินไป มากเกินไป  ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจากข้างนอกห้องแต่งตัว เทมที่วิ่งตึงตังขอเข้าไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวเสร็จก่อน กำลังเคาะห้องเรียกผมอยู่


          "หมูหย็องแต่งตัวเสร็จหรือยังครับ"


          ผมรู้สึกเขินอายเกินกว่าจะชวนเขาเข้ามาแต่งตัวด้วยกันเหมือนยามปกติ จึงให้เขารอด้านนอก แล้วเข้ามาหลบพักสงบจิตสงบใจ แต่ก็คงยืดเวลาได้นิดหน่อย เพราะเด็กน้อยมาตามหาผมเสียแล้ว ผมสูดลมหายใจลึก พยาพยามตั้งสติครั้งที่ร้อยของวัน ได้แต่หวังว่าเทมจะไม่ใจร้ายทำพวกมันระเหิดหายไปอีก


          "ให้นะครับ เทมให้หมูหย็องนะ"


          ผมเปิดประตูออกมา และเจอเข้ากับคนใจร้ายที่ทำทุกสติระเหิดหายกลายเป็นไอ


          วิธีการจีบแสนคลาสสิคและแสนเก่าแก่ถูกเทมเลือกใช้ คงเพราะเคยเห็นผ่านตาตามภาพยนต์ ผมเคยคิดว่าแค่ผู้ชายคุกเข่าและให้ดอกไม้โง่ๆหนึ่งดอก ทำไมถึงทำให้คนรับรู้สึกดี มาวันนี้ผมเพิ่งเข้าใจ ว่าต่อให้สิ่งที่หยิบยื่นให้เป็นคางคกน่าเกลียด เราก็พร้อมจะรู้สึกดีและมีความสุขไปกับมัน

               ขอแค่ให้คนที่คุกเข่าข้างหน้าคือคนที่เรารักก็เพียงพอแล้ว


               และก็ใช่

               ชายที่กำลังนั่งคุกเข่า ยื่นกระดาษที่ถูกวาดเป็นดอกไม้มาให้ผม คือคนที่ผมรัก
               ความตกใจและดีใจตีเข้ากลางแสกหน้า ผมชะงักตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นถี่รัว การจีบจะเริ่มขึ้นรวดเร็วถึงขนาดนี้เลยหรือครับ ไม่มีเวลาให้ตั้งตัวมากกว่านี้เชียวหรือ


          ผมเอื้อมมือสั่นๆออกไปรับ แผ่นกระดาษตรงหน้า กระดาษขนาดเอสี่สีขาวสะอาดถูกวาดดอกไม้แต่งแต้มลงไป แม้ไม่สวยงามเท่าจิตกรชื่อดัง แต่ผมรับรู้ได้ถึงความพยายามและใส่ใจ และข้อความบนกระดาษ ก็ทำให้ภาพใบนี้มีคุณค่ามากกว่าลายเซ็นของศิลปินจรดปากกาเซ็นลงผืนผ้าใบใดๆในโลก


          เทมรักหมูหย็องครับ


          ตัวอักษรแม้ไม่ได้เขียนด้วยลายมือสวยงาม กลับกัน มันกลับโยกเยกโย้เย้ เรียกได้ว่าไก่เขี่ย แต่ไม่รู้ทำไมทำให้ผมตื้นตันได้ขนาดนี้ ผมโถมตัวเข้าใส่ร่างสูงที่คุกเข่ายิ้มหวานให้ผมอยู่


          "เทมรักหมูหย็องครับ"


          เสียงทุ้มนุ่มที่ผมแสนรัก พูดคำที่ผมรักให้ผมฟังข้างใบหู เสียงกระซิบแสนเบาที่ได้ยินกันเพียงสองคน ทำให้เหมือนเวลาหยุดลง กระบอกตาผมร้อนผ่าว และหยาดน้ำตามากมายแห่งความดีใจและสุขใจ แข่งกันไหลออกมาไม่มีหยุด เทมกอดผมนิ่ง มือแกร่งคอยลูบศรีษะผมไม่ห่าง

          ผมรู้สึกว่าตัวเองจะปลอดภัยหากอยู่ในวงแขนแกร่งที่โอบกอดไว้อย่างแน่นหนา ต่อให้ตอนนี้เกิดอุกบาตพุ่งชนโลก ผมก็เชื่อว่าผมจะปลอดภัย



          "หมูก็รักเทมครับ รักมากๆ รักมากๆ" ผมสะอื้นตอบเขาไป

          "อยากจีบหมูหย็องให้ติดไวๆจังเลย อยากเป็นแฟน อยากเป็นคนรัก"



          ผมอยากจะบอกเขาเหลือเกิน ว่าไม่ต้องจีบอะไรทั้งนั้น ผมยอมเป็นของเขาแล้ว
ยอมเป็นแฟน ยอมเป็นคนรัก ยอมทุกๆอย่าง


          แต่ความรู้สึกดีที่ถูกเทมจีบ ก็เหมือนสารเสพติด เมื่อได้ลอง ก็มักจะเสพติดสมชื่อ
ผมจึงนิ่งเงียบ เงยหน้าสบตาสีน้ำตาลสวย พลางส่งยิ้มหวานให้ กลั้นก้อนสะอื้นลงคอ กระซิบตอบคำ


          "หมูก็อยากเป็นแฟนเทมเร็วๆเหมือนกัน เพราะงั้น...สู้ๆนะครับ"


          เทมผละหน้าออกมามองผมแล้วเช็ดน้ำตาให้ เมื่อคืนเป็นเขาที่หลั่งน้ำตา และเช้าวันต่อมาก็เป็นผมเอง สภาพหน้าตาของเราดูไม่ได้ ทั้งตาบวมแดงและใต้ตาหมองคล้ำ แต่บรรยากาศรอบตัวและสีหน้ากลับฉายชัดถึงความสุข


          ผมและเขาขยับใบหน้าเข้าหากันเพื่อประทับตราแห่งการเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่








          ก๊อก ก๊อก ก๊อก



          "เฮียหมูววววววววว เทมมมมม เจ้กุ๊กๆไก่ให้มาเรียกไปกินข้าววว ตื่นกันหรือยัง ตื่นๆๆๆ ไฟ้ไหม้ๆๆๆ! น้ำร้อนลวก เป็นแผล ใช้นาฟโทววว ตื่นได้แล้ว ตื่นได้แล้วเจ้าข้าเอ้ยยยย ตะวันแยงก้นแล้วจ้าา นอนกินบ้านกินเมืองไปไหน นี่กินไปยันดาวพลูโตแล้วมั้งเนี่ย ตื่นๆๆ!"



          ไม่ได้เลยใช่ไหมครับ...

          จะไม่มีใครมาขัดจังหวะพวกผมสองคนนี้ไม่ได้เลยใช่ไหม!?



          ผมได้แต่ฮึดฮัดออกไป แต่ทำอะไรไม่ได้จากเวลาที่ค้ำคอจ่อว่ากำลังจะไปโรงเรียนสายแล้วจริงๆ ถ้ายังเอาแต่นัวเนียกันไปมาไม่ยอมลงไปทานข้าวกันเสียที ผมได้แต่เหลือบมองปากสวยอย่างเสียดาย หมายมาดเอาไว้ในใจว่าจะกลับมาเอาคืนอย่างแน่นอน



          "ลงไปทานข้าวกันนะครับ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย"

          "ครับ..."


          เสียงอ่อยตอบรับเจือปนไปด้วยความเสียดาย ผมต้องกลั้นยิ้มจนปวดแก้มไปถึงอีกเมื่อไหร่กันครับ ไม่ไหวเลยนะเทมปุระ เจ้าก้อนสร้างความสุขนี่ช่างน่ารักเสียจริงๆ ผมลูบแก้มใสแผ่วเบา ก่อนจะสังเกตเห็นความ 'งานเข้า' แบบกระจ่างตา


          ร่องรอยที่ผมประทับตราไปทั่วแผงอกและลำคอแกร่ง ตอนอยู่ใต้แสงจากโคมไฟสลัว ดูไม่มากมายเด่นชัดอะไร
แต่ภายใต้แสงสว่างของยามเช้า ดอกกุหลาบแผ่ดอกผลิบานปกคลุมไปทั่ว มันชัดเจนจนกระแทกตา


          ให้ตายเถอะ นี่ผมเพิ่งคิดไปไม่นานว่าเทมปุระเป็นเจ้าหมาน้อยที่เขี้ยวเพิ่งงอก จนฟัดผมไม่หยุด
แต่ร่องรอยนี่มัน...เกินกว่าหมาน้อยไปไกลโข นี่ผมฟัดเทมไปหนักหน่วงขนาดนี้เลยหรือครับ?


          ไม่เห็นจะรู้ตัวเลยสักนิด...

          นี่ผมกลายเป็นหมาป่าวัยแตกเนื้อหนุ่มหรือวัยฉกรรจ์จอมลามกไปแล้วหรือไง

          อา...แย่ล่ะสิ ไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด กลับกัน ดันคิดว่าก็ไม่เห็นเป็นอะไร ถ้าผมจะประทับตราความเป็นเจ้าของในของของผมซะได้

          แย่แล้ว ผมอยากบอกให้เทมปุระวิ่งหนีไปจากคนอันตรายอย่างผมซะ แต่ที่ผมทำคือเดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบพลาสเตอร์ลายเจ้าหุ่นยนต์สีฟ้าออกมา
          เป็นพลาสเตอร์ของเด็กชายเทมปุระครับ สมัยก่อนเทมซุ่มซามมาก เดินก็ไม่ค่อยตรง เอนเอียงไปชนนุ่นชนนี้ให้มีแผล ให้คอยเป็นห่วงเสมอ จนผมมีพวกอุปกรณ์ทำแผลติดตัวตลอดเวลา
          ไม่มีสีเนื้อที่กลมกลืนกับสีผิวเสียด้วย มีแต่เป็นลายที่เทมชอบ เพราะไม่อย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ยอมติด


          ผมจำใจหยิบพลาสเตอร์สีสันสดใสออกมาสี่แผ่น ก่อนจะมอง พลางคำนวนพื้นที่ที่เจ้าพลาสเตอร์สีฟ้านี้ต้องทำหน้าที่ปกปิด อา...ผมว่าผมหยิบไปเผื่ออีกสองแผ่นดีกว่า


          "หมูหย็องครับ หมูหย็อง หมูหย็องเอาพลาสเตอร์มาทำไมเหรอครับ เทมไม่ได้เป็นแผลเลยนะ อาทิตย์นี้ยังไม่หกล้มเลยสักรอบด้วยนะครับ ไม่มีแผลเลยๆๆๆ"

          "คือหมูพิสูจน์กับเทมแรงไปหน่อยน่ะครับ เลยขึ้นเป็นรอยช้ำเลย"

          "อ๋อๆๆๆ งั้นก็ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ รอยช้ำเฉยๆๆ ทายาก็หายใช่ไหมครับ ไม่ต้องปิดหรอก"



          ผมจนใจไม่รู้จะอธิบายยังไง ว่าเด็กในวัยเราไม่ควรมีรอยจูบพันวนรอบคอจนเป็นเหมือนพวงมาลัยแบบนั้นติดตัว ถ้าอาจารย์เห็น อาจจะถึงขั้นเป็นลมล้มพับกันได้เลยทีเดียว ไม่นับคุณป้าอีกคน ที่คงจะต้องนั่งดมยาดมแล้วบอกให้ผมใจเย็นๆ รอเทมปุระโตกว่านี้เสียก่อน


          "คือเทมครับ..." ผมตั้งใจจะอธิบาย แต่เสียงเคาะประตูก็ดังระรัวขัดขึ้นไม่หยุด

          "เฮ้ยยย เฮีย กินข้าววววว เจ้ไก่จะแดกหัวผมอยู่แล้ว ได้โปรดคุณชายเชิญที่ห้องอาหารด้วยครับ เจ้ไก่บอกถ้ายังไม่ลงไปอีก จะให้แม่บ้านเก็บโต๊ะแล้วนะะ"


          ผมถอดหายใจออกมาเบาๆ นี่ก็จะเจ็ดโมงแล้ว เจ้ไก่คงร้อนใจกลัวพวกผมไปสายกัน แต่ความเป็นห่วงที่มาผิดเวลานี่น่าขัดใจมากจริงๆเลยครับ ผมได้แต่เก็บงำคำอธิบาย แล้วแปะแผ่นพลาสเตอร์ทั้งหกแผ่น รอบลำคอสวย
เทมถึงจะสงสัยแต่ก็เอียงคอตอบรับ ยืนนิ่งให้ผมกระทำตามชอบใจแต่โดยดี


          ผมอยากจะอุทานออกมาให้สมกับความบ้าของตัวเอง
          หกแผ่น...หกแผ่นเชียวนะ


          นี่มันไม่ใช่หมาป่าวัยแตกเนื้อหนุ่มแล้ว นี่มันหมาป่าเฒ่าจอมลามกชัดๆ!


          หกแผ่น ก็ยังไม่เพียงพอที่จะปกปิด จนผมต้องเดินกลับไปเปิดลิ้นชัก และหยิบแผ่นเหนียวหนึบนั้นออกมาอีกสี่
หวังว่าคราวนี้คงจะพอนะ ถ้ายังไม่พอ ผมคิดว่าผมต้องหาที่ครอบปากสุนัขมาใช้แล้วล่ะครับ กลัวใจตัวเองจะจับนางฟ้าเด็ดปีกแล้วกลืนกินเข้าไปจริงๆเข้าสักวัน...


          โชคดีที่มันพอ...ผมเลยไม่ต้องมีที่ครอบปากเดินไปไหนมาไหนให้เป็นแฟชั่นสุดพิลึก
          จบกันไปที่สิบแผ่น ขนาดปกคอเสื้อนักเรียนช่วยคลุมไปตั้งเยอะ แต่ก็ยังใช้ไปถึงสิบ
รอบต้นคอจนแทบจะถึงปลายคาง กลายเป็นลวดลายของพลาสเตอร์แมวแห่งโลกอนาคต

          เหมือนเทมใส่เสื้อคอเต่าเลยครับ...



          ได้แต่หวังว่าคงจะไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้...







          "อ้าว คอเทมเป็นไรอะ ทำไมติดพลาสเตอร์ซะลายพร้อยเป็นตุ๊กแกขนาดนั้น"


          แค่ก้าวออกจากห้องก็โดนสังเกตเสียแล้วล่ะครับ....
          เทมปุระมองหน้าผม ด้วยเจ้าตัวไม่รู้จะตอบคำถามของหย็องหย็องยังไง ผมจึงเก๊กเสียงขรึม


          "ยุงกัดน่ะ"

          "โห ยุ่งบ้านเราเยอะขนาดนั่นเลยเหรอเฮีย บอกม้าให้จ้างคนมาฉีดไล่อีกสักรอบไหม"

          "อืม ไล่สักหน่อยก็ดี"


          ผมเออออไปกับหย็องหย็องที่พร่ำบ่นว่ายุงน่ากลัว ดีนะว่าห้องเจ้าตัวไม่มี
          ห้องผมก็ไม่มีหรอกครับยุงที่ว่านั้นน่ะ มีแต่ยุ่งกันมากกว่า...


          "มาช้ากว่านี้ เจ้จะให้เอาแซนด์วิชไปกินกันบนรถแทนแล้วนะยะ อ้าว...แล้วนั่นคอเทมเป็นอะไร"


          ผมคิดผิดหรือคิดถูกนะครับ ที่เอาเจ้าแผ่นสีฟ้ามาติด ทำไมมันเหมือนกลับยิ่งขับให้เด่นเรียกให้ทุกคนสนใจกันนะ ผมขอโยนโทษความผิดทั้งหมดทั้งมวลให้กับเจ้าแผ่นสีสดนั่น เกิดมาเป็นพลาสเตอร์ยังไงให้สีสันสดใสเรียกร้องความสนใจคนอื่นขนาดนี้กัน

          แย่จริงๆเลยเชียว ...ผมมองเมินความผิดที่ตัวเองก่อไปอย่างสิ้นเชิง


          "ยุงกัดอ่ะอาเจ้ หม่าม้าไม่ได้จ้างคนมาไล่แมลงประจำปีไปแล้วหรือ ไม่ไหวเลยนะเจ้านี้ สงสัยต้องบอกม้าเปลี่ยนเจ้าแล้วแหละ ดูดิ ปิดเยอะขนาดนี้ ยุงแม่งต้องเยอะแล้วก็ตัวใหญ่มากแน่ๆ เทมจะเป็นไข้เลือดออกไหมอะ หย็องเพิ่งเรียนเกี่ยวกับโรคนี้ไปเอง ตายได้เลยนะ"


          ผมนี่แยกไม่ออกเลยครับ ว่าหย็องหย็องใสซื่อจริงๆ หรือว่ากำลังพูดจาแดกดันผมทางอ้อมอยู่กันแน่...
          แต่คงจะเป็นอย่างแรกล่ะครับ ดูท่าทางเจ้าตัวกังวลเสียขนาด สีหน้ากวนๆ หายไปเกือบหมด

         เพี่สาวของผมเบิกตาโต เลิกคิ้วเป็นเชิงถามผมว่าจริงอย่างที่หย็องหย็องพูดหรือเปล่า ก่อนหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในบ้านจะกวาดสายตาทั่วลำคอของร่างสูง ก่อนสีหน้าเข้าใจในอะไรบางอย่าง และรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฏบนใบหน้าแสนสวยนั่น

          บัดซบ...


          "แหม ยุงนี่มันก็แย่จริงๆเลยนะหย็อง ดูสิ กัดแค่เทมคนเดียว ไม่เห็นจะกัดอาเฮียเราเลย ยุงนี่มันช่างกินยากเลือกคนเสียจริง สมแล้วที่เป็นยุงห้องไอ้หมู แล้วปิดเยอะขนาดนี้นี่ยุงกินหรือยัดห่าวะเนี่ย บอกยุงเพลาๆ ใจเย็นๆหน่อยนะ"

          "บอกยุงแล้วมันจะรู้เรื่องเหรออาเจ้ ทำไมหย็องคุยกับยุงไม่รู้เรื่องอะ เฮียหมูคุยกับยุงรู้เรื่องเหรอ?"

หย็องหย็องที่ตื่นเต้นผิดประเด็น พูดแทรกขึ้นมาเสียงดัง

          "จริงเหรอครับ!? หมูหย็อง หมูหย็องคุยกับยุงรู้เรื่องด้วยเหรอ? โห โห สุดยอดๆๆ! เท่มากเลย"

          และเหยื่อของยุงตัวยักษ์อย่างผม ก็ดันไปตื่นเต้นกับเขาด้วยซะอย่างนั้น ผมถอนหายใจออกมาอีกละลอกใหญ่ เจ้ไก่หัวเราะคิกคัก พร้อมภาพประกอบเป็นเทมกับน้องชายของผม ที่สุมหัวคุยกันอย่างออกรสเรื่องของยุงในห้องผม


          "เฮลโล่ววววววววววววว กู้ดมอนิ่ง เอเวรี่บอดี้ ว่าจั๋งใด๋ มายซิสเตอะะะะะะ มายบราเธอะะะะะะะ เช้านี้มีอะไรให้เฮียผู้หล่อเหลารับประทานบ้างจ๊ะ"

          เสียงเฮียปลาที่ดังมาก่อนตัว หันเหความสนใจไปให้ตกไปที่แขกคนใหม่ ผมลอบถอนหายใจ เรื่องยุงจะได้จบไปเสียที ผมหวังว่าทุกคนจะเลิกสนใจร่องรอยบนคอของเทมปุระ แล้วหันไปจิกกัดอาเฮียผู้ชอบถูกเหล่าพี่น้องของตัวเองกลั่นแกล้งแทน


          แต่ความหวังที่เพิ่งถูกสร้าง ก็พังทลายภายในไม่ถึงหนึ่งนาที ด้วยประโยคคำถามที่ว่า


            "อ้าว...คอเทมเป็นอะไรอ๊ะ"
                "ยุงกัด / ยุงกัด / ยุงกัด"


          สามเสียงที่นั่งอยู่บนโต๊ะ ประสานเสียงตอบออกมาอย่างพร้อมเพียง
          ผมได้แต่นั่งเอามือกุมหัวอยู่บนโต๊ะ


          เฮียปลาจอมเล่นใหญ่ทำตาโต ลอยยิ้มเจ้าเล่ห์เข้าใจติดริมฝีปากผุดขึ้นและเลือนหายไป ก่อนจะทำท่าวิ่งส่ายก้นน่าหมั่นไส้เข้าไปสุมหัวพูดคุยกันเรื่องของยุงอีกคน


          "ต๊าย นังยุงบ้านนี้มันร้ายกาจนะคะขุ่นน้อง เฮียนี่กลั๊วกลัว"

          "หึหึหึ ยุงมันเลือกกัดหรอกเฮีย อย่างเราๆนี่ไม่ต้องกลัวไปหรอก ยุงไม่ชายตาแล ใช่ไหมหมู"

          "ยุงห้องเฮียหมูนี่แม่งยังไงวะ หรือเฮียหมูมันเล่นของ บังคับยุงได้ เหมือนบังคับกุมารทอง"

          "แต่ๆๆๆ แต่ว่าหมูหย็องไม่ได้เลี้ยงกุมารทองนะครับ หมูหย็องเลี้ยงเทมคนเดียว"

          "เจ้ว่าเลี้ยงยุงสายพันธุ์ใหม่ด้วยหรือเปล่าเทม ต้องไม่ใช่ยุงธรรมดา พันธุ์นี้มันพิเศษ ถึงได้ไม่ดูดเลือดเฉยๆ แต่กัดจนเป็นรอยฟันด้วยเฉยเลย"

          "อุ้ยๆ ยุงพันธุ์นี้น่ากลัวนะไก่เฮียว่า ทั้งกัดทั้งดูดจนคอเหยื่อขึ้นรอยไปหมดเนี่ย ยุงพันธุ์นี้คุ้นๆ เหมือนเฮียเคยเรียนในหลักกามสูตรมาว่าชื่อสายพันธ์ 'คิสมวกกกส์' นะ อันตร๊าย อันตราย เป็นยุงหื่นๆอ่ะ"



          และเรื่องคอของเทมที่ถูกยุงกัด และสายพันธุ์ของยุงที่แสนอันตราย ก็เป็นหัวข้อใหญ่ของเช้าวันนั้น



          พลาสเตอร์...ไม่ช่วยอะไร



          ยุงก็เช่นกัน














  end 7 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2018 11:53:34 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter







▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    8    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇






          "อ้าว เทม คอเป็นอะไรวะ"

          มาถึงโรงเรียน จากคำทักทายอย่างสวัสดีที่ควรจะเป็น กลับกลายเป็นประโยคคำถามเหมือนกันไปหมดทุกผู้ทุกคน ไม่ว่าจากลุงชื่น คนขับรถรับส่งพวกผมเป็นประจำ ลุงสันยามเจ้าประจำกับหน้าที่แปะสติกเกอร์ลงบนสมุดพกของเทมปุระ อาจารย์ที่เดินผ่าน รุ่นน้องที่เดินผ่าน รุ่นพี่ที่เดินผ่าน

          ไม่ว่าเทมปุระจะผ่านไปทางไหน หากพบเจอคนรู้จักเข้า คำถามที่ว่า 'เทม คอเป็นอะไร' ก็จะถูกถามขึ้นโดยทันที

          จนผมกลัวว่ามันอาจจะเป็นเทรนด์การทักทายแบบใหม่ไปเลยก็เป็นได้....


          และแน่นอนครับ ว่าขนาดแค่คนรู้จักยังถาม สองแฝดผู้นิยมสอดรู้สอดเห็นเป็นอย่างมาก จะไม่เกิดความสงสัย และสอบถามถึงความเป็นมาของพลาสเตอร์สีฟ้าสดใสรอบคอของคนข้างกายผมได้อย่างไร

          ยังไม่ทันจะเก็บกระเป๋าเข้าล็อกเกอร์ สองเกลอเพื่อนซี้กอดคออารมณ์ดีกันตั้งแต่เช้าก็เดินมาวนเวียน หมุนวนรอบร่างสูง อีกคนทำตาเจ้าเล่ห์ และอีกคนเผยสีหน้าอยากรู้อย่างเต็มที่ ส่วนเด็กน้อยของผมที่ตั้งแต่เช้ามา ก็โดนถามด้วยคำถามเดียวกันนับครั้งไม่ถ้วน เอ่ยตอบเพื่อนอย่างง่ายดาย

          "ยุงกัดเทมน่ะครับ" เทมปุระเด็กน้อยแสนน่ารักของผม คัดลอกคำตอบเดิมๆ บอกออกไป

          "หืมมมมมมมมม ยุงอะไรวะ กัดเยอะแยะขนาดนี้ ไม่ใช่ม้าง~ ไม่สบายหรือเปล่าวะ นอนคอตกหมอน? โดนไอ้หมูประทุษร้าย? ไม่สิ ข้อหลังไม่น่าเป็นไปได้ โดนใครแกล้งหรือเปล่าวะ...อันนี้ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ หมูแม่งตามติดมึง หวงมึงยิ่งกว่างูจงอางหวงไข่...แล้วตกลงมึงเป็นอะไรเนี่ยยย"


          ไอ้น้ำสันนิษฐานมั่วไปหมด เพราะเทมเอาแต่ยิ้มแล้วไม่ได้ตอบคำถามเพิ่มเติม ครั้นพอจะมาบีบคอคาดคั้นเอากับผม มันก็รู้ดีว่าต่อให้เอาชะแลงมางัดปาก ถ้าผมไม่อยากพูด ผมก็จะไม่ยอมตอบเด็ดขาด


           ระหว่างที่ไอ้น้ำเพ้อเจ้อสร้างข้อกล่าวหาให้ทุกสิ่งในโลกที่พอจะเป็นสาเหตุของอะไรใต้แผ่นสีสดใสนั่น  กลับมีคนท่าทางรู้จริง แต่เลือกจะไม่พูด แล้วเอาแต่ยิ้มแซวผมเงียบๆ แทน

          ท่าทางที่บอกว่า รู้นะ แต่กูจะไม่พูด แต่กูรู้นะว่าคืออะไร ทำเอาผมคิ้วกระตุก

          "มีอะไรก็พูดมาเถอะครับเต้ มองเงียบๆแล้วผมอดจะขนลุกด้วยความขยะแขยงไม่ได้ ถ้าเกิดผมบังคับเท้าไม่อยู่ แล้วมันกระตุกพาดบ่าเต้ ก็อย่าว่ากันนะครับ"


          ผมตวัดสายตาข่มขู่คนทำหน้าเหมือนนักปราชญ์ผู้ล่วงรู้ทุกสิ่ง ไม่ให้มันพูดอะไรไม่สมควรออกมา


          ผมล่ะเกลียดพวกไหวพริบดี รู้มากรู้ทันแบบนี้ที่สุดเลยครับ กับไอ้น้ำที่ทำเหมือนรู้ทุกเรื่อง แต่ความจริงมันสุดแสนจะซื่อบื้อ บางครั้งก็ตามเรื่องราวไม่ทัน ไม่ค่อยสร้างความปวดประสาทให้ผมเท่าไหร่ แต่กับแฝดนรกอีกคน มันดันรู้ลึกรู้จริง รู้ดีสมท่าทางที่ชอบทำตัวเป็นผู้รู้ ผู้มากประสบการณ์เสียได้


          "เปล๊า จะมีอะไร๊ กูก็แค่แปลกใจ ยุงอะไรวะ กัดดุชิบหาย ดูสิ คอเพื่อนกูเป็นรอยหมด ยุงพันธุ์นี้แม่งคุ้นๆด้วยนะ เหมือนกูจะรู้จักจากหนังเอวีว่ะ"


          ผลัวะ!


          เสียงผมหยิบหนังสือฟาดหัวไอ้เต้เองครับ มันยกมือกุมหัว ดูมึนงง แต่พอตั้งสติได้มันก็หัวเราะร่วน ไอ้เต้นี่สมควรโดนฟาดซ้ำอีกสักหลายๆที จะแซวจะอะไรผมไม่ว่า เพราะยังไงเมื่อเช้าก็โดนอาเฮียอาเจ้แซวเสียบจนพรุน จิตใจด้านชาเสียแล้ว


          แต่มันจะมาพูดถึงหนังเอวงหนังเอวีต่อหน้าเด็กน้อยของผมไม่ได้! เทมปุระของผมจะมาแปดเปื้อนด้านกามโลกีย์จากคนอื่น ผมไม่ยอม!


เทมปุระดูตื่นเต้น เหมือนเจอพรรคพวกสมาคมคนรักยุงเพิ่มอีกคน

          "โห โห เต้ก็รู้จักเหรอครับ เห็นเฮียปลาหย็องบอกว่าชื่อพันธุ์คิสมวกกกส์นะครับ แต่เฮียปลาบอกว่ารู้มาจาก เอ่อ กามา กา? มากา? เอ่อ..กามาอะไรสักอย่างนี่แหละครับ เทมพูดไม่ถูก แต่ในหนังเอวีก็มีเหรอ แล้วหนังเอวีคืออะไรเหรอครับ ชื่อรายการสารคดีหรือเปล่าครับ"

          เทมถามอย่างฉงน วันนี้มีหลากหลายคำแปลกประหลาดที่เจ้าตัวไม่รู้จักโผล่มาเยอะแยะไปหมด
มันก็แน่นอนล่ะครับว่าเทมต้องไม่รู้จัก เด็กชายฟ้าประทานสุดไร้เดียงสาของผมจะไปรู้จักคำพรรค์นั้นได้ยังไงกันครับ คำต้องห้ามทั้งนั้น!

          "เทมครับ เทมบอกหมูว่าอยากไปเข้าห้องน้ำก่อนเข้าแถวไม่ใช่หรือ? ให้หมูพาไปไหมครับ"

          ผมเอ่ยขัดประโยคไอ้เต้ที่กำลังจะพูดตอบด้วยใบหน้ายิ้มอ่อนหวานเจือไอเย็น ไม่ว่ามันจะตอบว่าอะไร สัญชาตญาณของผมก็กู่ร้องเตือนว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน และผมก็เชื่อเสียด้วย ผมจึงลงมือดึงความสนใจของเทมปุระออกมาทันที

          "จริงด้วยๆๆๆ งั้นเดี๋ยวเทมมานะครับ จะเอาอะไรจากห้องน้ำกันไหมครับ"

          "ห้องน้ำนี่มันมีอะไรให้รับฝากด้วยเหรอวะ จะฉี่ใส่ขวดมาให้กูเรอะ...ไม่เอาเว้ย ไปเถอะพ่อคุณ"

          "เทมเข้าห้องน้ำของอาจารย์เลยนะครับ ไม่ต้องลงไปเข้าข้างล่างนะ"

          ผมเอ่ยบอกเจ้าตัวด้วยเสียงนุ่ม

          ห้องน้ำของนักเรียนอยู่ข้างล่างครับ ชั้นบนมีแค่ห้องน้ำของเหล่าอาจารย์ ที่อนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะเวลาเรียนเท่านั้น ถ้าเวลาปกติต้องไปเข้ากันชั้นล่าง แต่กับสภานักเรียนก็ถือว่าอนุโลมให้ใช้ได้ตลอดเวลา กับเทมที่เป็นเด็กพิเศษก็ด้วยเช่นกัน เนื่องว่ากลัวจะเกิดอุบัติเหตุ ถ้าหากไปไกลๆคนเดียว

          นางฟ้าของผมทำมือเป็นสัญลักษณ์รูปตัวโอ หมายถึงโอเคส่งมาให้ผมอย่างน่ารัก ผมลุกออกไปส่งเขาหน้าประตู และยังคงมองตาม พอเห็นว่าเขาเดินพ้นหัวมุมไปแล้ว จึงเดินกลับเข้ามาในห้อง ระหว่างทางกลับไปนั่งที่ มือก็เผลอคว้าเก้าอี้ว่างไร้คนนั่งติดมือมาด้วย...



          "ไอ้หมูวววววววววววว ใจเย็นเพื่อนนนนนนนนนน มึงจะฟาดมันด้วยเก้าอี้ไม่ได้!! ไม่ได้นะเว้ยยย มันจะตายเอา!! วางลงๆ พุทโธ ธัมโม สังโฆนะเว้ยเพื่อนนนนน ใจเย๊นนนนนนน เอานี่ไป เอานี่ไป! ฟาดมันด้วยอันนี้พออออ"


          ผมรู้สึกตัวอีกที ก็กำลังจะยกเก้าอี้ฟาดกระบาลของไอ้เต้เสียแล้ว ไอ้น้ำลุกพรวดมาดึงเก้าอี้รั้งเอาไว้อย่างสุดแรง ใช้ความพยามยามยื้อยุดฉุดกระชากอยู่สักพัก ก็ดึงเก้าอี้ออกจากมือผมได้ แล้วหยิบหนังสือที่ถูกม้วนมาให้ผมแทน ผมรับมาถือไว้ ก่อนจะลงมือฟาดใส่ไอ้เต้ที่กำลังยกมือกำบังตัวเองสุดชีวิต


          ป้าบ! ผลัวะ ป้าบ ผลัวะ ป้าบๆๆๆๆ!!!


          "โอ้ะ! โอ้ยๆๆๆๆ กูขอโทษๆๆๆ กูพลั้งปากไปปปปป เชี่ยยยยยยยหมู ใจเย็น โอ้ะๆๆ เจ็บบบบบบ ไอ้สัตววว์!"

          ผมใส่แรงและฟาดติดกันไม่ยั้ง ฟาดมันจนเนื้อตัวคล้ำแดดของมันขึ้นสีแดงเป็นจ้ำ ถึงได้พอใจ ลดโทสะลง ผมมองมันด้วยสายตาคมกริบ ก่อนจะลงนั่งเก้าอี้ตามเดิม ส่งหนังสือที่ถูกใช้เป็นอาวุธลงทันณฑ์เพื่อนสาระแนของตัวเองกลับคืนให้ไอ้น้ำ ที่รับไปอย่างผวา

          ผมค่อนข้างจะหงุดหงิดเอามากๆเลยครับ ผมดูแลเทมมากับมือ แน่นอนว่าผมไม่ต้องการให้เขารู้อะไรในเรื่องที่ผมยังไม่กรองให้เขา


          "อูย...กูเจ็บแทน" ไอ้น้ำพึมพำพลางสูดปากอย่างหวาดเสียว

          "บอกแล้วไง ว่าอย่าเสี้ยมอะไรเทมไปทางนั้น มันลำบากกู มึงรู้ไหม"


          ผมพูดคำหยาบกับมันเหมือนสมัยยังเด็ก เมื่อก่อนพวกมันเคยหลอกผมว่าประเพณีคนไทย หากเป็นเพื่อนแล้วสนิทกันต้องพูดแบบนี้ครับ กว่าผมจะรู้ตัวว่าไม่ใช่ ก็ผ่านไปหลายเดือน เพราะอาจารย์และคนรอบตัวผมไม่พูดคำหยาบกัน พอรู้ทีหลังว่าตัวเองเผลอพูดคำหยาบไปมากมายขนาดไหน ผมก็วิ่งไปต่อยกับพวกมันสองคนเสียกำเดาไหล แน่นอนว่ามันก็สวนหมัดกลับคืนมา พวกเราต่อยกันจนสภาพเราสามคนดูไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นครับ

          จุดสำคัญที่แย่ ก็คือเวลาหลายเดือนมันทำให้ผมเผลอติดคำหยาบมาครับ

          จนบางที บางครั้ง เวลาที่ผมโมโหพวกมันมากๆ ก็จะหลุดพูดออกมา

          ...เหมือนที่กำลังเป็นตอนนี้


          "อะไรวะ นี่เทมก็อายุสิบห้าแล้วนะเว้ย มึงจะไม่ให้มันเรียนรู้หน่อยเรอะ อูย ระบมแน่กู มึงแม่งฟาดมาไม่ออมมือเลย ไอ้ทารุณ ไอ้โหดเหี้ย โอ๊ะๆๆ อย่าครับลูกพี่ อย่าจับหนังสือ"


          ผมทำท่าจะฟาดมันอีกรอบ ถือว่าคิดบัญชีที่มันแอบไปพูดคุยกับเทมลับหลังผมด้วยเลยทีเดียว ถึงจะได้ผลลัพท์ที่ดีและน่าพึงพอใจก็เถอะ แต่ผมก็ยังไม่ไว้ใจ กลัวว่ามันจะเป่าหูเทมด้วยเรื่องอะไรที่เลยเถิดมากกว่านั้น จึงเอ่ยถามสำทับไปอีกครั้ง


          "มึงบอกอะไรเทมไปมั่ง ทำไมเทมรู้พวกเรื่องมึงมีแฟน เดทอีก อะไรอีก"

          "ก็ตอนมึงให้กูไปนั่งเฝ้าเทมที่สนามเด็กเล่น กูก็เบื่อๆ เลยนั่งโม้เรื่องแฟนให้เทมฟัง เทมมันก็งงว่าคืออะไรกูก็เลยเผลออธิบายๆไปอ่ะดิ ลืมคิดไปนี่หว่า ขอโทษทีว่ะ อันนั้นไม่ได้ตั้งใจจริง แล้วไงวะ มันมาขอมึงคบหรือไง"


          ผมเผลอหน้าแดงไปกับคำถามแสนขวานผ่าซาก นึกไปถึงคนร่างสูงที่ไม่ได้อยู่ด้วยตอนนี้ คิดไปถึงตอนที่เขาพูดขอจีบกันโต้งๆเมื่อเช้าแล้วให้ความรู้สึกล่องลอย ระคนเขินอายจนแทบจะควบคุมหัวใจให้เต้นอย่างรุนแรงไม่ได้

          ระหว่างเผลอไผลนิ่งเงียบไปในความทรงจำแสนหวานยามรุ่งอรุณ ไอ้เต้กับไอ้น้ำก็รีบกระดิกหางสอดรู้สอดเห็นเข้ามาถามทันที


          "จริงดิ!? มันขอมึงคบจริงๆเหรอวะ เฮ้ย เทมมันโตแล้วเหรอวะ โอ้ยยย ชิบหาย กูรู้สึกเหมือนน้องชายวัยสามขวบของกูกำลังจะโตเลยว่ะ ไอ้น้ำ เอาผ้าเช็ดหน้ามาดิ ขอเช็ดน้ำตาหน่อย...ไอ้สัตว์! เอาถุงเท้ามาให้ทำไม๊"

          "น้ำตาของมึงต้อยต่ำเกินกว่าผ้าเช็ดหน้าของกูจะสัมผัสว่ะ แล้วตกลงเรื่องจริงเหรอวะ? เทมมันรู้เรื่องพวกนี้แล้วหรือ กูนึกว่ามันจะไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แล้วมึงก็คงทำได้แค่ตอดไปวันๆ แบบมันไม่รู้ตัวยันโตเสียอีก ได้แต่เป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อยันอายุสามสิบไรอะไรทำนองนั้น"


          ผมหันไปทำท่าจะบ้องหูน้ำ ข้อหาพูดจาเหมือนแช่งกัน ไอ้ตัวดีทำเป็นหัวเราะเสียงแห้ง แล้วยกมือขอโทษขอโพย สีหน้าอยากรู้อยากเห็นของพวกมันสองคนทำเอาผมตีหน้าเบื่อหน่ายใส่ แต่ก็พอเข้าใจว่าในความอยากรู้อยากเห็น ก็คงมีความเป็นห่วงความเป็นไปของผมกับเทมลึกๆอยู่บ้าง


          ซึ่งลึกมากๆครับ ต้องมองผ่านผ่าความสอดรู้สอดเห็นหนาเป็นกิโลให้ได้ก่อน

          ถึงจะเห็นจุดเล็กๆสีแดง จุดเล็กเท่าเมล็ดถั่วเขียว เมล็ดความเป็นห่วงของพวกมัน



ผมพยายามตีสีหน้าเรียบเฉยตอนเอ่ยบอกเพื่อนสนิทตัวเอง

          "ก็เมื่อเช้า...เทมขอจีบครับ" ผมเอ่ยราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ทั้งๆที่ถ้าเทียบกันจริงๆ เรื่องนี้น่าจะเป็นข่าวใหญ่ประมาณการเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรกของมวลมนุษย์ชาติมากกว่า

     
          "หา!? ขอจีบมึง!?"

          "เฮ้ยยยยยยย!? มึงพูดจริง?!"


          ไอ้เต้กับไอ้น้ำตาเบิกกว้างจนลูกตาแทบถลนออกมาจากเบ้า พวกมันทำท่าหยิกเนื้อตัวอีกฝ่ายไปมา เพราะคิดว่ากำลังฝันไป ไอ้น้ำผู้ชอบเล่นใหญ่รัชดาลัยอีกคน ก็ถึงขนาดหยิบปากกามาแคะหู


          "แต่เดี๋ยวๆๆๆๆ เดี๋ยวก่อน มึงจะเล่าข้ามขั้นไปไหน อย่างเทมน้อยกลอยใจ ไม่อยู่ดีๆ ล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็เกิดนึกตรัสรู้อยากจีบมึงขึ้นมาหรอกมั้ง หรือว่า....เชี่ยยยยยหมูววววว นี่มึงไม่ได้ไปอ่อยมันจนมันใจแตกใช่ไหมวะ ร้ายแรงกว่าหนังเอวีกูไปอี้กกกก"

          "อ้าว งี้ที่คอเทมก็ไม่ใช่ยุงพันธุ์อะไรนั่นเหรอวะ กูก็งงไปดิ ว่ายุงพันธุ์ห่าอะไรวะ ไม่เคยได้ยินชื่อ"

          "น่าจะเป็นยุงพันธุ์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เพราะไม่เสือกเรื่องของคนอื่นนะครับ"  ผมพูดเสียงเย็นตอบไอ้น้ำ ที่ไม่ยอมจบเรื่องยุงเสียที 

          ทำไมทุกคนต้องติดใจเรื่องยุงขนาดนั้นกันด้วยครับ ผมล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ


 
          ไอ้น้ำหัวเราะเสียงดัง ยักคิ้วไปมากวนประสาท

          "อูย พ่อดุเลยว่ะ แต่เสือกจริง ไม่แคร์ อิอิ" มันขยิบตาใส่ผม เห็นแล้วอยากหยิบหนังยางมาดีดใส่ให้ตาบอดมากครับ

          "แล้วตกลงว่าไง เมื่อคืนมีไรเกิดขึ้นวะ เล่ามาๆ ทำไมพี่หมูของเราถึงพัฒนาไปได้ไกล ถึงขนาดนุ้งเทมของพี่เต้ขอจีบ"


          ผมเหลือบตามองไอ้เต้ สบตามันด้วยความจริงจัง และพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังยิ่งกว่า


          "เทมไม่ใช่ของมึง เทมเป็นของกู"


ไอ้เต้กับไอ้น้ำตบโต๊ะไปมาเหมือนถูกอกถูกใจหนักหนา ก่อนจะประสานเสียงหัวเราะกันลั่นห้อง


          "นิดหนึ่งก็ไม่ได้เลยเนอะ แหมมมมมมมมมมมมมมมมมม"

          "เพลงนี้ต้องมาว่ะ ฉันก็รักของฉันนนนน เข้าใจบ้างไหมมมม ♪"

          ผมกลอกตาให้กับเสียงแย่บัดซบพอกันกับเฮียปลา ก่อนจะตัดสินใจเล่าเหตุการณ์คร่าวๆที่เกิดขึ้นเมื่อคืนและตอนเช้าให้ไอ้สองหน่อที่กางหูรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ


          กับเรื่องเรียนตั้งใจเรียนแบบนี้ไหมครับ?






          "สรุปก็คือ ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือขนมจีบ?"

          น้ำสรุปเรื่องเล่าของผม ด้วยประโยคเดียวที่ครอบคลุมได้ทั้งหมด

          "มึงแม่งทนได้ไงวะ กูนี่คิดทุกวันว่าความอดทนมึงช่างเป็นเลิศ ไอ้เทมแม่งก็อ้อยธรรมชาติขนาดนั้น รุกใส่มึงตาใสๆ อยู่ทุกวี่ทุกวัน เป็นกูนี่รวบหัวรวบหางไปแล้ว"

          "กูไม่อยากรีบ ไม่ได้อยากรวบรัดเทมนักหรอก เกิดเทมหนีกูไปก่อน กูคงทำใจไม่ได้ กูอยากให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างมั่นคง รอบคอบและรัดกุมที่สุด เอาให้เทมรักกู หลงกูมากๆก่อน อีกอย่างก็อยากให้เขาโตกว่านี้อีกหน่อย จริงๆนี่ก็พัฒนาไปเร็วกว่าที่คิดมากแล้ว"

          "แค่นี้ยังรักยังหลงไม่พอเหรอวะ มันตามติดมึงยังกับขี้ติดตูดปลาทองแล้วไหมหมู เอะอะไรก็หมูหย็องครับ หมูหย็องครับ หมูหย็องอย่างนู้น หมูหย็องอย่างนี้"



          ไอ้น้ำที่ทำท่าครุ่นคิดอยู่เงียบๆ หันมาตบไหล่ผม ก่อนคำพูดที่ฟังดูใช้สมองคิดจะถูกกลั่นออกมาจากปากมัน



          "อืม แต่กูก็เห็นด้วยกับหมูนะมึง มึงคิดดูนะเต้ เทมมันไม่ได้เหมือนพวกเรา กูว่าเป็นเพื่อนกันไปก่อน พร้อมค่อยๆเรียนรู้อีกฐานะหนึ่งไปด้วยก็ดี ระหว่างนี้มึงก็ค่อยๆสอนมันไป ให้เข้าใจความรักได้ดีขึ้น ตอนนี้เทมมันก็รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง กระโตกกระตากไป เกิดไก่ตื่นก็ไม่ดี กันไว้ยังไงก็ดีกว่า"


          "น้ำ..." ผมมองหน้ามันพลางนึกทึ่ง

          ไม่คิดว่าอย่างมันจะสามารถเข้าใจความคิดผมได้ดีขนาดนี้ ผมก็คิดเอาไว้ประมาณนี้ล่ะครับ ตอนเทมขอจีบ ผมเลยไม่ปฎิเสธแล้วขอเทมคบไป


          เพราะคิดว่ามีเวลาอีกหน่อยก็ดีเหมือนกัน เป็นเพื่อนสนิทกันต่อไปอีกนิดก็ไม่เสียหาย อยากให้เรื่องระหว่างเราค่อยเป็นค่อยไป ให้เขาได้ค่อยๆเรียนรู้คำว่ารักไปพร้อมๆกับผม


          ผมมีเวลาเฝ้ารอเทมเติบโตอย่างช้าๆทั้งชีวิต เพราะไม่ว่าจะในฐานะไหน เทมก็พิเศษสำหรับผมเสมอ ผมรอมาตั้งหลายปี รอต่อไปอีกนิดหน่อยก็ไม่เห็นเป็นอะไร

          ตราบใดที่เขายังอยู่กับผมแบบนี้...ตลอดไป





          "กูพูดดีใช่ป่ะ กูยังงงเลย เต้มึงเอาสมุดมาจดหน่อย กูจะเอาไปโชว์หม่อมแม่ หม่อมแม่กูต้องดีใจ"

          พัง...พังราบคาบเลยครับกับคำชมของผม หายไปหมดเกลี้ยงภายในไม่ถึงเสี้ยววิ คำชมจากผมอุตส่าห์ตกถึงมันสักทีแท้ๆ ท่าทางยืดอก จมูกยืดยาวนั่นน่าหมั่นไส้จนผมต้องหันหน้าหนี

          "อีกเรื่อง ถ้าจะสอนอะไรเทม ก็อย่าให้มันเลยเถิดนัก เข้าใจว่าบางทีคำถามของเทม มันก็ยากที่จะไม่ตอบ เห็นหน้าแล้วใจอ่อน ผมก็เข้าใจ แต่บางเรื่องเทมก็แยกแยะยังไม่ได้ ว่าดีหรือไม่ดี จำตอนที่เทมติดคำหยาบไม่ได้หรือไงครับ"

          ผมพูดออกไปเตือนย้ำถึงอดีตที่เคยผิดพลาดมาก่อน สมัยที่เต้กับน้ำเจอกับเทมใหม่ๆ พวกเรายังติดคำหยาบกันมากอยู่ครับ คิดว่ามันก็เป็นเรื่องปกติในการพูดเล่นกันกับเพื่อน เราก็ใช้คำหยาบ เล่นมุกสัปดน พูดกันเองโดยไม่ได้คิดอะไร แต่กับผู้ใหญ่หรือสถานการณ์ที่ไม่ควรพูดคำหยาบ พวกเราก็มีวิจารณญาณในการใช้อย่างเหมาะสม

          แต่กับเทมไม่ใช่ เทมแยกแยะไม่ได้ว่าควรพูดตอนไหนหรือไม่ควรพูดตอนไหน  นั่นมุกหรือความจริง ควรใช้แค่กับใคร ไม่ควรใช้กับใคร

          เรื่องบางเรื่องเขาต้องใช้เวลาในการเข้าใจครับ เทมไม่สามารถเข้าใจอารมณ์ หรือบางเรื่องที่ทุกคนเข้าใจกันได้ด้วยจิตสามัญสำนึก  หรือกับสถานการณ์แบบคนทั่วไป ที่แค่มองแวบเดียวก็รู้ได้ว่าควรประพฤติตัวยังไง

          ประพฤติตัวให้ถูกต้องตามสถานการ์ณอย่างถูกกาลเทศะ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเด็กพิเศษ

          เพราะแบบนั้นก็ไม่แปลก ที่ผมจะดูระแวดระวังไปเสียทุกเรื่อง ก็เพราะผมเป็นห่วง เพราะเขาสำคัญ สำคัญมากๆ จนไม่อยากให้เขาถูกมองไม่ดี เพราะสายตาไม่ดีที่จดจ้องมา มันทำให้เขาเสียใจ   

          เขาไม่รู้ก็จริงนะครับ แต่เขาก็สัมผัสได้ และเทมปุระของผมก็ซึมซับความรู้สึกด้านลบได้อย่างรวดเร็วเสมอ

          ผมอยากให้เขามีแต่ความสุข เป็นก้อนความสุขที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ตลอดไป

          ผมรู้ครับ ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่ผมไม่จับเทมขังไว้แค่ในบ้าน ไม่ให้เจอผู้คน ก็หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่อย่างน้อยก็ขอยืดเวลาให้รอยยิ้มนั้นยังไร้เดียงสาได้นานที่สุด นานที่สุดเท่าที่ผมจะช่วยปกป้องเอาไว้ได้





          "เออว่ะ บางทีเทมมันก็เหมือนไม่ได้เป็นอะไร เป็นคนปกติทั่วไป จนกูก็เผลอบ่อยๆ ...แต่หนังเอวีนี่ไม่อันตรายไหมวะ"

          ผมถลึงตาใส่ไอ้เต้ที่ยังเถียงตอบกลับมา ไม่อันตรายต่อมัน แต่อันตรายต่อผมน่ะสิครับ ขนาดยังไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว นางฟ้าของผมยังรุกเข้าใส่ตาใสขนาดนี้ มากกว่านี้ผมคงสลบคาอกเทมปุระตายพอดี...

          แล้วเรื่องอะไร ทำไมผมต้องให้สายตาเทมไปดูคนอื่นโป๊นอกจากผมด้วย ถ้าอยากดูหนังอย่างว่า เดี๋ยวผมจะแสดงให้เจ้าตัวดูเองครับ คนอื่นไม่ต้องยุ่ง


          "สีหน้าไอ้หมูตอนนี้ กูว่าในใจมันน่าจะกำลังด่ามึงว่าเสือก ด้วยความเร็วสี่ร้อยคำต่อสามวินาทีว่ะ"

          "อย่ายุ่งเรื่องบนเตียงของพวกกู กูจะสอนเทมเรื่องนี้เอง"

ไอ้เต้หัวเราะ ดูพอใจกับการทำให้ผมหลุดพูดคำหยาบได้ มันยักคิ้วหลิ่วตาใส่

          "พูดเหมือนมึงเคยยยยยยยยยยย"

          "เออ แล้วมึงจะเอาประสบการณ์ที่ไหนมาสอนมันวะ"

          แน่นอนล่ะครับว่าผมไม่เคย แต่ถ้าแค่ช่วยตัวเอง ใครก็ทำเป็นทั้งนั้น ส่วนเรื่องลงลึก ผมก็กำลังศึกษาอยู่ แน่นอนครับว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสองคนตรงหน้า

          "ถ้ามีสมองก็จะรู้ครับว่าศึกษาด้วยตัวเองได้ หนังสือก็มี อินเตอร์เน็ตก็มี ถามกับแพทย์ก็ได้"



          แต่แล้วคนตัวเล็กของกลุ่มก็ชะงักกึก

          "ไอ้หมู คือมึง...คือแบบว่า คือกู..."

          น้ำพูดขัดขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงจ๋อยๆ หน้าตาเหมือนเด็กยังไม่โตของมันดูล่อกแล่กชอบกล

          "อะไรครับ?"

          ผมถามด้วยเสียงไม่ไว้ใจ ท่าทางของมันเหมือนกับคนที่เพิ่งทำความผิดอย่างมหันต์ลงไป แล้วกำลังจะสารภาพต่อหน้าผู้เสียหาย

          และดูท่าผู้เสียหายคนนั้น ก็คือผมเอง...



          "เทมอ่ะ เทมปุระอ่ะ" ไอ้น้ำสูดหายใจลึก พลางหลับตาปี๋ รีบพูดรัวเร็วออกมาเหมือนกลัวใครแย่ง

          "เคยดูหนังโป๊แล้วนะ แฮะๆ ...ก็วันนั้นกูได้แผ่นมาใหม่ พวกมึงก็นั่งทำรายงานอยู่ในห้องหนังสือข้างล่าง กูเบื่อๆเลยเปิดแผ่นดู เทมมันเดินขึ้นมาเรียกกูพอดี กูเลยชวนมันนั่งดูด้วยกัน ทีนี้ก็เห็นมันงงๆ ถามกูว่า 'หนังอะไรทำไมเขาไม่ใส่เสื้อผ้าครับ' แล้วกูก็เลยแบบว่า ก็เพื่อนไม่เข้าใจอ่ะเนอะ เพื่อนอย่างเก๊าก็หวังดีอะโนะ ก็แบบว่า...กูก็เลย ก็เลยอธิบายพวกเรื่องอะจึ้กอะจึ้ก"
           
               ไอ้น้ำทำนิ้วชี้สองข้างจิ้มกันไปมา ประกอบประโยคบอกเล่าแสนน่าฆ่าทิ้ง

          "....ไปแบบหมดเปลือกเลยว่ะ แฮะๆ"





          "ไอ้หมู ไอ้หมู! ไอ้หมูวววววววววววววว โต๊ะไม่ได้ โต๊ะไม่ได้นะเว้ยยยยยยย ใจเย๊นนนนนนน วางโต๊ะลงก๊อนนนน ไอ้น้ำมึงวิ่งหนีไป๊ปปป หนีไปปป กูจะรั้งไม่อยู่แล้วววววววววววววววววววววววววววววว!!!"




          ไอ้น้ำเกือบถูกผมฆาตกรรมตายด้วยเพลิงพิโรธกลางห้องเรียน ผมวิ่งไล่ล่ามันจนมันจนมุม ไอ้เต้แทบจะจับผมมัดไว้กับกำแพง คนในห้องแตกตื่น วิ่งวุ่นหลบลูกหลงไปมุมตรงกันข้ามของห้อง


          ผมนั่งประมวลผลจากเหตุการณ์เมื่อคืน แล้วก็รับรู้ได้ถึงความสมเหตุสมผล ผมก็ว่าทำไมเทมปุระถึงดูไม่ตกใจนัก ดูตื่นเต้นและแปลกใจกับสิ่งแปลกใหม่มากกว่า  ระหว่างที่ผมสอนเขา เขาก็ดูเข้าใจได้ง่ายมากกว่าปกติ ไม่ต้องย้ำหลายครั้งอย่างที่แล้วมา
 
          ที่แท้ก็มีหนอนบ่อนไส้ ชิงมาสอนเทมปุระของผมตัดหน้านี่เอง...

          ส่วนที่ไอ้เต้พูดถึงหนังเอวีแล้วเทมไม่รู้จัก ก็คงเป็นเพราะไม่รู้ว่าเอวีก็คือคำเรียกหนังโป๊เหมือนกัน  ดูเด็กใสซื่อขนาดเอวีกับหนังโป๊เขายังไม่รู้จักคนนี้สิครับ เทมผู้ใสซื่อขนาดนี้ของผม ต้องถูกหนังโป๊ของไอ้น้ำล่อลวงไปหรือครับ

          มันน่าจับมาทรมานจนต้องร้องขอชีวิตจริงๆ


          ไอ้น้ำที่นั่งทำหน้าเจื่อน ตรงมุมปากของมันมีรอยหมัดประทับของผมติดไว้ มันชำเลืองมองผมจากด้านหลัง ไอ้ตัวแสบกำลังหลบอยู่หลังไอ้เต้มองผมที่สงบลง แล้วจึงยอมเลิกเกาะหลังเป็นลูกหมีโคอาล่าติดแม่ มานั่งตรงเก้าอี้ที่ห่างออกไป เพื่อป้องกันผมเท้ากระตุกยกขึ้นฟาดคอมันอีกรอบ

          "โทษงะมึง ตอนนั้นกูก็กำลังตื่นเต้นกับน้องคิโยมิของกู ไอ้เทมถามไรก็เลยอธิบายหมดเลย"

          ยิ่งได้ฟังผมยิ่งตากระตุก อยากลุกไปตบกระบาลมันให้สั่นอีกสักร้อยที เอาให้สมองมันแหลกเหลวเป็นน้ำสมชื่อเจ้าตัว

          ผมตวัดสายตาขวางไปให้มันก่อนจะถอนหายใจ เอาเถอะครับ จริงๆก็ถือว่าทุ่นแรงให้ผมไปบ้างเหมือนกัน ผมก็คิดไม่ออกว่าตัวเองจะไม่เขินเทมจนเป็นลมไปก่อนที่จะอธิบายให้เจ้าตัวเข้าใจรู้เรื่อง


          แต่มันก็อดหวงไม่ได้ ทำไมเทมจะต้องไปดูคิโยมิอะไรนั่นของไอ้น้ำด้วยครับ แถมไอ้น้ำยังมาแย่งครั้งแรกที่ดูหนังโป๊กับเทมไปอีก อย่างน้อยถ้าจะต้องดูเพื่อเป็นกรณีศึกษา ก็อยากให้เทมดูกับผมมากกว่า ไม่ใช่กับไอ้หน้าอ่อนแต่เป็นไอ้เฒ่าลามกยิ้มแหย่ตรงหน้าผม


               "น่าๆถือว่ากูเป็นอาจารย์ผู้ช่วยสอนไง เนอะ แฮ่"


               ไอ้น้ำเดินมาบีบๆนวดๆด้วยท่าทางประจบประแจงถึงที่สุด ส่วนไอ้เต้พอสำรวจดูท่าทางผม ว่าใจเย็นลงแล้วแน่นนอน จะไม่ลุกพรวดไปบีบคอเพื่อนเกลอของตัวเองจนหัวสั่นหัวคลอนอีกครั้ง ก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก


          ก่อนที่ผมจะได้ปฎิเสธหน้าที่อาจารย์ผู้ช่วยของไอ้น้ำ ตรงหน้าประตูห้องก็มีเสียงตะโกนเรียกชื่อผมเสียดังลั่นซะก่อน



               "เฮ้ย หมู! หมูอยู่หรือเปล่า!?"



          อเล็กซ์ หนึ่งในทีมสภา และเป็นเพื่อนต่างห้องของผมวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา ดวงตาสีใบไม้กวาดตามองไปทั่ว จนสบเข้ากับคนที่อยู่มุมห้อง เพื่อนที่นั่งอยู่มุมห้อง ชี้นิ้วมาที่พวกผม เพื่อบอกถึงเป้าหมายที่อเล็กซ์กำลังตามหา



               ผม...สังหรณ์ใจไม่ดีเลย





          อเล็กซ์วิ่งพรวดเข้ามาหาผมที่นั่งกันอยู่หลังห้อง ไอ้เต้เอ่ยแซวผู้ชายที่กำลังทำหน้าตาตื่นตกใจ


              "อะไรของมึงวะเล็กซ์ อาจารย์ใช้มาเรียกไอ้หมูหรือไง"


          เล็กซ์ที่เต้เรียก กลับไม่ได้สนใจคำพูดเอ่ยแซวนั่น แต่ตรงเข้ามาคว้าหมับเข้าที่แขนของผม ผมชะงักเล็กน้อย คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างข้องใจ ไม่ใช่แค่คว้าธรรมดา แต่เพื่อนต่างห้องยังดึงผมให้ลุกจากเก้าอี้ที่กำลังนั่งอยู่ พลางลากผมออกมาจากห้องด้วยความรวดเร็ว ไอ้น้ำกับไอ้เต้ก็วิ่งตามออกมาอย่างงงๆ

          "มีอะไรหรือเปล่าครับอเล็กซ์ ปล่อยผมก่อน" ผมรั้งแขนตัวเองเอาไว้ พลางฝืนขาทั้งสองข้างที่กำลังเคลื่อนไหวให้หยุดลง ด้วยไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอีกฝ่ายถึงได้ดูรีบร้อนนัก

          "โทษทีว่ะ กูร้อนใจ มึง พวกมึงต้องตามกูมาเดี๋ยวนี้เลย!"


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2018 04:43:28 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter

พวกผมสามคนหันมามองหน้ากัน แล้วความคิดแง่ร้ายก็ผุดขึ้นมา


          เทม...

          เทมปุระอยู่ไหน?

          ทำไมเขาไปเข้าห้องน้ำตั้งนานแล้ว เด็กน้อยของผมถึงยังไม่กลับมาอีก


          ใจที่สงบราบเรียบของผม กลับเต้นอย่างตื่นตะหนก เมื่อตะหนักได้ว่าคนสำคัญที่มักจะอยู่ข้างๆเสมอ แต่ตอนนี้กลับไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน ความรู้สึกใจหายวาบ ความหวาดกลัว กลัวว่าเขาจะเกิดอันตรายเข้าครอบงำจนมือเท้าเย็นเฉียบ


          "เทม? เทมเป็นอะไร!?!" คนถูกผมตวาด ตกใจเสียงตะคอกถามของผมจนหยุดช็อกค้าง อเล็กซ์ที่ไม่ได้สนิทกับผมมากนัก ไม่เคยเจอผมในท่าทางแบบนี้มาก่อน

          "ไอ้เทมอยู่ไหน มึงมีอะไรกันแน่ พูดมาเร็วๆสิวะ" ไอ้น้ำที่ร้อนใจขึ้นมา จึงรีบคาดคั้นคนวิ่งมาตามพวกผมด้วยอีกคน เสียงไอ้น้ำดึงสติของอเล็กซ์ให้กลับเข้าที่


          คำบอกเล่าจากเพื่อนต่างห้อง ทำเอาหัวใจผมหนาวเย็นเยียบเป็นน้ำแข็ง


          "เมื่อกี้กูจะลงไปเตรียมเข้าแถว แต่เกิดปวดฉี่เลยไปหลังตึกจะเข้าห้องน้ำ เห็นคนมุ่งอะไรกันก็ไม่รู้ กูก็เลยเดินเข้าไปดู เห็นเทมยืนร้องไห้อยู่กลางวง กูยังไม่รู้เรื่องอะไร แต่เห็นท่าไม่ดีเลยรีบวิ่งมาเรียกมึงก่อนนี่แหละ"


          ผมกระชากไหล่อเล็กซ์เข้ามาหาตัวเอง นัยน์ตาสีฟ้าสว่างแลดูเข้มขึ้นอย่างน่ากลัว


          "บอกกูมา! ตอนนี้เทมอยู่ไหน!!!"


          มือไอ้เต้ที่ตบลงมาบนไหล่ ไม่สามารถช่วยปลอบผมที่ร้อนรนจนแทบลุกเป็นไฟได้
เทมกำลังยืนร้องไห้อยู่คนเดียว ประโยคไม่สั้นไม่ยาวดั่งมีดนับพันเล่มฟาดฟันใส่หัวใจของผม


          ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ต้นเหตุที่ทำให้เขาเสียน้ำตา มันต้องได้รับโทษอย่างสาสม


          ผมวิ่งลงมาที่ห้องน้ำหลังตึก สถานที่เกิดเหตุตามที่อเล็กซ์บอก แต่เจ้าตัวที่วิ่งตามผมมาไม่ทันไม่รู้หายไปไหน ไอ้เต้กับไอ้น้ำที่ผมปล่อยทิ้งไว้ด้านหลังก็เช่นกัน


          หลังจากได้คำตอบที่เทมอยู่ ผมก็วิ่งแบบไม่คิดชีวิต สองขาสับรอกอย่างรวดเร็ว เซลล์ทั้งร่างกายถูกใช้ถึงขีดสุดเพื่อไปหาเขา ใจผมอยากหายตัวได้แล้วไปปรากฏตรงหน้าเขาเสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ จึงได้แต่พยายามวิ่งให้ไวที่สุด ได้แต่นึกเกลียดที่ตัวเองต้องเสียเวลาวิ่งลงมา นึกเกลียดตึกหลายชั้น เกลียดขั้นบันไดที่ทำให้เวลาที่ผมจะไปหาเทมช้าลง ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะกระโดดตึกลงไปเลยเหมือนกัน



          พอใกล้ถึงที่หมาย ผมก็เห็นกลุ่มคนประมาณสิบกว่าคนกำลังยืนล้อมรอบบางคนอยู่

          ด้วยส่วนสูงของเทมจึงทำให้ผมเห็นเขาได้ชัดเจน

          ผมไม่รู้ว่าใคร แต่ผมผลักคนที่กำลังยืนขวางทางผมออก


          ภาพตรงหน้าทำผมปวดใจจนแทบร้องไห้



          เด็กชายเทมปุระที่ผมเฝ้าทะนุถนอม กำลังยืนร้องไห้สะอึกสะอื้น มือใหญ่พยายามเช็ดน้ำตาตัวเอง แต่เจ้าน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด ก็ทำให้เจ้าตัวไม่สามารถซับให้หมดได้เสียที


          ร่างสูงดูสั่นสะท้าน อาบไล้ไปด้วยความตื่นกลัว เสื้อผ้าดูยับเยิน ผมที่ผมหวีให้เขาเมื่อเช้าก็ยุ่งเหยิง ตามตัวขาวจัดมีร่องรอยฟกช้ำกระจัดกระจายไปทั่ว


          และทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาชื้นแฉะ เสื้อผ้าพร้อมกางเกงสีน้ำเงินก็เปียกโชก...



          เสียงร้องไห้ของเขาทำหัวใจผมขาดหวิ่น ผมเดินตรงเข้าไปใช้สองแขนโอบกอดเขาเอาไว้ รั้งหัวร่างสูงให้มาซบไหล่ตัวเอง ทั้งร่างของคนที่กำลังร้องไห้อย่างหนักเกร็งจนแข็งทือ อีกฝ่ายตัวสั่นสะท้านไปหมด แต่พอรู้ว่าเป็นผม เจ้าตัวก็ซุกลงมาอย่างหมดแรง  เสียงร่ำไห้ที่เจ้าตัวพยายามกลั้นไว้ ดังอยู่ข้างหูผม มือสองข้างของผมลูบหลังปลอบประโลมเด็กน้อยไปมา


          "เทมร้องไห้ทำไมครับ เจ็บตรงไหน ปวดตรงไหน บอกหมูสิครับ หรือมีใครมาแกล้งเทมของหมูหรือเปล่า ไหนบอกหมูสิคนดี หยุดร้องไห้เถอะนะ หมูปวดใจจะตายอยู่แล้ว"


          ผมไม่สนใจเสียงดังจากรอบกาย สนใจแค่คนในอ้อมกอดที่ยังคงเอาแต่ร้องไห้  สองแขนใหญ่กอดผมแน่นเหมือนเป็นที่พึ่งสุดท้าย เทมไม่ตอบอะไร เอาแต่สะอื้นจนสะอึกอยู่แนบบ่าผม น้ำตามากมายที่ชุ่มอยู่บนไหล่ มากมายเสียจนผมใจคอไม่ดี



          มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เทมไม่เคยร้องไห้ราวจะขาดใจ และดูหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน



          ผมกอดเขาพลางไล่สายตามอง คลับคล้ายคลับคลาว่าทุกครั้งที่ผมเห็นร่องรอยช้ำจุดใหม่บนเนื้อตัวของเด็กน้อยตัวสั่นด้วยความผวา ดวงใจของก็ผมก็ถูกเชือดเฉือนจนเป็นริ้วแหว่ง ผมมองไล่ขึ้นมาจนเห็นเส้นผมของเขามีรอยไหม้เกรียมคล้ายถูกไฟเผา ผมสูดหายใจลึก ในอกหนาวเหน็บ เมื่อคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่เขาเผชิญมา



          ใครมันกล้าทำร้ายเขาขนาดนี้ ใครมันกล้าทำร้ายดวงใจของผมขนาดนี้


          "อ๋อออออ มาแล้วเหรอวะ ผู้ปกครองของมึงน่ะไอ้ปัญญาอ่อน สำออยชิบหาย แค่นี้ก็ต้องร้องห่มร้องไห้"


          ผมหันควับไปมองตามเสียง เห็น สิงห์ เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่คนละห้อง กำลังยืนกอดอก ด้านหลังมีกลุ่มเพื่อนของเจ้าตัวอีกสี่ห้าคนกำลังยืนหัวเราะกันอยู่


          "มึงมองอะไรกูแบบนั้นไอ้ประธานนักเรียน มึงต้องขอบคุณพวกกู พร้อมซึ้งใจต่างหากนะ ที่อุตสาห์ช่วยลงโทษคนทำผิดกฏให้ หึหึหึ"


          "มึงทำอะไรเทม" น้ำเสียงของผมเย็นชาจัดมันปนเปเต็มไปด้วยโทสะจนข้นคลั่ก เทมสะดุ้ง เจ้าตัวขยับเข้ามากอดผมแน่นกว่าเดิม


          "กูจะทำอะไรวะ พวกกูก็แค่ช่วยบอกทางไอ้ปัญญานิ่มนั่นแค่นั้นเอง เห็นแม่งจะเดินเข้าห้องน้ำอาจารย์ กูก็นึกว่าแม่งโง่จนไม่รู้ว่าห้องน้ำนักเรียนอยู่ไหน กูก็หวังดีเลยช่วยลากมันลงมาเข้าให้ถูกที่ แต่ดูดิ ความหวังดีกูสูญเปล่าหมด เหี้ยนี่เสือกฉี่ราดกางเกงเอากลางทาง เพราะแม่งมัวแต่ตัวสั่นกลัวห่าไรก็ไม่รู้ มึงต้องไปขอโทษป้าแม่บ้านเขาด้วยนะรู้ไหม ที่ต้องมาเช็ดฉี่ให้คนที่โตเป็นควายอย่างมึงเนี่ย สร้างเรื่องเดือดร้อน ลำบากป้าเขาจริงๆ ...จริงไหมวะพวกมึง"


          แล้วเสียงหัวเราะที่ฟังดูน่ารังเกียจและน่าขยะแขยงที่สุดในชีวิตที่ผมเคยได้ยินก็ดังขึ้น ถ้อยคำแสนต้องห้ามหลุดออกมาจากปากของไอ้สิงห์ไม่หยุดหย่อน ทุกถ้อยคำของมันล้วนกระชากเส้นความอดทนของให้ขาดไปทีละเส้น


          จนตอนนี้มันหมดสิ้น ไม่เหลือแม้แต่เส้นเดียว


          ทุกครั้งที่น้ำคำร้ายๆเหล่านั้นถูกพูด ร่างสูงที่กอดผมอยู่ก็สะอื้นหนักขึ้น และหนักขึ้น เทมตัวสั่น ทั้งๆที่เขาตัวสูงใหญ่กว่าผม แต่เวลานี้กลับดูเล็กจิ๋วและแสนเปราะบาง คล้ายแก้วที่กำลังจะแตก


          แม้ผมจะแนบสองมือปิดหูเทมไว้ หวังให้เขาไม่ได้ยินคำพูดร้ายกาจ แต่เสียงพูดแสนดังของสวะตรงหน้า ก็คงทำให้เจ้าตัวได้ยินอยู่ดี


          ใจผมพังไปหมด เมื่อเห็นใบหน้าที่มีร่องรอยถูกทำร้ายอาบไปด้วยหยดหยาดน้ำตา ช่วงขณะที่เงยขึ้นสบตากัน เพียงชั่วเสี้ยววิที่ผมเห็น อัญมณีสีน้ำตาลสวยคู่นั้นแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เด็กชายของผมถูกทุบทำลายจนยับเยิน

          เป็นชั่ววินาทีที่ความเจ็บปวดของอีกฝ่ายไหลทะลักเข้ามาให้ผมรู้ นัยน์ตาสีน้ำตาลสุกไสที่มักเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความโศกและความเสียใจมากมายเหลือคณา


          แก้วตาดวงใจของผมไม่ได้ใกล้แตกสลาย

          แต่เขาแตกสลายไปเรียบร้อยแล้ว




          เทมเลือกที่จะไม่พูดอะไรและดึงชายเสื้อผม เหมือนต้องการไปจากตรงนี้ ผมแกะมือของเทมออกเบาๆ ยื่นหน้ากระซิบด้วยเสียงอ่อนโยน


          "เทมครับ ปล่อยหมูสักครู่หนึ่งก่อนนะครับ หมูขอเวลานิดเดียว แล้วเราจะไปจากตรงนี้กัน"


          ความลังเลฉายชัดจากท่าทางที่เหมือนไม่อยากปล่อยผมไปไหน  ท่าทางของเทมดูหวาดกลัวเกินกว่าจะต้องออกห่างจากผมไป แต่ต่อให้เจ้าตัวกำลังเสียขวัญและตื่นกลัวมากเพียงไร คนใจดีก็ยอมเชื่อฟังผมเสมอ หากผมพูดเขาก็พร้อมจะทำให้


          ผมใช้ฝ่ามือปิดบังสายตาของเขา พูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง


          "ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไร ก็อย่าลืมตาขึ้นมานะครับรู้ไหม หลับตาให้แน่น แล้วก็อุดหูเอาไว้นะ"


          เด็กน้อยแสนดีของผมหลับตาปี๋อย่างเชื่อฟัง มือใหญ่ยกมือขึ้นอุดหู พยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย


           ผมลูบผมนุ่มนั้นแผ่วเบา เสียงของพวกไอ้เหี้ยสิงห์ ยังคงพูดจาหมาไม่แดกให้ได้ยินมาอย่างต่อเนื่อง เด็กที่แสนดีขนาดนี้ เหตุใดถึงต้องมาเสียน้ำตาให้ไอ้พวกสารเลวปากวอนหาที่ตายพวกนี้กันด้วยนะ


          ผมดูแลเขามาเป็นอย่างดี ให้เกียรติเขาเสมอมา ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมระมัดระวังคำพูดตัวเองทุกครั้ง ถ้อยคำไหนไม่ดี ถ้อยคำไหนจะทำให้เขาคิดมาก คิดแล้วคิดอีก คิดแล้วก็คิดอีก ประโยคไหนจะทำให้เขาเสียใจ ผมไม่เคยปล่อยให้หลุดออกไป หัวใจดวงน้อยของเทมไม่เคยมีบาดแผลเพราะผม


          แต่ทั้งๆที่ผมระมัดระวังขนาดนั้นแท้ๆ ทั้งๆที่ผมทะนุถนอมเขาขนาดนั้นแท้ๆ แต่ไอ้สวะไร้ค่าพวกนี้กลับกล้าเอาคำพูดเลวๆ มาทำร้ายคนของผมเสียเป็นแผลเหวอะหวะ


          และไม่ใช่แค่คำพูด ไม่ใช่แค่ล่วงเกินด้วยถ้อยคำที่ไม่ควรจะกล่าว แต่มันยังกล้ายื่นมือสกปรกโสโครกมาแตะต้องเขาอีกด้วย


          ผมหันไปมองกลุ่มคนจำนวนมาก


          ไร้ความลังเลบนสีหน้า




          ความบ้าคลั่งฉายชัดบนดวงตาของผม

          ความเกรี้ยวกราดของผมต้องมีที่ลง

          ความแค้นที่ก่อตัวต้องได้ระบาย

          โทสะที่หมุนวนแน่นอกต้องมีคนรับผิดชอบ

          และน้ำตาของเทมปุระ




          ....ต้องมีคนชดใช้






          ผมตรงเข้าไปต่อยหน้าคนที่พูดจาทำร้ายแก้วตาดวงใจของผมอย่างแรง จนมันล้มลงกับพื้น มันดูมึนงง แต่ผมก็ไม่ปล่อยให้มันตั้งตัว ผมรัวหมัดนับไม่ถ้วนใส่มัน จนเหล่าเพื่อนของมันมากระชากตัวผมออก


          "เฮ้ย! มึงต่อยเพื่อนกูทำไมวะ!!?"


          ใครสักคนในกลุ่มของพวกมันจับผมตรึงเอาไว้ พลางชกสวนเข้ามาที่ท้อง ไอ้สิงห์ที่พอตั้งสติได้ก็เข้ามารุมมือรุมตีนใส่ผมอีกคน แต่มันคงคิดผิด


          แค่คนสี่คน ตอนนี้ ตอนที่อารมณ์ของผมพุ่งถึงขีดสุดแบบนี้...รั้งผมไว้ไม่ได้หรอกครับ


          ยิ่งเห็นหน้ามันใกล้ๆ ความโกรธผมยิ่งระเบิดออก ผมสะบัดไอ้พวกคนที่จับผมเอาไว้จนกระเด็น พลางพุ่งตัวเข้าไปหาไอ้สิงห์ที่ทำหน้าตกใจ ปนไม่เชื่อว่าผมจะสามารถหลุดจากการเกาะกุมของเพื่อนของตัวเองได้


          "ไอ้เหี้ยเอ้ย!! จะเปิดวอร์ก็ไม่บอกพวกกู! ปล่อยเพื่อนกูนะโว้ยยย!"


     ไอ้เต้กับไอ้น้ำ แม้กระทั่งอเล็กซ์ยังเข้ามาช่วยผม พวกมันกั้นเพื่อนของไอ้สิงห์ออกไป ตรงที่ผมยืนจึงมีแค่ไอ้เหี้ยที่กล้ามาลูบคม รังแกคนของผมเท่านั้นที่ยืนอยู่ ผมพุ่งเข้าไปหามันด้วยสติที่ขาดสะบั้น


               ไอ้สิงห์ตัวใหญ่และหนากว่าผมมาก แต่นั่นก็ไม่ช่วยอะไรเลย

               ไม่ช่วยให้ผู้นำเกมนี้คือมัน เพราะผู้ชนะการห่ำหั่นในครั้งนี้คือผม


          ผมทั้งสะบัดหมัดใส่หน้ามันนับครั้งไม่ถ้วน เตะอัดลำตัวมันอีกมากมายคณานับ พอมันล้มลงนอนนิ่งกับพื้น ได้แต่ส่งสายตาหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดมาให้ ผมก็ขึ้นคร่อมมันเอาไว้ แสยะยิ้มเย็นยะเยือกให้มัน


          ไม่ว่าจะจมูกไร้ค่าที่เอาแต่พ่นมลพิษให้โลก หรือริมฝีปากที่บังอาจกล้าพ่นถ้อยคำร้ายๆใส่เด็กน้อยของผม ตอนนี้ก็ไม่สามารถแยกออกได้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน เพราะเลือดสีแดงสดทะลักออกมามากมายกลบอยู่เสียมิด แม้กระทั่งดวงตาแสนน่ารังเกียจที่จ้องมายังเทมอย่างจาบจ้วง ผมก็ลงโทษมันให้เข็ดหลาบ จนเบ้าตาของมันบวมปูดออกมาอย่างน่ากลัว


          รอยยิ้มเย็นเฉียบของผม ค่อยๆหุบลง พร้อมแรงมือที่บีบรัดรอบลำคอของมันแน่นขึ้นเรื่อยๆ

ทุกครั้งที่มันพยายามตะเกียกตะกายสูดลมหายใจ เพื่อต่อชีวิต ผมยิ่งขยี้ย้ำไปที่ลูกกระเดือกของมัน น่าขำชะมัด มันตัวกระตุกเหมือนปลาถูกทุบหัว ดูเหมือนสัตว์ใกล้ตายดิ้นทุรนทุรายอยู่ในกำมือของผม

          ดูเป็นภาพน่าสมเพช จนผมอดหัวเราะออกมาเสียงดังไม่ได้



          ผมมองสภาพก้อนเนื้ออาบเลือดตรงหน้าด้วยสีหน้าว่างเปล่า

          ปากของมันขยับคล้ายคำพูดว่า ขอโทษ และร้องขอให้ปล่อยมันไป


          มันขอโทษเรื่องอะไรกันนะ?

          เรื่องที่พูดไม่ดีใส่เทม? เรื่องที่ทำร้ายเทม? เรื่องที่ทำให้เทมอับอาย? หรือเรื่องที่มันคงไม่รู้ว่าได้ฝากบาดแผลครั้งยิ่งใหญ่ขนาดไหนให้กับเขา เด็กชายผู้ใสซื่อ มันร้ายแรง จนหัวใจของเด็กชายตัวน้อยของผมเหวอะหวะไปหมด


          แววตาของเทมที่ผมเห็น ในนั้นมีรอยกรีดลึก มันร้าวรานยากหยั่งถึง

          ที่ผมไม่รู้เลย ไม่รู้เลยจริงๆ  ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะสามารถสมานบาดแผลนั้นได้


          มันไม่ใช่เรื่องที่ขอโทษแล้วจะจบลง  และไม่ใช่เรื่อง ที่แค่ตายแล้วจะสาสม...




ตายไปโดยไม่รับรู้ความเจ็บปวดน่ะ


          มันง่ายเกินไป




          เสียงไอ้เต้กับไอ้น้ำที่ตะโกนห้ามและแรงดึงลากผมให้ลุกออกจากซากตรงหน้า ทำให้ผมค่อยๆคลายมือที่รัดรอบลำคอมันออก ไอ้สิงห์สูดหายใจเข้าปอดเฮือก ไอค่อกแค่กอย่างรุนแรง


          ผมเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้เศษเนื้อสีแดงฉานที่กำลังหายใจรวยริน ผมกระซิบเสียงเบาแต่หนักแน่น หวังให้คำพูดพวกนี้สลักลึกไปถึงจิตวิญญาณ และตามหลอกหลอนมันไปชั่วชีวิต






          "มึงอย่าคิด...ว่าเรื่องนี้จะจบลงง่ายๆ กูจะทำให้มึงรู้...ว่าตายยังดีกว่ามีชีวิตอยู่...มันเป็นยังไง"









end 8 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2018 04:43:58 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter








▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    9    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇








          ผมเดินเข้าไปหาเทม เช็ดมือที่เปื้อนเลือดลงกับเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเอง อันที่จริง มันก็ไม่เป็นสีขาวมาสักพักแล้ว และถ้าจะให้พูดตรงๆ ตอนนี้ส่วนที่ยังเหลือสีเนื้อผ้าเดิมก็น้อยเต็มที เสื้อนักเรียนสีขาวสะอาดกลับคลับคลายว่ากลายเป็นผ้ามัดย้อมสีชาด
         
         ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเช็ดส่วนที่ยังไม่แห้งหมาดดี จนแน่ใจว่าไม่มีคราบชื้นของหยาดโลหิตหลงเหลือ  มือที่แห้งดีแล้วสัมผัสแผ่วเบาที่แนวแก้มของเทมปุระ

          เจ้าตัวสะดุ้งจนตัวเกร็ง แต่พอจำสัมผัสไออุ่นที่คุ้นเคยได้ ก็ทำท่าจะปล่อยมือที่อุดหู และขยับเปลือกตาขึ้นมอง แต่ก็มีมือของผมอีกครั้ง ที่ใช้ป้องกันไม่ให้เขาเห็นภาพตรงหน้า มีแค่หูของเขาที่ผมยอมปล่อยให้ได้ยินสรรพสิ่งอื่นนอกจากความเงียบงัน

          "อย่าเพิ่งลืมตานะครับคนดี จับมือหมูไว้แล้วเดินตามมานะ เชื่อใจหมูใช่ไหมครับ?"

          เทมพยักหน้าโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด เปลือกตาสีสวยกลับไปครอบคลุมนัยน์ตาสีอ่อนอีกครั้ง เทมจับมือผมแน่น ท่าท่างของเขาเหมือนบอกเป็นนัย ว่าต่อให้ผมจะพาเขาไปไหน ไม่ว่าทางที่ไปจะเป็นหุบเหว หรือตกนรก หนทางจะเป็นอะไร มือหนานั้นก็จะไม่ยอมปล่อยผมไปเด็ดขาด เขาพร้อมจะเชื่อและเดินไปพร้อมกับผมเสมอ

     เต้กับน้ำและอเล็กซ์เดินเข้ามาหาผม ผมแปลกใจกับสภาพพวกมันที่กระเซอะกระเซิงเหมือนถูกหมาฟัด จนหลุดหัวเราะออกมา


          "หัวเราะอะไรของมึ๊ง ยังจะมีอารมณ์ขำขันอี้กกก กูรอดมาได้เพราะไอ้อเล็กซ์ช่วยเอาไว้แท้ๆ ไม่งั้นกูจมตีนตายไปแล้ว พูดก็พูดเถอะ มึงโคตรน่ากลัวอ่ะหมู กูนึกว่ามึงจะฆ่ามันตายซะแล้วเสียอีก..."

          ไอ้น้ำเหลือบตามองผม พลางทำท่าขนลุกขนพอง

          "ก็คิดไว้แบบนั้นเหมือนกัน" ผมตอบด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ท่าทางของน้ำที่หัวเราะเมื่อสักครู่ชะงักลง เต้มองผมด้วยแววตาตกใจ และอเล็กซ์มองผมด้วยสายตาที่ตื่นตะหนก

          "มึงจะฆ่าคนไม่ได้นะ" น้ำพูดเสียงเบา ก่อนมันจะก้มหน้าลงเพื่อหลีกหนีสายตาของผม ที่ยังจุดประกายให้อบอุ่นขึ้นไม่ได้ มันยังคงเคลือบไว้ด้วยคราบความเย็นดุจแม่น้ำที่ถูกเยือกแข็ง อุณหภูมิของดวงตาสีฟ้ายังคงติดลบ

          เต้ที่เห็นบรรยากาศไม่ดี ก็รีบพูดแทรกขึ้นมา

          "เออ มึงฆ่าคนตอนนี้ก็ติดคุกนะเว้ย อดพาไอ้เทมไปญี่ปุ่นนะ เดี๋ยวนางฟ้าร้องไห้นะมึง"

          "ปะ-ไปญี่ปุ่นกันเหรอ น่าสนุกดีนะ" อเล็กซ์ที่รับบทสนทนาที่เต้ส่งต่อ ฝืนพูดขึ้นมาด้วยเสียงแห้งๆ



ตัวผมในตอนนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์มาสนใจใครสักเท่าไหร่ มือแกร่งที่จับกุมผมยังคงสั่นไม่หยุด


          "อีกเดี๋ยวอาจารย์คงมาเห็นพวกนี้ พวกมึงไปเปลี่ยนเสื้อแล้วเข้าแถวเถอะ กูจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง"


          ผมไม่อยากลากใครเข้ามาลำบากด้วยเรื่องของคนของผม โดยเฉพาะอเล็กซ์ที่เหมือนโดนพายุอันบ้าคลั่งพัดพามาเป็นลูกหลง

          แต่ทั้งๆที่ผมพยายามช่วยพวกมันให้พ้นโทษ แต่ดูเหมือนเพื่อนทั้งสองคนของผมจะไม่ดีใจ ไอ้เต้หน้าตึง ส่งเสียงแค่นหัวเราะ ดูท่าทางมันจะไม่พอใจมาก พอๆกับไอ้ตัวเล็กของกลุ่ม ที่พอผมไล่ให้หนีไป  กลับกล้าเชิดหน้าขึ้นมาสู้สายตาผมอีกครั้ง


          "พูดอะไรของมึงวะ เพื่อนกันเขาไม่ทิ้งกันหรอก ถ้าจะโดนลงโทษ กูก็จะโดนไปกับมึงนี่แหละ"

          "เออ ถูกของไอ้เต้ จะโดนลงโทษเหี้ยไรก็ช่างแม่งดิวะ มันมาแกล้งเพื่อนกูให้ฉี่ราดต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนนี่มันใช่เรื่องที่จะยอมอยู่เฉยๆหรือไง ตอนพุ่งเข้ามาช่วยมึง กูก็ทำใจไว้แล้ว"

          "กูก็ไม่อะไรนะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ในชีวิตอ่ะ แค่ตกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าประธานนักเรียนของเราจะบ้าดีเดือดขนาดนี้ โคตรโหด กูนึกว่าจะมาสายเวทย์ นี่แม่งมาสายกายภาพชัดๆ กูนี่กลัวขาสั่นไปสองนาทีเลย"

          "มึงติดเกมใช่ไหมไอ้เล็กซ์ อธิบายซะเป็นภาษาเด็กติดเกมเลยโว้ย"


          บรรยาศที่เครียดเขม็ง ผ่อนคลายขึ้น เมื่อไอ้เต้กับไอ้น้ำหันเหไปคุยกันเรื่องเกม

          ผมสบตาพวกมัน นึกใจอ่อนกับมิตรภาพที่พวกมันมีให้ผม แต่นี่มันเรื่องใหญ่ ทะเลาะวิวาทในโรงเรียน คนอื่นๆที่ไอ้เต้ไอ้น้ำกับอเล็กซ์จัดการไปน่ะ ไม่เท่าไหร่ เพราะพวกนั้นค่อนข้างเป็นหมาที่ดีแต่เห่า พอถูกตีก็กระจายตัววิ่งหนีกันไปหมด แต่ไอ้ซากที่สลบนอนเลือดกลบหน้าอยู่นี่ ผมว่าโทษคงไม่น่าจะจบแค่ลงโทษ ด้วยการทำเวรความสะอาดไปสักสองสามอาทิตย์หรอกครับ

          สำหรับผม ผมไม่สนใจหรอกครับว่าจะโดนไล่ออกหรือเสียประวัติ และติดคุกยิ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับชาโรนอฟ

          "ว่าแต่มันยังไม่ตายใช่ไหมวะ ทำไมมันนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิกเลย โทรเรียกรถพยาบาลกันไหมมึง"

          ไอ้น้ำเริ่มกังวลมากขึ้น เมื่อเหลือบตาไปมองสภาพของเหยื่อที่ถูกผมเล่นงาน ซากนั่นนอนแน่นิ่ง ลมหายใจดูอ่อนแรง ผมหันไปมองตามด้วยสายตาเย็นชา

          "ไม่ตายหรอก ยังยั้งแรงไว้ไม่ได้เล่นจุดตาย" ผมพูดขึ้นมาเสียงเรียบ ไอ้อเล็กซ์ได้ฟังก็ทำตาโตแทบถลน  สองเพื่อนซี้อ้าปากเหวอ ผมขมวดคิ้วใส่ท่าทางของพวกมันที่ทำท่าตกตะลึงใส่ผม

          ...อะไรของพวกมันอีกครับ


          "ยั้งแรงไว้!? มึงจะบอกสภาพมันใกล้ลงหลุมขนาดนี้ยังยั้งแรงไว้แล้ว!?"

          "นี่กูมีเพื่อนเป็นนักฆ่ามาจากไหนหรือไง ชิบหายละ วันหลังต้องงดกวนตีนมันเด็ดขาด"

          "ต่อไปนี้กูเลื่อนยศให้มึงจากหมูหัวร้อน เป็นลมบ้าหมู ไอ้เหี้ย ไม่ให้เกียรติความตัวโตของมันเลย ใส่แม่งซะยับเป็นผ้าขี้ริ้วเลยสัส"

          "แล้วมึงเห็นตอนแม่งสะบัดตัวเองให้หลุดออกจากพวกเพื่อนไอ้สิงห์สี่คนจับมันไว้ไหม กูนี่นึกว่ากำลังถ่ายหนัง"

          "ต้องตอนแม่งรัวหมัดใส่ดิ เลือดกระฉูด กูนี่สยอง นึกว่าดูหนังฆาตกรรม"

          "เชี่ย ขนลุก"



          เสียงพวกมันสุมหัวพึมพำงุ้งงิ้งกันไม่หยุด ผมได้ยินไม่ถนัดว่าพวกมันพูดอะไรกัน เพราะเล่นหันไปกอดคอกันกระซิบกระซาบเสียงเบา ส่งแต่สายตามาทางผม



          ผมคิดว่าช่างพวกมันก่อนแล้วกันครับ ตอนนี้สิ่งสำคัญคือผมต้องพาเทมไปในที่ๆสงบเสียก่อน แต่ยังไม่ทันได้ไปไหน เสียงฝีเท้าวิ่งกรูกันเข้ามา อาจารย์หลายคนที่คุ้นหน้า วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมอาจารย์ห้องพยาบาลอีกสามสี่คน

          พอเข้ามาเห็นพวกผม ท่านก็ทำหน้าตกใจเหมือนไม่คิดว่าจะวิ่งมาเจอคนที่ก่อเรื่อง คือประธานนักเรียนผู้รักษาความประพฤติอันดีไว้มาตลอดสามปี กำลังยืนนิ่งพร้อมหลักฐานสีชาดที่กระจายเต็มตัว

          อาจารย์พยาบาลวิ่งเข้าไปดูซากที่แทบจะสัมผัสไม่ได้ถึงสัญญาณของการมีชีวิต ก่อนที่อาจารย์ท่านอื่นจะเดินมาหาพวกผม ผมสบแววตาเครียดขึงของพวกผู้ใหญ่อย่างนิ่งสงบ ต่างกับไอ้เต้ไอ้น้ำและอเล็กซ์ที่สลดลงทันที


          "ตามอาจารย์มาไปที่ห้องผู้อำนวยการ"


          อาจารย์สั่งเสียงเด็ดขาด พวกผมก็ว่าง่าย เดินตามหลังอาจารย์ไปโดยดี



          พอออกมาจากโซนห้องน้ำ การจะไปห้องผู้อำนวยการต้องเดินผ่านสนาม ที่ตอนนี้มีคนทั้งโรงเรียนเข้าแถวอยู่

          พอพวกผมเดินผ่าน ก็เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้น เสียงพูดคุยของคนกว่าสามพันดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ

          เสียงชื่อผมถูกเอ่ยพูดถึงจากทั่วทิศทาง มากกว่าสภาพเหมือนไปฟัดกับหมาของสามคนด้านหลัง จากสภาพหน้าตามีรอยฟกช้ำดำเขียว กับเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ที่ดูยังไงก็คงแค่ไปมีเรื่องชกต่อยกันเท่านั้น

           ผู้คนให้ความใจกับสภาพของผมที่เลือดของไอ้สิงห์แปดเปื้อนไปทั้งตัว จนแดงเหมือนไฟแดงเดินได้ และมือด้านขวาจับจูงเทมปุระกำลังหลับตาแน่น  ไม่ว่าจะทั้งสถานภาพในโรงเรียน และสภาพที่ไม่เหมือนไปมีเรื่องทะเลาะวิวาท แต่กับเหมือนผู้ร้ายที่เพิ่งลงมือฆ่าหั่นศพคนไปเสียมากกว่า ก็ดูจะเป็นประเด็นเด่น ทุกคนพุ่งความสนใจตรงมาที่ผม


          แน่นอนว่าไม่ว่าใครก็อยากรู้ จนมันทำให้เกิดความอลวนวุ่นวาย เด็กนักเรียนหลายร้อยคนแตกแถวเข้ามามุงล้อมดู จนอาจารย์ที่อยู่บนเวทีต้องประกาศออกลำโพง ให้อาจารย์ประจำชั้นมาควบคุมเด็กให้อยู่ในความสงบ แต่ก็เป็นไปได้ยากกับความอยากรู้อยากเห็นของคนจำนวนมาก เด็กแต่ละคนวิ่งเข้ามาเขย่งตัวเพื่อมองพวกผม

          พวกผมถูกบีดอัด จนจะเดินไปข้างหน้าแค่สักครึ่งก้าวยังยากลำบาก


          เทมที่ตื่นกลัวอยู่แล้ว พอเจอคนจำนวนมากเข้าไปก็เกิดอาการเครียดจนตัวแข็งเกร็ง ใจผมล่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม คำแรกที่หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากสวย แว่วมาให้ได้ยินคือคำว่า 'กลัว'


          ผมเหมือนจะสติขาดไปอีกรอบ ตะคอกตวาดออกไปสุดกำลัง ตัดสรรพเสียงที่กำลังวุ่นวายให้หยุดชะงัก


          "หุบปาก!!! ถอยออกไปให้หมด!"


          ผู้คนที่กำลังจอแจนิ่งค้างเหมือนถูกกดสวิตช์ปิดการเคลื่อนไหวลง เหล่าคนที่อยู่ใกล้พวกผมแตกหือกระจายออกไปด้วยความตกใจ แม้กระทั่งอาจารย์ก็เผลอทำตามคำสั่งที่เต็มไปด้วยอำนาจของผมโดยไม่รู้ตัว


          "ทีมสภา! มาเปิดทางให้พวกผม!"


          ผมตะโกนเรียกหา ภายใต้ความเงียบที่ทุกคนตกใจกับภาพลักษณ์ดุดันแสนเกรี้ยวกราดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของผม
          ทีมสภาที่ถูกเรียกก้าวเท้าออกมาจากคนจำนวนมากอย่างมึนงง แต่เมื่อสบตาเข้ากับผม ก็สะดุ้งเฮือก ก่อนจะทำตามคำสั่งด้วยการจับมือกั้นเป็นแถวยาว คอยผลักผู้คนที่แน่นเนื่องออกไป เว้นช่องทางว่างให้พวกผมเดิน
 

          "เชิญอาจารย์เดินต่อครับ"


          ผมหันไปหาอาจารย์ที่เอาแต่ทำตัวนิ่งค้างเป็นหุ่นไล่กา ดูเขายังไม่เชื่อสายตาตัวเอง เอาแต่มองผมด้วยความตกตะลึง ผมขมวดคิ้ว ในเมื่อเขาไม่เดินนำ ผมจึงเดินนำขบวนเสียเอง


          ตอนนี้ผมต้องการพาเทมปุระไปที่สงบปลอดคนให้เร็วที่สุด ไม่อยากเสียเวลาให้กับอะไรทั้งนั้น








          กางเกงนักเรียนที่เปียกชื้นไปด้วยฉี่ถูกผมถอดทิ้งเอาไว้ ก่อนจะหาตัวใหม่มาให้เขาสวม เทมนิ่งเงียบแม้กระทั่งตอนผมถอนกางเกงและเปลี่ยนตัวใหม่ให้เขา หลังจากคำพูดที่แทบจะปลิดขั้วหัวใจของผมให้หลุดลง เทมก็เงียบมาตลอดทาง

          เทมที่ผมอนุญาตให้ลืมตาหลังจากผมเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เสร็จ กำลังนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ กอดเข่าซุกหน้าอยู่กับขาของตัวเอง ร่างสูงพยายามเบียดตัวเองไปกับเบาะนุ่มเหมือนสัตว์ตัวน้อยพยายามหาที่ปลอดภัย ผมเดินไปขอผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาคลุมรอบกายเจ้าตัวอีกชั้น ดึงมือสั่นของเขามากอบกุมเอาไว้

          ตอนนี้อาจารย์ให้พวกผมมารอในห้องพักอาจารย์ ระหว่างกำลังรอผู้ปกครองมาพูดคุยกันครับ

          "เทม...โอเคไหมวะ? "

          ความเงียบถูกทำลายด้วยคำถามของเต้ นัยน์ตารีเรียวฉายแววเป็นห่วงเพื่อนร่างสูงที่เอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ยอมมองหน้า ไม่สบตาใครสักคน อาการของเด็กพิเศษดูแย่เสียแม้แต่คนอื่นยังรู้สึกได้

          ผมหันไปส่ายหน้าให้เต้ ทั้งเป็นการบอกว่าเทมไม่โอเค และไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้อีก น้ำกับอเล็กซ์ก็เข้าใจสัญญาณ จึงหาหัวข้อสนทนาอื่นมาพูดคุย เพื่อหยุดความเงียบที่ทำห้องพักอาจารย์ให้กลายเป็นป่าช้า

          "เอ้อ ไม่รู้ว่าป่านนี้หม่อมแม่กูจะขี่ม้าขาวมาช่วยหรือยัง เกเรรอบนี้สงสัยจะโดนสั่งงดเล่นคอมไปเป็นเดือนเลยว่ะ"

          "มึงยังดี โดนสั่งงดเล่นคอมเฉยๆ กูนี่มีหวังโดนพ่อสั่งไปเลี้ยงหมาเป็นปีแน่ มึงก็รู้หมาบ้านกูอย่างเยอะ นี่ก็เพิ่งคลอดคอกใหม่มาอีก สนใจเอาไปเลี้ยงกันไหมวะ สายพันธุ์แชมป์อย่างดีเลยนะเว้ย กันเองลดสิบเปอร์เซน กูจะได้ค่านายหน้ากินขนมด้วย อิอิ"

          "โห ไอ้ห่าเล็กซ์ เกริ่นมาซะกูนึกว่าจะให้ฟรี แหม"

          "ให้ฟรีพ่อกูตีกูตาย รักหมากว่าลูก บ้านกูเองจ้า"



          ความกระอักกระอ่วนยังดูอบอวลในอากาศ แม้ว่าในห้องจะประดับไปด้วยบทสนทนา ใจผมจดจ่อกับเทมปุระ ไม่ว่าผมจะพูดคุยกับเจ้าตัวยังไงก็ไร้ซึ่งการตอบสนอง อาการเทมดูแย่มาก จนผมได้แต่ภาวนาให้รถมารับเร็วๆ

          "อเล็กซิส ฐานทัพ ตรัณ ดิมิทรี ฟ้าประทาน ผู้ปกครองมาถึงแล้วจ้ะ"

          อาจารย์เข้ามาเรียกให้พวกผมเข้าไปในห้อง สีหน้าวิตกกังวลของอีกสามคนดูเหมือนกับกำลังถูกเรียกเข้าสู่แดนประหาร ผมลุกขึ้นตั้งใจว่าจะเดินนำออกไปคนแรก โดยไม่ลืมกระซิบบอกเทมที่ยังคงนั่งกอดเข่านิ่งอยู่

          "เทมครับ รอหมูอยู่ที่นี่ก่อนนะ หมูต้องไปคุยกับอาจารย์ข้างนอกก่อน เดี๋ยวจะบอกให้คุณป้าเข้ามาหานะครับ"

          แต่เทมปุระกลับผวาเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าน่ารักขาวอมชมพูสุขภาพดีกลับซีดจัด ตอนที่ผมบอกว่าจะออกไป น้ำตาที่เหือดแห้งกลับมาคลอหน่วยอีกครั้ง เทมปุระเบะปากแล้วเริ่มต้นงอแง

          "ม-ม-ม-ม-ม-ไม่เอาค-ครับ ไม่เอานะ  ม-ไม่ ม-ม-ม ไม่เอาครับ ม-ม-ไม่ให้ไป หมู-อยู่ หมู-อยู่นะครับ"


          คำพูดตะกุกตะกักที่แทบฟังไม่ได้ศัพท์ ทำเอาผมปวดใจเจียนตาย ความเจ็บปวดแล่นพล่านทำเอาแทบล้มทั้งยืนอยู่ตรงนั้น

          ดวงหน้าน่าเอ็นดูกำลังเศร้าสลดของเทมยิ่งดูเสร้าสร้อยหนักกว่าเดิม เมื่อเห็นใบหน้าทุกข์ระทมของผม มือใหญ่กอดรัดรอบขาตัวเอง ผละออก แล้วยกขึ้นมาซับน้ำตาให้ผม น้ำตาที่ผมไม่รู้ตัวเลยว่ามันไหลออกมาตอนไหน


          "โทด-โท-โทษ ข-ข-ขอโทษนะครับ ม-ม-หมูอ็อง เทมงะ-โง่เอง หมูอ็อง-เสีย-ใจ ร้อ-ง ร้องไห้ ไม่เอา ม-ไม่ พ-พ-พะพูดแล้วครับ"


          ผมรู้สึกว่าใจผมมันพังไปหมด ยิ่งเห็นเขาโทษตัวเองผมยิ่งร้องไห้ ที่เจ้าตัวไม่ยอมพูดอะไรสักคำเพราะนึกรู้ว่าผมต้องเป็นห่วง ทั้งๆที่เขากำลังกลัว กำลังแย่ขนาดนี้ แต่ก็ยังคงเป็นห่วงผม ยอมเก็บไว้ ยอมอดกลั้นเอาไว้คนเดียว ไม่ระบายออกมาให้ผมฟัง


          อาการตื่นตะหนก ความหวาดกลัวและความรุนแรงต่อเด็กพิเศษนั้นสร้างผลกระทบที่ใหญ่หลวง อาการพูดติดอ่างของเทมบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวหวาดกลัวแค่ไหน



          ปกติเทมจะอยู่กับคนที่คุ้นเคยหรือรู้จักเท่านั้น ถ้าจะไปเจอคนอื่นก็ต้องมีคนที่เจ้าตัววางใจไปด้วย แต่วันนี้กลับโดนกลุ่มเด็กผู้ชายหลากหลายคนเข้ามารุม คงจะตกใจมาก และตื่นกลัวมาก

          ยิ่งจากสภาพของเทมที่ผมเข้าไปเจอเขา มันแย่จนคิดไม่ได้ว่าคงจะไม่การจับมือแล้วจูงเขาเดินแบบที่ผมทำ เด็กน้อยของผมคงจะถูกรุมกระชากลากลงมา


          การละเล่นของเด็กผู้ชายในวัยกำลังโตที่ไม่มีหัวคิด คงจะไม่ได้ถนอมออมแรงไว้เลย จากชั้นหนึ่งถึงชั้นห้า ผมไม่รู้เลยว่าเขาได้รับถ้อยคำร้ายกาจไปมากเท่าไหร่ แก้วแสนสวยแสนบอบบางของผมจะโดนทำร้ายไปมากมายขนาดไหน


          แค่ผมเจอพวกมันไม่ถึงสิบนาที คำแสนฉือดเชือนหัวใจยังมากมายนับไม่ถ้วน แล้วเขาล่ะ เขาที่หายไปจากอ้อมอกผมตั้งนานจะโดนพวกมันถูกจาทำร้ายจิตใจใส่มากขนาดไหน



          "ฟังนะครับคนเก่ง เทมของหมูไม่ใช่คนโง่ แต่เป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลก อย่าว่าตัวเองแบบนั้นนะครับ ไม่เอานะครับ ไม่ต้องเชื่อใคร เชื่อแค่หมูก็พอนะครับ"


          ทุกครั้งที่ผมพูดแบบนี้เทมมักจะหันมายิ้มให้อย่างสดใส แม้เจ้าตัวจะไม่เคยเชื่อในตัวเอง
แต่เขาเชื่อในตัวผม ทุกครั้งที่ผมชมเขา แม้เขาจะไม่แน่ใจในตัวเอง แต่ก็ยอมเชื่อผม แต่คราวนี้ มันกลับไม่เป็นผล เมื่อสีหน้าหม่นหมองกับดูลังเลและไม่แน่ใจ


          ผมไม่อยากให้เขาสงสัยในตัวเอง ไม่อยากให้เขาคิดในแง่ร้าย ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่ตอนที่ผมไม่สามารถกอดเขาไว้แน่นๆได้ และล้มตัวลงนอนพร้อมพร่ำบอกว่าเขาวิเศษขนาดไหน


          ผมสูดหายใจเข้าลึก สงบสติอารมณ์ เอ่ยถ้อยคำชวนเขาเพื่อเบนความสนใจจากอารมณ์ที่กำลังดิ่งวูบลงเหวของคนตรงหน้า




          "งั้นไปกับหมูนะครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หมูจะปกป้องเทมเอง"






.
.
.





          แค่ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้าไป เสียงโวยวายที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวก็ดังกระแทกหู


          "ไหน!! ไอ้คนไหนมันทำลูกชายผมปางตายขนาดนี้! ผมไม่ได้เสียเงินบริจาคให้โรงเรียน เพื่อให้มีไอ้เด็กบ้าที่ไหนมารังแกลูกผมนะอาจารย์ ลูกผมมันเป็นเด็กดี ไม่สู้คน จิตใจดี มดสักตัวมันยังไม่กล้าฆ่า มันถูกแล้วหรือไงที่ลูกผมกับเพื่อนลูกผมต้องมาโดนใครรังแก!"


          ภาพตรงหน้าเหมือนกับเกมอะไรสักอย่างที่มีอยู่สี่ฝ่ายด้วยกัน ฝ่ายที่หนึ่งคือผู้อำนวยการที่นั่งอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่ ฝ่ายที่สองคือเหล่าพ่อแม่ของไอ้สิงห์และเพื่อนๆของมัน ดูจากท่าทางและน้ำเสียง คงจะกำลังมีโทสะได้ที่

          แต่ละคนล้วนทำหน้าตาเอาเรื่องฝ่ายตรงข้าม แน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามคือพ่อแม่ของพวกไอ้เต้ไอ้น้ำและอเล็กซ์ ขาดก็แต่ไม่มีพ่อแม่ผมอยู่ในนั้น มีเพียงเลขาคนคุ้นตาทั้งสองคนมาแทน

          และอีกฝ่ายคืออาจารย์ที่กำลังพยายามห้ามฝั่งพ่อแม่เหล่าลูกๆที่บาดเจ็บไม่ให้มากระชากพ่อแม่พวกผม
          เป็นภาพที่ตลกดีครับ อีกฝั่งหัวร้อนจนไฟลุกท่วม แต่อีกฟากฝั่งกลับดูใจเย็นนั่งเฉยๆ เมื่อรวมกันแล้วดูเหมือนยอดภูเขาหิมะที่กำลังเกิดไฟป่าพิกล

           พอพวกเข้าก้าวเท้าเข้ามาภายในห้อง เสียงเอะอะมะเทิ่งก็เงียบลงชั่วขณะ ก่อนจะดังขึ้นยิ่งกว่าเดิมด้วยเสียงนำทัพจากคนที่หน้าตาคล้ายกับก้อนเนื้อที่ผมเพิ่งยำตีนใส่ไป

          อา...คิดว่าคงเป็นพ่อไอ้สิงห์น่ะครับ เอะอะเสียงดังดีเหมือนลูกชายไม่มีผิด หรือลูกเหมือนพ่อ อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจนัก


               เป้าหมายของเสียงขู่กรรโชกเบียงเบนทันที ร่างสูงใหญ่หันมาเตรียมพร้อมเอาเรื่องผม


          "มึง มึงใช่ไหมไอ้ตัวดี ลูกกูบอกว่าไอ้คนหัวทองหน้าฝรั่งเป็นคนทำ หึ หน้าตาท่าทางนักเลงเสียไม่มีดีล่ะ อายุแค่นี้ทำมาเป็นหัวโจกเที่ยวไล่รังแกคน ไหน ไอ้คนนี้มันเป็นลูกใคร บอกมาสิวะ จะรับผิดชอบยังไงถ้าลูกผมเป็นอะไรขึ้นมา!"


          พ่อไอ้สิงห์แหกปากตวาดกร้าว ผมไม่ได้สนใจ เดินดึงมือเทมปุระไปหาคุณป้าที่ดูนิ่งสงบอย่างแปลกใจ เพราะปกติแม่ของเทมปุระค่อนข้างเป็นคนอ่อนไหวมากครับ เป็นผู้หญิงอ่อนหวาน บอบบางที่ขี้กลัวไปเสียหมดเหมือนกับลูกชายของเธอ

          แต่คราวนี้กับดูนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้า พอท่านหันมาเห็นผมกับเทม ก็รีบลุกปรี่ขึ้นมากอดรวบพวกผมสองคนเอาไว้ อ้อมแขนเล็กๆกอดรัดพวกผมแน่น น้ำเสียงอ่อนโยนถูกไถ่ถามอย่างเป็นห่วง



               "ไม่เป็นอะไรใช่คะไหมเด็กๆ เกิดเรื่องอะไรกันขึ้นคะ พวกหนูเป็นอะไรกันหรือเปล่าคะ บอกคุณแม่นะคะ ถ้าเจ็บตรงไหน"


          คุณป้าละลั่กถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงจัด สายตาไล่มองทั่วร่างกายของลูกชายสุดที่รัก เด็กน้อยของผมพอเห็นคุณแม่ตัวเองก็เกิดสะอื้นขึ้นมาอีกครั้ง ร่างใหญ่โถมตัวเข้าใส่สตรีร่างเล็ก ก่อนจะร้องไห้แทบขาดใจ


          ผมโล่งใจขึ้นมา การที่เทมร้องไห้ฟูมฟายนั้นดีกว่านิ่งเงียบมากครับ เพราะอย่างน้อยเจ้าตัวยังได้ระบายความไม่สบายใจออกไป คุณป้าลูบหัวลูบหลังเทมอยู่พักใหญ่กว่าเทมจะนิ่งสงบลง


          "พวกผมไม่เป็นอะไรครับ ขอโทษนะครับคุณป้าที่ผมดูแลเทมไม่ดี จนเกิดเรื่องกับเขาได้"

          "ไม่ใช่ความผิดของน้องหมูหย็องเลยค่ะ อย่าโทษตัวเองแบบนั้นนะคะ ถึงจะยังไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไร แต่ป้าก็เชื่อในตัวพวกหนูนะคะ แล้วไม่บาดเจ็บตรงไหนกันใช่ไหม น้องเต้กับน้องน้ำ แล้วก็เอ่อ..."

          "ผมชื่ออเล็กซ์ครับ พวกผมไม่เป็นอะไรครับ นอกจากฟกช้ำนิดหน่อยก็สบายปรื๋อครับ"


          คุณป้าพยักหน้ารับอย่างโล่งใจ ก่อนจะพาพวกผมไปนั่งบนเก้าอี้ ที่มีพ่อแม่ของอเล็กซ์และคุณพ่อของไอ้เต้ กับหม่อมแม่ของไอ้น้ำนั่งอยู่ก่อนแล้ว

          พวกท่านยิ้มให้พวกผม ใบหน้าของพวกท่านประดับความเครียดขึงไว้สองส่วนสี่

          นับว่าเรื่องราวคงไม่ได้แย่นัก อย่างน้อยฟังจากพ่อของสิงห์พูด มันก็ฟื้นแล้ว และมีเรี่ยวแรงมากพอขนาดอ้าปากฟ้องพ่อตัวเองได้


          "คุณดิมิทรีครับ ท่านประธานกำลังมาครับ พวกผมถูกส่งมารับหน้าก่อน คิดว่าอีกประมาณสิบห้านาทีคงจะถึง"


          เลขาของคุณแม่กับคุณพ่อที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาเดินเข้ามาบอกด้วยเสียงนอบน้อม ผมพยักหน้ารับรู้


          เมื่อพวกผมนั่งลงเรียบร้อย เสียงกระแหนะกระแหนจากอีกฝ่ายก็เริ่มต้นขึ้น


          "มันจะไปเจ็บไปปวดอะไรกันคะคุณ ถามแปลกๆ ไม่ใช่คนที่ถูกอัดเสียน่วมเสียหน่อย หึ ตลกเหลือเกินค่ะ ยังมีหน้ามาถามกันอีก มาถามอาการของลูกพวกดิฉันดีกว่าไหมคะ นี่น้องณัฐปากแตก จมูกหักไป ตอนนี้ยังร้องไห้หวาดกลัวอยู่เลย"

          "ใช่ค่ะ คุณพี่พูดถูก ลูกของน้องโดนต่อยเสียหน้าเหนอนี่แทบจะดูไม่ได้ ไม่เข้าใจเลยค่ะ นี่พวกคุณเลี้ยงดูลูกกันยังไงคะ ให้มาไล่รังแกชาวบ้านเขา แล้วนี่ไม่ใช่ว่าเป็นประธานนักเรียนหรือยังไง น้องคุ้นหน้า เหมือนเคยเห็นรูปในทางเว็บของโรงเรียน แย่จริงเชียว แทนที่จะช่วยดูแลเพื่อนๆ กลับมาใช้อำนาจบาตรใหญ่ ข่มแหงคนอื่น มันใช้ได้หรือคะคนแบบนี้ พวกเราจะไม่ยอมความแน่ๆเชียวค่ะ"

          "นี่เป็นถึงประธานนักเรียนเชียวเรอะ! นี่มันคงจะไล่ตี ไล่ข่มขู่นักเรียนคนอื่นไปทั่วล่ะซี้ ถึงได้คะแนนเสียงมา ไม่งั้นใครมันจะไปเลือกนักเลงมาเป็นหัวหน้า สารเลวตั้งแต่เด็กจริงๆ ลูกเต้าเหล่าใคร ทำไมถึงได้ทำตัวเถื่อนถ่อยขนาดนี้"


          เสียงคำถากถางดังขึ้นไม่หยุด ก่อนที่หม่อมแม่ของไอ้น้ำจะเริ่มพูดโต้แย้งขึ้นบ้าง


          "ก่อนจะเริ่มพูดอะไร ฟังเด็กๆเล่าก่อนดีไหมคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น"

          "ยังต้องฟังอะไรอีก! แค่สภาพลูกพวกผมก็ชัดเจนพอแล้ว ว่าถูกลูกพวกคุณทุบตีรังแกกัน แต่ถ้าอยากฟังนัก ผมก็จะบอกให้!"


          พ่อของสิงห์ตวาดขัดเสียงแม่ของน้ำขึ้นมา ท่าทางเกรี้ยวกราดบ่งบอกว่าจะไม่ยอมให้ใครพูดแก้ตัว ดวงตาอีกฝ่ายจ้องพวกผมอย่างกินเลือดกินเนื้อ


          "ลูกสิงห์ของผมเล่าว่า พวกเขาเห็นคนทำผิดกฏโรงเรียนจะไปใช้ห้องน้ำอาจารย์ เลยเข้าไปตักเตือน พอเห็นว่าคนที่ไปบอกไม่สมประกอบ ก็ใจดีเข้าไปช่วยพูด ช่วยชี้แนะบอกทาง ใจดีขนาดจูงมือพาไปถึงห้องน้ำ แต่คนดีมันทำดีไม่ได้ดี! ดันมีพวกนักเลงหัวไม้เข้ามารุมรังแกลูกพวกผม แล้วเด็กดีๆมันจะไปสู้พวกชอบใช้กำลัง ที่ดีแต่กลั่นแกล้งชาวบ้านเขาได้ยังไง! ดูสิดู ยังมีหน้ามาตีหน้านิ่ง มาให้กูเอาเลือดหัวมึงมาล้างเท้าหน่อยสิ ไอ้ฝรั่งขี้นก!"


          ผมไม่แสดงอารมณ์ใดๆกับคำบอกเล่าพวกนั้น ทำแค่ลูบมือร่างสูงข้างกายเบาๆ มองคนโวยวายเป็นแค่ธาตุอากาศไม่มีตัวตนในสายตา และดูว่าท่าทางของผมคงจะยิ่งไปกระตุ้นให้เขาโมโหมากยิ่งขึ้นจนถลาจะเข้ามากระชากตัวผมไปเอาเลือดออกอย่างปากว่า


          อาจารย์หลายคนรีบเข้ามาหยุดรั้งเอาไว้


          "ใจเย็นๆก่อนนะคะคุณพ่อน้องสิงห์! และผู้ปกครองทุกๆท่านด้วยนะคะ" อาจารย์พะนอรัตน์เข้ามาเป็นกรรมการห้ามทัพ รีบแยกพ่อของไอ้สิงห์ออกไป ก่อนที่เจ้าตัวจะพุ่งเข้ามาหาผม


          ถึงอาจารย์พะนอรัตน์จะไม่เข้ามาห้าม ก็เข้าไม่ถึงตัวผมหรอกครับ เพราะเลขาที่พ่อส่งมา นอกจากจะเก่งด้านการดูแลงาน ก็เป็นบอดี้การ์ดมืออาชีพเสียด้วย ทันทีที่พ่อของไอ้สิงห์ตั้งท่าจะบุกเข้ามาทำร้ายผม ชายชุดดำก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมแล้ว น่ากลัวว่าถ้าอาจารย์พะนอรัตน์ไม่เข้ามากั้นกลาง อาจจะมีคนโดนไฟฟ้าช็อตจนชักกลางห้องก็ได้ครับ น่าเสียดายจริงๆ...อีกนิดเดียวแท้ๆ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2018 05:24:34 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter
         


          "ฟังจากเด็กทั้งสองฝ่ายพูดก่อนนะคะ อาจจะเป็นแค่การทะเลาะเบาะแว้งของเด็กๆ หรือเป็นการเข้าใจผิดกันก็ได้ ดิมิทรี เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ เป็นตัวแทนเล่าหน่อยได้ไหม"


          อาจารย์พะนอรัตน์เอ่ยถามผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล เธอดูตกใจมากครับตั้งแต่เห็นผมก้าวเข้ามาในห้อง คงไม่คิดว่าคนที่ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้จะเป็นผม


          "ครับ เรื่องที่เกิดก็ไม่มีอะไรมาก พวกผมชกต่อยพวกสิงห์จริง แต่ก็เพราะสิงห์เข้ามาแกล้งเพื่อนของพวกผมก่อน ตอนไปเจอ ก็กำลังรุมล้อม พูดจาล้อเลียนเพื่อนผมอยู่ และสภาพของเพื่อนผมก็เหมือนถูกกลั่นแกล้งรุมทำร้ายมา"


           ผมพูดเสียงเย็นชา ด้วยใบหน้าที่เย็นชามากกว่า ไม่จำเป็นต้องเกรี้ยวกราดแบบพ่อของไอ้สิงห์ แต่แค่สายตาผม ก็สื่อได้ชัดเจนมากเพียงพอจะบอกว่าพร้อมกินเลือดกินเนื้อคนที่เข้ามากลั่นแกล้ง เพื่อนของผม เช่นเดียวกัน


          "อ้าว นี่ไม่ใช่ว่าลูกของพวกคุณแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรอกเหรอครับ เด็กวัยนี้ก็รักเพื่อนพ้องเป็นใหญ่อยู่แล้ว คุณมีลูกก็น่าจะเข้าใจ เจอเพื่อนตัวเองถูกแกล้ง ยืนอยู่เฉยๆ ไม่เข้าไปช่วยก็แย่แล้วครับคุณ"


          พ่อของเต้ที่แต่งตัวได้ไม่แคร์สภาพอากาศประเทศไทย ด้วยเสื้อหนังสีดำมันปล๊าบและรองเท้าบู๊ทสีเดียวกัน นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าไปมา น้ำเสียงเอ่ยพูดก็ฟังดูสบายๆไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร

         ส่วนลูกชายถึงกับกลอกตาไปมากับความไม่อนาทรร้อนจิตของพ่อตัวเอง เสียงมันพึมพำเบาๆ   
           
          "...พ่อมาทำไมเนี่ย ทำไมไม่ให้แม่มา เอาพ่อมา เดี๋ยวก็ได้ต่อยกันกลางห้องพักครูอีกรอบหรอก..."



คุณหญิงคนหนึ่งส่งเสียงแค่นหัวเราะ ก่อนจะตีสีหน้ารำคาญใจ

          "พวกคุณก็เชื่อลูกที่ตัวเองพูดกันสิคะ เชื่อลงไปได้ยังไงกัน อย่าถือหางลูกตัวเองไปกันหน่อยเลยค่ะ ลูกใคร ใครก็รัก ดิฉันก็เข้าใจ แต่หลักฐานมันก็คาตากันอยู่ ว่าลูกของพวกเราต่างหากโดนลูกพวกคุณรังแกจนเลือดตกยางออก แถมเด็กๆฝ่ายนี้ก็มากกว่าด้วย คำให้การเหมือนกันทั้งสิบคนเลยนะคะ กับฝ่ายนั้นที่มีแค่ห้าคน แถมอีกคนก็ไม่ใช่คนปกติ เป็นเด็กปัญญาอ่อนดูไม่รู้เรื่องอะไร จะมาสู้คำพูดของคนสิบคนที่สติดีได้ยังไงกัน"


          ผมคิ้วกระตุก ส่งสายตาเอาเรื่องใส่คุณหญิงที่จีบปากจีบคอพูด จะไม่อะไรเลยครับกับคำจิกกัดเสียงแหลมน่าปวดหูนั่น ถ้าไม่ได้พาดพิงถึงเทมปุระของผม


          "แล้วที่อยู่บนหน้าลูกของพวกดิฉันนี่คือบลัชออน หรือมาสคาร่าหรือยังไงกันคะ มีเรื่องชกต่อยก็บาดเจ็บฟกช้ำกันทั้งสองฝ่ายเป็นปกติอยู่แล้ว แล้วขนาดคุณหญิงยังพูดขึ้นมาเอง ว่าฝ่ายนั้นมีตั้งสิบคน ไม่ใช่ว่าฝ่ายลูกของพวกดิฉันจะต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรอกหรือ ต๊าย หมาหมู่หมาหมู่"


          หม่อมแม่ของน้ำยกมือทาบอก ทำน้ำเสียงเสียอกเสียขวัญ ลอกเลียนโทนเสียงการจีบปากจีบคอพูดของอีกฝ่ายเสียเหมือนกันจนนึกว่าฝาแฝด ท่าทางของคุณป้าคงจะดูขัดหูขัดตาน่าดู เพราะพ่อแม่ของฝั่งไอ้สิงห์คิ้วกระตุกกันเป็นทิวแถว จนคุณหญิงที่จีบปากจีบคอเถียง ตวัดพัดในมือปิดดังฉับ ท่าทางไม่พอใจจนเลือดขึ้นหน้า


          "ก็อย่างที่คุณศรว่าเอาไว้ ลูกของพวกน้องล้วนแต่เป็นเด็กหัวอ่อน! ว่านอนสอนง่าย! และเป็นเด็กดี เรียบร้อย! ไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไรกับใครสักคน พวกน้องเลี้ยงลูกมาให้มีจิตใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อคนอื่น เพราะงั้นต่อให้มีเป็นสิบยี่สิบคน ก็เห็นทีจะไปสู้พวกแรงกรรมกรจิตใจหยาบช้าไม่ไหวหรอกค่ะ!"

          คุณหญิงเอ่ยกระแทกเสียง เน้นย้ำทุกคำพูดพร้อมเควี้ยงสายตาเป็นค้อนวงโตใส่คุณหญิงอีกคนที่มุมปากยิ้มเรียบ ไม่สะทกสะท้าน


          "ใช่ครับ ที่คุณหญิงอรอาพูดมาถูกต้องที่สุด ผมว่าผู้อำนวยการตัดสินกันมาเลยดีกว่า บอกมาเลยว่าลูกพวกผมถูกรังแกโดยไร้สาเหตุ คุณเป็นเจ้าของโรงเรียน ก็ต้องให้ความยุติธรรมต่อนักเรียนอยู่แล้ว จะมาให้ลูกชายผมเจ็บตัวฟรีได้อย่างไร และต่อให้ตัดสินที่โรงเรียนแล้ว ผมก็บอกเลยนะครับว่าจะเอาเรื่องถึงโรงพักด้วย พวกเด็กใจทราม ใจคอโหดเหี้ยมแบบนี้ต้องถูกจับขังคุกให้เข็ดหลาบ โดยเฉพาะหัวโจกอย่างนายหมูอะไรนั่น"



          ผมว่าไอ้สิงห์น่าจะใส่ไฟผมเต็มที่เลยล่ะครับ นัยน์ตาที่ฉายแววเอาเรื่องของพ่อเจ้าตัวถึงได้ตวัดจ้องเขม็งมาที่ผมโดยตรง แต่ผมก็ไม่แยแส ยังคงนั่งนิ่งจับมือเทมปุระอยู่เช่นเดิม



          แต่กลับมีคนเป็นเดือดเป็นร้อนแทน เมื่อมีชื่อของผมหลุดออกมา



          "ม-ม-มะ หมูอ็องไม่ผะ-ผิกนะค-ครับ เท-ม ทะ-เทม ผิ-ผิ-ผิดเอง มะ-ไม่วะ-ไม่ว่าหมูหย็องนะครับ!"



          เด็กน้อยเสียขวัญหลบสายตาทุกคนแล้วซุกอยู่บนไหล่คุณแม่ตัวเอง กลับหลับตาปี๋ตะโกนออกมา ผมตกใจกับโทนเสียงทุ้ม ปกติเทมไม่เคยขึ้นเสียงใส่ผู้ใหญ่เลยนะครับ และแปลกใจขึ้นไปอีก แม้เจ้าตัวจะไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่การที่มีคนมาว่าผมให้เจ้าตัวได้ยิน ก็ทำเด็กน้อยของผมฉุนขาด แม้อาการไม่สบตาผู้คนและตัวสั่นจะยังคงอยู่ แต่เขาก็ลุกขึ้นมาปกป้องผมแม้จะหวาดกลัว


          องครักษ์ผู้แสนเก่งกาจและกล้าหาญของผม...ท่าทางของเทมทำให้ภายในใจของผมราวกับมีกระแสอันอบอุ่นไหลวนอยู่ในหัวใจ แม้ท่ามกลางเรื่องราวเลวร้าย เขาก็กางแขนออกปกป้องผม


          ผมลอบยิ้มท่ามกลางความเงียบ ตอนนี้ต่อให้ผมต้องไปสู้กับมังกรด้วยมือเปล่า ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ


          ผมกระตุกมือเทม เจ้าตัวที่เอาแต่ก้มมองพื้นก็ยอมหันลูกตากลมสีสวยมาสบตา แววตานั้นยังคงสั่นไหวด้วยแรงผวา ในนัยน์ตาสีน้ำตาลใสยังเผยร่องรอยแผลไว้อย่างชัดเจน


          แต่กระนั้นเขาก็จะไม่ยอมให้ใครมารังแกผม ไม่ยอมให้ใครมาว่าร้าย


          ผมส่งยิ้มให้เขา ใช้รอยยิ้มอ่อนโยนปลอบประโลมเด็กน้อยให้ใจเย็นลง เทมค่อยๆนั่งลงที่เก้าอี้ดังเดิมแล้วหันมาซุกไหล่ผมแทนไหล่คุณป้า


          "ขอบคุณนะครับเทมที่ปกป้องหมู แต่เรื่องนี้ให้หมูเป็นคนจัดการเองนะครับ" ผมกระซิบเสียงนุ่มข้างหูร่างสูง เด็กน้อยพยักหน้าขึ้นลงเบาๆกับบ่าของผม มือสั่นของเขายื่นมาจับชายเสื้อผมเอาไว้แน่น




     พ่อของสิงห์ตวาดอย่างเหลืออด ความไม่พอใจผสมกับความโกรธกลายเป็นโทสะลูกใหญ่เมื่อถูกพูดขัดจังหวะ

          "พูดอะไรของแกวะ ฟังไม่รู้เรื่อง! ....อ๋อ นี่ใช่ไหมไอ้เด็กปัญญาอ่อนที่ว่า ที่ลูกสิงห์ของผมอุตส่าห์หวังดีพาไปห้องน้ำ เอ้า! มานี่สิ มาบอกคนอื่นๆเขา ว่าลูกฉันแสนดีขนาดไหน มาบอกสิ ว่าลูกพวกฉันถูกพวกเด็กนั่นรังแก"


          เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วจนไม่มีใครตั้งตัวทัน


          พ่อของสิงห์รุดเข้ามากระชากเทมปุระอย่างแรง จนเด็กน้อยของผมตัวลอยหลุดไถลลื่นลงจากเก้าอี้ บอดี้การ์ดที่เอาแต่ตั้งท่าป้องกันผม ไม่ทันคิดว่าเป้าหมายความโกรธจะถูกลงกับอีกคน เทมที่จากเก่าก็ตกใจจนขวัญเสีย ยังถูกกระชากรุนแรงจนตกเก้าอี้ยิ่งขวัญหาย เด็กชายเทมปุระที่หยุดร้องไห้ไปแล้ว กลับมาร้องไห้จ้าอีกครั้ง


          "เทมครับ!"

          "เทมปุระ ลูก!"

          "เฮ้ย ไอ้เทม!"




          ผมกับคุณป้าและไอ้เต้กับไอ้น้ำเผลอตะโกนออกมาด้วยความตกใจพร้อมกัน


          เด็กน้อยล้มลงไปกองกับพื้นด้วยใบหน้าถอดสี ผมรีบตรงเข้าไปอุ้มเขาขึ้นมา ก่อนจะกระชากฝ่ามือที่กอบกุมข้อมือคนของผมอยู่ออกอย่างแรง ผมจับเทมหลบด้านหลัง ก่อนจะจ้องหน้าผู้ใหญ่ตรงข้ามเขม็ง


          สติของผมขาดสะบั้นลงอีกครั้งเมื่อเห็นเขาถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา


          ผมผลักพ่อของไอ้สิงห์สุดแรง จนเจ้าตัวเซเสียหลักล้มก้นจ้ำเบ้าลงกระแทกพื้น ผมตั้งท่าจะเข้าไปต่อยซ้ำให้สาสม แต่แรงดึงเสื้อจากข้างหลัง ทำให้ผมหันไปสำรวจร่างสูงเพื่อหาบาดแผลที่ล้มเมื่อครู่แทน คำเรียกจากเขาสำคัญกว่าแรงโทสะใดๆ


          "เทมครับ! เทม เจ็บตรงไหนไหมครับ!?"


          นางฟ้าของผมไม่ตอบ ทำแค่กลับมาร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วซุกตัวเบียดเข้าหาอ้อมอกของผม ผมกอดเขาไว้แน่น ลูบหลังลูบหัวเจ้าตัวไปมา ทั้งๆที่เขาหยุดร้องแล้วแท้ๆ ผมตวัดสายตาอำมหิตไปมองคนกล้ามาแตะต้องคนสำคัญของผม



          "เฮ้ย ทำอะไรของแกวะไอ้เด็กเวร ฉันแก่กว่าแกตั้งเท่าไหร่ มาทำแบบนี้กับผู้ใหญ่ได้ยังไง! ไอ้เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน!"

          "เฮ้ย!! ลุง ทำไมพูดจาแบบนี้ล่ะ ก็เห็นๆกันอยู่ว่าลุงเข้ามากระชากจนเพื่อนผมลงไปกองกับพื้น!"

          "ว้าย! ตายแล้ว คุณศรคะ! กรุณากลับไปนั่งที่ด้วยค่ะ ฟ้าประทานเป็นอะไรหรือเปล่า!"

          "แค่เดินไปจับเบาๆ มันก็ทำสำออยล้มลงไปเอง ผมไม่ผิด มันแสดงละคร! โกหกเก่งนักนะ นี่ที่ปัญญานิ่มปัญญาอ่อนก็แกล้งทำใช่ไหม มาเป็นตัวล่อลูกกูให้ออกไปโดนรุมซ้อมล่ะซี่!"


          เหตุการณ์วุ่นวายเพราะพ่อของไอ้สิงห์จะเข้ามากระชากตัวเทมปุระอีกหนให้ไปยืนยันความบริสุทธิ์ของลูกชายตัวเอง บอดี้การ์ดทั้งสองคนพยายามกันตัวออกไป แต่เจ้าตัวก็ยังพยายามยื้อตัวเข้ามา


          "บอกให้มันพูดสิ เรื่องจะได้จบ เอามันมาบอกให้ทุกคนรู้ไปเลยว่าลูกผมเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นเด็กตาดำๆที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ โดนพวกมันรังแก! คอยดูนะฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นประธานบริษัทใหญ่ขนาดไหน พี่น้องของฉันก็เป็นตำรวจยศใหญ่ ฉันจะลากพวกแกเข้าคุกให้หมด!"


          ผมส่งสายตาเย็นเฉียบไปมองพ่อไอ้สิงห์ สายตาอันตรายไม่ได้ช่วยให้คนบ้าสงบ ตรงกันข้าม เจ้าตัวเหมือนความบ้าเลือดขึ้นหน้าเสียจนไม่สนใจอะไร ถ้าไม่ติดเด็กน้อยในอ้อมกอด ผมจะพุ่งเข้าไปชกให้หมาบ้าสงบสติอารมณ์ลงเสียที




          ก่อนเหตุการณ์จะเลยเถิด และเส้นความอดทนของผมจะขาดลงอีกครั้ง

          ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น


          ประตูที่เปิดอ้าออกเผยให้เห็นบรุษสามคน

          ด้านหลังทางขวาเป็นชายที่ดูฉลาดและทรงภูมิ เขาสวมแว่นกรอบเล็กสีเงินสะท้อนแสงแวววาว ดวงตาสีนิลฉายแววเฉียบขาดจริงจัง หน้าตาของเขาคุ้นตาแทบทุกคนที่เคยดูข่าวคดีดัง เพราะคดีใหญ่ๆ ระดับประเทศล้วนมักจะมีเขาอยู่ด้วยเสมอ
          ทนายฐิติกร เป็นที่รู้กันทั่วว่าเป็นทนายฝีมือดีระดับพระกาฬ รับทำให้แต่คดียากๆ และเงินถึง อัตราส่วนว่าความชนะคดีเมื่อเขารับทำงานให้สูงมาก ตีค่าความสำเร็จเป็นตัวเลขได้ถึง 90%

          ด้านหลังซ้าย เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดที่เป็นทางการแบบเต็มยศ เข็มกลัดที่ปักอก และป้ายชื่อที่ติด บ่งบอกยศศักดิ์ฐานะเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี ว่าเป็นตำรวจยศใหญ่มีอำนาจเป็นอย่างมากคนหนึ่ง...

          และบุรุษที่เดินนำหน้า เปรียบดั่งเป็นผู้นำของทนายความที่มีชื่อเสียง และนายตำรวจมีอำนาจเดินติดตามหลังไม่ห่าง คือผู้ชายในชุดสูทสีเทาเข้ม ผมสีทองสว่างจัดหวีเรียบไปข้างหลัง เปิดใบหน้าที่ยังดูหล่อเหลาแม้อายุล่วงเลยไปเยอะแล้วก็ตาม ใบหน้าขรึมติดเย็นชาและหยิ่งยโส ท่าทางไว้ตัวดูสูงส่งและมีอำนาจ แค่เพียงก้าวเท้าเข้ามา กลิ่นอายความกดดันก็แผ่ฟุ้งจนแน่นห้อง นัยน์ตาสีฟ้าเข้มทรงพลังแสนดุดันกวาดตามองทุกคน ก่อนรอยยิ้มเหี้ยมจะถูกแสยะออกมา



          โจวิช เซอร์กีย์ ชาโรนอฟ

          บิดาของเด็กชาย ดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟ




          พ่อของผมเอง...













end 9 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง


























« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2018 05:25:27 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter










▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇    10    ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇ ▇








          "ท่านประธานเซอร์กีย์..."


          เสียงแผ่วคล้ายเสียงร้องของกวางกำลังประเชิญหน้าเจ้าป่า เรียกชื่อบุคคลเข้ามาใหม่ คนที่กำลังโกรธาเต็มที่เหมือนเชือกป่านของว่าวที่ล่องลอยขึ้นสูงตามแรงลม เชือกป่านที่แล่นตึงนั้น กลับขาดกระทันหันเมื่อรอยยิ้มนั้นหุบลง


          ความเงียบกัดกินเข้าไปในส่วนลึก ความกดดันแผ่คลุมทำเอาหายใจไม่ทั่วท้อง


          ไม่มีใครไม่รู้จัก และไม่มีใครไม่เกรงใจเขา


          น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่าเป็นเช่นไร ในวงการธุรกิจก็ต้องล้วนต้องพึ่งพาเขาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม

          เซอร์กีย์คอร์ปอเรชั่น แม้จะโด่งดังทางเรื่องสิ่งบริโภคไปถึงอุปโภค แต่โลกทางการเงิน ไม่ว่าใครก็รู้ เขาคือนักลงทุนมือหนา ในประเทศมีธุรกิจนับแสน เชื่อกันว่ามากว่าสิบเปอร์เซนจะมีเซอร์กีย์เป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ ไม่ว่ามือแกร่งนั้นจะอุ้มช้อนบริษัทใด ล้วนจะทำให้บริษัทนั้นรุ่งโรจน์ขึ้นมาทันที ด้วยความสามารถและการอ่านเกมขาดของท้องตลาด ทุกก้าวที่เขาย่างกราย ทุกหมากที่เขาเดินไม่มีคำว่าขาดทุน

          ไม่นับเสียงเล่าลือลับๆว่านายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันสนิทกับเขาเป็นอย่างมาก ถึงขนาดให้ชาวต่างชาติอย่างเขามามีบทบาทในธุรกิจสัมปทานผูกขาดกับทางรัฐบาลมูลค่านับหลายพันหลายหมื่นล้านบาท


          เป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นตำนานที่ยังคงไล่ล่าเมล็ดเงินมหาศาลด้วยเขี้ยวเล็บที่แสนคมอยู่ทุกวินาที


          ตำนานงดงามก้าวย่างเข้าไปหาเด็กชายผู้กำลังเศร้าโศกอยู่แนบอกเด็กชายอีกคน เมื่อมายืนใกล้เคียงกันแบบนี้ เหมือนกับจับราชสีห์ย้อนวัย หน้าตาที่คล้ายคลึงกันมากกว่าเจ็ดในสิบส่วน บ่งบอกสายเลือดที่ไหลวนอยู่ในร่างของราชสีห์น้อยตรงหน้าอย่างชัดเจน


          ป๊าที่ตอนนี้อยู่ในมาดของคุณพ่อ เดินตรงเข้ามาหาผมที่ประคองกอดเทมปุระอยู่ ฝ่ามือหนักถูกตบลงมาบนไหล่ของผมเบาๆ เป็นเหมือนคำพูดที่ไร้เสียง 'ทุกอย่างจะโอเค ลูกจะปลอดภัย'


          ผมยิ้มมุมปากตอบรับคำพูดที่ไม่มีใครได้ยิน พ่อเคลื่อนนิ้วทั้งห้าออกจากผม เลื่อนไปจับปลายคางของลูกรักขึ้นมาแทน แต่เทมที่กำลังเสียขวัญและตื่นกลัว ก็ปัดมือนั้นออก ก่อนจะยิ่งกระชับอ้อมกอดรัดผมแน่นขึ้น ท่าทางที่บอกชัดเจนว่าจะไม่ยอมสบตามองหน้าใคร และไม่ให้ใครสัมผัส ทำเอาพ่อผมขมวดคิ้วแน่น จากสายตาที่ดูลุกโชน ผมว่าต้องมีเหยื่อสังเวยจากการที่ป๊าถูกเทมปุระลูกรักปฏิเสธ


          และเหยื่อที่ว่าก็กำลังหน้าซีด ยืนตัวแข็งหน้าถอดสีอยู่ไม่ไกล


          อา...ดูท่าว่าบริษัทที่ป๊าหว่านแหลงทุน ท่านประธานบริษัทที่ยืนอยู่ไม่ไกลท่านนั้น ก็คงจะติดอวน เป็นปลาตัวอ้วน เป็นโง่ไร้ความสามารถหนึ่งในจำนวนมากที่กินเบ็ดของเจ้าป่าเสียด้วยสิ


          ผมลอบยิ้มที่ไม่แสดงอารมณ์ อะไรกัน... เรื่องนี้ดูท่าจะจบง่ายกว่าที่คิด ไม่จำเป็นต้องถึงคุณยายดาเลียเลยด้วยซ้ำ


          "สวัสดีคุณศร ผมไม่คิดเลยนะครับ ว่าคนที่เจ้าลูกชายไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดีจากพ่อแม่อย่างผม จนเที่ยวไปรังแกคือลูกของคุณ ...แย่จริงๆเลย ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่ค่อยมีเวลาอบรมลูกของตัวเอง พอดียุ่งๆกับการถอดถอนทุนลงทุนกับบริษัทปลาซิวปลาสร้อยน่ะครับ เลยไม่ค่อยมีเวลาสอนสั่งเท่าไหร่"


          รอยยิ้มแตะไปไม่ถึงดวงตา กับประโยคบ่งบอกว่าคนตรงหน้ามาทันตั้งแต่ประโยคว่ากล่าวใดบ้าง ทำเอาคนบางคนแทบจะเข่าทรุด


          "คะ-คุณเซอร์กีย์คือว่าผม-ผม..."


          พ่อของไอ้สิงห์ทำท่าจะวิ่งปรี่เข้ามาหาป๊าเพื่ออธิบาย แต่เสียงของผู้อำนวยที่นั่งเงียบเป็นหุ่นประกอบฉากอยู่นาน ก็ตบมือขัดจังหวะ เอ่ยสั่งเสียงเฉียบ


          "เชิญคุณศรและคุณเซอร์กีย์นั่งที่นะครับ เมื่อมากันครบทุกท่านแล้ว ผมจะได้เปิดประชุมหาข้อตกลงของเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้กัน"


          คุณศรหรือพ่อไอ้สิงห์ท่าทางกระอักกระอ่วน แต่ก็ยอมลงไปนั่งที่เก้าอี้ของเจ้าตัวด้วยท่าทีสงบ สงบไปทุกส่วนแม้กระทั่งปาก


          ผู้อำนวยการสั่งให้ลุงยามคนคุ้นหน้าคุ้นตาเข้ามาในห้อง ยามก็ไม่ใช่ใครอื่นเลยครับ นอกจากลุงสันของคุณหนูเทมน่ะเอง
          ลุงสันเดินเข้ามา ในมือถืออะไรบางอย่างมาด้วย ชายมีอายุยื่นซองสีน้ำตาลบรรจุบางสิ่งส่งให้ผอ. ก่อนจะโค้งตัวแล้วเดินจากไป ชั่วขณะที่ลุงสันเดินผ่าน ผมเห็นดวงตาชายชราขยิบให้อย่างมีเลศนัย


          ผู้มีอำนาจสูงสุดในโรงเรียบรับเอาไว้ ก่อนจะหันหน้ามาพูดต่อจากเมื่อสักครู่


          "คุณเซอร์กีย์เพิ่งมาถึง งั้นผมจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นคร่าวๆให้ฟังนะครับ"

          "เรื่องนั้นไม่ต้องหรอก จริงๆแล้วผมก็มาทันพอได้ยินเรื่องราวที่คุณศรอธิบายให้ฟังพอดี เสียงดังฟังชัดดีนะครับ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมมาช้า อย่างที่บอก พอดีว่ากำลังประชุมหารือเรื่องถอนการลงทุนอยู่น่ะครับ"


          อา...เหมือนจะเห็นท่านผู้ปกครองของฝ่ายนั้นสะดุ้งกันหลายคนเลยนะครับ โดยเฉพาะคุณศร ดูสะดุ้งแรงกว่าใครเพื่อน สงสัยจะตกใจรุนแรงไปหน่อย ใบหน้าที่เอาแต่บูดบึ้ง ตอนนี้ใบหน้านั่นกลับแทบจะไม่มีสีเลือดเลยสักนิด ดูซีดจัดจนเกือบแยกไม่ออกกับกำแพงสีขาวด้านหลัง


          "ไม่เป็นไรครับคุณเซอร์กีย์ คุณมาได้เวลากับที่ผมให้ยามรวบรวมคลิปจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดมาให้พอดี"

          "กล้องวงจรปิด? กล้องวงจรปิดอะไรกันผู้อำนวยการ?"


          พ่อแม่ผู้ปกครองของอีกฝ่ายดูร้อนอกร้อนใจขึ้นมาทันที หืม...อาการร้อนรนแบบนี้ คงจะพอรู้นิสัยลูกๆของตัวเองกันดีสินะครับ และคงจะเดาได้ว่าในวีดีโอภาพวงจรปิดจะมีอะไรบ้าง


          คุณลุงศักดิ์หรือผู้อำนวยการ ยิ้มหวานพลางตอบคำถาม


          "ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อในคำพูดของนักเรียนของตัวเองหรืออะไรหรอกนะครับ แต่ผมคิดว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว อุตส่าห์ติดกล้องวงจรปิดอย่างดีรอบๆโรงเรียนเพื่อป้องกันเหตุร้ายทั้งที ครั้งนี้ผมก็ไม่อยากให้ผู้ร้ายลอยนวล และถ้าจะจับไปลงโทษ เราก็ควรมีหลักฐานที่แน่นหนาถูกไหมครับ? แถมจะสะดวกกว่าด้วย ถ้าหากเอาไปพร้อมทั้งภาพและเสียง เผื่อคุณศรจะได้เอาไปแจ้งความได้สะดวก"


          ป๊าที่นั่งประสานมือไว้หน้าตักยกยิ้มร้าย เสียงที่ดูมีเมตตาแสนจริงใจจนน่าขนลุกถูกพูดต่อบทสนทนาทันทีราวกับเตี๊ยมกันเอาไว้


          "พอดีจริงเชียว วันนี้ผมก็พาท่านพลตำรวจตรีให้มาช่วยดูเรื่องราวด้วย ถ้ายังไงจะแจ้งความ ก็ฝากเรื่องได้นะครับ หรือถ้าต้องการทนายความ ฝากคุณฐิติกร ทนายประจำตัวผมให้ช่วยหาคนก็ไม่ได้ลำบากอะไร แต่อาจจะยากหน่อย ถ้าจะหาทนายที่เก่งเทียบเท่าเขา"


          คำพูดดูมีน้ำใจแต่แฝงไปด้วยการยกตนข่มท่าน ถ้าหย็องหย็องมาได้ยิน น้องชายคนเล็กของผมคงจะต้องกลอกตาหมุนวนเป็นไวกิ้งพร้อมเบะปากใส่คุณป๊าแน่นอน


          "ม-ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ จริงๆเรื่องราวพวกนี้ ก็คงเป็นเพราะเด็กๆยังอายุน้อย คงเล่นซนกันตามภาษา ถ้ายังไงก็ลงโทษให้ทำเวรอยู่เย็นสักเดือน ก็น่าจะดีกว่านะครับผมว่า"

          "เอ๊ะ ได้ยังไงกันคะ!!? คุณคะ! ลูกสิงห์ของเราซี่โครงหัก แขนหัก ฟันหลุดสี่ซีก แถมจมูกแตกเชียวนะคะ จะมาให้จบลงง่ายๆกะอีแค่ทำเวรเย็นได้ยังไงกัน ฉันไม่ยอมหรอกค่ะ!"


          คุณผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนไอ้สิงห์ใส่วิก ตวัดสายตาดุสามีตัวเอง จากที่นิ่งเงียบ ยิ้มสบายใจดูสามีตัวเองเกรี้ยวกราดใส่พวกผม แต่พอคนเป็นสามีจู่ๆก็กลายเป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสี ยอมอ่อนข้อลงเหมือนเยลลี่นุ่มๆ ก็นึกไม่พอใจ จนตั้งท่าพูดทวงความยุติธรรมให้ลูกชายของตัวเองทันที

          คุณลุงศรตวัดสายตาฉับ ท่าทางอยากจับเมียตัวเองมาเขย่าให้มีความคิดอ่านสถานการณ์ออก เจ้าตัวส่งสายตาทำนองว่าให้เงียบปาก ก่อนจะหันมาฝืนยิ้นพูดต่อ


          "คุณก็พูดอะไรไม่รู้เรื่อง เด็กวัยนี้ก็หยอกล้อกันแรงแบบนี้แหละ ให้เรื่องจบลงแค่นี้ดีกว่า ผมว่าเราไม่ควรทำให้บานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ รบกวนเวลาเรียนของเด็กๆนะครับ ฮ่าๆๆๆๆ"


          เหล่าผู้นำครอบครัวของฝั่งนั้นหัวเราะเสียงแห้งแล้ง พร้อมสีหน้าจืดเจื่อนไปพร้อมกับลุงศร แต่คุณหญิงคุณแม่ของเหล่าเด็กๆที่โดนประทุษร้ายกลับหน้าตึง ตั้งท่าไม่ยอมให้เรื่องจบลงโดยง่าย


          และคนที่จะไม่ยอมให้เรื่องจบอีกคนก็คือหม่อมแม่ของไอ้น้ำ ที่อมยิ้มก่อนจะแสร้งทำท่าจีบปากจีบคอพูด คัดลอกท่าทางของคุณหญิงฝ่ายนั้นมาได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน


          "ต๊าย!! คุณศรเอาอะไรมาพูดคะ! ตะกี้คุณศรก็เพิ่งพูดไปอยู่แหม่บๆ ว่าจะเอาเรื่องไอ้พวกเด็กเวรเหล่านี้ให้ถึงที่สุด จะต้องจับเข้าคุกไม่ใช่หรือคะ หึ น้องว่าที่คุณเซอร์กีย์พาตำรวจมาก็ดีค่ะ จะได้รู้ชัดเห็นแจ้งกันไปเลย ว่าลูกๆของพวกเรารังแกลูกของพวกคุณจริงไหม นี่ถ้าน้องน้ำรังแกเพื่อนโดยไม่มีเหตุผลจริงๆ ดิฉันจะปล่อยให้คุณตำรวจจับไปโดยไม่ว่าอะไรสักคำเลยค่ะ หึ"


          คุณหญิงของทางฝ่ายนั้นกระโจนเข้ามาในหลุมของคุณแม่ของน้ำขุดแต่โดยดี เป็นกวางโง่อ้วนพี ถูกนางพญาล่อลวงอย่างง่ายดาย

          "ใช่! คงรู้อยู่แก่ใจสินะคะ ว่าลูกของตัวเองสันดาร อุ้ย ขอโทษค่ะ นิสัยเป็นยังไง ถึงได้ยอมรับแล้วสินะคะ เปิดกล้องเลยก็ดีค่ะ น้องสิงห์เพื่อนของน้องต้องลูกดิฉันที่เป็นเด็กดีเรียบร้อยน่ารัก ก็ต้องเป็นเด็กดีเหมือนกันอยู่แล้ว พวกดิฉันสั่งสอนลูกให้เป็นเด็กดี ไม่มีทางไปรังแกใครก่อน เหมือนเด็กบางจำพวกหรอกนะคะ ใช่ไหมพวกเรา"


แม่ของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนรักของไอ้สิงห์พูดขึ้น พลางจิกสายตาไปให้หม่อมแม่ของไอ้น้ำ พ่อของไอ้เต้ผิวปากหวือ พึมพำกระซิบกับลูกชายของตัวเองที่นั่งข้างๆ ด้วยประโยคที่ผมเห็นด้วย


          "ดูไว้นะเต้ บัวใต้โคลน มีดพาดคอแล้วยังวิ่งเข้าใส่ จุดจบจะเป็นยังไง"


          อา คุณลุงนี่จิกกัดได้เจ็บสมเป็นพ่อไอ้เต้จริงๆเลยนะครับ ไม่ต้องส่องดีเอ็นเอดูก็รู้ ผมนึกสงสารเหล่าพ่อๆที่เป็นผู้นำครอบครัว ที่จะพูดหักหน้าภรรยาตัวเองก็ไม่ได้ เป็นห่วงลูกก็เป็นห่วง แต่หุ้นที่กำลังตั้งท่าจะดิ่งลง และเงินลงทุนที่เหมือนกำลังจะรั่วไหลออกจากบริษัท ก็ทำให้ระสำระส่าย นั่งไม่ติดเก้าอี้กันหมด


          เสียดายจริงๆเลยครับ ที่ไอ้พวกซากนั่นอยู่นอกห้อง ไม่ได้เห็นสีหน้าพ่อแม่ของตัวเองน่าตลกขำขันขนาดนี้


          "งั้นก็อย่าเสียเวลาเลยครับ เดี๋ยวเชิญไปที่ห้องโปรเจคเตอร์ดีกว่า จะได้ดูกันให้ชัดๆไปเลย"


          ผู้อำนวยการลุกขึ้นยืน ก่อนจะคว้าซองสีน้ำตาลไปด้วย ดูท่าที่ลุงสันเอามาให้ คงจะเป็นวีดีโอจากกล้องวงจรปิดนั่นเองครับ ผู้ใหญ่หลายคนมีสีหน้าแตกต่าง ยอมเดินตามผู้อำนวยการไปด้วยลางสังหรณ์ไม่ดี


          ผมลูบหัวเทมที่เสียงสะอื้นยังคงมีให้ได้ยินอยู่ตลอดจนพาลทำเอาหัวใจผมปวดหนึบไปหมด


          "คุณป้าครับ คุณป้าไม่ต้องเข้าไปดูหรอกครับ เรื่องนี้ผมกับคุณป๊าจะจัดการเอง คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คุณป้าพาเทมปุระกลับบ้านไปก่อนได้เลยครับ ผมโทรเรียกคุณหมอมารออยู่ที่บ้านแล้ว"


     คุณแม่ของเทมพยักหน้ารับ ไม่ว่าในวีดีโอนั้นจะเป็นอย่างไร แต่การได้เห็นลูกชายถูกแกล้ง ก็คงไม่ใช่ภาพที่ดีต่อจิตใจของคนเป็นแม่ และผมก็ไม่ต้องการให้เทมปุระอยู่ในบรรยากาศแย่ๆอีกต่อไป ใจจริงผมก็อยากกลับไปพร้อมกับเขา

แต่ผมต้องดู ต้องดู เพื่อหาผลลัพท์ของคนที่รังแกแก้วตาดวงใจของผมเสียก่อน


          ผลลัพท์ ที่ผมจะขีดเส้นให้พวกมันเอง ว่าควรเลวร้ายขนาดไหน



          "เทมครับ กลับบ้านไปกับคุณแม่ก่อนนะ พี่หมอกำลังรอเทมอยู่นะ ครั้งนี้ต้องได้ขนมอร่อยๆมาเพียบอีกแน่เลยเนอะ" ผมพูดจาหว่านล้อมเทมน้อยที่เกาะผมแน่นเหมือนลูกลิงติดแม่ คุณป้าก็พยายามช่วยพูดเหมือนกัน


          "น้องเทมครับ กลับไปบ้านกับคุณแม่ก่อนนะครับ ตอนนี้หมูหย็องต้องไปทำธุระนะครับ ปล่อยน้องหมูก่อนเนอะ ไปหาคุณพี่หมอกับคุณแม่ก่อนนะคะลูก"


          คุณป้าลูบหลังปลอบโยนลูกชายของเธอ แต่เด็กน้อยที่กำลังงอแงก็ไม่ยอมปล่อย แถมยังแนบชิดเข้ามามากกว่าเดิม ท่าทางดื้อรั้นของเทมปุระทำผมใจอ่อน นึกอยากพาเขากลับบ้าน อาบน้ำ พาขึ้นเตียงแล้วกล่อมนอน บอกเขา ปลอบเขาให้คิดซะว่านี่เป็นฝันร้าย ที่พอพรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมา มันก็จะหายไป


          แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และมันใหญ่เกินกว่าผมจะสามารถปล่อยผ่าน จุดสีดำกระด่างในใจของผม มันต้องได้ระบายออกไป ผมเป็นคนที่อดทนอดกลั้นไม่เก่ง หากเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องของเทมปุระ


               และความเจ็บปวดของนางฟ้าของผมก็ต้องมีคนรับผิดชอบ


          ผมก้มลงไปจูบหน้าผากคนในอ้อมกอดเบาๆทว่ายาวนาน ก่อนจะผละออกมา เอ่ยน้ำเสียงขอร้องเขาอีกครั้ง


          "เทมครับ ไปหาพี่หมอก่อนนะครับ ดูสิครับ ตอนนี้เทมตัวร้อนเหมือนไข้จะขึ้นเลย ถ้าเกิดเทมไม่สบาย แล้วหมูจะอยู่กับใครครับ แล้วคุณป้าก็ต้องไปทำงานนะ จะให้คุณป้าโดดงานเหรอครับเด็กดี"


          เด็กน้อยมือเกาะผมแน่นยอมคลายอ้อมกอดลง แต่ก็ดูยังลังเลอยู่มากกับการจะปล่อยผมไป


          "น้องเทมครับ น้องหมูทำธุระแค่แป๊บเดียวนะครับ คุณแม่พาน้องเทมไปหาคุณพี่หมอเสร็จ น้องหมูหย็องก็กลับมาหาแล้วนะคะ เพราะงั้นปล่อยน้องหมูก่อนนะคะคนเก่ง"


          เทมยังไม่ยอมสบตาผมดีๆเท่าไหร่ แต่เจ้าตัวก็กระตุกเสื้อผม เหมือนเป็นคำถามว่าจริงหรือเปล่า กระตุกเสื้อไปมาขอคำยืนยันจากผม ผมลูบแนวแก้มที่ชั่วเวลาแค่ไม่นานแต่กลับดูอ่อนแรงและซูบโทรม ดึงมือที่กอบกุมชายเสื้อผมไว้มาจรดริมฝีปากจูบพิต


          "หมูจะกลับไปหา ไม่เกินสามชั่วโมงนะครับ" ผมพูดทั้งๆที่ริมฝีปากยังแนบชิดกับปลายนิ้วของร่างสูง รอยประทับที่หลังมือเหมือนเป็นลายเซ็นลงใบคำสัญญา ที่ผมไม่คิดจะผิดคำพูด


          แต่เทมปุระยังดูไม่พอใจ เจ้าตัวเม้มปากเน้น ไม่พูดอะไร แต่มืออีกข้างกับชูหนึ่งนิ้วมาให้ผม ผมยิ้มกับท่าทางต่อรองแสนน่ารัก จนอดไม่ได้ที่จะต้องก้มลงไปจูบที่ปลายนิ้วที่กำลังเจรจาด้วยเช่นกัน


          เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาและน้ำมูกจนดูไม่ได้ แต่กลับน่ารักน่าเอ็นดูมากมายนักในสายตาผม สีแดงที่กำลังไล่ระดับความเข้มขึ้นบนใบหน้าเขา ทำเอาผมหัวเราะออกมา


          "ชั่วโมงเดียวคงไม่ทันหรอกครับ ขอสองนะ แล้วหมูจะไปหาถึงบ้านเลย รอหมูนะครับ"


          เด็กน้อยของผมยอมพยักหน้าตอบรับในที่สุด ยอมปล่อยผมเป็นอิสระ คุณป้าหันมายิ้มขอบคุณให้ผม ก่อนจะจูงมือเทมปุระออกไป ผมเดินออกมาส่งทั้งสองคนที่ประตูอีกทาง ตรงกันข้ามกับที่มีพวกเพื่อนไอ้สิงห์นั่งอยู่ เปิดประตูมาก็เจอคนในชุดสูทสีดำสองคน เห็นป้ายสัญลักษณ์คนของป๊า ท่านประธานเซอร์กีย์คงจะรู้ว่าผมคงไม่ยอมให้ทั้งสองคนอยู่ด้วย จึงจัดคนมารอไว้ให้


          "พาคุณเทมกับคุณป้าไปส่งที่รถที"

          "ครับคุณหนู"


          เทมดูอาลัยอาวรณ์ในการจากผมไปอย่างมากมาย แต่แรงดึงมือของคุณแม่ตัวเองก็ทำให้เจ้าตัวยอมก้าวขาออกไป เทมหันหลังมามองผมอยู่หลายครั้ง จนผมต้องชูสองนิ้วบอกเขา ว่าอีกสองชั่วโมงเจอกัน ร่างสูงถึงยอมเดินไปขึ้นรถดีๆ


          ส่งเด็กน้อยกลับบ้านเรียบร้อย รอจนได้โทรศัพท์ยืนยันว่าถึงรถโดยสวัสดิภาพ แล้วผมก็เดินตามเข้าไปในห้อง


           พวกผู้ใหญ่กำลังนั่งหน้าเครียดกันอยู่อีกมุม ข้างหน้ามีอาจารย์กำลังจัดเตรียมฉายวีดีโอขึ้นจอโปรเจคเตอร์ ไอ้เต้กับไอ้น้ำและอเล็กซ์เห็นผมเดินเข้ามาทีหลังก็เดินเข้ามาถามถึงคนที่หายไป


          "ไอ้เทมล่ะ"

          "ส่งกลับบ้านแล้ว ไม่อยากให้คุณป้าดู แล้วกูก็ไม่อยากให้เทมเห็นเหตุการณ์ไม่ควรเข้าด้วย"



          สองเกลอพยักหน้าเข้าใจ พวกผมเงียบเสียงลง เมื่อบนจอใหญ่เริ่มปรากฏภาพขึ้น

          สมเป็นกล้องราคาแพงที่ผอ.กัดฟันลงทุน ทั้งภาพและเสียงชัดเจนเหมือนถูกดึงไปอยู่ในเหตุการณ์จริง


          เหตุการณ์แรกที่ถูกเลือกขึ้นมาฉาย คือต้นเหตุของเรื่อง ภาพเริ่มเล่าตั้งแต่เทมปุระออกจากห้อง เดินพ้นหัวมุม ตัดมาที่อีกทาง เทมที่กำลังวิ่งเยาะๆ เพื่อเร่งความเร็วไปที่ห้องน้ำ ระหว่างทางปลอดคน เพราะเด็กนักเรียนต่างเริ่มลงไปเตรียมตัวกันเข้าแถวยามเช้า แต่เมื่อใกล้ถึงจุดหมาย นัยน์ตาสุกใสก็เห็นกลุ่มเด็กผู้ชายกลุ่มใหญ่ เทมชะงักฝีเท้าลงแล้วเลือกที่จะเดินไปชิดกำแพงแล้วค่อยๆเดินผ่าน แต่ไม่พ้นดี


          หนึ่งในกลุ่มคนพวกนั้นกลับกระชากเทมปุระมายืนกลางวง


          'นี่มันเด็กเอ๋อของไอ้ประธานนักเรียนที่แย่งแฟนมึงไม่ใช่หรือวะสิงห์ น้องแตมอะไรของมึงนั่นอ่ะ'


เด็กผู้ชายตัวผอมแห้งบีบหน้าของเทมปุระ ที่กำลังตกใจกับการถูกกระชากมาอยู่กลางวงล้อมของคนหมู่มาก
ร่างสูงพยายามฝืนตัวออก แต่เด็กอีกสองคนก็มาช่วยจับตัวเขาเอาไว้


          'ใช่จริงด้วยว่ะ ปกติเห็นตัวติดกันตลอด ไหงวันนี้แม่งมาคนเดียววะ'

          'เฮ้ย ไอ้ปัญญาอ่อน พ่อมึงไปไหนวะ'

ผลัวะ

          คำถามที่ถูกตะคอกถาม มาพร้อมกับฝ่ามือที่ตบลงบนหัวคนที่ถูกตรึงแขนแน่นจนขยับไปไหนไม่ได้ แรงตบนั้นแรงพอจนทำเอาเด็กชายน้ำตาซึม แต่เจ้าตัวก็ยังฝืนยิ้มแม้จะปวดหัวตุบจากแรงที่ฟาดลงมา ยอมตอบคำถามของเพื่อนนักเรียนด้วยกันเสียงอ่อน


          'เอ่อ ถามเทมเหรอครับ ท-ท-ท-เทมก็ไม่รู้ คุณแม่ไม่เคยบอก'

          'เหี้ย โตเป็นควายใครเขายังพูดแทนตัวเองด้วยชื่ออีกวะ ตลกว่ะมึง ฮ่าๆ'

          'กูไม่ได้ถามถึงพ่อที่เอาแม่มึงจนคลอดลูกผิดปกติแบบมึง หมายถึงไอ้พ่อคุณทูนหัวที่คอยเฝ้ามึงน่ะ ไอ้เหี้ยหมูหย็องอะไรนั่นไง'


          คนถามเอานิ้วจิ้มไปที่หัวของร่างสูงที่กำลังเริ่มสั่นกลัว เสียงตวาดกระโชกโฮกฮาก และเสียงหัวเราะของกลุ่มใหญ่ ดูน่าหวาดผวาสำหรับเด็กชายเทมปุระ เสียงขำขันที่ดูน่ากลัว ไม่เหมือนของเพื่อนกัน ไม่เหมือนของเต้หรือน้ำ


          'อ-อย่าด่าหมูหย็อง น-นะ คะ ครับ'

         'ทำไม มึงจะทำไมกู หา!? มึงกล้าหือกับกูเหรอไอ้โง่ ไม่รู้หรือไงว่าพ่อของกูเป็นใคร!'

         'กูหมั่นไส้มานานละ ทำเป็นเดินกร่างไปทั่วโรงเรียน เก่งนักเหรอมึง พออยู่คนเดียวก็ไม่กล้า!'

        'ไปบอกเพื่อนมึงเลยนะ ไอ้เหี้ยหมูอ่ะ สันดารหมา แม่งเคยจดชื่อกูลงบัญชีทำเอากูพลาดทัศนศึกษา แค่สูบบุหรี่ในโรงเรียนนิดเดียว ทำมาเข้ม ถุ้ย'


          น้ำลายจากปากคนกำลังโกรธถูกถุดออกมาใส่หน้าของเด็กชายที่เริ่มร้องไห้ ร่างสูงเริ่มตัวสั่นเกร็งมากยิ่งขึ้น เมื่อยิ่งพยายามสะบัดตัวให้ออกมากจากการจับกุมเท่าไหร่ คนที่กำลังจับก็ยิ่งตรึงไว้แน่นมากยิ่งขึ้น ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด


          การกระทำที่เหมือนเป็นกรรไกรตัดเส้นเริ่มเกม ทำให้เหล่าเด็กผู้ชายคนอื่นทำถาม ต่างหัวเราะกันร่วนพลางถุยน้ำลายใส่คนตรงหน้า เพียงเท่านั้นเหมือนไม่สาแก่ใจ หลากมือหลากไม้ต่างฟาดเด็กชายเทมปุระระบายอารมณ์โทสะและเพื่อความสนุกสนาน


ผลัวะ! เพียะ! ผลัวะ ผลัวะ เพียะ!


     ด้วยความที่มีหลายมือยื้อแย่งกันฟาดเหยื่อเพียงหนึ่ง เป้าหมายที่เป็นหัวจึงเลยเถิดไปถึงใบหน้าและลำตัว ฝามือของเด็กชายหลายคนรุมตบจนเกิดเสียงดังอย่างต่อเนื่อง


          'อ-อ-อย่าตี ทะ-เอม-เทมครับ จะ-เจ็บครับ เทม เทมเจ็บครับ อึก ตีเทมทำม-ไม'

          'เฮ้ย มันร้องไห้แล้วว่ะ หน้าตาตลกชิบหาย ฮ่าๆๆๆๆๆ ทำไมขี้แงงี้วะ เป็นผู้ชายจริงหรือเปล่าเนี่ย'

          'มึงจับแม่งถอดเสื้อเช็คดูเลยดิ กูว่าแม่งอาจจะไม่มีแบบพวกเราก็ได้นะเว้ย'


เสียงครื้นเครงของเหล่ากลุ่มเด็กชาย ทำให้เด็กบางคนที่ยังอยู่ในห้องโผล่หน้าออกมาดู


          'มองหาพ่อมึงเหรอไอ้สัตว์ ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็ไสหัวออกไป อย่าให้พวกกูรู้นะว่าใครเอาไปฟ้อง กูจะกระทืบให้ไส้ปลิ้นเลยแม่ง!'


          เด็กชายตัวใหญ่ที่ดูเป็นหัวหน้าของกลุ่ม ตะคอกเสียงเกรี้ยวกราด จนทำเอาเด็กที่ออกมาดูรีบวิ่งหายไป
สิงห์หันกลับมาที่เป้าหมาย พยายามกระชากเสื้อเจ้าตัวตามที่กลุ่มเพื่อนตนเองยุ แต่เทมปุระก็พยายามขัดขืน


          'ไอ้เหี้ยนี่ ดิ้นอะไรนักหนาวะ แม่งเอ้ย!'

          'อย-อย่าถอดครับ ปละปล่อยเทมนะ ทะ-เอม-เทม จะไปเข้าห้อ-ห้องน้ำครั-บ'


          เด็กชายที่น้ำตาไหลอาบน้ำตื่นกลัวจนรู้สึกแทบจะเป็นลม ในใจกู่ร้องหาหมูหย็องและเพื่อนที่ห้อง แม้จะตะโกนเรียกในใจแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครมา นรกร้ายยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องไม่มีวี่แววสิ้นสุด


          'เฮ้ย สิงห์ ช่วงสงเคราะห์มันหน่อยสิวะ พามันไปห้องน้ำ จับไป'แช่น้ำ'สักหน่อย เผื่อจะใจเย็นหยุดโวยวายได้'


เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ สิงห์ยิ้มตอบรับ


          'จัดไปครับเพื่อน มึงไม่ต้องมามองหน้ากูแบบนั้น ความผิดของเพื่อนมึงนั่นแหละ! ชอบมายุ่งวุ่นวายกับพวกกูนัก มาแย่งแฟนกูไม่พอ ยังมาจดรายชื่อพวกกูเข้าบัญชีเหี้ยๆนั่นอีก รู้ไหมว่าพวกกูต้องมาทำความสะอาดห้องน้ำระหว่างที่พวกมึงไปสนุกกับทัศนศึกษากัน! วันนี้แหละกูจะเอาหน้ามึงไปถูชักโครกแทนผ้าขี้ริ้ว! ตามกูมานี่ไอ้โง่!!'


          กลุ่มเด็กชายพยายามลากเทมปุระที่พยายามดิ้นขัดขืดเต็มที่ ขายาวพยายามดันไว้เพื่อฝืนตัวไม่ให้ไปตามแรงลาก แต่ก็สู้แรงเด็กชายหลายคนไม่ไหว


          เด็กน้อยถูกลากออกไป


          ภาพตัดมาที่บันได เทมปุระที่เริ่มสติแตกด้วยความกลัวก็สะบัดตัวแรงยิ่งขึ้น นายสิงห์ที่กำลังผลักให้เจ้าตัวลงบันได จึงเกิดความขัดใจที่เหยื่อไม่ยอมเดินไปอย่างง่ายดาย ฝ่าเท้าจึงถีบร่างสูงลงไปแทนการเดินลงธรรม เทมปุระกลิ้งตกบันไดจนหลังฟาดที่ราวกั้น


ผลั่ก


          เด็กน้อยเจ็บหลังจนน้ำตามากมายร่วงผล็อย สิงห์ตรงเข้าไปกระชากร่างที่ทรุดนั่งขึ้นมา ด้วยความรำคาญใจที่ไปไม่ถึงที่หมายสักที่ ทันใดนั้นก็เกิดความคิด มือหยาบหยิบไฟแช็คที่เอาไว้สูบบุหรี่ขึ้นมา จุดไฟแล้วยื่นไปใกล้บุคคลตัวสั่นหยาดน้ำตานองเต็มหน้า


          'มึงเห็นอะไรนี่ไหมไอ้เอ๋อ ถ้ามึงไม่ยอมลงไปกับพวกกูดีๆ กูจะเผาหน้ามึงให้เละเลย ทีนี้นอกจากมึงจะเกิดมาสติไม่สมประกอบ เป็นไอ้บ้าโง่เง่าแล้ว มึงก็จะหน้าเละเป็นผี เป็นไอ้หน้าผีปัญญานิ่มที่ไม่มีใครต้องการ ถ้ามึงไม่อยากโดนก็ลงมาเร็วเข้า!'


          เปลวไฟจากไฟแช็คถูกยื่นเข้าไปจ่อผิวเนื้อ เปลวเพลิงขยับเข้ามาใกล้ถึงเส้นผมจนไหม้ไปบางส่วน ความร้อนและคำขู่แสนน่าตะหนก พร้อมเสียงโหฮาจากกลุ่มคนรอบตัวพาเอาสติของเด็กชายเทมปุระหลุดลอย ความหวั่นวิตกถึงขีดสุดทำเอาเด็กชายเทมปุระปัสวะราดกางเกง



          'ไอ้เหี้ยเอ้ย! มันฉี่แตก น่าขยะแขยงจริงโว้ย!'



ผลัวะ!


          'โว้ย ฮ่าๆๆๆ แค่นี้ก็กลัวจนฉี่แตก พวกมึงดูดิ เหยี่ยวราดกางเกงท่วมเลยว่ะ มึงถ่ายรูปไว้ดิ กูจะเอาไปลงให้ว่อนอินเตอร์เนตเลย ฮ่าๆๆๆ'

          'กูถ่ายไว้เป็นคลิปเลยโว้ย ฮ่าๆๆๆ แม่งขี้ขลาดชิบหาย เดี๋ยวกูส่งให้ อย่างตลก'

          'ไอ้ปัญญาอ่อนฉี่แตก ไอ้ปัญญาอ่อนฉี่แตก!'


          คำพูดล้อเลียน เหมือนเทปเพลงที่ถูกอัดแล้วกดเล่นวนซ้ำไปมา เสียงด่าทอและมือมากมายที่กลับมาทำร้ายกันอีก ทำเทมปุระปวดหนึบไปทั้งใจ เด็กน้อยไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงถูกรุมทำร้ายจากคนไม่รู้จัก


          ท่ามกลางเสียงหัวเพราะ มีเสียงแผ่วเบาคลออยู่ในนั้น

          เป็นเสียงของหัวใจดวงน้อยกำลังแตกสลาย


          'เฮ้ย พวกมึงรีบลากมันไปเร็วๆ เดี๋ยวจารย์แม่งก็มาเจอก่อน ยิ่งจมูกดีเป็นหมากันอยู่ เอามันไปเร็วๆ'







          ภาพวิดีโอยังคงฉายต่อเนื่องไปจนจบถึงเหตุการณ์ที่เทมถูกลากเข้าไปทางห้องน้ำ แต่กล้องจับภาพได้ถึงต้นทาง


          ได้ยินเพียงเสียงเหมือนบางคนถูกทำอะไรสักอย่าง เสียงติดอ่างที่ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือขาดห้วง


          กว่าสิบนาทีที่เหล่าเด็กชายนับสิบหัวเราะเฮฮา ผสมปนเปไปกับเสียงร่ำไห้ เสียงสรวลมากมายดังต่อเนื่องจนดูเหมือนทุกคนจะพึ่งพอใจแล้ว จึงลากร่างของคนที่หน้าตาเปียกชื้นออกมา เสียงล้อเลียนความไม่สมประกอบของเด็กน้อยผู้น่าสงสาร แปรเปลี่ยนเป็นคำล้อว่า  ผ้าขี้ริ้วขัดห้องน้ำ บ่งบอกสถานะใหม่ของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี




       
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2018 05:43:58 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter
 


        เสียงวีดีโอเงียบลง ภายในห้องเงียบกริบ แต่สัญญาณอันตรายภายในใจของผู้ปกครองหลายคนกลับร้องเตือนขึ้น เหล่าผู้ใหญ่มากมายหน้าซีดเซียว ความเครียดในชั้นบรรยากาศพุ่งขึ้นสูงสุด


          ผมไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะตั้งแต่ฝ่ามือแรกของใครสักคนที่ทุบลงไปที่ศรีษะที่ผมเพิ่งลูบปลอบเขาไปอย่างแผ่วเบา หรือร้องตั้งแต่ที่เขาถูกกระชากเข้าไปยืนกลางวงล้อม


          ความเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศไม่สามารถสู้อะไรได้กับหัวใจที่เย็นจัดของผม ผมยกมือขึ้นมากุมหน้าอกที่ปวดหนึบไปหมดจนหายใจลำบาก


          ผมแทบจะหายใจไม่ออก ยืนทรงตัวยังแทบไม่ไหว ผมดูแลเขามาหลายปี ภาพร้ายแรงที่สุดคือเขาหกล้มเลือดไหลเท่านั้น แค่เพียงเท่านั้นผมยังแทบจะขาดใจ แต่นี่มัน...


          ความทรมานของการเห็นคนที่รักเจ็บปวดโดนรุมทำร้ายโดยทำอะไรไม่ได้ เหมือนดั่งหัวใจถูกน้ำกรดหยดใส่ เจ้าน้ำกรดนั้นมีฤกธิ์กัดกร่อนอย่างรุนแรง มันกัดกินเสียงขาดแหว่ง ขาดหวิ่นไม่เหลือชิ้นดี


          ผมขยุ้มหน้าอกด้านซ้ายของตัวเองแน่น หวังบรรเทาความสาหัสของบาดแผลในใจลง แต่ความร้าวระทมก็ไม่หายไปเพียงเพราะแค่ผมจับมันเอาไว้ ภาพสะเทือนอารมณ์ที่ยังคงฉายแจ่มชัดแล่นต่อไปในสมอง


          ผมครางในลำคอเหมือนสัตว์บาดเจ็บสาหัส ความเจ็บปวดเจียนขาดใจตายอยู่รอมร่อ ทำเอาผมแทบคลั่ง ความรู้สึกมากมายปะทุขึ้นในอก ผมแทบจะกลายเป็นคนบ้าไร้สติ



          นี่ผมปล่อยให้เขาไปเจออะไรแบบนี้หรือ...

          นี่ผมปล่อยเทมปุระของผมให้ไปเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายขนาดนี้เชียวหรือ...

          เด็กชายที่ผมเฝ้ามองเขาเติบโต เด็กชายที่ผมเฝ้าดูแลเขาทุกฝีก้าว...

          แก้วใสแสนบอบบางที่ผมเก็บไว้ในสถานที่ปลอดภัยมาตลอด

          เด็กชายที่ผมเฝ้าทะนุถนอมมาเป็นอย่างดี นางฟ้าของผม คนรักของผม...


          กลับมาโดนพวกมัน...


          มาโดนพวกมัน...!!



          ไอ้เหี้ยเอ้ย!



          ความอำมหิตแตกพล่านภายในจิตใจ

          ผมน่าจะบีบคอมันให้หมดลมหายใจไปซะ

          ผมน่าจะวิ่งออกไปบีบคอมันให้ตายซะ



          ความเคียดแค้นไหลไปทั่วทั้งสรรพางค์ ความเดือดดาลกระตุ้นให้ผมตัดสินใจ


          ผมหันหลังเตรียมเดินไปหาเป้าหมายก็รับรู้ได้ถึงแรงบีบรัดที่ข้อมือ ไอ้เต้ที่ยืนนิ่งน้ำตาไหลกำมือผมไว้แน่น


          "กูรู้มึงจะทำอะไร แต่มึงทำไม่ได้ มึงต้องกลับบ้านนะหมู กลับไปหาเทม เดี๋ยวนี้!"

          ไอ้เต้ที่ทำสีหน้าโกรธจัดแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนตะโกนเสียงดังขึ้นมา เสียงตะโกนของไอ้เต้เหมือนปลุกสติของทุกคนให้กลับคืนเข้าที่


          เต้พูดถูก ...ผมควรกลับไปหาเทม

          กลับไปหาเด็กน้อยของผมที่ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง

          ดวงใจที่แตกสลาย นัยน์ตาที่เผยแผลกรีดลึก ผมควรไปสมานและดูแล


          ผมไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์จะเลวร้ายถึงขนาดนี้ ความวิตกกังวลถาโถมเหนือความโกรธ ความเป็นห่วงคนสำคัญเหลือคณาจนท่วมโทสะ ผมอยากเจอเขา ผมต้องไปหาเขา หัวใจของผมตะกุยตะกายเรียกร้องหาเด็กชายที่ถูกทำร้าย เด็กน้อยที่เอาแต่เม้มปากแน่นไม่ยอมบอกเรื่องราวเหล่านี้กับผม ผมต้องรีบไปหาเขาให้เร็วที่สุด!!



          แต่ไอ้พวกสารเลวนั่นก็จะไม่ได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน

          หากได้ลูบคม พวกมันก็ต้องเตรียมใจถูกบาด

          และแน่นอน ความแหลมคมของผมก็จะบาดพวกมันให้ลึก บาดให้ถึงจิตวิญญาณอันเน่าเฟะของพวกมัน

          กรีดเนื้อเถือหนัง สลักให้มันรู้

          ว่าเขาผู้แสนพิเศษ ไม่ใช่คนที่เศษเดนอย่างพวกมันมีสิทธิ์อาจหาญเอานิ้วโสมมโสโครกมาแตะต้องได้



          ผมเดินเข้าไปหาคุณพ่อที่สีหน้านิ่งสนิท แต่หากพินิจดูให้ดู จะเห็นเปลวไฟที่ร้อนดั่งไฟนรกลุกโชติอยู่ในนั้น สีหน้าเงียบสงบที่ซ่อนลุแก่โทสะเอาไว้หันมามองหน้าผม


          ผมก้มลงเข้าไปกระซิบข้างหู


          "อย่าปล่อยพวกมันไปง่ายๆ ผมไม่ต้องการให้จบแค่ถอนหุ้น เอาให้มันล้มละลายและไม่มีที่ยืนในสังคม ถอนรากถอนโคนพวกมันให้หมด ทำยังไงก็ได้ให้มันรู้สึกว่าตายดีกว่าอยู่"


          คุณพ่อหันมาแสยะยิ้มเย็นยะเยือกให้ผม


          "ไม่ต้องบอก พ่อก็จะเอาให้มันจมดินอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง จะไม่มีปลาตัวไหนหลุดรอดไปสักราย ลูกไปหาเทมเถอะ"


          นัยน์ตาสีเดียวกัน สบมองกันนิ่ง เห็นความเด็ดขาดและเลือดเย็นในนั้นเด่นชัด ผมจึงพอใจ ผมพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินออกมา ระหว่างที่เดินผ่านผู้ปกครองของไอ้พวกเศษเดน สายตาเย็นเยียบของผมกวาดมอง หวังดูหน้าตาของต้นกำเนิดความชาติชั่วของพวกมัน




          ผมยืนหยุดนิ่งต่อหน้าพวกเขา เผยรอยยิ้มไร้อารมณ์




          "สอนลูกได้ดีนะครับ ถึงได้โตมา...เป็นเศษเดนนรกขนาดนี้ พ่อแม่สวะอย่างไร ลูกก็ออกมาได้เหลือเดนไม่แตกต่างกันสักนิดเดียว ผมนับถือความชาติชั่วของพวกคุณมากๆเลยครับ"



          ผมไม่อยู่รอพวกเขาหายตกตะลึง พอเอ่ยกล่าวชมเสร็จ ผมก็เดินออกมาทันที ปล่อยเรื่องราวไว้ด้านหลัง ให้ท่านประธานเป็นคนจัดการ



          ตอนนี้มีเรื่องเดียวที่ผมควรทำ


          คือกลับไปหาเขาให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้


          และกอดเขาให้แน่นที่สุดเท่าที่จะแน่นได้









          หมูหย็องออกจากห้องไปแล้ว ความเงียบยังคงโรยตัวอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยม สีหน้าไม่สู้ดีของผู้ปกครองเหล่า 'เด็กดีที่ถูกรังแก' ต่างถอดสี เหล่าอาจารย์ที่ตีหน้าไม่ถูก เมื่อไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าเหตุการณ์กลั่นแกล้งกันที่รุนแรงถึงขนาดนี้ จะเกิดขึ้นภายในโรงเรียน ใกล้เพียงใต้จมูกของพวกเธอ


          "ร-รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ลูกผมต้องโดนลูกคุณศรดึงเข้ามาแน่ๆ! ลูกผมไม่มีทางรังแกใครหรอก!"

          "ช-ช-ช ใช่ค่ะ! ลูกเก่งของดิฉันไม่มีทางที่จะไปแกล้งใครด้วยตัวเองหรอก หะ-เห็นๆกันอยู่ในวีดีโอ หัวโจกน่ะมันนายสิงห์ลูกคุณศรชัดๆ นี่คงมาข่มขู่ลูกเก่งของดิฉันให้แกล้งเพื่อนตามไปด้วย"

          "จริงด้วยค่ะ ลูกคุณศรนั่นแหละที่แกล้งเด็กคนนั้น แล้วบังคับคนอื่นให้แกล้งด้วย!!"

          "ทำไมพวกหล่อนพูดจาหมาๆแบบนี้ล่ะยะ อย่ามาว่าลูกสิงห์ของฉันนะ ลูกพวกเธอนั่นแหละเต็มใจทำเอง ลูกสิงห์ของฉันคบเพื่อนไม่ดี ถึงได้ทำอะไรผิดๆไป!!"

          "ลูกชายดิฉันแค่เล่นซนไปนะคะ ก็อย่างที่พวกคุณรู้ เด็กๆแค่หยอกเล่นกัน หยอกกันเล่น แต่มีหลายคนเลยดูรุนแรงไปบ้างตามประสาเด็กผู้ชาย"

          "ในวีดีโอนี่ตัดต่อหรือเปล่า นั่นไม่ใช่ลูกผมสักหน่อย!"


ปึ้ง!



          เสียงทุบโต๊ะจากคนมาทีหลัง ทำเอาเสียงโหวกเหวกที่กำลังโยนขี้ให้แก่กันหยุดลง


          "ผู้อำนวยการตัดสินมาเถอะครับ"


          น้ำเสียงน่าเกรงขามเอ่ยสวนขึ้น บรรยากาศรอบตัวของเขาที่มักอ้อมล้อมไปด้วยความเฉียบขาด บัดนี้ความฉุนเฉียวและโทสะอันคลุ้มคลั่งกลับเด่นชัด แม้ว่าเจ้าตัวจะปิดไว้มากแล้วก็ตาม แต่ความขุ่นแค้นที่มากมายเหลือคณาก็ไม่สามารถถูกซ่อนไว้ได้มิด

          นัยน์ตาที่สะท้อนความโหดเหี้ยมเอาไว้ ไม่สบตาใคร ราวกับกลัวว่า หากเผลอไปมองหน้าเข้าแล้วความอดทนเส้นสุดท้ายจะขาดลง


          "ตามกฎแล้ว การรังแกกันในโรงเรียนถือว่าเป็นการทำผิดสูงสุด คือไล่ออกจากโรงเรียนครับ จากในวีดีโอ ผมคงตัดสินให้กลุ่มดิมิทรีถูกลงโทษด้วยการทำความสะอาดโรงเรียนไปหนึ่งเดือน ส่วนอีกฝ่าย...ผมเกรงว่าต้องขอไล่ออกนะครับ"

          "อะไรกัน! นี่มันบ้ากันไปแล้วหรือยังไง ก็แค่เด็กๆเล่นกัน มันจะอะไรหนักหนาคะ!?"

          "ใช่ครับ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอแบบนี้ ปัญหาของเด็ก พวกเราผู้ใหญ่จะไปยุ่งกันทำไม?"

          "โทษมันไม่ลำเอียงไปหน่อยหรือไงครับ อีกกลุ่มโดนไล่ออก อีกกลุ่มแค่ทำความสะอาด?"

            "พกบุหรี่เข้ามาในโรงเรียน แกล้งเพื่อน ใช้ความรุนแรง ไม่นับที่กลุ่มของเด็กชายสิงห์เคยติดทัณฑ์บนกันอีก แต่ละคนในกลุ่ม ผมคุ้นหน้าคุ้นตาจากรายชื่อนักเรียนติดทัณฑ์บนทั้งนั้น ทางโรงเรียนเราคงไม่มีความสามารถมากพอจะดูแลหรอกครับ คงต้องขอให้ทางผู้ปกครองหาโรงเรียนอื่นแทน"


          เสียงโวยวายแข่งแย่งกันพูดของผู้ใหญ่หลายคนที่ไม่พอใจต่อการตัดสินดังขึ้น ความวุ่นวายเริ่มบังเกิดจนแทบจะเป็นกลุ่มประท้วงเล็กๆในห้อง เหล่าอาจารย์ต้องลุกขึ้นมาขวางกั้นผู้ปกครองอารมณ์ร้อน


          แต่ผู้อำนวยการที่ไม่ได้สนใจอะไรกลับลุกขึ้นยืน ปากฉีกยิ้มการค้า


          "ส่วนเรื่องหลังจากไล่ออก ทางโรงเรียนขอไม่ยุ่งเกี่ยวนะครับ แต่ถ้าท่านใดต้องการวีดีโอไปเป็นหลักฐานการแจ้งความตามที่คุณศรพูดเอาไว้ สามารถไปขอได้ที่ห้องธุรการนะครับ การประชุมผมขอจบลงเท่านี้ เชิญแยกย้ายกลับบ้านได้เลยครับ เอกสารต่างๆ สามารถมาดำเนินเรื่องออกได้ที่ห้องธุรการเช่นกัน ขอบคุณครับ"


          พูดเสร็จเจ้าตัวก็หันหลังควับเดินจากไป ทิ้งความอลหม่านวุ่นวายไว้ข้างหลัง




          "อ๊า เสร็จแล้ว งั้นก็กลับบ้านไปหาเมียรักดีกว่า ทำดีมากไอ้เต้ลูกพ่อที่ช่วยปกป้องเพื่อน ป่ะ เดี๋ยวบอกแม่ให้ทำไข่เจียวเป็นรางวัลให้นะไอ้ลูกชาย อ้อ ถ้าจะแบล็คลิตส์ขึ้นบัญชีดำใครที่ธนาคารผม ก็ส่งรายชื่อมาได้นะครับคุณเซอร์กีย์ เงินหายไปสักร้อยสองร้อยล้าน ถ้ามันทำให้หายคันตีนได้ ผมก็โอเคล่ะนะ นี่คันมาตั้งแต่ลูกฉันเป็นคนดีละ บรึ๋ย ขนลุก"

          "งั้นดิฉันก็ขอตัวก่อนเหมือนกันนะคะ เสียเวลาเข้าสปาหมดเลย ไปค่ะน้องน้ำ คุณแม่จะกลับไปสระผมต่อ อ้อ ถ้าอยากได้ความช่วยเหลือจากทางสื่อ ก็โทรมาบอกกันได้นะคะคุณเซอร์กีย์ ช่วงนี้ทางช่องกับหนังสือพิมพ์ของเราก็อยากได้ข่าวน่าสนุกๆอยู่พอดี ไม่คิดเงินเชียวค่ะ อย่างไรก็คนกันเอง"


          คุณหญิงสายพิณส่งยิ้มให้กับร่างสูง เพื่อนสมัยเด็กของเธอ เรื่องราวกระตุกหนวดราชสีห์เช่นนี้ เธอรู้ดีเชียวล่ะ ว่าคงจะไม่จบลงแค่ที่ลูกของใครโดนไล่ออก และก็แย่เสียจริงที่แม้แต่เธอก็เป็นสิงโตสาว ที่ไม่ชอบให้ใครมาแหย่เล่นเฉกเช่นเดียวกัน เพื่อนของลูก ก็เหมือนลูกของเธออีกคน การมารังคัดรังแกลูกของเจ้าป่าแบบนี้ ไม่ฉลาดเอาเสียเลย

          โดยเฉพาะเจ้าป่าสามตัว ที่ครอบครองธุรกิจที่แทบจะสามารถเคลื่อนไหวประเทศได้แบบนี้



          วัฒณวงคีรีย์
          เจ้าของธนาคารเก่าแก่


               กิตติศักดิ์วัฒนาตระกูล   
               ผู้ครอบครองสื่อรายใหญ่


               และชาโรนอฟ
              ผู้ครอบครองธุรกิจทั่วประเทศ



                อา ช่างเป็นสามราชสีห์สุดแสนอันตราย ที่ไม่ควรให้จับมือหรือร่วมมือกันเลยเสียจริงๆ

          แค่หนึ่งก็จมดินไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด นี่รวมไปสามเท่า


          ไม่อยากจะคิด...


          ขอยืนสงบนิ่งสามวิ ไว้อาลัยล่วงหน้า



          ตะกูลไร้ชื่อเสียงและเป็นคนธรรมดาทำงานธุรกิจส่วนตัวได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ให้กับภาพสามบุคคลสำคัญของประเทศ สามคนที่ยิ้มธรรมดา แต่กลับเหมือนมีสายฟ้าฟาดและบัลลังก์ทองเป็นฉากหลัง


          มารดาและบิดาของอเล็กซ์อดเอียงหน้าเข้าไปหาลูกชายตนเองไม่ได้


          "นี่ไม่เคยไปแกล้งเด็กคนนั้นใช่ไหมลูก พ่อยังไม่อยากไปนอนคุยกับรากมะม่วงนะอเล็กซ์"

          อเล็กซ์ที่ได้ยินคำถาม ก็รีบส่ายหน้าหวือจนหัวแทบหลุด

          "แกล้งอะไรเล่าพ่อ! ไอ้หมูหวงเป็นจงอางหวงไข่ ไม่ต้องถึงพ่อแม่พวกมัน แค่เจ้าตัวผมก็สู้ไม่ไหวแล้ว!"

          "ดีแล้วลูก ดีแล้ว อย่าเอาไม้จิ้มฟันไปงัดกับไม้ซุงเลย แม่ขอ"



          เสียงพูดคุยพึมพำของครอบครัวอเล็กซ์ ทำเอาเต้กับน้ำขมวดคิ้ว
          ด้วยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปยืนหลบมุมห้องอยู่สามคน




          จากการบอกลาของสามผู้ยิ่งใหญ่และหนึ่งครอบครัวธรรมดา โจวิช เซอร์กีย์ ชาโรนอฟก็ขึ้นมาบนรถตู้สีดำสนิท บอดี้การ์ดถอดเสื้อสูทที่สวมอยู่ออก พลางจุดบุหรี่ให้อย่างรู้หน้าที่

          ควันสีเทาลอยเอื่อยบนรถที่มีเลขาสองคนนั่งอยู่ และนายตำรวจและทนายฝีมือดีรอฟังคำสั่ง

          เมื่อครู่กว่าจะท่านเซอร์กีย์จะแยกตัวออกมาได้ ก็โดนเหล่าผู้ปกครองเด็กที่มีชาโรนอฟเป็นหุ้นส่วนกำลังหลักกรูกันเข้ามาขอพูดคุยด้วยไม่หยุด คำขอโทษขอโพยแทนเหล่าลูกๆ ดังระงม พลางขอร้องว่าอย่าให้กระทบไปถึงเรื่องงาน แต่ยิ่งคำพูดไหลพรูออกมาเท่าไหร่ ใบหน้าที่นิ่งขรึมเป็นนิจยิ่งฉายแววโกรธขึ้ง โจวิชหันหลังกลับโดยไม่ทิ้งคำพูดที่มีความหวังว่าจะสานต่อธุรกิจใดไว้ให้ นอกจากคำว่า


          "รักษาหัวบนบ่าไว้ให้ดี"


          บนรถความเงียบไม่ใช่สิ่งน่าอึดอัด เมื่อรู้ว่าเป้าหมายที่จะถูกเล่นงานไม่ใช่ตนเอง

          พวกเขาแค่เฝ้ารอคำสั่งเท่านั้น


          "หึหึหึ"


          เสียงหัวเราะทะลุออกมาฉีกความสงบ เสียงหัวเราะที่ควรหมายถึงความสนุกและความสุข แต่เสียงหัวเราะนี้กลับเคลือบไปด้วยไอเย็นแสนน่าสยดสยอง


          "ช่างกล้าพูดกันเหลือเกิน ว่าใม่ให้เอาเรื่องส่วนตัวไปลงกับเรื่องธุรกิจ ทั้งๆที่ทีแรกจะใช้อำนาจเท่ามือมดนั่นมาบีบลูกชายสุดที่รักของฉันแท้ๆ หึหึหึ ถ้ารักธุรกิจกันขนาดนั้น ฉันก็จะจัดให้ล่ะนะ ฐานะที่อุตส่าห์เลี้ยงดูลูกๆได้โตมาดิบดี ขนาดมาช่วยดูแลเทมเทมของฉันขนาดนี้ ลงทุนในธุรกิจของมันให้หมด"


          คำสั่งที่ฟังดูแล้วควรจะต้องตรงกันข้ามด้วยการถอนเงินลงทุน ทำให้เหล่าบอดี้การ์ดฉงน
          แต่กลับกันเลขามือซ้ายมือขวากลับนิ่งสงบ แม้กระทั่งทนายฐิติกรหรือพลโทธวัชก็เช่นกัน
          ด้วยนึกรู้ ว่าคนคนนี้ไม่เคยปรานีคนที่มาลูบคม ขนาดเรื่องธุรกิจยังจัดการได้อย่างเด็ดขาดจนน่ากลัว


          เรื่องของครอบครัวที่รัก คงไม่จบลงด้วยแค่การเลิกสนับสนุน...


          "คนเราน่ะยิ่งสูงตกลงมายิ่งเจ็บ ผลักดันให้พวกมันได้ดิบได้ดีไปซะ ค่อยๆลงทุนไป ให้มันตายใจ แล้วหุบมาให้หมด แล้วค่อยไล่พวกมันออก อา...ก่อนจะหุบก็ทำให้มันติดหนี้สินไว้ด้วยล่ะ ล่อให้พวกมันลงทุนคว้าน้ำเหลว ระดับหนี้สินเอาเป็นต่อให้พวกมันอายุยืนยาวถึงพันปีหมื่นปี ก็ไม่มีทางชดใช้ได้หมด"


          เสียงราบเรียบก่อนหน้าตอนนี้กลับกำลังระรื่น เสียงดูสนุกสนานราวกับสิงโตที่กำลังเพลิดเพลินกับการได้ไล่บี้ต้อนเหยื่อให้จนมุม เล่นสนุกกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายของลูกกวาง
          ก่อนจะเข้าไปขย้ำคอแล้วกลืนกิน


          "ลูกๆพวกมันนี่ตัวดีทั้งนั้น...น่ารักกันทุกคน อนาคตพ่อแม่ก็ดับไปแล้ว ก็ดับตามๆกันไปเสียเลยแล้วกัน ส่งคลิปวีดีโอที่พวกมันรุมทำร้ายเทมปุระลงอินเตอร์เนตไปซะ เบลอหน้าเบลอเสียงเทมออกให้หมด อย่าให้ใครรู้ว่าเป็นลูกชายฉัน โพตส์ไปพร้อมกับประวัติส่วนตัวพวกมัน ให้สังคมตัดสินโทษ ระหว่างนี้ก็ดำเนินเรื่องจับกุมพวกมันเข้าคุกข้อหาเจตนาฆ่า แน่นอนว่า จะไม่มีใครถูกประกันตัว เข้าใจใช่ไหมธวัช ฉันฝากเธอด้วยนะ ช่วยให้ผู้คุมต้อนรับดูแลเด็กๆเป็นอย่างดีด้วยล่ะ เจตนาฆ่านี่จำคุกกี่ปี? ...แย่จริงเชียว เด็กพวกนี้มันยังไม่พ้นบรรลุนิติภาวะ ติดไม่กี่ปี แถมแค่ไปสถานพินิจอีก เฮ้อ เอาไงดีนะ"


          ท่านประธานใหญ่ทำท่าทางหนักอกหนักใจ ก่อนจะกดยิ้มลึก


          "อืม ไหนๆสันดารก็ไม่ใช่คนอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเป็นมันเลยแล้วกัน ส่งคนไปลบฐานข้อมูลมันให้หมด ลบตัวตนของมันออกจากฐานข้อมูลซะ ให้พวกมันเร่ร่อนไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร อืม เสียงที่ว่าฉันหมายถึงเสียงจริงๆด้วยนะ เสียงไม่ต้องมี แขนขามีอย่างละข้างก็พอมั้ง จะได้ไม่ไปหาเรื่องใครเขาอีก อ้อ แม้แต่สิทธิ์รักษาตามโรงพยาบาลสามสิบบาทก็ไม่ต้องมี เงินก็ไม่ต้องใช้หรอกเนอะ ถูกลบตัวตนออกแล้ว ขาดอะไรอีกนะ อา...พวกญาติพี่น้องคนน่ารำคาญนี่ก็คงเป็นแมลงน่ารำคาญเหมือนกัน"


          "เรื่องนั้นธุรกิจของท่านเซอร์กีย์ก็เข้าควบคุมอยู่ค่ะ ดูจากรายชื่อแล้วล้วนอยู่ในมือ ถ้าจะจัดการให้ไม่มีปากมีเสียง คิดว่าทำได้ไม่ยากค่ะ เรื่องอื่นๆที่ท่านสั่งจะทำให้เสร็จภายในสองเดือน มีเรื่องอื่นที่ต้องการไหมเพิ่มเติมไหมคะท่านเซอร์กีย์"

          "ไม่มีแล้วล่ะนะ ฐิติกร เธอก็อย่าลืมยัดๆไปให้มันหลายๆกระทงหน่อยล่ะ อา...จริงสิ ทนายความของฝ่ายนั้นน่ะ เลือกที่ดีๆมาด้วยล่ะนะ เอาเป็นเพื่อนของเธอคนนั้นก็ดี ล้มมวยได้สมจริงมาก ฉันชอบเขามากทีเดียว"

          "ได้ครับ แล้วผมจะเรียกตัวเขามาให้"

          "เรื่องการลบตัวตนไม่ต้องเป็นห่วงครับ แล้วผมจะสั่งตำรวจชายแดนไล่พวกเขาออกจากประเทศให้เรียบร้อย"

          "อืมๆ เอาตามนี้ล่ะนะ ถือว่าลงโทษเบาๆที่มาแกล้งเด็กๆแล้วกัน อย่างที่พวกเขาว่าน่ะแหละ เด็กๆเล่นกันก็เล่นกันแรงไปนิด พวกเราผู้ใหญ่แก้แค้น...ก็แก้แค้นกันแรงไปนิดเช่นเดียวกัน"


          ท่าทางนิ่งขรึมหายไป มีเพียงรอยยิ้มรักสนุกติดอยู่บนริมฝีปาก พร้อมดวงตายักโค้งยิ้มอย่างมีความสุข
          ที่หาบทสรุปให้คนที่มาเล่นๆกับเหล่าลูกชายของเขาได้เสียที




          หากเทมปุระเป็นยอดดวงใจของดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟ
          ดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟ ก็เป็นยอดดวงใจของคนเป็นพ่ออย่างโจวิช เซอร์กีย์ ชาโรนอฟเฉกเช่นเดียวกัน

          รังแกหัวใจของลูกชายของเขา ก็เหมือนเหยียบย่ำหัวใจลูกชายเขา
          หัวใจลูกชายเขาเจ็บปวด เขาที่เป็นพ่อก็เจ็บปวดเช่นเดียวกัน

          ดิมิทรีโกรธเท่าใดยามมีคนรังแกฟ้าประทาน

          โจวิชก็โกรธมากเท่านั้นยามมีใครมารังแกลูกชายของเขา

          และความโกรธของชาโรนอฟ  ต้องมีที่ลง



            แน่นอน



          ว่าพวกมันต้องไม่ตายดี













end 10 .
twitter #เพื่อนผู้ปกครอง






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2018 05:45:12 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :m15: โอ๊ยยยยย ร้องไห้เลยตอนที่เขียนบรรยายที่น้องเทมโดนทำร้าย แล้วไหนจะอาการของเทมอีก... บรรยายเห็นภาพชัดเจนมากกกก สะเทือนใจมากค่ะ  :m15:
หมูสู้ๆนะ... :mew2: ขอให้เทมอาการดีขึ้นไวไค่ะ  :mew6:
รออ่านนะค่ะ   o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด