ภาค 21 เจ็บแล้วต้องจำ
เวลาผ่านไปเกือบเดือน ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องร้าย ไม่แม้แต่จะมีทีท่าแสดงอะไรออกมาให้เห็น ไม่มีใครสงสัยใคร เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่ลมพัดผ่านมา แล้วก็ผ่านไปเท่านั้น
อีเมลของบริษัทถูกร่อนออกไปทั่วบริษัทตั้งแต่เช้า พนักงานทุกคนกำลังอ่านเนื้อหาด้านใน ว่าด้วยเรื่องโปรเจ็กไลน์ผลิตสินค้าใหม่ที่ถูกส่งออกไปเกาะฮ่องกงนั้นได้ผลิตล็อตแรกและถูกส่งออกไปฮ่องกงได้ตรงตามกำหนดเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งกระแสตอบรับนั้นก็ดีมาก เท่ากับว่าโปรเจ็กนี้ประสบความสำเร็จตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้
ชัดเจนแทบไม่เชื่อตาตอนที่เห็นอีเมลฉบับนี้ และเมื่อได้อ่านเนื้อหาด้วยแล้วเขายิ่งไม่อยากเชื่อ เป็นไปไม่ได้ สินค้าจะถูกผลิตได้อย่างไรก็ในเมื่อ...
ในเมื่อเขาเป็นคนเปลี่ยนแปลงเอกสารและปลอมลายเซ็นของปาณัสม์เองกับมือชัดเจนเดินหลังตรงไปห้องทำงานของปาณัสม์ แต่ในใจกลับคดงอบิดเบี้ยว เขาถูกปาณัสม์จับได้เสียแล้วเรื่องเอกสารที่ปลอมแปลงไป ชัดเจนลืมเสียสนิทที่พ่อของเขาเคยบอกว่าปาณัสม์มาหาที่บ้านเมื่อคราวก่อน จนกระทั่งวันนี้เรื่องมันแดงขึ้นมาแล้ว
ความลับไม่มีในโลก ชายหนุ่มไม่ได้กลัวที่ถูกจับได้ การที่เขาแอบปลอมเอกสาร เรื่องมันต้องเผยออกมาอยู่แล้วหากสินค้าไม่ถูกผลิต แต่ที่เขากลัวคือปาณัสม์กลับไม่พูดอะไรเลยต่างหาก
“ชัด?มีอะไรหรือเปล่า” ปาณัสม์เงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้าขึ้นมามองผู้มาเยือน
“ครับ”
“นั่งสิ”
“ขอบคุณครับ”
“มีอะไรล่ะ เรื่องด่วนหรือเปล่า” ปาณัสม์ถามซ้ำ
“เรื่องสินค้าที่ส่งไปฮ่องกง”
“อ้อ เห็นเมลแล้วเหรอ เป็นไงดีใช่ไหม ท่านประธานหลี่บอกว่าคนที่นั่นชอบมากเลยนะ” ปาณัสม์ยิ้ม
มือของชัดเจนกำแน่นวางอยู่บนต้นขาทั้งสองข้าง มาถึงตอนนี้ทำไมยังทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรอยู่อีก ทำไมถึงยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่อีกเล่า!
“คุณปาลรู้เรื่องแล้วใช่ไหมครับ”
“เรื่อง? เรื่องอะไรล่ะ” คนถามกลับมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง
“ผมทำเอง ผมเป็นคนทำมันทั้งหมดเอง” ชัดเจนสารภาพ
“กูรู้ว่ามึงเป็นคนทำ”
“ถ้ารู้แล้วทำไมยังเฉยอยู่อีก ทำไมไม่ด่าผม ไล่ผม หรือแจ้งตำรวจมาจับผม” ชัดเจนถามเสียงเครียด
“มึงเป็นน้องกูนะชัด จะให้กูไล่มึงไปไหน มึงเองก็รู้ดีพอๆ กับกูว่ากูไม่มีทางทำร้ายมึงแบบนั้นหรอกใช่ไหม” ปาณัสม์เหยียดยิ้มออกมาด้วยความขื่นขม
“ถ้าสินค้าล็อตแรกส่งออกไปไม่สำเร็จ คุณปาลรู้ใช่ไหมครับว่ามันจะเสียหายมากแค่ไหน”
“รู้สิ ต้องรู้อยู่แล้ว พี่ปอนด์คงหัวเสียและผิดหวังมากด้วย” ปาณัสม์เข้าใจและรับรู้ถึงผลที่จะตามมาได้เป็นอย่างดี
“แล้วทำไมถึงยังนิ่งเฉยอยู่อีกล่ะครับ”
“ข้อแรกเพราะกูแก้ไขเรื่องนี้ได้ทัน โชคดีที่ลุงบวรยังไม่ยกเลิกการผลิต ข้อสองเพราะมึงเป็นน้องกู สองข้อนี้มันพอที่จะทำให้กูฝังเรื่องนี้ทิ้งไหม” ปาณัสม์ยังสบตากับชัดเจนแน่นิ่งไม่ไหวติง แต่ชัดเจนกลับรู้สึกไม่ดี
แววตาของปาณัสม์มองมาที่เขา มันแสดงออกชัดว่าเสียใจและผิดหวังในตัวชัดเจนคนนี้เหลือเกิน ตั้งแต่เด็กจนโต เขาไม่เคยทำให้ใครผิดหวังเลย ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน ความประพฤติ แต่วันนี้พี่ชายตรงหน้ากำลังผิดหวังในตัวเขา
ชัดเจนเสียใจแต่เขาก็ทำมันลงไปแล้ว
“มีอย่างเดียวที่กูไม่เข้าใจว่ามึงทำแบบนี้ทำไมและเพราะอะไร”
“ผมขอโทษ แต่ถ้าย้อนกลับไปได้ผมก็ยังคงทำมันอีกอยู่ดี” เรื่องราวมันบานปลายมาขนาดนี้แล้ว ชัดเจนไม่อยากเก็บเงียบอีกต่อไป
“ทำไม มึงทำแบบนี้ทำไมกันชัดเจน” ปาณัสม์ถามด้วยความไม่เข้าใจคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เขาหรือใครไปทำอะไรให้ชัดเจนโกรธแค้นกันหรือ
“เพราะคุณเทมส์ครับ” ชื่อของใครคนหนึ่งหลุดออกมาจากปากของชัดเจน
“จันทร์? เขามาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย” ปาณัสม์มึนงง ฉันทัชเข้ามาพัวพันได้อย่างไรกัน
“ผมชอบคุณเทมส์ครับ ชอบมาตั้งนานแล้ว ชอบตั้งแต่ที่คุณปาลพาเขามาแนะนำกับที่บ้าน” ชัดเจนสารภาพ
“ชัดเจน มึงบ้าไปแล้วหรือไง!จันทร์เป็นคนที่กูรัก และเขาคบกับกู มึงไม่ควรคิดแบบนั้นกับจันทร์ เขาก็เหมือนเป็นพี่มึงอีกคน” ปาณัสม์ตกใจ พานโกรธกับการคำพูดของคนตรงหน้า
นี่ชัดเจนมันคิดจะตีท้ายครัวเขาตลอดเวลาเลยหรือ แล้วที่ผ่านมา เขาไว้ใจให้มันคอยดูแลฉันทัช ทั้งหมดมันก็ไม่ได้ทำจากความบริสุทธิ์ใจเลยใช่ไหม
“ผมรู้ ผมรู้ดี ทีแรก ผมตั้งใจจะขอมองคุณเทมส์แบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมเองก็ไม่ได้อยากเข้าไปเป็นมือที่สามของใครเหมือนกัน แต่คุณปาล คุณมันไม่เคยเห็นค่าคุณเทมส์เลย รู้ไหมว่าเขาเสียใจ ทุกข์ใจมากแค่ไหน ที่คุณไม่มีเวลาให้ เอาแต่ทำงาน แล้วปีสุดท้ายคุณก็เอาแต่เที่ยว ไม่สนใจคุณเทมส์เลย ผมไม่อยากเห็นคุณเทมส์เป็นแบบนี้อีกแล้ว ถ้าเขาเลิกกับคุณปาลได้ เขาคงจะมีความสุข” ชัดเจนรัวความรู้สึกในใจออกมาเป็นชุด
“โดยการให้จันทร์มาคบกับมึงใช่ไหม” ปาณัสม์ถามเสียงลอดไรฟันด้วยความโมโห
“ใช่ครับ! ทำไมล่ะ ไม่ได้หรือ ผมรู้ตัวว่าไม่มีตรงไหนสู้คุณปาลได้ แต่ผมก็รักคุณเทมส์ไม่ต่างจากคุณหรอก” ชัดเจนสบตาอีกฝ่ายอย่างท้าทาย
“ชัดเจน มึงแน่ใจนะว่าที่มึงทำไปทั้งหมดเพราะความรักที่มึงมีให้จันทร์ ไม่ใช่เพราะมึงเห็นแก่ตัว”
“ผมรักเขา และต่อให้ผมไม่ได้คบกับคุณเทมส์ ผมก็จะไม่ยอมให้คุณได้คุณเทมส์กลับไปอีกครั้ง” ชัดเจนประกาศสงคราม
“ได้ยินแบบนี้แล้วอยากจะจับมึงส่งตำรวจเสียจริง” ปาณัสม์ฉุน อยากจะทำอะไรสักอย่างให้คลายความโมโห
“ก็เอาสิครับ” ชัดเจนท้า
ปาณัสม์พยายามข่มจิตใจ ทำอารมณ์ให้เย็น “ทั้งหมดที่มึงทำเพราะจันทร์งั้นหรือ เกี่ยวอะไรกับสินค้าล็อตแรกด้วย”
“คุณปาลจะกลับไปขอคืนดีกับคุณเทมส์ไม่ใช่หรือไง”
“ใช่”
“ถ้าคุณมีอะไรที่ยุ่งยากกว่าและสนใจมากกว่าคุณเทมส์มากๆ คุณคงไม่มีเวลากลับไป”
“ไอ้ชัด มึงนี่!” ปาณัสม์ตบโต๊ะเสียงดังปัง แต่ชัดเจนก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไร เขากลับจ้องเขม็งไปที่ปาณัสม์อย่างไม่หลบเลี่ยง
“ผมขอลาออก แต่คุณปาลจะไล่ผมออกก็ได้ ขอเวลาให้ผมบอกพ่อให้แกตั้งตัวหน่อยแล้วผมจะพาเขาออกไปจากบ้านเอง”
“พูดอะไรของมึง ไอ้ชัด” ปาณัสม์ถามเสียงขุ่น
“ทำไมครับ” ชัดเจนแปลกใจ
“มึงจะทำผิดแล้วหนีไปแบบนี้ไม่ได้ รออยู่ที่นี่จนกว่ากูจะกลับมาจากฮ่องกง” ปาณัสม์พูด เนื่องจากท่านประธานหลี่ได้เชิญหุ้นส่วนทางการค้าไปเยี่ยมเยียนที่ฮ่องกงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจัดฉลองเริ่มต้นความสำเร็จ
“ผมคงไม่ต้องไปที่นั่นด้วยใช่ไหม”
“เกือบทำทุกอย่างพังแล้วยังจะกล้าเสนอหน้าไปอีกเหรอ ไม่ให้ไปเว้ย อยู่นี่แหละ รอกูกลับมา”
“ทั้งที่ผมทำถึงขนาดนี้ คุณปาลยังไว้ใจให้ผมทำงานกับคุณอีกหรือ”
“เรื่องจันทร์” ปาณัสม์เว้นวรรคก่อนจะพูดต่อ “ถ้ามึงอยากจีบเขา มึงควรจีบเขาอย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรตุกติก นี่ขอเตือนมึงจากประสบการณ์ตรง จันทร์ไม่ชอบคนประเภทนั้น อีกอย่างกูกับมึงตอนนี้ก็มีสถานะไม่ต่างกัน ดังนั้นถ้ามึงจะจีบจันทร์ กูก็คงว่าอะไรไม่ได้ แต่บอกไว้ก่อน กูเองก็คงไม่ยอมให้มึงได้จันทร์ไปเหมือนกัน”
“ผมจะสู้คุณได้ยังไง รู้ไหมว่าคุณเทมส์เขาปฏิเสธผมไปตั้งนานแล้ว”
“ห๊ะ!? ปฏิเสธ? แล้วมึงทำแบบนี้ทำไมวะ” ปาณัสม์เริ่มงงกับสถานการณ์ หรือว่าชัดเจนจะอาการหนักเกินไป
“เพราะผมไม่อยากให้เขากลับไปคบกับคุณปาล เข้าใจไหมครับ ผมไม่อยากเห็นเขาเสียใจอีก!”
“กูไม่อยากให้สัญญากับใครอีกแล้ว เรื่องอนาคตกูเองก็คงบอกไม่ได้หรอก แต่หนึ่งปีที่ผ่านมากูอดทนและทรมานตัวเองมากพอแล้ว มันทำให้รู้ว่ากูไม่อยากเสียเขาไปอีก กูอยากกลับบ้านมาเจอเขาที่ห้องเหมือนเดิม”
“เดี๋ยวพอเวลาผ่านไปคุณปาลก็ทำตัวแบบเดิมอีก” ชัดเจนไม่ปักใจเชื่อ
“กูรู้ สิ่งที่กูทำในอดีตมันแย่และเลวร้ายมากแค่ไหน กูคิดได้แล้ว และไม่อยากให้มันเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมอีก สันดานกูมันไม่ดี คงจะเปลี่ยนยากหน่อย แต่กูก็จะพยายามและกูมั่นใจว่ากูทำได้เพราะที่ผ่านมามึงคงเห็นแล้วว่ากูไม่เหมือนเดิม”
ชัดเจนไม่ตอบแต่กลับพยักหน้าแทน อันที่จริงปาณัสม์ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างพอสมควร ถึงจะไม่ได้เกี่ยวกับความรัก แต่ก็เรื่องส่วนตัว ทั้งเที่ยว ผู้หญิงหรือความคิด ก็เปลี่ยนไปแล้ว
“รอกูกลับมาจากฮ่องกงก่อนแล้วค่อยคุยกันใหม่ ระหว่างนี้กูมีงานชิ้นหนึ่งให้มึงทำ”
“อะไรครับ”
“ช่วยพี่ปอนด์ งานอะไรช่วยพี่ปอนด์ได้ก็ช่วยเขา อย่าทำให้เขาผิดหวังเหมือนที่กูเจอได้ไหม”
“ผม...”
“เรื่องที่มึงทำลงไป กูจะไม่บอกใคร ถือเป็นสัญญาระหว่างมึงกับกู”
...
“รู้ไหม กระแสตอบรับดีมากเลยนะ” ท่านประธานหลี่บอกด้วยความพอใจ
“ขอบคุณครับ” ปาณัสม์ผงกศีรษะ
“จะว่าอะไรไหม ถ้าผมอยากจะเลื่อนล็อตหน้าให้ส่งมาเร็วขึ้นอีกนิด” ผู้อาวุโสหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“สำหรับผมถือเป็นข่าวดีเลยล่ะครับ” ก้องภพยิ้ม
“ยินดีครับ” ปาณัสม์รับคำสั้นๆ ดังเดิม
“สีหน้าคุณปาลดูไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายหรือเปล่า” ประธานหลี่ช่างสังเกต ฉันทัชเองที่ลอบมองอีกฝ่ายมาก็เห็นตรงกัน
“เปล่าครับ ผมสบายดี อาจจะเพราะช่วงนี้นอนน้อยไปหน่อย”
“ถึงจะยังหนุ่มยังแน่นก็จริง แต่ก็ต้องพักผ่อนให้มากเข้าไว้ ยังไงก่อนกลับผมจะให้เลขาเอาโสมไปให้พวกคุณบำรุงก็แล้วกัน คุณก้องด้วยนะ” ประธานหลี่บอกด้วยความอาทรและห่วงใย
“ขอบคุณครับ” ทั้งสองคนรับไมตรีนั้นไว้โดยไม่ได้ปฏิเสธ
“วันนี้ไปต่อกับผมนะครับ” ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันเรื่องความสำเร็จ แต่มีคุณชายหลี่ บุตรชายคนเล็กของบ้าน แอบกระซิบคุยฉันทัชเสียงเบา
“อือ” ฉันทัชพยักหน้าเออออไป โดยไม่ละสายตาจากคนไม่ปกติเลยแม้แต่น้อย
“เอ...ทำไมคราวนี้ว่าง่าย” หลี่หยางเซิงแซว เพราะปกติฉันทัชจะมีข้ออ้างเรื่องงานทุกครั้ง จนเขาเซ้าซี้นั่นแหละอีกฝ่ายถึงยอมออกมาด้วย
.............
“คืนนี้คุณดูไม่ค่อยสนุกเลย มีอะไรหรือเปล่า” คุณชายคนเล็กถามด้วยความเป็นห่วง
“...”
ไร้การตอบรับ หลี่หยางเซิงลองเรียกชื่ออีกฝ่าย “เยว่ซิน”
“...”
“เทมส์”
“...”
“จันทร์” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเรียกชื่อฉันทัชด้วยชื่อนี้ขึ้นมา ชื่อนี้ออกเสียงไม่ยาก เขาจึงพูดออกไปไม่ลำบากนัก
หลี่หยางเซิงรู้ว่าฉันทัชมีชื่อเล่นว่าเทมส์ แต่ชื่อจันทร์นี่ล่ะ? มาได้ยังไง เขาได้ยินคนนั้นที่เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนที่ทำธุรกิจร่วมกันเรียกชื่อนี้กับฉันทัช ตอนแรกก็งงว่า ทางนั้นหมายถึงใคร แต่พอเห็นฉันทัชตอบเขาจึงพอเริ่มเข้าใจ เท่าที่รู้มา คนไทยก็น่าจะมีชื่อเล่นเพียงชื่อเดียวเหมือนประเทศอื่นๆ ไม่ใช่หรือ นอกเสียจากว่าจะเป็นชื่อที่ตั้งให้กันเองหรือฉายาอะไรเทือกนั้น
วันนี้ตลอดการกินเลี้ยงช่วงกลางวัน เขาเห็นสายตาของฉันทัชคอยมองไปที่คนๆ นั้นเป็นระยะ มันไม่ใช่ท่าทางสายตาของความพิศวาสหรือเสน่หา แต่มันสายตาของความเป็นห่วง ฉันทัชกำลังเป็นอะไรและรู้สึกอะไรกับคนนั้น
“ว่าไง”
“ระหว่างชื่อเทมส์กับจันทร์ คุณคุ้นชื่อจันทร์มากกว่าหรือครับ”
“เอ่อ.. ขอโทษทีครับคุณชายหลี่ คุณว่าไงนะ พอดีผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย” ฉันทัชได้ยินคำถามจากคุณชายหลี่แต่เขาเลือกไม่ตอบ กลับเฉไฉไปเรื่องอื่นแทน
“ผมถามว่า คุณดูไม่ค่อยสนุกเลย มีอะไรหรือเปล่า” หลี่หยางเซิงเปลี่ยนคำถามเสียใหม่
“ก็ไม่นี่ครับ ผมปกติดี ทำไมเหรอ” ฉันทัชยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจ
“รู้ตัวไหม ผมเรียกคุณหลายครั้งแล้ว”
“อ่า..ขอโทษครับ ผมคงกังวลเรื่องงานมากไปหน่อย” ฉันทัชรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาไม่น่าเสียมารยาทกับคนที่นัดเขาออกมาคืนนี้เลย
“ให้ผมพูดกับคุณก้องดีไหมครับว่าใช้งานคุณหนักไปแล้ว หรือจะลาออกมาอยู่กับผมดี”
“ไม่เอาทั้งสองแบบเลยครับ” ฉันทัชหัวเราะ
“ปฏิเสธเก่งเหมือนเคย”
“เปล่าเสียหน่อย ข้อแรก ผมยังอยากทำงานกับคุณก้องอยู่ ข้อสองผมก็ยังอยากทำงานอยู่ครับ”
“แล้วไม่อยากอยู่กับผมหรือไง” คุณชายหลี่ถามเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง
ฉันทัชไม่ตอบ เขาเลือกที่จะยิ้มแบบที่ทำประจำเวลาไม่อยากตอบคำถาม
“หรือจริงๆ แล้วคุณอยากอยู่กับคนอื่น”
ฉันทัชหรี่ตามอง “เอ...พูดแบบนี้ มันแปลกๆ นะครับ”
“คุณบอกเองว่าคุณก็ให้โอกาสคนอื่นเหมือนกับที่ให้โอกาสผม”
“ใช่ครับ”
“คุณเจอคนนั้นแล้วใช่ไหม” ฉันทัชได้ยินประโยคนี้แล้วรู้สึกใจไม่ดี เพราะเสียงของหลี่หยางเซิงฟังดูไม่สดใสเอาเสียเลย
“ถอดใจแล้วหรือ”
“ถ้าคุณแค่ไม่แน่ใจในตัวผม ผมยินดีจะทำให้คุณเห็น แต่ถ้าคุณมีใครในใจแล้ว ผมก็ไม่อยากจะเข้าไป”
“ไม่สู้เลย?”
“ถ้าผมจีบคนอื่นอยู่ผมอาจจะสู้นะ” ชายหนุ่มถอนหายใจ “แต่กับคุณ บอกตรงๆ ว่าผมขอยอมแพ้ เพราะถ้าคุณจะตกลงเป็นแฟนผม คุณคงทำไปนานแล้ว ใช่ไหมครับ” หลี่หยางเซิงย้อนถาม
“...” คราวนี้ฉันทัชพูดไม่ออกจริงๆ ไม่ใช่ว่าอยากหลีกเลี่ยงอย่างที่เคยทำ
“ผมเจ็บนะ รู้ไหม ผมว่ายน้ำมาไกลแล้ว ไกลมาก แต่ทำไมผมยังไม่เห็นริมฝั่งสักที”
“คุณชายหลี่” ฉันทัชกระซิบเรียกชื่ออีกฝ่าย
“ผมว่ายออกมาทั้งที่ไม่เห็นอีกฝั่งแต่ผมก็ไม่ท้อนะ ผมสู้มาตลอด จนกระทั่งวันนี้ผมเห็นริมฝั่งนั้นกำลังเคลื่อนที่ มันเคลื่อนตัวออกไปจากผม ไม่ว่าผมจะว่ายได้เก่งและไกลแค่ไหน ผมก็ไม่มีวันไปถึงฝั่งได้ เพราะริมฝั่งนั้นไม่ได้รอผม”
“ผม...คือ...”
“ผมเข้าใจ คิดว่าเข้าใจนะ”
ฉันทัชมองคนที่พูดว่าเข้าใจ แต่เขาคิดว่าคุณชายหลี่ไม่เข้าใจหรอก หลี่หยางเซิงในตอนนี้เข้าใจแค่ว่าไม่มีหวังแล้วเพียงเท่านั้น
“ผู้ชายคนนั้นคือแฟนเก่าของผมเอง” ฉันทัชเกริ่น หลี่หยางเซิงแปลกใจที่จู่ๆ ฉันทัชก็พูดขึ้นโดยไม่สนใจว่าคุณชายหลี่จะรู้ไหมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่ฉันทัชก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายเข้าใจดี ไม่งั้นคงไม่เรียกชื่อเขาว่าจันทร์หรอก
“ตอนที่ผมเจอคุณครั้งแรกที่ร้านนี้ ผมเพิ่งเลิกกับเขาได้ประมาณเดือนหนึ่ง”
“ผมเห็นคุณมองเขาวันนี้ คุณอยากกลับไปคบกับเขาหรือ”
“เปล่าครับ ผมไม่ได้อยากกลับไป ผมไม่อยากรู้สึกอะไรแบบนั้นอีกแล้ว”
“เขาไม่ดีกับคุณ?”
“เขาเป็นคนดี เขาดีกับผม แต่เพราะเราสองคนอยู่ด้วยกันมานานเกินไป ทำให้ทุกอย่างที่น่าจะดีกลับแย่ลง เราเมินเฉยกัน ชินชาใส่กันและเราเริ่มไม่อยากแคร์ความรู้สึกกันและกัน”
“คุณเลยไม่อยากเริ่มใหม่กับใคร” หลี่หยางเซิงยิงคำถาม
“ยอมรับว่าผมรู้สึกเข็ดขยาด แต่ผมก็อยากเริ่มใหม่กับใครสักคนอยู่ดี ผมรู้ว่ามันฟังดูย้อนแย้ง นั่นเป็นเพราะผมขาดความอบอุ่น ต้องการความรัก” ฉันทัชแค่นเสียง “แต่ตอนนี้ผมปอดแหกเกินไป ผมกลัวว่ามันจะซ้ำรอยอีก”
“ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้นใหม่กับผมก็ตามเหรอ”
“ใช่” ฉันทัชยอมรับ “ไม่ใช่เพราะว่าเป็นคุณ แต่ผมหมายถึงทุกคน”
“ถ้างั้นแปลว่า คุณในตอนนี้?”
“ผมในตอนนี้คงจะเริ่มต้นใหม่ไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ผมเสียใจนะ กับคนอื่นผมมีข้ออ้างที่ปฏิเสธ แต่กับคุณ คุณชายหลี่ ผมหาข้ออ้างปฏิเสธคุณไม่ได้เลย” ฉันทัชเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของหลี่หยางเซิง
“ผมชอบคุณนะ ชอบคุณจริงๆ” ฉันทัชบอกจากใจ
“แต่ก็ไม่มากพอที่คุณจะยอมลืมความเจ็บช้ำในอดีต”
“ขอโทษนะครับ คุณอายุเท่าผมในเวลานั้นเลย ผมไม่รู้ว่าอนาคตเมื่อคุณอายุเท่าผมตอนนี้จะเป็นยังไง แต่ผมไม่พร้อมที่จะเสี่ยง”
“การที่ผมเลือกตัดใจจากคุณ แปลว่าผมคิดถูกแล้วใช่ไหม” คุณชายหลี่ ฝืนยิ้มออกมา
“ผมมันคนมีอดีต ถ้าตกลงคบกับคุณ ผมก็ยังระแวงต่อไปอยู่ดี”
“ทริปแรกของเราคงไม่เกิดขึ้นแล้วจริงๆ” หลี่หยางเซิงพูดทวนสัญญาที่ฉันทัชเคยให้ไว้
“ใครบอกคุณอย่างนั้น ถ้าคุณมา ยังไงผมก็จะพาคุณไป เว้นเสียแต่ว่าคุณไม่อยากมา”
“คุณนี่ร้ายเหมือนเดิมเลย เหมือนผมเป็นฝ่ายยกเลิกเองยังไงก็ไม่รู้”
“คิดมาก” ฉันทัชพอหัวเราะออกมาได้บ้าง “แต่ผมยังอยากคุยกับคุณอยู่นะ” เขาชะโงกเข้าไปพูดใกล้ๆ กับอีกฝ่าย
“เยว่ซิน” หลี่หยางเซิงเรียกชื่อฉันทัชด้วยความอ่อนใจ “บอกว่าคุณร้ายกาจนี่ผมว่ายังน้อยไป มีอย่างที่ไหนไม่รับรักผมแต่ยังอยากคุยกับผมอยู่”
“ถ้าไม่อยากคุยกับผมก็ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ” ฉันทัชดึงตัวเองกลับมา
“คุณนี่นะ ผมจะเลิกคุยกับคุณได้ยังไง” หลี่หยางเซิงรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ได้ทัน
“เด็กดี” ฉันทัชเอ่ยชม
“แต่ผมก็จะคุยกับคนอื่นด้วย ยังไงคุณก็ไม่ตกลงกับผมอยู่แล้ว” หลี่หยางเซิงพูดเอาแต่ใจ เขาปล่อยแขนฉันทัช
“ไม่ว่ากัน คุณจะทำอะไรก็ได้ เอาจริงๆ ก่อนหน้านี้คุณก็ทำได้นะ” ฉันทัชหัวเราะ
“จะบ้าหรือไง ผมจีบคุณก็ต้องคุยกับคุณคนเดียวสิ”
“เอาเป็นว่า ไม่ได้จีบผมแล้ว ก็คุยกับคนอื่นได้” ฉันทัชสรุป