พิมพ์หน้านี้ - ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: เขมกันต์ ที่ 30-08-2018 13:08:22

หัวข้อ: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 30-08-2018 13:08:22
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



-------------------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สี่แล้วค่ะ ขอฝากผลงานเรื่องนี้ด้วยนะคะ




เมื่อความรัก ไม่ได้สวยหรูเหมือนในละคร

Happy Ending

ชีวิตรักในฝัน

แต่ชีวิตจริงมันคือจุดเริ่มต้นต่างหาก!!

สิบปี ที่ผ่านมา

ต่างฝ่ายต่างเบื่อ

บอกหน่อยสิ

ควรจะไปต่อหรือหยุด?




==========================
ผลงานเรื่องเก่าๆ ค่ะ

กว่าจะเข้ากันได้ END (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51505.0)


เมฆ ฤ จะเหนือภูเขา™  END (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54963.0)

That's Wine I Love You  END (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59232.0)


Wishing You END (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66313.0)

LOTTO สื่อรัก คนบ้าหวย 2018 END (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66490.0)


เรื่องสั้นค่ะ

ลูกแก้ว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55897.0)
Sad Seasons : Now It's raining (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67429.0)


ฝากทวิตเตอร์และเฟซบุ๊คเพื่อพูดคุยหรือติดตาม ได้ที่นี่ค่ะ จิ้มตามไปเลย
Twitter (https://twitter.com/khemmakan)
Facebook (https://www.facebook.com/akanae14)

:mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก บทนำ+ ภาคที่ 0.5 After Credit is not End Credit 30/08/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 30-08-2018 13:22:58

บทนำ


           
            ดอกกุหลาบสีแดงสดวางอยู่บนโต๊ะอาหารขนาดสำหรับสี่คน นอกจากนั้นยังมีอาหารอีกสามอย่างและข้าวสวยอีกสองจาน วางอยู่คนละฝั่ง อาหารที่ถูกอุ่นให้ร้อนหลายต่อหลายครั้ง บัดนี้มันกลับเย็นชืดเพราะเจ้าของรสมือไม่อยากจะอุ่นมันอีกต่อไป

            ปล่อยไว้แบบนั้น กระทั่งเช้าวันใหม่

            ฉันทัชตื่นขึ้นมาพบว่าที่นอนอีกฝั่งว่างเปล่า คนรักที่อยู่ด้วยกันมาสิบปี ไม่ได้กลับบ้าน มันไม่ใช่ครั้งแรก ชายหนุ่มถอนหายใจให้กับความเหนื่อยล้าภายในจิตใจ เขามองออกไปนอกหน้าต่างที่มีผ้าม่านสีขาวกั้นสายตาบางๆ

            เจ็ดนาฬิกา

            เขาคงต้องลุกขึ้นไปเก็บจานชามที่ทิ้งไว้เมื่อคืนเสียที ขืนช้าไปกว่านี้อาหารที่เน่าเสียอาจจะส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วห้อง

            ไม่ต่างกับความเน่าเฟะในจิตใจ


 
            ติ๊ด!

            เสียงคีย์การ์ดที่ทาบทับกับประตูล็อกดิจิตอลดังขึ้นขณะที่ฉันทัชกำลังจะยกจานเหล่านั้นไปล้างอยู่พอดี เขาปรายตามองผู้มาใหม่ ก่อนจะถามไปอย่างเสียไม่ได้

            “เพิ่งกลับเหรอ”

            “อืม ไปอาบน้ำก่อนนะ วันนี้มีประชุมเช้า เดี๋ยวจะสาย” อีกฝ่ายตอบมาอย่างเนือยๆ

            ไร้คำอธิบายว่าทำไมถึงไม่กลับบ้าน แต่ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบในตัวอีกฝ่าย ฉันทัชจึงถามออกไป “กินอะไรก่อนไหม”

            “ไม่ล่ะ เดี๋ยวให้คุณสิเตรียมไว้ให้” ฉันทัชรู้จักคุณสิหรือเกศสิรี เลขาสาววัยยี่สิบแปดคนนี้เป็นอย่างดี

            “เอางั้นเหรอ”

            “อืม”

            “รีบไปอาบน้ำเถอะ” ฉันทัชตัดบทแล้วยกจานชามเข้าไปในครัวเพื่อทิ้งและล้างมันให้หมดจด ถ้าล้างคราบเศษขยะพวกนี้ไปได้เหมือนกับล้างใจของเขาได้ก็คงดี

            ไม่รู้ว่าเมื่อคืนคนรักอยู่กับใคร

            ลูกค้าหรือเลขา?

            เรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว?


            เปล่าประโยชน์ที่จะคิดในเมื่อมันก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมา เขาจึงเริ่มลงมือล้างจานในอ่างนั้นอย่างเงียบๆ ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูห้องนอน อีกฝ่ายคงจะแต่งตัวเสร็จแล้ว รายนี้อาบน้ำไวอย่างที่เขาเรียกว่าวิ่งผ่านน้ำ เขาโคลงหัวนึกขำกับอาการคนรีบร้อน

            “ไปนะ” คนรักบอกอย่างเร่งรีบ คนขับรถคงรออยู่ที่ลานจอดรถคอนโดเหมือนเคย

            “อืม ไปทำงานดีๆ” ฉันทัชไม่แม้แต่จะหันไปมอง เขาตอบทั้งที่ยังเช็ดจานตรงหน้าให้แห้ง

            คนที่มาไวไปไว เดินมุ่งหน้าไปที่ประตู หางตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างวางอยู่บนโต๊ะอาหาร ร่างของชายหนุ่มหยุดชะงัก สายตาจับจ้องอยู่ที่ดอกกุหลาบสีแดงช้ำดูเปราะบางพร้อมจะร่วงโรยทันทีหากเอื้อมมือไปจับมัน

            ปาณัสม์หลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแล้วหยิบโทรศัพท์มาดูวันที่ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางเดินไปยังห้องครัวแทน เห็นร่างคนรักกำลังยืนอยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มสวมกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลังพร้อมกับกดจมูกที่แก้มขาวนวล

            ฉันทัชสะดุ้งเล็กน้อยเพราะคิดว่าอีกฝ่ายออกไปแล้ว

            “ไม่เอา ตัวเหม็น ยังไม่ได้อาบน้ำ” คนพูดกระเถิบตัวหนีพลางลูบแก้มที่ถูกชนด้วยกรอบแว่นของคนรัก

            “ไม่เห็นเป็นไร...ไปละ” ปาณัสม์บอกพร้อมกับวางมือแปะลงบนศีรษะของฉันทัช

            “อืม”

            เสียงปิดประตูบ่งบอกว่าอีกคนได้ออกไปแล้ว ฉันทัชเองก็เช็ดจานเสร็จแล้วเช่นกัน จังหวะที่จะเก็บจานลงในลิ้นชัก สายตาก็เห็นดอกกุหลาบปาณัสม์คงหยิบมาวางไว้ตรงนี้

            ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมาพินิจดูอย่างช้าๆ ก่อนจะปล่อยมันลงในถังขยะอย่างไม่ใยดี เขาพาตัวเองเข้าไปในห้องนอน เพียงพ้นประตู ขาซ้ายก็ปะทะเข้ากับเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งบนพื้น มันเป็นเรื่องปกติที่อีกฝ่ายไม่เคยถอดเสื้อผ้าให้ลงตะกร้าผ้า

            ‘เช้านี้ถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้วนะ?’

            เขาก้มลงเก็บเสื้อผ้าไปไว้ในที่ที่มันควรอยู่ก่อนจะไปทำธุระส่วนตัวของตัวเองในห้องน้ำบ้าง ใช้เวลาอาบน้ำอยู่นานจึงกลับออกมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น สมองเริ่มปลอดโปร่ง เขาเดินไปห้องที่ติดกับห้องนอน ภายในห้องมีโต๊ะตัวใหญ่ตั้งอยู่บนนั้นมีหนังสือวางซ้อนกันอยู่มากมาย ผนังห้องมีชั้นหนังสือที่กินพื้นที่ความยาวของผนังและบนชั้นยังมีหนังสือเต็มชั้น

            ฉันทัชนั่งลงบนเก้าอี้ตัวโปรด เท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างมองเห็นรถติดอยู่บนทางด่วนหรือบนสะพานในหลายๆ เส้นทาง

            วันนี้รถไฟฟ้าเสียหรือเปล่านะ เขาไม่แน่ใจเพราะไม่ได้โดยสารมันมานานหลายปี

            แต่ละคนต่างก็มีหน้าที่กันทั้งนั้น เขาเองก็เช่นกัน

            ชายหนุ่มถอนหายใจเป็นรอบที่ล้านแปดและคิดว่าตนเองต้องเริ่มลงมือทำงานเสียที มือขาวหยิบปากกาขึ้นมาขีดฆ่าวันที่ของเมื่อวานทิ้งก่อนจะมองวันที่อย่างพอใจ


            สิบห้า กุมภาพันธ์





======================

โทนอาจจะมาหม่นๆ หน่อย แต่มันไม่เศร้าเน้อ



 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก บทนำ+ ภาคที่ 0.5 After Credit is not End Credit 30/08/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 30-08-2018 13:31:14

ภาคที่ 0.5 After Credit is not End Credit

           
ปาณัสม์เปิดประตูเข้ามานั่งทางด้านหลังในรถยนต์หรูอย่างรวดเร็ว เขาเสียเวลาไปมากแล้วถ้ายังออกสายไปกว่านี้คงจะถึงออฟฟิซประมาณสิบโมงเป็นแน่ ช่วงเช้าเขามีประชุมบอร์ดผู้บริหาร ชายหนุ่มไม่อยากให้ผู้ใหญ่หลายท่านต้องรอ

“เมื่อคืนค้างที่ออฟฟิซอีกแล้วเหรอครับคุณปาล” ลุงชมเอ่ยถามแม้ว่าอายุของคนถามจะไม่น้อยแล้วแต่ร่างกายยังคล่องแคล่วอยู่ มือที่เริ่มเหี่ยวเปลี่ยนเกียร์แล้วขับออกไปจากบริเวณนั้นทันที

“ครับ กว่าจะสรุปตัวเลขกับรายงานต่างๆ เสร็จ ก็ตีห้าแน่ะ ผมเลยให้ชัดกลับไปพักก่อน สายๆ ค่อยตามเข้ามา” ปาณัสม์เอื้อเฟื้อใจดีกับคนในบ้านเสมอ ยิ่งกับลูกชายลุงชมหรือชัดเจนที่เติบโตมาด้วยกันแล้ว ยิ่งมีน้ำใจมากขึ้นไปอีก

“ถึงว่า...เจ้าชัดให้ลุงออกมารับคุณปาลแต่เช้า พักผ่อนน้อยแบบนี้ระวังร่างกายจะไม่ไหวเอานะครับ” ลุงชมบอกด้วยความเป็นห่วง เขาเห็นเจ้านายคนนี้ตั้งแต่เกิดกระทั่งเติบใหญ่ อย่างไรก็รักและห่วงเหมือนลูกหลานอีกคน

“ผมยังไหวน่า แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกลุงชม” ชายหนุ่มตอบขณะดันกรอบแว่นให้สูงขึ้น

“คุณเทมส์ไม่บ่นเอาแย่หรือครับ” ลุงชมถามถึงอีกคน

“เทมส์? บ่น? บ่นอะไรครับ” ปาณัสม์เงยหน้าจากมือถือมาสบตากับลุงชมผ่านทางกระจกหลังด้วยความไม่เข้าใจ

“ก็คุณปาลห่วงแต่งานไม่ค่อยมีเวลาให้ ระวังเธอจะน้อยใจนะครับ” ลุงชมพูดพลางกลั้วหัวเราะ

“ไม่งอนหรอกครับ คบกันมาตั้งกี่ปีแล้วถ้าเรื่องแค่นี้ยังแยกแยะไม่ได้ก็น่าเบื่อเกินไปนะครับลุง” ปาณัสม์ตอบลุงชมอย่างเหนื่อยหน่าย

“แหม้ แต่เมื่อวานเป็นวันวาเลนไทน์ไม่ใช่หรือครับคุณปาลอย่างน้อยก็น่าจะพาเธอไปข้างนอก”

“จริงด้วย ผมลืมสนิทเลย” ในใจชายหนุ่มกลับหวนคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่เขาจะออกมาจากห้อง

‘ดอกกุหลาบดอกนั้น ฉันทัชตั้งใจจะให้เขาหรือเปล่า’

“วันนี้ก็พาไปทานข้าวเสียหน่อยสิครับ เปิดหูเปิดตาบ้าง คุณเทมส์เธอคงดีใจเธอชอบไปเจอผู้คนไม่ใช่หรือครับ” ปาณัสม์โคลงหัวไปกับคำแนะนำของลุงชม

ฉันทัชคบกับเขานานเป็นสิบปี นานจนกระทั่งคนรอบข้างต่างพากันรู้นิสัยเจ้าตัวกันหมด

“ผมจะลองเก็บไปคิดดู ขอบคุณนะครับลุงชม”

ถึงจะบอกแบบนั้น แต่สุดท้ายปาณัสม์ก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องประชุมใหญ่ของบริษัท

“ได้ยินจากเจ้าชัดว่าแกเพิ่งออกจากออฟฟิซตอนตีห้า ค้างที่บริษัทอีกแล้วเหรอ มันเปลืองไฟรู้ไหม” ศรารัณหรือปอนด์ พี่ชายของปาณัสม์ที่อายุมากกว่าสี่ปีแซวขึ้นจากหัวโต๊ะประชุมเมื่อปาณัสม์นั่งลงทางด้านซ้ายมือของเขา

“พูดเหมือนลุงชมเป๊ะ ไอ้ชัดมันบอกครบทุกคนเลยมั้ง” ปาณัสม์พูด น้ำเสียงฟังดูก็รู้ว่าไม่ได้พูดจริงจังอะไรนัก นอกจากแซวเล่นในหมู่คนสนิท

“ใช่หรือเปล่า” พี่ชายหรี่ตาลงพลางถามซ้ำเพราะยังไม่ได้คำตอบ

“อืม”

“พักบ้างนะเว้ย ไม่อยากให้เทมส์เป็นม่าย” ศรารัณเตือนน้องชายด้วยความหวังดีหรือแท้จริงแล้วห่วงฉันทัชหรือเปล่าก็ไม่รู้แน่

“อีกคนแล้ว” ปาณัสม์มุ่ยหน้า เช้านี้ใครๆ ก็ต่างพูดถึงฉันทัช

“อะไรอีกคนแล้ว”

“เมื่อเช้าลุงชมก็พูดแบบนี้”

“เหรอ บังเอิญจริงๆ” ศรารัณหัวเราะที่ใจตรงกันกับลุงชม

“เทมส์สบายดี ไม่ทุกข์ร้อนอะไรหรอกพี่ วันๆ ทำแต่หน้าเดิม จนผมไม่รู้แล้วว่าเทมส์คิดอะไรในใจ”

“ก็แกบ้างานเกินไป งานน่ะรักมันได้ แต่ยังไงครอบครัวก็สำคัญกว่า” พี่ชายตบบ่าน้องชาย

“ผมอยากให้บริษัทเราเติบโตกว่านี้”

“แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ” ศรารัณเลิกคิ้วพลางถามน้องชาย

“มันยังไปได้อีก พี่ก็รู้”

“พี่รู้ แต่ถ้าบริษัทเติบโตยิ่งใหญ่ แต่ข้างกายแกกลับไม่มีใครเลย จะโอเคใช่ไหม อยากได้แบบนั้นหรือไง”

ปาณัสม์ไม่ตอบ เขาเปิดแฟ้มรายงาน กวาดสายตาอ่านคร่าวๆ อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าการประชุมก็จะเริ่มขึ้น

“อย่าทำงานหนักเหมือนป๊าเลย ไม่เห็นเหรอว่าแม่น่าสงสารแค่ไหน ที่พูดน่ะไม่ได้อยากให้เครียด แต่อยากให้คิดนะไอ้น้องชาย”

“ครับ” ปาณัสม์ตัดบทด้วยคำๆ เดียวและศรารัณรู้ตัวว่าเขาควรจะพอเพียงเท่านี้

“เอ้อ..เกือบลืม” แต่ไม่ทันไรศรารัณก็พูดขึ้นมาอีก

“อะไรอีกพี่ปอนด์” น้องชายเริ่มหงุดหงิดเพราะเขาอ่านกระดาษตรงหน้าไม่รู้เรื่อง

“แม่บอกให้แกพาเทมส์ไปที่บ้านบ้าง แม่คิดถึง”

“ครับ”

“อ้อ...อีกอย่างหนึ่ง” ศรารัณยังไม่หมดเรื่องที่จะพูด

“พี่ปอนด์!” ปาณัสม์หน้าหงิก มองพี่ชายด้วยสายตาไม่พอใจผ่านแว่น

“น้องปัณณ์บอกว่าคิดถึงอาปาลกับอาจันทร์ม๊ากมาก” พี่ชายทำเสียงเลียนแบบลูกสาวออกมาลากเสียงคำว่ามากออกมาอย่างไม่ผิดเพี้ยนสร้างรอยยิ้มให้ผู้เป็นอาไม่น้อย

“วันนี้พี่ไปรับน้องปัณณ์เองหรือเปล่า” ศรารัณพยักหน้าตอบว่าใช่

“เดี๋ยวเย็นนี้ผมไปรับน้องปัณณ์กับพี่ด้วย” ปาณัสม์บอก เขารู้สึกอารมณ์ดี สีหน้าผ่อนคลายทันทีที่ได้ยินชื่อหลานสาว น้องปัณณ์หรือเด็กหญิงศราลักษณ์วัยเจ็ดขวบ

“แล้วเทมส์ล่ะ?” ผู้เป็นพี่ชายถามถึงอีกคน

“วันหลังเถอะ เริ่มประชุมแล้ว” ปาณัสม์ตัดบทอีกครั้งเพราะตอนนี้ผู้เข้าร่วมประชุมมากันครบแล้ว แซนด์วิชที่คุณเกศสิรีเตรียมไว้ให้ เขาก็ไม่มีโอกาสจะได้แกะมันออกมากินเพราะพี่ปอนด์คนเดียว มัวแต่ชวนคุย

‘รู้อย่างนี้กินข้าวที่บ้านมาก่อนก็ดี’

.

.

จวนเที่ยงการประชุมจึงสิ้นสุดลง ปาณัสม์หิวไส้แทบขาด ชัดเจนที่ถูกไล่กลับไปเมื่อเช้าก็มาถึงที่ประชุมตามหลังเขาไม่นาน เด็กนี่ดื้อจริงๆ บอกให้นอนพักผ่อนก่อนตอนบ่ายค่อยตามมายังไม่ยอมฟังกันอีก ถึงจะบอกว่าเด็กแต่ชัดเจนอายุน้อยกว่าเขาแค่สามปีเท่านั้นเอง

“คุณปอนด์กับคุณปาลอยากไปกินข้าวที่ไหนหรือเปล่าครับ” ชัดเจนถามขึ้นหลังจากเดินออกมาจากห้องประชุม

“อยากกินสุกี้ตรงร้านนั้นอะ นั่งรถผ่านมาหลายวันยังไม่ได้ไปลองสักที” ศรารัณพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นเหมือนคนได้ของเล่นใหม่

“ไปกินที่ห้องดีกว่า มันเสียเวลาพี่ปอนด์” ปาณัสม์ขัดพี่ชาย

“ไม่เอา ไม่อยากอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม ปาลไปกินเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ ชัดด้วย คุณสิด้วยนะครับ ไปกันเยอะๆ” พูดถึงเรื่องงานแล้วศรารัณค่อนข้างเคร่งขรึม เด็ดขาดไม่แพ้น้องชาย หากหลุดโหมดผู้บริหารเมื่อไหร่ ชายหนุ่มก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีภรรยาและลูกสาวที่น่ารัก

“พี่ปอนด์ ผมบอกว่ามันเสียเวลา”

“ไปเถอะครับคุณปาล ไม่นานเท่าไหร่หรอกน่า ทานอาหารดีๆ บ้าง เมื่อเช้ายังไม่ได้กินอะไรมาไม่ใช่เหรอ” ชัดเจนช่างสังเกต เรื่องนี้ปาณัสม์รู้ดี

“สิขอสนับสนุนคุณชัดอีกเสียงค่ะ” เกศสิรียกมือสนับสนุนเสียงข้างชัดเจน

“สามต่อหนึ่ง แกแพ้แล้วปาล”

“เออ ก็ได้ กินเร็วๆ นะ” ปาณัสม์บ่น ชายหนุ่มทำหน้ายุ่งที่ถูกขัดใจ เช้านี้เขาเข้าประชุม งานที่ค้างยังไม่ได้แตะเลย

ถึงจะหน้ามุ่ยแค่ไหน แต่ร้านสุกี้ที่ศรารัณอยากลองทานนั้นก็รสชาติดี จนปาณัสม์เริ่มผ่อนคลาย เมื่อมีอาหารตกถึงท้อง อารมณ์ก็พลอยดีตามไปด้วย จังหวะที่เขาคีบเกี๊ยวกุ้งเข้าปากใจก็นึกถึงอีกคนที่อยู่คอนโด

‘จะแปลงานเพลิน จนลืมกินข้าวหรือเปล่า’

เพียงหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความไปหาคนที่คิดถึงคงไม่ยากเท่าไหร่แต่ปาณัสม์กลับไม่รู้สึกอยากทำ โตๆ กันแล้วคงจะรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ

“เหม่ออะไร กินต่อสิเดี๋ยวหมดนะเว้ย” ศรารัณพูดทำลายภวังค์น้องชาย

“เอ้า แว่นขึ้นฝ้าหมดแล้ว ถอดเก็บก่อนไหมล่ะเจ้าปาล” พี่ชายกระทุ้งศอกใส่แขนปาณัสม์ ทำให้ตะเกียบในมือร่วงลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง น้องชายหันไปมองพี่ชายด้วยสายตาดุก่อนที่ชัดเจนจะแก้ปัญหานี้โดยการเรียกพนักงานมาแล้วขอตะเกียบคู่ใหม่

ปาณัสม์ถอดแว่นออกมาเช็ดฝ้าให้หมดก่อนจะพับเก็บวางไว้บนโต๊ะ

“อย่าลืมเตือนให้หยิบแว่นกลับด้วยล่ะ” ชายหนุ่มบอกพี่ชาย

“เออ ไม่ลืมหรอกน่า” ศรารัณรับปาก

“เอ๋ ถอดแว่นแล้วบอสจะมองเห็นหรือคะ” เกศสิรีสงสัย ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมายังไม่เคยเห็นปาณัสม์ถอดแว่น

“เห็นสิ นี่กี่นิ้ว น้องปาล” ศรารัณตอบแทนพลางชูนิ้วถามน้องชาย

“เล่นเป็นเด็ก” ปาณัสม์ปัดมือพี่ชายทิ้ง

“ก็คนมีลูก ไม่ทำตัวเด็กตามลูกแล้วจะให้ทำตามใคร” ศรารัณเถียง

“น้องปัณณ์ทำน่ะน่ารัก แต่พี่น่ะ...” ปาณัสม์ไม่พูดต่อ ให้พี่ชายเติมคำลงในช่องว่างเอาเอง

“ไม่เล่นด้วยก็ได้” ศรารัณบ่นเล็กน้อยก่อนแล้วหันไปบอกเกศสิรี

“บอสของคุณสิมองเห็นครับ ถ้าจะสั้นก็คงสั้นแค่ห้าหรือสิบเองมั้ง”

“เพิ่งรู้เลยนะคะ แล้วบอสใส่แว่นทำไมคะ”

“ผมไม่ก็รู้มันเหมือนกัน” ศรารัณบอก

“แว่นกรองแสง เวลาอยู่หน้าคอมฯ จะได้ถนอมสายตา” ปาณัสม์ตอบให้หญิงสาวคลายความสงสัย

“บอสไม่ใส่แว่นดูแปลกตาดีค่ะ”

“แปลกยังไง” ชายหนุ่มถาม

“ไม่รู้สิคะ ไม่ชินตาล่ะมั้ง” เกศสิรีไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมา แล้วเปลี่ยนเรื่องสนทนา

“ร้านนี้สิเดินผ่านหลายครั้ง กลิ่นหอมเตะจมูกมากแต่ไม่เคยเข้ามาเลย”

“ทำไมล่ะครับ” ศรารัณถามหญิงสาว

“ทานสุกี้ต้องทานกันหลายๆ คนสิคะถึงจะอร่อย” เธอตอบพลางยิ้มหวาน

“จริงด้วยครับ ผมชอบบรรยากาศที่คนในครอบครัวล้อมวงกินสุกี้กัน อร่อยมาก” ศรารัณคนรักครอบครัวบอกอย่างมีความสุข

“คุณปอนด์นี่เป็นแฟมิลี่แมนสุดๆ เลยนะคะ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่บอสของสิจะเป็นแฟมิลี่แมนกับเขาบ้าง” เกศสิรีเอ่ยชมคนพี่แล้วเอ่ยแซวปาณัสม์

“คนบ้างานอย่างปาล คงยากหน่อยครับ” ศรารัณนินทาน้องชายระยะเผาขน

“แฮ่ม” ปาณัสม์ส่งเสียงบอกพี่ชายให้รู้ว่าเขายังนั่งอยู่ตรงนี้

“คุณปอนด์พูดถูกแล้วครับ ยังไงคุณปอนด์บอกคุณปาลบ้างสิครับให้พักผ่อนเยอะๆ หน่อย ผมจะได้พักบ้าง” ชัดเจนขอร้องเจ้านายอีกคน

“ไอ้ชัด!” ปาณัสม์ดุน้องชายต่างสายเลือด นี่ทุกคนกำลังรวมหัวกันบ่นเขาใช่ไหม

“พี่ก็อยากช่วยนะชัด แต่ดูมันสิดุอย่างกับหมา” ศรารัณบุ้ยหน้าไปทางคนที่พูดถึง

“...” ดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าข้างปาณัสม์จริงๆ ทุกคนส่งเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

“กลับไปจะตัดเงินเดือนให้หมด” ชายหนุ่มขู่

“โหดจริงจริ๊ง ตัดเงินเดือนพี่ชายคนนี้ด้วยไหม” ศรารัณยังคงแซวน้องชายต่อไป

“ของพี่ปอนด์ ผมคงทำไม่ได้หรอก แต่ผมจะไปบอกน้องปัณณ์ว่าพ่อปอนด์แกล้งอาปาล” ปาณัสม์งัดไม้ตายออกมาใช้กับพี่ชายด้วยสีหน้าเป็นต่อ

“อย่านะปาล อย่าทำอย่างนั้นพี่ไม่แกล้งแล้ว อย่าบอกน้องปัณณ์นะพี่กลัวแล้ว” ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ปาณัสม์ก็รู้ไส้รู้พุงพี่ชายเป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายกลัวน้องปัณณ์โกรธตัวเองยิ่งกว่าสิ่งใด

เขาถือไพ่เหนือกว่าเพราะน้องปัณณ์รักอาปาลมาก ใครทำให้อาปาลกับอาจันทร์เสียใจน้องปัณณ์จะโกรธทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งพ่อปอนด์

“ขอโทษนะ ผมคงช่วยคุณสองคนไม่ได้เพราะตัวผมเองกำลังตกที่นั่งลำบาก” ศรารัณทำเสียงเศร้าแสดงละคร สบตากับชัดเจนและเกศสิรีแล้วเอ่ยขอโทษ

“ถ้าอย่างนั้นมื้อนี้บอสก็เลี้ยงพวกเราก่อนตัดเงินเดือนนะคะ” หญิงสาวยิ้มแย้มบอกอีกฝ่าย ไร้ความกลัว

“เตรียมใจกันไว้ด้วยล่ะ” ปาณัสม์พูดแกมขู่ไปอย่างนั้นเอง ทุกคนต่างพากันรู้ว่าเขาไม่ได้คิดจะทำจริง แต่อย่างไรมื้อนี้เขาก็เป็นคนจ่ายอย่างที่เกศสิรีพูด

“เป็นบุญของไอ้ปอนด์ ที่น้องปาล อุตส่าห์เลี้ยง” พี่ชายลูบพุงที่ยังไม่ค่อยมีนั้นเบาๆ สีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความดีใจ ส่วนชัดเจนและเกศสิรีนั้นยกมือไหว้พากันขอบคุณ

.

.

ในช่วงบ่ายปาณัสม์กระดกกาแฟดำไปอีกสองแก้วถ้วน เกศสิรีทำหน้าแหยเมื่อเห็นบอสยกน้ำดำลงคอรวดเดียวโดยไม่เกรงใจความร้อนของน้ำที่ผ่านคอไปเลยแม้แต่น้อย ดีที่เธอเรียนรู้มาแล้วกาแฟต้องชงมาไม่ร้อนจนเกินไปพร้อมที่จะดื่มได้เลยทันทีเนื่องจากปาณัสม์ไม่ชอบเสียเวลารอ

เธอเบ้หน้าตอนขออนุญาตเก็บแก้วกาแฟเปล่าพลางถามว่าอีกฝ่ายจะรับอีกหรือไม่ ปาณัสม์เงยหน้าจากงานมาตอบปฏิเสธจึงเห็นสีหน้าของเลขาสาว

“ทำหน้าแบบนี้ เป็นอะไร”

“เปล่าค่ะ สิแค่สงสัยว่าบอสไม่ขมบ้างเหรอคะ”

“อะไรขม”

“กาแฟน่ะสิคะ มีแต่ผงกาแฟล้วนๆ ถ้าเป็นสิคงดื่มไม่ได้แน่นอน”

“เมื่อก่อนผมก็ไม่ดื่มขนาดนี้หรอกแต่มันเพิ่มระดับเอง อ่อนกว่านี้ไม่ได้ผลร่างกายมันดื้อด้าน”

“อ้อ...ค่ะ ถ้างั้นสิขอตัวนะคะ”

“อืม เดี๋ยวบ่ายสามผมจะออกไปข้างนอกไม่กลับเข้ามาแล้ว”

“รับทราบค่ะ” เกศสิรีรับคำแล้วเดินออกจากห้องไป

ปาณัสม์เห็นแก้วกาแฟเปล่ายังวางอยู่ที่เดิม เกศสิรีไม่ได้หยิบออกไปหรือนี่? แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวนึกขึ้นได้คงเข้ามาเก็บเองหรือไม่ก็เป็นแม่บ้าน เขามองแก้วกาแฟที่เลอะคราบดำตรงขอบแก้วแล้วนึกถึงอีกคน



“ดูสิ กาแฟดำ ขมปี๋ ปาลดื่มเข้าไปได้ยังไง” ฉันทัชทำหน้าเหยเกไม่ต่างกับเกศสิรีเมื่อสักครู่

“จันทร์ไม่ดื่มกาแฟแบบไหนก็ดื่มไม่ได้อยู่แล้ว”

“ถึงไม่ดื่มแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เคยดื่มนี่นา จันทร์เคยกินมาหมดแล้ว ลาเต้ มอคค่า อะไรเทือกนี้น่ะ แค่ไม่ชอบเท่านั้นเอง”

“...” ปาณัสม์มองอีกฝ่ายนิ่ง

“ยิ้มแบบนั้นทำไม” ฉันทัชร้อนตัวกับปฏิกิริยาของคนตรงหน้า

“ยิ้มไม่ได้หรือไง”

“หน้าจันทร์มีอะไร แบบนี้ไม่น่าไว้ใจ” ฉันทัชระแวง ยกมือจับหน้าตัวเอง

“จันทร์ทำหน้าแบบนี้แล้วน่ารักดี ปาลเลยมอง ไม่ได้หรือไง”

ปาณัสม์ยังจำหน้าเหวอของฉันทัชได้ดี เขาหัวเราะขำอีกฝ่าย สุดท้ายอดทนไม่ไหวเลยต้องดึงฉันทัชเข้ามาจูบด้วย

ความหมั่นเขี้ยว แต่ก็ถูกผลักออกแทบจะทันที เขาตกใจเล็กน้อยเพราะคิดว่าอีกฝ่ายรังเกียจ แต่พอเห็นสีหน้าฉันทัชก็พอเข้าใจ

“มันขมอะ” ฉันทัชอ้อมแอ้มตอบ



ปาณัสม์สลัดศีรษะแรงๆ ทีหนึ่งเพื่อดึงสติกลับมาที่งานตรงหน้าเขาไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ กลัวว่าจะอดไปรับน้องปัณณ์กับพี่ชาย

.

.

“คุณพ่อปอนด์ขา” เด็กหญิงในชุดนักเรียนหน้าตาสดใส ดวงตากลมโต แก้มแดง ผมดกดำที่ถักเปียสองข้าง ส่งเสียงเจื้อยแจ้วทันทีที่เห็นบิดาเดินเข้ามาในเขตรั้วโรงเรียนประถม

เด็กหญิงศราลักษณ์กระโดดกอดเอวพ่อจนกระโปรงบานเกือบเปิดออก ผู้เป็นบิดารีบตะครุบชายกระโปรงนั้นได้ทัน

“ระวังหน่อยสิลูก กระโปรงเกือบเปิดแล้ว” ศรารัณบอกบุตรสาว

“คราวหน้าหนูจะระวังค่ะ” น้องปัณณ์รีบรับคำไร้การโต้เถียง

“วันนี้พ่อไม่ได้มารับหนูคนเดียวนะ”

“เอ๋? ใครคะ อย่าบอกนะคะ...อาจันทร์.. อาจันทร์ใช่ไหมคะพ่อ” เด็กหญิงรีบรัวเท้าด้วยความตื่นเต้น ดวงตาสุกใสเป็นประกาย

“โห เราอุตส่าห์มาหา แต่เด็กแถวนี้กลับคิดถึงแต่อาจันทร์คนเดียว อาปาลน้อยใจนะเนี่ยกลับบ้านไปร้องไห้ดีกว่า” ชายหนุ่มเดินตามมาทีหลังจึงได้ยินเสียงหลานสาวพอดี เขาย่อตัวลง ทำเสียงที่แสดงออกมาว่าเสียใจนักหนากับหลานสาว

“ไม่น้อยใจนะคะอาปาล” น้องปัณณ์ผละจากเอวของบิดาเปลี่ยนเป้าหมายเป็นร่างของอาปาลทันที เด็กหญิงยกมือลูบศีรษะอาปาล อย่างที่บิดาหรือมารดาของเธอทำเวลาที่เสียใจ

“ปกติอาปาลจะมากับอาจันทร์นี่นา หนูเลยคิดว่าถ้าอาจันทร์มาอาปาลก็ต้องมาแน่นอน” เด็กหญิงวัยเจ็ดขวบพยายามปลอบใจผู้เป็นอา ดึงแว่นออกมาจากใบหน้าของอาหนุ่มแล้วหอมแก้ม

“อาไม่น้อยใจหนูแล้วค่ะ ว่าไงคะ คิดถึงอาปาลไหม”

“คิดถึงค่ะ คิดถึงม๊ากมาก” เด็กหญิงทำเสียงเหมือนกับบิดาตอนที่บอกเขาในห้องประชุมไม่ผิดเพี้ยน

“อาก็คิดถึงหนูม๊ากมาก”

“แล้วอาจันทร์ไม่มาเหรอคะ” น้องปัณณ์ชะโงกมองข้ามไหล่คุณอาออกไปทางประตูโรงเรียน พลางมองซ้ายมองขวาแต่ไม่เจอร่างคนที่พูดถึง

“ไม่มาค่ะ อาจันทร์อยู่บ้าน”

“อาปาลใจร้ายไม่พาอาจันทร์มาด้วย”

“ไว้วันหลังอาปาลจะพาอาจันทร์ไปหาดีไหมคะ”

“ดีค่ะ พามาหาหนูพรุ่งนี้เลยนะคะ”

“อาไม่รับปากนะคะ” ปาณัสม์ไม่เคยโกหกหลานหรือให้ความหวัง ถ้าเขาไม่แน่ใจเขาจะไม่รับปากเด็ดขาดและ ศราลักษณ์ก็ดูเหมือนจะเข้าใจได้เป็นอย่างดี

“หนูจะรอค่ะ”

“คนเก่งของอา” ปาณัสม์ลูบศีรษะหลานสาวด้วยความเอ็นดู ไม่หลงเด็กน้อยคนนี้แล้วจะให้เขาไปหลงหลานสาวบ้านไหน

“กลับบ้านกันเถอะ” ศรารัณบอกทั้งคู่ ปาณัสม์ลุกขึ้นยืนไม่ลืมที่จะอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาด้วยทำให้ตอนนี้ทั้งสามคนอยู่ในระดับความสูงสายตาเดียวกัน

“แวะกินไอติมด้วยนะคะพ่อปอนด์” เด็กหญิงกำลังออดอ้อน ศรารัณอยากจะใจอ่อนทว่าวันนี้ชลพิกา ภรรยาของเขากำชับมานักหนาว่าให้รีบกลับบ้าน

“วันหลังนะคะ วันนี้คุณแม่ให้รีบกลับบ้านค่ะ” เด็กหญิงหน้าเศร้านิดหนึ่งเมื่อได้ฟังคำตอบแต่เธอก็พยักหน้าเข้าใจ

“เก่งมากค่ะ” ศรารัณเอ่ยชมบุตรสาวพลางเอื้อมไปรับร่างของลูกสาวมาอุ้มเอง

“แล้วแกจะไปที่บ้านด้วยกันไหม”

“ไม่ล่ะเดี๋ยวไปกับไอ้ชัดต่อ”

“กลับคอนโด?”

“เปล่า” ชายหนุ่มยิ้มอย่ามีเลศนัย

ศรารัณรับฟังแล้วส่ายหน้า ไม่อยากพูดถึงอีกคนออกมาต่อหน้าบุตรสาวเพราะเด็กมักจะจับความรู้สึกได้ค่อนข้างไว

เขาจึงเลี่ยงไปว่า “รีบกลับบ้านด้วยล่ะ”

“ครับ” ปาณัสม์บอกแล้วชะโงกหน้าไปหอมแก้มหลานสาว

“ขอแว่นอาคืนด้วยค่ะ อาไปก่อนนะคะ”

“บ๊ายบายค่ะ มาหาหนูอีกนะคะอาปาล” ศราลักษณ์โบกมือจนแทบหักกระทั่งผู้เป็นอาหายไปจากบริเวณโรงเรียน หญิงสาวจึงหันไปกอดคอคุณพ่อ

“กลับบ้านไปหาคุณแม่กันค่ะ”

แล้วใครเล่า จะไม่รักเด็กคนนี้

.

.

“กลับบ้านเลยไหมครับคุณปาล” ชัดเจนถามเมื่อปาณัสม์ขึ้นมานั่งในรถยนต์เรียบร้อยแล้ว

“ยัง เพิ่งหัววันเอง”

“เมื่อคืนคุณปาลไม่ได้นอน กลับไปพักดีกว่าไหมครับ” ชัดเจนบอกด้วยความเป็นห่วง

“ซัดกาแฟไปสองแก้วตอนนี้ดีดเลย ตาสว่างโคตรๆ หรือนายง่วง? จะกลับไปพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวฉันขับรถกลับเอง” ปาณัสม์ทำเสียงสดชื่นราวกับได้นอนมาทั้งคืน โดยไม่ลืมนึกถึงอีกฝ่าย

“เปล่าครับ ผมได้นอนพักมาบ้างแล้ว แต่ผมว่าคุณปาลควรจะพัก” ชัดเจนหันกลับมาพูดกับเจ้านาย

“พักก็ได้” ปาณัสม์ยกมือยอมแพ้ก่อนจะลงจากรถแล้วมานั่งเบาะหน้าข้างคนขับแทน

“มานั่งตรงนี้ทำไมครับ” ชัดเจนขมวดคิ้วถาม

“นี่ไง นอน” ชายหนุ่มยิ้มขณะปรับเบาะเอนจนสุด

“ผมหมายถึงไปนอนที่คอนโดต่างหาก” ชัดเจนส่ายหน้ากับพี่ชายร่วมบ้าน พอพูดประโยคถัดมาชัดเจนกลับลดเสียงลงด้วยความเกรงใจ “คุณเทมส์จะได้ไม่เป็นห่วง”

“เขาไม่ห่วงกูหรอก” ปาณัสม์ตอบพลางหลับตาลงตัดบทไม่อยากคุยต่อ ชัดเจนอยากจะถามต่อว่าคุณปาลรู้ได้อย่างไรว่าคุณเทมส์ไม่ห่วง

“เดี๋ยวผมขับไปหาที่จอดดีๆ แล้วค่อยพักนะครับ” ปาณัสม์เลือกไม่ตอบ ชัดเจนเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มจึงขับรถออกไป


==============================

คุยกันเล็กน้อยค่ะ
เรื่องนี้เป็นโรแมนติกดราม่า (มั้ง?)  ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น
โทนของเรื่องจะเป็นสีเทาหม่นทั้งเรื่องไหม? --- ไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้นค่ะ

เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขมอยากเล่าถึงความสัมพันธ์ที่รักกันหลังจากตอนจบเวลาที่เราดูละครหรือดูหนัง
หลายคู่ไม่ได้แฮปปี้ ไม่ได้มีความสุขเหมือนรักกันใหม่ๆ อย่างเช่นคู่นี้ค่ะ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเขาไม่รักกัน

บางครั้งที่เรามองคนข้างกายแล้วคิดว่า เราจะไปต่อหรือหยุดนั่นแหละค่ะ คือจุดเริ่มต้นของความคิดและ
จะเป็นสิ่งที่ผลส่งผลการกระทำในวันข้างหน้า

ทั้งที่อยากแต่งเรื่องแนวนี้ แต่ยอมรับว่าตอนแต่งกลับหดหู่เลย
และหวังว่าจะสื่อความรู้สึกและอารมณ์ของตัวละครให้คนอ่านทุกท่านได้เข้าใจ


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก ไปคุยกันในทวิตได้น้า

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

Twitter (https://twitter.com/khemmakan) และ Facebook (https://www.facebook.com/akanae14)
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก บทนำ+ ภาคที่ 0.5 After Credit is not End Credit 30/08/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-08-2018 17:30:18
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก บทนำ+ ภาคที่ 0.5 After Credit is not End Credit 30/08/2561
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 31-08-2018 06:52:54
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก บทนำ+ ภาคที่ 0.5 After Credit is not End Credit 30/08/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 31-08-2018 08:19:57
 :เฮ้อ:

อึมครึมมาเลย
มีความรู้สึกคล้ายๆแบบนี้ตอนที่อ่านนิยายเรื่อง The wedding ของ Nicholas Sparks
ความรักที่ผ่านเวลามานาน ทำให้เกิดการละเลย คิดไปว่าอีกฝ่ายต้องเข้าใจ
ฮื่อ รู้สึกเศร้า

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก บทนำ+ ภาคที่ 0.5 After Credit is not End Credit 30/08/2561
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 31-08-2018 12:40:59
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก บทนำ+ ภาคที่ 0.5 After Credit is not End Credit 30/08/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 31-08-2018 19:56:20

ภาค 1 After Credit is not End Credit




เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของฉันทัชดังขึ้นบนโซฟาที่ตั้งอยู่หน้าโทรทัศน์ เขาพาร่างตนเองจากในครัวมาตามเสียงนั้น พอเห็นว่าเป็นสายของใคร มุมปากของเขายกยิ้ม ไม่บ่อยนักที่เขาจะแสดงอาการเช่นนี้ก่อนจะกดรับ

“ซาหวัดดี” ฉันทันกรอกเสียงยานคานทักทายคนโทรมา

“พูดแบบนี้หลับเลยดีกว่า คนยิ่งกำลังง่วงๆ อยู่ด้วย”

“งานยุ่งเหรอ ได้พักบ้างหรือเปล่า” ฉันทัชถามอย่างเป็นห่วง

“อืม เพิ่งได้พักนี่แหละ เดินขาแข็งไปหมด” คนพูดทุบขาของตัวเองเบาๆ หวังว่าจะบรรเทาอาการปวด

เมื่อยลงได้บ้าง

“เลิกกี่โมง ให้ไปรับไหม”

ฉันทัชได้ยินเหมือนน้ำเสียงสะบัดไม่เชื่อคำพูดของเขา

“อะไร ไม่เชื่อหรือไง” เขาเลยถามกลับไป

“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บอกจะมารับ”

“ไปได้นะ ไปได้จริงๆ ไม่งอนได้ไหม” ฉันทัชกำลังง้อ

“ต่อให้มาได้ ครั้งนี้ก็มารับไม่ได้หรอก อยู่ฮ่องกงน่ะ”

“อ้าว ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นรู้เลย”

“งานด่วนกะทันหัน” ฉันทัชเหมือนได้ยินอีกฝ่ายดูดน้ำไปพักหนึ่งแล้วกลับมาพูดต่อ “แล้วนี่ทำอะไรอยู่” ปลายสายเอ่ยถามฉันทัช

“ทำกับข้าวกำลังเตรียมมื้อเย็น”

“ทำไปทำไม ทำกี่ครั้งก็ไม่เห็นมีหมากลับมากินต้องเททิ้งเสียดายของเปล่าๆ” คนพูดนั้นเหมือนเข้าใจเหตุการณ์นี้ได้เป็นอย่างดี

“ถ้าเผื่อเขากลับมากินล่ะ” ฉันทัชหัวเราะพยายามพูดในทิศทางที่ดี

“ซื้ออาหารแช่แข็งตุนเอาไว้ให้ก็หมดเรื่อง วันไหนกลับมากินก็ค่อยเวฟเอา”

“มันไม่ดีต่อสุขภาพ”

“โอย เบื่อ พ่อพระ” ทางนั้นบ่นออกมาด้วยความขัดใจ ฉันทัชนึกหน้าอีกฝ่ายออกป่านนี้เจ้าตัวคงเบ้ปากด้วยความระอาเป็นแน่

“ไทน์..คิดถึง”

“ไทน์ อะไรเล่า อินอิน ให้เรียกแบบนี้ บอกกี่ครั้งแล้วว่าชื่ออินอิน” ปลายสายสั่งเสียงเข้ม

“คร้าบ รับทราบครับน้องอินอิน”

“นี่เทมส์”

“หือ?”

“คิดถึงเหมือนกัน” ฉันทัชยิ้ม คงมีแค่คนนี้ที่ทำให้เขายิ้มได้ตลอดเวลา

“รู้น่า”

“กลับไทยแล้วจะไปหา จะพาไปกินเหล้า” อีกฝ่ายให้สัญญา

“อืม จะรอนะ”

“ต้องวางสายแล้วนะเขาเรียกแล้ว”

“ตั้งใจทำงานเข้าล่ะ”

“แล้วเจอกัน”

“บาย” ฉันทัชกดวางสายพร้อมกับสีหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้ม เขาวางโทรศัพท์มือถือไว้ที่เดิมแล้วเดินกลับไปปรุงอาหารที่ค้างเอาไว้

ไม่ผิดจากที่คนโทรมาในเดาไว้ ตีหนึ่งแล้วปาณัสม์ยังไม่กลับบ้าน ไม่มีโทรศัพท์หรือแม้แต่ข้อความส่งมาบอกตามเคย ฉันทัชมองหน้าปัดนาฬิกาบนผนังห้องแล้วทอดถอนหายใจ เบือนสายตาไปมองอาหารเมนูเดิมเหมือนเมื่อวานที่ถูกทิ้งให้เย็นชืดอีกครั้ง

‘น่าเสียดายที่ต้องทิ้ง’

ฉันทัชคิดเพียงเท่านี้ ไม่ได้น้อยใจที่ปาณัสม์ไม่กลับมากินข้าวที่บ้าน เพราะมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกเช่นกัน

ข้อดีของการที่อีกฝ่ายไม่กลับมากินข้าวเย็นก็คือ เขาไม่ต้องคิดหาเมนูใหม่ๆ เตรียมไว้ให้ ไม่ต้องมาเสียเวลาปวดหัวว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรกินดีเพราะตัวเขาเองไม่ใช่คนกินยาก ถ้าวันไหนเขาเบื่อกับข้าวรสมือตัวเองก็แค่โทรไปสั่งร้านอาหารข้างล่างขึ้นมาทานก็ได้แล้ว

ส่วนข้อเสียน่ะเหรอ คงหนีไม่พ้นที่เขาต้องเสียเวลามาทำกับข้าวและต้องมาคอยเก็บล้างน่ะสิ เขาไม่ใช่คนที่ชอบทำอะไรแบบนี้เสียด้วย หากก่อนหน้านี้มีคนมาบอกว่าเขาจะต้องออกจากงานมาทำงานบ้านเขาคงหัวเราะใส่หน้าคนนั้นแล้วพูดตอกหน้ากลับไปว่า

ไม่มีวัน

ไม่รู้อย่างไร เขาถึงมาคอยทำอะไรอย่างนี้ไปได้ ตลกตัวเองเหมือนกัน

ฉันทัชอาบน้ำตั้งแต่หัวค่ำ เขาแค่รออีกฝ่าย ในเมื่อไม่มีวี่แววว่าจะมีใครกลับมา ถ้าอย่างนั้นเขาขอเข้านอนก่อนแล้วกัน โตแล้วคงจะคิดได้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ

.

.

“คุณปาลกลับเถอะครับ” ชัดเจนพูดตะโกนแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มอยู่ในผับ

“ยัง ยังไม่กลับ กำลังมัน” ผู้บริหารหนุ่มไร้คราบนักธุรกิจ บัดนี้เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมออกด้วยความร้อนจากฤทธิ์สุราดีกรีสูง

“กลับเถอะครับ ดึกแล้ว ผมง่วง” ชัดเจนได้แต่ทำหน้าลำบากใจ จะลากกลับก็ทำไม่ได้ เขาจึงบอกอีกครั้ง

“กลับไปก่อนเลย” ปาณัสม์บอกอย่างไม่ใส่ใจซ้ำยังโบกมือไล่

“ไม่ได้ครับ ขืนกลับไปทั้งที่คุณเมาอยู่แบบนี้ผมถูกพ่อด่าตายเลย” ชัดเจนบอก ต่อให้ไม่ถูกด่าเขาก็ทิ้งเจ้านายไว้ไม่ได้ มันดูอันตรายเกินไปหากปล่อยปาณัสม์ไว้คนเดียว

ชัดเจนไม่เข้าใจคุณปาลเลย อายุอานามก็เลขสามแก่กว่าเขาทำไมยังชอบเที่ยวอยู่อีก มันน่าจะหมดวัยเที่ยวไปได้แล้ว

“ขออีกแป๊บ” ชัดเจนมองนาฬิกา ไม่รู้แป๊บนี้จะใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่เพราะปาณัสม์บอกเขามาสามรอบแล้วน่ะสิ

ทำไมปาณัสม์ชอบมาเที่ยวแล้วทิ้งคนรักไว้ที่คอนโดให้อยู่คนเดียวเสมอทั้งที่ฉันทัชก็ชอบมาเปิดหูเปิดตาเหมือนกัน



ทางด้านฉันทัช ชายหนุ่มกำลังฝันว่าตนเองได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ในฝันเขากำลังเล่นหิมะอย่างมีความสุขอยู่ในสนามหน้าบ้านหรือที่พักล่ะมั้ง เขาไม่แน่ใจ มือที่สวมถุงมือโกยหิมะขึ้นมานั้นพลางคิดว่าจะปั้นเป็นรูปอะไรดี

ถ้าอย่างนั้น ตุ๊กตาหิมะก่อนก็แล้วกัน ในฝันเขาปั้นหิมะในส่วนตัวและส่วนหัวเรียบร้อยแล้ว กำลังจะต่อแขนให้กับตุ๊กตาตัวนั้นแต่ทันใดนั้นก็มีนักเลงอันธพาลเดินดุ่มๆ มุ่งหน้ามาทางเขา ฉันทัชรู้สึกกลัวแต่ร่างกายกลับไม่ขยับ ชายหนุ่มคนนั้นก้าวเข้ามาใกล้แล้วยกขาเตะตุ๊กตาหิมะนั้นจนมันพังเละไม่เป็นท่า

เขาตกใจกับภาพตรงนั้นจังหวะที่คิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรต่อก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงปิดประตูห้องนอนเสียก่อน

“ปาล?” เขาเพ่งมองเงาตะคุ่มสีดำในความมืด ชายคนนั้นช่างเหมือนกับในฝัน

‘นี่เขาตื่นจากฝันแล้วหรือยัง’

“อืม ยางไม่นอน?” เสียงยานคางพร้อมกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ฟุ้งออกมาจากตัว บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายกำลังเมา

ปาณัสม์ทำงานหนักและเที่ยวหนักมากเช่นกัน ดังคำพูดฝรั่งที่บอกว่าWORK HARD PLAY HARDER

ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงบนที่นอนจนเตียงนั้นดังสนั่นหวั่นไหว

“ตัวเหม็น” ฉันทัชยกมือปิดจมูกก่อนจะบอกอีกฝ่ายกลับไป

“เหม็นแล้วไง” อีกฝ่ายรวน

“ไปอาบน้ำแล้วค่อยมานอน”

“ไม่อาบ จะนอน”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปนอนข้างนอกจันทร์ไม่ชอบ” ฉันทัชพูดพลางใช้เท้าถีบสะโพกของปาณัสม์ให้ไกลออกไปจากตัวเอง

“อย่ามายุ่งได้ไหม!!” เสียงตวาดแม้ไม่ดังมากแต่ก็พอจะทำให้ฉันทัชสะดุ้ง

“อย่าพูดแบบนี้กับจันทร์นะปาล จันทร์ไม่ชอบ”

“โอ๊ย เบื่อ!! ... ไอ้นั่นก็ไม่ชอบ ไอ้นี่ก็ไม่ชอบ อะไรนักหนาวะ” คราวนี้ปาณัสม์ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับแหกปากเสียงดังลั่น

“พูดดีๆ ได้ไหม” ฉันทัชเริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมาบ้าง

“เออ อยากให้พูดแบบไหนครับคุณจันทร์ บอกกระผมมาได้เลยครับ”

“อย่าประชด ไปอาบน้ำ” ฉันทัชยังยืนยันคำเดิม

ถึงจะรู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่ชายหนุ่มก็จ้องตาคนเมาไม่กระพริบจนปาณัสม์เลือกหลุบตาแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวหายเข้าไปในห้องน้ำ

คนเมาหายไปอาบน้ำนานจนฉันทัชเริ่มเป็นห่วง ชายหนุ่มลุกขึ้นจากที่นอนแล้วลองบิดประตูห้องน้ำดู ปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อก เขาเลยผลักเข้าไปเงียบๆ เห็นปาณัสม์นั่งหลับบนชักโครก ฉันทัชกลอกตากับภาพตรงหน้าอยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออก ง่เขาวงนอนเกินกว่าจะมาเสียเวลากับเรื่องพวกนี้

ฉันทัชก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้วจับไหล่อีกฝ่ายหมายจะปลุกให้ปาณัสม์รู้สึกตัวตื่นแต่ดูเหมือนแรงเบาบางนั้นจะไม่เป็นผล คงจะต้องออกแรงอีกนิด ฉันทัชใช้ฝ่ามือผลักหัวอีกฝ่ายโดยแรงไม่ได้กลัวว่าหัวคนเมาจะโขกเข้ากับกระจกที่กั้นที่อาบน้ำหรือเปล่า

‘ถ้าอีกฝ่ายเจ็บตัวล่ะ? ก็สมควรแล้ว’ ฉันทัชคิดในใจ

โชคดีของปาณัสม์ที่หัวไม่กระทบกับกระจกบานใสแล้วยังรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีก ชายหนุ่มลืมตาอย่างยากเย็นเต็มทีเห็นภาพของคนรักยืนอยู่ตรงหน้ารางๆ

“จันทร์?”

“อืม จันทร์เอง ไปอาบน้ำสิจะได้รีบนอน ง่วงแล้ว” ฉันทัชรีบบอกความต้องการทันที

“พยุงหน่อย มึน”

“เกาะดีๆ” ฉันทัชไม่ได้ช่วยพยุงอย่างที่ปาณัสม์ร้องขอ เขาแค่ตั้งหลักตัวเองให้มั่นคงแล้วให้ปาณัสม์เกาะไหล่เขาไว้เอง เสร็จแล้วจึงพาชายหนุ่มไปอาบน้ำ

จังหวะที่ปาณัสม์เข้าไปในตู้อาบน้ำชายหนุ่มเท้าลื่นจนเกือบล้ม ฉันทัชใจหายวาบด้วยความตกใจ โชคดีที่ปาณัสม์อาศัยสติอันน้อยนิดก่อนที่ตัวเองจะตายนั้นคว้าราวผ้าไว้ทัน ฉันทัชโล่งอกที่อีกฝ่ายไม่เป็นอะไร

“บอกกี่ครั้งแล้ว!! เวลาจันทร์อาบน้ำ ให้ล้างคราบสบู่หรือยาสระผมดีๆ” ปาณัสม์บ่นอย่างหัวเสีย ฉันทัชชอบใช้ครีมอาบน้ำในปริมาณมากจนบางครั้งน้ำก็ชะล้างคราบที่พื้นออกไปไม่หมด

“จันทร์ลืม” ฉันทัชหน้าสลดเพราะเขาผิดเต็มๆ

“ต้องให้ปาลลื่นหัวแตกก่อนใช่ไหม ถึงจะไม่ลืม” ชายหนุ่มยังไม่หยุดใส่โทสะกับฉันทัช จนคนทำผิดเริ่มไม่พอใจขึ้นมา

“แล้วหัวแตกหรือยังล่ะ ก็ยังนี่” ฉันทัชเถียง

“อ้อ จันทร์พูดแบบนี้ต้องการให้ปาลเจ็บตัวก่อนใช่ไหม”

“ถ้าปาลไม่เมาก็ไม่ลื่นหรอก ปาลเมาเองทำไมล่ะ” ฉันทัชเถียง ไม่ยอมแพ้

“มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยนะจันทร์” ปาณัสม์ติงคนรัก

“แล้วยังไง ก็จันทร์บอกว่าลืมไง ลืมๆ ลืม ได้ยินไหม”

“ถ้าจันทร์ยังเถียงอยู่แบบนี้คงไม่มีอะไรต้องคุย”

“ทุกวันนี้ก็ไม่ได้คุยอะไรกันอยู่แล้วนี่” ฉันทัชพ่วงเรื่องอื่นเข้ามาพูด

“จันทร์ ขอร้องอย่าดึงเรื่องอื่นเข้ามา” ปาณัสม์หลับตาพยายามข่มอารมณ์ให้เย็น หลังเหตุการณ์เกือบตาย ตอนนี้เขาหายเมาอย่างปลิดทิ้งความกลัวขับไล่พิษสุราออกไปเสียหมดสิ้น

“มันไม่ต่างกันหรอกปาล จะเรื่องไหนมันก็เหมือนกันทั้งนั้น”

“จันทร์โกรธอะไรปาล ตั้งแต่กลับมาก็หาเรื่องปาลตลอด” ปาณัสม์พยายามหาสาเหตุ เขาไม่ได้อยากทะเลาะกับอีกฝ่ายในค่ำคืนนี้ ง่วงนอนจะตายแล้ว

“เปล่าเลย จันทร์ไม่ได้หาเรื่องปาล อย่ามาใส่ร้ายจันทร์” ฉันทัชยังไม่ยอมหยุด

“ปาลว่าเราอย่าเพิ่งทะเลาะกันดีกว่า ปาลง่วง” ชายหนุ่มพูดเสียงนุ่มใช้น้ำเย็นเข้าลูบ

“คิดว่าปาลง่วงคนเดียวหรือไง จันทร์หลับของจันทร์อยู่ดีๆ ปาลก็มาทำเสียงดังจนตื่น”

“ก็คนมันเมา ไม่รู้ตัว”

“แล้วใครใช้ให้เมาขนาดนั้น กลับบ้านมันยากมากนักหรือไง ถึงต้องไปเมาอยู่ที่อื่นครึ่งค่อนคืน”

“อย่าบ่นมากได้ไหม เมื่อก่อนจันทร์ไม่ใช่คนขี้บ่นอะไรแบบนี้” ปาณัสม์พูด ฉันทัชที่อ่อนหวานว่าง่ายคนนั้นไปไหนแล้ว

“อย่ามาถามหาอดีตกับจันทร์ ถ้าปาลยังทำไม่ได้” ฉันทัชเถียงไม่ลดละ

“ปาลทำอะไร ถามหน่อย ปาลทำอะไร”

“เมื่อก่อนปาลเคยหายหัวไปแบบนี้หรือไง” ฉันทัชพูดต่อ

“ปาลทำงาน จันทร์ก็รู้”

“จันทร์ไม่รู้ วันๆ อยู่แต่ในบ้าน ไม่เคยได้รู้เรื่องของปาลหรอก”

“ปาลอาบน้ำก่อนได้ไหมแล้วเดี๋ยวออกไปคุยด้วย”

“ไม่ อย่ามาไล่จันทร์”

“อย่ามางี่เง่าตอนนี้ได้ไหม” ปาณัสม์เริ่มหัวเสีย ทำไมฉันทัชถึงดื้อแบบนี้

“ปาล!!”

“ออกไปก่อน” เขาเริ่มรำคาญ

“อย่าไล่จันทร์”

“ปาลบอกให้ออกไปก่อนไง หูแตกหรือไง!!” ปาณัสม์ตวาดเสียงดังใส่หน้าฉันทัช ชายหนุ่มตกใจจนเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

ร้อยวันพันปีที่ทะเลาะ ไม่เคยทะเลาะกันเสียงดังถึงขนาดนี้ ฉันทัชมองคนตรงหน้าด้วยความเจ็บช้ำก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป ไม่ลืมจะเหวี่ยงประตูให้ดังตามหลังโดยไม่กลัวว่ามันจะพังเลยแม้แต่น้อย

‘ดังๆ สิ สะใจดี’

ปาณัสม์ทุบกระจกอย่างแรงจนมันสะเทือน เขาโมโหตัวเองและรู้สึกเจ็บไม่น้อยกว่าฉันทัช

สถานการณ์ของพวกเขาเปรียบเหมือนน้ำนิ่งที่กำลังรอพายุลูกใหญ่พัดเข้ามา

ปาณัสม์ออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง เขาก็เห็นฉันทัชนอนหันหลังให้ ฉันทัชนอนเงียบเสียจนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตื่นหรือหลับอยู่ในเวลานี้

“จันทร์..จันทร์..หลับหรือยัง” เขาลองเรียกชื่ออีกฝ่าย

“...” ไม่มีเสียงตอบจากคนข้างกาย นอกจากการขยับตัวเล็กน้อยที่ทำให้ปาณัสม์รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่หลับ

“เรื่องในห้องน้ำไม่โกรธนะ ปาลขอโทษปาลไม่ได้ตั้งใจ”

“...”

“ปาลรักจันทร์นะครับ ไม่โกรธนะ” ปาณัสม์บอกอีกฝ่ายอย่างเอาใจแต่ไม่ได้โกหก เขารู้สึกอย่างที่บอกฉันทัชไปจริงๆ

“จันทร์ก็ขอโทษเหมือนกัน” เสียงของฉันทัชอู้อี้เล็กน้อย ปาณัสม์คิดว่าเจ้าตัวคงร้องไห้ก่อนหน้านี้

“ปาลไม่โกรธจันทร์เลย” ปาณัสม์บอกเสียงนุ่มพลางขยับตัวเข้าไปใกล้ร่างของอีกฝ่าย

“จันทร์จะพยายามไม่เสียงดังใส่ปาล”

“ปาลก็เหมือนกัน”

“จันทร์จะพยายามไม่หาเรื่องปาล”

“ปาลก็เหมือนกัน”

“จันทร์รักปาล”

“เหมือนกัน ปาลก็รักจันทร์ม๊ากมาก” สองพยางค์สุดท้ายทำให้ฉันทัชหลุดขำเพราะมันคือคำพูดติดปากของเด็กหญิงศราลักษณ์

“คิดถึงน้องปัณณ์” ฉันทัชพูดตามที่ตัวเองคิด

“วันนี้ปาลไปหาน้องปัณณ์ที่โรงเรียนมา”

“ไม่เห็นมารับจันทร์ไปด้วยเลย” ฉันทัชพูดด้วยความน้อยใจ

“ไปไม่นานก็กลับ เดี๋ยววันหยุดเราเข้าไปหาน้องปัณณ์กันดีไหม ค้างที่บ้านด้วย คุณแม่บ่นคิดถึงอยากเจอเราสองคนหรืออยากเจอจันทร์แค่คนเดียวก็ไม่รู้”

“ทั้งปาลแล้วก็จันทร์นั่นแหละ”

“หันหน้ามาหาปาลหน่อย” คำขอร้องของปาณัสม์เหมือนจะส่งไปไม่ถึงฉันทัช เจ้าตัวนอนนิ่งในท่าเดิมจนชายหนุ่มเริ่มถอดใจ

ในที่สุดฉันทัชก็ยอมหันมาเผชิญหน้า ปาณัสม์เอื้อมมือออกไปดึงคนรักเข้ามากอดเขาไม่ชอบการทะเลาะ ฉันทัช

ก็ไม่ชอบ แต่ทำไมพักหลังเราสองคนต่างทะเลาะกันบ่อย

ทุกครั้งที่สิ้นสุดการทะเลาะ ถึงแม้เราจะขอโทษกัน

แต่ความรู้สึกที่ถูกกัดกร่อนในจิตใจมันกำลังลดทอนไปทีละนิด ทีละนิด



โดยไม่รู้ตัว





=========================

เจอคำผิดบอกน้า


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก ไปคุยกันในทวิตได้น้า

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

Twitter (https://twitter.com/khemmakan) และ Facebook (https://www.facebook.com/akanae14)
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 1 After Credit is not End Credit (Full Part) 31/08/2561
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 01-09-2018 01:21:25
อยากให้ปาลโดนบอกเลิกซะจริงๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 1 After Credit is not End Credit (Full Part) 31/08/2561
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-09-2018 10:33:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 1 After Credit is not End Credit (Full Part) 31/08/2561
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 01-09-2018 21:00:30
ทำไมบางทีก็เรียกเทมส์บางทีก็เรียกจันทร์อะคะ? หน่วงๆดีค่ะชอบ5555
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 1 After Credit is not End Credit (Full Part) 31/08/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 04-09-2018 11:24:25

ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า PART 1


“อาจันทร์มาแล้ว อาจันทร์ขา” ทันทีที่เห็นรถยนต์คุ้นตาแล่นเข้ามายังไม่เห็นเจ้าของชื่อ เสียงใสๆ ของเด็กหญิงก็เรียกชื่อฉันทัชดังลั่นหน้าบ้าน

“เบาๆ หน่อยลูก เสียงดังเกินไปแล้ว” ชลพิกาปรามบุตรสาว

“ค่ะ คุณแม่” เด็กหญิงศราลักษณ์รับคำมารดา ขาสั้นๆ เตรียมใส่รองเท้าเพื่อไปหาคุณอา

‘อาจันทร์ช้าจังเลย’ ไม่ทันใจ

“อาจันทร์ขา” ศราลักษณ์วิ่งลงบันไดจากมุกหน้าบ้านไปยังรถยนต์ที่เป็นเป้าหมาย

“วิ่งมาทำไมคะ เดี๋ยวหกล้ม” ฉันทัชลงจากรถก็เห็นหลานสาวยืนยิ้มหน้าแฉล้ม

“อาจันทร์ทำอะไรอยู่คะ ช๊าช้า”

“จะมีคนเห็นอาปาลบ้างไหมน้า” คนขี้อิจฉาชูของเล่นที่นำออกมาจากในรถยนต์ก็พูดขึ้นมาบ้าง

“ไม่งอนนะคะ อาปาล เดี๋ยวหนูจุ๊บแก้มทีหนึ่ง” เด็กหญิงบอกอย่างเอาใจ นัยน์ตาเปล่งประกายวิบวับมองของเล่นในมือคุณอาไม่กระพริบ

“เจ้าตัวดีอยากได้ของเล่นน่ะสิไม่ว่า” ปาณัสม์รู้ทัน

“อาจันทร์อุ้มหนูหน่อยนะคะ”

“ได้เลย ไม่รู้ว่าอาจันทร์จะอุ้มไหวหรือเปล่า ลองดูก่อนละกัน” ฉันทัชบอกเป็นเรื่องที่ตกลงกันในครอบครัวไปแล้วว่าจะไม่ให้ความหวังหรือโกหกหลานสาว

เด็กหญิงศราลักษณ์ชูแขนขึ้นเพื่อให้อาจันทร์อุ้มได้อย่างสะดวก ชายหนุ่มย่อตัวลงอุ้มเด็กน้อยไม่ได้อุ้มเสียนาน ตัวหนักเอาเรื่องแฮะ

“อีกนิดเดียวอาก็จะอุ้มไม่ไหวแล้ว” ฉันทัชบอกและเขาก็ได้รางวัลเป็นหอมแก้มจากเด็กหญิงหนึ่งที

“อาปาลล่ะ?” คนขี้อิจฉาคนเดิมยังไม่ยอมพลาดโอกาสนั้นเช่นกัน

“อาจันทร์พาหนูไปหาอาปาลหน่อยค่ะ” เด็กหญิงออกคำสั่ง พอถึงตัวของปาณัสม์ เด็กหญิงจึงชะโงกหน้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายโดยไม่ให้น้อยหน้าอาจันทร์

“เดี๋ยวปาลอุ้มหลานให้เอง” ปาณัสม์บอกคนรัก น้ำหนักตัวของศราลักษณ์มากขึ้นกว่าเดิม เขาเพิ่งอุ้มเด็กหญิงมาเมื่อหลายวันก่อนจึงรับรู้ได้เป็นอย่างดี

“ให้อาปาลอุ้มนะคะ” ฉันทัชกระซิบบอกเด็กหญิงให้เข้าใจก่อนจะส่งต่อให้กับอาตามสายเลือด

“จันทร์ถือของเล่นหลานให้หน่อย” ฉันทัชเอื้อมมือไปหยิบถุงของเล่นนั้นมาถือไว้แทน น้องปัณณ์เริ่มซนมือน้อยดึงแว่นออกจากใบหน้าของปาณัสม์อย่างรวดเร็วพลางหัวเราะคิกคัก

“ถอดแว่นตาอาปาลอีกแล้วนะ” ปาณัสม์จิ้มจมูกหลานสาว

“อาจันทร์ก็ชอบทำเหมือนกันใช่ม้า แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นเลย” น้องปัณณ์เริ่มยอกย้อนเป็น เด็กหญิงไม่ยอมถูกดุคนเดียว ก็เธอเห็นอาจันทร์ชอบถอดแว่นให้อาปาลบ่อยๆ ทว่าประโยคสุดท้ายกลับทำสองอามองหน้ากันอย่างกระอักกระอ่วนใจ

“เอาล่ะ อ้อนอาเขาพอหอมปากหอมคอเสร็จแล้ว ก็เข้าบ้านกันเสียที ข้างนอกอากาศร้อน” เสียงคุณหญิง กิ่งกานต์ ประมุขของบ้านดังขึ้นช่วยทำลายบรรยากาศชวนอึดอัดนั้นลง

“ครับ แม่” ปาณัสม์รับคำก่อนจะพากันเดินเข้าไปในบ้าน

“สวัสดีครับ/สวัสดีครับ” สองหนุ่มยกมือไหว้มารดาเลยไปถึงพี่สะใภ้

“ไหว้พระเถิดจ้ะ สบายดีนะลูก”

“ครับแม่”

“แล้วเทมส์ล่ะลูก นอนไม่ค่อยพอหรือ ดูไม่สดใส” คุณหญิงไม่สนใจลูกชายในสายเลือดเท่าไหร่นัก เธอเป็นห่วงคนที่ยืนอยู่ข้างบุตรชายมากกว่า

“ครับแม่ เมื่อวานมีงานแปลด่วนเลยนอนดึกไปหน่อยครับ”

“เจ้าปาล” คุณหญิงเรียกชื่อบุตรชายเสียงเข้ม แทนที่คุณหญิงจะดุคนทำงานดึกแต่กลับมาดุปาณัสม์เสียอย่างนั้น

“อะไรแม่ ทำเสียงไม่พอใจผมทำไมเนี่ย แม่ก็ดุเทมส์เองสิ” ปาณัสม์โวยวาย

“อยู่ด้วยกันแท้ๆ ทำไมไม่ห้ามกัน แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เทมส์เลิกทำงาน”

“ทำเหมือนเขาจะเชื่อผม ไม่เอาอะ แม่พูดเองเลย” ปาณัสม์ยังดื้อแพ่งไม่ยอมทำตามความต้องการของมารดา

“อย่าทะเลาะกันเลยครับ เทมส์อยากทำเองอยู่บ้านเฉยๆ ทั้งวันมันเบื่อ”

“ยังไงก็น่าจะเลือกงานหน่อยนะลูก” คุณหญิงพูดอย่างจนใจพลางดึงมือฉันทัชเข้ามาจับไว้แล้วพาเข้าไปนั่งที่ห้องอาหาร ปาณัสม์เดินตามหลังทำปากขมุบขมิบ กับเขาล่ะบ่นนั่นนี่ พอลูกรักพูดมาประโยคเดียวแม่เขาถึงกับเสียงอ่อน

“อาปาลขาเป็นอะไร” ศราลักษณ์เห็นอาหนุ่มทำหน้าแปลกๆ จึงถามออกไป

“เปล่าค่ะ อาก็แค่..”

“อย่าสอนหลานผิดๆ เชียวนะคะน้องปาล” ชลพิการู้ทันรีบห้ามชายหนุ่ม

“ผมบอกพี่เกดแล้วว่าเรียกผมว่าปาลก็พอ เรียกน้องด้วยแล้วมันแปลกๆ”

“ก็มันติดนี่คะ น้องปัณณ์ น้องเทมส์เลยมีน้องปาลอีกคน” ชลพิกาหัวเราะ

“ปาลนะครับพี่เกด”

“พี่จะพยายามค่ะ”

“แพ้ท้องบ้างไหมครับคนนี้” ปาณัสม์ถามพี่สะใภ้ระหว่างเดินไปที่ห้องอาหาร

“ยังเลยค่ะ”

“รอบนี้ดูท้องไม่ค่อยใหญ่” ปาณัสม์มองแทบไม่ออก

“เพิ่งสองเดือนเองอีกสักพักคงใหญ่แหละ” ชลพิกาบอกอย่างอารมณ์ดี พลางลูบท้องเบาๆ

“ดูแลสุขภาพดีๆ นะครับพี่เกด ผมเป็นห่วง” ปาณัสม์รู้ว่าพี่ชายเขาและพี่สะใภ้พยายามมากแค่ไหนถึงจะตั้งท้องคนนี้ได้

“ขอบใจมากจ้ะ ปาลก็เหมือนกันนะ”

“พี่ปอนด์ไปไหนอะแม่” ปาณัสม์เดินเข้าไปในห้องเป็นคนสุดท้าย พอมาถึงก็ถามหาพี่ชายทันที

“ไปตีกอล์ฟ ลากเจ้าชัดไปด้วย วันหยุดแท้ๆ ก็ไม่ยอมให้มันพัก” คำตอบของมารดาทำเอาปาณัสม์ผิวปากหวิวด้วยความแปลกใจ นี่พี่ชายเขาต้องเข้าโมเมนต์กับนักธุรกิจท่านอื่นแล้วจริงๆ หรือนี่

ปาณัสม์อุ้มหลานสาวไปนั่งในที่ประจำของเธอ ถึงเขาจะอุ้มไหวแต่อุ้มนานๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน เด็กหญิงไม่ได้ตัวเล็กเหมือนเมื่อก่อน ฉันทัชที่มายืนข้างๆ ปาณัสม์ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ยื่นถุงของเล่นให้

“อาปาลให้ของเล่นค่ะ” น้องปัณณ์เห็นถุงของเล่นนั้นก็ตาลุกวาว แม้จะดีใจแค่ไหนก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ตามที่ได้รับการอบรมมา

“พี่ต้องตรวจสินค้าก่อนไหมอะ” ชลพิกาแซว

“เทมส์เป็นคนเลือกพี่เกดไม่ต้องห่วงหรอกน่า” ปาณัสม์บอก ทำไมใครๆ ดูไม่ไว้ใจเขาเลย นี่เขาเป็นฝ่ายแต่งเข้ามาบ้านนี้ใช่ไหมเนี่ย

“เดี๋ยวกินข้าวกันก่อน” คุณหญิงกิ่งกานต์สั่งเด็กในบ้านเตรียมตั้งโต๊ะ

“แม่ครับ” ปาณัสม์เห็นอาหารตรงหน้าแล้วรู้สึกว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม

“อะไร” คุณหญิงตอบบุตรชายด้วยเสียงห้วน มือที่สวมแหวนเพชรหลายนิ้วนั้นเอาใจตักอาหารให้ฉันทัชจนจานนั้นแทบจะไม่เหลือพื้นที่วางแล้ว

“ทำไมมีแต่ของโปรดเทมส์ ไหนของผมอะ”

“เอ้า อยากกินของโปรดตัวเองด้วยรึ” มารดาแค่นเสียงถาม

“อยากกินสิครับ”

“อย่ามาทำหน้าเศร้าเลยไอ้ลูกตัวดี แม่อยู่บ้านไม่ได้เป็นแค่คนแก่หัวหงอกที่รอให้แกมาหลอกก็แล้วกัน” คุณหญิงหรี่ตามองบุตรชายเหมือนว่าเธอรู้อะไรมา

“หาเรื่องว่าอะไรผมอีก” ทำไมวันนี้แม่ของเขาดูเกรี้ยวกราดเหลือเกิน

“อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้เรื่องที่แกไม่ค่อยกลับบ้าน” คุณหญิงชี้หน้าบุตรชาย

“ก็งานผมยุ่ง” ปาณัสม์เริ่มคิดว่าตัวเองไม่น่าโวยวายเลย เหมือนงานกำลังจะงอก

“เหอะ งานยุ่งเสียจนไม่ค่อยกลับบ้าน พอกลับบ้านแต่ละทีก็ดึกดื่นอย่างนั้นใช่ไหม”

“ใครบอกแม่” เขามองไปรอบๆ โต๊ะ ชายหนุ่มไม่คิดว่าเป็นฉันทัช รายนั้นไม่ใช่คนช่างฟ้อง

“แกไม่ต้องรู้หรอก”

“ไอ้ชัดแน่ๆ” ปาณัสม์เดาด้วยความมั่นใจ

“อย่าไปว่าเจ้าชัด แม่ไปเค้นปากมันมาเอง”

“แม่ทำอย่างนั้นทำไม” ปาณัสม์ไม่กล้าเสียงดังมากเพราะกลัวหลานสาวจะได้ยินแล้วจะเลียนแบบพฤติกรรมไม่ดีของเขา ชายหนุ่มเหลือบมองน้องปัณณ์เล็กน้อยเห็นเด็กหญิงนั่งกินข้าวอย่างตั้งใจก็โล่งอก

“แกไม่ค่อยกลับบ้าน บอกให้พาเทมส์มาอยู่ที่นี่ก็ไม่เอาอีก”

“มันไกลจากที่ทำงาน”

“เดี๋ยวแม่ถามเจ้าปอนด์ดูว่ามันลำบากไหม”

“มันไม่เหมือนกันครับ พี่ปอนด์เขาติดบ้าน” ปาณัสม์กำลังหาข้อแก้ตัวไปเรื่อย

“ดูเอานะเทมส์ ถ้าเจอคนที่ดีกว่าก็ไปเลยนะลูกไม่ต้องทนอยู่กับมัน” คุณหญิงเลือกยุยงคนรักของบุตรชายเสียอย่างนั้น

“อ้าว แม่อะ ทำไมบอกเทมส์แบบนั้น”

“มั่นใจตัวเองเหลือเกิน คิดเองเออเอง แม่ล่ะสงสารเทมส์นัก”

“เอ่อ.. ไม่เป็นไรครับ ผมว่าเรากินข้าวกันเถอะเดี๋ยวอาหารจะเย็นก่อน” เป็นอีกครั้งที่ฉันทัชยื่นมือเข้ามาห้ามทัพศึกระหว่างแม่ลูก

“คืนนี้ก็ค้างด้วยใช่ไหมลูก”

ฉันทัชลำบากใจ ทีแรก เขากับปาณัสม์ตั้งใจจะค้างหนึ่งคืน แต่เมื่อเช้านี้ปาณัสม์บอกว่ามีธุระในช่วงเย็น ฉันทัชคร้านจะถามอีกฝ่ายว่าเรื่องอะไร เขาเลิกถามไปนานแล้ว

“เอ่อ..ผม” เขาเตรียมจะตอบแต่ปาณัสม์กลับแย่งตอบเสียเอง “ไม่ค้างครับ”

“ทำไมล่ะ นานๆ มาที แม่นึกว่าจะค้างสักคืน”

“ตอนเย็นผมมีธุระ”

“ธุระอะไรของแกอีก วันหยุดแท้ๆ” คุณหญิงกิ่งกานต์ไม่พอใจ ตอนนี้ฉันทัชรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยตกลงว่าจะได้กินข้าวไหม

“ก็...” ปาณัสม์อึกอัก ปกติเขาเคยชินกับการที่ฉันทัชไม่ถาม พอถูกมารดาถามเข้าชายหนุ่มจึงหาคำตอบดีๆ ไม่ได้

“เหอะ ไม่ต้องพูดแม่ก็รู้”

“เจ้าปาล ถ้าเทมส์จะไม่ทนแม่จะไม่โทษเขาเลยนะ”

“แม่ก็” ปาณัสม์พูดเสียงอ่อน อยากให้มารดาหยุดว่าเขาเสียที นี่เขาเป็นลูกนะ ลูกชายแท้ๆ

“ตกลง แกยังจะไปใช่ไหม” คุณหญิงกิ่งกานต์ถามซ้ำ ปาณัสม์รู้สึกวาบที่หลังว่านี่คือคำขู่มากกว่า

“เดี๋ยวผมยกเลิกไอ้จักรมันก็ได้ครับ” ปาณัสม์เฉลย ฉันทัชได้ยินก็เดาะลิ้นเบาๆ ที่แท้ก็นัดเมากับเพื่อน

“อืม ดี” คุณหญิงบอกปิดท้าย ฉันทัชโล่งอกที่ได้ทานข้าวต่อเสียที

พอทานข้าวเสร็จเด็กหญิงศราลักษณ์รีบหยิบของเล่นที่เพิ่งได้รับมาเปิดดูทันที น้องปัณณ์ขออนุญาตมารดาไปเล่น เด็กหญิงดีอดทนรอจนอาจันทร์ทานข้าวเสร็จ ร่างเล็กจึงรีบลุกจากเก้าอี้ไปฉุดมืออาจันทร์เพื่อไปเล่นด้วยกัน

ชลพิกาขอตัวไปเตรียมขนม เดาว่าอีกสักพักบุตรสาวอาจจะหิวเพราะอารามห่วงเล่นจึงทานข้าวไปนิดเดียว ตอนนี้ในห้องอาหารจึงเหลือเพียงแค่มารดาและบุตรชายของบ้าน

“ปาล” คุณหญิงกิ่งกานต์พูดขึ้นก่อน

“ครับ”

“แม่ขอพูดกับแกตรงๆ เลยก็แล้วกัน” คุณหญิงทำหน้าเมื่อยก่อนจะพูดต่อ “เรื่องเทมส์น่ะ”

“ทำไมครับ เทมส์ทำไม”

“แกควรจะเพลาๆ เรื่องงานกับเรื่องเที่ยวหน่อย อายุก็หลักสามแล้ว”

“ทำงานมากมันก็เครียดมากอะครับ ผมก็เลยไปกินเหล้าเท่านั้นเองหรือแม่กลัวว่าผมจะมีคนอื่น ผมบอกเลยครับว่าไม่มี ผมมีจันทร์ เอ่อ เทมส์คนเดียว”

“แม่น่ะอาบน้ำมาร้อน แม่ดูออกนะว่าแกสองคนมีปัญหากันอยู่”

“ปัญหา? ไม่มีนี่ครับ” ปาณัสม์ปฏิเสธ เขาขมวดคิ้วพลางคิด เรื่องทะเลาะกันวันก่อนใช่ปัญหาหรือเปล่า

“หน้าแกมันแสดงออกชัดมากว่าเบื่อบ้าน แม่พูดถูกไหม”

ปาณัสม์สะดุ้งที่ถูกจับได้ เขายอมรับเสียงอ่อย “ก็นิดหนึ่งครับ”

“ไม่นิดล่ะ ไม่งั้นแกคงไม่ไปเที่ยวอุตลุดขนาดนี้”

“ช่วงนี้งานมันเครียดจริงๆ ครับ” ปาณัสม์หาข้ออ้างบอกมารดา

“เมื่อก่อนที่รักกันปีแรกๆ เคยไปเที่ยวหนักแบบนี้ไหม อีกคนอยู่ไหนแกก็คอยเป็นเงาตามตัวเขาไปตลอด”

“มันนานแล้วนะครับ” ปาณัสม์คร้านจะพูดว่าผ่านมาหลายปีมันจะเหมือนเดิมได้ไง

“จะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ แม่ขอเตือนแกไว้อย่างหนึ่ง”

“ครับ?”

“อย่าลำพองใจไปนัก เทมส์เองก็เบื่อแกไม่แพ้กัน”

“แม่คิดมากไปแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอกครับ เทมส์รักผมนะแม่” ปาณัสม์ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของมารดาสักเท่าไหร่

“แล้วแกไม่รักเทมส์หรือไง”

“...” คราวนี้คำพูดของมารดาทำให้เขาต้องเงียบเพราะที่คุณหญิงพูดมามันถูกต้องตรงประเด็น

“คบกันมาสิบปีแล้วใช่ไหม”

“ครับ”

“เวลาผ่านไปเร็วจริงเหมือนว่าแกเพิ่งพาเทมส์มาแนะนำให้แม่รู้จักไม่นานนี้เอง”

“นั่นสิครับ ตอนนั้นแม่ดูไม่ชอบเทมส์มากๆ ไม่รู้ไปไงมาไง ตอนนี้รักเทมส์มากกว่าผมอีก”

“แม่ทำนิสัยไม่ค่อยน่ารักกับเทมส์ ตอนนั้นแม่ก็ปวดหัวน่าดูที่แกคบผู้หญิงมาเยอะแยะ ไม่นึกว่าบทจะจริงจังกลับเลือกผู้ชายมาเสียอย่างนั้น”

“ผมก็ไม่คิดว่าจะเลือกเทมส์เหมือนกัน แล้วทำไมแม่ถึงเปลี่ยนใจไม่เกลียดเทมส์ล่ะครับ” จะว่าไปเรื่องนี้เขาไม่เคยถามมารดาเลยสักครั้ง แค่คิดว่ามันก็ดีแล้วที่แม่กับคนรักนั้นลงรอยกันได้

“เทมส์เป็นเด็กดี ยิ่งมารู้ทีหลังว่าเทมส์ไม่มีพ่อแม่แล้วนอกจากน้องสาว แม่ก็ยิ่งเสียใจ” คุณหญิงสรุปรวบรัด ละรายละเอียดเอาไว้ เพราะมันมีมากมายที่เทมส์ คนรักของบุตรชายนั้นได้ทำเพื่อเธอ

“ผมดีใจที่แม่รักเทมส์”

“แม่พูดจริงๆ นะ แม่กลัวแกจะเสียเทมส์ไปเร็วๆ นี้” คุณหญิงยังห่วงเรื่องเดิม

“แม่คิดมากเกินไปแล้วครับ” ปาณัสม์ยืนยันความคิดเดิมก่อนจะหลุบตามองต่ำไม่กล้าสบตามารดา “อันที่จริงผมก็เป็นอย่างที่แม่ว่า ช่วงนี้เราทะเลาะกันง่ายเกินไป ง่ายไปเสียจนผมคิดว่าเราสองคนจะทนไม่ไหว”

คุณหญิงกำแก้วน้ำแน่น ไม่ผิดจากที่เธอคิด ลูกชายของเธอทั้งคู่มีปัญหากันจริงๆ แล้วดูจะเป็นปัญหาใหญ่เสียด้วย

‘เพราะอยู่ด้วยกันมานานเกินไป’

“ถ้าเทมส์ไปจากแกจะเสียใจหรือเปล่า”

“ผมคิดว่า..” ปาณัสม์หยุดคิดเพียงครู่ก่อนจะตอบ “ก็คงเสียใจแหละครับอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี”

“แกจะอยู่ได้ใช่ไหม”

“น่าจะอยู่ได้ครับ”

“แต่แม่อยู่ไม่ได้” คุณหญิงสารภาพ

“อ้าว ทำไมกลายเป็นแม่ล่ะครับ ผมนึกว่าแม่จะห่วงผม”

“เหอะ แม่ไม่ห่วงแกหรอก แม่ห่วงตัวเองแม่เอง แล้วที่สำคัญแม่ห่วงเทมส์” คุณหญิงยกน้ำขึ้นมาดื่มแก้กระหาย ก่อนจะพูดต่อ “แกให้เขาออกจากงานที่เขารักมาอยู่บ้านกับแกเสียหลายปี ถ้าเลิกกันแกคิดว่าเขาจะกลับไปทำงานเดิมได้เหรอ”

“ผม..” ปาณัสม์พูดไม่ออก ตอนนั้นเขาแค่อยากมีฉันทัชอยู่ข้างๆ อยากเลี้ยงดูอีกฝ่ายไม่เคยคิดที่จะเลิกกัน เขาไม่ได้คำนึงถึงปัญหาตรงนั้นเลย

“แกคิดว่าเทมส์จะบากหน้ามาขอเงินแกหรือไง ทุกวันนี้แกให้เงินเขาบ้างหรือเปล่าแม่ก็ไม่รู้” คุณหญิงพูดเหมือนตาเห็น

“บ้าจริง เทมส์ไม่เคยขอเงินผมเลย แต่ผมมีบัตร มีเงินสดเก็บไว้ในตู้นะครับ เขาหยิบไปใช้ได้ตลอด” ปาณัสม์ฉุกคิดขึ้นมาได้

“ไม่รู้จักนิสัยเมียแกหรือไงไอ้ลูกคนนี้” คุณหญิงอยากจะหยิบไม้หรืออะไรก็ได้มาตีหัวลูกชายให้หายโง่

“ดูแลรักษาน้ำใจกันไว้ให้มาก อยู่ด้วยกันมันย่อมมีเบื่อกันบ้าง ขอแค่อย่าปล่อยมือจากกันก็พอ เข้าใจหรือเปล่า” คุณหญิงสอนบุตรชาย

“ครับ”

“ที่สำคัญ อย่าใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล เวลาที่จะทะเลาะหรือโกรธกัน ให้นึกถึงตอนที่แกไปจีบเขาด้วยล่ะ กี่ปี กว่าเขาจะยอมมาอยู่ด้วย คิดให้ดี”

“ครับ” ปาณัสม์ยกมือไหว้ขอบคุณมารดา

“หากถึงที่สุดแล้วไม่ไหวก็อย่าฝืน แม่ไม่อยากให้แกสองคนต้องอยู่ด้วยกันแล้วทุกข์ แต่แม่ต้องบอกแกไว้ก่อนเลยว่าถึงจะเลิกกันไปแม่ก็ยังจะติดต่อกับเทมส์เหมือนเดิม”

“แล้วถ้าผมมีแฟนใหม่ล่ะแม่”

“นั่นเป็นหน้าที่ของแกที่จะต้องอธิบายให้คนใหม่ของแกเข้าใจ แม่จะไม่ทำตัวเป็นนางมารร้ายคอยเปรียบเทียบเทมส์กับแฟนใหม่ของแก”

“ครับ”

“ทางที่ดีก็อย่าเลิกกันนั่นแหละ”

“ทำไมล่ะครับ”

“เชื่อแม่ไหมว่าหลานปัณณ์ของอาปาลน่ะจะโกรธแกมากแน่ๆ” ปาณัสม์ถึงกับใจหายวาบ เริ่มเข้าใจความรู้สึกของศรารัณเวลาที่เขายกน้องปัณณ์มาขู่อีกฝ่ายแล้ว

“แม่อะ พูดแบบนี้ผมใจไม่ดีเลย ใจจะขาด” ปาณัสม์บอกมารดาด้วยสีหน้าเจ็บปวดพลางขยุ้มมือตรงหน้าอกด้านซ้าย

คุณหญิงมองบุตรชายด้วยความหมั่นไส้แล้วเอ่ยปากไล่ “ไป เข้าไปเล่นกับหลานของแกบ้าง ทำคะแนนไว้หน่อย”

“โอเคครับ คุณหญิงกิ่งกานต์ ผมจะได้ไปทวงแว่นคืนด้วย น้องปัณณ์หลานอาชอบเอาแว่นไปจริงๆ” ปาณัสม์ลุกขึ้นยืนอย่างกระฉับกระเฉงแล้วเข้ามาหอมแก้มมารดาก่อนจะผละไปหาหลานสาวสุดที่รัก ปล่อยให้คุณหญิงส่ายหน้าเบาๆ กับอาการคนหลงหลาน
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 1 After Credit is not End Credit (Full Part) 31/08/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 04-09-2018 11:25:32


หลังจากได้รับคำสอนจากมารดาไป สถานการณ์ระหว่างปาณัสม์กับฉันทัชน่าจะดีขึ้น ทว่าไม่ใช่เลย ทุกอย่างดูแย่ลง พวกเขาพูดคุยกันน้อยลงกว่าเดิมเพราะกลัวจะทะเลาะกัน ถึงจะพยายามทำตัวให้เป็นปกติก็ตามแต่ช่องว่างมันเริ่มลุกลามเป็นวงกว้าง พวกเขาต่างรับรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้ดี

วันศุกร์ถัดมา ปาณัสม์นัดเพื่อนใหม่อีกครั้งหลังจากที่ยกเลิกไป คราวก่อนเขาถูกจักรีบ่นหูชา แต่พออีกฝ่ายรู้ว่าเขาพาฉันทัชมานอนค้างที่บ้านแม่ เพื่อนตัวดีของเขาก็หยุดบ่นแล้วเปิดไฟเขียว ไร้การดึงรั้งเอาไว้จนเขาประหลาดใจ

“ทำไมชอบนัดวันศุกร์วะ” จักรีเดินเข้ามาถึงโต๊ะปุ๊บก็บ่นปั๊บ ปาณัสม์ส่ายหน้าเบาๆ เพื่อนของเขานี่อะไรก็ดียกเว้นเรื่องเดียว

“หยุดบ่นเถอะ กูฟังเทมส์บ่นเยอะแล้วไม่อยากมานั่งฟังมึงอีกคน” ปาณัสม์บอกเพื่อนให้หยุดเสียที

“อ้าว ไอ้ชัด มึงก็มาด้วยเหรอ”

“ครับคุณจักร ที่จริงผมถูกคุณปาลลากมาต่างหากครับ” ชัดเจนไม่มีทีท่าจะแอบบอกคนถามเลย เขาตั้งใจให้ปาณัสม์ได้ยิน

“เดี๋ยวเตะเลยไอ้ชัดขี้ฟ้อง” ปาณัสม์ทำท่ายกขาขึ้นมาจะเตะจริงๆ ชัดเจนรู้ทันหลบหนีได้อย่างว่องไว

“ผมไปนั่งตรงนั้นดีกว่า พบคนหงุดหงิดหนึ่งอัตราพาลใส่คนอื่นไปทั่ว” ชัดเจนพูดจบก็รีบเผ่น

“อะไรกันวะ กัดกันได้ กัดกันดี ไอ้ปาลหน้ามึงบูดอย่างกับตูดเป็นไรอีก” คนมาใหม่ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ดีเอ่ยถาม

“ไอ้ชัดมันถูกแม่ง้างปากให้คายเรื่องกูกับเทมส์” คนพูดอารมณ์เสียอย่างต่อเนื่อง

“เรื่องมึงกับเทมส์? ทำไมวะ”

“ช่วงนี้กูกับเทมส์มีปัญหากันนิดหน่อย”

“มึงนอกใจเทมส์เหรอ” จักรีหรี่ตามอง ท่าทางเตรียมจะบีบคอเพื่อนหากคำตอบนั้นคือใช่

“จะบ้าหรือไง ไม่เคยเว้ย แค่คิดยังไม่เคย”

“เออ กลัวเมียสุดๆ”

“เปล่า สัญญากับเขาไว้”

“ดีแล้วมึง ถึงกูจะนอนกับคนอื่นไปทั่วแต่เรื่องนอกใจหรือเป็นชู้นี่กูซีเรียสนะ”

“อืม”

“แล้วไปโกรธไอ้ชัดมันทำไม มันถูกบังคับนี่หว่า”

“ก็รู้ แค่อยากหาคนลง” ปาณัสม์หงุดหงิด อยากจะหาใครรับผิดชอบ เขาเลยเลือกชัดเจนเป็นเป้าหมาย

“เด็กจังวะ ว่ามาดิเรื่องของมึงอะ”

พอถูกถาม ปาณัสม์ก็ยกแก้วเหล้าดื่มเกือบหมด จักรีรู้ว่าเพื่อนคงมีเรื่องอึดอัดจึงไม่เร่งรัด ปล่อยให้เจ้าตัวพร้อม เพราะเขามีเวลารับฟัง

“กูคิดว่ากูเบื่อว่ะ” ปาณัสม์เริ่มเปิดปาก

“เบื่อ? เบื่ออะไรวะ งานเหรอ”

“เปล่า กูเบื่อเทมส์”

“หา! มึงตลกละ” จักรีทำท่าไม่เชื่อ

“เออ ช่วงหลังๆ กูไม่อยากกลับบ้านเลย แม่กูก็พยายามสอนกู เตือนกู แต่มันยากว่ะ”

“แล้วเทมส์ล่ะ เขารู้ไหม”

“กูไม่รู้ แม่บอกว่าเขาก็เบื่อกู”

“อ้าว ฉิบหายหนักเข้าไปอีก” จักรีอยากจะยกมือเกาหัว ติดที่ทรงผมถูกเซทมาเป็นอย่างดี เขาเลยยกน้ำเมาแก้วของเพื่อนมากระดกลงคอคลายความว้าวุ่นใจ

“ไหนมึงลองเล่ามาให้กูฟังหน่อยว่ามึงเบื่ออะไรเขานักหนา”

“ก็ปัญหาเดิมๆ ที่กูเคยบอกเขาว่าไม่ชอบไรงี้ มันก็ยังเกิดขึ้นซ้ำซาก”

“อะไรบ้าง”

“เวลาเขาอาบน้ำ ครีมนั่นครีมนี่ ประโคมเข้าไปเหอะ วันก่อนกูเมากลับบ้านเกือบลื่นล้มหัวแตก พอกูบอกเขาดันบอกเป็นเพราะกูเมา” ปาณัสม์พูดอย่างเซ็งๆ

“อะไรอีก”

“ขี้บ่น บ่นกูอย่างนั้นอย่างนี้ กูกลับบ้านก็อยากสบายหูไม่ได้อยากฟังเทศน์” ปาณัสม์พูดต่อ

“แสดงว่าที่มึงมากินเหล้าวันนี้เทมส์ก็บ่นมึงอีกอะดิ”

“เปล่า ไม่บ่น”

“อ้าว อะไรวะ กูงง” จักรียกแก้วเหล้าของปาณัสม์ขึ้นมาจะดื่มอีกแต่มันหมดไม่เหลือแล้ว เขาจึงยกมือเรียกพนักงานมาขอแก้วและเหล้าเพิ่ม

“ต่อ.. ไหนว่าเทมส์ขี้บ่น”

“เขาบ่นทุกเรื่องเว้ย ยกเว้นเรื่องกูมากินเหล้า ไม่กลับบ้าน ตลกปะวะ”

“กูว่าไม่ตลก นี่มันขั้นอันตรายว่ะ” จักรีหน้าเครียด เพื่อนเขามันดูอาการคนรักไม่ออกหรือไง

“อันตรายอะไร”

“กูเคยได้ยินอาเจ้คุยกับเจ็กที่บ้านว่าวันไหนที่อีกฝ่ายไม่พูดไม่บอกไม่ถามนี่แสดงว่าเขาทนมาใกล้ขีดสุดแล้วนะมึง”

“ไม่มั้ง”

“กลับกัน ถ้ามึงจะบ่นเทมส์ระหว่างที่เขาทำนั่นทำนี่ให้มึงเซ็งกับไม่กลับบ้านออกมากินเหล้า มึงจะบ่นเขาเรื่องไหนวะ”

“เรื่องหลังดิ”

“เออ คิดสิคิด คิดหน่อย” จักรีบอก

“คิดไม่ออก” ปาณัสม์ปัด ชายหนุ่มยังคิดไม่ออกในตอนนี้ สมองเริ่มมึน เขาดื่มเข้าไปหลายแก้วอยู่เหมือนกัน

“อะไรอีก พูดมาให้หมด”

“มึงเห็นเทมส์ตอนนี้หรือยัง ไม่เหมือนเมื่อก่อน”

“ทำไม อ้วน ผอม?”

“ไม่ใช่ วันๆ ใส่แต่เสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงนอน กูกลับบ้านก็เจอแบบเดิมๆ”

“อ้าว มึงจะบ้าหรือไง มึงให้เขาอยู่บ้านทั้งวันจะให้เขาลุกขึ้นมาแต่งตัวใส่เชิ้ต เซทผมหรือไงวะ อันนี้กูไม่เห็นด้วย มึงหาเรื่องละ”

“ทำไมมึงไม่เข้าข้างกูวะ” ปาณัสม์หน้างอ

“คิดดูดีๆ นะไอ้ปาล ก่อนหน้านี้มึงเองไม่ใช่หรือที่ไม่อยากให้เขาแต่งตัว กลัวคนมาจีบ”

“ใช่” ปาณัสม์พยักหน้า

“มึงเองไม่ใช่หรือที่ให้เขาออกจากงานมาอยู่บ้านเฉยๆ”

“ก็ใช่”

“แล้วมึงเองไม่ใช่หรือที่ไม่อยากพาเขามากินเหล้าเพราะมึงเกลียดความขี้หึง ขี้หวงของตัวเอง”

“ก็ถูก”

“แล้วทำไมวันนี้มึงถึงโทษเขาวะ”

“กู..” ปาณัสม์พูดไม่ออกเพราะเขาขี้หึงและขี้หวงอีกฝ่ายมาก ถูกต้องตามที่จักรีเพื่อนของเขาบอกทุกประโยค ในช่วงแรกเขาไม่อยากพาฉันทัชออกมาด้วยเพราะหวง พอหลายปีผ่านไป มันกลับเป็นความเคยชินที่เขาลืมไปเสียสนิทว่าทำไมเขาถึงไม่พาอีกฝ่ายไปไหนมาไหน

“เขาอดทนกับมึงมากนะปาล กูอะนับถือเทมส์เลย”

“ทำไมมึงพูดเหมือนกูผิด”

“กูไม่รู้นะ เทมส์คงมีข้อเสียอย่างที่มึงพูดแหละ แต่มึงเองก็มีข้อเสียเหมือนกันหรือเปล่าวะ”

จังหวะนั้นพนักงานเสิร์ฟกลับมาเสิร์ฟตามรายการที่สั่งพอดี จักรีหยิบกระเป๋าเงินออกมาจ่าย ไม่ลืมจะให้ทิปด้วย รู้ดีว่าอาชีพเหล่านี้เงินเดือนน้อยอยู่ได้เพราะทิปอย่างแท้จริง

“กูถามจริงๆ ได้นอนด้วยกันบ้างไหม” จักรีไม่ได้คิดจะละลาบละล้วงหรืออยากรู้อยากเห็น เขาถามเพราะว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ

“นอน...ก็นอนนะ”

“กูหมายถึงเซ็กซ์”

“ขอคิดแป๊บ” ได้ยินแบบนี้ จักรีอยากจะทึ้งหัวตัวเอง แสดงว่ามันต้องไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ชายหนุ่มให้เพื่อนใช้เวลาคิดไปเท่าที่อยากคิด ตัวเขาหันเข้าหาโซดา น้ำแข็ง และเหล้าดีกว่า

ตอนที่จักรีเริ่มดื่มอึกแรก เขาก็เกือบจะเหล้าพุ่งใส่หน้าเพื่อนรัก ทันทีที่ได้ยิน

“มึงว่ายังไงนะ”

“กูบอกว่ากูจำไม่ได้ แต่...น่าจะสักสองปีมั้ง” ปาณัสม์ไหวไหล่ตอบอย่างไม่ยี่หระ

“มึงไม่สู้หรอวะ”

“ไม่นะ” ปาณัสม์หยุดคิดอีก นี่เขาคงใกล้เมาแล้วมั้ง หัวเริ่มหนักๆ “ตอนเช้าน้องชายกูก็ตื่นมารับอรุณดีอะ”

“หรือว่าเทมส์ไม่โอเคกับมึง”

“ก็ไม่นะ เขาปกติ” ปาณัสม์หรี่ตามองจักรีอย่างไม่ไว้ใจ “มึงอย่ามาซอกแซกถามสุขภาพเมียกู”

“คนรักกันแต่ไม่นอนด้วยกัน มึงว่ามันไม่ผิดปกติเหรอ”

“ของมันกินจนชินแล้ว ก็ลดปริมาณลงหรือเปล่า” ปาณัสม์บอก

“แล้วเทมส์ไม่ว่าเหรอที่มึงไม่ทำการบ้าน”

“เขาไม่เห็นพูดอะไร”

“กูว่าชีวิตรักพวกมึงมีโอกาสขาเตียงหักแน่ว่ะ เรื่องบนเตียงสำคัญกับชีวิตคู่นะเว้ย”

“จะหักได้ยังไง บ้านกูเตียงแข็งแรงดี” ปาณัสม์ไม่เข้าใจ ความรักของเขาไปเกี่ยวอะไรกับขาเตียง

“กูเปรียบเปรย ไอ้นี่เริ่มเมาแล้วใช่ไหมเนี่ย”

“มึงมาช้าอะ กว่าจะมากูก็กินไปครึ่งขวดแล้ว”

จักรีไม่สนใจที่เพื่อนประชด เขาพูดต่อ “ทำไมกูรู้สึกว่าเทมส์จะทิ้งมึงวะไอ้ปาล”

“กูแค่เบื่อเขาแต่ไม่เคยคิดเลิกกับเขา”

“กูรู้ว่ามึงรักคนยาก การที่มึงไม่คิดไม่ได้แปลว่าเขาไม่คิด”

“กูไม่ดีตรงไหน กูพูดได้อย่างไม่อายปากนะเว้ย หน้าอย่างกู การงาน ฐานะแบบนี้ การศึกษาก็ไม่ด้อยกว่าใคร กูมีตรงไหนไม่ดีวะ”

“นิสัยมึงไง จะบอกให้นะ ถ้ากูเป็นเทมส์ กูเลิกกับมึงไปนานแล้วไอ้ปาล ไอ้หลงตัวเอง” จักรีผลักหัวเพื่อนเบาๆ แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเพราะปาณัสม์ล้มตึงลงไปเลย โชคดีว่าวันนี้คนแน่นมันเลยล้มตึงใส่นักท่องเที่ยวข้างหลัง

เสียงคนแตกฮือกระจายตัวออกเป็นวงกว้าง จักรีปรี่เข้าไปรับเพื่อนมาจากผู้มีพระคุณด้านหลังไว้พลางขอบคุณพวกเขา และไม่ลืมที่จะยกเหล้าที่ยังเหลือเกือบเต็มขวดให้ไปเป็นของกำนัลแทนน้ำใจ หางตาเห็นชัดเจนรีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“เมาขนาดนี้เลยเหรอวะ พาลูกพี่มึงกลับคอนโดหน่อย”

“ครับคุณจักร” ชัดเจนพยุงปาณัสม์ไปนั่งที่โซฟาก่อน เขาต้องเก็บของปาณัสม์กลับไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเนคไท เสื้อสูทตัวนอก ชัดเจนส่ายหัว บอกให้อีกฝ่ายถอดทิ้งไว้ในรถก็ไม่ยอมฟังกันบ้างเลย รู้ไหมเวลาขากลับมันลำบากแค่ไหน

“กูถามหน่อย”

“ครับ?”

“ไอ้ปาลมาเที่ยวบ่อยแค่ไหน”

ทำไม ใครๆ ก็อยากถามเรื่องปาณัสม์จากปากของไอ้ชัดเจนคนนี้ แล้วพอเจ้าตัวรู้เข้าก็พานโกรธเขาอีก

“บอกมาเถอะ ไม่บอกไอ้ปาลมันหรอก” จักรีบอกอย่างเข้าใจในความลำบากใจของชัดเจน “กูเป็นห่วงไอ้ปาลกับเทมส์”

“บ่อยครับแทบจะทุกวันที่ว่าง”

“มึงคงเหนื่อยแย่ที่ต้องมาดูแลคนไม่ได้เรื่อง”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไหว”

“กูนึกภาพไอ้ปาลตอนที่เลิกกับเทมส์ไม่ออกเลยว่ะ”

“ครับ?” เพราะในผับเสียงดัง ชัดเจนจึงไม่ได้ยินคำพูดของจักรี

“ช่างเถอะ ขับรถพาลูกพี่มึงกลับคอนโดดีๆ ล่ะ”

“ครับ”

“ถึงแล้วก็ส่งข้อความมาบอกกูหน่อย กูเป็นห่วง”

“แล้วคุณจักรกลับเลยไหม หรือจะอยู่ที่นี่ต่อครับ”

จักรียิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “เออ หาเหยื่อกินก่อนค่อยกลับ”

.

.

ชัดเจนเหนื่อยเหมือนวิ่งรอบสนามฟุตบอลมาสักสิบรอบได้ เขาแบกปาณัสม์ขึ้นหลังแล้วพาอีกฝ่ายขึ้นมายังชั้นที่เจ้าตัวอยู่อย่างทุลักทุเล กว่าจะหาคีย์การ์ดเข้าห้องได้ก็เสียเวลาไปนานพอดูครั้นจะกดกริ่งก็กลัวจะปลุกฉันทัชให้ตื่น

เขาเกรงใจ

เมื่อเข้ามาในห้องได้ ชัดเจนก็เปิดไฟก่อนเป็นอันดับแรก เขาเคยมาที่นี่หลายต่อครั้งจึงพอจะคุ้นที่คุ้นทางอยู่บ้าง ชายหนุ่มพาเจ้านายมานอนพักบนโซฟาก่อน เดินวนรอบโซฟาหลายรอบว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อดี ปกติปาณัสม์ยังพอมีสติเดินเข้าคอนโดเอง แต่รอบนี้ล้มตึงหงายท้องไปเลย

“เอาไงดี เอาไงดี” ชัดเจนยังคิดไม่ตก เขาไม่กล้าเคาะประตูห้องนอนของฉันทัช หากจะปล่อยเจ้านายนอนอยู่ตรงนี้ เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ชัดเจนเดินไปที่โต๊ะกินข้าว ขอนั่งพักระหว่างคิดก็แล้วกัน ทว่าเขาดันเห็นโพสท์อิทสี่เหลี่ยมแผ่นเล็กวางแปะอยู่บนโต๊ะเลยถือวิสาสะดึงมันขึ้นมาอ่านดู

‘วันนี้ไปนอนบ้านไทน์

CHAN’

อ่านโน้ตสั้นๆ นั้น ชัดเจนก็พอจะเข้าใจว่าฉันทัชไม่อยู่ เขาลุกขึ้นเก็บเก้าอี้สอดไว้ในโต๊ะอย่างเดิมและก้มลงแบกปาณัสม์เข้าไปในห้องนอน จัดแจงถอดรองเท้าให้ชายหนุ่ม เปิดแอร์และห่มผ้าให้เรียบร้อย นั่งมองผู้เป็นนายอยู่สักพัก เขาก็กลับออกมาไม่ลืมที่จะส่งข้อความไปบอกจักรีอย่างที่อีกฝ่ายสั่ง

ตลอดทางที่กลับบ้าน ชัดเจนคิดเรื่องของคนในคอนโดนี้ไม่หยุด ไม่รู้ว่าถึงพรุ่งนี้เช้า ปาณัสม์จะอาละวาดแค่ไหนที่รู้ว่าคนรักไม่กลับบ้าน

น่าแปลก ในขณะที่ปาณัสม์จะกลับบ้านหรือไม่กลับ จะไปไหนหรือไม่ไปไหน ชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องบอกหรือรายงานฉันทัชเลยสักครั้ง

กลับกันหากอีกฝ่ายทำบ้างล่ะก็ เรื่องราวที่ตามมานั้นดูจะเป็นเรื่องใหญ่โตไม่น้อยเลยทีเดียว

ฉันทัชทำแบบนี้ ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่

ถึงจุดแตกหักแล้วหรือ?

================================

สำหรับคำถามที่ว่า ทำไมเดี๋ยวเทมส์ เดี๋ยวจันทร์
อ่านไปเรื่อยๆ น้า จะมีเฉลยค่า
ขอบคุณค่ะ

HASHTAG #ภาคต่อของความรัก ไปคุยกันในทวิตได้น้า

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

Twitter (https://twitter.com/khemmakan) และ Facebook (https://www.facebook.com/akanae14)
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า PART 1 04/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 05-09-2018 07:53:57
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า PART 1 04/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 05-09-2018 08:29:19
 :m31: จบกันดีกว่า ฮืออออ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า PART 1 04/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-09-2018 14:08:48
ถ้าเราเป็นจันทร์คงเลิกไปตั้งแต่ครึ่งปีแรกแล้วละนะ ไม่อยู่ทนถึง 2 ปี หรอก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า PART 1 04/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 05-09-2018 14:39:42
ก็แค่บอก ว่าเบื่อ ยังเชื่อถือ
ก็แค่ปล่อย วางมือ หยุดยื้อสอง
ก็แค่ไป คนละทาง อย่างใจปอง
มันก็จบ เป็นคู่ครอง ของสองเรา

จบนะ..จบเหอะ
ปวดใจกันไป..เปล่าๆ

ปาล...คนดีดีไม่รู้จักรักษา(จันทร์)ไว้
รอวันสมน้ำหน้า..นะจ๊ะ
ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า PART 1 04/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 05-09-2018 21:26:05
เทมส์นี่รักปาลมากเลยนะครับ แทบไม่ต่างอะไรกับกินรีที่ยอดถอดปีกอยู่กับมนุษย์โดยยอมเพียงเพราะความรัก น่าเสียดายที่ความรักนี้เกือบจะเป็นการทุ่มเมให้กับความรักจนลืมที่จะรักตัวเองไป

ปาลบอกให้ไม่ต้องออกไปทำงาน...ก็ยอม
ปาลไม่อยากให้แต่งตัวหรือเลือกเสื้อผ้าดูดีใส่เพราะกลัวคนมาจีบ...ก็ยอม
ปาลไม่ให้ออกไปเที่ยวกับตัวเองเพราะกลัวว่าอารมณ์หึงตัวเองจะทำให้ทะเลาะกัน แถมยังไม่ให้เทมส์ออกไปสังสรรค์อีก...ก็ยอม

ยอมทำอาหารที่คนรักชอบ แม้อีกฝ่ายจะไม่เคยกลับมาทาน
ยอมทำงานแปลอยู่กับบ้าน โดยไม่เคยขอเงินอีกฝ่ายสักแอะ
ยอมไม่พูดอะไรขณะที่อีกฝ่ายไม่เคยใส่ใจในสิ่งที่ละเลยตัวเองไปเลย (เช่นความใส่ใจในมุมอื่นๆของชีวิตเทมส์ นี่ผมไม่ได้หมายถึงเพศสัมพันธ์ด้วยนะครับ)

ไม่มีลูกเป็นโซ่คล้องใจด้วย แต่ยอมขนาดนี้และคบมาได้ถึงสิบปีขนาดนี้ ต้องรักขนาดไหนกันครับ

คือมองมุมไหนผมก็เห็นแต่การละเลยของปาณัสน่ะครับ ปาลอยากจะมีลูกรึเปล่า? เพราะเห็นว่าชอบเล่นกับหลานมาก พอถูกขู่เรื่องหลานก็ใจหายวาบเลย เพราะมีลูกกับเทมส์ไม่ได้้ เลยเป็นสาเหตุหนึ่งให้เบื่อความสัมพันธ์เดิมๆรึเปล่าครับ?

ถ้าเป็นอย่างนั้น เบื่อเค้าแล้ว แถมยังเอาแต่ใจให้อีกฝ่ายทำอย่างที่ตัวเองอยากได้ขนาดนั้น แล้วจะทิ้งเค้า ผมว่าคุณเป็นคนที่ไม่ได้มองอะไรไปข้างหน้าเยอะๆเลยนะครับ เรื่องพวกนี้ควรจะคิดก่อนจะขอใครสักคนคบ เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญที่อาจทำให้ชีวิตคู่พังได้

ส่วนเทมส์ จะยอมน่ะผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่จะรักใคร ต้องรู้จักรักตัวเองด้วย

จะไม่ดีกว่าเหรอครับถ้าจะหยิบปีกที่เคยวางทิ้งไว้มาสวม
จะไม่ดีกว่าเหรอครับที่จะบินออกไปเจอสิ่งที่เข้าใจและยอมรับเราอย่างที่เราเป็น

เสียเวลาในชีวิตไปยังไม่เท่าไหร่ แต่เสียทักษะหรือความงดงามในตัวเองไปเพราะความรักที่ยอมทน นี่มันไม่ค่อยจะเหมาะนะครับ ผมเห็นเรื่องปูมาว่า เทมส์ถ้าแต่งตัว คงจะดูดีไม่น้อยเลย และคงเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดีด้วย ปาลถึงกลัวตัวเองจะหึงถ้าเทมส์ออกไปสังสรรค์ ความสามารถที่เรียนมาก็ยังขัดเกลาอยู่ด้วยการรับงานฟรีแลนซ์ พรสวรรค์ในตัวเองพวกนี้จะเกื้อหนุนคุณมากๆในการทำงานนะครับ แต่น่าเสียดายที่เทมส์ไม่ได้มีโอกาสเฉิดฉายเรื่องพวกนี้

อย่างที่แม่ปาณัสกับจักรีบอกน่ะครับ อันตรายนะ วันไหนที่กินรีเริ่มทนทานความเจ็บปวดไม่ไหว และเรียนรู้ที่จะเริ่มรักตัวเอง เมื่อกินรีที่สวมปีกแล้ว มันจะสวยขึ้นอีกไม่รู้กี่เท่า จะสวยเหมือนของเดิมที่คุณอยากจะได้มันมา และถึงตอนนั้น แค่จะตามหามันก็ยากแสนยากแล้ว และจะยอมให้เค้าถอดปีกมาอยู่กับคุณอีก เป็นไปแทบไม่ได้เลยครับ

ใช่แหละ คบกันมาสิบปี จะให้แปปๆไม่ทน มันก็ไม่ใช่วิสัยของคนรักกัน แต่รอยร้าวแบบนี้ พอถึงจุดที่ความรักสิบปียังรั้งไว้ไม่อยู่ มันก็จะแตกร้าวนะครับ

ถ้าปาณัสอยากจะรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ ด้วยทัศนคติแบบนี้ ผมว่ายากครับ คงต้อง Learn it by hard way
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า PART 1 04/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 07-09-2018 11:11:09

ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า PART END


ฉันทัชนั่งอยู่โซนบาร์ในร้านโปรดของคนที่นัดเขามาวันนี้ เขารออีกฝ่ายมาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วแต่ก็ไม่ได้นึกโกรธเพราะอีกฝ่ายไม่เคยมาตรงเวลาเลยสักครั้ง แม้กระทั่งบอกว่าจะมารับสุดท้ายก็มาบอกในนาทีสุดท้ายว่าให้นั่งแท็กซี่มาร้านเองเสียอย่างนั้น ยังดีที่โทรบอกไม่ปล่อยให้เขารอเก้อ

ฉันทัชไม่โกรธหรอก เขาเข้าใจและชินแล้ว

ระหว่างที่ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ฉันทัชได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง เสียงคนเซ็งแซ่เหมือนกำลังพูดถึงประเด็นอะไรสักอย่าง ไม่ต้องเดาก็พอรู้ว่าคนที่เขารอเดินเข้ามาในร้านแล้ว

ฉันทัชหมุนเก้าอี้มาอีกด้านเพื่อมองดูว่าใช่คนที่นัดหรือเปล่า แผ่นหลังของเขาพิงกับขอบเคาท์เตอร์บาร์ ขาข้างหนึ่งวางนิ่งสนิทอยู่บนพื้น ส่วนอีกข้างเหยียบกับที่วางเท้าของเก้าอี้สตูลบาร์ ข้อศอกด้านซ้ายวางพาดอยู่บนเคาท์เตอร์ ส่วนมือขวาถือแก้วเหล้า เขย่ามันเล็กน้อย สายตาที่ดูเอื่อยเฉื่อยเป็นประจำกลับกล้าแกร่งขึ้นมาขณะจ้องมองคนมาใหม่อย่างไม่วางตา ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียว คนรอบๆ บริเวณนี้ก็เหมือนถูกแช่แข็งด้วยกันทั้งนั้น ทุกสายตาจับจ้องไปยังคนเดียว

คนมาใหม่เดินเข้ามาไม่เร่งรีบ ราวกับใจดีเอื้อเฟื้อให้ทุกคนได้มองจนพอใจ ฉันทัชยิ้มเล็กน้อยกับท่าทีโปรยเสน่ห์ของเจ้าตัว คนนั้นใส่ชุดสูทแบบผู้หญิงทำงาน เสื้อเชิ้ตสีขาว คลุมทับด้วยเสื้อสูทลำลองสีดำ กางเกงแสล็คสีดำ ปล่อยผมยาวตรงสลวย ดูเป็นผู้หญิงทำงานเก่งและน่าค้นหาไปพร้อมๆ กัน

ฉันทัชคงจะรู้สึกกระอักกระอ่วนหากอีกฝ่ายแต่งตัวดีในขณะที่เขาสวมเพียงเสื้อยืดง่ายๆ มา เขาคนที่ใส่แต่เสื้อยืดกับกางเกงนอนเป็นปกตินั้น สลัดคราบแมวบ้านเป็นแมวป่าแทน เสื้อเชิ้ตที่นานๆ จะถูกหยิบมาใส่ พร้อมปลดกระดุมลงสองเม็ดเพื่อความไม่อึดอัด พลางให้มองเห็นแผงอกรำไร ผนวกกับกางเกงยีนส์เข้ารูปพอดีตัว ดูขายาวได้ รองเท้าหนังถูกนำออกมาใช้หลังจากถูกปัดฝุ่น ผมที่เคยปล่อยเซอร์กลับถูกเซทไว้อย่างดี ไม่ถึงกับเรียบร้อย แค่ให้มันยุ่งอย่างมีชั้นเชิง เขาไม่ใช่คนที่ชอบสวมเครื่องประดับมากมายนักเลยเลือกใส่เพียงนาฬิกากับแหวนวงเดียวที่สวมติดนิ้วอยู่เป็นประจำ

อีกฝ่ายเดินมาถึงตัวเขาพอดี นั่งลงที่เก้าอี้ตัวถัดไป

“สวยเหมือนเดิมนะน้องอินอิน” น้ำเสียงนุ่มทักอีกฝ่ายออกไปเป็นคำแรก

“ได้ยินแบบนี้ก็ชื่นใจ เทมส์ก็เหมือนกันหล่อเหมือนเดิม” หญิงสาวก้มหน้าลงมาจูบแก้มชายหนุ่มไม่แรงนักแต่ก็มากพอที่จะเห็นคราบลิปสติกติดอยู่ที่แก้ม เธอหัวเราะคิกคักพลางหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดแก้ม

“ขอโทษที่มาสาย งานมันเลทอะ”

“แก้ตัวตลอด” ฉันทัชจุ๊ปากเบาๆ “ใช้ได้ที่ไหน บอกเทมส์ว่าจะไปรับเป็นมั่นเป็นเหมาะ สุดท้ายให้มาเองเสียได้” ฉันทัชพูดไปอย่างนั้น เขาไม่ได้จริงจัง

“ขอโทษ ไม่โกรธไทน์นะ”

“เลี้ยงเหล้าแล้วจะหายโกรธ”

“สบายมาก เลี้ยงทั้งชีวิตเลยยังได้”

“มากไป”

“พูดจริงๆ” หญิงสาวเอื้อมมือมาปัดปอยผมข้างหน้าของฉันทัชออกให้ “ผอมลงหรือเปล่า”

“รู้ไหมว่าเวลาเจอกันไม่ควรทักด้วยคำพูดแบบนี้ ผอมลง อ้วนขึ้น ตัวดำ สิวเขรอะ” ฉันทัชบอก

“ถ้าไม่ใช่เทมส์ ไม่มีทางที่ไทน์จะมาถามอะไรแบบนี้หรอก ที่ถามเพราะเป็นห่วง ปาลมันดูแลไม่ดีหรือไง”

“ก็เหมือนเดิม”

“แล้วนี่บอกหรือเปล่าว่ามากับไทน์ ไม่อยากให้มันมาอาละวาดที่ร้านหรอกนะ ยิ่งร้านนี้เป็นร้านโปรดของไทน์อยู่ด้วย” หญิงสาวว่าเพราะเธอชอบร้านนี้มาก

“บอกสิ ต้องบอกอยู่แล้ว”

“บอกว่า?”

“บอกว่าวันนี้ไม่กลับ นอนบ้านไทน์”

“เหอะ เดี๋ยวปิดเครื่องรอเลยดีกว่า” หญิงสาวพูดอย่างรู้ทัน

“ขอโทษครับ ขอไอดีหน่อยได้ไหม” ยังไม่ทันที่คนสองจะพูดอะไรต่อก็มีบุรุษแปลกหน้าเดินเข้ามาหาทั้งคู่

“ขอคนไหนล่ะคะ” หญิงสาวแกล้งถามเสียงหวาน ขนาดแสงไฟสลัวๆ ยังพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงจะหน้าแดงหรือเขินอาย

“คุณนั่นแหละครับ”

“ขอเราเหรอ ว้า นึกว่ามาขออีกคน” หญิงสาวต่อคำเล่นลิ้นกับอีกฝ่าย

“อีกคนก็ขอครับ” ทางนั้นว่า

“โลเลจัง เลือกสักคนสิ”

“ผมมาขอไอดีคุณ ส่วนเพื่อนผมที่อยู่โต๊ะนั้น” ชายหนุ่มชี้ไปโต๊ะของตัวเอง ทางนั้นยกแก้วชูขึ้นเหมือนทักทายแต่คนถูกขอไม่ได้โต้ตอบอะไร “ขอของคนนี้”

“โอ๊ะ เสน่ห์แรงเหมือนเคย ให้ดีไหมน้า” หญิงสาวทำหน้าครุ่นคิด “เทมส์เห็นโต๊ะนั้นไหม หน้าตาหล่อเหมือนกันน้า” หญิงสาวชักจูงฉันทัชให้มองแต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจ

“ได้ไหมครับ” คนที่มาเยือนถามถึงเบอร์อีกครั้ง

“เพื่อนนายชอบผู้ชายเหรอ ดูออกไหมว่าเขาเป็นผู้ชาย”

“ครับ เพื่อนผมเห็นคุณคนนี้เอ่อ เทมส์ใช่ไหม นั่งอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว”

“อยากให้นะ แต่เทมส์อะ มีแฟนแล้วคงไม่ได้” หญิงสาวบอกแล้วชูมือซ้ายของฉันทัชให้อีกฝ่ายได้เห็นแหวนที่เจ้าตัวสวมอยู่แล้วจึงชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “แต่เราอะโสดนะ”

“จริงเหรอครับ ไม่น่าเชื่อ คนสวยอย่างคุณไม่น่าโสด”

“โสดจริงๆ” หญิงสาวย้ำ

“แล้วผมขอไอดีคุณได้หรือเปล่า”

หญิงสาวลุกขึ้นไปยืนข้างผู้มาเยือน พอยืนเทียบแบบนี้ อีกฝ่ายถึงรู้ว่าผู้หญิงคนนี้สูงมากทีเดียว ดูจะสูงเลยหัวของเขาไปอีกคืบ หญิงสาวก้มหน้าลงมากระซิบที่หู “ได้สิ ถ้านายชอบผู้หญิงที่เคยมีดุ้นมาก่อนอะนะ ถึงตอนนี้จะเฉาะแล้วก็เถอะ”

“ยังสนใจเขาอยู่ไหมอะตัวเอง” เธอถอยกลับมานั่งดังเดิม

“เอ่อ..ไม่ดีกว่าครับ” อีกฝ่ายพอได้ยินก็หน้าผิดสีทันที

“ก็ว่างั้น บายนะ” หญิงสาวบอกราวกับเจอเรื่องพวกนี้จนเคยชิน

“ไปแกล้งเขา นิสัยไม่ดี” ฉันทัชเอ็ดอีกฝ่ายไม่จริงจัง

“คนของเราก็ใช่ย่อย รู้ทั้งรู้ว่าโต๊ะนั้นอยากได้เทมส์แต่ก็ทำนิ่ง ให้เหยื่อร้อนรน อย่าคิดว่าไทน์ดูไม่ออก เทมส์ไม่ได้ใสซื่ออย่างหน้าตา” หญิงสาวปาดนิ้วลงบนจมูกฉันทัชเพื่อเย้าแหย่

“รู้ดี”

“คนเป็นฝาแฝดกัน ถ้าไม่รู้จักคนที่เกิดมาพร้อมกันก็ขายหน้าแย่สิ จริงไหม”

อินทัชคือน้องชายที่ลืมตาดูโลกตามหลังฉันทัชเพียงแค่สองนาที ตั้งแต่เด็ก อินทัชก็แสดงออกชัดเจนว่าอยากเป็นเด็กผู้หญิง เขาถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อเรื่องที่ตนเองเป็นตุ๊ด เจ้าตัวกลับมาร้องไห้กับพี่ชายอยู่ทุกวัน ผิดกับฉันทัช เขาอยากเป็นผู้ชาย แต่ใจคงเหมือนน้องชายหรือน้องสาวที่ต่างชอบผู้ชายเหมือนกัน

แม่ของเขาเกือบสติแตกตอนที่รู้เรื่อง เธอมีลูกชายสองคน แต่กลับเป็นแบบนี้ ทว่าแม่เขาเป็นหญิงแกร่ง เก็บสติคืนมาไว้กับตัวได้อย่างรวดเร็ว พอถึงวัยที่อินทัชจะแปลงเพศได้ แม่ก็ถามว่าเจ้าตัวอยากทำหรือเปล่า เพราะมันคือความฝันของเด็กผู้ชายที่อยากเป็นผู้หญิง

ในวันนี้น้องชายของเขา ไม่สิ น้องสาวของเขากลายเป็นผู้หญิงเต็มตัว มีหน้าอกที่ได้รูปกำลังดี เรื่องนี้ฉันทัชขอเจ้าตัวไว้เองว่าขอไซซ์ที่กำลังพอดีมือ แล้วคนที่ได้สัมผัสหน้าอกน้องคนนี้เป็นคนแรกน่ะเหรอ ก็เขาไง หลังจากการเปลี่ยนแปลงช่วงบนและล่าง อินทัชเจ็บปวดไม่น้อย มันไม่ใช่เรื่องสนุก หรือเรื่องตื่นเต้น การศัลยกรรมทุกอย่างไม่ว่าจะบริเวณไหน นั้นค่อนข้างอันตรายเลยทีเดียว

อินทัชอดทนต่อสู้ฝ่าฟันกับความเจ็บปวดจนผ่านมาได้ เจ้าตัวบอกว่าคุ้มที่จะเจ็บ นอกจากความฝันที่จะเป็นผู้หญิงแล้วหญิงสาวอยากเป็นนางแบบ แม่บอกว่าแม่ช่วยไม่ได้หรอกที่จะผลักดันลูกเข้าวงการนี้ หากอยากทำอาชีพนี้ก็ต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง

ในที่สุด อินทัชก็ทำสำเร็จ หญิงสาวเป็นหนึ่งในนางแบบที่มีความรับผิดชอบ ไม่เรื่องมากและทำงานดี ดังนั้นผู้ว่าจ้างหลายๆ บริษัทมักจะเอ็นดูและเรียกไปทำงานอยู่เสมอโดยไม่สนเรื่องเพศเพราะอาชีพนี้คือทำหน้าที่ไม้แขวนให้ดีก็เพียงพอ ช่วงนี้อินทัชมีงานค่อนข้างเยอะ เจ้าตัวมีอีเวนต์เดินแบบเกือบทุกวันและเพิ่งกลับมาจากฮ่องกงเดี๋ยวนี้เอง

“เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเงียบผิดปกติ” อินทัชสังเกตพี่ชายมาสักพักจึงถามออกไป

“ไม่นี่ ก็เหมือนเดิม”

“อย่าหลอก”

“ไม่อยากพูดที่นี่”

“ถ้ากลับบ้านแล้วยังไม่ยอมพูดอีกคืนนี้จะปล้ำเทมส์ให้หนำใจเลย”

“เป็นสาวเป็นนางพูดแบบนี้กับผู้ชายได้ไง เดี๋ยวตีตายเลย” ฉันทัชทำเสียงดุใส่ แต่คนฟังไม่นึกกลัว

“อยากถูกตีจัง” อินทัชเท้าคางระหว่างพูด แววตาดูเชิญชวน

“ถ้าคิดจะเล่นแบบนั้นก็เตรียมตัวสู้รบกับปาลด้วยแล้วกัน ถ้าเขายังอยากสู้” ทิ้งปริศนาไว้แบบนั้นทำให้อินทัชยิ่งอยากรู้

“โอเค ไม่ถามละ รอถึงบ้านแล้วคุยทีเดียว เพราะฉะนั้นก่อนจะกลับ มอมเหล้าเทมส์ดีกว่า” อินทัชเดาจากทั้งคำพูดและท่าทางของพี่ชายแล้ว ดูจะไม่ใช่เรื่องเล็ก

“ตลกละ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เทมส์ก็ยอมรับแก้วจากน้องสาวขึ้นมาดื่มอึกหนึ่งก่อนจะส่งคืน

“งานเป็นไงบ้าง”

“ก็ดี เรื่อยๆ อะ เพิ่งส่งงานแปลไปให้เจ้าหนึ่งเมื่อวาน”

“มีเงินใช้ไหม เอาเงินไทน์ได้นะ ไทน์มีเงินเยอะ ไม่ต้องทำงานหนักล่ะ” อินทัชเสนอบอกอย่างใจป้ำแต่ฉันทัชเลือกส่ายหน้าเบาๆ เป็นการปฏิเสธ

“ไม่เชื่อเหรอ บอกแล้วไงว่าเลี้ยงเทมส์ได้สบาย”

“เชื่อ แต่ที่ไม่เอาเพราะที่อยู่ตอนนี้มันไม่ต้องใช้เงิน”

“ปาลมันให้เงินเทมส์บ้างหรือเปล่า”

“ไม่แน่ใจว่าแบบนี้เรียกว่าให้ไหม ปาลทิ้งบัตรกับเงินสดเอาไว้ในตู้ที่คอนโด”

“หยิบมาใช้บ้างไหม” ฉันทัชส่ายหน้าเบาๆ อินทัชถึงกับปวดหัว

“โอ๊ย ทิฐิอีก พอเขาไม่พูด ก็ปากหนักไม่ถาม”

“ไม่เดือดร้อนไง เลยไม่ได้อะไร”

“เทมส์ก็เป็นเสียอย่างนี้อะ ทุกทีเลย ถ้าเป็นไทน์จะถามไปให้จบๆ”

“ก็ไม่อยากถามนี่” พี่ชายพูดเสียงเนือยๆ

“ใช่ ไทน์ก็ลืมไปทั้งที่หน้าตาเหมือนกันแท้ๆ นิสัยดันไม่เหมือนกัน เห็นไทน์โผงผางแต่ใจเย็น ขณะที่เทมส์นิ่งเฉย แต่เป็นคนใจร้อน ตรงข้ามกันเป็นบ้า”

“ปวดหู” ฉันทัชทำท่าแคะขี้หู รำคาญที่น้องสาวพูด

“เชอะ ทำท่าเบื่อเราแบบนี้ทุกที” อินทัชพูดแล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาค้นอะไรกุกกัก “เดี๋ยวมานะ ตรงนี้ไฟมันมืด มองไม่เห็น”

“อืม”

หญิงสาวเดินไปทางห้องน้ำ เขาคุ้นว่ามีจุดสำหรับสูบบุหรี่ที่อยู่ใกล้ๆ ห้องน้ำเป็นที่ที่มีแสงไฟสว่างชัดที่สุด หากจะจีบหรือจะคว้าใครขึ้นเตียง ก่อนตัดสินใจให้พาอีกฝ่ายมาเช็คสภาพหน้าที่ตรงนี้เสียก่อน แล้วคุณจะได้กระจ่างแจ้งว่าควรจะไปต่อหรือหยุด บางทีอาจจะมีเหตุการณ์ประมาณว่า จู่ๆ คุณก็นึกขึ้นได้ว่ามีธุระต้องกลับบ้านด่วนโดยพลัน

อินทัชเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนสูบบุหรี่อยู่ เธอไม่ได้สนใจนัก ทว่าตอนเดินผ่านหางตาก็อดสังเกตไม่ได้ว่า คนๆ นั้นมีลักษณะตัวที่สูงใหญ่มากทีเดียว ขนาดเธอที่สูงเกือบร้อยแปดสิบบวกกับส้นสูงอีกสองนิ้ว ยังรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายสูงกว่าตนเอง หญิงสาวเว้นระยะจากกลุ่มควันเหล่านั้นออกมาสักสองเมตร แล้วจึงเปิดกระเป๋าเพื่อหาของบางอย่างต่อ

“หาไลท์เตอร์อยู่เหรอ เอาของผมไปใช้ก่อนไหม” คนตัวสูงถามด้วยความเอื้อเฟื้อพลางยื่นของที่ว่านั้นให้ บุหรี่กับที่จุดบุหรี่มันเป็นแพคเกจคู่สำหรับนักสูบ

“เปล่า ไม่ได้มาสูบบุหรี่” อินทัชเงยหน้ามองคนหวังดี เธอไม่ได้อยากอธิบายแต่ก็กลัวอีกฝ่ายจะเซ้าซี้ “พอดีจะหาของแต่ไฟข้างในมันมืด”

“อย่างนั้นเหรอ นึกว่าสูบเหมือนกัน” ได้ยินคำตอบแบบนั้นอีกฝ่ายเลยชักมือกลับลงไปในกระเป๋ากางเกงแทน

“ขอบคุณนะ” หญิงสาวตัดบท

เขาคนนั้นดับบุหรี่ในมือลงบริเวณที่ทิ้งบุหรี่ อินทัชคิดว่าอีกฝ่ายคงจะกลับเข้าไปข้างใน เธอคิดผิดเพราะเขาจุดบุหรี่อีกตัวขึ้นมาใหม่

“มาเที่ยวที่นี่บ่อยหรือ”

“บ่อยเท่าที่ว่าง”

“อืม เหมือนกัน”

“...”

“ไว้เจอกันใหม่นะ” เขาบอกแล้วดับบุหรี่ทั้งที่ยังสูบไม่หมดนั้นลงก่อนจะเดินหายไป

.

.

“ไปเสียนาน” ฉันทัชทักน้องสาวเมื่อเห็นอีกฝ่ายกลับมานั่งข้างๆ

“อือ หาของไม่เจออะ” อินทัชพูดอย่างหัวเสียเล็กน้อย ไม่รู้เธอลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่า

“ของอะไร สำคัญหรือเปล่า” พี่ชายถามด้วยความเป็นห่วง

“คิดว่าสำคัญแหละ”

“อะไรกัน ทำงานหนักจนแยกแยะไม่ออกแล้วหรือไงว่าอันไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ” ฉันทัชผลักหัวน้องสาวเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

“บ้า ไม่ใช่สักหน่อย มันสำคัญกับไทน์นะ แต่ไม่รู้ว่าจะสำคัญกับใครอีกคนหรือเปล่า”

“ใครอะ? นี่มีความลับไม่บอกเทมส์เหรอ” ฉันทัชสงสัย

“เดี๋ยวเทมส์ก็รู้” หญิงสาวหัวเราะพลางเอนตัวมาซบไหล่พี่ชาย เธอเขี่ยนิ้วของฉันทัชเล่นเบาๆ

“หึงนะ” ฉันทัชเลยรับมุกด้วยการกระซิบที่ข้างหูน้องสาว

“เพ้อเจ้อ”

“คุณครับโต๊ะนั้นฝากมาให้” เสียงพนักงานบอกจากทางด้านหลังพลางวางแก้วเหล้าข้างตัวฉันทัช

“ให้คนไหน” อินทัชทำหน้าตาใสซื่อถาม

“คุณผู้ชายคนนี้ครับ”

“จากใครล่ะ”

“ทางนั้นครับ” พนักงานชี้มือไปยังทางคนที่มอบไมตรี อินทัชมองตามแล้วยิ้มให้โต๊ะนั้น ส่วนฉันทัชนิ่งเฉยไม่คิดแม้แต่จะมอง

“ขอบใจนะ” ฉันทัชว่าแล้วก็ผลักแก้วเหล้าไปรวมกับแก้วอื่นๆ ที่ได้รับมาอีกสี่ห้าแก้วก่อนหน้านี้ อินทัชจึงหยิบเงินยื่นให้เป็นค่าทิปสำหรับชายหนุ่ม เมื่อพนักงานบรรลุตามเป้าหมายที่ได้รับมาแล้วก็ขอตัวกลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ

“ไม่อยู่เฝ้าแป๊บเดียว แมลงหวี่แมลงวันเต็มเลยแฮะ ไม่แปลกใจเลยที่ปาลมันไม่อยากให้เทมส์ออกมาข้างนอก” พูดจบแล้วทำท่าปัดโต๊ะไปมาราวกับไล่แมลงเหล่านั้นให้ออกไป

“หึ กี่ปีแล้ว เมื่อไหร่จะปล่อยกันบ้าง อายุก็มากขึ้นไปทุกวัน” เสียงเยาะในลำคอของฉันทัชบอกอย่างไม่ใส่ใจ

“คนเข้าหามันต้องแปรผกผันอายุสิมันถึงจะปล่อย แต่นี่อะไร นานๆ ออกมาเที่ยวที คนเข้ามาเยอะ ถ้าเป็นแบบนี้ ไทน์ก็ไม่ชอบหรอก”

“ทำอย่างกับว่าตัวเองไม่มี” ไม่รู้ว่าฉันทัชหมายถึงอินทัช น้องสาวหรือปาณัสม์ คนรัก

“กลับบ้านกันเถอะ”

“จะกลับแล้วเหรอ” สายตาอ้อนวอนจากพี่ชายที่กำลังกะพริบตาปริบๆ ขอความเห็นใจ

“ไทน์เพิ่งลงเครื่องมาเอง เสร็จแล้วก็รีบมาหาเทมส์เลย ไทน์เหนื่อยอะ ตามใจหน่อยไม่ได้เหรอ พรุ่งนี้เดี๋ยวเจ๊พาไปดูหนังนะ”

ฉันทัชรู้ว่าน้องสาวไม่ได้เหนื่อยจริงอย่างปากว่าแต่เจ้าตัวอยากพาเขากลับเพื่อเลี่ยงการปะทะกับปาณัสม์ เขาเลยตอบเสียงเอื่อยๆ ว่า “กลับก็ได้”

.

.

บ้านเดี่ยวขนาดสองชั้น กินพื้นที่ประมาณห้าสิบห้าตารางวาในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งที่อินทัชซื้อไว้หลังจากที่เจ้าตัวเริ่มหาเงินได้ บ้านของน้องสาวที่ซื้อไว้ให้พี่ชาย

“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” เมื่อเปิดประตูเข้ามาในบ้าน อินทัชก็พูดขึ้น

“บ้า นี่บ้านไทน์”

“บ้านไทน์ก็เหมือนบ้านเทมส์นั่นแหละ ไปอาบน้ำ สระผมด้วย อยากจับผมนิ่มๆ ของเทมส์”

“อืม คืนนี้ให้เทมส์นอนห้องไหน”

“ถามแบบนี้เดี๋ยวตีปากเลย ต้องนอนกับไทน์สิ”

“อยากโดนตีจัง” ถ้าคิดว่าอินทัชร้ายกาจที่ชอบหยอกล้อพี่ชายคนนี้แล้วล่ะก็ ฉันทัชเองก็ไม่น้อยหน้าในเรื่องนี้เช่นกัน

“ทำจริงแล้วจะหาว่าไม่เตือน” น้องสาวขู่

“ก็ดีนะ น่าสนใจ เกิดมายังไม่เคยนอนกับผู้หญิงเหมือนกัน” พี่ชายมองน้องสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ส่งสายตาที่เหมือนว่าฉันทัชอยากจะลิ้มลองรสแปลกใหม่

“พอๆ เล่นด้วยไม่ได้เลย ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้” อินทัชโบกมือไล่อีกฝ่ายอีกครั้ง

“รับทราบครับน้องอินอิน” ฉันทัชหัวเราะที่แกล้งน้องสาวได้ก็เดินขึ้นข้างบน หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วพาร่างของตัวเองหายเข้าไปในห้องน้ำ

“ง่วงยัง” ฉันทัชถามน้องสาว พวกเขานอนห่มผ้าห่ม สายตามองเพดานด้วยกันทั้งคู่

“ยัง”

“ไม่เหนื่อยเหรอ”

“รอเทมส์เล่านิทาน”

“โตแล้ว เขาไม่ฟังนิทานกันหรอก”

“อยากฟังนิทานชีวิต นิทานของเทมส์” อินทัชเงียบสักพักก่อนจะพูดขึ้นใหม่ พลิกตัวมากทางพี่ชาย

“เฮ้อ..ก็ได้ ตั้งใจฟังล่ะ” พี่ชายถอนหายใจ

“เทมส์คิดว่าเทมส์เบื่อ” ฉันทัชเริ่มเล่า

“เบื่อ? เบื่ออะไร”

“ทุกอย่างเลย”

“ปาลด้วยเหรอ” อินทัชถาม

“ใช่ นั่นล่ะสาเหตุของการเบื่อเลย”

“เกิดอะไรขึ้น”

“ไม่รู้สิ มันจำเจ เดิมๆ มั้ง ปาลบ้างาน ไม่ค่อยกลับบ้าน ติดเที่ยวกินเหล้า เราทะเลาะกันบ่อยมากจนพักหลังเทมส์กับปาลเริ่มไม่คุยกันเพราะกลัวทะเลาะ”

“...”

“ครั้งล่าสุดที่ทะเลาะกัน ปาลตวาดไล่เทมส์ออกมาจากห้องน้ำ”

“ทะเลาะกันในห้องน้ำเนี่ยนะ” อินทัชขมวดคิ้ว คู่นี้นี่มันอย่างไร ฉันทัชเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์วันนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ

“ไทน์ว่าปาลก็ผิดที่เมาแต่นั่นมันก็ธรรมดาสำหรับคนเมาปะ ส่วนเทมส์ก็ผิดที่ชวนทะเลาะ”

“ไม่เข้าข้างเทมส์อะ”

“ว่ากันไปตามถูกผิดสิ ไทน์เป็นคนนอกย่อมมองสถานการณ์ออกอยู่แล้ว อยู่ด้วยกันมาตั้งนานยังไม่รู้จักนิสัยกันอีกเหรอ”

“ปาลชอบทำให้เทมส์เอือม ถอดเสื้อผ้าทิ้งไม่เป็นที่เป็นทางบ้างล่ะ ทำบ้านรกบ้างล่ะ”

“เทมส์ไม่มีเลยสิ? อ๊ะๆ อย่ามองไทน์แบบนั้น” น้องสาวรีบบอกอย่างรู้ทันเมื่อเห็นพี่ชายทำตาขวาง “อย่าลืมว่าไทน์ก็เคยอยู่กับเทมส์มาก่อนนะ เรื่องครีมอาบน้ำนั่นก็ใช่ เรื่องที่เทมส์ชอบบ่นนั่นก็ด้วย ไหนจะเรื่องที่เทมส์ใจร้อนอีกล่ะ”

“เทมส์เป็นของเทมส์แบบนี้”

“ปาลมันก็เป็นของมันแบบนี้เหมือนกัน”

“ไทน์!” ฉันทัชชักฉุนที่น้องสาวดูจะเข้าข้างอีกฝ่ายมากกว่า

“ไม่โมโหน่า แล้วยังไงต่อ”

“ก็ไม่ไง คือเบื่ออะ”

“ไม่รักปาลแล้วเหรอ”

“รักมันก็รัก ส่วนเรื่องเบื่อมันก็เบื่อ เทมส์อยากออกมาใช้ชีวิตข้างนอกบ้าง” ฉันทัชบอกตามความรู้สึก

“อยากทำงานเหรอ” อินทัชครุ่นคิด

“อืม”

“ไว้จะหางานให้แต่ต้องบอกปาลด้วยล่ะ”

“งานประจำเหรอ” พี่ชายหันมามองตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น

“ไม่ใช่ งานเล็กๆ น้อยๆ พอให้ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง”

“ก็ยังดี” ฉันทัชบอกอย่างมีความหวัง

“ถามตรงๆ นะ แล้วต้องตอบตรงๆ ด้วย”

“ว่ามาสิ”

“อยากเลิกกับปาลไหม” อินทัชถาม

“...”

“เรื่องเงินเทมส์ไม่ต้องเป็นห่วง รู้ใช่ไหม ถ้าเลิกกับปาลได้ เทมส์จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำทั้งหมด”

“อืม”

“เลิกไหม” อินทัชถามอีกครั้ง

“ไม่เลิก ตราบเท่าที่ปาลไม่ทำผิดสัญญา” ฉันทัชส่ายหน้า




================================

ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์มากๆ ค่ะ ยาวมาก ทั้งร้อยแก้ว ร้อยกรอง
ตื้นตันมาก ตกใจมากค่ะ จนหวั่นที่จะแต่งต่อเลย
แต่อย่างไรก็จะพยายามให้มากที่สุดนะคะ เรื่องนี้แต่งล่วงหน้าไว้พอประมาณแล้ว
หากมีตรงไหนขัดใจผู้อ่านก็ขออภัยล่วงหน้านะคะ
และมีข้อสงสัยหรืองงที่จุดไหน สอบถามมาได้เลย เขมจะมาตอบให้ค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก ไปคุยกันในทวิตได้น้า

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

Twitter (https://twitter.com/khemmakan) และ Facebook (https://www.facebook.com/akanae14)
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า Full Part 07/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-09-2018 13:45:07
บอกไม่ถูกว่าใครถูกหรือผิด แต่ความเบื่อคงมาจากปาลไม่เคยปล่อยให้เทมส์ได้ทำงานบ้างล่ะมั้งนะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า Full Part 07/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 07-09-2018 15:41:53
ถึงมันจะ เล็กน้อย ฝอยฝุ่นผง
แต่ถ้ามัน ปลิวลง ตรงตาสอง
น้ำตาไหล ใช้ล้าง อย่างเนืองนอง
ระคายเคือง เปลื้องหมอง หม่นนัยน์ตา

สิ่งเล็กเล็ก อาจจะกลาย เป็นเรื่องใหญ่
ถ้ากระทบ เนื้อในใจ ให้ผวา
ฝังติดค้าง ขุ่นข้น จนระอา
จะทับถม แน่นหนา คาหัวใจ

ถ้ายังคิดจะอยู่เป็นคู่กันต่อ..ก็ต้องเคลียร์
อยู่เพราะทน หรือทนเพราะอยู่
มันก็ทำให้รู้สึกอึดอัด ทรมานไม่ต่างกันทั้งสองคน

รอลุ้นกันต่อไป หุหุ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า Full Part 07/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 07-09-2018 16:25:35
สนุกครับ มาลุ้นว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า Full Part 07/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-09-2018 17:06:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า Full Part 07/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 07-09-2018 17:18:43
พอมาดูจากมุมของเทมส์ บางจุดก็ดูประหลาดจริงๆเหมือนกันนะครับ เรื่องประทินผิวอันนี้ผมไม่ว่าอะไรนะ มันเป็นความสุขของเขาที่ได้ดูแลตัวเองนี่นา (หัวเราะ) แต่เรื่องชอบบ่นกับใจร้อนนี่มันแปลกๆครับ มันมีพาร์ทบรรยายที่ปาลบอกว่าปกติเทมส์จะไม่ชอบหาเรื่องทะเลาะนะ เมื่อก่อนเทมส์อ่อนหวานว่าง่าย แล้วทำไมถึงเปลี่ยนไปล่ะ? มันควรจะเป็นนิสัยเฉพาะตัวที่ไม่ขึ้นกับสิ่งแวดล้อมนะครับ

ปกติแล้วความสัมพันธ์ระหว่างชาย-ชาย มันจะมีเรื่องทะเลาะน้อยกว่าผู้หญิงนะครับ เพราะว่าผู้ชายน่ะจะรู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร (ในเชิงเพศลักษณะ) เนื่องจากตัวเองเป็นผู้ชาย และคู่ก็เป็นผู้ชาย เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ค่อยชอบทำอะไรที่ทำให้เพศเดียวกันรำคาญโดยสัญชาตญาณนะครับ นี่เป็นประเด็นหลักของความสัมพันธ์ชาย-ชาย

เทมส์เองก็คงไม่ชอบให้ใครมาบ่น (ผู้ชายร้อยละเก้าสิบไม่ชอบ) แล้วทำนิสัยชอบบ่นทำไม? ในเมื่อสมัยก่อนก็ไม่ใช่นิสัยแบบนี้ เพราะเบื่อหรือระอากับนิสัยของปาลเหรอครับ แต่เอาจริงๆ เราไม่ควรทำนิสัยที่เราเองไม่ชอบใส่คนที่เราเบื่อนะครับ นั่นเป็นวิธีการแก้ปัญหาแบบเด็กๆ มันมีวิธีแก้ปัญหาตั้งหลายอย่างกับนิสัยที่เราไม่ชอบ ลองพูดดีๆหรืออย่างขึ้นเสียง หัดควบคุมตัวเอง อย่างฉากห้องน้ำ ผมเข้าใจว่าเทมส์ง่วงแล้วเจอปาลหาเรื่องตำหนิอีก เลยน้อยใจ ทำให้โพล่งนิสัยที่ตัวเองไม่ค่อยชอบออกไปเพราะจะเอาชนะ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีน่ะนะครับ อย่าใช้อารมณ์ตีรวนชวนทะเลาะแล้วก็อย่าขึ้นเสียง คุยกันดีๆ อีกฝ่ายเมาก็มองให้เป็นเรื่องขำๆสิ ถ้าหนักไปก็เตือนบ้างด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ไม่ใช่ไปบังคับกะเกณฑ์ อย่าทำอะไรที่ตัวเราเองไม่ชอบครับ เป็นผู้ชายด้วยกันน่าจะรู้ง่ายกว่าผู้หญิงอีก (แต่นี่แยกกับประเด็นการละเลยและชอบบังคับของปาลนะ คนละเรื่อง)

ส่วนเรื่องใจร้อน ผมยังไม่เห็นนะ ซึ่งดีแล้ว เพราะอยู่ด้วยกันมาสิบปีมันควรจะใจเย็นขึ้น เท่าที่อ่านปัจจุบัน เทมส์ก็ค่อนข้างยอมและทำตามที่ปาลบอกตลอดนะครับ อาจจะมีบางอย่างที่ติดนิสัยมา (อย่างเรื่องทาครีมหรืออาบน้ำโดยใช้อุปกรณ์เยอะ) แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ สงสัยเพราะปาลละเลยแล้วก็ทำเหมือนไม่ค่อยสนใจเทมส์ล่ะมั้ง เลยทำให้นิสัยเริ่มจะเปลี่ยนเพราะความใจร้อนหงุดหงิด ซึ่งอันนี้ไม่ดีนะครับ การที่นิสัยเปลี่ยน มันไม่เข้ากับนิสัยอ่อนหวานว่าง่ายของเดิมที่คุณมี ความอ่อนหวานว่าง่ายมันเป็นเสน่ห์ที่คุณควรจะมี อย่าให้พฤติกรรมแย่ๆมาทำให้เราด้อยค่าลงไป แล้วก็เห็นแม่ของปาณัสม์บอกว่าตอนนี้เทมส์ไม่มีใครแล้ว มีแค่น้อง(สาว) และเทมส์ก็เคยทำให้แม่ของปาณัสม์ประทับใจในหลายๆอย่าง แสดงว่าเดิมเทมส์ต้องนิสัยน่ารักและดี ดังนั้นก็ควรจะคิดถึงตัวตนของตัวเองสมันก่อนให้มากๆสิครับ

ถ้าเทมส์ดีแล้วก็นิสัยอ่อนหวานว่าง่าย เจอเรื่องแบบนี้เข้าใปจนในที่สุดยอมไม่ไหว แล้วจะเลิกกัน อันนี้ผมไม่ว่าเทมส์นะครับ แต่ถ้าเทมส์เอาเรื่องการละเลยของปาลมาเป็นข้ออ้างให้ตัวเองเปลี่ยนนิสัย แล้วไปทะเลาะกันจนทำให้มีปัญหา อันนี้ผมไม่โอเค คุณแค่หาข้ออ้างไปเรื่อยครับ ต้องแก้ตัวเองให้ดีก่อนสิครับ เราถึงจะตัดสินใจเดินตามทางเลือกของเราอย่างภาคภูมิใจ ไม่ใช่เกิดปัญหาแล้วไปโทษคนอื่น ควรจะรักษาความมีเสน่ห์และความดีดุจเกลือรักษาความเค็มสิ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า Full Part 07/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 07-09-2018 19:56:35
รักกันมานาน​ ความเบื้อมันก็ต้องมีเป็นธรรมดา​ รอลุ้นว่าจะตัดสินใจยังไงต่อไป​  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า Full Part 07/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 10-09-2018 06:52:22
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 2 ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า Full Part 07/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 11-09-2018 11:05:01

ภาค 3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part I



            ปาณัสม์ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า หัวแทบระเบิด เขากุมศีรษะเอาไว้แน่น พยายามลืมตาขึ้นมอง นี่เขาอยู่ที่ไหน ชายหนุ่มใช้เวลาสักพักจึงพอรับรู้ว่ามันคือห้องนอนของเขาเอง ชายหนุ่มหลับตาลงอีกครั้ง มือก็ควานไปยังพื้นที่ที่นอนด้านข้าง

            “จันทร์..จันทร์” เขาเรียกชื่อคนรักด้วยความเคยชิน ตั้งใจจะขอยาแก้ปวดมาบรรเทาอาการปวดศีรษะทว่าไม่มีเสียงตอบรับ

            “จันทร์” ปาณัสม์เรียกเสียงดังขึ้นอีกนิด หากยังไม่มีเสียงตอบกลับมาอยู่ดี อยากจะเรียกให้ดังกว่านี้ แต่เขารู้สึกเหมือนมีคนเอาค้อนมาตอกที่ศีรษะอย่างรุนแรง ชายหนุ่มทนไม่ไหวเลยหลับไปอีกครั้ง

             ปาณัสม์ตื่นมาอีกครั้ง อาการปวดหัวบรรเทาลงไปมากโข เขาลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ร่างกายสดชื่น เมื่อกลับออกมาอีกครั้ง เขาถอดผ้าปูที่นอนไปกองไว้ข้างเตียงแล้วปูใหม่อย่างเรียบร้อย

            “จันทร์ มีอะไรกินบ้าง ปาลหิวข้าว” ปาณัสม์ยังคงไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากคนรัก

            เขาเดินตามหาฉันทัชทั่วห้อง ไม่เว้นแม้กระทั่งในตู้เสื้อผ้าหรือใต้เตียง แทบจะทุกซอกทุกมุม ทว่าก็ไม่เจออีกฝ่าย ทำให้ปาณัสม์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะสติแตก ฉันทัชไม่เคยทำตัวเหลวไหลไปไหนมาไหนโดยไม่บอก

            ชายหนุ่มอยู่ไม่เป็นสุขราวกับหนูติดจั่น เขาพยายามรออีกฝ่ายแต่ทำได้เพียงห้านาทีก็ทนไม่ไหว รีบเดินกลับเข้าห้องนอนไปคุ้ยหาโทรศัพท์ที่ไม่รู้ตกอยู่มุมไหน ระหว่างนั้นเขานึกเอะใจ รีบไปเปิดตู้เสื้อผ้าอีกทีแล้วตรวจดูเสื้อผ้าของฉันทัช

            เขาคลายความกังวลออกมาเล็กน้อยที่เสื้อผ้าอีกฝ่ายยังอยู่ครบ ก่อนจะเดินออกไปอีกห้องที่เป็นห้องทำงานของฉันทัช เห็นอุปกรณ์การทำงานทุกอย่างยังอยู่ครบเช่นกัน เขาเริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้าง ฉันทัชเป็นคนมีความรับผิดชอบ คงไม่ทิ้งเขาและทิ้งงานไปแบบนี้หรอก

            ปาณัสม์กลับมาหาโทรศัพท์อีกครั้งเมื่อเจอแล้วเขารีบกดโทรออกด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยโทรหาอีกฝ่าย ชื่อคนรักยังอยู่ในเบอร์พิเศษ โทรด่วนแต่เขากลับไม่เคยใช้เลย


            .
            .
            ฉันทัชตื่นเช้าตามความเคยชิน เห็นน้องสาวยังหลับอยู่เลยลุกไปล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย ออกมาอีกครั้งก็เห็นคนที่หลับลืมตาแล้ว มองหน้าเขาทำตาปริบๆ

            “เช้านี้อยากกินอะไรจ๊ะคนสวย” เขาทักน้องสาว

            “กินพี่จันทร์ได้ไหมคะ” พี่น้องคู่นี้ต่างไม่มีใครยอมกัน

            “กินพี่เทมส์น่ะพอได้ ถ้าจะกินพี่จันทร์น่ะไม่ได้ ปาลไม่ยอมหรอก”

            “แหวะ ตื่นมาก็เลี่ยน พูดได้แบบนี้แสดงว่าอารมณ์ดีแล้วใช่ไหม” อินทัชยิ้มอย่างมีเลศนัย

            “อืม”

            “คิดถึงปาลแล้ว?”

            “ก็นิดหน่อย” ฉันทัชจับท้ายทอยตัวเองแก้เขิน

            “เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้วจะไปส่ง” อินทัชลุกขึ้นนั่ง ยืดแขนเหนือศีรษะเพื่อบิดขี้เกียจ เสื้อยืดที่เริ่มย้วยเลิกขึ้นอวดช่วงเอวขาวให้พี่ชายได้เห็นแต่เจ้าตัวไม่สนใจ

            “ไม่เป็นไร กลับไปก็เจอ วันนี้อยากไปดูหนังกับไทน์ก่อน”

            “ห่วงเล่นอีก”

            “นานๆ จะได้ออกที สรุปว่าจะกินอะไร ถ้าเลือกไม่ได้จะทอดไข่ดาวกับไส้กรอกให้กิน” ฉันทัชถาม

            “อยากกินข้าวผัดอะ” อินทัชรีบบอก

            “งั้นต้องหุงข้าวก่อน รอได้ไหม”

            “ได้” อินทัชลุกออกจากที่นอน หยิบผ้าเช็ดตัวหน้าห้องน้ำแล้วชะโงกหน้าหอมแก้มพี่ชายเบาๆ ทีหนึ่งแล้วจึงเดินนวยนาดเข้าห้องน้ำไป

            กว่าอินทัชจะอาบน้ำ แต่งองค์ทรงเครื่อง แต่งหน้าแบบแต่งอย่างไรให้ดูเหมือนไม่แต่งแล้ว ฉันทัชก็ทำกับข้าวเสร็จพอดี พี่ชายเลยขอตัวไปอาบน้ำบ้าง เขาเห็นเสื้อของน้องสาววางพาดอยู่ปลายเตียง มันเป็นเสื้อของอินทัชที่เขาพอจะใส่ได้ ส่วนกางเกงก็ตัวเดิม

            “ใส่ได้หรือเปล่า”

            “ใส่ได้ คิดว่าจะใส่ไม่ได้เสียอีก” ฉันทัชบอกก่อนจะลงนั่งที่เก้าอี้โต๊ะกินข้าวที่ตั้งอยู่ช่วงกลางบ้านติดกำแพงมุมหนึ่ง

            “ต้องได้อยู่แล้ว ช่วงตัวพอๆ กันแต่ไทน์มีนม ยังไงเทมส์ก็ใส่ได้แหละ” เจ้าตัวบอกอย่างอารมณ์ดีแล้วเริ่มตักข้าวเข้าปาก

“อร่อย”

            “กินให้หมดด้วย” ฉันทัชสั่ง

            “จะฟาดให้เรียบ ถึงจะต้องไปใช้กรรมในยิมก็ช่างมัน...อื้อ แล้วเทมส์อะ ออกกำลังกายบ้างเปล่า” อินทัชตักข้าวผัดเข้าปากอีกคำ

            “ไปสิ...ไปใช้ส่วนกลางของคอนโดให้คุ้ม”

            “แน่ใจ?”

            “หึ ไม่อยากอ้วนอะ” ฉันทัชหัวเราะ

            “แบบไหนไทน์ก็รัก” อินทัชอ้อนพี่ชาย

            “ปากหวาน”

            “ชิมหน่อยไหม”

            “กินข้าวเถอะ” ฉันทัชตัดบท ก็เป็นเสียอย่างนี้ เวลาที่อีกฝ่ายรุกอีกฝ่ายจะถอย



            .
            .
            “อยากดูเรื่องอะไรจ๊ะฮันนี่” อินทัชกอดคอพี่ชาย มองหน้าจอแสดงรายชื่อหนังที่กำลังเข้าฉาย วันนี้พี่น้องแต่งตัวคล้ายๆ กัน ยิ่งดูเหมือนเป็นฝาแฝดต่างเพศ เป็นที่ดึงดูดสายตาจากผู้คนรอบข้าง

            “เดี๋ยวก็เป็นข่าวหรอก” ฉันทัชเตือน แม้น้องสาวเขาจะเป็นเพียงนางแบบ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครรู้จัก

            “ไม่เห็นจะกลัว ยังไงเทมส์ก็เป็นพี่ จูบปากโชว์ยังได้”

            “ไม่เอา กลัวมีภาพหลุด” ฉันทัชหัวเราะ

            “ว่าไงดูเรื่องอะไรดี” อินทัชถามซ้ำ

            “เรื่องนี้ดีไหม” จังหวะที่ชี้นิ้วไปที่จอนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

            ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ออกมาดู พอเห็นว่าเป็นใคร ดวงตาก็เบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง

            “ใครโทรมา” หญิงสาวถาม

            “ดูสิ” ฉันทัชโชว์ชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ให้ดู


            ‘Parn’
            โลกแตกเหอะ


            “งานจะเข้าไหมเนี่ย รับเถอะเทมส์ เดี๋ยวหมามันอาละวาด”

            “อืม”

            “ว่าไง” ฉันทัชกดรับ เขาไม่ได้คุยกับคนรักผ่านทางโทรศัพท์มานานเท่าไหร่แล้ว

            “อยู่ไหน” เสียงขุ่นมัวบ่งบอกถึงอารมณ์ไม่พอใจของปาณัสม์ลอดผ่านมาจนฉันทัชสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน

            “ข้างนอก”

            “ข้างนอก ทำไมไม่บอก” ทางนั้นยังพูดต่ออย่างไม่สบอารมณ์

            “หืม? จันทร์ก็เขียนโน้ตบอกปาลแล้วไง”

            “โน้ตอะไร ไม่มี” ชายหนุ่มบอก ยังคงน้ำเสียงหงุดหงิด

            “บนโต๊ะกินข้าวก็ไม่มีเหรอ”

            ปาณัสม์เดินไปดูบนโต๊ะอาหารตามที่ฉันทัชบอก “ไม่มี”

            “ไม่มีได้ไงหรือว่าจะปลิว” ฉันทัชตอบพลางคิด เขามั่นใจว่าเขียนโน้ตแล้ววางไว้บนนั้นแน่ๆ

            “ตลกละจันทร์ ห้องเราไม่ได้เปิดหน้าต่าง ไม่มีพัดลม ถามหน่อยมันจะปลิวได้ไง”

            “จันทร์เขียนบอกไว้จริงๆ นะ”

            “อยู่ไหน ปาลจะไปรับ”

            “ตอนนี้อยู่กับไทน์อะ เดี๋ยวเย็นๆ จันทร์กลับเอง ปาลไม่ต้องเป็นห่วง” ฉันทัชบอกอีกฝ่ายด้วยความลำบากใจ

            “อยู่ไหน” เสียงทุ้มกดต่ำถามอีกครั้ง

            “อยู่ที่ห้างกำลังจะดูหนัง”

            “ปาลจะไปรับ รออยู่นั่นแหละ หนังอะไรก็ไม่ต้องดู”

            “อย่างี่เง่าได้ไหม” ฉันทัชเสียงดังขึ้น พอถูกอินทัชแตะที่ข้อศอก จึงรู้ตัวว่ากำลังจะใส่อารมณ์จึงลดเสียงลง

“เดี๋ยวจันทร์ดูหนังเสร็จ จะให้ไทน์ไปส่ง”

            “อยู่ห้างไหน บอกมา!” คนโทรมายังไม่ยอมลดราวาศอก

            “แค่นี้ก่อนนะ” ฉันทัชกดตัดสายแล้วปิดเครื่องทันทีแล้วแบมือยื่นไปตรงหน้าอินทัชด้วย

            “อะไร เทมส์”

            “เอาโทรศัพท์มาจะปิดเครื่อง”

            “บล็อกก็พอ เผื่อมีคนโทรมาเรื่องงาน...จะยังดูไหม หรือกลับเลย” อินทัชเป็นฝ่ายจัดการด้วยตัวเอง

            “ไม่กลับ ดูเรื่องนี้กัน”

            “ดูเสร็จแล้วต้องกลับบ้านนะ” อินทัชไม่ใช่ว่าจะสบายใจ ปาณัสม์มีนิสัยอย่างไรเขารู้ดีไม่ต่างจากพี่ชาย

            “อืม”


            ‘สถานการณ์เกือบจะดีขึ้นแล้วเชียว’
 


            .
            .

            “ไม่ให้ขึ้นไปส่งแน่นะ” อินทัชถามอย่างเป็นกังวล

            “ไม่เป็นไร สบายมาก นี่ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว ปาลไม่ใช่คนโกรธนาน” ฉันทัชปลดเบลท์ออกจากตัว

            “เทมส์แน่ใจว่าเขียนโน้ตบอกปาลใช่ไหม?”

            “อืม มั่นใจว่าเขียนแน่ๆ ไทน์ก็รู้ว่าเทมส์ไปไหนมาไหนบอกเขาเสมอ”

            “แล้วมันหายไปไหน”

            “ช่างเถอะ ยังไงปาลก็อารมณ์เสียไปแล้ว...ไปนะ” ฉันทัชอยากจะบอกว่าอย่างไรก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

            “อืม”

            “ถึงแล้วบอกด้วยล่ะ ไม่ใช่ไปต่อนะ” ฉันทัชดักคออีกฝ่าย

            “รู้ทัน นานๆ จะว่าง ขอเที่ยวหน่อย”

            “อยากไปด้วย” พี่ชายทำเสียงออดอ้อน

            “คนมีครอบครัวแล้วก็ขึ้นห้องไปเลยไป” น้องสาวหยิกปากพี่ชายนิดหนึ่งให้หายหมั่นเขี้ยวพอประมาณก่อนจะโบกมือไล่

            “แล้วเจอกันนะ น้องอินอิน”

            “จ้ะฮันนี่”


 
            ติ๊ด!!

            เสียงคีย์การ์ดทาบกับประตูดังขึ้น ฉันทัชเปิดประตูเข้ามาเบาๆ พยายามทำเสียงให้เงียบที่สุด เขาแอบขำตัวเองทำไมต้องกลัวอีกฝ่ายจะรู้ตัวด้วยนะ ห้องมืดสนิท มองไม่เห็นอะไร สงสัยปาณัสม์คงจะออกไปข้างนอกกระมัง คิดได้อย่างนั้นชายหนุ่มก็โล่งใจ แต่จังหวะที่เขาเปิดสวิตช์ไฟ สายตามองเห็นเงาตะคุ่มตรงโซฟาพลันให้สะดุ้งเฮือก เขาจึงรีบเปิดไฟ

            “ตกใจหมด มานั่งทำอะไรมืดๆ อยู่ตรงนี้คนเดียว” ฉันทัชถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นปาณัสม์ที่นั่งนิ่งเหมือนเป็นหุ่นที่โซฟา

            “สนุกไหม” ปาณัสม์ถามเสียงเรียบ

            “หนังสนุกมาก” ฉันทัชคิดว่าคนถามหมายถึงหนังที่เขาเพิ่งไปดูมา

            “ไม่ได้หมายถึงหนัง”

            “อะไร?”

            “ปาลหมายถึงสนุกไหมที่หายไปแบบนี้” น้ำเสียงไม่พอใจถามออกมาจากปากปาณัสม์

            “ใจเย็นๆ ก่อนนะปาล” ฉันทัชรีบวางของแล้วเข้าไปนั่งใกล้ๆ จับมืออีกฝ่ายไว้

            “จันทร์เขียนโน้ตบอกปาลไว้แล้วจริงๆ นะ แล้วเมื่อคืนนี้จันทร์ก็ไปกับไทน์ ไม่มีอะไรให้ปาลต้องเป็นห่วงเลย ปาลเชื่อจันทร์นะ”

            ปาณัสม์ดึงมือออกแล้วยืนขึ้นเต็มความสูง เขาเดินไปที่โต๊ะอาหาร

            “ไหนล่ะโน้ต?อยู่ไหน ไม่เห็นมีเลย” ชายหนุ่มกวาดมือลงไปบนโต๊ะอย่างแรง

            “จันทร์ก็ไม่รู้แต่จันทร์เขียนแล้วจริงๆ” ฉันทัชลุกตามอีกฝ่ายไป

            “จันทร์คิดจะทำอะไรกันแน่ อยากให้ปาลเครียดใช่ไหมถึงทำแบบนี้”

            “เปล่า ไม่ใชสักหน่อย จันทร์ไม่ได้คิดแบบนั้น” ฉันทัชพยายามอธิบาย

            “ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันยังไม่พอหรือ อยากให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่าเดิมเหรอไง” ปาณัสม์หันหลังให้ฉันทัช เขามองออกไปนอกหน้าต่างคอนโด กลัวว่าถ้าเห็นใบหน้าอีกฝ่าย เขาอาจจะระงับโทสะไม่ได้

            “ทำไมไม่เชื่อใจกันบ้าง ห๊ะ!! ทำไมถึงไม่ฟังจันทร์บ้างเลย บอกว่าเปล่า ทำไมไม่เชื่อ” ฉันทัชกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ปาณัสม์รีบหันกลับมาด้วยความไม่สบายใจเพราะคิดว่าอีกฝ่ายกำลังร้องไห้ ทว่าฉันทัชไม่มีแม้แต่น้ำตาสักหยดตรงหน้าเขา

            “มีเรื่องอะไรก็โทษจันทร์ก่อนทุกครั้ง ไม่เคยฟังกันเลย...แล้วทีปาลล่ะ เคยบอกจันทร์ไหมว่าไปไหน ทำอะไร ทำไมไม่กลับ จะกลับกี่โมง กับข้าวที่จันทร์ทำไว้ รู้ไหมว่าทิ้งทุกวัน” ฉันทัชพูดเสียงดัง

            “ทำไมตัวเองทำได้แล้วจันทร์ถึงทำบ้างไม่ได้ ทำไมพอเป็นจันทร์แล้วมันถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่” ฉันทัชดึงแขนเสื้อของปาณัสม์เต็มแรงด้วยความโมโห

            “ค่อยๆ พูด อย่าโมโห”

            “ตอบจันทร์สิ ตอบมา!!” เมื่ออารมณ์ถึงขีดสุด ฉันทัชจึงกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไป

“จะทนไม่ไหวแล้ว รู้ไหม”ฉันทัชไม่อยากพูดประโยคนี้ เขาไม่อยากพูดมันออกมาเลย มือที่จับแขนเสื้อของปาณัสม์ค้างไว้ก่อนปล่อยมือออกแล้วรีบหยิบของที่วางไว้บนพื้นเข้าห้องนอนไป
 
           เสียงประตูห้องนอนถูกปิดลงอย่างไม่เบามือ ปาณัสม์เงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรง มือทั้งสองข้างยังกำแน่น เขายอมรับว่าตัวเองโมโหอีกฝ่ายมากที่ฉันทัชหายไปโดยไม่บอกกล่าวแต่เขาอึดอัดใจทุกครั้งเวลาที่เห็นอีกฝ่ายร้องไห้


            ‘คบกับปาลนะ แล้วปาลจะไม่ให้จันทร์ร้องไห้อีกเลย’


            .
            .
            “ว่าไงฮันนี่ ราบรื่นดีไหม” เสียงคุ้นหูจากคนที่เพิ่งแยกกันเมื่อสักครู่โทรกลับมาด้วยความเป็นห่วง

            “อือ” ฉันทัชดึงทิชชู่ข้างหัวเตียงออกมาเช็ดน้ำตา

            “เสียงสั่นแบบนี้แสดงว่าทะเลาะกันแน่ๆ ไหวไหม เทมส์” อินทัชถอนหายใจออกมา

            “อือ”

            “แล้วปาลอยู่ไหน ให้น้องอินอินไปอัดมันเลยไหม” คำพูดติดตลกของน้องสาวทำให้พี่ชายหลุดเสียงหัวเราะออกมาได้บ้าง

             “จะบ้าหรือไง เป็นผู้หญิงไปอัดผู้ชายได้ไง” ฉันทัชเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ปาลอยู่นอกห้อง”

            “หนีมาอยู่ในห้องนอนอีกแล้วสิ” คนพูดพอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้ “ลองคุยกันใหม่อีกทีดีไหม ปาลมันก็โกรธแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว รู้ใช่ไหมว่าทำไมปาลถึงโกรธ”

            “รู้ แต่เขียนโน้ตบอกแล้วจริงๆ”

            “ตอนนี้ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่เทมส์เขียนหรือว่าไม่เขียนโน้ต ประเด็นคือปาลมันเป็นบ้า มันเป็นห่วง มันหวงเทมส์ มันขี้หึง คบกับคนบ้าก็เป็นแบบนี้ เข้าใจหรือเปล่า” อินทัชพยายามพูดให้อีกฝ่ายหายเครียด

            “ไม่คิดว่ามันจะบ้าขนาดนี้นี่นา” การที่ฉันทัชโต้ตอบอะไรแบบนี้แสดงว่าเจ้าตัวเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว

“อีกอย่างตะกี้ก็เสียงดังใส่ปาลด้วย ทั้งที่ตั้งใจแล้วว่าจะพยายามไม่ทำอีก” ฉันทัชสารภาพ

            “เด็กดื้อเอ๊ย บอกกี่ทีแล้ว ถ้าอีกฝ่ายเป็นไฟ ให้เราเป็นน้ำ ไฟเจอกับไฟ ก็เละสิ”

            “ไม่ทันละ”

            “ยังพอทัน ถ้าเทมส์จะเดินออกไปหาปาลแล้วขอโทษมันดีๆ”

            “แต่ปาลหาเรื่องเทมส์ก่อน” ฉันทัชเถียง

            “มัวแต่คิดว่าใครต้องขอโทษใครก่อน งั้นไทน์ขอถามหน่อย เทมส์จะมีความสุขใช่ไหม”

            ฉันทัชคิดก่อนจะตอบปลายสาย “ไม่หรอก”

            “การขอโทษ ไม่ใช่การเสียหน้าแต่เป็นการที่เราจะกลับมามีความสุขได้เร็วขึ้น”

            “ให้คนโสดมาสอนต้องภูมิใจให้มากเลยนะเนี่ย” ฉันทัชแซวน้องสาว

            “ทำผัดกะเพราไม่เป็น ไม่ได้แปลว่าไม่รู้ว่าผัดกะเพราแบบไหนอร่อยนะ ความรักก็เช่นกัน ไม่มีแฟนก็ไม่ได้แปลว่าไม่รู้นี่นา ฉันใดก็ฉันนั้น” อินทัชพูดยาว

            “สาธุ” ฉันทัชตอบสั้นๆ พอให้น้องได้หมั่นไส้

            “ไม่กวนละ วางสายไทน์เสร็จก็ไปล้างหน้าแล้วไปนั่งตักอ้อนปาลมันดีๆ ล่ะ รู้ไหมฮันนี่”

            “คิดอะไรบ้าๆ แต่จะลองดูก็แล้วกัน”

            “ไปละ เดี๋ยวหนุ่มๆ รอ” อินทัชบอกก่อนจะวางสายไปอย่างรวดเร็ว

            อินทัชวางสายเสร็จก็ลงจากรถยนต์คู่ใจ เข้าไปในร้านประจำทันที หญิงสาวนั่งละเลียดชิมรสชาติแอลกอฮอล์อย่างไม่รีบร้อน ในใจก็นึกเป็นห่วงพี่ชายอยู่ครามครัน ไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้สำเร็จหรือไม่

            “วันนี้ก็มาอีกหรือ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากทางด้านหลัง อินทัชรู้สึกเหมือนเคยได้ยินเสียงแบบนี้ที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก เจ้าตัวจึงหันกลับไปดู

            “อ้อ คุณคนเมื่อวาน” ดวงตาเรียวสวยไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่

            “ครับ”

            “คุณเองก็มาอีกนี่”

            “วันนี้ผมว่าง ลูกชายไปนอนค้างบ้านคุณย่า” อินทัชเลิกคิ้วกับคำตอบตรงๆ ไม่มีหมกเม็ด


            อินทัชยิ้มตามมารยาท เธอไม่ใช่หญิงสาวที่ไร้เดียงสา อย่างน้อยเธอก็ยังมีความเป็นผู้ชายอยู่บ้างล่ะ พอจะรู้เท่าทันอีกฝ่ายหรอกน่า ผู้ชายประเภทนี้แปลว่ารักสนุกไม่คิดผูกพันอย่างแท้จริง เจ้าตัวจะไม่ยอมถูกจับหากไม่ยินยอม แล้วหากผู้หญิงคนไหนดันตกหลุมรักคนแบบนี้ไปล่ะก็มีแต่น้ำตาตกเท่านั้น เพราะเขาจะย้อนใส่หน้าว่า ‘ผมบอกคุณไปตั้งแต่แรกแล้วนี่’

            “ที่เข้ามาทักนี่ ต้องการอะไรล่ะ” ในเมื่ออีกฝ่ายพูดตรง อินทัชเองก็จะถามอย่างตรงๆ

            เขาทำหน้าประหลาดใจที่ถูกถามกลับ “ถามตรงเหมือนกันนะ”

            “จะได้เข้าเรื่องไวๆ”

            “ทีแรกถูกตา ตอนนี้ถูกใจ”

            “อยากนอนด้วยว่างั้น?” อินทัชพูดต่อให้เสร็จสรรพ

            “จะว่าอย่างนั้นก็ได้” นั่นไง หญิงสาวอยากจะตบเข่าฉาดให้กับความแม่นยำในการคาด
คะเนของตัวเอง

            “งั้นจะบอกให้นะ ฉันเคยเป็นผู้ชายมาก่อน” หญิงสาวชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง คำพูดเดิมๆ ถูกหยิบมาใช้อีกครั้งเวลาอยากจะไล่คนไปให้พ้นหน้า แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มให้แล้วลงมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ เสียอีก

            “ตรงนั้นยังมีอยู่ไหม” เขาพูดแค่นั้น หากสายตาที่มองลงมากลับสื่อความหมายได้เป็นอย่างดี

            “ไม่มีแล้ว” หญิงสาวกลอกตา

            “น่าเสียดาย อยากลองอยู่พอดี แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่นา ดีเสียอีก อย่างน้อยก็มั่นใจว่า
คุณจะไม่ท้อง”

            “ของปลอมมันไม่เหมือนของจริงหรอก” อินทัชพูดอีกพยายามไล่คนไม่รู้จัก

            “อยากรู้เสียแล้วสิว่าต่างกันยังไง”


            “วันนี้อยากมานั่งกินเหล้าเฉยๆ ไม่ได้อยากนอนกับใคร” ในที่สุดอินทัชก็พูดอย่างที่ใจคิด

            “ถ้าอย่างนั้น ผมจะนั่งเป็นเพื่อนคุณ”







================================

Part 1 สั้นไปหน่อย part หน้าจะยาวกว่านี้ค่ะ  :call:

นิยายเรื่องนี้ ไม่ได้มีความหวือหวาหรือตื่นเต้น
ออกจะเป็นแนวเล่าไปเรื่อยๆ เสียมากกว่า
ขออภัยผู้อ่านทุกท่านด้วย หากไม่ได้ตรงใจ

**เรื่องนี้ไม่ได้มีคู่รองที่ชัดเจนหรอกนะคะ

ขอบคุณค่ะ


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก ไปคุยกันในทวิตได้น้า

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

Twitter (https://twitter.com/khemmakan) และ Facebook (https://www.facebook.com/akanae14)
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part 11/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 11-09-2018 12:36:42
PostIt หาย ฝีมือชัดเจนเหรอ
ดูจะเป็นประเด็นให้เกิดเรืองนะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part 11/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-09-2018 14:31:00
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part 11/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 11-09-2018 15:07:55
หวงและห่วงแบบไหน..ไม่เข้าใจ
ถึงได้ชอบไปเที่ยวไหนๆ กลับดึกดื่นทุกวัน
ไม่เห็นจะอยากกลับบ้าน มาสนใจดูแล ห่วงใยใส่ใจกัน

มันแปลกๆอ่ะ

เธอรักฉัน ก็ต้องตาม เอาใจฉัน
ถ้ารักกัน ก็ต้องอยู่ ดูห้องหอ
ฉันรักเธอ ไม่จำเป็น มานอนรอ
ถ้ารักกัน ต้องไม่ขอ เลิกเที่ยวกิน(เหล้า)

ต้องยังงี้..หราาาาาาาาาาา ปาล
หุหุ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part 11/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-09-2018 15:44:14
ชัดเจนเอาไปหรือไง เฮ้ออออออ แล้วแบบนี้มันจะไปรอดหรือเปล่าเนี่ย หรือต้องแยกทางกันจริง ๆ
ทำไมปาลไม่พักงานไปเที่ยวกับจันทร์บ้างหาเวลาสวีทกันบ้างได้แล้วนะก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายไป
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part 11/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 11-09-2018 20:26:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part 11/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 12-09-2018 18:33:27

ภาค 3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END



              ฉันทัชยังถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือ เขากำลังคิดถึงคนที่อยู่นอกห้อง ป่านนี้ชายหนุ่มจะเป็นอย่างไร หรืออาจจะสบายใจก็ไม่รู้เหมือนกัน
 

             ‘ออกไปดูเสียหน่อยดีกว่า’


             เขาลุกไปล้างหน้าล้างตาตามที่อินทัชแนะนำแล้วจึงเดินหน้าเศร้าออกไปหาคนรักเห็นชายหนุ่มนั่งมองโทรทัศน์ทั้งที่มันไม่ได้ถูกเปิดขึ้นมา

            ฉันทัชช่างอ้อนพอๆ กับปาณัสม์ แต่หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยใช้มันเท่าไหร่ เพราะความเบื่อหน่ายในชีวิตคู่ ทำให้เกิดความเฉื่อยชาตามมา ขาเรียวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าปาณัสม์ คนที่นั่งอยู่เงยหน้ามองฉันทัชด้วยความแปลกใจ ปาณัสม์กำลังคิดหาวิธีจะเข้าไปง้ออีกฝ่ายอย่างไรดีกลับเจอคนที่กำลังคิดถึงมาอยู่ตรงหน้าเสียก่อน

            ร่างที่เล็กกว่าก้าวขึ้นมานั่งคร่อมหน้าขาของอีกฝ่ายเอาไว้ ปาณัสม์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป แขนขาวของฉันทัชกอดคอคนรักเอาไว้ ดึงแว่นออกจากหน้าอีกฝ่าย วางมันทิ้งไว้ข้างตัว แล้วก้มหน้าเข้าไปใกล้จูบเบาๆ บนเปลือกตาที่เขาหลงใหล

            “อย่าให้ใครถอดแว่นนี้นอกจากจันทร์นะ จันทร์หวงไม่อยากให้ใครเห็น” เขาเตือนความจำของชายหนุ่ม

            “ขอไว้คนหนึ่งเพราะคงห้ามน้องปัณณ์ไม่ได้” ปาณัสม์ตอบพลางคิดถึงหลานสาวที่ลอกเลียนพฤติกรรมของอาจันทร์มาอย่างสมบูรณ์แบบ

            “จันทร์ขอโทษ” ฉันทัชกระซิบบอก

            “ขอโทษอะไร”

            “ขอโทษที่เสียงดังใส่”

            “แค่นั้นเหรอ” ปาณัสม์เอื้อมมือมาจับเอว ยึดอีกฝ่ายเอาไว้กลัวว่าจะหล่นลงไปที่พื้น

            “แค่นั้น ส่วนเรื่องโน้ต จันทร์ไม่รู้จริงๆ ว่าหายไปได้ยังไง จันทร์ไม่เคยโกหกปาลไม่ใช่หรือ”

            “อืม”

            “ไม่โกรธจันทร์นะ” ฉันทัชกดจูบลงบนแก้มของชายหนุ่ม

            “ไม่เคยโกรธจันทร์ได้เลยสักที ปาลก็ขอโทษ ยอมรับว่าหัวเสียมากไปหน่อยที่ตื่นมาแล้วไม่เจอจันทร์ คิดว่าจันทร์ไม่อยากอยู่กับปาลอีกแล้ว”

            “จะเป็นแบบนั้นไปได้ไง จันทร์ต้องอยู่กับปาลสิ จะไปไหนได้” คนที่นั่งอยู่ด้านบนหัวเราะกับความคิดอีกฝ่ายพลางเล่นผมไปด้วย ผมของปาณัสม์หนาและนุ่มพอสมควรทั้งที่ทำสีน้ำตาล เขาเป็นคนพาเจ้าตัวไปร้านทำผมและบอกช่างให้ตัดทรง Two block แล้วตามด้วยดัดลอนใหญ่ ผลลัพธ์ที่ได้มาถูกใจเขามาก แต่ก็เซ็งมากเช่นกันเพราะอีกฝ่ายดูดีขึ้นไปอีก

            ทั้งที่ทะเลาะกันอยู่ ทว่าพอได้ใกล้ชิดกัน ทำไมเขาถึงเริ่มรู้สึกเกิดอารมณ์ปรารถนากับคนตรงหน้า ฉันทัชไม่เข้าใจตัวเอง ชายหนุ่มก้มหน้าเลียติ่งหูนั้นอย่างโหยหา พวกเขาทั้งคู่สัมผัสกันน้อยมาก ยิ่งปีหลังๆ เหมือนต่างคนต่างอยู่ด้วยซ้ำ กอดสุดท้ายก็คือการทะเลาะกันครั้งก่อน ซึ่งมันก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว

            “อยากหรือไง” ปาณัสม์ช้อนตามองเพราะสัมผัสจากช่วงล่างของอีกฝ่ายกำลังชนอยู่กับท้องของเขา

            “ได้ไหม” ระยะเวลาที่อยู่ด้วยมาเป็นสิบปี โยนทิ้งไปแล้วกับคำว่าอาย

            ปาณัสม์ยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ยกมุมปากขึ้นมานิดหนึ่ง เป็นแบบที่ฉันทัชเคยตกหลุมรักคนนี้เพราะยิ้มนี้เลย

“ทำไมจะไม่ได้”     

            ฉันทัชกัดหูอีกฝ่ายไม่แรงนักเป็นอันว่า เขาขอเป็นคนเปิดเกมส์นี้เอง ปาณัสม์ไม่ได้ท้วงอะไร ซ้ำยังช่วยอำนวยความสะดวกให้คนเริ่มเป็นอย่างดี ชายหนุ่มปล่อยให้คนอยู่ด้านบนทำตามอำเภอใจ ส่วนตัวเขาเริ่มถอดเสื้อผ้าคนรัก รวมถึงตัวเอง

            “ยืดตัวขึ้นหน่อย” ปาณัสม์กระซิบบอก แอร์ในห้องกำลังทำความเย็นตามความสามารถ แต่คนที่อยู่บนโซฟากับร้อนรุ่มด้วยพิษราคะ

            ปาณัสม์ดึงกางเกงของอีกฝ่ายออกไปจนหมดสิ้น ไม่เหลืออะไรให้ขัดตาอีก ฉันทัชยิ้ม รอยยิ้มที่ปาณัสม์เข้าใจเป็นอย่างดีที่เจ้าตัวคิดจะทำอะไร ฉันทัชถอยตัวลงมาคุกเข่าอยู่หน้าเขาแล้วค่อยปลดกระดุมดึงกางเกงอีกฝ่ายออกมา ดึงรั้งลงมากองที่พื้นจนหมดเช่นกัน

            ฉันทัชเอียงคอมองสบตาคนด้านบน “เหมือนกันแล้วนะ”

            “ลงมือสิ” ปาณัสม์กำลังรอสิ่งที่จะเกิดขึ้น

            ฉันทัชกอบกุมส่วนล่างของเขาเอาไว้ ลูบไล้อย่างเบามือ ราวกับหลงใหล ก้มลงไปจูบเบาๆ

“นึกว่าจะไม่สู้มือแล้ว”

            “พร้อมใช้งานเสมอแหละน่า”

            คนคุกเข่ายิ้มพลางยืดตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยพอที่จะให้ครอบครองเจ้าสิ่งนั้นด้วยปากของตัวเองได้ ปาณัสม์หลับตา เขากัดปากกับความความรู้สึกแรกที่ได้รับ ปาณัสม์มีปากที่ค่อนข้างบางกว่าฉันทัช เมื่อใดก็ตามที่ฉันทัชทำแบบนี้กับเขา ริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายมักจะลากผ่านเนื้อนุ่มบริเวณแก่นกายได้เป็นอย่างดี

            เรียวลิ้นดูดดึงเอาไว้ไม่ยอมปล่อย คนอยู่ด้านบนพอใจกับผลงานชิ้นเยี่ยมที่เจ้าตัวสอนมาเองกับมือ วันนี้มันสำเร็จไร้ที่ติ สายน้ำใสไม่รู้ว่าเป็นของใครไหลหยดลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก ปาณัสม์ไม่คิดจะเช็ดให้เพราะฉันทัชได้กวาดลิ้นเลียเก็บเข้าไปแล้ว

            “จันทร์จ๋า” ชายหนุ่มครางออกมากับรสปรนเปรอจากคนรัก

            “ชอบหรือเปล่า”

            “ชอบสิ ชอบมาก”

            “ดีแล้ว”

            ฉันทัชเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น ตั้งใจจะส่งคนรักให้ถึงฝั่งก่อนสักหนึ่งรอบ เขาหวังดีอยากให้ปาณัสม์มีความสุขก่อนก็เท่านั้นเอง

            ปาณัสม์จับศีรษะของเขาให้ขยับเร็วขึ้นกว่าเดิมเป็นสัญญาณว่าอีกฝ่ายกำลังจะถึงเส้นชัย ฉันทัชไม่ได้อิดออดยอมให้อีกฝ่ายชักนำแต่โดยดีและเมื่อชายหนุ่มกระตุก เขาก็รับมันกลืนผ่านลำคอไปอย่างรวดเร็ว

            “เข้าไปในห้องกัน” ชายหนุ่มที่นั่งพิงโซฟาพูดขึ้นเมื่ออารมณ์ดิ่งลงมาระดับหนึ่งแต่ยังไม่มอดดับ

            “ไม่เอา จันทร์อยากอยู่ตรงนี้”

            ปาณัสม์หรี่ตามองคนเจ้าเล่ห์ ฉันทัชพูดอย่างนี้แสดงว่าอีกฝ่ายอยากแสดงฝีมือเอง เขาไม่ว่าอะไรนอกจากลุกไปหยิบอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ก่อนจะกลับมานั่งแล้วเอาอุปกรณ์นั้นมาวางข้างตัว พลางตบหน้าขาให้อีกฝ่ายขึ้นมาบนตัวเขาเสียที

            “ไหวหรือเปล่า” ปาณัสม์เป็นห่วงเพราะเขาทั้งคู่ไม่ได้ทำด้วยกันมานาน

            “ปาลล่ะ ไหวหรือเปล่า”

            “อย่าดูถูกพี่นะน้อง”

            “อดใจรอไม่ไหวเลย” ฉันทัชท้า

            ปาณัสม์ชโลมเจลลงทั่วมือและนิ้วก่อนจะค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปทางด้านหลังของคนรัก ฉันทัชซบหน้าลงกับบ่าอีกฝ่ายเอาไว้ พลางกัดฟันแน่นด้วยความอึดอัด เขาพยายามหายใจเข้าปอดเพื่อผ่อนคลายให้มากที่สุด

            “จูบหน่อยเร็ว คิดถึง” ปาณัสม์บอก รสชาตินี้ก็ห่างหายไปเช่นกัน

            ฉันทัชกอดคออีกฝ่ายเอาไว้แล้วทำตามคำขอนั้น จูบที่ร้างราไปนาน บัดนี้เหมือนคนตะกละตะกลามกลัวว่ามันจะหายไป ลิ้นอุ่นพัวพันรัดแน่นแยกแยะเจ้าของไม่ได้ ไม่มีใครยอมใคร ปาณัสม์ใช้มือข้างที่จับเอวของฉันทัชมาลูบไล้วนเวียนอยู่ที่หน้าอกขาวของอีกฝ่าย เขาปัดมือสะกิดสิ่งที่กำลังเบ่งบานด้วยอารมณ์ปรารถนา

            “อื้อ” ปาณัสม์ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายอย่างพอใจ จุดอ่อนของฉันทัชอยู่ที่นี่

            เขาละริมฝีปากออกมามาโรมรันกับยอดอกนี้แทน ฉันทัชแอ่นตัวขึ้นเพราะเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามปฏิกิริยาของร่างกายเพราะมัวแต่หลงใหลกับความรู้สึกด้านบนจนลืมไปว่า ด้านล่างกลับรับทั้งสามนิ้วเข้ามาไว้ภายในตัวเรียบร้อยแล้ว

            “พร้อมหรือยัง” ปาณัสม์กระซิบ จังหวะนั้นเขาก็เทเจลลงบนส่วนล่างของตัวเองจนชุ่มโดยไม่นึกเสียดาย

           ฉันทัชพยักหน้าก่อนจะใช้มือจับแก่นกายของปาณัสม์ให้ตั้งตรงแล้วค่อยๆ กดร่างกายของตัวเองลงมาทีละนิด ทีละนิด

           “เข้าไปหมดแล้ว จันทร์ของปาล” ปาณัสม์บอกพลางจูบปากอิ่มนั้นเป็นรางวัล

            “อื้อ”

           “ให้ช่วยไหม” ปาณัสม์หวังดี

           “ไม่ต้อง จันทร์ทำเอง”

           “จันทร์คนเก่ง” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ปาณัสม์ก็ยังช่วยจับเอวอีกฝ่ายเอาไว้อยู่ดี เขาไม่อยากให้ฉันทัชต้องเหนื่อยจนเกินไป แรงขยับร่างกายเวลาที่ขยับขึ้นลงนั้นเหนื่อยไม่ใช่เล่นเลย

           “เร็วอีกได้ไหม” เขาบอกมือก็รูดรั้งแก่นกายของฉันทัชไปพร้อมกัน

           “จันทร์จะไม่ไหวแล้ว” ฉันทัชเหนื่อยใกล้รู้สึกเหมือนจะเป็นลม

           “แค่นี้ก็ไม่ไหวเหรอ” ปาณัสม์ดูถูกอีกฝ่าย ทำให้ฉันทัชหน้างอ


           ‘อย่ามาว่าเขาแบบนี้เชียว’


            แรงฮึดทำให้ฉันทัชเดินหน้าต่อได้ไม่ยากเย็นนัก ชายหนุ่มขยับตัวอย่างรวดเร็ว แรงเสียดสีภายในทำให้เขาแทบคลั่ง แรงสัมผัสด้านนอกก็ทำให้เขาแทบขาดใจ ไม่รู้ฉันทัชจะทนอะไรได้มากกว่ากัน ปาณัสม์เองก็ไม่ต่างเมื่อไหร่ที่ฉันทัชอารมณ์พุ่งขึ้น ด้านหลังของชายหนุ่มจะบีบรัดแก่นกายของปาณัสม์ไว้แน่น จนทำให้เขาเกือบอดกลั้นไม่ไหว

            สุดท้ายพวกเขาสองคนก็ต้านการปลดปล่อยของร่างกายเมื่อถึงขีดสุดเอาไว้ไม่ได้ ปาณัสม์กอดหลังฉันทัชแน่น ทั้งคู่พากันเหนื่อยหอบ ใจอยากต่ออีกรอบแต่ถ้ามีอีกเขาคงฟุบหลับคาอกฉันทัชแน่นอน ขายหน้าแน่ๆ ฉันทัชรู้ดี ถึงตั้งใจทำให้เขาเสร็จไปก่อนรอบหนึ่ง ร้ายเหลือเกิน

            ภายหลังก่อนจะหลับ ปาณัสม์ก็พูดติดตลกว่า “ถ้าทะเลาะแล้วจะร้อนแรงแบบนี้ ทีหลังจะหาเรื่องชวนทะเลาะบ่อยๆ”
         
            “อะไรเล่า” ฉันทัชโวยวายได้แค่นั้นก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย


            หลังจากเปิดวอร์แล้วตามต่อด้วยกามารมณ์ ฉันทัชรู้สึกว่าชีวิตคู่ของเขาดีขึ้นกว่าเดิม ถึงจะ
ไม่ได้มีการกระทำที่แตกต่างออกไปแต่บรรยากาศตึงเครียดก็เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้จิตใจของเขาปลอดโปร่ง หัวสมองพลอยผลิตงานออกมาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพขึ้นด้วย

            ไม่รู้ว่าเขาคิดว่ามันดีอยู่คนเดียวหรือกำลังหลอกตัวเองว่าดี

            “สวัสดีครับ” ฉันทัชกดรับสายที่ไม่แสดงชื่อ

            “สวัสดีค่ะ คุณฉันทัชใช่ไหมคะ” ทางนั้นรีบระบุชื่อคนที่ต้องการติดต่อ

            “ใช่ครับ”

            “ดิฉันพิมพา จากบริษัทแถวอโศกค่ะ” คุณพิมพาบอกเพิ่มต่อว่าบริษัทที่ว่าคือบริษัทชื่ออะไร ทำอะไร

            “อ่อครับ ได้เบอร์ผมมาได้ยังไงครับ”

            “น้องอินอินให้มาน่ะค่ะ ทางเราเห็นผลงานคุณหลายชิ้นแล้ว ถูกใจค่ะ อยากร่วมงานด้วย” ชายหนุ่มได้ยินก็ตาเป็นประกาย พลางนึกขอบคุณเจ้าตัวแสบที่ช่วยหางานให้ตามที่เคยได้พูดไว้

            “ขอบคุณครับ”

            “เข้าเรื่องเลยนะคะ พอดีเดือนหน้าเราจะมีอีเวนต์ที่ฮ่องกง อยากจะติดต่อว่าจ้างให้คุณฉันทัชช่วยประสานงานเป็นล่ามแปลภายในงานค่ะ ไม่ต้องกังวลว่าจะเหนื่อยเกินไปหรือจะรับมือไม่ไหวนะคะ ในงานมีเจ้าหน้าที่แบบคุณฉันทัชหลายท่านค่ะ”

            “ครับ”

            “เรื่องค่าจ้างและรายละเอียดอื่นๆ ดิฉันจะส่งไปให้ทางเมลนะคะ”

            “เอ่อ..ผม” ฉันทัชอยากจะตกปากรับคำเสียเดี๋ยวนั้น แต่ติดที่ใครอีกคน

            “มีอะไรหรือเปล่าคะ”

            “ผมขอให้คำตอบทีหลังได้ไหมครับ”

            “ได้ค่ะ รบกวนอย่าเกินวันพุธนะคะ”

            ฉันทัชมองปฏิทินบนโต๊ะ วันนี้วันจันทร์ ทันอยู่แล้ว เขาจะรีบไปหาปาณัสม์วันนี้เลย “ได้ครับ แล้ววันพุธผมจะติดต่อไปหรือไม่ก็อาจจะเร็วกว่านั้น”

            “ขอบคุณค่ะ ยังไงเดี๋ยวดิฉันส่งอีเมลให้เพื่อประกอบการตัดสินใจนะคะ”

            “ขอบคุณครับ” ฉันทัชกดวางสายพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

            เขาดีใจสุดๆ ดีใจมากๆ


            ก่อนหน้านี้เขาเคยทำหน้าที่ประเภทนี้มาบ้างแต่ไม่มากเท่าไหร่เพราะปาณัสม์ไม่ชอบ บางงานต้องอยู่ดึกดื่น  รอจนงานเลิกถึงจะกลับบ้านได้ ปาณัสม์จึงไม่ค่อยอนุญาต แต่งานดีๆ โอกาสงามๆ แบบนี้ เขาอยากทำมันจริงๆ หวังว่าจะอีกฝ่ายจะยินยอม

            ฉันทัชรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำอีกรอบ กะเวลาคร่าวๆ ออกไปตอนนี้คงถึงบริษัทของปาณัสม์ช่วงบ่าย เขาจะนั่งรอปาณัสม์อยู่ที่นั่น พอเลิกงานก็จะชวนอีกฝ่ายออกไปกินข้าวด้วยกันและหาโอกาสพูดเรื่องนี้ด้วย เวลาช่างเหมาะเจาะอะไรอย่างนี้

            วันนี้เขาแต่งตัวเผื่อไปทานข้าวมื้อค่ำ นั่งรถมาบริษัทของอีกฝ่ายด้วยใจเกินร้อย แต่พอมาถึงใจเขาก็เหลือศูนย์เมื่อได้รับคำตอบว่าอีกฝ่ายออกไปคุยงานกับลูกค้าตั้งแต่บ่ายและวันนี้จะไม่กลับเข้ามาบริษัทอีก ฉันทัชพลาดเองที่ไม่โทรถามปาณัสม์ก่อน

            “ขอบคุณ” ฉันทัชบอกเลขาหน้าสวยประจำตัวปาณัสม์

            “คุณเทมส์คะ เดี๋ยวก่อนค่ะ” จังหวะที่เขาจะถอยกลับ เสียงหญิงสาวก็เรียกเขาไว้

            “ครับ?”

            “สิทราบมาว่าวันนี้บอสจะไปต่อที่ผับนี้นะคะ” หญิงสาวหยิบนามบัตรในลิ้นชักส่งให้ ฉันทัชรับมันมาไว้โดยดี

            “ขอบคุณนะ”

            “ยินดีค่ะ ถ้าเป็นธุระด่วนก็ลองไปตามที่อยู่นี้ดูค่ะ”

            “โอเค”

            ฉันทัชกลับคอนโดด้วยอาการคอตก ใกล้ทุ่มแล้วแต่เขาไม่คิดที่จะทำอาหารเพราะรู้แน่ชัดแล้วว่าปาณัสม์คงไม่กลับมาทานข้าวด้วย เขาจะเอาไงต่อดี กินข้าว อาบน้ำแล้วนอนเหมือนเดิมเลยดีไหม

            สมองของเขากำลังฟุ้งซ่านเพราะเอาแต่คิดถึงงานที่อยากทำไม่หยุดหย่อน ใจหนึ่งบอกให้เขารออยู่ที่ห้อง แต่อีกใจหนึ่งก็ร้อนรนอยากออกไปคุยให้รู้เรื่องเสียเดี๋ยวนั้น เขาควรจะไปหรือไม่ไปดี

หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก -- ภาค 3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part 11/09/2561
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 12-09-2018 18:33:58


            ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร จะไปหรือไม่ไป รู้ตัวอีกที ชายหนุ่มก็มายืนหน้าทางเข้าผับแห่งนี้เสียแล้ว กว่าจะมาถึงก็เสียเวลานาน จ่ายค่าแท็กซี่ไปอีกบานเบอะ แต่ช่างเถอะ ยังไงก็มาถึงแล้ว ฉันทัชยกแขนขึ้นมาดูเวลา ใกล้จะสี่ทุ่ม ปาณัสม์คงยังไม่กลับหรอก จริงไหม

            ฉันทัชเดินเข้าไปข้างใน มีคนไม่น้อยพากันมองเขาไม่วางตา ถึงเขาจะเดินผ่านไปแล้วแต่ก็ยังมองไล่หลัง ทว่าชายหนุ่มไม่ได้สนใจ สอดส่ายสายตามองหาโต๊ะที่คิดว่าอาจจะมีคนคุ้นหน้าอยู่มุมไหนสักแห่ง ฉันทัชมองหาไม่เจอหากช่วงเวลานั้นกลับมีคนมาแตะไหล่เบาๆ เขาตกใจรีบหันกลับไปจึงเห็นคนรู้จักยืนยิ้มให้

            “จักร?”

            “ใช่ เราเอง มาได้ไงเนี่ย ไอ้ปาลให้มาเหรอ” จักรีจับสังเกตภายในร้านได้ว่าต้องมีอะไรเด็ดๆ เข้ามาแน่ๆ ด้วยความเจ้าชู้เขาเลยออกมาดูเหยื่อ แต่ทำไมกลายเป็นคนของเพื่อนเขาไปได้

            ฉันทัชส่ายหน้าเป็นคำตอบ จักรีพลางคิดว่าขนาดไม่ค่อยไปไหนมาไหน เดินเข้ามาในร้านทียังเรียกความสนใจไปเกือบหมด ถึงจะรู้จักมานาน ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าทำไมปาณัสม์มันถึงได้หวงนัก แต่ที่ขัดใจเขาก็คือไหนเพื่อนของเขาบอกว่าคนรักแต่งตัวเดิมๆ ไงวะ

            เสื้อสเวตเตอร์สีครีมไม่หนาไม่บางจนเกินไป ตามสภาพอากาศเมืองไทย แต่ช่วยให้ความอบอุ่นเวลาอยู่ในห้องแอร์อุณหภูมิต่ำ ตามด้วยกางเกงผ้าฝ้ายสีดำเนื้อดีแบบลำลองและรองเท้าผ้าใบ แต่งตัวแบบนี้ นี่เรียกว่าเดิมๆ หรือเปล่า?แล้วแว่นดำที่เจ้าตัวคาดขึ้นไปบนศีรษะนั่นอีกล่ะ ให้ตายเถอะ แบบนี้แล้วปาณัสม์ยังบอกว่าเบื่ออีก เขาอยากจะบ้า

            “ดึกขนาดนี้ยังจะใส่แว่นดำมาอีกเหรอ” จักรีทักพยักเพยิดหน้าไปบนศีรษะของฉันทัช

            “กลางวันผมออกไปข้างนอกมาเลยลืมถอด” ฉันทัชจับแว่นที่คาดอยู่ก็ยิ้มแหย

            “ถึงว่า แล้วนี่มาหาไอ้ปาลมันใช่ไหม”

            “ใช่”

            “มันจะไม่ว่าเอาเหรอ ออกมาข้างนอกเนี่ย” จักรีพูดเพราะรู้นิสัยเพื่อนดี

            “ไม่เป็นไร ปาลคงไม่ว่าอะไรหรอก...เขาอยู่ไหนเหรอ” ฉันทัชยิ้ม หากในใจนึกหวั่นอยู่เหมือนกัน

            “ไปแถวห้องน้ำอะ เห็นเลขามันเอาเอกสารมาให้บอกว่ามีเรื่องด่วน”

            “เหรอ” ฉันทัชไม่อยากคิดไปไกล เลขาของปาณัสม์นี่ทำงานดีเกินเงินเดือนเหลือเกิน

            “เดินไปหามันสิ ทางซ้ายนั่นอะ”

            “ขอบคุณนะ”

            “อืม โต๊ะเราอยู่ทางนั้น” จักรีชี้ไปยังโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ ฉันทัชเห็นชัดเจนก็รู้ว่ามองไม่ผิดโต๊ะ “เห็นไหม”

            “เห็น”

            “โต๊ะนั้นแหละ ถ้าเจอไอ้ปาลแล้วก็บอกให้มันกลับมาที่โต๊ะได้แล้ว”

            “อืม”


            ฉันทัชเดินไปตามที่จักรีบอก แสงไฟสลัวทำให้เขามองทางไม่ค่อยชัด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่เพราะในร้านไม่ได้มีเส้นทางคดเคี้ยวให้เขาต้องหลง ซ้ำยังมีป้ายบอกทางมาห้องน้ำชัดเจน เขาคิดว่าเดินมาใกล้ถึงดังจุดที่ว่าแล้ว แต่ก็ยังไม่เจอใคร ชายหนุ่มจึงเดินต่อไปอีกนิด มองเห็นโซฟาขนาดยาวกว่าปกติพิงผนังอยู่ใกล้ห้องน้ำ ฉันทัชยิ้ม ทางร้านก็เข้าใจคิดตั้งสิ่งนี้ไว้เป็นที่นั่งพักของคนเมา ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ๆ สายตาเห็นเงาตะคุ่มๆ ของคนสองคน

            เขาเดินเข้าไปใกล้อีกนิด ใจเต้นระส่ำ ดังไม่เป็นจังหวะ หัวใจเหมือนจะหลุดออกมาจากอก บอกหน่อยสิว่า เขากำลังจะเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ ภาพชายคนรักยึดไหล่เลขาเอาไว้ พลางก้มหน้าเข้าไปใกล้ ทั้งคู่กำลังจะจูบกันใช่ไหม เขาควรจะเรียกชื่ออีกฝ่ายให้รู้ตัวหรือควรรอให้เขาจูบกันเสร็จก่อน

            “ปาล” เสียงเรียกไม่ดังนัก แต่ก็ทำให้คนสองคนสะดุ้งรีบแยกออกจากกัน

            “จันทร์?มาได้ไง”

            “ไม่ต้องสนใจหรอกว่ามาได้ไง เรามาสนใจเรื่องนี้กันดีกว่าว่าปาลมาทำอะไรตรงนี้” ฉันทัชมองข้ามไหล่ของปาณัสม์ไปที่เกศสิรี ดวงตาของเขามองหญิงสาวคนนั้นอย่างไม่พอใจ กล้าดีอย่างไร ถึงอยากจะมาใช้ผู้ชายร่วมกับเขา เกศสิรีถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว

            “มาเซ็นเอกสารน่ะ”

            “เหรอ แต่เมื่อสักครู่นี้ จันทร์เหมือนจะไม่เห็นปาลเซ็นอะไรเลย” ฉันทัชพูดราบเรียบ

            “เซ็นเสร็จแล้ว มันไม่ใช่อย่างที่จันทร์คิด” ปาณัสม์พยายามอธิบาย

            ฉันทัชแค่นยิ้ม ไม่ใช่อย่างที่เขาคิด แล้วอย่างไหนล่ะที่เขาควรคิด

            “ออกไปคุยกันข้างนอก จันทร์ไม่ชอบพูดเรื่องส่วนตัวต่อหน้าคนนอก” ประโยคแรกเขาบอกปาณัสม์ ส่วนประโยคหลังเขาจงใจบอกเกศสิรี

            ปาณัสม์เดินตามหลังฉันทัชไปห่างๆ ไม่ใช่เพราะกลัวอีกฝ่าย แต่ชายหนุ่มกำลังกังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ต่างหาก เมื่อครู่นี้เขามาเซ็นเอกสารตามที่เกศสิรีบอกจริงๆ แต่จู่ๆ เลขาของเขาก็ล้มลงกับพื้น เธอบอกว่าอาจจะเป็นเพราะความเหนื่อย ปาณัสม์จึงประคองหญิงสาวไปนั่งตรงโซฟาตัวนั้น เขาถอดแว่นแล้วก้มหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ เพราะเหมือนหญิงสาวจะหน้าซีดเหลือเกิน

            ไม่รู้ว่าฉันทัชเห็นภาพนั้นแล้วตีความไปอย่างไร แต่คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่

            ขนาดคนรักของเขายังเดาได้ แล้วเขาล่ะจะไม่รู้ตัวได้อย่างไร ถ้าหากในตอนนั้นฉันทัชไม่เรียกเขาไว้ จะเกิดอะไรขึ้น

            “จันทร์มาได้ไง” ประโยคแรกที่พวกเขาออกมายืนนอกร้าน

            “นั่งแท็กซี่มา”

            “ไม่ใช่แบบนั้น”

            “วันนี้จันทร์ไปหาที่บริษัท แต่ปาลไม่อยู่” ฉันทัชค่อยๆ ข่มใจแล้วพยายามพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นร้ายแรง

            “ใช่ ปาลไปคุยกับลูกค้าอีกบริษัทหนึ่ง”

            “เลขาปาล? คุณสิใช่ไหม บอกว่าคืนนี้ปาลจะมาที่นี่”

            “ใช่ ปาลบอกเขาไว้เองเผื่อว่ามีปัญหาอะไร ร้านนี้เป็นร้านของลูกค้าที่เคยติดต่องานที่บริษัท” ปาณัสม์อธิบายเพิ่ม

            “ไม่เป็นไร จันทร์ไม่อยากรู้หรอก”

            “แล้วจันทร์มีอะไร ทำไมไม่รอที่บ้าน”

            “พอดีจันทร์ได้งานมางานหนึ่ง จันทร์อยากทำก็เลยรีบมาหา จะมาถามว่าขอไปทำงานนี้ได้ไหม เสร็จแล้วเราจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน”

            “อ่า...”

            “ผิดแผนไปหมดเลย ว่าไหม” ฉันทัชทำเสียงเหมือนกำลังพูดเรื่องตลก

            “งานอะไร”

            “จันทร์คิดว่าไม่ต้องขอปาลแล้วล่ะ”

            “ทำไม?”

            “จำคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับจันทร์ได้ไหม”



 
            ...
            ‘จันทร์ ขออะไรจากปาลข้อหนึ่งได้ไหม’
            ‘ได้สิ กี่ข้อก็ได้’
            ‘ข้อเดียวก็พอ’ฉันทัชหัวเราะ
            ‘สัญญากับจันทร์นะ จะไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ถ้ามีคนนอกใจ’
            ‘หมายความว่าไง’
            ‘ก็หมายความว่า ถ้าปาลนอกใจเมื่อไหร่ แปลว่าเราจบกัน’
            ‘เชื่อปาลได้เลย จันทร์ไม่มีวันเลิกกับปาลหรอก’
            ...



 
            ปาณัสม์กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น

            “จำได้ แต่มันไม่ใช่อย่างที่จันทร์เห็น ปาลไม่ได้..” เขาพูดไม่จบก็ถูกฉันทัชแทรกขึ้นมาก่อน

            “พอเถอะ จันทร์เหนื่อยแล้ว เหนื่อยแล้วจริงๆ” ชายหนุ่มพูดเสียงนิ่งดังเดิม สำหรับคนขี้โมโห ใจร้อน อย่างฉันทัชสงบนิ่งได้แบบนี้ นั่นเป็นสิ่งที่ปาณัสม์กลัวที่สุด

            “จันทร์เห็นภาพปลายทางของจันทร์จะมีปาลอยู่ข้างกัน จันทร์รู้ว่าเราต่างอดทน แต่ก็นะ” ฉันทัชถอนหายใจ

“คนอยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปีแล้วนี่นา เราคงอดทนมันไม่มากพอ ก้าวข้ามผ่านมันไม่ได้ มันถึงได้เป็นแบบนี้ จันทร์จะไม่โทษใครหรือแม้กระทั่งปาลก็ตามที่ทำให้จันทร์อยู่ตรงนี้ การที่จันทร์เลือกอยู่กับปาล จันทร์คิดเสมอว่าจันทร์เลือกไม่ผิดและก็ไม่ผิดจริงๆ” ฉันทัชยิ้มให้แต่ทำไมมันดูเป็นรอยยิ้มที่เศร้าที่สุดที่ปาณัสม์เคยเห็น

            “จันทร์คิดแบบนั้น โดยไม่สนใจจะฟังปาลพูดอะไรหน่อยเหรอ”

            “ตอนนี้จันทร์ไม่อยากฟังอะไร ขอเชื่อสายตาตัวเองแทนได้ไหม” ฉันทัชยังพูดด้วยโทนเสียงเดิมไม่ผิดเพี้ยน

            “แต่ปาลไม่ได้ทำ” เขาพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง

            “จะไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ถ้ามีคนนอกใจ” ฉันทัชทวนสัญญาให้ปาณัสม์ฟังอีกครั้ง

            “คืนนี้จันทร์จะไปค้างกับไทน์นะ แล้วจะเข้ามาเก็บของทีหลัง” ฉันทัชพูดจบก็โบกมือให้อีกฝ่ายแล้วเดินออกมาจากบริเวณนั้น

            “เดี๋ยว” ช่วงจังหวะที่ถูกเรียกฉันทัชรู้สึกดีใจแต่เขาจะไม่ยอมคืนคำ

“กลับดึกๆ แบบนี้ ปาลเป็นห่วง ให้ปาลไปส่งได้ไหม”

            “จันทร์อยากกลับเอง” ฉันทัชตอบโดยไม่หันหลังกลับไป

            “ปาลขอ ถ้าไม่ให้ปาลไปส่งก็ให้ไอ้ชัดไปส่งนะ รอมันตรงนี้ก่อนได้ไหม”

            ฉันทัชสบตากับปาณัสม์นิ่ง

            “นะ จันทร์นะ” เขาอยากจะใจแข็งกว่านี้ แต่ก็ทนเสียงอ้อนวอนของอีกฝ่ายไม่ได้

            “อืม จะรอ” ฉันทัชรับคำให้อีกฝ่ายสบายใจ

            ฉันทัชมองตามแผ่นหลังของปาณัสม์กับสถานะใหม่ที่เขาเลือกจะเปลี่ยนมัน‘อดีตคนรัก’ชายหนุ่มหลับตาแน่น ราวกับอยากจะลืมเหตุกาณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป

            สุดท้ายเขาก็คิดไปเองคนเดียวว่าดีและหลอกตัวเองไปว่ามันดี ไปพร้อมๆ กัน เพราะแท้จริงแล้วใจของเขามันเปราะบางเหลือเกิน

            ปาณัสม์มาส่งคนรักขึ้นรถเป็นครั้งสุดท้าย เขาย้ำชัดเจนว่าให้ขับรถดีๆ และระมัดระวังให้มากๆ ด้วย ย้ำนักหนาว่าต้องไปส่งอีกฝ่ายให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ชัดเจนรับคำแล้วขับรถออกไปด้วยความนุ่มนวล

            ถ้าถามปาณัสม์ว่าอยากเลิกกับฉันทัชหรือไม่ เขาคงตอบว่าไม่อยาก แต่ครั้งล่าสุดที่ทะเลาะกัน คำพูดของฉันทัชตอนที่บอกว่าจะทนไม่ไหวแล้ว มันทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายก็ถึงจุดใกล้สิ้นสุดเหมือนกัน ใครต่อใครก็พากันด่าเขา ว่าเขาบังคับฉันทัชจนเกินเหตุในความบ้าบอของตัวเอง

            ยอมรับว่าตัวเขาเองก็เริ่มเบื่อชีวิตคู่นี้แล้วเหมือนกัน เขาโลเล อยากมีอิสระแต่ไม่อยากปล่อยฉันทัชไป พออีกฝ่ายเป็นคนเสนอจะไปเอง ลึกๆ ก็ทำให้เขาแอบโล่งใจอยู่บ้างเหมือนกัน

            ทั้งโล่งใจและโหวงใจ

            เขาคงเป็นคนบ้าอย่างสมบูรณ์แบบ


 
            .
            .
            ชัดเจนขับรถออกมาตามคำสั่งของปาณัสม์ อีกฝ่ายบอกเขาให้ไปส่งฉันทัชที่บ้านของอินทัช ไม่ใช่ที่คอนโด เขาแปลกใจแต่ไม่ใช่หน้าที่ที่จะถาม ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่ฉันทัชเข้าไปเจอปาณัสม์กับเกศสิรี

            บรรยากาศภายในรถเงียบเชียบ ชัดเจนมองคนนั่งหลังผ่านทางกระจกก็ยิ่งปิดปากสนิทไม่กล้าแม้แต่จะชวนคุย

            แว่นดำที่คาดผมมาแต่แรก บัดนี้ถูกนำมาใช้อย่างเป็นประโยชน์ ฉันทัชดึงแว่นลงมาสวมปิดบังดวงตาที่เจ็บช้ำของตนเองเอาไว้ เขาไม่อยากให้ชัดเจนต้องตกใจว่าเกิดปัญหาอะไร

            เมื่อไหร่จะถึงบ้าน

            อยากให้น้องสาวคอยกอดเขาไว้ทั้งคืน

            คำสัญญามันก็แค่ลมปาก คำพูดสวยหรูที่หลอกล่อให้คนติดกับ มันก็แค่นั้นเอง

            ฉันทัชส่งข้อความไปบอกน้องสาวว่าคืนนี้เขาจะไปค้างที่บ้านด้วย

            เมื่อถึงปลายทาง ฉันทัชเห็นประตูรั้วหน้าบ้านถูกเปิดรอเขาอยู่แล้ว มีร่างสูงของผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากในบ้านยามที่เห็นรถยนต์แล่นเข้ามาจอด

            “ขอบใจที่มาส่งนะชัด”

            “ไม่เป็นไรครับคุณเทมส์”

            “ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป” ฉันทัชพยายามสูดหายใจเข้าก่อนจะพูดต่อ “ดูแลปาลให้หน่อยได้ไหม ให้กลับบ้านบ่อยๆ กินข้าวให้ตรงเวลาด้วย”

            “ครับ แล้วคุณเทมส์จะไปไหน”

            “อยู่ที่นี่แหละ ไปนะ”

            “คุณเทมส์..” ชัดเจนคิดว่าเขากำลังงง จึงเรียกรั้งอีกฝ่ายเอาไว้

            “ไปนะ” ฉันทัชไม่อยากคุยต่อ เลยตัดบทแล้วลงจากรถไป

            จังหวะที่กลับรถ เขาเห็นคนสองคนยืนกอดกันอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับหญิงสาวที่เช็ดหน้าของพี่ชายให้ด้วยความอ่อนโยน

            ชัดเจนสงสารฉันทัชเหลือเกิน ไม่เข้าใจว่าปาณัสม์ทำอะไรลงไป สถานการณ์ถึงได้เป็นแบบนี้ ปาณัสม์จะมีโอกาสได้เห็นอย่างที่เขาเห็นหรือเปล่าว่าคนคนนั้น


            ร้องไห้มาตลอดทาง โดยไม่มีเสียง 










=============================



ตอนนี้ยาวจนอยากจะแบ่งเป็นอีกพาร์ท แต่ก็กลัวจะค้างคา

และก็เป็นอีกตอนที่เขมคิดอยู่นานมากว่าจะใส่ nc หรือไม่ใส่ดี

คิดหัวแทบตลบ สุดท้ายก็ใส่มาอย่างที่ผู้อ่านได้อ่านค่ะ และหวังว่าผู้อ่านจะเข้าใจในสิ่งที่เขมสื่อ

ฮือ แต่ถ้าไม่เคลียร์ เขมจะมาอธิบายเพิ่มนะคะ ถือเป็นความผิดของเขมเอง ><

ขอบคุณค่ะ

** เจอกันอีกทีวันศุกร์นะคะ

HASHTAG #ภาคต่อของความรัก ไปคุยกันในทวิตได้น้า

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

Twitter (https://twitter.com/khemmakan) และ Facebook (https://www.facebook.com/akanae14)
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก ภาค3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END 12/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 12-09-2018 18:57:00
ถ้าเขาอยากมีอิสระ เราก็ให้เขาไปเถอะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก ภาค3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END 12/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 12-09-2018 19:32:42
 :pig4:.
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก ภาค3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END 12/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-09-2018 20:46:50
ปล่อยไปเถอะในเมื่อเขาก็เบื่อแต่ไม่กล้าที่จะปล่อยเราก็ปล่อยไปซะเองดีแล้ว ในเมื่อปาลก็เริ่มที่จะใจโลเลแล้วปล่อยไปตอนนี้ดีแล้วก่อนที่ปาลจะสวมเขาให้ ดีแล้วเทมส์ ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก ภาค3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END 12/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 12-09-2018 21:00:31
แยกกันสักพักก็ดีนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก ภาค3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END 12/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 12-09-2018 21:13:44
เย้ !!  :hao7:  :hao7:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก ภาค3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END 12/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-09-2018 23:30:14
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก ภาค3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END 12/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 12-09-2018 23:33:50
ขนาดโดนบอกเลิกยังโล่งใจ
พอกันเท่านี้ก็ดีแล้วแหละ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก ภาค3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END 12/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-09-2018 00:50:31
เลขาวางแผนจับล่ะสิ
ถ้าไม่เห็นค่า ก็อย่ามาเสียดายทีหลังละกัน
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก ภาค3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END 12/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-09-2018 00:53:30
สงสารเทมส์มากๆ อะ มีแฟนใหม่ไปเลย
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก ภาค3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END 12/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 13-09-2018 01:03:56
ดีละ แยกซะจะได้จบๆ เลขานี่ก็เหลือเกินนนน ตั้งธงเกลียดไว้ละ  :angry2:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก ภาค3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END 12/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 13-09-2018 16:05:28
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก ภาค3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END 12/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 13-09-2018 16:05:57
ถึงจะมีเซกส์กันแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
Have sex Not Make love!

ใจมันอยาก จะจากพราก ไปเป็นอื่น
ใจมันเบื่อ หมดสดชื่น เป็นขื่นขม
ใจมันชา สุดจะฝืน หอมดอมดม
ใจมันร้าว ยากจะข่ม ห่มรักเรา

นางวันทอง คนสองใจ ใครก็รู้
นางกากี ชอบคบชู้ แอบสวมเขา
นางโมรา ใจมักง่าย ไม่เลือกเอา
ปาณัสม์เมา ก็เกลือกกลั้ว มั่วเหมือนกัน

เรื่องนี้พระเอก(หราาาาาา)เชี่ยเหลือเกิน
อย่า-กลับ-มา-อีก
หุหุ

ป้อล่อ..ไม่ได้นึกเอะใจเลยว่าเป็นคนที่เราชื่นชอบ
ยังจำได้นะ...แม่ตะเคียนคนงามในสามโลก
คิดเถิงอ่ะ ดีใจได้อ่านเรื่องนี้จากแม่ตะเคียนอีก
อิอิ
 :L2:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก ภาค3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END 12/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 13-09-2018 17:48:01
แค่นิสัยของคนมักง่าย  :fire:

สงสารเทมป์  :m15:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก ภาค3 เมื่อชีวิตคู่ไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิต Part END 12/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 14-09-2018 11:37:23

ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ

            “เรียนท่านผู้โดยสาร กัปตันและลูกเรือทุกคนมีความยินดีต้อนรับท่านด้วยบริการของสายการบิน เที่ยวบินที่ EK373ซึ่งจะเดินทางไปนิวยอร์ค โดยจะใช้เวลาบินยี่สิบชั่วโมง สิบนาที กรุณาศึกษาคู่มือความปลอดภัยซึ่งอยู่ในกระเป๋าหน้าที่นั่งด้านหน้าของท่าน เพื่อความปลอดภัยของท่าน และผู้โดยสารท่านอื่น ๆ โปรดเก็บกระเป๋าและสัมภาระของท่านไว้ในที่เก็บของเหนือศีรษะหรือใต้ที่นั่งด้านหน้าของท่านด้วยค่ะ และเราขอเรียนให้ท่านทราบว่า เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินปลอดบุหรี่ พนักงานทุกคนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะให้บริการที่ดีที่สุดแก่ท่านและมีความยินดีที่จะได้รับคำแนะนำจากท่านในเที่ยวบินนี้”


            ปาณัสม์บิดตัวให้คลายความเมื่อยเล็กน้อย เครื่องยังไม่ทันจะบินผ่านพ้นน่านฟ้าเมืองไทย เขาก็เริ่มเบื่อเสียแล้ว ดีที่ยังพอมีภาพยนตร์บนเครื่องให้ดูบ้าง เขากดเลือกเรื่องอย่างเบื่อๆ หลายเรื่องดูเกือบหมดแล้ว ช่วยไม่ได้ สงสัยคงต้องดูซ้ำอีกรอบ

            “พี่เกด?” สายตาเหลือบไปเห็นคนรู้จักที่กำลังตรวจตราความเรียบร้อย

            “อ้าว ปาล” ชลพิกาคุกเข่าลงใกล้ๆ ที่นั่งของปาณัสม์

            “ยืนขึ้นเถอะพี่ ผมเขินอะ”

            “ไม่ได้จ้ะ เป็นถึงลูกค้าเฟิร์สคลาส เดี๋ยวหัวหน้าแอร์เดินมาเห็นเข้า พี่จะโดนดุ”

            “อ่า ครับ”

            “มาเยี่ยมคุณลุงใช่ไหม เหนื่อยแย่เลย บินไปบินมา”

            “ครับ แต่จะทำไงได้ อยู่ทางนั้นผมก็เป็นห่วงพ่อ มาได้ก็อยากมา”

            “ดีแล้วล่ะ เดี๋ยวท่านก็หาย”

            “ครับ” ปาณัสม์ทำท่ามองซ้ายมองขวา ก่อนจะถามต่อ “แล้วรุ่นน้องแอร์พี่เกดอีกคนล่ะ”

            “ถามแบบนี้ จะจีบเขาหรือไง” หญิงสาวบอกทำท่ารู้ทัน

            “เปล่าครับ เห็นน่ารักดี”

            “น้องแพรไม่ได้ขึ้นบินด้วยหรอก ไม่สบายน่ะ เลยแลกเวรกับเพื่อนเขา”

            “อ้าว แล้วเพื่อนเขา น่ารักปะ?”

            “เจ้าชู้เหมือนใครเนี่ย” ชลพิกาส่ายหน้าพลางถาม

            “เหมือนพี่ปอนด์”

            “เดี๋ยวเถอะ พี่ปอนด์รักพี่คนเดียวจ้ะ” หญิงสาวไม่เชื่อ ซ้ำยังพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจคนรัก “เพื่อนเขาเป็นผู้ชาย อีกเดี๋ยวปาลคงเจอ เพราะเขาดูแลฝั่งนี้แทนน้องแพร”

            “ผู้ชาย โอ่ย” ปาณัสม์พูดแล้วทำหน้าเซ็ง


            ชลพิกาหัวเราะขำกับอาการผิดหวังของน้องชายคนรัก เจ้าตัวขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าชู้เพลย์บอยคนหนึ่ง ทั้งรูปทรัพย์ที่โดดเด่น การศึกษาที่กำลังเรียนต่อปริญญาโทอยู่ที่นิวยอร์ก ยิ่งทำให้ผู้หญิงมากหน้าหลายตาหวังจะครอบครองชายหนุ่ม หากเจ้าตัวก็ดูไม่มีทีท่าจะหยุดที่ใครในเวลานี้

            “เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ” ชลพิกาพูดก่อนจะลดเสียงลง “กลัวโดนดุน่ะ”

            “ครับ” คล้อยหลังหญิงสาว ปาณัสม์ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำบ้าง กลับมาอีกครั้งก็เห็นเงาร่างสูงคนหนึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ จัดโต๊ะอาหารให้

            “ขอโทษครับ” ปาณัสม์พูดขึ้นเมื่อหยุดยืนหลังอีกคน

            “สวัสดีครับ สักครู่นะครับ” คนนั้นบอกแล้วรีบเร่งมือให้เร็วขึ้นอีก คงไม่อยากให้เขารอนาน

            “ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้” ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่รอไม่นาน โต๊ะอาหารของเขาก็พร้อมแล้ว

            “เชิญครับ” ชายหนุ่มบอกพลางขยับถอยออกไปเพื่อให้ปาณัสม์เข้าไปได้อย่างสะดวก เมื่อเสร็จแล้วคนนั้นจึงเริ่มวางอาหารให้เขาด้วยความนุ่มนวล

            “คุณแพร ไม่สบายเหรอครับ” ปาณัสม์ถามเพื่อชวนคุยไม่ให้เงียบเกินไป อย่างน้อยคนที่กำลังดูแลเขาอยู่ก็เป็นเพื่อนของคุณแพร หากว่าอีกฝ่ายจะกลับไปรายงานเพื่อนว่าเขาถามถึง ก็อาจจะเป็นการสร้างคะแนนให้เขาก็ได้

            “ใช่ครับ”

            “ปกติคุณบินรูทไหนเหรอ”

            “ฮ่องกงครับ”

            “โอ้ รอบนี้บินไกลเลยแฮะ เหนื่อยแย่” ชายหนุ่มผิวปากเล็กน้อย

            “ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับจานอาหารก็ถูกเสิร์ฟเสร็จเรียบร้อยพอดี “ขาดเหลืออะไร เรียกได้เลยนะครับ” เขาน้อมศีรษะเล็กน้อยเตรียมจะถอยไป

            “ขอบคุณครับ” ปาณัสม์พูดพลางเหลือบสายตามองป้ายชื่อบนหน้าอกของอีกฝ่ายที่ถูกเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่าชื่อCHANTOUCH เขาก็เลือกที่จะเรียกชื่ออีกฝ่ายว่า

            “คุณจันทร์”

            “ไม่เป็นไรครับ ผมชื่อฉันทัชครับ”

            “โอเคครับ คุณจันทร์” ปาณัสม์ไม่ได้รู้สึกเสียหน้าที่ถูกอีกฝ่ายแก้ชื่อของตัวเองให้ถูกต้อง เขาเพียงยิ้มและรับคำนั้นอย่างเรียบร้อย

            ...




 
            “ผู้โดยสารหมายเลขที่นั่งอะไรคะ” พนักงานต้อนรับยิ้มให้ฉันทัชที่กำลังมองเลขที่นั่งของตน ตอนที่ฉันทัชเงยหน้าแล้วยื่นบอร์ดดิ้งพาสให้อีกฝ่าย รอยยิ้มนั้นกลับเจื่อนไปเล็กน้อย

            “แพร?” ฉันทัชก็ตกใจที่เจออีกฝ่ายเหมือนกัน หญิงสาวไม่ตอบเพียงหยิบตั๋วไปดู

            “ที่นั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายมือของผู้โดยสารติดทางเดินนะคะ ขอบคุณค่ะ” เธอบอกเสร็จก็เดินผ่านหน้าฉันทัชไปอย่างรวดเร็ว


            ฉันทัชวางสัมภาระไว้บนที่เก็บของเหนือศีรษะเสร็จแล้วจึงนั่งลงยังที่นั่งของตัวเองพลางรัดเข็มขัด ปฏิกิริยาพวกนี้เขากลับทำไปอย่างอัตโนมัติ ถึงแม้จะไม่ได้เดินทางบ่อยเท่าเมื่อก่อน


            ‘ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก แพรวา’


            บนเที่ยวบินนี้ไม่มีอะไรให้น่ากังวลเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นจิตใจของฉันทัชที่กำลังว้าวุ่น ในช่วงเวลาที่พนักงานต้อนรับเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม เขามองหาแพรวาอยู่ตลอด เห็นหญิงสาวเดินบริการอีกล็อคหนึ่งไม่ใช่ทางเดินที่เขานั่ง ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือจงใจ


            ฉันทัชรอให้เวลาผ่านไปอย่างอดทน เขารอจนกระทั่งไฟในห้องโดยสารถูกหรี่ลงเพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อน เห็นสัญญาณรัดเข็มขัดไม่ได้แจ้งเตือนแล้ว จึงทำทีท่าว่าจะลุกไปเข้าห้องน้ำ

            “ขอโทษนะครับ เห็นแพรวาไหม” เขาเยี่ยมหน้าเข้าไปบริเวณหลังห้องน้ำเล็กน้อย สถานที่ห้ามบุคคลภายนอกเข้า แต่เขาก็ยอมเสียมารยาทเข้าไปถาม

            “สักครู่นะคะ” หญิงสาวคนนั้นว่าพลางหายไปอีกสักครู่หนึ่งจึงเห็นแพรวาเดินตามมา

            “ขอคุยตรงนี้แป๊บหนึ่งได้ไหมแก” แพรวาบอกเพื่อนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้น เพื่อนคนนั้นทำหน้าแปลกใจ แต่ก็ยอมเดินออกจากจุดที่ฉันทัชและแพรวายืนอยู่หน้าตู้เสบียง

            “ว่าไง” แพรวากอดอก สะโพกพิงกับชั้นด้านหลัง เอ่ยทักขึ้นมาก่อน

            “เอ่อ..” ฉันทัชตั้งใจจะพูดอะไรมากมาย พอถึงเวลาจริงๆ เขากลับพูดไม่ออก

            “ถ้าไม่มีอะไร เราไปนะ”

            “เดี๋ยว..เดี๋ยวก่อน” ฉันทัชเรียกรั้งอีกฝ่ายไว้ “แพร..เราขอโทษ”

            “ขอโทษ?ขอโทษเรื่องอะไร” หญิงสาวถามเสียงเรียบ

            “ไม่รู้ ทุกเรื่อง เรื่องที่แกโกรธ เรื่องที่แกไม่ชอบ เรื่องที่แกไม่สบายใจ”

            “แกก็เป็นเสียอย่างนี้ ไอ้เทมส์” แพรวาเหลือบตามองบน

            “หืม?”

            “เรื่องมันผ่านมาเป็นสิบปี เราไม่โกรธแล้วโว้ย” ถึงแพรวาจะพูดด้วยเสียงเหมือนโมโห แต่ความจริงนั้นเสียงหญิงสาวเบาเสียยิ่งกว่าเบา

            “อืม”

            “เป็นไงบ้างอะ”

            “เรื่องเราเหรอ” ฉันทัชย้อนถาม

            “กับปาลน่ะ”

            “เลิกกันแล้ว” ฉันทัชตอบเสียงเรียบ

            “เหรอ...ดีใจด้วยนะ” หญิงสาวยิ้มให้นิดเดียว

            “ไหนว่าไม่โกรธแล้ว”

            “แกก็รู้ว่าเราชอบประชด โทษที แล้วเลิกกันนานยัง” หญิงสาวบอกพลางตบบ่าฉันทัช

            “ครึ่งเดือนก่อน”

            “แผลสดเวอร์ เออๆ เราไม่ถามละ ไม่อยากกวนตะกอนให้ขุ่นขึ้นมาอีก ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่ เหมือนเดิม?”

            “ฟรีแลนซ์น่ะ” ฉันทัชหัวเราะเล็กน้อย

            “กลับมาทำอย่างเดิมไหมอะ เดี๋ยวเราช่วย”

            “ไม่ดีกว่า ทิ้งไปหลายปี ไม่ไหว อีกอย่างอายุก็มากขึ้นแล้ว”

            “ตบปากเสียทีดีไหม พูดเรื่องอายุ หยาบคาย” แพรวามองอย่างโกรธๆ เรื่องอายุมันกระทบจิตใจ

            “โทษที เราไม่นึกว่าแกจะบินรูทนี้” ฉันทัชขอโทษด้วยความเคยชิน

            “อืม เปลี่ยนมาบินใกล้ๆ นานแล้ว คิดถึงลูก ไม่อยากห่างนาน”

            “ลูก?”

            “อืม สี่ขวบละ น่ารักด้วยนะเว้ย” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปลูกชายให้ฉันทัชดู

            “ท่าทางจะหลงลูกน่าดูแต่ก็น่ารัก หน้าเหมือนแกเลย” ฉันทัชไพล่นึกถึงน้องปัณณ์ตอนที่อายุคราวนี้ ก็น่ารักมากเช่นกัน

            “เอาไอดีกับเบอร์แกมาด้วย” หญิงสาวพูดทำลายความคิดของชายหนุ่ม

            “ไอดีเรา?”

            “อืม พอเครื่องลง เราจะแอ๊ดแกเข้ากลุ่ม นังพวกนั้นคงดี๊ด๊าเป็นปลากระดี่ได้น้ำ”

            “ขอบใจนะ” ฉันทัชพูดพลางพิมพ์ชื่อไอดีตัวเองให้

            “ไม่เป็นไร” แพรวารับไปดูก่อนจะเก็บมันลง “อย่าหายไปอีกรู้ไหม ถึงแกจะไม่ได้ชื่ออินทัชเหมือนไทน์ แต่ก็อย่าหายไปอีก ฉันกับเพื่อนคิดถึงแกมากนะเว้ย” แพรวาเดินเข้ามากอดจนฉันทัชที่ยังไม่ทันตั้งตัว พอตั้งสติได้ก็รีบตบหลังเพื่อนอย่างปลอบใจ

            “ไม่ร้องดิ”

            “เออ” แพรวาปาดน้ำตาออกอย่างระวังเพราะกลัวคราบเครื่องสำอางค์จะเลอะทั่วใบหน้า

            “เรื่องปาลก็ปล่อยให้มันเป็นอดีต ตอนนั้นมันก็ไม่ได้ตั้งใจจีบเราจริงๆ อยู่แล้ว มีแต่เราที่ดันคิดไปเอง” แพรวาบอกความในใจที่ผ่านมา

            “ขอโทษจริงๆ”

            “เลิกโทษตัวเองได้แล้ว มันไม่ใช่ความผิดของแก เราไปทำงานต่อก่อนนะ” หญิงสาวเอ่ยขอตัว

            “แล้วเจอกัน” ฉันทัชกลับมานั่งที ลืมเข้าห้องน้ำไปเสียสนิท




            ...

            วินาทีที่ฉันทัชเห็นชื่อตัวเองถูกดึงเข้ากลุ่ม เขาเกือบจะกดยกเลิก โชคดีที่ฉุกคิดได้ทันเรื่องที่แพรวาบอกมาตั้งแต่ตอนอยู่บนเครื่อง



           
‘มีคนหายไปสิบปี ใครเจอมัน บอกกูด้วย จะตบรางวัลให้’



            ‘กลุ่มอะไรของมัน’


            ฉันทัชโคลงหัวกับคนตั้งชื่อกลุ่ม เขากดรับ ก่อนจะพิมพ์จุดเพียงตัวเดียวเป็นการแสดงตัวตนว่าเขาเข้ามาแล้ว


            MethaVee ^-^
            มันมาแล้ว มาแล้ว โอ๊ย นึกว่าตายไปแล้ว
 
            -AorAae-
            นังแพร เพื่อนรัก แน่นอนที่สุด เจอมันจริงๆ
 
            Yo!!
            สบายดีไหมวะเทมส์
 
            Praewa
            ตบรางวัล เลี้ยงข้าวเราด้วย
 
CHAN_P
หวัดดี เราสบายดี ทุกคนสบายดีไหม

            ฉันทัชพิมพ์ตอบไปแล้วลุกไปรื้อเสื้อผ้ามาเก็บในตู้เสื้อผ้าของโรงแรม
 
            -AorAae-
            โอ๊ย ดี ดีมาก คิดถึงแกมากกกกกกก
 

‘BFF ครบสักที’



            ฉันทัชเห็นชื่อกลุ่มถูกเปลี่ยนทำให้เขาอมยิ้ม ตามหาคนหาย คนคนนั้นคงจะหมายถึงเขา เพราะไม่อยากให้เพื่อนต้องกระอักกระอ่วนใจในความสัมพันธ์ของเขากับแพรวา เขาเลยเลือกที่จะเงียบหายไปจนหายไปในที่สุด

            ถึงแม้ว่าเราจะมีเพื่อนหลายคนในกลุ่ม แต่เราจะมีคนเดียวในกลุ่มที่เรารู้สึกสนิทมากที่สุด รู้ใจกันมากที่สุด ไม่ได้แปลว่ากับคนอื่นไม่สนิท มันก็สนิท หากระดับความสนิทไม่เท่ากันก็เท่านั้นเอง สำหรับฉันทัชแล้ว แพรวาคือเพื่อนที่เขาสนิทมากที่สุดในช่วงเวลานั้น

 
CHAN_P
เราก็คิดถึงแกทุกคน

 
            ฉันทัชไม่ใช่คนติดโทรศัพท์ พอตอบเสร็จก็เข้าไปอาบน้ำ เหนียวตัวมานาน กลับมาอีกทีจึงเห็นข้อความรัวแจ้งเตือนไม่หยุด จากโทรศัพท์ที่เคยเงียบสนิท นี่นับเป็นปรากฎการณ์เลยมั้งที่โทรศัพท์เขามีเสียงเตือนถี่ขนาดนี้
 
            Yo!!
           หายไปไหนมาวะ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่
 
            -AorAae-
            เห็นแพรบอกว่าแกบินไปฮ่องกงเหรอ
 
            MethaVee ^-^
            กลับวันไหน กินข้าวกัน
 
            Praewa
            นั่งเครื่องมาเหนื่อยๆ พักก่อนไหม พวกแกก็เร่งถามมัน ให้มันพักก่อนดีกว่าไหม
 
            -AorAae-
            โอ๊ย ทีแกยังไม่ต้องพักเลยไอ้แพร คนมันคิดถึง ถามๆ ทิ้งไว้ รอมันมาตอบทีหลัง
 
            Yo!!
            มันตอบเสร็จแล้วหายไปเลยเนี่ยนะ
 
            Praewa
            หลับมั้ง พวกแกจะอะไรไอ้เทมส์นักหนา
 
            MethaVee ^-^
            อยากคุยกับมันอะ คอลกลุ่มเลยไหม
 
            -AorAae-
            เอาๆ โทรเลย
 
            Yo!!
            เอา
 
            MethaVee ^-^
            นี่ไง มันรีดแล้ว คนรีดครบแล้ว
 
            Praewa
            นังพวกนี้ บอกให้เทมส์พักก่อน อ่านออกไหม ภาษาไทยน่ะ
 
            ฉันทัชสไลด์หน้าจอจนถึงประโยคนี้ต้องหลุดขำออกมาเพราะแพรวาคงเหนื่อยกับการปราบเจ้าพวกดื้อนี่พอตัว ทั้งที่ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ทุกคนยังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย
 
            Praewa
            เทมส์พักก่อน ไม่ต้องสนใจไอ้อีพวกนี้ ให้มันบ้าไป มีเวลาคุยอีกเยอะ
 
CHAN_P
ขอบใจ บ่ายนี้เราต้องเข้าไปบรีฟงาน เดี๋ยวเสร็จงานเราจะมาคุยด้วยทีเดียวนะ
 

            ฉันทัชสลับหน้าจอเปลี่ยนเป็นโทรศัพท์หาอีกคนที่ล่วงหน้ามาฮ่องกงก่อนหน้าเขา

            “ถึงโรงแรมหรือยัง” นั่นคือคำแรกที่อีกฝ่ายรับสาย

            “เรียบร้อยแล้ว”

            “เทมส์ต้องไปทำอะไรบ้างอะวันนี้”

            “บ่ายๆ มีไปบรีฟงานนิดหน่อย เย็นๆ ก็ว่าง ไทน์ล่ะ” ฉันทัชบอกตารางให้น้องสาวรับรู้

            “แย่เลย ไทน์มีซ้อมจนดึก อยากเลิกแล้วอะ” อินทัชบ่นอิดออด

            “พูดแบบนี้ได้ไง เดี๋ยวไม่มีใครจ้างทำงานหรอก”

            “รู้แล้วน่า อยู่คนเดียวได้หรือเปล่า คืนนี้ไทน์ไปนอนด้วยนะ” ทางนั้นเป็นห่วง

            “โตแล้ว ทำไมจะอยู่คนเดียวไม่ได้”

            “ก็มันไม่ปกติ”

            “ถ้าเบื่อๆ เดี๋ยวออกไปข้างนอกเองแหละ ไม่มีทางอยู่ในห้องแน่นอน” ฉันทัชบอกด้วยประกายตาวิบวาว

            “ร้านประจำของเทมส์ยังเปิดอยู่นะ ลองไปดูสิ”

            “จริงเหรอ โห คิดถึงเลยอะ คืนนี้ต้องไป” ฉันทัชอยากไปเสียตั้งแต่ตอนนี้

            “ไปได้ แต่ห้ามวอแวกับใครล่ะ ใครมาจีบก็ห้ามคุย เข้าใจหรือเปล่า” อินทัชเตือนและสั่งห้ามพี่ชายตัวดีสร้างเรื่องราว

            “ห้ามทำไมเนี่ย คนโสดนะ ต้องเต็มที่” ฉันทัชโอด พ้นจากปาณัสม์ยังมีอินทัชอีกหรือ

            “ไม่รู้ล่ะ เพิ่งจะได้สถานะโสดคืนมาอย่าออกตัวแรง” อินทัชยังไม่ยอม

            “อืมๆ ไม่หรอก แค่ไปดื่มนิดเดียว ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องทำงาน”

            “รู้ตัวก็ดี”

            “ดุจริง นี่น้องหรือเมีย” ฉันทัชกึ่งแซวกึ่งประชด

            “พูดมาก เดี๋ยวได้น้องเป็นเมียแล้วจะพูดไม่ออก” นอกจากจะไม่ปฏิเสธแล้ว อินทัชยังเล่นด้วย
            “พูดไม่ออกจริงๆ” ฉันทัชหัวเราะ “นอนก่อนนะ เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน”

            “อืม พักเถอะ เขาเรียกรวมพอดี”

            “เจอกันคืนนี้”

            “บาย”









==============================================


พาเทมส์กลับมาเข้าสังคมเสียทีค่ะ
ตอนที่แล้วเหมือนจะถูกอกถูกใจหลายคนเลย
ช้าก่อน ตอนที่แล้วมันเศร้านะทุกคนนนนนน
พระเอกสำนึกผิดไม่ทันเลย


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก ไปคุยกันในทวิตได้น้า

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

Twitter (https://twitter.com/khemmakan) และ Facebook (https://www.facebook.com/akanae14)
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ UP!! 14/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-09-2018 13:27:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ UP!! 14/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 14-09-2018 13:30:35
เออออออออออ...มันก็ดีจริงแหะ
รู้งี้เชียร์ให้จันทร์กลับไปโสดตั้งนานแว้วววววว
คือดีงาม

ชิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆ ปาลไปให้ไกลๆเลย อย่ากลับมาวอแวจันทร์อีก
เชิญญญญญ ไสหัวไปไหนก็ได้ อยากจะจุูบกับใครก็ไป..ตามใจสะดวก

จันทร์อยู่คนเดียวไป...สวยสวย

อย่ากลับมา เพื่อทวงถาม หาความรัก
อย่ากลับมา อยากรู้จัก ทักอีกหน
อย่ากลับมา แล้วพูดว่า รู้ใจตน
อย่ากลับมา บอกสับสน ค้นใจเจอ

อย่าทำหน้า โศกเศร้า เคล้าความทุกข์
อย่าทำหน้า หมดสนุก สุขพลั้งเผลอ
อย่าเอาหน้า ของเมิง โผล่มาเจอ
น้ำหน้าเมิง อย่าเสนอ มาเจอกรู

ขอแค่นี้ล่ะ...ปาล
หุหุ
 o18
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ UP!! 14/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-09-2018 13:35:18
เจอเพื่อนเก่าอาจทำให้เทมส์ดีขึ้นก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ UP!! 14/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 14-09-2018 13:37:37
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ UP!! 14/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-09-2018 13:52:23
เทมส์สู้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ UP!! 14/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 14-09-2018 20:39:39
ิขนาดใจเขายังโลเลที่จะรั้งเรา  เหมือนยื้อเป็นของตาย  ทำไมต้องเสียดายคนแบบนี้ จริงไหม
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ UP!! 14/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 14-09-2018 20:58:47
โสดแล้ว​ อยากทำอะไรให้รีบทำ​  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ UP!! 14/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 15-09-2018 08:27:45
 :L2:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ UP!! 14/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-09-2018 19:42:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ UP!! 14/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 15-09-2018 21:41:54
……

อ่านแล้วคิดถึงเพลงคาราบาวอ่ะ 555

“ยามเมื่อความอดทนถึงที่สุด จึงต้องหยุดไว้ตรงเลิกรากัน”

ลองแยกกันเดิน ไปตามทางของตัวเอง

แต่ขอให้เดินเป็นวงกลม ที่จะกลับมาบรรจบเส้นทางกันอีกครั้งนะ



 :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:



หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ UP!! 14/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 15-09-2018 21:49:39
ถ้าปาลจะกลับมาจริงๆ ขอให้เจอด่านเพื่อนจันทร์กะคุณน้องแบบโหดหินเลย โล่งใจ หื้ยยยย พูดมาได้  :katai4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ UP!! 14/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-09-2018 03:37:24
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ UP!! 14/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 18-09-2018 08:06:10
 :call:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ UP!! 14/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 18-09-2018 10:08:14

ภาค 5 ความเคยชิน มันน่ากลัว



            “เมื่อก่อนกูว่ามึงเที่ยวถี่แล้วนะ มึงยังเลือกทำงานมากกว่าเที่ยว ตั้งแต่มึงเลิกกับเทมส์ กูว่ามึงเลือกเที่ยวมากกว่างานว่ะไอ้ปาล” จักรีวิเคราะห์เพื่อนตรงหน้า เพื่อนของเขาได้สถานะโสดคืนมา ผู้หญิงมากมาย สาวน้อย สาวใหญ่ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ชาย เข้ามาพัวพันไม่หยุดหย่อน เนื้อหอมราวกับเป็นพ่อม่ายเมียหย่า ทั้งที่จริงเพียงถูกคนรักบอกเลิกอย่างเฉียบพลันเท่านั้นเอง

            “ยุ่ง” ปาณัสม์ตอบ มือขาวยกแก้วเหล้ากระดกรวดเดียวลงคอ

“ชงให้หน่อย” เขาส่งแก้วเหล้าไปให้ชัดเจน ทางนั้นก็รับไปชงด้วยความเคยชิน ไร้การปฏิเสธ

            “กินเยอะไปแล้วหรือเปล่าวะ ทำเหมือนพรุ่งนี้จะตายงั้นแหละ”

            “ไม่ตาย กูไม่ตายหรอก” ปาณัสม์เถียง เขายังไม่ยอมตายเพราะยังใช้ชีวิตโสดไม่คุ้ม


            “เลิกกับเทมส์มาเนี่ย มึงคั่วไปกี่คนแล้ว”

            “ไม่ต้องพูดชื่อนั้นให้กูได้ยิน” ปาณัสม์เหวี่ยงใส่เพื่อน ชัดเจนเกาหัวแกร่กๆ

            “ทำไมจะพูดชื่อเทมส์ไม่ได้” จักรีไม่ยอม ในเมื่อเลิกกันแบบสันติ

            “เออ กูบอกไม่ต้องพูดก็ไม่ต้องพูด อย่ามาทำให้อารมณ์เสีย” จักรีหันไปมองกับชัดเจนด้วยความไม่เข้าใจ เป็นอะไรของมัน

            “พี่ปาลใช่ไหมคะ หนูเห็นพี่มาที่นี่แทบทุกคืน” หญิงสาวในชุดเดรสกระโปรงเกาะอกสีแดง เดินถือแก้วเหล้าเข้ามาถาม

            “ครับ รู้จักพี่ด้วยเหรอ” ปาณัสม์ยิ้ม ใช้น้ำเสียงและแววตาผิดกับที่สนทนากับจักรีเมื่อสักครู่นี้ลิบลับ

            “ไม่มีใครไม่รู้จักพี่หรอกค่ะ พี่จักรก็ด้วย”

            “ขอบคุณครับ” ไม่คิดว่าอานิสงส์ของเพื่อนจะมาตกที่หัวของเขาด้วย จักรียิ้มให้หญิงสาวเช่นกัน

            “ไปคุยกับหนูที่โต๊ะไหมคะ” หญิงสาวบอก มือข้างที่ว่างก็สะกิดแขนของปาณัสม์เป็นสัญญาณเชิญชวน

            “เอาสิ” มีหรือที่อดีตเสือเก่าอย่างปาณัสม์จะปฏิเสธ  ชายหนุ่มโบกมือบอกจักรีและชัดเจนเป็นพิธีก่อนจะเดินตามหญิงสาวไป

            “ตั้งแต่มันกลับมาโสด กูก็ไม่ได้กินอีก เซ็งว่ะ” จักรีบ่น

            “นอยด์เหรอครับ คุณจักร”

            “นิดหน่อย ไม่ใช่ที่มันมีผู้หญิงเข้ามาหรอก แต่ติดใจว่ามันทำเหมือนไม่เคยรักเทมส์เลยซะอย่างนั้น เลิกปุ๊บ มั่วคนใหม่รัวๆ” จักรีหันไปมองโต๊ะที่เพื่อนของเขาเดินไป ปาณัสม์กำลังชนแก้วเหล้ากับหญิงสาวกลุ่มนั้น เขาได้แต่ส่ายหัวเบาๆ กับความร่าเริงและเฟรนด์ลี่ของมัน

            “อ่า..ครับ” ชัดเจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เขาไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเรื่องของเจ้านาย

            “ได้คุยกับเทมส์บ้างหรือเปล่า” จักรีถาม

            “ปกติผมกับคุณเทมส์ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่หรอกครับ”

            “ไม่ได้คุยเลยเหรอ”

            “ครับ หลังจากวันนั้นที่ผมไปส่งคุณเทมส์ก็ไม่ได้เจอกันอีก”

            “ไม่รู้เป็นไงบ้าง ไอ้เพื่อนเวรนั่นยังมีกู มีมึง มีแม่ มีพี่ มีหลาน มีคนรอบตัวเยอะแยะไปหมด”

            “คุณไทน์คงดูแลอยู่” คราวนี้ชัดเจนออกความเห็น

            “อย่างนั้นก็ดี...ขอให้เทมส์ได้เจอคนดีๆ แม่งด้วยเถอะ” จักรียกมือไหว้ขอพรกลางผับ โดยไม่สนใจคนที่มองมาทางเขา


            ภาวะหนักอกหนักใจคงหนีไม่พ้นคนอย่างชัดเจน ลูกพี่ของเขาหิ้วสาวออกมาจากผับอีกแล้ว ตัวเขาล่ะ จะปล่อยให้ปาณัสม์ไปแบบนี้เหรอ ไม่ได้ ชายหนุ่มทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถไปส่งเจ้านายยังเป้าหมายที่เป็นโรงแรมในค่ำคืนนี้ เมื่อก่อนเขาแค่ไปส่งปาณัสม์ที่คอนโดแล้วตรงดิ่งกลับบ้านก็เป็นอันว่าหมดธุระของเขา


            แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ชัดเจนไปส่งผู้เป็นนายแล้วยังต้องนั่งเฝ้ารอชายหนุ่มเสร็จกิจอีกด้วย แถมยังต้องยัดกล่องถุงยางใส่มืออีกฝ่ายไปอีก กำชับปากแทบฉีกถึงหูว่าอย่าลืมป้องกัน ทำตัวไม่ต่างอะไรกับพี่เลี้ยงเด็ก ถ้าเข้าไปในห้องได้ชัดเจนคงทำไปแล้ว ชายหนุ่มมองนาฬิกาบนข้อมืออย่างเบื่อๆ อีกสักชั่วโมง ปาณัสม์คงกลับออกมา

            “ทำไมถึงมาที่โรงแรมล่ะคะ พี่ปาล” หญิงสาวเขย่งตัวจูบแก้มชายหนุ่ม


            “โรงแรมอยู่ใกล้”

            “แหม พอตอนเช้าก็ต้องรีบกลับสิคะ”

            “จะนอนต่อก็ได้ เดี๋ยวพี่จ่ายค่าโรงแรมเผื่อไว้ ไม่ต้องกังวลหรือจะเอาค่าขนมด้วยก็บอก” ปาณัสม์บอกอย่างใจป้ำ แต่มันกลับไม่ได้ถูกใจหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย หากเธอก็ไม่ได้พูดอะไร


            คนกึ่งเมา กึ่งมีสติสองคนกว่าจะลากสังขารร่างกายมาที่ห้องได้ก็เสียเวลาไปร่วมสิบห้านาที ทั้งคู่รีบร้อนเมื่อเข้ามาในห้อง เหวี่ยงรองเท้าไปคนละทิศทาง โรมรัน พัวพัน ไม่รู้ว่ามือใครเป็นมือใคร ลิ้นเปียกชื้นกอดเกี่ยวกระหวัดไม่ถอยห่างให้ต้องทวงถาม


            มือหนาฟอนเฟ้นร่างกายอีกฝ่ายไร้ความปราณี ทรวงอกอวบอิ่มแนบแน่นอยู่กับอกกว้างที่มีเสื้อเชิ้ตสีขาวขวางกั้นอยู่ ทว่าไม่มีใครสนใจ ชุดกระโปรงสีแดงถูกดึงร่วงลงไปกองอยู่ปลายเท้า ปาณัสม์ดันร่างหญิงสาวให้นอนบนเตียงสะอาดนั้นอย่างขอไปที ไม่ได้คิดนุ่มนวล แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้สนใจจากรสสวาทที่กำลังครอบงำจนหลงมัวเมากับความรู้สึกที่เกิดขึ้น


            เสียงครวญครางจากน้ำเสียงหวานดังเข้ามาให้ได้ยิน จิตใจเตลิดเพลิดเพลินไปกับสัมผัสที่ถูกก่อตัวอย่างรุนแรง ปาณัสม์คลี่ยิ้มออกมาบดจูบให้แนบแน่น เขารูดซิปเป้ากางเกงลง รีบร้อนไม่แม้แต่จะถอดมันออก ชายหนุ่มอาศัยสติอันน้อยนิด ระลึกถึงสิ่งที่ชัดเจนยัดใส่มือมาให้ เขาควานมือหาถุงยางที่วางอยู่บนเตียง


            เขาฉีกซองออกอย่างเบามือ เตรียมจะสวมมันลงไป

            “หนูใส่ให้นะคะ” มือที่จับซองนั้นชะงัก


            ‘จันทร์ใส่ให้นะ’ ปาณัสม์สลัดศีรษะ ในสถานการณ์เข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้ เขายังมาคิดเรื่องอดีตอยู่ทำไม


            “เอาสิ” ชายหนุ่มอนุญาต หญิงสาวลงมืออย่างคล่องแคล่ว เพียงครู่เดียว ส่วนล่างของชายหนุ่มก็ถูกจัดการอย่างเรียบร้อย


            ปาณัสม์ดันร่างของหญิงสาวลงนอนอีกครั้ง ริมผีปากละโมบจูบลงบนเนินอกขาวที่ล่อตาล่อใจ มืออีกข้างจับส่วนล่างของตัวเองเอาไว้ ไม่ต้องพูดอะไรหญิงสาวอ้าขาให้กว้างขึ้นอีก ปาณัสม์ยิ้มออกมาด้วยความพอใจที่อีกฝ่ายเป็นงาน

            “เข้ามาเลยค่ะ”


            ‘จันทร์พร้อมแล้ว’

            ทั้งที่จะถึงปราการสุดท้ายอยู่แล้ว ทำไมคำพูดของคนๆ นั้น ต้องผุดขึ้นมาในสมองของเขาด้วย เลิกแล้วก็เลิกกันไปสิวะ จะกลับมารังควานเขาทำไม


            ปาณัสม์พยายามจะยัดอาวุธของตัวเองเข้าไปในร่างอีกฝ่าย เขาพยายามแล้ว แต่มันทำไม่ได้ จนหญิงสาวที่นอนอยู่ถึงกับลุกขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดใจ สิ่งที่เธอรอคอยทำไมถึงไม่เกิดเสียที

            “อะไรกันคะพี่ปาล” หญิงสาวมองสภาพที่ห่อเหี่ยวของบริเวณนั้นอีกฝ่ายแล้วก็หน้าผิดสี

            “ขอโทษนะ พี่ทำไม่ได้” ปาณัสม์พูดเพียงแค่นั้น รีบลุกขึ้นยืน ดันแว่นให้เข้าที่ ถอดถุงยางออกแล้วทิ้งมันลงถังขยะ รูดซิปกางเกงขึ้น

            “ไม่ได้นะคะ จะทำแบบนี้กับหนูไม่ได้นะพี่ปาล” เธอพูดรั้งเอาไว้ หญิงสาวตาโต มองทุกการกระทำ

            “คนมันทำไม่ได้ ไม่เข้าใจหรือไง!” ปาณัสม์บอกอย่างหัวเสียก่อนจะสวมรองเท้าแล้วเปิดประตูตามไป ทิ้งไว้เพียงหญิงสาวกับเสียงประตูที่ถูกปิดเสียงดัง


            ชัดเจนเห็นลูกพี่กลับขึ้นมาบนรถ ท่าทีของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ชายหนุ่มเห็นอาการของปาณัสม์เป็นแบบนี้ทุกครั้งหลังจากลงมาจากโรงแรม ทั้งที่น่าจะสบายตัวแท้ๆ ทำไมถึงมีสีหน้าที่แสดงออกมาด้วยความไม่พอใจอย่างนั้นกันเล่า

            “ไอ้ชัด ออกรถ” ปาณัสม์พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ

            “ครับ” ชัดเจนได้ยินเสียงถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าเจ้านายกำลังเป็นอะไรหรือจะไม่พอใจหญิงสาวคนเมื่อครู่


            ถ้าอย่างนั้นตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกฝ่ายไม่พอใจผู้หญิงสักคนเลยหรือ?


            ปาณัสม์เดินเซเล็กน้อยจังหวะที่เดินเข้ามาในห้องนอน แล้วเดินต่อไปที่ห้องน้ำ ไม่คิดที่จะนอนหลับไปบนเตียงเหมือนเก่า ไม่มีเสียงบ่นของอีกคนมาคอยว่าเวลาที่เขาเมาแล้วไม่อาบน้ำ จนกลิ่นเหล้าเหม็นตลบไปทั่วหมอนและผ้าปูที่นอน


            ปาณัสม์แค่นยิ้มกับตัวเอง


            เขากลับออกมาด้วยสติที่ครบถ้วน ไร้ร่องรอยของความมึนเมา ปาณัสม์เดินออกจากห้องนอนไปยังห้องข้างๆ เขากวาดตามองไปรอบๆ ห้องโดยไม่ได้เปิดไฟ แสงไฟจากถนนและแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องพอให้มองเห็นอยู่บ้าง ชั้นหนังสือที่ติดผนัง มันเคยถูกอัดแน่นไปด้วยหนังสือ บัดนี้ไม่มีหนังสือพวกนั้นอีกแล้ว ถ้าจะมีอะไรหลงเหลือเอาไว้ก็คงเป็นหนังสือของเขา


            ปาณัสม์หยิบกรอบรูปที่ถูกคว่ำอยู่บนชั้นให้ตั้งขึ้น มันเป็นรูปของเขากับฉันทัชตอนที่ย้ายมาอยู่ห้องนี้ด้วยกันในวันแรก ฉันทัชไม่ได้เอามันไปด้วย เพียงคว่ำมันไว้เฉยๆ


            หลังจากที่เลิกกับฉันทัช เขาไม่เคยเข้ามาในห้องนี้เลยสักครั้ง ไม่รู้ทำไมครานี้ ถึงอยากเข้ามาในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของคนที่ใช้มันตลอดเวลา แต่ตอนนี้กลิ่นนั้นเริ่มบางเบาลงเพราะความอับและฝุ่นที่อยู่ในห้อง


            ปาณัสม์เดินไปที่โต๊ะหนังสือตัวใหญ่ เขาไล้มือลงบนโต๊ะนั้นอย่างไม่รู้ตัว ก่อนหน้านี้มันมีหนังสือกองใหญ่กับโน้ตบุ๊กที่เจ้าของใช้ค้นคว้าเวลาทำงาน ของเหล่านั้นก็อันตรธานไม่อยู่ที่ตรงนี้แล้วเช่นกัน นอกจากกระดาษสี่เหลี่ยมแผ่นเล็กวางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับแหวนวงหนึ่ง ปาณัสม์เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาไม่ได้สนใจแหวนวงนั้น ชายหนุ่มเลือกที่จะหยิบกระดาษขึ้นมาอ่าน


            ‘Love you always
                                 Thames’



            ฉันทัชก้าวออกไปจากชีวิตเขาอย่างสมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งชื่อที่เขาตั้งให้ ฉันทัชก็เลือกไม่ใช้มันอีก คงเหลือไว้เพียงคนรู้จักอย่างนั้นล่ะมั้ง


            ปาณัสม์หยิบกระดาษแผ่นนั้นกับแหวนติดมือกลับไปที่ห้องนอน เขาวางมันลงโต๊ะข้างหัวเตียงด้วยความถนอม ราวกับกลัวว่ามันจะฉีกขาด ชายหนุ่มเอนตัวลงนอน หันหน้าไปยังที่ว่างที่เคยเป็นที่ของอีกคน มือหนาวางมือลงหมอนสีขาวนั้น


           “จันทร์...จันทร์จ๋า”










หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 4 ภาคแห่งความทรงจำ UP!! 14/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 18-09-2018 10:09:41
             
            ถึงจะผ่านมาหลายปีแล้ว ร้านนี้ยังเหมือนเดิม กระทั่งการตกแต่งก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง มีเพียงการบำรุงดูแลให้ร้านคงสภาพดี ฉันทัชมองไปรอบๆ รู้สึกพอใจ เขาคิดไม่ผิดที่ยกให้ร้านนี้เป็นร้านโปรด ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งในมุมประจำของตัวเอง


            เขาชอบนั่งบริเวณเคาท์เตอร์บาร์ มันเป็นความชื่นชอบส่วนตัวที่ได้เห็นบาร์เทนเดอร์ชงเหล้า ผสมค็อกเทลหรือเครื่องดื่มต่างๆ ด้วยความคล่องแคล่ว ถ้าหากสนิทหน่อย เขามักจะขอลองชิมดูบ้าง ไม่รู้ว่าบาร์เทนเดอร์ที่เจอส่วนใหญ่นั้นใจดีหรือแพ้ความอ้อนของตัวเองจึงทำให้เขาได้ลองชิมอะไรแปลกๆ อยู่เป็นประจำ


           “GIN LIME RICKEY” ฉันทัชสั่งกับพนักงานประจำเคาท์เตอร์ ชายหนุ่มพยักหน้า ไม่นานเครื่องดื่มก็ถูกวางลงตรงหน้าด้วยความนุ่มนวล


            ฉันทัชยกแก้วขึ้นมาจิบ เขาไม่ได้ตั้งใจมาเมาแค่มาผ่อนคลายบรรยากาศตามประสาคนโสดเพียงเท่านั้น อีกทั้งพรุ่งนี้ยังมีงานที่ต้องทำ ชายหนุ่มไม่อยากเมาจนเสียงานเสียการ พอดีพอร้ายจะไม่ได้ทำงานจนอดตายและอินทัชก็คงเสียหน้าที่อุตส่าห์แนะนำงานให้


            ชายหนุ่มโยกศีรษะเบาๆ ตามเสียงเพลงที่เปิดในร้านนั้นอย่างถูกอกถูกใจ จนเครื่องดื่มแก้วแรกนั้นหมดลงไปอย่างไม่ทันรู้ตัว เขาสั่งแก้วใหม่ทันทีโดยไม่ได้เงยหน้ามองพนักงาน

            “เอ๋ ใช่เทมส์หรือเปล่า?” เสียงคนในเคาท์เตอร์ส่งเสียงประหลาดใจตอนที่เรียกชื่อฉันทัช

            “ใช่ คุณ..อ้าว ยังทำงานอยู่ที่นี่เหมือนเดิมหรือ” ฉันทัชแปลกใจคนตรงหน้าคือพนักงานของที่นี่ สมัยที่เขาแวะมาเที่ยวเสมอๆ

            “ยังทำอยู่ แต่เลื่อนขั้นแล้วนะ ตอนนี้เป็นผู้จัดการแล้วล่ะ” อีกฝ่ายพูดคุยอย่างเป็นกันเองเพราะฉันทัชมาบ่อยจึงสนิทกันระดับหนึ่ง

            “เยี่ยมมาก” ชายหนุ่มเอ่ยชม

            “ไม่เห็นเสียหลายปี นึกว่าจะไม่มาอีกแล้ว หายไปไหนมา”

            “โทษที หายไปแต่งงานมาน่ะ...แต่ตอนนี้เลิกแล้ว” ฉันทัชคร้านจะอธิบายว่าจริงๆ ไม่มีพิธีการแต่งงาน แค่อยู่กินกันเฉยๆ แต่ก็เลือกให้ฝ่ายนั้นเข้าใจแบบนี้ดีกว่า

            “อ้าว เสียใจด้วยนะ” สุ้มเสียงทางนั้นแสดงว่าเสียใจ ไม่ได้เอ่ยเป็นมารยาท

            “ขอบใจ ผมโอเคแล้ว ที่นี่ยังเหมือนเดิมเลย” ฉันทัชยิ้มรับพลางเปลี่ยนเรื่องคุย

            “ใช่ อาเฮียเขาไว้อาลัยให้เมียที่ตายไป” บาร์เทนเดอร์ที่กลายมาเป็นผู้จัดการร้านอธิบายถึงเจ้าของร้านนี้ การตกแต่งร้านคือสิ่งที่ภรรยาเก่าของอาเฮียนั้นชอบ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงไม่เปลี่ยนแปลง

            “อืม เฮียสบายดีนะ”

            “สบายดี เจ็บป่วยบ้างก็ตามประสาคนแก่”

            “ลูกๆ ล่ะ มาดูร้านบ้างไหม”

            “ไปทำอย่างอื่นกันหมด ไม่ค่อยสนใจหรอก” ทางนั้นว่าพลางส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความระอาใจ

            “อย่างนั้นเหรอ” ฉันทัชคิดว่าเขาเป็นคนนอกจึงไม่ควรออกความเห็นใดๆ เขารับคำโดยไม่ต่อความยาว

            “ขอตัวไปจัดการทางฝั่งนู้นหน่อยนะ” ทางนั้นว่า ฉันทัชพยักหน้าว่าเข้าใจ “ดีใจที่ได้เจอกันอีก”

            “เช่นกัน”

            เมื่อคนหนึ่งไป อีกคนก็เข้ามา ดูจากการแต่งตัวแล้วฉันทัชว่าก็คงเป็นลูกค้าของร้านเหมือนกับเขา คงไม่ใช่พนักงานของร้าน ชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้สตูลบาร์ข้างเขา

            ฉันทัชไม่ได้เอ่ยห้าม อีกฝ่ายจะเลือกนั่งตัวไหนก็ได้ แต่เก้าอี้มีหลายตัวยังว่างอีกถมไป ทว่าทางนั้นกลับเลือกที่นั่งใกล้เขา คงไม่มีความหมายให้เดานอกจากนี้

           “หน้าคุ้นๆ” เริ่มทักคำแรก ฉันทัชนึกอยากจะถอยหนี ไม่ว่าจะคนชาติไหนก็ชอบใช้วิธีการจีบ
แบบนี้น่ะเหรอ

           ‘มุกนี้ไม่เชยไปหน่อยหรือ?’

           “มุกเก่าไปนะครับ”

            “ผมพูดจริงๆ หน้าคุณดูคุ้นมาก เหมือนเคยเห็นที่ไหน”

            “ใครๆ ก็พูดแบบนั้น” ฉันทัชยิ้ม ยกเครื่องดื่มขึ้นจิบอีกเล็กน้อย

            “ไม่ใช่ คุณกำลังเข้าใจผิด ผมไม่ได้พูดเพราะจะเข้าหาคุณแบบนั้น”


            “แล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลยหรือ” ฉันทัชย้อน

            “ถ้าจะบอกว่าไม่เลยคงจะโกหกที นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งแต่หน้าคุณก็คุ้นมาก เหมือนเคยเห็นที่ไหนจริงๆ”

            “แต่ผมไม่เคยเจอคุณมาก่อน” ฉันทัชบอกอีกครั้งเพื่อให้อีกฝ่ายล้มเลิกความคิดนั้นไป

            “นึกออกแล้ว คุณมีญาติเป็นดารานักร้องอะไรเทือกนี้หรือเปล่า” ฝ่ายนั้นยังไม่ละความพยายาม

            “ก็ไม่เชิง” เขายิ้ม เอาเถอะจะหว่านแห อะไรก็หว่านไป ยังไงเขาก็ไม่หลงกลหรอก

            “นั่นไง ใช่จริงๆ ด้วย” อีกฝ่ายตื่นเต้นราวกับได้พบกับดาราเองก็ไม่ปาน
         
            “สบายใจหรือยัง” ฉันทัชพูดขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มที่มุมปาก ไม่เชิงว่าเยาะเย้ยแต่แค่นึกขำกับความตั้งใจของผู้มาใหม่

            “ผมไม่เคยเห็นคุณที่นี่มาก่อน”

            “ก็ไม่แปลก เพิ่งมาที่นี่น่ะ” เขาตอบพลางพินิจใบหน้าคนด้านข้าง พอได้มองชัดๆ ถึงเห็นว่ารูปร่างหน้าตาของคนนี้คล้ายกับอีกคนที่เพิ่งเลิกรากันไป

            มองไปมองมาก็เพลินตาดี ไทป์แบบที่ชอบ อย่างไรก็น่ามอง

            “ร้านนี้คลาสสิกมาก คุณว่าไหม”

            “อืม ร้านสวย” ฉันทัชตอบ ไม่ได้นึกรำคาญ ดีเหมือนกัน มีคนชวนคุยบ้างก็ดีกว่านั่งเบื่อๆ

            “ยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย” ฝ่ายนั้นเริ่มแสดงความรู้จักมากขึ้น ฉันทัชขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดในใจว่าควรจะบอกดีไหม

            “โนเนมน่ะ” เขายิ้มให้

            “ไม่มีชื่อหรือชื่อนี้” ฝ่ายนั้นทำหน้างงเล็กน้อย

            “ตรงตัว ไม่มีชื่อ”

            “แล้วผมจะเรียกคุณว่าอะไรล่ะ” ทางนั้นบ่น ท่าทางจีบปากจีบคอนั่นก็ดูน่ารักดีเหมือนปาณัสม์ทำเวลาที่เจ้าตัวงอนเลย

            “ตามใจ อยากเรียกอะไรก็เรียก จะเรียกว่าโนเนมก็ได้นะ ผมไม่ถือหรอก ยังไงก็ไม่ได้เจอกันอีกอยู่ดี”

            “รู้ได้ไง พรหมลิขิตอาจจะทำให้เราเจอกันอีกก็ได้ เหมือนวันนี้ไง”

            “งั้นมั้ง” ฉันทัชเออออ โลกมันไม่ได้แคบขนาดนั้น

            “ไม่เชื่อเหรอ” ทางนั้นท้า

            “ไม่ได้บอกว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ ถ้าเจอก็เจอสิ ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้วนี่” เขาตอบ

            “ผมจะเรียกคุณว่าเยว่ซิน ดีไหม ชอบหรือเปล่า” ฉันทัชหน้ากระตุก

            “ไม่ชอบ” เขารีบปฏิเสธ

            “ทำไม ชื่อนี้แปลว่าดวงจันทร์แห่งความสุข ความหมายดีนะ”

            “หน้าผมดูขรุขระเหมือนดวงจันทร์หรือมีความสุขล่ะ” ฉันทัชประชดถาม

            “เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดสิ นี่ผมหวังดีต่างหาก”

            “ว่ามา”

            “ดวงตาคุณสวยเหมือนดวงจันทร์”

            “มุกอะไรของคุณ ไม่เห็นหรือว่าตาผมไม่ได้กลมโต” ฉันทัชส่ายหน้ากับการเปรียบเปรยของอีกคน

            “ไม่ได้เกี่ยวกับรูปลักษณ์เสียหน่อย ผมกำลังบอกว่าดวงตาคุณสวยไง”

            “อย่างนั้นเหรอ”

            “อีกอย่างนะ” ทางนั้นเงียบลง จนฉันทัชแปลกใจอดถามกลับไปไม่ได้

            “อีกอย่างอะไร”

            “ท่าทางคุณดูเศร้า ผมเลยอยากให้คุณมีความสุขเหมือนชื่อที่ผมตั้งให้”

            “หึ” ฉันทัชแค่นเสียงตอบ ท่าทางของเขาแสดงออกชัดขนาดนี้เชียวหรือ

            “ผมไม่รู้ว่าคุณเจออะไรมาแต่คนที่ทำให้คุณเศร้าอะ โคตรแย่เลย”

            ฉันทัชชี้หน้าไปที่อีกฝ่าย จนทางนั้นตกใจ

“ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะ” อีกฝ่ายร้อนตัวรีบปฏิเสธ

            “เปล่าสักหน่อย ก็คุณถามไม่ใช่หรือว่าใครทำผมเศร้า คนที่หน้าคล้ายคุณนั่นแหละ”

            “จริงเหรอ ไม่น่าเชื่อ” คนพูดชี้มือเข้าหาตัวเอง พลางส่ายหน้า

            “ผมล้อเล่น” ฉันทัชหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึก

            “โล่งอกไปที” อีกฝ่ายยกมือลูบหน้าอกแสดงว่าคลายความกังวล

            บทสนทนาดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง อีกฝ่ายชวนคุยเรื่อยๆ อะไรที่ฉันทัชตอบได้เขาก็ตอบ ไม่ได้พยายามหลบเลี่ยง แต่ฝ่ายนั้นก็มีมารยาทพอที่จะไม่ถามเรื่องส่วนตัว ทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างคุยกับอีกฝ่ายได้อย่างสบายใจทีเดียว

            “ไปห้องน้ำแป๊บนะ” ฉันทัชบอกก่อนจะลุกไป เขามึนหัวเล็กน้อย ถึงจะยังไม่เมาแต่ก็ดื่มไปหลายแก้วเช่นกัน


            ฉันทัชล้างมือ วักน้ำมาลูบหน้าลูบแขนหวังให้สมองโปร่ง ถ้ากลับไปที่โรงแรมด้วยสภาพนี้ อินทัชต้องดุและบ่นเขาอีกยืดยาว คนเป็นพี่ยังไม่อยากฟังคำเทศนาเหล่านั้น ตั้งใจว่าอีกเดี๋ยวจะบอกชายหนุ่มคนนั้นว่าจะกลับแล้ว วันนี้ที่อีกฝ่ายมานั่งคุยเป็นเพื่อนเขารู้สึกสนุกมาก

            ทว่าพอเดินออกมาจากประตูห้องน้ำก็เจอคนที่ว่านั้นยืนอยู่ตรงหน้า

            “มาเข้าห้องน้ำเหมือนกันเหรอ” ฉันทัชถาม

            “เปล่า ผมตั้งใจมาหาคุณ เยว่ซิน” จู่ๆ ฝ่ายนั้นก็พูดจาไม่อ้อมค้อม

            “กำลังจะกลับไปพอดี ไปคุยกันที่โต๊ะสิ”

            “คุยตรงนี้ไม่ได้หรือ”

            “เป็นอะไรหรือเปล่า ตะกี้ก็ดูปกติดีนะหรือว่าเมา?” ฉันทัชตั้งข้อสังเกต

            “ไม่รู้ สงสัยจิตใต้สำนึกของผมจะบอกว่าขาดคุณไม่ได้” คำตอบของอีกฝ่ายทำให้ฉันทัชหลุดขำ

            “มุกแบบนี้ มันใช้ไม่ได้หรอกนะ แล้วไปใช้กับผู้หญิงก็ไม่ได้ด้วยรู้ไหม เด็กโง่”

            “อย่ามาว่าผมเด็กนะ ปีนี้ผมเรียนจบแล้วด้วย”

            “เด็กกว่าผมอยู่ดี” ฉันทัชนึกขำคนที่ไม่ยอมเป็นเด็ก

            “จะกี่ปีกันเชียว”

            “อย่ารู้เลย” ฉันทัชไม่อยากตอบ เขาไม่ค่อยคิดว่าตัวเองแก่เท่าไหร่ พอได้มาคุยกับเด็กวัยประมาณนี้ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองแก่พอสมควร

             “กลับโต๊ะเถอะ” ฉันทัชบอก ตั้งใจจะเดินผ่านอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน แต่ก็ถูกดึงแขนแล้วลากออกมาอีกทาง

             “จะทำอะไร” ฉันทัชมองแขนที่ถูกจับ

             “ผมยังไม่อยากไป”

             “ผมว่าคุณกำลังเมา” ฉันทัชโคลงศีรษะ ชายหนุ่มไปเมาตั้งแต่ตอนไหนกันนะ พอลองนึกย้อนกลับไป ฝ่ายนั้นก็ดื่มไปไม่น้อย

             “ใช่ ผมคิดว่าผมกำลังเมา”

             “อ้าว คนเมารู้ตัวด้วยแฮะ” ฉันทัชประหลาดใจ ปกติแล้วคนเมาจะไม่ค่อยรู้ตัวเองว่าเมา แสดงว่าเจ้าเด็กนี่ยังพอมีสติอยู่บ้าง

             “ถ้าเมาแล้วก็กลับเถอะ” ฉันทัชแนะนำ

             “ไม่เอา ยังไม่อยากกลับ ถ้ากลับก็จะไม่เจอคุณอีก” ทางนั้นบอกทั้งที่ยังจับต้นแขนของฉันทัชไว้

             “ไหนบอกว่ายังไงก็ต้องได้เจอกันอีกเพราะพรหมลิขิตไง”

             “ผมไม่อยากรอ”

             “เด็กหนอเด็ก” ฉันทัชพูดซ้ำ


              คำก็เด็ก สองคำก็เด็ก คงจะกระทบจิตใจชายหนุ่มหรือจี้ปมของชายหนุ่มเข้าอย่างจัง เพราะคนที่สุภาพมีมารยาทดีคนนั้นกลับคว้าร่างของฉันทัชมาจูบ ในคราแรกฉันทัชรู้สึกตกใจแต่ครู่เดียวเขาก็ปรับตัวได้ น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวางจะดีกว่า


              ‘จูบของเด็กนี่ ก็ดีเหมือนกัน’


              เมื่อใบหน้าของอีกฝ่ายผละออกไป ฉันทัชกลับเป็นฝ่ายรั้งใบหน้านั้นให้เข้ามาใกล้ตนเองและเป็นฝ่ายเริ่มใหม่อีกครั้ง ร่างของฉันทัชถูกดันให้แนบติดผนัง เขาไม่ได้สนใจว่าใครจะเห็นหรือไม่ สถานที่เหล่านี้ส่วนใหญ่ก็สามารถพบเห็นเรื่องพวกนี้ได้เป็นปกติทั้งนั้น

              “ไปต่อที่ห้องผมเถอะ” ทางนั้นเอ่ยปากถามเสียงพร่า คนเมามันต่อกันง่ายจะตายไป

              “ก็อยากไปอยู่นะ” ฉันทัชบอก น้ำเสียงราบเรียบเหมือนไม่ได้ตกอยู่ในห้วงอารมณ์พิศวาสแต่อย่างใด

              “งั้นก็ไปเลยสิ รออะไรล่ะ” คนเด็กกว่าเร่งเร้า

              “ไปไม่ได้ เดี๋ยวเมียด่า”

              “นี่คุณ!!?” ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะตกใจไม่น้อยที่ได้ยินพูดถึงบุคคลที่สาม

              “ตาเหลือกไปหมดแล้ว” ฉันทัชขำกับท่าที่คนตรงหน้า เจ้าเด็กนี่ทำให้เขาหัวเราะได้หลายครั้งเหมือนกัน

              “หาตั้งนาน มาอยู่นี่เอง” เสียงผู้หญิงดังขึ้นมาจากข้างหลังของอีกฝ่าย  ประสานสายตาเข้ากับฉันทัชพอดี

              “ไง” ฉันทัชเอ่ยทักคนมาใหม่

              “มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวแม่จับเชือดให้หมดเลย” อินทัชพูดพลางทำเสียงขู่

              “สนุกกันนิดหน่อยน่า” ฉันทัชตอบพลางหันไปพูดกับคนอายุน้อยที่สุด “โทษทีนะ เมียที่ว่า มาแล้วล่ะ” เขาขยิบตาให้อีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบออกมา

              “กลับยัง” น้องสาวคนสวยถามไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

              “กลับก็ได้” คนเป็นพี่ตอบและยืดตัวเล็กน้อยเพื่อหอมแก้มน้องสาวเป็นการเอาใจและเพื่อแสดงให้อีกคนได้เห็น

              “วันนี้ขอบคุณนะที่อุตส่าห์มานั่งเป็นเพื่อนคุย ผมสนุกมาก”  ฉันทัชบอกเตรียมจะก้าวออกไปแต่ก็นึกขึ้นมาได้ “อ้อ เรื่องชื่อน่ะ ขอบใจมากนะ แต่ให้ดีก็เรียกผมว่าโนเนมดีกว่า” เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะกอดเอวของอินทัชจากไปทิ้งให้ชายหนุ่มยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตรงนั้นคนเดียว

              กลับมาถึงโรงแรม ฉันทัชก็เตรียมตัวตั้งรับฟังน้องสาวบ่น

              “บอกให้อยู่เฉยๆ ไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย” อินทัชเริ่มประทับองค์เจ้าแม่

              “อย่าบ่นได้หรือเปล่า”

              “ฮึ ไม่ชอบให้บ่น ทีตัวเองน่ะบ่นเก่งที่สุด รู้ตัวไหม” อินทัชย้อน

              “ชอบบ่นแปลว่าไม่ได้ชอบถูกบ่นนี่”

              “ถามจริงนะเทมส์ เลิกกับปาลปุ๊บ ก็จะหาใหม่เลยหรือไง” น้องสาวพูดอย่างอ่อนใจ

              “เปล่าสักหน่อย แค่สนุกๆ เองไม่มีอะไรหรอกน่า” คนเป็นพี่เริ่มถอดเสื้อผ้า เตรียมจะหนีเข้าไปอาบน้ำ

              “ไม่ต้องหนีเลย กลับมานั่งคุยดีๆ” แต่อีกฝ่ายรู้ทัน เขาจึงถูกเรียกตัวกลับมานั่งบนเตียง

              “เหนียวตัว เหม็นกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่” คนพี่กำลังหาทางหนีทีไล่

              “ได้ จะไปอาบน้ำก็ไป แต่บอกไว้ก่อน ไทน์ไม่จบหรอกนะ”

              “ตามใจ” ฉันทัชพูดไปแบบนั้น เพราะคิดว่าเดี๋ยวอินทัชก็ลืมเองแหละ

              แต่เขาคิดผิด นึกว่าอีกฝ่ายจะลืม

              “ไทน์ยังไม่ลืม” พอปิดไฟเตรียมตัวจะนอนเท่านั้น อินทัชพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ

              “จำเก่งจัง” ฉันทัชทำหน้าแหยในความมืด งานนี้คงถูกดุยาว

              “อยากไปเที่ยว ไทน์ไม่ห้าม แค่อยากให้ระวังตัวเอง อย่าเพิ่งคว้าใครเข้ามาได้ไหม”

              “ไม่ได้คิดจะหาใหม่สักหน่อย” คนเป็นพี่เถียงเบาๆ

              “ถ้าเทมส์ไม่เห็นไทน์ยืนตรงนั้น จะตอบเขาว่าอะไร”

              “ตอบอะไร” ฉันทัชทำใสซื่อเหมือนไม่เข้าใจ

              “อย่าเฉไฉ ตอบมาดีๆ”

              “ก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปต่ออยู่แล้ว”

              “ทำไม” อินทัชเร่ง

              ฉันทัชมองเพดานนิ่ง และเงียบไปนาน จนอินทัชคิดว่าพี่ชายของเขาจะไม่ตอบแล้ว

              “เพราะปาลไง” ฉันทัชตอบเสียงเศร้า เขาไม่ได้อธิบายต่อและอินทัชก็ฉลาดพอที่จะไม่ถามต่อให้พี่ชายต้องลำบากใจ


             ‘อย่าให้ใครมาซ้ำรอยของปาลเด็ดขาด รู้ไหม’
         

              ในเมื่อกเลิกกันไปแล้ว ทำไมยังต้องคิดถึงคำพูดนั้นอยู่อีก

              เป็นเสียอย่างนี้ เขาจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร

              “เขยิบมานี่ มาให้ไทน์กอดหน่อย เด็กขี้แย” แรงกอดกระชับของน้องสาวที่ส่งมาให้พร้อมกับนิ้วที่เกลี่ยคราบน้ำตาออกให้

              “เข้มแข็งไว้ ไทน์จะอยู่ตรงนี้ให้เอง”


              .
              .
              คืนนั้นก่อนจะหลับฉันทัชได้ยินเสียงน้องสาวแว่วเข้ามาในโสตประสาทสุดท้าย

              “ถ้าปาลมาง้อ จะกลับไปหรือเปล่า”




==============================================


จะแบ่งตอนก็ดูจะทำร้ายจิตใจกันเกินไป เลยลงตอนเดียวเลยค่ะ

เสือจะถอดเล็บไหม แมวป่าจะเชื่องไหม

แยกกันอยู่นี่แพรวพราวเหลือเกินนะ



** ขอบคุณมากค่ะ ช่วยดันจนขึ้นหน้าใหม่ ตื่นมาเจอแล้วยิ้มเลย
** ขอบคุณคอมเมนท์กำลังใจทุกข้อความเลยค่ะ


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก ไปคุยกันในทวิตได้น้า

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

Twitter (https://twitter.com/khemmakan) และ Facebook (https://www.facebook.com/akanae14)
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 5 ความเคยชิน มันน่ากลัว P3 UP!! 18/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-09-2018 10:28:30
ปาลแกผิดนะที่ละเลยจันทร์ กลับมาง้อเลย
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 5 ความเคยชิน มันน่ากลัว P3 UP!! 18/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 18-09-2018 11:51:43
ปาลผู้โง่งม..ทิ้งเพชรทิ้งพลอยไปเพราะความไม่พอ  :angry2:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 5 ความเคยชิน มันน่ากลัว P3 UP!! 18/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-09-2018 13:06:22
ต้องให้ดิ้นเยอะกว่านี้อีก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 5 ความเคยชิน มันน่ากลัว P3 UP!! 18/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-09-2018 13:47:19
 :z6: :z6: :z6:  อีปาล เลวจริงๆ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 5 ความเคยชิน มันน่ากลัว P3 UP!! 18/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 18-09-2018 19:46:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 5 ความเคยชิน มันน่ากลัว P3 UP!! 18/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 18-09-2018 20:30:02
ชอบเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 5 ความเคยชิน มันน่ากลัว P3 UP!! 18/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 19-09-2018 09:03:06
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 5 ความเคยชิน มันน่ากลัว P3 UP!! 18/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 19-09-2018 12:15:33
 o13 สงสารเทมส์ แต่บอกเลยสมน้ำหน้าปาลมาก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 5 ความเคยชิน มันน่ากลัว P3 UP!! 18/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 19-09-2018 14:46:30
แล้วไง? ก็ทำตัวเองหมดทุกเรื่องเลยนี่ เปื้อนเปรอะไปทั่ว มั่วซั่วไปหมดทุกคน
แต่เมื่อนกเขาไม่ขันคู ปลายกระจวยมู่ทู่ เหี่ยวไม่สู้โก่งคอขัน
แล้วจะมากล่าวโทษว่าเป็นเพราะเทมส์ คอยตามมาหลอกหลอนไม่หยุดหย่อน
หราาาาาาาาาาาาาาาาาาา

ถ้าคิดจะมาเสนอหน้า ง้อขอคืนนี้กับเทมส์ มันหน้าด้านเกินไปป่ะ ปาล
หุหุ

ของมีค่า มากราคา มหาศาล
อยู่ในมือ คนสันดาน พาลสงสัย
มีคุณค่า หรือไม่มี เอ๊ะ!ยังไง
ปล่อยหลุดมือ ทิ้งไป ไม่เสียดาย

รู้คุณเกลือ เมื่อรู้สึก จืดเหลือล้ำ
รู้คุณน้ำ เมื่อรู้สึก ว่ากระหาย
รู้ความรัก เมื่อรู้สึก ใจวางวาย
รู้เมื่อสาย ไอ่หน้าโง่ อดโซไป

วอทซั่บ..ปาล
ฮ่าฮ่า

หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 5 ความเคยชิน มันน่ากลัว P3 UP!! 18/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 19-09-2018 19:12:47
...


 จะเหมือนที่เขาว่าไหม อาถรรพ์รัก7ปี

มันต้องมีเหตุที่ทำให้เลิกกัน ทั้งที่ยังรักและไม่เคยนอกใจ แต่…เบื่อ

ไม่ได้คิดจะเริ่มต้นกับใครใหม่ ยังคงคิดถึงกันเสมอ

แต่จะมีสักกี่คู่ที่จะกลับมารักกัน…อีกครั้ง


 :ling3:  :ling3:  :ling3:  :ling3:  :ling3:  :ling3:


……

หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 5 ความเคยชิน มันน่ากลัว P3 UP!! 18/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 21-09-2018 11:24:09


ภาค 6 So, we accepted our plight one another.


            “โอ๊ย ลูกชายฉัน กลับบ้านเองได้โดยไม่ต้องโทรตาม” คุณหญิงกิ่งกานต์พอเห็นลูกชายคนเล็กเดินผ่านพ้นประตูบ้านมาก็พูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจผสมผสานคำประชดโดยไม่ปิดบัง

            “สวัสดีครับ แม่””

            “เทมส์ล่ะ?” ไฉนเลยที่คุณหญิงจะสนใจบุตรชาย นางกลับถามหาลูกชายอีกคน

            “ไม่มีเทมส์ครับ เขาจะไม่มาอีกแล้ว”

            “ตายแล้ว ฉันจะเป็นลม” คุณหญิงยกมือทาบอก น้ำเสียงราวกับจะเป็นลมตามคำว่า     ปาณัสม์รีบปรี่เข้าไปประคองมารดา แต่ก็ถูกปัดทิ้งความหวังดีนั้นอย่างไม่ใยดี

            “ไม่ต้องๆ ฉันไม่เป็นไร” คนเป็นแม่พูดพลางรับยาดมจากเด็กในบ้านมาถือไว้แล้วสูดเข้าจมูกซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว

  “นี่แกจะเอาเมียคืนมาให้แม่ไม่ได้ใช่ไหม”

            “แม่ก็รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ครับ” ปาณัสม์คร้านจะอธิบาย

            “ฉันรู้เรื่องก็จริง แต่ไม่คิดว่าลูกชายฉันมันจะบื้อจนไม่ไปง้อเขา”

            “แม่ไม่รู้จักนิสัยเทมส์หรือครับ” ปาณัสม์พูด “เขาใจร้อนก็จริง แต่ไม่ใช่คนพูดอะไรออกมาตามใจปากขนาดนั้น”

            “เขาอาจจะรอแกไปง้อก็ได้” มารดายังไม่ถอดใจ

            ปาณัสม์เลือกส่ายหน้าเป็นคำตอบ

            “หมายความว่าไง”

            “แม่อย่าคาดหวังอีกเลย เทมส์ไม่กลับมาหรอกครับ เขาไม่ได้รอผมไปง้อ” ปาณัสม์หนักใจ เขาจะอธิบายให้เข้าใจอย่างไรดีว่าคนอย่างฉันทัชไม่ใช่คนโลเล ตัดสินใจอะไรเพียงชั่ววูบ ทุกอย่างที่อีกฝ่ายนั้นทำแปลว่าตัดสินใจและวางแผนมาอย่างดีแล้วต่างหาก



            หวนกลับไป ถึงคืนที่เลิกกัน พอเขาได้ใช้สติลองทบทวนดูก็รู้ว่าเหตุผลนั้นน้ำหนักน้อยเกินไปสำหรับการบอกเลิกที่จะตัดความสัมพันธ์นั้นเหลือเกิน ถึงจะบอกว่าเขาทำผิดสัญญา ทว่าในความจริงแล้วเขายังไม่ได้ลงมือทำเลย แต่ฉันทัชก็มุ่งประเด็นให้เกิดปัญหาขึ้นมา



            พูดขนาดนี้อาจจะคิดว่าปาณัสม์เห็นแก่ตัว เอาดีเข้าตัว นั่นมันก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เขารู้จักฉันทัชดี พอๆ กับที่อีกฝ่ายรู้จักเขาดีนั่นแหละ


            ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น มันเกิดจากความตั้งใจของฉันทัช แล้วอย่างนี้คิดหรือว่า หากเขากลับไปขออีกฝ่ายคืนดี ฉันทัชจะยอมกลับมาง่ายๆ แบบนั้นแผนที่วางไว้ก็ต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า


            ไม่มีทาง!!



            “ถูกต้องอย่างที่ไอ้ปาลว่า ครับแม่ เทมส์ไม่กลับมาหาไอ้ปาลมันหรอก” คุณหญิงกิ่งกานต์ที่ทำท่าจะรบเร้าบุตรชายคนเล็กอีก ต้องหยุดชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงของบุตรชายคนโต

            “รู้ได้อย่างไร ตาปอนด์”

            “ดูนี่สิครับ” ศรารัณหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดรูปให้มารดาและน้องชายของเขาดู


            ภาพนั้นเป็นกลุ่มคนที่ยืนถ่ายรูปกลุ่มใหญ่ ทุกคนต่างมีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ปาณัสม์ไม่รู้จักใครสักคนในนั้นยกเว้นคนที่บอกเลิกเขาไปเมื่อเดือนก่อน


            ฉันทัชในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงแสล็กสีเทาเข้ม อยู่ในรูปนั้น คนที่เขาไม่เจอมาเป็นเดือน มีใบหน้าที่ผ่องใส ดูมีความสุข


            “พี่ปอนด์ไปเอารูปนี้มาจากไหน” ปาณัสม์เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

            “เพื่อนพี่ไปงานนี้มาน่ะ มันทำธุรกิจร่วมกับฮ่องกง”

            “เทมส์ เขาไปทำอะไรที่นั่นล่ะลูก” คุณหญิงถามขึ้นมาบ้าง

            “ไปเป็นล่ามและเป็นผู้ช่วยพิธีกรในงานครับ” บุตรชายคนโตตอบก่อนจะดึงโทรศัพท์กลับคืนมา

            “เขาไปได้งานนี้มาจากไหน” มารดาสงสัย

            “ในงานมีน้องสาวของเทมส์ด้วย อาจจะเป็นไทน์ที่แนะนำให้ก็ได้ครับ”


            คำตอบของศรารัณทำให้ปาณัสม์ค่อนข้างโล่งใจ อย่างน้อยฉันทัชก็ไม่ได้ไปที่นั่นด้วยตัวคนเดียว ยังมีญาติสนิทคอยดูแลอย่างใกล้ชิด อินทัชคงช่วยกันหมาแมวออกจากตัวของฉันทัชได้บ้าง

            “หึ! เลิกกันแล้ว ยังไม่เลิกจะหวงเขาอีก” ศรารัณดักทางน้องชายอย่างรู้ทัน

            “เปล่า”

            “อย่าทำไขสือ หน้าแสดงออกชัดขนาดนี้ไอ้ปาล”

            “ก็นึกว่าเลิกกันปุ๊ป จะหาคนใหม่ทันที” ปาณัสม์แขวะคนไกล เพราะตั้งใจจะกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง

            “ไม่แปลกใจที่เมียทิ้ง เพราะนิสัยเสียแบบนี้นี่เอง ไปใส่ร้ายน้องได้อย่างไร” คุณหญิงกิ่งกานต์เลยต้องกางปีกปกป้องลูกรักแทนลูกชัง

            “ผมเข้าไปหาน้องปัณณ์ก่อนนะครับแม่” ศรารัณเดินเข้ามาหอมแก้มมารดาก่อนจะเดินหายเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน ก็ถูกน้องชายเรียกไว้ 

“พี่ปอนด์”

            “อะไร”

            “ส่งรูปนั้นมาให้ด้วย”

            พี่ชายยิ้มอย่างมีเลศนัย “เออได้”

            “แกเองก็เข้าไปหาหลานด้วย ไปอธิบายให้หลานฟังดีๆ ล่ะ”

            “แล้วแม่ล่ะครับ”

            “ฉันจะขึ้นไปเอนหลังบนห้องนอน ใจมันหายไปหมดตอนเห็นแกเดินเข้ามาในบ้านคนเดียว” คุณหญิงพูดจบก็รีบเดินจากตรงนั้นออกมาโดยเร็ว ราวกับไม่อยากใช้อากาศหายใจร่วมกับบุตรชายคนเล็กเสียอย่างนั้น

            ปาณัสม์เดินตามพี่ชายไป เข้าไปนั่งลงใกล้ๆ เด็กหญิงศราลักษณ์ “คนเก่ง เล่นอะไรอยู่คะ”

            “เล่นนี่ค่ะ” นี่ที่ว่าคือชุดตัวต่อเป็นรูปต่างๆ ที่ฉันทัชซื้อมาให้อีกฝ่ายเมื่อคราวก่อน “อาปาลขา อาจันทร์ล่ะคะ” คำถามใสซื่อของผู้เป็นหลานทำให้ปาณัสม์ลำบากใจ เขาเงยหน้ามาสบตาผู้เป็นพี่ชาย เห็นศรารัณพยักหน้าให้ตอบ

            “คืออย่างนี้ น้องปัณณ์” เขารู้สึกว่าการอธิบายให้มารดาเข้าใจนั้นยากแล้ว แต่การที่ต้องมาอธิบายเด็กเจ็ดขวบให้เข้าใจนั้นยากยิ่งกว่า

            “ว่าไงคะ อาจันทร์จะไม่มาแล้วจริงๆ เหรอคะ” คำพูดของเด็กหญิงทำให้ผู้เป็นพ่อและอาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เด็กหญิงรู้อะไรมา

            “ทำไมหนูถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ ไปได้ยินอะไรมาหรือ” ศรารัณถามบุตรสาว

            “ก็คราวก่อน หนูเล่นตัวต่อกับอาจันทร์แล้วอาจันทร์ก็ถามหนูว่า ถ้าต่อไปอาจันทร์จะไม่มาที่นี่แล้ว หนูจะไม่ร้องไห้หาอาจันทร์ใช่หรือเปล่า”

            “แล้วน้องปัณณ์ตอบว่าไงคะ” ปาณัสม์ถามด้วยความอยากรู้

            “หนูตอบว่าหนูจะร้องไห้”

            “แล้วอาจันทร์บอกว่าไง” ปาณัสม์เร่งถามอีก

            “อาจันทร์บอกไม่ให้หนูร้องไห้ หนูต้องเข้มแข็งเพราะหนูมีอาปาล พ่อปอนด์ แม่เกด และคุณย่าแล้ว” เด็กหญิงตอบเสียงใสแจ๋ว “หนูไม่เข้าใจว่าอาจันทร์พูดแบบนั้นทำไม หนูบอกว่าหนูอยากมีอาจันทร์ด้วย หนูรักอาจันทร์ แต่อาจันทร์บอกว่าอาจันทร์อาจจะอยู่กับอาปาลไม่ได้อีกแล้ว” ท้ายประโยคเด็กหญิงพูดเสียงเศร้า ตัวของเด็กหญิงเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอาสองคนถึงจะไม่อยู่ด้วยกัน ในเมื่อพ่อกับแม่ยังอยู่ด้วยกันเลย

            “หนูเลยบอกว่าถึงอาจันทร์จะไม่อยู่กับอาปาลแล้วก็มาอยู่กับหนูได้ แต่อาจันทร์ส่ายหน้าไม่ตอบค่ะ หนูไม่รู้ว่าอาจันทร์หมายความว่าอะไร หนูถามอาจันทร์ก็ไม่ตอบเอาแต่ยิ้ม หนูล่ะงง” ศรารัณลูบศีรษะบุตรสาวด้วยความเอ็นดูในคำพูดแต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเรื่องราวที่เด็กหญิงเล่ามา

            “อาปาลขา ตกลงว่าอาจันทร์จะไม่มาแล้วหรือคะ” เด็กหญิงลุกขึ้นไปนั่งตักผู้เป็นอาพลางเงยหน้าถาม

            “ใช่ค่ะ อาจันทร์จะไม่มาอีกแล้ว”

            “ทำไมล่ะคะ” เด็กหญิงศราลักษณ์เสียงสั่น น้ำตาใกล้พานหยด ศรารัณคิดว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะต้องมีพายุลูกใหญ่ของเด็กหญิงพัดมาเป็นแน่ เขารีบสั่งเด็กในบ้านให้รีบเตรียมขนมนมเนย และให้ไปตามชลพิกา ภรรยาของตนออกมาโดยด่วน

            “อาปาลทำตัวไม่ดีกับอาจันทร์ไว้ อาจันทร์โกรธเลยไม่อยู่กับอาปาลแล้ว”

            “ทำไม ฮึก อาปาลต้อง ฮือ..ทำตัวไม่ดีกับอาจันทร์ของหนู”  เด็กหญิงสะอึกสะอื้นขณะที่ตัดพ้อผู้เป็นอา

            “อาปาลขอโทษ”

            “คุณพ่อปอนด์ขา ฮึก” เด็กหญิงลุกขึ้นจากตักของอาปาล แล้วโผเข้าหาคุณพ่อของเธออย่างรวดเร็ว “ฮือ อาจันทร์ จะไม่มาหาหนูแล้วจริงๆ ฮือ..” เด็กหญิงซุกหน้าลงกับบ่าของบิดาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย

            “หนูโกรธอาปาลแล้ว ฮือ.. หนูโกรธอาปาล” น้องปัณณ์ร้องไห้ไปทั้งคำพูดที่ตัดพ้ออาหนุ่มคนนี้ พร้อมกับยื่นนิ้วโป้งเล็กๆ นั้นให้ผู้เป็นอา

            ระหว่างนั้นชลพิกาก็เข้ามาได้ทันเวลาพอดี เธอจึงให้เด็กในบ้าน รีบมารับตัวบุตรสาวออกไปจากห้องนั้นโดยเร็ว

            “เมียทิ้ง หลานโกรธ แม่ด่า ครบเลยว่ะไอ้ปาล” ศรารัณขยับเข้ามาตบบ่าน้องชาย

            “ที่พูดเนี่ยเป็นห่วงหรือมาซ้ำ” ปาณัสม์ถอดแว่นออกมา ใช้หลังมือเช็ดที่ตาอย่างระวัง

            “มาซ้ำว่ะ ไม่รู้นะทั้งที่แกเป็นน้องชาย แต่พี่ไม่สงสารเลยกลับสมน้ำหน้าแทน เพราะแกทำตัวเองทั้งนั้นเลยไอ้ปาล” ศรารัณพูดแค่นั้นก็เดินออกไปอีกคน

            ...

            “พรหมลิขิตมีจริงด้วย เยว่ซิน” ฉันทัชกำลังดื่มน้ำแก้คอแห้งระหว่างที่ยืนพักอยู่งาน เขาตามประกบคนที่ได้รับมอบหมาย แปลภาษาให้อีกฝ่ายน้ำไหลไฟดับจนเกือบจะไม่มีน้ำลายพูดอีก

            “คุณ?”

            “จำไม่ได้เหรอครับ ที่ผับวันนั้น”

            “อ้อ..” ฉันทัชเกือบจำไม่ได้ คืนนั้นแสงไฟในร้านค่อนข้างสลัว ถ้าเด็กคนนั้นไม่ได้มีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายปาณัสม์ วันนี้เขาคงนึกไม่ออก “คุณนั่นเอง”

            “บังเอิญนะ” ฉันทัชว่า

            “พรหมลิขิตต่างหากครับ” คนอ่อนกว่าชูเครื่องดื่มให้เหมือนยินดีกับอะไรสักอย่าง “ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่”

            “ผมมาทำงาน แล้วคุณล่ะ?”

            “ผมถูกส่งมาสอดแนม”

            “คือ?” คำตอบกำกวมของอีกฝ่าย ทำให้ฉันทัชไม่เข้าใจ

            “พ่อให้ผมมาดูงานน่ะครับ ทางนั้นครับ” ชายหนุ่มว่าพลางชี้นิ้วไปที่สองนาฬิกา “คนตัวสูงๆ หน่อย นั่นล่ะครับ พ่อผม”

            “อ้อ..ครับ” ฉันทัชมองตามแต่เขาก็ไม่รู้จักคนที่ว่านั้นอยู่ดี

            “ถ้างานเลิกแล้ว เราไปต่อกันที่ร้านเดิมนั้นดีไหมครับ” ใบหน้ายิ้มแย้มของคนหนุ่มส่งมาให้ ยามที่เชื้อเชิญ

            “อยากไปนะ..แต่ว่า” ฉันทัชไม่พูดต่อ เขาเลือกชี้ไปยังบุคคลที่สามที่อยู่ห่างจากตรงหน้าเขาประมาณสิบเมตร

            “ผู้หญิงคนนั้น ถ้าผมจำไม่ผิด เธอเป็นนางแบบที่เดินชุดฟินนาเล่ไม่ใช่หรือครับ” ฉันทัชพยักหน้าให้กับความจำของคนข้างๆ

            “จำเธอไม่ได้เหรอ คนที่ร้านเมื่อวันก่อนไง” ฉันทัชเฉลย

            “อ๊ะ จริงเหรอครับ ถ้างั้นแสดงว่าเขาเป็น...”

            “ใช่ เมียผมเอง”

            “ผิดหวังจังเลย คุณมีเสน่ห์น่าสนใจมาก” ทางนั้นดูผิดหวังจริงจัง

            “ขอบใจนะ”

            “ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงคุ้นหน้าคุณมาก ที่แท้คุณกับภรรยาก็มีใบหน้าที่คล้ายกัน” ฉันทัชหัวเราะให้กับการปะติดปะต่อของชายหนุ่ม

            “เนื้อคู่”

            “น่าเสียดาย ผมน่าจะเจอคุณให้เร็วกว่านี้”

            “หากคุณเจอผมเร็วกว่านี้ ตอนนั้นคุณคงยังไม่เข้าชั้นมัธยมเลยล่ะมั้ง”

            “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกน่า” ดูท่าว่าเด็กหนุ่มจะไม่ค่อยเชื่อฉันทัชเท่าไหร่

            “ผมไม่โกหกคุณหรอก”

            “ฮันนี่” อินทัชเดินเข้ามาเรียกพี่ชาย

            “ว่าไง เสร็จแล้วหรือ”

            “อืม เดี๋ยวจะไปเปลี่ยนชุด ล้างหน้า เทมส์ล่ะ”

            “อีกสักพัก งานใกล้เลิกแล้วนี่นา”

            “ถ้างั้นเดี๋ยวไทน์ออกมารอแถวนี้ละกัน”

            “ตกลง”

            “เอ.. พ่อหนุ่มนี่หน้าคุ้นๆ” อินทัชเพิ่งจะมองเห็นว่ามีใครยืนข้างๆ ฉันทัช แฝดผู้พี่ของเขา ก่อนจะทำท่าเหมือนจำอะไรบางอย่างได้

            “อ้า นึกออกแล้ว พ่อหนุ่มที่คิดจะงาบคนของฉันไปเมื่อวันก่อน มางานนี้ด้วยหรือเนี่ย” อินทัชหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ

            “ไปแกล้งเขา ไม่เอาน่า คุณคนนี้มาเรื่องงานกับพ่อเขา” ฉันทัชรีบห้ามพฤติกรรมปากไวของน้องสาว

            “ขอโทษ ผมไม่รู้มาก่อนว่าคุณแต่งงานแล้ว” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจที่ถูกถาม เขากลับถามสิ่งที่สงสัยของตัวเองกับสาวสวยตรงหน้า

            “แต่งงาน? เปล่าสักหน่อย” อินทัชปฏิเสธ ฉันทัชเลยแตะข้อศอกน้องสาวนิดหนึ่ง “แต่..มัน..ก็ไม่เชิงอะนะ คุณก็รู้ว่างานของฉัน ไม่ควรเปิดเผย ใช่ไหมล่ะ” เธอพูดจบแล้วขอตัวออกไปทันที เด็กหนุ่มเลยอดถามต่อ

            “พอคุณสองคนมายืนกันใกล้ๆ แบบนี้ หน้ายิ่งเหมือนกันมากเลย” ชายหนุ่มพึมพำ ยังคงติดใจกับรูปลักษณ์คนทั้งคู่

            “ขอบใจ” ฉันทัชยิ้ม เขาเลือกไม่พูดอะไรเพิ่ม

            “อ้าว มายืนอยู่ตรงนี้เสียเอง พ่อเดินตามหาเสียทั่ว จะแนะนำให้รู้จักกับนักธุรกิจมือทองเสียหน่อย” ฉันทัชไม่รู้จักผู้ชายที่มาใหม่ แต่เดาว่าคงเป็นพ่อของเด็กหนุ่มนี่ล่ะ

            “ขอโทษครับพ่อ พอดีผมเจอเยว่ซิน เลยมาทักทายเขาเสียหน่อย”

            “เพื่อนหรือ?” ผู้เป็นบิดาหันไปถามบุตรชายก่อนจะหันกลับมาสบตากับฉันทัช “ผมเห็นคุณ
ตอนที่อยู่บนเวที เก่งมากเลยนะครับ คล่องแคล่วมาก”

            “ขอบคุณครับ ผมทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาเท่านั้นเองครับ” เขาตอบด้วยอาการถ่อมตัว

            “เก่งจริงๆ คุณแก้ไขสถานการณ์ตอนนั้นได้ดีมาก ภาษาจีนก็ดี ภาษาอังกฤษก็เยี่ยม” ฉันทัชนึกถึงจังหวะผิดคิวเล็กน้อยตอนที่มีการเดินแฟชั่นโชว์ จะไม่ให้เขาแก้ไขได้อย่างไร ก็คนต่อไปเป็นน้องสาวของเขาเชียวนะ

            “คนเก่งมักไม่โอ้อวด” ชายหนุ่มอีกคน พูดขึ้นบ้าง ฉันทัชเพิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นมีรูปร่างที่สูงมากทีเดียว ใบหน้ายังคมคายกระเดียดไปทางตะวันตก แต่ทว่ากลับพูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว

            “ถูกต้องๆ ไหนๆ ก็ ไหนๆ แล้ว เรามาถ่ายรูปร่วมกันหน่อยดีไหม” บิดาของเด็กหนุ่มพูด

            “ถ้าอย่างนั้น ผมถ่ายให้ดีไหมครับ” ฉันทัชอาสา

            “จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรเล่า ให้เด็กคนอื่นมาถ่าย” คนเสนอไอดีถ่ายรูปปฏิเสธ พลางเรียกพนักงานแถวนั้นให้มาถ่าย


            ....
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 5 ความเคยชิน มันน่ากลัว P3 UP!! 18/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 21-09-2018 11:24:39

            Sararan sent you a photo.

            ปาณัสม์รีบกดเข้าไปดูรูปภาพจากพี่ชายทันที ภาพที่เขาได้ขอไว้


            Sararan :  อันนี้แถม
           

           พี่ชายของเขาพิมพ์ข้อความต่อมาพร้อมกับรูปอีกหนึ่งรูปที่เขาไม่ได้ร้องขอ


            รูปแถม ฉากหลังดูเหมือนยังเป็นงานเดิมกับรูปภาพรูปแรก ที่แปลกออกไปคือ รูปนี้มีคนทั้งหมดสี่คน และทำไมไอ้เด็กหน้าอ่อนนั่นถึงถือวิสาสะโอบไหล่ อดีตคนรักของเขาไว้แบบนั้นด้วย


            ปาณัสม์อยากจะโทรศัพท์ไปหาฉันทัชเดี๋ยวนั้น แต่เจ้าตัวต้องห้ามใจไม่ให้ทำตามใจ ตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์ในตัวอีกฝ่ายแล้ว เขาทำไม่ได้ ทำได้แค่โมโห


            อินทัชไปไหน ทำไมถึงไม่มาดูแลพี่ชายวะ


            ปาณัสม์อยากจะลบข้อความนี้ทิ้งไปพร้อมกับรูป แต่มือของเขากลับเลือกเซฟรูปนั้นไว้แทน


            ทำไมเขาถึงโลเลแบบนี้



            ...

            ทันทีที่กลับสู่ประเทศแม่ โทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นขึ้นมาราวกับรู้ว่าเขาอยู่ที่เมืองไทยแล้ว ฉันทัชมองชื่อคนที่โทรมาแล้วเขากลับแปลกใจเล็กน้อย

            ชัดเจน? มีอะไรหรือเปล่า?

            ชายหนุ่มเงยหน้าสบตากับน้องสาว อินทัชเลยบอกว่าเดี๋ยวเธอจะไปรอรับกระเป๋าให้เอง ฉันทัชจึงเลือกที่จะรับสายอยู่ตรงนี้

            “สวัสดี ชัด” ฉันทัชกดรับ

            “คุณเทมส์เหรอครับ”

            “อืม มีอะไรหรือเปล่า” ฉันทัชถามเสียงเรียบ แต่ในใจก็นึกหวั่น หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นกับปาณัสม์

            “ไม่มีครับ ผมแค่โทรมาหาเฉยๆ คุณเทมส์สบายดีไหม”

            “อ้อ” นึกแปลกใจอยู่เล็กน้อยแต่ก็เลือกไม่ถามออกไป “ผมสบายดี ชัดล่ะ”

            “ดีครับ ว่าแต่คุณเทมส์ตอนนี้อยู่ที่ไหนหรือครับ ทำไมเสียงดังจัง”

            ฉันทัชหัวเราะ “ผมอยู่สนามบินครับ พอเครื่องลงปุ๊ป ชัดก็โทรมาเดี๋ยวนี้เลย”

            “ขอโทษครับ คุณเทมส์คงจะยุ่งอยู่”

            “ไม่เลย ไทน์จัดการให้แล้ว”

            “ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมไปรับนะครับ”

            “เอ่อ..ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกับไทน์เรียกแท็กซี่กลับกันเอง”

            “อย่าเกรงใจเลยครับ บังเอิญจริงๆ ผมมาทำธุระให้คุณปาล อยู่ใกล้สนามบินพอดี”

            “เหรอครับ”

            “ให้ผมไปรับนะครับ”

            “อย่างนั้นก็ได้”

            “อีกสิบห้านาทีน่าจะถึง เดี๋ยวผมโทรหาอีกทีครับ” ชัดเจนพูดจบก็วางสายไปปล่อยให้ฉันทัชถือสายงงๆ ว่าอีกฝ่ายโทรหาเขาด้วยธุระอะไร

            พออินทัชกลับมาพร้อมรถเข็นสองคัน ฉันทัชก็อดขำกับความแข็งแรงของน้องสาวไม่ได้

            “กล้ามขึ้นแล้ว” ฉันทัชชี้ไปที่แขนของน้องสาว

            “ไม่ได้นะ กล้ามแขนจะขึ้นแบบนี้ไม่ได้” อินทัชโวยวาย จะใส่ชุดโชว์แขนแล้วกล้ามขึ้นเป็นมัดๆ ไม่ได้ เธอตกงานพอดี

            “ล้อเล่นน่า” ฉันทัชพูดพลางลูบแขนน้องสาว “เดี๋ยวชัดเจนมารับนะ”

            “หืม?ชัดเจน เด็กที่บ้านไอ้ปาล?”

            “เรียกชื่อเขาดีๆ หน่อย”

            “เลิกแล้วยังปกป้องอีก” อินทัชทำหน้าเหม็นเบื่อ “มารับทำไมอะ”

            “ไม่รู้ บอกว่ามาทำธุระให้ไอ้ปาล เอ๊ย ปาลแถวนี้”

            “เดี๋ยวเถอะ ล้อเลียน” อินทัชเข็นรถเข็นมาหนึ่งคันแล้วออกตัวเดิน “แปลก”

            “อืม แปลก”

            “หรือว่าชัดเจนจะจีบเทมส์” อินทัชวิเคราะห์

            “บ้าแล้ว เป็นไปไม่ได้”

            “ถ้าไม่ใช่ แล้วอะไรอะ หรือว่าปาลให้ชัดคอยจับตามอง”

            “ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เลิกกันแล้ว ป่านนี้ปาลคงเดาเรื่องออกแล้วล่ะ”

            “เรื่องอะไร”

            ฉันทัชหยุดเดิน “เรื่องที่เลิกกัน” ทำท่าจะพูดอะไรต่อ

            “หืม?”

            “ช่างเถอะ ไม่มีไร” แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ เข็นรถต่อ

            ปล่อยให้มันเป็นความลับระหว่างเขากับปาณัสม์ก็เพียงพอแล้ว

            “อ้าว อะไรของเทมส์เนี่ย” อินทัชบ่นพร้อมกับเข็นรถตามพี่ชายไป

            “รอนานไหมครับ” ชัดเจนถามหลังจากที่ช่วยสองพี่น้องขนกระเป๋าไปเก็บไว้ท้ายรถ

            “ไม่เลย ชัดคงอยู่ใกล้จริงๆ อะ มาถึงไวมาก”

            “ก็บอกแล้วไงครับ ว่าเผอิญมาแถวนี้” ชัดเจนพูด และสบตาฉันทัชผ่านกระจกมองหลัง

            “มันแปลกๆ นะว่าไหม เดี๋ยวผมย้ายไปนั่งข้างหน้ากับชัดดีกว่า” ฉันทัชพูด เพราะตอนนี้เขาไม่ได้มีศักดิ์เป็นแฟนของเจ้านายอีกฝ่ายแล้ว ถ้าเปรียบสถานะในตอนนี้ชัดเจนก็เหมือนเพื่อนเขาคนหนึ่ง

            “โอ๊ะ ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องย้าย”

            “ไม่ดีๆ ให้เทมส์ไปนั่งหน้าเถอะ” อินทัชตัดสินใจให้


            ฉันทัชพาตัวเองออกมาแล้วย้ายไปนั่งข้างรถตามที่ตั้งใจไว้ ชัดเจนมองเขาด้วยสีหน้าลำบากใจแต่ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยวาจาใดๆ ออกมา ไม่นานนักรถยนต์ประสิทธิภาพดีก็แล่นฉิวบนทางด่วนมุ่งหน้าไปบ้านของอินทัช

            “ไปทำงานกันมาเหนื่อยไหมครับ”

            “ไม่เลย สนุกดี ใช่ไหมไทน์” ฉันทัชหันไปถามคนข้างหลัง “อ้าว หลับเสียแล้ว”

            “คุณไทน์คงเหนื่อย”

            “อืม ก็พอดูล่ะ ซ้อมดึกทุกวัน แต่ผมไม่เหนื่อยนะ ไม่เหนื่อยเลย” ฉันทัชยิ้มตาแทบปิด มันเป็นงานแรกที่เขาได้ทำหลังจากได้รับอิสรภาพคืนมา

            “คุณเทมส์ดูมีความสุขนะครับ”

            “อย่างนั้นเหรอ ฮ่าๆ ไม่ได้ทำงานมานานก็แบบนี้ล่ะ อีกสักพักอาจจะเบื่อก็ได้ ชัดว่าไหม”

            “ไม่รู้สิครับ ผมทำงานมาตลอดเลย”

            “อ่า จริงด้วย ชัดต้องเหนื่อยกว่าผมแน่ๆ เพราะมีเจ้านายเป็นคนบ้านี่นา” ฉันทัชพูดราวกับว่า คนที่อีกฝ่ายติงไปนั้นไม่ใช่คนรักเก่าเสียอย่างนั้น

            “อะครับ” และอย่างเคยที่ชัดเจนเลือกจะไม่ต่อความถึงผู้เป็นนาย

            “ขอบคุณที่มาส่ง ไว้จะพาไปกินข้าวเลี้ยงตอบแทนแล้วกันนะ” ฉันทัชว่าพลางปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว

            “ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ”

            “อืม” ฉันทัชหันหลังไปเรียกน้องสาว “ไทน์..ไทน์.. ตื่นเถอะ ถึงบ้านแล้ว”

            “ถึงแล้วเหรอ” น้ำเสียงสะลึมสะลือของคนที่เพิ่งตื่นถามกลับทันที

            “ใช่ ลงมาได้แล้ว” ฉันทัชบอกเสร็จแล้วจึงลงจากรถไปเปิดประตูทางฝั่งอินทัชแล้วพยุงน้องสาวให้ตามลงไปด้วย ชัดเจนเองก็ลงไปยกกระเป๋าออกมาจากท้ายรถให้อีกฝ่าย

            “ขอบคุณอีกครั้งนะ” ฉันทัชบอกปิดท้าย

            “ไม่เป็นไรครับ” ชัดเจนยิ้มรับ แล้วก็ขึ้นรถขับออกไป

            “สรุปว่า ชัดเจนมารับเราทำไม” อินทัชยังติดใจพฤติกรรมนั้นอยู่แม้กระทั่งคนทั้งคู่เก็บของเสร็จแล้ว

            “คิดมาก ชัดก็บอกแล้วนี่ว่าผ่านมาแถวนี้พอดี”

            “ผ่านก็ผ่าน” อินทัชเลิกเซ้าซี้ “เทมส์ โทรศัพท์สั่นแน่ะ ไม่ได้เปิดเสียงไว้เหรอ” หญิงสาวเดินมาหาขนมกินแถวโต๊ะอาหารจึงเห็นโทรศัพท์พี่ชายมีแสงวาบๆ แสดงชื่อคนโทรมา แต่เขาไม่ได้มอง

            “ใครอะ”

            “ไม่รู้ เอาไปสิ” อินทัชหยิบโทรศัพท์ส่งให้

            “วันนี้มีแต่คนโทรหา” ฉันทัชพูดติดตลก แต่พอสายตาเห็นว่าใครโทรมาเขาก็หุบยิ้มทันควัน

            “มีอะไร”

            “คุณแม่น่ะ” ฉันทัชบอกด้วยสีหน้าหนักใจ

            “จะรับไหมอะ ให้ไทน์รับแทนก่อนไหม”


            “ไม่เป็นไร เทมส์ออกไปคุยหน้าบ้านนะ”

            “อืม ไปเถอะ อย่าไปยืนตากแดดก็พอ” อินทัชเตือนด้วยความเป็นห่วง

            พ้นจากตัวบ้านออกมา ฉันทัชจึงกดรับสายที่โทรมาทันที “สวัสดีครับ”

            “เทมส์หรือลูก เงียบหายไปเลย”

            “เทมส์เพิ่งกลับมาจากงานที่ฮ่องกงครับ”

            “อย่างนั้นหรือจ๊ะ เหนื่อยหรือเปล่า”

            “ไม่เลยครับ งานสนุกมาก”

            “ดีแล้วล่ะจ้ะ แวะเข้ามาหาแม่บ้างสิ แม่คิดถึง”

            “เทมส์..คิดว่า” ฉันทัชไม่รู้ว่าเขาควรจะตอบว่าอย่างไรดี โดยปกติแล้วคู่รักที่เลิกกันก็ไม่ควรจะกลับมาติดต่อหรือข้องแวะใดๆ กับญาติอีกฝ่ายหรือเปล่า ถึงแม้ว่าคุณหญิงกิ่งกานต์จะเป็นมารดาอีกคนที่เขาเคารพรักก็ตาม

            เขาไม่อยากทำให้ปาณัสม์คิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขายังไม่จบ

            “มาหาแม่ช่วงวันธรรมดาก็ได้ลูก” คุณหญิงเสนอทางออกให้อย่างรู้ทัน

            “ครับ ไว้เทมส์จะแวะเข้าไป”

            “ดีจ้ะ อ้อ..วันเกิดแม่”

            “ครับ?” เขาจำวันเกิดคุณหญิงได้ แต่เขากำลังกังวลคำพูดของคุณหญิงต่อจากนี้ต่างหาก

            “แม่อยากให้เทมส์มางานด้วย”

            “จะดีหรือครับ” ฉันทัชเดาไม่ผิดว่าคุณหญิงตั้งใจจะให้เขาไปงานนี้ด้วย

            “เทมส์เป็นลูกของแม่ ไม่ต้องสนใจคนอื่น”

            “เทมส์เกรงว่ามันจะไม่เหมาะ อย่างไรเทมส์ก็เลิกกับปาลแล้วครับแม่” เขาไม่ได้อยากพูดแต่ก็ต้องจำใจพูดความจริงให้อีกฝ่ายเข้าใจ

            “งานนี้เป็นงานของแม่ ไม่เกี่ยวอะไรกับปาล แค่นี้เทมส์ก็จะไม่ทำให้แม่หรือ” ฉันทัชลำบากใจ เขาอยากไปถ้าคุณหญิงจะไม่ใช่มารดาของอดีตคนรัก

            “เทมส์..”

            “มานะจ๊ะ แล้วอย่าลืมแวะเข้ามาหาแม่ด้วย” คุณหญิงมัดมือชก

            “ครับ”

            “ดีจ้ะ ดีมาก แม่จะรอนะลูก” คุณหญิงกำชับทิ้งท้ายแล้วก็วางสายไป ปล่อยให้ฉันทัชเดินคอตกเข้าบ้านด้วยความหนักใจ


            จะเดินออกมาก็ทำไม่ได้ทั้งหมด ความสัมพันธ์มันน่ากลัวแบบนี้นี่เอง

           

===================================

ตอนนี้พี่ปอนด์น่าจะพูดถูกใจใครหลายคน แต่ทั้งนี้ แฮ่มม ปาณัสม์ถูกทิ้งนะคะ

มีใครสงสารคนถูกทิ้งบ้างไหม (ขำแรง ><)



เจอกันวันอังคารค่ะ

ขอบคุณทุกคอมเมนท์และกำลังใจเลยค่ะ

ปลื้มปริ่มสุดๆ



ปล เขมมีแบบสำรวจเรื่อง LOTTO สื่อรักค่ะ (ไม่ใช่การสั่งจอง) หากสนใจ

จิ้มเลยค่ะ (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdjSLihpYcxdR-_t6Gzhu2bcp52hx1IHzltXOA8fojEvuzlDg/viewform)



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

ไปคุยกันในทวิตได้น้า

Twitter (https://twitter.com/khemmakan) และ Facebook (https://www.facebook.com/akanae14)

edit: แก้ไขคำผิดค่ะ ถ้ามีคำผิดบอกเขมนะคะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 6 So, we accepted our plight one another P3 UP!! 21/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-09-2018 13:45:11
พระเอกน่าสงสาร
หราาาาาาา หุหุ

เจ้าหมาใหญ่ ใจคด ปดเจ้าของ
เที่ยวลอยล่อง ฟ่องฟุ้ง ทุกคุ้งแถว
สำราญเสร็จ เตร็จเตร่ ใจวาวแวว
มั่นใจแน่ว ว่าตูแน่ ไม่แคร์ใคร

ทำบ่อยครั้ง เป็นกิจ ติดใจอยู่
ไม่เคยดู ไม่แลเห็น เว้นสงสัย
กลับมาบ้าน ไร้เจ้าของ มองนอกใน
ไม่มีใคร ตะโกนหา หมาหัวเน่า

ยังงี้เรียกว่า..หมาหัวเน่าได้ป่ะ พ่อพระเอก

ไอ่ปาล..หัวเหม็นตุ
ฮาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 6 So, we accepted our plight one another P3 UP!! 21/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-09-2018 13:56:19
มีสมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 6 So, we accepted our plight one another P3 UP!! 21/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 21-09-2018 15:37:14
เหมือนต่างคนก็อยากเลิกอยู่แล้วมั้ยพอมันมีเหตุการณ์นั้นขึ้นมาก็เป็นเหตุผลได้พอดี
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 6 So, we accepted our plight one another P3 UP!! 21/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 21-09-2018 15:45:37
ความน่าสงสารอยู่ตรงไหน มีแต่สมน้ำหน้า เห็นจันทร์เป็นของตายตลอดเบื่อไม่อยากกลับบ้าน
ก็เข้าผับ กลับเกือบเช้าปล่อยให้จันทร์ทำอาหารรอเก้อ เงินเลี้ยงดูก็ไม่มีให้คือถ้าไม่ขอก็ไม่ให้ใช่ไหม
ปล่อยลืมไปแล้วอ้างว่าก็จันทร์รู้ว่าเก็บเงินอยู่ตรงไหนก็เปิดเอาได้ มันใช่เหรอ แบบนี้เรียกอะไร ไหนบอกมาซิ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 6 So, we accepted our plight one another P3 UP!! 21/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-09-2018 16:55:43
ชัดเจน ยังไงๆอยู่นะ สรุปชัดเจนคิดอะไรกับเทมส์รึป่าวเนี่ยะ หรือคิดอะไรกับเจ้านายตัวเอง โอ๊ยยย
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 6 So, we accepted our plight one another P3 UP!! 21/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 21-09-2018 17:48:28
ไม่รู้ว่าแม่จะพยายามช่วยปาลรึเปล่า  :เฮ้อ:
แต่จากที่ดูปาลคงโอนตัดออกจากการเป็นลูกรักแม่ถาวรแล้วหล่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 6 So, we accepted our plight one another P3 UP!! 21/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 21-09-2018 18:35:51
เป็นคนถูกทิ้งที่ไม่น่าสงสารเลยอ่ะ
 :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 6 So, we accepted our plight one another P3 UP!! 21/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 21-09-2018 20:32:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 6 So, we accepted our plight one another P3 UP!! 21/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 22-09-2018 21:34:38

ภาค 7 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า



“ทำอะไรอยู่น่ะ” อินทัชเดินนวยนาดลงมาจากบนบ้าน อวดเรือนร่างภายใต้เสื้อยืดที่เริ่มย้วยกับกางเกงขาสั้นที่แสนสั้น สำหรับอยู่บ้าน เห็นพี่ชายกำลังทำหน้ายุ่ง มือก็กดอะไรยุกยิกที่โน้ตบุ๊กส่วนตัว

“หางาน”


คนเป็นพี่ตอบ พลางทำหน้าเครียดกว่าเดิม นี่เขาอยู่บ้านในฐานะคนตกมาร่วมเดือน จนป่านนี้ไม่ว่าจะสมัครงานที่ไหนก็ยังไม่มีใครรับคนไม่มีประสบการณ์อย่างเขาเข้าทำงานเลย


ผู้ชายวัยสามสิบต้นๆ ซ้ำยังไม่ได้ทำงานมาไม่ต่ำกว่าห้าปี ใครจะอยากจะจ้างให้ไปทำงาน จริงไหม

“หาทำไม งานที่เขาจ้างแปลก็เยอะแยะไม่ใช่เหรอ” อินทัชเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบน้ำออกมาหนึ่งขวดออกมากระดกเข้าไปทั้งอย่างนั้น

“ไม่มีความเป็นกุลสตรีเลย แก้วก็มี ทำไมไม่ใช้”

“บ่น”

“ก็มันขัดตา”

“ว่าไง เรื่องงาน” อินทัชรีบเปลี่ยนเรื่อง เขาไม่อยากฟังคำบ่นของพี่ชายแต่เช้า

“อยากทำงานประจำบ้าง”

“ทำงานที่บ้านไม่ได้เหรอ นี่ไงก็แปลงานเหมือนเดิม อยู่เฝ้าบ้านให้ไทน์ด้วย ดีจะตายไป”


ฉันทัชถอนหายใจ ละสายตาจากหน้าจอมามองน้องสาว ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “หนีจากปาลหนึ่ง มาเจอปาลสองงั้นหรือ”


อินทัชชะงักกับถ้อยคำเหนื่อยหน่ายแต่แฝงไปด้วยคำประชด “ขอโทษ ไม่ได้หมายความอย่างนั้น”

“ไทน์แค่หวังดี ไม่อยากให้เทมส์ต้องเครียดเรื่องงาน” น้องสาวหน้าสลดบอกเสียงอ่อย

“อืม ใครๆ ก็หวังดีกับเทมส์” ฉันทัชบอก “รู้ไหม ความหวังดีมันเหมือนดาบสองคม” มือเรียวสวยปิดหน้าจอโน้ตบุ๊กลงอย่างเบามือก่อนจะลุกออกไป

“เดี๋ยวสิเทมส์ อย่าโกรธกันเลยนะ” อินทัชรีบลุกจากเก้าอี้ เร่งเท้าไปหาพี่ชาย

“ไม่ได้โกรธ” ฉันทัชยิ้มก่อนจะพูดย้ำ “ไม่ได้โกรธจริงๆ ก่อนหน้านี้เทมส์เคยรับความหวังดีเอาไว้เพราะคิดว่าเขาหวังดีกับเรา แต่สุดท้ายก็อดคิดไม่ได้ว่าที่เขาทำไปทั้งหมดนั้นเพื่อตัวเองหรือใครกันแน่”

“แต่ไทน์ไม่เคยคิดไม่ดีกับเทมส์” อินทัชจับแขนพี่ชายเอาไว้แน่น กลัวอีกฝ่ายจะเดินหนีเข้าห้องนอนเหมือนอย่างเคย

“รู้น่า”

“ถ้ารู้แล้วจะลุกหนีไปไหนล่ะ” อินทัชยังไม่เชื่อ

“จะไปอาบน้ำ” ฉันทัชแกะมือของน้องสาวออก “ตอนบ่ายมีนัดสัมภาษณ์”

“จริงดิ!?”

“ก็ใช่น่ะสิ เนี่ยเขาเพิ่งส่งเมลมาคอนเฟิร์มตะกี้เอง พอดีดราม่าอยู่เลยอยากแกล้งไทน์ต่ออีกหน่อย”

“ไอ้พี่บ้า เทมส์คนบ้าเอ๊ย” อินทัชทุบไหล่พี่ชายเบาๆ ไปทีหนึ่ง โทษฐานทำให้คนสวยเสียขวัญและตกใจ

“ไปอาบน้ำก่อนนะ”

“อืม เดี๋ยวไทน์ไปส่ง”



...


“คุณฉันทัชกรอกเอกสารเสร็จแล้วใช่ไหมคะ” ฉันทัชสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ มัวแต่ประหม่าที่จะต้องสัมภาษณ์


ชายหนุ่มไม่ได้เข้าสู่วัฏจักรคนทำงานแบบนี้มานาน ยิ่งการสัมภาษณ์น่ะเหรอ ครั้งสุดท้ายก็ตอนสอบเลื่อนขั้นมาดูแลในส่วนของเฟิร์สคลาสและบิวสิเนสคลาสบนเครื่องบินนั่นแหละ


กี่ปีมาแล้ว?


“ใช่ครับ”

“ค่ะ ท่านรองประธาน คุณก้องภพเชิญด้านในค่ะ”

“ครับ”


ฉันทัชลุกขึ้นตามหญิงสาวเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ของอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้น ตั้งแต่เริ่มสมัครงานเขาก็พยายามคิดหาคำตอบดีๆ ไว้สำหรับตอบคำถาม อาทิเช่น


‘ทำไมถึงลาออกจากงานที่ทำอยู่’


‘ระหว่างที่ไม่ได้ทำงาน ทำอะไรมาบ้าง’


‘คุณคิดว่าคุณมีจุดเด่น จุดด้อยอะไร’


‘เคยมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานหรือเปล่า’


‘คุณทำอะไรได้บ้าง’




เขาไม่มั่นใจว่าคำตอบที่เตรียมมาจะเพียงพอหรือถูกใจคนถามหรือไม่ ดังนั้นเขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้ได้งาน


ทว่า ทำไมงานสมัยนี้ถึงหายากเหลือเกิน


แค่ยังไม่เริ่มต้น ฉันทัชก็อยากจะร้องไห้ แต่เขาไม่ยอมแพ้หรอก


ฉันทัชสลัดศีรษะแรงๆ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อลดความฟุ้งซ่านในสมองของตัวเอง เขากำลังวิตกจริตกับการสัมภาษณ์ที่จะเกิดขึ้นนั้นเกินกว่าเหตุ

“เชิญค่ะ”

“ขอบคุณครับ”


...

“สวัสดีครับ คุณฉันทัช” ทางนั้นทักทายมาก่อนทั้งที่ยังไม่เงยหน้าจากประวัติการทำงานของเจ้าของชื่อ

“สวัสดีครับ คุณก้องภพ” ฉันทัชยกมือไหว้ ไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะเห็นหรือไม่

“เชิญนั่งครับ”

“ครับ เอ๊ะคุณ” จังหวะที่เขาตอบ อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษในมือพอดี ทำให้ฉันทัชจึงเห็นใบหน้าค่าตาอีกฝ่ายได้อย่างถนัด

“เจอกันอีกแล้ว” ผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าตากระเดียดไปทางตะวันตกแต่พูดจีนคล่องปร๋อคนนั้น

“อ่าครับ”

“นึกยังไงถึงได้มาสมัครงานที่นี่ครับ” ฝ่ายนั้นยิงคำถามแรก

“เอ่อ..” บ้าจริง เขาลืมคำถามนี้ไปเสียสนิท ฉันทัชไม่ได้เตรียมคำตอบนี้เอาไว้

“เรียนตามตรงนะครับ” เอาวะเป็นไงเป็นกัน ฉันทัชคิดอย่างนั้น

“ผมกำลังตกงาน งานอะไรที่พอจะตรงกับสิ่งที่ผมทำได้ ผมก็ยินดีทำหมดล่ะครับ” ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่ฉันทัชไม่ได้กล่าว

“พูดตรงดีนี่” ก้องภพยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะถามต่อ “แล้วทำไมถึงลาออกจากงานที่ทำล่ะ จากประวัติ คุณลาออกตั้งแต่อายุยี่สิบห้า แล้วทำฟรีแลนซ์ตลอดระยะเวลาที่เหลือจนถึงปัจจุบัน มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานหรือ?”


ฉันทัชยิ้มเครียด คำตอบที่เตรียมมากระเจิงหนีไปหมด มาถึงขั้นนี้แล้ว ช่างมันแล้วกัน ถือเสียว่ามาลองทดสอบสัมภาษณ์ครั้งแรก


“ขอชี้แจงเป็นข้อๆ นะครับ เรื่องลาออกจากงาน ผมลาออกเพราะเหตุผลส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงานหรือเพื่อนร่วมงานใดๆ” ฉันทัชยิ้ม เรื่องแพรวานับเป็นปัญหาร่วมงานด้วยหรือเปล่า ฉันทัชไม่คิดจะอธิบายเพิ่ม


ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนมักจะตายเพราะความจริง


“ส่วนที่ว่าทำไมผมถึงทำฟรีแลนซ์เพราะว่าอยู่บ้านเฉยๆ มันน่าเบื่อครับ ผมเลยหาอะไรทำอย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์อยู่บ้าง”


“คุณบอกว่าคุณลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว จะว่าอะไรไหม ถ้าผมอยากทราบเหตุผลที่ว่านั้น” ฉันทัชไม่คิดว่าจะมีคนถามตรงๆ แบบนี้ เขาจึงแสดงสีหน้าไม่ค่อยดีออกไปโดยไม่รู้ตัว


ก้องภพสังเกตเห็นสีหน้าของผู้สัมภาษณ์จึงยื่นทางเลือกให้ “ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ หากคุณลำบากใจ”


“จะมีผลกับการสัมภาษณ์หรือเปล่าครับ”

“ไม่เชิงครับ แต่จะบอกว่าไม่เกี่ยวก็คงไม่ใช่” ก้องภพสบตาเขาก่อนจะพูดต่อ “คนเรามีเหตุผลส่วนตัวหลายอย่างที่จะลาออก แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่าเหตุผลส่วนตัวของแต่ละคนนั้น หนักเบาเท่ากันหรือเปล่า”

“ครับ” ฉันทัชคิดว่าตนเองเข้าใจความหมายที่ก้องภพสื่อ

“เช่น เหตุผลส่วนตัวที่ลาออกก็เพราะมีสัมพันธ์ชู้สาวกับเจ้านายในที่ทำงานหรือฉ้อโกง”

“ผมไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น” ฉันทัชรีบปฏิเสธ แต่ถ้ากับผู้โดยสารนี่คงจะใช้ล่ะมั้ง

“ผมไม่ได้หมายถึงคุณ แค่ยกตัวอย่างให้ฟังถึงเหตุผลส่วนตัว” ก้องภพไหวไหล่เล็กน้อย

“ถ้าคุณได้ฟังอาจจะคิดว่ามันไร้สาระกับเหตุผลที่ผมลาออก”

“เหตุผลก็คือเหตุผล จะอย่างไรก็คือเหตุผล คุณไม่จำเป็นต้องใส่ใจหรือไปสนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร” ก้องภพบอกกึ่งแนะนำ

“ผมลาออกเพราะความรัก”

“ก็ไม่เลวนี่” ก้องภพยกยิ้มมุมปาก ไม่ได้มีทีท่าหรือสีหน้าดูถูกออกมาให้เห็น

“ครับ?” ฉันทัชแปลกใจไม่คิดว่าจะได้รับฟีดแบ็กแบบนี้จากก้องภพ

“คุณไม่ได้ใช้แค่สมอง แต่ใช้หัวใจกับชีวิตด้วย ก็ดีนะ ไม่แข็งทื่อเหมือนหุ่นยนต์ดี”
ก้องภพเอ่ยชม


ฉันทัชทำหน้านิ่งเฉยเพราะไม่แน่ใจกับคำพูดของก้องภพ


“ผมอาจจะพูดคลุมเครือไปหน่อย แต่นั่นเป็นคำชมนะ”

“ขอบคุณครับ”

“แล้วทำไมถึงอยากกลับเข้ามาทำงาน มาใช้ชีวิตแบบมนุษย์เงินเดือนล่ะ สมัยนี้คนเขามีแต่ออกไปทำธุรกิจส่วนตัวกันทั้งนั้น”

“คนในอยากออก คนนอกอยากเข้าล่ะมั้งครับ”

“โอเค คำอธิบายง่ายๆ แต่เข้าใจได้ เอาล่ะ จริงๆ แล้วคุณสมัครเข้ามาในตำแหน่งเกี่ยวกับการแปลหรือล่าม แต่ผมเปลี่ยนใจ จะรับคุณเข้ามาในตำแหน่งเลขาของผมก็แล้วกัน”

“หมายความว่าไงครับ” ฉันทัชยิ่งตกใจ นี่อีกฝ่ายกำลังจะหลอกให้เขาดีใจเก้อหรือเปล่า

“หมายความว่าผมรับคุณเข้าทำงานไง”

“ขอบคุณครับ คุณก้องภพ” ถึงจะดีใจที่ฟลุกได้งานแต่ฉันทัชกลับไม่วางใจ “คุณมั่นใจได้อย่างไรว่าผมจะทำงานนั้นได้ แล้วอีกอย่าง เอ่อ..ขอโทษนะครับ คุณก็มีเลขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ”


ฉันทัชไม่อยากมองโลกในแง่ดีจนเกินไป มีอย่างหรือสอบถามสองสามคำก็รับเขาเข้าทำงานเสียแล้ว จะมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงหรือเปล่าก็ไม่รู้

“ผมรับสมัครตำแหน่งเลขาด้วย คุณคงไม่สนใจเลยไม่เห็นประกาศรับสมัคร”

“อ่าครับ”

“เรื่องงานเลขาจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย แต่คุณมีประวัติทำงานบนเครื่องบินต้องเดาใจผู้โดยสารและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อยู่บ้าง งั้นคงเรียนรู้ไม่ยากที่จะเดาใจผมหรือแก้ไขปัญหาหรอก”

“ผมเลิกทำมานานแล้ว คุณแน่ใจหรือครับ” ฉันทัชอยากเขกกบาลของตัวเองนัก ได้งานแล้วแท้ๆ แต่ยังโอ้เอ้หาเรื่องให้เขาเปลี่ยนใจ

“ไม่รู้สิ ผมมองคนไม่ค่อยพลาดหรอกนะ” ก้องภพยิ้มอย่างมีเลศนัยอะไรบางอย่าง


ฉันทัชคิดในใจ ว่าที่เจ้านายในอนาคตของเขาต้องรู้ตัวพอดูล่ะว่าค่อนข้างมีเสน่ห์ไม่น้อยกับเอกลักษณ์ที่แสดงออกมาเหล่านั้น ดูแล้วคงเจ้าชู้ไม่เบา

“คุณคิดว่าผมเรียกคุณมาสัมภาษณ์โดยที่ไม่รู้ไม่เห็นอะไรมาเลยงั้นหรือ ผมเป็นนักธุรกิจ ไม่ยอมเสียเวลาเรียกคนมาสัมภาษณ์พร่ำเพรื่อหรอก ผมจะเรียกเขามาเพราะคิดว่าเขาตรงกับความต้องการของผม”

“คุณเห็นผม?”

 “ผมไม่ได้ไปติดตามอะไรคุณหรอกนะ คุณฉันทัช” ก้องภพหัวเราะเล็กน้อย

“เราเคยเจอกันที่ฮ่องกงแล้วผมก็เห็นฝีมือคุณตอนทำงาน ไม่มีอะไรให้กังขา ขนาดประธานหลี่ ยังเอ่ยชม เขาไม่ได้ชมใครง่ายๆ หรอกนะ”

“ขอบคุณครับ” ฉันทัชเพิ่งรู้ว่า ชายสูงอายุท่าทางใจดี กับเด็กคนนั้น แซ่หลี่

“จะเริ่มงานได้เมื่อไหร่”

“ครับ?”

“มาเริ่มเร็วหน่อยก็ดี ผมจะได้ให้เลขาเขาสอนงานคุณได้ทันก่อนที่จะลาออกไป”

“ขอถามได้ไหมครับ ทำไมเขาถึงลาออก”

“ไม่ใช่ความลับอะไร เหตุผลเดียวกับคุณนั่นแหละ ลาออกเพราะความรัก สามีอยากให้อยู่บ้านเตรียมเลี้ยงลูก”

“อ่า..เหรอครับ” ฉันทัชกลืนน้ำลาย นึกถึงเหตุการณ์ในอดีต


ตอนที่ลาออกไปอยู่ที่บ้าน ช่วงแรกมันก็สนุกดีนะ แฮปปี้ลัลลาเลยล่ะ แต่พอผ่านไปสักระยะหนึ่ง ถ้าไม่หาอะไรทำจะรู้สึกโคตรของโคตรเบื่อ จนแทบจะหมดอาลัยตายอยาก คิดว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า ไม่มีค่าเลยล่ะ

“สรุปเริ่มงานได้เมื่อไหร่” ก้องภพถามอีกครั้ง ฉันทัชรีบดึงสติกลับ

“ต้นเดือนครับ” ผู้ว่าจ้างเหลือบวันที่ทางนาฬิกาข้อมือก่อนจะพยักหน้า

“ตกลง”

“ขอบคุณครับ”

ฉันทัชยิ้มให้กับงานใหม่ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า


...


“เป็นไงบ้างจ๊ะ หน้าตาสดใสเชียว” คุณหญิงกิ่งกานต์ทักทายอดีตคนรักของบุตรชาย ถึงความสัมพันธ์ของคู่นั้นจะเปลี่ยน แต่สำหรับคุณหญิงแล้วฉันทัชก็ยังเป็นเหมือนลูกชายเธออีกคนหนึ่ง

คุณหญิงกดรีโมทปิดจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า หมายจะคุยกับฉันทัชให้อิ่มจุใจ


“ข่าวสมัยนี้อะไรก็ไม่รู้ มีแต่ฆ่ากันตาย”

“ใครฆ่ากันตายครับ” ฉันทัชเออออ ถือโอกาสหาเรื่องคุยกับอีกฝ่าย

“แม่ก็ไม่รู้หรอกจ้ะ ก็ฟังไปเรื่อย เสี่ยสักคนนี่ล่ะยิงผู้หญิงคนหนึ่งตาย”

“เรื่องอะไรหรือครับ”

“เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ล่ะจ้ะ คนหนึ่งขอเลิกอีกคนไม่ยอม ตกลงไม่ได้ อะไรเทือกๆ นั้น” คุณหญิงกิ่งกานต์ส่ายหน้าเล็กน้อยด้วยความระอาใจ

“แค่นั้นก็ถึงกับยิงกันทีเดียว” ฉันทัชกลืนน้ำลาย แค่นี้ถึงกับต้องฆ่าต้องแกงกัน

“จิตใจโหดเหี้ยมกันเหลือเกิน” คุณหญิงจิบน้ำชาเสียอึกใหญ่

“แล้ววันนี้ไปไหนมาหรือ แต่งตัวดูเป็นทางการเชียว หรือว่าไปทำงานมาจ๊ะ”

“ไปสัมภาษณ์มาครับ”

“อ้อ งั้นเหรอ รู้ผลแล้วหรือยัง” เธอถามด้วยความสนใจใคร่รู้

“ครับ เทมส์ได้งานทำแล้ว”

“ดีใจด้วยนะจ๊ะ จะไม่เหนื่อยไปใช่ไหมลูก ไม่ได้ทำงานนอกบ้านมาตั้งหลายปี” คุณหญิงดีใจอย่างที่พูดออกไป แต่ท้ายประโยคพลันนึกขึ้นได้จึงบอกต่อด้วยความเป็นห่วง


ฉันทัชส่ายหน้าเป็นคำตอบ ยิ้มอ่อนโยนมอบให้กับความห่วงใยของคุณหญิง ทั้งที่เขาไม่ใช่ลูกหลานบ้านนี้แท้ๆ เพียงแค่เป็นคนรัก ซ้ำตอนนี้ยังลดความสัมพันธ์เหลือแค่คนรู้จัก กระนั้นมารดาของปาณัสม์ก็ยังใส่ใจถามหาเขา


...




นึกย้อนครั้งแรกที่ได้เจอกัน คุณหญิงกิ่งกานต์ไม่ชอบหน้าเขาอย่างกับอะไรดี เขาที่ไม่ใช่คนใจเย็นอะไรนัก ต้องนับเลขในใจถึงร้อยต่อด้วยพัน จนเกือบจะถึงหมื่นอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้โต้เถียงอีกฝ่ายกลับไป

“แม่ครับ นี่เทมส์ แฟนผมเอง”

“สวัสดีครับ” ฉันทัชยกมือไหว้มารดาคนรัก

“สวัสดี” คุณหญิงรับไหว้อย่างเสียไม่ได้ พลางมองฉันทัชตั้งแต่หัวจดเท้า จนชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกำลังถูกประเมินราวกับตัวเองเป็นสินค้าชนิดหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

“ปาล มานี่” คุณหญิงหันไปเรียกบุตรชาย

“ครับแม่?”

“รสนิยมแกเปลี่ยนหรือ แม่ว่าคนที่แล้วดีกว่านี้” นางเปรยตามาทางฉันทัชนิดเดียว ก่อนจะพูดกับปาณัสม์ต่อ

“แม่ครับ” ปาณัสม์มีสีหน้าลำบากใจจังหวะที่หันมามองฉันทัช ปกติแม่ของเขาไม่ได้มีนิสัยเช่นนี้ กับคนก่อนๆ ก็ไม่พูดถึงขนาดนี้ หากไม่ชอบ นางจะทำแค่เมินเฉยปล่อยผ่านไป


คุณหญิงทำอย่างที่ลูกชายคิดจริงๆ นางเดินผ่านฉันทัชไปโดยไม่สนใจ ฉันทัชที่ยืนกำมือแน่นต้องข่มใจเอาไว้เพราะไม่อยากให้ปาณัสม์ลำบากใจ


เขารู้ดี การเป็นคนกลางมันเหนื่อยแค่ไหน


เมื่อกลับถึงบ้านได้ ฉันทัชเริ่มปฏิบัติการณ์โวยวายบ่นกับอินทัชเสียยืดยาว


“เขาไม่ให้เกียรติเทมส์เลย พูดออกมาได้ว่า ‘แม่ว่าคนที่แล้วดีกว่านี้’เหอะ พูดมาได้ยังไง เทมส์ก็ยืนอยู่ตรงนั้นแท้ๆ”

“ใจเย็นก่อน” อินทัชปลอบพี่ชายเสียงหวาน พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ

“ไม่ยงไม่เย็นแล้ว เทมส์จะเลิก” ฉันทัชในวัยยี่สิบสามประกาศออกมา

“เลิกเลยเหรอ”

“ใช่ เลิก”

“งั้นก็เลิก” นอกจากอินทัชจะไม่ห้ามแล้วยังยื่นโทรศัพท์ไปให้ฉันทัชอีกด้วย พี่ชายมองโทรศัพท์เครื่องนั้นนิ่งแต่ไม่กล้ารับมันมา “โทรสิ จะได้เลิกให้มันจบๆ”

“ไทน์!”

“เทมส์คบกับปาลนะไม่ใช่แม่เขา” อินทัชถอนหายใจ “อีกอย่างหนึ่ง เรื่องที่แม่เขาไม่ชอบเทมส์ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่หรือ ลูกชายเขาคบผู้หญิงมาทั้งนั้น ไม่ตวาดไล่ออกมาก็ดีแค่ไหนแล้ว”

“แต่เทมส์..” ฉันทัชทำท่าจะเถียงต่อแต่ก็ถูกอินทัชยกมือห้าม

“พอๆ เลิกเถียง รักลูกชายเขา ก็ต้องรักแม่เขาด้วย รู้ไหม”

“แม่เขาไม่ชอบเทมส์” ฉันทัชยังโอด

“ไม่ชอบแล้วไง จะปล่อยไว้แบบนี้หรือ” อินทัชมองฉันทับแวบหนึ่ง “แล้วแต่นะ ไทน์ขอแนะนำนะถึงเขาไม่ชอบ เทมส์ก็ต้องพยายามหน่อย สักวันหนึ่งมันอาจจะดีขึ้นมาบ้างก็ได้”

“แล้วถ้าสุดท้ายแม่ของปาลก็ยังไม่ชอบเทมส์ล่ะ”

“เราชาวพุทธ ก็คิดเสียว่ามันเป็นเวรเป็นกรรมแล้วกัน”

“ห๊ะ!?” ฉันทัชอึ้งในคำตอบของน้องสาว

“อีกอย่างหนึ่ง ห้ามลืม ท่องไว้เลย ห้ามทำนิสัยเสียต่อหน้าเขา ห้ามโวยวาย อย่าบ่นเยอะ ที่สำคัญ อย่าใจร้อน รู้ไหม”

“ทำไมต้องห้ามเยอะแยะขนาดนี้”

“จะไม่ทำก็ได้ ไม่ได้บังคับ นี่แค่แนะนำ เทมส์มีข้อเสีย ใครๆ ก็มีข้อเสีย ถ้าปรับได้ก็ปรับ ถ้าเลิกนิสัยพวกนั้นได้ก็เลิกซะ ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ย เข้าใจไหมว่ามันดีกับเทมส์”

“คร้าบบ คุณแม่ไทน์” ฉันทัชประชดเข้าให้ อินทัชส่ายหน้าไม่รู้ว่าพี่ชายตัวดีมันจำแล้วเก็บเอาไปใช้บ้างไหม


...
         

ฉันทัชคิดถึงเวลานั้นแล้วก็อยากจะขำออกมา ไม่นึกว่าวันนี้ คนตรงหน้าเขาจะดีกับเขามากถึงเพียงนี้ ต้องขอบคุณน้องสาว ขอบคุณเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้ทุกอย่างมันออกมาในรูปแบบนี้
         

เสมือนว่าเขามีแม่ให้อุ่นใจอีกคนหนึ่ง


“อยู่เล่นกับน้องปัณณ์ก่อนไหม อีกสักพักก็คงได้เวลากลับมาจากโรงเรียน” คุณย่าของเด็กหญิงถาม

ฉันทัชส่ายหน้าอีกครั้ง “อย่าดีกว่าครับ เทมส์ไม่อยากให้หลานมีความหวัง”

“เหลวไหล” คุณหญิงดุ “ถึงจะเป็นเด็กเจ็ดขวบ แต่ก็ไม่ได้ไม่รู้ความจนแยกแยะอะไรไม่ได้”


ทว่าพอเธอเห็นสีหน้าลำบากใจของฉันทัชจึงเป็นส่ายหน้าออกมาบ้าง “เอาล่ะๆ แม่ไม่บังคับ ยังไม่อยากเจอหลานก็ไม่เป็นไร แต่งานวันเกิดแม่ต้องมารู้ไหม พาไทน์มาด้วย”

“ช่วงนี้ไทน์งานแน่นมากเลยครับแม่ ยังไงเทมส์จะลองถามให้”

“ดีจ้ะ บอกไทน์ด้วย ถ้าว่างก็มาหาแม่ด้วย แม่อยากไปช้อปปิ้ง”

ฉันทัชหัวเราะ “ได้ครับ” เพราะอินทัชเข้าใจรสนิยมด้านแฟชั่นโดยเฉพาะกับสตรีได้ดีกว่าเขา

“ไม่ต้องมาหัวเราะ เราก็ต้องมาด้วย แล้วก็ห้ามหายไป แม่ไม่สนใจหรอกนะว่าจะเลิกกับเจ้าปาลหรือไม่ ยังไงเทมส์ก็เหมือนลูกแม่คนหนึ่ง”

“ขอบคุณครับ” ฉันทัชคร้านจะเถียงถึงเรื่องในอนาคต หากปาณัสม์มีคนรักใหม่ มันคงเป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควรเลยล่ะ


คิดถึงเรื่องคนรักใหม่ของปาณัสม์แล้ว ฉันทัชนิ่วหน้าออกมา แม้ว่าจะเป็นฝ่ายเดินออกมาจากอีกฝ่ายเอง แต่ภาพของปาณัสม์กับแฟนใหม่ นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ


อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ก็ต้องยอมรับให้ได้


“เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” คุณหญิงถามด้วยความเป็นห่วง

“ปะ..เปล่าครับ

“แม่...”

“คุณหญิงคะ” คุณหญิงกิ่งกานต์ทำท่าไม่ค่อยเชื่อ จังหวะที่กำลังจะซักไซ้ถามต่อก็ถูกแทรกขึ้นมาจากเด็กในบ้านเสียก่อน

“มีอะไรหรือ”

“ของของคุณปาลจะให้เอาไปเก็บไว้บนห้องเธอเลยไหมคะ”

“อืม ขนขึ้นไปเลย มาวางตรงนี้ก็เกะกะเสียเปล่าๆ”


เด็กในบ้านรับคำก่อนจะลุกออกไป สักพักเดียว ฉันทัชก็เห็นคนงานชายอีกสองสามคนขนของที่ว่านั้นขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว

“ข้าวของของปาลหรือครับ ทำไมถึงดูเยอะแยะ อย่างกับย้ายบ้าน” ฉันทัชตั้งข้อสังเกต

“ใช่จ้ะ แม่ให้มันย้ายกลับมาอยู่บ้านเอง คราวนี้ไม่ดื้อไม่บ่นอะไร ยอมกลับมาแต่โดยดี”

“ครับ”  ฉันทัชรับคำไม่กล้าคิดต่อว่าเพราะอะไร กลัวจะเป็นการเข้าข้างตัวเอง

“อันที่จริง แม่ให้เจ้าปาลกลับมาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อเทมส์นะ” คุณหญิงแง้มสาเหตุบางอย่างออกมา

“เพื่อเทมส์?”

“ใช่จ้ะ คอนโดนั่น มันเป็นชื่อเทมส์ไม่ใช่หรือ”

“ครับ แต่คุณแม่เป็นคนซื้อ”

“มันก็ใช่ แต่แม่ตั้งใจซื้อให้เทมส์ตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้วลูก แม่แค่กังวลว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นเทมส์ก็ยังมีคอนโดห้องนั้น”

“ขอบคุณครับ แต่อยู่กับไทน์ก็สะดวกดีครับ ไม่เหงาด้วย” ฉันทัชพูดเพื่อให้คุณหญิงสบายใจ

“เอาเถิดจ้ะ แบบนี้ล่ะ ดีแล้ว เทมส์กลับเข้าไปอยู่ได้ตลอดเวลานั่นแหละ ไม่ต้องกังวล แม่จะให้เด็กเข้าไปทำความสะอาดบ่อยๆ”

“ขอบคุณครับ” ฉันทัชเลือกไม่ปฏิเสธเพราะรู้จักนิสัยของผู้สูงวัยดี ถ้าหากเธอตัดสินใจไปแล้ว นั่นคือคำประกาศิต

“แม่รู้ว่าเป็นเรื่องของเด็ก คนแก่อย่างแม่ไม่ควรจะเข้าไปยุ่งวุ่นวาย แต่ถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีก แม่ก็อยากให้เทมส์ลองคิดทบทวนเรื่องเจ้าปาลใหม่อีกครั้งนะลูก” คุณหญิงวางมือบนหลังมือของฉันทัชอย่างอ่อนโยน

“เทมส์...”

“แม่รู้จ้ะ” มารดาของอดีตคนรักเคาะมือเบาๆ บนหลังมือฉันทัชสองสามครั้ง “แม่รู้ว่าเทมส์มีความสุขกับชีวิตในช่วงนี้ดี แม่ผิดที่ไม่เคยอบรมปาลตั้งแต่แรกๆ ปล่อยให้ทำตามอำเภอใจ จนทุกอย่างมันยากเกินที่จะเยียวยา”

“อย่าโทษตัวเองเลยครับ เรื่องนี้ไม่มีใครผิด ต่อให้ปาลเอาแต่ใจแค่ไหน แต่ถ้าเทมส์ไม่ยอม ใครก็มาบังคับเทมส์ไม่ได้หรอกครับ” ฉันทัชพูดตามที่ใจคิด

“แม่ก็หวังว่าเทมส์จะไม่โทษตัวเองเหมือนกันนะ” คุณหญิงยังเป็นห่วง

“ไม่เลยครับ ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ เทมส์ก็เลือกที่จะตามใจปาลอยู่ดี”




===================================

ทีแรกจะมาวันอังคาร แต่ว่า เนื่องจากอารมณ์เศร้าจากการดูอนิเมะ ปรมาจารย์ลัทธิมาร บวกกับอารมณ์ที่ฟีลบลู
เขมเลยมาลงนิยายค่ะ (คือมันไม่เกี่ยวเลยนะ แหะๆ)

ตอนนี้พาไปสมัครงานค่ะ ตอนหน้า (วันอังคาร) เขมจะพาไปไหนมารออ่านกันนะคะ
เปิดตัวละครใหม่ ที่ไม่ใหม่เสียที เขาผลุบโผล่อยู่หลายตอนแล้ว กว่าจะมีชื่อได้ก็ผ่านมาหลายตอน
และตอนนี้ไม่มีพระเอก เขมจะเอาปาลไปเก็บไว้ก่อนนะคะ กระแสพระเอกเรามาแรงจริงๆ ค่ะ


อยากเมาท์มากมายเลย แต่กลัวคนอ่านจะบอกว่าเวิ่นเว้อ ฮ่าๆ

ปล 1 ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ ดีใจทุกครั้งที่ได้อ่าน ถึงแม้ฟีดแบกจะบอกว่าอยากให้กดชักโครกทิ้งปาลไปเสีย

ปล 2 เขมมีแบบสำรวจเรื่อง LOTTO สื่อรักค่ะ (ไม่ใช่การสั่งจอง) หากสนใจ

จิ้มเลยค่ะ (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdjSLihpYcxdR-_t6Gzhu2bcp52hx1IHzltXOA8fojEvuzlDg/viewform)


ปล 3 ตอนพิเศษ LOTTO สื่อรัก ก็ลงเพิ่มด้วยน้า ถ้าใครคิดถึงไอ้น้ำ ก็ตามไปได้เลยค่ะ
ลิงก์นี้เลยค่ะ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66490.msg3889739#msg3889739)


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

ไปคุยกันในทวิตได้น้า เขมอยากเมาท์ อิอิ

Twitter (https://twitter.com/khemmakan) และ Facebook (https://www.facebook.com/akanae14)

edit : แก้ไขคำผิดค่ะ ถ้ามีคำผิดบอกเขมนะคะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 7 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า P3 UP!! 22/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-09-2018 22:04:53
เจ้านายกะเลขา ใกล้ชิดกันสุดๆ อีปาลตายไปเลยจัาาา
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 7 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า P3 UP!! 22/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-09-2018 22:30:22
คงได้มีคนเต้นล่ะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 7 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า P3 UP!! 22/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 22-09-2018 22:41:47
ปาลไม่มา..ด่าไม่มันส์เลยอ่า(อุ๊บสสสสส)
เค้าคิดถึงนะตะเอง อิอิ

คิดเหมือนกัน..ให้ปาลอกแตกตายไปเลย
ยังจะโล่งอกและโหวงใจ อีกม่ะพระเอก
ฮาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 7 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า P3 UP!! 22/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 22-09-2018 22:43:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 7 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า P3 UP!! 22/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 22-09-2018 23:22:49
คนใหม่ท่าจะไม่เบาเลยนา ปาลขาดใจแน่ๆ  :laugh:
แอบสงสัยชัดเจนง่ะ ตั้งแต่เรื่องโพสอิท แล้วยังมารับจันทร์ในจังหวะพอดีกับที่จันทร์มาถึงสนามบินอย่างกับรู้กำหนดการได้ไงหนอ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 7 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า P3 UP!! 22/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-09-2018 19:55:09
ปาลแกเตรียมตัวหึงตัวแตกตายได้เลยนะ เลขากับเจ้านายมันเป็นอะไรที่...บอกไม่ถูกอ่ะคิดเอาแล้วกัน แล้วไหนเจ้านายก็มีท่าทีที่คิดไม่ซื่อแบบนี้อีก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 7 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า P3 UP!! 22/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 23-09-2018 19:57:44
 o13
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 7 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า P3 UP!! 22/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 24-09-2018 12:05:10
พรุ่งนี้นะ
รออออออออ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 7 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า P3 UP!! 22/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 24-09-2018 22:09:08


ภาค 8 No matter what happens, life must go on. Part I




“ฮัลโหล ฮันนี่ วันนี้ทำงานเป็นไงบ้างจ๊ะ” อินทัชส่งเสียงทักทายฝาแฝดคนพี่อย่างอารมณ์ดี จากนั้นสายตาก็ฉายแววตกใจ “โอ้โห ทำไมถึงนอนหมดแรงขนาดนั้น” พอเดินเข้าบ้านเห็นพี่ชายนอนจมหายไปในโซฟาด้วยท่าที่อ่อนระโหยโรยแรง แขนขายืดออกไปคนละทิศคนละทาง ก็อดอุทานออกมาไม่ได้

“เหนื่อยอะ เหนื่อยมาก” ฉันทัชตอบน้องสาวเสียงเนือยราวกับจะพูดไม่ไหว ชีวิตที่ต้องปรับตัวเมื่อเดินเข้าสู่เส้นทางการเป็นมนุษย์เงินเดือน

“งานยุ่งเหรอ” อินทัชถอดรองเท้าแล้วหยิบเข้าตู้เก็บให้เรียบร้อย เนื่องจากไม่อยากฟังเสียงพี่ชายบ่นตามหลัง

อินทัชมุ่นคิ้วคิดถึงเรื่องพี่ชาย จะว่าไป ฉันทัชก็เริ่มงานมาได้เดือนกว่าๆ แล้วนี่นา

“อืม ยุ่งและเยอะเสียจนไม่รู้จะทำอันไหนก่อนดี”

“ลาออกเลยสิ” อินทัชแซวพลางเดินไปนั่งข้างๆ ลูบศีรษะพี่ชายเหมือนลูบหัวสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ก็อยากจะให้เป็นสุนัขตัวเล็กหรอกนะ คอร์กี้ก็น่ารักดี ถึงแม้พี่ชายของเขาจะไม่ได้ดูตัวใหญ่หนาเทอะทะ แต่ก็ห่างไกลกับคำว่าตัวเล็กไปมากโข

“เบื่อ คนชอบสปอยล์” พี่ชายบอกพลางหลับตากอดหมอนอิงแน่น

“ไม่ได้สปอยล์เสียหน่อย ไม่ไหวก็ออกมาอยู่บ้าน” ถึงจะพูดปฏิเสธแต่อินทัชก็รู้ว่าเขากำลังทำให้ฉันทัชเสียนิสัย เขายิ้มพลางโคลงหัวกับท่าทีของพี่ชาย

อินทัชคิดออกมาได้แค่เพียงว่า จะว่าไปเขากับปาณัสม์ก็ไม่ต่างกันเลย เคยชินที่จะเอาใจอีกฝ่าย

“ไหวสิ เทมส์ไหว แค่นอนพักเหนื่อยเท่านั้นเอง”

“กินข้าวหรือยัง”

“ยังเลยอะ” ฉันทัชบอก เขานอนเหยียดตัวด้วยความอ่อนแรง ไม่มีกะจิตกะใจจะลุกไปทำอะไรทั้งนั้น แม้กระทั่งเสื้อผ้ายังไม่คิดจะเปลี่ยนเลย

“โชคดีที่ไทน์เอากับข้าวมาจากกองถ่ายด้วย” อินทัชชูของในมือขึ้น

“จริงเหรอ” อีกฝ่ายตาลุกวาว เมื่อรู้ว่ารอดตายแล้ว

“อืม ใช่ ที่กองถ่ายทำอาหารเยอะมาก อาหารจีนดีๆ ทั้งนั้น จะทิ้งก็เสียดาย เขาเลยแบ่งมาให้น่ะ” อินทัชอธิบาย

“เจ๊แคทนี่ ใจดีจังเลย” ฉันทัชหมายถึงชื่อตัวละครที่อินทัชรับบทแสดงในละคร



ช่วงนี้แฝดคนน้องมีงานละครเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่องว่า “สะดุดรักหัวใจ ยัยขี้เหร่” โดยละครเรื่องนี้เป็นละครจากเกาะฮ่องกง และในเรื่องมีเหตุการณ์ที่มาถ่ายทำในประเทศไทยอยู่หลายฉาก ผู้กำกับอยากได้นักแสดงเป็นคนไทยและต้องเป็นคนที่มีบุคลิกโดดเด่นเข้ากับบทด้วย และอินทัชนั้นตรงก็กับความต้องการของผู้กำกับทุกประการ



บทละครที่อินทัชได้รับนั้นไม่ได้เป็นตัวละครหลัก แต่ก็ถือเป็นตัวละครที่สร้างสีสันให้กับเรื่อง โดยอินทัชรับบทเป็นเจ้าของห้องเสื้อห้องหนึ่งในเรื่อง ที่เป็นคนเปลี่ยนโฉมปรับลุคของนางเอกสาวจากลูกเป็ดขี้เหร่ ให้เป็นนางฟ้า



“หึ ไม่ต้องมายอ” น้องสาวแค่นเสียง “ลุกไปอาบน้ำ จะได้ลงมากินข้าว” อินทัชเอ่ยปากไล่

“ไทน์ไปอาบก่อนได้ไหม เทมส์ขอนอนเฉยๆ อีกแป๊ปหนึ่ง”

อินทัชเห็นท่าทางอ่อนล้าของพี่ชาย จึงไม่ได้ขัด “ก็ได้”

“น่ารัก” ฉันทัชเอ่ยปากชมเป็นรางวัล

สองพี่น้องพากันผลัดเปลี่ยนไปอาบน้ำจนเรียบร้อยทั้งคู่ และอินทัชรับหน้าที่เป็นคนดูแลจัดเตรียมโต๊ะอาหารมื้อนี้ให้พี่ชายโดยไม่อิดออด

“สบายจัง มีคนบริการ”

“คุณฉันทัช รับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ” อินทัชสวมบทบาททันที

“เอาน้ำแดงในตู้เย็นออกมาด้วยนะ เจ๊แคท”

“น้ำส้ม น้ำโค้ก ด้วยไหมคะ”

“แค่น้ำแดงก็พอ” ฉันทัชตอบปฏิเสธ เพราะรู้ว่าน้องสาวตั้งใจประชด

อินทัชเปิดตู้เย็น เปิดน้ำแดงเทใส่แก้วตามด้วยน้ำแข็ง จัดให้พี่ชายอย่างดีก่อนจะนำมาวางบนโต๊ะ ทางด้านขวาของพี่ชาย

“ทำงานดี ไว้คืนนี้พี่จะตบรางวัลให้” ฉันทัชตอบพลางยกน้ำแดงดื่มอึกใหญ่

“ถ้าจะให้ดีก็ตบด้วยปากนะคะ”

“เล่นกับหมา หมาเลียปากตลอด” ฉันทัชพูดติดตลก

“เอาเข้าจริงก็ปอดแหก”

“ฟ้าผ่าตายกันพอดี”

“ก็ว่างั้น” อินทัชหัวเราะ เริ่มลงมือทานมื้อเย็น “เออ นี่เทมส์”

“ว่า?” ฉันทัชตอบสั้นเพราะยังเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก

“อาทิตย์หน้าไทน์มีไปถ่ายละครที่ฮ่องกงนะ”

“อ้าว ไหนว่ามีแค่โลเคชั่นเมืองไทยไง” ฉันทัชหมายถึงบทที่น้องสาวได้รับ

“อืม ผู้กำกับเขาอยากได้รายละเอียดที่ฮ่องกงเพิ่มอะ”

“บทมันจะไม่ออกทะเลใช่ปะ”

“ไม่หรอกมั้ง” คนเป็นน้องไม่แน่ใจ “เขาคงคิดมาดีแล้วล่ะ” อินทัชบอกก่อนจะตักข้าวเข้าปากไปอีกคำ

“แล้วกลับมาทันงานวันเกิดแม่ของปาลไหม” ฉันทัชถาม

“จะไปจริงๆ เหรอ”

“ไทน์ว่า เทมส์ไม่ไปได้ไหมล่ะ” ฉันทัชถามกลับ หากอินทัชไหวไหล่เป็นคำตอบ 

“ก็ไม่ได้ใช่ไหม แต่เทมส์อยากให้ไทน์ไปด้วยกัน อีกอย่างแม่ก็สั่งให้ไทน์ไปด้วย” ฉันทัชเลยพูดต่อ

“จริงๆ ก็ถามไปงั้นเองแหละ รู้ว่าคงเลี่ยงยาก ลำบากใจเหมือนกันเนอะ ตอนคบกันดันสนิทกับครอบครัวเขาไว้มาก พอเลิกกันมันเลยตัดไม่ขาด”

“อืม แต่ก็ไม่ได้มีอะไรแย่ไม่ใช่เหรอ ไทน์กับแม่ก็เข้ากันได้ดีใช่ไหม”

“ใช่ แม่น่ารักมาก เหมือนเขาเป็นแม่เราจริงๆ”

“ใช่ไหมล่ะ” ฉันทัชยิ้ม

“เอาเถอะๆ อันที่จริงไทน์ก็ลางานสำหรับวันนั้นไว้อยู่แล้ว ไม่ยอมให้เทมส์ไปเด๋อคนเดียวในงานหรอกน่า สบายใจ หายห่วงได้”

“เยี่ยมมาก” ฉันทัชบอกอย่างพอใจ

“เรื่องงานมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ฉันทัชหมายถึงงานแสดงที่เจ้าตัวรับ เพราะน้องสาวของเขาไม่ได้เติบโตมาจากการแสดง

“นิดหน่อย ไม่มากมายอะไรหรอก ค่อยๆ ปรับไป”

“เขาจะว่าหรือเปล่า”

“ไทน์บอกเขาตั้งแต่ก่อนจะตกลงรับเล่นแล้วว่าไทน์ไม่ได้แสดงละครเก่งขนาดนั้น แค่พอเล่นได้ แต่ถ้าเขายังยินดีจะให้ไทน์เล่น ไทน์ก็จะพยายาม”

“อย่างนั้นก็ยังดี เทมส์ไม่อยากให้ไทน์เครียด”

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า เป็นห่วงตัวเองเถอะ งานยุ่งอะไรขนาดนั้น”

“อืม ก็เลขาคุณก้องภพลาออกไปแล้วเมื่อสิ้นเดือนใช่ปะ งานเลยตกมาอยู่ที่เทมส์คนเดียว”

“ไหวไหมเนี่ย”

“ไม่ไหวก็ต้องไหว เอาจริงๆ มันไม่ได้ยากมากหรอก แค่ยังเดาอารมณ์คุณก้องภพไม่ถูก แล้วงานก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางอะ สักพักเดี๋ยวคงดีขึ้นเอง”

“เทมส์เก่งอยู่แล้ว”

“รู้ตัว ความจริงทั้งนั้น” ฉันทัชรีบยืดอกรับ

“ไม่น่าชมเล้ย” พี่ชายหลงตัวเอง น้องสาวถึงกับหนักใจทีเดียว

“วันก่อนแพรทักมา เพื่อนคนอื่นๆ ในกลุ่มก็ด้วย”

“ดีใจล่ะสิ”

“ใช่ ไม่คิดว่าจะได้กลับมาคุยกันอีก”

“ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ เพื่อนโอเคก็ดีแล้วล่ะ แล้วแพรว่าไงบ้าง”

“ชวนไปกินข้าวนั่นแหละ” คนเป็นพี่เล่า

“ก็ไปสิ”

“แน่นอน อยากเจอพวกนั้นเหมือนกัน”

“เอ้อ อีกเรื่อง” ฉันทัชพูดเหมือนนึกอะไรออก

“อะไร”

“ชัดเจนก็โทรมาเหมือนกัน”

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า เกี่ยวกับปาล?”

ฉันทัชส่ายหน้า “ไม่ใช่เลย ลองเดาสิว่าเรื่องอะไร”

“คิดไม่ออกอะ บอกมาเหอะ ขี้เกียจเล่นยี่สิบคำถาม” อินทัชอยากรู้ ไม่มีอารมณ์มานั่งเล่นเกมส์ทายใจกับพี่ชายตัวดี

ฉันทัชทำหน้าเซ็งเล็กน้อยที่น้องสาวไม่ยอมเล่นด้วย “ไทน์ต้องไม่เชื่อแน่ๆ”

“มันไม่น่าเชื่อตั้งแต่ที่ชัดเจนโทรมาแล้วปะ ทำไมต้องโทรมา มีอะไร” แฝดน้องกลอกตา

“เขาโทรมาชวนไปกินข้าว”

“ห๊ะ!? วอท?โทรมาชวนกินข้าวทำไมวะ” นางแบบสาวอุทานอย่างลืมตัว

“พูดจาไม่เพราะ เดี๋ยวเถอะ”

“เรื่องมารยาทเอาไว้ก่อน เอาเรื่องชัดเจนก่อน โทรมาชวนเทมส์ไปกินข้าวทำไม ได้ถามไหม”

“บอกอยากกินข้าวด้วยเฉยๆ ไม่มีอะไร”

“ตลกละ ก่อนหน้านี้เทมส์ก็ไม่เคยกินข้าวกับชัดเจนสองคนไม่ใช่หรือ”

“ใช่ เทมส์ก็ถามกลับไปขำๆ นะ ว่าชัดกลัวเทมส์ไม่มีเพื่อนกินข้าวเหรอ ถ้าเรื่องนั้นไม่เป็นไรนะ”

“แล้วมันว่าไง”

“บอกว่าเป็นห่วง”

“ไทน์ว่ามันแปลกๆ ละ นี่คิดจะตีท้ายครัวพี่มันเหรอ” อินทัชคาดการณ์

“จะตีท้ายครัวได้ไง” ฉันทัชหัวเราะ “เทมส์เลิกกับปาลแล้ว”

“เทมส์พูดเหมือนไม่แคร์ และพร้อมจะเปิดโอกาสให้ชัดอย่างนั้นล่ะ” น้องสาวหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ

“เปล่าเสียหน่อย แค่พูดไปตามความจริง”

“ถ้าชัดเจน เดินหน้าจีบจริงๆ จะทำไง”

“ก็ไม่ทำไง” ฉันทัชทำหน้าทะเล้น “ถ้าเขาพยายามจนเทมส์รับรู้ ก็ค่อยว่ากัน”

“แปลว่าเทมส์ก็โอเค?”

“ไม่ได้พูดอย่างนั้นเสียหน่อย เรื่องอนาคตใครจะไปรู้ จริงไหมล่ะ” ฉันทัชทิ้งปริศนาเอาไว้แค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นเอาจานไปเก็บล้างให้


อินทัชมองแผ่นหลังของพี่ชาย หญิงสาวไม่อยากเชื่อเลยว่า คนที่ไม่ยี่หระอะไรในเวลานี้ จะเป็นคนเดียวที่ยอมทำเพื่อความรักเมื่อหลายปีก่อน

“เดี๋ยวไทน์ล้างให้เอง เทมส์จะได้พัก”

“ก็ได้ๆ” แฝดพี่บอก ละตัวเองออกมาจากอ่างล้างจานเพื่อให้แฝดน้องเข้ามาแทนที่

ถึงจะถอยออกมาแล้วแต่ฉันทัชก็ยังไม่ออกไปจากห้องครัว เมียงมองน้องสาวที่ยืนล้างจานอย่างตั้งใจ “ล้างให้สะอาดๆ นะ เวลาที่ไปเป็นสะใภ้บ้านไหนจะได้ไม่อายเขา” ฉันทัชกำชับ

“ระดับนี้แล้ว ไม่อยากจะคุย นี่อินอิน คนสวยนะ งานนอกบ้านก็เก่ง งานในบ้านก็ไม่ด้อยหรอก” หญิงสาวอวดตัวเองโดยไร้กิริยาเขินอายใดๆ

“แต่ทำกับข้าวไม่ได้เรื่อง?”

“ก็คนมันไม่ค่อยมีเวลาทำนี่” อินทัชยอมรับเรื่องอาหารว่าเขาทำไม่ได้เรื่องแถมเข้าขั้นกินไม่ได้อีกต่างหาก

“ไว้ต้องฝึกทำอาหารแล้ว แม่สามีจะได้รักและเอ็นดู รู้ไหม” ฉันทัชยังแซวต่อ

“หึ บอกแต่คนอื่น แล้วตัวเองล่ะ”

“อะไรกัน แม่สามีรักและเอ็นดูเทมส์มาก ไม่อยากจะคุยเช่นกัน” ฉันทัชบอกอย่างมั่นใจ

“เดี๋ยวนะ เทมส์เข้าใจผิดอะไรไปหรือเปล่า” อินทัชวางฟองน้ำลงในอ่างพลางหันกลับมามองพี่ชาย

“อะไร?”

“ตอนนี้ เทมส์ไม่มีแม่สามีแล้ว มีแค่แม่ของปาล” อินทัชพูดเสียงเรียบ

“อ่า..เอ่อ..จริงด้วย” พอถูกน้องสาวเตือนสติ คนเป็นพี่จึงนึกออก

สองพี่น้องสบตากันนิ่ง ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งฉันทัชเริ่มก่อน “งั้น...เทมส์ขึ้นไปบนห้องก่อนนะ ง่วงอะ”




...


“โอ๊ย ลูกชายฉัน เดี๋ยวนี้กลับบ้านเร็ว ผิดกับสมัยมีเมียเป็นคนละคน” คุณหญิงกิ่งกานต์แขวะลูกชายคนเล็ก ยามที่เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาพร้อมชัดเจน

“แม่อะ หยุดประชดผมบ้างไม่ได้หรือ” ปาณัสม์โต้มารดา ชัดเจนยกมือไหว้ผู้มีพระคุณแล้วจึงเลี่ยงเดินไปอีกทางหนึ่งของบ้าน

“แกว่าฉันควรจะพูดกับแกอย่างไรดีเจ้าปาล ทำไมตอนมีแฟนถึงไม่ทำตัวแบบนี้ เอาแต่เที่ยวอุตลุด” คุณหญิงก็ไม่อยากจะดุด่าบุตรชาย แต่ปากก็อดไม่ได้ ถ้าลูกชายของนางจะคิดได้เร็วกว่านี้ เรื่องพวกนี้คงจะไม่เกิดขึ้น

“ก็ผมเบื่อ ไม่อยากไปเที่ยวแล้ว”

“ฉันเดาใจแกไม่ถูกเลยเชียว คำว่าเบื่อของแกมันช่างเปลี่ยนแปลงไปมา โลเลเหลือเกิน” มารดาเตรียมตั้งรับคำเถียงกลับของปาณัสม์ แต่เธอก็ต้องประหลาดใจ

“ใช่ครับ ผมมันคนโลเล” ชายหนุ่มยอมรับมันออกมาอย่างง่ายๆ

“แกเป็นอะไรหรือเปล่า ปาณัสม์” คนเป็นแม่เริ่มผิดสังเกต ไม่บ่อยครั้งนักที่เธอจะเรียกชื่อบุตรชายเต็มยศแบบนี้

“เปล่าครับ ผมแค่เหนื่อยเรื่องงานนิดหน่อย”

“ถ้างั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ เสร็จแล้วก็ลงมากินข้าว เดี๋ยวแม่บอกให้เด็กเตรียมไว้ให้” คุณหญิงเลยไม่เซ้าซี้อะไรบุตรชายอีก

“ขอบคุณครับ”


คุณหญิงกิ่งกานต์มองตามแผ่นหลังของบุตรชายที่หายลับเข้าไปในห้องนอนตัวเอง แล้วทอดถอนหายใจ เธอเดินเข้าไปห้องนั่งเล่น กวาดสายตามองหาคนที่ต้องการ และพบว่าเจ้าตัวกำลังนั่งทานข้าวอยู่พอดี

“เดี๋ยวเตรียมอีกที่ให้คุณปาลด้วยนะ” เธอสั่งเด็กในบ้าน ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับบุตรชายคนโต

“ตาปอนด์”

“ครับแม่”

“แกสังเกตเห็นอะไรผิดปกติกับเจ้าปาลบ้างไหม”

ชายหนุ่มทำท่าคิดก่อนจะตอบ “ไม่นี่ครับ เรื่องงานที่บริษัทมันก็เหมือนเดิมนะครับแม่ นี่มันกลับมาหรือยังครับ ผมไม่ได้ยินเสียงรถ”

“อืม กลับมาเมื่อตะกี้นี่เอง แม่ไล่มันไปอาบน้ำ ช่วงนี้มันทำงานหนักกว่าเดิมหรือเปล่า”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”

“แกไม่คิดว่าน้องชายแกมันแปลกไปจริงหรือ” คุณหญิงถามย้ำ

“เอ้อ..อาจจะจริงอย่างที่แม่ว่าก็ได้ ผมไม่ทันสังเกตเลย พักนี้มัวแต่ยุ่งๆ เรื่องงานที่จะร่วมทำกับเพื่อนผม แล้วน้องปัณณ์ก็ออกหัดเพิ่งหายดี ผมแทบจะไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลยครับแม่”

“ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน น้องแกไม่ได้ไปเที่ยวกลางคืนมาสักพักแล้วนะ ตาปอนด์”

“เหรอครับ” ศรารัณคิดทบทวน “มันเกรงใจแม่หรือเปล่า”

“ตาปาลน่ะเหรอ จะเกรงใจแม่ หรือว่า....มันจะคิดถึงเทมส์ น้องเคยเกริ่นเรื่องนี้กับแกบ้างหรือเปล่า” คุณหญิงตาเป็นประกาย เธอยังไม่ละความหวัง

“ไม่เคยเลยครับ นอกจากที่แม่พูดมา ปาลมันแทบไม่มีอะไรผิดปกติเลยนะครับ งานก็ยังทำไม่ผิดพลาด แถมยังได้ผลดีเสียด้วยซ้ำ”

“แล้วแม่เลขานั่นล่ะ”

“คุณเกศสิรีน่ะเหรอครับ ก็เหมือนเดิมนะแม่ ไม่มีอะไรแตกต่าง ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังเลิกกับเทมส์” ศรารัณขยายความเพิ่มขึ้น

“เอ หรือว่ามันจะเบื่อเที่ยวแล้วจริงๆ” คุณหญิงมีสีหน้าครุ่นคิด เริ่มไม่ค่อยแน่ใจ

“ปาลมันบอกแม่ว่าเบื่อเหรอครับ”

“ใช่ หรือมันจะกลุ้มใจเรื่องอื่น”

“ผมว่า เดี๋ยวผมถามมันเองดีกว่า” ลูกชายคนโตบุ้ยหน้าไปยังน้องชายที่เดินมาหาคนทั้งคู่ “นู่น...มันเดินมานั่นแล้ว”

“กำลังนินทาอะไรผมอยู่หรือเปล่าครับ” ปาณัสม์หรี่ตาว่าพลางระหว่างลงนั่ง เด็กในบ้านรีบตักข้าวให้ทันที

“ไม่ได้นินทา แต่กำลังเป็นห่วงต่างหาก” ศรารัณบอก

“ห่วง?มีเรื่องอะไรถึงมาห่วงผม” ปาณัสม์ทำท่าดูเหมือนไม่ได้สนใจอะไรมากมายและเริ่มลงมือทานข้าวบ้าง

“แกเป็นอะไรหรือเปล่าวะ มีอะไรก็บอกพี่ชายคนนี้ได้นะเว้ย” พี่ชายถามน้องชายอย่างเป็นกันเอง


ไม่ทันที่ปาณัสม์จะได้ตอบอะไรกลับไป เสียงหวานใสของเด็กหญิงศราลักษณ์ที่วิ่งเข้ามาในห้องก็ดังขึ้นเสียก่อน

“คุณพ่อปอนด์ขา วันนี้ที่โรงเรียนให้วาดรูปครอบครัวด้วยค่ะ” เด็กหญิงรีบเอารูปที่วาดมาจากโรงเรียนนั้นมาอวดผู้เป็นบิดาด้วยความตื่นเต้น

“ไหนพ่อปอนด์ดูหน่อยสิคะ” ร่างเล็กๆ นำกระดาษที่มือมาด้วยส่งให้ ศรารัณนำรูปวาดนั้นมาพินิจดู จะว่าไปเขาดูไม่ค่อยออกหรอก “ใครเป็นใครบ้างคะ บอกพ่อหน่อย”

“คุณพ่อดูไม่ออกหรือคะ” เด็กหญิงทำหน้าเซ็ง คนเป็นพ่อยิ้มหวานให้ “ไม่เป็นไรค่ะ หนูจะอธิบายให้คุณพ่อฟังเอง คนที่นั่งอยู่บนม้านั่งแล้วถือขนมคือคุณย่า ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่ยืนจับมือกันอยู่”

“อ้าว แล้วน้องปัณณ์ล่ะคะ” ศรารัณแปลกใจกับภาพวาด ปกติ ภาพครอบครัวมักจะเป็นพ่อจับมือลูกข้างหนึ่ง แม่จับมือลูกข้างหนึ่งหรือเปล่า

“หนูก็นั่งอยู่บนม้านั่งไงคะ เนี่ยหนูให้คุณครูสอนวาดม้านั่งด้วยนะคะ สวยไหมคะพ่อปอนด์” เด็กหญิงยังคงอวดฝีมือผลงานตัวเอง

“สวยค่ะ สวยมาก ถ้างั้นนี่ก็เป็นคุณย่าแล้วก็หนูนั่งอยู่ข้างๆ ส่วนอีกคนที่นั่งข้างหนูอีกฝั่ง คือใครคะ”

“อาจันทร์ไงคะพ่อ หนูคิดถึงอาจันทร์ เลยวาดอาจันทร์ด้วย” ศรารัณมองสบตากับปาณัสม์เล็กน้อย

“แล้วอาปาลล่ะคะ” ผู้เป็นพี่ถามแทนน้องชาย

“มีแค่นี้ล่ะค่ะ หนูไปหาคุณแม่ดีกว่า คุณพ่อกินข้าวเสร็จแล้ว รีบมาหาหนูนะ” เด็กหญิงศราลักษณ์ฉลาดตอบ แถมยังหนีไปจากตรงนั้นเสียดื้อๆ

“ไม่คิดว่าเด็กเจ็ดขวบจะโกรธได้นานขนาดนี้” ศรารัณบอกอย่างไม่คาดคิดในตัวบุตรสาว ว่าจะจำแม่นและจริงจังถึงเพียงนี้

“ผมเครียดที่หลานโกรธมากนะพี่ปอนด์ แต่ก็คิดว่าแป๊ปเดียวคงหาย” ปาณัสม์ถอนใจออกมา

“เป็นเดือนแล้วใช่ไหมวะ”

“ครับ”

“ขนาดหลานยังรู้” มารดาพูดลอยๆ “แกก็หาเวลาเข้าหาหลานบ่อยๆ น้องปัณณ์จะได้ใจอ่อน รู้ไหม” ถึงจะรู้สึกว่าสมควรแล้วที่บุตรชายถูกหลานสาวโกรธ แต่คุณหญิงก็ไม่อยากให้ครอบครัวต้องมีปัญหา ยิ่งกับเด็ก เธอยิ่งไม่อยากให้เด็กหญิงต้องโกรธฝังใจขนาดนั้น

“ครับแม่” ปาณัสม์รับคำพลางดันกรอบแว่นที่เลื่อนตกมาให้สูงขึ้นกว่าเดิม

“เลิกงานแล้วยังใส่แว่นอยู่อีกหรือ” ศรารัณถามน้องชาย

“มันชินน่ะ”

“แม่ครับ เรื่องงานวันเกิดของแม่ที่จะจัดปีนี้” ศรารัณไม่ได้ท้วงหรือถามอะไรต่อ เขาเริ่มเรื่อง
ใหม่

“ว่าไงจ๊ะ”

“เดี๋ยวผมจะให้เลขาเอารายชื่อแขกกับรายการอาหารมาให้แม่ดูด้วยนะครับ เผื่อว่าแม่จะอยากชวนใครเพิ่มอีก แต่คงไม่ต่างจากปีที่แล้วเท่าไหร่หรอกครับ”

“จ้ะ”
“ส่วนสถานที่จัดงาน เป็นโรงแรมเดิมดีไหมครับ เบื่อหรือยังครับ อยากเปลี่ยนที่ใหม่ไหม” ศรารัณถามเพิ่มเพราะทุกๆ ปี ก็จัดที่โรงแรมแห่งเดิม

“เรื่องสถานที่กับอาหาร แม่แล้วแต่แกกับเจ้าปาลเลย สะดวกที่ไหนก็ที่นั่นล่ะ แม่ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” คุณหญิงสรุปความให้บุตรชายฟังอย่างรวดเร็ว ปกติเธอไม่ใช่คนเรื่องมากอะไรอยู่แล้ว อีกทั้งบุตรชายก็รู้ใจนางเป็นอย่างดี จึงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล



...



สถานที่จัดงานวันเกิดของคุณหญิงกิ่งกานต์โอ่อ่าใหญ่โตสมฐานะ เนื่องจากปีนี้คุณหญิงอายุครบหกสิบปีพอดิบพอดี ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทั้งสองนายจึงเอาอกเอาใจมารดาเสียยกใหญ่



“ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนโรงแรมเพื่อมาจัดงานให้ใหญ่จนเอิกเกริกขนาดนี้” คุณหญิงดุบุตรชายคนโต ทว่าใบหน้านั้นกลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่แฝงความพอใจไม่น้อย


‘เจ้าเด็กพวกนี้ รู้ใจคนเป็นแม่จริงเชียว’


“วันเกิดครบหกสิบปีของแม่นะครับ ผมกับเจ้าปาลจะจัดงานเล็กๆ ให้แม่ได้อย่างไร  อีกอย่างเห็นรายชื่อแขกเยอะกว่าปีก่อนๆ คิดว่าผมกับเจ้าปาลจะไม่รู้หรือครับ”

“ย่ะ เจ้าตัวดี เข้าใจแม่ไปเสียหมด”

“คุณย่าขา มีความสุขมากๆ นะคะ” หลานสาวคนเดียวของบ้านวิ่งเข้ามากอดเอวผู้เป็นย่า

“ขอบใจมากจ้ะ น้องปัณณ์ก็ต้องเป็นเด็กดี ไม่ดื้อนะรู้ไหม”

“ค่ะ คุณย่า” เด็กหญิงรับคำใบหน้าแป้นแล้นเสียจนอยากจะบีบแก้มนิ่มๆ นั้น

คุณหญิงกิ่งกานต์อยากจะต่อท้ายประโยคเหลือเกินว่า แล้วถ้าจะให้ดีก็เลิกโกรธคุณอาเขาได้แล้ว ทว่ายังไม่อยากให้เสียบรรยากาศแต่แรก จึงละเอาไว้

“แขกเริ่มทยอยมาแล้วค่ะ คุณแม่” ชลพิกา สะใภ้คนโตเดินเข้ามาสมทบทีหลัง เพราะต้องไปตรวจตราความเรียบร้อยในงานอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้งานมีข้อบกพร่องน้อยที่สุด

ปกติแล้ว ในทุกๆ ปี หน้าที่นี้จะเป็นของฉันทัช แต่ปีนี้ไม่มีหนุ่มรุ่นน้องคนนั้นแล้ว หญิงสาวจึงรับหน้าที่นี้แทน

“ขอบใจจ้ะ ไปพักเถอะเกด ยิ่งกำลังท้องกำลังไส้อยู่ แม่เป็นห่วง” คุณหญิงบอก

“ค่ะ เดี๋ยวเกดขอตัวพาน้องปัณณ์ไปอีกห้องก่อนนะคะ” ลูกสะใภ้กล่าว คุณหญิงพยักหน้าว่ารับรู้

“แล้วเจ้าปาลล่ะ มาหรือยัง” คุณหญิงถามบุตรชายคนโตถึงบุตรชายคนเล็ก
         
“ยังไม่มาครับ ติดเคลียร์งานที่บริษัทนิดหน่อย แต่อีกสักพักจะตามออกมา”

“อะไรกัน วันเกิดแม่ทั้งที ยังมัวแต่ทำงานอยู่อีก” คุณหญิงบ่นแต่ก็ไม่ได้สนใจนานนักเพราะแขกผู้มีเกียรติต่างพากันทยอยเข้ามาทักทายเจ้าของงาน ทำให้คุณหญิงลืมเรื่องๆ อื่นไปเสียสนิท



...



“ไทน์สายแล้ว เดี๋ยวไม่ทัน” ฉันทัชเร่งน้องสาวมาตลอดทาง จนกระทั่งรถยนต์ถูกขับเข้ามายังลานจอดรถในอาคารจอดรถของโรงแรม

“ให้มาก่อนก็ไม่เอา” เพราะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น อินทัชจึงต้องกลับไปฮ่องกงเพื่อถ่ายซ่อมฉากหนึ่งในละคร ทำให้วันหยุดที่ขอลาไว้ถูกเปลี่ยนแปลงกะทันหัน

โชคดีแค่ไหนที่ถ่ายเสร็จทัน แล้วบินกลับมาถึงไทยได้อย่างเฉียดฉิว

“ใครจะกล้าเสนอหน้ามางานคนเดียวล่ะ แล้วถ้าเจอปาลอีก เทมส์จะทำหน้ายังไง”

“อืม เข้าใจๆ รีบลงรถ” อินทัชดับเครื่องพลางเตือนความจำพี่ชาย “อย่าลืมของขวัญของแม่ด้วย”

“จริงด้วย รีบเสียจนเกือบลืมแล้วไหมล่ะ” ฉันทัชลงจากรถก็รีบหยิบของจากที่นั่งด้านหลังอย่างรวดเร็ว

“พร้อมยัง” แฝดน้องถาม

“อืม เข้าไปในงานกันเถอะ”



================================

พรุ่งนี้เขมเหมือนจะงานเข้าค่ะ (เพราะวันนี้งานเข้าหนักมาก) เลยมาลงตั้งแต่คืนนี้ค่ะ

ตอนนี้มีหลายสถานการณ์เหลือเกิน ตัดไปมาแบบนี้ งงกันไหมคะ บอกเขมได้นะ

เนื่องจากตอนนี้ยาวเลยหั่นเป็นสองพาร์ทนะคะ ตอนหน้าไปเที่ยวงานวันเกิดจริงๆ แล้วค่ะ


ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ ดีใจทุกครั้งที่ได้อ่านค่ะ



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

ไปคุยกันในทวิตได้น้า เขมอยากเมาท์ อิอิ

Twitter (https://twitter.com/khemmakan) และ Facebook (https://www.facebook.com/akanae14)

ถ้ามีคำผิดบอกเขมนะคะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part I - P4 UP!! 24/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 25-09-2018 00:35:18
 รอ รอ  อยากรู้ว่าปาลจะทำยังไง
555 รูปครอบครัว ตัวเองก็หายไปซะงั้น
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part I - P4 UP!! 24/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 25-09-2018 00:48:55
คุณหลานสาวเด็ดมาก ปาลสะอึกเลยไหมนั่น  :m20:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part I - P4 UP!! 24/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-09-2018 01:26:08
ชอบหลานสาวบ้านนี้ คนจริงเว้ยเฮ้ย
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part I - P4 UP!! 24/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-09-2018 08:15:06
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part I - P4 UP!! 24/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 25-09-2018 13:46:59
ก็เลิกกันแล้ว ให้มันจบๆ ไป  :katai2-1:

 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part I - P4 UP!! 24/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 25-09-2018 19:33:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part I - P4 UP!! 24/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 26-09-2018 00:51:34
อย่าเสียดายถ้าคนเคยรักจะหายไปจากชีวิต
อย่ายึดติดเพราะจะทำให้มีรักครั้งใหม่ไม่ได้

ปล่อยๆปาล เค้าไปเหอะ..เทมส์
หุหุ

สวยจนไม่จำเป็นต้องแคร์คนที่เราทิ้งไป
 :katai3:
อิอิ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part I - P4 UP!! 24/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 26-09-2018 18:31:29

ภาค 8 No matter what happens, life must go on. Part END


“แม่ครับ ผมพาเพื่อนมาแนะนำให้รู้จัก” ศรารัณเรียกมารดาที่กำลังยิ้มแย้มกับคำอวยพรจากบรรดาเหล่าคุณหญิงในสมาคมด้วยกัน



“ขอตัวสักครู่นะคะ” นางเอ่ยก่อนจะผละออกมาที่บุตรชายคนโต



“ว่าไงจ๊ะ” คุณหญิงยิ้มให้ศรารัณเผื่อแผ่ไปถึงผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ



“เพื่อนผมเองครับ ชื่อก้องภพ”



“สวัสดีครับ” ก้องภพยกมือไหว้เจ้าของงาน พร้อมกับยื่นของขวัญที่บรรจงห่อมาอย่างพิถีพิถันให้ “ขอให้คุณหญิงมีความสุขมากๆ สุขภาพร่างกายแข็งแรงนะครับ”



“ขอบใจมากจ้ะ” คุณหญิงรับกล่องของขวัญนั้นไว้ก่อนจะส่งต่อให้เด็กมารับไปวางรวมกับกล่องของขวัญบนโต๊ะใหญ่



“รู้จักกับตาปอนด์นานแล้วหรือจ๊ะ แม่ไม่เคยเห็นหน้าเลย”



“เกือบสองปีแล้วครับ ปีก่อนผมติดธุระที่ฮ่องกงจึงไม่ได้มา ปีนี้เลยไม่อยากพลาดอีก”



“เอาใจคนแก่ก็เป็น” คุณหญิงกิ่งกานต์พูดอย่างพึงพอใจ



“เพื่อนที่ผมบอกว่าแนะนำเรื่องการลงทุนที่ฮ่องกงให้ไงครับแม่ จำได้หรือเปล่า” ศรารัณเสริม



“อ้อ คนนี้เองหรือ โธ่...พ่อคุณ ตาปอนด์เล่าเรื่องของคุณก้องให้แม่ฟังเยอะแยะ ไม่น่าเชื่อว่าจะพูดไทยชัดเสียจนไม่นึกว่าหน้าตาจะเป็นลูกครึ่งเต็มตัวแบบนี้”



“ขอบคุณครับ ตอนเด็กผมอยู่ที่ไทยกับคุณแม่เลยพอพูดได้” ก้องภพถ่อมตัว



“ชัดแจ๋วขนาดนี้ ยังบอกว่าพอได้อีก” คุณหญิงเอ่ยแซว พลันสายตาเหลือบไปเห็นสองแฝดที่เจ้าของงานกำลังรออยู่



“เทมส์! ไทน์!” คุณหญิงอุทานเสียงดัง โชคดีเพลงบรรเลงค่อนข้างดังจึงไม่ทำให้เสียงของคุณหญิงตกเป็นจุดสนใจ “แม่กำลังคิดว่าถ้าอีกเดี๋ยวยังมาไม่ถึงงาน แม่จะให้คนไปรับที่บ้าน”



“แม่ครับ/แม่คะ สุขสันต์วันเกิด” สองฝาแฝดเดินเข้ามายกมือไหว้มารดา





ฉันทัชยื่นกล่องของขวัญให้เจ้าของวันเกิด คุณหญิงยื่นมือออกไปรับ แต่ไม่ยอมส่งต่อให้เด็กข้างตัวอย่างเคย นางถือเอาไว้แบบนั้น โชคดีว่ากล่องของขวัญไม่ได้มีน้ำหนักและขนาดใหญ่จนเกินไป จึงไม่ต้องกังวลว่าจะปวดแขน



“โทษไทน์เลยครับ” ฉันทัชโบ้ยความผิดไปให้น้อง



“ไทน์รีบแล้วนะคะ แต่ว่ามีงานเข้ามาด่วนจี๋เลย”



“สองคนนี้เนี่ย” คุณหญิงทำเสียงเหมือนจะดุแต่ก็ตัดบทไปเสียอย่างนั้น “เอาล่ะๆ แม่ไม่บ่นให้เสียบรรยากาศก็แล้วกัน ยกให้วันหนึ่ง”



“แม่น่ารักที่สุด” อินทัชเดินเข้าไปกอดเอวแล้วก้มลงหอมแก้มเจ้าของงาน ฉันทัชยังยืนนิ่งเพราะไม่แน่ใจว่าควรจะทำดีหรือไม่ จวบจนคุณหญิงส่งสายตาดุๆ ให้นั่นแหละ ฉันทัชจึงทำตามน้องสาวบ้าง



“เรื่องอ้อนแม่ล่ะเก่งนัก” คุณหญิงทำเสียงเหมือนจะดุ แต่แท้จริงแล้วก็เอ็นดูสองแฝดนี่เสียเต็มประดา



“มารู้จักกันไว้ นี่เพื่อนตาปอนด์ ชื่อคุณก้องภพ” คุณหญิงเลยถือโอกาสแนะนำอีกคนที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ด้วย





“อ้าว คุณก้อง? // อ้าว คุณ?” สองแฝดอุทานพร้อมกัน จนคนที่เหลือพากันแปลกใจ



“รู้จักกันมาก่อนหรือ” ศรารัณถาม พลางสลับมองหน้าสองแฝดและเพื่อนของตนไปมา



“คุณก้องภพเป็นเจ้านายผมเอง พี่ปอนด์” ฉันทัชบอกอย่างเรียบง่าย เขาหันไปทางน้องสาว



“ไทน์ก็รู้จักกับคุณก้องด้วยหรือ” เป็นพี่ชายที่ถามน้องสาวด้วยตัวเอง



“ก็ไม่เชิงอะ เคยเจอกันบ้าง” อินทัชตอบเลี่ยง คนเป็นพี่ขมวดคิ้ว คิดว่าคืนนี้คงต้องถามเจ้าน้องตัวดีให้รู้เรื่อง



“โลกกลมเหลือเกิน ดีจ้ะ ดีมาก” คุณหญิงหัวเราะกับสถานการณ์ตรงหน้า เอาเป็นว่าทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีมาแล้ว อีกทั้งเธอเริ่มใจชื้นเล็กน้อยที่หัวหน้างานของฉันทัชเป็นเพื่อนของศรารัณ และนั่นทำให้เธอมั่นใจว่าฉันทัชคงจะไม่ลำบากในเรื่องงานมากนักเพราะศรารัณมักเลือกเพื่อนที่นิสัยค่อนข้างดีประมาณหนึ่ง



“น้องปัณณ์ล่ะครับ” ฉันทัชถามศรารัณ



“มาถึงก็ถามหาแต่หลาน นี่งานวันเกิดแม่แท้ๆ” คุณหญิงแสร้งพูดเหมือนน้อยใจ ฉันทัชยิ้มหวานให้เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดจริงจัง



“อยู่อีกห้องหนึ่ง กำลังเล่นของเล่นอาจันทร์อยู่ ติดมาก ขนไปด้วยทุกที่ ไม่รู้ว่าชอบเล่นมาก หรือคิดถึงอาจันทร์มากกันแน่”



“ขอบคุณครับ พี่ปอนด์” ฉันทัชบอกพลางขอตัวจากเจ้าของงานและคนอื่นๆ



“เดี๋ยวเทมส์” พ่อของน้องปัณณ์เรียกรั้งเอาไว้ได้ทัน



“ครับพี่ปอนด์”



“พี่รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องของพี่เท่าไหร่ แต่น้องปัณณ์โกรธปาลมากเรื่องเทมส์ ป่านนี้ยังไม่ยอมพูดกับอาปาลเลย ถ้าสบโอกาสเหมาะๆ ลองโน้มน้าวให้พี่หน่อยนะ พี่พูดทุกทางแล้ว แต่ลูกไม่ฟังพี่เลย”



“ครับ ผมจะลองดู”





ฉันทัชเปิดประตูเข้าไปอีกห้องด้านข้าง ค่อยๆ เดินย่องมาทางด้านหลังของเด็กหญิงศราลักษณ์ก่อนจะเอื้อมมือมาปิดตาทั้งสองข้างของเด็กหญิงเบาๆ “ทายสิ ใครเอ่ย”



“อาจันทร์!!อาจันทร์!!” เด็กหญิงรีบยืนขึ้นพลางแกะมือของอาจันทร์ออก



“เดาง่ายจัง ไม่สนุกเลย” ฉันทัชโอด แต่ก็ยอมย่อตัวอุ้มหลานขึ้นมา



“อาไทน์ก็มานะ”



“อุ๊ย อาไทน์ สวัสดีค่ะ” เด็กหญิงอุทานพร้อมพนมมือไหว้ เพราะน้อยครั้งจะได้เจออาไทน์คนสวย



“เข้ามาหาเด็กดื้อเพราะคิดถึงเลยนะเนี่ย แต่ตอนนี้อาไทน์หิวมากเลย” อินทัชพูดพลางเอามือกุมท้อง “อาไทน์ขอไปหาอะไรกินรองท้องก่อนได้ไหม” แท้จริงแล้ว เจ้าตัวอยากจะเปิดโอกาสให้สองอาหลานต่างสายเลือดง้องอนกันต่างหาก



“ได้สิคะ เอาขนมมาให้หนูกับอาจันทร์ด้วยนะคะ อาไทน์”



“เด็กคนนี้ได้ที ใช้ผู้ใหญ่เลยนะเรา” อินทัชคาดโทษก่อนจะหัวเราะเดินออกไป



“ไหนคนเก่ง ตัวสูงขึ้นบ้างหรือเปล่า” ฉันทัชปล่อยเด็กหญิงลงกับพื้นเพื่อวัดความสูง



“คุณครูบอกหนูสูงขึ้นนะอาจันทร์ ตั้งเซนต์หนึ่งแน่ะ” เด็กหญิงอวด



“เก่งมาก แสดงว่าดื่มนมทุกวัน และไม่นอนดึกใช่ไหมคะ”



“ใช่ค่ะ น้องปัณณ์เป็นเด็กดี ของพ่อปอนด์ แม่เกด คุณย่า และอาจันทร์”



“ไม่อยากเป็นเด็กดีของอาปาลด้วยหรือคะ” ฉันทัชลองเกริ่นถาม



เด็กหญิงหน้ายู่เมื่อได้ยินชื่ออาปาล “หนูโกรธอาปาลอยู่”



“อ้าว...โกรธอาปาลทำไมล่ะคะ ไหนเล่าให้อาฟังหน่อยสิคนเก่ง”



“ก็อาปาลบอกหนูว่าทำนิสัยไม่ดีกับอาจันทร์ ทำให้อาจันทร์ไม่มาหาหนูแล้ว” เด็กหญิงพูดจบทำท่าจะเบะปากเตรียมร้องไห้ ฉันทัชเลยดึงตัวมาลูบหลังเพื่อปลอบประโลม



“อย่าร้องไห้ค่ะ อาจันทร์ก็มาหาหนูแล้วนี่ไง ไม่ดีใจเหรอ”



“ดีใจค่ะ” น้องปัณณ์รีบสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้



“รู้ไหม อาปาลน่าสงสารออก” ฉันทัชหาทางตะล่อมหลานสาว



“ไม่จริงหรอกค่ะ” เด็กหญิงเถียง



“จริงๆ แล้ว อาปาลโดนอาจันทร์แกล้งด้วยล่ะ”



“ไม่จริงหรอกค่ะ” เด็กหญิงยังไม่เชื่อ



“จริงๆ ค่ะ อาจันทร์ไม่โกหกน้องปัณณ์” ฉันทัชลูบศีรษะเด็กหญิงพลางดึงมานั่งลงบนตักของตัวเอง



“อาจันทร์ไม่ได้อยู่กับอาปาลแล้ว น้องปัณณ์ยังไม่คุยกับอาปาลอีก แบบนี้อาปาลต้องเศร้ามากแน่ๆ เลย” ฉันทัชไม่รู้ว่าการที่เขาเลิกกับปาณัสม์ไปนั้นอีกฝ่ายจะดีใจหรือเสียใจ เขาไม่ได้สนใจ แต่ถ้าถูกเด็กหญิงหัวแก้วหัวแหวนคนนี้เมินปาณัสม์ทุกข์ทนแน่ เพราะถ้าเขาถูกเด็กน้อยคนนี้โกรธใส่ คงจะไม่มีความสุขเช่นกัน



“อย่าโกรธอาปาลเลยนะ” ฉันทัชพูดย้ำ พลางโยกตัวเล็กน้อย เหมือนกล่อมเด็กหญิงไปพร้อมๆ กัน



“หนู..”



“น้องปัณณ์ไม่สงสารที่อาปาลทุกข์ใจหรือคะ” เด็กหญิงยังไม่ค่อยเข้าใจคำว่าทุกข์ใจมากนัก แต่ก็คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่



“ทุกข์ใจคืออะไรคะ”



“ทุกข์ใจก็แสดงว่าไม่มีความสุขค่ะ ไม่สบายใจ ตอนกลางคืนอาจจะนอนร้องไห้แน่ๆ เลย”   ฉันทัชอธิบาย



“อยากให้อาปาลร้องไห้หรือคะ”



“ไม่ค่ะ ไม่อยาก”



“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกโกรธอาปาลนะคะ ส่วนอาจันทร์สัญญาว่าจะมาหาหนูเท่าที่อาจันทร์จะทำได้ดีไหมคะ”



เด็กหญิงทำหน้าครุ่นคิด แต่ฉันทัชไม่เห็นสีหน้านั้นของหลาน ชายหนุ่มอดทนรออย่างใจเย็น “ก็..ได้ค่ะ”



“เก่งมากค่ะ คนเก่งของอาจันทร์”



“ง้อกันเสร็จหรือยังน้า ขออาไทน์หอมแก้มน้องปัณณ์บ้างได้เปล่า” อินทัชรอจนทั้งคู่คุยกันจบจึงแทรกขึ้นมาบ้าง



“ได้ค่ะ อาไทน์ต้องให้หนูหอมแก้มคืนด้วย แลกกัน” เด็กหญิงยื่นข้อเสนอ อินทัชยื่นจานขนมกับอาหารอีกเล็กน้อยให้ฉันทัชรับไว้ก่อนจะดึงหลานสาวมาหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความมันเขี้ยว







สองแฝดกับหนึ่งหลานคุยกะหนุงกะหนิงเล่นกับหลานอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งมารดาของเด็กหญิงมารับตัวกลับบ้านเพื่อเข้านอน โดยมีชัดเจนทำหน้าที่ขับรถไปส่ง ถึงแม้จะเป็นวันสำคัญของคุณย่า แต่ก็ไม่มีเหตุให้เด็กน้อยต้องนอนดึก อีกทั้งชลพิกาเองก็ต้องกลับไปพักผ่อนจากสภาวะตั้งครรภ์ของเธอเช่นกัน เด็กหญิงศราลักษณ์มีอาการงอแงเล็กน้อยเพราะยังไม่อยากกลับ แต่สุดท้ายก็ถูกหลอกล่อจากอาจันทร์ที่รักนั่นแหละ จึงยอมกลับไปในที่สุด



“เล่นกับน้องปัณณ์ทีไร เหมือนได้ฮีลตัวเองเลยอะ” อินทัชพูดพลางลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย



“ดีหรือไม่ดี” ฉันทัชถาม



“ดีสิ ดีมากเลยล่ะ อยากกลับไปเป็นเด็กอีกจัง”



“เป็นเด็กถูกล้อนะ หัวเกรียนด้วย นมไม่มี แถมตรงนั้นก็ยังมีอยู่” ฉันทัชพูดให้อินทัชมองเห็นภาพในวัยเด็ก



“ความฝันอยากกลับเป็นเด็กจบละ” อินทัชบอกอย่างเซ็งๆ กับภาพในอดีต



“เข้าไปข้างในกันเถอะ”



“เข้าไปก่อนเลย ไทน์ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”



“ตกลง แล้วเจอกันข้างใน”





...







ตอนที่ฉันทัชเปิดประตูออกไป ร่างของชายหนุ่มปะทะเข้ากับคนที่อยู่ด้านนอกพอดี ฉันทัชเซไปทางด้านหลังเล็กน้อยโชคดีที่ได้มือของคนที่ถูกชนนั้นดึงรั้งเอาไว้ ไม่งั้นป่านนี้เขาคงจะล้มไปนั่งกองกับพื้นจนตกเป็นเป้าสนใจของงานแน่ๆ





“ขอโทษครับ” เสียงของผู้ชายดังขึ้นพร้อมกันเสียงแรกนั้นมาจากฉันทัช ส่วนอีกเสียงนั้นมาจากคนที่ถูกชน



“ปาล?”



“จันทร์?”







ทั้งคู่ต่างตกอกตกใจเพราะไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาเจอกันในรูปแบบนี้ ฉันทัชรู้ดีว่ามางานนี้ต้องเจอปาณัสม์ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้านปาณัสม์ก็รู้ว่าแม่ของเขาต้องให้ฉันทัชมางานวันเกิดของตัวเองแน่นอน ทว่าไม่อยากจะเชื่อจะมาเจอกันโดยบังเอิญแบบนี้ ต่อให้เลี่ยงอย่างไรก็คงไม่ทันแล้ว



“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ปาณัสม์เอ่ยถามทั้งที่เป็นฝ่ายถูกชน



“ไม่ ไม่เป็นไรเลย”



“มาถึงนานแล้วเหรอ” อดีตคนรักถาม



“สักพักใหญ่ละ ปาลล่ะ?”



“เพิ่งมาถึงเอง”



“งานที่บริษัทยุ่งเหรอ”



หากเป็นแต่ก่อน ฉันทัชคงไม่แม้กระทั่งจะเอ่ยปากถามถึงเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ ความเบื่อหน่าย จึงทำให้เขาขี้เกียจถาม ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ปล่อยให้มันเป็นไป



“อืม นิดหน่อย”



“เพิ่งจบไตรมาสที่สองเองไม่ใช่หรือ”



ปาณัสม์หัวเราะ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ “งานมันไม่มีหยุดเสียหน่อย จบไตรมาสนี้ก็ต่อไตรมาสใหม่”



“จริงด้วย” ฉันทัชมาย้อนคิดดู ก็ถูกอย่างที่ปาณัสม์ว่า เพราะเขาเองก็ยุ่งจากเรื่องงานเหมือนกัน ไม่รู้ว่าก้องภพ    สรรหาโปรเจ็คใหม่ๆ อะไรนักหนา



“กินอะไรหรือยัง” ปาณัสม์ถาม



ฉันทัชนึกขำ นี่ก็แปลก ตอนที่อยู่ด้วยกัน อีกฝ่ายไม่แม้จะถามเขาว่ากินข้าวหรือยัง



“กินไปนิดหน่อย ไทน์เอามาให้น่ะ”



“ไปนั่งรอตรงนั้นก่อน เดี๋ยวปาลเอาของกินไปให้”



“ได้ ขอบใจนะ” ฉันทัชตกปากรับคำ เขาไม่ควรมานั่งคุยและรอให้อดีตคนรักต้องมาดูแล





ลืมตัวไปเสียสนิทว่าเลิกกันแล้ว





หลังจากอินทัชออกมาห้องน้ำ หญิงสาวเดินกลับเข้ามาในงาน พยายามมองหาฝาแฝดคนพี่ เมื่อเห็นว่าฉันทัชนั่งอยู่บนเก้าอี้ตามลำพัง แฝดน้องรีบเร่งเท้า หมายจะเดินเข้าไปหา แต่กลับพบว่า เขาถูกใครอีกคนตัดหน้าเสียก่อน

ปาณัสม์ยื่นจานอะไรบางอย่างให้พี่ชาย และฉันทัชก็ไม่ได้มีทีท่าปฏิเสธ







อินทัชครุ่นคิด เธอควรถอยออกมาก่อนใช่ไหม



“ไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างตัวหญิงสาวระหว่างที่อินทัชกำลังคิดตัดสินใจเรื่องพี่ชาย



“คุณก้องภพ?” เธอหันไปดูจึงเห็นว่าคนที่มาทักนั้นเป็นใคร ก่อนจะหันกลับไปทางแฝดพี่อีกครั้ง



“กินอะไรหน่อยไหม” ทางนั้นเอ่ยชวน



“ก็ดี”



“ไม่นึกเลยว่าเลขาของผมจะเป็นพี่ชายคุณ” ดูเหมือนเจ้านายของฉันทัชจะเน้นย้ำคำนั้นเป็นพิเศษ



“นั่นสิ โลกกลมเกินไป ถ้ารู้คงไม่ให้ทำ” อินทัชตอบพลางคีบของทานเล่นๆ ลงบนจานเปล่าของตัวเอง



“ตอนนี้ก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ” ก้องภพไม่ได้ท้าทาย เขาแค่อยากรู้ว่าอินทัชจะพูดอะไรต่อ ชายหนุ่มหยิบช้อนเล็กๆ ที่บรรจุแซลมอนพอดีคำวางลงบนจานหญิงสาว



“หึ คงห้ามไม่ทันแล้วล่ะ ดูเหมือนพี่ชายฉันจะชอบงานนี้พอสมควร”



“ดีแล้ว ถ้าขาดเขาไป ผมคงขาดใจแน่ๆ” ชายหนุ่มพูดสองแง่สองง่ามให้อินทัชได้ฟัง



“อย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีกับเขาก็แล้วกัน จะหาว่าไม่เตือน” หญิงสาวขู่ฟ่อ กางปีกปกป้องพี่ชายเต็มที่



“ผมรับรอง เพราะจะว่าไป ผมก็ไม่มีนโยบาลจีบคนในบริษัทเสียด้วย”



“ให้มันจริง” อินทัชทำเสียงเหมือนไม่เชื่อ



“แต่ก็นะ...บอกไว้ก่อนของแบบนี้” ก้องภพเว้นระยะ “ตบมือข้างเดียว มันไม่ดังเสียด้วย”



“คงเป็นโชคดีของพี่ชายฉันแล้วล่ะ ที่เขาเลือกเยอะ” อินทัชว่าพลางหยิบช้อนแซลมอนจากจานตัวเองวางลงบนจานอีกฝ่าย



ทางด้านฉันทัช หลังจากที่รับจานของกินจากปาณัสม์มาก็เริ่มกินมันอย่างจริงจัง เขาไม่รู้ว่างานวันเกิดคุณหญิงกิ่งกานต์นั้นจัดเพื่อใครกันแน่ เพราะอาหารที่ปาณัสม์นำมามีแต่ของที่เขาโปรดปราน



“อร่อยไหม”



“อร่อยดี โรงแรมนี้ก็ทำอาหารใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย” ฉันทัชเอ่ยชม



“ดีแล้วที่ชอบ” ปาณัสม์ยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ “เป็นไงบ้าง”



“หมายถึง?”



“ทุกอย่าง จันทร์เป็นไงบ้าง” ปาณัสม์ขยายความให้ชัดเจนมากขึ้น “ตั้งแต่เลิกกัน”



“ตะขิดตะขวงใจนิดหน่อยที่ต้องมาอธิบายชีวิตของตัวเองให้คนรักเก่าฟัง” ฉันทัชหัวเราะ “แต่โดยรวมแล้วก็ดีแหละ ปาลคงสบายดีนะ”



“อืม เรื่อยๆ”



“ได้ข่าวว่าถูกน้องปัณณ์โกรธเหรอ เรื่องเทมส์ใช่ไหม”



“เทมส์?” ปาณัสม์เลิกคิ้วเป็นคำถามที่เจ้าตัวเรียกแทนตัวเอง

         

“แบบนี้แหละดีแล้ว นี่ยังให้สิทธิ์คนเคยสนิทโดยการเรียกแทนตัวเองด้วยชื่ออยู่นะ” ฉันทัชยิ้ม



“ก็ยังดี”



“เทมส์คุยกับน้องปัณณ์ไปแล้วนะ คิดว่าหลานน่าจะเข้าใจ”



“อืม ขอบใจ ช่วงก่อนเข้าไปหาแม่มาหรือ” ฉันทัชชะงัก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้



“ขอโทษนะ มันแปลกๆ ใช่ไหม ที่แฟนเก่ายังไปหาแม่ของอีกฝ่ายอยู่ จะพยายามไปหาให้น้อยที่สุดแล้วกัน เรื่องมางานวันเกิดนี่ก็ด้วย ไว้เทมส์จะคุยกับแม่อีกที”



“ไม่ได้ว่าอะไร จะไปก็ไปเถอะ แม่รักจันทร์มาก แม่ไม่ยอมง่ายๆ หรอก ปาลรู้”



“แต่ถ้าอธิบายให้ท่านเข้าใจ เทมส์คิดว่าไม่น่าจะยาก” ฉันทัชบอก หวังว่าปาณัสม์จะสบายใจขึ้นบ้าง



“กลายเป็นคนไม่เข้าใจกันไปแล้วแฮะ” ปาณัสม์ถอนหายใจ “ปาลไม่ได้ว่าอะไรจริงๆ จันทร์อยากเข้าไปหาแม่ ไปหาน้องปัณณ์บ่อยแค่ไหนก็ได้”



“ขอบใจ แต่ก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน ยังไงมันก็ดูไม่เหมาะ อีกหน่อยถ้าปาลมีแฟนใหม่ เทมส์ไม่คิดว่าแฟนใหม่ของปาลจะใจกว้าง ยอมรับได้ ที่เห็นแฟนเก่ามาคอยวนเวียนอยู่รอบๆ ตัว”  ฉันทัชพูดติดตลกแต่แฝงไว้ด้วยความจริงจัง     



“คำแรกก็คนรักเก่า คำสองก็แฟนเก่า ไม่ใช่สักหน่อย ไม่ใช่เลย”



“อะไร” ฉันทัชมองหน้าคนพูดอย่างไม่ไว้ใจ



“จันทร์เป็นเมียเก่าปาลต่างหาก” ฉันทัชที่กำลังเคี้ยวอาหารในปากต้องชะงักค้าง ปาณัสม์พูดอะไรออกมา



“อ้อ แล้วอีกอย่างนะ จันทร์ไม่ใช่ผี ไม่ต้องกลัวว่าใครจะคิดว่าจันทร์มาคอยวนเวียนหรอก” คนพูดตีหน้านิ่งเหมือนไม่ได้พูดอะไรผิดปกติเลยเสียอย่างนั้น



“เหอะ ตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่” คนถูกพาดพิงแค่นเสียงถาม



“เห็นย้ำเหลือเกิน เลยแก้ไขให้มันถูกต้อง ก็เท่านั้นเอง”



“จะหาเรื่องกันหรือ” ฉันทัชพูดพลางมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่พอใจ



“ปาลไม่ได้หาเรื่อง ไม่ได้จะชวนทะเลาะ จันทร์ไม่ต้องกังวลเรื่องของแม่กับน้องปัณณ์และไม่ต้องสนใจเรื่องแฟนใหม่อะไรนั่นด้วย ยกเว้นว่าตัวจันทร์เองต่างหากที่ไม่อยากมาอีกแล้ว”



“โอเค ตกลง” ฉันทัชรับคำ คร้านจะพูดอะไรต่อจึงตัดบท “ไปหาไทน์ก่อนนะ”



“อืม ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย” ปาณัสม์พูดทิ้งท้ายด้วยความเป็นห่วงไว้เพียงเท่านั้น ฉันทัชยิ้มให้ก่อนจะลุกจากไป





ปาณัสม์ได้แต่มองตามหลังอีกฝ่ายไป ทั้งสมองและจิตใจของเขาตีกันยุ่งไปหมด จนไม่สามารถแยกแยะได้แล้วว่าความฟุ้งซ่านนี้มาจากส่วนใดกันแน่







มีช่วงแวบหนึ่งที่เขาอยากจะเอ่ยคำบางคำออกไป แต่ก็ต้องกลืนมันลงคอ ยามที่เห็นสีหน้าของฉันทัชดูมีความสุข ดูโอเคกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้







ยินดีกับอิสระด้วยนะ




================================

ปาณัสม์ นางคนร้าย!!

ขอบคุณคอมเมนต์ของทุกท่านนะคะ  :mew1:
 

HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

ไปคุยกันในทวิตได้น้า เขมอยากเมาท์ อิอิ

Twitter (https://twitter.com/khemmakan) และ Facebook (https://www.facebook.com/akanae14)

ถ้ามีคำผิดบอกเขมนะคะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part END - P4 UP!! 26/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-09-2018 18:55:35
โอ๊ยยย นี้ดูจากนอกโลกยังรู้ว่ายังรักกัน เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part END - P4 UP!! 26/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-09-2018 19:56:30
ใช่ จริง ๆ แกควรพูดออกมา อวยพรออกมาแม้จะเหมือนประชดกันซะหน่อยแต่มันคือความจริงที่ว่า เทมส์เป็นอิสระจากแกแล้วปาล
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part END - P4 UP!! 26/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 26-09-2018 20:14:57
 :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part END - P4 UP!! 26/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 26-09-2018 20:51:00
ขอตัวเลือกเพิ่มค่ะ !!!
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part END - P4 UP!! 26/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-09-2018 21:11:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part END - P4 UP!! 26/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 26-09-2018 23:54:01
เดินออกมามันก็ดีนะ แค่ 'สามีเก่า' แค่อดีต ไม่ใช่ปัจจุบัน  ทำไมต้องแคร์   ของเก่าน่ะน่าอนุรักษ์ไว้น่ะนะ ยกเว้นคนเก่าที่ไม่นิยมรีไซเคิลวนลูปมาใช้ใหม่!!!!   :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part END - P4 UP!! 26/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 27-09-2018 10:26:21
จะรอดูดิว่าหงส์เมื่อเดินออกจากกรงขังไปแล้ว
จะหวนกลับมาเดินเข้ากรงขังเดิมอีกหรือเปล่า

โดยเฉพาะกรงที่ผุกร่อนและเต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลโสโครก
ที่เกิดจากการสะสมของสิ่งหมักเน่าเหม็น ตอนที่หงส์ไม่อยู่

อย่าหลวมตัวเลยนะ..เทมส์
เพราะอิปาลมันทำตัวเน่าเฟะไปแล้ว
หึหึ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part END - P4 UP!! 26/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 28-09-2018 10:31:49

ภาคที่ 9 How are you doing?



           
อิสระที่ได้รับกับหนึ่งปีที่ผ่านไป


            “ขอบคุณที่มาส่งนะ ชัด” ฉันทัชตอบพลางปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว

            “ไม่เป็นไรครับ” ชัดเจนพูดตามความเคยชิน

            “ไปนะ ขับรถดีๆ ด้วย” ฉันทัชยิ้มตาหยีแล้วบอกอีกฝ่ายให้ระมัดระวังในการเดินทาง

            “ครับ”


            เหตุการณ์เหล่านี้เริ่มจะเป็นภาพที่คุ้นตาของอินทัชในระยะหลังๆ ก่อนหน้านี้ก็มีบ้างประปราย แต่ทำไมหมู่นี้พี่ชายของเขาจึงมีสารถีมาคอยรับส่งที่คุ้นหน้าเหลือเกิน

            “มาส่งอีกแล้วเหรอ” เมื่อเห็นพี่ชายเดินเข้ามาในบ้าน อินทัชก็เปิดปากถามโดยไม่รีรอ

            “ถามอีกแล้วเหรอ” ฉันทัชย้อน ก็เห็นๆ อยู่ว่าคนที่มาส่งน่ะใคร

            “เอาจริงดิ!?”

            “เอาอะไร ยังไม่ได้เอากันเลย” แทนที่จะตอบน้องสาวไปอย่างตรงๆ แต่ฉันทัชกลับเล่นลิ้นเฉไฉลงเรื่องใต้สะดือเสียอย่างนั้น

            “ไม่ตลกนะ เทมส์ ตอบมาดีๆ” ทว่าอินทัชไม่อยู่ในอารมณ์จะเล่นด้วย

            “ชัดเจน แค่มาส่งเฉยๆ ไม่มีอะไร”

            “คนที่เขาไม่คิดอะไร คงไม่ลงทุนมาคอยรับส่งแบบนี้ให้เปลืองน้ำมันหรอกมั้ง” อินทัชประชด

            “แล้วยังไง” ฉันทัชวางกระเป๋าโน้ตบุ๊กลงบนโซฟา ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออกสองเม็ดและดึงชายเสื้อออกมาจากกางเกงเผื่อผ่อนคลาย

            “เทมส์ อย่าทำไม่รู้เรื่องได้ไหม ชัดเจนเป็นคนของบ้านปาลนะ” อินทัชเดินตามพี่ชายไปในครัว

            “ก็แล้วยังไง” ฉันทัชหันกลับมามองน้องสาว ด้วยใบหน้าใสซื่อ

            “ยียวนแบบนี้ จะให้ไทน์โกรธใช่ปะ” อินทัชถอนหายใจ หญิงสาวเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว

            “ทำไมต้องโกรธด้วยเนี่ย ไม่เห็นมีอะไรสักหน่อย” แฝดคนพี่หยิบจานชามออกมาจากตู้ “ไปหยิบอาหารในตู้เย็นมาให้หน่อย จะอุ่นให้ ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม” ฉันทัชถามอย่างรู้ใจ

            “ยัง รอเทมส์อะแหละ” อินทัชเดินไปหยิบของตามที่พี่ชายสั่งแต่โดยดีแล้วนำกลับมายื่นให้ “เรื่องชัดเจนเอาไง”

            “เดี๋ยวเทมส์อุ่นข้าว แล้วขอไปอาบน้ำก่อน กินเสร็จแล้วค่อยคุยก็แล้วกัน ตกลงไหม”

            “เอางั้นก็ได้” อินทัชบอกอย่างจำใจ ถ้าหากอิ่มท้องก่อน สติอารมณ์น่าจะดีกว่านี้


            แม้จะทำทุกอย่างเสร็จสิ้นจนใกล้จะเข้านอนแล้ว แต่แฝดน้องยังไม่ลืมอย่างที่ฉันทัชหวังเอาไว้ ช่วงนี้ดูเหมือนอินทัชจะความจำดี จำเรื่องของเขาได้แม่นเป็นพิเศษ

            “สรุปยังไง ต้องตอบได้แล้ว”

            “ไม่มีอะไรจริงๆ” ฉันทัชบอกเสียงราบเรียบ

            “ไม่ได้เทมส์ จะพูดแบบนี้ไม่ได้”

            “ทำไมถึงไม่ได้”

            “ไทน์ขอพูดอีกครั้งนะ ชัดเจนเป็นคนของบ้านนั้น ถ้าเทมส์ไปคบกับชัดเจน ก็จะหลีกเลี่ยงไม่เจอคนที่นั่นไม่ได้อยู่แล้ว”

            “แน่นอน”

            “แน่นอน แล้วยังไง แม่จะว่าไงอะ เปลี่ยนจากคนลูกมาเป็นคนในบ้านอีกคน แบบนี้น่ะเหรอ”

            “ไปกันใหญ่แล้ว นี่ยังไม่ได้พูดสักคำว่าคบกับชัดเจน” ฉันทัชแย้ง

            “ก็ไม่พูดอะไรออกมาสักที”

            “เห็นไทน์โวยวายแล้วตลกดี”

            “ไม่ขำเลย แบบนี้ไทน์ไม่เล่นด้วย” น้องสาวไม่ชอบใจ

            “ฟังดีๆ นะ ชัดเจนมาส่งเทมส์เฉยๆ และเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรต่อกันไปมากกว่านี้”

            “อย่าบอกว่าเทมส์ไม่รู้ว่าชัดเจนคิดอย่างไร?”

            “รู้”

            “ถ้ารู้แล้ว ทำไมยังทำแบบนี้ มันเหมือนให้ความหวังกัน แล้วชัดเจนก็กระไร รู้ทั้งรู้ว่าเทมส์เป็นแฟนเก่าของพี่ตัวเอง ก็ยังมาตีท้ายครัวแบบนี้อีก ไม่ดีเลย” อินทัชบ่นอุบ หญิงสาวไม่เห็นด้วย

            “เทมส์เคยคุยกับชัดไปแล้ว แต่เขาขอโอกาสบ้าง”

            “แล้วเทมส์ก็ให้เนี่ยนะ? ตลกชะมัด”

            “ไทน์ไม่โอเค?”

            “ใช่ แล้วก็ไม่โอเคมากๆ ด้วย” อินทัชสูดลมหายใจเข้าปอดจนเหมือนรูจมูกจะบานออกนิดๆ “ที่ไทน์ยอมปล่อยให้ชัดเจนมาส่งเทมส์หลายต่อหลายครั้ง เพราะคิดว่าเทมส์จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”

            “เทมส์จัดการไปแล้วไง นี่แค่มาส่งเอง”

            “บางทีก็มารับ” อินทัชแก้ไขคำพูดพี่ชายให้ครบ

            “ไม่บ่อยเท่ามาส่งมั้ง” ฉันทัชยังพูดเล่นต่อโดยไม่สนอารมณ์ของน้องสาว

            “เทมส์!?” นานๆ ถึงจะเห็นอินทัช คนที่ใจเย็น โมโหสักที

            “อะๆ ไม่แกล้งแล้ว เอาอย่างนี้ เดี๋ยวเทมส์จะบอกชัดเจนอีกทีดีไหม ว่าเทมส์ขอกลับเอง”

            “เรื่องนั้นมันต้องพูดอยู่แล้วปะ”

            “แล้วจะให้เทมส์ทำไง” แฝดพี่พูดอย่างอ่อนใจ

            “เอารถไทน์ไปใช้”

            “ไม่เอา ถ้าเทมส์เอาไปใช้แล้วไทน์จะไปทำงานอย่างไร” ฉันทัชปฏิเสธ

            “แท็กซี่ก็ได้ ถ้าถ่ายละครก็ให้รถของกองถ่ายมารับ ไทน์มีวิธีของไทน์น่า ไม่ต้องเป็นห่วง”

            “ไม่เอา ไม่อยากให้ไทน์ต้องมาเดือดร้อนแบบนี้” และคนเป็นพี่ยังเลือกปฏิเสธ จนน้องสาวรู้สึกความดันเริ่มขึ้น

            “งั้นไปซื้อรถใหม่” อินทัชเสนออีกตัวเลือก

            “ไม่เอา”

            “ไม่ได้ ในเมื่อแบบไหนก็ไม่เอา เอาแบบนี้แหละ ไปซื้อรถกัน”

            “ไม่เอา มันเปลือง”

            “ไทน์ซื้อให้เอง” น้องสาวเสนอตัวเป็นเจ้ามือในการดำเนินการครั้งนี้

            “ไม่ดีหรอก เทมส์ทำงานแล้ว”

            “โอ๊ย เป็นคนคิดเล็กคิดน้อย คิดมากแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” อินทัชหัวเสีย บทฉันทัชจะดื้อ ใครพูดก็ไม่ฟัง “ถ้าไม่ให้ไทน์ซื้อให้ ไทน์จะไปบอกแม่ รับรองแค่พูดออกมาคำเดียว รถมาจอดหน้าบ้านวันรุ่งขึ้นแน่นอน” ในที่สุดอินทัชก็ปิ๊งไอเดียดีๆ ทางรอดของหญิงสาว

            “อย่านะไทน์ ห้ามบอกแม่เด็ดขาด” ฉันทัชรีบบอกห้าม เพราะรู้นิสัยคุณหญิงกิ่งกานต์เช่นเดียวกัน

            “ถ้าไม่อยากให้ไทน์บอกแม่ ก็ต้องทำตามที่ไทน์ว่า โอเคปะ” อินทัชใช้วิธีนี้มาขู่พี่ชายให้ยอมจำนน

            “เออ ก็ได้วะ” ฉันทัชฉุนที่ไม่สามารถต่อกรกับน้องสาวในยกนี้ได้

            “พูดไม่เพราะ เดี๋ยวจูบเลย” พอพี่ชายตกลง นางแบบสาวก็กลายร่างกลายเป็นหญิงสาวแสนสดใสทันที

            “พอใจแล้วใช่ไหม งั้นรีบนอน พรุ่งนี้เทมส์มีงานแต่เช้า”

            “รับทราบ นอนก็ได้ค่ะ อ้อ พรุ่งนี้ไทน์เลิกงานตั้งแต่ตอนบ่าย เดี๋ยวไปรับที่ทำงานเอง”

            “อืม”


            ...


            ฉันทัชนำเอกสารที่เจ้านายของเขาต้องเซ็นมาวางไว้บนโต๊ะ หลังจากที่เคาะประตูและได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้องเรียบร้อยแล้ว

            “เป็นอะไรไป หงุดหงิดอะไรมา” สายตาคมกริบยังคงสังเกตเห็นอะไรได้แม่นยำเสมอ

            “ไม่มีอะไรหรอกครับ”

            “ระวังหน่อย” ฉันทัชกำลังงงว่าเจ้านายของเขาหมายถึงอะไร ก้องภพก็ชี้มาที่หน้าของฉันทัชให้เข้าใจ “ปรับสีหน้าด้วย”

            “ขอโทษครับ”



            หนึ่งปีที่ทำงานร่วมกับเจ้านายอย่างก้องภพมา ฉันทัชได้เรียนรู้อะไรมากมาย ถึงก้องภพจะเป็นนักธุรกิจไฟแรง อายุอานามยังไม่มากเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับเขี้ยวเล็บและประสบการณ์ในแวดวงธุรกิจ แต่ทว่าชายหนุ่มกลับเป็นคนที่มีความอดทนและความใจเย็นเป็นเลิศ ภายใต้ใบหน้าที่หล่อเหลาและยิ้มแย้มตลอดเวลานั้น หลายต่อหลายครั้งก้องภพสารภาพกับฉันทัชตรงๆ ว่าเขากำลังโมโหลูกค้าอยู่


            ‘เรื่องมาก สร้างปัญหา ข้ออ้างเยอะ ขอต้นทุนต่ำ แต่ดันอยากได้กำไรสูงๆ’


            ก้องภพมักจะจำกัดคำนิยามของลูกค้าเจ้าปัญหาไว้แบบนั้น หลายครั้งที่ชายหนุ่มพูดเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองหรือทางธุรกิจ เจ้านายของฉันทัชมักจะค่อยๆ สอนฉันทัชไปอย่างไม่รู้ตัว ทั้งการงานและสภาพทางอารมณ์


            “คนใจร้อนมักจะทำอะไรลำบากในทุกด้านนะ รู้ไหม เทมส์” ก้องภพพูดทั้งที่ยังไม่ละสายตาและมือที่จดตวัดลายเซ็นบนเอกสารนั้นอย่างคล่องแคล่ว

            “อ่า..ครับ”

            “ถ้าเราควบคุมจิตใจตัวเองได้ ทุกอย่างก็จะดี และถ้าเราอดทนรอได้ ผลลัพธ์ที่ได้มามักจะ
คุ้มค่า เหมือนที่ว่า...”

            “ช้าๆ ได้พร้าเล่มงามใช่ไหมครับ” ไม่ได้รั้งรอเจ้านายพูดจบ ฉันทัชก็แทรกขึ้นมา

            “จะบอกว่าผมพูดบ่อยแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มยิ้มพลางยื่นแฟ้มเอกสารนั้นคืนให้เลขา

            “เปล่าครับ” ฉันทัชยิ้มตอบ “ขอบคุณนะครับ ที่คอยเตือนผมตลอด”

            “ไม่เป็นไร อ้อ..เดี๋ยวช่วงบ่าย ผมมีโปรเจ็คหนึ่ง คุณก็ไปด้วยนะ”

            “ครับ” ฉันทัชรับคำ “แล้วจะกลับมาที่ออฟฟิศอีกไหมครับ”

            “เขาจะมาหาเราที่นี่ แต่ทางนั้นขอเป็นร้านกาแฟตรงล็อบบี้ข้างล่างน่ะ มีอะไรหรือเปล่า”

            “วันนี้ไทน์จะมารับครับ”

            “ไทน์เหรอ” ก้องภพพูดชื่อนั้นแล้วก็เงียบไป ฉันทัชรอฟัง แต่ทว่าเจ้านายก็ไม่มีทีท่าจะพูดอะไรออกมาอีก

            “ถ้างั้นผมขอตัวนะครับ”

            “ครับ”


            ...


            “โปรเจ็คใหม่ที่ว่า เกี่ยวกับอะไรครับ” ฉันทัชถามระหว่างที่รอจะลงลิฟต์กับก้องภพ

            ปกติแล้วเวลาที่มีงานใหม่ๆ เข้ามา เขามักจะได้รับรายละเอียดหรืออีเมลแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ครั้งนี้กลับไม่มีอะไรสักอย่างนอกจากคำพูดปากเปล่าจากท่านหัวหน้า


            น่าแปลกที่คนอย่างก้องภพ จะทำอะไรโดย ไม่มีลายลักษณ์อักษร

            “ผมจะร่วมลงทุนกับเพื่อน ส่งออกพวกสินค้าพวก ผลไม้แปรรูป ไปฮ่องกง” ลิฟต์มาพอดี พวกเขาทั้งคู่เดินเข้าไปในนั้น ฉันทัชกดปุ่มไปยังชั้นล็อบบี้ตามที่ได้รับทราบมาแต่แรก

            ฉันทัชขมวดคิ้ว “ทำไมถึงอยากลงทุนกับของพวกนี้ครับ ไหนคุณก้องเคยบอกว่าไม่อยากทำพวกของกิน เพราะมันมีวันหมดอายุได้และเรื่องรสชาติอะไรนั่นก็อีก”

            “อยากลองดู เปลี่ยนบรรยากาศน่ะ” ก้องภพส่งยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวส่งให้ ฉันทัชได้แค่คิดว่าคนๆ นี้มีรอยยิ้มอันแสนร้ายเหลือ ใครอยู่ใกล้แล้วไม่หวั่นไหวคงจะยากเต็มที

            “ผมนึกว่าคุณอยากจะต่อยอดเรื่องเครื่องประดับเสียอีก”

            “นั่นก็ทำไปเรื่อยๆ ไม่มีทางทิ้งแน่นอน ยังไงก็เป็นธุรกิจหลักของบ้านผม และมันคงน่าเสียดายมากเลยล่ะ ถ้าไม่มีคอลเล็กชั่นใหม่ๆ ไปให้น้องสาวคุณใส่เดินในงานแฟชั่นโชว์”

             ฉันทัชหลุดขำที่อีกฝ่ายพูดเล่นไม่จริงจัง “อันนั้นคุณก้องก็พูดเกินไปครับ”

             “คิดว่าผมพูดเล่นสิท่า”

             “ครับ” เจ้าหน้าที่ล่ามพ่วงด้วยตำแหน่งเลขาไม่ปฏิเสธ

             “ผมพูดจริงต่างหาก น้องคุณน่ะ ไหปลาร้าขึ้นรูปสวย ช่วงไหล่กำลังดี เวลาใส่สร้อยจะทำให้เครื่องประดับดูโดดเด่น อีกทั้งคอยังยาวระหง ใส่ต่างหูก็สวยเช่นกัน”

             “คุณชมน้องสาวผม จนผมยังรู้สึกเขินแทนไทน์เลย อย่าลืมสิว่าผมกับน้องเป็นฝาแฝดกันนะครับ”

             “ขอโทษที ผมลืมไป” ก้องภพหัวเราะ เพราะเขาก็ลืมไปจริงๆ นั่นแหละ

             “เอ หรือว่าคุณก้องจะหมายความว่า ผมตรงกันข้ามกับน้องใช่ไหมครับ?” ฉันทัชเลิกคิ้วพลางถามอีกฝ่ายหน้าตาย

             “โอ๊ะ เปล่าๆ ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย” ก้องภพรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

             “ล้อเล่นน่ะครับ” ฉันทัชหัวเราะ

             “ไม่นึกว่า เห็นเฉยๆ นี่แกล้งเป็นเหมือนกันนะเนี่ย ไทน์บอกผมว่าคุณช่างแกล้ง แต่ไม่คิดว่าผมจะถูกแกล้งไปด้วย”

             “ไทน์บอกคุณก้องเหรอครับ” ฉันทัชสงสัย ทว่าถึงร้านกาแฟพอดี ก้องภพเลือกที่จะยิ้มเป็นคำตอบ พลางแตะเอวของฉันทัชเข้าไปในร้านดังกล่าว


             การที่น้องสาวของเขาจะคุยเรื่องส่วนตัวกับคนไม่สนิทนั้นไม่ใช่เรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นได้ เขารับรู้มาก่อนหน้านี้ว่าคนทั้งคู่รู้จักกันเพราะบังเอิญไปเจอกันในร้านโปรดของอินทัชและเป็นร้านประจำของก้องภพเท่านั้น


             แล้วหลังจากนั้นล่ะ?


             สนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่?


             เดี๋ยวเจอตัวอินทัชเย็นนี้ ฉันทัชหมายมั่นปั้นมือว่าเขาจะต้องเค้นถามน้องสาวให้รู้เรื่องให้จงได้ ทีเรื่องของเขากับชัดเจนนั้น อินทัชยังเข้ามาจัดการเลย แล้วทำไมเรื่องนี้เขาจะปล่อยให้รอดมือได้ล่ะ


             ...


             “สวัสดีครับ คุณก้องภพ ผมปาณัสม์ วันนี้ขออนุญาตสลับตัวกับพี่ปอนด์แทนนะครับ ขอโทษด้วยครับ” ปาณัสม์ลุกขึ้นยืนพร้อมเกศสิรี เมื่อเห็นคู่สนทนาเข้ามาในร้าน

             “สวัสดีคุณปาณัสม์ ไม่เป็นไร ปอนด์โทรมาบอกผมล่วงหน้าแล้วล่ะ คุณเรียกผมว่าพี่ก้องก็ได้ แล้วผมขอเรียกคุณว่าปาล เหมือนที่ปอนด์เรียกคุณได้ใช่ไหม เห็นพี่ชายคุณพูดถึงคุณบ่อยๆ” ก้องภพไม่ได้ถือสาอะไร เพราะเขารู้ล่วงหน้ามาแล้ว “นั่งคุยกันดีกว่า”

             “ครับ”
         
             “ปอนด์ติดธุระเรื่องครอบครัวล่ะสิ” ก้องภพชวนคุยทำลายบรรยากาศของการเจอกันครั้งแรก
       
            “ใช่ครับ โชคดีที่ตรวจเจอตั้งแต่เนิ่นๆ”

            “คนที่เพิ่งคลอดใช่ไหม เหนื่อยหน่อยนะ”

            “ครับ”

            “ผมเกือบลืมไป นี่เลขาผม แต่คิดว่าน่าจะรู้จักกันแล้วหรือเปล่า เพราะคุณเทมส์ก็รู้จักปอนด์อยู่ก่อนแล้วนี่”

            “ครับ รู้จัก” ปาณัสม์เป็นฝ่ายตอบ เขามองไปทางฝั่งฉันทัชที่ไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา “ส่วนทางผม คุณเกศสิรี เป็นเลขาของผมครับ”

            “สวัสดีค่ะ” เลขาสาวยิ้มให้อย่างเป็นมิตรพร้อมกับยกมือไหว้ฝ่ายตรงข้าม



            ฉันทัชมัวแต่ยังอึ้งด้วยความไม่คาดคิดว่าก้องภพจะมาทำธุรกิจกับครอบครัวนี้ และ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือการที่ได้กลับมาเจอปาณัสม์อีกครั้งหลังจากที่เจอกันครั้งสุดท้ายในวันเกิดของคุณหญิงกิ่งกานต์


            ช่วงที่ผ่านมาทั้งฉันทัชและปาณัสม์รวมไปถึงเครือญาติมิตรสหายใกล้ตัวทั้งหลาย พยายามกันสองคนนี้ไม่ให้เจอกัน รวมถึงทั้งคู่เองที่จะพยายามหลีกเลี่ยงไม่เจอหน้ากัน ดังนั้นเวลาที่คุณหญิงกิ่งกานต์ชวนให้ฉันทัชไปหา หรือบอกให้ไปรับน้องปัณณ์นั้นแปลว่าจะไม่มีเงาของปาณัสม์แน่ๆ


            ทว่าครั้งนี้มันเกิดอะไร อะไรที่ปาณัสม์บอกว่าโชคดีที่ตรวจเจอ เกิดอะไรขึ้นกับน้องปุณณ์หรือเด็กชายอิศรา วัยสองเดือนคนนี้ อย่างไรศรารัณย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า ฉันทัชทำงานให้กับก้องภพ หากส่งปาณัสม์มาแทนยังไงก็จะต้องเจอกับชายหนุ่มอย่างแน่นอน


            พอรวบรวมสติได้ ก็ทันได้ยินประโยคสุดท้ายของชายหนุ่มว่า‘เลขาของผม’ฉันทัชอยากจะเบะปากเล็กน้อยแต่ก็ต้องทำนิ่งเข้าไว้ให้มากที่สุด เพิ่งจะถูกก้องภพเตือนมาอยู่หยกๆ เขายังไม่อยากถูกเตือนซ้ำอีก


            ก้องภพเรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่มระหว่างที่จะคุยธุรกิจกัน อันที่จริงอย่าเรียกว่าคุยธุรกิจเลย เหมือนมาคุยให้คุ้นหน้ากันมากกว่า เพราะเขากับศรารัณได้คุยและวางแผนร่วมกันมาก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายจึงส่งน้องชายมาเพื่อให้คุ้นเคยกับนิสัยเขาก่อนกระมัง


           แค่พบหน้าพบตากันเฉยๆ


           การพูดคุยเป็นกันเองมากกว่าจะเป็นเจรจาในธุรกิจจึงเกิดขึ้นอย่างเรียบง่าย บนโต๊ะมีเพียงก้องภพและปาณัสม์พูดคุยเนื้องานกันเป็นหลัก เพราะเลขาทั้งสองฝ่ายนั้นก้มหน้าก้มตาทำการบันทึกรายละเอียดเอาไว้ สำหรับเลขาคนอื่นๆ เป็นอย่างไร ฉันทัชไม่รู้ เขารู้แค่ว่าเงยหน้ามามองฝ่ายตรงข้ามให้น้อยที่สุดคงเป็นการดี


           ทั้งที่มือก็พิมพ์รัวเร็วบนแป้นคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊กแต่สมองกลับวอกแวกอยู่ตลอดเวลา ทำให้ต้องพิมพ์ๆ ลบๆ เสียเวลาเพิ่มขึ้นไปอีก ฉันทัชกำลังสงสัยอะไรขึ้นมาอย่างหนึ่ง ปกติแล้วถ้าเป็นการเจรจาทางธุรกิจ ปาณัสม์จะมาพร้อมกับชัดเจนเสมอ


           เกิดอะไรขึ้น ทำไมคนที่มาแทนชัดเจนวันนี้กลับเป็นเกศสิรี ผู้หญิงตรงหน้าไปได้ ฉันทัชยังจำเหตุการณ์ในผับเมื่อปีที่แล้วได้ดี ภาพนั้นแวบเข้ามาในสมองจนเขาโมโหตัวเอง


           ไม่ได้คิดโหยหาปาณัสม์ แต่มันอดอคติไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง


           ร่วมชั่วโมงที่สองหนุ่มนักธุรกิจผูกขาดการสนทนา ในที่สุดมันก็จบลงเมื่อก้องภพขอตัวไปสูบบุหรี่ด้านนอก ประจวบเหมาะกับจังหวะที่เกศสิรีเอ่ยขอตัวไปเข้าห้องน้ำพอดี ทำให้บนโต๊ะเหลือเพียงฉันทัชและปาณัสม์อดีตคนเคยสนิทเพียงเท่านั้น


           ไม่รู้ว่าโชคชะตาเล่นตลกหรือฟ้าจงใจกลั่นแกล้ง ถึงจะฟังดูน้ำเน่าไปหน่อย แต่ก็นั่นแหละมันเป็นสิ่งที่แวบเข้ามาในหัวของฉันทัชในเวลานี้


           ฉันทัชไม่ได้ชวนอีกฝ่ายคุย เขาแอบลอบสังเกตอีกฝ่ายเงียบๆ ปาณัสม์ยังคงดูเหมือนเดิมไม่ต่างจากเมื่อหนึ่งปีก่อน แต่ชายหนุ่มกลับมีบรรยากาศที่ต่างออกไปจากเมื่อก่อน เขาไม่รู้จะอธิบายบรรยากาศนี้ว่าอย่างไรเพราะมันดูขมุกขมัวเหลือเกิน ปาณัสม์เหมือนจะนิ่งขึ้นอย่างนั้นล่ะมั้ง


            “สบายดีไหม” คนที่เอ่ยทักก่อนกลับเป็นปาณัสม์


           เป็นเขาที่ยอมเป็นฝ่ายพูดก่อน เปล่าประโยชน์ที่จะตั้งแง่หรือไว้เชิง จากสายตาที่เขามองเห็นฉันทัชในเวลานี้ ชายหนุ่มมีใบหน้าที่สดใสถึงจะมีความเหนื่อยล้าปนอยู่บ้าง แต่คงมาจากเรื่องงาน เพราะก้องภพก็เป็นอีกคนที่ทำงานหนักพอตัว ทรงผมถูกตัดให้สั้นกว่าเดิมเล็กน้อย เจ้าตัวคงอยากจะให้เข้ากับงานและการแต่งตัว ฉันทัชเป็นคนแต่งตัวได้เหมาะสมกับสถานการณ์อยู่เสมอ

           “สบายดี” ในเมื่อเริ่มโต้ตอบกับอีกฝ่าย ฉันทัชจึงไม่รีรอที่จะถามสิ่งที่เขาสงสัยตั้งแต่ก้องภพทัก “น้องปุณณ์เป็นอะไร ไม่สบายหรือ”

           “อืม จู่ๆ ก็ป่วย เป็น RSVพี่ปอนด์กับพี่เกด แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ผลัดกันเฝ้าลูก”

           “หนักมากแค่ไหน แล้วตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” ฉันทัชร้อนรนถามอีก

           “ดีขึ้นแล้ว แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยังไม่ไว้ใจ”

           “อืม พี่เกดคงจะเหนื่อยมากๆ ไหนจะน้องปัณณ์อีก”

            “ตอนนี้น้องปัณณ์มาอยู่ที่คอนโดชั่วคราว”

            “ทำไมถึงไปอยู่ที่นั่น”

            “แม่กลัวว่าจะเอาเชื้อจากที่โรงเรียนมาให้น้องอีก เลยแยกพี่กับน้องไว้ก่อน”

            “อ้อ..อย่างนั้นก็ดี ว่าแต่น้องปัณณ์อยู่กับใครที่คอนโด” ฉันทัชยังสงสัย

            “อยู่กับปาล”

            “เหรอ” ฉันทัชพูดได้เท่านั้นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

            “วันนี้ถ้าจันทร์ไม่ติดอะไร ก็ไปรับหลานสิ พาไปนอนค้างที่บ้านก็ได้” ปาณัสม์บอกอนุญาตอย่างใจดี ไม่ใช่ว่าฉันทัชจะไม่เคยรับเด็กหญิงมานอนค้างด้วยในวันหยุด แต่ไม่ใช่จากปาณัสม์ที่เป็นคนอนุญาต

            “จะไปเที่ยวใช่ไหม” ฉันทัชโต้ตอบอย่างรู้ทัน

            ปาณัสม์ไม่ปฏิเสธหรือยอมรับ เขาแค่คลี่ยิ้มพร้อมกับใบหน้าที่ฉันทัชคาดเดาไม่ออก


            ‘ห้ามยิ้มแบบนี้เว้ย’


            ไม่ได้อยากจะกลับไปเพ้อพกหรืออะไร แต่รอยยิ้มของปาณัสม์มันเป็นสิ่งที่เขาแพ้ทางตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน น่าแปลกทั้งที่เขาคิดเสมอว่าก้องภพมีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์น่าค้นหามาก แต่เขากลับไม่เคยตกหลุมนั้นได้เลย ผิดกับคนนี้ที่ทำให้ใจของเขากระตุกไปทีหนึ่ง


            จนเขารำคาญตัวเอง


            ฉันทัชเสมองออกไปนอกร้าน เห็นก้องภพกำลังเดินกลับเข้ามา เขารู้สึกโล่งอกเหมือนมีคนกำลังมาช่วยดึงเขาขึ้นมาให้รอดพ้นเหนือพ้นน้ำ

            “เรื่องหลาน ว่าไง?” ปาณัสม์ทวงคำตอบ

            “เดี๋ยวไปรับเอง บอกพี่เกดกับแม่ให้ด้วย” ฉันทัชตกลงเพราะเจ้าตัวก็คิดถึงน้องปัณณ์อยู่เหมือนกัน

            “ตามนั้น”



            สมาชิกกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตาที่โต๊ะประชุมขนาดย่อมกันอีกครั้ง ก่อนเอ่ยร่ำลา ขอบคุณกันตามธรรมเนียมแล้วแยกย้ายกันไป


            หลังจากขึ้นมายังชั้นที่ทำงานอีกครั้ง ก็ได้เวลาเลิกงานพอดี ฉันทัชตรวจตรางานที่เหลือ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรที่เป็นงานด่วนหรือจำเป็นสำหรับวันนี้ เขาจึงเตรียมเก็บข้าวของเพราะน้องสาวส่งข้อความมาบอกว่ามาถึงเรียบร้อยแล้ว จอดรถตรงจุดจอดชั่วคราวอยู่แถวหน้าตึก


            จังหวะที่เขาจะเข้าไปบอกก้องภพว่าขอตัวกลับก่อน ประตูห้องทำงานของก้องภพก็ถูกเปิดออกจากเจ้าของเสียก่อน “เทมส์ ตกลงว่าวันนี้ไทน์มารับใช่ไหม” 


            “ใช่ครับ ผมกำลังจะเข้าไปบอกคุณก้องอยู่พอดีว่ากำลังจะกลับแล้ว”

            “อืม ผมฝากไปรับน้องกายให้ด้วยสิ แล้วฝากไว้ที่บ้านคุณก่อนได้ไหม อ่า..ขอโทษ” ก้องภพพูดเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ “ผมควรจะถามคุณก่อนว่าคุณติดธุระอะไรหรือเปล่า”

            “ไม่ทันแล้วล่ะมั้งครับ” ฉันทัชหัวเราะพลางบอกอย่างอารมณ์ดี “มีอะไรหรือเปล่าครับ ปกติคุณก้องให้คนไปรับน้องกายไม่ใช่หรือครับ” ฉันทัชสงสัย

            “ผมสัญญาว่าจะพาเขาไปกินไอติมวันนี้ แต่อีกสิบห้านาทีผมดันมีประชุมทางไกลด่วนกะทันหันน่ะ”

            “ประชุมด่วนเหรอครับ ผมไม่ต้องอยู่ประชุมด้วยหรือครับ”

            “ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร กับท่านประธานหลี่น่ะ จริงๆ หาเรื่องชวนผมบินไปฮ่องกงมากกว่า” ก้องภพบอกอย่างมั่นใจ ด้วยความที่รู้จักกับประธานหลี่มาหลายปี

            “ครับ”

            “แล้วคุณไปรับน้องกายได้หรือเปล่า ไม่ต้องเกรงใจนะ ถ้าไม่ได้ผมจะได้รีบโทรบอกคนที่บ้าน อาจต้องให้น้องกายรอหน่อย”

            “ไปรับได้ครับ ยังไงก็เป็นทางผ่านเพราะผมก็ต้องไปรับลูกพี่ปอนด์ที่โรงเรียนอยู่แล้ว พี่
ปอนด์กับพี่เกดคงวุ่นกับคนป่วยมากพอตัว ผมเลยแบ่งมาเสียคน” ฉันทัชพยักหน้า ก่อนหน้านี้เขาก็เคยไปรับน้องกายหรือเด็กชายกวินทร์ ลูกชายของก้องภพมาหลายครั้งแล้ว

            “อ่า..ผมพอเข้าใจ” ก้องภพเข้าใจตามที่พูดจริงๆ ว่าสองสามีภรรยาคงจะเหนื่อยกับลูกชายคนเล็กน่าดู

            “ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับ เจอกันวันจันทร์ครับคุณก้อง” ฉันทัชบอกก่อนจะถือกระเป๋าโน้ตบุ๊กและของใช้ส่วนตัวออกไป

            “อืม” ก้องภพยิ้ม “อาจจะไม่ต้องรอถึงวันจันทร์ก็ได้มั้ง” ประโยคหลังของเจ้านายหนุ่มนั้น ฉันทัชไม่ได้ยินเพราะเดินจากบริเวณนั้นมาเสียแล้ว


           
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 8 No matter what happens... Part END - P4 UP!! 26/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 28-09-2018 10:32:20

            ...


            “ไง รอนานไหม” ฉันทัชทักน้องสาวเป็นคำแรกเมื่อเปิดประตูรถเข้าไป

            “ไม่นานจ้ะ ฮันนี่”

            “วันนี้ไปรับน้องปัณณ์กลับบ้านเรากันนะ”แฝดพี่บอกแฝดน้องด้วยท่าทีที่เรียบง่าย เพราะรู้ว่าอินทัชจะไม่มีปัญหา

            “เอาสิ กำลังคิดถึงหลานอยู่พอดี แล้วทำไมวันนี้ถึงไปรับน้องปัณณ์ได้ล่ะ”

            “น้องปุณณ์ป่วยเป็น RSV พี่เกดเลยอยากกันพี่กับน้องออกจากกันก่อน แต่ว่า..”

            “หืม?”

            “แต่ต้องแวะรับเด็กดื้ออีกคนด้วย”

            อินทัชชะงักมือที่กำลังหมุนพวงมาลัยเล็กน้อย“เด็กดื้อ?” ดวงตาคู่สวยเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ “น้องกาย?วันนี้บ้านแตกแน่ ทั้งน้องปัณณ์และน้องกาย สองคนนั้นเจอกันทีไร แย่งอาเทมส์กันทุกที”

            “ถูกต้อง” พี่ชายยิ้มตาหยีให้น้องสาวทันที“ค่อยๆ ปรามไป นานๆ มีเด็กมาที่บ้านก็ดีเหมือนกัน บ้านจะได้ไม่เงียบ”     

            “ยิ้มมากเดี๋ยวตีนกาโผล่” คนเป็นห่วงรูปร่างและใบหน้าของตัวเองเอ่ยบอกพี่ชายเบาๆ

            “ช่างมัน ถ้าเกิดมีจริงๆ จะไม่รักเทมส์หรือไง”ฉันทัชบอกอย่างไม่ยี่หระ แม้ลึกๆ จะเริ่มกังวลอยู่ก็ตาม

            ใครเล่าจะอยากแก่กันบ้างล่ะ

            “รักสิคะ แบบไหนก็รักค่ะ แต่จะพาไปฉีดโบท็อกซ์ด้วยนะจะได้รักนานๆ” อดไม่ได้ที่จะแหย่พี่ชาย

            “ทางอยู่ข้างหน้า ขับรถไปเลย”ฉันทัชชี้มือไปถนนด้านหน้า “นี่..ไทน์”

            “ว่าไงจ๊ะ ฮันนี่” อินทัชตบไฟเลี้ยวออกจากตึกที่ทำงานของอินทัช มุ่งหน้าสู่ถนนใหญ่ ตรงไปโรงเรียนของเด็กชายกวินทร์ก่อนเป็นสถานที่แรก

            “วันนี้เทมส์เจอปาล”

            “ห๊ะ!? เจอปาล เจอได้ไง ที่ไหน เมื่อไหร่ แล้วเป็นไง” อินทัชรัวคำถาม

            “มองถนนด้วย ใจเย็นสิ ไม่รู้จะตอบอันไหนก่อนเลย” ฉันทัชยกมือห้ามน้องก่อนที่อีกฝ่ายจะวิตกกังวลไปมากกว่านี้

            “ตอบมาให้ครบ เร็วๆ” อินทัชจิ๊ปากทีหนึ่งด้วยความขัดใจรถยนต์ที่มาแทรกด้านหน้ารถของเขา

            “ปาลมาคุยงานกับคุณก้องแทนพี่ปอนด์อะ”

            “พูดต่อ ฟังอยู่” อินทัชไม่ได้หันไปบอกพี่ชาย เพราะตอนนี้หญิงสาวกำลังติดพันกับสภาวะรถยนต์ที่มากมายบนท้องถนน

            “ก็น้องปุณณ์ป่วยใช่ปะ พี่ปอนด์คงให้ปาลมาแทน อย่ามาทำหน้าสงสัยเทมส์อย่างนั้น บอกไว้ก่อนเลย เทมส์ก็เพิ่งรู้ว่าพี่ปอนด์กับคุณก้อง เขาตกลงทำธุรกิจด้วยกัน”

            “เรื่องนั้นไม่น่าแปลกใจหรือเปล่า รู้มาก่อนแล้วนี่ว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนกันที่รู้จักกันผ่านทางธุรกิจ ยังไงก็มีแนวโน้มที่จะทำอะไรร่วมกันอยู่แล้วล่ะ”

            ฉันทัชเอะใจ“ไทน์รู้ได้ไงว่าสองคนนั้นรู้จักกันได้อย่างไร”

            “ปีที่แล้วเราเจอคุณก้องภพกับพี่ปอนด์พร้อมกันตอนวันเกิดแม่ไม่ใช่หรือ ก็เดาๆ จากตรงนั้นอะแหละ”

            “เดาเก่งไปหรือเปล่า” ฉันทัชไม่มีทางเชื่อคำโกหกของน้องสาว แน่ล่ะว่าพวกเขาเจอสองคนนั้นจากวันเกิดของคุณหญิงกิ่งกานต์ แต่รายละเอียดลึกลงไปกว่านั้น เขาและแฝดน้องไม่รู้มาก่อน เป็นไปไม่ได้ที่อินทัชจะรู้เยอะขนาดนั้น


            ยิ่งคิด ยิ่งวิเคราะห์ ยิ่งประมวลผลจากคำพูดของก้องภพในวันนี้แล้วล่ะก็ สองคนนี้น่าจะมีอะไรมากกว่าที่เขาไม่รู้แน่นอน

            “ไทน์กับคุณก้อง ตกลงยังไงกันแน่ บอกเทมส์มา”

            “มาลงที่ไทน์ได้ไงอะ ไม่รู้ล่ะ ยังไงเทมส์ต้องบอกเรื่องปาลกับไทน์มาก่อน”

            “อย่ามาต่อรอง” ฉันทัชไม่ยอม

            “งั้นไทน์จะถามแม่”

            “อย่าเอาแม่มาขู่เทมส์ ถ้าไทน์ทำ เทมส์ก็จะบอกแม่เหมือนกันว่าไทน์กับคุณก้อง...”

            “เออๆๆ ตกลง เทมส์เล่ามาก่อน” ในที่สุดอินทัชก็ยอมจำนน ยกนี้ถือว่าฉันทัชชนะไป

            “ได้ เรื่องก็ไม่มีอะไรมาก ปาลมาแทนพี่ปอนด์ เกี่ยวกับโปรเจ็คใหม่ของคุณก้องกับพี่ปอนด์นั่นล่ะ”

            “ปาลมากับใคร ชัดเจน?” อินทัชจอดรถติดไฟแดง แยกหน้าก็จะถึงโรงเรียนของเด็กชายกวินทร์แล้ว

            “เปล่า มากับเลขา”

            “ได้ไง ปกติจะมากับชัดเจนไม่ใช่เหรอ”

            “อืม น่าแปลก แต่ก็ไม่ได้ถามไปหรอกนะ มันไม่ใช่เรื่องของเทมส์”

            “มันไม่ใช่เรื่องเทมส์ แต่เทมส์ก็อยากรู้”อินทัชล้อเลียนพี่ชาย “ทำไมชัดเจนไม่มา ถ้างั้นเทมส์คงยังไม่ได้คุยกับชัดเจนล่ะสิ เรื่องนั้นอะ” อินทัชหมายถึงเรื่องเมื่อวานที่เขากึ่งบังคับให้พี่ชายเลิกไปไหนมาไหนกับชัดเจน

            “ใช่”

            “แล้วได้คุยกันไหม หมายถึงกับปาลนะ”

            “คุย ถึงรู้ว่าน้องปุณณ์ไม่สบายหนักแต่ดีขึ้นแล้วนะ ไทน์ไม่ต้องเป็นห่วง เอ้อ..แล้วปาลเป็นคนบอกให้เทมส์ไปรับหลานเองอะ ตอนนี้น้องปัณณ์มาอยู่คอนโดกับปาลชั่วคราว”

            “รู้เยอะเหมือนกันนะเรา วันศุกร์แบบนี้ คงไม่พ้นเรื่องเที่ยว” อินทัชเดาจากสถานการณ์ “เหอะ ไม่เปลี่ยนเล้ย” พลางส่ายหน้าเบาๆ

            “เรื่องของปาลน่า”

            “นี่ก็ปกป้องตลอด เบื่อ”

            “ไม่ได้ปกป้อง แต่เลิกกันเป็นปีแล้ว ทางนั้นจะทำไรก็เรื่องของเขาหรือเปล่า แยกแยะหน่อย” ฉันทัชสอนและอธิบายไปในตัว

            “โอ้โห เดี๋ยวนี้มีสอนเรากลับด้วย ดูเหมือนเจ้านายอย่างคุณก้องภพคนนี้ดูจะสอนสิ่งดีๆ ให้ลูกน้องเยอะพอตัวเชียว”

            “เรื่องก็มีแค่นี้แหละ แล้วเจ้านายของเทมส์ สอนอะไรคุณอินทัชบ้างล่ะ”

            “เหอะ” อินทัชสะบัดเสียง“ถึงโรงเรียนน้องกายแล้ว ลงไปรับสิ เดี๋ยวไทน์เปิดไฟฉุกเฉินรอตรงนี้ เร็วๆ ด้วย เดี๋ยวเขามาไล่” อินทัชกำชับเพราะผู้ปกครองทยอยมารับบุตรหลานหนาแน่นเสียเหลือเกิน

            “หลบเลี่ยงเก่งนักนะเรา” ฉันทัชเข้าใจจุดประสงค์น้องสาวว่าเจ้าตัวต้องการเบี่ยงประเด็นและเปลี่ยนเรื่องเสียอย่างนั้น


            โกงกันนี่หว่า ทีเรื่องของเขา ชายหนุ่มยังบอกเลย ฉันทัชได้แต่นึกเจ็บใจอยู่ภายใน

            “อาไทน์ สวัสดีครับ” เสียงเด็กน้อยที่ยังไม่แตกวัยแปดขวบ ดังเจื้อยแจ้วทันทีที่เจ้าตัวขึ้นประตูรถด้านหลังมา

            “สวัสดีจ้า รออามารับนานหรือเปล่า”

            “ไม่นานเท่าไหร่หรอกครับ ถ้ารอพ่อคงนานกว่านี้” เด็กชายตอบเหมือนร่าเริงแต่ประโยคหลังคนเป็นผู้ใหญ่ฟังดูก็รู้ว่าเด็กกำลังน้อยใจพ่อของตัวเอง

            “พ่อก้องมีงานด่วนกะทันหัน เอางี้อาเทมส์จะพาไปกินไอติมแทนแล้วกันนะครับ” ฉันทัชยื่นมือมาด้านหลังเพื่อลูบศีรษะเด็กคนนี้ด้วยความสงสาร

            “พ่อก็เป็นแบบนี้ตลอดอะ”

            “ถ้ารับปากแล้วทำไม่ได้ จะให้ความหวังเด็กทำไม” อินทัชบ่นพึมพำ แต่ฉันทัชก็ยังพอได้ยิน พี่ชายจึงวางมือลงไหล่น้องสาวเป็นการบอกให้เจ้าตัวอย่าพูดอะไรไปมากกว่านี้เพราะกลัวเด็กชายจะได้ยิน

            “นี่ น้องกาย” อินทัชพูดขึ้นบ้าง ระหว่างออกรถ

            “ครับ?”

            “วันนี้ต้องไปรับคู่ปรับเราด้วยนะ”

            เด็กชายทำหน้าเหม็นเบื่อพลางทำปากยื่น อินทัชมองเห็นผ่านกระจกหลังก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ต้องเจอยัยเด็กเปียอีกแล้วเหรอ”

            “เรียกน้องปัณณ์ดีๆ สิครับ” ฉันทัชบอกไม่จริงจังนักเพราะรู้ว่าเด็กชายไม่ได้ตั้งใจจะพูดเอาจริงเอาจังหรอก เอาเข้าจริงก็เห็นชอบไปเล่นเปียเขาอยู่ตลอด

            “ไปรับน้องปัณณ์เสร็จแล้วอาจะพาไปกินไอติมทั้งสองคน ตกลงไหม” คนขับบอกอย่างอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย

            “ตกลงครับ”


            ...


            “ไม่เอา ตัวอย่ามาแย่งของเราได้ปะ” เด็กหญิงศราลักษณ์ทำเสียงดังขึ้นเล็กน้อย ด้วยความไม่พอใจที่ถูกแย่งไอศกรีมรสช็อกโกแลต

            “ก็ของเราไม่มีอะ ขี้หวงไปได้” เด็กชายกวินทร์ไม่สนใจมือยังคงตักถ้วยไอศกรีมของเด็กหญิงวัยเดียวกันไม่หยุด

            “ไม่เอา จะหมดแล้วเนี่ย” น้องปัณณ์ยกถ้วยไอศกรีมหนี จนถ้วยเอียงกระเท่เร่ จวนเจียนจะหกอยู่รอมร่อ “อาจันทร์ขา อาไทน์ขา กายแย่งไอติมหนูกินจะหมดแล้ว หนูได้กินนิดเดียวเอง”

            “จะหกแล้ว จะหกแล้ว” อินทัชบอกพลางจับถ้วยนั้นไว้เสียเอง“กายแย่งไอติมน้องปัณณ์ทำไมครับ”

            “ยัยเด็กขี้ฟ้อง” น้องกายทำเสียงไม่พอใจ

            “น้องกายครับ” ฉันทัชปราม“ไทน์พาน้องปัณณ์ไปเลือกไอติมเพิ่มหน่อยสิ”

            “ได้” สองสาวเลยพากันจูงมือไปหน้าตู้ไอศกรีมอีกครั้ง

            “เราไม่ควรแย่งของกินกันแบบนี้รู้ไหมครับ”ฉันทัชเริ่มเทศนา “ถ้าอาแย่งไอติมน้องกายกินจนเกือบหมด น้องกายจะชอบหรือเปล่า”

            เด็กชายหน้าม่อยนิดหนึ่งก่อนจะตอบว่า“ไม่ชอบครับ”

            “เห็นไหม ใครๆ ก็ไม่ชอบจริงไหม”

            “แต่กายอยากกินไอติมรสนั้นบ้าง”

            “น้องกายกินได้ครับ แต่ไม่ควรแย่ง ควรขอเจ้าของเขาดีๆ”

            เด็กชายทำปากอูด“ครับ”

            “ดีครับ คนผิดต้องทำไง รู้ใช่ไหมเอ่ย”

            “ครับ”

            “เดี๋ยวน้องปัณณ์กลับมา ก็อย่าลืมนะ อีกอย่าง อาไม่ได้ห้ามหนูกินไอติมรสเดียวเสียหน่อย วันหลังถ้าน้องกายอยากกินมากกว่าหนึ่งรส ควรจะถามอานะครับ”

            “กายกลัวกินไม่หมดครับอาเทมส์”

            “ถ้ากลัวกินไม่หมด ก็ปรึกษาคนที่จะกินด้วยสิ”

            “ยัยเปียอะนะ?”

            “แน่ะ เรียกเขาแบบนี้อีกแล้ว” ฉันทัชหัวเราะ

            “อะ ไอติม” เด็กหญิงวางถ้วยไอศกรีมลงตรงหน้าเด็กชายหนึ่งถ้วยและตรงหน้าตัวเองหนึ่งถ้วย

            “ไอติม?ของเรา?”

            “อื้อ เราขออาไทน์ให้ซื้อมาเผื่อตัวด้วย”

            “ขอบใจ” เด็กชายกวินทร์บอก ไม่คาดคิดว่าเด็กหญิงจะนึกถึงตัวเอง

            “ไม่เป็นไร ตัวจะได้ไม่ต้องมาแย่งเราอีก”

            “อือ ตะกี้อะ เราขอโทษนะที่ไปแย่งไอติมเธอ”เด็กผู้ชายที่อายุน้อยที่สุดอ้อมแอ้มบอก

            “เราไม่โกรธหรอกเพราะเราได้ไอติมถ้วยใหม่แล้ว”น้องปัณณ์บอกอย่างอารมณ์ดีพลางชูถ้วยไอศกรีมขึ้นสูงเล็กน้อยคล้ายจะโชว์ให้อีกคนเห็นอย่างไม่จำเป็น“แต่เราซื้อมาให้ตัวแล้ว ตัวห้ามแย่งของเราอีก” เด็กหญิงขู่

            “ได้ เราไม่แย่งอีกแล้ว ดีกันนะ” เด็กชายชูนิ้วก้อยให้เป็นสัญญาณสงบศึก

            “ตกลง” เด็กหญิงก็ยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวไว้เช่นกัน


            ปล่อยให้ผู้ใหญ่สองคนมองมิตรภาพของเด็กด้วยความเอ็นดู


            ในโลกของเด็กแค่คำขอโทษกับนิ้วก้อยนั้นทุกอย่างก็เป็นเหมือนเดิม


            ทว่าโลกของผู้ใหญ่ล่ะ แค่ไหนถึงจะเพียงพอให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม


========================================

HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 9 หน้า 4 UP!! 28/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-09-2018 10:59:36
ปีนึงน่าจะพอแล้วหรือมากกว่านั้นดี
แต่เทมส์ก็มีชัดเจนอ่ะ 55555
แสดงว่าที่ทิ้งโน้ตตอนนั้นคงตั้งใจแหละมั้ง  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 9 หน้า 4 UP!! 28/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-09-2018 13:11:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 9 หน้า 4 UP!! 28/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 28-09-2018 13:52:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 9 หน้า 4 UP!! 28/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-09-2018 14:27:35
โหหห 1 ปีผ่านไปแล้วเหรออ แต่ทุกอย่างดูยังเหมือนเดิมเลย ดูยังรักกันเหมือนเดิมเลย  :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 9 หน้า 4 UP!! 28/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 28-09-2018 14:31:53
โหหห 1 ปีผ่านไปแล้วเหรออ แต่ทุกอย่างดูยังเหมือนเดิมเลย ดูยังรักกันเหมือนเดิมเลย  :mew6: :mew6: :mew6:

ลำบากหน่อยค่ะ ถ้าเลิกกันเพราะไม่รัก คงจะง่ายกว่านี้
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 9 หน้า 4 UP!! 28/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 28-09-2018 15:29:09
สรุปชัดเจนจริงๆด้วย ตั้งใจหวังให้บ้านแตกแล้วมาเคลมทีหลังนี่หว่า ร้ายนะเนี่ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 9 หน้า 4 UP!! 28/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 28-09-2018 15:46:35
ก็ไม่รู้ซินะ..แล้วแต่


ตามใจคุณเขมเลย


ไม่ได้คาดหวังอะไรจากปาลอยู่แล้ว
ตามสบาย อยากให้คืนดีกันก็เชิญ
หุหุ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 9 หน้า 4 UP!! 28/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 28-09-2018 19:19:12
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 9 หน้า 4 UP!! 28/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 28-09-2018 21:14:45
 :katai1: บางทีเราก็อยากรู้เรื่องคนอื่นบ้าง
อย่างไทม์กับคุณก้องงี้ จะมีอะไรในกอไผ่ไม๋น้อ ไม่ได้อยากชวนออกอ่าวน้า แต่เบื่อพระเอก รู้ตัวช้าจัง
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 9 หน้า 4 UP!! 28/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: pim14 ที่ 29-09-2018 15:38:32
มั่นใจว่าเรื่องนี้เทมส์เป็นนายเอก แต่เริ่มไม่แน่ใจว่าปาลจะใช่พระเอกรึป่าว 555 แลดูเป็นพระเอกที่ไม่คิดจะจยับตัวทำอะไรเลย อยากให้มีคนที่มาจีบเทมส์แบบที่เหนือกว่าปาลทุกด้านบ้าง ถ้าแค่ชัดเจนมันเหมือนคนละชั้นอ่ะ อยากเห็นปาลเสียเซลฟ์และหึงหวงขั้นสุดกับเทมส์ หมั่นไส้ มั่นนัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 9 หน้า 4 UP!! 28/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 29-09-2018 18:46:29
อีตาเด็กที่จูบจันทร์ตอนอยู่ที่ฮ่องกงหายไปไหน
ทำไมไม่ตามสานต่อ นี่ก็ผ่านมา 1 ปีละ
เด็กคงโตขึ้นมาบ้างแล้วมั้ง..
หรือน้องกลัวเรื่องศีลธรรมไม่กล้าจีบหลัวชาวบ้าน  :hao6:
แต่เรายังอยากให้จันทร์กินเด็กอยู่นะเออ 5555555

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 9 หน้า 4 UP!! 28/09/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 01-10-2018 10:32:34

ภาค 10 Freedom of my mind. Really? - Part I



            นาฬิกาบนผนังกำลังดำเนินต่อเนื่องไปอย่างไม่สิ้นสุด จวบจนสี่ทุ่มก้องภพก็ยังไม่มารับบุตรชายที่นอนหลับไปแล้วพร้อมกับเพื่อนร่วมอายุ ฉันทัชมองนาฬิกาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่เอ่ยอะไร

            “เอาไง โทรไปถามเขาดีไหม ถ้าดึกนักก็ให้ลูกเขานอนนี่แหละ ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย” ถูกต้องอย่างอินทัชพูด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กชายจะมานอนค้างบ้านของสองแฝดพี่น้องคู่นี้

            “เอาไงดี” ฉันทัชครุ่นคิด ปกติก้องภพค่อนข้างดำเนินชีวิตแบบมีแผน ถ้าจะไม่มาหรืออย่างไร เขาจะแจ้งให้ฉันทัชรับทราบเสมอ

            “อาไทน์” เด็กชายเดินลงบันไดมา มือน้อยขยี้ตาด้วยความงัวเงีย

            “ครับลูก ลงมาทำไม ไม่นอนต่อล่ะ ไม่ง่วงหรือครับ” หญิงสาวว่าพลางเดินขึ้นบันไดไปหาหลานชาย

            “พ่อยังไม่มารับกายอีกเหรอ”

            “ยังไม่มาเลยครับ” อินทัชลูบศีรษะเด็กชายพลางหันมาสบตากับแฝดคนพี่ด้วยสีหน้าลำบากใจ

            “พ่อลืมกายอีกแล้วมั้ง” น้องกายพูดเรื่อยๆ แต่กระนั้นคนฟังก็รู้อยู่ดีว่าเด็กชายกำลังน้อยใจเหมือนช่วงเย็นที่พ่อไม่ได้มารับตนเองที่โรงเรียน

            “คุณพ่องานเยอะ ไม่เอาน่า เดี๋ยวถ้าคุณพ่อมา อาจะให้ขึ้นไปรับน้องกายที่ห้องเลยดีไหม”

            “ไม่เป็นไรครับ พ่อจะมากี่โมงก็ไม่รู้” เด็กชายพูดแต่ดวงตาจะปิดอยู่รำไร

            “ไปนอนกันนะ”

            “นอนกับอาไทน์นะ...แล้วยัยเปียอะ ทำไงดี” ถึงจะง่วง แต่ก็ยังไม่วายอดห่วงเด็กหญิงอีกคน

            “เดี๋ยวอาเทมส์นอนกับน้องปัณณ์ที่ห้องเองครับ” ฉันทัชพูดขึ้นบ้าง “หรือว่าน้องกายอยากจะนอนห้องเดียวกับน้องปัณณ์”

            “ไม่เอา กายจะนอนกับอาไทน์” พูดจบพลางกอดเอวของอินทัชเอาไว้แน่น

            “งั้นปะ ไปนอนกันดีกว่าเนอะ” อินทัชพูดจบก็จูงมือเด็กชายขึ้นบ้านไปห้องนอนตนเอง


            ฉันทัชมองตามน้องสาวและลูกชายของเจ้านายขึ้นบันไดไปด้วยกัน พลางนึกสงสัยว่า ถ้านึกถึงเหตุการณ์ที่เด็กชายกวินทร์จะได้เจอกับอินทัชนั้นน้อยเต็มที ยังไงก็ตามต้องน้อยกว่าที่เด็กชายเจอกับเขาแน่นอนเพราะบางครั้งก้องภพก็วานให้เขาไปรับลูกชายกลับมาที่บริษัทบ้างล่ะ บางทีก้องภพก็พาเด็กชายมาที่บริษัทเองบ้างล่ะ อย่างไรเขาน่าจะเจอกับเด็กชายมากกว่าอินทัช


            แต่ทำไม น้องกายถึงดูติดอาไทน์พอสมควร แม้กระทั่งยามนอนยังเรียกหาอาไทน์ ที่เจอหน้ากันนับครั้งได้ หรือแท้จริงแล้วสองคนนี้จะเจอกันมากกว่าที่เขารู้


            ฉันทัชอยากจะกุมขมับ แต่ก็จำต้องกดโทรศัพท์หาเจ้านาย


            “นอนนะครับ อาไทน์นอนเป็นเพื่อนนะคนเก่ง” อินทัชกล่อมเด็กน้อยพลางเกาหลังอย่างเบามือตามความเคยชิน ด้านเด็กชายเองก็นอนตะแคงโอบเอวอินทัชเอาไว้แน่น


            เด็กที่ขาดแม่คงจะโหยหาความอบอุ่นอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้หญิงไม่สมบูรณ์ก็เถอะ แต่น้องกายก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในตัวเขาขนาดนั้นนี่นา ซ้ำคนที่เป็นพ่อก็งานยุ่งเกินจะคณนา ผิดสัญญากับเด็กกี่ครั้งกี่คราวกันแล้ว อินทัชไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เขาไม่ชอบการให้ความหวังลมๆ แล้งๆ


            คนที่รอมันเจ็บปวด


            ร่วมครึ่งชั่วโมงเด็กชายจึงหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ อินทัชจึงเบาใจได้ว่าคืนนี้น้องกายคงหลับสนิทแน่นอน สายตาก็พลันเห็นแสงวาบจากหน้าจอโทรศัพท์ที่มีคนโทรเข้ามา อินทัชจูบหน้าผากเด็กชายก่อนจะค่อยๆ แกะมือเล็กออกจากเอว เพื่อหลบไปคุยโทรศัพท์นอกระเบียง เกรงว่าคนที่เพิ่งหลับไปจะตื่นขึ้นมาอีกรอบ


            “จะมารับน้องกายกี่โมง...” อินทัชรับสาย ไร้คำเกริ่นนำ มีแต่คำถามด้วยความที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

            “น้องกายล่ะ”

            “หลับแล้ว” เจ้าตัวยังคงตอบห้วนสั้น

            “ผมเลิกประชุมเสร็จก็เคลียร์งานต่อยาวเลย”

            “จะมารับลูกเมื่อไหร่” อินทัชตัดบทเพราะไม่อยากฟังคำแก้ตัวใดๆ

            “โกรธผมหรือ” ปลายสายถามเสียงเรียบ

            “คิดว่าไง”

            “ก็คงโกรธ”

            “ฉันไม่ได้โกรธเพราะตัวฉัน แต่โกรธแทนหลาน คุณสัญญากับเด็กแล้วผิดสัญญาแบบนี้ได้ยังไง”

            “ผมไม่ได้ตั้งใจ คุณก็รู้ว่างานผมมันก็เป็นแบบนี้นะไทน์”

            “ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ควรให้ความหวัง เด็กคนนั้นมันลูกคุณนะ คุณก้องภพ”

            “ผมขอโทษ” คำขอโทษออกมาจากปากของนักธุรกิจอย่างง่ายดายจนอินทัชถอนหายใจ

            “เอาเถอะ จริงๆ มันเป็นเรื่องของครอบครัวคุณ ฉันเองก็คนนอก คราวหน้าอย่าสัญญาพร่ำเพรื่ออีกก็แล้วกัน อ้อ..คนที่ควรไปขอโทษน่ะลูกคุณ ไม่ใช่ฉัน”

            “ไว้ผมจะขอโทษลูกเอง”

            “ตกลงจะมารับน้องกายเมื่อไหร่” อินทัชถามซ้ำ

            “พรุ่งนี้เช้า คืนนี้ ดึกแล้ว”

            “อืม มาแต่เช้าด้วย”

            “ครับ งั้นผมวางนะ”

            “นี่คุณ เดี๋ยว!อย่าเพิ่งวาง” อินทัชท้วงไว้ทันก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสายไปก่อน

            “ครับ?”

            “ยังอยู่ที่บริษัทหรือ”

            “ใช่ แต่กำลังจะกลับแล้ว”

            “ขับรถดีๆ ด้วย”

            “เป็นห่วงหรือ?” อินทัชได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสายก่อนที่มันจะถูกตัดไป


            ทางด้านฉันทัชหลังจากโทรศัพท์หาเจ้านายเสร็จเขาก็เดินขึ้นไปหาน้องปัณณ์เช่นกัน เห็นเด็กหญิงนอนผ้าห่มร่วงลงมาถึงปลายขา เจ้าตัวก็ยิ้มอย่างเอ็นดู สงสัยตอนที่น้องกายตื่นจะรีบลุกออกไปโดยไม่ได้สนใจเพื่อนหางเปียคนนี้เลยแม้แต่น้อย


            ฉันทัชเอนตัวนอนบนที่นอนแทนที่ของเด็กชายกวินทร์แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เด็กหญิงจนถึงอกอย่างเรียบร้อย หอมแก้มหลานสาวอีกสักฟอดให้ชื่นใจก่อนจะจูบกระหม่อมบางนั้นด้วยความรักที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กหญิงเริ่มเดินเตาะแตะจนวิ่งเล่นเรียกอาจันทร์ขา อาจันทร์ขาให้ใจอ่อนอยู่ร่ำไป


            เด็กหญิงศราลักษณ์ ชื่อคล้ายคุณพ่อแต่ใบหน้ากลับคล้ายมาทางคุณอาอย่างปาณัสม์จนแทบจะโขลกออกมาพิมพ์เดียวกัน หากเดินไปข้างนอกด้วยกัน ใครที่พบเห็นไม่แคล้วก็จะคิดว่าเป็นพ่อลูกกันแน่ๆ จนศรารัณอดน้อยใจไม่ได้ที่ถูกทักทุกครั้งว่าลูกหน้าไม่เหมือนพ่อเลย มีลูกสาวคนแรกอยากจะอวดใครต่อใคร แต่ลูกสาวกลับไม่ค่อยเหมือนตัวเองเสียนี่ น่าเศร้ายิ่งนัก


            ชายหนุ่มลูบเส้นผมหนาอย่างเบามือนั้นด้วยความอ่อนโยน หวนให้คิดถึงอีกคนที่มีเส้นผมดกดำไม่ต่างจากหลานสาว เพราะเขาก็ชอบเล่นผมปาณัสม์มากเหมือนกัน


            เจอหน้ากันครั้งนี้ยอมรับว่าตกใจ แต่ที่ตกใจมากกว่าคงเป็นที่อีกฝ่ายพาเลขาสาวมาด้วยต่างหาก เท่าที่เขารู้มา ไม่เคยมีสักครั้งที่ปาณัสม์จะพาเลขาอย่างเกศสิรี รวมถึงเลขาคนก่อนๆ มาคุยงานข้างนอก เพราะภาคสนามนั้นเป็นของชัดเจนมาแต่ไหนแต่ไร


            ฉันทัชจ้องมองใบหน้าหลานสาวแต่ไม่ได้นึกถึงน้องปัณณ์เลยแม้แต่น้อย หรือว่าแท้ที่จริงแล้วปาณัสม์กำลังคบกับเกศสิรีอยู่?


            ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาควรจะทำอย่างไร ฉันทัชพยายามสลัดความคิดนั้นออกจากหัว เขาไม่ควรมาคิดว่าจะต้องทำอย่างไร


เขาควรอยู่เฉยๆ ดีที่สุด


            ฉันทัชเลือกแล้ว ปาณัสม์ก็เลือกแล้ว ทุกอย่างก็ปล่อยให้เป็นอดีตไป


            ...


            “คุณปาลถึงแล้วหรือครับ” ชัดเจนที่ได้รับโทรศัพท์จากปาณัสม์รีบถามลูกพี่ทันที

            “ใช่ กำลังจอดรถ”

            “ขึ้นมาชั้นหกได้เลยครับ”

            “ขอบใจ จะขึ้นไปเดี๋ยวนี้” ปาณัสม์ตอบพลางดับเครื่องยนต์ให้เรียบร้อยก่อนจะรีบขึ้นไปยังชั้นที่ชัดเจนบอก


            วันนี้เขามีคุยงานกับก้องภพอย่างกะทันหันเพราะศรารัณ ผู้เป็นพี่ชายไม่สามารถปลีกตัวมาจากลูกชายคนเล็กอย่างเด็กชายอิศราออกมาได้ ถึงจะมีชลพิกา ภรรยาสาวคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง แต่เวลานี้ ศรารัณย่อมต้องเป็นกำลังใจให้ภรรยาของตนเองด้วย


            ไม่ใช่สิ เยียวยาและคอยให้กำลังใจกันและกันต่างหาก


            ปาณัสม์ให้ชัดเจนอยู่ที่โรงพยาบาลกับพี่ชายและพี่สะใภ้ เพราะหากมีอะไรเร่งด่วน ชัดเจนดูจะเป็นคนที่มีสติมากที่สุดในเวลานั้นที่จะช่วยเหลือสองคนได้ ทำให้วันนี้เขาจึงต้องพาเกศสิรีไปคุยงานด้วยกันข้างนอก ส่วนคุณย่าของหลานชายหรือคุณหญิงกิ่งกานต์ มารดาของเขาเอง ปาณัสม์ขอร้องให้มารดาอยู่ที่บ้านคอยฟังข่าว เขาไม่อยากให้ผู้สูงอายุต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งเฝ้าหลานจนไม่สบายไปอีกคน


            ถ้าจะมีคนป่วยก็ขอแค่มีคนเจ็บป่วยเพียงแค่คนเดียวก็เกินพอแล้ว


            “ชัด พี่ปอนด์ล่ะ” ปาณัสม์รีบถามตอนที่เดินเข้ามาแล้วเห็นชัดเจนนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องพักห้องหนึ่ง

            “คุณปอนด์เพิ่งออกไปเมื่อสักครู่นี้เองครับ อาจจะไปติดต่อเรื่องค่าใช้จ่าย” ชัดเจนลุกขึ้นยืนตอบคำถาม

            “งั้นหรือ แต่ยังไม่น่าได้ออกโรงพยาบาลวันนี้นะ” ปาณัสม์คิด

            “มาแล้วหรือปาล เรื่องงานเป็นไงบ้าง” ศรารัณที่เดินมาจากทางด้านหลังของปาณัสม์เอ่ยทัก

            “เรื่องงานราบรื่นดีครับ พี่ปอนด์คุยกับคุณก้องไว้เกือบหมดแล้วนี่ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

            “อืม คุณก้องเขาค่อนข้างจะแฟร์กับทางเรามาก เหมือนเราพึ่งพาเขาเลย เอ่อ..พี่ขอโทษด้วย พี่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแกไปที่นั่นคงเจอกับเทมส์” พี่ชายบอกรู้สึกผิด มัวแต่กังวลเรื่องลูกชายจนลืมทุกสิ่งรอบข้างไปหมด

            “ไม่เป็นไรครับ”

            “เจอกันแล้วใช่ไหม”

            “ครับ”

            “โอเคนะ” ศรารัณถามอย่างเป็นห่วง หนึ่งปีที่ผ่านไป ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องชายและอดีตคนรักของน้องบ้าง

            “โอเคสิพี่ ผมไม่เป็นไร แล้วน้องปุณณ์เป็นไงบ้าง” ปาณัสม์เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง

            “ดีขึ้นแล้ว หวังว่ารอบนี้จะดีขึ้นแล้วจริงๆ” ศรารัณเฝ้าภาวนา เขาเพิ่งพาลูกชายกลับไปอยู่บ้านได้สองวัน เด็กชายก็ไข้ขึ้นสูงอีกครั้งจนรีบแจ้นมาโรงพยาบาลอีกรอบตั้งแต่เมื่อคืน คอยเฝ้าระวังอาการในตัวลูกชาย จนเขากับภรรยานั้นยังไม่ได้นอนกันเลยจนกระทั่งถึงตอนนี้

            “คืนนี้ผมนอนเฝ้าให้เองครับ พี่กับพี่เกดแล้วก็ชัดกลับไปพักที่บ้านเถอะ” ปาณัสม์บอก สีหน้าพี่ชายดูอ่อนล้าและอิดโรยเกินไปที่จะเฝ้าบุตรชายคืนนี้

            “พี่เป็นห่วงลูก”

            “ผมรู้ว่าพี่เป็นห่วง แต่ถ้าพี่ล้มไปแล้วพี่เกดล่ะ น้องปัณณ์ล่ะ แม่อีกล่ะ แบบนี้ผมไม่โอเคนะครับ” ปาณัสม์อธิบายให้คนเป็นพี่เข้าใจ

            “ถ้าปาลมาเฝ้าน้องปุณณ์แล้วใครจะอยู่กับน้องปัณณ์ล่ะ” ศรารัณพูดเสร็จแล้วจึงนึกได้ “เอ๊ะ น้องปัณณ์ล่ะ? เลิกเรียนแล้วไม่ใช่หรือ แกลืมไปรับหลานหรือเปล่า”

            “ผมให้จันทร์ไปรับน้องปัณณ์แทนครับ คืนนี้หลานจะนอนที่บ้านนั้น พี่ปอนด์หายห่วงแล้วนะครับ” ปาณัสม์บอกพี่ชายให้สบายใจ โดยลืมตัวไปเสียสนิทว่ายังเรียกชื่อเล่นของฉันทัชเหมือนสมัยที่ยังคบกัน

            “อืม แบบนั้นพี่ก็เบาใจ อยู่กับเทมส์ก่อนก็ดีเหมือนกัน”

            “ถ้าสบายใจก็เตรียมกลับบ้านไปพักได้แล้วครับ”

            “กลับไปพักเถอะครับ คุณปอนด์” ชัดเจนออกความเห็นบ้าง

            “ก็ได้ งั้นเข้าไปกล่อมเกดด้วยกันก่อน” ศรารัณเอ่ยชวนน้องชายเพราะรู้ว่าชลพิกาห่วงลูกชายไม่น้อยไปกว่าเขาเลย

  "แล้วเมื่อกี้พี่ไปไหนมา” ปาณัสม์ถามเพราะแท้จริงพี่ชายควรจะอยู่ในห้องเสียมากกว่า

            “ถ้าไม่ทัก พี่คงลืมไปแล้ว พี่ไปที่เคาท์เตอร์พยาบาลมา จะให้เขาถามคุณหมอว่าน้องปุณณ์จะต้องนอนอีกกี่วัน พี่จะได้เตรียมตัวรับมือถูก” ศรารัณยิ้มที่ดูอ่อนล้าให้น้องชาย “ตะกี้พี่ก็ดันลืมถามคุณหมอตอนที่เขามาตรวจลูก”

            “ถ้างั้นพี่ลองไปดูอีกทีก็แล้วกัน ผมเข้าไปในห้องหลานก่อน” ศรารัณพยักหน้าว่ารับรู้ก่อนจะเลี่ยงเดินไปเส้นทางเดิมอีกครั้ง

            “ผมไปเตรียมรถมารอข้างหน้าเลยนะครับ” ชัดเจนถาม

            “ก็ดี ขับรถระวังๆ นะชัด” ปาณัสม์เป็นฝ่ายตอบแทน

            “ครับ” ชัดเจนรับคำอย่างขมีขมันและเอ่ยลากลับ

            “ว่าไงพี่เกด เป็นไงบ้าง ไหวไหม” ปาณัสม์ทักร่างพี่สะใภ้ที่ฟุบอยู่กับขอบเตียงของบุตรชาย

            “ไม่ไหวก็ต้องไหวอะปาล” ชลพิกาเงยหน้ามายิ้มให้ด้วยความอ่อนเพลีย

            “ยกตำแหน่งสาวอึดแห่งปีให้เลย ตะกี้ผมเจอพี่ปอนด์แล้วนะ คุยกับพี่ปอนด์แล้วด้วย”

            “คุยเรื่องอะไรหรือคะ”

            “เรื่องที่ต้องมีคนกลับไปพัก”

            “ไม่เอาอะน้องปาล” ไม่ต้องขยายความเพิ่ม หญิงสาวก็เข้าใจความหมายเป็นอย่างดี ทำให้ชลพิกาลืมตัวเรียกน้องนำหน้าชื่อตามความเคยชินปาก “เฝ้าไข้คนป่วย ยิ่งเป็นเด็กที่ป่วยด้วย มันยิ่งเหนื่อยเป็นสองเท่ารู้ไหม” ชลพิกาบอกด้วยความเข้าใจเป็นอย่างดี

            “ผมเฝ้าไข้หลานคนเดียวยังพอไหว แต่ถ้าต้องให้ผมไปเฝ้าไข้พี่เกดหรือพี่ปอนด์ด้วย ผมไม่ไหวหรอกครับ”ปาณัสม์ยิ้มให้พี่สะใภ้ด้วยความอ่อนโยน

            “อีกอย่างพูดเหมือนผมไม่เคยนอนเฝ้าไข้หลานอย่างนั้นน่ะ”

            “ตอนเฝ้าไข้น้องปัณณ์น่ะ น้องปัณณ์เริ่มโตแล้วนะปาล พูดได้แล้วด้วย อยากได้อะไรก็บอกอาจันทร์ อาปาล”ชลพิกาพูดลืมระวังคำที่เอ่ยชื่อใครออกมา

            “พี่ขอโทษพี่ไม่ได้ตั้งใจ”

            “ไม่เป็นไรครับ ทำไมวันนี้ใครๆ ก็เอาแต่ขอโทษผมเรื่องจันทร์” ปาณัสม์ยิ้มอ่อนก่อนจะพูดต่อ “ผมโอเคนะพี่ ผมโอเคจริงๆ”

            ชลพิกามองอีกฝ่ายนิ่งแต่ไม่ยอมพูดอะไร ในเมื่อเจ้าตัวบอกว่าโอเค ย่อมแปลว่าโอเคแล้วตามที่ปาณัสม์ต้องการ แต่ไม่รู้ว่าปากนั้นตรงกับใจหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง

            “ให้ปาลเฝ้าหลานเถอะ เกด” ศรารัณเข้ามาในยินบทสนทนากันสักพักแล้วแต่เขาไม่ได้ขัดขึ้นมาจนกระทั่งเกิดความเงียบในห้องนั่นแหละ ศรารัณจึงเลือกเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นเอง

            “แต่เกด..” ชลพิกาดูยังไม่ค่อยวางใจ ไม่ใช่เธอไม่ไว้ใจปาณัสม์ แต่เธอไม่อยากให้คนอื่นต้องมาลำบากไปด้วย อีกทั้งเธอแค่เป็นห่วงลูกชาย

            “ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกน่า ถึงมันจะดูแลตัวเองไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่มันดูแลลูกเราได้อยู่แล้ว” ศรารัณเดินเข้ามากระชับไหล่ภรรยาให้คลายกังวล

            “ก็ได้ค่ะ”

            “เดี๋ยวให้ชัดไปส่งนะครับ ผมให้ชัดขับรถมารอข้างหน้าแล้ว พอไปถึงบ้านก็พักผ่อนกันด้วยล่ะ”

            “แล้วปาลจะเอาไรจากที่บ้านหรือเปล่า” พี่สะใภ้ยังอดห่วงตามประสาผู้หญิง

            “ไม่ต้องครับ นี่ไงผมเอาด้วยแล้ว” ปาณัสม์ชี้กระเป๋าสำหรับค้างคืนใบย่อมที่วางอยู่ข้างตัว


            ชลพิกากับศรารัณเริ่มพูดถึงอาการของบุตรชายและบอกปาณัสม์ว่าหลักๆ ที่เขาจะอยู่ดูแลหลานนั้นต้องทำอะไรบ้าง ต้องเตรียมตัวอย่างไรอีกบ้าง ปาณัสม์พยักหน้าว่าเข้าใจก่อนจะไล่พี่ชายและพี่สะใภ้ให้กลับไปเสียที ชักช้าไปกว่านี้จะเสียเวลาการพักผ่อนเพิ่มขึ้นไปอีก ก่อนออกจากห้องไป ชลพิกายังกำชับอีกครั้งว่าพรุ่งนี้จะรีบมาเปลี่ยนให้ปาณัสม์แต่เช้า


            คล้อยหลังสองสามีภรรยาออกไป ปาณัสม์รีบไปอาบน้ำทันทีเป็นอันดับแรก เขาไม่กล้าถูกเนื้อต้องตัวหลานชาย เพราะผู้ใหญ่นั้นผจญเชื้อโรคมาจากข้างนอกมากมาย เขาไม่มีทางเสี่ยงเพิ่มโรคให้หลานอย่างเด็ดขาด ภายหลังอาบน้ำเสร็จ ปาณัสม์เดินเข้ามาใกล้เตียง ก้มลงฟังเสียงหายใจของเด็กน้อยด้วยความเป็นห่วง


            สายตาของปาณัสม์ยามที่มองเด็กชายนั้นเต็มไปด้วยความปวดร้าวด้วยความสงสารเด็กน้อย สายระโยงระยางเต็มไปหมด มือนุ่มนิ่มบอบบางคงจะเจ็บไม่น้อยที่ต้องถูกเจาะ ขนาดเขาไม่ได้เป็นพ่อแม่ให้กำเนิดเด็กชายอิศรา เขายังรู้สึกทุกข์ร้อนไปกับอาการเจ็บป่วยของหลานชาย แล้วหัวอกคนเป็นพ่อแม่ล่ะจะทุกข์ใจแค่ไหน


            ดังนั้นตอนที่ฉันทัชถามถึงอาการของเด็กชายอิศรานั้น ปาณัสม์จึงเลือกตอบว่าเด็กน้อยดีขึ้นแล้วเพื่อไม่ให้ฉันทัชต้องเป็นห่วง ทำไมเขาจะเดาไม่ได้ว่าอดีตคนรักนั้นรักเด็กมากแค่ไหน หวนคิดถึงครั้งแรกที่ต้องมาเฝ้าน้องปัณณ์ พี่สาวของน้องปุณณ์แล้ว ปาณัสม์จำได้ว่าเขาร้อนใจกับความเจ็บป่วยของหลานสาว แต่ก็นึกขันฉันทัชอยู่ไม่น้อย



          “ปาล อย่าเพิ่งมาถูกตัวหลาน ไปล้างมือก่อน” ฉันทัชสั่งห้ามตอนที่ปาณัสม์เอื้อมมือจะจับศีรษะเด็กหญิงศรา-ลักษณ์

            “ล้างมาแล้ว นี่ไง” ปาณัสม์ชูมือที่ยังดูเปียกชื้นตามมือทั้งสองข้าง

            “ล้างดีหรือเปล่า แล้วทำไมไม่เช็ดให้แห้ง”

            “ล้างดีแล้ว”

            “ไม่เชื่อ มากับจันทร์ก่อน เดี๋ยวจันทร์ล้างให้ใหม่” ฉันทัชดึงมือของปาณัสม์กลับไปที่อ่างล้างมืออีกครั้ง

            “ล้างแบบนี้สิ เห็นไหม เขาติดวิธีการล้างมือที่ถูกต้องอยู่ตรงนี้” ฉันทัชชี้ไปยังแผ่นป้ายที่เขียนบอกไว้ ปาณัสม์อมยิ้มกับความเจ้ากี้เจ้าการและติดจะบ่นเล็กน้อยตามวิสัยของเจ้าตัว

            ฉันทัชจับมือของปาณัสม์ล้างตามวิธีที่บอกไว้ทุกขั้นตอน และเมื่อเห็นปาณัสม์เงียบไม่พูดอะไร ฉันทัชจึงเงยหน้าขึ้นมอง “ยิ้มอะไร” เห็นคนตัวสูงกว่ายืนยิ้มให้เขา

           “เปล่า”

           “ก็เห็นว่ายิ้ม ขำจันทร์งั้นหรือ” ฉันทัชทำตาเขียวก่อนจะถูมือของปาณัสม์ให้แรงขึ้นตามอารมณ์

           “เปล่า เปล่าจริงๆ ครับ สาบานเลย แค่คิดอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

           “คิดอะไรอะ” ฉันทัชถามขณะเริ่มล้างน้ำเปล่า

           “แค่คิดว่าไม่มีวิธีอย่างอื่นบ้างเหรอ”

           “วิธีล้างมือเหรอ?คงมีมั้ง จันทร์ไม่รู้อะ เดี๋ยวไว้เสิร์ชในเน็ตดูก็ได้นะ” ฉันทัชดึงกระดาษมาเช็ดมือให้อีกฝ่ายอย่างตั้งใจ ก่อนจะเงยหน้าบอกเรื่องการหาวิธีล้างมือเพิ่ม

           ปาณัสม์ส่ายหน้าแต่ใบหน้ายังยิ้มอยู่ “ไม่ใช่ วิธีล้างมือ”

           “อ้าว แล้ววิธีอะไร” ฉันทัชทำหน้างง

           “ก็..วิธีรักจันทร์น่ะ มีอีกไหม”

          ฉันทัชพูดไม่ออก ซ้ำยังไม่กล้าสบตากับคนพูดอีก บ้าจริง มาพูดอะไรเวลานี้ หลานยังนอนไม่สบายอยู่ด้านนอก แท้ๆ

          “เขินเหรอ” ปาณัสม์เย้า “แต่ปาลพูดจริงๆ นะ ปาลอยากมีวิธีรักจันทร์เยอะๆ จันทร์จะได้ไม่เบื่อปาลไง”

          “ไม่มีทาง จันทร์ไม่มีวันเบื่อปาลหรอก”




          ปาณัสม์เงยหน้ามองดวงไฟที่อยู่บนห้อง ดึงแว่นออกจากใบหน้ามาถือไว้ข้างหนึ่ง เขาหลับตาลง ทั้งที่เป็นตัวเขาเองที่พูดแบบนั้นเองแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าเขากลับทำตัวแบบนั้นใส่ฉันทัชในช่วงปีหลังที่อยู่ด้วยกัน


          ยิ่งภาพช่วงบ่ายที่เห็นก้องภพเดินเข้ามาพร้อมกับมือที่เตะเอวของอดีตคนรักนั้น เขาต้องปั้นหน้าฝืนยิ้มเท่าไหร่ที่จะไม่โวยวายออกไป


          ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน เขาก็ยังแก้นิสัย ‘หึงหวง’ นี้ไม่ได้เลย


          ไอ้ปาล ไอ้บ้าเอ๊ย




========================================

สวัสดีตุลาคมค่ะ
** สงสัยจะได้ลง จ พ ศ เสียแล้วล่ะมั้ง (ถ้าสามารถค่ะ)

HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 หน้า 5 UP!! 01/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-10-2018 12:32:49
สม!!!!
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 หน้า 5 UP!! 01/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 01-10-2018 13:36:32
ก็ยังยืนยัน อยากให้จันทร์เริ่มต้นชีวิตใหม่
กับใครสักคนอยู่ดี...
ฉันไม่สงสารแกหรอกอีตาปาล  :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 หน้า 5 UP!! 01/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 01-10-2018 13:50:09
ในเมื่อรู้ทำไมไม่แก้ไขล่ะ สมควรถูกทิ้งแล้วเราว่า
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 หน้า 5 UP!! 01/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-10-2018 15:19:38
ลงบ่อยๆเลย เฮ้อ หน่วงมากๆ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 หน้า 5 UP!! 01/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 01-10-2018 15:46:08
คบคนใหม่ไม่รอแล้วน้าาาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 หน้า 5 UP!! 01/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 01-10-2018 18:38:23
สม!!!!!  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 หน้า 5 UP!! 01/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 01-10-2018 19:26:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 หน้า 5 UP!! 01/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 01-10-2018 20:45:54
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 หน้า 5 UP!! 01/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 01-10-2018 22:17:46
 :เฮ้อ: ้้ ปาลรู้ตัวช้าจัง
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 หน้า 5 UP!! 01/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-10-2018 00:06:35
รักจะหวนคืนไหมนะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 หน้า 5 UP!! 01/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 03-10-2018 11:08:47

ภาค 10 Freedom of my mind. Really? - Part END



ก้องภพมารับบุตรชายไปตั้งแต่เช้าตามสัญญาที่บอกไว้กับฉันทัชเมื่อคืน เด็กชายกวินทร์หน้างอเล็กน้อยเพราะพ่อดันมารับผิดจังหวะที่เจ้าตัวกำลังเล่นกับยัยหางเปียอยู่อย่างสนุกสนาน แต่เมื่อคนเป็นพ่อบอกต้องกลับบ้านแล้ว เด็กชายก็ไม่อิดออดยอมกลับไปพร้อมกับพ่อแต่โดยดี


“เหงาล่ะสิ ไม่มีเพื่อนเล่น"อินทัชแกล้งถามเด็กหญิงที่กำลังพลิกสมุดภาพไปมาในมืออย่างเบื่อๆ

“ใครจะอยากเล่นกับเด็กนิสัยไม่ดีแบบนั้น” น้องปัณณ์ปากแข็ง บอกอย่างไม่ยี่หระ

“อ้าว งั้นที่อาเห็นคือฝืนใจมาตลอดเลยเหรอ” หญิงสาวยังแกล้งเย้าหลานต่อด้วยความสนุก ฉันทัชขึงตาใส่น้องสาว ทว่ามีหรือที่คนอย่างอินทัชจะสนใจ

“ก็เล่นแก้ขัดไปอย่างนั้นเองค่ะ อาจันทร์ทำกับข้าว อาไทน์ก็หนีไปอาบน้ำนี่นา หนูอยู่คนเดียวก็เลยต้องเล่นเป็นเพื่อนเขา” เด็กหญิงตอบพลางทำเสียงเลียนแบบผู้ใหญ่ ดูท่าทางคงจะไปได้ยินจากโทรทัศน์หรือจากที่บ้านมาล่ะมั้ง

“ถ้าน้องกายได้ยินคงเสียใจน่าดูว่าเพื่อนไม่อยากเล่นกับตนเอง เฮ้อ ไปบอกให้รู้ตัวดีไหมน้า” อินทัชแสร้งถอนหายใจ ประหนึ่งว่าเป็นห่วงเด็กชายที่เพิ่งกลับบ้านไปเสียเต็มประดา

“อาไทน์อย่าบอกกายนะคะ” น้องปัณณ์รีบวางสมุดลงบนโซฟาแล้วจับแขนอินทัชไว้ด้วยสองมือเล็กนั้นด้วยท่าทีที่ร้อนรนไม่สบายใจ

“ทำไมล่ะคะ”

“เล่นกับกายก็สนุกดีค่ะ อย่างน้อยกายก็ไม่ชอบเล่นอะไรแรงๆ เหมือนเพื่อนผู้ชายที่โรงเรียนหนู” เด็กหญิงเริ่มสารภาพ

“หืม? อย่างนั้นเหรอ”

“ค่ะ หนูเคยถามกายว่าอยากเล่นหุ่นยนต์อะไรแบบนี้ไหม หนูเล่นเป็นเพื่อนให้ได้นะ”

“แล้วกายตอบหนูว่าไงคะ”

“กายบอกไม่เป็นไรค่ะ เขาบอกว่าเล่นที่โรงเรียนเบื่อแล้ว” อินทัชอมยิ้ม ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเลย คนพ่อเป็นอย่างไรดูท่าทางแล้วคนลูกจะถอดนิสัยออกมาแบบเดียวกัน

“ดีจังเลยน้า ถ้าคราวหน้าอาไทน์ไปรับน้องกายมาอีก น้องปัณณ์จะเล่นกับน้องกายไหมคะ”

“เล่นสิคะ” เด็กหญิงตอบจากใจโดยไม่รู้ตัวว่าสุดท้ายตัวเองนั้นกลับถูกล่อลวงให้ตอบจากผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์มากกว่า

“แล้ววันนี้ไทน์ไม่มีงานเหรอ” ฉันทัชถามขึ้นตอนที่วางจานฝรั่งให้หลานสาว อินทัชเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมากินชิ้นหนึ่ง มีเด็กอยู่ในบ้านก็ดีไปอีกแบบเพราะฉันทัชช่างเอาใจหลาน พลอยเป็นลาภปากของอินทัชไปด้วย

“นี่ของน้องปัณณ์ ถ้าไทน์จะกินก็ไปหยิบในตู้เย็นนู่น เทมส์ทำแช่ไว้ให้แล้ว”

“ทำหวงไปได้ ถ้าหมดเดี๋ยวไทน์ไปหยิบมาเติมให้น่า”

“ตกลงว่าวันนี้มีงานหรือเปล่า”

“มีช่วงบ่ายอะ ไทน์บอกให้รถตู้มารับแล้ว เทมส์เอารถไปใช้นะเผื่อว่าจะพาน้องปัณณ์ไปเที่ยวที่ไหน”

“อืม ขอบใจนะ”

“เรื่องเล็กน้อย พาหลานมาอยู่ด้วยจะให้ลำบากได้ไง นี่เจ๊ใหญ่นะ” อินทัชชี้มือเข้าหาตัวเอง ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าแม่สายเปย์ จนฉันทัชและเด็กหญิงศราลักษณ์พากันหัวเราะไม่หยุด

“อาไทน์ไม่ไปเที่ยวกับหนูเหรอคะ” น้องปัณณ์ถามย้ำ

“อาไทน์มีงาน ไปไม่ได้”คนสวยพูดเสร็จทำท่าขยี้ตาคล้ายกับจะร้องไห้

“ทำไมถึงมีงานล่ะคะ วันนี้เป็นวันเสาร์แท้ๆ ปกติคุณพ่อ ก็หยุดงาน อาจันทร์ก็หยุดงาน ไม่นึกว่าอาไทน์กับอาปาลจะทำงานไม่หยุดอยู่สองคน” เด็กหญิงพูดเจื้อยแจ้วไม่ได้สนใจว่าชื่อของคนสุดท้ายจะไปกระทบใครหรือเปล่า

“งานของอาไทน์ไม่แน่นอนค่ะ คนสวยก็แบบนี้ล่ะน้า ใครๆ ก็อยากได้อาไทน์ไปทำงานด้วย” หญิงสาวทำท่าสะบัดผมเล็กน้อยเพื่อประกอบคำพูด

“อาไทน์ตลกอะ” น้องปัณณ์หัวเราะคิกคักจนตาหยีอีกรอบ เสร็จแล้วจึงหยิบสมุดภาพมาดูต่อ

“เอ้อ นี่เทมส์”

“ว่าไง”

“ลืมถามไปเลย แล้วน้องปัณณ์จะนอนค้างที่บ้านเรากี่วัน”

“นั่นสิ เทมส์ก็ลืมไปเลย เดี๋ยวโทรไปถามพี่ปอนด์แล้วกัน”

“อาปาลบอกให้หนูมาค้างกับอาจันทร์สองวันค่ะ” ไม่คาดคิดว่าคำตอบจะมาจากเด็กน้อยที่กำลังกัดฝรั่งเข้าปากด้วยความอร่อย

“ว่าไงนะ เจ้าตัวเล็ก” อินทัชเป็นฝ่ายถามแทนพี่ชาย

“อาปาลบอกหนูตั้งแต่เมื่อวานว่าอาจันทร์จะมารับหนูไปค้างที่บ้านสองวัน” เด็กหญิงพูดอีกครั้ง ฉันทัชทำหน้านิ่งเก็บอาการ แต่หัวสมองกำลังคิด


หมายความว่าที่ฉันทัชเจอกับปาณัสม์เมื่อวานนี้ อีกฝ่ายรู้ตัวว่าจะเจอเขาแน่นอน และการที่เอ่ยปากให้เขาไปรับน้องปัณณ์มานั้น ก็ถูกเตรียมการมาอย่างดีแล้ว


จะไปเที่ยวเนี่ย ต้องวางแผนขนาดนี้เลยเชียวหรือ


“แล้วอาปาลไปไหนล่ะคะ ไปเที่ยวกับอาจักรเหรอ” อินทัชรู้ว่าพี่ชายกำลังคิดอะไรอยู่แน่ๆ หญิงสาวจึงตะล่อมถามหลานสาวเผื่อว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น

“เปล่าค่ะ” เด็กหญิงส่ายหน้าจนหางเปียสะบัดไปมา “อาปาลบอกจะไปนอนเฝ้าน้องปุณณ์ที่โรงพยาบาลแทนพ่อปอนด์กับแม่เกดค่ะ”

‘ไหนปาลบอกว่าหลานดีขึ้นแล้ว’ฉันทัชคิด


“น้องปุณณ์ดีขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ” คราวนี้ฉันทัชถามบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเด็กหญิงจะรู้เรื่องอะไรมากไปกว่านี้

“ไม่รู้ค่ะ” อย่างที่ฉันทัชคิด เพราะคงไม่มีผู้ใหญ่อยากมาเล่าอาการเจ็บป่วยให้เด็กฟังสักเท่าไหร่หรอก “แต่ตอนที่อาปาลรับโทรศัพท์พ่อปอนด์นะ อาปาลทำหน้านิ้ง นิ่ง จนหนูกลัวเลยล่ะค่ะ” เด็กหญิงทำเสียงสูงให้สมจริง

“อาปาลคงคิดอะไรอยู่มั้งลูก” ฉันทัชลูบศีรษะหลานสาวเพื่อปลอบขวัญ“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยววันนี้อาจันทร์พาน้องปัณณ์ไปเอาเสื้อผ้าที่คอนโดก่อนละกัน” ทีแรกเขาคิดว่าค้างคืนเดียว ทว่าไม่ใช่ ดังนั้นเสื้อผ้าของเด็กหญิงจึงไม่พอที่จะใส่สำหรับสองวัน เพราะเพิ่งขนกลับไปบ้านของเด็กหญิงเมื่อครั้งก่อนล็อตใหญ่

“ดีค่ะ หนูจะได้ไปเอาของเล่นเพิ่มด้วย...ได้ไหมคะ อาจันทร์ขา” เรียกอาจันทร์เสียงหวานแบบนี้ ฉันทัชก็รู้ละว่าเด็กหญิงกำลังอ้อน

“ทำเสียงแบบนี้ อาจันทร์จะไม่ให้ได้ไง”

“อาจันทร์น่ารักที่สุดเลย” เด็กหญิงศราลักษณ์กอดหมับเข้าที่เอวของอาจันทร์ที่รักไว้แน่น

“อาไทน์ขึ้นไปแต่งตัวก่อนนะคะ” อินทัชจูบกระหม่อมของหลานสาว ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป เจ้าตัวหันมาพูดกับพี่ชายเสียงเบาด้วยเกรงว่าหลานสาวจะได้ยิน“น้องปุณณ์ไม่เป็นอะไรหรอก อย่าห่วงเลย”

“อืม เทมส์ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน”


....


ติ๊ด!!


เสียงเปิดประตูคอนโดดังขึ้น ห้องที่ฉันทัชย้ายออกไปเมื่อหนึ่งปีก่อน ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขามาคอยควบคุมพนักงานขนย้ายของ ฉันทัชก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย เมื่อประตูเปิดออกสองอาหลานพากันเข้าไปด้านใน ฉันทัชมองไปรอบๆ ห้อง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ห้องค่อนข้างสะอาดทีเดียว คาดว่าคงมีแม่บ้านมาคอยทำความสะอาดให้เป็นประจำ

“เสียงอะไรน่ะ” ฉันทัชได้ยินเสียงเพลงดังขึ้นมาจากมุมไหนของห้องสักแห่ง แต่จับไม่ได้ว่ามาจากห้องไหน

ขนลุกชูชัน มีใครอยู่ที่ห้องนี้นอกจากเขากับน้องปัณณ์ด้วยหรือ

“อ๋อ เสียงเพลงในห้องนอนค่ะ อาปาลบอกว่าเครื่องเล่นมันชอบเล่นเอง สงสัยจะเสีย แต่อาปาลไม่มีเวลาเลยไม่ได้เอาไปซ่อมสักที”

“งั้นเหรอคะ” ฉันทัชได้ยินอย่างนั้นก็เบาใจ

“อาจันทร์เข้าไปปิดให้หนูหน่อยนะคะ เครื่องนี้มันเล่นอยู่เพลงเดียวค่ะ หนูฟังจนจะร้องได้แล้ว ตอนนี้หนูไม่ไหว หนูปวดฉี่ ทนไม่ไหวแล้ว” เด็กหญิงพูดรัวเร็ว พอพูดจบก็วิ่งปรูดหายเข้าไปในห้องน้ำด้านนอกทันที ท่าทางเจ้าตัวจะทนกลั้นมาตลอดทาง ทิ้งให้อาคนนี้ยิ้มเอ็นดูด้วยความหลงหลาน

ฉันทัชเปิดประตูห้องเข้าไปยังห้องที่คุ้นเคย ชายหนุ่มสัมผัสกลิ่นของเจ้าของห้องได้ดี ปาณัสม์ไม่เคยเปลี่ยนน้ำหอม ไม่เคยเปลี่ยนกลิ่นสบู่อาบน้ำถ้าฉันทัชไม่เปลี่ยนให้


‘เหมือนดังบทเพลง ที่ไม่มีใครได้ยิน
ผมตะโกนกรีดร้องแต่เธอกลับไม่ได้อยู่ที่นี่
ทุกอย่างที่ผมอยากทำคือบอกว่า ผมรักเธอ
ทุกอย่างที่ผมอยากทำคือบอกว่า ผมเป็นห่วง’

 

เขาเดินเหมือนละเมอ เข้าไปใกล้เสียงเพลงที่กำลังดัง
 

‘คำสัญญาของผมมันไร้ประโยชน์
รู้สึกเหมือนมันไม่มีค่า
ทั้งตอนนี้และเวลานี้ ช่างว่างเปล่าเหลือเกิน
 
ผมจะสามารถ...’

 

“อาจันทร์เห็นปุ่มปิดหรือเปล่าคะ” ฉันทัชไม่มีโอกาสฟังต่อจนจบเพราะเด็กหญิงศราลักษณ์โผล่หน้าเข้ามาถามเสียก่อน

“อาเพิ่งเห็น อยู่ตรงนี้นี่เอง” ฉันทัชรีบกดปุ่มปิดสวิตช์เครื่องเล่นนั้นอย่างรวดเร็ว

“ตอนแรกนะ หนูกลัวมาก นึกว่าผีหลอก อาปาลหัวเราะหนูยิ่งใหญ่มากเลย” เด็กหญิงฟ้องพลางทำปากยื่น

“อาปาลหัวเราะเด็กน่ารักคนนี้ได้ยังเนี่ย” ฉันทัชกลั้นยิ้มอยากจะหัวเราะเช่นกัน

“ไม่ต้องเลย อาจันทร์ก็จะหัวเราะหนูอีกคนใช่ไหม” เด็กหญิงเตรียมงอน

“โอ๋ๆ เปล่าสักหน่อย อาจันทร์เห็นน้องปัณณ์น่ารักต่างหาก”

“ไม่เชื่ออาจันทร์หรอก ตั้งใจจะหัวเราะหนูแน่ๆ” เด็กหญิงยังไม่คล้อยตามแต่สายตาของเธอกลับเห็นแผ่นอะไรเข้าเสียก่อน“อาจันทร์ กระดาษอะไรร่วงอะคะ” น้องปัณณ์ชี้ไปยังกระดาษโพสต์อิทแผ่นหนึ่งที่ร่วงหล่นลงมาบนหมอนสีขาว


หมอนของปาณัสม์


“กระดาษอะไรน้า” ฉันทัชว่าพลางหยิบกระดาษขึ้นมาอ่าน ใบหน้าของฉันทัชตกใจยามที่เห็นข้อความในนั้น “น้องปัณณ์บอกจะเอาของเล่นอะไรกลับไปด้วยคะ ไปหยิบเตรียมไว้ข้างนอกให้อาจันทร์นะ จะได้ไม่ลืม” ชายหนุ่มหันไปบอกเด็กหญิง

“ค่า” เด็กน้อยที่ยังไม่เข้าใจนัยยะ นึกว่าอาเตือนเรื่องของเล่นจริงๆ จึงรีบออกไปโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ

มือของเขาสั่นเล็กน้อยตอนที่หยิบกระดาษนั้นมาอ่านอีกครั้ง มันเป็นข้อความสุดท้ายที่เขาเขียนให้ปาณัสม์ก่อนจะย้ายออกไปในตอนนั้น


‘รักเสมอ’


แล้วตอนนี้ล่ะ เขายังรักอีกฝ่ายอยู่หรือเปล่า


ฉันทัชถามตัวเอง แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่ามาที่นี่เพื่ออะไร ชายหนุ่มเลยตั้งใจจะเอากระดาษแผ่นนั้นไปวางคว่ำหน้าไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง แต่เขากลับเห็นข้อความภาษาอังกฤษอีกหลายประโยคที่ด้านหลังของกระดาษ


‘ผมจะสามารถอธิบายความรู้สึกของผมได้ยังไง
ทำไมผมต้องพยายามมันด้วยล่ะ ทั้งที่เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าคำพูดของผมมันไม่มีประโยชน์
ผมหวังเพียงอย่างเดียวคือได้พูดมันออกไปด้วยเสียงหัวใจของผม’



ฉันทัชรีบวางกระดาษนั้นลง หากดูดีๆ คงจะเรียกว่าโยนกระดาษนั้นลงบนโต๊ะน่าจะถูกต้องกว่า เขาไม่พอใจ ไม่พอใจมากๆ ปาณัสม์เขียนข้อความบ้าๆ พวกนี้ไปทำไม อยากจะบอกอะไรกับเขาหรืออยากจะบอกตัวเอง หรือจะหลอกให้เขาดีใจเวลาที่เห็นข้อความพวกนี้


ปาณัสม์ นายทำแบบนี้ทำไม


ฉันทัชโมโหอยากจะด่า อยากจะโวยวายเจ้าของลายมือนี้ ถ้าอยากจะทำดีกับเขา อยากจะรักเขา ทำไมไม่ทำตอนที่อยู่ด้วยกัน ทำไมต้องเลิกกัน ทำไมต้องให้เขาทนไม่ไหวก่อน เพื่ออะไร

ทำไม

ทำไม

ทำไม



เฝ้าถามคำว่าทำไม วนเวียนในหัวของชายหนุ่มอยู่เต็มไปหมด ฉันทัชกัดริมฝีปากล่างแน่น สูดหายใจเข้าปอดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้


เขาจะไม่ร้องไห้ จะไม่ร้องไห้อีก


เพื่อตัวเอง ไม่ใช่คำสัญญาจากใคร





 


========================================

**Song: HeartBeat , Artist : Christopher , Trans : Khemmakan

ความยากตอนแปลเพลงคือ ฉันทัชแปลเก่ง แต่เขมแปลไม่เก่ง
ได้เท่านี้ค่ะ ถ้ามีผู้ใจดี อยากเกลาหรือแปลให้สละสลวยกว่านี้ เขมก็ยินดีค่ะ


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 Part END หน้า 5 UP!! 03/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-10-2018 11:32:42
ก็จริงอย่างที่เทมส์ว่าล่ะ ทำไม ทำไม ทำไม ทำไมถึงไม่ทำก่อนหน้า ทำไมถึงจะต้องมาคิดได้เมื่อเลิกกันแล้ว
ดังสุภาษิตโบราณว่าไว้ ไก่ได้พลอย ได้ไปก็ไม่เห็นค่า จะเห็นค่าก็เมื่อเสียมันไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 Part END หน้า 5 UP!! 03/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-10-2018 11:54:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 Part END หน้า 5 UP!! 03/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 03-10-2018 12:10:25
 :เฮ้อ: สายไปไม๋ปาล
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 Part END หน้า 5 UP!! 03/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-10-2018 13:39:27
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 Part END หน้า 5 UP!! 03/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-10-2018 14:45:33
แต่เทมส์ก็เบื่อปาลเหมือนกันไม่ใช่เหรอ
แต่ก็อาจจะเป็นเพราะปาลเริ่มทำตัวไม่ดีก่อน
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 Part END หน้า 5 UP!! 03/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-10-2018 15:16:11
 :เฮ้อ: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 Part END หน้า 5 UP!! 03/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 03-10-2018 16:11:46
……

เรื่องนี้ยังไม่จบน้าาาา.  จบตอนที่10 ต้องมีตอน11-12ต่ออ่ะ

จันทร์กับปาลยังไม่มีบทสรุป

ปรับการตั้งชื่อตอนใหม่ดีไหม.  ใส่ว่า End ก้อจะเข้าใจผิดคิดว่าจบแล้วน่ะ

ยังอ่านค้าง ลุ้นปาลกับจันทร์อยู่เลย. คู่ไทน์กับคุณก้องภพอีก

รอมาต่อค่ะ


  :ling1: :ling1:   :ling1:  :ling1:  :ling1:  :ling1:  :ling1:


…………


หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 Part END หน้า 5 UP!! 03/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 03-10-2018 16:40:59
……

เรื่องนี้ยังไม่จบน้าาาา.  จบตอนที่10 ต้องมีตอน11-12ต่ออ่ะ

จันทร์กับปาลยังไม่มีบทสรุป

ปรับการตั้งชื่อตอนใหม่ดีไหม.  ใส่ว่า End ก้อจะเข้าใจผิดคิดว่าจบแล้วน่ะ

ยังอ่านค้าง ลุ้นปาลกับจันทร์อยู่เลย. คู่ไทน์กับคุณก้องภพอีก

รอมาต่อค่ะ


  :ling1: :ling1:   :ling1:  :ling1:  :ling1:  :ling1:  :ling1:


…………

แง เขมส่งแจ้งไปแล้วค่ะ ขออภัยจริงๆ ค่ะ เดี๋ยวไปเอาคำว่า END ออกก่อนนะคะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 Part 2/2 หน้า 5 UP!! 03/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 03-10-2018 19:59:03
อะไรของอิปาลเค้านิ เพ้อไรมิทราบ :hao4:  :hao4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 Part 2/2 หน้า 5 UP!! 03/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 03-10-2018 23:30:04
อ้าววววว..ถึงว่าเลื่อนนิ้วจะพลิกถึง 3 รอบ
ผ่านไปถึงหน้า 3 แต่ก็ยังไม่เจอเรื่องนี้
แง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆ เรื่องนี้หายไปไหน

ก็เลยลองเสิร์ชดูในช่องอากู๋..อ่ะเจอแล้ว
อ้าววววว(อีก) ไปอยู่ในบอร์ดจบแล้ว ฮืออออออ

ยังไม่จบง่ะ


..ฝากข้อความถึงเทมส์และปาล..
#ให้มันแล้ว แล้วไป

ต่างก็เต็มใจปล่อยมือกันเอง ไม่มีใครบังคับใคร
เพราะงั้น ปล่อยความรักครั้งนี้ให้ผ่านแล้วผ่านเลยไปเหอะ

แน่ใจไหมว่า จะผ่านไปอีก 7 ปีแล้วจะไม่กลับไปรู้สึกเดิมๆ แบบนี้อีก
เบื่ออออออออออออออออออ หุหุ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 Part 2/2 หน้า 5 UP!! 03/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 04-10-2018 01:06:47
ตอนเห็นคำว่า END ทำให้เราหลงคลิกเข้ามาอ่านจริง ๆ ด้วยค่ะ
อ่านไป อ่านไป ... เอ๊ะ ไม่ได้ end จริงนี่นา
ยอมรับว่า เสียความรู้สึกนิดหน่อย 555+
แต่ก็อ่านแล้วอ่านเลย .. อ่านไป อ่านไป รอนานแฮะ ..
เลยหยุดคลิก ...

จนวันนี้ มาเจอว่า ย้ายไปห้องนิยายที่โพสต์จนจบ
เลยดีใจ คลิกอ่านอีกที ...

อ้าวววววววววววววว ไม่ใช่เราคนเดียวแล้วที่ "หลงเข้าใจผิด"

การตั้งชื่อตอน มีผลจริง ๆ ค่ะ
เราแค่มาบอก ... ไม่ได้ เท นะคะ
แค่หยุดอ่านก่อนเพราะไม่ชอบรอที่หน่วง ๆ ค่ะ
เอาไว้รอจบจริง ๆ ค่อยเจอกันใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 Part 2/2 หน้า 5 UP!! 03/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 04-10-2018 14:39:50
กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้วค่ะ
ขออภัยทุกท่านที่ทำให้ยุ่งยากด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 Part 2/2 หน้า 5 UP!! 03/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 04-10-2018 20:07:19
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 10 Part 2/2 หน้า 5 UP!! 03/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 05-10-2018 11:38:01

ภาค 11  คืนวันเสาร์ เข้าเช้าวันอาทิตย์



เขาว่ากันว่า ความสดใสร่าเริงของเด็กมักจะเป็นมนตราพลังวิเศษทำให้ผู้ใหญ่ลืมปัญหา ลืมสิ่งที่กังวลหรือแม้กระทั่งลืมความโกรธ ฉันทัชเองก็ตกเป็นเหยื่อของเวทมนตร์นั้นเช่นกัน ในขณะที่ฉันทัชโมโหแทบขีดสุด จนอยากจะจ้างมือปืนไปยิงปาณัสม์ทิ้งเสียเดี๋ยวนั้น เด็กหญิงศราลักษณ์ก็เข้ามาเยียวยาจิตใจของคุณอาจันทร์ให้เย็นลง ราวกับสายน้ำที่ไหลเอื่อยเฉื่อยไปตามลำธาร


ฉันทัชลืมความรู้สึกที่เกิดขึ้นในคอนโดเสียหมดสิ้น เมื่อหลานสาวแสนสดใสชวนอาจันทร์เล่นเกมส์บอร์ดอย่างสนุกสนาน ยอมรับว่าเจ้าเกมส์บอร์ดนี้ช่วยให้สมองของชายหนุ่มได้หยุดพักเรื่องแย่ๆ มาเจอกับความสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว


กระทั่งได้เวลาเข้านอนของเด็กหญิง สองอาหลานต่างสายเลือดกอดหอมจนพออกพอใจแล้ว น้องปัณณ์จึงยอมหลับไปแต่โดยดี เวลานี้ฉันทัชจึงว่างที่จะมาจับโทรศัพท์อีกครั้ง ข้อความมากมายถูกส่งผ่านมาทางแอปพลิเคชันสีเขียว ฉันทัชจึงค่อยๆ กดเข้าไปดูทีละข้อความ



Yo!! : เบื่อว่ะ อยากเปลี่ยนงาน

-AorAae- : เป็นอะไรไอ้โย ก็เพิ่งเปลี่ยนงานมาไม่ใช่เหรอ

MethaVee ^-^ : ใช่ ถูกอย่างนังอ้อพูด ไอ้โย ที่ใหม่แกยังไม่ผ่านโปรเลยไม่ใช่เหรอวะ

Praewa : เป็นอะไรอยากเปลี่ยนงาน

Yo!! : ไม่รู้ว่ะ พูดยาก งานมันก็ดีนะเว้ย แต่รู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่

Praewa : ยังไง

Praewa sent a photo

-AorAae- : อีนี่อวดลูกอีกละ เออๆ ทำไมวะไอ้โย ไหนเหลามาดิ๊

MethaVee ^-^ : น้องใยไหม ไว้ป้าจะไปเที่ยวหานะ ลูกนังแพรน่ารักเหมือนเคย ช่างต่างกับแม่มันลิบลับ ไอ้โย มึงช่วยเล่ามาเร็วๆ ถ้ายังอมพะนำอยู่จะไม่ฟังแล้วนะ

Yo!! : คืองี้ งานมันได้แหละ กูทำได้ กูเข้าใจ เรื่องงานกูไม่ติดอะไร แต่เพื่อนร่วมงานดิ พวกมึงเข้าใจปะ ว่ากูเป็นผู้ชาย แต่พอกูไปนั่งทำงานในดงผู้หญิง เขาก็พากันคิดว่ากูคงเป็นตุ๊ดแต๋วอะไรแบบนี้ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นไง พวกมึงก็รู้

-AorAae- : ไม่ กูไม่รู้ มึงไม่ได้เป็นตุ๊ดเหรอ

MethaVee ^-^ : พอๆ นังอ้อ นี่ก็อีกไปแซวไอ้โย ดูมันจะเครียดจริงอยู่นะเว้ย

Praewa : ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้เรียนอักษร คณะที่หาชายแท้ยากล่ะ

Yo!! : ยากอะไร ก็ไอ้เทมส์ไง มันก็เรียนเหมือนกู

-AorAae- : ขอโทษว่ะเพื่อน อย่างไอ้เทมส์ กูไม่อยากจะนับว่ามันเป็นชายแท้

CHAN_P : นินทาเราเหรอ



ฉันทัชอ่านมาถึงบรรทัด อดไม่ได้ที่จะต้องแสดงตัวออกไป กลุ่มเพื่อนของเขามีสรรพนามการเรียกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลเสียจริง



โย หรือ Yo!! เนี่ยเป็นชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ชอบผู้หญิงจนแทบจะคลั่งไคล้ แต่เพราะมาเลือกเรียนคณะอักษรศาสตร์ จึงไม่แปลกที่จะถูกเหมาว่าไม่ได้มีใจเป็นชาย

อ้อแอ้ หรือ -AorAae- สาวเปรี้ยวประจำกลุ่ม ติดจะปากหมาด้วยซ้ำ

เม เมธาวี หรือ MethaVee ^-^ สาวห้าวประจำกลุ่ม มีเรื่องอะไรบอกเจ๊เม เดี๋ยวเจ๊จัดให้

ส่วน แพรวา หรือ Praewa น่าจะพอรู้จักกันแล้วใช่ไหม ดูจะมีสติสมประกอบมากที่สุดในที่นี้


-AorAae- : ยังไม่ทันจุดธูปเรียกเลย มันมาได้ไงวะ





CHAN_P : อย่าลืมส่งเครื่องเซ่นเป็นเงินมาด้วยล่ะ เลขที่บัญชีนี้

CHAN_P sent a photo

MethaVee ^-^ : ไอ้นี่ ตั้งแต่ออกมาทำงาน งกเป็นบ้า

CHAN_P : เออ แล้วขอบอกไว้เลย เราเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายเฉยๆ เว้ย ผิดหรือไง

-AorAae- : กูไม่นับ ไว้มึงยอมมานอนกับกูเมื่อไหร่ กูถึงจะยอมรับ




ฉันทัชยิ้ม ตั้งแต่ปีหนึ่ง เจอหน้ากันครั้งแรก อ้อแอ้ก็จะจับเขาทำสามีเสียแล้ว โชคดีที่เขาไหวตัวทันได้แพรวามาคอยกันท่าให้ จึงรอดมาได้



CHAN_P : คงต้อง...ชาติหน้า

-AorAae- : โอ๊ย เจ็บ

Praewa : นอกเรื่องกันไปใหญ่ ไอ้โย สรุปจะเอาไง

MethaVee ^-^ : เจอหน้ากันดีกว่า มันไม่ได้ฟีล

Yo!! : เอาๆ กูเอา

-AorAae- : วันไหน

CHAN_P : เลือกมาละกัน เราได้หมด




ฉันทัชตอบเพียงเท่านั้นเพราะอีกสักพักแหละ เพื่อนของเขาถึงจะได้ข้อสรุป พอเข้าสู่ช่วงวัยทำงานแล้ว มันไม่ใช่ว่าปุบปับจะนัดเจอก็สามารถทำได้เลย บางคนติดงาน ติดประชุม อยู่ทำโอ ยิ่งคนมีครอบครัวแล้วอย่างแพรวากับเมธาวีก็อาจจะต้องถามความเห็นของคนร่วมบ้านอีก


เขาเลื่อนนิ้วมือขึ้นไปเพื่อไล่ข้อความด้านล่าง จึงเจออีกหนึ่งชื่อที่คุ้นตา


อ้าว ทักมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน




CHAN_P : ครับ?

David Lee : โอ้โห ผมทักคุณไปตั้งแต่เช้า นึกว่าคุณจะไม่ตอบเสียแล้ว

CHAN_P : ขอโทษทีผมเพิ่งเห็นน่ะ

David Lee : สำหรับคุณแล้ว ผมไม่โกรธหรอก ขอแค่คุณยังคุยกับผมก็พอ

CHAN_P : มุกเลี่ยนๆ อีกแล้วนะครับ

David Lee : ผมพูดจริงๆ นะครับ แล้วผมมีสิทธิ์จีบคุณนะ คุณไม่ได้แต่งงานจริงเสียหน่อย หลอกผมเสียได้

CHAN_P : แล้วทักมา มีอะไรหรือเปล่า

David Lee : อ้อ คุณเห็นข้อความข้างบนที่ผมส่งไปไหม




ฉันทัชเลื่อนข้อความขึ้นไปอ่าน จึงเห็นว่า เดวิด หลี่ หรือ หลี่หยางเซิง ลูกชายท่านประธานหลี่ ทักมาถามว่า ฉันทัชหรือเยว่ซิน คนนี้จะมาฮ่องกงวันไหน


อ้อ...อาจจำกันไม่ได้ คนคนนี้คือที่ฉันทัชเจอกับอีกฝ่ายครั้งแรกที่ผับในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้วน่ะ หลังจากที่ฉันทัชทำงานกับก้องภพก็ได้พบพ่อหนุ่มหน้ามนคนนี้บ่อยขึ้น


CHAN_P : ครับ เห็นแล้ว

David Lee : คุณจะมาเมื่อไหร่ครับ

CHAN_P : ผมไม่รู้ว่าจะมีการไปฮ่องกงเร็วๆ นี้ด้วย

David Lee : คุณต้องมาแน่นอนอยู่แล้ว ผมอุตส่าห์บอกให้พ่อชวนทั้งบอสคุณและคุณมาด้วยเลยนะ

CHAN_P : หืม?

David Lee : อย่าทำเหมือนจับผิดผมสิครับ ผมคิดถึงคุณนะ อยากให้คุณมานะ เยว่ซิน

CHAN_P : เรียกเทมส์จะสะดวกกว่านะครับ

David Lee : เมื่อไหร่จะใจอ่อนกับผมเสียที รู้ไหม ผมชอบคุณจริงๆ นะ

CHAN_P : เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

David Lee : เอาล่ะๆ ผมจะตื๊อจนกว่าคุณจะใจอ่อน ถ้าคุณได้วันที่แน่นอนแล้วต้องบอกผมด้วยนะครับ

CHAN_P : ตกลงครับ

David Lee : ผมคิดถึงคุณนะ

CHAN_P : ฝันดีครับ




ฉันทัชสลับไปดูกลุ่มเพื่อนว่าตกลงเรื่องวันที่ได้หรือยัง ผลว่าเพื่อนของเขายังเลือกวันที่ไม่ได้เลย ชายหนุ่มอมยิ้มให้กับความวุ่นวายที่เขาไม่นึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย

เรื่องที่ลูกของประธานหลี่มาชอบพอในตัวเขานั้น อินทัชยังไม่รู้เรื่องและฉันทัชก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง เพราะโอกาสที่หลี่หยางเซิงจะได้แสดงออกว่าชอบเขาต่อหน้าอินทัชนั้นยังไม่เคยเกิดขึ้นเลย อินทัชรับรู้แค่ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกหลานบ้านไหนก็เท่านั้น


เขานึกถึงข้อความของคุณชายหลี่ที่ถามว่าเมื่อไหร่เขาจะใจอ่อน นั่นสิ คนจะใจอ่อนได้นั้นต้องเกิดจากอะไร ความรู้สึกที่เรียกว่ารักใช่หรือเปล่า เพราะถ้าไม่รักก็คงไม่มีวันใจอ่อนใช่ไหม


ในอดีตปาณัสม์ตามจีบเขาหนึ่งปี ช่วงเวลาพอๆ กับคุณชายหลี่นี่แหละ ในตอนนั้นตัวฉันทัชมีบินตลอด โอกาสเจอกันน้อย ส่วนปาณัสม์เรียนอยู่ที่นิวยอร์ค โอกาสยิ่งเจอกันนั้นยากเพิ่มขึ้นไปอีก สมัยก่อนยังไม่มีโทรศัพท์ที่ทันสมัยเหมือนปัจจุบัน ต้องอาศัยเทคโนโลยีอันสุดแสนจะเชยมาออนสไกป์หรือเอ็มเอสเอ็น จะคุยกันแต่ละทีนั้นยากเย็นแสนเข็ญ


แล้วทำไมเขาถึงรับรักปาณัสม์ ทำไมถึงยอมตกลงเป็นแฟน


ฉันทัชอยากจะหัวเราะออกมา ก็เพราะความรักไง


...


“ทำไมไม่ให้ไปรับที่ทำงาน” เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อร่างสูงใหญ่มานั่งลงข้างกายอินทัชที่กำลังนั่งอยู่ในร้านประจำของเจ้าตัว

“ไม่เป็นไร ขี้เกียจรอ”

“แน่ใจ หรือกลัวเป็นข่าว?”

“ฉันไม่ได้ดังขนาดนั้น”

“นางแบบโกอินเตอร์นี่น่ะเหรอ ไม่ค่อยดัง” ทางนั้นย้อนถามกลับ

“คุณก้อง มีเรื่องอะไรถึงนัดฉันมาที่นี่” อินทัชไม่อยากเสียเวลา จึงเดินหน้าเข้าสู่คำถามทันที

“กินอะไรมาหรือยัง” ก้องภพไม่ตอบคำถาม เลือกถามคำถามใหม่แทน

“กินมาบ้างแล้ว”

“สั่งอะไรมากินอีกหน่อยสิ” ชายหนุ่มพูด แต่ฟังดูเหมือนเป็นคำสั่งเสียมากกว่า

“ไม่เอา ไดเอ็ทอยู่”

“พวกสลัดหรืออะไรก็ได้ สั่งมากิน”

“นี่ พูดเข้าเรื่องเลยไม่ได้หรือไง” อินทัชปฏิเสธ

“ผมสั่งให้ละกัน” ก้องภพไม่รอคำตอบ เรียกพนักงานมาสั่งอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว อินทัชเลยต้องตามน้ำ ปล่อยเลยตามเลย

“เสร็จแล้วใช่ไหม เข้าเรื่องได้หรือยัง” อินทัชเร่งพลางสบตากับคนข้างกายนิ่ง

“กินก่อน ค่อยคุย จะรีบไปไหน”

“ฉันทำงานมาเหนื่อย อยากกลับบ้านแล้ว” หญิงสาวเอาเรื่องงานมาเป็นข้ออ้าง

“ผมรู้ว่าคุณไม่พอใจผมเรื่องน้องกาย”

“ใช่ รู้ตัวก็ดี” อินทัชยอมรับ

“เรื่องนี้ผมไม่มีคำแก้ตัวใดๆ” ก้องภพบอก

“คุณไม่เคยเห็นแววตาสีหน้าของลูกชายคุณเลยใช่ไหม ว่าเขาผิดหวังแค่ไหน แต่ก็ต้องทำเป็นเข้มแข็ง เขาอายุแค่แปดขวบเองนะคุณก้อง คุณจะให้เขาเข้มแข็งเท่าคุณได้ยังไง” อินทัชพูดเสียยืดยาว

“ผมอธิบายเรื่องนี้กับลูกไปแล้ว”

“เขาเข้าใจ ไม่ได้แปลว่าจิตใจของเขาจะเข้าใจนี่ ฉันรู้ว่าคุณเป็นผู้ชายเลือดเย็นที่มีน้องกายเพียงเพื่อให้สมใจคุณแม่ของคุณ แต่แบบนี้มันไม่โหดร้ายกับเด็กไปหน่อยหรือ”

“ผมรักน้องกายนะ”

“รักแค่คำพูด ฉันถือว่าคุณไม่ได้รักลูกเต็มร้อยหรอกค่ะ!” อินทัชกระแทกเสียงในพยางค์สุดท้าย

“ไม่เอาสิ ทำประชดผมแบบนี้ ไม่น่ารักเลย”

“มันเรื่องของฉัน”

“ให้ผมทำยังไงดี ไหนคุณลองแนะนำผมหน่อย”

“คุณรู้ทุกอย่างดีอยู่แล้วคุณก้อง ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกอย่างฉันต้องมาบอกหรอก”

“งั้นหรือ”

“ใช่” อินทัชตอบโดยไม่หันไปมองก้องภพ

“ถ้าเป็นคนนอก ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ”

“เอ๊ะ! คุณ”

“จริงไหมครับ” ก้องภพยิ้ม


อินทัชไม่มีโอกาสได้เถียงกลับเพราะในจังหวะนั้นพนักงานก็นำสลัดจานใหญ่มาเสิร์ฟให้พอดี หญิงสาวจึงต้องสงบปากด้วยไม่อยากให้คนอื่นมาได้ยินว่าเขากำลังทะเลาะกับผู้ชายคนข้างๆ คนนี้

“กินเถอะ คุณอาจจะหิว เลยโมโหง่ายไปหน่อย” ก้องภพแนะนำ ในส่วนของชายหนุ่มก็มีอาหารง่ายๆ มารองท้องด้วยเช่นเดียวกัน

“คุณช่วยคิดถึงใจน้องกายบ้างก็แล้วกัน” ท้ายที่สุด อินทัชก็เสียงอ่อนลงพลางพูดในสิ่งที่เจ้าตัวคิด

“ผมจะคิดถึงใจของลูกให้มากๆ รวมถึงใจของคุณด้วย ดีไหม”

“เรื่องของฉันน่ะ ไม่เป็นไร”

“ถ้าไม่เป็นไร คุณจะโกรธผมขนาดนี้หรือ” ก้องภพยิ้มตามแบบฉบับของตัวเองให้หญิงสาว

“ช่างเถอะๆ” อินทัชจึงต้องบอกปัด เพราะไม่อยากหลงคารมและรอยยิ้มจากคนนั้น

“ให้ผมไปส่งบ้านนะ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับเอง”

“ดึกแล้ว ให้ผมไปส่งเถอะ ผมเป็นห่วง” มือที่จับส้อมอยู่นั้นถึงกับชะงักเล็กน้อยก่อนจะทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดเมื่อสักครู่นี้

“ก็ได้”

“กินให้หมด เสร็จแล้วผมจะพาไปส่งบ้าน”

“อืม”


...


“เพลียแย่เลย เฝ้าหลานสองคืนติด พี่ขอเปลี่ยนเฝ้าแทนคืนวันเสาร์ก็ไม่ยอม” ชลพิกา พี่สะใภ้เปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้ามาก็เห็นปาณัสม์นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความสงสารเล็กน้อย หมดสภาพเลยน้องชาย


ปาณัสม์ตื่นขึ้นมาเห็นชลพิกา ชายหนุ่มขยับนั่งหลังตรงมากขึ้นก่อนจะตอบออกไป “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้มีธุระไปทำอะไรอยู่แล้ว พี่ปอนด์ล่ะครับ”

“คุยกับคุณหมออยู่จ้ะ เดี๋ยวคงตามมา” ไม่ทันขาดคำประตูห้องก็ถูกเปิดพร้อมกับร่างของคนที่ถูกถามหาไปเมื่อสักครู่นี้ “มาพอดีเลย”

“ไอ้ปาล หน้าแกไม่ไหวแล้ว ชัดรออยู่ข้างนอก กลับบ้านไปพักเถอะ ขอบใจมาก ที่ช่วยเฝ้าหลานให้”

“อืม หมอว่าไงบ้างพี่”

“น้องปุณณ์อาการดีขึ้นแล้ว หมอให้นอนที่นี่อีกคืน ถ้าไม่มีอะไรก็ให้กลับ”

“ครับ”

“คืนนี้พี่กับเกดอยู่เฝ้าเอง พรุ่งนี้ถ้าทุกอย่างโอเค พี่จะได้พาลูกกลับบ้านเลย”

“ครับ” ปาณัสม์ตอบงึมงำ ใกล้หลับเต็มที

“เฮ้ย ลุกไปล้างหน้า เดี๋ยวให้ชัดไปส่ง จะกลับบ้านหรือคอนโด” พี่ชายเข้ามาแตะที่ไหล่น้องชายให้รู้สึกตัว

“คอนโด” ปาณัสม์บอก

เมื่อเข้ามานั่งในรถได้ ปาณัสม์ก็หลับมาตลอดทางจนกระทั่งถึงที่บ้าน ชายหนุ่มถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้งจากชัดเจน

“ขอบใจนะชัด”

“ไม่เป็นไรครับ คุณปาล”

“เดี๋ยวโทรไปถามพี่ปอนด์ด้วยแล้วกันว่าจะให้กลับไปโรง’บาล อีกหรือเปล่า”

“ครับ”

จวบจนรถยนต์คันหรูมาจอดที่หน้าคอนโด จังหวะที่จะลงจากรถ ปาณัสม์ก็นึกขึ้นได้ “อ้อ เกือบลืม”

“ครับ?”

“วันจันทร์ไปรับเทมส์ที่บ้านแต่เช้าด้วย” ปาณัสม์สั่ง

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ชัดเจนถามด้วยความสงสัย

“บ้านนั้นมีรถคันเดียว และยังต้องไปส่งน้องปัณณ์ด้วย”

“อ่อ จริงด้วย ได้ครับ ผมจะไปรับคุณเทมส์แต่เช้า”

“อืม มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน” ปาณัสม์บอกปิดท้ายแล้วคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าลงจากรถไป


ปาณัสม์เดินเข้าห้องมาวางกระเป๋าลวกๆ ไว้ตรงไหนสักแห่ง ตอนนี้ตาของเขาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ ชายหนุ่มเดินเหมือนละเมอเข้าไปในห้องนอน คลำทางเข้าไปด้วยความเคยชิน เขาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม มือก็ควานเปะปะหมายจะฉวยอะไรสักอย่างที่แปะอยู่บนหัวเตียง แต่ทว่าควานหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ


เขาลืมตาโพลงด้วยความตกใจ ผุดลุกขึ้นนั่งหันหน้ามาทางหัวเตียง


“ไม่มี ไม่มี หายไปไหน” ปาณัสม์พึมพำ ใจเต้นไม่เป็นระส่ำ กระดาษแผ่นนั้นหายไปไหน เขาเลิกผ้าห่มดู ยกหมอนขึ้นก็หาไม่เจอ

สายตากวาดหาไปรอบๆ แต่ยังไม่เจอ จนกระทั่งสายตาปะทะเข้ากับกระดาษแผ่นนั้นวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง เขาถึงพรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“นึกว่าแม่บ้านเอาไปทิ้งเสียแล้ว”

ปาณัสม์หยิบมันขึ้นมาด้วยความถนอม พินิจดูว่าเป็นกระดาษที่เขาตามหา เขาก็ยิ้มกับมันอย่างพึงพอใจ เสร็จแล้วจึงนำมันไปวางไว้บนโต๊ะดังเดิม สงสัยกาวบนกระดาษคงจะเสื่อมสภาพเสียแล้ว ไว้จะหากล่องสักใบมาเก็บกระดาษแผ่นนี้ไว้ก็แล้วกัน


‘แล้วใครเป็นคนเก็บกระดาษมาวางไว้ตรงนี้?’





เวลาล่วงเลยใกล้จะเข้าวันใหม่แล้ว แต่อินทัชยังไม่กลับบ้าน ฉันทัชเองก็ยังไม่นอนเพราะรอน้องสาวเช่นกัน เนื่องจากวันนี้หญิงสาวไม่มีรถยนต์ใช้เพราะยกให้เขาใช้แทน ทว่าดึกดื่นป่านนี้ยังไม่ถึงบ้าน ฉันทัชเริ่มนึกเป็นห่วง มือเรียวสวยหยิบโทรศัพท์ตั้งใจจะโทรหาน้องสาว แต่หูก็พลันได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้านเสียก่อน เขาจึงลุกขึ้น มือแง้มผ้าม่านมองผ่านทางหน้าต่างลงไป

“ขอบคุณที่มาส่ง” อินทัชบอกพลางปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว

“อืม”

“ไปนะ”

“รางวัลที่มาส่งล่ะ” ก้องภพทวงถาม

“คดีเก่า เรื่องยังไม่เงียบ ยังจะกล้าขอรางวัลอีก” อินทัชปรายตามองพลางพูดเสียงดุ

“คดีนั้นมันจบแล้วนี่ ผมก็คุยกับน้องกายแล้วไง”

 “ไม่ใช่ ฉันหมายถึง...” อินทัชหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปก่อนจะอ่านอะไรในนั้นด้วยน้ำเสียงดังฉะฉาน “นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงควงลูกสาวนักการเมืองไปทานมื้อค่ำสุดหรูบนดาดฟ้าใจกลางกรุง”

ก้องภพหัวเราะในลำคอ “ไม่มีอะไร คอนเนคชันทางธุรกิจน่ะ”

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าไม่มีอะไรก็อย่าให้มีข่าวพวกนี้สิ”

“ดุจริง” ก้องภพหัวเราะ

“คนเจ้าชู้แบบคุณ มันไม่น่าไว้ใจ” อินทัชบอกเพราะรู้จักนิสัยของชายหนุ่มดีระดับหนึ่ง

“แต่คุณก็ยังไว้ใจให้พี่ชายคุณทำงานกับผม”

“ถ้าคุณเปลี่ยนใจมาชอบผู้ชายเมื่อไหร่ ฉันจะให้พี่ชายฉันลาออก” อินทัชพูดอย่างมั่นใจและแน่วแน่

“ผมคิดว่าตอนนี้ผมก็น่าจะชอบผู้ชายนะ”

“ใคร?” อินทัชมุ่นคิ้ว

“ก็คนนี้ไง” ก้องภพยิ้ม ตาเป็นประกาย

“หยาบคายมาก ฉันเป็นผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์ต่างหาก” อินทัชฉุน เธอเป็นผู้หญิงเต็มตัว กล้าดีได้อย่างไรมาพูดแบบนี้ เดี๋ยวก็เจอฤทธิ์แม่เสียหรอก

“ถ้าเป็นผู้หญิง อย่างนั้นก็คงมาเป็นเมีย...เป็นแม่น้องกายได้แล้วสิ”

“ไม่เอาด้วยหรอก เป็นเมียคุณนะ ต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ๆ” อินทัชพูดเสียงติดดุ เพราะปิดบังอารมณ์ในใจ ใบหน้าของเธอเริ่มซับสีเรื่อจางๆ

“นึกไม่ออกเลยว่าก่อนหน้านี้คุณเป็นยังไง” นอกจากก้องภพจะไม่กลัวเสียงนั้นแล้ว เขากลับอยากเห็นอินทัชในสมัยก่อน

“ไม่มีอะไรให้น่าจดจำหรอก” อินทัชบอกปัด “ไปนะ ง่วงแล้ว”

“อืม ฝันดี”


ฉันทัชรีบปล่อยมือจากผ้าม่าน เมื่อเห็นคนที่รอลงมาจากรถยนต์คันนั้นเสียที เขาไม่รู้ว่าคนในรถคุยอะไรกันตั้งนานสองนาน


คนเป็นพี่รอจนได้ยินเสียงประตูเปิดห้องนอนของน้องสาวแล้ว เขาจึงยอมกลับไปนอนบนเตียงของตัวเอง


ก้องภพกับอินทัช สองคนนี้ อย่างไรกันแน่


========================================

ฉันทัชผู้ที่ตั้งใจจะเค้นถามน้องสาวหลายครั้งแต่ไม่เคยทำสำเร็จ

** เจอกันวันอังคารนะคะ

HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 11 หน้า 5 UP!! 05/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-10-2018 12:08:48
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 11 หน้า 5 UP!! 05/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-10-2018 12:29:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 11 หน้า 5 UP!! 05/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-10-2018 12:59:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 11 หน้า 5 UP!! 05/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 05-10-2018 13:20:41
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 11 หน้า 5 UP!! 05/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-10-2018 15:47:53
คู่นั้นเขากำลังจีบกันอยู่ แล้วของเทมส์ล่ะอยู่ระดับไหนแล้วกับนักธุรกิจฮ่องกงคนนั้นหรือกับปาล
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 11 หน้า 5 UP!! 05/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 05-10-2018 16:24:23
 :m3: :m3: :m4: กราบในความลงเร็ว ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 11 หน้า 5 UP!! 05/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 05-10-2018 21:13:35
จันทร์ก็คบกะหนุ่มน้อยฮ่องกงไปเลยสิ
อย่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่า
รู้มั้ยว่าแก่ลงทุกวัน o18
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ตอนที่ 11 หน้า 5 UP!! 05/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 09-10-2018 11:27:44

ภาค 12 Keep it or Let it go.



            ชัดเจนมารอรับฉันทัชกับเด็กหญิงศราลักษณ์ตั้งแต่เช้า เขาดับเครื่องยนต์เงียบๆ เพราะไม่อยากจะรบกวนคนในบ้านรวมถึงเพื่อนบ้านของฉันทัช

            “อ้าว ชัดเจน มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ฉันทัชมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยตอนที่จูงน้องปัณณ์เดินออกมาจากบ้านแล้วเห็นรถยนต์คุ้นตาจอดเทียบรออยู่หน้ารั้วประตู

            พอชายหนุ่มเห็นฉันทัชเดินออกมา เขาก็รีบลงจากรถมาช่วยถือกระเป๋าของเด็กหญิงและพาไปนั่งในรถทางด้านหลัง

            “เมื่อเช้าครับ”

            “เป็นไงบ้างน้องปัณณ์ เมื่อคืนนี้นอนหลับสบายไหม” ชัดเจนชวนน้องปัณณ์คุย

            “สวัสดีค่ะ อาชัด เมื่อคืนหนูหลับสบายมากค่ะ เตียงอาจันทร์นุ๊มนุ่ม ตัวอาจันทร์ก็นิ๊มนิ่ม แถมห๊อมหอม” เด็กหญิงเจื้อยแจ้วเน้นย้ำทุกคำโดยไร้จริต แต่คนฟังนั้นอาจจะได้ยินแล้วไม่ค่อยถูกจริตเท่าไหร่นัก

            “นั่งดีๆ นะน้องปัณณ์ อย่าซน นี่แซนด์วิชที่หนูอยากทานแล้วก็นมค่ะ” ฉันทัชยื่นอาหารยามเช้าให้หลานสาว

            “ค่ะ”

            “อย่าทานหกเลอะรถนะคะ” ฉันทัชย้ำ

            “ค่า หนูจะกินระวังๆ”

            “ชัดมาได้ไง” ฉันทัชเอ่ยถามชัดเจนตอนที่เขาเข้ามานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถเรียบร้อย

            “ผมรู้ว่าน้องปัณณ์มาค้างกับคุณเทมส์ เลยตั้งใจมารับจะได้ไม่ลำบากตอนไปส่งน้องปัณณ์ที่โรงเรียนครับ” ชัดเจนบอกอย่างสุภาพ

            “อ่อ..งั้นเหรอ”

            “เป็นไงบ้างครับ”

            “สบายดี เหมือนเดิมนั่นแหละ” ฉันทัชยิ้ม เจอหน้ากันทีไร ชัดเจนก็ถามเขาด้วยประโยคเดิมแบบนี้ซ้ำๆ ทุกที

            “ดีครับ วันนี้ดูเหมือนรถจะไม่ค่อยติดเท่าไหร่” ชัดเจนชวนคุย

            “รถไม่ติดก็ดีนะ จะได้ถึงที่ทำงานเร็วๆ”

            “ไม่ดีเลยครับ” แต่ชัดเจนกลับคิดตรงกันข้าม

            “หืม?”

            “เวลาที่ผมจะได้อยู่กับคุณเทมส์ก็น้อยลงไงครับ”

            “เอ่อ...ผมอยากไปส่งน้องปัณณ์ให้ถึงโรงเรียนก่อน” ฉันทัชตัดบท และชัดเจนก็เข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าทำไมฉันทัชถึงไม่อยากพูดอะไรต่อหน้าหลาน


            ...


            “ส่งหนูแค่นี้ก็พอค่ะ หนูต้องเดินเข้าโรงเรียนเอง”

            “ตั้งใจเรียนนะคะ อย่าเล่นซนด้วย แล้วอาจันทร์จะมารับไปนอนค้างด้วยบ่อยๆ นะ” ฉันทัชวางมือบนศีรษะเด็กหญิงอย่างเบามือ

            “น้องกายด้วยนะ”

            “ได้ค่ะ” ชายหนุ่มบอกพลางย่อตัวลงไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเด็กหญิง และเด็กน้อยก็ปฏิบัติแบบเดียวกันนั้นกับอาจันทร์ที่รักเช่นกัน

            “อาไปทำงานนะ ตอนเย็นคุณพ่อปอนด์คงมารับ”

            “ค่ะ อาจันทร์ สวัสดีค่ะ” เด็กหญิงยกมือไหว้และโบกมือลาฉันทัชด้วยใบหน้าสดใสยิ้มแย้ม

            แค่นั้นก็เหมือนเป็นกำลังใจให้ฉันทัชมีแรงทำงานทั้งวัน

            “เรียบร้อยนะครับ” ชัดเจนหันมาถามเมื่อเห็นฉันทัชกลับขึ้นมาบนรถอีกครั้ง

            “วิ่งเข้าโรงเรียนไปแล้วล่ะ คงอยากเล่นกับเพื่อนเต็มที รักอาจันทร์อยู่แป๊ปๆ พอเห็นเพื่อนก็ลืมอาจันทร์แล้ว” น้ำเสียงที่พูดออกมาเต็มไปด้วยความเอ็นดู

            “เด็กก็แบบนี้ล่ะครับ ไม่ได้คิดอะไรมากมายเหมือนผู้ใหญ่”

            “อืม จริงด้วย”

            “ไปที่ทำงานคุณเทมส์เลยนะครับ”

            “ครับ” ฉันทัชตอบ

            “วันศุกร์คุณเทมส์กลับบ้านยังไง ผมไม่ได้มารับ ขอโทษนะครับ”

            “ไม่เป็นไร ชัดไม่ต้องขอโทษหรอก ไม่ใช่ความผิดของชัดเลย พอดีไทน์เสร็จงานเร็วเลยมารับน่ะ อ้อ แล้วชัดไปไหนล่ะ ทำไมถึงไม่ได้มาคุยงานกับปาลด้วยกัน”

            “คุณเทมส์เจอคุณปาลหรือครับ?” ชัดเจนหันมาถาม ข้อมือกำพวงมาลัยแน่นจนขึ้นข้อขาว

            “ชัดไม่รู้เหรอ” ฉันทัชถามด้วยความแปลกใจ

            “คุณปาลสั่งให้ผมไม่ต้องไปครับ ผมเองก็ไม่กล้าถาม” ชัดเจนอธิบาย

            “ไม่แปลกหรอก ผมเพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนั้นเหมือนกัน” ฉันทัชบอก ไม่อยากให้ชัดเจนคิดมาก

            “คุณปาลมากับใครครับ?”

            “เกศสิรี” ฉันทัชพูดชื่อผู้หญิงคนนั้น เขาไม่อยากเรียกให้เสียปากแต่ก็ต้องพูดอย่างเสียไม่ได้

            “อ้อ...พักหลังคุณปาลออกไปกับคุณสิบ่อยเหมือนกัน”

            “ช่างเขาเถอะ ผมไม่อยากรู้เรื่องของปาลหรอกครับ” ฉันทัชตอบพยายามกดเสียงให้นิ่ง ให้เย็นมากที่สุด

            “ขอโทษครับ คุณเทมส์คงไม่อยากได้ยิน” ชัดเจนรู้สึกผิด

            “ไม่เป็นไร ผมไม่ได้โกรธชัดหรอก” ฉันทัชยิ้มให้ “ถึงที่ทำงานผมเสียแล้ว รถไม่ติดนี่ไวจังเลยแฮะ” ชายหนุ่มเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง

            ชัดเจนจอดรถที่ตรงหน้าทางเข้าตึกอย่างนุ่มนวล “ตอนเย็นผมมารับนะครับ”


            ฉันทัชเตรียมจะตอบรับ แต่นึกถึงคำพูดของน้องสาวที่บอกให้จัดการเรื่องชัดเจนให้เรียบร้อยได้พอดี


            เขาเคยนึกสงสัยตัวเอง แค่เพราะอินทัชบอก ทำไมเขาจึงต้องทำตามไปด้วยเสียทุกที มานึกคิดดูแล้วก็ไม่แปลกใจการกระทำของตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะอยากให้น้องสาวพอใจ ไม่อยากถูกโกรธ เวลาเขารักใคร เขามักจะขลาดในจิตใจ กลัวอีกฝ่ายจะไม่รัก และทิ้งเขาไว้ลำพัง


            แบบนี้กระมัง ไม่ว่าปาณัสม์จะขออะไร หรือบอกให้เขาทำอะไร เขาก็เลือกทำตามแต่โดยดี ปล่อยให้ความรักบังตา ปิดตาจนมิด ไร้ความยั้งคิด ไม่สนใจเรื่องที่จะตามมาในอนาคต เขามองโลกใบนี้ง่ายเกินไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นจะยังคงอยู่กับเราตลอดไป


            “ชัดเจน” ฉันทัชไม่ตอบรับ กลับเรียกชื่ออีกฝ่ายแทน

            “ครับ?”

            “ผมว่าจะซื้อรถมาใช้สักคัน” ฉันทัชเกริ่นนำ

            “อย่างนั้นหรือครับ จริงๆ แล้วผมเห็นด้วยนะที่คุณเทมส์จะมีรถใช้ แต่อีกใจผมก็ไม่เห็นด้วยเลย”

            “ทำไมเหรอ เพราะผมเพิ่มมลพิษให้โลกใช่ไหม” ฉันทัชพูดติดตลก

            “เปล่าครับ ไม่ใช่เลย” ชัดเจนปฏิเสธ “เพราะว่ามันทำให้โอกาสที่ผมจะได้อยู่กับคุณน้อยลงไปอีก”

            “ชัดพูดเรื่องนี้มาก็ดี”

            “ว่าไงครับ”

            “ผมไม่อยากให้ชัดมาคาดหวังอะไรกับผม” ฉันทัชพูดด้วยน้ำเสียงเรียบแต่จริงจัง

            “ไม่เป็นไร ผมรอได้”

            “อย่ารอเลย ผมลำบากใจถ้าจะคบกับชัด”

            “ทำไมล่ะครับ เพราะผมเป็นแค่เด็กในบ้านของคุณปาลหรือผมไม่ได้มีเงินทองมากมายเหมือนคนอื่น” ชัดเจนพูดออกมาด้วยความน้อยใจ ชายหนุ่มกำลังเอาตัวเองไปเปรียบกับอีกคน

            ฉันทัชส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอก เวลาผมชอบใครผมมักจะชอบในตัวตนของเขา และผมก็ไม่ได้รักใครสักคนที่เงินทองหรอกนะ ผมจะไม่ปฏิเสธหรอกว่าเงินมันสำคัญต่อการดำเนินชีวิต ชัดรู้ไหม ตอนที่ผมคบกับคนที่บ้านคุณ ผมไม่เคยขอเงินเขาเลย”

            “คุณปาลไม่เคยให้เงินคุณเหรอ เป็นไปไม่ได้” ชัดเจนไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง

            “ผมไม่ได้อยากจะพาดพิงหรือใส่ร้ายถึงคนที่สามหรอกนะ ผมแค่บอกว่า ถึงแม้เขาจะมีเงินมากแค่ไหน ผมก็ไม่เคยขอเงินเขาหรือคาดหวังเงินของเขา ชัดเข้าใจความหมายของผมหรือเปล่า”

            “ครับ”

            “ผมลำบากใจเพราะชัดคือคนของบ้านนั้นต่างหาก”

            “แต่คุณเทมส์ก็เลิกกับคุณปาลแล้วนี่ครับ หรือว่าจริงๆ แล้วคุณเทมส์ยังรักคุณปาลอยู่” ปลายประโยค ชัดเจนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาลง

            “ผมว่ามันไม่เกี่ยวเลย เอาจริงๆ นะ สมัยนี้ ความรักมันเปลี่ยนไปมาก มันต้องอาศัยหลายองค์ประกอบเข้าด้วยกัน แค่รักคำเดียว มันช่วยทำให้ชีวิตคู่ยืนยาวไม่ได้...เอาล่ะ...ผมมีคำถามหนึ่งอยากจะถามชัด”

            “ถามมาเลยครับ”

            “สมมติว่าตอนนี้ผมคบกับปาลอยู่ แต่ผมรักชัดเจน ชัดคิดว่าผมจะเลิกกับปาลมาคบกับชัด หรือหักห้ามใจจากชัดและคบกับปาลต่อหรือจับปลาทั้งสองมือ คบทั้งสองคน”

            “เอ่อ...” ชัดเจนไม่กล้าตอบ

            “ยากไปหรือ” ฉันทัชหัวเราะเล็กน้อย

            “ไม่ยากหรอกครับ แต่ผมตอบไม่ได้ ผมไม่มั่นใจ”

            “ไม่เป็นไร ชัดไม่ต้องตอบผมก็ได้ ตอบตัวชัดเองก็พอ”

            “คุณเทมส์” ชัดเจนเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความท้อใจ

            “ผม...ในตอนนี้ยังไม่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่กับใคร หวังว่าชัดจะเข้าใจ” ฉันทัชยิ้มให้ชัดเจน แต่เป็นยิ้มที่ค่อนข้างขมเฝื่อนเกินไป

           “แต่ผม” ชัดเจนยังอยากจะรั้งเรียกอีกฝ่ายเอาไว้

           “ขอโทษที่ต้องพูดอะไรแบบนี้ในเช้าวันจันทร์ มันคงเริ่มต้นสัปดาห์การทำงานที่แย่มาก ผมขอโทษจริงๆ แต่ผมไม่อยากให้ชัดมีความหวังอีกแล้ว”

           “ผมรอได้นะ รอได้จริงๆ ผมรอคุณเทมส์มาตั้งนานแล้ว ถ้าต้องรออีกนิด ทำไมผมจะรอไม่ได้” ชัดเจนสารภาพ

           “ชัดควรเจอคนที่ดีและรักชัด อย่ารอผมอีกเลย ผมยินดีรับโทรศัพท์ของชัดถ้าชัดมีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ แต่ผมขอร้องว่าอย่ามารับส่งผมอีกเลยได้ไหม”

           “คุณเทมส์.. ผมว่าคุณไม่ต้องทำอะไรแบบนี้ ผมโอเคนะ อย่างน้อยถึงแม้คุณจะไม่รักผม ก็ขอให้ผมได้ดูแลคุณบ้างก็ยังดี” น้ำเสียงชัดเจนเต็มไปด้วยความร้อนรน

           ฉันทัชยิ้ม เขารู้ว่าตัวเขาบางทีก็ทำเหมือนเป็นคนเลือดเย็น บทจะไม่เอาอะไรแล้ว เขาจะไม่สนใจเลย

           “ถึงที่ทำงานผมนานแล้ว ผมไปนะ ขับรถดีๆ ล่ะ” ฉันทัชพูดก่อนจะลงจากรถไปโดยไม่แม้แต่จะกลับไปดูปฏิกิริยาของชัดเจน



           ...




           “เรียนท่านผู้โดยสาร กัปตันและลูกเรือทุกคนมีความยินดีต้อนรับท่านด้วยบริการของสายการบิน เที่ยวบินที่ HX762ซึ่งจะเดินทางไปฮ่องกง โดยจะใช้เวลาบินทั้งหมดสามชั่วโมง สามสิบห้านาที กรุณาศึกษาคู่มือความปลอดภัยซึ่งอยู่ในกระเป๋าหน้าที่นั่งด้านหน้าของท่าน เพื่อความปลอดภัยของท่าน และผู้โดยสารท่านอื่น ๆ โปรดเก็บกระเป๋าและสัมภาระของท่านไว้ในที่เก็บของเหนือศีรษะหรือใต้ที่นั่งด้านหน้าของท่านด้วยค่ะ และเราขอเรียนให้ท่านทราบว่า เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินปลอดบุหรี่ พนักงานทุกคนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะให้บริการที่ดีที่สุดแก่ท่านและมีความยินดีที่จะได้รับคำแนะนำจากท่านในเที่ยวบินนี้”



           “ไม่คิดเลยว่าจะได้ขึ้นเครื่องพร้อมกับคุณเทมส์” เสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างตัวฉันทัช คนพูดพูดด้วยท่าทีสบายๆ น้ำเสียงนิ่งเรียบ เหมือนไม่เคยเกิดเหตุอะไรขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์

           “ไม่เห็นแปลกเลย ชัดต้องไปทำงานกับปาลอยู่แล้วนี่นา” ฉันทัชพูดอย่างอารมณ์ดี เขาเองก็วางตัวเป็นปกติเหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์สนทนาบนรถในเช้าวันจันทร์นั้นเช่นกัน

           “ตื่นเต้นนี่ครับ ปกติแล้วเวลาไปกับคุณปาล ผมก็นั่งคนเดียวตลอด” ไม่ใช่แค่ฉันทัชที่ทำตัวเป็นปกติ ทางด้านชัดเจนก็เช่นกัน

           “ผมก็เหมือนกัน”


           เครื่องบินไต่ระดับทะยานสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ที่มืดมิด เวลาตอนนี้ประมาณตีสี่ ไปถึงที่ฮ่องกง ก็คงเช้ามืดพอดี ฉันทัชไม่ค่อยชอบนั่งเครื่องไฟลท์กลางคืนแล้วถึงที่หมายตอนเช้าสักเท่าไหร่ เพราะเขานอนบนเครื่องไม่ค่อยหลับและทำให้เกิดอาการนอนน้อยและสมองเบลอ


           โชคดีนิดหน่อยที่ก้องภพพอรู้จักนิสัยเขาอยู่บ้างจึงให้ฉันทัชบินตามมาในวันอาทิตย์ ดังนั้นหลังจากเช็กอินเข้าโรงแรมเรียบร้อย เขาคงจะได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ส่วนตัวของก้องภพนั้น ชายหนุ่มบินมาฮ่องกงตั้งแต่วันพุธแล้วเนื่องจากมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ก้องภพอยากจะจัดการให้เรียบร้อย


          ฉันทัชรอจังหวะที่สัญญาณรัดเข็มขัดดับลง เขาบอกชัดเจนเสียงเบาเพราะเกรงจะรบกวนคนอื่นว่าเขาจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วจึงลุกจากที่นั่งไป


          “ว่าไงยะ พ่อคนเสน่ห์แรง” เมื่อเดินไปถึงส่วนท้ายสุดของเครื่องบิน ฉันทัชก็เห็นเพื่อนสาวยืนยิ้มรออยู่แถวห้องน้ำ

         “เสน่ห์แรงอะไร มั่วแล้วแพร”

         “แกจะให้ฉันเมาท์ในกลุ่มเลยไหมล่ะ รู้ปะ ฉันตกใจแค่ไหนตอนเห็นรายชื่อผู้โดยสารว่ามีใครบ้าง” แพรวาตาโตขณะพูด     “เที่ยวบินมีตั้งเยอะแยะ ดันเลือกวันที่ฉันบินพอดี”

         “เป็นแอร์เลือกผู้โดยสารได้ด้วยเหรอ”

         “รู้จ้าว่าไม่ได้ แต่ก็อยากพูดเฉยๆ อะ” แพรวาประชดเสียงใส “แล้วแกกลับวันไหน”

         “อีกสองสามวัน ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”

         “อืม เห็นนังพวกนั้นคุยแล้วใช่ปะ วันศุกร์นี้เจอกันนะ ร้านเดิม” แพรวาพูดถึงบทสนทนากลุ่มที่จะนัดเจอกันเมื่อวันก่อน

          “ได้ ถ้าไม่เลื่อนกลับนะ”

          “เออ รู้แล้ว” แพรวายิ้มก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ

          เมื่อฉันทัชกลับเข้ามานั่งที่ของตนเองอีกครั้ง เขาก็เห็นชัดเจนยังไม่หลับ ลืมตาใสแจ๋วมองเขานิ่ง “มีอะไรหรือเปล่า ชัด”

          “เปล่าครับ แค่คิดว่าคุณเทมส์ไปเข้าห้องน้ำนานจัง คนรอคิวเยอะเหรอครับ”

          “ก็ไม่เชิง” ฉันทัชยิ้มโดยไร้คำอธิบายเพิ่มเติม

          “คุณเทมส์อยากกลับมาทำงานแบบนี้อีกไหม” ชัดเจนไม่ได้ระบุว่าแบบนี้คือแบบไหน เจ้าตัวแค่พยักพเยิดใบหน้าตอนที่เห็นพนักงานต้อนรับนั้นดูแลผู้โดยสารที่ถัดไปข้างหน้าอีกสองแถวโดยการหยิบผ้าห่มมาเพิ่มให้

          “ไม่เอาแล้ว”

          “ทำไมล่ะครับ ผมเคยได้ยินมาว่าคุณเทมส์ชอบอาชีพนี้มากเลยไม่ใช่หรือ”

          “เคยชอบ” ฉันทัชตอบก่อนจะเปลี่ยนเรื่องหนีเสีย “ว่าแต่ทำไมชัดยังไม่นอน ไม่ง่วงเหรอ”

          “ยังครับ เวลานี้ปกติแล้วผมเพิ่งถึงบ้านเองมั้ง”

          “ทำไมล่ะ” ฉันทัชถามแล้วก็นึกขึ้นได้ “อ้อ เข้าใจแล้ว” คงจะรอไปรับส่งเจ้านายที่เอาแต่เที่ยวอยู่น่ะสิ

          “งั้นนอนพักเอาแรงดีกว่าไหม” ฉันทัชบอก เพราะตัวเขาก็อยากพักบ้างเช่นกัน

          “ครับ”


          ใกล้รุ่งเช้า อีกหนึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องบินจะร่อนลงสู่ท่าอากาศยาน พนักงานบนเครื่องบินต่างพากันเสิร์ฟอาหารให้กับผู้โดยสารแต่ละท่านอย่างรวดเร็วแต่สุภาพ


           ฉันทัชเลือกเมนูปลามาทาน ส่วนชัดเจนเลือกไก่ พวกเขาสองคนนั่งทานกันอย่างเงียบๆ จริงๆ แล้วช่วงเวลาตีห้าเกือบหกโมง ฉันทัชไม่ได้หิว มันไม่ใช่เวลาปกติที่เขาจะลุกมาทานอาหารเลย แต่ในเมื่อตื่นเต็มตาแล้ว หากไม่ทานอะไรรองท้องบ้าง ก็กลัวจะหิว เพราะกว่าจะลงเครื่อง รอรับกระเป๋า เข้าเมือง นั่งรถ ก็คงอีกหลายชั่วโมง


          ออกจากสนามบิน แสงแดดสว่างจ้า กระทบเข้าตาคนนอนน้อยอย่างจัง ฉันทัชรีบหยิบแว่นตาดำมาสวมทันที การที่ต้องนอนน้อยแล้วมาเจอแดดแรงแบบนี้เป็นอะไรที่ทรมานร่างกายเขาเป็นอย่างมาก ฉันทัชหลับตามาตลอดทางระหว่างนั่งรถ เวลานี้เขาไม่ใคร่จะอยากคุยกับใครในรถสักเท่าไหร่ อยากให้ถึงโรงแรมโดยเร็ว


          รถยนต์คันใหญ่มาจอดหน้าทางเข้าโรงแรมอย่างนุ่มนวล ฉันทัชไม่ได้สนใจจะจ่ายเรื่องค่าบริการนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนร่วมการเดินทาง เขาลากกระเป๋าเดินทางอย่างทุลักทุเลเล็กน้อยเพราะขาเริ่มจะเอนเอียงตามสมองที่ง่วงงุน ฉันทัชลากกระเป๋าไปชนกับอะไรสักอย่างทำให้ร่างของเขาสะดุดกึกจนหน้าเกือบคะมำ

          “ระวังหน่อย” เอวของเขาถูกใครสักคนคว้าเอาไว้ได้ทัน จนหลังของเขาชนเข้ากับแผ่นอกคนที่ช่วยเหลือไว้

          “ขอบคุณ” ฉันทัชหันไปมองพลางยิ้มแหย

          “นอนไม่พอใช่ไหม เดินเป็นซอมบี้เลย”

          “อืม ใครให้เลือกไฟลท์บินเวลานี้ล่ะ” ฉันทัชทำเสียงไม่พอใจออกไปเล็กน้อย แต่หัวใจกลับเต้นเร็วไปหมด

           ร่างกายมันใกล้ชิดกันเกินไป

           เขายังจำได้ว่าอ้อมอกนี้มันอบอุ่นแค่ไหนในยามที่เรายังนอนกอดกันอยู่

          “ขอโทษ” เสียงทุ้มที่คุ้นหูเอ่ยตามนิสัย ไม่ว่าเวลาจะไปผ่านไปแค่ไหน คนๆ นี้มักจะเลือกขอโทษเขาก่อนเสมอ


          ปาณัสม์ปล่อยมือเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทรงตัวได้แล้ว ฉันทัชสบตากับอีกฝ่ายนิ่ง ต่างคนต่างไม่พูดอะไร จนกระทั่งมีเสียงแทรกจากชัดเจนขึ้นมา

          “เดี๋ยวผมลากกระเป๋าให้คุณเทมส์เองครับ” ชัดเจนอาสา

          “ขอโทษทีนะชัด ต้องลำบากเลย” ฉัชทัชได้สติจึงรีบพูดออกไป

         “ยินดีครับ” ชัดเจนลากกระเป๋าของฉันทัชเข้าไปที่หน้าล็อบบี้ของโรงแรม

          โดยที่ไม่มีใครได้เห็นสีหน้าของชัดเจนว่าตอนนี้เจ้าตัวรู้สึกอย่างไร


           การเดินทางมาฮ่องกงครั้งนี้ ฉันทัชไม่คาดคิดว่าเขาจะต้องเดินทางมาพร้อมกับปาณัสม์และชัดเจน เนื่องจากว่าก้องภพได้เดินทางล่วงหน้ามาแล้วและเพราะกลัวหุ้นส่วนคนใหม่จะลำบากเรื่องภาษาท้องถิ่นของคนที่นี่หรือเรื่องอื่นๆ ก็ตาม ก้องภพจึงลงความเห็นว่าฉันทัชควรจะรอมาพร้อมกับทางฝั่งนั้นจะดีกว่า


           ถึงแม้ว่าฉันทัชจะบอกไปว่าอดีตคนรักนั้นไม่จำเป็นต้องคอยให้เขาดูแลถึงขนาดนี้ก็ได้ อีกฝ่ายเคยร่ำเรียน อาศัยชีวิตอยู่ถึงเมืองนอกเมืองนา ทำงานก็มีธุรกิจกับต่างประเทศอยู่เสมอ ถ้าแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ก็ไม่น่าจะดูแลบริหารบริษัทได้กระมัง แต่กระนั้นก้องภพก็ยังส่ายหน้าเป็นเชิงไม่สนใจอยู่ดี ไม่รู้จะเป็นห่วงอะไรกันนักหนา


           สรุปว่า คำค้านฟังไม่ขึ้น


           แล้วดูสิปาณัสม์ติดขัดอะไรตรงไหนล่ะ ก็พาเขามาถึงโรงแรมได้เรียบร้อย ดูแลครอบคลุมจนหมดตั้งแต่ลงเครื่องจนถึงโรงแรม ตกลงว่าใครมันดูแลใครกันแน่


            ฉันทัชหงุดหงิดเล็กน้อย ยิ่งไม่ค่อยได้นอน พานจะให้ความดันขึ้น เอาเป็นว่า ขอนอนก่อนแล้วกัน ต่อจากนี้ค่อยว่ากันใหม่


            หวังว่าเมื่อถึงวันจันทร์ การทำงานของฉันทัชที่ต้องร่วมงานกับอีกฝ่ายคงจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น




========================================

** ถ้าคุณเป็นชัดเจนจะตอบคำถามของฉันทัชว่าอะไรคะ

เจอกันวัน ศ น้า
มาทายกันหน่อยค่ะ สองคนนี้มันจะตีกันไหมนะ

HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

ไปคุยกันในทวิตได้น้า เขมอยากเมาท์ อิอิ

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

Facebook และ Twitter


หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 12 Keep it or Let it go. หน้า 6 UP!! 09/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-10-2018 12:20:18
ชัดเจนเอ้ย
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 12 Keep it or Let it go. หน้า 6 UP!! 09/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 09-10-2018 13:35:14
แอบสงสารชัดเจนเบาๆ แต่แม่เลขานี่ยังไงๆอยู่นา  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 12 Keep it or Let it go. หน้า 6 UP!! 09/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-10-2018 14:09:18
สงสารชัดมาก ๆ น้ำตาจะไหล :hao5:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 12 Keep it or Let it go. หน้า 6 UP!! 09/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-10-2018 14:14:38
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 12 Keep it or Let it go. หน้า 6 UP!! 09/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 09-10-2018 14:16:24
ชัดเจนแอบร้ายอ่ะ ที่มารับก็เพราะว่าปาลให้มาไม่ใช่เหรอ หื้มมม
แต่ก็แอบสงสาร แต่ก็นั่นแหละฮะะะ :m28:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 12 Keep it or Let it go. หน้า 6 UP!! 09/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 09-10-2018 16:01:54
หวีด  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 12 Keep it or Let it go. หน้า 6 UP!! 09/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 09-10-2018 17:12:44
จะตัดทั้งทีก็ตัดไม่ขาด
มันเลยดูยุ่งอิรุงตุงนัง
สองคนก็ยังพัวพันกันอยู่แบบนี้

หนีกันไม่พ้นซักที
เฮ้อออออออ

ปาลกับจันทร์ เห็นทีคงจะวนลูปกลับมาคู่กันอีกหน
ไปไหนไม่รอด สองคนนี้เป็นคู่กัน...แต่ปางก่อน หุหุ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 12 Keep it or Let it go. หน้า 6 UP!! 09/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 09-10-2018 18:29:53
อดสงสัยไม่ได้ว่าชัดเจนเป็นคนเอาโน้ตของเทมส์ไป ทำให้ปาลไม่เห็น จนเป็นประเด็นกัน
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 12 Keep it or Let it go. หน้า 6 UP!! 09/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 09-10-2018 23:13:10
ชัดเจนดูไม่ชัดเจนแล้วแหละ ฉันว่าเทออะร้ายสุด
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 12 Keep it or Let it go. หน้า 6 UP!! 09/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 10-10-2018 00:39:32
ชัดเจนเธอต้องสู้นะ แต่สู้อย่างตรงไปตรงมาไม่ลอบกัดเด้อ  :z2:

ส่วนจันทร์ก็เปิดใจให้หนุ่มฮ่องกงบ้างก็ได้  o18
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 12 Keep it or Let it go. หน้า 6 UP!! 09/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 12-10-2018 10:27:50


ภาค 13 New Partner



ฉันทัชตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างสดใสทีเดียว เมื่อวานหลังจากมื้อเย็นเขาก็หลับเป็นตาย โดยไร้การรบกวนจากทุกคน นั่นเป็นสิ่งที่เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขาบอกทุกคนให้มาเจอกันที่ล็อบบี้ของโรงแรม เพราะก้องภพจะให้คนมารับพวกเขาจากที่นี่ไปส่งอีกโรงแรมหนึ่ง


“สวัสดีครับ พี่ก้อง” เมื่อรถยนต์มาส่งถึงปลายทาง ปาณัสม์ก็เห็นก้องภพมายืนรอรับเขาอยู่แล้ว

“สวัสดี ปาล เมื่อวานเรียบร้อยดีนะ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปรับพวกคุณที่สนามบิน ผมปลีกตัวจากประธานหลี่ไม่ได้เลย”

“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว” ปาณัสม์บอกอย่างนอบน้อม จะอย่างไรอีกฝ่ายก็มีอายุมากกว่าเขาและยังคอยช่วยแนะนำเรื่องธุรกิจให้เขาอีกด้วย

“เข้าไปข้างในกันเถอะ ประธานหลี่คงรอพวกเราอยู่แล้ว”


...



การเซ็นสัญญาวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ไร้อุปสรรค ปาณัสม์เป็นนามตัวแทนของบริษัทพี  ฟู้ดร่วมลงทุนกับบริษัทซิลเวเนีย ไดมอนของก้องภพ และสองบริษัทนี้ยังทำสัญญาร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของทางฮ่องกงอย่างท่านประธานหลี่ ทำให้มีสื่อจากหลายสำนักมาร่วมกันทำข่าว คาดว่าวันพรุ่งนี้หรือไม่วันนี้ในช่วงบ่าย ต้องมีพาดหัวข่าวเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย


“เฮ้อ อึดอัดจัง” ฉันทัชอมยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงคนข้างตัวเปรยขึ้น ชายหนุ่มหน้าใสลูกชายคนเล็กของประธานหลี่ แต่ไฉนถึงมายืนข้างฉันทัชได้

“คุณดึงไทแน่นเกินไปหรือเปล่า” ฉันทัชเหลือบมองจึงเห็นว่าเป็นไปอย่างที่เขาคาดเดา เขาจึงหันไปทางด้านข้างเพื่อปรับดึงไทของคนบ่นให้หลวมขึ้นเล็กน้อย

“อ่า...ถ้าผมมีคุณคอยมาดูแลให้ทุกวันก็คงจะดี” คุณชายหลี่พูดภาษาแม่ตามความเคยชิน พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนฉันทัชต้องแสร้งเบี่ยงตัวหลบอย่างแนบเนียน

“จะเป็นไปได้ยังไงกัน” ฉันทัชหัวเราะเสียงเบา

“ทุกวันนี้นะ นึกแล้วผมยังเสียดาย ถ้าวันที่เจอคุณครั้งแรก แล้วคุณยอมไปต่อกับผม เชื่อไหม ผมจะต้องจับคุณมัดไว้แล้วไม่มีทางปล่อยให้คุณหลุดมือไปได้แน่ๆ”

“ผมไม่อยากถูกขัง”

“ไม่ได้ขังสักหน่อย ก็แค่อยู่กับผมตลอดไปเท่านั้นเอง”

“ไม่เอาหรอกครับคุณชายหลี่ ผมไม่อยากถูกขังอีก” เจ้าตัวแสร้งพูดติดตลก แต่คำพูดของฉันทัชสะกิดต่อมอยากรู้ในใจของคนฟัง แม้ว่าคุณชายหลี่จะสงสัยในคำพูดนั้นแต่ก็ไม่อยากถามอีกฝ่ายในช่วงเวลาและบรรยากาศแบบนี้

“วันนี้ตอนเย็นไปร้านนั้นกับผมนะ” คุณชายหลี่เล่นปลายนิ้วของฉันทัชเบาๆ

“ผมมาทำงาน คงไม่สะดวก”

“ทำไมล่ะ” คุณชายคนเล็กของตระกูลมักไม่เคยชินกับการถูกปฏิเสธสักเท่าไหร่ ไม่ว่าเขาจะขออะไรหรือบอกอะไร คนรอบข้างก็มักจะทำให้เขาทันที ไม่ปล่อยให้เขาต้องคลุ้มคลั่งเหมือนการ กระทำของคนนี้

“ในเมื่อคุณเลิกงานแล้ว คุณก็ย่อมมีสิทธิ์ใช้เวลาส่วนตัวนี่” คนอ่อนวัยกว่าแย้ง

“เอาแต่ใจจริงๆ ถ้างั้น เดี๋ยวผมบอกคุณอีกทีแต่ไม่รับปากนะครับ” ฉันทัชบอกอย่างเอ็นดู จะว่าไปปกติแล้ว เขาไม่ชอบคนที่มาคอยตื๊อสักเท่าไหร่ แต่คุณชายหลี่หรือเดวิดคนนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย เป็นชายหนุ่มที่อารมณ์ดีที่ทำให้เขาเบิกบานได้เสมอ



ท่ามกลางการพูดคุยของคนสองคนแต่ทว่าไม่อาจเล็ดรอดจากสายตาของใครอีกคนหรือสักสองคนหรือสามคนตรงนั้นไปได้ ด้วยเพราะพิธีการมันเสร็จสิ้นไปแล้ว ตอนนี้ทุกคนต่างพากันพูดคุย ผ่อนคลายตามอัธยาศัย แต่ก้องภพ ปาณัสม์ และชัดเจนก็เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นอย่างเต็มเปา


ก้องภพนั้นพอรู้อยู่แล้วว่าคุณชายหลี่นั้นดูจะถูกอกถูกใจเลขาของเขาเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็น่าแปลกใจ สองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหน ท่าทีของฉันทัชที่แสดงออกมาให้เห็นนั้นค่อนข้างเรียบเฉย แต่ไม่ได้ปฏิเสธหรือรำคาญ ไม่รู้ว่าเพราะเกรงใจอีกฝ่ายเรื่องงานหรือจากความรู้สึกส่วนตัว


รูปที่เขาถ่ายมาได้ จะทำอย่างไรดีนะ ก้องภพยิ้มมุมปากที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายก่อนจะส่งรูปนี้ไปให้คนที่เขาคิดว่าสนิทที่สุดในตอนนี้


สาบานเถิดว่า เขาไม่ใช่คนที่ชอบวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของใคร หากไม่ได้ต้องการจะหาโอกาสคุยกับอินทัช


ชัดเจน เป็นอีกคนที่เห็นเหตุการณ์นั้นเช่นกัน ชายหนุ่มจ้องมองสองคนนั้นเขม็งโดยไม่ละสายตาไปไหน ทำไมคนนั้นถึงดูมีท่าทีที่สนิทกับฉันทัชมากเป็นพิเศษ ชัดเจนหรี่ตาลง หรือว่าสาเหตุที่ฉันทัชเลือกปฏิเสธเขาเพราะจริงๆ แล้ว ฉันทัชมีคนที่กำลังคุยอยู่ นั่นก็คือคนนี้ หลี่หยางเซิง บุตรชายคนเล็กของท่านประธานหลี่


เวลานี้ฉันทัชเหมือนยิ่งไกลจากมือของชัดเจนไปอีก ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาเฝ้าทุ่มเท เอาใจ คอยดูแลอีกฝ่ายไม่ห่าง แต่กระนั้นฉันทัชก็ไม่เคยแม้แต่จะอ่อนไหวหรือเปิดใจรับเขาเข้าไปอยู่ในห้องว่างของหัวใจบ้างเลย


ชัดเจนไม่อยากแพ้ เขารอมานาน รอตั้งแต่อีกฝ่ายยังเป็นของปาณัสม์ เขามาก่อนเด็กนั่นอีกไม่ใช่หรือ ทำไมฉันทัชจึงไม่มองมาที่เขาบ้าง ชัดเจนคิดด้วยความน้อยใจ ดวงตายาวรียังจับจ้องไปที่คนคู่นั่นไม่เปลี่ยนแปลง


โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำสายตาแบบไหนออกไป


บุคคลสุดท้ายที่เห็นเหตุการณ์ประหนึ่งคู่รักกำลังคุยกันกะหนุงกะหนิง คงหนีไม่พ้นปาณัสม์ เขาประกาศตรงนี้ได้เลยว่าถ้าฉันทัชยังคบกับเขาอยู่ ไม่มีทางเสียหรอกที่เด็กหน้าอ่อนนั่นจะได้เข้าใกล้ฉันทัชของเขา สายตาเยียบเย็นมองคนคู่นั้นพักเดียวก็เบือนหน้าหนี ผิดกับมือที่จับก้านแก้วแน่นจนข้อขาว น่ากลัวว่าแก้วจะแตกคามือเหลือเกิน


รู้เป็นอย่างดีว่าฉันทัชเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง ซ้ำยังแต่งตัวดี อีกทั้งคำพูดคำจาก็ดี ใครได้คุยด้วยมีหรือจะไม่ชอบ ยิ่งถ้าหากเจ้าตัวมีใจปฏิพัทธ์คิดชอบพอด้วยล่ะก็ ร้อยทั้งร้อยก็หนีไปไหนไม่รอด ขนาดเขาที่เคยเที่ยวจีบใครต่อใครเล่น ไม่จริงจัง ยังหนีไม่พ้นเงื้อมของฉันทัชไปได้เลย


แล้วเด็กหน้าอ่อน ที่อายุอานามดูแล้วคงไม่น่าจะถึงยี่สิบห้า ประสบการณ์ความรักคงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ยังไม่ประสาเท่าที่ควร มีหรือจะไม่หลงคารมของฉันทัช


การแสดงออกนั่นอีก มันใช่ไหมที่จะต้องมาจัดไทกันท่ามกลางธารกำนัลหรือมากระซิบกระซาบแทบจะกินหูในเวลาแบบนี้


‘จันทร์ นะ จันทร์’ ปาณัสม์ได้แต่แสดงอาการฮึดฮัด ไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆ ออกมาได้


เขาจะจัดการอดีตคนรักนี้ด้วยวิธีการใดดี ปาณัสม์พยายามคิดหาวิธีไม่ให้ฉันทัชต้องอยู่ใกล้เด็กคนนั้น

ฉับพลันเขาสะดุดคำพูดของตัวเอง


… อดีตคนรัก



อ่า....



เขาไม่มีสิทธิ์สินะ




ทำไมความรู้สึกต้องต่อสู้กันไปมาแบบนี้








“นึกว่าจะมาไม่ได้เสียแล้ว” หลี่หยางเซิงเอ่ยทักตอนที่เห็นฉันทัชเดินเข้ามานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามในร้านประจำของทั้งคู่

“ไม่ใช่แผนของคุณหรือ” ฉันทัชบอกอย่างรู้ทัน

“คุณเดาผมออกหมดเลย” คุณชายหลี่ทำหน้าเซ็งเล็กน้อยที่ถูกจับได้ เพราะเขาเป็นคนบอกให้พ่อของตนเองหาเรื่องดึงตัวก้องภพไว้นานๆ เพื่อให้ฉันทัชเป็นอิสระในยามค่ำคืน

“คุณดูง่าย” ฉันทัชยิ้ม พลางเรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่ม “วันนี้นึกยังไงถึงเลือกมานั่งที่โต๊ะตรงนี้แทนที่จะเป็นบาร์”

“ไม่ยังไงครับ ผมอยากนั่งแล้วเห็นหน้าคุณชัดอยู่ตลอดเวลา”

“ตรงบาร์ไม่ชัดกว่าหรือ” ฉันทัชแนะ เพราะนั่งตรงบาร์จะใกล้ชิดกว่านี้

“ไม่เหมือนกัน ผมชอบมองคุณตรงๆ แบบนี้มากกว่า นั่งตรงบาร์คุณชอบใช้หางตาคุยกับผม” คุณชายหลี่หัวเราะในลำคอ

“ผมเคยทำอย่างนั้นด้วยหรือ” ฉันทัชทำตาโตเล็กน้อยพูดเหมือนไม่เคยรู้มาก่อน

“อย่าพูดเหมือนคุณไม่เคยทำสิครับ”

“อ้าวเหรอ อ่า..หิวจัง” ฉันทัชเลือกเปลี่ยนเรื่อง

“ผมสั่งให้คุณแล้ว อีกสักพักอาหารก็คงมา”

“เอาใจผมเก่งจังเลย” ฉันทัชเอ่ยชม

“ถ้าชอบที่ผมเอาใจคุณเก่ง ก็ช่วยตอบแทนโดยการชอบผมเสียทีได้ไหม” คุณชายหลี่เสนอ

“ใช้ความสามารถหน่อยสิครับ มันน่าภูมิใจนะถ้าทำให้เขาชอบเราได้น่ะ”

“ผมอยากรู้จริงๆ ว่าเคยมีใครจีบคุณสำเร็จบ้างไหม”

“คุณคิดว่าไงล่ะ” ฉันทัชย้อนถามกลับ

“สงสัยคงไม่มีหรอก คุณเล่นตัวเก่งมาก”

“จะถือว่าเป็นคำชมนะ” ฉันทัชยังยิ้ม

“เอ๊ะ แต่ตอนที่เจอคุณครั้งแรก คุณดูเหมือนคนอกหัก”

“ครั้งแรกหรือ” ฉันทัชนึกย้อนไปเหตุการณ์ที่เขาเจอคุณชายหลี่ครั้งแรก “ผมไม่ได้อกหักเสียหน่อย” ชายหนุ่มปฏิเสธ

“ไม่จริงหรอก คุณดูเศร้านะ ผมจำได้”

“ผมไม่ได้อกหัก เรียกว่าไปหักอกคนสิถึงจะถูกต้อง” ฉันทัชหัวเราะ

“หรือเพราะอย่างนั้นคุณเลยฝังใจใช่ไหม ผมถึงจีบคุณไม่สำเร็จเสียที”

“พูดอะไรอย่างนั้น ไม่เกี่ยวกัน ผมไม่ได้ฝังใจสักหน่อย”

“แล้วทำไมคุณถึงไม่ชอบผมสักทีล่ะ ถามจริงๆ เถอะครับ คุณไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ผมทำไปเลยเหรอ”

“ผมก็เป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ถึงจะไม่รู้สึกอะไร” ฉันทัชบอกพลางรับเครื่องดื่มจากพนักงานมาดื่ม

“ถ้างั้นคุณรู้สึกยังไงกับผม”

“มีคนเคยพูดถึงผมว่าจริงๆ แล้วผมเป็นคนที่นิสัยไม่ดี แถมยังร้ายกาจอีกด้วย” ฉันทัชกลับพูดเรื่องอื่นเสียอย่างนั้น หลี่หยางเซิงขมวดคิ้ว มองคนตรงหน้า แต่เขาไม่ได้คิดจะทักท้วงอะไร

“เหรอครับ”

“คุณคิดว่าผมนิสัยไม่ดีบ้างไหม”

“ก็..ไม่นะ เท่าที่ผมรู้ คุณมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม” คุณชายหลี่บอกอย่างใจกว้าง

“นั่นแสดงว่าคุณยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผม”

“ผมอยากรู้จักคุณนะ เยว่ซิน” หลี่หยางเซิงตั้งใจเรียกชื่อที่เขาตั้งให้

“ก็รู้จักสิครับ ผมไม่เคยห้ามคุณไม่ใช่หรือ คุณชายหลี่” ฉันทัชยิ้ม รอยยิ้มที่แสดงออกมาเหมือนไม่ตั้งใจ แต่มันคือความตั้งใจ

“ครับ”

“แต่...ผมไม่ได้ให้เวลาสำหรับคุณคนเดียว เพราะฉะนั้น คุณต้องพยายามหน่อยล่ะ” คุณชายหลี่กลืนน้ำเมาลงคออย่างยากเย็น ราวกับว่าน้ำสุรานั้นกำลังบาดคอเขาในทุกจังหวะที่มันไหล่ผ่านลงไป คล้ายกับประโยคที่ฉันทัชเพิ่งพูดออกมา


ถ้าเขาเข้าใจความหมายของประโยคนั้นไม่ผิด ฉันทัชกำลังจะบอกว่า ในเมื่อชายหนุ่มเปิดโอกาสให้เขาได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นใช่หรือไม่

“ผมเริ่มรู้สึกว่าคุณร้ายกาจขึ้นมาบ้างแล้ว” หลี่หยางเซิงวางแก้วเปล่านั้นลงก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งเพิ่มพร้อมกับชายหนุ่มตรงหน้า

“ผมจะถือว่าคุณพัฒนาไปอีกขั้นนะครับ”

“รู้ไหม ผมอยากให้คุณเป็นสุนัขพันธุ์ไหนสักพันธุ์หนึ่ง แทนที่จะเป็นแมวร้ายกาจ”

ฉันทัชหัวเราะกับการเปรียบเทียบของชายหนุ่ม “ทำไมล่ะครับ”

“สุนัขน่ะ แค่มีคนดูแลให้อาหาร เอาใจใส่ มันก็รักและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของแล้ว แต่แมวน่ะไม่ใช่ ไม่ใช่เลย คนพวกนั้นคือทาสของแมวนั้นต่างหาก”

“ผมก็เคยได้ยินอย่างนั้นมาเหมือนกัน”

“มีคนเคยพูดกับคุณเหมือนผมหรือ” คุณชายหลี่ จิ๊ปากขัดใจเล็กน้อย เขาไม่ชอบให้ใครมาตัดหน้าเขาไปแบบนี้

“ไม่โมโหสิครับ” ฉันทัชยิ้มพลางวางมือลงหลังมือของหลี่หยางเซิงเพื่อเป็นการปลอบใจ “คุณอาจจะเดาผิดไปหน่อย ผมไม่ใช่แมวที่ร้ายกาจอะไรหรอกครับ ผมเป็นแมวขี้เกียจที่ชอบนอนทั้งวันมากกว่า”

“ผมไม่คิดว่าคนอย่างคุณจะนอนทั้งวันจริงๆ หรอก” หลี่หยางเซิงพลิกมือมากระชับมือของฉันทัชไว้ ฉันทัชมองการกระทำนั้นแต่ไม่ได้ดึงมือกลับ

“คนนั้นบอกผมว่า ผมไม่ค่อยจัดการอะไร ชอบปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไป จนบางทีสถานการณ์นั้นมันแย่จนยากที่จะแก้ไข” ฉันทัชบอกเสียงเศร้า

“อดีตคนรักของคุณหรือ” หลี่หยางเซิงกระซิบถามด้วยความเห็นใจฉันทัช

ฉันทัชส่ายหน้า “อินอิน ต่างหาก” สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าเมื่อสักครู่ กลายเป็นเสียงหัวเราะตอนเจ้าตัวเฉลย

“คุณอำผมเสียจนผมไปต่อไม่ถูกเลย”

“คุณเหมือนเด็กที่ถูกแกล้งมากๆ แล้วจะร้องไห้เลย”

“ผมโตแล้ว” หลี่หยางเซิงไม่พอใจที่ฉันทัชว่าเขาเหมือนเด็ก

“ผมอยากพิสูจน์ให้คุณรู้เสียทีว่าผมโตแล้ว ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป”

“พิสูจน์แบบไหนครับ” ฉันทัชดึงมือกลับ ก่อนจะใช้มือข้างนั้นตักอาหารขึ้นมาทานอย่างไม่รีบร้อน

“ไปที่ห้องผมคืนนี้สิ คุณจะได้รู้” คำตอบของคุณชายหลี่ทำให้ฉันทัชชะงักเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่นึกขำระคนเอ็นดูในตัวเด็กคนนี้


บอกแล้วไงว่า หลี่หยางเซิงคนนี้ ถึงจะรุกคืบ ไล่ต้อนฉันทัชแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยทำให้ฉันทัชรำคาญสักที

“อย่ามาหลอกชวนผมขึ้นห้องเสียให้ยากเลย”

“ไม่ติดกับแฮะ”

“กับดักตื้นๆ แบบนี้ ผมไม่เดินเข้าไปหรอก” ฉันทัชตอบ


กับดักน่ะ ใครๆ ก็มองออกทั้งนั้น แต่หลายคนมักเดินเข้าไปติดกับดักเอง เพราะอะไรกันล่ะ?ถ้าไม่ใช่เลือกปิดตาตัวเองแล้วใช้หัวใจนำทางมากกว่าสมองไม่ใช่หรือ


ค่ำคืนนั้น ฉันทัชรู้สึกเบิกบานและผ่อนคลายเหมือนอย่างเคยเมื่ออยู่กับหนุ่มน้อยคนนี้ เขานั่งยิ้มบ้าง หัวเราะบ้าง กับมุกตลกหรือเรื่องเล่าของคุณชายหลี่ที่เจ้าตัวสรรหามาเล่าให้เขาฟัง


สุดท้ายก่อนจากลา หลี่หยางเซิงยังอาสามาส่งฉันทัช แน่นอนว่าพวกเขาต่างพากันดื่มไปไม่น้อย ถึงจะไม่เมา แต่ก็มึนศีรษะอยู่พอสมควร ตอนที่เดินออกมาจากร้านจึงเห็นรถยนต์คันหนึ่งจอดนิ่งสนิทอยู่ นับว่าคุณชายหลี่ค่อนข้างรอบคอบอยู่บ้างที่ให้คนขับรถมารอรับ

“เอาล่ะ” หลี่หยางเซิงพูดเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

“ต่อจากนี้ ผมจะปรับปรุงตัวเองใหม่ จะต้องทำให้คุณยอมตกลงเป็นแฟนผมให้ได้”

ฉันทัชยิ้ม “ผมจะรอนะครับ”

“มีของขวัญหรืออะไรที่เป็นกำลังให้ผมหน่อยได้ไหม” เพราะบรรยากาศกับสติที่ถูกลดทอนทำให้หลี่หยางเซิงขออะไรแบบนั้นออกไป

“ยังไม่ทันเริ่มเลย ก็ขอรางวัลเสียแล้ว”

“ไม่ได้หรือ”

ฉันทัชยิ้ม ช้อนตาขึ้นมอง พลางกระซิบบอก

“ก้มหน้าลงมาสิ”



...



‘ผมฝากคุณพาปาลไปที่โกดังของบริษัทพรุ่งนี้ด้วย เรื่องค่าใช้จ่ายให้ทำเรื่องเบิกเหมือนเดิม’


นั่นคือข้อความจากก้องภพที่ฉันทัชมาเห็นตอนที่ถึงโรงแรมแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะหาคีย์การ์ดในกระเป๋าแต่เจอข้อความนี้เข้าเสียก่อน เกือบจะไม่เห็นแล้วไหมล่ะ


จากโรงแรมไปโกดังเก็บสินค้า กะระยะทางแล้วน่าจะใช้เวลาเดินทางประมาณสามสิบนาทีก็จะถึงที่หมาย ฉันทัชค่อยๆ เดินไปอย่างเชื่องช้าเพราะสมองของเขามันสั่งการไม่ค่อยเต็มประสิทธิภาพสักเท่าไหร่ เขายกมือกดออดหน้าประตูห้องพักของปาณัสม์ หวังว่าอีกฝ่ายคงจะยังไม่นอนไปเสียก่อนล่ะ


รออยู่สักพักใหญ่ ทว่าข้างในยังเงียบ ไร้วี่แววว่าอีกฝ่ายจะมาเปิดประตู ฉันทัชถอนหายใจ พรุ่งนี้มาปลุกอีกฝ่ายในตอนเช้าก็แล้วกัน เขาเตรียมจะหมุนตัวกลับไปห้องพักตัวเอง แต่จังหวะนั้นประตูที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของเขาก็ถูกเปิดออกจากข้างในเสียก่อน

“จันทร์?” ปาณัสม์เรียกชื่อฉันทัชด้วยความประหลาดใจ เขานึกว่าเป็นชัดเจนเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มเลยไม่ได้แต่งตัวให้เรียบร้อยเสียก่อนเปิดประตู

“อื้อ โทษที หลับแล้วงั้นเหรอ” ฉันทัชมองภาพตรงหน้าแล้วเลือกมองเลยไปด้านหลังอีกฝ่ายแทนที่จะมองคนตรงหน้า

“เปล่า เพิ่งอาบน้ำเสร็จน่ะ” ฉันทัชเห็นเสื้อคลุมสีขาวบนร่างกายอีกฝ่าย สาบเสื้อที่ควรจะทับซ้ายทับขวานั้นดูไม่ค่อยจะร่วมมือด้วยสักเท่าไหร่ เพราะมันค่อนข้างแทบจะไม่ปกปิดอะไรเลยบนตัวปาณัสม์

“มีอะไรหรือเปล่า จะเข้ามาก่อนไหม” ปาณัสม์ถามพลางเปิดประตูให้กว้างขึ้นกว่าเดิม

“ไม่..ไม่ล่ะ แค่จะมาบอกว่าพรุ่งนี้เจอกันที่ล็อบบี้ตอนเก้าโมงสิบห้านะ เทมส์จะพาไปที่โกดังเก็บสินค้า” ฉันทัชตอบเลี่ยงไม่มองคนตรงหน้า ตั้งใจว่าเมื่อบอกธุระเสร็จแล้วจะขอตัวกลับห้องทันที

“ได้ แล้วนี่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกหรือ” ปาณัสม์ถามรั้งฉันทัชไว้เพราะอีกฝ่ายยังใส่ชุดเหมือนช่วงเช้าไม่มีผิด

“อืม”

ปาณัสม์ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ฉันทัช “ดื่มมาด้วยล่ะสิ กลิ่นเหล้าหึ่งเลย”

“นิดหน่อย” ฉันทัชบอกพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ทำไมเขาจะต้องรู้สึกเหมือนกำลังถูกจับผิดอะไรแบบนี้ด้วย เขามีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ไม่ใช่หรือ

“แต่ตรงนี้คงไม่นิดหน่อยล่ะมั้ง บวมเชียว” น้ำเสียงแดกดันถูกส่งมาให้ฉันทัช

ฉันทัชรู้สึกถึงแรงกดจากนิ้วมือของปาณัสม์ที่กดลงมาแรงๆ ย้ำๆ บนริมฝีปากของเขา

“เจ็บ!!” ชายหนุ่มร้องบอกพลางปัดมือนั้นทิ้ง

“เข้ามานี่” ปาณัสม์กระชากแขนของฉันทัชเข้าไปในห้อง เสียงประตูปิดลงอย่างแรงแต่เจ้าของแรงมือนั้นก็ไม่ได้สนใจว่ามันจะทำให้คนที่พักมาในห้องต่างๆ ต้องตื่นขึ้นมาสวดสรรเสริญให้เขาด้วยหรือไม่

ช่างหัว ปาณัสม์ไม่สนใจใครหรอกเวลานี้

“ปล่อย!! จะทำอะไร” ฉันทัชสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของอดีตคนรักอย่างสุดแรง

“ไปไหนมา” ปาณัสม์ถาม ฟังดูก็รู้ว่าไม่ใช่น้ำเสียงที่กำลังบอกว่าเจ้าตัวอารมณ์ดีเลยแม้แต่น้อย

“เทมส์ไม่จำเป็นต้องตอบ” ฉันทัชจ้องเขม็งมองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ

“จูบกับใคร”

“จะจูบกับใคร มันก็เรื่องของเทมส์ไม่ใช่หรือไง” ฉันทัชยังคงย้อน เขามุ่งหน้าเดินไปที่ประตูตั้งใจจะออกจากห้องนี้ไป ตอนนี้เขาก็เริ่มโมโหขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

“นอนกับมันด้วยหรือเปล่า” ปาณัสม์จับข้อมือของฉันทัชไว้ได้ทันแล้วเอ่ยถามอีก ใจของเขามันกำลังจะระเบิดออกมาในไม่ช้านี้

“มันเรื่องของเทมส์”

“นอนกับมันหรือเปล่า” ปาณัสม์ถามซ้ำพยายามสะกดอารมณ์ของตัวเอง แต่เมื่อกลั้นอารมณ์ เลยส่งผลให้มือที่จับกำข้อมือของฉันทัชไว้นั้นออกแรงจับมากขึ้น

“จะถามให้ได้อะไรขึ้นมา”

“ปาลถาม จันทร์ก็ต้องตอบ ไม่ต้องมาโยกโย้” น้ำเสียงกดดันถูกแผ่ออกมา แต่มีหรือฉันทัชจะเชื่อฟัง

“ปล่อยแขนเทมส์เดี๋ยวนี้!!” เขาสะบัดมืออีกครั้งจนร่างของตัวเองเซถอยหลังมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่หลุดพ้นจากการเกาะกุม

“ฟังนะ เทมส์จะขอพูดอีกครั้ง และหวังว่าครั้งนี้มันจะเป็นครั้งสุดท้าย” มือของปาณัสม์ยังจับข้อมือเขาไว้แน่น

“อะไร”

“เทมส์ไม่จำเป็นต้องตอบปาล และปาลก็ไม่มีสิทธิ์มาถามเทมส์แบบนี้”

“ทำไม”


“เพราะเราเลิกกันแล้ว ปาลได้ยินชัดไหม”


ฉันทัชไม่รู้ว่าปาณัสม์ได้ยินชัดหรือไม่ แต่มือของอีกฝ่ายก็ปล่อยจากแขนของเขาอย่างง่ายดายและเมื่อเขาเลือกจะเดินกลับไปที่ประตูนั้นอีกครั้ง ก็ไม่มีการฉุดรั้งเขาไว้อีก


แปลว่าก็คงได้ยินนั่นแหละ



...


ปาณัสม์ทรุดนั่งลงบนที่นอน สองมือประสานกันแน่น ศอกวางอยู่บนเข่าทั้งสองข้าง เมื่อสักครู่นี้เขาทำอะไรกับอีกฝ่ายลงไป ถ้าหากไม่ได้คำพูดของฉันทัชเตือนสติ ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะทำอะไรโดยขาดความยั้งคิดอีกบ้าง การกระทำของเขามันบ้ามาก เขารู้ตัวดี มีสิทธิ์อะไรถึงไปทำท่าทางแบบนั้นใส่ฉันทัช


เฝ้านึกย้อนดูตัวเองว่าตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ทำไมเขาถึงไม่เคยโผล่หน้าไปให้ฉันทัชเห็นเลย ทำไมถึงทำตัวเหมือนว่าเขาได้หายออกไปชีวิตฉันทัชได้อย่างสนิทใจ ไม่เคยเข้าไปข้องเกี่ยวไม่ว่าฉันทัชจะทำอะไร ไม่ตามไปวอแวหรือไปสร้างความวุ่นวายให้อีกฝ่ายรำคาญใจใดๆ ดังที่ตั้งใจจะให้อิสระนั้นกับอีกฝ่ายจริงๆ


และเพราะเขารู้ตัวเองว่าตัวเองคงจะเป็นบ้าแน่ๆ หากยังได้ยินเรื่องของฉันทัชหรือว่าได้เห็นอดีตคนรักไปไหนมาไหนหรือกำลังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับใคร รู้ดีแก่ใจ เข้าใจเรื่องทั้งหมดว่าเขาคือคู่รักที่เลิกรากันไปแล้ว ระหว่างเรามันเป็นเพียง อดีต แต่เขาก็ไม่เคยระงับอาการหึงหวงบ้าๆ บอๆ แบบนี้ไปได้


ปาณัสม์ถามตัวเอง หนึ่งปีมันพอแล้วหรือยังที่เขาจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน เคยคิดว่าเขาคงทำใจปล่อยฉันทัชไปใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง อีกฝ่ายคงมีคนรักใหม่ มีคู่ที่ดีและรักกันตลอดไปอะไรเทือกนั้น แต่มาถึงบัดนี้เขาก็รู้ว่าเขาคงไม่สามารถทำตามอย่างที่ตั้งใจนั้นได้


จะบังคับให้อีกฝ่ายกลับมาอยู่ในกรงขังมันคงเป็นไปไม่ได้ การบังคับใจคนไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว คนที่ถูกขังก็จะตะเกียกตะกายดิ้นรนหาทางหนีรอดไปให้ได้อยู่ดี


แล้วถ้าหาก...อีกฝ่ายเต็มใจกลับเข้ามาอยู่ในกรงด้วยตัวเองล่ะ?


ปาณัสม์หลับตาลงพลางถอนหายใจ พยายามสลัดความคิดชั่วร้ายนั้นออกไป เขาสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ทำนิสัยแบบเดิมกับฉันทัชอีก หากความสัมพันธ์ระหว่างเขาและฉันทัชเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาต้องให้อิสระกับอีกฝ่าย ฉันทัชไว้ใจได้ในเรื่องการไม่นอกใจ ตราบใดที่ฉันทัชมีพันธะ เจ้าตัวไม่มีทางที่จะไปคบใครหรือให้ความหวังใครเด็ดขาด


สิ่งที่เขาต้องแก้ไขและจัดการคือความหึงหวงของตัวเองต่างหาก ในอดีตก่อนที่เขาจะคบกับฉันทัช เป็นเพราะเขาเจ้าชู้ จีบใครไปเรื่อย จริงจังบ้าง ไม่จริงจังบ้าง เขาเลือกใครก็ได้ อยากเปลี่ยนคนควงเมื่อไหร่ก็ทำได้ ง่ายเสียจนไม่ต้องเวลาจีบใคร กระทั่งฉันทัชคือคนที่ทำให้เขาคิดว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะง่ายกับเขาไปเสียหมด


ปาณัสม์ในเวลานั้นต้องหาวิธีตามจีบฉันทัชไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ มันลำบากด้วยสถานการณ์ที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวย เขามีเรียน ฉันทัชมีบิน เขาอยู่อีกฟากโลกคนละเวลา ฉันทัชอยู่เมืองไทย พยายามไม่รู้เท่าไหร่กว่าอีกฝ่ายจะยอมตกลง


จนกระทั่งฉันทัชให้เขาสัญญาด้วยเพียงคำสัญญาข้อเดียวคือการไม่นอกใจ ด้วยอาการรัก เขาตกลงรับปากทันทีโดยที่ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ยอมถอดเขี้ยวเล็บออกทั้งหมด


และเขาก็ทิ้งทุกอย่างไปง่ายๆ ด้วยคำว่า เบื่อ คำเดียว


สุดท้ายก็เข้าใจแล้วว่าไม่คุ้มที่จะเสียฉันทัชไปเลย


เขาอยากได้อีกฝ่ายกลับคืนมา แล้วฉันทัชล่ะ อยากได้เขากลับคืนไปบ้างไหม



========================================



จับแยกให้หมด!

เจอกันวันอังคารค่ะ



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 13 New Partner หน้า 6 UP!! 12/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 12-10-2018 10:52:20
หงุดหงิดปาล!!!!!!!!ถึงเวลารึยัง!!!!!!!!!!!
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 13 New Partner หน้า 6 UP!! 12/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-10-2018 11:27:58
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 13 New Partner หน้า 6 UP!! 12/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 12-10-2018 11:57:49
ขนาดจันทร์มีเสน่ห์ยังได้เลิกเพราะเบื่อกัน ตอนนี้อยากได้คืนแล้วอีกสิบปีข้างหน้าจะเบื่ออีกไหม  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 13 New Partner หน้า 6 UP!! 12/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 12-10-2018 12:34:44
 :laugh: :laugh: เรื่องมันสนุกขึ้น เมื่อมีคู่แข่งที่เทมส์เองก็เล่นด้วย
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 13 New Partner หน้า 6 UP!! 12/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 12-10-2018 12:44:04
ให้น้องมีแฟนใหม่ก็ดีนะคะ 5555  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 13 New Partner หน้า 6 UP!! 12/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 12-10-2018 12:55:38
กว่าจะรู้สึก มันช้าไปไหม
กับความรู้สึกที่เสียไปแล้ว
 :angry2: :angry2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 13 New Partner หน้า 6 UP!! 12/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-10-2018 13:25:44
ทำการเบิกเนตร
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 13 New Partner หน้า 6 UP!! 12/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-10-2018 14:23:26
ช้าไปป่ะมารู้สึกตัวเอาตอนนี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 13 New Partner หน้า 6 UP!! 12/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: pim14 ที่ 12-10-2018 15:04:56
มองไม่ค่อยเห็นความรักของปาลเลย มีแต่บ่นเสียดายในใจ แต่เคยเสียใจบ้างมั้ยที่ทำลงไป อยากเห็นปาลหลุดพูดอะไรที่มันมีความหมายต่อจันทร์บ้าง ไม่ใช่เอาแต่ตึงๆ สะบัดสะบิ้งบางเวลาแบบนี้ ถ้าพระเอกมาแนวนี้ นายเอกก็ไม่รู้จะรีเทิร์นกลับมาทำไมเนอะ คนใหม่ก็แลดูแซ่บ เด็กกว่าเห็นๆ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 13 New Partner หน้า 6 UP!! 12/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 12-10-2018 22:27:05
รู้มั้ยปาล คำว่าเบื่อนะ มันเกิดขึ้นได้แล้วครั้งหนึ่ง
ต่อให้กลับมาคบกันอีก มันก็จะเกิดอาการเบื่อ
ขึ้นมาได้อีก ได้อีก และได้อีกนั่นละ
เลิกแล้วก็ให้จบๆ ไปเถอะ หาคนใหม่ซะ
และปล่อยให้จันทร์เค้าไปเจอคนอื่นๆ บ้าง
อาจจะดีกว่าเธอเป็นสิบเท่า
หรือเลวกว่าเป็นร้อยเท่าก็ตามแต่
นั่นมันชีวิตของจันทร์ ปล่อยๆ จันทร์ไป
ตามที่เธอคิดตัดสินใจแต่แรกเถอะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 13 New Partner หน้า 6 UP!! 12/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 16-10-2018 10:23:49

ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ



เช้ารุ่งขึ้น ฉันทัชเดินมาที่ล็อบบี้ของโรงแรม เขาก็เจอชายหนุ่มสองคนยืนรออยู่ก่อนแล้ว ฉันทัชเอ่ยทักทายกับชัดเจนอย่างปกติ ตั้งใจไม่พูดกับอีกคน ไม่แม้แต่จะหันไปมองด้วยซ้ำ เขาพาทุกคนนั่งรถไปปลายทางของวันนี้ตามที่ก้องภพได้สั่งเอาไว้


เมื่อไปถึงฉันทัชก็พาปาณัสม์และชัดเจนไปพบก้องภพก่อนและเผื่อว่าหัวหน้าของเขาต้องการจะสั่งอะไรเพิ่ม

“เมื่อวาน คงไม่เหนื่อยไปใช่ไหมครับ ประธานหลี่ชอบเข้าสังคมน่ะครับ” ก้องภพบอกปาณัสม์


หลังจากมีการเซ็นสัญญาไป ประธานหลี่ก็ไม่ปล่อยให้ผู้ร่วมธุรกิจนั่นต้องกลับโรงแรมไปนอนเล่นอย่างไร้ค่า ประธานหลี่ลงทุนปิดห้องเหมาร้านที่ดีที่สุดของฮ่องกงไว้ถือเป็นการเลี้ยงต้อนรับปาณัสม์ไปพร้อมกัน ตอนที่ฉันทัชไปเคาะห้องของปาณัสม์ในตอนนั้นเองปาณัสม์ก็เพิ่งจะกลับมาถึงห้องพักได้ไม่นาน


ปาณัสม์หัวเราะ “ไม่เหนื่อยครับ ท่านประธานหลี่คุยสนุก ผมชอบท่านมาก” ปาณัสม์ตอบตามความรู้สึก เขาเข้าใจว่าธุรกิจมันก็ต้องมีแบบนี้ น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก แต่ต้องยอมรับว่าประธานหลี่คนนี้คุยสนุก เขาฟังเพลินมาก

“ดีแล้วครับ ในด้านธุรกิจท่านถือว่าเขี้ยวเล็บไม่เบาเลย แต่ข้อดีคือไม่ตุกติก สบายใจได้”

“ครับ”

“โกดังที่นี่...” ก้องภพมองไปรอบๆ ก่อนจะพูดต่อ “คุณคงจะทราบมาจากคุณปอนด์อยู่แล้วใช่ไหม มันเป็นเงินลงทุนระหว่างทางผมและคุณ”

“ครับ”

“คุณปอนด์เคยมาดูโกดังนี้แล้ว จริงๆ เขารู้จักที่นี่ดีพอๆ กับผม เพราะแปลนที่นี่ครึ่งหนึ่งก็เป็นความคิดของเขาด้วย ถ้าไม่ถูกใจ คุณคงต้องไปจัดการกับคุณปอนด์เขาเองนะ” ก้องภพบอกอย่างติดตลก

“พี่ก้องก็พูดเกินไปครับ” ปาณัสม์ยิ้ม เขารู้จักที่นี่จากรูปภาพแต่ยังไม่เคยมาเหยียบเลย นี่นับว่าเป็นการมาเยือนครั้งแรกของเขา

“จริงๆ ธุระของเราที่ฮ่องกงเรียบร้อยหมดแล้วล่ะ เหลือแค่รอสินค้าล็อตแรกที่จะถูกส่งมาที่นี่ แต่ผมเห็นว่าคุณยังไม่เคยเห็นโกดังของเรา ผมเลยตั้งใจให้คุณเทมส์พาคุณมาดูสถานที่ก่อน”

“ขอบคุณครับ”

“ขอโทษทีแต่ผมมีธุระที่ต้องจัดการต่อ” ก้องภพบอก “ยังไงผมขอฝากคุณไว้กับเทมส์ก็แล้วกันนะครับ เดี๋ยวจะมีพนักงานที่เชี่ยวชาญของที่นี่พาคุณไปดูภายในโกดังรวมไปถึงห้องต่างๆ เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษาหรอก เพราะเทมส์จะช่วยคุณเอง คงไม่ว่ากันนะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่มีปัญหา”

“โอเค งั้นเจอกันพรุ่งนี้ที่สนามบินเลยนะครับ” ก้องภพบอกแล้วเอ่ยขอตัวไปทำงานต่อที่บริษัทของตัวเอง

“ครับ” ปาณัสม์ตอบรับ


คล้อยหลังก้องภพออกไปไม่นานก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาแนะนำตัวและพูดคุยอยู่กับฉันทัชชั่วครู่ก่อนที่ฉันทัชจะอธิบายให้ปาณัสม์และชัดเจนฟังว่า คนนี้คือคนที่ก้องภพบอกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญและจะพาไปชมโกดัง เมื่อตกลงกันได้ว่าทุกคนพร้อมจะทัวร์โกดังแล้ว เจ้าหน้าที่จึงเดินนำลูกทัวร์ออกไป


ระหว่างทางที่ทัศนศึกษา เจ้าหน้าที่ก็แนะนำในแต่ละจุดของโกดัง ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่รอการส่งออก มีการแบ่งแยกการเก็บที่ชัดเจนระหว่างผลไม้ที่ถูกแปรรูปในผลิตภัณฑ์ต่างๆ กับส่วนที่เป็นผลไม้แช่แข็งที่ต้องอยู่ในที่ที่อุณหภูมิติดต่ำหรือติดลบเพื่อป้องกันการเน่าเสีย


ฉันทัชอธิบายข้อความจากเจ้าหน้าที่มาถ่ายทอดให้ปาณัสม์และชัดเจนพยายามไม่ให้ตกหล่น โดยใจความสำคัญหลักๆ เขายิ่งตั้งใจเป็นพิเศษ ถึงแม้จะทำการบ้านเตรียมตัวมาแล้วแต่เพราะศัพท์พวกนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่กับเขามากเหมือนกัน จนลืมความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจเรื่องเมื่อคืนไปเสียสนิท


“ห้องนี้ ขอเข้าไปดูหน่อยได้ไหม” ปาณัสม์หันมาบอกฉันทัชเพื่อส่งต่อข้อความไปให้เจ้าหน้าที่ฟัง

“เขาบอกว่าอย่าเข้าไปเลยเพราะห้องมันเย็นมาก แต่ถ้าคุณอยากดู แค่ชะโงกหน้าเข้าไปก็น่าจะได้” ฉันทัชพูด

“อย่างนั้นเหรอ”

“จะเข้าหรือไม่เข้าล่ะ” ฉันทัชถาม

“อยากเห็นนิดหน่อย ชะโงกหน้าเข้าไปดูก็ได้” ฉันทัชฟังแล้วบอกกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง


เจ้าหน้าที่พาปาณัสม์และอีกสองคนที่เหลือเข้าไปจนถึงหน้าประตูทางเข้าของห้องแช่แข็ง ปาณัสม์ชะโงกหน้าเข้าไปดูจริงๆ อย่างที่เจ้าตัวได้บอกไว้ แต่จังหวะที่เขาออกมา เมื่อความเย็นปะทะเข้ากับความร้อนฉับพลันทำให้แว่นของเขาเกิดฝ้า จนบดบังสายตาทั้งสองข้าง จึงเกิดอาการตามืดบอดมองไม่เห็นชั่วขณะ


เขาหมุนตัวเพื่อจะกลับออกมาแต่เพราะมองไม่เห็นจึงทำให้ศีรษะของเขาไปชนอะไรเข้าอย่างจัง ความเจ็บจี๊ดเกิดขึ้นบริเวณแถวหางคิ้วพอดี เขาได้ยินเสียงคนอุทานเสียงดังเรียกชื่อเขาพร้อมพูดอะไรแว่วๆ เข้าหูเขาว่า ‘เลือดออก’ ขาของปาณัสม์อ่อนยวบ ทันใดนั้นแขนของเขาทั้งสองข้างถูกใครจับไว้คนละข้าง เดาว่าคงจะเป็นชัดเจนและฉันทัช


ปาณัสม์ถูกพยุงกึ่งลากไปนั่งจุดที่ใกล้ที่สุดราวกับเป็นคนตาบอดที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เจ้าหน้าที่บอกด้วยความตื่นตระหนกว่ามีชุดปฐมพยาบาลอยู่ข้างในห้องพัก พร้อมกับขอโทษขอโพยปาณัสม์เสียยกใหญ่ที่ไม่ระวังจนทำให้ปาณัสม์เจ็บตัว แต่ปาณัสม์ไม่ได้โกรธหรือต่อว่าอะไร เพราะมันมาจากความซุ่มซ่ามและความไม่ระมัดระวังของเขาเอง


ฉันทัชตั้งใจจะไปหยิบชุดอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่เอง แต่มือของปาณัสม์ที่จับเขาไว้แน่นทำให้เขาไม่กล้าปล่อยมือ ฉันทัชอยากจะยิ้มและหัวเราะให้กับอาการคนตรงหน้า ตอนนี้ปาณัสม์หน้าซีดไปหมดแล้ว ฉันทัชเลยขอร้องให้ชัดเจนไปกับเจ้าหน้าที่คนนั้นให้หน่อย


เหลืออยู่เพียงสองคนที่นั่งข้างกันแต่ปาณัสม์ยังไม่ปล่อยมือ ฉันทัชเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะรู้ว่าปาณัสม์กำลังมีปัญหา ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวกลัวเลือดหรอกแต่เพราะตอนเด็กๆ ปาณัสม์เคยวิ่งซนหกล้มจนหัวแตก เย็บไปหลายเข็ม ความทรงจำในวัยเด็กคงหลอกหลอนเจ้าตัวว่าความเจ็บที่ตอนหมอเย็บแผลสดนั้นมันเจ็บปวดมากแค่ไหน ทีตอนโตแขนหักกลับไม่ยักกลัว


‘คงกลัวถูกเย็บแผลล่ะมั้ง’ ฉันทัชคิดอย่างนั้น


ตอนที่ปาณัสม์เกือบจะลื่นล้มในห้องน้ำคราวนั้นจนทำให้ทะเลาะกันเสียยกใหญ่ก็เช่นกัน เพราะความกลัวเกินกว่าปกติกว่าคนทั่วไปจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะโมโหฉันทัชมากขนาดนั้น ทั้งที่รู้ว่าปาณัสม์กลัว แต่ฉันทัชก็ยังไม่ระวังล้างพื้นห้องน้ำให้ดีจนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุ

“ถอดแว่นให้เทมส์ดูหน่อย จะได้เห็นแผลชัดๆ”

“จันทร์ถอดสิ ถอดให้ปาลที” ฉันทัชส่ายหน้า ตกลงว่าฉันทัชจะไม่ยอมขยับตัวทำอะไรเลยใช่ไหม

“ถ้างั้นก็ปล่อยมือเทมส์ก่อน”


เมื่อมือถูกปล่อยเป็นอิสระ ฉันทัชค่อยๆ ถอดแว่นของปาณัสม์ออกจากใบหน้าพร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่าง “แว่นเนี่ย ไม่ต้องใส่แล้วก็ได้มั้ง” เขาพับขาแว่นแล้วเสียบขาแว่นตรงรังดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองเอาไว้

“ไม่เป็นไร ชินแล้ว” เพราะว่านั่งใกล้ชิดกัน อีกฝ่ายจึงได้ยิน

“ไหนดูแผลหน่อย” ฉันทัชพูดเข้าเรื่องที่เป็นปัญหา เขายกมือเพื่อสำรวจแผลที่เหนือหางคิ้วด้านซ้ายของปาณัสม์ มันเป็นเส้นเล็กๆ มีเลือดซึมนิดหน่อย ไม่ถึงกับแตก

“ต้องเย็บหรือเปล่า” ปาณัสม์ถามคนที่กำลังดูแผลเสียงสั่น

“แผลไม่แตก ไม่ลึก แค่ฆ่าเชื้อทายาก็พอ ไม่ต้องเย็บ หายกลัวได้แล้ว” ฉันทัชบอกพลางอมยิ้ม

“ขอบคุณ” เจ้าของบาดแผลได้ฟังก็โล่งใจ คลายความหวาดกลัวลง

“ไม่เป็นไร”

“แล้วก็..ขอโทษ” ปาณัสม์เริ่มพูดออกมาบ้าง


ตอนที่ฉันทัชยกมือเพื่อตรวจดูแผลของเขา เสื้อแขนยาวของฉันทัชจึงเลิกขึ้นไปเหนือข้อมือ ทำให้เขาเห็นรอยอะไรบางอย่างรอบข้อมือของฉันทัช ดูอย่างไรก็รู้ว่าเป็นร่องรอยมาจากน้ำมือเขาเมื่อวานแน่นอน

“หืม?” ทีแรกฉันทัชยังไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มขอโทษอะไร จนกระทั่งปาณัสม์ลูบที่ข้อมือเขาเบาๆ นั่นแหละ

“ขอโทษเรื่องเมื่อคืน ปาลผิดเอง”

“แน่ล่ะ ปาลต้องผิดเต็มๆ อยู่แล้ว” ฉันทัชไม่มีการปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย

“เดี๋ยวปาลทายาให้นะ”

“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้ เทมส์ทำเองได้”

“โกรธปาลมากไหม เจ็บมากหรือเปล่า” ปาณัสม์ยังจับข้อมือของฉันทัชเอาไว้ ลูบเบาๆ หวังว่ามันจะทุเลาลงบ้างก็ดี

ฉันทัชเม้มปาก “โกรธสิ โกรธมากแล้วก็เจ็บมากด้วย บอกไว้เลยตอนนี้ก็ยังโกรธอยู่ คงไม่ต้องบอกซ้ำนะว่าทำไมถึงโกรธ” ฉันทัชพูดเสียงขรึมให้รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร

“รู้ครับ”

“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดเพราะ ยังไงเทมส์ก็ไม่หายโกรธ” ฉันทัชรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังง้อและขอโทษเขาเหมือนสมัยก่อน ถึงเขาจะขี้ใจอ่อน โกรธง่าย หายเร็วก็จริง แต่ครั้งนี้เขาโกรธมาก

“ไม่เป็นไร ปาลจะง้อไปเรื่อยๆ จนกว่าจันทร์จะหายโกรธเอง”


ฉันทัชมองใบหน้าของปาณัสม์ สบตากับอีกฝ่าย “อย่าทำเลย มันเปล่าประโยชน์ ปาลไม่ต้องสนใจหรอกว่าเทมส์จะหายโกรธหรือเปล่า ขอแค่อย่าทำแบบนั้นกับเทมส์อีกก็พอ แค่นี้ทำได้ไหม”


เขาค่อยๆ ดึงมือออกจากปาณัสม์ ในจังหวะที่ชัดเจนเดินกลับมาพอดี


ฉันทัชจึงลุกขึ้น “ฝากชัดทำแผลให้ปาลด้วยนะ หัวไม่แตกหรอก ทายาฆ่าเชื้อก็พอ เทมส์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน”


ก่อนที่คนพูดจะเดินออกไปจากบริเวณนั้นโดยไม่หันกลับมา ถูกแล้วว่าปาณัสม์ย่อมเข้าใจได้ดีว่าทำไมฉันทัชถึงเลือกเดินออกไปแบบนั้นเพราะคำพูดและการกระทำของเขาที่ทำให้ฉันทัชไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ชัดเจนที่เดินกลับเข้ามาทีหลังแต่ทันได้เห็นว่าภาพสุดท้ายนั้นคือการที่ฉันทัชดึงมือออกมาจากปาณัสม์


เกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้ในช่วงที่เขาไม่อยู่
         

หรือถ่านไฟเก่ากำลังจะคุ งั้นหรือ?







ฉันทัชกำลังเก็บข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงเสื้อผ้าต่างๆ จัดลงในกระเป๋าเดินทางเพื่อเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้เช้า หลังจากเหตุการณ์ที่โกดัง เขาก็บอกชัดเจนว่าเขาจะไปทำธุระให้ก้องภพต่อจึงขอแยกย้ายกันตรงนี้ ไม่ได้สนใจสองคนนั้นอีกเลยว่ากลับมาถึงโรงแรมหรือยัง ยิ่งคนเจ็บ ที่แผลเล็กเท่าปลายก้อยนั่น เขายิ่งไม่อยากจะเก็บมาสนใจ


เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจากมือถือ ฉันทัชเลยหยิบขึ้นมาดู


            David Lee : พรุ่งนี้จะกลับแล้วหรือครับ

            CHAN_P : ใช่ครับ

            David Lee :ยังไม่อยากให้กลับเลย

            CHAN_P :งานเสร็จแล้วก็ต้องกลับครับ

            David Lee :คิดถึงคุณนี่ครับ เจอหน้ากันวันเดียวเอง

            CHAN_P :ได้รางวัลไปแล้วยังไม่พอหรือ

            ฉันทัชอมยิ้มกับอาการอ้อนของเด็กปลายทาง

            David Lee :พอที่ไหนกันล่ะ ผมอยากได้รางวัลมากกว่านี้ คุณก็รู้

            CHAN_P :ต้องพยายามหน่อยนะครับ

            David Lee :สุดสัปดาห์นี้ผมบินไปหาคุณดีกว่า

            CHAN_P :ผมไม่พาเที่ยวหรอกนะ

            David Lee :อ้าว ทำใจร้ายกับผมล่ะครับ

            CHAN_P :เด็กเอาแต่ใจ ต้องโดนดัดนิสัย

            David Lee :ผมเปล่าสักหน่อย ก็แค่อยากเจอคุณ อยากอยู่กับคุณ

            CHAN_P :ปากหวานเหลือเกิน

            David Lee :ผมไปหานะ?


ฉันทัชกำลังจะพิมพ์ตอบกลับไปแต่ต้องชะงักเสียก่อนเมื่อได้ยินเสียงออดภายในห้องพักดังขึ้น ฉันทัชประหลาดใจว่าใครมาหาเขาตอนสามทุ่ม หรืออาจจะเป็นพนักงานของโรงแรม เขาเปิดประตูโดยลืมมองผ่านตาแมวเพื่อตรวจดูว่าเป็นใครเสียก่อน


กว่าจะรู้ตัวว่าไม่รอบคอบก็สายไปแล้ว


“มีธุระอะไร” ฉันทัชถามเสียงห้วนใส่คนที่มาเยือนยามวิกาล

“แว่น...อยู่ที่จันทร์ใช่หรือเปล่า”

“แว่น?” ฉันทัชไม่เข้าใจว่าแว่นอะไร ก่อนจะนึกออกว่าตอนนั้นเขาเอาแว่นของปาณัสม์เสียบไว้ที่รังดุมเสื้อของตัวเอง

“อ้อ.. โทษที เดี๋ยวไปหยิบมาให้” ฉันทัชเปิดประตูค้างไว้แบบนั้น ไม่ได้เชื้อเชิญอีกฝ่ายให้เข้ามา เขาหมุนตัวไปหยิบอะไรภายในห้อง


ฉันทัชหันกลับมาอีกทีก็เจอเจ้าของแว่นในชุดเสื้อยืดคอกลมสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นสีเทายืนยิ้มให้เขาอยู่กลางห้อง มองไปที่ประตูหน้าห้องก็ถูกปิดลงอย่างเรียบร้อยเสียด้วย

“เข้ามาทำไม” ฉันทัชถามออกไปด้วยความไม่พอใจ

“ทายาหรือยัง” ปาณัสม์ไม่สนใจจะตอบแต่กลับเลือกถามเรื่องอื่นแทน ฉันทัชขัดใจตัวเองที่เขาดันเข้าใจว่าปาณัสม์หมายถึงเรื่องอะไร

“นี่แว่น รับไปสิ” ฉันทัชยื่นไปให้คนตรงหน้า “ออกไปได้แล้ว”

“อืม ขอบใจ...ทายาก่อนนะ” ปาณัสม์ล้วงหลอดยาออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“เดี๋ยวทาเอง” ฉันทัชแบมือรับหลอดยานั้น “ออกไปได้แล้ว” พร้อมกับคำพูดเดิม

“รู้ครับ ให้ปาลทาให้นะ”

“ปาณัสม์!” ฉันทัชเรียกชื่ออีกฝ่ายเต็มยศ เขาไม่อยากจะอารมณ์เสียกับคนพูดไม่รู้เรื่อง

“นะ” แล้วดูอีกฝ่ายรับรู้ไหม มองเขาอย่างคนที่รู้สึกผิด ตั้งใจให้เขาเห็นใจกันชัดๆ


รู้ทั้งรู้ว่าเนี่ยแหละเป็นกับดักของอีกฝ่าย ท่าทางแบบนี้ คำพูดแบบนี้ มีหรือเขาจะดูไม่ออกว่าปาณัสม์ตั้งใจจะขอโทษและง้องอนเรื่องเมื่อวาน

“ก็ได้ เสร็จแล้วจะไปออกไปใช่ไหม” ฉันทัชถอนหายใจ ไร้ประโยชน์ที่จะพูด

“ครับ”


ฉันทัชเดินกลับไปนั่งลงบนเตียง ยื่นมือข้างที่มีรอยช้ำนิดหน่อยไปให้ ปาณัสม์นั่งลงข้างๆ เช่นกัน เขาค่อยๆ หมุนฝาออกแล้วทายาให้ข้อมือนั้นด้วยความเบามือ คลึงเบาๆ หวังให้ทุเลาอาการเจ็บปวด ฉันทัชตามใจปล่อยให้อีกฝ่ายนวดข้อมือให้อยู่แบบนั้นด้วยความสบาย


ช่วงที่ยังอยู่ด้วยกัน เวลาที่เขาต้องพิมพ์งานบนโน้ตบุ๊กเพื่อแปลงาน จะมีปัญหาเรื่องปวดข้อมืออยู่เป็นประจำ ก็ได้หมอนวดมือทองค่าตัวแพงคนนี้ คอยนวดตอนกลางคืนให้ ปาณัสม์นวดดีแค่ไหน ทำไมเขาจะไม่รู้ จนกระทั่งอีกฝ่ายขอให้เขารับงานน้อยลง ไม่ใช่ว่าขี้เกียจมานวดให้ แต่เพราะไม่อยากให้ฉันทัชต้องปวดมือบ่อยๆ เพราะมันไม่ใช่แค่ปวดมือเท่านั้น มันยังมีอาการล้าทั้งสายตา หลัง และต้นคอพ่วงเพิ่มขึ้นไปอีก


“สบายไหม”


“อืม สบาย” ฉันทัชตอบทั้งที่ยังหลับตา เขารู้สึกดี พลางยื่นมืออีกข้างไปให้ด้วย “ขอนอนนะ ปวดหลังอะ” ฉันทัชพูดพลางทิ้งตัวลงนอน แต่ขายังเหยียบอยู่บนพื้นพรมในห้อง ได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายไล่หลังมา แต่ทว่าฉันทัชก็ไม่ได้สนใจ

“ทำอะไรมา ปวดหลัง”

“ก้มๆ เงยๆ เช็กพวกเอกสารนั่นนี่ให้คุณก้อง”

“แก่แล้วสินะ”

“ถ้าจะบอกเทมส์แก่ ปาลก็แก่เหมือนกันนั่นแหละ” ไม่มีทางที่เขาจะยอมแก่ไปคนเดียว ยังไงก็อายุเท่ากัน


ชายหนุ่มไม่เห็นว่าปาณัสม์ทำหน้าอย่างไร แต่มืออีกข้างก็ถูกนวดไปด้วยเช่นกัน ฉันทัชส่งเสียงงึมงำในลำคอบ่งบอกว่าพึงพอใจ ต่อเมื่อปาณัสม์คงกดแรงมือหนักไปหน่อย ฉันทัชจึงขมวดคิ้วพลางพูดขึ้นทั้งที่ยังหลับตา


“ข้างนั้นเบาหน่อย จันทร์เจ็บ” จะเป็นเพราะความผ่อนคลายหรือด้วยอะไรที่มาดลใจก็ตาม ฉันทัชจึงลืมตัวเรียกแทนตัวเองเสียอย่างนั้น


หัวใจของปาณัสม์เต้นอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินเสียงอดีตคนรักเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อที่เขาตั้งให้

“จันทร์” ปาณัสม์กระซิบเรียกอีกฝ่าย

“หืม? ว่าไง” ฉันทัชตอบเอื่อยๆ เหมือนว่ายังไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป


เมื่อไม่ได้ยินเสียงของปาณัสม์ คนที่นอนอยู่จึงลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อดูเหตุการณ์ แต่เขาก็ต้องตกใจจนตาเบิกกว้างทั้งสองข้างเพราะตอนนี้ใบหน้าของปาณัสม์อยู่ใกล้มาก ฉันทัชขยับตัวถอยหนี แต่ถูกแขนของปาณัสม์คร่อมเอาไว้ ทำให้เขาขยับไปไหนไม่ได้


ต่างฝ่ายต่างสบตากันนิ่ง ในอกของฉันทัชเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ตั้งแต่เลิกกับปาณัสม์ไป ถ้าเขาไม่เดินเข้าหาเองก็ไม่เคยมีใครเข้าใกล้ตัวเขาได้มากขนาดนี้ และทำไมคนที่เข้าถึงตัวเขายังเป็นปาณัสม์อยู่ดีล่ะ


มือของปาณัสม์จับคางของฉันทัชไว้ นิ้วมือนิ้วหนึ่งสัมผัสแผ่วเบาอยู่บนริมฝีปาก ไม่รู้ว่าเจ้าของมือนั้นคิดอะไรอยู่ถึงทำแบบนี้ ฉันทัชดูปาณัสม์ไม่ออกสักเท่าไหร่เพราะไม่เห็นสายตาของปาณัสม์ ตอนนี้สายตาของปาณัสม์จับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากของฉันทัช ทว่าฉันทัชดูท่าทางแล้ว ถ้าหากเขาไม่ทำอะไรสักอย่างแล้วยอมปล่อยให้สถานการณ์กระอักกระอ่วนดำเนินต่อไปแบบนี้ คงจะไม่ดีแน่


ใบหน้าของปาณัสม์ก้มลงเข้ามาใกล้ฉันทัชอีกนิด ฉันทัชคิดว่าเขาต้องลุกออกไปจากตรงนี้เสียที จังหวะนั้นอะไรบางอย่างก็ร่วงหล่นลงมากระทบปากของเขา ฉันทัชจับสิ่งนั้นไว้ขึ้นมาดูให้มองเห็นได้อย่างถนัด


มันคือสร้อยเงินที่สวมอยู่บนคอของปาณัสม์แต่สิ่งที่กระทบปากเขาไม่ใช่สร้อยแต่กลับเป็นแหวนเงินวงหนึ่งต่างหาก


แหวน?


เขาใส่แหวนวงนี้มาเกือบสิบปี ทำไมจะจำไม่ได้ว่า แหวนวงนี้คือวงที่เขาคืนอีกฝ่ายไปแล้วในวันที่เดินออกมาจากชีวิตปาณัสม์ แล้วทำไมปาณัสม์ถึงเอามันมาร้อยลงในสายสร้อยล่ะ


แหวนของฉันทัชที่ปาณัสม์ซื้อให้เขา ตัวเรือนทำมาจากทองคำขาวและมีเพชรห้าเม็ดฝังตามความยาวอยู่ในตัวแหวน ส่วนแหวนของปาณัสม์จะมีลักษณะคล้ายกันแต่ตัวเพชรจะฝังตามแนวขวางของแหวนหรือมีเพชรอยู่ในนั้นประมาณสามเม็ด และแหวนสองวงนี้เป็นวงที่ฉันทัชเลือกเองกับมือ


“เมื่อไหร่ จะมาเอาคืนไป” ปาณัสม์กระซิบ อีกนิดริมฝีปากก็จะชนกันอยู่แล้ว



ติ๊ง!



ฉันทัชสะดุ้ง รีบขยับถอยหนีแล้วหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ปาณัสม์เองก็ตกใจเช่นกัน ฉันทัชเหลือบมองเสียงเตือนจากโทรศัพท์พร้อมกับข้อความจากคนที่เขาคุยค้างไว้


ฉันทัชอยากจะเคาะหัวตัวเอง ให้ตายสิ เขาลืมคุณชายหลี่ไปเสียสนิทเลย


               David Lee : Please. I wanna see you baby.


ร้อยวันพันปีก็คุยด้วยภาษาแม่ของอีกฝ่าย แต่ทำไมวันนี้แจ็กพอตใช่ไหมถึงอยากจะส่งข้อความเป็นภาษาอังกฤษ ฉันทัชคิดระหว่างมองข้อความแจ้งเตือนกรอบสีเขียวแสดงเด่นหราอยู่บนหน้าจอ และถ้าจะบอกว่าปาณัสม์อ่านไม่ออกหรือมองไม่เห็นก็คงจะไม่ใช่


ปาณัสม์ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่าย “จันทร์คงมีธุระ นี่ยา อย่าลืมทาด้วยล่ะ” ปาณัสม์วางหลอดยาวางไว้บนที่นอนก่อนจะลุกออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ


ฉันทัชเหมือนน้ำท่วมปาก อยากจะบอกว่าไม่ใช่อย่างนั้นต่างหาก แต่ทำไมเขาจะต้องแก้ตัวให้ตัวเองด้วย


เดาว่าปาณัสม์คงไม่พอใจพอสมควร แต่นั่นมันเป็นเรื่องของปาณัสม์ ไม่ใช่เรื่องของเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอบคุณคุณชายหลี่ล่ะนะ ถ้าไม่ได้อีกฝ่ายไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้


ช่างเถอะ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว



========================================

ขอถังน้ำหน่อยค่ะ

ขอโทษด้วยนะคะ หากมันจะเอื่อยๆ หน่อย มันต้องกระดึ๊บๆ ไปอะค่ะ ><

เจอกันวันศุกร์ค่ะ


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ หน้า 6 UP!! 16/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-10-2018 10:47:30
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ หน้า 6 UP!! 16/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 16-10-2018 11:43:11
ก่อนเลิกก็คือละเลยกันไปมากจริงๆนั่นแหละ
เบื่อจนไม่คุยจนกลายเป็นแบบนี้ ฮือออออ
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ หน้า 6 UP!! 16/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-10-2018 12:23:17
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ หน้า 6 UP!! 16/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 16-10-2018 13:57:27
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ หน้า 6 UP!! 16/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-10-2018 13:58:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ หน้า 6 UP!! 16/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-10-2018 14:36:37
จะว่าใครได้ก็ต้องว่าปาลล่ะที่มีความรู้สึกเบื่อแล้วไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นเลยจนเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ หน้า 6 UP!! 16/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 16-10-2018 15:51:47



ปาลคงต้องพยามและอดทนมากกว่านี้

เพราะที่ผ่านมาเหมือนไก่ได้พลอย ไม่ดูแลรักษาไว้

พอวันนึงมันหม่นไปหมดแล้ว กว่าจะขัดให้เงาดังเดิมก้อต้องใช้เวลาละนะ


 :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:




หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ หน้า 6 UP!! 16/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-10-2018 19:38:06
ลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ หน้า 6 UP!! 16/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 16-10-2018 20:09:27
เลิกกันทั้งที่ยังรักก็เลยคุง่าย แต่รอบนี้มีคนเตรียมถังน้ำรอหลายคนเลยนะ :laugh:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ หน้า 6 UP!! 16/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 16-10-2018 20:24:41
ใครจะว่าไงก็เถอะ ยังไงเราก็จะยืนยันให้ปาลเป็นพระเอกต่อไป
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ หน้า 6 UP!! 16/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 16-10-2018 21:30:54
 :ruready ไงละ เกือบโดนจูบแล้วจันทร์  :hao4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ หน้า 6 UP!! 16/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 17-10-2018 11:18:30
หายเบื่อกันเมื่อไหร่
ก็คงกลับมาอยู่ด้วยกัน

ไม่มีเหตุผลอะไรร้ายแรงตอนที่ตกลงแยกทาง
ก็แค่คิดว่าเบื่อ..ไม่ใช่เหรอ

ยังรักกันอยู่..ก็ต้องวนเวียนเจอกันอยู่อย่างนี้
จนกว่าใจจะรู้สึกตรงกันว่าเราใช้เวลาให้หายเบื่อพอแล้ว
กลับมาหากันได้แล้ว  เน๊อะ ปาลจันทร์
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ หน้า 6 UP!! 16/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 17-10-2018 21:18:08
ลุ้นต่อไป กลัวว่าถ้ากลับมาคบกันแล้วจะเบื่อกันอีกมั้ย แอบสงสารคุณชายหลี่นิดๆเหมือนเทมส์ให้ความหวังเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ หน้า 6 UP!! 16/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 19-10-2018 11:04:15

ภาค 15 Friendship Forever


“เอ้า ชนแก้วเว้ย พวกมึง” อ้อแอ้เรียกรวมพลแก้วในมือทุกคนด้วยเสียงดัง

“ชน!!” แก้วทั้งห้าใบชูประสานกันพร้อมกับเบียร์ที่กระฉอกออกจากแก้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีใครสนใจ


วันนี้เป็นคืนวันศุกร์ คืนปล่อยผี แถมยังมีบอลคู่สำคัญเตะอีกต่างหาก ทำให้บรรยากาศในร้านแบบโอเพ่นแอร์นั้นเสียงดังไม่น้อย อีกทั้งดนตรีสดที่ดังเข้ามาในโสตประสาทตลอดเวลา ทำให้แต่ละโต๊ะแทบจะตะโกนคุยกันเลยล่ะมั้ง เสียงเชียร์บอลดังมาเป็นระยะ ทว่าไม่ได้ทำให้โต๊ะของฉันทัชต้องหงุดหงิดใจ


เต็มที่เลยพวก!


“คิดถึงสมัยเรียนมหาลัยว่ะ สอบเสร็จทีไรได้ไปเมาตลอด” เมธาวีบอกพลางปาดฟองเบียร์ออกจากปากอย่างมีศิลปะ จะให้ปาดปากไปทั้งหลังมือทีเดียวหญิงสาวไม่มีทางทำแน่ บอกเลยมันไม่คลาสสิก มันต้องใช้ปลายนิ้วเช็ดออกตามด้วยลิ้นที่แลบออกมาเลียเท่านั้น

“เขาว่ากันว่า นึกถึงอดีตคือคนแก่” ฉันทัชพูดลอยๆ

“ไอ้เทมส์ มึง!” เมธาวีลุกขึ้นเตรียมบู๊กับฉันทัชที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“ใจเย็นก่อน ถ้ามึงไม่ได้เป็นอย่างที่ไอ้เทมส์ว่าก็ไม่ต้องเดือดร้อนเหมือนควายถูกเชือดแบบนี้” อ้อแอ้ดึงแขนเมธาวีให้นั่งลงพลางพูดราวกับปลอบประโลม

“มึงแน่ใจนะว่ามึงกำลังกล่อมให้กูไม่ลุกขึ้นไปหยิกแก้มไอ้เทมส์มัน” เมธาวีหรี่ตามองเพื่อนสุดเปรี้ยวที่นั่งอยู่ทางขวามือ

“หยุดๆ พอเลยพวกแกสองคน” เจ้าแม่ปางห้ามญาติต้องออกโรงเอง แพรวายกมือเป็นสัญญาณบอกให้ทั้งคู่เลิกเถียงกัน

ฉันทัชหัวเราะกับท่าทางของเพื่อน “ไอ้เทมส์ แกอีกคน ไม่ต้องไปแหย่มัน” สุดท้ายฉันทัชก็ไม่รอดพ้นจากแพรวา เขาถูกดุอยู่ดี

“ไอ้โย เรื่องของมึงยังไงล่ะ พูดมา” อ้อแอ้หันไปทางด้านขวาของตัวเองเพื่อถามเพื่อนชายที่มีปัญหา

“กูไม่ชอบเวลาผู้หญิงเขาซุบซิบนินทาถึงกูเท่าไหร่ว่ะ”

“เรื่องปกติหรือเปล่าวะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกที่ไม่นินทาคน” เมธาวีออกความเห็น

“จะนินทาใครก็ทำไปดิ แต่พอเป็นกู กูเลยหนาวๆ ร้อนๆ แล้วพยายามยัดเยียดผู้ชายให้กูจัง”

“ทำไมวะ” แพรวาถามขึ้นบ้าง

“เขาคิดว่ากูแอ๊บแมน” คำตอบของโยธา ทำให้ทุกคนที่เหลือพากันหัวเราะครืน

“เพื่อเป็นการพิสูจน์ โยก็จับทำเมียให้หมด”

“กูไม่คิดว่านี่จะเป็นคำพูดจากปากไอ้เทมส์เลยว่ะ” เมธาวีตาโตเมื่อได้ยินคำแนะนำของฉันทัช

“มึงพูดเล่นใช่ปะ เทมส์” โยธาถามกลับ

“เราพูดจริง” ฉันทัชตอบหน้าตาย ก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่

“ไอ้เทมส์ต้องผีเข้าแน่ๆ เลย” อ้อแอ้พูด เจ้าตัวคงอยากกระซิบ แต่เสียงกระซิบคงดังมากไปหน่อย ทุกคนถึงได้ยินทั่วโต๊ะ

“เทมส์ แกสบายดีนะ” แพรวาที่นั่งข้างฉันทัช วางมือบนไหล่เพื่อนด้วยความเป็นห่วง

ตอนนี้ทุกคนดูเลิ่กลั่ก กระทั่งฉันทัชหัวเราะ “เราล้อเล่นน่ะ”

“ไอ้เทมส์บ้า ทำหน้าตายกวนตีนชะมัด” เมธาวีบอก

“เราแนะนำว่า โยเลิกสนใจไปเถอะ ยกเว้นว่าโยไม่ชอบงานที่นั่นแหละ ถึงมาคิดกันใหม่” คราวนี้ฉันทัชพูดเป็นการเป็นงานขึ้นมา

“เห็นด้วย” แพรวาสนับสนุน

“กูก็ด้วย” เมธาวีและอ้อแอ้พูดขึ้นสมทบอีก

“ทำไมวะ” โยธาขอเหตุผล

“คนที่นินทาอะ พูดจบก็ลืม พูดแค่สนุกปาก แล้วโยจะไปทำอะไรเขาได้ เดินไปต่อยหรือ ก็ไม่ได้อีก ทางที่ดีไม่ต้องยุ่งหรือไปสนใจหรอก เดี๋ยวเขาก็เลิกนินทาไปเอง”

“ใช่ ยิ่งแกแสดงอาการ คนนินทามันก็ยิ่งได้ใจ” แพรวาบอกเพิ่ม

“มึงดูดาราคนนั้นสิ ที่เป็นหมออะไอ้โย เขาก็มีข่าวเป็นเกย์ตลอด ตอนนี้ลูกสองละ ไม่ต้องไปสนใจพวกนั้นหรอก สนใจแค่ตัวมึงเองเถอะ ให้ผ่านโปรจะดีกว่า” อ้อแอ้พูดถึงดาราคนหนึ่งที่พวกเขาก็รู้จักกันดี

“เรื่องงานกูมั่นใจอยู่แล้วน่า”

“ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้วนี่หว่า จริงไหมเพื่อน” เมธาวีบอก “เอ้า ชนสิวะ รออะไร” หญิงสาวชูแก้ว เสียงเฮจากทุกคนดังขึ้นอีกครั้ง

ฉันทัชเรียกพนักงานมารับออเดอร์ “น้อง เอาเบียร์อีกทาว”

“โอ๊ะๆ คุณเทมส์ พอไม่มีคนคุมนี่ไม่ต้องเกรงใจใครเลยเว้ย” อ้อแอ้มองพลางพูดต่อด้วยความหมั่นไส้

“เราก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่”

“เราก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่” เมธาวีเลียนเสียงของฉันทัชแทบไม่ผิดเพี้ยน “อยากจะขำให้ท้องแข็ง ใครวะที่เคยพูดว่า‘เรากินแก้วนี้แก้วเดียวนะ เดี๋ยวแฟนว่า’” เมธาวีกลอกตากับภาพฉันทัชในอดีต

“อย่าเมาเหมือนหมาล่ะ ถ้ามึงเมานะ กูจะลากมึงกลับห้อง” อ้อแอ้พูด และฉันทัชก็คิดว่าหญิงสาวพูดจริงเหมือนกัน

“ไม่เมาๆ ระดับนี้ไม่เมา”

“นังนี่ตั้งใจจะกินเพื่อนตลอด” แพรวาหันไปว่าอ้อแอ้

“มึงไม่ดูหนังหน้าเพื่อนมึงบ้างเหรอ น้องมันเป็นนางแบบดัง สวยจะตาย หน้ามันก็เหมือนน้อง ไม่น่าเชื่อว่าพอผมสั้นก็หล่อฉิบหายวายวอด” อ้อแอ้บอกแพรวากลับ แต่กระนั้นทั้งโต๊ะก็ได้ยินกันทั่ว

“นังแอ้ ชาตินี้ไม่ได้กินไอ้เทมส์หรอก เลิกเพ้อได้แล้ว” แพรวาย้ำ “อีกอย่างนะ ไม่รู้ว่า ถ่านไฟเก่ามันจะคุหรือเปล่า”

“ห๊ะ!? ว่าไงนะ ถ่านอะไรจะคุวะ?” คนที่บอกไม่ชอบถูกผู้หญิงนินทา แต่พอมีเรื่องเมาท์มอยล่ะก็ โยธาก็ไม่เบาเช่นกัน

“ไม่มีอะไร” ฉันทัชปฏิเสธ

“เทมส์ อย่าคิดว่าเราเผาแกเลยนะ แต่นังพวกนี้ต้องรับรู้ค่ะ มันจะได้คอยเป็นหูเป็นตาให้” แพรวาเล่าให้เพื่อนฟังว่าเจอฉันทัชเดินทางไปฮ่องกงและเที่ยวบินนั้นก็มีปาณัสม์นั่งไปด้วย ถึงแม้จะคนละคลาสกันก็เถอะ

“ไม่มีอะไรจริงๆ เราไปเรื่องงาน” ฉันทัชปฏิเสธซ้ำ

“เออ ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร” เมธาวีพูด “งั้นวันนี้ไม่เมาไม่กลับนะเว้ย”

“นังเม แกเมาไปคนเดียวเถอะ” แพรวาบอกพลางเบ้ปาก

“ทำไมวะ นานๆ เจอกันที”

“พรุ่งนี้จะพาใยไหมไปสวนสัตว์ ขืนเมากลับไป ผัวด่าตาย” แพรวาพูดติดตลก แต่มันคือความจริง

“เราก็เหมือนกัน ต้องไปรับคนที่สนามบินตั้งแต่เช้า” ฉันทัชเปรยขึ้นมาบ้าง

“ไปรับใครวะ” อ้อแอ้ถามด้วยความอยากรู้ “ผู้ชายหรือผู้หญิง คนไทยหรือต่างชาติ”

“อาจจะไปรับไทน์ก็ได้” โยธาเดา “ใช่เปล่าวะ เทมส์”

ฉันทัชส่ายหน้า “ไปรับเพื่อน...ผู้ชาย” เขาเว้นวรรคนิดหนึ่ง ยิ้มที่มุมปากนิดหน่อย ก่อนจะพูดต่อ “อิมพอร์ตจากฮ่องกง”

เสียงผิวปากของเมธาวีดังขึ้นมาทันที “เอาละเว้ย งานนี้เพื่อนกูจะมีผู้ใหม่เสียที”


ถึงเมธาวีจะอยากเมาแค่ไหน แต่พอใกล้เที่ยงคืน ทุกคนก็พร้อมใจที่จะแยกย้าย พออายุมากขึ้น ความต้องการที่จะฝืนร่างกายแล้วลากยาวไปถึงเช้านั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ ใจมันอยากนอนพักให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


“เทมส์กลับยังไง” แพรวาถามด้วยความเป็นห่วง เพราะทั้งแพรวาให้สามีมารับ ส่วนอีกสามคนบ้านอยู่ใกล้กันจึงนั่งแท็กซี่กลับไปพร้อมกัน

“แท็กซี่” ฉันทัชตอบพลางยิ้มให้แพรวา

“ไหวไหม เมาหรือเปล่า”

ฉันทัชส่ายหน้า ปากยังยิ้มอยู่ “ไม่เมา เราดื่มไม่เยอะ ไม่เท่าไอ้เมกับอ้อแอ้หรอก”

“ให้เราไปส่งดีไหม”

“ไม่เป็นไร บ้านแพรก็ไม่ได้อยู่ใกล้เรา เสียเวลาขับไปส่ง เรานั่งแท็กซี่กลับได้ แค่นี้เองสบายมาก”

“อ้าว พี่เขามาพอดี” แพรวาหมายถึงสามีของตนเอง ตอนนี้สารถีคนโปรดขับเข้ามาที่ลานจอด อันเป็นที่ใช้ร่วมกันของหลายๆ ร้าน ณ บริเวณนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


ฉันทัชบอกลาเพื่อนและย้ำกับแพรวาอีกครั้งหนึ่งว่าเขาโอเค อย่างไรถ้าเขาถึงบ้านแล้วจะรีบส่งข้อความไปหาทันที เพื่อให้หญิงสาวสบายใจ แพรวาจึงพยักหน้าและเข้ามากอดฉันทัชทีหนึ่งก่อนจะขึ้นรถไป


ฉันทัชเดินมาทางประตูทางออกของลานจอด เพื่อออกไปเรียกแท็กซี่ จังหวะนั้นเขาเหมือนเห็นใครสักคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเสียเหลือเกิน



‘ชัดเจน’



เจ้าของชื่อยืนพิงรถยนต์อยู่ มือก็กดโทรศัพท์มือถือ คงจะหาอะไรทำฆ่าเวลาระหว่างรอใครสักคน ชัดเจนยังอยู่ในชุดทำงานเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็กสีดำ ไม่ผูกไท สวมรองเท้าหนังสีดำมันปลาบ จะว่าไปบริษัทของปาณัสม์ไม่เคร่งขนาดต้องผูกไทไปทำงาน ขนาดเจ้าของยังไม่ทำเลย คงไม่อุตริออกกฎให้พนักงานทำหรอก



ฉันทัชยิ้ม ถ้ามองจากมุมนี้ชัดเจนถือว่าเป็นชายหนุ่มที่น่าสนใจ มีเสน่ห์ไม่น้อย หน้าที่การงานของชายหนุ่มก็ไม่ด้อยกว่าใครคนอื่น การศึกษาแม้จะไม่ได้จบจากเมืองนอกมา แต่มหาวิทยาลัยที่จบนั้นคุยอวดใครต่อใครได้สบาย อีกทั้งหน้าตาของชัดเจนก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลย เอนเอียงไปทางกลุ่มคนที่หน้าตาค่อนข้างดีด้วยซ้ำ ปาณัสม์นั้นยังมีเค้าโครงออกเป็นหนุ่มหน้าตี๋จากเชื้อจีนแสนเจือจางทางฝั่งพ่อ แต่ชัดเจนนี่ไทยแท้เต็มตัว ผิวสีน้ำผึ้งเนียนเสมอตัว ดวงตาคมดุ ยาวรี ผมหยักศกนิดๆ จมูกโด่งรับใบหน้า รูปร่างก็ตัวสูงพอๆ กับปาณัสม์หรืออาจจะสูงกว่าด้วยซ้ำ ฉันทัชไม่แน่ใจเพราะไม่เคยสังเกตมองสองคนนี้ยืนเทียบกันชัดๆ เสียที



น่าเสียดายที่ป่านนี้ยังไม่มีแฟนเสียที มัวแต่หลงเดินทางผิดมาสนใจคนเย็นชาอย่างเขา ฉันทัชถอนหายใจ หากไม่ติดว่าชัดเจนเป็นคนของปาณัสม์แล้วล่ะก็ ฉันทัชคงจะพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับชัดเจนเสียใหม่



มันถูกต้องอย่างที่อินทัชเคยพูด หากเขายอมเปิดใจกับชัดเจนนั้น เขาจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงคนรอบข้างจากบ้านของปาณัสม์ได้เลย และมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดี ที่เขาจะเปลี่ยนคนคบจากคนนั้นมาเป็นคนนี้ แค่นึกถึงตอนที่ปาณัสม์สับรางเปลี่ยนคนระหว่างแพรวามาเป็นเขา เรื่องราวมันยังบานปลาย ทั้งที่ตอนนั้นปาณัสม์ยังไม่ได้จีบแพรวาจริงจังหรือเป็นแฟนกับหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย



ตอนที่ชัดเจนขอโอกาสในคราวแรก ฉันทัชยอมรับว่าตนเองคิดน้อยหรือแทบจะไม่คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ ใจหนึ่งเพราะเขาเพิ่งเลิกกับปาณัสม์ ความลิงโลดมันมีอยู่เต็มหัวใจที่ยังมีคนสนใจในตัวเขา อีกใจหนึ่งเขาไม่สนใจว่าเลยว่าใครจะรู้สึกหรือคิดอย่างไร ถ้าเขาจะรักใคร เขาก็แค่รักเท่านั้นเอง



ไม่รู้ว่าเป็นความโชคดีหรือโชคร้ายที่ชัดเจนไม่สามารถทำให้เขารู้สึกไปมากกว่าความเป็นชัดเจนที่ฉันทัชรู้จักได้ ความสัมพันธ์จึงไม่พัฒนาไปไหน ตราบจนอินทัชมาย้ำอีกครั้งในความคิด ทำให้เขาที่เริ่มจะตาสว่างและมีสติจึงคิดได้



เกือบไปแล้ว



เกือบจะทำให้ทุกอย่างมันยุ่งยากไปมากกว่านี้



“ชัด” ฉันทัชเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไป ชัดเจนเงยหน้าขึ้นมองมาตามเสียงเรียก สีหน้าของชัดเจนดูตกใจ คงไม่คาดคิดว่าจะเจอกับเขา

“คุณเทมส์มาที่นี่ได้ไงครับ” ชัดเจนมองซ้ายขวาแต่ก็ไม่เห็นว่าฉันทัชมากับใคร

“มากินข้าวกับเพื่อนน่ะ”

“แล้วเพื่อน?”

“กลับไปแล้ว ผมกำลังจะกลับพอดี แต่เจอชัดเขาเสียก่อน แล้วชัดล่ะ?”

“ผมก็เหมือนเดิมครับ รอคุณปาล” จริงๆ แล้วคำตอบของชัดเจนไม่ใช่คำตอบแปลกใหม่สำหรับฉันทัช เขาพยักหน้ารับรู้

“ปาลมาเจอลูกค้าเหรอ แล้วทำไมชัดไม่เข้าไปด้วยล่ะ ทำไมมายืนรอให้ยุงกัดอยู่ตรงนี้” ฉันทัชพอรู้ว่า ปาณัสม์แทบไม่เคยให้ชัดเจนต้องมาแกร่วรออยู่ที่รถแบบนี้ เพราะชัดเจนไม่ใช่คนขับรถ ชัดเจนเป็นมากกว่านั้น



แม้กระทั่งเวลาที่ปาณัสม์ให้ชัดเจนไปรับเขามาทานข้าวด้วยกันนั้น ปาณัสม์เอ่ยปากชวนชัดเจนทานข้าวร่วมโต๊ะด้วยกันทุกครั้ง ฉันทัชเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดี มีแต่ชัดเจนที่เลือกปฏิเสธและขอตัวกลับ

“คุณปาลบอกให้ผมรอตรงนี้ครับ”

“ธุระสำคัญงั้นหรือ ดึกแล้วนะเนี่ย” ฉันทัชแปลกใจ

“เอ่อ...” ชัดเจนทำหน้าลำบากใจ ชายหนุ่มหันกลับเข้าไปมองในร้าน ฉันทัชจึงมองตามสายตาของชัดเจนเข้าไปในนั้น


ฉันทัชเห็นอดีตคนรักนั่งอยู่ในร้าน ผู้ร่วมโต๊ะที่นั่งคนละฝั่งของปาณัสม์เป็นหญิงสาวที่ฉันทัชมองรูปร่างหน้าตาของหญิงสาวไม่ชัด เพราะจากมุมนี้มันไกลเกินไป เขาเห็นแค่เพียงรอยยิ้มของคนทั้งคู่ที่กำลังส่งมอบให้กัน


ใจของเขามันกำลังรู้สึกอะไรบางอย่าง


“แล้วคุณเทมส์จะไปไหนต่อครับ”

“กลับบ้าน ง่วงแล้ว” ฉันทัชยิ้มรีบยกมือปิดปากหาวหวอดใหญ่ประกอบคำพูด

“ผมไปส่งนะครับ”

“ไม่เป็นไร ต้องรอปาลไม่ใช่หรือ เดี๋ยวออกมาไม่เจอก็หัวเสียหรอก” ฉันทัชปฏิเสธพลางโบกมือบอกปัด

“เดี๋ยวผมเข้าไปบอกคุณปาลก่อนครับ คุณปาลคงไม่กลับเร็วๆ นี้ ยังไงผมก็กลับมารับทัน” ชัดเจนว่า

“อย่าเลย ภาวนาให้ปาลกลับไวๆ เถอะ ชัดจะได้ไปพักเสียที เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ผมว่าชัดไปนั่งในรถเปิดแอร์เย็นๆ รอดีกว่า” ฉันทัชแนะนำ

“เปลืองน้ำมันครับ”

“ค่าน้ำมันให้คนธุระเยอะมันจ่ายไป” ฉันทัชบอกอย่างไม่สนใจ

“คุณเทมส์...”

ระหว่างนั้นแท็กซี่ผ่านมาพอดี ฉันทัชเลยโบกเรียกไว้ “ผมไปนะ แล้วอย่าลืมไปรอในรถ ยุงมันชุม” ฉันทัชพูดจบก็ขึ้นรถแท็กซี่ออกไป


คล้อยหลังฉันทัชออกไปไม่นาน ปาณัสม์ก็เดินออกมาส่งหญิงสาวที่เขานั่งคุยงานด้วยในค่ำคืนนี้ ร่ำลากันเรียบร้อย ปาณัสม์ก็ถอนหายใจเสียยืดยาวตอนที่ขึ้นมานั่งในรถด้านหลังได้เสียที

“เหนื่อยเว้ย เอาใจยากชะมัด” ปาณัสม์บ่น

“ทำไมล่ะครับ คุยยากหรือ”

“ใช่ คุณหนูเอาแต่ใจ แถมพูดเป็นเชิงขู่กู ทุกๆ สิบนาที ถ้าไม่ตามใจจะบอกพ่อไม่ต้องเซ็นสัญญา นี่มันเวรกรรมอะไรวะ กูจะทำธุรกิจกับพ่อเขา ทำไมต้องมากินข้าวกับผู้หญิงงี่เง่าแบบนี้ด้วย”

“อดทนหน่อยเถอะครับ พอเซ็นสัญญาได้ก็สบายแล้ว” ชัดเจนปลอบ

“ว่าแต่มึงเถอะ รอนานไหม กูบอกให้เข้าไปนั่งข้างในด้วยกันก็ไม่เอา รอในรถก็ไม่ยอม มายืนรอข้างนอก ยุงไม่กัดแย่แล้วรึ” ปาณัสม์บ่นแต่ก็ห่วงน้องชายร่วมบ้านมากกว่า เขาดึงแว่นออกมาพลางนวดที่หัวตาเพื่อคลายความเหนื่อยล้า

“ผมไม่กล้าหรอก คุณหนูนั่นดูท่าไม่อยากให้ผมเข้าไปนั่งด้วย”

“ไม่เห็นต้องใส่ใจเลย แต่เอาจริงๆ นะ กูว่ามึงรอข้างนอกอาจจะสบายใจกว่าว่ะ” ปาณัสม์พูดอย่างอิจฉา

“เดี๋ยวผมขับรถกลับบ้านเลยนะครับ” ชัดเจนถามขณะติดเครื่องยนต์

“อืม ง่วงแล้ว รอบหน้าให้พี่ปอนด์มาคุยเองเลย กูไม่มาแล้ว”



...




ฉันทัชไขกุญแจเข้ามาในบ้านที่ปิดไฟมืด ไม่มีรถยนต์จอดอยู่แสดงว่าน้องสาวของเขายังไม่เลิกงานหรืออาจจะไปไหนต่อ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความไปหาแพรวาว่าถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว และโทรออกไปหาคนที่นึกห่วง


“ว่าไงจ๊ะ ฮันนี่” เสียงเพลงดังลอดเข้ามาพร้อมกับเสียงของอินทัช

“ทำงานอยู่หรือเปล่า”

“เสร็จแล้ว”

“ดึกแล้ว ทำไมไม่กลับบ้าน นี่เทมส์คิดว่าไทน์ยังทำงานอยู่”

“ก็ไม่เชิง งานเลิกแล้วเขาเลยพามาเลี้ยงกินข้าว”

“กินข้าวอะไรเสียงเพลงดังกระหึ่ม” ฉันทัชบ่น

“ยังได้ยินเสียงชัดอยู่หรือ นี่ไทน์ออกมาคุยนอกห้องแล้วนะ พวกพี่ๆ ทีมงานชอบร้องคาราโอเกะอะ ไทน์ไม่ได้มานานแล้ว เลยมากับเขาด้วย” อินทัชบอกด้วยเสียงสดใส

“เทมส์ล่ะ อยู่ไหน ถึงบ้านหรือยัง วันนี้มีนัดกินข้าวกับเพื่อนไม่ใช่หรือ”

“แยกย้ายแล้ว เพิ่งถึงบ้านเมื่อตะกี้นี้นี่แหละ”

“เหรอ ดีแล้ว ปิดบ้านดีๆ ด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงไทน์ คืนนี้อาจไม่กลับ”

“เดี๋ยวๆ ให้มันน้อยๆ หน่อย ไม่กลับแล้วจะไปนอนไหน”

“ก็...กับใครสักคนแถวนี้มั้ง” อินทัชหัวเราะดังเข้ามาให้ฉันทัชได้ยิน

“ไม่ได้ กลับบ้านเลย ห้ามไปนอนค้างบ้านคนอื่น”

“ล้อเล่น ไทน์ดื่มไปเยอะเลย เมาแล้วขับไม่ได้นี่นา ไทน์เลยว่าจะไปนอนกับเพื่อนนางแบบด้วยกัน เทมส์วางใจได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

“โอเค ถ้าอย่างนั้นก็พอจะคุยกันได้หน่อย” ฉันทัชค่อยโล่งใจ ก็พอรู้ว่าร่างกายมันเป็นของน้องสาว อินทัชจะทำอะไรก็ได้ แต่เขาก็หวงนี่นา ไม่อยากให้อินทัชต้องใช้ชีวิตเปลืองเกินไปนัก

“ล็อกบ้านดีๆ นะ คืนนี้อย่าลืมฝันถึงน้องอินอินด้วยนะจ๊ะ ฮันนี่” เมื่ออินทัชหยอดเสียงหวานมาให้พี่ชาย

“ครับ แล้วพี่จะฝันถึงน้องอินอิน” ฉันทัชเองก็หยอดเสียงนุ่มคืนกลับให้น้องสาวเช่นกัน


อินทัชวางโทรศัพท์จากพี่ชาย กำลังจะหมุนตัวกลับเข้าห้องคาราโอเกะ ข้อมือเรียวสวยก็ถูกใครสักคนคว้าไว้เสียก่อน รอยยิ้มที่ถูกระบายจากที่คุยกับฉันทัชนั้นหุบยิ้มลงทันที


“กลับบ้านได้แล้ว” พอเห็นว่าคนที่คว้าข้อมือตัวเองเป็นใคร อินทัชเลยไม่ได้พยายามจะดึงมือกลับอย่างที่ตั้งใจในทีแรก

“รู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่” อินทัชถาม

“ไม่ใช่เรื่องยาก”

“คุณมาทำไม” อินทัชเดินเลี่ยงออกมาจากหน้าห้องคาราโอเกะอีก เธอไม่อยากให้ใครเห็นว่าตัวเองกำลังยืนคุยกับผู้ชายที่ชื่อก้องภพ

“มารับคุณกลับบ้านไง” ก้องภพเดินตามมาโดยไม่ซักถาม

“คืนนี้ฉันไม่กลับบ้าน จะไปนอนค้างบ้านเพื่อน” หญิงสาวปฏิเสธ

“เพื่อนที่ไหน” คนถามขมวดคิ้ว ดูเหมือนไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่

“เพื่อนนางแบบในห้องนั้น”

“ไปบอกเพื่อนคุณสิว่าคุณจะกลับแล้ว” ก้องภพบอกแต่คำพูดเหมือนเป็นคำสั่งเสียมากกว่า

“คุณก้อง คุณกลับไปก่อนก็แล้วกัน”

“วันเสาร์คือวันของผมไม่ใช่หรือ” ก้องภพทวง มันเป็นข้อตกลงมาสักพักใหญ่แล้วระหว่างคนทั้งคู่

“แต่วันนี้วันศุกร์ ยังไม่ใช่วันเสาร์” อินทัชแย้ง

“ผิดแล้ว” ก้องภพส่ายหน้า พลางยกหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้อินทัชได้ดู “ตอนนี้เกือบจะตีหนึ่ง เข้าเช้าวันเสาร์แล้ว”

“ตอนเช้าค่อยเจอกันก็ได้มั้งคุณ” อินทัชยังหลบเลี่ยง เจ้าตัวยังสนุกอยู่เลย


ทว่าก้องภพไม่ตอบหรือพูดอะไร ชายหนุ่มยืนนิ่ง สบตากับอินทัช กดดันอย่างเงียบเชียบ นี่มันสงครามประสาทชัดๆ อินทัชหัวเสีย อย่าเอาบรรยากาศของนักธุรกิจมาต่อรองกับเธอได้ไหม


สุดท้ายคนที่แพ้ก่อนคงหนีไม่พ้นหญิงสาว “ก็ได้ๆ กลับก็ได้ รออยู่นี่ เดี๋ยวฉันไปบอกเพื่อนข้างในห้องก่อน”


“ผมไปรอที่รถแล้วกัน ให้เวลาลาเพื่อนสิบนาที”


อินทัชเดินเข้าไปในห้องเพื่อขอตัวกลับก่อน ทุกคนโวยวายเล็กน้อยแต่ไม่ได้ดึงรั้งอะไรหญิงสาวไว้ เพราะเจ้าตัวบอกว่ามีธุระนิดหน่อย


ระหว่างทางที่กลับออกมา จู่ๆ อินทัชก็นึกถึงฉันทัชขึ้นมา หากพี่ชายของเธอรู้เรื่องว่าคืนนี้ นอกจากน้องสาวจะไม่ไปนอนค้างบ้านเพื่อนผู้หญิงด้วยกันแต่เป็นบ้านผู้ชายแล้วล่ะก็...


ไม่รู้ว่าเขาจะโดนบ่นมากแค่ไหน แล้วยิ่งถ้ารู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือเจ้านายของตัวเองอีกล่ะ



ซื้อที่อุดหูเตรียมไว้ดีกว่า




========================================

เอ ชักจะยังไง?

เจอกันวันอังคารค่ะ



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 15 Friendship Forever หน้า 7 UP!! 19/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-10-2018 11:25:56
อืม
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 15 Friendship Forever หน้า 7 UP!! 19/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-10-2018 12:09:17
ปาลไปทำบุญหน่อยมั้ยอ่ะ 5555555555
ละคำตอบของชัดเจนก็ไม่เคยทำให้มองปาลดีได้เลยอ่ะ
บิดเบือนเก่งจัง  :hao3:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 15 Friendship Forever หน้า 7 UP!! 19/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 19-10-2018 12:33:48
 :ruready ต้องใจดำขนาดไหน ถึงพูดบิดเบือนความจริงได้ขนาดนี้นะชัดเจน
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 15 Friendship Forever หน้า 7 UP!! 19/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-10-2018 13:22:16
น้องอินจะเอายังงี้จริงเหรอ ถามจริงคบกับก้องแล้วใช่ม่ะแต่ปิดไว้ไม่บอกใครใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 15 Friendship Forever หน้า 7 UP!! 19/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 19-10-2018 16:22:10
ตอนแรกก็สงสารชัดเจนแต่เจอคนพูดที่พูดถึงปาลแล้วมองดีๆไม่ได้เลย. น้องอินอินไปตกลงกะคุณก้องเมื่อไรเนี่ย รอนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 15 Friendship Forever หน้า 7 UP!! 19/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-10-2018 18:51:00
ขัดเจนแอบร้ายลึกนะเนี่ยะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 15 Friendship Forever หน้า 7 UP!! 19/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-10-2018 19:10:41
ชัดเจนร้ายจริงๆ โน๊ตที่หายไปตอนนั้นก็คงใช่

ว่าแต่ไปรับหนุ่มส่งตรงจากฮ่องกงจะมีไรเกิดขึ้นบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 15 Friendship Forever หน้า 7 UP!! 19/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 19-10-2018 20:40:53
 :katai2-1: อินอินไวไฟแท้ 555
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 15 Friendship Forever หน้า 7 UP!! 19/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 19-10-2018 21:30:03
เขาว่าคนมีความรักมักเห็นแก่ตัว
แต่อย่างที่ชัดเจนทำเนี่ย เรียกว่าแทงข้างหลังปาล์มได้กลายๆเลย
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 15 Friendship Forever หน้า 7 UP!! 19/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 19-10-2018 23:51:37
ชัดเจนก็พูดความจริงนะ แต่เป็นความจริงในมุมชัดเจนคนเดียว ร้ายไม่เบา  o18
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 15 Friendship Forever หน้า 7 UP!! 19/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 21-10-2018 17:19:38

ภาค 16 When I realized…




ฉันทัชเข้านอน แต่ร่างกายยังไม่ยอมหลับ ภาพของปาณัสม์กับหญิงสาวคนนั้นยังติดตาอยู่จนถึงเดี๋ยวนี้ ฉันทัชเบื่อตัวเองที่มีสภาวะจิตใจไม่มั่นคงแบบนี้ ทั้งที่ความสัมพันธ์มันเปลี่ยนไปแล้ว เคยคิดว่าตนเองจัดการกับจิตใจได้เป็นอย่างดี แต่สุดท้ายแค่ภาพที่ไม่สามารถบรรยายสถานะของชายหญิงคู่หนึ่ง ยังทำให้ใจเขาเขว คิดฟุ้งซ่านได้ขนาดนี้


ใจเขามันอ่อนแอเหลือเกิน


เวลาที่เรารักใครสักคน มักอยากจะเป็นเจ้าของอีกฝ่ายด้วยกันทั้งนั้น ความหึงหวงนั้นมีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน แต่จะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับการจัดการภายในจิตใจของแต่ละบุคคล ฉันทัชเองก็เช่นกัน แน่นอนเขาย่อมรู้สึกหึงหวงปาณัสม์อยู่แล้ว แต่เขาอาศัยคำว่า ‘เชื่อใจ’ และ ‘ไว้ใจ’ เป็นวิธีการจัดการและรักษาสภาพจิตใจของตนเองให้มั่นคง ต่างจากปาณัสม์ที่เลือกทางแก้ปัญหาโดยการเก็บเขาไว้ใกล้ตัว โดยมีตัวของฉันทัชเองที่บ้าจี้ทำตามที่อีกฝ่ายร้องขอ


คำถามที่เขาเคยถามตัวเองว่า ยังรักปาณัสม์อยู่ไหม วันนี้เขาตอบได้แล้ว


ความเจ็บที่หัวใจเป็นเครื่องยืนยันว่าเขายังรักปาณัสม์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง


เขายังรักทั้งที่ แม้ว่าปาณัสม์จะไม่เคยมาง้องอนหรือโผล่หน้ามาให้เห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวก็ตาม อีกฝ่ายคงพยายามตัดใจจากเขา เหมือนที่เขาพยายามทำด้วยเช่นกัน ฉันทัชคิดว่าเขาคิดไม่ผิดเรื่องของอีกฝ่ายหรอก


และนี่กระมังคงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเขาถึงมองข้ามชัดเจนไปอย่างง่ายดาย และทำไมถึงยังลังเล แบ่งรับแบ่งสู้ในความสัมพันธ์กับคุณชายหลี่มานานขนาดนี้


ยอมรับว่า ลึกๆ แล้ว ตอนที่เลิกกันใหม่ๆ ฉันทัชเคยคิดไว้เหมือนกันว่าถ้าหากปาณัสม์มาง้อ เขาจะยอมกลับไปหรือไม่ ถ้าในตอนนั้น เขาคงจะตอบอย่างมั่นใจเลยว่า ‘ไม่’ เขาจะไม่กลับไปอยู่ในห้องขังนั้นอีก


แล้วถ้าเป็นตอนนี้ล่ะ?


ฉันทัชเฝ้าคิดและตอบคำถามใจตัวเองอย่างระวัง ในที่สุดคำตอบที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาก็ยังเป็นคำตอบเหมือนเดิม


หากกลับไปคบกันจริงๆ ใครเล่าจะรับประกันความสัมพันธ์จากนี้ได้ล่ะว่าอีก ห้าปี สิบปี ข้างหน้า มันจะไม่เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก พูดตรงๆ เลยว่า ฉันทัชกลัว


ชีวิตตอนนี้ที่เป็นอยู่ มันดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว


ฉันทัชคิดไม่ตก เรื่องชัดเจนก็ยังไม่จบ ถึงแม้เขาจะพูดกับชัดเจนอย่างตรงไปตรงมาแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ชัดเจนทำตัวเหมือนเดิม สิ่งที่ยืนยันได้ว่าเคยมีเหตุการณ์ที่เขาเคยพูดกับชัดเจนแล้วก็คือ อีกฝ่ายไม่รบเร้าหรือพูดถึงที่จะมาคอยรับส่งเขาอีก


หรือเขาพูดไม่ชัดเจน?


นอกจากเรื่องนี้ ยังมีคุณชายหลี่อีกหนึ่งคน ยอมรับว่าพึงพอใจในตัวอีกฝ่ายไม่น้อย ถ้าเขายอมรับตกลงคบกับคุณชาย หลี่ไป ชีวิตก็คงจะมีความสุข


แต่เขาจะมีความสุขจริงหรือ?


คำพูดของคุณชายหลี่ในวันที่เซ็นสัญญาร่วมกันที่ฮ่องกงนั้นทำให้เขาหวาดระแวง เขาเพิ่งได้รับอิสระจากความสัมพันธ์แค่ปีเดียวเอง เขายังไม่อยากถูกจับเข้ากรงอีก ยิ่งเป็นคุณชายคนเล็กที่เอาแต่ใจด้วยล่ะก็น่ากลัวว่าจะรับมือไม่ไหว


อินทัชเองก็เคยเตือนเขาแล้วว่านิสัยที่ชอบปล่อยเรื่องราวให้มันเลยเถิดจนไม่คิดจะจัดการนั้น ระวังผลสุดท้ายมันจะกลับมาทำร้ายเขา ตอนนี้เขากำลังเริ่มได้รับผลกรรมนั้นทีละนิดๆ อยู่ใช่หรือไม่


หัวใจตัวเองก็ตัดออกมาไม่ได้ ยังเอาหัวใจคนอื่นยังมาผูกติดกับตัวเองอีก


ในที่สุดฉันทัชก็หลับไปทั้งที่สมองยังตีกันวุ่นวายไปหมด ความทรงจำสุดท้ายผุดขึ้นมาว่า ในเมื่อรักได้ มันก็ต้องเลิกรักได้เหมือนกัน





...




“อากาศร้อนจัง” คนพูดขยับเสื้อหวังให้คลายความร้อนยามที่เดินออกมานอกอาคารสนามบิน

“อากาศประเทศไทยก็แบบนี้ล่ะครับ มาก็หลายครั้งแล้ว ยังไม่ชินอีกหรือ” ฉันทัชมองหน้าคนบ่นก่อนจะลงไปจุดบริการรถแท็กซี่ของสนามบิน

“ผมเคยได้ยินว่าบ้านคุณมีหน้าหนาวไม่ใช่หรือ”

“เคยมีครับ” ฉันทัชยิ้ม “ตอนนี้เหลือแค่ร้อน ร้อนมาก ร้อนที่สุด”

“ไม่น่าทนได้” แขกผู้มาเยือนทำท่าไม่ไหวตามคำพูด

“ผมแถมหน้าฝนให้อีกฤดูก็แล้วกัน ตกนิดเดียว น้ำก็ท่วมแล้วท่วมอีก” ฉันทัชหัวเราะให้กับตลกร้ายในประเทศตัวเอง

“ย้ายไปอยู่กับผมที่ฮ่องกงนะ” คุณชายหลี่สบโอกาสเอ่ยปากชวน

“ไม่เอาหรอกครับ” ฉันทัชบอกพลางเข้าไปนั่งในรถอย่างเรียบร้อย

คุณชายหลี่รอกระทั่งรถออกตัว จึงถามต่อ “ทำไมล่ะ ไปอยู่กับผมไม่ดีตรงไหน ผมเลี้ยงคุณได้สบายมากเลยนะ คุณอยากได้อะไร ผมจะหามาให้”

ฉันทัชยิ้มให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่พยายามเหมือนเอาขนมมาหลอกล่อ “งานของผมอยู่ที่นี่ ผมไปไม่ได้หรอก”

“คุณเป็นห่วงงานหรือ”

“ครับ ผมเพิ่งทำงานกับคุณก้องได้ปีเดียวเอง ขืนลาออกตอนนี้ คุณก้องต้องโกรธแน่ๆ เลย” ฉันทัชพูดพยายามไม่ให้เป็นเรื่องจริงจังเกินไปนัก

“บอกว่าไปทำงานกับพ่อผม รับรองคุณก้องไม่โกรธหรอก เชื่อผมสิ” คุณชายหลี่พูดอย่างมั่นใจ

“แล้วใครจะทำงานแทนผมกันล่ะครับ”

“ก็ให้คุณก้องรับคนใหม่มาทำแทนไม่ได้เหรอ แล้วคุณก็โอนงานไปให้” ชายหนุ่มพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

“คุณพูดง่ายจัง”

“ไม่เห็นมีอะไรยากนี่นา ในเมื่อคุณจะลาออก คุณก้องก็ต้องหาคนมาแทน ระหว่างนั้นคุณก็สอนงานเขาไป เสร็จแล้วก็ย้ายไปอยู่กับผม เห็นไหม ง่ายจะตาย”

“แล้วเมียผมที่นี่ล่ะ?” ฉันทัชท้วง

“จุ๊ๆ” คุณชายหลี่ยกนิ้วขึ้นมาเหวี่ยงไปมา “คุณไม่มีเมียเพราะคุณมีไม่ได้ ไม่เอาน่าเลิกแกล้งผมเถอะ ผมจะขาดใจอยู่แล้ว” คุณชายหลี่พูดพลางดึงมือฉันทัชมาจับไว้

แต่ฉันทัชกลับดึงมือออกมาอย่างนุ่มนวลแล้วส่งยิ้มให้อีกฝ่าย “ที่ไทย คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ครับ คนที่นี่เขาไม่ชินกับวัฒนธรรมแบบฝรั่ง”

“แย่จัง แล้วที่ไหนถึงจะทำได้” หลี่หยางเซิงทำหน้าเสียดาย

“ที่ไหนก็ทำไม่ได้ทั้งนั้นครับ”

“คุณใจร้าย”

“เดี๋ยวเราเอากระเป๋าคุณไปเก็บที่โรงแรมก่อน แล้วผมจะพาคุณไปทานอาหารไทย ดีไหมครับ” ฉันทัชบอกโปรแกรมคร่าวๆ ให้อีกฝ่ายฟัง

“ตามใจคุณเลย ผมยังไงก็ได้”

“คุณง่วงหรือเปล่า นอนก่อนไหม ถึงโรงแรมแล้วเดี๋ยวผมค่อยปลุก” ฉันทัชถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรครับ”


ฉันทัชทำตามโปรแกรมที่ได้บอกอีกฝ่ายไว้ ตอนนี้เขากำลังพาหนุ่มนักท่องเที่ยวจากฮ่องกงมาเดินห้างใจกลางเมือง ทีแรกเจ้าบ้านตั้งใจจะพาอีกฝ่ายไปวัด อันเป็นสถานที่นักท่องเที่ยวนั้นต้องไป แต่คนที่ขอเปลี่ยนสถานที่คือนักท่องเที่ยวเสียเอง เพราะความร้อนที่เจ้าตัวไม่อยากจะทน

“ร้านนี้..อาหารไทยอร่อย” ฉันทัชบอกตอนที่พาอีกฝ่ายเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะใดโต๊ะหนึ่งในร้าน

“อืม..ตกแต่งสวยดี” หลี่หยางเซิงมองไปรอบๆ ร้านที่ตกแต่งด้วยสไตล์ไทยผสมผลานกับทางตะวันตกเพื่อไม่ให้ล้าสมัยจนเกินไปนัก

“คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” ฉันทัชถามระหว่างพลิกหน้าเมนูดู

“มาประเทศไทยต้องกินอะไร ผัดไท?”

ฉันทัชยิ้ม “มีหลายอย่างเลย แต่คุณลองผัดไทก่อน ตอนเย็นผมจะพาคุณไปเยาวราช”

“คืออะไร”

“เดี๋ยวถึงเวลานั้นก็รู้เอง มีของอร่อยๆ กินอีกเพียบเลย”

“ทริปนี้ที่ผมจะได้กินของอร่อยเพราะคุณอยากให้ผมกินหรือเพราะคุณอยากกินเองกันแน่”

“พูดอะไรอย่างนั้นคุณชายหลี่ ผมอยากให้คุณลองกินจริงๆ นะ” ฉันทัชหัวเราะ คราวนี้เขาเป็นฝ่ายถูกจับได้เสียเอง


ตกเย็นวันนั้นฉันทัชก็พาหลี่หยางเซิงออกตระเวนราตรีหาของกินท่ามกลามความคึกคักของเยาวราช เขาสนุกเหมือนได้เที่ยวอย่างเต็มที่ ผู้ชายสองคนเดินเข้าร้านนี้ออกร้านนั้นเป็นว่าเล่น ร้านไหนที่ดังหน่อยมีคนต่อแถวยาวเหยียด เขาก็เป็นต้องปรี่ไปเข้าคิวรอ เพราะไม่อยากพลาดร้านเด็ด


ฉันทัชตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ออกไปไหนมาไหน ยิ่งมีผู้คนพลุกพล่าน หรือมีความวุ่นวาย ที่นั่นเขายิ่งชอบเป็นพิเศษ ไม่ใช่ว่าเขาชอบความวุ่นวายแต่อย่างใด แต่เขาชอบความมีชีวิต ความเป็นอยู่ การมีตัวตนที่สะท้อนออกมาให้เห็น มันทำให้เขาได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างจากคนมากมาย หลายคนแสดงสีหน้าออกมาไม่ซ้ำกัน ทั้งโกรธ ยิ้ม หัวเราะ หรือดีใจ หลากหลายความรู้สึกให้เขาได้เก็บภาพพวกนั้นไว้ด้วยสองตาของตัวเอง


“ผมชักสงสัยแล้วว่าใครพาใครเที่ยว แล้วใครเป็นนักท่องเที่ยวตัวจริงกันแน่” หลี่หยางเซิงเอ่ยแซวระหว่างที่กำลังนั่งทานขนมหวานอยู่

“คุณไม่ชอบหรือ” ฉันทัชถามแล้วยิ้มตาหยี เปี่ยมไปด้วยความสุข

“ชอบครับ อยู่กับคุณ ไม่ว่าที่ไหนผมก็ชอบทั้งนั้นแหละ”

“ปากหวานอีกแล้ว” ฉันทัชชม

“บอกคุณบ่อยๆ เผื่อว่าคุณจะใจอ่อนกับผมไง” คุณชายหลี่ว่า

“คุณนี่...จริงๆ เลย” ฉันทัชว่าอย่างเอ็นดูในความตั้งใจของอีกฝ่าย

“แล้วเราจะไปไหนต่อ” คนอายุน้อยกว่าถามขึ้นบ้าง แต่ฉันทัชส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“ไม่แล้วครับ วันนี้คุณควรจะกลับไปพัก ตะลอนมาทั้งวันแล้ว”

“ผมยังไม่ง่วงเลย อีกอย่างผมอยากอยู่กับคุณนานๆ”

“อย่าดื้อสิครับ พรุ่งนี้ผมจะมารับคุณแต่เช้า เราไปเที่ยววัดกันไหม”

“ไม่ไปครับ คราวก่อนคุณก็พาผมไปเที่ยววัด” นักท่องเที่ยวเอาแต่ใจปฏิเสธข้อเสนอของฉันทัช

“แล้วคุณอยากไปไหนล่ะครับ”

“ถ้าผมบอกแล้ว คุณจะพาไปจริงๆ เหรอ”

“จริงสิ ถ้าไม่ไปลำบากเกินไปนัก ผมจะพาคุณไปแน่ๆ”

“ที่ที่ผมจะไป ไม่ลำบากคุณหรอก” คุณชายหลี่พูดด้วยสายตาสงบ

“ที่ไหนครับ?” ฉันทัชไม่ทันสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เขาถามกลับไปทันที

“ห้องผม”

“ครับ?” ฉันทัชคิดว่าเขาฟังผิด

“พรุ่งนี้..ช่วยอยู่กับผมที่ห้องทั้งวันได้ไหมครับ”

“ผม..เอ่อ..”

“มันยากไปหรือครับ” สีหน้าของคุณชายคนเล็กดูผิดหวังไม่น้อย

“มันไม่ยากไปหรอก แต่คุณมาเที่ยวทั้งที ไม่อยากไปเที่ยวที่ไหนเหรอครับ”

“คิดจะมีแฟนเป็นคนไทย ผมว่าอีกหน่อยผมคงได้เที่ยวจนครบทุกที่นั่นแหละ” คุณชายหลี่บอก

“ตกลงว่าได้ไหม” หลี่หยางเซิงถามซ้ำ

“ถ้าคุณสัญญาว่าจะอยู่ห้องเฉยๆ ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ก็ได้ครับ ผมจะไปหา”

“ผมเปลี่ยนใจแล้ว” จู่ๆ หลี่หยางเซิงก็เปลี่ยนใจกะทันหัน

“ครับ?”

“ผมเพิ่งนึกอะไรดีๆ ออก เราเปลี่ยนไปบ้านคุณแทนได้ไหม”

“บ้านผม?” ฉันทัชชี้มือเข้าหาตัวเอง “ผมไม่มีบ้านเป็นของตัวเองหรอก ที่อยู่ทุกวันนี้เป็นของอินอินน่ะ”

“ผมไปได้หรือเปล่า อินอินจะอนุญาตไหม ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้คุณลำบากใจเลย” หลี่หยางเซิงกำลังอ้อนขอตามนิสัยของเจ้าตัว

ฉันทัชหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบอีกฝ่ายไปว่า “ก็ได้ เห็นแก่ที่คุณทำตัวเป็นเด็กดีก็แล้วกัน”

“ขอบคุณครับ” คุณชายหลี่ยิ้มกว้างที่คำขอของตนสำเร็จ

“พรุ่งนี้ผมไปรับคุณที่โรงแรมแล้วจะพาไปที่บ้านนะครับ”

“ผมจะตั้งตารอเลย”

“รีบกินครับ เสร็จแล้วผมจะไปส่งคุณที่โรงแรม”




...




รุ่งเช้า ฉันทัชกำลังนั่งรอใครบางคนอยู่ที่โซฟาด้านล่างของตัวบ้าน เมื่อคืนเขาหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ชายหนุ่มลืมสังเกตไปเสียสนิทว่า น้องสาวของเขายังไม่กลับบ้าน ผ่านมาสองคืนแล้วแต่อินทัชก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับมา นอกจากข้อความที่ส่งมาแทน


‘ค้างบ้านเพื่อนต่ออีกคืนนะ ฮันนี่’


ทำตัวเหลวไหลเกินไปหรือเปล่า ฉันทัชกดโทรศัพท์ไปหาน้องสาวจนมือแทบหงิกแต่ก็ได้รับคำตอบจากระบบฝากข้อความซ้ำๆ ดังเดิมว่าไม่สามารถติดต่อเบอร์ดังกล่าวได้ในขณะนี้


เห็นเขานั่งเฉยๆ แบบนี้ แต่ในใจกลับร้อนรุ่ม หากใกล้เที่ยงแล้วยังติดต่อน้องสาวไม่ได้ เห็นที เขาคงจะต้องทำอะไรสักอย่าง เช่นโทรหาเพื่อนของหญิงสาว โทรแจ้งตำรวจหรือโทรหาคุณก้องภพ


ใช่ คุณก้องภพ... เจ้านายของเขาเอง ฉันทัชคิดว่าคุณก้องภพอาจจะพอรู้อะไรบ้างก็ได้ เขาเชื่ออย่างนั้น


ยังไม่ทันที่จะต้องใช้แผนการที่วางไว้ เสียงรถยนต์คันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดในบ้าน พร้อมกับร่างของหญิงสาวที่ฉันทัชคุ้นตาเป็นอย่างดี


“โอ๊ะ แต่งตัวเสียหล่อเชียว มีนัดเดทหรือจ๊ะ ฮันนี่” อินทัชทักทายพี่ชายด้วยเสียงสดใสเพื่อกลบเกลื่อนความผิด

“ไม่ต้องมาโอ๊ะ มาเอ๊ะ ทำไมเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้” ฉันทัชตำหนิน้องสาว

“อะไรกัน ไทน์ก็ส่งข้อความบอกเทมส์แล้วนี่ หงุดหงิดทำไม” อินทัชนั่งลงข้างๆ ฉันทัช ซบศีรษะลงบนไหล่พี่ชายเพื่อเอาใจ

ฉันทัชเบี่ยงตัวหลบเขยิบหนีด้วยความไม่พอใจ “เทมส์ติดต่อไทน์ไม่ได้เลย รู้ไหมว่าเป็นห่วง”

“ขอโทษ” หญิงสาวหน้าสลด “พอดีโทรศัพท์แบตหมด”

“เทมส์รู้ว่าไทน์โตแล้ว มีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ แต่อย่าหายไปแบบนี้สิ เราเหลือกันแค่นี้แล้วนะ” ฉันทัชพูดเสียงเรียบแต่คนฟังก็เข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าพี่ชายเป็นห่วงตนเองมากแค่ไหน

“ขอโทษ ขอโทษจริงๆ จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว อย่าโกรธไทน์เลย ขอโทษ” หญิงสาวคว้ามือพี่ชายมากุมแน่น อินทัชคิดว่ากลับมาถึงบ้านคงจะถูกพี่ชายบ่นเสียยกใหญ่พอเจอเรื่องราวที่กลับตาลปัตรแบบนี้ หญิงสาวใจเสีย ทำตัวไม่ถูก สู้ให้ฉันทัชบ่นเธอเหมือนอย่างเดิมคงจะไม่รู้สึกผิดเท่านี้

“ถ้ารู้สึกผิดก็บอกเทมส์มาว่าไทน์ไปนอนบ้านใครมา” ฉันทัชเลี่ยงที่จะไม่ถามว่าน้องสาวไปนอนกับใครมา

“เอ่อ...ไทน์” คราวนี้เจ้าตัวไม่สามารถรอดพ้นเงื้อมมือพี่ชายได้อีกแล้ว

“ผู้หญิงหรือผู้ชาย” ฉันทัชเปลี่ยนคำถามเสียใหม่ ด้วยน้ำเสียงที่เข้มกว่าเดิม

“ผู้ชาย...” อินทัชบอกเสียงเบารีบอาศัยจังหวะที่ฉันทัชเงียบพูดต่อทันที “แต่ไม่มีอะไรเกินเลยนะ ไทน์นอนกับน้องกาย”

“อ้อ....” แค่ประโยคเดียว ฉันทัชยิ้มออกมานิดหน่อย เขาคิดว่าตนเองเข้าใจเรื่องทั้งหมด “กับคุณก้องภพเนี่ย”

“โอเคแน่ใช่ไหม” ฉันทัชถามด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้กิตติศัพท์ชื่อเสียงของเจ้านายตนเองได้เป็นอย่างดี

“ไทน์ยังไม่ได้คบกับเขา เทมส์ก็รู้ใช่ไหมว่าคุณก้องเป็นคนเจ้าชู้” ฉันทัชพยักหน้า

“คุณก้องไม่ได้บังคับหรือฝืนใจไทน์ใช่หรือเปล่า ถ้าเกิดว่าเขาทำตัวไม่ดีกับไทน์ต้องบอกเทมส์นะ เทมส์อยู่ข้างไทน์เสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม” ฉันทัชบอกอย่างจริงจัง

“ก็ลองเลือกไม่อยู่ข้างไทน์สิ” อินทัชแกล้งขู่แฝดพี่

“ดูแลตัวเองดีๆ นะไทน์” ฉันทัชดึงน้องสาวเข้ามากอด พลางลูบหลังเบาๆ เขาสัมผัสได้ว่าอนาคตของแฝดน้องคนนี้คงจะเจ็บๆ คันๆ กับผู้ชายที่ชื่อก้องภพต่อไปอีกนาน

“อืม เทมส์ก็ด้วยนะ” อินทัชกอดตอบ เธอกระชับแขนกอดพี่ชายแน่นเช่นกัน

“เทมส์รักไทน์มากนะ น้องรักของพี่” ฉันทัชจูบแก้มอินทัชเพื่อเป็นการตอกย้ำความรู้สึกของเจ้าตัว

“ฟังแล้วปลื้มจัง อยากเป็นมากกว่าน้องจังเลยอะ” อินทัชยิ้ม ทำหน้าทะเล้น

“มากไปแล้ว ไปอ้อนคุณก้องนู่น”

“ไม่เอาหรอก” อินทัชบอกปัด เธอพินิจมองการแต่งตัวพี่ชายอีกครั้ง “ว่าแต่วันนี้แต่งตัวเสียหล่อ จะออกไปไหน”

“ไปรับผู้ชาย”

“หืม?ใครอะ คนใหม่เหรอ ยังไงอะ ทำไมไทน์ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” น้ำเสียงของอินทัชเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสงสัย ฉันทัชกำลังจะมีรักครั้งใหม่หรือนี่

“คิดเลอะเทอะ” ชายหนุ่มดีดหน้าผากน้องสาวไปทีหนึ่ง “คุณชายหลี่..หลี่หยางเซิง”

“คุณชายหลี่มาเมืองไทยเหรอ มาทำไมล่ะ มาเที่ยวเหรอ แล้วทำไมเทมส์ต้องไปรับเขาด้วย” อินทัชหรี่ตาลงคล้ายกำลังจะจับผิด

“เขาอยากมาเที่ยวบ้านเรา”

“บ้านเรา?”

“อืม ที่นี่ ได้ไหม?” ฉันทัชขยายความ

“ไอ้ได้น่ะ มันได้อยู่แล้ว ยังไงนี่ก็บ้านเทมส์ จะมาก็มาเถอะ แต่มาเมืองไทยทั้งที ทำไมไม่ไปเที่ยวที่คนเขาชอบไปกัน มาบ้านเราทำไม” อินทัชพูดพลางใช้ความคิด


ฉันทัชยิ้ม แต่เลือกไม่พูดอะไร


“หรือว่า” หญิงสาวตาเบิกกว้างขึ้น “คุณชายหลี่จีบเทมส์เหรอ!?”

“งั้นมั้ง” ฉันทัชเลือกตอบกำกวม

“จริงเหรอ ไม่น่าเชื่อ นี่ไทน์คิดว่าเขาถอดใจไปแล้วนะเนี่ย”

“เด็กเอาแต่ใจน่ะ อยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้” ฉันทัชพูดอย่างอารมณ์ดี

“ถ้าไม่ชอบ มีหรือที่คนอย่างเทมส์จะสนใจ อย่าบอกนะว่าก็ชอบคุณชายหลี่เหมือนกัน”

“ไม่เชิง ก็ไม่ได้เสียหายอะไรไม่ใช่หรือ”

“มันก็ใช่ อยากกินเด็กเป็นอมตะรึไง” อินทัชถามติดตลก

“ไม่เห็นเกี่ยวเลย”

“นึกยังไงขึ้นมา ไหนบอกว่ายังไม่อยากมีใครไม่ใช่หรือไง” อินทัชยังจำได้ว่าพี่ชายเขามีคนเข้ามาคุยไม่น้อยหรอก แต่เจ้าตัวปัดทิ้งไปเสียหมด ยกเว้นบางคนที่ชายหนุ่มยังเกรงใจ อย่างชัดเจนเป็นต้น

“แค่คิดว่ามันถึงเวลาแล้วหรือเปล่า ที่เราควรจะเดินหน้าต่อไปจริงๆ เสียที”

“ด้วยการมีแฟนใหม่เนี่ยน่ะเหรอ” อินทัชมองพี่ชาย “ไทน์ว่าไม่ดีมั้ง”

“ทำไมล่ะ”

“ถ้าตัดความรู้สึกเก่าออกไปยังไม่ได้ ก็ไม่ควรดึงใครเข้ามาเพิ่ม มันจะเป็นปัญหาภายหลัง”

“ไม่เคยได้ยินหรือไงว่า วิธีที่จะลืมคนเก่าให้เร็วที่สุดก็คือการมีคนใหม่” ฉันทัชย้อน

อินทัชถอนหายใจ “มันใช้ไม่ได้ผลกับทุกคนหรอกนะ ไม่งั้นคงไม่มีคนมาตั้งกระทู้ถามหรอกว่า‘ทำยังไงดีคะ แฟนยังไม่ลืมแฟนเก่า’หรือ ‘แฟนยังกลับไปคุยกับแฟนเก่า เขาบอกตัดใจไม่ได้ เราควรจะทำยังไงดี’เยอะเลยนะเทมส์ กระทู้แบบนี้อะ”

“เจ้าแม่โซเชียลจริงๆ” ฉันทัชแซว

“ไม่ใช่สักหน่อย วงการบันเทิงก็มีแต่ขี้นินทา หาข่าว จับผิดชาวบ้านทั้งนั้น คนก็เอามาเล่าให้ไทน์ฟัง”

“นี่..ไทน์รู้จักเทมส์ดี เชื่อไทน์นะ อย่าทำร้ายความรู้สึกคนอื่นเลย” หญิงสาวพูดจากใจ

“แล้วถ้าเทมส์ตั้งใจจะเริ่มต้นใหม่จริงๆ ล่ะ”

“ถามตัวเองให้ดีก่อนแล้วกันว่าต้องการแบบนั้นจริงๆ ไหม” อินทัชมองหน้าพี่ชาย “เรื่องคุณชายหลี่ วันนี้ก็พาเขาไปเที่ยวเถอะ”

“ก็ได้ เดี๋ยวจะบอกคุณชายหลี่ว่าเมียที่บ้านดุ ไม่ให้ผู้ชายเข้าบ้าน ดีไหม”

อินทัชหัวเราะ “แล้วแต่เทมส์เลย ถ้างั้นก็บอกเพิ่มไปด้วยล่ะว่าเทมส์กลัวเมียมาก เขาจะได้เชื่อ”


หญิงสาวขอตัวไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ดูรูปรูปหนึ่งเมื่ออยู่ในห้องนอนตามลำพัง รูปภาพนี้เธอได้มาจากก้องภพตอนที่ชายหนุ่มและพี่ชายของเธอไปฮ่องกงครั้งล่าสุด


ภาพที่ฉันทัชกำลังจัดเน็กไทให้คุณชายหลี่ ตอนนั้นอินทัชยังหัวเราะพลางตอบก้องภพไปด้วยคำพูดที่ว่า


‘เทมส์ก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบทำให้คนอื่นคิด ทั้งที่เจ้าตัวไม่คิดอะไร’


แต่วันนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เสียแล้ว


‘อย่านะเทมส์ อย่าเพิ่มปัญหาให้มันยุ่งยากมากไปกว่าเดิม’



คำขอร้องในใจจากอินทัช ไม่รู้ว่ามันจะส่งไปถึงพี่ชายของเธอหรือเปล่า


ฉันทัชไปรับหลี่หยางเซิงด้วยรถยนต์ของอินทัชที่หญิงสาวยัดเยียดมาให้ ภารกิจพาคุณชายหลี่เที่ยววันนี้จะได้สะดวกสบายมากขึ้น ฉันทัชไม่ได้ปฏิเสธเพราะอินทัชไม่มีงาน เจ้าตัวขอเลือกนอนอยู่บ้านทั้งวัน


หลี่หยางเซิงตอนที่รู้ว่าฉันทัชไม่สะดวกที่จะพาอีกฝ่ายไปที่บ้านนั้น เจ้าตัวก็หน้าม่อยลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เสียใจนานเพราะฉันทัชพาชายหนุ่มออกมาข้างนอกให้ลืมความผิดหวังอย่างรวดเร็ว


“พรุ่งนี้ผมต้องไปทำงาน ไปส่งไม่ได้ คุณชายหลี่ไปสนามบินเองได้นะครับ”

“ครับ ผมบอกทางโรงแรมให้เรียกรถไว้แล้ว”

“เก่งมากครับ” ฉันทัชเอ่ยชม

“คุณพูดเหมือนผมเป็นเด็กเลย” หลี่หยางเซิงเซ็งเล็กน้อย เขาโตแล้ว ทำไมอีกฝ่ายชอบย้ำเขาเป็นเด็กนัก

“เด็กกว่าผม ก็คือเด็กนั่นแหละ”

“สักวันหนึ่งผมจะทำให้คุณเห็นว่าผมโตแล้ว”

“จะรอนะครับ” ฉันทัชหัวเราะ


ฉันทัชพาหลี่หยางเซิงไปเที่ยวทะเลใกล้ๆ กรุงเทพฯ พาชายหนุ่มไปนั่งทานอาหารทะเล รับไอความเค็มเข้าปอดเบาๆ ก่อนจะพาอีกฝ่ายกลับไปส่งโรงแรมในช่วงเย็น

“ผมส่งแค่หน้าโรงแรมนะ” ฉันทัชพูดขึ้นเมื่อรถจอดสนิท

“ไม่ขึ้นไปด้วยกันหรือ” หลี่หยางเซิงถาม แต่นัยน์ตานั้นกำลังอ้อนฉันทัชเหมือนลูกหมาอ้อนขอกินขนม

ฉันทัชส่ายหน้า

“ไม่ให้ผมไปบ้านคุณ พอขอให้ขึ้นไปส่งที่ห้องก็ไม่ได้อีก”

“งอนหรือครับ ไม่เอาน่า ไว้คราวหน้าถ้าคุณมา ผมจะพาไปค้างที่ต่างจังหวัดดีไหม”

“ให้ความหวังผมอีกหรือเปล่า” ถึงแม้คุณชายหลี่จะทำเสียงเหมือนประชด แต่ทว่าดวงตากลับสุกใสเป็นประกาย

“คราวนี้ พูดจริงๆ สัญญา” ปกติแล้วฉันทัชจะไม่ชอบให้คำสัญญาเพราะกลัวจะทำไม่ได้ แต่พอเห็นชายหนุ่มเศร้าสร้อย เขาก็นึกอยากปลอบใจ

“สัญญาด้วยอะไรครับ”

“สัญญาด้วยคำพูดของผมนี่แหละ”

“ไม่เอา ขอหลักประกันหน่อยสิครับ”

“เป็นอะไรดีล่ะ” ฉันทัชย้อนถาม

“จูบหวานๆ ได้ไหม” ไม่ผิดอย่างที่ฉันทัชคิด เรื่องความเจ้าเล่ห์แบบนี้หลี่หยางเซิงก็ไม่เบา

“ที่ประเทศผม...ทำตามใจคุณแบบนั้นไม่ได้หรอก”

“ให้ขึ้นไปส่งผมที่ห้องก็ไม่เอา” ชายหนุ่มวกกลับมาเรื่องเดิม

ฉันทัชหัวเราะ “ยื่นหน้ามาสิครับ”

หลี่หยางเซิงทำตามโดยไร้การอิดออด ฉันทัชยืดตัวไปเพื่อหอมแก้มอีกฝ่าย “เอาไปแค่นี้ก่อน”

“คุณทำแบบนี้ ผมพูดต่อไม่ถูกเลย”

“ถ้างั้นก็เข้าโรงแรมได้แล้ว พรุ่งนี้เดินทางปลอดภัยนะครับ” ฉันทัชอวยพร

“ขอบคุณครับ แล้วผมจะรอทริปแรกของเรานะ” หลี่หยางเซิงดึงมือฉันทัชขึ้นมา แล้วประทับริมฝีปากลงไปกลางฝ่ามือของอีกฝ่าย

“ครับ”




========================================

พบคนนิสัยไม่ดีหนึ่งอัตรา

เนื่องจาก LOTTO สื่อรัก จะได้เป็นรูปเล่มแล้ว เขมเลยมาลงเพิ่มอีกหนึ่งตอนค่ะ (เกี่ยวไหม)

เจอกันวันอังคารค่ะ



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 16 When I realized… หน้า 7 UP!! 21/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-10-2018 17:33:50
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 16 When I realized… หน้า 7 UP!! 21/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 21-10-2018 17:41:57
ขี้ใจอ่อนจังเลยนะเทมส์
พอเทียบกับปาลละก้คือ 5555555
เทมส์เก่งกว่าปาลเยอะเลย
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 16 When I realized… หน้า 7 UP!! 21/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 21-10-2018 18:39:39
พออาคุงชายหลี่โตขึ้น
อาคุงฉันทัชก็แก่พอดี อิอิ :o12:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 16 When I realized… หน้า 7 UP!! 21/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-10-2018 19:41:56
มีคนเจ็บเพิ่มอีกหนึ่งอัตรา
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 16 When I realized… หน้า 7 UP!! 21/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 21-10-2018 21:51:49
 :mew2: :mew2: :mew2: เทมส์จ๋า อย่าทำร้านคุณชายหลี่ของเราน้าาา
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 16 When I realized… หน้า 7 UP!! 21/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 21-10-2018 22:59:05
เทมส์อย่าดึงคนอื่นมาเจ็บเพิ่มเลยเราสงสารเขา
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 16 When I realized… หน้า 7 UP!! 21/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-10-2018 09:22:04
เฮ้อออ ถ้าเริ่มต้นใหม่ได้จริงๆมันก็ดี
แต่กลัวจะต้องไปตั้งกระทู้ถามน่ะซิ
ก็ไม่แน่นะ ถึงตอนนั้น อาจไม่ใช่ทั้งคู่
แต่ก็มีเยอะแยะที่หย่าแล้วจดใหม่
แต่นั่นต้องต่างฝ่ายต้องไม่ได้อยู่ในกรงใครนะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 16 When I realized… หน้า 7 UP!! 21/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 23-10-2018 11:33:44
เฮ้อออ ถ้าเริ่มต้นใหม่ได้จริงๆมันก็ดี
แต่กลัวจะต้องไปตั้งกระทู้ถามน่ะซิ
ก็ไม่แน่นะ ถึงตอนนั้น อาจไม่ใช่ทั้งคู่
แต่ก็มีเยอะแยะที่หย่าแล้วจดใหม่
แต่นั่นต้องต่างฝ่ายต้องไม่ได้อยู่ในกรงใครนะ

คนชอบทำให้ทุกอย่างมันยุ่งยากค่ะ ><
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 16 When I realized… หน้า 7 UP!! 21/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 23-10-2018 11:38:30

ภาค 17 How Different



ฉันทัชขับรถกลับบ้านด้วยใจที่ค่อนข้างเบิกบาน การได้อยู่กับหลี่หยางเซิงสั้นๆ ทำให้เขาลืมเรื่องว้าวุ่นใจจนหมดสิ้น ถ้าอยู่กับอีกฝ่ายแล้วรู้สึกสบายใจขนาดนี้ ก็ไม่ยากเกินไปที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับหลี่หยางเซิงใช่หรือเปล่า


ในจังหวะที่ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน โทรศัพท์พลันส่งเสียงดังบอกให้รู้ว่ามีใครสักคนกำลังโทรเข้ามา เขาหยิบมันขึ้นมาดูแล้วต้องแปลกใจ เท่าที่นึกออก น้อยครั้งนักที่คนนี้จะโทรหา ถ้าหากว่าไม่มีธุระอะไร


เขารับสายและกรอกเสียงลงไป “สวัสดีครับ พี่ปอนด์”


“เทมส์ ยุ่งอยู่หรือเปล่า สะดวกคุยไหม” ศรารัณเป็นอย่างนี้เสมอทุกครั้งเวลาที่โทรมาจะถามถึงความสะดวกของเขาเป็นอันดับแรก แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้ว ทำไมอีกฝ่ายจึงพูดเหมือนคนร้อนรน

“ไม่ยุ่งครับ เทมส์เพิ่งถึงบ้านพอดี ยังไม่ได้ทำอะไร”

“ถ้างั้นมาที่บ้านตอนนี้เลยได้ไหม ถ้าไทน์อยู่ก็พามาพร้อมกันเลยนะ” คำตอบของศรารัณทำให้ฉันทัชต้องขมวดคิ้ว


‘เกิดอะไรขึ้น’


“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ฉันทัชถามออกไปด้วยเสียงไม่ไว้ใจในสถานการณ์

“พี่ยังไม่อยากพูดอะไร ตอนนี้เจ้าปาลมันไม่อยู่ พี่เลยอยากให้รีบมา”

“โอเคครับ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้”


ฉันทัชกระวีกระวาดลงจากรถแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อไปบอกให้อินทัชรู้ตัว หญิงสาวลุกขึ้นยืนจากท่าที่นอนเอื่อยเฉื่อยกดรีโมทโทรทัศน์ไปเรื่อย อินทัชวิ่งขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที แล้วรีบก้าวขึ้นรถอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการแต่งหน้า ผมก็ทำเพียงมัดผมลวกๆ ไว้ง่ายๆ

“เทมส์ว่าจะมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นหรือเปล่า” อินทัชถามขึ้นเมื่อรถกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ถนนใหญ่

“ไม่รู้สิ แต่น้ำเสียงพี่ปอนด์ดูรีบร้อนมาก” ฉันทัชตอบโดยไม่ละสายตาจากถนน

“น่าแปลก”

“อืม เทมส์ก็ว่าแปลก แต่ช่างเถอะ ไปถึงก็รู้เองแหละ”


เมื่อรถยนต์ของอินทัชมาจอดเทียบท่าหน้าประตู สองฝาแฝดก็เห็นศรารัณยืนรออยู่ตรงทางเข้าบ้านเรียบร้อยแล้ว สองพี่น้องสบตากันเล็กน้อยก่อนจะลงจากรถยนต์อย่างรวดเร็ว

“เกิดอะไรขึ้นครับ” ฉันทัชถามเมื่อเดินมาถึงตัวศรารัณ

“รีบขึ้นไปหาแม่ก่อนเถอะ”

“แม่!?” อินทัชอุทานออกมา ยกมือทาบอกเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี

“แม่เป็นอะไรครับ” ฉันทัชตาม

“แม่ไม่ค่อยสบาย อย่าเพิ่งถามรายละเอียดกับพี่ตอนนี้เลย เสร็จแล้วค่อยลงมาคุย ตอนนี้ขึ้นไปก่อน”

“ครับ/ค่ะ” สองฝาแฝดเดินขึ้นบันไดไปห้องของคุณหญิงกิ่งกานต์อย่างคนคุ้นทาง สองพี่น้องเดินจับมือกันไปตลอดทาง ความรู้สึกที่ไม่สบายใจแบบนี้ มันหายใจไม่ทั่วท้องเอาเสียเลย มือของทั้งคู่เย็นเยียบหวังจะให้อีกฝ่ายช่วยเยียวยาความอบอุ่นมาให้ แต่ ณ เวลานี้ คงไม่มีใครช่วยใครได้


ฉันทัชเคาะประตูห้องพอเป็นพิธีก่อนจะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอเสียงภายในตอบรับ “เทมส์เข้าไปนะครับ” เขาพูดแบบนั้นก่อนจะผลักประตูให้กว้างขึ้นแล้วเข้าไปทั้งตัว อินทัชที่เดินตามหลังมาปิดประตูลงให้อย่างเบามือด้วยเช่นกัน

“แม่” ฉันทัชเอ่ยเรียกมารดาคนที่สองที่ตนรักไม่น้อยกว่าแม่ของตัวเองด้วยความไม่สบายใจ


ชายหนุ่มเห็นคุณหญิงกิ่งกานต์นอนหลับอยู่บนกลางเตียงใหญ่ด้วยใบหน้าซีดเซียวอันเนื่องมาจากความไม่สบาย เขาเริ่มรู้สึกหายใจติดขัดที่มาเห็นคนที่เคารพรักต้องมาป่วยแบบนี้ เขาก้าวเข้าไปนั่งบนเตียงข้างที่ยังว่าง อินทัชก็นั่งลงข้างตัวพี่ชายพร้อมกัน


ฉันทัชจับมือของคุณหญิงกิ่งกานต์ขึ้นมาด้วยความทะนุถนอม มืออีกข้างถูกเจาะด้วยสายน้ำเกลือ พร้อมกันนั้นมีพยาบาลยืนอยู่ข้างๆ ที่แขวนขวดน้ำเกลือ


อดีตมารดาของคนรักผอมลงใช่ไหม


ฉันทัชสังเกตดูร่างกายที่ผ่ายผอมลงกว่าเดิมจากที่เขาเห็นครั้งล่าสุดเมื่อสามเดือนที่แล้ว เขาทำงานยุ่งมากจนไม่ได้มาหาท่านบ่อยอย่างที่เคยตั้งใจไว้


จังหวะนั้นคุณหญิงกิ่งกานต์เหมือนจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา “เทมส์? ไทน์? มาได้ยังไง” นางทักสองฝาแฝดด้วยเสียงแหบแห้งที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ พยาบาลรีบหยิบแก้วน้ำพร้อมหลอดดูดมาให้นางดูดเสียอึกใหญ่ก่อนจะนำกลับไปวางที่เดิม คุณหญิงโบกมือเล็กน้อยให้พยาบาลออกไปรอข้างนอก


ฉันทัชรอจนนางพยาบาลออกไปแล้ว จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “แม่ไม่สบาย เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”

“ลุกขึ้นนั่งหน่อยไหมคะ เดี๋ยวไทน์กับเทมส์ช่วย”

“ก็ดีจ้ะ ช่วยพยุงแม่หน่อย” สองพี่น้องรีบลุกขึ้นกุลีกุจอค่อยๆ พยุงคุณหญิงกิ่งกานต์ขึ้นนั่งพิงหัวเตียงอย่างเบามือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“แม่ยังไม่ตอบเทมส์เลย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

คุณหญิงยิ้ม พลางส่ายหน้า “มากันได้ยังไง ใครบอก”

“พี่ปอนด์ค่ะ ทำไมแม่ไม่บอกพวกเราว่าไม่สบาย” อินทัชนวดเบาๆ ที่ขาของคุณหญิง

“แม่ไม่อยากให้เป็นห่วงนี่นา”

“แต่มารู้ทีหลัง ก็ยิ่งเป็นห่วงมากกว่าเดิมนะครับ” ฉันทัชพูดขึ้นบ้าง

“โรคคนแก่ก็อย่างนี้แหละจ้ะ สามวันดี สี่วันไข้ เดี๋ยวแม่ก็หาย” คุณหญิงบอกให้ทั้งคู่ได้คลายความกังวล ตบหลังมือของฉันทัชเบาๆ

“หมอว่ายังไงบ้างครับ”

“ไม่ว่ายังไงจ้ะ ให้แม่พักผ่อนเยอะๆ”

“จริงหรือเปล่า แม่แกล้งพูดให้เราสบายใจเฉยๆ ใช่ไหม” อินทัชพูดด้วยความรู้ทัน

“ไม่เชื่อแม่หรือ ถ้าอาการแม่ไม่ดีคิดว่าเจ้าปอนด์กับปาลจะยอมให้แม่มานอนพักที่บ้านหรือจ๊ะ” คุณหญิงย้อนถามกลับ

จะว่าไปก็ถูกอย่างที่คุณหญิงกิ่งกานต์พูด ลูกชายของคุณหญิงคงไม่ปล่อยให้แม่มานอนห่างมือหมอ ถ้าอาการของมารดานั้นยังน่าเป็นห่วง

“หมอบอกไหมครับว่าเมื่อไหร่แม่จะหาย”

“อีกสองสามวันก็ดีขึ้นจ้ะ”

“แม่อยากให้เทมส์หรือไทน์มาเฝ้า คอยดูแลแม่ไหมคะ” อินทัชถามด้วยความคาดหวัง


ปกติแล้วคุณหญิงกิ่งกานต์ไม่ใช่คนที่จะเจ็บไข้ได้ป่วยง่ายนัก นางค่อนข้างแข็งแรงเพราะทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายกับกลุ่มคุณหญิงด้วยกัน ไม่ค่อยเครียด แต่คนที่ไม่ค่อยป่วยนี่แหละที่น่าเป็นห่วง เพราะพอป่วยครั้งหนึ่งมักจะเป็นหนักมากกว่าคนอื่น

“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวแม่ก็หายแล้ว” คุณหญิงย้ำคำเดิมให้เด็กๆ สบายใจ

“แม่กังวลอะไรหรือเปล่า เทมส์มาได้นะครับ ต่อให้ปาลอยู่ เทมส์ก็มาได้” ฉันทัชพูดอย่างไม่หวั่นเกรง

“เด็กโง่ แม่ไม่ได้กังวลเรื่องนั้นหรอก” คุณหญิงยกมือลูบใบหน้าของอดีตคนรักลูกชายเบาๆ ด้วยความรักใคร่


นางไม่อยากให้ทั้งสองคนมาคอยเฝ้าหรอก สิ่งสุดท้ายที่สองพี่น้องนี้ไม่อยากทำมากที่สุดคือเรื่องนี้ คุณหญิงกิ่งกานต์รู้ดีว่า สองคนนี้ไม่ปรารถนาจะเฝ้าไข้เลยแม้แต่น้อย เพราะฝาแฝดคู่นี้ผลัดกันเฝ้าไข้แม่บังเกิดเกล้าของตัวเองจนกระทั่งมารดาของทั้งคู่จากไปต่อหน้าต่อตา


ความทรงจำที่คุณหญิงไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องเจออีก


“แม่..แต่ไทน์อยากดูแลแม่นะ” หญิงสาวว่าแล้วก็ก้มลงไปกอดเอวของคุณหญิงเอาไว้ด้วยความออดอ้อน

“เด็กดื้อ” คุณหญิงลูบเส้นผมของอินทัชพลางหัวเราะออกมาด้วยความสุข

“แล้วได้ไหมอะคะ”

“ไปทำงานเถอะลูก แม่ไม่เป็นไร” คุณหญิงตัดบท

ฉันทัชมองอย่างมารดาของปาณัสม์ด้วยใจที่ยังหนักอึ้ง เขาทำท่าจะพูดอะไร แต่ก็ถูกคุณหญิงแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ช่วยพาแม่นอนหน่อยสิจ๊ะ แม่เพลียแล้ว”

“ครับ/ค่ะ” สองพี่น้องรีบลุกขึ้นทำตามคำขอของคนสูงวัยทันที

“สบายหรือยังครับ” ฉันทัชถามด้วยความเป็นห่วง

“สบายแล้วจ้ะ ตอนออกไปเรียกคุณพยาบาลให้เข้ามาหาแม่ด้วยนะ” เป็นอันว่าคุณหญิงไม่อยากจะให้สองแฝดอยู่ต่ออีก

“ครับ งั้นเทมส์ออกไปนะ”

“จ้ะ ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก”

“ไทน์รักแม่นะ” อินทัชหอมแก้มมารดาคนที่สองของตัวเอง

“เทมส์ก็รักแม่ครับ” ฉันทัชทำเหมือนที่น้องสาวทำก่อนที่ทั้งคู่จะออกไปข้างนอกและปิดประตูลงดังเดิม


พอออกมานอกห้อง สองพี่น้องพากันถอนหายใจ ทำไมพวกเขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับคำพูดของคุณหญิงกิ่งกานต์เลย ฉันทัชเดินไปหาพยาบาลตามที่คุณหญิงสั่งไว้ เสร็จแล้วจึงลงไปข้างล่าง

“เรียบร้อยไหม นั่งก่อนสิ” ศรารัณนั่งรอทั้งคู่อยู่ข้างล่าง

“แม่เป็นอะไรหรือพี่ปอนด์” ฉันทัชถาม

“เมื่อสองวันก่อนแม่หน้ามืด แล้วก็ล้มในห้อง” ศรารัณตอบเสียงเรียบ

“แม่” อินทัชครวญ นัยน์ตาของหญิงสาวเริ่มมีน้ำตาคลอเบาๆ

“แล้วตอนนี้?” ฉันทัชพยายามดึงสติออกมาไว้กับตนเองให้มากที่สุด กระนั้นมือก็ยังประสานแน่นบนตัก

“ไม่เป็นไรแล้ว โชคดีที่ล้มบนที่นอน เลยไม่เป็นอะไรมาก แต่หมออยากให้พักเยอะๆ”

“แล้วทำไมพี่ปอนด์ไม่บอกพวกเราก่อนหน้านี้ล่ะครับ” ฉันทัชถาม เรื่องผ่านมาตั้งสองวันแล้วทำไมถึงเพิ่งมาบอกกัน

“พี่อยากบอกเราสองคนตั้งแต่วันเกิดเรื่องแล้ว รู้ว่าต้องเป็นห่วงแน่ๆ แต่แม่กับปาล ขอพี่ไว้เสียก่อน”

“ทำไมคะ” อินทัชไม่เข้าใจ

“ไม่รู้จริงๆ เหรอว่าสองคนนั้นห่วงความรู้สึกพวกเธอมากแค่ไหน” ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่แต่ ศรารัณก็เลือกที่จะยิ้ม

“ไทน์คงไม่ใช่เหตุผลนั้นหรอก” อินทัชเลยหัวเราะตาม เพราะพอเริ่มเข้าใจเค้าลางความหมายของศรารัณบ้างแล้ว

“ไทน์มีส่วนอยู่แล้ว แม่ไม่อยากให้เทมส์กับไทน์รู้เรื่องที่แม่ป่วย เพราะกลัวเราสองคนจะไม่สบายใจ ส่วนเจ้าปาล มันห่วงเทมส์เสมอนั่นแหละ มันรู้ว่าเทมส์ไม่ค่อยอยากจดจำภาพและความรู้สึกตอนที่เฝ้าไข้แม่ที่ป่วยก่อนที่เขาจะเสีย”


ฉันทัชเงียบ อินทัชก็เงียบ คำพูดของศรารัณที่บอกความคิดของปาณัสม์นั้นถูกต้องทุกอย่าง


“แต่สุดท้ายเป็นพี่เองที่ผิดคำพูดกับแม่และปาล เพราะพี่รู้ว่าแม่คิดถึง อยากเจอเราทั้งคู่ รู้สึกเหมือนตกกระป๋องยังไงก็ไม่รู้ เริ่มเข้าใจความรู้สึกของเจ้าปาลละเวลาที่มันบ่นว่าแม่ไม่รัก” ศรารัณยังพูดติดตลกเพื่อไม่ให้บรรยากาศนั้นดูเครียดจนเกินไป

“ไม่หรอกครับ แม่รักพี่ปอนด์และปาลมาก” ฉันทัชพูด

“พี่รู้ แต่แม่ห่วงเราสองคนมากนะ”

“เทมส์มาเยี่ยมแม่ได้ไหมพี่ปอนด์”

“มาสิ มาเถอะ ไม่เป็นไรใช่ไหมล่ะ ถ้าจะเจอปาล เพราะคงเลี่ยงที่จะไม่เจอกันยากไปสักหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ เทมส์โอเค”

“เดี๋ยวไทน์มาด้วย”

“พี่ไม่ได้เจอทั้งสองคนมาสักพักใหญ่เลย สบายดีกันนะ”

“ครับ ผมกับไทน์สบายดี ได้ข่าวว่าก่อนหน้านี้น้องปุณณ์ไม่สบายหรือครับ เป็นไงบ้าง”

“อืม หายดีแล้ว ตอนนั้นพี่ใจหายใจคว่ำไปหมด ดีว่าได้เจ้าปาลมันคอยจัดการธุระอื่นๆ แทนให้ทุกอย่าง แถมยังเฝ้าไข้หลานให้อีกสองคืน อ้อ..พี่ขอโทษด้วยที่ต้องให้น้องปัณณ์ไปค้างกับเทมส์ตอนนั้น ต้องรบกวนอยู่บ่อยๆ เลย”

“ไม่เป็นไรครับ พี่ปอนด์ก็รู้ว่าเทมส์ยินดีดูแลน้องปัณณ์เสมอ”

“ไทน์ก็โอเคค่ะ มาค้างได้ตลอดเวลา” หญิงสาวบอก

“น้องปัณณ์ติดเทมส์มาก พี่เองก็ไม่แปลกใจ เลี้ยงกันมาตั้งแต่เด็กนี่นะ”

“แล้วน้องปัณณ์ไปไหนครับ” พอพูดถึงหลาน ฉันทัชก็อยากเจอ

“อยู่บนห้อง ให้ช่วยเลี้ยงน้องจะได้รักกันไว้ อยากเจอหลานหรือ”

“ครับ” ฉันทัชบอก แต่อินทัชก็ขัดขึ้น

“ไว้วันหลังดีกว่าเทมส์ เริ่มดึกแล้ว”

“จริงด้วยสินะ” พออินทัชพูดขึ้น ฉันทัชจึงเห็นตามที่น้องสาวว่า

“รีบกลับก่อนก็ดี อีกสักพักปาลคงกลับมาพร้อมกับชัด” ศรารัณพูดขึ้นบ้าง “พี่ให้สองคนนั้นไปทำธุระแทนพี่เองล่ะ จะได้เปิดทางให้เทมส์กับไทน์มาบ้าน”

“เหมือนหลบซ่อนเลย” อินทัชแซว

“พี่ไม่อยากให้เทมส์ลำบากใจ และไทน์จะได้ไม่ต้องทะเลาะกับปาลไง”

“ขอบคุณค่ะ พี่ปอนด์นี่รู้ใจน้องที่สุดเลย”

“ไม่ได้สิ เรื่องผู้หญิงพี่ควรต้องเดาใจเขาให้ได้ ยิ่งมีลูกสาว พี่ยิ่งต้องหัดสังเกตมากขึ้น หนุ่มหน้าไหนจะได้ไม่กล้าแหย็มเข้ามา” ศรารัณพูดอย่างมาดมั่นตามประสาคุณพ่อที่หวงลูกสาว

“น้องปัณณ์เพิ่งแปดขวดเองพี่ปอนด์” ฉันทัชท้วง

“ไม่ได้ๆ พี่ต้องเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ”

“เตรียมไว้หนวดได้แล้วนะคะ” อินทัชแนะนำ

“ไทน์รู้ได้ไง ว่าพี่คิดจะไว้หนวด แต่เกดไม่ชอบ พี่ลำบากใจมากเลย”

“ไทน์พูดเล่นค่ะ นี่พี่ปอนด์เอาจริงเหรอ”

“จริงสิ พี่หวงน้องปัณณ์มากนะ”

“สงสัยน้องปัณณ์จะไม่มีแฟนแน่ๆ” อินทัชพึมพำ เริ่มสงสารชะตาอนาคตของหลานสาว

“น้องปัณณ์อ้อนคุณพ่อไม่ยากหรอก แต่ปาลน่ะสิ น่าจะอาการหนักกว่าพี่ปอนด์” ฉันทัชพูดขึ้นมาบ้าง

“เทมส์รู้ได้ไงอะ” หญิงสาวถาม

“คนขี้หวงอย่างปาล เดาไม่ยากหรอก” แฝดพี่บอกอย่างมั่นใจ

“เทมส์พูดถูก นี่เวลาน้องปัณณ์จะไปเล่นบ้านเพื่อน เจ้าปาลมันเช็กแล้วเช็กอีกว่าเพื่อนที่ไหน ผู้หญิงผู้ชาย ไปกี่คน หนักกว่าพี่กับเกดอีก”

“นั่นไง เห็นไหม” ฉันทัชบอกน้องสาว

“ปะ เทมส์ งั้นกลับกันเถอะ” อินทัชบอกพี่ชาย

“อืม”

“ขอบใจนะที่มาหาแม่ จริงๆ พี่ก็ไม่อยากให้ปาลมันไปทำธุระให้วันนี้หรอก เมื่อวันศุกร์มันก็ต้องไปรับหน้าที่ดูแลลูกสาวนักธุรกิจ มันบ่นพี่จนหูชา แล้ววันนี้พี่ก็นัดเขาเองแต่ดันให้มันไปอีก คงสวดพี่อยู่ในใจน่าดู”

“ร้านนั้นหรือเปล่าครับ” จู่ๆ ฉันทัชพูดถึงชื่อร้านที่เขาเจอชัดเจนเมื่อวันศุกร์

“ใช่ เทมส์รู้ได้ไง”

“ผมเจอชัดที่หน้าร้าน ยังถามชัดอยู่เลยว่าทำไมไม่เข้าไปนั่งข้างใน”

“ทีแรกพี่จะให้เกศสิรี เอ่อ เลขาปาลน่ะ จำได้ไหม”


ฉันทัชพยักหน้าว่าจำได้ “พี่ไม่อยากให้เขาไป เลี่ยงการปะทะเพราะอีกฝั่งน่ะ อารมณ์ร้ายไม่เบา และพอให้ชัดเจนไปแทนเขาก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากให้ชัดเข้าไปนั่งด้วย ปาลมันก็ลำบากใจ เลยต้องรีบคุย ถ้าเซ็นสัญญาเสร็จเมื่อไหร่มันคงดีใจ พี่ก็ด้วย”


คำตอบของศรารัณนั้น ถ้าจะบอกว่ามันเหมือนที่ชัดเจนบอกเขา ฟังเผินๆ ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่พอได้ยินแบบนี้ เขาเริ่มรู้สึกตงิดๆ เล็กน้อย

“เหรอครับ”

“เทมส์ก็รู้ใช่ไหมปกติถ้าไปทำธุระข้างนอกปาลจะไปกับชัด แต่ช่วงหลังพี่ดึงชัดมาทำงานให้พี่เยอะ เกศสิรีเลยต้องไปข้างนอกกับปาลบ่อยขึ้น มันก็บ่นนะ ขอไปคนเดียวจะสะดวกกว่า แต่พี่ก็ท้วงไว้ ยังไงมีเลขาก็ควรเอาไปช่วยงาน”

และอีกหนึ่งคำพูดของศรารัณทำให้ฉันทัชคิดไปถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของชัดเจนอีกระลอก


“คุณปาลสั่งให้ผมไม่ต้องไปครับ ผมเองก็ไม่กล้าถาม”


“ไม่ใช่ปาลสั่งให้ชัดไม่ต้องไปหรือครับ” ฉันทัชจึงถามเพื่อให้คลายความสงสัย

“เปล่า พี่สั่งเอง ปาลมันฮึดฮัดแต่ก็ยอมทำตาม ทำไมเหรอ”

“ไม่มีอะไรครับ ผมถามดูเฉยๆ”

“หึงหรือไง” อินทัชเย้าพี่ชาย

“บ้า เลิกกันแล้วจะหึงทำไม”

“ถ้ายังหึงกันอยู่ พี่ก็ดีใจนะ” ศรารัณพูดขึ้น “อย่างน้อยพี่ยังได้รู้ว่าเจ้าปาลมันอาจจะพอมีหวังบ้าง พี่ไม่ได้เข้าข้างมันเพราะว่าเป็นน้องชายพี่หรอกนะ อย่างน้อยเท่าที่พี่รู้ มันก็ไม่ได้เป็นเหมือนเดิมแล้ว ถ้ามีโอกาสพี่ก็อยากให้ลองพิจารณาเรื่องของมันอีกครั้ง”

“พี่ปอนด์ออกตัวแทน พูดให้เลย” อินทัชบอก

“พี่ก็ทำได้แค่พูด ส่วนการตัดสินใจน่ะ เป็นของเทมส์”

“ครับ พี่ปอนด์” ฉันทัชรับคำ แต่เลือกไม่พูดอะไรต่อ

“เอาเถอะ ขับรถกลับกันดีๆ นะ”

“ไปนะคะ พี่ปอนด์”

“ครับ”




....




“เทมส์ถามอะไรไทน์หน่อยสิ” คราวนี้หน้าที่คนขับตกเป็นของอินทัช

“เรื่องปาลเหรอ” อินทัชถาม

“เปล่า เรื่องชัดเจนน่ะ”

“หืม มีอะไร เคลียร์กันไปแล้วนี่”

“เคลียร์ก็เหมือนไม่เคลียร์” ฉันทัชตอบ “แต่เอาเรื่องนั้นไว้ก่อน เทมส์อยากถามว่า ไทน์คิดว่าชัดเป็น
คนยังไง”

“มาถามอะไรไทน์เล่า ไทน์ไม่ได้สนิทกับชัดเสียหน่อย” อินทัชว่า

“เหรอ งั้นแค่..ถ้ามองจากภายนอกล่ะ”

“ชัดเจนหน้าตาดีนะ” อินทัชหัวเราะ​ “อันนี้พูดจริง หน้าตาก็น่าเชื่อถือ เวลาคุยก็สุภาพ เทมส์ถามทำไมอะ”

“ไทน์ก็เห็นว่าชัดมาจีบเทมส์ แต่คนบ้านเขาเหมือนไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้เลย ว่าไหม”

อินทัชเงียบเหมือนใช้ความคิด “ไม่มีใครรู้ตัวจริงด้วย ยิ่งพี่ปอนด์พูดอีก แบบนี้ยิ่งย้ำให้เห็นว่า ไม่มีคนรู้เรื่องนี้เลย”

“ใช่ไหมล่ะ”

“แต่เทมส์ลองคิดอีกแง่สิ ชัดอยากจะจีบเทมส์ให้ติดก่อนหรือเปล่า ขืนบอกไปตอนนี้ทุกคนอาจจะลำบากใจก็ได้จริงไหม”

“ก็จริง”

“ถ้าอยากรู้คงต้องถามชัดให้ชัดเจน แต่เทมส์ไม่ได้คิดจะคบกับชัดอยู่แล้วนี่ ถามไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ปล่อยให้เรื่องเงียบไปดีกว่าไหม”

“อืม”

“อย่าคิดมาก เรื่องชัดน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”


อินทัชกล่าวทิ้งท้ายให้พี่ชายไม่ต้องคิดเรื่องของชัดเจนอีก




========================================
มันจะเอื่อยๆ หน่อยนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ อ่านไปยิ้มไป

เจอกันวันศุกร์ค่ะ


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 17 How Different หน้า 8 UP!! 23/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-10-2018 12:03:15
 :hao4: เทมส์เริ่มรู้ความจริงเเล้ว
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 17 How Different หน้า 8 UP!! 23/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 23-10-2018 12:44:39
หรือมีพลิกล็อค ชัดแอบรักปาล
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 17 How Different หน้า 8 UP!! 23/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 23-10-2018 12:45:43
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 17 How Different หน้า 8 UP!! 23/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-10-2018 12:47:06
ชัดเจนร้ายเงียบจริงๆ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 17 How Different หน้า 8 UP!! 23/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 23-10-2018 13:15:23
สุดท้ายชัดรักปาล 5555555 คดีพลิกแรงมากนะคะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ  o22
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 17 How Different หน้า 8 UP!! 23/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-10-2018 13:56:48
 เขาจะมูฟออนละนะปาล ;-;
ตงิดใจกับคำพูดของชัดเจนเยอะๆนะเทมส์
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 17 How Different หน้า 8 UP!! 23/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 23-10-2018 14:57:48


ชัดเจนน่าจะร้ายลึก รอจังหวะเสียบเข้าหาเทมส์

เทมส์ฉลาดพอเริ่มมองออกละ ช่างสังเกตและเอาใจใส่

ส่วนปาลน่ะตรงไปตรงมา  ไม่ละเอียด อาจยังสับสนกับตัวเอง แต่ซื่อสัตย์นะ

เพราะเท่าที่อ่านมา ตกลงยังไม่สามารถฟีเจอริ่งกับใครเลยนอกจากน้องจันทร์คนเดียว

 :katai5: :katai5:   :katai5:  :katai5:  :katai5:   :katai5:





หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 17 How Different หน้า 8 UP!! 23/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-10-2018 15:38:12
ชัดเจนคงอยากทำให้มั่นใจว่า
เมื่อปาลติดลบเทมคงไม่มีทางกลับไปแน่
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 17 How Different หน้า 8 UP!! 23/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 23-10-2018 16:45:48
ชัดเจนพูดอะไรไม่เคยชัดเจนเล๊ยย ปาลยังอยู่ที่เดิมในขณะที่เทมส์คิดจะเดินไปข้างหน้าแล้ว คุณชายหลี่ก็น่ารักนะเทมส์ :ruready
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 17 How Different หน้า 8 UP!! 23/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 23-10-2018 16:48:27
ปาลคือพระเอกที่มีบทน้อย (แต่ค่าตัวแพง)  :mc4:

...แต่ยังไงก็ได้เป็นพระเอกแหละเนาะ  :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 17 How Different หน้า 8 UP!! 23/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-10-2018 17:17:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 17 How Different หน้า 8 UP!! 23/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 23-10-2018 17:46:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 17 How Different หน้า 8 UP!! 23/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 24-10-2018 05:47:57
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 17 How Different หน้า 8 UP!! 23/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-10-2018 06:30:45
ชัดอาจจะแค่อยากตัดศัตรูหัวใจเลยเล่นไม่ซื่อนิด ๆ มั้ง
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 17 How Different หน้า 8 UP!! 23/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 26-10-2018 11:16:26

ภาค 18 What does it mean?




“อ้าว คุณปาล มาได้ยังไง หรือว่ามาหาไอ้ชัดมันครับ” ลุงชม พ่อของชัดเจนเอ่ยถามเจ้านาย เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาในเขตบริเวณที่พักของเขา


บ้านของลุงชมอยู่ในเขตรั้วเดียวกับบ้านคุณหญิงกิ่งกานต์ เนื่องจากลุงชมเป็นคนเก่าคนแก่ตั้งแต่คุณหญิงแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลนี้ใหม่ๆ พอวันหนึ่งลุงชมมีบุตรชายขึ้นมา คุณหญิงจึงให้คนมาสร้างบ้านสำหรับสามคนพ่อแม่ลูกให้มีที่อยู่เป็นสัดส่วนไม่ปะปนกับใคร


บ้านสองชั้น มีสองห้องนอน สามห้องน้ำ ตั้งอยู่ทางด้านหลังของบ้านใหญ่ โดยปกติชัดเจนจะเข้าบ้านโดยการเดินผ่านเข้าไปในตัวบ้านของคุณหญิงกิ่งกานต์แล้วทะลุออกทางครัว สาเหตุที่เขาต้องเดินเข้ามาในบ้านใหญ่ ไม่อ้อมข้างบ้านไปก็เพราะลูกชายเจ้านายสองคน ทั้งศรารัณและปาณัสม์ชอบลากชัดเจนเข้ามาในบ้านด้วย ทำให้ชัดเจนเคยชินกับการเดินกลับบ้านด้วยเส้นทางนี้


“ใช่ครับ” ปาณัสม์ชะโงกมองเข้าไปในบ้าน

“จะให้มันไปขับรถให้ใช่ไหมครับ แต่เอ วันนี้ไอ้ชัดไปกับคุณปอนด์ ไอ้ชัดมันไม่ได้บอกคุณปาลหรือครับ ถ้ายังไงให้ลุงขับให้ไหม” ลุงชมบอกพลางล้างมือ ปิดน้ำและเก็บสายยางให้เรียบร้อย

“ชัดบอกผมแล้วลุงชม แต่ผมนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานลืมเอกสารไว้ในรถ หาในรถแล้วไม่เจอ คิดว่าชัดอาจจะหยิบติดมือมาด้วย”

“งั้นหรือครับ คุณปาลเข้าไปดูในห้องมันก่อนไหม เผื่อว่ามันจะหยิบมาด้วยจริงๆ”

“เข้าไปได้ใช่ไหมครับ” ถ้ามองด้วยความเป็นจริง บ้านที่ลุงชมอยู่ก็เป็นบ้านของเขาเช่นกัน แต่ชายหนุ่มไม่อยากถือวิสาสะ เสียมารยาท เพราะอย่างไรลุงชมก็อยู่บ้านนี้

“ตามสบายเลยครับ ห้องไอ้ชัดไม่ได้ล็อกหรอก จำห้องมันได้ใช่ไหมครับ”

“จำได้ครับ” ปาณัสม์ตอบ เพราะตอนเด็กๆ ก็ชอบมาเล่นที่ห้องชัดเจนเหมือนกัน เวลาหนีมารดาที่เอาแต่บ่นเขาเรื่องนั้นเรื่องนี้

“ครับ ห้องเดิมเลย”

“ผมเข้าไปนะ ลุงชม” ปาณัสม์บอกให้อีกฝ่ายรับทราบ แล้วจึงหายลับเข้าไปในตัวบ้าน



ตั้งแต่เติบโตขึ้น มีสังคมที่แตกต่างออกไปจนเข้าสู่วัยทำงาน ปาณัสม์ก็ไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้อีกเลย เขากวาดตามองไปรอบๆ ทุกอย่างยังคล้ายกับวันวานวัยเด็ก อาจจะมีเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องเรือนบางอย่างที่ถูกปรับเปลี่ยนไปตามเวลา ขายาวสาวเท้าไปห้องของชัดเจน



ปาณัสม์เปิดประตูออก เขาก้าวเข้าไปด้านใน ห้องของชัดเจนยังเหมือนเดิมนอกจากเตียงที่ถูกเปลี่ยนจากขนาดเล็กให้เป็นขนาดใหญ่กว่าเดิมตามร่างกายของเจ้าของห้อง เขาเดินไปที่โต๊ะตัวหนึ่งคล้ายกับโต๊ะทำงาน บนโต๊ะมีแฟ้ม กระดาษ ปากกา และยังมีของจุกจิกเล็กน้อยวางอยู่ เรียกได้ว่าโต๊ะตัวนี้คงเป็นโต๊ะอเนกประสงค์กระมัง



ชายหนุ่มเห็นแฟ้มสีดำคุ้นตา ปาณัสม์หยิบแฟ้มนั้นขึ้น พลางยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความดีใจ ชัดเจนหยิบมาด้วยจริงๆ ถ้าหายไปนี่ ยุ่งเลย เนื้อหาข้างในเป็นข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสินค้าในล็อตแรกที่จะส่งไปฮ่องกง งานนี้ค่อนข้างสำคัญมากสำหรับเขาในการเปิดตลาดที่นั่น ก้องภพมีความเป็นมืออาชีพสูงมาก เขาไม่อยากทำให้อีกฝ่ายต้องผิดหวังเหมือนเด็กกำลังเล่นขายของ ดังนั้นเขาจึงคาดหวังกับงานนี้พอสมควร



ผู้มาเยือนเปิดแฟ้มออกมาดู ปาณัสม์แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา มันไม่ใช่เอกสารที่เขาต้องการ กระดาษแผ่นหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากแฟ้มตกไปที่พื้น ปาณัสม์ก้มลงไปหยิบ จังหวะที่เขาเงยหน้า ชายหนุ่มเห็นลายกระดาษโพสต์อิทคุ้นตาเหมือนที่ฉันทัชชอบใช้เป็นประจำถูกหมุดปักอยู่ตรงกระดานบอร์ดเล็กๆ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประมาณจากสายตาแล้วน่าจะมีขนาดความยาวหนึ่งไม้บรรทัดตั้งอยู่บนโต๊ะ บนกระดานบอร์ดมีกระดาษโน้ตอะไรหลายอย่างที่ถูกปักหมุดอยู่ แต่ที่สะดุดตาที่สุดสำหรับปาณัสม์คงเป็นกระดาษแผ่นนั้น




            ‘วันนี้ไปนอนบ้านไทน์
                                    CHAN’






            ‘ลายมือนี้?’



ใช่ เป็นลายมือของฉันทัช เขาไม่มีวันลืมลายมือนี้ไปได้ สมองของปาณัสม์กำลังทำงานอย่างหนัก โพสต์อิทใบนี้มาอยู่กับชัดเจนได้อย่างไร ปาณัสม์ละสายตาจากโพสต์อิทใบนั้น เขามองกระดาษในมือของตัวเอง มันเป็นรายละเอียดที่เขาเซ็นอนุมัติให้มีการผลิตสินค้าล็อตแรกกับโรงงานที่เป็นผู้ผลิตสินค้า



ปาณัสม์เปิดแฟ้ม หมายจะเก็บกระดาษลงในแฟ้มให้เรียบร้อย จังหวะที่เขาเปิดมันออก เขาก็เห็นกระดาษอีกใบที่มีข้อความเหมือนกับแผ่นนี้ไม่ผิดเพี้ยน ปาณัสม์นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงนั้น สายตาเพ่งพิศดูด้วยความไม่สบายใจ ทำไมถึงมีการก๊อบปี้กระดาษอีกใบ


ชายหนุ่มนำกระดาษสองใบนั้นมาเทียบกัน ทุกอย่างเหมือนกันหมดจนเขาเกือบจะกดโทรศัพท์ไปถามชัดเจนเสียแล้วว่าทำไมถึงมีกระดาษสองใบ ปริ้นต์มาเกินอย่างนั้นหรือ ทว่าอ่านจนเกือบใกล้จะหมดข้อความในกระดาษแล้วเขาจึงเห็นว่า มันมีความแตกต่างกันอยู่ตรงนี้อย่างชัดเจนว่า



อนุมัติ  กับ ไม่อนุมัติ



ใบที่อนุมัติให้มีการผลิตนั้นถูกต้องแล้ว เขาจำได้ว่าจรดปากกาเซ็นเองกับมือ แต่อีกใบ ปาณัสม์มั่นใจว่าไม่ได้เซ็นแน่นอน ถึงงานจะรีบแค่ไหน แต่เขาอ่านเอกสารทุกใบด้วยตัวเอง


หรืออาจจะเป็นศรารัณ?


ปาณัสม์คิดเผื่อไว้ แต่ไม่ทันไร ลายเซ็นข้างล่างสุดก็ยืนยันว่ามันเป็นลายเซ็นของเขา ไม่ใช่ของศรารัณ


เดี๋ยวนะ?



มันเป็นลายเซ็นของเขาแน่หรือ เขาดูไม่ออกเลย เหมือนกันจนคิดว่าเขาอาจจะเผลอเซ็นไปแน่ๆ ถ้าหากเขาไม่ได้ใส่ใจกับโปรเจ็กนี้


เสียงเคาะประตู ทำให้ปาณัสม์ตกใจ เขารีบเก็บทุกอย่างให้คืนดังเดิม ลุงชมโผล่หน้าเข้ามาด้วยความเกรงใจ


“เจอไหมครับ”

ปาณัสม์ส่ายหน้า “ไม่เจอครับลุงชม สงสัยผมคงจำผิด อาจจะลืมทิ้งไว้ที่ทำงาน”

“พักผ่อนหน่อยดีไหมครับ โหมงานเกินไปแบบนี้ ลุงเป็นห่วง”

“ขอบคุณครับลุง เร็วๆ นี้คงเบาขึ้นแล้วล่ะ”

“ดีแล้วครับ”

“ถ้างั้นผมไปทำงานก่อนนะลุงชม”

“ให้ลุงไปส่งไหม”

“ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมคงไปหลายที่” ปาณัสม์ปฏิเสธ

“ถ้างั้น ขับรถดีๆ นะครับ” ลุงชมอวยพรให้ลูกชายเจ้านาย

“ครับ”



พอออกมาจากบ้านของลุงชมและชัดเจนเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก้าวเข้าไปนั่งในรถในตำแหน่งที่นั่งคนขับรถ ปกติแล้วปาณัสม์ไม่ค่อยขับรถเพราะมีชัดเจนคอยทำหน้าที่นี้ให้ นานๆ ได้ขับทีก็ดูเหมือนจะช่วยเบี่ยงเบนความคิดที่เขากำลังสงสัยไว้ได้มากพอสมควร


ปาณัสม์มาถึงที่ทำงานก็เจอเกศสิรีนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธออยู่ก่อนแล้ว “คุณสิ”

“สวัสดีค่ะ บอส” เกศสิรีลุกขึ้นไหว้เจ้านาย

“เอกสารสัญญาสินค้าล็อตแรกที่จะส่งไปฮ่องกง ไฟล์ยังอยู่ไหม”

“อยู่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” เกศสิรีถามด้วยความสงสัย

“ปริ้นต์มาให้ผมใหม่ที แล้วเอาไปให้ผมเซ็นด้วย ด่วนเลยนะครับ”

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ ปาณัสม์เข้าห้องไปทันทีที่สั่งงานเสร็จ


ไม่เกินอึดใจรอ กระดาษที่ถูกปริ้นต์มาใหม่เหมือนกับที่อยู่ในห้องนอนของชัดเจนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา เขารับมันมาเปิดอ่านอีกครั้งว่าถูกต้องก่อนจะเซ็นอนุมัติใหม่อีกครั้ง

“มีอะไรหรือเปล่าคะ บอส” เกศสิรีถามใหม่อีกครั้งเพราะเจ้านายเธอเพิ่งจะเซ็นเอกสารไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง หรือมันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่ใช่เพราะปาณัสม์ให้เธอปริ้นต์มาโดยไม่มีการแก้ไขใดๆ

“ใบเก่าผมทำหายน่ะ”

“อ้อค่ะ ให้สิเอาลงไปส่งให้ฝ่ายจัดซื้อเลยไหมคะ” เกศสิรีรู้สึกถึงคำตอบแปลกๆ ของปาณัสม์แต่ก็ไม่ท้วงอะไร

“โทรลงไปบอกเขาก็พอว่าเคสนี้ เดี๋ยวผมจัดการต่อเอง” คำตอบของปาณัสม์ทำให้เกศสิรีนิ่วหน้าเล็กน้อยด้วยความสงสัยอีกครั้ง แต่เธอฉลาดพอที่จะไม่ถาม

“ได้ค่ะ”

“กำชับไปด้วยว่า ถ้ามีใครเอาเอกสารเรื่องนี้ไปให้โดยที่ไม่มีคำสั่งจากผม ให้มาถามผมก่อนทุกกรณี ห้ามทำอะไรเองโดยพลการเด็ดขาด” ปาณัสม์บอกเสียงขรึม ไร้วี่แววการพูดเล่นใดๆ

“ค่ะ สิจะบอกหัวหน้าฝ่ายให้เรียบร้อยค่ะ”

“แล้ววันนี้ผมมีประชุมไหม”

“บอสมีประชุมช่วงบ่ายกับฝ่ายขาย”

“แจ้งยกเลิกให้หมด ผมจะออกไปข้างนอกและไม่กลับเข้ามาอีก มีอะไรให้ฝากคุณไว้ก่อน ถ้าเป็นเรื่องด่วนค่อยโทรมาหาผม เข้าใจหรือเปล่า” ปาณัสม์ถามทั้งที่ไม่เงยหน้าจากเอกสารตรงหน้าอีกสองสามแผ่น

“เข้าใจค่ะ”

“ดี ผมไปล่ะ ถ้าพี่ปอนด์กับชัดถามหา ให้บอกว่าผมออกไปคุยงานกับลูกค้าข้างนอกแล้วกัน”

“รับทราบค่ะ”

“พรุ่งนี้ให้คุณพิธานเข้ามาพบผมที่ห้องตอนสิบโมงเช้าด้วยนะครับ” ปาณัสม์หมายถึงทนายของบริษัท “เท่านี้ล่ะครับ”

“ค่ะ” เกศสิรีไม่กล้าถามอะไรอีก เธอรู้สึกว่าเช้านี้ปาณัสม์เครียดกว่าทุกที ทั้งที่เป็นเช้าวันจันทร์ ทำไมชายหนุ่มถึงดูมีอะไรต้องคิดมากขนาดนั้น
         


ปาณัสม์กำลังขับรถมุ่งหน้าไปออกไปนอกตัวกรุงเทพ ตรงไปยังภาคตะวันออก หลังจากที่โทรศัพท์ถามกับทางเลขาของฝ่ายนั้นแล้วว่าเจ้าของโรงงานอยู่ที่โรงงาน เขาก็รีบบึ่งรถออกไปทันที ช่วงบ่ายเขามาถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและเลขาก็แจ้งว่าให้เขารอสักครู่ ไม่นานเจ้านายของเธอก็ออกมา

 “สวัสดีครับลุงบวร ผมปาณัสม์ ที่โทรมาช่วงเช้า ขออภัยที่มากะทันหันครับ” ปาณัสม์ยกมือไหว้คนที่มีอายุประมาณรุ่นพ่อ เขาไม่ได้ไหว้เพราะอีกฝ่ายมีอายุมากกว่า แต่เขาไหว้ด้วยความเคารพและใช้ความนอบน้อมเพื่อพึ่งพาทางธุรกิจ

“อืม สวัสดีๆ ไม่เป็นไร คนกันเอง แนะนำตัวเสียเป็นทางการเชียว เอานั่งลงก่อน” คุณบวรหัวเราะพลางผายมือบอกให้ผู้มาเยือนลงนั่งที่ฝั่งตรงข้าม

“มีอะไรล่ะ ถึงรีบร้อนมาที่นี่ด้วยตนเอง เรื่องการผลิตก็แจ้งยกเลิกมาตั้งแต่วันศุกร์แล้วไม่ใช่รึ” ทางคู่เจรจาบอกมาประโยคเดียวจบเป้าหมายของปาณัสม์ทุกอย่าง

“มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยครับ” ปาณัสม์เอ่ยอย่างเกรงใจ

“หืม เรื่องอะไรล่ะ”

“การผลิตไม่ได้ถูกยกเลิกครับ มีการสื่อสารผิดพลาดกันระหว่างผมกับพนักงานนิดหน่อย”

“เอ้า ทำไมทำอย่างนั้นล่ะ ปาล”

“นี่ครับรายละเอียด” ปาณัสม์ยื่นเอกสารการติดต่อขอผลิตไปให้

คุณบวรรับไปอ่านอยู่ครู่เดียวก็วางลง “ใบนี้ลุงเห็นแล้วก่อนหน้าที่จะโทรมาขอยกเลิก ตกลงยังไงรึ”

“ครับ คือเป็นเรื่องเข้าใจผิด ยังไงก็อยากให้ผลิตต่อครับ”

“เล่นอะไรกันแบบนี้ล่ะปาล โตแล้วนะ เราจะมาเดี๋ยวยกเลิก เดี๋ยวให้ผลิตแบบนี้ไม่ได้” คุณบวรตำหนิ

“ขอโทษครับ ผมจะพยายามไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาดอีก”

“เอาเถอะๆ” คุณบวรโบกมือ “เห็นแก่พ่อเราที่ทำธุรกิจด้วยกันมาตลอด ครั้งนี้ลุงจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดีนะว่า ลุงยังไม่ได้สั่งการอะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้เขาผลิตเลยแล้วกัน” คุณบวรว่าจริงๆ แล้วบริษัทของปาณัสม์ทำธุรกิจคู่ค้ากับทางคุณบวรตั้งแต่รุ่นพ่อแล้ว

“ขอบคุณครับ คุณลุง” ปาณัสม์ยกมือไหว้คนสูงกว่าด้วยความขอบคุณ

“ยังไม่ได้กินข้าวล่ะสิ มาๆ ไปกินกับลุง” คุณบวรเปลี่ยนสภาพจากนักธุรกิจมาเป็นคุณลุงเพื่อนของพ่อชายหนุ่มดังเดิม

“ครับ” ปาณัสม์ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก



ขอบคุณที่ทุกอย่างยังไม่สายจนไร้การแก้ไข



....



“ขอโทษนะเทมส์ พอดีไทน์มีงานด่วนอะ ไปคนเดียวได้ไหม ขอโทษจริงๆ” ช่วงเย็นอินทัชโทรบอกพี่ชายด้วยความร้อนรนว่าอีกฝ่ายจะรอเก้อ เพราะเธอบอกจะมารับกลับไปหาคุณหญิงกิ่งกานต์ด้วยกัน

“ยกเลิกไม่ได้เหรอ” ปกติฉันทัชไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องงานของน้องสาว แต่เขาแค่ไม่อยากไปบ้านของปาณัสม์คนเดียว

“ไม่ได้ งานนี้สำคัญมาก เอาอย่างนี้ไหม ไว้รอไปพร้อมไทน์พรุ่งนี้ได้หรือเปล่า” อินทัชยื่นข้อเสนอ

“เป็นห่วงแม่”

“ถ้าอย่างนั้นก็นั่งแท็กซี่ไปหาแม่ ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น สนใจแค่เรื่องแม่เท่านั้น ตกลงไหม”

“อืม ก็ได้”

“ไม่งอแงนะเทมส์ แล้วคืนนี้น้องไทน์จะให้นอนซุกนม”

“ตลกละ ไม่เอาหรอก” ฉันทัชหัวเราะออกมา

“หัวเราะได้แล้วนี่ นั่งรถดีๆ นะ”

“อืม ไทน์ก็ตั้งใจทำงานเข้าล่ะ”

“จ้ะ ฮันนี่ วางก่อนนะ”

“บาย” กดวางสายจากน้องสาว ฉันทัชก็หน้าม่อยลงด้วยความผิดหวังดังเดิม


เขากลัวว่าจะเจอใครบางคน


ครั้งสุดท้ายก็แยกกันที่สนามบิน ฉันทัชไม่แม้แต่จะพูดอะไรกับอีกฝ่าย หลีกเลี่ยงการสนทนาทุกกรณี เขาคุยกับชัดเจนเท่านั้น จังหวะที่อีกฝ่ายอาสาจะไปส่ง ฉันทัชก็ยังเลือกปฏิเสธและบอกว่าอินทัชจะมารับ ทั้งที่แท้จริงแล้ว อินทัชยังติดงานอยู่ต่างจังหวัดเช่นกัน


มาถึงตอนนี้คำพูดของปาณัสม์ยังก้องอยู่ในหัวที่บอกเขาเรื่องแหวน ชายหนุ่มต้องการอะไร ให้เขามาเอาแหวนคืนไปให้พ้นๆ หน้าปาณัสม์เหรอ ฉันทัชยืนไหล่ตก คอตกหมดสภาพ ยอมรับก็ได้ว่าฉันทัชเข้าใจความหมายของคำพูดนั้น ปาณัสม์กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่


ง้อ?

เรียกร้องความสนใจ?

หยอกล้อฆ่าเวลา?

ขาดของ?

หลอกให้เขาตายใจ?

หรือยังรักเขาอยู่?


จะอะไรก็ช่าง ฉันทัชไม่อยากคิดต่อไปแล้ว อย่างที่เคยบอกไว้ ถ้าไม่เดินเข้าไปหากับดักเอง ก็จะไม่มีวันติดกับดักนั้น ใจของเขาก็เช่นกัน ถ้าไม่เอาใจไปวางกับอีกฝ่าย เขาก็จะไม่มีวันต้องทุรนทุรายกับการกระทำของอีกคน

“แม่ครับ วันนี้เป็นไงบ้าง” นั่นคือคำพูดแรกที่ฉันทัชเข้าไปนั่งใกล้มารดาของปาณัสม์ พลางจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้

“ดีจ้ะ แม่ดีขึ้นมาก แล้วไทน์ล่ะ”

“ไทน์ติดงานด่วนครับ”

“เหรอจ๊ะ แล้วนี่มายังไงล่ะลูก มาเสียมืดเลย”

“แท็กซี่ครับ”

“ลำบากแย่ เอารถที่บ้านไปใช้สักคันไหม หรือซื้อใหม่ดี”

ฉันทัชส่ายหน้า “อย่าเพิ่งเลยครับ ตอนนี้เทมส์ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร”

“เรื่องดื้อเรานี่นะ ที่หนึ่งเลย” คุณหญิงกิ่งกานต์พูดอย่างอ่อนใจเพราะรู้จักนิสัยลูกเลี้ยงเป็นอย่างดี

“คราวหน้า ถ้าแม่ไม่สบายต้องบอกเทมส์นะ หรือบอกไทน์ก็ได้ อย่าปิดบังเราแบบนี้อีกนะครับ” ฉันทัชยังติดใจเรื่องอาการป่วย เขาจับมือนั้นมาแนบที่ใบหน้าตนเอง

เขาไม่ค่อยชอบภาวะเจ็บป่วยหรืออะไรก็ตามที่อาจจะนำพาไปสู่การสูญเสีย

“แม่ไม่อยากให้เทมส์กังวล”

“รู้ทีหลังก็กังวลครับ อยากจะโกรธแม่เหลือเกิน แต่จะไม่มาหาแม่ก็ไม่สบายใจอีก”

“แม่ขอโทษนะ”

“สัญญากับเทมส์นะครับ ว่าจะบอกเทมส์”

“จ้ะ แม่สัญญา”

“ขอบคุณครับ เทมส์รักแม่นะ” ฉันทัชรู้ว่าคำสัญญาไม่ได้แปลว่าทุกคนจะทำตามสัญญา แต่เขายึดคำนี้เพื่อเป็นการยึดเหนี่ยวจิตใจของเขา

“แม่ก็รักเทมส์”

“ได้เวลาทานยาและเข้านอนแล้วค่ะ” เสียงคุณพยาบาลทักขึ้นมาด้วยความเกรงใจ

“ผู้คุมแม่มาแล้ว” ฉันทัชยิ้มพลางแหย่หญิงสาวที่รัก

“นั่นน่ะสิ อยากหายป่วยไวๆ”

“เดี๋ยวก็หายครับ ทานยา พักเยอะๆ ห้ามดื้อ” ฉันทัชบอกเหมือนพูดกับเด็กคนหนึ่ง

“ว่าแม่เป็นเด็กหรือ”

“ไม่ใช่ครับ คนน่ารักก็ต้องถูกแกล้งบ่อยเป็นธรรมดา”

“ปากหวานเสียจริง”

เสียงเปิดประตูโดยไม่มีการเคาะทำให้ฉันทัชหันไปมองตามเสียง เขาเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจนิดหน่อยด้วยความไม่คาดคิด

“เทมส์มาเหรอ” ปาณัสม์บอกพลางเดินมาหยุดยืนข้างเตียง

“อืม มาเยี่ยมแม่”

“วันนี้แม่เป็นไงบ้างครับ” คำถามแทบไม่ผิดเพี้ยนของฉันทัชตอนที่เข้ามาในห้องนี้ทีแรก

“ดีขึ้นแล้ว เราล่ะเป็นไงบ้างเจ้าปาล เห็นตาปอนด์บอกว่าวิ่งรอกหลายที่หรือ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

“มีปัญหาอะไรก็บอกพี่เขาให้ช่วยบ้างนะ อย่าเก็บไว้ทำเองคนเดียว” คุณหญิงบอกด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่าตอนนี้ปาณัสม์แทบจะทำทุกอย่างทั้งหมดเพราะอยากให้ศรารัณได้มีเวลาดูแลครอบครัว

“ครับ”

“กินข้าวมาหรือยัง”

“ยังครับ ผมเพิ่งกลับมาถึง เลยขึ้นมาดูแม่ก่อน”

“แม่ไม่เป็นไร นอนทั้งวัน”

“ครับ พักเยอะๆ จะได้หายไวๆ”

“จ้ะ พูดเหมือนกันเลยนะ”

“เอ่อ..เทมส์ไม่กวนแม่แล้วนะครับ พรุ่งนี้เทมส์จะมาหาใหม่” ฉันทัชหาจังหวะแทรกขึ้นระหว่างสองแม่ลูก

“จ้ะ” คุณหญิงรับคำแล้วหันไปทางบุตรชาย “ปาลไปส่งน้องที่บ้านให้แม่หน่อย”


ทั้งที่ปาณัสม์และฉันทัชอายุเท่ากัน เกิดปีเดียวกัน แค่ฉันทัชอ่อนเดือนกว่าเท่านั้น แต่คุณหญิงกิ่งกานต์มักเรียกฉันทัชว่าน้องเวลาใช้พูดกับปาณัสม์

“ไม่เป็นไร เทมส์กลับเองได้ครับแม่”

“มันดึกแล้ว แม่เป็นห่วง อ้อ.. ไหนๆ จะออกไปแล้วก็ไปกินข้าวด้วยกันเลยแล้วกัน ยังไม่ได้กินข้าวมากันทั้งคู่ใช่ไหม”

“เทมส์ไม่เป็นไรครับ” ฉันทัชยังยืนยันปฏิเสธ

“อย่าขัดใจคนป่วยสิจ๊ะ ตามใจแม่หน่อยไม่ได้หรือ” คุณหญิงเอาไม้ตายคนป่วยขึ้นมาอ้าง

“เอ่อ..”

“ไปเถอะ ปาลมีเรื่องจะคุยกับเทมส์นิดหน่อย”

“เรื่อง?” ฉันทัชเลิกคิ้วสงสัย ปาณัสม์มีเรื่องอะไรต้องคุยกับเขาอีก

“ปาลไปส่งจันทร์นะแม่”

“จ้ะ ขับรถดีๆ ล่ะ”

“ครับ แม่พักเยอะๆ นะ”


ปาณัสม์บอกแล้วจึงก้มลงไปหอมแก้มมารดา ก่อนจะผละออกมา ฉันทัชเขยิบถอยออกมาเตรียมจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกสายตาของคุณหญิงบอกให้กระทำการบางอย่าง เขาจึงต้องก้มลงไปที่แก้มของคนป่วย บริเวณเดียวกับที่ปาณัสม์เพิ่งทำไปเมื่อสักครู่นี้




....




อดีตคนเคยใช้ชีวิตร่วมกันกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหาร ไม่มีใครปริปากพูดนอกจากพลิกเมนูเพื่อสั่งอาหารมาทาน ฉันทัชเปิดดูจนครบทุกหน้าแต่เขาก็ยังเลือกเมนูไม่ได้สักที

“เลือกไม่ได้หรือ” ปาณัสม์เงยหน้าขึ้นถาม

“อืม ไม่รู้จะกินอะไร”

“เดี๋ยวสั่งให้แล้วกัน” ปาณัสม์ว่าดังนั้น เขาปิดเมนูลงพร้อมกับสั่งอาหารไปสองสามอย่าง ฉันทัชได้ยินถึงกับหลบสายตาชายหนุ่ม เขาเสมองออกไปนอกร้าน เมนูเหล่านั้น ทำไมปาณัสม์ต้องจงใจสั่งเมนูโปรดเขาด้วย

“เรื่องที่จะคุย เรื่องอะไร” ฉันทัชเอ่ยถามขึ้น

“กับคุณชายหลี่น่ะ คบกันอยู่เหรอ” ปาณัสม์ก็ถามขึ้นเช่นกัน

ฉันทัชกระแอมเล็กน้อย “ก็คุยๆ กันอยู่ ทำไมหึงเหรอไง”  ฉันทัชไม่ได้คิดจะยั่วโมโหหรือคิดอะไรเกินเลย เขาแค่พูดแหย่อีกฝ่ายไปเท่านั้น

“ไอ้หึง มันต้องหึงอยู่แล้วล่ะ”

“แล้วจะถามไปทำไมว่าคบหรือไม่คบ” ฉันทัชขมวดคิ้ว ปาณัสม์กินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า

“จะได้รู้ว่าต้องทำไง ใช้วิธีไหน”

“วิธีอะไร”

“วิธีที่จะทำให้จันทร์กลับมาคบกับปาลไง”

“เพื่ออะไร” ฉันทัชแค่นเสียงถาม “ไม่มีประโยชน์หรอกปาล ถ้าคิดอยากจะให้เทมส์กลับไปอยู่ด้วย ปาลควรทำก่อนหน้านี้แล้วปะ ไม่ใช่รอเวลาผ่านมาเป็นปี”

“ก่อนหน้านี้ จันทร์รอปาลไปง้ออยู่เหรอ”

“ไม่! เอ้อ.. ใช่ มันก็ต้องมีบ้าง เลิกกันไม่คิดจะไปง้อเลยหรือไง” ฉันทัชยอมรับ ลึกๆ เขาก็เคยคิดว่าทำไมปาณัสม์ไม่ยอมมาง้อเลย ถึงเขาจะรู้เหตุผลว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่มาง้อเขาเพราะอะไรก็ตาม

“จะให้ปาลไปง้อได้ยังไง ในเมื่อจันทร์อยากเลิกกับปาลจะตายไป”

“แล้วตอนนี้จะมาง้อทำไม”

“ปาลแค่คิดว่า มันถึงเวลาแล้วหรือเปล่า เวลาที่ปาลให้มันบอกเราว่า เราควรจะทำยังไงต่อไป”

“พูดอะไรของปาล” ฉันทัชไม่เข้าใจ

“ปีหนึ่ง จะว่าเร็วก็เร็ว จะว่าช้าก็ช้า แต่สำหรับปาล มันผ่านไปช้ามากเลยนะ เวลาที่ไม่มีจันทร์แล้วทุกอย่างมันเดินช้าไปหมดเลย”

“มุกเก่าๆ เทมส์ไม่หลงเชื่อหรอก” ฉันทัชรู้ทัน

“แล้วจันทร์ล่ะ เวลาหนึ่งปีมันผ่านไปเร็วหรือช้า”

“ก็ไม่ช้านะ แป๊บๆ หมดปี” ฉันทัชเลือกตอบความจริงเพียงครึ่งเดียว ใครเล่าจะรู้ว่า ครึ่งปีแรกของเขาถ้าไม่ได้วิ่งวุ่นเพราะงานที่ทำอยู่ เขาจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้

“เหรอ ไม่เป็นไร ถ้าจันทร์ไม่เป็นเหมือนปาล ก็ไม่เป็นไร” ปาณัสม์เว้นวรรคเล็กน้อย “เพราะปาลจะสร้างเวลาของเราขึ้นมาใหม่ด้วยกัน”

“คนคนเดิม บทสรุปมักเหมือนเดิม” ฉันทัชพูดขึ้นบ้าง

“ถ้าเราทำทุกอย่างเหมือนเดิม บทสรุปก็คงเหมือนอย่างที่จันทร์ว่า แล้วทำไมเราต้องเลือกทางเดิมด้วยล่ะ” ปาณัสม์แย้ง

“ขอโทษนะ เทมส์ไม่ได้อยากหยาบคายอะไร แต่สันดานคนมันเปลี่ยนกันยากนะรู้หรือเปล่า ขนาดเทมส์เอง ยังทำไม่ได้เลย สุดท้ายนิสัยที่แท้จริงก็เผยออกมาให้ปาลเห็นอยู่ดีว่าจริงๆ แล้วเทมส์ไม่ได้เป็นเหมือนตอนที่เราคบกันแรกๆ”

“ขออภัยที่ให้รอนานค่ะ” พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งโผล่เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ทำให้บทสนทนาของทั้งคู่ต้องหยุดชะงักลง

“อ้าว พวกคุณสองคนนี่เอง ปีนี้มาฉลองวันครบรอบเร็วจังเลยนะคะ ยังไม่ถึงวันครบรอบเลยไม่ใช่หรือคะ” ได้ยินเสียงพนักงานพูดขึ้น ฉันทัชก็ยิ่งเงียบ เขาลืมไปเลยว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่เขาจะมาร้านนี้เพื่อมาฉลองเวลาที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปีแรกๆ

“อ่า..ครับ พอดีช่วงนั้นเราไม่ว่าง” ปาณัสม์ตอบแทน

“ปีที่แล้วพวกคุณไม่มา ดิฉันเป็นห่วงแทบแย่ นึกว่าพวกคุณ...”

“ขอบคุณที่นึกถึงเรานะครับ ปีที่แล้ว แฟนผมเขางอนผมนิดหน่อย” ปาณัสม์เป็นฝ่ายตอบแทนอีกครั้ง ชายหนุ่มพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เหรอคะ ขอให้รักกันนานๆ นะคะ คุณเป็นคู่ที่น่ารักมาก” พนักงานสาวคนดังกล่าวว่าเสร็จแล้วจึงขอตัว

“ทำไมบอกเขาไปแบบนั้น ปล่อยให้เขาเข้าใจผิดๆ ไปได้ยังไง” คล้อยหลังพนักงานลับหายไปแล้ว ฉันทัชจึงพูดติงอีกฝ่าย

“จะให้บอกว่าเลิกกันแล้วแต่ยังมาร้านนี้ด้วยกัน ในเดือนนี้เพราะบังเอิญงั้นเหรอ”

“ก็ไม่เห็นต้องพูดอะไรให้เขาเข้าใจผิดเลยนี่นา” ถึงแม้จะเข้าใจปาณัสม์ แต่ฉันทัชยังไม่พอใจ

“ปาลตั้งใจบอกเขาแบบนั้น”

“ทำไม” ฉันทัชถามเสียงขุ่น

“เพราะปาลอยากมีปีหน้าและปีต่อๆ ไปกับจันทร์” ปาณัสม์มองฉันทัช แววตาไร้การสั่นไหว

“ตกลงที่บอกว่ามีเรื่องที่จะคุยคือเรื่องนี้?” ฉันทัชอดทนได้เพียงครู่จึงเลือกเปลี่ยนเรื่องทิ้งเสีย

“ก็ไม่เชิง กินก่อนแล้วกัน”

“อืม”

คนทั้งคู่ทานอาหารด้วยกันเงียบๆ เขาสองคนไร้การนั่งร่วมโต๊ะแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว

หลังเลิกกัน?

ไม่สิ ก่อนหน้านั้นเสียอีก ตั้งแต่ที่ฉันทัชทำกับข้าว เททิ้งทุกวัน นานจนเกือบจำความรู้สึกนี้ไม่ได้

“เข้าเรื่องเลยได้ไหม” ฉันทัชว่าหลังจากอิ่มท้องเรียบร้อย

“ดูนี่สิ”

“อะไร” ฉันทัชย้อนถามกลับในจังหวะที่อีกฝ่ายยื่นโทรศัพท์มือถือส่วนตัวมาให้เขาดูอะไรบางอย่างในโทรศัพท์นั้น

“ลายมือเทมส์นี่ เอ๊ะ โน้ตนี่มัน?” ฉันทัชพึมพำ

“โน้ตของจันทร์ใช่ไหม ตอนนั้นที่จันทร์บอกว่าเขียนโน้ตบอกไว้แล้ว”

“ใช่ แล้วมันก็หายไป ทำไมปาลถึงมีรูปนี้ได้” ฉันทัชส่งโทรศัพท์คืนให้แล้วขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย

“ปาลเจอโน้ตแผ่นนี้โดยบังเอิญน่ะ”

“ที่ไหน ที่คอนโดใช่ไหม มันปลิวไปตกอยู่ตรงซอกไหนของห้องล่ะ”

ปาณัสม์ส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ไม่ใช่ แต่ก่อนที่ปาลจะพูดอะไรต่อ ปาลอยากขอโทษจันทร์ ที่กล่าวหาจันทร์ในตอนนั้น”

“ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มบอกด้วยความรู้สึกที่รู้สึกผิดจริงๆ

วันนั้นพวกเขาต่างพากันทะเลาะกันอย่างรุนแรง ถึงขั้นที่ฉันทัชถึงกับทนไม่ไหว

“ไม่เป็นไร มันผ่านมาแล้ว อีกอย่างตอนนี้เทมส์ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร” เขาไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วจริงๆ กับเรื่องในตอนนั้น

“ก็รู้ แต่ก็ยังอยากขอโทษอยู่ดี”

“ขอโทษบ่อยๆ มันไม่น่าเชื่อถือนะรู้ไหม” ฉันทัชพูดอย่างเอือมระอา

“ก็รู้อีก แต่ไม่ให้ขอโทษแล้วทำไงอะ ปล่อยเบลอแกล้งลืมหรือไง”

“แล้วแต่”

“ขนาดขอโทษยังโกรธเลย ขืนไม่ขอโทษ จะไม่ทิ้งปาลตั้งแต่ปีแรกแล้วเหรอ” ปาณัสม์บอกอย่างหงอยๆ

“จะบ้าหรือไง ให้ทิ้งไปตั้งแต่ปีแรกไม่คุ้มหรอก” ฉันทัชถึงกับหัวเราะเมื่อได้ฟัง

“ไม่คุ้มอะไร”

“ยังได้ปาลไม่คุ้มเลย”

“โอ้ นี่เราเสียตัวมาโดยตลอดเหรอ” ปาณัสม์พูดเหมือนเพิ่งรู้ตัว

“คงงั้น”

“ถ้าได้ปาลแล้วจะมาทิ้งกันแบบนี้ไม่ได้”

“ทิ้งได้สิ ในเมื่อตอนนี้เบื่อแล้วอะ” ฉันทัชยิ้มแต่ตาไม่ยิ้มด้วย ปาณัสม์มองออกว่าอีกฝ่ายพูดจริง นัยน์ตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะรีบดึงมันกลับมาให้เป็นปกติ

“ไม่เป็นไร ต่อจากนี้ปาลจะทำให้จันทร์รู้ว่า...” ปาณัสม์หยุดไว้แค่นั้นไม่พูดต่อ

“รู้อะไร” ฉันทัชถาม

“ไม่บอก ถ้าบอกตอนนี้จันทร์ก็รู้สิ”

“ไม่อยากรู้ก็ได้ แล้วโพสต์อิทแผ่นนั้น ตกลงยังไง”

“ปาลเจอที่ห้องของชัดเจน” ปาณัสม์บอกเสียงเรียบ ไม่มีคำว่าล้อเล่นอยู่ในแววตาและสีหน้าของเขา

“ห๊ะ!?ห้องของชัด” ฉันทัชทวนคำเพราะคิดว่าตัวเองฟังผิด

“อืม ที่ห้องของชัดเมื่อเช้านี้”

“ทำไมโน้ตถึงไปอยู่ที่นั่นได้” ฉันทัชมุ่นคิ้ว

“ปาลก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงไปอยู่ที่นั่น”








========================================

ความยากของสองคนนี้คือ เทมส์และจันทร์ คือคนเดียวกัน

ถ้ามีตรงไหนเรียกผิด บอกนะคะ

HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 18 What does it mean? หน้า 8 UP!! 26/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-10-2018 11:31:18
โหหห ชัดเจนร้ายกว่าที่คิดเยอะเลย
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 18 What does it mean? หน้า 8 UP!! 26/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 26-10-2018 12:51:32
บอกตรงๆว่าคาดไม่ถึงว่าชัดเจนจะทำแบบนี้ อะไรเป็นแรงจูงใจ
คาดไม่ถึงสองก็คือปาลทำแบบนี้ กี๊ดดดดดดดดดดด TT
มันคงยังไม่ถึงเวลาแต่ก็หวังว่ามันจะดีขึ้น  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 18 What does it mean? หน้า 8 UP!! 26/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-10-2018 13:46:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 18 What does it mean? หน้า 8 UP!! 26/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 26-10-2018 13:46:26
ชัดเจนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน เสียดาย  :ling3:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 18 What does it mean? หน้า 8 UP!! 26/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 26-10-2018 14:09:44


แล้วก้อเจอละ มือที่สามทั้งแทงทั้งเสียบ

แต่ยังไง ความรู้สึกของทั้งสองคน ระหว่างเรานั่น สำคัญที่สุด

โอ้ยยยยย. อย่าเบื่อกันเลยยยย


 :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:


……
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 18 What does it mean? หน้า 8 UP!! 26/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-10-2018 15:28:01
ชัดเจนร้าย แต่ทำไปทำไม เรื่องสั่งยกเลิกการผลิตอีกคืออะไรกัน
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 18 What does it mean? หน้า 8 UP!! 26/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 26-10-2018 16:10:21
กะทำลายฮุรกิจแล้วฮุบแทนเหรอชัด อยู่บ้านเขานา ไหงเป็นคนแบบนี้  :ruready
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 18 What does it mean? หน้า 8 UP!! 26/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 26-10-2018 17:38:23
ชัดเจนทำไมนายร้ายถึงขนาดนี้ :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 18 What does it mean? หน้า 8 UP!! 26/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 26-10-2018 21:29:25
ไม่ใช่ชอบปาลล่ะ น่าจะอยากเอาชนะซะล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 18 What does it mean? หน้า 8 UP!! 26/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-10-2018 01:17:23
 :a5: ชัดนายจะร้ายให้สุดๆไปเลยหรอ
น่าจะเป็นเพราะโดนเปรียบเทียบ จากคนที่แอบชอบ แต่เราว่าไม่ใช่จันทร์หรอก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 18 What does it mean? หน้า 8 UP!! 26/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 27-10-2018 02:12:56
ชัดเจน เริ่มจะชัดเจนละ 555555
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 18 What does it mean? หน้า 8 UP!! 26/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-10-2018 11:01:47
ความรักทำได้ทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 18 What does it mean? หน้า 8 UP!! 26/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 30-10-2018 10:24:10

ภาค 19 ความจริงเพียงครึ่งเดียว



“ขอบคุณที่มาส่ง” ฉันทัชบอกเมื่อรถแล่นเข้าจอดหน้าบ้านเดี่ยวของอินทัช

“ไม่เป็นไร จริงๆ ก็อยากมาส่งให้ได้ทุกครั้ง”

“หมายความว่าไง”

“ก็จันทร์ไม่มีรถใช้ แล้วถ้าซื้อรถให้ จันทร์ไม่ยอมใช้แน่ๆ” ปาณัสม์อธิบาย

“รู้ได้ไงว่าไม่อยากมีรถ จะว่าไป...น่าดีใจไหมเนี่ย ตอนคบกันไม่เคยซื้อให้ พอเลิกกันจะซื้อรถให้ซะงั้น” ฉันทัชเองก็แซวอีกฝ่ายกลับ เขาไม่ได้คิดจริงจังเรื่องราวในอดีต

“ตอนนั้นจันทร์ไม่อยากได้รถใช้ไม่ใช่หรือ เอ หรือปาลจำผิด” ปาณัสม์ทำท่าคิดพลางเคาะมือกับพวงมาลัย “จันทร์เป็นคนบอกว่าไม่อยากได้เองนะ” ปาณัสม์เท้าความเรื่องในวันเก่า

“ตอนไหน?” ฉันทัชงง

“ที่ปาลเอาแค็ตตาล็อกรถมาให้จันทร์เลือก พอถึงวันที่รับรถ ปาลบอกให้ชัดไปรับจันทร์ที่คอนโด แล้วมาเจอกันที่โชว์รูมรถเลยเพราะปาลติดธุระ แต่จันทร์กลับฝากชัดมาบอกว่าไม่อยากได้แล้ว บอกว่าซื้อมาก็ไม่ได้ขับไปไหน จอดทิ้งไว้เฉยๆ เสื่อมราคาลงทุกวัน ปาลยังแปลกใจ ทีแรกก็ดูเหมือนจะไม่ปฏิเสธ” ปาณัสม์เล่าเหตุการณ์ในตอนนั้น

“เทมส์พูดออกไปแบบนั้นเหรอ” ฉันทัชชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“ไม่รู้สิ” ปาณัสม์หัวเราะ “ไม่ใช่หรือ แต่ตอนนั้นปาลก็ลืมถามว่าทำไมถึงเปลี่ยนใจ โทษทีงานมันยุ่งมากจริงๆ ลืมไปเสียสนิทเลย”

“อ่า..ไม่เป็นไร เทมส์คงลืมเหมือนกัน” ฉันทัชเองในเวลานั้นเพราะไม่พอใจอีกฝ่ายจึงไม่คิดจะถามปาณัสม์เช่นกัน นิสัยเสียที่เขายังแก้ไม่ค่อยได้

“ปาลเลยให้ชัดมารับส่งจันทร์บ้างเท่าที่โอกาสอำนวย” ปาณัสม์พูดต่อ

“เท่าที่โอกาสอำนวย?”

“อืม ไม่บ่อยหรอก กลัวจันทร์สงสัย” ปาณัสม์หัวเราะแก้เขิน ใช้นิ้วดันแว่นให้สูงขึ้นอีกนิด

“งั้นเหรอ ไปนะ ขับรถดีๆ ด้วย” ฉันทัชงึมงำรับคำ

“ขอบคุณครับ” ฉันทัชรอจนรถยนต์คันหรูแล่นหายไปจึงเดินเข้าไปในบ้าน


ฉันทัชหน้าเครียดขมวดคิ้ว เขาสงสัยว่าเท่าที่โอกาสอำนวยของปาณัสม์เห็นทีจะไม่เท่ากับโอกาสอำนวยของชัดเจนเสียแล้ว







...



“รถคันเดิม แต่คนขับไม่ใช่” คำพูดลอยๆ จากคนที่กำลังกดรีโมทโทรทัศน์เปลี่ยนช่องไปเรื่อยบนโซฟาดังขึ้น เมื่อเท้าของฉันทัชเหยียบย่างก้าวแรกเข้ามาในบ้าน

“แอบดู?” คนเป็นพี่เหล่มองถาม ขายาวเดินเลี่ยงไปหยิบน้ำออกมาเทใส่แก้วจากตู้เย็นเพื่อดื่มแก้กระหาย

“เปล่า เห็นรถจอดหน้าบ้านนานแล้ว ก็เลยออกไปดูเสียหน่อย ไม่คิดว่าคนขับจะเป็นคนหน้าใหม่แต่อดีตเก่า”

“ช่างค่อนแคะนะเราน่ะ”

“พูดความจริงเฉยๆ ไปทำอีท่าไหนถึงมาด้วยกันได้ล่ะ ดูสิ กลับเสียดึกเชียว”

“ยังไม่ได้ทำกันอีท่าไหนเลย แค่ไปกินข้าวแล้วปาลก็มาส่งบ้าน”

“มาแปลกแฮะ ไปกินข้าวด้วยกันแล้วมาส่งบ้าน จะรีเทิร์นหรือไง” อินทัชถามด้วยเสียงสบายๆ ไม่ได้จริงจังหรือต้องการขู่เข็ญเอาคำตอบ

“แม่ให้ปาลมาส่ง”

“ก็มาส่งสิ แล้วไปแวะกินข้าวได้ไง” ในที่สุดอินทัชก็กดปิดโทรทัศน์เพราะไม่มีอะไรดู

“ปาลมีเรื่องจะคุยกับเทมส์นิดหน่อย”

“ขอคืนดี?”

“ไม่เชิง”

“เอาจริงดิ ตงิดตั้งแต่ที่พี่ปอนด์พูดถึงปาลละ ดูเชียร์น้องเต็มที่”

“มันมีเรื่องอื่นด้วย ว่างจะฟังเทมส์ไหม”

“เอาสิ พรุ่งนี้ไม่มีงานตามสัญญาจะพาเทมส์ไปหาแม่” อินทัชพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม

“น่ารักมาก พรุ่งนี้เทมส์ลางานไว้แล้ว” ฉันทัชใช้หลังมือเขี่ยแก้มน้องสาวเล่นทีหนึ่ง

“คุณก้องบอกแล้ว” อินทัชอุบอิบบอกพี่ชาย “ไทน์พร้อมจะฟังแล้วนะ”

“แต่เทมส์ยัง” ฉันทัชหัวเราะแล้วพูดแหย่อินทัชเล่นว่า “ไปนอนรอพี่ที่ห้องนะจ๊ะ น้องสาว เดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จแล้วจะเข้าไปหาในห้อง”

“ต้องแก้ผ้ารอไหมอะคะ” อินทัชรับมุกพี่ชาย พร้อมกับยืนขึ้นตามความสูง

“ไม่ดีๆ พี่ขอเป็นชุดนอนบางๆ ก็พอ พี่ชอบแบบนั้น”

“ได้เลยค่ะพี่เทมส์ เดี๋ยวน้องอินอินจัดให้ค่ะ” อินทัชพูดเสร็จก็เดินขึ้นบันไดนำไปก่อน ท่าทางการเดินนั้นช่างยั่วมือให้ฉันทัชตีลงบนก้นกลมแน่นนั้นทีหนึ่ง

“เจ็บนะ เทมส์”

“ตั้งใจแกล้งเทมส์ไม่ใช่หรือไง ก็ต้องโดนตีสิ”

“ตีไม่ออมแรงเลย ไม่อ่อนโยนกับน้องเลย เฮ้อ...”

“ไว้คราวหน้าพี่จะทำเบาๆ นะ” ฉันทัชยิ้มทะเล้น เรื่องสองแง่สองง่ามขอให้บอกเขา

“ไม่เล่นแล้ว อาบน้ำเร็วๆ ด้วย”

“ได้ รอแป๊บเดียว”


ฉันทัชหายไปอาบน้ำไม่นานตามที่ให้สัญญา เขาเดินเข้ามาทรุดตัวนอนลงข้างกายน้องสาวด้วยความเคยชิน พลางขยับตัวตะแคงเข้าหาอินทัชเพื่อมองหน้าอีกฝ่าย

“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น” อินทัชเริ่มถาม

“เรื่องชัดเจน”

“ชัดเจน ทำไม?ยังไม่จบอีกเหรอ” หญิงสาวเลิกคิ้วมองหน้าพี่ชาย

“ไทน์จำเรื่องโน้ตที่เทมส์เคยบอกว่ามันหายไปจนทะเลาะกับปาลได้ไหม ตั้งแต่ก่อนเลิกกัน” ฉันทัชเกริ่นเรื่องเมื่อหนึ่งปีก่อน

“เอ ขอระลึกก่อน” อินทัชเงียบไปครู่เดียว ก็พยักหน้าทีท่าว่าจำได้

“โน้ตใบนั้น ปาลหาเจอแล้วนะ”

“หาเจอแล้วยังไง ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วหรือเปล่า จะเอามาพูดอีกทำไม ไทน์ว่านะปาลมันตั้งใจหาเรื่องมารั้งเทมส์เพื่อคุยน่ะสิ” อินทัชพูดเวลาผ่านมาเป็นปี จะมารื้อฝอยหาตะเข็บทำไม เนี่ยน่ะเหรอ เรื่องที่ปาลจะคุยกับพี่ชายของเขา เสียเวลา ไร้สาระชะมัด

“อย่าเพิ่งด่วนสรุป ฟังให้จบก่อน” ฉันทัชปราม ไม่ให้น้องสาวตัดสินอีกฝ่ายเพียงคำพูดประโยคเดียว

“อืม เล่าต่อ”

“เดาสิว่า ปาลไปเจอมันที่ไหน”

“ต้องเป็นคอนโดแน่อยู่แล้ว” อินทัชพูดแสดงให้เห็นชัดว่าฉันทัชถามอะไรแปลกๆ “นี่..ฝากไปบอกปาลด้วยนะว่าให้ไล่แม่บ้านออกเถอะ ทำความสะอาดยังไงเป็นปีแล้วเพิ่งหาโน้ตเจอ”

“โหดจริง” คนเป็นพี่แสร้งทำเสียงว่าหวาดกลัว “แต่ผิดนะ ไม่ใช่ที่คอนโด”

“ที่ไหน”

“ไทน์ต้องงงและแปลกใจเหมือนเทมส์แน่ๆ ปาลเจอโน้ตนี้ที่ห้องของชัดเจน” ฉันทัชตอบน้องสาวด้วยตาเป็นประกาย

“ตลกละ อำไทน์เล่นใช่ไหม” อินทัชไม่เชื่อ “มันจะไปอยู่ที่นั่นได้ไง บ้านกับคอนโดห่างกันคนละโยดเลย”

“เรื่องจริง” ฉันทัชค่อนข้างมั่นใจเพราะตอนที่ดูรูปนั้น สถานที่ที่ถ่ายรูปมันคือแถวบ้านของปาณัสม์ซึ่งก็คือบ้านของชัดเจนด้วย อาจจะบอกว่าปาณัสม์ตั้งใจใส่ร้ายชัดเจนแล้ววางแผนเหมือนอย่างที่ไทน์ว่าก็ได้


แต่น่าคิดไหม? ปาณัสม์จะทำไปเพียงแค่หาโอกาสคุยกับเขาน่ะเหรอ ไม่ใช่หรอก อย่างน้อยฉันทัชก็มั่นใจว่าปาณัสม์ไม่มีนิสัยอย่างนั้น


“ถ้าจริงอย่างที่เทมส์พูดแล้วชัดเจนจะเอาโน้ตใบนั้นไปด้วยทำไม”

“อาจจะ...ทำให้ทะเลาะกันล่ะมั้ง” ฉันทัชจำได้ว่าเป็นการทะเลาะกันครั้งใหญ่ของเขากับปาณัสม์เลยทีเดียว ถึงแม้ตอนท้ายมันจะจบที่บทพิศวาสบนโซฟาก็เถอะ แต่ก็ถือเป็นการทะเลาะกันที่รุนแรงที่สุดในชีวิตคู่ของเขาเลยล่ะมั้ง

“เพื่ออะไร”

“ลองคิดดูเล่นๆ กันหน่อยไหม”

“ว่ามา”

“เอาล่าสุดนี่เลย ตอนที่เราเจอพี่ปอนด์เมื่อวาน ที่ถามพี่ปอนด์ขนาดนั้นไม่ใช่เพราะหึงปาล แต่เพราะคำตอบที่เทมส์ได้จากชัดกับที่พี่ปอนด์พูดมันไม่ตรงกัน”

“ยังไง พูดต่อ” อินทัชชักสนใจ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังสืบคดีอะไรบางอย่าง

“พี่ปอนด์บอกให้ปาลกับชัดไปเจอลูกค้าใช่ไหม แต่ชัดเจนไม่พูดแบบนี้ตั้งใจทำให้เทมส์เข้าใจว่าปาลพาสาวออกเดต”

“เทมส์ใส่ร้ายชัดหรือเปล่า” อินทัชพยายามไม่คล้อยตาม

“พูดถึงผู้หญิง เรื่องเกศสิรี ก็เช่นกัน” ฉันทัชไม่สนใจ เขาพูดต่อ “ชัดบอกเทมส์ว่าเดี๋ยวนี้ปาลไปข้างนอกกับคุณสิเสมอ ไม่ให้ชัดเจนไปด้วย แต่พี่ปอนด์บอกว่าเขาเป็นคนที่ให้ชัดไปด้วยกันกับตัวเอง”

“แล้วยังไง ก็ไม่เห็นแปลกนี่นา”

“ถ้าไม่มีอะไรแปลกแล้วทำไมถึงพูดไม่ตรงกัน ชัดจะมาบอกทำไมว่าปาลไม่ให้ชัดไปด้วย ก็ตอบเทมส์มาตรงๆ เลยไม่ได้หรือว่าไปกับพี่ปอนด์ ตั้งใจพูดแบบนั้นเพื่ออะไร”

“อ่า..ประเด็นนี้น่าคิดแฮะ” อินทัชเริ่มเข้าใจคำพูดพี่ชายบ้างแล้ว

“และประเด็นล่าสุดที่เทมส์เพิ่งรู้เมื่อตะกี้นี้จากปาล”

“เดี๋ยวนะ อันนี้อาจจะมีการใส่ร้ายหรือเข้าข้างกันหรือเปล่า” อินทัชรีบท้วงเพราะกลัวว่าพี่ชายจะเข้าข้างคนรักเก่า

“ฟังก่อนได้ไหม ปาลพูดออกมาเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ”

“ก็ได้ เรื่องอะไร” อินทัชนิ่งฟัง

“เรื่องรถ” ฉันทัชเว้นวรรคก่อนจะพูดต่อ “จำที่เทมส์เคยให้ไทน์มาช่วยเลือกรถได้ไหม ที่ปาลบอกว่าจะซื้อรถให้เทมส์อะ”

“จำได้แม่นเลยล่ะ” อินทัชพูดด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ “นึกขึ้นได้แล้วยังโมโหอยู่เลย พูดเสียดิบดีว่าจะซื้อรถให้แฟน รุ่นไหนก็จะซื้อให้ พอเอาเข้าจริง แค่ซากรถยังไม่เห็นเลย” หญิงสาวฉุน

“ปาลบอกว่าเทมส์ไม่เอาเอง”

“ห๊ะ!?ตลกแล้ว จะเป็นไปได้ไง” หญิงสาวรู้สึกตกใจทำไมเรื่องถึงพลิกไปแบบนี้

“จริงๆ” ฉันทัชย้ำ “เพราะวันนั้นปาลติดธุระเลยให้ชัดไปรับเทมส์ กะว่าเดี๋ยวไปเจอที่โชว์รูมเลย แต่สุดท้ายปาลกลับยกเลิกพวกเรา”

“ไทน์ไปรอเก้ออยู่ที่โชว์รูมเลย”

“อย่าโมโหเยอะ เดี๋ยวหน้าจะเหี่ยวเอา” พี่ชายเตือนเพื่อคั่นอารมณ์น้องสาว

“โอเค จะพยายาม” อินทัชสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มือก็พยายามดึงหน้าให้ยกขึ้นกลัวริ้วรอยมาเยือน “เล่าต่อ”

“เรื่องปาลติดธุระแล้วชัดมารับเทมส์น่ะใช่ แล้วปาลเองกำลังจะออกไปโชว์รูม แต่ชัดบอกว่าเทมส์ไม่อยากได้รถแล้ว เพราะเอามาก็ไม่ได้ใช้ จอดทิ้งไว้เฉยๆ อะไรแบบนี้”

“จริงๆ มันก็ถูกอย่างที่ชัดพูดไม่ใช่หรือ ทีแรกเทมส์ก็พูดแบบนี้”

“มันจะจริงที่สุด ถ้าไม่มีทีหลังถูกไหม”

“อืม เพราะสุดท้ายไทน์ยุว่าให้ซื้อไว้ เวลามีเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้ มันจะได้มีใช้ อีกอย่างปาลมันรวยจะตายแค่นี้ขนหน้าแข้งมันไม่ร่วงหรอก” อินทัชท่องคำพูดที่ตนเองบอกพี่ชายในตอนนั้นออกมา เธอยังจำได้ว่าฉันทัชเกรงใจ จนเธอหาเหตุผลหนึ่งมาที่ทำให้ฉันทัชยอมคล้อยตามคือเหตุผลที่ว่าถ้าหากปาณัสม์ป่วยไม่สบายกลางดึก ฉันทัชยังขับรถพาคนรักไปโรงพยาบาลได้เพราะปกติชัดเจนมาส่งปาณัสม์แล้วก็ขับรถกลับบ้านด้วย ที่คอนโดจึงไม่ค่อยมีรถของปาณัสม์มาจอดทิ้งไว้

“นั่นแหละ แต่เหตุการณ์พลิกกลายเป็นเทมส์ไม่อยากได้ ชัดบอกปาลแค่ครึ่งเดียว”

“ชัดเจนไม่ได้โกหกเลยนี่นา ความจริงล้วนๆ”

“เทมส์มาคิดดู ชัดไม่เคยโกหกเลย ถ้าไม่ทำให้เทมส์คิดไปเองก็พูดความจริงครึ่งเดียว”

“ฉลาดมาก”

“สมดีกรีนักเรียนทุนเหรียญทองนั่นแหละ” ฉันทัชเห็นด้วย “แล้วที่ชัดเจนมารับมาส่งเทมส์ ทั้งก่อนที่จะเลิกกับปาลเพราะเทมส์ไม่มีรถ หรือช่วงหลังเลิกกัน บางทีเป็นปาลนะให้ชัดเจนมา”

“แบบนี้ก็ดูไม่แปลกใจในพฤติกรรมชัดเจนปะ ถ้าปาลเห็นชัดมารับเทมส์”

“ใช่”

“แล้วปาลยังไม่รู้เรื่องเทมส์กับชัด?” อินทัชสงสัย

“น่าจะใช่ ดูเหมือนไม่ระแคะระคายอะไรเลย”

“ก็ไม่แปลกใจ ปาลไว้ใจชัดจะตายเหอะ”

“อืม รักเหมือนน้องชายคนหนึ่งเลยล่ะ ไหนจะอยู่ด้วยกันเอย ไหนจะเล่นด้วยกันมาตั้งแต่ชัดเกิด” ฉันทัชสมทบ “กลับมาเรื่องโน้ตใบนั้นดีไหม”

“เทมส์คิดว่า” หญิงสาวเกริ่น “ชัดพยายามยุแยงใช่ไหม”

“ถ้าชัดไม่ได้แสดงออกมาว่าจีบเทมส์ ก็คงจะคิดไม่ถึงเลย” ฉันทัชยอมรับ

“แล้วเรื่องที่ชัดบอกเทมส์มีอะไรบ้างเนี่ย”

“นั่นสิ มีเรื่องไหนที่เทมส์เข้าใจถูกหรือเข้าใจผิดบ้างล่ะ” ฉันทัชถอนหายใจ



ครึ่งค่อนคืน อินทัชหลับไปแล้ว แต่ฉันทัชยังข่มตานอนไม่หลับ ความจริงที่เขาได้รู้วันนี้ทำให้เขาตกใจไม่น้อย แม้ว่าเขาจะเก็บอาการทางสีหน้าได้ดีเวลาอยู่หน้าปาณัสม์ เรื่องนี้คงต้องขอบคุณก้องภพที่คอยให้คำแนะนำเขามาโดยตลอด จนวันนี้มันเห็นผลแล้ว



ฉันทัชคบกับปาณัสม์มาสิบปีก็จริง แต่เริ่มต้นอยู่ด้วยกันในปีที่สามของการคบกัน







 
ปีที่หกที่คบกัน...
“คุณปาลฝากบอกว่าวันนี้กลับดึกนะครับ มีนัดคุยกับลูกค้า”
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้หญิงครับ เขาเป็นลูกค้า คุณเทมส์อย่าโกรธนะครับ”
“ผมไม่ได้โกรธสักหน่อย ฝากชัดดูปาลให้ผมด้วยนะ ถ้าเขามีทีท่าจะออกนอกลู่นอกทาง รีบบอกผมด่วนเลย”
“คุณเทมส์จะทำอะไรหรือครับ”
“ผมจะไปดึงหูแล้วลากปาลกลับบ้าน”
“เอาจริงหรือครับ”
“ผมล้อเล่น”




 
ปีที่เจ็ดที่คบกัน...
“อ้าว ปาลล่ะ?”
“คุณปาลให้ผมมารับคุณเทมส์แทนครับ”
“ติดงานหรือ”
“พอดีมีเลขาใหม่เข้ามา ชื่อคุณเกศสิรี คุณปาลเลยพาไปทานข้าว”
“อ้อ...”




 
ปีที่แปดที่คบกัน...
“ผมโทรหาปาลไม่ติด เขาติดงานหรือชัด”
“เอ่อ..”
“มีอะไรหรือชัด บอกมาเถอะ”
“คุณปาลอยู่กับคุณสิ...”
“โอเค ถ้าเขาคุยเสร็จแล้ว ฝากชัดบอกให้เขาโทรกลับหาผมทีนะ”
“ครับ แล้วผมจะบอกให้”
“ขอบคุณนะ”
ฉันทัชจำไม่ได้ว่าสุดท้ายเขาได้รับโทรศัพท์จากปาณัสม์หรือเปล่า





 
ปีที่เก้าที่คบกัน...
“ปาล ทำไมรับโทรศัพท์จันทร์ช้า?”
“ขอโทษครับคุณเทมส์ พอดีโทรศัพท์คุณปาลอยู่กับผม”
“อ้าว ปาลไปไหนล่ะชัด”
“คุณปาลติดประชุมอยู่ครับ”
“อย่างนั้นเหรอ อ่า..”
“คุณเทมส์มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่จะโทรมาเตือนเขาเฉยๆ น่ะ”
“เรื่องอะไรครับ ให้ผมบอกให้ไหมหรือคุณเทมส์จะโทรมาใหม่ก็ได้นะครับ หรือให้คุณปาลโทรกลับดี”
“ตัวเลือกเยอะจัง ไม่เป็นไร ฝากชัดบอกก็ได้ เหมือนกันแหละ”
“ว่าไงครับ”
“ปาลบอกจะมารับผมไปกินข้าวกับดูหนังเย็นนี้ ย้ำเขาให้ผมหน่อยว่า ห้ามลืมนัดด้วย”
“ได้ครับ”
“บอกเขาด้วยถ้าลืมนัดครั้งนี้จะโกรธแล้วจริงๆ เลื่อนนัดมาหลายครั้งแล้ว”
“ได้ครับ”
“ขอบคุณนะ”






 
ปีที่สิบที่คบกัน...
“คุณเทมส์.. ผมพยายามพาคุณปาลกลับบ้านแล้ว แต่เขาบอกว่า..”
“บอกว่าอะไรหรือชัด”
“บอกว่ายังไม่อยากกลับครับ”
“ทำไมล่ะ”
“คุณเทมส์อย่าโกรธนะครับ ช่วงนี้คุณปาลเครียดจริงๆ”
“ไม่โกรธหรอก บอกผมมาเถอะ เขาบอกว่าอะไรอีก”
“บอกว่า..เบื่อ เลยยังไม่อยากกลับบ้านครับ”
“ขอบคุณนะ”






 
และครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเลิกกับปาณัสม์
“ผมได้ยินว่าคุณเทมส์มาหาคุณปาลที่บริษัท”
“ใช่ เสียงดังเชียว อยู่ที่ไหนกัน”
“ผมอยู่ที่ร้านลูกค้า”
“อ่อ ใช่ร้านนี้หรือเปล่า” ฉันทัชหยิบที่อยู่ที่ได้มาจากเกศสิรีขึ้นมาอ่าน
“ใช่ครับ คุณเทมส์มีธุระด่วนเหรอ”
“ก็ไม่เชิง รอปาลกลับมาแล้วค่อยคุยก็ได้”
“คุณปาลกลับไปก็เมา ไม่ได้คุยหรอกครับ คุณเทมส์มาหาคุณปาลไหม เดี๋ยวผมไปรับ”
“ไม่เป็นไร แล้วตอนนี้ปาลเมาหรือยัง”
“ยังครับ แต่กรึ่มๆ แล้วล่ะ พูดอะไรตอนนี้จะอนุมัติง่ายเป็นพิเศษ”
“เหรอ โอกาสดี งั้นเดี๋ยวผมไปหาปาลดีกว่า”
“ตกลงครับ ผมจะบอกคุณปาลให้”



ฉันทัชนึกออกแค่เพียงส่วนหนึ่ง เรื่องไหนคือเรื่องจริงบ้าง แล้วที่เขายังนึกไม่ออกหรือจำไม่ได้มีอีกกี่เรื่อง ปาณัสม์คอยให้ชัดเจนมารับมาส่งเวลาที่เขามีธุระหรืออะไรก็ตาม ถึงแม้เขาจะปฏิเสธว่านั่งแท็กซี่ไปเองก็สะดวกดี แต่ชัดเจนก็มักจะมารับอยู่เสมอ



ตกลงแล้ว ตัวเขาหรือปาณัสม์ หรือแท้จริงแล้วเป็นเราทั้งคู่ต่างตกเป็นเหยื่อของชัดเจน





========================================



คุณคิดว่าเรื่องไหนจริงบ้างคะ

กดหนึ่ง ถ้าคุณคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง

กดสอง ถ้าคุณคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ



ปล ชัดเจนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นทุกเรื่องน้าาา ปาลก็ยังเป็นปาลนะคะ เทมส์ก็ยังเป็นเทมส์เช่นเดียวกันน้า

ปล สอง ตอนนี้เขมมีเล่นเกมส์แจกหนังสือในเพจกับทวิตนะคะ ไปร่วมสนุกกันได้นะคะ



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 19 ความจริงเพียงครึ่งเดียว หน้า 8 UP!! 30/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-10-2018 10:45:56
ก็อย่างว่ามีความจริงแค่ครึ่งเดียวหรือไม่ก็พูดไม่หมดอย่างที่เทมส์คิดนั่นแหล่ะ แต่ชัดจะทำไปทำไม ชัดรักเทมส์จริงหรือ แล้วทำไมชัดต้องปลอมเอกสารของปาลด้วย คิดไม่ออกเลย
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 19 ความจริงเพียงครึ่งเดียว หน้า 8 UP!! 30/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 30-10-2018 10:48:26
ชัดเจนร้ายไม่เบา ฉลาดเกิ๊นนน คนเราจะอดทนค่อยๆรอค่อยๆโกหกให้เค้าแตกหักกันได้กี่ปีนะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 19 ความจริงเพียงครึ่งเดียว หน้า 8 UP!! 30/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 30-10-2018 12:06:04
ช่วงหลังๆเริ่มเบื่อกันแล้วมั้ยน่าจะเป็นความจริงตามที่บอก
แต่ทำไมต้องปลอมเอกสารอ่ะ โอยยยยย จะมีใครรู้ทันชัดเจนบ้าง
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 19 ความจริงเพียงครึ่งเดียว หน้า 8 UP!! 30/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-10-2018 12:45:28
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 19 ความจริงเพียงครึ่งเดียว หน้า 8 UP!! 30/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-10-2018 13:23:53
 :a5:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 19 ความจริงเพียงครึ่งเดียว หน้า 8 UP!! 30/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 30-10-2018 14:39:22
ชัดเจนนายร้ายเงียบมาก เป็นมือที่3 เป็นน้ำซึมบ่อทราย
ค่อยๆทำให้เขาแตกหักกันอย่างช้าๆ นายมีความอดทนสูงมาก
พอเขาเลิกกันนายก็ฉวยโอกาสนั้นไว้ พร้อมๆกับทำลายปาลไปพร้อมๆกัน
ยอมใจนายเลย รอเวลาเป็นสิบปี
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 19 ความจริงเพียงครึ่งเดียว หน้า 8 UP!! 30/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-10-2018 15:01:30
เพราะไม่ถามและไม่เล่า
ก็เลยเป็นเหยื่อของมือที่สาม สี่ ห้า ได้ง่ายๆ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 19 ความจริงเพียงครึ่งเดียว หน้า 8 UP!! 30/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 30-10-2018 15:11:49
เรื่องชัดเจนก็ยังคงไม่ชัดเจนว่าชัดทำไปทำไม
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 19 ความจริงเพียงครึ่งเดียว หน้า 8 UP!! 30/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 30-10-2018 21:58:46
ชัดก็หล่อ...แต่ทำไมนายร้ายแบบนี้

เสียดายความหล่อ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 19 ความจริงเพียงครึ่งเดียว หน้า 8 UP!! 30/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 30-10-2018 22:07:35
ไม่ชอบความร้ายของชัดเจน แต่นับถือใจที่ทำเรื่องแบบนี้เป็นสิบปี ความอดทนเป็นเลิศจริงๆ  :เฮ้อ:
จันทร์กับปาลอาจจะมีส่วนแตกหักกันตามประสา แต่เพราะชัดเจนสุมไฟ เรื่องมันถึงมาไกลถึงตรงนี้ โหดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 19 ความจริงเพียงครึ่งเดียว หน้า 8 UP!! 30/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 30-10-2018 22:42:52
แทงข้างหลังมาตลอดเลยนี่น่า
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 19 ความจริงเพียงครึ่งเดียว หน้า 8 UP!! 30/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 30-10-2018 23:36:16
 :ruready  ชัดเจนนายนี่มัน.... :katai1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 19 ความจริงเพียงครึ่งเดียว หน้า 8 UP!! 30/10/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 02-11-2018 10:26:48

ภาค 20 He is my brother.




“ตื่นแล้วหรือครับ” ปาณัสม์เข้าห้องมารดาเพื่อมาดูอาการเยี่ยมเยียนเป็นประจำ ชายหนุ่มก้มลงไปจูบแก้มนุ่มนั้นเบาๆ

“จ้ะ กินข้าวกินยาเรียบร้อย” คุณหญิงรีบรายงานเพื่อไม่ให้บุตรชายเป็นห่วง

“ครับ วันนี้ก็พักเยอะๆ ตามที่คุณหมอว่านะครับ จะได้หายไวๆ”

“วันนี้อาการจะดีขึ้นเป็นสองสามเท่าเลยล่ะ” ศรารัณที่เดินเข้ามาสมทบทีหลังพูดขึ้น พร้อมกับเดินเลี่ยงไปอีกฝั่งและก้มลงหอมมารดาเหมือนที่ปาณัสม์เพิ่งทำไปเมื่อสักครู่นี้

“อ้าวพี่ปอนด์ ผมนึกว่าพี่ออกไปทำงานแล้ว”

“วันนี้ออกสายหน่อย ดูน้องปัณณ์น่ะ ตัวรุมๆ พี่เป็นห่วง เลยให้หยุดเรียนก่อน”

“น้องปัณณ์ป่วย?” ปาณัสม์นิ่วหน้าไม่สบายใจ

“อืม คงติดจากเพื่อนที่โรงเรียน”

“พาไปหาหมอดีไหมครับ วันนี้พี่ไม่ต้องไปบริษัทก็ได้” น้องชายบอกด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไร เกดก็อยู่ ดูได้แหละน่า ไม่ต้องเป็นห่วงไป” ศรารัณยิ้ม

“แล้ววันนี้คุณหมอจะมาหรือครับ” ปาณัสม์ถาม

“คุณหมอ? เปล่านะ”

“ก็พี่บอกว่าวันนี้แม่น่าจะอาการดีขึ้น”

ศรารัณหัวเราะ พลางสบตากับมารดาที่อมยิ้มเหมือนรู้อะไร “วันนี้สองแฝดจะมาอยู่กับแม่” คุณหญิงกิ่งกานต์เฉลยเสียเอง

“เหรอครับ”

“อยากหยุดอยู่บ้านไหม” ศรารัณถามน้องชายกลับ

“พี่พูดแบบนี้ผมอยากเกเรเลย แต่ไม่ได้ครับ เช้านี้ผมมีเรื่องด่วนนิดหน่อย”

“จัดการได้ใช่ไหม”

“ครับ”

“เมื่อวานไปส่งน้องมาเป็นไงบ้าง” คุณหญิงเอ่ยถามขึ้นบ้าง เธออยากอัปเดตสถานการณ์

“ก็ดี ดีมั้งครับ” ปาณัสม์ตอบ

“ดีมั้ง นี่ดียังไง” พี่ชายถามด้วยความสงสัย เมื่อวานเพราะเขาไปขลุกอยู่ห้องลูกสาวตั้งแต่กลับมาจากที่ทำงานเลยไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

“เขาก็คุยกับผม แต่ยังไม่อยากกลับมา”

“ให้เวลาเทมส์หน่อย ก็เล่นไม่ไปง้อเลย พอจะไปขอคืนดีมันก็ยากหน่อยล่ะว้า” ศรารัณปลอบใจ

“ขอบคุณแม่กับพี่ปอนด์มากนะครับ ที่ช่วยผมเรื่องเทมส์”

“ถ้าได้น้องกลับคืนมา อะไรที่แม่เคยบอก เคยเตือนไปแล้ว ปาลต้องเอามาปรับใช้นะลูก”

“แน่นอนครับ ผมจะไม่ให้ทุกอย่างต้องเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง”



ปาณัสม์ขับรถไปทำงานเองเหมือนเมื่อวาน ด้วยเหตุผลเดิมก็คือชัดเจนไปช่วยงานศรารัณ ระหว่างทางรถค่อนข้างติดพอสมควรเขาเลยมีเวลาฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องฉันทัช จะไม่ให้เขาคิดได้อย่างไร ในเมื่อเขากำลังหาหนทางที่จะพาฉันทัชกลับคืนมา



ภารกิจครั้งนี้เขาจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง ยอมรับอย่างหน้าไม่อายเลยว่า ฉันทัชในเวลานี้ไม่เหมือนเดิม ถ้าเขาเดินมั่นหน้าเข้าไปง้อขอคืนดีฉันทัชตรงๆ คงถูกฝ่ายนั้นไล่ออกมาอย่างไม่ใยดี สุดท้ายจะทำให้อีกฝ่ายเหม็นหน้าเขาและไม่ยอมคุยด้วยแน่นอน

“คุณสิ ทนายพิธานมาหรือยัง” เมื่อเจอหน้าเลขาสาว ปาณัสม์ก็ถามเรื่องที่ต้องการทันที

“มาแล้วค่ะ สิให้คุณพิธานรอบอสอยู่ในห้องค่ะ”

“โอเค ระหว่างที่ผมคุยกับพิธานอยู่ ห้ามให้ใครเข้ามาในห้อง”

“แล้วถ้าเป็นคุณปอนด์ล่ะคะ”

“จะเป็นพี่ปอนด์หรือชัดเจนก็ห้ามเข้า ทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น”

“ได้ค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

เมื่อเข้ามาในห้องทำงาน ปาณัสม์ไม่ได้รีรอ เขารีบเปิดโทรศัพท์มือถือแล้วยื่นให้ทนายประจำบริษัททันที

“ครับคุณปาล?”

“พี่ช่วยดูให้ผมหน่อยได้ไหมว่าลายเซ็นนี้มันใช่ของผมไหม”

“ได้ครับ อาจจะใช้เวลาสักนิดหนึ่ง”

“เรื่องนี้ด่วนหน่อย ผมขออย่านานนะครับ” ปาณัสม์เร่ง

“ครับ เดี๋ยวผมจะเร่งให้”

“แล้วที่สำคัญ” ปาณัสม์เอ่ยเสียงขรึม

“ห้ามบอกใครเป็นอันขาด เรื่องนี้ขอให้เป็นความลับ”

“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณปาล” ทนายพิธานนิ่วหน้า

“มันต้องมีอยู่แล้วครับ” ปาณัสม์หัวเราะ “ไม่งั้นผมไม่ให้พี่ปิดเป็นความลับหรอก”

“ตกลงครับ ผมจะสั่งให้ทุกคนรูดซิปปากให้สนิท”

“ดีครับ ยิ่งเร็วยิ่งดีนะครับ”

“ครับ ผมจะพยายาม”

“ขอบคุณครับ”




...








เกศสิรีเงยหน้ามาเจอชัดเจนยืนอยู่หน้าโต๊ะ “คุณชัด มาหาบอสหรือคะ”

“ใช่ครับ”

“บอสห้ามทุกคนเข้าไปค่ะ ยังไงคุณชัดรออยู่หน้าห้องก่อนก็ได้นะคะ หรือจะให้สิโทรตามก็ได้ค่ะ” เมื่อได้ยินคำตอบ ชัดเจนก็นิ่วหน้าด้วยความสงสัย

“นานหรือครับ” ชัดเจนถาม

“สิก็ไม่แน่ใจค่ะ บอสไม่ได้บอกอะไรไว้เลย”

“โอเคครับ งั้นผมกลับไปทำงานก่อนดีกว่า”

“จะให้สิบอกบอสไหมคะว่าคุณชัดมาหา”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวกลางวันผมค่อยมาหาคุณปาลใหม่อีกที”

“ตกลงค่ะ”

“ขอบคุณครับ”



ชัดเจนกล่าวและเดินออกมาจากบริเวณนั้นอย่างเงียบเชียบเหมือนขามา เมื่อเช้านี้ก่อนออกจากบ้าน พ่อของเขาเล่าให้ฟังว่าปาณัสม์มาหาที่บ้านเมื่อวาน บอกว่าอีกฝ่ายเหมือนลืมเอกสารอะไรบางอย่างเลยจะมาถามจากเขา แต่ชัดเจนไม่อยู่ ยังไม่ทันที่เขาจะได้ถามรายละเอียดเพิ่มไป ศรารัณก็มาเรียกให้ออกไปด้วยกันเสียก่อน เขาจึงตั้งใจมาหาปาณัสม์เพื่อสอบถามว่าเอกสารที่ว่านั้นคือเอกสารอะไร เขาจะได้ช่วยหา













ค่ำคืนวันศุกร์คนมาเที่ยวยังแน่นตาเหมือนอย่างเคย แม้จะไม่ค่อยได้มาบ่อยแล้ว แต่ไม่ว่าจะมาครั้งใดคนยังครึกครื้นเช่นเดิม

“ไง หน้าตาสดใสขึ้นนี่หว่า” ปาณัสม์ทักเพื่อนเป็นคำแรกเมื่อเจอหน้ากัน

“อืม ช่วงนี้กูเที่ยวน้อยลง ได้นอนเยอะขึ้น เหมือนมึงนั่นแหละ ไม่มีเพื่อนมาเที่ยวด้วย มาคนเดียวก็ไม่สนุกว่ะ แล้วนึกไงถึงนัดออกมา”

“มีเรื่องจะปรึกษานิดหน่อย”

“ได้เสมอเพื่อน แล้วนี่มาคนเดียวหรือไง ชัดเจนล่ะ?” จักรีถามหาคนที่เหมือนเป็นอีกร่างของปาณัสม์

“มาคนเดียว”

“ดูเครียดๆ นะ งั้นสั่งอะไรก่อน เหมือนเดิมไหม?” จักรีเห็นสีหน้าเพื่อนก็คิดว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะมีปัญหา

“ก็ดี”

“ขับรถมาหรือเปล่า” จักรีถามก่อนเรียกพนักงาน เขาถือคอนเซ็ปต์เมาไม่ขับ

“เปล่า จอดอยู่คอนโด นี่กูนั่งแท็กซี่มา”

“ดีมาก กินเหล้าแล้วไม่ควรสร้างภาระให้เพื่อนร่วมท้องถนน” จักรีว่าเพราะเขาก็ให้เด็กที่บ้านมาส่งเช่นกัน ขากลับก็นั่งแท็กซี่กลับแบบนี้เป็นประจำ

“เออ กูขี้เกียจฟัง มึงบ่นเยอะ”

จักรีหัวเราะ เสร็จแล้วจึงหันไปเรียนพนักงานมารับออเดอร์ “แล้วแม่มึงหายดียัง?”

“อืม หายแล้ว”

“ไวจังวะ ไหนหมอบอกว่าต้องพักหลายวัน”

“ได้ยาดี ลูกรักมาคอยดูแล”

“ลูกรัก? เทมส์?” จักรีทวน

“ใช่ ไทน์ด้วย”

“ไม่บอกกูวะ”

“บอกอะไรมึง”

“ก็ไทน์มา กูจะได้ถือโอกาสไปเยี่ยมแม่มึงด้วยไง” จักรีพูดแทบจะเห็นหูกระดิก ตาเปล่งประกาย เขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบในความสวยงามและอินทัชก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว

“น้อยๆ หน่อย ชอบไทน์เหรอไง ยัยนั่น ปากเสียจะตาย”

“มึงก็ปากเสียไม่แพ้กันหรอกน่า กูสงสัยมานานแล้ว ทำไมมึงดูเหมือนไม่ค่อยชอบไทน์”

ปาณัสม์ควักเงินออกมาจ่ายบิลที่เรียกเก็บก่อนจะเริ่มชงเครื่องดื่มให้กับตัวเอง “ไม่ได้ไม่ชอบ”

“แล้วทำไมทะเลาะกันทุกที”

“ไม่รู้ว่ะ ไทน์มันก็ชอบด่ากูก่อนเหมือนกันนั่นแหละ”

“เขาต้องหวงพี่เขาสิวะ มึงได้มาก็ทิ้งๆ ขว้างๆ”

“กูเหรอ?” ปาณัสม์ถลึงตามองเพื่อน “กูต่างหากนะเว้ย ที่ถูกเขาทิ้งขว้าง”

“ไอ้ปาล มึงอย่าใส่ร้ายเทมส์”

“ช่างเถอะ” ปาณัสม์โบกมือ “กูผิดเอง ผิดวันยังค่ำ” เขายกแก้วขึ้นมาดื่มเพื่อตัดจบเรื่องนี้ทิ้ง

“ถามจริง มึงไม่อยากกลับไปคบกับเทมส์เหรอ” แต่จักรียังไม่อยากจบเรื่องนี้

“อยาก”

“อ้าว อยากก็ไปง้อสิวะ ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉยๆ คิดว่าเขาจะเดินกลับเข้ามาหาเองรึ”

“เออ รู้แล้ว นี่ก็เริ่มทำอยู่ แต่จันทร์ก็คือจันทร์”

“ยังไงวะ” จักรีสงสัย

“นิสัยของเขา ถ้าไม่เอา ก็คือไม่เอา พยายามให้ตายก็ไม่เอา”

“ทำไมเพื่อนกูถึงห่วยแบบนี้วะ” จักรีบอกด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม หวังให้เพื่อนฮึกเหิม

“ใช่ กูมันห่วย ตอนนี้เลยต้องให้แม่กับพี่คอยช่วย”

“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ แล้วเมื่อก่อนมึงจีบเขาติดได้ไง”

“กูคิดมาตลอดเลยว่ากูเจ๋ง กูเก่ง กูจีบเขาติด ทำให้เขาเป็นของกูได้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ว่ะ เขาแค่เลือกกูเท่านั้นเอง” ปาณัสม์ตอบอย่างคนที่เข้าใจสถานการณ์

“ทำไมมึงถึงคิดอย่างนั้น”

“จากหลายๆ อย่าง หลายๆ เหตุการณ์ที่กูเจอและตลอดเวลาที่คบกัน” ปาณัสม์พูดพลางดันกรอบแว่นขึ้นอีกนิด “ก่อนที่เขาจะคบกับกู เวลาพาเขาไปข้างนอก พาเขาไปเที่ยว มึงก็เคยเห็นนี่ เขารับไมตรีทุกคนนะ ใครยื่นแก้วให้ก็รับแล้ววาง ยิ้มให้ ใครขอเบอร์ เขาจะขอเบอร์คนนั้นไว้แทน ตอนนั้นกูคิดว่ากูโคตรโชคดีที่เขาคุยกับกูคนเดียว ไม่สนใจคนอื่น” ปาณัสม์เริ่มอธิบาย

“เทมส์ก็ทำถูกแล้วนี่”

“เออ กูเข้าใจแบบมึงมาโดยตลอด แต่พอกูค่อยๆ ปะติดปะต่อเรื่อง มันไม่ใช่ว่ะ ทีแรกเทมส์ก็ทำแบบนี้กับกู แต่กูหน้าด้านไง ก็ตื๊อเขาไปเรื่อยๆ”

“มึงทำให้เขาใจอ่อนไง” จักรีพูดต่อ

“ไอ้จักร มึงยังไม่เข้าใจ” ปาณัสม์ถอนหายใจ “กว่ากูจะรู้ตัวว่าจริงๆ เขาไม่ได้คุยกับกูคนเดียว เขามีตัวเลือกเยอะแยะไปหมด”

“มึงก็ทำ” จักรีว่าเพื่อนกลับ

“ตอนคุยกับเขา กูตัดหมดเหอะ ไม่ได้คุยกับใคร”

“เทมส์เป็นแบบนั้นหรือวะ ดูไม่ออกเลย กูเห็นเขารักมึงมาก”

“พอคบกัน จันทร์ก็หยุดหมดอย่างที่มึงรู้จักเขานั่นแหละ”

“แล้วทำไมถึงอยากจะกลับไปขอเขาคืนดีวะ ไหนว่าก่อนเลิกกันมึงเบื่อเขา เลิกกันก็โล่งใจไม่ใช่เหรอ”

“ตอนนั้นกูคิดอย่างนั้นจริงๆ พอถึงตอนนี้กูถึงรู้ว่าไม่ได้ไง กูคิดถึงเขา รักเขาเหมือนเดิม”

จักรีส่ายหน้า “สายไปไหมวะ”

“ไม่รู้เหมือนกัน ก็ทำไปนั่นแหละ อยากได้เขาคืนมา กูก็ต้องพยายาม ผลจะเป็นยังไงก็ช่างมัน ถึงสุดท้ายเขาจะไม่กลับมาหากูก็ต้องยอมรับ ตอนนี้กูเองก็โชคดีหน่อยตรงที่มีแบ็กอัปดี”

“แม่ พี่ หลานและชัด?”

“อืม หมดนั่นแหละ” ปาณัสม์ขมวดคิ้ว “เดี๋ยวก่อน แล้วชัดมาเกี่ยวอะไรด้วย”

“ก็มึงให้ชัดไปรับส่งเทมส์ไม่ใช่เหรอ นึกว่าให้ชัดไปทำคะแนนพูดดีให้มึงเสียอีก”

“มึงรู้ได้ไง กูให้ชัดไปรับเทมส์นานๆ ที กลัวเขารู้ตัว อยากจะซื้อรถให้ จันทร์ต้องไม่รับแน่เลย ด่ากูไล่หลังอีก”

“อ่า...เหรอ” จักรีเสียงอ่อยตอนรับคำเพื่อน

“มึงรู้อะไรมา ไอ้จักร บอกมา”

“กูเข้าใจว่ามึงให้ชัดไปรับส่งเทมส์ที่บ้าน ช่วงหลังมึงไม่ค่อยเที่ยวแล้ว กูเลยโทรไปชวนชัดแทน ชัดบอกว่าไม่ค่อยว่างเพราะมึงให้มันไปรับส่งเทมส์ตลอด”

“กู?” ปาณัสม์แสดงสีหน้าประหลาดใจ

“เออ”

“ไม่ใช่แล้ว”

“ช่างเถอะๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ กูคงฟังผิดเอง แล้วมึงนัดกูออกมาแค่เรื่องเทมส์เรื่องเดียวเหรอ”

“จริงๆ กูเรียกมึงออกมาเรื่องชัด มึงดูนี่ก่อน” ปาณัสม์หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดรูปโพสต์อิทที่เคยให้ฉันทัชดูไปก่อนหน้านี้ให้กับเพื่อนสนิทของตนดู ก่อนจะเริ่มเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ฟังอย่างครบถ้วน

“แปลก” จักรีพูดออกมาคำเดียวหลังฟังเรื่องราวจบ

“มึงคิดว่าไง”

“กูยังหาจุดเชื่อมโยงไม่เจอว่ะ” จักรีคิด “รุ่นเราไม่มีสอบ GAT เชื่อมโยง ยังไงกูลองเอาไปปรึกษาหลานกูดูดีไหมวะ เผื่อจะได้คำตอบ”

“ตลกแดกหรือ” ปาณัสม์ด่าเพื่อนตัวดีเข้าให้ หน้าสิ่วหน้าขวานยังหาเรื่องออกทะเล

“ขอโทษ กูล้อเล่น ไม่อยากให้เครียด”

“เล่นแบบนี้ มุกไม่ฮา พาเครียดหนักไปกว่าเดิม”

“กูไม่เข้าใจว่าเอาโน้ตใบนั้นไปทำไม หรือมันติดมือไปวะ นี่กูขอคิดแบบโง่ๆ เลยนะ โพสต์อิทมันมีกาวเหนียวๆ แบบว่ามันแปะไปกับเสื้อผ้าไรงี้หรือเปล่า พอจะเอามาคืนให้มึงก็ไม่กล้าเพราะมึงกับเทมส์ทะเลาะกันไปแล้ว”

“ไม่รู้ว่ะ แต่เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะ ยังไงกูก็ทะเลาะไปแล้ว กูอยากรู้เรื่องเอกสารนั่นมากกว่า” ปาณัสม์ถอนใจพลางพูดขึ้น

“มึงลองคิดทบทวนดูหน่อยว่าไปทำอะไรให้ชัดมันโกรธหรือเปล่า แต่เล่นแบบนี้ก็แรงไปหน่อย ถ้ามึงไม่เห็นเข้า เสียหายหนักเลยนะ”

“กูพยายามคิดหัวแทบแตก แต่ยังไม่เจอสาเหตุที่จะทำให้ชัดทำอะไรแบบนั้น”

“ตกลงลายเซ็นแผ่นปลอมนั่นไม่ใช่ของมึง?”

“ไม่ใช่ กูให้ทนายพิธานเร่งตรวจสอบให้ ผลเพิ่งได้มาเมื่อเช้า กูถูกปลอมลายเซ็น”

“แล้วจะบอกพี่ปอนด์หรือเปล่า”

ปาณัสม์ส่ายหน้า “ไม่ว่ะ กูไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ มึงเองก็รูดซิปปากให้สนิทล่ะ อย่าปากโป้งเชียว”

“เออ หาเหาให้กูอีก แล้วมึงจะเอาไง”

“ไม่รู้ บอกตรงๆ กูมืดแปดด้าน คนที่คิดว่าจะหักหลังกูเนี่ย ไม่มีชื่อไอ้ชัดอยู่ในหัวกูเลยนะเว้ย”

“เข้าใจ มึงโตมากับมัน เรียนก็เรียนด้วยกัน จนมึงแยกไปเรียนต่อป.โท”

“เพราะอะไรชัดถึงทำแบบนี้กับกูวะ” ปาณัสม์ถอดแว่นวางบนโต๊ะ เขากุมขมับ

จักรีขยับเข้ามาตบไหล่เพื่อนเป็นการปลอบใจ “ท่าทางมึงดูเครียดหนักกว่าตอนที่คิดจะกลับไปจีบเทมส์อีกว่ะ” จักรีหรี่ตาลง

“หรือจริงๆ แล้วมึงชอบชัดเจนวะ”

“เดี๋ยวกูต่อยหน้าแหก คิดอะไร ชัดมันเป็นน้องชายกู” ปาณัสม์จ้องเพื่อนตาขวาง คิดอะไรอกุศล

“เอาน่า มึงก็ชอบเครียดจริง จะให้กูช่วยหารายละเอียดเพิ่มไหม”

“ยังไง”

“ก็ให้คนของกูจับตาดูชัดเจน อะไรพวกนี้”

“กูไม่อยากทำเลยว่ะ” ปาณัสม์บอกด้วยสีหน้าทุกข์ใจ

“ถ้ามึงไม่ทำ มึงก็จะไม่มีทางรู้เลย กูไม่ได้บังคับนะ มึงจะปล่อยเรื่องเงียบไปก็ได้ หรือไม่ก็รอวันที่ชัดเจนมาสารภาพเอง มึงเลือกได้ทั้งนั้น”

“กูควรจะทำยังไงดี”

“ไม่รู้สิ มึงไปคิดมาเถอะว่าอยากให้เป็นไปแบบไหน ตัดสินใจยังไง ก็โทรบอกกูแล้วกัน”

“อืม ขอบใจ แต่กูคงไม่ทำอะไร กูไม่รู้ว่ะ กูไม่เข้าใจ”

“ทำไม” จักรีไม่เข้าใจ

“ชัดเป็นน้องกูนะไอ้จักร กูโตมากับมัน ถ้ามันไม่อยากบอกกูก็ไม่เป็นไร กูก็จะไม่คาดคั้นมัน”

“เข้าใจว่ามึงรักไอ้ชัดมาก แต่ผิดชอบยังไงก็ควรต้องบอกต้องสอนกัน”

“ขอบใจ ตอนนี้กูแค่อยากหาใครฟังกูระบายบ้างก็เท่านั้นเอง”






...





“แม่ครับ แม่ แม่มากับหนู” เสียงเด็กชายวัยสามขวบดึงมือมารดาที่รักไปทางหลังบ้านที่เป็นเรือนคนงานของครอบครัว

“อะไรครับ น้องปาล”

“พ่อบอกว่า ลุงชมมีน้องแล้ว ไปดูน้องกัน” เด็กชายออกแรงดึงมือมารดาสุดกำลัง

“รู้แล้วครับ รู้แล้ว อย่าดึงแม่”

“แม่ช้า แม่อุ้มหน่อย พาหนูไปหาน้อง”

“ลูกคนนี้นี่น้า เอ้า...มาครับ” เด็กชายชูมือขึ้นสูงเพื่อให้ผู้เป็นแม่อุ้มได้อย่างถนัดถนี่

“ลุงชม ทำไมน้องตัวเล็กจัง” คนที่อยากมาหาน้อง ชะโงกหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ

“น้องเพิ่งเกิดก็แบบนี้แหละครับ คุณหนู” ลุงชมตอบด้วยความเอ็นดู

“แม่ ตอนหนูเกิดก็เป็นแบบนี้เหรอ” เด็กชายปาณัสม์หันไปถามมารดา

“ใช่จ้ะ”

“หนูจับน้องได้หรือเปล่า น้องจะเจ็บไหม”

“ไปล้างมือกับแม่ก่อน แล้วมาจับน้องนะครับ ปาลจับน้องได้แต่ต้องจับเบาๆ นะ รู้ไหม”

“ครับ หนูขอแตะน้องนิดเดียว” เด็กชายให้สัญญา

“ปาลชอบน้องเหรอ” คุณหญิงถามระหว่างล้างมือให้บุตรชาย

“ชอบครับ หนูอยากมีน้อง”

“เหรอจ๊ะ น้องชื่อชัดเจนนะลูก”

“ชัดเจน หนูชอบชื่อนี้”

“งั้นปาลต้องดูแลน้องด้วยนะ”

“หนูจะดูแลน้องตลอดไป สัญญาเลย”





========================================

ความผูกพันธ์นี่มันลำบากใจจัง

เขมอ่านทุกคอมเมนต์เลยค่ะ ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจ อดทนรออีกหน่อยทุกอย่างจะคลี่คลายค่ะ

เจอกันวันอังคารค่ะ



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 20 He is my brother. หน้า 9 UP!! 02/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 02-11-2018 11:20:14
เครียดแทนปาล
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 20 He is my brother. หน้า 9 UP!! 02/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-11-2018 11:22:24
มันยากตรงที่เจ่ไม่คิดเหมือนกันนี้แหละ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 20 He is my brother. หน้า 9 UP!! 02/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 02-11-2018 11:44:22
ชัดเจนฝังใจจากอะไรรึเปล่า
ปาลก็แบบรักเป็นน้องจริงๆอ่ะ ฮืออออออออออออออ
แต่ไม่ควรปล่อยไว้นะจริงๆ ถ้าปาลไม่สงสัยมันจะเสียหายขนาดไหน
มันไม่ใช่แค่เรื่องเทมส์แล้วอ่ะหน้าที่การงานอีก ถ้าแม่ปาลนี่ชัดเจนเกี่ยวอีกก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 20 He is my brother. หน้า 9 UP!! 02/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-11-2018 11:45:19
เฮ้อออ  ชัดเจนคือปมของเรื่องจริงๆสินะ ไม่ว่าจะออกมาแบบไหน ปาลคงเสียใจน่าดู
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 20 He is my brother. หน้า 9 UP!! 02/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-11-2018 16:07:18
หวังว่าจะไม่ใช่ชัดเจนทำจริง ๆ นะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 20 He is my brother. หน้า 9 UP!! 02/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 02-11-2018 18:22:28
 :serius2: :serius2: ปวดหัวแทนปาล
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 20 He is my brother. หน้า 9 UP!! 02/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 03-11-2018 12:33:57
รักน้อง แต่น้องไม่รัก  :ling1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 20 He is my brother. หน้า 9 UP!! 02/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 03-11-2018 12:52:55
แบบว่าชัดเจนหวงปาลรึป่าว เพราะตอนเด็กๆสนิทกันมากๆ แล้ววันนึงอีกคนไปมีแฟนอะไรหลายๆอย่าวก็เปลี่ยนไปมีเวลาให้อีกคนน้อยลง ทำให้ชัดเจนคิดว่าจันทร์แย่งปาลไป ก็เลยทำแบบนี้ใช่ค่ะเรามโนไปเอง แต่เรื่องเอกสารนี่คิดไม่ออกจริงๆว่าชัดเจนทำไปทำไม ตอนที่เป็นความคิดของชัดก็แปลกๆด้วย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 20 He is my brother. หน้า 9 UP!! 02/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-11-2018 16:53:52
ถ้าชัดเจนรักเทมป์และต้องการจริง
แสดงว่าคงเป็นแผนครึ่งนึง
เรื่องแผ่นโน๊ตที่เอาไป และเรื่องอื่นๆที่ปล่อยให้เทมป์คิดต่อเอง
เพราะคิดว่ากระตุ้นให้เรื่องร้าวมากขึ้น และที่เก็บไว้
เพราะมันคือลายมือของคนที่ตนแอบรัก
ส่วนเรื่องปลอมลายเซนต์เพื่อยกเลิกการผลิต
คงเพราะเป็นสินค้าที่ต้องส่งให้้บริษัทก้องภพที่เทมป์ทำงานอยู่
ถ้าส่งให้บริษัทอื่น คงไม่มีเหตุการณ์นี้ ถ้าครั้งแรกผิดพลาด
ปาลก็คงจะเจอเทมป์เรื่องงานได้น้อยมากๆ
สรุปแรงจูงใจคือเทมป์ หรือถ้าชัดเจนชอบปาล
ผลก็ออกมาเหมือนกันอยู่ดี
เรื่อง
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 20 He is my brother. หน้า 9 UP!! 02/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 04-11-2018 00:10:22
ผมคิดว่า ชัดเจนคงไม่ได้คิดแบบปาลนะครับ เค้าคงไม่ได้มองตัวเองเป็นน้องชายของปาลหรอก ซึ่งเอาจริงๆ ถ้าชัดเจนจะทำ ผมก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่นะครับ เพราะชัดเจนมองตัวเองว่าเป็น ‘เด็กในบ้าน’ ของปาลมาตลอด ถ้าสังเกต มันมีบทสนทนากับเทมส์ที่ชัดเจนหลุดคำนั้นออกมาประโยคนึง มันก็เลยทำให้ผมคิดว่า พวกนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ชัดทำเองล้วนๆ ไม่น่าจะมีพล็อตพวก แอบจับคนโกง อะไรแบบนี้

ที่ผมบอกว่าไม่แปลกใจ เพราะว่าชัดเจนเรียนจบด้วยทุนเรียนดีเกียรตินิยม จะหางานดีๆที่ได้รายได้ดีก็ไม่ยากหรอกครับ แต่กลับต้องมาอยู่ในบริษัทของเจ้านายพ่อตัวเอง เป็นเลขาให้ลูกชายเขา โอกาสก้าวหน้าก็ไม่เห็น ก็ไม่แปลกใจที่คนที่รู้สึกว่าความสามารถตัวเองมันไม่มีค่าอย่างชัดเจนจะรู้สึกด้อยลงไป และเอาจริงๆที่มาทำบริษัทของที่บ้านปาลอาจจะเพราะปฏิเสธไม่ได้ด้วยคำว่าบุญคุณหรือการเลี้ยงดูกันมาน่ะแหละครับ โครงสร้างระบบอุปถัมภ์มันมีข้อดี และมันก็มีข้อเสียครับ แถมชัดเจนยังรู้สึกชอบเทมส์อีก แต่ด้วยความที่ด้อยกว่าปาลแทบจะทุกด้านในการมองตัวเอง มันเลยทำให้เกิดหลุมในใจก็เป็นได้

ถ้าถามผมว่าแปลกใจไหมก็คงไม่ แต่ถ้าถามว่าผิดไหมที่ชัดเจนทำ อันนี้ผิดแน่ๆ คือผมเข้าใจก็จริงว่าจำเป็นต้องอยู่ จะไม่อยู่เดี๋ยวก็กลายเป็นขี้ปากชาวบ้านอีก แต่ถ้าอยู่แล้วก็รู้สึกว่าความสามารถตัวเองมันไม่ถูกท้าทาย อันนี้ก็เป็นทัศนคติปกติของคนเก่งที่โตมาแบบ Struggling ที่เป็น Individuals ไม่ได้มีกิจการหรืออะไรมารองรับ แต่การแอบทำอะไรลับหลังคนอื่นที่จะเป็นการฮุบบริษัทหรือทำให้กิจการเจ๊ง มันก็ไม่ค่อยดีนะครับ ความเก่งไม่ได้ทำให้คุณสามารถเอาเปรียบคนอื่นได้ ใช่ คุณทำได้ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ ‘ควร’ จะทำ การที่คุณเก่ง สิ่งที่ท้าทายมากกว่าคือ การที่เราจะ ‘ไม่เอาเปรียบ’ แต่จะทำยังไงให้เราชนะกลุ่มคนที่ ‘เอาเปรียบ’ ได้ อันนั้นแหละถ้าคุณเก่งจริงคุณจะทำได้ มันเป็นเรื่องของ Morals Judgement ส่วนตัวล้วนๆครับ

เอาจริงๆคนที่บ้านปาลผมว่าเค้าก็ทรีตชัดเจนแบบแบ่งแยกเห็นชัดนะครับ การที่ปาลจะใส่ใจชัดเจนและเทคแคร์ไม่ต่างจากน้อง แต่การที่มีปาลทำแบบนั้นคนเดียว มันไม่ช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นมาได้หรอกครับ เพราะยังมีสายตาและการกระทำของคนอื่นๆในบ้านอีกมากมาย ไม่ว่าจะคุณหญิง พี่ชายปาล เพื่อนของปาล พี่สะใภ้ปาล ถ้าต้องออกไปช่วยงานวิ่งวุ่นรับส่งคนนู่นคนนี้คนนั้นตลอด มันคงไม่ใช่การทรีตที่อีกฝ่ายรู้สึกว่าให้เกียรติแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 20 He is my brother. หน้า 9 UP!! 02/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 04-11-2018 00:45:59
ชอบมากเลยค่ะ รอลุ้นๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 20 He is my brother. หน้า 9 UP!! 02/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 05-11-2018 23:23:30
ไม่น่าเลยชัดด  :katai1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 20 He is my brother. หน้า 9 UP!! 02/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 06-11-2018 11:26:06


ภาค 21 เจ็บแล้วต้องจำ



เวลาผ่านไปเกือบเดือน ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องร้าย ไม่แม้แต่จะมีทีท่าแสดงอะไรออกมาให้เห็น ไม่มีใครสงสัยใคร เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่ลมพัดผ่านมา แล้วก็ผ่านไปเท่านั้น



อีเมลของบริษัทถูกร่อนออกไปทั่วบริษัทตั้งแต่เช้า พนักงานทุกคนกำลังอ่านเนื้อหาด้านใน ว่าด้วยเรื่องโปรเจ็กไลน์ผลิตสินค้าใหม่ที่ถูกส่งออกไปเกาะฮ่องกงนั้นได้ผลิตล็อตแรกและถูกส่งออกไปฮ่องกงได้ตรงตามกำหนดเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งกระแสตอบรับนั้นก็ดีมาก เท่ากับว่าโปรเจ็กนี้ประสบความสำเร็จตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้



ชัดเจนแทบไม่เชื่อตาตอนที่เห็นอีเมลฉบับนี้ และเมื่อได้อ่านเนื้อหาด้วยแล้วเขายิ่งไม่อยากเชื่อ เป็นไปไม่ได้ สินค้าจะถูกผลิตได้อย่างไรก็ในเมื่อ...



ในเมื่อเขาเป็นคนเปลี่ยนแปลงเอกสารและปลอมลายเซ็นของปาณัสม์เองกับมือ



ชัดเจนเดินหลังตรงไปห้องทำงานของปาณัสม์ แต่ในใจกลับคดงอบิดเบี้ยว เขาถูกปาณัสม์จับได้เสียแล้วเรื่องเอกสารที่ปลอมแปลงไป ชัดเจนลืมเสียสนิทที่พ่อของเขาเคยบอกว่าปาณัสม์มาหาที่บ้านเมื่อคราวก่อน จนกระทั่งวันนี้เรื่องมันแดงขึ้นมาแล้ว




ความลับไม่มีในโลก ชายหนุ่มไม่ได้กลัวที่ถูกจับได้ การที่เขาแอบปลอมเอกสาร เรื่องมันต้องเผยออกมาอยู่แล้วหากสินค้าไม่ถูกผลิต แต่ที่เขากลัวคือปาณัสม์กลับไม่พูดอะไรเลยต่างหาก


“ชัด?มีอะไรหรือเปล่า” ปาณัสม์เงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้าขึ้นมามองผู้มาเยือน

“ครับ”

“นั่งสิ”

“ขอบคุณครับ”

“มีอะไรล่ะ เรื่องด่วนหรือเปล่า” ปาณัสม์ถามซ้ำ

“เรื่องสินค้าที่ส่งไปฮ่องกง”

“อ้อ เห็นเมลแล้วเหรอ เป็นไงดีใช่ไหม ท่านประธานหลี่บอกว่าคนที่นั่นชอบมากเลยนะ” ปาณัสม์ยิ้ม


มือของชัดเจนกำแน่นวางอยู่บนต้นขาทั้งสองข้าง มาถึงตอนนี้ทำไมยังทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรอยู่อีก ทำไมถึงยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่อีกเล่า!


“คุณปาลรู้เรื่องแล้วใช่ไหมครับ”

“เรื่อง? เรื่องอะไรล่ะ” คนถามกลับมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง

“ผมทำเอง ผมเป็นคนทำมันทั้งหมดเอง” ชัดเจนสารภาพ

“กูรู้ว่ามึงเป็นคนทำ”

“ถ้ารู้แล้วทำไมยังเฉยอยู่อีก ทำไมไม่ด่าผม ไล่ผม หรือแจ้งตำรวจมาจับผม” ชัดเจนถามเสียงเครียด

“มึงเป็นน้องกูนะชัด จะให้กูไล่มึงไปไหน มึงเองก็รู้ดีพอๆ กับกูว่ากูไม่มีทางทำร้ายมึงแบบนั้นหรอกใช่ไหม” ปาณัสม์เหยียดยิ้มออกมาด้วยความขื่นขม

“ถ้าสินค้าล็อตแรกส่งออกไปไม่สำเร็จ คุณปาลรู้ใช่ไหมครับว่ามันจะเสียหายมากแค่ไหน”

“รู้สิ ต้องรู้อยู่แล้ว พี่ปอนด์คงหัวเสียและผิดหวังมากด้วย” ปาณัสม์เข้าใจและรับรู้ถึงผลที่จะตามมาได้เป็นอย่างดี

“แล้วทำไมถึงยังนิ่งเฉยอยู่อีกล่ะครับ”

“ข้อแรกเพราะกูแก้ไขเรื่องนี้ได้ทัน โชคดีที่ลุงบวรยังไม่ยกเลิกการผลิต ข้อสองเพราะมึงเป็นน้องกู สองข้อนี้มันพอที่จะทำให้กูฝังเรื่องนี้ทิ้งไหม” ปาณัสม์ยังสบตากับชัดเจนแน่นิ่งไม่ไหวติง แต่ชัดเจนกลับรู้สึกไม่ดี



แววตาของปาณัสม์มองมาที่เขา มันแสดงออกชัดว่าเสียใจและผิดหวังในตัวชัดเจนคนนี้เหลือเกิน ตั้งแต่เด็กจนโต เขาไม่เคยทำให้ใครผิดหวังเลย ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน ความประพฤติ แต่วันนี้พี่ชายตรงหน้ากำลังผิดหวังในตัวเขา



ชัดเจนเสียใจแต่เขาก็ทำมันลงไปแล้ว


“มีอย่างเดียวที่กูไม่เข้าใจว่ามึงทำแบบนี้ทำไมและเพราะอะไร”
         
“ผมขอโทษ แต่ถ้าย้อนกลับไปได้ผมก็ยังคงทำมันอีกอยู่ดี” เรื่องราวมันบานปลายมาขนาดนี้แล้ว ชัดเจนไม่อยากเก็บเงียบอีกต่อไป

 “ทำไม มึงทำแบบนี้ทำไมกันชัดเจน” ปาณัสม์ถามด้วยความไม่เข้าใจคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เขาหรือใครไปทำอะไรให้ชัดเจนโกรธแค้นกันหรือ

“เพราะคุณเทมส์ครับ” ชื่อของใครคนหนึ่งหลุดออกมาจากปากของชัดเจน

“จันทร์? เขามาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย” ปาณัสม์มึนงง ฉันทัชเข้ามาพัวพันได้อย่างไรกัน

“ผมชอบคุณเทมส์ครับ ชอบมาตั้งนานแล้ว ชอบตั้งแต่ที่คุณปาลพาเขามาแนะนำกับที่บ้าน” ชัดเจนสารภาพ

“ชัดเจน มึงบ้าไปแล้วหรือไง!จันทร์เป็นคนที่กูรัก และเขาคบกับกู มึงไม่ควรคิดแบบนั้นกับจันทร์ เขาก็เหมือนเป็นพี่มึงอีกคน” ปาณัสม์ตกใจ พานโกรธกับการคำพูดของคนตรงหน้า


นี่ชัดเจนมันคิดจะตีท้ายครัวเขาตลอดเวลาเลยหรือ แล้วที่ผ่านมา เขาไว้ใจให้มันคอยดูแลฉันทัช ทั้งหมดมันก็ไม่ได้ทำจากความบริสุทธิ์ใจเลยใช่ไหม

“ผมรู้ ผมรู้ดี ทีแรก ผมตั้งใจจะขอมองคุณเทมส์แบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมเองก็ไม่ได้อยากเข้าไปเป็นมือที่สามของใครเหมือนกัน แต่คุณปาล คุณมันไม่เคยเห็นค่าคุณเทมส์เลย รู้ไหมว่าเขาเสียใจ ทุกข์ใจมากแค่ไหน ที่คุณไม่มีเวลาให้ เอาแต่ทำงาน แล้วปีสุดท้ายคุณก็เอาแต่เที่ยว ไม่สนใจคุณเทมส์เลย ผมไม่อยากเห็นคุณเทมส์เป็นแบบนี้อีกแล้ว ถ้าเขาเลิกกับคุณปาลได้ เขาคงจะมีความสุข” ชัดเจนรัวความรู้สึกในใจออกมาเป็นชุด

“โดยการให้จันทร์มาคบกับมึงใช่ไหม” ปาณัสม์ถามเสียงลอดไรฟันด้วยความโมโห

“ใช่ครับ! ทำไมล่ะ ไม่ได้หรือ ผมรู้ตัวว่าไม่มีตรงไหนสู้คุณปาลได้ แต่ผมก็รักคุณเทมส์ไม่ต่างจากคุณหรอก” ชัดเจนสบตาอีกฝ่ายอย่างท้าทาย

“ชัดเจน มึงแน่ใจนะว่าที่มึงทำไปทั้งหมดเพราะความรักที่มึงมีให้จันทร์ ไม่ใช่เพราะมึงเห็นแก่ตัว”

“ผมรักเขา และต่อให้ผมไม่ได้คบกับคุณเทมส์ ผมก็จะไม่ยอมให้คุณได้คุณเทมส์กลับไปอีกครั้ง” ชัดเจนประกาศสงคราม

“ได้ยินแบบนี้แล้วอยากจะจับมึงส่งตำรวจเสียจริง” ปาณัสม์ฉุน อยากจะทำอะไรสักอย่างให้คลายความโมโห

“ก็เอาสิครับ” ชัดเจนท้า

ปาณัสม์พยายามข่มจิตใจ ทำอารมณ์ให้เย็น “ทั้งหมดที่มึงทำเพราะจันทร์งั้นหรือ เกี่ยวอะไรกับสินค้าล็อตแรกด้วย”

“คุณปาลจะกลับไปขอคืนดีกับคุณเทมส์ไม่ใช่หรือไง”

“ใช่”

“ถ้าคุณมีอะไรที่ยุ่งยากกว่าและสนใจมากกว่าคุณเทมส์มากๆ คุณคงไม่มีเวลากลับไป”

“ไอ้ชัด มึงนี่!” ปาณัสม์ตบโต๊ะเสียงดังปัง แต่ชัดเจนก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไร เขากลับจ้องเขม็งไปที่ปาณัสม์อย่างไม่หลบเลี่ยง

“ผมขอลาออก แต่คุณปาลจะไล่ผมออกก็ได้ ขอเวลาให้ผมบอกพ่อให้แกตั้งตัวหน่อยแล้วผมจะพาเขาออกไปจากบ้านเอง”

“พูดอะไรของมึง ไอ้ชัด” ปาณัสม์ถามเสียงขุ่น

“ทำไมครับ” ชัดเจนแปลกใจ

“มึงจะทำผิดแล้วหนีไปแบบนี้ไม่ได้ รออยู่ที่นี่จนกว่ากูจะกลับมาจากฮ่องกง” ปาณัสม์พูด เนื่องจากท่านประธานหลี่ได้เชิญหุ้นส่วนทางการค้าไปเยี่ยมเยียนที่ฮ่องกงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจัดฉลองเริ่มต้นความสำเร็จ

“ผมคงไม่ต้องไปที่นั่นด้วยใช่ไหม”

“เกือบทำทุกอย่างพังแล้วยังจะกล้าเสนอหน้าไปอีกเหรอ ไม่ให้ไปเว้ย อยู่นี่แหละ รอกูกลับมา”

“ทั้งที่ผมทำถึงขนาดนี้ คุณปาลยังไว้ใจให้ผมทำงานกับคุณอีกหรือ”

“เรื่องจันทร์” ปาณัสม์เว้นวรรคก่อนจะพูดต่อ “ถ้ามึงอยากจีบเขา มึงควรจีบเขาอย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรตุกติก นี่ขอเตือนมึงจากประสบการณ์ตรง จันทร์ไม่ชอบคนประเภทนั้น อีกอย่างกูกับมึงตอนนี้ก็มีสถานะไม่ต่างกัน ดังนั้นถ้ามึงจะจีบจันทร์ กูก็คงว่าอะไรไม่ได้ แต่บอกไว้ก่อน กูเองก็คงไม่ยอมให้มึงได้จันทร์ไปเหมือนกัน”

“ผมจะสู้คุณได้ยังไง รู้ไหมว่าคุณเทมส์เขาปฏิเสธผมไปตั้งนานแล้ว”

“ห๊ะ!? ปฏิเสธ? แล้วมึงทำแบบนี้ทำไมวะ” ปาณัสม์เริ่มงงกับสถานการณ์ หรือว่าชัดเจนจะอาการหนักเกินไป

“เพราะผมไม่อยากให้เขากลับไปคบกับคุณปาล เข้าใจไหมครับ ผมไม่อยากเห็นเขาเสียใจอีก!”

“กูไม่อยากให้สัญญากับใครอีกแล้ว เรื่องอนาคตกูเองก็คงบอกไม่ได้หรอก แต่หนึ่งปีที่ผ่านมากูอดทนและทรมานตัวเองมากพอแล้ว มันทำให้รู้ว่ากูไม่อยากเสียเขาไปอีก กูอยากกลับบ้านมาเจอเขาที่ห้องเหมือนเดิม”

“เดี๋ยวพอเวลาผ่านไปคุณปาลก็ทำตัวแบบเดิมอีก” ชัดเจนไม่ปักใจเชื่อ

“กูรู้ สิ่งที่กูทำในอดีตมันแย่และเลวร้ายมากแค่ไหน กูคิดได้แล้ว และไม่อยากให้มันเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมอีก สันดานกูมันไม่ดี คงจะเปลี่ยนยากหน่อย แต่กูก็จะพยายามและกูมั่นใจว่ากูทำได้เพราะที่ผ่านมามึงคงเห็นแล้วว่ากูไม่เหมือนเดิม”


ชัดเจนไม่ตอบแต่กลับพยักหน้าแทน อันที่จริงปาณัสม์ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างพอสมควร ถึงจะไม่ได้เกี่ยวกับความรัก แต่ก็เรื่องส่วนตัว ทั้งเที่ยว ผู้หญิงหรือความคิด ก็เปลี่ยนไปแล้ว

“รอกูกลับมาจากฮ่องกงก่อนแล้วค่อยคุยกันใหม่ ระหว่างนี้กูมีงานชิ้นหนึ่งให้มึงทำ”

“อะไรครับ”

“ช่วยพี่ปอนด์ งานอะไรช่วยพี่ปอนด์ได้ก็ช่วยเขา อย่าทำให้เขาผิดหวังเหมือนที่กูเจอได้ไหม”

“ผม...”

“เรื่องที่มึงทำลงไป กูจะไม่บอกใคร ถือเป็นสัญญาระหว่างมึงกับกู”





...




“รู้ไหม กระแสตอบรับดีมากเลยนะ” ท่านประธานหลี่บอกด้วยความพอใจ

“ขอบคุณครับ” ปาณัสม์ผงกศีรษะ

“จะว่าอะไรไหม ถ้าผมอยากจะเลื่อนล็อตหน้าให้ส่งมาเร็วขึ้นอีกนิด” ผู้อาวุโสหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“สำหรับผมถือเป็นข่าวดีเลยล่ะครับ” ก้องภพยิ้ม

“ยินดีครับ” ปาณัสม์รับคำสั้นๆ ดังเดิม

“สีหน้าคุณปาลดูไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายหรือเปล่า” ประธานหลี่ช่างสังเกต ฉันทัชเองที่ลอบมองอีกฝ่ายมาก็เห็นตรงกัน

“เปล่าครับ ผมสบายดี อาจจะเพราะช่วงนี้นอนน้อยไปหน่อย”

“ถึงจะยังหนุ่มยังแน่นก็จริง แต่ก็ต้องพักผ่อนให้มากเข้าไว้ ยังไงก่อนกลับผมจะให้เลขาเอาโสมไปให้พวกคุณบำรุงก็แล้วกัน คุณก้องด้วยนะ” ประธานหลี่บอกด้วยความอาทรและห่วงใย

“ขอบคุณครับ” ทั้งสองคนรับไมตรีนั้นไว้โดยไม่ได้ปฏิเสธ

“วันนี้ไปต่อกับผมนะครับ” ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันเรื่องความสำเร็จ แต่มีคุณชายหลี่ บุตรชายคนเล็กของบ้าน แอบกระซิบคุยฉันทัชเสียงเบา

“อือ” ฉันทัชพยักหน้าเออออไป โดยไม่ละสายตาจากคนไม่ปกติเลยแม้แต่น้อย

“เอ...ทำไมคราวนี้ว่าง่าย” หลี่หยางเซิงแซว เพราะปกติฉันทัชจะมีข้ออ้างเรื่องงานทุกครั้ง จนเขาเซ้าซี้นั่นแหละอีกฝ่ายถึงยอมออกมาด้วย








.............

“คืนนี้คุณดูไม่ค่อยสนุกเลย มีอะไรหรือเปล่า” คุณชายคนเล็กถามด้วยความเป็นห่วง

“...”

ไร้การตอบรับ หลี่หยางเซิงลองเรียกชื่ออีกฝ่าย “เยว่ซิน”

“...”

“เทมส์”

“...”

“จันทร์” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเรียกชื่อฉันทัชด้วยชื่อนี้ขึ้นมา ชื่อนี้ออกเสียงไม่ยาก เขาจึงพูดออกไปไม่ลำบากนัก



หลี่หยางเซิงรู้ว่าฉันทัชมีชื่อเล่นว่าเทมส์ แต่ชื่อจันทร์นี่ล่ะ? มาได้ยังไง เขาได้ยินคนนั้นที่เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนที่ทำธุรกิจร่วมกันเรียกชื่อนี้กับฉันทัช ตอนแรกก็งงว่า ทางนั้นหมายถึงใคร แต่พอเห็นฉันทัชตอบเขาจึงพอเริ่มเข้าใจ เท่าที่รู้มา คนไทยก็น่าจะมีชื่อเล่นเพียงชื่อเดียวเหมือนประเทศอื่นๆ ไม่ใช่หรือ นอกเสียจากว่าจะเป็นชื่อที่ตั้งให้กันเองหรือฉายาอะไรเทือกนั้น



วันนี้ตลอดการกินเลี้ยงช่วงกลางวัน เขาเห็นสายตาของฉันทัชคอยมองไปที่คนๆ นั้นเป็นระยะ มันไม่ใช่ท่าทางสายตาของความพิศวาสหรือเสน่หา แต่มันสายตาของความเป็นห่วง ฉันทัชกำลังเป็นอะไรและรู้สึกอะไรกับคนนั้น

“ว่าไง”

“ระหว่างชื่อเทมส์กับจันทร์ คุณคุ้นชื่อจันทร์มากกว่าหรือครับ”

“เอ่อ.. ขอโทษทีครับคุณชายหลี่ คุณว่าไงนะ พอดีผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย” ฉันทัชได้ยินคำถามจากคุณชายหลี่แต่เขาเลือกไม่ตอบ กลับเฉไฉไปเรื่องอื่นแทน

“ผมถามว่า คุณดูไม่ค่อยสนุกเลย มีอะไรหรือเปล่า” หลี่หยางเซิงเปลี่ยนคำถามเสียใหม่

“ก็ไม่นี่ครับ ผมปกติดี ทำไมเหรอ” ฉันทัชยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจ

“รู้ตัวไหม ผมเรียกคุณหลายครั้งแล้ว”

“อ่า..ขอโทษครับ ผมคงกังวลเรื่องงานมากไปหน่อย” ฉันทัชรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาไม่น่าเสียมารยาทกับคนที่นัดเขาออกมาคืนนี้เลย

“ให้ผมพูดกับคุณก้องดีไหมครับว่าใช้งานคุณหนักไปแล้ว หรือจะลาออกมาอยู่กับผมดี”

“ไม่เอาทั้งสองแบบเลยครับ” ฉันทัชหัวเราะ

“ปฏิเสธเก่งเหมือนเคย”

“เปล่าเสียหน่อย ข้อแรก ผมยังอยากทำงานกับคุณก้องอยู่ ข้อสองผมก็ยังอยากทำงานอยู่ครับ”

“แล้วไม่อยากอยู่กับผมหรือไง” คุณชายหลี่ถามเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง

ฉันทัชไม่ตอบ เขาเลือกที่จะยิ้มแบบที่ทำประจำเวลาไม่อยากตอบคำถาม

“หรือจริงๆ แล้วคุณอยากอยู่กับคนอื่น”

ฉันทัชหรี่ตามอง “เอ...พูดแบบนี้ มันแปลกๆ นะครับ”

“คุณบอกเองว่าคุณก็ให้โอกาสคนอื่นเหมือนกับที่ให้โอกาสผม”

“ใช่ครับ”

“คุณเจอคนนั้นแล้วใช่ไหม” ฉันทัชได้ยินประโยคนี้แล้วรู้สึกใจไม่ดี เพราะเสียงของหลี่หยางเซิงฟังดูไม่สดใสเอาเสียเลย

“ถอดใจแล้วหรือ”

“ถ้าคุณแค่ไม่แน่ใจในตัวผม ผมยินดีจะทำให้คุณเห็น แต่ถ้าคุณมีใครในใจแล้ว ผมก็ไม่อยากจะเข้าไป”

“ไม่สู้เลย?”

“ถ้าผมจีบคนอื่นอยู่ผมอาจจะสู้นะ” ชายหนุ่มถอนหายใจ “แต่กับคุณ บอกตรงๆ ว่าผมขอยอมแพ้ เพราะถ้าคุณจะตกลงเป็นแฟนผม คุณคงทำไปนานแล้ว ใช่ไหมครับ” หลี่หยางเซิงย้อนถาม

“...” คราวนี้ฉันทัชพูดไม่ออกจริงๆ ไม่ใช่ว่าอยากหลีกเลี่ยงอย่างที่เคยทำ

“ผมเจ็บนะ รู้ไหม ผมว่ายน้ำมาไกลแล้ว ไกลมาก แต่ทำไมผมยังไม่เห็นริมฝั่งสักที”

“คุณชายหลี่” ฉันทัชกระซิบเรียกชื่ออีกฝ่าย

“ผมว่ายออกมาทั้งที่ไม่เห็นอีกฝั่งแต่ผมก็ไม่ท้อนะ ผมสู้มาตลอด จนกระทั่งวันนี้ผมเห็นริมฝั่งนั้นกำลังเคลื่อนที่ มันเคลื่อนตัวออกไปจากผม ไม่ว่าผมจะว่ายได้เก่งและไกลแค่ไหน ผมก็ไม่มีวันไปถึงฝั่งได้ เพราะริมฝั่งนั้นไม่ได้รอผม”

“ผม...คือ...”

“ผมเข้าใจ คิดว่าเข้าใจนะ”


ฉันทัชมองคนที่พูดว่าเข้าใจ แต่เขาคิดว่าคุณชายหลี่ไม่เข้าใจหรอก หลี่หยางเซิงในตอนนี้เข้าใจแค่ว่าไม่มีหวังแล้วเพียงเท่านั้น

“ผู้ชายคนนั้นคือแฟนเก่าของผมเอง” ฉันทัชเกริ่น หลี่หยางเซิงแปลกใจที่จู่ๆ ฉันทัชก็พูดขึ้นโดยไม่สนใจว่าคุณชายหลี่จะรู้ไหมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่ฉันทัชก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายเข้าใจดี ไม่งั้นคงไม่เรียกชื่อเขาว่าจันทร์หรอก

“ตอนที่ผมเจอคุณครั้งแรกที่ร้านนี้ ผมเพิ่งเลิกกับเขาได้ประมาณเดือนหนึ่ง”

“ผมเห็นคุณมองเขาวันนี้ คุณอยากกลับไปคบกับเขาหรือ”

“เปล่าครับ ผมไม่ได้อยากกลับไป ผมไม่อยากรู้สึกอะไรแบบนั้นอีกแล้ว”

“เขาไม่ดีกับคุณ?”

“เขาเป็นคนดี เขาดีกับผม แต่เพราะเราสองคนอยู่ด้วยกันมานานเกินไป ทำให้ทุกอย่างที่น่าจะดีกลับแย่ลง เราเมินเฉยกัน ชินชาใส่กันและเราเริ่มไม่อยากแคร์ความรู้สึกกันและกัน”

“คุณเลยไม่อยากเริ่มใหม่กับใคร” หลี่หยางเซิงยิงคำถาม

“ยอมรับว่าผมรู้สึกเข็ดขยาด แต่ผมก็อยากเริ่มใหม่กับใครสักคนอยู่ดี ผมรู้ว่ามันฟังดูย้อนแย้ง นั่นเป็นเพราะผมขาดความอบอุ่น ต้องการความรัก” ฉันทัชแค่นเสียง “แต่ตอนนี้ผมปอดแหกเกินไป ผมกลัวว่ามันจะซ้ำรอยอีก”

“ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้นใหม่กับผมก็ตามเหรอ”

“ใช่” ฉันทัชยอมรับ “ไม่ใช่เพราะว่าเป็นคุณ แต่ผมหมายถึงทุกคน”

“ถ้างั้นแปลว่า คุณในตอนนี้?”

“ผมในตอนนี้คงจะเริ่มต้นใหม่ไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ผมเสียใจนะ กับคนอื่นผมมีข้ออ้างที่ปฏิเสธ แต่กับคุณ คุณชายหลี่ ผมหาข้ออ้างปฏิเสธคุณไม่ได้เลย” ฉันทัชเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของหลี่หยางเซิง

“ผมชอบคุณนะ ชอบคุณจริงๆ” ฉันทัชบอกจากใจ

“แต่ก็ไม่มากพอที่คุณจะยอมลืมความเจ็บช้ำในอดีต”

“ขอโทษนะครับ คุณอายุเท่าผมในเวลานั้นเลย ผมไม่รู้ว่าอนาคตเมื่อคุณอายุเท่าผมตอนนี้จะเป็นยังไง แต่ผมไม่พร้อมที่จะเสี่ยง”

“การที่ผมเลือกตัดใจจากคุณ แปลว่าผมคิดถูกแล้วใช่ไหม” คุณชายหลี่ ฝืนยิ้มออกมา

“ผมมันคนมีอดีต ถ้าตกลงคบกับคุณ ผมก็ยังระแวงต่อไปอยู่ดี”

“ทริปแรกของเราคงไม่เกิดขึ้นแล้วจริงๆ” หลี่หยางเซิงพูดทวนสัญญาที่ฉันทัชเคยให้ไว้

“ใครบอกคุณอย่างนั้น ถ้าคุณมา ยังไงผมก็จะพาคุณไป เว้นเสียแต่ว่าคุณไม่อยากมา”

“คุณนี่ร้ายเหมือนเดิมเลย เหมือนผมเป็นฝ่ายยกเลิกเองยังไงก็ไม่รู้”

“คิดมาก” ฉันทัชพอหัวเราะออกมาได้บ้าง “แต่ผมยังอยากคุยกับคุณอยู่นะ” เขาชะโงกเข้าไปพูดใกล้ๆ กับอีกฝ่าย

“เยว่ซิน” หลี่หยางเซิงเรียกชื่อฉันทัชด้วยความอ่อนใจ “บอกว่าคุณร้ายกาจนี่ผมว่ายังน้อยไป มีอย่างที่ไหนไม่รับรักผมแต่ยังอยากคุยกับผมอยู่”

“ถ้าไม่อยากคุยกับผมก็ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ” ฉันทัชดึงตัวเองกลับมา

“คุณนี่นะ ผมจะเลิกคุยกับคุณได้ยังไง” หลี่หยางเซิงรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ได้ทัน

“เด็กดี” ฉันทัชเอ่ยชม

“แต่ผมก็จะคุยกับคนอื่นด้วย ยังไงคุณก็ไม่ตกลงกับผมอยู่แล้ว” หลี่หยางเซิงพูดเอาแต่ใจ เขาปล่อยแขนฉันทัช

“ไม่ว่ากัน คุณจะทำอะไรก็ได้ เอาจริงๆ ก่อนหน้านี้คุณก็ทำได้นะ” ฉันทัชหัวเราะ

“จะบ้าหรือไง ผมจีบคุณก็ต้องคุยกับคุณคนเดียวสิ”

“เอาเป็นว่า ไม่ได้จีบผมแล้ว ก็คุยกับคนอื่นได้” ฉันทัชสรุป


หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 20 He is my brother. หน้า 9 UP!! 02/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 06-11-2018 11:26:34


ฉันทัชเตรียมจะทาบคีย์การ์ดเข้ากับประตูห้องพักของโรงแรม แต่สายตาของเขากลับเหลือบไปมองประตูบานที่ปิดสนิทอยู่ข้างๆ เขาลังเลว่าควรจะเข้าห้องตัวเองไปเลยดีหรือไม่ แต่สุดท้ายขาของเขาก็พาตัวเองไปกดออดห้องอีกฝ่ายเสียแล้ว


“ว่าไง” ปาณัสม์เอ่ยทักเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

“ทำอะไรอยู่” เกือบจะใกล้เข้าวันใหม่แล้วแต่อีกฝ่ายยังอยู่ในชุดเดิม ทว่าไม่ได้สวมแว่นแล้ว

“เปล่า”

“เปล่า?” ฉันทัชทวน

“อืม ตั้งใจจะเคลียร์งาน แต่ไม่มีสมาธิก็เลยเลิก วิวตึกฮ่องกงก็สวยดีนะ”

“งั้นหรือ ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม”


ปาณัสม์มองคนขอด้วยความประหลาดใจ ปกติฉันทัชมีแต่จะหลีกเลี่ยงที่จะเดินเข้ามาหาเขามากกว่า “เข้ามาสิ”


ในห้องพักของโรงแรมมีโซฟาเบดตั้งอยู่ใกล้ๆ กับที่นอน ฉันทัชจึงเลือกนั่งบนโซฟานั้นแทน ปาณัสม์ปิดประตูเรียบร้อย เดินกลับเข้ามานั่งบนเตียงบ้าง

“ไปดื่มมาหรือ” ปาณัสม์ถาม คราวก่อนฉันทัชจำได้ว่า มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเช่นกัน แต่ปาณัสม์หัวเสีย โมโหอย่างรุนแรง แต่คราวนี้ดูเหมือนจะไม่โวยวาย ดูไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ เพราะปากของเขามันยังบวมช้ำเหมือนครั้งก่อนไม่มีผิด

“อืม”

“กับคุณชายหลี่?”

“ใช่”

“อ้อ” ปาณัสม์รับคำง่ายๆ ฉันทัชคิดว่าชายหนุ่มผิดปกติอย่างปฏิเสธไม่ได้เสียแล้ว เขาสังเกตเห็นตั้งแต่งานเลี้ยง ชายหนุ่มดูคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา คิ้วขมวดเป็นปม นานๆ จึงจะคลายออกมาทีหนึ่ง

“เครียดเรื่องงานเหรอ” ฉันทัชถามอีกฝ่าย

“เปล่า” ปาณัสม์ตอบ ฉันทัชสูดลมหายใจเข้าลึก มองหน้าอีกฝ่ายที่ไม่สบตาเขา ปาณัสม์มองออกไปนอกกระจก หน้าต่าง


ปาณัสม์ไม่เคยเล่าเรื่องงานให้ฉันทัชฟังเลยตั้งแต่อยู่ด้วยกัน เขาไม่เคยรับรู้ว่าปาณัสม์มีความเครียดหรือติดขัดอะไรบ้างไหม เพราะถ้าถามออกไป อีกฝ่ายก็จะทำเพียงแค่ยิ้ม ลูบผมของเขาและบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแบบนี้ทุกครั้ง ฉันทัชรู้ดีว่าปาณัสม์ไม่อยากให้เขาต้องเป็นห่วงหรือเป็นกังวล

“แล้วเป็นอะไร”

“เปล่า” ปาณัสม์ปฏิเสธเหมือนเดิม

“อกหัก?” ฉันทัชเดาสุ่ม เขาได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอก่อนที่ปาณัสม์จะตอบกลับมา

“จะบ้าหรือไง”

“ตกลงจะไม่บอก?” ฉันทัชเลิกเล่นยี่สิบคำถาม

“ไม่มีอะไรเสียหน่อย”

“งั้นกลับดีกว่า อยู่ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้” ฉันทัชลุกขึ้นยืนเตรียมจะกลับห้อง

“จันทร์อยากช่วย?” ปาณัสม์คว้ามืออีกฝ่ายเอาไว้ได้ทันก่อนที่ฉันทัชจะเดินออกไป

“อืม”

“นอนกับปาลที่นี่นะ” ฉันทัชดึงมือออกจากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แต่ปาณัสม์ก็เร็วพอที่จะจับมือขาวนั้นไว้แน่น

“ปล่อย” ฉันทัชสั่งกดเสียงต่ำ เขาทำหน้าตาขมึงทึงด้วยความไม่สบอารมณ์

“ไม่ใช่อย่างนั้น นอนเป็นเพื่อน นอนเฉยๆ ได้ไหม”

“ถ้างั้นก็บอกมาก่อนว่าเรื่องอะไร”

ปาณัสม์นิ่งเงียบ จนฉันทัชดึงมือออกอีกครั้ง ตั้งท่าจะกลับไป ก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายดังขึ้น “ชัดเจน”

ฉันทัชเดินตรงไปที่ประตูดังเดิม ปล่อยให้ปาณัสม์มองตามหลัง เมื่อฉันทัชเปิดประตูออก เขาก็พูดขึ้น “จะกลับไปอาบน้ำ แล้วมาใหม่ ปาลเองก็เหมือนกัน อาบน้ำด้วย”

“ได้เลยครับ”

ตอนนี้เขาสองคนต่างอยู่บนเตียงนอน ฉันทัชนั่งพิงหัวเตียง ส่วนอีกคนเอนตัวลงนอนไปแล้ว ฉันทัชยังเงียบ ไม่พูดอะไร เขากำลังรอให้ปาณัสม์เริ่มต้นพูดด้วยตนเอง

“ปาลเพิ่งรู้ ว่าชัดจีบจันทร์”

“อ่า..เหรอ” ฉันทัชพูดแค่นั้นแล้วเม้มปาก หัวสมองกำลังคิด เกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากที่ปาณัสม์บอกเขาเรื่องโพสต์อิท

“แล้วเพิ่งรู้อีกว่าชัดชอบจันทร์มาตั้งแต่วันแรกที่ปาลพามาแนะนำให้ที่บ้านรู้จัก”

“ไม่จริงมั้ง ไม่น่าจะนานขนาดนั้น” ตอนที่ชัดเจนบอกว่ารอฉันทัชมานาน เขาก็คิดว่าคงหมายถึงเวลาไม่นานเต็มที่ก็ไม่เกินสามปี ไม่นึกว่าจะยาวนานขนาดนี้

“เชื่อเถอะ ชัดบอกเอง” ฉันทัชได้ยินแล้วก็ไม่ปักใจเชื่ออยู่ดี เพราะชัดเจนบอกนั่นแหละ เขาถึงไม่อยากเชื่อง่ายๆ

“เทมส์ปฏิเสธชัดไปแล้ว” ไม่ใช่ว่าฉันทัชต้องการแก้ตัว แต่เขามองไม่เห็นถึงประโยชน์อันใดที่จะมาพูดในเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้น

“ชัดก็บอกแล้วเช่นกัน”

“นี่ปาล กินยาหน่อยไหม ดูเพ้อๆ นะ” ฉันทัชมองคนที่นอนมองเพดานอยู่

“ไม่ได้ป่วย”

“ยานอนหลับไหม”

“รำคาญเหรอ” ปาณัสม์หัวเราะออกมาเล็กน้อย

“เปล่า แค่รู้สึกปาลแปลกๆ” ฉันทัชเขี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าปาณัสม์ออกให้มันโล่งตาเสียหน่อย เห็นแล้วมันขัดสายตาเหลือเกิน

“นอนเถอะ ปิดไฟนะ” ฉันทัชไม่รอคำตอบเขาเอื้อมมือไปปิดไฟตรงสวิตช์ข้างหัวเตียง ไฟทั้งห้องมืดลง มีเพียงแสงไฟจากด้านนอกสาดส่องเข้ามา ปาณัสม์ไม่คิดจะปิดผ้าม่าน ชายหนุ่มเลื่อนตัวลงมานอนข้างอีกคนที่นอนนิ่ง


ผิดปกติมากเกินไป ผิดปกติทุกอย่าง ปาณัสม์ไม่มีทางซวนเซได้มากขนาดนี้ เพียงแค่ชัดเจนมาจีบฉันทัชหรอก มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น

“ปาลเพิ่งรู้ว่า...” ปาณัสม์พูดขึ้นท่ามกลางความมืด

ฉันทัชมุ่นคิ้ว วันนี้อดีตคนรักดูเหมือนจะ ‘เพิ่งรู้’อะไรไปเสียทุกอย่าง

“รู้อะไร”

“ชัด..โกรธปาลมากและเกลียดมากด้วย” ฉันทัชได้ฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ หน้าเขาจะเหี่ยวก่อนวัยอันควรหรือเปล่าเพราะมัวแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

“ชัดไม่เกลียดปาลหรอก” ฉันทัชปลอบ

“ก่อนที่ปาลจะบินมาฮ่องกง ชัดพูดอะไรหลายอย่างที่ปาลไม่เคยคิดเลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาชัดคิดกับปาลแบบนี้”

“ชัดเปลี่ยนใจจากเทมส์ไปชอบปาล?” ถึงจะอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ฉันทัชก็อดไม่ได้ที่จะแหย่อีกฝ่ายออกไปเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ

“ฟ้าผ่าตาย” ดูเหมือนจะได้ผล เพราะปาณัสม์พูดด้วยน้ำเสียงที่ชวนขนลุกก่อนจะพูดต่อว่า “ถ้าชัดชอบปาลนะ ปาลคงต้องเป็นรับแน่เลย ไม่เอาอะ ไม่เอา”

ฉันทัชได้ยินถึงกับหัวเราะพรืดออกมา “สู้แรงชัดไม่ไหวหรือไง”

“จันทร์นึกดูสิ เวลาปาลเมา ชัดมันแบกปาลได้สบายเลย”

ฉันทัชพยักหน้าเห็นด้วย “หึ น่าให้ชัดจัดการเสียจริง”

“ไม่มีวันนั้นหรอก ชัดโกรธและเกลียดปาล” สุดท้ายปาณัสม์ก็วนมาประโยคเดิม ฉันทัชพ่นลมหายใจออกมา กำลังจะผ่านไปได้ดีแล้วเชียว

“ชัดทำอะไรให้ ปาลถึงรู้สึกแบบนั้น”

“ชัดปลอมเอกสาร ยกเลิกการผลิตสินค้าที่จะส่งมาฮ่องกง” ปาณัสม์พูดเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดในน้ำเสียง

“เป็นไปไม่ได้ คนอย่างชัดเจนเนี่ยนะ”

“ถ้าปาลไม่เห็นเอกสารเองโดยบังเอิญ คงไม่มีวันเชื่อ ปาลเจอสัญญาพร้อมกับโน้ตของจันทร์นั่นแหละ”

“ชัดเจนจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร”

“เพื่อให้ปาลไม่กลับไปยุ่งกับจันทร์อีก” ปาณัสม์ตอบอย่างรวดเร็ว เขาหายใจเข้าโดยแรง “ชัดไม่อยากเห็นจันทร์เศร้าเหมือนเมื่อก่อน”


สาเหตุที่เขาเศร้าในเวลานั้น ฉันทัชเองก็เริ่มแน่ใจแล้วว่ามันน่าจะเกิดจากการกระทำของปาณัสม์ที่ผสมกับคำพูดของชัดเจนเข้าด้วยกัน ปาณัสม์เองก็คงเจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน ยิ่งเหมือนไฟที่ถูกพัดให้โหมแรงไปอีก


ฉันทัชสองจิตสองใจว่าจะพูดดีไหมเรื่องการบิดเบือนความจริง อ้อ ไม่ใช่สิ เรื่องความจริงเพียงครึ่งเดียว เขาหันหน้าไปมองปาณัสม์ ถ้าพูดออกไป ความสัมพันธ์พี่น้องต่างสายเลือดจะสั่นคลอนไปมากกว่านี้หรือเปล่า มันจะคุ้มไหม ยังไงเรื่องพวกนี้ก็เป็นอดีตไปแล้ว

“อยากให้เทมส์กอดไหม” ในที่สุดฉันทัชก็เลือกไม่พูด เขาจึงเสนอออกไปเพื่อปลอบใจอีกฝ่าย

“ได้เหรอ”



ฉันทัชไม่ตอบ เขายกศีรษะของอีกฝ่ายขึ้นมานอนหนุนแขนตัวเอง ปาณัสม์พลิกร่างมากอดอีกฝ่ายอย่างอัตโนมัติ แล้วเลื่อนศีรษะจากแขนมาเป็นบนอกของฉันทัชเอง เจ้าของร่างที่ถูกกอดใช้มือข้างที่ถูกหนุนเมื่อสักครู่นี้ลูบเส้นผมคนอ่อนแอเบาๆ

“แบบนี้ยิ่งเหมาะจะเป็นเมียนะเนี่ย” ฉันทัชแซว ถึงแม้อีกฝ่ายจะตัวสูงใหญ่กว่าเขา แต่เวลานี้ปาณัสม์ดูเหมือนลูกนกตัวน้อยที่สั่นเทา

“ถ้าเป็นจันทร์อะ ปาลยอมนะ”

“ซึ้งใจเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงขอลองไปแล้ว”

“ตอนนี้ก็ลองได้”

“ไม่เอา ไม่อยากรังแกคนจิตใจไม่ปกติ” ถูกต้องตรงความหมายตามที่ฉันทัชได้พูดออกไป เพราะถ้าในเวลาที่ปาณัสม์มีจิตใจเป็นปกติ ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะยอมถูกกดหรอก

“ทำได้จริงๆ นะ” ปาณัสม์ยังย้ำ “เพราะจันทร์ไม่อยากถูกทำนี่นา”

“ไปได้ยินมาจากไหนอีก” ฉันทัชกลอกตา “จากชัด?” เขาเดาสุ่ม เพราะเขาไม่เคยพูดอะไรแบบนั้น

“อืม” คำตอบของปาณัสม์ไม่ผิดจากที่สงสัย

“ชัดพูดว่าไง ทวนความจำให้เทมส์ฟังหน่อย”

“จันทร์บอกไม่ค่อยชอบเพราะมันจะปวดเนื้อเมื่อยตัว ทำอะไรก็ไม่สะดวก ที่สำคัญไม่ชอบถูกปลุกกลางดึกมาทำอะไรแบบนี้”

“เทมส์พูดแบบนั้นเลยเหรอ แล้วทำไมเทมส์ไม่บอกปาลเองล่ะ” ฉันทัชทวนคำ ชัดเจนเก่งชะมัด


ทั้งหมดที่ปาณัสม์บอก นั่นเขาเคยพูดจริง แต่ไม่ได้แปลว่าไม่อยากทำเสียหน่อย


“ชัดบอกว่าจันทร์ไม่กล้าพูดกับปาล กลัวปาลโกรธ”

“อ้อ...” ฉันทัชลากเสียงยานคาง “ถามจริงๆ นะปาลไม่สงสัยเหรอ ว่าเทมส์จะกล้าเอาเรื่องบนเตียงของเราไปเล่าให้ชัดฟังอะ”

“ตอนที่ได้ยินก็แปลกใจว่าจันทร์สนิทกับชัดถึงขั้นนั้นเลยเหรอ แต่พอชัดบอกว่าจันทร์คงกลัวปาลโกรธ เลยคิดว่าอาจเป็นไปได้แหละ” ฉันทัชได้ฟังก็อ่อนใจ ปาณัสม์ไว้ใจชัดเจนมากจนไม่ระแคะระคายอะไรเลย จะว่าไปใครเล่าจะคิดว่าน้องชายจะมาตีท้ายครัวตัวเองและวางแผนต่างๆ นานาขนาดนี้


แต่เขามั่นใจว่าไม่เคยพูดอะไรทำนองนี้กับชัดเจนแน่ๆ เป็นไปได้ว่าชัดเจนอาจจะได้ยินเขาคุยกับอินทัชหรือไม่ก็พูดเล่นกับปาณัสม์ก็เป็นได้

“ตอบตามตรงนะ ปาลคิดอะไรกับคุณเกศสิรีหรือเปล่า”

“ทำไมจู่ๆ ถึงถาม ปาลไปทำอะไรให้จันทร์คิดแบบนั้น หรือเพราะวันที่เกิดเหตุในผับใช่ไหม ตอนนั้นปาลเมานิดหน่อย เลยคิดแปลกๆ ไปอยู่บ้าง”

“เทมส์หมายถึง ทั้งหมดตั้งแต่รับคุณเกศสิรีมาทำงาน”

“สาบานด้วยเกียรติเลย ไม่เคยเลยครับ ไม่เคยคิดเลย นอกจากวันนั้นที่เมานั่นแหละ”

“อืม เข้าใจแล้ว”


จากที่จะไม่โกรธชัดเจน ตอนนี้ฉันทัชคิดว่าเขาควรจะโกรธได้แล้วล่ะมั้ง ชัดเจนทำให้ขาเตียงเขาสั่นคลอน ทำให้เขาระแวงปาณัสม์ และยังทำให้อดีตคนรักไม่นอนกับเขาอีก รู้ไหมเขาร้องไห้ไปเยอะแค่ไหน โอ้โห ฉันทัชอยากจะอุทานให้ดังลั่น นี่เขาพลาดอะไรไปเยอะเลยใช่ไหม


ชัดเจน นี่มัน ชัดเจน จริงๆ



“แล้วจะทำไงต่อ เรื่องชัดเจน” หลังจากสงบสติอารมณ์เพียงครู่ ฉันทัชจึงถามต่อ

“ชัดขอลาออก แต่ปาลไม่ตกลง”

“ทำไมล่ะ”

“ปาลเล่าเรื่องชัดให้จันทร์ฟัง ขอได้ไหมอย่าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังต่อ ถึงแม้จะเป็นไทน์ก็ตาม ปาลอยากให้มีคนรู้เรื่องชัดเพียงแค่เราแล้วก็ไอ้จักร”

“ปกป้องชัดเจนเหรอ”

“อืม ชัดจะพาลุงชมออกไปอยู่ข้างนอกด้วย ต้องลำบากแน่” ฉันทัชอยากจะเหวี่ยงปาณัสม์ออกไปนอกหน้าต่างเสียจริง โดนทำถึงขนาดนี้แล้วยังจะห่วงอีกฝ่ายอยู่อีก

“ชัดเจนเป็นคนเก่ง ไม่มีทางอดตายหรอก”

“ก็รู้ แต่ก็ห่วงอะ ชัดเป็นน้องชาย”

“ห่วงยิ่งกว่าตอนเลิกกับเทมส์อีก” ฉันทัชไม่ได้อยากจะประชดแต่เขาอดไม่ได้จริงๆ

“คนละแบบกัน ปาลรู้ว่าไทน์เก่ง มันดูแลจันทร์ได้ ปาลห่วงจันทร์มากนะแต่จันทร์ต้องไม่ชอบใจแน่ถ้าปาลยังไปวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ถึงต้องให้คนนั้นคนนี้คอยถามไถ่ ดูแลแทนให้ปาล”

“ไม่ใจอ่อนหรอกนะ”

“รู้น่า..ว่าจันทร์ใจแข็งแค่ไหน”

“เรื่องของชัดเจน ยังไงปาลก็คิดดูดีๆ ล่ะ”

“ครับ ถ้าปาลเคลียร์เรื่องชัดเจนเสร็จเมื่อไหร่ ปาลจะมาเคลียร์เรื่องของเรา รอนะ” ปาณัสม์เงยหน้าสบตาขึ้นมองฉันทัช

“เรื่องของปาลคนเดียว ไม่เกี่ยวกับเทมส์” ฉันทัชเห็นแววตาวิบวับของคนข้างล่าง คงจะอาการดีขึ้นแล้ว ทำให้เขาค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย

“จันทร์” ปาณัสม์เรียกชื่ออีกฝ่าย เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าฉันทัช มือข้างที่โอบเอวฉันทัชไว้เลื่อนขึ้นมาแตะริมฝีปากของฉันทัชไว้ ลูบไล้อย่างเบามือ

“อะไร” ฉันทัชเริ่มใจคอไม่ดี พออาการดีขึ้น อีกฝ่ายก็ทำตัวไม่น่าไว้ใจอีกแล้ว

“ไปกับคุณชายหลี่ทีไร กลับมาปากบวมทุกทีเลย” ปาณัสม์พูด ไร้ซึ่งน้ำเสียงโมโห มันน่าจะดีกับฉันทัชแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม เขาเริ่มไม่สบายใจอีกแล้ว

“คนโสดทำอะไรก็ได้” ฉันทัชแกล้งบอกเสียงแข็งกลบเกลื่อนความรู้สึกของตนเอง

“ไม่ชอบเลย”

“ปาลพูดเหมือนไม่เคยทำ?” ฉันทัชย้อนถาม

“ตอนเลิกกันใหม่ๆ ก็ทำนะ ทำมากด้วย”

“ไม่ต้องเล่าหรอก” ฉันทัชไม่ได้อยากรู้ว่าปาณัสม์จะไปมีสัมพันธ์กับใครบ้าง

“ฟังก่อน แต่ก็ทำไม่ลง ปาลเห็นแต่หน้าจันทร์ คำพูดของจันทร์มันดังก้องอยู่ในหัวไปหมด”

“เทมส์ควรจะดีใจใช่ไหม” ฉันทัชถาม

“ไม่รู้สิ แล้วแต่จันทร์ จะหัวเราะหรือสมน้ำหน้าปาลก็ได้นะ”

“....” ฉันทัชไม่ตอบ

“ปาลไม่อยากให้จันทร์จูบกับคนอื่นเลย แต่ก็รู้ว่าห้ามไม่ได้อีกแล้ว” ปารัสม์พูดเสียงเศร้า

“นอนกันดีไหม ดึกแล้ว” ฉันทัชเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากหลงกลอีกฝ่าย

“จูบหน่อยได้ไหม จูบปาลบ้างได้หรือเปล่า” หัวใจของฉันทัชเต้นแรงเมื่อได้ยินคำขอร้องนั้น เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดตรงๆ ออกมา


ฉันทัชคงใช้เวลานานไป เมื่อได้ยินเสียงปาณัสม์เตือนสติให้กลับมา “ไม่ได้ใช่ไหม ก็คิดไว้แล้วล่ะ จันทร์คงลำบากใจ งั้นนอนกันนะ”





========================================

เป็นตอนที่รวมหลายอย่างและขอโบกมืออำลา คุณชายหลี่ค่ะ (รักนะ)

หวังว่าตอนนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจเหตุการณ์และชัดเจนได้มากขึ้นน้า ไม่เคลียร์ตรงไหน บอกได้เลยค่ะ

เขมอาจจะไม่เคยพูดถึงเลย ปาลตัวใหญ่กว่าเทมส์ไม่มากค่ะ ในเรื่องขนาดตัวและความหนา แต่ความสูง ห่างกันเยอะค่ะ ราวสิบเซนต์



ปล 1 ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ ถล่มความคิดเห็นมาได้เลยค่ะ รออ่านอย่างตั้งใจ

ปล 2 ตอนนี้ลงให้ยาวเลย เพื่อจะบอกว่า เขมจะไม่สามารถลงนิยายได้อีกหนึ่งสัปดาห์

เราจะเจอกันอีกครั้ง ศุกร์ที่ 16 เลยค่า



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 21 เจ็บแล้วต้องจำ หน้า 9 UP!! 06/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 06-11-2018 11:50:12
ความรักทำให้ทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเลยเหรอชัดเจ๊นนนนนนนนนน
แต่พอมีเหตุผลว่าถ้าสินค้ารอบนี้มีปัญหาก็จะไม่ไปยุ่งกับเทมส์ก็สมเหตุสมผลอยู่ แต่ก็แบบ  :katai1: :katai1: :katai1:
เอาจริงๆ เทมส์นะ จะตัดก็ตัดไม่ขาดจะไปต่อกับเขาก็ไม่เอา  :ling1: :ling1: :ling1:
ปาลก็ซึมแล้วซึมอีกหงอยอีก ฮืออออออออออออ  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 21 เจ็บแล้วต้องจำ หน้า 9 UP!! 06/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 06-11-2018 13:23:54
 :เฮ้อ: เรื่องนี้ชัดเจนเป็นกุญแจสำคัญสิ่นะ
ความเจ็บของเทมส์ในอดีต ก็เป็นเพราะชัดเจนครึ่งนึงนะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 21 เจ็บแล้วต้องจำ หน้า 9 UP!! 06/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-11-2018 13:55:13
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 21 เจ็บแล้วต้องจำ หน้า 9 UP!! 06/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-11-2018 14:44:14
ชัดเจนหนอชัดเจน หวังว่าชัดเจนจะทำใจได้และเจอคนดี ๆ มาแทนเทมส์นะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 21 เจ็บแล้วต้องจำ หน้า 9 UP!! 06/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 06-11-2018 16:12:02
หูยยย ชัดเจนนี่ร้ายลึกมากกก
ร้ายแบบเนียนๆมาตั้งหลายปี  :m16:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 21 เจ็บแล้วต้องจำ หน้า 9 UP!! 06/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-11-2018 17:02:20
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 21 เจ็บแล้วต้องจำ หน้า 9 UP!! 06/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-11-2018 20:33:56
จันทร์จะจูบหรือไม่จูบ

"และยังทำให้อดีตคนรักไม่นอนกับเขาอีก "
เนียนมากอ่ะชัดเจน ทำให้คิดตามจันทร์เลย
ว่าที่ปาลไม่ยุ่งกับจันทร์เพราะเบื่อ ที่ไหนได้
เพราะกลัวจันทร์เจ็บและคิดว่าจันทร์ไม่ชอบ
พอการไม่มีเรื่องบนเตียงเลยตลอด 2 ปี
มันก็เลยพาจืดชืด แถมมีชัดเจนสั่นขาเตียง
ทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งมีเยอะและบ่อยซะด้วย

ดีใจจันทร์วางสถานะคุณชายหลี่เรียบร้อยแล้ว
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 21 เจ็บแล้วต้องจำ หน้า 9 UP!! 06/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-11-2018 21:42:22
แมนมาก กล้าทำก็กล้ารับ แต่หักหลังคนอื่นไม่ค่อยดีนะ ชัดเจน
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 21 เจ็บแล้วต้องจำ หน้า 9 UP!! 06/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 06-11-2018 23:03:26


ปาลกับจันทร์เคลียร์กันแล้วนะ. ค้นความรู้สึกกันให้ลงตัว

แล้วกลับมาร่วมชีวิตกันใหม่นะ

ปาลเป็นคนจิตใจดีนะ แต่ก้อหลงตัวเองไป ทำให้ลืมคิดถึงจันทร์ไป

หนึ่งปีผ่านไป ปาลรู้ใจตัวเองมากขึ้น ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น

แล้วจันทร์หล่ะ. จะปรับตัวเองบ้างไหม คุยกันก่อน ก่อนตัดสินใจ



 :110011: :z7: :110011: :z7: :110011: :z7: :z7: :110011: :z7:


………
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 21 เจ็บแล้วต้องจำ หน้า 9 UP!! 06/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 08-11-2018 20:10:39
ดูปาลจะอ่อนแอมากเลยอ่ะ
เหมือนไม่กล้าจัดการอะไรกับชัดเจน
เพราะรักมาก...
ปาลต้องทำอะไรให้เด็ดขาดแล้วนะ
เดี๋ยวก็ไม่ได้จันทร์คืนมาหรอก  :ruready
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 21 เจ็บแล้วต้องจำ หน้า 9 UP!! 06/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 11-11-2018 15:36:54
เพิ่งได้โอกาสมาอ่านเรื่องนี้แบบรวดเดียวเลยค่ะ
เจ็บจิ๊ดๆ แทนปาลกับจันทร์ทุกครั้งตอนเขานึกกันได้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะนั้นแล้วอ่ะคุณคนเขียน

เรารุ้สึกว่าคุยกัน ปรับความเข้าใจกันแล้วก็เถอะ แต่เวลามันผ่านไป การจะกลับเข้าไปอยู่จุดเดิมก็คงยาก ถ้าปาลอยากกลับไปจริงๆ คงต้องพยายามมากๆๆๆ
(บางทีเราก็คิดว่าอาจจะดีกว่าที่จันทร์จะเริ่มใหม่กับใคร แต่ก็เข้าใจว่ามันไม่ใช่กับใครก็ได้อ่ะ)

แต่มันก็ตัดกันไม่ขาดอ่ะ เข้าอยู่ในชีวิตกันและกันมาเป็นสิบปี
ไม่รู้ว่าสองคนนี้ต่อไปจะตัดสินใจกันยังไง แต่เราจะติดตามอ่านนะค้าา
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 21 เจ็บแล้วต้องจำ หน้า 9 UP!! 06/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 16-11-2018 00:20:07

ภาค 22 ชัดเจน




ตั้งแต่จำความได้ ผมก็เติบโตมาในครอบครัวใหญ่ที่ไม่ใช่ครอบครัวของตัวเอง ผมมีพี่ป้าน้าอาต่างสายเลือดรายล้อมอยู่รอบกายผมเต็มไปหมด ผมมีพี่ชายอยู่สองคน พี่คนโตชื่อศรารัณหรือพี่ปอนด์ พี่คนที่สองชื่อปาณัสม์หรือพี่ปาล พี่คนที่สองชอบพาผมไปเล่นด้วยอยู่เสมอเพราะพี่คนโตแก่กว่าผมหลายปี จึงไม่ค่อยอยากเล่นกับผมที่ยังเด็กเกินไปนัก



เริ่มโตรู้เรื่องขึ้นมาอีกนิด ผมก็ได้ไปโรงเรียนกับพี่ทั้งสองคน โดยมีพ่อชมขับรถไปส่งพวกเราที่โรงเรียนและมารับในตอนเย็นทุกวัน พ่อเคยเล่าว่าตั้งใจจะส่งผมไปเรียนอีกโรงเรียนหนึ่งแต่พี่ปาลไม่ยอม ผมเลยได้มาเรียนกับพวกเขา ผมมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างนั้นกระทั่งวันหนึ่งผมจึงได้รู้ว่า พี่ชายสองคนนั้นคือลูกเจ้านาย ส่วนพ่อของผมเป็นเพียงคนสวนหรือแค่คนงานที่อาศัยอยู่ในตระกูลโภคินวิวัฒน์



ตอนที่ผมอยู่ชั้นมัธยมต้นปีที่สาม พี่ปาลอยู่ชั้นมัธยมปลายปีที่หก ผมเห็นพี่ชายคนนี้มีสาวมากหน้าหลายตามาคอยพัวพันอยู่เสมอ แต่ไม่เคยตกลงคบใครจริงจังเลยสักคน เอาแต่เกี้ยวคนนั้น จีบคนนี้ พอเบื่อก็ทิ้งไป ผมไม่เคยเล่าหรือพูดเรื่องนี้กับใคร ยกเว้นพ่อชม แต่พ่อบอกว่าเรื่องของเจ้านาย ผมไม่ควรปากมากเพราะผมจะถูกด่าเอาได้ ผมเห็นด้วย ตราบใดที่พี่ปาลไม่ได้ทำอะไรให้ผมเดือดร้อน ผมก็จะไม่ยุ่งวุ่นวายกับเขา




เมื่อถึงวันที่ผมต้องเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา พี่ปาลก็แนะนำเชิงขู่บังคับให้ผมมาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกับตนเอง ผมไม่ได้ปฏิเสธเขา เพราะมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงไม่ใช่ว่าจะเข้ากันได้ง่ายๆ ถ้าผมสอบติด ก็ค่อยว่ากัน




วันแรกของการเปิดภาคเรียนใหม่กับชีวิตนักศึกษา ผมตื่นเต้นมากจนเกือบจะนอนไม่หลับ ผมเห็นพี่ชายคนที่สองมานั่งเฝ้าผมที่คณะ ทั้งที่เขาเรียนอีกคณะหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าพี่ปาลมาทำอะไรที่นี่ หรือว่ามาคอยสอดส่องพฤติกรรมของผมแล้วเอาไปบอกพ่อชมงั้นหรือ ทว่าน่าแปลกใจ ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รับสิทธิ์พิเศษไม่ต้องรับน้อง รุ่นพี่ถึงกับมาบอกผมเองเลยด้วยซ้ำว่าถ้าผมไม่สะดวกรับน้องก็ไม่เป็นไร แต่ผมไม่อยากทำตัวพิเศษกว่าคนอื่น ผมจึงพยายามเข้ารับน้องเหมือนเพื่อนๆ ให้มากที่สุด




การเรียนของผมเริ่มต้นไปได้ด้วยดี ผมลองสอบชิงทุนเพื่อที่จะได้แบ่งเบาภาระของพ่อชมและเจ้านาย ไม่คาดฝันว่าผมจะสอบได้ทุนจริงๆ ผมมีความสุขกับการเรียน มีเพื่อนที่นิสัยดี แต่ผมแทบจะไม่ได้ไปไหนมาไหนหลังเลิกเรียนกับเพื่อนเลย ผมกลับบ้านพร้อมพี่ปาลเสมอ บางทีผมก็ยังไม่อยากกลับบ้านหรอก แต่พี่ปาลก็จะรอ ผมเกรงใจจึงต้องกลับไปพร้อมกัน มาถึงตอนนี้พ่อชมไม่ได้มารับส่งผมแล้ว เป็นพี่ปาลที่ขับรถมามหาวิทยาลัยเอง ตอนนี้ผมเริ่มสูงไล่ทันเขาแล้ว ไม่ได้ตัวเล็กเหมือนเดิมอีกต่อไป




พี่ชายบอกผมว่า เดี๋ยวจะพาผมไปหัดขับรถและไปสอบใบขับขี่ ถ้าหากพี่ชายเรียนจบเมื่อไหร่ ผมจะได้ขับรถมาเรียนเอง แต่พี่ปาลก็ไม่ค่อยว่างหรือลืมไปแล้วก็ไม่รู้ พี่ชายเอาแต่พาหญิงสาวที่ผมก็จำชื่อเธอไม่ได้ เพราะเปลี่ยนหน้าไปเรื่อย ออกไปข้างนอกเสมอ บางทีก็ลืมผมไว้ที่คณะ จนผมต้องกลับบ้านเอง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ผมกลับบ้านเองได้สบาย ไม่ได้รู้สึกลำบาก


“ชัดเจน เราชอบชัดนะ” หญิงสาวคนหนึ่งมาจากคณะไหนก็ไม่รู้ มาสารภาพกับผมตอนที่ผมกำลังนั่งรอพี่ปาลอยู่ ใต้ถุนคณะของตัวเอง

“ชะ..ชอบผมเหรอ” ผมตื่นเต้น อึกอัก ไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต

“ใช่จ้ะ เราชอบชัดมาตั้งแต่คืนเฟรชชี่แล้วล่ะ”

“ชอบผมได้ยังไง เราไม่เคยคุยกันเลย”

“เรารู้จักชัดนะ รู้จักตั้งแต่ชัดประกวดเดือนมหา’ลัย”

“อย่างนั้นเหรอ” ผมเกาท้ายทอยแก้เขิน

“ชัดรู้ตัวไหมว่า ชัดมีเสน่ห์มากเลย”

“อ่า..ขอบคุณครับ”

“มีคนชอบชัดเยอะมากเลยนะ แต่เพราะชัดตาดุอะ แถมยังไม่ค่อยยิ้มอีก คนก็เลยกลัว”

“แล้วเธอ..เอ่อ โทษทีนะ ชื่ออะไรเหรอ” ผมยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย

“เราชื่อมิ้ง”

“มิ้งไม่กลัวผมเหรอ”

“เราก็กลัวนะ แต่เราชอบชัด อยากรู้จักชัดมากกว่านี้”

“ขอบคุณนะ”

“ชัด กลับยัง” เสียงพี่ปาลเรียกผมดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“เอ่อ..ครับ พี่ปาล กลับครับ” ผมหันกลับไปบอกเขาก่อนจะกลับมาบอกหญิงสาว “มิ้ง ผมขอตัวกลับก่อนนะ”

“นั่นใช่พี่ปาล ที่อยู่ปีสี่ไหม”

“ใช่”

“เขาเป็นพี่ของชัดเหรอ มิ้งไม่เห็นรู้เลย”

“ไม่ใช่หรอก” ผมส่ายหน้า “เขาเป็นลูกเจ้านายที่ผมอาศัยอยู่ที่บ้านด้วยน่ะ”

“อย่างนั้นเหรอ”

“ผมไปนะ”

“จ้ะ”



ผมเอ่ยลาและเดินออกมาจากบริเวณนั้นก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งในรถทางด้านหน้าคู่กับพี่ปาล เขาขับรถออกไปอย่างนุ่มนวลเหมือนเคย

“มีสาวมาจีบเหรอ” พี่ปาลละสายตาจากถนนหันมามองหน้าผมอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไปแล้วถามผมขึ้น

“คงงั้นมั้ง”

“เขาไม่ได้บอกเหรอว่ามาหาทำไม”

“บอก เขาบอกว่าชอบผม”

“โห เข้ามาแป๊บเดียว มีสาวมาจีบน้องกูแล้วเว้ย ไม่ธรรมดานะมึงอะ” เขาเหมือนจะเอ่ยชมใช่หรือเปล่า

“พี่ปาลจะบอกพ่อเหรอ”

“กูไม่ใช่คนขี้ฟ้อง จะบอกเรื่องนี้กับพ่อมึงทำไมล่ะ” เขาใช้หลังมือเคาะหัวผมเบาๆ

“ไม่รู้สิ ผมก็แค่ถามดู”

“ไม่บอกหรอก แต่มึงต้องป้องกันด้วย”

“ป้องกันอะไรพี่ ไม่มี ผมเปล่า ผมไม่ได้ทำอะไร” ผมโวยวาย จู่ๆ ที่เขาพูดอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้

“เขินเหรอ หน้าแดงเลยนะมึง แดงทะลุผิวออกมาเลย”

“รู้แล้วว่าตัวดำ” ผมบ่นอย่างไม่พอใจ

“ไม่ได้ตัวดำเสียหน่อย ผิวแทนไง กูยังอยากผิวเหมือนมึงเลย”

“ผู้หญิงเขาชอบแบบพี่ปาลทั้งนั้น ไม่ได้ชอบหน้าอย่างผม” ผมบ่น ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ผู้หญิงก็ชอบหนุ่มขาวตี๋พิมพ์นิยม

“มึงหล่อนะชัด แต่ก็ถูกของมึงที่ผู้หญิงเขาชอบแบบกู ไม่งั้นป่านนี้เดือนมหา’ลัยคงหนีไม่พ้นมือมึงหรอก”

“เหรอครับ”

“ที่พูดเนี่ยชมนะ” พี่ปาลหัวเราะ จนผมลังเลว่าเขาพูดจริงพูดเล่นกันเนี่ย

“รู้แล้วน่า”

“ถ้ามึงชอบคนไหนก็บอกกู เดี๋ยวกูช่วย”

“พี่ไม่ต้องยุ่ง ถ้าผมชอบใคร ผมจะจีบเอง”

“เขินอีก เออๆ ไม่ยุ่งก็ได้ แต่ห้ามลืมป้องกัน รู้ไหม”

“ไม่มีหรอกน่า!!”

“โวยวาย” แล้วพี่ปาลก็หัวเราะดังลั่นรถ


สัปดาห์ถัดมา มิ้งก็มาหาผมที่คณะอีก ผมใจเต้นเหมือนเดิม ผมไม่ได้ชอบมิ้งหรอกนะ แต่ในใจลึกๆ มันรู้สึกเหมือนตัวเองยืดได้ ตัวมันพองๆ

“ชัดเจน”

“ครับ”

“ชัดจะว่าอะไรไหม ถ้ามิ้งจะขอเบอร์พี่ปาลอะ” ผมงงไปนิดหน่อย แต่ไม่เข้าใจมากๆ มิ้งชอบผมไม่ใช่เหรอ ทำไมขอเบอร์พี่ปาลล่ะ

“มิ้งว่าอะไรนะครับ” ผมทวนซ้ำ

“คืออย่างนี้ ไม่ใช่มิ้งนะ เพื่อนมิ้งอยากได้เบอร์พี่ปาล คือเพื่อนมิ้งชอบพี่ปาลอะ”

“อ่อ..” ผมค่อยโล่งใจ “แต่.. ผมไม่กล้าให้ เดี๋ยวพี่ปาลด่า”

“มิ้งจะไม่บอกพี่ปาลหรอกว่าได้เบอร์มาจากชัด”

“จะดีเหรอ”

“ให้เบอร์กับมิ้งเถอะนะ มิ้งกลัวเพื่อนโกรธ”

“ก็ได้ แต่อย่าบอกพี่ปาลว่าได้เบอร์มาจากผม”

“จ้ะ ขอบคุณนะชัด”


น่าแปลก นับตั้งแต่นั้นมา ผมไม่เห็นมิ้งมาที่คณะผมอีกเลย นอกจากได้ยินเสียงบ่นของพี่ชาย


“ชัด กูถามหน่อย มึงไม่ได้เอาเบอร์กูไปให้ใครใช่ไหม” เขาถามผมอย่างหัวเสียเล็กน้อย

“ทำไมเหรอพี่”

“พักนี้มีคนโทรหากูเยอะแยะ จะเปลี่ยนเบอร์ทิ้งแล้วเนี่ย รำคาญ”

“เขาโทรผิดหรือเปล่า” ผมถาม ใจเริ่มหวั่น

“ไม่ผิด เขาเรียกชื่อกู เรียกถูกคน”

“งั้นเขาคงโทรมาจีบพี่นั่นแหละ” ผมเดา

“กูไม่ชอบถูกจีบ กูเป็นเสือ เสือมันต้องล่าเอง”

“จะไปเปลี่ยนเบอร์ไหมอะ” ผมถามเขา จะได้แก้ปัญหานี้ให้จบ

“เออ เดี๋ยววันหยุดค่อยไปเปลี่ยนเบอร์ แล้วคนล่าสุดที่โทรมาเนี่ย วุ่นวายชีวิตกูมาก แทบจะสิงร่างกู ส่งข้อความมาแทบทุกชั่วโมง”

“ใครอะพี่”

“ชื่อมิ้ง แต่มึงคงไม่รู้จักหรอก”



ผมตัวชา ไม่ต้องเดาให้เหนื่อย ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นมิ้งเดียวกับที่มาขอเบอร์พี่ปาลจากผมนั่นแหละ ไหนเขาบอกเอาเบอร์ไปให้เพื่อนไง ทำไมถึงเป็นตัวเขาเองได้ ผมไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเขาถึงหายไป เพราะเขามีตัวเลือกใหม่ที่น่าสนใจกว่านี่เอง



ผมถูกหลอกเป็นครั้งแรกในชีวิต



“ตกลง มึงไม่ได้เอาเบอร์กูไปให้ใครไหม”

“เปล่า ผมไม่ได้ให้เบอร์พี่กับใคร”



และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมโกหกเขาเช่นกัน



หลังจากนั้น ชีวิตนักศึกษาปีที่หนึ่งของผมก็มีคนเข้ามาวนเวียนในชีวิตอยู่มากมาย แต่เขาไม่ได้สนใจในตัวผม แค่เพราะผมรู้จักกับพี่ปาล เขาสนใจพี่ชายผมมากกว่า ผมเป็นแค่เด็กในบ้าน มีหรือที่ผมจะไปสู้หรือเทียบอะไรเขาได้


ผมค่อยหายใจโล่งอีกครั้งเมื่อพี่ปาลเรียนจบ แล้วไปเรียนต่อป.โท ที่นิวยอร์ก แต่เขาไม่ได้เริ่มเรียนทันที เพราะต้องปรับพื้นภาษาให้ดีเสียก่อน ระหว่างที่เขาเรียนต่ออยู่ที่นั่น ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับเขาเท่าไหร่นัก พี่ปาลเองก็ไม่ได้กลับมาที่เมืองไทยเช่นกัน



ผมได้ยินคุณหญิงกิ่งกานต์เปรยอยู่บ่อยๆ ว่า ‘เจ้าปาลมันห่วงเล่น บ้านช่องไม่ค่อยอยากกลับ’ผมไม่รู้ว่าเล่นในที่นี้คือเล่นอะไร แต่ไม่เป็นไร ผมไม่ได้อยากรู้ กระทั่งคุณผู้ชายของบ้านเริ่มป่วย อาการไม่ค่อยดี พี่ปาลจึงกลับบ้านมาบ่อยขึ้น เสมือนว่า นิวยอร์ก-กรุงเทพ นั้นใกล้กันราวกับไปเดินเล่นรับลมทะเลอยู่พัทยาแล้วขับรถกลับบ้าน



หลังงานงานศพถูกจัดขึ้นและเสร็จสิ้นพิธีการแล้ว เขาก็กลับไปเรียนและหายไปดังเดิม ตอนที่พี่ปาลกลับมาอีกครั้งหลังเรียนจบ เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น สุขุมมากกว่าเดิม แววตาขี้เล่นดูลดน้อยลง เอาจริงเอาจังมากขึ้น ด้วยเวลาที่ผ่านไปหลายปีทำให้ผมไม่กล้าเรียกเขาว่าพี่ปาลอีกแล้ว ผมจึงเรียกเขาว่าคุณปาล เหมือนที่พ่อผมเรียก คุณปาลเริ่มทำงานในบริษัทของครอบครัวเหมือนกับคุณปอนด์ ตอนนั้นผมเรียนปีสุดท้ายแล้ว คุณหญิงกิ่งกานต์บอกผมว่าหากผมเรียนจบเมื่อไหร่ก็ให้มาช่วยงานที่บ้านเรานะ ผมได้แต่พยักหน้ารับ ไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธ



ตอนที่ผมเรียนจบมาได้สักพัก วันหนึ่งคุณปาลก็พาผู้ชายมาที่บ้านและแนะนำกับครอบครัวว่านี่คือแฟนของเขา ผมรู้สึกตกใจเล็กน้อยด้วยความไม่คาดคิด ตลอดเวลาคุณปาลคบหาแต่ผู้หญิงมาโดยตลอด ผู้ชายคนนี้ชื่อฉันทัช หรือคุณเทมส์ เขามีใบหน้าเรียวสวย ปากอิ่ม คิ้วเข้ม ผิวขาว ค่อนข้างสูงทีเดียว คุณปาลแนะนำคร่าวๆ ว่า คุณเทมส์ทำงานที่สายการบินแห่งหนึ่ง และคุณปาลเจอกับเขาที่นั่น ทว่าดูเหมือนคุณหญิงกิ่งกานต์ดูจะไม่ค่อยพอใจแฟนของลูกชายสักเท่าไหร่ คุณหญิงแสดงออกชัดทีเดียว



สีหน้าของคุณเทมส์ดูเหมือนไม่พอใจคุณหญิงเช่นกัน เขาดูฮึดฮัดแต่ออกอาการมากไม่ได้ ผมเห็นคุณปาลบีบมือคุณเทมส์ไว้ คงจะปลอบใจกระมัง ในตอนนั้นผมอยากรู้ว่าทำไมคุณปาลถึงโชคดีด้านความรักเสมอ เขามีคนรักอยู่รอบกายไม่ขาด ผมเห็นหน้าของคุณเทมส์แล้ว ไม่รู้ทำไมผมจึงกลัวแทนเขาเหลือเกิน กลัวว่าวันใดวันหนึ่งคุณปาลจะเบื่อและทิ้งคุณเทมส์ไปเหมือนกับคนอื่นๆ ที่ผ่านมา




ผมไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนักหรอก เวลาที่เห็นคุณปาลพาคุณเทมส์มาที่บ้าน ผมมักจะคอยไปเสนอหน้าป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ นั้นเสมอ ผมแค่รู้สึกว่าอยากเห็นหน้าเขา ผมคิดว่าผมคงมองคุณเทมส์ได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อ เขาดูสดใส ยิ้มแย้ม มีอารมณ์ขัน ภายหลังคุณหญิงกิ่งกานต์ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ อาการรุนแรงทีเดียว นั่นเป็นเพราะคุณหญิงไม่ยอมไปหาหมอที่โรงพยาบาลตั้งแต่ทีแรก ผมเห็นคุณเทมส์กระวนกระวายใจ เขาดูไม่สบายใจกับเรื่องนี้เลย จนผมอดห่วงเขาไม่ได้ อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเป็นใยคุณหญิงมากขนาดนี้ก็ได้ เพราะคุณหญิงก็ไม่ได้ชอบเขาเท่าไหร่ไม่ใช่หรือ



คุณเทมส์ไปเฝ้าไข้คุณหญิง ใบหน้าของเขาดูเศร้าสร้อย และเพราะเหตุการณ์อาการป่วยของคุณหญิงในครั้งนี้ ผมจึงได้เจอน้องสาวของคุณเทมส์เป็นครั้งแรก เธอชื่ออินทัช หรือคุณไทน์ เธอสวยมาก สูงพอๆ กับพี่ชาย คุณปาลเล่าให้ผมฟังว่าถ้าคุณเทมส์ไว้ผมยาว แต่งตัวเป็นผู้หญิงก็จะเหมือนคุณไทน์ไม่ผิดเพี้ยน ผมสงสัยในทีแรก ต่อมาจึงถึงบางอ้อว่าแท้จริงนั้น คุณไทน์เป็นน้องชายฝาแฝดของคุณเทมส์ แต่แปลงเพศเป็นสาวสวยเรียบร้อยแล้ว




คุณไทน์เธอสวยนะ แต่ผมกลับชอบคุณเทมส์มากกว่า เมื่อคิดถึงตอนนี้ผมกลับตกใจในความรู้สึกตัวเอง ผมชอบคุณเทมส์งั้นหรือ เป็นไปได้ยังไง ผมเริ่มเครียดและหาทางตัดใจจากคุณเทมส์ เพราะมันไม่ถูกต้อง คุณเทมส์เป็นคนรักของคุณปาล แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ มันก็ไม่มีผลอะไร ผมไม่สามารถตัดใจจากเขาได้เลย




หลังจากที่คุณหญิงหายดีแล้ว ทั้งคุณเทมส์และคุณหญิงดูเข้ากันได้ดีกว่าเดิม คุณเทมส์ยังไปมาหาสู่ที่บ้านเสมอจนกระทั่งลูกสาวของคุณปอนด์ หรือน้องปัณณ์ป่วยต่อจากคุณหญิง คุณเทมส์จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่กับคุณปาลที่บ้านเพราะเป็นห่วงน้องปัณณ์และคุณหญิงไปในคราวเดียวกัน คุณเทมส์ดูรักเด็กเหมือนคุณปาล เขาทั้งคู่คงอยากมีลูกล่ะมั้ง แต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะอะไรเราคงรู้ดี




ผมสงสัยว่าทำไมคุณปาลถึงเรียกคุณเทมส์ว่าจันทร์ ตอนหลังที่น้องปัณณ์พูดได้ก็เรียกคุณเทมส์ว่าจันทร์เหมือนกัน ผมเคยถามคุณปาลนะ แต่เขาตอบผมด้วยรอยยิ้มและบอกว่ามันเป็นความลับ




ยิ่งคุณเทมส์ย้ายมาอยู่ร่วมชายคาบ้านแบบนี้ ผมเห็นเขาทุกวัน ผมยิ่งตัดใจไม่ได้ ใจของผมมันผูกติดกับคุณเทมส์ไปแล้ว ทั้งที่เขาไม่เคยแสดงความรู้สึกอะไรต่อผมเลย นอกจากนายชัดเจนที่เป็นน้องชายของคุณปาลเท่านั้น เขามีระยะห่างให้ผมและทุกคนเสมอ ถึงอย่างนั้นผมก็พอใจที่จะเป็นแบบนี้ แค่เขายิ้ม ผมก็มีความสุข ผมคิดว่าผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว




คุณปาลเริ่มทำงานหนักขึ้น เขาพาคุณเทมส์ย้ายไปอยู่คอนโดใกล้บริษัท ผมอาสาที่จะขับรถให้คุณปาล ด้วยใจหนึ่งที่ผมอยากเจอคุณเทมส์เหมือนเดิม ผมเข้าใกล้เขาได้มากที่สุดก็คงแค่นี้ แค่นี้ก็พอแล้ว คุณปาลมีเวลาให้คุณเทมส์น้อยลงกว่าเดิมมาก ตอนนี้คุณเทมส์ลาออกจากงานมาอยู่ที่คอนโดเฉยๆ เขาคงเบื่อพอสมควร มีหลายครั้งที่ผมไปรับคุณเทมส์มาที่บริษัท แล้วต้องเห็นแววตาเศร้าๆ ของเขา ดูเหมือนเขาคงจะเหงาไม่น้อย




คุณเทมส์ไม่ค่อยได้ออกไปไหน เพราะคุณปาลไม่ชอบ คุณปาลเป็นเด็กที่หวงของตั้งแต่เด็ก ถ้าของเล่นชิ้นไหนที่คุณปาลไม่อนุญาตให้เล่น ผมจะไปแตะต้องไม่ได้ คุณปาลติดนิสัยนี้มากระทั่งตอนโตและต่อเนื่องไปถึงคนรัก เขาทำงานจนไม่มีเวลาให้คุณเทมส์ ผมเป็นห่วงคุณเทมส์ ผมอยากดูแลเขาเอง ถ้าเป็นผมนะ ผมจะไม่มีวันทำให้คุณเทมส์ต้องเศร้าแบบนี้เลย




เป็นผมไม่ได้หรือ เป็นผมได้หรือเปล่าครับ




ผมเริ่มสงสารเขามากขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มรู้สึกโกรธคุณปาลที่ไม่ถนอม ไม่รักษาน้ำใจของคุณเทมส์ ผมจึงเริ่มทำอะไรบางอย่าง อันที่จริงผมไม่สบายใจที่จะทำมันหรอก แต่ผมปล่อยให้คุณเทมส์เป็นแบบนี้ไม่ได้ ผมอยากเห็นเขายิ้ม มีความสุขเหมือนเดิม เหมือนครั้งแรกที่ผมเห็นเขา




ตอนที่ผมได้ยินจากคุณปาลว่าคุณเทมส์หนีเที่ยว ผมตกใจมาก ไม่น่าเชื่อว่าคุณเทมส์จะทำอะไรแบบนั้น แต่เขาคงเหงามาก ทำไมเขาถึงไม่บอกผม วันต่อมาคุณปาลให้ผมไปรับคุณเทมส์มาทานข้าวเที่ยงที่บริษัท ผมกดกริ่งที่หน้าห้องของเขา รออยู่พักใหญ่คุณเทมส์ถึงมาเปิดประตูด้วยท่าทางที่อิดโรย พอเห็นว่าเป็นผมที่ยืนอยู่หน้าห้อง เขารีบดึงคอเสื้อให้สูงขึ้น แต่มันก็ไม่สูงพอ ผมเห็นร่องรอยเป็นสีแดงปื้นอยู่บนคอของคุณเทมส์ทั่วไปหมด




ผมกำหมัดแน่น คุณปาลไม่ถนอมคุณเทมส์อีกแล้ว ผมบอกเขาว่าผมมารับคุณเทมส์ไปทานข้าวกลางวันกับคุณปาลที่บริษัท เขายิ้มให้ผมและบอกว่าเขาไม่อยากออกไปข้างนอกตอนนี้ เขาชวนผมทานมื้อเที่ยงด้วยกันที่ห้อง ใจจริงผมอยากปฏิเสธนะ แต่ผมก็อยากทานข้าวกับคุณเทมส์ตามลำพังสองคนบ้าง ผมจึงตอบตกลง




คุณเทมส์ไม่ได้สนใจสายตาของผมที่มองรอยแดงบนคอของเขาอีกต่อไป คงคิดว่าไหนๆ ผมก็เห็นแล้ว ไม่มีประโยชน์จะปิดบังแล้วกระมัง เขาให้ผมโทรไปบอกคุณปาลเรื่องมื้อกลางวัน ตอนที่ผมโทรกลับไป ผมได้ยินเสียงคุณปาลหัวเราะแผ่วเบาพร้อมกับคำพูดตบท้ายว่า ‘คราวหน้ายังจะกล้าหนีเที่ยวอีกไหม’ เขาทำอะไรคุณเทมส์บ้าง ทำไมอดีตพี่ชายผมถึงโหดเหี้ยมเหลือเกิน



ทว่าคุณเทมส์ดูเหมือนจะไม่ได้กลัวคำขู่นั้นเท่าไหร่ เขากัดปากเล็กน้อยเหมือนขัดใจอะไรบางอย่างตอนที่ฟังผมรายงานก่อนจะพึมพำออกมาว่า ‘พูดอะไรเนี่ย’ แล้วเขาก็ยิ้มออกมา



ผมไม่เข้าใจอะไรเลย



ผมคิดว่าคุณเทมส์มีแววตาที่สดใสขึ้นอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาเศร้าเหมือนเดิมอีก ผมเริ่มไม่สบายใจอีกแล้ว ถึงเวลาที่คุณเทมส์ต้องเป็นอิสระเสียที และผมจะเป็นคนดูแลเขาต่อจากนั้นเอง ผมจะทำให้เขามีความสุขที่สุดเท่าที่ชีวิตคนคนหนึ่งจะมีได้




ใจของผมมันย้อนแย้ง ผมไม่ได้อยากทำร้ายพี่ชายผม เขาเป็นผู้มีพระคุณ แต่เขาทำให้คนที่ผมรักเจ็บปวด ผมจึงจำเป็นต้องทำแบบนี้ ความลับไม่มีในโลก วันหนึ่งที่เขาได้รู้เรื่องทั้งหมด หวังว่าเขาจะไม่เกลียดผม และเพราะครั้งแรกที่ผมเคยโกหกเขามันทำให้ผมรู้ว่าผมไม่ชอบการโกหก ดังนั้นผมจึงหลีกเลี่ยงการโกหกแต่เลือกบอกความจริงเพียงครึ่งเดียว ส่วนคนฟังจะตีความอย่างไร ก็สุดแท้แต่พวกเขาก็แล้วกัน




ในเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุขก็เลิกแล้วต่อกันเถอะ ผมแค่ช่วยกระตุ้นให้เร็วขึ้นเท่านั้นเอง



ผมเป็นคนเก็บกระดาษโน้ตใบนั้นไปเอง อันที่จริงตั้งใจจะทิ้งมันไปแต่ผมก็ทำไม่ลงเพราะนั่นคือลายมือคุณเทมส์ เหมือนมีเขามาอยู่ใกล้ๆ ผม ที่ผมเอาโน้ตมาด้วยเพราะนิสัยของคุณปาลแล้ว ผมรู้ว่าพวกเขาจะต้องทะเลาะกันแน่นอนแต่จะหนักหรือเบาก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และเหมือนว่ามันคงจะหนักหนาพอดู ผมจัดฉากโทรบอกให้คุณเกศสิรีเอาเอกสารมาให้คุณปาลเซ็นที่ผับหลังจากรู้ว่าคุณเทมส์มาหาคุณปาลที่บริษัทด้วยธุระบางอย่าง หลังจากนั้นผมก็โทรไปหาคุณเทมส์พูดจาหว่านล้อมเขาเล็กน้อย และทำให้เขามาที่ผับแห่งนี้



ผมไม่ได้คาดหวังว่าแผนนี้จะสำเร็จหรอก แต่โชคดันเข้าข้างผม



ในที่สุดพวกเขาก็เลิกกัน



ลึกๆ ผมก็เสียใจที่เห็นคุณเทมส์ร้องไห้ แต่ไม่เป็นไร จากนี้ผมจะดูแลคุณเทมส์ต่อไปเอง



ทุกอย่างดูเหมือนกำลังไปได้ดี คุณเทมส์เปิดโอกาสให้กับผม แต่จู่ๆ วันหนึ่งคุณเทมส์ก็บอกให้ผมเลิกรักเขา เลิกรอเขา เพราะอะไร ผมไม่เข้าใจ ผมรอเขามาหลายปี รอเขามานานมาก ทำไมถึงมาตัดรอนความรักของผมง่ายๆ แบบนี้ เขาบอกว่าเขาไม่ได้รักผม เขาอาจจะไม่รักผมในตอนนี้ แต่อีกหน่อยเขาอาจจะรักผมก็ได้ไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ให้โอกาสผมอีกหน่อย



ผมไม่ค่อยมั่นใจหรอกนะ คุณเทมส์เองก็เหมือนกับคนอื่นเหรอ เขาชอบคุณปาลเพราะคุณปาลเหนือกว่าผมทุกอย่างใช่ไหม



เขาบอกว่าเรื่องฐานะไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหามันอยู่ที่ผมเป็นคนของบ้านคุณปาล ผมไม่เข้าใจ ผมผิดด้วยหรือที่เกิดมาในครอบครัวนั้น ผมเลือกเกิดไม่ได้ก็จริง แต่ถ้าเขารับรัก ตอบรับไมตรีของผม ให้ผมพาเขาไปให้พ้นจากที่นั่น ผมก็ทำให้ได้



ผมทำได้นะ ทำได้จริงๆ



ตอนนี้คุณปาลกำลังหาทางกลับไปคืนดีกับคุณเทมส์ มาถึงตรงนี้ผมเริ่มรับไม่ได้ ผมไม่มีความสุข ใจของผมมันร้อนรน ผมกำลังทนไม่ไหว ผมยอมให้คุณเทมส์กลับไปหาคุณปาลอีกครั้งไม่ได้หรอก เพราะนั่นแปลว่า ผมจะไม่มีสิทธิ์อย่างสมบูรณ์อีกครั้ง และคุณเทมส์อาจจะต้องกลับมาเศร้าแบบนั้น แค่คิดถึงผมก็ทรมาน ผมไม่อยากเห็นเขาเศร้า



ผมจึงทำอะไรที่ไม่คาดฝัน นั่นคือ เอกสารแผ่นนั้น




‘ไม่อนุมัติ’




เพื่อให้เขายุ่งอยู่กับงานเหมือนเดิม จนลืมที่จะสนใจคุณเทมส์เหมือนเมื่อก่อน ผมจึงเลือกทำมันลงไป




‘คุณเทมส์ครับ ผมมันโง่และบ้ามากเลยใช่ไหม’






========================================

มาคั่นอารมณ์ด้วยความคิดของชัดเจนเสียหน่อยค่ะ ตั้งแต่เด็กจนโต ลากยาวมาถึงปัจจุบันเลย

กลับมาแล้วค่า คิดถึงทุกคนเลย

เจอกันวันอังคารค่ะ



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 22 ชัดเจน หน้า 10 UP!! 16/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-11-2018 00:45:58
 :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 22 ชัดเจน หน้า 10 UP!! 16/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 16-11-2018 00:55:01
อ่าาาาา ชัดเจน เริ่มชัดเจนละ

ตัดใจเหอะชัด ชีวิตชัดต้องหาคนที่รักชัดได้สักคนแหละน่า  :ling2:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 22 ชัดเจน หน้า 10 UP!! 16/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 16-11-2018 01:47:40
 :เฮ้อ: อึดอัดไม๋ชัดเจน เกรงใจจนไม่กล้าบอกความต้องการของตัวเอง จากเรื่องเล็กไป เลยทำให้เก็บกด และทำผิดเรื่องใหญ่ :mew5:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 22 ชัดเจน หน้า 10 UP!! 16/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 16-11-2018 08:13:35
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 22 ชัดเจน หน้า 10 UP!! 16/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-11-2018 09:27:03
ชีวิตชัดเหมือนจะดีแต่ก็น่าสงสาร  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 22 ชัดเจน หน้า 10 UP!! 16/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 16-11-2018 10:16:19
ชัดเจนเป็นเหมือนคนแบบทำผิดไปเพราะความไม่รู้อ่ะ แบบทำไปเพราะเหตุผลง่ายๆ แต่ชัดก็น่ารักนะพอได้มาอ่านมุมมองนี้
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 22 ชัดเจน หน้า 10 UP!! 16/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-11-2018 11:40:16
ผิดตั้งแต่คิดจะเสียบแทนแล้วล่
กระตุ้นให้เลิกกัน ชัดเจนก็ยังคิดจะเข้าไปดูแลแทนปาล
ถ้าไม่คิดจะไปแทน เรื่องมันคงพอให้อภัยได้ แต่นี่ขอทำใจก่อนนะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 22 ชัดเจน หน้า 10 UP!! 16/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 16-11-2018 17:47:08
อ่านเรื่องชัดเจนแรกๆ นี่แอบจิ้น ปาล-ชัดนะ มาตามเฝ้า ตามดู 555555
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 22 ชัดเจน หน้า 10 UP!! 16/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 16-11-2018 18:30:11
พอได้อ่านภาคของชัดเจนแล้วรู้สึกเห็นใจปนเอ็นดู เหมือนน้องเล็กที่ถูกพี่ปาลประคบประหงม อยู่ภายใต้การปกป้องของพี่ แต่พอวันหนึ่งกลายเป็นว่าไม่ใช่น้อง แถมยังเป็นเด็กในบ้าน ความรู้สึกน้อยใจ ผิดหวัง เจียมเนื้อเจียม บวกกับรักอย่างหมดใจ ทำให้หลงทำอะไรผิดๆ อย่างไม่ให้น่าอภัย โดยไม่รู้เท่าทัน. ก็พอจะอภัยให้ชัดเจนได้นะ (คนอ่านลืมง่าย)
อยากให้ชัดเจนได้เจอรักแท้ คนที่จะเข้าใจคนชัดเจน ยอมรับในตัวตนของชัดเจนได้ไวไว
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 22 ชัดเจน หน้า 10 UP!! 16/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 16-11-2018 18:37:33
เราว่า ชัดเจนดูเหมือนจะดี  แต่มีโมเม้นต์แบบขี้อิจฉานิดๆแต่ทำอะไรไม่ได้  คือร้ายลึก ไม่สำนึกบุญคุณ
คนแบบนี้ จริงๆไม่น่าให้อภัย อย่างเลือกพูดความจริงครึ่งเดียวทั้งๆที่รู้ เป็นคนเจ้าแผนการที่ไม่ค่อยคิดถึงความเดือดร้อนที่จะตามมา  เพราะ บริษัทไม่ใช่ของเรางี้เหรอ ควมคิดทุเรศมาก
.
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 22 ชัดเจน หน้า 10 UP!! 16/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 17-11-2018 00:40:19
ชัดเจนบ้าจริงๆแหละ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 22 ชัดเจน หน้า 10 UP!! 16/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-11-2018 09:49:24
นายมันบ้ามากชัดเจน
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 22 ชัดเจน หน้า 10 UP!! 16/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 20-11-2018 11:29:51


ภาค 23  My ring



ฉันทัชก้มลงประกบริมฝีปากลงบนปากบางได้รูปของคนร้องขอ ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากคนใต้ร่าง มือของปาณัสม์ประคองใบหน้าของเขา ส่วนอีกมือจับท้ายทอยของเขาไว้ตามความเคยชิน ฉันทัชวางมือบนหน้าอกของอดีตคนรัก



ใบหน้าเอียงปรับองศาให้พอดีอย่างพอเหมาะพอเจาะ ลิ้นอุ่นดูดดึงกันไปมา ไม่มีใครอยากยอมแพ้กัน กลิ่นที่เคยชินมาร่วมสิบปี บัดนี้กลับได้มาสัมผัสกันอีกครั้ง ทั้งชวนให้คิดถึงและค้นหาไปพร้อมกัน ฉันทัชเลื่อนมือมายึดหัวไหล่ของอีกฝ่ายเสียแล้ว



ปาณัสม์พลิกร่างคนข้างบนให้ตกมาอยู่ใต้อาณัติของตัวเอง เขาถอนริมฝีปากออกมา พร่างพรมจูบไปทั่วใบหน้า หน้าผาก คิ้ว เปลือกตา แก้ม คาง ไม่มีบริเวณใดที่รอยจูบเขาจะว่างเว้นไม่ไปแตะต้อง เขาดูดดึงปากอิ่มของฉันทัชอย่างไม่รู้เบื่อ หยอกเย้าให้ใจสั่น



คนอยู่ด้านบนพรมจูบไล่ระลงมาที่คอของอีกฝ่าย ฉันทัชเงยหน้าขึ้นเพื่อเอาอากาศหายใจเข้าปอด เขายกมือทั้งสองข้างโอบรอบท้ายทอยของปาณัสม์เอาไว้ราวกับกลัวว่าร่างกายจะร่วงหล่นจากเหวสูงชัน ปาณัสม์ลากไล้ร่างกายของอีกฝ่ายด้วยฝ่ามือร้อนจัด อุณหภูมิในร่างกายพุ่งสูงขึ้น โหมกระพือด้วยอารมณ์ที่จวนจะเผาไหม้



มือของปาณัสม์บีบเคล้นสะโพกของฉันทัชไม่เบามือนักด้วยความมันเขี้ยว จนคนถูกบีบรู้สึกเจ็บ เสียงตีดังเพี๊ยะจึงดังขึ้น ปาณัสม์หัวเราะในลำคอ ไม่ได้โกรธที่ถูกตีมือ ปาณัสม์ยืดตัวกลับขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง และฉันทัชเองก็กำลังมองทุกการกระทำของอดีตคนรัก เขาเฝ้ารอจูบจากปาณัสม์



ริมฝีปากของทั้งสองคนประกบกันแน่นสนิทอีกครั้ง ลิ้นสีแดงควานสำรวจโพรงปากของปาณัสม์อย่างคล่องแคล่ว ฉันทัชไม่ใช่คนที่ไม่เคยผ่านมือชายหรือชายหนุ่มที่ไม่ประสา เขาไม่ได้เป็นแบบนั้นหลังจากใช้ชีวิตคู่กับอีกฝ่ายมาเนิ่นนาน แค่ไม่ค่อยได้ใช้งานเท่านั้นเอง



พวกเขาใช้เวลาจูบกันยาวนาน ราวกับไม่อยากจะผละออกจากกัน มือของปาณัสม์เลื่อนลงหมายจะดึงกางเกงนอนของฉันทัชออก ทว่าเขากลับถูกมือของเจ้าของกางเกงนั้นดึงเอาไว้ ปาณัสม์เงยหน้ามองอีกฝ่าย เห็นฉันทัชส่ายหน้าเบาๆ เป็นการปฏิเสธ



“ขอโทษที ลืมไปว่าจันทร์ไม่ชอบ” ฉันทัชมองหน้าอีกฝ่าย มือหยุดชะงักลง ดูเหมือนชัดเจนจะล้างสมองปาณัสม์ได้ดี

“ไม่เคยพูดเลยนะว่าไม่ชอบ อย่าคิดเองเออเองคนเดียวสิ” ฉันทัชใช้นิ้วชี้เขี่ยจมูกของปาณัสม์ไปทีหนึ่งเพื่อหยอกล้อ

“อ่าว...เหรอ แล้วทำไม”

“ตอนนี้มันไม่ดีหรอก ไหนขอแค่จูบเฉยๆ ไง” ฉันทัชทวนความต้องการของอีกฝ่าย “คืนนี้พอเถอะ นอนดีกว่าไหม”

“ได้ครับ แต่ขอนอนกอดจันทร์ได้หรือเปล่า”

“คนอะไรได้คืบจะเอาศอก”



คิดเหมือนกันไหมว่าการอ้อนขออะไรแบบนี้ ไม่ค่อยต่างจากหลี่หยางเซิงสักเท่าไหร่ ที่เขาค่อนข้างชอบคุณชาย หลี่มากกว่าใครคงเป็นเพราะส่วนนี้ล่ะมั้ง นิสัยที่เหมือนกัน



ปาณัสม์หลับไปแล้ว มือของชายหนุ่มยังกอดเขาไว้แน่น ฉันทัชกำลังนึกโกรธตัวเองที่ใจอ่อนเกินไป เขาเกลียดคำว่า ‘วัวเคยขาม้าเคยขี่’  หรือ ‘ของมันเคยๆ กัน’  ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นความรู้สึกที่จุดไฟด้านอารมณ์ให้ติดได้โดยง่าย เขาสามารถเดาได้ว่าถ้าปาณัสม์ทำแบบนี้กับตัวเขา แล้วเขาจะรู้สึกอย่างไร จะมีความสุขแค่ไหน เมื่อถูกสัมผัส เขาเกลียดที่ตัวเองยังจดจำความรู้สึกนั้นได้ดี



ใจจริงแล้ว ในช่วงเวลานั้น ฉันทัชอยากจะปล่อยตัวเองให้เดินไปถึงที่สุด โดยไม่ต้องสนใจอะไร ในเมื่อเขาโสด ซ้ำยังเป็นผู้ชาย ไม่มีพันธะ หากจะนอนกับผู้ชายอีกสักคนที่ไม่มีพันธะเช่นกันก็คงไม่ผิด ยิ่งอีกฝ่ายเป็นคนรักเก่าด้วย เขายิ่งสบายใจมากกว่าที่จะไปนอนกับคนอื่น แต่เขากลับทำไม่ได้ ถ้ายอมมีความสัมพันธ์กับปาณัสม์ในค่ำคืนนี้ เกรงว่าจะต้องมีปัญหารุงรังตามมาอย่างแน่นอน เขายังไม่พร้อมเดินกลับเข้าไปในวังวนที่ยังหวาดระแวงอยู่



กลัวว่าหัวใจตัวเองจะยอมติดบ่วงขังแล้วไม่กล้าเดินออกมาอีกครั้ง



คนอื่นอาจจะยุติความสัมพันธ์ได้เพียงชั่วข้ามคืน แต่ฉันทัชใช้เวลาสามปีเพื่อดึงตัวเองออกมา เขาไม่เคยทำสำเร็จ ตราบจนปีสุดท้ายที่เขาเริ่มอดทนไม่ไหว หลายต่อหลายเรื่องที่ถูกทำให้คิดว่าปาณัสม์นอกใจ ไม่สนใจและความเบื่อ ประดังโถมเข้าหาเขามากๆ เข้า จนในที่สุดฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดออกจากกัน เขาจึงบอกเลิกปาณัสม์ได้เสียที



ถึงแม้จะมารู้ทีหลังว่าส่วนหนึ่งมาจากที่เขาหูเบาเชื่อคำพูดของชัดเจน มันก็สายไปเสียแล้ว...



และต่อให้ไม่มีชัดเจนที่คอยเร่งปฏิกิริยา ฉันทัชก็เชื่อว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาก็คงไปกันไม่รอดหรอก ทุกอย่างมันเกิดจากเขาสองคนเท่านั้น ถ้าเขากับปาณัสม์คุยกันและใส่ใจกันมากกว่านี้ มันคงจะจบสวยกว่านี้





....




“คนขี้เซา ตื่นได้แล้วครับ” เสียงทุ้มกระซิบดังข้างหูของฉันทัช เขารู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนการนิทราของตนเอง มือขาวปัดป่ายโบกไปด้วยความไม่ชอบใจ แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะตามมาพร้อมกับสัมผัสข้างแก้ม

 “ง่วง อย่ามายุ่งได้ไหม คนจะนอน” ผลจากการที่ไล่ใครอีกคนให้ออกไป คือสัมผัสของแก้มอีกข้างหนึ่งแทน

“ตื่นเถอะ”

ฉันทัชปรือตาขึ้นมามองคนยิ้มทำหน้าทะเล้นอยู่ข้างกาย “กี่โมงแล้ว”

“เจ็ดโมง” ฉันทัชกลอกตา ที่ไทยเพิ่งจะหกโมง หมอนี่มันบ้า? ตื่นมาวิ่งหรือไงกัน

“ยังเช้าอยู่ จะนอน จะไปไหนก็ไป” คนที่ยังง่วงหยิบหมอนแถวนั้นขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง เขาง่วงนอนและไม่ชอบการถูกปลุกทุกวิธี

“ถ้าไม่ตื่น จะปลุกด้วยวิธีของปาลแล้วนะ” แต่ดูเหมือนจะมีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย

ฉันทัชดึงหมอนออก มองหน้าหาเรื่องอีกฝ่าย “ถ้าขืนยังปลุกอีก จะโกรธจริงๆ ด้วย”

“ไม่เอาน่า จันทร์ไม่โกรธปาลหรอก” ปาณัสม์ก้มหน้าลงมาหาคนขี้เซา ทำให้แหวนที่ร้อยอยู่ในสร้อยตกลงมาให้ฉันทัชได้เห็นอีกครั้ง เขามองตามสายสร้อยที่ว่านั่น

“เอาคืนไปดีไหม” ปาณัสม์ถามขึ้น

“ไม่เอาอะ ในเมื่อให้คืนไปแล้ว ก็ไม่อยากเอากลับมาผูกมัดตัวเองอีก” อดีตเจ้าของแหวนปฏิเสธ

“ครั้งนี้จะไม่ใช่การผูกมัด นอกจากความเต็มใจ”

“เชื่อยาก ถอยหน่อยจะลุก” ฉันทัชบอก มันไม่ใช่คำขอร้องแต่เหมือนจะออกคำสั่งมากกว่า

“จะไปไหน อาบน้ำใช่ไหม”

“เปล่า จะกลับไปนอนที่ห้อง”

“พอตอบไม่ได้ก็หนีปาลอีกเหมือนเดิม”

“ไม่ได้หนี แค่ง่วง อยากกลับไปนอน”

“ไม่ได้หนีก็ไม่หนี ให้อีกสิบห้านาที โอเคไหม แล้วต้องลุกไปอาบน้ำ” ปาณัสม์ไม่อยากโต้เถียง ในเมื่ออีกฝ่ายว่าแบบนั้นเขาก็จะว่าตาม

“ปาลจะไปไหนล่ะ เครื่องออกตอนบ่าย ไม่เห็นต้องรีบตื่นแต่เช้า” ฉันทัชคาใจ จะรีบไปไหนของเขา

“ออกไปหาอะไรกินกัน เดินเที่ยวก่อนกลับด้วย ยังไงวันนี้คุณก้องก็ไม่ได้ให้จันทร์เข้าไปทำงานไม่ใช่หรือ”

“อืม เลยจะนอนให้เต็มอิ่มไง”

“ไว้นอนวันหลังน่า วันนี้ไปกินข้าวกับปาลก่อน”

ฉันทัชทำท่าจะปฏิเสธอีกครั้ง แต่เห็นสายตาหงอย หูตกแบบนี้ เขาเลยถอนหายใจแทน “ยี่สิบนาทีแล้วปลุกด้วย” ชายหนุ่มต่อรองอีกห้านาที

“ได้เลย”


ฉันทัชหลับตาลง แต่เขากลับนอนไม่หลับเสียแล้ว






“จันทร์ ตื่นเถอะ”

“อือ” เสียงครางรับแต่ดวงตายังปิดสนิท

“ตื่นเถอะๆ ลุกได้แล้ว”

“ไม่เอา ง่วง เมื่อคืนกว่าเครื่องจะลงได้ ดีเลย์ไปตั้งสามชั่วโมง” ฉันทัชตอบ เขาเพิ่งนอนหลับช่วงรุ่งสางนี่เอง

“สิบโมงแล้วครับ”

“บ่ายโมงนะ” ฉันทัชต่อรอง

“ปาลให้สุดๆ แค่เที่ยงนะ เราไม่เจอกันมาตั้งครึ่งเดือนแล้ว ปาลคิดถึง อยากคุย อยากกอด อยากฟัดจันทร์”

ฉันทัชพยายามลืมตามามองคนงอแง “สิบเอ็ดโมง ปลุกนะ”

“ได้เลย” รางวัลของฉันทัชที่ได้ตอบแทนกลับมาคือรอยยิ้มของปาณัสม์ที่เขาหลงใหล




เหตุการณ์แบบนี้มันเหมือนเมื่อก่อน เหมือนช่วงเวลาที่เขากับปาณัสม์คบกันในช่วงแรกๆ ปาณัสม์ยังมีบางอย่างที่เหมือนเดิม แต่เพราะความจำเจที่อยู่ด้วยกันมานานทำให้เราละเลยกันไปใช่ไหม


‘ถ้าเรากลับมาคบกัน เราจะไม่ทำให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมใช่ไหม’


ฉันทัชหลุดความคิดนี้ออกมา แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว


‘อย่าเลย มันไม่ดีหรอก’



ชายหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำ หน้าจมลงไปในหมอนเพื่อสะกดกลั้นความคิดเลยเถิดเหล่านั้น เขากำลังพาตัวเองไปสู่จุดเดิม ทั้งที่เดินออกมาได้แล้วแท้ๆ จะกลับไปอีกทำไม


เอวของฉันทัชถูกดึงเข้าไปหาอะไรบางอย่าง จากที่นอนคว่ำอยู่กลายเป็นนอนตะแคงหลังชนกับหน้าอกของปาณัสม์ในเวลานี้


“เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก นอนไม่หลับ ทำไมไม่ตื่นขึ้นมาเสียที” เสียงอดีตคนรักดังขึ้นจากด้านหลัง

“ยังไม่ครบสิบนาที”

“ถ้าไม่หลับแล้วก็ลุกเถอะ” ต้นคอของฉันทัชรู้สึกกำลังถูกสัมผัสจากอะไรบางอย่าง

“ขี้เกียจ” ฉันทัชตอบ มันยังเช้าเกินไป

“ถ้าไม่ลุก จะนอนกอดไว้แบบนี้”

“ตามสบาย”

“ไม่หวงตัวเลยเหรอ” ปาณัสม์แกล้งถาม

“เมื่อวานก็กอดนี่ ทำมากกว่ากอดก็ทำไปแล้ว ไม่ทันแล้วมั้ง” ฉันทัชพูดเอื่อยๆ ไม่ได้รู้สึกเขินอายหรือกระดากอะไร

“พูดแบบนี้ อยากทำมากกว่านี้เลย”

“อันนั้นคงจะยากหน่อย”

“ให้เวลาเพิ่มอีกสิบนาที หลับเถอะ เผื่อจะอารมณ์ดีกว่านี้” ปาณัสม์ไม่ต่อความยาว เขาเลือกพูดเรื่องอื่นแทน กดจูบลงบนแก้มอีกฝ่ายและลูบผมให้อย่างเบามือเหมือนกำลังกล่อมเด็กคนหนึ่งนอน




ปาณัสม์กำลังพยายามและต่อสู้เรื่องคนรัก เรื่องงานและเรื่องของชัดเจน เขาเป็นคนที่ทุ่มเทอะไรแล้วมักจะจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนลืมทุกอย่างที่เหลือไปหมด อาจจะให้ความสำคัญบ้างแต่น้อยเหลือเกิน เขาเคยเลือกงานเป็นความสำคัญอันดับหนึ่งของชีวิต เพราะคิดว่าฉันทัชจะไม่ไปไหน จะอยู่กับเขาตลอดไป




เขาคิดผิด ไม่มีใครทนต่อการถูกละเลยและการเพิกเฉยได้ และเมื่อเขาละเลยอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ได้ตอบแทนกลับมาคือความรู้สึกของฉันทัชที่ไม่สนใจเขาเช่นกัน เราพูดกันน้อยลง คุยกันน้อยลง โดยปกติปาณัสม์จะไม่พูดเรื่องงานให้ฉันทัชฟังอยู่แล้ว เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วง แต่พอสถานการณ์บานปลาย กลายเป็นว่ายิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องงานอีกต่อไป     



แม่คอยเตือน พี่ชายคอยย้ำ แม้กระทั่งลุงชมก็ยังเคยบอกเขา แต่ปาณัสม์ไม่เคยจะเก็บเอามาใส่ใจ เมื่อได้ทำงานเขาจะลืมทุกอย่าง เมื่อเลิกงาน กลับบ้านมาเจอกับความเงียบ ความเย็นชาโดยที่เขาลืมคิดไปว่าสาเหตุหลักมาจากการกระทำของเขาตั้งแต่ทีแรก เขาจึงไม่ค่อยอยากกลับบ้าน ไม่อยากทะเลาะ ไม่อยากเหนื่อยใจ เพราะไม่อยากจะจากกันด้วยความรู้สึกแบบนี้




ถึงจะเป็นความทุกข์ทรมานแบบนั้น เขาก็ไม่ได้อยากจะเลิกกับอีกฝ่ายเท่าไหร่ เพราะอย่างน้อยเวลากลับมาบ้านเขาก็ยังเจอฉันทัช เหมือนชีวิตยังมีใครอีกคนที่รอหรือถ้ากลับบ้านแม่ อย่างน้อยก็ยังเจอคนในครอบครัว เขาคงคิดไปคนเดียวเพราะอีกฝ่ายไม่อยากจะทนอีกต่อไป



ฉันทัชตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ถึงแม้จะเคยรู้สึกโล่งใจตอนที่เลิกแต่พอสำนึกได้ปาณัสม์ก็ไม่กล้าเดินกลับเข้าไปในชีวิตของอีกฝ่ายในทันที เขารู้สึกกลัวใจของฉันทัช ไม่รู้ว่าคนอื่นรวบรวมความกล้านานเท่าไหร่ แต่เขาใช้เวลาเกือบปีและพอมีโอกาส เขาจึงค่อยๆ เดินหน้าเรื่องหัวใจตัวเองเสียที



แต่อดีตคนรักของปาณัสม์นั้นใจแข็งเหลือเกิน นั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มรู้ดีมาโดยตลอด ฉันทัชเป็นคนที่ใช้หัวใจนำทางชีวิตก็จริง แต่ไม่ใช่เสมอไป เมื่อคืนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเขากำลังกลุ้มใจและกังวลกับเรื่องของชัดเจนนั้น ฉันทัชคงไม่ยอมโอนอ่อนให้ถึงขนาดนี้



กระนั้นเขาก็ยังโลภมากอยู่ดี เขาสร้างวันนี้ให้เหมือนตอนที่เรายังคบอยู่อีกครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่าฉันทัชจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเหตุการณ์นี้มันกำลังซ้อนทับอดีตของเรา ปล่อยให้เป็นโลกเพ้อฝันไปก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้แค่ฉันทัชไม่ผลักไสเขาก็คงมากเกินพอแล้ว



พรุ่งนี้เขาต้องกลับไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริง ทั้งฉันทัช ทั้งชัดเจน




...




ฉันทัชถือน้ำเปล่ามาสองขวด เดินกลับมาก็เห็นปาณัสม์กำลังยืนหลังตรงทอดสายตาไปยังอ่าววิกตอเรีย เกาะฮ่องกง อยู่ ฉันทัชเห็นอีกฝ่ายจากด้านหลัง เขาไม่รู้ว่าปาณัสม์แสดงสีหน้าอย่างไร แต่เดาว่าคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักหรอก


มือขาวของฉันทัชยื่นขวดน้ำไปให้ “ไง คิดเรื่องอะไรอยู่ล่ะ”

“เปล่า”

“โกหกไม่เก่ง”

“เรื่องชัดหรือ” ฉันทัชลองเดา

“ก็ไม่เชิง” ปาณัสม์รับน้ำขวดนั้นขึ้นมายกดื่ม “มีเรื่องชัดนิดหนึ่ง แต่มีเรื่องจันทร์เยอะกว่า”

“เรื่องของเทมส์?” ฉันทัชถาม “มีอะไรให้ต้องคิดด้วยเหรอ” เขาหัวเราะออกมา วันนี้ลมค่อนข้างเย็นสบาย ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย

“อยากอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ” ปาณัสม์หันมามองคนที่ยืนด้านข้าง

“อยู่คนเดียวได้ไหมล่ะ เทมส์ไปนั่งนะ เมื่อย” ทั้งที่เข้าใจความหมายดี แต่ฉันทัชก็เลือกตอบไปอีกความหมายหนึ่ง

“ไม่ใช่สักหน่อย” ปาณัสม์นิ่วหน้าที่ถูกอีกฝ่ายทำลายบรรยากาศดีๆ แบบนี้ไปอย่างง่ายดาย

“เมื่อยจริงๆ เดินไปซื้อน้ำตั้งไกลอะ”

ปาณัสม์จับมือข้างที่ว่างของฉันทัชเอาไว้กลัวอีกฝ่ายจะเดินไปหาที่นั่งจริงๆ “แม่เคยถามปาลว่า ปาลจะอยู่ได้ไหมถ้าไม่มีจันทร์”

ฉันทัชเลิกคิ้ว “ปาลตอบว่า?”

“อยู่ได้”

“ก็เก่งนี่” ฉันทัชเอ่ยชม ถึงในใจจะรู้สึกเจ็บจี๊ดนิดหน่อยกับคำตอบของอีกฝ่าย

“แต่เอาเข้าจริง อยู่ไม่ได้” ปาณัสม์หัวเราะ “ปาลรู้ว่าตัวเองบ้ามาก ที่ทำเป็นเก่ง”

“เขาว่าคนรูปปากแบบนี้ คือพวกปากดีและปากจัดด้วย” ฉันทัชดึงปากของอีกฝ่ายเล็กน้อย แต่ดึงไม่ค่อยได้หรอกเพราะปาณัสม์ค่อนข้างบาง

“งั้นเหรอ” ปาณัสม์หันกลับไปมองอ่าววิกตอเรียอีกครั้ง “เมื่อก่อนปาลทำตัวไม่ดีมากเลยใช่ไหม”

“รู้ตัวด้วยเหรอ” ฉันทัชยิ้ม “ปาลทำตัวดีแล้ว แต่ช่วงหลัง ไม่รู้สิ ปาลคงเครียดเรื่องงานแล้วเรื่องอื่นด้วยมั้ง” ฉันทัชตั้งใจละเรื่องของชัดเจน เขาจะไม่พูดเรื่องนี้

“อีกอย่างเราก็อยู่ด้วยกันมานาน ต่างละเลยกัน เทมส์เองก็ทำไปไม่น้อยหรอก ตอนปาลเมาๆ เทมส์ก็ถีบตกเตียงไปบ่อยเหมือนกันนะ” ฉันทัชหัวเราะเต็มเสียงหลังจากที่เขาสารภาพออกไป

“ห๊ะ!?” ปาณัสม์ตาแทบจะถลนออกจากเบ้าเมื่อได้ยิน “ถีบปาลงั้นเหรอ”

“ช่ายยย” ฉันทัชลากเสียงยานคางพลางทำหน้าทะเล้นยิ้มรับไม่บิดเบือน ปาณัสม์ขยับเข้ามาใกล้ ฉันทัชรีบถอยเท้าอัตโนมัติ “เรื่องมันเป็นอดีตน่า ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป” เขารีบพูดต่อ

“มันน่าตีนัก ถีบปาลได้ไงเนี่ย ถึงว่าบางทีตื่นมา ทำไมตัวเขียวๆ เราก็นึกว่าเมาแล้วเดินชนโต๊ะ”

“คนเมาก็ร้ายกาจเหอะ พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ตะคอกใส่บ้างล่ะ โวยวายเสียงดังบ้างล่ะ สารพัดให้ปวดหัว”

“ปาลแย่ขนาดนั้นเลยหรือ”

“อืม”

“ไม่รู้ตัวเลย ปาลไม่เป็นแบบนั้นแล้วนะ ไม่เมาแล้ว” ปาณัสม์ยิ้มพลางกระชับมือของอีกฝ่ายให้แน่นขึ้น “จันทร์ครับ”

“หืม?” ฉันทัชตอบรับด้วยความหวาดระแวง ปาณัสม์จะมาไม้ไหน

“กลับไทยไปคราวนี้ ให้ปาลทำอะไรให้จันทร์บ้างได้ไหม”

“อยากทำอะไรให้ล่ะ”

“เรื่องแรกก็รถ ปาลรู้นะ ถ้าไทน์กับชัดไม่ว่าง จันทร์ต้องกลับบ้านเอง”

“อืม แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนะ แต่เรื่องนี้เทมส์ซื้อเองได้ ปาลไม่ต้องช่วยหรอก”

“เมื่อไหร่ล่ะ ไทน์บอกจันทร์ขี้งกไม่ยอมซื้อง่ายๆ”

ฉันทัชหรี่ตามอง “แอบคุยกับไทน์เหรอ”

“นิดหน่อย”

“ตอนไหน เมื่อไหร่ ปกติไม่ถูกกันนี่นา เจอหน้ากันทีไรกัดกันตลอด”

“ไทน์มันชอบหาเรื่องปาลก่อน” ปาณัสม์รีบฟ้อง

“พอกันนั่นแหละ ปาลเองก็ใช่ย่อย” แต่ฉันทัชเลือกไม่เข้าข้างใคร “คุยอะไรกับไทน์ เจ้าน้องตัวแสบไม่เล่าให้เทมส์ฟังเลย”

“ปาลกับไทน์เจอกันในงานหนึ่งโดยบังเอิญ ก็เลยคุยกันเรื่องจันทร์ รู้ไหมไทน์ด่าปาลเละเลย” ปาณัสม์ยิ้ม เขาไม่ได้โกรธที่ถูกน้องสาวอีกฝ่ายด่าเลย

“เรื่องอะไร”

“ตั้งแต่เรื่องรถ ลามไปถึงเรื่องเงินหรือค่าใช้จ่ายในบ้านอะไรแบบนี้ ที่ไม่เคยให้จันทร์เลย เอาจริงๆ นะ ปาลไม่เคยคิดเลย คือไงดีอะ ปกติแม่ดูแลให้หมด ปาลเลยคิดไม่ถึงจริงๆ”

“ไม่เป็นไรหรอก เทมส์เองก็ปากหนักไม่ถามปาลเองด้วย อีกอย่างมันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากมาย”

“ปาลรู้สึกเหมือนทำทุกอย่างผิดพลาดตลอดเวลา” ฉันทัชมองคนหูลู่คอตกแบบนี้แล้วก็ต่อว่าไม่ลง

“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร”

“สัญญาว่าต่อไปจะไม่เป็นแบบนี้อีก”

“ไม่ต้องสัญญาหรอก เรื่องอนาคต ใครจะไปรู้กันเล่า” ฉันทัชบอกปัด

“ให้ปาลแก้ตัวใหม่นะ”

ฉันทัชยิ้ม “สะสมความดีเอาไว้เยอะๆ เทมส์จะคอยให้ดาวไว้ในใจ เมื่อไหร่ที่ดาวมันเต็มฟูในอกเหมือนเดิมค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน”



ปาณัสม์ทำท่าจะเถียงอะไรกลับ แต่ถูกฉันทัชห้ามเอาไว้ได้ทัน “ห้ามมีข้อแม้ ตอนนี้เทมส์ชอบชีวิตในตอนนี้ ถ้าจะรับปาลกลับเข้ามาในชีวิตของเทมส์อีกครั้ง เทมส์ก็อยากทำให้แน่ใจว่ามันจะไม่เป็นเหมือนเดิม ไม่ใช่แค่ปาลนะ หมายถึงเทมส์ด้วย มันคงไม่แฟร์ถ้าจะให้ปาลต้องทำทุกอย่างเพื่อเทมส์คนเดียว เข้าใจหรือเปล่า”

“เข้าใจ”

“เพราะฉะนั้น ตอนนี้ก็ให้เป็นแบบนี้ไปก่อน เรื่องของอนาคตก็ให้มันเป็นอนาคตนะ”

ปาณัสม์ปลดสร้อยที่สวมอยู่ออกจากคอ “อยู่เฉยๆ” เขาสั่งฉันทัชที่ทำท่าจะขยับตัวหนี ก่อนจะสวมสร้อยนั้นลงไปแทน

“อะไร เอามาให้เทมส์ทำไม”

“ถ้าจันทร์จะถอดมันก็ขอให้มีแค่สองเรื่องเท่านั้นคือเอาแหวนที่อยู่ในสร้อยมาใส่ไว้ในที่ที่ของมัน กับไม่อยากสวมมันอีกต่อไปแล้ว ถึงตอนนั้นปาลจะได้รู้ตัวเสียที”



ฉันทัชไม่ตอบอะไรนอกจากใช้มือจับแหวนที่ร้อยอยู่ในสร้อยเส้นนี้เท่านั้น










========================================



ใครลืมว่าปาลขออะไรไว้ กลับไปย้อนอ่านตอน 21 ได้นะคะ

เทมส์ ยัยเด็กขี้ใจอ่อน



เจอกันวันศุกร์ค่ะ และ เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้วค่ะ ทั้งหมดมี 28 ตอนค่ะ



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 23 My ring หน้า 10 UP!! 20/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 20-11-2018 12:44:32
น้องต้องใจแข็งนะ สะสมดาวช้าๆๆๆ ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 23 My ring หน้า 10 UP!! 20/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-11-2018 13:07:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 23 My ring หน้า 10 UP!! 20/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-11-2018 13:20:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 23 My ring หน้า 10 UP!! 20/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-11-2018 13:22:07
แข็งใจไว้หน่อย กลับไปเร็วเดี๋ยวจะว่าเราใจง่ายได้ 55555
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 23 My ring หน้า 10 UP!! 20/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-11-2018 14:30:34
หงอยแล้วหงอยอีก ฮืออออออออ
มันไม่มีคนผิดไปซะทุกอย่างอย่างน้อยก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ TT
ก็ขอให้แก้ไขให้ดีขึ้นกว่าเดิมๆๆๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 23 My ring หน้า 10 UP!! 20/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 20-11-2018 15:55:40
(≧∇≦) เทมส์เริ่มใจอ่อนเเล้ว แต่ขออีกนิดให้ปาลทรมานใจเล่น :laugh:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 23 My ring หน้า 10 UP!! 20/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-11-2018 16:19:42
ดีแล้วที่ยังรู้ความผิดและคิดปรับให้มันถูก
ไม่ใช่เอาแต่โทษใครหรืออะไร
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 23 My ring หน้า 10 UP!! 20/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 20-11-2018 18:57:53
ใจแข็งเข้าไว้นะจันทร์
แอ๊วผู้ให้ครบ100คนค่อยกลับไป
ถ้า อิอดีตสามี มันยังรอ
ถ้าไม่รอ ก็ช่างแม่งงง
 :katai3: :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 23 My ring หน้า 10 UP!! 20/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 20-11-2018 19:49:14
……


จันทร์อยากเดินต่อไปอย่างมั่นคงและมั่นใจในอนาคต

ปาลเองก้อคงต้องแสดงความจริงใจและจริงจัง

ส่วนชัดเจน เป็นอะไรที่ต้องถนอมน้ำใจแต่ก้อต้องให้เด็ดขาดนะ


 :katai4:   :katai4:  :katai4:   :katai4:  :katai4:  :katai4:


หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 23 My ring หน้า 10 UP!! 20/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 20-11-2018 22:06:01
ความสัมพันธ์มันตัดกันยาก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 23 My ring หน้า 10 UP!! 20/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 21-11-2018 23:08:09
เล่นตัวเยอะๆ อย่ากลับไปง่ายๆ นะจันทร์
สวยเลือกได้ซะอย่าง :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 23 My ring หน้า 10 UP!! 20/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 21-11-2018 23:41:18

ภาคพิเศษ ลอยกระทง




“ที่ลอยกระทงมีตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมต้องเจาะจงมาที่นี่ด้วย” ฉันทัชบ่นระหว่างเดินออกมาจากรถไฟฟ้าใต้ดิน


“คนก็เยอะ อากาศจะหายใจก็ไม่ค่อยมี” คนที่บ่นมาแต่แรกยังบ่นต่อเรื่อยมากระทั่งเมื่อถึงใกล้ปลายทาง “ขอโทษครับ”


“เอาแต่บ่นเลยเดินชนคนอื่นเลย เห็นไหม” ปาณัสม์พูดขึ้นบ้าง เขาเดินตามหลังฉันทัชมาเรื่อยๆ เพราะคนที่แห่มาจากไหนไม่รู้มากมายมหาศาล ทำให้เขาสองคนไม่สามารถเดินเคียงข้างกันบนทางเท้าได้

“ทำไมปาลจะต้องมาที่นี่ด้วย ไม่ได้คิดจะมาลอยกระทงสักหน่อย ไปที่ไหนก็ได้” ฉันทัชยังบ่นต่อ เมื่อพวกเขาเดินเลี้ยวเข้ามาในรั้วของมหาวิทยาลัยชื่อดัง

“ที่ไหนคนก็เยอะน่า แต่ที่นี่น่าสนใจที่สุด”


เสียงกลองตีสนั่น กิจกรรมแต่ละซุ้มมีให้เห็นผ่านตาระหว่างทาง ทำให้เพลินตาไม่น้อย แต่ฉันทัชก็ยังไม่ลืมคำถามของตัวเอง


“น่าสนใจยังไง” ฉันทัชติดใจเอ่ยถามเสียงดังขึ้นพลางมองสระน้ำขนาดปานกลางที่ล้อมรอบด้วยหนุ่มสาวนักศึกษาพากันออกมาลอยกระทง

“จันทร์ไม่เห็นเหรอว่า ที่นี่มีแต่เด็กหนุ่มสาว กระชุ่มกระชวยดีไหมล่ะ” คนตอบทำหน้าทะเล้น “โอ๊ย ตีปาลทำไมอะ”

“คิดจะมามองเด็กแถวนี้เหรอไง แก่แล้ว เจียมตัวบ้าง” ฉันทัชว่าพลางค่อนขอดอีกฝ่าย

หน็อยแน่!พาเขามาเพื่อให้มาดูอะไรแบบนี้เหรอ

“แก่อะไรกัน ยังไม่สามสิบเสียหน่อย เราสองคนเพิ่งยี่สิบแปดเอง” ปาณัสม์เถียง

“นักศึกษาอายุระหว่างสิบแปดถึงยี่สิบสอง นี่เกินมากี่ปีล่ะ ถึงว่าตัวเองไม่แก่ โคแก่อยากกินหญ้าอ่อนหรือไง” ฉันทัชยังฉุน

“ไม่เอาน่า ไม่โกรธสิครับ ปาลพาจันทร์มาที่นี่เพราะปาลเป็นศิษย์เก่าไง ปาลไม่รู้จะพาไปไหน”

“แค่นั้น?” ฉันทัชปรายตามอง “ถ้าไม่รู้ก็พาไปดูหนังก็ได้” เขาบอกเพราะพักนี้เขาไม่ค่อยได้ไปโรงหนังเลยเนื่องจากปาณัสม์งานชุกรัดตัวเหลือเกิน

“ไม่หรอก มีอีกข้อ”

“อะไร?”

“ช่วงนี้ปาลไม่ค่อยได้พาจันทร์ออกมาเที่ยวใช่ไหม จะพาไปผับก็คงไม่ดี มีแต่ริ้นไรคอยจะมาวุ่นวายกับจันทร์ แต่ถ้ามาที่นี่ ในเมื่อมีแต่เด็กๆ ก็คงไม่มีใครสนใจจันทร์หรอก ใช่ไหมเล่า” ปาณัสม์บอกความรู้สึกที่แท้จริง

ฉันทัชหลุดขำ “คิดว่าได้ผลเหรอ” ฉันทัชเดินออกมา ทิ้งระยะห่างจากปาณัสม์เล็กน้อย

“จันทร์จะทำอะไร”

“รอสิบนาที แล้วมาดูกัน”

“ทำไม” ปาณัสม์เอ่ยถามโดยไร้เสียงเพราะตอนนี้เสียงรอบข้างดังจนไม่ได้ยินเสียงกันเองแล้ว


ฉันทัชเลือกเดินออกมายืนใกล้ๆ สระน้ำ ทำท่าทีเหมือนร้อนรนหาอะไรสักอย่างอยู่แถวนั้น ปาณัสม์ยืนกอดอกมองคนรักกำลังพิสูจน์อะไรบางอย่างให้เขาเห็น เขามองนาฬิกาเริ่มจับเวลาถอยหลัง สิบนาทีคือสิบนาที


ห้านาทีผ่านไป ฉันทัชยังเดินเตร่ไปมา ปาณัสม์ยิ้มออกมานิดหน่อยที่เหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ล่วงเข้านาทีที่เจ็ด ปาณัสม์คิดว่าเขาจะไม่รออีกแล้ว เตรียมก้าวขาจะเดินไปหาอีกฝ่าย แต่ทว่าฉันทัชเหมือนจะมีคนเข้าไปหาเขาก่อนเสียแล้ว ปาณัสม์เดินเข้าไปใกล้เพื่อให้ได้ยินบทสนทนา ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ฉันทัชคุยกับเจ้าเด็กหน้าอ่อนนี่โดยที่เขาไม่รู้เรื่องเป็นอันขาด


“ขอโทษครับ” เด็กนั่นว่า

“ครับ?” ฉันทัชเงยหน้าขึ้นตอบ

“หาอะไรอยู่หรือเปล่าครับ ทำของตกเหรอ”

“ครับ ผมทำสร้อยข้อมือหล่นหาย ไม่แน่ใจว่าตรงไหน แต่คิดว่าน่าจะเป็นตรงนี้ล่ะครับ” ฉันทัชอธิบาย

“ผมช่วยหาไหมครับ”

“จะรบกวนเกินไปหรือเปล่า ไปลอยกระทงเถอะครับ” ฉันทัชบอกด้วยความเกรงใจ

“ไม่รบกวนเลย ยินดีต่างหากครับ คุณ...เอ่อ”

“เทมส์ครับ”

“นัทครับ วิศวะไฟฟ้า ปีสาม”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ฉันทัชยิ้มให้


ปาณัสม์ยืนมอง มือกำแน่นเล็กน้อย เขากำลังอดทนมองดูคนรักกำลังเล่นหูเล่นตากับเจ้าเด็กที่บอกว่าชื่อนัทอะไรนี่


เหอะ! นัทครับ วิศวะไฟฟ้า ปีสาม ปาณัสม์อยากจะพ่นใส่หน้า รู้จักไหม เขาเนี่ย พี่ปาลคนดังที่นี่เลยนะเว้ย ไอ้เด็กนี่ชักไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง


“ว่าแต่ทำไมนัทไม่เคยเห็นหน้าเทมส์เลย เทมส์เรียนคณะไหน ปีอะไรเหรอ”

“เทมส์เรียนอักษร”

“ทำไมนัทไม่เคยเห็นเลย”

“นัทเคยมาคณะเทมส์ด้วยเหรอ คนที่คณะออกเยอะแยะจะเห็นได้ไง เทมส์ยังไม่เคยเห็นนัทเลย” ฉันทัชแสร้งตอบเลี่ยงๆ

“สาวอักษรน่ารัก” นัทว่าอย่างนั้น ฉันทัชจึงยิ้มตอบ

“งั้นเหรอ แต่เทมส์ไม่ใช่นะ”

“นัทรู้ แต่เทมส์น่ารักกว่าสาวที่คณะเทมส์ตั้งเยอะ” ฉันทัชคิดในใจ พ่อหนุ่มนี่ปากหวานเหมือนกัน


ในขณะที่ปาณัสม์กำลังด่าคนที่ยืนข้างฉันทัชในใจ ‘ไอ้เด็กนี่ เดี๋ยวจะทำให้หาทางกลับคณะไม่ถูกเลย’


“พูดเหมือนกำลังจะจีบเทมส์เลย” ฉันทัชแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “เทมส์คิดว่าสร้อยน่าจะตกตรงนี้แน่ๆ” เขาย่อตัวลง อีกฝ่ายจึงย่อตัวลงตาม


มือขาวควานหาสร้อยข้อมือตรงพื้นดินท่ามกลางแสงไฟสลัวๆ ฉันทัชเงยหน้ามองปาณัสม์ที่ยืนอยู่ข้างหลังนัท ทำหน้าตาเป็นต่อและเหมือนกำลังท้าให้อีกฝ่ายรอดูอะไรบางอย่างที่จะตามมา ปาณัสม์ขยับเท้าเข้ามาใกล้ ฉันทัชส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธไม่ให้ปาณัสม์เข้ามา

ฉันทัชตั้งใจให้มือของเขาชนกับนัทหนุ่มวิศวะโดยบังเอิญ “ขอโทษครับ แสงมันน้อย ผมมองไม่เห็น”

“ไม่เป็นไรครับ” นัทว่าพลางดึงมือฉันทัชไว้ “มือนิ่มแบบนี้อย่าหาเองเลย เดี๋ยวนัทหาให้ดีกว่า”

“เกรงใจ ช่วยกันหาจะได้เจอไวๆ ดีไหม” ฉันทัชสบตากับอีกฝ่าย เขาประดิษฐ์รอยยิ้มนั้นให้คนหวังดี


ปาณัสม์คิดว่าเขาควรจะยุติละครเรื่องนี้เสียที เขาปลดสร้อยข้อมือของตัวเองออกก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้


“สร้อยอยู่นี่” ปาณัสม์บอกเสียงนิ่ง ทำให้นัทที่หันหลังให้ตกใจเล็กน้อย สองคนที่หาของจึงพากันยืนขึ้น

“ตกอยู่ตรงไหนเหรอ ขอบคุณนะปาล” ฉันทัชเดินกลับไปหาคนรัก พลางส่งเสียงราวกับดีใจเสียเต็มประดาที่หาของเจอ

“ข้างหลังคนนี้” ปาณัสม์ว่าก่อนจะชี้มือไปที่นัทหนุ่มผู้หวังดีแต่ดันโชคร้าย

“เขาชื่อนัท มาช่วยจันทร์หาสร้อยน่ะ” ฉันทัชบอกปาณัสม์ก่อนจะหันไปทางนัทต่อ “ขอบคุณนัทมากนะ ที่มาช่วย เทมส์หาสร้อย”

“ไม่เป็นไรครับ”

“ถ้าหายไปต้องเสียใจแน่เลย ดีนะที่แฟนเทมส์หาจนเจอ” ฉันทัชตั้งใจจะจบเรื่องนี้เหมือนกัน

“แฟน?”

“อื้อ ใช่ นี่แฟนเทมส์เอง”

“งั้นนัทไปนะ”

“บายนะ”


นัทเด็กวิศวะปีสามรีบเดินออกไปจากบริเวณนี้ทันที เมื่อรู้ว่าคนที่เขาดันมาสนใจกลับมีเจ้าของแล้ว และหน้าตาของอีกฝ่ายก็ดูไม่ค่อยสบอารมณ์เขาเหมือนกัน คงจะไม่พอใจที่เขามายุ่มย่ามกับเทมส์ล่ะมั้ง



เกือบไปแล้วไหมล่ะ



“กลับบ้าน” ปาณัสม์ดึงแขนของฉันทัชก่อนจะบอกเจตนาของตนเอง

“เพิ่งมาเอง รีบกลับได้ไง” ฉันทัชทำเสียงเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร

“เล่นอะไรแบบนี้”

“ปาลก็รอดูอยู่ไม่ใช่หรือไง”

“เด็กสมัยนี้มันมองไม่ออกเหรอไงว่าคนละรุ่นกับมัน”

“หยาบคาย คนแก่มีแต่ปาลนั่นแหละ จันทร์ไม่ใช่เสียหน่อย” ฉันทัชค้าน “จะไปไหนอะปาล ยังไม่กลับนะ” ฉันทัชท้วงพลางขืนตัวเอง

“ยังไม่ได้พากลับบ้าน”

“อ้าว แล้วจะไปไหน”

“พาจันทร์ไปล้างมือ”

“อ่อ ก็ดีเหมือนกัน ตะกี้คุ้ยดิน มือเลอะ”

“ไม่ใช่เสียหน่อย” ปาณัสม์บอก “พาไปล้างคราบมือไอ้เด็กนั่นออกต่างหาก”

“เวอร์จริง”

“ไม่เวอร์ จะเล่นละครอะไร ทำไมต้องเปลืองตัวด้วย”

“เปลืองอะไรล่ะ ก็วิน-วินนะ” ฉันทัชยักไหล่

“พูดแบบนี้แสดงว่าอยากกลับบ้านใช่ไหม”

“ล้อเล่นน่าปาล” ฉันทัชรีบออกตัว พอดีพอร้ายจะอดเดินเล่นต่อ

“ไปล้างมือก่อน” ปาณัสม์มองคนรักตาขุ่นก่อนจะพาไปห้องน้ำเพื่อล้างมือตามความตั้งใจเดิม “อุตส่าห์พามาที่นี่แล้วยังมีคนสนใจอยู่อีก ปีหน้าพาไปที่ไหนดีวะ” ปากบางของเจ้าตัวยังบ่นต่อไประหว่างทางเดินไม่หยุด ทำให้ฉันทัชอมยิ้มไปตลอดทาง


หลังจากล้างมือเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับมาที่เดิมอีกครั้ง ผู้คนยังหนาตาเหมือนเดิม ยิ่งดึกยิ่งคึกคัก แสงเทียนในสระน้ำส่งแสงแข่งกันเหมือนกลุ่มแสงที่รวมตัวกันกลุ่มใหญ่


“ตกลงว่าไม่ลอยกระทงหรือ” ฉันทัชถามเมื่อเห็นร้านขายกระทง

“จันทร์อยากลอยหรือ”

“ไม่หรอก ไม่อยากเพิ่มขยะ”

“อืม ปาลก็เหมือนกัน มาเดินดูรับบรรยากาศก็พอ”

“เห็นด้วย” ฉันทัชพยักหน้าตาม

“ถ้าน้องปัณณ์ได้มาด้วยคงจะดี” ปาณัสม์พูดขึ้นตอนที่เดินผ่านร้านขนมร้านหนึ่ง

“นั่นสิน้า” ฉันทัชเห็นด้วย ตอนนี้ปัณณ์หรือเด็กหญิงศราลักษณ์อายุอานามราวสามขวบ

“ปีหน้าไม่ให้น้องปัณณ์ไปกับพี่ปอนด์และพี่เกดแล้ว” ปาณัสม์โอด

“น้อยๆ หน่อยอาปาล ยังไงหลานก็เป็นลูกพี่ชายปาลนะ น้องปัณณ์อยู่กับพ่อแม่ก็ต้องมีความสุขมากกว่าสองอาอย่างเราอยู่แล้ว”

“พาหลานไปเที่ยววันอื่นก็ได้นี่ ทำไมต้องวันลอยกระทง” ปาณัสม์ยังโอดต่อไม่หยุด

“เด็กกว่าน้องปัณณ์ก็อาปาลนี่แหละ สำหรับจันทร์นะ วันไหนที่มีน้องปัณณ์อยู่ด้วย จันทร์ก็ดีใจแล้ว” ฉันทัชยิ้มเมื่อนึกถึงหลานรักที่ตอนนี้ไปเที่ยวกับบิดามารดา

“แล้วอาปาลล่ะ อาจันทร์ดีใจหรือเปล่าเวลาอาปาลอยู่ด้วย” ปาณัสม์ว่าพลางก้มลงมาใกล้ใบหน้าของฉันทัช

“เอาหน้าออกไปห่างๆ หน่อย คนเยอะแยะ อายเขา”

“ก็เสียงมันดัง ขี้เกียจตะโกนนี่นา”

“ไม่เชื่อ” ฉันทัชบอก คนอย่างปาณัสม์นี่มันเจ้าเล่ห์จะตายไป

“ดีใจหรือเปล่าครับ”

“อืม ดีใจมากๆ ถ้าจะให้ดีกว่านี้ก็ช่วยทำงานให้น้อยลงหน่อย จันทร์อยู่คอนโดคนเดียวมันเหงา”

“เหงาก็มาหาปาลที่บริษัทสิ”

“ไม่เอาหรอก ไม่อยากไปกวน อีกอย่างปาลมีประชุมบ่อย ไปหาก็คงไม่ค่อยได้เจอ”

“ไม่งอนนะ คนดี ช่วงนี้งานเยอะจริงๆ แต่ปาลจะรีบเคลียร์งานแล้วพาจันทร์ไปเที่ยว โอเคไหม”

“สัญญา?”

“สัญญาครับ”






========================================

ตอนพิเศษสั้นๆ ค่ะ เป็นเรื่องราวสมัยที่เขายังคบกันอยู่ ตามอายุเลยค่ะ

เป็นการแต่งแบบ ไร้พล็อตใดๆ ค่ะ และแต่งอย่างรวดเร็ว หากมีคำพูดแปลกๆ หรือคำผิดขออภัยค่ะ

ชอบไม่ชอบ บอกกันได้นะคะ



เจอกันวันศุกร์ค่ะ


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ลอยกระทง หน้า 11 UP!! 21/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 22-11-2018 00:16:15
 :pig4: ขอบคุณที่ให้มองเห็นมุมหวานๆของคู่นี้่ะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ลอยกระทง หน้า 11 UP!! 21/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-11-2018 00:44:40
เสน่ห์แรงตลอดดดดดด
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ลอยกระทง หน้า 11 UP!! 21/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-11-2018 00:56:20
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ลอยกระทง หน้า 11 UP!! 21/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-11-2018 02:11:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ลอยกระทง หน้า 11 UP!! 21/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 22-11-2018 16:51:19
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ลอยกระทง หน้า 11 UP!! 21/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 22-11-2018 17:25:16
 o18 ขี้หึงจังปาล
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ลอยกระทง หน้า 11 UP!! 21/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-11-2018 11:20:17
ชอบที่เทมส์ยังเสน่ห์แรงแบบนี้จริง
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ลอยกระทง หน้า 11 UP!! 21/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 23-11-2018 11:39:11

ภาค 24 Are you happy or pretend to be?


ก้องภพมองหญิงสาวตรงหน้าที่เอาแต่เขี่ยผักในจานเล่นไปมา ไหนบอกว่าหิว พออาหารมาแล้วกลับนั่งเขี่ยเล่นอยู่อย่างนั้น


“ไทน์”

“หืม?” หญิงสาวขานรับชื่อตัวเองอัตโนมัติ โดยไม่ได้สนใจว่าใครเรียก

“หิวไม่ใช่เหรอ”

“อืม”

“แล้วทำไมไม่กิน เอาแต่เขี่ยเล่นแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน”


อินทัชได้ยินคนตรงหน้าบ่นก็เลยหยุดการกระทำนั้น มองอีกฝ่ายตรงๆ “บ่นเป็นพ่อเลย นี่ไทน์นะ ไม่ใช่น้องกาย”

“จะเด็กหรือผู้ใหญ่ ถ้าทำแบบนี้ก็ต้องโดนบ่นทั้งนั้น”

“โอเค กินแล้วๆ” อินทัชเริ่มลงมือทานเพราะไม่อยากฟังอีกฝ่ายพูดต่อ

“เป็นอะไร วันนี้ดูเหม่อๆ มีอะไรก็เล่าให้ผมฟังบ้าง ก็ได้นะ” ก้องภพมักจะถามอินทัชด้วยคำพูดแบบนี้อยู่เสมอ แต่เป็นอินทัชเองที่ไม่ค่อยจะพูดอะไร


หญิงสาววางช้อนส้อมลงบนจาน ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้น “ก่อนที่คุณจะไปฮ่องกง ฉันเจอปาล หุ้นส่วนของคุณที่งาน งานหนึ่ง”

ก้องภพเลิกคิ้ว “เหรอ มีอะไรแปลกหรือเปล่า คุณน่าจะรู้จักเขาอยู่แล้วนี่ หรือว่าเขาทำท่ามาจีบคุณ ผมไม่ชอบนะแบบนี้”

“หึ ให้มันน้อยๆ หน่อย ยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย” อินทัชแค่นเสียง “อีกอย่าง คนแบบนั้นให้ฟรีแถมทองเท่าน้ำหนักตัว ยังไม่เอาเลย”

“ทำไมพูดถึงเขาแบบนั้นกันเล่า ถ้าผมมีน้องสาวก็อยากให้คบกับปาลนะ ดูเอาการเอางานดี เรื่องมารยาท การศึกษาไม่ต้องพูดถึง ดีครบสูตร”

“ดีแต่เปลือกน่ะสิ” อินทัชพูดต่อทันที

“คุณไม่ชอบปาลรึ” ก้องภพจับได้ถึงความไม่ชอบมาพากล

"ก็ไม่เชิง แค่เจอหน้ากันแล้วมันอดไม่ได้ที่จะด่าน่ะ”

“เพราะอะไร คนเราจะไม่ชอบ ไม่ถูกชะตา มันต้องมีสาเหตุนะคุณ” ก้องภพถาม มุมปากกระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความขบขันในท่าทางของหญิงสาว

อินทัชกัดริมฝีปากอย่างขัดใจ “ก็มันแย่งเทมส์ไปอะ” หญิงสาวประกาศออกมาด้วยความไม่พอใจ

“แย่งเทมส์? ไทน์ นี่คุณกำลังพูดอะไร อย่าบอกนะว่า คุณกับเทมส์...” ก้องภพหรี่ตาด้วยความไม่ไว้ใจ หญิงสาวที่เขาตามเทียวไล้เทียวขื่อมาร่วมปี

“หยุดความคิดเน่าๆ ของคุณเลยนะ คุณก้องภพ” อินทัชอยากจะเอาส้อมจิ้มหน้าคนกล่าวหา “อย่าบอกนะว่า คุณ” อินทัชทวนคำพูดเหมือนกับก้องภพเมื่อสักครู่นี้

“คุณไม่รู้เรื่องปาลกับเทมส์?”

“เรื่องอะไร” ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย “ผมไม่รู้ พวกเขาสองคนทำไมหรือ”


อินทัชหน้าเสีย เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อดีหรือไม่ “พูดมาเถอะ หรือคุณก็ไม่ไว้ใจผม”

“เปล่าค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันแค่คิดว่าถ้าเทมส์รู้อาจจะไม่ค่อยพอใจ”

“ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าผมจะไม่บอกเทมส์ดีไหม”

“ไม่พูดแน่นะ”

“ด้วยเกียรติของผมเลย”

“มีกับเขาด้วยหรือ” หญิงสาวเบ้ปาก บ่นพึมพำกับตัวเอง “ปาลกับเทมส์เคยคบกันมาก่อน เพิ่งเลิกกันเมื่อปีที่แล้ว”

ก้องภพทำหน้านิ่งไม่พูดอะไร จนอินทัชรู้สึกไม่ค่อยวางใจ “นี่...ตกใจหรือ”

“เรื่องที่พวกเขาเคยคบกันนั่นผมย่อมตกใจอยู่แล้ว แต่ผมแค่รู้สึกไม่ค่อยดีนิดหน่อย เพราะให้เขาสองคนทำงานด้วยกันแทบจะตลอดเวลา”

“ถ้าเทมส์ไม่บ่น คุณก็อย่าไปคิดมากเลย”

“ที่เทมส์ไม่บ่นเพราะเป็นเรื่องงานหรือเปล่า” ก้องภพยังไม่สบายใจ

“ก็อาจจะใช่ แต่ถ้าเทมส์ไม่พอใจจริงๆ คงเอามาบ่นให้ฉันฟังบ้างแล้วล่ะ แต่นี่ไม่มี เพราะฉะนั้นคุณเลิกกังวลใจเถอะ”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรที่คุณเจอกับปาล”

“เกือบลืมเลย” อินทัชเลยเริ่มเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้อีกฝ่ายฟัง








...



“ไทน์” ปาณัสม์เรียกชื่อหญิงสาวเมื่อเดินมาหยุดข้างกายอินทัช

“มีอะไร”

“เราขอคุยด้วยหน่อย”

“คุยอะไร เราไม่อยากคุย” อินทัชสะบัดเสียง เธอไม่อยากคุยกับปาณัสม์

“พูดดีๆ ด้วยแล้วนะ” ปาณัสม์โต้กลับ

“ใครใช้ให้มาคุยล่ะ กลับไปเลย ไม่อยากคุยด้วย ถ้ารู้ว่ามางานนี้แล้วจะเจอนายล่ะก็ เรายกเลิกงานนี้ดีกว่า”

ปาณัสม์สะกดอารมณ์ “ขอคุยด้วยหน่อย อยากคุยเรื่องจันทร์”

“เลิกกันไปแล้วไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วมั้ง อ้อ ได้ข่าวว่ากลับมาง้อพี่ชายเราอีกรอบเหรอ ครั้งนี้เราจะขัดขวางทุกอย่าง ไม่ยอมให้นายทำสำเร็จหรอก” อินทัชประกาศออกไป

“ขอโทษ แต่ขอคุยหน่อยได้ไหม อยากคุยจริงๆ” ปาณัสม์บอกน้องสาวอดีตคนรัก เขาอยากคุยกับอินทัชเพราะเรื่องของอีกคน อินทัชทำท่าจะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย แต่พอเห็นสีหน้าของคนขอร้อง ทำให้เธอบอกปัดไม่ลง



ในใจลึกๆ แล้วเธอก็ไม่ได้จงเกลียดจงชังอะไรปาณัสม์หรอก ก็แค่หวงและห่วงพี่ชายเท่านั้นเอง


“หาเก้าอี้นั่งก่อนแล้วกัน ขี้เกียจยืน มันเมื่อย”

“ตามเรามาทางนี้”

“ว่ามา” พอมีที่นั่ง อินทัชก็เข้าเรื่องทันที

“จันทร์สบายดีไหม”

“ไหนว่าจะกลับไปง้อ แต่ดันไม่รู้สารทุกข์สุกดิบของเทมส์หรือไง”

“ภายนอกน่ะรู้ แต่ภายในน่ะไม่รู้”

“ที่คิดจะกลับไปจีบเทมส์เนี่ย เพราะอะไรกันแน่ หรือทำเพื่อแม่? แม่ให้กลับมาง้อเทมส์ใช่ไหม” อินทัชทำตาโตเมื่อคิดว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง

“เปล่า ไม่ใช่แม่หรอก เป็นเราเอง” ปาณัสม์ไม่ได้นั่งลงข้างอินทัช เขายืนอยู่ฝั่งตรงข้าม มองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่แทน “เราอยากกลับไปคบกับจันทร์จริงๆ”

“จริงจังแค่ไหนล่ะ ถ้ากลับไปคบแล้วจะทิ้งขว้างแบบเดิมอีกหรือเปล่า”

“จริงจังถึงขนาดที่ว่าเราจะไม่ให้จันทร์ต้องเสียใจที่กลับมาคบกับเราอีก”

“ตอนนั้นก็พูดแบบนี้ ตอนที่อยากได้เทมส์ไปจากเราก็พูดแบบนี้ แล้วไง พอเราเปิดโอกาสให้ ทำไมไม่ดูแลพี่เราให้ดี ทำไมต้องทำให้พี่เราเสียใจ” อินทัชเสียงสูงขึ้นเล็กน้อย

“เราขอโทษ เราผิดเองที่ละเลยพี่ชายไทน์มาตลอด”

“บอกตรงๆ นะ เราไม่รู้สึกดีใจเลยที่รู้ว่านายอยากจะกลับมาคบกับพี่เรา รู้ไหม เทมส์โทรมาร้องไห้กับเรากี่ครั้ง เราต้องปลอบเทมส์กี่ครั้ง เราอยากร้องไห้แค่ไหนที่เห็นพี่เราเสียใจแบบนั้น แต่เราก็ทำไม่ได้ เราจะร้องไห้ให้เทมส์เป็นกังวลไม่ได้” อินทัชบอกอีกฝ่ายเสียงสั่น

 “เรา...” ปาณัสม์พูดไม่ออก เพราะเขาไม่เคยเห็นอินทัชในโหมดอารมณ์นี้มาก่อน ปกติหญิงสาวเอาแต่แขวะเขา กัดเขาบ้าง ตามประสาของคนที่เหม็นหน้ากัน

“รู้ไหม เราขอให้เทมส์เลิกกับนายไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เทมส์ไม่เคยเลิกเลย เราไม่รู้ว่าทำไมเทมส์ต้องทน พอเราถามเทมส์ก็บอกว่านายไม่เคยทำผิดสัญญา สัญญาบ้าบออะไรวะ!” อินทัชระบายออกมาด้วยความอัดอั้น หลุดสบถคำที่ไม่สุภาพออกมาด้วย น้ำตาเม็ดเล็กไหลเอ่อลงมาจากเบ้าตา หญิงสาวใช้นิ้วปาดมันออกอย่างเบามือเพราะกลัวเปื้อนเครื่องสำอาง



ปาณัสม์ไม่รู้ต้องทำตัวอย่างไรเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์นี้ เขาจึงทำเพียงแค่ยื่นผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกไปให้ อินทัชรับมันไว้โดยไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ขอบคุณปาณัสม์เช่นกัน


“รู้ไหม เราไม่ชอบที่นายทำกับพี่เราแบบนั้น ให้พี่เราออกจากงาน ให้พี่เราอยู่แต่ในบ้าน เงินก็ไม่ให้ เทมส์มันต้องหางานพิเศษทำเพราะมันดันปากหนักไม่ขอเงินจากนาย เราเกลียดที่พี่เราเป็นแบบนี้แล้วยังบ้าจี้ เชื่อฟังคำพูดของนายทุกอย่าง เทมส์มันตาบอดเพราะนายคนเดียว”

“ไม่ทำอีกแล้ว เราจะให้อิสระกับจันทร์ ไม่บังคับอะไรอีกแล้ว” ปาณัสม์ตกใจ เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนกระทั่งคำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากปากของอินทัช

“รู้ไหม เทมส์มันบูชาความรัก ดูออกบ้างไหมที่เทมส์ทำตัวให้ความหวังคนอื่นไปทั่ว จริงๆ แล้วมันแค่เรียกร้องความสนใจ เทมส์ชอบทำเหมือนไม่สนใจ ไม่ยี่หระในความรู้สึก แต่จริงๆ มันคิดมากกว่าใคร มันไม่กล้ารักใครเลยแล้วพอเทมส์ได้รัก มันก็ยิ่งกลัว มันกลัวเราไม่รัก กลัวแม่นายไม่รัก และมันกลัวนายไม่รักมันมากที่สุด”


อินทัชกลืนก้อนในลำคอลงไปก่อนจะพูดต่อ “รู้ไหม ว่าเพราะอะไรเทมส์ถึงเป็นแบบนั้น ตอนพวกเราเป็นเด็กทั้งที่หน้าตาเราเหมือนกัน พ่อกับแม่กลับห่วงเรามากกว่าเทมส์เพราะเราตัวเล็ก ผอมกว่าพี่ แม่ดูแลเรามากกว่าเทมส์เพราะกลัวเราป่วย กลัวเราไม่สบาย เทมส์ไม่เคยพูดหรือแสดงอาการอะไรเลย แต่เทมส์นอนร้องไห้ บางคืนก็ละเมอว่าพ่อกับแม่ไม่รักเทมส์เหมือนที่รักไทน์บ้างเหรอ พ่อกับแม่ไม่ใช่ไม่รักเทมส์ เขาแค่เป็นห่วงเรามากกว่าเทมส์เท่านั้น แต่เทมส์ไม่เข้าใจ”

“จันทร์ไม่เคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟังเลย”

“เทมส์ไม่พูดหรอก เทมส์มันปากหนักเหมือนที่มันไม่เคยถามอะไรจากนายเลย ทุกครั้งถ้าเราอยากรู้ เราต้องเค้นถาม เทมส์ถึงจะยอมพูด”

“ต่อไปเราจะถามจันทร์ให้มากขึ้น”

“เรายังไม่ได้บอกว่าจะยอมเปิดโอกาสให้นายอีกครั้งนะปาล พี่เราเจ็บขนาดนั้น คิดว่าเราจะยอมง่ายๆ เหรอ”


ปาณัสม์เริ่มเมื่อยขา เขาจึงเปลี่ยนใจเดินมานั่งเก้าอี้ที่ว่างข้างตัวอินทัช “เราอยากอยู่กับจันทร์จริงๆ แต่ถ้าเขาอยู่กับเราแล้วต้องทุกข์ขนาดนี้ เราไม่ทำแล้วก็ได้ ให้จันทร์เจอคนใหม่คงจะดีกว่า”


อินทัชหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ “ถ้าเทมส์จะรักคนอื่น ป่านนี้คงทำไปแล้ว ตัวเลือกดีๆ เข้ามาก็เยอะ แต่พี่บ้าของเรามันตัดทิ้งหมด ต่อหน้าเรา เทมส์ยิ้มตลอด ทุกการกระทำของเทมส์พยายามบอกเราว่าเทมส์ไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ยิ่งมันไม่ร้องไห้ ยิ่งปกปิดแบบนี้ เรามองหน้าเทมส์ก็รู้ว่ายังรักนาย ตัดนายไม่ขาด นั่นล่ะคือคำตอบที่นายถามเราว่าเทมส์เป็นยังไง” อินทัชถอนหายใจแล้วพูดต่อ

“ถ้านายรับปากว่าจะดูแลพี่เราให้ดีอย่างที่พูดไว้จริงๆ เราก็จะไม่ห้าม” หมดกันอินทัช ทั้งที่จะตั้งป้อมขัดขวางอีกฝ่ายเต็มที่ พอเอาเข้าจริงก็ทำไม่ลง “จะทำอะไรก็รีบทำ ก่อนที่หมามันจะคาบไปแดก”

“พูดไม่เพราะ ถ้าเป็นน้องปัณณ์ เราตีตายเลย”

“กล้าตีหลานเหรอ นายมันอ่อน ไม่กล้าทำหรอก” อินทัชดูถูกอีกฝ่ายทันที

“ถูกของเธอ เอาเข้าจริง เราก็ไม่กล้าตีหลานหรอก” ปาณัสม์ยิ้ม “พอเธอพูดถึงเรื่องหมา...เรารู้เรื่องชัดที่มาจีบจันทร์แล้ว”

“รู้แล้วเหรอ ฉลาดขึ้นเหมือนกันนะ” หญิงสาวพอน้ำตาเหือดแห้งก็กลับเข้าโหมดปากกรรไกรดังเดิม

“เปล่า เราไม่ได้ฉลาดขึ้น ชัดบอกเราเอง” ปาณัสม์สารภาพ

“ชัดเจนคงเอาจริง แต่เสียใจแทนชัดด้วยนะ เราให้เทมส์ไปตัดความหวังของชัดแล้ว และต่อให้เทมส์ไม่มีใคร เราก็จะไม่ยอมให้เทมส์ไปคบกับชัดเด็ดขาด”

“ชัดเจนไม่ได้แย่ขนาดนั้น”

“นี่..” อินทัชเรียกอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ “ชัดเจนเป็นศัตรูหัวใจนายนะ พูดแบบนี้ได้ไง”

“น้องเราเป็นคนดี”

“ถ้าเป็นคนดี คงไม่ตีท้ายครัวพี่ชาย หาเรื่องยุแยงให้คนเขาแตกกันหรอก”

“ยุแยงอะไร” ปาณัสม์ขมวดคิ้วพลางถาม

“นายไม่รู้เรื่องเลยหรือไง” อินทัชจึงเล่าเรื่องที่รู้มาจากฉันทัชให้ปาณัสม์ฟัง ถึงแม้พี่ชายของเธอจะขอร้องไว้ว่าห้ามเล่าให้ใครฟัง แต่ปาณัสม์มีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องนี้เหมือนกันเพราะมันเกี่ยวกับชายหนุ่มโดยตรง

“เราไม่รู้เลย” ปาณัสม์หน้าซีดเผือดเมื่อฟังหญิงสาวเล่าจนจบ

“น้องชายที่นายรัก มันทำนายเสียเจ็บเลยไหมล่ะ”

“ชัดคงโกรธเรามาก ชัดบอกเราเหมือนกันว่าไม่พอใจ ชัดเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เราทำตัวแย่ๆ กับจันทร์” ปาณัสม์พูดอย่างปลงตก “ทุกอย่างมันเกิดจากตัวเราทั้งนั้น”

“ใช่ นายทำทุกอย่างแย่ แต่พี่เราก็ผิดเหมือนกันที่ไม่พูด ไม่ถาม เอาแต่เฉย นายกับพี่เราต้องคุยกันให้มากกว่านี้ ต่อให้ไม่มีชัดเจนในวันนั้นหรือวันไหน ถ้าสองคนยังเป็นอยู่แบบนี้ สุดท้ายก็เลิกกันอยู่ดี”

“อืม เลิกกันครั้งนี้เราได้เรียนรู้อะไรเยอะเลย”

“ใส่ใจกับคู่ของตัวเองหน่อย” อินทัชได้ทีจึงสอนไปอีกหนึ่งข้อ “แล้วก็ขอโทษที่เราเสียงดัง โวยวายร้องไห้ใส่อะ พอดีเราสติแตกไปหน่อย เราไม่เคยพูดเรื่องเทมส์กับใครเลย มันอัดอั้น”

“ไม่เป็นไร เราขอโทษเหมือนกันที่ทำให้เธอต้องทุกข์ไปด้วย”

“ช่างเถอะ ยังไงเทมส์ก็เป็นพี่เรา”

“แล้วไง หายสติแตกยัง อยากให้เรากอดปลอบหน่อยไหม คิดเสียว่าเราเป็นพี่ชายไทน์อีกคนก็ได้”

“จะบ้าหรือไง เทมส์ได้หึงตาย หึงเรานะ ไม่ใช่นาย”

“เรามีน้องชายแล้ว” จู่ๆ ปาณัสม์ก็พูดขึ้น “แต่จริงๆ เราอยากมีน้องสาวอีกคนนะ”

“มาบอกเราทำไม บอกแม่สิ”

“แม่มีไม่ได้ พอคลอดเรา หมอก็ห้ามแม่มีลูกอีก แม่อยากมีลูกสาวลูกชายเพิ่ม เหมือนเราที่อยากมีน้องชายกับน้องสาว ไม่คิดบ้างเหรอว่าแม่รักจันทร์กับเทมส์มาก เพราะตรงตามที่แม่อยากได้นั่นแหละ”

“อย่างนั้นเหรอ”

“อืม แม่อยากได้ลูกแฝดนะ แต่กรรมพันธุ์บ้านเราไม่มีเชื้อแฝดเลย พึ่งหมอหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ จันทร์กับไทน์ทำให้แม่สมหวังนะ รู้ตัวไหม”

“รักแม่จัง” อินทัชพูดขึ้น ต้องขอบคุณฉันทัชที่พาเธอเข้ามาในครอบครัวนี้ ได้เจอกับคุณหญิงกิ่งกานต์ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนยังมีแม่อยู่บนโลกนี้

“ว่าไง ให้เรากอดปลอบไหม น้องไทน์?”

“น้องบ้าอะไรล่ะ ไม่เอา เดี๋ยวเราไปกอดเทมส์ก็หาย” อินทัชปฏิเสธ “ดูให้หน่อย หน้าเราเลอะหรือเปล่า”

ปาณัสม์มองอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบ “ไม่เลอะ”

“แน่ใจ?” อินทัชถามกลับไปแต่ในใจเริ่มหวาดระแวงเพราะกลัวถูกแกล้ง หญิงสาวจึงหยิบกระจกพกพาอันเล็กจากกระเป๋าขึ้นมาส่อง แต่ก็ไม่เจอคราบหรือรอยเลอะบนใบหน้าจริงๆ

“ขอบคุณโลกนี้ที่มีเครื่องสำอางกันน้ำได้ กลับเข้าไปในงานกันเถอะ” อินทัชพูดอย่างสบายใจ





...



“เรื่องหลักมันก็แค่นี้ ส่วนพวกเรื่องจุกจิก ยิบย่อยคงไม่ต้องเล่าหรอกเนอะ” อินทัชบอกก้องภพ แต่ทว่าชายหนุ่มที่นั่งฟังกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง หรือว่าตอนที่ไปฮ่องกงด้วยกันครั้งล่าสุด สาเหตุที่ปาณัสม์มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่อินทัชเพิ่งเล่าให้ฟัง



อันที่จริงเขาคิดว่าเป็นเรื่องอื่นด้วยซ้ำ มันคือเรื่องที่เขารับรู้มาตั้งแต่แรก หากไม่ได้พูดหรือทำอะไรลงไป มีข่าวมาถึงหูเขาว่า ปาณัสม์ได้มีการยกเลิกคำสั่งการผลิตสินค้าส่งออกไปเกาะฮ่องกง แต่คำสั่งยกเลิกก็ถูกเปลี่ยนแปลงกลับกลายเป็นผลิตสินค้าได้อย่างเรียบร้อยและทันเวลา ก้องภพไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่งและไม่ได้สนใจจะไปสอบถามเพราะเห็นว่าหุ้นส่วนของเขาแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เรียบร้อยแล้ว


“เป็นอะไรคุณก้อง ทำไมทำหน้านิ่งแบบนั้น” หญิงสาวถามด้วยความสงสัยที่อีกฝ่ายเงียบไปแต่กลับแสดงสีหน้านิ่งเฉย

“ได้ยินแล้วมันน่าน้อยใจ”

“อะไร”

“คุยกับเทมส์ แทนตัวเองว่าไทน์ คุยกับปาล แทนตัวเองว่าเรา แต่เวลาคุยกับผม แทนตัวเองว่าฉัน” ก้องภพพูดขึ้น

“คุณเป็นอะไรเนี่ย”

“ไหนแทนตัวเองว่าไทน์กับผมสิ”

“บ้าหรือไง จำไม่ได้เลยว่าคุณเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ด้วย” อินทัชรู้สึกเขินขึ้นมาจึงพูดต่อว่าเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเอง

“ตั้งแต่ที่รู้จักผู้หญิงชื่อไทน์”

“เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว ไม่นึกว่าคุณจะมีโมเมนต์อะไรแบบนี้เหมือนคนอื่น”

“แบบไหนครับ?”

“ก็แบบที่งอแงหรืออยากได้อะไรแบบนี้อะ”

“ไม่เคยเป็นเหมือนกัน เพิ่งเคยเป็นเนี่ยแหละ”

“พูดให้ดีใจ?”

“เปล่า ผมพูดจริงๆ จากประวัติผม คุณคงรู้ดี ผมไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้นกับผู้หญิงคนอื่น จริงไหม”

“คงงั้นมั้ง” อินทัชบอก ว่ากันตามตรงเธอก็เห็นพ้องตามที่ก้องภพพูด

“คุณเขินแล้วน่ารักเหมือนกันนะ” ก้องภพพูดอย่างที่ตาเห็น

“บ้าไปใหญ่แล้ว ใครเขินอะไร ไม่มีเสียหน่อย” อินทัชจึงโวยวายมากกว่าเดิมเพราะอายที่ถูกจับได้

“ชอบผมหรือยัง ถ้าชอบผมก็ตอบตกลงคบกับผมเถอะ” ก้องภพเดินหน้าไล่รุกอีกฝ่าย

“นี่ก็มากกว่าคนอื่นแล้ว”

“ไม่คบ?” ก้องภพย้ำถาม “หรือห่วงชื่อเสียง”

“ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอก วงการมายา มันเละเทะไปหมด อีกอย่างถ้าประกาศตัวว่ากำลังคบกับคุณด้วย ฉันคงยิ่งดังเพราะจับคุณได้สำเร็จ” อินทัชหัวเราะ คนในวงการรู้กันทั่วว่าก้องภพเปลี่ยนสาวบ่อยแค่ไหน ชายหนุ่มไม่ใช่เป็นแค่เพียงนักธุรกิจ แต่นามสกุลมารดาที่พ่วงมาด้วยเป็นถึงนามสกุลเก่าแก่ ผู้ดีเก่าที่มีแต่คนนับหน้าถือตา

“แล้วติดอะไร”

“ขอให้คำตอบทีหลังได้หรือเปล่า อยากให้สบายใจหมดห่วงเรื่องของเทมส์ก่อน”

“ถ้าพี่ชายคุณใจแข็งไม่กลับไปคบกับปาลสักที ผมไม่ต้องรอไปอีกนานหรือ”

“รอไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ พอดีฉันไม่รีบ”

“ใครบอกว่าผมรอไม่ได้”

“ไม่รู้สิ แต่ถ้าคุณรอได้ เมื่อถึงตอนนั้น ไทน์จะให้คำตอบคุณแน่นอน โอเคไหม”



========================================

กลับเข้าสู่สถานการณ์เดิมค่ะ

หากสังเกตดีๆ ไทน์กับปาล ไม่เคยเจอกันสักครั้งเลย เพราะเขาไม่ค่อยถูกกันค่ะ

แต่จริงๆ ไม่ได้เกลียดกันน้า



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก


หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 24 Are you happy or pretend to be? หน้า 11 UP!! 2311/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-11-2018 12:09:28
 :-[ คู่ไทม์ คุณก้องก็มา  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 24 Are you happy or pretend to be? หน้า 11 UP!! 2311/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-11-2018 12:11:17
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 24 Are you happy or pretend to be? หน้า 11 UP!! 2311/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-11-2018 13:19:30
ไทน์รักเทมส์มากๆเลยน้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 24 Are you happy or pretend to be? หน้า 11 UP!! 2311/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-11-2018 13:28:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 24 Are you happy or pretend to be? หน้า 11 UP!! 2311/2018
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 23-11-2018 15:40:50
อยากได้แยกคู่ไทน์จัง 555555 คู่เด็กจีนด้วย คู่ชัดด้วย อยากอ่านไปหมดเลยยยย
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 24 Are you happy or pretend to be? หน้า 11 UP!! 23/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-11-2018 09:00:48
ทีนี้คุณก้องจะแค่ลุ้นหรือจะลงมือช่วยคู่จันทร์กับปาล อิอิ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 24 Are you happy or pretend to be? หน้า 11 UP!! 23/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 24-11-2018 11:56:23
ปาลกะไทม์กัดกันดีจริง 555
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 24 Are you happy or pretend to be? หน้า 11 UP!! 23/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 24-11-2018 14:05:30
โถ่คุณก้องมีน้อยใจที่ไทน์แทนตัวว่าฉันด้วย :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 24 Are you happy or pretend to be? หน้า 11 UP!! 23/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 24-11-2018 16:03:56
เป็นคู่ที่ดูมุ้งมิ้งดีจัง
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 24 Are you happy or pretend to be? หน้า 11 UP!! 23/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 27-11-2018 13:14:26

ภาค 25 It’s time to get better




‘เจอกันหน่อยได้ไหมครับ’



ชัดเจนกำลังยืนอ่านข้อความที่ถูกส่งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือของเขา ช่วงจังหวะที่เขากำลังยืนต่อคิวซื้อกาแฟอยู่ที่ร้านในตึกบริษัท และเมื่อพบว่าผู้ส่งเป็นใครทำให้เขายิ่งแปลกใจ หัวสมองตีกันพัวพันไปหมดว่าฉันทัชอยากเจอเขาเพราะอะไร



ชัดเจนเพิ่งเห็นว่าข้อความถูกส่งมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า แต่เขาเพิ่งเห็นตอนใกล้จะสิบโมง ชายหนุ่มกำลังจะกดตอบข้อความกลับไปแต่อีกฝ่ายก็ส่งมาอีกเสียก่อน




‘ผมยืนอยู่ข้างหลังชัด’


CHAN_P sent a photo


‘ซื้อกาแฟให้แล้ว’





ชัดเจนหันหลังกลับไปก็เจอคนที่ส่งข้อความยืนอยู่ด้านหลังเขาจริงๆ ฉันทัชแต่งตัวด้วยชุดทำงาน ยืนถือแก้วกาแฟอยู่ ฉันทัชมาที่นี่ได้อย่างไร ชายหนุ่มเดินออกจากแถวแล้วตรงดิ่งมาหาฉันทัชทันที



“รู้ได้ไงครับว่าผมอยู่ที่นี่” ชัดเจนถามตอนที่รับกาแฟมาจากอีกฝ่ายพลางกล่าวขอบคุณ

“ถามพี่ปอนด์มาน่ะ มานั่งตรงนี้กันเถอะ” ฉันทัชมองหาโต๊ะว่างก่อนจะเดินนำไป

“มาได้ไงครับ”

“คุณก้องมีธุระมาคุยกับพี่ปอนด์นิดหน่อย ผมเลยขอตัวออกมา”

“เหรอครับ”

“เข้าเรื่องดีกว่า ชัดคงสงสัยว่าผมอยากคุยเรื่องอะไร คืออย่างนี้ผมรู้เรื่องโพสต์อิทหรือเรื่องที่ชัดโกหกผมหลายๆ ครั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา”

“ผมไม่ได้โกหก” ชัดเจนแย้ง

“โอเคๆ ผมพูดผิดไปหน่อย หมายถึงเรื่องที่ชัดตั้งใจให้ผมหรือปาลเข้าใจกันผิดก็แล้วกัน”

“ผม..”

“ชัดบอกว่าชอบผม แต่วิธีนี้มันไม่ยุติธรรมเลยรู้ตัวหรือเปล่า ถ้าเราได้คบกันจริงๆ แล้ววันหนึ่งความจริงถูกเปิดเผย ชัดคิดว่าผมยังจะคบชัดต่อไปเหรอ”

“ผมชอบคุณเทมส์จริงๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ที่ผมทำไปก็เพราะผมหวังดีกับคุณนะครับ”

“ชัดแน่ใจหรือว่าหวังดีกับผมจริงๆ ไม่ใช่ทำเพราะหวังผลให้ตัวเอง”

“ผมไม่ปฏิเสธหรอกครับว่าจะไม่คิดถึงผลอะไรเลย แต่ความตั้งใจแรกของผมคือทำให้คุณมีความสุข”

“ทำไมชัดถึงคิดว่าผมไม่มีความสุข”

“คุณปาลไม่ค่อยดูแลคุณไม่ใช่เหรอครับ ปล่อยให้คุณอยู่ที่ห้องตามลำพังคนเดียว คุณอยากไปไหนก็ทำไม่ได้”

ฉันทัชพอได้ยินก็ยิ้มออกมา “ทำไมครับ หรือผมพูดอะไรผิด” ชัดเจนเห็นรอยยิ้มนั้นก็ถามด้วยความไม่เข้าใจ

“ไม่มีใครบังคับผมได้ ถ้าผมไม่ยินดีที่จะทำเอง”

“ครับ?”

“ผมตาบอดเพราะความรักก็จริง ปาลพูดอะไรผมก็ทำตามที่เขาพูด นั่นก็ใช่ แต่จริงๆ แล้ว ผมก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ชัดจำไม่ได้เหรอ ช่วงแรกผมเชื่อเขาที่ไหน ออกไปเที่ยวกับไทน์ตั้งหลายครั้ง”

“พอกลับมาคอนโดคุณเทมส์ก็ทะเลาะกับคุณปาล”

“มันก็มีบ้าง ปาลมันบ่นตามประสานิสัยที่หวงนั่นหวงนี่ แต่ไม่ได้หนักหนาอะไรหรอก เรื่องมันมาหนักขึ้น ตอนที่ใกล้จะเลิกกันแล้วนั่นล่ะ”

 “แล้วทำไมผมไปรับคุณเทมส์ทีไร คุณถึงดูเศร้าตลอด”

“ชัดชอบเอาเรื่องคุณสิมากรอกหูผมไม่ใช่หรือ ก็ต้องมีคิดมากบ้าง” ฉันทัชหัวเราะ “แล้วบางทีผมแปลนิยายหรือบทความอะไรที่มันหดหู่ ดูหนังบ้าง มันก็ต้องเศร้าเป็นธรรมดา ไม่ใช่แค่เรื่องปาลเรื่องเดียวหรอก ชัดอย่าคิดแทนผมสิ ชัดควรจะถามผมมากกว่าว่าตอนนั้นผมเป็นยังไง หรือคิดอะไรอยู่ต่างหาก”

“แต่มันก็ไม่แปลกหรอกที่ชัดจะไม่ถาม เพราะผมเองยังไม่อยากจะถามปาลเลย เราก็คิดเองเออเองอยู่คนเดียวเพราะเราคิดว่าเข้าใจเขาและเข้าใจถูกแล้ว” ฉันทัชยังคงพูดต่อ


ชัดเจนเลือกไม่พูดอะไร เขาเป็นอย่างที่ฉันทัชพูดจริงๆ และยังเชื่อว่าเข้าใจอีกฝ่ายไม่ผิดหรอก ฉันทัชแค่จะหาเรื่องอื่นมาแก้ต่างช่วยปาณัสม์เท่านั้น


“ชัดรู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่ทำลงไปมันไม่ถูกต้อง การทำให้คู่รักแตกหักกันมันผิด ถึงแม้ว่าสาเหตุที่ผมกับปาลเลิกกัน ประเด็นหลักมันไม่ได้มาจากชัดก็ตาม แต่ก็พูดได้อยู่หรอกว่าชัดก็มีส่วน”

“ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าผมทำสำเร็จสิครับ”

“ชัด! มันไม่ใช่เลย ชัดไม่ได้ทำสำเร็จ แต่กำลังทำผิด ชัดควรจะเล่นเกมส์อย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่ทำในตอนนี้มันผิดกติกา ถ้าถูกจับได้ก็ต้องถูกเชิญให้ออกจากการแข่งขัน แล้วตอนนี้ชัดก็ถูกจับได้แล้ว”

“ตั้งแต่ที่คุณเทมส์ปฏิเสธผมวันนั้น ผมก็เหมือนถูกให้ออกจากแข่งขันไปนานแล้ว”

“ที่ผมพูดกับชัดวันนั้น ผมหมายความแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้เกี่ยวกับปาลหรือเรื่องเงิน ฐานะอะไรนั่น และผมอยากให้ชัดลองไปทบทวนคิดดูใหม่ ชัดไม่รู้สึกผิดต่อปาลบ้างเลยเหรอ เขาเป็นพี่ชายคุณนะ”

“เขาเคยเป็นพี่ชายผม กระทั่งผมรู้ตัวว่าผมเป็นแค่ลูกคนสวนในบ้านเขาเท่านั้น” คำพูดของชัดเจนทำให้ฉันทัชตกใจค่อนข้างมาก ในขณะที่ชัดเจนคิดแบบนี้ แต่ปาณัสม์กลับรู้สึกผิดต่อน้องชายแทน


จะบ้าไปกันใหญ่ คนทำผิดดันไม่สำนึก คนถูกกระทำดันรู้สึกผิด


“แปลว่าชัดไม่เคยรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปเลยใช่ไหม”

“ครับ”

“ผมผิดหวังนะ ผิดหวังในตัวชัดมาก ชัดเป็นคนฉลาด ทำงานเก่งเป็นเหมือนมือขวาของพี่ปอนด์กับปาล เป็นเด็กในบ้านที่คุณแม่เห็นเป็นเหมือนลูกหลานแท้ๆ ผมไม่คิดว่าชัดจะตอบแทนพวกเขาด้วยวิธีนี้”

“ไม่เป็นไรครับ คุณเทมส์จะผิดหวังในตัวผมก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงคุณเทมส์ก็ไม่เคยเห็นผมในสายตาอยู่แล้ว” ฉันทัชอยากจะตบหน้าผากตัวเอง ชัดเจนเหมือนไม่รับฟังอะไรที่เขาพูดเลย

“ไม่ว่าผมจะพูดยังไง ก็คงเปลี่ยนความคิดของชัดไม่ได้สินะ ชัดเป็นอย่างที่ไทน์บอกผมไว้ไม่มีผิด ต่อให้พูดไปก็คงเปลืองน้ำลายเปล่าประโยชน์ แต่ผมอยากจะบอกชัดไว้อย่างหนึ่ง อดีตพี่ชายของชัดรักชัดมาก เขาเป็นทุกข์กับการกระทำของชัด และเขาไม่เคยโทษชัดเลยนอกจากตัวเอง ผมฝากเท่านี้ล่ะ ไปนะ” ฉันทัชไม่รอคำตอบหรือรอสังเกตสีหน้าของชัดเจนอีกต่อไป เขาลุกขึ้นแล้วออกจากร้านกาแฟไปอย่างรวดเร็ว





...






“คุณปาลอยู่ไหมครับ” ชัดเจนขึ้นลิฟต์มายังชั้นของปาณัสม์โดยเฉพาะ

“อยู่ค่ะ คุณชัดเข้าไปได้เลยค่ะ” เกศสิรีตอบอย่างรวดเร็ว

ชัดเจนเคาะประตูตามมารยาท กระทั่งได้ยินเสียงอนุญาตจากภายในห้องแล้วเขาจึงเปิดเข้าไปและปิดมันลงอย่างเบามือ


“คุณปาล”

“ชัด?มีอะไรหรือเปล่า” ปาณัสม์แปลกใจ เขาเพิ่งกลับจากฮ่องกงเมื่อวาน ไม่คิดว่าวันนี้ชัดเจนจะมาหาเขาเสียแล้ว
         

ชัดเจนไม่พูดอะไร นอกจากหยิบกระดาษที่ถือมาด้วยวางบนโต๊ะก่อนจะยื่นไปข้างหน้าปาณัสม์


“อะไร”

“อ่านดูสิครับ” ชัดเจนตอบ


ปาณัสม์ไม่แม้แต่จะดู เพราะเขารู้ว่ากระดาษใบนั้นคืออะไร ใบลาออกที่ชัดเจนต้องการจะทำ


“กูเคยบอกแล้วว่าไม่ให้ออก” ปาณัสม์ขยำกระดาษแผ่นนั้นทิ้งอย่างไม่ไยดี

“แต่ผมไม่อยากทำงานกับคุณปาลอีกแล้ว”

“เกลียดกูมากนักเหรอ” ปาณัสม์พ่นลมหายใจออกมา เขาวางปากกาลงพร้อมกับยืนขึ้นเพื่อมองอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

“ผมไม่ได้เกลียดคุณปาล แต่ผมคงทนไม่ไหว ถ้าต้องเห็นคุณเทมส์กับคุณปาลกลับมาอยู่ด้วยกันอีก”

“ถ้ามึงกังวลเรื่องนั้น กูบอกเลยว่าตอนนี้จันทร์ไม่กลับมาอยู่กับกูหรอก และไม่รู้จะมีวันที่เขายอมกลับมาไหม กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“ทำไมครับ”

“จันทร์ไม่ใช่คนที่พอกูไปง้อเขาก็รีบกลับมาทันที เขาไม่ใช่คนแบบนั้น” ปาณัสม์เริ่มปวดหัว เรื่องของฉันทัชก็ยังไม่เรียบร้อย เรื่องชัดเจนก็ยุ่งยากไปอีก “ถ้ามึงลำบากใจ อยากจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกตอนนี้ กูก็ไม่ห้าม แต่กูไม่อนุญาตให้มึงไปอยู่ข้างนอกถาวร และกูอยากให้มึงทำงานที่นี่ต่อไป ตอนนี้มึงก็ช่วยพี่ปอนด์อยู่แล้ว จากนี้ก็ช่วยเต็มตัวไปเลยแล้วกัน”

“แล้วคุณปาลล่ะ?”

“มึงจะห่วงเรื่องของกูทำไม ตะกี้ยังขู่แง่งๆ จะลาออกอยู่เลย”

“ผม..”

“มึงเข้าใจงานบริษัทนี้เกือบจะทุกอย่าง ถ้าไม่มีกู ไม่มีพี่ปอนด์ กูก็เชื่อว่ามึงจะพาบริษัทนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นก็อยู่ที่นี่เถอะ”

“ผมขอคิดก่อนได้ไหม เพราะผมก็รู้สึกลำบากใจ ที่สร้างเรื่องไปแบบนั้น”

“กูไม่ให้คิด มึงอยู่ที่นี่น่ะเหมาะสมที่สุด เพราะมึงควรจะแก้ไขสิ่งที่มึงทำผิด แต่กูขอเพียงข้อเดียวเท่านั้น”

“ครับ?”

“อย่าทำลายความไว้ใจของกูกับพี่ปอนด์อีกครั้งก็พอ ทำได้หรือเปล่า”

“เรื่องคุณเทมส์ ผมไม่ขอโทษหรอกครับ เพราะผมตั้งใจทำจริงๆ แต่เรื่องยกเลิกการผลิต ตั้งแต่ทำลงไปผมกลับไม่สบายใจเลย”

“ดีแล้วที่อย่างน้อยมึงก็ยังรู้สึกผิดอยู่ งั้นมึงยิ่งต้องทำงานช่วยพี่ปอนด์ให้ดี”

“ผมขอโทษ” ชัดเจนยกมือไหว้ปาณัสม์ เขาพูดตรงตามอย่างที่ใจรู้สึกทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเรื่องของฉันทัช เขาจะไม่ยอมขอโทษอีกฝ่ายแน่นอน

“คุณปาลไม่กลัวหรือว่า วันข้างหน้าผมจะทำเรื่องแบบนี้อีก” ชัดเจนหมายถึงเรื่องที่เขาปลอมลายเซ็น

“ต่อให้กูกลัวหรือไม่กลัว แล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ไหมล่ะ แค่ครั้งหน้าถ้ามึงคิดจะทำอีกก็ขอให้สงสารกูบ้างก็พอ

ปาณัสม์เดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหยุดยืนตรงหน้าของชัดเจน เขาตบบ่าให้อภัยน้องชาย

“แล้วจะให้ผมบอกคุณปอนด์ยังไงเรื่องที่ผมจะไปทำงานด้วย”

“ตกลงมึงรับข้อเสนอกูแล้วใช่ไหม ไอ้น้องรัก” ปาณัสม์ค่อยยิ้มออกมาได้หน่อย เขาตบบ่าชัดเจนอีกสองสามครั้งก่อนจะกลับไปนั่งเก้าอี้ประจำตัว

“เรื่องพี่ปอนด์ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวกูคุยเอง ส่วนกูกับมึง เราจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก เรื่องที่แล้วก็ให้แล้วกันไป ทุกเรื่อง

“ทุกเรื่อง?”

“ใช่ ทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องรถที่กูไม่ได้ซื้อให้จันทร์ หรือเรื่องที่มึงกล่าวหากูด้วย ไอ้ชัด ไอ้เวร!” พอพูดถึงเรื่องนี้ปาณัสม์ก็อยากจะถอนคำพูดที่เรียกอีกฝ่ายว่าน้องรักทิ้งไปเสีย

“คุณปาลรู้เหรอครับ” ชัดเจนถาม แต่ก็สงสัยว่าจะเป็นฉันทัชที่บอกให้คนตรงหน้าเขาฟังอย่างนั้นมั้ง หรือปาณัสม์ต่างหากที่เป็นคนบอกฉันทัช


ช่างเถอะ สองคนรู้เรื่องนี้ก็ดีแล้วเหมือนกัน จะได้ชัดเจนทุกอย่างเสียที


“เออ ทำกูเสียแสบ”

“ผมไม่ขอโทษนะ”

“เออ!กลับไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวกูหักเงินเดือน”

“อย่าพาลครับ”

“มึงกล้าพูดว่ากูพาลเหรอ ไอ้ชัด เดี๋ยวมึงจะโดน” ปาณัสม์โวยวาย แต่ชัดเจนกลับไม่ได้แสดงทีท่าหวาดกลัว เขากลับตั้งหลักยืนอยู่แบบนั้น


ปาณัสม์ทำพูดเสียงแข็งไปอย่างนั้นเอง ลึกๆ เขาก็โล่งอกที่อย่างน้อยเรื่องของชัดเจนก็ถูกแก้ไขได้แล้ว และหวังว่าชัดเจนจะไม่ทำลายโอกาสและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาให้ล้มเหลวอีกครั้ง


“ผมเองก็มีเรื่องที่อยากจะขอคุณปาลเรื่องหนึ่งเหมือนกัน”

“ว่ามาสิ”

“ผมไม่ได้รู้สึกยินดีที่คุณปาลจะกลับไปหาคุณเทมส์ เพราะกลัวคุณจะทำให้เขาเสียใจอีก ถ้าคุณเทมส์ใจอ่อนยอมกลับมาจริงๆ อย่าทำให้เขาเสียใจอีกได้ไหมครับ”

“เรื่องของอนาคต กูไม่รู้หรอก เขาอาจจะไม่กลับมาก็ได้ แต่ถ้าเขากลับมาจริง กูไม่สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ทำให้เขาเสียใจอีก แต่กูจะพยายามทำให้ทุกอย่างไม่เป็นเหมือนเดิม ไม่ปล่อยให้เขาต้องอยู่คนเดียว กูจะไม่บ้างานเกินไป ให้อิสระเขา และลดความหวงของตัวเองลง นี่กูก็พยายามอยู่นะ ลูกชายท่านประธานหลี่ตามจีบจันทร์อยู่ มึงรู้ไหม” พอพูดถึงศัตรูหัวใจ ปาณัสม์ก็เริ่มเซ็ง

“เท่าที่เห็นจากครั้งก่อน ก็น่าจะใช่”

“เออ จันทร์ชอบเด็กนั่น ดูก็รู้”

“ก็ดีแล้วนี่ครับ คุณเทมส์จะได้ไม่กลับมาหาคุณปาล”

“ไอ้ชัด!!” ปาณัสม์หงุดหงิดเพิ่มขึ้น ชัดเจนไม่ได้เข้าข้างเขา

“ครับ?” ชัดเจนส่งเสียงรับด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อน

“เออ กูก็ลืมไปว่ามึงคงดีใจ ถ้าจันทร์จะไม่กลับมาคบกับกู”

“ผมไม่อยากพูดให้คุณลำพองใจหรอก” ชัดเจนพ่นหายใจออกมา “แต่คุณชายหลี่น่ะ เหมือนใครรู้ไหมครับ”

“ใคร?”

“คุณปาลตอนอายุเท่านั้นไงครับ”

“ไม่เห็นเหมือน” ปาณัสม์เบ้ปากเล็กน้อย อีกทั้งส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “กูดูดีกว่าตั้งเยอะ”

“ผมไม่ได้หมายถึงหน้าตา”

“แล้วหมายถึงอะไร” ปาณัสม์ถามเพื่อขอความกระจ่าง

“นิสัยไงครับ ตอนนั้นที่คุณปาลอยู่กับคุณเทมส์แรกๆ ก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือไง”

“ไม่ใช่หรอก กูไม่จ๊ะจ๋า อี๋อ๋อ ขนาดนั้น ทำตัวติดกันแทบจะสิงร่างกัน ไม่ใช่กูแน่ๆ กูไม่มีทางทำแบบนั้น” ปาณัสม์ยืนยันเสียงแข็ง “เดี๋ยวนะ นี่มึงยิ้มแบบนี้คงสะใจใช่ไหม” เขายกมือชี้หน้าหมายจะเอาเรื่องชัดเจน

“ผมจะไม่เถียงกับคุณปาลต่อหรอกครับ มันเสียเวลา แต่ถ้าคุณมีเวลาลองถามคุณหญิง พ่อผมหรือคุณปอนด์ดูก็ได้ว่า ช่วงแรกๆ ที่คุณพาคุณเทมส์มาที่บ้าน คุณเป็นแบบไหน” ชัดเจนบอกทิ้งท้ายก่อนจะเดินหนีออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวอีกฝ่ายจะรั้งเขาไว้

“ไอ้ชัด มึงกลับมาก่อน”


ปาณัสม์เรียกชัดเจนเอาไว้จริงๆ อย่างที่ชายหนุ่มคิด แต่ชัดเจนไม่คิดจะหยุดจนกระทั่ง เจ้าตัวออกไปนอกห้องแล้วนั่นแหละ จึงชะโงกหน้าเข้ามา อีกครั้ง


“ไม่ได้อยากช่วยเหลือหรอก แต่คุณเทมส์น่ะตอนนี้อยู่ที่บริษัทนะครับ”

“แล้วทำไมเพิ่งมาบอกวะ”

“ป่านนี้คงกลับไปแล้วล่ะมั้งครับ” ชัดเจนพูดทิ้งท้ายก่อนจะปิดประตูลงอย่างฉับพลัน ไม่รอฟังคนในห้องก่นด่าออกมา


ปาณัสม์รีบปิดแฟ้มลงอย่างรวดเร็ว เขาคว้าโทรศัพท์แล้วพุ่งตรงไปยังประตูที่ถูกปิดเมื่อสักครู่นี้ แต่มือยังไม่ทันจะได้แตะต้องที่จับ บานประตูใหญ่ก็ถูกเปิดเข้ามาเสียก่อนจากใครบางคน หากปาณัสม์เดินเร็วกว่านี้ ประตูนั้นคงต้องกระทบกับใบหน้าเขาเป็นแน่

“โอ๊ะ โทษที โดนตรงไหนหรือเปล่า” คนที่ถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามารีบร้องบอกโดยเร็วเมื่อเห็นว่าการกระทำของตนเกือบทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ

“ไม่ ไม่โดน โชคดีที่ปาลหลบทัน” ถึงจะบอกไม่เป็นไร แต่เขาก็รู้สึกเสียววาบไปเหมือนกัน เพราะถ้าโดนศีรษะของเขา คงแย่แน่ๆ

“ลืมตัวไปหน่อย”

“ไม่เป็นไร จันทร์มาได้ไง กำลังจะไปหาอยู่พอดี”

“มาชวนไปกินข้าว”

“หืม?” ปาณัสม์แปลกใจ ไม่น่าเป็นไปได้

“ไปไหม?” ฉันทัชทวนถามซ้ำ

“ไม่ไปได้ไง” ปาณัสม์ยิ้ม

“ก็ว่างั้น”

“แล้วพี่ก้องล่ะ”

“เจ้านายเทมส์ใจดี อนุญาตให้ไปกินข้าวกับหุ้นส่วนบริษัทแค่สองคน”

“ไปเลยไหม”

“เอาสิ”




========================================

ตอนนี้ราบเรียบปิดคดีค่ะ สามตอนหลังที่เหลือจะเป็นพระนายล้วนๆ แล้ว

เจอกันวันวันศุกร์ค่ะ



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 25 It’s time to get better หน้า 11 UP!! 27/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 27-11-2018 14:28:36
ออร่าความรักลอยมาแล้ว  :mew3:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 25 It’s time to get better หน้า 11 UP!! 27/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-11-2018 14:29:40
 o13
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 25 It’s time to get better หน้า 11 UP!! 27/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-11-2018 14:57:18
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 25 It’s time to get better หน้า 11 UP!! 27/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-11-2018 15:01:41
เทมส์  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 25 It’s time to get better หน้า 11 UP!! 27/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-11-2018 15:47:37
 :impress3: เดินหน้าง้ออีกนิด เทมส์ใกล้ใจอ่อนเเล้ว
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 25 It’s time to get better หน้า 11 UP!! 27/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 27-11-2018 18:28:35
วู้ๆๆๆ หมั่นไส้ปาลอ่ะ  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 25 It’s time to get better หน้า 11 UP!! 27/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: idee ที่ 27-11-2018 21:51:52
คุณคนเขียนนน เราชอบจันทร์มากกก
ชอบจนจากที่คิดว่าอยากให้งอนปาลต่อ เราอยากให้คืนดีกันแล้วเพราะจันทร์คงจะมีความสุข ฮืออออ

ชัดเจนกับปาล ถ้าไม่มีปมเรื่องครอบครัว น่าจะเป็นคู่พี่น้องที่สนิทและซี้กันมากๆ อาจจะถึงขนาดแย่งจีบจันทร์กันเลยด้วยซ้ำ
อยากให้เขียนถึงปมนี้ต่ออีกนิดจังเลยค่ะ ยังไม่อยากให้จบเลยย

เป็นกำลังใจให้นะคะ จะติดตามต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 25 It’s time to get better หน้า 11 UP!! 27/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 28-11-2018 21:06:44
 :hao6: จะหวานกันละเหรอ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 25 It’s time to get better หน้า 11 UP!! 27/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 30-11-2018 10:06:28
เทมส์จะใจอ่อนมั้ยยยยยน้า

ขอบคุณทุกคนมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 25 It’s time to get better หน้า 11 UP!! 27/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 30-11-2018 10:09:52


ภาค 26 Lullaby




            “เมื่อเช้าเทมส์ไปคุยกับชัดมา” ฉันทัชเริ่มเล่าเมื่ออาหารคำแรกหย่อนลงกระเพาะไปแล้ว

            “คุยอะไรกับชัด”

            “ก็เรื่องวุ่นๆ พวกนี้”

            “จันทร์ไม่น่าต้องมาเดือดร้อน ปาลคุยกับชัดไปแล้วเหมือนกัน”

            “งั้นหรือ แล้วเรียบร้อยดีไหม”

            “เรียบร้อยแล้ว ชัดยังจะทำงานที่นี่ต่อ” ปาณัสม์ยิ้มก่อนจะตักอาหารตรงหน้าให้อีกฝ่าย

            “ปาลแน่ใจแล้วเหรอว่าชัดจะไม่ทำอีก”

            “เชื่อว่าชัดคงไม่ทำอีกหรอก ปาลเป็นพี่ชายของชัดนะ ครั้งหน้าเขาคงคิดมากกว่านี้”

            “ปาลอาจจะคิดว่าชัดเป็นน้อง แล้วชัดล่ะ คิดว่าปาลเป็นพี่หรือเปล่า”

            “พูดอะไรอย่างนั้น ชัดอาจจะดื้อไปบ้าง แต่ชัดไม่ทำอีกแล้ว เชื่อปาลนะ”


            ฉันทัชลอบมองอีกฝ่าย เอาเถอะ พูดไปตอนนี้ก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา ชัดเจนคงไม่กล้าทำอีกแล้วก็ได้ เขาอาจจะกังวลมากไปเอง

            “เราไม่คุยเรื่องชัดแล้วได้ไหม”

            “ทำไมล่ะ” ฉันทัชถามกลับ

            “มัวแต่คุยเรื่องชัด จนไม่ได้คุยเรื่องของเราเลย”

            “ไม่เห็นเป็นไร”

            “ไม่ได้ แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จันทร์จะใจอ่อนกันเล่า”

            “เทมส์คิดว่าเราคุยเรื่องนี้จบไปตั้งแต่ที่ฮ่องกงแล้วเสียอีก” ฉันทัชตักข้าวเข้าปากไปอีกคำด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ได้เคร่งเครียด

            “ปาล...”

            “เทมส์พูดไปแล้ว ปาลก็พยายามหน่อยแล้วกัน เริ่มจากเป็นเพื่อนกันก่อนดีไหม” ฉันทัชเสนอ

            ปาณัสม์หรี่ตาลงพลางส่ายหน้า “อย่าเอามุกที่ใช้กับคนอื่นมาใช้กับปาล คนเคยอยู่ด้วยกัน มีสัมพันธ์มากกว่าเพื่อน กลับมาเริ่มต้นด้วยความรู้สึกแบบเพื่อนไม่ได้หรอก”

            “งั้นก็ไม่ต้องเริ่ม ไม่ต้องเป็นอะไรทั้งนั้น เป็นเหมือนปีที่ผ่านมาก็แล้วกัน เป็นคนไม่รู้จักกัน”

            “ไม่เอา”

            “นั่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอา” ฉันทัชเริ่มอิ่มเสียแล้ว พอเจอปาณัสม์ในโหมดปกติ ไม่ใช่อ่อนแอ เขาจึงกำลังรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่เป็นคนริเริ่มชวนอีกฝ่ายออกมาทานข้าวด้วยกัน

            “จันทร์ทำได้จริงๆ เหรอ มองปาลเป็นเพื่อนได้จริงๆ ใช่ไหม ถ้าเป็นแค่เพื่อน ปาลไปไหนกับใคร ผู้หญิงคนไหน จันทร์ก็จะไม่โกรธ ไม่รู้สึกอะไรเลยใช่หรือเปล่า”

            พอถูกย้อนคำถามกลับมา ฉันทัชถึงกับอึกอัก “เทมส์ไม่อยากคุยเรื่องนี้ที่นี่”

            “อืม ไม่อยากคุยเรื่องนี้ที่นี่นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่จันทร์อยากหนีมากกว่า” ปาณัสม์เอื้อมมือไปคว้ามืออีกฝ่ายมาจับไว้ “ไม่เอาแบบนี้สิครับ ไม่หนีปาลได้ไหม”

            “อิ่มหรือยัง คิดเงินเลยไหม​” ฉันทัชดึงมือกลับ ก่อนจะถามเรื่องอื่นแทน

            ปาณัสม์ถอนหายใจ เขาพยักหน้าก่อนจะเรียกพนักงานมาคิดเงินตามที่อีกฝ่ายต้องการ

            “เดี๋ยวกลับบริษัทเลยใช่ไหม” ปาณัสม์หมายถึงบริษัทของก้องภพ

            “ใช่”

            “ต้องรอกลับพร้อมพี่ก้องหรือเปล่า”

            “เปล่า เทมส์กลับเอง”

            “ปาลไปส่งนะ”

            “อืม” ฉันทัชรับคำ เพราะไม่อยากปฏิเสธอีกฝ่ายให้เป็นเรื่องวุ่นวาย

            “แล้วตอนเย็น ปาลจะมารับ ห้ามหนีกลับก่อน ถ้าหนีกลับ จะเจอกับอะไร คงรู้ใช่ไหม”


            ฉันทัชนั่งนิ่งไม่ตอบ เวลาที่ปาณัสม์ไม่พอใจยังทำให้ฉันทัชกลัวอยู่เช่นเดิม ไม่ใช่กลัวอีกฝ่ายจะทำร้ายร่างกายเขาหรอก ปาณัสม์ไม่มีนิสัยอย่างนั้น แต่มันจะเป็นเรื่องบนเตียงเสียมากกว่า ฉันทัชมุ่นคิ้ว แต่เราก็เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ ปาณัสม์ย่อมต้องไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับเขา


            ใช่ อีกฝ่ายจะมาทำกับเขาแบบนี้ไม่ได้


            “ถึงจะเลิกกันแล้ว จันทร์อย่าคิดว่าปาลไม่กล้าทำ” ไม่ต้องให้ฉันทัชได้ครุ่นคิดต่อ ปาณัสม์เฉลยให้ ราวกับรู้ว่าฉันทัชกำลังคิดอะไรอยู่

            “ก็..ไม่ได้คิดอะไร” ฉันทัชเฉไฉ

            “แล้วเข้าใจหรือเปล่า”

            “เข้าใจอะไร”

            “เข้าใจว่าปาลจะมารับตอนเย็น”

            “อ้อ..เข้าใจสิ เข้าใจอยู่แล้ว” ฉันทัชยิ้มให้ แต่ก็ดูเป็นรอยยิ้มที่เฝื่อนเต็มที





            ...





            “ช่วงนี้ คนบางคนมีสารถีมารับส่งทุกวัน น้องคนนี้ไม่ได้บริการรับใช้เลย ตกกระป๋องเสียแล้วเรา” อินทัชพูดขึ้นในวันเสาร์ตอนที่มื้อเช้ากำลังจะเริ่มขึ้น

            “จะพูดอะไรก็พูดมาเลย อย่ามาพูดแบบนี้” ฉันทัชดุ พลางวางจานข้าวผัดของโปรดของอินทัชลงตรงหน้าหญิงสาว

            “ไม่ซื้อรถแล้วหรือไง” ฉันทัชเกร็งตัวรับคำถามของน้องสาว ผิดคาดที่อีกฝ่ายดันกลับถามถึงรถยนต์

            “ซื้อสิ ต้องซื้ออยู่แล้ว”

            “เมื่อไหร่ ไปซื้อเลยไหม” อินทัชเร่ง

            “พรุ่งนี้”

            “บทจะไวก็ไวทันใจ แต่พรุ่งนี้ไทน์มีงานอะ ไปด้วยไม่ได้ ไปวันอื่นได้หรือเปล่า” อินทัชแปลกใจ ไม่คิดว่าพี่ชายจะตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เพราะเธอแค่ตั้งใจกระตุ้นเตือนเฉยๆ

            “ไม่เป็นไร เทมส์ไปได้ ไม่ต้องห่วง”

            “แล้วเทมส์จะไปยังไง ไปดูคนเดียว ไม่มีใครช่วยติ ช่วยเลือกเลยนะ” อินทัชบอกด้วยความเป็นห่วง

            “เปล่า ไปกับปาลน่ะ”

            “โอ๊ะ โอ ถ้าไปกับปาล แล้วมันไม่ซื้อให้ ไม่ต้องไป” อินทัชแกล้งขู่พี่ชาย

            “เดี๋ยวเลือกคันแพงๆ มาก็แล้วกัน พอใจไหม”

            “ดีแล้ว ไม่ได้อยากให้เทมส์เป็นคนโลภหรอกนะ แต่ถ้าเทมส์ซื้อเอง คงเป็นรถญี่ปุ่นอีโคคาร์ทั่วไป เพราะเทมส์คงเสียดายเงิน แล้วรถยิ่งราคาถูก ความปลอดภัยมันก็ยิ่งต่ำลงมาตามราคา ไทน์เป็นห่วง ปาลมันซื้อให้ก็ดีเหมือนกัน เจ้านั่นมันแค่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องเงิน แต่มันไม่ขี้เหนียว มันบื้อ” อินทัชเอ่ยชมปาณัสม์แต่ก็ไม่วายที่จะกระทบกระเทียบอีกฝ่ายอยู่ดี

            “รู้แล้ว”

            “แล้วนี่ตกลงยังไง”

            “อะไรยังไง?”

            “กับปาลไง จะกลับไปคบเหรอ ตอนนั้นเจ็บมากเลยนะ ร้องไห้ตั้งเยอะ” อินทัชยกเรื่องอดีตขึ้นมาเตือนความจำ

            “บอกให้เอาเงินจากเขาไปซื้อรถ แต่ไม่อยากให้กลับไปคบ โหดชะมัด”

            “คืนดีกันแล้ว?” อินทัชทำตาโต

            “ใครบอก”

            “อ้าว ไม่ใช่เหรอ”

            “ยังหรอก ยัง”

            “แต่ก็ไม่นานมั้ง ไทน์นึกว่าใจเทมส์มันเอียงไปทางนั้นเกือบหมดแล้วเสียอีก” อินทัชเดาพลางเย้าพี่ชายไปพร้อมกัน

            “รู้ดีกว่าเทมส์เสียอีก”

            “อ๊ะ แน่นอน ไม่งั้นจะเป็นน้องที่ตามออกมาได้ไง”

            “เทมส์กลัว ไม่กล้ากลับไป ตอนนั้นทั้งเครียด ทั้งเหนื่อย กังวลใจ ทะเลาะ ทุกเรื่อง เทมส์ไม่อยากเจอมันอีก” ฉันทัชสารภาพ

            “คิดไหมว่าปาลมันก็กลัว”


            ฉันทัชเอียงคอมองน้องสาว สบตาอีกฝ่าย “สรุปว่าอยู่ข้างไหนกันแน่ ตะกี้ยังไม่อยากให้เทมส์กลับไป สักพักก็ดูจะเข้าอกเข้าใจปาลเสียอย่างนั้น”


            “ไทน์เดาเอา” อินทัชบอก “เดาจริงๆ ไทน์แค่รู้สึกว่า ในเมื่อเทมส์ยังกลัวที่จะเริ่มต้นเลย แล้วปาลล่ะ ไม่กลัวหรือไง อย่าลืมนะว่า ก่อนเลิกกันเรื่องนี้ คนผิดไม่ใช่แค่ปาลหรือเทมส์ แค่คนเดียว แต่เป็นทั้งคู่”


            ฉันทัชถือช้อนค้าง พลางมองออกไปที่หน้าบ้านเหมือนต้องการใช้ความคิด


            “ปาลมันเลือกที่จะทิ้งความกลัวแล้วสู้ใหม่ ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก ดูเรื่องชัดเจนสิ ขนาดชัดทำกับปาลถึงขนาดนั้น มันยังให้อภัยเลยอะ คนที่ถูกคนไว้ใจหักหลัง กลับขาวเป็นดำ ยังไงก็ต้องกลัวอยู่แล้ว แต่ปาลมันเป็นแบบนี้ไง บางทีมันก็ฉลาดกับหัวใจและสมองตัวเองเหมือนกัน รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร”

            “ไทน์” จู่ๆ ฉันทัชก็เรียกอีกฝ่ายเพราะสะดุดคำพูดบางอย่าง

            “ไงจ๊ะ ฮันนี่”

            “ปาลรู้เรื่องชัดที่พูดเบือนความจริงแล้วเหรอ”

            “ใช่ ไทน์บอกเองแหละ”

            “บอกทำไม”

            “ปาลมันควรรู้นะเทมส์ ว่าชัดทำอะไรไว้บ้าง ถ้าปาลต้องอยู่กับความไม่รู้ มันจะรับมือแล้วแก้ปัญหาได้ยังไง จริงไหม”

            “อ่า..เหรอ”

            “ทำไมล่ะ เทมส์กลัวอะไร”

            “ไม่ใช่เรื่องอะไรของเทมส์หรอก แค่ไม่อยากให้ปาลต้องผิดใจกับชัดมากไปกว่านี้”

            “ปาลโตแล้ว ก็อายุเท่าเรานี่นะ” อินทัชหัวเราะ “ให้มันตัดสินใจเอง เป็นห่วงล่ะสิ อีกอย่างชัดเองก็ทำผิด เราไม่ควรปกป้องคนผิด”

            “จริงๆ แล้วบอกไปก็ดีเหมือนกัน เทมส์เองก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหมือนคนโกหกอะ”

            “ไทน์เห็นด้วยกับบางอย่างที่เราไม่รู้ไม่เห็นจะดีกว่า แต่บางเรื่องมันควรบอก ช่างแต่งหน้าเคยมาปรึกษากับไทน์ว่าเห็นสามีของเพื่อนไปกับผู้หญิงอื่น แล้วนางก็ไม่แน่ใจไงว่าควรจะบอกเพื่อนดีไหม กลัวแบบถ้าเขารู้ไส้รู้พุงกันดีอยู่แล้วล่ะ เราจะกลายเป็นหมาหรือเปล่า”

            “แล้วไทน์บอกเขาไปว่าไง”

            “ไทน์บอกว่าควรบอกอะ แต่ถ้าเพื่อนรับรู้อยู่แล้วหรือรับได้ก็เป็นเรื่องของเขาที่ไม่เกี่ยวกับเราแล้ว ไทน์แค่คิดว่าหน้าที่ของเพื่อนคืออะไรล่ะ ควรเตือน ควรบอกเพื่อนหรือเปล่า”

            “อืมก็จริง” ฉันทัชพยักหน้าเห็นด้วย

            “มีเรื่องเดียวที่ไทน์ทำผิดไม่รู้หน้าที่ก็คงเป็นเรื่องเทมส์นั่นแหละ”

            “หืม?”

            “ไทน์บอกให้เทมส์เลิกกับปาลเสมอ จำได้หรือเปล่า”

            “จำได้”

            “ทั้งที่ไทน์ไม่มีสิทธิ์เลยนะว่าไหม ไทน์เป็นแค่น้อง แต่คนที่เจอปัญหาเป็นเทมส์ อันที่จริงไทน์ควรจะช่วยเทมส์แก้ปัญหามากกว่าซ้ำเติมเทมส์”

            “คิดอะไร นี่อย่ามาดึงเข้าดราม่า ไทน์ก็ช่วยเตือนสติเทมส์ตั้งหลายครั้ง” ฉันทัชเตรียมแก้ไขสถานการณ์

            “แรกๆ ยุให้เลิกไม่รู้เท่าไหร่ ตอนหลังไทน์ก็ไม่อยากให้เทมส์เครียดไปกว่าเดิมเลยคอยเตือน แต่พอนึกๆ ดูหลายเหตุการณ์ ที่เจอกัน ทำให้ไทน์คิดว่า ทั้งที่เทมส์มีไทน์ไว้ค่อยปรึกษา แต่ไทน์กลับทำได้ไม่ดีและเข้าขั้นแย่ ไทน์ขอโทษนะ”

            “ขอโทษทำไม ไม่เอาๆ พอๆ” ฉันทัชลุกขึ้นไปกอดน้องสาวที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะ “เทมส์ไม่เคยโกรธ ไม่เคยเก็บเรื่องพวกนี้มาโทษไทน์เลย ไม่เคยคิดอะไรแบบนี้ด้วย เพราะฉะนั้นไทน์ห้ามคิดอะไรบ้าๆ แบบนี้อีก และนี่เป็นคำสั่งของพี่ชาย”

            “อือ”

            “ดีมาก ถ้ายังคิดอะไรเพ้อเจ้ออีก จะโกรธจริงๆ และโกรธมากด้วย”   

            “เข้าใจแล้ว”

            “แล้ววันนี้วันเสาร์ อยู่บ้านหรือไง” ฉันทัชเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ

            “เปล่า เดี๋ยวคุณก้องมารับ จะพาน้องกายไปกินไอติม”

            “ครอบครัวสุขสันต์เสียจริง ดีจังไม่ต้องท้องก็มีลูกทันใช้” ฉันทัชเย้าแหย่น้องสาวคืนบ้าง

            “ครอบครัวอะไรล่ะ ไทน์สัญญากับน้องกายไว้ต่างหาก พูดอะไรของเทมส์เนี่ย ไม่คุยด้วยแล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า” อินทัชหลบอาการหน้าร้อนของตัวเอง รีบหนีขึ้นไปข้างบน

            “ไทน์” ฉันทัชตะโกนเรียกน้องสาวจากทางด้านล่าง

            “ว่าไง”

            “เทมส์ยืมรถนะ จะไปหาน้องปัณณ์” พอน้องสาวเอ่ยถึงเด็กชาย ทำให้ฉันทัชนึกถึงเด็กหญิงขึ้นมาบ้าง ไม่เจอกันนานเท่าไหร่แล้ว ไม่รู้ว่าน้องปัณณ์จะคิดถึงอาจันทร์บ้างไหม

            “จ้ะ ฮันนี่ กุญแจรถวางอยู่ที่เดิม”

            “โอเค”




            ....



            “อาจันทร์ขา” เสียงเด็กหญิงส่งเสียงเจื้อยแจ้วเสียงดังโดยที่อาจันทร์เจ้าของชื่อยังไม่ทันจะได้นั่งบนโซฟาในห้องรับแขกบ้าน

            “ว่าไงคะ คนเก่ง เป็นเด็กดีหรือเปล่า”

            “เป็นเด็กดีค่ะ เด็กดีมากด้วย”

            “สวัสดีครับ พี่ปอนด์ พี่เกด” สองสามีภรรยาเดินตามหลังบุตรสาวมาอย่างไม่รีบร้อน

            “จ้ะ หายหน้าหายตาไปเลย สบายดีนะเทมส์” ชลพิการับไหว้แล้วเอ่ยถาม

            “ครับ”

            “วันนี้ลมอะไรหอบมาล่ะ” ศรารัณเอ่ยถามบ้าง

            “ลมคิดถึงน้องปัณณ์ครับ” ฉันทัชยิ้ม พลางเขี่ยแก้มหลานสาวที่กอดเอวแน่น

            “งั้นเราปล่อยให้อาหลานเขาใช้เวลาด้วยกันดีไหมคะพี่ปอนด์ เกดว่าตอนนี้ลูกสาวคงไม่สนใจเราแล้วล่ะค่ะ” ชลพิกาออกความเห็น

            “อืม พี่ก็ว่างั้น” ศรารัณรับคำกับภรรยาสาวก่อนจะหันมาทางฉันทัชอีกครั้ง “อ้อ เจ้าปาลมันไม่อยู่หรอกนะ ไม่ต้องห่วง ส่วนแม่ก็กำลังงีบกลางวันอยู่บนห้องอีกสักพักคงลงมา ถ้ารู้ว่าลูกรักมา คงตื่นเดี๋ยวนี้เลยล่ะ” พี่ชายคนโตของบ้านว่าพลางหัวเราะก่อนจะขอตัวออกไปดูบุตรชายคนเล็ก

            “อาจันทร์ขา”

            “ว่ายังไงคะ”

            “คิดถึงอาจันทร์จังเลยค่ะ” เด็กหญิงอ้อนพลางกอดเอวผู้เป็นอาต่างสายเลือดแน่นขึ้นไปอีก

            “อาก็คิดถึงน้องปัณณ์เหมือนกันค่ะ ไหนให้อาดูหน่อยสิว่าตัวสูงขึ้นหรือเปล่า” ฉันทัชปลดมือของหลานสาวและย่อตัวลงเพื่อให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน

            “หนูสูงขึ้นนะคะ คุณครูบอกว่าสูงขึ้นสองเซนต์”

            “อืม สงสัยจะจริง” ฉันทัชว่าตาม ไม่เจอพักเดียวเด็กหญิงเริ่มสูงขึ้นใกล้จะเป็นเด็กสาวแรกรุ่นเต็มที

            “อาไทน์ล่ะคะ”

            “อาไทน์ติดงานค่ะ เหมือนเดิม” ฉันทัชคร้านจะอธิบายว่าอินทัชไปรับน้องกาย ถ้าหากน้องปัณณ์รู้ ก็กลัวว่าหลานสาวอาจจะน้อยใจ

            “ว้า ติดงานเหมือนอาปาลตลอดเลย” น้องปัณณ์ทำปากยู่เพราะคุณอาสายเลือดเดียวกันก็ไม่ค่อยอยู่ให้เห็นหน้าเช่นกัน

            “ไว้คราวหน้าอาจันทร์ จะให้อาไทน์มารับไปกินไอติมนะคะ”

            “อาจันทร์ก็ต้องมานะคะ แล้วกายด้วยก็ได้ค่ะ”

            “ไม่กลัวน้องกายแย่งไอติมเราอีกหรือ” ฉันทัชแซว

            “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ากายแย่ง น้องปัณณ์ก็จะบอกอาจันทร์ดีไหมคะ”

            “เก่งมากค่ะ โตขึ้นอีกนิดแล้วนะเรา” ฉันทัชลูบศีรษะเด็กหญิงด้วยความรัก ความเอ็นดูเหมือนเช่นเดิม คิดๆ แล้วก็เริ่มใจหาย เลี้ยงมาตั้งแต่ยังคลาน เริ่มเดินได้ก้าวสั้นๆ ตอนนี้ตัวโตสูงขึ้นเลยเอวเขามาแล้ว

            “แต่หนูอยากให้อาจันทร์กับอาปาลพาไปกินไอติมมากกว่า” จู่ๆ เด็กหญิงก็พูดขึ้นมา ฉันทัชแปลกใจกับคำพูดหลานสาว

            “ทำไมหรือคะ”

            “ถ้าอาจันทร์กับอาปาลไปด้วยกัน ก็จะเอาใจหนูคนเดียว แต่ถ้าอาไทน์มาด้วย บางทีอาไทน์ก็ไม่ตามใจหนู” ฉันทัชโล่งใจเมื่อได้ยินคำตอบของน้องปัณณ์ นึกว่าอะไรที่แท้ก็อยากถูกตามใจนี่เอง



            ฉันทัชตามใจหลานสาวน้อยกว่าปาณัสม์ แต่ก็ยังใจอ่อนอยู่ดี ผิดกับอินทัชที่มักจะขัดฉันทัชอยู่หลายครั้งที่เห็นว่าเรื่องที่จะตามใจนั้นไม่สมควร ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่เอาเข้าจริง น้องปัณณ์ถูกตามใจน้อยกว่าบ้านอื่นอยู่มากโขเพราะทุกคนกลัวเด็กหญิงจะเสียนิสัยติดตัวไปกระทั่งโต

            “อาไทน์ชอบแกล้งหนู” เด็กหญิงย้ำอีกครั้ง

            “อาไทน์รักน้องปัณณ์น้า เห็นน้องปัณณ์น่ารักก็เลยแกล้ง” ฉันทัชแก้ตัวแทนน้องสาว

            “ถ้าตอนบ่ายอาปาลกลับมาทัน อาจันทร์กับอาปาลพาหนูไปกินไอติมได้ไหมคะ” เด็กหญิง
สบโอกาสหาจังหวะทวงขอได้เป็นผลสำเร็จ

            “ร้ายนะเรา” ฉันทัชบีบจมูกของหลานสาวทีหนึ่งไม่แรงนัก พอให้รู้สึกถึงความมันเขี้ยว

            “ได้ไหมคะ หนูไม่ได้ไปกินไอติมกับอาจันทร์แล้วก็อาปาลนานแล้ว”

            “ต้องรอถามอาปาลก่อนนะคะ ว่าอาปาลจะกลับมาทันไหมแล้วเหนื่อยหรือเปล่า ตกลงไหม” ฉันทัชใจอ่อนกับหลานสาวอีกครั้งหนึ่ง

            “ได้เลยค่า หนูไปยกน้ำกับขนมมาให้นะคะ”

            “อาจันทร์ขอไปหาคุณย่าก่อนได้ไหมคะ” ฉันทัชหมายถึงคุณหญิงกิ่งกานต์ เจ้าของบ้านที่ยังนอนหลับอยู่ข้างบน

            “ค่า งั้นเดี๋ยวหนูไปขอพ่อปอนด์กับแม่เกดด้วย ดีใจจังเลย” เด็กหญิงศราลักษณ์หอมแก้มฉันทัชอย่างตั้งใจ ก่อนจะวิ่งตัวปลิวไปหาพ่อและแม่เพื่อขออนุญาตไปข้างนอก


            ฉันทัชมองเด็กหญิงวิ่งจนหางเปียสองข้างขยับขึ้นลง ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับภาพนั้นก่อนจะเลยขึ้นไปห้องนอนของคุณหญิง


            ชายหนุ่มเคาะประตูสองสามครั้งแต่ไม่ได้ดังนัก ก่อนจะเปิดเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาต ถ้าหากคุณหญิงหลับอยู่ ฉันทัชก็จะได้ปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบดังเดิม แต่พอชะโงกหน้าเข้าไป เขาก็เห็นคุณหญิงลุกขึ้นนั่งเสมือนว่าตื่นขึ้นมาพักใหญ่แล้ว


            “อ้าว เทมส์..แม่กำลังจะลงไปหาพอดี”

            “แม่รู้หรือครับว่าเทมส์มา”

            “จ้ะ”

            “รู้ได้ไงครับ”

            “ใจของแม่บอกจ้ะ” คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดี

            “พูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยหรือครับ” ฉันทัชเดินเข้าไปหอมแก้มมารดาอดีตคนรัก

            “คิดว่าเจ้าปาลได้จากใครมาล่ะ” คำตอบของคุณหญิง ทำให้ฉันทัชถึงกับพูดไม่ออก เพราะมันก็จริงอย่างที่คุณหญิงว่า

            “ไปจ้ะ ลงไปข้างล่างกัน”

            “ครับ”

            “แล้วมานี่ รู้ไหมว่าเจ้าปาลไม่อยู่” คุณหญิงถามระหว่างเดินลงบันไดมาชั้นล่าง

            ฉันทัชหัวเราะ ใครๆ ก็ดูจะเป็นห่วงเขาเรื่องนี้เสียจริง “ไม่ทราบครับ เทมส์เพิ่งรู้จากพี่ปอนด์เมื่อสักครู่นี้เอง”

            “เหรอจ๊ะ แม่ก็กลัวเทมส์ลำบากใจถ้ามาแล้วเจอตัวปัญหาอยู่ที่บ้าน” คุณหญิงหัวเราะตามบ้าง

            “ไม่เป็นไรครับ ทุกวันนี้ลูกชายแม่ก็โผล่หน้ามาให้เห็นทุกวัน” ฉันทัชพูดออกไป เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้คุณหญิงจะไม่รู้เห็น

            “ถ้าอย่างนั้น ลูกชายแม่พอจะมีหวังบ้างไหมล่ะจ๊ะ” คุณหญิงอาศัยจังหวะนี้ถามกลับเมื่อเดินมาถึงโซฟาที่นั่งพอดี คนในบ้านก็รู้งาน รีบนำน้ำชาของว่างยามบ่ายมาวางไว้ ราวกับรู้ใจไม่ต้องรอให้เอ่ยทวงถาม

            ฉันทัชหยิบขนมมากัดเข้าปากก่อนจะตามด้วยน้ำชาที่อวลไปด้วยกลิ่นหอมของใบชาอย่างดี

            “เทมส์ควรจะกลับไปดีไหมครับแม่” ฉันทัชถามออกไปทั้งที่รู้ว่า อย่างไรแล้วมารดาก็ต้องเข้าข้างลูกชายอย่างแน่นอน

            “แม่เคยบังคับเทมส์ด้วยหรือ มานั่งข้างๆ แม่นี่จ้ะ แม่จะเล่าอะไรให้ฟัง” คุณหญิงตบที่นั่งข้างตัวก่อนจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบด้วยความพอใจ


            ฉันทัชทำตามอย่างว่าง่าย คุณหญิงยิ้มก่อนจะเล่านิทานให้ฟัง “แม่กับพ่อของเจ้าปาลน่ะ ไม่ได้ชอบพออะไรกันแต่แรกหรอกนะจ๊ะ แม่ถูกส่งไปเรียนถึงเมืองนอก ตอนนั้นก็โก้เก๋เชียวล่ะ เลยไม่อยากแต่งงาน อยากทำงานใช้ความรู้ที่อุตส่าห์ไปร่ำเรียนมา แต่พ่อกับแม่ของแม่น่ะ เขาก็ยังมีความคิดแบบเก่าอยู่ เป็นผู้หญิงยิงเรือก็ควรแต่งงานมีเหย้ามีเรือนให้เรียบร้อย แต่เพราะแม่เพิกเฉย เขาเลยหาคู่ให้แม่เสียเลย”


            “แล้วพ่อ...เขาก็โอเคเหรอครับ” ฉันทัชไม่รู้จักพ่อของปาณัสม์เลยแม้แต่น้อย ตอนที่คบกัน พ่อของปาณัสม์ก็ลาโลกนี้ไปแล้ว

            “ไม่เลยจ้ะ ไม่เลย เขาก็หัวดื้อเหมือนกัน รายนี้ก็ไม่เบา บ้างานไม่ต่างอะไรกับเจ้าปาลหรอก แต่ลูกคนจีนล่ะนะ ก็ขัดพ่อแม่ลำบากหน่อย เลยได้จับพลัดจับผลูมาแต่งงานกัน”

            “เทมส์คิดว่าแม่รักกับพ่อเลยแต่งงานกันเสียอีก”

            “ช่วงปีแรก แม่ก็ยังไปทำงานอยู่ พอคลอดเจ้าปอนด์นั่นแหละ แม่ถึงหยุดไปทำงาน หันมาเลี้ยงลูกเต็มตัว ยังไงเลี้ยงเองก็ดีกว่าให้คนอื่นเลี้ยงให้ใช่ไหม”


            ฉันทัชพยักหน้าเห็นด้วย


            “ก็อยู่มาเรื่อยๆ จนกระทั่งคลอดเจ้าปาล ทีนี้ล่ะ บริษัทกำลังก้าวหน้า พ่อเจ้าปาลก็เอาแต่ทำงาน แม่ก็เข้าสู่ภาวะหลังคลอด คิดนั่นผูกนี่ไปเรื่อย เลี้ยงลูกไป ร้องไห้ไป นึกๆ ดูแล้วก็ตลกตัวเอง”

            “จริงเหรอครับ” ฉันทัชไม่เคยรู้หรือได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

            “จ้ะ สุดท้ายแม่เลยหอบข้าวหอบของกลับบ้าน พ่อเจ้าปาลก็กระไร คิดว่าแม่เหนื่อย คงจะให้ตายายช่วยเลี้ยงหลาน เลยไม่ได้มาตามแม่กลับบ้าน”

            “แม่ไม่โกรธหรือครับ”

            “น้อยใจมากกว่า จนเจ้าปาลเกือบจะขวบแล้วนั่นแหละ เขาถึงคิดได้มาตามแม่กลับบ้าน ว่าไป เจ้าปาล ลูกชายคนนี้ก็ถอดแบบพ่อเขามาเลยว่าไหม”

            ฉันทัชไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มแห้งแล้วจึงถามต่อว่า

            “แม่ก็ยอมกลับมาหรือครับ”

            “ใช่จ้ะ กรณีแม่น่ะ ตัดสินใจไม่ยากเพราะเจ้าปอนด์ก็บ่นคิดถึงพ่ออยู่ทุกวี่ทุกวัน แม่ก็ยังมีความคิดว่าผัวเดียวเมียเดียวดีกว่าเปลี่ยนคู่ไปเรื่อย และที่สำคัญคือแม่รักพ่อเขา การกลับไปจะทำให้แม่มีความสุขกว่าเดิม”

            “แล้วมีความสุขไหมครับ”

            “มากเลยจ้ะ” คุณหญิงมองถ้วยน้ำชานิ่ง ฉันทัชมองตามคิดว่าคุณหญิงคงกำลังหวนนึกถึงอดีต จึงไม่พูดอะไรขัดจังหวะ

            “ที่แม่เล่าให้ฟัง ไม่ได้ต้องการให้เทมส์มาคิดหรือทำตามแม่หรอกนะจ๊ะ ถ้าเทมส์คิดว่า ตอนนี้ดีอยู่แล้วไม่ได้โหยหาที่จะกลับไป ก็ไม่ต้องกลับไป แต่ถ้าเทมส์คิดว่า ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว และจะดีกว่านี้อีกถ้ามีอีกคนเข้ามาในชีวิต ก็ค่อยคิดทบทวนใหม่ดีไหม ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ทุกอย่างมันมีข้อดีข้อเสียทั้งนั้น ค่อยๆ คิดดู เพราะถ้าเราแก้ไขปัญหาไม่ได้ สุดท้ายผลก็จะจบลงเหมือนเดิมจ้ะ”

            ยังไม่ทันที่ฉันทัชจะได้พูดหรือตอบอะไร เด็กหญิงหางเปียก็วิ่งผ่านหน้าคนทั้งคู่ไปอย่างรวดเร็ว

            “นี่น้องปัณณ์วิ่งไปหน้าบ้านทำไม” คุณหญิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

            “ปาลกลับมาแล้วไงครับ คงไปรอรับอา” ศรารัณที่อุ้มบุตรชายคนเล็กเข้ามาพอดีช่วยคลายความสงสัยให้มารดานิดหน่อย

            “ร้อยวันพันปีก็ไม่ได้วิ่งเร็วอย่างนี้นี่นา” คุณหญิงยังแปลกใจ

            “เด็กจะอ้อนคุณอาน่ะครับ ขอไปกินไอติม” ฉันทัชเฉลยให้เสียเอง ก่อนจะลุกขึ้นไปดูน้องปุณณ์เสียหน่อย หน้าตาจิ้มลิ้ม ผมดกดำ สร้างความเอ็นดูให้กับฉันทัชไม่น้อย เสียดายที่เขาไม่ค่อยได้มีโอกาสดูแลหรือช่วยเลี้ยงเด็กคนนี้เสียเลย

            “ถ้าย้ายกลับมา พี่จะให้เทมส์ช่วยเลี้ยงนะ พี่กับเกดจะได้สบาย” ศรารัณพูดราวกับอ่านใจคนตรงหน้าออก

            “เจ้าปอนด์ เดี๋ยวเถอะ ลูกตัวเองแท้ๆ เอะอะก็จะให้เทมส์เลี้ยง แล้วก็บ่นว่าลูกไม่รัก” คุณหญิงดุลูกชายเสียเอง

            “โธ่ แม่ครับ ปอนด์ก็พูดเล่นเฉยๆ ถ้าเทมส์ย้ายกลับมาจริง แม่ก็ดีใจไม่ใช่หรือ” ศรารัณบอกอย่างรู้ใจ

            “ย่ะ!” คุณหญิงกระแทกเสียงใส่บุตรชายเล็กน้อยพอเป็นพิธี เพราะใจจริงเธอก็ปรารถนาเช่นนั้นอยู่แล้ว

            “คุณพ่อขา คุณย่าขา” เสียงใสดังขึ้น “อาปาลบอกถ้าอาจันทร์ไปด้วยจะพาหนูไปกินไอติมค่ะ” เด็กหญิงศราลักษณ์ยิ้มหน้าแป้นเข้ามาแล้วกระโดดเกาะแขนคุณอาจันทร์

            “รับปากหลานแล้ว ห้ามผิดคำพูดนะเทมส์” ศรารัณบอก

            ฉันทัชยิ้มให้กับพี่ชายอดีตคนรักก่อนจะหันมาบอกหลานสาว “ให้อาปาลนั่งพักสักหน่อย แล้วเราค่อยออกไปกันนะคะ”

            “ตกลงค่ะ เดี๋ยวหนูไปเอาน้ำมาให้อาปาลก่อน” สิ้นคำพูด หลานสาวคนเดียวของบ้านก็วิ่งหายเข้าไปที่หลังบ้านอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คุณอาและคุณพ่อส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความเอ็นดูในตัวเด็กหญิง

            “เวียนหัวตาลายเลยเชียว วิ่งปรูดไปทางนั้นที ทางนี้ที” คุณหญิงหยิบยาดมขึ้นสูดเสียงดัง




           
           

========================================

คู่นี้เขามีมุมผลัดกันเป็นผู้มีวางอำนาจค่ะ

เจอกันวันอังคารค่ะ



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 26 Lullaby หน้า 12 UP!! 30/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-11-2018 11:10:41
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 26 Lullaby หน้า 12 UP!! 30/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 30-11-2018 11:11:44
หลานบ้านนี้น่ารักมากเลย  :katai2-1:
ไทน์กับคุณก้องนี่ยังไงน้าาา
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 26 Lullaby หน้า 12 UP!! 30/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-11-2018 11:30:38
 :z1: :z1: :z1: :z1:   ชัดเจนจะมีคู่ไหมอะ ขอภาคต่อไปชัดเจนเป็นพระเอกได้ไหม
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 26 Lullaby หน้า 12 UP!! 30/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 30-11-2018 14:43:15
 :katai2-1: น้องปัณ...หนูเป็นงานมากเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 26 Lullaby หน้า 12 UP!! 30/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-11-2018 15:21:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 26 Lullaby หน้า 12 UP!! 30/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-11-2018 15:58:00
เมื่อไหร่ไทน์จะยอม ๆ รับซะทีกับคุณก้อง
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 26 Lullaby หน้า 12 UP!! 30/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 30-11-2018 23:26:18
อบอุ่น
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 26 Lullaby หน้า 12 UP!! 30/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-12-2018 08:12:37
เอ็นดูน้องปัณ รู้งาน
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 26 Lullaby หน้า 12 UP!! 30/11/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 03-12-2018 14:12:59

ภาค 27 Can we get back together?



“เอารสไหนดีน้า” เด็กหญิงที่ร้องขอมาทานไอศกรีมกำลังเลือกรสชาติอยู่หน้าตู้กระจกใสอย่างตั้งใจ



“เลือกกี่รสก็ได้ แต่ต้องทานให้หมดนะคะ” ปาณัสม์ที่ยืนกำกับอยู่ด้านหลัง ก้มลงบอกหลานสาว



“อาปาลกับอาจันทร์ก็ช่วยหนูกินไม่ได้เหรอ มีตั้งหลายรสที่หนูอยากกิน”



“รสไหนบ้างคะ” ปาณัสม์ถามต่อ มือขาวๆ นิ้วสั้นๆ จิ้มลงไปที่รสชาติของไอศกรีมอยู่สามสี่รส



“ถ้าแค่นี้ก็ได้ค่ะ อาจะช่วย”



“จริงนะคะ”



“ค่ะ” รางวัลของปาณัสม์คราวนี้คือหลานสาวกอดคอผู้เป็นอาแล้วหอมแก้มลงไป “อาปาลกลับไปนั่งรอนะ เลือกเสร็จแล้วก็ตามมาเองได้หรือเปล่า”



“ได้ค่า” เด็กหญิงศราลักษณ์รับปากอย่างมั่นใจก่อนจะหันกลับไปใส่ใจกับการสั่งไอศกรีมต่อ



“ตามใจหลานเยอะหรือเปล่า” คำถามแรกของฉันทัชเมื่อเห็นปาณัสม์นั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม



“ไม่มากเท่าจันทร์หรอก”



“น้อยไปสิ อาปาลนี่ล่ะตัวดี” ฉันทัชว่า ถ้าจะมีคนที่ตามใจหลานมากที่สุดของบ้าน ตำแหน่งนี้คงหนีไม่พ้นปาณัสม์



“นิดหน่อยเองน่า น้องปัณณ์เลือกไอติมแค่สามสี่รส จันทร์ไม่โอเคหรือ”



“ก็พอไหว” ฉันทัชบอกเพราะสองอานี่แหละ ท้ายที่สุดจะต้องเป็นคนช่วยหลานสาว หากทานไม่หมด



“อืม” ปาณัสม์เสยผมที่ปรกตาให้พ้นจากสายตา การกระทำนั้นทำให้ขัดสายตาของฉันทัชพอสมควร



“นี่ปาล”



“ครับ?”



“เดี๋ยวกินไอติมเสร็จ แล้วไปตัดผมออกหน่อย ผมหน้ามันยาวแล้ว ข้างหลังก็เริ่มยาว”



“วันหลังก็ได้น่าจันทร์” ปาณัสม์เลื่อนวันเพราะไม่ได้รู้สึกว่าต้องเร่งจัดการในตอนนี้



“วันนี้แหละ เห็นแล้วมันขัดตา” ฉันทัชปรายตามองพลางบอกด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย



ปาณัสม์ได้ยินจากน้ำเสียงก็เอะใจพอมองใบหน้าคนพูดเท่านั้น เขาก็ตอบรับอย่างว่าง่าย “เอาสิ ไปตัดวันนี้เลย”





ช่วงเวลาไอศกรีมสุขสันต์ผ่านไป คนที่กลัวจะทานไม่หมดทีแรก สุดท้ายก็ทานหมดได้อย่างน่าประหลาดใจ คุณอาสองคนจึงช่วยทานไอศกรีมเพียงอย่างละนิด อย่างละหน่อยเท่านั้น



“เราจะไปไหนกันต่อคะ” เสียงเด็กแปดขวดถามขึ้นเมื่อเดินออกมาจากร้าน



“เราจะพาอาปาลไปตัดผมกันค่ะ” ฉันทัชที่กำลังจูงมือหลานสาวเลือกตอบเสียเอง



“ผมหน้าม้าอาปาลยาวแล้ว ตัดก็ดีค่ะ หนูเห็นแล้วยังรำคาญแทนเลย”



ฉันทัชยิ้ม มองเด็กตรงหน้า “ช่างพูดนะเราน่ะ”



“ไม่ใช่หน้าม้าสักหน่อย” ปาณัสม์เอ่ยแย้งขึ้นมาบ้าง พลางจับปอยผมข้างหน้ามาดู



“เหมือนกันแหละค่ะ” คำพูดของหลานสาวถือเป็นคำตัดสิน









...










“ยินดีต้อนรับครับ” เสียงพนักงานดังขึ้นต้อนรับลูกค้า “อ้าว นึกว่าใคร คุณปาลนี่เอง แล้ววันนี้คุณเทมส์ก็มาด้วยเหรอครับ”



“พูดอย่างนี้แสดงว่าผมมาไม่ได้แล้วหรือ” ฉันทัชเย้า



“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมจะกล้าไล่ลูกค้าได้ไงกัน แค่จะบอกว่าดีครับ คุณมาก็ดี”



“ทำไมครับ? มีอะไรหรือเปล่า”



“คุณปาลจะได้เปลี่ยนทรงใหม่เสียที คุณไม่มาด้วยเป็นปี คุณปาลมาทีไรก็บอกให้ตัดทรงเดิม เอาสั้นขึ้น แค่นั้น แต่ผมตอนนี้ของคุณปาลมันไม่ใช่ทรงเดิม ลอนที่ดัดก็คลายหมดแล้ว”





ฉันทัชหันหน้าไปมองเจ้าของชื่อ เลิกคิ้วเล็กน้อย ทำท่าทางว่าใช่อย่างที่เขาพูดหรือเปล่า แต่ปาณัสม์เลือกจะไหวไหล่เบาๆ



“ก็ผมไม่รู้จะเอาทรงไหน” ปาณัสม์ตอบ



“แล้ววันนี้จะตัดทรงไหนดีครับ” พนักงานที่มีดีกรีเป็นถึงเจ้าของร้านถามขึ้น



“อืม ทรงไหนดี จริงๆ ทรงเก่าก็ดี” ฉันทัชทำท่าครุ่นคิด “แต่ถ้าทำวันนี้ น้องปัณณ์ต้องรอนานแน่เลย”



“ครับ?”



“เอาเกรียนๆ แบบไปฝึก รด. ดีไหม” ฉันทัชถาม ตั้งใจแกล้งเหยื่อที่จะถูกนำไปทดลอง



“ไม่เอา อย่าเล่นน่า” ปาณัสม์จึงปรามกลับมาบ้าง



“เอาทรงนี้ละกันครับ ตัดให้สั้นลงกว่านี้อีกหน่อย ไม่ต้องถึงกับอันเดอร์คัท” ในใจฉันทัชก็อยากให้ปาณัสม์ตัดอันเดอร์คัทที่กำลังฮอตฮิตอยู่ในตอนนี้ แต่ทว่ามันจะไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่การงาน กลัวว่าคนจะไม่ค่อยเชื่อถือเข้าไปอีก



“ข้างหน้าก็เซตเสยๆ เอาหน่อยก็คงได้” ฉันทัชสรุปให้



“ได้เลยครับ”



“นานไหม” ฉันทัชถามเพราะถ้าหากนานเกินไป เขาจะได้พาหลานสาวออกไปเดินเล่นข้างนอก



“ประมาณชั่วโมงถึงชั่วโมงครึ่งล่ะครับ”



“โอเคครับ” ฉันทัชพูดจบก็หันไปพูดกับคนที่ต้องอยู่ในร้านต่อ “เดี๋ยวเทมส์พาน้องปัณณ์ไปดูของข้างนอกนะ ถ้าเสร็จก่อนก็โทรมานะ”



“ตกลง”







กลับมาอีกครั้ง สองมือของฉันทัชก็เต็มไปด้วยถุงของเล่นที่มีทั้งของเด็กหญิงศราลักษณ์และเด็กชายอิศรา เพราะเขาไม่ได้ซื้ออะไรให้เด็กทั้งสองคนนานแล้วจึงถือโอกาสนี้จัดการไปอย่างไม่เสียดายเงินในบัญชีธนาคารที่อินทัชชอบค่อนแคะว่าพี่ชายของเธอนั่นขี้งกนัก ขี้งกหนา



“เป็นไง” ปาณัสม์ยืนรออยู่หน้าร้านเรียบร้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาหา



“ก็ดี แต่ยังไม่ถูกใจ” ฉันทัชบอกพลางเม้มปาก มันมีบางอย่างที่ยังติดขัดในใจ แต่เพราะเวลาไม่ค่อยมี ได้เท่านี้ก็ถือว่าโอเคแล้วล่ะมั้ง



“ว้าว อาปาล หล่อจังเลย” เด็กหญิงเอ่ยชม พอผมหน้าโล่งจึงได้อวดใบหน้าของปาณัสม์



“น้องปัณณ์พูดถูกใจอาปาลมากเลยค่ะ แต่ดูเหมือนอาจันทร์จะไม่ค่อยชอบ” ปาณัสม์ว่าพลางโยนเรื่องไปให้เจ้าของความคิดเรื่องทรงผม



“อาจันทร์ไม่ชอบเหรอคะ”



“เปล่าหรอกค่ะ” ฉันทัชย่อตัวลงไปพูดกับหลานสาวเพื่อให้ได้ยินเพียงสองคน “แต่อาจันทร์ว่า อาปาลหล่อได้กว่านี้อีกน้า”



“เหรอคะ”



“ไว้วันหลังอาค่อยพาอาปาลมาตัดผมใหม่อีกรอบ”



“หนูมาด้วยได้ไหมคะ”



“อาปาลต้องใช้เวลาเสริมหล่อนาน ไว้วันอื่นดีกว่าค่ะ”



“ก็ได้ค่ะ”



“แฮ่ม..สองอาหลานคุยอะไรกัน หืม?” ปาณัสม์รู้สึกตัวเองเป็นส่วนเกิน จึงพูดแทรกขึ้นมา



“ความลับค่ะ” เด็กหญิงตอบคุณอาอย่างมีเลศนัย



“กล้าใจร้ายไม่บอกอาหรือคะ” ปาณัสม์ย่อตัวอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาคุยเพื่อให้ใบหน้ามีระดับเดียวกัน





เด็กหญิงศราลักษณ์จึงอาศัยจังหวะนี้ถอดแว่นตาของปาณัสม์ออกแล้วถือไว้เสียเองแล้วหันไปทางฉันทัช “หนูว่าถ้าอาปาลถอดแว่นก็หล่อแล้วนะอาจันทร์”



ฉันทัชหัวเราะ “ใส่ไว้อย่างเดิมแหละค่ะ ดีแล้ว” แล้วหยิบแว่นออกมาจากหลานสาวเพื่อใส่คืนให้ปาณัสม์ดังเดิม



“กลับเลยไหม” ปาณัสม์เสนอความคิด ตอนนี้ก็เย็นย่ำแล้ว



“ค่า” เด็กหญิงไม่มีอิดออด ยอมตามกลับบ้านแต่โดยดี เพราะใจอยากจะไปแกะของเล่นที่บ้านเต็มทีแล้ว



“ปาลช่วยถือ” ปาณัสม์บอกคนที่ถือของพะรุงพะรังทั้งสองมือ



“ไม่เป็นไร”



“ปาลถือให้เอง จันทร์ดูน้องปัณณ์เถอะ”



“ขอบคุณนะ” ฉันทัชเลยไม่แย้งอะไรต่อ ส่งถุงทั้งหมดไปให้แล้วไปจับมือเด็กหญิงแทน













....









“กลับมากันแล้ว แม่ยังถามเจ้าปอนด์กับยายเกดอยู่เลยว่าเราสามคนจะกลับมากินข้าวบ้านไหม”



“เทมส์คงไม่ครับแม่ เดี๋ยวจะขับรถกลับบ้านเลย กลัวจะดึกกว่านี้”



“อะไรกัน จะหิ้วท้องไปถึงบ้านได้ไง หิวแย่ ถ้ากลัวว่าจะดึกนักก็ค้างที่นี่เสียเลย ห้องหับที่บ้านเราก็มีออกถมไป” คุณหญิงบ่นแกมดุ



“แต่แม่ครับคือเทมส์...” ฉันทัชอยากปฏิเสธแต่ก็ไม่กล้า



“กลัวไทน์จะห่วงรึ”



“ก็ไม่เชิงครับ” ฉันทัชโกหกได้ไม่เต็มปากเพราะรู้ว่าน้องสาวมีนัดกับก้องภพ ยังไงก็ไม่ได้มานั่งรอเขาอยู่ที่บ้านเป็นแน่



“แม่จะต้องโทรหาเจ้าเด็กนี่บ้างแล้ว ข่าวลือหนาหูเหลือเกินว่ากำลังสนิทกับคุณก้องภพ” คุณหญิงหรี่ตาลงมองฉันทัชอย่างไม่ไว้ใจ “เทมส์ก็รู้เรื่องน้องใช่ไหม”



“อ่า..ครับ” ฉันทัชไม่คิดว่าคุณหญิงจะรู้เรื่องของอินทัช แต่ก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่ สังคมไฮโซก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ข่าววงนอกวงในก็คงมาถึงหูคุณหญิงได้ไม่ยาก



“คุณก้องภพ เขามีหน้าที่การงานที่ดีก็จริง ทำธุรกิจร่วมกับเราก็ไม่มีหมกเม็ดหรือมีนอกใน โปร่งใสทุกอย่าง ถึงจะมีลูกชายแล้วก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรเพราะไม่ได้มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนมาคอยรังควาน แต่เขาเจ้าชู้ไม่ใช่รึ” ในที่สุดคุณหญิงก็พูดประเด็นสำคัญออกมา



“คุณแม่ก็...เรื่องส่วนตัวของไทน์เขานะครับ” ศรารัณพูดขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือฉันทัชที่กำลังตกที่นั่งลำบาก



“ถ้าไทน์ไม่เห็นใจแม่แล้วก็ช่างเถอะ แม่จะไม่พูดไม่ห้ามหรอก”



“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ไทน์รักและเคารพแม่เหมือนกับเทมส์ ตอนนี้ไทน์ยังไม่ได้ตกลงจะคบกับคุณก้องครับ”



“แม่ไม่ว่าหรอกถ้าไทน์จะรักจะชอบใคร แต่ถ้าคุณก้องภพเขามาทำเล่นๆ กับลูกสาวแม่ล่ะก็ แม่ไม่ยอมหรอกนะ”



“ไทน์โตแล้วนะครับแม่” เป็นอีกครั้งที่ศรารัณช่วยกู้สถานการณ์



“ย่ะ!” คุณหญิงกระแทกเสียงใส่บุตรชายคนโต “แล้วตกลงเทมส์จะไม่อยู่กินข้าวที่นี่หรือ” คุณหญิงถามด้วยน้ำเสียงที่ยังขุ่นเคือง



“ทานครับ เดี๋ยวเทมส์อยู่ทานข้าวกับแม่ที่นี่ก่อน” มีหรือที่ฉันทัชจะกล้าปฏิเสธ



“ดีจ้ะ ดีมาก” พลันน้ำเสียงคุณหญิงก็แปรเปลี่ยนกลับมาใสหวานดังเดิม







นอกจากจะต้องอยู่โยงทานข้าวเย็นกับคุณหญิงพร้อมด้วยสมาชิก คืนนี้ฉันทัชก็ไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านด้วยเช่นกัน คุณหญิงให้เหตุผลว่าพรุ่งนี้เขากับปาณัสม์ก็ต้องไปเลือกรถด้วยกันอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปรับแล้วไปส่งให้ยุ่งยาก ออกจากบ้านไปพร้อมกันเลยจะได้สะดวกกว่า



“ยังไม่นอนหรือ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ฉันทัชที่กำลังง่วนอยู่กับการชงเครื่องดื่มอยู่หน้าเคาต์เตอร์ในครัวถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย



“อืม นอนไม่หลับเลยลงมาหาอะไรดื่มเสียหน่อย ปาลล่ะ”



“เหมือนกัน”



“ดื่มอะไรไหม”



“เหมือนจันทร์ก็ได้” ปาณัสม์ตอบส่งๆ เพราะเขาไม่ได้มีเมนูอะไรที่อยากดื่มจริงจัง



“ได้เหรอ มันไม่ใช่เหล้านะ ดื่มไปจะปวดท้องหรือเปล่า” ฉันทัชถาม ไม่ใช่เป็นห่วง แต่แกล้งอีกฝ่ายเล่นมากกว่า



“ไม่ขนาดนั้น ไม่ค่อยได้ไปดื่มแล้ว เหล้าอะ”



“รู้น่า แซวเล่นไปอย่างนั้นเอง มีคนช่วยเยอะเหลือเกิน พูดให้เทมส์ฟังว่าปาลเป็นอย่างนี้ เปลี่ยนไปอย่างนี้ แรงเชียร์เยอะสุดๆ”



“พวกเขาอยากให้เรากลับมาอยู่ด้วยกัน”



“ถ้ากลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เราสองคนจะเป็นเหมือนเดิมไหม เราจะเบื่อกัน จะทะเลาะกันอีกหรือเปล่า”



“ไม่รู้สิ ปาลตอบไม่ได้หรอก คนเราอยู่ด้วยกันมันก็ต้องมีบ้าง แต่ต่อจากนี้ปาลจะทำให้จันทร์รู้ว่า ปาลจะไม่ทำแบบเดิม จะไม่สัญญา จะไม่รับปาก แต่จะพยายามทำให้จันทร์เป็นคนที่มีความสุขอีกครั้ง ร้องไห้เสียใจให้น้อยที่สุด”



“เทมส์จะมีความสุขกว่าตอนนี้ใช่ไหม” ฉันทัชยื่นแก้วนมที่เพิ่งอุ่นเสร็จใหม่ๆ ให้ปาณัสม์ และเริ่มชงนมใหม่อีกแก้วให้ตัวเองบ้าง







ปาณัสม์ยิ้ม เขาให้คำตอบนี้ไม่ได้ “ทั้งที่อยู่ด้วยกันมานาน แต่เรากลับไม่ค่อยปรับตัวเข้าหากันเลย ปาลเอาแต่ใจ จันทร์ไม่พอใจ แต่เราเลือกไม่พูดกัน ปาลไม่อยากให้เป็นแบบนี้อีก ปาลอยากให้จันทร์บอกหรือถามปาลมากกว่านี้ ปาลรู้ตัวนะว่าจันทร์ไม่ชอบนิสัยของปาลหลายอย่าง แต่ปาลก็ไม่เคยลองแก้ไขเลย ปาลเลยอยากขอโอกาสที่จะแก้ไขตัวเองเสียใหม่”



“เทมส์ไม่ค่อยถามปาลจริงๆ นั่นแหละ เทมส์เลือกเดินหนีเสมอเวลาเรามีปัญหากัน เทมส์คิดมาตลอดว่าถ้าเราอารมณ์เย็นลงมันคงจะคุยง่ายขึ้น แต่สุดท้ายเรามักแค่ขอโทษกันแต่ไม่อยากลงมือแก้ไข”



“เราสองคนเดินทางผิดมาตลอดเลย” ปาณัสม์วางแก้วลงบนโต๊ะเล็กข้างหน้าแล้วจึงลุกขึ้นไปหาฉันทัช เขาจับมือทั้งสองข้างของฉันทัชไว้ เพื่อให้ทั้งคู่ได้สบตากัน



“ขอโทษทีที่ปาลหาสถานที่ที่มันโรแมนติกกว่านี้ไม่ได้”



“หืม?” ฉันทัชสงสัย เงยหน้ามองปาณัสม์ อีกฝ่ายกำลังพูดเข้าเรื่องอะไร



“เราเบื่อกัน ทะเลาะกัน เลิกกัน แต่ปาลไม่เคยเลิกรักจันทร์เลยนะ จันทร์เคยพูดว่าจันทร์เห็นภาพปลายทางที่มีปาลกับจันทร์อยู่ข้างกัน ปาลเองก็เช่นกัน ปาลไม่ได้อยากเห็นแค่ภาพนั้น แต่ปาลอยากทำให้มันเป็นจริง”



“ขอบคุณที่ยังรักเทมส์ นึกว่าจะไม่ได้ยินคำนี้แล้วเสียอีก”



“จะไม่รักจันทร์ได้ยังไง ใครกันที่อยากให้ปาลใส่แว่นไว้ อย่างน้อยก็เพื่อจะได้ปกปิดความหล่อของตัวเองไว้แบบนี้ล่ะ”



ฉันทัชทำหน้าเหม็นเบื่อทันที “หลงตัวเอง”



“อย่าเรียกว่าหลงตัวเอง เรียกว่ารู้จักตัวเองดีกว่า” ปาณัสม์ยิ้มให้ ละมือออกมาทาบที่แก้มข้างหนึ่งของฉันทัชเอาไว้



“กลับมาเป็นจันทร์ของปาลนะครับ”



“ดาวมันยังฟูไม่เต็มอกเลย อย่าเร่งเทมส์ได้หรือเปล่า”



“ใจแข็งจัง ก็ได้ๆ แม่ก็บอกปาลอยู่ว่าอย่าเพิ่งเร่งจันทร์ แต่ปาลใจร้อน เราห่างกันมาปีหนึ่งแล้ว ปาลไม่อยากรออีก อยากกอดจันทร์ อยากจูบ อยากทำกับจันทร์”



“ทะลึ่ง”



“อ้าว อยากนอนกับเมียก็ผิดเหรอ”



“เมียไรอีก ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”



“เขินเหรอ” ปาณัสม์แกล้งดึงแก้มอีกฝ่ายเบาๆ



“ขึ้นไปนอนได้แล้ว” ฉันทัชเอ่ยปากไล่



“ไม่ดื่มนมแล้วเหรอ ปาลยังไม่ได้ดื่มเลย”



“ไม่ดื่มแล้ว ปาลก็รีบเลย มัวแต่โม้อะไรนักก็ไม่รู้”



“เขินแล้วพาลแบบนี้ไม่ได้นะครับ” ปาณัสม์บอกอย่างรู้ทัน



“ถ้ามัวแต่โอ้เอ้ งั้นเทมส์ไปนอนก่อนแล้วกัน” ฉันทัชพูดพลางจะเดินหนีไปจากบริเวณนั้น



“เดี๋ยวสิๆ รอปาลก่อน” ปาณัสม์รีบกระดกนมเข้าปากอย่างรวดเร็วแล้วรีบไปวางในอ่างล้างจาน ก่อนจะเดินตามคนนำหน้าไป “ไปนอนห้องเรานะ”



“เรื่องอะไร ไม่ไป”



“ไปเถอะน่า ห้องนั้นไม่ค่อยมีแขกมาพัก ฝุ่นเยอะ กลิ่นอับ นอนไม่สบายหรอก” ปาณัสม์หาเหตุผลต่างๆ นานามาให้อีกฝ่ายฟัง



“เรื่องเล็กน้อยแค่นั้นเทมส์นอนได้” ฉันทัชบอก ขายังไม่หยุดเดิน



“ไม่มีเทมส์นอนด้วยปาลนอนไม่หลับ”



“ปีก่อนๆ นอนได้ไง ในห้องน้ำก็เห็นเคยนอนได้ อย่ามาอ้างนั่นอ้างนี่ เทมส์ไม่เชื่อ” ฉันทัชยังไม่ยอมใจอ่อน



“มันเปลืองไฟ นอนห้องเดียวกัน แอร์จะได้เปิดแค่เครื่องเดียวไง”



“เดี๋ยวเทมส์จ่ายค่าไฟให้” ฉันทัชบอกอย่างระอาให้กับคนที่ยังไม่ยอมละความพยายาม



“ใจแข็งชะมัด ก็คนมันคิดถึง อยากนอนกอดด้วยไม่ได้หรือ” ปาณัสม์ยื่นไม้ตายออกมาหวังให้อีกฝ่ายยอมทำตามใจ



“นอนกอดหมอนข้างไปก่อน” ฉันทัชหยุดยืนที่หน้าห้องของตัวเองพอดิบพอดี



“ฝันดีนะครับ ปาณัสม์ที่รัก” ฉันทัชกล่าวปิดท้ายก่อนจะหายเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้ปาณัสม์รับคำฝันดีที่เป็นฝันร้ายในเวลานี้เอาไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้





“จันทร์ใจร้าย” ชายหนุ่มโอดครวญได้เท่านี้ก่อนจะยอมแพ้แล้วกลับเข้าไปนอนห้องตัวเอง

 



========================================

นึกว่านิยายเรื่องนี้จะไม่มีคำว่า "รัก" เสียอีก


กลัวว่าสัปดาห์นี้จะมีปัญหาค่ะ เลยมาลงวันนี้และตอนจบวันพุธนะคะ


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 27 Can we get back together? หน้า 12 UP!! 03/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-12-2018 14:38:59
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 27 Can we get back together? หน้า 12 UP!! 03/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-12-2018 15:09:12
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 27 Can we get back together? หน้า 12 UP!! 03/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 03-12-2018 15:29:19
จะจบแล้วหรอ ใจหายแฮะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 27 Can we get back together? หน้า 12 UP!! 03/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 03-12-2018 20:54:25
อิตาปาลขี้อ้อนจริงวุ้ย o18
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 27 Can we get back together? หน้า 12 UP!! 03/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 03-12-2018 23:29:55
.....

เดี๋ยวๆๆๆ.  ตอนหน้าที่จะลง เป็นตอนจบของเรื่องแล้ว???

 :ruready  :ruready  :ruready  :ruready  :ruready  :ruready  :ruready

บทสวีทหวีดหวิวของจันทร์กับปาลยังไม่มา   บทสรุปของไทน์กับคุณก้องภพยังไม่มี

นิยายขายดี ยืดออกอีกนิดเพราะคนใกล้ชิดติดใจน้าาาา


 :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:


……

หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 27 Can we get back together? หน้า 12 UP!! 03/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 04-12-2018 00:02:07
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:  หยอดทุกสถานการณ์จริงๆ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 27 Can we get back together? หน้า 12 UP!! 03/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 04-12-2018 12:25:41
เนื้อเรื่อง  ดูเป็นผู้ใหญ่ดีค่ะ  เหมือนจะสนุก....แต่ไม่สุด  .....ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันค่ะ   ....เป็นกำลังใจให้ทั้งปาลและคนแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 27 Can we get back together? หน้า 12 UP!! 03/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 05-12-2018 10:57:20

ภาค 28 ภาคต่อของความรัก



“ทำตัวลึกลับ นึกว่าจะพาไปร้านไหน ที่แท้ก็มาที่นี่ ถ้าจะมาร้านนี้ เทมส์ขับรถมาเองก็ได้ ไม่เห็นต้องไปรับเลย” ฉันทัชบ่นตอนที่ลงมาจากรถที่มีคนขับเป็นพ่อหนุ่มหน้าเดิม



“ปาลอยากไปรับเอง”



“แล้วจะซื้อรถให้ทำไม ถ้าเทมส์ไม่ได้ใช้ จอดให้หนูแทะสายไฟเล่น เปลืองค่าเสื่อมอยู่ที่บ้าน จนไทน์บอกจะเอาไปขายทิ้งแล้ว”



“บอกไทน์ ถ้าเอาไปขายก็เอาเงินมาให้ปาลด้วย”



“ยังเล่นอยู่อีก”



“เข้าไปในร้านกันเถอะ ปาลจองโต๊ะไว้แล้ว”



“มีอะไรพิเศษหรือเปล่า เซอร์ไพรส์?” ฉันทัชถามระหว่างที่กำลังนั่งลง ปาณัสม์เลือกโต๊ะประจำของคนทั้งคู่ ฉันทัชเริ่มแปลกใจเหมือนมีวาระอะไรบางอย่าง ที่ไม่ใช่การพามาทานข้าวตามปกติ



“เดือนนี้ จำไม่ได้เหรอ?”



“อืม จำได้ ครบรอบไง” ฉันทัชจำได้ และวันนี้ยังเป็นวันที่พวกเขาตกลงร่วมกันว่าเป็นวันครบรอบอีกด้วย



“ปาลเลยพาจันทร์มาที่ร้านนี้เหมือนเดิม”



“แต่เราไม่จำเป็นต้องมาทำอะไรแบบนี้ มีอะไรปิดบังเทมส์อยู่ล่ะสิ”



ฉันทัชบอกเพราะตอนนี้พวกเขาไม่ได้กลับมาคบกัน



“บอกตอนนี้ก็หมดสนุกกันพอดี สั่งอาหารก่อนดีกว่า” ปาณัสม์เริ่มเปิดเมนูที่วางอยู่ข้างตัว



“ไวจังเลยนะ เหมือนปีที่แล้วเพิ่งจะมาร้านนี้เอง” คนที่ตั้งใจพาฉันทัชมาร้านนี้พูดขึ้นหลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว



“ตอนนั้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจด้วย พอน้องพนักงานถามขึ้นมา เทมส์ตกใจเลย” ฉันทัชนึกย้อนไปเมื่อปีก่อนที่พนักงานร้านถามถึงการมาฉลองครบรอบในวันสำคัญของพวกเขา



“แต่ปาลตั้งใจนะ กำลังคิดว่าจะหาโอกาสชวนยังไง จันทร์ก็มาที่บ้านพอดี”



“เจ้าเล่ห์”



“เปล่าสักหน่อย ก็บอกอยู่ตะกี้ว่าจันทร์นั่นแหละเดินเข้ามาเอง”



“ถ้าแม่ไม่ป่วย ไม่มีทางหรอกที่จะไป และถ้าแม่ไม่พูดก็ไม่ยอมมาร้านนี้ด้วยหรอก” ฉันทัชบอก



“ตอนนั้นมีเรื่องชัดด้วย ยังไงปาลก็ต้องหาโอกาสคุยกับจันทร์เรื่องนี้ให้ได้อยู่แล้ว”



“เออ..นี่ปาล” พอปาณัสม์พูดถึงชัดเจน ทำให้ฉันทัชนึกอะไรขึ้นมาได้



“ครับ?”



“ชัดเป็นไงบ้างล่ะ ตั้งแต่ย้ายออกไปนี่ก็ปีหนึ่งแล้วใช่ไหม”



“ไม่ค่อยเล่าอะไรให้ปาลฟังหรอก แต่คงไม่แย่เกินไปหรอกมั้ง มาทำงานทุกวัน แต่ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นนะ”



“อะไรอะ” ฉันทัชถามด้วยความอยากรู้



“ชัดกำลังมีเรื่องความรักเข้ามาในชีวิต”



“ความรัก? เอาจริงดิ” ฉันทัชตาโตด้วยความประหลาดใจ



“คิดว่างั้นนะ”



“ชัดตัดใจจากเทมส์ได้แล้วจริงๆ ใช่ไหม ทำใจง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ” ไม่ใช่ว่าฉันทัชจะหวงก้างหรือจะดึงรั้งชัดเจนเอาไว้หรอก แต่ชัดเจนรักเขามาตั้งหลายปี เรื่องเพิ่งผ่านมาปีเดียว ชัดเจนจะตัดใจได้ง่ายดายอย่างนั้นเชียวหรือ



“อย่าให้ชัดรู้นะ นี่ปาลกับพี่ปอนด์อุตส่าห์ลงทุนไปสืบมากันเองเลย”



“พี่ปอนด์ก็เอาด้วยเหรอ” ฉันทัชหลุดขำออกมาเพราะปกติแล้วศรารัณไม่ได้สนิทกับชัดเจนมากเท่ากับปาณัสม์



“แน่นอน พี่ปอนด์ก็ห่วงชัดนะ ยิ่งรู้เรื่องนั้นยิ่งเป็นห่วง”



“พี่ปอนด์เก่งชะมัด ทั้งที่ปาลปิดเรื่องชัดแทบตาย พี่ปอนด์กลับรู้ง่ายๆ” ฉันทัชพูดขึ้นบ้าง ปาณัสม์เล่าให้เขาฟังว่าศรารัณพูดว่าในเมื่อเป็นนักธุรกิจอยู่แวดวงเหล่านี้หูตาต้องกว้างไกล แล้วยิ่งเป็นเรื่องในบริษัทด้วย ทำไมศรารัณจะไม่รู้





แต่ศรารัณก็รับรู้เพียงแค่เรื่องปลอมเอกสารเรื่องเดียว พ่วงอีกเรื่องที่ชัดเจนชอบฉันทัช แต่ไม่ได้รู้ลึกในเรื่องอื่นของชัดเจนด้วย ซึ่งศรารัณรู้แค่นี้ย่อมดีกว่ารู้เรื่องทั้งหมด



“จะฟังเรื่องชัดต่อไหม”



“ฟังๆ เล่าเลย”



“ดูเหมือนชัดเจนจะสนิทกับเด็กข้างห้อง”



“เด็ก? เฮ้ย บรรลุนิติภาวะยัง อายุเท่าไหร่ เกินสิบแปดไหม พรากผู้เยาว์ไม่ได้นะ” ฉันทัชรัวถามออกไปเป็นชุดด้วยความเป็นห่วง



“ใจเย็นก่อน อย่าเพิ่งตีโพยตีพาย”​ ปาณัสม์ขำกับท่าทีของคนตรงหน้า “นักศึกษามหา’ลัย ปีสามแล้ว อายุก็ยี่สิบพอดี บรรลุนิติภาวะเรียบร้อย รอดพ้นคุกและตะราง ยกเว้นว่าพ่อแม่เขาจะมาหิ้วไอ้ชัดเข้าซังเต”



“ชัดไวไฟขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่น่าเชื่อ กับเทมส์ไม่เคยรุ่มร่ามเลยนะ” ฉันทัชบอกเมื่อเทียบกับประสบการณ์ของตัวเองเวลาอยู่ตามลำพังกับชัดเจน



“ลองดูรูปน้องเขาก่อนไหม เผื่อจะเอามาประกอบการพิจารณาว่าชัดควรจะห้ามใจไหม” ปาณัสม์เปิดแอปพลิเคชันสีเขียว พลางส่งให้ฉันทัชรับไปดู



“แน่ะ มีไอดีกันด้วย คิดอะไรกับน้องหรือเปล่า” ฉันทัชหรี่ตามองคนตรงหน้า



“อย่าคิดเกินเลยน่า พี่ปอนด์ก็มีเหมือนกัน น้องเขาให้มาตอนที่ไปหาชัดแล้วเจอน้องออกมาจากห้องไอ้ชัดมัน น้ำตางี้นองเต็มหน้า น่าสงสาร”



“สงสารมากระวังเถอะ มันจะเลยเถิด” ฉันทัชขู่



“ไม่กล้าครับ ไม่กล้า ขนาดเอาใจสารพัด ขัดใจสักนิดก็ไม่มี ไปรับไปหาเช้าถึงเย็นถึง คุณฉันทัชยังใจแข็งขนาดนี้ กระผมไม่กล้าออกนอกลู่นอกทางหรอกครับ ไม่อยากนอนคนเดียวไปตลอด มือด้านหมดแล้วเนี่ย”



“หยุดคิดทะลึ่งเลย” ฉันทัชบอกเสียงลอดไรฟัน



“ดูรูปหรือยัง”



“ลืมเลย” ฉันทัชจึงหยิบโทรศัพท์ของปาณัสม์ขึ้นมาดูอีกรอบ ดวงตาเรียวเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ “หน้าตาของน้องเขา..”



“ใช่ไหมล่ะ” ปาณัสม์รับโทรศัพท์คืนมาจากฉันทัช



“อืม” ฉันทัชพยักหน้า



“ไทป์เดียวกับจันทร์เลย”



“ไม่ได้เหมือนกันขนาดนั้นสักหน่อย แต่น้องหน้าตาน่ารักดีนะ น้องเขาชื่ออะไร”



“เคลียร์”



“บังเอิญจังเลย คนหนึ่งก็ชื่อชัด อีกคนหนึ่งก็ชื่อเคลียร์ หวังว่ามันจะแจ่มแจ้งชัดเจนโปร่งใสล่ะนะ”



“ถ้าเป็นอย่างที่จันทร์ว่าก็ดีสิ”



“ทำไมล่ะ อ้อ ตะกี้ปาลบอกว่าน้องเขาร้องไห้ออกมาจากห้องชัดใช่ไหม”



“อืม ชัดยังไม่ลืมจันทร์ แต่น้องเข้ามาในชีวิตของชัดแล้ว”



“เทมส์สงสารน้องเลย เราช่วยน้องได้ไหม” ฉันทัชนึกห่วง



“เข้าใจหรือยังว่าทำไมพี่ปอนด์กับปาลถึงขอไอดีน้องเขามา”



“เทมส์อยากช่วย”



“จันทร์อย่าช่วยเลย ถ้าน้องรู้ว่าจันทร์คือคนที่ชัดรักมาตลอด น้องจะรู้สึกยังไง”



“จริงด้วย” ฉันทัชพยักหน้าเห็นด้วยเพราะเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาระหว่างชัดเจนกับน้องเคลียร์ไปแล้ว



“แล้วเทมส์ต้องทำไงอะ”



“จันทร์อยู่เฉยๆ ดีกว่า ปาลเองก็ยื่นมือเข้าไปยุ่งมากไม่ได้หรอก เรื่องของเขาสองคน ถ้าน้องรักชัดจริงๆ คงพยายามเต็มที่ แต่ถ้าชัดยังเลือกจันทร์อยู่ดี ใครหน้าไหนก็ไปช่วยน้องไม่ได้หรอก”



“น้องเคลียร์..” ฉันทัชรำพึงออกมาด้วยความสงสารเด็กที่ยังไม่เคยเจอหน้ากันสักครั้ง



“แล้วไทน์กับพี่ก้องเป็นไงบ้าง” ปาณัสม์ถามคนรักกลับบ้าง



“เหมือนเดิม เทมส์คิดว่าคุณก้องแค่จีบไทน์เล่นๆ ผิดคาดแฮะ จริงจัง”



“ไทน์ไม่ชอบพี่ก้องเหรอ”



“ชอบสิ ชอบพ่อเผื่อไปถึงลูกเลยล่ะ” ฉันทัชว่า



“แล้วติดอะไรตรงไหน”



“ยังไม่มั่นใจในตัวคุณก้องมั้ง ความเจ้าชู้ไม่เข้าใครออกใคร”

         

“งั้นเหรอ นึกว่าเป็นห่วงชื่อเสียง เป็นถึงดารงดารา” ปาณัสม์ทำเสียงค่อนขอดน้องสาวของอีกฝ่าย



“ขนาดไม่เจอตัวกันยังอุตส่าห์แขวะกันอีก” ฉันทัชส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอก คงเป็นห่วงเรื่องของเทมส์มากกว่าว่าตกลงจะเอายังไงกับชีวิตกันแน่”



“งั้นก็ทำให้ไทน์เลิกห่วงจันทร์สักทีสิ มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า”



“เรื่องของเรา? เทมส์กับปาลอะนะ”



“ใช่”



“ยังไงล่ะ” ฉันทัชถาม “เอ ทำไมอาหารมาช้าจัง” ฉันทัชเฉไฉไปเรื่องอาหารแทน



“เปลี่ยนเรื่องเหรอ อะ รออาหารมาก่อนก็ได้”



“ขออภัยที่ให้รอนานค่ะ” พูดถึงอาหาร อาหารก็มาทันใจ พนักงานสาวยกอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟพอดี



“ปีนี้พวกคุณก็มาเช่นเคยนะคะ ครบรอบปีที่เท่าไหร่แล้วคะ” หญิงสาวยิ้มให้พลางยกอาหารทีละจานวางลงบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล



“ปีที่ศูนย์ของการเป็นแฟนครับ”



“เอ๋? ทำไมคะ” เธอทำหน้าสงสัย ก็นับหนึ่งสองสามสี่เพิ่มมาทีละปี ทำไมปีนี้ถึงกลายเป็นศูนย์ไปได้



“เรารีเซตความสัมพันธ์น่ะครับ นี่ผมเลยต้องเริ่มจีบเขาใหม่ ปีนี้ก็ครบรอบหนึ่งปีพอดีที่จีบเขา”



“พวกคุณสองคนนี่เล่นอะไรน่ารักจังเลยค่ะ คงไม่อยากให้ชีวิตคู่จืดชืดใช่ไหมคะ ทำทุกวันให้เหมือนเพิ่งคบกัน จะได้ไม่เบื่อกัน ขอให้จีบติดไวๆ นะคะ” พนักงานสาวพูดตามความรู้สึกของตัวเองโดยไม่ได้รู้เรื่องราวเบื้องหลังของแขกเลยแม้แต่น้อย



“ขอบคุณครับ ผมจะพยายามเต็มที่เลย” ปาณัสม์ยิ้มรับ



“เอาใจช่วยค่ะ ขอให้คุณทั้งสองคนมีความสุขกับชีวิตคู่นะคะ” หญิงสาวกล่าวปิดท้ายก่อนจะค้อมตัวเดินออกไปด้วยความสุภาพ



“ปาลจีบจันทร์ติดหรือยังครับ”



“คิดว่ายังไงล่ะ?” ฉันทัชเอ่ยถามให้อีกฝ่ายเดาคำตอบเอง



“ปาลไม่ทำห้องรกแล้วนะ แม่บ้านชอบมากบอกไม่ต้องก้มเยอะ คอยตามเก็บเสื้อผ้า ไม่ปวดหลังด้วย” ปาณัสม์หัวเราะขณะที่เล่าให้อีกฝ่ายฟัง



“เทมส์ใช้ครีมอาบน้ำน้อยลงแล้วนะ พื้นไม่ค่อยลื่นละ ไทน์ชมใหญ่เลย” ฉันทัชคุยขึ้นบ้าง



“ปาลทำงานน้อยลงแล้วนะ แต่ยังกลับบ้านช้าอยู่ดีเพราะมารับจันทร์ก่อน”



“เทมส์ทำงานมากขึ้นนะ” ฉันทัชหัวเราะ “แต่ก็ไม่เท่าปาลอยู่ดี”



“ปาลดื่มน้อยลงแล้วนะ จนไอ้จักรมันบ่นหูชาว่าเหงาไม่มีเพื่อนไปกินเหล้าด้วย”



“เทมส์ดื่มมากขึ้นนะ แต่ไปกับไทน์ วันหลังชวนจักรไปด้วยก็น่าจะดี”



“ปาลพยายามหึงและหวงจันทร์น้อยลงแล้วนะ ยิ่งเวลาจันทร์คุยกับคุณชายหลี่ ปาลก็สงบสติอารมณ์ได้มากกว่าเดิมแล้วนะ”



“คุณชายหลี่กำลังตามจีบคนใหม่อยู่”



“ถ้าจีบคนใหม่แล้วเขามาคุยกับจันทร์ทำไม”



“ปรึกษาน่ะ” ฉันทัชหัวเราะ



“อ่อนจริงๆ” ปาณัสม์ทำเสียงดูถูกอีกฝ่าย



“นิสัยไม่ดีไปว่าเขา” ฉันทัชปราม



“อันนี้แก้ยาก แต่ก็ลดลงแล้วนะ”



“ลดเรื่องหลงตัวเองลงด้วยก็ดีนะ” ฉันทัชเสริม



“ไม่เอาๆ นั่นจุดขาย” ปาณัสม์ว่า



“ตั้งแต่เทมส์ทำงานกับคุณก้อง คิดว่าตัวเองใจเย็นขึ้น”



“รู้ได้ไง” ปาณัสม์ถาม



“เทมส์ถามคุณก้องกับไทน์มา”



“เดี๋ยวนี้ เริ่มถามแล้วหรือ” ปาณัสม์หลิ่วตาพลางถาม



“ไม่ดีหรือไง”



“ดีสิ แต่ต่อให้จันทร์เหมือนเดิม ปาลก็จะถามจันทร์ให้มากขึ้นเอง”



“อืม จะอยู่ให้ถามดีๆ ไม่เอาแต่หนีแล้วด้วย”



“ทำตัวน่ารักเพิ่มขึ้นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่“



“เทมส์ก็เป็นของเทมส์แบบนี้นั่นล่ะ” ฉันทัชว่า เขาตักอาหารตรงหน้ามาลองชิม



“อ้อ ปาลเปิดบัญชีใส่เงินสดไว้ให้จันทร์ด้วยนะ” ปาณัสม์บอกพลางยื่นบัตรเอทีเอ็มตรงหน้าอีกฝ่าย



“รหัสล่ะ?”



“นึกว่าไม่เอา” ปาณัสม์เอ่ยแซว “ส่วนรหัส ลองเดาดูหน่อยว่าใจตรงกันกับปาลหรือเปล่า”



“เอาสิ ได้เงินใครจะไม่ชอบ จะเอาไปเช็กดูว่ามีเงินอยู่เท่าไหร่ พอให้เที่ยวรอบโลกไหม”



“ถ้าอยากเที่ยวรอบโลก มาบอกพี่ได้เลย เดี๋ยวพี่คนนี้จะจัดทริปให้น้องเอง”



“จริง?”



“จริงสิครับ แต่มีข้อแม้นะ”



“ข้อแม้อะไร” ฉันทัชถามกลับ



“ข้อแม้ว่า ตลอดทั้งทริปเราจะจองห้องพักในโรงแรมเพียงห้องเดียว”



“สองเตียงก็ได้สินะ”



“ตามใจจันทร์ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของปาล” ปาณัสม์บอก ต่อให้เป็นเตียงคู่ เขาจะขึ้นไปนอนเบียดกับอีกฝ่ายอยู่ดี



“จะคุ้มไหมเนี่ย”



“คุ้มสิ เที่ยวฟรี แค่ช่วยปาลประหยัดค่าห้องพักเอง”



“เปย์ไม่จริงนะเนี่ย”



“ก็มาเป็นแฟนพี่สิ พี่จะให้ทุกอย่างที่อยากได้เลย”



“เพ้อเจ้อ” ฉันทัชยิ้ม



“ตกลงว่าปาลจีบติดหรือยังครับ” ปาณัสม์ถามคำถามนี้อีกครั้ง



ฉันทัชยังไม่ตอบ ชายหนุ่มเลือกปลดสร้อยคอที่ปาณัสม์เคยสวมให้เมื่อก่อนตอนที่ไปทำงานที่ฮ่องกงด้วยกัน ออกมาวางบนกลางโต๊ะ



“ตอนนั้นปาลพูดว่ายังไงนะ ถ้าหากเทมส์จะถอดสร้อยเส้นนี้”



“ปาลบอกว่า ถ้าจันทร์จะถอดมันก็ขอให้มีแค่สองเรื่องเท่านั้นคือเอาแหวนที่อยู่ในสร้อยมาใส่ไว้ในที่ที่ของมัน กับไม่อยากสวมมันอีกต่อไปแล้ว ถึงตอนนั้นปาลจะได้รู้ตัวเสียที”



“วันนี้เทมส์ถอดมันออกมาแล้วนะ”



“อืม แล้วจันทร์ตัดสินใจว่ายังไง”



ฉันทัชแตะแหวนที่ยังร้อยอยู่ในสายสร้อยเส้นนั้น









“ปาลคิดว่ายังไงล่ะ?”

 









 

           

Never Ending Story




========================================



จบแล้ววว **ซับหัวตา



ไม่รู้ว่าจะมีใครชอบตอนจบแบบนี้ไหม แต่อยากให้ชอบนะคะ (มัดมือชก) เขมต้องการให้จบแบบนี้ตั้งแต่เริ่มวางพล็อตเรื่องนี้ค่ะ ยอมรับว่าเขวไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดก็ยึดมั่นตามความตั้งใจเดิม ต้องขออภัยจริงๆ หากว่าจะไม่ชอบตอนจบ **โค้ง


แม้ว่าจะเป็นการจบแบบปลายเปิดแต่เป็นเปิดที่ทุกคนเดาทางได้ใช่มั้ยคะ  นั่นล่ะค่ะ ท่านผู้อ่าน


คู่ของไทน์ จริงๆ แล้วเขมเคยแจ้งไว้ (อาจจะไม่ได้ครบทุกช่องทาง ขออภัยด้วยค่ะ) ว่าไม่อยากให้มองคู่นี้เป็นคู่รองของเรื่อง เป็นตัวละครที่สร้างสีสันให้กับเรื่องดีกว่า

แล้วทำไมตอนจบ พวกเขาจบแบบนี้

จบแบบนี้ตามความตั้งใจของไทน์ที่บอกคุณก้องว่าถ้าเทมส์ยังแก้ปัญหาไม่เรียบร้อย ไทน์ก็จะอยู่แบบนี้ค่ะ แต่..แต่.. เขมก็ยังเชื่อว่า ต่อให้ไม่ได้ลงดีเทลในเรื่อง ไทน์ก็ไม่ได้พ้นไปจากความวุ่นวายของคุณก้องหรอกค่ะ


คู่ของชัดเจน ตามนั้นค่ะ ทิ้งท้ายไว้แบบนั้น จุดนี้เป็นจุดที่เพิ่มเข้ามา หลายคนอยากให้ชัดมีคู่ใช่มั้ยล่ะ เขมยังไม่ได้แต่งเรื่องของชัดนะคะ ไม่แน่ใจว่าจะมีสปินออฟมั้ย เพราะชัดเป็นตัวละครหนึ่งที่เขียนยากค่ะ แต่มีในตอนพิเศษนะคะ


คุณชายหลี่ มาแต่ชื่อ ตัวไม่มาค่ะ ให้เขาใช้ชีวิตกับคนที่ตามจีบไปนะคะ อย่าไปกวนเขาเลย


มาถึงตรงนี้ อยู่ด้วยกัน ดำเนินกันมา 28 ตอน ขอบคุณมากๆ เลย ไม่ว่าจะทุกคอมเมนต์ ทุกกำลังใจ ทุกแชร์ หรือทุกอย่างที่พูดถึงนิยายเรื่องนี้ในช่องทางโซเชียล



คำชมนั้นเป็นแรงพลังที่ยิ่งใหญ่มาก ทำให้เขียนแต่ละเรื่องให้จบ

คำติก็เช่นกัน เขมจะนำมาปรับปรุงพัฒนาการเขียนให้ดีกว่านี้นะคะ

ยอมรับว่าหลายครั้งท้อจนอยากจะพูดคำว่า "พอแล้ว เหนื่อยแล้ว" เหมือนเทมส์ในเรื่องเลย แต่พอเห็นว่ามีคนที่ยังรออ่านก็เหมือนได้รับแรงขับเคลื่อนมาอีกครั้ง



ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ขอโทษที่ยาวไปหน่อยนะคะ มีเรื่องที่อยากพูดเยอะมาก



สุดท้ายและท้ายสุดจริงๆ หากมีตรงไหนสงสัยหรือไม่เข้าใจ ถามเขมมาได้ตลอดนะคะ ถามทางทวิตจะตอบได้เร็วกว่าค่ะ




รักทุกคนเสมอ แล้วเจอกันใหม่นะคะ บุญรักษาค่ะ



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-12-2018 11:31:06
ก็รักกันอะเนอะ. ไปไหนไกลไม่ได้หรอก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 05-12-2018 11:58:50
ขอบคุณมากนะคะที่เขียนงานดีๆแบบนี้ให้อ่าน หวังว่าจะได้เจอกันเรื่องใหม่น้าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 05-12-2018 12:58:24
จบแล้ววววววว แล้วเค้าก็กลับมารักกัน

 :mew1: :mew1: :mew1:

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 05-12-2018 16:47:54
ชอบเรื่องนี้จ้า เขียนถึงความรักในด้านดีและร้าย มีเรื่องต้องปรับกันไป ดูเป็นความจริงดี เลิฟๆ คนเขียนน้า จะติดตามเรื่องต่อไป
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-12-2018 17:39:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 05-12-2018 21:45:59
 :hao3: ขอบคุณสำหรับความรักเรื่องนี้ค่ะ ขอบคุณที่พยามยามสู้เพื่อคนอ่านนะคะ  :mew1: เป็นอีกเรื่องที่มีความละมุน+หน่วงมาก  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 05-12-2018 22:05:41
……

จบแบบปลายเปิดที่เดาทางได้ การกระทำสำคัญกว่าคำพูด

 แต่ก็นั่นแหละนะ บางทีเราก็อาจจะเขวได้ว่ามันใช่อย่างที่คิดไหม

ขอตอนพิเศษหลังจากจันทร์สวมแหวนสักตอนสองตอนหน่อยละกันนะ

อยากอ่านตอนปาลกระดี๋กระด๋าที่จันทร์กลับมาอยู่ด้วยอ่ะ


 :o8:  :-[  :impress2:  :o8:  :-[  :impress2:  :o8:  :-[  :impress2:


……

หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 05-12-2018 22:11:30
ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-12-2018 23:16:49
ก็รู้ๆกันมะแบบนี้ แต่ก็อยากรู้ว่าตอนจากนี้จะเป็นยังไง 555555555
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 06-12-2018 15:29:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณค่ะ
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-12-2018 19:43:00
ตอนจบน่ารักมาก ชอบนะตอนที่ต่างฝ่ายบอกว่่่่่่าเปลี่ยนในเรืีองเล็กน้อย (แต่ดันเป็นจุดเริ่มให้ปัญหาใหญ่ตามมา) เช่น ทำงานน้อยลง ใช้ครีมน้อยลง คือเหมาะกันอ่ะ เข้าใจกันโดยไม่ต้องพูดมาก

แอบอยากรู้จักน้องเคลียร์ คำว่าตัวแทน คงดราม่าน่าดู อิอิ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 08-01-2019 19:48:42
สนุกมากเลยเสียใจที่รู้จักเรื่องนี้ช้าไปไม่งั้นจะเม้นทุกตอนเลยยย
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 09-01-2019 15:00:09
ชัดเจนนี่ย้อนแย้งในตัวหลายสิ่งดีนะ แปลกและน่าสนใจ
นิสัยน้องเล็ก สปอยล์หน่อยๆ แต่ดันจริงจัง ตั้งใจทำหน้าที่
ขี้อิจฉา คิดคด สันดานเสีย แต่เป็นไปแบบซื่อๆ คิดตื้นๆใสๆ
ที่สำคัญ...สดๆซิงๆ! นึกว่าเรื่องหน้าจะได้เป็นนายเอกซะเอง
สูง หล่อ เก่ง ผิวแทน นี่มันสายฝ.ชัดๆ พระเอกฝรั่งต้องมาอ่ะ (ฮา)

สนุกมากค่ะ เขียนเก่ง พล็อตไม่ซ้ำดี จะติดตามเรื่องอื่นอีกน๊า
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-01-2019 22:15:04
ขอบคุณสำหรับนิยายที่ทำให้อินมากๆ คนเราจะคบกันใช้ชีวิตด้วยกันไม่มีมือที่สามก็เลิกได้ค่ะ ได้ข้อคิดได้อะไรเยอะเลย ดีใจที่ทั้งคู่เต็มใจที่จะปรับตัวเข้าหากัน ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆอีกเรื่องนะคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 14-01-2019 09:02:17
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: jin_kazu ที่ 14-01-2019 21:12:41
เพิ่งมีโอกาสได้อ่านเรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องที่ดีมากๆค่ะ เขียนดีมากเลย ไม่ดราม่าเกิน ไม่หน่วงเกิน
ภาษาและการเรียงเรื่องดีด้วย อ่านแล้วชอบจันทร์มากๆเลย ชอบจนไม่อยากยกให้ปาล 555
และชอบเวลาปาลอ้อนด้วยน่ารักดี >< 
แอบอยากได้ตอนพิเศษที่ปาลจันทร์เค้าหวานๆกันบ้างจังค่ะ

ขอบคุณคนแต่งที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้ออกมานะคะ ❤️
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 15-01-2019 02:36:17
เย้!!! อ่านรวดเดียวจบ  :sad4:

คืออออออแบบเรื่องดีจัง ทุกอย่างมีเหตุและผลของมัน

รักกันมานานคิดว่าไม่ต้องถามก็เข้าใจกัน ความใส่ใจกันน้อยลงก็ทำให้ความรักลดลง

มือที่สามก็เข้ามาได้ง่ายๆ เพราะรักเริ่มไม่แข็งแรง

เราเข้าใจ!! เราอิน!! ด้วยอายุด้วยแหละมั้งทำไมเราอินจัง แอบน้ำตาไหลในบางตอน

ขอบคุณนะคะเรื่องนี้สนุกมากๆ :katai2-1:



หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 15-01-2019 03:29:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 15-01-2019 11:39:01
อ่านจบแล้ว
แอบยอมรับจริงๆเชียร์คุณชายหลี่ 5555555
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 15-01-2019 14:43:15
ตอนเริ่มอ่านมีหลายอย่างที่สงสัยและขัดใจกับตัวละครเยอะมาก แต่พออ่านไปเรื่อยๆเหมือนโดนนักเขียนดักทาง ทำให้เราเข้าใจความคิดตัวละครนั้นๆมากขึ้น พออ่านจบก็ไม่มีอะไรขัดใจแล้วค่ะ555555 ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 15-01-2019 21:00:24
จบแบบปลายเปิด แต่คิดว่าต้องกลับคบกันแน่ๆคะ อ่านไประแวงไป สนุกมากคะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าอ้วงงง ที่ 16-01-2019 00:15:37
ชอบบรรยากาศตอนเริ่มเรื่องอ่ะค่ะ สะกิดหัวใจดีจริงๆ  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Spoypopoy ที่ 16-01-2019 16:37:07
เย่ๆๆๆๆๆ อ่านจบแล้ว ก็จะงอแงกับตอนจบนิดนึงแต่ก็ได้แหละ คือเริ่มเรื่องกับดำเนินเรื่องคือดีมากๆ แบบมากๆจริงๆ เราชอบมากๆเลย รออ่านเรื่องต่อๆไปน้าาาาา
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 18-01-2019 17:21:32
สนุกมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Nayagirl86 ที่ 18-01-2019 17:35:48
ตอนจบปลายเปิดที่เหมือนปิด ก็รู้แหละว่าจันทร์ไปไหนไม่รอดแน่ๆ
และเชื่อว่าเค้าสองคนจะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตแน่นอน บทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิตคู่จบไปแล้ว ต่างคนต่างรักกันอะไรๆมันก็จะง่ายขึ้น

ขอบคุณคนเขียนที่สร้างนิยายเรื่องนี้ขึ้นมานะคะ ชอบมากเลย ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 18-01-2019 20:44:30
ขอบคุณมากที่แต่งเรื่องราวดี ๆ แบบนี้ให้อ่าน
ขอบแนวแบบนี้มาก ๆ เลย
สนุกมาก ดีมาก ทั้งเรื่องตัวละคร พล็อต ทุกอย่าง
ดราม่าก็เศร้าสุด พอหวาน ๆ กัน ก็ทำให้เขิลๆ ถึงแม้จะมีน้อยนิดก็ตาม ..
ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้สร้างสรรค์ผลงานดี ๆ แบบนี้อีก
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 20-01-2019 13:03:13
ขอบคุณมากคนเขียน เป็นเรื่องที่สอนชีวิตคู่ได้ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาค 28 ภาคต่อของความรัก END หน้า 12 UP!! 05/12/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 22-01-2019 12:02:33

ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย I



** หมายเหตุ ช่วงแรกคือบทสนทนาในแอปพลิเคชันค่ะ






            “สัปดาห์หน้าเทมส์ว่างไหมลูก”
            “ว่างครับ แม่มีอะไรหรือเปล่า”
            “ไปไหว้พระกับแม่ที่อุทัยนะ บอกให้เจ้าไทน์มาด้วย”
            “ครับ”
            ...


 
            “ปาล..สัปดาห์หน้าไปไหว้พระใช่ไหม”
            “ใช่ แม่ชวนแล้วใช่ไหม ติดอะไรหรือเปล่า”
            “ไม่ติด แล้วชัดไปด้วยไหม”
            “ไม่รู้มันเหมือนกัน ยังไม่ได้ถามเลย”
            “ชวนไปด้วยกันสิ”
            “ทำไม?”
            “ชวนน้องเคลียร์ด้วย”         
            “จันทร์...คิดจะเล่นอะไร”
            “เปล่าเล่น แค่อยากเจอ”
            “...”
            “นะ”
            “ไม่รับปากแล้วกัน”
            “ขอบคุณนะ”
            **ส่งสติกเกอร์รูปหัวใจ
            ...


 
            “คุณก้อง”
            “ว่าไงครับ”
            “มะรืนนี้ไปไหว้พระกันไหม พาน้องกายไปด้วย”
            “นึกยังไง”
            “ไม่นึกไง ไปไหม”
            “ผมปฏิเสธได้ด้วยหรือ”
            “เจอกันที่บ้านคุณแม่ แปดโมง ห้ามสาย!”
            “แปลว่าทริปนี้?”
            “อืม อย่างที่คุณคิดทัวร์ยกบ้าน”
            “โอเค”
            …


 
            “พรุ่งนี้มีเรียนหรือเปล่า”
            “ไม่มีครับ”
            “ไปไหว้พระกับผมไหม”
            “กับพี่สองคนเหรอ”
            “เปล่า..กับที่บ้านเจ้านาย”
            “พี่ชัดอยากไป?”
            “พ่อสั่งให้ไป”
            “ถ้าเคลียร์ไปได้ก็อยากไปด้วย”
            “เจ็ดโมงเดี๋ยวผมไปเคาะห้อง ออกเร็วหน่อยเราต้องไปรวมตัวที่บ้านโน้นก่อน”
            “ครับ”
            “รีบนอนได้แล้ว”
            “พี่ชัดๆ”
            “อะไร”
            “ถ้าเคลียร์ไปแล้วจะเจอพี่เทมส์หรือเปล่า”
            “เจอสิก็คุณเทมส์เป็นคนให้ผมชวนเคลียร์ไป”
            “ครับ”
            ...
 



บทสนทนาเมื่อหลายวันก่อนทำให้ฉันทัชกับอินทัชมายืนอยู่หน้ารถตู้คันใหญ่สองคัน ทุกคนมาถึงบ้านคุณหญิงกิ่งกานต์ตั้งแต่เช้า ตอนนี้จวนใกล้เวลาจะออกเดินทางแต่ยังติดปัญหาเรื่องรถว่าใครจะไปคันไหน เนื่องจากสมาชิกในทริปนี้มีจำนวนมากจึงจำเป็นต้องใช้รถตู้สองคันด้วยกัน


“เด็กๆ ตกลงกันได้หรือยัง” คุณหญิงกิ่งกานต์ที่สั่งงานกับเด็กในบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินออกมาสมทบเป็นคนสุดท้าย

“ยังเลยครับ” ฉันทัชตอบ

“อะไรกัน เดี๋ยวได้ออกสายกันพอดี” คุณหญิงกิ่งกานต์ขัดใจเล็กน้อย

“เอาอย่างนี้ครับ คันแรกก็เป็นลุงชม แม่ พี่ปอนด์ พี่เกด น้องปัณณ์ น้องปุณณ์”

“อาปาลครับ ผมอยากเล่นกับยัยเปีย” เด็กชายกวินทร์โพล่งขึ้น

“กาย” คุณพ่อก้องภพเรียกชื่อบุตรชายเสียงเข้มที่ขัดจังหวะผู้ใหญ่

“ขอโทษครับ” น้องกายยกมือไหว้ขอโทษที่เสียมารยาท

“ยังไงดี” ปาณัสม์คิดไม่ออกว่าจะจัดสรรคนอย่างไรดี

“นายมันไม่ได้เรื่อง” อินทัชที่ยืนอยู่ใกล้กับปาณัสม์พูดขึ้น

“ถ้าเก่งนัก เธอก็จัดการเองเลยสิ”

“คอยดูฝีมือ”

“สองคนนี้อย่าตีกัน” ฉันทัชรีบเข้ามาห้าม คู่นี้นี่อยู่ด้วยกันทีไรกัดกันเป็นเด็กๆ ทุกที

“จันทร์หายไปไหนมา”

“ไปหาน้องเคลียร์แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรเลย แม่มาพอดี”

“ได้น้องใหม่แล้วลืมน้องคนนี้เหรอ” อินทัชเง้างอด

“เปล่าสักหน่อย ใครจะลืมน้องสาวคนสวยได้ลงคอละ”

“มากอดที”

“ไม่ให้กอดเว้ย อย่ามายุ่งกับจันทร์” ปาณัสม์รีบปัดมือของอินทัชทิ้ง

“แต่เทมส์เป็นพี่เรา เลิกกัน เธอมันก็แค่คนนอก” อินทัชจี้ใจดำ

“เล่นเสียเจ็บเลย”

“ไม่เอาน่า ไม่ทะเลาะ” ฉันทัชห้ามฝ่ายน้ำเงินและฝ่ายแดงอีกครั้ง

“ตกลงแม่จะได้ไปไหว้พระไหม” คุณหญิงกิ่งกานต์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“เดี๋ยวไทน์จัดการเองค่ะแม่” หญิงสาวยิ้มหวานตอบมารดา

“คันแรกก็เป็นลุงชม แม่ ปาล เทมส์ ชัด น้องเคลียร์ ส่วนคันสองก็มีคุณก้อง ไทน์ พี่ปอนด์ พี่เกด น้องปัณณ์ น้องกาย และน้องปุณณ์ ดีไหมคะ”

“ไม่ดีค่ะอาไทน์”

“ทำไมคะน้องปัณณ์”

“หนูอยากนั่งกับอาจันทร์แล้วก็อาปาลด้วยค่ะ” เด็กหญิงศราลักษณ์แจ้งความจำนง

“ลูกทิ้งเราอีกแล้วล่ะเกด” ศรารัณบอกกับภรรยาสาวด้วยความน้อยใจ อย่างไรลูกก็มักเลือกสองอาอยู่วันยังค่ำ ชลพิกาทำได้เพียงยิ้มเอ็นดูกับอาการน้อยใจของสามี

"ส่วนผมจะเล่นกับยัยเปีย” เด็กชายกวินทร์เองก็ยังยืนหยัดความคิดเดิม

“ถ้าชัดมานั่งกับแม่แล้วใครจะขับรถให้คุณก้องเขา ไม่ได้ๆ” คุณหญิงกิ่งกานต์ไม่เห็นด้วยในบางส่วน

“ไม่เป็นไรครับ ผมขับได้” ก้องภพบอกคุณหญิงอย่างสุภาพ

“ไม่ได้จ้ะ ไม่ได้”

“หึ ไหนล่ะฝีมือ” ปาณัสม์แขวะอีกฝ่ายเข้าให้

“ปาล! ไอ้บ้า” อินทัชหันไปแหวใส่

“อย่าทะเลาะกันได้ไหม ถ้าตีกันอีกจะให้อยู่บ้านทั้งคู่” ฉันทัชห้ามทัพพร้อมด้วยคำขู่

“ชัด ไปขับรถให้คุณก้องได้ไหม” คุณหญิงเอ่ยถาม

“ได้ครับ”

“ดีจ้ะ งั้นก็ย้ายชัดกับหนูเคลียร์ใช่ไหมลูก”

“ครับ” เด็กหนุ่มยกมือไหว้คุณหญิงอีกครั้ง ทั้งที่ตอนมาถึงก็สวัสดีอีกฝ่ายไปแล้ว

“ลูกเต้าเหล่าใครกันล่ะจ๊ะ มารยาทก็ดี หน้าตาก็น่ารัก เดี๋ยวป้ามาคุยด้วย ตอนนี้ขอจัดการตรงนี้ก่อน”

“ครับ”

“เอาละจ้ะ ชัดกับหนูเคลียร์ก็ย้ายไปนั่งคันของคุณก้อง ส่วนน้องปัณณ์กับน้องกาย ย้ายมาคันนี้กับย่านะ”

“ค่า/ครับ” เด็กสองคนรับคำพร้อมกัน

“แบบนี้พอได้ไหม”

“คุณแม่เก่งที่สุดเลยค่ะ” อินทัชเอ่ยชม

“จ้ะ ไม่ต้องมายอเอาใจแม่ ปะขึ้นรถกันได้แล้ว”

“จันทร์ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่โอเคเหรอ” ปาณัสม์เห็นคนรักทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากยอมรับการตัดสินใจของคุณหญิงสักเท่าไหร่

“ก็...น้องเคลียร์”

“นั่งแยกกันน่ะดีแล้ว จันทร์คงไม่อยากทำให้น้องลำบากใจใช่ไหม อย่าลืมสิว่าน้องเพิ่งเห็นจันทร์ครั้งแรกเองนะ”

“อืม”

“แล้วที่สำคัญจันทร์คือคนในใจของชัด จำได้ใช่ไหม”

“จำได้”

“ดีแล้ว” ปาณัสม์โอบไหล่ฉันทัชไว้เพื่อปลอบใจก่อนจะพาขึ้นรถ


ใกล้เที่ยงเมื่อรถตู้สองคันเลี้ยวเข้ามาจอดในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากวัดที่จะไป คุณหญิงมองนาฬิกาแล้วคิดว่าควรจะหาอะไรทานรองท้องกันก่อน จะทำบุญทั้งทีหากใจไม่สงบเพราะความหิวคงจะพานให้โมโห อดอิ่มบุญกันพอดี

“เมื่อยไหมครับแม่” ฉันทัชถามคุณหญิงขณะพยุงร่างของอีกฝ่ายลงจากรถ

“นิดหน่อยจ้ะ ไม่ได้นั่งรถไกลๆ แบบนี้นานแล้วนี่นะ”

“คุณย่าปวดแขนหรือปวดขาคะ ให้หนูนวดให้เอาไหมคะ” เด็กหญิงศราลักษณ์รีบเอาใจผู้เป็นย่า

“น่ารักจริงๆ หลานย่า ขอบใจจ้ะแต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวย่าเดินนิดหน่อยให้ได้ยืดเส้นยืดสายก็ดีขึ้น” คุณหญิงตอบพลางลูบศีรษะหลานสาวด้วยความเอ็นดู

“มาครับคุณแม่ ผมพาไปเอง” ศรารัณที่ลงมาจากรถตู้อีกคัน รอจนทุกคนพร้อมแล้วจึงเดินมาหาคุณหญิงกิ่งกานต์

“ขอบใจจ้ะเจ้าปอนด์”


ความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อถึงเวลาสั่งอาหาร คุณหญิงกิ่งกานต์เข้ามาจัดการอีกครั้งโดยอนุญาตให้ทุกคนเลือกอาหารได้คนละหนึ่งเมนูเท่านั้น

“น่าอิจฉาเสียจริง” อินทัชพูดขึ้นพอให้ฉันทัชได้ยิน

“อิจฉาอะไร”

“คนหนึ่งสั่งอาหารที่อีกคนชอบ อีกคนก็สั่งอาหารที่อีกคนชอบให้” ฉันทัชรู้ได้ทันทีว่าอินทัชกำลังหมั่นไส้ตนเอง

“แล้วทำไม?”

“ไม่ทำไมก็บอกอยู่ว่าน่าอิจฉา”

“คุณก้องครับ” ฉันทัชเรียกชื่อเจ้านาย

“ครับ?”

“มีคนอิจฉาที่ปาลสั่งอาหารที่ผมชอบให้ ยังไงคราวหน้าคุณก้องช่วยสั่งอาหารที่น้องอินอินชอบบ้างนะครับ จะได้เลิกอิจฉาผมเสียที” พอพูดจบฉันทัชก็เห็นน้องสาวตนเองทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ระหว่างนั้นก็เจ็บที่ต้นแขนเพราะถูกอินทัชหยิกเข้าให้

“เทมส์เจ็บนะ”

“แกล้งไทน์ได้ไง”

“ไทน์แกล้งเทมส์ก่อนทำไม”

“เลิกอิจฉาเทมส์เถอะ คราวหน้าผมจะสั่งอาหารที่คุณชอบให้คราวนี้ผมสั่งให้น้องกายก่อน หวังว่าคุณจะไม่โกรธ” ก้องภพเข้ามาแก้ไขสถานการณ์

“ไม่โกรธหรอก จะโกรธทำไม เทมส์ก็แค่แกล้งไทน์ไปอย่างนั้นเอง”

“เด็กโตพวกนี้แกล้งกันไม่อายเด็กจริงๆ เล้ย” คุณหญิงส่ายหน้าด้วยความระอา

“เจ้าปอนด์แล้วยายเกดล่ะ” คุณหญิงมองหาลูกสะใภ้ทว่าไม่เจอ

“พาน้องปุณณ์ไปล้างหน้าล้างมือครับ กลัวตื่นไม่เต็มตาแล้วจะไม่ยอมกินข้าว”

“อืม ดูเมียเราด้วย อย่าให้เหนื่อยเกินไปนัก แม่ให้จ้างพี่เลี้ยงก็ไม่เอา”

“เกดเขาอยากเลี้ยงเองครับแม่”

“แม่กลัวว่าจะเหนื่อยจนไม่ได้พัก”

“นั่นสิครับ ตอนที่เลี้ยงน้องปัณณ์ยังเหนื่อยเลย นี่สองคนต้องเหนื่อยมากแน่ๆ” ฉันทัชเห็นด้วยกับคุณหญิง

“เทมส์ก็กลับมาอยู่ที่บ้านสิ เกดจะได้เหนื่อยน้อยลง” จบคำก็ได้ยินเสียงคนพูดร้อง ‘โอ๊ย’ เพราะถูกมารดาตีเข้าให้ที่แขนอย่างจัง


อาหารทยอยมาเสิร์ฟทีละจานจนครบ ทุกคนบนโต๊ะจึงกลับเข้าสู่ความสงบ มีชลพิกาเพียงคนเดียวที่ไม่ได้กินอะไรแต่ศรารัณก็ตักอาหารมาให้ภรรยาเรียบร้อยแล้ว เขารีบกินเพื่อจะได้รีบเข้าไปเปลี่ยนกับภรรยาที่กำลังอุ้มน้องปุณณ์เดินเล่นอยู่บริเวณน้ำพุของร้านอาหาร

“พี่ปอนด์ ค่อยๆ กินเดี๋ยวติดคอ” ปาณัสม์ทักพี่ชาย

“พี่กลัวเกดจะหิว”

“เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนให้เอง” ฉันทัชเสนอตัวด้วยความเต็มใจ

“จันทร์อิ่มแล้วเหรอ” ปาณัสม์ถามขึ้นเพื่อความแน่ใจทั้งที่จานของฉันทัชว่างเปล่าแล้ว

“ไม่เป็นไร” ศรารัณเกรงใจ

“ผมอยากเลี้ยงน้องปุณณ์บ้าง พี่ปอนด์กินต่อเถอะ ปาลก็ด้วย เดี๋ยวจันทร์มานะ” ฉันทัชกระซิบบอกคนที่นั่งข้างตัว

“อืม”


จังหวะที่ฉันทัชเดินผ่านสมาชิกที่เหลือ สายตาเขาก็เหลือบไปเห็นคนที่เด็กสุดในทริปนี้ถ้าไม่นับเด็กสามคนนั้น มุมปากของฉันทัชยกยิ้มขึ้นมา

“ไปเลี้ยงเด็กกับพี่ไหม” ฉันทัชเอ่ยชวน

“เอ่อ...เคลียร์” เคลียร์ทำหน้าตาดูเป็นกังวล เขาหันไปขอความเห็นใจกับชัดเจนแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ช่วยเขาเลย

“กินเสร็จแล้วใช่ไหม ไปนะ ไปเดินย่อยก็ได้” ฉันทัชชวนซ้ำ หางตาเขาเหลือบเห็นปาณัสม์ที่ทำหน้าตาคล้ายบอกให้เขาเลิกวุ่นวายกับน้องคนนี้


‘ห้ามไม่ทันแล้วปาล เสียใจด้วย’


“ไปนะ”

“ครับ”

“พี่เกด” ฉันทัชเดินเข้าไปหาชลพิกาพร้อมกับอีกคน

“ว่าไงจ๊ะน้องเทมส์” ชลพิกาตอบ มอบรอยยิ้มมาให้ฉันทัชเลยไปถึงคนข้างหลังด้วย

“เดี๋ยวเทมส์ดูน้องปุณณ์ต่อให้เองครับ พี่เกดไปกินข้าวเถอะ”

“อ้าว แล้วพี่ปอนด์ล่ะ?”

“เทมส์ให้พี่ปอนด์กินข้าวต่อเองครับ สงสาร เห็นรีบกินข้าวจนเกือบจะติดคอ” ฉันทัชตอบพลางกลั้วหัวเราะ

“โถ ทูนหัว” หญิงสาวพึมพำด้วยความเอ็นดูในตัวสามี เธอส่งตัวบุตรชายให้ฉันทัช
       
“ขอบใจนะ”         

“ไม่เป็นไรครับ”


คล้อยหลังชลพิกาแล้ว ฉันทัชจึงอุ้มหลานออกเดินต่อโดยมีน้องเคลียร์เดินตามไปด้วยเงียบๆ

“รู้ไหมว่ามากับชัดแล้วจะเจอพี่ด้วย” ฉันทัชเอ่ยถามขึ้น

“รู้ครับ พี่ชัดบอกผมเอง” คำตอบของคนเด็กกว่าทำให้ฉันทัชคิดว่าเด็กนี่จะต้องรู้สึกอย่างไรตอนที่ได้ยินหรือได้อ่านข้อความนั้น


‘ชัดเจนนะ ชัดเจน’


“แทนตัวเองว่าเคลียร์สิ พูดแบบนี้กับชัดไม่ใช่เหรอ”

“ผมใช้กับคนสนิท เอ่อ..ขอโทษครับ” คนพูดพูดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

“แต่พี่อยากสนิท” ฉันทัชยิ้มให้คนที่สูงน้อยกว่า เด็กคนนี้เรียกชื่อตัวเองกับคนสนิทเหมือนกับเขา

“ผม..”

“เรียกเคลียร์นะ น่ารักกว่า”

“แต่..”

“พี่ชอบเด็กว่าง่าย ชัดก็ชอบ” ฉันทัชไม่รู้หรอกว่าชัดเจนชอบหรือเปล่า เพราะเขานิสัยไม่ดีเท่าไหร่เลยหลอกอีกฝ่ายไปอย่างนั้น

“ครับ”



“เจอพี่แล้ว เกลียดพี่ไหม” ฉันทัชเลือกถามอีกฝ่ายไปตรงๆ




==========================

ตัดฉับก่อนนนนน มาลงตอนพิเศษให้อ่านกันค่ะ เนื่องด้วยตอนนี้ปาลและเทมส์มีบ้านแล้ว

รายละเอียดจะมาอัปเดตให้ทราบเป็นระยะค่ะ

ขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ

รักกกกกกก ก ไก่ ร้อยล้านตัว



ปล ทิ้งคำถามรีเช็กกันหน่อยค่ะ ถ้าไม่เข้าใจเขมจะได้ไปแก้ไขค่ะ

คำถามก็คือสรุปแล้วในรถตู้คันที่หนึ่งกับคันที่สองมีใครนั่งกันบ้างคะ

ไม่มีของรางวัลให้มีแต่ใจให้ล้วนๆ เลย



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก ไปคุยกันในทวิตได้น้า

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย I หน้า 13 UP!! 22/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-01-2019 13:27:46
ดีใจ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย I หน้า 13 UP!! 22/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Miss J ที่ 29-01-2019 15:03:53
มาต่อต่อน้าาาา :mew2: :ling1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย I หน้า 13 UP!! 22/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MsMin ที่ 09-02-2019 18:22:14
ถ้าเราเป็นเคลียร์เราอาะไม่อยากเจอคนที่แฟนเรายังรักอยู่หรอก รุ้ว่าหวังดีนะแต่จะช่วยยังไงอ่ะพี่เทมส์ ช่วยให้ปวดใจขึ้นรึเปล่า สงสารกันบ้างมั้ย
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย I หน้า 13 UP!! 22/01/2019
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 09-02-2019 23:20:37

ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END



“เจอพี่แล้ว เกลียด โกรธพี่ไหม” ฉันทัชเลือกถามไปตรงๆ

“ผม..เอ่อ..เคลียร์ไม่เคยคิดเกลียดพี่เลยแต่ถ้าถามว่าโกรธไหมคิดว่าโกรธครับ”

“ทำไมล่ะ” ฉันทัชถามพลางลูบหลังน้องปุณณ์เบาๆ โยกตัวเล็กน้อยกล่อมเจ้าตัวเล็กไปเรื่อยๆ

“เพราะพี่...”

“เพราะพี่ไม่รักชัดเหรอครับ” เจ้าตัวดูตกใจที่ถูกฉันทัชเดาความคิดได้ก่อนจะพยักหน้ายอมรับ

“น่าจะขอบคุณพี่มากกว่า ถ้าพี่รักชัด ตอนนี้เคลียร์คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้และคงไม่ได้เจอกับชัด”

“พี่เทมส์” เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความประหม่า

“เด็กดี...ถ้ารักชัดก็อย่าไปสนใจอดีตของชัดเลย”

“มันยากที่จะไม่คิด”

“ถ้าไม่ไหวก็บอกตัวเองให้พอ พี่อยากให้ชัดมีความรัก อยากให้เคลียร์สมหวัง ไม่ต้องการให้ใครเจ็บปวดไปมากกว่านี้”

“ครับ”

“รักตัวเองให้มากๆ เข้าไว้ ถ้าตัวเราเองยังไม่รัก ไม่ดูแลมันเลย จะไปรักใครได้ยังไงจริงไหมครับ”

“ครับ” คนถูกสอนรับคำ

ทั้งคู่เดินไปด้วยกันอีกสักพักท่ามกลางความเงียบกระทั่งฉันทัชทำลายมัน

“อันที่จริงเคลียร์คงคิดว่าพี่จะมาพูดหรือมาวุ่นวายเรื่องเคลียร์ทำไมใช่ไหม”

“...”

“พี่ไม่อยากให้ค้างคาใจน่ะ”

“ครับ?” คนอ่อนวัยกว่าทำหน้าสงสัย

“ถ้าเคลียร์คบกับชัดจริง เคลียร์คงหลีกเลี่ยงที่จะไม่เจอคนที่บ้านชัดได้ยาก พี่อาจจะคิดไปเองแต่พี่ไม่อยากให้เคลียร์รู้สึกกระอักกระอ่วนถ้าต้องมาเจอพี่อีก”

“ผม..เอ่อ..เคลียร์ คือ...” เขาไม่รู้จะตอบฉันทัชว่าอย่างไร คำพูดของอีกฝ่ายนั้นถูกต้องอย่างที่เขาคิดมาตั้งแต่ที่รู้จากชัดเจนว่าจะต้องมาเจอหน้ากับฉันทัช

“พี่รู้ ไม่มีใครยินดีอยากมาเจอหน้าคนที่ทำให้ความรักตัวเองเป็นปัญหาหรอก อีกอย่างหนึ่งพี่ไม่รู้ว่าชัดเคยบอกเคลียร์บ้างไหม แต่ระหว่างพี่กับชัด เราทั้งคู่เป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น พี่ไม่เคยคิดกับชัดเจนมากกว่าน้องชายของปาลเลย”

“ครับ”

“พี่อยากให้เคลียร์เลิกกังวลเรื่องพี่ และพี่จะไม่ยุ่งเรื่องของเคลียร์อีก แต่ถ้าเคลียร์มีปัญหาอยากจะปรึกษาพี่หรือปาล พี่ก็พร้อมให้คำปรึกษาเสมอนะครับ” ฉันทัชยิ้มให้เด็กหนุ่มเป็นการปิดท้าย

“ขอบคุณครับ” คำพูดจากอีกฝ่ายทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกดีขึ้นมาก “พี่ชัด..ไม่เคยพูดถึงพี่เทมส์ให้ฟังเลยครับ เคลียร์ไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้ว พี่สองคนมีความสัมพันธ์กันยังไง รูปแบบไหน”

“แล้วตอนนี้สบายใจขึ้นไหม?” ฉันทัชถามทำเสียงเหมือนกำลังปลอบโยนเด็กคนหนึ่ง

“ครับ สบายใจขึ้นแล้ว”

“มายืนอยู่กันนี่เอง คุยอะไรกันอยู่” บทสนทนาของคนต่างวัยถูกแทรกขึ้นด้วยเสียงปาณัสม์

“เรื่อยเปื่อย ปาลมาทำไม มีอะไรหรือเปล่า” ฉันทัชไม่ตอบ เขารู้ว่าปาณัสม์รู้อยู่แล้วว่าเขาจะคุยเรื่องอะไรกับเด็กคนนี้ แต่อีกฝ่ายแสร้งถามไปอย่างนั้นเอง

“อืม แม่ให้มาตามไปขึ้นรถจะไปไหว้พระกันต่อแล้ว”

“อ้าวเหรอ”

“น้องเคลียร์ครับ” ปาณัสม์เรียก

“ครับ”

“ชัดเรียกแน่ะ”

“ขอบคุณครับพี่ปาล”

“ไม่เป็นไรครับ”

“พี่เทมส์ครับ เคลียร์ไปก่อนนะ” เด็กหนุ่มหันไปบอกฉันทัชตามมารยาทก่อนจะเดินเร็วๆ ไปหาชัดเจน

“ครับ”

“ปาลอุ้มหลานให้”

“พาน้องปุณณ์ไปคืนพี่เกดก่อน” ฉันทัชพูด ปาณัสม์อุ้มหลานออกจากเป้ ทั้งสองคนกำลังเดินไปที่รถตู้ที่ชลพิกานั่ง

“รังแกน้องเคลียร์หรือเปล่า” ปาณัสม์แกล้งถาม

“เปล่า เป็นห่วงน้องหรือจันทร์”

“ห่วงน้องกลัวถูกจันทร์แกล้ง”

“แกล้งที่ไหนกันล่ะ แค่อยากทำให้น้องสบายใจ” ฉันทัชหัวเราะ

“ปาลกลัวน้องรู้สึกไม่ดี”

“ใช่ ไม่มีใครรู้สึกดีหรอก ยิ่งคนนั้นเป็นคนที่เป็นเสี้ยนหนามหัวใจอีก”

“แล้วจันทร์จะคุยทำไม”

“จันทร์พูดกับน้องไปแล้ว จันทร์ไม่อยากให้น้องรู้สึกแย่ที่ต้องเจอกัน จันทร์เลยบอกให้น้องรู้ไว้ว่าจันทร์ไม่เคยคิดอะไรกับชัดเลย น้องจะได้ไม่ต้องคิดไปเอง”

“อืม แล้วน้องโอเคไหม”

“โอเคมั้ง” ฉันทัชยักไหล่ เขาเองก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าเด็กอายุยี่สิบจะเข้าใจคำพูดเขามากน้อยแค่ไหน

“ไม่ยุ่งกับน้องแล้วนะ”

“ไม่ยุ่งแล้ว”

“ดีมาก” ปาณัสม์โล่งใจที่ฉันทัชจะไม่ไปวุ่นวายกับอีกฝ่ายอีก


 
คณะทัวร์รถตู้ไปไหว้พระตามความตั้งใจของคุณหญิงกิ่งกานต์โดยไม่มีใครขัดใจ คุณหญิงอยากแวะตรงไหน อยากถ่ายรูปบริเวณไหน ทั้งลูกชายลูกสาว หลานสาวหลานชาย ต่างพากันเอาใจ ถูกอกถูกใจคุณหญิงยิ่งนัก ทริปไหว้พระจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุขตลอดทาง อิ่มบุญอิ่มใจกันถ้วนหน้า



กว่าจะกลับมาถึงบ้านคุณหญิงก็เกือบสองทุ่ม เด็กๆ หลับกันมาตั้งแต่บนรถ วิ่งเล่นกันทั้งวันจนถ่านหมดสิ้นไม่เหลือ คุณหญิงจัดการให้ทุกคนรีบกลับบ้านแต่ละคนทันที ไม่อยากให้เสียเวลา ตอนนี้ผู้ใหญ่คงเหนื่อยไม่แพ้กัน หากยังมีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบจึงไม่สามารถหลับได้เหมือนเด็กๆ


“วันนี้แม่สนุกมาก ไว้ไปกันใหม่นะ” คุณหญิงเดินมาที่รถตู้ของก้องภพก่อนจะบอกกับเจ้าของโดยตรง

“ยินดีครับ”

“คุณก้องขับรถดีๆ นะจ๊ะ”

“ขอบคุณครับ ผมไปนะครับ”

“จ้ะ”

ก้องภพยกมือไหว้คุณหญิงอย่างเรียบร้อย รออินทัชร่ำลากับมารดาของเธอเพียงครู่ หญิงสาวจึงขึ้นมานั่งข้างกายเขาเสร็จแล้วก้องภพจึงขับรถออกไปอย่างนุ่มนวล

“ไปกับที่บ้านไทน์ เบื่อหรือเปล่าคะ” รถเคลื่อนตัวววิ่งเข้าถนนใหญ่ได้ไม่นาน อินทัชก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง หากก้องภพไม่ชอบใจ เธอจะได้รีบหาทางแก้ไข

“ไม่เลย ผมสนุกมาก”

“พูดจริงนะ?”

“จริงสิ ผมจะโกหกคุณทำไม”

“ไม่รู้สิคะ ก็เผื่อว่าคุณจะเกรงใจไทน์”

“เปล่าเลย ผมสนุกมากจริงๆ คุณแม่คุยสนุก มีเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง ซ้ำยังอารมณ์ขันอีกด้วย”

“ใช่ค่ะ แม่คุยเก่งและน่ารักมาก ไทน์โชคดีมากๆ ที่ได้มาเจอแม่”

“ผมก็โชคดีมากๆ ที่ได้มาเจอไทน์”

“เกี่ยวกันตรงไหน”

“ถ้ามันเกี่ยวกับไทน์ ตรงไหนก็เกี่ยวทั้งนั้น”

“คุณก้อง คุณนี่นะ” หญิงสาวแสร้งทำเสียงดุ เธอรีบหันไปมองนอกรถทันทีกลัวว่าก้องภพจะจับพิรุธทางสีหน้าของเธอได้

“หันหน้าหนี เขินผมล่ะสิ”

“เปล่าสักหน่อย”

“เงามันสะท้อนกระจก ผมเห็นนะ” หญิงสาวได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของก้องภพ

“บ้าจริง” อินทัชขัดใจเล็กน้อยที่ถูกจับได้

รถของก้องภพขับออกไปไม่นาน ไม่ถึงสิบนาทีชัดเจนพร้อมด้วยเด็กข้างห้องก็ขับตามออกมาบ้าง บรรยากาศในรถเงียบเนื่องจากคนที่ขับรถนั้นกำลังนึกถึงคำพูดของพ่อก่อนที่เขาจะกลับ




 
...
“เมื่อไหร่จะกลับมาอยู่บ้าน”
“ผมยังไม่อยากกลับ”
“กลับมาเถอะ พ่อแก่แล้วนะไอ้ชัด อยู่บ้านคนเดียวมันก็เหงาเหมือนกันนะโว้ย”
“...”
“เอาเถอะๆ ถ้ายังไม่อยากกลับก็แวะมาหาบ่อยๆ ก็แล้วกัน”
“ครับ”

...



 
“พี่ชัด” เด็กข้างห้องถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าชัดเจนมีสีหน้าครุ่นคิด

“อะไร”

“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า บอกเคลียร์ได้นะครับ”

“เปล่า”

“อ่อ...ครับ” ในเมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนั้นแล้วเขาจะกล้าเซ้าซี้ต่อได้อย่างไร

“คุยอะไรกับคุณเทมส์”

“ครับ?”

“วันนี้ตอนที่กินข้าว คุยอะไรกับคุณเทมส์”

“ไม่มีอะไรครับ” เด็กหนุ่มปฏิเสธ ใครจะกล้าเล่าว่าคุยเรื่องตัวเองและชัดเจนกันละ

“เอ่อ..”

“บอกมา” ชัดเจนพูดเสียงเข้มทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าขัดใจ

“คุณเทมส์บอกให้เคลียร์อย่ากังวลเรื่องพี่เทมส์กับพี่”

“เรื่องผมกับคุณเทมส์? เรื่องอะไร” ชัดเจนละสายตาจากท้องถนนมาที่หน้าของอีกฝ่ายชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไปดังเดิม

“เรื่องที่พี่ชัดชอบคุณเทมส์”

“เคยชอบ” ชัดเจนแก้คำพูดให้ใหม่

“แปลว่าอะไรครับ”

“ถึงจะยังใช้คำนี้ได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จะพยายาม”

“ทำไมครับ”

“ไม่อยากเห็นเด็กคิดมาก”

“เคลียร์เหรอ?” เด็กหนุ่มไม่อยากตีความหมายถึงคนอื่น เขาแค่ถามย้ำเฉยๆ

“ผมคุยกับใครอยู่ ก็คนนั้นละ”

“ขอบคุณครับ” คำพูดจากอีกฝ่ายทำให้เขาฉีกยิ้มกว้างเต็มที่ มือขาวจับแขนของชัดเจนที่วางอยู่ตรงพนักตรงกลางระหว่างที่นั่งด้วยความดีใจ

“ถ้าผมกลับไปอยู่บ้านจะเหงาหรือเปล่า” ชัดเจนเปลี่ยนเรื่องถามกะทันหันทำให้เด็กข้างห้องเกือบตามไม่ทัน

“ไม่รู้สิครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้า เขาหมายความอย่างที่พูด

“พ่ออยากให้ผมกลับไปอยู่บ้านแล้ว เขาเหงา”

“เคลียร์ไม่เป็นไร ถ้าพี่จะมาหาเคลียร์บ้างหรือให้เคลียร์ไปหาพี่ได้” คนอ่อนวัยกว่าพูดไปตามความรู้สึก เขาไม่จำเป็นต้องรออีกฝ่ายมาหาเพียงฝ่ายเดียว

“เป็นผู้ใหญ่เกินวัยไปนะเรา ทำตัวงี่เง่ากับผมบ้างก็ได้” ชัดเจนวางมือลงบนศีรษะอีกฝ่าย

“ให้พี่รักเคลียร์ก่อน แล้วเคลียร์ค่อยทำตัวแบบนั้นกับพี่ก็แล้วกัน”








 
“แม่หลับแล้วหรือ” ปาณัสม์เห็นฉันทัชเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน

“ใช่” ฉันทัชตอบพลางนั่งลงข้างตัวคนถาม

“วันนี้แม่คงเหนื่อยมาก ถ่ายรูปเป็นร้อยรูปเลย”

“เวอร์ไป ก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันแบบนี้นานแล้ว แม่คงตื่นเต้นเลยอยากถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกละมั้ง”

“งั้นคงต้องจัดทริปทัวร์บ่อยๆ แล้ว เห็นแม่ชอบแล้วดีอะ”

“เอาสิ เอาใกล้ๆ ก่อนนะ จะได้ไม่ต้องลางานหลายวัน”

“ห่วงอะไร พี่ก้องไม่กล้าขัดใจจันทร์หรอก”

“น้อยไปสิ เรื่องงานนี่เป็นคนละคน” ฉันทัชเบ้ปากเล็กน้อย สำหรับก้องภพแล้วในเวลางานไม่มีคำว่าเรื่อยๆ สบายๆ ในพจนานุกรมของเจ้าตัว

“เอาน่า ทำเยอะๆ จะได้เก่งๆ พอเก่งแล้วค่อยลาออกพี่ก้องมาเป็นเลขาให้ปาล”

“คุณก้องโกรธแย่”

“จะโกรธได้ไงของแบบนี้ใครดีใครได้”

“ไม่เอา”

“ทำไมล่ะ”

“อยู่ห่างๆ กันบ้างแหละดีแล้ว ถ้าจันทร์ไปทำงานกับปาลแล้วคุณสิล่ะ?”

“ไม่เห็นเป็นไร ปาลงานเยอะไง มีเลขาสองคนเลย”

“พูดเล่นอีก” ฉันทัชหัวเราะกับความคิดของปาณัสม์ หันไปมองหน้าอีกฝ่าย ทั้งคู่จึงสบตากัน

“นี่จันทร์”

“หืม”

“ขอกอดหน่อย”

“เป็นอะไรอีก” ฉันทัชมองคนข้างตัว นึกอะไรขึ้นมาจู่ๆ ถึงอยากจะกอดเขา

“เปล่า แค่คิดถึง”

“ไม่เอา”

“น่า..นิดเดียว”

“นิดเดียวนะ ตัวเหม็นอยากไปอาบน้ำแล้ว”

“นิดเดียวจริงๆ เชื่อปาลนะ”


“จะไม่ให้กอดเพราะคำว่าเชื่อปาลนี่ละ” ฉันทัชพูดจบแล้วรีบลุกขึ้นหนีไปอาบน้ำทันที ปล่อยให้ปาณัสม์โอดครวญโวยวายอยู่ที่ชั้นล่างเพียงลำพัง





END


=======================

จบแล้วค่า  :mc4:
 
มีนักอ่านเพิ่มมาเยอะเลย ดีใจมากๆ เลยค่ะ
ขอบคุณทุกคำติชมมา ณ ทีนี้ด้วยนะคะ
ติชมได้เสมอเลยค่ะ

ด้วยรัก
เขมกันต์
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 10-02-2019 01:02:06
 :mew1: :mew1: ดีใจ นึกว่าตาฝาดนะเนี่ย
เพราะตอนพิเศษ1 เราไม่เห็นมาเห็น2
ขอบคุณไรท์นะคะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-02-2019 19:02:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 18-04-2019 09:15:06
 :pig4: o13
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 18-04-2019 12:44:04
ดีมากกกกกกดีไปหมดดด ฮืออออออออออ :heavenในที่สุดก็กลับมารีสตาร์ทกันใหม่อีกครั้งทีนี้คุยกันให้เยอะขึ้นนะลูกกกก แอบหมั่นไส้ชัดเจนไม่หายอ่ะเอาจริงหนูเคลียร์ดัดนิสัยให้เข็ดทีเถอะน่าหมั่นไส้มากกกกกกก  :hao3: ส่วนอินอินกับก้องก็เอ็นดู ชอบหนูเปียกับน้องกายยยยยยยย ดีไปหมดเลยยย :กอด1:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-04-2019 15:16:09
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 19-04-2019 05:58:47
เรื่องเดินไปเอื่อยๆแต่ก็ทำให้อินได้
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ntpmay ที่ 22-06-2019 16:12:53
ถ้าอยากได้ พูดมาตรงๆดีกว่านะ ลอบกัดแบบนี้ไม่ชอบเลย
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ntpmay ที่ 22-06-2019 23:04:54
ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆ ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 27-06-2019 16:26:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 23-07-2019 07:44:03
 :mew1:  คิดถึง
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 25-07-2019 08:54:39
เพิ่งได้เคยอ่านนิยายของคุณเขมกันต์ สนุกมากๆเลยค่ะ
จะต้องตามไปอ่านทุกเรื่องแล้ว
 o13
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 07-08-2019 15:37:41
ดีใจที่สองคนเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อประครองความรักให้ดีขึ้น เราเชื่อว่าสองคนนี้ยังไงก็กลับมารักกันอยู่ดี เค้ารักของเค้าอะเนอะ ขอบคุณมากๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: gungchan ที่ 11-08-2019 04:12:17
เป็นนิยายปลายเปิดที่หาอ่านได้น้อย ชอบการดำเนินเรื่อง การผูกเรื่อง วิธีการนำความคิด ความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวสอดแทรกมาอย่างไม่น่าเบื่อ
ความรู้สึกเหมือนอ่านนิยายสะท้อนชีวิตจริง มีความเป็นนิยาย แต่ไม่ได้เพ้อฝันจนจับต้องไม่ได้ ทำให้เวลาอ่านแล้วคนอ่านเข้าถึง เข้าใจ คิดตาม และมีส่วนร่วมกับการกระทำของตัวละครในแต่ละตอน
สรุปคือ แต่งนิยายเก่งมากค่ะ มันไม่ง่ายเลยที่จะเอาทุกๆ อย่างมาจัดเรียงถ้อยคำให้สื่อสารจนจับต้องได้แบบนี้
ที่สำคัญชอบการสะกดคำ เป็นนิยายน้อยเรื่องที่ใส่ใจในคำสะกด รักษ์ภาษาไทยมากๆ น้อยคนแต่งจะสะกด เพิ่งได้ถูกต้อง ส่วนใหญ่จะเป็น ​"พึ่ง" หรือ ไหม ส่วนใหญ่จะเป็น "มั๊ย" ให้สรรพนามบุรุษที่ ๓ ว่า "เขา" ซึ่งส่วนใหญ่จะสะกดตามคำพ้องเสียง "เค้า"
 o13 ขอบคุณมากสำหร้ับนิยายอ่านสนุกและได้สอดแทรกให้คนอ่านลองกลับไปคิดในมุมมองของตัวเอง
 :L2:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 12:08:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 16-01-2022 17:54:31
อ่านเรื่องไหนก็ของคุณเขม  ผมก็อินแล้วก็ชอบไปกับตัวละครในเรื่อง
ประทับใจมากๆเลยครับ  ขอเป็นกำลังใจให้ ถึงแม้คุณเขม อาจจะไม่ได้เข้ามาในนี้แล้ว

ชอบทั้งปาล ทั้งเทมส์  อยากให้แฟนเก่าผมเป็นแบบนี้บ้างจังครับ  ห่างกัน 3 ปีแล้ว แต่ก๋ยังคิดถึงง