ภาค 24 Are you happy or pretend to be?
ก้องภพมองหญิงสาวตรงหน้าที่เอาแต่เขี่ยผักในจานเล่นไปมา ไหนบอกว่าหิว พออาหารมาแล้วกลับนั่งเขี่ยเล่นอยู่อย่างนั้น
“ไทน์”
“หืม?” หญิงสาวขานรับชื่อตัวเองอัตโนมัติ โดยไม่ได้สนใจว่าใครเรียก
“หิวไม่ใช่เหรอ”
“อืม”
“แล้วทำไมไม่กิน เอาแต่เขี่ยเล่นแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน”
อินทัชได้ยินคนตรงหน้าบ่นก็เลยหยุดการกระทำนั้น มองอีกฝ่ายตรงๆ “บ่นเป็นพ่อเลย นี่ไทน์นะ ไม่ใช่น้องกาย”
“จะเด็กหรือผู้ใหญ่ ถ้าทำแบบนี้ก็ต้องโดนบ่นทั้งนั้น”
“โอเค กินแล้วๆ” อินทัชเริ่มลงมือทานเพราะไม่อยากฟังอีกฝ่ายพูดต่อ
“เป็นอะไร วันนี้ดูเหม่อๆ มีอะไรก็เล่าให้ผมฟังบ้าง ก็ได้นะ” ก้องภพมักจะถามอินทัชด้วยคำพูดแบบนี้อยู่เสมอ แต่เป็นอินทัชเองที่ไม่ค่อยจะพูดอะไร
หญิงสาววางช้อนส้อมลงบนจาน ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้น “ก่อนที่คุณจะไปฮ่องกง ฉันเจอปาล หุ้นส่วนของคุณที่งาน งานหนึ่ง”
ก้องภพเลิกคิ้ว “เหรอ มีอะไรแปลกหรือเปล่า คุณน่าจะรู้จักเขาอยู่แล้วนี่ หรือว่าเขาทำท่ามาจีบคุณ ผมไม่ชอบนะแบบนี้”
“หึ ให้มันน้อยๆ หน่อย ยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย” อินทัชแค่นเสียง “อีกอย่าง คนแบบนั้นให้ฟรีแถมทองเท่าน้ำหนักตัว ยังไม่เอาเลย”
“ทำไมพูดถึงเขาแบบนั้นกันเล่า ถ้าผมมีน้องสาวก็อยากให้คบกับปาลนะ ดูเอาการเอางานดี เรื่องมารยาท การศึกษาไม่ต้องพูดถึง ดีครบสูตร”
“ดีแต่เปลือกน่ะสิ” อินทัชพูดต่อทันที
“คุณไม่ชอบปาลรึ” ก้องภพจับได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
"ก็ไม่เชิง แค่เจอหน้ากันแล้วมันอดไม่ได้ที่จะด่าน่ะ”
“เพราะอะไร คนเราจะไม่ชอบ ไม่ถูกชะตา มันต้องมีสาเหตุนะคุณ” ก้องภพถาม มุมปากกระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความขบขันในท่าทางของหญิงสาว
อินทัชกัดริมฝีปากอย่างขัดใจ “ก็มันแย่งเทมส์ไปอะ” หญิงสาวประกาศออกมาด้วยความไม่พอใจ
“แย่งเทมส์? ไทน์ นี่คุณกำลังพูดอะไร อย่าบอกนะว่า คุณกับเทมส์...” ก้องภพหรี่ตาด้วยความไม่ไว้ใจ หญิงสาวที่เขาตามเทียวไล้เทียวขื่อมาร่วมปี
“หยุดความคิดเน่าๆ ของคุณเลยนะ คุณก้องภพ” อินทัชอยากจะเอาส้อมจิ้มหน้าคนกล่าวหา “อย่าบอกนะว่า คุณ” อินทัชทวนคำพูดเหมือนกับก้องภพเมื่อสักครู่นี้
“คุณไม่รู้เรื่องปาลกับเทมส์?”
“เรื่องอะไร” ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย “ผมไม่รู้ พวกเขาสองคนทำไมหรือ”
อินทัชหน้าเสีย เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อดีหรือไม่ “พูดมาเถอะ หรือคุณก็ไม่ไว้ใจผม”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันแค่คิดว่าถ้าเทมส์รู้อาจจะไม่ค่อยพอใจ”
“ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าผมจะไม่บอกเทมส์ดีไหม”
“ไม่พูดแน่นะ”
“ด้วยเกียรติของผมเลย”
“มีกับเขาด้วยหรือ” หญิงสาวเบ้ปาก บ่นพึมพำกับตัวเอง “ปาลกับเทมส์เคยคบกันมาก่อน เพิ่งเลิกกันเมื่อปีที่แล้ว”
ก้องภพทำหน้านิ่งไม่พูดอะไร จนอินทัชรู้สึกไม่ค่อยวางใจ “นี่...ตกใจหรือ”
“เรื่องที่พวกเขาเคยคบกันนั่นผมย่อมตกใจอยู่แล้ว แต่ผมแค่รู้สึกไม่ค่อยดีนิดหน่อย เพราะให้เขาสองคนทำงานด้วยกันแทบจะตลอดเวลา”
“ถ้าเทมส์ไม่บ่น คุณก็อย่าไปคิดมากเลย”
“ที่เทมส์ไม่บ่นเพราะเป็นเรื่องงานหรือเปล่า” ก้องภพยังไม่สบายใจ
“ก็อาจจะใช่ แต่ถ้าเทมส์ไม่พอใจจริงๆ คงเอามาบ่นให้ฉันฟังบ้างแล้วล่ะ แต่นี่ไม่มี เพราะฉะนั้นคุณเลิกกังวลใจเถอะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรที่คุณเจอกับปาล”
“เกือบลืมเลย” อินทัชเลยเริ่มเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้อีกฝ่ายฟัง
...
“ไทน์” ปาณัสม์เรียกชื่อหญิงสาวเมื่อเดินมาหยุดข้างกายอินทัช
“มีอะไร”
“เราขอคุยด้วยหน่อย”
“คุยอะไร เราไม่อยากคุย” อินทัชสะบัดเสียง เธอไม่อยากคุยกับปาณัสม์
“พูดดีๆ ด้วยแล้วนะ” ปาณัสม์โต้กลับ
“ใครใช้ให้มาคุยล่ะ กลับไปเลย ไม่อยากคุยด้วย ถ้ารู้ว่ามางานนี้แล้วจะเจอนายล่ะก็ เรายกเลิกงานนี้ดีกว่า”
ปาณัสม์สะกดอารมณ์ “ขอคุยด้วยหน่อย อยากคุยเรื่องจันทร์”
“เลิกกันไปแล้วไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วมั้ง อ้อ ได้ข่าวว่ากลับมาง้อพี่ชายเราอีกรอบเหรอ ครั้งนี้เราจะขัดขวางทุกอย่าง ไม่ยอมให้นายทำสำเร็จหรอก” อินทัชประกาศออกไป
“ขอโทษ แต่ขอคุยหน่อยได้ไหม อยากคุยจริงๆ” ปาณัสม์บอกน้องสาวอดีตคนรัก เขาอยากคุยกับอินทัชเพราะเรื่องของอีกคน อินทัชทำท่าจะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย แต่พอเห็นสีหน้าของคนขอร้อง ทำให้เธอบอกปัดไม่ลง
ในใจลึกๆ แล้วเธอก็ไม่ได้จงเกลียดจงชังอะไรปาณัสม์หรอก ก็แค่หวงและห่วงพี่ชายเท่านั้นเอง
“หาเก้าอี้นั่งก่อนแล้วกัน ขี้เกียจยืน มันเมื่อย”
“ตามเรามาทางนี้”
“ว่ามา” พอมีที่นั่ง อินทัชก็เข้าเรื่องทันที
“จันทร์สบายดีไหม”
“ไหนว่าจะกลับไปง้อ แต่ดันไม่รู้สารทุกข์สุกดิบของเทมส์หรือไง”
“ภายนอกน่ะรู้ แต่ภายในน่ะไม่รู้”
“ที่คิดจะกลับไปจีบเทมส์เนี่ย เพราะอะไรกันแน่ หรือทำเพื่อแม่? แม่ให้กลับมาง้อเทมส์ใช่ไหม” อินทัชทำตาโตเมื่อคิดว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง
“เปล่า ไม่ใช่แม่หรอก เป็นเราเอง” ปาณัสม์ไม่ได้นั่งลงข้างอินทัช เขายืนอยู่ฝั่งตรงข้าม มองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่แทน “เราอยากกลับไปคบกับจันทร์จริงๆ”
“จริงจังแค่ไหนล่ะ ถ้ากลับไปคบแล้วจะทิ้งขว้างแบบเดิมอีกหรือเปล่า”
“จริงจังถึงขนาดที่ว่าเราจะไม่ให้จันทร์ต้องเสียใจที่กลับมาคบกับเราอีก”
“ตอนนั้นก็พูดแบบนี้ ตอนที่อยากได้เทมส์ไปจากเราก็พูดแบบนี้ แล้วไง พอเราเปิดโอกาสให้ ทำไมไม่ดูแลพี่เราให้ดี ทำไมต้องทำให้พี่เราเสียใจ” อินทัชเสียงสูงขึ้นเล็กน้อย
“เราขอโทษ เราผิดเองที่ละเลยพี่ชายไทน์มาตลอด”
“บอกตรงๆ นะ เราไม่รู้สึกดีใจเลยที่รู้ว่านายอยากจะกลับมาคบกับพี่เรา รู้ไหม เทมส์โทรมาร้องไห้กับเรากี่ครั้ง เราต้องปลอบเทมส์กี่ครั้ง เราอยากร้องไห้แค่ไหนที่เห็นพี่เราเสียใจแบบนั้น แต่เราก็ทำไม่ได้ เราจะร้องไห้ให้เทมส์เป็นกังวลไม่ได้” อินทัชบอกอีกฝ่ายเสียงสั่น
“เรา...” ปาณัสม์พูดไม่ออก เพราะเขาไม่เคยเห็นอินทัชในโหมดอารมณ์นี้มาก่อน ปกติหญิงสาวเอาแต่แขวะเขา กัดเขาบ้าง ตามประสาของคนที่เหม็นหน้ากัน
“รู้ไหม เราขอให้เทมส์เลิกกับนายไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เทมส์ไม่เคยเลิกเลย เราไม่รู้ว่าทำไมเทมส์ต้องทน พอเราถามเทมส์ก็บอกว่านายไม่เคยทำผิดสัญญา สัญญาบ้าบออะไรวะ!” อินทัชระบายออกมาด้วยความอัดอั้น หลุดสบถคำที่ไม่สุภาพออกมาด้วย น้ำตาเม็ดเล็กไหลเอ่อลงมาจากเบ้าตา หญิงสาวใช้นิ้วปาดมันออกอย่างเบามือเพราะกลัวเปื้อนเครื่องสำอาง
ปาณัสม์ไม่รู้ต้องทำตัวอย่างไรเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์นี้ เขาจึงทำเพียงแค่ยื่นผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกไปให้ อินทัชรับมันไว้โดยไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ขอบคุณปาณัสม์เช่นกัน
“รู้ไหม เราไม่ชอบที่นายทำกับพี่เราแบบนั้น ให้พี่เราออกจากงาน ให้พี่เราอยู่แต่ในบ้าน เงินก็ไม่ให้ เทมส์มันต้องหางานพิเศษทำเพราะมันดันปากหนักไม่ขอเงินจากนาย เราเกลียดที่พี่เราเป็นแบบนี้แล้วยังบ้าจี้ เชื่อฟังคำพูดของนายทุกอย่าง เทมส์มันตาบอดเพราะนายคนเดียว”
“ไม่ทำอีกแล้ว เราจะให้อิสระกับจันทร์ ไม่บังคับอะไรอีกแล้ว” ปาณัสม์ตกใจ เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนกระทั่งคำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากปากของอินทัช
“รู้ไหม เทมส์มันบูชาความรัก ดูออกบ้างไหมที่เทมส์ทำตัวให้ความหวังคนอื่นไปทั่ว จริงๆ แล้วมันแค่เรียกร้องความสนใจ เทมส์ชอบทำเหมือนไม่สนใจ ไม่ยี่หระในความรู้สึก แต่จริงๆ มันคิดมากกว่าใคร มันไม่กล้ารักใครเลยแล้วพอเทมส์ได้รัก มันก็ยิ่งกลัว มันกลัวเราไม่รัก กลัวแม่นายไม่รัก และมันกลัวนายไม่รักมันมากที่สุด”
อินทัชกลืนก้อนในลำคอลงไปก่อนจะพูดต่อ “รู้ไหม ว่าเพราะอะไรเทมส์ถึงเป็นแบบนั้น ตอนพวกเราเป็นเด็กทั้งที่หน้าตาเราเหมือนกัน พ่อกับแม่กลับห่วงเรามากกว่าเทมส์เพราะเราตัวเล็ก ผอมกว่าพี่ แม่ดูแลเรามากกว่าเทมส์เพราะกลัวเราป่วย กลัวเราไม่สบาย เทมส์ไม่เคยพูดหรือแสดงอาการอะไรเลย แต่เทมส์นอนร้องไห้ บางคืนก็ละเมอว่าพ่อกับแม่ไม่รักเทมส์เหมือนที่รักไทน์บ้างเหรอ พ่อกับแม่ไม่ใช่ไม่รักเทมส์ เขาแค่เป็นห่วงเรามากกว่าเทมส์เท่านั้น แต่เทมส์ไม่เข้าใจ”
“จันทร์ไม่เคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟังเลย”
“เทมส์ไม่พูดหรอก เทมส์มันปากหนักเหมือนที่มันไม่เคยถามอะไรจากนายเลย ทุกครั้งถ้าเราอยากรู้ เราต้องเค้นถาม เทมส์ถึงจะยอมพูด”
“ต่อไปเราจะถามจันทร์ให้มากขึ้น”
“เรายังไม่ได้บอกว่าจะยอมเปิดโอกาสให้นายอีกครั้งนะปาล พี่เราเจ็บขนาดนั้น คิดว่าเราจะยอมง่ายๆ เหรอ”
ปาณัสม์เริ่มเมื่อยขา เขาจึงเปลี่ยนใจเดินมานั่งเก้าอี้ที่ว่างข้างตัวอินทัช “เราอยากอยู่กับจันทร์จริงๆ แต่ถ้าเขาอยู่กับเราแล้วต้องทุกข์ขนาดนี้ เราไม่ทำแล้วก็ได้ ให้จันทร์เจอคนใหม่คงจะดีกว่า”
อินทัชหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ “ถ้าเทมส์จะรักคนอื่น ป่านนี้คงทำไปแล้ว ตัวเลือกดีๆ เข้ามาก็เยอะ แต่พี่บ้าของเรามันตัดทิ้งหมด ต่อหน้าเรา เทมส์ยิ้มตลอด ทุกการกระทำของเทมส์พยายามบอกเราว่าเทมส์ไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ยิ่งมันไม่ร้องไห้ ยิ่งปกปิดแบบนี้ เรามองหน้าเทมส์ก็รู้ว่ายังรักนาย ตัดนายไม่ขาด นั่นล่ะคือคำตอบที่นายถามเราว่าเทมส์เป็นยังไง” อินทัชถอนหายใจแล้วพูดต่อ
“ถ้านายรับปากว่าจะดูแลพี่เราให้ดีอย่างที่พูดไว้จริงๆ เราก็จะไม่ห้าม” หมดกันอินทัช ทั้งที่จะตั้งป้อมขัดขวางอีกฝ่ายเต็มที่ พอเอาเข้าจริงก็ทำไม่ลง “จะทำอะไรก็รีบทำ ก่อนที่หมามันจะคาบไปแดก”
“พูดไม่เพราะ ถ้าเป็นน้องปัณณ์ เราตีตายเลย”
“กล้าตีหลานเหรอ นายมันอ่อน ไม่กล้าทำหรอก” อินทัชดูถูกอีกฝ่ายทันที
“ถูกของเธอ เอาเข้าจริง เราก็ไม่กล้าตีหลานหรอก” ปาณัสม์ยิ้ม “พอเธอพูดถึงเรื่องหมา...เรารู้เรื่องชัดที่มาจีบจันทร์แล้ว”
“รู้แล้วเหรอ ฉลาดขึ้นเหมือนกันนะ” หญิงสาวพอน้ำตาเหือดแห้งก็กลับเข้าโหมดปากกรรไกรดังเดิม
“เปล่า เราไม่ได้ฉลาดขึ้น ชัดบอกเราเอง” ปาณัสม์สารภาพ
“ชัดเจนคงเอาจริง แต่เสียใจแทนชัดด้วยนะ เราให้เทมส์ไปตัดความหวังของชัดแล้ว และต่อให้เทมส์ไม่มีใคร เราก็จะไม่ยอมให้เทมส์ไปคบกับชัดเด็ดขาด”
“ชัดเจนไม่ได้แย่ขนาดนั้น”
“นี่..” อินทัชเรียกอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ “ชัดเจนเป็นศัตรูหัวใจนายนะ พูดแบบนี้ได้ไง”
“น้องเราเป็นคนดี”
“ถ้าเป็นคนดี คงไม่ตีท้ายครัวพี่ชาย หาเรื่องยุแยงให้คนเขาแตกกันหรอก”
“ยุแยงอะไร” ปาณัสม์ขมวดคิ้วพลางถาม
“นายไม่รู้เรื่องเลยหรือไง” อินทัชจึงเล่าเรื่องที่รู้มาจากฉันทัชให้ปาณัสม์ฟัง ถึงแม้พี่ชายของเธอจะขอร้องไว้ว่าห้ามเล่าให้ใครฟัง แต่ปาณัสม์มีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องนี้เหมือนกันเพราะมันเกี่ยวกับชายหนุ่มโดยตรง
“เราไม่รู้เลย” ปาณัสม์หน้าซีดเผือดเมื่อฟังหญิงสาวเล่าจนจบ
“น้องชายที่นายรัก มันทำนายเสียเจ็บเลยไหมล่ะ”
“ชัดคงโกรธเรามาก ชัดบอกเราเหมือนกันว่าไม่พอใจ ชัดเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เราทำตัวแย่ๆ กับจันทร์” ปาณัสม์พูดอย่างปลงตก “ทุกอย่างมันเกิดจากตัวเราทั้งนั้น”
“ใช่ นายทำทุกอย่างแย่ แต่พี่เราก็ผิดเหมือนกันที่ไม่พูด ไม่ถาม เอาแต่เฉย นายกับพี่เราต้องคุยกันให้มากกว่านี้ ต่อให้ไม่มีชัดเจนในวันนั้นหรือวันไหน ถ้าสองคนยังเป็นอยู่แบบนี้ สุดท้ายก็เลิกกันอยู่ดี”
“อืม เลิกกันครั้งนี้เราได้เรียนรู้อะไรเยอะเลย”
“ใส่ใจกับคู่ของตัวเองหน่อย” อินทัชได้ทีจึงสอนไปอีกหนึ่งข้อ “แล้วก็ขอโทษที่เราเสียงดัง โวยวายร้องไห้ใส่อะ พอดีเราสติแตกไปหน่อย เราไม่เคยพูดเรื่องเทมส์กับใครเลย มันอัดอั้น”
“ไม่เป็นไร เราขอโทษเหมือนกันที่ทำให้เธอต้องทุกข์ไปด้วย”
“ช่างเถอะ ยังไงเทมส์ก็เป็นพี่เรา”
“แล้วไง หายสติแตกยัง อยากให้เรากอดปลอบหน่อยไหม คิดเสียว่าเราเป็นพี่ชายไทน์อีกคนก็ได้”
“จะบ้าหรือไง เทมส์ได้หึงตาย หึงเรานะ ไม่ใช่นาย”
“เรามีน้องชายแล้ว” จู่ๆ ปาณัสม์ก็พูดขึ้น “แต่จริงๆ เราอยากมีน้องสาวอีกคนนะ”
“มาบอกเราทำไม บอกแม่สิ”
“แม่มีไม่ได้ พอคลอดเรา หมอก็ห้ามแม่มีลูกอีก แม่อยากมีลูกสาวลูกชายเพิ่ม เหมือนเราที่อยากมีน้องชายกับน้องสาว ไม่คิดบ้างเหรอว่าแม่รักจันทร์กับเทมส์มาก เพราะตรงตามที่แม่อยากได้นั่นแหละ”
“อย่างนั้นเหรอ”
“อืม แม่อยากได้ลูกแฝดนะ แต่กรรมพันธุ์บ้านเราไม่มีเชื้อแฝดเลย พึ่งหมอหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ จันทร์กับไทน์ทำให้แม่สมหวังนะ รู้ตัวไหม”
“รักแม่จัง” อินทัชพูดขึ้น ต้องขอบคุณฉันทัชที่พาเธอเข้ามาในครอบครัวนี้ ได้เจอกับคุณหญิงกิ่งกานต์ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนยังมีแม่อยู่บนโลกนี้
“ว่าไง ให้เรากอดปลอบไหม น้องไทน์?”
“น้องบ้าอะไรล่ะ ไม่เอา เดี๋ยวเราไปกอดเทมส์ก็หาย” อินทัชปฏิเสธ “ดูให้หน่อย หน้าเราเลอะหรือเปล่า”
ปาณัสม์มองอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบ “ไม่เลอะ”
“แน่ใจ?” อินทัชถามกลับไปแต่ในใจเริ่มหวาดระแวงเพราะกลัวถูกแกล้ง หญิงสาวจึงหยิบกระจกพกพาอันเล็กจากกระเป๋าขึ้นมาส่อง แต่ก็ไม่เจอคราบหรือรอยเลอะบนใบหน้าจริงๆ
“ขอบคุณโลกนี้ที่มีเครื่องสำอางกันน้ำได้ กลับเข้าไปในงานกันเถอะ” อินทัชพูดอย่างสบายใจ
...
“เรื่องหลักมันก็แค่นี้ ส่วนพวกเรื่องจุกจิก ยิบย่อยคงไม่ต้องเล่าหรอกเนอะ” อินทัชบอกก้องภพ แต่ทว่าชายหนุ่มที่นั่งฟังกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง หรือว่าตอนที่ไปฮ่องกงด้วยกันครั้งล่าสุด สาเหตุที่ปาณัสม์มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่อินทัชเพิ่งเล่าให้ฟัง
อันที่จริงเขาคิดว่าเป็นเรื่องอื่นด้วยซ้ำ มันคือเรื่องที่เขารับรู้มาตั้งแต่แรก หากไม่ได้พูดหรือทำอะไรลงไป มีข่าวมาถึงหูเขาว่า ปาณัสม์ได้มีการยกเลิกคำสั่งการผลิตสินค้าส่งออกไปเกาะฮ่องกง แต่คำสั่งยกเลิกก็ถูกเปลี่ยนแปลงกลับกลายเป็นผลิตสินค้าได้อย่างเรียบร้อยและทันเวลา ก้องภพไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่งและไม่ได้สนใจจะไปสอบถามเพราะเห็นว่าหุ้นส่วนของเขาแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เรียบร้อยแล้ว
“เป็นอะไรคุณก้อง ทำไมทำหน้านิ่งแบบนั้น” หญิงสาวถามด้วยความสงสัยที่อีกฝ่ายเงียบไปแต่กลับแสดงสีหน้านิ่งเฉย
“ได้ยินแล้วมันน่าน้อยใจ”
“อะไร”
“คุยกับเทมส์ แทนตัวเองว่าไทน์ คุยกับปาล แทนตัวเองว่าเรา แต่เวลาคุยกับผม แทนตัวเองว่าฉัน” ก้องภพพูดขึ้น
“คุณเป็นอะไรเนี่ย”
“ไหนแทนตัวเองว่าไทน์กับผมสิ”
“บ้าหรือไง จำไม่ได้เลยว่าคุณเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ด้วย” อินทัชรู้สึกเขินขึ้นมาจึงพูดต่อว่าเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเอง
“ตั้งแต่ที่รู้จักผู้หญิงชื่อไทน์”
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว ไม่นึกว่าคุณจะมีโมเมนต์อะไรแบบนี้เหมือนคนอื่น”
“แบบไหนครับ?”
“ก็แบบที่งอแงหรืออยากได้อะไรแบบนี้อะ”
“ไม่เคยเป็นเหมือนกัน เพิ่งเคยเป็นเนี่ยแหละ”
“พูดให้ดีใจ?”
“เปล่า ผมพูดจริงๆ จากประวัติผม คุณคงรู้ดี ผมไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้นกับผู้หญิงคนอื่น จริงไหม”
“คงงั้นมั้ง” อินทัชบอก ว่ากันตามตรงเธอก็เห็นพ้องตามที่ก้องภพพูด
“คุณเขินแล้วน่ารักเหมือนกันนะ” ก้องภพพูดอย่างที่ตาเห็น
“บ้าไปใหญ่แล้ว ใครเขินอะไร ไม่มีเสียหน่อย” อินทัชจึงโวยวายมากกว่าเดิมเพราะอายที่ถูกจับได้
“ชอบผมหรือยัง ถ้าชอบผมก็ตอบตกลงคบกับผมเถอะ” ก้องภพเดินหน้าไล่รุกอีกฝ่าย
“นี่ก็มากกว่าคนอื่นแล้ว”
“ไม่คบ?” ก้องภพย้ำถาม “หรือห่วงชื่อเสียง”
“ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอก วงการมายา มันเละเทะไปหมด อีกอย่างถ้าประกาศตัวว่ากำลังคบกับคุณด้วย ฉันคงยิ่งดังเพราะจับคุณได้สำเร็จ” อินทัชหัวเราะ คนในวงการรู้กันทั่วว่าก้องภพเปลี่ยนสาวบ่อยแค่ไหน ชายหนุ่มไม่ใช่เป็นแค่เพียงนักธุรกิจ แต่นามสกุลมารดาที่พ่วงมาด้วยเป็นถึงนามสกุลเก่าแก่ ผู้ดีเก่าที่มีแต่คนนับหน้าถือตา
“แล้วติดอะไร”
“ขอให้คำตอบทีหลังได้หรือเปล่า อยากให้สบายใจหมดห่วงเรื่องของเทมส์ก่อน”
“ถ้าพี่ชายคุณใจแข็งไม่กลับไปคบกับปาลสักที ผมไม่ต้องรอไปอีกนานหรือ”
“รอไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ พอดีฉันไม่รีบ”
“ใครบอกว่าผมรอไม่ได้”
“ไม่รู้สิ แต่ถ้าคุณรอได้ เมื่อถึงตอนนั้น ไทน์จะให้คำตอบคุณแน่นอน โอเคไหม”
========================================
กลับเข้าสู่สถานการณ์เดิมค่ะ
หากสังเกตดีๆ ไทน์กับปาล ไม่เคยเจอกันสักครั้งเลย เพราะเขาไม่ค่อยถูกกันค่ะ
แต่จริงๆ ไม่ได้เกลียดกันน้า
HASHTAG #ภาคต่อของความรัก