ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019  (อ่าน 70791 ครั้ง)

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คู่นั้นเขากำลังจีบกันอยู่ แล้วของเทมส์ล่ะอยู่ระดับไหนแล้วกับนักธุรกิจฮ่องกงคนนั้นหรือกับปาล

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :m3: :m3: :m4: กราบในความลงเร็ว ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
จันทร์ก็คบกะหนุ่มน้อยฮ่องกงไปเลยสิ
อย่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่า
รู้มั้ยว่าแก่ลงทุกวัน o18

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

ภาค 12 Keep it or Let it go.



            ชัดเจนมารอรับฉันทัชกับเด็กหญิงศราลักษณ์ตั้งแต่เช้า เขาดับเครื่องยนต์เงียบๆ เพราะไม่อยากจะรบกวนคนในบ้านรวมถึงเพื่อนบ้านของฉันทัช

            “อ้าว ชัดเจน มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ฉันทัชมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยตอนที่จูงน้องปัณณ์เดินออกมาจากบ้านแล้วเห็นรถยนต์คุ้นตาจอดเทียบรออยู่หน้ารั้วประตู

            พอชายหนุ่มเห็นฉันทัชเดินออกมา เขาก็รีบลงจากรถมาช่วยถือกระเป๋าของเด็กหญิงและพาไปนั่งในรถทางด้านหลัง

            “เมื่อเช้าครับ”

            “เป็นไงบ้างน้องปัณณ์ เมื่อคืนนี้นอนหลับสบายไหม” ชัดเจนชวนน้องปัณณ์คุย

            “สวัสดีค่ะ อาชัด เมื่อคืนหนูหลับสบายมากค่ะ เตียงอาจันทร์นุ๊มนุ่ม ตัวอาจันทร์ก็นิ๊มนิ่ม แถมห๊อมหอม” เด็กหญิงเจื้อยแจ้วเน้นย้ำทุกคำโดยไร้จริต แต่คนฟังนั้นอาจจะได้ยินแล้วไม่ค่อยถูกจริตเท่าไหร่นัก

            “นั่งดีๆ นะน้องปัณณ์ อย่าซน นี่แซนด์วิชที่หนูอยากทานแล้วก็นมค่ะ” ฉันทัชยื่นอาหารยามเช้าให้หลานสาว

            “ค่ะ”

            “อย่าทานหกเลอะรถนะคะ” ฉันทัชย้ำ

            “ค่า หนูจะกินระวังๆ”

            “ชัดมาได้ไง” ฉันทัชเอ่ยถามชัดเจนตอนที่เขาเข้ามานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถเรียบร้อย

            “ผมรู้ว่าน้องปัณณ์มาค้างกับคุณเทมส์ เลยตั้งใจมารับจะได้ไม่ลำบากตอนไปส่งน้องปัณณ์ที่โรงเรียนครับ” ชัดเจนบอกอย่างสุภาพ

            “อ่อ..งั้นเหรอ”

            “เป็นไงบ้างครับ”

            “สบายดี เหมือนเดิมนั่นแหละ” ฉันทัชยิ้ม เจอหน้ากันทีไร ชัดเจนก็ถามเขาด้วยประโยคเดิมแบบนี้ซ้ำๆ ทุกที

            “ดีครับ วันนี้ดูเหมือนรถจะไม่ค่อยติดเท่าไหร่” ชัดเจนชวนคุย

            “รถไม่ติดก็ดีนะ จะได้ถึงที่ทำงานเร็วๆ”

            “ไม่ดีเลยครับ” แต่ชัดเจนกลับคิดตรงกันข้าม

            “หืม?”

            “เวลาที่ผมจะได้อยู่กับคุณเทมส์ก็น้อยลงไงครับ”

            “เอ่อ...ผมอยากไปส่งน้องปัณณ์ให้ถึงโรงเรียนก่อน” ฉันทัชตัดบท และชัดเจนก็เข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าทำไมฉันทัชถึงไม่อยากพูดอะไรต่อหน้าหลาน


            ...


            “ส่งหนูแค่นี้ก็พอค่ะ หนูต้องเดินเข้าโรงเรียนเอง”

            “ตั้งใจเรียนนะคะ อย่าเล่นซนด้วย แล้วอาจันทร์จะมารับไปนอนค้างด้วยบ่อยๆ นะ” ฉันทัชวางมือบนศีรษะเด็กหญิงอย่างเบามือ

            “น้องกายด้วยนะ”

            “ได้ค่ะ” ชายหนุ่มบอกพลางย่อตัวลงไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเด็กหญิง และเด็กน้อยก็ปฏิบัติแบบเดียวกันนั้นกับอาจันทร์ที่รักเช่นกัน

            “อาไปทำงานนะ ตอนเย็นคุณพ่อปอนด์คงมารับ”

            “ค่ะ อาจันทร์ สวัสดีค่ะ” เด็กหญิงยกมือไหว้และโบกมือลาฉันทัชด้วยใบหน้าสดใสยิ้มแย้ม

            แค่นั้นก็เหมือนเป็นกำลังใจให้ฉันทัชมีแรงทำงานทั้งวัน

            “เรียบร้อยนะครับ” ชัดเจนหันมาถามเมื่อเห็นฉันทัชกลับขึ้นมาบนรถอีกครั้ง

            “วิ่งเข้าโรงเรียนไปแล้วล่ะ คงอยากเล่นกับเพื่อนเต็มที รักอาจันทร์อยู่แป๊ปๆ พอเห็นเพื่อนก็ลืมอาจันทร์แล้ว” น้ำเสียงที่พูดออกมาเต็มไปด้วยความเอ็นดู

            “เด็กก็แบบนี้ล่ะครับ ไม่ได้คิดอะไรมากมายเหมือนผู้ใหญ่”

            “อืม จริงด้วย”

            “ไปที่ทำงานคุณเทมส์เลยนะครับ”

            “ครับ” ฉันทัชตอบ

            “วันศุกร์คุณเทมส์กลับบ้านยังไง ผมไม่ได้มารับ ขอโทษนะครับ”

            “ไม่เป็นไร ชัดไม่ต้องขอโทษหรอก ไม่ใช่ความผิดของชัดเลย พอดีไทน์เสร็จงานเร็วเลยมารับน่ะ อ้อ แล้วชัดไปไหนล่ะ ทำไมถึงไม่ได้มาคุยงานกับปาลด้วยกัน”

            “คุณเทมส์เจอคุณปาลหรือครับ?” ชัดเจนหันมาถาม ข้อมือกำพวงมาลัยแน่นจนขึ้นข้อขาว

            “ชัดไม่รู้เหรอ” ฉันทัชถามด้วยความแปลกใจ

            “คุณปาลสั่งให้ผมไม่ต้องไปครับ ผมเองก็ไม่กล้าถาม” ชัดเจนอธิบาย

            “ไม่แปลกหรอก ผมเพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนั้นเหมือนกัน” ฉันทัชบอก ไม่อยากให้ชัดเจนคิดมาก

            “คุณปาลมากับใครครับ?”

            “เกศสิรี” ฉันทัชพูดชื่อผู้หญิงคนนั้น เขาไม่อยากเรียกให้เสียปากแต่ก็ต้องพูดอย่างเสียไม่ได้

            “อ้อ...พักหลังคุณปาลออกไปกับคุณสิบ่อยเหมือนกัน”

            “ช่างเขาเถอะ ผมไม่อยากรู้เรื่องของปาลหรอกครับ” ฉันทัชตอบพยายามกดเสียงให้นิ่ง ให้เย็นมากที่สุด

            “ขอโทษครับ คุณเทมส์คงไม่อยากได้ยิน” ชัดเจนรู้สึกผิด

            “ไม่เป็นไร ผมไม่ได้โกรธชัดหรอก” ฉันทัชยิ้มให้ “ถึงที่ทำงานผมเสียแล้ว รถไม่ติดนี่ไวจังเลยแฮะ” ชายหนุ่มเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง

            ชัดเจนจอดรถที่ตรงหน้าทางเข้าตึกอย่างนุ่มนวล “ตอนเย็นผมมารับนะครับ”


            ฉันทัชเตรียมจะตอบรับ แต่นึกถึงคำพูดของน้องสาวที่บอกให้จัดการเรื่องชัดเจนให้เรียบร้อยได้พอดี


            เขาเคยนึกสงสัยตัวเอง แค่เพราะอินทัชบอก ทำไมเขาจึงต้องทำตามไปด้วยเสียทุกที มานึกคิดดูแล้วก็ไม่แปลกใจการกระทำของตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะอยากให้น้องสาวพอใจ ไม่อยากถูกโกรธ เวลาเขารักใคร เขามักจะขลาดในจิตใจ กลัวอีกฝ่ายจะไม่รัก และทิ้งเขาไว้ลำพัง


            แบบนี้กระมัง ไม่ว่าปาณัสม์จะขออะไร หรือบอกให้เขาทำอะไร เขาก็เลือกทำตามแต่โดยดี ปล่อยให้ความรักบังตา ปิดตาจนมิด ไร้ความยั้งคิด ไม่สนใจเรื่องที่จะตามมาในอนาคต เขามองโลกใบนี้ง่ายเกินไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นจะยังคงอยู่กับเราตลอดไป


            “ชัดเจน” ฉันทัชไม่ตอบรับ กลับเรียกชื่ออีกฝ่ายแทน

            “ครับ?”

            “ผมว่าจะซื้อรถมาใช้สักคัน” ฉันทัชเกริ่นนำ

            “อย่างนั้นหรือครับ จริงๆ แล้วผมเห็นด้วยนะที่คุณเทมส์จะมีรถใช้ แต่อีกใจผมก็ไม่เห็นด้วยเลย”

            “ทำไมเหรอ เพราะผมเพิ่มมลพิษให้โลกใช่ไหม” ฉันทัชพูดติดตลก

            “เปล่าครับ ไม่ใช่เลย” ชัดเจนปฏิเสธ “เพราะว่ามันทำให้โอกาสที่ผมจะได้อยู่กับคุณน้อยลงไปอีก”

            “ชัดพูดเรื่องนี้มาก็ดี”

            “ว่าไงครับ”

            “ผมไม่อยากให้ชัดมาคาดหวังอะไรกับผม” ฉันทัชพูดด้วยน้ำเสียงเรียบแต่จริงจัง

            “ไม่เป็นไร ผมรอได้”

            “อย่ารอเลย ผมลำบากใจถ้าจะคบกับชัด”

            “ทำไมล่ะครับ เพราะผมเป็นแค่เด็กในบ้านของคุณปาลหรือผมไม่ได้มีเงินทองมากมายเหมือนคนอื่น” ชัดเจนพูดออกมาด้วยความน้อยใจ ชายหนุ่มกำลังเอาตัวเองไปเปรียบกับอีกคน

            ฉันทัชส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอก เวลาผมชอบใครผมมักจะชอบในตัวตนของเขา และผมก็ไม่ได้รักใครสักคนที่เงินทองหรอกนะ ผมจะไม่ปฏิเสธหรอกว่าเงินมันสำคัญต่อการดำเนินชีวิต ชัดรู้ไหม ตอนที่ผมคบกับคนที่บ้านคุณ ผมไม่เคยขอเงินเขาเลย”

            “คุณปาลไม่เคยให้เงินคุณเหรอ เป็นไปไม่ได้” ชัดเจนไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง

            “ผมไม่ได้อยากจะพาดพิงหรือใส่ร้ายถึงคนที่สามหรอกนะ ผมแค่บอกว่า ถึงแม้เขาจะมีเงินมากแค่ไหน ผมก็ไม่เคยขอเงินเขาหรือคาดหวังเงินของเขา ชัดเข้าใจความหมายของผมหรือเปล่า”

            “ครับ”

            “ผมลำบากใจเพราะชัดคือคนของบ้านนั้นต่างหาก”

            “แต่คุณเทมส์ก็เลิกกับคุณปาลแล้วนี่ครับ หรือว่าจริงๆ แล้วคุณเทมส์ยังรักคุณปาลอยู่” ปลายประโยค ชัดเจนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาลง

            “ผมว่ามันไม่เกี่ยวเลย เอาจริงๆ นะ สมัยนี้ ความรักมันเปลี่ยนไปมาก มันต้องอาศัยหลายองค์ประกอบเข้าด้วยกัน แค่รักคำเดียว มันช่วยทำให้ชีวิตคู่ยืนยาวไม่ได้...เอาล่ะ...ผมมีคำถามหนึ่งอยากจะถามชัด”

            “ถามมาเลยครับ”

            “สมมติว่าตอนนี้ผมคบกับปาลอยู่ แต่ผมรักชัดเจน ชัดคิดว่าผมจะเลิกกับปาลมาคบกับชัด หรือหักห้ามใจจากชัดและคบกับปาลต่อหรือจับปลาทั้งสองมือ คบทั้งสองคน”

            “เอ่อ...” ชัดเจนไม่กล้าตอบ

            “ยากไปหรือ” ฉันทัชหัวเราะเล็กน้อย

            “ไม่ยากหรอกครับ แต่ผมตอบไม่ได้ ผมไม่มั่นใจ”

            “ไม่เป็นไร ชัดไม่ต้องตอบผมก็ได้ ตอบตัวชัดเองก็พอ”

            “คุณเทมส์” ชัดเจนเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความท้อใจ

            “ผม...ในตอนนี้ยังไม่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่กับใคร หวังว่าชัดจะเข้าใจ” ฉันทัชยิ้มให้ชัดเจน แต่เป็นยิ้มที่ค่อนข้างขมเฝื่อนเกินไป

           “แต่ผม” ชัดเจนยังอยากจะรั้งเรียกอีกฝ่ายเอาไว้

           “ขอโทษที่ต้องพูดอะไรแบบนี้ในเช้าวันจันทร์ มันคงเริ่มต้นสัปดาห์การทำงานที่แย่มาก ผมขอโทษจริงๆ แต่ผมไม่อยากให้ชัดมีความหวังอีกแล้ว”

           “ผมรอได้นะ รอได้จริงๆ ผมรอคุณเทมส์มาตั้งนานแล้ว ถ้าต้องรออีกนิด ทำไมผมจะรอไม่ได้” ชัดเจนสารภาพ

           “ชัดควรเจอคนที่ดีและรักชัด อย่ารอผมอีกเลย ผมยินดีรับโทรศัพท์ของชัดถ้าชัดมีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ แต่ผมขอร้องว่าอย่ามารับส่งผมอีกเลยได้ไหม”

           “คุณเทมส์.. ผมว่าคุณไม่ต้องทำอะไรแบบนี้ ผมโอเคนะ อย่างน้อยถึงแม้คุณจะไม่รักผม ก็ขอให้ผมได้ดูแลคุณบ้างก็ยังดี” น้ำเสียงชัดเจนเต็มไปด้วยความร้อนรน

           ฉันทัชยิ้ม เขารู้ว่าตัวเขาบางทีก็ทำเหมือนเป็นคนเลือดเย็น บทจะไม่เอาอะไรแล้ว เขาจะไม่สนใจเลย

           “ถึงที่ทำงานผมนานแล้ว ผมไปนะ ขับรถดีๆ ล่ะ” ฉันทัชพูดก่อนจะลงจากรถไปโดยไม่แม้แต่จะกลับไปดูปฏิกิริยาของชัดเจน



           ...




           “เรียนท่านผู้โดยสาร กัปตันและลูกเรือทุกคนมีความยินดีต้อนรับท่านด้วยบริการของสายการบิน เที่ยวบินที่ HX762ซึ่งจะเดินทางไปฮ่องกง โดยจะใช้เวลาบินทั้งหมดสามชั่วโมง สามสิบห้านาที กรุณาศึกษาคู่มือความปลอดภัยซึ่งอยู่ในกระเป๋าหน้าที่นั่งด้านหน้าของท่าน เพื่อความปลอดภัยของท่าน และผู้โดยสารท่านอื่น ๆ โปรดเก็บกระเป๋าและสัมภาระของท่านไว้ในที่เก็บของเหนือศีรษะหรือใต้ที่นั่งด้านหน้าของท่านด้วยค่ะ และเราขอเรียนให้ท่านทราบว่า เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินปลอดบุหรี่ พนักงานทุกคนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะให้บริการที่ดีที่สุดแก่ท่านและมีความยินดีที่จะได้รับคำแนะนำจากท่านในเที่ยวบินนี้”



           “ไม่คิดเลยว่าจะได้ขึ้นเครื่องพร้อมกับคุณเทมส์” เสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างตัวฉันทัช คนพูดพูดด้วยท่าทีสบายๆ น้ำเสียงนิ่งเรียบ เหมือนไม่เคยเกิดเหตุอะไรขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์

           “ไม่เห็นแปลกเลย ชัดต้องไปทำงานกับปาลอยู่แล้วนี่นา” ฉันทัชพูดอย่างอารมณ์ดี เขาเองก็วางตัวเป็นปกติเหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์สนทนาบนรถในเช้าวันจันทร์นั้นเช่นกัน

           “ตื่นเต้นนี่ครับ ปกติแล้วเวลาไปกับคุณปาล ผมก็นั่งคนเดียวตลอด” ไม่ใช่แค่ฉันทัชที่ทำตัวเป็นปกติ ทางด้านชัดเจนก็เช่นกัน

           “ผมก็เหมือนกัน”


           เครื่องบินไต่ระดับทะยานสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ที่มืดมิด เวลาตอนนี้ประมาณตีสี่ ไปถึงที่ฮ่องกง ก็คงเช้ามืดพอดี ฉันทัชไม่ค่อยชอบนั่งเครื่องไฟลท์กลางคืนแล้วถึงที่หมายตอนเช้าสักเท่าไหร่ เพราะเขานอนบนเครื่องไม่ค่อยหลับและทำให้เกิดอาการนอนน้อยและสมองเบลอ


           โชคดีนิดหน่อยที่ก้องภพพอรู้จักนิสัยเขาอยู่บ้างจึงให้ฉันทัชบินตามมาในวันอาทิตย์ ดังนั้นหลังจากเช็กอินเข้าโรงแรมเรียบร้อย เขาคงจะได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ส่วนตัวของก้องภพนั้น ชายหนุ่มบินมาฮ่องกงตั้งแต่วันพุธแล้วเนื่องจากมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ก้องภพอยากจะจัดการให้เรียบร้อย


          ฉันทัชรอจังหวะที่สัญญาณรัดเข็มขัดดับลง เขาบอกชัดเจนเสียงเบาเพราะเกรงจะรบกวนคนอื่นว่าเขาจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วจึงลุกจากที่นั่งไป


          “ว่าไงยะ พ่อคนเสน่ห์แรง” เมื่อเดินไปถึงส่วนท้ายสุดของเครื่องบิน ฉันทัชก็เห็นเพื่อนสาวยืนยิ้มรออยู่แถวห้องน้ำ

         “เสน่ห์แรงอะไร มั่วแล้วแพร”

         “แกจะให้ฉันเมาท์ในกลุ่มเลยไหมล่ะ รู้ปะ ฉันตกใจแค่ไหนตอนเห็นรายชื่อผู้โดยสารว่ามีใครบ้าง” แพรวาตาโตขณะพูด     “เที่ยวบินมีตั้งเยอะแยะ ดันเลือกวันที่ฉันบินพอดี”

         “เป็นแอร์เลือกผู้โดยสารได้ด้วยเหรอ”

         “รู้จ้าว่าไม่ได้ แต่ก็อยากพูดเฉยๆ อะ” แพรวาประชดเสียงใส “แล้วแกกลับวันไหน”

         “อีกสองสามวัน ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”

         “อืม เห็นนังพวกนั้นคุยแล้วใช่ปะ วันศุกร์นี้เจอกันนะ ร้านเดิม” แพรวาพูดถึงบทสนทนากลุ่มที่จะนัดเจอกันเมื่อวันก่อน

          “ได้ ถ้าไม่เลื่อนกลับนะ”

          “เออ รู้แล้ว” แพรวายิ้มก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ

          เมื่อฉันทัชกลับเข้ามานั่งที่ของตนเองอีกครั้ง เขาก็เห็นชัดเจนยังไม่หลับ ลืมตาใสแจ๋วมองเขานิ่ง “มีอะไรหรือเปล่า ชัด”

          “เปล่าครับ แค่คิดว่าคุณเทมส์ไปเข้าห้องน้ำนานจัง คนรอคิวเยอะเหรอครับ”

          “ก็ไม่เชิง” ฉันทัชยิ้มโดยไร้คำอธิบายเพิ่มเติม

          “คุณเทมส์อยากกลับมาทำงานแบบนี้อีกไหม” ชัดเจนไม่ได้ระบุว่าแบบนี้คือแบบไหน เจ้าตัวแค่พยักพเยิดใบหน้าตอนที่เห็นพนักงานต้อนรับนั้นดูแลผู้โดยสารที่ถัดไปข้างหน้าอีกสองแถวโดยการหยิบผ้าห่มมาเพิ่มให้

          “ไม่เอาแล้ว”

          “ทำไมล่ะครับ ผมเคยได้ยินมาว่าคุณเทมส์ชอบอาชีพนี้มากเลยไม่ใช่หรือ”

          “เคยชอบ” ฉันทัชตอบก่อนจะเปลี่ยนเรื่องหนีเสีย “ว่าแต่ทำไมชัดยังไม่นอน ไม่ง่วงเหรอ”

          “ยังครับ เวลานี้ปกติแล้วผมเพิ่งถึงบ้านเองมั้ง”

          “ทำไมล่ะ” ฉันทัชถามแล้วก็นึกขึ้นได้ “อ้อ เข้าใจแล้ว” คงจะรอไปรับส่งเจ้านายที่เอาแต่เที่ยวอยู่น่ะสิ

          “งั้นนอนพักเอาแรงดีกว่าไหม” ฉันทัชบอก เพราะตัวเขาก็อยากพักบ้างเช่นกัน

          “ครับ”


          ใกล้รุ่งเช้า อีกหนึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องบินจะร่อนลงสู่ท่าอากาศยาน พนักงานบนเครื่องบินต่างพากันเสิร์ฟอาหารให้กับผู้โดยสารแต่ละท่านอย่างรวดเร็วแต่สุภาพ


           ฉันทัชเลือกเมนูปลามาทาน ส่วนชัดเจนเลือกไก่ พวกเขาสองคนนั่งทานกันอย่างเงียบๆ จริงๆ แล้วช่วงเวลาตีห้าเกือบหกโมง ฉันทัชไม่ได้หิว มันไม่ใช่เวลาปกติที่เขาจะลุกมาทานอาหารเลย แต่ในเมื่อตื่นเต็มตาแล้ว หากไม่ทานอะไรรองท้องบ้าง ก็กลัวจะหิว เพราะกว่าจะลงเครื่อง รอรับกระเป๋า เข้าเมือง นั่งรถ ก็คงอีกหลายชั่วโมง


          ออกจากสนามบิน แสงแดดสว่างจ้า กระทบเข้าตาคนนอนน้อยอย่างจัง ฉันทัชรีบหยิบแว่นตาดำมาสวมทันที การที่ต้องนอนน้อยแล้วมาเจอแดดแรงแบบนี้เป็นอะไรที่ทรมานร่างกายเขาเป็นอย่างมาก ฉันทัชหลับตามาตลอดทางระหว่างนั่งรถ เวลานี้เขาไม่ใคร่จะอยากคุยกับใครในรถสักเท่าไหร่ อยากให้ถึงโรงแรมโดยเร็ว


          รถยนต์คันใหญ่มาจอดหน้าทางเข้าโรงแรมอย่างนุ่มนวล ฉันทัชไม่ได้สนใจจะจ่ายเรื่องค่าบริการนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนร่วมการเดินทาง เขาลากกระเป๋าเดินทางอย่างทุลักทุเลเล็กน้อยเพราะขาเริ่มจะเอนเอียงตามสมองที่ง่วงงุน ฉันทัชลากกระเป๋าไปชนกับอะไรสักอย่างทำให้ร่างของเขาสะดุดกึกจนหน้าเกือบคะมำ

          “ระวังหน่อย” เอวของเขาถูกใครสักคนคว้าเอาไว้ได้ทัน จนหลังของเขาชนเข้ากับแผ่นอกคนที่ช่วยเหลือไว้

          “ขอบคุณ” ฉันทัชหันไปมองพลางยิ้มแหย

          “นอนไม่พอใช่ไหม เดินเป็นซอมบี้เลย”

          “อืม ใครให้เลือกไฟลท์บินเวลานี้ล่ะ” ฉันทัชทำเสียงไม่พอใจออกไปเล็กน้อย แต่หัวใจกลับเต้นเร็วไปหมด

           ร่างกายมันใกล้ชิดกันเกินไป

           เขายังจำได้ว่าอ้อมอกนี้มันอบอุ่นแค่ไหนในยามที่เรายังนอนกอดกันอยู่

          “ขอโทษ” เสียงทุ้มที่คุ้นหูเอ่ยตามนิสัย ไม่ว่าเวลาจะไปผ่านไปแค่ไหน คนๆ นี้มักจะเลือกขอโทษเขาก่อนเสมอ


          ปาณัสม์ปล่อยมือเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทรงตัวได้แล้ว ฉันทัชสบตากับอีกฝ่ายนิ่ง ต่างคนต่างไม่พูดอะไร จนกระทั่งมีเสียงแทรกจากชัดเจนขึ้นมา

          “เดี๋ยวผมลากกระเป๋าให้คุณเทมส์เองครับ” ชัดเจนอาสา

          “ขอโทษทีนะชัด ต้องลำบากเลย” ฉัชทัชได้สติจึงรีบพูดออกไป

         “ยินดีครับ” ชัดเจนลากกระเป๋าของฉันทัชเข้าไปที่หน้าล็อบบี้ของโรงแรม

          โดยที่ไม่มีใครได้เห็นสีหน้าของชัดเจนว่าตอนนี้เจ้าตัวรู้สึกอย่างไร


           การเดินทางมาฮ่องกงครั้งนี้ ฉันทัชไม่คาดคิดว่าเขาจะต้องเดินทางมาพร้อมกับปาณัสม์และชัดเจน เนื่องจากว่าก้องภพได้เดินทางล่วงหน้ามาแล้วและเพราะกลัวหุ้นส่วนคนใหม่จะลำบากเรื่องภาษาท้องถิ่นของคนที่นี่หรือเรื่องอื่นๆ ก็ตาม ก้องภพจึงลงความเห็นว่าฉันทัชควรจะรอมาพร้อมกับทางฝั่งนั้นจะดีกว่า


           ถึงแม้ว่าฉันทัชจะบอกไปว่าอดีตคนรักนั้นไม่จำเป็นต้องคอยให้เขาดูแลถึงขนาดนี้ก็ได้ อีกฝ่ายเคยร่ำเรียน อาศัยชีวิตอยู่ถึงเมืองนอกเมืองนา ทำงานก็มีธุรกิจกับต่างประเทศอยู่เสมอ ถ้าแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ก็ไม่น่าจะดูแลบริหารบริษัทได้กระมัง แต่กระนั้นก้องภพก็ยังส่ายหน้าเป็นเชิงไม่สนใจอยู่ดี ไม่รู้จะเป็นห่วงอะไรกันนักหนา


           สรุปว่า คำค้านฟังไม่ขึ้น


           แล้วดูสิปาณัสม์ติดขัดอะไรตรงไหนล่ะ ก็พาเขามาถึงโรงแรมได้เรียบร้อย ดูแลครอบคลุมจนหมดตั้งแต่ลงเครื่องจนถึงโรงแรม ตกลงว่าใครมันดูแลใครกันแน่


            ฉันทัชหงุดหงิดเล็กน้อย ยิ่งไม่ค่อยได้นอน พานจะให้ความดันขึ้น เอาเป็นว่า ขอนอนก่อนแล้วกัน ต่อจากนี้ค่อยว่ากันใหม่


            หวังว่าเมื่อถึงวันจันทร์ การทำงานของฉันทัชที่ต้องร่วมงานกับอีกฝ่ายคงจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น




========================================

** ถ้าคุณเป็นชัดเจนจะตอบคำถามของฉันทัชว่าอะไรคะ

เจอกันวัน ศ น้า
มาทายกันหน่อยค่ะ สองคนนี้มันจะตีกันไหมนะ

HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

ไปคุยกันในทวิตได้น้า เขมอยากเมาท์ อิอิ

ติดตามพูดคุยกันได้ที่นี่ค่ะ

Facebook และ Twitter



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ชัดเจนเอ้ย

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
แอบสงสารชัดเจนเบาๆ แต่แม่เลขานี่ยังไงๆอยู่นา  :katai1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารชัดมาก ๆ น้ำตาจะไหล :hao5:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ชัดเจนแอบร้ายอ่ะ ที่มารับก็เพราะว่าปาลให้มาไม่ใช่เหรอ หื้มมม
แต่ก็แอบสงสาร แต่ก็นั่นแหละฮะะะ :m28:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
จะตัดทั้งทีก็ตัดไม่ขาด
มันเลยดูยุ่งอิรุงตุงนัง
สองคนก็ยังพัวพันกันอยู่แบบนี้

หนีกันไม่พ้นซักที
เฮ้อออออออ

ปาลกับจันทร์ เห็นทีคงจะวนลูปกลับมาคู่กันอีกหน
ไปไหนไม่รอด สองคนนี้เป็นคู่กัน...แต่ปางก่อน หุหุ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
อดสงสัยไม่ได้ว่าชัดเจนเป็นคนเอาโน้ตของเทมส์ไป ทำให้ปาลไม่เห็น จนเป็นประเด็นกัน

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ชัดเจนดูไม่ชัดเจนแล้วแหละ ฉันว่าเทออะร้ายสุด

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ชัดเจนเธอต้องสู้นะ แต่สู้อย่างตรงไปตรงมาไม่ลอบกัดเด้อ  :z2:

ส่วนจันทร์ก็เปิดใจให้หนุ่มฮ่องกงบ้างก็ได้  o18

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


ภาค 13 New Partner



ฉันทัชตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างสดใสทีเดียว เมื่อวานหลังจากมื้อเย็นเขาก็หลับเป็นตาย โดยไร้การรบกวนจากทุกคน นั่นเป็นสิ่งที่เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขาบอกทุกคนให้มาเจอกันที่ล็อบบี้ของโรงแรม เพราะก้องภพจะให้คนมารับพวกเขาจากที่นี่ไปส่งอีกโรงแรมหนึ่ง


“สวัสดีครับ พี่ก้อง” เมื่อรถยนต์มาส่งถึงปลายทาง ปาณัสม์ก็เห็นก้องภพมายืนรอรับเขาอยู่แล้ว

“สวัสดี ปาล เมื่อวานเรียบร้อยดีนะ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปรับพวกคุณที่สนามบิน ผมปลีกตัวจากประธานหลี่ไม่ได้เลย”

“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว” ปาณัสม์บอกอย่างนอบน้อม จะอย่างไรอีกฝ่ายก็มีอายุมากกว่าเขาและยังคอยช่วยแนะนำเรื่องธุรกิจให้เขาอีกด้วย

“เข้าไปข้างในกันเถอะ ประธานหลี่คงรอพวกเราอยู่แล้ว”


...



การเซ็นสัญญาวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ไร้อุปสรรค ปาณัสม์เป็นนามตัวแทนของบริษัทพี  ฟู้ดร่วมลงทุนกับบริษัทซิลเวเนีย ไดมอนของก้องภพ และสองบริษัทนี้ยังทำสัญญาร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของทางฮ่องกงอย่างท่านประธานหลี่ ทำให้มีสื่อจากหลายสำนักมาร่วมกันทำข่าว คาดว่าวันพรุ่งนี้หรือไม่วันนี้ในช่วงบ่าย ต้องมีพาดหัวข่าวเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย


“เฮ้อ อึดอัดจัง” ฉันทัชอมยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงคนข้างตัวเปรยขึ้น ชายหนุ่มหน้าใสลูกชายคนเล็กของประธานหลี่ แต่ไฉนถึงมายืนข้างฉันทัชได้

“คุณดึงไทแน่นเกินไปหรือเปล่า” ฉันทัชเหลือบมองจึงเห็นว่าเป็นไปอย่างที่เขาคาดเดา เขาจึงหันไปทางด้านข้างเพื่อปรับดึงไทของคนบ่นให้หลวมขึ้นเล็กน้อย

“อ่า...ถ้าผมมีคุณคอยมาดูแลให้ทุกวันก็คงจะดี” คุณชายหลี่พูดภาษาแม่ตามความเคยชิน พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนฉันทัชต้องแสร้งเบี่ยงตัวหลบอย่างแนบเนียน

“จะเป็นไปได้ยังไงกัน” ฉันทัชหัวเราะเสียงเบา

“ทุกวันนี้นะ นึกแล้วผมยังเสียดาย ถ้าวันที่เจอคุณครั้งแรก แล้วคุณยอมไปต่อกับผม เชื่อไหม ผมจะต้องจับคุณมัดไว้แล้วไม่มีทางปล่อยให้คุณหลุดมือไปได้แน่ๆ”

“ผมไม่อยากถูกขัง”

“ไม่ได้ขังสักหน่อย ก็แค่อยู่กับผมตลอดไปเท่านั้นเอง”

“ไม่เอาหรอกครับคุณชายหลี่ ผมไม่อยากถูกขังอีก” เจ้าตัวแสร้งพูดติดตลก แต่คำพูดของฉันทัชสะกิดต่อมอยากรู้ในใจของคนฟัง แม้ว่าคุณชายหลี่จะสงสัยในคำพูดนั้นแต่ก็ไม่อยากถามอีกฝ่ายในช่วงเวลาและบรรยากาศแบบนี้

“วันนี้ตอนเย็นไปร้านนั้นกับผมนะ” คุณชายหลี่เล่นปลายนิ้วของฉันทัชเบาๆ

“ผมมาทำงาน คงไม่สะดวก”

“ทำไมล่ะ” คุณชายคนเล็กของตระกูลมักไม่เคยชินกับการถูกปฏิเสธสักเท่าไหร่ ไม่ว่าเขาจะขออะไรหรือบอกอะไร คนรอบข้างก็มักจะทำให้เขาทันที ไม่ปล่อยให้เขาต้องคลุ้มคลั่งเหมือนการ กระทำของคนนี้

“ในเมื่อคุณเลิกงานแล้ว คุณก็ย่อมมีสิทธิ์ใช้เวลาส่วนตัวนี่” คนอ่อนวัยกว่าแย้ง

“เอาแต่ใจจริงๆ ถ้างั้น เดี๋ยวผมบอกคุณอีกทีแต่ไม่รับปากนะครับ” ฉันทัชบอกอย่างเอ็นดู จะว่าไปปกติแล้ว เขาไม่ชอบคนที่มาคอยตื๊อสักเท่าไหร่ แต่คุณชายหลี่หรือเดวิดคนนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย เป็นชายหนุ่มที่อารมณ์ดีที่ทำให้เขาเบิกบานได้เสมอ



ท่ามกลางการพูดคุยของคนสองคนแต่ทว่าไม่อาจเล็ดรอดจากสายตาของใครอีกคนหรือสักสองคนหรือสามคนตรงนั้นไปได้ ด้วยเพราะพิธีการมันเสร็จสิ้นไปแล้ว ตอนนี้ทุกคนต่างพากันพูดคุย ผ่อนคลายตามอัธยาศัย แต่ก้องภพ ปาณัสม์ และชัดเจนก็เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นอย่างเต็มเปา


ก้องภพนั้นพอรู้อยู่แล้วว่าคุณชายหลี่นั้นดูจะถูกอกถูกใจเลขาของเขาเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็น่าแปลกใจ สองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหน ท่าทีของฉันทัชที่แสดงออกมาให้เห็นนั้นค่อนข้างเรียบเฉย แต่ไม่ได้ปฏิเสธหรือรำคาญ ไม่รู้ว่าเพราะเกรงใจอีกฝ่ายเรื่องงานหรือจากความรู้สึกส่วนตัว


รูปที่เขาถ่ายมาได้ จะทำอย่างไรดีนะ ก้องภพยิ้มมุมปากที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายก่อนจะส่งรูปนี้ไปให้คนที่เขาคิดว่าสนิทที่สุดในตอนนี้


สาบานเถิดว่า เขาไม่ใช่คนที่ชอบวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของใคร หากไม่ได้ต้องการจะหาโอกาสคุยกับอินทัช


ชัดเจน เป็นอีกคนที่เห็นเหตุการณ์นั้นเช่นกัน ชายหนุ่มจ้องมองสองคนนั้นเขม็งโดยไม่ละสายตาไปไหน ทำไมคนนั้นถึงดูมีท่าทีที่สนิทกับฉันทัชมากเป็นพิเศษ ชัดเจนหรี่ตาลง หรือว่าสาเหตุที่ฉันทัชเลือกปฏิเสธเขาเพราะจริงๆ แล้ว ฉันทัชมีคนที่กำลังคุยอยู่ นั่นก็คือคนนี้ หลี่หยางเซิง บุตรชายคนเล็กของท่านประธานหลี่


เวลานี้ฉันทัชเหมือนยิ่งไกลจากมือของชัดเจนไปอีก ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาเฝ้าทุ่มเท เอาใจ คอยดูแลอีกฝ่ายไม่ห่าง แต่กระนั้นฉันทัชก็ไม่เคยแม้แต่จะอ่อนไหวหรือเปิดใจรับเขาเข้าไปอยู่ในห้องว่างของหัวใจบ้างเลย


ชัดเจนไม่อยากแพ้ เขารอมานาน รอตั้งแต่อีกฝ่ายยังเป็นของปาณัสม์ เขามาก่อนเด็กนั่นอีกไม่ใช่หรือ ทำไมฉันทัชจึงไม่มองมาที่เขาบ้าง ชัดเจนคิดด้วยความน้อยใจ ดวงตายาวรียังจับจ้องไปที่คนคู่นั่นไม่เปลี่ยนแปลง


โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำสายตาแบบไหนออกไป


บุคคลสุดท้ายที่เห็นเหตุการณ์ประหนึ่งคู่รักกำลังคุยกันกะหนุงกะหนิง คงหนีไม่พ้นปาณัสม์ เขาประกาศตรงนี้ได้เลยว่าถ้าฉันทัชยังคบกับเขาอยู่ ไม่มีทางเสียหรอกที่เด็กหน้าอ่อนนั่นจะได้เข้าใกล้ฉันทัชของเขา สายตาเยียบเย็นมองคนคู่นั้นพักเดียวก็เบือนหน้าหนี ผิดกับมือที่จับก้านแก้วแน่นจนข้อขาว น่ากลัวว่าแก้วจะแตกคามือเหลือเกิน


รู้เป็นอย่างดีว่าฉันทัชเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง ซ้ำยังแต่งตัวดี อีกทั้งคำพูดคำจาก็ดี ใครได้คุยด้วยมีหรือจะไม่ชอบ ยิ่งถ้าหากเจ้าตัวมีใจปฏิพัทธ์คิดชอบพอด้วยล่ะก็ ร้อยทั้งร้อยก็หนีไปไหนไม่รอด ขนาดเขาที่เคยเที่ยวจีบใครต่อใครเล่น ไม่จริงจัง ยังหนีไม่พ้นเงื้อมของฉันทัชไปได้เลย


แล้วเด็กหน้าอ่อน ที่อายุอานามดูแล้วคงไม่น่าจะถึงยี่สิบห้า ประสบการณ์ความรักคงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ยังไม่ประสาเท่าที่ควร มีหรือจะไม่หลงคารมของฉันทัช


การแสดงออกนั่นอีก มันใช่ไหมที่จะต้องมาจัดไทกันท่ามกลางธารกำนัลหรือมากระซิบกระซาบแทบจะกินหูในเวลาแบบนี้


‘จันทร์ นะ จันทร์’ ปาณัสม์ได้แต่แสดงอาการฮึดฮัด ไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆ ออกมาได้


เขาจะจัดการอดีตคนรักนี้ด้วยวิธีการใดดี ปาณัสม์พยายามคิดหาวิธีไม่ให้ฉันทัชต้องอยู่ใกล้เด็กคนนั้น

ฉับพลันเขาสะดุดคำพูดของตัวเอง


… อดีตคนรัก



อ่า....



เขาไม่มีสิทธิ์สินะ




ทำไมความรู้สึกต้องต่อสู้กันไปมาแบบนี้








“นึกว่าจะมาไม่ได้เสียแล้ว” หลี่หยางเซิงเอ่ยทักตอนที่เห็นฉันทัชเดินเข้ามานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามในร้านประจำของทั้งคู่

“ไม่ใช่แผนของคุณหรือ” ฉันทัชบอกอย่างรู้ทัน

“คุณเดาผมออกหมดเลย” คุณชายหลี่ทำหน้าเซ็งเล็กน้อยที่ถูกจับได้ เพราะเขาเป็นคนบอกให้พ่อของตนเองหาเรื่องดึงตัวก้องภพไว้นานๆ เพื่อให้ฉันทัชเป็นอิสระในยามค่ำคืน

“คุณดูง่าย” ฉันทัชยิ้ม พลางเรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่ม “วันนี้นึกยังไงถึงเลือกมานั่งที่โต๊ะตรงนี้แทนที่จะเป็นบาร์”

“ไม่ยังไงครับ ผมอยากนั่งแล้วเห็นหน้าคุณชัดอยู่ตลอดเวลา”

“ตรงบาร์ไม่ชัดกว่าหรือ” ฉันทัชแนะ เพราะนั่งตรงบาร์จะใกล้ชิดกว่านี้

“ไม่เหมือนกัน ผมชอบมองคุณตรงๆ แบบนี้มากกว่า นั่งตรงบาร์คุณชอบใช้หางตาคุยกับผม” คุณชายหลี่หัวเราะในลำคอ

“ผมเคยทำอย่างนั้นด้วยหรือ” ฉันทัชทำตาโตเล็กน้อยพูดเหมือนไม่เคยรู้มาก่อน

“อย่าพูดเหมือนคุณไม่เคยทำสิครับ”

“อ้าวเหรอ อ่า..หิวจัง” ฉันทัชเลือกเปลี่ยนเรื่อง

“ผมสั่งให้คุณแล้ว อีกสักพักอาหารก็คงมา”

“เอาใจผมเก่งจังเลย” ฉันทัชเอ่ยชม

“ถ้าชอบที่ผมเอาใจคุณเก่ง ก็ช่วยตอบแทนโดยการชอบผมเสียทีได้ไหม” คุณชายหลี่เสนอ

“ใช้ความสามารถหน่อยสิครับ มันน่าภูมิใจนะถ้าทำให้เขาชอบเราได้น่ะ”

“ผมอยากรู้จริงๆ ว่าเคยมีใครจีบคุณสำเร็จบ้างไหม”

“คุณคิดว่าไงล่ะ” ฉันทัชย้อนถามกลับ

“สงสัยคงไม่มีหรอก คุณเล่นตัวเก่งมาก”

“จะถือว่าเป็นคำชมนะ” ฉันทัชยังยิ้ม

“เอ๊ะ แต่ตอนที่เจอคุณครั้งแรก คุณดูเหมือนคนอกหัก”

“ครั้งแรกหรือ” ฉันทัชนึกย้อนไปเหตุการณ์ที่เขาเจอคุณชายหลี่ครั้งแรก “ผมไม่ได้อกหักเสียหน่อย” ชายหนุ่มปฏิเสธ

“ไม่จริงหรอก คุณดูเศร้านะ ผมจำได้”

“ผมไม่ได้อกหัก เรียกว่าไปหักอกคนสิถึงจะถูกต้อง” ฉันทัชหัวเราะ

“หรือเพราะอย่างนั้นคุณเลยฝังใจใช่ไหม ผมถึงจีบคุณไม่สำเร็จเสียที”

“พูดอะไรอย่างนั้น ไม่เกี่ยวกัน ผมไม่ได้ฝังใจสักหน่อย”

“แล้วทำไมคุณถึงไม่ชอบผมสักทีล่ะ ถามจริงๆ เถอะครับ คุณไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ผมทำไปเลยเหรอ”

“ผมก็เป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ถึงจะไม่รู้สึกอะไร” ฉันทัชบอกพลางรับเครื่องดื่มจากพนักงานมาดื่ม

“ถ้างั้นคุณรู้สึกยังไงกับผม”

“มีคนเคยพูดถึงผมว่าจริงๆ แล้วผมเป็นคนที่นิสัยไม่ดี แถมยังร้ายกาจอีกด้วย” ฉันทัชกลับพูดเรื่องอื่นเสียอย่างนั้น หลี่หยางเซิงขมวดคิ้ว มองคนตรงหน้า แต่เขาไม่ได้คิดจะทักท้วงอะไร

“เหรอครับ”

“คุณคิดว่าผมนิสัยไม่ดีบ้างไหม”

“ก็..ไม่นะ เท่าที่ผมรู้ คุณมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม” คุณชายหลี่บอกอย่างใจกว้าง

“นั่นแสดงว่าคุณยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผม”

“ผมอยากรู้จักคุณนะ เยว่ซิน” หลี่หยางเซิงตั้งใจเรียกชื่อที่เขาตั้งให้

“ก็รู้จักสิครับ ผมไม่เคยห้ามคุณไม่ใช่หรือ คุณชายหลี่” ฉันทัชยิ้ม รอยยิ้มที่แสดงออกมาเหมือนไม่ตั้งใจ แต่มันคือความตั้งใจ

“ครับ”

“แต่...ผมไม่ได้ให้เวลาสำหรับคุณคนเดียว เพราะฉะนั้น คุณต้องพยายามหน่อยล่ะ” คุณชายหลี่กลืนน้ำเมาลงคออย่างยากเย็น ราวกับว่าน้ำสุรานั้นกำลังบาดคอเขาในทุกจังหวะที่มันไหล่ผ่านลงไป คล้ายกับประโยคที่ฉันทัชเพิ่งพูดออกมา


ถ้าเขาเข้าใจความหมายของประโยคนั้นไม่ผิด ฉันทัชกำลังจะบอกว่า ในเมื่อชายหนุ่มเปิดโอกาสให้เขาได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นใช่หรือไม่

“ผมเริ่มรู้สึกว่าคุณร้ายกาจขึ้นมาบ้างแล้ว” หลี่หยางเซิงวางแก้วเปล่านั้นลงก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งเพิ่มพร้อมกับชายหนุ่มตรงหน้า

“ผมจะถือว่าคุณพัฒนาไปอีกขั้นนะครับ”

“รู้ไหม ผมอยากให้คุณเป็นสุนัขพันธุ์ไหนสักพันธุ์หนึ่ง แทนที่จะเป็นแมวร้ายกาจ”

ฉันทัชหัวเราะกับการเปรียบเทียบของชายหนุ่ม “ทำไมล่ะครับ”

“สุนัขน่ะ แค่มีคนดูแลให้อาหาร เอาใจใส่ มันก็รักและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของแล้ว แต่แมวน่ะไม่ใช่ ไม่ใช่เลย คนพวกนั้นคือทาสของแมวนั้นต่างหาก”

“ผมก็เคยได้ยินอย่างนั้นมาเหมือนกัน”

“มีคนเคยพูดกับคุณเหมือนผมหรือ” คุณชายหลี่ จิ๊ปากขัดใจเล็กน้อย เขาไม่ชอบให้ใครมาตัดหน้าเขาไปแบบนี้

“ไม่โมโหสิครับ” ฉันทัชยิ้มพลางวางมือลงหลังมือของหลี่หยางเซิงเพื่อเป็นการปลอบใจ “คุณอาจจะเดาผิดไปหน่อย ผมไม่ใช่แมวที่ร้ายกาจอะไรหรอกครับ ผมเป็นแมวขี้เกียจที่ชอบนอนทั้งวันมากกว่า”

“ผมไม่คิดว่าคนอย่างคุณจะนอนทั้งวันจริงๆ หรอก” หลี่หยางเซิงพลิกมือมากระชับมือของฉันทัชไว้ ฉันทัชมองการกระทำนั้นแต่ไม่ได้ดึงมือกลับ

“คนนั้นบอกผมว่า ผมไม่ค่อยจัดการอะไร ชอบปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไป จนบางทีสถานการณ์นั้นมันแย่จนยากที่จะแก้ไข” ฉันทัชบอกเสียงเศร้า

“อดีตคนรักของคุณหรือ” หลี่หยางเซิงกระซิบถามด้วยความเห็นใจฉันทัช

ฉันทัชส่ายหน้า “อินอิน ต่างหาก” สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าเมื่อสักครู่ กลายเป็นเสียงหัวเราะตอนเจ้าตัวเฉลย

“คุณอำผมเสียจนผมไปต่อไม่ถูกเลย”

“คุณเหมือนเด็กที่ถูกแกล้งมากๆ แล้วจะร้องไห้เลย”

“ผมโตแล้ว” หลี่หยางเซิงไม่พอใจที่ฉันทัชว่าเขาเหมือนเด็ก

“ผมอยากพิสูจน์ให้คุณรู้เสียทีว่าผมโตแล้ว ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป”

“พิสูจน์แบบไหนครับ” ฉันทัชดึงมือกลับ ก่อนจะใช้มือข้างนั้นตักอาหารขึ้นมาทานอย่างไม่รีบร้อน

“ไปที่ห้องผมคืนนี้สิ คุณจะได้รู้” คำตอบของคุณชายหลี่ทำให้ฉันทัชชะงักเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่นึกขำระคนเอ็นดูในตัวเด็กคนนี้


บอกแล้วไงว่า หลี่หยางเซิงคนนี้ ถึงจะรุกคืบ ไล่ต้อนฉันทัชแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยทำให้ฉันทัชรำคาญสักที

“อย่ามาหลอกชวนผมขึ้นห้องเสียให้ยากเลย”

“ไม่ติดกับแฮะ”

“กับดักตื้นๆ แบบนี้ ผมไม่เดินเข้าไปหรอก” ฉันทัชตอบ


กับดักน่ะ ใครๆ ก็มองออกทั้งนั้น แต่หลายคนมักเดินเข้าไปติดกับดักเอง เพราะอะไรกันล่ะ?ถ้าไม่ใช่เลือกปิดตาตัวเองแล้วใช้หัวใจนำทางมากกว่าสมองไม่ใช่หรือ


ค่ำคืนนั้น ฉันทัชรู้สึกเบิกบานและผ่อนคลายเหมือนอย่างเคยเมื่ออยู่กับหนุ่มน้อยคนนี้ เขานั่งยิ้มบ้าง หัวเราะบ้าง กับมุกตลกหรือเรื่องเล่าของคุณชายหลี่ที่เจ้าตัวสรรหามาเล่าให้เขาฟัง


สุดท้ายก่อนจากลา หลี่หยางเซิงยังอาสามาส่งฉันทัช แน่นอนว่าพวกเขาต่างพากันดื่มไปไม่น้อย ถึงจะไม่เมา แต่ก็มึนศีรษะอยู่พอสมควร ตอนที่เดินออกมาจากร้านจึงเห็นรถยนต์คันหนึ่งจอดนิ่งสนิทอยู่ นับว่าคุณชายหลี่ค่อนข้างรอบคอบอยู่บ้างที่ให้คนขับรถมารอรับ

“เอาล่ะ” หลี่หยางเซิงพูดเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

“ต่อจากนี้ ผมจะปรับปรุงตัวเองใหม่ จะต้องทำให้คุณยอมตกลงเป็นแฟนผมให้ได้”

ฉันทัชยิ้ม “ผมจะรอนะครับ”

“มีของขวัญหรืออะไรที่เป็นกำลังให้ผมหน่อยได้ไหม” เพราะบรรยากาศกับสติที่ถูกลดทอนทำให้หลี่หยางเซิงขออะไรแบบนั้นออกไป

“ยังไม่ทันเริ่มเลย ก็ขอรางวัลเสียแล้ว”

“ไม่ได้หรือ”

ฉันทัชยิ้ม ช้อนตาขึ้นมอง พลางกระซิบบอก

“ก้มหน้าลงมาสิ”



...



‘ผมฝากคุณพาปาลไปที่โกดังของบริษัทพรุ่งนี้ด้วย เรื่องค่าใช้จ่ายให้ทำเรื่องเบิกเหมือนเดิม’


นั่นคือข้อความจากก้องภพที่ฉันทัชมาเห็นตอนที่ถึงโรงแรมแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะหาคีย์การ์ดในกระเป๋าแต่เจอข้อความนี้เข้าเสียก่อน เกือบจะไม่เห็นแล้วไหมล่ะ


จากโรงแรมไปโกดังเก็บสินค้า กะระยะทางแล้วน่าจะใช้เวลาเดินทางประมาณสามสิบนาทีก็จะถึงที่หมาย ฉันทัชค่อยๆ เดินไปอย่างเชื่องช้าเพราะสมองของเขามันสั่งการไม่ค่อยเต็มประสิทธิภาพสักเท่าไหร่ เขายกมือกดออดหน้าประตูห้องพักของปาณัสม์ หวังว่าอีกฝ่ายคงจะยังไม่นอนไปเสียก่อนล่ะ


รออยู่สักพักใหญ่ ทว่าข้างในยังเงียบ ไร้วี่แววว่าอีกฝ่ายจะมาเปิดประตู ฉันทัชถอนหายใจ พรุ่งนี้มาปลุกอีกฝ่ายในตอนเช้าก็แล้วกัน เขาเตรียมจะหมุนตัวกลับไปห้องพักตัวเอง แต่จังหวะนั้นประตูที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของเขาก็ถูกเปิดออกจากข้างในเสียก่อน

“จันทร์?” ปาณัสม์เรียกชื่อฉันทัชด้วยความประหลาดใจ เขานึกว่าเป็นชัดเจนเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มเลยไม่ได้แต่งตัวให้เรียบร้อยเสียก่อนเปิดประตู

“อื้อ โทษที หลับแล้วงั้นเหรอ” ฉันทัชมองภาพตรงหน้าแล้วเลือกมองเลยไปด้านหลังอีกฝ่ายแทนที่จะมองคนตรงหน้า

“เปล่า เพิ่งอาบน้ำเสร็จน่ะ” ฉันทัชเห็นเสื้อคลุมสีขาวบนร่างกายอีกฝ่าย สาบเสื้อที่ควรจะทับซ้ายทับขวานั้นดูไม่ค่อยจะร่วมมือด้วยสักเท่าไหร่ เพราะมันค่อนข้างแทบจะไม่ปกปิดอะไรเลยบนตัวปาณัสม์

“มีอะไรหรือเปล่า จะเข้ามาก่อนไหม” ปาณัสม์ถามพลางเปิดประตูให้กว้างขึ้นกว่าเดิม

“ไม่..ไม่ล่ะ แค่จะมาบอกว่าพรุ่งนี้เจอกันที่ล็อบบี้ตอนเก้าโมงสิบห้านะ เทมส์จะพาไปที่โกดังเก็บสินค้า” ฉันทัชตอบเลี่ยงไม่มองคนตรงหน้า ตั้งใจว่าเมื่อบอกธุระเสร็จแล้วจะขอตัวกลับห้องทันที

“ได้ แล้วนี่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกหรือ” ปาณัสม์ถามรั้งฉันทัชไว้เพราะอีกฝ่ายยังใส่ชุดเหมือนช่วงเช้าไม่มีผิด

“อืม”

ปาณัสม์ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ฉันทัช “ดื่มมาด้วยล่ะสิ กลิ่นเหล้าหึ่งเลย”

“นิดหน่อย” ฉันทัชบอกพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ทำไมเขาจะต้องรู้สึกเหมือนกำลังถูกจับผิดอะไรแบบนี้ด้วย เขามีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ไม่ใช่หรือ

“แต่ตรงนี้คงไม่นิดหน่อยล่ะมั้ง บวมเชียว” น้ำเสียงแดกดันถูกส่งมาให้ฉันทัช

ฉันทัชรู้สึกถึงแรงกดจากนิ้วมือของปาณัสม์ที่กดลงมาแรงๆ ย้ำๆ บนริมฝีปากของเขา

“เจ็บ!!” ชายหนุ่มร้องบอกพลางปัดมือนั้นทิ้ง

“เข้ามานี่” ปาณัสม์กระชากแขนของฉันทัชเข้าไปในห้อง เสียงประตูปิดลงอย่างแรงแต่เจ้าของแรงมือนั้นก็ไม่ได้สนใจว่ามันจะทำให้คนที่พักมาในห้องต่างๆ ต้องตื่นขึ้นมาสวดสรรเสริญให้เขาด้วยหรือไม่

ช่างหัว ปาณัสม์ไม่สนใจใครหรอกเวลานี้

“ปล่อย!! จะทำอะไร” ฉันทัชสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของอดีตคนรักอย่างสุดแรง

“ไปไหนมา” ปาณัสม์ถาม ฟังดูก็รู้ว่าไม่ใช่น้ำเสียงที่กำลังบอกว่าเจ้าตัวอารมณ์ดีเลยแม้แต่น้อย

“เทมส์ไม่จำเป็นต้องตอบ” ฉันทัชจ้องเขม็งมองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ

“จูบกับใคร”

“จะจูบกับใคร มันก็เรื่องของเทมส์ไม่ใช่หรือไง” ฉันทัชยังคงย้อน เขามุ่งหน้าเดินไปที่ประตูตั้งใจจะออกจากห้องนี้ไป ตอนนี้เขาก็เริ่มโมโหขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

“นอนกับมันด้วยหรือเปล่า” ปาณัสม์จับข้อมือของฉันทัชไว้ได้ทันแล้วเอ่ยถามอีก ใจของเขามันกำลังจะระเบิดออกมาในไม่ช้านี้

“มันเรื่องของเทมส์”

“นอนกับมันหรือเปล่า” ปาณัสม์ถามซ้ำพยายามสะกดอารมณ์ของตัวเอง แต่เมื่อกลั้นอารมณ์ เลยส่งผลให้มือที่จับกำข้อมือของฉันทัชไว้นั้นออกแรงจับมากขึ้น

“จะถามให้ได้อะไรขึ้นมา”

“ปาลถาม จันทร์ก็ต้องตอบ ไม่ต้องมาโยกโย้” น้ำเสียงกดดันถูกแผ่ออกมา แต่มีหรือฉันทัชจะเชื่อฟัง

“ปล่อยแขนเทมส์เดี๋ยวนี้!!” เขาสะบัดมืออีกครั้งจนร่างของตัวเองเซถอยหลังมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่หลุดพ้นจากการเกาะกุม

“ฟังนะ เทมส์จะขอพูดอีกครั้ง และหวังว่าครั้งนี้มันจะเป็นครั้งสุดท้าย” มือของปาณัสม์ยังจับข้อมือเขาไว้แน่น

“อะไร”

“เทมส์ไม่จำเป็นต้องตอบปาล และปาลก็ไม่มีสิทธิ์มาถามเทมส์แบบนี้”

“ทำไม”


“เพราะเราเลิกกันแล้ว ปาลได้ยินชัดไหม”


ฉันทัชไม่รู้ว่าปาณัสม์ได้ยินชัดหรือไม่ แต่มือของอีกฝ่ายก็ปล่อยจากแขนของเขาอย่างง่ายดายและเมื่อเขาเลือกจะเดินกลับไปที่ประตูนั้นอีกครั้ง ก็ไม่มีการฉุดรั้งเขาไว้อีก


แปลว่าก็คงได้ยินนั่นแหละ



...


ปาณัสม์ทรุดนั่งลงบนที่นอน สองมือประสานกันแน่น ศอกวางอยู่บนเข่าทั้งสองข้าง เมื่อสักครู่นี้เขาทำอะไรกับอีกฝ่ายลงไป ถ้าหากไม่ได้คำพูดของฉันทัชเตือนสติ ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะทำอะไรโดยขาดความยั้งคิดอีกบ้าง การกระทำของเขามันบ้ามาก เขารู้ตัวดี มีสิทธิ์อะไรถึงไปทำท่าทางแบบนั้นใส่ฉันทัช


เฝ้านึกย้อนดูตัวเองว่าตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ทำไมเขาถึงไม่เคยโผล่หน้าไปให้ฉันทัชเห็นเลย ทำไมถึงทำตัวเหมือนว่าเขาได้หายออกไปชีวิตฉันทัชได้อย่างสนิทใจ ไม่เคยเข้าไปข้องเกี่ยวไม่ว่าฉันทัชจะทำอะไร ไม่ตามไปวอแวหรือไปสร้างความวุ่นวายให้อีกฝ่ายรำคาญใจใดๆ ดังที่ตั้งใจจะให้อิสระนั้นกับอีกฝ่ายจริงๆ


และเพราะเขารู้ตัวเองว่าตัวเองคงจะเป็นบ้าแน่ๆ หากยังได้ยินเรื่องของฉันทัชหรือว่าได้เห็นอดีตคนรักไปไหนมาไหนหรือกำลังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับใคร รู้ดีแก่ใจ เข้าใจเรื่องทั้งหมดว่าเขาคือคู่รักที่เลิกรากันไปแล้ว ระหว่างเรามันเป็นเพียง อดีต แต่เขาก็ไม่เคยระงับอาการหึงหวงบ้าๆ บอๆ แบบนี้ไปได้


ปาณัสม์ถามตัวเอง หนึ่งปีมันพอแล้วหรือยังที่เขาจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน เคยคิดว่าเขาคงทำใจปล่อยฉันทัชไปใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง อีกฝ่ายคงมีคนรักใหม่ มีคู่ที่ดีและรักกันตลอดไปอะไรเทือกนั้น แต่มาถึงบัดนี้เขาก็รู้ว่าเขาคงไม่สามารถทำตามอย่างที่ตั้งใจนั้นได้


จะบังคับให้อีกฝ่ายกลับมาอยู่ในกรงขังมันคงเป็นไปไม่ได้ การบังคับใจคนไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว คนที่ถูกขังก็จะตะเกียกตะกายดิ้นรนหาทางหนีรอดไปให้ได้อยู่ดี


แล้วถ้าหาก...อีกฝ่ายเต็มใจกลับเข้ามาอยู่ในกรงด้วยตัวเองล่ะ?


ปาณัสม์หลับตาลงพลางถอนหายใจ พยายามสลัดความคิดชั่วร้ายนั้นออกไป เขาสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ทำนิสัยแบบเดิมกับฉันทัชอีก หากความสัมพันธ์ระหว่างเขาและฉันทัชเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาต้องให้อิสระกับอีกฝ่าย ฉันทัชไว้ใจได้ในเรื่องการไม่นอกใจ ตราบใดที่ฉันทัชมีพันธะ เจ้าตัวไม่มีทางที่จะไปคบใครหรือให้ความหวังใครเด็ดขาด


สิ่งที่เขาต้องแก้ไขและจัดการคือความหึงหวงของตัวเองต่างหาก ในอดีตก่อนที่เขาจะคบกับฉันทัช เป็นเพราะเขาเจ้าชู้ จีบใครไปเรื่อย จริงจังบ้าง ไม่จริงจังบ้าง เขาเลือกใครก็ได้ อยากเปลี่ยนคนควงเมื่อไหร่ก็ทำได้ ง่ายเสียจนไม่ต้องเวลาจีบใคร กระทั่งฉันทัชคือคนที่ทำให้เขาคิดว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะง่ายกับเขาไปเสียหมด


ปาณัสม์ในเวลานั้นต้องหาวิธีตามจีบฉันทัชไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ มันลำบากด้วยสถานการณ์ที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวย เขามีเรียน ฉันทัชมีบิน เขาอยู่อีกฟากโลกคนละเวลา ฉันทัชอยู่เมืองไทย พยายามไม่รู้เท่าไหร่กว่าอีกฝ่ายจะยอมตกลง


จนกระทั่งฉันทัชให้เขาสัญญาด้วยเพียงคำสัญญาข้อเดียวคือการไม่นอกใจ ด้วยอาการรัก เขาตกลงรับปากทันทีโดยที่ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ยอมถอดเขี้ยวเล็บออกทั้งหมด


และเขาก็ทิ้งทุกอย่างไปง่ายๆ ด้วยคำว่า เบื่อ คำเดียว


สุดท้ายก็เข้าใจแล้วว่าไม่คุ้มที่จะเสียฉันทัชไปเลย


เขาอยากได้อีกฝ่ายกลับคืนมา แล้วฉันทัชล่ะ อยากได้เขากลับคืนไปบ้างไหม



========================================



จับแยกให้หมด!

เจอกันวันอังคารค่ะ



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
หงุดหงิดปาล!!!!!!!!ถึงเวลารึยัง!!!!!!!!!!!
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขนาดจันทร์มีเสน่ห์ยังได้เลิกเพราะเบื่อกัน ตอนนี้อยากได้คืนแล้วอีกสิบปีข้างหน้าจะเบื่ออีกไหม  :katai1:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :laugh: :laugh: เรื่องมันสนุกขึ้น เมื่อมีคู่แข่งที่เทมส์เองก็เล่นด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ให้น้องมีแฟนใหม่ก็ดีนะคะ 5555  :katai2-1:

ออฟไลน์ love-boy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กว่าจะรู้สึก มันช้าไปไหม
กับความรู้สึกที่เสียไปแล้ว
 :angry2: :angry2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ทำการเบิกเนตร

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ช้าไปป่ะมารู้สึกตัวเอาตอนนี้เนี่ย

ออฟไลน์ pim14

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
มองไม่ค่อยเห็นความรักของปาลเลย มีแต่บ่นเสียดายในใจ แต่เคยเสียใจบ้างมั้ยที่ทำลงไป อยากเห็นปาลหลุดพูดอะไรที่มันมีความหมายต่อจันทร์บ้าง ไม่ใช่เอาแต่ตึงๆ สะบัดสะบิ้งบางเวลาแบบนี้ ถ้าพระเอกมาแนวนี้ นายเอกก็ไม่รู้จะรีเทิร์นกลับมาทำไมเนอะ คนใหม่ก็แลดูแซ่บ เด็กกว่าเห็นๆ

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
รู้มั้ยปาล คำว่าเบื่อนะ มันเกิดขึ้นได้แล้วครั้งหนึ่ง
ต่อให้กลับมาคบกันอีก มันก็จะเกิดอาการเบื่อ
ขึ้นมาได้อีก ได้อีก และได้อีกนั่นละ
เลิกแล้วก็ให้จบๆ ไปเถอะ หาคนใหม่ซะ
และปล่อยให้จันทร์เค้าไปเจอคนอื่นๆ บ้าง
อาจจะดีกว่าเธอเป็นสิบเท่า
หรือเลวกว่าเป็นร้อยเท่าก็ตามแต่
นั่นมันชีวิตของจันทร์ ปล่อยๆ จันทร์ไป
ตามที่เธอคิดตัดสินใจแต่แรกเถอะ

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

ภาค 14 ถ่านไฟเก่า เอาน้ำมาราดเบาๆ ก็ดับ



เช้ารุ่งขึ้น ฉันทัชเดินมาที่ล็อบบี้ของโรงแรม เขาก็เจอชายหนุ่มสองคนยืนรออยู่ก่อนแล้ว ฉันทัชเอ่ยทักทายกับชัดเจนอย่างปกติ ตั้งใจไม่พูดกับอีกคน ไม่แม้แต่จะหันไปมองด้วยซ้ำ เขาพาทุกคนนั่งรถไปปลายทางของวันนี้ตามที่ก้องภพได้สั่งเอาไว้


เมื่อไปถึงฉันทัชก็พาปาณัสม์และชัดเจนไปพบก้องภพก่อนและเผื่อว่าหัวหน้าของเขาต้องการจะสั่งอะไรเพิ่ม

“เมื่อวาน คงไม่เหนื่อยไปใช่ไหมครับ ประธานหลี่ชอบเข้าสังคมน่ะครับ” ก้องภพบอกปาณัสม์


หลังจากมีการเซ็นสัญญาไป ประธานหลี่ก็ไม่ปล่อยให้ผู้ร่วมธุรกิจนั่นต้องกลับโรงแรมไปนอนเล่นอย่างไร้ค่า ประธานหลี่ลงทุนปิดห้องเหมาร้านที่ดีที่สุดของฮ่องกงไว้ถือเป็นการเลี้ยงต้อนรับปาณัสม์ไปพร้อมกัน ตอนที่ฉันทัชไปเคาะห้องของปาณัสม์ในตอนนั้นเองปาณัสม์ก็เพิ่งจะกลับมาถึงห้องพักได้ไม่นาน


ปาณัสม์หัวเราะ “ไม่เหนื่อยครับ ท่านประธานหลี่คุยสนุก ผมชอบท่านมาก” ปาณัสม์ตอบตามความรู้สึก เขาเข้าใจว่าธุรกิจมันก็ต้องมีแบบนี้ น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก แต่ต้องยอมรับว่าประธานหลี่คนนี้คุยสนุก เขาฟังเพลินมาก

“ดีแล้วครับ ในด้านธุรกิจท่านถือว่าเขี้ยวเล็บไม่เบาเลย แต่ข้อดีคือไม่ตุกติก สบายใจได้”

“ครับ”

“โกดังที่นี่...” ก้องภพมองไปรอบๆ ก่อนจะพูดต่อ “คุณคงจะทราบมาจากคุณปอนด์อยู่แล้วใช่ไหม มันเป็นเงินลงทุนระหว่างทางผมและคุณ”

“ครับ”

“คุณปอนด์เคยมาดูโกดังนี้แล้ว จริงๆ เขารู้จักที่นี่ดีพอๆ กับผม เพราะแปลนที่นี่ครึ่งหนึ่งก็เป็นความคิดของเขาด้วย ถ้าไม่ถูกใจ คุณคงต้องไปจัดการกับคุณปอนด์เขาเองนะ” ก้องภพบอกอย่างติดตลก

“พี่ก้องก็พูดเกินไปครับ” ปาณัสม์ยิ้ม เขารู้จักที่นี่จากรูปภาพแต่ยังไม่เคยมาเหยียบเลย นี่นับว่าเป็นการมาเยือนครั้งแรกของเขา

“จริงๆ ธุระของเราที่ฮ่องกงเรียบร้อยหมดแล้วล่ะ เหลือแค่รอสินค้าล็อตแรกที่จะถูกส่งมาที่นี่ แต่ผมเห็นว่าคุณยังไม่เคยเห็นโกดังของเรา ผมเลยตั้งใจให้คุณเทมส์พาคุณมาดูสถานที่ก่อน”

“ขอบคุณครับ”

“ขอโทษทีแต่ผมมีธุระที่ต้องจัดการต่อ” ก้องภพบอก “ยังไงผมขอฝากคุณไว้กับเทมส์ก็แล้วกันนะครับ เดี๋ยวจะมีพนักงานที่เชี่ยวชาญของที่นี่พาคุณไปดูภายในโกดังรวมไปถึงห้องต่างๆ เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษาหรอก เพราะเทมส์จะช่วยคุณเอง คงไม่ว่ากันนะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่มีปัญหา”

“โอเค งั้นเจอกันพรุ่งนี้ที่สนามบินเลยนะครับ” ก้องภพบอกแล้วเอ่ยขอตัวไปทำงานต่อที่บริษัทของตัวเอง

“ครับ” ปาณัสม์ตอบรับ


คล้อยหลังก้องภพออกไปไม่นานก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาแนะนำตัวและพูดคุยอยู่กับฉันทัชชั่วครู่ก่อนที่ฉันทัชจะอธิบายให้ปาณัสม์และชัดเจนฟังว่า คนนี้คือคนที่ก้องภพบอกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญและจะพาไปชมโกดัง เมื่อตกลงกันได้ว่าทุกคนพร้อมจะทัวร์โกดังแล้ว เจ้าหน้าที่จึงเดินนำลูกทัวร์ออกไป


ระหว่างทางที่ทัศนศึกษา เจ้าหน้าที่ก็แนะนำในแต่ละจุดของโกดัง ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่รอการส่งออก มีการแบ่งแยกการเก็บที่ชัดเจนระหว่างผลไม้ที่ถูกแปรรูปในผลิตภัณฑ์ต่างๆ กับส่วนที่เป็นผลไม้แช่แข็งที่ต้องอยู่ในที่ที่อุณหภูมิติดต่ำหรือติดลบเพื่อป้องกันการเน่าเสีย


ฉันทัชอธิบายข้อความจากเจ้าหน้าที่มาถ่ายทอดให้ปาณัสม์และชัดเจนพยายามไม่ให้ตกหล่น โดยใจความสำคัญหลักๆ เขายิ่งตั้งใจเป็นพิเศษ ถึงแม้จะทำการบ้านเตรียมตัวมาแล้วแต่เพราะศัพท์พวกนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่กับเขามากเหมือนกัน จนลืมความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจเรื่องเมื่อคืนไปเสียสนิท


“ห้องนี้ ขอเข้าไปดูหน่อยได้ไหม” ปาณัสม์หันมาบอกฉันทัชเพื่อส่งต่อข้อความไปให้เจ้าหน้าที่ฟัง

“เขาบอกว่าอย่าเข้าไปเลยเพราะห้องมันเย็นมาก แต่ถ้าคุณอยากดู แค่ชะโงกหน้าเข้าไปก็น่าจะได้” ฉันทัชพูด

“อย่างนั้นเหรอ”

“จะเข้าหรือไม่เข้าล่ะ” ฉันทัชถาม

“อยากเห็นนิดหน่อย ชะโงกหน้าเข้าไปดูก็ได้” ฉันทัชฟังแล้วบอกกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง


เจ้าหน้าที่พาปาณัสม์และอีกสองคนที่เหลือเข้าไปจนถึงหน้าประตูทางเข้าของห้องแช่แข็ง ปาณัสม์ชะโงกหน้าเข้าไปดูจริงๆ อย่างที่เจ้าตัวได้บอกไว้ แต่จังหวะที่เขาออกมา เมื่อความเย็นปะทะเข้ากับความร้อนฉับพลันทำให้แว่นของเขาเกิดฝ้า จนบดบังสายตาทั้งสองข้าง จึงเกิดอาการตามืดบอดมองไม่เห็นชั่วขณะ


เขาหมุนตัวเพื่อจะกลับออกมาแต่เพราะมองไม่เห็นจึงทำให้ศีรษะของเขาไปชนอะไรเข้าอย่างจัง ความเจ็บจี๊ดเกิดขึ้นบริเวณแถวหางคิ้วพอดี เขาได้ยินเสียงคนอุทานเสียงดังเรียกชื่อเขาพร้อมพูดอะไรแว่วๆ เข้าหูเขาว่า ‘เลือดออก’ ขาของปาณัสม์อ่อนยวบ ทันใดนั้นแขนของเขาทั้งสองข้างถูกใครจับไว้คนละข้าง เดาว่าคงจะเป็นชัดเจนและฉันทัช


ปาณัสม์ถูกพยุงกึ่งลากไปนั่งจุดที่ใกล้ที่สุดราวกับเป็นคนตาบอดที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เจ้าหน้าที่บอกด้วยความตื่นตระหนกว่ามีชุดปฐมพยาบาลอยู่ข้างในห้องพัก พร้อมกับขอโทษขอโพยปาณัสม์เสียยกใหญ่ที่ไม่ระวังจนทำให้ปาณัสม์เจ็บตัว แต่ปาณัสม์ไม่ได้โกรธหรือต่อว่าอะไร เพราะมันมาจากความซุ่มซ่ามและความไม่ระมัดระวังของเขาเอง


ฉันทัชตั้งใจจะไปหยิบชุดอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่เอง แต่มือของปาณัสม์ที่จับเขาไว้แน่นทำให้เขาไม่กล้าปล่อยมือ ฉันทัชอยากจะยิ้มและหัวเราะให้กับอาการคนตรงหน้า ตอนนี้ปาณัสม์หน้าซีดไปหมดแล้ว ฉันทัชเลยขอร้องให้ชัดเจนไปกับเจ้าหน้าที่คนนั้นให้หน่อย


เหลืออยู่เพียงสองคนที่นั่งข้างกันแต่ปาณัสม์ยังไม่ปล่อยมือ ฉันทัชเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะรู้ว่าปาณัสม์กำลังมีปัญหา ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวกลัวเลือดหรอกแต่เพราะตอนเด็กๆ ปาณัสม์เคยวิ่งซนหกล้มจนหัวแตก เย็บไปหลายเข็ม ความทรงจำในวัยเด็กคงหลอกหลอนเจ้าตัวว่าความเจ็บที่ตอนหมอเย็บแผลสดนั้นมันเจ็บปวดมากแค่ไหน ทีตอนโตแขนหักกลับไม่ยักกลัว


‘คงกลัวถูกเย็บแผลล่ะมั้ง’ ฉันทัชคิดอย่างนั้น


ตอนที่ปาณัสม์เกือบจะลื่นล้มในห้องน้ำคราวนั้นจนทำให้ทะเลาะกันเสียยกใหญ่ก็เช่นกัน เพราะความกลัวเกินกว่าปกติกว่าคนทั่วไปจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะโมโหฉันทัชมากขนาดนั้น ทั้งที่รู้ว่าปาณัสม์กลัว แต่ฉันทัชก็ยังไม่ระวังล้างพื้นห้องน้ำให้ดีจนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุ

“ถอดแว่นให้เทมส์ดูหน่อย จะได้เห็นแผลชัดๆ”

“จันทร์ถอดสิ ถอดให้ปาลที” ฉันทัชส่ายหน้า ตกลงว่าฉันทัชจะไม่ยอมขยับตัวทำอะไรเลยใช่ไหม

“ถ้างั้นก็ปล่อยมือเทมส์ก่อน”


เมื่อมือถูกปล่อยเป็นอิสระ ฉันทัชค่อยๆ ถอดแว่นของปาณัสม์ออกจากใบหน้าพร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่าง “แว่นเนี่ย ไม่ต้องใส่แล้วก็ได้มั้ง” เขาพับขาแว่นแล้วเสียบขาแว่นตรงรังดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองเอาไว้

“ไม่เป็นไร ชินแล้ว” เพราะว่านั่งใกล้ชิดกัน อีกฝ่ายจึงได้ยิน

“ไหนดูแผลหน่อย” ฉันทัชพูดเข้าเรื่องที่เป็นปัญหา เขายกมือเพื่อสำรวจแผลที่เหนือหางคิ้วด้านซ้ายของปาณัสม์ มันเป็นเส้นเล็กๆ มีเลือดซึมนิดหน่อย ไม่ถึงกับแตก

“ต้องเย็บหรือเปล่า” ปาณัสม์ถามคนที่กำลังดูแผลเสียงสั่น

“แผลไม่แตก ไม่ลึก แค่ฆ่าเชื้อทายาก็พอ ไม่ต้องเย็บ หายกลัวได้แล้ว” ฉันทัชบอกพลางอมยิ้ม

“ขอบคุณ” เจ้าของบาดแผลได้ฟังก็โล่งใจ คลายความหวาดกลัวลง

“ไม่เป็นไร”

“แล้วก็..ขอโทษ” ปาณัสม์เริ่มพูดออกมาบ้าง


ตอนที่ฉันทัชยกมือเพื่อตรวจดูแผลของเขา เสื้อแขนยาวของฉันทัชจึงเลิกขึ้นไปเหนือข้อมือ ทำให้เขาเห็นรอยอะไรบางอย่างรอบข้อมือของฉันทัช ดูอย่างไรก็รู้ว่าเป็นร่องรอยมาจากน้ำมือเขาเมื่อวานแน่นอน

“หืม?” ทีแรกฉันทัชยังไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มขอโทษอะไร จนกระทั่งปาณัสม์ลูบที่ข้อมือเขาเบาๆ นั่นแหละ

“ขอโทษเรื่องเมื่อคืน ปาลผิดเอง”

“แน่ล่ะ ปาลต้องผิดเต็มๆ อยู่แล้ว” ฉันทัชไม่มีการปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย

“เดี๋ยวปาลทายาให้นะ”

“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้ เทมส์ทำเองได้”

“โกรธปาลมากไหม เจ็บมากหรือเปล่า” ปาณัสม์ยังจับข้อมือของฉันทัชเอาไว้ ลูบเบาๆ หวังว่ามันจะทุเลาลงบ้างก็ดี

ฉันทัชเม้มปาก “โกรธสิ โกรธมากแล้วก็เจ็บมากด้วย บอกไว้เลยตอนนี้ก็ยังโกรธอยู่ คงไม่ต้องบอกซ้ำนะว่าทำไมถึงโกรธ” ฉันทัชพูดเสียงขรึมให้รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร

“รู้ครับ”

“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดเพราะ ยังไงเทมส์ก็ไม่หายโกรธ” ฉันทัชรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังง้อและขอโทษเขาเหมือนสมัยก่อน ถึงเขาจะขี้ใจอ่อน โกรธง่าย หายเร็วก็จริง แต่ครั้งนี้เขาโกรธมาก

“ไม่เป็นไร ปาลจะง้อไปเรื่อยๆ จนกว่าจันทร์จะหายโกรธเอง”


ฉันทัชมองใบหน้าของปาณัสม์ สบตากับอีกฝ่าย “อย่าทำเลย มันเปล่าประโยชน์ ปาลไม่ต้องสนใจหรอกว่าเทมส์จะหายโกรธหรือเปล่า ขอแค่อย่าทำแบบนั้นกับเทมส์อีกก็พอ แค่นี้ทำได้ไหม”


เขาค่อยๆ ดึงมือออกจากปาณัสม์ ในจังหวะที่ชัดเจนเดินกลับมาพอดี


ฉันทัชจึงลุกขึ้น “ฝากชัดทำแผลให้ปาลด้วยนะ หัวไม่แตกหรอก ทายาฆ่าเชื้อก็พอ เทมส์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน”


ก่อนที่คนพูดจะเดินออกไปจากบริเวณนั้นโดยไม่หันกลับมา ถูกแล้วว่าปาณัสม์ย่อมเข้าใจได้ดีว่าทำไมฉันทัชถึงเลือกเดินออกไปแบบนั้นเพราะคำพูดและการกระทำของเขาที่ทำให้ฉันทัชไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ชัดเจนที่เดินกลับเข้ามาทีหลังแต่ทันได้เห็นว่าภาพสุดท้ายนั้นคือการที่ฉันทัชดึงมือออกมาจากปาณัสม์


เกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้ในช่วงที่เขาไม่อยู่
         

หรือถ่านไฟเก่ากำลังจะคุ งั้นหรือ?







ฉันทัชกำลังเก็บข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงเสื้อผ้าต่างๆ จัดลงในกระเป๋าเดินทางเพื่อเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้เช้า หลังจากเหตุการณ์ที่โกดัง เขาก็บอกชัดเจนว่าเขาจะไปทำธุระให้ก้องภพต่อจึงขอแยกย้ายกันตรงนี้ ไม่ได้สนใจสองคนนั้นอีกเลยว่ากลับมาถึงโรงแรมหรือยัง ยิ่งคนเจ็บ ที่แผลเล็กเท่าปลายก้อยนั่น เขายิ่งไม่อยากจะเก็บมาสนใจ


เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจากมือถือ ฉันทัชเลยหยิบขึ้นมาดู


            David Lee : พรุ่งนี้จะกลับแล้วหรือครับ

            CHAN_P : ใช่ครับ

            David Lee :ยังไม่อยากให้กลับเลย

            CHAN_P :งานเสร็จแล้วก็ต้องกลับครับ

            David Lee :คิดถึงคุณนี่ครับ เจอหน้ากันวันเดียวเอง

            CHAN_P :ได้รางวัลไปแล้วยังไม่พอหรือ

            ฉันทัชอมยิ้มกับอาการอ้อนของเด็กปลายทาง

            David Lee :พอที่ไหนกันล่ะ ผมอยากได้รางวัลมากกว่านี้ คุณก็รู้

            CHAN_P :ต้องพยายามหน่อยนะครับ

            David Lee :สุดสัปดาห์นี้ผมบินไปหาคุณดีกว่า

            CHAN_P :ผมไม่พาเที่ยวหรอกนะ

            David Lee :อ้าว ทำใจร้ายกับผมล่ะครับ

            CHAN_P :เด็กเอาแต่ใจ ต้องโดนดัดนิสัย

            David Lee :ผมเปล่าสักหน่อย ก็แค่อยากเจอคุณ อยากอยู่กับคุณ

            CHAN_P :ปากหวานเหลือเกิน

            David Lee :ผมไปหานะ?


ฉันทัชกำลังจะพิมพ์ตอบกลับไปแต่ต้องชะงักเสียก่อนเมื่อได้ยินเสียงออดภายในห้องพักดังขึ้น ฉันทัชประหลาดใจว่าใครมาหาเขาตอนสามทุ่ม หรืออาจจะเป็นพนักงานของโรงแรม เขาเปิดประตูโดยลืมมองผ่านตาแมวเพื่อตรวจดูว่าเป็นใครเสียก่อน


กว่าจะรู้ตัวว่าไม่รอบคอบก็สายไปแล้ว


“มีธุระอะไร” ฉันทัชถามเสียงห้วนใส่คนที่มาเยือนยามวิกาล

“แว่น...อยู่ที่จันทร์ใช่หรือเปล่า”

“แว่น?” ฉันทัชไม่เข้าใจว่าแว่นอะไร ก่อนจะนึกออกว่าตอนนั้นเขาเอาแว่นของปาณัสม์เสียบไว้ที่รังดุมเสื้อของตัวเอง

“อ้อ.. โทษที เดี๋ยวไปหยิบมาให้” ฉันทัชเปิดประตูค้างไว้แบบนั้น ไม่ได้เชื้อเชิญอีกฝ่ายให้เข้ามา เขาหมุนตัวไปหยิบอะไรภายในห้อง


ฉันทัชหันกลับมาอีกทีก็เจอเจ้าของแว่นในชุดเสื้อยืดคอกลมสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นสีเทายืนยิ้มให้เขาอยู่กลางห้อง มองไปที่ประตูหน้าห้องก็ถูกปิดลงอย่างเรียบร้อยเสียด้วย

“เข้ามาทำไม” ฉันทัชถามออกไปด้วยความไม่พอใจ

“ทายาหรือยัง” ปาณัสม์ไม่สนใจจะตอบแต่กลับเลือกถามเรื่องอื่นแทน ฉันทัชขัดใจตัวเองที่เขาดันเข้าใจว่าปาณัสม์หมายถึงเรื่องอะไร

“นี่แว่น รับไปสิ” ฉันทัชยื่นไปให้คนตรงหน้า “ออกไปได้แล้ว”

“อืม ขอบใจ...ทายาก่อนนะ” ปาณัสม์ล้วงหลอดยาออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“เดี๋ยวทาเอง” ฉันทัชแบมือรับหลอดยานั้น “ออกไปได้แล้ว” พร้อมกับคำพูดเดิม

“รู้ครับ ให้ปาลทาให้นะ”

“ปาณัสม์!” ฉันทัชเรียกชื่ออีกฝ่ายเต็มยศ เขาไม่อยากจะอารมณ์เสียกับคนพูดไม่รู้เรื่อง

“นะ” แล้วดูอีกฝ่ายรับรู้ไหม มองเขาอย่างคนที่รู้สึกผิด ตั้งใจให้เขาเห็นใจกันชัดๆ


รู้ทั้งรู้ว่าเนี่ยแหละเป็นกับดักของอีกฝ่าย ท่าทางแบบนี้ คำพูดแบบนี้ มีหรือเขาจะดูไม่ออกว่าปาณัสม์ตั้งใจจะขอโทษและง้องอนเรื่องเมื่อวาน

“ก็ได้ เสร็จแล้วจะไปออกไปใช่ไหม” ฉันทัชถอนหายใจ ไร้ประโยชน์ที่จะพูด

“ครับ”


ฉันทัชเดินกลับไปนั่งลงบนเตียง ยื่นมือข้างที่มีรอยช้ำนิดหน่อยไปให้ ปาณัสม์นั่งลงข้างๆ เช่นกัน เขาค่อยๆ หมุนฝาออกแล้วทายาให้ข้อมือนั้นด้วยความเบามือ คลึงเบาๆ หวังให้ทุเลาอาการเจ็บปวด ฉันทัชตามใจปล่อยให้อีกฝ่ายนวดข้อมือให้อยู่แบบนั้นด้วยความสบาย


ช่วงที่ยังอยู่ด้วยกัน เวลาที่เขาต้องพิมพ์งานบนโน้ตบุ๊กเพื่อแปลงาน จะมีปัญหาเรื่องปวดข้อมืออยู่เป็นประจำ ก็ได้หมอนวดมือทองค่าตัวแพงคนนี้ คอยนวดตอนกลางคืนให้ ปาณัสม์นวดดีแค่ไหน ทำไมเขาจะไม่รู้ จนกระทั่งอีกฝ่ายขอให้เขารับงานน้อยลง ไม่ใช่ว่าขี้เกียจมานวดให้ แต่เพราะไม่อยากให้ฉันทัชต้องปวดมือบ่อยๆ เพราะมันไม่ใช่แค่ปวดมือเท่านั้น มันยังมีอาการล้าทั้งสายตา หลัง และต้นคอพ่วงเพิ่มขึ้นไปอีก


“สบายไหม”


“อืม สบาย” ฉันทัชตอบทั้งที่ยังหลับตา เขารู้สึกดี พลางยื่นมืออีกข้างไปให้ด้วย “ขอนอนนะ ปวดหลังอะ” ฉันทัชพูดพลางทิ้งตัวลงนอน แต่ขายังเหยียบอยู่บนพื้นพรมในห้อง ได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายไล่หลังมา แต่ทว่าฉันทัชก็ไม่ได้สนใจ

“ทำอะไรมา ปวดหลัง”

“ก้มๆ เงยๆ เช็กพวกเอกสารนั่นนี่ให้คุณก้อง”

“แก่แล้วสินะ”

“ถ้าจะบอกเทมส์แก่ ปาลก็แก่เหมือนกันนั่นแหละ” ไม่มีทางที่เขาจะยอมแก่ไปคนเดียว ยังไงก็อายุเท่ากัน


ชายหนุ่มไม่เห็นว่าปาณัสม์ทำหน้าอย่างไร แต่มืออีกข้างก็ถูกนวดไปด้วยเช่นกัน ฉันทัชส่งเสียงงึมงำในลำคอบ่งบอกว่าพึงพอใจ ต่อเมื่อปาณัสม์คงกดแรงมือหนักไปหน่อย ฉันทัชจึงขมวดคิ้วพลางพูดขึ้นทั้งที่ยังหลับตา


“ข้างนั้นเบาหน่อย จันทร์เจ็บ” จะเป็นเพราะความผ่อนคลายหรือด้วยอะไรที่มาดลใจก็ตาม ฉันทัชจึงลืมตัวเรียกแทนตัวเองเสียอย่างนั้น


หัวใจของปาณัสม์เต้นอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินเสียงอดีตคนรักเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อที่เขาตั้งให้

“จันทร์” ปาณัสม์กระซิบเรียกอีกฝ่าย

“หืม? ว่าไง” ฉันทัชตอบเอื่อยๆ เหมือนว่ายังไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป


เมื่อไม่ได้ยินเสียงของปาณัสม์ คนที่นอนอยู่จึงลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อดูเหตุการณ์ แต่เขาก็ต้องตกใจจนตาเบิกกว้างทั้งสองข้างเพราะตอนนี้ใบหน้าของปาณัสม์อยู่ใกล้มาก ฉันทัชขยับตัวถอยหนี แต่ถูกแขนของปาณัสม์คร่อมเอาไว้ ทำให้เขาขยับไปไหนไม่ได้


ต่างฝ่ายต่างสบตากันนิ่ง ในอกของฉันทัชเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ตั้งแต่เลิกกับปาณัสม์ไป ถ้าเขาไม่เดินเข้าหาเองก็ไม่เคยมีใครเข้าใกล้ตัวเขาได้มากขนาดนี้ และทำไมคนที่เข้าถึงตัวเขายังเป็นปาณัสม์อยู่ดีล่ะ


มือของปาณัสม์จับคางของฉันทัชไว้ นิ้วมือนิ้วหนึ่งสัมผัสแผ่วเบาอยู่บนริมฝีปาก ไม่รู้ว่าเจ้าของมือนั้นคิดอะไรอยู่ถึงทำแบบนี้ ฉันทัชดูปาณัสม์ไม่ออกสักเท่าไหร่เพราะไม่เห็นสายตาของปาณัสม์ ตอนนี้สายตาของปาณัสม์จับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากของฉันทัช ทว่าฉันทัชดูท่าทางแล้ว ถ้าหากเขาไม่ทำอะไรสักอย่างแล้วยอมปล่อยให้สถานการณ์กระอักกระอ่วนดำเนินต่อไปแบบนี้ คงจะไม่ดีแน่


ใบหน้าของปาณัสม์ก้มลงเข้ามาใกล้ฉันทัชอีกนิด ฉันทัชคิดว่าเขาต้องลุกออกไปจากตรงนี้เสียที จังหวะนั้นอะไรบางอย่างก็ร่วงหล่นลงมากระทบปากของเขา ฉันทัชจับสิ่งนั้นไว้ขึ้นมาดูให้มองเห็นได้อย่างถนัด


มันคือสร้อยเงินที่สวมอยู่บนคอของปาณัสม์แต่สิ่งที่กระทบปากเขาไม่ใช่สร้อยแต่กลับเป็นแหวนเงินวงหนึ่งต่างหาก


แหวน?


เขาใส่แหวนวงนี้มาเกือบสิบปี ทำไมจะจำไม่ได้ว่า แหวนวงนี้คือวงที่เขาคืนอีกฝ่ายไปแล้วในวันที่เดินออกมาจากชีวิตปาณัสม์ แล้วทำไมปาณัสม์ถึงเอามันมาร้อยลงในสายสร้อยล่ะ


แหวนของฉันทัชที่ปาณัสม์ซื้อให้เขา ตัวเรือนทำมาจากทองคำขาวและมีเพชรห้าเม็ดฝังตามความยาวอยู่ในตัวแหวน ส่วนแหวนของปาณัสม์จะมีลักษณะคล้ายกันแต่ตัวเพชรจะฝังตามแนวขวางของแหวนหรือมีเพชรอยู่ในนั้นประมาณสามเม็ด และแหวนสองวงนี้เป็นวงที่ฉันทัชเลือกเองกับมือ


“เมื่อไหร่ จะมาเอาคืนไป” ปาณัสม์กระซิบ อีกนิดริมฝีปากก็จะชนกันอยู่แล้ว



ติ๊ง!



ฉันทัชสะดุ้ง รีบขยับถอยหนีแล้วหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ปาณัสม์เองก็ตกใจเช่นกัน ฉันทัชเหลือบมองเสียงเตือนจากโทรศัพท์พร้อมกับข้อความจากคนที่เขาคุยค้างไว้


ฉันทัชอยากจะเคาะหัวตัวเอง ให้ตายสิ เขาลืมคุณชายหลี่ไปเสียสนิทเลย


               David Lee : Please. I wanna see you baby.


ร้อยวันพันปีก็คุยด้วยภาษาแม่ของอีกฝ่าย แต่ทำไมวันนี้แจ็กพอตใช่ไหมถึงอยากจะส่งข้อความเป็นภาษาอังกฤษ ฉันทัชคิดระหว่างมองข้อความแจ้งเตือนกรอบสีเขียวแสดงเด่นหราอยู่บนหน้าจอ และถ้าจะบอกว่าปาณัสม์อ่านไม่ออกหรือมองไม่เห็นก็คงจะไม่ใช่


ปาณัสม์ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่าย “จันทร์คงมีธุระ นี่ยา อย่าลืมทาด้วยล่ะ” ปาณัสม์วางหลอดยาวางไว้บนที่นอนก่อนจะลุกออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ


ฉันทัชเหมือนน้ำท่วมปาก อยากจะบอกว่าไม่ใช่อย่างนั้นต่างหาก แต่ทำไมเขาจะต้องแก้ตัวให้ตัวเองด้วย


เดาว่าปาณัสม์คงไม่พอใจพอสมควร แต่นั่นมันเป็นเรื่องของปาณัสม์ ไม่ใช่เรื่องของเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอบคุณคุณชายหลี่ล่ะนะ ถ้าไม่ได้อีกฝ่ายไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้


ช่างเถอะ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว



========================================

ขอถังน้ำหน่อยค่ะ

ขอโทษด้วยนะคะ หากมันจะเอื่อยๆ หน่อย มันต้องกระดึ๊บๆ ไปอะค่ะ ><

เจอกันวันศุกร์ค่ะ


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ก่อนเลิกก็คือละเลยกันไปมากจริงๆนั่นแหละ
เบื่อจนไม่คุยจนกลายเป็นแบบนี้ ฮือออออ
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด