ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019  (อ่าน 70685 ครั้ง)

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
อีตาเด็กที่จูบจันทร์ตอนอยู่ที่ฮ่องกงหายไปไหน
ทำไมไม่ตามสานต่อ นี่ก็ผ่านมา 1 ปีละ
เด็กคงโตขึ้นมาบ้างแล้วมั้ง..
หรือน้องกลัวเรื่องศีลธรรมไม่กล้าจีบหลัวชาวบ้าน  :hao6:
แต่เรายังอยากให้จันทร์กินเด็กอยู่นะเออ 5555555

 :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

ภาค 10 Freedom of my mind. Really? - Part I



            นาฬิกาบนผนังกำลังดำเนินต่อเนื่องไปอย่างไม่สิ้นสุด จวบจนสี่ทุ่มก้องภพก็ยังไม่มารับบุตรชายที่นอนหลับไปแล้วพร้อมกับเพื่อนร่วมอายุ ฉันทัชมองนาฬิกาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่เอ่ยอะไร

            “เอาไง โทรไปถามเขาดีไหม ถ้าดึกนักก็ให้ลูกเขานอนนี่แหละ ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย” ถูกต้องอย่างอินทัชพูด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กชายจะมานอนค้างบ้านของสองแฝดพี่น้องคู่นี้

            “เอาไงดี” ฉันทัชครุ่นคิด ปกติก้องภพค่อนข้างดำเนินชีวิตแบบมีแผน ถ้าจะไม่มาหรืออย่างไร เขาจะแจ้งให้ฉันทัชรับทราบเสมอ

            “อาไทน์” เด็กชายเดินลงบันไดมา มือน้อยขยี้ตาด้วยความงัวเงีย

            “ครับลูก ลงมาทำไม ไม่นอนต่อล่ะ ไม่ง่วงหรือครับ” หญิงสาวว่าพลางเดินขึ้นบันไดไปหาหลานชาย

            “พ่อยังไม่มารับกายอีกเหรอ”

            “ยังไม่มาเลยครับ” อินทัชลูบศีรษะเด็กชายพลางหันมาสบตากับแฝดคนพี่ด้วยสีหน้าลำบากใจ

            “พ่อลืมกายอีกแล้วมั้ง” น้องกายพูดเรื่อยๆ แต่กระนั้นคนฟังก็รู้อยู่ดีว่าเด็กชายกำลังน้อยใจเหมือนช่วงเย็นที่พ่อไม่ได้มารับตนเองที่โรงเรียน

            “คุณพ่องานเยอะ ไม่เอาน่า เดี๋ยวถ้าคุณพ่อมา อาจะให้ขึ้นไปรับน้องกายที่ห้องเลยดีไหม”

            “ไม่เป็นไรครับ พ่อจะมากี่โมงก็ไม่รู้” เด็กชายพูดแต่ดวงตาจะปิดอยู่รำไร

            “ไปนอนกันนะ”

            “นอนกับอาไทน์นะ...แล้วยัยเปียอะ ทำไงดี” ถึงจะง่วง แต่ก็ยังไม่วายอดห่วงเด็กหญิงอีกคน

            “เดี๋ยวอาเทมส์นอนกับน้องปัณณ์ที่ห้องเองครับ” ฉันทัชพูดขึ้นบ้าง “หรือว่าน้องกายอยากจะนอนห้องเดียวกับน้องปัณณ์”

            “ไม่เอา กายจะนอนกับอาไทน์” พูดจบพลางกอดเอวของอินทัชเอาไว้แน่น

            “งั้นปะ ไปนอนกันดีกว่าเนอะ” อินทัชพูดจบก็จูงมือเด็กชายขึ้นบ้านไปห้องนอนตนเอง


            ฉันทัชมองตามน้องสาวและลูกชายของเจ้านายขึ้นบันไดไปด้วยกัน พลางนึกสงสัยว่า ถ้านึกถึงเหตุการณ์ที่เด็กชายกวินทร์จะได้เจอกับอินทัชนั้นน้อยเต็มที ยังไงก็ตามต้องน้อยกว่าที่เด็กชายเจอกับเขาแน่นอนเพราะบางครั้งก้องภพก็วานให้เขาไปรับลูกชายกลับมาที่บริษัทบ้างล่ะ บางทีก้องภพก็พาเด็กชายมาที่บริษัทเองบ้างล่ะ อย่างไรเขาน่าจะเจอกับเด็กชายมากกว่าอินทัช


            แต่ทำไม น้องกายถึงดูติดอาไทน์พอสมควร แม้กระทั่งยามนอนยังเรียกหาอาไทน์ ที่เจอหน้ากันนับครั้งได้ หรือแท้จริงแล้วสองคนนี้จะเจอกันมากกว่าที่เขารู้


            ฉันทัชอยากจะกุมขมับ แต่ก็จำต้องกดโทรศัพท์หาเจ้านาย


            “นอนนะครับ อาไทน์นอนเป็นเพื่อนนะคนเก่ง” อินทัชกล่อมเด็กน้อยพลางเกาหลังอย่างเบามือตามความเคยชิน ด้านเด็กชายเองก็นอนตะแคงโอบเอวอินทัชเอาไว้แน่น


            เด็กที่ขาดแม่คงจะโหยหาความอบอุ่นอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้หญิงไม่สมบูรณ์ก็เถอะ แต่น้องกายก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในตัวเขาขนาดนั้นนี่นา ซ้ำคนที่เป็นพ่อก็งานยุ่งเกินจะคณนา ผิดสัญญากับเด็กกี่ครั้งกี่คราวกันแล้ว อินทัชไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เขาไม่ชอบการให้ความหวังลมๆ แล้งๆ


            คนที่รอมันเจ็บปวด


            ร่วมครึ่งชั่วโมงเด็กชายจึงหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ อินทัชจึงเบาใจได้ว่าคืนนี้น้องกายคงหลับสนิทแน่นอน สายตาก็พลันเห็นแสงวาบจากหน้าจอโทรศัพท์ที่มีคนโทรเข้ามา อินทัชจูบหน้าผากเด็กชายก่อนจะค่อยๆ แกะมือเล็กออกจากเอว เพื่อหลบไปคุยโทรศัพท์นอกระเบียง เกรงว่าคนที่เพิ่งหลับไปจะตื่นขึ้นมาอีกรอบ


            “จะมารับน้องกายกี่โมง...” อินทัชรับสาย ไร้คำเกริ่นนำ มีแต่คำถามด้วยความที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

            “น้องกายล่ะ”

            “หลับแล้ว” เจ้าตัวยังคงตอบห้วนสั้น

            “ผมเลิกประชุมเสร็จก็เคลียร์งานต่อยาวเลย”

            “จะมารับลูกเมื่อไหร่” อินทัชตัดบทเพราะไม่อยากฟังคำแก้ตัวใดๆ

            “โกรธผมหรือ” ปลายสายถามเสียงเรียบ

            “คิดว่าไง”

            “ก็คงโกรธ”

            “ฉันไม่ได้โกรธเพราะตัวฉัน แต่โกรธแทนหลาน คุณสัญญากับเด็กแล้วผิดสัญญาแบบนี้ได้ยังไง”

            “ผมไม่ได้ตั้งใจ คุณก็รู้ว่างานผมมันก็เป็นแบบนี้นะไทน์”

            “ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ควรให้ความหวัง เด็กคนนั้นมันลูกคุณนะ คุณก้องภพ”

            “ผมขอโทษ” คำขอโทษออกมาจากปากของนักธุรกิจอย่างง่ายดายจนอินทัชถอนหายใจ

            “เอาเถอะ จริงๆ มันเป็นเรื่องของครอบครัวคุณ ฉันเองก็คนนอก คราวหน้าอย่าสัญญาพร่ำเพรื่ออีกก็แล้วกัน อ้อ..คนที่ควรไปขอโทษน่ะลูกคุณ ไม่ใช่ฉัน”

            “ไว้ผมจะขอโทษลูกเอง”

            “ตกลงจะมารับน้องกายเมื่อไหร่” อินทัชถามซ้ำ

            “พรุ่งนี้เช้า คืนนี้ ดึกแล้ว”

            “อืม มาแต่เช้าด้วย”

            “ครับ งั้นผมวางนะ”

            “นี่คุณ เดี๋ยว!อย่าเพิ่งวาง” อินทัชท้วงไว้ทันก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสายไปก่อน

            “ครับ?”

            “ยังอยู่ที่บริษัทหรือ”

            “ใช่ แต่กำลังจะกลับแล้ว”

            “ขับรถดีๆ ด้วย”

            “เป็นห่วงหรือ?” อินทัชได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสายก่อนที่มันจะถูกตัดไป


            ทางด้านฉันทัชหลังจากโทรศัพท์หาเจ้านายเสร็จเขาก็เดินขึ้นไปหาน้องปัณณ์เช่นกัน เห็นเด็กหญิงนอนผ้าห่มร่วงลงมาถึงปลายขา เจ้าตัวก็ยิ้มอย่างเอ็นดู สงสัยตอนที่น้องกายตื่นจะรีบลุกออกไปโดยไม่ได้สนใจเพื่อนหางเปียคนนี้เลยแม้แต่น้อย


            ฉันทัชเอนตัวนอนบนที่นอนแทนที่ของเด็กชายกวินทร์แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เด็กหญิงจนถึงอกอย่างเรียบร้อย หอมแก้มหลานสาวอีกสักฟอดให้ชื่นใจก่อนจะจูบกระหม่อมบางนั้นด้วยความรักที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กหญิงเริ่มเดินเตาะแตะจนวิ่งเล่นเรียกอาจันทร์ขา อาจันทร์ขาให้ใจอ่อนอยู่ร่ำไป


            เด็กหญิงศราลักษณ์ ชื่อคล้ายคุณพ่อแต่ใบหน้ากลับคล้ายมาทางคุณอาอย่างปาณัสม์จนแทบจะโขลกออกมาพิมพ์เดียวกัน หากเดินไปข้างนอกด้วยกัน ใครที่พบเห็นไม่แคล้วก็จะคิดว่าเป็นพ่อลูกกันแน่ๆ จนศรารัณอดน้อยใจไม่ได้ที่ถูกทักทุกครั้งว่าลูกหน้าไม่เหมือนพ่อเลย มีลูกสาวคนแรกอยากจะอวดใครต่อใคร แต่ลูกสาวกลับไม่ค่อยเหมือนตัวเองเสียนี่ น่าเศร้ายิ่งนัก


            ชายหนุ่มลูบเส้นผมหนาอย่างเบามือนั้นด้วยความอ่อนโยน หวนให้คิดถึงอีกคนที่มีเส้นผมดกดำไม่ต่างจากหลานสาว เพราะเขาก็ชอบเล่นผมปาณัสม์มากเหมือนกัน


            เจอหน้ากันครั้งนี้ยอมรับว่าตกใจ แต่ที่ตกใจมากกว่าคงเป็นที่อีกฝ่ายพาเลขาสาวมาด้วยต่างหาก เท่าที่เขารู้มา ไม่เคยมีสักครั้งที่ปาณัสม์จะพาเลขาอย่างเกศสิรี รวมถึงเลขาคนก่อนๆ มาคุยงานข้างนอก เพราะภาคสนามนั้นเป็นของชัดเจนมาแต่ไหนแต่ไร


            ฉันทัชจ้องมองใบหน้าหลานสาวแต่ไม่ได้นึกถึงน้องปัณณ์เลยแม้แต่น้อย หรือว่าแท้ที่จริงแล้วปาณัสม์กำลังคบกับเกศสิรีอยู่?


            ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาควรจะทำอย่างไร ฉันทัชพยายามสลัดความคิดนั้นออกจากหัว เขาไม่ควรมาคิดว่าจะต้องทำอย่างไร


เขาควรอยู่เฉยๆ ดีที่สุด


            ฉันทัชเลือกแล้ว ปาณัสม์ก็เลือกแล้ว ทุกอย่างก็ปล่อยให้เป็นอดีตไป


            ...


            “คุณปาลถึงแล้วหรือครับ” ชัดเจนที่ได้รับโทรศัพท์จากปาณัสม์รีบถามลูกพี่ทันที

            “ใช่ กำลังจอดรถ”

            “ขึ้นมาชั้นหกได้เลยครับ”

            “ขอบใจ จะขึ้นไปเดี๋ยวนี้” ปาณัสม์ตอบพลางดับเครื่องยนต์ให้เรียบร้อยก่อนจะรีบขึ้นไปยังชั้นที่ชัดเจนบอก


            วันนี้เขามีคุยงานกับก้องภพอย่างกะทันหันเพราะศรารัณ ผู้เป็นพี่ชายไม่สามารถปลีกตัวมาจากลูกชายคนเล็กอย่างเด็กชายอิศราออกมาได้ ถึงจะมีชลพิกา ภรรยาสาวคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง แต่เวลานี้ ศรารัณย่อมต้องเป็นกำลังใจให้ภรรยาของตนเองด้วย


            ไม่ใช่สิ เยียวยาและคอยให้กำลังใจกันและกันต่างหาก


            ปาณัสม์ให้ชัดเจนอยู่ที่โรงพยาบาลกับพี่ชายและพี่สะใภ้ เพราะหากมีอะไรเร่งด่วน ชัดเจนดูจะเป็นคนที่มีสติมากที่สุดในเวลานั้นที่จะช่วยเหลือสองคนได้ ทำให้วันนี้เขาจึงต้องพาเกศสิรีไปคุยงานด้วยกันข้างนอก ส่วนคุณย่าของหลานชายหรือคุณหญิงกิ่งกานต์ มารดาของเขาเอง ปาณัสม์ขอร้องให้มารดาอยู่ที่บ้านคอยฟังข่าว เขาไม่อยากให้ผู้สูงอายุต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งเฝ้าหลานจนไม่สบายไปอีกคน


            ถ้าจะมีคนป่วยก็ขอแค่มีคนเจ็บป่วยเพียงแค่คนเดียวก็เกินพอแล้ว


            “ชัด พี่ปอนด์ล่ะ” ปาณัสม์รีบถามตอนที่เดินเข้ามาแล้วเห็นชัดเจนนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องพักห้องหนึ่ง

            “คุณปอนด์เพิ่งออกไปเมื่อสักครู่นี้เองครับ อาจจะไปติดต่อเรื่องค่าใช้จ่าย” ชัดเจนลุกขึ้นยืนตอบคำถาม

            “งั้นหรือ แต่ยังไม่น่าได้ออกโรงพยาบาลวันนี้นะ” ปาณัสม์คิด

            “มาแล้วหรือปาล เรื่องงานเป็นไงบ้าง” ศรารัณที่เดินมาจากทางด้านหลังของปาณัสม์เอ่ยทัก

            “เรื่องงานราบรื่นดีครับ พี่ปอนด์คุยกับคุณก้องไว้เกือบหมดแล้วนี่ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

            “อืม คุณก้องเขาค่อนข้างจะแฟร์กับทางเรามาก เหมือนเราพึ่งพาเขาเลย เอ่อ..พี่ขอโทษด้วย พี่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแกไปที่นั่นคงเจอกับเทมส์” พี่ชายบอกรู้สึกผิด มัวแต่กังวลเรื่องลูกชายจนลืมทุกสิ่งรอบข้างไปหมด

            “ไม่เป็นไรครับ”

            “เจอกันแล้วใช่ไหม”

            “ครับ”

            “โอเคนะ” ศรารัณถามอย่างเป็นห่วง หนึ่งปีที่ผ่านไป ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องชายและอดีตคนรักของน้องบ้าง

            “โอเคสิพี่ ผมไม่เป็นไร แล้วน้องปุณณ์เป็นไงบ้าง” ปาณัสม์เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง

            “ดีขึ้นแล้ว หวังว่ารอบนี้จะดีขึ้นแล้วจริงๆ” ศรารัณเฝ้าภาวนา เขาเพิ่งพาลูกชายกลับไปอยู่บ้านได้สองวัน เด็กชายก็ไข้ขึ้นสูงอีกครั้งจนรีบแจ้นมาโรงพยาบาลอีกรอบตั้งแต่เมื่อคืน คอยเฝ้าระวังอาการในตัวลูกชาย จนเขากับภรรยานั้นยังไม่ได้นอนกันเลยจนกระทั่งถึงตอนนี้

            “คืนนี้ผมนอนเฝ้าให้เองครับ พี่กับพี่เกดแล้วก็ชัดกลับไปพักที่บ้านเถอะ” ปาณัสม์บอก สีหน้าพี่ชายดูอ่อนล้าและอิดโรยเกินไปที่จะเฝ้าบุตรชายคืนนี้

            “พี่เป็นห่วงลูก”

            “ผมรู้ว่าพี่เป็นห่วง แต่ถ้าพี่ล้มไปแล้วพี่เกดล่ะ น้องปัณณ์ล่ะ แม่อีกล่ะ แบบนี้ผมไม่โอเคนะครับ” ปาณัสม์อธิบายให้คนเป็นพี่เข้าใจ

            “ถ้าปาลมาเฝ้าน้องปุณณ์แล้วใครจะอยู่กับน้องปัณณ์ล่ะ” ศรารัณพูดเสร็จแล้วจึงนึกได้ “เอ๊ะ น้องปัณณ์ล่ะ? เลิกเรียนแล้วไม่ใช่หรือ แกลืมไปรับหลานหรือเปล่า”

            “ผมให้จันทร์ไปรับน้องปัณณ์แทนครับ คืนนี้หลานจะนอนที่บ้านนั้น พี่ปอนด์หายห่วงแล้วนะครับ” ปาณัสม์บอกพี่ชายให้สบายใจ โดยลืมตัวไปเสียสนิทว่ายังเรียกชื่อเล่นของฉันทัชเหมือนสมัยที่ยังคบกัน

            “อืม แบบนั้นพี่ก็เบาใจ อยู่กับเทมส์ก่อนก็ดีเหมือนกัน”

            “ถ้าสบายใจก็เตรียมกลับบ้านไปพักได้แล้วครับ”

            “กลับไปพักเถอะครับ คุณปอนด์” ชัดเจนออกความเห็นบ้าง

            “ก็ได้ งั้นเข้าไปกล่อมเกดด้วยกันก่อน” ศรารัณเอ่ยชวนน้องชายเพราะรู้ว่าชลพิกาห่วงลูกชายไม่น้อยไปกว่าเขาเลย

  "แล้วเมื่อกี้พี่ไปไหนมา” ปาณัสม์ถามเพราะแท้จริงพี่ชายควรจะอยู่ในห้องเสียมากกว่า

            “ถ้าไม่ทัก พี่คงลืมไปแล้ว พี่ไปที่เคาท์เตอร์พยาบาลมา จะให้เขาถามคุณหมอว่าน้องปุณณ์จะต้องนอนอีกกี่วัน พี่จะได้เตรียมตัวรับมือถูก” ศรารัณยิ้มที่ดูอ่อนล้าให้น้องชาย “ตะกี้พี่ก็ดันลืมถามคุณหมอตอนที่เขามาตรวจลูก”

            “ถ้างั้นพี่ลองไปดูอีกทีก็แล้วกัน ผมเข้าไปในห้องหลานก่อน” ศรารัณพยักหน้าว่ารับรู้ก่อนจะเลี่ยงเดินไปเส้นทางเดิมอีกครั้ง

            “ผมไปเตรียมรถมารอข้างหน้าเลยนะครับ” ชัดเจนถาม

            “ก็ดี ขับรถระวังๆ นะชัด” ปาณัสม์เป็นฝ่ายตอบแทน

            “ครับ” ชัดเจนรับคำอย่างขมีขมันและเอ่ยลากลับ

            “ว่าไงพี่เกด เป็นไงบ้าง ไหวไหม” ปาณัสม์ทักร่างพี่สะใภ้ที่ฟุบอยู่กับขอบเตียงของบุตรชาย

            “ไม่ไหวก็ต้องไหวอะปาล” ชลพิกาเงยหน้ามายิ้มให้ด้วยความอ่อนเพลีย

            “ยกตำแหน่งสาวอึดแห่งปีให้เลย ตะกี้ผมเจอพี่ปอนด์แล้วนะ คุยกับพี่ปอนด์แล้วด้วย”

            “คุยเรื่องอะไรหรือคะ”

            “เรื่องที่ต้องมีคนกลับไปพัก”

            “ไม่เอาอะน้องปาล” ไม่ต้องขยายความเพิ่ม หญิงสาวก็เข้าใจความหมายเป็นอย่างดี ทำให้ชลพิกาลืมตัวเรียกน้องนำหน้าชื่อตามความเคยชินปาก “เฝ้าไข้คนป่วย ยิ่งเป็นเด็กที่ป่วยด้วย มันยิ่งเหนื่อยเป็นสองเท่ารู้ไหม” ชลพิกาบอกด้วยความเข้าใจเป็นอย่างดี

            “ผมเฝ้าไข้หลานคนเดียวยังพอไหว แต่ถ้าต้องให้ผมไปเฝ้าไข้พี่เกดหรือพี่ปอนด์ด้วย ผมไม่ไหวหรอกครับ”ปาณัสม์ยิ้มให้พี่สะใภ้ด้วยความอ่อนโยน

            “อีกอย่างพูดเหมือนผมไม่เคยนอนเฝ้าไข้หลานอย่างนั้นน่ะ”

            “ตอนเฝ้าไข้น้องปัณณ์น่ะ น้องปัณณ์เริ่มโตแล้วนะปาล พูดได้แล้วด้วย อยากได้อะไรก็บอกอาจันทร์ อาปาล”ชลพิกาพูดลืมระวังคำที่เอ่ยชื่อใครออกมา

            “พี่ขอโทษพี่ไม่ได้ตั้งใจ”

            “ไม่เป็นไรครับ ทำไมวันนี้ใครๆ ก็เอาแต่ขอโทษผมเรื่องจันทร์” ปาณัสม์ยิ้มอ่อนก่อนจะพูดต่อ “ผมโอเคนะพี่ ผมโอเคจริงๆ”

            ชลพิกามองอีกฝ่ายนิ่งแต่ไม่ยอมพูดอะไร ในเมื่อเจ้าตัวบอกว่าโอเค ย่อมแปลว่าโอเคแล้วตามที่ปาณัสม์ต้องการ แต่ไม่รู้ว่าปากนั้นตรงกับใจหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง

            “ให้ปาลเฝ้าหลานเถอะ เกด” ศรารัณเข้ามาในยินบทสนทนากันสักพักแล้วแต่เขาไม่ได้ขัดขึ้นมาจนกระทั่งเกิดความเงียบในห้องนั่นแหละ ศรารัณจึงเลือกเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นเอง

            “แต่เกด..” ชลพิกาดูยังไม่ค่อยวางใจ ไม่ใช่เธอไม่ไว้ใจปาณัสม์ แต่เธอไม่อยากให้คนอื่นต้องมาลำบากไปด้วย อีกทั้งเธอแค่เป็นห่วงลูกชาย

            “ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกน่า ถึงมันจะดูแลตัวเองไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่มันดูแลลูกเราได้อยู่แล้ว” ศรารัณเดินเข้ามากระชับไหล่ภรรยาให้คลายกังวล

            “ก็ได้ค่ะ”

            “เดี๋ยวให้ชัดไปส่งนะครับ ผมให้ชัดขับรถมารอข้างหน้าแล้ว พอไปถึงบ้านก็พักผ่อนกันด้วยล่ะ”

            “แล้วปาลจะเอาไรจากที่บ้านหรือเปล่า” พี่สะใภ้ยังอดห่วงตามประสาผู้หญิง

            “ไม่ต้องครับ นี่ไงผมเอาด้วยแล้ว” ปาณัสม์ชี้กระเป๋าสำหรับค้างคืนใบย่อมที่วางอยู่ข้างตัว


            ชลพิกากับศรารัณเริ่มพูดถึงอาการของบุตรชายและบอกปาณัสม์ว่าหลักๆ ที่เขาจะอยู่ดูแลหลานนั้นต้องทำอะไรบ้าง ต้องเตรียมตัวอย่างไรอีกบ้าง ปาณัสม์พยักหน้าว่าเข้าใจก่อนจะไล่พี่ชายและพี่สะใภ้ให้กลับไปเสียที ชักช้าไปกว่านี้จะเสียเวลาการพักผ่อนเพิ่มขึ้นไปอีก ก่อนออกจากห้องไป ชลพิกายังกำชับอีกครั้งว่าพรุ่งนี้จะรีบมาเปลี่ยนให้ปาณัสม์แต่เช้า


            คล้อยหลังสองสามีภรรยาออกไป ปาณัสม์รีบไปอาบน้ำทันทีเป็นอันดับแรก เขาไม่กล้าถูกเนื้อต้องตัวหลานชาย เพราะผู้ใหญ่นั้นผจญเชื้อโรคมาจากข้างนอกมากมาย เขาไม่มีทางเสี่ยงเพิ่มโรคให้หลานอย่างเด็ดขาด ภายหลังอาบน้ำเสร็จ ปาณัสม์เดินเข้ามาใกล้เตียง ก้มลงฟังเสียงหายใจของเด็กน้อยด้วยความเป็นห่วง


            สายตาของปาณัสม์ยามที่มองเด็กชายนั้นเต็มไปด้วยความปวดร้าวด้วยความสงสารเด็กน้อย สายระโยงระยางเต็มไปหมด มือนุ่มนิ่มบอบบางคงจะเจ็บไม่น้อยที่ต้องถูกเจาะ ขนาดเขาไม่ได้เป็นพ่อแม่ให้กำเนิดเด็กชายอิศรา เขายังรู้สึกทุกข์ร้อนไปกับอาการเจ็บป่วยของหลานชาย แล้วหัวอกคนเป็นพ่อแม่ล่ะจะทุกข์ใจแค่ไหน


            ดังนั้นตอนที่ฉันทัชถามถึงอาการของเด็กชายอิศรานั้น ปาณัสม์จึงเลือกตอบว่าเด็กน้อยดีขึ้นแล้วเพื่อไม่ให้ฉันทัชต้องเป็นห่วง ทำไมเขาจะเดาไม่ได้ว่าอดีตคนรักนั้นรักเด็กมากแค่ไหน หวนคิดถึงครั้งแรกที่ต้องมาเฝ้าน้องปัณณ์ พี่สาวของน้องปุณณ์แล้ว ปาณัสม์จำได้ว่าเขาร้อนใจกับความเจ็บป่วยของหลานสาว แต่ก็นึกขันฉันทัชอยู่ไม่น้อย



          “ปาล อย่าเพิ่งมาถูกตัวหลาน ไปล้างมือก่อน” ฉันทัชสั่งห้ามตอนที่ปาณัสม์เอื้อมมือจะจับศีรษะเด็กหญิงศรา-ลักษณ์

            “ล้างมาแล้ว นี่ไง” ปาณัสม์ชูมือที่ยังดูเปียกชื้นตามมือทั้งสองข้าง

            “ล้างดีหรือเปล่า แล้วทำไมไม่เช็ดให้แห้ง”

            “ล้างดีแล้ว”

            “ไม่เชื่อ มากับจันทร์ก่อน เดี๋ยวจันทร์ล้างให้ใหม่” ฉันทัชดึงมือของปาณัสม์กลับไปที่อ่างล้างมืออีกครั้ง

            “ล้างแบบนี้สิ เห็นไหม เขาติดวิธีการล้างมือที่ถูกต้องอยู่ตรงนี้” ฉันทัชชี้ไปยังแผ่นป้ายที่เขียนบอกไว้ ปาณัสม์อมยิ้มกับความเจ้ากี้เจ้าการและติดจะบ่นเล็กน้อยตามวิสัยของเจ้าตัว

            ฉันทัชจับมือของปาณัสม์ล้างตามวิธีที่บอกไว้ทุกขั้นตอน และเมื่อเห็นปาณัสม์เงียบไม่พูดอะไร ฉันทัชจึงเงยหน้าขึ้นมอง “ยิ้มอะไร” เห็นคนตัวสูงกว่ายืนยิ้มให้เขา

           “เปล่า”

           “ก็เห็นว่ายิ้ม ขำจันทร์งั้นหรือ” ฉันทัชทำตาเขียวก่อนจะถูมือของปาณัสม์ให้แรงขึ้นตามอารมณ์

           “เปล่า เปล่าจริงๆ ครับ สาบานเลย แค่คิดอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

           “คิดอะไรอะ” ฉันทัชถามขณะเริ่มล้างน้ำเปล่า

           “แค่คิดว่าไม่มีวิธีอย่างอื่นบ้างเหรอ”

           “วิธีล้างมือเหรอ?คงมีมั้ง จันทร์ไม่รู้อะ เดี๋ยวไว้เสิร์ชในเน็ตดูก็ได้นะ” ฉันทัชดึงกระดาษมาเช็ดมือให้อีกฝ่ายอย่างตั้งใจ ก่อนจะเงยหน้าบอกเรื่องการหาวิธีล้างมือเพิ่ม

           ปาณัสม์ส่ายหน้าแต่ใบหน้ายังยิ้มอยู่ “ไม่ใช่ วิธีล้างมือ”

           “อ้าว แล้ววิธีอะไร” ฉันทัชทำหน้างง

           “ก็..วิธีรักจันทร์น่ะ มีอีกไหม”

          ฉันทัชพูดไม่ออก ซ้ำยังไม่กล้าสบตากับคนพูดอีก บ้าจริง มาพูดอะไรเวลานี้ หลานยังนอนไม่สบายอยู่ด้านนอก แท้ๆ

          “เขินเหรอ” ปาณัสม์เย้า “แต่ปาลพูดจริงๆ นะ ปาลอยากมีวิธีรักจันทร์เยอะๆ จันทร์จะได้ไม่เบื่อปาลไง”

          “ไม่มีทาง จันทร์ไม่มีวันเบื่อปาลหรอก”




          ปาณัสม์เงยหน้ามองดวงไฟที่อยู่บนห้อง ดึงแว่นออกจากใบหน้ามาถือไว้ข้างหนึ่ง เขาหลับตาลง ทั้งที่เป็นตัวเขาเองที่พูดแบบนั้นเองแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าเขากลับทำตัวแบบนั้นใส่ฉันทัชในช่วงปีหลังที่อยู่ด้วยกัน


          ยิ่งภาพช่วงบ่ายที่เห็นก้องภพเดินเข้ามาพร้อมกับมือที่เตะเอวของอดีตคนรักนั้น เขาต้องปั้นหน้าฝืนยิ้มเท่าไหร่ที่จะไม่โวยวายออกไป


          ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน เขาก็ยังแก้นิสัย ‘หึงหวง’ นี้ไม่ได้เลย


          ไอ้ปาล ไอ้บ้าเอ๊ย




========================================

สวัสดีตุลาคมค่ะ
** สงสัยจะได้ลง จ พ ศ เสียแล้วล่ะมั้ง (ถ้าสามารถค่ะ)

HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ก็ยังยืนยัน อยากให้จันทร์เริ่มต้นชีวิตใหม่
กับใครสักคนอยู่ดี...
ฉันไม่สงสารแกหรอกอีตาปาล  :hao4: :hao4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ในเมื่อรู้ทำไมไม่แก้ไขล่ะ สมควรถูกทิ้งแล้วเราว่า

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ลงบ่อยๆเลย เฮ้อ หน่วงมากๆ

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
คบคนใหม่ไม่รอแล้วน้าาาา  :katai2-1:

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :เฮ้อ: ้้ ปาลรู้ตัวช้าจัง

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
รักจะหวนคืนไหมนะ

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

ภาค 10 Freedom of my mind. Really? - Part END



ก้องภพมารับบุตรชายไปตั้งแต่เช้าตามสัญญาที่บอกไว้กับฉันทัชเมื่อคืน เด็กชายกวินทร์หน้างอเล็กน้อยเพราะพ่อดันมารับผิดจังหวะที่เจ้าตัวกำลังเล่นกับยัยหางเปียอยู่อย่างสนุกสนาน แต่เมื่อคนเป็นพ่อบอกต้องกลับบ้านแล้ว เด็กชายก็ไม่อิดออดยอมกลับไปพร้อมกับพ่อแต่โดยดี


“เหงาล่ะสิ ไม่มีเพื่อนเล่น"อินทัชแกล้งถามเด็กหญิงที่กำลังพลิกสมุดภาพไปมาในมืออย่างเบื่อๆ

“ใครจะอยากเล่นกับเด็กนิสัยไม่ดีแบบนั้น” น้องปัณณ์ปากแข็ง บอกอย่างไม่ยี่หระ

“อ้าว งั้นที่อาเห็นคือฝืนใจมาตลอดเลยเหรอ” หญิงสาวยังแกล้งเย้าหลานต่อด้วยความสนุก ฉันทัชขึงตาใส่น้องสาว ทว่ามีหรือที่คนอย่างอินทัชจะสนใจ

“ก็เล่นแก้ขัดไปอย่างนั้นเองค่ะ อาจันทร์ทำกับข้าว อาไทน์ก็หนีไปอาบน้ำนี่นา หนูอยู่คนเดียวก็เลยต้องเล่นเป็นเพื่อนเขา” เด็กหญิงตอบพลางทำเสียงเลียนแบบผู้ใหญ่ ดูท่าทางคงจะไปได้ยินจากโทรทัศน์หรือจากที่บ้านมาล่ะมั้ง

“ถ้าน้องกายได้ยินคงเสียใจน่าดูว่าเพื่อนไม่อยากเล่นกับตนเอง เฮ้อ ไปบอกให้รู้ตัวดีไหมน้า” อินทัชแสร้งถอนหายใจ ประหนึ่งว่าเป็นห่วงเด็กชายที่เพิ่งกลับบ้านไปเสียเต็มประดา

“อาไทน์อย่าบอกกายนะคะ” น้องปัณณ์รีบวางสมุดลงบนโซฟาแล้วจับแขนอินทัชไว้ด้วยสองมือเล็กนั้นด้วยท่าทีที่ร้อนรนไม่สบายใจ

“ทำไมล่ะคะ”

“เล่นกับกายก็สนุกดีค่ะ อย่างน้อยกายก็ไม่ชอบเล่นอะไรแรงๆ เหมือนเพื่อนผู้ชายที่โรงเรียนหนู” เด็กหญิงเริ่มสารภาพ

“หืม? อย่างนั้นเหรอ”

“ค่ะ หนูเคยถามกายว่าอยากเล่นหุ่นยนต์อะไรแบบนี้ไหม หนูเล่นเป็นเพื่อนให้ได้นะ”

“แล้วกายตอบหนูว่าไงคะ”

“กายบอกไม่เป็นไรค่ะ เขาบอกว่าเล่นที่โรงเรียนเบื่อแล้ว” อินทัชอมยิ้ม ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเลย คนพ่อเป็นอย่างไรดูท่าทางแล้วคนลูกจะถอดนิสัยออกมาแบบเดียวกัน

“ดีจังเลยน้า ถ้าคราวหน้าอาไทน์ไปรับน้องกายมาอีก น้องปัณณ์จะเล่นกับน้องกายไหมคะ”

“เล่นสิคะ” เด็กหญิงตอบจากใจโดยไม่รู้ตัวว่าสุดท้ายตัวเองนั้นกลับถูกล่อลวงให้ตอบจากผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์มากกว่า

“แล้ววันนี้ไทน์ไม่มีงานเหรอ” ฉันทัชถามขึ้นตอนที่วางจานฝรั่งให้หลานสาว อินทัชเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมากินชิ้นหนึ่ง มีเด็กอยู่ในบ้านก็ดีไปอีกแบบเพราะฉันทัชช่างเอาใจหลาน พลอยเป็นลาภปากของอินทัชไปด้วย

“นี่ของน้องปัณณ์ ถ้าไทน์จะกินก็ไปหยิบในตู้เย็นนู่น เทมส์ทำแช่ไว้ให้แล้ว”

“ทำหวงไปได้ ถ้าหมดเดี๋ยวไทน์ไปหยิบมาเติมให้น่า”

“ตกลงว่าวันนี้มีงานหรือเปล่า”

“มีช่วงบ่ายอะ ไทน์บอกให้รถตู้มารับแล้ว เทมส์เอารถไปใช้นะเผื่อว่าจะพาน้องปัณณ์ไปเที่ยวที่ไหน”

“อืม ขอบใจนะ”

“เรื่องเล็กน้อย พาหลานมาอยู่ด้วยจะให้ลำบากได้ไง นี่เจ๊ใหญ่นะ” อินทัชชี้มือเข้าหาตัวเอง ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าแม่สายเปย์ จนฉันทัชและเด็กหญิงศราลักษณ์พากันหัวเราะไม่หยุด

“อาไทน์ไม่ไปเที่ยวกับหนูเหรอคะ” น้องปัณณ์ถามย้ำ

“อาไทน์มีงาน ไปไม่ได้”คนสวยพูดเสร็จทำท่าขยี้ตาคล้ายกับจะร้องไห้

“ทำไมถึงมีงานล่ะคะ วันนี้เป็นวันเสาร์แท้ๆ ปกติคุณพ่อ ก็หยุดงาน อาจันทร์ก็หยุดงาน ไม่นึกว่าอาไทน์กับอาปาลจะทำงานไม่หยุดอยู่สองคน” เด็กหญิงพูดเจื้อยแจ้วไม่ได้สนใจว่าชื่อของคนสุดท้ายจะไปกระทบใครหรือเปล่า

“งานของอาไทน์ไม่แน่นอนค่ะ คนสวยก็แบบนี้ล่ะน้า ใครๆ ก็อยากได้อาไทน์ไปทำงานด้วย” หญิงสาวทำท่าสะบัดผมเล็กน้อยเพื่อประกอบคำพูด

“อาไทน์ตลกอะ” น้องปัณณ์หัวเราะคิกคักจนตาหยีอีกรอบ เสร็จแล้วจึงหยิบสมุดภาพมาดูต่อ

“เอ้อ นี่เทมส์”

“ว่าไง”

“ลืมถามไปเลย แล้วน้องปัณณ์จะนอนค้างที่บ้านเรากี่วัน”

“นั่นสิ เทมส์ก็ลืมไปเลย เดี๋ยวโทรไปถามพี่ปอนด์แล้วกัน”

“อาปาลบอกให้หนูมาค้างกับอาจันทร์สองวันค่ะ” ไม่คาดคิดว่าคำตอบจะมาจากเด็กน้อยที่กำลังกัดฝรั่งเข้าปากด้วยความอร่อย

“ว่าไงนะ เจ้าตัวเล็ก” อินทัชเป็นฝ่ายถามแทนพี่ชาย

“อาปาลบอกหนูตั้งแต่เมื่อวานว่าอาจันทร์จะมารับหนูไปค้างที่บ้านสองวัน” เด็กหญิงพูดอีกครั้ง ฉันทัชทำหน้านิ่งเก็บอาการ แต่หัวสมองกำลังคิด


หมายความว่าที่ฉันทัชเจอกับปาณัสม์เมื่อวานนี้ อีกฝ่ายรู้ตัวว่าจะเจอเขาแน่นอน และการที่เอ่ยปากให้เขาไปรับน้องปัณณ์มานั้น ก็ถูกเตรียมการมาอย่างดีแล้ว


จะไปเที่ยวเนี่ย ต้องวางแผนขนาดนี้เลยเชียวหรือ


“แล้วอาปาลไปไหนล่ะคะ ไปเที่ยวกับอาจักรเหรอ” อินทัชรู้ว่าพี่ชายกำลังคิดอะไรอยู่แน่ๆ หญิงสาวจึงตะล่อมถามหลานสาวเผื่อว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น

“เปล่าค่ะ” เด็กหญิงส่ายหน้าจนหางเปียสะบัดไปมา “อาปาลบอกจะไปนอนเฝ้าน้องปุณณ์ที่โรงพยาบาลแทนพ่อปอนด์กับแม่เกดค่ะ”

‘ไหนปาลบอกว่าหลานดีขึ้นแล้ว’ฉันทัชคิด


“น้องปุณณ์ดีขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ” คราวนี้ฉันทัชถามบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเด็กหญิงจะรู้เรื่องอะไรมากไปกว่านี้

“ไม่รู้ค่ะ” อย่างที่ฉันทัชคิด เพราะคงไม่มีผู้ใหญ่อยากมาเล่าอาการเจ็บป่วยให้เด็กฟังสักเท่าไหร่หรอก “แต่ตอนที่อาปาลรับโทรศัพท์พ่อปอนด์นะ อาปาลทำหน้านิ้ง นิ่ง จนหนูกลัวเลยล่ะค่ะ” เด็กหญิงทำเสียงสูงให้สมจริง

“อาปาลคงคิดอะไรอยู่มั้งลูก” ฉันทัชลูบศีรษะหลานสาวเพื่อปลอบขวัญ“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยววันนี้อาจันทร์พาน้องปัณณ์ไปเอาเสื้อผ้าที่คอนโดก่อนละกัน” ทีแรกเขาคิดว่าค้างคืนเดียว ทว่าไม่ใช่ ดังนั้นเสื้อผ้าของเด็กหญิงจึงไม่พอที่จะใส่สำหรับสองวัน เพราะเพิ่งขนกลับไปบ้านของเด็กหญิงเมื่อครั้งก่อนล็อตใหญ่

“ดีค่ะ หนูจะได้ไปเอาของเล่นเพิ่มด้วย...ได้ไหมคะ อาจันทร์ขา” เรียกอาจันทร์เสียงหวานแบบนี้ ฉันทัชก็รู้ละว่าเด็กหญิงกำลังอ้อน

“ทำเสียงแบบนี้ อาจันทร์จะไม่ให้ได้ไง”

“อาจันทร์น่ารักที่สุดเลย” เด็กหญิงศราลักษณ์กอดหมับเข้าที่เอวของอาจันทร์ที่รักไว้แน่น

“อาไทน์ขึ้นไปแต่งตัวก่อนนะคะ” อินทัชจูบกระหม่อมของหลานสาว ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป เจ้าตัวหันมาพูดกับพี่ชายเสียงเบาด้วยเกรงว่าหลานสาวจะได้ยิน“น้องปุณณ์ไม่เป็นอะไรหรอก อย่าห่วงเลย”

“อืม เทมส์ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน”


....


ติ๊ด!!


เสียงเปิดประตูคอนโดดังขึ้น ห้องที่ฉันทัชย้ายออกไปเมื่อหนึ่งปีก่อน ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขามาคอยควบคุมพนักงานขนย้ายของ ฉันทัชก็ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย เมื่อประตูเปิดออกสองอาหลานพากันเข้าไปด้านใน ฉันทัชมองไปรอบๆ ห้อง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ห้องค่อนข้างสะอาดทีเดียว คาดว่าคงมีแม่บ้านมาคอยทำความสะอาดให้เป็นประจำ

“เสียงอะไรน่ะ” ฉันทัชได้ยินเสียงเพลงดังขึ้นมาจากมุมไหนของห้องสักแห่ง แต่จับไม่ได้ว่ามาจากห้องไหน

ขนลุกชูชัน มีใครอยู่ที่ห้องนี้นอกจากเขากับน้องปัณณ์ด้วยหรือ

“อ๋อ เสียงเพลงในห้องนอนค่ะ อาปาลบอกว่าเครื่องเล่นมันชอบเล่นเอง สงสัยจะเสีย แต่อาปาลไม่มีเวลาเลยไม่ได้เอาไปซ่อมสักที”

“งั้นเหรอคะ” ฉันทัชได้ยินอย่างนั้นก็เบาใจ

“อาจันทร์เข้าไปปิดให้หนูหน่อยนะคะ เครื่องนี้มันเล่นอยู่เพลงเดียวค่ะ หนูฟังจนจะร้องได้แล้ว ตอนนี้หนูไม่ไหว หนูปวดฉี่ ทนไม่ไหวแล้ว” เด็กหญิงพูดรัวเร็ว พอพูดจบก็วิ่งปรูดหายเข้าไปในห้องน้ำด้านนอกทันที ท่าทางเจ้าตัวจะทนกลั้นมาตลอดทาง ทิ้งให้อาคนนี้ยิ้มเอ็นดูด้วยความหลงหลาน

ฉันทัชเปิดประตูห้องเข้าไปยังห้องที่คุ้นเคย ชายหนุ่มสัมผัสกลิ่นของเจ้าของห้องได้ดี ปาณัสม์ไม่เคยเปลี่ยนน้ำหอม ไม่เคยเปลี่ยนกลิ่นสบู่อาบน้ำถ้าฉันทัชไม่เปลี่ยนให้


‘เหมือนดังบทเพลง ที่ไม่มีใครได้ยิน
ผมตะโกนกรีดร้องแต่เธอกลับไม่ได้อยู่ที่นี่
ทุกอย่างที่ผมอยากทำคือบอกว่า ผมรักเธอ
ทุกอย่างที่ผมอยากทำคือบอกว่า ผมเป็นห่วง’

 

เขาเดินเหมือนละเมอ เข้าไปใกล้เสียงเพลงที่กำลังดัง
 

‘คำสัญญาของผมมันไร้ประโยชน์
รู้สึกเหมือนมันไม่มีค่า
ทั้งตอนนี้และเวลานี้ ช่างว่างเปล่าเหลือเกิน
 
ผมจะสามารถ...’

 

“อาจันทร์เห็นปุ่มปิดหรือเปล่าคะ” ฉันทัชไม่มีโอกาสฟังต่อจนจบเพราะเด็กหญิงศราลักษณ์โผล่หน้าเข้ามาถามเสียก่อน

“อาเพิ่งเห็น อยู่ตรงนี้นี่เอง” ฉันทัชรีบกดปุ่มปิดสวิตช์เครื่องเล่นนั้นอย่างรวดเร็ว

“ตอนแรกนะ หนูกลัวมาก นึกว่าผีหลอก อาปาลหัวเราะหนูยิ่งใหญ่มากเลย” เด็กหญิงฟ้องพลางทำปากยื่น

“อาปาลหัวเราะเด็กน่ารักคนนี้ได้ยังเนี่ย” ฉันทัชกลั้นยิ้มอยากจะหัวเราะเช่นกัน

“ไม่ต้องเลย อาจันทร์ก็จะหัวเราะหนูอีกคนใช่ไหม” เด็กหญิงเตรียมงอน

“โอ๋ๆ เปล่าสักหน่อย อาจันทร์เห็นน้องปัณณ์น่ารักต่างหาก”

“ไม่เชื่ออาจันทร์หรอก ตั้งใจจะหัวเราะหนูแน่ๆ” เด็กหญิงยังไม่คล้อยตามแต่สายตาของเธอกลับเห็นแผ่นอะไรเข้าเสียก่อน“อาจันทร์ กระดาษอะไรร่วงอะคะ” น้องปัณณ์ชี้ไปยังกระดาษโพสต์อิทแผ่นหนึ่งที่ร่วงหล่นลงมาบนหมอนสีขาว


หมอนของปาณัสม์


“กระดาษอะไรน้า” ฉันทัชว่าพลางหยิบกระดาษขึ้นมาอ่าน ใบหน้าของฉันทัชตกใจยามที่เห็นข้อความในนั้น “น้องปัณณ์บอกจะเอาของเล่นอะไรกลับไปด้วยคะ ไปหยิบเตรียมไว้ข้างนอกให้อาจันทร์นะ จะได้ไม่ลืม” ชายหนุ่มหันไปบอกเด็กหญิง

“ค่า” เด็กน้อยที่ยังไม่เข้าใจนัยยะ นึกว่าอาเตือนเรื่องของเล่นจริงๆ จึงรีบออกไปโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ

มือของเขาสั่นเล็กน้อยตอนที่หยิบกระดาษนั้นมาอ่านอีกครั้ง มันเป็นข้อความสุดท้ายที่เขาเขียนให้ปาณัสม์ก่อนจะย้ายออกไปในตอนนั้น


‘รักเสมอ’


แล้วตอนนี้ล่ะ เขายังรักอีกฝ่ายอยู่หรือเปล่า


ฉันทัชถามตัวเอง แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่ามาที่นี่เพื่ออะไร ชายหนุ่มเลยตั้งใจจะเอากระดาษแผ่นนั้นไปวางคว่ำหน้าไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง แต่เขากลับเห็นข้อความภาษาอังกฤษอีกหลายประโยคที่ด้านหลังของกระดาษ


‘ผมจะสามารถอธิบายความรู้สึกของผมได้ยังไง
ทำไมผมต้องพยายามมันด้วยล่ะ ทั้งที่เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าคำพูดของผมมันไม่มีประโยชน์
ผมหวังเพียงอย่างเดียวคือได้พูดมันออกไปด้วยเสียงหัวใจของผม’



ฉันทัชรีบวางกระดาษนั้นลง หากดูดีๆ คงจะเรียกว่าโยนกระดาษนั้นลงบนโต๊ะน่าจะถูกต้องกว่า เขาไม่พอใจ ไม่พอใจมากๆ ปาณัสม์เขียนข้อความบ้าๆ พวกนี้ไปทำไม อยากจะบอกอะไรกับเขาหรืออยากจะบอกตัวเอง หรือจะหลอกให้เขาดีใจเวลาที่เห็นข้อความพวกนี้


ปาณัสม์ นายทำแบบนี้ทำไม


ฉันทัชโมโหอยากจะด่า อยากจะโวยวายเจ้าของลายมือนี้ ถ้าอยากจะทำดีกับเขา อยากจะรักเขา ทำไมไม่ทำตอนที่อยู่ด้วยกัน ทำไมต้องเลิกกัน ทำไมต้องให้เขาทนไม่ไหวก่อน เพื่ออะไร

ทำไม

ทำไม

ทำไม



เฝ้าถามคำว่าทำไม วนเวียนในหัวของชายหนุ่มอยู่เต็มไปหมด ฉันทัชกัดริมฝีปากล่างแน่น สูดหายใจเข้าปอดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้


เขาจะไม่ร้องไห้ จะไม่ร้องไห้อีก


เพื่อตัวเอง ไม่ใช่คำสัญญาจากใคร





 


========================================

**Song: HeartBeat , Artist : Christopher , Trans : Khemmakan

ความยากตอนแปลเพลงคือ ฉันทัชแปลเก่ง แต่เขมแปลไม่เก่ง
ได้เท่านี้ค่ะ ถ้ามีผู้ใจดี อยากเกลาหรือแปลให้สละสลวยกว่านี้ เขมก็ยินดีค่ะ


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2018 11:42:21 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ก็จริงอย่างที่เทมส์ว่าล่ะ ทำไม ทำไม ทำไม ทำไมถึงไม่ทำก่อนหน้า ทำไมถึงจะต้องมาคิดได้เมื่อเลิกกันแล้ว
ดังสุภาษิตโบราณว่าไว้ ไก่ได้พลอย ได้ไปก็ไม่เห็นค่า จะเห็นค่าก็เมื่อเสียมันไปแล้ว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :เฮ้อ: สายไปไม๋ปาล

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แต่เทมส์ก็เบื่อปาลเหมือนกันไม่ใช่เหรอ
แต่ก็อาจจะเป็นเพราะปาลเริ่มทำตัวไม่ดีก่อน

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……

เรื่องนี้ยังไม่จบน้าาาา.  จบตอนที่10 ต้องมีตอน11-12ต่ออ่ะ

จันทร์กับปาลยังไม่มีบทสรุป

ปรับการตั้งชื่อตอนใหม่ดีไหม.  ใส่ว่า End ก้อจะเข้าใจผิดคิดว่าจบแล้วน่ะ

ยังอ่านค้าง ลุ้นปาลกับจันทร์อยู่เลย. คู่ไทน์กับคุณก้องภพอีก

รอมาต่อค่ะ


  :ling1: :ling1:   :ling1:  :ling1:  :ling1:  :ling1:  :ling1:


…………



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
……

เรื่องนี้ยังไม่จบน้าาาา.  จบตอนที่10 ต้องมีตอน11-12ต่ออ่ะ

จันทร์กับปาลยังไม่มีบทสรุป

ปรับการตั้งชื่อตอนใหม่ดีไหม.  ใส่ว่า End ก้อจะเข้าใจผิดคิดว่าจบแล้วน่ะ

ยังอ่านค้าง ลุ้นปาลกับจันทร์อยู่เลย. คู่ไทน์กับคุณก้องภพอีก

รอมาต่อค่ะ


  :ling1: :ling1:   :ling1:  :ling1:  :ling1:  :ling1:  :ling1:


…………

แง เขมส่งแจ้งไปแล้วค่ะ ขออภัยจริงๆ ค่ะ เดี๋ยวไปเอาคำว่า END ออกก่อนนะคะ  :z3:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
อะไรของอิปาลเค้านิ เพ้อไรมิทราบ :hao4:  :hao4:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อ้าววววว..ถึงว่าเลื่อนนิ้วจะพลิกถึง 3 รอบ
ผ่านไปถึงหน้า 3 แต่ก็ยังไม่เจอเรื่องนี้
แง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆ เรื่องนี้หายไปไหน

ก็เลยลองเสิร์ชดูในช่องอากู๋..อ่ะเจอแล้ว
อ้าววววว(อีก) ไปอยู่ในบอร์ดจบแล้ว ฮืออออออ

ยังไม่จบง่ะ


..ฝากข้อความถึงเทมส์และปาล..
#ให้มันแล้ว แล้วไป

ต่างก็เต็มใจปล่อยมือกันเอง ไม่มีใครบังคับใคร
เพราะงั้น ปล่อยความรักครั้งนี้ให้ผ่านแล้วผ่านเลยไปเหอะ

แน่ใจไหมว่า จะผ่านไปอีก 7 ปีแล้วจะไม่กลับไปรู้สึกเดิมๆ แบบนี้อีก
เบื่ออออออออออออออออออ หุหุ

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
ตอนเห็นคำว่า END ทำให้เราหลงคลิกเข้ามาอ่านจริง ๆ ด้วยค่ะ
อ่านไป อ่านไป ... เอ๊ะ ไม่ได้ end จริงนี่นา
ยอมรับว่า เสียความรู้สึกนิดหน่อย 555+
แต่ก็อ่านแล้วอ่านเลย .. อ่านไป อ่านไป รอนานแฮะ ..
เลยหยุดคลิก ...

จนวันนี้ มาเจอว่า ย้ายไปห้องนิยายที่โพสต์จนจบ
เลยดีใจ คลิกอ่านอีกที ...

อ้าวววววววววววววว ไม่ใช่เราคนเดียวแล้วที่ "หลงเข้าใจผิด"

การตั้งชื่อตอน มีผลจริง ๆ ค่ะ
เราแค่มาบอก ... ไม่ได้ เท นะคะ
แค่หยุดอ่านก่อนเพราะไม่ชอบรอที่หน่วง ๆ ค่ะ
เอาไว้รอจบจริง ๆ ค่อยเจอกันใหม่นะคะ

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้วค่ะ
ขออภัยทุกท่านที่ทำให้ยุ่งยากด้วยค่ะ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

ภาค 11  คืนวันเสาร์ เข้าเช้าวันอาทิตย์



เขาว่ากันว่า ความสดใสร่าเริงของเด็กมักจะเป็นมนตราพลังวิเศษทำให้ผู้ใหญ่ลืมปัญหา ลืมสิ่งที่กังวลหรือแม้กระทั่งลืมความโกรธ ฉันทัชเองก็ตกเป็นเหยื่อของเวทมนตร์นั้นเช่นกัน ในขณะที่ฉันทัชโมโหแทบขีดสุด จนอยากจะจ้างมือปืนไปยิงปาณัสม์ทิ้งเสียเดี๋ยวนั้น เด็กหญิงศราลักษณ์ก็เข้ามาเยียวยาจิตใจของคุณอาจันทร์ให้เย็นลง ราวกับสายน้ำที่ไหลเอื่อยเฉื่อยไปตามลำธาร


ฉันทัชลืมความรู้สึกที่เกิดขึ้นในคอนโดเสียหมดสิ้น เมื่อหลานสาวแสนสดใสชวนอาจันทร์เล่นเกมส์บอร์ดอย่างสนุกสนาน ยอมรับว่าเจ้าเกมส์บอร์ดนี้ช่วยให้สมองของชายหนุ่มได้หยุดพักเรื่องแย่ๆ มาเจอกับความสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว


กระทั่งได้เวลาเข้านอนของเด็กหญิง สองอาหลานต่างสายเลือดกอดหอมจนพออกพอใจแล้ว น้องปัณณ์จึงยอมหลับไปแต่โดยดี เวลานี้ฉันทัชจึงว่างที่จะมาจับโทรศัพท์อีกครั้ง ข้อความมากมายถูกส่งผ่านมาทางแอปพลิเคชันสีเขียว ฉันทัชจึงค่อยๆ กดเข้าไปดูทีละข้อความ



Yo!! : เบื่อว่ะ อยากเปลี่ยนงาน

-AorAae- : เป็นอะไรไอ้โย ก็เพิ่งเปลี่ยนงานมาไม่ใช่เหรอ

MethaVee ^-^ : ใช่ ถูกอย่างนังอ้อพูด ไอ้โย ที่ใหม่แกยังไม่ผ่านโปรเลยไม่ใช่เหรอวะ

Praewa : เป็นอะไรอยากเปลี่ยนงาน

Yo!! : ไม่รู้ว่ะ พูดยาก งานมันก็ดีนะเว้ย แต่รู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่

Praewa : ยังไง

Praewa sent a photo

-AorAae- : อีนี่อวดลูกอีกละ เออๆ ทำไมวะไอ้โย ไหนเหลามาดิ๊

MethaVee ^-^ : น้องใยไหม ไว้ป้าจะไปเที่ยวหานะ ลูกนังแพรน่ารักเหมือนเคย ช่างต่างกับแม่มันลิบลับ ไอ้โย มึงช่วยเล่ามาเร็วๆ ถ้ายังอมพะนำอยู่จะไม่ฟังแล้วนะ

Yo!! : คืองี้ งานมันได้แหละ กูทำได้ กูเข้าใจ เรื่องงานกูไม่ติดอะไร แต่เพื่อนร่วมงานดิ พวกมึงเข้าใจปะ ว่ากูเป็นผู้ชาย แต่พอกูไปนั่งทำงานในดงผู้หญิง เขาก็พากันคิดว่ากูคงเป็นตุ๊ดแต๋วอะไรแบบนี้ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นไง พวกมึงก็รู้

-AorAae- : ไม่ กูไม่รู้ มึงไม่ได้เป็นตุ๊ดเหรอ

MethaVee ^-^ : พอๆ นังอ้อ นี่ก็อีกไปแซวไอ้โย ดูมันจะเครียดจริงอยู่นะเว้ย

Praewa : ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้เรียนอักษร คณะที่หาชายแท้ยากล่ะ

Yo!! : ยากอะไร ก็ไอ้เทมส์ไง มันก็เรียนเหมือนกู

-AorAae- : ขอโทษว่ะเพื่อน อย่างไอ้เทมส์ กูไม่อยากจะนับว่ามันเป็นชายแท้

CHAN_P : นินทาเราเหรอ



ฉันทัชอ่านมาถึงบรรทัด อดไม่ได้ที่จะต้องแสดงตัวออกไป กลุ่มเพื่อนของเขามีสรรพนามการเรียกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลเสียจริง



โย หรือ Yo!! เนี่ยเป็นชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ชอบผู้หญิงจนแทบจะคลั่งไคล้ แต่เพราะมาเลือกเรียนคณะอักษรศาสตร์ จึงไม่แปลกที่จะถูกเหมาว่าไม่ได้มีใจเป็นชาย

อ้อแอ้ หรือ -AorAae- สาวเปรี้ยวประจำกลุ่ม ติดจะปากหมาด้วยซ้ำ

เม เมธาวี หรือ MethaVee ^-^ สาวห้าวประจำกลุ่ม มีเรื่องอะไรบอกเจ๊เม เดี๋ยวเจ๊จัดให้

ส่วน แพรวา หรือ Praewa น่าจะพอรู้จักกันแล้วใช่ไหม ดูจะมีสติสมประกอบมากที่สุดในที่นี้


-AorAae- : ยังไม่ทันจุดธูปเรียกเลย มันมาได้ไงวะ





CHAN_P : อย่าลืมส่งเครื่องเซ่นเป็นเงินมาด้วยล่ะ เลขที่บัญชีนี้

CHAN_P sent a photo

MethaVee ^-^ : ไอ้นี่ ตั้งแต่ออกมาทำงาน งกเป็นบ้า

CHAN_P : เออ แล้วขอบอกไว้เลย เราเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายเฉยๆ เว้ย ผิดหรือไง

-AorAae- : กูไม่นับ ไว้มึงยอมมานอนกับกูเมื่อไหร่ กูถึงจะยอมรับ




ฉันทัชยิ้ม ตั้งแต่ปีหนึ่ง เจอหน้ากันครั้งแรก อ้อแอ้ก็จะจับเขาทำสามีเสียแล้ว โชคดีที่เขาไหวตัวทันได้แพรวามาคอยกันท่าให้ จึงรอดมาได้



CHAN_P : คงต้อง...ชาติหน้า

-AorAae- : โอ๊ย เจ็บ

Praewa : นอกเรื่องกันไปใหญ่ ไอ้โย สรุปจะเอาไง

MethaVee ^-^ : เจอหน้ากันดีกว่า มันไม่ได้ฟีล

Yo!! : เอาๆ กูเอา

-AorAae- : วันไหน

CHAN_P : เลือกมาละกัน เราได้หมด




ฉันทัชตอบเพียงเท่านั้นเพราะอีกสักพักแหละ เพื่อนของเขาถึงจะได้ข้อสรุป พอเข้าสู่ช่วงวัยทำงานแล้ว มันไม่ใช่ว่าปุบปับจะนัดเจอก็สามารถทำได้เลย บางคนติดงาน ติดประชุม อยู่ทำโอ ยิ่งคนมีครอบครัวแล้วอย่างแพรวากับเมธาวีก็อาจจะต้องถามความเห็นของคนร่วมบ้านอีก


เขาเลื่อนนิ้วมือขึ้นไปเพื่อไล่ข้อความด้านล่าง จึงเจออีกหนึ่งชื่อที่คุ้นตา


อ้าว ทักมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน




CHAN_P : ครับ?

David Lee : โอ้โห ผมทักคุณไปตั้งแต่เช้า นึกว่าคุณจะไม่ตอบเสียแล้ว

CHAN_P : ขอโทษทีผมเพิ่งเห็นน่ะ

David Lee : สำหรับคุณแล้ว ผมไม่โกรธหรอก ขอแค่คุณยังคุยกับผมก็พอ

CHAN_P : มุกเลี่ยนๆ อีกแล้วนะครับ

David Lee : ผมพูดจริงๆ นะครับ แล้วผมมีสิทธิ์จีบคุณนะ คุณไม่ได้แต่งงานจริงเสียหน่อย หลอกผมเสียได้

CHAN_P : แล้วทักมา มีอะไรหรือเปล่า

David Lee : อ้อ คุณเห็นข้อความข้างบนที่ผมส่งไปไหม




ฉันทัชเลื่อนข้อความขึ้นไปอ่าน จึงเห็นว่า เดวิด หลี่ หรือ หลี่หยางเซิง ลูกชายท่านประธานหลี่ ทักมาถามว่า ฉันทัชหรือเยว่ซิน คนนี้จะมาฮ่องกงวันไหน


อ้อ...อาจจำกันไม่ได้ คนคนนี้คือที่ฉันทัชเจอกับอีกฝ่ายครั้งแรกที่ผับในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้วน่ะ หลังจากที่ฉันทัชทำงานกับก้องภพก็ได้พบพ่อหนุ่มหน้ามนคนนี้บ่อยขึ้น


CHAN_P : ครับ เห็นแล้ว

David Lee : คุณจะมาเมื่อไหร่ครับ

CHAN_P : ผมไม่รู้ว่าจะมีการไปฮ่องกงเร็วๆ นี้ด้วย

David Lee : คุณต้องมาแน่นอนอยู่แล้ว ผมอุตส่าห์บอกให้พ่อชวนทั้งบอสคุณและคุณมาด้วยเลยนะ

CHAN_P : หืม?

David Lee : อย่าทำเหมือนจับผิดผมสิครับ ผมคิดถึงคุณนะ อยากให้คุณมานะ เยว่ซิน

CHAN_P : เรียกเทมส์จะสะดวกกว่านะครับ

David Lee : เมื่อไหร่จะใจอ่อนกับผมเสียที รู้ไหม ผมชอบคุณจริงๆ นะ

CHAN_P : เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

David Lee : เอาล่ะๆ ผมจะตื๊อจนกว่าคุณจะใจอ่อน ถ้าคุณได้วันที่แน่นอนแล้วต้องบอกผมด้วยนะครับ

CHAN_P : ตกลงครับ

David Lee : ผมคิดถึงคุณนะ

CHAN_P : ฝันดีครับ




ฉันทัชสลับไปดูกลุ่มเพื่อนว่าตกลงเรื่องวันที่ได้หรือยัง ผลว่าเพื่อนของเขายังเลือกวันที่ไม่ได้เลย ชายหนุ่มอมยิ้มให้กับความวุ่นวายที่เขาไม่นึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย

เรื่องที่ลูกของประธานหลี่มาชอบพอในตัวเขานั้น อินทัชยังไม่รู้เรื่องและฉันทัชก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง เพราะโอกาสที่หลี่หยางเซิงจะได้แสดงออกว่าชอบเขาต่อหน้าอินทัชนั้นยังไม่เคยเกิดขึ้นเลย อินทัชรับรู้แค่ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกหลานบ้านไหนก็เท่านั้น


เขานึกถึงข้อความของคุณชายหลี่ที่ถามว่าเมื่อไหร่เขาจะใจอ่อน นั่นสิ คนจะใจอ่อนได้นั้นต้องเกิดจากอะไร ความรู้สึกที่เรียกว่ารักใช่หรือเปล่า เพราะถ้าไม่รักก็คงไม่มีวันใจอ่อนใช่ไหม


ในอดีตปาณัสม์ตามจีบเขาหนึ่งปี ช่วงเวลาพอๆ กับคุณชายหลี่นี่แหละ ในตอนนั้นตัวฉันทัชมีบินตลอด โอกาสเจอกันน้อย ส่วนปาณัสม์เรียนอยู่ที่นิวยอร์ค โอกาสยิ่งเจอกันนั้นยากเพิ่มขึ้นไปอีก สมัยก่อนยังไม่มีโทรศัพท์ที่ทันสมัยเหมือนปัจจุบัน ต้องอาศัยเทคโนโลยีอันสุดแสนจะเชยมาออนสไกป์หรือเอ็มเอสเอ็น จะคุยกันแต่ละทีนั้นยากเย็นแสนเข็ญ


แล้วทำไมเขาถึงรับรักปาณัสม์ ทำไมถึงยอมตกลงเป็นแฟน


ฉันทัชอยากจะหัวเราะออกมา ก็เพราะความรักไง


...


“ทำไมไม่ให้ไปรับที่ทำงาน” เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อร่างสูงใหญ่มานั่งลงข้างกายอินทัชที่กำลังนั่งอยู่ในร้านประจำของเจ้าตัว

“ไม่เป็นไร ขี้เกียจรอ”

“แน่ใจ หรือกลัวเป็นข่าว?”

“ฉันไม่ได้ดังขนาดนั้น”

“นางแบบโกอินเตอร์นี่น่ะเหรอ ไม่ค่อยดัง” ทางนั้นย้อนถามกลับ

“คุณก้อง มีเรื่องอะไรถึงนัดฉันมาที่นี่” อินทัชไม่อยากเสียเวลา จึงเดินหน้าเข้าสู่คำถามทันที

“กินอะไรมาหรือยัง” ก้องภพไม่ตอบคำถาม เลือกถามคำถามใหม่แทน

“กินมาบ้างแล้ว”

“สั่งอะไรมากินอีกหน่อยสิ” ชายหนุ่มพูด แต่ฟังดูเหมือนเป็นคำสั่งเสียมากกว่า

“ไม่เอา ไดเอ็ทอยู่”

“พวกสลัดหรืออะไรก็ได้ สั่งมากิน”

“นี่ พูดเข้าเรื่องเลยไม่ได้หรือไง” อินทัชปฏิเสธ

“ผมสั่งให้ละกัน” ก้องภพไม่รอคำตอบ เรียกพนักงานมาสั่งอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว อินทัชเลยต้องตามน้ำ ปล่อยเลยตามเลย

“เสร็จแล้วใช่ไหม เข้าเรื่องได้หรือยัง” อินทัชเร่งพลางสบตากับคนข้างกายนิ่ง

“กินก่อน ค่อยคุย จะรีบไปไหน”

“ฉันทำงานมาเหนื่อย อยากกลับบ้านแล้ว” หญิงสาวเอาเรื่องงานมาเป็นข้ออ้าง

“ผมรู้ว่าคุณไม่พอใจผมเรื่องน้องกาย”

“ใช่ รู้ตัวก็ดี” อินทัชยอมรับ

“เรื่องนี้ผมไม่มีคำแก้ตัวใดๆ” ก้องภพบอก

“คุณไม่เคยเห็นแววตาสีหน้าของลูกชายคุณเลยใช่ไหม ว่าเขาผิดหวังแค่ไหน แต่ก็ต้องทำเป็นเข้มแข็ง เขาอายุแค่แปดขวบเองนะคุณก้อง คุณจะให้เขาเข้มแข็งเท่าคุณได้ยังไง” อินทัชพูดเสียยืดยาว

“ผมอธิบายเรื่องนี้กับลูกไปแล้ว”

“เขาเข้าใจ ไม่ได้แปลว่าจิตใจของเขาจะเข้าใจนี่ ฉันรู้ว่าคุณเป็นผู้ชายเลือดเย็นที่มีน้องกายเพียงเพื่อให้สมใจคุณแม่ของคุณ แต่แบบนี้มันไม่โหดร้ายกับเด็กไปหน่อยหรือ”

“ผมรักน้องกายนะ”

“รักแค่คำพูด ฉันถือว่าคุณไม่ได้รักลูกเต็มร้อยหรอกค่ะ!” อินทัชกระแทกเสียงในพยางค์สุดท้าย

“ไม่เอาสิ ทำประชดผมแบบนี้ ไม่น่ารักเลย”

“มันเรื่องของฉัน”

“ให้ผมทำยังไงดี ไหนคุณลองแนะนำผมหน่อย”

“คุณรู้ทุกอย่างดีอยู่แล้วคุณก้อง ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกอย่างฉันต้องมาบอกหรอก”

“งั้นหรือ”

“ใช่” อินทัชตอบโดยไม่หันไปมองก้องภพ

“ถ้าเป็นคนนอก ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ”

“เอ๊ะ! คุณ”

“จริงไหมครับ” ก้องภพยิ้ม


อินทัชไม่มีโอกาสได้เถียงกลับเพราะในจังหวะนั้นพนักงานก็นำสลัดจานใหญ่มาเสิร์ฟให้พอดี หญิงสาวจึงต้องสงบปากด้วยไม่อยากให้คนอื่นมาได้ยินว่าเขากำลังทะเลาะกับผู้ชายคนข้างๆ คนนี้

“กินเถอะ คุณอาจจะหิว เลยโมโหง่ายไปหน่อย” ก้องภพแนะนำ ในส่วนของชายหนุ่มก็มีอาหารง่ายๆ มารองท้องด้วยเช่นเดียวกัน

“คุณช่วยคิดถึงใจน้องกายบ้างก็แล้วกัน” ท้ายที่สุด อินทัชก็เสียงอ่อนลงพลางพูดในสิ่งที่เจ้าตัวคิด

“ผมจะคิดถึงใจของลูกให้มากๆ รวมถึงใจของคุณด้วย ดีไหม”

“เรื่องของฉันน่ะ ไม่เป็นไร”

“ถ้าไม่เป็นไร คุณจะโกรธผมขนาดนี้หรือ” ก้องภพยิ้มตามแบบฉบับของตัวเองให้หญิงสาว

“ช่างเถอะๆ” อินทัชจึงต้องบอกปัด เพราะไม่อยากหลงคารมและรอยยิ้มจากคนนั้น

“ให้ผมไปส่งบ้านนะ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับเอง”

“ดึกแล้ว ให้ผมไปส่งเถอะ ผมเป็นห่วง” มือที่จับส้อมอยู่นั้นถึงกับชะงักเล็กน้อยก่อนจะทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดเมื่อสักครู่นี้

“ก็ได้”

“กินให้หมด เสร็จแล้วผมจะพาไปส่งบ้าน”

“อืม”


...


“เพลียแย่เลย เฝ้าหลานสองคืนติด พี่ขอเปลี่ยนเฝ้าแทนคืนวันเสาร์ก็ไม่ยอม” ชลพิกา พี่สะใภ้เปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้ามาก็เห็นปาณัสม์นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความสงสารเล็กน้อย หมดสภาพเลยน้องชาย


ปาณัสม์ตื่นขึ้นมาเห็นชลพิกา ชายหนุ่มขยับนั่งหลังตรงมากขึ้นก่อนจะตอบออกไป “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้มีธุระไปทำอะไรอยู่แล้ว พี่ปอนด์ล่ะครับ”

“คุยกับคุณหมออยู่จ้ะ เดี๋ยวคงตามมา” ไม่ทันขาดคำประตูห้องก็ถูกเปิดพร้อมกับร่างของคนที่ถูกถามหาไปเมื่อสักครู่นี้ “มาพอดีเลย”

“ไอ้ปาล หน้าแกไม่ไหวแล้ว ชัดรออยู่ข้างนอก กลับบ้านไปพักเถอะ ขอบใจมาก ที่ช่วยเฝ้าหลานให้”

“อืม หมอว่าไงบ้างพี่”

“น้องปุณณ์อาการดีขึ้นแล้ว หมอให้นอนที่นี่อีกคืน ถ้าไม่มีอะไรก็ให้กลับ”

“ครับ”

“คืนนี้พี่กับเกดอยู่เฝ้าเอง พรุ่งนี้ถ้าทุกอย่างโอเค พี่จะได้พาลูกกลับบ้านเลย”

“ครับ” ปาณัสม์ตอบงึมงำ ใกล้หลับเต็มที

“เฮ้ย ลุกไปล้างหน้า เดี๋ยวให้ชัดไปส่ง จะกลับบ้านหรือคอนโด” พี่ชายเข้ามาแตะที่ไหล่น้องชายให้รู้สึกตัว

“คอนโด” ปาณัสม์บอก

เมื่อเข้ามานั่งในรถได้ ปาณัสม์ก็หลับมาตลอดทางจนกระทั่งถึงที่บ้าน ชายหนุ่มถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้งจากชัดเจน

“ขอบใจนะชัด”

“ไม่เป็นไรครับ คุณปาล”

“เดี๋ยวโทรไปถามพี่ปอนด์ด้วยแล้วกันว่าจะให้กลับไปโรง’บาล อีกหรือเปล่า”

“ครับ”

จวบจนรถยนต์คันหรูมาจอดที่หน้าคอนโด จังหวะที่จะลงจากรถ ปาณัสม์ก็นึกขึ้นได้ “อ้อ เกือบลืม”

“ครับ?”

“วันจันทร์ไปรับเทมส์ที่บ้านแต่เช้าด้วย” ปาณัสม์สั่ง

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ชัดเจนถามด้วยความสงสัย

“บ้านนั้นมีรถคันเดียว และยังต้องไปส่งน้องปัณณ์ด้วย”

“อ่อ จริงด้วย ได้ครับ ผมจะไปรับคุณเทมส์แต่เช้า”

“อืม มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน” ปาณัสม์บอกปิดท้ายแล้วคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าลงจากรถไป


ปาณัสม์เดินเข้าห้องมาวางกระเป๋าลวกๆ ไว้ตรงไหนสักแห่ง ตอนนี้ตาของเขาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ ชายหนุ่มเดินเหมือนละเมอเข้าไปในห้องนอน คลำทางเข้าไปด้วยความเคยชิน เขาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม มือก็ควานเปะปะหมายจะฉวยอะไรสักอย่างที่แปะอยู่บนหัวเตียง แต่ทว่าควานหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ


เขาลืมตาโพลงด้วยความตกใจ ผุดลุกขึ้นนั่งหันหน้ามาทางหัวเตียง


“ไม่มี ไม่มี หายไปไหน” ปาณัสม์พึมพำ ใจเต้นไม่เป็นระส่ำ กระดาษแผ่นนั้นหายไปไหน เขาเลิกผ้าห่มดู ยกหมอนขึ้นก็หาไม่เจอ

สายตากวาดหาไปรอบๆ แต่ยังไม่เจอ จนกระทั่งสายตาปะทะเข้ากับกระดาษแผ่นนั้นวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง เขาถึงพรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“นึกว่าแม่บ้านเอาไปทิ้งเสียแล้ว”

ปาณัสม์หยิบมันขึ้นมาด้วยความถนอม พินิจดูว่าเป็นกระดาษที่เขาตามหา เขาก็ยิ้มกับมันอย่างพึงพอใจ เสร็จแล้วจึงนำมันไปวางไว้บนโต๊ะดังเดิม สงสัยกาวบนกระดาษคงจะเสื่อมสภาพเสียแล้ว ไว้จะหากล่องสักใบมาเก็บกระดาษแผ่นนี้ไว้ก็แล้วกัน


‘แล้วใครเป็นคนเก็บกระดาษมาวางไว้ตรงนี้?’





เวลาล่วงเลยใกล้จะเข้าวันใหม่แล้ว แต่อินทัชยังไม่กลับบ้าน ฉันทัชเองก็ยังไม่นอนเพราะรอน้องสาวเช่นกัน เนื่องจากวันนี้หญิงสาวไม่มีรถยนต์ใช้เพราะยกให้เขาใช้แทน ทว่าดึกดื่นป่านนี้ยังไม่ถึงบ้าน ฉันทัชเริ่มนึกเป็นห่วง มือเรียวสวยหยิบโทรศัพท์ตั้งใจจะโทรหาน้องสาว แต่หูก็พลันได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้านเสียก่อน เขาจึงลุกขึ้น มือแง้มผ้าม่านมองผ่านทางหน้าต่างลงไป

“ขอบคุณที่มาส่ง” อินทัชบอกพลางปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว

“อืม”

“ไปนะ”

“รางวัลที่มาส่งล่ะ” ก้องภพทวงถาม

“คดีเก่า เรื่องยังไม่เงียบ ยังจะกล้าขอรางวัลอีก” อินทัชปรายตามองพลางพูดเสียงดุ

“คดีนั้นมันจบแล้วนี่ ผมก็คุยกับน้องกายแล้วไง”

 “ไม่ใช่ ฉันหมายถึง...” อินทัชหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปก่อนจะอ่านอะไรในนั้นด้วยน้ำเสียงดังฉะฉาน “นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงควงลูกสาวนักการเมืองไปทานมื้อค่ำสุดหรูบนดาดฟ้าใจกลางกรุง”

ก้องภพหัวเราะในลำคอ “ไม่มีอะไร คอนเนคชันทางธุรกิจน่ะ”

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าไม่มีอะไรก็อย่าให้มีข่าวพวกนี้สิ”

“ดุจริง” ก้องภพหัวเราะ

“คนเจ้าชู้แบบคุณ มันไม่น่าไว้ใจ” อินทัชบอกเพราะรู้จักนิสัยของชายหนุ่มดีระดับหนึ่ง

“แต่คุณก็ยังไว้ใจให้พี่ชายคุณทำงานกับผม”

“ถ้าคุณเปลี่ยนใจมาชอบผู้ชายเมื่อไหร่ ฉันจะให้พี่ชายฉันลาออก” อินทัชพูดอย่างมั่นใจและแน่วแน่

“ผมคิดว่าตอนนี้ผมก็น่าจะชอบผู้ชายนะ”

“ใคร?” อินทัชมุ่นคิ้ว

“ก็คนนี้ไง” ก้องภพยิ้ม ตาเป็นประกาย

“หยาบคายมาก ฉันเป็นผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์ต่างหาก” อินทัชฉุน เธอเป็นผู้หญิงเต็มตัว กล้าดีได้อย่างไรมาพูดแบบนี้ เดี๋ยวก็เจอฤทธิ์แม่เสียหรอก

“ถ้าเป็นผู้หญิง อย่างนั้นก็คงมาเป็นเมีย...เป็นแม่น้องกายได้แล้วสิ”

“ไม่เอาด้วยหรอก เป็นเมียคุณนะ ต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ๆ” อินทัชพูดเสียงติดดุ เพราะปิดบังอารมณ์ในใจ ใบหน้าของเธอเริ่มซับสีเรื่อจางๆ

“นึกไม่ออกเลยว่าก่อนหน้านี้คุณเป็นยังไง” นอกจากก้องภพจะไม่กลัวเสียงนั้นแล้ว เขากลับอยากเห็นอินทัชในสมัยก่อน

“ไม่มีอะไรให้น่าจดจำหรอก” อินทัชบอกปัด “ไปนะ ง่วงแล้ว”

“อืม ฝันดี”


ฉันทัชรีบปล่อยมือจากผ้าม่าน เมื่อเห็นคนที่รอลงมาจากรถยนต์คันนั้นเสียที เขาไม่รู้ว่าคนในรถคุยอะไรกันตั้งนานสองนาน


คนเป็นพี่รอจนได้ยินเสียงประตูเปิดห้องนอนของน้องสาวแล้ว เขาจึงยอมกลับไปนอนบนเตียงของตัวเอง


ก้องภพกับอินทัช สองคนนี้ อย่างไรกันแน่


========================================

ฉันทัชผู้ที่ตั้งใจจะเค้นถามน้องสาวหลายครั้งแต่ไม่เคยทำสำเร็จ

** เจอกันวันอังคารนะคะ

HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด