►►☼☼มนต์รักริมทุ่ง☼☼◄◄ บทที่ 22 ตอนจบ (Up 2/2/62) : P8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►►☼☼มนต์รักริมทุ่ง☼☼◄◄ บทที่ 22 ตอนจบ (Up 2/2/62) : P8  (อ่าน 39353 ครั้ง)

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 7

   ผมมองพี่เลขาธนาที่ชะเง้อรอหลวงพี่ออกมาลาสิกขาด้วยความขำ ตั้งแต่หลวงพี่บวช พี่เขาก็ทำงานจนหัวหมุนยิ่งกว่าเก่า เจอกันทีไรก็บ่นกับผมทุกทีว่าเมื่อไหร่หลวงพี่จะสึกเสียที

   พอถึงกำหนดวันสึกแม่ก็ให้คนขับรถขับรถตู้มา จะได้เดินทางไป - กลับพร้อมกันทีเดียว พี่ธนาก็ไปรอพวกเราที่บ้านตั้งแต่เช้ามืด เหมือนกลัวว่าหลวงพี่จะไม่ยอมสึก จนป๊าแซวว่าทำงานกับป๊าไม่สนุกเหรอ พี่แกก็ทำหน้าหวาดๆ จนพวกเราหัวเราะด้วยความขำ (พี่ธนาแกกระซิบกับผมว่าเวลาทำงานป๊าดุและโหดกว่าหลวงพี่แผนมาก)

   หลังจากจบพิธีลาสิกขาแล้ว เฮียก็ออกมาด้วยท่าทางที่ดูสุขุมมากขึ้น เราทั้งหมดร่วมกันถวายภัตตาหารเพลและทำบุญกันก่อนที่จะกราบลาเจ้าอาวาสกลับบ้าน

   บรรยากาศบนรถตู้เป็นไปอย่างผ่อนคลายมาก แม่กับป๊านั่งอยู่เบาะข้างหน้า ถัดมาเป็นเฮียกับผม ส่วนพี่ธนาขอไปนั่งเป็นเพื่อนคนขับข้างหน้า พอได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ แม่ก็ให้คนขับรถพาแวะเที่ยวข้างทางเป็นระยะ

   ระหว่างทางผมกับเฮียก็ไม่ได้คุยอะไรกันมาก เพราะมีป๊ากับแม่คอยตามประกบอยู่ตลอด เฮียบอกระหว่างที่แม่กับป๊ากำลังให้พี่ธนาถ่ายรูปให้ที่น้ำตกไทรโยคน้อยว่าค่อยไปคุยกันที่บ้าน ซึ่งผมก็เห็นด้วย เพราะถ้าคุยกันตอนนี้ก็กลัวว่าผมจะหลุดอาการแปลกๆ ออกไปจนทำให้ป๊ากับแม่สงสัยและเป็นห่วงได้

   เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว เราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนไม่ได้ดูละครด้วยกันเหมือนเคย เพราะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พอป๊ากับแม่เข้าห้องไปแล้ว เฮียแผนก็เดินตามผมเข้าห้องก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เตียงตรงหน้าผม ก่อนจะเริ่มพูดขึ้นก่อน

   “ไหนเล่าให้เฮียฟังซิ ว่าเกิดอะไรขึ้น”

   “เฮียรู้เรื่องได้ยังไงครับ แล้วรู้มากแค่ไหน แสนจะได้เริ่มต้นเล่าถูก”

   “ตอนที่เฮียนั่งสมาธิอยู่ เฮียเห็นแค่คร่าวๆ ว่าช่วงที่แผนหลับอยู่ที่โรงพยาบาล วิญญาณของแผนไปอยู่ในร่างของ เอ่อ ควาย ระหว่างนั้นเฮียเห็นแสนอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งหลายๆ ที่ แล้วก็ตัดไปตอนที่ถูกยิงตายเลย”

   เมื่อนึกถึงตอนที่ถูกยิง น้ำตาผมก็รื้นขึ้นมา ผมพยายามเรียบเรียงเรื่องราวต่างๆ ในหัว ก่อนจะเริ่มต้นเล่าให้เฮียฟัง

   ตอนแรกๆ ผมเล่าไปพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บางช่วงก็เล่าไปกัดฟันไปด้วยความโมโห จนไปถึงตอนสุดท้ายที่ถูกยิง น้ำตาผมก็ไหลออกมาไม่หยุด ร้องสะอึกสะอื้นจนเฮียต้องลุกมากอดผมไว้แล้วลูบหลังปลอบอย่างอ่อนโยน

   “ชู่ว มันผ่านไปแล้วแสน ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว อย่าร้องอีกเลย”

   ผมก็ร้องจนเหนื่อย กว่าน้ำตาจะหยุดไหล เสื้อเฮียก็เปียกน้ำตาจนชุ่มไปหมด

   “เฮีย” ผมผละออกมามองหน้าเฮีย

   “หืม” เฮียขานรับพร้อมกับเช็ดคราบน้ำตาออกให้อย่างเบามือ

   “แสนคิดถึงไอ้คล้าว” มือที่กำลังเช็ดน้ำตาอยู่ชะงักทันที เฮียสบตาผมนิ่งๆ แล้วถอนหายใจ

   “แน่ใจแล้วใช่ไหม” เฮียถามสั้นๆ แต่สายตาบ่งบอกว่าคำถามนี้มันครอบคลุมไปถึงความรู้สึกของผมด้วย

   “แน่ใจครับ แสนมั่นใจว่า ‘รัก’ มันจริงๆ”

   “แต่น้องมันชอบผู้หญิงไม่ใช่เหรอ แล้วดูแล้วน่าจะยังไม่ลืมเมียเก่าอีกด้วย”

   “แสนอยากลองพยายามดูก่อน เฮียช่วยแสนนะ นะเฮียนะ” ผมอ้อนเฮีย หลังจากไม่ได้อ้อนมานานหลายปีแล้ว

   เฮียแผนถอนหายใจก่อนจะดึงผมไปกอดแล้วลูบหัวเบาๆ ผมก็กอดตอบแล้วซบกับตัวเฮียนิ่งๆ

   “เฮ้อ! ถ้าแสนมั่นใจแล้ว เฮียจะช่วยก็ได้”

   “ขอบคุณครับเฮีย รักเฮียนะครับ” ถ้าเฮียรับปากจะช่วยแล้ว มั่นใจได้เลยไม่ว่าเรื่องอะไรก็สำเร็จแน่นอน!

   “เฮียกับไอ้เด็กนั่น รักใครมากกว่ากัน” เฮียถามมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ จนผมหลุดขำ

   “พรืด ฮะๆๆๆ รักเฮียมากกว่าอยู่แล้วครับ” ผมกอดเฮียแน่นขึ้น

   การเป็นคนรัก เมื่อเป็นแล้วก็สามารถเปลี่ยนสถานะเป็นอย่างอื่นได้ แต่การเป็นพี่น้อง เป็นครอบครัว มันเป็นสายสัมพันธ์ที่คงอยู่ไปตลอดชีวิต ไม่มีทางที่จะเลิกเป็นได้ ในอนาคตต่อให้ผมต้องผิดหวังหรือเสียใจ ผมก็มั่นใจว่าเฮียจะคอยปลอบโยนห่วงใยไม่มีวันทิ้งผมอย่างแน่นอน

   ผมอ้อนให้เฮียนอนที่ห้องด้วย เราสองคนนอนกอดกันเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็ก เวลาที่ป๊ากับแม่ไม่อยู่บ้านผมจะอ้อนให้เฮียมานอนเป็นเพื่อนทุกครั้ง พอโตมาก็ไม่ได้นอนด้วยกันอีกเลย

   หลังจากเฉียดความตายมา อะไรที่อยากทำ ผมก็จะรีบทำทันที อยากกอดก็กอด อยากหอมก็หอม อยากบอกรักก็บอก อยากอ้อนก็อ้อน อยากทำอะไรก็ทำเลย เพราะผมรู้แล้วว่าชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอน จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีทางรู้

   เมื่อมีโอกาสอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็ไม่ควรจะปล่อยให้เสียเวลาไปเปล่าๆ รักกันเมื่อยังหายใจดีกว่าต้องไปเสียใจในภายหลัง เพราะถึงตอนนั้น ต่อให้อยากทำแทบตาย ก็ไม่มีโอกาสทำได้อีกแล้ว

   ผมซุกตัวเข้าในอ้อมกอดอุ่นๆ ของเฮีย ก่อนจะหลับไปพร้อมรอยยิ้ม




   ผมหรี่ตามองส่วนเกินของครอบครัวที่มานั่งเสนอหน้าอยู่ที่โต๊ะอาหาร ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามแล้วมองหน้านิ่งๆ

   “ที่บ้านไม่มีใครให้อาหารรึไง ถึงได้มาหากินบ้านคนอื่นเนี่ย”

   “แค่กๆ”

   “หึๆ”

   “คนนะไม่ใช่แมว” พอหายสำลักแล้ว ธงรบก็หันมาต่อปากต่อคำกับผมทันที

   “แหม เปรียบซะน่ารัก ไม่ได้ดูขนาดตัวมึงเลยนะ” ผมอดจะแขวะไม่ได้

   “กูหล่อ กูจะเป็นตัวอะไรก็น่ารัก ไม่เชื่อมึงลองถามสาวๆ ดูสิ” ผมฟังแล้วได้แต่กลอกตา ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับมันแล้วจึงได้ถามมันดีๆ

   “แล้วนี่คนอื่นๆ ไปไหนกันหมด”

   “เป็นเจ้าของบ้าน แต่มาถามแขกอย่างกูเนี่ยนะ” มันบ่น แต่ก็ยอมบอกโดยดี

   “ป๊ากับแม่เพิ่งออกไปข้างนอก บอกว่าจะไปธุระ ส่วนเฮียก็เพิ่งจะออกไปบริษัทก่อนมึงมาแป๊บเดียวเอง” ผมพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้ตอบอะไรไป เพราะกำลังจัดการกับอาหารเช้าที่แม่บ้านเอามาเสิร์ฟอยู่

   “แล้วนี่มาทำไมแต่เช้าเนี่ย ไม่ไปทำงานรึไง”

   “จะมารับไปพร้อมกันไง เห็นไหม กูมีน้ำใจจะตาย”

   ผมได้แต่ถอนหายใจ ตั้งแต่หายดีนี่ เวลาไปไหนมาไหนมักจะมีคนคอยขับรถให้ตลอด น้อยครั้งมากที่จะได้ขับรถเอง อย่างครั้งที่ไปวัดที่เมืองกาญฯ คนเดียวได้ก็เพราะหนีไปเงียบๆ ไม่ได้บอกให้ใครรู้ กลับมานี่โดนบ่นจนหูชาไปเลยทีเดียว

   “กูขับไปเองก็ได้ ไม่เห็นต้องมารับเลย”

   “ไม่เป็นไรหรอกน่า ทางเดียวกัน ไปด้วยกันจะได้ประหยัดน้ำมันไง” บริษัทธงรบกับห้างที่ผมเปิดห้องเสื้ออยู่ใกล้ๆ กัน เวลาที่คนขับรถไม่อยู่ ถ้ามันรู้ มันจะมารับผมประจำ สงสัยเฮียจะคอยบอก

   “เออๆ ตามใจมึงเหอะ” ผมรู้ดีว่าทุกคนเป็นห่วง เลยยอมๆ ไป รอให้วางใจกันเมื่อไหร่แล้วค่อยขับเองก็แล้วกัน

   “เดี๋ยวตอนเที่ยงถ้าไม่ยุ่งมากจะมารับไปกินข้าวนะ” เมื่อผมลงจากรถแล้ว ธงรบก็เลื่อนกระจกบอกเหมือนเพิ่งจะนึกได้ ยังไม่ทันได้ตอบอะไร มันก็เลื่อนกระจกปิดแล้วขับออกไปซะก่อน

   ผมได้แต่ถอนหายใจส่ายหน้าด้วยความเพลีย ไม่รู้จะห่วงอะไรกันหนักหนา หลังๆ มานี่มันดูแลผมดีจนไม่แน่ใจว่านี่เพื่อนหรือพ่อกันแน่

   
   พอเข้าร้านไปแล้วผมก็หัวหมุนกับงานทั้งการต้อนรับลูกค้าหน้าร้าน เช็คสต็อก และตามงานจากลูกน้องหลังร้านซึ่งเป็นห้องที่กั้นแยกจากกันอย่างชัดเจน ห้องหนึ่งกั้นเป็นห้องทึบเพื่อใช้เป็นห้องออกแบบและตัดเย็บ อีกห้องเป็นกระจกใสเพื่อไว้โชว์สินค้าภายในร้าน โดยมีประตูเชื่อมเข้าหากันได้

   ผมต้องการให้ร้านที่ขายและโชว์อยู่ใกล้ๆ กับร้านที่ใช้ตัดเย็บเพื่อให้ง่ายกับการบริหารจัดการ ป๊ากับแม่เลยเช่าพื้นที่ไว้ให้ค่อนข้างกว้าง

   ผมเปิดห้องเสื้อโดยใช้ชื่อร้านและชื่อแบรนด์ Maneethewa ดอกหญ้าที่แม่ชอบ ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุ ผมออกแบบเสื้อผ้าเตรียมไว้เพียงพอสำหรับตัดเข้าร้านและแม่ก็รู้เรื่องการเคลื่อนไหวของร้านผมพอสมควรเพราะผมเล่าความเคลื่อนไหวให้ฟังตลอด พอผมประสบอุบัติเหตุแม่ก็เข้ามาจัดการต่อได้โดยไม่มีปัญหาเท่าไหร่

   ระหว่างที่ผมนอนอยู่ที่โรงพยาบาล แม่ก็จ้างคนให้มาช่วยดูแลไปก่อนแล้วเข้ามาดูร้านเองเป็นระยะ พอเสื้อผ้าที่ผมออกแบบในร้านพร่องลง แม่ก็จ้างคนออกแบบให้เพิ่มเติม เพื่อไม่ให้สินค้าในร้านโล่งมากเกินไป และมีแบบใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้เลือกมากขึ้น

   พอผมหายป่วยและเข้ามาดูร้านได้ ผมเลยต้องเร่งออกแบบและตัดเสื้อผ้าเข้าร้านเพิ่ม อีกอย่างผมตั้งใจไว้ว่าอีกหน่อยจะจัด Fashion show เพื่อนำเสนอแบรนด์ของตัวเองให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นไปด้วย

   “คุณแสนคะ คุณรบมาพบค่ะ” ผมเงยหน้าจากแบบที่ร่างไว้เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเด็กในร้าน ยังไม่ทันได้ตอบอะไรไป คนมาพบก็เดินเข้ามาหาแบบไม่รอคำอนุญาต

   “เที่ยงแล้ว กินข้าว” ผมยกขึ้นนาฬิกามาดู ก็ปรากฏว่าเที่ยงกว่าแล้ว

   “ว่างรึไง” ผมถามด้วยความสงสัย ถึงบริษัทส่งออกอาหารของครอบครัวมัน หลักๆ แล้วจะมีพี่ๆ คอยรับผิดชอบ แต่มันก็เข้าไปช่วยงานเต็มตัว พักหลังๆ มามันก็เลยยุ่งไม่แพ้คนอื่นๆ ในครอบครัวเลย

   “ไม่ยุ่งเท่าไหร่ เจ๊กับเฮียไล่ให้มารับมึงไปกินข้าว ไปกันเถอะ หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว ถึงเวลากินข้าวแล้วไม่ยอมกิน นี่ถ้ากูไม่มารับนี่จะได้กินตอนไหน กินข้าวไม่ตรงเวลา ถ้าเป็นโรคกระเพาะขึ้นมาแล้วจะทำไง” มันบ่นยืดยาวจนผมกลอกตา

   “พอๆ เลิกบ่นได้แล้ว บ่นอย่างกับคนแก่ นี่มึงโมโหหิวใช่ไหมเนี่ย ไป! ไปหาอะไรกินกัน” ผมรีบลุกแล้วลากมันออกจากร้านไป ก่อนที่มันจะบ่นเป็นหมีกินผึ้งยิ่งกว่านี้
   

   “ทำไมช่วงนี้เข้าร้านบ่อยจัง” พออาหารตกถึงท้องแล้ว ธงรบก็ดูอารมณ์ดีขึ้น มันเลยถามด้วยความสงสัย เพราะปกติผมไม่ได้เข้าร้านบ่อยเหมือนตอนนี้ บางช่วงที่ต้องการความสงบในการออกแบบก็จะอยู่ที่บ้านบ้าง หรือเตร่ไปหาแรงบันดาลใจที่อื่นบ้าง

   “ช่วงนี้กำลังเร่งตัดเสื้อผ้าที่ออกแบบชุดใหม่ออกมาวางในร้าน เลยต้องเข้าร้านมาตรวจดูความเรียบร้อยบ่อยหน่อย หลังจากเสื้อผ้าชุดนี้เสร็จแล้ว กูมีแพลนจะออกแบบเสื้อผ้าชุดใหม่และจะจัดงานแฟชั่นโชว์ เพื่อโปรโมทแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นน่ะ” ธงรบมันผงกหัวเหมือนรับรู้

   “มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน”

   “เออ ถึงตอนนั้นก็มีเรื่องให้ช่วยแน่ อย่างน้อยๆ ก็ช่วยบอกสาวๆ ในสต็อกมึงมาร่วมงานก็ยังดี”

   “หึๆ ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็ สบ๊าย จะเอากี่คนก็ว่ามาได้เลย” ผมเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ไอ้คนเนื้อหอม

   “รถไฟชนกันขึ้นมาละ กูจะหัวเราะให้ฟันร่วง”

   “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง กูสับรางเก่ง อีกอย่าง ต่อให้ชนกันกูก็ไม่เดือดร้อน เพราะตกลงไว้ตั้งแต่เริ่มต้นอยู่แล้วนี่ว่าจะไม่มีการผูกมัดกัน”

   “เฮ้อ! ถึงจะอย่างงั้นก็เถอะ ผู้หญิงเค้าก็คงมีหวังบ้างแหละ อย่าเล่นกับความรู้สึกคนอื่นให้มากนัก สงสารผู้หญิงเค้า”

   “เออๆ จะระวังแล้วกัน มึงบอกเฮียมึงเหอะ นั่นก็ใช่เล่นที่ไหน”

   “ไม่มีแล้วเหอะ ตั้งแต่สึกออกมา เฮียก็จำศีลแล้ว” หลังจากสึกมาแล้ว เฮียแผนก็เพลาๆ เรื่องคู่ขาคู่ควงมากขึ้น พักนี้ถึงได้มีเวลาให้ผมมากขึ้น ได้ยินพี่เลขาธนาบอกว่าถ้ารู้อย่างนี้ยุให้บวชไปนานแล้ว เพราะไม่ต้องมาปวดหัวกับการสับรางรางสาวๆ ให้บ่อยเหมือนแต่ก่อน

   
   หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเรียบร้อยแล้วเราก็แยกย้ายกันกลับไปทำงาน ตอนเย็นๆ ธงรบก็มานั่งรอผมเลิกงานเพื่อจะรับกลับบ้าน จนผมต้องยอมเลิกแล้วกลับก่อน เพราะกลัวมันจะรอนาน หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้วกำลังจะลุกจากเก้าอี้ก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือซะก่อน พอเห็นชื่อคนโทรหาก็ได้แต่ยิ้มแล้วกดรับ

   “ครับเฮีย”

   “ธงรบไปรับรึยัง”

   “มาแล้วครับ”

   “ดี วันนี้กินข้าวก่อนเลยนะ เฮียเคลียร์งานอยู่น่าจะกลับช้า เดี๋ยวหาอะไรกินแถวนี้เลย ฝากบอกป๊ากับแม่ด้วย”

   “ครับ เดี๋ยวแสนบอกให้ เฮียก็อย่าหักโหมมากนะครับ”

   “ครับๆ เดี๋ยวเสร็จแล้วเฮียรีบกลับ”

   “ดีมากครับ ขับรถดีๆ ด้วยนะครับ”

   “โอเค แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวเฮียทำงานก่อน”

   “ครับ”

   มิน่าล่ะวันนี้ถึงเงียบไปทั้งวัน ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์เลย มีแค่แม่ที่โทรมาถามว่ากินข้าวเที่ยงหรือยัง สงสัยวันนี้เฮียคงยุ่งมาก เพราะปกติแล้วจะโทรมาหาอย่างน้อยวันครั้ง สงสัยจะวางใจเพราะฝากฝังผมไว้กับธงรบแล้ว

   “ติดกันจริงๆ ทั้งพี่ทั้งน้อง” ไอ้คนรอมันยืนล้วงกระเป๋ามองมาด้วยสายตาหมั่นไส้

   “อิจฉารึไง”

   “เหอะ! ใครจะไปอิจฉากัน ไป! รีบกลับได้แล้ว กูหิวข้าวแล้ว”

   “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกูล่ะ”

   “กูจะไปกินบ้านมึง”

   “ใครชวนไม่ทราบ”

   “กูไม่ง้อมึงหรอก กูไปขอป๊ากับแม่ก็ได้”

   แค่มันไปส่ง ผมที่บ้าน ป๊ากับแม่ก็คงชวนให้อยู่กินข้าวด้วยแล้ว ก็มันเป็นลูกรักอีกคนนี่ ผมเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะตามแรงลากของมันไป

   เหอะ! นี่ผมไม่ได้อิจฉามันจริงๆ นะครับ


********************************************************

มีแต่คนลุ้นให้พี่คล้าวกับทองกวาวได้เจอกัน แต่ก็ยังไม่เจอ.... แหะๆๆ
ขอเวลาให้เคลียร์งานกันก่อนนะคะ
พระเอกนายเอกเหรอ?
เปล่า... คนเขียนเนี่ย....
หลบตรีงแป๊บ แหะๆ
เอาจริงๆ ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเองค่ะ กว่าจะเคลียร์สารพัดงานไปทำอย่างอื่นได้ก็ต้องใช้เวลา
ขอเวลาอีกนิดดดดด รอกันอีกหน่อยนะคะ ได้เจอกันแน่นอนค่า

ฝากพี่คล้าว ทองกวาว พี่แสนด้วยนะคะ แล้วก็ฝาก แฮชแท็ก #มนต์รักริมทุ่งด้วยค่า
รักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกคนอ่าน แต่รักคนเม้นท์มากกว่านิดหน่อย 55555

********************************************************

#♥►MAGNOLIA◄♥ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่า ฝากลูกตัวใหม่ เอ๊ย คนใหม่ด้วยนะคะ
#blanchard  ดีใจที่ชอบค่า ฝากพี่คล้าวกับทองกวาวด้วยนะคะ
#dahlia   ขอบคุณที่แวะมาอ่านและให้กำลังใจทุกตอนนะคะ คนอ่านชอบ คนเขียนก็ดีใจ (มากกกก) กอดดดดด
#donutnoi  ขอบคุณค่า ไว้แวะมาอีกนะคะ
#Fallinlove  ดีใจที่ชอบค่า ชอบเขียนแฟนตาซีเหมือนกันค่ะ จินตนาการสนุกดี 55555 แล้วก็ขอบคุณที่เอ็นดูน้องสองก้อนของเรานะคะ แม่มันปลื้มมากกกก
แค่คนอ่านชอบและยิ้มได้ คนเขียนก็มีกำลังใจแล้วค่า ฝากติดตามพี่คล้าวกับน้องทองกวาวที่ตอนนี้เป็นพี่แสนด้วยนะคะ กอดดดดดดด
#fon270640  ดีใจที่ชอบค่า ไว้แวะมาอีกนะคะ
#k2blove    ขอบคุณที่ติดตามให้กำลังใจมาทุกตอนนะคะ พี่คล้าวค่าตัวแพงจริงๆ ค่ะ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออก พอดีคนเขียนแกลบไม่มีเงินจ่ายค่าตัว แฮ่ รออีกนิดดดดนะคะ ใกล้ได้ค่าตัวครบแล้วค่า
ปล.ของคุณที่เตือนเรื่องคำผิดนะคะ เบลอจริงๆ ค่ะ กอดดดดดด
#kawisara   ทองกวาวจำได้แล้วค่า
#lovenine   ขอบคุณที่ติดตามให้กำลังใจมาทุกตอนนะคะ คนอ่านชอบ คนเขียนก็ดีใจและมีกำลังใจในการเขียนต่อไปมากค่ะ กอดดดดดดดดด
#sirin_chadada   ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ ไม่ได้ลงมานานลืมสนิทเลยค่ะ แหะๆ ไว้แวะเข้ามาใหม่นะคะ
#snoopyme   ดีใจที่ชอบค่า ฝากพี่คล้าวกับทองกวาวด้วยนะคะ
#wutwit   ขอบคุณที่ให้ติดตามและมาเม้นท์ให้กำลังใจทุกตอนนะคะ เวลาที่คนอ่านชอบและคอยติดตามลูกๆ นี่ปลื้มมมมากค่ะ กอดดดดดด
#กาแฟมั้ยฮะจ้าว   ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า แวะมาบ่อยๆ นะคะ
#วายซ่า   โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ แฮ่ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เจอกัน ถถถ
#ommanymontra ขอบคุณที่คอยติดตามค่า
#puiiz ขอบคุณที่คอยติดตามค่า
#สีหราช   ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่า ไว้แวะมาอีกนะคะ

ที่จริงชอบตอบเม้นท์นะคะ เพราะอยากสื่อสารกับคนอ่านบ้าง แต่เล้าตอบยากมาก และเคยเจอเม้นท์ของคนอ่านในนิยายของคนอื่น ว่าเอาเวลาตอบเม้นท์ไปเขียนนิยายดีกว่า อูยยย ใจร้ายยยยย แต่คิดว่า FC น้องทองกวาวคงไม่ใจร้ายหรอก... เนอะ

 :pig4: :L1: :กอด1:
 :katai4:
[/color]

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
พี่คล้าวค่าตัวแพงกว่าณเดชอีกนะเนี่ย เมื่อไหร่จะได้เจอกันซักที
ปล.ของธงรบคู่ไม้ละกัน คิดแล้วท่าจะสนุก

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
พี่คล้าว จะเป็นไงบ้างนะ

ออฟไลน์ fon270640

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
พี่คล้าวค่าตัวแพงมากเลยสินะ

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่คล้าวค่าตัวแพงเหลือเกิน 555

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ค่าตัวพี่คล้าวแพงจิง 55 รอตอนต่อปรายอิอิ ติดตาม พี่คล้าวและทองกราว ทุกตอน แว่ะตาหลอด คิดถึงๆ มนต์รักริมทุ่ง เสมอ เป็นกำลังใจผู้แต่งเสมอจร้า กอดดดดด ^^ :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อิพี่คล้าว แวร์ อาร์ ยู เป็นพระเอกค่าตัวแพงมาก มาแต่ชื่อเนี่ย 555555 รอกันต่อไป

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ทองกวาวจะหาพี่คล้าวเจอมั๊ยน้า  ขอให้หากันเจอเร็วๆ นะ.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 8

   หลังจากที่ผมกับเฮียแผนต่างก็เร่งเคลียร์งานกันหัวหมุน จนผ่านไปสัปดาห์กว่าๆ เราก็หายใจหายคอโล่งกันสักที ระหว่างที่ผมกำลังนั่งมองรูปไอ้คล้าวอยู่บนเตียงก็ได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าห้อง จึงเอารูปยัดไว้ใต้หมอนแล้วเดินไปเปิดประตู

   “เฮีย ว่าไงครับ”

   “เฮียมีเรื่องจะคุยด้วย”

   “เข้ามาสิครับ” เมื่อเดินเข้ามาแล้วเฮียแผนก็ล็อคประตูไว้ ผมมองด้วยความแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เดินไปนั่งรอที่เตียง เฮียก็ลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าเหมือนเดิมแล้วเริ่มคุยทันที

   “เฮียให้คนไปสืบมาแล้วนะ เด็กนั่นมีชื่ออยู่ที่หมู่บ้านนั้นจริงๆ” ผมฟังแล้วอดจะยิ้มออกมาไม่ได้ เฮียแผนมองหน้าผมแล้วก็ถอนหายใจ

   “ในเมื่อแสนมั่นใจแล้ว เฮียก็จะช่วย เฮียว่าจะให้ทุนเด็กวัดในวัดที่เฮียไปบวช แล้วก็จะไปวัดที่สุพรรณฯ เพื่อให้ทุนกับเด็กวัดที่นั่นด้วย วัดที่เมืองกาญฯ เฮียติดต่อเจ้าอาวาสไปแล้ว ส่วนวัดที่สุพรรณฯ ว่าจะไปกันเอง เผื่อแสนจะได้เจอเด็กคนนั้นด้วย” ตาผมเป็นประกายด้วยความดีใจขึ้นมาทันที

   “แต่เรื่องทุนนี่เฮียขอให้สิทธิเจ้าอาวาสเป็นคนตัดสินใจก็แล้วกันนะ เฮียให้ทุนระดับปริญญาตรีวัดละ 3 ทุน จนกว่าจะจบปริญญาตรี ถ้าเด็กแสนไม่ได้ก็ค่อยหาทางอื่นสนับสนุนก็แล้วกัน” ผมฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มที่เฮียยุติธรรมพอและวางแผนคิดเผื่อในกรณีที่ไอ้คล้าวไม่ได้รับทุนด้วย

   “ดีใจล่ะสิ จะได้เจอเด็กมันแล้วน่ะ” พอเห็นผมยิ้มหน้าบานไม่หยุด เฮียก็หน้าหงิกขึ้นมาทันที

   “ฮะๆๆ เฮียอย่าเพิ่งงอนสิ เรื่องดีใจน่ะแสนไม่ปฏิเสธหรอกว่าดีใจจริงๆ ที่จะได้เจอไอ้คล้าวอีกครั้ง แต่ที่ดีใจมากกว่านั้นคือดีใจที่เฮียแผนใส่ใจแล้วก็พยายามช่วยแสนอย่างเต็มที่อย่างนี้ต่างหาก” ผมลุกขึ้นไปกอดเฮียแน่นๆ ด้วยความตื้นตันใจ

   “ขอบคุณนะครับเฮีย”

   “เฮ้อ! ทำยังไงได้ล่ะ ก็ดันเอ่ยปากไปแล้วนี่ว่าถ้าฟื้นมาแล้วอยากได้อะไรจะหามาให้ทุกอย่าง” เฮียแผนงึมงำอยู่บนหัวผม ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้ม รู้ดีว่าถึงเฮียจะขัดใจ แต่เฮียก็เป็นคนที่รักษาคำพูดของตัวเองเสมอ ต่อให้ผมในตอนนั้นจะไม่รู้ตัวก็ตาม
*****************************************************
   ผมตื่นมาแต่เช้าด้วยความตื่นเต้น เพราะวันนี้เฮียแผนบอกว่าจะพาผมเดินทางไปวัดที่สุพรรณบุรี เพื่อติดต่อเจ้าอาวาสในการให้ทุนเด็กวัดที่นั่น หลังจากนั้นก็จะถือโอกาสเดินเล่นในหมู่บ้านแล้วไปที่บ้านไอ้คล้าวอย่างเนียนๆ ด้วย

   ตอนที่บอกว่าจะไปให้ทุนเด็กๆ ที่วัด แม่ก็เอ่ยปากว่าอยากไปด้วยทันที แต่โชคดีที่ช่วงนี้ป๊ากับแม่ติดธุระที่ต่างจังหวัดหลายวันพอดี ทั้งคู่จึงออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวาน ทำให้ผมกับเฮียโล่งใจที่ป๊ากับแม่ไปด้วยไม่ได้ เพราะเราอยากจะไปสืบเรื่องนี้กันตามลำพัง ถ้าทั้งคู่ไปด้วยก็คงทำอะไรไม่สะดวกและคงไม่วายมีพิรุธให้ป๊ากับแม่สงสัยแน่ๆ

   นอกจากสองวัดนี้แล้ว เฮียก็ให้คนช่วยหาข้อมูลและคัดเลือกวัดที่อยู่ห่างไกลความเจริญอีกหลายวัดเพิ่มด้วย หลังจากป๊าฟังเฮียพูดเรื่องทุนการศึกษาจบ ป๊ากับแม่ก็ช่วยกันสมทบทุนเพิ่มอีกวัดละสองทุน เพราะปกติป๊ากับแม่ก็ชอบทำบุญอยู่แล้ว นอกจากการทำบุญบริจาคตามวัดแล้ว ป๊ากับแม่ก็ยังให้ทุนการศึกษาเด็กๆ ในถิ่นทุรกันดาร บริจาคเงินตามสถานสงเคราะห์อีกหลายแห่งทั้งในนามบริษัทและไม่ประสงค์ออกนามด้วย

   ผมอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็เดินไปที่ห้องครัวเพื่อรับประทานอาหารเช้า เมื่อไปถึงก็เห็นเฮียแผนนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก่อนแล้ว

   “อรุณสวัสดิ์”

   “อรุณสวัสดิ์ครับเฮีย”

   “กินข้าวให้หมดด้วย หมดเมื่อไหร่เฮียถึงจะพาไป” เมื่อคนในครัวยกข้าวต้มกับน้ำส้มมาเสิร์ฟ เฮียก็พูดเหมือนล่อลวงให้เด็กกินข้าวจนผมอดจะค้อนไม่ได้

   รอจนผมกินอาหารเช้าหมดนั่นแหละ เฮียแผนถึงได้ยอมลุกจากเก้าอี้ แล้วไปเตรียมของรอที่รถก่อนอย่างที่บอกจริงๆ ผมได้แต่รีบวิ่งไปหยิบกระเป๋าของตัวเองตามไปบ้าง เมื่อพร้อมแล้วเราก็ออกเดินทางตาม GPS ที่ตั้งไว้ทันที

   เฮียขับรถไปเรื่อยๆ แบบไม่เร่งรีบ เพราะจากกรุงเทพฯ ไปสุพรรณบุรีห่างกันแค่ประมาณร้อยกิโลเมตรเท่านั้นเอง ระหว่างทางเราก็คุยกันไปตลอดทาง แต่ผมรู้ตัวดีว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่นัก ซึ่งเฮียแผนก็เข้าใจดี จึงเปิดเพลงเบาๆ คลอไปด้วย เพื่อให้ผมผ่อนคลาย

   เมื่อเข้าสู่เขตชนบท สองข้างทางก็มีแต่ท้องทุ่งนาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ผมเหม่อมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกโหยหา พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอย่างเต็มที่ เฮียแผนคงเข้าใจความรู้สึกของผม จึงเอื้อมมือมาลูบแขนปลอบโยนเบาๆ ผมจึงหันไปยิ้มให้ด้วยความรู้สึกอุ่นใจ

   ยิ่งเข้าใกล้เขตหมู่บ้านหัวใจผมก็เต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ภาพที่คุ้นตาและบรรยากาศที่คุ้นเคยทำให้น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ไหว เฮียแผนละมือมาลูบแขนผมไปเรื่อยๆ จนเมื่อเข้ามาถึงเขตวัดผมจึงพยายามเช็ดน้ำตาแล้วห้ามความรู้สึกตัวเองไว้อย่างเต็มที่

   หลังจากแจ้งความประสงค์กับชาวบ้านที่อยู่ในวัดว่าต้องการพบเจ้าอาวาส เพียงไม่นานหลวงตาก็ให้คนมาเชิญไปพบที่กุฏิ

   ผมเดินตามเฮียแผนขึ้นกุฏิไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น พยายามจำกัดสายตาไว้ที่พื้นกุฏิเพื่อระงับอาการตื่นเต้นของตัวเอง เมื่อไปถึงด้านหน้าเจ้าอาวาสแล้ว เราทั้งสองก็ทรุดตัวลงนั่งแล้วก้มลงกราบอย่างเรียบร้อย

   “กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ” เมื่อกราบเรียบร้อยแล้ว เฮียแผนก็พนมมือแล้วเริ่มบทสนทนาทันที

   “เจริญพร โยมทั้งสองต้องการพบกับอาตมาเรื่องอะไรหรือ?”

   หลวงตาถามเฮียแผน ก่อนที่ดวงตาที่มีแววอ่อนโยนปราณีคู่นั้นจะมองมาที่ผมแล้วยิ้มให้เหมือนกับว่าเรารู้จักกันมาก่อน ทำให้หัวใจผมเต้นกระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นและพยายามระงับอารมณ์ตัวเอง จนเฮียแผนที่สังเกตอยู่แล้วต้องปล่อยมือพี่พนมข้างหนึ่งมาลูบแขนผมเบาๆ

   “รีบคุยธุระกันก่อนเถอะโยม จะได้คุยเรื่องอื่นกันต่อ” หลวงตาหันไปคุยกับเฮียแผนต่อ ซึ่งเฮียแผนก็เข้าเรื่องทันที

   “ผมมีความประสงค์จะให้ทุนกับเด็กวัดของที่นี่ครับ เป็นทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 5 ทุน โดยผมจะให้หลวงตาเป็นผู้เลือกคนเข้ารับทุนตามแต่จะเห็นสมควรน่ะครับ”

   “ดี ดีจริงๆ เป็นบุญของเด็กมัน เดี๋ยวอาตมาจะส่งรายชื่อเด็กไปให้โยม เอ่อ..”

   “ขุนแผนครับ เรียกแผนเฉยๆ ก็ได้ เดี๋ยวผมทิ้งเบอร์ไว้ให้ก็แล้วกันครับ ถ้าหลวงตาตัดสินใจเมื่อไหร่ก็โทรไปหรือไม่ก็ให้คนไลน์ไปแจ้งรายชื่อกับผมก็ได้ครับ ผมจะได้ดำเนินการขั้นตอนในการให้ทุนต่อไป” พูดจบเฮียแผนก็หยิบนามบัตรยื่นให้ลวงตา

   “ได้สิ เดี๋ยวถ้าอาตมาตัดสินใจแล้วจะให้คนติดต่อไปก็แล้วกัน ว่าแต่จำเป็นต้องเป็นต้องเป็นเด็กที่ขึ้นปีหนึ่งอย่างเดียวหรือเปล่า ต้องดูผลการเรียนประกอบด้วยไหม”

   “แล้วแต่หลวงตาเลยครับ จะเป็นเด็กที่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายก็ได้ หรือจะเป็นเด็กที่ยังไม่เรียนมหาวิทยาลัยก็ได้ครับ ส่วนผลการเรียนคงไม่ต้อง ขอแค่สอบเข้าเรียนได้ เป็นเด็กดีและหลวงตาเห็นว่าสมควรได้รับทุนก็พอครับ”

   “อืม ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวอาตมาจะจัดการให้... ตามที่เห็นสมควรก็แล้วกัน” ประโยคแรกแววตาปราณีคู่นั้นหันมาหาผม ก่อนจะหันไปมองเฮียแผนแล้วพูดต่อ

   “ขอบคุณมากครับ”

   “อาตมาสิควรขอบคุณ ขอบคุณแทนเด็กที่นี่ด้วยนะ”

   “คนบางคนก็สมควรได้รับโอกาสครับ”

   “หึๆ นั่นสินะ เรื่องทุนโยมแผนมีเรื่องอะไรที่จะบอกหรือกำชับอีกไหม”

   “ไม่มีแล้วครับ”

   “แล้วโยมล่ะ มีอะไรจะถามหรือเปล่า” พอเฮียแผนบอกว่าไม่มีอะไรแล้ว หลวงตาก็หันมาถามผมต่อทันที จนผมเกือบสะดุ้งเพราะไม่ทันตั้งตัว

   “ผม... คือผม “ ผมมองท่านด้วยความรู้สึกสับสนและไม่มั่นใจ อีกทั้งยังไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มยังไงดี

   “อย่างที่อาตมาเคยบอก ว่าสัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุมีผลทั้งสิ้น” ตาของผมเบิกกว้าง เมื่อหลวงตาพูดเหมือนตอนที่วิญญาณผมมาที่นี่

   “ที่ผมต้องมาที่นี่ก็เพราะกรรมเหรอครับ” หลวงตาไม่ได้ตอบเป็นคำพูด แต่รอยยิ้มที่ส่งมาตีความหมายว่าใช่

   “แล้วตอนนี้แสนปลอดภัยรึยังครับ จะมีอันตรายอะไรอีกรึเปล่า” เฮียแผนถามขึ้นมาด้วยสีหน้ากังวล

   “เคราะห์หนักผ่านไปแล้ว ทั้งที่ชดใช้ด้วยตัวเอง และมีคนช่วยแบ่งเบา” หลวงตาตอบเฮียด้วยรอยยิ้ม

   ประโยคหลังทำให้เราสองคนหันมามองหน้ากัน ก่อนเฮียแผนจะถอนใจแล้วยิ้มด้วยความโล่งอก ส่วนผมนั้นยิ้มด้วยความปลื้มใจที่เฮียรักและเป็นห่วงผมเสมอ

   “มีอะไรจะถามอีกไหม” หลวงตาถามด้วยน้ำเสียงปราณี

   “แล้วไอ้คล้าว....” ผมอยากจะถามถึงมันเหลือเกิน แต่ไม่กล้า กลัวว่าหลวงตาจะรู้ว่าผมคิดและรู้สึกอะไรกับมัน

   “ตอนนี้มันไปทำงานที่กรุงเทพฯ เห็นบอกว่าอยากจะเก็บเงินเรียนปริญญาตรี อีกนานกว่าจะกลับ คงจะกลับมาช่วงเกี่ยวข้าวเลยนั่นแหละ” ฟังแล้วหัวใจก็ห่อเหี่ยวด้วยความผิดหวัง เมื่อเห็นอาการของผม หลวงตาเพียงยิ้มแล้วพูดต่อ

   “คนเราจะพบเจอกันได้ก็เพราะเคยทำบุญทำกรรมร่วมกันมา การพลัดพรากจากก็เช่นกัน ทุกสิ่งล้วนเกิดจากกรรม กรรมซึ่งหมายถึงการกระทำ ต่อจากนี้ไปก็ขึ้นอยู่กับโยมทั้งสองแล้ว”

   “หลวงตาทราบ?” หลวงตาเพียงยิ้มรับ

   “ต่อไปก็ต้องพยายามหน่อยนะ” คำพูดของหลวงตาทำให้ผมรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที

   “ครับ ผมจะพยายาม” ในเมื่อหลวงตารู้ และไม่มีทีท่าว่าจะรังเกียจ ก็ทำให้ผมมั่นใจยิ่งขึ้น ถ้าได้เจอกันอีกครั้ง ผมจะไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไปแน่!
**********************************************
   หลังจากหมดธุระและหมดข้อสงสัยในทุกเรื่องแล้ว เราทั้งสองก็กราบลาหลวงตาและบอกว่าจะไปเที่ยวรอบๆ หมู่บ้าน ซึ่งหลวงตาก็น่าจะรู้เป้าหมายของเราดี จึงปล่อยให้เราไปกันเอง ไม่ได้ให้ใครตามไป ก่อนจะจากมาหลวงตาก็ถามผมด้วยรอยยิ้ม

   “จำทางได้ใช่ไหม”

   “จำได้แม่นเลยครับ” ผมตอบรับด้วยแววตาเป็นประกาย

   ผมบอกให้เฮียแผนขับรถไปตามเส้นทางที่อยู่ในความทรงจำเรื่อยๆ จนไปถึงท้ายหมู่บ้านก็จอดรถทิ้งไว้ข้างทางก่อนจะเดินตรงไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่โดดเด่นที่ปลายทุ่ง

   ผมเร่งฝีเท้าไปด้านหน้าเร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว สายตามองตรงไปที่บ้านหลังนั้นโดยไม่ละสายตา เมื่อไปถึงก็ยืนมองตัวบ้านนิ่งนานด้วยความรู้สึกโหยหา

   ประตูบ้านปิดสนิทและลงกลอนไว้แน่นหนา ผมละสายตาจากตัวบ้านแล้วกวาดสายตามองรอบๆ ตัว รู้สึกว่าทุกอย่างแทบจะอยู่ในสภาพเดิมเหมือนในความทรงจำของทองกวาวทุกอย่าง

   ผมเดินไปแตะต้นสะเดาที่ชอบเอาตัวถูกับลำต้นหยาบๆ ของมันเมื่อรู้สึกคัน เดินไปแตะกอมะลิที่ออกดอกพราวเต็มต้นแม้เจ้าของไม่อยู่

   ก่อนที่จะเดินตรงไปยังคอกควายที่อยู่ไม่ห่างจากตัวบ้าน ผมไล้ไม้ไผ่ล้อมคอกไปเรื่อยๆ สายตาเริ่มพร่ามัวเพราะละอองน้ำกลั่นออกมาบดบังสายตา

   ผมเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตา เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งสายตาก็สะดุดเข้ากับเนินดินแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใต้ร่มไม้ไม่ไกลจากคอก เท้าผมก้าวไปหาเนินดินอย่างไม่รู้ตัว เมื่อไปถึงก็เห็นป้ายที่ทำจากไม้ เขียนชื่อด้วยสีขาวว่า ‘ทองกวาว’

   ผมลูบป้ายชื่อที่เขียนด้วยลายมือคุ้นตานั้นเบาๆ ความรู้สึกข้างในมันตีขึ้นมาจนรู้สึกจุกในอก ก่อนที่น้ำตามันจะไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

   “ฮึก ฮืออออ” ผมทรุดตัวลงร้องไห้สะอึกสะอื้นหน้าหลุมศพของทองกวาวด้วยความรู้สึกโหยหา

   การที่ได้มาอยู่ที่นี่หลายเดือน ทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับที่นี่เหมือนเป็นบ้านอีกหลัง ยิ่งได้มาเห็นบ้านหลังนี้ ความทรงจำตอนอยู่ในร่างของทองกวาวก็ยิ่งแจ่มชัดมากขึ้น

   โดยเฉพาะความทรงจำครั้งสุดท้ายก่อนที่จะตายและต้องจากไอ้คล้าวไป

   “ฮึก ไอ้คล้าว ฮืออออ”

   เฮียแผนที่เดินตามมาเงียบๆ ทรุดตัวนั่งลงข้างๆ แล้วดึงผมไปกอด

   “ไม่เอาน่า อย่าร้องสิ ชู่ว” เฮียแผนเอ่ยปลอบ มือที่กอดก็ขยับลูบหลังปลอบโยนไปด้วย

   “ฮืออออ”

   “เฮ้อ! งั้นร้องให้พอก็แล้วกัน เฮียจะอยู่ข้างๆ เอง” เมื่อเห็นผมร้องไม่ยอมหยุด เฮียแผนถอนหายใจ ก่อนจะปล่อยให้ผมร้องไห้ต่อไป อุทิศอกเป็นที่ซับน้ำตาให้ผมเงียบๆ

   ผมร้องไห้จนเหนื่อย ให้น้ำตาช่วยระบายความอัดอั้นทุกอย่างที่อยู่ข้างใน จนเมื่อหัวใจรู้สึกปลอดโปร่งขึ้น น้ำตาก็ค่อยๆ หยุดไหลไปเอง

   เมื่อน้ำตาหยุดไหลแล้ว เฮียแผนก็จูงมือผมไปที่โอ่งน้ำแล้วตักน้ำให้ล้างหน้าล้างตาจนรู้สึกสดชื่น ทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ดีขึ้น

หลังจากควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้ว ผมจึงพาเฮียเดินเล่นรอบๆ บ้าน ประหนึ่งเป็นบ้านของตัวเอง หยิบปลายข้าวที่อยู่ใต้ถุนเรือนหว่านให้ไก่ที่เดินหากินอยู่แถวๆ นั้น ระหว่างนั้นก็เล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่นี่ให้เฮียฟังไปเรื่อยๆ

ผมพาเฮียเตร่ชมท้องทุ่งนาที่เต็มไปด้วยต้นข้าวที่กำลังตั้งท้องเขียวขจีกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ในไม่ช้าก็คงจะสุกเป็นสีทองอร่ามทั่วท้องทุ่ง

ชี้ชวนให้ดูบึงน้ำที่ไอ้คล้าวพาไปกินน้ำและแช่น้ำคลายร้อนทุกวัน พาเดินไปที่ลำธารที่ไอ้คล้าวชอบพาไปนอนหลบแดดคลายร้อนและแช่น้ำเล่น

ผมอยากให้เฮียได้รู้จักกับสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำแห่งนี้

   ในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าในสักวัน จะมีโอกาสได้มาเดินเคียงข้างกับไอ้คล้าวเหมือนตอนที่อยู่ในร่างของทองกวาวอีกครั้ง

****************************************************************
 :mc1: :mc1: :mc1:

หย่อนไว้แล้ววิ่งหนี เพราะก็ยังไม่ได้เจอกัน แฮ่!
อย่าเพิ่งด่าเราน้า ตอนนี้ยังเจอกันไม่ได้จริงจริ๊งงงงงงง
ครั้งหน้าเจอกันแน่นอนค่ะ สัญญาเมื่อสายัณห์.... สัญญา .... มุกกากแต่อยากเล่น ถถถ

****************************************************************

# wutwit พอดีคนเขียนจนค่ะ ไม่มีตังค์จ่ายค่าตัว แหะๆ รออีกนิดดดดนะคะ ปล.บางทีคนอ่านก็น่ากลัวอะ เดาแม่นกันจริง 555555
# puiiz  :L2: :L2:
# ommanymontra  :L2: :L2:
#iceman555 ตอนหน้ามาดูกันค่ะ แหะๆ รออีกนิดนะคะ
#fon270640 ค่าตัวแพงไม่เท่าไหร่ คนเปย์จนนี่สิคะปัญหา ถถถ
#19th แพงมากค่า คนเขียนก็จนมากด้วย ไม่มีตังค์เปย์ ถถถ
#lovenine แพงจริงๆ ค่ะ คนเขียนไม่มีตังค์เปย์ ถถถ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ กอดดดดดดดด
#dahlia ตอนนี้ก็มาแต่ชื่อค่ะ แหะๆๆ รออีกนิดนะคะ ตอนหน้าเจอกันแน่นอนนนนน
#วายซ่า คราวหน้ามาลุ้นกันค่า


รักกกกกกกกกก  :L1:
กอดดดดดดดดดดดด  :กอด1:
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2018 09:50:08 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
โอ้ยยยย ไอ้คล้าวค่าตัวแพงกว่าณเดช+มาริโอ้ไปแล้วนะเนี่ย ยังๆๆๆๆ ยังไม่ออกมาอีก
ปล.ขอไอ้ไม้ออกมาด้วยเน้อ คิดถึงทั้งคู่เลย อยากได้ไม้คู่ธงรบ555555

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  ขอให้เจอกันไวๆ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
สงสารทองกวาวนะ ยิ่งช่วงนี้บรรยากาศฝนฟ้ามืดครึ้ม พอบรรยายบรรยากาศแล้ว เหมือนตัวเองเดินไปกับแสนด้วย
ไม่เป็นไรจ๊ะ พี่คล้าวค่าตัวแพง ยังไงก็รอได้จ้าา
 :oni3: :oni3: :oni3:

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนหน้าได้เจอก็ยังดี สงสารน้องร้องไห้แล้วร้องไห้อีก  :sad4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
พี่คล้าวมาทำงานอะไรที่ กทม แล้วมากับใคร อยู่กับครายยยยยย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
 แอบน้ำตาซึม ทองกวาว ก็ผูกพัน รักไอ้คล้าว อ่ะเนอะ ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมา ฝ่าฟันหว่านไถ่นา มาด้วยกัน คิดถึงไอ้คล้าว ยุ นะ ม่ะรุ้ เป็นไงบ้าง แต่ เป็นคู่กรรม กันแล้ว ไอ้คล้าวไม่รอดมือทองกราว แน่นอน ถถถ (หลวงตาบอกไว้ล่ะ) ขอบคุณ ผู้แต่ง ทุกบท ทุกตอน รอตลอด คิดถึงไอ้คล้าวทองกราว และ ผู้แต่ง เสมอ จ้า กอดดดดดด :กอด1: o13 :hao5: :pig4:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องกลับมารำลึกความหลัง แต่ไอ้คล้าวกลับไปทำงานกรุงเทพฯ ถ้าบังเอิญเจอกัน คล้าวจะรู้สึกมั๊ยว่าเป็นน้องทองกวาว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
มารอพี่คล้าว

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 9

   ผมมองไปที่ประตูห้องประชุมที่บริษัทของเฮียแผนด้วยความรู้สึกตื่นเต้นกระวนกระวาย วันนี้เป็นวันหยุด แต่เฮียนัดเด็กทุนที่เจ้าอาวาสแต่ละวัดคัดเลือกให้มาสัมภาษณ์ที่บริษัท

   แน่นอนว่าหนึ่งในนั้น มีไอ้คล้าวของผมอยู่ด้วย ทำให้ผมตื่นเต้นที่จะมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้ง

   นอกจากเฮียแล้วก็มีเพื่อนสนิทเฮียอีกสองคนคือพี่วินกับพี่กรและธงรบที่สนใจช่วยสนับสนุนทุนในครั้งนี้มานั่งช่วยสัมภาษณ์ด้วย ที่จริงก็ไม่ได้จะสัมภาษณ์จริงจังอะไรหรอก เพราะเราให้เครดิตกับเจ้าอาวาสไปแล้ว ที่นัดมาก็เพื่อทำความรู้จักกับคนที่ได้รับทุนมากกว่า เฮียแผนจึงให้ผมนั่งเพื่อฟังสัมภาษณ์ไปด้วย

   นอกจากสัมภาษณ์แล้ว เฮียแผนยังให้น้องๆ ที่กำลังเรียนอยู่และคนที่สอบติดแล้วนำเอกสารมาด้วยเพื่อดำเนินการในการให้ทุนต่อไป ส่วนคนที่ยังสอบไม่ได้ก็ให้เตรียมเอกสารบางส่วนมา รอให้สอบติดก่อนแล้วค่อยมาดำเนินการเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยอีกครั้ง

   ก่อนที่จะถึงเวลานัด พี่ๆ กับธงรบก็นั่งจิบกาแฟคุยกันสบายๆ มีแต่ผมที่รู้สึกกระวนกระวายจนทนไม่ไหว ต้องเดินไปนอกห้องเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อน กลัวว่าธงรบจะรู้สึกผิดสังเกตแล้วถามอะไรออกมา

   ผมเดินไปที่สวนเล็กๆ ข้างๆ ตึกที่ทำไว้เพื่อเป็นที่พักผ่อนสำหรับพนักงาน สีเขียวๆ ของต้นไม้ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ผมเดินไปดูดอกมะลิที่กำลังออกดอกพราวเต็มต้น เห็นแล้วนึกถึงบ้านหลังน้อยริมทุ่ง ผมเด็ดดอกมะลิดอกหนึ่งขึ้นมาดม กลิ่นหอมหวานของมันทำให้อดจะยิ้มออกมาไม่ได้

   “ขอโทษครับ”

   ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงคุ้นๆ ของคนที่มาอยู่ข้างหลังเมื่อไหร่ไม่รู้ เมื่อหันกลับไปแล้วเห็นหน้าคนที่ทักก็ได้แต่ยืนอึ้ง

   “คือ ไม่ทราบว่าห้องสัมภาษณ์ทุนไปทางไหนครับ?” คนตรงหน้าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ

   ไอ้คล้าว!

   ผู้ชายหน้าตาคมเข้ม รูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า คือไอ้คล้าวของผมไม่ผิดแน่ ต่อให้คนตรงหน้าแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็คสีดำดูสุภาพแปลกตา แต่ผมก็จำคนที่อยู่ในใจตั้งแต่เป็นทองกวาวได้

   ผมได้แต่จ้องคนตรงหน้าตาแทบไม่กระพริบ ไม่กล้าพูดอะไรออกไปสักคำ เพราะกลัวเหลือเกินว่าภาพตรงหน้าจะเป็นแค่ความฝันหรือภาพลวงตา

   “เอ่อ เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ไม่รู้ว่าตอนนี้สีหน้าของผมเป็นแบบไหน คนตรงหน้าถึงได้ถามด้วยสีหน้ากังวลแบบนั้น

   “...”

   “คุณ! ร้องไห้ทำไมครับ เจ็บตรงไหนรึเปล่า หรือว่างูกัดวะ” ไอ้คล้าวถามด้วยน้ำเสียงตกใจ ทำให้ผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังร้องไห้อยู่ เมื่อเห็นผมยังนิ่งมันก็พึมพำเบาๆ ก่อนจะชะโงกมองไปที่กอมะลิแล้วกวาดตามองสำรวจเร็วๆ

   “ฮึก” แต่ยิ่งเห็นท่าทางห่วงใยของมันก็ยิ่งทำให้น้ำตาผมไหลออกมามากขึ้น ไอ้คล้าวก็ยิ่งละล้าละลังเหมือนทำอะไรไม่ถูก มันกวาดสายตาสำรวจจนทั่วตัวผม พอเห็นว่าผมแค่ร้องไห้ไม่ได้มีอาการอะไรผิดปกติ ก็ยืนอยู่เป็นเพื่อนเงียบๆ ต่อไป

   “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” เมื่อเห็นผมยังร้องไห้ไม่หยุด มันก็ถามอย่างมีน้ำใจ พักนี้ชักจะร้องไห้บ่อยไปแล้ว แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันทำให้หัวใจวุ่นวายเหลือเกิน

   “ช่วย ฮึก อยู่เป็นเพื่อนผมสักครู่ได้ไหม”

   “ได้สิครับ” มันตอบรับอย่างว่าง่าย ทั้งๆ ที่มีสีหน้าสงสัย แต่ก็ยังรักษามารยาท ไม่ได้ถามอะไรออกมา

เพราะผมรู้ว่ามันเป็นคนใจดี มีน้ำใจกับคนอื่นเสมอ ผมจึงใช้เรื่องนี้รั้งมันไว้ข้างๆ ต่ออีกสักนิด ตอนนี้ทำได้เพียงแค่นี้ ต่อให้อยากกอดสักแค่ไหน แต่ในฐานะคนที่เพิ่งเจอกันนั้น... ผมยังไม่มีสิทธิ์

อยากกอดเหลือเกิน อยากบอกออกไปเหลือเกินว่าทองกวาวอยู่นี่แล้วนะ พี่คล้าวของทองกวาว

แต่ก็รู้ดีว่าทำไม่ได้ ขืนพูดออกไปมันต้องหาว่าผมเป็นบ้าแน่ๆ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาเพื่อระบายความอัดอั้นในหัวใจไปเรื่อยๆ

“ฮึก ฮืออออ”



   ไอ้คล้าวยืนอยู่เป็นเพื่อนผมเงียบๆ แม้จะไม่มีบทสนทนาสักคำ แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด กลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

   ในที่สุดก็ได้เจอกันอีกครั้งในสภาพที่เป็นมนุษย์ทั้งคู่ ผมพยายามปลอบใจตัวเองว่ายังมีโอกาสอีกมากที่จะได้อยู่เคียงข้างกันเหมือนตอนนี้ แค่ต่อไปต้องพยายามไขว่คว้าหาโอกาสให้เต็มที่และอย่ายอมแพ้ง่ายๆ หัวใจของไอ้คล้าวต้องเป็นของผมอย่างแน่นอน ผมคิดด้วยความมุ่งมั่น

   เมื่อคิดได้อย่างนั้น น้ำตาผมก็ค่อยๆ หยุดไหล พอเห็นผมหยุดร้องไอ้คล้าวก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าที่ดูยับๆ ในกระเป๋ายื่นให้ผม

   “ยังไม่ได้ใช้นะครับ ยับไปหน่อย แต่สะอาดแน่นอนครับ” มันบอกเมื่อเห็นผมจ้องผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นนิ่งๆ ที่จริงไม่ได้รังเกียจอะไรสักนิด ที่เงียบไปเพราะคิดไม่ถึงว่ามันจะส่งผ้าเช็ดหน้าให้มากกว่า

ผมยื่นมือไปรับผ้าเช็ดหน้าในมือมัน แต่พอมือแตะกันก็ต้องสะดุ้งทั้งคู่ เมื่อรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านและรู้สึกเหมือนไฟช็อตขึ้นมาครู่หนึ่ง เราทั้งคู่จึงเผลอมองหน้ากันและสบตากันนิ่งๆ

ตุบ!

ก่อนที่จะสะดุ้งกันอีกรอบ เมื่อกระรอกตัวหนึ่งหล่นลงมาใกล้ๆ เราสองคนพอดี

เราทั้งคู่หันไปมองกระรอกที่วิ่งกลับขึ้นไปบนต้นไม้ ก่อนจะหันกลับมามองมือที่ยังแตะค้างกันอยู่เหมือนเดิม พอรู้ตัวต่างคนต่างก็รีบดึงมือของตัวเองออกมา แล้วก็เผลอสบตากันอีกครั้ง ก่อนจะรีบหลบตาแล้วหันหน้ากันไปคนละทาง

   ผมรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวจนต้องเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจเต้นรัวจนกลัวหัวใจจะวาย พอเหลือบไปมองไอ้คล้าวก็เห็นมันยกมือที่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ขึ้นลูบท้ายทอยเหมือนกำลังเก้อเขิน หน้ามันดูนิ่งๆ เหมือนเดิม แต่ใบหูแดงจนเห็นได้ชัด

ท่าทางของมันดูน่ารักจนผมต้องกลั้นยิ้ม

น่ารักจังเลยโว้ย! น่ารักจนอยากลากเข้าพุ่มไม้... แต่กลัวโดนกระทืบ ต้องพยายามย้ำกับตัวเองว่ายังไม่ถึงเวลา รอให้เป็นคนรักกันก่อนเถอะ จะลากเข้าพุ่มไหนก็คงไม่เป็นปัญหา... ฝากเอาไว้ก่อนนะพุ่มไม้ เอ๊ย! ไอ้คล้าว

ผมใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาและบังรอยยิ้มกว้างขวางของตัวเองไว้ ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ให้คงที่ แล้วหันไปมองหน้าไอ้คล้าว เมื่อมันหันมามองก็เอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มบางๆ

   “ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนนะครับ”

   “ไม่เป็นไรครับ” ไอ้คล้าวตอบรับด้วยรอยยิ้ม แต่สีหน้ายังมีความเก้อเขินจนผมรู้สึกใจชื้น เพราะอย่างน้อยมันก็ยังหวั่นไหวกับความใกล้ชิดเมื่อครู่บ้าง

   พออยู่ในร่างมนุษย์ ถึงได้รู้ว่าไอ้คล้าวมันสูงมาก ขนาดผมที่สูง 175 ก็ยังอยู่แค่ประมาณใบหูของมันเท่านั้นเอง มันน่าจะสูงพอๆ กับเฮียแผนและธงรบ ประมาณจากสายตาแล้วคงไม่ต่ำกว่า 185 แน่ๆ

   “เมื่อครู่คุณถามผมเรื่องห้องสัมภาษณ์ทุนใช่ไหมครับ” ผมเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้มันคลายความเก้อเขินลง รุกมากไปก็ไม่ดี เดี๋ยวไก่ตื่น

   “ใช่ครับ”

   “ตามผมมาเลยครับ เดี๋ยวผมพาไป”

   “ไม่รบกวนใช่ไหมครับ”

   “ไม่รบกวนหรอกครับ ผมต่างหากที่รบกวนเวลาคุณตั้งนาน” ผมส่งสายตากรงอกเกรงใจไปให้

   “ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้รบกวนอะไรเลย” ซึ่งคนใจดีอย่างมันก็รีบค้านทันที

   พอได้ยินอย่างนั้น ผมก็ส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งให้ เมื่อเห็นมันเริ่มมีอาการเก้อเขินอีกครั้ง ผมก็หันหลังเดินนำไปแล้วแอบยิ้ม

   นี่เห็นว่าเพิ่งจะเจอกันหรอกนะ เลยยอมปล่อยไปก่อน ต่อไปก็เตรียมตัวไว้เถอะ เจอรุกหนักกว่านี้แน่ๆ หึๆๆๆ

   ไอ้คล้าวเดินเยื้องๆ ตามหลังมา ระหว่างทางผมก็พยายามชวนคุยไปเรื่อยๆ จะได้สร้างความสนิทสนมให้มากขึ้นและลดความห่างเหินระหว่างเราลง

   “รบกวนคุณมาตั้งนาน ยังไม่ทราบชื่อของคุณเลย”

   “ผมคล้าวครับ”

   “แสนครับ เรียกพี่แสนก็ได้ เพราะถ้ามาสัมภาษณ์ทุนแสดงว่าน้องคล้าวน่าจะเป็นรุ่นน้องพี่” ผมบอกชื่อตัวเองบ้าง แล้วก็เนียนให้มันเรียกพี่ไปเลยจะได้ดูสนิทกันมากขึ้น

   “ครับ พี่แสน” ไอ้คล้าวมีท่าทีลังเลในตอนแรก แต่ก็ยอมเรียกแต่โดยดี

   ดีมาก ว่าง่ายๆ จะได้ ‘ใจ’ เร็วๆ หึๆ

   “นี่มาคนเดียวเหรอครับ” ผมถามด้วยความแปลกใจ เพราะเห็นรายชื่อไอ้ไม้อยู่ในชื่อเด็กทุนที่หลวงตาส่งมาด้วย แต่กลับเห็นไอ้คล้าวมาคนเดียว

   “ครับ” เมื่อเห็นผมหันไปมองด้วยสีหน้าแปลกใจ มันก็อธิบายต่อ

   “ที่จริงมีรุ่นน้องอีกคนที่สนิทกันได้รับทุนด้วยครับ แต่วันนี้ติดธุระสำคัญ มาไม่ได้ ก็เลยขอมาวันหลังแทน ส่วนอีกสามคนก็คงมาพร้อมกัน พอดีผมอยู่ใกล้อยู่แล้วเลยต้องมาคนเดียวครับ”

       “เหรอครับ” ไอ้ไม้คงติดธุระสำคัญจริงๆ ถึงได้มาด้วยไม่ได้ เพราะปกติไอ้ไม้ติดลูกพี่มันจะตาย

   “แล้วน้องคล้าวมาจากจังหวัดไหนครับ”

   “ผมมาจากสุพรรณฯ ครับ”

   ผมพยายามหาเรื่องชวนคุย แม้บางเรื่องจะเป็นเรื่องที่รู้อยู่แล้วก็ตาม ผมชวนคุยไปเรื่อยๆ ไอ้คล้าวก็ตอบคำถามของผมอย่างไม่มีทีท่าว่าจะรำคาญสักนิด ทำให้ผมได้แต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี

   จนไปถึงห้องประชุมที่จัดให้น้องๆ นั่งรอสัมภาษณ์ ผมก็บอกให้ไอ้คล้าวเข้าไปรอข้างในได้เลย เดี๋ยวจะมีคนมาเรียก มันยกมือไหว้ขอบคุณอย่างเรียบร้อยจนผมอดจะยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้

   หลังจากส่งไอ้คล้าวแล้ว พอดูเวลาก็ใกล้เวลาเริ่มสัมภาษณ์พอดี ผมจึงเดินกลับไปที่ห้องสัมภาษณ์ซึ่งเป็นห้องประชุมเล็กอีกห้อง

   พอเข้าไปก็เห็นทุกคนนั่งประจำที่แล้ว เฮียแผนนั่งอยู่ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยธงรบที่นั่งขวามือ ส่วนด้านซ้ายมือเป็นพี่วิน ถัดจากพี่วินก็เป็นพี่กรที่นั่งข้างๆ เพื่อน เก้าอี้ที่ว่างจึงเป็นที่นั่งข้างๆ ธงรบ ผมเดินไปนั่งลงเก้าอี้ที่ว่างเงียบๆ

   เมื่อเฮียกับธงรบเห็นสภาพของผมที่ตอนนี้ตาน่าจะบวมเพราะร้องไห้มาก็ขมวดคิ้วทันที ทั้งคู่ทำท่าจะอ้าปากถาม แต่พี่เลขาธนาพาน้องคนแรกเข้ามาในห้องซะก่อน จึงได้เงียบไป

   หลังจากสัมภาษณ์จบแล้วคงโดนพ่อๆ ซักอีกแน่ๆ เฮ้อ!

   ผมนั่งฟังสัมภาษณ์เงียบๆ นานๆ ถึงจะถามขึ้นมาสักที ถึงน้องๆ จะมีอาการตื่นเต้นกันทุกคน แต่ก็พยายามพูดคุยกันอย่างกระตือรือร้นและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้บรรยากาศในห้องเป็นไปอย่างผ่อนคลาย

   ยิ่งถึงคิวน้องๆ ที่มาจากวัดที่เฮียแผนไปบวชก็ยิ่งเป็นกันเองและเฮฮามากขึ้น เพราะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว

   จนเมื่อถึงคนสุดท้าย พอน้องมันเดินเข้ามา เฮียแผนก็หันมามองผมทันที ผมหันไปสบตาแล้วยิ้มให้ เป็นอันรู้กันว่าคนนี้แหละที่ผมเฝ้ารอที่จะได้พบหน้ามาตลอด

   “สวัสดีครับ” น้องมันยกมือไหว้อย่างเรียบร้อย เมื่อหันมาเห็นผมนั่งอยู่ด้วยก็ชะงักไปก่อนจะค้อมศีรษะให้ ซึ่งผมก็ยิ้มรับด้วยรอยยิ้มที่พยายามปั้นให้ดูอ่อนโยนที่สุด

   “เชิญนั่ง” เฮียแผนแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นเราสบตากันนานเกินไป

   น้องกำลังอ่อยอยู่ เฮียจะขัดทำไมเนี่ย! ผมแอบบ่นในใจ

   “ชื่ออะไรครับ” พี่วินถามขึ้นมาก่อน เมื่อเฮียแผนยังนิ่งไม่ยอมเริ่มทักน้องเหมือนก่อนหน้านี้ เอาแต่จ้องน้องมันนิ่งๆ

   “ผมคิมหันต์  รักดี ชื่อเล่นชื่อคล้าว มาจากสุพรรณฯ ครับ”

   “อ๋อ พี่คล้าวของทองกวาวในเรื่องมนต์รักลูกทุ่งใช่ไหม” ผมแอบสะดุ้ง เมื่อธงรบมันถามยิ้มๆ คงตั้งใจจะช่วยให้น้องผ่อนคลาย แต่ดันทำให้ผมใจเต้นเมื่อได้ยินชื่อเก่าของตัวเอง

   “ครับ” ไอ้คล้าวรับคำ แต่แววตามันหมองลงไปครู่หนึ่ง เดาว่าน่าจะเป็นเพราะได้ยินชื่อของทองกวาวแน่ๆ

   ผมได้แต่ส่งสายตาปลอบโยนไปให้โดยที่มันไม่รู้ตัว ดูท่าแล้วมันน่าจะยังไม่ลืมทองกวาวของมัน ซึ่งทำให้ผมรู้สึกดีใจที่มันไม่ลืมกัน ถึงแม้ว่าเป็นผมในร่างควายก็เถอะ

   “คุณวางแผนไว้ว่าจะสอบเข้าเรียนคณะอะไรครับ” เฮียแผนถามด้วยรอยยิ้มมุมปากและน้ำเสียงนิ่งๆ จนเพื่อนเฮียทำหน้าแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้เฮียก็ยิ้มแย้มแจ่มใสดี แต่ตอนนี้ทำท่าเหมือนจะกินหัวเด็กแทนซะอย่างนั้น

   “ผมตั้งใจไว้ว่าจะสอบเข้าคณะเกษตรศาสตร์ครับ” น้องมันตอบอย่างสุภาพ หน้านิ่งๆ นั้นดูจริงจัง แต่แววตาเป็นประกาย คงจะดีใจที่มีโอกาสได้เรียนเหมือนที่เคยฝันไว้ เห็นแล้วผมก็พลอยรู้สึกดีใจไปกับมันด้วย แต่ก็ต้องรีบหุบยิ้ม เมื่อธงรบหรี่ตามองมาด้วยแววตาสงสัยเต็มที่

   แย่แล้ว! ลืมตัว

   ผมได้แต่ปั้นหน้านิ่ง พยายามนึกหาข้อแก้ตัวกับมันก่อนจะถูกซักหลังจากนี้

   “มีแฟนรึยังครับ” แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไร คำถามของเฮียแผนก็ทำเอาผมหันขวับไปมองจนคอแทบเคล็ดทันที

   “ห๊ะ!” อันนี้ไม่ใช่เสียงน้องครับ แล้วก็ไม่ใช่เสียงผมด้วย แต่เป็นเสียงของอีกสามคนที่เหลือที่ทำหน้าตื่นๆ เมื่อเจอคำถามเฮียเข้าไป

   ถามอะไรของเฮียยยย

   ส่วนคนถูกถามก็ได้แต่ทำหน้างง มันคงจะสงสัยว่าคำถามนี้มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องทุน แต่ด้วยความซื่อของมัน น้องมันก็ยอมตอบแต่โดยดี

   “ตอนนี้ไม่มีครับ”

   “แสดงว่าเคยมี?” เฮียยังคงถามต่อโดยไม่สนใจคนที่เหลือซึ่งกำลังอึ้งอยู่เลย

   “ครับ” มันรับคำด้วยสีหน้าเศร้าๆ คงกำลังนึกถึงดาวเรืองอยู่

   “ทำไมถึงเลิกกัน”

   เอ่อ... คำถามมันไม่ละลาบละล้วงไปเหรอเฮีย

   “...” น้องมันมีสีหน้าลำบากใจที่จะตอบ

   “เฮีย... ” พอเห็นสีหน้าของมัน ผมก็พยายามเอ่ยปากห้าม แต่เฮียแผนส่งสายตามาบอกให้หยุด ผมก็ได้แต่ถอนใจแล้วปล่อยให้เฮียใช้อำนาจมิชอบถามเด็กผมต่อ เฮียยอมเปลี่ยนคำถามให้ แต่เป็นคำถามที่ฟังแล้วก็ยังแปลกๆ อยู่ดี

   “ยังรักเขาอยู่ไหม”

“ครับ” แค่ได้ยินว่ามันยังรักดาวเรืองอยู่ หัวใจผมก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันที เฮียแผนหันมาส่งสายตาปลอบโยนให้ผมก่อนจะถามต่อ

   “แล้วถ้าเขามาขอคืนดี จะกลับไปคืนดีไหม”

   “...” ไอ้คล้าวมันเงียบไป แววตามันเหม่อลอยไปชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับมาตอบด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ

   “คงไม่ครับ”

   “เพราะอะไร พอจะบอกได้ไหม” เพิ่งจะมาเกรงใจอะไรตอนนี้เฮีย ผมได้แต่ถอนหายใจเพลียๆ ให้กับคำถามของเฮีย

   “เพราะต่อให้ยังรักอยู่ แต่ผมก็ไม่เหลือความเชื่อใจให้เธออีกแล้วครับ ถ้าไม่มีความเชื่อใจ มีแต่ความรู้สึกระแวง ต่อให้คืนดีกัน ก็คงไปไม่รอดอยู่ดีครับ”

   “อืม ดี”

   เฮียพยักหน้าพอใจกับคำตอบ ส่วนผมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ได้แต่หวังว่ามันจะทำได้อย่างที่พูดจริงๆ ก่อนจะต้องสะดุ้ง เมื่อได้ยินคำถามต่อมา

   “แล้วคิดยังไงกับเพศที่สาม”

   “เพศที่สาม?” คล้าวทวนคำงงๆ

   “อย่างตุ๊ด กะเทย ทอม เกย์ ประมาณนั้น รังเกียจไหม?” เฮียแผนขยายความ

   “ไม่รังเกียจครับ เพราะพวกเขาก็เป็นคนเหมือนกัน ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากผมหรือคนอื่นเลยครับ”

   “แล้วถ้า... มีคนพวกนี้มารักมาชอบ เธอจะรู้สึกยังไง จะรังเกียจรึเปล่า”

   น้องมันทำท่าครุ่นคิดอย่างจริงจังก่อนจะตอบ

   “เขาก็แค่มีความรู้สึกดีๆ ให้กับผมเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำผิดอะไร ผมคงไม่รังเกียจครับ”

   “ดี” เฮียแผนยิ้มแววตามีความพอใจ ส่วนผมลุ้นจนแทบจะลืมหายใจตั้งแต่ได้ยินคำถาม ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกอีกครั้งเมื่อได้ฟังคำตอบของมัน

   หลังจากนั้นคำถามของเฮียแผนก็ดูจะผ่อนคลายขึ้น อย่างเช่น ตอนนี้อาศัยอยู่กับใคร ทำงานอะไร ชอบกินอะไร มีเพื่อนสนิทกี่คน จบแล้วอยากทำงานที่ไหน ซึ่งน้องมันก็ตอบทุกคำถามอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหงุดหงิดสักนิด เฮียแผนถามอยู่คนเดียวจนพอใจถึงได้ยอมปล่อยให้น้องมันไปได้

   ไอ้คล้าวมันลุกขึ้นยกมือไหว้ หันมาค้อมศีรษะให้ผมเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไป

   ผมได้แต่มองตามหลังของไอ้คล้าวตาละห้อย

   พอหันมาอีกทีก็ต้องสะดุ้ง เมื่อธงรบหรี่ตามองอย่างสงสัย ส่วนเฮียแผนก็โดนเพื่อนจ้องเขม็งไม่ต่างกัน

   “นี่มึงเปลี่ยนแนวเหรอไอ้ขุนแผน” พี่วินที่นั่งอยู่ข้างๆ เฮียถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าข้องใจ

   “เปลี่ยนแนวอะไร” เฮียถามนิ่งๆ ก่อนจะหยิบน้ำมาจิบน้ำแก้คอแห้ง ก็ใครใช้ให้ซักน้องมากขนาดนั้นล่ะ ถ้าเป็นเสื้อผ้าป่านนี้คงสะอาดไปแล้ว

   “ก็มึงถามอย่างกับจะจีบน้อง”

   “แค่กๆๆ” เฮียแผนสำลักน้ำขึ้นมาทันที

   “นั่นน่ะสิ นี่มึงเปลี่ยนแนวมาชอบผู้ชายเมื่อไหร่วะ ถ้าเป็นผู้ชายน่ารักอย่างน้องแสนกูจะไม่แปลกใจเลย แต่นี่น้องมันล่ำมากเลยนะเว้ย” พี่กรเสริมด้วยสีหน้าแปลกใจขั้นสุด

   ผมได้แต่กลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น เมื่อเห็นเฮียทำหน้าพิลึกกับคำถามเพื่อน ก่อนที่เฮียจะหันไปมองเพื่อนตาเขียวเมื่อพี่กรพาดพิงถึงผม

   ฮ่าๆๆๆๆๆ ตลก!

   “เฮีย ผมหิวข้าว” ผมกลั้นหัวเราะ แล้วรีบช่วยเฮียก่อนที่จะถูกเพื่อนซักไปมากกว่านี้

   “น้องกูหิวข้าวแล้ว ไปแสนไปกินข้าวกัน” พูดจบก็รีบลุกแล้วมาคว้ามือผมจูงเดินออกไปทันที ปล่อยให้ธงรบกับพี่ๆ นั่งงงกันสักพักก่อนจะผุดลุกขึ้นตามมา

   “เฮ้ย! รอด้วยสิ”

   เมื่อออกมาจากห้อง เฮียก็พาเดินไปที่ห้องประชุมใหญ่ที่พี่ธนากับเลขาพี่ๆ อีกสองคนช่วยกันจัดการเรื่องเอกสารอยู่ แต่เพราะประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเยี่ยมของพี่ๆ ทำให้เคลียร์ได้เร็ว ตอนนี้ในห้องจึงเหลือแต่พี่ๆ ทีมเลขาที่กำลังช่วยกันเก็บของอยู่

   ป่านนี้ไอ้คล้าวคงจะกลับไปแล้ว เพราะมันยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ต้องรอให้สอบได้ก่อน ค่อยมาจัดการเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยอีกที ผมอดจะถอนหายใจด้วยความเสียดายไม่ได้

   อยากเห็นหน้าอีกสักนิด ยังไม่หายคิดถึงเลย

   “ใจเย็นๆ ยังมีโอกาสอีกนาน” เฮียบีบมือเบาๆ แล้วเอ่ยปลอบเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของผม

   “ครับเฮีย”

   หลังจากนั้นเราทั้งแปดก็ไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารที่จองไว้ด้วยกัน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ยังมีสัมภาษณ์น้องๆ ที่เหลืออีกชุด

   ตอนแรกธงรบทำท่าจะตามกลับไปที่บ้านด้วย ผมรู้ว่ามันสงสัยเรื่องไอ้คล้าวและตั้งใจจะมาซักผมต่อ แต่โดนที่บ้านโทรตามให้ไปงานเลี้ยงซะก่อน มันเลยจำใจต้องกลับบ้าน ก่อนจะกลับมันยังเข้ามากระซิบให้ผมเสียวสันหลังเล่นด้วย

   “กูยังไม่ลืมนะ พรุ่งนี้กูจะมาถามใหม่”

   คงต้องหาข้อแก้ตัวดีๆ ไว้ซะแล้ว!



   เมื่อกลับมาถึงบ้าน พอเห็นว่าป๊ากับแม่ยังไม่กลับ เฮียก็เดินนำไปที่ห้องของผม เมื่อเข้าห้องและนั่งประจำที่แล้วก็เริ่มถามทันที

   “ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์เกิดอะไรขึ้น แสนร้องไห้ทำไม ทำไมในห้องทำเหมือนรู้จักกันแล้ว ไปเจอกันที่ไหน”

   อื้อหือ มาเป็นชุดเลย

   “แสนเจอน้องมันที่สวน พอดีน้องมันมาถามทางไปห้องสัมภาษณ์ พอเห็นหน้าแล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง น้องมันก็เลยอยู่ปลอบครับ เลยทำความรู้จักตอนนั้นเลย”

   “ใจดีนี่” เฮียพึมพำเบาๆ

   “ครับ ปกติมันก็ใจดีมีน้ำใจกับทุกๆ คนอยู่แล้วครับ ยิ่งกับคนที่มันแคร์ มันก็ยิ่งใจดีและเอาใจใส่มากกกกก” ผมบอกด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง

   “โอ๊ย! เฮียยยย” ก่อนที่จะต้องร้องลั่นเมื่อเฮียจับแก้มทั้งสองข้างดึงจนยืด

   “หน้าบานเชียวนะน้องทองกวาว” เฮียว่าด้วยน้ำเสียงเหมือนมันเขี้ยวเต็มที่ มือทั้งสองก็ยังดึงแก้มผมไม่หยุด

   “เอียยยยยยย”

   นี่เฮียคงไม่ได้ด่าน้องว่าควายหรอกนะ... ใช่ไหม?
   


****************************************************************

ในที่สุดก็ได้เจอกันแล้วค่าาาาาาาาาาาาา เจอแล้วก็จบได้เนอะ / โดนตบ
พอเจอกันก็เปลี่ยนสถานะกันนิดหน่อย จากพี่คล้าวกับน้องทองกวาว ก็เป็นพี่แสนกับน้องคล้าวแทน ฮี่ๆ
เรื่องนี้ไม่ค่อยมีดราม่านะคะ เพราะนักเขียนไม่ถนัด (ที่จริงก็ไม่ถนัดซักแนว ถถถ)
ฝากพี่แสนกับน้องคล้าวด้วยค่า น่าจะไม่ยาวเท่าน้องดิน เพราะปมไม่ได้เยอะเหมือนเรื่องนั้นค่ะ
รักคนอ่านทุกคน อยากให้รู้ไว้ว่าคุณคือพลังในการเขียนของเราเสมอ (ที่ไม่กล้าเทก็เพราะมีคนอ่านนี่แหละ ไม่งั้นคงท้อและเทไปนานแล้วค่า แหะๆๆ)
รักกกกกกกก

****************************************************************

puiiz  :pig4:  :L2: :กอด1:
wutwit  :pig4: มาแล้วค่าาาา แม่มันเก็บเงินไปเปย์ได้แล้ว 55555 ส่วนน้องไม้รอก่อนนะคะ เดี๋ยวน้องจะมาทักทายในตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณที่คอยมากระตุ้นนะคะ เราเลยคึกเป็นพักๆ 55555
iceman555  :pig4: เจอกันแล้วค่ะ ยาวนานเหลือเกิน โปรดโทษพระพรหม อย่าโทษคนเขียนเลยนะคะ
k2blove  :pig4: ช่วงนี้บรรยากาศอึมครึมพอๆ กับความรู้สึกคนเขียนเลยค่ะ ฝนตก ออกหากินไม่ได้ ฮึก หาค่าตัวมาเปย์คล้าวได้แล้วนะคะ เจอกันสักที
19th  :pig4: เจอแล้วพี่แสนก็ต้องร้องค่ะ เพราะไอ้คล้าวไม่รู้จัก ถถถ
dahlia  :pig4: อยู่กับคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ไม่ใช่ละ 55555 รอพี่คล้าวมาตอบนะคะ
ommanymontra  :pig4:  :pig4: :L2: :กอด1:
lovenine  :pig4: คนที่จำได้ฝ่ายเดียวนี่น่าสงสารนะคะ สงสารลูก ใครทำลูกแม่ ถถถ ต้องติดตามค่ะ ว่าคล้าวจะว่ายังไงต่อไป เป็นกำลังใจให้พี่แสนกับนักเขียนด้วยนะคะ กอดดดดด
วายซ่า  :pig4: ตอนนี้ยังจำไม่ได้เลยค่ะ ถถถ คงไม่มีใครคิดหรอกว่าควายจะมาเป็นคนได้ โปรดติดตามตอนต่อไป



ระหว่างรอเรื่องนี้ แวะไปอ่านก้อนดิน ก้อนหินพลางๆ ก่อนก็ได้ค่า จบแล้วววว

ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2018 15:08:05 โดย maneethewa »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตอนนี้ ไอ้คล้าวเปิดตัวมีดีแค่รูปร่างสูงใหญ่ แต่ทำไมกลายเป็นเฮียแผนแย่งซีนไปเสียหมด ถึงอย่างนั้นก็รักเฮียแผนนะ เป็นพี่ที่สุดยอดมากกกก ขอบอก ช่วยให้แสนคลายกังวลแบบ One stop service   อยากรู้ว่าพี่แผนนะชอบเพศที่สามมั่งป่าว มีคนสนใจอยู่ตรงนี้คน1 อิอิอิ คนเขียนคงไม่ว่าเรานะ รักคนเขียนจุ๊บๆ
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โหห เฮียแผนถามซะละเอียดยิบเลย อิอิอิ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
มาซักที...ขอวีคละตอนนะครับ ตอนหน้าไอ้ไม้มาหรอ อิอิอิ...รอดูว่ามันจะทำไรเด๋อๆๆๆมั้ย

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องคล้าวเจอพี่ทองกวาวแล้ว มีสปาร์กกันเล็กน้อย 55555

รอดูตอนเฮียแผนเจอน้องไม้ เผื่อเฮียจะเปลี่ยนแนวมั่ง.  :hao7:

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ได้เจอก็ยังร้องไห้อีกน้อ 555 ไม่เป็นไรนะน้องแสน มีเฮียแผนแบ็คอัพดีขนาดนี้ เดี๋ยวก็เสร็จ เอ๊ย จีบสำเร็จ  :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด