(END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]  (อ่าน 146657 ครั้ง)

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
อ่านรวดเดียวเลย
ชอบฝุดๆ
แต่พ่อของเจย์นี่เลวจริงๆ เลวทั้งพี่ทั้งน้อง
ขอให้แผนสำเร็จทีเถอะ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เราชอบความเสมอภาค เพราะฉะนั้นเราจะรอความแซ่บของคู่นั้น 555

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ต่างคนต่างหลงรักกัน
เจย์เดนน่าสงสารนะ พ่อไม่รักไม่เท่าพ่อจะฆ่ากันเลย
กันออกไปก็ดีนะคะ กลัวเอามาเป็นเหยื่อล่อ

แล้วดูโซลเมทแต่ละคน คริสเตียนปกติสุดละ

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Chapter 21

What do you think like that?



 

เพราะคำว่าตลอดไปน่ะมันไม่มีจริงหรอกนะ

 

[Christian]

หลายวันมานี้ผมเข้าบริษัทแต่เช้า แสร้งทำเป็นว่ายอมเข้ามาทำงานเต็มตัวแล้ว โดยได้แคสเทียลช่วยโกหกแม่ ทำให้เธอเชื่อว่าผมเลิกคิดที่จะกลับไปทำงานนักข่าวตามเดิม ใช้เส้นสายอีกเล็กน้อย สุดท้ายผมก็ถูกส่งให้เข้าไปเรียนรู้งานที่ฝ่ายการเงิน เป้าหมายของผมก็คือที่นี่ และผมต้องได้อะไรกลับไป ซึ่งอะไรที่ว่านั้น...ก็คือหลักฐานการฟอกเงินของไอ้เวรจาเร็ต สมิธนั่นไง

ผมตีสนิทกับพนักงานทุกคนอย่างเป็นธรรมชาติ การเข้าหาคนอื่นเพื่อจุดประสงค์บางอย่างไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผม การเก็บข้อมูลและวิธีการพูดเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการก็เป็นสิ่งที่ผมถนัดเช่นกัน...เพียงไม่ถึงสองวันเอกสารการเงินย้อนหลังตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนก็มาอยู่ในมือผม

มันเยอะมาก เพราะผมตั้งใจว่าจะเก็บข้อมูลตั้งแต่ที่จาเร็ต สมิธเข้ามาทำงานในบริษัทนี้ ตัวเลขไม่ใช่อะไรที่ผมชอบนัก แต่ก็ไม่ยากเกินไป เรียนรู้มันไม่นานผมก็สามารถเข้าใจมันได้ และนั่นทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้น

สามวันถัดมาผมคร่ำเคร่งกับการอ่านเอกสารพวกนี้ ทยอยเอากลับบ้านวันละสามสี่แฟ้ม และพยายามอ่านมันให้หมดในวันเดียว ยิ่งผมจับผิดการยักยอกเงินของมันได้เร็วเท่าไหร่ ทุกอย่างก็จะจบเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น

“เฮ้ ยังไม่นอนอีกเหรอ?”

ผมเงยหน้าขึ้นมองเจย์เดน อีกฝ่ายมุ่นคิ้วนิดหน่อยแล้วนั่งลงข้างผมบนโซฟา...ตั้งแต่ที่กลับมาจากบ้านของเจฟเฟอร์สันพ่อของเขา เจย์เดนก็ย้ายมาอยู่กับผมเพื่อความปลอดภัยได้สัปดาห์หนึ่งแล้ว

“ยังทำงานไม่เสร็จน่ะ” ผมตอบ ทิ้งตัวพิงโซฟาแล้วแหงนหน้าพาดคอกับพนักพิงด้านหลัง พักสายตาด้วยการเหม่อมองเพดาน และถอนหายใจระบายความเหนื่อยล้า ต้องยอมรับว่าการทำในสิ่งที่เราไม่ชอบทำให้เหนื่อยกว่าปกติมาก แต่ก็นั่นล่ะ ถ้าอยากให้ทุกอย่างจบลง ผมต้องอดทน

“หลายวันมานี้นายดูเหนื่อยนะ”

“อืม” ผมตอบรับ หลับตาลง ก่อนจะเกร็งไปทั้งร่างเมื่อเจย์เดนพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยเรื่องที่ผมคิดไว้อยู่แล้ว ว่าสักวันเขาต้องถาม

“ตั้งแต่วันนั้นก็เงียบกันไปเลย พี่ชายของนายยังไม่บอกงั้นเหรอว่าจะให้เราทำยังไงต่อไป”

ผมฝืนตัวเองไม่ให้เม้มปาก หรือเผลอทำอะไรที่ส่อเป็นพิรุธออกไปให้เขาเห็น และต้องขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ผมสามารถบังคับเสียงตัวเองให้เป็นปกติได้...ไม่ประหม่า ไม่ตะกุกตะกัก

“แผนที่จะส่งนายเข้าไปสืบน่ะ เขาบอกว่ายกเลิกไปแล้วเพราะ...นั่นล่ะ ครั้งก่อนเราพลาดไปที่ไม่ทันคิดว่าโจแอนนาจะเป็นแบบนั้น ตอนนี้พวกเขาก็เลยกำลังวางแผนหาหนทางอื่นอยู่น่ะ”

“แล้วการที่นายทำงานเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ตอนนี้มันเกี่ยวกับแผนการด้วยหรือเปล่า?”

ผมลืมตา เอียงใบหน้าเพื่อมองคนรักของผม และเลือกที่จะพูดความจริง...แค่บางส่วน “ใช่”

“ดูจากเอกสารการเงิน เดาว่านายกำลังสืบเรื่องยักยอกเงินล่ะสิ ใช่มั้ย?”

ผมหัวเราะ เจย์เดนไม่ใช่คนโง่ เขาฉลาด...ฉลาดมากด้วย เขาไม่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวายกับแฟ้มงานของผม แต่เพียงแค่เหลือบมองครั้งเดียวเขาก็รู้แล้วว่าผมกำลังอ่านอะไร

“อ่าฮะ แคสให้ฉันทำงานนี้แทนเขาน่ะ” ผมบอกแค่นั้น และเฝ้ารอว่าโซลเมตที่รักจะถามอีกหรือเปล่า ในขณะเดียวกันก็คิดหาคำโกหกไปด้วย ผมบอกไม่ได้หรอกว่าแคสเปลี่ยนไปรับหน้าที่อะไรแทน ให้เจย์เดนเข้าใจว่าเรายังหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวจะดีกว่า ถ้าเขามารู้ตอนหลังว่าผมปกป้องเขาด้วยวิธีนี้ เขาจะโกรธผมไหมนะ?

“ลุกขึ้นสิ” อีกฝ่ายสั่ง แม้จะสงสัยแต่ผมก็ยอมทำตามที่เขาบอก ขยับตัวลุกขึ้นยืน พอโซฟาว่างเจย์เดนก็เอนตัวลงนอน เว้นที่ว่างด้านหน้าตัวเองแล้วตบมือลงไปเบาๆ “มาพักสักหน่อยเถอะ”

ผมยิ้ม ยอมนอนลงในอ้อมกอดของเขา เจย์เดนโอบเอวผมไว้หลวม ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาเป่ารดตรงต้นคอของผม มันชวนให้รู้สึกสบายไปทั้งร่าง ราวกับความเหนื่อยล้าของผมถูกปัดเป่าหายไป คนรักของผมฝังจมูกลงมาบนศีรษะผม กดจูบที่ต้นคอ เราประสานมือเข้าหากัน เขี่ยปลายนิ้วกันและกัน

“อยากอยู่กับนายแบบนี้ทุกวัน” ผมพูดขึ้น

เจย์เดนหัวเราะ แรงกระเพื่อมของแผ่นอกเขากระทบเข้ากับแผ่นหลังของผม “ตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ”

“ฉันหมายถึงทุกวัน...ตลอดไป”

คราวนี้เจย์เดนเงียบไป ผมพลิกตัวอย่างระมัดระวังเพื่อหันไปสบตาเขา อีกฝ่ายเกลี่ยนิ้วกับปลายคาง ลูบตอหนวดเล็กๆ ที่ผมยังไม่ได้โกนเล่น

“คำว่าตลอดไปไม่มีจริงหรอกนะ”

“งั้นตลอดชีวิต”

เขาหัวเราะ “ฉันคิดว่านายเป็นคนไม่ชอบผูกมัดกับใครซะอีก”

“อะไรทำให้นายคิดอย่างนั้น?”

“ครั้งแรกที่เราเจอกัน” เขากลอกตา “นายฟัดกับสาวแบบไม่อายใคร ครั้งต่อมาก็เจอนายนัวเนียกับสาวอีกคน ฉันก็เลยคิดว่านายคงจะชอบคนที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป มากกว่าจะรักใครจริงจัง”

“นายไง”

“หา?” เจย์เดนทำหน้างง

ผมยื่นหน้าไปจูบปากเขา “นายไง คนที่ฉันรัก”

เจย์เดนอึ้งไป ก่อนจะยิ้มกว้าง “ครั้งแรกที่ได้ยินนายพูดคำนี้”

“บอกฉันบ้างสิ”

เขายอมทำตามคำขอ กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของผม “ฉันรักนาย”

ผมผ่อนลมหายใจยาว จูบเขาๆ อีกครั้ง สอดปลายลิ้นเข้าหา ลูบไล้ฝ่ามือบนต้นแขนและแผ่นหลังของเจย์เดน รู้ตัวอีกทีทั้งร่างก็ไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้น และเราก็ใช้เวลาเกือบทั้งคืนในดารดื่มด่ำความหอมหวานของการเมคเลิฟ

อ่า ตรวจบัญชีย้อนหลังน่ะเอาไว้ก่อนแล้วกัน

 

[Nikolai]

สองสัปดาห์ต่อมา

“ใครเป็นเจ้าของที่นั่น?” ผมถาม

แคสเทียลเดาะลิ้น “บริษัทออแกไนซ์นั่นไม่มีอยู่จริง เป็นแค่ร้านที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้คนเข้าใจอย่างนั้น เพราะฉันตรวจสอบดูแล้ว ไม่มีการขึ้นทะเบียนบริษัทแต่อย่างใด พูดง่ายๆ ก็ของปลอมนั่นล่ะ”

ผมพยักหน้ารับ วันนี้เรานัดประชุมกันอีกครั้ง หลังจากผ่านไปสองสัปดาห์ งานของเราก็คืบหน้าไปมาก สายของผมรายงานมาว่าใกล้จะได้ที่ตั้งของโรงงานผลิตยาเสพติดแล้ว

“น้องชายกับโซลเมตของคุณล่ะ?”

“คริสเตียนติดงานที่บริษัทนิดหน่อย ดูเหมือนเขาจะเจออะไรน่าสนใจเข้า ส่วนโซลเมตของฉัน...ไอ้หมอนั่นจะไปตายที่ไหนก็เรื่องของมันสิ นายจะมาถามฉันทำไม!?”

ผมมุ่นคิ้ว “พวกคุณทำงานด้วยกันได้ยังไงทั้งที่ไม่ชอบขี้หน้ากัน”

“พูดผิดพูดใหม่ได้นิค คนที่เกลียดขี้หน้าคนอื่นมีแต่เขาเท่านั้น ส่วนฉันไม่ได้เกลียดอะไรเขาเลยสักนิด” เสียงของบุคคลที่สามดังแทรกขึ้น รองเท้าหนังเนื้อดีดังกระทบพื้นตามจังหวะก้าวเดินของโคลตัน “ออกจะชอบด้วยซ้ำ พยศดี น่าปราบให้จมเตียง”

“ฝันไปเถอะไอ้กร๊วกว่าแกจะได้ฟัดฉัน!” แคสเทียลตวาดใส่ แล้วพวกเขาสองคนก็หันไปทุ่มเถียงกัน ส่วนผมเลือกที่จะไม่ใส่ใจ แล้วจดจ่อรอการติดต่อจากลูกน้อง หรือก็คือสายของผมที่แฝงตัวอยู่ในแก๊งค้ายาของเจฟเฟอร์สัน

แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของใครสักคนก็ดังขึ้น ผมเหลือบมอง เป็นแคสเทียลที่หยิบเครื่องมือสื่อสารออกมากดรับ

“ไงคริส นายออกจากบริษัทมาหรือยัง...อะไรนะ!?” แคสเมียลตะโกนดังลั่น เรียกความสนใจของผมเข้าเต็มๆ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาทำหน้าตื่นตระหนกขนาดนั้น “เวรเอ๊ย มันรู้ได้ยังไงวะ โอเค ฉันจะรีบตามไป”

หลังจากเขาวางสาย โคลตันก็ถามทันที “เกิดอะไรขึ้น?”

“คริสเตียนรวบรวมหลักฐานการยักยอกเงินของจาเร็ตได้หมดแล้ว แต่เหมือนไอ้แก่เฮงซวยนั่นจะจับได้ บ้าชะมัด มันรู้ได้ยังไง ทั้งที่เราทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวังแล้วแท้ๆ”

“นายรีบตามไปช่วยคริสเตียนเถอะ” ผมบอก เขาพยักหน้ารับ

คล้อยหลังแคสเทียลออกไป โคลตันก็เดินมาทรุดนั่งลงตรงข้ามผม ที่นัดผมของเรายังเป็นร้านอาหารแห่งเดิม เป็นห้องส่วนตัวห้องเดิมด้วย อีกทั้งหน้าห้องยังมีการ์ดของผมคอยเฝ้าเอาไว้ จึงไม่มีอะไรน่ากังวลว่าสิ่งที่เราคุยกันจะรั่วไหลออกไปเข้าหูศัตรู

“ที่คุณส่งคนตามติดพี่น้องสมิธ” ผมพูดขึ้น “เจออะไรบ้างมั้ยครับ”

“ได้ข้อมูลเยอะพอตัว” โคลตันดึงบุหรี่ออกจากซอง จุดไฟและปล่อยควันสีเทาลอยอบอวลระหว่างเรา เขายื่นซองมาให้ผม “เอาหน่อยมั้ย?”

“ไม่ล่ะ ผมพยายามเลิกมันอยู่”

“หืม? กลัวเป็นมะเร็งปอดเหรอ” เขาหัวเราะ

ผมยิ้มเล็กน้อย “เพราะโจชัวไม่ชอบกลิ่นของมันน่ะ”

โคลตันผิวปาก “ว้าว เอาใจโซลเมตน่าดูเลยนะ”

“ตกลงคุณได้อะไรมาบ้าง”

“พวกเขานัดเจอกันทุกวันอังคารและวันเสาร์ ไปที่ร้านออแกไนซ์ที่ว่านั่นล่ะ แคสเทียลบอกแล้วใช่ไหมว่ามันเป็นบริษัทปลอม” เมื่อเห็นว่าผมพยักหน้ารับ เขาจึงเล่าต่อ “และทั้งคู่มักจะนั่งรถไปแถบชานเมือง นายน่าจะรู้เรื่องนี้นี่ เพราะคนของฉันเจอคนของนายแถวนั้นด้วย”

“ครับ นั่นช่วยยืนยันให้ผมมั่นใจได้มากขึ้นว่าแถบนั้นต้องมีโรงงานผลิตยาหลบซ่อนอยู่ในป่า”

“แต่ทั้งคนของฉันหรือคนของนายก็ล้วนแล้วแต่ตามเข้าไปไม่ได้ พวกมันติดตั้งเครื่องตรวจจับการเคลื่อนไหวและพลังความร้อนเอาไว้ เราต้องการผู้เชี่ยวชาญในการแฮ็กระบบป้องกันพวกนั้น”

“คุณหาได้ไหม?”

“หมายถึงอะไร? ผู้เชี่ยวชาญที่ว่าน่ะเหรอ?”

“ใช่”

“แน่นอนสิว่าต้องหาได้ ในหน่อยของฉันมีอัจฉริยะด้านนี้อยู่แล้ว และตอนนี้เขาก็กำลังทำหน้าที่นั้นอยู่ด้วย”

“นี่คุณลงมือไปแล้วงั้นเหรอ?”

“อ่าฮะ และมันใกล้จะสำเร็จแล้วด้วย” โคลตันขยี้ก้นบุหรี่กับที่เขี่ยบนโต๊ะ เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “จะไปด้วยกันเลยไหมล่ะนิโคไล เผื่อว่าเราจะได้บุกเข้าไปทลายโรงงานมันได้เลย”

ผมกระตุกยิ้มมุมปาก รู้สึกทึ่งกับผู้ชายคนนี้ไม่น้อย สมแล้วที่เขาเป็นถึงหัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่พิเศษ

 

เรามาถึงแถบชานเมืองที่ว่า ลูกน้องของผมที่ไม่ได้แฝงตัวเข้าไปเป็นสายลาดตระเวนอยู่แถบนี้ แต่พอเห็นว่าผมมาเขาก็ออกมารายงานสถานการ์คร่าวๆ ทันที

“รอแค่คำยืนยันจากโนแลนเราก็จะได้ที่ตั้งตำแหน่งโรงงานแล้วครับบอส”

“ดี ทีนี้ก็แค่รอ ถ้าคนของคุณโคลตันเจาะระบบตรวจจับความร้อนและการเคลื่อนไหวได้เมื่อไหร่ เราจะได้บุกเข้าไปไม่ให้พวกมันรู้ตัวได้ตรงจุด”

“เตรียมตัวให้พร้อม” โคลตันเดินกึ่งวิ่งมาหาผม หลังจากเขาแยกตัวไปคุยโทรศัพท์ “ใกล้จะแฮ็กได้แล้ว”

ระหว่างรอนั้น ไม่ถึงสิบนาทีรถตู้สีดำคันใหญ่ก็ขับมาจอดต่อท้ายรถที่เรานั่งมา ชายในชุดเตรียมพร้อมรบก้าวลงจากรถราวสิบกว่าคนได้ พวกเขาติดอาวุธไว้พร้อม สวมเสื้อเกราะเต็มตัว...โคลตันก้าวเท้ายาวๆ ไปถึงท้ายรถ เขาหยิบเอาชุดป้องกันออกมาสวม

“มานี่สิ นายคงไม่คิดจะเข้าไปลุยโดยไม่มีอะไรติดตัวหรอกใช่ไหมพวก?”

“รอกำลังเสริมของผมก่อน คนของผมกำลังมา”

“พวกเขามีฝีมือมากพอใช่มั้ย?” เจ้าหน้าที่พิเศษถาม “ไม่ได้จะดูถูกอะไรนะ แค่แบบว่า...เพื่อความปลอดภัยน่ะ เพราะถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากให้เราเสียคนของเราไปแม้แต่คนเดียว

ผมยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วง บอดี้การ์ดของผมส่วนใหญ่เป็นทหารมาก่อน”

“โอ้ ยอดเยี่ยม งานนี้ต้องสนุกมากแน่ๆ”

“คุณจะไม่โทรบอกโซลเมตของคุณหน่อยเหรอ”

“บอกอะไร” โคลตัลเลิกคิ้วขึ้นสูง

“ที่เรากำลังจะบุกจับคนร้าย”

“ไม่จำเป็นหรอก เพราะเขารู้ว่าผมจะกลับมาอย่างปลอดภัย” โคลตันหัวเราะ แล้วพูดต่อ “แล้วคุณล่ะนิโคไล ไม่โทรบอกโจชัวบ้างรึไง”

ผมส่ายหน้า “เขาไม่รู้เรื่องนี้ เผื่อว่าคุณจะลืม”

“ผมไม่ได้ลืม แค่คิดว่าคุณอาจจะอยากสั่งเสีย”

“ผมไม่ตายง่ายๆ อย่างที่คุณคิดหรอกโคลตัน”

“ท่านครับ!” เสียงตะโกนเรียกโคลตันขัดจังหวะการพูดคุยระหว่างเรา ผมหันไปมองตาม เจ้าหน้าที่พิเศษคนหนึ่งวิ่งเหยาะๆ มาทางเรา “เจาะได้แล้วครับ”

ดวงตาของพวกเราเป็นประกาย เลือดสูบฉีด ความตื่นเต้นถาโถมเข้าใส่ร่างทั้งร่างอย่างบ้าคลั่ง

ผมกำลังจะก้าวเข้าไปเผชิญอันตรายที่ไม่ได้เจอมานานอีกครั้งแล้ว

 

[Christian]

ผมโดนสั่งให้รออยู่ที่บริษัท และกว่าแคสจะมาก็เอาผมร้อนใจจนแทบบ้าแล้ว...ทันทีที่รถของแคสมาจอดเทียบหน้าบริษัท ผมก็ก้าวขึ้นรถและสั่งให้เขาออกรถอย่างรวดเร็ว

“รีบกลับบ้านเร็วเข้า”

“มันยังไม่หนีไปง่ายๆ หรอกน่า”

“ฉันไม่ได้กลัวมันหนี!” ผมตะโกนเสียงดัง ก่อนจะรู้ตัวแล้วลดเสียงลงในประโยคต่อมา “ฉันกลัวมันทำร้ายแม่มากกว่า”

ความคิดนั้นทำให้เลือดในกายผมเย็นเฉียบ ปลายนิ้วมือเหมือนจะชาไปเลยเมื่อคิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แม่จะตกใจมากแค่ไหน

“งั้นก็ต้องเหยียบให้มิดไมล์แล้วล่ะ ก่อนที่มันจะทำอะไรแม่ของเรา”

สิบห้านาทีต่อมาเราสองคนพี่น้องก็มาถึงบ้าน แต่ดูเหมือนเราจะมาช้าเกินไป...

“มาแล้วเหรอไอ้พวกเด็กเวรตะไล! ไอ้พวกระยำเอ๊ย!”

“ปล่อยแม่ฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้เศษสวะ!” ผมตะคอกใส่ แทบจะวิ่งเข้าไปช่วยแม่ แต่แคสเทียลรั้งเอาไว้ซะก่อน

“อย่าผลีผลาม มันเอาปืนจ่อแม่อยู่นะคริส!”

“บัดซบเอ๊ย!”

จาเร็ต สมิธแสยะยิ้ม ขณะที่มิสซิสแคทเธอรีนหน้าซีดเผือด “นี่มันเรื่องอะไรกัน”

“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาแกทำอะไรไปบ้าง ไอ้คริสเตียน!” จาเร็ตคำรามลั่น

“ลูก...ลูกทำอะไรคริสเตียน” แม่ถาม สีหน้าของเธอย่ำแย่มาก แต่ผมทำได้เพียงกำหมัดแน่น ผมต้องใจเย็น จะผลีผลามทำอะไรส่งเดชไม่ได้

แคสเทียลเป็นคนเดียวที่ยังคงนิ่งได้ จิตใจของเขาแข็งแกร่งกว่าผมมาก เราสองคนต่างกันสุดขั้ว...ในขณะที่เขาอยู่เคียงข้างแม่ แต่เขากลับนิ่งสงบยามมองแม่โดนปืนจ่อหัว...ต่างจากผม ที่ถึงแม้จะหาเรื่องทะเลาะกับแม่อยู่เรื่อย แต่ผมกลับกลัวเหลือเกินกับสถานการณ์ตรงหน้า จะยังไงผมก็ยังเป็นห่วงเธอ

“ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน!” แม่ถามอีกครั้ง และเพราะอย่างนั้นไอ้จาเร็ตจึงแนบปากกระบอกปืนเข้ากับขมับของเธอมากขึ้น โซตเมตสารเลวของแม่หัวเราะลั่น ก่อนจะออกคำสั่งเสียงดัง

“หุบปากไปซะนัง...!”

“เขายักยอกเงินในบริษัทของเราครับแม่!”


__________________________
ตั้งใจจะมาอัพก่อนสี่ทุ่ม แต่ก็...ไม่ได้ มาเลยเที่ยงคืนอีกแล้ว 55555 หายไปนานเนอะ กี่วันแล้วอะ พอใกล้จะจบแล้วเราก็ไม่อยากจะอัพเท่าไหร่ ไม่อยากให้จบเลย เป็นอย่างนี้ทุกที แง ขอโทษด้วยนะคะ แฮ่

ตอนหน้า...จะมีคนตายไหมนะ?

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2019 23:25:00 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
คิดถึงเรื่องนี้จังเลยค่ะ นึกว่าหายไปไหน 55

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
แง้  :katai4:   :ling1: 

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โอ้ยยยยย ลุ้น TT

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
นึกแล้วอยากให้คุณแม่ฝึกศิลปป้องกันตัวจังเลย  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ตัดจบได้ทำร้ายจิตใจมาก...รอ  :katai1:

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
แม่นี่ไม่รู้รึไง บ้าไปแล้วววว

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ใครจะตายไม่สน ต้องไม่ใช่ คริสเตียน&เจเดนย์

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Chapter 22

What happen!?


 

คนที่ผมจะนึกถึงก่อนตายก็คือเขา

 

[Christian]

ทุกอย่างราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้ หลังจากแคสเทียลประกาศออกไปเสียงดัง...แม่เบิกตากว้าง แววตาเธอสับสน

“ลูกพูดอะไร แคส...”

“เขาโกงเราครับแม่” ผมก้าวเข้ามายืนข้างพี่ชาย ชูเอกสารปึกหนึ่งที่ผมรวบรวมมาได้ “และนี่คือหลักฐาน”

“สองสัปดาห์ที่ผ่านมาคริสเตียนไล่อ่านบัญชีย้อนหลัง และเก็บหลักฐานมาได้ทั้งหมดแล้วครับ ไอ้หมอนี่ยักยอกเงินเราเป็นจำนวนมหาศาล และแยบยลจนเราจับไม่ได้เพราะเขาแอบเอาไปทีละนิด มีแค่ครั้งหลังสุดที่เขาคงจะต้องการเงินก้อนใหญ่มาก ถึงได้กล้าปลอมลายเซ็นแม่แล้วเบิกงบประมาณในจำนวนเงินที่สูงกว่าทุกครั้ง”

“...”

“ผมพบการเงินที่ผิดปกตินี้เมื่อเดือนก่อน ตั้งใจจะสืบหาเอง แต่คริสเตียนอาสาจะเข้าไปสืบให้ สองสัปดาห์ที่ผ่านมา นี่คือสิ่งที่เรารวบรวมได้ครับ” แคสเทียลพูดโดยไม่ละสายตาจากไอ้ระยำที่กำลังเอาปืนจ่อหัวแม่เลยแม้แต่นิดเดียว

“ทำไม...” น้ำเสียงของแม่ทั้งตกใจและเสียใจ “ฉันอุตส่าห์ไว้ใจคุณนะจาเร็ต คุณทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

ผมกำหมัดแน่น “ตั้งแต่เมื่อหกปีก่อนครับแม่”

“ปล่อยเธอ แล้วมอบตัวซะจาเร็ต” แคสโพล่งขึ้น

“มอบตัว!?” ไอ้เฮงซวยนั่นนอกจากจะไม่ฟังแล้วยังระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “แกโง่หรือบ้ากันแน่วะที่คิดว่าฉันจะยอมมอบตัวเพียงเพราะแกบอกให้ทำน่ะ หา!?”

มันกดปากกระบอกปืนเข้ากับขมับของแม่มากขึ้น ผมแทบจะกระโจนเข้าใส่มันอย่างลืมตัว แต่แคสเทียลก็รั้งผมเอาไว้ซะก่อน

“อันตรายเกินไป”

ผมได้แต่กรุ่นโกรธ แรงสั่นในกระเป๋ากางเกงเตือนให้ผมรู้ว่ามีคนโทรมาหา แต่ผมไม่สนใจจะหยิบมันออกมากดรับ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่โทรมาคงไม่พ้นโซลเมตของผม...เขาต้องรับรู้ถึงความโกรธของผมได้แน่นอน เพราะตอนนี้ผมเองก็สัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงและความกังวลของเขา

เอาไว้ก่อน ยังไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะคุยกัน

“แกต้องการอะไร” ผมระงับอารมณ์ตัวเอง และยื่นข้อเสนอให้มัน “แลกกับปล่อยตัวเธอ”

“ฉลาดนี่ ในเมื่อยื่นข้อเสนอมา งั้นฉันก็จะตอบรับไว้ด้วยความเต็มใจเลยล่ะ” ไอ้แก่ยิ้มกว้าง

“แกจะไม่ได้อะไรไปจากครอบครัวของฉันทั้งนั้น!” แม่ตะโกน เธอคว้าปืนในมือจาเร็ตและเบี่ยงองศาของมันให้หันไปทางอื่น...โชคร้ายนิดหน่อยที่มันดันหันมาทางพวกเราสองคนพี่น้อง

ปัง!

ปืนถูกลั่นไก...ผมกับแคสกระโดดหลบ ลูกกระสุนเฉียดปลายเท้าเราไปเพียงไม่กี่มิลลิเมตร

“นังนี่!” จาเร็ตตวาดลั่น ใช้หลังมือที่ถือกระบอกปืนฟาดใบหน้าของแม่จนเธอล้มลง

“ไอ้เวรเอ๊ย!” ผมสบถ คว้าเอาแจกันใกล้มือขว้างใส่มัน นอกจากมันจะหลบได้แล้ว ยังอาศัยจังหวะนั้นรีบวิ่งออกจากบ้านไปอีกด้วย “ฉันจะตามมันไป ดูแลแม่ด้วย!”

ผมบอกกับแคสก่อนจะวิ่งตามไอ้ระยำบัดซบนั่นไปติดๆ แต่หูก็ยังได้ยินเสียงแม่พูดขึ้น

“ตามน้องไปแคสเทียล แม่ไม่เป็นไร เร็วเข้า! ไปช่วยน้อง!”

เอี๊ยด!

เสียงล้อบดถนนดังลั่น รถยนต์ของไอ้เวรจาเร็ตพุ่งตัวออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว ผมกระโดดขึ้นรถตัวเองเพื่อจะขับตามมันไป แต่ก่อนจะเหยียบคันเร่งแคสเทียลก็เปิดประตูแล้วเข้ามานั่งข้างคนขับ

“คิดจะไปคนเดียวหรือไงไอ้น้องชาย”

“แม่ล่ะ” ผมถาม หมุนพวงมาลัยพารถคันหรูทะยานตามตูดไอ้กร๊วกนั่นไปติดๆ ผมมั่นใจว่าตามทัน รถผมแรงกว่ามันมาก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ควรประมาท

“เธอไม่เป็นไร” แคสตอบ ก่อนจะรับโทรศัพท์ของตัวเองที่ส่งเสียงดังขึ้นมาพอดี “ว่าไง...อะไรนะ!?”

ผมเหลือบมอง พี่ชายของผมขมวดคิ้วแน่น...เกิดอะไรขึ้น

“พวกฉันกำลังตามจาเร็ตไป ใช่ เขาไหวตัวทันก็เลยหนี” แคสพ่นลมหายใจแรง “ได้ เอ่อ เฮ้!...ระวังตัวด้วยนะ”

ผมไม่ควรยิ้มในสถานการณ์แบบนี้ แต่ห้ามริมฝีปากตัวเองไม่ได้ ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาก็รู้ว่าปลายสายจะเป็นใครไปได้อีก ถ้าไม่ใช่โคลตัน...ต่อให้เกลียดขี้หน้ากันแค่ไหน แต่พวกเขาก็ปฏิเสธความผูกพันอันแสนวิเศษที่เกิดขึ้นระหว่างโซลเมตไม่ได้หรอก

“พวกเขาเจอโรงงานผลิตยาเสพติดแล้วเหรอ” ผมถาม สบถด่าไอ้จาเร็ตเมื่อจู่ๆ มันก็เลี้ยวเข้าถนนอีกเส้นและทำให้ผมเกือบขับตามไม่ทัน

“ใช่ หมอนั่นกับนิโคไลกำลังจะบุกเข้าไป”

“ดี จะได้จบเรื่องนี้ไปพร้อมๆ กัน”

“ตามมันให้ทันก่อนเถอะ แล้วค่อยมาดูกันว่าจะจบเรื่องนี้ได้จริงๆ หรือเปล่า”

โชคดีที่ถนนเส้นนี้เป็นแค่ถนนเส้นเล็กๆ และไม่ค่อยมีรถสัญจรไปมา ผมผ่อนความเร็วรถเพื่อเปลี่ยนเกียร์ ก่อนจะกระทืบคันเร่งอีกครั้ง พายานพาหนะทะยานออกไปจนสามารถแซงรถของจาเร็ตได้

เอี๊ยด! ปัง!

“บัดซบเอ๊ย!” แคสสบถ เพราะผมหักพวงมาลัยขวางหน้ารถไอ้สารเลวนั่นจนทำให้เราโดนมันชนเข้าเต็มแรง

รถเหวี่ยงตัวอย่างรุนแรงก่อนจะหยุดนิ่ง ผมตั้งสติได้ไวเพราะเคยชินกับเหตุการณ์เสี่ยงอันตรายแบบนี้มาหลายครั้งหลายหน เปิดลิ้นชักรถคว้าเอาปืนที่เก็บซ่อนไว้ออกมาแล้วกระโจนลงจากรถอย่างรวดเร็ว

“หยุดอยู่ตรงนั้นจาเร็ต!” ผมตวาดลั่น จ่อปืนไปที่ไอ้แก่นั่น

มันลงจากรถแล้วจ่อปืนของมันมาที่ผมเช่นกัน “ถ้าฉันตาย แกก็ตาย!”

“มีแต่แกเท่านั้นที่ต้องตาย”

แคสเทียลวิ่งตามมาอยู่ข้างๆ เขากระซิบถาม “ไปเอาปืนมาจากไหน”

“ไม่ได้มีแต่นายที่พกปืนนะพวก ลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันเคยทำอาชีพอะไร พกปืนมันเรื่องปกติของฉัน”

“นั่นสินะ แต่แกแน่ใจใช่ไหมว่ายังยิงแม่นอยู่?”

ผมแสยะยิ้ม ลั่นกระสุ่นหนึ่งนัด...เฉียดลำตัวของจาเร็ต สมิธ

อีกฝ่ายสะดุ้ง ยิงสวนกลับมาทันทีที่ตั้งสติได้ ผมคว้าแขนแคสแล้วดึงเขาให้ก้มหลบ

“แกบ้าไปแล้วหรือไงวะไอ้คริสเตียน!” พี่ชายถลึงตาใส่ผม

“ก็นายถามไม่ใช่เหรอว่าฉันยังยิงแม่นอยู่หรือเปล่า”

“ฉันถาม แต่ไม่ได้ให้สาธิตโว้ย! เวรล่ะ!”

เราสองคนรีบวิ่งหาที่กำบังเมื่อจาเร็ตสาดกระสุนใส่เราอีกหลายนัด

ปัง! ปัง! ปัง!

“แกต้องตาย ไอ้ลูกหมา!”

“ดูเหมือนแกจะทำให้พ่อเลี้ยงของเราโกรธนะ”

ผมคำรามลั่น “มันไม่ใช่พ่อเลี้ยงฉัน!”

“ฉันจะอ้อมไปอีกฝั่ง แล้วหาจังหวะเข้าไปให้ถึงตัวมันจากด้านหลัง ดึงความสนใจมันไว้นะ”

“เฮ้” ผมรั้งแขนเขาเอาไว้อีกครั้ง “มันเสี่ยงเกินไป”

“ฉันไม่ได้อ่อนแออย่างที่แกคิด เรื่องแค่นี้ฉันทำได้น่า”

“แต่นายไม่มีปืน...” แคสเทียลไม่รอให้ผมพูดจบด้วยซ้ำ เขาส่งสัญญาณให้ผมดึงความสนใจของจาเร็ต และแม้ว่าจะเป็นห่วงเขา แต่ผมก็จำต้องยอมทำตามที่เขาต้องการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“อะไรทำให้แกยักยอกเงินบริษัท จาเร็ต ต้องการเงินไปทำอะไรมากมายขนาดนั้น”

“แกจะอยากรู้ไปทำไม ไอ้ลูกหมาที่ไม่เคยสนใจบริษัทของแม่ตัวเองอย่างแก ไม่คิดว่ามันสายไปหน่อยหรือไงที่คิดจะกลับมาตอนนี้!” อีกฝ่ายเหวี่ยงปืนในมือไปด้วยระหว่างตะโกนใส่ผม

“ฉันจะสนใจหรือไม่มันก็ไม่เกี่ยวกับแก! ยังไงซะฉันก็เป็นแคมเบลล์ แต่แกไม่ใช่!” ผมรู้สึกเหมือนมีไฟลุกท่วมอยู่รอบตัว ความโกรธเคืองลุกโหมเหมือนไฟป่า มันพร้อมจะเผาทำลายใครก็ตามที่คิดจะทำร้ายครอบครัวของผม “แกมันก็แค่โซลเมตของแม่ที่มาทีหลัง ถ้าไม่ใช่เพราะสายใยแห่งความสัมพันธ์ แม่ของฉันคงไม่มีวันแต่งงานกับแกหรอกไอ้งั่ง!”

“หุบปาก!”

ปัง!

จาเร็ตตวาด เขายิงปืนอีกนัดหนึ่งใส่ผม และมันเฉี่ยวหัวไหล่ของผมเข้าอย่างจัง บ้าฉิบ! ผมประมาทที่ไม่ทันระวังตัว เลยโดนยิงเข้าจนได้ เฮงซวยเอ๊ย!

“อึก!” บาดแผลจากกระสุนร้อนผ่าว ผมกัดฟันแน่น เหลือบมองเลือดที่ไหลซึมออกมาจากปากแผล แล้วโทสะของผมก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ผมยิงสวนกลับไป แต่อีกฝ่ายดันรู้ทัน วิ่งไปหลบข้างตัวรถอีกฝั่งหนึ่ง ทำให้กระสุนพลาดเป้ากระแทกเข้ากับกระจกรถจนแตกละเอียดแทน

“คริสเตียน!” แคสเทียลเผลอร้องเรียกผมเสียงดัง และนั่นทำให้ผมเขากลายเป็นเป้าโจมตีแทนผม

จาเร็ตโผล่หน้าขึ้นมาแล้วหันปืนไปทางพี่ชายของผม มันลั่นไกในจังหวะที่ผมพุ่งตัวออกไปหาแคสเทียลพอดี

“แคสหลบ!”

ปัง!

“คริส!”

เสียงของแคสเทียลฟังดูความเจ็บปวดเข้าครอบครองร่างกายของผม มันรุนแรงจนทำให้ตาพร่า สองขาทรุดลงคุกเข่ากับพื้น...ผมสูดหายใจ แต่นั่นยิ่งทำให้ผมเจ็บ ลมหายใจของผมสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ผมรู้สึกได้ถึงความเปียกแฉะที่ฝ่ามือ ก่อนจะมารู้ทีหลังว่ามันคือเลือด หน้าท้องของผมมีเลือดไหลทะลักออกมา และทุกอย่างในสายตาก็ดูมัวหม่นมากกว่าเดิม

นี่ผมกำลังจะตายใช่มั้ยนะ?

สิ่งสุดท้ายที่ผมสัมผัสได้ก่อนสติจะหลุดลอยไป คือความตกใจของเจย์เดนที่เอ่อล้นขึ้นมาอกของผม

 

[Jayden]

มันเป็นความรู้สึกประหลาด ทุกอย่างดูอึมครึมเหมือนท้องฟ้ายามที่กำลังจะเกิดพายุฝน ระหว่างนั่งทำงานผมกลับรับรู้ได้ถึงความโกรธเคืองของคริสเตียนที่ล้นทะลักออกมา มันทำให้ผมกังวลใจ เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า

แต่ไม่ว่าจะพยายามโทรหาเขากี่สาย อีกฝ่ายก็ไม่รับ และทุกอย่างยิ่งแย่ลงเมื่อนานเข้าผมกลับสัมผัสได้ทั้งความกังวล ความหวาดหวั่น และสุดท้าย...ความเจ็บปวด

มันพุ่งทะยานอยู่ในตัวของผม ความเจ็บปวดที่หน้าท้อง รู้สึกร้อนผ่าวและเสียดแทงจนผมหน้ามืดไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่สัมผัสเหล่านั้นจะหายไปในพริบตา

“เจย์เดน เฮ้! เป็นอะไรวะเพื่อน”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบให้แมตต์ ควานมือหาโทรศัพท์ทั้งที่ยังรู้สึกว่าสมองพร่าเบลอไปหมด เลื่อนปลายนิ้วจิ้มลงไปที่เบอร์ของโซลเมต รอสายอยู่นานแต่ก็เป็นเหมือนก่อนหน้านี้...เขาไม่รับสาย

ระหว่างกระวายกระวายใจผมพยายามคิดว่าจะทำยังไงเพื่อติดต่อคริสเตียนให้ได้ แล้วชื่อของคนคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในความคิด ผมไม่รอช้า กดโทรออกหามิสเตอร์แคสเทียลทันที ปลายสายดังอยู่นาน และเกือบจะตัดไปแล้ว แต่...

“...เจย์เดน”

“คุณแคสเทียลครับ! คริสเตียนอยู่กับคุณหรือเปล่า!?”

อีกฝ่ายเงียบไป เงียบจนผมยิ่งรู้สึกแย่ สิ่งเลวร้ายต่างๆ เท่าที่ผมจะนึกออกถาโถมเข้าใส่สมองของผม อุบัติเหตุเหรอ? รถชน? พลัดตกบันได? มัน...เกิดอะไรขึ้นกับคนรักของผม!

“เขาอยู่กับฉัน หมายถึงก่อนหน้านี้น่ะนะ”

“แล้วตอนนี้ล่ะครับ!?” ผมแทบจะตะโกนใส่อีกฝ่าย ระดับเสียงที่เกือบจะกลายเป็นตะคอกทำให้เพื่อนร่วมงานของผมหันมามองเป็นตาเดียว แต่พวกเขาก็ยังมีมารยาทมากพอที่จะไม่ถาม

ผมสูดลมหายใจเข้าลึก จดจ่อกับการรอคำตอบจากพี่ชายของคนรัก ได้ยินเสียงแคสเทียลถอนหายใจยาว “ตอนนี้เขาอยู่กับ...หมอ”

ราวกับโลกทั้งใบถล่มใส่ผม มวลแห่งความหนักอึ้งทาบทับลงมาบนร่างและทำให้ผมแทบล้มทั้งยืน

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!?

“เขาเป็นอะไร” ผมถาม น่าแปลกที่น้ำเสียงของผมมันสงบนิ่งกว่าตอนแรกมาก ทั้งที่ใจผมร้อนรนขนแทบคลั่ง

เป็นอีกครั้งที่คุณแคมเบลล์ถอนหายใจ “เขาโดนยิงน่ะ”

แล้วทุกอย่างก็หลุดออกมาจากปากของอีกฝ่าย ยิ่งฟังผมก็ยิ่งกำหมัดแน่น อยากจะชกเข้าที่หน้าหล่อๆ ของโซลเมตตัวเอง แต่ติดที่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ตรงหน้าผม และใช่ เขากำลังอยู่ในห้องผ่าตัด

“ผมกำลังจะไป” ตัดบทแล้ววางสาย สาวเท้ายาวๆ ไปหาเพื่อนสนิท “แมตต์ ฉันขอยืมรถหน่อย”

“เอ่อ แกจะไปไหน”

“ไปหาคริสเตียน” ผมตอบ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามันห้วนเกินไป “เขาอยู่โรงพยาบาล”

แมตต์เบิกตากว้าง “เฮ้พวก เขาเป็นอะไร ทำไมถึงไปอยู่ที่นั่น”

“อุบัติเหตุน่ะ ถ้ายังไงฉันขอยืมรถ...” ผมไม่ได้บอกความจริง

“แน่นอน” แมตต์หยิบกุญแจรถยื่นให้ผมทันที ผมเพียงพยักหน้ารับ แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากออฟฟิศ ขึ้นรถได้ผมก็ขับทะยานออกไปสู่ท้องถนน เหยียบแทบมิดคันเร่งโดยไม่สนว่าจะโดนตำรวจส่งหมายค่าปรับมาที่บ้านกี่ฉบับ

สิบห้านาทีต่อมาผมก็มาถึงที่หมาย โรงพยาบาลแห่งเดิมกับที่ผมเข้ารับการทำแผลเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน และทันทีที่มาถึงหน้าห้องผ่าตัด ผมก็เจอเข้ากับคุณแคสเทียล

“มิสเตอร์แคมเบลล์!”

“มาแล้วเหรอ” อีกฝ่ายเม้มปากแน่น

“เขาเป็นยังไงบ้างครับ”

“ไม่รู้สิ หมอยังไม่ออกมาเลย บัดซบเอ๊ย! นี่มันเป็นความผิดของฉันเอง ถ้าฉันไม่ประมาท เขาก็คงไม่ต้องวิ่งเข้ามารับกระสุนแทนฉัน!”

“ผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่คริสเตียนทำมันถูกหรือผิด สิ่งที่คุณทำก็ด้วยเหมือนกัน ผมรู้แค่ว่าเขาทำเพื่อปกป้องคุณ กลับกันถ้าเป็นเขาที่กำลังจะโดนยิง คุณก็ต้องกระโจนเข้าไปช่วยอยู่แล้ว” ผมปลอบเขา ถ้าให้เทียบกันแล้วเราสองคนต่างเป็นห่วงและกังวลมากเหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่าคนที่อยู่เหตการณ์อย่างมิสเตอร์แคสเทียลน่าจะสะเทือนใจมากกว่าเยอะเลยทีเดียว

“แล้ว...คุณอาของผมล่ะครับ”

“เขาหนีไป ตอนแรกเขาจะยิงเราซ้ำ แต่กระสุนปืนของเขาดันหมด เขาเลยขับรถหนีไป” แคสเทียลถอนหายใจ ตั้งแต่เราคุยกันผมได้ยินเขาทำแบบนี้มาสามครั้งเข้าไปแล้ว “แต่ฉันให้คนของฉันตามสืบจากเลขทะเลียนรถยนต์แล้ว อีกไม่นานเราจะรู้ที่อยู่ของเขา ฉันจะให้โคลตันนำหน่วยของผมบุกเข้าไปจับไอ้สวะนั่นด้วยตัวเอง!”

ผมพยักหน้ารับ ตอนนี้ก็มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่พอจะทำได้

ส่วนใครอีกคนในห้องผ่าตัด...ผมหวังเหลือเกินว่าเขาจะปลอดภัย



________________

พรุ่งนี้หนังสือพิมพ์จะพาดหัวข่าวว่า... "ทายาทคนเล็กตระกูลแคมเบลล์ ถูกยิงดับอนาถ" 555555555


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2019 23:29:05 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เจย์เดนต้องไม่เปนหม้ายสิค้า

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คนชั่วรอดไปตามระเบียบอีกแล้ว ต้องให้คุณละม่อมจัดการ  :hao3:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
คริสเตียนต้องปลอดภัยนะ  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คริส สสสส


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
โอว..โนว..วววววววว  o22 o22 o22

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Chapter 23

What do they want?


 

เคยบอกไม่ใช่เหรอ...ว่าเราเป็นคนสำคัญของกันและกันน่ะ

 

[Jayden]

น่าแปลกที่ผมสงบนิ่งได้มากกว่าที่คิด ตอนที่ได้รู้ว่าคริสเตียนโดนยิง สมองผมขาวโพลนไปชั่วขณะ ผมแทบคิดอะไรไม่ออก แต่คำว่าต้องไปหาเขาให้เร็วที่สุดมันดังก้องอยู่ในหัว และนั่นผลักดันให้ผมรีบเร่งมาที่โรงพยาบาล โดยเสียเวลาตกใจไปแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น

ผมรักเขา ใช่สิ เพราะแบบนั้นไงผมถึงได้กังวลใจแทบตายตอนที่สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเขา ทุกวินาทีที่ผมนั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดและได้แต่ภาวนาให้เขาปลอดภัย ความกดดันและคาดหวังบีบคั้นผมจนแทบหายใจไม่ออก ตอนนี้เขาจะรับรู้ความรู้สึกของผมได้บ้างไหม...ความรู้สึกเป็นห่วงจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้วน่ะ

ผมประสานฝ่ามือเข้าหากัน แตะริมฝีปากลงไปที่กำปั้นและเฝ้าอ้อนวอนต่อพระเจ้า

ได้โปรด อย่าพรากเขาไปจากผม

มิสเตอร์แคสเทียลเองก็คงกังวลใจไม่ต่างจากผม เขาเดินวนไปวนมา จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น...ผมเงยหน้ามอง จับใจความได้แค่ว่าเขาน่าจะกำลังคุยกับมิสซิสแคมเบลล์ และเธอจะมาที่นี่ให้ไวที่สุด

...การรอคอยสิ้นสุดลงเมื่อคุณหมอออกมาจากห้องผ่าตัด

ผมถลาเข้าไปหาชายในชุดกราวด์ ขณะที่แคสเทียลร้องถาม “เขาเป็นยังไงบ้างครับ”

“เขาปลอดภัยครับ โชคดีที่กระสุนไม่ฝังเข้าจุดสำคัญ...”

เราพูดคุยกับหมออีกเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจโดยความโล่งอกอย่างแท้จริง...คริสเตียนไม่ตาย เขายังมีชีวิตอยู่ ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว

 

หนึ่งวันหลังจากนั้นโซลเมตของผมได้ย้ายมาอยู่ห้องพักพิเศษ ทันทีที่เขาฟื้นผมก็เลือกที่จะปล่อยให้เขาได้พูดคุยกับคนในครอบครัว พาตัวเองออกมานั่งรอด้านนอก สักพักใหญ่ประตูห้องพักผู้ป่วยก็เปิดออก พร้อมกับร่างของคนสองคนที่ผมคุ้นตาดี

มิสซิสแคทเธอรีนส่งยิ้มให้ผม “ฝากดูแลเขาด้วยนะคะ”

“ครับ”

แคสเทียลทิ้งท้ายกับผมก่อนเดินตามแม่ของเขาไป “ไว้เจอกัน”

เมื่อทั้งสองไปแล้วผมจึงได้เข้าไปในห้อง...คริสเตียนนอนเอนหลังอยู่บนเตียง ดวงตามองตรงมาที่ผม ริมฝีปากซีดจางส่งยิ้มอ่อนๆ มาให้ ผมทรุดลงนั่งข้างเตียง จ้องมองเขา และเอ่ยถาม

“ปิดบังฉันแบบนี้คิดดีแล้วเหรอ?”

น้ำเสียงของผมไม่มีความโกรธเคืองหรือกล่าวหา มันเป็นแค่คำถามที่ผมต้องการคำตอบ ผมได้รู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว...คิดว่านะ และรู้ด้วยว่าวันที่เขาโดนยิง โรงงานผลิตยาเสพติดของพ่อก็โดนบุกด้วย แต่พ่อของผมหนีรอดไปได้ เหมือนที่อาจาเร็ตรอดไปจากเงื้อมมือของสองพี่น้องแคมเบลล์เช่นกัน

คริสเตียนเม้มปากเล็กน้อย “ฉันแค่ไม่อยากให้นายเสี่ยงอันตราย”

“คริส ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” ผมแย้งเสียงอ่อน “กลับกันถ้าหากเป็นฉันที่เลือกทำแบบนั้น...ทำทุกอย่างเองโดยไม่บอกนายสักคำ นายจะโอเคงั้นเหรอ?”

“ไม่ แน่นอนอยู่แล้วว่าไม่” เขาส่ายหน้า

“อย่าปิดบังอะไรฉันอีกคริสเตียน เราเป็นโซลเมต เป็น...” ผมดึงมือเขามาจับเอาไว้หลวมๆ หลุบตาลงมองปลายนิ้วของเขา “เป็นคนรักกัน ฉะนั้นอย่าปิดบังอะไรกันอีก”

“เจย์เดน...”

“นายเคยบอกนี่ว่าเราต่างเป็นคนสำคัญของกันและกัน” ผมยังคงพูดต่อไป ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดแทรก “ฉันไม่รู้ว่าฉันสำคัญกับนายมากแค่ไหน แต่นายสำคัญกับฉันมาก ดังนั้นอย่าทำแบบนี้อีก เข้าใจมั้ย?”

คริสเตียนกระตุกมือผม ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นสบตาเขา “ขยับมานี่”

ผมยอมทำตาม ลุกขึ้นโน้มใบหน้าไปหาเขา...ริมฝีปากเราจูบกันแผ่วเบา และเมื่อผละออกผมก็ย้ำคำถามก่อนหน้านี้กับเขาอีกครั้ง “บอกสิว่านายเข้าใจที่ฉันพูด”

“อืม เข้าใจ ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก” คริสเตียนเกลี่ยปลายนิ้วกับแก้มของผม “นายสำคัญกับฉันนะเจย์ สำคัญมากซะจนฉันยอมเสียนายไปไม่ได้”

“ฉันก็เสียนายไปไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้นอกจากน้องๆ ฉันก็มีแค่นายเท่านั้นที่ฉันรักมาก”

คริสเตียนแนบจูบผมอีกครั้ง และกระซิบถ้อยคำอ่อนหวานที่ผมไม่เคยเบื่อเลยสักครั้งยามได้ยิน...

“I love you, baby”

 

[Christian]

แคสเทียลมาเยี่ยมผมอีกครั้งในวันถัดมา

“นายคงรู้แล้วว่าเจฟเฟอร์สันหนีไปได้”

ผมพยักหน้า “แต่นิโคไลก็ทลายโรงงานผลิตยาเสพติดของพวกมันได้ใช่ไหมล่ะ?”

“ใช่ หน่วยของโคลตันเข้าจัดการเรื่องทางกฎหมายต่อจากนั้น และกำลังควานหาตัวสองพี่น้องสมิธอยู่” แคสเดินไปที่หน้าต่าง เขากอดอกและเหม่อมองออกไปด้านนอก “ถ้าฉันไม่ทำพลาด อย่างน้อยเราก็น่าจะจับจาเร็ตได้”

“มันไม่ใช่ความผิดของนายนะพวก เอาล่ะ สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้ก็คือเลิกโทษตัวเอง ทั้งนาย ฉัน หรือใครก็ตาม ทุกอย่างบนโลกไม่ได้เป็นไปตามใจเราเสมอ ต่อให้จะวางแผนรัดกุมแค่ไหน แต่ทุกอย่างพลิกผันได้ ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือคิดวิธีแก้ปัญหา ไม่ใช่โทษตัวเองหรือใครๆ”

แคสหันกลับมาสบตาผม แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง เหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าผมพูดอะไรดีๆ แบบนี้ได้ด้วย และนั่นทำให้ผมอยากจะลุกขึ้นไปต่อยหน้าเขาชะมัด

“พูดได้ดี” เจย์เดนที่นั่งอยู่ข้างผมเอ่ยขึ้น เมื่อเราสบตากันผมก็พบความชื่นชมอยู่ในดวงตาของเขา และนั่นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ มัน...น่าอายพิลึก

“หลังจากนี้จะทำไงต่อ?” ผมหันกลับไปถามพี่ชายตัวเอง

แคสถอนหายใจอีกครั้ง “นายไม่ต้องห่วง พวกฉันจะจัดการกันต่อเอง ตอนนี้นายบาดเจ็บ พักรักษาตัวให้หายเถอะ นายก็ด้วยเจย์เดน ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น คอยดูแลไอ้หมอนี่ไป”

“ครับ”

หลังจากอีกฝ่ายกลับไป ทั้งห้องพักผู้ป่วยก็กลับมาเหลือแค่ผมกับเจย์เดนอีกครั้ง คนรักของผมเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือตัวเอง

“นอนมั้ย?”

“อืม” ผมตอบ เขาก็เลยช่วยพยุงผมให้นอนลงไป

“อยากได้อะไรอีกหรือเปล่า”

“อยากให้นายขึ้นมานอนด้วยกัน”

เจย์เดนหัวเราะ “นี่ไม่ใช่ซีรีส์ที่เราเคยดูด้วยกันนะคริสเตียน เตียงคนไข้ไม่ได้ใหญ่พอให้ผู้ชายตัวโตๆ สองคนนอนด้วยกันได้”

“แล้วถ้าทำอย่างอื่นล่ะ?” ผมถาม แสดงความต้องการในตัวเขา

“กำลังหมายถึงฟัดกันบนเตียงเหรอ?” เขาถาม ผมหัวเราะแทนคำตอบ เจย์เดนเห็นอย่างนั้นก็พ่นลมหายใจเหมือนเอือมระอาผมเต็มที แต่ปากของเขากลับยิ้ม “ถ้าให้ขึ้นไปคร่อมนายน่ะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก”

ผมเลิกคิ้ว เขาใช้คำว่า ‘ถ้า’ นั่นหมายความว่าหากเป็นอย่างอื่น...

“แต่ถ้าให้ใช้ปากก็พอจะทำให้ได้อยู่นะ”

ผมยิ้ม ดึงเขาเข้ามาจูบหนักๆ แล้วผละออกเพื่อบอกว่า “แน่นอน ฉันต้องการทุกอย่างที่เป็นนาย”

โซลเมตของผมแสยะยิ้ม เขาขยับปลายนิ้วเกลี่ยเล่นที่แผ่นอกของผม เสื้อคนไข้สีขาวทำให้มองทะลุเข้าไปเห็นยอดอกของผมเลือนราง และนั่นเป้นเป้าโจมตีที่เจย์เดนหมายตา...เขาสะกิดปลายนิ้วหยอกเย้ามันเล่น ทำเอาผมหายใจกระตุกไปวูบหนึ่ง และกลายเป็นกลั้นหายใจเมื่อใบหน้าหล่อเหลาโน้มมาจูบซับที่ปลายคาง ไล่ลงไปที่ต้นคอ ก่อนเลื่อนกลับมากดจูบที่ปากของผมอีกครั้ง

เราแลกปลายลิ้นกันและกัน เข้าสำรวจชิมรสในปากของอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมใคร

“อืม” เจย์เดนครางเครือในลำคอ ขณะที่ผมคำรามลั่น กลางกายร้อนระอุขึ้นมา และมันกำลังจะตื่นขึ้นในไม่ช้า

ผมกระซิบร้องขอสิ่งที่ต้องการจากอีกฝ่าย “ที่รัก สัมผัสมันหน่อยสิ”

เจย์เดนสบตากับผม เขาเลิกคิ้ว ท่าทียียวนราวกับตั้งใจจะแกล้งกัน ซึ่งผมคิดว่าใช่เลยล่ะ เขากำลังแกล้งผม ทำให้ผมทรมานเพราะความต้องการที่ถูกเขากระตุ้นเร้า

“ไอ้หนูของฉันอยากตกอยู่ในอุ้งมือของนายจะแย่แล้ว”

โซลเมตของผมหลุดหัวเราะ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมยื่นมือสอดแทรกเข้าไปในกางเกงสำหรับผู้ป่วย

และในเวลาต่อมา...ผมก็แทบจะสิ้นไร้เรี่ยวแรงเพราะปากของเขา

 

สองสามวันถัดมาผมยังคงอยู่โรงพยาบาล อาการของผมดีขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นหมอก็ยังไม่อนุญาตให้ผมกลับไปพักฟื้นที่บ้าน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหมอตัดสินใจเองหรือแม่ของผมไปพูดอะไรเข้า ผมถึงได้สิทธิ์ใช้ห้องพักพิเศษต่อไปได้ทั้งที่บาดแผลก็ดีขึ้นมากแล้ว

ผมเหลือบมองเจย์เดน ตั้งแต่ผมเข้าโรงพยาบาล อีกฝ่ายก็หอบเอางานมาทำที่นี่แทนที่จะเข้าไปทำที่บริษัท ผมรู้นะว่าเขาไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวันก็ได้ แต่การไม่เข้าเลยห้าวันติดมันจะไม่กระทบกับงานของงั้นเหรอ? และผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้านายของเขาน่ะใจกว้างเกินไปหรือเปล่า

ถึงอย่างนั้นก็เป็นเรื่องดีอยู่เหมือนกันที่เจย์เดนมาอยู่กับผม เพราะตั้งแต่ที่ผมเข้าโรงพยาบาล ผมก็ไม่สามารถไปรับไปส่งเขาเองได้ พอเขาให้เพื่อนขนงานมาส่งให้ที่นี่ เขาก็แทบไม่เคยออกจากห้องพักผู้ป่วยของผมเลย อย่างมากก็ออกไปซื้อของกินของใช้ที่มินิมาร์ทโรงพยาบาล นั่นทำให้ผมสบายใจมากขึ้นว่าเขาจะไม่ต้องออกไปเสี่ยงอันตรายข้างนอก ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเจฟเฟอร์สันจะควานหาตัวเจย์เดนอยู่หรือเปล่า ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากให้คนรักออกไปเพ่นพ่านด้านนอกแล้วโดนเจอเข้าสักวัน

แคสเทียลแวะมาหาทุกวัน เขามาบอกความคืบหน้าต่างๆ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เรายังหาตัวสองพี่น้องสมิธไม่พบ พวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับมีใครช่วยซ่อนตัวพวกเขาเอาไว้ และถ้าให้ผมเดา ใครที่ว่าก็อาจจะเป็นหัวหน้าใหญ่ของพวกเขาอีกที

ไม่มีทางที่พ่อของเจย์เดนจะเป็นเจ้าของโรงงานผลิตยาเสพติดเอง เขาไม่ได้มีเงินมากมายจะก่อตั้งที่แบบนั้นและจ้างคนไปทำงาน พวกเราเห็นตรงกันว่าเขาน่าจะเป็นลิ่วล้อที่ได้รับคำสั่งมาอีกที แต่...ใครกันล่ะที่เป็นเจ้านายของพวกเขา

ถึงจะสงสัยแต่หน้าที่ของพวกเรา (หมายถึงผม แคส และนิโคไล) คือการตามจับตัวพี่น้องสมิธเท่านั้น ส่วนการสืบสาวไปถึงตัวการใหญ่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโคลตันไปเถอะ เขาเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษของตำรวจ งานพวกนี้ต้องให้เขาทำ ไม่ใช่นักธุรกิจธรรมดาๆ อย่างพี่ชายของผม หรือเจ้าของบริษัทฝึกบอดี้การ์ดอย่างนิโคไล ริชมอนด์

อ้อ ดูเหมือนอีกคนที่ผมยังไม่ได้พูดถึงก็คือโจชัว เด็กคนนั้นรู้เรื่องทุกอย่างแค่คร่าวๆ เพราะนิคไม่อยากให้รู้อะไรมากไปกว่านี้ ด้วยเหตุผลว่าอีกฝ่ายยังเด็กน่ะนะ (ซึ่งผมคิดว่าสิบแปดเนี่ยไม่เรียกว่าเด็กหรอกนะ แต่ก็นั่นล่ะ เขายังเด็กเกินไปกับเรื่องสีเทาเข้มข้นจริงๆ) โจชัวจึงรู้แค่ว่าผมโดนจาเร็ตยิงเพราะเรื่องยักยอกเงิน ส่วนเรื่องโรงงานยาเสพติด เรื่องที่พ่อของเขาหนีไปจากการจับกุม และเรื่องที่แม่ของเขาถูกจับแล้ว...เขายังไม่รู้เรื่องพวกนี้

เป็นความเห็นชอบจากคนเป็นพี่ชายอย่างเจย์เดนที่คิดว่าไม่ควรบอกตอนนี้ เขากลัวว่าโจชัวจะเสียใจมากไปกว่านี้ เพราะทุกวันนี้เจ้าเด็กนั่นก็ทำหน้าอมทุกข์เกินจะทนไหวแล้ว ผมสงสารเขานะ แต่ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ เขาต้องเรียกรู้ที่จะยอมรับมัน เหมือนที่พี่ชายของเขายอมรับและทนเจ็บปวดมานานเป็นสิบๆ ปี

“คริส เฮ้ คริสเตียน!” ผมหลุดออกจากความคิดตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงโซลเมตเอ่ยเรียก อีกฝ่ายเมื่อเห็นผมเหม่อจึงวางมือจากงานแล้วลุกมาหาผม “เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บแผลเหรอ?”

“เปล่า แค่คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ”

“อยากให้ฉันใช้ปากให้อีก?” เจย์เดนหยอกล้อ

ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าได้ก็ดี”

เขาแค่นหัวเราะ “ไม่เอาล่ะ รอให้นายหายดีก่อนเถอะ”

“ทำไม?”

“จะได้ฟัดกันแรงๆ แบบทุกทีไง”

ผมระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น กวักมือเรียกเขาเข้ามาใกล้ แล้วเราก็สวมกอดกันหลวมๆ เราซุกหน้าเข้าหาซอกคอของกันและกัน ผมสูดดมกลิ่นหอมของครีมอาบน้ำและโคโลญบนตัวเขา สัมผัสเส้นผมนิ่มลื่นมือ ก่อนจะเลื่อนใบหน้าไปฝังจมูกเข้าที่ข้างแก้มของเขา...ดูประหลาดไปหน่อยที่ผู้ชายตัวโตๆ สองคนหอมแก้มกัน แต่เพราะว่าเป็นเขา ผมจึงรักในทุกสิ่งที่ได้ทำกับเขา

เจย์เดนหัวเราะแผ่วเบา “จั๊กจี้น่า”

“เหรอ แต่ฉันชอบนี่” ผมบอก ซุกหน้ากลับเข้าไปที่ซอกคอของเขาอีกครั้ง เอาไรหนวดที่ยังไม่ได้โกนถูไถไปมา และนั่นทำให้โซลเมตของผมหัวเราะมากกว่าเดิม

“พอได้แล้ว เฮ้ ไม่เอาน่าพวก” ผมยอมหยุดในที่สุด เห็นดังนั้นเจย์เดนจึงจับยึดใบหน้าของผมเอาไว้ อีกฝ่ายขมวดคิ้วเล็กน้อย “ให้ฉันโกนหนวดให้มั้ย?”

ผมยิ้ม “ได้ก็ดี”

หลังจากนั้นผมก็นั่งนิ่งให้คนรักหนุ่มจัดการโกนหนวดเคราที่เริ่มยาวออกให้ ทุกการขยับเคลื่อนไหวของเขา ผมจดจ้องไม่วางตา ผมสัมผัสได้ถึงความประหม่าของเขา และนั่นทำให้ผมอยากจะยิ้มเหลือเกิน แต่ดันยิ้มไม่ได้เพราะกลัวโดนมีดโกนบาดหน้าเอาน่ะสิ ทรมานชะมัดเลย

เจย์เดนคงสัมผัสได้ถึงความขัดใจจากผม เขาเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย ผมอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายหยุดมือเพื่อส่ายหน้า ก่อนจะบอกให้เขาโกนต่อให้เสร็จ

ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งการโกนหนวดโดยช่างที่มีเพียงหนึ่งเดียวของผมก็เสร็จสิ้น ผมลงจากเตียงนอนอันแสนน่าเบื่อและคับแคบ ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยก่อนจะเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปนอกบานกระจก ชมวิวทิวทัศน์ที่มีให้เห็นแค่นี้ และคิดว่าจะชวนเจย์เดนออกไปเดินเล่นที่สวนของโรงพยาบาลดีไหม

หมับ

ในระหว่างที่ผมกำลังครุ่นคิด ก็สัมผัสได้ถึงแรงกอดรัดจากด้านหลัง และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโซลเมต...คนรักของผม ไม่บ่อยนักที่เราจะยืนกอดกันแบบนี้ ไม่บ่อยยิ่งกว่าที่เขามากอดผมก่อน

ผมปล่อยให้เขากอด หลุบตามมองใบหน้าของคนรักที่เกยอยู่บนบ่าของผม เรากอดกันเงียบๆ ไร้ซึ่งเสียงพูดคุย แค่ปล่อยสายตาให้มองออกไปด้านนอกหน้าต่าง และเราคงจะอยู่ในบรรยากาศอันแสนอบอุ่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ หากไม่ใช่ว่าเสียงประตูห้องพักของผมเปิดออก...มีแขกมาเยี่ยมเยียนอีกครั้ง

แต่เมื่อเราหันกลับไปมอง ทั้งร่างของผมราวกับถูกจับแช่แข็ง!

“ไง ยังไม่ตายจริงๆ สินะ” อีกฝ่ายยิ้มหยัน จ่อปืนมาที่เราสองคน ผมรีบผลักให้เจย์เดนไปอยู่ด้านหลัง แต่เขาไม่ยอม โซลเมตของผมขยับมายืนข้างกัน...จาเร็ต สมิธก้าวเข้ามาใกล้เรามากขึ้น “แต่แกกำลังจะตายวันนี้ล่ะ”

“จะทำอะไรก็รีบทำเข้าเถอะ ก่อนที่จะมีใครเข้ามา...!”

บุคคลที่สี่ซึ่งมากับอีกฝ่ายเดินตามเข้ามายืนข้างๆ ใบหน้านั้นผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เดาได้ไม่ยากว่าเขาเป็นใคร และผมคิดว่าตัวเองเดาถูก เพราะผมรู้สึกได้ถึงความตกใจของเจย์เดน ไหนจะเสียงเรียกที่หลุดออกมาจากปากของเขานั่นอีก

“พ่อ”

เจฟเฟอร์สัน สมิธเบิกตากว้าง แววตาเคียดแค้นจริงจัง...เขาชักปืนของตัวเองออกมาแล้วจ่อตรงมาที่ลูกชายของตัวเอง เสียงเข้มตวาดก้อง “แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงไอ้เจย์เดน!”

ผมเอ่ยสวนกลับไปด้วยประโยคที่คิดขึ้นได้ในตอนนั้น หวังเบี่ยงเบนความสนใจจากพวกเขา

“พวกคุณต้องการอะไร!?”

อดีตพ่อเลี้ยง (ที่ผมไม่อยากจะเรียกอย่างนั้นเลยด้วยซ้ำ) แสยะยิ้มอีกครั้ง มันเขย่าปืนในมือ

“มาฆ่าแกไงไอ้ลูกหมา!”


_______________

โดนบุกมายิงถึงโรงพยาบาล คราวนี้จะตายจริงมั้ย แต่ตายก็ตายคู่อะ โห โรแมนติกดีจัง ._.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2019 23:31:41 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
รพ.นี่ไม่ปลอดภัยเลยยย เข้ามาง่ายๆเลย เหมือนเดินเข้าบ้าน =_=

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไม่คิดว่าจะบุกมาถึงรพ  :ling2:

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เห้้ยยยยยยยย พี่น้องคู่นี้ เลวจ๊นนนนนน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตำรวจมัวไปทำอะไรอยู่นะ  :katai1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ mimirose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 o22 o22 :ling1: :ling1: มาเขียนต่อเร็วนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด