พิมพ์หน้านี้ - (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Hazel_nut ที่ 20-07-2018 23:35:24

หัวข้อ: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 20-07-2018 23:35:24
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


Call me Daddy #ความลับบนตัวผม

by Hazel_nut


Nameverse (เนมเวิร์ส)
คือโลกที่ทุกคนจะมีชื่อของเนื้อคู่ (Soulmate) ติดอยู่ที่ตัว
อาจอยู่ในจุดที่มองเห็นได้ยากหรือง่าย
หรืออาจจะปรากฎขึ้นหลังจากสัมผัสตัวกันและกัน

*************************************************************************
ชื่อของโซลเมตจะปรากฎขึ้นบนร่างกายของกันและกัน
แต่เขาไม่รู้ว่าชื่อของผมอยู่บนตัวเขา
ดังนั้น...ผมจะไม่มีวันให้เขารู้ว่าชื่อของเขาก็อยู่บนตัวผมเหมือนกัน!



"ถอดเสื้อของนายออก ฉันอยากรู้ว่าโซลเมตของนายชื่ออะไร"
"ไม่"
คริสเตียนหรี่ตา ย่างสามขุมเข้าหาเจย์เดนอย่างรวดเร็ว
ยื่นมือออกไปกระชากเสื้อเชิ้ตที่อีกฝ่ายใส่อยู่จนกระดุมขาดผึงทุกเม็ดในพริบตา!


ติดแท็ก #ความลับบนตัวผม


หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 21-07-2018 00:19:35
Prologue

When I first met you


 

ครั้งแรกที่เราเจอกัน เป็นตอนที่เขากำลังนัวเนียอยู่กับสาวสวยคนหนึ่ง

 

ผมจำได้เลือนลาง วันนั้นผมไปดื่มกับเพื่อน ฉลองให้กับโปรเจ็กงานที่เพิ่งผ่านมติในที่ประชุม...ผมเป็นสถาปนิก และการเขียนแบบตลอดระยะเวลากว่าสองสัปดาห์ ปรับแก้แล้วแก้อีกตามแต่ใจลูกค้าจะสั่ง ทำให้ผมกับเพื่อนร่วมทีมอีกสามชีวิตต้องอดหลับอดนอน จนจะกลายร่างเป็นซอมบี้กันอยู่แล้ว

ก็นั่นล่ะ เมื่อแบบที่วาดส่งลูกค้ามันผ่านได้สักที พวกเราก็เลยมาดื่มฉลองกัน

ผมจิบเบียร์ฟังดนตรีไปพลาง คลับนี้ผมมาไม่บ่อย แต่ก็ถือว่าคุ้นเคยกันดี เรียกได้ว่าบาร์เทนเดอร์เห็นหน้าผมก็รู้แล้วว่าต้องเสิร์ฟเบียร์ยี่ห้ออะไรให้ อืม แบบนี้เรียกว่ามาไม่บ่อยได้ไหมนะ?

ขณะที่เพื่อนร่วมงานกำลังเมามันกับการสุมหัวบ่นลูกค้า ผมก็เกิดอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา...

"นั่นแกจะไปไหน?"

“ห้องน้ำ” ผมตอบ

“ตามสบายเลยเพื่อน ว่าแต่ฉันฝากฉี่หน่อยได้ไหมวะเจย์เดน”

ผมผลักหัวแมตต์ไปหนึ่งทีแทนคำตอบ ก่อนจะเดินห่างออกมาเพื่อตรงไปยังห้องน้ำของคลับ...และนั่นล่ะคือจุดเริ่มต้นของการพบกันครั้งแรกระหว่างผมกับ ‘เขา’

ผมมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดินจนไปชนเขาเข้า ยกสองมือขึ้นต้านแรงชนเล็กน้อย และพยายามทรงตัวเอาไว้ไม่ให้ล้มลง...แม้จะชนไม่แรง แต่ถ้าผมก้าวเท้าพลาดแค่นิดเดียว ก็มีโอกาสที่ผมจะล้มก้นจ้ำเบ้าได้ไม่ยาก

สองมือของผมเผลอแตะเข้ากับต้นแขนกำยำของผู้ชายอีกคนเพื่อเป็นหลักยึด ฉับพลันนั้นปากก็เอ่ยออกไปก่อนจะได้มองหน้าคู่กรณีด้วยซ้ำ

“...ขอโทษครับ”

“เดินยังไงของแกวะ!”

น้ำเสียงทุ้มเข้มเจือไปด้วยความหงุดหงิด ผมรีบเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ใส่เพียงเสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงยีนสีซีด แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น เสียงหวานกระเซ่าของหญิงสาวที่อยู่กับอีกฝ่ายก็ดังแทรกขึ้นมา

“อืม คริสคะ ขยับสิ”

แล้ววินาทีนั้นผมก็ได้รู้ว่าทั้งสองกำลังทำอะไรอยู่ เมื่อสองขาของสาวชุดแดงเกี่ยวเข้าที่เอวสอบของผู้ชายที่ผมเดินชนโดยไม่ตั้งใจ ไหนจะแรงกระแทกกระทั้นที่เขาโถมเข้าใส่ร่างกายบอบบางของเธอนั่นอีกล่ะ

เสียงหยาบโลนของจังหวะเซ็กซ์จากพวกเขา ทำให้ผมหน้าร้อนผ่าวซะจนต้องรีบก้าวออกมาจากตรงนั้น

ได้แต่สบถด่ากับตัวเองว่าหนุ่มสาวคู่นั้นโคตรไร้ยางอายมากที่กล้ามาฟัดกันในที่สาธารณะ...ผมเร่งฝีเท้าออกห่าง จนหลบเข้ามาในห้องน้ำได้สำเร็จ พ่นลมหายใจแรงด้วยความหงุดหงิดปนละอาย บ้าชะมัดที่ผมดันไปเห็นหนังสดของคนไม่มีจิตสำนึกแบบนั้นได้

ผมพ่นลมหายใจแรงอีกครั้ง ก้าวเข้าไปทำธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อยจึงถลกแขนเสื้อเชิ้ตทั้งสองข้างขึ้นเพื่อล้างมือ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองเม็ดบนออกด้วยความอึดอัด ถ้ารู้ว่าจะมาดื่ม ผมคงเตรียมเสื้อยืดใส่สบายสักตัวมาเปลี่ยนแล้วล่ะ เพราะการใส่เสื้อเชิ้ตที่เกือบจะพอดีตัวนี่มันโคตรน่าอึดอัดเลย ให้ตายสิ

ตั้งใจว่าจะล้างหน้าสักหน่อย แต่แล้วก็จำต้องหยุดทุกการกระทำของตัวเอง...ก่อนจะต้องตกใจแทบบ้า เมื่อพบว่ามีชื่อของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นบนแผ่นอกด้านซ้าย

Christian

บ้าชะมัด! จู่ๆ ชื่อของใครก็ไม่รู้ดันโผล่ขึ้นมาบนตัวผม ทั้งที่ผมยังไม่ได้ไปแตะต้องตัวใครเลยด้วยซ้ำ

ไม่สิ! มีคนหนึ่งที่ผมเพิ่งจะแตะโดนตัวของเขาไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา และ...โอ้ ไม่เอาน่า ให้ตายเถอะพระเจ้า ชื่อของโซลเมตโผล่ขึ้นมาบนตัวผม หลังจากที่ผมเผลอไปแตะโดนตัวของผู้ชายคนนั้นเข้าเนี่ยนะ!?

ผมจดจ้องรอยสลักสีเข้มบนแผ่นอกตัวเอง ได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วงเมื่อพบว่ามันมีสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะเหมือนผมเอาน้ำหมึกมาทาทับซ้ำๆ เอาล่ะ คงต้องยอมรับว่านี่คือชื่อโซลเมตของผมจริงๆ

และเขามีชื่อว่า...คริสเตียน

ซึ่งน่าจะเป็นคนเดียวกันกับไอ้ผู้ชายหน้าด้าน ที่กำลังนัวเนียกับสาวสวยอยู่ด้านนอกห้องน้ำนี่!


__________

อย่างที่เกริ่นเอาไว้ในหน้านิยายเนอะ เรื่องนี้เป็นแนวเนมเวิร์สค่ะ ชื่อของโซลเมตจะปรากฎขึ้นบนตัวของเราอะไรงี้ แล้วเจย์เดนก็ดั๊น...ได้เจอโซลเมตเอาตอนที่อีกฝ่ายกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับสาวสวยอยู่ค่ะ 555 แล้วทีนี้จะเป็นไงต่อไปล่ะเนี่ย

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 21-07-2018 01:38:17
ว้าวๆ อยากอ่าน น่าสนใจค่าาา :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 21-07-2018 01:43:29
 :hao6:  :hao7:  o13 มาต่อด่วนค่ะ please  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 21-07-2018 02:41:18
ชอบพล็อตต ไม่เคยอ่านเลยยย รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-07-2018 04:22:44
น่าสน น่าสอย ต่อด่วนนนนนนนนนนนนนนนน  :hao6:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 21-07-2018 08:50:19
เนมเวิร์สสสสส กำลังอยากอ่านแนวนี้พอดีเลย
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-07-2018 09:59:35
จะรออ่านนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 21-07-2018 14:04:10
ติดตามค่ะ 
:yeb: :yeb:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 21-07-2018 14:15:35
น่าติดตามมากกกกก
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-07-2018 15:43:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 21-07-2018 15:44:23
น่าสนใจมากกกก รอมาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 21-07-2018 21:22:18
อู้ฮูววววว ตอนแรกก็สนุกแล้วอ่ะ มาต่ออีกเร็วนะคะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 21-07-2018 21:28:29
จะปิดไปได้นานแค่ใหนเนี่ยยย   :pighaun:  รอตอนต่อไปนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-07-2018 21:38:14
พล็อตเริ่ด...ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ขออนุญาตกด ติดตาม  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 21-07-2018 22:23:33
รอออออ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 22-07-2018 00:25:39
 :pig2:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 22-07-2018 14:48:56
เนื้อเรื่องน่าสนใจมาก ขอตามด้วยคนนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-07-2018 15:31:17
รอ  :mew1:  อย่าให้มันเป็นความลับสิ อิอิ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-07-2018 16:11:20
อู้วววววววว แซ่บค่ะ คิดไว้เผื่อน้องจะมีชื่อในที่ลับกว่านี้ แต่อันนี้ก็ต้องถอดเหมือนกัน  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Prologue [21-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 22-07-2018 17:04:48
หู้ววว
ทำยังไงล่ะทีนี้  :katai5:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 1 [23-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 23-07-2018 01:07:02
Chapter 1

When I saw you, again


 

เสียงของผู้หญิงคนนั้นยามเรียกชื่อเขา...ยังดังวนเวียนอยู่ในหัวของผม

 

จะว่าไปผมก็ยังไม่ปักใจเชื่อนักว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นโซลเมตของผม แม้ว่าน้ำเสียงหวานสั่นของสาวชุดแดงที่อยู่กับเขาจะดังก้องอยู่ในหูของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ที่ชื่อของโซลเมตบนแผ่นอกผม ดันไปคล้ายคลึงกับชื่อของผู้ชายคนนั้นที่ถูกเรียกขานออกมาจากปากของเธอ

คริส

คริสเตียน

ผมกุมหน้า ถอนหายใจหนักหน่วง "บ้าชะมัด!"

ถ้าเขาเป็นโซลเมตของผมจริง ก็ขอบอกเลยว่านี่เป็นเรื่องที่เฮงซวยมาก ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเจอโซลเมตทั้งที แต่อีกฝ่ายดันเป็นผู้ชายที่กล้าเอากับสาวสวยโดยไม่เกรงใจสายตาคนอื่นแบบไอ้หมอนั่น นี่มันแย่เกินไปแล้ว แถมผมยังไปขัดจังหวะรักร้อนของเขาอีกต่างหาก ถ้าได้เจอกันครั้งหน้าก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะจำผมได้ไหม

คิดแล้วก็เริ่มปวดหัว เอาเป็นว่ามันจะใช่หรือไม่ใช่ก็ให้โชคชะตากำหนดแล้วกัน ไหนๆ โลกใบนี้ก็สร้างทุกคนขึ้นมาให้มีโซลเมต แถมยังกำหนดให้อีกต่างหากว่าชื่ออะไร งั้นผมก็จะปล่อยให้โชคชะตานำทางชีวิตผมต่อไป

ชีวิตไม่เคยเป็นของเราอย่างแท้จริงเลยสักครั้งอยู่แล้วนี่ จริงมั้ย?

ผมตัดสินใจพาตัวเองออกจากบ้าน มุ่งตรงสู่มินิมาร์ตไม่ไกลมากนัก เดินไปแค่บล็อกเดียวก็ถึงที่หมาย แต่ในขณะที่กำลังจะเลี้ยวผ่านหัวมุมถนนเส้นหลัก ผมก็ดันเหลือบไปเห็นบางอย่างในตรอกแคบๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักเข้าซะก่อน

และนี่คือการพบกันครั้งที่สองของผม...กับเขา

สัญชาตญาณเบื้องลึกในใจบอกให้ผมเข้าไปในนั้น ไปช่วยผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังโดนรุมกระทืบอยู่

ผมก้าวเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในเวลาเดียวกันก็นึกขึ้นได้จึงก้มลงมองลอดผ่านเสื้อฮู้ดสีเข้มที่ตัวเองใส่อยู่...ชื่อของโซลเมตบนตัวผมมีสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ อีกครั้ง จนกลายเป็นกะพริบไปมาทันทีที่ผมเข้าใกล้ผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่ผมเคยเจอในคลับเมื่อสามวันก่อน และสันนิษฐานว่าเขาคือโซลเมตของผมนั่นล่ะ

ถอนหายใจแผ่วเบา รูดซิปเสื้อฮู้ดขึ้นจนถึงลำคอ ผมไม่ได้ใส่เสื้อตัวอื่นมานอกจากฮู้ดตัวนี้ ดังนั้นมันคงไม่ดีแน่หากว่าจะมีใครได้เห็นชื่อโซลเมตของผม...โดยเฉพาะเขา เพราะถ้าเขาคือโซลเมตของผมจริงๆ ล่ะก็ ผมซวยแน่...ผมยังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้

ไม่...ไม่เว้นแม้แต่โซลเมตของผมเองก็ตาม

ผมกระโจนเข้าไปกลางวงตะลุมบอนของหมู่อันธพาล หวดหมัดซัดหน้าผู้ชายคนหนึ่งก่อนที่มันจะได้ยกเท้าขึ้นถีบเขา...คริสเตียนหันมามองผมเล็กน้อย (ก็ถ้าเขาคือคริสเตียนที่เป็นว่าที่โซลเมตของผมจริงๆ ล่ะก็นะ) แล้วหันกลับไปกระทืบเท้าลงบนร่างของผู้ชายอีกคน

การยกพวกต่อยใครสักคนคือสิ่งที่ผมเกลียดเป็นอันดับต้นๆ ของลิสต์รายการ ฉันเกลียดมันที่สุดในโลก! ยิ่งกับพวกสี่รุมหนึ่งเหมือนอย่างไอ้พวกตรงหน้าผมนี่ยิ่งแล้วใหญ่ หมาหมู่มันไม่เท่เลยสักนิดว่ะ

และให้ตายเถอะพระเจ้า นี่ผมมาทำอะไรอยู่ตรงนี้กันเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องของผมเลยสักนิดที่จะเข้ามาหาเรื่องใส่ตัวด้วยการเป็นคนดีช่วยเหลือไม่ให้ชายคนหนึ่งต้องถูกรุมตีด้วยเท้าจนตายน่ะ หรือจะเป็นเพราะพลังโซลเมตที่ผลักดันให้ผมทำแบบนี้โดยไร้ซึ่งการใตร่ตรองให้ดี? เหอะ ตลกดีแฮะพอคิดว่าเป็นแบบนั้น

ผมพลิกตัวหลบเท้าของไอ้หน้าโง่คนหนึ่ง หน้าเยินเพราะหมัดผมแล้วยังไม่ยอมสลบอีก ล้มๆ ลงไปนอนสักทีเถอะน่า เบื่อจะเล่นด้วยแล้ว

ทันใดนั้นหางตาของผมก็เหลือบไปเห็นบางอย่างเขา ผมรีบถีบไอ้หน้ายับไปให้พ้นทาง ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ของคริสเตียนเพื่อผลักเขาออกห่างจากมีดพกแหลมคม ปากก็ตะโกนบอกเขาไปด้วย

“หลบ!”

“แก!” เจ้าของมีดตวัดของในมือมาทางผมแทน สีหน้าของมันเดือดดาลพร้อมปาดคอผมสุดๆ ไปเลย เอาล่ะสิ ช่วยไม่ให้คนโดนแทง แต่จะโดนแทงซะเองนี่ขำไม่ออกเลยนะพวก

แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งรับอาวุธอันตราย ไอ้สวะถือมีดก็เป็นอันต้องล้มพับสลบคาที่อยู่บนพื้นด้วยน้ำมือของคนที่ผมเพิ่งช่วยชีวิตไว้ ไม่รู้ว่าเขาไปหาไม้มาจากไหน แต่การฟาดหลังคอเพียงทีเดียวแล้วส่งไอ้ยักษ์ตัวใหญ่นี่ลงไปนอนสลบเหมือดในทันทีได้ก็ถือว่ายอดเยี่ยม

ผมหอบเล็กน้อย พวกอันธพาลกร่างทั้งสี่คนลงไปนอนกองที่พื้นกันหมดแล้ว บางคนสลบไม่ได้สติ แต่บางคนก็ไม่ ได้แต่นอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บจนขยับตัวแทบไม่ขึ้นอยู่แทบเท้าเราสองคน...คริสเตียนก้าวเข้ามาหาผม จับต้นแขนก่อนจะลากผมให้เดินตามเขาออกจากตรอกไป ผมไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงเดินตามเขาทั้งที่ยังเหนื่อยหอบอยู่แบบนั้น

"นายมาช่วยฉันทำไม?" เขาถามขึ้นเมื่อเราออกมาพ้นตรอกแคบๆ นั่นแล้ว

ผมไหวไหล่ "นึกว่าจะขอบคุณกันซะอีก"

"หึ ถือว่าเจ๊ากันจากคราวก่อนที่นายเข้ามาขัดจังหวะฉัน” เขาเหยียดยิ้ม “กับแม่สาวชุดแดงวันนั้นก็แล้วกัน"

เขาจำได้!?

"จำฉันได้?" ผมถาม ใจเต้นแรงแต่แสร้งทำหน้าเฉยเมย...เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ตอบ หัวเราะเพียงแผ่วเบาด้วยเสียงขึ้นจมูกเท่านั้น ผมจึงตัดสินใจถามใหม่ "ทำไมถึงโดนรุม?"

คริสเตียนมองหน้าผม และผมคิดว่าเขาคงไม่ตอบอีกครั้ง คำถามแบบนี้ถ้าไม่ได้สนิทกันมากพอ ใครบ้างจะอยากตอบคนแปลกหน้ากันล่ะ...แต่กลับผิดคาด

"ยัยผู้หญิงที่ฉันฟัดด้วยคนนั้นดันมีสามีแล้วน่ะสิ"

"แล้วนายก็ไปเป็นชู้กับเธอ?" ผมมองเขา นึกทึ่งกับความกล้าบ้าบิ่นของคนตรงหน้า

"ไม่ใช่" แต่เขากลับปฏิเสธเสียงห้วน ดูอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัด

ผมเลิกคิ้ว “อะไรไม่ใช่?”

เขามองสบตาผมแล้วถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ "ก็แค่วันไนท์สแตนด์"

"เป็นคู่นอนที่ทำให้นายเกือบโดนแทงตายได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ"

"เงียบปากไปเลย"

เขาขึงตาใส่ผม ผมเลยไหวไหล่เป็นครั้งที่สองแล้วถามเปลี่ยนเรื่อง "ไปทำแผลหน่อยมั้ย?"

"โรงพยาบาลเหรอ? ไม่ต้องหรอก..."

"บ้านฉันอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ก็ถ้านายไม่รังเกียจความช่วยเหลือจากฉันน่ะนะ" ผมบอกกับเขาด้วยความหวังดี...ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นน่ะนะ แต่ที่จริงแล้วสมองของผมกลับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เลยออกปากชวนเขา และพยายามทำเหมือนว่าตัวเองบริสุทธิ์ใจ

ผมอยากรู้ว่าบนตัวเขามีชื่อของผมอยู่หรือไม่ เพราะถ้ามี...นั่นแปลว่าเขาคือโซลเมตของผมจริงๆ

อีกฝ่ายนิ่งไปเหมือนกำลังคิดทบทวนว่าจะไว้ใจผมดีหรือไม่ ผมก็เลยยักไหล่ให้เขา เป็นการบอกว่าแล้วแต่นายนะเพื่อน ไม่ไปก็ได้ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย

และสุดท้ายเขาก็เลือกได้สักที

“อืม นำทางไปสิ”

 

ผมไล่เขาไปอาบน้ำ ซึ่งน่ายินดีที่เขาไม่ได้อิดออดหรือเอ่ยปฏิเสธ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นผมต้องลำบากมากแน่ๆ แผนของผมได้พังกันพอดีน่ะสิถ้าเขาไม่ยอมแก้ผ้า เอ่อ หมายถึงแก้ผ้าอาบน้ำแล้วออกมาด้วยผ้าขนหนูพันเอวผืนเดียวน่ะนะ เพราะผมวางแผนไว้แล้วว่าจะให้เขาออกมาใส่เสื้อผ้าข้างนอกนี่ ผมจะได้ลอบมองหาชื่อโซลเมตของเขาได้ง่ายหน่อย

ก็นั่นล่ะ จุดประสงค์ของผมคืออยากเห็นว่าบนตัวเขามีชื่อของผมอยู่หรือเปล่า แต่อีกเหตุผลก็เพราะตัวเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ไหนจะแผลฟกช้ำที่มองไม่เห็นใต้เสื้อยืดสีเข้มที่เขาใส่อยู่นั่นอีก อาบน้ำก่อนแล้วค่อยทำแผลน่ะดีที่สุดแล้ว

ระหว่างรอเขาผมก็เลยค้นตู้เสื้อผ้าหาชุดที่เขาน่าจะพอใส่ได้ ตัวผมกับเขาสูงไล่เลี่ยกัน ขนาดร่างกายก็เกือบจะเท่ากัน...เขาตัวใหญ่กว่าผมนิดหน่อย แต่น่าจะใส่เสื้อโอเวอร์ไซส์ของผมได้ล่ะนะ

เตรียมเสื้อผ้าให้เขาเสร็จผมก็ลงไปชั้นล่างของบ้าน หาอยู่ไม่นานก็เจอกล่องปฐมพยาบาลเบื้องต้น กลับขึ้นมาอีกทีก็ทันได้เห็นคริสเตียนอาบน้ำเสร็จพอดี...วินาทีที่เขาก้าวออกจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวพันเอวเอาไว้ ผมแทบหยุดหายใจ

ไม่มีชื่อผม

ชั่วขณะหนึ่งผมนิ่งงัน และไม่อาจบอกได้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร

แต่ในเวลาต่อมาผมกลับรู้สึกโล่งใจ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ทิ้งความสงสัย ว่าบางทีชื่อของผมอาจจะอยู่บนส่วนอื่นของร่างกายเขาก็ได้ ส่วนที่ผมมองไม่เห็น...บางทีอาจจะอยู่ใต้ผ้าขนหนูนั่น

คิดแล้วก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา เขาเดินไปหยิบชุดที่ผมวางเอาไว้ให้บนเตียงนอน ผมลอบมองตามเขาโดยพยายามไม่ทำให้เขาผิดสังเกต แล้วอารมณ์ของผมก็เหวี่ยงจากโล่งใจไปเป็นอึ้งงันแทน เมื่อคราวนี้ผมได้เห็นชื่อของผม…บนร่างกายของอีกฝ่าย!

มันอยู่บนแผ่นหลังของเขา ตรงตำแหน่งต้นคอซึ่งยากที่เจ้าตัวจะมองเห็นได้เอง

Jayden

ให้ตายเถอะ! พระเจ้า นั่นมันชื่อผม!

แถมตอนนี้มันยังกะพริบ และมีสีเข้มจัดเหมือนชื่อของเขาที่อยู่บนตัวผมตอนนี้ไม่มีผิด

เมื่อใดที่เราเข้าใกล้โซลเมต ชื่อจะมีสีเข้มขึ้นหรือกะพริบได้

การที่ทั้งชื่อของผมบนตัวเขา และชื่อของเขาบนตัวผม มันทั้งมีสีเข้มขึ้นกับกะพริบได้แบบนี้ ก็เป็นการยืนยันอย่างดีแล้วว่าเราสองคนน่ะ...เป็นโซลเมตกันจริงๆ

“เฮ้!” คริสเตียนเรียกผม นั่นทำให้ผมได้สติ “นายเหม่ออะไร ฉันเรียกตั้งนาน”

“อ่า นายว่าไงนะ”

“ฉันถามว่านี่เสื้อผ้าที่นายจะให้ฉันใส่ใช่มั้ย?” เขาถาม ชี้นิ้วลงไปยังชุดที่ผมวางเอาไว้บนเตียงนอน

ผมพยักหน้ารับ พยายามบังคับตัวเองให้ทำตัวปกติ ไม่หลุดท่าทีประหลาดออกไป

“ยังไม่ต้องใส่เสื้อนะ นายมีแผลฟกช้ำที่แผ่นหลัง” อยากขอบคุณตัวเองที่ผมสามารถควบคุมน้ำเสียงไม่ให้ผิดแปลกไปจากเดิมได้ เวรเอ๊ย

“อืม” เขาตอบรับสั้นๆ ผมหันหลังปล่อยให้เขาได้ใส่กางเกง ไม่นานเขาก็ก้าวมาทรุดนั่งลงข้างๆ ผม

ตำแหน่งที่เรานั่งด้วยกันตอนนี้คือขอบเตียงนอนของผม ดังนั้นพอเขามานั่งแล้วผมก็เลยสั่งให้เขาหันหลัง เพื่อที่ผมจะได้ทายาแก้ฟกช้ำให้เขาก่อนเป็นอย่างแรก

ผมบีบยาลงบนปลายนิ้ว ไม่มากไม่น้อยเกินไป ก่อนจะเกลี่ยมันลงตรงรอยช้ำที่แผ่นหลังเยื้องลงมาด้านล่างทางซ้าย ในขณะเดียวกันก็ไล่สำรวจกล้ามเนื้อแผ่นหลังของเขาไปด้วย คริสเตียนมีแผ่นหลังที่...ไม่รู้สิ น่าสัมผัสล่ะมั้ง มันดูแข็งแกร่งและได้สัดส่วนราวกับเป็นแผ่นหลังที่ผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนักจนได้สัดส่วนอันดูดี

ผมนวดจนคิดว่ายาซึมลงไปพอแล้วจึงเปลี่ยนไปทำแผลอื่นให้เขาต่อ บนใบหน้าของคริสเตียนมีแผลเล็กน้อย หางคิ้วแตกแต่ไม่ถึงกับลึกจนต้องเย็บ มุมปากก็แตกอีกนิดหน่อย โหนกแก้มช้ำเล็กน้อย แต่โดยรวมก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

พอได้มองเขาในระยะใกล้ชิดขนาดนี้ ผมเลยได้มีโอกาสสำรวจส่วนอื่นๆ ของเขามากขึ้นเช่นกัน...คริสเตียนเป็นคนหล่อ ผมยอมรับอย่างไม่อายเลยที่กำลังชมผู้ชายด้วยกันว่าหล่อมาก โครงหน้าได้รูป คิ้วเข้มรับกับดวงตาคมกล้าเป็นประกายสีเทาราวกับพายุคลั่ง จมูกโด่งเป็นสัน เรียวปากเข้ารูป ยิ่งเมื่อเขาตัดผมสั้นแล้วยังทำสีแอชบราวน์อีก ก็ยิ่งรับกับคางได้รูป ขับให้เขาดูมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่จอมร้ายกาจเลยล่ะ

อ่า นี่ผมกำลังโดนพลังโซลเมตอะไรสักอย่างล่อลวงให้คิดว่าเขามีเสน่ห์อยู่หรือเปล่า โทษอะไรไม่ได้ผมก็จะโทษพลังแห่งโชคชะตาแล้วกัน ก็มันไม่มีเหตุผลเลยสักนิดที่เราจะหลงใหลในร่างกายของคนอื่น ทั้งที่ยังไม่ทันได้ถามชื่อกันเลยด้วยซ้ำนี่จริงมั้ย?

เดี๋ยวนะ...เมื่อกี้ผมเพิ่งพูดออกไปว่าหลงไหลหรือเปล่า? โอ้ นี่ไม่ดีแล้ว

ผมทำแผลให้เขาจนเสร็จโดยที่อีกฝ่ายไม่ร้องเจ็บสักแอะ ไม่รู้ว่าผมมือเบาหรือเขาอดทนเก่งกันแน่

คริสเตียนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าผมกำลังเก็บกล่องปฐมพยาบาล “ตกลงนายช่วยฉันทำไม”

“เฮ้อ” ผมถอนหายใจใส่ ยังไม่จบกับคำถามนี้อีกเหรอเนี่ย “มีเหตุผลในการช่วยคนไม่ให้โดนหมารุมกัดด้วยรึไง”

“หึๆ” ดูเข้าจะถูกใจกับคำตอบของผม เพราะคราวนี้เขาหัวเราะแถมยังกระตุกยิ้มมุมปากอีกต่างหาก

ผมไหวไหล่...ตั้งแต่เจอเขาผมทำแบบนี้ไปกี่ครั้งกันนะ “นายจะเอาไงต่อ”

“หมายถึง?”

“จะกลับบ้านนายเลยมั้ย?” ผมขยายความ

“แล้วถ้าฉันอยากอยู่ต่อ?”

ผมกะพริบตาปริบ “อยู่เพื่ออะไรล่ะ ไป กลับบ้านนายไปได้แล้ว ฉันไม่ให้อยู่”

เขาแค่นหัวเราะ มุมปากกระตุกยิ้มแล้วผุดลุกขึ้นอีกครั้ง เดินหายเข้าห้องน้ำไปไม่นานก็กลับออกมาพร้อมเสื้อผ้าของตัวเอง “ขอบใจที่ทำแผลให้”

“อ่าฮะ”

“แล้วก็ขอบใจที่เข้าไปช่วย”

“อืม ดีใจที่ได้ยินสักทีนะ”

คราวนี้คริสเตียนกลอกตาใส่ผม น่าตลกชะมัด “ไว้จะเอาเสื้อผ้ามาคืน”

คราวนี้ผมแค่พยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร เขาก็เลยก้าวนำผมออกจากห้องจนมาถึงหน้าประตูบ้าน ผมโบกมือลาพอเป็นพิธี กำลังจะปิดประตูก็นึกอะไรขึ้นมาได้ซะก่อน

“ระวังตัวด้วยล่ะ”

“?” คริสเตียนหันกลับมาเลิกคิ้วมองผมอย่างไม่เข้าใจ

ผมถอนใจ “ก็ที่นายไปเป็นชู้กับเมียคนอื่นนั่นไง”

“ฉันไม่ได้เป็นชู้ใคร!” เขาถลึงตาใส่ผม ผมเกือบหลุดขำไปแล้วแต่ก็กลั้นทัน

“อ่าฮะ ไม่เป็นก็ไม่เป็น บาย”

กำลังจะปิดประตูลงอีกครั้ง แต่น้ำเสียงทุ้มนุ่มของคริสเตียนก็ดังขึ้นหยุดมือของผมไว้ซะก่อน ให้ตาย วันนี้ผมจะได้เข้าบ้านมั้ย ส่วนเข้าน่ะจะได้กลับบ้านหรือเปล่า คุยกันไม่จบสักที

“เดี๋ยว”

“อะไร?” ผมเลิกคิ้ว อีกฝ่ายมีสีหน้าลังเลใจ แต่สุดท้ายเขาก็ถาม

“นายชื่ออะไร" ผมเลิกคิ้ว แปลกใจที่เขาถาม และแปลกใจยิ่งกว่าที่เขาแนะนำตัวกับผมก่อน "ฉันคริสเตียน...คริสเตียน แคมเบลล์”

ผมหัวเราะเบาๆ ด้วยความขบขัน ไม่รู้เหมือนกันว่าตลกอะไร อาจจะเป็นใบหน้าเก้อๆ ของอีกฝ่ายล่ะมั้ง แค่แนะนำตัวทำไมต้องประหม่าขนาดนั้นด้วย

“ฉันเจย์เดน คาร์เตอร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

คุณโซลเมต

…ผมต่อประโยคสุดท้ายในใจ

คริสเตียนโบกมือลาผมแล้วหันหลังเดินจากไปจริงๆ แล้วคราวนี้

อ่า...การพบกันครั้งที่สองของเราก็ไม่แย่เท่าไหร่ อย่างน้อยก็ดีกว่าครั้งแรกล่ะนะ หึ :)


__________
โซลเมตเขาเจอกันอีกครั้งแล้ว แต่จุดที่ชื่อของเจย์เดนอยู่บนตัวคริสเตียนเนี่ย ไม่มีทางที่คริสเตียนจะมองเห็นได้ง่ายๆ แล้วเมื่อไหร่เขาจะได้รู้ว่าเนื้อคู่ของตัวเองเป็นเจย์เดนกันล่ะเนี่ย ฮ่า! มาร่วมลุ้นไปด้วยกันนะคะ อิอิ

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 1 [23-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-07-2018 01:23:57
พลังแห่งโซลเมทจะนำทางเจ้าเอง 555
สนใจไปสักอะไรที่หลังไหมคริส
นี่ลุ้นมากอ่า
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 1 [23-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-07-2018 02:36:04
จะหนีพ้นไหมนะ วี่แววจะรักกัน สนใจกันยังไม่มีให้เห็นเลยนิ  :katai3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 1 [23-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 23-07-2018 06:44:14
ตะไมต้ิองเขินตอนแนะนำตัวด้วยล่ะคุณคริสสสส #แซวๆ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 1 [23-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 23-07-2018 07:38:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 1 [23-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-07-2018 13:08:24
ทำไมลุ้นให้ชื่ออยู่ใต้ผ้าขนหนู หุหุ  o18
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 1 [23-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-07-2018 16:09:30
 :L2: :pig4:

สนุกดี
แอบสมน้ำหน้า 55
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 1 [23-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 23-07-2018 17:44:55
เหมือนว่าพี่คริสมีอาการ  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 1 [23-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 23-07-2018 20:06:35
โห จุดของคริสคือยากมากอ่ะ แทบจะไม่มีทางรู้ด้วยตัวเองเลย มีแต่ต้องคนอื่นเห็นแล้วบอกงี้
ชาติไหนจะรู้ 555555555
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 1 [23-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 23-07-2018 20:20:07
โห ไปอยู่ซะด้านหลัง จะเห็นชื่อเนื้อคู่ตัวเองตอนใหนกันละเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 1 [23-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 23-07-2018 20:25:46
นี่อาบน้ำส่องกระจกไม่เห็นเหรออ ไม่ส่องกระจกเหรอคะคริสสส หรือเราไม่เข้าใจเองว่าจุดที่ชื่ออยู่เนี่ยมันไม่ได้เห็นง่ายๆ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 1 [23-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 24-07-2018 01:03:19
คิดว่าชื่อจะอยู่ใต้ผ้าขนหนู ใจไม่ดีเลยค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 1 [23-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-07-2018 05:49:37
คริสรู้รึยังว่าชื่อโซลเมตมันขึ้นแล้ว
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 1 [23-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 24-07-2018 07:33:48
รอค่า
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 2 [25-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 25-07-2018 20:29:31
Chapter 2

When I think you have charm


 

การเจอกันครั้งที่สามของผมกับเขา เหมือนการกดย้อนแผ่นหนังสักเรื่องเพื่อดูฉากเดิมซ้ำอีกครั้ง

 

คลับเดิม...หน้าห้องน้ำเหมือนเดิม และคริสเตียนกำลังฟัดกับผู้หญิงนมโตในชุดเดรสสุดเซ็กซี่เหมือนเดิม จะต่างก็ตรงที่ว่าเธอไม่ใช่คนเดียวกันกับสาวชุดแดงที่มีสามีแล้วคนนั้น น่าจะเป็นสาวคนใหม่ที่เพิ่งได้เจอกันไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำมากกว่า

ผมกระตุกยิ้มมุมปาก อะไรบางอย่างในตัวบอกให้ผมอยู่ตรงนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วผมเลือกที่จะปล่อยผ่าน ทำเหมือนว่าเราไม่รู้จักกันก็ได้ แต่ผมก็ไม่ทำ...กอดอกแล้วยืนพิงกำแพงอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ไกลจากโซลเมตของผมมากนัก ส่งเสียงทักทายโดยไม่สนใจว่าเขาจะกำลังเสียบไอ้นั่นเข้าไปในตัวแม่สาวผมบลอนด์อยู่หรือเปล่า

“ตรงนี้เนี่ยนะ? เอาจริงเหรอพวก?”

“Fuck!” คริสเตียนสบถเสียงดัง เขาหันมามองด้วยใบหน้ากรุ่นโกรธอย่างรวดเร็วซะจนผมล่ะกลัวว่าคอของเขาจะเคล็ดเอาได้ แต่พอเห็นว่าเป็นผม เจ้าตัวกลับทำหน้าแปลกใจซะแทน “นายเองเหรอ”

“อ่าฮะ” พยักหน้าให้ “เฮ้ ไม่ขยับเหรอ เธอรอนายอยู่นะ”

ผมพยักพเยิดหน้าไปทางสาวผมบลอนด์ หล่อนมองผมตาโต ก่อนจะผลักคริสเตียนออกห่างแล้วจัดชุดเดรสที่ตัวเองใส่อยู่จนเรียบร้อย นั่นล่ะเธอถึงได้ก้าวเท้าเร็วๆ เดินหนีไป ผมพยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดกำลัง แต่...ไม่ไหวครับ นี่มันตลกชะมัดยาดเลยให้ตายสิ

“หัวเราะอะไรของนาย” โซลเมตของผมเอ่ยถาม สีหน้าเขาดูไม่สบอารมณ์ สองมือก็จัดการจับไอ้หนูของตัวเองใส่กลับลงไปในกางเกง

“อึดอัดน่าดูเลยนี่”

“อะไรนะ?” คริสเตียนเงยหน้าขึ้นจากการรูดซิปกางเกงแล้วหันมาขมวดคิ้วใส่ผม

ผมก็เลยกดสายตาลงมองเป้าเขา มองไอ้สิ่งที่เพิ่งถูกจับยัดลงไปนั่นล่ะ “ไอ้หนูของนายไง คับเป้าทีเดียว”

“ไม่คิดว่าคนที่เขินเพราะเจอฉันนัวเนียกับสาวเมื่ออาทิตย์ก่อนจะกล้าถามคำถามนี้กับฉัน”

“เพราะเป็นนายอีกแล้วต่างหาก ฉันเลยเฉยๆ” ผมหน้าร้อนวาบขึ้นมาทันที แต่ก็แสร้งหาคำตอบมากลบเกลื่อน...คริสเตียนแค่นหัวเราะ เขาขยับเข้ามาใกล้ผมอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงครึ่งนาทีตัวของผมก็โดนร่างของเขาคร่อมทับเอาไว้ด้วยสองแขน กักเอาไว้กับผนังจนผมไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ “เฮ้!”

“เพื่อน นายมาขัดจังหวะฉันเป็นครั้งที่สองแล้วนะ แถมครั้งนี้ยังทำฉันพลาดสาวสวยนมโตเข้าเต็มๆ” คริสเตียนเลื่อนใบหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูของผม ลมหายใจร้อนๆ ของเขาเป่ารดข้างแก้ม สร้างความประหม่าและไม่น่าไว้ใจให้กับผม “จะรับผิดชอบยังไงล่ะ หืม?”

จุ๊บ...

What the fuck!

ผมอ้าปากค้าง ความเย็นเฉียบของริมฝีปากคริสเตียนแนบอยู่บนต้นคอของผม และทันทีที่ได้สติผมก็ผลักเขาออกเต็มแรง เหวี่ยงหมัดกระแทกหน้าเขาตามสัญชาตญาณเบื้องต้น

พลั่ก!

“ทำบ้าอะไรของนายวะ!”

คริสเตียนสะบัดหน้าไล่ความมึนงง ได้ยินเขาบ่นอุบ “หมัดหนักเป็นบ้า”

“ฉันไม่ตีเข่าใส่น้องชายนายก็ดีแค่ไหนแล้ว”

ผมขึงตาใส่เขา โซลเมตของผมแตะแผลเล็กๆ ที่มุมปากอันเกิดมาจากหมัดของผม สีหน้าเหยเกเพราะความเจ็บ เหอะ สมควรโดนแล้วไอ้เวรเอ๊ย

“หยอกเล่นน่า จริงจังเกินไปแล้ว” นอกจากเขาจะไม่สำนึกผิดที่ทำบ้าๆ กับผมแล้ว ยังยิ้มร้ายกาจมาให้ เหวี่ยงแขนล็อกคอผม บังคับให้เดินไปพร้อมกับเขา

“ปล่อยเลย นายจะพาฉันไปไหน” ผมพยายามสะบัดเขาออก แต่ก็พบว่ามันเป็นไปได้ยาก เกาะแน่นเป็นบ้า!

“เลี้ยงเบียร์”

“นายจะเลี้ยงฉัน?”

“ใช่ สนใจแล้วล่ะสิ”

“ก็แฟร์ดีกับที่นายลวนลามฉัน” ผมไหวไหล่ ทำตามตัวสบายมากขึ้นเมื่อแน่ใจแล้วว่าคุณโซลเมตไม่ได้มีท่าทีคุกคามผมแบบเมื่อครู่อีก

คริสเตียนแค่นหัวเราะ “พูดอย่างกับตัวเองเป็นสาวน้อยไปได้”

ให้ตาย เถียงกับเขาแล้วผมเริ่มจะปวดหัวตุบๆ ขึ้นมาแล้วสิ คนอะไรวะ หาคำพูดมาโต้กลับกันได้ตลอด

ผมถูกลากมานั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ คริสเตียนสั่งเครื่องดื่มเป็นเบียร์ยี่ห้อโปรดของผม นั่นทำให้ผมแปลกใจ...คนคนนี้มีเรื่องให้ผมแปลกใจได้ตลอดสิน่า

“นายดื่มยี่ห้อนี้?”

“ใช่” เขาพยักหน้ารับ “นายไม่ชอบ?”

“เปล่า ฉันก็ชอบเหมือนกัน”

“บังเอิญชะมัด”

นั่นสิ ผมก็ว่ามันบังเอิญมาก เพราะนอกจากที่เราเป็นโซลเมตกัน อย่างอื่นของเราก็ใกล้เคียงกัน ทั้งรูปร่างและส่วนสูงที่ไล่เลี่ยกัน...หมายถึงว่าเขาตัวโตกล้ามใหญ่กว่าผมนิดหน่อย แต่ส่วนสูงเราเท่ากันเลย หรือเขาอาจจะสูงมากกว่าผมสักครึ่งของครึ่งเซนติเมตรเห็นจะได้ ไหนจะรสนิยมความชอบบางอย่าง เช่นเบียร์ที่กำลังดื่มอยู่นี่ไง

หลังจากบาร์เทนเดอร์นำเบียร์มาให้สองขวด ผมกับเขาก็ยกมันขึ้นมาชนกันพอเป็นพิธี ก่อนจะต่างฝ่ายต่างกระดกมันเข้าปาก...ความขมปร่าอันคุ้นเคยไหลผ่านลำคอ สร้างความสดชื่นให้ผมไม่น้อย ทำงานมาเหนื่อยๆ บางทีได้ดื่มแอลกอฮอร์เย็นๆ บ้างก็ช่วยผ่อนคลายได้เยอะ

“นายมากับใคร” คริสเตียนเป็นฝ่ายชวนคุย ซึ่งนั่นค่อนข้างแปลกทีเดียว เขาดูเป็นคนที่ไม่น่าจะชวนใครคุยก่อน ก็อะไรแบบนั้น

“คนเดียว” ผมตอบ “นายล่ะ”

“เหมือนกัน”

“อ้อ มาหาเหยื่อแต่โดนฉันขัดจังหวะสินะ” ผมหลุดขำ “แม่สาวผมบลอนด์นั่น นายตรวจสอบแล้วหรือยัง”

“ตรวจสอบ?”

“...ให้แน่ใจว่าเธอไม่มีสามี”

“ไอ้เวร” คริสเตียนด่าผม แต่แทนที่ผมจะโกรธ กลับรู้สึกตลกจนต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังๆ

“จะว่าไปตั้งแต่เรารู้จักกัน ฉันยังไม่รู้เลยว่านายอายุเท่าไหร่” หัวเราะจนพอใจผมก็เปลี่ยนเรื่อง

คริสเตียนเลิกคิ้ว ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเอียงมามองผม ดวงตาสีเทาราวเมฆหมอกของอากาศยามเช้าบนหุบเขาสูงดูมีเสน่ห์ ลึกลับ แฝงเร้นไปด้วยความอันตราย

แต่น่าหลงใหล

“ถามทำไม?”

“ก็แค่อยากรู้ ต้องมีเหตุผลด้วยงั้นเหรอ?”

“ไม่” คริสเตียนจิบเบียร์ “แต่ฉันไม่อยากตอบ”

“ได้ครับคุณแคมเบลล์ ไม่ตอบก็ไม่ตอบครับ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก วางขวดเบียร์ที่หมดแล้วลงกับเคาน์เตอร์บาร์ รับรู้ได้ว่าคุณโซลเมตหันมามอง แต่ผมไม่ได้หันกลับไปมองเขา

ได้ยินเสียงของเขาดังแว่วมา “กวนประสาท”

ผมหัวเราะเสียงเบากับตัวเอง จากนั้นจึงลุกขึ้นยืน ตบบ่าคริสเตียนแล้วเอ่ยลา “ไปละ”

“จะกลับแล้วงั้นเหรอ?”

“ช่าย พรุ่งนี้ฉันยังต้องไปทำงานนะพวก เมาไม่ได้หรอก”

“นายทำงานอะไร?”

ผมเป็นฝ่ายเลิกคิ้วให้กับคำถามของเขาบ้างแล้วคราวนี้ และ... “ฉันไม่อยากตอบ”

ซึ่งนั่นทำให้ผมโดนเขาต่อว่าด้วยถ้อยคำเดียวกันกับก่อนหน้านี้เป๊ะ ซึ่งนั่นทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความชอบใจจนได้

“กวนประสาท”

 

เราจากลากันอย่าง่ายๆ ในวันนั้น...แต่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอคริสเตียนอีกในเร็วๆ นี้ คืออย่างน้อยผมอาจจะมีโอกาสได้เจอเขาที่คลับ ถ้าผมไปทุกวันแล้วโชคดีได้เจอน่ะนะ ซึ่งนั่นไม่ได้หมายรวมถึงการได้พบกันในที่ทำงานของผม

เราไม่ได้แลกเบอร์กัน เขารู้จักบ้านผม แต่ก็นั่นล่ะ...ทำไมเขาจะต้องไปหาผมด้วยล่ะจริงมั้ย? ดังนั้นการได้พบกันเป็นครั้งที่สี่ในที่ทำงานของผมเนี่ย มันเหนือความคาดหมายจนเกินไป และที่ยิ่งไปกว่านั้น...

“สวัสดีครับคุณแคมเบลล์” บอสของผมเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ ในขณะที่ผมได้แต่ยืนมองคุณโซลเมตตาค้าง

อีกฝ่ายลอบยิ้มมุมปากให้ผม “สวัสดีครับ”

“ทางเรายินดีมากที่คุณให้เกียรติเข้ามาดูงานด้วยตัวเองนะครับ ทีมที่รับผิดชอบก็อยู่ที่นี่แล้วด้วย” บอสผายมือมาทางพวกเรา ซึ่งก็คือผม...และเพื่อนร่วมงานในโปรเจ็คออกแบบคอนโดฯ ใหม่ใจกลางเมืองอีกสามคน

คริสเตียนยิ้มสุภาพ “ผมแค่มาดูงานแทนพี่ชายเท่านั้น แต่ก็ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ”

“ยินดีครับ หากคุณแคมเบลล์ต้องการจะแก้แบบแปลนตรงส่วนไหน สามารถพูดคุยโดยตรงกับทางทีมสถาปนิกของเราได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”

อยากบอกบอสชะมัดว่าเกรงใจบ้างก็ดี แก้มาจะสิบรอบแล้ว สัปดาห์ก่อนก็ผ่านแล้วด้วย ยังจะแก้อะไรอีกล่ะ

ผมลอบถอนหายใจ จะว่าไปก็เพิ่งจะรู้นี่ล่ะว่าลูกค้าของพวกเราคือเขา ทำไมผมไม่ตงิดใจตอนได้ยินนามสกุลของคริสเตียนกันนะ ทั้งที่มันเหมือนชื่อบริษัทที่ผมรับทำโปรเจ็คให้อยู่ตอนนี้เลย อ่า แต่เขาบอกว่ามาแทนพี่ชายนี่นา ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วลูกค้าจริงๆ คงเป็นพี่ชายของเขามากกว่า

โซลเมตของผมมีพี่ชาย นี่ผมควรจดลงสมุดเอาไว้ไหมนะ? หัวข้อ ‘เรื่องรอบตัวเกี่ยวกับโซลเมตของผม - คริสเตียน แคมเบลล์’ อะไรแบบนั้น

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องไปรับรองลูกค้าอีกกลุ่ม”

“ครับ”

“เจย์เดน ฝากด้วยนะ” บอสหันมาบอกผม ผมแค่พยักหน้ารับ...ดีครับ บอสฝากได้ถูกคนมาก

หลังจากบอสของผมออกจากห้องไปแล้ว ผมก็เกร็งหน้าทำเหมือนว่าไม่รู้จักคริสเตียนมาก่อนเพื่อเอ่ยทักทาย

“ยินดีที่ได้พบกันครับ คุณแคมเบลล์”

เขายื่นมือมาจับกับมือผม แรงบีบเบาๆ ราวกับจะหยอกล้อกันทำให้ผมเผลอมุ่นคิ้ว

“ยินดีเช่นกันครับ...คุณคาร์เตอร์”

นามสกุลของผมที่หลุดออกมาจากปากเขาให้ความรู้สึกประหลาดชะมัดเลย

“อยากจะดูแบบแปลนล่าสุดที่ ‘ผ่าน’ แล้วไหมครับ” ผมเน้นย้ำคำว่าผ่าน และหวังว่าเขาจะเข้าใจความหมายที่ผมสื่อออกไป...อย่าได้สั่งให้ฉันแก้งานอีกนะเว้ย

จากสีหน้าเขา ดูก็รู้ว่าพยายามกลั้นขำสุดชีวิต ผมจะถือว่าเขาเข้าใจที่ผมพูดก็แล้วกัน “ครับ ดูครับ”

“นี่เป็นแบบคอนโดฯ ที่ทางคุณต้องการครับ” วิล เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับวางแปลนที่ว่าลงกลางโต๊ะ คริสเตียนก้าวเข้ามาดู และจังหวะนั้นเองที่ผมได้มีโอกาสสังเกตเขาชัดๆ

โซลเมตของผมใส่สูท ดูแปลกตากว่าตอนที่เจอในคลับ เรียกได้ว่าต่างกันลิบลับจนเหมือน อืม...เหมือนโฮมเลสที่ได้ซื้อเสื้อผ้าใส่ใหม่เป็นครั้งแรกในรอบสิบปี อะไรทำนองนั้น

ผมก็พูดโอเวอร์ไปอย่างนั้นเอง เปรียบเทียบแบบนั้นก็ดูจะไม่ให้ความเป็นธรรมกับคริสเตียนจนเกินไป เขาหล่อ (ซึ่งอันนี้ผมยอมรับเลยจริงๆ นะ แม้ว่าจะไม่อยากยอมรับก็ตาม) ไม่ว่าจะใส่สูทหรือชุดเซอร์ๆ เขาก็ยังดูดีเหมือนเดิม ให้ตาย โคตรจะอวยโซลเมตตัวเองเลยว่ะ นี่เป็นพลังของสายใยแห่งโชคชะตาหรืออะไรทำนองนั้นรึเปล่า ถึงทำให้ผมแบบว่า เอ่อ ดูหลงใหลเขาได้ขนาดนี้

กึก

ผมชะงัก เบิกตากว้างอย่างตกใจ...ผมคิดบ้าอะไรกันน่ะ หลงใหลเนี่ยนะ?! ผมไม่ได้ชอบคริสเตียนสักหน่อย (อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้แน่ๆ)

“เฮ้ คาร์เตอร์ คาร์เตอร์?”

“เอ่อ ครับ”

คริสเตียนหรี่ตามองผม “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า จู่ๆ ก็เงียบไป”

คำพูดของเขาทำให้เพื่อนอีกสามคนหันมามองเช่นกัน และแมตต์เป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้น “แกโอเคนะ?”

“ฉันโอเค แต่...ขอไปชงกาแฟสักครู่นะครับ” ผมบอกกับลูกค้า มันออกจะเสียมารยาทไปสักหน่อย แต่ผมต้องการเวลาสงบสติความคิดบ้าบอของตัวเอง

คริสเตียนหรี่ตามองผมเล็กน้อย แต่เขาก็ยอมพยักหน้ารับ เห็นดังนั้นผมจึงปลีกตัวออกมาแล้วตรงไปยังห้องชงกาแฟทันที ได้คาเฟอีนมากล่อมสมองหน่อยก็คงดี ผมจะได้เลิกคิดฟุ้งซ่าน

ผมปลดเนกไทออกจากคอ ตามด้วยกระดุมเสื้อเชิ้ตสองเม็ดบน ถ้าไม่จำเป็นผมคงไม่ใส่สูทแบบนี้ มันน่าอึดอัดน่ะ

ระหว่างชงกาแฟผมก็นึกไปถึงคริสเตียนอีกจนได้ แต่เป็นการนึกเพราะแปลกใจมากกว่าที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ แล้วก็พาลคิดไปด้วยว่าที่เขามาดูงานแทนพี่ชายได้เนี่ย ก็แปลว่าต้องอยู่ในตำแหน่งที่สูงพอสมควร คนที่จะควบคุมการออกแบบได้เป๊ะที่สุดก็ต้องเป็นพวกระดับสูงในบริษัทไม่ใช่เหรอ? ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่ตรวจสอบแบบห้องด้วยตัวเองน่ะ

งั้นก็สรุปได้คร่าวๆ ว่าคริสเตียนอาจจะเป็นคณะกรรมการบริษัท หรือไม่ก็ฝ่ายบริหาร รองซีอีโอ...หรือเป็นซีอีโอซะเอง?...ไม่หรอก พี่เขาน่าจะมีตำแหน่งใหญ่กว่า อย่างน้อยเขาก็คงอยู่ในบอร์ดบริหารด้วยตำแหน่งอะไรสักอย่างนั่นล่ะ

“เหม่ออะไรของนาย กาแฟเย็นหมดแล้วมั้ง”

“Holy shit!!” ผมสะดุ้ง เผลอทำกาแฟกระฉอกใส่มือตัวเองเข้าจนได้

“เฮ้ เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่ๆ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ วางแก้วกาแฟลง ตรงที่โดนกาแฟลวกร้อนนิดหน่อย แต่ยังไม่ทันได้คิดว่าต้องทำยังไงต่อ คริสเตียนก็เป็นฝ่ายคิดแทนผม

เขาคว้ามือผมไปจับ แล้วทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ผมด้วยกล่องปฐมพยาบาลที่มีอยู่ในห้องนี้พอดี ซึ่งตลอดเวลานั้นผมได้แต่ยืนมองเขาโดยไม่พูดอะไร...พูดไม่ออกน่ะ สมองมันมึนๆ เบลอๆ เหมือนผมโดนต่อยไม่ยั้งด้วยกำปั้นยักษ์ของคิงคองสักตัวที่ถูกจับใส่นวมนักมวย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่คริสเตียนยกมือซึ่งถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาวสะอาดแล้วเรียบร้อยขึ้นมาให้ผมดู

“มันแดงนิดหน่อย แต่ฉันคิดว่าพันผ้าเอาไว้น่าจะดีกว่า”

“ถูกหลักการปฐมพยาบาลเบื้องต้น?” ผมเลิกคิ้ว

เขาหัวเราะ...หัวเราะในแบบที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน มันเป็นเสียงหัวเราะแผ่วเบาราวกับสายลม แต่น่าฟังซะจนวูบหนึ่งผมอยากจะขอให้เขาหัวเราะอีกครั้งแล้วนั่งฟังอย่างไม่รู้เบื่อ

“ไม่รู้สิ”

คำตอบของเขาก็ทำให้ผมหัวเราะตามจนได้ “ขอบคุณนะครับคุณแคมเบลล์”

“เรียกชื่อเถอะน่า เรารู้จักกันแล้ว”

“ให้เรียกคริสเตียนน่ะเหรอ?”

เขาพยักหน้า “และฉันจะเรียกนายว่าเจย์เดน”

“ดูสนิทกันมากเกินกว่าจะเป็นแค่ลูกค้ากับสถาปนิกที่ถูกจ้างงานรึเปล่า หือ?”

“ฉันไม่แคร์ นายแคร์รึไง” คริสเตียนยิ้มยียวนในแบบที่ทำให้เขาดูเป็นแบดบอยตัวร้าย นี่ถ้าไปยิ้มแบบนี้ใส่ศัตรูที่ไหนคงได้โดนรุมกระทืบอีกรอบเป็นแน่

“ไม่คิดว่านายจะเป็นคน...อืม เรียกว่ายังไงดีล่ะ เฟรนด์ลี่?”

“นายยังรู้จักฉันได้ไม่ดีพอที่จะตัดสินฉันนะ”

ผมชะงัก และรู้สึกเห็นด้วยกับเขา นั่นสินะ...เราไม่ควรตัดสินคนอื่นเพียงเพราะรู้จักเขาแค่ผิวเผินหรือมองแต่รูปลักษณ์ภายนอก บางคนแต่งตัวสุภาพแต่อาจจะเป็นพ่อค้ายา หรือบางคนหน้าตาโหดเหี้ยม แต่จิตใจเขาอาจจะมีเมตตาจนไม่กล้าแม้แต่จะบี้มดก็ได้

“ก็จริงของนาย”

“อ่าฮะ ทีนี้เราจะไปทำงานกันต่อได้หรือยังล่ะ?”

ผมยิ้มให้เขา “ไปสิ”

แล้วเราสองคนก็เดินกลับไปยังห้องทำงานด้วยกัน


__________
โลกกลมหรือพรหมลิขิต 555 ก็คือเขาเริ่มสนิทกันแล้ว...รึเปล่า แล้วเมื่อไหร่คริสเตียนจะได้รู้ว่าชื่อโซลเมตโผล่อยู่บนตัวแล้ว อืมมม นั่นสิ เมื่อไหร่ดี? ฮ่าา ยิ่งไปกว่านั้น...ไอ้ที่มันตุงในกางเกงคุณแคมเบลล์เนี่ย หายอึดอัดแล้วเหรอคะถึงได้ชวนเจย์เดนไปเลี้ยงเบียร์ได้ เอ...หรือนั่งไปปวดหนึบไป 55555

ปล. ใครชอบอ่านแนวเวิร์สต่างๆ มีเรื่องหนึ่งเป็น Rainverse ของ JackXy Wu ค่ะ สนุกนะ ไปลองตำดูได้เด้อออ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 2 [25-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 25-07-2018 20:42:18
เอาละสิสุดหล่อแสนเซอร์ กลายเป็นเจ้าชายสุดหล่อซะแล้ว แต่ดันกวน.... เหมือนเดิม 555
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 2 [25-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-07-2018 20:52:32
โลกกลมนิ ปะกันจนได้  :katai3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 2 [25-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-07-2018 20:59:21
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 2 [25-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 25-07-2018 21:00:33
แล้วชาติไหนคุณคริสถึงจตเห็นชื่อโซลเมตตัวเองหรอ555555555 จะเห็นได้ไงอ่ะฮือออออ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 2 [25-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 25-07-2018 21:24:42
ชอบ...บบบบบบบบบบบบบบ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 2 [25-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 25-07-2018 22:05:32
โลกก็กลมซะเหลือเกินนน
มารอดูว่าเขาจะรู้ตอนไหนนะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 2 [25-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-07-2018 22:12:39
รบกวนเจย์เดนพาลูกค้าเข้าห้องลองเสื้อที่มีกระจกรอบด้านทีค่ะ ความโซลเมทนี้
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 2 [25-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Kumamon_Kung ที่ 26-07-2018 09:03:42

ขำเจย์เดนอ่ะ เจอกันแค่4ครั้งแต่อวยเค้าเวอร์  พลังแห่งโซลเมตที่แท้ทรู
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 2 [25-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 26-07-2018 17:10:54
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 2 [25-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-07-2018 20:06:44
 :katai2-1: กรี๊ดด ำตาจะไหล ตามค่า มีโลกอื่นนอกจากโอเมก้าแล้ววว
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 2 [25-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 28-07-2018 13:39:54
เจย์เดนก็ไปคลับบ่อยเหมือนกันนะเนี่ย
ไม่รู้ว่าไปดื่มหรือไปหาใคร ><
แต่หลังจากนี้ไม่ต้องไปก็คงได้เจอกันแล้ว
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 3 [29-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 29-07-2018 18:33:43
Chapter 3

When I have a secret


 

ให้ตายยังไง ผมก็ไม่มีทางยอมให้เขาได้รู้ว่ามีชื่อของเขาอยู่บนตัวผม

 

ตอนที่เราเดินกลับไปยังห้องทำงานด้วยกันไม่น่าจะทำให้เพื่อนร่วมทีมของผมประหลาดใจ ได้เท่ากับตอนที่เห็นผมกับคริสเตียนพูดคุยกันด้วยท่าทีสบายๆ หรอก

คำเรียกขานจากมิสเตอร์แคมเบลล์เป็นคริสเตียนเฉยๆ ทำเอาเพื่อนของผมนิ่งอึ้ง ผมก็เลยต้องอธิบายให้พวกเขาเข้าใจว่าเราสองคนรู้จักกันมาก่อนเพราะเคยเจอกันสองสามครั้ง และคริสเตียนเคยเลี้ยงเบียร์ผม

“ทำตัวตามสบายเถอะพวก” และทันทีที่โซลเมตของผมพูดแบบนั้น บรรดาเพื่อนของผมก็พากันผ่อนคลายลง ซึ่งนั่นทำให้พวกเราทำงานร่วมกันได้ง่ายและเป็นกันเองมากขึ้น

การคุยงานผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ผมสบายอกสบายใจที่งานครั้งนี้ไม่ต้องแก้อะไรเพิ่มอีกแล้ว จนกระทั่ง...

“เจย์เดน”

“หืม?”

คริสเตียนหรี่ตา “นายสักด้วยเหรอ? ฉันเห็นรอยสักของนายตั้งแต่ที่ห้องชงกาแฟแล้ว”

“สัก?” ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา ทวนถามด้วยความงุนงง

ผมไม่เคยสัก ไม่ชอบให้เข็มแหลมๆ แทงเนื้อตัวเองเลยสักนิด แล้วทำไมเขาถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา...Shit!

แล้วผมก็ได้รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ในตอนที่อีกฝ่ายชี้นิ้ววนไปมาตรงแถวๆ อกเสื้อด้านซ้ายของผม ที่ซึ่งมีชื่อของเขาสลักลึกอยู่บนนั้นจากน้ำมือของสิ่งที่เรียกว่าพระประสงค์ของโชตชะตาแห่งพระเจ้า

หมับ!

ผมรวบคอเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมสองเม็ดบนเอาไว้ตอนปลีกตัวไปดื่มกาแฟก่อนหน้านี้เข้าด้วยกัน โดยหวังว่าจะปดปิดตัวอักษรบนนั้นจากสายตาเจ้าของชื่อได้ทัน ให้ตายเถอะ! ผมลืมไปได้ยังไงกันว่าปลดมันทิ้งไว้

เพื่อนร่วมทีมของผมพากันหันมามอง แมตต์เป็นคนแรกที่ขมวดคิ้วถาม “นายสักเหรอเจย์? นายเนี่ยนะ?”

แดเนียลเองก็ทำสีหน้าประหลาดออกมาเช่นกัน “คนกลัว...”

“แค่เพ้นท์น่ะ!” ผมโพล่งออกไปแบบไม่ทันคิด ในหัวตอนนี้คิดได้แต่คำแก้ต่างโง่ๆ แต่อย่างน้อยการเพ้นท์ก็ไม่น่าจะแปลกจนเกินไป...หรอกมั้ง

วิลเลิกคิ้วบ้าง “เพ้นท์เรอะ?”

“ใช่ ฉันไปเพ้นท์ที่ร้านมาน่ะ...ก็อะไรแบบนั้น”

พวกเขายังดูคลางแคลงใจ เหมือนจะไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็เลือกที่จะปล่อยผ่านด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่ดีมาก อย่างน้อยพวกเขาก็เงียบปากลงได้สักที

ผมเหลือบมองคริสเตียน เขามีสีหน้างุนงงสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมาอีก เห็นอย่างนั้นผมเลยรีบกล่าวสรุปปิดงานในครั้งนี้ไปพร้อมๆ กับการกลัดกระดุมเสื้อตัวเอง

“งั้นแบบแปลนของคอนโดฯ ยึดเอาตามนี้แล้วกันนะคริสเตียน”

“อืม ฉันชอบแบบนี้”

จากนั้นผมก็จำไม่ค่อยได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมรู้แต่ว่าผมมัวแต่กังวลเรื่องชื่อของเขาบนตัวผม กลัวว่าเขาจะยังติดใจสงสัยไม่เลิก ผมระแวงจนแทบไม่มีสมาธิ ซึ่งก็ได้เพื่อนร่วมทีมช่วยเอาไว้ด้วยการ...ชวนคริสเตียนไปทานมื้อกลางวัน

บัดซบเอ๊ย ตอนนี้ผมอยากอยู่ให้ห่างจากเขามากกว่านะ!

แล้วโชคก็เข้าข้างผมเมื่อใครสักคนโทรหาคริสเตียน เขาแยกตัวออกไปคุยกับปลายสายอยู่พักใหญ่ กลับมาอีกทีสีหน้าของเขาก็ดูยุ่งยากใจอย่างเห็นได้ชัด

ผมเลิกคิ้วมองเขา คริสเตียนถอนหายใจ “พี่ชายฉันเรียกกลับบริษัทน่ะ”

“งั้นนายก็คงไม่ได้ไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันสินะ”

“ก็คงงั้น” โซลเมตของผมถอนหายใจอีกรอบ “ไว้เจอกันครั้งหน้า”

“ได้ ฉันยังอยากให้นายเลี้ยงเบียร์ฉันอีก”

เขาหัวเราะ “ถ้าอยากให้ฉันเลี้ยง เราต้องแลกเบอร์กันได้แล้ว”

แล้วตัวเลขสิบหลักของเราสองคนก็ถูกบันทึกเอาไว้ในโทรศัพท์ของอีกฝ่ายเรียบร้อย คริสเตียนโบกมือลา เขาแทบจะวิ่งออกจากบริษัทของผมเลยด้วยซ้ำ ผมมองตามเขาไปและถอนหายใจด้วยความโล่งอก...อย่างน้อยก็ขอเวลาให้ผมได้ด่าตัวเองที่ปลดกระดุมเสื้อออกหน่อยเถอะ อ้อ แล้วก็ขอเวลาให้ผมได้ตระหนักและย้ำเตือนตัวเองว่าครั้งหน้าจะพลาดไม่ได้อีกเด็ดขาด

แรงตบที่บ่าเรียกให้ผมหันไปมอง แมตต์เป็นเจ้าของมือที่วางอยู่บนไหล่ผม เขาหรี่ตามองผม สายตาเคลือบแคลงสงสัยและนั่นทำให้ผมได้แต่นึกใจว่าซวยแล้ว

แมตต์ไม่ใช่คนที่จะปล่อยผ่านคำตอบโง่ๆ ของผมไปได้ เขารู้จักผมดีกว่าใคร ดียิ่งกว่าวิล แดเนียล หรือแม้แต่พ่อแม่ของผม...เขารู้ใจผม รู้ความคิดและความรู้สึกของผมมากที่สุด จะเป็นรองก็แค่ตัวผมเท่านั้น

“เพ้นท์คือคำตอบที่ไม่ถูกต้องใช่ไหมเพื่อน?”

ผมนิ่งไปอึดใจหนึ่ง สุดท้ายเมื่อรู้ว่าโกหกเขาไม่ได้ ผมจึงต้องจำใจบอกความจริง “ใช่”

“แล้วคำตอบจริงๆ มันคืออะไรล่ะ รอยสัก?”

ผมส่ายหน้า...แมตต์ขมวดคิ้ว ผมรู้เลยว่าเขากำลังจะทายคำตอบต่อไปได้ถูกต้องแล้ว

และใช่ เขาเบิกตากว้าง “ชื่อโซลเมตงั้นเหรอ!?”

“ลองเดาอีกสักอย่างสิ เช่นชื่อของโซลเมตฉันคือใคร?” โอเค ผมต้องบอกเขา อย่างน้อยเขาก็ไว้ใจได้สำหรับผม

แมตต์เบิกตากว้างขึ้นกว่าเดิม “คริสเตียน แคมเบลล์!!!”

ตะโกนอีกสิเพื่อน คนทั้งบริษัทยังไม่ได้ยินเลยนะ...ผมถอนหายใจแล้วพยักหน้า นั่นทำให้แมตต์ช็อกไปเลย

“ช่าย ลูกค้าที่เพิ่งกลับไปนั่น คือโซลเมตของฉันเอง”

“โอ้พระเจ้า โอ้นี่มัน พระเจ้า!”

“จะตกใจอีกนานไหมพวก”

“แกคิดว่าฉันควรจะตกใจหรือเปล่าล่ะ ให้ตายเถอะ! ตั้งแต่เมื่อไหร่”

ผมเปิดปากเล่าให้เขาฟังคร่าวๆ แค่พอให้รู้ว่าผมเจอกับคริสเตียนและได้รอยสลักของชื่อเขามาอยู่บนตัวได้ยังไง แต่ไม่ได้เล่าเรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากนั้นหรอกนะ อย่างเช่นที่คริสเตียนโดนรุมทำร้ายเพราะไปเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน...แมตต์เป็นผู้ฟังที่ดี เขาฟังโดยไม่เอ่ยถามอะไรขัดจังหวะผมเลยแม้แต่คำเดียว และผมรู้ว่าเรื่องนี้ผมบอกเขาได้โดยไม่ต้องห่วงว่าความลับจะรั่วไหล

“สรุปแกกับเขาเป็นโซลเมตกันจริงๆ”

“ก็ไม่แน่” ผมเม้มปาก “อย่าลืมว่าพ่อกับแม่ของฉันก็เคยเป็นโซลเมตกัน”

“เจย์เดน” แมตต์เรียกผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เพื่อนคนหนึ่งจะอ่อนโยนได้

ผมไหวไหล่...ไม่รู้สิ การพูดถึงพ่อแม่บางครั้งก็เหมือนผมเอ่ยถึงใครสักคนบนโลกที่ผมไม่รู้จัก บางคราวมันก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนแสงแดดยามเช้า แต่บางคราวก็ให้ความรู้สึกเหมือนทะเลลึกที่ผมร่วงหล่นลงไปและไม่มีทางว่ายกลับขึ้นมาได้ ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะนึกถึงอย่างหลังมากกว่า

ความสัมพันธ์ของผมกับพ่อแม่ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะกับพ่อเนี่ย...แย่สุดๆ ไปเลย

“ฉันโอเค” ผมบอกกับเพื่อนสนิท

แมตต์ส่ายหน้าเหมือนจะบอกว่าไม่เชื่อ “ไม่หรอก แกไม่มีทางโอเคได้หรอก ไม่เคยโอเคกับเรื่องนี้เลย”

เห็นมั้ย ผมบอกแล้วว่าเขารู้จักผมดีกว่าใคร ถ้าไม่ติดว่าเขามีโซลเมตแล้ว ผมคงจะตกหลุมรักเขา...แต่คิดดูอีกที การตกหลุมรักแมตต์นี่มันก็ค่อนข้างจะน่าขนลุกเป็นบ้าเลย ไม่ใช่เพราะผมรังเกียจเขาหรอกนะ แต่แค่คิดว่าตัวเองตกหลุมรักเพื่อนสนิทซึ่งรู้จักกันดีชนิดเคยเห็นด้านมืดของกันและกันมาหมดแล้วทุกรูปแบบ อย่างเช่นการเดินลงทะเลสาบโดยที่ทั้งตัวมีแค่กางเกงในลายลูกไม้ของผู้หญิง หรือการถกกางเกงโชว์ก้นบนรถโรงเรียน...

เอาเป็นว่าผมไม่มีวันตกหลุมรักแมตต์แน่นอน ตกลงมั้ย?

“ฉันคิดว่าจะปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ให้ได้นานที่สุด” ผมบอก

“นานแค่ไหน?” แมตต์ย้อนถาม

“ก็นานจนกว่าคริสเตียนจะรู้ว่ามีชื่อที่อาจจะเป็นชื่อของฉันอยู่บนตัวเขา”

ซึ่งมีความเป็นไปได้ยาก เพราะคนเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครส่องกระจกมองแผ่นหลังตัวเองหรอกจริงมั้ย? และคริสเตียนก็อาจจะไม่มีวันได้รู้ว่ามีชื่อโซลเมตอยู่บนตัว จนกว่าเขาจะไปถอดเสื้อที่ไหนสักแห่งแล้วมีคนบอกเขานั่นล่ะ อ่า แต่ถ้าเขาไปเอากับสาวแล้วเธอเห็นเลยเอ่ยทักขึ้นมาล่ะ?

โอ้ให้ตาย นี่มันสุ่มเสี่ยงเกินไปแล้ว ผมจะทำยังไงดีล่ะ?

“แกบอกว่ามันมีปฏิกิริยาเวลาแกกับเขาอยู่ใกล้กันไม่ใช่หรือไง ก็แล้วทำไมเขาจะไม่ใช่โซลเมตของแกล่ะ” แมตต์เอ่ยขึ้นขัดความคิดวิตกกังวลของผม

“ไม่รู้สิแมตต์ ฉันเชื่อเรื่องโชคชะตานะ แต่...” ผมส่ายหน้า เรียบเรียงสิ่งที่อยู่ในหัวก่อนจะเอ่ยมันออกมา “ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะไปรอดไหม ถ้าหากวันหนึ่งฉันรักเขาขึ้นมา แบบว่าก็แค่สมมติน่ะนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วเขาไม่ได้รักฉันล่ะ?”

“...” แมตต์ไม่ตอบแต่จ้องมองเข้ามาในดวงตาของผม เราสบตากันนิ่งนาน

ผมเอ่ยต่อ “และถ้าหากวันหนึ่งฉันกับเขาพัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นคนรักกัน จะมีอะไรมารับประกันว่ามันจะไม่จบลงงั้นเหรอ? ไม่ว่าจะเป็นโซลเมตกันหรือไม่ แต่ความเป็นไปได้ที่เราสองคนมีสิทธิ์ที่จะเลิกกันก็มีไม่ใช่รึไงพวก?”

คราวนี้แมตต์ไม่พูดอะไร เขาแค่ตบบ่าผมหนักๆ สองสามทีแล้วเปลี่ยนเป็นโอบไหล่ผม สิ่งที่เขาทำเป็นการแสดงออกว่าเขาเข้าใจในเรื่องที่ผมพูด เข้าใจว่าผมต้องการจะสื่ออะไร...พ่อกับแม่ของผมก็เคยรักกัน แล้วผลสุดท้ายเป็นยังไงน่ะเหรอ? พวกเขาเลิกรักกันได้อย่างง่ายดายไงล่ะ นั่นไม่ได้เป็นการบ่งบอกหรอกหรือว่าโชคชะตาแค่ช่วยให้โซลเมตมาเจอกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะรักกันไปจนตาย

โอเค บางความสัมพันธ์มันก็ไม่ได้ไปจนสุดทาง ไปจนถึงการตายจากกันขนาดนั้น แต่ถ้าเลือกได้ผมก็อยากจะมีความรักที่ดี อย่างน้อยถ้ามันต้องจบลงในสักวัน ผมก็อยากให้มันจบด้วยดี ไม่ใช่เจ็บปวดเจียนตายด้วยกันทั้งคู่ หรือระหว่างทางของความสัมพันธ์มีแต่ความทุกข์ ไม่มีแม้แต่ความสุข

ผมเลือกที่จะไม่รักใคร ดีกว่ามีความรักแล้วต้องเสียใจ

ดังนั้นแม้ว่าผมจะเชื่อเรื่องคู่แห่งชะตาลิขิต แต่ไม่ได้หมายความว่าระหว่างผมกับคริสเตียนต้องเป็นคู่รัก บางที...แค่เราได้เป็นเพื่อนกันอย่างตอนนี้ผมก็คิดว่ามันเพียงพอแล้ว ว่าแต่ตอนนี้ผมกับคริสเตียนรู้จักกันมากพอจะเป็นเพื่อนกันได้แล้วหรือยังนะ?

“ไปกินข้าวเถอะ บ่ายยังมีงานต้องทำอีกเยอะเลยพวก”

พอเห็นว่าแมตต์เปลี่ยนเรื่องผมก็เลยไหลตามเขาไป “แล้ววิลกับแดเนียลล่ะ?”

“พวกมันไปรอที่ร้านอาหารแล้วมั้ง”

พอเขาว่าอย่างนั้นผมก็เลยออกเดินไปพร้อมๆ กับเขาเพื่อตรงไปยังร้านอาหารเจ้าประจำ แต่ก่อนที่เราจะก้าวเข้าไปในร้านผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้ และนั่นทำให้ผมรั้งแขนของแมตต์เอาไว้...อีกฝ่ายเลิกคิ้วมองผม ผมสูดลมหายใจเข้าลึก

“อย่าบอกใครเรื่องชื่อโซลเมตของฉัน ได้มั้ยแมตต์?”

แมตต์แค่นยิ้ม “เห็นฉันเป็นคนยังไงเนี่ย แน่นอน ฉันไม่มีทางบอกใครหรอกน่า”

“ขอบใจมากเพื่อน”

แล้วผมก็ได้ยิ้มอย่างสบายใจมากขึ้น

 

ผมมีนัดกับน้องสาวต่างพ่อและน้องชายต่างแม่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นการนัดหมายที่เราสามคนจะหาวันที่ว่างที่สุดของทุกๆ เดือนมาเจอกัน

ความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวเป็นเรื่องเข้าใจยาก...ถ้าหากว่ามันยากมาตั้งแต่ต้น

ผมเคยเป็นลูกคนเดียว โตขึ้นมาในครอบครัวที่เริ่มจะร้าวฉานตอนอายุได้สี่ขวบ และครอบครัวของผมก็พังยับเยินในตอนที่ผมมีอายุได้แปดขวบ หลังจากที่พ่อรู้ว่าน้องสาวอายุสามขวบของผมเป็นลูกของแม่กับคนรักเก่า อ่า แบบว่าแม่ของผมแอบกลับไปคบหากับคนรักเก่าจนมีลูกด้วยกันทั้งที่ยังไม่ได้หย่ากับพ่อน่ะครับ...ก็อะไรทำนองนั้น

หลังการหย่าร้างของทั้งคู่ คุณยายก็มารับผมไปอยู่ด้วย เพราะเธอไม่ไว้ใจให้ผมอยู่กับพ่อเท่าไหร่นัก ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าทำไม แต่เมื่อโตขึ้นผมจึงได้รู้ว่าพ่อทำอาชีพที่...ค่อนข้างจะอันตราย และยายไม่อยากให้ผมเสี่ยงไปด้วย แต่จะให้ไปอยู่กับแม่ก็ไม่ได้เช่นกัน แม่กำลังจะสร้างครอบครัวใหม่อีกครั้ง ยายคิดว่าผมที่เป็นลูกติดคงไม่เหมาะจะไปอยู่ในครอบครัวใหม่ของแม่ เธอกลัวว่าพ่อเลี้ยงของผมจะทำไม่ดีกับผม

ในท้ายที่สุดตอนอายุสิบหกปีผมก็ได้ออกมาอยู่คนเดียว โดยมีเงินมรดกที่ยายทิ้งเอาไว้ให้ก่อนท่านจะเสียชีวิตด้วยโรคร้ายเป็นเงินทุน พอที่จะผลักดันตัวเองจนเรียนจบไฮสกูลแล้วสอบชิงทุนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย

ที่จริงหลังยายเสียชีวิต แม่ชักชวนให้ผมไปอยู่กับเธอ แต่ว่าผมไม่อยากไป ผมอยากมีชิวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง และคิดว่าแม่ควรจะได้มีความสุขสักที...ความสุขในแบบที่ไม่มีผม เพราะการที่ผมยังอยู่ก็มีแต่จะรั้งให้แม่ทุกข์ใจ ทำไมผมจะไม่รู้กันล่ะว่าทุกครั้งที่แม่มาเยี่ยมผม เธอรู้สึกผิดต่อผมมากมายขนาดไหน แววตาของเธอมันบอกทุกอย่าง และผมก็อ่านมันออกทุกอย่างเช่นกัน

ส่วนพ่อน่ะเหรอ? เราได้มีโอกาสเจอกันบ้างเป็นครั้งคราว ผมไปเยี่ยมเขาอยู่สองสามครั้ง ซึ่งทุกครั้งก็ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ถึงเขาจะเป็นพ่อของผม แต่ว่าเขาน่ะเกลียดผมมาก อาจจะเป็นเพื่อนผมคือลูกของแม่ และเพราะว่าแม่มีชู้ พ่อก็เลยพาลมาเกลียดผมด้วย เขาเป็นคนไม่ค่อยมีเหตุผลนักหรอก ดังนั้น...ทุกครั้งที่เราเจอกันจึงเต็มไปด้วยคำด่าทอจากเขาและความนิ่งเฉยอย่างยอมจำนนของผมซะมากกว่า

ก็อย่างที่บอกว่าผมเติบโตมาได้ด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่อายุสิบหก จนกระทั่งตอนนี้เวลาผ่านไปเป็นสิบปีแล้ว และผมอนุญาตให้ตัวเองได้มีความสุข ก็ทำไมจะไม่ล่ะจริงมั้ย? ในเมื่อผมมีทั้งงานที่ดี มีบ้านที่ซื้อด้วยเงินของตัวเอง มีเพื่อนที่ดี มีเจ้านายที่ดี ชีวิตแฮปปี้สุดๆ ไปเลยนี่นา ดังนั้นผมจะไม่เศร้าเสียใจอีกแล้ว...คิดว่านะ

เอาล่ะ กลับมาที่เรื่องของผมกับพี่น้อง...น้องสาวต่างพ่อของผมมีอายุห่างกันห้าปี เท่ากับว่าตอนนี้เธอมีอายุได้ยี่สิบเอ็ดปีแล้ว แม่ไม่เคยปิดกั้นไม่ให้เราสองคนได้พบกัน แม่เป็นคนพาเธอมาหาผมเองด้วยซ้ำตอนที่เธออายุได้สิบเอ็ดปี ตอนที่ผมเริ่มใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียว และเราก็ไปมาหาสู่กันตลอด น้องสาวตัวน้อยก็เลยค่อนข้างจะสนิทกับผม

ส่วนน้องชายต่างแม่...เจ้านั่นอายุสิบแปดแล้ว ก็เท่ากับว่าห่างจากผมแปดปีได้ แรกเริ่มผมรู้ว่าพ่อมีลูกกับภรรยาใหม่หลังจากที่ผมออกจากบ้านมาได้ไม่นาน แต่น้องไม่เคยรู้ว่ามีผมเป็นพี่คนละแม่ เราเพิ่งได้เจอกันเมื่อปีก่อนนี่เอง

เมื่อเราได้มีโอกาสคุยกันผมถึงได้รู้ว่าเพราะพ่อหลุดปากเล่าถึงผมตอนเมา เขาถึงได้รู้ว่าตัวเองมีพี่ชายต่างแม่อยู่คนหนึ่ง ซึ่ง…ผมนับถือใจเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้มากทีเดียวที่ตามหาผมจนพบ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำได้ยังไง เพราะถามไปเขาก็ไม่ยอมตอบ ผมไม่ชอบบังคับใครด้วยก็เลยปล่อยผ่านมันไป แค่รู้ว่าเขาพยายามเป็นปีเพื่อตามหาผม ผมก็ซึ้งใจมากพอแล้วล่ะ

จากวันอันยุ่งเหยิงพวกนั้น ตอนนี้ก็หนึ่งปีกว่าแล้วที่เราสามคนพี่น้องมักจะนัดเจอกันเสมอ อาจจะไปกินข้าว ไปเดินเล่น ปิกนิก ปั่นจักรยาน ไปสวนสนุกหรือสวนน้ำด้วยกัน ถึงแม้ว่าน้องๆ ทั้งสองของผมจะไม่ได้มีสายเลือดเกี่ยวพันกัน แต่เพราะมีผมเป็นพี่ พวกเขาจึงสนิทกันมาก เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ของเราสามคนพี่น้องแน่นแฟ้นกันสุดๆ จนแมตต์ยังบอกว่าพวกเราไม่เหมือนพี่น้องที่มาจากคนละครอบครัว

“เจย์เดน!”

เสียงร้องเรียกแหลมเล็กพร้อมแรงกอดรัดรอบลำคอจากด้านหลังทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิด ผมเงยหน้าขึ้นมองน้องสาวคนสวย ฉีกยิ้มกว้างให้เธอ และเอียงคอเล็กน้อยเพื่อให้เธอได้หอมแก้มผมถนัดๆ ก่อนจะดึงมือเธอให้ทรุดลงนั่งข้างกันบนเก้าอี้

“พี่จะตะโกนทำไมกันเจสซี่ เสียงดังรบกวนคนอื่น”

คราวนี้เป็นเสียงทุ้มๆ เพิ่งแตกหนุ่มได้ไม่กี่ปีของน้องชายผม เจ้าตัวเดินตามหลังเจสซี่เข้ามา ก่อนจะทรุดนั่งที่เก้าอี้ว่างด้านข้างผมอีกฝั่ง แล้วโจชัวก็ยกกำปั้นขึ้นมาชนกับผมเหมือนอย่างทุกครั้งที่เราเจอกัน

“ไง เจ้าพวกตัวยุ่ง สบายดีนะ” ผมเอ่ยทักทาย

เจสซี่ยิ้มกว้างพยักหน้าให้ ส่วนโจชัวแค่โคลงศีรษะไปมาไม่ได้พูดอะไร เพียงเท่านั้นผมก็เข้าใจในสิ่งที่เขาจะสื่อ คงมีปัญหากับพ่อมาอีกแล้วล่ะมั้ง แต่ผมจะไม่ไปยุ่งเรื่องของเขาตราบใดที่เขายังไม่เปิดปากเล่าเองหรอกนะ เราสามคนพี่น้องเคารพการตัดสินใจของกันและกันเสมอ เรื่องพวกนี้เราตกลงกันไว้แล้ว

“พี่อยากไปไหนเจย์ วันนี้พวกเราจะตามใจพี่ ใช่ไหมโจ?”

“ผมเคยปฏิเสธพี่ได้หรือไงเจส” โจชัวทำหน้าเอือมระอา เขาดูโตกว่าอายุจนผมอดจะหัวเราะไม่ได้ “แต่มีอย่างหนึ่งที่เราต้องบอกพี่นะเจย์”

“อะไร?” ผมเลิกคิ้ว เจสซี่กับโจชัวหันไปมองหน้ากันยิ้มๆ แล้วยัยน้องสาวตัวแสบก็เป็นฝ่ายเฉลย

“เราจะมาอยู่กับพี่ทั้งสัปดาห์นี้เลย!”

ผมแปลกใจขึ้นมาทันที “ทั้งสัปดาห์? ทำไม...”

“ฉันเบื่อๆ น่ะก็เลยขอแม่มาค้างบ้านพี่ ส่วนโจชัว...”

“โรงเรียนหยุดสัปดาห์หนึ่งพอดี พอเจสรู้เธอก็เลยชวนผมมาค้างบ้านพี่ แต่ถ้าพี่ไม่สะดวก...”

“ทำไมพี่จะไม่สะดวกกันล่ะ” ผมแทรก รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังยิ้มกว้างมากแค่ไหน “พี่ดีใจมากต่างหาก”

“เยี่ยม! ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องดีใจ ถ้างั้นวันนี้เราจะไปไหนกันดีล่ะ”

“เอาเข้าจริงผมก็ไม่อยากจะไปไหนนะเจย์ ผมอยากกลับบ้านพี่แล้วนอนดูซีรีส์สักเรื่องด้วยกันมากกว่า ตอนเย็นก็ค่อยออกมาซื้อของไปทำมื้อเย็นกินด้วยกัน”

“ความสุขแบบพวกเราสามพี่น้อง” เจสซี่ดีดนิ้ว “ฉันเห็นด้วย พี่ว่าไง?”

ผมยิ้มให้พวกเขา “ได้สิ”

เป็นอันว่าเราสามคนเห็นพ้องต้องกัน ผมจึงต้อนเจ้าน้องตัวแสบทั้งสองขึ้นรถ ตัดสินใจแวะซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อวัตถุดิบสำหรับทำมื้อเย็นเข้าบ้านไปเลย ขี้เกียจออกมาอีกรอบน่ะครับ เดินวนไปทีละโซนเพื่อมองหาส่วนประกอบทำอาหารที่ต้องการ จนกระทั่งมาถึงโซนที่เป็นของสด ระหว่างยืนเลือกแคร์รอตอยู่ ผมก็พบว่ามีใครสักคนเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ และเพียงหันไปมอง...

คริสเตียน

“ไง” เขาทักทาย ส่วนผมขมวดคิ้ว ยิ้มด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“ไง นายอีกแล้วเหรอ”

“ฉันล่ะมั้งที่ต้องถามแบบนั้น” คริสเตียนแค่นหัวเราะ “แต่ที่จริงก็ไม่แปลกหรอกถ้าเราจะบังเอิญเจอกันที่นี่”

“ยังไง?”

“อพาร์ตเมนต์ของฉันอยู่ห่างออกไปไม่กี่บล็อก...จากบ้านนาย”

ผมนิ่งงัน นี่มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว “งั้นเหรอ”

“ทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?” คุณโซลเมตกวาดสายตามองของที่อยู่ในมือผม

“อยากลองกินไหมล่ะ” ผมเอ่ยออกไปโดยไม่คิดอะไร แต่คำตอบที่ได้รับกลับมานี่สิ

“ก็ดีเหมือนกัน” พอเห็นผมหันไปมองอีกฝ่ายก็เลิกคิ้ว “ทำไม? ก็นายชวนฉันเองนี่”

“นาย...จะไปบ้านฉัน?”

“อื้อฮึ หรือนายไม่อยากให้ฉันไป?” เขาย้อนถาม

แต่ผมยังไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เจสซี่ก็เดินกลับมาพร้อมโจชัวและเป็นฝ่ายเอ่ยแทรกขัดการสนทนาระหว่างเรา “ไฮ~ เพื่อนพี่เหรอเจย์เดน”

ผมเหลือบสบตาคริสเตียน โซลเมตของผมยิ้มบางโดยไม่พูดอะไร นั่นหมายความว่าเขาให้สิทธิ์ผมในการตอบ

คนเจ้าเล่ห์

“อืม นี่คริสเตียน” ผมแนะนำให้น้องๆ ได้รู้จักเขา และไม่ลืมที่จะแนะนำบรรดาตัวแสบของผมให้คริสเตียนได้รู้จักเช่นกัน “ส่วนนี่เจสซี่กับโจชัว น้องๆ ของฉันเอง”

“นายมีน้องสาวกับน้องชายด้วยเหรอเนี่ย” คริสเตียนเหมือนจะคุยกับตัวเองมากกว่า

ผมไหวไหล่ “ตกลงนายจะไปดินเนอร์กับพวกเราจริงๆ ใช่มั้ย?”

“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากรบกวนเวลาของครอบครัว”

คำว่าครอบครัวทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไร จนโจชัวต้องเป็นฝ่ายพูดแทน

“คุณจะไปดินเนอร์กับพวกเราก็ได้นะครับ ผมไม่มีปัญหาหรอก”

“ฉันก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน” เจสซี่เห็นด้วย

สุดท้ายคริสเตียนก็หันมามองผม เรียวคิ้วของเขาเลิกขึ้นสูงเหมือนจะถามว่าผมอนุญาตไหม แล้วผมจะไปตอบอะไรได้ล่ะในเมื่อน้องๆ ของผมโอเคและเป็นฝ่ายชวนเองซะแล้วน่ะ

“ฉันก็โอเค”

คงต้องบอกว่ายินดีต้อนรับคุณโซลเมตสู่บ้านอันแสนสุขของผมอีกครั้งแล้วล่ะนะ


_____
ชีวิตของเจย์เดนที่ผ่านมาทำให้เขาไม่กล้าก้าวข้ามสิ่งที่เรียกว่าความรักค่ะ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาเลือกที่จะเก็บเรื่องชื่อของคริสเตียนบนตัวเขาเอาไว้เป็นความลับ และนั่นก็คือที่มาของชื่อเรื่องความลับบนตัวผม แต่ความลับครั้งนี้จะถูกเปิดโปงเมื่อไหร่กันน้าา คริสเตียนจะได้รู้เมื่อไหร่ อันนี้ก็ต้องใจเย็นๆ เนอะ รับรองว่าถ้าเขารู้...ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแน่นอนค่ะ พลังแห่งโชคชะตาจะกำหนดเอง 55555

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 3 [29-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-07-2018 19:03:12
ถ้ารู้เร็วก็ไม่สนุกสิ เก็บไว้ก่อน  :hao3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 3 [29-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-07-2018 19:15:09
 :L2: :pig4: :L1:

สนุกอะ

ทำไมเราชอบโจชัว เห้ยยยน้องเพิ่งมา 55
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 3 [29-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 29-07-2018 20:31:17
ยังดีที่เจย์เดนมีพี่น้องที่น่ารัก..เอาใจช่วย   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 3 [29-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 29-07-2018 23:28:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 3 [29-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-07-2018 01:05:05
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 3 [29-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Kumamon_Kung ที่ 30-07-2018 02:50:27
สนุกมากค่าาาา :impress: :a1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 3 [29-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 31-07-2018 20:00:03
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 3 [29-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 31-07-2018 21:04:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 3 [29-07-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 31-07-2018 21:13:59
โชคชะตากำลังทำหน้าที่ เหวี่ยงให้เขามาเจอกันบ่อยๆล่ะ
รอดูวันที่รู้ความลับนะ ฮิๆๆ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 01-08-2018 19:12:48
Chapter 4

When I told myself


 

ผมอาจจะบอกตัวเองตั้งแต่ที่ได้รู้ว่าเขาคือโซลเมตของผมแล้วล่ะมั้ง...ว่าอย่าได้ตกหลุมรักคริสเตียนเด็ดขาด

 

ก่อนดินเนอร์จะเริ่มต้องมีคนทำอาหาร ซึ่งแน่นอนว่าหน้าที่อันทรงเกียรตินี้คงไม่พ้นเจ้าของบ้านอย่างผม กับลูกมืออีกหนึ่งคน และถ้าคิดว่าคนคนนั้นคือเจสซี่ล่ะก็ พวกคุณคิดผิดแล้ว เพราะผู้ช่วยเชฟของผมคือโจชัวต่างหาก

เราสองพี่น้องช่วยกันเตรียมวัตถุดิบทำอาหาร ผมไว้ใจมากพอที่จะปล่อยให้เจสซี่อยู่กับคริสเตียนสองคน มองดูก็รู้ว่าโซลเมตของผมไม่ได้สนใจอะไรน้องสาวผมเลยแม้แต่น้อย อย่างเขาคงต้องเป็นสาวสวยเซ็กซี่เข็ดฟัด มากกว่าจะเป็นสาวน้อยน่ารักแต่ห้าวหาญอย่างน้องสาวของผม

อีกอย่างเจสซี่เองก็เจอโซลเมตของตัวเองแล้วด้วย เธอกับแฟนสาวน่ะรักกันจะตายไป ดังนั้นไม่มีอะไรให้ผมต้องกังวลเมื่อจำต้องปล่อยให้พวกเขาสองคนนั่งดูหนังอยู่ด้วยกันตามลำพัง

“เจย์เดน พี่จะทำเมนูอะไรบ้าง” โจชัวถาม

ผมตอบ มือก็ปอกมันฝรั่งไปด้วย “สตูว์เนื้อ พาสต้า กุ้งอบชีส นายอยากกินอะไรอีกมั้ย พี่จะได้ทำเพิ่ม”

“มีของพอจะทำแซนวิชอกไก่อะโวคาโดมั้ยพี่”

ผมพยักหน้า “มี เดี๋ยวพี่ทำให้”

“ขอบคุณ”

ผมรับหน้าที่ทำสตูว์เนื้อ กุ้งอบชีสและแซนวิช ให้โจชัวทำแค่พาสต้ากับเป็นลูกมือหยิบจับเครื่องปรุงและวัตถุดิบอื่นๆ ให้ผมก็พอ นานๆ ทีน้องจะได้กินอาหารฝีมือผม ผมก็อยากทำให้เต็มที่

เริ่มจากสตูว์เนื้อ หลังจากปอกมันฝรั่งเสร็จผมก็ส่งให้โจชัวช่วยหั่นมันเป็นชิ้นขนาดเท่าลูกเต๋าพอดีคำเหมือนมะเขือเทศ แคร์รอตและหอมใหญ่ที่หั่นเสร็จไปแล้วก่อนหน้านี้ ส่วนเนื้อวัวผมหั่นเอาไว้ก่อนแล้วเป็นอย่างแรก ผมโรยเกลือและพริกไทยลงบนเนื้อ คลุกเคล้ามันให้เข้ากัน จากนั้นจึงตั้งกระทะเปิดไฟใส่น้ำมันพืช รอให้มันร้อนไม่นานก็ใส่ชิ้นเนื้อลงไป ทอดจนเป็นสีน้ำตาลเท่าๆ กันทุกด้าน

ผมรับถ้วยแคร์รอตและหอมใหญ่ที่โจชัวส่งมาให้ราวกับรู้คิว เทของที่ว่าใส่ลงในกระทะ ผัดจนเห็นว่ามันนิ่มแล้วจึงใส่มันฝรั่ง ผัดอีกนิดแล้วถึงได้ใส่มะเขือเทศ ปรุงด้วยเครื่องปรุงต่างๆ จนกระทั่งทุกอย่างเข้าที่ผมจึงเทลงหม้อแล้วเติมน้ำสต็อก (หรือก็คือน้ำต้มกระดูกนั่นล่ะ) ลงไปพร้อมด้วยเครื่องปรุงอื่นๆ จากนั้นผมก็เคี่ยวมันทิ้งไว้

“พอเดือดแล้วเบาไฟนะ คอยช้อนฟองออกให้พี่ด้วย เดี๋ยวพี่จะทำกุ้งอบชีสต่อ”

เราสองคนวุ่นวายกันอยู่ในครัวนานเป็นชั่วโมง กว่าทุกอย่างจะเสร็จก็เกือบจะได้เวลาอาหารเย็นพอดี

“พี่จะไปอาบน้ำก่อนมั้ย เดี๋ยวผมเก็บล้างเอง”

“เอางั้นเหรอ”

“เอางั้นล่ะ ไปครับ” โจชัวดันแผ่นหลังของผมให้เดินออกจากครัว ระหว่างทางผมก็เลยแวะที่ห้องนั่งเล่น

คริสเตียนกับเจสซี่ยังนั่งอยู่ที่เดิม ซึ่งก็คือโซฟาเดี่ยวตรงข้ามกัน พวกเขากำลังพูดคุยถึงหนังที่ฉายอยู่บนจออย่างสนุกสนาน จนกระทั่งคุณโซลเมตหันมาเห็นผม เขาจึงเอ่ยทัก

“มื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว?”

ผมพยักหน้า “ฉันขอไปอาบน้ำก่อน”

“ตามสบาย เรารอได้”

“โจชัวล่ะคะพี่” เจสซี่ถาม ผมชี้นิ้วกลับหลังไปที่ห้องครัว

“เก็บล้างอยู่น่ะ”

“งั้นหนูไปช่วยเขาดีกว่า”

“ไปช่วยแน่นะ ไม่ใช่ไปพังครัวพี่ล่ะ”

“โธ่ เจย์เดน”

ผมหัวเราะแล้วโบกมือให้น้องกับคริสเตียนก่อนจะเดินขึ้นห้องนอน ชำระล้างร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อและกลิ่นอาหารจนสะอาดก็ออกมาเจอโจชัวนั่งอยู่บนเตียงนอนของผมเข้าพอดี

ผมกำลังจะทักเขา แต่เสียงตอบโต้ของน้องชายกับใครสักคนทางโทรศัพท์ก็ทำให้ผมเงียบปากได้ทัน

“ผมอยู่กับเพื่อน พ่อไม่เชื่อผมหรือไง” ผมนิ่งงัน มองสบตาโจชัวที่หันมาเห็นผมเข้าพอดี...เขาเองก็นิ่งไปเช่นกัน “แค่นี้นะพ่อ ไว้คุยกันทีหลัง”

“ไม่ได้บอกพ่อว่ามาค้างบ้านพี่ล่ะสิ” ทันทีที่เขาวางสายผมก็เอ่ยถาม

โจชัวเงียบไปนาน แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ “อืม”

ผมถอนหายใจ “พี่ไม่อยากให้นายโกหกพ่อแบบนั้น”

“แล้วถ้าผมไม่โกหกผมจะได้มาหาพี่หรือไง” โจชัวแย้ง เขาเม้มปากแน่น “พ่อไม่มีสิทธ์ห้ามผม”

“แต่...” ผมอยากจะแย้งอะไรกลับไปบ้างเหมือนกัน ถึงอย่างนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง “พี่ขอโทษที่ทำให้นายต้องลำบาก”

“หมายความว่ายังไง?” คราวนี้โจชัวเงยหน้าขึ้นมองผมอย่างไม่เข้าใจ

“...ที่ทำให้นายต้องโกหกพ่อเพื่อมาหาพี่ไง”

“มันไม่ใช่ความผิดพี่เลยนะเจย์เดน” เขาโกรธแล้ว ผมมองเห็นไฟกรุ่นๆ ได้จากดวงตาของเขาเลยเชียวล่ะ “พี่เลิกทำตัวแบบนี้สักทีได้มั้ย เอาแต่โทษตัวเองอยู่นั่น ทั้งที่พี่ไม่ได้ผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ คนผิดคือพ่อต่างหาก เขามันเฮงซวย”

“เฮ้ อย่าพูดถึงพ่อแบบนั้น” แม้ผมจะเห็นด้วยก็เถอะน่า

“เพราะเขา เพราะเขาพี่ถึง...” โจชัวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ และผมรู้ดีว่าเขาไม่อยากให้ปลอบ เขาไม่อยากให้ใครๆ มองว่าเขาเป็นคนอ่อนแอ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเดินเข้าไปหาเขา ดึงเขาเข้ามากอดเอาไว้หลวมๆ รับรู้ได้ถึงน้ำตาของเขาที่เปียกเสื้อของผม

“พี่ไม่เป็นไร ไอ้น้องชาย ไม่เป็นไร”

“เป็นสิ! ผมรู้ว่าพี่เป็น ผมรู้ว่าพี่ทรมานมาตลอดหลายปี แม้แต่ตอนนี้พี่ก็ยังเจ็บปวด” โจชัวกำชายเสื้อของผมเอาไว้แน่น “ผมขอโทษ”

“คราวนี้พี่ต้องเป็นฝ่ายถามแล้วหรือเปล่าว่านายขอโทษพี่ทำไม” ผมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ พยายามจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น...แม้ว่าตัวผมเองจะด้านชาไปทั้งใจแล้วก็ตาม

โจชัวส่ายหน้ากับอกเสื้อของผม “ผมไม่รู้ ผมก็แค่...อยากขอโทษ แทนพ่อ แทนทุกอย่าง”

“เด็กดี” ผมรู้สึกโชคดีชะมัดที่ได้มีน้องชายแสนดีขนาดนี้

เรากอดกันอยู่แบบนั้นพักใหญ่ จนกระทั่งโจชัวหยุดร้องไห้ เขาถอยห่างจากผม เช็ดคราบน้ำตาบนหน้าตัวเองลวกๆ ด้วยท่าทีขึงขัง ปากก็พูดไปด้วย

“ผมไม่ใช่เด็กนะ และ...”

“ฮึ?”

“และผมก็ไม่ได้ร้องไห้ด้วย”

ผมหัวเราะ “โอเค นายไม่ได้ร้องไห้ แค่เจ็บตาเท่านั้น”

โจชัวกลอกตาใส่ผม พอดีกับที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เรียกสายตาของเราสองพี่น้องให้หันไปมอง...คริสเตียนโผล่หน้าเข้ามาพ้นขอบประตูที่ผมแง้มเอาไว้ตั้งแต่แรก อ่า ผมคิดไปเองหรือเปล่านะว่าเขามองผมด้วยสายตาแปลกๆ

“เจสซี่ให้มาตามไปกินข้าวน่ะ เธอบ่นว่าหิวแล้ว”

“โอเค เรากำลังจะลงไป” หลังจากคริสเตียนถอยกลับลงไปที่ชั้นล่าง ผมก็หันกลับมาลูบหัวโจชัวแล้วเอ่ยชักชวนเขา “ไปดินเนอร์กันเถอะ”

 

ครู่ต่อมาพวกเราก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากลางโต๊ะอาหาร มื้อเย็นเริ่มตอนหัวค่ำ เจสซี่ลอบสบตากับผมเป็นเชิงไถ่ถามถึงตาแดงช้ำของโจชัว แต่ผมก็แค่ส่ายหน้าให้เธอแล้วพูดโดยไม่ออกเสียงว่า...ไว้จะเล่าให้ฟังทีหลัง

ผมให้ความสนใจไปที่คุณโซลเมตของผม เขาม้วนเส้นพาสต้ายัดใส่ปาก จากนั้นสีหน้าแปลกใจก็ฉายชัดขึ้นมาบนใบหน้าของเขา และนั่นทำให้ผมเผลอหลุดหัวเราะ

“อร่อยล่ะสิ”

“เยี่ยมเลยล่ะ” คริสเตียนพยักหน้ารับ “นายทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”

“พาสต้านั่นฉันไม่ได้ทำ”

“โจชัวทำ?” เขาทำหน้าแปลกใจอีกครั้ง

น้องชายของผมยิ้มบาง “ครับ”

“เจ๋งเป็นบ้าเลยไอ้น้อง ไม่น่าเชื่อว่านายจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้”

“เจย์เดนทำอร่อยกว่าผมอีก”

“พูดเพราะจะอวดพี่ชายหรือเปล่าไอ้หนู” คริสเตียนหรี่ตาแซว ผมกลอกตาใส่เขา ส่วนโจชัวหัวเราะ

“คุณต้องลองชิมเอง สตูว์เนื้อของเขาคือสุดยอดอาหาร”

“ฉันเห็นด้วย” เจสซี่สนับสนุน

คริสเตียนดูเหมือนจะไม่เชื่อ และเพื่อเป็นการพิสูจน์คำพูดจากน้องๆ ที่น่ารักของผม อีกฝ่ายก็เลยจัดการตักสตูว์เนื้อใส่ถ้วยแล้วชิมมัน...ผมลอบมองอย่างลุ้นระทึก

“ให้ตาย” เขาร้องขึ้น “ไม่น่าเชื่อว่านายจะทำอาหารได้สุดยอดขนาดนี้”

“มีอีกหลายเรื่องที่นายยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวฉัน”

คริสเตียนหัวเราะ “ก็จริง”

แล้วดินเนอร์มื้อนี้ก็ผ่านไปด้วยเสียงพูดคุยของพวกเราสี่คน ผมอดจะประหลาดใจไม่ได้ที่การมีคริสเตียนร่วมโต๊ะอาหารไม่ได้สร้างความอึดอัดให้กับผมหรือแม้แต่น้องๆ เขาเข้ากับพวกเราได้ดี ดีมากจนเกินไปด้วยซ้ำ

กระทั่งมื้อเย็นจบลง ผมไล่โจชัวให้ไปอยู่กับคริสเตียน ส่วนผมปลีกตัวเข้ามาล้างจานชามในห้องครัวกับเจสซี่ ตอนแรกคริสเตียนอาสาจะล้างให้ แต่เพราะเขาเป็นแขก...เรียกอย่างนั้นได้ล่ะมั้ง และนั่นคือเหตุผลที่ผมไม่ยอมให้เขาทำเด็ดขาด ส่วนเจสซี่มีเรื่องจะคุยกับผม เธอถึงได้กำลังยืนเช็ดจานอยู่ข้างๆ ผมในเวลานี้

“โจร้องไห้”

“อืม” ผมตอบรับ

“เรื่องพ่อของเขาอีกแล้วสินะ”

ผมถอนใจ “เขาเอาแต่ขอโทษพี่อีกแล้ว”

“อ่า” เจสซี่พยักหน้ารับว่าเข้าใจ น้องสาวของผมถอนใจเช่นกัน “ถ้างั้นฉันเองก็ต้องขอโทษพี่ด้วยเหมือนกัน”

“นี่เราจะไม่จบกับประเด็นนี้ใช่ไหมเนี่ย” ผมบ่นกลั้วหัวเราะ

“พี่ปฏิเสธคำขอโทษของเราสองคนไม่ได้หรอกเจย์เดน”

“พวกเธอไม่ได้ทำอะไรผิด”

“แต่พ่อของโจกับแม่ของฉันผิด”

“นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเหมือนกัน”

เจสซี่หยุดมือ เธอหันมามองผมอย่างไม่สบอารมณ์ “เลิกแย้งสักทีได้มั้ย พี่รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นความผิดของพวกเขา ที่ทอดทิ้งพี่ ที่ทำให้พี่เจ็บปวด ที่…“

“เจส เราคุยเรื่องนี้กันกี่ครั้งแล้ว” ผมเอ่ยแทรกอะไรก็ตามที่จะหลุดออกมาจากปากของน้องอีก “พี่บอกแล้วไงว่าไม่มีใครผิด ถ้าจะหาคนผิดก็คงเป็นโชคชะตา หรือพระเจ้า จะอะไรก็ช่าง แต่ไม่ใช่พ่อ แม่ เธอ หรือโจที่ผิด”

“...” เจสซี่เงียบไป และผมรู้เลยว่าเธอหาคำพูดมาเถียงไม่ออก สุดท้ายเธอก็เป็นฝ่ายยอมแพ้เหมือนทุกครั้งแล้วเปลี่ยนเรื่อง “จะว่าไปโจนี่ไก่อ่อนชะมัด โตจนอายุสิบแปดแล้วยังร้องไห้อีก”

“อย่าว่าน้องแบบนั้นเจส อีกอย่างเธอเองก็อายุยี่สิบเอ็ดแล้ว แต่ยังร้องไห้เป็นเด็กๆ เหมือนกันนั่นล่ะ”

“แต่ฉันเป็นผู้หญิงนะ”

“จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ร้องไห้ได้เหมือนกันล่ะน่า”

เจสซี่ยักไหล่ “พี่ไปนั่งเล่นเถอะ ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการต่อเอง”

“โอเค ฝากด้วยนะ”

ผมเช็ดมือเปียกๆ เข้ากับผ้าเช็ดมือจนแห้ง ตั้งใจจะไปดูหนังที่ห้องนั่งเล่น แต่ฝีเท้าของผมเป็นอันต้องชะงักเมื่อพบว่าคริสเตียนยืนอยู่หน้าประตูครัว ใจผมเต้นแรงขึ้นมาทันที...เขาได้ยินที่ผมกับเจสคุยกันหรือเปล่า

“นายมายืนตรงนี้นานหรือยัง”

คุณโซลเมตไหวไหล่ “ก็สักพัก”

“แล้วได้ยิน...”

“เรื่องที่นายคุยกับเจสซี่น่ะเหรอ?” เขาเลิกคิ้ว “อยากได้คำตอบจริงๆ หรือโกหกล่ะ”

“ไม่ตลกเลยคริสเตียน” ผมก็ต้องอยากได้ความจริงสิ แต่ถ้าเขาถามแบบนี้มันหมายความว่าเขาได้ยินไม่ใช่รึไง

หัวใจผมเต้นเร็วแรงขึ้นกว่าเดิม เรื่องครอบครัวของผมมีน้อยคนที่จะรู้ แต่เขา...เขาได้ยินไปแล้ว

“อ่าฮะ ฉันได้ยิน”

“แอบฟังคือพฤติกรรมที่แย่มากนะครับ มิสเตอร์แคมเบลล์”

เขาไหวไหล่อีกครั้ง “โทษที”

ไอ้คนเฮงซวยเอ๊ย ผมไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้โซลเมตนิสัยเสียได้ขนาดนี้ ไม่เชิงว่าผมโกรธเขาหรอกนะ แต่ผมก็แค่...นั่นล่ะ เรื่องของครอบครัว ผมไม่อยากให้คนนอกรู้นักหรอก

ผมพ่นลมหายใจ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้กับสิ่งที่มันเกิดไปแล้วผมก็แค่ต้องยอมรับ กำลังจะเดินผ่านเขาไปหาโจชัวในห้องนั่งเล่น แต่คริสเตียนกลับรั้งผมเอาไว้ด้วยฝ่ามือร้อนผ่าวแข็งแรง

เราสบตากัน...ผมเลิกคิ้วรอเขาพูด

คริสเตียนจ้องเข้ามาในดวงตาของผมนานหลายนาที แต่ให้ความรู้สึกยาวนานมากกว่านั้น ทุกนาทีที่เราสบตากันผมรู้สึกเหมือนเป็นชั่วโมง...แล้วในที่สุดโซลเมตตัวร้ายของผมก็เอ่ยขึ้น

“นายบอกว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็มีสิทธิ์ร้องไห้ได้เหมือนกัน”

“..!” นั่นไง เขาได้ยินทุกอย่างที่ผมคุยกับเจสจริงๆ ด้วย!

“ถ้างั้นนายน่ะ” ผมสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ปลายนิ้วชี้ของเขาแตะลงที่ตรงหางตาของผมโดยไม่บอกกล่าว “อยากจะร้องไห้บ้างหรือเปล่า?”

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ทันทีที่ผมได้ยินเขาพูดแบบนั้น ผมก็รู้สึกเหมือนกำแพงอะไรบางอย่างในตัวได้พังทลายลง ขอบตาร้อนผ่าว แต่ผมก็พยายามอย่างสุดความสามารถไม่ให้น้ำตาได้มีโอกาสบดบังดวงตาของผมจากภาพเบื้องหน้า

คริสเตียนลูบขอบตาด้านล่างของผมเบาๆ อย่างอ่อนโยน และนั่นยิ่งทำให้ผมรั้งทุกความรู้สึกเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว...ผมก้มหน้าลง โซลเมตของผมโอบกอดตัวผมหลวมๆ จนใบหน้าของผมซบอยู่ที่บ่าของเขา

ผมหลับตา ปล่อยให้ความเจ็บปวดที่กักเก็บเอาไว้มานานได้ทะลักทะลายออกมา ห่อไหล่ทิ้งตัวลงพิงร่างกายแข็งแรงของคริสเตียน

ผมไม่รู้ว่าทำไมคริสเตียนทำแบบนี้ และไม่รู้ด้วยเหมือนกันว่าอะไรทำให้ผมยอมปลดปล่อยความอ่อนแอออกมาต่อหน้าเขา อาจจะเป็นพลังโซลเมตงี่เง่านั่น หรืออาจจะเป็นเพราะความอบอุ่นของเขาก็ได้ ทั้งที่เราเพิ่งได้เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง ได้รู้จักกันไม่นานด้วยซ้ำ...ถึงอย่างนั้นผมกลับรู้สึกปลอดภัยในอ้อมกอดของเขา

กระนั้นสิ่งหนึ่งที่ผมไม่มีทางลืม คือการบอกตัวเองว่าอย่าได้หลงใหลไปกับความอ่อนโยนนี้เด็ดขาด

อย่าตกหลุมรักเขา


__________
อย่าตกหลุมรักเขาเนอะ ห้ามอะไรห้ามได้ แต่ห้ามไม่ให้รักน่ะมันยากนะเจย์เดน ว่าแต่มิสเตอร์คริสเตียนไปกอดเขาน่ะ กำลังคิดอะไรอยู่ หื้มมม เป็นแค่โซลเมตหื่นกามของเจย์เดนแท้ๆ แต่ดันมาแอบฟังเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของเขา ขี้เสือกนะเราน่ะ 55555

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 01-08-2018 19:38:41
อ่านแล้วทั้งหิว เศร้า และอบอุ่น  :กอด1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 01-08-2018 19:50:05
เจย์เดนมีกุ้งอบชีสเราก็มีกุ้งอบวุ้นเส้นไง #ปลอบตัวเอง55555
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-08-2018 20:07:29
พี่น้องคนละพ่อคนละแม่เข้ากันได้มันดีที่สุดแล้ว พ่อนี่นิสัยแย่จริงๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-08-2018 20:18:52
แสดงว่าหลงรักคริสเข้าแล้วละซิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 01-08-2018 21:35:57
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-08-2018 21:52:30
ทีมเจย์เดน  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-08-2018 22:49:05
ใกล้แล้วๆ  มันเริ่มต้นจากความสนิทสนมทีละนิดๆ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-08-2018 22:49:48
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-08-2018 02:06:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-08-2018 09:00:22
เป็นเรื่องที่น่าสนใจดีค่ะ เพิ่งเคยอ่านแนวอื่นนอกจากโอเมก้า
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 02-08-2018 10:55:09
เรื่องน่าสนใจมาก ชอบสำนวนแบบตะวันตกด้วย รออ่านนะ เย้ เย้
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 02-08-2018 12:15:35
 :katai2-1:  :hao7: :impress2:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 02-08-2018 15:46:09
โอ้ยๆๆๆๆๆฟ อยากอ่านต่อไวๆแล้ว
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-08-2018 21:15:14
 :L2: :pig4:

คนร้องไห้ไม่ได้อ่อนแอ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Kumamon_Kung ที่ 02-08-2018 23:06:39

คริสเตียนอย่าทำตัวอ่อนโยนแบบนี่ซี่   :sad4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 4 [01-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: VIRIDIAN ที่ 03-08-2018 11:34:45
ดีดมากค่ะ สี่ตอนรวด เรื่องเดินเร็ว ฉับๆๆๆๆ
อย่าไปหลงรักเขา อย่าไปหลงรักเขา แต่ท่าทางคริสคงอยากจะเป็นที่พึ่งให้ใครซกักคน ถึงได้ทำแบบนี้
คริสหลงรักเจย์ก่อนหรือเปล่า เห็นปูมหลังเจย์แล้วก็พอจะเข้าใจนะ เขาเหมือนเป็นโรคกลัวความรักเลย
แบบ กลัวเจ็บเพราะความรักอ่ะค่ะ T_T  น่าฉงฉาาน

เราจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง  คุณแคมเบลล์ช่วยเขาได้ไหมมมมม 
รักกันเยอะๆๆๆๆ กี๊ด รออ่านตอนแซ่บๆๆๆๆๆ นะคะ 5555 เป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 5 [04-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 04-08-2018 01:08:02
Chapter 5

Why do I care about you?

[Christian]


 


นับตั้งแต่ที่เราเจอกัน ผมก็รู้สึกสนใจเขาจนหยุดคิดถึงเขาไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเพราะอะไร

 

“คริส งานที่ฉันฝากให้ไปดูแทนเป็นยังไงบ้าง แกยังไม่ได้รายงานให้ฉันฟังเลยนะ”

ผมเหลือบมองพี่ชายที่เพิ่งกลับมาถึงบริษัท หลังจากออกไปพบลูกค้าตั้งแต่ช่วงสายของวัน แคสเทียลกอดอกยืนจังก้าตรงหน้าผม ดวงตาของเขามองผมเขม็ง ส่งสายตาคาดคั้นเอาคำตอบในสิ่งที่เขาถามจากผม

“เรียบร้อยดี แปลนล่าสุดที่ได้รับทางนั้นแก้ไขให้เป็นไปตามที่ทางเราต้องการแล้ว”

“แน่ใจ?”

“มาก” ผมหวนนึกไปถึงสถาปนิกที่รับผิดชอบโครงการของบริษัทเรา เผลอยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แต่พอจะหุบยิ้มก่อนสายตาของพี่ชายจะมองเห็นมันก็ไม่ทันซะแล้ว

แคสเทียลหรี่ตามองผมมากกว่าเดิม “ไปปิ๊งสาวสถาปนิกมาหรือไงถึงได้ยิ้มแบบนั้น”

“...” ผมไม่ตอบ แค่ไหวไหล่

“ฉันให้แกไปทำงานนะคริส ไม่ใช่ไปจีบสาว”

จีบ...งั้นเหรอ?

อย่างเจย์เดนจะเรียกว่าผมจีบเขาได้ไหมนะ?

“รู้แล้วน่าแคส”

“ให้มันจริงเถอะ แกน่ะทำเป็นเล่นไปซะทุกเรื่อง”

“ไว้ใจกันบ้างได้ไหมเนี่ยพี่ชาย ฉันก็พยายามเป็นคนใหม่เท่าที่จะทำได้แล้วนะ”

คนฟังแค่นหัวเราะ “แต่ก็ยังออกไปล่าเหยื่อสาวๆ แทบทุกคืน”

“มันคือการปลดปล่อยความเครียดของฉัน นายก็น่าจะรู้”

“แต่มันก็มากเกินไปคริส ถ้าวันหนึ่งแกไปเจอพวกยัยตัวแสบ หรืออะไรแบบนั้นขึ้นมา โดนกัดไม่ปล่อยเมื่อไหร่อย่ามาร้องขอให้ฉันช่วยก็แล้วกัน”

ผมส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “อยากให้ฉันเลิกไหมล่ะแคส?”

“ก็น่าสน” พี่ชายเลิกคิ้วมองผมด้วยความสนใจ “เสนอมาสิ ต้องทำยังไงแกถึงจะเลิกท่องราตรีทุกคืน”

“ให้ฉันกลับไปเป็นนักข่าวสิ” ผมแสยะยิ้ม “ฉันอยากกลับไปถือกล้องแทบบ้าแล้ว รู้เอาไว้ซะไอ้พี่ชาย”

แคสเทียลส่ายหน้า เขามองผมด้วยสายตาเห็นใจ ซึ่งเป็นอะไรที่ผมไม่ต้องการเลยสักนิด

“มันเป็นไปไม่ได้คริส แม่ไม่อนุญาตให้แกกลับไปจับกล้องเพื่อถ่ายภาพกลางสมรภูมิรบหรอก” เขาเอ่ยขึ้น น้ำเสียงอ่อนโยนจนน่าขำ “แม่ไม่อยากเห็นแกต้องตายเพราะอาชีพเสี่ยงอันตรายนั่น แกเองก็รู้ดีไม่ใช่หรือไง”

“ฉันก็ยอมย้ายไปทำสายงานอื่นแล้วไง แต่...”

“ยังไงแม่ก็ไม่ยอม และแกก็ทำอะไรไม่ได้ด้วย” แคสเทียลเอ่ยแทรกก่อนที่ผมจะได้พูดจนจบ

ผมแค่นเสียงขึ้นจมูก ลุกขึ้นยืนเพื่อจะได้ก้าวออกไปให้พ้นจากบริษัทของตระกูลแคมเบลล์นี่...บริษัทที่ผมไม่เคยคิดที่จะอยากทำงานด้วยเลยสักนิด แต่หลายสิ่งบีบคั้นผมให้ต้องจำยอมอยู่ใต้อำนาจของแม่กับเขา

“นั่นแกจะไปไหน?”

“ไปหาสาวมาเอาแก้เครียด” ผมตอบส่งๆ ได้ยินเสียงพี่ชายจอมจุ้นตะโกนตามหลังมา

“หยุดมั่วผู้หญิงได้แล้วคริส!”

ซึ่งผมก็ตะโกนตอบกลับไปเช่นกันว่า “งั้นเปลี่ยนเป็นมั่วหนุ่มๆ แทนแล้วกัน นายก็รู้ว่าฉันฟาดได้หมดทุกเพศ”

“คริสเตียน! เวรเอ๊ย แกนี่มัน...”

ผมไม่ทันได้อยู่ฟังคำสบถด่าทอต่อว่าของไอ้พี่ชายจอมน่ารำคาญนั่นจนจบ พ้นออกมาจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลได้ผมก็เลือกที่จะเดินเท้าไปเรื่อยๆ ส่วนรถก็จอดมันทิ้งไว้ที่บริษัทนั่นล่ะ เผื่อแคสเทียลคิดจะส่งคนออกมาตามหาผม เขาจะได้หาไม่เจอ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเขาแอบติดจีพีเอสไว้บนรถผม ไอ้พี่เฮงซวย ผมอายุสามสิบสี่แล้วนะ ไม่ใช่เด็กอายุสิบหกที่ต้องมีผู้ปกครองมาคอยเข้มงวดกวดขันตลอดเวลา

แรงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดึงสติผมให้กลับมาอยู่กับทางเท้าตรงหน้า ผมดึงเอาเครื่องมือสื่อสารออกมากดรับสายโดยไม่ทันได้มองชื่อ

“ครับ”

“คืนนี้มาไหมเพื่อน” ปลายสายคือเพื่อนสมัยเรียนของผม ตอนนี้มันผันตัวเองจากนักข่าวสายสังคมมาเป็นเจ้าของคลับได้หลายปีแล้ว...ก็คลับที่ผมไปประจำนั่นล่ะ พูดถึงคลับแล้วก็คิดถึงหมอนั่นแฮะ

“ไป” ผมตอบ “แต่ครั้งนี้ไม่เอาสาวร่วมโต๊ะนะ”

น้ำเสียงของริชาร์ดฟังดูแปลกใจดังมาตามสาย “แกเนี่ยนะไม่เอาหญิง อ้อ หรือจะเปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มแทน?”

“ไม่เอาใครทั้งนั้น วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์” ผมตัดบท “แค่นี้นะ ไว้เจอกัน”

ผมวางสาย เพิ่งจะรู้ตัวว่าเดินมาจนถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แสงสว่างลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ และผมคิดว่าอีกไม่กี่นาทีความมืดจะมาเยือนในไม่ช้า...พอสมองว่างเปล่า ผมก็พลันนึกถึงเจย์เดนอีกครั้ง

มันเป็นความรู้สึกประหลาด ตอนที่เจอกันครั้งแรกผมไม่ได้ใส่ใจเขามากนัก (แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมโคตรหงุดหงิดเลยให้ตาย เขาเดินไม่ดูทางจนมาชนผม เล่นเอาอารมณ์ขยี้แม่สาวชุดแดงนั่นเกือบหายวับไปกับตา) ต่อมาครั้งที่สองตอนผมโดนหมาหมู่รุมซ้อม ผมไม่ได้อ่อนแอจนปกป้องตัวเองไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับด้วยเหมือนกันว่าผมเกือบจะเพลี่ยงพล้ำไปแล้วหากไม่ได้เขาเข้ามาช่วยเอาไว้ แถมยังให้ยืมเสื้อผ้าและทำแผลให้ผมอีกต่างหาก

จนกระทั่งครั้งที่สามที่ผมโดนขัดจังหวะโดยความตั้งใจจากเขา ถึงอย่างนั้นผมกลับไม่มีแม้แต่ความโกรธเคือง จะมีก็แต่ความอึดอัด...ก็น้องชายใต้กางเกงของผมยังไม่ได้รับการปลดปล่อยเลยนี่หว่า สารภาพตามตรงเลยก็ได้ว่ากว่าผมจะสะกดมันให้สงบลงได้ ก็เป็นตอนที่นั่งดื่มเบียร์กับเจย์เดนจนเกือบจะหมดขวดนั่นล่ะ

สามครั้งนั้นผมมองว่าเจย์เดนคือเพื่อนใหม่ไปแล้ว เขาดูไม่มีอะไรโดดเด่นน่าสนใจ แต่แววตาที่เขามองผม สีหน้าที่เขาแสดงออกมาตอนอยู่กับผม มันทำให้ผมรู้สึกว่าเขามีอะไรบางอย่างในตัวที่น่าค้นหา แต่เฮ้ ผมไม่ได้หมายความว่าผมชอบเขา...หรืออะไรแบบนั้นหรอกนะ แต่ถ้าจะให้ผมอธิบายความรู้สึกที่มีต่อเขาออกมาเป็นคำพูด ผมคิดว่าผมอธิบายมันออกมาไม่ได้ มันพูดไม่ถูกน่ะ

ถ้าคิดว่าแค่นั้นทำให้ผมสนใจเขามากพอแล้ว แต่ความจริงไม่ใช่เลย การเจอกันครั้งที่สี่เป็นอะไรที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน เพิ่งจะรู้เอาตอนนั้นว่าเขาเป็นหนึ่งในทีมสถาปนิกที่ออกแบบคอนโดฯ โครงการใหม่ให้กับบริษัทของผม...หรือจะพูดให้ถูกก็คือบริษัทของแม่ผม

และครั้งนั้นผมก็เพิ่งมาฉุกใจคิดได้ตอนกลับมาถึงบ้านแล้ว ว่าการทักเรื่องรอยสักของเขา (ซึ่งภายหลังเขาบอกว่าไม่ใช่) แล้วเจย์เดนมีท่าทีตื่นตระหนกขนาดนั้นมันเป็นเพราะอะไร...ผมคิดว่านั้นไม่ใช่ลายเพ้นท์ แต่เป็นชื่อโซลเมตของเขาต่างหาก

ความคิดนั้นทำให้ใจผมหล่นวูบ ซึ่งผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

จนผมบังเอิญ...แบบว่าไปรู้เรื่องส่วนตัวของเขาเข้า (อย่าเรียกว่าแอบฟัง เพราะผมแค่ขึ้นไปเรียกเขาลงมากินข้าวแล้วบังเอิญได้ยินเข้าพอดี กับอีกครั้งนั่นก็บังเอิญด้วยเหมือนกัน เพราะผมตั้งใจจะเข้าไปขอน้ำดื่มสักแก้วจากเขา แต่ดันไปได้ยินอะไรที่ไม่สมควรจะได้ยินเข้า เรื่องส่วนตัวของครอบครัวเขาน่ะมันดูจะเฮงซวยสิ้นดีเลย)

อะไรสักอย่างดลใจให้ผมปลอบโยนเขา ความเข็มแข็งของเจย์เดนที่แสดงออกมาให้น้องๆ เห็น ผมรู้ดีเลยล่ะว่ามันคือความเข็มแข็งจอมปลอม ผมอาจจะไม่ได้รู้เรื่องครอบครัวของเขาทั้งหมด แต่แค่สิ่งที่ได้ยินนั่นก็มากพอแล้วที่จะบอกผมว่าเขาฝืนตัวเองมากแค่ไหน

เขาไม่มีทางได้รู้ว่าการที่ผมได้กอดปลอบเขา ซึ่งยอมปลดปล่อยความอ่อนแอออกมาให้ผมเห็น มันช่วยให้ผมรู้สึกว่าตัวตนของตัวเองมีความหมาย อย่างน้อยผมก็มีประโยชน์มากพอที่จะทำให้ใครสักคนรู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยผมก็ไม่ใช่ไอ้คนอ่อนแอที่แม่ไม่เคยไว้ใจให้ผมใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางที่ผมเลือกเอง

ผมไม่รู้ว่าหลังจากวันนั้นเจย์เดนจะคิดกับผมว่ายังไง แต่สำหรับผม...เขาช่วยฮีลผมมากเลยทีเดียว

 

การไปคลับไม่เคยน่าเบื่อสำหรับผม เพราะผมยอมอยู่ที่นี่ทั้งวันทั้งคืนดีกว่าต้องกลับไปเจอหน้าแม่กับเขา บางทีเจอหน้าแคสเทียลแล้วปล่อยให้ไอ้พี่บ้านั่นบ่นผมจนคอแห้งตายผมยังมีความสุขกว่าเลย...จะกลับอพาร์ตเมนต์ก็ได้ แต่ผมก็รำคาญคนของแม่ที่ส่งมาคอยสอดส่องผมจนไม่อยากจะกลับไปทำตัวเหมือนอยู่ในกรงขัง แม้ไอ้ชุดดำใส่แว่นดำสองสามตัวนั้นจะไม่ได้ก้าวก่ายผมก็ตาม

ชีวิตคนเราบางทีก็บัดซบจนเกินไปเพราะคนใกล้ตัว

“ฉันแปลกใจจริงๆ นะที่วันนี้แกปฏิเสธสาวสวยไปแล้วถึงสามคน โดยเฉพาะแม่โคนมชุดดำรัดรูปอย่างกับนางแมวยั่วสวาทคนล่าสุด” ริชาร์ดเอ่ยขึ้น

ดีแลนพยักหน้าเห็นด้วย “คนนั้นน่ากินเป็นบ้า ฉันล่ะเสียดายแทน”

“ถ้าแกอยากได้เธอก็ไปขอเธอเองสิ” ผมโคลงแก้วเหล้าในมืออย่างเซ็งๆ พวกมันพูดเรื่องนี้ในทุกๆ ห้านาทีเห็นจะได้ บางทีเสนอเด็กหนุ่มมาให้ผมก็มี แต่ผมบอกแล้วไงว่าวันนี้ไม่สนใจ ไม่มีอารมณ์เว้ย

“แกเป็นอะไรวะ วันนี้ดูอารมณ์ไม่ดี”

“เรื่องเดิมๆ ล่ะสิ แม่กับพ่อเลี้ยง...”

“มันไม่ใช่พ่อเลี้ยงของฉัน” ผมขัด ดีแลนยกสองมือขึ้นเสมอไหล่เป็นการยอมแพ้

“โอเคเพื่อน โทษที ฉันหลุดปากไปหน่อย”

“ปากงี้น่าเอาจุกนมยัดปาก จะได้ไม่พล่ามอะไรโง่ๆ ออกมา” ริชาร์ดพูดกลั้วหัวเราะ และดีแลนก็รับมุกด้วยการมองหาสาวชุดดำอีกครั้งเพื่อขอจุกนมของเธอมายัดปาก

ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับความระยำของเพื่อน ไอ้พวกเวรเอ๊ย

แต่ในขณะที่กำลังเอือมระอาความบ้าบอคอแตกของเพื่อน จู่ๆ ผมก็ได้เห็นอะไรบางอย่างเข้าโดยบังเอิญในตอนที่กวาดสายตามองไปเรื่อยเปื่อย

นั่นมันเจย์เดนนี่

สถาปนิกหนุ่มกำลังนั่งจิบเหล้าอยู่คนเดียวตรงเคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งนั่นทำให้ผมค่อนข้างแปลกใจ ไหนเขาบอกว่าชอบเบียร์ หรือวันนี้อยากดื่มอะไรแรงๆ กันล่ะ?

ผมกำลังช่างใจว่าจะลุกไปหาเขาดีหรือไม่ ไม่รู้สิ การหาประโยคสักประโยคไปทักทายเขาดูยากอย่างไรชอบกล แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากจะคุยกับเขาอยู่ดี

แต่แล้วช่วงจังหวะที่ผมมัวแต่ลังเลก็ดันมีคนตัดหน้าผมซะแล้ว

มีเด็กหนุ่มวัยรุ่น (ที่ผมไม่แน่ใจว่าบรรลุนิติภาวะพอจะเข้าคลับได้หรือยัง) เข้าไปนั่งคุยกับเขา เจย์เดนเองก็ดูเป็นมิตรเพราะหันไปคุยโต้ตอบกับไอ้เด็กหัวทองนั่นอยู่นานสองนาน แล้วจู่ๆ ทั้งสองก็พากันลุกเดินหายไปทางห้องน้ำด้วยกัน ซึ่งถ้าให้ความคิดด้านชั่วๆ ของผมเป็นฝ่ายประมวลผลล่ะก็ ผมจะคิดว่าสองคนนั้นไปนัวเนียกันในห้องน้ำ และทางเดียวที่จะรู้ได้ว่ามันเป็นความคิดที่ถูกต้องหรือไม่ ก็คือการตามไปดูให้เห็นกับตาไงล่ะ

“เดี๋ยวฉันมา” ผมบอกเพื่อนก่อนจะลุกเดินออกมาเลย

 

เรื่องตลกหลังจากนั้นมันควรจะน่าขำ แต่ผมกลับขำไม่ออก

ผมพบว่าตัวเองคิดถูกที่ตามมา เพราะนอกจากจะเจอเจย์เดนกับไอ้เด็กหัวทองนั่นแล้ว ยังได้เห็นฉากเด็ดเสียยิ่งกว่าดูหนังโป๊ซะอีก...เอาล่ะ ผมเข้าใจความรู้สึกตอนเจย์เดนเห็นผมเอากับผู้หญิงขึ้นมาแล้ว เพราะสิ่งที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงมาก

เด็กหัวเหลือง (เรียกตามความไม่ชอบใจ ซึ่ง...ผมไม่ชอบใจเรื่องอะไรอันนี้ค่อยหาคำตอบทีหลังแล้วกัน) เอนพิงกำแพงโดยมีร่างสูงๆ ของเจย์เดนทาบทับ แผ่นอกของทั้งสองบดเบียดกัน แต่ไอ้ที่เบียดกันยิ่งกว่าก็คือริมฝีปากกับเป้ากางเกง

โอเค ใครกันนะที่เห็นผมนัวเนียกับสาวหน้าห้องน้ำแล้วถามว่าผมเอาจริงเหรอน่ะ?

อ๋อ ใครคนนั้นก็คือคนที่กำลังจูบอย่างดูดดื่มกระชากวิญญาณกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งรู้จักอยู่ตอนนี้ไง

“เฮ้ เพื่อน ตรงนี้เลยเหรอ?”

ผมส่งเสียงออกไปขัดจังหวะพวกเขาทั้งสอง ด้วยประโยคคล้ายคลึงกันกับที่อีกฝ่ายเคยร้องทักผมเมื่อไม่นานมานี้ และดูเหมือนเจย์เดนจะจำเสียงผมได้ เพราะเขาชะงักงัน ใช้เวลาหลายวินาทีอยู่เหมือนกันกว่าอีกฝ่ายจะหันมามองผม

ทันทีที่ผมเห็นใบหน้าของเขา ใจของผมก็หล่นวูบ

“เจย์เดน นายไปโดนอะไรมา?”

เขาไม่ตอบ ถอยห่างจากเด็กหัวทอง “โทษที ฉันเจอเพื่อนน่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ งั้นไว้คราวหน้าก็ได้” ไอ้หนุ่มน้อยส่งยิ้มหวานให้กับเจย์เดนก่อนจะหันมายิ้มให้ผมบ้างแล้วเดินจากไป นั่นทำให้ผมมีโอกาสได้ขยับเข้าไปหาเจย์เดนมากขึ้น

มือของผมไปไวกว่าสมอง มันยื่นออกไปแตะที่โหนกแก้มของอีกฝ่าย “ไปฟัดกับใครมาวะพวก”

เจย์เดนดูเหมือนไม่อยากตอบ ซึ่งผมก็ไม่คิดจะบังคับ ตั้งใจจะบอกเขาว่าไม่ต้องตอบผมก็ได้ ไปทำแผลกับผมก็พอ แต่เขาก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนที่ปากของผมจะทันได้อ้าออก

“โดนพ่อซัดหน้ามาน่ะ”

“พ่อ?” อ่า พ่อที่ว่าก็คงจะเป็นพ่อของโจชัว...พ่อของเขาด้วยเหมือนกัน

เจย์เดนพยักหน้า เขาแค่นยิ้มราวกับจะเย้ยหยันอะไรสักอย่าง บางทีอาจจะเป็นตัวเขาเอง “ฉันไปส่งโจที่บ้านเพราะคิดว่าเขาคงไม่อยู่ โจบอกว่าวันอาทิตย์แบบนี้พ่อมักจะออกไปบาร์กับเพื่อนเก่า”

“...”

“แต่โชคร้ายเขาดันไม่ได้ไป และฉันก็ได้เจอกับเขา...ในรอบแปดปีเห็นจะได้” เจย์เดนหัวเราะเยาะหยันในลำคอ “เขาไม่ชอบให้โจชัวมายุ่งกับฉัน เขาบอกว่าฉันคือตัวซวยสำหรับเขา ไอ้บัดซบ ใครกันแน่วะที่เป็นตัวซวย ถ้าเขาไม่เอากับแม่ฉัน ฉันก็คงไม่ต้องเกิดมามีพ่อสารเลวแบบนั้น!”

ผมคิดว่าเขาคงเมาจนรั้งสตินึกคิดเอาไว้ไม่อยู่อีกแล้ว เพราะถ้าเป็นเจย์เดนในเวลาปกติ เขาคงไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้แน่ ขนาดโจชัวด่าพ่อว่าเป็นไอ้เฮงซวยเขายังห้ามไม่ให้น้องด่าเลยนี่หว่า

“เฮ้ แล้วนายก็โดนเขาต่อยมาเหรอ”

“อืม หลายหมัดอยู่เหมือนกัน และคิดว่าจะโดนหนักกว่านี้ถ้าไม่ใช่เพราะโจลากเขากลับเข้าบ้านไปซะก่อน”

“...” ผมมองตามเขา เจย์เดนก้าวถอยไปจนแผ่นหลังชิดกับกำแพง

“น้องมองฉันด้วยสายตาแบบไหนนายรู้มั้ย?” เขาเหม่อลอย “เขามองฉันด้วยสายตารู้สึกผิด ราวกับมีคำว่าขอโทษนับล้านคำลอยออกมาจากดวงตาของเขา และนั่นทำให้ฉันเจ็บปวดบัดซบ โจไม่ควรจะต้องมาเสียใจกับการกระทำของพ่อ คนที่เสียใจควรเป็นพ่อ ไม่ใช่เขา”

“ไม่ใช่นายเหมือนกัน” ผมเอ่ยขึ้น มองสบตาของเขาที่จ้องตรงมา “นายเองก็ไม่ควรต้องเจ็บปวด”

“แต่...” ผมสูดหายใจเข้าลึก “แต่มันยากเหลือเกินคริสเตียน ฉันทนมาได้เป็นสิบกว่าปีและฉันคิดว่าอาจจะทนได้ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งนั่นเป็นการโกหกตัวเองอย่างที่สุด เพราะฉันเริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว บางทีอาจจะทนไม่ไหวมานานแล้วด้วยซ้ำ”

ผมก้าวเข้าไปหาเขา สวมกอดเขาเหมือนกับครั้งล่าสุดที่เรากอดกัน...เจย์เดนยืนนิ่งอยู่นาน แต่สุดท้ายเขาก็กอดผมกลับ ซบหน้าลงกับบ่าของผมเหมือนเมื่อวันนั้นไม่มีผิด แต่ครั้งนี้ไม่มีน้ำตาสักหยด เขาแค่กอดผมเอาไว้เฉยๆ เท่านั้น

ซึ่ง...อย่าได้ถามผมว่าทำไมถึงทำแบบนี้ เพราะผมเองก็หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เช่นกัน

ไม่รู้ว่าเรากอดกันอยู่นานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีผมก็ผละถอยห่างจากเขาแล้ว...เราสบตากันในระยะประชิด และก่อนที่จะได้ทันคิดไตร่ตรองให้ดี ผมก็พบว่าริมฝีปากของเราสองคนแนบเข้าหากันแล้ว

ผมบดเบียดปากของผมกับปากของเขา รสชาติแอลกอฮอล์ขมฝาดยังติดอยู่ที่ปลายลิ้นของเราสองคน ผมปล่อยให้เจย์เดนไล่ต้อนผม ปล่อยให้เขาได้เป็นฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาในปากของผม เราจูบกันโดยลืมไปสิ้นว่าตอนนี้กำลังยืนอยู่ที่ไหน หรือจะมีใครเดินผ่านมาเห็นหรือไม่

ผมดันเจย์เดนจนแผ่นหลังอีกฝ่ายแนบไปกับผนัง คร่อมทับเขาเอาไว้ มือข้างหนึ่งลูบต้นคอของเขา ส่วนมืออีกข้างเลื่อนลงลูบไล้ช่วงเอวผ่านเนื้อผ้าบางๆ ของเสื้อเชิ้ตสีเข้ม

เจย์เดนเองก็มือไม่อยู่นิ่งเหมือนกัน...เขาลูบต้นคอของผม สอดปลายนิ้วทั้งห้าเข้าไปในเส้นผม ขยำและดึงเบาๆ ในระหว่างที่เราแลกเอนไซม์กันอย่างดูดดื่มลืมตาย และอะไรๆ คงจะเกินเลยไปมากกว่านี้แล้วด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะเขาได้สติแล้วเป็นฝ่ายผลักผมออกก่อน

เป็นแรงผลักแผ่วเบา แต่ก็มากพอที่จะทำให้ผมก้าวถอยออกมาจากตัวเขา สติของผมถูกเรียกกลับมาในตอนนั้น ได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ ว่าทำบ้าอะไรลงไปวะเนี่ย อะไรดลใจให้ผมจูบเจย์เดนกันวะ!?

“ฉันคิดว่าต้องกลับบ้านแล้วล่ะ” ผมคิดว่าควรจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เจย์เดนกลับพูดแทนผมซะก่อน “พรุ่งนี้ฉัน เอ่อ มีงานต้องทำแต่เช้า”

ผมพยายามห้ามตัวเองไม่ให้เม้มปากเพราะความประหม่า “ไว้เจอกัน”

“ไว้เจอกัน” เจย์เดนสบตาผมในเสี้ยววินาทีก่อนจะหลบตาแล้วพยักหน้ารับ

เขาไปแล้ว แต่ชั่ววินาทีหนึ่งผมคิดว่าผมเห็นอะไรบางอย่างตรงอกเสื้อด้านซ้ายของเขา มันโผล่ออกมาให้เห็นแค่สองสามตัวแรกเพราะเจย์เดนไม่ได้ติดกระดุมสองเม็ดบนอีกแล้ว และสิ่งที่ผมเห็นก็คือตัวอักษรสีเข้มๆ ที่ผมเคยเดาเอาไว้ว่ามันคือชื่อโซลเมตของเขา

Chr-


__________
เป็นตอนที่ร้อนฉ่า เพราะเพิ่งปั่นเสร็จและเอามาอัพเลยแบบยังไม่ได้ตรวจทานค่ะ 555 มีคำผิดหรือสำนวนแปลกๆ ต้องขออภัย แต่ตอนนี้เราไม่ไหวแล้วจริงๆ ง่วงมาก ส่วนมุมมองตอนนี้เล่าผ่านพระเอก คิดว่าคุณคริสเตียนพอจะดูเป็นคนดีขึ้นบ้างไหมคะ 55555 มีคนคิดว่าเขาร้าย โธ่ เขาออกจะอ่อนโยน ร้ายเฉพาะบนเตียงค่ะ //ผ่าง!

แล้วก็...พระเอกของเราเห็นชื่อโซลเมตวับๆ แวบๆ สามสามตัวอักษรบนแผ่นอกเจย์เดนแล้ววว จะเป็นยังไงต่อไปกันละเนี่ย ตอนหน้าเนื่อเรื่องจะเริ่มเข้มข้นขึ้น...คิดว่านะคะ ฮ่าาา วันอาทิตย์เจอกันค่ะ จุ๊บๆ

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 5 [04-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 04-08-2018 01:32:39
หึๆๆๆๆ จูบกันแล้วจ้าาา

คริสเตียนจะอยากรู้ชื่อโซลเมทของเจย์เดนมั้ยน้า
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 5 [04-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-08-2018 03:13:06
เห็นแค่ 3 ตัวแรก จะคิดเข้าข้างตัวเองป่ะเนี่ย  o18
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 5 [04-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 04-08-2018 06:40:40
ก่อนจะไปรู้ชื่อโซลเมตของคนอื่น พี่คริสควรรู้ของตัวเองก่อนนะคะ555555
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 5 [04-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-08-2018 08:13:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 5 [04-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-08-2018 08:52:22
ได้อ่านมุมของพระเอกสักที โอ้โห พลังโซลเมทนี่ร้อนแรงดั่งไฟเผาจริงๆค่ะ
พี่คริสคะ แนะนำให้เดินตามกลับบ้านเลยนะ เห็นแค่สองตัวนอนไม่หลับแน่นอน ต้องตามไปอ่านวาาคริสรึเปล่า คริสอะไรต่อ
จากนั้นก็จะได้หากระจกส่องหลังด้วย
น้องเจย์เดนไม่ควรนอนคนเดียวนะคะพี่ก็รู้ 5555 
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 5 [04-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-08-2018 08:58:01
เดาว่าถึงจะเห็นแล้ว 3 ตัวแต่คริสคงไม่คิดว่าเป็นชื่อตัวเองแน่ๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 5 [04-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-08-2018 13:09:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 5 [04-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-08-2018 17:32:20
ชอบ..บบบบบบบบบบบ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 5 [04-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-08-2018 20:07:57
แรงดึงดูดดดดดดด

สงสารเจเดน


 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 5 [04-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 04-08-2018 22:15:45
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 5 [04-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-08-2018 23:59:04
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 5 [04-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 05-08-2018 01:02:57
ก่อนจะไปรู้ชื่อโซลเมตของคนอื่น พี่คริสควรรู้ของตัวเองก่อนนะคะ555555

จริงที่สุดจ้า พี่ควรเห็นชื่อโซลเมตตัวเองได้แล้ววว
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 5 [04-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 05-08-2018 10:55:43
ความสัมพันธ์คืบหน้าอีกแล้ว
เราว่าคริสเตียนชอบเจย์เดนก่อนจะรู้เรื่องโซลเมทเนี่ยดีแล้ว
มันน่าจะทำให้เจย์เดนเชื่อมั่นได้มากขึ้น(จากกรณีพ่อแม่ของตัวเอง)

พระเอกหูไวตาไวสมกับเป็นอดีตนักข่าวนะคะ สามตัวก็ยังอุตส่าห์เห็น
(ขอให้ชื่อมันวิบวับแบบตอนทำแผลให้กันทีเถอะ)
แต่จะร้ายแบบไหนเมื่อไหร่ยังไง อันนี้มันต้องพิสูจน์เท่านั้น
เราจะยังไม่เชื่อคนเขียนจนกว่าจะได้อ่านกับตาตัวเอง >///<

 กันแล้วชื่อเข้มหรือกะพร้บ(ตอนเจย์เดน)เห็นชื่อตัวเองบนหลังคอคริสครั้งแรก)
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 5 [04-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Kumamon_Kung ที่ 05-08-2018 21:19:34

เกือบแล้วคริสเตียน เกือบเห็นชื่อแล้วววววว
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 06-08-2018 00:47:33
Chapter 6

When I lied to you


 

จากการปกปิดความลับธรรมดาๆ กลายเป็นการโกหกครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต

 

ภาพวันนั้นยังฝังอยู่ในหัวของผม เหมือนกับสัมผัสร้อนผ่าวจากริมฝีปากของเขาที่ผมยังคงรู้สึกถึงมันได้บนปากของผม...ยากจะลืมเลือน ยากจะลบให้หายไปจากความทรงจำ

ผมไม่คิดว่าเราจะจูบกัน ไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะมีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น ผมไม่ได้ชอบเขา

โอเค ยอมรับก็ได้ว่ามีบ้างที่รู้สึกแปลกๆ กับเขา แต่ผมยกให้มันเป็นความผิดของโชคชะตาที่คิดจะเสนอหน้าจับคู่ให้กับคนบนโลกใบนี้โดยไม่ถามความสมัครใจกันก่อน

สองครั้งที่คริสเตียนอยู่กับผมในเวลาที่ความอ่อนแอกัดกินหัวใจจนแทบพังยับเยิน อ้อมกอดหลวมๆ ของเขาในครั้งแรกและบ่าแข็งแรงที่ให้ผมซบ...ผมยังรู้สึกถึงมันได้ ไม่ต่างจากจูบครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นได้อย่างไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนั้นผมกำลังเสียใจ และเผลอตอบรับปลายลิ้นที่ปัดป่ายเชิญชวนจนต้องเข้าหา

หัวใจของผมเต้นแรงจนแทบคลั่งตายหลังจากที่เราแยกห่างออกจากกัน และผมรู้เลยว่าตอนนั้นผมไม่อาจจะมองหน้าเขาได้นานเกินสามนาทีแน่นอน ดังนั้นผมถึงได้รีบขอตัวกลับบ้านเพื่อหนีออกมาให้ไกลจากเขา อย่างน้อยก็ให้มันไกลมากพอที่ผมจะควบคุมลมหายใจหอบสะท้านและความสับสนของตัวเองได้

อะไรทำให้ผมยอมปล่อยตัวเองให้จูบกับเขา จนถึงวันนี้ซึ่งผ่านมาสี่วันแล้วแต่ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ หรือบางทีผมอาจจะรู้เหตุผลของมันอยู่แล้ว แต่ผมก็แค่...ยังไม่อยากจะยอมรับมัน

“เจย์เดน เฮ้!”

ผมกะพริบตา เงยหน้าขึ้นมองคนเรียก “ว่าไง”

“แกเป็นอะไรวะ ทำตัวแปลกๆ มาหลายวันแล้วนะเพื่อน” แมตต์หรี่ตามองผม และให้ตายเถอะ ผมไม่เคยจะปิดบังอะไรกับเพื่อนคนนี้ได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเลือกที่จะปฏิเสธ

“ไม่มีอะไร”

“เชื่อแกฉันคงเป็นหมันตลอดชีวิต”

ผมหัวเราะ “ถ้าแกเป็นหมันฉันจะยุให้คริสติน่าไปหาแฟนใหม่”

“อยากโดนต่อยปากไหมไอ้กร๊วก” แมตต์ชี้หน้าผม ท่าทางหาเรื่องเต็มที่ แต่ผมรู้ว่าเขาก็แค่แอ็คติ้งเท่านั้น

“พูดถึงคริสติน่าแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฉันยังไม่ได้โทรหาเธอเลย ไว้คุยกับเธอเสร็จเมื่อไหร่” แมตต์ชี้หน้าผม “แกจะเป็นรายต่อไปที่ฉันจำเป็นต้องจับมานั่งคุยกันให้รู้เรื่อง”

ผมส่ายหน้าเบาๆ ยิ้มขำให้กับสีหน้าคาดคั้นของเขา แต่ก็นะ...ผมรู้ว่าเขาทำไปเพราะเป็นห่วงผม ดังนั้นผมจะไม่โกรธหรอก

ระหว่างที่กำลังตรวจงานทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อนส่งลูกค้า ซึ่งก็คือบริษัทของคริสเตียนนั่นล่ะ วิลที่หายไปคุยกับบอสนานสองนานก็กลับมา

“ข่าวดีพวก”

“อะไร?” แดเนียลที่กำลังคีย์ข้อมูลอะไรสักอย่างอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หันมาเอ่ยถาม

วิลยิ้มกว้าง “ลูกค้าของเราจะเข้ามาเซ็นสัญญาภายในวันนี้”

“บริษัทแคมเบลล์น่ะเหรอ?”

“ช่ายยย ครั้งนี้เห็นบอสบอกว่ารองซีอีโอจะมาเองเลยนะเว้ย”

“อ้าว แล้วมิสเตอร์คริสเตียนที่มาคราวก่อนล่ะวะ?”

“ฉันก็ไม่รู้ว่ะว่าเขาตำแหน่งอะไร มันไม่ใช่เรื่องของเรานี่หว่า แกจะสนใจทำไมวะ”

แดเนียลพยักหน้า “สงสัยไม่ได้รึไง”

“แต่ครั้งนี้มิสเตอร์คริสเตียนก็น่าจะมาด้วย บอสว่าอย่างนั้น”

ผมใจเต้นแรงอีกแล้ว ก็แค่คริสเตียนจะมาที่นี่ ทำไมผมต้องตื่นเต้นด้วย...หรือบางทีมันอาจจะเป็นเพราะผมยังไม่พร้อมที่จะเจอเขาตอนนี้ล่ะมั้ง ควรจะทำหน้ายังไงเมื่อเจอเขา คิดไม่ออกเลยจริงๆ

 

ในระหว่างพักกลางวันผมก็พบว่าการโดนแมตต์เค้นคอช่วยให้ผมสบายใจขึ้น

เรายืนพิงระเบียงซึ่งจัดให้เป็นโซนสูบบุหรี่ แมตต์พ่นควันไปด้วยในระหว่างที่ฟังผมเล่า ส่วนผมไม่สูบเพราะเลิกสูบมานานหลายปีแล้ว เคยคิดว่าการสูดสารก่อมะเร็งช่วยให้ผ่อนคลายได้มาก แต่ก็พบว่ามันน่ากลัวพอกันถ้าต้องเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ผมก็เลยเลิกสูบไปอย่างเด็ดขาด

“แกจูบกับเขาไปแล้ว?” แมตต์ถามเสียงสูง เขาถือมวนบุหรี่ค้างไว้ในท่าเตรียมจ่อปาก สีหน้าของเขาดูตื่นตะลึงไปกับเรื่องที่ผมเพิ่งเล่าจบ

“อือฮึ แกได้ยินแล้วนี่”

“พระเจ้า จริงเหรอวะพวก นั่นมันสุดยอดฉิบหายเลยว่ะ!” แมตต์แทบจะปรบมือให้ผม

“ตรงไหนที่เรียกว่าสุดยอด?” มีแต่ฉิบหายน่ะสิไม่ว่า

“ก็นั่นโซลเมตของแกไม่ใช่รึไง”

“ก็ใช่” ผมถอนใจ “แต่แกอย่าลืมว่าฉันไม่คิดจะเกินเลยกับเขาไปมากกว่าคำว่าคนรู้จัก...หรืออย่างมากก็เพื่อนกัน”

“หนีอะไรหนีได้เจย์เดน แต่แกหนีโชคชะตาไม่ได้หรอก”

“งั้นก็จงรู้เอาไว้ว่าฉันไม่ไว้ใจโชคชะตา ไม่เคยไว้ใจเลยสักครั้ง” ผมย้ำ จ้องตาเขาโดยใส่ความจริงจังทั้งหมดลงในแววตาที่สื่อออกไป

แมตต์เป็นฝ่ายถอนหายใจบ้าง “ฉันรู้ แต่...”

“...” ผมรอให้เขาพูด แต่ดูเหมือนเขาเลือกที่จะยอมแพ้ต่อคำพูดของผมก่อนหน้านี้

“เอาเถอะ พูดอะไรไปแกก็คงยึดมั่นอุดมการณ์หนีโชคชะตาและโซลเมตเหมือนเดิม ทีนี้เรามาคิดกันดีกว่าว่าแกจะทำยังไงตอนเจอหน้าเขา”

“นั่นล่ะที่ฉันยังคิดไม่ตก” ผมยอมรับตามตรง

“ที่จริงมันก็ไม่ยากเลยเพื่อน แกก็แค่ทำตัวปกติ ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวล”

พูดมันก็ง่ายน่ะสิ แต่ทำยากเป็นบ้าเลยให้ตาย…แมตต์คงจะมองเห็นความไม่สบายใจบนหน้าของผม เขาตบไหล่ปลอบโยนก่อนจะบี้บุหรี่ทิ้งกับที่เขี่ย

“เอาน่าพวก อย่าคิดมาก ไปทำงานรอลูกค้ามากันเถอะ”

อ่า คิดดูอีกที หรือผมควรจะปล่อยให้สัญชาตญาณพาไปดีล่ะ?

 

การพบหน้ากันหลังจากจูบร้อนแรงครั้งก่อนสร้างความกระอักกระอ่วนให้เราสองคน...ไม่ใช่แค่ผม พอเห็นคริสเตียนเลิกคิ้วมองผมด้วยท่าทีประหม่าอย่างที่ผมไม่เคยเห็นจากเขามาก่อน ผมก็พบว่าความกังวลของผมลดลงเยอะมาก ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย

หลังจากการแนะนำตัวอีกครั้งเพราะคราวนี้รองประธานบริษัทมาเอง ผมก็พบว่าพี่ชายของคริสเตียนคือมิสเตอร์แคสเทียล แคมเบลล์ รองซีอีโอที่พูดถึงกันอยู่นั่นล่ะ...ส่วนคริสเตียนไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่อะไรในบริษัทนอกไปจากเป็นผู้ช่วยให้กับพี่ชายของเขาเอง ไอ้ผมก็นึกว่าเขาจะมีตำแหน่งสูงๆ ไม่ต่างอะไรกับพี่ชายของเขาน่ะสิ

“หลังจากนี้หากมีโครงการอะไรใหม่ๆ อีก ทางเราอาจจะได้ร่วมงานกันนะครับ”

ภายหลังจากการเซ็นสัญญาฉบับสมบูรณ์เรียบร้อย มิสเตอร์แคสเทียลก็พูดขึ้นด้วยท่าทีเป็นมิตร เขาส่งยิ้มให้พวกเรา แต่ผมรู้ดีว่ามันเป็นรอยยิ้มการค้า เพราะทางผมเองก็ยิ้มแบบนั้นให้เขาไม่ต่างกัน

โลกนี้แม้จะจริงใจต่อกันมากแค่ไหน แต่อย่างไรธุรกิจก็คือธุรกิจ ยิ้มที่มีให้กันจึงเป็นได้ทั้งยิ้มตามมารยาทและยิ้มจริงใจของแท้ หรือบางทีก็อาจจะเป็นรอยยิ้มที่ปนกันไปทั้งสองอย่างในคราวเดียว

“ด้วยความยินดีครับมิสเตอร์แคมเบลล์ ทางเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างคุณ”

แคสเทียลหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “อ้อ จริงสิ ครั้งหน้าผมอาจจะส่งน้องชายของผมมาเป็นฝ่ายประสานงานบ่อยขึ้นนะครับ พอดีเขาเพิ่งเริ่มเข้ามาทำงานในบริษัทอย่างจริงจังเมื่อไม่นานมานี้เอง ผมก็เลยอยากให้เขาได้เรียนรู้งานในหลายๆ ด้าน ถือเป็นการฝากเนื้อฝากตัวไปเลยแล้วกัน”

“ยินดีครับ พวกเราจะดูแลน้องชายของคุณอย่างดี”

พูดคุยกันอีกเล็กน้อยแคสเทียลก็ขอตัวกลับก่อนเพราะมีธุระด่วนให้ต้องไปจัดการ แต่คริสเตียน...เขาไม่ได้กลับไปด้วย

“พี่บอกให้ผมพาพวกคุณไปเลี้ยงดินเนอร์”

“โอ้ ไม่ต้องก็ได้ครับ แค่ได้ร่วมงานกันก็ดีมากพอแล้ว” บอสเอ่ยขึ้นด้วยความเกรงใจผมรู้ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เพื่อนร่วมทีมของผมจะยอมรับได้

วิลแย้งด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “แต่ผมไม่ขัดนะครับ อยากดินเนอร์มื้อหรูๆ ดูบ้างเหมือนกัน”

“เฮ้ อย่าทำตัวไร้มารยาทน่าวิล” แดเนียลเอ็ดเสียงเข้ม แต่คริสเตียนกลับหัวเราะเบาๆ

“ไม่เป็นไรครับ ผมก็ตั้งใจจะพาไปโรงแรมในเครือของเราอยู่แล้ว”

“เจ๋งเป้ง” แมตต์ที่เงียบอยู่นานประสานมือเข้าด้วยกันเสียงดัง เขาดูชอบใจที่จะได้กินอาหารในโรงแรมหรูระดับห้าดาว ซึ่งนั่นทำให้ผมอดจะกลอกตาให้กับความชอบกินเกินเหตุของเพื่อนไม่ได้

“ถ้าไม่รบกวนหรือเสียมารยาทจนเกินไป...” บอสของพวกเราเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันพูดจบคริสเตียนก็เอ่ยขัด

“ไม่เลยครับ ด้วยความยินดีมาก พวกคุณเองก็ต้องเหนื่อยกับการแก้งานเพื่อให้ทางเราพอใจตั้งหลายครั้งหลายหน การเลี้ยงมื้อเย็นสักมื้อไม่ได้รบกวนอะไรหรอกครับ”

เข้าใจพูด ผมคิด

“ถ้าอย่างนั้นฝากลูกทีมของผมด้วยนะครับ”

ผมเลิกคิ้ว “อ้าว บอสไม่ไปด้วยกันเหรอ?”

“ไม่ล่ะ ยังมีลูกค้าที่นัดเอาไว้ให้ต้องสะสางงาน พวกนายไปดินเนอร์ในโรงแรมก็อย่าทำตัวโง่ๆ ท่ามกลางแขกเหรื่อของเขาล่ะ เดี๋ยวโรงแรมเขาจะเสียชื่อ”

พอบอสพูดแบบนั้นก็โดนพวกผมโห่ใส่โดยพร้อมเพรียง และหลังจากที่บอสหายลับออกไปจากห้องประชุม คริสเตียนก็เอียงคอเลิกคิ้วถามขึ้นว่า

“พร้อมจะไปกันหรือยังครับ ตอนนี้ห้าโมงครึ่งแล้ว ผมจองโต๊ะเอาไว้ตอนหกโมงตรง”

“ยิ่งกว่าพร้อมอีกครับคุณคริสเตียน” วิลกับแดเนียลถูฝ่ามือเข้าด้วยกัน ขณะที่แมตต์ผิวปากหวืออย่างชอบใจ

“ถ้าอย่างนั้นทุกคนจะไปรถตู้ของบริษัทผม หรือจะแยกกันไปเจอที่นั่นครับ?”

ผมเป็นฝ่ายเสนอก่อนที่เพื่อนร่วมทีมจะได้พูดอะไรออกไป “วิล แดเนียล พวกแกไปกับคริสเตียนเลยก็ได้ ฉันกับแมตต์จะตามไปทีหลัง”

“ทำไมไม่ไปพร้อมกันวะ” วิลทำหน้าสงสัย

ผมเหลือบสบตาเพื่อนสนิทที่มักจะรู้ใจผมเสมอ เราส่งสัญญาณบางอย่างกันทางสายตาที่แม้ไม่ต้องพูดออกเสียงก็เข้าใจกันได้...แมตต์รู้ว่าผมต้องการเวลาเพื่อตั้งหลัก

“มีธุระนิดหน่อยที่ฉันต้องไปทำกับเจย์เดนน่ะ พวกแกไปก่อนได้เลย”

“อ้อ งั้นก็โอเค เจอกันที่โรงแรมนะเพื่อน”

ผมลอบสูดหายใจ หันไปสบตาคริสเตียนแล้วยิ้มให้เขาเพียงเล็กน้อย “ฝากเพื่อนฉันด้วยนะ”

“ได้” เขาเงียบไปอึดใจหนึ่งเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดแล้วพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไป

หลังจากพวกเขาออกไปแล้วแมตต์ก็ออกตาม โดยทิ้งท้ายไว้แค่ว่าจะไปห้องน้ำ ให้ไปเจอกันที่รถของเขาถ้าผมพร้อมจะเผชิญหน้ากับคริสเตียนระลอกสองแล้ว

ผมทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ห้องประชุม ยกมือทั้งสองข้างกุมใบหน้าเอาไว้อย่างคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อคนที่คิดว่าออกไปนานแล้ว ดันกลับเข้ามาพร้อมเสียงทักทาย

“เฮ้”

ผมหันขวับไปมอง “นาย...”

“ไง กำลังเครียดอะไรอยู่งั้นเหรอ?”

ผมไม่ตอบแต่ย้อนถามเขา “ลืมอะไรล่ะ?”

“เปล่า” คริสเตียนส่ายหน้า “ฉันก็แค่...แบบว่าอยากคุยกับนาย และคิดว่านายน่าจะยังอยู่ที่นี่ ซึ่งก็ดีที่ฉันเดาไม่ผิด”

“อืม เอ่อ งั้นเหรอ” ผมไม่รู้จะตอบอย่างไรดี พอมาอยู่ด้วยกันตามลำพังผมก็กระอักกระอ่วนขึ้นมาอีกครั้ง บ้าฉิบ นี่มันบ้าบอบัดซบเลยให้ตายเถอะ ทำไมผมต้องรู้สึกไม่เป็นตัวเองอย่างนี้ด้วยนะ

“ฉันอยากจะคุยกับนาย” คุณโซลเมตของผมเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “เรื่องที่คลับวันนั้น”

พระเจ้า เอาอย่างนี้จริงๆ ใช่ไหมเนี่ย

ผมสูดหายใจ “ฉันไม่ได้โกรธอะไร ถ้านายกังวลเรื่องนั้น”

“จริงเหรอ?” ผมพยักหน้าให้เขาแทนคำตอบ สีหน้าคริสเตียนดูสบายใจขึ้น “แต่ยังไงฉันก็ยังอยากจะขอโทษนายอยู่ดี ที่เผลอ...ล่วงเกินนายไป”

เท่านั้นล่ะความปั่นป่วนระหว่างเราสองคนก็เหมือนจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง ผมหลุดหัวเราะเต็มเหนี่ยว “ให้ตายสิ คริสเตียน นายพูดจริงเรอะ ขอโทษเรื่องล่วงเกินฉันเนี่ยนะ? ฉันที่เป็นผู้ชายเหมือนนายน่ะนะ?”

“อ่า ก็ใช่สิ”

“อย่าคิดมากไปหน่อยเลยน่า ก็แค่...” ผมนิ่งไปเล็กน้อยที่ต้องพูดคำนั้น แต่สุดท้ายผมก็ได้พูด “แค่จูบเอง ตอนนั้นฉันเมามาก อาจจะเผลอไผลไปบ้าง นายเองก็คงเหมือนกันนั่นล่ะน่า”

“งั้นถ้าเรานัวเนียกันจนไอ้หนูใต้กางเกงแข็งปึ๋ง นายก็จะบอกว่าเป็นเพราะเมาล่ะสิ”

ระยำเอ๊ย เขาพูดบ้าอะไรของเขาออกมาวะนั่น

ผมเหวอ มองเขาตาค้าง และนั่นทำให้คริสเตียนเป็นฝ่ายหัวเราะเสียงดังออกมาบ้าง

“ฉันหยอกเล่นน่าเพื่อน ตกใจอะไรขนาดนั้น”

“ใครไม่ตกใจสิแปลก” ผมกลอกตาใส่เขา “สรุปนายขึ้นมาเพื่อบอกฉันแค่นี้?”

“อ่าฮะ แล้วก็...ที่จริงมีอีกเรื่องน่ะ”

“เรื่อง?”

คริสเตียนเลียริมฝีปาก และพระเจ้า สาบานต่อหน้ารูปปั้นเทพีแห่งความพินาศเถอะ! ผมดันนึกไปถึงรสจูบของเราเมื่อสี่วันก่อน แค่เพราะเห็นคุณโซลเมตเลียปากตัวเองเนี่ยนะ!? เป็นเอามากแล้วไอ้เวรเอ๊ย

ผมต้องโฟกัสกับสิ่งที่เขาจะพูด ใช้ความพยายามมากเลยทีเดียว...แต่คำที่หลุดออกมาจากปากของเขาดันทำเอาผมแทบจะสติแตกขึ้นมาจริงๆ

“รอยที่หน้าอกด้านซ้ายของนายมันไม่ใช่ลายเพ้นท์ แต่เป็นชื่อโซลเมตของนายใช่มั้ย?”

“!!!”

ผมควรจะพูดอะไร ควรจะตอบเขาว่าอะไร

คริสเตียนจ้องผมนิ่งๆ “วันนั้นที่คลับฉันเห็นมันอีกครั้งเพราะนายไม่ได้ติดกระดุมเสื้อ”

อีกแล้วเหรอวะ

ผมสบถด่าตัวเองในใจ ด่าให้กับความสะเพร่าซ้ำซาก ไม่คิดว่าแค่ไม่ชอบให้เสื้อมันอึดอัดรัดตัวเลยปลดกระดุมสองเม็ดบนออกจนเป็นนิสัยจะทำให้ผมต้องมาเจอเรื่องยุ่งยากเอาตอนนี้ได้

“ถ้าเป็นลายเพ้นท์มันก็ควรจะลบหายไปตั้งนานแล้ว แต่นี่มันยังอยู่บนตัวนายในตำแหน่งเดิมเป๊ะ...”

“บางทีฉันอาจจะไปเพ้นท์ทับอีกครั้งอะไรแบบนั้นก็ได้นี่” ผมแย้ง

เขาพยักหน้า “ก็อาจจะใช่ แต่ลายเพ้นท์คงกะพริบไปมาไม่ได้หรอกมั้ง”

บัดซบ! นี่เขาเห็นถึงขนาดนั้นเลยเหรอวะ!?

ผมพยายามตั้งสติ ถ้าลนลานแสดงอาการไม่ปกติออกไปให้เขาเห็นต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ “แล้วยังไงเหรอพวก?”

“ตัวอักษรที่ฉันเห็นคือ ซี-เอช-อาร์ แต่ตัวที่เหลือฉันไม่เห็น” คริสเตียนยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มประหลาดที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกพรึ่บ “ตกลงนายมีโซลเมตแล้วสินะ”

“นายรู้ไปแล้วจะได้อะไร?”

“ไม่รู้สิ ก็แค่อยากรู้น่ะ หรือฉันถามไม่ได้?”

ผมแค่นหัวเราะ “เราสนิทกันมากพอที่ฉันจะต้องบอกนายเรื่องนี้ด้วยเรอะ”

“จูบกันแล้วก็น่าจะสนิทกันในระดับหนึ่งนะ”

“เวร นายนี่มันเฮงซวยจริงๆ เลยว่ะคริสเตียน” ผมหลุดปากด่าเขาออกไปจนได้

คริสเตียนหัวเราะ “ว่าไง บอกฉันได้ไหมล่ะว่าโซลเมตของนายชื่ออะไร”

“...”

“ซีเอชอาร์ก็น่าจะเป็น...คริสต์มาส?”

ผมทำหน้าเมื่อยใส่เขาทันที ใครบ้างวะมันจะตั้งชื่อลูกว่าคริสต์มาส โอเคมันอาจจะมี แต่สาบานได้ว่าทั้งชีวิตของผมยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ไอ้คนที่ชื่อคริสต์มาสเนี่ย

“คริสโตเฟอร์ คริสติน่า คริสตอฟ หรือ...” คุณโซลเมตจ้องตาผม “คริสเตียน”

ผมต้องใช้กำลังใจทั้งหมดในการห้ามตัวเองไม่ให้สะดุ้งหรือเผลอทำหน้าแตกตื่น ปากไปไวกว่าสมองจนเผลอตะโกนออกไปเสียงดังเกินความจำเป็น

“คริสติน่า!” ผมบอกเขา “โซลเมตฉัน...ชื่อคริสติน่า”

อีกฝ่ายนิ่งไป ดวงตาของเขาที่มองมาดูล้ำลึก แฝงไปด้วยความลึกลับบางอย่างที่ยากจะหยั่งถึง ผมมองแววตาของเขาไม่ออกว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกย่ำแย่ลงกว่าเดิม…เขาจะรู้แล้วหรือเปล่า เขาจะรู้ไหมว่าผมโกหกเขา

มือของผมเย็นเฉียบ เหงื่อเม็ดเล็กซึมขึ้นที่ข้างขมับทั้งที่ผมยืนอยู่ในห้องแอร์เย็นเฉียบ ความกังวลของผมมีมากซะจนเผลอกลั้นหายใจด้วยความลุ้นระทึก สถานการณ์ตอนนี้มันโคตรระยำบัดซบจนผมอยากจะยกมือขยี้หัวตัวเอง แต่ผมรู้ดีว่าทำไม่ได้ ถ้าผมไม่อยากให้คริสเตียนรู้ว่ากำลังโกหกเขาอยู่ ผมก็ไม่ควรทำอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นการเปิดโปงตัวเอง

หัวใจของผมเต้นแรงจนอีกนิดมันคงจะหยุดเต้นไปด้วยความช็อกก็เป็นได้ แต่สุดท้ายคริสเตียนก็เอ่ยขึ้น

“งั้นเหรอ โซลเมตนายเป็นผู้หญิงสินะ ฉันอยากจะเห็นหน้าเธอขึ้นมาแล้วสิ”

การปกปิดกลายเป็นการโกหกไปเสียแล้ว



__________
ตั้งใจจะอัพตอนสี่ทุ่มแต่ดันปั่นลากยาวใช้เวลานานกว่าที่คิดค่ะ ใครรออยู่ต้องขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ไม่สบายนิดหน่อยเลยค่อนข้างช้า ส่วนคำผิดเหมือนเดิมค่ะ ปั่นเสร็จก็อัพเลยยังไม่ได้ตรวจ ไว้เราจะมาแก้ทีหลังครับผม

อ่ะ มาที่เนื้อเรื่อง คิดว่าคริสเตียนรู้เรื่องโซลเมตแล้วหรือยังคะ ส่งคำตอบได้ทางคอมเมนต์หรือแฮชแท็ก #ความลับบนตัวผม ทางทวิตเตอร์ค่ะ 55555 ไปคุยกับเราได้น้าา ถ้าใครเล่นทวิตเตอร์อ่า ไปส่งฟีดแบ็กให้กันก็ได้ เรารออ่านอยู่เสมอเด้อ

ปล. ตอนที่แล้วเราพิมพ์อายุคุณคริสผิด ไปแก้มาแล้วแต่มาบอกซ้ำว่านางอายุ 34 เน้อ แก่กว่าเจย์ 8 ปี ที่มาของชื่อภาษาอังกฤษของเรื่องก็คือายุอันห่างกันของพระนายนี่แหละ ฮ่า!

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-08-2018 01:10:29
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-08-2018 01:11:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-08-2018 01:29:22
เอาชื่อแฟนแมตไปใช้ซะงั้น  :hao3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 06-08-2018 07:29:11
แย่แล้วสิแบบนี้ แงๆ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-08-2018 08:17:14
ไม่เนียนจ้าน้องเจย์  แหมถ้าเป็นผญ. มันจะกระพริบได้ไง คุณนักข่าวคะวันนี้จะต้องล้วง
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-08-2018 08:29:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 06-08-2018 09:11:55
คริสเตียนผิดหวังเลย สงสารรร
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 06-08-2018 10:30:10
ไม่เนียนนะเจย์ ถ้าเป็นคริสติน่ามันจะกระพริบตอนอยู่กับคริสเตียนได้ไง หึๆๆ

จะสงสัยมั้ยน้าาา
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: sz4music ที่ 06-08-2018 12:51:58
อ่านแล้วก็รู้สึกเกร็งตามเจย์เดนไปด้วย 555555555555
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 06-08-2018 17:15:17
อ้าวววว เอาแล้วไง
ดราม่าดึงเครียดเบย
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 06-08-2018 19:59:56
เรียกแด๊ดดี้สิครั----แค่กๆๆๆ คริสเตียนคนบ้าาา
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 06-08-2018 21:34:41
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 06-08-2018 22:05:17
คริสเตียนน่าจะสงสัยมากๆแน่ๆ เพราะเห็นชื่อกะพริบวิบวับด้วยอ่ะ ไม่อย่างนั้นไม่น่าจะเอ่ยชื่อตัวเอง
เรากำลังจะเข้าสู่ช่วงค้นหาความจริงแล้วหรือคะนี่ ><
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 06-08-2018 22:10:41
เหมือนคริสเตียนจะแอบผิดหวัง..คิดอะไรกับเจย์เดนแล้วอ่ะดิ  :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 6 [06-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 06-08-2018 22:27:14
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 07-08-2018 23:04:34
Chapter 7

When I try to refuse


 

แล้วผมก็ได้ค้นพบว่านอกจากความลับจะไม่มีในโลกแล้ว การโกหกที่ใช้เวลาสั้นที่สุดก็เกิดขึ้นได้เหมือนกัน

 

‘มีเรื่องให้ช่วย’

นั่นคือประโยคที่ผมบอกกับแมตต์ ก่อนที่เราจะไปดินเนอร์กันในโรงแรมหรูของเครือบริษัทแคมเบลล์ ผมเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่แล้วให้เพื่อนรักฟัง และทันทีที่ผมบอกกับเขาว่าเผลอเอาชื่อคริสติน่ามาอ้างเป็นโซลเมตของผม แมตต์ก็ถึงกับขับรถเป๋ไปวูบหนึ่งเลยทีเดียว

ผมคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะกำลังขับรถอยู่บนถนนที่การจราจรพลุกพล่าน แมตต์คงได้จอดเข้าข้างทางแล้วลากผมลงไปต่อยหน้าคว่ำ

“แกว่าอะไรนะ!?” เขาถามผมเสียงสูง นัยน์ตาเดือดดาลจ้องตรงไปยังเบื้องหน้าราวกับกำลังจินตนาการ ว่ามีใบหน้าของผมอยู่บนถนนและเขากำลังขับรถเหยียบมันอยู่

ถึงเราจะเป็นเพื่อนที่รู้ใจกันมากแค่ไหน แต่ถ้าอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับผม แมตต์ หรือคนรอบข้างของแมตต์เกิดส่งผลกระทบกับโซลเมตของเขา สร้างความเดือดร้อนให้กับคริสติน่าไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ แมตต์ก็พร้อมที่จะพ่นไฟใส่หัวคนเหล่านั้นจนไหม้เป็นจุลได้...ไม่เว้นแม้แต่ผม

ผมรู้ว่าเขาทั้งรักทั้งหวงแฟนของเขามาก แต่ครั้งนี้ผมต้องการความช่วยเหลือจากเขาจริงๆ

“แกได้ยินแล้ว”

“และฉันกำลังคิดว่าจะต่อยแกกี่หมัดดี” เขาสวนกลับมา

ผมโอดครวญ “ไม่เอาน่าเพื่อน ฉันรู้ว่าฉันมันเป็นไอ้งั่งที่ดันสะเหล่อเอาชื่อแฟนแกไปโมเมเป็นโซลเมตตัวเอง แต่ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออกนี่หว่า”

“...”

“น่าแมตต์ นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ช่วยฉันหน่อยเถอะว่ะ”

แมตต์ถอนหายใจ “ฉันอยากจะโกรธนะที่แกทำให้อะไรๆ มันยุ่งยากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ดันโกรธไม่ลงเพราะรู้ว่าเหตุผลที่แกทำแบบนี้มันเกิดจากอะไร แต่...คริสติน่าแฟนฉันเนี่ยนะ?”

“ตกลงแกจะช่วยฉันใช่มั้ย?” ผมเข้าประเด็นทันที ดูมัดมือชกเพื่อนรักไปหน่อยแต่ผมไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ

“ขอฉันถามคริสตี้ก่อนแล้วกัน ถ้าเธอโอเค ฉันก็โอเค” เขาถอนใจ ดูก็รู้ว่าไม่อยากให้ความร่วมมือ แต่คำว่าเพื่อนระหว่างเราก็ค้ำคอเขาเอาไว้เช่นกัน ผมรู้ดีเลยล่ะว่าเขาปล่อยให้ผมลำบากไม่ได้หรอก เหมือนที่ผมก็ปล่อยให้เขาลำบากไม่ได้เช่นกัน

ก็หวังว่าคริสติน่าจะเข้าใจ และช่วยมาเป็นโซลเมตปลอมๆ ให้กับผม

 

เรามาถึงโรงแรมช้ากว่าคริสเตียนที่ล่วงหน้ามาก่อนเกือบสิบนาทีได้ ผมโทรหาวิลเพื่อถามว่าเขาอยู่ไหน ได้ยินเสียงของคริสเตียนรอดผ่านสายโทรศัพท์มาว่าให้เราสองคนรออยู่หน้าโรงแรม จะมีคนออกมารับแล้วพาผมกับแมตต์ไปยังโต๊ะดินเนอร์

โรงแรมแห่งนี้หรูหราสมชื่อเสียงอันโด่งดังของมัน ผมอดทึ่งไม่ได้ที่โซลเมตของผมเป็นหนึ่งในทายาทของเจ้าของธุรกิจที่ใหญ่โตโอ่อ่าขนาดนี้ แม้แต่ห้องอาหารของโรงแรมก็ยังดูมีระดับราวกับภัตตาคารห้าดาว

สถานที่แห่งการดินเนอร์ของเราก็คือห้องส่วนตัวสำหรับลูกค้าวีไอพี โต๊ะกลมขนาดกำลังพอดีเหมาะกับการนั่งด้วยกันไม่เกินแปดคนดูพอเหมาะกับพวกเราด้วยเช่นกัน

“ผมสั่งอาหารเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว รอไม่เกินสิบห้านาทีคงทยอยมาเสิร์ฟ” คริสเตียนอธิบาย การเห็นเขาปลดกระดุมเสื้อสูทแล้วถอดมันออกพาดพนักเก้าอี้ด้านหลังด้วยท่วงท่าสง่างาม มันทำให้เขาดูแปลกตาไปมากสำหรับผม

“ขอบคุณมากนะครับที่เลี้ยงมื้อเย็นพวกเรา” วิลเอ่ย เขาดูเกรงอกเกรงใจเป็นอย่างมาก

“ไม่เป็นไรครับ ทำตัวตามสบายเถอะ” คริสเตียนปรับท่าทีให้ดูเป็นกันเองมากขึ้น พวกเรา (ซึ่งแน่นอนไม่รวมผม) เลยลดอาการเกร็งลงได้บ้าง

เมื่ออาหารจเรียกน้ำย่อยมาเสิร์ฟ บริกรก็นำเอาแชมเปญมาเป็นรินให้ ผมลิ้มรสชาตินุ่มนวลของแอลกอฮอล์ชั้นดี รู้สึกชอบใจกับมันมาก ของแพงนี่มันอร่อยชะมัด

หลังจากนั้นจานหลังก็ตามมา พวกเราเริ่มกินไปพร้อมๆ กับพูดคุนเรื่อยเปื่อย ซึ่งผมจะไม่มีปัญหาอะไรเลย หากไม่ใช่เพราะแมตต์ดันถามอะไรงี่เง่าออกไป

“คริสเตียน คุณมีแฟนหรือยังครับ”

ลมหายใจผมสะดุด ดวงตาสบเข้ากับคริสเตียนโดยบังเอิญ...หรืออาจจะไม่บังเอิญ เพราะอีกฝ่ายมองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว อ่า ให้ตายสิพระเจ้า ผมไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะมองผมด้วยสายตาแบบนั้นทำไม มันเหมือนเขารู้อะไรมาแต่ไม่ยอมพูด ซึ่งนั่นมันทำให้ผมหวาดระแวงอีกครั้ง กลัวแทบบ้าว่าเขาจะรู้เรื่องที่ผมเพิ่งโกหกไป

แต่ตราบใดที่เขายังไม่พูดออกมาว่ารู้แล้ว ผมก็จะขอเข้าข้างตัวเองไปก่อนว่าเขายังไม่รู้ก็แล้วกัน

คริสเตียนยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ไม่มีครับ”

“คุณยังหาโซลเมตของตัวเองไม่เจออีกเหรอเนี่ย” วิลเลิกคิ้ว สีหน้าดูสงสัยเต็มเปี่ยม “อายุคุณก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วนา จะเป็นไปได้เหรอที่คุณยังไม่เจอโซลเมต”

“แล้วมีอะไรการันตีล่ะว่าเราจะได้เจอโซลเมตตอนอายุยี่สิบ?”

แดเนียลหัวเราะ “จริงของคุณ โชคชะตาอาจจับคู่ให้คนรักกันผ่านการสัมผัสตัวแล้วชื่อก็โผล่มาบนร่างกาย แต่อาจจะไม่ได้มีอำนาจมากพอที่จะพาคนสองคนนั้นให้มาเจอกันตอนอายุยี่สิบก็ได้”

“นั่นอธิบายได้ดีว่าทำไมผมอายุสามสิบสี่แล้วถึงยังไม่เจอโซลเมต” คริสเตียนยกแก้วแชมเปญขึ้นพลางชี้ปลายนิ้วไปทางแดเนียล ได้ยินเสียงหัวเราะขบขันของเขาเบาๆ ในลำคอ “แต่บางทีผมอาจจะเจอแล้ว แค่ยังไม่รู้ตัวก็ได้”

หัวใจผมเต้นกระหน่ำ รู้สึกว่าสมองตัวเองอื้ออึงไปหมดกับสิ่งที่ได้ยิน นั่นน่ะ...คริสเตียนกำลังหมายความว่ายังไงกันแน่ เขารู้แล้วงั้นเหรอว่าโซลเมตตัวเองชื่ออะไร

ผมสะกดความตื่นตระหนกเอาไว้ภายใต้หน้ากากนิ่งเฉย ลอบสบตากับแมตต์…เพื่อนรักของผมแค่ส่ายหน้าเบาๆ เป็นการบอกให้ผมนิ่งเอาไว้และอย่าได้สติแตกเด็ดขาด แต่ผมก็เกือบจะสะดุ้งโหยงเมื่อเบือนหน้ากลับมาแล้วสบตาเข้ากับคริสเตียนโดยบังเอิญอีกครั้ง

บัดซบ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมกำลังโดนปั่นหัวอยู่รึเปล่า หรือเพราะผมมีความลับปกปิดเอาไว้เลยกังวลอยู่ตลอดเวลา เป็นอาการกลัวบ้าๆ ที่ทำให้ผมอยู่ไม่สุขเอาเสียเลย

“แล้วพวกนายล่ะ เจอโซลเมตหรือยัง”

“ผมเจอแล้ว เขาอายุน้อยกว่าผมเจ็ดปีเห็นจะได้ ชื่อเทเลอร์ เป็นนักศึกษาอยู่ตอนนี้” วิลเล่าด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ ผมเห็นสีหน้าแฮปปี้ของเขาแล้วอดไม่ได้ที่จะแหย่เล่น

“โชคชะตาพานายให้ไปพรากผู้เยาว์เด็กยังอายุไม่ถึงยี่สิบเหรอวะเพื่อน”

เท่านั้นล่ะทั้งโต๊ะก็เกิดเสียงหัวเราะดังกระหึ่ม วิลแยกเขี้ยวใส่ผม แต่เขาก็ไม่ได้โต้แย้งใดๆ ทั้งนั้น กลับกันดันพยักหน้ายอมรับ

“ช่วยไม่ได้ พระเจ้าคงรู้ว่าฉันชอบเด็กอายุน้อยกว่า เวลาได้ลิ้มชิมรสตอนอยู่บนเตียงเนี่ยมันหอมหวานดีจริงๆ”

“ไอ้เวร แกนี่มันทำตัวโคตรจะเหมือนไอ้บ้าหื่นกามเลย” แมตต์ด่า

“ใครจะไปเหมือนแกล่ะแมตต์ แฟนสาวคนสวยนั่น นานๆ ทีพวกฉันถึงจะมีโอกาสได้เห็นเธอ หวงจังเลยนะ” แดเนียลกลอกตาใส่แมตต์ และเอาล่ะ...ผมเริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมาอีกแล้ว

อย่าได้เอ่ยชื่อคริสติน่าออกมาเชียวนะไอ้พวกสมองถั่วเขียว

“แน่นอน ก็แฟนฉันสวยมาก ฉันไม่อยากให้เธอมาเจอกับคนเฮงซวยอย่างพวกแก”

“โอ้ ให้ตายเถอะเพื่อน นอกจากโอ้อวดแฟนให้ฟังแล้วยังจะด่ากันอีกด้วยสินะ แกนี่มันนิสัยแย่จริงๆ” วิลพูดไปก็กระดกแชมเปญไป

มาคิดดูอีกทีผมว่าตลอดมื้ออาหารพวกเราดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าเมนคอร์สหรูหราในจานซะอีก ไม่แปลกเลยถ้าพวกเรา (ซึ่งไม่รวมผม) จะเริ่มมึนๆ เมาๆ บ้างแล้ว

เป็นแบบนี้ยิ่งโคตรอันตราย ผมเริ่มไม่ไว้ใจเพื่อนร่วมทีมมากขึ้นในทุกๆ วินาที ถ้าพวกมันหลุดปากว่าแฟนของแมตต์ชื่อคริสติน่าออกมาเมื่อไหร่ล่ะก็...ชีวิตผมได้จบเห่แน่

“แล้วนายล่ะเจย์เดน” คริสเตียนหันมามองผม และเอาอีกแล้ว สายตาลึกล้ำของเขา ผมเดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ระยำเอ๊ย นี่กำลังเกิดเกมบ้าๆ อะไรสักอย่างขึ้นกับเราสองคนหรือเปล่า ทำไมผมรู้สึกว่าเรากำลังเล่นเกมกันอยู่ และดูเหมือนคนที่จะแพ้ก็คือผม

“มันไม่มีหรอก” แดเนียลโคลงหัวเบะปากใส่ผม “ไอ้เจย์เดนยังไม่เจอโซลเมตของมันเลย”

“แกรู้ได้ไง มันอาจจะเจอแต่ไม่บอกแกก็ได้” แมตต์เอ่ยแย้ง ผมหันไปถลึงตาใส่เขา...คิดจะแกล้งกันหรือไงไอ้กร๊วกเอ๊ย! ถ้าพูดอะไรหมาๆ ออกมาล่ะก็ ผมได้ฟาดปากมันด้วยหมัดหนักๆ แน่ ไหนบอกว่าจะช่วย ให้ช่วยปกปิด ไม่ได้ให้ช่วยเปิดโปงโว้ย!

แมตต์เขม่นตามองผม ผมอ่านสายตาเขาได้ประมาณว่าหุบปากแล้วอยู่เงียบๆ ซะ

เอาล่ะ ผมจะเชื่อใจเขาก็แล้วกัน “ฉันเคยเจอแฟนของเจย์แล้ว”

“จริงดิ!? ผู้หญิงหรือผู้ชายวะ” ท่าทางของวิลดูสนใจมาก

“ผู้หญิง” แมตต์พูดพลางไหวไหล่ “หน้าตาไม่ถึงขั้นสวย แต่จัดว่ามีเสน่ห์ใช้ได้”

“แล้วก็เก็บเงียบเลยนะไอ้เวรเอ๊ย อยู่สมาคมหวงแฟนอีกคนหรือไงวะเพื่อน” แดเนียลซึ่งนั่งอยู่ข้างผมกำหมัดต่อยลงมาที่ต้นแขนของผมไม่เบานัก เวร มันเจ็บนะเว้ย

“ฉันยังไม่มีโอกาสพาเธอมาให้พวกนายรู้จักต่างหาก”

“ให้มันจริงเหอะเพื่อน”

ผมลอบถอนหายใจ อย่างน้อยก็ไม่มีใครถามชื่อโซลเมตของผม เพราะถ้ามีคนถามเมื่อไหร่ผมได้ลำบากอีกแน่ๆ

คริสเตียนมองมาทางผมอีกแล้ว ผมเลยได้แต่เลิกคิ้วใส่เขา พยายามทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขากระตุกยิ้มตอบกลับมา แต่เฮ้! รอยยิ้มของเขามันไม่น่าไว้ใจเลยให้ตาย

สงครามประสาทหรือยังไงกันวะเนี่ย

 

บทสรุปของพวกเราคือการที่วิลกับแดเนียลเมา ดูเหมือนแชมเปญไม่น่าจะทำให้เมาได้ แต่เชื่อเถอะลองดื่มเข้าไปเยอะๆ ยังไงก็ต้องเมาได้บ้างล่ะ แค่จะมากหรือน้อยก็เท่านั้น

คริสเตียนเสนอให้นอนพักจนกว่าจะสร่างเมาที่โรงแรมของเขา ผมกับแมตต์อยากจะปฏิเสธ แต่ไอ้คนเมาสองคนก็ดันอยากลองนอนห้องพักหรูๆ ของโรงแรมดูบ้าง แมตต์เองก็ดันนัดกับคริสติน่าเอาไว้ว่าจะไปซื้อของอะไรสักอย่างด้วยกัน ส่วนผมที่ตั้งใจจะนั่งแท็กซี่กลับก็คงจะกลับไม่ได้แล้วตอนนี้ ผมจำใจทิ้งไอ้ขี้เมาสองคนไว้เป็นภาระของคริสเตียนไม่ได้หรอกน่ะ

ผมมองพนักงานแบกเพื่อนร่วมงานขี้เมาขึ้นมาส่งให้บนห้องพัก แม้จะไม่ใช่ห้องสูทหรือห้องสวีทราคาแพงยับ แต่ห้องทั่วไปของที่นี่ก็ยังดูดีจนน่าแปลกใจ การออกแบบถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว แต่คงจะดีกว่าถ้าผมได้ออกแบบ...ก็ไม่ค่อยจะโอ้อวดฝีมือตัวเองสักเท่าไหร่หรอก

“นายจะพักที่นี่ด้วยหรือจะกลับเลย?” คริสเตียนถาม “ไม่ต้องห่วงเพื่อนนาย ไว้พวกเขาอยากจะกลับเมื่อไหร่ฉันจะให้คนไปส่งถึงบ้านโดยปลอดภัย”

“ให้ไปส่งเลยไม่ได้เหรอ?” ผมถาม

“นายก็เห็นแล้วนี่ว่าพวกเขาอยากนอนที่นี่”

นั่นก็ใช่ เพื่อนของผมอยากค้างคืนเอง อีกอย่างถ้าให้คนของคริสเตียนไปส่ง ก็ต้องมาลำบากแบกพวกมันเข้าบ้านอีกด้วย ดังนั้นปล่อยพวกมันไว้ที่นี่ก็แล้วกัน

คริสเตียนตบบ่าผม “ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า ฉันกับนายใช่ว่าจะเป็นคนอื่นคนไกล จูบกันก็จูบมาแล้ว”

“ขอทีเถอะ ไม่พูดถึงเรื่องนี้ได้ไหมเนี่ย” ผมกลอกตา

คุณโซลเมตของผมหัวเราะ “กลัวโซลเมตของนายหึงหวงเหรอเพื่อน แต่ฉันว่านายคงไม่กลัวหรอกมั้ง วันนั้นยังนัวเนียกับเด็กหนุ่มผมทองนั่นอยู่เลยนี่”

ผมหายใจสะดุด เผลอเม้มปากโดยไม่ทันได้ห้ามตัวเอง...อยากให้แมตต์อยู่ด้วยชะมัด บางทีเขาอาจจะช่วยให้ผมไม่โดนถามอะไรที่เสี่ยงต่อการโดนเปิดโปงความลับได้บ้าง

“น่า ฉันก็แค่แซวเล่น อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิ สาบานเลยว่าฉันไม่เอาไปบอกแฟนนายหรอก” คริสเตียนยกสองมือขึ้นขนานกับหัวไหล่ สีหน้าเขาช่างยียวนชวนให้ต่อยปากซะจนผมแทบอดใจไม่ไหว โซลเมตของผมเป็นไอ้เฮงซวยขนานแท้ กวนประสาทชะมัด

“ฉันกลับบ้าดีกว่า”

“เฮ้ อย่าเพิ่งสิ ฉันว่าจะชวนไปดื่มต่อ”

“ดื่มเหรอ?”

“ไง สนใจไปดื่มกับฉันหน่อยมั้ยล่ะ มีไวน์แดงอายุยี่สิบห้าปีอยากให้นายได้ลิ้มลอง ของดีที่ฉันแอบจิ๊กมาจากที่บ้านเชียวนา”

ผมหัวเราะ “เอาสิ ไปก็ได้”

“งั้นตามมา”

ผมเดินตามคริสเตียนไปยังห้องพักชั้นบนสุด ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่ามันเป็นห้องพักพิเศษสำหรับแขกวีไอพีสุดๆ หรือไม่ก็พวกผู้บริหารเองนี่ล่ะที่คงจะนานๆ ทีมาพัก น่าตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน ในฐานะสถาปนิกแล้วผมชอบนะที่ได้มองห้องซึ่งถูกสรรสร้างมาอย่างงดงาม

ห้องพักของคริสเตียนไม่ทำให้ผมผิดหวังเลยสักนิด แน่นอนว่ามันกว้างมาก การจัดวางของเฟอร์นิเจอร์เข้ากันได้ดีกับโซนต่างๆ ของห้อง การตกแต่งในสีเอิร์ธโทนให้ความรู้สึกสบายตา

“จะนั่งที่บาร์หรือโซฟา?”

ผมโคลงหัว “บาร์”

ห้านาทีต่อมาผมกับคริสเตียนก็นั่งอยู่ข้างกันบนเก้าอี้สตูลตัวสูง ด้านหน้าเป็นชั้นวางขวดไวน์และแก้วเรียงรายเต็มผนัง ส่วนไวน์แดงที่เขาบอกว่าขโมยมาจากบ้านถูกเปิดวางอยู่ตรงกลางระหว่างเราบนเคาน์เตอร์บาร์ ในมือของผมมีแก้วทรงสูง ผมลูบปากมนของขอบแก้วเล่นในระหว่างที่มองสำรวจไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง

“ดูนายจะชอบห้องนี้นะ”

“มันออกแบบมาดีมาก”

“เลือดสถาปนิกเข้มข้นเสียจริง”

ผมหัวเราะ นี่ดูเหมือนจะเป็นการสนทนาที่ผ่อนคลายที่สุดส ตั้งแต่ที่เราได้เจอกันในวันนี้ อ้อ จริงสิ ผมเกือบลืมเรื่องสำคัญไปเลย

“ขอบใจมากที่พาพวกเรามาดินเนอร์ แถมยังให้พักฟรีอีก”

คุณโซลเมตไหวไหล่ “สบายมาก ถ้าเทียบกับสิ่งที่ฉันจะได้หลังจากนี้”

“สิ่งที่นายจะได้?” อะไร? เขาหมายถึงอะไร?

อีกฝ่ายหัวเราะ...และผมไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เสียงหัวเราะของเขามันดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด

“เดี๋ยวนายก็รู้เองล่ะน่า”

“คงไม่ใช่เรื่องพิเรนทร์อะไรหรอกใช่มั้ย? หรือเป็นเรื่องงานที่ทางบริษัทเราดีลกันไปแล้ว”

“อืม นั่นสิ เรื่องอะไรกันนะ”

“คริสเตียน” ผมเน้นเสียงเรียกชื่อเขา เริ่มไม่ไว้ใจเขาเข้าแล้วจริงๆ

คนถูกเรียกไม่สะทกสะท้าน แล้วในพริบตาความหยอกล้อขี้เล่นในดวงตาของเขาก็หายไป กลายเป็นสีหน้าจริงจังและนัยน์ตาคมปราบราวกับสิงโตมองเหยื่อ

ผมผุดลุกขึ้นยืนโดยอัตโนมัติ ประสาทสัมผัสอะไรก็แล้วแต่บอกผมว่าผมควรจะอยู่ให้ห่างจากเขา ทางที่ดีคือรีบออกไปจากห้องนี้จะดีกว่า...แต่ผมไม่ทันได้ทำอย่างที่คิดน่ะสิ

หมับ!

คริสเตียนคว้าแขนของผมเอาไว้แน่นในจังหวะที่ผมกำลังจะก้าวถอยห่างจากเขา อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนแล้วเช่นกัน สองเท้าของเขาก้าวเข้ามาหาผมด้วยท่าทีคุกคาม ทำให้ผมต้องก้าวถอยหลังหนีอย่างช่วยไม่ได้ แม้รู้ดีว่ายังไงก็หนีไม่พ้น ตราบใดที่แขนของผมยังถูกมือแข็งแรงของเขาจับยึดไว้อยู่

“เรามาคุยกันดีๆ จะดีกว่านะเจย์เดน คาร์เตอร์”

“คุยอะไร!” ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอใช้น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากออกไป “คริสเตียน ปล่อยแขนฉัน!”

“นายก็ลองสลัดฉันให้หลุดสิพวก ถ้าทำได้แล้วฉันจะปล่อยนายไป”

ผมพยายามแล้ว แต่ทั้งๆ ที่ผมก็เป็นผู้ชายเหมือนเขา รูปร่างไม่ได้ต่างจากเขาเท่าไหร่ ส่วนสูงก็พอๆ กับเขา แต่ผมกลับไม่สามารถแงะมืออันแข็งแรงของเขาออกจากต้นแขนตัวเองได้ กลับกันยิ่งผมพยายามก็เหมือนว่าคริสเตียนจะยิ่งบีบแขนผมแน่นกว่าเดิม และผมก็เริ่มจะเจ็บแล้วด้วย

“แคมเบลล์!!” ผมตวัดสายตามองเขา ไม่ต้องให้ใครมาบอกผมก็รู้ว่าตอนนี้ดวงตาของผมกำลังปะทุเป็นไฟจากทั้งความโกรธและความตื่นตระหนกมากแค่ไหน

เวรเอ๊ย เขาคิดจะทำอะไรกันแน่!?

“เจย์เดน บอกฉันมาดีกว่าว่าโซลเมตของนายชื่ออะไรกันแน่”

ลมหายใจผมสะดุด หัวใจพลันเต้นแรง โหมกระหน่ำราวกับพายุคลั่ง “ก็บอกไปแล้วไงว่าชื่อคริสติน่า!”

“นายคิดว่าฉันโง่หรือไงเพื่อน!” คริสเตียนคำราม เขาผลักดันจนผมถอยหลังไปชนผนังห้อง “อย่ามาโกหกฉัน!”

“ฉันไม่ได้โกหก!”

คริสเตียนสูดลมหายใจเข้าลึก ผมมองเห็นเส้นเลือดบนลำคอของเขาเต้นตุบ ดูเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้มันระเบิดออกมา...ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์อะไรก็แล้วแต่ โกรธ โมโห หรือหมดความอดทน

“วันนั้นที่คลับ ฉันบอกนายแล้วไงว่าฉันเห็นตัวอักษรสามตัวบนแผ่นอกของนาย”

“...”

“และฉันเห็นว่ามันกะพริบอยู่ตลอดในตอนที่เราเพิ่งจูบกัน ทั้งที่ตรงนั้นมีแค่เราสองคน”

ผมหน้าซีด ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เอาไว้ก่อนเลยสักนิด บ้าชะมัด! ทำไมผมถึงโง่ขนาดนี้!

คริสเตียนเหยียดยิ้ม

“ไม่มีผู้หญิงคนไหนยืนอยู่ตรงนั้นสักคน แล้วทำไมชื่อบนหน้าอกของนายถึงกะพริบกันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันนี่ล่ะที่เป็นเจ้าของชื่อบนแผ่นอกของนาย...ฉัน-เป็น-โซล-เมต-ของ-นาย!”

“ไม่ใช่!!” ปากของผมไปไวกว่าสมอง ให้ตายยังไงผมก็ไม่มีทางยอมรับคำกล่าวหาของเขาเด็ดขาด

“เลิกโกหกฉันสักที คาร์เตอร์! นายปิดบังฉันไม่ได้หรอก เพราะฉันแน่ใจว่าเราสองคนเป็นโซลเมตกัน”

“อะไรทำให้นายคิดแบบนั้นกันวะ! ฉันก็บอกแล้วไงว่าไม่...”

“เพราะฉันรู้แล้วน่ะสิวะว่าใครคือโซลเมตของฉัน!”

“..!” ผมนิ่งอึ้ง มองเขาตาค้าง

คริสเตียนพ่นลมหายใจแรง “ชื่อของนายอยู่บนตัวฉัน ตรงท้ายทอยของฉัน”

“นาย...นายรู้ได้ยังไง แน่ใจได้ยังไงว่ามันใช่”

“ชื่อมันอยู่บนตัวฉัน ฉันก็ต้องรู้ไหมวะ ถึงจะรู้ช้าไปหน่อยก็เถอะ” ท้ายประโยคเขาเหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่า แต่ผมไม่ได้สนใจ ตอนนี้ผมตกใจจนแทบบ้าแล้ว ผมควรจะทำยังไง ต้องทำยังไง

“เจย์เดน” คริสเตียนเรียกผม “ถ้าชื่อของฉันอยู่บนตัวนายล่ะก็...”

“...” ผมมองเขา เรามองสบตากัน และคำพูดประโยคต่อมาของเขาก็ทำให้ผมปฏิเสธแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยด้วยซ้ำ

“ถอดเสื้อของนายออก ฉันอยากรู้ว่าโซลเมตของนายชื่ออะไร”

“ไม่”

คริสเตียนหรี่ตา เขาย่างสามขุมเข้าหาผมอย่างรวดเร็ว ยื่นมือออกมากระชากเสื้อเชิ้ตที่ผมใส่อยู่จนกระดุมขาดผึงทุกเม็ดในพริบตา!


__________
มาแล้ววว ในที่สุดก็เข้าสู่ฉากที่เป็นคำโปรยของเรื่องสักที ฮ่า! ตอนหน้านี่เอาไง ได้กันเลยดีมั้ยคะ 55555 แต่จะเป็นไงไม่รู้ รู้แต่ว่าปกติเราจะอัพวันเว้นวันใช่ไหมคะ คราวนี้ขอหายไปสามวันนะคะ อัพอีกทีวันเสาร์เลย พอดีจะเข้ากรุงเทพฯ ค่ะ ไม่ได้แบกโน้ตบุ๊คไป ต้องไปขึ้นทะเบียนบัณฑิตรอรับปริญญาปีหน้าาา ในที่สุดก็เรียนจบสักทีค่ะ! ใครเรียนอยู่ก็สู้ๆ น้าา เรียนจบแล้วจะอยากกลับไปเรียนต่อ อ่ะ ไม่จ้ายย 555 (ปล. ไม่แน่อาจจะมาวันศุกร์ ดูก่อนนะคะว่าเราจะขี้เกียจไหม ถ้าฟีดแบ็กดีจะขยันมาก แฮ่~)

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 07-08-2018 23:25:36
โหยๆๆๆลุ้นๆๆๆ จะเป็นยังไงต่อน้า  :z3: :ling1: :hao7: :z2: :-[
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-08-2018 23:29:59
 :L2: :pig4: :ling1:

โอ๊ยยยยยยยยยยยยย กระดุม เจย์ของเรา ฮื่อออออ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-08-2018 23:51:20
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 07-08-2018 23:55:14
รู้แล้วววววววว แล้วก็ค้างมากเลย ฮืออออ ขอบคุณมากค่ะ ยินดีด้วยนะคะเรื่องเรียนจบ :L2:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 08-08-2018 00:29:11
ในที่สุดก็มาถึงฉากนี้ หึๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 08-08-2018 01:16:26
เราโอเคนะ ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ แต่คริสเตียนต้องยอมรับว่าผลกระทบที่ตามมาจะใหญ่มาก เพราะเจย์มีปมเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องความเป็นโซลเมทของพ่อแม่ที่ทำให้ชีวิตเจย์เกือบพังมาแล้ว
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 08-08-2018 01:20:27
สนุก
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: P.PIM ที่ 08-08-2018 02:12:08
โอ้ยยย ถ้ารู้ชื่อแล้วจะทำไงต่อไปล่ะคะคุณคริสเตียนนนนนน
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 08-08-2018 03:15:22
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-08-2018 04:16:14
เอาแล้ว ๆ กระชากเสื้อ ผลักลงบนเตียง แล้วกระโจนเข้าใส่  :hao6:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-08-2018 07:53:35
กรี๊ดดดเ รอค่าา
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-08-2018 08:43:17
รุนแรงเหลือเกินค่ะพี่คริส 555  :mew1:  :hao6:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-08-2018 08:53:40
เห็นแน่ๆ :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-08-2018 09:37:21
หว่ายยยยยยยยย หนีไม่พ้นแล้วล่ะมั้งเจย์
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 08-08-2018 10:11:28
จะดิ้นหนีอีกเปล่าเนี่ยยย  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 08-08-2018 15:47:54
กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด!!!!!
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: sz4music ที่ 08-08-2018 16:44:18
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ลุ้นๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 08-08-2018 17:09:54
 :z10: :z10: :hao7: :hao7: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-08-2018 21:21:28
ในที่สุดก้อรู้ตัวซะทีแคมเบลล์ กด1 ได้กันเล้ย..ยยยยยยย
ยินดีกับบัณฑิตด้วยนาจา
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 08-08-2018 23:45:47
คริสเตียนรู้แล้ววววว!!!!  อยากจะจุดพลุฉลอง
แล้วยังรู้ด้วยว่ามีชื่ออยู่บนหลังคอ
ความลับบนตัวคุณมันถูกเปิดเผยออกมาแล้วค่ะเจย์เดน ขอแสดงความเสียใจด้วย >///<
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 09-08-2018 08:52:26
เอาแหล่ววว

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อน้าา
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Kumamon_Kung ที่ 09-08-2018 11:05:16

ไม่รอดแล้วเจย์เดนเขารู้แล้วยอมเถอะะะะ
 :interest: :interest: :interest:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 09-08-2018 11:56:48
รู้ตัวแล้ว หลังจากนี้คงแซ่บน่าดู
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-08-2018 18:33:46
 :katai1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 7 [07-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 10-08-2018 03:11:03
เอาหล่ะสิมีกระชากเสื้อด้วย
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 11-08-2018 00:28:11
Chapter 8

Why I became a loser?

 

[Christian]


 

ทั้งที่ผมชนะ แต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ให้แก่เขาซะมากกว่า

 

“แคมเบลล์!”

เจย์เดนตะโกนดังลั่น ใบหน้าของเขาตื่นตะลึง...หรืออาจจะเป็นตื่นตระหนก ตกใจ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม แต่เขากำลังเสียขวัญเพราะการกระทำของผม

ถ้าผมใจดีสักนิดผมก็คงจะหยุดคุกคามเขา แต่บังเอิญว่าผมไม่ใช่คนแบบนั้น

เจย์เดนกระชากแขนออกจากมือผมได้สำเร็จ เขาผลักผมออกห่าง พยายามหาทางหลบหนีไปให้ไกลจากผม แล้วคิดหรือว่าผมจะยอม ถึงเราจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่สถาปนิกอย่างเขาไม่มีทางสู้แรงคนที่เคยฝึกฝนร่างกายเพื่อให้แข็งแกร่ง มากพอจะออกไปเก็บภาพถ่ายกลางสนามรบจนโชกโชนอย่างผมได้หรอก

เสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายขาดหลุดรุ่ย แต่ก็ยังไม่มากพอให้ผมได้เห็นตัวอักษรบนแผ่นอกของเขาแบบชัดๆ เต็มสองตา ผมต้องถอดมันออก

“ถอดมันออกซะคาร์เตอร์!” ผมตวาดใส่เขา แต่เจย์เดนส่ายหน้า เขาตะโกนใส่ผมเสียงดัง มือข้างหนึ่งพยายามจับเสื้อที่ไร้กระดุมเอาไว้แน่น

“ไม่มีทาง!”

“อย่าดื้อด้านได้มั้ย!?”

“นายไม่ควรทำแบบนี้กับฉันนะแคมเบลล์! ฉันบอกว่าไม่ก็คือไม่! และถอยให้ห่างจากฉัน ให้ฉันกลับบ้าน!” อีกฝ่ายถลึงตามองผม ดวงตาของเขาเดือดดาลไปด้วยความโกรธ แต่ผมก็มองเห็นความหวาดหวั่นอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน “เดี๋ยวนี้!”

“ฉันจะไม่ปล่อยนายไปไหนจนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง” ผมลดเสียงลง พูดด้วยน้ำเสียงโทนปกติ หวังว่าเขาจะเย็นลงแล้วยอมคุยกันดีๆ

แต่ดูเหมือนวิธีนี้จะไม่ได้ผล “ไม่คุย!”

ผมหมดความอดทนแล้วเหมือนกัน

ผมกระโจนเข้าไปหาเขาอีกครั้ง จับเขาเหวี่ยงไปกระแทกกับกำแพง…เจย์เดนที่ไม่ทันตั้งตัวดูเหมือนจะจุกไปเลย และนั่นทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ไว้ผมค่อยขอโทษเขาเมื่อเราคุยกันจบแล้วก็แล้วกัน

“ปล่อยฉัน!” เจย์เดนคำรามลั่น ผมอาศัยจังหวะที่เขายังเจ็บตัวกระชากเสื้อเชิ้ตของเขาออกจากร่างกายกำยำ

เวลานี้เขาไม่มีเสื้อคอยปกปิดความลับบนตัวเขาจากผมอีกแล้ว

กดไหล่เขาเข้ากับผนัง บังคับไม่ให้ได้มีโอกาสขยับตัวหนี เจย์เดนนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ แต่ผมไม่มีเวลาได้สนใจ เพราะดวงตากำลังจับจ้องอยู่บนแผ่นอกของเขา…ตัวอักษรสวยงามสลักอยู่บนนั้น ซึ่งแน่นอน…มันเป็นชื่อของผม

Christian

“ยังจะโกหกอีกมั้ยว่านี่ไม่ใช่ชื่อฉัน”

ผมเหลือบขึ้นสบตาเจย์เดน เอ่ยถามเสียงเข้มขึงกดต่ำ อีกฝ่ายลอบกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า ผมเห็นเพราะเราอยู่ใกล้กันมาก และผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่ขาดห้วงไปชั่ววินาทีหนึ่งเลยด้วยซ้ำ

“…” เขาไม่ยอมพูด

ผมกระตุกยิ้ม ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น “ว่าไง ยังจะปฏิเสธอยู่อีกมั้ย?  ถ้าใช่ก็พูดออกมาเลย”

“ฉัน...” เขาเม้มปากแน่น “นายไม่คิดหรือไงว่าบางทีนี่อาจจะเป็นชื่อของคนอื่น”

ผมอยากจะหัวเราะให้กับคำบ่ายเบี่ยงของเขา แต่ผมกลับขำไม่ออก และคิดว่าไม่มีใครขำออกด้วยถ้าต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

“จริงดิพวก ยังจะปฏิเสธอีกเรอะ?”

“โซลเมตของฉันอาจจะแค่ชื่อเหมือนนายก็ได้”

“ชื่อนี่น่ะ” ผมจิ้มลงไปบนตัวอักษรอันสวยงาม เอ่ยย้ำกับเขาอีกครั้ง “มันจะมีสีเข้มขึ้น หรือกะพริบเวลาโซลเมตเข้าใกล้กัน และตอนนี้มันก็กำลังเป็นแบบนั้นอยู่ด้วย”

“...” เจย์เหลือบสายตาลงมองรอยสลักบนแผ่นอกตัวเอง มันกำลังกระพริบอยู่จริงอย่างที่ผมพูด และนั่นทำให้สีหน้าของอีกฝ่ายดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเข้าไปใหญ่ เป็นสีหน้าในแบบที่ผมอยากจะเห็นเลยล่ะ

ผมจะต้อนเขาให้จนมุม ไม่ยอมให้เขาหนีพ้นได้แน่!

“ซึ่งตรงนี้มีแค่ฉันกับนาย ยังจะปฏิเสธอีกมั้ย?” ผมถามเขาด้วยประโยคเดิมอีกครั้ง

เจย์เดนเบือนหน้าหนี “ฉัน...”

“คาร์เตอร์” ผมแทรกก่อนที่เขาจะได้ทันหาอะไรมาแก้ตัวอีก ถ้าเขายังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ ผมก็ชักจะหมดความอดทนขึ้นมาอีกหนแล้วเหมือนกัน “แค่ยอมรับว่าฉันเป็นโซลเมตของนายมันยากนักหรือไง”

“นายไม่เข้าใจ!” เขาตวาด หันกลับมามองหน้าผมด้วยความขุ่นเคือง แววตาของเขามีทั้งความโกรธ หวาดเกรง และรวดร้าวในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน “นายไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของฉัน!”

“ถ้านายพูดออกมาฉันก็พร้อมที่จะเข้าใจ” ผมกล่าว แต่เจย์เดนกลับส่ายหน้า

“แล้วเราเป็นอะไรกันงั้นเหรอ ฉันถึงต้องเล่าเรื่องส่วนตัวของฉันให้นายฟังน่ะ?”

ผมชะงัก สิ่งที่เขาพูดมามันก็ถูก ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขานอกจากคนรู้จัก เพื่อน หรือก็แค่โซลเมต และนั่นยังไม่มากพอให้เราพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนเรื่องราวทุกอย่างที่มีต่อกัน แต่ถึงอย่างนั้น...

“ถ้าเป็นเรื่องครอบครัวของนาย...”

“หุบปากซะแคมเบลล์!”

โอเค ผมคงจะล้ำเส้นเขามากเกินไปแล้ว

“นายอยากให้ฉันเข้าใจนายไหมล่ะเจย์เดน” ผมเลิกคิ้ว สมองพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้...อีกฝ่ายมองผมอย่างไม่ไว้ใจนัก เขาหรี่ตา และพยายามดิ้นหนีจากแรงกดที่ไหล่ ซึ่งผมไม่แม้แต่จะคิดคลายมันออก ผมไม่มีทางยอมให้เขาหนีไปได้หรอกน่ะ “มันมีวิธีที่ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกกันได้อยู่นะ”

“นายหมายถึงอะ...”

เสียงของเขาขาดหายไปในทันทีเมื่อผมประกบปากจูบเขา บดขยี้ริมฝีปากที่ผมเคยได้สัมผัสมาแล้วครั้งหนึ่งอย่างไม่ออมแรง ผมเพิ่งมารู้ตัวว่าเผลอทำรุนแรงออกไปก็ตอนที่ได้ลิ้มรสคาวเลือดเพราะปากเจย์เดนแตกจากแรงกระแทกบังคับจูบของผม และผมเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังกรุ่นโกรธอยู่ภายในมากแค่ไหนก็ตอนนี้เช่นกัน

“คริสเตียน!”

เจย์เดนผลักผมออกได้สำเร็จ เขาถลึงตามองผม ยกหลังมือป้ายเลือดที่ซึมออกมาตรงริมฝีปากขึ้นดู จากนั้นสีหน้าของเขาก็ยิ่งเข้มขึงราวกับมีเงามืดสายหนึ่งพาดผ่าน

“…” ผมจดจ้องเขา ระหว่างเราไม่มีคำพูดอะไรอยู่นาน แต่แล้วเจย์เดนก็เป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้ามาใกล้ผมอย่างรวดเร็ว ตามด้วยง้างหมัดซัดโหนกแก้มผมเข้าเต็มๆ

ผัวะ!

“ไอ้ระยำเอ๊ย! นายทำบ้าอะไรของนาย!?”

“พิสูจน์ไง!” เรากลับมาอารมณ์ร้อนใส่กันอีกครั้งแล้ว ผมคว้าแขนเขาเหวี่ยงไปที่พื้นข้างโซฟา...เขาล้มลง

“ไอ้เวร! พิสูจน์อะไรของนายวะ!?” เจย์เดนสบถด่าอีกหลายคำแต่ผมไม่สนใจ

ผมคร่อมทับเขา จับตัวเขาพลิกลงนอนคว่ำ คว้าแขนข้างหนึ่งของเขาไขว้หลัง…ท่านี้ผมได้รับการสอนตอนที่เข้ารับการฝึกป้องกันตัวแบบพิเศษกับครูฝึกซึ่งเป็นทหาร ก่อนหน้าที่ผมจะออกไปทำงานพร้อมกล้องคู่ใจกลางสนามรบที่มีแต่กระสุนและลูกระเบิด มันเอาไว้ใช้ล็อกตัวศัตรูให้อยู่นิ่งๆ ได้

“โอ๊ย!” เจย์เดนร้องโอดโอย แต่ผมไม่เห็นใจเขาหรอกนะ

อยากให้ผมเข้าใจเขาใช่ไหม? เพราะเรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเขาก็เลยไม่เล่าเองใช่ไหม?

ได้! ถ้างั้นผมจะเป็นฝ่ายทำให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของผม และนั่นจะทำให้ผมได้รับรู้ความรู้สึกของเขาด้วยเช่นกัน วิธีมันก็ง่ายนิดเดียว...แค่ทำให้เขาเป็นของผมซะก็จบแล้ว!

ผมโน้มลงไปกระซิบที่ข้างใบหูของเขา “รู้มั้ยเจย์เดน ถ้าโซลเมตมีเซ็กซ์กัน…”

“ปล่อยฉันนะโว้ย ไอ้คริสเตียน!”

“พวกเขาจะสามารถรับรู้ความรู้สึกต่างๆ ของกันและกันได้”

“!!!”

“เรียกง่ายๆ ก็คือการแลกเปลี่ยนความรู้สึกกันนั่นล่ะ ซึ่งถ้าเราทำแบบนั้นด้วยกันเมื่อไหร่ ฉันก็จะได้เข้าใจความรู้สึกของนายสักทีไงที่รัก”

“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!” เจย์เดนเบิกตากว้าง พยายามสะบัดตัวหนีจากพันธนาการของผมอีกครั้ง “ปล่อยฉันแคมเบลล์!”

ผมไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิง อาจจะเป็นปีศาจหรือวิญญาณร้าย ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม แต่ความโกรธเคืองของผมคือเรื่องจริง…เจย์เดนไม่ยอมบอกผมเรื่องที่เราเป็นโซลเมตกัน เขาจงใจปิดเป็นความลับ แถมยังปฏิเสธที่จะยอมรับแม้ตัวเองจะโดนผมไล่ต้อนเสียจนมุม ซึ่งมันแน่นอนอยู่แล้วว่านั่นทำให้ผมไม่พอใจมาก ผมคิดว่าหากคนเราตัวลุกเป็นไฟได้เพราะความโกรธ ผมก็คงเป็นแบบนั้นไปแล้ว

ผมอยากจะเข้าใจเขามากกว่านี้ ถ้าเขาไม่ยอมพูด ทางเดียวก็คือเราต้องมีเซ็กซ์กัน และผมพร้อมจะทำมันโดยไม่ตะขิดตะขวงใจใดๆ ทั้งสิ้นด้วย

“คริสเตียน แคมเบลล์! ฉันบอกให้ปล่อยไงวะไอ้บัดซบเอ๊ย!”

“อย่างเดียวที่ฉันจะปล่อยใส่นายก็คือน้ำรักจากไอ้หนูของฉัน แต่ปล่อยนายไปน่ะไม่มีทางแน่!”

“Fuck!!!”

เจย์เดนสบถและดิ้นรุนแรงมากขึ้น จนผมต้องกดตัวเขาแนบกับพื้นมากกว่าเดิม

ผมใช้มือข้างที่ว่างปลดเข็มขัดของตัวเองออก แล้วนำมันไปมัดข้อมือของเจย์เดนเข้าไว้ด้วยกัน แต่กว่าจะมัดสำเร็จก็เล่นเอาเหนื่อยหอบ…หมอนี่ต่อต้านผมสุดกำลังเลยให้ตายสิ!

เขายังคงโวยวาย สบถ และด่าทอผมด้วยทุกๆ คำหยาบคายทั้งหมดที่พอจะนึกออก แต่คิดว่าผมสนหรือไง? ไม่ ผมไม่สะเทือนสักนิดแม้ว่าเขาจะเพิ่งด่าผมว่ามาร์เธอร์ฟัคเกอร์ก็ตาม

“มาสนุกกันดีกว่าที่รัก”

ผมสอดมือไปถอดเข็มขัดเขาออก ตามด้วยกางเกงยีนแสนอึดอัดที่เขาใส่อยู่ ใช้เวลารวดเร็วแทบเก็บสถิติได้เลยด้วยซ้ำ ผมมั่นใจว่าไม่เคยเปลื้องผ้าใครได้เร็วเท่านี้มาก่อน

เจย์เดนเป็นคนผิวขาว คงเพราะทำงานในออฟฟิศมากกว่าออกนอกสถานที่ ไม่เหมือนผมที่ผิวเข้มกว่ามาก เราสองคนเหมือนช็อกโกแลตกับนมร้อนที่ถูกนำมาวางคู่กัน

“จะทำอะไร!?” อีกฝ่ายเอี้ยวใบหน้าหันมาถาม แววตาเขาตื่นตระหนกจนเกือบผวา

ผมยิ้มเยาะ “เรื่องแค่นี้นายก็น่าจะรู้ไหมพวก”

จากนั้นผมก็ลากฝ่ามือไปแตะขอบชั้นในของเขา อีกฝ่ายพยายามขยับหนี แต่มันไม่มีที่ให้เขาหนีหรอก เมื่อเขาอยู่ใต้ร่างผมแบบนี้ โดนมัดเอาไว้แบบนี้…เขาหนีผมไม่พ้นแล้ว

“อึก บัดซบ!”

เจย์เดนสบถทันทีที่ผมแตะกึ่งกลางลำตัวของเขา รูดคลึงมันผ่านเนื้อผ้านุ่มของกางเกงชั้นในสีเข้ม ผู้ชายถูกกระตุ้นได้ง่าย และเพียงไม่นานไอ้หนูของเขาก็แข็งชันดุนดันจนหัวหยักสีอ่อนโผล่พ้นขอบออกมา

ผมหัวเราะในลำคอ กดจูบที่ข้างกกหูของคนใต้ร่าง สอดมือเคล้าคลึงท่อนลำโดยตรง สัมผัสความร้อนผ่าวของความกระสันอยากที่แสดงออกมาเพราะถูกกระตุ้น ผมได้ยินเสียงเจย์เดนสูดหายใจสั่นระริก

“เด็กดี”

“อึก…คริสเตียน…” น้ำเสียงของอีกฝ่ายแหบพร่า แรงดิ้นต่อต้านหายไปกลายเป็นแรงผลักดันขึ้นลงของเอวแกร่ง เจย์เดนพยายามทำให้ก้อนเนื้อกลมของเขาสัมผัสกับฝ่ามือผมมากกว่าเดิม

ผมคิดว่านาทีนี้เขาไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว และสัญชาตญาณกับความต้องการของผู้ชายบอกให้เขายอมจำนนต่อผม ซึ่งนั่นล่ะคือสิ่งที่ผมต้องการ

ผมพลิกร่างเจย์เดนให้กลายเป็นตะแคงข้าง จับใบหน้าของเขาให้หันมารับจุมพิตร้อนผ่าว ลมหายใจของอีกฝ่ายถี่กระชั้นตามแรงอารมณ์…เรากลืนกินริมฝีปากของกันและกัน ผมสอดลิ้นเข้าหาเขา เกี่ยวกระหวัดรัดรึงปลายลิ้นของกันและกันจนน้ำเหนียวใสไหลล้นออกมาจากมุมปาก

…มันหยดลงมาถึงปลายคาง เสียงจูบหยาบโลนคลอเคล้าไปด้วยเสียงครางสั่นและเสียงลมหายใจหอบพร่า

มือที่รูดคลึงท่อนลำร้อนเร่งจังหวะเร็วขึ้นกว่าเดิม ผมบีบเคล้นหนักหน่วงสลับแผ่วเบา แต่แค่นี้น่ะมันยังไม่พอหรอก...ผมอยากสัมผัสและมอบให้เขามากกว่านี้

เหลือบตาขึ้นมองใบหน้าอีกฝ่าย ที่จริงแล้วเจย์เดนเป็นคนหน้าตาดี แม้ไม่ได้ชวนดึงดูดสายตาในแวบแรก แต่ถ้าได้มองอย่างตั้งใจก็คงจะอดหันมามองซ้ำๆ ไม่ได้ ยิ่งเมื่อสีหน้าของเขาเหยเกเต็มไปด้วยอารมณ์ของกามราคะที่ผมมอบให้ เขาก็ยิ่งดูน่ามอง

ผมถอยลงจนใบหน้าเสมอกับท่อนลำร้อนผ่าว ความแข็งขึงของมันชี้โด่แทบจะทิ่มหน้าผม ปลายหัวมีหยดน้ำเหนียวใสปริซึมออกมา...ผมแลบลิ้นเลียมัน

“คริส...เตียน!” เจย์เดนสะดุ้งเฮือก ดวงตาคู่สวยมองผมด้วยความตกใจ และเบิกตากว้างมากกว่าเดิมเมื่อผมครอบริมฝีปากลงไปบนท่อนเนื้อของเขา “ฮ้า!...”

เสียงครางของอีกฝ่ายดังขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงดูดดึงท่อนเนื้อร้อน ยิ่งผมดูดมันแรงเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเสียวกระสันจนสะโพกบิดเร่า ผมจับขาเขาอ้าออกกว้างมากกว่าเดิม รูดรั้งรัวเร็วสลับกับไล้เลียบดขยี้ส่วนปลาย

“ฉันใกล้...” อาการหดเกร็งหน้าท้องของเจย์เดนทำให้ผมรู้ว่าเขาใกล้จะเสร็จแล้ว ผมผละออกแล้วรูดให้เขาด้วยฝ่ามือแทน และเพียงไม่กี่นาทีต่อมาอีกฝ่ายก็ปลดปล่อยน้ำขุ่นขาวออกมาเลอะเต็มฝ่ามือของผม

ดวงตาของโซลเมตหัวดื้อปรือปรอยจากแรงอารมณ์ที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อย สีหน้าดิบเถื่อนยามเพิ่งสุขสมของเขาทำเอาผมร้อนผ่าวและแข็งชันขึ้นมาบ้างแล้ว แต่มันยังไม่จบแค่นี้หรอก

กัดฟันข่มกลั้นความต้องการของตัวเอง ใช้มือที่ยังเปรอะเปื้อนคราบขาวขุ่นเลื่อนไปแตะที่ช่องทางด้านหลังของเจย์เดนอย่างรวดเร็ว คลึงนิ้วกับปากทางหนักๆ และทำเอาคนที่ไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งโหยง

“คริสเตียน!”

“ฉันขอ” ผมกระซิบบอกเขาเสียงสั่นพร่าเต็มไปด้วยความกระหายอยาก สติของผมเลือนราง มันเต็มไปด้วยม่านหมอกของความต้องการในตัวอีกฝ่ายอย่างรุนแรง และผมไม่รู้เลยว่าจะหยุดมันได้ยังไง...หรือบางทีผมอาจจะไม่อยากหยุดมันก็ได้ ผมอยากได้เขาเป็นบ้าเลย!

“ไม่…”

แต่ก่อนที่ผมจะได้ดุนดันปลายนิ้วเข้าไปเพื่อขยายช่องทาง โดยไร้ซึ่งสตินึกคิดว่าควรจะอ่อนโยนกับเขาให้มากกว่านี้ น้ำเสียงแผ่วเบาของเจย์เดนก็รั้งผมเอาไว้ซะก่อน…ผมตื่นตะลึงทันทีที่เห็นใบหน้าหวาดหวั่นของเขา

โซลเมตของผมเม้มปากแน่น เขาไม่ได้ร้องไห้ ไม่มีน้ำตาสักหยด แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็ยังแดงก่ำและดูประหวั่นพรั่นพรึง ให้ตายเถอะ เขากำลังกลัวผม

เป็นวินาทีที่ราวกับโลกถล่มลงมาใส่หน้า ผมได้สติในตอนนั้นเองว่ากำลังทำเกินกว่าเหตุไปมาก…มากเกินไปเลยทีเดียวด้วย

อีกฝ่ายอ้อนวอนผมเสียงสั่น “...ได้โปรด”

คำขอร้องของเขาทำให้ผมยอมจำนนโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด

ทั้งที่ผมคาดคั้นเอาความลับซึ่งอีกฝ่ายปิดซ่อนเอาไว้ออกมาได้สำเร็จ ผมคือผู้ชนะ…แต่กลับรู้สึกพ่ายแพ้ให้แก่เจย์เดน คาร์เตอร์ซะมากกว่า

ถอยห่างจากเขา รีบแก้มัดให้มือของเขาได้เป็นอิสระ เจย์เดนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และทันทีที่อีกฝ่ายได้รับการปลดปล่อย เขาก็ผุดลุกขึ้นนั่งพิงโซฟา กระชากกางเกงกลับมาใส่ด้วยท่าทีลนลาน สองมือของอีกฝ่ายสั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางของเขาเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาที่เพิ่งรอดพ้นจากการโดนข่มขืน

หรือบางทีอาจจะใช่ เพราะผมดูเหมือนไอ้แก่ตัณหากลับที่พยายามขืนใจเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าเลยให้ตายสิ!

แววตาของเขายังหวาดระแวงผม

“ฉัน…ขอโทษ” ผมบอกกับเขา และผมคิดว่าเจย์เดนไม่มีทางให้อภัยผมหรอก ก็ดูสิ่งที่ผมทำกับเขาสิ ผมมันเลวบัดซบ ไอ้ระยำเอ๊ย!

แต่ผิดคาดเมื่อเจย์เดนส่ายหน้า

“ช่างมันเถอะ ฉันไม่…” เขาเงียบไป พักใหญ่กว่าจะพูดออกมาได้ “จะพยายามไม่โกรธก็แล้วกัน”

สถานการณ์ตอนนี้ไม่ควรตลก แต่ผมกลับหลุดขำออกมาซะได้ แถมยังเป็นเสียงหัวเราะที่ฝืดเฝื่อนสิ้นดี

“ฉันคิดว่า…” ผมเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง สิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมามันประหลาดมาก ผมเกือบจะข่มขืนเขาอยู่แล้วนะ เขาจะไม่โกรธผมจริงๆ น่ะเรอะ? แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดีแล้วที่เขาไม่โกรธ “ควรให้นายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวฉันจะหาชุดใหม่มาให้นายแล้วกัน ถือเป็นการ เอ่อ ขอโทษ”

“ดูเป็นของตอบแทนที่ไม่คุ้มกันเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่นายทำกับฉันเมื่อกี้”

ผม...ผมไม่มีอะไรจะโต้แย้งสักนิด

“แต่การที่นายยังไม่ได้ปลดปล่อยไอ้หนูของนายให้ไปถึงฝั่งฝัน” เจย์เดนเหลือบสายตามองเป้ากางเกงที่ยังโป่งพองของผม “นั่นก็เป็นความทรมานที่สมเหตุสมผลกันดีกับที่ฉันโดนไป”

“อ่า...” ผมขมวดคิ้ว ก้มมองเป้าตัวเองบ้าง ความคับแน่นดุนดันจนกางเกงยีนเนื้อดีโป่งพอง และสารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่าผมโคตรจะทรมานเลยจริงๆ นะ

“ถ้านายอยากให้ฉันหายโกรธ...ก็อย่าได้คิดที่จะช่วยตัวเองเด็ดขาด”

“!!!” ผมจ้องเขาตาค้าง แต่เจย์เดนกลับยิ้มบาง สีหน้าของเขาดูสะใจเป็นอย่างมาก

“หากนายอดทนจนมันสงบลงเองได้ ถือว่าเราหายกัน”

ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องทำตามคำสั่งของเขา แต่สุดท้ายผมก็ทำ อดทนข่มกลั้นความอยากที่จะปลดปล่อยไอ้หนูของผมให้เป็นอิสระจากความอึดอัดอยู่นาน…นานมาก

และให้ตายเถอะพระเจ้า นี่เท่ากับว่าผมดันแพ้ให้เขาในนาทีสุดท้ายน่ะสิ!


__________
มาแล้วๆ ขอโทษที่ช้าค่ะ ไฟต์กับเน็ตอยู่ ฮือ ไม่ทอล์กเยอะด้วย จะรีบไปอ่านนิยายต่อบ้างแล้ว 555 เอาเป็นว่าตอนนี้ก็อย่างที่ได้รับชมกันไป คิดหรือว่าคริสเตียนจะได้กินเจย์เดนง่ายๆ ฝันไปก่อนนน อิอิ เอาล่ะ เจอกันตอนหน้านะคะ ไปแล้ววว

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 11-08-2018 01:14:04
แอบกรีดร้องตอนคริสเตียนถอดกุงเกง
เอาจริงๆก็อยากให้คุณคริสตบจูบพอเป็นพิธีแล้วก็มีสติกลับมาแบบนี้ค่ะ
อยากให้เจย์เดนเต็มใจมากกว่า ไม่อยากให้เจ็บทั้งตัวทั้งใจ(ลำเอียงสุดๆ)
ลงโทษเขาแบบนี้ก็ดีแล้วเนอะ แลดูสะใจดี ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-08-2018 01:37:24
 :z6: :z6: :z6:  อีคริสเตียนเลวจัง
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 11-08-2018 01:38:10
เกือบเสร็จคริสเตียนสะแล้ววว (ฉันหวังให้พวกเค้าได้กัน)  :mew2:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-08-2018 01:40:06
อะไรจะหื่นถึงขนาดนั้น คริสเตียน  :hao6:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-08-2018 01:58:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-08-2018 03:56:17
อุ้ย พลังโซลเมทนี่น่ารักจัง แค่คริสเตียนไม่อ่อนโยนจริงๆ เกือบไปละ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 11-08-2018 08:56:18
ก็คิดว่าคริสคงไม่ได้กินเจย์ง่ายๆ แต่ก็อดลุ้นไม่ได้  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-08-2018 08:57:30
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 11-08-2018 09:21:16
 :jul1: :haun4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 11-08-2018 09:39:10
ดีนะหยุดได้ ไม่งั้นเจย์เดนคงโกรธขั้นสุดอ่ะ
ค่อยๆปรับตัวเข้าหากันดีกว่าน้อ

โอ๋ๆเจย์เดน
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 11-08-2018 10:30:48
เกือบแล้วเจย์เดน คุณคริสหน้ามืดสุดๆ ขอบคุณค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-08-2018 19:21:32
นุ้งเจย์แอบแสบ...เอ็นดู   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-08-2018 21:05:36
นี่คือการทำนายอนาคนว่า daddy จะกลัวเมียเด็กไหม :laugh:

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 11-08-2018 21:22:20
อ้าว...อด อิอิ :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 11-08-2018 21:29:02
ร้ายกาจ เจย์เดนร้ายกาจจจ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 12-08-2018 02:53:38
สนุกๆ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 8 [11-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-08-2018 02:54:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 9 [14-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 14-08-2018 00:45:39
Chapter 9

When I try to believe in soulmate


 

‘ฉันคิดว่าเราต้องคุยกัน’

‘ใช่ เราต้องคุยกัน...แต่ไม่ใช่วันนี้’


 

นั่นคือบทสนทนาส่งท้ายของเราสองคน ก่อนที่ผมจะขอตัวกลับบ้านหลังจากได้รับเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว

คริสเตียนดูท่าจะอยากคุยกันให้รู้เรื่องในทันที แต่เขาลืมคิดไปหรือเปล่าว่าในสถานการณ์ที่ผมเพิ่งถูกเขาลวนลาม เอ่อ หรือเรียกว่าล่วงเกิน...เอาเป็นว่าจะคำไหนก็แล้วแต่ นั่นล่ะคือความหมายที่ผมต้องการจะสื่อ

และในสภาพแบบนั้นยังคิดอีกหรือว่าผมพร้อมที่จะคุยกับเขา หมอนั่นคุกคามผมเป็นครั้งแรก ตอนที่จูบกันในคลับยังไม่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองโดนคุกคามได้เท่านี้มาก่อน เขาน่ะเกือบจะ...ให้ตายสิ ผมไม่มีวันพูดมันออกมาได้แน่ ไม่สามารถบรรยายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟังได้เด็ดขาด

เอาเป็นว่าผมต้องกลับมาตั้งหลัก และจนกว่าจะพร้อม ผมไม่มีทางไปเจอคริสเตียนแน่นอน

ถามว่าผมโกรธเขาไหม? ก็แน่สิทำไมผมจะไม่โกรธกันล่ะ แต่พอเห็นใบหน้าซีดเผือดของเขาตอนที่เอ่ยขอโทษผม ความโกรธที่มีก็กระจายหายไปราวกับเป็นเศษทรายที่ถูกลมพัดปลิวออกจากกำมือจนหมด

โชคชะตาบ้าๆ ของการเป็นโซลเมตกันทำให้ผมหายโกรธเขาอย่างรวดเร็วอย่างได้อย่างไม่น่าเชื่อ ใจผมอ่อนยวบลงไปอีกเมื่อเห็นแววตารู้สึกผิดอย่างจริงใจของเขาที่มองมา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้คิดที่จะให้อภัยเขาง่ายๆ เช่นกัน

บทลงโทษของคนหื่นกามคือการโดนสั่งไม่ให้ช่วยตัวเองทั้งที่ไอ้นั่นแข็งปึ๋ง นี่ล่ะสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว

คิดแล้วก็ขำ สีหน้าของเขาตอนผมสั่งห้ามดูอดกลั้นแทบทนไม่ไหว ตอนที่เขาส่งผมขึ้นรถ (แน่นอนเขาเสนอตัวมาส่งผมด้วยตัวเอง แต่ผมไม่ยอม สุดท้ายเขาก็เลยสั่งให้คนที่น่าจะเป็นผู้ช่วยของเขามาส่งผมแทน) ผมเห็นเขากัดฟันกรอด และเป้าของเขาก็ยังตุงอยู่เหมือนเดิม

แมตต์รู้เรื่องในวันต่อมา ผมไปทำงานตามปกติและเล่าให้เขาฟังแค่คร่าวๆ ก็แค่บอกว่าโดนจับได้ที่โกหกเรื่องโซลเมต (แต่เรื่องที่คริสเตียนรูดไอ้หนูให้ผมน่ะ ไม่มีทางที่ผมจะพูดออกไปเด็ดขาด) เท่ากับว่าตอนนี้คริสเตียนรู้แล้วว่าโซลเมตของผมคือเขา ไม่ใช่ผู้หญิงชื่อคริสติน่า

ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะเล่าให้แมตต์ฟัง แต่เพราะว่าเขาสังเกตเห็นอาการเหม่อลอยของผมที่เป็นอยู่บ่อยครั้งได้น่ะสิ ผมจึงโดนคาดคั้นเอาคำตอบจนได้ว่าเมื่อวานหลังเขากลับไปมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“นั่นมัน...โอ้พระเจ้า เป็นเรื่องดีที่เขาได้รู้ความจริงนะ!”

“ชู่ว!” ผมขมวดคิ้ว นิ้วชี้แตะปากเพื่อบอกให้เพื่อนรักเงียบเสียงลงหน่อย ตะโกนขนาดนี้อยากให้คนทั้งบริษัทรู้เรื่องของผมนักหรือยังไง

“โทษที” แมตต์ยิ้มแหย “แต่นั่นน่ะ นั่นมัน...พระเจ้า น่ายินดี น่ายินดี”

“น่ายินดีกับผีแกสิวะ!” ผมถลึงตามองอีกฝ่าย “ฉันกับเขาแค่เป็นโซลเมตกัน แต่ไม่ได้เป็นคนรักกันซะหน่อย”

“อีกไม่นานก็ได้เป็น เชื่อฉันสิ แกหนีลิขิตแห่งฟ้าไม่ได้หรอก”

ผมกลอกตา “น้ำเน่าฉิบ”

“เฮ้ อย่าพูดไป หนีอะไรก็หนีได้ แต่แกหนีสิ่งที่พระเจ้ากำหนดมาไม่ได้หรอก”

อ่า นั่นสินะ ที่แมตต์พูดก็ถือว่าเป็นเรื่องจริง ผมอยากจะไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง เพราะถ้าท่านมีจริงคงไม่สร้างให้ชีวิตคนคนหนึ่งต้องเกิดมาพร้อมความเจ็บปวด...อย่างที่ผมเจอ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงเชื่อเรื่องโซลเมต แค่ไม่ศรัทธาในมันก็เท่านั้น

หากศรัทธาแล้วชีวิตรักของผมต้องพังยับเยินเหมือนพ่อกับแม่ ผมเลือกที่จะเชื่อว่าพลังโซลเมตมีอยู่จริง แต่ไม่เอาตัวเองเข้าไปหลงอยู่ในวังวนความรักที่เกิดจากมันคงดีกว่า

“แล้วแกจะเอายังไงต่อไปวะ?” แมตต์ถาม

ผมถอนใจ ไหวไหล่เบาๆ “ไม่รู้สิ อาจจะ...อยู่ให้ห่างจากเขาล่ะมั้ง”

“แต่เขาอยากเคลียร์กับแกนะ”

“แกแน่ใจได้ยังไง เขาอาจจะแค่พูดไปอย่างนั้นก็ได้ นี่ก็ผ่านมาเป็นวันๆ แล้ว บางทีเขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าทำอะไรกับฉันเอาไว้เมื่อวาน” ผมโต้แย้ง

“หือ? เขาทำอะไรแก?” แมตต์เลิกคิ้วถาม

ผมชะงัก ให้ตาย เกือบหลุดปากออกไปแล้วสิว่าเกือบโดนปล้ำ ซึ่งถ้าแมตต์รู้มันจะเป็นอะไรที่น่าอายมากสำหรับผม ดังนั้นผมไม่มีวันบอกเขาหรอก

ผมโบกมือปัดๆ “ไม่มีอะไรหรอก”

“ถ้าฉันเป็นเขา ฉันต้องอยากคุยกับแกแน่นอนเจย์” ผมหันไปสบตาเพื่อน และแมตต์ยืนยันคำพูดตัวเองด้วยการพยักหน้าให้ “เชื่อฉันเถอะเพื่อน เขาเพิ่งได้รู้ว่าใครคือโซลเมตของเขา แถมยังมีเรื่องคาใจอีกว่าทำไมแกถึงปิดบังเขามาได้ตั้งนาน ไหนจะคาดคั้นเอาคำตอบแล้วแกโกหกเขาบ้างล่ะ บ่ายเบี่ยงบ้างล่ะ ปฏิเสธบ้างล่ะ ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจนอยู่บนนมตัวเองแท้ๆ”

ผมถอนหายใจอีกครั้ง ไม่มีอะไรจะทุ่มเถียงกับแมตต์ได้อีก ทั้งหมดที่อีกฝ่ายพูดมาล้วนเป็นเหตุจูงใจมากพอให้คุณโซลเมตอยากจะคุยกับผมให้รู้เรื่อง และเพราะแบบนั้นผมถึงได้กลัวไงล่ะ ผมกลัว...ว่าจะควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้

กลัว...ว่าจะตกหลุมรักคริสเตียน

“เอาเถอะ ไม่ว่าแกจะตัดสินใจยังไง อย่าลืมว่าแกมีเพื่อนอย่างฉันอยู่เสมอนะเว้ย” แมตต์ตบบ่าให้กำลังใจผม

“อืม” ผมพยักหน้ารับ เรายกกำปั้นขึ้นมาชนกัน ก่อนเพื่อนรักจะขอตัวไปคุยโทรศัพท์กับคริสติน่าแฟนสาว

จะว่าไปผมยังไม่ทันได้ขอให้คริสติน่าช่วยมาเป็นโซลเมตปลอมๆ ให้เลยแฮะ ดันโดนจับได้ซะก่อนนี่สิ

ถอนหายใจทิ้งอีกเฮือกใหญ่ คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี...สุดท้ายผมก็เลือกที่จะเลิกคิดแล้วปล่อยให้โชคชะตาทำหน้าที่ของมัน ยังไงผมก็หนีไม่พ้นหรอก หากคริสเตียนคิดจะมาหาผมจริงๆ แค่อำนาจในฐานะผู้ช่วยของรองประธานบริษัทแคมเบลล์ เพียงกระดิกนิ้วเขาก็คงเรียกคนมาอุ้มผมไปหาเขาได้แล้วมั้ง

 

...ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดว่าเขาจะมาหาผมเองถึงที่

เย็นวันนี้หลังจากหาอะไรลงท้องให้ตัวเองได้แล้วผมก็กลับบ้านทันที...ไม่มีคลับ บาร์ หรือร้านอาหารที่เสิร์ฟแอลกอฮอล์ที่ไหน ร้านอาหารสตรีทฟู๊ดข้างทางคือมื้อเย็นของผม ดังนั้นทันทีที่ผมกลับถึงบ้าน การเจอคริสเตียนยืนพิงรถหรูสีดำเงาวับอยู่หน้าบ้านของตัวเองก็ดูจะเป็นอะไรที่ทำให้ผมตั้งรับไม่ทัน

เรามองหน้ากันด้วยความกระอักกระอ่วนไม่น้อย

“เอ่อ...”

“นายพูดก่อน” คริสเตียนผายมือให้ผม

ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย “นายมาทำอะไร...ที่นี่?”

คนถูกถามเลิกคิ้ว ตามด้วยแค่นหัวเราะ “ถามจริงดิ? ไม่รู้เหรอว่าฉันมาหานายทำไม?”

“โอเค รู้แล้ว อย่าได้พูดมันออกมาเชียวนะ” ผมรีบยกมือห้ามเขา

คุณโซลเมตหัวเราะ ห้านาทีต่อมาผมก็นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวในบ้านของตัวเอง โดยมีคริสเตียนนั่งอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกัน เราไม่ได้พูดอะไรออกมาสักประโยค แค่มองหน้ากันไปมาราวกับจะพิสูจน์ว่าใครอดทนไม่เปิดปากพูดได้ก่อนเป็นฝ่ายชนะ

ความเงียบโรยตัวอยู่รอบๆ ผมน่าจะเปิดโทรทัศน์ อย่างน้อยเวลานี้รายการเกมโชว์ยอดฮิตตอนเย็นก็น่าจะสลายบรรยากาศกดดันระหว่างเราสองคนได้บ้าง

และให้ตายเถอะ คนที่หมดความอดทนก่อนดันเป็นผม...

“มาเพื่อนั่งจ้องหน้าฉันหรือไง?”

ผู้ชายที่กำลังกอดอกเอนหลังพิงพนักโซฟาเลิกคิ้วให้ผม เขายิ้มมุมปากในแบบที่เหมือนหัวโจกจอมเกเรในโรงเรียน ที่กำลังคิดจะหาเรื่องไอ้เนิร์ดสวมแว่นหนาเตอะสักคน

“ก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่หรอก เพราะการมองหน้านายทำให้ฉันรู้สึกดีพิลึก”

คำพูดของเขาเป็นอะไรที่เฮงซวยมาก แต่บัดซบยิ่งกว่าคือการที่ผมดันใจเต้นแรงไปกับสิ่งที่เขาพ่นออกมาน่ะสิ ไอ้บ้าเอ๊ย นี่เขาพี้ยามาใช่มั้ยถึงได้พูดอะไรแปลกๆ แบบนี้กับผม หรือเพราะรู้แล้วว่าผมคือโซลเมตของเขา เขาก็เลยคิดจะจีบกันถึงได้พูดประโยคชวนหวานเลี่ยนใส่

อ่า ให้ตาย ผมไม่ควรจะหลงคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้น อย่างผมเนี่ยนะ? คนอย่างคริสเตียนน่ะเหรอคิดจะจีบกัน บ้าไปแล้ว

“เข้าเรื่องดีกว่ามิสเตอร์แคมเบลล์ มาหาฉันมีธุระอะไรกันแน่”

“ธุระเหรอ?” คริสเตียนหรี่ตา “ถ้านายมองว่าการเคลียร์กันถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อวานคือธุระระหว่างเรา โอเค มันอาจจะใช่ แต่เหนือสิ่งอื่นใดฉันอยากให้เรียกว่าปรับความเข้าใจกันมากกว่า”

“ใช้คำพูดได้น่าขนลุกมากครับคุณโซลเมต” ผมเผลอเรียกเขาด้วยชื่อที่มักเรียกแค่ในใจ ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่พลาดมาก เพราะอีกฝ่ายยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ราวกับยินดีในสิ่งที่ได้ยิน

“โอเคคุณโซลเมต” เขาเรียกผมกลับด้วยถ้อยคำเดียวกัน และผมล่ะอยากจะตั๊นหน้าเขาฉิบ! “เรื่องเมื่อวาน ฉันอยากจะ...แบบว่าขอโทษนายอีกครั้ง”

“...” ผมรอฟังต่อ

คริสเตียนพรูลมหายใจ “ฉันทำเกินไป รุนแรงกับนาย ล่วงเกินนาย เอ่อ ทำตัวหยาบคายและระยำบัดซบกับนาย”

“ดีใจที่นายรู้ตัว” ผมแทรกขึ้น ยิ้มขำให้กับสีหน้าแข็งเป็นหินของเขา

อีกฝ่ายกลอกตา “เอาเป็นว่าฉันขอโทษ”

เขาดูเหมือนไม่เต็มใจจะเอ่ยคำนั้นออกจากปาก แต่ผมกลับรับรู้ได้ว่าเขาพูดออกมาด้วยใจจริง...เขาอยากจะขอโทษผมจริงๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมใจอ่อนกับเขามากกว่าเมื่อวานเสียอีก

คนคนนี้มีอิทธิพลกับผมมากเกินไปแล้ว เป็นแค่โซลเมตแท้ๆ แต่ทำไมถึงส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิดของผมได้มากมายขนาดนี้ แล้วสุดท้ายผมก็ให้อภัยเขาจนได้

“ฉันไม่โกรธแล้ว”

คริสเตียนยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิม “ขอบใจ”

“แค่นี้เหรอ เรื่องที่นายอยากคุย?” ผมเลิกคิ้วถาม

“ไม่หรอก มีอีกหลายเรื่อง แต่ฉันไม่แน่ใจว่านายจะยอมตอบฉันหรือเปล่า เพราะดูจากเมื่อวานที่นายพยายามปฏิเสธสุดๆ มันทำให้ฉันไม่เข้าใจเลยว่าแค่ยอมรับออกมาตรงๆ มันยากตรงไหน”

“มันยากสิ” ผมแทรก จ้องเขม็งเข้าไปในดวงตาของเขา “เพราะฉันไม่พร้อมจะมีโซลเมต และไม่คิดจะพร้อมด้วย”

“ทำไม?” เขาย้อนถาม ขมวดคิ้วจนแทบผูกเป็นโบว์

ผมไม่ตอบแต่ย้อนถามเขา “นายเชื่อเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน?”

“นายหมายถึงอะไร?” แล้วเขาก็ย้อนถามกลับมาอีกเช่นกัน นี่เรากำลังเล่นเกมยี่สิบคำถามสามคำตอบกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย

“เรื่องโซลเมต เรื่องโชคชะตา เรื่องลิขิตของพระเจ้าที่เสนอตัวจับคู่ให้คนบนโลกโดยไม่ถามความเห็นกันก่อน”

แววตาของคริสเตียนดูเหมือนจะกระจ่างแจ้งในสิ่งที่ผมถาม

“นายไม่เชื่อเรื่องโซลเมตสินะ” อีกฝ่ายขยับตัวนั่งหลังตรง จดจ้องเข้ามาในดวงตาของผมราวกับจะสะกดจิตกัน

“เปล่า เชื่อ แต่ไม่ชอบใจเท่าไหร่”

“เพราะแบบนี้สินะนายถึงได้ปฏิเสธเรื่องที่เราเป็นโซลเมตกัน” เขาสรุป และมันถูกต้องราวกับเขาเข้ามานั่งลงกลางใจผม ผู้ชายคนนี้ฉลาดเกินไปแล้ว “นายกำลังกลัวด้วยใช่มั้ย? นายกลัวอะไรเจย์เดน กลัวโชคชะตาที่จับคู่เราทั้งๆ ที่เราไม่ได้รักกันน่ะเหรอ?”

“...”

“หรือเพราะเรื่องราวในอดีต ครอบครัวที่ล้มเหลวทำให้นายกลัวที่จะรักโซลเมตตัวเอง”

เขาคาดเดาได้ตรงเกินไปแล้ว แต่นั่นกลับปลดล็อกอะไรบางอย่างในตัวผม ดลใจให้ผมเผยความรู้สึกลึกๆ ของตัวเองออกไปให้เขาได้ฟัง

“พ่อกับแม่ฉันเป็นโซลเมตกัน พวกเขารักกัน แต่สุดท้ายก็เลิกรักกันง่ายดายราวกับความรักก่อนหน้านั้นเป็นเพียงภาพมายาแห่งความฝัน” ผมทิ้งตัวลงพิงพนักโซฟาอย่างหมดแรง เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง หวนระลึกถึงความเจ็บปวดที่ผ่านมา เปิดเผยหมดเปลือกถึงเรื่องราวในอดีตของตนเอง

ตลอดเวลาที่ผมพ่นแทบจะทุกสิ่งอย่างในใจออกไป ทั้งความอึดอัด ความกดดัน ความเจ็บปวด ความกลัว และความเสียใจ...คริสเตียนทำเพียงนั่งฟังผมเงียบๆ ปล่อยให้ผมได้ระบายความบัดซบของชีวิต

ผมมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่กำลังกำมือแน่น กัดฟันกรอดด้วยความอัดอั้นใจ นั่นทำให้คุณโซลเมตลุกขึ้นจากที่นั่งตัวเองเพื่อเดินมาหาผม แล้วดึงผมไปนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ด้วยกัน

เขาโอบบ่าผมเอาไว้หลวมๆ ลูบไหล่ปลอบอย่างอ่อนโยน รั้งศีรษะของผมให้ซบลงไปบ่าของเขา กระซิบถ้อยคำอ่อนโยน เสียงของเขานุ่มนวล...ช่างปลอบประโลมใจเหลือเกิน

“มันผ่านมาแล้ว นายไม่เป็นไรแล้ว”

“ไม่ มันยังเป็นอยู่ มันยังฝังอยู่ในใจของฉัน แม้แต่ตอนนี้การเจอหน้าพ่อกับแม่ก็ยังทำร้ายฉันอยู่เสมอ พ่อเกลียดฉัน เขามองว่าฉันเป็นภาระมาโดยตลอด ส่วนแม่ก็เอาแต่เศร้าเวลาที่เรามองสบตากัน เธอเอาแต่ขอโทษฉันซ้ำๆ ในสิ่งที่ฉันไม่อยากได้ยิน”

ผมก้มหน้าลง ปล่อยตัวเองให้เอนพิงผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นโซลเมตของผม ลืมเลือนไปสิ้นว่าเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา

“เพราะเรื่องที่ฉันเจอมานี่ไง ที่ทำให้ฉันไม่อยากศรัทธาในคู่ชีวิตที่พระเจ้ากำหนด ฉันไม่อยาก...ไม่อยากรักนาย”

“ฉันก็ไม่ได้อยากให้เรารักกันนะ รู้มั้ยพวก”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนพูด ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “นายกำลังหมายถึง...”

“เราเป็นเพื่อนกันก็ได้นี่”

“แค่เพื่อน?” ผมทวนถาม “แค่เพื่อนแน่เหรอ เมื่อวานนายเกือบจะปล้ำฉันนะพวก”

คริสเตียนระเบิดหัวเราะเสียงดัง “โอเคๆ ก็มีบ้างนิดหน่อยที่ฉันคิดว่าอยากจะเป็นมากกว่านั้น”

“ฉัน...” ผมทำท่าจะแย้ง แต่อีกฝ่ายก็รีบพูดรัวเร็วตามมา

“ยอมรับนะว่าเรายังรู้จักกันน้อยไป แต่อาจจะเป็นเพราะโชคชะตาที่พระเจ้ากำหนดอะไรนี่ก็ได้ที่ทำให้ฉันสนใจในตัวนาย เพียงแต่ฉันไม่รู้ตัว เพิ่งจะมารู้ตัวเอาก็เมื่อวานนั่นล่ะ” เขาหัวเราะในลำคอแผ่วเบา

“พลังโซลเมตงี่เง่า” ผมก่นด่า คริสเตียนยิ้มขำ

“นั่นล่ะ แต่โดยสรุปก็คือฉันสนใจนาย แต่จะไม่บังคับถ้านายไม่อยากจะสานสัมพันธ์ของเราให้เกินกว่าคำว่าเพื่อน หรือสถาปนิกกับลูกค้า จะอะไรก็ช่าง แต่ฉันจะไม่บังคับนายให้มาเป็นคนรัก หรืออะไรทำนองนั้น”

“เดี๋ยวนะ ทำไมเรามาคุยกันเรื่องนี้ได้ล่ะเนี่ย” ผมขยับตัวออกห่างจากเขา

“แล้วไม่ถูกต้องตรงไหน?”

ผมส่ายหน้า “มันไม่ถูกน่ะสิ ฉันก็บอกอยู่ว่าไม่อยากมีความรักกับโซลเมต แต่นายพูดเหมือนกับว่าเราสามารถสานสัมพันธ์กันจนพัฒนาเป็นความรักได้”

“ฉันก็ไม่ได้บังคับ แค่อยากให้นายลองเปิดใจดูบ้างก็เท่านั้น ก็อย่างที่บอก...เป็นเพื่อนกันก่อนก็ได้”

มันดูย้อนแย้งแปลกๆ นะ”

“อีกอย่าง...เมื่อวานนายกับฉันก็เข้ากันได้ดีนะ ไม่คิดแบบนั้นหรือไงพวก?”

เข้ากันได้ดีงั้นเหรอ?

ผมนิ่งคิดตาม แล้วก็พบว่าตัวเองหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที “คริสเตียน ไอ้เวรเอ๊ย!”

เข้ากันได้ดีของเขาก็คือเรื่องที่เขาใช้มือรูดไอ้หนูใต้กางเกงให้ผมสินะ ให้ตายเถอะ หมอนี่มัน...!

“เฮ้ ไม่เอาน่า แค่เปิดใจเอง”

คำว่าแค่ของเขา แต่มันคือคำว่าต้องของผมต่างหาก...ต้องเปิดใจรับคนที่เป็นโซลเมต ทั้งที่ผมกลัวมากเหลือเกินว่าชีวิตและความสัมพันธ์ของเราจะล้มเหลวเหมือนที่ผมเคยเห็นพ่อกับแม่เป็น

ถ้าหากผมตกหลุมรักเขาขึ้นมา นั่นน่ะมันน่ากลัวมากเลยนะสำหรับผม

“รู้อะไรมั้ย” คุณโซลเมตเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ฉันเองก็กลัว” ผมหันไปสบตาเขา ตั้งใจรอฟัง “พ่อกับแม่ของฉันไม่ใช่โซลเมตกัน พวกท่านรักกันก่อนที่แม่จะเจอโซลเมตซะอีก หลังจากแม่มีแคส...พี่ชายของฉันน่ะนะ แม่ก็เจอกับโซลเมตเขาโดยบังเอิญ อีกฝ่ายเป็นลูกค้าคนหนึ่งที่เช่าซื้อคอนโดฯ ของบริษัท และหลักจากที่รู้ว่าเป็นโซลเมตกัน ผู้ชายคนนั้นก็ดูเหมือนพยายามจะเข้ามาในชีวิตของแม่ โดยไม่สนใจว่าแม่จะแต่งงานแล้ว”

ผมมองเขาตาค้าง “แล้วพ่อกับแม่นาย…”

“เป็นโชคดีที่พ่อกับแม่รักกันมาก และพ่อก็เชื่อใจว่าแม่จะไม่มีวันนอกใจไปหาโซลเมตของตัวเอง”

“เดี๋ยวนะ แล้วโซลเมตของพ่อนาย?”

“เขาตายก่อนที่พ่อจะเจอแม่แล้วรักกันน่ะ โซลเมตของพ่อเป็นผู้ชาย แต่ว่าป่วยตาย พ่อก็เลยได้มาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับแม่ของฉัน” คริสเตียนเงียบไปหลายนาทีกว่าจะเริ่มพูดต่อ “และหลังจากแม่มีฉันจนฉันอายุได้สิบสอง พ่อก็ตายเพราะอุบัติเหตุ”

“อ่า เสียใจด้วยนะ”

คุณโซลเมตของผมหัวเราะเบาๆ เขายื่นมือมาเคาะจมูกของผม ผมปัดออกแทบไม่ทัน...คิดว่าผมเป็นเด็กหรือยังไงกัน

“หลังพ่อตายแม่ก็แต่งงานใหม่กับโซลเมตของตัวเอง ปัจจุบันเขาคือพ่อเลี้ยง...ที่ฉันเกลียดฉิบหาย”

“เอ่อ...” ผมอยากจะพูดอะไรสักอย่างปลอบใจเขาบ้าง แม้ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเกลียดพ่อเลี้ยง แต่ทั้งคู่คงมีความหลังฝังใจอะไรบางอย่างต่อกัน

คริสเตียนยิ้มให้ผม “ประเด็นที่ฉันอยากจะพูดก็คือ...นายกลัวที่จะรักโซลเมต เพราะเห็นถึงความสัมพันธ์แย่ๆ ของพ่อกับแม่ที่ต้องจบลง ทั้งที่โชคชะตาลิขิตมาให้คู่กัน ส่วนฉันเองก็เกลียดการจับคู่ให้คนอื่นของพระเจ้า ที่ดันเลือกไอ้ระยำมาเป็นโซลเมตของแม่ นั่นเท่ากับว่าเรามีประสบการณ์บัดซบเกี่ยวกับเรื่องนี้คล้ายๆ กัน”

ผมพยักหน้าคล้อยตาม “นายพูดถูก”

“อีกประเด็นก็คือ...ถึงนายกับฉันจะไม่ศรัทธาในโซลเมตสักเท่าไหร่ แต่ฉันสนใจนายจริงๆ นะเจย์เดน อยากให้นายลองเปิดใจ แค่เป็นเพื่อนกันก่อนก็ได้”

“เพื่อนกันคงไม่จูบกันหรอกมั้ง” ผมเลิกคิ้ว “ไม่รูดไอ้หนูให้กันด้วย”

“โอเค ย้ำอีกครั้งว่าฉันไม่อยากเป็นแค่เพื่อน แต่ก็ไม่ได้เรียกร้องให้เป็นถึงขั้นคนรัก พอใจไหมครับมิสเตอร์คาร์เตอร์”

“งั้นจะเรียกความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนว่าอะไรล่ะ? Friend with benefit เรอะ?”

คริสเตียนดีดนิ้ว “คำนั้นก็เข้าท่า ถ้านายยอมเปิดใจให้ฉัน”

ผมถอนใจ ถึงจะไม่อยากแต่ก็ต้องยอมรับเหมือนกันว่าผมเองก็สนใจเขา ไม่ว่าจะด้วยพลังโซลเมตหรือแรงดึงดูดอะไรก็ตาม แต่ผมก็อยากจะลองเดินไปในเส้นทางที่ตัวเองกลัวดูสักครั้ง แม้ผลลัพธ์ในตอนท้ายอาจกลายเป็นความฉิบหายก็ตาม

ผมยื่นมือออกไปหาคริสเตียน อีกฝ่ายไม่ลังเลสักนิดที่จะยื่นมือมาจับกับผม...เราสบตากัน ผมยิ้มให้เขา

“ตามนั้น”

หากว่าผมจะล้มเหลวเหมือนพ่อกับแม่ แต่อย่างน้อยผมก็ได้ลองคิดที่จะรักใครสักคนแล้ว


__________
มาช้าไปหน่อย ขอโทษด้วยค่ะ พอดีเริ่มปั่นต้นฉบับให้บก. แบบจริงจังก็เลยอาจจะมาช้าหน่อยนะคะ แต่ไม่ทิ้งช่วงนานแน่นอน แล้วก็คำผิดยังไม่ได้เช็ก ตรงจุดไหนที่อ่านแล้วงงบอกได้นะคะ ไว้จะเข้ามาแก้พรุ่งนี้อีกทีค่ะ

เอาล่ะ เจย์เดนยอมเปิดใจแล้ว แต่มันจะง่ายสำหรับคนที่กลัวมาตลอดจริงๆ น่ะเหรอ? คริสเตียนเองก็ไม่ได้เชื่อในโซลเมตเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้ต่อต้าน มาดูกันว่าคุณเขาจะเข้าไปในหัวใจของเจย์เดนแล้วจับอีกฝ่ายกินบนเตียงได้สำเร็จหรือไม่ //เอ๊ะ...

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 9 [14-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-08-2018 01:05:20
 :mew1: :mew1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 9 [14-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-08-2018 02:01:58
พ่อแม่เจย์เดน = คู่เวร คู่กรรม
พ่อแม่คริสเตียน = คู่ทุกข์ คู่ยาก
คริสเตียน + เจย์เดน = คู่แท้ หรือป่าวนะ  :m28:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 9 [14-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-08-2018 06:18:08
 they are so cute
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 9 [14-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-08-2018 08:30:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 9 [14-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-08-2018 08:42:59
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 9 [14-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-08-2018 17:00:09
เอาละวุ้ย..เขาเปิดใจให้กันแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 9 [14-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 14-08-2018 17:34:39
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 9 [14-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-08-2018 18:17:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 9 [14-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 14-08-2018 18:25:10
ดีใจที่เจย์เดนยอมเปิดใจให้คริสเตียนบ้าง



หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 9 [14-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 15-08-2018 00:13:37
ต้องลองเดินไปด้วยกันก่อน ถึงจะรู้ว่าจะเดินต่อไปหรือแยกกัน
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 9 [14-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 15-08-2018 00:57:29
 :o8: :-[ :impress2: งื้อออออเขินเลย
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 9 [14-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 15-08-2018 20:48:40
อุปสรรคทางใจช่างใหญ่หลวงนัก
คริสเตียนก็อย่ารุกเร็ว เขาอุตส่าห์ยอมขนาดนี้แล้ว
หวังว่าการเปิดใจจะเป็นไปในทิศทางที่ดีนเ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 9 [14-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 15-08-2018 21:10:50
เอาแล้วววววว
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 17-08-2018 23:32:41
Chapter 10

When I think we look like lovers


 

เพื่อนที่มีผลประโยชน์ร่วมกันเหรอ? นี่มันเหมือนคนรักกันมากกว่านะ

 

การวนเวียนอยู่รอบตัวผมคืองานประจำของคริสเตียนไปแล้ว

เขาหาโอกาสมาเจอผมแทบทุกวัน...ดักรอหน้าบ้าน โทรถามว่าผมอยู่ที่ไหนและตามมาหา สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ก็คือทุกครั้งที่เราเจอกันเขามักจะหาโอกาสสัมผัสตัวผม กอดบ้าง ลูบหัว ลูบแก้ม จับมือ หรือแม้แต่จูบก็ด้วย

ผมไม่ได้ขัดขืน เอาเข้าจริงผมเองก็ชอบที่ได้แลกสัมผัสต่างๆ กับเขานะ เฮ้! อย่าลืมสิว่าผมเป็นผู้ชาย เรื่องพวกนี้ยังไงก็ต้องมีบ้างอยู่แล้ว แถมมันยังอยู่ในขอบเขต friend with benefit อีกด้วย แล้วทำไมผมต้องขัดขืนกันล่ะ ไม่ใช่สาวน้อยสักหน่อยนี่จริงมั้ย?

ผมเลิกคิ้วเมื่อเดินออกจากบริษัทแล้วเจอคริสเตียนยืนพิงรถหรูของตัวเองอยู่ด้านหน้า สายตามากมายจับจ้องไปยังเขา...ผู้ชายผมสีแอชบราวด์สวมแว่นกันแดดที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจจะปกปิดความหล่อเหลาของเขาเอาไว้ได้มิด

“โซลเมตแกมานั่นแล้ว” แมตต์ถองศอกใส่ผม เขายิ้มกรุ้มกริ่มล้อเลียน

ผมยิ้มเล็กน้อยพลางส่ายหน้าโดยไม่คิดโต้ตอบใดๆ กับเพื่อนสนิท สองเท้าก้าวเข้าไปหาคุณโซลเมต ทันทีที่เขาเห็นผมเดินไปหา คริสเตียนก็ขยับขึ้นยืนตัวตรงพร้อมกับดึงแว่นกันแดดออกจากใบหน้าทันที

“ไง” ผมทัก “ทำไมมาอยู่ที่นี่?”

“มารับนาย”

“รับฉัน?”

คริสเตียนพยักหน้า “ใช่ ไปดินเนอร์กัน”

“ดินเนอร์?” มีหลายสิ่งซึ่งหลุดออกจากปากของเขาที่ทำให้ผมแปลกใจสุดๆ ไปเลย

“ก็ใช่น่ะสิ จะไปไหม? ฉันจองโต๊ะไว้แล้วนะ”

ผมหัวเราะ “ถึงขั้นจองโต๊ะเลยเหรอ จีบฉันอยู่หรือไง”

“อืม” เขาตอบแล้วก้าวขึ้นนั่งบนรถทันที “ตกลงจะไปด้วยกันมั้ย?”

ผมยืนอึ้งได้แค่ไม่นานก็จำต้องพยักหน้ารับ “ไปสิ”

แล้วเราสองคนก็มาจบกันที่ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์แห่งหนึ่ง มันหรูหราและอาหารก็ราคาแพงลิบลิ่วจนผมแทบไม่กล้าสั่งอะไร จึงยกหน้าที่สั่งอาหารให้คริสเตียนเป็นคนจัดการ จะว่าไปที่นี่ก็ดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเขาจะเข้ามานั่งในร้านแบบนี้ได้

สายตาของผมคงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ พอคริสเตียนเห็นเข้าก็เลยเลิกคิ้วมองมา

“คิดว่าอย่างฉันไม่น่าจะมาร้านอาหารแบบนี้อยู่ล่ะสิ”

“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันคิดอะไรอยู่?” ผมเบิกตาโต แต่ปากยิ้มล้อเลียนเขา

คุณโซลเมตถอนใจทั้งที่ปากยังยิ้มอยู่ “ใครๆ ก็คิดแบบนั้นกับฉัน”

“แน่ล่ะ ใครจะไปคิดว่าผู้ชายเสเพลฟันหญิงในคลับไปเรื่อยจะมีมุมใส่ชุดสูทนั่งร้านอาหารกันล่ะ”

“เฮ้! ฉันไม่ใช่คนสำส่อนซะหน่อย”

ผมหัวเราะ “อ้อ เหรอ?”

“กวนประสาท” เขาต่อว่า ผมยิ่งหัวเราะเข้าไปใหญ่ที่แหย่ให้เขาหงุดหงิดได้

 

“วันนี้ฉันนอนบ้านนายนะ”

“อีกแล้วเหรอ” ผมกลอกตาใส่คริสเตียน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามานอนบ้านผม และอย่าเข้าใจผิดว่าผมรังเกียจเขา ผมยินดีให้เขาค้างด้วย แต่บางทีมันก็บ่อยเกินไปนะ “ไหนบอกอพาร์ตเมนต์นายอยู่ไม่ไกลจากบ้านฉันไง ทำไมไม่กลับไปนอนที่นั่น”

คริสเตียนไหวไหล่ “ฉันอยากอยู่กับนายไง”

โอเค ยอมแพ้ครับ

เรามาถึงบ้านของผมโดยใช้เวลาเดินทางไม่ถึงสิบห้านาที ผมเลือกที่จะอาบน้ำก่อน ปล่อยให้คริสเตียนเปิดโทรทัศน์แล้วนอนดูอยู่บนเตียงของผมระหว่างรอ

หลังจากล้างฟองออกจากหัวเสร็จผมก็ต้องสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ประตูห้องน้ำถูกเปิดเข้ามาโดยฝีมือของคุณโซลเมต (ห้องน้ำในห้องนอนของผมมันไม่มีกลอนล็อก นี่เป็นข้อเสียทันทีเมื่อมีคริสเตียนมาค้างคืนด้วย) ผมหันขวับไปมองเขาอย่างรวดเร็ว

“เข้ามาทำไม?”

“ฉันขี้เกียจรอ จะอาบด้วย”

“ตลกมากแคมเบลล์ หาเรื่องลวนลามฉันมากกว่ามั้ง”

คริสเตียนหัวเราะในลำคอ “รู้ทันฉันจนได้”

“เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้ไงล่ะเพื่อน” ผมถอนใจ แต่ก็ปล่อยให้เขาก้าวเข้ามาอยู่ใต้ฝักบัวด้วยกัน ผู้ชายตัวโตๆ สองคนต้องมาเบียดกันเปียกน้ำเนี่ย เลี่ยงไม่ได้ที่อะไรๆ จะเสียดสีกันเลยจริงๆ

สายน้ำหยดลงกระทบร่างกายเปลือยเปล่าแข็งแรงของอีกฝ่าย โซลเมตของผมจ้องมองตรงมา เราสบตากันโดยมีละอองน้ำปลิวปลายรอบตัว และผมไม่คิดจะห้ามเมื่อเขารั้งต้นคอผมเข้าไปใกล้เพื่อประกบจูบ

ปลายลิ้นร้อนผ่าวรุกล้ำเข้ามาในปากผม ผมลูบฝ่ามือไปบนแผ่นอกของอีกฝ่าย สะกิดปลายนิ้วเข้ากับเม็ดเล็กกลางอก ได้ยินเสียงคริสเตียนสูดลมหายใจเข้าลึกในตอนที่เราแยกริมฝีปากออกจากกัน

เขากดจูบที่แนวคางผม ไล่ลงไปที่ต้นคอ บ่าแกร่ง สองมือไม่ว่างเว้น ลูบไล้สะโพกของผมไปด้วย...ไม่รู้เลยว่าเรามาไกลกันได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จากจูบในคลับตอนเมา จากการบีบบังคับสร้างความสุขสมให้ด้วยมือและปากของคริสเตียน จากวันนั้นจนถึงวันนี้...ผมคิดว่าเราก้าวมาไกลมาก มากเกินกว่าจะเป็นแค่เพื่อนที่ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน

ทำตัวเหมือนเป็นคนรักกันชัดๆ เลย ให้ตายเถอะ

ผมสะดุ้งเมื่อคริสเตียนกอบกุมตัวตนของผมเอาไว้ เขาขยับรูดรั้งมันเบาๆ ขยี้ส่วนปลายอย่างที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว และให้ตาย ผมรักที่เขาสัมผัสผมด้วยท่าทีหยอกเย้าเหลือเกิน

ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้ผมยอมปล่อยให้ตัวเองตกหลุมรักเขา ผมคิดว่าคงจะเป็นทักษะการรูดไอ้หนูนี่แหละที่มาเป็นอันดับหนึ่ง อันดับสองคงจะเป็นการที่เขาออรัลให้ผม พระเจ้า! ผมไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเขาทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะพังทลายได้ในทุกครั้งที่เราสัมผัสกัน

ผมไม่อยากรักเขา แต่แค่เขาบีบท่อนเนื้อกลมของผมหนักๆ ทีเดียวก็ทำให้ผมรักการกระทำนี้ฉิบหายแล้ว!

“หยุดหยอกล้อกันได้แล้วแคมเบลล์ ฉันอยากไปถึงสวรรค์”

คริสเตียนหัวเราะเสียงแหบพร่าอยู่ข้างหูผม “ฉันไม่มีทางปล่อยให้นายไปพบพระเจ้าแน่ที่รัก ถ้านายไม่ช่วยส่งฉันไปสวรรค์พร้อมกันน่ะ”

ผมสบถขัดใจ เอื้อมมือลงไปจับท่อนเนื้อร้อนผ่าวของอีกฝ่ายแล้วรูดรั้งให้เขาเป็นการตอบแทน คริสเตียนครางแผ่วด้วยความชอบใจ และนั่นทำให้ผมรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด

เราฟอนเฟ้นก้อนเนื้อกลมให้กันอยู่นาน ผมกัดฟันอดกลั้นไม่ให้ตัวเองเสร็จก่อนเขา เราสองคนส่งเสียงคำรามฮึ่มฮ่ำในลำคอเพราะความเสียวแทบขาดใจที่มอบให้แก่กัน แต่ถึงอย่างนั้นโซลเมตของผมก็ไม่มีทีท่าว่าจะไปถึงฝั่งฝัน มิหนำซ้ำ...

“คิดจะทดสอบความอึดของฉันหรือไงคาร์เตอร์” เขากระซิบถาม

ผมเอียงใบหน้าเพื่อมองสบตาเขา ไม่ตอบ แต่ใช้สายตากดต่ำลงมองความแข็งขึงที่ผงาดกล้าอยู่ในอุ้งมือ

คริสเตียนส่งเสียงขึ้นจมูก “ฉันอึดกว่าที่นายคิด มาดูกันว่าใครที่จะเสร็จก่อน”

ผมเกลียดเสียงหัวเราะของเขาชะมัด ไอ้เวรเอ๊ย!

การแก้แค้นอย่างเดียวที่ผมทำได้คือรูดแก่นกายเขาแรงๆ แต่คริสเตียนปัดมือผมออกแล้วเปลี่ยนเป็นรวบท่อนเนื้อของเราสองคนเข้าด้วยกัน...ความร้อนผ่าวแข็งเป็นหินสองท่อนเสียดสีกัน น้ำเหนียวใสปริ่มออกมาจากส่วนปลาย

ผมจะทนไม่ไหวแล้ว

และสุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ปล่อยให้ตัวเองได้ไปถึงสวรรค์ ภาพเบื้องหน้าพร่าพรายไปชั่วขณะ ผมอิ่มสุขจนแทบกระอักตาย เหนื่อยหอบจนต้องพิงหน้าผากกับบ่าของคริสเตียน

คุณโซลเมตปลดปล่อยความสุขตามหลังผมมาติดๆ เขาหอบหายใจ จูบซับข้างแก้มของผมซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายหน จนกระทั่งเราทั้งคู่กลับมาสู่สถานการณ์ปกติ...ผมหัวเราะแผ่วเบา ปัดป่ายริมฝีปากตัวเองกับปากของคริสเตียน เราแลกจูบดูดดื่มจนแทบลืมหายใจ ก่อนจะผละออกเพื่ออาบน้ำอย่างจริงจังสักที

“แช่อ่างหน่อยมั้ยพวก?” เขาถาม แต่ผมส่ายหน้า

“ฉันไม่แน่ใจว่าการแช่อ่างจะเป็นความคิดที่ดี”

“ทำไม?”

ผมกลอกตาใส่เขา “ดูจากสายตาหื่นกามของนายไง คิดจะทำอะไรตอนเราลงไปนั่งในอ่างด้วยกันล่ะ?”

คริสเตียนระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง “ก็กะว่าครั้งต่อไปจะใช้ปากมอบความรักให้ลูกชายนายไง”

“เพลาๆ ความต้องการของตัวเองบ้างนะคริสเตียน อายุก็มากแล้ว”

“หืม” โซลเมตของผมหรี่ตา คงรู้สึกเหมือนกำลังโดนผมสบประมาทอยู่ ซึ่งก็ใช่ ผมจงใจบอกเป็นนัยอ้อมๆ ว่าเขาน่ะแก่แล้ว อย่าหักโหมนักเลย “ให้โอกาสพูดใหม่ได้นะสหาย”

ผมส่ายหน้า “ออกไปได้แล้วครับมิสเตอร์แคมเบลล์ ผมจะอาบน้ำ”

“ไว้เราได้เคลียร์กันทีหลังแน่” เขาชี้หน้าคาดโทษผม ก่อนจะหันไปอาบน้ำลวกๆ แล้วเดินแก้ผ้าออกจากห้องน้ำไป

 

ผมออกมาอีกทีคริสเตียนก็กำลังนอนเอกขเนกอยู่กลางเตียงแล้ว ผมเหลือบมองโทรทัศน์...ช่องที่เขาเปิดเอาไว้คือช่องโปรดของผม ซีรีส์เกี่ยวกับบรรดาหมอที่วันวันหนึ่งต้องรักษาคนไข้หลากหลายเคส

“มานี่สิ ซีรีส์ที่นายชอบมาแล้วนะ”

คริสเตียนตบฝ่ามือลงบนฟูกนอนข้างตัวเขา ผมพยักหน้า เอาผ้าเช็ดผมไปตากที่พนักเก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์ ก่อนจะเดินกลับมาที่เตียง

เอนตัวลงนอนข้างคุณโซลเมต อีกฝ่ายขยับเข้ามาแนบชิดผม แขนข้างหนึ่งพาดลงกับเอว อีกข้างชันชึ้นมาเพื่อรองรับศีรษะตัวเอง...ส่วนผมแค่นอนหงาย สายตาจ้องตรงไปยังหน้าจอ

มันคงจะเป็นการดูซีรีส์ปกติ ถ้าไม่ใช่เพราะคริสเตียนเอาแต่ดึงความสนใจของผมด้วยการสอดปลายนิ้วเข้ามาใต้เสื้อกล้ามและลูบไล้ไปมาตรงขอบกางเกง ริมฝีปากเย็นๆ ของเขา บ้างก็แนบกับหัวไหล่ของผม บ้างก็แนบกับขมับและข้างใบหูของผม

ลมหายใจเขาเป่ารดผิวเนื้อจนผมแทบไม่มีสมาธิกับภาพบนจอโทรทัศน์ การอธิบายถึงภาวะการติดเชื้อในกระแสเลือดของนายแพทย์สุดหล่อ (ซึ่งเป็นตัวละครที่ผมชอบที่สุด) ไม่เข้าหูผมเลยสักคำ...หรือบางทีมันอาจจะเข้าหูซ้ายแต่ทะลุหูขวาของผมออกไปแล้วก็ได้

“จริงๆ นะเพื่อน” ผมเอ่ยขึ้น “จะอยู่เฉยๆ บ้างไม่ได้หรือไง”

คริสเตียนหัวเราะ พักหลังมานี้ผมได้ยินเสียงหัวเราะของเขาบ่อยมาก แต่ผมก็ชอบนะ เสียงหัวเราะของเขามันน่าฟัง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมคิดแบบนั้น

“อยู่ใกล้นายแล้วฉันห้ามตัวเองไม่ได้ทุกที”

“พูดดีไปก็เท่านั้น ฉันไม่ใช่สาวๆ ในคลับที่นายแค่หว่านเสน่ห์ก็ได้พวกเธอมานอนด้วย”

“ฉันก็ไม่ได้มองว่านายเป็นผู้หญิงพวกนั้น” เขาส่งเสียงขึ้นจมูก “แต่เรื่องอยากเอานายนี่ฉันไม่ปฏิเสธ”

ผมพ่นลมหายใจแรง “ไอ้เวรคริสเตียน”

“เฮ้ เรียกฉันว่าที่รักดีกว่านะ”

คราวนี้ผมแค่นหัวเราะแทน ไม่รู้จะขบขันหรือมันเขี้ยวเขาดี “นอนเฉยๆ ฉันจะดูซีรีส์”

“นายก็ดูไปสิ ฉันอยากทำอย่างอื่นมากกว่า”

ผมพลิกตัวหันหลังให้เขา ไม่เถียงอะไรอีกเพราะรู้ว่าเหนื่อยเปล่าที่จะโต้ตอบกับอีกฝ่าย ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าเราเป็นโซลเมตกัน (ซึ่งนั่นก็ผ่านมาเกินสัปดาห์แล้ว) คริสเตียนก็เอาแต่ทำแบบนี้กับผม ตามติด นัวเนีย คลอเคลีย ให้ตายเถอะ เขาทำเหมือนเราเป็นคนรักกัน ทั้งที่เรายังไม่ได้ตกลงกันเป็นคำพูดด้วยซ้ำ

เดี๋ยวนะ...โอ้พระเจ้า เมื่อกี้ผมกำลังคิดบ้าอะไรอยู่วะนั่น!

ผมขมวดคิ้ว ไล่ความคิดไม่น่าไว้ใจนั่นออกไปจากสมอง กลับมาจดจ่อที่คุณหมออีกครั้ง คนไข้อีกรายที่มาใหม่เป็นผู้อพยพผิดกฎหมายที่ลักลอบเข้ามาในประเทศ น่าสนใจว่าคุณหมอจะทำยังไงต่อไป

ในระหว่างที่ผมกลับมาสนใจซีรีส์ได้สำเร็จ คุณโซลเมตก็พยายามเรียกร้องความสนใจจากผมอีกครั้ง

เขาสอดทั้งมือเข้ามาลูบหน้าท้องของผม ปัดป่ายไปตามลอนกล้ามที่ผมไม่เคยปล่อยให้มันหายไปด้วยการซิทอัพวันละสามสิบครั้ง...และให้ตายเถอะ ตอนนี้ซิกซ์แพ็กของผมกำลังโดนคุกคามจากมือหยาบกระด้างของผู้ชายคนหนึ่ง

แต่คริสเตียนไม่หยุดแค่นั้น เขาลูบมาจนถึงหัวนมผม บีบขยี้เหมือนมันเป็นของเล่นชิ้นหนึ่ง...ผมสูดหายใจ ร่างกายสั่นสะท้าน ตอบรับสัมผัสนั้นด้วยเสียงครางแผ่วในคอ ดูท่าโซลเมตของผมจะชอบใจไม่น้อยที่ทำให้ผมโอนอ่อนต่อเขาได้

“อืม...” ผมเม้มปาก หลับตาลงเมื่อเขาจูบซับลงมาที่หลังคอของผม ท่อนขาของเราเสียดสีกันไปมา

แล้วมันก็เลยเถิดอีกจนได้ ความต้องการของเขาดุนดันอยู่ด้านหลังบั้นท้ายของผม และนั่นปลุกความต้องการของผมให้ผงาดขึ้นมาอีกครั้งเช่นกัน

ผมพลิกตัวหันหน้าเข้าหาเขา ปลายจมูกเราแตะกัน ริมฝีปากปัดป่ายไปมา จูบแผ่วเบาสลับหนักหน่วง ร้อนแรงแต่ก็อ่อนโยน ต้องยอมรับเลยว่าคริสเตียนเก่งกว่าผมมากในเรื่องการสร้างความสุขบนเตียง เขาช่ำชองจนน่าใจหาย ดื้อรั้นที่จะมอบสัมผัสแผดเผาราวกับไฟบรรลัยกัลป์มาให้ผม

นรกเถอะ ผมกำลังจะตายเพราะสิ่งที่เขามอบให้อยู่แล้ว

เตียงนอนร้อนดั่งไฟลุกโชน เราใช้แค่มือให้กันอีกครั้ง และอีกครั้ง จวบจนกระทั่งหมดแรง

ผมผ่อนลมหายใจ มองโทรทัศน์ที่ตอนนี้กำลังฉายข่าวรอบดึก พระเจ้า “นายทำฉันพลาดซีรีส์เรื่องโปรดนะรู้มั้ย”

“โทษที” คริสเตียนหัวเราะ เขาโยนทิชชู่ที่ใช้เช็ดคราบอะไรๆ ของพวกเราลงข้างเตียง ก่อนจะหันกลับมาพาดมือกับเอวผมอีกครั้ง ลูบแผ่นหลังราวกับจะกล่อมนอน ซึ่งผมก็ทำกับเขาแบบนั้นเหมือนกัน

เราแค่นอนมองหน้ากันเงียบๆ ผมอ่อนเพลียจนคิดว่าคงจะหลับในไม่ช้า และแม้ว่าผมจะหลับตาลง แต่หูก็ยังได้ยินเสียงของคุณโซลเมต

“ครั้งหน้า...ลองให้ฉันใช้นิ้วกับนายบ้างดีมั้ย?”

ผมลืมตา ขมวดคิ้ว “นิ้ว?”

“นายไม่เคยเป็นรับใช่มั้ยล่ะ” อีกฝ่ายยิ้ม และรอยยิ้มของเขาไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด “ครั้งแรกค่อนข้างเจ็บ ถ้าไม่เบิกทางไว้ก่อน...”

“หุบปากไปเลย คริสเตียน แคมเบลล์!” ผมขัด คริสเตียนระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นห้องเป็นรอบที่สองของวัน

“น่าเพื่อน ฉันรับประกันเลยว่ามันต้องทำให้นายรู้สึกดีมากแน่ๆ”

“ทำไมไม่เป็นนายที่ให้ฉันเสียบไอ้หนูเข้าไปในก้นล่ะ ฮึ?” ผมย้อนถาม

คริสเตียนส่ายหน้า “ม่าย ไม่มีทาง คิดว่าฉันจะยอมรึไง”

“แล้วนายคิดว่าฉันจะยอมเรอะ?”

เราสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่ผมรู้ตัวว่ากำลังจะพ่ายแพ้ในไม่ช้า...ผมสู้เขาไม่ได้หรอก ผู้ชายอย่างคริสเตียน แคมเบลล์มีประสบการณ์ชีวิตมามากกว่าผมถึงแปดปี สุดท้ายแล้วถ้าเราจะฟัดกันบนเตียงจริงๆ ผมคงต้องเป็นฝ่ายอยู่ใต้ร่างเขา

“นายไม่รู้วิธีหรอกน่า” คริสเตียนกระตุกยิ้ม

“ฉันรู้อยู่แล้ว ถ้าหมายถึงวิธีเสียบก้นใครสักคนน่ะนะ”

คุณโซลเมตเลิกคิ้ว สีหน้าบ่งบอกว่าไม่เชื่อผมสักนิด “แน่ใจเหรอว่ารู้? รู้เพราะเป็นคนเสียบ กับรู้เพราะเป็นคนโดนเสียบมันไม่เหมือนกันนะที่รัก”

“Fuck! บอกให้หุบปากไงไอ้งั่ง!”

เราทุ่มเถียงกันเบาๆ โดยมีฝ่ามือลูบไล้แผ่นหลังกันไปมา ผมจำไม่ได้ว่าหลับไปตอนไหน แต่สิ่งสุดท้ายที่รู้สึกได้ก่อนสติจะดับวูบไปคือจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผาก และคำพูดราตรีสวัสดิ์อันอ่อนโยน

“Good night baby”


__________
มาช้าอีกแล้ว แหะๆ หลังยอกค่ะ นั่งนานๆ ไม่ค่อยได้ กว่าจะปั่นเสร็จก็หมดแรงพอดี ฮือ T T เนื้อเรื่องจะเริ่มเข้าสู้ความเข้มข้นในตอนหน้านี้แล้วค่ะ เอ้อ นึกขึ้นได้ ไปบ่นๆ ไว้ในทวิตเตอร์ว่าอยากเขียนเรื่องของโจชัว ฟีลลิ่งเด็กวัยสิบแปดวัยเกเร โดนโซลเมตอายุมากกว่าสิบปี เป็น sugar daddy คอยเลี้ยงดูค่ะ 55555 แค่คิดนะคะ ไม่รู้จะเขียนดีไหม ฮ่าา เจอกันตอนหน้าครับผม!

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-08-2018 23:41:48
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 17-08-2018 23:45:48
เขียนเลย...ยยยยยยย อยากอ่าน  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-08-2018 23:55:56
 :impress2:   คืบคลานๆ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 18-08-2018 01:56:26
คริสเตียนฉลาดมาก ค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์กันไป
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-08-2018 02:24:02
อยากเห็นการใช้นิ้วอ่ะ ทำให้ดูหน่อยจิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 18-08-2018 08:20:17
กะค่อยๆเต๊าะน้องไป :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-08-2018 08:24:16
พัฒนากันไปอย่างรวดเร็วเลย  :m12:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 18-08-2018 08:32:56
อะไรกันคุณคริสเตียน
เขายอมให้แค่นี้ก็มาเรียกเบบ้งเบบี้แล้ว (มีความหมั่นไส้ระดับเจ็ด)
เจย์เดนเองก็ยอมรับได้รวดเร็วเหมือนกันนะเนี่ย  >///<

เรื่องโจชัวก็น่าสนใจนะคะ อยากรู้เหมือนกันว่าแดดดี้จะมีนิสัยยังไง
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 18-08-2018 08:49:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-08-2018 09:13:45
 :haun4: :haun4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-08-2018 11:19:47
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 18-08-2018 14:39:33
 :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 19-08-2018 01:59:12
 :pighaun: ฮอตยังกะไฟเออร์ เตียงกลายเป็นสมรภูมิ คุณคริสเตียนรุกหนักมาก เจย์เดนก็ไม่น้อยหน้าอ่ะ พลังโซลเมตจริงๆเหรอคะ :hao3: ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 19-08-2018 02:48:02
เจย์เดนจะทนทำเป็นไม่รักได้นานแค่ไหนกันนะ  :z2:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-08-2018 20:43:44
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 10 [17-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 20-08-2018 22:37:22
แปะก่อน :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 20-08-2018 23:29:55
Chapter 11

When I have you beside me


 

ในตอนที่ความรู้สึกของผมกำลังจะพังทลายลงเหมือนซากกำแพงที่ถูกปืนกลยิงถล่ม เขากลับยืนอยู่เคียงข้าง และหยิบเอาเศษซากความรู้สึกของผมกลับมาก่อเป็นกำแพงขึ้นมาใหม่

 

คริสเตียนรีบเร่งออกไปตั้งแต่ยังไม่ทันเช้า ผมจำได้ว่าสะลืมสะลือลุกขึ้นมานั่งมองเขาแต่งตัวโดยไม่พูดอะไร แต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ว่าผมคงสงสัย เขาก็เลยบอกแค่ว่ามีเรื่องด่วน จากนั้นก็กดจูบลงมาที่หน้าผากของผมหนึ่งที กับที่ริมฝีปากอีกหนึ่งที แล้วทิ้งคำพูดไว้แค่ประโยคเดียว...อรุณสวัสดิ์

ผมพยักหน้าให้ เขายิ้มเล็กน้อยแล้วก้าวออกจากห้องไป พอบานประตูปิดลงผมก็เลยล้มตัวลงนอนต่อ และตื่นขึ้นมาอีกทีในเวลาเจ็ดโมงตรงเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นเหมือนทุกวัน

เวลาเข้างานคือแปดโมงตรง แต่เพราะผมเป็นทีมสถาปนิกที่ไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัทตามเวลาปกติ ผมก็เลยใช้เวลาไปกับการอาบน้ำ กินมื้อเช้าพร้อมเช็กอีเมลจากลูกค้าไปด้วย และเดินทางไปทำงานในเวลาเกือบเก้าโมง

“ไง ยังเดินปกติดีนี่”

คำทักทายแรกของแมตต์ไม่น่าฟังเลยสักนิด ผมแยกเขี้ยวใส่เขา ไอ้เฮงซวย มันคิดว่าผมกับคริสเตียนฟัดกันเมื่อคืนและคงจะหนักหน่วงรุนแรงจนผมมาทำงานไม่ไหวล่ะสิ

“ไม่มีอะไรอย่างที่แกคิดแน่นอนไอ้เวรแมตต์” ผมผลักหัวเพื่อนสนิท “แล้วอีกอย่าง...ฉันไม่มีทางนอนง่อยอยู่บนเตียงหลังมีเซ็กซ์หรอกนะเพื่อน น่าจะรู้ไม่ใช่หรือไง”

“เหรอ” แมตต์ลากเสียงยาว ยียวนกวนประสาทจนผมอดใจไม่ไหวต้องยกเท้าขึ้นถีบมัน แต่แมตต์ก็รู้ทันเลยพลิกตัวหลบได้ในเสี้ยววินาที

“เฮ้พวก วันนี้เรานัดกับแคมเบลล์ใช่มั้ย?” เสียงของวิลดังแทรกขึ้น ทำให้ผมกับแมตต์ต้องหันไปมอง

“เรานัดกับพวกเขาวันนี้งั้นเหรอ?” แมตต์ถาม

แดเนียลที่นั่งอยู่ไม่ไกลพลิกเปิดสมุดกำหนดการนัดหมายต่างๆ “ไม่ใช่วันนี้ สัปดาห์หน้าต่างหาก”

“อ่า ฉันคงจำผิด”

“ไอ้งั่งเอ๊ย” แล้วพวกผมก็หันไปไล่เตะวิลแทน

 

ในยามบ่ายแก่ๆ หลังจากร่างแบบให้ลูกค้ารายใหม่ได้ส่วนหนึ่งแล้ว ผมก็เลยแยกตัวออกมาเพื่อพักดื่มกาแฟ ไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะเติมคาเฟอีนเข้าร่างกาย แต่ผมก็ง่วงงุนจนทนไม่ไหว ถ้าไม่โดฟสักหน่อยคงได้หลับคาโต๊ะทำงานแน่

ระหว่างคนกาแฟร้อนๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นดึงความสนใจของผมไปหามัน...ผมหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนที่ใส่อยู่ ชื่อบนหน้าจอเรียกรอยยิ้มจากผมได้เป็นอย่างดี

“ไง”

“ทำอะไรอยู่” คริสเตียนเอ่ยถามมาตามสาย

ผมเหลือบมองแก้วกาแฟในมือ “ชงกาแฟ”

“เดี๋ยวคืนนี้ก็นอนไม่หลับหรอก”

“นายก็ทำให้ฉันหลับสิ” ผมแกล้งหยอก พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงมีนัยยะในแบบที่ทำให้ปลายสายหัวเราะเบาๆ

“อย่าท้าทายฉันเจย์เดน คาร์เตอร์ ถ้าไม่อยากเจอของจริง”

ผมหัวเราะขึ้นจมูก ส่ายหน้าเอือมระอาให้กับความหื่นของอีกฝ่ายแม้รู้ว่าเขาไม่มีทางมองเห็น “แล้วนายล่ะ?”

“ฉันทำไม?”

“ทำอะไรอยู่ ว่างงานงั้นเหรอถึงโทรมาได้”

“อืม เพิ่งเคลียร์ปัญหาได้น่ะ” น้ำเสียงของเขาดูเหนื่อยล้า ผมรู้สึกได้ อยากจะถามว่าปัญหาอะไร แต่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องของผมเช่นกัน ดังนั้นผมจะไม่ถาม

“คืนนี้มาค้างหรือเปล่า?” ผมเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทน

“อยากให้ไปหรือเปล่าล่ะ?”

“แล้วแต่นายสิ ฉันเคยห้ามนายหรือไงพวก”

คริสเตียนหัวเราะดังขึ้นกว่าเดิม “ถึงห้ามฉันก็ไม่ฟังหรอก”

“ใช่ ฉันถึงไม่เคยห้ามสักที ตกลงว่าไง จะมามั้ย?”

“ไปสิ ย้ายไปอยู่กับนายได้เลยยิ่งดี”

“ฝันไปก่อนเถอะ ถ้าคิดจะย้ายมาอยู่กับฉันแบบถาวรล่ะก็ ไม่มีวัน” ผมแค่นหัวเราะ

“ที่ฉันไปค้างกับนายแทบทุกวันก็เหมือนเราอยู่ด้วยกันหรือเปล่า หือ?”

ผมไม่ตอบ ยกกาแฟขึ้นซดลงคออึกใหญ่ แล้วระหว่างเราสองคนก็กลายเป็นความเงียบอยู่นานหลายนาที จวบจนกระทั่งผมดื่มกาแฟหมด

“คริสเตียน มีอะไรจะคุยอีกมั้ย?”

“นายจะไปทำงานแล้วเหรอ?” เขาถาม

“อืม นี่มันยังเป็นเวลางานอยู่นะไอ้น้อง”

“น้อง?” คุณโซลเมตส่งเสียงขึ้นจมูกมาให้ได้ยิน “ฉันอายุมากกว่านายแปดปีเห็นจะได้”

“งั้นฉันควรเรียกนายว่าอะไรดีล่ะ? แด๊ดดี้ดีมั้ย?”

เอาล่ะ นั่นเป็นคำพูดที่โง่มาก ผมไม่น่าพูดออกไปแบบนั้นเลย

จังหวะที่ผมคิดจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อกลบเกลื่อน คริสเตียนก็แทรกขึ้นมาก่อน...

“ก็ดี ฝึกเรียกฉันว่าแด๊ดดี้เอาไว้ เวลาอยู่บนเตียงจะได้ครางเรียกฉันได้ถนัด”

ผมแยกเขี้ยว แม้รู้ว่าเขาไม่เห็นอีกนั่นล่ะ “ไอ้เฮงซวยเอ๊ย”

โซลเมตของผมระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “รู้ใช่มั้ยพวก ว่าแด๊ดดี้ที่ฉันพูดถึงมันไม่ได้แปลว่าพ่อ”

รู้สิ ทำไมผมจะไม่รู้กันล่ะ เห็นคำนี้ออกบ่อยในอินเตอร์เน็ต

“แค่นี้นะ ฉันจะทำงาน”

เขาหัวเราะในลำคอมาให้ได้ยินก่อนจะเอ่ยคำลาแล้ววางสาย “เจอกันเย็นนี้”

คงมารับผมอีกตามเคย แต่ก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องเสียค่ารถโดยสารกลับเอง

 

ความคิดที่ว่าจะรอคริสเตียนมารับหลังเลิกงานเป็นอันต้องยกเลิกไป เมื่อเป็นผมเองนี่ล่ะที่ไม่สามารถอยู่รอเขาได้

มันเริ่มมาจากผมกำลังนั่งคุยเล่นกับแมตต์ ให้คำปรึกษาเขาว่าควรพาคริสติน่าไปเที่ยวที่ไหนในวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่สองของวัน ชื่อบนหน้าจอคือชื่อของเจสซี่ น้องโทรหาผมทำไมกัน?

ทันทีที่กดรับสายผมก็ได้รู้ว่าทำไมเจสถึงโทรมา “เจย์เดน! พี่ต้องรีบไปช่วยโจชัวนะ!”

“โจชัว...โจชัวทำไม?” มือผมเย็นเฉียบขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เสียงสัญญาณเตือนภัยดังลั่นในหัวของผม แมตต์เองก็คงรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่ผมแผ่ออกมา เขายืนตัวตรง จ้องมองมาที่ผมอย่างรอคอย

“น้องโทรหาฉัน เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ฉันได้ยินเสียงพ่อ...พ่อของเขาด่าทอ แล้วก็เสียงโจชัวร้องเหมือนโดนทำร้ายร่างกาย เจย์เดน ฉันเป็นห่วงน้อง”

“พี่จะรีบไปหาเขา เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไว้พี่จะโทรหา” วางสายจากเขาเสร็จผมก็หันไปหาแมตต์ทันที “ขอยืมรถหน่อยแมตต์!”

“เกิดอะไรขึ้นวะ?” เขาถาม แต่มือก็ส่งกุญแจรถให้ผม

“โจชัวน่ะ ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังอีกที” ผมรับกุญแจรถมา “ให้คริสติน่ามารับนายกลับบ้านได้ใช่มั้ย?”

“ได้ แกรีบไปเถอะ”

ไม่ต้องบอกผมก็รีบอยู่แล้ว

ผมเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าผมจะโดนตำรวจส่งใบสั่งมาที่บ้านเพราะขับเกินระดับความเร็วที่กำหนด ผมก็ไม่แคร์เลยสักนิด

จากที่เจสเล่า มีความเป็นไปได้สูงที่โจชัวจะทะเลาะกับพ่อและโดนทุบตี ซึ่งแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ผมก็นิ่งนอนใจไม่ได้ พ่อเป็นคนอารมณ์รุนแรง ผมไม่ไว้ใจเขา ถ้าเขาเกิดพลั้งมือทำเกินกว่าเหตุขึ้นมาล่ะก็...

ยิ่งคิดผมยิ่งร้อนรนใจ เสียงโทรศัพท์ที่ผมโยนเอาไว้บนเบาะที่นั่งข้างคนขับดังขึ้นอีกครั้ง แต่ผมแค่เหลือบมองโดยไม่ได้หยิบมากดรับ...ขอโทษนะคริสเตียน แต่ตอนนี้ฉันไม่สะดวกจะรับสายนาย

ผมได้แต่บอกกับโซลเมตของตัวเองในใจ แล้วจอดรถหน้าบ้านของพ่อจนเสียงเบรกดังสนั่น

“ไอ้เด็กระยำ! แกนี่มันเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ ไอ้บัดซบ!”

“โอ๊ย!”

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของโจชัวทำให้ผมกระโจนเข้าไปในบ้านทันที พ่อกำลังทุบตีเขาด้วยหมัดและเท้า ผมรีบเอาตัวเข้าไปขวางน้องไว้

“พ่อ! หยุด!”

ชายร่างใหญ่ที่กำลังเดือดดาลหยุดชะงักไป เขามองผมด้วยดวงตาที่เหลือกโปนเพราะความกรุ่นโกรธ แยกเขี้ยวแล้วถีบเข้ามาที่ลำตัวของผมเต็มแรง

“แกมาทำไมไอ้ตัวซวย! มาเหยียบบ้านฉันทำไม!?”

“ผมมาเพราะพ่อทำร้ายน้อง!”

“มันเป็นลูกฉัน! ฉันจะตบสั่งสอนที่มันทำตัวสารเลว!”

“โจทำอะไร ทำไมพ่อต้องทำร้ายร่างกายเขา!”

พ่อกระชากคอเสื้อผมเข้าไปใกล้ ใบหน้าที่เค้าโครงส่วนหนึ่งคล้ายคลึงกับผมแสดงความโมโหในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน...ต่อให้เขาจะเกลียดผมมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยมองผมด้วยสายตาเหมือนมองเศษขยะข้างถนนแบบนี้ ไม่เคยเลยสักครั้ง

“น้องแกมันทำให้ฉันอับอายขายหน้า! คนอื่นพูดกันให้ทั่วว่ามันขายตัว!”

“ผมไม่ได้ทำ!” โจชัวที่ใบหน้าฟกช้ำอยู่หลายจุดลุกขึ้นเถียง เขาเองก็กำลังโกรธอยู่เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นตอนที่เขาหันมาสบตาผม แววตาของเขาก็มีแต่ความเสียใจ “เจย์เดน ผมไม่ได้ทำนะ พี่ต้องเชื่อผมนะ”

ผมดันเขาให้หลบอยู่ข้างหลัง “พี่เชื่อนาย”

พ่อแค่นหัวเราะ “พวกแกพี่น้องมันไม่ได้เรื่อง คนหนึ่งก็ตัวซวย อีกคนก็ทำให้ฉันขายหน้า!”

“เจย์เดนไม่ใช่ตัวซวย พ่อนั่นล่ะเป็นไอ้เฮงซวย!”

“ไอ้โจชัว!” พ่อพุ่งเข้ามาจะทำร้ายน้องชายของผม แต่ผมก็ไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้โจเช่นกัน “หลบไปไอ้เจย์เดน ฉันจะเอาเลือดหัวน้องแกออก!”

“ถ้าพ่อจะทำร้ายเขา ก็ทำผมแทน!”

พ่อนิ่งไปก่อนจะพยักหน้า “ได้! แกก็ได้!”

อย่างรวดเร็ว...ผมไม่ทันตั้งตัวในตอนที่พ่อคว้าเอาขวดเบียร์ฟาดลงมาบนหัวของผมเต็มแรง!

“เจย์เดน!!!”

โจชัวตะโกนลั่น และผมต้องใช้สติเป็นอย่างมากในการผลักเขาออกห่างจากพ่อ ผมไม่อยากให้เขาโดนเศษแก้วที่แตกจนเป็นฟันฉลามในมือของพ่อทำร้ายเอาได้

ผมรู้สึกได้ถึงเลือดเหนียวเหนอะที่ไหลลงมาจากมุมซ้ายของหน้าผาก และความเจ็บปวดทำให้ผมตาพร่าไปชั่วขณะ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมีแรงมากพอจะผลักพ่อจนเขาล้มลงกับพื้น ก่อนอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวลากแขนโจชัววิ่งออกจากบ้าน...ผมต้องพาน้องหนีไปให้ไกลจากพ่อ อย่างน้อยก็ในตอนนี้

แต่ยังไม่ทันที่เราจะได้ก้าวขึ้นรถของแมตต์ที่ผมยืมมา ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งก็ถลาเข้ามาขวางหน้าเราสองคนเอาไว้ซะก่อน

“เกิดอะไรขึ้น?” เขาถามเสียงเรียบนิ่ง ไม่มีความตื่นตระหนกใดๆ ในน้ำเสียงนั้น แต่ผมสัมผัสได้ถึงความเคร่งเครียดที่แฝงมากับแววตาของเขา

ผมไม่รู้จักเขา แต่ดูเหมือนโจจะไม่ใช่ “พี่...พี่ชายผม เขาหัวแตก ช่วย...ช่วยเขาที...”

“ขึ้นรถเถอะ ฉันจะพาไปส่งโรงพยาบาล”

ผมไม่คัดค้าน รีบผลักโจขึ้นรถ ผู้ชายที่ผมไม่รู้จักก็ดูจะรู้หน้าที่ดี เพราะตอนนี้เขาขึ้นประจำตำแหน่งคนขับแทนผม และพวกเราก็หนีออกมาได้ทันก่อนที่พ่อจะวิ่งมาถึงตัวรถ

“เจย์ แผลพี่เป็น...เป็นยังไงบ้าง?” โจชัวเอ่ยถาม เขาตัวสั่นด้วยความตกใจกลัว ผมรู้สึกได้เพราะมือของเขาที่กำลังจับใบหน้าของผมอยู่มันสั่นระริก เขาพยายามเอาแขนเสื้อฮู้ดของตัวเองเช็ดเลือดให้ผม

ผมยิ้มอ่อนโยนปลอบประโลมเขา “พี่ไม่เป็นไร อย่าห่วงเลย”

“หัวแตกเนี่ยนะไม่เป็นไร! พี่อย่าฝืนไปหน่อยเลยน่า!” เขาโวยวาย แต่ก่อนที่จะได้ทันพูดอะไรตอบกลับไป เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นจากที่เดิม

ผู้ชายที่กำลังขับรถให้เราหยิบมันแล้วส่งมาให้ โจชัวเป็นคนรับไป “คริสเตียนโทรมา”

“รับแล้วบอกเขาว่าให้ไปเจอกันที่โรงพยาบาลอะไรก็แล้วแต่ที่เรากำลังจะไป”

โจชัวทำตามที่ผมพูด ผมเอนหลังพิงพนักเบาะนั่ง หลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน ผมคิดว่าตัวเองน่าจะหัวแตกจนต้องเย็บ เพราะพ่อฟาดขวดลงมาโดยไม่ออมแรงเลยสักนิด

สิบนาทีต่อมารถของแมตต์ก็จอดเทียบหน้าห้องฉุกเฉิน ผมได้รับการช่วยพยุงเข้าห้องทำแผลโดยโจชัวและผู้ชายที่ผมไม่รู้จัก เอาไว้ทำแผลเสร็จผมคงต้องถามโจแล้วล่ะว่าเขาเป็นใคร แต่ที่แน่ๆ ต้องไม่ใช่เพื่อนของโจแน่ เขาดูอายุมากกว่าผมด้วยซ้ำ

 

สุดท้ายผมก็ต้องเย็บแผลจริงๆ และโดนไปทั้งสิ้นหกเข็มถ้วน

ผมก้าวออกจากห้องทำแผลและพบว่าเขามาถึงแล้ว...โซลเมตของผม

“เจย์เดน นาย...”

ผมยิ้มให้เขา “ฉันไม่เป็นไร แค่หัวแตกน่ะ”

คริสเตียนไม่พูดอะไร เขาแค่ก้าวเข้ามายืนตรงหน้าผม...เราสบตากัน และผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเห็นอะไรในแววตาของผม แต่สิ่งนั้นทำให้เขาดึงผมเข้าไปสวมกอดแน่น

“ให้ตายเถอะพระเจ้า” เขาสบถด่าอีกสองสามคำในระหว่างที่ลูบหัวผมและกดจูบตรงหน้าผากผมไปด้วย มันออกจะหน้าอายเพราะเรายังยืนกันอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน (ซึ่งมีทั้งหมอ พยาบาล และคนอีกมากเดินกันให้ขวักไขว่) แต่ผมก็ปล่อยให้เขาได้ปลอบโยนผมโดยไม่ผละหนี

ความคิดที่ว่าพ่อทำผมหัวแตกโดยไม่คิดจะยั้งมือเลยสักนิด ทั้งที่ตลอดมาต่อให้เขาเกลียดผมมากแค่ไหนก็ไม่เคยทำร้ายร่างกายจนได้เลือด มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนจิตใจของตัวเองกำลังจะแหลกสลาย...เขาไม่เห็นผมเป็นลูกเลยสินะ ถึงกล้าทำร้ายผมได้ขนาดนี้

ผมโตเกินกว่าจะน้อยใจพ่อแม่ แต่สิ่งที่ผมเจอมาตลอดจนถึงวันนี้มันเหมือนรอยแผลฝังลึกที่ไม่มีทางหาย และการโดนกระตุ้นอย่างรุนแรงก็ทำให้ผมเสียศูนย์จนเหมือนกำลังจะพังทลายเป็นเศษซาก

“เขาทำร้ายโจ ทำร้ายฉัน...”

“อืม” คริสเตียนตอบรับคำพูดของผม เขากระชับกอดแน่นขึ้น กดจูบที่ข้างแก้มของผมพลางกระซิบถ้อยคำ ที่ทำให้ผมต้องหลั่งน้ำตาแห่งความเจ็บปวดออกมาโดยไม่อาจฝืนเก็บเอาไว้ต่อไปได้อีก “แต่ฉันจะไม่มีวันทำร้ายนาย ไม่มีวัน”

ผมกอดเขาตอบแนบแน่น ซุกหน้ากับบ่าของเขา เอ่ยกระซิบคำเดิมซ้ำๆ

“ขอบใจนะ...ขอบใจ...”

ขอบใจที่มาหาฉันในเวลาที่ฉันต้องการใครสักคนพอดี


__________
มาดึกอีกแล้ว 555 แจ้งในทวิตเตอร์ไปแต่ไม่ได้แจ้งในเพจกับในนี้ งั้นขอแจ้งว่าเราจะหายไปสักสัปดาห์นะคะ น่าจะกลับมาอัพอีกทีก็วันที่ 1 กันยาเลย ขอหายไปปั่นต้นฉบับก่อนค่ะ เดดไลน์จี้มาแล้ว ฮื่อออ เสร็จจากต้นฉบับจะปั่นเรื่องนี้ยาวๆ เลยค่ะ

มาที่เนื้อเรื่อง คนที่อยู่เคียงข้างอ่ะเนอะ ถึงมาช่วยไม่ทันแต่มาหาอย่างไวเด้อ ช่วงนี้คริสเตียนท็อปฟอร์มการเป็นคนดีมากเลย นี่มันผิดปกติรึป่ะ? 55555 ว่าแต่...ผู้ชายที่โผล่มาขับรถให้นี่ใครกันนะ? อืมมม //ทำหน้าครุ่นคิด

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-08-2018 23:54:36
 :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 21-08-2018 00:01:33
ทำน้ำตาซึมเลย ฮือออ :mew6: ว่าแต่หนุ่มปริศนาใช่แด๊ดดี๊ของโจมั้ยนะ :hao6: ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-08-2018 01:01:06
เกินเยียวยาแล้ว พ่อคนนี้  :angry2:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 21-08-2018 01:32:47
การทำร้ายร่างกายในครอบครัวเป็นเรื่องที่เราอ่านแล้วรู้สึกสะเทือนใจมากค่ะ
สงสารโจชัว ต้องทนอยู่กับคนแบบนี้
ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นเขาคือใครกันหนอออออ

เรียกคริสเตียนว่า โซลเมตของผม ได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยนะคะเจย์เดน
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-08-2018 06:11:26
โฮรววว  น้องงงงๆ 
คือคริสเตียนกับแดดี้ของโจชัวที่มาทันนี่คือดีมากๆอะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 21-08-2018 07:03:06
ผู้ชายปริศนาโซลเมตน้องโจรึป่าวว
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 21-08-2018 15:39:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-08-2018 15:57:57
แฟนโจชัว???
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-08-2018 21:16:12
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 21-08-2018 22:23:31
แงงงง ทำไมต้องทำร้ายกันขนาดนี้ สงสารพี่สงสารน้ สงสารทุกคน
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-08-2018 14:08:56
สงสารเจย์กับโจที่ต้องมาเจอพ่อแบบนี้ ส่วนผู้ชายคนนั้นเป็นโซลเมทของโจใช่ไหม
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: sangzaja122 ที่ 22-08-2018 15:05:52
ชอบลายเส้น(ไม่รู้ควรเรียกของนักเขียนยังไง ฮาาา) มากเลยค่ะ สนุกมากก เป็นกำลังใจให้นะคะ o13
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 22-08-2018 18:50:58
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-08-2018 19:20:37
สงสารเจย์เดน ทำไมพ่อถึงได้ร้ายขนาดนี้นะ
ชีวิตเจย์เดนไม่พอดีเลย หวังว่าคริสเตียนจะช่วยได้

นั่นน มีคู่ซะแล้วหรอ โจซัว ใครกันนะ มาถูกเวลามาก
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 22-08-2018 22:17:47
มาไววววววววว :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 11 [20-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 30-08-2018 00:46:01
เมื่อไหร่จะวันที่หนึ่งคะเนี่ย
คิดถึงแดดดี้ เอ้ย คิดถึงเจย์เดนนน
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 31-08-2018 01:05:54
Chapter 12

When I need pain


 

ผมอยากรับรู้ถึงความเจ็บปวดอย่างอื่น

ความเจ็บปวดอะไรก็ได้...ที่มากกว่าความรวดร้าวในใจของผม


 

เจสซี่ย้ำนักย้ำหนาว่าให้ไปหาเธอที่บ้าน ถ้าไม่อยากให้เธอไปหาพวกเราที่โรงพยาบาลเอง ยี่สิบนาทีต่อมาพวกเราทุกคนจึงมาอยู่ตรงนี้ หน้าบ้านของเจสซี่...บ้านของแม่ผม

“โอ้พระเจ้า เจย์ หัวพี่...”

ปฏิกิริยาแรกที่เธอแสดงออกตอนเห็นสภาพของผม ไม่ต่างจากที่ผมคิดเอาไว้นัก เจสวิ่งถลาเข้ามาหาผม สองมือของเธอสั่นไปหมด ยกขึ้นๆ ลงๆ เหมือนอยากจะแตะผ้าปิดแผลบนหัวของผม แต่ก็รู้ดีว่าไม่ควรแตะต้องมัน ใบหน้าเธอซีดเผือดจนผมต้องรวบมือน้องสาวเอาไว้

“ใจเย็นๆ เจส พี่ไม่เป็นไร”

“หน้ายับขนาดนี้น่ะเหรอ!?” เธอถามเสียงสูง ดวงตากลมโตถลึงมองผม

“ตอนนี้โอเคแล้วไง” ผมยังคงพยายามปลอบให้เจสใจเย็นลง

โจชัวขยับเข้ามาใกล้เราสองคน “เฮ้ เจส ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พี่อย่าสติแตกสิ”

เจสซี่หมุนตัวกลับไปสำรวจโจชัวแทนผม เมื่อเห็นว่าน้องชายคนเล็กของเราปลอดภัยดี เธอถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก...ก่อนมาที่นี่โจชัวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เจสฟังไปแล้ว เธอก็เลยไม่ได้ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“เจส” ผมเรียกน้อง เมื่อเจสหันมาสบตา ผมจึงเหลือบมองเข้าไปในบ้านแล้วถาม “แม่ล่ะ”

“แม่ไม่อยู่น่ะ ออกไปทำธุระกับพ่อ”

“อืม ดีแล้ว”

เจสซี่เม้มปาก ผมรู้ว่าเธอกำลังกังวล และเธอรู้ว่าผมไม่อยากเจอแม่สักเท่าไหร่ หากไม่จำเป็นจริงๆ น่ะนะ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

“พี่กับโจจะเอายังไงต่อ?”

“คงให้โจไปอยู่กับพี่ก่อน”

“จะเป็นอะไรมั้ย ถ้าผมขอพาโจชัวไปพักกับผมแทน”

ผู้ชายตัวโตที่ช่วยพาเราไปโรงพยาบาลเอ่ยขึ้น ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาเปิดปากพูดออกมา นับจากประโยคสั้นๆ ที่ผมได้ยินก่อนไปถึงโรงพยาบาล แต่สิ่งที่เขากล่าวกลับทำให้ผมเพิ่งจะนึกขึ้นได้ ผู้ชายคนนี้...

“ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณเป็นใคร?”

สิ้นคำถามของผม เขากับโจชัวก็หันไปสบตากันทันที และผมเห็นเต็มสองตาว่าน้องชายของตัวเองมีท่าทีกระอักกระอ่วนมากแค่ไหน ระหว่างทั้งสองคนต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ผมไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน มั่นใจมากเลยล่ะ

“คนรู้จักของนายเหรอโจ?” เจสซี่เองก็คงสงสัยไม่ต่างจากผม

โจชัวอึกอัก แต่สุดท้ายเขาก็ยอมพ่นทุกอย่างออกมาก่อนที่พ่อหนุ่มตัวใหญ่ซึ่งยืนอยู่ข้างเขาจะได้เป็นฝ่ายเล่าเอง

“เขาเป็น เอ่อ โซลเมตของผมน่ะ”

โซลเมตเรอะ?

“โฮลี่...โอ้ พระเจ้า!” เจสซี่เกือบจะหลุดคำหยาบออกมา แต่เธอก็พลิกลิ้นเปลี่ยนคำอุทานได้ทัน “จริงเหรอโจ!?”

“ครับ ผมนิโคไล ริชมอนด์” โซลเมตของน้องชายเราขยับเข้ามาใกล้ มือของเขายื่นออกมาตรงหน้าผม “ดีใจที่ได้รู้จักนะครับ มิสเตอร์คาร์เตอร์ โจชัวเล่าเรื่องของคุณกับพี่สาวให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ แต่เราไม่เคยได้พบกันสักที”

ผมยื่นมือออกไปจับกับเขา รู้สึกประหลาดอย่างไรชอบกล “เอ่อ ครับ”

“แล้วเรื่องที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้...”

ผมนึกทบทวนตามที่เขาบอก ก่อนจะนึกขึ้นได้ “อ้อ เรื่องที่คุณขอให้โจไปพักกับคุณ?”

“ใช่ครับ ได้หรือเปล่า ผมอยากให้แน่ใจว่าเขาจะปลอดภัย...จากพ่อของเขา”

คำพูดของอีกฝ่าย ทำให้ผมรู้ว่าความสัมพันธ์ของชายคนนี้กับน้องชายของผมไปถึงขั้นไหนแล้ว...คุณริชมอนด์คนนี้รู้ดีว่าสถานการณ์ระหว่างโจกับพ่อไม่ค่อยดีนัก และนี่อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบกับเหตุการณ์อย่างวันนี้

“เจย์” โจชัวเรียกผมด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่แน่ใจ และหวาดหวั่นในอะไรสักอย่าง เมื่อผมหันไปมองเขา น้องชายตัวแสบก็ยิ้มแหยๆ มาให้ “ให้ผมไปกับเขาได้มั้ย”

ผมถอนหายใจแผ่วเบา “ได้สิ ก็เขาเป็นโซลเมตของนาย ไม่มีเหตุผลอะไรที่พี่จะห้าม”

“เจย์...”

“อีกอย่างเขาคงดูแลนายได้ดีกว่าพี่”

“ไม่ พี่อย่าคิดอย่างนั้นเจย์เดน พี่ดูแลผมได้ดี ไม่น้อยหน้าใครทั้งนั้น” โจชัวรีบก้าวเข้ามาใกล้ผม

ผมหัวเราะ เจ้าเด็กนี่เข้าใจที่ผมพูดผิดไปคนละทางแล้ว “พี่หมายถึงสถานการณ์ตอนนี้นายไปอยู่กับคุณริชมอนด์ก็ดี อย่างน้อยก็น่าจะปลอดภัยกว่าไปอยู่กับพี่ ไม่รู้วันไหนพ่อจะบุกไปที่บ้าน”

“พ่อไม่รู้ที่อยู่ของพี่สักหน่อย”

“ไม่แน่หรอก” ผมบอกปัด และตัดบท “เอาเถอะ เราควรแยกย้ายกันกลับไปพักได้แล้ว เจส อย่าบอกเรื่องนี้กับแม่นะ พี่ขอร้อง”

เจสซี่ทำท่าจะแย้ง แต่เมื่อเห็นสายตาอ้อนวอนจากผม น้องสาวจอมยุ่งจึงยอมพยักหน้ารับ

“ไปเถอะ พี่ควรเป็นคนที่กลับไปกินยาแล้วนอนพักผ่อนมากกว่าใครนะ” ผมยิ้มให้เธอ ยอมให้เธอสวมกอด “แล้วฉันจะไปเยี่ยม ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”

ผมกดจูบที่หน้าผากของเธอแทนคำตอบ

 

ผมกลับมาถึงบ้านพร้อมคริสเตียน ตลอดเวลาที่อยู่บ้านของเจสเขาไม่พูดอะไรเลย จนผมเกือบลืมไปแล้วว่าเขามาด้วย จนกระทั่งเราแยกย้ายกันกลับนั่นล่ะ...ผมให้โจชัวกับโซลเมตของเขาเอารถของแมตต์ไป ส่วนผมกลับรถของคริสเตียน เรื่องแปลกก็คือนายริชมอนด์คนนั้นทิ้งท้ายไว้ว่าจะให้คนเอารถไปส่งคืนที่บ้านของแมตต์ และก่อนที่ผมจะทันได้ถามอะไร เขาก็พาน้องชายของผมขึ้นรถแล้วขับทะยานออกไปทันที

นั่นทำให้ผมเริ่มสงสัยแล้วสิ ว่าโซลเมตของโจชัวเป็นคนแบบไหนกันแน่

“คริสเตียน?” ผมเรียกผู้ชายที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยโดยไม่ขยับไหวติง ทั้งที่เราจอดรถอยู่หน้าบ้านของผมมาได้ห้านาทีแล้ว

โซลเมตของผมพ่นลมหายใจแรง เขาหันมาสบตาและยิ้มให้ผมเล็กน้อย “เข้าบ้านเถอะ”

ผมอยากจะคุยกับเขา...ถึงท่าทีแปลกๆ ที่จู่ๆ เขาก็แสดงมันออกมา แต่เมื่อเห็นว่าเขาเปิดประตูลงจากรถไปแล้ว ผมจึงได้แต่ลงตามเท่านั้น

มาถึงห้องนอนคริสเตียนก็จับผมนั่งลงบนเตียง ฝ่ามือเย็นๆ ของเขาแนบเข้ากับหน้าผาก ข้างแก้ม และต้นคอ เขากำลังเช็กอุณภูมิร่างกายของผมอยู่

“ปวดหัวหรือเปล่า?” น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาถาม ผมส่ายหน้า ถอนหายใจแล้วห่อไหล่นั่งคุดคู้อยู่ตรงหน้าเขา ยกสองมือลูบหน้าลูบตาตัวเอง ผมเหนื่อยล้าเหลือเกินกับสิ่งที่เกิดขึ้น “เจย์เดน เฮ้”

“ว่าไง” ผมเงยหน้าขึ้น

คุณโซลเมตของผมไล้ปลายนิ้วที่ข้างแก้มของผมเบาๆ “ไปอาบน้ำเถอะ จะได้นอนพัก”

“อืม” ผมพยักหน้า ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวไปทางห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันได้เปิดประตู ผมก็ดันนึกเรื่องบ้าๆ ได้ขึ้นมาซะก่อน จึงตัดสินใจหันกลับไปมาคริสเตียน...เขาดูงุนงงกับท่าทีของผม

“มีอะไรหรือเปล่า? หรือนายอยากได้อะไร?”

“ไม่ เอ่อ ที่จริงแล้วฉันแค่จะ...แบบว่าชวนนายไปอาบน้ำด้วยกันน่ะ”

เอาล่ะ สีหน้าของคริสเตียนตอนนี้เหมือนคนที่เพิ่งโดนผีหลอกมาเลย

“นายชวนฉัน?”

ผมพยักหน้า “มาแช่น้ำด้วยกันสิ”

คริสเตียนทำหน้าประหลาดอีกครั้ง ผมไม่เคยเห็นเขาหลุดอาการได้เท่านี้มาก่อนเลย แววตาของเขามันเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ ความตกตะลึง และ...ความอดกลั้นล่ะมั้ง

“นายกำลังคิดบ้าอะไรอยู่เจย์เดน ฉันไม่อยากจะเชื่อว่านายจะชวน...“

“สรุปจะไปด้วยกันไหมพวก?” ผมตัดบท ยื่นคำถามที่ดูเหมือนคำขาดให้เขา บังคับให้เขาต้องเลือกระหว่างไปกับไม่ไปให้เร็วที่สุด ซึ่งอันที่จริงคำตอบของเขาก็ไม่เกินกว่าที่ผมคาดเอาไว้

คนที่แอ้มสาวแทบทุกวันอย่างเขาน่ะเหรอ จะปฏิเสธการได้ลงไปนอนแช่อ่างอาบน้ำกับโซลเมตที่ตัวเองจ้องแต่จะลวนลามกันอยู่เรื่อยอย่างผมน่ะ

“แน่นอนอยู่แล้วว่าฉันต้องไป”

ห้านาทีต่อมาเราทั้งคู่ก็เปลือยเปล่า เปิดเผยทุกสิ่งบนร่างกายให้ปรากฏแก่สายตาของกันและกัน

คริสเตียนก้าวลงไปนั่งก่อน เขาอ้าขาออกกว้าง เปิดพื้นที่ว่างให้ผมได้ก้าวลงไปนั่งด้วย และผมก็ทำให้เขาตกใจอีกครั้งด้วยการนั่งลงตรงกลางหว่างขาของเขา เอนกายแนบแผ่นหลังลงพิงกับแผ่นท้องและแผ่นอกแน่นตึงของอีกฝ่าย พิงศีรษะเข้ากับต้นคอของเขา

เขาตัวแข็งทื่อไปแล้ว ผมรู้สึกได้เลย

ความคิดนั้นทำให้ผมต้องพยายามอย่างมากในการกลั้นยิ้ม ผมรู้ว่าผมกำลังทำให้เขาลำบากใจ แต่ผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ผมอยากให้เขาช่วยฟื้นฟูหัวใจของผมจากความเจ็บปวดในวันนี้

“คริสเตียน” ผมเรียกเขา จับมือข้างหนึ่งของเขามาสอดประสานปลายนิ้วของเราเข้าไว้ด้วยกัน

“หืม เอ่อ ว่าไง” ผู้ชายที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ยามนี้ดูจะทำอะไรไม่ถูก แต่นั่นกลับทำให้ผมชอบใจเหลือเกิน

ผมเม้มปาก ตัดสินใจเอ่ยออกไปตรงๆ “ช่วยฉันที”

“ช่วย?” คราวนี้อาการเกร็งเขม็งของเขาลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว “นายหมายถึงช่วยอะไร?”

ผมสูดหายใจเข้าลึก นึกทบทวนถึงสิ่งที่อยากจะขอเขา ชั่งใจว่าจะเดินหน้าต่อไปหรือหยุดตรงนี้ เพราะสิ่งที่ผมกำลังจะขอให้เขาทำให้ คือสิ่งที่ผมไม่พร้อมจะให้เขาทำมันมาโดยตลอด

แต่ก็นั่นล่ะ ตอนนี้ต่างออกไป...ผมไม่มีทางเลือกแล้ว

“ฉันอยากให้นาย...” ผมเอ่ย จับมืออีกข้างของคุณโซลเมตเอาไว้แน่น แล้วจึงเลื่อนมันไปกอบกุมท่อนเนื้อกลางลำตัวของผม “สัมผัสฉัน ทำให้ฉันลืมเรื่องแย่ๆ วันนี้ด้วยมือของนาย”

คริสเตียนเงียบไป เขาเงียบอยู่นานหลายนาทีจนผมคิดจะถามว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า แต่แล้วฝ่ามือของเขาก็ขยับเคลื่อนไหว มันโอบท่อนเนื้อของผมเอาไว้ ชักรูดแผ่วเบาเนิบช้า กระตุ้นให้ความอ่อนนุ่มกลายเป็นแข็งชัน

ผมสูดหายใจ ส่งเสียงครางในทุกครั้งที่เขาขยี้ส่วนปลาย เน้นหนักสลับปัดไล้แผ่วเบา ริมฝีปากของเขากดจูบในทุกตำแหน่งที่เขาสามารถแตะต้องมันได้ ทั้งข้างขมับ แก้ม หลังใบหู ต้นคอ ลาดไหล่ โดยระวังไม่ให้เผลอไปกระแทกโดนบาดแผลของผม...ผมใช้แขนข้างที่ว่างจากการไม่ได้จับมือกับเขาโอบต้นคอของเขาเอาไว้ รั้งให้ร่างกายของเราแนบชิดกันกว่าที่เคย

คริสเตียนส่งเสียงคำรามเบาๆ ในลำคอ ได้ยินเสียงกัดฟันและเสียงหอบสั่นเล็กน้อยดังขึ้นที่ข้างหูของผม ในทุกครั้งที่เขาเอ่ยเรียกชื่อของผมไปด้วยระหว่างที่ปรนเปรอให้ผม ความแข็งแกร่งของเขาผงาดอยู่ด้านหลัง ถูไถอยู่กับสะโพกและร่องก้นของผม

“อ่า...อีกนิด ที่รัก ฉันจะเสร็จแล้ว”

ผมบอกกับเขา เรียกขานเขาด้วยคำที่ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดมันออกมาตอนนี้

แล้วความต้องการของผมก็ฉีดพุ่งในนาทีต่อมา ผมรู้สึกได้ถึงดวงดาวพร่าพรายอยู่หลังม่านตา เป็นความอิ่มเอมอันแสนสุข ทำให้หัวใจของผมเต้นกระหน่ำ คลื่นอารมณ์ที่สาดซัดราวกับคลื่นของทะเลยามนี้สงบลงแล้ว ด้วยน้ำมือของคนที่ปลุกมันขึ้นมา

ผมหอบหายใจ ใช้เวลาอีกพักใหญ่เพื่อปล่อยให้ตัวเองได้กลับมาหายใจด้วยอัตราเร็วตามปกติ และผมรู้ว่าไม่ควรจะอิ่มเอมกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เพียงคนเดียว

ผมขยับหันหน้าไปหาคริสเตียน ชี้นิ้วไปยังขอบอ่างด้านหลังเขา “ขึ้นไปนั่งบนนั้น”

คริสเตียนไม่อิดออดหรือกล่าวถามใดๆ ทั้งสิ้น เขาทำตามอย่างว่าง่าย ขยับขึ้นไปนั่งอยู่ด้านบน ความแกร่งร้อนชี้หน้าเขาเป็นลำ เส้นเลือดปูดโปนจนดูน่ากลัว แต่ผมกลับอยากจะลิ้มลองมัน...ด้วยปากของผม

“เฮ้!” โซลเมตของผมเบิกตากว้าง ร้องประท้วงเสียงดัง แต่ไม่ทันแล้ว

ผมโน้มใบหน้าลงกดจูบปลายยอดของอาวุธคู่กายคริสเตียน เขาสูดหายใจเข้าลึก มองผมด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะทำอะไรแบบนี้ให้เขา เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมามีแต่เขาเท่านั้นที่ชักจูงผม ปรนเปรอผม ทำให้ผมโอนอ่อนอยู่ใต้ร่างเขา ทั้งที่เขามีแค่ปากกับมือ และไอ้หนูอันโตเท่านั้น

ผมไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าถึงวันที่ผมยอมให้เขาล่วงล้ำเข้ามาในตัวผม ผมจะมีสภาพเหมือนขี้ผึ้งรนไฟขนาดไหน เพราะแค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ผมก็รู้สึกแพ้ทางเขาแทบบ้าแล้ว

ผมอ้าปาก อมท่อนเนื้อกลมของคริสเตียนเข้าไปจนมิดลำ เคยมีประสบการณ์อมให้คู่นอนอยู่บ้าง ผมจึงรู้วิธีเปิดปากและลำคอเพื่อรับเขาเข้าไปทั้งหมด การ Deep Throat จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผม

“พระเจ้า เจย์เดน...” คริสเตียนคำราม “บัดซบ ดีเหลือเกิน”

ผมรูดรั้งความร้อนผ่าวใหญ่โตให้เขา ขยี้หนักๆ ที่ส่วนปลาย...คุณโซลเมตจับศีรษะของผมเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง บางครั้งก็เผลอขยุ้มเส้นผมของผม แต่เขาก็ยังมีสติมากพอที่จะไม่แตะต้องโดนแผลของผม ซึ่งนั่นไม่ทำให้ผมเจ็บ ตรงกันข้ามผมกลับรู้สึกได้ว่าเขาพยายามห้ามตัวเองไม่ให้สวนกายเข้ามาในปากของผม

จนกระทั่งผมเมื่อยปากแล้วนั่นล่ะ ถึงได้ยอมผละออกมาแล้วใช้มือรูดคลึงให้เขาแทน

“นายอึดเป็นบ้า”

คริสเตียนหัวเราะ แต่เสียงของเขาสั่นพร่า และน่าแปลกที่นั่นมันทำให้ผมอยากขึ้นมาอีกครั้งแล้ว

“อืม เจย์เดน...ที่รัก...”

“ว่าไง” ผมเลิกคิ้วถาม เมื่ออีกฝ่ายเรียกผมซ้ำๆ ด้วยคำสองคำนั้น

โซลเมตของผมหรี่ตาลง เขาสบตาผม แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหื่นกระหายและความต้องการเต็มขั้น

“อีกครั้งได้มั้ย...” เขาหลุบตาลงมองท่อนเนื้อของตัวเอง “อมมันอีกทีสิ ฉันคิดว่าใกล้แล้วล่ะ”

ผมส่งเสียงขึ้นจมูก ยิ้มเย้าแหย่เขา ก่อนจะจัดการเจ้างูยักษ์ด้วยปากอีกครั้ง

สามนาทีต่อมาคริสเตียนก็ปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นเข้าเต็มปากของผม ดีที่ผมรู้ทันจึงผละออกมาได้อย่างเฉียดฉิว น้ำรักของเขาจึงเอ่อล้นที่ในปากและฉีดพ่นลงมาบนหน้าของผมแทน

เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ผมก็พบว่าคุณโซลเมตกำลังมองผมด้วยสายตาคมกริบราวกับหมาป่าจ้องมองเหยื่อ เพียงแต่ผมคงไม่ใช่เหยื่อที่จะยอมให้เขาขย้ำได้ง่ายๆ

“น้ำรักของฉันบนหน้านาย” เขากระตุกยิ้มมุมปาก “เซ็กซี่เป็นบ้าเลยพวก”

ผมหัวเราะ ความอ่อนแอและเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้ของผมบรรเทาลงมาก ต้องยกความดีความชอบให้ผู้ชายคนนี้ โซลเมตที่แสนดีของผม...ก็ไม่อยากจะพูดอย่างนี้นักหรอก แต่ผมต้องยอมรับว่ากอดของเขา หลังจากที่ผมออกมาจากห้องทำแผล มันช่วยปลอมประโลมผมไม่ให้แตกสลายได้ทันเวลาพอดี

ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกว่ามันยังไม่พอ

ผมอยากได้ความเจ็บปวดที่มากกว่านี้ ไม่ใช่ความเจ็บปวดที่ผมเจอมาจากพ่อ แต่เป็นความเจ็บปวดอย่างอื่น ความเจ็บปวดอะไรก็ได้ที่มันจะมีอานุภาพรุนแรงมากพอที่จะกลบทับความเสียใจก่อนหน้านี้ของผมได้อย่างหมดจด

ผมต้องการมากกว่านี้

“คริสเตียน...”

“หืม?” คุณโซลเมตเลิกคิ้วเมื่อได้ยินผมเรียก เขาลุกขึ้นยืน ก้าวออกจากอ่างเพื่อไปอาบน้ำใต้ฝักบัว โดยมีสายตาของผมมองตาม

ผมรอให้เขาอาบน้ำจนเสร็จจึงลุกไปอาบต่อ พยายามใช้เวลาให้น้อยและเร็วที่สุด ก่อนจะพุ่งเข้าไปรั้งไม่ให้คริสเตียนได้เอาผ้าเช็ดตัวพันรอบเอว

“อะไรของนายเนี่ยพวก” คริสเตียนถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “จะแกล้งกันหรือไง”

ผมส่ายหน้า สูดหายใจเข้าลึก “นายเคยบอกว่าครั้งหน้าจะใช้นิ้วกับฉัน”

“อย่าบอกนะว่า...” คนฟังชะงัก มองหน้าผมตาค้าง

“อืม ทำมันกับฉันทีสิ”

 

เราอยู่บนเตียง ผมนอนอยู่ด้านล่างโดยมีร่างกำยำใหญ่โตของโซลเมตคร่อมทับ ผมจดจ้องทุกการกระทำของเขา เฝ้ามองว่าเขาจะทำอย่างไรกับร่างกายของผม...ผมไม่เคยเป็นฝ่ายโดนสอดใส่มาก่อน นี่จะเป็นครั้งแรก และผมเคยได้ยินมาว่ามันเจ็บมาก ก็ได้แต่หวังว่ามันจะเจ็บจริงๆ เพราะตอนนี้ผมต้องการความเจ็บปวดมากเลยล่ะ แม้จะแค่นิ้วก็ตาม

อย่างน้อยมันก็ยังไม่ใช่เซ็กซ์โดยสมบูรณ์แบบ อันนั้นผมคิดว่าผมยังไม่พร้อม เพราะผมยังไม่อยากแชร์ความรู้สึกของตัวเองกับใคร...โดยเฉพาะกับโซลเมตของผม

“อย่าเกร็งนะเจย์เดน”

“รู้น่า” ผมหัวเราะแผ่วเบา “ไม่ต้องทะนุถนอมฉันนักหรอกคริสเตียน ฉันไม่ใช่ผู้หญิง”

“ฉันไม่อยากให้ครั้งแรกของนายเจ็บ” เขาว่า “กลัวนายเข็ดแล้วจะไม่ยอมให้ฉันเสียบในอนาคต”

ผมระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นเลยคราวนี้ ให้ตาย เขานี่มันเหลือเกินเลยจริงๆ

สัมผัสเย็นๆ ของเจลหล่อลื่นป้ายลงที่ช่องทางด้านหลัง ผมเผลอเกร็งเล็กน้อย แต่ก็ผ่อนลมหายใจออก รู้สึกแปลกพิลึกเมื่อนิ้วของคริสเตียนกดคลึงปากทางเข้า มัน...วูบวาบอย่างน่าประหลาด

“อึก...”

แล้วในวินาทีต่อมาผมก็ต้องเม้มปากแน่นด้วยความจุก เมื่อคริสเตียนสอดนิ้วแรกเข้ามาอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป จนในที่สุดมันก็มิดโคนนิ้วของเขา

“เป็นไง?”

ผมสบตาเขา คริสเตียนกำลังอดกลั้นที่จะไม่ทำรุนแรงกับผม สังเกตได้จากเหงื่อที่ไหลซึมรอบกรอบหน้าของเขาน่ะนะ

“แปลกดี แต่โอเค”

เขาหัวเราะ ถอนนิ้วออกจนเกือบหลุดก่อนจะดันเข้าไปใหม่ ช่วงแรกมันยังเสียดอยู่บ้าง แต่ผมพอรับไหว ซึ่งนี่ล่ะคือสิ่งที่ผมต้องการ ได้โปรดมอบความเจ็บปวดให้ผม

“แรงๆ คริสเตียน ฉัน อ่า...ไม่เป็นไร”

“ไม่ นายยังไม่พร้อม”

“เชื่อฉันเถอะน่า ฉันไม่เจ็บ...”

“ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่เจย์เดน” คริสเตียนเอ่ยแทรก เขาหยุดมือ ดวงตาสีเทาพายุจ้องมองมายังผม “อยากให้ฉันทำแรงๆ เพราะนายอยากจะเจ็บใช่ไหมล่ะ อยากให้ความเจ็บนี้ทำให้นายลืมเรื่องที่เกิดขึ้น”

“..!” ผมพูดไม่ออกไปเลย เขา...เขารู้ได้ยังไงกัน?

“ฉันรู้ก็เพราะสีหน้าของนายมันบอกน่ะสิ” เขาพูดขึ้น ราวกับรู้ว่าผมกำลังสงสัยอะไรอยู่ในใจ พระเจ้า คนคนนี้มีอำนาจในการอ่านใจของผมหรือเปล่าเนี่ย ทั้งที่เรายังไม่ทันได้มีอะไรกันด้วยซ้ำ แต่เขากลับเข้าใจความรู้สึกและความคิคของผมไปเสียหมดแทบทุกเรื่อง

ผมคิดว่าผมต้องพูดอะไรสักอย่าง แต่คริสเตียนไม่เปิดโอกาสให้ผม

“ถ้านายคิดว่าความเจ็บปวดที่มากกว่าจะทำให้นายดีขึ้น นายคิดผิดแล้ว” เขากลับมาขยับนิ้วอีกครั้ง “ฉันจะทำให้นายรู้สึกอย่างอื่นแทนความเจ็บปวด”

“อะ อะไร” ผมเริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะ เมื่อคริสเตียนสอดปลายนิ้วเร็วและแรงมากขึ้น และให้ตาย ผมไม่รู้เลยว่าเขาเพิ่มนิ้วเป็นสองนิ้วตั้งแต่เมื่อไหร่ “อะ...ฮ้า เพื่อน ตรงนั้นมัน...”

คริสเตียนแสยะยิ้มเมื่อผมร้องครางดังขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่เขาสะกิดเข้ากับจุดภายใน ความเสียวซ่านพุ่งทะยานเกาะกุมร่างกายของผม ทำให้ภาพเบื้องหน้าของผมพร่าพรายไปด้วยหมู่ดาวอีกครั้ง

“ความเสียวก็ทำให้นายลืมทุกอย่างได้ เชื่อฉันสิมิสเตอร์โซลเมต”


__________
มาอัพก่อนกำหนดการที่บอกไว้ เพราะหนึ่ง...คิดถึงค่ะ อยากแต่งต่อจนทนไม่ไหว 55555 ส่วนสอง...มีความเป็นไปได้สูงมากที่ตั้งแต่วันเสาร์จนตลอดสัปดาห์ที่จะถึงนี้เราจะไม่ว่าง ก็คิดว่าวันที่หนึ่งคงไม่ได้อัพแน่ เลยมาก่อนแล้วกัน แฮ่

กลับมาอัพก็เรียกเลือดทันที คิดเห็นอย่างไรโปรดบอกน้องด้วยยย น้องใช้เวลาเค้นฉากคัทนานมาก 55555555555 แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ รักและคิดถึงนะ จุ๊บๆ //แจกจูบ

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-08-2018 01:21:42
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-08-2018 04:48:35
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกเลือดลมมันไหลเวียนสะดวกนี้ บวกกับออกกำลังกายนิดหน่อย   :z2: สดชื่นขึ้นเยอะเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 31-08-2018 05:58:41
เลือดสาดแล้ว.. :haun4:
อยากอ่านเรื่องของโจชัวด้วย  :impress2:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-08-2018 06:38:36
เลือดพุ่งงงงงง
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 31-08-2018 08:40:12
คริสเตียนทำไมเจ้าเล่ห์ 555555
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 31-08-2018 08:41:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 31-08-2018 11:25:17
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 31-08-2018 21:46:50
ความเจ้าเล่ห์นี้ คือมีทั้งความหวังดี ทั้งความอยากลวนลามผสมกัน ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 31-08-2018 22:04:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 31-08-2018 22:11:41
จากง่วง ๆ ตื่นเลยค่ะ 5555 เอาอีก มาต่อไวไวน้าา
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 31-08-2018 22:27:05
ตอนแรกก็ยังคิดอยู่ว่าคริสเตียนหายไปไหน
พอกลับมาถึงบ้านก็โอเค ทำหน้าที่สารถีและโซลเมตที่ดีอยู่นะเอง
ในฉากห้องน้ำ ทำให้เราคิดว่าคนเขียนขี้ฮกเลยล่ะ
คนที่ร้ายบนเตียงนะคือเจย์เดนต่างหาก
แต่ แต่ แต่.....ฉากคัทนอกห้องน้ำทำให้เราต้องขอโทษคุณคนเขียนค่ะ
คริสเตียนร้ายจริงๆด้วย ทั้งการกระทำและความคิด รู้ทันเจย์ไปหมดอ่ะ
ก็หวังว่าเจย์เดนจะชอบผู้ชายร้ายๆแบบนี้นะคะ >///<

แดดดี้ของโจชัวมีรังสีความแซ่บอยู่เหมือนกันนะนี่
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 02-09-2018 19:25:40
 :ling1: :katai3: ยอดไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 02-09-2018 22:00:14
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 03-09-2018 01:06:38
 :o8: :mew1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 03-09-2018 17:08:19
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 12 [31-08-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 03-09-2018 19:30:09
 :pig4: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 07-09-2018 01:02:41
Chapter 13

When I dare to risk


 

เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ผมคิดว่ามันก็ไม่เลวนะ...หรือต้องเรียกว่าสุดยอดดีล่ะ?

 

“คริส...คริสเตียน...”

ผมพยายามเรียกเขา แต่คริสเตียนไม่ยอมฟัง เขาจดจ่ออยู่กับการผลักไสปลายนิ้วของเขาเข้ามาในร่างของผม ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาสอดเข้ามากี่นิ้ว รู้แต่ว่าทุกครั้งที่มันถูไถไปกับผิวเนื้อภายใน แตะเข้ากับจุดกระตุ้นอารมณ์ของผม ผมรู้สึกว่าสายตามันพร่าเลือนไปหมด สมองว่างเปล่าจนคิดอะไรไม่ออก

ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อคริสเตียนใช้มืออีกข้างกำท่อนเนื้อของผมแล้วชักรูดมัน

“ใกล้ถึงจุดสุดยอดแล้วนี่ ใช่ไหมเพื่อน?” เขาถาม ขยี้ส่วนหัวของผมในแบบที่ทำให้ผมตัวลอยเพราะความเสียว ผมหอบหายใจ ร้องครางในลำคอ การโดนจู่โจมทีเดียวพร้อมกันทั้งด้านหน้าและด้านหลังกำลังจะทำให้ผมหลอมละลายเหมือนหิมะยามโดนแสงแดด

“อ่า...” สิ่งใดก็แล้วแต่ที่ผมคิดจะพูดกับเขาก่อนหน้านี้ ทุกอย่างได้สลายหายไปจากระบบความคิดของผมหมดแล้ว

ฉับพลันนั้นเขากลับหยุดนิ่ง ทั้งมือที่กำแก่นกายผม ทั้งนิ้วที่เสียบอยู่ในก้นผม

บัดซบเถอะ!

“ไง”

“ไอ้...เฮงซวยเอ๊ย!” ผมด่าเขาได้ไม่เต็มเสียงนัก แค่หายใจให้ทันยังยากเลย เขามันเป็นไอ้จอมวายร้ายที่อาจจะฆ่าคนให้ตายได้ด้วยมือคู่นั้น อ้อ อาจจะรวมปากด้วย เพราะปากของเขาตอนอมให้ผม ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเทคนิคของเขามันเยี่ยมยอดมากแค่ไหน แต่ทุกอย่างก็ดูห่วยแตกไปเลยเมื่อเขาหยุดปรนเปรอผม ทั้งที่อีกนิดเดียวผมก็จะไปถึงสวรรค์แล้วแท้ๆ

คริสเตียนหัวเราะในลำคอ สีหน้าของเขาเหมือนไอ้โรคจิตในหนังสักเรื่อง ซึ่งกำลังวางแผนจะข่มขืนเมียใครสักคน และให้ตาย ผมไม่ชอบเลย มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย

คุณโซลเมตรั้งท่อนขาของผมไปเกี่ยวเอวเขา โน้มตัวลงมาเพื่อให้ใบหน้าของเราใกล้กัน และนั่นทำให้กลางกายของเราเสียดสีกันไปมาด้วย นี่มันจะเกินไปแล้ว ผมจะทนความเสียดเสียวที่ทำให้รู้สึกดีแทบบ้าครั้งนี้ไหวไหมนะ...

“เฮ้ ที่รัก” คริสเตียนเรียก บังคับใบหน้าผมเพื่อให้ดวงตาของเราทั้งคู่จดจ้องแค่กันและกัน “มากกว่านี้ได้มั้ย”

ผมมึนงงไปชั่วขณะ ก่อนจะถามย้ำหลังจากตั้งสติได้แล้ว “นายหมายถึงอะไร

“ฉันอยากทำกับนายมากกว่านี้” เขายิ้ม กดจูบเบาๆ บนริมฝีปากของผม “มากกว่าแค่ใช้นิ้ว”

ผมเบิกตาโพลง สองมือผลักตัวเขาออกตามปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกาย “ไม่! ไม่แน่ๆ ไม่มีทาง”

“ใจเย็นพวก เฮ้ นิ่งก่อน เจย์เดน”

“ไม่ คริสเตียน ฉันไม่อยาก...”

ผมจำได้ถึงเรื่องพื้นฐานของการเป็นโซลเมตกับใครสักคนบนโลกใบนี้ ไม่ใช่แค่ชื่อที่ปรากฏขึ้น ไม่ใช่แค่ชื่อนั้นกระพริบหรือมีสีเข้มขึ้น แต่เป็นอะไรที่มากกว่านั้น...การแลกเปลี่ยนความรู้สึกระหว่างกัน

และถ้าเรามีอะไรกัน นั่นเท่ากับว่าผมยอมให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกของผมน่ะสิ ไม่เอาล่ะ ผมไม่มีทางยอม...

“นายกลัวอะไร เจย์ บอกฉันสิ”

เขาถามผม น้ำเสียงอ่อนโยนจนน่าใจหาย นุ่มนวลน่าฟังจนแทบละลาย เขามันเป็นไอ้ตัวร้ายที่รู้ว่าจะต้องทำยังไงให้เหยื่อตายใจ และเขากำลังใช้วิธีนั้นกับผม

คริสเตียนรู้ว่าผมกำลังอ่อนแอ และเขารู้ว่าจะทำอย่างไรให้ผมยอมพ่ายแพ้ให้แก่เขา ผมถึงได้บอกไงว่าเขาน่ะเป็นไอ้เฮงซวย...ของแท้เลยด้วย

“ฉันไม่ได้กลัว” ผมปฏิเสธ แต่แววตาของอีกฝ่ายที่จ้องลึกเข้ามากำลังจะทำให้ผมเสียการควบคุม เขาใช้ความมีเสน่ห์ของตัวเองล้างสมองของผม ทำให้ผมคิดอะไรไม่ออกนอกจากมองเขาแล้วยอมเปิดปากพูดความรู้สึกนึกคิดของตัวเองออกไป

“เจย์เดน พูดออกมาเถอะ บอกฉันว่านายกลัวอะไร”

คริสเตียนกระซิบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแต่อ่อนโยน ลมหายใจของเขารินรดอยู่ข้างแก้มในตอนที่เขากดจูบลงมา บดขยี้ปากของผม ช่วงชิงลมหายใจของผม ปลายลิ้นที่ไล่ต้อนผมแทนคำพูดเพื่อเร่งเร้าผมให้ยอมเผยความกลัวในใจออกไป

“ถ้านายไม่พูด ฉันจะไม่หยุดจูบนาย” เขาผละออก กระตุกยิ้มร้ายกาจ “เชื่อเถอะว่าฉันพูดจริง”

พูดจบเขาก็จูบผมอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จวบจนกระทั่งปากของผมแดงช้ำ สุดท้ายผมก็ต้องบอกให้เขาหยุดการกระทำนี้

“พอสักที...เถอะน่า...” ผมหอบหายใจอย่างหนัก เขาไม่ปรานีผมเลยสักนิด และผมเชื่อแล้วว่าเขาพูดจริงทำจริง

คริสเตียนลูบใบหน้าผม “เอาล่ะ พูดออกมาเจย์เดน”

ผมยังคงส่ายหน้า ให้ตายยังไงผมก็ไม่มีทางพูดออกไปเด็ดขาดว่าผมกลัวอะไร...ผมกลัวที่จะต้องแลกเปลี่ยนความรู้สึกกับเขา กลัวที่จะถลำลึกมากไปกว่านี้ กลัวจะตกหลุมรักเขา และในท้ายที่สุด ผมกลัวว่าตัวเองจะต้องเจ็บปวด หากว่าวันหนึ่งเขาเดินออกไปจากชีวิตของผม

แต่ถึงอย่างนั้น เศษเสี้ยวเล็กๆ ของความรู้สึกในใจมันกู่ร้องขึ้นมาว่าให้ผมลองเสี่ยงดู

เอายังไงดี ผมควรจะลองดูก่อนมั้ย? เดิมพันเซ็กซ์ครั้งนี้ด้วยเส้นทางชีวิตของผมต่อจากนี้...และอาจจะตลอดไป

สุดท้ายแล้วผมก็ได้ข้อสรุปให้ตัวเอง

“เอาสิ มามีเซ็กซ์กัน” ผมโอบใบหน้าเขาลงมาจนจมูกของเราแตะไล้กัน “ทำให้ฉันรู้สึกดีเพราะเซ็กซ์ของนายซะคริสเตียน มอบความสุขให้ฉัน”

คริสเตียนไม่พูดอะไรอีก เขาแค่ยิ้ม ตอบรับคำพูดของผมด้วยการเบียดร่างกายเข้ามาแนบชิดกับผมมากขึ้น ผิวเนื้อของเราสัมผัสเสียดสีกันและกัน มันร้อนผ่าวไปหมด ราวกับร่างกายของเราทั้งคู่กำลังจะลุกเป็นไฟ มือของเขากลับไปทำหน้าที่มอบความสุขให้ผมอีกครั้ง รูดท่อนเนื้อแข็งชันของผมเร็วแรงซะจนผมแทบทนรับกับความรู้สึกดีจนเกินไปนี้ไม่ไหว

“เจย์เดน ฉันทนไม่ไหวแล้ว” เสียงกระซิบของเขาแหบห้าวอยู่ข้างหู

“อืม เหมือนกัน” ผมเอียงหน้าเพื่องับปลายคางของเขาระบายอารมณ์วูบวาบเกินจะทานทน คริสเตียนคำรามในลำคอ เขาขยับออกห่างเพื่อเตรียมความพร้อมให้ท่อนเนื้อแข็งขืนของตัวเอง บีบเจลหล่อลื่นชโลมลงไปบนท่อนเนื้อใหญ่โตจนน่าอิจฉา ถึงไอ้หนูของผมจะไม่น้อยหน้าใคร แต่ก็ถือว่าเขามีภาษีดีกว่าผมอยู่ไม่น้อย

ผมสูดหายใจเข้าลึก หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิด ความต้องการของเขากำลังแสดงอำนาจอยู่เบื้องหน้าผม และน่าแปลกที่นั่นกลับกระตุ้นความต้องการของผมด้วยเช่นกัน

ผมนึกจินตนาการ ถึงตอนที่แก่นกายร้อนผ่าวของเขาสอดแทรกเข้ามาในร่างของผม มันจะเป็นยังไงกันนะ มันจะร้อนมากแค่ไหน จะแข็งจนทำให้ผมตายได้เลยหรือเปล่า

แล้วผมก็ได้รู้ว่ามันเป็นยังไงในนาทีต่อมา

คริสเตียนยกสะโพกผมขึ้น จับสองขาของผมแนบกับลำตัวเขา เขาจับส่วนหัวจ่อที่ช่องทางด้านหลัง ผมเผลอกลั้นหายใจ เกร็งตัวจนอีกฝ่ายไม่กล้าแทรกตัวเข้าหา โซลเมตของผมถูไถส่วนปลายนั้นกับปากทาง พยายามพูดปลอบโยนหวังให้ผมผ่อนคลาย แต่ไอ้นั่นของเขาที่กำลังเขี่ยไปมาทำให้ผมแทบไม่ได้ฟังว่าเขาพูดอะไร

“เฮือก! บัดซบ!”

ผมสะดุ้ง ความแข็งแกร่งดุนดันเข้ามาในที่สุด...วินาทีแรกที่มันสัมผัสกับด้านใน ผมรู้สึกตึงแน่นไปหมด ไม่คุ้นชินและเจ็บเสียด วินาทีหนึ่งผมอยากผลักเขาออกไป แต่ในวินาทีต่อมาผมกลับผ่อนลมหายใจและปล่อยให้เขาผลักไสท่อนเนื้อร้อนของตัวเองเข้ามาในตัวผมจนมิดลำ

“รู้สึกยังไง?” เขากระซิบถามเสียงแหบพร่าข้างใบหู

ผมหลับตา เผยอปากหายใจ “ร้อน แข็ง และเจ็บ”

“อีกนิดเดี๋ยวนายก็ได้เสียวแล้วพวก” เขาบอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“ขยับเถอะ” ผมเร่ง เพราะมันน่าอึดอัดเป็นบ้าที่เขายัดไอ้หนูเข้ามาซะมิดแต่ไม่ยอมขยับมัน

คริสเตียนตอบรับคำกล่าวของผมด้วยการถอนกายออกจนเกือบหลุด ก่อนจะกระแทกกลับเข้าไปใหม่ในแบบที่ทำให้ผมสะดุ้งอีกครั้ง ระยำเอ๊ย! นี่มันครั้งแรกของผมที่เป็นฝ่ายรับนะ ช่วยออมมือให้หน่อยไม่ได้หรือไงวะ!?

แต่จะว่าไปทำไมผมถึงมาอยู่ตำแหน่งนี้ได้ ทั้งที่ตลอดมาผมไม่เคยต้องนอนให้ใครเอาไอ้นั่นเสียบเข้ามาในร่างเลยสักครั้ง กับคริสเตียนเองเราก็ไม่เคยแสดงตำแหน่งบนเตียงต่อกันให้ชัดเจน เพราะผมไม่เคยคิดว่าจะได้มามีเซ็กซ์กับเขาด้วยซ้ำ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันนะ? ทำไมผมถึงยอมให้เขาโดยไม่ทำการตกลงกันก่อน

ผมขอยกให้เป็นความผิดของพลังโซลเมตงี่เง่าระหว่างเราก็แล้วกัน แม้รู้ดีว่ามันจะไม่เกี่ยวกันก็เถอะ...

“คริส...ฮ้า...” ผมหอบสะท้าน จิกนิ้วเข้ากับต้นแขนของคุณโซลเมตแน่นเมื่อท่อนเนื้อร้อนสัมผัสเข้ากับจุดอ่อนไหวภายใน

หากว่านิ้วทำให้รู้สึกดีจนสมองว่างเปล่าได้ ขอบอกเลยว่าไอ้หนูของคริสเตียนนั้นดียิ่งกว่า เขาทำให้ผมรู้สึกดีจนแทบเป็นบ้าตายได้เลยล่ะ ให้ตายเถอะพระเจ้า! ชั้นเชิงของเขามันเชี่ยวชาญเกินไปแล้ว

“ดีมั้ยที่รัก บอกฉันสิ...” คริสเตียนงับใบหูของผมแล้วกระซิบถามเสียงพร่าสั่น “ไอ้หนูของฉันที่ขยับอยู่ในตัวนายมันอุ่นดีมั้ยพวก”

อุ่นเหรอ?

ต้องเรียกว่าร้อนต่างหาก เหมือนไฟแผดเผา และเรากำลังจะตายในเปลวเพลิงแห่งเซ็กซ์ครั้งนี้

“นายรัดฉันแน่นมาก อา...”

“หุบปาก แฮ่ก...” ผมจิกเส้นผมของเขาจนอีกฝ่ายต้องเงยหน้าขึ้น

“ทำไมล่ะ? ได้ยินคำพูดของฉันแล้วมันทำให้นายมีอารมณ์มากขึ้นสินะ ดูสิ นายบีบรัดฉันแน่นอีกแล้ว อ่า...”

ผมสบถด่าเขาด้วยคำหยาบคายเท่าที่จะนึกออก และมันน่าอายมากที่ผมดันมีอารมณ์มากขึ้นกว่าเดิมเพราะคำพูดลามกของเขาจริงๆ นั่นล่ะ

คริสเตียนกระแทกเข้ามาแรงขึ้น เร็วขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั่วห้องนอน คละเคล้าไปด้วยเสียงหอบสั่นและเสียงครางเครือทุ้มต่ำของเราสองคน

ผมจูบเขา ขบกัดลงไปบนเรียวปากของเขาจนเลือดออก รู้สึกได้ถึงอาการชะงักไปของคริสเตียน ผมกระตุกยิ้มทั้งที่ปากเรายังแนบกัน ตวัดปลายลิ้นเลียแผลกัดที่ผมเป็นคนทำ สัมผัสได้ถึงรสชาติของเลือดที่ไหลออกมานิดหน่อยจากปากแผลนั้น

คริสเตียนเอาคืนผมด้วยการรัวสะโพกหนักๆ เขาดันเข้ามาจนสุด ถอยห่างแทบหลุดแล้วก็สวนกลับเข้ามาใหม่ ทำแบบนั้นซ้ำๆ และผมทนแทบไม่ไหว เด้งสะโพกตอบรับเขาอย่างหมดสิ้นความอดทน

“อ่า เจย์เดน นี่มันเยี่ยมไปเลย”

ผมเห็นด้วย มันสุดยอดมาก...เป็นประสบการณ์ที่ไม่เลวเลยล่ะ สำหรับครั้งแรกที่ผมโดนเอาน่ะนะ

“แรงอีก คริส แรงกว่านี้”

“ตามที่ต้องการเลย ที่รัก”

เขาทำตามคำขอ ควงสะโพกหนักๆ หากว่าโลกจะล่มสลาย อย่างน้อยผมก็ได้มีเซ็กซ์ที่ยอดเยี่ยมก่อนตายล่ะนะ คริสเตียนทำให้ผมรู้สึกอย่างนั้นเลยล่ะ

ผมครางเสียงดังขึ้นกว่าเดิม รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างมาจ่อรออยู่ที่ปลายท่อนเนื้อของผมแล้ว เพียงอีกนิดเดียวเท่านั้นผมจะก็ปลดปล่อยมันออกมา และเพราะผมใกล้จะเสร็จ แรงบีบที่ด้านหลังจึงรัดแน่นกว่าเดิม คริสเตียนเลยคว้าลำท่อนของผมไปไว้ในมืออีกครั้ง แล้วใช้นิ้วอุดปากทางเอาไว้

“คริส อย่าทำแบบ...อ๊ะ”

“ดีไหมเจย์เดน” เขาถาม “รู้สึกดีหรือเปล่า”

ผมไม่ตอบ ไม่ใช่เพราะไม่อยากตอบ แต่ความต้องการปลดปล่อยกำลังจะฆ่าผมทั้งเป็น คริสเตียนเป็นไอ้สารเลวที่แกล้งคนอื่นได้แม้กระทั่งตอนอยู่บนเตียง

เขาไม่ยอมให้ผมเสร็จ!

“เวลาฉันกระแทกเข้าไปตรงนี้ซ้ำๆ นายชอบหรือเปล่า หือ? เด็กดีของฉัน ชอบมันมั้ย”

“หยุดพูดแล้วเอาแรงๆ กว่านี้สักทีเถอะน่า!” ผมตะโกนใส่เขา ดึงทึ้งเส้นผมของเขามากขึ้นโดยไม่กลัวว่าเขาจะเจ็บ นั่นล่ะคือสิ่งที่ผมต้องการ แค่เจ็บหนังหัวแลกกับที่เขาแกล้งไม่ให้ผมปลดปล่อยก็ถือว่าหายกัน

คริสเตียนหัวเราะ เขาโน้มลงมาจูบปากผมหนักๆ อีกครั้ง แล้วในที่สุดปลายทางก็มาถึง เขาถอนกายออกพ่นน้ำรักใส่ตัวผม พร้อมกันนั้นเขาก็ผละนิ้วออกจากปากทางเพื่อให้โอกาสแก่นกายของผมได้ปลดปล่อยออกมาด้วยเช่นกัน

เราสองคนหอบหายใจอย่างหนัก เซ็กซ์ที่เกิดขึ้นสูบพลังงานของเราทั้งคู่จนเกือบหมด

“นายสุดยอดเป็นบ้าเลย!”

โซลเมตของผมยิ้มกว้าง เขาทาบทับลงมาบนตัวผม ไล้ปลายนิ้วกับชื่อของเขาที่ฝังอยู่บนแผ่นอกข้างซ้ายของผม และตอนนี้มันกำลังกะพริบวิบวับเพราะเราทั้งคู่อยู่ใกล้กัน...ใกล้มากเลยทีเดียวด้วย

“ชอบเซ็กซ์ของเราหรือเปล่า”

ผมหัวเราะในลำคอ กอดศีรษะของอีกฝ่ายเอาไว้แนบอก ปล่อยให้เขาฟังเสียงหัวใจที่ค่อยๆ กลับมาเต้นด้วยจังหวะปกติ หลังจากที่มันเพิ่งทำงานอย่างหนักจากการทำกิจกรรมร้อนแรงมา

“ก็ดี”

“แค่ก็ดีเนี่ยนะ?”

“อยากให้ฉันชมนายว่าสุดยอดมาก ลีลาเด็ดเหมือนพระเอกหนังโป๊อะไรแบบนั้นเหรอ” ผมเลิกคิ้วถาม แม้รู้ว่าเขามองไม่เห็นสีหน้าของผมก็ตาม

คริสเตียนแค่นหัวเราะ “ลีลาฉันดีกว่าพระเอกหนังโป๊อีกนะ”

ผมระเบิดหัวเราะดังลั่นให้กับความมั่นใจของเขา ให้ตายเถอะ โซลเมตของผมเป็นพวกหลงตัวเองจนเกินจะเยียวยาแล้ว

คุณโซลเมตหัวเราะตาม เขาลุกขึ้นจากเตียง หยิบเอาทิชชู่มาเช็ดทำความสะอาดลวกๆ ไม่ลืมโยนกล่องทิชชู่มาให้ผมเช็ดตัวเองด้วย จากนั้นเขาก็กลับขึ้นมาบนเตียงอีกครั้ง แนบกายเข้ากอดผมจากทางด้านหลัง แขนของเขาพาดลงเหนือสะโพก เขาลูบก้นผมไปด้วยระหว่างพูดคุย

“จะอาบน้ำรึเปล่า”

ผมส่ายหน้า ถอนหายใจอย่างเป็นสุข อิงแนบแผ่นหลังตัวเองเข้ากับแผ่นอกของเขา ปล่อยตัวให้ผ่อนคลาย

“จะนอนแล้วสินะ”

“อืม” ผมตอบ “นายอย่าเพิ่งไปอาบน้ำนะ”

“ฉันจะกอดนายไว้”

ผมยิ้ม หลับตาลง ความเหนื่อยล้าทำให้ผมง่วงและเพลียเหลือเกิน “ขอบใจ”

 

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าคริสเตียนยังกอดผมเอาไว้ และเขาหลับอยู่

ขยับพลิกตัวให้เบาที่สุดเพื่อหันหน้ามามองเขาชัดๆ โซลเมตของผมเวลานอนหลับแล้วเหมือนสัตว์เลี้ยงเชื่องๆ สักตัว แต่เวลาลืมตาแล้วเหมือนไอ้โรคจิตหื่นกามไม่มีผิด

ยื่นนิ้วไปลูบแก้มเขาเล่น คริสเตียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนเปลือกตาบางจะค่อยๆ เปิดขึ้น เขายังไม่ตื่นเต็มตาดีนัก แต่ก็ยังทักทายกัน

“ตื่นแล้วเหรอ”

ผมยิ้มให้เขาแทนคำตอบ โซลเมตของผมยิ้มตอบ เขาพยายามปลุกตัวเองอยู่อีกพักหนึ่ง พอได้สติเต็มที่ก็ลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือไปหยิบเอาโทรศัพท์มาดูเวลา

“หิวหรือยัง” เขาถาม

“ไม่เท่าไหร่”

เขายิ้มกริ่ม “แต่ฉันหิวนายอีกแล้ว”

“เฮ้! เดี๋ยว!”

โดยไม่ทันตั้งตัว คริสเตียนกระโจนเข้าหาผมอย่างรวดเร็ว เขาจับผมพลิกลงนอนคว่ำ รั้งสะโพกของผมขึ้น เมื่อเอี้ยวใบหน้าไปดูก็พบว่าเขาทาบทับลงมาบนแผ่นหลังของผมแล้ว!

คริสเตียนกระตุ้นผมด้วยมือของเขาอีกครั้ง เรียกเอาอารมณ์วูบวาบระหว่างเรากลับมาเป็นครั้งที่สองของวัน และร่างกายของผมก็ช่างทรยศกันได้ มันตื่นตัวขึ้นตามแรงเร้าจากโซลเมตจอมร้ายกาจของผม

“รู้อะไรมั้ย” เขาถาม น้ำเสียงแหบต่ำที่กระซิบอยู่ข้างหูทำให้ร่างกายผมยิ่งร้อนผ่าวไปด้วยความต้องการที่ถูกกระตุ้น “ฉันอยากให้ชื่อของฉันโผล่ขึ้นมาบนตัวนาย...ที่ตรงนี้มากกว่า”

เฮือก!

ผมสะดุ้ง ปลายนิ้วแข็งแกร่งของคริสเตียนแตะเข้าที่จุดลับเล็ก ๆ ของผม

“มาเริ่มครั้งที่สองกันเถอะ”

แล้วเตียงของผมก็ลุกเป็นไฟอีกครั้ง


__________
อัพแล้ว ฮืออ หมดแรง เหนื่อยกับการเขียนคัทมาก ต่อจากนี้จะเข้าสู่มรสุมแห่งชีวิตของคริสเจย์แล้วค่ะ แต่จะดราม่ามั้ยนี่ไม่น่าจะมีนะ ไม่แน่ใจแฮะ 55555 แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 07-09-2018 01:37:56
แซ่บมากค่ะ เริ่ด
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-09-2018 01:52:53
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-09-2018 01:57:02
มรสุมบนเตียงเหรอ มาเลยๆ  :hao6:
 :haun4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-09-2018 03:15:03
ฟินซะ จนคนอ่านปวดหลังไปแล้ว  :oo1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-09-2018 09:53:36
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-09-2018 10:26:18
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: BBBOOM ที่ 07-09-2018 11:32:29
งือออออออ ทำไมไม่อ่อนโยน  :ling1: :ling1: :jul1: :pighaun:

บรรยายฉากได้ดีมากกกกก ชอบความลังเล ความกังวนต่างๆนาๆของเจย์ ชอบทุกอย่างที่หลอมรวมจนได้ออกมาเป็นเจย์ รักเจย์ อยากได้เจย์เป็นของตัวเอง  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-09-2018 15:06:13
เอาแค่มาม่าเย็นตาโฟก้อพอนะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 07-09-2018 16:53:58
Wow
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Iisadaa ที่ 07-09-2018 17:34:38
ไม่เบาเรยจีงๆ เรานี่แบบ :jul1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 07-09-2018 23:17:23
เหมือนไม่ยอม แต่สุดท้ายยังไงเจย์ก็ฝืนคุณคริสเขาไม่ได้อยู่ดี
รู้ทันไปหมดทุกอย่าง ดักได้ทุกทาง ไม่มีอะไรจะเหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว
คริสเตียน แดดดี้ที่แสนร้ายกาจ ><
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 07-09-2018 23:32:56
 :jul1: o13
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 08-09-2018 10:14:55
ดูคุณคริสแกจะรู้ความรู้สึกของคุณเจย์ก่อนจะมีอะไรกันซะอีกนะ น่ารักจริงๆ มีโซลเมทที่ดีขนาดนี้แล้วยอมๆเขาไปเลยค่ะะ อะไรนะยอมไปแล้ว 555555555555  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าที่ถูกถีบจากสวรรค์ ที่ 08-09-2018 10:31:46
แก >\\\\\\\<  :-[ :-[ :-[ :-[ :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 08-09-2018 11:23:05
ฮื่ออออ เขินจังค่ะคุณพี่
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 09-09-2018 03:06:47
แต่งดีจังค่ะ ชอบสุดดดดดด แซ่บพริก10เม็ดไปเลยยยย
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 09-09-2018 16:27:12
เกาะขาเตียง แทบประคองตัวไม่ไหวแล้วค่าาาา ฟินนนน
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 09-09-2018 18:37:43
รอยกสองอยุ่นะ
 o13 :o8:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 15-09-2018 01:55:25
มาติดตามมมมมม
ชอบบรรยากาศของเรื่อง และขอบความมีปมในใจของเจย์ค่ะ
ทำให้เจย์มีความน่าค้นหามากขึ้น
อยากเข้าใจ สัมผัส แลเปลอบประโลม


หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 21-09-2018 00:27:58
ป่านนี้เจย์เดนจะฟื้นรึยังน้ออออ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 22-09-2018 13:19:52
ระอุมาก
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 23-09-2018 14:28:20
ฉันได้ตายไปแล้วอย่างสงบศพสีชมพู :jul1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าที่ถูกถีบจากสวรรค์ ที่ 24-09-2018 20:08:25
ป่านนี้เตียงจะไหม้เสร็จรึยังน่ออ  :hao3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 25-09-2018 18:24:37
ร้อนแรงทั้งคู่เลย  :jul1:

จะเจอมรสุมอะไรอีกนะ ไม่อยากให้ทั้งสองคนผิดใจกันเองเลย สงสารเจเดน

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 26-09-2018 15:08:45
ถ้าเกิดมีคู่อื่นในซีรี่นี้มีชื่อยู่ตรงไอนั่น ขึ้นมา ไม่ทราบว่านิยายเรื่องนี้จะหื่นหรือขำขรี้แตกขรี้แตนกันแน่
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 13 [07-09-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 26-09-2018 19:38:56
โอะ โอะ    ... ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 14 [02-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 02-10-2018 02:02:13
Chapter 14

Why am I worried about him?

[Christian]


 

ไม่ว่าอะไรที่เขาปิดบังผมเอาไว้ ผมจะบังคับเขาให้พูดมันออกมาให้ได้

 

“ดูมีความสุขดีนี่”

ผมสบตาแคสเทียลระหว่างควงปากกาในมือเล่น พี่ชายเฮงซวยของผมยิ้ม...ในแบบที่ผมโคตรจะเกลียด ครั้งหนึ่งผมเคยพูดกับเขาแบบนั้น และเขาตอบกลับมาว่า ‘นายก็มีรอยยิ้มเฮงซวยเหมือนฉันนั่นล่ะ เราเป็นพี่น้องกันนี่จริงมั้ย?’

ไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็ใช่...เราเป็นพี่น้องกัน เพราะงั้นเราก็เลยมีปากเสียงกันประจำ มีพี่น้องบ้านไหนไม่เคยทะเลาะกันบ้างล่ะ

“กับโซลเมตเป็นไปได้ด้วยดีสินะ ใช่ไหมไอ้น้องชาย?”

“นายจะอยากรู้ไปทำไม?” ผมย้อนถาม

แคสไหวไหล่ “เพราะถ้าไม่ได้ฉัน แกก็คงไม่รู้ไปอีกนานว่าโซลเมตตัวเองชื่ออะไร”

“โอ้ ไม่เอาน่า มันก็แค่ความบังเอิญเถอะ”

“เรียกมันว่าความโชคดีดีกว่า เพราะแกโชคดี ฉันเลยได้เห็นชื่อเจย์เดนบนหลังคอของแกไง”

ผมไม่เถียง หรือเรียกว่าเถียงไม่ออกมากกว่า ต้องยอมรับ (อีกแล้ว) ว่าเขาพูดถูก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาชวนผมว่ายน้ำเล่นในวันหยุด ผมก็คงโง่ไปอีกนานกว่าจะรู้ตัวว่าได้เจอโซลเมตของตัวเองแล้ว

แต่ชื่อที่สลักอยู่บนต้นคอของผมก็เป็นคำอธิบายได้ดี ว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกสนใจเขา ทั้งที่เราเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง

อ่า ที่จริงจะบอกว่าสนใจมันก็ไม่ถูกนัก แต่ผมก็อธิบายไม่ได้อีกเหมือนกันว่าผมคิดยังไงกับเจย์เดน อาจจะเป็น...ติดใจในอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเขาล่ะมั้ง ไม่รู้สิ บอกไม่ได้จริงๆ

“ไปละ” ผมบอกส่งๆ วางปากกาลงกับโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน แคสเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารที่มีอยู่เต็มโต๊ะทันที

“ไม่คิดจะช่วยงานฉันหน่อยหรือไง”

ผมไหวไหล่ แสยะยิ้ม “ให้มันออกจากบริษัทไปก่อนสิ แล้วฉันจะเข้ามาช่วยเต็มที่เลย”

ผมคิดว่าการสนทนาของเราสองพี่น้องคงจะจบลงแค่นั้น ถ้าไม่ใช่เพราะแคสรั้งผมเอาไว้ด้วยคำพูดแปลกๆ

“ถ้าเขาไปจริงๆ นายจะทำอย่างที่พูดแน่หรือเปล่าล่ะ?”

เราสบตากัน ผมมองเห็นความจริงจังในแววตาของผู้ชายร่วมสายเลือด แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเขากำลังหมายถึงอะไร มี...เรื่องอะไรหรือเปล่าที่ผมยังไม่รู้หรือเปล่า?

ท่ามกลางความเงียบ ประตูห้องทำงานถูกเปิดเข้ามาโดยไม่มีแม้แต่การเคาะให้สัญญาณ และคนที่จะทำแบบนี้ได้มีแค่แม่เท่านั้น แต่เมื่อเราหันไปมองกลับพบว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่แม่ เป็นไอ้สวะชาติชั่วที่ผมเกลียดต่างหาก

ผมเหยียดสายตามองมัน “เคาะประตูไม่เป็นสินะ”

“โอ้ ขอโทษที ฉันคิดว่าไม่ต้องเคาะ เพราะนี่เป็นห้องทำงานของ ‘ลูกชาย’ ฉันนี่นา”

“ไอ้...!”

“ไม่เอาน่าคริส” แคสสาวเท้าก้าวมารั้งไหล่ผมเอาไว้ไม่ให้ผลีผลามพุ่งเข้าไปตะบันหน้าไอ้แก่นั่น ก่อนจะหันไปพูดกับมัน “มีธุระอะไรเหรอครับ”

“แค่จะมาบอกว่าแม่รออยู่น่ะ คงไม่ได้ลืมนัดดินเนอร์ของครอบครัวเราเย็นนี้หรอกใช่มั้ย?”

“ครับ เข้าใจแล้ว ฝากบอกแม่ด้วยว่าเจอกันที่ร้านตอนทุ่มตรงแน่นอนครับ”

“ดี” แล้วไอ้สารเลวนั่นก็หันหลังเดินกลับออกไป แต่ก่อนที่มันจะได้ก้าวจนพ้นประตู แคสเทียลก็เรียกมันเอาไว้ก่อน มันเอียงใบหน้ากลับมาเลิกคิ้วใส่เป็นเชิงถาม

ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าของพี่ชาย...เขายิ้มในแบบนักธุรกิจมักจะยิ้มให้คู่ค้า ยิ้มจอมปลอม

“แค่อยากจะบอกว่าเราสองคน...ไม่ใช่ลูกชายของคุณ”

“...”

“ดังนั้นครั้งหน้า กรุณาอย่าพูดคำน่าสะอิดสะเอียนนั้นออกมาอีกนะครับ” ผมแสยะยิ้ม หันกลับไปมองสีหน้าไอ้เวรนั่น...เวลานี้มันกำลังถลึงตามองมาทางเรา กรามของมันขบกันแน่น ดูก็รู้ว่าเดือดดาลมากแค่ไหน และยิ่งเดือดดาลเข้าไปอีกเมื่อแคสเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “จริงสิ และครั้งหน้าถ้าจะเข้าห้องผมรบกวนแจ้งเลขาฯ ผมก่อน เพราะคุณเป็นแค่ผู้จัดการ ตำแหน่งของคุณมันต่ำกว่าผมมาก เข้าใจนะครับ?”

ผมหลุดขำออกมาจนได้ และนั่นทำให้อีกฝ่ายโกรธจนแทบจะระเบิดแล้วมั้ง แต่สุดท้ายมันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปิดประตูเต็มแรงแล้วเดินจากไป

ผมหันไปสบตาแคส ยกกำปั้นขึ้น อีกฝ่ายยกกำปั้นตัวเองมาชกกับผมเบาๆ

“เข้าท่านี่ไอ้พี่ชาย”

“แกต้องหัดระงับอารมณ์แล้วใช้แค่คำพูดบ้างนะคริส การใช้แต่กำลังไม่ช่วยอะไรหรอก”

“ช่วยไม่ได้ เห็นหน้ามันทีไรฉันก็อยากจะฆ่ามันทุกที” ผมยักไหล่ “ว่าแต่นายจะไปดินเนอร์เย็นนี้หรือเปล่า?”

“คงต้องไป แกก็ต้องไปด้วย”

“ฝันไปเถอะ” ผมสวนกลับโดยไม่ต้องคิด แต่แคสส่ายหน้า

“แกต้องไป คริส ถ้าอยากกำจัดเขาออกไปจากครอบครัวของเรา แกต้องร่วมมือกับฉัน”

ผมนิ่งงัน “ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว นายกำลังพูดเรื่องอะ...”

ก่อนที่ผมจะได้ถามจนจบประโยค จู่ๆ โทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้าแทรกการสนทนาของเราสองคนซะก่อน ผมยกมือเป็นเชิงบอกแคสว่าขอเวลานอก หยิบเอาสมาร์ตโฟนขึ้นมาดูหน้าจอ ชื่อที่ปรากฏให้เห็นทำให้ผมเผยยิ้มออกมา

“อ่า โซลเมตของแกสินะ รับสิ แล้วเราค่อยมาคุยกัน”

ผมกลอกตาใส่เขา แล้วเดินแยกออกไปอีกมุมหนึ่งของห้องทำงาน ก่อนจะกดรับสาย “ไง”

“เฮ้ นายโอเคนะ?” เจย์เดนถามกลับมาตามสาย น้ำเสียงของเขาดูร้อนรน

ผมขมวดคิ้ว “อะไร? ฉันปกติดี”

“แน่ใจเหรอ เมื่อกี้ฉันสัมผัสได้ว่านายกำลังโกรธจัด”

“...” โอ้ ให้ตาย ผมลืมไปได้ยังไงว่าเราสองคนเชื่อมความรู้สึกถึงกันได้แล้ว เรามีเซ็กซ์ด้วยกันไปแล้ว หลายรอบเลยด้วย “อ่า ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้ฉันโอเค ปกติดี”

“งั้นเหรอ โล่งอกไปที” ได้ยินเขาถอนหายใจ

ผมแย้มยิ้มกว้าง เอาล่ะ นี่มันบ้ามาก แต่ผมกลับรู้สึกดีเป็นบ้าเพียงเพราะแค่ได้รู้ว่าเขาเป็นห่วงผม

“นายล่ะ เป็นยังไงบ้าง ปวดหัวมั้ย? แผลอักเสบหรือเปล่า? กินยารึยัง? แล้ว...”

“ฉันโอเค เฮ้ สบายดี” เขาแทรก น้ำเสียงกลั้วหัวเราะจนทำให้ผมหน้าร้อน แต่ผมจะไม่ยอมรับหรอกนะว่าอายที่เขาเหมือนจะขำความเป็นห่วงเป็นใยที่ผมแสดงออกไปต่อเขาน่ะ

เอ่อ ใช่ ผมไม่ได้เขิน ไม่สิ ไม่ได้อายต่างหาก เข้าใจตรงกันนะ?

ผมอ้าปาก ตั้งใจจะบอกเขาว่าเดี๋ยวจะไปหา แต่เสียงโหวกเหวกจากฝั่งนั้นก็ดังรอดเข้ามาให้ได้ยินซะก่อน ถึงอย่างนั้นผมกลับจับใจความไม่ค่อยได้ แล้วสุดท้ายก็ได้ยินแค่เสียงของเจย์เดนพูดรัวเร็ว

“ไว้คุยกันทีหลังนะคริสเตียน”

...จากนั้นสายก็ตัดไป

ผมมุ่นคิ้ว พยายามประติดประต่อสิ่งที่ได้ยินมา แต่ก็นั่นล่ะ...ผมฟังมันไม่รู้เรื่องเลย เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า

“มีอะไรงั้นเหรอ?” แคสเทียลเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าผมเดินกลับมาหาเขาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

“ไม่รู้สิ ฉันได้ยินเสียงโวยวาย แล้วเขาก็ตัดสายไป”

แคสเลิกคิ้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า แกไม่ไปดูหน่อยเหรอ?”

“ก็ว่าจะไปอยู่แล้ว”

“แล้วดินเนอร์...”

ผมโคลงศีรษะ “จะกลับมาให้ทันหนึ่งทุ่มแล้วกัน แต่ยังไงฉันก็ต้องไปดู...อึก!”

ความรู้สึกตื่นกลัวตีตื้นขึ้นมาในอกของผม หัวใจของผมเต้นรัวแรงซะจนผมต้องกุมแผ่นอกตัวเองเอาไว้แน่น ความรู้สึกที่พุ่งพรวดขึ้นมาแบบนี้ไม่ใช่ความรู้สึกของผม หรือว่านี่มัน...

“คริสเตียน!”

“ฉันสัมผัสความรู้สึกของเขาได้ มันเป็นความกลัว” ผมโพล่งออกไป “แคส เขากำลังกลัวอะไรบางอย่าง กำลังตื่นตระหนก ตกใจ ให้ตายเถอะ!”

“เฮ้ นั่นนายจะไปไหน!?”

“ฉันจะไปหาเจย์เดนไงล่ะ!” ผมตอบแล้วพุ่งตัวออกจากห้องทำงานของพี่ชายอย่างรวดเร็ว แล้วห้านาทีต่อมาผมก็กำลังบังคับพวกมาลัยพารถหรูเคลื่อนออกสู่ท้องถนน มุ่งหน้าไปที่บ้านของเจย์เดน

ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ความกลัวของเขาที่ผมสัมผัสได้ มันทำให้ผมร้อนรนและเป็นห่วงมากพอที่จะต้องไปให้ถึงตัวเขาโดยเร็วที่สุด

ขอล่ะ...อย่าเกิดเรื่องไม่ดีกับเขาเลย

 

ผมจะไม่แปลกใจเลยสักนิดถ้ามีใบสั่งไปที่บ้านเพราะขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด แต่ใครจะสนกันล่ะ

เอี๊ยด!!!

เสียงล้อรถบดถนนดังลั่น เพื่อนบ้านของเจย์เดนคงจะแตกตื่นไม่น้อย แต่ก็นั่นอีกล่ะ ผมไม่สน คนเดียวที่ผมจะสนใจในเวลานี้ก็คือเขา...โซลเมตของผม

ผมหมุนลูกบิดประตูเข้าไปทันที คิดว่าถ้ามันล็อกก็จะพังเข้าไป แต่เป็นโชคดีที่มันไม่ได้ล็อก และทันทีที่ก้าวไปถึงห้องนั่งเล่น ผมก็พบกับเจ้าของบ้าน ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้อยู่คนเดียว

เจย์เดนกำลังนั่งอยู่บนโซฟา โดยมีโจชัวเดินวนไปวนมาหน้าโทรทัศน์ และ...ถ้าผมจำไม่ผิดเขาคือนิโคไล ริชมอนด์ เป็นโซลเมตของโจ ผู้ชายท่าทีนิ่งเฉยจนดูเหมือนเย็นชายืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ไม่ไกล

“คริสเตียน นายมาได้ยังไง?”

“ฉันสัมผัสได้ว่านายกำลังกลัว เกิดอะไรขึ้น?” ผมพุ่งเข้าไปหาเขา นั่งลงข้างๆ แล้วรั้งไหล่เขาเพื่อสำรวจร่างกายว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า แต่เมื่อพบว่าเขาไม่ได้มีแผลเพิ่มมากไปกว่าที่มีอยู่บนหัว ผมก็โล่งใจมากขึ้น

เจย์เดนดูเหมือนจะอึ้งๆ ไป แต่เมื่อเขาตั้งสติได้ก็กะพริบตาสองสามครั้ง “เอ่อ ฉันไม่ได้เป็นอะไร”

“แล้วทำไม...”

“พูดให้ถูกคือคนที่เป็นน่าจะเป็นโจมากกว่า”

ผมเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มวัยสิบแปดที่กำลังเดินวนเป็นหนูติดจั่น “อะไร? นายเป็นอะไรน่ะไอ้หนู”

โจชัวหยุดฝีเท้า เขาหันมามองผม สีหน้าดูเป็นกังวลและซีดเซียว เขาดูหมดแรงยังไงชอบกล ยิ่งไปกว่านั้นดวงตาเขาแดงก่ำราวกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างนั้นล่ะ

“ผม...ผมควรจะทำยังไงดี”

“เดี๋ยวนะ? ขอล่ะ บอกฉันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ผมต้องรู้เรื่องก่อน จะได้รู้ว่าจะช่วยยังไง ถ้าสองพี่น้องเอาแต่อ้ำอึ้งกันอยู่อย่างนี้ แล้วผมจะไปช่วยอะไรได้กันล่ะ

แต่พอผมถามออกไป ทั้งโจชัวทั้งเจย์เดนก็ไม่ยอมตอบ ยิ่งกับโซลเมตหัวดื้อของผม อีกฝ่ายเม้มปากแน่นแล้วส่ายหน้าไปมา สุดท้ายผมเลยต้องหวังพึ่งริชมอนด์แทน

ผมหันไปหาเขา “คุณพอจะบอกได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

นิโคไล ริชมอนด์ผละออกจากผนังห้อง เขาก้าวมานั่งบนพนักโซฟาตัวที่ว่างก่อนจะเล่าสิ่งที่ผมต้องการจะรู้ออกมาแทนเจ้าของเรื่องทั้งสองคน

“มีคลิปวิดีโอส่งมาหาโจชัวครับ เป็นคลิปอันนี้...” เขาหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดแล้วยื่นมันให้กับผม แต่โจชัวก็พุ่งเข้ามาแย่งมันไป

“ไม่ได้นะ! คุณจะให้ใครดูอีกไม่ได้!”

“เจ้าหนู” ผมพยายามใช้ความใจเย็นเข้าช่วย “นายต้องให้ฉันดู แล้วฉันจะได้หาทางช่วย”

“ไม่ คุณไม่เข้าใจ” โจชัวส่ายหน้า

ใช่ ผมไม่เข้าใจ แต่ถ้าเขาไม่บอกแล้วผมจะไปเข้าใจได้ยังไงกันล่ะ

“เจย์เดน” ผมหันกลับมาหาโซลเมตของตัวเอง “คายออกมาว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น อะไรที่ทำให้นายหวาดกลัวได้ถึงขนาดนั้น”

“ฉัน...”

บัดซบเอ๊ย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย แม้แต่เขาที่โตเป็นผู้ใหญ่กว่าน้องชายตั้งหลายปีก็ยังไม่คิดจะเล่าให้ผมฟัง แล้วผมต้องทำยังไงกันล่ะทีนี้

บางทีผมอาจจะต้องใช้วิธีนี้ล่ะมั้ง...มาลองเสี่ยงกัน

“เอาล่ะ ถ้าไม่อยากให้ฉันรู้งั้นฉันก็จะไม่ยุ่ง จะว่าไปมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉันนี่นะ ฉันก็แค่โซลเมตของนาย แต่ไม่ได้เป็นอะไรกันมากพอที่นายจะยอมบอกทุกเรื่องกับฉัน” ผมเอาคำพูดที่เจย์เดนเคยพูดกับผม เมื่อครั้งที่ผมเกือบจะปล้ำเขาคาพื้นของห้องพักโรงแรม...เจย์เดนมีสีหน้าตื่นตระหนก แต่ผมไม่ปล่อยโอกาสให้เขาได้พูด ชิงลุกขึ้นเพื่อออกไปจากที่นี่

“ขอโทษทีแล้วกันที่ฉันก้าวก่ายเรื่องของนาย”

หมับ!

“เดี๋ยว! คริสเตียน มันไม่ใช่อย่างนั้น สาบานได้ว่าไม่ใช่เพราะว่านายเป็นแค่โซลเมต” อีกฝ่ายเอ่ยรัวเร็ว เขากำข้อมือผมแน่น “เราอาจจะยังไม่ได้เป็นอะไรกันก็จริง แต่นายไม่คิดหรือว่าสายสัมพันธ์ของเรามันเปลี่ยนไปแล้ว และฉันแคร์นายนะคริสเตียน”

เราอาจจะยังไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นเหรอ? แปลว่าหลังจากนี้มีความเป็นไปได้ที่เราจะเป็นมากกว่าแค๋โซลเมตกันใช่มั้ย? แบบว่าตำแหน่ง ‘คนรัก’ อะไรอย่างนั้น

เอาล่ะ นี่ไม่ใช่ประเด็น แม้ผมจะยังสงสัยในคำว่ายังนั้นอยู่ แต่เรื่องสำคัญที่เป็นประเด็นเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ก็คือ...เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมต้องเค้นคอถามเขาให้ได้

“ถ้าแคร์ฉัน ก็เล่ามันออกมาเจย์เดน”

เขาไม่ตอบในทันที แต่หันไปสบตาโจชัวราวกับจะปรึกษากัน...ผมมองตาม และทันเห็นเด็กคนนั้นส่ายหน้า

เอาล่ะ งานนี่ค่อนข้างยุ่งยาก ขนาดผมลงทุนเล่นละครให้อีกฝ่ายเห็นใจแล้วนะ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดละความพยายาม ผมต้องเค้นเอาความจริงออกมาให้ได้ ถ้าง้างปากเขาไม่ได้ งั้นผมจะลากเขาขึ้นห้องแล้วใช้ทุกวิธีกระตุ้นให้เขาพูด

ผมหันกลับไปหามิสเตอร์ริชมอนด์อีกครั้ง “คุณเล่ามาเลยได้มั้ยว่ามันเป็นคลิปอะไร”

นิโคไลเหลือบมองโซลเมตของตัวเอง และแน่นอน...โจชัวส่ายหน้า เขาจึงถอนหายใจพลางว่า “มีคลิปส่งมาหาเขา เป็นคลิปข่มขู่...อุ๊บ!”

“นิค!” โจชัวตวาดลั่น เขาพุ่งเข้าไปปิดปากของผู้ชายตัวโตแน่น “ผมไม่ให้คุณบอกใครไง! แค่คุณรู้มันก็เสี่ยงมากพอแล้วนะ!”

“เสี่ยงอะไร? หมายถึงอันตรายงั้นเหรอ?”

ถ้ามีคำว่าอันตรายหรือเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้อง สถานการณ์คงไม่ดีแล้ว ต้องเรียกว่าแย่สุดๆ ไปเลยด้วยซ้ำ และผมจะไม่ยอมให้เจย์เดนของผมต้องอยู่ในอันตราย ‘อีก’ เด็ดขาด!

นิโคไลดึงมือของโจชัวออก แต่เด็กน้อยก็เอาแต่ขัดขืน สุดท้ายผู้ชายตัวโตกว่าจึงพลิกร่างที่เล็กกว่าเขาให้กลับหลังหัน ก่อนเข้าจะล็อกเอวอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยแขนข้าวเดียว ขณะที่อีกข้างล็อกคอปิดปาก เอ่อ หมอนั่นจะตายก่อนไหมเนี่ย

ดูเหมือนเจย์นเดนก็คิดอย่างนั้น เพราะเขาตั้งท่าจะเข้าไปห้าม คงกลัวน้องชายตัวเองขาดอากาศหายใจ ซึ่งผมไม่มีทางยอมให้เขาไปช่วยแน่ มีแต่ต้องล็อกตัวเขาเอาไว้อีกคน

“นั่งลงเจย์ ถ้าไม่อยากให้ฉันลากนายขึ้นไปเค้นความจริงบนเตียง”

เขามองผมตาโต อ้าปากค้าง และถ้าผมมองไม่ผิด...ดูเหมือนใบหน้าเขาจะแดงขึ้นมานิดหน่อยด้วยล่ะ

ผมหันกลับไปหานิโคไลโดยที่ยังกอบกุมมือของโซลเมตหัวดื้อเอาไว้ อีกฝ่ายเปิดปากเล่าโดยพยายามล็อกตัวโจชัวเอาไว้แน่นๆ ไปด้วย คงต้องใช้ความพยายามมากทีเดียว การดื้นหวังให้ตัวเองหลุดออกจากพันธนาการของโจชัว ทำให้ผมนึกถึงเจย์เดนตอนที่พยศไม่ยอมให้ผมถอดเสื้อเขาออกเพื่อดูชื่อโซลเมตบนตัวเลยแฮะ

“มีคลิปข่มขู่ส่งมาหาโจ เป็นคลิปแม่ของเขากำลังถูกทำร้ายร่างกายและทารุณกรรม”

“..!” พระเจ้า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว “แม่ของโจชัวน่ะนะ?”

“ครับ และผมเดาว่าทั้งโจกับคุณ...เจย์เดน” นิโคไลเหลือบสายตาไปมองคนข้างกายผม ซึ่งนั่นทำให้ผมมองตาม แล้วพบว่าเจย์เดนกำลังหน้าซีดเผือดลงเรื่อยๆ “รู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาไม่ยอมบอกเรา”

“นายรู้งั้นเหรอ?”

เจย์เดนส่ายหน้า “ฉันบอกไม่ได้ คนที่รู้เรื่องนี้ควรมีให้น้อยที่สุด แค่คุณได้เห็นคลิปนั่นก็มากเกินไปแล้วนิโคไล ดังนั้นผมไม่อยากให้คริสเตียนต้องเห็นมันด้วยเหมือนกัน"

แต่ดูเหมือนมิสเตอร์ริชมอนด์จะไม่คิดอย่างนั้น “ผมไม่เห็นด้วย ผมช่วยพวกคุณได้นะเจย์เดน”

“คุณจะไปช่วยอะไรได้กัน” โซลเมตของผมยังคงดื้อแพ่ง ไม่ต่างจากน้องชายของตัวเองเลยสักนิด

“ฉันก็ช่วยนายได้” ผมว่า บังคับใบหน้าของเจย์เดนให้มองสบตากัน “ถ้าคิดว่าเรามีสายสัมพันธ์อันแสนพิเศษต่อกัน นายต้องให้พวกเราช่วย”

“ถ้าผมคนเดียวอาจจะช่วยไม่ได้มาก แต่ถ้ามีคุณคริสเตียน ผมคิดว่าเราช่วยคุณสองพี่น้องได้แน่ ไม่สิ...ถ้ามีพี่ชายของคุณคริสเตียนด้วยอีกคน...”

“เดี๋ยวนะ?” ผมจ้องนิโคไลเขม็ง “คุณรู้จักพี่ชายของผม?”

นิโคไล ริชมอนด์พยักหน้า “ก็ถ้าพี่ชายของคุณคือแคสเทียล แคมเบลล์ล่ะก็นะ”


_________________________________________

เรากลับมาแล้ววว กรี๊ด! ในที่สุด! หลังจากหายไปเกือบเดือน (เก๊าขอโทษน้าา T T) วันนี้เรากลับมาอัปแล้วนะตัวเอง คิดถึงทุกคนมากเลย แง โคตรคิดถึงๆๆๆ หายไปปั่นต้นฉบับมาค่ะ แฮ่ เพิ่งปิดต้นฉบับได้วันนี้สดๆ ร้อนๆ คิดว่าหลังงานหนังสือน่าจะได้ลงให้อ่านกันล่ะ อิอิ

สำหรับตอนนี้ก็เริ่มเข้าสู่ปมของเรื่องแล้วนะคะ แต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่ใช่ปมใหญ่อะไรหรอก เรียกว่าปมได้หรือเปล่ายังไม่แน่ใจเลย และไม่ดราม่าด้วย...มั้งนะ 55555 ไม่รู้จะทอล์กอะไร แง เอาเป็นว่า...คริสเตียนคือไอ้หื่นกามที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลาค่ะ ซีเรียสจะตายห่ายังมีหน้าคิดเรื่องอกุศล เดี๋ยวตบฟว่ำ //ง้างมือ

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 14 [02-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: IRA ที่ 02-10-2018 02:23:28
มาเช้าเลยค่ะ คิดถึงเรื่องนี้มว้ากกกก รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อฮะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 14 [02-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-10-2018 04:02:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 14 [02-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 02-10-2018 08:59:13
ใครทำร้ายแม่  :katai4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 14 [02-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 02-10-2018 10:03:54
คุณคริสคะเอะอะจะลากขึ้นเตียงคุยกันไม่ได้นะคะ :hao3: ลุ้นหนุ่มๆช่วยแก้ปมกัน ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 14 [02-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-10-2018 11:16:18
หายไปนานเลย...คิดถึง ไม่ดราม่าแน่นะ กลัว  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 14 [02-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 02-10-2018 11:35:05
เขินที่ทั้งสองคนรับรู้ความรู้สึกซึ่งกันและกัน  :o8:
รออ่านสามหนุ่มแคส คริส นิก รวมทีมช่วยเจย์กับน้องโจ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 14 [02-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-10-2018 14:07:43
มีความสีชมพูในความCSI NY
ตอนนี้แต่รอเขาร่วมมือทำภารกิจ ตื่นเต้นจังความสัมพันธ์ของโซลเมทช่างล้ำลึก
แค่สงสัยว่าแลเวพ่อของเจย์ก้อต้องสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวเจ็บปวดของแม่ ในระหว่างที่ถูกทรมานสิ ขี้แพ้นั่นน่ะจะทำอะไรได้
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 14 [02-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 02-10-2018 15:25:10
คริสแบบใจเย็นก่อนเดี๋ยวก็ได้เลื่อนตำแหน่ง 555555555
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 14 [02-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 02-10-2018 16:57:53
รออออ กำลังมันส์เลย
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 14 [02-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-10-2018 18:07:33
ช่วยเลยๆ   :katai1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 14 [02-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-10-2018 18:37:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 14 [02-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 02-10-2018 19:06:59
มาแล้ว มาลุ้นว่าจะเป็นยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 14 [02-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: 30267 ที่ 03-10-2018 21:28:30
โอ๊ย ลุ้นนนนน รอนะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 04-10-2018 00:32:48
Chapter 15

When the secret has more than one


 

ทุกคนมักมีความลับมากกว่าหนึ่งเสมอ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม


 

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอท้อง พ่อก็คงจะทิ้งเธอเหมือนที่ทิ้งผู้หญิงทุกคน หลังจากใช้เธอเป็นของเล่นทางกามอารมณ์จนพอใจ...และถ้าไม่ใช่เพราะเธอท้อง โจชัวก็คงไม่ได้เกิดมาเป็นน้องชายของผม

ความจริงชีวิตของผมมันค่อนข้างซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ และด้วยเหตุผลอีกหลายๆ อย่างที่ทำให้เรื่องบางเรื่องก็ยากต่อการพูดมันออกมา เพราะมันเกี่ยวพันกับความปลอดภัยในชีวิตของพวกเรา

แต่บางทีเรื่องที่เราสองคนพี่น้องเก็บงำเอาไว้ อาจจะมีไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความเป็นจริงทั้งหมดด้วยซ้ำ

“ทำไมคุณถึงรู้จักพี่ชายของผม?” คริสเตียนถามขึ้น

อีกฝ่ายไหวไหล่ ยอมปล่อยให้โจชัวได้เป็นอิสระ เพราะดูเหมือนน้องชายของผมจะเลิกดิ้นรนให้พ้นจากพันธนาการแล้ว เมื่อพบว่ามีเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าการพยายามปิดปากห้ามไม่ให้โซลเมตพูดเรื่องคลิปออกมา

“ผมกับพี่ชายของคุณ เราทำงานด้วยกัน” นิโคไลว่า “หรือจะพูดให้ถูกก็คือเขาจ้างผม”

“จ้าง? คุณทำงานอะไร?”

“งานเสี่ยงอันตราย” เขาพูดแค่นั้นแล้วก็หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครสักคน “คุณต้องมาที่นี่ น้องชายของคุณก็อยู่ด้วย...ครับ ค่อนข้างสำคัญ แล้วเจอกัน”

“คุณโทรหาแคสงั้นเหรอ?” คริสเตียนถาม และได้คำตอบเป็นการพยักหน้ารับของนิโคไล

แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี “คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่กันแน่ เรื่องของพวกเราเกี่ยวอะไรกับพี่ชายของคริสเตียนกัน?”

เขาไม่ได้ตอบกลับมาในทันที แต่หันไปสบตาโจชัวก่อน ซึ่งดูเหมือนน้องชายของผมก็ยังไม่รู้เรื่องเช่นกัน ผมคิดว่าบางที...อาจจะไม่ได้มีแค่เราที่เก็บซ่อนความลับเอาไว้

“บางครั้งโชคชะตาก็ไม่ได้นำพาแค่โซลเมตมาพบกัน” นิคเอ่ยขึ้นในที่สุด “แต่มันนำพาสิ่งที่อยู่รอบตัวพวกเขาให้มาพัวพันกันด้วย และนั่นล่ะคือความพิเศษ”

เราทุกคนตั้งใจฟัง เพราะไม่ว่าอะไรที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากของเขามันต้องสำคัญมากแน่ๆ ต่อให้ครั้งแรกที่ฟังจะดูไร้สาระ หรือเป็นเรื่องปกติสามัญธรรมดาจนดูไม่มีอะไรน่าสนใจก็ตาม

“โจชัวไม่ยอมบอกผมว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของเขา แต่คลิปที่ส่งมาก็ทำให้ผมพอจะเดาออกอยู่บ้าง ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากได้ยินเรื่องทั้งหมดจริงๆ อยู่ดี”

ผมสบตาน้องชาย เราต่างรับรู้ได้ถึงความตึงเครียดของอีกฝ่าย เมื่อประเมินสถานการณ์ดูแล้ว ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะที่เราต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น

เงยหน้าขึ้นมองนิโคไล เขาเงียบราวกับกำลังรอ เพราะแบบนั้นผมจึงเลือกแล้วว่าจะคายความลับที่มีออกมา...คริสเตียนจับมือผม และเมื่อเราสบตากัน ผมก็รู้สึกเหมือนได้รับกำลังใจ

“ฉันรู้ว่าพ่อเป็นหนึ่งในผู้ค้ายารายใหญ่มานานแล้ว” ผมเริ่มเล่า “ก็ราวๆ สิบห้าปีได้ ตอนนั้นความอยากรู้อยากเห็นของเด็กวัยสิบสองทำให้ฉันไปได้ยินที่ยายคุยกับแม่เข้าโดยบังเอิญน่ะ”

“แล้วเขารู้ไหมว่านายรู้เรื่องนี้แล้ว?” คริสเตียนถาม

ผมส่ายหน้า “ไม่ เขาไม่รู้ จนผ่านไปหลายปีโจก็ดันไปได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับใครสักคนเรื่องส่งยา เขาจับได้ โจเลยโดนขู่ว่าถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร เขาจะทำร้ายแม่ของโจ...มิสซิส”

“ผมก็เลยเก็บมันเป็นความลับมาตลอด แต่ก็หลุดปากเล่าให้เจย์ฟังเพราะทนอึดอัดใจไม่ไหว สุดท้ายมันก็เลยกลายเป็นความลับที่เราสองคนต้องซ่อนเอาไว้” โจชัวช่วยอธิบายเพิ่ม

มาคิดดูแล้วเขาเป็นพ่อที่โคตรแย่ เป็นไอ้บัดซบที่ไม่เคยมีใจเมตตาหรือรักใครเลย กล้าขู่ฆ่าได้แม้กระทั่งเมียของตัวเอง แถมยังขู่กับคนที่เป็นลูกชายร่วมสายเลือดอีกต่างหาก

เมื่อก่อนเขาเคยดีกว่านี้ ใจดีกว่านี้ รักโจมากกว่านี้...รักเขามากกว่าผมซะอีก

“นั่นจึงเป็นคำอธิบายได้ดีว่าทำไมเขาถึงส่งคลิปนั้นมา”

นิโคไลยื่นมือมาขอโทรศัพท์ของโจไปแล้วเปิดคลิปที่ว่า ก่อนยื่นมันให้คริสเตียน ซึ่งเป็นคนเดียวในพวกเราทั้งหมดที่ยังไม่ได้ดู...ผมนั่งอยู่ข้างเขา แต่เลือกที่จะไม่ดูมันซ้ำ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากคลิปชัดเจน

“ไอ้เด็กเหลือขอ! ฉันรู้ว่าแกอยู่กับไอ้เจย์เดน! ถ้าไม่อยากให้แม่แกตายก็กลับบ้านมาซะ!”

และแม้ว่าผมจะได้ยินแค่เสียง แต่ผมก็ยังนึกภาพในคลิปออก ถึงจะดูมันไปแค่ครั้งเดียวก็ตาม...หญิงสาวที่มีเส้นผมยาวหยิกสีบลอนด์อ่อน ใบหน้าซูบซีดมีร่องรอยบาดเจ็บจากการโดนทำร้าย ร่างกายผ่ายผอมเพราะทำงานหนักและต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับผู้ชายทุเรศคนหนึ่งมานานหลายปี

“ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ปกติแล้วนะ” คริสว่า หลังจากดูจบเขาก็ยื่นโทรศัพท์คืน

นิโคไลพยักหน้าเห็นด้วย “ผมก็คิดอย่างนั้น นอกจากค้ายาเขาคงเสพมันด้วย แค่ดูแววตาของเขาก็รู้แล้วว่าสมองของเขาโดนยานรกพวกนั้นทำลายไปเกินกว่าครั้ง เขาเริ่มเข้าสู่อาการประสาทหลอนและฉุนเฉียวเกินกว่าปกติแล้วล่ะ”

“ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกี่ยวกับพี่ชายของผมยังไง?” คริสขมวดคิ้ว อ่า นั่นสิ ผมก็สงสัยเหมือนกัน

เป็นอีกครั้งที่นิโคไลไม่ตอบ เขาเบือนหน้ามองออกไปมองนอกหน้าต่าง เมื่อพวกเรามองตามก็พบว่ามีรถคันหนึ่งเลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้านของผม คริสเตียนมองตามก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเท้าไวๆ ออกไป

“นั่นพี่ชายฉัน”

เพียงไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับผู้ชายในชุดสูทคนหนึ่ง ผมผุดลุกขึ้นจับมือทักทายอีกฝ่ายทันที

“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งครับ คุณแคมเบลล์”

“เช่นกันครับคุณคาร์เตอร์” แคสเทียล แคมเบลล์เขย่ามือผม แล้วจู่ๆ เขาก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ “อ้อ ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นโซลเมตของน้องชายผม แต่ก็ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเรานะครับ”

“เอ่อ...” ผมพูดอะไรไม่ถูก คำพูดของเขาเหมือนหมัดที่ต่อยฮุคเข้าที่ปลายคางของผม

ยินดีต้อนรับสู้ครอบครัวของเรา

นั่นมัน...บ้ามาก เขาทำให้ผมหน้าร้อนไปพร้อมๆ กับความขัดแย้งในใจที่กู่ร้องขึ้นมาเบาๆ เป็นคำถามว่าผมจะมีโอกาสได้เป็นครอบครัวเดียวกันกับคริสเตียนงั้นเหรอ?

ความคิดนั้นอันตรายเกินไป ผมไม่ควรคิดแบบนั้นถ้าอะไรๆ ระหว่างเรายังไม่ชัดเจน ถ้าผมยังคงกลัวการสานสัมพันธ์กับใครสักคนอยู่

“ก็อยากจะขอบใจนะที่นายเป็นมิตรกับคนของฉัน แต่ช่วยอธิบายปัญหาคาใจให้ฉันได้เข้าใจหน่อยได้มั้ย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเรา?”

...ผมจะปล่อยผ่านคำว่าคนของฉันที่คริสเตียนพูดไปก็แล้วกัน

แคสเทียลสอดมือล้วงกระเป๋ากางเกง เขาก้าวไปยังบานหน้าต่าง มองไปด้านนอกก่อนจะหันกลับมาแล้วเปลี่ยนเป็นทิ้งตัวพิงสะโพกกับขอบหน้าต่างแทน ดวงตาสีเทาเหมือนกับโซลเมตของผมมองตรงมาที่เราสองคนพี่น้อง...ผมกับโจ

“พ่อของคุณมีน้องชายชื่อจาเร็ต สมิธใช่มั้ย?”

ผมกะพริบตา “ใช่ครับ เขาเป็นอาของผม”

“ทำไมนามสกุลไม่เหมือนกับคุณล่ะ?” เขาถามอีก

“เพราะว่าผมเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของแม่ตั้งตอนอายุสิบสอง”

“ให้ตายเถอะ!” จู่ๆ คริสเตียนก็สบถขึ้น เขายกมือกุมศีรษะ สีหน้าสับสนและดูโกรธเคืองในอะไรสักอย่าง “มันไม่บังเอิญเกินไปหรือไงที่อาของนายเป็นโซลเมตของแม่ฉัน!”

“หา?” คราวนี้ผมกลายเป็นฝ่ายสับสนบ้างแล้ว

แคสเทียลเปลี่ยนจากล้วงกระเป๋าเป็นกอดอก “ตอนนี้อาของคุณเป็นพ่อเลี้ยงของเรา”

“มันไม่ใช่พ่อฉัน!” คริสเตียนตวาด และนั่นทำให้ผมเผลอสะดุ้ง เขาโกรธอะไรเนี่ย

“คริสไม่ชอบเขาน่ะ ผู้ชายคนนั้นเฮงซวยบัดซบเลยล่ะ” แคสเทียลไหวไหล่อธิบาย

ผมแค่นหัวเราะ “ไม่แปลก พ่อของผมก็เป็นไอ้บัดซบเหมือนกัน”

“สมกับที่พวกเขาเป็นพี่น้องกันสินะ”

ผมเลิกคิ้วแทนคำตอบ แล้วหันไปหานิโคไล “เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ นี่สินะที่คุณพูดเอาไว้...โชคชะตาไม่ได้นำพาให้โซลเมตมาเจอกันแค่นั้น แต่ยังพาคนรอบตัวพวกเขามาพัวพันกันด้วย”

“ยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวของพวกคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย”

“ยังไง?” โจชัวที่เงียบอยู่นานเอ่ยถาม ส่วนผมลุกขึ้นเดินไปหาคริสเตียนที่ดูเหมือนกำลังจะสติแตกแล้ว

ผมดึงตัวเขาไว้ให้หยุดเดิน คว้าต้นคอเขาหันมามองหน้ากัน “เฮ้ เฮ้ คริสเตียน”

เขายอมสบตาผม พรูลมหายใจระบายความหงุดหงิด สองมือกุมต้นคอของผมบ้าง

“โทษที ฉันแค่...ฉันเกลียดเขา ไอ้จาเร็ตนั่น!”

“อืม ก็พอจะเดาได้ รู้อะไรมั้ย? ลึกๆ แล้วฉันเองก็เกลียดพ่อเหมือนกัน” ผมยิ้ม...คริสเตียนเลิกคิ้ว ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างไม่มีเหตุผล “แต่เกลียดที่เขาเป็นไอ้ขี้ยาทำร้ายครอบครัวน่ะนะ เขาตอนที่ฉันยังเด็กน่ะใจดีกว่านี้มาก...อย่างน้อยก็เท่าที่ความทรงจำตอนอายุสามสี่ขวบจะจำได้”

“พ่อแม่นายเลิกกันตอนนายอายุเท่าไหร่?” เขาถาม เป็นคำถามที่ผมไม่เห็นความจำเป็นจะต้องตอบ แต่ผมก็ยังตอบออกไป ขณะเดียวกันก็กางแขนออกเล็กน้อยให้คริสเตียนได้สวมกอดที่เอวแล้วซบหน้าผากกับบ่าของผม

“ประมาณแปดขวบ”

“เหรอ? ส่วนพ่อฉันตายตอนที่ฉันอายุยี่สิบสี่ และฉันต้องทนอยู่กับสามีใหม่ของแม่เกือบสิบปีได้”

ผมลูบเส้นผมของเขาเล่น และผมกับเขาก็กำลังทำตัวเหมือนอยู่ในโลกที่มีแค่เราเท่านั้น ลืมเลือนไปหมดแล้วว่ายังมีคนอื่นอยู่ในห้องนี้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่สนใจหรอก ผมสนใจแค่โซลเมตของผม...ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกไม่มั่นคงในใจของเขา

ความพิเศษของการเป็นโซลเมตที่มีอะไรกันแล้วมันก็ดีไม่น้อยเลยแฮะ อย่างน้อยผมก็ได้รับรู้ความรู้สึกของคริสเตียนด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่เขาที่สัมผัสความรู้สึกของผมได้คนเดียว คิดไปคิดมามันก็ไม่แย่อย่างที่เคยกลัวเอาไว้ มีคนให้แบ่งปันความรู้สึกร่วมกัน แบบนี้เรียกว่าคนพิเศษได้หรือเปล่า?

ผมกดจูบที่ข้างขมับของเขาเป็นการให้กำลังใจ และได้จูบที่ต้นคอกลับมาเป็นของตอบแทน แต่แล้วมันก็ไม่ได้หยุดแค่จูบเดียวเมื่อคริสเตียนดูดผิวเนื้อของผมเบาๆ ซึ่งอันที่จริงก็ไม่เบานักหรอก ผมเดาว่ามันต้องขึ้นรอยแล้วแน่ๆ ไอ้บ้าเอ๊ย! มันใช่เวลาไหมวะเนี่ย

“หยุดเลยคริส!” ผมกระซิบดุเขา ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากเขา ผมก็เลยต่อยแขนเขาไปทีหนึ่ง

คริสเตียนยอมผละออกห่างในที่สุด และเมื่อผมเบือนหน้าไปมองทางอื่น ก็พบเข้ากับสายตาล้อเลียนจากมิสเตอร์แคสเทียล เลื่อนไปอีกนิดก็เจอเข้ากับสีหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่รับรู้อะไรของนิโคไล และหน้าแดงๆ กับดวงตาลุกลี้ลุกลนของโจชัวที่ดูเหมือนจะทำตัวไม่ถูกกับสิ่งที่เขาได้เห็น

โอ้พระเจ้า ผมลืมไปเสียสนิทเลยจริงๆ ว่ายังมีพวกเขาอยู่ด้วย

“เอาล่ะ ไว้ไปนัวเนียกันทีหลังนะพวก ตอนนี้มีสิ่งที่พวกนายต้องรู้” แคสเทียลว่า

ผมหลุบตาไม่มองหน้าเขาแล้วก้าวไปนั่งบนโซฟาอีกครั้ง เราจะ...ไม่พูดถึงเรื่องเมื่อกี้กันอีก โอเคนะ?

คริสเตียนเดินตามมานั่งข้างกัน “เป็นเรื่องเดียวกับที่นายเพิ่งพูดกับฉันก่อนมาที่นี่สินะ”

ผมไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนพี่น้องกำลังพูดเรื่องอะไร แต่ผมก็ยังตั้งใจฟัง เพราะตอนนี้ไม่ว่าเรื่องไหนก็ล้วนสำคัญ อีกทั้งผมยังต้องขอให้พวกเขาช่วยแม่ของโจด้วย ดังนั้นทุกข้อมูลล้วนจำเป็น

“ยังฉลาดเหมือนเดิมนี่ไอ้น้องชาย” แคสเทียลชี้หน้าคริสแล้วยิ้มมุมปาก “จำได้มั้ย? ถ้าแกอยากกำจัดเขาออกไปจากครอบครัว เราต้องร่วมมือกัน”

“บอกมาสักทีเถอะว่าต้องทำยังไง”

“คุณคงไม่ได้คิดจะฆ่าเขาหรอกนะครับ” ผมถาม พอใช้คำว่ากำจัดแล้วสมองมันก็เผลอคิดไปแบบนั้น

“ไม่หรอก เราไม่ฆ่าคน ผมไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลที่จะทำอะไรแบบนั้นได้หรอกนะ ผมเป็นแค่นักธุรกิจ แต่ถ้าเป็นนิโคไลก็ไม่แน่ เขาน่าจะฆ่าคนได้”

“หา?” ทั้งผมทั้งโจชัวมุ่นคิ้วแน่น ไม่แน่ใจว่าที่ได้ยินนั้นเรื่องจริงหรือหูฝาดไป

“มิสเตอร์แคมเบลล์ ผมไม่ฆ่าคน” นิโคไล ริชมอนด์เอ่ยขึ้น สีหน้าของเขายังคงนิ่งเฉย แต่แววตาคมกริบราวกับดวงตาของเหยี่ยวยามจ้องศัตรู และหมายจะขย้ำให้ตายคากรงเล็บ

แคสเทียลยกมือเสมอไหล่ “หยอกเล่นน่า นายนี่ไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย”

“ถ้าโคลตันอยู่ที่นี่คุณคงขำจนหายใจไม่ทัน”

ผมไม่รู้ว่าโคลตันคือใคร แต่มันทำให้ใบหน้าของแคสเทียลแข็งเป็นหินได้ในทันที ช่างสวนทางกับคำพูดที่ว่าคนคนนั้นจะทำให้เขาหัวเราะจนหายใจไม่ทัน

“หึๆ”

อ่า คงจะไม่ค่อยถูกกันล่ะมั้ง เพราะสีหน้าของแคสเทียลบึ้งตึงลงกว่าเดิมเมื่อโดนคริสเตียนหัวเราะใส่

“โจ ขึ้นไปรอบนห้องไป”

“อะไร!? คุณจะกันผมออกจากเรื่องนี้งั้นเหรอ!?” น้องชายของผมโวยวายทันทีเมื่อโซลเมตหันมาออกคำสั่ง “ไม่มีทาง! ผมไม่ยอมแน่ เรื่องนี้มันเกี่ยวกับแม่ผมด้วย ผมจะช่วยแม่”

“เรื่องมันใหญ่เกินกว่าเด็กอย่างนายจะเข้าใจ”

“ผมไม่เด็กแล้ว! สิบแปดแล้วนะ!”

“สำหรับฉันนายยังเด็กเกินไปกับเรื่องนี้ โจ” นิคยังคงยืนยันคำเดิม “นายจะไปรอข้างบนดีๆ หรืออยากให้ฉันลงโทษนายหลังจากที่เรากลับถึงบ้าน?”

“นิค!” โจชัวดูไม่พอใจ แต่เขาก็เหมือนจะทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินกระแทกเท้าออกจากห้องนั่งเล่น แล้ววิ่งตึงตังขึ้นไปชั้นสองของบ้าน

ผมมองตามน้องจนลับสายตา ก่อนจะหันกลับบอกนิโคไล “ขอบคุณ”

“ไม่จำเป็น ผมทำเพราะปกป้องเขาอยู่แล้ว”

ได้ยินอย่างนั้นผมก็สบายใจมากขึ้น อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็เป็นโซลเมตที่เชื่อใจได้ว่าจะดูแลโจชัวให้ปลอดภัยจากอันตราย เขายังเด็กเกินไปที่จะเข้ามาพัวพันกับเรื่องพวกนี้

“ผมสืบประวัติของตระกูลสมิธมาสักพัก รวมไปถึงเรื่องของคนที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา คุณเองก็เป็นหนึ่งในนั้น”

ผมเลิกคิ้วเมื่อได้ยินที่นิคพูด ส่วนแคสเทียลขยับมานั่งที่โซฟาเดี่ยวแล้วกล่าวเสริม “ชีวิตของคุณน่าสนใจพิลึก”

ถ้าเรียกความระยำบัดซบของชีวิตผมว่าน่าสนใจ คนคนนี้ก็คงจะมีต่อมรับรู้ผิดปกติแล้วล่ะ

“พ่อแม่หย่ากันตอนคุณอายุแปดขวบ  น้องสาวที่เกิดทีหลังคุณห้าปีแท้ที่จริงเป็นลูกคนละพ่อ เธอชื่ออะไรนะ? เจสซี่ แบรนดอนใช่มั้ย?”

นี่คือความสามารถของคนรวยสินะ พอคิดจะสืบเรื่องของใครก็รู้ลึกรู้ละเอียดราวกับมานั่งอยู่กลางวงครอบครัวของคนคนนั้น แล้วพอเห็นว่าผมไม่ตอบอะไรเขาก็ร่ายประวัติชีวิตของผมออกมายาวเหยียด การรำลึกถึงความหลังมีแต่จะทำให้ผมเจ็บปวด ถึงอย่างนั้นผมกลับไม่คิดห้ามให้เขาหยุดพูด และรับรู้ได้โดยไม่ต้องหันไปมองว่าคริสเตียนกำลังมองผมอยู่ มือของเขายื่นมาสอดประสานปลายนิ้วเข้ากับมือของผมแน่นราวกับต้องการให้กำลังใจ ซึ่งนั่นทำให้ผมอดจะลอบยิ้มไม่ได้กับความอ่อนโยนที่เขามีให้

“เฮ้! พอสักทีเถอะน่า จะพูดถึงอดีตทำไม” คริสเตียนเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวแทน เขาโพล่งขึ้นเสียงดัง มือที่จับกับผมบีบแน่นจนผมรู้สึกเจ็บนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่ได้ห้ามเขา บางทีเขาอาจจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดของผมล่ะมั้ง

“ที่ต้องพูดเพราะผมอยากรู้ว่าคุณจะทำใจได้หรือเปล่าเจย์เดน ถ้าพ่อของคุณต้องตาย”

ร่างของผมแข็งทื่อราวกับโดนสาปให้กลายเป็นรูปปั้น

ตายงั้นเหรอ

“...ทำไมต้องตาย?”

“คุณก็น่าจะรู้ดีว่าค้ายามีความเสี่ยงมากแค่ไหน และถ้าวันหนึ่งโดนกวาดล้าง ไม่โดนจับเข้าคุกเขาก็ต้องตาย มีให้แค่สองทางเลือกเท่านั้นสำหรับคนพวกนี้”

“แถมพ่อคุณยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับารทุจริตอีกต่างหาก”

“ทุจริต...” อะไร? พ่อของผมไปโกงเงินใครงั้นเหรอ?

ขณะที่ผมกำลังมึนงง คริสเตียนก็โพล่งขึ้น “อย่าบอกนะว่าไอ้สารเลวนั่น...!”

แคสเทียลพยักหน้า เขาเหม่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่างอีกครั้ง หากแต่แววตาของเขามันเย็นชาต่างจากทุกครั้งที่มักจะเป็นมิตร น้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่งชวนให้ขนลุกในทันทีที่ฟัง

“ใช่ คริส จาเร็ตยักยอกเงินบริษัทของเรามาสักพักแล้ว และฉันเดาว่าเงินที่เขาเอาไปน่าจะพัวพันกับการค้ายาเสพติดของพี่ชายเขา”

ให้ตาย นี่มันเรื่องใหญ่กว่าที่ผมคิดเอาไว้ซะแล้ว!


___________________________________________
มาอย่างไว เป็นไง เราน่ารักเปล่า อิอิ แต่แบบ...จะอัพก่อนเที่ยงคืนไม่ได้รึไงฟะ //ด่าตัวเอง

วันก่อนมีคนทุกเรื่องความห่างของอายุสามพี่น้อง โอ้โห อยากจะบอกว่าคุณเป็นคนแรกเลยค่ะที่สังเกตเห็น มันเป็นปมเล็กๆ ของเจย์เดนที่เราทิ้งเอาไว้ แต่ไม่มีใครเอะใจเลย 555 ตอนนี้ได้จังหวะเฉลยพอดี ถ้างงก็บอกได้นะคะ เราจะแก้ให้ นี่แต่งเสร็จก็อัพเลย ยังไม่ได้ตรวจทาน แบบว่าง่วงง่า ขอแก้พรุ่งนี้นะคะ ฮือ T T

แล้วก็จะเครียดๆ หน่อยเนอะ แต่เดี๋ยวความหวาน(ปนหื่น)ก็กลับมาค่ะ...คิดว่านะ ดราม่าก็ด้ว...อุ๊บ! ไม่สิ ไม่มีดราม่าาา คึคึ เอาล่ะ แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-10-2018 00:42:14
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-10-2018 02:05:57
ขมวดมาหลายปมเหลือเกิน  :really2:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-10-2018 03:42:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 04-10-2018 07:51:33
โอ้โห ความลับมันจะไม่มีมากกว่านี้แล้วใช่ไหมคะ  :ruready
ยังไม่ได้รู้จักโคลตันเลย
น่าจะเป็นคนสำคัญของแคสเทียล  :m12:

ขอหมั่นไส้คู่คริสเจย์นิดนึง
จบเรื่องแล้วแต่งงานกันเลยไหม

ว่าแต่พี่นิคลงโทษน้องยังไงเหรอคะ
ทำไมน้องเชื่อฟังจัง
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-10-2018 09:17:38
ซับซ้อน..ซ่อนเงื่อน  :ling3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 04-10-2018 10:26:48
เรื่องใหญ่จริงจ้ะ TT
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-10-2018 10:49:15
ความมันส์บังเกิดละค่า   :mew1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 04-10-2018 17:57:20
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 04-10-2018 19:22:33
โหห  :katai1: :z3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 04-10-2018 20:25:50
โอเคเลยค่ะ ตอนนี้กระจ่างแล้วว่าความลับบนตัวคืออะไร
ครั้งแรกเข้าใจว่าเรื่องโซลเมต แต่มันก็ยังมีอะไรหลายๆอย่างอีก

นี่ก็แอบคิดนะว่าทำไมคริสถึงได้มีปฏิกิริยากับเจย์เดนขนาดนี้ อดใจไว้ค่ะ อดใจไว้ ><
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-10-2018 20:40:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-10-2018 23:00:21
 จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 05-10-2018 17:24:29
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: 30267 ที่ 05-10-2018 21:11:44
ปมมาเพียบบบบบ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 05-10-2018 22:54:00
เพิ่งมาตามอ่านจ้าาา และก็ติด 5555

รออยู่น้าา
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 06-10-2018 05:45:38
รอๆๆ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 15 [04-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 08-10-2018 23:28:40
ติดตาม พึ่งเคยอ่านแนวนี้
เพลินๆดีค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 16 [08-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 08-10-2018 23:56:16
Chapter 16

When I decided to try it




การมีโซลเมตก็ไม่ได้แย่เสมอไป และโซลเมตของผมก็เป็นผู้ชายที่ดีกว่าที่คิดเอาไว้

 

คริสเตียนไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียว เขาคงรับรู้ได้ว่าความรู้สึกของผมไม่มั่นคง มันสับสน เจ็บปวด และอดกลั้นกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะเลือกไป มากเกินกว่าที่ผมจะอธิบายออกมาได้ ผมกำลังทำอะไร กำลังทำร้ายพ่อหรือเปล่า ผมไม่รู้เลย

ตอนที่เราตกลงกันเรื่องแผนการเปิดโปงอาและพ่อของผม ผมก็รู้เลยว่าผมต้องทำมันไม่ได้แน่ มันยากเกินไป จะเลวยังไงผู้ชายคนนั้นก็คือพ่อของผม พ่อของโจชัว

แต่สุดท้ายผมก็ต้องเลือก และเป็นการเลือกที่ใช้เวลาคิดน้อยกว่าที่ตั้งใจเอาไว้มาก...คำพูดเพียงประโยคเดียวของนิโคไลคือตัวช่วยในการตัดสินใจของผม เป็นตัวช่วยชั้นเลิศ

‘เลือกเอาว่าคุณจะช่วยพ่อหรือจะช่วยโจชัว’

น้องคือส่วนหนึ่งของชีวิตผม เขากับเจสซี่สำคัญกับผมยิ่งกว่าใคร ยิ่งกว่าพ่อกับแม่ ดังนั้นถ้าผมต้องเลือก ผมก็จะเลือกพวกเขา...และใช่ ผมเลือกแล้วว่าจะทำตามแผนอะไรก็ตามที่พวกเขาวางเอาไว้

“เจย์เดน”

“...ว่าไง” ผมหันไปตอบรับเสียงเรียกของโซลเมต คริสเตียนมองผมนิ่งนาน สายตาของเขาแสดงออกชัดเจนว่ากำลังกังวล และมันก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ เมื่อผมสัมผัสความรู้สึกของเขาได้อย่างนั้นเช่นกัน

“ฉันโอเค”

“แต่ฉันรู้ว่านายไม่โอเค” เขาสวนกลับ “ฉันรับรู้ได้ว่านายกำลังกลัว”

“ก็อาจจะจริง” ผมยอมรับ “ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังต้องทำมันใช่ไหมล่ะ?”

แล้วเราสองคนก็พากันเงียบ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมเอื้อมไปหยิบมันผ่านหน้าคริสเตียน แต่ในระหว่างนั้นอีกฝ่ายก็สวมกอดเข้าที่ลำตัวของผม แล้วดึงเราทั้งคู่ให้ล้มลงนอนหงายหลังไปบนเตียงด้วยกัน

ตุ้บ!

“เฮ้” ผมประท้วงเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมขยับตัวนอนในท่าที่สบายที่สุด แล้วปล่อยให้คริสเตียนโอบกอดผมเอาไว้ ฝ่ามืออันแข็งแกร่งลูบแผ่นหลังของผมราวกับจะปลอบโยนกัน...ผมหัวเราะเบาๆ แล้วหันกลับมาให้ความสนใจกับเสียงร้องของเครื่องมือสื่อสารที่ยังดังไม่หยุด เมื่อเห็นว่าเป็นโจชัวก็กดรับทันที “นายเป็นยังไงบ้าง”

ได้ยินเสียงกุกกักดังมากจากอีกฝั่ง สักพักใหญ่กว่าที่โจชัวจะตอบกลับมา “ผมไม่เป็นไร”

“พ่อได้ทำร้ายนายไหม?” ผมยังไม่วางใจ เมื่อเย็นเราตกลงกันว่าจะให้โจกลับบ้านไปก่อน แล้วค่อยไปรับเขาออกมาหลังจากหาเซฟเฮาส์ที่ปลอดภัยให้เขากับแม่ได้แล้ว

“...นิดหน่อย”

ผมรู้ในทันที ไอ้คำว่านิดหน่อยนั่นน่ะโกหกทั้งเพ เขาโกหกเพื่อให้ผมสบายใจ และสาบานได้...ผมไม่ชอบเลย

“ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน”

“ผมเพิ่งกลับเข้าห้อง” โจชัวตอบ “เจย์ แม่โดนเขาตบอีกแล้ว”

ผมนิ่งไปอึดใจหนึ่งเมื่อได้ยินอย่างนั้น แล้วถามใหม่ “เธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า”

โจไม่ตอบ แต่ถ้าผมไม่ได้หูฝาดไปเอง ผมคิดว่าเขาเพิ่งจะหลุดเสียงสะอื้นออกมา มีไม่กี่อย่างที่ทำให้น้องชายของผมร้องไห้ได้ ทั้งที่เขาเกลียดการร้องไห้ยิ่งกว่าอะไร...ผู้ชายต้องไม่ร้องไห้ง่ายๆ ต้องเข้มแข็ง เขาบอกอย่างนั้น และเคยบอกว่าเขาอยากจะเข้มแข็งให้ได้เหมือนผม แต่เขาไม่รู้หรอกว่าผมต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนเพื่อแสดงออกให้ทุกคนได้เห็นว่าผมไม่เป็นไร

การที่เขาร้องไห้ แปลได้ว่าแม่ของเขาอาการไม่ค่อยดีนัก...โจรักแม่มาก เขาคงทนไม่ได้ที่ต้องเห็นแม่โดนทำร้าย

“อดทนอีกนิดโจ ไม่นานหรอก แล้วพี่จะไปช่วย”

“พี่...พี่หมายความว่ายังไงเจย์ พี่จะ...จะมาเหรอ”

ผมหลุดยิ้ม “นายก็ได้ยินที่พวกเราคุยกันแล้วนี่ไอ้น้องชาย”

คำพูดของผมทำให้คริสเตียนที่ยังคงง่วนอยู่กับการลูบหลังลูบไหล่ผมเลิกคิ้ว ผมสบตาเขาแล้วยิ้มพราว เลิกคิ้วให้เขาบ้างแทนคำอธิบาย...คิดเหรอว่าผมจะไม่รู้จักนิสัยของโจชัว ถึงจะโดนนิโคไลไล่ให้ขึ้นห้องไปแล้ว แต่เมื่อเย็นเขาต้องแอบลงมาแล้วลอบฟังอยู่ด้านนอกห้องนั่งเล่นแน่นอน ผมมั่นใจเลยล่ะ

“ผมเปล่า”

“อย่าปฏิเสธให้ยากเลยโจ” ผมเอ่ยเย้าแหย่ น้ำเสียงติดจะหัวเราะไปด้วย “นายเตรียมตัวเอาไว้แล้วกัน พี่จะพานายกับแม่ออกมาจากบ้านนั้นให้ได้”

“แต่...แล้วพ่อล่ะเจย์?”

“เราต้องทิ้งเขา โจ” น้ำเสียงของผมกลับมาจริงจังมากขึ้น “พี่เข้าใจว่านายรู้สึกยังไง พี่เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ถึงพ่อจะเฮงซวยไปหน่อย แต่นั่นก็เพราะยาเสพติดที่ทำให้เขากลายเป็นคนแบบนั้น และถ้าเราอยากช่วยพ่อ เราต้องหาทางพาเขาไปบำบัดให้ได้”

คริสเตียนกอดผมแน่นขึ้น เขาคงรู้สึกได้ถึงความอึดอัดใจของผมอีกครั้งแล้ว

ผมก้มหน้าลง ลอบยิ้มกับตัวเอง เพิ่งจะรู้ว่าการมีใครสักคนคอยกอดเราในวันที่เรารู้สึกแย่มันดีไม่น้อยเลย ยิ่งเมื่อคนคนนั้นเป็นโซลเมตของผม เป็นผู้ชายที่ดีจนไม่น่าเชื่อว่าคริสเตียนคนนี้ จะเป็นคนเดียวกันกับไอ้บ้ากามที่ฟัดกับสาวไม่ซ้ำคนตรงหน้าห้องน้ำของคลับคนนั้น

ถ้าวันนั้นผมไม่เดินชนเขา เราจะได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้ไหมนะ?

“เจย์ เฮ้ พี่ชาย” โจชัวเรียกผม และนั่นทำให้ผมหลุดออกจากความคิดเมื่อครู่ทันที

“ว่าไง”

“ผมอยากรู้ว่าพี่จะมาเมื่อไหร่” น้ำเสียงของโจดูไม่มั่นใจ “ผมแค่อยาก...แบบว่าอยากให้พี่มาไวๆ ผมเป็นห่วงแม่ พ่อบ้าไปแล้ว และผมกลัวว่าเขาจะพลั้งมือฆ่าเราตายกันหมด”

“เร็วที่สุด โจ” ผมบอกเขา “พี่จะไปให้เร็วที่สุด อย่างที่บอก นายเตรียมตัวเอาไว้แล้วกัน”

“ผมควรบอกแม่...”

“ไม่” ผมเอ่ยแทรก “ไม่ต้องบอกเธอ นายก็รู้ว่าเธอจะไม่ยอมไปไหนแน่ เพราะเธอรักพ่อมาก”

“แม้ว่าพ่อจะไม่เคยรักแม่เลยน่ะเหรอ?”

เอาล่ะ ผมไม่ชอบใจเลยกับน้ำเสียงเย้ยหยันของเขา แต่น้องชายของผมก็โตพอที่จะรู้แล้วว่าตัวเองเกิดมาได้ยังไง ที่แน่ๆ เขาคงคิดไปแล้วว่าเขาไม่ได้เกิดจากความรัก...แต่มันไม่ใช่ หรืออย่างน้อยก็ไม่เชิงว่ามันเป็นอย่างนั้น

“พ่อรักนายนะโจชัว ไม่อย่างนั้นเขาคงเลือกที่จะทิ้งนายไปแล้ว คงไม่เลือกแต่งงานกับแม่ของนายหรอก”

โจชัวไม่ตอบ แต่ผมรู้ว่าเขากำลังคิดตามคำพูดของผมอยู่ อ่า ผมอยากจะคุยกับเขามากกว่านี้ แต่คิดว่าผมคงต้องวางแล้ว เพราะตอนนี้คริสเตียนเริ่มจะก่อกวนผมแล้วน่ะสิ มือของเขาเคลื่อนไปทั่วตัวของผม และให้ตาย! ผมไม่รู้เลยว่าเขาสอดมือเข้ามาใต้เสื้อของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ มันใช่เวลาไหมเนี่ย ไอ้งั่งเอ๊ย!

“ไว้เราค่อยคุยกันนะโจ อย่าลืมที่พี่บอก เตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อม”

“อืม โอเค ฝันดีนะเจย์”

“กู๊ดไนท์ไอ้น้องชาย”

ผมกดวางสาย แล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งไปส่งๆ บนมุมหนึ่งของเตียงนอน ไม่รีรอเลยที่จะตะคลุบมือของคุณโซลเมต ซึ่งกำลังเลื่อนขึ้นมาลากไล้ตามแนวกระดูกสันหลังของผมแล้ว นี่มันไม่ดีเลย การที่เขาทำแบบนั้นมีแต่จะกระตุ้นให้ผมเกิดอารมณ์ และใช่ ผมยังไม่อยากฟัดกับเขาตอนนี้

“ทำตัวให้มันดีๆ หน่อยพี่ชาย” ผมบอกเขา พยายามดึงมือเขาออกมาจากใต้เสื้อของผมเอง แล้วจากนั้นจึงตบแก้มเขาเบาๆ เพื่อเรียกสติ “นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาเอากันนะพวก”

คริสเตียนหัวเราะเสียงดังลั่น “ไม่เอาน่า คลายเครียดไง”

เขาเกลี่ยปลายนิ้วเข้ากับหัวคิ้วของผม แล้วเลื่อนไปคลึงขมับแทน...ผมหลับตา ยอมให้เขานวดให้ เพราะสักพักแล้วที่ผมปวดหัว แต่ผมก็ยังทนฝืนทำเหมือนไม่ได้เป็นอะไร จะว่าไปเรื่องฝืนตัวเองนี่ก็เป็นงานถนัดของผมเลยแฮะ

“ปวดหัวใช่ไหมล่ะ มีแผลเบอเริ่มอยู่บนหัวยังไม่พอหรือไงถึงได้เครียดอีก” จริงสิ ผมลืมไปเลยว่าบนหัวของผมยังมีผ้าปิดแผลแปะเอาไว้อยู่ บาดแผลที่ถูกขวดเบียร์ของพ่อฟาดหัวแตกเพิ่งจะผ่านไปแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงกว่าเท่านั้น “แผลนายต้องอักเสบแล้วแน่ๆ”

“ความเครียดเกี่ยวกับแผลอักเสบด้วยเหรอ? แต่หมอบอกว่าฉันจะมีอาการปวดตามมาอยู่แล้วนะ”

“เดี๋ยวฉันจะไปเอายามาให้ แล้วก็หาอะไรให้นายกินเป็นมื้อเย็นด้วย” คริสเตียนถอนหายใจ เขาจะผละออกห่างแต่คราวนี้เป็นผมที่ไม่ยอมให้เขาไป

ผมผ่อนลมหายใจ สองแขนกอดเอวโซลเมตเอาไว้หลวมๆ “อย่าเพิ่งไป ฉันกำลังสบาย”

เขายอมทำตามที่ผมขอ กลับมากอดผมเอาไว้เหมือนเดิม ลูบศีรษะของผม กระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่ข้างหู พร้อมกับจูบแผ่วเบาแสนอบอุ่นที่ข้างแก้ม

“งีบไปก่อนสักพักก็ได้”

“อืม” ผมหลับตาลง แล้วก็หลับไปในที่สุด

 

ตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะแรงเขย่าปลุกของคริสเตียน...ผมลืมตา พยายามปรับโฟกัสให้มองภาพเบื้องหน้าชัดเจนมากขึ้น โอ้ให้ตายเถอะ นี่ผมนอนไปนานแค่ไหนแล้วเนี่ย ถึงเช้าวันใหม่รึยัง?

“กินซุปนี่สักหน่อย นายจะได้กินยาแล้วนอนต่อ” ผมพยักหน้ารับ พยุงตัวลุกขึ้นนั่งโดยมีคริสเตียนช่วยจับ เหลือบสายตามองนาฬิกาดิจิตอลที่ข้างโคมไฟก็พบว่าตอนนี้จะตีสามแล้ว พระเจ้า นี่ผมนอนไปเป็นชั่วโมงเลยหรือเนี่ย ถึงว่าสิ ตื่นขึ้นมาผมถึงได้ค่อนข้างจะมึนหัวนิดๆ แฮะ “ไหวมั้ย? หรือจะให้ฉันป้อน?”

ผมส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ฉันไหว นายมากินด้วยกันสิ”

“ไม่เป็นไร ฉันกินแล้ว”

ผมเลิกคิ้ว “ฉันไม่ได้ทำอาหารทิ้งไว้ แล้วนายกินอะไรล่ะ จะว่าไปก็ซุปนี่ด้วย”

“ทำเอาน่ะสิ” เขาตอบ ไหวไหล่เมื่อพูดต่ออีกว่า “เห็นในตู้เย็นนายมีวัตถุดิบอยู่บ้าง เลยเอามาทำซุปให้นายไง”

“นายทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”

เอาล่ะ พูดตามตรงก็คือผมไม่คิดว่าคริสเตียนจะทำอาหารเป็น ยังไงดี? เขาดูเป็นผู้ชายที่ไม่น่าจะทำอะไรแบบนั้น น่าจะไปกินอาหารแล้วจ้างเชฟมาทำให้มากกว่า ก็เขาเป็นถึงทายาทของบริษัทใหญ่เชียวนา รวยแค่ไหนทำไมผมจะไม่รู้ จะว่าไปโซลเมตของผมกับตัวผมเองเนี่ย ดูต่างกันสุดขั้วเลยแฮะ

“แน่นอน เคยบอกแล้วนี่ว่านายยังรู้จักฉันดีไม่พอ”

ผมหลุดหัวเราะแผ่วเบา “นั่นสินะ”

หลังจากนั้นผมก็ซดซุปที่เขาทำให้อย่างตั้งใจ พยายามระงับความความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในใจเอาไว้ ผมไม่อยากให้คริสเตียนรู้หรอกนะว่าผมรู้สึกดีแค่ไหนกับทุกอย่างที่เขาทำให้ผม แต่การเก็บงำความรู้สึกเป็นเรื่องยาก สุดท้ายแล้วคู่แห่งชะตาลิขิตก็ยังสัมผัสได้ถึงหัวใจของผมที่เต้นแรงขึ้นมาหนึ่งจังหวะ แล้วไหนจะความอิ่มเอมใจ ความยินดีที่ผมได้มีเขาเป็นโซลเมตนั่นอีก

เมื่อผมเหลือบขึ้นมองคริสเตียน ผมก็พบว่าเขากำลังยิ้มกว้าง พร้อมกันนั้นผมก็รับรู้ได้ถึงความเปี่ยมสุขในใจของเขาด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นหัวใจของเขาก็เต้นแรงไม่ต่างจากผม อย่างนี้ผมจะคิดว่าเรามีความสุขด้วยกันได้ไหมนะ...

“ให้ตาย เพราะนายเลยเจย์เดน”

“ฉันทำอะไร?” ผมงุนงง อยู่ดีๆ เขาก็พูดขึ้นมาแบบนั้น ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรเขาเลยนะ?!

คริสเตียนขยี้หัวตัวเอง “ถ้านายไม่รู้สึกแบบนั้น ฉันก็คงไม่ต้องมาใจเต้นแรงแบบนี้”

โอ้...โอ้พระเจ้า หลังจากพูดจบแล้วเขาใจเต้นแรงขึ้นมาอีกแล้ว นี่มันเป็นเพราะผมหรือเปล่าล่ะคราวนี้?

“ไม่ดีเลยแฮะ” แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นมาอีก

ผมขมวดคิ้ว “อะไรไม่ดี”

“ก็นี่ไง” เขาชูไม้ชูมือไปมา “พอเรามีเซ็กซ์กันก็กลายเป็นว่าเรากำลังแลกเปลี่ยนทุกความรู้สึกต่อกันใช่ไหมล่ะ?”

“ก็...ก็ใช่ แล้วยังไง?”

“แล้วมันก็เป็นอย่างที่เห็น พอนายใจเต้นฉันก็ใจเต้นไปด้วย พอนายมีความสุข ฉันสัมผัสได้ ฉันก็มีความสุขไปด้วย”

“แล้วนั่นมันไม่ดีงั้นเหรอ?”

“ที่จริงมันก็ดี” คริสเตียนเงียบไปชั่วขณะ เขาก้มหน้าลงถอนใจ “แต่มันก็ทำให้ฉันดีใจจนจะเป็นบ้าอยู่นี่ไงเพื่อน”

ผมหัวเราะ รับรู้ได้ถึงความดีใจของเขาที่เอ่อล้นออกมาจากในอกจริงๆ “ฉันเองก็เหมือนกัน”

“...” เขาเลิกคิ้ว เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน ผมจึงยิ้มให้เขา

“ฉันเองก็ดีใจนะ ที่ได้นายมาเป็นโซลเมตของฉัน”

คริสเตียนเบิกตากว้าง ผมรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วแรงขึ้นมาอีกแล้ว และก่อนที่ผมจะทันได้ตั้งตัว อีกฝ่ายก็คว้าเอาชามซุปที่ยังไม่หมดในมือผมไปวางไว้ยังที่ปลอดภัยอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกลับมารั้งคอผมเข้าหา แล้วประกบริมฝีปากลงมาบนปากของผมแน่น

เราสองคนจูบกัน ผมเป็นฝ่ายสอดปลายลิ้นเข้าหาเขาก่อน หยอกล้อเล่นกับลิ้นของอีกฝ่าย รสชาติของซุปผสมปนเปไปกับรสจูบของเรา และเมื่อเราเริ่มจะหมดอากาศหายใจ เราก็ผละออกจากกัน

“ฉันยังไม่ได้กินยา”

“อ่าฮะ” เขาพยักหน้ารับทราบ ถอยห่างออกไปอีกครั้งเพื่อหยิบยามายื่นให้ผม จากนั้นก็ตามด้วยแก้วน้ำ

ผมรับมา จับเอายาโยนเข้าปากแล้วดื่มน้ำตามจนหมดแก้ว ทันทีที่ปากของผมเป็นอิสระ คริสเตียนก็จู่โจมผมอีกครั้ง เราจูบกันเหมือนไม่มีวันเหน็ดเหนื่อย ราวกับว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้ทำแบบนี้ แต่ผมรู้ว่าไม่ใช่...นี่คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างเราต่างหาก

จุดเริ่มต้นที่แท้จริง เป็นก้าวแรกที่ผมจะยอมพาตัวเองเดินออกจากเซฟโซน ยอมรับความเสี่ยงที่จะมาถึงในอนาคต หากวันใดวันหนึ่งความรักครั้งนี้ที่ผมคิดจะลองสัมผัสมันเป็นครั้งแรกหวนกลับมาทำร้ายผม ผมจะลองปล่อยให้ตัวเองหลงรักเขาดูสักครั้ง ก็นะ...พูดเหมือนเรื่องความรักมันลองกันได้ แต่ก็นั่นล่ะ ผมไม่มีคำอื่นที่จะอธิบายการกระทำของตัวเองได้ดีไปกว่าคำว่า ‘ลอง’ นี่นา

คริสเตียนถอนจูบ เขาผลักผมลงนอนราบไปกับเตียง จากนั้นอีกฝ่ายก็ก้าวขึ้นมาคร่อมทับ ลูบใบหน้าของผมไปด้วยในระหว่างที่เขาส่งยิ้มให้ผม และนั่นทำให้ผมใจเต้นแรงอีกแล้ว...ผมยื่นมือทั้งสองข้างขึ้นไปจับกรอบหน้าของเขาเอาไว้ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีพายุของอีกฝ่าย

“นายต้องนอนพัก” เขาว่า

ผมยิ้มมุมปาก หลิ่วตามองเขา “นอนไม่ได้แน่ถ้านายไม่ปลดปล่อยไอ้หนูของฉันให้เป็นอิสระซะก่อน”

คริสเตียนหลุบตาลงมองตามสายตาของผม...มองลงไปที่เป้ากางเกงของผม ซึ่งเวลานี้ไอ้หนูตัวเขื่องใต้นั้นกำลังขยับขยายดุนดันขึ้นมาจนเนื้อผ้าโป่งพอง คุณโซลเมตของผมหัวเราะลั่น

“นายแข็งแล้วเหรอเนี่ย”

“ใช่ ฉันแข็งแล้ว เพราะจูบของนายล้วนๆ เลย”

“ให้ตาย ถ้านายยังพูดอีกคำเดียวฉันจะแข็งขึ้นมาบ้างแล้วนะพวก”

ผมเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง ทั้งที่เพิ่งดื่มน้ำไปเมื่อครู่แต่ผมกลับรู้สึกกระหายน้ำอีกครั้งแล้ว

“งั้นเราก็มาผลัดกันใช้ปากดีมั้ย?”

คริสเตียนนิ่งไปอึดใจสั้นๆ แต่แล้วเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย “เป็นความคิดที่ดี”

เสียงหัวเราะของเราสองคน ดังประสานไปกับเสียงหอบหายใจและเสียงดูดดึง...ผมพบกับความสุขไปพร้อมๆ กับเขา และเราสองคนก็นอนหลับสบายไปตลอดทั้งคืนจนถึงช่วงสายของอีกวัน


__________________________________
มาแล้ว เที่ยงคืนพอดี 55555 ตอนนี้ก็กลับมาสู่ความ...อะไรก็ไม่รู้ หวานหรือหื่นไหนเลือกสิ ก๊าก! ตอนที่แล้วมีแต่คนบอกว่าปมเยอะ ฮือ มันเยอะเหรอ เราว่าไม่นะ ก็แค่ปมเล็กๆ สามปม คลายหมดแล้วด้วย ทีนี้ก็เหลือแค่ความบู๊ระห่ำหลังจากนี้ ส่วนดราม่าไม่มีหรอกน่า เราตั้งใจให้เรื่องนี้แสดงถึงความสัมพันธ์เรื่อยเปื่อยของผู้ชายสองคน มีปมที่ดูเหมือนจะม่า แต่ก็ไม่ 5555

อ้อ เราตัดสินใจแล้วว่าจะเขียน spin off คู่ของนิคโจ กับแคสxโคล (คู่หลังนี่มายังไง โคลตันยังไม่ปรากฏตัวด้วยซ้ำ ฮ่า) แต่คงไม่ยาวนะคะ แค่คู่ละไม่กี่ตอนเน้อ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 16 [08-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 09-10-2018 00:49:55
เป็นวิธีที่คลายเครียดได้ดี  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 16 [08-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-10-2018 01:05:39
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 16 [08-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-10-2018 01:09:44
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 16 [08-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-10-2018 04:05:17
รีบ ๆ ไปช่วยโจชัวเร็ว ๆ เลย พรุ่งนี้ได้ยิ่งดี  :hao3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 16 [08-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-10-2018 10:05:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 16 [08-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-10-2018 12:03:56
 o13
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 16 [08-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-10-2018 18:06:43
 :m25:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 16 [08-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 09-10-2018 20:03:49
คริสเจย์คู่หื่นทุกสถานการณ์  :z1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 16 [08-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 09-10-2018 21:08:29
โว้ววว ร้อนแรงเป็นบ้า
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 16 [08-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 10-10-2018 01:07:52
อะไรจะอบอุ่นโรแมนติกขนาดนั้น คนโสดอิจฉาตาร้อนมากค่ะ  :hao5: รีบไปช่วยน้องโจเร็วๆน้าา  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 16 [08-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 10-10-2018 11:53:51
เล็งไว้นานมาก แต่ไม่ได้กดเข้ามา พอได้ลองอ่านละก็ไม่ผิดหวังเลยจ้าาาาา สนุกมากๆเลย :katai2-1:
มาต่อไวๆน้าาาาา
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 16 [08-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-10-2018 14:19:37
หวานจนหมั่นไส้เลย อิอิ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 11-10-2018 22:58:40
Chapter 17

When the first plan fails


 

อะไรๆ ก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนเสมอไปหรอกนะ

 

ผมคิดว่ารอบนี้ผมต้องตายแน่...ตายของแท้เลยล่ะ

ลักลอบเข้าบ้านของพ่อ หลังจากที่ผมเพิ่งมาเจอเขาแล้วโดนขวดเบียร์ฟาดหัวแตกไปไม่กี่วัน ยังไม่ถึงกำหนดวันตัดไหมจากแผลเย็บที่หัวเลยด้วยซ้ำ แต่ผมก็กลับมาที่นี่อีกครั้งแล้ว

รอบด้านถูกความมืดโรยตัวปกคลุมพื้นที่ แสงเดียวที่มีคือแสงจากไฟในตัวบ้านแต่ละหลังที่ส่องออกมา กับแสงสว่างของไฟถนนที่มีอยู่เรียงราย ผมเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นผม ก่อนจะก้าวอย่างระมัดระวังและไม่ลืมที่จะหลบกล้องวงจรปิดรอบบ้าน โจชัวบอกว่าพ่อเอามาติดไว้หลังจากที่ผมออกจากบ้านไป นั่นมันก็สิบปีมาแล้วล่ะมั้ง และผมไม่รู้ว่ามันยังใช้งานได้ไหม แต่ผมไม่ขอเสี่ยงด้วยการถูกพบเห็นจะดีกว่า

จนกระทั่งมาถึงฝั่งตะวันตกของบ้าน ห้องของโจชัวอยู่ตรงนี้ มันตรงกับห้องครัวพอดี...ผมมองหาลู่ทางในการแอบปีนขึ้นไปหาน้อง จำได้ว่ามันมีบันไดอยู่ที่ห้องเก็บของหลังบ้าน ถ้าผมไปเอาจะได้ไหมนะ?

ชั่วขณะที่กำลังลังเลอยู่นั่น เสียงของคริสเตียนก็ดังรอดมาจากสมอลทอล์กอันเล็กแบบไร้สายที่ผมเสียบเอาไว้ในหูข้างขวา

“อย่าลังเลเจย์เดน นายทำได้ เชื่อฉัน”

“อืม เข้าใจแล้ว” ผมสูดหายใจเข้าลึก พยายามเชื่อในสิ่งที่โซลเมตของผมบอก

ผมทำได้...ผมทำได้อยู่แล้ว เพื่อโจชัวไงล่ะ

คิดได้ดังนั้นผมก็ก้าวไปทางด้านหลังบ้าน พยายามทำเสียงให้เบาที่สุด ระวังไม่ให้ตัวเองเผลอไปเหยียบอะไรที่มีเสียงเข้า เพราะผมไม่มีทางรู้เลยว่าจะมีใครในบ้านมาได้ยินหรือเปล่า จนกระทั่งมาถึงห้องเก็บของเล็กๆ ด้านหลังบ้าน มันอยู่ติดกับรั้วที่สุดมุมของสนามหญ้า...ผมมองเข้าไปในบ้านอีกครั้ง ให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครออกมาเวลานี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ย่องไปทางห้องที่มีบันไดเก็บเอาไว้

ห้องเก็บของเก่ามากกว่าครั้งสุดท้ายที่ผมเห็น ปกติพ่อไม่เคยล็อกห้องนี้เพราะมันมีแค่อุปกรณ์ทำสวนและงานช่างต่างๆ ที่ไม่ได้มีมูลค่ามากมายอะไรเท่านั้น และเป็นโชคดีที่สิบปีผ่านไปมันยังคงไม่ถูกล็อกเหมือนเดิม

ผมเลี่ยงที่จะเปิดไฟในห้องเก็บของแล้วใช้โทรศัพท์เปิดไฟฉายให้แสงสว่างแทน ไม่นานก็เจอบันไดพับครึ่งที่ตามหา สภาพของมันยังดีอยู่มาก และสามารถเอาไปใช้งานได้แน่นอน...หยิบมันออกมาอย่างระมัดระวัง แต่ความระวังที่มากเกินไปก็ก่อให้เกิดปัญหาตามมา

โครม!

“SHIT!”

ผมสบถ มองหาที่หลบไปด้วยแต่ก็พบว่าในห้องเล็กๆ แบบนี้ไม่มีพื้นที่ให้ผมใช้ซ่อนตัวได้เลย ผมจึงตัดสินใจออกจากที่นี่ก่อน...มองเห็นความเคลื่อนไหวในบ้านหลังใหญ่ ผมจึงเร่งฝีเท้าพาทั้งตัวเองและบันไดไปหลบอยู่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ และได้แต่ภาวนาขอให้ไม่มีใครเดินมาทางนี้

“เจย์เดน! เฮ้! เกิดอะไรขึ้น?!”

ผมไม่ตอบคริสเตียน กลั้นหายใจเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาทางนี้...จะโดนจับก่อนไปช่วยโจชัวไม่ได้เด็ดขาด!

“มีคนเข้ามาที่นี่”

นั่นเสียงของพ่อ

“ไหน?” และนั่นเสียงของแม่เลี้ยงผม...มิสซิสโจแอนนา

“ประตูห้องเก็บของมันเปิดอยู่”

เวร! ผมลืมปิดประตู

“มันไม่ได้ล็อกตั้งแต่แรก คงเป็นลืมพัดหรือมีแมวแอบเข้าไปก็ได้ ช่วงนี้แมวบ้านคุณนายเนลสันชอบมาป้วนเปี้ยนแถวบ้านเราอยู่แล้วด้วย เมื่อวานฉันก็เพิ่งจะให้อาหารมันไป”

ผมรอฟังว่าพ่อจะตอบเธอว่ายังไง และคำตอบของเขาทำให้ผมโล่งใจ “คงงั้น”

“ไปเถอะค่ะ มื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

เสียงฝีเท้าของทั้งสองก้าวห่างออกไป ผมผ่อนลมหายใจช้าๆ เงยหน้าขึ้นหลับตาเรียกสติ แต่แล้วผมก็ทำพลาดอีกครั้งด้วยการเผลอเหวี่ยงบันไดในมือไปกระแทกพุ่มไม้ข้างตัว

แซ่ก!

แน่นอนว่าเสียงเสียดสีของกิ่งก้านพุ่มไม้อย่างผิดปกติเรียกความสนใจของพ่อกับมิสซิสโจแอนนาได้อีกครั้ง

“นั่นใคร!?” พ่อตะโกนถาม วิ่งตรงมาทางที่ผมกำลังหลบอยู่อีกด้วย

ซวยแล้ว ผมต้องโดนเขาจับได้แน่ๆ และนั่นจะทำให้แผนทุกอย่างพังหมด ไม่น่าประมาทเลยให้ตายเถอะ!

ผมได้แต่หลับตา รอรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้...เมื่อพ่อเห็นผม เขาจะกระชากคอเสื้อผม จับผมเหวี่ยงไปบนพื้นแล้วตามมากระทืบอกผม จากนั้นก็คร่อมทับแล้วหวดหมัดใส่หน้าผม ใช่ ผมคิดอย่างนั้น มองเห็นความเป็นไปได้ทั้งหมดที่ว่านั่นอยู่ในหัวตัวเองเลยล่ะ

“ตั้งสติไว้เจย์เดน นายต้องปลอดภัย”

เสียงคริสเตียนพูดขึ้นอีกครั้ง น่าแปลกที่มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับไม่ได้คิดอย่างที่เขาพูดเลย...ผมไม่มีทางปลอดภัยแน่ เพราะพ่อเดินมาถึงจุดที่ผมอยู่แล้ว ระหว่างเรามีเพียงต้นไม้ขวางกั้น ถ้าเพียงแต่เขาก้าวอ้อมมาทางนี้ เขาก็จะเจอผม

“เมี้ยว”

ทุกอย่างราวกับหยุดชะงัก ราวกับเวลาหยุดหมุน ผมเหลือบมองที่มาของเสียงแมวร้องนั่น แล้วก็พบเข้ากับจนขนฟูน่ารักสีส้ม ดวงตากลมใสของมันมองมาที่ผม ก่อนจะสะบัดหน้าหนีแล้วเดินเข้าไปในพุ่มไม้ ผมไม่รู้ว่ามันไปทางไหนต่อ แต่คิดว่ามันคงปรากฏตัวออกไปให้คนที่อยู่อีกฟากของต้นไม้เห็น เพราะมิสซิสโจแอนนาพูดขึ้นมาให้ได้ยินว่า...

“นั่นไง เดซี่ แมวของคุณนายเนลสันจริงๆ ด้วย เจ้านี่คงเข้าไปซนในห้องเก็บของมา”

เสียงพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดของพ่อ...เป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงปิดประตูหลังบ้าน และความเงียบก็กลับมาโรยตัวอยู่ข้างกายผมอีกครั้ง

ผมทรุดลงนั่งกับพื้น หอบหายใจทั้งที่ไม่ได้ไปวิ่งมาเลยสักนิด แต่กลับเหนื่อยหอบเพราะการกลั้นหายใจนานเกินไป “โอ้พระเจ้า โอ้พระเจ้า...”

“เฮ้ เจย์เดน หายใจช้าๆ นายโอเคมั้ย?”

“ฉันโอเค ไม่เป็นไร” เป็นประโยคแรกที่ผมตอบกลับไปมาโซลเมตของผม

“แน่ใจนะ ให้ตายสิ ฉันอยากจะไปหานายเดี๋ยวนี้เลย!”

ผมส่ายหน้า แม้รู้ว่าเขาไม่เห็น “นายต้องอยู่ที่นั่น รอให้ฉันพาโจชัวกับแม่ของเขาไปหา แล้วทำหน้าที่ขับรถพาเราหนี ถ้านายมาที่นี่มันจะเสียเวลา แสตนด์บายไว้ แล้วเจอกัน”

ผมตัดบท จากนั้นก็ค่อยๆ พาตัวเองออกจากที่ซ่อน มองเข้าไปในบ้านให้แน่ใจอีกครั้งว่าไม่มีใครเห็นผมจริงๆ จากนั้นจึงย่องกลับไปที่หน้าต่างห้องของโจชัว โดยไม่ลืมหิ้วบันได้ไปด้วย และระวังไม่ทำให้เกิดเสียงอีกครั้ง ไม่พลาดอีกแล้ว สาบานเลย

ตามแผนขั้นแรก ผมต้องพาน้องชายของผมกับมิสซิสโจแอนนาไปซ่อนตัวยังที่ปลอดภัย แค่นี้พ่อก็จะเอาเธอมาขู่โจไม่ได้อีกแล้ว จากนั้นก็จะเป็นแผนการเปิดโปงพร้อมหาหลักฐานการค้ายาของเขา ตามด้วยจับพวกเขาส่งตำรวจ และพาไปบำบัดอาการติดยาต่อไป...ฟังดูเหมือนง่าย แต่ไม่เลย ผมคิดว่ามันคงไม่ง่ายอย่างนั้น เราคงต้องเหนื่อยกันอีกมากกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลง

ผมปีนบันได้อย่างช้าๆ ไต่ขึ้นมาจนถึงหน้าต่างห้องของโจชัว เขากำลังนอนฟังเพลงอยู่บนเตียง ไม่แน่ใจว่าเขาจะได้ยินไหม แต่ยังไงผมก็ต้องลองเคาะเรียกเขาดู

แรงเคาะเพียงสองครั้งแต่กลับทำให้โจชัวได้ยิน เขาผุดลุกขึ้นแล้วพุ่งมาหาผมอย่างรวดเร็ว เหลือบมองประตูห้องนอนเล็กน้อยในขณะที่มือก็เปิดบานหน้าต่างให้ผมไปด้วย

“เก็บของเรียบร้อยแล้วหรือยังโจ” ทันทีที่เข้ามาในห้องผมก็ถามก่อนเป็นอย่างแรก

โจชัวพยักหน้า “เรียบร้อย ของแม่ด้วย”

“นายยังไม่ได้บอกมิสซิสโจแอนนาใช่มั้ยว่าเราจะหนี”

“ไม่ ก็พวกพี่ไม่ให้บอกไม่ใช่เหรอ”

ผมพยักหน้ารับ นิโคไลให้เหตุผลว่าถ้าโจแอนนารู้ล่วงหน้าว่าต้องหนี เธออาจจะเผลอทำตัวมีพิรุธให้พ่อรู้ตัวเข้าซะก่อน แบบนั้นอะไรๆ จะยิ่งยากเข้าไปใหญ่

“ดี จากนี้เราต้อง...”

ฉิบ! เสียงฝีเท้า มีคนกำลังขึ้นมา!

“พี่ไปหลบในนั้นก่อนเจย์เดน” โจชัวผลักผมเข้าไปในห้องน้ำ ทันทีที่ประตูปิดลงผมก็ได้ยินเสียงแม่ของเขาเปิดประตูเข้ามาในห้อง

“ลูกรัก ได้เวลามื้อเย็นแล้ว”

“ครับแม่ ลงไปก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไป”

“จ้ะ อย่านานนะ ลูกรู้ดีว่าพ่อไม่ชอบรอนานๆ”

เมื่อแน่ใจว่ามิสซิสโจแอนนาออกไปแล้ว ผมก็ค่อยๆ แง้มประตูห้องน้ำเปิดออกมา...เราสองคนสบตากัน ผมพยักหน้าให้เขา

“ไปเถอะ หลังจากมื้อเย็นเราจะได้หาทางออกจากที่นี่ และต้องไม่ให้พ่อรู้ด้วย”

“ผมได้ยินมาว่าพ่อมีนัดกับเพื่อนที่บาร์ประจำ หลังมื้อเย็นพ่อคงออกไป”

“เยี่ยม ถ้าทางสะดวกเราจะได้รีบหนี”

เมื่อโจชัวลงไปดินเนอร์แล้วผมก็ถือวิสาสะเดินสำรวจห้อง ผมไม่ได้มาอยู่ในห้องนี้นานเท่ากับจำนวนปีที่ผมออกจากบ้านนี้ไป เพิ่งมารู้สึกว่าเขาโตขึ้นมากแล้วก็ตอนที่ได้เห็นความเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบแปดในห้องของเขา...โปสเตอร์นักร้องวงร็อกชื่อดังกับทีมฟุตบอลทีมโปรดถูกแปะอยู่บนผนัง บอร์ดขนาดใหญ่ติดอยู่เต็มกำแพงห้องฝั่งหนึ่ง บนนั้นเต็มไปด้วยกระดาษซึ่งถูกปักหมุดเอาไว้ มีทั้งที่ตัดมาจากหนังสือพิมพ์และนิตยสาร รวมไปถึงโพสต์อิทเตือนความจำหลากสีสัน

อ่า หลังจากนี้ผมคงต้องซ่อนตัวเพื่อรอสินะ

“อีกนิดเดียวเท่านั้นเจย์เดน” คริสเตียนเอ่ยมาตามสาย

ผมยิ้ม “อืม อีกแค่ไม่นานเท่านั้น

ผมต้องรอ...จนกว่าโจชัวจะกลับขึ้นมา

 

ครึ่งชั่วโมงนั่นคือเวลาทั้งหมดที่เขาทานมื้อเย็นกับครอบครัว โจชัวกลับขึ้นมาอีกครั้งและไม่ลืมที่จะล็อกประตูห้อง เขาเรียกหาผม เมื่อผมโผล่หน้าออกมาจากตู้เสื้อผ้าเขาก็หลุดยิ้มขำ จนผมต้องเดินเข้าไปหาแล้วขยี้เส้นผมของเขา

“หัวเราะพี่งั้นเหรอ”

“พี่ตลกมากเจย์เดน เหมือนชู้รักที่ต้องเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าเลย”

เราสองคนพี่น้องหัวเราะขำขันให้กับความคิดนั้น ก่อนผมจะโบกไม้โบกมือบอกกับเขาว่า “ไปเอากระเป๋าออกมาเถอะ ถ้าพ่อออกไปเราก็ต้องรีบออกไปก่อนที่เขาจะกลับมาเหมือนกัน”

“โอเค ผมเก็บของจำเป็นไว้หมดแล้วล่ะ” โจชัวคว้าเอากระเป๋าเป้ใบใหญ่ขึ้นมาสะพาย ก่อนจะหยิบเอากระเป๋าถืออีกใบมาวางลงบนเตียงนอน “อันนี้ของแม่”

ผมพยักหน้ารับ ทันใดนั้นเสียงเครื่องยนต์ของรถมอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน โจชัววิ่งออกไปดู สักพักเขาก็กลับขึ้นมา “พ่อออกไปแล้ว”

“ดี นายไปเรียกมิสซิสโจแอนนามาได้เลย”

แล้วเขาก็หายไปอีกพักใหญ่ ผมมองนาฬิกาข้อมืออย่างกังวล...ไม่รู้เลยว่าพ่อจะกลับมาเมื่อไหร่ ผมไม่อยากเสี่ยงโดนจับได้ ดังนั้นเราต้องรีบมากกว่านี้

“อะไรกันโจชัว ลูกมีเรื่องอะไรจะคุยกับแม่ถึงต้องพามาที่ห้องนอนของลูกด้วย”

“มีคนอยากคุยกับแม่น่ะฮะ”

“ใคร?” เสียงของมิสซิสโจแอนนาถาม พอดีกับที่ประตูห้องนอนของโจชัวเปิดออก และเธอได้พบกับผมที่ยืนอยู่กลางห้อง “เจย์เดน คาร์เตอร์!”

“เอ่อ สวัสดีครับ...”

“แกมาทำอะไรที่บ้านฉัน!?” เธอไม่ฟังที่ผมพูดเลยสักนิด ตะโกนดังลั่นแทรกคำพูดของผม...เอาล่ะ ในเมื่อเธอไม่เป็นมิตร งั้นผมก็จะไม่อ้อมค้อม เพราะเราเหลือเวลาไม่มากแล้ว

“ผมต้องพาคุณกับโจชัวออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย”

“ปลอดภัยอะไร!? ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น!”

“แต่แม่ฮะ พ่อขู่จะทำร้ายแม่นะ! ทำไมแม่ไม่ไปกับผมล่ะ” โจชัวช่วยพูด

โจแอนนาหันไปมองลูกชายของตัวเองทันที “ลูกจะไปไหนโจชัว!”

“ผมจะไปจากที่นี่ ผมไม่ยอมอยู่กับพ่อขี้ยาอีกต่อไปแล้ว!”

“แต่นั่นพ่อของลูก!”

“ก็แค่ชั่วคราวครับคุณนายโจแอนนา เมื่อเรามั่นใจว่าพ่อหายดีแล้ว เราจะพาคุณกลับบ้าน” ผมพยายามอธิบายอย่างใจเย็น แต่ดูเหมือนหญิงวัยกลางคนที่มีรูปหน้าผอมตอบซีดเซียวจะไม่ยอม

“หมายความว่ายังไง!? นี่แกคิดจะทำอะไรไอ้เด็กนรก!”

“แม่! อย่าเรียกเจย์อย่างนั้นนะ! เขาเป็นพี่ชายของผม”

“มันไม่ใช่พี่แก มันก็แค่เด็กกาฝาก!”

โอเค ผมว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว และผมจะทำเมินเฉยต่อคำพูดร้ายกาจของเธอด้วยการพยายามลากเธอออกไปจากที่นี่ ในเมื่อคุยกันไม่ได้ก็มีแต่ต้องบังคับ แต่ก่อนที่ผมจะทันได้ลงมือทำอะไร...

“ยัยป้านั่นอยากตายหรือไง กล้าดียังไงมาบอกว่านายเป็นกาฝาก!” คริสเตียนที่ได้ยินทุกการสนทนาทางฝั่งผมเอ่ยขึ้นอย่าขุ่นเคือง “ฉันจะไปเอาเลือดหัวเธอออก!”

“เฮ้! ใจเย็นน่าคริสเตียน ฉันไม่เป็นไร” ผมรีบบอกเขา ไม่ได้...ยังไงเขาก็มาที่นี่ไม่ได้ เขาต้องรออยู่ที่รถเพื่อเตรียมตัวพาเราขับรถหนี

“แกคุยกับใคร!? มีใครมากับแกอีกงั้นเหรอ หา!?” มิสซิสโจแอนนาถลึงตาใส่ผม เธอดูตื่นตระหนกพอๆ กับลนลาน เธอหันรีหันขวาง ก่อนจะคว้าเอาแจกันที่ตั้งอยู่นอกประตูห้องนอนของโจชัวขึ้นมา และเธอคงจะเขวี้ยงมันมาใส่ผมแล้วถ้าไม่ใช่เพราะโจชัวห้ามเอาไว้

“แม่อย่า!”

“ปล่อยฉัน! ฉันจะตีมันให้ตาย ถ้าไม่มีมันมาอยู่ด้วยเมื่อตอนนั้น พ่อของแกก็คงจะรักแกมากกว่านี้”

“พ่อไม่เคยรักใครอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเจย์หรือผม!” โจตะโกนลั่น เขาแย่งแจกันออกไปจากมือแม่จนได้ แล้วหันมาบอกผม “คงต้องบังคับแม่ออกไปแล้วล่ะเจย์”

“นายไปเอากระเป๋ามาเถอะ” ผมก้าวเข้าไปหาคุณนายโจแอนนา ตั้งใจจะอุ้มเธอพาดบ่า แต่เธอก็ดิ้นและทุบตีผมจนเจ็บไปหมด สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหว “หยุดได้แล้วครับ! ผมกำลังช่วยคุณอยู่นะ ถ้าคุณกับโจปลอดภัย ผมจะได้มีเวลามาช่วยพ่อให้เลิกค้ายาสักที!”

“อะ...อะไรนะ?” เธอนิ่งไปเมื่อได้ยินที่ผมเอ่ยออกมา ดวงตาของเธอเบิกกว้าง “กะ...แกจะจับเขางั้นเหรอ จะจับเขาส่งตำรวจใช่มั้ย!?”

“ผมไม่ได้จะ...”

“ไม่ได้นะ! แกจะทำแบบนั้นไม่ได้! ถ้าไม่ใช่เพราะยาพวกนั้นที่เขาขาย ครอบครัวของเราก็คงไม่มีเงินใช้สบายอยู่แบบนี้! แกจะจับเขาไปไม่ได้ ทำไม่ได้!”

โจชัวเองก็หยุดการเคลื่อนไหวเหมือนกับผม...ร่างของเราสองคนเหมือนถูกแช่แข็ง

“แม่พูดอะไร แม่รู้ ไม่สิ แม่ร่วมมือกับพ่อมาตลอดงั้นเหรอ? ขายไอ้ยาเวรตะไลพวกนั้นเนี่ยนะ!?”

“ใช่!” มิสซิสโจแอนนาตวาดลั่น “เพราะมันได้เงินดี ฉันก็เลยช่วยพ่อแกส่งยามาตลอด และบางที...บางทีก็เอามาเล่นเองด้วย”

โอ้ ไม่นะ นี่เป็นเรื่องใหม่ ผมกับโจไม่เคยรู้มาก่อน

“แล้วที่พ่อขู่จะฆ่าแม่ในคลิปนั่นล่ะ...” โจชัวส่ายหน้าไม่อยากจะเชื่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังถามเรื่องนี้ขึ้นมา ทั้งที่ผมไม่ทันได้นึกเอะใจเลยด้วยซ้ำ

โจแอนนาแสยะยิ้ม สีหน้าของเธอเหมือนคนเสียสติ “มันเป็นแผนตั้งแต่แรก เขาไม่ฆ่าฉันหรอก เราก็แค่ร่วมมือกันหาทางพาแกกลับบ้าน แกจะไปอยู่กับไอ้เด็กเวรนี่ไม่ได้ แกต้องอยู่กับแม่!”

นี่มัน...บ้ามาก!

คริสเตียนเองก็คงคิดเหมือนผม “เธอบ้าไปแล้ว”

ใช่ ผมก็คิดอย่างนั้น นอกจากพ่อที่กล้าขู่ฆ่าแม่ของลูกชายตัวเอง แล้วยังมีแม่ที่กล้ายอมให้ตัวเองโดนทำร้ายเพื่ออัดคลิปส่งให้ลูกชายตัวเองอีกคน ระยำเถอะ!

แต่มีเรื่องที่เฮงซวยยิ่งกว่านั้น...

โจแอนนาหัวเราะ เธอชูโทรศัพท์ขึ้นมาให้เราสองคนพี่น้องดู

“ฉันโทรหาพ่อแกแล้ว เขาต้องได้ยินทั้งหมดที่เราคุยกันแน่ และเชื่อเถอะว่าเขากำลังจะกลับมา”

“!!!”

“กลับมาฆ่าแกไงไอ้เจย์เดน!”


____________________________
มาแล้ว มาดึกอีกแล้ว แต่มาก่อนเที่ยงคืนอะ 55555 เอาล่ะ มีการหักมุม พ่อรู้แล้วด้วย กำลังจะกลับมา เจย์จะพาโจหนีทันมั้ย ให้โชคชะตาทำนายกันนน

ส่งท้ายตอนนี้ด้วยการบอกว่า...เราเริ่มอัปเรื่อง [Colorverse] Between us #คุณคือสีฟ้าอมเทา แล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-10-2018 23:34:12
ตื่นเต้นๆ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-10-2018 23:47:50
สงสารเจย์กับโจเลย ขอให้หนีออกมาทันนะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-10-2018 00:25:20
กำลังเสริมบุก! ลุ้นง่า  :ling3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 12-10-2018 00:51:12
ลุ้นเข้าไปอีก  :z3: น้องโจลูกหนีไปอยู่กับโซลเมตซะ คงปลอดภัยกว่าอยู่บ้าน   :katai1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-10-2018 00:52:30
สงสารโจชัว คงช็อกเรื่องแม่น่าดู  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 12-10-2018 01:04:16
อีดกทง
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 12-10-2018 12:16:36
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-10-2018 13:38:14
ว้อย..ยยยย ห่วงสองพี่น้อง ขอให้ปลอดภัย  :call:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-10-2018 18:11:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 12-10-2018 19:28:44
ปมเยอะ จะหักมุมไม๊??? มาต่อเบยยย
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 12-10-2018 21:38:57
ละยังไงต่อทีนี้...
คริสเตียนมาช่วยเจย์ด่วนๆ :ruready
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-10-2018 08:35:23
อื้อหือ แผนซ้อนแผน ซับซ้อนไปอีก

ทำไมพ่อแม่ถึงทำแบบนี้กับลูกได้เนาะ
สงสารเจย์เดนเลยน่ะ ถึงพ่อไม่ดี แต่ก็คือพ่อ
กลับกลายเป็นพ่อคิดฆ่าลูก เหี้ยมมาก

คริสเตียนมาช่วยให้ทันนะ
สงสารโจชัวด้วย นึกว่าแม่จะเห็นดี
ที่ไหนได้ สองต่อเลยจ้า ทั้งพ่อทั้งแม่

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 15-10-2018 08:42:06
นี่เพิ่งได้มาอ่าน สนุกมากและพีคมากตอนนี้ นี่มันยานรกชัดๆ!
เป็นกำลังใจให้คนเขียนและรออ่านต่อนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 15-10-2018 12:45:57
ได้อ่านมาจนถึงตอนล่าสุด พีคไปอี๊กกกกกก

อิแม่นี้เลวมาก ไม่น่าวางแผนมาช่วยนางเลย

 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 17-10-2018 07:12:21
ตอนนี้อ่าแล้วเครียด... :ling3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 17 [11-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 20-10-2018 20:33:04
ลุ้นมากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 22-10-2018 00:04:59
Chapter 18

When we’re important to each other


 

ล้มเหลวไม่เป็นท่า

 

ใช่ แผนการของเราพังยับไม่มีชิ้นดี...นั่นดูจะเป็นคำอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้ดีที่สุด

ผมได้แต่ยื่นตะลึง ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ โจชัวเองก็เหมือนกัน ผมคิดว่าเขาคงตกใจยิ่งกว่าใคร เมื่อได้ยินจากปากแม่แท้ๆ ของตัวเองว่าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก ทั้งเรื่องโดนขู่ฆ่า โดนทำร้ายร่างกายแบบในคลิป...ทุกอย่างเป็นแผนของพวกเขา เป็นเรื่องลวงโลก

“เจย์เดน! ตอบฉัน!”

ผมได้ยินเสียงเรียกของคริสเตียนแล้ว แต่ผมตอบไม่ได้ ผมจะให้โจแอนนารู้ไม่ได้เด็ดขาดว่ามีคนอื่นมากับผมด้วย ไม่อย่างนั้นอาจจะกระทบกับแผนอื่นหลังจากนี้ สมองของผมพยายามคิดหาทางออก ยังไงผมก็ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ และต้องพาโจชัวไปด้วย ผมไม่ยอมให้น้องอยู่ที่นี่หรอก ถ้าผมหายไปคนเดียว โจต้องโดนพ่อทำร้ายอีกครั้งแน่

“โจ นายต้องออกไปก่อน วิ่งออกจากบ้านหลังจากที่พี่สั่งให้วิ่ง เข้าใจมั้ย?” ผมบอกเขา ดวงตายังคงจับจ้องแม่ของเขาเอาไว้ โจแอนนาขยับเข้ามาใกล้เรา และนั่นทำให้ผมต้องดึงโจไปไว้ด้านหลัง...ผมไม่ยอมให้เขาแตะต้องโจเด็ดขาด

“แกจะให้ลูกฉันไปไหน!?” เธอตวาดลั่น “เขาไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”

“เขาต้องไป ไปจากครอบครัวบ้าๆ นี่!” ผมตะโกนกลับไป และนั่นทำให้เธอชะงัก ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ

ผมอาศัยจังหวะนี้หันไปกระชากกรอบรูปที่ติดอยู่ตรงผนังออกมา แล้วพุ่งตัวเข้าหาเธอ...โจแอนนากรีดร้อง เธอถอยร่นจนหงายหลังล้มเข้าไปในห้องนอนที่เคยเป็นของผม ดูเหมือนว่าหลังจากที่ผมย้ายออกไป ห้องนี้จะกลายเป็นห้องเก็บของไปแล้ว

ผมหันหลับมาดึงโจชัวให้ตรงไปที่บันได “รีบออกไป เร็วเข้า ก่อนที่พ่อจะกลับมาถึง!”

“แต่แม่...”

“โจ! นายต้องปลอดภัยก่อน แล้วเราค่อยมาคิดหาวิธีกันทีหลัง!” โจยังคงนิ่ง เขาลังเลผมรู้...ไม่ว่าจะอย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็คือแม่ของเขา แม่ที่ไม่เคยทำร้ายเขา ไม่เคยดุด่าเขาด้วยซ้ำ เขาไม่อยากทิ้งแม่ แต่ผมคงยอมให้เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้เช่นกัน “โจ ขอร้องล่ะ รีบไป เชื่อพี่นะ”

โจเม้มปาก เขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ยอมพยักหน้ารับในที่สุด “โอเค ผมจะ...ผมจะไป”

“จำได้ใช่มั้ยว่าต้องไปที่ไหน?”

เขาพยักหน้าแทนคำตอบอีกครั้ง ผมรีบดันเขาให้ลงบันได้ไป ถึงอย่างนั้นในขณะที่ผมมัวแต่มองส่งน้องชายวิ่งลงไปชั้นล่าง แรงกระแทกจากด้านหลังก็ทำให้ผมเซจนเกือบจะหล่นลงจากบันได

“เจย์!”

“พี่ไม่เป็นไร ไป! โจชัว! รีบไป!”

ผมจับราวบันไดเอาไว้แน่น พยุงตัวเองไม่ให้ร่วงหล่นลงไป แล้วเหวี่ยงตัวกลับขึ้นชั้นสองของบ้านได้ในวินาทีต่อมา กระแทกไหล่เข้าใส่มิสซิสโจแอนนา จนถังขยะที่เธอเอามาฟาดแผนหลังของผมเมื่อครู่กระเด็นหลุดมือไป

“ไอ้เด็กเหลือขอ!”

ผมไม่สนใจว่าเธอจะด่าผมยังไง เวลานี้ผมต้องสลัดเธอให้หลุดแล้วรีบพาตัวเองตามน้องไป...ต้องรีบไปก่อนที่พ่อจะมา เพราะถ้าพ่อกลับมาเจอผม ผมคงได้ตายจริงๆ

ขณะเดียวกันเสียงของคริสเตียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เจย์เดน ฉันจะไปช่วยนาย”

“ไม่ได้!” ผมตะโกนลั่น ยังไงก็ไม่ได้ ถ้าคริสเตียนมาสถานการณ์ต้องเลวร้ายลงแน่! ผมจะให้เธอรู้ไม่ได้ว่ามีคนอื่นคอยช่วยเหลือผมอยู่

“แล้วจะให้ฉันรอต่อไปเนี่ยนะ!?”

ผมไม่ตอบ รับรู้ได้ถึงความโกรธของโซลเมต แต่ผมไม่มีเวลามาสนใจแล้ว ผมต้องรีบตามน้องไป...คิดได้ดังนั้นผมจึงหันหลังวิ่งลงบันไดทันที โจชัวน่าจะไปถึงตำแหน่งที่คริสเตียนรออยู่แล้ว ดังนั้นผมต้องรีบ

แต่ทันทีที่ผมโผล่ออกไปถึงถนน แสงไฟจากรถยนต์คันหนึ่งก็สาดมากระทบตัวผม พร้อมเสียงบีบแตรและเสียงตะโกนดังลั่น

“ไอ้เจย์เดน!”

บ้าฉิบ! พ่อกลับมาแล้ว!

ผมวิ่งเต็มฝีเท้า ต้องหนีเขาให้พ้น สลัดเขาให้ตามไม่ทัน ดังนั้นผมต้องวิ่งออกนอกเส้นทาง จากที่ตั้งใจจะไปหาคริสเตียนทันที ก็เลี้ยวไปที่ถนนอีกเส้นแทน

“คริสเตียน โจไปหานายหรือยัง!?” ผมถาม

“มาแล้ว นายอยู่ไหน”

“รออยู่ตรงนั้น อย่าไปไหน เดี๋ยวฉันไปหานายเอง แต่คงอีกสักพัก”

“นั่นนายกำลังวิ่งอยู่งั้นเหรอ?”

“ใช่ และฉันกำลังเหนื่อย นายคงรู้สึกได้”

“นายวิ่งไปไหน เจย์เดน ไม่ได้วิ่งมาหาฉันงั้นเหรอ?!”

ผมไม่ตอบ เพราะตอนนี้ผมต้องใช้แรงในการวิ่งและหายใจให้ทัน เหลือบมองด้านหลังก็เจอรถของพ่อขับตามมาติดๆ เวรเอ๊ย เขามีรถแต่ผมมีแค่สองเท้า แล้วผมจะหนีเขาพ้นได้ยังไงกัน! อีกนิดเดียวเขาก็จะถึงตัวผมแล้ว และพ่อคงไม่ใจดีขับมาขวางหน้าผม แต่คงจะชนผมเลยมากกว่า ดังนั้นผมต้องไปทางอื่น ทางไหนก็ได้ที่เขาจะใช้รถไล่ตามผมไม่ได้อีก

ฉับพลันนั้นผมก็เห็นว่าเบื้องหน้ามีป่าอยู่ ผมจึงออกแรงวิ่งมากกว่าเดิม แล้วเลี้ยวเข้าป่าไปทันที

เอี๊ยด!

เสียงเบรกรถดังสนั่น แต่ผมไม่คิดจะหันไปมอง ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตามมา และให้ตายเถอะ! ในป่ามันมืดมาก ผมต้องระวังไม่ให้ตัวเองสะดุดรากไม้ล้มไปพร้อมๆ กับการหนีพ่อให้พ้น และนั่นทำให้อะไรๆ มันยากมากขึ้นกว่าเดิม

“เจย์! บอกฉันมาว่านายอยู่ไหน!?”

“รออยู่นั่นล่ะน่า เดี๋ยวฉันกลับไปหา”

ปัง!

เสียงปืนดังแทรกการพูดคุยของเราสองคน ผมสบถลั่น นอกจากหลบต้นไม้แล้วยังต้องหลบกระสุนอีกเหรอวะ!

“นั่นเสียงปืน!” คริสเตียนคงอยู่ไม่ไกลนัก เขาถึงได้ยินเสียงปืนในป่า

“ใช่ แต่ไม่เป็นไร ฉันยังควบคุมสถานการณ์ได้”

“มีปืนมาเกี่ยวนายยังกล้าพูดแบบนี้อีกหรือไงกัน!”

“เอาน่า จะรีบกลับไปหานายนะ ใจเย็นเข้าไว้ที่รัก”

ผมได้ยินเสียงก่นด่าดังตามมา และทั้งๆ ที่กำลังหนีตายหัวซุกหัวซุน แต่ผมก็อดที่หัวเราะไม่ได้ นั่นดูเหมือนจะทำให้คริสเตียนยิ่งหงุดหงิด...ขอทีเถอะน่า ผมไม่ได้อ่อนหัดขนาดนั้นนะ ผมต้องรอดไปได้แน่นอน เชื่อกันหน่อยสิ

อยากจะบอกเขาให้สบายใจมากขึ้น แต่ผมเริ่มเหนื่อยแล้ว ไม่มีแรงจะเปิดปากเอ่ยคำพูดอะไรออกไปนอกจากเสียงหอบหายใจเท่านั้น

“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้เด็กเวร! แกหนีฉันไม่พ้นหรอก!”

ผมเหลียวไปมองด้านหลัง เห็นร่างของพ่อวิ่งตามมาไกลออกไป...เอาล่ะ ผู้ชายคนนั้นอายุมากแล้ว อีกไม่นานเขาคงวิ่งต่อไม่ไหวและต้องยอมแพ้ปล่อยให้ผมรอดไปได้แน่นอน ผมเชื่ออย่างนั้น ที่เหลือตอนนี้ก็คือผมต้องอดทนวิ่งต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะเลิกตาม อ้อ ต้องหาทางออกจากป่าด้วย ไม่รู้เลยแฮะว่าตอนนี้วิ่งมาถึงไหนแล้ว

ปัง!

“FUCK!”

เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้มันเฉียดปลายเท้าผมไปนิดเดียว พระเจ้า! ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาหวังจะฆ่าผมจริงๆ แม้ก่อนหน้านี้ผมจะบอกเองก็เถอะว่าผมคงต้องตายถ้าเจอเขา แต่ลึกๆ ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น เขาไม่เห็นผมเป็นลูกแล้วจริงๆ สินะ ถึงได้คิดจะปลิดชีวิตกันโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

“ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันจะออกไปช่วยนาย”

ผมพยายามเค้นเสียงออกมาตอบเขา “ไม่ได้คริส นายต้องอยู่กับโจ และทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นนาย รอให้ฉันกลับไป แล้วเราจะได้ไปจากที่นี่กันสักที”

“แต่นายกำลังทำให้ฉันเป็นห่วงนะเจย์เดน ให้ตาย อย่าทำแบบนี้ อย่าห้ามกันได้มั้ย ฉันอยากแน่ใจว่านายจะปลอดภัยกลับมา”

ผมยิ้ม ในอกรู้สึกฟูฟ่องเหมือนมีคนสูบลมเข้าไปในนั้น เพราะผมรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยจากเขา และมันทำให้ผมรู้สึกดีจนอยากจะร้องไห้เลยล่ะ

“เชื่อสิว่าฉันต้องกลับไปหานายได้แน่นอน” ผมย้ำกับเขา “รออยู่ที่นั่น เป็นเด็กดีเข้าใจไหม?”

“นายสิต้องเป็นเด็กดีของฉัน ยอมฟังฉันพูดบ้าง”

“ก็ฟังอยู่นี่ไงแด๊ดดี้”

ไม่มีเสียงตอบกลับมาของคุณโซลเมตอีก และผมสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นระรัวของอีกฝ่าย อ่า จริงๆ เลยน้า ทำไมเขาต้องมาใจเต้นแค่คำเรียกขานที่เขาเคยหยอกผมเองด้วยล่ะเนี่ย มันใช่เวลางั้นเหรอตอนนี้น่ะ ผมคิดอย่างขำๆ

“ไว้นายกลับมาเมื่อไหร่ฉันจะจูบนายให้ปากแตกเลยคอยดู”

ปัง!

ผมหัวเราะ ทั้งที่ไม่ควรจะหัวเราะในขณะที่ตัวเองกำลังวิ่งหลบกระสุนลูกต่อมาด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังปล่อยให้ตัวเองขบขันกับความน่ารักของคุณโซลเมตอยู่ดี

แต่แล้วผมก็สะดุดล้มจนได้

“โอย” โอดครวญด้วยความเจ็บเล็กๆ ที่เกิดกับข้อเท้า แต่ผมไม่คิดว่ามันแพลงหรือเป็นอะไรมากหรอก ก็แค่ความเจ็บเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นมันคงไม่ดีแน่ถ้าผมยังนั่งอยู่ตรงนี้

เหลือบมองด้านหลัง เสียงฝีเท้าที่เหยียบย่ำลงบนพื้นดินซึ่งเต็มไปด้วยใบไม้แห้งเงียบหายไปแล้ว ราวกับว่าพ่อไม่ได้วิ่งตามผมมาอีก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ไว้ใจ รีบพาตัวเองหลบเข้าหลังต้นไม้ หาที่กำบังและรอเวลาตั้งรับหากว่าพ่อโผล่มาถึงตัวผม

ไม่นานเสียงเหยียบใบไม้ก็ดังขึ้นให้ได้ยินอีกครั้ง ผมเผลอกลั้นหายใจ กำมือทั้งสองข้างแน่น ลุ้นระทึกในทุกๆ นาทีว่าพ่อจะเจอผมเมื่อไหร่ ให้วิ่งออกไปตอนนี้คงไม่ดีแน่ ผมไม่รู้ว่าเขาอยู่ห่างจากผมมากแค่ไหน เกิดวิ่งออกไปแล้วเขาลั่นไกขึ้นมา ไม่พ้นที่มันจะต้องโดนตัวผมแน่นอน

แกรบ

เสียงฝีเท้าหยุดลงในที่สุด...พร้อมกันนั้นผมก็ได้ยินเสียงสบถด่าตามมา

“เวรเอ๊ย! ไอ้ลูกหมานั่นมันหนีไปจนได้!”

ผมเม้มปากแน่น กลั้นหายใจยิ่งกว่าเดิมทั้งที่มันไม่สามารถทำอย่างนั้นได้แล้ว ร่างทั้งร่างของผมเกร็งเขม็ง...ก่อนทุกอย่างจะสลายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงก้าวเดินของพ่อดังขึ้นอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้เป็นการเดินห่างออกไป

ผมรอจนแน่ใจว่าเขาไปไกลมากพอแล้ว จึงผ่อนลมหายใจยาว ทรุดตัวลงนั่งเหยียดขาพิงแผ่นหลังกับต้นไม้ ผ่อนลมหายใจยาว เงยหน้าหลับตาไปพร้อมๆ กับสูดเอาอากาศล็อตใหม่เข้าปอด

ผมรอดแล้ว

“ฉันปลอดภัยแล้ว” ผมบอกกับคนที่ยังรอฟังอยู่ในสาย

ได้ยินคริสเตียนถอนหายใจ “ดี ทีนี้ก็กลับมาหาฉันได้แล้ว”

“อืม แน่นอน แต่ขอพักอีกแป็บหนึ่งนะ”

 

ผมมาถึงรถที่คริสเตียนจอดรออยู่ และทันทีที่เขาเห็นผม ผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ผมคุ้นเคยก็ก้าวเท้าเร็วๆ เข้ามาหา จนกระทั่งเขายืนอยู่ตรงหน้าผม ผมจึงแย้มยิ้มให้เขาแล้วกางแขนออก

“เห็นมั้ย ฉันโอเค ปลอดภัย ไม่มีแผลแม้แต่นิดเดียว”

คริสเตียนไม่ตอบอะไร เขากวาดสายตามองผมทั้งตัว ก่อนจะจับผมหมุนกลับหลังเพื่อหารอยแผลอื่นๆ แต่ให้ตายยังไงเขาก็หาไม่เจอหรอก ยกเว้นว่าเขาจะถกเสื้อผมขึ้น คงได้เห็นรอยช้ำที่เกิดจากการโดนมิสซิสโจแอนนาฟาดถังขยะใส่อยู่บ้าง

เมื่อผมหันหน้ากลับมาอีกครั้ง คริสเตียนก็รั้งผมเข้าไปกอดแน่น “ขอบคุณพระเจ้า นายไม่เป็นอะไรจริงๆ ด้วย”

ผมกอดตอบเขาแน่นไม่ต่างกัน ก่อนจะเลื่อนสายตามองไปที่รถ โจชัวกำลังยืนอยู่ข้างประตูและมองมาที่ผมด้วยความโล่งใจ ผมยิ้มให้เขา เปิดปากพูดโดยไม่มีเสียงว่า...พี่ไม่เป็นไร แม่นายก็เหมือนกัน

เขายิ้มตอบกลับมา แต่ดวงตาแดงก่ำจวนเจียนจะร้องไห้ ก่อนสุดท้ายเขาจะเปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่งรอในรถ

“โจได้เล่าอะไรให้นายฟังไหม?” ผมถาม ผ่อนลมหายใจหนักหน่วง

“นิดหน่อย เขาบอกแค่ว่าแม่ของเขาหลอกเขามาตลอดว่าโดนขู่จะฆ่า”

ผมพยักหน้า แล้วถอนหายใจอีกครั้ง “ไม่คิดเลยว่าโจแอนนาจะทำแบบนี้”

“เธอคงโดนยานรกพวกนั้นเล่นงานจนไม่รับรู้ถึงความถูกต้องไปแล้วล่ะมั้ง”

“คงจะเป็นอย่างนั้น” ผมตอบ ก่อนจะเผลอเกร็งตัวเมื่อจู่ๆ คริสเตียนก็รั้งผมเข้าไปกอดอีกครั้ง

เขากดจูบที่ศีรษะของผม ไล่ไปที่ข้างขมับ หน้าผาก ก่อนจบด้วยริมฝีปากของผม...เราจูบกันราวกับไม่รู้จักพอ ให้สมกับความกังวลที่เกิดขึ้น ทั้งความกังวลของผมที่กลัวเขาจะไปช่วยแล้วทำให้เราโดนจับได้กันหมด ทั้งความกังวลของเขาที่กลัวผมจะโดนยิงหรือได้รับอันตราย

เมื่ออากาศหายใจเริ่มหมดคริสเตียนก็ถอยห่าง แล้วประกบจูบเข้ามาใหม่ สองแขนของเขารัดแผ่นหลังผมแน่นจนเจ็บไปหมด แต่ผมกลับชอบอ้อมกอดนี้เหลือเกิน

จนเมื่อเราผละออกห่างจากกันอีกครั้ง โซลเมตของผมก็โน้มหน้าลงแนบหน้าผากกับบ่าของผม มือของเขาที่เลื่อนมาจับมือของผมสั่นไปหมด ผมรู้สึกได้อย่างชัดเจน เหมือนที่กำลังสัมผัสได้ถึงความกลัวในใจของเขา

เขากำลังกลัว...กลัวว่าผมจะเป็นอะไรไป

“ถ้านายโดยยิงกลับมา ฉันคงสติแตกแน่ ฉันไม่อยากให้นายได้รับอันตราย ฉัน...” คริสเตียนกดจูบที่ซอกคอของผม “ฉันไม่อยากสูญเสียนายไป นายสำคัญกับฉันมากกว่าที่เราทั้งคู่จะคาดคิดนะรู้มั้ย”

ผมยิ้ม...ยิ้มกว้างยิ่งกว่าเก่า แนบแก้มเข้ากับข้างขมับของเขาบ้าง

“นายจะไม่มีวันเสียฉันไปคริสเตียน แคมเบลล์”

“...”

“เหมือนที่ฉันก็จะไม่มีวันยอมเสียนายไปเหมือนกัน”


________________________________________
กลับมาแว้ววว หายไปหลายวันเนอะ แง ติดนิยายค่ะ 555 เพิ่งไปงานหนังสือมาด้วย แทบหมดตัว //ยิ้มทั้งน้ำตา

ไม่มีอะไรจะทอล์กเกี่ยวกับเนื้อเรื่องแฮะ ฮ่าา เอาเป็นว่าโทนของเรื่องนี้คือฟีลกู๊ดปนเซ็กซี่นิดๆ ดังนั้นปมประเด็นอื่นก็จะไม่ขยี้เยอะ เบาๆ พอ ตอนหน้าจะเป็นไงต่อมาลุ้นกันนน
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 22-10-2018 00:36:23
 :เฮ้อ:

คู่นี้ยิ่งเจอสถานการณ์เลวร้ายก็ยิ่งหวานขึ้นสินะคะ   :-[

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-10-2018 00:39:26
คิดว่าไม่ใช่เพราะยาหรอกที่ทำให้แม่โจเป็นแบบนี้ แต่เป็นนิสัน(ดาน)ของตัวแม่เองมากกว่า เกือบไปแล้ว ๆ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-10-2018 00:39:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-10-2018 02:27:41
ลุ้นหนักมาก
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 22-10-2018 06:36:34
รอดมาได้แล้ว ต่อไปจะเป็นยังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-10-2018 07:00:20
 :L1: :L1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-10-2018 09:43:26
ใจหายใจคว่ำค่ะ เอาล่ะตัดฉากไปที่เตียงนอน อิอิ
ส่วนน้องโจ พี่ล่ะดีใจปลื้มปริ่มที่หนูได้สามีเป็นคนโหดๆที่เก่งในเรื่องการเก็บกวาดปัญหาค่ะ ใช่ค่ะบ้านพ่อแม่น้องนั่นล่ะแหล่งรวมปัญหาเลย ไปอยู่กับสามีเสียนะลูกนะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-10-2018 10:37:49
ใจจะวายนึกว่าจะโดนซะแล้ว TT
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-10-2018 11:22:02
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-10-2018 12:06:30
เมื่อไหร่เค้าจะได้ออดอ้อน ออเซาะกัน ตอนนี้ลุ้นไปกะเจย์เดน แทบจะวิ่งตีคู่กันไป   :mew5: :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 22-10-2018 14:47:38
เพิ่งหลบกระสุนพ้นมาแท้ๆยังมาจีบกันให้อิจฉาเล่นๆอีกนะคะ ชิชิชิ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 22-10-2018 16:31:00
โอ้ยยย ตื่นเต้น ลุ้นตลอดทั้งตอนเลยยย :katai1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 22-10-2018 20:47:43
สนุกมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-10-2018 00:43:59
บีบหัวใจมากค่ะ ลุ้นมาก เกือบไม่รอด
ยังคิดอยู่เลยว่าพ่อเดินหลอกไปหรือเปล่า

โอ๊ยยย ทำไมพ่อแม่ร้ายได้ขนาดนี้นะ
กะจะให้ตายเลยหรอ

รอดมาได้แบบนี้แล้ว จะทำยังไงกันต่อล่ะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 23-10-2018 07:50:19
ใจเต้นตึกตักเลย
ดีนะ เจย์เดนรอดมาได้
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 23-10-2018 10:28:23
ไม่ชอบใจตรงที่เจย์เดนดื้อเนี่ยแหละ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาละจะทำยังไง
ไอ้พ่อเวรมันจะปล่อยหรอถ้าสมมุติว่าจับได้อะ ฮืออออ
ลุ้นมากมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 23-10-2018 19:34:31
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 18 [22-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 24-10-2018 02:35:37
วิ่งลุ้นระทึกกับเจย์เดนมากค่ะ ในที่สุดก็หลุดพ้นออกมาแล้ว รอผลตามสนองคนไม่ดี  :katai2-1: ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 19 [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 31-10-2018 00:27:11
Chapter 19

When we fall in love


 

ผมคิดว่าผม...

 

ผมเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้นิโคไลกับแคสเทียลฟัง ทันทีที่เราทั้งหมดกลับมาถึงบ้าน แน่นอนว่าไม่ใช่บ้านของผม นั่นเป็นสถานที่แรกที่พ่อจะไปตามหาเราสองคนพี่น้อง แค่สืบหาที่อยู่ของผมคงไม่ยากเกินไปสำหรับพ่อค้ายารายใหญ่อย่างเขาหรอก ดังนั้นผมจึงกลับไปไม่ได้อีกแล้ว อย่างน้อยก็ในตอนนี้ แหล่งกบดานใหม่ของผมจึงเป็นบ้านของคริสเตียน ซึ่ง...นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเหยียบบ้านเขา ผมรู้นะว่าเขารวย แต่พอได้มานั่งอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่อย่างนี้ก็อดจะรู้สึกว่าตัวเองอยู่แปลกที่แปลกทางไม่ได้

โซลเมตของผมคงรับรู้ถึงความนึกคิดนั้นของผมได้ เพราะเขาขยับเข้ามานั่งข้างผมบนโซฟาตัวยาว ตบไหล่ปลอบใจผมเบาๆ “ทำตัวตามสบายเถอะ”

ผมโคลงศีรษะ ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรไป แค่เอนตัวไปหาเขาจนหัวไหล่ของเราสองคนแตะชนกัน และทันทีที่ผมทิ้งตัวลงไปหาเขาราวกับทั้งร่างอ่อนยวบเป็นของเหลว คริสเตียนก็เปลี่ยนเป็นโอบเอวผม รั้งให้หลังศีรษะของผมวางลงบนแผ่นอกของเขาแทน

“เอาล่ะ” แคสเทียลกระแอมขัดเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วมองผมกับน้องชายตัวเองเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูด แล้วกลับเข้าเรื่องอีกครั้ง “ไหนเล่ามาสิ ที่บอกว่าล้มเหลวมันหมายความว่ายังไง”

ผมไม่ตอบ เหลือบสายตาไปมองโจชัวอย่างไม่แน่ใจนักว่าผมควรจะเล่าเรื่องทั้งหมดออกไปในตอนนี้เลยดีหรือเปล่า ผมไม่อยากตอกย้ำเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นให้น้องนึกถึงมันอีก แม้รู้ว่ายังไงซะเขาก็ไม่มีทางลืมได้ง่ายๆ หรอก ก็เรื่องมันเพิ่งเกิดเองนี่

นิโคไลเห็นสายตาของผมก็คงพอจะเข้าใจ ทั้งที่เขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ แต่ท่าทางที่แปลกไปของโจชัวทำให้อีกฝ่ายเดาได้ไม่ยากว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น...เขาก้มลงกระซิบอะไรสักอย่างกับน้องชายของผม ตอนแรกโจชัวส่ายหน้า แต่หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นหันไปถลึงตาใส่โซลเมตตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นก้าวเท้าเร็วๆ ออกจากห้องทำงานของแคสเทียลไป ไม่ต้องให้ใครบอกผมก็เดาได้ว่าน้องกำลังโมโหมากขนาดไหน ฟังได้จากเสียงฝีเท้ากับเสียงปิดประตูนั่นล่ะ

“นั่นเขาจะไปไหน?” ผมเอ่ยถาม ทำท่าจะลุกตามไปแต่คริสเตียนก็รั้งผมเอาไว้ที่เดิม แถมยังกอดเอวผมแน่นกว่าเดิมอีกต่างหาก

“ห้องพักน่ะครับ ไม่ต้องห่วงหรอก ผมให้คนของผมตามไปดูแลเขาแล้ว” นิโคไลยิ้มเล็กน้อย เพื่อยืนยันให้ผมสบายใจ “อีกอย่างคุณก็ไม่อยากให้เขาอยู่ฟังเราคุยกันไม่ใช่เหรอ?”

ผมถอนหายใจ “ขอบคุณนะครับ”

“งั้นคุณก็เล่ามาได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น” มิสเตอร์แคสเทียลดึงพวกเรากลับเข้าประเด็นเดิมอีกครั้ง

ห้านาทีต่อมาผมก็เล่าทุกอย่างจนจบ โดยมีคริสเตียนช่วยอธิบายเสริมในบางส่วน และเกิดความเงียบขึ้นหลังจากนั้น เราทั้งหมดจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ผมไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมกำลังเป็นห่วงโจชัว สภาพจิตใจของเขาต้องไม่ดีแน่ ผมรู้ดีเลยล่ะ

เป็นอีกครั้งที่คริสเตียนปลอบโยนผมด้วยการลูบหลังมือของผม กดจูบที่กลางหัวของผม เสียงหัวใจของเราสองคนเต้นไปในจังหวะเดียวกัน มันทำให้ผมสบายใจมากขึ้น แม้ว่าความกังวลจะยังไม่หายไปก็ตาม

“ไม่ แผนของเรายังไม่ล่มหรอก” แคสเทียลพูดขึ้น “พวกเขายังไม่รู้สักหน่อยว่าเราวางแผนจับกุมเขาในข้อหาค้ายาเสพติด ถ้านายแน่ใจว่าไม่ได้หลุดปากพูดออกไปล่ะก็นะ”

ผมคิดทบทวน แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้า “ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้พูดอะไรที่จะทำให้เขาระแคะระคายเรื่องนี้”

“ดังนั้นเราจะคงแผนเดิมเอาไว้ เปลี่ยนแผนนิดหน่อยก็แค่มีคนอีกคนที่เราต้องระวังคือมิสซิสโจแอนนา แม่ของโจชัวตบตาลูกชายตัวเองมาได้ตลอดหลายปีว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและเป็นผู้ถูกกระทำมาตลอด ร้ายจริงๆ ยัยผู้หญิงคนนี้”

นั่นสิ ร้ายกาจมากจริงๆ ทั้งเธอ ทั้งพ่อของผม

“ฉันจะส่งคนของฉันคอยตามดูพฤติกรรมเธอแล้วกัน” นิโคไลบอก เขาลุกขึ้นยืน กระชับเสื้อสูทที่ตัวเองใส่อยู่เป็นการบอกว่ากำลังจะกลับแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ลืมหันมากำชับกับผม “อาจจะฟังดูแปลกที่ผมพูดแบบนี้กับคนที่เป็นพี่ชายของเขา แต่ฝากดูแลโจชัวด้วยนะครับ คนที่จะเข้าใจความรู้สึกของเขาตอนนี้ได้ดีที่สุด ก็มีแค่คุณเท่านั้น”

“ไม่หรอก ผมคิดว่าคุณมากกว่าที่เข้าใจเขาได้ดีกว่าผม ก็คุณเป็นโซลเมตของเขานี่ หรือไม่ใช่?” ผมเลิกคิ้วถาม

“มันก็ใช่ แต่ผมไม่ได้...”

ปัง!

“แม่ต้องการคำอธิบาย แคสเทียล แคมเบลล์!”

เสียงอันดังกังวานของผู้หญิงขัดจังหวะการสนทนาของเราทั้งคู่ ผมยืดตัวตรงโดยอัตโนมัติอย่างไม่มีเหตุผล รู้แค่ว่าการปรากฏตัวของหญิงวัยกลางคนในชุดสูททำให้แม้แต่คริสเตียนก็ยังโผขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

“แม่!” สองพี่น้องแคมเบลล์พูดขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน

อ่า...แม่ของเขาเหรอเนี่ย

“คริสเตียน?”

แม่ของคริสเตียน (ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด เธอน่าจะชื่อแคทเธอรีน แคมเบลล์ ผมเคยอ่านนิตยสารเกี่ยวกับนักธุรกิจชื่อดังแล้วเจอชื่อเธอเข้าน่ะ) ดูเหมือนจะแปลกใจไม่น้อยที่เห็นลูกชายคนเล็กที่นี่...เป็นผมก็คงแปลกใจ เพราะคริสเตียนบอกกับผมก่อนหน้านี้เองว่าเขาไม่เคยกลับบ้าน และหนีไปอยู่อพาร์ตเมนต์มาเป็นปีแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากเจอหน้าพ่อเลี้ยง หรือก็คืออาของผมนั่นล่ะ

“ไงครับแม่”

มิสซิสแคทเธอรีนขมวดคิ้วมองคนทั้งหมดในห้อง “นี่มันเรื่องอะไรกัน? คนพวกนี้เป็นใคร? ไม่สิ พวกผู้ชายใส่สูทหน้าตาน่ากลัวที่นอกห้องนั่นก็ด้วย นอกบ้านนั่นอีก คนแปลกหน้าพวกนี้มาทำอะไรที่บ้านของเรากัน?”

“แม่ครับ ผมจะแนะนำให้รู้จักนะครับ” แคสเทียลรีบออกมารับหน้าทันที เขาผายมือมาทางผมเป็นคนแรก “นี่เจย์เดน คาร์เตอร์ครับแม่ เขาเป็นโซลเมตของคริสเตียน”

“โซลเมต! โซลเมตงั้นเหรอ?!” เธอดูตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน “ลูกเจอโซลเมจแต่ไม่บอกแม่งั้นเหรอคริสเตียน”

คนถูกถามไหวไหล่ “เราแทบไม่ได้เจอกัน แล้วผมจะเอาเวลาที่ไหนไปบอกแม่”

“นั่นไม่ใช่ข้ออ้างเลยนะ คริสเตียน แคมเบลล์!”

“อีกอย่างผมก็เพิ่งได้พบกับเขาแค่ไม่กี่เดือนมานี้เอง”

“ไม่กี่เดือนมันก็นานมากพอให้ลูกมาหาแม่เพื่อบอกเรื่องของเขาไม่ใช่หรือไง นี่ลูกจงใจละเลย...”

“โอ้ ไม่เอาน่า นี่แม่จะพูดเรื่องนี้จริงๆ เหรอ? หลังจากเราได้เจอหน้ากันในรอบหนึ่งเดือนเนี่ยนะ?”

มิสซิสแคทเธอรีนจิกตามองลูกชาย ผมว่าเธอเริ่มโกรธแบบจริงๆ จังๆ แล้วล่ะ “ก็ถ้าลูกไม่หลบหน้าแม่ เราคงได้เจอกันทุกวัน อย่างน้อยก็ที่บริษัท หรือโรงแรม...”

“ตราบใดที่แม่ยังมีไอ้แก่นั่นตามติดอยู่ข้างกาย ก็ฝันไปเถอะว่าผมจะอยากเจอหน้าแม่”

“คริสเตียน!”

ผมรั้งแขนของโซลเมตตัวเองเอาไว้เป็นการปรามไม่ให้เขาต่อปากต่อคำกับผู้เป็นแม่อีก ขณะที่แคสเทียลพุ่งเข้าไปโอบไหล่เธอ แล้วพยายามปลอบให้ใจเย็นลง

“แม่อย่าไปสนใจคริสเลยครับ ก็รู้นี่ครับว่าเขาจงใจกวนประสาท”

“อ้าว พี่ชาย ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ”

“หรือไม่จริง พอเลย แกน่ะหุบปากได้แล้วคริส” แคสเทียลชี้หน้าเป็นเชิงห้ามเมื่อเห็นว่าน้องชายของตัวเองตั้งท่าจะสรรหาคำพูดมาโต้ตอบผู้เป็นแม่อีกครั้ง ให้ตายเถอะ ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นคริสเตียนในมุมนี้มาก่อนเลยจริงๆ มุมไหนน่ะเหรอ? ก็กวนประสาทหน้าตาย ปากร้ายจนน่ากระทืบนี่ไง นึกว่าเขาเป็นแค่เพลย์บอยรนหาที่ตายที่ฟัดสาวไม่เลือกหน้าแค่นั้นซะอีก

“ส่วนนี่นิโคไลครับแม่ เขาเป็นเพื่อนของผมน่ะ พอดีเขาแวะมาเยี่ยมเยียนกันเฉยๆ คนข้างนอกนั่นก็คนของเขา”

“คนของเขา? แต่ทำไม...” มิสซิสแคทเธอรีนกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วเธอก็ตัดบท “ช่างมันเถอะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เข้ามาขัดจังหวะ ฉันเป็นแม่ของพวกเขาค่ะ”

นิโคไลยื่นมือออกไปจับมือของเธอที่ยื่นมาหา “ยินดีที่ได้รู้จักครับมิสซิสแคมเบลล์ ที่จริงผมกำลังจะกลับพอดี ไม่ถือว่าเป็นการขัดจังหวะหรอกครับ”

“งั้นเหรอคะ น่าเสียดาย ถ้าฉันรู้ว่าเพื่อนของแคสเทียลจะมาเยี่ยม คงให้ชวนทานมื้อเย็นร่วมกันกับเรา”

“ไว้โอกาสหน้าก็ได้ครับ” นิโคไลยิ้มบาง ก่อนจะขอตัวลา “ผมกลับก่อนนะครับ”

“ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ”

“ขอบคุณมากครับ”

แล้วโซลเมตของน้องชายผมก็เดินออกจากห้องไป แต่ก่อนจะไปเขาเหลือบมาสบตาผมและพยักหน้าให้ ซึ่ง...ผมไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเขาต้องการจะบอกอะไรผม แต่ช่างมันก่อนแล้วกัน เพราะตอนนี้ถึงเวลาของผมที่จะได้รู้จักกับแม่ของโซลเมตบ้างแล้ว

“คุณ...”

“เจย์เดนครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

มิสซิสแคทเธอรีนจับมือกับผม “ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ แต่ฉันอยากจะแน่ใจว่าคริสเตียน...คุณกับเขาเป็นโซลเมตกันจริงๆ เหรอคะ?”

“ครับ เราเพิ่งได้พบกันเมื่อไม่กี่เดือนก่อน” ผมตอบ เหลือบไปสบตาคริสเตียนเล็กน้อย “โดยบังเอิญน่ะครับ”

“งั้นเหรอคะ น่าเห็นใจคุณจริงๆ ที่ต้องมาเป็นโซลเมตกับลูกชายไม่เอาไหนของฉัน”

“ผมไม่เอาไหนงั้นเหรอ?” คริสเตียนโพล่งขึ้นขัดการพูดคุยของผมกับแม่ของเขาทันที เอาล่ะ ผมมองเห็นเค้าลางของภูเขาไฟที่กำลังเดือดปะทุรอเวลาระเบิดแล้วล่ะตอนนี้ “ผมเนี่ยนะ?”

“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าแกเป็นคนเอาการเอางานคงไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไปแล้ว แต่นี่ให้ไปช่วยงานในบริษัทก็ทำเหมือนเล่นของเล่น...”

“เพราะผมไม่ชอบ และถ้าแม่จะเปิดใจยอมรับรู้สักนิด แม่ก็น่าจะรู้ว่าผมรักอาชีพนักข่าวของผม มากกว่าอาชีพนักธุรกิจหน้าเลือดหิวเงิน”

“คริสเตียน!”

“ไปเถอะ วันนี่คงอยู่ที่นี่ไม่ได้ ฉันว่าเราไปอยู่ที่อื่นกันดีกว่า” แล้วผมก็โดนเขาจับข้อมือลากพาออกจากห้องทำงานของแคสเทียล โดยมีเสียงของแม่เขาดังไล่หลังตามมา แต่เขาก็ดูจะไม่สนใจว่ามิสซิสแคทเธอรีนจะตะโกนเรียกเขาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดขนาดไหน

สุดท้ายเราทั้งคู่ก็มานั่งอยู่ในรถยนต์ราคาแพงของเขา เราต่างฝ่ายต่างนั่งเงียบ ผมเงียบเพราะอยากปล่อยให้เขาได้สงบสติอารมณ์ที่กำลังคุกกรุ่นอยู่ตอนนี้ แต่แล้วผมก็นึกอะไรบางอย่างออก จนต้องหันไปตะโกนใส่เขาด้วยความตกใจ

“หยุด! จอดรถก่อนคริสเตียน! น้องชายของฉัน โจชัวน่ะ!”

คริสเตียนหักพวงมาลัยแล้วจอดรถเข้าข้างทาง “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เขาอยู่กับนิโคไลแล้วล่ะตอนนี้”

“นายรู้ได้ยังไง?” ผมขมวดคิ้ว งุนงงไปหมดแล้ว

“คิดหรือว่าหมอนั่นกลับไปแล้วจะไม่เอาน้องชายนายไปด้วย ถ้าไม่เชื่อก็ลองโทรถามดูสิ”

ผมทำตามทันที ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่เพื่อความสบายใจ ผมต้องทำให้แน่ใจว่าโจชัวยังปลอดภัยอยู่...เป็นโชคดีที่พวกเราแลกเบอร์ติดต่อกันเอาไว้ทุกคนหมดแล้ว ผมจึงเลื่อนหาชื่อของโซลเมตน้องชายได้ไม่ยาก เมื่อมันถูกบันทึกเอาไว้ในโทรศัพท์แล้ว

รอสายไม่นานอีกฝั่งก็กดรับ พูดคุยกันสองสามประโยคผมก็วาง ค่อยโล่งใจหน่อยที่โจชัวอยู่กับนิโคไล อย่างน้อยผมก็มั่นใจว่าเขาจะไม่เป็นอะไร และไม่มีใครมาทำอะไรเขาได้แน่ๆ

“ไง ตรงตามที่ฉันพูดไหมล่ะ?”

“อืม นิคบอกว่าเขาต้องพาโจชัวกลับไปด้วยอยู่แล้ว เพราะการอยู่บ้านแคสเทียลมันเสี่ยงเกินไป ในเมื่อคุณอาก็อยู่ที่นั่น เขาอาจจะจำโจชัว หรือแม้แต่ฉันขึ้นมาได้ก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นมีสิทธิ์ที่แผนการของเราจะสุ่มเสี่ยงโดนจับได้เข้าไปอีก”

“ดังนั้นเขาจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบดูแลโจชัวเอง ส่วนนายอยู่กับฉัน”

ผมเบิกตากว้าง “นายรู้ได้ยังไงเนี่ย!? เขาพูดแบบนี้เป๊ะเลย”

คริสเตียนหัวเราะ “ก็เพราะแคสเทียลบอกเรื่องนี้กับฉันเอาไว้แล้วน่ะสิ เปลี่ยนแผนกะทันหันก่อนที่นายจะไปชิงตัวโจชัวมาน่ะ แต่ฉันยังไม่ทันได้บอกนายก็เกิดเรื่องยุ่งๆ เข้าเสียก่อน”

ผมโคลงศีรษะ ก่อนจะนึกขึ้นได้ “จะว่าไปเมื่อกี้ไม่เห็นคุณอาเลย เขาไม่ได้กลับมาพร้อมแม้นายเหรอ?”

“ได้ยินว่าเขาไปทำธุระที่ต่างเมือง น่าจะกลับวันมะรืน” คริสเตียนตอบ “แต่ก็ดีแล้วที่มันไม่อยู่ ถ้าฉันต้องเห็นหน้ามันวันนี้คงได้อดใจไม่ไหวพุ่งเข้าไปต่อยหน้ามันแน่”

“เป็นโชคดีของเราที่เขาไม่อยู่ แต่ถ้าแม่นายเอาเรื่องที่เจอพวกเราวันนี้ไปพูดกับเขาล่ะ?”

“แคสจะจัดการเรื่องนั้นเอง ปล่อยให้เป็นหน้าที่เขาเถอะ”

ผมค่อยข้างสงสัยว่าแคสเทียลจะทำยังไง แต่ในเมื่อตริสเตียนไม่ซีเรียสก็แสดงว่าพี่ชายของเขาคงมีวิธีจริงๆ ผมจึงเลิกคิดแล้วกลับมาให้ความสนใจเหตุการณ์ปัจจุบัน ที่จู่ๆ โซลเมตของผมก็จอดรถตรงข้างทางซะงั้น

“จอดทำไมล่ะ?” คริสเตียนไม่ตอบ เขาปลดเข็มขัดนิรภัยออก เปิดประตูก้าวลงจากรถ ผมจึงก้าวตามเขาลงไป

โซลเมตของผมยืนกอดอกพิงประตู เขาดูหนักอกหนักใจและหงุดหงิดไปในเวลาเดียวกัน ถ้าให้เดาก็คงไม่พ้นเรื่องที่เพิ่งจะทะเลาะกับแม่ของเขา ผมคิดว่างั้นนะ จะว่าไปถ้าผมได้ยินไม่ผิด...

“นายเป็นนักข่าวมาก่อนงั้นเหรอ?” ผมถาม ก้าวเข้าไปยืนพิงรถข้างๆ เขา สายตามองไปเรื่อยเปื่อยขณะรอคำตอบ คริสเตียนหันมามองหน้าผมเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองตรง

“อืม ภาคสนามน่ะ เป็นนักข่าวสายสงคราม”

“โอ้” ผมผิวปาก โซลเมตของผมมีเรื่องดีๆ เก็บซ่อนเอาไว้มากกว่าที่คิดอีกแล้วนะเนี่ย “เพราะแบบนั้นนายเลยผิวคล้ำแดดและมีกล้ามใหญ่ขนาดนี้สินะ ต้องฝึกร่างกายก่อนออกไปทำหน้าที่กลางสนามรบ”

“รู้ด้วยเหรอ?”

“เดาเอาน่ะ แล้วมันใช่ไหมล่ะพวก?”

คริสเตียนหัวเราะ “ก็ตามนั้น”

“น่าเสียดายนะที่นายไม่ได้ทำงานนั้นต่อ นายคงรักอาชีพนี้มาก”

“ใช่ น่าเสียดาย” เขายอมรับตามตรง “แต่ตอนนี้ฉันไม่ค่อยเสียดายสักเท่าไหร่แล้วล่ะ”

ผมเลิกคิ้ว หันไปสบตาเขา ดวงตาสีเทาพายุเป็นประกายสะท้อนกับแสงไฟข้างถนน น่าแปลกที่เวลานี้ไม่มีรถสักคันขับผ่าน รอบกายของเราสองคนจึงมีแค่ความเงียบกับเสียงพูดคุยของเราเท่านั้น

“อะไรทำให้นายคิดอย่างนั้นล่ะ?” ผมถาม

คุณโซลเมตยิ้มกว้างกว่าเดิมมาให้ผม “นายไง”

หัวใจผมเต้นเร็วขึ้นหนึ่งจังหวะ เหมือนกับหัวใจของเขา ความรู้สึกของผมเอ่อท้นไปด้วยความดีใจ เหมือนกับที่ผมรับรู้ได้ว่าคริสเตียนกำลังรู้สึกมีความสุขเช่นกัน

“ถ้าเป็นก่อนหน้าที่ฉันจะเจอนาย การทะเลาะกับแม่วันนี้คงทำให้ฉันหัวเสียจนต้องไประบายความหงุดหงิดด้วยการลากสาวสวยหรือหนุ่มน้อยสักคนเข้าโรงแรม แต่เพราะวันนี้ฉันมีนาย ฉันก็เลยไม่รู้สึกหงุดหงิดมากเหมือนเมื่อก่อน” ผมดึงสายตากลับมา เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ไร้แสงดาว สองหูยังคงตั้งใจฟังเขาต่อไป “ถ้าไม่ใช่เพราะโดนบังคับให้เลิกเป็นนักข่าวแล้วกลับมาอยู่บ้าน ทำงานโรงแรมของตระกูลตัวเอง ฉันก็อาจจะไม่ได้เจอนาย...คู่แท้ของฉัน”

หัวใจของผมพองฟูเหมือนลูกโป่งโดนอัดลม ขณะที่สัมผัสได้ถึงความจริงใจของคริสเตียนที่ส่งผ่านมาทางสายใยแห่งความสัมพันธ์ของเรา...ที่เขาพูดมาเป็นเรื่องจริง เป็นสิ่งที่ออกมาจากใจของเขาจริงๆ และนั่นทำให้ผมรู้สึกดีแทบบ้า

คุณโซลเมตขยับเข้ามาคร่อมทับผม เราสองคนสบตากัน ริมฝีปากแนบชิดเข้าหากัน แลกเปลี่ยนรสชาติหอมหวาน ปลายลิ้นเราถูไถกัน และกว่าจะรู้ตัวผมเราทั้งคู่ก็เข้ามาอยู่เบาะหลังของรถ และกำลังปลดเข็มขัดกางเกงของกันและกันออก เพื่อให้ตัวตนของเราได้แตะต้องกัน

ผมหอบหายใจสลับครางเสียงต่ำ “ในรถ...ที่ข้างถนนเนี่ยนะ?”

“น่าตื่นเต้นดีออก นายไม่คิดงั้นเหรอ?” คริสเตียนหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ เขารวบความร้อนผ่าวของเราสองคนแล้วปรนเปรอมัน ความรู้สึกดีท่วมท้นในร่างของเราสองคน

ผมโน้มคอเขาลงมาจูบ ปล่อยให้เขาทำหน้าที่สร้างความสุขสม ในขณะที่ตัวเองปล่อยใจให้คิดไปเรื่อยเปื่อย ความรู้สึกหนึ่งก็ตีตื้นขึ้นมาในอกของผม ซึ่งคุณโซลเมตคงจะสัมผัสถึงมันได้ เพราะเขาผละออกแล้วมองใบหน้าผมด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ...ก่อนจะเป็นผมที่มองเขาด้วยสายตาแบบนั้นเช่นกัน เมื่อรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเขาที่ตอบกลับมา

เขาคิดว่าเขารักผม

และใช่...ผมเองก็คิดแบบนั้น

เรากำลังตกหลุมรักกันและกันจนได้สิน่า


_______________________________
คิดว่าตอนหน้าจะมีฉากวาบหวิวในรถให้อ่านไหมคะ? //แสยะยิ้มทำหน้าเจ้าเล่ห์

ใกล้จะจบแล้วนะ เราตั้งใจไม่ให้เกิน 25 ตอน นี่ก็ตอนที่ 19 แล้ว ปมอะไรที่มีก็ไม่ได้ตั้งใจจะเอามาเล่นเป็นแกนหลักของเรื่อง ไม่ได้คิดจะขยี้ดราม่ามากมายอะไรนักด้วย เพราะเราอยากให้เรื่องนี้อยู่ในโทนของความฟีลกู๊ดปนเซ็กซี่มากกว่าค่ะ ฮ่า มันเริ่มด้วยความหื่น มันจะจบด้วยความหื่น ก๊าก!

คืนนี้จะมาลงตอนพิเศษวันฮัลโลวีนให้อ่านกันนะคะ แล้วมาดูเกม Trick or Treat ของคริสเจย์กัน ใครจะต้องทริก ใครจะโดนทรีตกันน้าาา อิอิ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 19 [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 31-10-2018 02:27:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 19 [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-10-2018 03:12:16
ทำอะไรกันข้างถนน ระวังเจอตำรวจนะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 19 [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 31-10-2018 06:20:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 19 [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 31-10-2018 07:15:22
ขอเป็นพงหญ้าข้างทางได้ไหม
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 19 [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 31-10-2018 09:52:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 19 [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 31-10-2018 10:18:17
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 19 [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 31-10-2018 10:51:40
ในรถเลยนาาาาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 19 [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-10-2018 11:48:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 19 [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 31-10-2018 15:47:44
ลุ้นมาก..ลุ้นให้เขา...กัน อิอิ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 19 [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 31-10-2018 18:47:47
ต่อไปนี้ต้องระวังตัวมากๆ นะทุกคนเลย

เดี๋ยวผิดแผนอีก คนอ่านหัวใจจะวาย

อ๊ะ หรือจะใจวายแล้วหว่า ฉากในรถนี่มัน..... หึหึ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 19 [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 31-10-2018 22:23:12
ละมุนสุดๆ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 31-10-2018 23:36:59

Special Halloween

Trick or Treat?


 

เรามาเล่นทริกออร์ทรีตกันดีกว่า

 

ถึงผมจะทำอาหารเป็นอยู่บ้าง แต่นั่นไม่รวมไปถึงการอบขนม หรือทำลูกอมเพื่อแจกเด็กๆ ที่มาเคาะประตูบ้านในคืนวันฮัลโลวีนหรอกนะ ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะซื้อขนมพวกนั้นจากซูเปอร์มาร์เก็ตมาแทนยังไงล่ะ

ผมเหลือบมองคริสเตียนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนั่งเล่น ดูเหมือนเพื่อนๆ ของเขาจะชวนไปปาร์ตี้วันปล่อยผีตั้งแต่เมื่อเย็น แต่โซลเมตของผมก็ยังยืนยันที่จะปฏิเสธไม่ยอมไปท่าเดียว ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาอยากอยู่กับผม

อันที่จริงวันนี้ก็ไม่ได้เป็นวันสำคัญอะไรสำหรับเราสองคน คงจะมีแค่เด็กๆ เท่านั้นล่ะมั้งที่ตื่นเต้นน่ะ แต่ถึงอย่างนั้นคริสเตียนก็ยังเลือกที่จะมาอยู่กับผม รอเวลาให้มีคนมาเคาะประตูบ้านเพื่อถามว่าจะทริกหรือจะทรีต

เขาวางสายในที่สุด เป็นเวลาเดียวกันกับที่ผมคว้าขวดเบียร์สองขวดเดินเข้าไปนั่งลงข้างเขาบนโซฟาตัวยาว สถานที่ประจำเวลาพักผ่อนของเราสองคน

คริสเตียนรับขวดเบียร์ที่ผมยื่นให้ เขาดื่มมันก่อนจะวางลงบนโต๊ะหน้าโซฟา จากนั้นจึงขยับเปลี่ยนท่าเป็นนอนหนุนตักผม และนั่นทำให้ผมอดที่จะหัวเราะไม่ได้

“ดูเหนื่อยนะ”

คุณโซลเมตผ่อนลมหายใจ “นิดหน่อยน่ะ”

“เพื่อนนายโทรมาตื๊อให้ไปปาร์ตี้ล่ะสิ”

“อืม” เขาหลับตาลงเมื่อผมลูบเส้นผมสีแอชบราวน์ของเขา “แต่ฉันอยากอยู่กับนายมากกว่า”

“ฉันก็เหมือนกัน”

ได้ยินแบบนั้นเขาก็ลืมตา รั้งต้นคอผมให้โน้มลงไปหา...ริมฝีปากของเราทั้งคู่แนบชิดกัน รสชาติขมฝาดของเบียร์ที่ดื่มเข้าไปผสมปนเปกันภายในปาก ผมตอบรับปลายลิ้นที่สอดเข้ามา ดูดกลืนความอุ่นชื้นอย่างหื่นกระหาย

และมันอาจจะเกินเลยมากไปกว่านี้แล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงเคาะประตูบ้านดังขัดจังหวะซะก่อน

คริสเตียนครางในลำคออย่างขัดใจ ผมยิ้มขำ ก่อนจะตบแก้มเขาเบาๆ เพื่อเรียกให้เขาลุกขึ้น

“ไปเถอะ สองทุ่มแล้ว คงมีเด็กๆ อีกหลายบ้านมาเคาะประตูเล่นเกมกับเรา”

 

เมื่อเปิดประตูออกผมก็พบกับเด็กๆ กลุ่มหนึ่ง พวกเขามากันสี่คน เป็นเด็กผู้หญิงสองคนและเด็กผู้ชายอีกสองคน อายุน่าจะราวๆ เจ็ดถึงเก้าปี ไม่รู้สิ ผมเดาเอาน่ะ เด็กสมัยนี้โตวัยเกินอายุกันจะตายไป

พวกเขาแต่งตัวในธีมวันปล่อยผี ผมรู้จักแค่แวมไพร์ แต่ชุดอื่นๆ เนี่ย...ผมไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาคอสเพลย์เป็นผีตัวไหนกันแน่ ไม่ได้ดูการ์ตูนมานานเป็นสิบปีแล้วด้วยสิ

“Trick or Treat!!!” ประสานเสียงกันเอ่ยถาม ในมือมีตะกร้ารูปหัวฟักทองสีส้มที่สามารถใส่ขนมลงไปในนั้นได้ และดูเหมือนพวกเขาจะไปแวะบ้านอื่นมาก่อนแล้ว เพราะในตะกร้ามีทั้งลูกอมและห่อคุกกี้เล็กๆ

ผมยิ้ม หันไปมองโซลเมตเพื่อขอความเห็นของเขา...คริสเตียนฉีกยิ้ม “Trick”

แล้วเด็กๆ ทั้งสี่คนก็ทำท่าหลอกผีแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เรา โอ้ เจ้าหนุ่มแวมไพร์ใส่เล็บยาวๆ มาด้วย พอเขากางมือออกก็เหมือนแวมไพร์กำลังกางกรงเล็บจับคอเหยื่อเลยแฮะ น่ารักชะมัด

ผมหัวเราะเบาๆ ให้กับความน่าเอ็นดูของพวกเขา ก่อนจะคว้าถุงลูกอมสี่ถุงยื่นให้พวกเขาคนละใบ

“แฮปปี้ฮัลโลวีนนะเด็กๆ”

“ขอบคุณครับบบ”

“ขอบคุณค่าาา”

...พวกเขามุ่งหน้าไปยังบ้านหลังอื่นต่อ ในขณะที่ผมปิดประตูลงทั้งที่ใบหน้ายังคงเปื้อนรอยยิ้ม

วันนี้ก็เหมือนกับฮัลโลวีนทุกปี ที่ผมคอยเปิดประตูบ้านแล้วแจกขนมให้เด็กๆ แต่ถ้าจะมีอะไรแตกต่าง ก็คงจะเป็นคริสเตียน...วันนี้ผมมีเขาอยู่ด้วย ผมไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้ว

 

เวลาเคลื่อนผ่านไปจนถึงห้าทุ่ม ผมโบกมือลาเด็กๆ กลุ่มสุดท้ายที่มาเคาะประตูเล่นเกม...คิดว่าน่าจะกลุ่มสุดท้ายนะ เพราะขนมที่ผมเตรียมไว้มันหมดแล้ว และนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย คงไม่มีเด็กที่ไหนเดือนเพ่นพ่านมาขอขนมแล้วล่ะ

“หมดแล้วสินะ” คริสเตียนเลิกคิ้วถาม ผมพยักหน้าตอบ

ตอนนี้บนโต๊ะหน้าโซฟามีขวดเบียร์เพิ่มขึ้นเป็นสิบขวด แน่นอนว่ามันไม่ใช่ของผมคนเดียว แต่เป็นของคริสเตียนด้วยต่างหาก ผมรับขวดที่เพิ่งเปิดใหม่จากคุณโซลเมตมาดื่ม

“เล่นเกมกันมั้ย?” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น และนั่นทำให้ผมแปลกใจ

“เกม?”

คริสเตียนพยักหน้า “ทริกออร์ทรีต...เรามาเล่นเกมนี้กันดีกว่า”

“ยังไงล่ะ หลอกหรือเลี้ยงแบบที่ทำกับพวกเด็กๆ น่ะเหรอ” ผมยิ้ม

โซลเมตของผมยิ้มเจ้าเล่ห์ เอาล่ะ นี่ไม่ดีแล้ว เขากำลังวางแผนทำเรื่องร้ายกาจอะไรอยู่แน่ๆ

ผมกำลังคิดจะปฏิเสธ แต่...

“ไม่ทันแล้วพวก นายต้องเล่น”

ผมกลอกตา “เอาเถอะ กติกาว่าไงล่ะ”

“มีกระดาษกับปากกาหรือเปล่า”

“นายกำลังถามคนเป็นสถาปนิกว่ามีของสองอย่างนั้นหรือเปล่าเนี่ยนะ?”

คริสเตียนหัวเราะ “สรุปว่านายมี ทีนี่ก็ลุกไปหยิบมันมาได้แล้วที่รัก”

ผมลุกไปหยิบให้เขาตามที่เขาขอ พอยื่นให้เขาก็รับไปแล้วฉีกหน้ากระดาษเปล่าออกมาพับเข้าหากันหลายทบ ก่อนจะคลี่ออกเพื่อนเขียนคำว่า Trick ลงไปตามช่องว่างที่แบ่งเอาไว้ตามรอยพับนั้น แล้วฉีกมันออกมาม้วนเป็นเส้นกลมเล็กๆ ได้เป็นกองกระดาษคำว่าหลอกสิบใบ จากนั้นเขาก็ทำแบบเดิม แต่เปลี่ยนเป็นเขียนคำว่า Treat อีกสิบใบ

“กติกาง่ายๆ เราจะผลัดกันจับฉลากพวกนี้” เขาอธิบาย มือก็โกยเอากองกระดาษทั้งยี่สิบชิ้นที่ถูกม้วนไว้อย่างดีใส่ลงไปในกล่องคุกกี้เล็กๆ ที่เราเพิ่งกินหมด ปิดฝาแล้วเขย่าจนกระดาษเหล่านั้นผสมปนเปกัน “ถ้าได้ทริกต้องดื่มเท่านี้”

แล้วเขาก็เปลี่ยนไปเทเบียร์ใส่แก้วไวน์โดยกะปริมาณเอาคร่าวๆ ให้ได้ครึ่งแก้ว (ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปเอาแก้วมาตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่ผมออกไปแจกขนมเด็กๆ กลุ่มสุดท้ายล่ะมั้ง) อืม เบียร์ในแก้วไวน์ ประหลาดดีแฮะ

“แล้วถ้าได้ทรีตล่ะ?”

คริสเตียนยิ้มมุมปาก ประกายตาของเขาแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์และหื่นกระหายในอะไรบางอย่าง และคำตอบต่อมาก็ทำให้ผมเข้าใจในแววตานั้น

“ถ้าได้ทรีตต้องถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น”

ผมระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น ไม่คิดว่าเขาจะเล่นอะไรแบบนี้จริงๆ เลยให้ตายสิ แล้วคิดหรือว่าผมจะกลัว ฉลากมีอยู่ยี่สิบชิ้น ผมไม่คงไม่โชคร้ายจับได้ทรีตจนต้องแก้ผ้าหมดหรอกน่า

“เริ่มเลยมั้ย?”

“เอาสิ ว่าแต่ใครจะจับก่อน”

“ฉันให้นายก่อนแล้วกัน” คริสเตียนเปิดกระปุกคุกกี้แล้วยื่นมาหาผม

ผมหรี่ตามองใบหน้าหล่อเหลาของเขา ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความขบขันกึ่งระอา เพราะความเป็นโซลเมตทำให้ผมรับรู้ถึงความรู้สึกของเขาได้ ว่าตอนนี้เขากำลังตื่นเต้นมากแค่ไหน คงหวังว่าผมจะจับได้ทรีตสินะ เจ้าคนหื่นกามเอ๊ย!

ทันทีที่ผมคลี่แผ่นกระดาษออก คำที่ปรากฏอยู่บนนั้นก็คือ...

Trick

ผมชูมันให้เขาดู “โชคร้ายจังแฮะที่ฉันได้ดื่ม”

คริสเตียนมีสีหน้าบึ้งตึงเมื่อเห็นว่าผมจับได้คำนี้ ผมหัวเราะก่อนจะดื่มเบียร์ในแก้วไวน์จนหมด แล้วรินใส่กลับไปใหม่ในปริมาณเท่ากับก่อนหน้านี้

“ทีนี้ก็ตานายแล้วหยาหยี”

และคริสเตียนก็จับได้ Treat

เป็นอีกครั้งที่ผมระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นบ้าน “เอาเลย ถอดสิ ถอด”

“ไว้ให้ถึงคราวนายบ้างเถอะน่า” คุณโซลเมตของผมกลอกตา ก่อนเขาจะถอดรองเท้าใส่เดินในบ้านออก

“เฮ้ รองเท้าเกี่ยวด้วยเหรอ”

“อ่าฮะ ก็ถือเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายไม่ใช่รึไง”

“นายขี้โกงเกินไปแล้ว”

“ตรงไหน นายเองก็เลือกที่จะถอดรองเท้าได้ ถ้าหากว่านายจับได้ทรีตล่ะก็นะ”

โอเค ผมยอมแพ้ความลื่นเป็นปลาไหลของเขาเลยจริงๆ ให้ตาย

หลังจากนั้นเกมการจับฉลากเล่นทริกออร์ทรีตก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เราผลัดกันจับได้ทั้งทริกและทรีต จนกระทั่งกระดาษสองใบสุดท้ายมาถึง ผมกับคริสเตียนเลือกหยิบไปคนละใบเพื่อเปิดพร้อมกัน

สภาพของผมตอนนี้เหลือแค่อันเดอร์แวร์เท่านั้น หากว่าผมจับได้ทรีตอีก ผมคงต้องล่อนจ้อนกลางห้องรับแขกแน่นอน ส่วนคริสเตียน...ไม่รู้ว่าเป็นโชคช่วยของเขาหรือเปล่า ทั้งตัวของเขาถึงได้ยังเหลือกางเกงอยู่ อ้อ เหลือเข็มขัดด้วย ถ้าเขาจับได้ทรีต เขาก็จะถอดแค่เข็มขัด เหลือกางเกงไว้ปกปิดร่างกายท่อนล่าง

นี่มันไม่ยุติธรรมกับผมเลย

“เปิดเลย” เขาบอก พลางคลี่กระดาษของตัวเองออก

และเมื่อผมปิดของตัวเองออกดูบ้าง ผมก็ได้แต่โอดครวญและสบถด่าไปพร้อมๆ กัน

“บ้าชะมัด โชคเข้าข้างนายแล้วมิสเตอร์แคมเบลล์ ฉันต้องถอดชิ้นสุดท้ายออก”

คริสเตียนหัวเราะเสียงดัง “ฉันก็ต้องถอดเข็มขัดเหมือนกัน”

“นายได้ทรีต?”

“อ่าฮะ สองแผ่นสุดท้ายเป็นทรีตด้วยกันทั้งคู่สินะ เอาล่ะ ทีนี้นายก็ถอดอันเดอร์แวร์ออกจากก้นงามๆ ของนายได้แล้วที่รัก”

“นายวางแผนเอาไว้หรือเปล่าเนี่ย”

“รู้ทันกันแบบนี้สิ ถึงจะเรียกว่าคู่แท้” เขาปลดเข็มขัดออกแล้วโยนมันทิ้งส่งๆ ไปยังมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น

ผมพ่นลมหายใจ ยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองแล้วลุกขึ้นถอดอันเดอร์แวร์ออกจากสะโพก แต่ในจังหวะที่กำลังก้มโค้งเพื่อดึงมันออกจากข้อเท้านั่นเอง คริสเตียนก็เล่นทะลึ่งด้วยการยื่นมือมาฟาดก้นผม!

เพียะ!

“โอ๊ย” ผมสะดุ้ง หันไปขึงตามองเขา “เล่นบ้าอะไรของนายเนี่ย”

“ก้นนายสวยชะมัด ฉันล่ะชอบมันจริงๆ” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังใช้สองมือขยำเนื้อก้นทั้งสองข้างของผมเล่น

ผมคว้ามือเขาเอาไว้ พลิกตัวหันหน้ากลับมาแล้วผลักไหล่เขาจนแผ่นหลังเอนชิดไปกับพนักโซฟา ตามด้วยนั่งคร่อมทักหน้าตักของเขาทั้งที่ตัวเองเปลือยล่อนจ้อนนี่ล่ะ

ผมรู้สึกได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นรัวแรงขึ้นของเขา ไหนจะความรู้สึกหิวกระหาย ความต้องการที่จะสัมผัสร่างกายของผม และความอยากที่ไม่คิดปิดบัง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกจากในใจของเขา หรือแม้กระทั่งจากดวงตาของเขาก็ตาม

ผมแสยะยิ้ม รูดซิปกางเกงเขาออกอย่างรวดเร็ว ไม่นานความใหญ่โตที่ถูกซ่อนเอาไว้ก็โผล่หัวออกมาทักทาย มันผงาดขึ้นในอุ้งมือของผม...ที่กำลังรูดรั้งกระตุ้นมัน

“ที่จริงไม่ต้องหลอกให้ฉันเล่นเกม ฉันก็แก้ผ้าให้นายได้นะรู้มั้ย คุณโซลเมต”

“แบบนั้นมันก็ไม่เร้าใจสิ” เขาตอบ ลูบสองฝ่ามือกับลำตัวของผมอย่างรักใคร่ ปลายนิ้วเกลี่ยผ่านยอดอก

ผมเงยหน้าขึ้น ครางเบาๆ ด้วยความชอบใจ ความต้องการของผมที่กลางกายลุดชันขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

แล้วสถานการณ์ก็พลิกจากที่ผมคร่อมเขา กลายเป็นเขาคร่อมผม

คริสเตียนจับผมหันหน้าเข้าหาโซฟา หัวเข่าทั้งสองข้างยันตัวเองกับที่ที่โซลเมตของผมเพิ่งจะนั่งเมื่อกี้นี้ ผมเอี้ยวใบหน้ามอง ก็พบว่าผู้ชายที่ผมโคตรจะรักเขาเลยกำลังจดจ้องที่บั้นท้ายของผม ปลายนิ้วของเขาเลื่อนไปที่ช่องทางเล็กๆ ความเย็นลื่นทำให้ผมรู้ว่าเขาใช้เจลหล่อลื่น

“นายเตรียมพร้อมเอาไว้หมดเลยสินะ ไปเอาเจลมาจากไหนกันเนี่ย”

“พกติดตัวเอาไว้ตั้งแต่มาถึงบ้านนายเลยล่ะหยาหยี”

ผมหัวเราะ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงครางเมื่อนิ้วของเขาสอดเข้ามาเพื่อขยับขยายช่องทางให้ผม เขาควานมันไปทั่วอย่างเนิบช้า อ่อนโยน แต่ให้ตายเถอะ ผมไม่ต้องการความอ่อนโยนตอนนี้ ผมต้องการเขา...อย่างรุนแรงซะด้วย

“แรงๆ” ผมบอกกับเขา แต่คริสเตียนยังคงทำแบบเดิม และนั่นทำให้ผมทนไม่ไหว “เลิกแกล้งฉันสักทีเถอะน่า!”

“ฉันเปล่า” เขาตอบกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ และสาบานต่อพระเจ้าเลยว่าถ้ามีโอกาสผมจะเอาคืนเขาแน่ ที่เขาแกล้งยั่วให้ผมอยากจนแทบบ้าแบบนี้

“เลิกแหย่เล่นแล้วเอาฉันสักที!”

“อยากได้ไอ้หนูของฉันแล้วเหรอ?”

ผมพ่นลมหายใจแรง “ใส่ไอ้หนูของนายเข้ามา ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนแล้วยัดมันเข้ามาเอง”

“โว้ว ร้อนแรงเป็นบ้าเลยแฮะ ชอบชะมัด”

“คริสเตียน...อ่า!” ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ เขาก็สอดความแข็งขืนเข้ามาในร่างของผม ความยาวถูกดันเข้ามาจนสุดอย่างใจเย็น ผมรู้ว่าคริสเตียนเองก็อดกลั้นแทบไม่ไหว ผมสัมผัสได้ถึงความต้องการที่จะกระแทกเข้ามาแรงๆ ของเขา แต่เขาก็กลัวว่าผมจะเจ็บ

ผมยิ้มทั้งที่กำลังเสียววูบเมื่อส่วนปลายกระแทกเข้าที่จุดกระตุ้นภายใน อ่า...

“ขยับ เอาฉัน เร็วๆ แรงๆ ด้วย”

“นายจะเจ็บ”

“ไม่ต้องสนหรอกน่า ฉันอยากให้นายทำตามใจตัวเองได้แล้วคริสเตียน แคมเบลล์”

แล้วไฟแห่งความต้องการก็พัดโหมกระพือเมื่อเขายอมขยับโยกสะโพกตัวเอง มันเนิบช้าในจังหวะแรกๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นร้อนแรงและหนักหน่วง ผมเงยหน้า หลับตาสูดปากร้องครางอย่างชอบใจ ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงครางต่ำคำรามในลำคอของคุณโซลเมต มันยิ่งกระตุ้นให้ผมรู้สึกเสียวมากขึ้นกว่าเดิม

“อ่า อย่างนั้น ดี...ตรงนั้น” ผมร้องบอกเขา

คริสเตียนไม่ปล่อยให้มือตัวเองว่างงาน เขาบีบขยี้ยอดอกของผมข้างหนึ่งไปด้วย ส่วนอีกข้างขยำสะโพกของผม พนันได้เลยว่าหลังจากนี้ก้นของผมคงเป็นรอยแดงจากนิ้วมือของเขา แต่แทนที่จะเจ็บ ผมกลับรู้สึกดีมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ผมผละมือข้างหนึ่งจากการจับพนักพิงโซฟาไปรูดไอ้หนูของตัวเอง ท่อนเนื้อร้อนแข็งตึงจนเส้นเอ็นปูดโปน น้ำสีใสไหลซึมออกมาจากส่วนหัว แต่ผมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จ...คริสเตียนก็เช่นกัน

“แรงกว่านี้ ที่รัก” ผมบอกกับเขา จดจ่ออยู่ที่ความต้องการจนแทบบ้าคลั่ง

โซลเมตของผมโน้มตัวลงมาจนแผ่นอกเปลือยเปล่าของเขาแนบกับแผ่นหลังของผม เขารั้งใบหน้าผมให้เอียงไปหาเขาก่อนจะแนบจูบลงมาปิดกั้นเสียงครางของเราสองคน ปลายลิ้นสัมผัสตวัดเกี่ยวกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนเขาจะผละออกไปเกลี่ยปลายจมูกกับข้างแก้มของผมแทน

“ขย่มให้ฉันหน่อยได้มั้ย?”

ผมแสยะยิ้ม “ไม่น่าถาม ต้องได้อยู่แล้วสิ”

เราผละออกห่างจากกันชั่วคราว ผมรอให้คริสเตียนนั่งลงบนโซฟาเรียบร้อยแล้วถึงจะตามลงไปคร่อมทับเขาอีกครั้ง โดยไม่ลืมจับท่อนเนื้อร้อนผ่าวของเขาสอดกลับเข้ามาในตัวผม...เมื่ออยู่ในท่านี้ ดูเหมือนว่ามันจะเข้าไปได้ลึกมากขึ้น

“อ่า นั่นล่ะที่รัก ดี กระแทกลงมาแรงๆ เลย”

โซลเมตของผมครางเครืออย่างชอบใจ เขาโอบกระชับสะโพกของผมเอาไว้ ขณะที่ผมขยับตัวขึ้นลงเพื่อกลืนกินไอ้หนูของเขา ริมฝีปากร้อนผ่าวครอบลงบนหัวนมผม ดูดดึงบดขยี้มันจนทำให้ผมรู้สึกดีแทบคลั่งตาย ความสามารถในการใช้ปากของคริสเตียนถือเป็นมืออาชีพระดับโลก ไม่ว่าเขาจะใช้มันกับส่วนไหนของร่างกายผม ก็ทำให้ผมร้อนรุ่มดั่งไฟได้ไม่ยาก

ผมรักปากของเขา รักไอ้หนูที่กำลังสอดอยู่ในตัวผม รักร่างกายแข็งแกร่ง รักกล้ามท้องสวยๆ รักกล้ามแขนที่กำลังโอบแผ่นหลังของผมตอนนี้

ให้ตาย ผมรักทุกอย่างที่เป็นเขา

โคตรรักเลยว่ะ

ความรู้สึกของผมคงจะส่งผ่านไปถึงเขาได้ เพราะเขาเงยหน้าขึ้นมาจูบปากผมหนักๆ แล้วผละออกเพื่อยิ้มให้ผม กระซิบคำเดียวกันตอบกลับมา และนั่นทำให้ปลายทางแห่งความสุขสาดกระจายออกจากปลายท่อนเนื้อของผม ความขาวขุ่นของน้ำรักเปรอะเปื้อนตั้งแต่หน้าท้องขึ้นไปจนถึงลำคอของเขา

ผมกระตุกยิ้ม แม้ตัวเองจะเสร็จแล้วแต่ผมยังคงขยับตัวต่อไป ก็คริสเตียนยังไม่เสร็จนี่นา แต่ก็คงอีกไม่นานหรอก

เราจูบกันอีกครั้ง และเมื่อผละออกผมก็ก้มลงไปเลียคราบน้ำรักที่ต้นคอและแผ่นอกของอีกฝ่าย ตวัดปลายลิ้นกับยอดอกของเขาบ้าง คริสเตียนคำรามในลำคออย่างชอบใจ เขาจับสะโพกผมกระแทกขึ้นลงเร็วขึ้น แล้วสุดท้ายเขาก็ปล่อยน้ำอุ่นร้อนเข้ามาในกายของผม

เราหอบ...หายใจอย่างหนักหน่วงให้กับการเมคเลิฟที่เพิ่งจบไป แต่เชื่อเถอะว่าคืนนี้ยังอีกยาวไกล และคริสเตียนคงไม่ยอมหยุดง่ายๆ จนกว่าเขาจะอิ่ม

...ผมเองก็เหมือนกัน

เขาจูบแก้มผม

“ไปต่อรอบสองในห้องน้ำแล้วกันนะ”

ผมหัวเราะ

“แน่นอน”


__________________
Happy Halloween ค่าาา หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับตอนพิเศษนี้นะคะ ทริกออร์ทรีตฉบับคริสเจย์ ก็คือนังคริสมันหาเรื่องแก้ผ้าเจย์ค่ะ แก้ธรรมดาก็ได้อยู่หรอก แต่มันไม่เร้าใจ ต้องลุ้นแก้ทีละชิ้น อิอิ

เอาล่ะ แล้วพบกันตอนหน้า ฉากในรถยังรอคุณอยู่เนอะ 5555555
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-11-2018 00:20:24
วรั้ยยยยยย ดุมาก
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-11-2018 02:24:20
้ถ้าจะหลอกแบบนี้ เต็มใจให้หลอก ฮิฮิ  :mew3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 01-11-2018 02:41:55
เนียนๆไปแล้วคุณคริส จะจับน้องแก้ผ้าธรรมดาไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-11-2018 14:22:17
คิดเกมเก่งงงงง  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-11-2018 19:11:42
 :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 01-11-2018 19:42:46
Happy Halloween
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 01-11-2018 23:54:30
ร้อนแรงจนไฟไหม้โซฟาแล้วว
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-11-2018 08:09:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 02-11-2018 09:31:09
ร้อนแรงสุดๆ ได้อารมณ์ดี
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-11-2018 13:30:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 02-11-2018 19:40:08
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-11-2018 23:28:13
สนุกมากเลยค่ะ น่าติดตามลุ้นมากว่าแผนจะแตกรึเปล่าแล้วก็คริสหื่นมากกกกก o18
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 05-11-2018 12:36:23
บอกเลยตอนนี้เล่นเอาเลือดหมดตัว :jul1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-11-2018 22:41:57
จ๊ะ แผนนี้เนียนมาก เร้าใจคริสเตียนหนักมาก
ถึงใครจะถอดหมดก่อน คริสเตียนก็ได้เปรียบอยู่ดี

แล้วดูความสมยอม ไม่มีใครยอมกันเลยจ้า
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Halloween [31-10-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 06-11-2018 06:48:25
ฮอตมาก  :mew3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 20 [07-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 07-11-2018 19:16:24
Chapter 20

Why do I love you so much?

[Christian]




เจย์เดนไม่เหมือนผม ไม่เหมือนพวกเรา

 

เรานอนด้วยกันที่เบาะหลังรถ ผมถอนหายใจแผ่วเบาอย่างเป็นสุข แม้ตอนนี้ร่างกายจะเต็มไปด้วยเหงื่อ และมือข้างหนึ่งของผมยังเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสีขาวขุ่นของเราสองคนก็ตาม...ด้วยความสัตย์จริง สำหรับผมแล้วแค่มือมันยังไม่พอ ผมอยากสัมผัสเขามากกว่านี้ เจย์เดนเป็นเหมือนเครื่องดื่มแก้กระหาย ที่ผมดื่มเท่าไหร่ก็ไม่เคยอิ่มสักครั้ง

อยากจะหัวเราะให้กับตัวเอง ผมไม่เคยคิดเลยสักนิดเดียวว่าจะมีใครที่ทำให้ผมหลงใหลได้มากมายเท่านี้มาก่อน จนเมื่อมันมี...คนคนนั้นก็ดันเป็นโซลเมตของผมเอง ไม่ใช่คนอื่น ไม่ใช่ใคร แต่เป็นคนที่พระเจ้ามอบเขามาให้กับผม

“ฉันอยากให้เรื่องบ้าพวกนี้จบลงเร็วๆ ชะมัด” เจย์เดนพูดขึ้น เขาขยับตัวเล็กน้อยไม่ให้หล่นจากเบาะ ช่วงไหล่ผึ่งผายแนบกับแผ่นอกของผม หนุนหัวกับแขนของผม ปล่อยให้ผมลูบเส้นไหมนุ่มๆ สีเข้มของเขาเล่น

“ฉันก็อยากให้มันจบลงเหมือนกัน” ผมกดจูบที่หลังใบหูของเขา “นายรับได้หรือเปล่า ถ้าพ่อของนายต้องติดคุก”

เจย์เดนหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ ฟังดูแหบแห้ง ราวกับเขาเพิ่งไปเดินท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุมา โดยที่ไม่ได้รับน้ำสักหยดนานติดกันหลายชั่วโมง

“ความสัมพันธ์ของฉันกับเขามันขาดสะบั้นลงตั้งแต่วันนี้แล้ว...เขาคิดจะฆ่าฉัน เขาลั่นไกยิงโดยไม่ลังเล ไล่ล่าฉันจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ตอนนี้คงไม่มีใครอยากให้เขาติดคุกมากเท่ากับที่ฉันต้องการแล้วล่ะ”

ผมเลิกคิ้ว ยืดตัวขึ้นเพื่อสบตากับเขา “ถามจริง?”

“ใช่ แน่นอนสิ” เขาตอบ โซลเมตของผมขยับพลิกตัวหันหน้ามาหา ส่งยิ้มเล็กน้อยให้ เป็นการยืนยันว่าเขาคิดแบบนั้นจริงๆ ความเจ็บปวดจากสิ่งที่พ่อของเขาทำยังคงหลงเหลืออยู่ในแววตา แต่ใจเขาก็เด็ดเดี่ยวพอกันที่จะเลือกความยุติธรรมมากกว่าช่วยเหลือ

ผมโน้มหน้าลงไปกดจูบหนักๆ ที่ปากของเขา ริมฝีปากของเราสองคนปัดป่ายกันไปมา...ผมลูบกล้ามเนื้อสวยงามของเขา ต้นแขน ต้นคอ แผ่นอก หน้าท้อง สัมผัสซิกซ์แพ็กน่าจูบอย่างอ้อยอิ่งด้วยปลายนิ้วมือ แต่ส่วนที่น่าแตะต้องมากที่สุดก็คือเหนือแผ่นอกด้านซ้ายของเขา

ชื่อของผมสลักอยู่บนนั้นอย่างงดงาม เป็นรอยสักที่ไม่มีวันลบหาย เหมือนกับชื่อของเขาที่อยู่บนต้นคอด้านหลังของผม เราต่างเป็นของกันและกันด้วยการชักนำของโชคชะตา

ผมแตะริมฝีปากลงไปแผ่วเบา รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของก้อนเนื้อที่กำลังเต้นไหวใต้นั้น และความรู้สึกตื่นเต้นที่เอ่อล้นออกมาจากอีกฝ่าย...ผมเงยหน้ายิ้มมุมปากให้คนที่อยู่ใต้ร่างของผม

“ฉันชอบชื่อของฉันที่ฝังอยู่บนผิวเนื้อของของนายชะมัด”

“ฉันก็ชอบ” เจย์เดนยิ้มตอบ ดวงตาของเขาเป็นประกาย “ฉันชอบเวลาที่ไอ้หนูของนายฝังเข้ามาในตัวฉัน”

ผมอึ้งอยู่นาน รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินโซลเมตของผมหัวเราะลั่น เท่านั้นล่ะผมถึงได้อดใจไม่ไหวอีกต่อไป ส่งเสียงครางเหมือนสัตว์บาดเจ็บ ขยับกายโถมทับเขา กระชากกางเกงของเขาออกแล้วโยนมันทิ้งส่งๆ ไปที่เบาะด้านหน้า เอื้อมตัวไปเปิดลิ้นชักรถเพื่อหยิบเอาเจลหล่อลื่นกับถุงยางอนามัยออกมา

“ฉันจะเอานาย ให้นายคลั่งตายเลยเจย์เดน!”

“รอเวลานั้นแทบไม่ไหวแล้ว”

เขากำลังยั่วผม ให้ตายเถอะพระเจ้า!

ผมเปิดฝาขวด บีบเจลหล่อลื่นใส่มือก่อนจะชโลมมันลงไปที่ช่องทางรักด้านหลังของเขา ถูไถปากทางเข้าอย่างใจเย็น...ผมจะทรมานเขา ให้เขาอยากจนต้องร้องขอผม จะกลืนกินเขา ให้เขาครวญครางอยู่ใต้ร่างของผม และเมื่อไหร่ที่เราสอดประสานเข้าหากัน ผมจะทำให้เขาสุขสมจนกว่าเราทั้งคู่จะพอใจ

“นายอย่า...” เจย์เดนหอบหายใจเล็กน้อย เขาจับกุมท่อนเนื้อร้อนผ่าวที่เริ่มกลับมาแข็งขืนอีกครั้งของตัวเอง รูดรั้งมันโดยที่ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อยเพื่อสบตาผม เขาเลียปาก บอกกับผมด้วยเสียงแหบสั่น “ปากนาย ฉันอยากรู้สึกถึงลิ้นของนาย บนไอ้นั่นของฉัน”

บ้าเอ๊ย! เขาขอขนาดนี้ แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไง

ผมอ้าปาก ครอบริมฝีปากลงไปบนท่อนเนื้อกลมของเขาอย่างไม่ลังเล บดขยี้ปลายลิ้นกับหัวหยัก ดูดกลืนมันจนลึกถึงลำคอ ตวัดลิ้มชิมรสเขาทั่วทุกพื้นที่ ไปพร้อมๆ กับการสอดปลายนิ้วแทรกผ่านช่องทางรักอย่างช้าๆ

“อืม...” เจย์เดนครางแผ่ว มือของเขาข้างหนึ่งกุมขยุ้มเส้นผมของผมเบาๆ และเมื่อผมเหลือบตาขึ้นมอง ผมก็แทบจะหยุดหายใจในวินาทีนั้นเลยด้วยซ้ำ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายกำลังบีบขยี้ยอดอกตัวเองไปด้วยในระหว่างที่ผมทำรักให้เขาด้วยปากกับนิ้ว

มันเป็นภาพที่สวยงาม จนแทบไม่อยากจะละสายตา

ผมไม่รู้ว่าใช้ปากปรนเปรอให้เขานานแค่ไหน แต่ก่อนที่เจย์เดนจะแตกใส่ปากผมขึ้นมา ผมก็หยุดการเล้าโลมเขา หยุดแม้กระทั่งเรียวนิ้วที่ขยับเข้าออกในร่างเขา

“พร้อมหรือยังที่รัก” ผมถาม คว้าถุงยางออกมาจากกล่องแล้วใช้ฟันฉีกซองออก หยิบมันสวมเข้ากับท่อนเนื้อร้อนผ่าวของตัวเอง รูดรั้งเพื่อเตรียมพร้อม โดยไม่ลืมชโลมเจลหล่อลื่นเพิ่ม แล้วจับไอ้หนูตัวโตของผมจ่อเข้าที่ปากทาง ถูไถหยอกเย้าเขา ไม่ยอมผลักดันมันเข้าไปในทันที “ร้องขอฉันสิพวก บอกกับฉันว่านายต้องการอะไร”

เจย์เดนคำรามในลำคออย่างขัดใจ เขากัดฟันแน่น “ใส่มันเข้ามาได้แล้วคริสเตียน!”

ผมหัวเราะ สอดแทรกส่วนหัวเข้าไปอย่างช้าๆ แต่ดูเหมือนเขาจะใจร้อนมากกว่าปกติ เพราะเจย์เดนเป็นฝ่ายใช้สองขาแข็งแรงเกี่ยวเข้ากับขอบสะโพกของผม แล้วดึงผมให้ขยับเข้าไปหาเขา จนท่อนเนื้อกลมแข็งชันกระแทกเข้าไปภายในทีเดียวมิดลำ

“อึก! อ่า...”

“ที่นี้ก็ขยับได้แล้ว” เขาสั่ง

“สั่งฉันงั้นเหรอ?” ผมเลิกคิ้วถาม ยกยิ้มยียวนกวนประสาทเขา “เรียกฉันว่าแด๊ดดี้สิ”

“คริสเตียน แคมเบลล์!” เจย์เดนมองผมอย่างเหลืออดพอๆ กับต้องการ เขากัดปากเล็กน้อย ดูลังเลใจว่าควรจะพูดออกมาดีไหม แต่ในท้ายที่สุดความอยากก็มีชัยเหนือความน่าอาย

“Call me daddy, baby” ผมย้ำกับเขาอีกครั้ง และเฝ้ารอ

จนในที่สุดเขาก็พูดออกมา “fuck me, daddy”

ผมจะจดจำไว้ ว่าถึงแม้เจย์เดน คาร์เตอร์จะเป็นผู้ชายตัวโตหน้าตาหล่อเหลามากแค่ไหน แต่ถ้าเขาพูดประโยคนี้ออกมาเมื่อไหร่ เขาก็ดูน่าขยี้ได้ไม่ต่างจากผู้ชายตัวผอมบอบบาง หรือสาวสวยนมใหญ่หุ่นสะบึ้มเลยแม้แต่น้อย

ผมกระแทกตัวเข้าหาเขาด้วยจังหวะหนักหน่วงเนิบช้า บดเบียดร่างกายทาบทับเขา จูบไปทั่วแผ่นอก ซับริมฝีปากวนเวียนอยู่ตรงชื่อของผมที่อยู่บนตัวเขาซ้ำๆ มันรู้สึกดีจริงๆ ที่ได้เห็นรอยสลักฝังลึกไม่มีวันเลือนหายนี้ ราวกับผมได้ตีตราเป็นเจ้าของเขาทั้งตัวและหัวใจ ผมไม่คิดจริงๆ ว่าผมจะรักใครได้มากเท่านี้มาก่อน...ไม่เคยเลย

“อืม แรงกว่านี้” เจย์เดนร้องขออย่างที่ผมต้องการ เซ็กซ์อันร้อนแรงทำให้เราแทบระเบิดพร่าพรายไปด้วยความสุขล้น ราวกับเราทั้งคู่อยู่ในปล่องลาวาที่กำลังจะล้นทะลัก แต่เซ็กซ์อันเชื่องช้าตั้งใจ ก็ทำให้เราทั้งคู่อิ่มเอมได้ไม่ต่างกัน

ผมชอบที่จะอ่อนโยนกับเขา พาเขาเดินทางไปสู่จุดหมายสุดท้ายของความสุขสมอย่างไม่รีบเร่ง จากผู้ชายที่เคยปฏิเสธผม มาวันนี้เจย์เดนได้ตอบรับผมแล้วในทุกๆ สัมผัสที่ผมมอบให้...เราแลกเปลี่ยนมันด้วยกัน ความพิเศษนี้ทำให้ผมอยากจะขอบคุณพระเจ้าอีกครั้ง เพราะท่านทำให้ผมได้เข้าใจทุกความรู้สึกของเขา ทุกความรู้สึกของเราที่มีให้แก่กัน

“ที่เรากำลังทำอยู่ อ่า...” ผมยอมโอนอ่อนตามแรงดึงของเขา เพื่อให้เขาได้จูบผมอย่างที่ต้องการ “มันไม่ได้เรียกว่าเซ็กซ์นะรู้มั้ย”

“แล้วมันเรียกว่า...อะไร” เจย์เดนย้อนถาม เสียงครางทุ้มต่ำแหบพร่าของเขาทำให้ผมแทบคลั่ง เขากระตุ้นความรู้สึกของผมได้ดีเกินไป ทั้งที่มีเพียงแค่เสียงหอบทุ้มต่ำอันแสนสั่นพร่าเท่านั้น

ผมกระแทกท่อนเนื้อร้อนผ่าวเข้าออกถี่เร็วมากขึ้น หมุนวนบดสะโพกหยอกเย้าเขา ส่วนปลายกระทบเข้ากับจุดกระสันภายใน ทำเอาเจย์เดนสะดุ้ง หอบหายใจแรงและร้องครางมากขึ้น

“มันเรียกว่าเมคเลิฟ”

โซลเมตของผมชะงัก หัวใจของเขาเต้นรัวแรงมากขึ้นกว่าเดิม...ดวงตาของเราจ้องมองกัน ทั้งๆ ที่ผมยังเคลื่อนกายเข้าหาเขา และเขาสวนสะโพกเพื่อตอบรับผมกลับมา

“เมคเลิฟ อื้ม...เหรอ?”

“ใช่” ผมพยักหน้า “มันมากกว่าความสนุก มันคือการทำรักที่เต็มไปด้วยความรู้สึก และฉันเชื่อว่านายรับรู้ถึงมันได้ เหมือนที่ฉันก็รับรู้ถึงความรู้สึกของนายในตอนนี้ได้”

“...”

“นายรักฉัน”

เจย์เดนนิ่งงัน ใบหน้าของเขาแดงเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย จากทั้งแรงอารมณ์ที่เราโหมพัดใส่กัน และส่วนหนึ่ง ผมมั่นใจว่ามันมาจากความเขินอาย...ใช่ ผมรู้ว่าเขากำลังเขิน ถึงแม้ว่าเราทั้งคู่จะเข้าใจความรู้สึกของกันและกันดี แต่การพูดมันออกมาตรงๆ ก็สร้างความแตกต่างให้กับเราอยู่ดี

ผมยิ้ม ปัดป่ายริมฝีปากกับเรียวปากของเขาอีกครั้ง ดูดดึงขบกัดอย่างหยอกล้อ ตวัดปลายลิ้นเกี่ยวเข้าหากันจนเสียงจูบดังประสานไปกับเสียงหน้าขาของผมที่กระทบกับต้นขาของเขา มือหนึ่งกำท่อนเนื้อกลมของเจย์เดนแล้วรูดคลึงมันไปด้วย รถโยกคลอนตามแรงกระแทกกระทั้นที่หนักหน่วงมากขึ้นตามแรงอารมณ์ของเราสองคน

หากว่ามีใครผ่านมาเห็นเขา เราคงจะโดนตำรวจพุ่งเข้ามาจับใส่กุญแจมือในไม่ช้าแน่ ข้อหาทำอนาจารกลางที่สาธารณะ...แต่สิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้น เพราะผมแน่ใจว่าถนนเส้นนี้จะไม่มีใครเดินทางผ่าน มันเป็นถนนส่วนบุคคลของตระกูลแคมเบลล์ ไม่เคยมีแขกคนไหนมาเยี่ยมบ้านเราด้วยตัวเอง มีแต่เราที่ส่งคนไปรับ หรือพามาด้วยกันเท่านั้น และผมรู้ว่าวันนี้แม่ไม่ได้นัดใครเอาไว้ ดังนั้นผมถึงได้ไม่แคร์ไงล่ะว่าจะมีใครมาเห็นฉากเซ็กซ์บนรถอันเร่าร้อนของเราสองคน

“เจย์เดน” ผมเลื่อนไปกระซิบที่ข้างหูอีกฝ่าย เอ่ยคำที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะพูดมันออกมาให้ใครได้ แต่เวลานี้ผมกำลังจะพูดมันออกมาแล้ว พูดกับคนที่เป็นดั่งของขวัญจากสวรรค์ประทานลงมาให้ผม

“อึก อืม...” เขาไม่ได้ตอบอะไร ทำเพียงครางแผ่วในลำคอ

ผมกดจูบที่กกหูของเขาอีกครั้ง “I love you”

คำสามคำสั้นๆ แต่ทำให้เขาเสร็จคามือของผม!

“อึก! แฮ่ก...แฮ่ก” เจย์เดนหายใจแรง แก้มของเขามีริ้วแดงเล็กน้อยปรากฏขึ้นให้เห็นมากกว่าเดิม

ผมหัวเราะ บดสะโพกเข้าหาเขาหนักๆ อีกหลายนาที ก่อนจะปลดปล่อยออกมาทั้งที่ยังแช่กายค้างเอาไว้ในตัวเขา ดื่มด่ำความสุขสม เราทั้งคู่ไปถึงสวรรค์ด้วยกันอีกครั้ง ผมโถมร่างลงทาบทับอีกฝ่ายเอาไว้ ซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกแน่นหนั่น จูบซับที่ชื่อของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักพอ...เจย์เดนหัวเราะ น้ำเสียงของเขาสดใสร่าเริง เขากำลังมีความสุขมากเลยทีเดียว และนั่นทำให้ผมดีใจ

เจย์เดนจูบที่กลางศีรษะของผม “I love you, too”

ผมยิ้ม ไม่รู้เลยว่าทำไมผมถึงรักเขาได้มากมายขนาดนี้...แต่ผมก็รักเขาไปแล้ว

ไม่สิ ต้องบอกว่าเรารักกันต่างหาก ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว

 

หลายวันมานี้พวกเราระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ผมเป็นคนไปรับไปส่งเจย์เดนจากบ้านกับที่ทำงานของเขา แม้ว่าเจฟเฟอร์สันพ่อของเขาจะไม่รู้ว่าเขาทำงานที่ไหน แต่เมื่อคิดว่าคนคนนั้นทำงานค้ายาเสพติด ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะสืบจนรู้ในที่สุด ดังนั้นผมต้องไม่ประมาท

“เจอกันเย็นนี้ ฉันจะมารับเหมือนเดิม”

“อืม” เจย์เดนพยักหน้ารับ เขาไม่อิดออดใดๆ ทั้งนั้นที่ถูกผมตามประกบแทบจะตลอดเวลา อีกฝ่ายเข้าใจดีว่ามันจำเป็น และรู้ว่าผมเป็นห่วงเขามากแค่ไหน “ไว้เจอกัน”

ผมตอบรับจูบลาของเขาเหมือนทุกๆ วัน “ระวังตัวด้วย”

“ครับบบ” เขายิ้ม ผมรอจนแน่ใจว่าเขาเข้าบริษัทไปแล้วจึงได้ขับรถออกมา ไม่นานก็มาถึงที่นัดหมายในวันนี้

เดินเข้าร้านอาหารสุดหรูจนไปถึงห้องวีไอพีตามการนำทางของพนักงานในร้าน หลังจากสั่งมื้อเช้าไปเรียบร้อยผมก็หันไปทักทายคนทั้งโต๊ะ

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับคุณโคลตัน”

โซลเมตของพี่ชายยิ้มเล็กน้อย “ผมยุ่งๆ น่ะ คุณน่าจะทราบแล้ว”

“แน่นอนครับ แคสเทียลบ่นเรื่องคุณให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ”

ได้ยินแบบนั้นโคลตันก็หันไปเลิกคิ้วอย่างแปลกใจใส่พี่ชายของผมทันที ขณะที่ไอ้พี่บ้าหันมาขึงตาใส่ผมด้วยความหงุดหงิด ถ้าดวงตาของเราฆ่าคนได้ ผมคงโดนสายตาของแคสฟาดฟันเป็นแผลไปทั้งร่างแล้ว

“หุบปากของแกไปซะคริสเตียน!”

“เพิ่งรู้ว่านายคิดถึงฉันมากจนต้องเอาไปบ่นให้คนอื่นฟัง” โคลตันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่มันแฝงไปด้วยความขบขันเล็กๆ

“ฝันอยู่หรือไงไอ้กร๊วก! ฉันไม่เคยคิดถึงนาย!”

“กลายเป็นคนหยาบคายไปแล้วหรือไง?”

“ก็หยาบคายแต่กับนายนั่นล่ะ”

“พวกคุณคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อทะเลาะกันหรอกใช่มั้ย? ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าให้ต้องเร่งมือทำนะ” นิโคไลเป็นฝ่ายขัดจังหวะการต่อปากต่อคำของทั้งสอง ผมทำเพียงอมยิ้มนั่งมองเท่านั้น

เวลาเห็นพี่ชายที่มักจะใจเย็นอยู่เสมอสติแตกเพราะโดนยั่วโมโห มันตลกดีนะว่าไหม?

“เจย์เดนเกือบจะโดนเจฟเฟอร์สันยิง” ผมยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกครั้ง

“ผู้ชายคนนั้นเลือดเย็นดีนะที่คิดจะฆ่าได้แม้กระทั่งลูกชายของตัวเอง”

“อำนาจและเงินทำให้คนเราทำได้ทุกอย่างนั้นล่ะ”

“เรายังใช้แผนเดิม คนของผมที่ส่งออกไปตามดูพฤติกรรมสองพี่น้องสมิธ รายงานมาว่าพวกเขานัดพบกันสามครั้งต่อสัปดาห์ได้ สถานที่คือบริษัทออแกไนซ์เล็กๆ แห่งหนึ่ง” โคลตันให้ข้อมูลในส่วนที่เขาเป็นผู้รับผิดชอบ

“ออแกไนซ์?” แคสเทียลขมวดคิ้ว

โซลเมตของพี่พยักหน้า “ใช่ นั่นคือฉากหน้าที่เราเห็น แต่เบื้องหลัง...ผมคิดว่าที่นั่นอาจจะเป็นที่นัดพบลับๆ ของสมาชิกในแก็งค้ายาเสพติดที่ทางการกำลังควานหาตัวอยู่ก็ได้”

“เราจะให้เจย์เดนเข้าไปล้วงความลับจากเจฟเฟอร์สันอย่างที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้วนะ” ผมโพล่งขึ้น “มันเสี่ยงเกินไป ถ้าแผนแรกไม่ล่มไปซะก่อน ก็คงจะง่ายกว่านี้”

“นั่นสินะ”

“ผมเลยอยากจะเสนอทางเลือกใหม่”

“อะไร?” แคสเทียลถาม ผมหันไปสบตาเขา

มันเป็นการตัดสินใจของผม ที่ใช้เวลาคิดไตร่ตรองอยู่นานหลายวัน สุดท้ายผมก็ถูกประโยคเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัวว่า ‘เจย์เดนเกือบโดนยิงตาย’ ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของผมได้ดีมากขึ้น

“ผมจะหาหลักฐานการยักยอกเงินบริษัทแคมเบลล์ด้วยตัวเอง แลกกับการกันเจย์เดนออกจากเรื่องนี้”

“นายกำลังจะบอกว่าเราจะทำเรื่องนี้กันเอง โดยไม่ให้โซลเมตของนายเข้ามาเกี่ยวข้อง?” โคลตันถามย้ำ

ผมพยักหน้า “ครับ ผมไม่อยากให้เขาเข้าไปเสี่ยงอันตรายอีก เจย์เดนไม่เหมือนพวกเรา เขาไม่ได้เป็นนักข่าวที่ผ่านการฝึกร่างกายเพื่อเข้าทำงานในสนามรบเหมือนผม ไม่เหมือนแคสที่ฝึกการต่อสู้และยิงปืนมาตั้งแต่ยังเด็ก และยิ่งไม่เหมือนพวกคุณสองคน...”

ต้องบอกว่าในที่นี้ไม่มีใครเหมือนกับนิโคไล ริชมอนด์ และโคลตัน แฮริสอีกแล้วถึงจะถูก

แคสบอกกับผมว่านิโคไลเป็นเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัย เขาฝึกคนมากมายให้เป็นบอดี้การ์ด เดิมทีแคสจ้างเขาให้ส่งคนในบริษัทริชมอนด์มาทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้แม่ แต่เพราะมีเรื่องครอบครัวของโจชัวเข้ามาพัวพันกับครอบครัวของผมด้วย นิคเลยต้องลงมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

ส่วนโคลตัน...ดูเหมือนโซลเมตของพี่จะทำงานเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษในองค์กรตำรวจ แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันพิเศษแบบไหน แคสไม่ยอมบอก หรือไม่บางทีแม้แต่เขาเองก็อาจจะไม่รู้ด้วยเหมือนกันล่ะมั้ง ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องของผมนี่นะ

“ผมเห็นด้วย” นิคพูดขึ้น “ผมไม่อยากให้โจชัวต้องมาเสี่ยงด้วยเหมือนกัน”

“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไม่ให้พวกเขารู้ แล้วก็เปลี่ยนแผน ให้คริสเตียนสืบเรื่องการยักยอกเงินแทนฉัน และฉันจะไปตามสืบเรื่องบริษัทออแกไนซ์” แคสเทียลเสนอ ก่อนจะหันไปบอกนิโคไล “ส่วนเรื่องวงในของขบวนการค้ายาเสพติด นายคงต้องใช้วิธีอื่นแทนการส่งเจย์เดนเข้าไปสืบ”

“ฉันจะทำหน้าที่ติดตามดูพฤติกรรมของพี่น้องสมิธเหมือนเดิม อ้อ จะเป็นกำลังเสริมให้นิคด้วย” โคลตันเอ่ย

นิโคไลพยักหน้ารับ “ที่จริงสายของฉันก็แฝงตัวเข้าไปในขบวนการนี้สองสามคนได้ ไม่ต้องใช้เจย์เดนก็ถือว่าไม่ได้กระทบกับแผนการตั้งต้นของเรามากมายอะไร ดังนั้นฉันจะสืบหาที่ตั้งโรงงานที่พวกมันใช้ผลิตยาเสพติดให้เจอ”

“เจอเมื่อไหร่แจ้งฉันทันที หน่วยของฉันจะได้บุกเข้าไปจับกุมพวกมัน”

“เป็นอันว่าแผนของเราปรับเปลี่ยนตามนี้ ไปละ ฉันยังมีประชุมกับผู้ถือหุ้นในอีก...ครึ่งชั่วโมง” แคสเทียลลุกขึ้น เขาหรี่ตามองโซลเมตตัวเองเล็กน้อยเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่พูด แล้วเดินออกจากห้องอาหารไป

ผมขมวดคิ้ว “ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย ว่าแต่ทำไมอาหารมาเสิร์ฟช้าชะมัด”

“ให้พี่นายไปเถอะ เขาไม่ค่อยอยากจะเห็นหน้าฉันสักเท่าไหร่หรอก”

ผมได้แต่ส่ายหน้าให้ความเป็นคู่กัดของพวกเขา แล้วหันไปบอกลานิโคไลที่ขอตัวกลับก่อนเช่นกัน พอดีกับที่อาหารของผมมาเสิร์ฟ จากนั้นทั้งห้องจึงเหลือแค่ผมกับโซลเมตของพี่ชายที่นั่งทานมื้อเช้าด้วยกัน และคุยกันไปเรื่อยๆ

“นายดูเป็นห่วงเขามากเลยนะ” โคลตัลเอ่ยขึ้น “โซลเมตของนายน่ะ”

ผมยิ้ม เหตุผลที่ทำให้ผมลงทุนทำสิ่งที่เกลียดที่สุดอย่างการเข้าบริษัทไปเจอหน้าไอ้พ่อเลี้ยงเฮงซวยนั่น มีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้น...

“เพราะผมรักเขาไงล่ะ”


__________________________
แฮ่ รถจะพังมั้ย อ่อ ไม่พังเพราะคริสเตียนยังเอาไปขับรับส่งเจย์เดนได้ อิอิ

เราเคยบอกว่าจะเขียนเรื่องของนิคโจกับแคสxโคลเป็น side story แต่มาคิดๆ ดูแล้วเรากะว่าจะเขียนนิคโจเป็นตอนพิเศษค่ะ ส่วนแคสxโคลจะทำเป็นเรื่องแยก และ...สำหรับเรื่องแยกของคู่นี้ จะเป็นแนวสลับรุกรับนะคะ บอกไว้ก่อน ใครไม่ชอบไม่ว่ากัน ไม่ต้องอ่านก็ได้ แง เราเข้าใจนะว่าบางคนก็ไม่อินกับแนวสลับโพเนอะ แต่เราอยากลองเขียนงานแนวนี้บ้าง และเห็นว่าคู่นี้เหมาะสุดค่ะ T T

แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 20 [07-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-11-2018 19:31:59
มันดีต่อใจจริงๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 20 [07-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-11-2018 20:49:14
รักการเป็นโซลเมทระบุชื่อขึ้นมาอีกสิบระดับ หวานลึกถึงจิตวิณญาณ
คุณโคลตันเอ็นดูพี่แคสแกสินะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 20 [07-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-11-2018 21:10:24
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 20 [07-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-11-2018 23:06:15
ที่มาของชื่อเรื่อง     :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 20 [07-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-11-2018 23:52:25
 o13
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 20 [07-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 08-11-2018 03:43:26
หูยยยย แนวสลับโพ ชอบค่ะ จัดมาเลยค่าาา รอดูคู่นี้มากจากคู่กัดละจะมารักปานจะกลืนกันยังไง 5555555
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 20 [07-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 08-11-2018 06:11:11
บอกรักได้หวานรถสะเทือนมาก :m25:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 20 [07-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-11-2018 06:58:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 20 [07-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-11-2018 10:05:49
อรุ่ม พวกเธอ  :hao7:
คู่พี่ชายก็น่าจะแซ่บนะ 5555555
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 20 [07-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 08-11-2018 19:47:59
อ่านรวดเดียวเลย
ชอบฝุดๆ
แต่พ่อของเจย์นี่เลวจริงๆ เลวทั้งพี่ทั้งน้อง
ขอให้แผนสำเร็จทีเถอะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 20 [07-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 08-11-2018 22:05:58
เราชอบความเสมอภาค เพราะฉะนั้นเราจะรอความแซ่บของคู่นั้น 555
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 20 [07-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-11-2018 22:18:18
ต่างคนต่างหลงรักกัน
เจย์เดนน่าสงสารนะ พ่อไม่รักไม่เท่าพ่อจะฆ่ากันเลย
กันออกไปก็ดีนะคะ กลัวเอามาเป็นเหยื่อล่อ

แล้วดูโซลเมทแต่ละคน คริสเตียนปกติสุดละ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 21 [20-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 20-11-2018 00:30:06
Chapter 21

What do you think like that?



 

เพราะคำว่าตลอดไปน่ะมันไม่มีจริงหรอกนะ

 

[Christian]

หลายวันมานี้ผมเข้าบริษัทแต่เช้า แสร้งทำเป็นว่ายอมเข้ามาทำงานเต็มตัวแล้ว โดยได้แคสเทียลช่วยโกหกแม่ ทำให้เธอเชื่อว่าผมเลิกคิดที่จะกลับไปทำงานนักข่าวตามเดิม ใช้เส้นสายอีกเล็กน้อย สุดท้ายผมก็ถูกส่งให้เข้าไปเรียนรู้งานที่ฝ่ายการเงิน เป้าหมายของผมก็คือที่นี่ และผมต้องได้อะไรกลับไป ซึ่งอะไรที่ว่านั้น...ก็คือหลักฐานการฟอกเงินของไอ้เวรจาเร็ต สมิธนั่นไง

ผมตีสนิทกับพนักงานทุกคนอย่างเป็นธรรมชาติ การเข้าหาคนอื่นเพื่อจุดประสงค์บางอย่างไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผม การเก็บข้อมูลและวิธีการพูดเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการก็เป็นสิ่งที่ผมถนัดเช่นกัน...เพียงไม่ถึงสองวันเอกสารการเงินย้อนหลังตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนก็มาอยู่ในมือผม

มันเยอะมาก เพราะผมตั้งใจว่าจะเก็บข้อมูลตั้งแต่ที่จาเร็ต สมิธเข้ามาทำงานในบริษัทนี้ ตัวเลขไม่ใช่อะไรที่ผมชอบนัก แต่ก็ไม่ยากเกินไป เรียนรู้มันไม่นานผมก็สามารถเข้าใจมันได้ และนั่นทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้น

สามวันถัดมาผมคร่ำเคร่งกับการอ่านเอกสารพวกนี้ ทยอยเอากลับบ้านวันละสามสี่แฟ้ม และพยายามอ่านมันให้หมดในวันเดียว ยิ่งผมจับผิดการยักยอกเงินของมันได้เร็วเท่าไหร่ ทุกอย่างก็จะจบเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น

“เฮ้ ยังไม่นอนอีกเหรอ?”

ผมเงยหน้าขึ้นมองเจย์เดน อีกฝ่ายมุ่นคิ้วนิดหน่อยแล้วนั่งลงข้างผมบนโซฟา...ตั้งแต่ที่กลับมาจากบ้านของเจฟเฟอร์สันพ่อของเขา เจย์เดนก็ย้ายมาอยู่กับผมเพื่อความปลอดภัยได้สัปดาห์หนึ่งแล้ว

“ยังทำงานไม่เสร็จน่ะ” ผมตอบ ทิ้งตัวพิงโซฟาแล้วแหงนหน้าพาดคอกับพนักพิงด้านหลัง พักสายตาด้วยการเหม่อมองเพดาน และถอนหายใจระบายความเหนื่อยล้า ต้องยอมรับว่าการทำในสิ่งที่เราไม่ชอบทำให้เหนื่อยกว่าปกติมาก แต่ก็นั่นล่ะ ถ้าอยากให้ทุกอย่างจบลง ผมต้องอดทน

“หลายวันมานี้นายดูเหนื่อยนะ”

“อืม” ผมตอบรับ หลับตาลง ก่อนจะเกร็งไปทั้งร่างเมื่อเจย์เดนพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยเรื่องที่ผมคิดไว้อยู่แล้ว ว่าสักวันเขาต้องถาม

“ตั้งแต่วันนั้นก็เงียบกันไปเลย พี่ชายของนายยังไม่บอกงั้นเหรอว่าจะให้เราทำยังไงต่อไป”

ผมฝืนตัวเองไม่ให้เม้มปาก หรือเผลอทำอะไรที่ส่อเป็นพิรุธออกไปให้เขาเห็น และต้องขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ผมสามารถบังคับเสียงตัวเองให้เป็นปกติได้...ไม่ประหม่า ไม่ตะกุกตะกัก

“แผนที่จะส่งนายเข้าไปสืบน่ะ เขาบอกว่ายกเลิกไปแล้วเพราะ...นั่นล่ะ ครั้งก่อนเราพลาดไปที่ไม่ทันคิดว่าโจแอนนาจะเป็นแบบนั้น ตอนนี้พวกเขาก็เลยกำลังวางแผนหาหนทางอื่นอยู่น่ะ”

“แล้วการที่นายทำงานเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ตอนนี้มันเกี่ยวกับแผนการด้วยหรือเปล่า?”

ผมลืมตา เอียงใบหน้าเพื่อมองคนรักของผม และเลือกที่จะพูดความจริง...แค่บางส่วน “ใช่”

“ดูจากเอกสารการเงิน เดาว่านายกำลังสืบเรื่องยักยอกเงินล่ะสิ ใช่มั้ย?”

ผมหัวเราะ เจย์เดนไม่ใช่คนโง่ เขาฉลาด...ฉลาดมากด้วย เขาไม่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวายกับแฟ้มงานของผม แต่เพียงแค่เหลือบมองครั้งเดียวเขาก็รู้แล้วว่าผมกำลังอ่านอะไร

“อ่าฮะ แคสให้ฉันทำงานนี้แทนเขาน่ะ” ผมบอกแค่นั้น และเฝ้ารอว่าโซลเมตที่รักจะถามอีกหรือเปล่า ในขณะเดียวกันก็คิดหาคำโกหกไปด้วย ผมบอกไม่ได้หรอกว่าแคสเปลี่ยนไปรับหน้าที่อะไรแทน ให้เจย์เดนเข้าใจว่าเรายังหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวจะดีกว่า ถ้าเขามารู้ตอนหลังว่าผมปกป้องเขาด้วยวิธีนี้ เขาจะโกรธผมไหมนะ?

“ลุกขึ้นสิ” อีกฝ่ายสั่ง แม้จะสงสัยแต่ผมก็ยอมทำตามที่เขาบอก ขยับตัวลุกขึ้นยืน พอโซฟาว่างเจย์เดนก็เอนตัวลงนอน เว้นที่ว่างด้านหน้าตัวเองแล้วตบมือลงไปเบาๆ “มาพักสักหน่อยเถอะ”

ผมยิ้ม ยอมนอนลงในอ้อมกอดของเขา เจย์เดนโอบเอวผมไว้หลวม ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาเป่ารดตรงต้นคอของผม มันชวนให้รู้สึกสบายไปทั้งร่าง ราวกับความเหนื่อยล้าของผมถูกปัดเป่าหายไป คนรักของผมฝังจมูกลงมาบนศีรษะผม กดจูบที่ต้นคอ เราประสานมือเข้าหากัน เขี่ยปลายนิ้วกันและกัน

“อยากอยู่กับนายแบบนี้ทุกวัน” ผมพูดขึ้น

เจย์เดนหัวเราะ แรงกระเพื่อมของแผ่นอกเขากระทบเข้ากับแผ่นหลังของผม “ตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ”

“ฉันหมายถึงทุกวัน...ตลอดไป”

คราวนี้เจย์เดนเงียบไป ผมพลิกตัวอย่างระมัดระวังเพื่อหันไปสบตาเขา อีกฝ่ายเกลี่ยนิ้วกับปลายคาง ลูบตอหนวดเล็กๆ ที่ผมยังไม่ได้โกนเล่น

“คำว่าตลอดไปไม่มีจริงหรอกนะ”

“งั้นตลอดชีวิต”

เขาหัวเราะ “ฉันคิดว่านายเป็นคนไม่ชอบผูกมัดกับใครซะอีก”

“อะไรทำให้นายคิดอย่างนั้น?”

“ครั้งแรกที่เราเจอกัน” เขากลอกตา “นายฟัดกับสาวแบบไม่อายใคร ครั้งต่อมาก็เจอนายนัวเนียกับสาวอีกคน ฉันก็เลยคิดว่านายคงจะชอบคนที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป มากกว่าจะรักใครจริงจัง”

“นายไง”

“หา?” เจย์เดนทำหน้างง

ผมยื่นหน้าไปจูบปากเขา “นายไง คนที่ฉันรัก”

เจย์เดนอึ้งไป ก่อนจะยิ้มกว้าง “ครั้งแรกที่ได้ยินนายพูดคำนี้”

“บอกฉันบ้างสิ”

เขายอมทำตามคำขอ กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของผม “ฉันรักนาย”

ผมผ่อนลมหายใจยาว จูบเขาๆ อีกครั้ง สอดปลายลิ้นเข้าหา ลูบไล้ฝ่ามือบนต้นแขนและแผ่นหลังของเจย์เดน รู้ตัวอีกทีทั้งร่างก็ไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้น และเราก็ใช้เวลาเกือบทั้งคืนในดารดื่มด่ำความหอมหวานของการเมคเลิฟ

อ่า ตรวจบัญชีย้อนหลังน่ะเอาไว้ก่อนแล้วกัน

 

[Nikolai]

สองสัปดาห์ต่อมา

“ใครเป็นเจ้าของที่นั่น?” ผมถาม

แคสเทียลเดาะลิ้น “บริษัทออแกไนซ์นั่นไม่มีอยู่จริง เป็นแค่ร้านที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำให้คนเข้าใจอย่างนั้น เพราะฉันตรวจสอบดูแล้ว ไม่มีการขึ้นทะเบียนบริษัทแต่อย่างใด พูดง่ายๆ ก็ของปลอมนั่นล่ะ”

ผมพยักหน้ารับ วันนี้เรานัดประชุมกันอีกครั้ง หลังจากผ่านไปสองสัปดาห์ งานของเราก็คืบหน้าไปมาก สายของผมรายงานมาว่าใกล้จะได้ที่ตั้งของโรงงานผลิตยาเสพติดแล้ว

“น้องชายกับโซลเมตของคุณล่ะ?”

“คริสเตียนติดงานที่บริษัทนิดหน่อย ดูเหมือนเขาจะเจออะไรน่าสนใจเข้า ส่วนโซลเมตของฉัน...ไอ้หมอนั่นจะไปตายที่ไหนก็เรื่องของมันสิ นายจะมาถามฉันทำไม!?”

ผมมุ่นคิ้ว “พวกคุณทำงานด้วยกันได้ยังไงทั้งที่ไม่ชอบขี้หน้ากัน”

“พูดผิดพูดใหม่ได้นิค คนที่เกลียดขี้หน้าคนอื่นมีแต่เขาเท่านั้น ส่วนฉันไม่ได้เกลียดอะไรเขาเลยสักนิด” เสียงของบุคคลที่สามดังแทรกขึ้น รองเท้าหนังเนื้อดีดังกระทบพื้นตามจังหวะก้าวเดินของโคลตัน “ออกจะชอบด้วยซ้ำ พยศดี น่าปราบให้จมเตียง”

“ฝันไปเถอะไอ้กร๊วกว่าแกจะได้ฟัดฉัน!” แคสเทียลตวาดใส่ แล้วพวกเขาสองคนก็หันไปทุ่มเถียงกัน ส่วนผมเลือกที่จะไม่ใส่ใจ แล้วจดจ่อรอการติดต่อจากลูกน้อง หรือก็คือสายของผมที่แฝงตัวอยู่ในแก๊งค้ายาของเจฟเฟอร์สัน

แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของใครสักคนก็ดังขึ้น ผมเหลือบมอง เป็นแคสเทียลที่หยิบเครื่องมือสื่อสารออกมากดรับ

“ไงคริส นายออกจากบริษัทมาหรือยัง...อะไรนะ!?” แคสเมียลตะโกนดังลั่น เรียกความสนใจของผมเข้าเต็มๆ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาทำหน้าตื่นตระหนกขนาดนั้น “เวรเอ๊ย มันรู้ได้ยังไงวะ โอเค ฉันจะรีบตามไป”

หลังจากเขาวางสาย โคลตันก็ถามทันที “เกิดอะไรขึ้น?”

“คริสเตียนรวบรวมหลักฐานการยักยอกเงินของจาเร็ตได้หมดแล้ว แต่เหมือนไอ้แก่เฮงซวยนั่นจะจับได้ บ้าชะมัด มันรู้ได้ยังไง ทั้งที่เราทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวังแล้วแท้ๆ”

“นายรีบตามไปช่วยคริสเตียนเถอะ” ผมบอก เขาพยักหน้ารับ

คล้อยหลังแคสเทียลออกไป โคลตันก็เดินมาทรุดนั่งลงตรงข้ามผม ที่นัดผมของเรายังเป็นร้านอาหารแห่งเดิม เป็นห้องส่วนตัวห้องเดิมด้วย อีกทั้งหน้าห้องยังมีการ์ดของผมคอยเฝ้าเอาไว้ จึงไม่มีอะไรน่ากังวลว่าสิ่งที่เราคุยกันจะรั่วไหลออกไปเข้าหูศัตรู

“ที่คุณส่งคนตามติดพี่น้องสมิธ” ผมพูดขึ้น “เจออะไรบ้างมั้ยครับ”

“ได้ข้อมูลเยอะพอตัว” โคลตันดึงบุหรี่ออกจากซอง จุดไฟและปล่อยควันสีเทาลอยอบอวลระหว่างเรา เขายื่นซองมาให้ผม “เอาหน่อยมั้ย?”

“ไม่ล่ะ ผมพยายามเลิกมันอยู่”

“หืม? กลัวเป็นมะเร็งปอดเหรอ” เขาหัวเราะ

ผมยิ้มเล็กน้อย “เพราะโจชัวไม่ชอบกลิ่นของมันน่ะ”

โคลตันผิวปาก “ว้าว เอาใจโซลเมตน่าดูเลยนะ”

“ตกลงคุณได้อะไรมาบ้าง”

“พวกเขานัดเจอกันทุกวันอังคารและวันเสาร์ ไปที่ร้านออแกไนซ์ที่ว่านั่นล่ะ แคสเทียลบอกแล้วใช่ไหมว่ามันเป็นบริษัทปลอม” เมื่อเห็นว่าผมพยักหน้ารับ เขาจึงเล่าต่อ “และทั้งคู่มักจะนั่งรถไปแถบชานเมือง นายน่าจะรู้เรื่องนี้นี่ เพราะคนของฉันเจอคนของนายแถวนั้นด้วย”

“ครับ นั่นช่วยยืนยันให้ผมมั่นใจได้มากขึ้นว่าแถบนั้นต้องมีโรงงานผลิตยาหลบซ่อนอยู่ในป่า”

“แต่ทั้งคนของฉันหรือคนของนายก็ล้วนแล้วแต่ตามเข้าไปไม่ได้ พวกมันติดตั้งเครื่องตรวจจับการเคลื่อนไหวและพลังความร้อนเอาไว้ เราต้องการผู้เชี่ยวชาญในการแฮ็กระบบป้องกันพวกนั้น”

“คุณหาได้ไหม?”

“หมายถึงอะไร? ผู้เชี่ยวชาญที่ว่าน่ะเหรอ?”

“ใช่”

“แน่นอนสิว่าต้องหาได้ ในหน่อยของฉันมีอัจฉริยะด้านนี้อยู่แล้ว และตอนนี้เขาก็กำลังทำหน้าที่นั้นอยู่ด้วย”

“นี่คุณลงมือไปแล้วงั้นเหรอ?”

“อ่าฮะ และมันใกล้จะสำเร็จแล้วด้วย” โคลตันขยี้ก้นบุหรี่กับที่เขี่ยบนโต๊ะ เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “จะไปด้วยกันเลยไหมล่ะนิโคไล เผื่อว่าเราจะได้บุกเข้าไปทลายโรงงานมันได้เลย”

ผมกระตุกยิ้มมุมปาก รู้สึกทึ่งกับผู้ชายคนนี้ไม่น้อย สมแล้วที่เขาเป็นถึงหัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่พิเศษ

 

เรามาถึงแถบชานเมืองที่ว่า ลูกน้องของผมที่ไม่ได้แฝงตัวเข้าไปเป็นสายลาดตระเวนอยู่แถบนี้ แต่พอเห็นว่าผมมาเขาก็ออกมารายงานสถานการ์คร่าวๆ ทันที

“รอแค่คำยืนยันจากโนแลนเราก็จะได้ที่ตั้งตำแหน่งโรงงานแล้วครับบอส”

“ดี ทีนี้ก็แค่รอ ถ้าคนของคุณโคลตันเจาะระบบตรวจจับความร้อนและการเคลื่อนไหวได้เมื่อไหร่ เราจะได้บุกเข้าไปไม่ให้พวกมันรู้ตัวได้ตรงจุด”

“เตรียมตัวให้พร้อม” โคลตันเดินกึ่งวิ่งมาหาผม หลังจากเขาแยกตัวไปคุยโทรศัพท์ “ใกล้จะแฮ็กได้แล้ว”

ระหว่างรอนั้น ไม่ถึงสิบนาทีรถตู้สีดำคันใหญ่ก็ขับมาจอดต่อท้ายรถที่เรานั่งมา ชายในชุดเตรียมพร้อมรบก้าวลงจากรถราวสิบกว่าคนได้ พวกเขาติดอาวุธไว้พร้อม สวมเสื้อเกราะเต็มตัว...โคลตันก้าวเท้ายาวๆ ไปถึงท้ายรถ เขาหยิบเอาชุดป้องกันออกมาสวม

“มานี่สิ นายคงไม่คิดจะเข้าไปลุยโดยไม่มีอะไรติดตัวหรอกใช่ไหมพวก?”

“รอกำลังเสริมของผมก่อน คนของผมกำลังมา”

“พวกเขามีฝีมือมากพอใช่มั้ย?” เจ้าหน้าที่พิเศษถาม “ไม่ได้จะดูถูกอะไรนะ แค่แบบว่า...เพื่อความปลอดภัยน่ะ เพราะถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากให้เราเสียคนของเราไปแม้แต่คนเดียว

ผมยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วง บอดี้การ์ดของผมส่วนใหญ่เป็นทหารมาก่อน”

“โอ้ ยอดเยี่ยม งานนี้ต้องสนุกมากแน่ๆ”

“คุณจะไม่โทรบอกโซลเมตของคุณหน่อยเหรอ”

“บอกอะไร” โคลตัลเลิกคิ้วขึ้นสูง

“ที่เรากำลังจะบุกจับคนร้าย”

“ไม่จำเป็นหรอก เพราะเขารู้ว่าผมจะกลับมาอย่างปลอดภัย” โคลตันหัวเราะ แล้วพูดต่อ “แล้วคุณล่ะนิโคไล ไม่โทรบอกโจชัวบ้างรึไง”

ผมส่ายหน้า “เขาไม่รู้เรื่องนี้ เผื่อว่าคุณจะลืม”

“ผมไม่ได้ลืม แค่คิดว่าคุณอาจจะอยากสั่งเสีย”

“ผมไม่ตายง่ายๆ อย่างที่คุณคิดหรอกโคลตัน”

“ท่านครับ!” เสียงตะโกนเรียกโคลตันขัดจังหวะการพูดคุยระหว่างเรา ผมหันไปมองตาม เจ้าหน้าที่พิเศษคนหนึ่งวิ่งเหยาะๆ มาทางเรา “เจาะได้แล้วครับ”

ดวงตาของพวกเราเป็นประกาย เลือดสูบฉีด ความตื่นเต้นถาโถมเข้าใส่ร่างทั้งร่างอย่างบ้าคลั่ง

ผมกำลังจะก้าวเข้าไปเผชิญอันตรายที่ไม่ได้เจอมานานอีกครั้งแล้ว

 

[Christian]

ผมโดนสั่งให้รออยู่ที่บริษัท และกว่าแคสจะมาก็เอาผมร้อนใจจนแทบบ้าแล้ว...ทันทีที่รถของแคสมาจอดเทียบหน้าบริษัท ผมก็ก้าวขึ้นรถและสั่งให้เขาออกรถอย่างรวดเร็ว

“รีบกลับบ้านเร็วเข้า”

“มันยังไม่หนีไปง่ายๆ หรอกน่า”

“ฉันไม่ได้กลัวมันหนี!” ผมตะโกนเสียงดัง ก่อนจะรู้ตัวแล้วลดเสียงลงในประโยคต่อมา “ฉันกลัวมันทำร้ายแม่มากกว่า”

ความคิดนั้นทำให้เลือดในกายผมเย็นเฉียบ ปลายนิ้วมือเหมือนจะชาไปเลยเมื่อคิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แม่จะตกใจมากแค่ไหน

“งั้นก็ต้องเหยียบให้มิดไมล์แล้วล่ะ ก่อนที่มันจะทำอะไรแม่ของเรา”

สิบห้านาทีต่อมาเราสองคนพี่น้องก็มาถึงบ้าน แต่ดูเหมือนเราจะมาช้าเกินไป...

“มาแล้วเหรอไอ้พวกเด็กเวรตะไล! ไอ้พวกระยำเอ๊ย!”

“ปล่อยแม่ฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้เศษสวะ!” ผมตะคอกใส่ แทบจะวิ่งเข้าไปช่วยแม่ แต่แคสเทียลรั้งเอาไว้ซะก่อน

“อย่าผลีผลาม มันเอาปืนจ่อแม่อยู่นะคริส!”

“บัดซบเอ๊ย!”

จาเร็ต สมิธแสยะยิ้ม ขณะที่มิสซิสแคทเธอรีนหน้าซีดเผือด “นี่มันเรื่องอะไรกัน”

“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาแกทำอะไรไปบ้าง ไอ้คริสเตียน!” จาเร็ตคำรามลั่น

“ลูก...ลูกทำอะไรคริสเตียน” แม่ถาม สีหน้าของเธอย่ำแย่มาก แต่ผมทำได้เพียงกำหมัดแน่น ผมต้องใจเย็น จะผลีผลามทำอะไรส่งเดชไม่ได้

แคสเทียลเป็นคนเดียวที่ยังคงนิ่งได้ จิตใจของเขาแข็งแกร่งกว่าผมมาก เราสองคนต่างกันสุดขั้ว...ในขณะที่เขาอยู่เคียงข้างแม่ แต่เขากลับนิ่งสงบยามมองแม่โดนปืนจ่อหัว...ต่างจากผม ที่ถึงแม้จะหาเรื่องทะเลาะกับแม่อยู่เรื่อย แต่ผมกลับกลัวเหลือเกินกับสถานการณ์ตรงหน้า จะยังไงผมก็ยังเป็นห่วงเธอ

“ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน!” แม่ถามอีกครั้ง และเพราะอย่างนั้นไอ้จาเร็ตจึงแนบปากกระบอกปืนเข้ากับขมับของเธอมากขึ้น โซตเมตสารเลวของแม่หัวเราะลั่น ก่อนจะออกคำสั่งเสียงดัง

“หุบปากไปซะนัง...!”

“เขายักยอกเงินในบริษัทของเราครับแม่!”


__________________________
ตั้งใจจะมาอัพก่อนสี่ทุ่ม แต่ก็...ไม่ได้ มาเลยเที่ยงคืนอีกแล้ว 55555 หายไปนานเนอะ กี่วันแล้วอะ พอใกล้จะจบแล้วเราก็ไม่อยากจะอัพเท่าไหร่ ไม่อยากให้จบเลย เป็นอย่างนี้ทุกที แง ขอโทษด้วยนะคะ แฮ่

ตอนหน้า...จะมีคนตายไหมนะ?

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 21 [20-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-11-2018 01:41:36
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 21 [20-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 20-11-2018 01:46:48
คิดถึงเรื่องนี้จังเลยค่ะ นึกว่าหายไปไหน 55
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 21 [20-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 20-11-2018 04:41:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 21 [20-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-11-2018 08:20:59
แง้  :katai4:   :ling1: 
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 21 [20-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-11-2018 10:38:16
โอ้ยยยยย ลุ้น TT
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 21 [20-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-11-2018 14:58:54
นึกแล้วอยากให้คุณแม่ฝึกศิลปป้องกันตัวจังเลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 21 [20-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-11-2018 15:20:53
ตัดจบได้ทำร้ายจิตใจมาก...รอ  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 21 [20-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 20-11-2018 15:30:14
แม่นี่ไม่รู้รึไง บ้าไปแล้วววว
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 21 [20-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 20-11-2018 20:13:19
ใครจะตายไม่สน ต้องไม่ใช่ คริสเตียน&เจเดนย์
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 22 [21-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 21-11-2018 22:02:49
Chapter 22

What happen!?


 

คนที่ผมจะนึกถึงก่อนตายก็คือเขา

 

[Christian]

ทุกอย่างราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้ หลังจากแคสเทียลประกาศออกไปเสียงดัง...แม่เบิกตากว้าง แววตาเธอสับสน

“ลูกพูดอะไร แคส...”

“เขาโกงเราครับแม่” ผมก้าวเข้ามายืนข้างพี่ชาย ชูเอกสารปึกหนึ่งที่ผมรวบรวมมาได้ “และนี่คือหลักฐาน”

“สองสัปดาห์ที่ผ่านมาคริสเตียนไล่อ่านบัญชีย้อนหลัง และเก็บหลักฐานมาได้ทั้งหมดแล้วครับ ไอ้หมอนี่ยักยอกเงินเราเป็นจำนวนมหาศาล และแยบยลจนเราจับไม่ได้เพราะเขาแอบเอาไปทีละนิด มีแค่ครั้งหลังสุดที่เขาคงจะต้องการเงินก้อนใหญ่มาก ถึงได้กล้าปลอมลายเซ็นแม่แล้วเบิกงบประมาณในจำนวนเงินที่สูงกว่าทุกครั้ง”

“...”

“ผมพบการเงินที่ผิดปกตินี้เมื่อเดือนก่อน ตั้งใจจะสืบหาเอง แต่คริสเตียนอาสาจะเข้าไปสืบให้ สองสัปดาห์ที่ผ่านมา นี่คือสิ่งที่เรารวบรวมได้ครับ” แคสเทียลพูดโดยไม่ละสายตาจากไอ้ระยำที่กำลังเอาปืนจ่อหัวแม่เลยแม้แต่นิดเดียว

“ทำไม...” น้ำเสียงของแม่ทั้งตกใจและเสียใจ “ฉันอุตส่าห์ไว้ใจคุณนะจาเร็ต คุณทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

ผมกำหมัดแน่น “ตั้งแต่เมื่อหกปีก่อนครับแม่”

“ปล่อยเธอ แล้วมอบตัวซะจาเร็ต” แคสโพล่งขึ้น

“มอบตัว!?” ไอ้เฮงซวยนั่นนอกจากจะไม่ฟังแล้วยังระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “แกโง่หรือบ้ากันแน่วะที่คิดว่าฉันจะยอมมอบตัวเพียงเพราะแกบอกให้ทำน่ะ หา!?”

มันกดปากกระบอกปืนเข้ากับขมับของแม่มากขึ้น ผมแทบจะกระโจนเข้าใส่มันอย่างลืมตัว แต่แคสเทียลก็รั้งผมเอาไว้ซะก่อน

“อันตรายเกินไป”

ผมได้แต่กรุ่นโกรธ แรงสั่นในกระเป๋ากางเกงเตือนให้ผมรู้ว่ามีคนโทรมาหา แต่ผมไม่สนใจจะหยิบมันออกมากดรับ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่โทรมาคงไม่พ้นโซลเมตของผม...เขาต้องรับรู้ถึงความโกรธของผมได้แน่นอน เพราะตอนนี้ผมเองก็สัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงและความกังวลของเขา

เอาไว้ก่อน ยังไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะคุยกัน

“แกต้องการอะไร” ผมระงับอารมณ์ตัวเอง และยื่นข้อเสนอให้มัน “แลกกับปล่อยตัวเธอ”

“ฉลาดนี่ ในเมื่อยื่นข้อเสนอมา งั้นฉันก็จะตอบรับไว้ด้วยความเต็มใจเลยล่ะ” ไอ้แก่ยิ้มกว้าง

“แกจะไม่ได้อะไรไปจากครอบครัวของฉันทั้งนั้น!” แม่ตะโกน เธอคว้าปืนในมือจาเร็ตและเบี่ยงองศาของมันให้หันไปทางอื่น...โชคร้ายนิดหน่อยที่มันดันหันมาทางพวกเราสองคนพี่น้อง

ปัง!

ปืนถูกลั่นไก...ผมกับแคสกระโดดหลบ ลูกกระสุนเฉียดปลายเท้าเราไปเพียงไม่กี่มิลลิเมตร

“นังนี่!” จาเร็ตตวาดลั่น ใช้หลังมือที่ถือกระบอกปืนฟาดใบหน้าของแม่จนเธอล้มลง

“ไอ้เวรเอ๊ย!” ผมสบถ คว้าเอาแจกันใกล้มือขว้างใส่มัน นอกจากมันจะหลบได้แล้ว ยังอาศัยจังหวะนั้นรีบวิ่งออกจากบ้านไปอีกด้วย “ฉันจะตามมันไป ดูแลแม่ด้วย!”

ผมบอกกับแคสก่อนจะวิ่งตามไอ้ระยำบัดซบนั่นไปติดๆ แต่หูก็ยังได้ยินเสียงแม่พูดขึ้น

“ตามน้องไปแคสเทียล แม่ไม่เป็นไร เร็วเข้า! ไปช่วยน้อง!”

เอี๊ยด!

เสียงล้อบดถนนดังลั่น รถยนต์ของไอ้เวรจาเร็ตพุ่งตัวออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว ผมกระโดดขึ้นรถตัวเองเพื่อจะขับตามมันไป แต่ก่อนจะเหยียบคันเร่งแคสเทียลก็เปิดประตูแล้วเข้ามานั่งข้างคนขับ

“คิดจะไปคนเดียวหรือไงไอ้น้องชาย”

“แม่ล่ะ” ผมถาม หมุนพวงมาลัยพารถคันหรูทะยานตามตูดไอ้กร๊วกนั่นไปติดๆ ผมมั่นใจว่าตามทัน รถผมแรงกว่ามันมาก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ควรประมาท

“เธอไม่เป็นไร” แคสตอบ ก่อนจะรับโทรศัพท์ของตัวเองที่ส่งเสียงดังขึ้นมาพอดี “ว่าไง...อะไรนะ!?”

ผมเหลือบมอง พี่ชายของผมขมวดคิ้วแน่น...เกิดอะไรขึ้น

“พวกฉันกำลังตามจาเร็ตไป ใช่ เขาไหวตัวทันก็เลยหนี” แคสพ่นลมหายใจแรง “ได้ เอ่อ เฮ้!...ระวังตัวด้วยนะ”

ผมไม่ควรยิ้มในสถานการณ์แบบนี้ แต่ห้ามริมฝีปากตัวเองไม่ได้ ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาก็รู้ว่าปลายสายจะเป็นใครไปได้อีก ถ้าไม่ใช่โคลตัน...ต่อให้เกลียดขี้หน้ากันแค่ไหน แต่พวกเขาก็ปฏิเสธความผูกพันอันแสนวิเศษที่เกิดขึ้นระหว่างโซลเมตไม่ได้หรอก

“พวกเขาเจอโรงงานผลิตยาเสพติดแล้วเหรอ” ผมถาม สบถด่าไอ้จาเร็ตเมื่อจู่ๆ มันก็เลี้ยวเข้าถนนอีกเส้นและทำให้ผมเกือบขับตามไม่ทัน

“ใช่ หมอนั่นกับนิโคไลกำลังจะบุกเข้าไป”

“ดี จะได้จบเรื่องนี้ไปพร้อมๆ กัน”

“ตามมันให้ทันก่อนเถอะ แล้วค่อยมาดูกันว่าจะจบเรื่องนี้ได้จริงๆ หรือเปล่า”

โชคดีที่ถนนเส้นนี้เป็นแค่ถนนเส้นเล็กๆ และไม่ค่อยมีรถสัญจรไปมา ผมผ่อนความเร็วรถเพื่อเปลี่ยนเกียร์ ก่อนจะกระทืบคันเร่งอีกครั้ง พายานพาหนะทะยานออกไปจนสามารถแซงรถของจาเร็ตได้

เอี๊ยด! ปัง!

“บัดซบเอ๊ย!” แคสสบถ เพราะผมหักพวงมาลัยขวางหน้ารถไอ้สารเลวนั่นจนทำให้เราโดนมันชนเข้าเต็มแรง

รถเหวี่ยงตัวอย่างรุนแรงก่อนจะหยุดนิ่ง ผมตั้งสติได้ไวเพราะเคยชินกับเหตุการณ์เสี่ยงอันตรายแบบนี้มาหลายครั้งหลายหน เปิดลิ้นชักรถคว้าเอาปืนที่เก็บซ่อนไว้ออกมาแล้วกระโจนลงจากรถอย่างรวดเร็ว

“หยุดอยู่ตรงนั้นจาเร็ต!” ผมตวาดลั่น จ่อปืนไปที่ไอ้แก่นั่น

มันลงจากรถแล้วจ่อปืนของมันมาที่ผมเช่นกัน “ถ้าฉันตาย แกก็ตาย!”

“มีแต่แกเท่านั้นที่ต้องตาย”

แคสเทียลวิ่งตามมาอยู่ข้างๆ เขากระซิบถาม “ไปเอาปืนมาจากไหน”

“ไม่ได้มีแต่นายที่พกปืนนะพวก ลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันเคยทำอาชีพอะไร พกปืนมันเรื่องปกติของฉัน”

“นั่นสินะ แต่แกแน่ใจใช่ไหมว่ายังยิงแม่นอยู่?”

ผมแสยะยิ้ม ลั่นกระสุ่นหนึ่งนัด...เฉียดลำตัวของจาเร็ต สมิธ

อีกฝ่ายสะดุ้ง ยิงสวนกลับมาทันทีที่ตั้งสติได้ ผมคว้าแขนแคสแล้วดึงเขาให้ก้มหลบ

“แกบ้าไปแล้วหรือไงวะไอ้คริสเตียน!” พี่ชายถลึงตาใส่ผม

“ก็นายถามไม่ใช่เหรอว่าฉันยังยิงแม่นอยู่หรือเปล่า”

“ฉันถาม แต่ไม่ได้ให้สาธิตโว้ย! เวรล่ะ!”

เราสองคนรีบวิ่งหาที่กำบังเมื่อจาเร็ตสาดกระสุนใส่เราอีกหลายนัด

ปัง! ปัง! ปัง!

“แกต้องตาย ไอ้ลูกหมา!”

“ดูเหมือนแกจะทำให้พ่อเลี้ยงของเราโกรธนะ”

ผมคำรามลั่น “มันไม่ใช่พ่อเลี้ยงฉัน!”

“ฉันจะอ้อมไปอีกฝั่ง แล้วหาจังหวะเข้าไปให้ถึงตัวมันจากด้านหลัง ดึงความสนใจมันไว้นะ”

“เฮ้” ผมรั้งแขนเขาเอาไว้อีกครั้ง “มันเสี่ยงเกินไป”

“ฉันไม่ได้อ่อนแออย่างที่แกคิด เรื่องแค่นี้ฉันทำได้น่า”

“แต่นายไม่มีปืน...” แคสเทียลไม่รอให้ผมพูดจบด้วยซ้ำ เขาส่งสัญญาณให้ผมดึงความสนใจของจาเร็ต และแม้ว่าจะเป็นห่วงเขา แต่ผมก็จำต้องยอมทำตามที่เขาต้องการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“อะไรทำให้แกยักยอกเงินบริษัท จาเร็ต ต้องการเงินไปทำอะไรมากมายขนาดนั้น”

“แกจะอยากรู้ไปทำไม ไอ้ลูกหมาที่ไม่เคยสนใจบริษัทของแม่ตัวเองอย่างแก ไม่คิดว่ามันสายไปหน่อยหรือไงที่คิดจะกลับมาตอนนี้!” อีกฝ่ายเหวี่ยงปืนในมือไปด้วยระหว่างตะโกนใส่ผม

“ฉันจะสนใจหรือไม่มันก็ไม่เกี่ยวกับแก! ยังไงซะฉันก็เป็นแคมเบลล์ แต่แกไม่ใช่!” ผมรู้สึกเหมือนมีไฟลุกท่วมอยู่รอบตัว ความโกรธเคืองลุกโหมเหมือนไฟป่า มันพร้อมจะเผาทำลายใครก็ตามที่คิดจะทำร้ายครอบครัวของผม “แกมันก็แค่โซลเมตของแม่ที่มาทีหลัง ถ้าไม่ใช่เพราะสายใยแห่งความสัมพันธ์ แม่ของฉันคงไม่มีวันแต่งงานกับแกหรอกไอ้งั่ง!”

“หุบปาก!”

ปัง!

จาเร็ตตวาด เขายิงปืนอีกนัดหนึ่งใส่ผม และมันเฉี่ยวหัวไหล่ของผมเข้าอย่างจัง บ้าฉิบ! ผมประมาทที่ไม่ทันระวังตัว เลยโดนยิงเข้าจนได้ เฮงซวยเอ๊ย!

“อึก!” บาดแผลจากกระสุนร้อนผ่าว ผมกัดฟันแน่น เหลือบมองเลือดที่ไหลซึมออกมาจากปากแผล แล้วโทสะของผมก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ผมยิงสวนกลับไป แต่อีกฝ่ายดันรู้ทัน วิ่งไปหลบข้างตัวรถอีกฝั่งหนึ่ง ทำให้กระสุนพลาดเป้ากระแทกเข้ากับกระจกรถจนแตกละเอียดแทน

“คริสเตียน!” แคสเทียลเผลอร้องเรียกผมเสียงดัง และนั่นทำให้ผมเขากลายเป็นเป้าโจมตีแทนผม

จาเร็ตโผล่หน้าขึ้นมาแล้วหันปืนไปทางพี่ชายของผม มันลั่นไกในจังหวะที่ผมพุ่งตัวออกไปหาแคสเทียลพอดี

“แคสหลบ!”

ปัง!

“คริส!”

เสียงของแคสเทียลฟังดูความเจ็บปวดเข้าครอบครองร่างกายของผม มันรุนแรงจนทำให้ตาพร่า สองขาทรุดลงคุกเข่ากับพื้น...ผมสูดหายใจ แต่นั่นยิ่งทำให้ผมเจ็บ ลมหายใจของผมสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ผมรู้สึกได้ถึงความเปียกแฉะที่ฝ่ามือ ก่อนจะมารู้ทีหลังว่ามันคือเลือด หน้าท้องของผมมีเลือดไหลทะลักออกมา และทุกอย่างในสายตาก็ดูมัวหม่นมากกว่าเดิม

นี่ผมกำลังจะตายใช่มั้ยนะ?

สิ่งสุดท้ายที่ผมสัมผัสได้ก่อนสติจะหลุดลอยไป คือความตกใจของเจย์เดนที่เอ่อล้นขึ้นมาอกของผม

 

[Jayden]

มันเป็นความรู้สึกประหลาด ทุกอย่างดูอึมครึมเหมือนท้องฟ้ายามที่กำลังจะเกิดพายุฝน ระหว่างนั่งทำงานผมกลับรับรู้ได้ถึงความโกรธเคืองของคริสเตียนที่ล้นทะลักออกมา มันทำให้ผมกังวลใจ เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า

แต่ไม่ว่าจะพยายามโทรหาเขากี่สาย อีกฝ่ายก็ไม่รับ และทุกอย่างยิ่งแย่ลงเมื่อนานเข้าผมกลับสัมผัสได้ทั้งความกังวล ความหวาดหวั่น และสุดท้าย...ความเจ็บปวด

มันพุ่งทะยานอยู่ในตัวของผม ความเจ็บปวดที่หน้าท้อง รู้สึกร้อนผ่าวและเสียดแทงจนผมหน้ามืดไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่สัมผัสเหล่านั้นจะหายไปในพริบตา

“เจย์เดน เฮ้! เป็นอะไรวะเพื่อน”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบให้แมตต์ ควานมือหาโทรศัพท์ทั้งที่ยังรู้สึกว่าสมองพร่าเบลอไปหมด เลื่อนปลายนิ้วจิ้มลงไปที่เบอร์ของโซลเมต รอสายอยู่นานแต่ก็เป็นเหมือนก่อนหน้านี้...เขาไม่รับสาย

ระหว่างกระวายกระวายใจผมพยายามคิดว่าจะทำยังไงเพื่อติดต่อคริสเตียนให้ได้ แล้วชื่อของคนคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในความคิด ผมไม่รอช้า กดโทรออกหามิสเตอร์แคสเทียลทันที ปลายสายดังอยู่นาน และเกือบจะตัดไปแล้ว แต่...

“...เจย์เดน”

“คุณแคสเทียลครับ! คริสเตียนอยู่กับคุณหรือเปล่า!?”

อีกฝ่ายเงียบไป เงียบจนผมยิ่งรู้สึกแย่ สิ่งเลวร้ายต่างๆ เท่าที่ผมจะนึกออกถาโถมเข้าใส่สมองของผม อุบัติเหตุเหรอ? รถชน? พลัดตกบันได? มัน...เกิดอะไรขึ้นกับคนรักของผม!

“เขาอยู่กับฉัน หมายถึงก่อนหน้านี้น่ะนะ”

“แล้วตอนนี้ล่ะครับ!?” ผมแทบจะตะโกนใส่อีกฝ่าย ระดับเสียงที่เกือบจะกลายเป็นตะคอกทำให้เพื่อนร่วมงานของผมหันมามองเป็นตาเดียว แต่พวกเขาก็ยังมีมารยาทมากพอที่จะไม่ถาม

ผมสูดลมหายใจเข้าลึก จดจ่อกับการรอคำตอบจากพี่ชายของคนรัก ได้ยินเสียงแคสเทียลถอนหายใจยาว “ตอนนี้เขาอยู่กับ...หมอ”

ราวกับโลกทั้งใบถล่มใส่ผม มวลแห่งความหนักอึ้งทาบทับลงมาบนร่างและทำให้ผมแทบล้มทั้งยืน

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!?

“เขาเป็นอะไร” ผมถาม น่าแปลกที่น้ำเสียงของผมมันสงบนิ่งกว่าตอนแรกมาก ทั้งที่ใจผมร้อนรนขนแทบคลั่ง

เป็นอีกครั้งที่คุณแคมเบลล์ถอนหายใจ “เขาโดนยิงน่ะ”

แล้วทุกอย่างก็หลุดออกมาจากปากของอีกฝ่าย ยิ่งฟังผมก็ยิ่งกำหมัดแน่น อยากจะชกเข้าที่หน้าหล่อๆ ของโซลเมตตัวเอง แต่ติดที่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ตรงหน้าผม และใช่ เขากำลังอยู่ในห้องผ่าตัด

“ผมกำลังจะไป” ตัดบทแล้ววางสาย สาวเท้ายาวๆ ไปหาเพื่อนสนิท “แมตต์ ฉันขอยืมรถหน่อย”

“เอ่อ แกจะไปไหน”

“ไปหาคริสเตียน” ผมตอบ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามันห้วนเกินไป “เขาอยู่โรงพยาบาล”

แมตต์เบิกตากว้าง “เฮ้พวก เขาเป็นอะไร ทำไมถึงไปอยู่ที่นั่น”

“อุบัติเหตุน่ะ ถ้ายังไงฉันขอยืมรถ...” ผมไม่ได้บอกความจริง

“แน่นอน” แมตต์หยิบกุญแจรถยื่นให้ผมทันที ผมเพียงพยักหน้ารับ แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากออฟฟิศ ขึ้นรถได้ผมก็ขับทะยานออกไปสู่ท้องถนน เหยียบแทบมิดคันเร่งโดยไม่สนว่าจะโดนตำรวจส่งหมายค่าปรับมาที่บ้านกี่ฉบับ

สิบห้านาทีต่อมาผมก็มาถึงที่หมาย โรงพยาบาลแห่งเดิมกับที่ผมเข้ารับการทำแผลเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน และทันทีที่มาถึงหน้าห้องผ่าตัด ผมก็เจอเข้ากับคุณแคสเทียล

“มิสเตอร์แคมเบลล์!”

“มาแล้วเหรอ” อีกฝ่ายเม้มปากแน่น

“เขาเป็นยังไงบ้างครับ”

“ไม่รู้สิ หมอยังไม่ออกมาเลย บัดซบเอ๊ย! นี่มันเป็นความผิดของฉันเอง ถ้าฉันไม่ประมาท เขาก็คงไม่ต้องวิ่งเข้ามารับกระสุนแทนฉัน!”

“ผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่คริสเตียนทำมันถูกหรือผิด สิ่งที่คุณทำก็ด้วยเหมือนกัน ผมรู้แค่ว่าเขาทำเพื่อปกป้องคุณ กลับกันถ้าเป็นเขาที่กำลังจะโดนยิง คุณก็ต้องกระโจนเข้าไปช่วยอยู่แล้ว” ผมปลอบเขา ถ้าให้เทียบกันแล้วเราสองคนต่างเป็นห่วงและกังวลมากเหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่าคนที่อยู่เหตการณ์อย่างมิสเตอร์แคสเทียลน่าจะสะเทือนใจมากกว่าเยอะเลยทีเดียว

“แล้ว...คุณอาของผมล่ะครับ”

“เขาหนีไป ตอนแรกเขาจะยิงเราซ้ำ แต่กระสุนปืนของเขาดันหมด เขาเลยขับรถหนีไป” แคสเทียลถอนหายใจ ตั้งแต่เราคุยกันผมได้ยินเขาทำแบบนี้มาสามครั้งเข้าไปแล้ว “แต่ฉันให้คนของฉันตามสืบจากเลขทะเลียนรถยนต์แล้ว อีกไม่นานเราจะรู้ที่อยู่ของเขา ฉันจะให้โคลตันนำหน่วยของผมบุกเข้าไปจับไอ้สวะนั่นด้วยตัวเอง!”

ผมพยักหน้ารับ ตอนนี้ก็มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่พอจะทำได้

ส่วนใครอีกคนในห้องผ่าตัด...ผมหวังเหลือเกินว่าเขาจะปลอดภัย



________________

พรุ่งนี้หนังสือพิมพ์จะพาดหัวข่าวว่า... "ทายาทคนเล็กตระกูลแคมเบลล์ ถูกยิงดับอนาถ" 555555555


หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 22 [21-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-11-2018 22:06:41
เจย์เดนต้องไม่เปนหม้ายสิค้า
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 22 [21-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 21-11-2018 22:32:30
 :a5: :a5: :amen:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 22 [21-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-11-2018 22:49:35
คนชั่วรอดไปตามระเบียบอีกแล้ว ต้องให้คุณละม่อมจัดการ  :hao3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 22 [21-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-11-2018 23:50:00
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 22 [21-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-11-2018 00:49:14
คริสเตียนต้องปลอดภัยนะ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 22 [21-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 22-11-2018 18:00:17
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 22 [21-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 23-11-2018 07:00:39
คริส สสสส

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 22 [21-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-11-2018 16:51:48
โอว..โนว..วววววววว  o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 23 [24-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 24-11-2018 00:54:25
Chapter 23

What do they want?


 

เคยบอกไม่ใช่เหรอ...ว่าเราเป็นคนสำคัญของกันและกันน่ะ

 

[Jayden]

น่าแปลกที่ผมสงบนิ่งได้มากกว่าที่คิด ตอนที่ได้รู้ว่าคริสเตียนโดนยิง สมองผมขาวโพลนไปชั่วขณะ ผมแทบคิดอะไรไม่ออก แต่คำว่าต้องไปหาเขาให้เร็วที่สุดมันดังก้องอยู่ในหัว และนั่นผลักดันให้ผมรีบเร่งมาที่โรงพยาบาล โดยเสียเวลาตกใจไปแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น

ผมรักเขา ใช่สิ เพราะแบบนั้นไงผมถึงได้กังวลใจแทบตายตอนที่สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเขา ทุกวินาทีที่ผมนั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดและได้แต่ภาวนาให้เขาปลอดภัย ความกดดันและคาดหวังบีบคั้นผมจนแทบหายใจไม่ออก ตอนนี้เขาจะรับรู้ความรู้สึกของผมได้บ้างไหม...ความรู้สึกเป็นห่วงจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้วน่ะ

ผมประสานฝ่ามือเข้าหากัน แตะริมฝีปากลงไปที่กำปั้นและเฝ้าอ้อนวอนต่อพระเจ้า

ได้โปรด อย่าพรากเขาไปจากผม

มิสเตอร์แคสเทียลเองก็คงกังวลใจไม่ต่างจากผม เขาเดินวนไปวนมา จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น...ผมเงยหน้ามอง จับใจความได้แค่ว่าเขาน่าจะกำลังคุยกับมิสซิสแคมเบลล์ และเธอจะมาที่นี่ให้ไวที่สุด

...การรอคอยสิ้นสุดลงเมื่อคุณหมอออกมาจากห้องผ่าตัด

ผมถลาเข้าไปหาชายในชุดกราวด์ ขณะที่แคสเทียลร้องถาม “เขาเป็นยังไงบ้างครับ”

“เขาปลอดภัยครับ โชคดีที่กระสุนไม่ฝังเข้าจุดสำคัญ...”

เราพูดคุยกับหมออีกเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจโดยความโล่งอกอย่างแท้จริง...คริสเตียนไม่ตาย เขายังมีชีวิตอยู่ ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว

 

หนึ่งวันหลังจากนั้นโซลเมตของผมได้ย้ายมาอยู่ห้องพักพิเศษ ทันทีที่เขาฟื้นผมก็เลือกที่จะปล่อยให้เขาได้พูดคุยกับคนในครอบครัว พาตัวเองออกมานั่งรอด้านนอก สักพักใหญ่ประตูห้องพักผู้ป่วยก็เปิดออก พร้อมกับร่างของคนสองคนที่ผมคุ้นตาดี

มิสซิสแคทเธอรีนส่งยิ้มให้ผม “ฝากดูแลเขาด้วยนะคะ”

“ครับ”

แคสเทียลทิ้งท้ายกับผมก่อนเดินตามแม่ของเขาไป “ไว้เจอกัน”

เมื่อทั้งสองไปแล้วผมจึงได้เข้าไปในห้อง...คริสเตียนนอนเอนหลังอยู่บนเตียง ดวงตามองตรงมาที่ผม ริมฝีปากซีดจางส่งยิ้มอ่อนๆ มาให้ ผมทรุดลงนั่งข้างเตียง จ้องมองเขา และเอ่ยถาม

“ปิดบังฉันแบบนี้คิดดีแล้วเหรอ?”

น้ำเสียงของผมไม่มีความโกรธเคืองหรือกล่าวหา มันเป็นแค่คำถามที่ผมต้องการคำตอบ ผมได้รู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว...คิดว่านะ และรู้ด้วยว่าวันที่เขาโดนยิง โรงงานผลิตยาเสพติดของพ่อก็โดนบุกด้วย แต่พ่อของผมหนีรอดไปได้ เหมือนที่อาจาเร็ตรอดไปจากเงื้อมมือของสองพี่น้องแคมเบลล์เช่นกัน

คริสเตียนเม้มปากเล็กน้อย “ฉันแค่ไม่อยากให้นายเสี่ยงอันตราย”

“คริส ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” ผมแย้งเสียงอ่อน “กลับกันถ้าหากเป็นฉันที่เลือกทำแบบนั้น...ทำทุกอย่างเองโดยไม่บอกนายสักคำ นายจะโอเคงั้นเหรอ?”

“ไม่ แน่นอนอยู่แล้วว่าไม่” เขาส่ายหน้า

“อย่าปิดบังอะไรฉันอีกคริสเตียน เราเป็นโซลเมต เป็น...” ผมดึงมือเขามาจับเอาไว้หลวมๆ หลุบตาลงมองปลายนิ้วของเขา “เป็นคนรักกัน ฉะนั้นอย่าปิดบังอะไรกันอีก”

“เจย์เดน...”

“นายเคยบอกนี่ว่าเราต่างเป็นคนสำคัญของกันและกัน” ผมยังคงพูดต่อไป ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดแทรก “ฉันไม่รู้ว่าฉันสำคัญกับนายมากแค่ไหน แต่นายสำคัญกับฉันมาก ดังนั้นอย่าทำแบบนี้อีก เข้าใจมั้ย?”

คริสเตียนกระตุกมือผม ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นสบตาเขา “ขยับมานี่”

ผมยอมทำตาม ลุกขึ้นโน้มใบหน้าไปหาเขา...ริมฝีปากเราจูบกันแผ่วเบา และเมื่อผละออกผมก็ย้ำคำถามก่อนหน้านี้กับเขาอีกครั้ง “บอกสิว่านายเข้าใจที่ฉันพูด”

“อืม เข้าใจ ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก” คริสเตียนเกลี่ยปลายนิ้วกับแก้มของผม “นายสำคัญกับฉันนะเจย์ สำคัญมากซะจนฉันยอมเสียนายไปไม่ได้”

“ฉันก็เสียนายไปไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้นอกจากน้องๆ ฉันก็มีแค่นายเท่านั้นที่ฉันรักมาก”

คริสเตียนแนบจูบผมอีกครั้ง และกระซิบถ้อยคำอ่อนหวานที่ผมไม่เคยเบื่อเลยสักครั้งยามได้ยิน...

“I love you, baby”

 

[Christian]

แคสเทียลมาเยี่ยมผมอีกครั้งในวันถัดมา

“นายคงรู้แล้วว่าเจฟเฟอร์สันหนีไปได้”

ผมพยักหน้า “แต่นิโคไลก็ทลายโรงงานผลิตยาเสพติดของพวกมันได้ใช่ไหมล่ะ?”

“ใช่ หน่วยของโคลตันเข้าจัดการเรื่องทางกฎหมายต่อจากนั้น และกำลังควานหาตัวสองพี่น้องสมิธอยู่” แคสเดินไปที่หน้าต่าง เขากอดอกและเหม่อมองออกไปด้านนอก “ถ้าฉันไม่ทำพลาด อย่างน้อยเราก็น่าจะจับจาเร็ตได้”

“มันไม่ใช่ความผิดของนายนะพวก เอาล่ะ สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้ก็คือเลิกโทษตัวเอง ทั้งนาย ฉัน หรือใครก็ตาม ทุกอย่างบนโลกไม่ได้เป็นไปตามใจเราเสมอ ต่อให้จะวางแผนรัดกุมแค่ไหน แต่ทุกอย่างพลิกผันได้ ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือคิดวิธีแก้ปัญหา ไม่ใช่โทษตัวเองหรือใครๆ”

แคสหันกลับมาสบตาผม แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง เหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าผมพูดอะไรดีๆ แบบนี้ได้ด้วย และนั่นทำให้ผมอยากจะลุกขึ้นไปต่อยหน้าเขาชะมัด

“พูดได้ดี” เจย์เดนที่นั่งอยู่ข้างผมเอ่ยขึ้น เมื่อเราสบตากันผมก็พบความชื่นชมอยู่ในดวงตาของเขา และนั่นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ มัน...น่าอายพิลึก

“หลังจากนี้จะทำไงต่อ?” ผมหันกลับไปถามพี่ชายตัวเอง

แคสถอนหายใจอีกครั้ง “นายไม่ต้องห่วง พวกฉันจะจัดการกันต่อเอง ตอนนี้นายบาดเจ็บ พักรักษาตัวให้หายเถอะ นายก็ด้วยเจย์เดน ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น คอยดูแลไอ้หมอนี่ไป”

“ครับ”

หลังจากอีกฝ่ายกลับไป ทั้งห้องพักผู้ป่วยก็กลับมาเหลือแค่ผมกับเจย์เดนอีกครั้ง คนรักของผมเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือตัวเอง

“นอนมั้ย?”

“อืม” ผมตอบ เขาก็เลยช่วยพยุงผมให้นอนลงไป

“อยากได้อะไรอีกหรือเปล่า”

“อยากให้นายขึ้นมานอนด้วยกัน”

เจย์เดนหัวเราะ “นี่ไม่ใช่ซีรีส์ที่เราเคยดูด้วยกันนะคริสเตียน เตียงคนไข้ไม่ได้ใหญ่พอให้ผู้ชายตัวโตๆ สองคนนอนด้วยกันได้”

“แล้วถ้าทำอย่างอื่นล่ะ?” ผมถาม แสดงความต้องการในตัวเขา

“กำลังหมายถึงฟัดกันบนเตียงเหรอ?” เขาถาม ผมหัวเราะแทนคำตอบ เจย์เดนเห็นอย่างนั้นก็พ่นลมหายใจเหมือนเอือมระอาผมเต็มที แต่ปากของเขากลับยิ้ม “ถ้าให้ขึ้นไปคร่อมนายน่ะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก”

ผมเลิกคิ้ว เขาใช้คำว่า ‘ถ้า’ นั่นหมายความว่าหากเป็นอย่างอื่น...

“แต่ถ้าให้ใช้ปากก็พอจะทำให้ได้อยู่นะ”

ผมยิ้ม ดึงเขาเข้ามาจูบหนักๆ แล้วผละออกเพื่อบอกว่า “แน่นอน ฉันต้องการทุกอย่างที่เป็นนาย”

โซลเมตของผมแสยะยิ้ม เขาขยับปลายนิ้วเกลี่ยเล่นที่แผ่นอกของผม เสื้อคนไข้สีขาวทำให้มองทะลุเข้าไปเห็นยอดอกของผมเลือนราง และนั่นเป้นเป้าโจมตีที่เจย์เดนหมายตา...เขาสะกิดปลายนิ้วหยอกเย้ามันเล่น ทำเอาผมหายใจกระตุกไปวูบหนึ่ง และกลายเป็นกลั้นหายใจเมื่อใบหน้าหล่อเหลาโน้มมาจูบซับที่ปลายคาง ไล่ลงไปที่ต้นคอ ก่อนเลื่อนกลับมากดจูบที่ปากของผมอีกครั้ง

เราแลกปลายลิ้นกันและกัน เข้าสำรวจชิมรสในปากของอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมใคร

“อืม” เจย์เดนครางเครือในลำคอ ขณะที่ผมคำรามลั่น กลางกายร้อนระอุขึ้นมา และมันกำลังจะตื่นขึ้นในไม่ช้า

ผมกระซิบร้องขอสิ่งที่ต้องการจากอีกฝ่าย “ที่รัก สัมผัสมันหน่อยสิ”

เจย์เดนสบตากับผม เขาเลิกคิ้ว ท่าทียียวนราวกับตั้งใจจะแกล้งกัน ซึ่งผมคิดว่าใช่เลยล่ะ เขากำลังแกล้งผม ทำให้ผมทรมานเพราะความต้องการที่ถูกเขากระตุ้นเร้า

“ไอ้หนูของฉันอยากตกอยู่ในอุ้งมือของนายจะแย่แล้ว”

โซลเมตของผมหลุดหัวเราะ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมยื่นมือสอดแทรกเข้าไปในกางเกงสำหรับผู้ป่วย

และในเวลาต่อมา...ผมก็แทบจะสิ้นไร้เรี่ยวแรงเพราะปากของเขา

 

สองสามวันถัดมาผมยังคงอยู่โรงพยาบาล อาการของผมดีขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นหมอก็ยังไม่อนุญาตให้ผมกลับไปพักฟื้นที่บ้าน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหมอตัดสินใจเองหรือแม่ของผมไปพูดอะไรเข้า ผมถึงได้สิทธิ์ใช้ห้องพักพิเศษต่อไปได้ทั้งที่บาดแผลก็ดีขึ้นมากแล้ว

ผมเหลือบมองเจย์เดน ตั้งแต่ผมเข้าโรงพยาบาล อีกฝ่ายก็หอบเอางานมาทำที่นี่แทนที่จะเข้าไปทำที่บริษัท ผมรู้นะว่าเขาไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวันก็ได้ แต่การไม่เข้าเลยห้าวันติดมันจะไม่กระทบกับงานของงั้นเหรอ? และผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้านายของเขาน่ะใจกว้างเกินไปหรือเปล่า

ถึงอย่างนั้นก็เป็นเรื่องดีอยู่เหมือนกันที่เจย์เดนมาอยู่กับผม เพราะตั้งแต่ที่ผมเข้าโรงพยาบาล ผมก็ไม่สามารถไปรับไปส่งเขาเองได้ พอเขาให้เพื่อนขนงานมาส่งให้ที่นี่ เขาก็แทบไม่เคยออกจากห้องพักผู้ป่วยของผมเลย อย่างมากก็ออกไปซื้อของกินของใช้ที่มินิมาร์ทโรงพยาบาล นั่นทำให้ผมสบายใจมากขึ้นว่าเขาจะไม่ต้องออกไปเสี่ยงอันตรายข้างนอก ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเจฟเฟอร์สันจะควานหาตัวเจย์เดนอยู่หรือเปล่า ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากให้คนรักออกไปเพ่นพ่านด้านนอกแล้วโดนเจอเข้าสักวัน

แคสเทียลแวะมาหาทุกวัน เขามาบอกความคืบหน้าต่างๆ ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เรายังหาตัวสองพี่น้องสมิธไม่พบ พวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับมีใครช่วยซ่อนตัวพวกเขาเอาไว้ และถ้าให้ผมเดา ใครที่ว่าก็อาจจะเป็นหัวหน้าใหญ่ของพวกเขาอีกที

ไม่มีทางที่พ่อของเจย์เดนจะเป็นเจ้าของโรงงานผลิตยาเสพติดเอง เขาไม่ได้มีเงินมากมายจะก่อตั้งที่แบบนั้นและจ้างคนไปทำงาน พวกเราเห็นตรงกันว่าเขาน่าจะเป็นลิ่วล้อที่ได้รับคำสั่งมาอีกที แต่...ใครกันล่ะที่เป็นเจ้านายของพวกเขา

ถึงจะสงสัยแต่หน้าที่ของพวกเรา (หมายถึงผม แคส และนิโคไล) คือการตามจับตัวพี่น้องสมิธเท่านั้น ส่วนการสืบสาวไปถึงตัวการใหญ่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโคลตันไปเถอะ เขาเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษของตำรวจ งานพวกนี้ต้องให้เขาทำ ไม่ใช่นักธุรกิจธรรมดาๆ อย่างพี่ชายของผม หรือเจ้าของบริษัทฝึกบอดี้การ์ดอย่างนิโคไล ริชมอนด์

อ้อ ดูเหมือนอีกคนที่ผมยังไม่ได้พูดถึงก็คือโจชัว เด็กคนนั้นรู้เรื่องทุกอย่างแค่คร่าวๆ เพราะนิคไม่อยากให้รู้อะไรมากไปกว่านี้ ด้วยเหตุผลว่าอีกฝ่ายยังเด็กน่ะนะ (ซึ่งผมคิดว่าสิบแปดเนี่ยไม่เรียกว่าเด็กหรอกนะ แต่ก็นั่นล่ะ เขายังเด็กเกินไปกับเรื่องสีเทาเข้มข้นจริงๆ) โจชัวจึงรู้แค่ว่าผมโดนจาเร็ตยิงเพราะเรื่องยักยอกเงิน ส่วนเรื่องโรงงานยาเสพติด เรื่องที่พ่อของเขาหนีไปจากการจับกุม และเรื่องที่แม่ของเขาถูกจับแล้ว...เขายังไม่รู้เรื่องพวกนี้

เป็นความเห็นชอบจากคนเป็นพี่ชายอย่างเจย์เดนที่คิดว่าไม่ควรบอกตอนนี้ เขากลัวว่าโจชัวจะเสียใจมากไปกว่านี้ เพราะทุกวันนี้เจ้าเด็กนั่นก็ทำหน้าอมทุกข์เกินจะทนไหวแล้ว ผมสงสารเขานะ แต่ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ เขาต้องเรียกรู้ที่จะยอมรับมัน เหมือนที่พี่ชายของเขายอมรับและทนเจ็บปวดมานานเป็นสิบๆ ปี

“คริส เฮ้ คริสเตียน!” ผมหลุดออกจากความคิดตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงโซลเมตเอ่ยเรียก อีกฝ่ายเมื่อเห็นผมเหม่อจึงวางมือจากงานแล้วลุกมาหาผม “เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บแผลเหรอ?”

“เปล่า แค่คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ”

“อยากให้ฉันใช้ปากให้อีก?” เจย์เดนหยอกล้อ

ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าได้ก็ดี”

เขาแค่นหัวเราะ “ไม่เอาล่ะ รอให้นายหายดีก่อนเถอะ”

“ทำไม?”

“จะได้ฟัดกันแรงๆ แบบทุกทีไง”

ผมระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น กวักมือเรียกเขาเข้ามาใกล้ แล้วเราก็สวมกอดกันหลวมๆ เราซุกหน้าเข้าหาซอกคอของกันและกัน ผมสูดดมกลิ่นหอมของครีมอาบน้ำและโคโลญบนตัวเขา สัมผัสเส้นผมนิ่มลื่นมือ ก่อนจะเลื่อนใบหน้าไปฝังจมูกเข้าที่ข้างแก้มของเขา...ดูประหลาดไปหน่อยที่ผู้ชายตัวโตๆ สองคนหอมแก้มกัน แต่เพราะว่าเป็นเขา ผมจึงรักในทุกสิ่งที่ได้ทำกับเขา

เจย์เดนหัวเราะแผ่วเบา “จั๊กจี้น่า”

“เหรอ แต่ฉันชอบนี่” ผมบอก ซุกหน้ากลับเข้าไปที่ซอกคอของเขาอีกครั้ง เอาไรหนวดที่ยังไม่ได้โกนถูไถไปมา และนั่นทำให้โซลเมตของผมหัวเราะมากกว่าเดิม

“พอได้แล้ว เฮ้ ไม่เอาน่าพวก” ผมยอมหยุดในที่สุด เห็นดังนั้นเจย์เดนจึงจับยึดใบหน้าของผมเอาไว้ อีกฝ่ายขมวดคิ้วเล็กน้อย “ให้ฉันโกนหนวดให้มั้ย?”

ผมยิ้ม “ได้ก็ดี”

หลังจากนั้นผมก็นั่งนิ่งให้คนรักหนุ่มจัดการโกนหนวดเคราที่เริ่มยาวออกให้ ทุกการขยับเคลื่อนไหวของเขา ผมจดจ้องไม่วางตา ผมสัมผัสได้ถึงความประหม่าของเขา และนั่นทำให้ผมอยากจะยิ้มเหลือเกิน แต่ดันยิ้มไม่ได้เพราะกลัวโดนมีดโกนบาดหน้าเอาน่ะสิ ทรมานชะมัดเลย

เจย์เดนคงสัมผัสได้ถึงความขัดใจจากผม เขาเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย ผมอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายหยุดมือเพื่อส่ายหน้า ก่อนจะบอกให้เขาโกนต่อให้เสร็จ

ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งการโกนหนวดโดยช่างที่มีเพียงหนึ่งเดียวของผมก็เสร็จสิ้น ผมลงจากเตียงนอนอันแสนน่าเบื่อและคับแคบ ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยก่อนจะเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปนอกบานกระจก ชมวิวทิวทัศน์ที่มีให้เห็นแค่นี้ และคิดว่าจะชวนเจย์เดนออกไปเดินเล่นที่สวนของโรงพยาบาลดีไหม

หมับ

ในระหว่างที่ผมกำลังครุ่นคิด ก็สัมผัสได้ถึงแรงกอดรัดจากด้านหลัง และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโซลเมต...คนรักของผม ไม่บ่อยนักที่เราจะยืนกอดกันแบบนี้ ไม่บ่อยยิ่งกว่าที่เขามากอดผมก่อน

ผมปล่อยให้เขากอด หลุบตามมองใบหน้าของคนรักที่เกยอยู่บนบ่าของผม เรากอดกันเงียบๆ ไร้ซึ่งเสียงพูดคุย แค่ปล่อยสายตาให้มองออกไปด้านนอกหน้าต่าง และเราคงจะอยู่ในบรรยากาศอันแสนอบอุ่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ หากไม่ใช่ว่าเสียงประตูห้องพักของผมเปิดออก...มีแขกมาเยี่ยมเยียนอีกครั้ง

แต่เมื่อเราหันกลับไปมอง ทั้งร่างของผมราวกับถูกจับแช่แข็ง!

“ไง ยังไม่ตายจริงๆ สินะ” อีกฝ่ายยิ้มหยัน จ่อปืนมาที่เราสองคน ผมรีบผลักให้เจย์เดนไปอยู่ด้านหลัง แต่เขาไม่ยอม โซลเมตของผมขยับมายืนข้างกัน...จาเร็ต สมิธก้าวเข้ามาใกล้เรามากขึ้น “แต่แกกำลังจะตายวันนี้ล่ะ”

“จะทำอะไรก็รีบทำเข้าเถอะ ก่อนที่จะมีใครเข้ามา...!”

บุคคลที่สี่ซึ่งมากับอีกฝ่ายเดินตามเข้ามายืนข้างๆ ใบหน้านั้นผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เดาได้ไม่ยากว่าเขาเป็นใคร และผมคิดว่าตัวเองเดาถูก เพราะผมรู้สึกได้ถึงความตกใจของเจย์เดน ไหนจะเสียงเรียกที่หลุดออกมาจากปากของเขานั่นอีก

“พ่อ”

เจฟเฟอร์สัน สมิธเบิกตากว้าง แววตาเคียดแค้นจริงจัง...เขาชักปืนของตัวเองออกมาแล้วจ่อตรงมาที่ลูกชายของตัวเอง เสียงเข้มตวาดก้อง “แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงไอ้เจย์เดน!”

ผมเอ่ยสวนกลับไปด้วยประโยคที่คิดขึ้นได้ในตอนนั้น หวังเบี่ยงเบนความสนใจจากพวกเขา

“พวกคุณต้องการอะไร!?”

อดีตพ่อเลี้ยง (ที่ผมไม่อยากจะเรียกอย่างนั้นเลยด้วยซ้ำ) แสยะยิ้มอีกครั้ง มันเขย่าปืนในมือ

“มาฆ่าแกไงไอ้ลูกหมา!”


_______________

โดนบุกมายิงถึงโรงพยาบาล คราวนี้จะตายจริงมั้ย แต่ตายก็ตายคู่อะ โห โรแมนติกดีจัง ._.

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 23 [24-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-11-2018 01:51:14
 :a5:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 23 [24-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 24-11-2018 02:38:59
รพ.นี่ไม่ปลอดภัยเลยยย เข้ามาง่ายๆเลย เหมือนเดินเข้าบ้าน =_=
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 23 [24-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 24-11-2018 03:06:37
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไม่คิดว่าจะบุกมาถึงรพ  :ling2:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 23 [24-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 24-11-2018 05:25:55
เห้้ยยยยยยยย พี่น้องคู่นี้ เลวจ๊นนนนนน
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 23 [24-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-11-2018 19:03:05
ตำรวจมัวไปทำอะไรอยู่นะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 23 [24-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-11-2018 20:42:42
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 23 [24-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: mimirose ที่ 25-11-2018 08:04:47
 o22 o22 :ling1: :ling1: มาเขียนต่อเร็วนะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 24 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 25-11-2018 23:52:52
Chapter 24

When it's over


 

จบลงเสียที

 

“คุณไม่กล้าหรอก” คริสเตียนตอบ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งที่ความจริงใจเขากำลังสั่นไหวด้วยความหวาดหวั่น ผมสัมผัสได้

แต่ก่อนที่เขาจะได้ต่อปากต่อคำกัน หรือก่อนที่คุณอาของผมจะได้ยิงปืนซึ่งใส่ตัวเก็บเสียงมาเป็นอย่างดีเข้าร่างคริสเตียนอีกครั้ง พ่อของผมก็ยกมือขึ้นมาขวางหน้าน้องชายตัวเองเอาไว้ซะก่อน

“หยุด อย่าเพิ่งยิง”

“อะไรของแกวะ รีบฆ่ามันจะได้รีบๆ ไปจากที่นี่สักทีไง!”

ดวงตาของพ่อจ้องมองมาที่ผม เราสบตากันเนิ่นนาน เป็นครั้งแรกที่เราได้มองตากันชัดๆ แบบนี้ หลังจากเวลาผ่านไปกว่าสิบ...หรืออาจจะยี่สิบปี ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราสบตากันนานขนาดนี้ครั้งสุดท้ายน่ะมันเมื่อไหร่

“แก...เป็นอะไรกับลูกเลี้ยงของไอ้จาเร็ต?”

ผมหวั่นเกรงกับแววตาและน้ำเสียงของเขา แต่ผมก็ยังเลือกที่จะตอบความจริงออกไป “โซลเมต”

“โซลเมต? ตั้งแต่เมื่อไหร่?” พ่อทวนถาม ดวงตาเขาเบิกกว้างขึ้น ก่อนจะกลับมาหรี่ลง “ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่แกรู้ตัวว่ามันเป็นโซลเมตของแก!”

ผมไม่ควรขำ ในสถานการณ์อันตรายแบบนี้ แต่ผมกลับแค่นหัวเราะออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ “พ่อสนใจด้วยเหรอครับ เราไม่ได้ติดต่อกันตั้งหลายปี ผมจะเจอโซลเมตของผมตอนไหน มันก็ไม่เกี่ยวกับพ่อนี่ครับ”

“อย่ามาเล่นแง่กับฉันไอ้เด็กเวร!” เขาตวาด ดึงปืนของตัวเองออกมาจ่อใส่ผม และนั่นทำให้หัวใจผมหล่นวูบเช่นกัน...เขาจะยิงผมจริงๆ งั้นเหรอ? แต่ก็ไม่แปลกหรอกถ้าเขาทำจริงขึ้นมา เพราะก่อนหน้านี้ที่ในป่าเขายังลั่นกระสุนใส่ผมตั้งหลายนัด ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พ่อของผมอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นปีศาจร้าย ไอ้ขี้ยา และนายหน้าขายยาเสพติดตัวอันตราย

“หลายเดือนก่อน” ผมยอมตอบในที่สุด

พ่อขมวดคิ้ว “มันบังเอิญเกินไป ลูกเลี้ยงของจาเร็ตกับแกเนี่ยนะ?”

“ไม่มีคำว่าบังเอิญหรอก” คริสเตียนที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น เขาดึงความสนใจของพ่อและอาของผมไปที่เขาอีกครั้ง “โซลเมตได้มาพบกันเพราะโชคชะตา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นต่างหากที่เป็นผลจากแผนการของพวกเรา”

ผมเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเปิดเผยความจริงอย่างตรงไปตรงมา...ที่เขาพูดแบบนี้ ฃมันหมายความว่าเขาจะบอกแผนการของเราให้พ่อกับอารู้งั้นเหรอ!? และพ่อของผมก็ไม่ใช่คนโง่เสียด้วย เพียงคีย์เวิร์ดไม่กี่คำเขาก็พอจะจับใจความได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร

“แผนการ...” เขาถลึงตากว้าง กระชับอาวุธในมือแน่นขึ้น “พูดออกมาให้หมดว่าพวกแกทำอะไร!?”

“...”

“พูดเดี๋ยวนี้ก่อนที่ฉันจะยิงแก ไอ้ลูกทรพี!”

คริสเตียนกุมกระชับมือของผมแน่น เราสบตากัน เขากำลังให้กำลังใจผมผ่านแววตาที่ส่งมา และเพียงแค่เขาพยักหน้า ผมก็เข้าใจความหมายนั้น

ผมเปิดปากเล่า “ผมรู้ว่าพ่อค้ายา”

“งั้นก็เป็นแกสินะที่บอกตำรวจ!”

“เปล่า ผมไม่ได้บอกใคร แต่มีอีกคน...มีอีกคนที่รู้เรื่องนี้”

“แกกำลังหมายถึงใคร รีบๆ พูดออกมาสักทีเซ่!” เขาตะโกน ความไม่พอใจอัดแน่นอยู่ในน้ำเสียงและดวงตา

ผมเม้มปากแน่น และคลายออกพร้อมคำตอบที่หลุดรอดออกมาจากริมฝีปาก “โจชัว”

“!!!”

“เขารู้มาตลอดว่าพ่อค้ายา วันนั้นที่ผมแอบไปที่บ้าน ผมตั้งใจจะช่วยเขาออกมาพร้อมกับโจแอนนา แต่ไม่คิดว่าเธอก็เป็นพวกเดียวกันกับคุณ นั่นมันเลวร้ายมากสำหรับโจชัว ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมคุณกับเธอต้องทำร้ายเขาด้วย เขาควรได้รับความรักที่ดีจากคุณ แต่คุณกลับทำร้ายเขา เหมือนที่ทำร้ายผม คุณไม่เห็นใจลูกชายของคุณบ้างหรือยังไง”

พอได้มีโอกาสผมก็หลุดพูดความในใจออกไปเสียแทบหมดเปลือก พ่อกำด้ามปืนแน่น “หุบปากของแกไปซะไอ้ระยำเอ๊ย! พวกแกเอาเรื่องนี้ไปบอกตำรวจสินะ! ไม่งั้นมันคงไม่บุกไปทลายโรงงานของฉันจนพังย่อยยับ!”

“แล้วแกล่ะไอ้คริสเตียน แกมีส่วนรู้เห็นหรือเปล่า!?” จาเร็ตที่เงียบอยู่นานถามอดีตลูกเลี้ยงของเขาเอง

คริสเตียนแสยะยิ้ม “เออ ทั้งหมดมันเป็นแผนของเรา ฉันหาหลักฐานมาเปิดโปงแก เพราะรู้ว่าแกเอาเงินไปลงทุนให้กับโรงงานยาเสพติดของพี่ชายแก ส่วนแคสกับโซลเมตของเขาทำหน้าที่หาโรงงานของพวกแกไงล่ะ”

“ไอ้สวะเอ๊ย! กล้ามากที่ทำกับฉันแบบนี้” จาเร็ตตะคอก ขณะที่พ่อของผมตวาดตามมาติดๆ ด้วยเสียงอันดัง

“แกก็เหมือนกันไอ้เจย์เดน แกกล้าทำกับพ่อของแกแบบนี้ได้ยังไง!?”

“คุณเห็นผมเป็นลูกด้วยหรือไง คุณคิดจะฆ่าผมมาแล้วครั้งหนึ่ง คงไม่มีพ่อคนไหนกล้ายิงลูกตัวเองได้เหมือนคุณหรอกเจฟเฟอร์สัน!” พอกันที ผมจะไม่เรียกเขาว่าพ่ออีกแล้ว!

อีกฝ่ายเดือดดาลยิ่งกว่าเก่า เขาลั่นไกยิงแจกันที่อยู่ด้านหลังของผมจนแตก แต่เพราะว่าเป็นปืนเก็บเสียง เสียงที่เกิดขึ้นจึงมีแค่เสียงแจกันแตกเท่านั้น...ไร้ซึ่งเสียงปืนให้คนทั้งโรงพยาบาลได้ยิน

“ใช่! และตอนนี้ฉันจะฆ่าแกอีกรอบ คราวนี้แกได้ตายจริงๆ แน่ไอ้ลูกเฮงซวย!”

ปัง!

ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาอย่างแรงจนกระทบกับผนัง ส่งเสียงดังกังวานขัดจังหวะการสนทนาของเราสี่คน

“วางปืนลงซะมิสเตอร์สมิธ” นิโคไลเล็งปืนมาที่พ่อของผม ด้านหลังของเขามีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบของโคลตันและลูกน้องของเขาเอง ยืนล้อมป้องกันทางออกที่มีเพียงทางเดียวเอาไว้อีกหลายคน “ผมบอกให้คุณวางปืน เจฟเฟอร์สัน จาเร็ต!”

“พวกแก!”

“มันมาได้ยังไงวะ ไหนแกบอกว่าทางสะดวกไง!” อาจาเร็ตเปลี่ยนไปจ่อปืนใส่นิโคไลแทน มีแต่พ่อที่ยังจ้องจะยิงผมเหมือนเดิม แม้ว่าผมจะไม่มีอาวุธสักชิ้นมาสู้กับเขาก็ตาม

“ฉันไม่รู้ ก็สายของฉันบอกว่าไม่มีคนเฝ้านี่หว่า ฉันจะรู้มั้ยว่าทำไมพวกมันถึงตามกลิ่นมาได้ไวขนาดนี้”

“ไอ้เวรเอ๊ย ทีนี้จะเอาไงต่อล่ะวะ!?”

“หาทางออกไปจากที่นี่ไงไอ้โง่”

“พวกคุณหนีไม่รอดหรอก” คริสเตียนโพล่งขึ้น “ถึงออกไปจากห้องนี้ได้ก็เจอคนของเราดักไว้ทุกที่อยู่ดี”

“หมายความว่ายังไง!?” อาจาเร็ตถาม สีหน้าของเขาขุ่นเคืองจนแทบระเบิด

โซลเมตของผมแค่นหัวเราะ “แค่นี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือไง แปลว่าพวกคุณถูกหลอกน่ะสิ”

ผมขมวดคิ้ว ถูกหลอกงั้นเหรอ? หมายความว่าการที่พ่อกับอาโผล่มาที่นี่ เป็นแผนหลอกล่อให้พวกเขาปรากฏตัวออกมาให้เราจับกุมสินะ ใช่มั้ย?

“ไม่คิดเหรอว่าพวกคุณบุกเข้ามาที่นี่ได้ง่ายเกินไป ทั้งที่ควรจะมีบอดี้การ์ดเฝ้าหน้าห้องของคริสเตียนแต่กลับไม่มี” นิโคไลถาม น้ำเสียงของเขานิ่งเรียบจนน่ากลัว “ก็อย่างที่เขาบอก ทั้งหมด...เป็นแผนของเรา”

“!!!”

“แคสเทียลรู้ว่าคุณจะมา จาเร็ต เขามั่นใจเพราะคนอย่างคุณมันเป็นพวกแค้นฝังหุ่น คุณอยากฆ่าพวกเขาสองคนพี่น้อง เพราะทำให้คุณพลาดเงินก้อนโต พลาดที่จะได้เก็บเกี่ยวเงินอีกมหาศาลที่มาจากการยักยอกบริษัทแคมเบลล์ แล้วไหนจะการลงทุนที่เสียเปล่า เพราะโรงงานยาเสพติดของพี่คุณถูกทำลายนั่นอีก”

“ไอ้...”

“นึกให้ดีๆ สิคุณสมิธ ว่าอะไรทำให้คุณรู้ว่าคริสเตียนอยู่โรงพยาบาลนี้ อะไรทำให้คุณเข้าใจว่าไม่มีคนเฝ้าระวัง ทั้งที่ความจริงคนของเรากระจายตัวกันอยู่ที่นี่ และรอให้พวกคุณเข้ามาติดกับ”

ผมเบิกตากว้าง ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน...คริสเตียนรับรู้ได้ถึงความตกใจของผม เขาบีบมือผมแน่นขึ้น กระซิบเสียงเบาข้างหู “ไว้จะเล่าให้ฟังทีหลัง”

“นายปิดบังฉันอีกแล้วนะ”

ผมรู้สึกได้ว่าโซลเมตของผมชะงักไป เขากำลังกลัวว่าผมจะโกรธ

ผมเฝ้ามองสถานการณ์ตรงหน้าต่อไป ตัดเรื่องที่คนรักไม่ยอมบอกแผนลวงครั้งนี้กับผมทิ้ง นี่ไม่ใช่เวลาจะมาถกเถียงกัน แต่สาบานได้ว่าผมไม่ได้โกรธ มัน...เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ไม่รู้สิ ช่างมันไปก่อนแล้วกัน

“พวกแกส่งสายเข้ามาอยู่ในกลุ่มของฉัน!” พ่อของผมตวาดลั่น คงรู้สึกเสียหน้าที่โดนตลบหลังมาตลอด

และในระหว่างความตึงเครียดที่เกิดขึ้นนั่นเอง...

ฟุ่บ!

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พ่อพุ่งตัวเข้ามาหาคริสเตียน ผมรีบผลักคนรักออกแล้วเข้าไปแย่งปืนจากมือเขาแทน แต่อีกฝ่ายก็ยื้อเอาไว้แน่น เราฉุดกระชากกันไปมา แต่แล้วแผ่นหลังของผมก็ถูกกระแทกด้วยด้ามปืนจากอาจาเร็ต ความเจ็บปวดแล่นลิ่วจนผมทรุดลงไปกองกับพื้น และคงจะโดนยิงเจาะหัวไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคริสเตียนพุ่งกลับเข้ามาผลักอดีตพ่อเลี้ยงของเขาออกห่างจนร่างกระเด็นไปไกล

ฉับพลันนั้นมีเสียงลั่นไกจากปืนเก็บเสียงของใครสักคนดังขึ้นเบาๆ

ปุ!

“อ๊าก!”

กระสุนเจาะเข้าที่ต้นแขนขวาของพ่อผม ทำให้ปืนหลุดออกจากมือของเขา ผมรีบพุ่งเข้าไปเตะมันออกห่างทันที ถึงอย่างนั้นพ่อก็ยังมีแรงมากพอที่จะคว้าตัวผมเอาไว้ กระชากเต็มแรงจนเราทั้งคู่ล้มกลิ้งไปด้วยกัน

“โอ๊ย!” ผมร้อง เจ็บร้าวหน้าผากจนสายตาพร่าเบลอไปชั่วขณะ หัวของผมกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่าง

“ไอ้สารเลว แกกล้ามากที่เอาตำรวจมาจับฉัน!”

“อึก” ผมรั้งแขนเขา พยายามดึงมันออกจากลำคอ ถ้าผมไม่ตายเพราะกระสุน ก็น่าจะตายเพราะหายใจไม่ออกแทน พ่อรัดคอผมแน่นมาก กะเอาให้ถึงตายจริงๆ

พลั่ก!

คริสเตียนพุ่งมาจากไหนไม่รู้ เขาศอกใส่ใบหน้าของพ่อผมจนต้องคลายแขนออก ความชุลมุนเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากนั้น ผมโน้มตัวลงไอโขลก ก่อนจะทิ้งตัวนอนไปบนพื้นอย่างหมดสภาพ หอบหายใจหนักหน่วง รู้สึกได้ถึงน้ำเหนียวหนืดที่ไหลลงมาจากข้างขมับ พอแตะดูถึงได้รู้ว่าเป็นเลือด...อย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ให้ตายสิ ผมหัวแตกอีกแล้ว

“เฮ้ โอเคมั้ย” โซลเมตของผมเอ่ยถาม...ผมพยักหน้า ไออีกสองสามที คริสเตียนช่วยพยุงผมขึ้นนั่ง “ฉิบ! ระยำเถอะ นายหัวแตก”

ผมอยากจะบอกว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แต่เมื่อมาคิดดูอีกทีผมเพิ่งหัวแตกไปไม่นาน ยังไม่ทันหายสนิทก็ดันมาแตกซ้ำอีกครั้ง โชคดีที่ไม่ใช่ตำแหน่งเดิม ไม่งั้นคงขำไม่ออกแน่

“ใครเป็นคนยิงพ่อ” ผมกวาดตามอง พ่อกับอาจาเร็ตถูกตำรวจควบคุมตัวเอาไว้ได้แล้ว พวกเขาถูกล็อกแขนไพล่หลัง ข้อมือถูกสวมกุญแจมือเอาไว้ และแม้ว่าจะพยายามสะบัดตัวหนี แต่เจ้าหน้าที่ก็มีแต่จะกดร่างของทั้งสองคนกับพื้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“นิค” คริสเตียนตอบ

“ปล่อยนะโว้ย! เวรเอ๊ย ไอ้เจย์เดน ไอ้ลูกชั่ว! ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”

ผมมองพวกเขาถูกพาตัวออกจากห้องพักผู้ป่วยไปโดยไม่พูดอะไรโต้ตอบคำพูดของพ่อที่กร่นด่าผมไม่หยุด กระทั่งทั้งห้องเหลือเพียงเราสามคน นิคก้าวเข้ามาหา เขามองสำรวจใบหน้าของผมเล็กน้อย

“ไปทำแผลเถอะ ก่อนที่โจชัวจะมา”

“เขารู้เรื่องแล้ว?” ผมถาม

“รู้ ฉันให้คนเฝ้าเขาเอาไว้ ไม่อยากให้เขามาด้วยน่ะ” นิคถอนหายใจแผ่วเบา “แต่ตอนนี้เขาน่าจะกำลังมา คนของฉันรายงานว่าเขาแอบหนีออกจากบ้านก่อนหน้าที่เราจะบุกเข้ามาไม่นาน เป็นโชคดีที่ระหว่างการต่อสู้เมื่อกี้เขายังมาไม่ถึง”

“ครับ โชคดีมากจริงๆ”

นิโคไลหันไปหาคริสเตียน “พี่ชายของนายอยู่ด้านล่างกับโคลตัน อีกสักพักก็คงจะขึ้นมาเหมือนกัน”

“เพราะเราจับกุมสมิธได้ พวกเขาเลยไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยเลย”

คนฟังหัวเราะ “นั่นสินะ ถึงอย่างนั้นการลดความวุ่นวายและความสูญเสียก็น่ายินดีนะว่ามั้ย?”

แล้วเขาก็ออกไป ทิ้งผมให้ยืนมึนงงกับคนรัก ที่ดูเหมือนว่าแผลถูกยิงจะปริออกมาจนเลือดซึม “ไปทำแผลกันเถอะ เลือดนายซึมออกมาแล้วเหมือนกัน”

คริสเตียนก้มมองหน้าท้องตัวเอง “อ่า จริงด้วย ก็ว่าทำไมเจ็บๆ”

ผมพ่นลมหายใจแรง สีหน้าไม่สบอารมณ์นัก และนั่นทำให้คุณโซลเมตยิ้มแหย...เขารู้ว่าผมกำลังไม่พอใจ และกำลังต้องการคำอธิบาย

“คือที่จริงแล้วฉันกำลังจะบอกนาย แต่ว่าพวกมันบุกเข้ามาก่อน ฉันก็เลยไม่ทันได้บอก...”

ผมตัดบท “ไว้นายค่อยเล่าให้ฉันฟังหลังจากเราไปทำแผลกันเสร็จก็แล้วกัน”

“เอ่อ ได้สิ”

 

ทุกอย่างจบลงแล้ว

ตอนนี้ห้องพักของคริสเตียนเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ยกเว้นคุณโคลตัน มิสเตอร์แคสเทียลบอกว่าเขาต้องทำหน้าที่คุมตัวผู้ต้องหาไปส่ง ส่วนนิโคไลกลับมาอีกครั้งพร้อมโจชัวและ...เจสซี่กับแม่ของผม

ทันทีที่ทั้งสองเห็นผม พวกเธอก็โผเข้ามาสำรวจเนื้อตัวของผมทันที หมุนร่างผมซ้ำไปซ้ำมาเพื่อหาบาดแผลที่อาจจะมีนอกจากบนหัว จนสุดท้ายผมต้องรั้งพวกเธอเอาไว้ให้หยุดนิ่ง

“ผมสบายมาก ไม่เป็นไรครับแม่”

“พี่มันแย่ที่สุดเลยเจย์! เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่บอกเรา!” เจสซี่ขึ้นเสียงใส่ สีหน้าเธอผสมปนเประหว่างความโกรธกับความเป็นห่วง ดวงตาของเธอเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำ

“ไม่บอกผมด้วยซ้ำ” โจชัวตัดพ้ออีกคน ผมกวักมือเรียกเขาให้ขยับเข้ามาหา ก่อนเราสามคนพี่น้องจะกอดกันแน่น

“ไม่อยากให้พวกนายได้รับอันตราย พี่ถึงได้ไม่บอก ขอโทษนะ”

เจสซี่ทุบหลังผม “ถ้าโจไม่มาบอก เราก็คงไม่ได้รู้เรื่องไปตลอดชีวิต”

“ไม่หรอกน่า ยังไงพี่ก็ต้องบอกในสักวัน“ ผมหัวเราะ ลูบหัวน้องสาวคนเก่งที่กำลังร้องไห้ ก่อนจะหันไปสบตาแม่ ยิ้มให้เธอคลายความกังวล และเป็นการขอโทษที่ไม่ยอมบอกอะไรเลย

แม่เม้มปากแน่น ดวงตาเธอแดงก่ำ ทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีกคน “แม่ขอโทษที่ไม่เคยรู้เลยว่าลูกต้องเจอกับอะไรบ้าง แม่เสียใจจริงๆ เจย์เดน”

“ไม่หรอกครับ เป็นผมเองที่ไม่ยอมบอก ผม...ไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ”

เธอขยับเข้ามากอดเราทั้งสาม กลายเป็นว่าตอนนี้เราสี่คนกำลังยืนกอดกันกลมอยู่กลางห้องผู้ป่วย โดยมีคริสเตียน แคสเทียล และนิโคไลมองอยู่ห่างๆ

“เอาล่ะ เรื่องวุ่นวายจบลงแล้ว หลังจากนี้จะเอายังไงต่อล่ะเจย์เดน?” มิสเตอร์แคสเทียลเอ่ยถาม

ผมขมวดคิ้ว แต่เมื่อเห็นสายตาที่มองไปยังโจชัว ผมก็เข้าใจ “พ่อโดนจับ ส่วนโจแอนนาก็ถูกส่งเข้ารับการบำบัดยาเสพติด ผมคงรับโจชัวมาอยู่ด้วย”

“ให้แม่รับเขาเป็นลูกบุญธรรมก็ได้นะเจย์ แม่ยินดี” แม่เสนอ โจชัวยิ้มให้เธอ ทั้งสองเคยเจอกันอยู่บ้าง และแม่ก็ให้ความเอ็นดูเขาในฐานะน้องชายของผม ถึงแม้ว่าโจกับเจสจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันก็ตาม

“ไม่ได้หรอกครับแม่ ผมไม่อยากรบกวนแม่” ผมส่ายหน้า เหลือบไปมองนิโคไลที่ยังคงเงียบ “อีกอย่าง...มาคิดดูแล้วอาจมีคนที่อยากรับโจไปดูแลแทนผม”

พอได้โอกาสมิสเตอร์ริชมอนด์ก็ก้าวเข้ามาใกล้โจชัว โอบไหล่น้องชายของผมเบาๆ “ผมจะดูแลเขาเองครับ ยังไงเขาก็เป็นโซลเมตของผม”

สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าโจชัวจะไปอยู่กับนิโคไล ซึ่งผมโอเค เพราะคงไม่มีใครดูแลน้องชายของผมได้ดีไปกว่าเขา หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อย (แน่นอนว่าผมไม่ลืมที่จะแนะนำคริสเตียนให้แม่ได้รู้จัก) คนทั้งหมดก็กลับไป เหลือเพียงผมกับโซลเมตของผมอีกครั้ง

บาดแผลของคริสเตียนที่ปริจนเลือดซึมได้รับการทำแผลใหม่ แต่เพราะว่าแทนที่มันจะหายเร็วขึ้นก็ดันไม่หาย ตอนนี้อีกฝ่ายจึงถูกผมไล่ต้อนให้กลับขึ้นไปนอนบนเตียงคนไข้อีกครั้ง

“มันจบแล้ว” เขาพูดขึ้นหลังจากทั้งห้องพักเหลือเพียงเราสองคน

ผมยิ้ม “ใช่ มันจบแล้ว”

คริสเตียนกระดิกนิ้วเรียกให้ผมโน้มใบหน้าลงไปหา...เราจูบกันเบาๆ แต่จูบกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักพอ และเมื่อเราผละออกห่างจากกัน ผมก็อดไม่ได้ต้องประทับริมฝีปากลงไปบนหน้าผากของเขา

“ขอบคุณที่ทำเพื่อฉัน”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย” คริสเตียนปฏิเสธ ผมยิ้มกว้าง แนบจุมพิตที่ข้างแก้มของเขา

“แค่นายอยู่เคียงข้างฉันในวันที่ฉันอ่อนแอก็มากเกินพอแล้ว ที่รัก”

“หลังจากนี้ฉันก็ยังจะอยู่กับนาย” แล้วเราก็จูบกันอีกครั้ง ดูดดื่มยิ่งกว่าเดิม เสียงกระซิบแผ่วหวานดังคลอเคลียอยู่ระหว่างริมฝีปากของเราทั้งคู่ “อยู่ด้วยกันจนกว่าจะตายจากกันเลยนะ ตกลงมั้ย?”

“แน่นอน”


_________________

ทุกอย่างคลี่คลาย ตอนหน้าจบแล้วนะคะ ใจหายจังเลย แง

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 24 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 26-11-2018 00:04:02
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 24 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-11-2018 06:44:26
จบแล้ววว ดีใจ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 24 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-11-2018 07:01:54
จะจบแล้วหรอ แง
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 24 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-11-2018 09:50:24
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 24 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 26-11-2018 10:42:44
จับได้ซักที แต่หัวแตกอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 24 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-11-2018 11:50:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 24 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-11-2018 16:27:19
จะได้สุขีๆ กันแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Chapter 24 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-11-2018 18:50:50
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Epilogue [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 26-11-2018 20:25:09

Epilogue

Why do you believe in soulmate?

[Christian]


 

ทุกอย่างเป็นเรื่องของโชคชะตา

 

คลับเดิม หน้าห้องน้ำที่เดิม...แต่สถานการณ์ไม่เหมือนเดิม

ที่ยืนพิงกำแพงอยู่ตอนนี้ไม่ใช่สาวสวยในชุดเดรสสีดำหรือสีแดง ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่บึ้มหรือสะโพกผาย อีกฝ่ายเป็นผู้ชายร่างกายกำยำสมส่วน โครงหน้าได้รูปเอียงไปทางซ้ายเล็กน้อย เส้นผมสีเข้มบางส่วนตกลงมาปรกหน้าผาก สองมือของเขากอดอกเอาไว้ ริมฝีปากเผยอยิ้มบางๆ และดวงตาคู่สวยจดจ้องมาที่ผม

ไม่ใช่คู่นอนคืนเดียวแล้วแยกทางเหมือนทุกครั้ง นี่คือคู่นอนตลอดชีวิตของผม

เจย์เดน คาร์เตอร์

ผมกักเขาเอาไว้ด้วยสองแขน ทาบทับฝ่ามือลงบนผนังข้างหัวไหล่ของเขา ขยับใบหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

“นึกถึงวันแรกที่เราเจอกันเลยนะ” เขาพูดขึ้น

ผมหัวเราะ “ต้องเรียกว่านายเดินมาชนฉันมากกว่า”

เจย์เดนหัวเราะตาม “เป็นความบังเอิญที่ทำให้ฉันได้พบกับนาย”

“เป็นโชคชะตาที่ทำให้เราได้มาพบกันต่างหาก” ผมแย้ง แนบร่างกายตัวเองเข้ากับเขา ท่อนล่างเสียดสีกันแผ่วเบา หน้าท้องถูไถกันโดยมีเสื้อเชิ้ตบางๆ ของเราทั้งคู่ขวางกั้น...ผมจูบเขา สอดปลายลิ้นเข้าหา เราจุมพิตกันราวกับจะดูดดื่มวิญญาณของกันเข้าไปด้วย

เป็นหนึ่งเดียว และมีแค่เราเท่านั้นที่ยืนอยู่ตรงนี้

“นายเชื่อเรื่องโซลเมตมั้ย?” เขาถามผมเหมือนที่ผมเคยถามเขาเมื่อนานมาแล้ว

ผมพยักหน้า และย้อนถามกลับไป “แล้วนายล่ะ?”

“ฉันเชื่อ แต่เคยคิดว่าถ้าหากเจอโซลเมต ฉันจะไม่รักเขา” เจย์เดนยิ้ม

“ฉันคิดว่าฉันเข้าใจ” ผมบอก เหตุการณ์เก่าๆ ย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำ

เขากลัวที่จะรัก เพราะความรักของคนสองคนเคยทำให้เขาเจ็บปวดมาแล้ว ความรักของพ่อและแม่เขาเอง

“แต่ตอนนี้ฉันไม่กลัวอีกแล้วที่จะรัก” เจย์เดนลูบใบหน้าของผม เขามองลึกเข้ามาในดวงตาของผม “เพราะเมื่อฉันเปิดใจ ฉันก็ได้พบกับคนที่ฉันอยากจะรัก ซึ่งนั่นก็คือนาย...โซลเมตของฉัน”

เป็นอีกครั้งที่ผมอดใจไม่ไหว จูบปากเจย์เดนเนิ่นนานกว่าจะผละออก

“Why do you believe in soulmate?” เขาย้อนถามผมบ้าง

ผมหัวเราะ สวมกอดเขาจนแผ่นอกของเราแนบชิดกัน กระซิบคำตอบข้างหูอีกฝ่าย

“เพราะเชื่อว่าสักวันฉันต้องได้เจอคนที่ฉันจะรักได้อย่างหมดหัวใจ”

“ซึ่งวันนี้นายเจอแล้ว” เขาเลิกคิ้ว มองผมด้วยสายตาท้าทาย

ผมระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “ใช่ คนคนนั้นก็คือนาย”

“ทุกอย่างเป็นเรื่องของโชคชะตานะว่ามั้ย?”

“อ่าฮะ” ผมพยักหน้ารับ “แต่เรื่องที่ฉันอยากฟัดนายเนี่ย เป็นความต้องการของฉันล้วนๆ”

เจย์เดนหัวเราะขลุกขลักอยู่ในลำคอเมื่อผมจูบเขาอีกครั้ง ปลายลิ้นเราเกี่ยวรัดหยอกล้อกัน ผมสอดมือข้างหนึ่งลูบไล้แผ่นอกของเขา สะกิดปลายนิ้วกับยอดอก อีกมือสอดไปด้านหลัง แทรกเรียวนิ้วผ่านขอบกางเกงลงไปจนถึงก้นแน่นๆ น่าฟัด

“เฮ้ ตรงนี้เลยเหรอ?”

ประโยคอันแสนคุ้นเคย แม้ว่าจะเคยได้ยินมันเมื่อนานมาแล้ว แต่ราวกับผมเพิ่งได้ยินมันไปเมื่อวาน

“เพราะเป็นนาย ที่ไหนฉันก็อยากจะขย้ำนายทั้งนั้น”

เจย์เดนหัวเราะลั่น เขากุมต้นคอผมแน่น กระตุกมือทีเดียวศีรษะของผมก็ถูกกดแนบไปที่แผ่นอกของเขา...ผิวเนื้อที่ต้นคอถูกลูบไล้แผ่วเบา เพราะว่าผมใส่เสื้อกล้าม จึงมองเห็นชื่อของเจย์เดนที่อยู่ตรงต้นคอของผมชัดเจน

“ชื่อของฉันบนตัวนาย เหมือนการตีตราจองเป็นเจ้าของเลยนะว่ามั้ย?”

ผมขืนใบหน้าออกเล็กน้อยเพื่อเงยขึ้นสบตาเขา สองมือเลื่อนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่อีกฝ่ายใส่อยู่ จนเผยให้เห็นแผงอกขาว และเมื่อผมปัดเสื้อออกไปด้านข้าง ผมก็ได้เห็นชื่อของผมบนตัวเขาเช่นกัน

“ใช่ เป็นการตีตราจองที่พระเจ้าทำให้เรา”

“ตอนที่ฉันเห็นชื่อของนายปรากฏขึ้นมา ฉันก็คิดแล้วว่าจะไม่มีวันให้ใครเห็นมันเด็ดขาด โดยเฉพาะนาย มันจะเป็นความลับบนตัวฉัน แค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่รู้”

“แต่สุดท้ายฉันก็รู้จนได้” ผมหัวเราะขึ้นจมูก

“แล้วนายล่ะ รู้ตอนไหนว่ามีชื่อฉันอยู่บนตัวนาย” เขาย้อนถาม

ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ “ความลับครับ”

ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาเมื่อเจย์เดนฝังเขี้ยวลงบนต้นคอของผม ไม่ต้องเดาก็รู้ได้เลยว่าตัวอักษรที่เป็นชื่อของเขาต้องมีรอยฟันประทับลงให้เห็นเด่นชัดแน่นอน ดูท่าเขาคงจะมันเขี้ยวกับคำตอบของผมน่าดู

กล้ากัดผมงั้นเหรอ? :)

ผมงับลงไปที่ชื่อของผมเช่นกัน โซลเมตของผมสะดุ้งเล็กน้อย หลุดเสียงครางออกมาเบาๆ แต่กลับกระตุ้นให้ผมร้อนไปทั้งตัวราวกับโดนไฟสุม

เขาจะรู้บ้างไหมว่าแค่เสียงแหบพร่าของเขาก็ทำให้ผมแข็งได้แล้ว

เรานัวเนียกันอยู่ตรงนั้นอีกพักใหญ่ ไม่สนใจว่าใครจะมอง ไม่แคร์ว่าจะมีกี่คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ผมเกือบจะควักเอาไอ้หนูออกมาอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเจย์เดนมีความละอายมากกว่าผม เขารั้งมือผมเอาไว้ ตบแก้มผมเบาๆ เป็นเชิงปลอบ ยิ้มขบขันความใจร้อนของผม

“กลับบ้านดีกว่าน่า”

ผมรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งใจ คำว่าบ้านไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปหลังจากที่ผมตัดสินใจย้ายเข้าไปอยู่กับเขา บ้านที่เคยเป็นของเจย์เดนคนเดียว เวลานี้มันคือบ้านของเรา

บ้านที่ผมจะกลับไปนอนทุกคืน และจะตื่นขึ้นมาทุกเช้าบนเตียงเดียวกันกับเขา

“ถึงบ้านเมื่อไหร่ฉันจะฟัดนายให้เตียงหัก”

“หลังจากนั้นอย่าลืมรูดบัตรซื้อเตียงใหม่ด้วยแล้วกัน :)”


_________________

ตอนจบแล้วนะคะ แต่เราจะยังไม่ร่ำลากันตอนนี้ เพราะนี่ยังไม่ใช่ตอนสุดท้ายที่จะอัพค่ะ คาดว่าน่าจะลงตอนพิเศษอีกสองตอน เป็นของคริสเจย์หนึ่งตอน กับนิคโจอีกหนึ่งตอนค่ะ แต่คงอีกสักพักน้า พอดีมีงานด่วนแทรกเข้ามาให้ต้องไปเคลียร์ก่อนค่ะ ฮือ ส่วนภาคแยกของแคสโคล เรายังไม่ได้เปิดเรื่อง แต่ชื่อเรื่องคือ #ความลับใต้กางเกง ค่ะ ไว้เปิดเรื่องเมื่อไหร่จะเข้ามาแจ้งอีกทีนะคะ

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Epilogue [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-11-2018 20:47:13
ชื่อเรื่องของ #แคสโคลนี่.... แซ่บมาก รอเลยจ้า  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Epilogue [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 26-11-2018 21:25:34
ความลับใต้กางเกง (กรีดร้องแบบไร้เสียง)

ใต้กางเกงใคร แคส? โคล? หรือทั้งคู่ โอมิก่อด
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Epilogue [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-11-2018 07:07:09
รอตอนพิเศษ  :hao6:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Epilogue [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-11-2018 07:28:12
ดีงามอะไรเบอร์นี้
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Epilogue [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 27-11-2018 09:07:55
 :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Epilogue [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-11-2018 11:35:03
 :mew1: :mew1: :pig4: :pig4: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Epilogue [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-11-2018 11:59:48
ย้อนความหลังได้อิโรติกมากพวกเธอ  :hao7:
รออ่านสเปของคุณพี่ชายเลยต่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Epilogue [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 27-11-2018 13:06:26
 :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Epilogue [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 27-11-2018 15:14:56
ขอบคุณค่ะ สนุกมากจริงๆ รอตอนพิเศษนะคะ ส่วนเรื่องต่อไปแค่ชื่อเรื่องก็อยากอ่านแล้ว o18
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Epilogue [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 01-12-2018 13:48:44
คู่นี้เขาเล่นจ้ำจี้กันตลอดเลย เขินนนนน
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 1 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 11-12-2018 22:15:25
Side Story 1

Where can I find him?

[Nikolai x Joshua]

 

[Joshua]



ผมจำได้ว่าตั้งแต่เกิด ผมมีความสุขดีกับครอบครัวที่ประกอบไปด้วยพ่อกับแม่ เอาเข้าจริงพอนึกย้อนกลับไปผมคิดว่าตอนนั้นมันก็ค่อนข้างดี ควรจะใช้คำนี้มากกว่า เพราะเจฟเฟอร์สัน สมิธทำตัวเป็นพ่อให้ผมได้...ก็แบบว่าค่อนข้างโอเคอยู่ล่ะนะ แต่ก็เย็นชาในเวลาเดียวกันด้วย

หลังจากเวลาผ่านไปหลายปี ชีวิตของผมก็เริ่มบัดซบขึ้นเรื่อยๆ ถ้าจะให้นับว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน ก็อาจจะเป็นตอนผมอายุสักประมาณสิบสองปีได้มั้ง ถ้าผมจำไม่ผิด

ช่วงปีนั้นครอบครัวของเราไม่ใช่ครอบครัวที่เต็มไปด้วยความสุขอีกแล้ว (ก็ถ้าจะเรียกการอยู่ด้วยกันไปวันๆ ว่าความสุขได้น่ะนะ บางทีผมควรจะเรียกมันว่าความสงบสุขมากกว่าล่ะมั้ง) เอาเป็นว่าพ่อเริ่มอารมณ์ฉุนเฉียวมากขึ้น เรียกได้ว่าแค่เห็นหน้าแม่ พ่อก็เอาแต่ด่าทอทุบตีแล้วด้วยซ้ำ

ผมคิดมาตลอดว่ามันเป็นเพราะเหล้า เนื่องจากเขาติดเหล้าอย่างหนัก จนได้มารู้ในภายหลังเพราะดันไปได้ยินเข้าโดยบังเอิญ...พ่อติดยาต่างหาก แถมยังเป็นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่งของวงการด้านมืดพวกนี้อีกต่างหาก

อย่างกับว่าชีวิตของผมจะบัดซบได้มากกว่าแค่มองแม่โดนทุบตีแทบทุกวันงั้นล่ะ ช่วงหลายปีหลังจากนั้นผมคงจะเสียสมดุลชีวิตไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะวันหนึ่ง...ในปีที่ผมอายุได้สิบห้า พ่อที่กำลังสาดคำด่าทอใส่แม่ ดันเผยเรื่องราวในอดีตของตัวเองออกมาให้ผมได้ยิน

พี่ชาย...ผมมีพี่ชายต่างแม่ด้วยคนหนึ่ง และเขาย้ายออกไปจากบ้านก่อนที่ผมกับแม่จะย้ายเข้ามา ถึงว่าสิ เพราะตอนที่ผมย้ายมาใหม่ๆ ผมพบว่ามันมีของบางชิ้นที่ดูแล้วพ่อไม่น่าจะเป็นเจ้าของได้

อะไรสักอย่างดลใจให้ผมออกตามหาพี่ชายคนเดียวคนนั้น ผมไม่รู้เลยว่าเขาจะเป็นคนแบบไหน อาจเป็นไอ้เฮงซวยเหมือนพ่อ หรืออาจจะเป็นผู้ชายดีๆ คนหนึ่งก็ได้ ใครจะรู้ล่ะจริงมั้ย? แต่ก็นั่นล่ะ ผมเลือกที่จะเดิมพัน เพราะถ้าผมได้เจอเขา บางทีผมอาจจะหาที่พักพิงทางจิตใจได้บ้าง

บอกตามตรงผมรักแม่นะ แต่แม่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าเธอเข้าใจผมสักเท่าไหร่ ผมอยากมีคนที่สามารถคุยด้วยได้อย่างสบายใจ และผมคาดหวังว่าพี่ชายเพียงคนเดียวที่ผมมีจะสามารถเป็นคนคนนั้นให้กับผมได้

สมองของเด็กอายุสิบห้าในตอนนั้นคิดได้แค่ว่าต้องมีที่อยู่ของอีกฝ่าย ผมก็เลยเริ่มรื้อค้นบ้านทั้งหลังเพื่อหาอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับเขา ด้วยหวังว่ามันจะยังมีสิ่งของ อาจจะเป็นแผ่นกระดาษ เอกสาร หรืออะไรก็ได้ที่ช่วยบอกผมได้ว่าจะไปหาพี่ชายของผมคนนั้นได้ที่ไหน

หลังจากแทบจะพลิกบ้านทั้งหลังเพื่อค้นหามัน ในที่สุดผมก็เจอ...เป็นเอกสารการสมัครเรียนไฮสกูล มันถูกทิ้งเอาไว้ก้นตู้เสื้อผ้าในห้องที่ผมคิดว่าน่าจะเคยเป็นห้องของเขา แต่ตอนนี้มันถูกใช้เป็นห้องเก็บของไปแล้ว และแม้ว่าสิ่งที่เจอจะไม่ได้ช่วยอะไรผมมากนัก เพราะแน่นอนที่อยู่ที่กรอกไว้ในนั้นเป็นที่อยู่ของบ้านหลังนี้ แต่อย่างน้อยผมก็ได้รู้ชื่อของเขา พี่ชายของผมมีชื่อว่า ‘เจย์เดน คาร์เตอร์’

หลังจากนั้นผมก็ใช้เวลาตามหาเขาอยู่พักใหญ่ ผมพบว่าเขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในอีกเมืองไม่ไกลจากบ้านผมมากนัก ผมไล่ตามข้อมูลที่ได้มาทีละนิดละหน่อยอย่างไม่ยอมแพ้ แต่สี่เดือนผ่านไปผมก็ยังหาเขาไม่พบอยู่ดี ผมมีแค่ชื่อกับหน้าตาของเขาเท่านั้น และมันยากเหลือเกินที่จะตามหาตัวเขา

ในระหว่างที่กำลังสิ้นหวังลงทีละนิด ผมยังคงไปเรียนตามปกติและปิดบังเรื่องที่กำลังตามหาพี่ชายโดยไม่ให้พ่อกับแม่รู้ ในวันหนึ่งเพื่อนของผมก็ชวนผมไปเที่ยวคลับ สถานที่ที่ผมไม่เคยคิดจะไปเหยียบมาก่อน ไม่มช่ว่าผมเป็นเด็กดีหรอกนะ แต่เพราะรู้ว่ามันเข้าไม่ได้ง่ายๆ ต่างหาก และผมก็ขี้เกียจจะหาวิธีเข้าไปด้วย เลยไม่เคยไปสักที

วันนั้นล่ะที่ทำให้ผมได้เจอกับเขา

นิโคไล ริชมอนด์

ผมเข้าไปในคลับได้เพราะความช่วยเหลือจากเพื่อน มันเป็นลูกเศรษฐี เพราะงั้นมันก็เลยปิดคลับเพื่อเลี้ยงฉลองวันเกิดอายุครบสิบหกปี และนั่นเลยทำให้ทุกคนที่หมอนั่นเชิญมาได้เข้าคลับ แม้จะอายุไม่ถึงเกณฑ์ก็ตามฃ

แต่การพบกันของผมกับเขาเป็นความบังเอิญ แหงล่ะ ความบังเอิญที่เกิดจากพระเจ้ากำหนด ผมกำลังหมุนมวนบุหรี่เล่น จริงๆ ก็สูบเป็น แต่ไม่มีอารมณ์จะสูบเท่าไหร่ ในหัวเอาแต่คิดว่าจะตามหาเจย์เดนให้เจอได้ยังไง แล้วเขาก็โผล่มา ดึงนิโคตินที่ยังไม่ถูกเผาออกจากมือผม

‘สูบตอนนี้คงไม่ดีมั้ง นายน่าจะรอให้ตัวเองโตกว่านี้อีกหน่อย’

‘ผมไม่ใช่เด็ก’

‘อายุสิบหกฉันถือว่าเด็ก แค่ไอ้ลูกคุณหนูนั่นหาเรื่องปิดคลับเลี้ยงวันเกิดก็เฮงซวยมากพอแล้ว เด็กทุกคนที่มาในวันนี้ก็เฮงซวยไม่ต่างกัน แต่อย่างน้อยฉันก็อยากให้นายเป็นหนึ่งในเด็กดี’

สารภาพตามตรงว่าตอนนั้นผมไม่ค่อยเข้าใจที่เขาพูดนัก แต่ก็อดจะขบขันกับเนื้อความที่เขาเอ่ยออกมาไม่ได้ และสุดท้ายมันก็กลายเป็นว่าผมนั่งคุยกับเขา เมินเฉยต่อการออกไปเต้นบนฟลอร์ หรือหยิบแก้ววิสกี้เดินชนแก้วกับคนทั้งงาน

‘คุณไม่น่าจะเป็นเพื่อนของสเตฟาน’ ผมหมายถึงเจ้าของวันเกิดซึ่งเป็นเพื่อนของผม แต่ถึงจะบอกว่าเพื่อนกัน ผมกับสเตฟานก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายนักหรอก แค่คบกันไว้แบบผิวเผินเท่านั้น

‘แน่นอน ฉันเป็นบอดี้การ์ดน่ะ พ่อของเขาจ้างมา’ เขาโคลงหัว เหมือนกำลังนึกหาคำ ‘ดูแลความเรียบร้อย ก็อะไรแบบนั้นมั้ง’

ผมเลิกคิ้ว ‘คุณเนี่ยนะเป็นบอดี้การ์ด คุณดูเหมือนนักธุรกิจมากกว่าอีก’

‘ที่จริงฉันเป็นเจ้าของบริษัทฝึกบอดี้การ์ด เคยได้ยินมั้ยล่ะ บริษัทริชมอนด์น่ะ?’

‘โอ้ โอ้ให้ตาย จริงเหรอเนี่ย! ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ บริษัทของคุณดังจะตาย ผมเคยเห็นข่าวที่ว่าคนของคุณช่วยไม่ให้นักการเมืองคนหนึ่งโดนลอบสังหารด้วยนี่นา’

‘อ่าฮะ’

‘แล้วทำไมเจ้าของบริษัทอย่างคุณถึงมาเองล่ะ’

‘พ่อของเขาขอมา ค่อนเข้างเอาแต่ใจเลยว่ามั้ย ทั้งพ่อทั้งลูก’ มิสเตอร์ริชมอนด์แค่นหัวเราะ ก่อนจะจิบวิสกี้แล้วพูดต่อ ‘คนพ่ออยากให้แน่ใจว่างานวันนี้จะไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝัน และเขาไม่ไว้ใจลูกน้องของฉันเท่ากับที่ไว้ใจฉัน ฉันก็เลยต้องมาเอง น่าเบื่อเป็นบ้า’

‘แย่หน่อยนะครับ’

ผมไม่แน่ใจว่าคืนนั้นเราคุยกันไปกี่เรื่อง และคุยกันนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีผมก็ดันโดนไอ้งั่งที่ไหนก็ไม่รู้เซถลาล้มใส่ และมันก็ทำเหล้าหกใส่กางเกงของผมจนเปียกโชกไปหมดด้วย เท่านั้นยังไม่พอ ไอ้เวรนั่นยังปัดขวดเบียร์กระเด็นจากโต๊ะราดลงบนเสื้อของคุณริชมอนด์จนเปียกไม่ต่างจากผม

‘ไอ้ระยำเอ๊ย! อะไรของแกวะ!’

‘เฮ้ๆ ใจเย็น คนเมาน่ะ’ นิโคไลพยายามปลอบให้ผมใจเย็น ทั้งที่เขาเองก็สภาพเลอะเทอะไม่ต่างจากผมนัก เขาโบกมือเรียกชายในชุดสูทที่ผมเห็นว่ายืนอยู่มุมหนึ่งของคลับให้เข้ามาเคลียร์ไอ้ขี้เมาที่ล้มฟุบไม่เป็นท่า ส่วนเขาก็ลุกขึ้นแล้วรั้งต้นแขนของผมให้ยืนตาม ‘ไปกับฉัน ไม่ไกลมีโรงแรม ฉันเช็กอินไว้เผื่อฉุกเฉิน...อย่างเช่นตอนนี้’

ผมไม่ทักท้วง แค่เดินตามเขาไป ทั้งที่ผมไม่ควรจะไว้ใจคนแปลกหน้าที่เพิ่งคุยกันได้ไม่กี่ชั่วโมง แต่ผมก็ดันไว้ใจเขา ยอมตามเขาไปจนถึงโรงแรมที่ว่า

เขาให้ผมเข้าไปอาบน้ำ และบอกว่าจะให้คนของเขาไปหาเสื้อผ้ามาให้ใหม่ แน่นอนว่าผมไม่คัดค้าน ไม่เกรงใจด้วยเพราะผมอยากเปลี่ยนชุด ใครจะไปใส่เสื้อผ้าที่มีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์กับกลิ่นบุหรี่ติดเต็มไปหมดได้ไหวกันล่ะ

แต่ใครจะไปคิดว่าการถอดเสื้อผ้าอาบน้ำล้างกลิ่นเหล้า จะทำให้ผมได้พบกับเรื่องไม่คาดฝัน

ตัวอักษรสวยงาม ปรากฏขึ้นบนต้นขาของผมในแนวนอน หางของตัวไอตวัดไปทางหัวเข่า และชื่อที่โผล่ขึ้นมาบนนั้นคือชื่อของคนที่พาผมมาที่นี่

Nikolai

โอ้พระเจ้า วินาทีนั้นผมได้แต่ตกตะลึง และคิดว่าคนอย่างนิโคไล ริชมอนด์เนี่ยนะ เป็นโซลเมตของผม!

ทุกอย่างสับสนขึ้นกว่าเดิม เมื่อจู่ๆ มิสเตอร์ริชมอนด์ก็เปิดประตูเข้ามาในห้องน้ำ เขาถอดเสื้อออกไปแล้ว นั่นเลยทำให้ผมได้เห็น...ตัวอักษรที่ฝังลึกอยู่บนหน้าท้องของเขา

‘นาย...ชื่อโจชัวสินะ’

เอาล่ะ นั่นคือข้อสรุปว่าผมกับเขา...เป็นโซลเมตกันจริงๆ

 

ความสัมพันธ์ของเรานับจากวันนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างพูดยาก ผมไม่ได้ยินดียินร้ายกับการเจอโซลเมตนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีนิโคไลเข้ามาในชีวิตทำให้ผมรู้สึกดีมากขึ้น อย่างน้อยในเวลาที่รอบตัวผมมีแต่เรื่องเฮงซวย ผมก็ยังคุยกับเขาได้ เข้าก้าวเท้าเข้ามาในโลกของผมมากขึ้นเรื่อยๆ

ในวันหนึ่งเรานัดกันออกมากินข้าวเย็น และผมเอ่ยระบายความในใจเกี่ยวกับการตามหาพี่ชายคนเดียวที่ผมมีให้เขาฟังเป็นรอบที่ล้าน ด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง ด้วยการยอมแพ้แล้วต่อความพยายามตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

นิโคไลแค่ฟังผมเงียบๆ จนกระทั่งผมพูดจบ เขาถึงจะพูดออกมาบ้าง

‘การจะหาเขามันก็ไม่ยากหรอกนะ’

‘ยังไง? คุณก็เห็นว่าผมทำได้แค่นี้ ผมไม่มีอำนาจเหมือนคุณนี่ ที่แค่จ้างนักสืบไปหาข้อมูลก็ได้มาแล้ว’

‘รู้ได้ยังไงว่าฉันจ้างนักสืบ’ เขาถามขึ้น สีหน้าติดจะขบขันแกมชอบใจ

ผมแค่นหัวเราะ จิ้มสเต็กเข้าปากเคี้ยวอย่างหงุดหงิด ‘คุณรวย คนรวยจ้างนักสืบได้ไม่ยากหรอก’

‘อ่าฮะ’

‘แต่ผมทำไม่ได้ไง ผมไม่มีเงินมากพอจะไปจ้างนักสิบ คุณก็รู้’

‘เพราะแบบนั้นฉันถึงได้บอกว่ามันไม่ยากสำหรับนายหรอก’

‘อะไรของ...’

‘เพราะถ้านายทำไม่ได้ ก็ให้โซลเมตของนายทำให้แทนไง’

เป็นเวลาหลายนาทีนับจากที่เขากล่าวจบ กว่าที่ผมจะเข้าใจความหมายในสิ่งที่เขาบอก...ผมเบิกตากว้าง จ้องมองเขาด้วยความตื่นเต้น หัวใจเต้นรัวแรง

‘คุณสืบให้ผมเหรอ!?’

‘จะว่างั้นก็ได้’ เขาไหวไหล่ ‘และตอนนี้ฉันก็รู้แล้วด้วยว่าพี่ชายของนายอยู่ที่ไหน’

‘โอ้พระเจ้า’ ผมสูดหายใจเข้าลึก ร่างกายของผมสั่นระริก ไม่ใช่เพราะหนาวหรือกลัว แต่ผมกำลังตื่นเต้นจนทนไม่ไหว สบดวงตาคู่คมกริบของโซลเมต แล้วเอ่ยถามด้วยความลุ้นระทึก ‘ผมจะหาเขาเจอได้ที่ไหน’

นิโคไล ริชมอนด์ยิ้ม แล้วเอ่ยสถานที่ที่ทำให้ผมอยากจะพุ่งตัวไปที่นั่นในทันทีทันใด แต่เขาก็ห้ามเอาไว้ และบอกว่าให้ไปวันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้แทน เพราะเขาได้ข้อมูลมาว่าช่วงนี้เจย์เดนไปต่างเมือง กว่าจะกลับก็คืนวันเสาร์ ไปหาเขาวันอาทิตย์มีสิทธิ์เจอมากกว่า

 

จากความช่วยเหลือครั้งนั้น ทำให้ผมได้พบกับพี่ชายต่างแม่ และการได้เจอเจย์เดนก็เหมือนได้เจอที่ที่เป็นของผมอีกที่หนึ่ง ผมมีสถานที่ที่ทำให้อุ่นใจถึงสองที่ในเวลาไล่เลี่ยกัน

ที่หนึ่งคือเจย์เดน เขาเป็นพี่ชายที่ดี...ดีจนผมไม่คิดเลยว่าคนที่ผ่านเรื่องราวระยำบัดซบมาตั้งแต่เด็กอย่างเขาจะเป็นคนดีได้ถึงขนาดนี้ บาดแผลของเจย์ร้ายแรงกว่าผมมาก แต่เขาก็ยังกล้าหาญ กล้าเผชิญหน้ากับมันและดำรงชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้อย่างมีความสุข

ส่วนอีกที่หนึ่งก็คือนิโคไล เขาเป็นโซลเมตที่ทำให้ผมรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ได้มาพบกัน ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ารักเขาตอนไหน ผมรู้แต่ว่าจากทั้งหมดที่เขาทำให้ผม และทั้งหมดที่เขาแสดงออกกับผม มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้รับการเติมเต็ม เขาทำให้ผมไว้ใจ และไม่อยากจะเสียเขาไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

เราใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างลึกซึ้งในเวลาต่อมา ที่จริงนิโคไลคงไม่กล้าทำอะไรผมหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะผมร้องขอเอง อย่างที่บอก...ผมก็แค่ไว้ใจเขา และความอยากรู้อยากลองด้วยล่ะมั้งที่ทำให้ผมยอมทิ้งตัวอยู่ใต้ร่างกายกำยำของอีกฝ่าย ยอมให้เขาโถมกายเข้ามาในตัวผม

ผมยังจำบทสนาทนาหลังจากเซ็กซ์ครั้งแรกของเราผ่านพ้นไปได้อยู่เลย

‘ฉันจะโดนจับเข้าคุกมั้ย?’

‘ทำไมถามแบบนั้น?’

‘ก็ฉันเพิ่งจะทำมิดีมิร้ายเด็กอายุสิบเจ็ดไปเองนะ’

ผมหลุดหัวเราะดังลั่น รู้สึกอิ่มเอมใจอย่างที่ไม่ค่อยเป็นบ่อยหนัก ผมพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง เลื่อนสายตาไปมองหน้าท้องของอีกฝ่าย ใต้ชายโครงด้านขวา ตรงตำแหน่งของซิกแพ็กลูกแถวที่สอง ชื่อของผมเด่นเป็นสง่าราวกับรอยสักที่ไม่มีวันลบออกได้ฝังอยู่ตรงนั้น

Joshua

ผมลูบปลายนิ้วลงบนชื่อของตัวเองที่อยู่บนตัวเขา ก่อนเอ่ยถามเรื่องที่ผมคิดว่ามันโคตรงี่เง่าเลยที่ถามออกมา แต่ผมก็ยังอยากรู้คำตอบของมันอยู่ดี

‘คุณคิดยังไงกับผมเหรอนิค’

‘...’

‘ที่คุณช่วยเหลือผม ทำดีกับผม คุณทำเพราะเห็นว่าผมเป้นโซลเมตของคุณ ทำเพราะเอ็นดูเด็กอายุสิบเจ็ดหน้าโง่คนหนึ่งเพราะสงสาร หรือทำเพราะเหตุผลอื่น’ ผมวกกลับขึ้นไปสบตาอีกฝ่าย ‘ทั้งหมดที่ผ่านมาเกือบสองปี คุณคิดยังไงกับผมเหรอครับ’

‘รู้อะไรมั้ย พระเจ้ากำหนดให้เราเกิดมาเป็นโซลเมตกัน ฉะนั้น พระองค์ก็คงจะรู้ล่วงหน้าว่าใครที่เกิดมาเพื่อจะรักกัน และฉันคิดว่าระหว่างฉันกับนาย...คือความรัก’

‘..!’

‘ทั้งหมดที่ฉันทำเพื่อนาย ก็เพราะฉันรักนายไงไอ้หนู’

ผมโถมตัวกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ซบหน้าผากลงกับแผ่นอกของเขา และได้แต่กระซิบตอบกลับไปด้วยถ้อยคำเดียวกัน

‘ผมก็รักคุณครับนิค’

 

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของผมกับนิโคไล

ผมรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ได้พบเขา แต่ก็อาจจจะยกเว้นเรื่อง ‘ห้องของเล่น’ ของเขานิดหน่อยนะ เพราะผมล่ะโคตรเกลียดไอ้ห้องนั้น แม้ว่ามันจะสร้างสีสันให้กับการเมกเลิฟของเราในบางครั้ง แต่เวลาที่เขาเอามาใช้ลงโทษผมน่ะ เป็นอะไรที่โคตรเฮงซวยเลย

ให้ตายเถอะพระเจ้า มอบโซลเมตให้ผมทั้งที ทำไมต้องเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบการเล่นเซ็กซ์ทอยด้วย!


______________

ได้อัพตอนพิเศษสักที แง บอกไว้ว่าจะมีสองตอนใช่ไหมคะ แต่ไปๆ มาๆ มันก็งอกขึ้นน่ะค่ะ กลายเป็นว่าเราจะลง side story ของคู่นิคโจราวๆ สามตอนนะคะ ส่วนตอนพิเศษคริสเจย์คงไม่มีลงเว็บ แต่มีในเล่มแน่นอน ก็ถ้าได้ตีพิมพ์นะคะ 555 คือพล็อตอะ บก. บอกว่าผ่านแล้วค่ะ แต่ต้นฉบับไม่รู้จะผ่านไหม ฮ่าาา และถ้าได้ตีพิมพ์ก็อยากให้ทุกคนติดตามข่าวคราวอัปเดตได้จากเพจของเรา Hazel Nut หรือทวิตเตอร์ @phzn713 นะคะ...ส่วนตอนหน้า ห้องของเล่นกับบทลงโทษต้องมาแล้วอะ น้องทำอะไรผิดกันน้าา

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 1 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-12-2018 23:11:15
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 1 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-12-2018 23:33:56
ให้ความแซ่บแค่ยำวุ้นเส้น ตอนหน้าขอแบบต้มยำน้ำข้นนะจ๊ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 1 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 12-12-2018 02:27:39
น้องงงงงงงงงง
โจชัวนี่แซ่บกว่าพี่ชายไปไกล
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 1 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 12-12-2018 06:41:44
คนพี่ว่าแซ่บแล้ว คนน้องนำไปไกลละจ้าาา
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 1 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-12-2018 18:31:45
น่ารักและแซบ555
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 1 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-12-2018 23:16:51
 o13 o13 นั่งรอในห้องนั่งเล่นนะ o18
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 1 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 13-12-2018 12:32:46
เราอยากรู้จักห้องนั้น
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 1 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-12-2018 19:20:48
ก็นึกๆอยู่ว่าจาเร็ต ต้องมาหาที่รพ.แน่ๆ   :z3:
ก็คริสเตียนถูกยิง ก็ต้องมารักษาตัวที่รพ.น่ะสิ   :hao3:
หรือนี่เป็นแผนหลอกให้นรกสองคนนี่มาที่รพ.  :m16:
เพราะคริสเตียนอาการเริ่มดีแล้ว  แต่ทำไมต้องพักที่รพ.ต่อ

คริสเตียน  เจย์เดน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 1 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-12-2018 18:19:26
ว้าววว จบแบบสวยงามมากค่ะ
ย้อนกลับไปตอนที่เจอกันครั้งแรก จนมาถึงตอนนี้
รักแบบไม่รู้ตัว ผูกพันแบบไม่บอกกล่าว
จนมารักแบบเปิดเผย แสดงออกให้รู้ และไม่ทิ้งไปไหน
ส่งท้ายได้หวานแหววมาก หลังจากที่เจย์เดนไม่ค่อยอินกับความรัก
แต่ก็ยังเป็นคนมองโลกค่อนข้างบวก
คริสเตียนมาแบบนุ่มนวล และแซบในเวลาเดียวกัน

5555 เอ็นดูโจชัว สงสัยจะโดนลงโทษบ่อยแน่เลย
โจชัวพยายามมากเลยค่ะที่ตามหาเจย์เดน
โชคดีที่เจอนิคและตามหาเจย์เดนเจอ

แฮปปี้ทั้งพี่ทั้งน้องแล้วนะ แถมมีคนดูแลดีมากด้วย
ไม่ต้องทนเหงา ทนเศร้ากันต่อไปแล้วเนาะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 1 [26-11-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 24-12-2018 12:21:41
โอ้ยยยย คือดีมากกกกกอ่ะ ดีใจที่กดเข้าอ่าน เสียดายที่มาช้าไปหน่อย เลยไม่ได้หวีดตั้งแต่ตอนแรก น้ำตาจะไหล พล๊อตเริ่ดดด  ภาษาดี เหมือนอ่านงานแปล ชอบบบบบบ รู้สึกเหมือนตอนที่อ่านวายแรกๆ แมนๆคุยกัน รักก็บอกว่ารัก โกรธก็บอกว่าโกรธ อยากจะเอาก็บอกมันตรงๆ ว่าจะเอา 55555555 มันคือใช่ เราโหยหาความรู้สึกแบบนี้เลย ไม่ได้รู้แบบนี้มานานแล้ว ขอบคุณนะคะที่ทำให้เราได้ความรูสึกนั้นกลับมาอีกครั้ง 

คู่นิคxโจ โซลแมตกินเด็ก ท่าจะแซ่บไม่แพ้ คริสxเจย์
แต่ที่แทบอดใจรอไม่ไหว ก็คู่ แคสxโคล แนวสลับรุกรับ กรี๊ดดดดดด ปักมุดรอออออ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Christmas [02-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 02-01-2019 22:55:32

Special Christmas

Secret Item


 

สีแดงเหมาะกับนายมาก อย่างที่ฉันคิดเอาไว้เลย

 

[Christmas x Jayden]

ปาร์ตี้เล็กๆ ที่มีเพียงแค่พี่น้องและโซลเมตของพวกเขาเท่านั้นถูกจัดขึ้นที่บ้านของผม

ผมตกแต่งห้องนั่งเล่นกึ่งห้องรับแขกด้วยต้นคริสต์มาสขนาดกลาง และกล่องของขวัญที่เตรียมไว้ให้ทุกคนที่มาในวันนี้ก็ถูกวางเอาไว้ใต้ต้นสนสีเขียวซึ่งถูกประดับตกแต่งอย่างดงามนี่แล้ว ไฟดวงเล็กหลากสีถูกติดตามกรอบหน้าต่างและประตู เตาผิงที่เพิ่งได้ใช้งานเพราะฤดูหนาวเพิ่งมาเยือนยังไม่ถึงเดือนถูกจุดไฟให้ความอบอุ่น แสงสีส้มทอประกายสวยงามรับกับบรรยากาศสดใสของวัน

คริสต์มาสอีฟเมื่อวานผมได้มีโอกาสแวะไปเมอร์รี่คริสต์มาสแม่ เราพูดคุยกันอีกเล็กน้อย เธอชวนผมดินเนอร์ด้วยแต่ว่าผมปฏิเสธไป เพราะเย็นวันนั้นผมนัดทานมื้อเย็นกับครอบครัวของคริสเตียนเอาไว้ก่อนแล้วที่บ้านแคมเบลล์

ส่วนวันนี้...วันที่ยี่สิบห้าธันวาคม ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะฉลองร่วมกับน้องๆ และยินดีให้ทั้งสองพาโซลเมตมาด้วย คริสเตียนเลยชวนแคสเทียลกับโคลตันมาร่วมด้วยแม้ว่าจะเจอกันไปแล้วเมื่อวานก็ตาม ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ยินดีด้วยซ้ำที่มีคนมาปาร์ตี้ด้วยกันเยอะๆ

“เจย์เดน พี่ผสมเครื่องผสมยัดใส้ไก่งวงหรือยัง?” โจชัวถาม แต่เมื่อเหลือบไปเห็นชามแก้วใบใหญ่ที่มีส่วนผสมหลากหลาย ซึ่งถูกหั่นจนมีขนาดเท่าสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง หอมหัวใหญ่ แคร์รอต เขาก็ได้คำตอบว่ามันยังไม่สมบูรณ์

ผมขอความช่วยเหลือจากเขา “พี่กำลังผัดเซเลอรี่สับกับเนยอยู่ นายช่วยหยิบไข่ไก่ นม ลูกเกาลัดบด แล้วก็เบคอนมาให้พี่หน่อยได้มั้ย?”

โจชัวหยิบของทั้งหมดที่ว่านั่นส่งให้ผมอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เราสองคนปักหลักอยู่ในห้องครัว ส่วนคริสเตียน (ที่ย้ายตัวเองมาอยู่บ้านของผมได้หลายเดือนแล้ว) ออกไปซื้อเครื่องดื่มที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ นี่

หลังจากยัดใส่ไก่งวงและเอามันเข้าเตาอบ โซลเมตของผมก็กลับมาถึงบ้านพอดี

“มีอะไรให้ช่วยมั้ย?”

“แน่นอนว่ามี ช่วยเอาเบคอนพันไส้กรอกให้ที่ได้หรือเปล่า?”

“ทำไมจะไม่ได้กันล่ะ” คริสเตียนตอบ ขยับเข้ามากดจูบที่ข้างขมับของผมก่อนจะหันไปใส่ใจงานที่ได้รับมอบหมาย ส่วนโจชัวก็อมยิ้มให้กับการแสดงความรักของโซลเมตผม และนั่นทำให้ผมได้แต่ส่ายหน้ายิ้มขำเช่นกัน

การทำอาหารผ่านไปจนถึงช่วงเย็น ไก่งวงเป็นเมนูที่ต้องใช้เวลาอบนาน แต่อย่างนั้นกว่ามันจะสุกก็ใกล้ได้เวลามื้อเย็นพอดี...โจชัวช่วยผมเอามันออกมาจากเตาอบ ก่อนจะหันไปรับโทรศัพท์เมื่อมันส่งเสียงร้องเรียก คุยเพียงไม่นานอีกฝ่ายก็วางแล้วหันมาบอกผม

“นิคกำลังจะมานะเจย์ เขาเอาคริสต์มาสพุดดิ้งมาด้วย คุณยายของเขาทำให้น่ะ”

“ส่วนฉันมีพายฟักทอง กับสปันจ์เค้กท่อนไม้มาฝาก!” เสียงเล็กแหลมแบบผู้หญิงดังขึ้นก่อนเจ้าของเสียงจะปรากฎตัวด้วยซ้ำ...เจสซี่กับโซลเมตของเธอมาถึงแล้ว

“ไงเจส” ผมสวมกอดน้องสาวคนเดียวก่อนจะหันไปทักทายโซลเมตของเธอ “สบายดีหรือเปล่าเวโรนิก้า”

“ฉันสบายดีค่ะ คุณล่ะ?”

“เหมือนกันครับ”

“เดี๋ยวฉันกับเวโรนิก้าจะจัดโต๊ะให้เอง พวกพี่ไปอาบน้ำเถอะ ตัวเหม็นกลิ่นเหงื่อปนกับกลิ่นอาหารไปหมด”

ผมดมตัวเองเมื่อได้ยินอย่างนั้น ซึ่งก็ถือว่าจริงอย่างที่เจสซี่บอก ดังนั้นผมจึงผละห่างจากห้องครัวเพื่อขึ้นไปอาบน้ำ โดยมีคริสเตียนเดินตามหลังมา ส่วนโจชัวเห็นว่าจะรอนิโคไลก่อน

“อาบด้วยกันมั้ย?” ผมถาม ถอดเสื้อออกโยนใส่ตะกร้า แต่ยังไม่ทันได้ถอดกางเกง คริสเตียนก็ดึงไหล่ผมให้หมุนตัวไปหาเขา ปัดมือผมออกแล้วช่วยปลดกระดุมรูดซิปแล้วดึงกางเกงออกให้

“ฉันจะคิดว่านายเชิญชวนนะเจย์เดน”

ผมหัวเราะเมื่อได้ยินอย่างนั้น “เราไม่มีเวลามากพอให้ทำกันหรอกน่ะ นายก็น่าจะรู้นี่”

“ช่าย แค่สิบห้านาทีมันไม่พอจริงๆ นั่นล่ะ แต่ก็น่าจะใช้มือได้อยู่”

“หรือปาก?”

คริสเตียนยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาของเขาเป็นประกายกล้า “นายพูดแล้วนะ”

อ่า ดูเหมือนผมคงต้องเมื่อยปากก่อนจะได้กินไก่งวงซะแล้วสิ : )

 

เมื่อเราลงมาด้านล่างอีกครั้ง ก็พบว่าแขกผู้มีเกียรติในวันนี้มากันครบแล้ว

เจสซี่กับเวโรนิก้าโซลเมตของเธอจัดโต๊ะเสร็จเรียบร้อย บนนั้นมีอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ผมกับโจชัวทำ หรือที่นิโคไล เจสซี่ กับโคลตันและแคสเทียลเอามาด้วย

“ไวน์แดงก็ดี แต่อะไรก็ไม่ดีเท่าเบียร์เย็นๆ นะรู้มั้ย?” โคลตันพูดขึ้น เขาชูขวดเบียร์ในมือขึ้นเป็นการทักทายผม

ผมผงกหัวรับการทักทายนั้น ก่อนจะหันไปจับมือทักทายนิโคไล แล้วเชื้อเชิญให้ทุกคนนั่งลงเพื่อเริ่มดินเนอร์กันได้แล้ว “นั่งเลยครับทุกคน เดี๋ยวผมจะหั่นไก่งวงแจกแล้ว”

ปาร์ตี้เป็นไปอย่างสนุกสนาน เจสซี่เปิดเพลงก่อนจะดึงเวโรนิก้าไปเต้นรำด้วยกันหน้าเตาผิง ส่วนโจชัวนั่งคุยกับนิโคไลด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม จะมีก็แต่แคสเทียลกับโคลตันเท่านั้นที่แยกเขี้ยวใส่กัน ในมือมีอาวุธเป็นส้อมคนละคัน และทั้งคู่กำลังแย่งชิงไก่งวงชิ้นสุดท้ายบนจานอย่างไม่มีใครยอมใคร

“ฉันจิ้มก่อน นายมาทีหลังน่ะถอยไปซะ!”

“เราจิ้มลงพร้อมกัน ควรจะแบ่งกันมากกว่า”

“ไม่แบ่ง ยังมีไส้กรอกพันเบคอนเหลือ นายก็กินไปสิวะ!”

“ฉันอยากกินไก่งวง!”

คริสเตียนที่มองอยู่นานถอนหายใจ ใบหน้าหล่อเหลาส่ายไปมาอย่างเอือมระอา ผมกลั้นขำ  จำได้ว่าเขาเคยบอกเอาไว้ว่าพี่ชายของเขาน่ะเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็กต์ไปซะทุกอย่าง จะยกเว้นก็แต่เรื่องโซลเมตของตัวเองนี่ล่ะที่มักจะหลุดมาดและกลายร่างเป็นคนขี้หงุดหงิดไปในทันที

“พวกเขาน่ารักดีนะ” ผมพูดขึ้น...โซลเมตของผมทำหน้าเหมือนเห็นผี

“น่ารักเนี่ยนะ? นายต้องสายตาไม่ดีแน่ๆ”

ผมไม่ตอบ หัวเราะให้กับสีหน้าของเขา แล้วเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น “เปิดของขวัญของฉันหรือยัง?”

“ยัง นายล่ะ?”

“ยังเหมือนกัน”

“งั้นเราไปเปิดด้วยกันบนห้องดีมั้ย?”

ผมหรี่ตามองคนที่นั่งอยู่บนที่วางแขนของเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่อย่างไม่ไว้ใจปนรู้ทัน “ของขวัญที่นายให้คงไม่ใช่เซ็กซ์ทอยหรอกใช่มั้ยเพื่อน?”

เท่านั้นเราสองคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันทันที...ผมตบไหล่เขาแล้วส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้เขาลุกขึ้น พยักพเยิดหน้าไปที่ใต้ต้นคริสต์มาสซึ่งมีกล่องของขวัญวางเอาไว้มากมาย แต่ละกล่องจะมีการ์ดที่ระบุชื่อของผู้ให้และผู้รับแปะติดเอาไว้ด้วย

คริสเตียนเข้าใจในทันที โซลเมตของผมสาวเท้ายาวๆ ไปหยิบกล่องสองกล่องที่เป็นของผมและของเขามาถือ ก่อนจะเดินกลับมาพาดแขนที่บ่าของผม

“ไปกันเถอะ ไปเปิดของขวัญกัน”

“แล้วคนอื่นๆ ล่ะ?”

“นายจัดห้องให้พวกเขาแล้วนี่นา ไว้อยากนอนก็ไปนอนกันเองล่ะน่า”

ผมยิ้มขำ คริสเตียนดูกระตือรือร้นอยากจะขึ้นไปเปิดของขวัญจนผมได้แต่วิ่งเหยาะๆ ขึ้นบันไดตามเขาไปยังห้องนอนของเรา

 

เอาล่ะ...นี่คือสิ่งที่ผมไม่ได้คาดคิดเอาไว้มาก่อน สิ่งที่เรียกว่าของขวัญวันคริสต์มาสจากคนรักของผม

ตอนแรกผมก็คิดนะว่ามันคงเป็นแค่เซ็กซ์ทอยสักชิ้น แต่มันกลับธรรมดามากกว่านั้น เพราะมันคือเสื้อไหมพรมเนื้อหนานุ่มสีแดงเข้ม ปักลายกวางเรนเดียร์สีเขียวหนึ่งตัวตรงกลางเสื้อ

“ว้าว” ผมผิวปาก ประทับใจไม่น้อยกับของขวัญชิ้นแรกที่ได้จากโซลเมต แม้มันจะเป็นแค่ของธรรมดาๆ ก็ตาม

“ชอบไหม?”

“ชอบสิ ดูเหมือนจะแพงมากเลยนะเนี่ย”

“ไม่เท่าไหร่หรอกน่า ฉันรวย ซื้อให้นายได้สบายมาก”

ผมหัวเราะ “จะอวดรวยกับฉันรึไงเพื่อน”

“อยากอวดอย่างอื่นนอกจากความรวยด้วย” เขาบอก แถมยังก้มหน้าลงมองเป้ากางเกงตัวเองที่อะไรบางอย่างใต้นั้นเริ่มขยับขยายดุนดันเนื้อผ้าให้ได้เห็นแล้ว “จะดีมากถ้านายใส่แค่เสื้อตัวนี้ตัวเดียวแล้วนอนอยู่ใต้ร่างฉันทั้งคืน”

“ไม่เปิดของขวัญของฉันก่อนหรือไง” ผมหลิ่วตา หยิบเอากล่องสี่เหลี่ยมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ซึ่งถูกห่อด้วยกระดาษสีเงินและโบว์สีแดงเขียว “เปิดสิ”

“มันคืออะไรเหรอ?” คริสเตียนถาม เขารับเอากล่องในมือผมไปฉีกกระดาษห่อออก

ผมไม่ตอบคำถามเขา แต่บอกไปว่า “รับรองว่านายจะถูกใจ มันเป็นไอเท็มลับของฉัน :)”

และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะทันทีที่คริสเตียนเห็นของในกล่อง ดวงตาคู่มคมสีเทาพายุก็เบิกกว้างขึ้น เงยหน้ามองผมอย่างรวดเร็ว

“นี่มัน...”

“ชอบไหมล่ะ?”

โซลเมตของผมหัวเราะลั่น “สุดๆ นี่มันเยี่ยมไปเลย!”

เขาหยิบเอาของชิ้นนั้นออกมาพลิกดู ขณะที่ผมลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกจนหมด แล้วสวมเสื้อไหมพรมที่ได้มาจากอีกฝ่ายเพียงตัวเดียว...อย่างที่เขาต้องการ

“ทีนี้นายอยากจะเล่นกับฉันแล้วหรือยังคริสเตียน?”

คนถูกเรียกหันมามองผม ก่อนดวงตาจะเป็นประกายยิ่งกว่าเดิม เขากวาดมองไปทั่วทั้งตัวของผม จดจ้องเป็นพิเศษที่กึ่งกลางลำตัวซึ่งถูกปกปิดเอาไว้ด้วยชายเสื้อไหมพรม แต่มันก็ปิดไม่มิดนักหรอก เพียงแค่ผมขยับตัวนิดหน่อย ชายเสื้อก็เลิกขึ้นเผยให้เห็นความต้องการของผมที่กำลังลุกชันขึ้นมาเหมือนกัน

คริสเตียนแสยะยิ้มร้าย “สีแดงเหมาะกับนายมาก อย่างที่ฉันคิดเอาไว้เลย”

“แสดงว่าจินตนาการตอนฉันใส่เสื้อตัวนี้บ่อยล่ะสิ”

“ก็ตั้งแต่ที่ตัดสินใจซื้อมันมาให้นาย” คริสเตียนไหวไหล่ “ไหนๆ นายก็อุตส่าห์ให้เซ็กซ์ทอยเป็นของขวัญคริสต์มาสกับฉัน ฉันก็จะใช้มันเล่นสนุกกับนายทั้งคืนแล้วกันนะที่รัก”

ใช่ ที่ผมให้เขาน่ะ...คือเซ็กซ์ทอย : )

 

[Nikolai x Joshua]

“ง่วงหรือยัง” นิคถาม

ผมเหลือบมองนาฬิกาที่เข็มขยับเข้าใกล้เลขสิบสองเข้าไปทุกที ส่ายหน้าให้เขาแทนคำตอบ แต่ปากกลับอ้าออกหาวซะอย่างนั้น นั่นทำให้โซลเมตของผมหลุดหัวเราะออกมา

ผมกรอกตาใส่เขา ก็ผมยังไม่อยากนอนนี่นา “อีกแป๊บหนึ่งแล้วกันนะนิค”

“ตามใจนาย จะว่าไปยังไม่ได้เปิดของขวัญเลยนี่นา”

“จริงด้วย!” ผมเบิกตาโต วิ่งเหยาะๆ ไปที่ใต้ต้นคริสต์มาสเพื่อหยิบเอาของขวัญของผมออกมา เป็นของเจสซี่หนึ่งกล่อง ของเจย์เดนหนึ่งกล่อง และของนิคอีกหนึ่งกล่อง...วันนี้พวกเราทุกคนตกลงกันว่าจะเอาของขวัญมาให้กันที่นี่

ผมเหลือบไปเห็นกล่องของขวัญที่ผมให้เจย์เดนและคริสเตียน ทั้งสองกล่องยังวางอยู่ที่เดิม นั่นแปลกว่าพี่ยังไม่ได้เอาไปเปิด แต่เขากลับขึ้นห้องนอนไปแล้วนี่นา

“สงสัยจะลืมล่ะมั้ง”

ผมกลับไปหานิโคไล ไม่ลืมหยิบกล่องของขวัญที่ผมเอามาให้เขาติดมือมาด้วย...โซลเมตหน้านิ่งของผมยื่นมือออกมารับแล้วบรรจงแกะมันอย่างใจเย็น ต่างจากผมที่ฉีกห่อกระดาษออกอย่างรวดเร็วไร้ศิลปะสุดๆ

ผมเลือกแกกล่องของเจสซี่ก่อน พี่สาวตัวแสบให้ที่คาดผมหูกวางกับผม และนั่นทำให้ผมแทบจะถลาไปพ่นไฟใส่หน้าเธอ บ้าหรือเปล่า ใครจะไปใส่กัน!

“น่ารักดีนะ” นิคพูดขึ้น เขาหยุดมือที่กำลังแกะห่อของขวัญเมื่อได้เห็นของในมือผม “ใส่สิ”

“ไม่มีทาง”

“ใส่เถอะน่า ฉันอยากเห็นกวางน้อย ใส่ตอนอยู่บนเตียงคืนนี้ด้วยยิ่งดี : )”

“นิค!” ผมแหวใส่เขา หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาจนต้องหลบตาแล้วรื้อของในกล่องซึ่งมีซุกซ่อนอยู่อีกหนึ่งชิ้น คราวนี้ค่อยดีหน่อย เพราะมันคือกระเป๋าสตางค์ดีไซน์เรียบหรู เป็นสไตล์ในแบบที่ผมชอบ อ่า เจสซี่ช่างรู้ใจผมเสียจริง “เจส! ขอบคุณสำหรับของขวัญนะ!”

“ด้วยความยินดีน้องรัก!” เธอตะโกนตอบกลับมา ก่อนจะหันไปเต้นรำกับแฟนสาวของเธอต่อ

ผมหันกลับมาแกะกล่องของขวัญอันต่อไป ซึ่งก็คือของเจย์เดน...และของในกล่องก็เป็นอะไรที่ทำให้ผมอยากจะวิ่งขึ้นไปหาพี่แล้วกอดแน่นๆ สักที แม้ว่านั่นจะไม่ใช่นิสัยส่วนตัวของผมก็ตาม

เจย์เดนให้รองเท้ากับผม เป็นรองเท้าผ้าใบรุ่นลิมิเต็ดแพงแสนแพงที่ผมบ่นว่าอยากได้ตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ไม่รู้ว่าพี่ไปหาซื้อมันมาได้ยังไง ทั้งที่มันมีแค่ร้อยคู่เท่านั้นเอง

ผมรักเจย์เดนชะมัดเลย!

“ถูกใจล่ะสิ ยิ้มไม่หุบเลยนะ”

ผมไม่ตอบ เงยหน้าขึ้นยิ้มกว้างให้โซลเมตของตัวเอง ลูบไล้รองเท้าคู่สวยอยู่อีกพักใหญ่ แล้วถึงได้หันไปหยิบกล่องสุดท้ายออกมาแกะ...กล่องของนิโคไล

“คุณให้อะไรผม”

“เดาไม่ออกเหรอ?” นิคย้อนถาม เราสบตากัน

“ถ้าเดาออกผมคงไม่ถามหรอกนิค กล่องใหญ่แต่น้ำหนักเบามาก อย่าบอกนะว่ามีแค่การ์ดใบเดียวน่ะ?”

นิคหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ “เปิดดูไปเรื่อยๆ แล้วกัน”

ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจคำว่าเปิดดูไปเรื่อยๆ นัก แต่พอแกะกล่องชั้นแรกออกก็เจอกล่องชั้นที่สอง พอแกะออกก็เจอชั้นที่สาม ซึ่งแทนที่ผมจะหงุดหงิด ผมกลับรู้สึกสนุกและขบขันซะมากกว่า

“เล่นอะไรของคุณกันครับเนี่ย”

เขาไม่ตอบ เฝ้ามองผมแกะกล่องของขวัญต่อไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นสุดท้าย...และเป็นกล่องที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้จับมัน ไม่เคยคิดมาก่อนเพราะคิดว่าคงไม่จำเป็น แต่ดูเหมือนนิคโคไลจะไม่คิดอย่างนั้น

มันเป็น...

“แหวนเหรอ” ผมถาม เงยหน้าสบตาคนให้ “คุณไม่ได้ล้อผมเล่นใช่มั้ย!?”

นิคไม่ตอบอีกครั้ง เขาเอื้อมมาหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินไปจากมือผม ก่อนจะเปิดฝามันออก แล้วหมุนให้ผมได้เห็นของภายในนั้น

แหวนทองคำขาวเรียบๆ สองวงถูกบรรจุอยู่เคียงคู่กันบนฟองน้ำนิ่มสีขาวสะอาด

“ฉันรู้ว่าทั้งฉันและนายไม่ได้ชื่นชอบพิธีการยิ่งใหญ่อะไรนัก แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็อยากทำให้มันเป็นที่น่าจดจำ และคิดว่าวันนี้เหมาะสมที่สุดที่จะทำมัน”

“...”

“ถึงอย่างนั้นนายก็ยังเด็กเกินไป...”

“ผมโตแล้วนิค”

นิคชะงัก พอเห็นว่าผมทำหน้าจริงจังมากแค่ไหนเขาก็หลุดยิ้มออกมา “โอเค อายุสิบแปดก็โตแล้วจริงๆ นั่นล่ะ”

“และผมก็ยินดีมากด้วยที่จะแต่งงานกับคุณ”

“โจชัว!” คราวนี้โซลเมตของผมเป็นฝ่ายเหวอแทนผมแล้ว “มันควรเป็นฉันที่พูดหรือเปล่า หึ? เจ้าเด็กดื้อ”

ผมหัวเราะ “ไม่ว่าใครพูดก็ไม่สำคัญหรอกน่านิค สุดท้ายทั้งคุณและผมก็จะแต่งงานกันอยู่ดี จริงมั้ย?”

“ครับผม จริงทุกอย่างเลยครับ”

“ทีนี้ก็สวมแหวนได้” ผมหยิบเอาแหวนวงที่ใหญ่กว่ามาถือ ก่อนดึงมือข้างซ้ายของนิคมาแล้วสวมแหวนลงไปช้าๆ ที่นิ้วนาง ปากก็ยิ้มกว้างไปด้วยอย่างควบคุมไม่ได้

“เราไม่ต้องใช้บาทหลวงเหรอ?” นิคหยอกเย้า เขาสวมแหวนให้ผมเช่นกัน ระหว่างเราไม่มีพิธีรีตองอะไรเลยสักอย่าง เพราะก็อย่างที่อีกฝ่ายบอก...เราทั้งคู่ไม่สนใจมันหรอก การแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนเท่านั้น และคนสองคนที่ว่าก็คือผมกับเขา

“ไม่จำเป็น”

“แล้วเราต้องเต้นรำกันหรือเปล่า?”

“ถามมากน่านิค จูบผมสักที”

เขาหัวเราะเสียงดัง...แบบที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก ก่อนมือหนาจะรั้งใบหน้าของผมขึ้นสูงแล้วกดจูบลงมาที่ปากของผม เราจูบกันโดยลืมไปสิ้นว่าที่ตรงนี้มีคนอื่นอยู่ด้วย แต่แล้วยังไงล่ะ? ผมไม่แคร์หรอก

หลังจากผละจูบออก เราสองคนก็สวมกอดกันแน่น นิคกระซิบข้างหูของผมด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน เป็นน้ำเสียงในแบบที่ผมชอบเหลือเกิน

“แหวนนี่น่ะ...เป็นไอเทมลับของฉันในวันนี้เลยนะ”

ผมหัวเราะ แล้วกระซิบตอบกลับไปว่า...

“เป็นไอเทมลับที่ผมชอบที่สุดเลยครับ : )”


_________________________
มาช้าแต่อยากให้ได้อ่านกันนะคะ แง เดือนที่แล้วเป็นช่วงเดือนสิ้นปีที่โคตรจะประสาทแดกสำหรับเรา ก็เลยแทบไม่ได้เขียนนิยายเลยค่ะ เรียกว่าหมดแพสชั่นไปพักใหญ่เลยทีเดียว ฮื่อ แต่ตอนนี้กลับมาไฟลุกแล้ว จะกลับมาขยันแล้วครับผม อิอิ

ตอนหน้าจะกลับมาอัพ side story 2 ของนิคโจนะคะ ส่วนตอนพิเศษนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาหลักเน้อ แล้วก็...เราเปิดเรื่องของแคสเทียลกับโคลตันแล้วนะจ๊ะ อัพบทนำไปแล้วด้วย ใครอ่านสลับกันรุกรับได้ เราขอฝากเรื่องของพวกเขาด้วยนะคะ ^^

CALL MY NAME #ความลับใต้กางเกง คือชื่อเรื่องของแคสโคลค่ะ :)

หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Christmas [02-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-01-2019 06:35:36
มาช้า แต่แซ่บนัว ฟินเวอร์  :mew3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Christmas [02-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-01-2019 07:22:23
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๒ ค่ะไรท์
ขอให้ไรท์ แข็งแรง สุขภาพดี ประสบแต่สิ่งดีๆ นะคะ  :mew1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Christmas [02-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-01-2019 08:22:03
เป็นของขวัญปีใหม่ที่น่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Christmas [02-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-01-2019 15:40:49
คู่นั้นเขาแซ่บตลอดเลยน้าาา
คู่น้องก็น่ารัก  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Christmas [02-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 03-01-2019 16:04:16
 :mc3: :mc2: :mc3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Christmas [02-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-01-2019 18:07:51
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Christmas [02-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-01-2019 22:02:52
ไอเทมลับ :laugh: o13
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Christmas [02-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 07-01-2019 13:19:26
ไอเทมลับของแต่ล่ะคน ง่าวววววววว  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Christmas [02-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 07-01-2019 21:28:13
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Christmas [02-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 08-01-2019 21:02:04
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Spacial Christmas [02-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 11-01-2019 15:51:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 12-01-2019 14:44:46

Side Story 2

Where did you go?

[Nikolai x Joshua]

 

[Joshua]


หลังจากที่ทุกอย่างคลี่คลาย และช่วงเวลาแห่งความระทึกขวัญผ่านไปได้สามสี่วัน ผมก็ใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ ไปกับเจย์เดนและเจสซี่ พี่ชายคนโตนัดเราออกมาเจอกันที่คอฟฟี่ช็อปแห่งหนึ่ง เพื่อพูดคุยกันระหว่างพี่น้อง...ก็อะไรแบบนั้นล่ะนะ

ผมจับแก้วช็อกโกแลตด้วยมือข้างหนึ่ง อีกมือจับหลอดเขี่ยน้ำแข็งในแก้วเล่น ระหว่างเราสามคนไร้บทสนทนา แต่ผมกลับไม่รู้สึกว่ามันน่าอึดอัดแต่อย่างใด...ผมชอบนะ เวลาที่เราสามคนได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้

“แล้วตอนนี้พี่เขยของฉันออกจากโรงพยาบาลแล้วใช่มั้ย?”

เจสซี่ถามขึ้น หลังจากเธอยัดชีสเค้กเข้าปากไปแล้วครึ่งชิ้น...เจย์เดนยิ้มบาง เขายื่นมือไปโยกหัวเจสซี่ก่อนจะตอบ

“อืม เขาดีขึ้นมากแล้วล่ะ พักอยู่บ้านอีกไม่กี่วันก็น่าจะหายสนิท”

“บ้านที่ว่านี่บ้านใคร บ้านพี่ใช่มั้ยเจย์” ผมถาม ส่งสายตาล้อเลียนเขา แต่นอกจากพี่ชายของผมจะไม่สะทกสะท้านแล้ว ยังหัวเราะเบาๆ แล้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข...ผมสัมผัสมันได้อย่างชัดเจนเลยล่ะ

“อ่าฮะ ก็เป็นโซลเมตกันนี่นา”

“เมื่อไหร่พี่จะแต่งกับเขาล่ะเจย์” เจสถามขึ้นมาอีกครั้ง โอ๊ะโอ ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยแฮะ

“อ่า” เจย์เดนชะงักไป เขากะพริบตาปริบ ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมกับเจสพากันหลุดหัวเราะขบขันสีหน้าของเขา เลยโดยอีกฝ่ายเคาะหัวเข้าให้คนละที “เลิกแหย่พี่เล่นได้แล้ว ว่าแต่เธอเถอะเจส ช่วงที่ไม่ได้ติดต่อกันเธอเป็นยังไงบ้าง”

“ต้องบอกว่าช่วงที่พี่ไปแอบทำเรื่องอันตรายลับหลังฉันต่างหาก” เจสซี่ไม่วายขุดเรื่องเก่าออกมาพูดอีกครั้ง (ที่จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้เก่ามากเท่าไหร่นัก) แถมน้ำเสียงยังออกไปทางตัดพ้อต่อว่าด้วย

เจย์ถึงกับโคลงหัว “เลิกโกรธพี่ได้แล้วน่า”

เจสแค่นหัวเราะก่อนจะยอมแพ้ ยังไงพวกเราสามคนก็โกรธกันได้ไม่นานนักหรอก

“ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันก็ไปเรียนตามปกติ กับแฟนก็โอเคดี ทุกอย่างแฮปปี้ มันดี...จนฉันรู้สึกผิดเลยที่ทิ้งให้พี่กับโจต้องเผชิญกับอันตรายแค่สองคน”

เอาล่ะ อันนี้ผมคงต้องแย้งบ้างแล้ว “พี่จะรู้สึกผิดทำไมกันเจส ดีแล้วที่พี่ไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ มันอันตรายมาก เจย์เกือบตายมาแล้ว ส่วนผมก็ต้องหลบอยู่แต่ในบ้าน ออกไปเรียนก็ไม่ได้เพราะกลัวว่าพ่อจะไปหาที่โรงเรียน”

“ใช่ เธอมีความสุขดีก็ดีแล้ว ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกน่า” เจย์เดนพยักหน้าเห็นด้วยกับผม ส่วนเจสซี่ที่เถียงอะไรไม่ออกเลยได้แต่ทำหน้าบึ้งแล้วตักเค้กยัดเข้าปาก นั่นเลยทำให้เจย์หันมาถามผมแทน “แล้วนายล่ะ ช่วงที่พี่วุ่นๆ กับเรื่องพ่อ นายอยู่แต่ในบ้านของนิโคไลงั้นเหรอ?”

“ทำนองนั้น นิคไม่ยอมให้ผมออกไปไหน เขาส่งคนมาคุ้มกันบ้านทั้งหลัง แทบจะเดินตามผมทุกฝีก้าวเลยด้วยซ้ำ แถมยังไม่บอกอะไรผมสักอย่าง ช่วงนั้นผมแทบจะเป็นบ้าตาย เขากันผมออกจากเรื่องทั้งหมด และนั่นมันน่าหงุดหงิด”

“แต่พี่เห็นด้วยกับเขานะ นายยังเด็กเกินกว่าจะไปเสี่ยงอันตรายกับพวกเรา”

“ผมไม่เด็กแล้วเจย์”

“แต่ก็ยังอายุน้อยกว่าพี่อยู่ดี”

“ได้ข่าวว่าพี่เองก็โดนโซลเมตปิดบังแผนการไม่ใช่หรือไง” ผมตอกกลับ ไม่ได้จริงจังนัก แต่ก็อยากทำให้พี่ชายของผมเถียงไม่ออกบ้าง และหน้านิ่งๆ กับอาการเงียบกริบของเขาก็ทำให้ผมประทับใจจนต้องหันไปแปะมือกับเจสซี่ เราสองคนสนุกกันมากเลยทีเดียวที่ได้ทำให้อีกฝ่ายเถียงไม่ออกบ้าง

พี่ชายคนเดียวของผมพ่นลมหายใจแรง เขากลอกตา แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา “เลิกคุยเรื่องนี้เถอะ ทุกอย่างมันจบลงแล้ว และตอนนี้ก็ได้เวลาที่เราจะกลับไปสู่ความปกติสุขอีกครั้ง”

“เป็นความสุขที่มากกว่าเดิมด้วย เพราะตอนนี้คนที่ทำให้ทั้งพี่ทั้งโจไม่มีความสุขโดนจับเข้าคุกไปแล้ว เย้!” เจสชูมือสองข้างขึ้นทำท่าดีใจ

เราสามคนพากันหัวเราะเสียงดังอย่างลืมตัว แต่แล้วยังไงล่ะ ลูกค้าคนอื่นของร้านจะมองยังไงก็ช่าง ผมรู้แค่ว่าผมมีความสุข ดีใจชะมัดที่ได้มายิ้มและหัวเราะกับพี่น้องแบบนี้ ผมสาบานด้วยชีวิตเลยว่าจะรักษาความสัมพันธ์นี้เอาไว้ให้ดีที่สุด

ผมรักเจย์กับเจสมาก และผมจะไม่ยอมเสียใครไปทั้งนั้น

 

ผมกลับมาถึงบ้านเอาตอนเกือบเที่ยงคืน แน่นอนว่ามันเป็นบ้านของนิค ส่วนบ้านผมไม่มีใครอยู่อีกแล้ว ก็นะ...พ่อติดคุก ส่วนแม่ก็ถูกส่งไปบำบัด และผมก็ไม่มีทางกลับไปเหยียบบ้านหลังนั้นอีกแน่ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในเร็วๆ นี้ บอกตามตรงผมยังทำใจรับไม่ได้เท่าไหร่กับสิ่งที่แม่ทำ ผมนึกว่าแม่เป็นเหยื่อของพ่อมาตลอด แต่กลับไม่ใช่ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง และผมโคตรจะเจ็บใจเลย

“กลับดึกนะ”

คำทักทายจากโซลเมตจอมเย็นชาของผมทำให้ผมชะงักปลายเท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นชั้นสองของบ้าน หันไปมองที่ห้องนั่งเล่นก็เจออีกฝ่ายนั่งพิงโซฟา ในมือมีแก้วไวน์ที่ดื่มหมดแล้ว

ผมพ่นลมหายใจแรง “ก็บอกแล้วไงว่าไปหาพี่มา จะกลับดึก”

“อืม” เขาตอบรับ ก่อนจะสะบัดหัวเป็นสัญญาณให้ผมเข้าไปหาเขา “มานี่สิ”

ผมยอมทำตาม ก้าวเข้าไปนั่งข้างอีกฝ่าย และปล่อยให้นิคดึงตัวเข้าไปกอด...กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ลอยออกมาจากตัวเขา ผสมไปกับกลิ่นนิโคตินของบุหรี่ นั่นทำให้ผมอยากสูบขึ้นมาบ้าง

“มีบุหรี่มั้ย?”

“มี” นิคตอบ ขณะเดียวกันก็ใช้แขนอันแข็งแรงยกตัวผมขึ้นนั่งคร่อมตักเขาแทน “แต่ไม่ให้สูบ”

ผมหน้าเหวอเมื่อเขาทำอะไรไม่บอกไม่กล่าว รีบเหลียวซ้ายแลขวามองลูกน้องของนิคที่ก่อนหน้านี้ยืนกันอยู่ให้เต็มไปหมด แต่ตอนนี้เหมือนจะรู้คิว พากันเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปอย่างว่องไว

เป็นอีกครั้งที่ผมพ่นลมหายใจแรง “อีกแล้วนะนิค คุณบ้าหรือเปล่าเนี่ย คิดจะทำอะไรในห้องนี้กัน”

“ทำโทษเด็กดื้อ”

“เด็กดื้อ? หมายถึงผมเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ”

“ผมทำอะไร ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!” เอาล่ะ นี่ไม่โอเคแล้ว ผมมั่นใจมากว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วเขาจะมาหาเรื่องลงโทษผมได้ยังไงกันล่ะ

อีกอย่าง...ไอ้คำว่าลงโทษของเขาน่ะมันธรรมดาซะที่ไหนกันล่ะ ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากโดนเขาทำโทษหรอกนะ แล้วที่สำคัญผมก็ไม่ใช่เด็กแล้วด้วย!

“นายทำ โจชัว เมื่อหลายวันก่อน”

“หลายวันก่อน...” ผมทวน พลางนึกย้อนกลับไป ก่อนจะหน้าซีดเผือด หัวใจพลันเต้นแรง รู้แล้วว่าตัวเองทำอะไรเอาไว้เมื่อหลายวันก่อนที่ว่านั่น ผม...แอบหนีออกไปจากบ้านเพื่อไปหาเจย์เดน ทั้งที่เขาไม่อนุญาต

“สารภาพออกมาซะว่านายทำอะไรลงไปบ้าง”

ผมเผลอกลั้นหายใจ พูดเสียงตะกุกตะกัก “คุณก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไงว่าผมออกไปไหนมา”

“ไม่ทั้งหมด ฉันอยากรู้ตั้งแต่ต้นว่านายหนีออกไปได้ยังไงโดยที่ลูกน้องของฉันไม่เห็น”

“...”

“พูดออกมาซะโจชัว สมิธ”

เอาล่ะ ผมคิดว่าอย่างน้อยมันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนสิ นิโคไล ริชมอนด์ทำตัวเหมือนพ่อของผมมากกว่าจะเป็นแค่โซลเมต เขาทำอย่างนั้นมาตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราได้พบกันโดยบังเอิญเลยด้วยซ้ำ และผมโคตรจะเกลียดที่เขาทำเหมือนผมเป็นแค่เด็กอายุสิบปี

“ถ้าผมบอก คุณจะไม่ลงโทษผมหรือเปล่าล่ะ”

นิคเลิกคิ้ว มุมปากหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มในแบบที่มันไม่น่าไว้ใจ “คิดจะต่อรองกับฉัน?”

“เปล่า ก็แค่ผมไม่อยากโดนคุณลงโทษนี่นา” ผมเริ่มใช้ไม้อ่อน การต้องมาอ้อนไม่ให้เขาลงโทษผมเป็นอะไรที่ชวนให้ผมรู้สึกประหม่าและประหลาดมาก แต่ผมเรียนรู้แล้วว่าต้องทำ เพื่อให้นิโคไลใจเย็นกับผม และให้อภัยเวลาผมไม่ทำตามคำสั่งของเขา

“ต้องบอกว่าเสียใจด้วยที่ครั้งนี้ลูกอ้อนของนายใช้ไม่ได้ผล โจ” นิคว่า พลางลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังมีผมนั่งอยู่บนตัก เขาเปลี่ยนเป็นโอบอุ้มตัวผมขึ้น สภาพของผมตอนนี้เลยเหมือนลูกลิงที่กำลังเกาะแม่ลิงอยู่

“เดี๋ยว นิค คุณจะพาผมไปไหน”

“ไม่น่าถาม” เขาเอียงใบหน้ามาสบตาผม กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ กระซิบบอกเสียงแผ่ว “ก็ห้องของเล่นไงล่ะ”

ผมเบิกตาโต “ไม่เอานะ นิค! ปล่อยผมลง ผมไม่ไป!”

“อย่าดิ้นน่า ยังไงนายก็ต้องโดนฉันทำโทษอยู่ดี”

“ไม่เอา! นิค ไอ้เวรเอ๊ย ปล่อยเซ่!” ผมร้องตะโกนและสบถด่าใส่เขาอีกหลายคำ ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อโซลเมตจอมเย็นชาฟาดมือเข้าที่ก้นผมเต็มแรง

“อย่าพูดคำหยาบใส่ฉัน เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไง”

ผมหน้าซีดลงยิ่งกว่าเดิม ความผิดเพิ่มมาเป็นสองแล้วตอนนี้...แอบหนีออกจากบ้าน และพูดคำหยาบกับเขา ให้ตายสิวะ! ผมไม่อยากจะนึกตอนที่เขาสรรหาวิธีมาลงโทษผมเลย

จะต่อต้านเขายังไง แต่ผมก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่าผมสู้แรงเขาไม่ไหว...นิโคไลเป็นถึงเจ้าของบริษัทฝึกบอดี้การ์ด ร่างกายของเขากำยำล่ำสัน กล้ามแขนเป็นมัด ไหนจะกล้ามท้องแข็งแรง และพละกำลังมหาศาล เขาเหมือนดาราตัวโตในหนังซูเปอร์ฮีโร่สักเรื่องที่เป็นเทพเจ้า และแน่นอนเขาตัวใหญ่กว่าผมมากเลยทีเดียว

แล้วผมที่ตัวเล็กกว่าเขามากจะไปสู้แรงเขาได้ยังไงกัน!

ผมถูกพามาโยนลงกลางเตียงนอนหลังใหญ่ในห้องที่ถูกเรียกว่า ‘ห้องของเล่น’ เป็นห้องที่ผมทั้งรักทั้งเกลียดในเวลาเดียวกัน บางครั้งมันก็ดี แต่บางทีมันก็ทำให้ผมทรมานมากจนเกินไป รสนิยมเรื่องเซ็กซ์ของนิโคไลไม่ถึงกับเรียกได้ว่าแปลกประหลาด แต่เขานิยมชมชอบการเห็นคู่นอนทรมานเพราะความกระสันอยากจนต้องร้องไห้ออกมา และผมก็คือคนที่โดนเขากระทำแบบนั้นมาโดยตลอด

“นิค” ผมเรียกเขาเสียงอ่อน หวังให้เขาเห็นใจกัน

แต่ก็ไม่...สำหรับอีกฝ่ายแล้ว หากพูดว่าจะลงโทษก็คือทำจริงไม่ใจอ่อนเด็ดขาด

“นอนลงไปซะ”

“ผมไม่...”

“นอนลงไป เด็กดี” นิโคไลย้ำ เขากดเสียงต่ำ แววตาคมกริบหรี่ลงจ้องมอง คำว่าเด็กดีของเขาเหมือนเป็นคำขู่มากกว่าจะกล่อมให้ผมยอมจำนน แต่ไม่ว่ามันจะเป็นในเชิงไหน ผมก็พ่ายแพ้ให้แก่เขาทั้งนั้น

ผมยอมเอนตัวลงนอนกลางเตียงใหญ่ นิคขยับเข้ามาถอดรองเท้าออกให้โดยไม่พูดอะไร ตามด้วยกางเกงยีนที่ผมใส่อยู่ พอผมจะขัดขืนเขาก็ฟาดต้นขาผมเต็มแรง มันไม่ถึงกับเจ็บมาก แต่ก็ทำให้สะดุ้งและแสบร้อนขึ้นมาเล็กน้อย

“นิค”

“ถ้าฉันไม่ได้สั่งให้พูดก็อย่าพูด โจชัว” นิคเอ่ย และนั่นทำให้ผมปิดปากเงียบอีกครั้ง

หลังจากท่อนล่างของผมไร้ซึ่งกางเกงปิดบัง โซลเมตตัวโตก็คว้าขาทั้งสองข้างของผมให้กางออกจนเปิดเผยให้เห็นส่วนกลางลำตัวที่ยังคงสงบ แต่มันเริ่มจะไม่สงบแล้วเมื่อได้รับสายตาร้อนแรงของอีกฝ่ายจดจ้องมองมา อ่า แววตาของนิคร้อนราวกับไฟเผา มันกำลังทำให้ผมวูบวาบไปทั้งตัว

รู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่โลหะเย็นเฉียบล็อกข้อเท้าทั้งสองข้างของผมให้แนบติดกัน ทำให้ผมต้องนอนตะแคงข้างงอเข่าเข้าหาลำตัวเพราะไม่อาจเหยียดขาออกจากกันได้แล้ว และนั่นทำให้ผมตื่นตระหนก หัวใจเต้นรัวแรงแทบบ้า

ผมอ้าปากตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างกับอีกฝ่าย แต่ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่นิคสั่งเอาไว้...หากเขาไม่ได้บอกผมก็ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น ไอ้จอมเผด็จการเอ๊ย!

ข้อมือทั้งสองข้างของผมถูกจับมัดด้วยเนกไทของเขาที่เพิ่งถอดออกมาจากคอเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน เท่ากับว่าตอนนี้ผมถูกพันธนาการเอาไว้และไร้หนทางหนีโดยสิ้นเชิง

“เด็กดื้อต้องถูกทำโทษ :)”

สาบานเลยว่าผมจะไม่ดื้อกับเขาอีก!

นิโคไลปลดกางเกงตัวเองออกทั้งที่ยังจ้องตากับผม ท่อนเนื้อใหญ่โตปรากฏกายออกมาให้เห็น...อีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ มากพอให้ความแข็งขืนของเขาจ่ออยู่ตรงปากของผม

“ปลุกมันสิ”

ผมเหลือบมองเขา ก่อนปลายลิ้นจะไล้เลียส่วนปลายเพียงแผ่วเบา แล้วรับเอามันเข้าไปในปากอย่างเชื่องช้าใจเย็น การทำออรัลให้เขากระตุ้นเร้าอารมณ์ของผมจนกลางกายเริ่มลุกชันขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกัน และเมื่อถึงจุดหนึ่งที่ผมเริ่มไหลไปตามอารมณ์ของวาบหวามที่เกิดขึ้น นิคก็ผละออกห่าง

ผมมองเขาอย่างเว้าวอน อีกฝ่ายกระตุกยิ้มมุมปาก เอื้อมมือมาบีบแก้มของผมแน่น น้ำเสียงทุ้มเข้มกระซิบแผ่วแต่กลับดังก้องอยู่ในหัวของผม

“ต้องการอะไร”

“ของคุณ...ให้ผมนะ มอบมันให้ผม”

“เสียใจด้วยเด็กดี มันยังไม่ถึงเวลานั้น”

ผมเม้มปากแน่น มองตามโซลเมตจอมเย็นชาถอยห่างออกไปและกลับมาพร้อมเซ็กซ์ทอยชิ้นหนึ่ง...เป็นดิลโด้สีใสขนาดใหญ่พอๆ กับท่อนเนื้อร้อนผ่าวของเขา ผมเผลอกลั้นหายใจเมื่อนิคพลิกตัวผมนอนคว่ำแล้วรั้งสะโพกผมขึ้นสูง ปลายนิ้วแกร่งแหวกช่องทางด้านหลังออก ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลงมาและทำให้ผมสั่นสะท้านไปทั้งตัว

“อื้อ...” ผมหลุดเสียงครางแผ่ว ก่อนจะกลายเป็นครางลั่นเมื่อปลายลิ้นของนิคแตะลงมาที่ปากทาง เขาขยับขยายให้ผม สอดลึกหมุนวนอยู่นาน ทำให้ผมบิดเร่าแทบขาดใจ และคิดว่าคงจะตายในไม่ช้านี้แล้วถ้านิคยังทรมานผมแบบนี้ไม่เลิก

น้ำตาของผมไหลซึมออกมาเล็กน้อยทางหางตาทั้งสองข้าง ผมไม่ได้เจ็บปวด ไม่ได้เสียใจ แต่ผมรู้สึกดีเกินกว่าจะกักเก็บอารมณ์เอาไว้ได้ จนต้องระบายมันออกมาเป็นเสียงครางและหยาดน้ำตา

“นิค ได้โปรด...”

“เด็กดี” เขาผละออกไปในที่สุด ก่อนจะกลับมาพร้อมปลายนิ้วที่ถูกชโลมด้วยเจลหล่อลื่นเย็นเฉียบ สอดเข้ามาในร่างของผมจนมิดข้อนิ้ว เขาคว้านต้อนภายใน จนกระทั่งแตะเข้าจุดกระสันของผม ทำให้ผมหลุดเสียงคำรามลั่น สะโพกสั่นกระตุก

เป็นอีกครั้งที่ผมตาพร่าไปหมด รู้ตัวอีกทีดิลโด้ที่นิคหยิบติดมือมาก็สอดเข้ามาในกายผมแทนที่ปลายนิ้วแข็งแกร่ง มันแทรกเข้ามาอย่างช้าๆ ก่อนถอดถอนออก เป็นอย่างนั้นอยู่สองสามครั้งแล้วจังหวะก็ถูกเร่งเร้ารุนแรงมากขึ้น

“ฮ้า นิค...นิค!”ผมถูกทรมานอยู่อย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา โซลเมตที่รักของผมไม่ยอมแตะต้องกลางกายผมเลยด้วยซ้ำ เขาปล่อยให้ผมถูไถไปกับผ้าปูที่นอนแทนการใช้มือรูดรั้ง เพราะมือของผมยังคงถูกมัดเอาไว้และไม่มีทีท่าว่าเขาจะยอมปลดเนกไทที่มัดอยู่ออกง่ายๆ

ด้านหลังยังคงถูกรุกรานจากเซ็กซ์ทอยชิ้นเดิม ความต้องการเคลื่อนมาอยู่ที่ปลายทาง และดูเหมือนนิโคไลจะรู้ เพราะเขาดึงเอาดิลโด้ออกแล้วพลิกร่างผมให้กลับมานอนหงาย ปลดกุญแจที่ข้อเท้าออกข้างหนึ่ง จากนั้นจึงรั้งต้นขาผมแยกออกกว้าง ไอ้หนูของผมชูชันและมีหยาดน้ำใสไหลซึมออกมาจนเปียกชุ่ม

“อยากปลดปล่อยมั้ยโจชัว”

“ครับ...ครับ ผมอยาก” ผมตอบ ดวงตาหรี่ปรือเฝ้ามองคนบนร่างด้วยสายตาออดอ้อน

นิคยิ้ม โน้มหน้าลงมาจูบปากผม ปลายลิ้นของเราตวัดเกี่ยวเข้าหากัน และเมื่อเขาผละออก ลมหายใจร้อนผ่าวก็กระทบเข้าที่ใบหูของผม พร้อมเสียงกระซิบแหบพร่าเร้าอารมณ์

"Are you going to be a good boy?"

ผมพยักหน้ารัวแรง “Please, fuck me”

เขาให้ในสิ่งที่ผมขอ...นิโคไลรั้งต้นขาข้างขวาของผมขึ้น ประทับจูบลงไปบนชื่อของเขาที่อยู่บนต้นขาด้านในของผม ที่เวลานี้มันกำลังกะพริบเป็นสีเดี๋ยวเข้มเดี๋ยวอ่อนเพราะความใกล้ชิดของเราสองคนที่แทบหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง

นาทีต่อมาท่อนเนื้อร้อนผ่าวแข็งชันของเขาก็แทรกเข้ามาในร่างกายของผม กระแทกเพียงทีเดียวเข้ามาจนมิด ทำให้ผมทั้งจุกและวูบวาบไปพร้อมๆ กัน ความต้องการก่อนหน้านี้ที่ถูกรั้งให้หยุดชะงัก ถูกปลดปล่อยออกมาจนเลอะเสื้อของผมที่ยังคงสวมติดกายเอาไว้

นิคพลิกร่างผมให้นอนตะแคง ก่อนฝ่ามือใหญ่จะฟาดลงมาที่แก้มก้นของผมเต็มแรง ไม่ต้องเดาก็รู้ได้เลยว่าตรงที่โดนตีต้องปรากฎรอยนิ้วมือเป็นปื้นสีแดงบนผิวเนื้อของผมแล้วแน่นอน แต่นั่นกลับทำให้ผมสุขสมแทนที่จะเจ็บปวด

“กล้าเสร็จก่อนฉันงั้นเหรอเด็กดี”

“ผมขอโทษ...ขอโทษ...”

นิคกระทั้นกายเข้าออกรัวแรง เสียงหอบครางของเราดังประสานกัน เขาสบถคำหยาบคายออกมาเป็นครั้งคราว ไปพร้อมๆ กับหยอกล้อผมด้วยถ้อยคำหยาบโลน แต่แล้วเขาก็ผ่อนแรงลง ทำให้อารมณ์ที่พุ่งสูงของผมถูกดึงให้ดิ่งลงโดยไม่ทันตั้งตัว

จังหวะรักของเขาลดทอนจนกายเป็นเนิบช้าอย่างน่ารำคาญ ผมอยากได้มากกว่า แรงกว่านี้ เร็วกว่านี้ แต่นิคไม่ยอมทำอย่างที่ผมอยากได้ ทั้งที่เขาน่าจะรู้ดีว่าผมชอบแบบไหน สุดท้ายผมก็ต้องเอ่ยความปรารถนาของตัวเองออกมาโดยตรง

“Harder...”

“Huh? Say it again, baby” เขาถาม รั้งใบหน้าผมให้หันมารับจูบดูดดื่ม ก่อนจะผละออกแล้วถามย้ำอีกครั้ง “what do you want?”

ผมสูดหายใจเข้า ร่างกายสั่นระริกยามตอบคำถามของเขา “Fuck me harder, daddy”

หลังจากนั้นเตียงนอนของเราก็แทบพังครืน ผมไม่รับรู้อะไรอีกแล้วนอกจากท่อนเนื้อร้อนผ่าวและแรงกระแทกกระทั้นของสะโพกที่กระทบกัน จนเกิดเสียงดังประสานไปกับเสียงครวญครางของเราสองคน

อ่า จะว่าไปวันนี้เขาใช้ของเล่นน้อยกว่าทุกครั้งเลยแฮะ

ทำไมกันนะ?


__________________________

ตอนพิเศษตอนสุดท้ายค่ะ เป็นการหื่นส่งท้าย 55555
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 12-01-2019 17:10:36
เลือดจะหมดตัว
 :pighaun:  :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 12-01-2019 17:50:29
  :jul1:  :jul1:  :jul1:

ต้องการเลือดด่วนนน
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-01-2019 19:52:55
 :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-01-2019 20:55:50
น้องได้สามีดีพี่ก็ดีใจด้วยค่า ฮรึก  :hao5:  :haun4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-01-2019 21:12:43
 :haun4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-01-2019 02:07:16
หื่นขั้นเทพจริง ๆ  :hao6: o13
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 13-01-2019 04:42:34
ปกติเล่นเยอะกว่านี้อีกเหรอลูกกกกกกกกกกกกกกกก  :jul1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-01-2019 06:50:17
 :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 13-01-2019 10:06:34
ของน้องโจนี่มีเรื่องแยกออกมารึเปล่าคะ  แงงงงงงงงงง้งงงงงง
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 19-01-2019 14:13:18
นึกถึงแด้ดดี้zilv กับน้องเลยอะะะะะะ :z3:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 20-01-2019 03:34:48
=.,= /เลือดพุ่ง
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-02-2019 14:16:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-02-2019 14:39:30
โอ้โหหห หนูรูกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-02-2019 07:28:18
โอ๊ยยยย ร้อนแรงมากจ้า
ของเล่นน้อยชิ้น เพราะของจริงมันดีกว่าไงโจชัว
นิครอเวลานี้มานาน ได้จัดเต็มสมใจเลยทีเดียว

เอ็นดูความอ้อนแล้วไม่ได้ผลของโจชัว


ขอบคุณมากนะคะ ติดตามเรื่องใหม่ต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 07-05-2019 22:44:35
ชอบสำนวนนิยายแปลแบบนี้ ดีงาม เป็นเนมเวิร์สเรื่องแรกที่อ่าน สนุกกกก ชอบที่แบบว่าชื่อโซลเมทจะสักอยู่บนตัวอะ มันดูเซ็กซี่ค่ตๆ  คริสเตียนกะเจย์เดนคือแซ่บมาก  อยุ่ใกล้กันเหมือนถ่านกะไฟอะ อารมณ์จุดติดง่ายสุด   คริสเตียนเล้าโลมหรอ ได้ เจย์แดนสนองให้ ไม่มีใครยอมใครเลยให้ตายสิ หืดหาดสุด
พูดถึงเรื่องโจชัวและเจสซี่  มันน่ารักตรงที่ว่า ถึงทั้งสามคนจะไม่ใช่พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน แต่เขาเป็นเซฟโซนให้กันได้อะ ชอบเวลาเขานัดมาเจอกัน กินข้าว พูดคุย this warm my heart :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 08-05-2019 16:20:34
+1 o13 :katai2-1: ขอบคุณมากครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 09-05-2019 18:06:21
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 27-07-2019 09:11:05
สนุกมากค่าาาาาาาา  หานิยายที่นายเอกพระเอกเป็นคนตรงๆแมนๆได้น้อยมากกกกก อยากได้ก็บอกว่าอยากได้นี่หาได้อยากจริงๆ ชอบคริสเตียนกับเจย์เดนมากๆ ชอบบุคลิกของทั้งสองคน และคู่โคลแคลคืออยากอ่านของคู่นี้มาก น่าจะสนุกไม่แพ้คู่น้องชาย. รอติดตามอยู่นะคะ  ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ชอบการบรรยายแบบนี้มาก ขอบคุณเฮเซลนัทนะคะที่แต่งนิยายเรื่องนี้มา
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 29-07-2019 14:58:40
 :haun4: :pighaun: :jul1: แต่ละคู่ดิฉันจะจมกอวเลือดตายก่อน โจชัวววววววหนูลูกกกก เจย์กับคริสก็คือแซ่บคู่ อยากอ่านแคสกับโคลมากจ้าจุดนี้ดูจะฟัดกันนัว
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: wingblack ที่ 31-07-2019 21:04:52
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ
สนุกมากๆ  ไม่ค่อยดราม่าด้วย 
จะติดตามอ่านเรื่องต่อไปนะคะ
สู้ๆ ค่ะ  ขอปากำลังใจให้
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 02-08-2019 12:27:57
คริสกับเจย์ก้คือว่าแซ่บแล้ว
เจอคุณนิคกับโจชัวร์ก้คือแซ่บกว่าา
หนูรู้กกกกกก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: w-for-winnie ที่ 02-08-2019 14:39:17
เรื่องนี้สนุกมาก แต่ละคู่นี่แซ่บมากค่ะ คริสเตียนหลงเมียไปอีก คิดไม่ถึงว่าน้องโจชัวจะร้อนแรงได้ขนาดนี้ 5555
รออ่านคู่พี่แคสกับโคลตั้นอยู่นะคะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 03-08-2019 07:27:32
สำนวนภาษา ทำให้นึกถึงนิยายแปลภาษาอังกฤษ เราชอบนะ ชอบปมเรื่ิองแม่โจมาก แบบอุทาน อุต๊ะ นางตอแ_ลลูกตัวเองอ่ะ ชอบๆ ตามไปอ่าน แคสโคลต่อแน่นอน
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 03-08-2019 19:33:56
งู๊ยยยยยยย เจย์จะทนได้นานแค่ไหน
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 03-08-2019 22:24:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 03-08-2019 23:49:37
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-08-2019 00:56:59
เขาได้กันแล้วค่ะแม่ ว่าแต่การรับความรุ้สึกของคู่เมื่อมีเซ็กซ์ที่ว่ามันโผล่มายังไงอะ
ติดตามต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-08-2019 01:58:44
เคลียร์ละ การรับรู้อารมณ์ของคู่เป็นอย่างนี้นี่เอง เข้าใจกันมากขึ้นมาเลยค่ะ
ปมถัดไปนี่ก็หนักนะ เป็นกำลังใจให้ทุกคน
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 04-08-2019 12:50:48
 o13
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 04-08-2019 14:12:12
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  สนุกมากกกกค่ะ
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 04-08-2019 14:35:43
 :pig4: o13 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-08-2019 15:42:32
 :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Yumitun ที่ 04-08-2019 17:36:31
 พล๊อตเรื่องแปลกใหม่ดีค่ะ เนื้อเรื่องกระชับ ฉับไวดี คริสน่ารักผิดคาดมากๆ เจย์พอเปิดใจก็เหมือนคนละคนละเลยสวีท สร้างโลกส่วนตัวกันบ่อยมาก เราเป็นตัวละครอื่นคงต้องมีบ่นเหม็นความรักกันบ้าง5555

สงสัยอยู่อีกเรื่อง เนื่องจากมีคู่เลสในเรื่อง แล้วคู่ชายจำกัดที่การผูกพันทางจิตมีได้เมื่อมี sex แบบสอดใส่ แล้วคู่เลสจะทำไงล่ะ คิดว่าถ้าเปลี่ยนปมเป็นว่า คู่โซลเมทรักกันแล้วมีการเมคเลิฟกันใจเป็นหนึ่งเดียวกันก็ทำให้เกิดการผูกพันธ์ทางจิตได้ น่าจะครอบคลุมกับความรักทุกแบบมากกว่านะคะ อันนี้แนะนำ แต่จะข้ามไปก็ได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-08-2019 18:59:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 05-08-2019 19:23:54
เพิ่งเคยอ่านเนมเวิร์ส สนุกมากกกก ร้อนแรงทุกคู่เลย  :haun4:
รอตอนพิเศษอีกนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 07-08-2019 18:22:43
 :katai2-1: :katai2-1: เหมือนอ่านเรื่องสืบสวนของฝรั่ง หนุกๆ ค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 09-08-2019 10:31:43
 :katai2-1: :katai2-1:
ดีงามๆ... เนื้อเรื่องก็น่าตื่นเต้น.. บทคู่รักก็ไหลรื่นดี... แมนๆคุยกันมากๆ.. ชอบๆแบบนี้. ดูไม่งี่เง่า.. เหลือคู่สุดท้ายใช่มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Side Story 2 [12-01-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 09-08-2019 10:32:51
 :katai2-1: :katai2-1:ุ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Hazel_nut ที่ 14-08-2019 22:40:30
Mini Special

Together


 

แค่เราในทุกๆ วัน



ปลายเดือนมกราคมยังคงหนาว แต่วันนี้หิมะโปรยปรายหนักกว่าทุกวัน

เจย์เดนเอนตัวนอนพิงโซฟา ดวงตาจดจ้องปรอยหิมะที่ด้านนอกหน้าต่าง บนหน้าท้องของเขามีเจ้าคลอเดียนอนซุกซบอยู่ เขาลูบมือไปตามจนนุ่มฟูของมัน

กลิ่นหอมของอาหารเย็นลอยมาแตะจมูก ทำเอาเจย์เดนต้องสูดหายใจเข้าลึก ขณะที่เจ้าเหมียวหูกระดิก ตื่นขึ้นมาโดยพลัน

วันนี้คริสเตียนบอกว่าจะเข้าครัวเพื่อทำมื้อเย็นเอง และโซลเมตอย่างเจย์เดนก็ไม่คิดจะปฏิเสธ นานๆ ทีได้กินอาหารฝีมือคนรักก็ไม่เลวนักหรอก

ไม่นานเสียงทุ้มก็เอ่ยเรียกให้เขาเข้าไปในห้องครัว เจย์เดนไม่ลืมอุ้มคลอเดียไปด้วย เสื้อไหมพรมสีน้ำเงินเข้มเป็นสิ่งที่แรกที่ชายหนุ่มเห็น แต่เมื่อคริสเตียนหันหน้ามา เขาก็ได้เห็นผ้ากันเปื้อนสีขาวบนตัวอีกฝ่าย

“นายดูเซ็กซี่จัง” ปากหลุดพูดออกไปพลางกวาดตามองร่างกายกำยำของผู้เป็นคนรัก

คริสเตียนเลิกคิ้วก่อนหัวเราะ “นายต้องไม่อยากกินมื้อเย็นแน่ๆ ถึงได้พูดแบบนี้กับฉัน”

เจย์เดนหัวเราะบ้างแล้วคราวนี้ เขาทรุดตัวลงนั่งแล้วว่า “อยากเห็นนายถอดเสื้อออกแล้วใส่แค่ผ้ากันเปื้อน”

“มันหนาวนะ”

“ฮีตเตอร์ยังคงทำงานอยู่ ไม่ทันหนาวหรอกน่า”

“เอาจริงเหรอ?” คริสเตียนหลิ่วตามอง แต่มือน่ะถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนแล้ว

“อ่าฮะ”

พอได้รับคำตอบรับจากโซลเมตที่รัก มิสเตอร์แคมเบลล์ก็ถลกเสื้อไหมพรมออกจากตัวทันที ก่อนจะหยิบเอาผ้ากันเปื้อนมาสวมตามเดิม ท่อนล่างยังคงเป็นกางเกงยีนเนื้อดี

“หลังจากนี้นายต้องเป็นคนถูกถอดบ้างแล้วนะเจย์เดน”

คนฟังหัวเราะลั่น จนคลอเดียตกใจกระโดดหนีลงจากตัก แล้วมื้ออาหารก็เริ่มต้นขึ้น จวบจนความมืดโรยตัวปกคลุมภายนอก หิมะที่ตกหนักมาตลอดก็หยุดตกในที่สุด

หลังมื้ออาหารคริสเตียนลากเจย์เดนให้ไปนั่งด้วยกันที่โซฟา เขาเอนตัวลงนอนก่อนตบพื้นที่ว่างเป็นสัญญาณให้คนรักนอนลงบ้าง และเจย์เดนก็ทำตามโดยไม่โต้แย้ง

“ไม่ใส่เสื้อเหรอ?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม

คนถูกถามส่ายหน้า “ไม่ล่ะ กอดนายก็อุ่นแล้ว”

“แปลกนะ”

“อะไร?”

เจย์เดนอมยิ้ม “ที่นายพูดคำหวานกับฉันนี่ไง”

“ฉันก็พูดกับนายออกจะบ่อยไป”

“ไม่เบื่อบ้างเหรอ”

“ไม่” คริสเตียนตอบเสียงหนัก กดจูบที่หลังต้นคอของโซลเมตหนุ่มด้วยความรักใคร่ “ไม่เคยเบื่อเลยสักนิด”

ความเงียบโรยตัวอีกครั้ง ทั้งสองจดจ่อกับหนังบนจอโทรทัศน์ แต่สมองเริ่มไม่โฟกัสกับมันกันเท่าไหร่ เพราะทันทีที่เจย์เดนพลิกตัวหันหน้าเข้าหาแผ่นอกของคนรักหนุ่ม ความร้อนแรงก็ถูกจุดขึ้นในฉับพลัน

เจย์เดนขบเม้มยอดอกของคริสเตียนเล่น เป็นอาการหยอกเย้าแต่กลับทำให้อีกฝ่ายคำรามในลำคออย่างชอบใจ เรียวนิ้วแกร่งสอดแทรกไปตามเส้นผมสีดำสนิท หัวเข่าแทรกเข้าไปในหว่างขา ถูไถกลางกายของเจย์เดนผ่านเนื้อผ้านิ่มของกางเกงวอร์ม

“อืม”

พวกเขาจูบกัน แล้วเสียงของหนังที่เปิดไว้ก็ถูกกลบด้วยเสียงของการเมคเลิฟอันแสนร้อนแรง กว่าพายุรักจะสงบลงก็ผ่านไปเป็นชั่วโมง

เสียงหอบหายใจดังประสาน คริสเตียนกระซิบถามที่ข้างใบหู “นายล่ะ”

“หือ?”

“เบื่อฉันมั้ย?”

เจย์เดนตอบได้โดยไม่ต้องคิด “ไม่สักนิด”

สองร่างกอดรัดกันแนบแน่นแต่ไม่ใช่ในเชิงวาบหวาม คริสเตียนจูบหน้าผากคนรักหนักๆ หลายหน “ดีจังที่ฉันได้เจอนาย แค่นายเท่านั้น ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”

“นายกำลังจะทำให้ฉันสำลักความสุขตาย คริสเตียน”

“ดี เพราะนั่นล่ะคือสิ่งที่ฉันต้องการจากนายที่สุด” เขาบอก “ฉันอยากให้นายมีความสุขในทุกวัน”

จุมพิตแนบแน่นมาพร้อมกับบทรักครั้งใหม่ เสียงนุ่มทุ้มของเจย์เดนกระซิบตอบกลับไป...

“แค่เราต่างหาก”

“...”

“แค่มีกันและกัน ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้วเหมือนกัน”



___________________________

เซอร์ไพรรรรส์ มาเพราะคิดถึงคู่นี้ค่ะ ฮือ เป็นการเขียนที่ใช้เวลาปุบปับมาก เขียนตอนสี่ทุ่ม เสร็จก็อัปเลยเนี่ย 555 ไม่ยาวมากแต่หวังว่าจะอ่านแล้วคิดถึงคู่นี้กันนะคะ ครั้งหน้าจะเอาสเปของนิคโจมาบ้าง อิอิ

หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-08-2019 00:48:52
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 16-08-2019 13:02:36
โง้ยยย สวีทกันน่าอิจฉา  :-[

คิดถึงงงงงงงงงงงงงงง  :pig4:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-08-2019 23:01:51
หวานกันน่าอิจฉาจริงๆ
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-08-2019 14:03:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-08-2019 15:18:37
So sweet  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 18-08-2019 18:43:18
น่ารัก สนุก ตื่นเต้น หื่น ครบรสเลยเรื่องนี้ 555

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-08-2019 20:05:09
 o13
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 22-08-2019 07:07:43
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ มีครบรส
เพิ่งเคยอ่านแนวนี้ครั้งแรก
จบได้น่ารักมาก ตอนพิเศษหวานหยดเลย
ส่วนคู่นิคกับโจแซ่บมากอ่ะ  :haun4:
ยังไงก็ขอบคุณนิยายดีๆสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 22-08-2019 15:29:24
โอ้ยๆ เราไปอยู่ที่ไหนมานะ
ทำไมเพิ่งเห็นเรื่องนี้

ชอบมากๆ เลยค่ะ แบบครบทุกอารมณ์ความรู้สึกมากเว่อร์
เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ จะรอติดตามผลงานต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 25-08-2019 00:16:37
เกินคำว่าชอบไปมากกกกกก
ขอบคุณคนเขียนด้วยจ้าาา สนุกมากๆ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Summer_Melon ที่ 04-10-2019 17:55:38
ชอบที่สุดของเรื่องนี้คือสำนวนการเขียน
เหมือนอ่านนิยายแปล ชอบมากกกกก
ใส่ใจรายละเอียดดีเว่อ ต้องไปตามหาเล่มแล้วแบบนี้

ขอบคุณที่แต่งนิยายที่อ่านแล้วสนุก ตื่นเต้นทุกตอนแบบนี้นะคะ
ชอบมากๆเลย เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Ilovemalong ที่ 05-10-2019 00:44:53
ปลื้มปริ่มมาก สำนวนการแต่งแบบนิยายแปลฝรั่ง ฮือออ หาอ่านยากกก
แถมแต่งดี ถึงพริกถึงขิง คู่พี่ว่าแซ่บ คู่น้องแซ่บนัว
ชื่นชมในผลงานนะคะ ขอติดตามอ่านผลงานต่อไปเรื่อยๆเลยค่า
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 08-10-2019 10:39:33
สนุกมากกกกก ชอบการเขียนมากค่ะ ชอบสำนวนอ่ะ

Sent from my Redmi 5 Plus using Tapatalk

หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: ItIsMe ที่ 08-10-2019 23:28:00
สนุกมากเลยยยย
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนอ่านนิยายแปล
ได้ฟีลยุโรปมาก สำนวนสวยมากก :mew1:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 12-10-2019 21:42:24
หวานๆผิดคาดสุดๆ
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: thebrownbear ที่ 13-10-2019 01:55:51
ดีมากกกกกกกก ชอบมากเป็นแนวเรื่องที่แปลกใหม่ ชอบที่โทนเรื่องดูฝรั่งๆ.มันกร้าวใจมากอย่างบอกไม่ถุก รอติดตามคู่พี่ชายนะคะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: lilipop ที่ 14-10-2019 07:36:12
 :katai2-1:อ่านรวดเดียวจบแต่งได้ตื่นเต้นปนความหวานไปด้วยกันสนุกมากไว้ติดตามอีกน๊า :hao3:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 15-10-2019 19:35:02
สวีทกันน่ารักมากๆเลย ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: reginasorn ที่ 20-10-2019 00:46:00
ชอบเรื่องนี้ เนื้อเรื่องไม่มากไม่น้อยจนเกินไป กำลังพอดี  :katai2-1: :impress2:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 21-10-2019 04:49:52
สนุกมากค่ะ ฟีลฝรั่งนี่มันดีจริงๆ จะติดตามอีกเรื่องต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 23-10-2019 19:43:09
ขอบคุณ​ครับบบบ​ สนุกดี ตอนแรกคิดว่าจะแปลก​ ด้วยชื่อเวิร์ด​ แต่เข้าใจได้อยู่​ ติดตามผลงานต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 26-10-2019 10:19:21
 o13 ปกติจะเป็นคนที่ไม่อ่านตรงส่วนบรรยาย เนื้อเรื่องเท่าไร แต่เรื่องนี้อ่านหมดไม่ข้ามเลย อีกอย่างผู้เขียนใช้คำประกอบกันได้ดีมากๆ เลยทำให้น่าอ่าน น่าติดตาม
 ยิ่งกับเนื้อที่สนุกด้วยแล้ว  :hao7:

 :L2: ขอบคุณมากๆ
 ที่นำเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: ืNtop ที่ 27-10-2019 23:27:18
แต่ละคู่มีความแตกต่าง ที่ลงตัวกันมาก ชอบทุกคู่เลยค่ะ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ มาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 03-11-2019 23:35:03
สนุกมากเลยค่า ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: OmleteO. ที่ 04-11-2019 11:44:32
สนุกดีค่ะ ขอบคุณนะคะคุณนักเขียน^^
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 07-11-2019 14:57:16
อ่านแล้วหน้าร้อนตลอดเวลา ฮือออออ ทั้งคู่หลักคู่รอง  :z3:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 12-11-2019 00:42:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: YoKu ที่ 04-12-2019 10:42:38
มีความสุขกันซะทีนะคะทั้งเจย์เดน โจช้วเลย สงสารทำไมพ่อทำได้ขนาดนั้น อยากจะพุ่งเข้าไปตบหัวอีพ่อซักสามที จากนี้ไปก็มีแต่ความสุขสนุกสนาน แฮปปี้ลัลลานะคะ ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 05-12-2019 10:43:41
ชอบมากกกกกก
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: sse29162 ที่ 05-12-2019 15:04:07
ตามมาจากรีวิวนิยายในเฟส สนุกมากคะ รอติตามผลงานเรื่องอื่นๆนะคะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 21:30:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 27-11-2020 23:17:32
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 29-11-2020 19:51:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 10-12-2020 20:26:49
 o13