Chapter 18
When we’re important to each other
ล้มเหลวไม่เป็นท่า
ใช่ แผนการของเราพังยับไม่มีชิ้นดี...นั่นดูจะเป็นคำอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้ดีที่สุด
ผมได้แต่ยื่นตะลึง ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ โจชัวเองก็เหมือนกัน ผมคิดว่าเขาคงตกใจยิ่งกว่าใคร เมื่อได้ยินจากปากแม่แท้ๆ ของตัวเองว่าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก ทั้งเรื่องโดนขู่ฆ่า โดนทำร้ายร่างกายแบบในคลิป...ทุกอย่างเป็นแผนของพวกเขา เป็นเรื่องลวงโลก
“เจย์เดน! ตอบฉัน!”
ผมได้ยินเสียงเรียกของคริสเตียนแล้ว แต่ผมตอบไม่ได้ ผมจะให้โจแอนนารู้ไม่ได้เด็ดขาดว่ามีคนอื่นมากับผมด้วย ไม่อย่างนั้นอาจจะกระทบกับแผนอื่นหลังจากนี้ สมองของผมพยายามคิดหาทางออก ยังไงผมก็ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ และต้องพาโจชัวไปด้วย ผมไม่ยอมให้น้องอยู่ที่นี่หรอก ถ้าผมหายไปคนเดียว โจต้องโดนพ่อทำร้ายอีกครั้งแน่
“โจ นายต้องออกไปก่อน วิ่งออกจากบ้านหลังจากที่พี่สั่งให้วิ่ง เข้าใจมั้ย?” ผมบอกเขา ดวงตายังคงจับจ้องแม่ของเขาเอาไว้ โจแอนนาขยับเข้ามาใกล้เรา และนั่นทำให้ผมต้องดึงโจไปไว้ด้านหลัง...ผมไม่ยอมให้เขาแตะต้องโจเด็ดขาด
“แกจะให้ลูกฉันไปไหน!?” เธอตวาดลั่น “เขาไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”
“เขาต้องไป ไปจากครอบครัวบ้าๆ นี่!” ผมตะโกนกลับไป และนั่นทำให้เธอชะงัก ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ
ผมอาศัยจังหวะนี้หันไปกระชากกรอบรูปที่ติดอยู่ตรงผนังออกมา แล้วพุ่งตัวเข้าหาเธอ...โจแอนนากรีดร้อง เธอถอยร่นจนหงายหลังล้มเข้าไปในห้องนอนที่เคยเป็นของผม ดูเหมือนว่าหลังจากที่ผมย้ายออกไป ห้องนี้จะกลายเป็นห้องเก็บของไปแล้ว
ผมหันหลับมาดึงโจชัวให้ตรงไปที่บันได “รีบออกไป เร็วเข้า ก่อนที่พ่อจะกลับมาถึง!”
“แต่แม่...”
“โจ! นายต้องปลอดภัยก่อน แล้วเราค่อยมาคิดหาวิธีกันทีหลัง!” โจยังคงนิ่ง เขาลังเลผมรู้...ไม่ว่าจะอย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็คือแม่ของเขา แม่ที่ไม่เคยทำร้ายเขา ไม่เคยดุด่าเขาด้วยซ้ำ เขาไม่อยากทิ้งแม่ แต่ผมคงยอมให้เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้เช่นกัน “โจ ขอร้องล่ะ รีบไป เชื่อพี่นะ”
โจเม้มปาก เขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ยอมพยักหน้ารับในที่สุด “โอเค ผมจะ...ผมจะไป”
“จำได้ใช่มั้ยว่าต้องไปที่ไหน?”
เขาพยักหน้าแทนคำตอบอีกครั้ง ผมรีบดันเขาให้ลงบันได้ไป ถึงอย่างนั้นในขณะที่ผมมัวแต่มองส่งน้องชายวิ่งลงไปชั้นล่าง แรงกระแทกจากด้านหลังก็ทำให้ผมเซจนเกือบจะหล่นลงจากบันได
“เจย์!”
“พี่ไม่เป็นไร ไป! โจชัว! รีบไป!”
ผมจับราวบันไดเอาไว้แน่น พยุงตัวเองไม่ให้ร่วงหล่นลงไป แล้วเหวี่ยงตัวกลับขึ้นชั้นสองของบ้านได้ในวินาทีต่อมา กระแทกไหล่เข้าใส่มิสซิสโจแอนนา จนถังขยะที่เธอเอามาฟาดแผนหลังของผมเมื่อครู่กระเด็นหลุดมือไป
“ไอ้เด็กเหลือขอ!”
ผมไม่สนใจว่าเธอจะด่าผมยังไง เวลานี้ผมต้องสลัดเธอให้หลุดแล้วรีบพาตัวเองตามน้องไป...ต้องรีบไปก่อนที่พ่อจะมา เพราะถ้าพ่อกลับมาเจอผม ผมคงได้ตายจริงๆ
ขณะเดียวกันเสียงของคริสเตียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เจย์เดน ฉันจะไปช่วยนาย”
“ไม่ได้!” ผมตะโกนลั่น ยังไงก็ไม่ได้ ถ้าคริสเตียนมาสถานการณ์ต้องเลวร้ายลงแน่! ผมจะให้เธอรู้ไม่ได้ว่ามีคนอื่นคอยช่วยเหลือผมอยู่
“แล้วจะให้ฉันรอต่อไปเนี่ยนะ!?”
ผมไม่ตอบ รับรู้ได้ถึงความโกรธของโซลเมต แต่ผมไม่มีเวลามาสนใจแล้ว ผมต้องรีบตามน้องไป...คิดได้ดังนั้นผมจึงหันหลังวิ่งลงบันไดทันที โจชัวน่าจะไปถึงตำแหน่งที่คริสเตียนรออยู่แล้ว ดังนั้นผมต้องรีบ
แต่ทันทีที่ผมโผล่ออกไปถึงถนน แสงไฟจากรถยนต์คันหนึ่งก็สาดมากระทบตัวผม พร้อมเสียงบีบแตรและเสียงตะโกนดังลั่น
“ไอ้เจย์เดน!”
บ้าฉิบ! พ่อกลับมาแล้ว!
ผมวิ่งเต็มฝีเท้า ต้องหนีเขาให้พ้น สลัดเขาให้ตามไม่ทัน ดังนั้นผมต้องวิ่งออกนอกเส้นทาง จากที่ตั้งใจจะไปหาคริสเตียนทันที ก็เลี้ยวไปที่ถนนอีกเส้นแทน
“คริสเตียน โจไปหานายหรือยัง!?” ผมถาม
“มาแล้ว นายอยู่ไหน”
“รออยู่ตรงนั้น อย่าไปไหน เดี๋ยวฉันไปหานายเอง แต่คงอีกสักพัก”
“นั่นนายกำลังวิ่งอยู่งั้นเหรอ?”
“ใช่ และฉันกำลังเหนื่อย นายคงรู้สึกได้”
“นายวิ่งไปไหน เจย์เดน ไม่ได้วิ่งมาหาฉันงั้นเหรอ?!”
ผมไม่ตอบ เพราะตอนนี้ผมต้องใช้แรงในการวิ่งและหายใจให้ทัน เหลือบมองด้านหลังก็เจอรถของพ่อขับตามมาติดๆ เวรเอ๊ย เขามีรถแต่ผมมีแค่สองเท้า แล้วผมจะหนีเขาพ้นได้ยังไงกัน! อีกนิดเดียวเขาก็จะถึงตัวผมแล้ว และพ่อคงไม่ใจดีขับมาขวางหน้าผม แต่คงจะชนผมเลยมากกว่า ดังนั้นผมต้องไปทางอื่น ทางไหนก็ได้ที่เขาจะใช้รถไล่ตามผมไม่ได้อีก
ฉับพลันนั้นผมก็เห็นว่าเบื้องหน้ามีป่าอยู่ ผมจึงออกแรงวิ่งมากกว่าเดิม แล้วเลี้ยวเข้าป่าไปทันที
เอี๊ยด!
เสียงเบรกรถดังสนั่น แต่ผมไม่คิดจะหันไปมอง ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตามมา และให้ตายเถอะ! ในป่ามันมืดมาก ผมต้องระวังไม่ให้ตัวเองสะดุดรากไม้ล้มไปพร้อมๆ กับการหนีพ่อให้พ้น และนั่นทำให้อะไรๆ มันยากมากขึ้นกว่าเดิม
“เจย์! บอกฉันมาว่านายอยู่ไหน!?”
“รออยู่นั่นล่ะน่า เดี๋ยวฉันกลับไปหา”
ปัง!
เสียงปืนดังแทรกการพูดคุยของเราสองคน ผมสบถลั่น นอกจากหลบต้นไม้แล้วยังต้องหลบกระสุนอีกเหรอวะ!
“นั่นเสียงปืน!” คริสเตียนคงอยู่ไม่ไกลนัก เขาถึงได้ยินเสียงปืนในป่า
“ใช่ แต่ไม่เป็นไร ฉันยังควบคุมสถานการณ์ได้”
“มีปืนมาเกี่ยวนายยังกล้าพูดแบบนี้อีกหรือไงกัน!”
“เอาน่า จะรีบกลับไปหานายนะ ใจเย็นเข้าไว้ที่รัก”
ผมได้ยินเสียงก่นด่าดังตามมา และทั้งๆ ที่กำลังหนีตายหัวซุกหัวซุน แต่ผมก็อดที่หัวเราะไม่ได้ นั่นดูเหมือนจะทำให้คริสเตียนยิ่งหงุดหงิด...ขอทีเถอะน่า ผมไม่ได้อ่อนหัดขนาดนั้นนะ ผมต้องรอดไปได้แน่นอน เชื่อกันหน่อยสิ
อยากจะบอกเขาให้สบายใจมากขึ้น แต่ผมเริ่มเหนื่อยแล้ว ไม่มีแรงจะเปิดปากเอ่ยคำพูดอะไรออกไปนอกจากเสียงหอบหายใจเท่านั้น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้เด็กเวร! แกหนีฉันไม่พ้นหรอก!”
ผมเหลียวไปมองด้านหลัง เห็นร่างของพ่อวิ่งตามมาไกลออกไป...เอาล่ะ ผู้ชายคนนั้นอายุมากแล้ว อีกไม่นานเขาคงวิ่งต่อไม่ไหวและต้องยอมแพ้ปล่อยให้ผมรอดไปได้แน่นอน ผมเชื่ออย่างนั้น ที่เหลือตอนนี้ก็คือผมต้องอดทนวิ่งต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะเลิกตาม อ้อ ต้องหาทางออกจากป่าด้วย ไม่รู้เลยแฮะว่าตอนนี้วิ่งมาถึงไหนแล้ว
ปัง!
“FUCK!”
เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้มันเฉียดปลายเท้าผมไปนิดเดียว พระเจ้า! ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาหวังจะฆ่าผมจริงๆ แม้ก่อนหน้านี้ผมจะบอกเองก็เถอะว่าผมคงต้องตายถ้าเจอเขา แต่ลึกๆ ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น เขาไม่เห็นผมเป็นลูกแล้วจริงๆ สินะ ถึงได้คิดจะปลิดชีวิตกันโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันจะออกไปช่วยนาย”
ผมพยายามเค้นเสียงออกมาตอบเขา “ไม่ได้คริส นายต้องอยู่กับโจ และทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นนาย รอให้ฉันกลับไป แล้วเราจะได้ไปจากที่นี่กันสักที”
“แต่นายกำลังทำให้ฉันเป็นห่วงนะเจย์เดน ให้ตาย อย่าทำแบบนี้ อย่าห้ามกันได้มั้ย ฉันอยากแน่ใจว่านายจะปลอดภัยกลับมา”
ผมยิ้ม ในอกรู้สึกฟูฟ่องเหมือนมีคนสูบลมเข้าไปในนั้น เพราะผมรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยจากเขา และมันทำให้ผมรู้สึกดีจนอยากจะร้องไห้เลยล่ะ
“เชื่อสิว่าฉันต้องกลับไปหานายได้แน่นอน” ผมย้ำกับเขา “รออยู่ที่นั่น เป็นเด็กดีเข้าใจไหม?”
“นายสิต้องเป็นเด็กดีของฉัน ยอมฟังฉันพูดบ้าง”
“ก็ฟังอยู่นี่ไงแด๊ดดี้”
ไม่มีเสียงตอบกลับมาของคุณโซลเมตอีก และผมสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นระรัวของอีกฝ่าย อ่า จริงๆ เลยน้า ทำไมเขาต้องมาใจเต้นแค่คำเรียกขานที่เขาเคยหยอกผมเองด้วยล่ะเนี่ย มันใช่เวลางั้นเหรอตอนนี้น่ะ ผมคิดอย่างขำๆ
“ไว้นายกลับมาเมื่อไหร่ฉันจะจูบนายให้ปากแตกเลยคอยดู”
ปัง!
ผมหัวเราะ ทั้งที่ไม่ควรจะหัวเราะในขณะที่ตัวเองกำลังวิ่งหลบกระสุนลูกต่อมาด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังปล่อยให้ตัวเองขบขันกับความน่ารักของคุณโซลเมตอยู่ดี
แต่แล้วผมก็สะดุดล้มจนได้
“โอย” โอดครวญด้วยความเจ็บเล็กๆ ที่เกิดกับข้อเท้า แต่ผมไม่คิดว่ามันแพลงหรือเป็นอะไรมากหรอก ก็แค่ความเจ็บเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นมันคงไม่ดีแน่ถ้าผมยังนั่งอยู่ตรงนี้
เหลือบมองด้านหลัง เสียงฝีเท้าที่เหยียบย่ำลงบนพื้นดินซึ่งเต็มไปด้วยใบไม้แห้งเงียบหายไปแล้ว ราวกับว่าพ่อไม่ได้วิ่งตามผมมาอีก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ไว้ใจ รีบพาตัวเองหลบเข้าหลังต้นไม้ หาที่กำบังและรอเวลาตั้งรับหากว่าพ่อโผล่มาถึงตัวผม
ไม่นานเสียงเหยียบใบไม้ก็ดังขึ้นให้ได้ยินอีกครั้ง ผมเผลอกลั้นหายใจ กำมือทั้งสองข้างแน่น ลุ้นระทึกในทุกๆ นาทีว่าพ่อจะเจอผมเมื่อไหร่ ให้วิ่งออกไปตอนนี้คงไม่ดีแน่ ผมไม่รู้ว่าเขาอยู่ห่างจากผมมากแค่ไหน เกิดวิ่งออกไปแล้วเขาลั่นไกขึ้นมา ไม่พ้นที่มันจะต้องโดนตัวผมแน่นอน
แกรบ
เสียงฝีเท้าหยุดลงในที่สุด...พร้อมกันนั้นผมก็ได้ยินเสียงสบถด่าตามมา
“เวรเอ๊ย! ไอ้ลูกหมานั่นมันหนีไปจนได้!”
ผมเม้มปากแน่น กลั้นหายใจยิ่งกว่าเดิมทั้งที่มันไม่สามารถทำอย่างนั้นได้แล้ว ร่างทั้งร่างของผมเกร็งเขม็ง...ก่อนทุกอย่างจะสลายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงก้าวเดินของพ่อดังขึ้นอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้เป็นการเดินห่างออกไป
ผมรอจนแน่ใจว่าเขาไปไกลมากพอแล้ว จึงผ่อนลมหายใจยาว ทรุดตัวลงนั่งเหยียดขาพิงแผ่นหลังกับต้นไม้ ผ่อนลมหายใจยาว เงยหน้าหลับตาไปพร้อมๆ กับสูดเอาอากาศล็อตใหม่เข้าปอด
ผมรอดแล้ว
“ฉันปลอดภัยแล้ว” ผมบอกกับคนที่ยังรอฟังอยู่ในสาย
ได้ยินคริสเตียนถอนหายใจ “ดี ทีนี้ก็กลับมาหาฉันได้แล้ว”
“อืม แน่นอน แต่ขอพักอีกแป็บหนึ่งนะ”
ผมมาถึงรถที่คริสเตียนจอดรออยู่ และทันทีที่เขาเห็นผม ผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ผมคุ้นเคยก็ก้าวเท้าเร็วๆ เข้ามาหา จนกระทั่งเขายืนอยู่ตรงหน้าผม ผมจึงแย้มยิ้มให้เขาแล้วกางแขนออก
“เห็นมั้ย ฉันโอเค ปลอดภัย ไม่มีแผลแม้แต่นิดเดียว”
คริสเตียนไม่ตอบอะไร เขากวาดสายตามองผมทั้งตัว ก่อนจะจับผมหมุนกลับหลังเพื่อหารอยแผลอื่นๆ แต่ให้ตายยังไงเขาก็หาไม่เจอหรอก ยกเว้นว่าเขาจะถกเสื้อผมขึ้น คงได้เห็นรอยช้ำที่เกิดจากการโดนมิสซิสโจแอนนาฟาดถังขยะใส่อยู่บ้าง
เมื่อผมหันหน้ากลับมาอีกครั้ง คริสเตียนก็รั้งผมเข้าไปกอดแน่น “ขอบคุณพระเจ้า นายไม่เป็นอะไรจริงๆ ด้วย”
ผมกอดตอบเขาแน่นไม่ต่างกัน ก่อนจะเลื่อนสายตามองไปที่รถ โจชัวกำลังยืนอยู่ข้างประตูและมองมาที่ผมด้วยความโล่งใจ ผมยิ้มให้เขา เปิดปากพูดโดยไม่มีเสียงว่า...พี่ไม่เป็นไร แม่นายก็เหมือนกัน
เขายิ้มตอบกลับมา แต่ดวงตาแดงก่ำจวนเจียนจะร้องไห้ ก่อนสุดท้ายเขาจะเปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่งรอในรถ
“โจได้เล่าอะไรให้นายฟังไหม?” ผมถาม ผ่อนลมหายใจหนักหน่วง
“นิดหน่อย เขาบอกแค่ว่าแม่ของเขาหลอกเขามาตลอดว่าโดนขู่จะฆ่า”
ผมพยักหน้า แล้วถอนหายใจอีกครั้ง “ไม่คิดเลยว่าโจแอนนาจะทำแบบนี้”
“เธอคงโดนยานรกพวกนั้นเล่นงานจนไม่รับรู้ถึงความถูกต้องไปแล้วล่ะมั้ง”
“คงจะเป็นอย่างนั้น” ผมตอบ ก่อนจะเผลอเกร็งตัวเมื่อจู่ๆ คริสเตียนก็รั้งผมเข้าไปกอดอีกครั้ง
เขากดจูบที่ศีรษะของผม ไล่ไปที่ข้างขมับ หน้าผาก ก่อนจบด้วยริมฝีปากของผม...เราจูบกันราวกับไม่รู้จักพอ ให้สมกับความกังวลที่เกิดขึ้น ทั้งความกังวลของผมที่กลัวเขาจะไปช่วยแล้วทำให้เราโดนจับได้กันหมด ทั้งความกังวลของเขาที่กลัวผมจะโดนยิงหรือได้รับอันตราย
เมื่ออากาศหายใจเริ่มหมดคริสเตียนก็ถอยห่าง แล้วประกบจูบเข้ามาใหม่ สองแขนของเขารัดแผ่นหลังผมแน่นจนเจ็บไปหมด แต่ผมกลับชอบอ้อมกอดนี้เหลือเกิน
จนเมื่อเราผละออกห่างจากกันอีกครั้ง โซลเมตของผมก็โน้มหน้าลงแนบหน้าผากกับบ่าของผม มือของเขาที่เลื่อนมาจับมือของผมสั่นไปหมด ผมรู้สึกได้อย่างชัดเจน เหมือนที่กำลังสัมผัสได้ถึงความกลัวในใจของเขา
เขากำลังกลัว...กลัวว่าผมจะเป็นอะไรไป
“ถ้านายโดยยิงกลับมา ฉันคงสติแตกแน่ ฉันไม่อยากให้นายได้รับอันตราย ฉัน...” คริสเตียนกดจูบที่ซอกคอของผม “ฉันไม่อยากสูญเสียนายไป นายสำคัญกับฉันมากกว่าที่เราทั้งคู่จะคาดคิดนะรู้มั้ย”
ผมยิ้ม...ยิ้มกว้างยิ่งกว่าเก่า แนบแก้มเข้ากับข้างขมับของเขาบ้าง
“นายจะไม่มีวันเสียฉันไปคริสเตียน แคมเบลล์”
“...”
“เหมือนที่ฉันก็จะไม่มีวันยอมเสียนายไปเหมือนกัน”
________________________________________
กลับมาแว้ววว หายไปหลายวันเนอะ แง ติดนิยายค่ะ 555 เพิ่งไปงานหนังสือมาด้วย แทบหมดตัว //ยิ้มทั้งน้ำตา
ไม่มีอะไรจะทอล์กเกี่ยวกับเนื้อเรื่องแฮะ ฮ่าา เอาเป็นว่าโทนของเรื่องนี้คือฟีลกู๊ดปนเซ็กซี่นิดๆ ดังนั้นปมประเด็นอื่นก็จะไม่ขยี้เยอะ เบาๆ พอ ตอนหน้าจะเป็นไงต่อมาลุ้นกันนน