(END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]  (อ่าน 148157 ครั้ง)

ออฟไลน์ ANIKI.

  • 兄貴
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
โอะ โอะ    ... ชอบบบบ

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Chapter 14

Why am I worried about him?

[Christian]


 

ไม่ว่าอะไรที่เขาปิดบังผมเอาไว้ ผมจะบังคับเขาให้พูดมันออกมาให้ได้

 

“ดูมีความสุขดีนี่”

ผมสบตาแคสเทียลระหว่างควงปากกาในมือเล่น พี่ชายเฮงซวยของผมยิ้ม...ในแบบที่ผมโคตรจะเกลียด ครั้งหนึ่งผมเคยพูดกับเขาแบบนั้น และเขาตอบกลับมาว่า ‘นายก็มีรอยยิ้มเฮงซวยเหมือนฉันนั่นล่ะ เราเป็นพี่น้องกันนี่จริงมั้ย?’

ไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็ใช่...เราเป็นพี่น้องกัน เพราะงั้นเราก็เลยมีปากเสียงกันประจำ มีพี่น้องบ้านไหนไม่เคยทะเลาะกันบ้างล่ะ

“กับโซลเมตเป็นไปได้ด้วยดีสินะ ใช่ไหมไอ้น้องชาย?”

“นายจะอยากรู้ไปทำไม?” ผมย้อนถาม

แคสไหวไหล่ “เพราะถ้าไม่ได้ฉัน แกก็คงไม่รู้ไปอีกนานว่าโซลเมตตัวเองชื่ออะไร”

“โอ้ ไม่เอาน่า มันก็แค่ความบังเอิญเถอะ”

“เรียกมันว่าความโชคดีดีกว่า เพราะแกโชคดี ฉันเลยได้เห็นชื่อเจย์เดนบนหลังคอของแกไง”

ผมไม่เถียง หรือเรียกว่าเถียงไม่ออกมากกว่า ต้องยอมรับ (อีกแล้ว) ว่าเขาพูดถูก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาชวนผมว่ายน้ำเล่นในวันหยุด ผมก็คงโง่ไปอีกนานกว่าจะรู้ตัวว่าได้เจอโซลเมตของตัวเองแล้ว

แต่ชื่อที่สลักอยู่บนต้นคอของผมก็เป็นคำอธิบายได้ดี ว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกสนใจเขา ทั้งที่เราเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง

อ่า ที่จริงจะบอกว่าสนใจมันก็ไม่ถูกนัก แต่ผมก็อธิบายไม่ได้อีกเหมือนกันว่าผมคิดยังไงกับเจย์เดน อาจจะเป็น...ติดใจในอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเขาล่ะมั้ง ไม่รู้สิ บอกไม่ได้จริงๆ

“ไปละ” ผมบอกส่งๆ วางปากกาลงกับโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน แคสเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารที่มีอยู่เต็มโต๊ะทันที

“ไม่คิดจะช่วยงานฉันหน่อยหรือไง”

ผมไหวไหล่ แสยะยิ้ม “ให้มันออกจากบริษัทไปก่อนสิ แล้วฉันจะเข้ามาช่วยเต็มที่เลย”

ผมคิดว่าการสนทนาของเราสองพี่น้องคงจะจบลงแค่นั้น ถ้าไม่ใช่เพราะแคสรั้งผมเอาไว้ด้วยคำพูดแปลกๆ

“ถ้าเขาไปจริงๆ นายจะทำอย่างที่พูดแน่หรือเปล่าล่ะ?”

เราสบตากัน ผมมองเห็นความจริงจังในแววตาของผู้ชายร่วมสายเลือด แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเขากำลังหมายถึงอะไร มี...เรื่องอะไรหรือเปล่าที่ผมยังไม่รู้หรือเปล่า?

ท่ามกลางความเงียบ ประตูห้องทำงานถูกเปิดเข้ามาโดยไม่มีแม้แต่การเคาะให้สัญญาณ และคนที่จะทำแบบนี้ได้มีแค่แม่เท่านั้น แต่เมื่อเราหันไปมองกลับพบว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่แม่ เป็นไอ้สวะชาติชั่วที่ผมเกลียดต่างหาก

ผมเหยียดสายตามองมัน “เคาะประตูไม่เป็นสินะ”

“โอ้ ขอโทษที ฉันคิดว่าไม่ต้องเคาะ เพราะนี่เป็นห้องทำงานของ ‘ลูกชาย’ ฉันนี่นา”

“ไอ้...!”

“ไม่เอาน่าคริส” แคสสาวเท้าก้าวมารั้งไหล่ผมเอาไว้ไม่ให้ผลีผลามพุ่งเข้าไปตะบันหน้าไอ้แก่นั่น ก่อนจะหันไปพูดกับมัน “มีธุระอะไรเหรอครับ”

“แค่จะมาบอกว่าแม่รออยู่น่ะ คงไม่ได้ลืมนัดดินเนอร์ของครอบครัวเราเย็นนี้หรอกใช่มั้ย?”

“ครับ เข้าใจแล้ว ฝากบอกแม่ด้วยว่าเจอกันที่ร้านตอนทุ่มตรงแน่นอนครับ”

“ดี” แล้วไอ้สารเลวนั่นก็หันหลังเดินกลับออกไป แต่ก่อนที่มันจะได้ก้าวจนพ้นประตู แคสเทียลก็เรียกมันเอาไว้ก่อน มันเอียงใบหน้ากลับมาเลิกคิ้วใส่เป็นเชิงถาม

ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าของพี่ชาย...เขายิ้มในแบบนักธุรกิจมักจะยิ้มให้คู่ค้า ยิ้มจอมปลอม

“แค่อยากจะบอกว่าเราสองคน...ไม่ใช่ลูกชายของคุณ”

“...”

“ดังนั้นครั้งหน้า กรุณาอย่าพูดคำน่าสะอิดสะเอียนนั้นออกมาอีกนะครับ” ผมแสยะยิ้ม หันกลับไปมองสีหน้าไอ้เวรนั่น...เวลานี้มันกำลังถลึงตามองมาทางเรา กรามของมันขบกันแน่น ดูก็รู้ว่าเดือดดาลมากแค่ไหน และยิ่งเดือดดาลเข้าไปอีกเมื่อแคสเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “จริงสิ และครั้งหน้าถ้าจะเข้าห้องผมรบกวนแจ้งเลขาฯ ผมก่อน เพราะคุณเป็นแค่ผู้จัดการ ตำแหน่งของคุณมันต่ำกว่าผมมาก เข้าใจนะครับ?”

ผมหลุดขำออกมาจนได้ และนั่นทำให้อีกฝ่ายโกรธจนแทบจะระเบิดแล้วมั้ง แต่สุดท้ายมันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปิดประตูเต็มแรงแล้วเดินจากไป

ผมหันไปสบตาแคส ยกกำปั้นขึ้น อีกฝ่ายยกกำปั้นตัวเองมาชกกับผมเบาๆ

“เข้าท่านี่ไอ้พี่ชาย”

“แกต้องหัดระงับอารมณ์แล้วใช้แค่คำพูดบ้างนะคริส การใช้แต่กำลังไม่ช่วยอะไรหรอก”

“ช่วยไม่ได้ เห็นหน้ามันทีไรฉันก็อยากจะฆ่ามันทุกที” ผมยักไหล่ “ว่าแต่นายจะไปดินเนอร์เย็นนี้หรือเปล่า?”

“คงต้องไป แกก็ต้องไปด้วย”

“ฝันไปเถอะ” ผมสวนกลับโดยไม่ต้องคิด แต่แคสส่ายหน้า

“แกต้องไป คริส ถ้าอยากกำจัดเขาออกไปจากครอบครัวของเรา แกต้องร่วมมือกับฉัน”

ผมนิ่งงัน “ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว นายกำลังพูดเรื่องอะ...”

ก่อนที่ผมจะได้ถามจนจบประโยค จู่ๆ โทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้าแทรกการสนทนาของเราสองคนซะก่อน ผมยกมือเป็นเชิงบอกแคสว่าขอเวลานอก หยิบเอาสมาร์ตโฟนขึ้นมาดูหน้าจอ ชื่อที่ปรากฏให้เห็นทำให้ผมเผยยิ้มออกมา

“อ่า โซลเมตของแกสินะ รับสิ แล้วเราค่อยมาคุยกัน”

ผมกลอกตาใส่เขา แล้วเดินแยกออกไปอีกมุมหนึ่งของห้องทำงาน ก่อนจะกดรับสาย “ไง”

“เฮ้ นายโอเคนะ?” เจย์เดนถามกลับมาตามสาย น้ำเสียงของเขาดูร้อนรน

ผมขมวดคิ้ว “อะไร? ฉันปกติดี”

“แน่ใจเหรอ เมื่อกี้ฉันสัมผัสได้ว่านายกำลังโกรธจัด”

“...” โอ้ ให้ตาย ผมลืมไปได้ยังไงว่าเราสองคนเชื่อมความรู้สึกถึงกันได้แล้ว เรามีเซ็กซ์ด้วยกันไปแล้ว หลายรอบเลยด้วย “อ่า ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้ฉันโอเค ปกติดี”

“งั้นเหรอ โล่งอกไปที” ได้ยินเขาถอนหายใจ

ผมแย้มยิ้มกว้าง เอาล่ะ นี่มันบ้ามาก แต่ผมกลับรู้สึกดีเป็นบ้าเพียงเพราะแค่ได้รู้ว่าเขาเป็นห่วงผม

“นายล่ะ เป็นยังไงบ้าง ปวดหัวมั้ย? แผลอักเสบหรือเปล่า? กินยารึยัง? แล้ว...”

“ฉันโอเค เฮ้ สบายดี” เขาแทรก น้ำเสียงกลั้วหัวเราะจนทำให้ผมหน้าร้อน แต่ผมจะไม่ยอมรับหรอกนะว่าอายที่เขาเหมือนจะขำความเป็นห่วงเป็นใยที่ผมแสดงออกไปต่อเขาน่ะ

เอ่อ ใช่ ผมไม่ได้เขิน ไม่สิ ไม่ได้อายต่างหาก เข้าใจตรงกันนะ?

ผมอ้าปาก ตั้งใจจะบอกเขาว่าเดี๋ยวจะไปหา แต่เสียงโหวกเหวกจากฝั่งนั้นก็ดังรอดเข้ามาให้ได้ยินซะก่อน ถึงอย่างนั้นผมกลับจับใจความไม่ค่อยได้ แล้วสุดท้ายก็ได้ยินแค่เสียงของเจย์เดนพูดรัวเร็ว

“ไว้คุยกันทีหลังนะคริสเตียน”

...จากนั้นสายก็ตัดไป

ผมมุ่นคิ้ว พยายามประติดประต่อสิ่งที่ได้ยินมา แต่ก็นั่นล่ะ...ผมฟังมันไม่รู้เรื่องเลย เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า

“มีอะไรงั้นเหรอ?” แคสเทียลเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าผมเดินกลับมาหาเขาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

“ไม่รู้สิ ฉันได้ยินเสียงโวยวาย แล้วเขาก็ตัดสายไป”

แคสเลิกคิ้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า แกไม่ไปดูหน่อยเหรอ?”

“ก็ว่าจะไปอยู่แล้ว”

“แล้วดินเนอร์...”

ผมโคลงศีรษะ “จะกลับมาให้ทันหนึ่งทุ่มแล้วกัน แต่ยังไงฉันก็ต้องไปดู...อึก!”

ความรู้สึกตื่นกลัวตีตื้นขึ้นมาในอกของผม หัวใจของผมเต้นรัวแรงซะจนผมต้องกุมแผ่นอกตัวเองเอาไว้แน่น ความรู้สึกที่พุ่งพรวดขึ้นมาแบบนี้ไม่ใช่ความรู้สึกของผม หรือว่านี่มัน...

“คริสเตียน!”

“ฉันสัมผัสความรู้สึกของเขาได้ มันเป็นความกลัว” ผมโพล่งออกไป “แคส เขากำลังกลัวอะไรบางอย่าง กำลังตื่นตระหนก ตกใจ ให้ตายเถอะ!”

“เฮ้ นั่นนายจะไปไหน!?”

“ฉันจะไปหาเจย์เดนไงล่ะ!” ผมตอบแล้วพุ่งตัวออกจากห้องทำงานของพี่ชายอย่างรวดเร็ว แล้วห้านาทีต่อมาผมก็กำลังบังคับพวกมาลัยพารถหรูเคลื่อนออกสู่ท้องถนน มุ่งหน้าไปที่บ้านของเจย์เดน

ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ความกลัวของเขาที่ผมสัมผัสได้ มันทำให้ผมร้อนรนและเป็นห่วงมากพอที่จะต้องไปให้ถึงตัวเขาโดยเร็วที่สุด

ขอล่ะ...อย่าเกิดเรื่องไม่ดีกับเขาเลย

 

ผมจะไม่แปลกใจเลยสักนิดถ้ามีใบสั่งไปที่บ้านเพราะขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด แต่ใครจะสนกันล่ะ

เอี๊ยด!!!

เสียงล้อรถบดถนนดังลั่น เพื่อนบ้านของเจย์เดนคงจะแตกตื่นไม่น้อย แต่ก็นั่นอีกล่ะ ผมไม่สน คนเดียวที่ผมจะสนใจในเวลานี้ก็คือเขา...โซลเมตของผม

ผมหมุนลูกบิดประตูเข้าไปทันที คิดว่าถ้ามันล็อกก็จะพังเข้าไป แต่เป็นโชคดีที่มันไม่ได้ล็อก และทันทีที่ก้าวไปถึงห้องนั่งเล่น ผมก็พบกับเจ้าของบ้าน ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้อยู่คนเดียว

เจย์เดนกำลังนั่งอยู่บนโซฟา โดยมีโจชัวเดินวนไปวนมาหน้าโทรทัศน์ และ...ถ้าผมจำไม่ผิดเขาคือนิโคไล ริชมอนด์ เป็นโซลเมตของโจ ผู้ชายท่าทีนิ่งเฉยจนดูเหมือนเย็นชายืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ไม่ไกล

“คริสเตียน นายมาได้ยังไง?”

“ฉันสัมผัสได้ว่านายกำลังกลัว เกิดอะไรขึ้น?” ผมพุ่งเข้าไปหาเขา นั่งลงข้างๆ แล้วรั้งไหล่เขาเพื่อสำรวจร่างกายว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า แต่เมื่อพบว่าเขาไม่ได้มีแผลเพิ่มมากไปกว่าที่มีอยู่บนหัว ผมก็โล่งใจมากขึ้น

เจย์เดนดูเหมือนจะอึ้งๆ ไป แต่เมื่อเขาตั้งสติได้ก็กะพริบตาสองสามครั้ง “เอ่อ ฉันไม่ได้เป็นอะไร”

“แล้วทำไม...”

“พูดให้ถูกคือคนที่เป็นน่าจะเป็นโจมากกว่า”

ผมเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มวัยสิบแปดที่กำลังเดินวนเป็นหนูติดจั่น “อะไร? นายเป็นอะไรน่ะไอ้หนู”

โจชัวหยุดฝีเท้า เขาหันมามองผม สีหน้าดูเป็นกังวลและซีดเซียว เขาดูหมดแรงยังไงชอบกล ยิ่งไปกว่านั้นดวงตาเขาแดงก่ำราวกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างนั้นล่ะ

“ผม...ผมควรจะทำยังไงดี”

“เดี๋ยวนะ? ขอล่ะ บอกฉันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ผมต้องรู้เรื่องก่อน จะได้รู้ว่าจะช่วยยังไง ถ้าสองพี่น้องเอาแต่อ้ำอึ้งกันอยู่อย่างนี้ แล้วผมจะไปช่วยอะไรได้กันล่ะ

แต่พอผมถามออกไป ทั้งโจชัวทั้งเจย์เดนก็ไม่ยอมตอบ ยิ่งกับโซลเมตหัวดื้อของผม อีกฝ่ายเม้มปากแน่นแล้วส่ายหน้าไปมา สุดท้ายผมเลยต้องหวังพึ่งริชมอนด์แทน

ผมหันไปหาเขา “คุณพอจะบอกได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

นิโคไล ริชมอนด์ผละออกจากผนังห้อง เขาก้าวมานั่งบนพนักโซฟาตัวที่ว่างก่อนจะเล่าสิ่งที่ผมต้องการจะรู้ออกมาแทนเจ้าของเรื่องทั้งสองคน

“มีคลิปวิดีโอส่งมาหาโจชัวครับ เป็นคลิปอันนี้...” เขาหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดแล้วยื่นมันให้กับผม แต่โจชัวก็พุ่งเข้ามาแย่งมันไป

“ไม่ได้นะ! คุณจะให้ใครดูอีกไม่ได้!”

“เจ้าหนู” ผมพยายามใช้ความใจเย็นเข้าช่วย “นายต้องให้ฉันดู แล้วฉันจะได้หาทางช่วย”

“ไม่ คุณไม่เข้าใจ” โจชัวส่ายหน้า

ใช่ ผมไม่เข้าใจ แต่ถ้าเขาไม่บอกแล้วผมจะไปเข้าใจได้ยังไงกันล่ะ

“เจย์เดน” ผมหันกลับมาหาโซลเมตของตัวเอง “คายออกมาว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น อะไรที่ทำให้นายหวาดกลัวได้ถึงขนาดนั้น”

“ฉัน...”

บัดซบเอ๊ย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย แม้แต่เขาที่โตเป็นผู้ใหญ่กว่าน้องชายตั้งหลายปีก็ยังไม่คิดจะเล่าให้ผมฟัง แล้วผมต้องทำยังไงกันล่ะทีนี้

บางทีผมอาจจะต้องใช้วิธีนี้ล่ะมั้ง...มาลองเสี่ยงกัน

“เอาล่ะ ถ้าไม่อยากให้ฉันรู้งั้นฉันก็จะไม่ยุ่ง จะว่าไปมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉันนี่นะ ฉันก็แค่โซลเมตของนาย แต่ไม่ได้เป็นอะไรกันมากพอที่นายจะยอมบอกทุกเรื่องกับฉัน” ผมเอาคำพูดที่เจย์เดนเคยพูดกับผม เมื่อครั้งที่ผมเกือบจะปล้ำเขาคาพื้นของห้องพักโรงแรม...เจย์เดนมีสีหน้าตื่นตระหนก แต่ผมไม่ปล่อยโอกาสให้เขาได้พูด ชิงลุกขึ้นเพื่อออกไปจากที่นี่

“ขอโทษทีแล้วกันที่ฉันก้าวก่ายเรื่องของนาย”

หมับ!

“เดี๋ยว! คริสเตียน มันไม่ใช่อย่างนั้น สาบานได้ว่าไม่ใช่เพราะว่านายเป็นแค่โซลเมต” อีกฝ่ายเอ่ยรัวเร็ว เขากำข้อมือผมแน่น “เราอาจจะยังไม่ได้เป็นอะไรกันก็จริง แต่นายไม่คิดหรือว่าสายสัมพันธ์ของเรามันเปลี่ยนไปแล้ว และฉันแคร์นายนะคริสเตียน”

เราอาจจะยังไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นเหรอ? แปลว่าหลังจากนี้มีความเป็นไปได้ที่เราจะเป็นมากกว่าแค๋โซลเมตกันใช่มั้ย? แบบว่าตำแหน่ง ‘คนรัก’ อะไรอย่างนั้น

เอาล่ะ นี่ไม่ใช่ประเด็น แม้ผมจะยังสงสัยในคำว่ายังนั้นอยู่ แต่เรื่องสำคัญที่เป็นประเด็นเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ก็คือ...เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมต้องเค้นคอถามเขาให้ได้

“ถ้าแคร์ฉัน ก็เล่ามันออกมาเจย์เดน”

เขาไม่ตอบในทันที แต่หันไปสบตาโจชัวราวกับจะปรึกษากัน...ผมมองตาม และทันเห็นเด็กคนนั้นส่ายหน้า

เอาล่ะ งานนี่ค่อนข้างยุ่งยาก ขนาดผมลงทุนเล่นละครให้อีกฝ่ายเห็นใจแล้วนะ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดละความพยายาม ผมต้องเค้นเอาความจริงออกมาให้ได้ ถ้าง้างปากเขาไม่ได้ งั้นผมจะลากเขาขึ้นห้องแล้วใช้ทุกวิธีกระตุ้นให้เขาพูด

ผมหันกลับไปหามิสเตอร์ริชมอนด์อีกครั้ง “คุณเล่ามาเลยได้มั้ยว่ามันเป็นคลิปอะไร”

นิโคไลเหลือบมองโซลเมตของตัวเอง และแน่นอน...โจชัวส่ายหน้า เขาจึงถอนหายใจพลางว่า “มีคลิปส่งมาหาเขา เป็นคลิปข่มขู่...อุ๊บ!”

“นิค!” โจชัวตวาดลั่น เขาพุ่งเข้าไปปิดปากของผู้ชายตัวโตแน่น “ผมไม่ให้คุณบอกใครไง! แค่คุณรู้มันก็เสี่ยงมากพอแล้วนะ!”

“เสี่ยงอะไร? หมายถึงอันตรายงั้นเหรอ?”

ถ้ามีคำว่าอันตรายหรือเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้อง สถานการณ์คงไม่ดีแล้ว ต้องเรียกว่าแย่สุดๆ ไปเลยด้วยซ้ำ และผมจะไม่ยอมให้เจย์เดนของผมต้องอยู่ในอันตราย ‘อีก’ เด็ดขาด!

นิโคไลดึงมือของโจชัวออก แต่เด็กน้อยก็เอาแต่ขัดขืน สุดท้ายผู้ชายตัวโตกว่าจึงพลิกร่างที่เล็กกว่าเขาให้กลับหลังหัน ก่อนเข้าจะล็อกเอวอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยแขนข้าวเดียว ขณะที่อีกข้างล็อกคอปิดปาก เอ่อ หมอนั่นจะตายก่อนไหมเนี่ย

ดูเหมือนเจย์นเดนก็คิดอย่างนั้น เพราะเขาตั้งท่าจะเข้าไปห้าม คงกลัวน้องชายตัวเองขาดอากาศหายใจ ซึ่งผมไม่มีทางยอมให้เขาไปช่วยแน่ มีแต่ต้องล็อกตัวเขาเอาไว้อีกคน

“นั่งลงเจย์ ถ้าไม่อยากให้ฉันลากนายขึ้นไปเค้นความจริงบนเตียง”

เขามองผมตาโต อ้าปากค้าง และถ้าผมมองไม่ผิด...ดูเหมือนใบหน้าเขาจะแดงขึ้นมานิดหน่อยด้วยล่ะ

ผมหันกลับไปหานิโคไลโดยที่ยังกอบกุมมือของโซลเมตหัวดื้อเอาไว้ อีกฝ่ายเปิดปากเล่าโดยพยายามล็อกตัวโจชัวเอาไว้แน่นๆ ไปด้วย คงต้องใช้ความพยายามมากทีเดียว การดื้นหวังให้ตัวเองหลุดออกจากพันธนาการของโจชัว ทำให้ผมนึกถึงเจย์เดนตอนที่พยศไม่ยอมให้ผมถอดเสื้อเขาออกเพื่อดูชื่อโซลเมตบนตัวเลยแฮะ

“มีคลิปข่มขู่ส่งมาหาโจ เป็นคลิปแม่ของเขากำลังถูกทำร้ายร่างกายและทารุณกรรม”

“..!” พระเจ้า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว “แม่ของโจชัวน่ะนะ?”

“ครับ และผมเดาว่าทั้งโจกับคุณ...เจย์เดน” นิโคไลเหลือบสายตาไปมองคนข้างกายผม ซึ่งนั่นทำให้ผมมองตาม แล้วพบว่าเจย์เดนกำลังหน้าซีดเผือดลงเรื่อยๆ “รู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาไม่ยอมบอกเรา”

“นายรู้งั้นเหรอ?”

เจย์เดนส่ายหน้า “ฉันบอกไม่ได้ คนที่รู้เรื่องนี้ควรมีให้น้อยที่สุด แค่คุณได้เห็นคลิปนั่นก็มากเกินไปแล้วนิโคไล ดังนั้นผมไม่อยากให้คริสเตียนต้องเห็นมันด้วยเหมือนกัน"

แต่ดูเหมือนมิสเตอร์ริชมอนด์จะไม่คิดอย่างนั้น “ผมไม่เห็นด้วย ผมช่วยพวกคุณได้นะเจย์เดน”

“คุณจะไปช่วยอะไรได้กัน” โซลเมตของผมยังคงดื้อแพ่ง ไม่ต่างจากน้องชายของตัวเองเลยสักนิด

“ฉันก็ช่วยนายได้” ผมว่า บังคับใบหน้าของเจย์เดนให้มองสบตากัน “ถ้าคิดว่าเรามีสายสัมพันธ์อันแสนพิเศษต่อกัน นายต้องให้พวกเราช่วย”

“ถ้าผมคนเดียวอาจจะช่วยไม่ได้มาก แต่ถ้ามีคุณคริสเตียน ผมคิดว่าเราช่วยคุณสองพี่น้องได้แน่ ไม่สิ...ถ้ามีพี่ชายของคุณคริสเตียนด้วยอีกคน...”

“เดี๋ยวนะ?” ผมจ้องนิโคไลเขม็ง “คุณรู้จักพี่ชายของผม?”

นิโคไล ริชมอนด์พยักหน้า “ก็ถ้าพี่ชายของคุณคือแคสเทียล แคมเบลล์ล่ะก็นะ”


_________________________________________

เรากลับมาแล้ววว กรี๊ด! ในที่สุด! หลังจากหายไปเกือบเดือน (เก๊าขอโทษน้าา T T) วันนี้เรากลับมาอัปแล้วนะตัวเอง คิดถึงทุกคนมากเลย แง โคตรคิดถึงๆๆๆ หายไปปั่นต้นฉบับมาค่ะ แฮ่ เพิ่งปิดต้นฉบับได้วันนี้สดๆ ร้อนๆ คิดว่าหลังงานหนังสือน่าจะได้ลงให้อ่านกันล่ะ อิอิ

สำหรับตอนนี้ก็เริ่มเข้าสู่ปมของเรื่องแล้วนะคะ แต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่ใช่ปมใหญ่อะไรหรอก เรียกว่าปมได้หรือเปล่ายังไม่แน่ใจเลย และไม่ดราม่าด้วย...มั้งนะ 55555 ไม่รู้จะทอล์กอะไร แง เอาเป็นว่า...คริสเตียนคือไอ้หื่นกามที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลาค่ะ ซีเรียสจะตายห่ายังมีหน้าคิดเรื่องอกุศล เดี๋ยวตบฟว่ำ //ง้างมือ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2019 23:03:40 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ IRA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาเช้าเลยค่ะ คิดถึงเรื่องนี้มว้ากกกก รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อฮะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ใครทำร้ายแม่  :katai4:

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คุณคริสคะเอะอะจะลากขึ้นเตียงคุยกันไม่ได้นะคะ :hao3: ลุ้นหนุ่มๆช่วยแก้ปมกัน ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
หายไปนานเลย...คิดถึง ไม่ดราม่าแน่นะ กลัว  :hao5:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
เขินที่ทั้งสองคนรับรู้ความรู้สึกซึ่งกันและกัน  :o8:
รออ่านสามหนุ่มแคส คริส นิก รวมทีมช่วยเจย์กับน้องโจ
 :pig4:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
มีความสีชมพูในความCSI NY
ตอนนี้แต่รอเขาร่วมมือทำภารกิจ ตื่นเต้นจังความสัมพันธ์ของโซลเมทช่างล้ำลึก
แค่สงสัยว่าแลเวพ่อของเจย์ก้อต้องสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวเจ็บปวดของแม่ ในระหว่างที่ถูกทรมานสิ ขี้แพ้นั่นน่ะจะทำอะไรได้

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
คริสแบบใจเย็นก่อนเดี๋ยวก็ได้เลื่อนตำแหน่ง 555555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
รออออ กำลังมันส์เลย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ช่วยเลยๆ   :katai1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
มาแล้ว มาลุ้นว่าจะเป็นยังไงต่อ

ออฟไลน์ 30267

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊ย ลุ้นนนนน รอนะ

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Chapter 15

When the secret has more than one


 

ทุกคนมักมีความลับมากกว่าหนึ่งเสมอ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม


 

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอท้อง พ่อก็คงจะทิ้งเธอเหมือนที่ทิ้งผู้หญิงทุกคน หลังจากใช้เธอเป็นของเล่นทางกามอารมณ์จนพอใจ...และถ้าไม่ใช่เพราะเธอท้อง โจชัวก็คงไม่ได้เกิดมาเป็นน้องชายของผม

ความจริงชีวิตของผมมันค่อนข้างซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ และด้วยเหตุผลอีกหลายๆ อย่างที่ทำให้เรื่องบางเรื่องก็ยากต่อการพูดมันออกมา เพราะมันเกี่ยวพันกับความปลอดภัยในชีวิตของพวกเรา

แต่บางทีเรื่องที่เราสองคนพี่น้องเก็บงำเอาไว้ อาจจะมีไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความเป็นจริงทั้งหมดด้วยซ้ำ

“ทำไมคุณถึงรู้จักพี่ชายของผม?” คริสเตียนถามขึ้น

อีกฝ่ายไหวไหล่ ยอมปล่อยให้โจชัวได้เป็นอิสระ เพราะดูเหมือนน้องชายของผมจะเลิกดิ้นรนให้พ้นจากพันธนาการแล้ว เมื่อพบว่ามีเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าการพยายามปิดปากห้ามไม่ให้โซลเมตพูดเรื่องคลิปออกมา

“ผมกับพี่ชายของคุณ เราทำงานด้วยกัน” นิโคไลว่า “หรือจะพูดให้ถูกก็คือเขาจ้างผม”

“จ้าง? คุณทำงานอะไร?”

“งานเสี่ยงอันตราย” เขาพูดแค่นั้นแล้วก็หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครสักคน “คุณต้องมาที่นี่ น้องชายของคุณก็อยู่ด้วย...ครับ ค่อนข้างสำคัญ แล้วเจอกัน”

“คุณโทรหาแคสงั้นเหรอ?” คริสเตียนถาม และได้คำตอบเป็นการพยักหน้ารับของนิโคไล

แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี “คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่กันแน่ เรื่องของพวกเราเกี่ยวอะไรกับพี่ชายของคริสเตียนกัน?”

เขาไม่ได้ตอบกลับมาในทันที แต่หันไปสบตาโจชัวก่อน ซึ่งดูเหมือนน้องชายของผมก็ยังไม่รู้เรื่องเช่นกัน ผมคิดว่าบางที...อาจจะไม่ได้มีแค่เราที่เก็บซ่อนความลับเอาไว้

“บางครั้งโชคชะตาก็ไม่ได้นำพาแค่โซลเมตมาพบกัน” นิคเอ่ยขึ้นในที่สุด “แต่มันนำพาสิ่งที่อยู่รอบตัวพวกเขาให้มาพัวพันกันด้วย และนั่นล่ะคือความพิเศษ”

เราทุกคนตั้งใจฟัง เพราะไม่ว่าอะไรที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากของเขามันต้องสำคัญมากแน่ๆ ต่อให้ครั้งแรกที่ฟังจะดูไร้สาระ หรือเป็นเรื่องปกติสามัญธรรมดาจนดูไม่มีอะไรน่าสนใจก็ตาม

“โจชัวไม่ยอมบอกผมว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของเขา แต่คลิปที่ส่งมาก็ทำให้ผมพอจะเดาออกอยู่บ้าง ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากได้ยินเรื่องทั้งหมดจริงๆ อยู่ดี”

ผมสบตาน้องชาย เราต่างรับรู้ได้ถึงความตึงเครียดของอีกฝ่าย เมื่อประเมินสถานการณ์ดูแล้ว ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะที่เราต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น

เงยหน้าขึ้นมองนิโคไล เขาเงียบราวกับกำลังรอ เพราะแบบนั้นผมจึงเลือกแล้วว่าจะคายความลับที่มีออกมา...คริสเตียนจับมือผม และเมื่อเราสบตากัน ผมก็รู้สึกเหมือนได้รับกำลังใจ

“ฉันรู้ว่าพ่อเป็นหนึ่งในผู้ค้ายารายใหญ่มานานแล้ว” ผมเริ่มเล่า “ก็ราวๆ สิบห้าปีได้ ตอนนั้นความอยากรู้อยากเห็นของเด็กวัยสิบสองทำให้ฉันไปได้ยินที่ยายคุยกับแม่เข้าโดยบังเอิญน่ะ”

“แล้วเขารู้ไหมว่านายรู้เรื่องนี้แล้ว?” คริสเตียนถาม

ผมส่ายหน้า “ไม่ เขาไม่รู้ จนผ่านไปหลายปีโจก็ดันไปได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับใครสักคนเรื่องส่งยา เขาจับได้ โจเลยโดนขู่ว่าถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร เขาจะทำร้ายแม่ของโจ...มิสซิส”

“ผมก็เลยเก็บมันเป็นความลับมาตลอด แต่ก็หลุดปากเล่าให้เจย์ฟังเพราะทนอึดอัดใจไม่ไหว สุดท้ายมันก็เลยกลายเป็นความลับที่เราสองคนต้องซ่อนเอาไว้” โจชัวช่วยอธิบายเพิ่ม

มาคิดดูแล้วเขาเป็นพ่อที่โคตรแย่ เป็นไอ้บัดซบที่ไม่เคยมีใจเมตตาหรือรักใครเลย กล้าขู่ฆ่าได้แม้กระทั่งเมียของตัวเอง แถมยังขู่กับคนที่เป็นลูกชายร่วมสายเลือดอีกต่างหาก

เมื่อก่อนเขาเคยดีกว่านี้ ใจดีกว่านี้ รักโจมากกว่านี้...รักเขามากกว่าผมซะอีก

“นั่นจึงเป็นคำอธิบายได้ดีว่าทำไมเขาถึงส่งคลิปนั้นมา”

นิโคไลยื่นมือมาขอโทรศัพท์ของโจไปแล้วเปิดคลิปที่ว่า ก่อนยื่นมันให้คริสเตียน ซึ่งเป็นคนเดียวในพวกเราทั้งหมดที่ยังไม่ได้ดู...ผมนั่งอยู่ข้างเขา แต่เลือกที่จะไม่ดูมันซ้ำ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากคลิปชัดเจน

“ไอ้เด็กเหลือขอ! ฉันรู้ว่าแกอยู่กับไอ้เจย์เดน! ถ้าไม่อยากให้แม่แกตายก็กลับบ้านมาซะ!”

และแม้ว่าผมจะได้ยินแค่เสียง แต่ผมก็ยังนึกภาพในคลิปออก ถึงจะดูมันไปแค่ครั้งเดียวก็ตาม...หญิงสาวที่มีเส้นผมยาวหยิกสีบลอนด์อ่อน ใบหน้าซูบซีดมีร่องรอยบาดเจ็บจากการโดนทำร้าย ร่างกายผ่ายผอมเพราะทำงานหนักและต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับผู้ชายทุเรศคนหนึ่งมานานหลายปี

“ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ปกติแล้วนะ” คริสว่า หลังจากดูจบเขาก็ยื่นโทรศัพท์คืน

นิโคไลพยักหน้าเห็นด้วย “ผมก็คิดอย่างนั้น นอกจากค้ายาเขาคงเสพมันด้วย แค่ดูแววตาของเขาก็รู้แล้วว่าสมองของเขาโดนยานรกพวกนั้นทำลายไปเกินกว่าครั้ง เขาเริ่มเข้าสู่อาการประสาทหลอนและฉุนเฉียวเกินกว่าปกติแล้วล่ะ”

“ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกี่ยวกับพี่ชายของผมยังไง?” คริสขมวดคิ้ว อ่า นั่นสิ ผมก็สงสัยเหมือนกัน

เป็นอีกครั้งที่นิโคไลไม่ตอบ เขาเบือนหน้ามองออกไปมองนอกหน้าต่าง เมื่อพวกเรามองตามก็พบว่ามีรถคันหนึ่งเลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้านของผม คริสเตียนมองตามก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเท้าไวๆ ออกไป

“นั่นพี่ชายฉัน”

เพียงไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับผู้ชายในชุดสูทคนหนึ่ง ผมผุดลุกขึ้นจับมือทักทายอีกฝ่ายทันที

“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งครับ คุณแคมเบลล์”

“เช่นกันครับคุณคาร์เตอร์” แคสเทียล แคมเบลล์เขย่ามือผม แล้วจู่ๆ เขาก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ “อ้อ ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นโซลเมตของน้องชายผม แต่ก็ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเรานะครับ”

“เอ่อ...” ผมพูดอะไรไม่ถูก คำพูดของเขาเหมือนหมัดที่ต่อยฮุคเข้าที่ปลายคางของผม

ยินดีต้อนรับสู้ครอบครัวของเรา

นั่นมัน...บ้ามาก เขาทำให้ผมหน้าร้อนไปพร้อมๆ กับความขัดแย้งในใจที่กู่ร้องขึ้นมาเบาๆ เป็นคำถามว่าผมจะมีโอกาสได้เป็นครอบครัวเดียวกันกับคริสเตียนงั้นเหรอ?

ความคิดนั้นอันตรายเกินไป ผมไม่ควรคิดแบบนั้นถ้าอะไรๆ ระหว่างเรายังไม่ชัดเจน ถ้าผมยังคงกลัวการสานสัมพันธ์กับใครสักคนอยู่

“ก็อยากจะขอบใจนะที่นายเป็นมิตรกับคนของฉัน แต่ช่วยอธิบายปัญหาคาใจให้ฉันได้เข้าใจหน่อยได้มั้ย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเรา?”

...ผมจะปล่อยผ่านคำว่าคนของฉันที่คริสเตียนพูดไปก็แล้วกัน

แคสเทียลสอดมือล้วงกระเป๋ากางเกง เขาก้าวไปยังบานหน้าต่าง มองไปด้านนอกก่อนจะหันกลับมาแล้วเปลี่ยนเป็นทิ้งตัวพิงสะโพกกับขอบหน้าต่างแทน ดวงตาสีเทาเหมือนกับโซลเมตของผมมองตรงมาที่เราสองคนพี่น้อง...ผมกับโจ

“พ่อของคุณมีน้องชายชื่อจาเร็ต สมิธใช่มั้ย?”

ผมกะพริบตา “ใช่ครับ เขาเป็นอาของผม”

“ทำไมนามสกุลไม่เหมือนกับคุณล่ะ?” เขาถามอีก

“เพราะว่าผมเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของแม่ตั้งตอนอายุสิบสอง”

“ให้ตายเถอะ!” จู่ๆ คริสเตียนก็สบถขึ้น เขายกมือกุมศีรษะ สีหน้าสับสนและดูโกรธเคืองในอะไรสักอย่าง “มันไม่บังเอิญเกินไปหรือไงที่อาของนายเป็นโซลเมตของแม่ฉัน!”

“หา?” คราวนี้ผมกลายเป็นฝ่ายสับสนบ้างแล้ว

แคสเทียลเปลี่ยนจากล้วงกระเป๋าเป็นกอดอก “ตอนนี้อาของคุณเป็นพ่อเลี้ยงของเรา”

“มันไม่ใช่พ่อฉัน!” คริสเตียนตวาด และนั่นทำให้ผมเผลอสะดุ้ง เขาโกรธอะไรเนี่ย

“คริสไม่ชอบเขาน่ะ ผู้ชายคนนั้นเฮงซวยบัดซบเลยล่ะ” แคสเทียลไหวไหล่อธิบาย

ผมแค่นหัวเราะ “ไม่แปลก พ่อของผมก็เป็นไอ้บัดซบเหมือนกัน”

“สมกับที่พวกเขาเป็นพี่น้องกันสินะ”

ผมเลิกคิ้วแทนคำตอบ แล้วหันไปหานิโคไล “เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ นี่สินะที่คุณพูดเอาไว้...โชคชะตาไม่ได้นำพาให้โซลเมตมาเจอกันแค่นั้น แต่ยังพาคนรอบตัวพวกเขามาพัวพันกันด้วย”

“ยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวของพวกคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย”

“ยังไง?” โจชัวที่เงียบอยู่นานเอ่ยถาม ส่วนผมลุกขึ้นเดินไปหาคริสเตียนที่ดูเหมือนกำลังจะสติแตกแล้ว

ผมดึงตัวเขาไว้ให้หยุดเดิน คว้าต้นคอเขาหันมามองหน้ากัน “เฮ้ เฮ้ คริสเตียน”

เขายอมสบตาผม พรูลมหายใจระบายความหงุดหงิด สองมือกุมต้นคอของผมบ้าง

“โทษที ฉันแค่...ฉันเกลียดเขา ไอ้จาเร็ตนั่น!”

“อืม ก็พอจะเดาได้ รู้อะไรมั้ย? ลึกๆ แล้วฉันเองก็เกลียดพ่อเหมือนกัน” ผมยิ้ม...คริสเตียนเลิกคิ้ว ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างไม่มีเหตุผล “แต่เกลียดที่เขาเป็นไอ้ขี้ยาทำร้ายครอบครัวน่ะนะ เขาตอนที่ฉันยังเด็กน่ะใจดีกว่านี้มาก...อย่างน้อยก็เท่าที่ความทรงจำตอนอายุสามสี่ขวบจะจำได้”

“พ่อแม่นายเลิกกันตอนนายอายุเท่าไหร่?” เขาถาม เป็นคำถามที่ผมไม่เห็นความจำเป็นจะต้องตอบ แต่ผมก็ยังตอบออกไป ขณะเดียวกันก็กางแขนออกเล็กน้อยให้คริสเตียนได้สวมกอดที่เอวแล้วซบหน้าผากกับบ่าของผม

“ประมาณแปดขวบ”

“เหรอ? ส่วนพ่อฉันตายตอนที่ฉันอายุยี่สิบสี่ และฉันต้องทนอยู่กับสามีใหม่ของแม่เกือบสิบปีได้”

ผมลูบเส้นผมของเขาเล่น และผมกับเขาก็กำลังทำตัวเหมือนอยู่ในโลกที่มีแค่เราเท่านั้น ลืมเลือนไปหมดแล้วว่ายังมีคนอื่นอยู่ในห้องนี้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่สนใจหรอก ผมสนใจแค่โซลเมตของผม...ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกไม่มั่นคงในใจของเขา

ความพิเศษของการเป็นโซลเมตที่มีอะไรกันแล้วมันก็ดีไม่น้อยเลยแฮะ อย่างน้อยผมก็ได้รับรู้ความรู้สึกของคริสเตียนด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่เขาที่สัมผัสความรู้สึกของผมได้คนเดียว คิดไปคิดมามันก็ไม่แย่อย่างที่เคยกลัวเอาไว้ มีคนให้แบ่งปันความรู้สึกร่วมกัน แบบนี้เรียกว่าคนพิเศษได้หรือเปล่า?

ผมกดจูบที่ข้างขมับของเขาเป็นการให้กำลังใจ และได้จูบที่ต้นคอกลับมาเป็นของตอบแทน แต่แล้วมันก็ไม่ได้หยุดแค่จูบเดียวเมื่อคริสเตียนดูดผิวเนื้อของผมเบาๆ ซึ่งอันที่จริงก็ไม่เบานักหรอก ผมเดาว่ามันต้องขึ้นรอยแล้วแน่ๆ ไอ้บ้าเอ๊ย! มันใช่เวลาไหมวะเนี่ย

“หยุดเลยคริส!” ผมกระซิบดุเขา ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากเขา ผมก็เลยต่อยแขนเขาไปทีหนึ่ง

คริสเตียนยอมผละออกห่างในที่สุด และเมื่อผมเบือนหน้าไปมองทางอื่น ก็พบเข้ากับสายตาล้อเลียนจากมิสเตอร์แคสเทียล เลื่อนไปอีกนิดก็เจอเข้ากับสีหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่รับรู้อะไรของนิโคไล และหน้าแดงๆ กับดวงตาลุกลี้ลุกลนของโจชัวที่ดูเหมือนจะทำตัวไม่ถูกกับสิ่งที่เขาได้เห็น

โอ้พระเจ้า ผมลืมไปเสียสนิทเลยจริงๆ ว่ายังมีพวกเขาอยู่ด้วย

“เอาล่ะ ไว้ไปนัวเนียกันทีหลังนะพวก ตอนนี้มีสิ่งที่พวกนายต้องรู้” แคสเทียลว่า

ผมหลุบตาไม่มองหน้าเขาแล้วก้าวไปนั่งบนโซฟาอีกครั้ง เราจะ...ไม่พูดถึงเรื่องเมื่อกี้กันอีก โอเคนะ?

คริสเตียนเดินตามมานั่งข้างกัน “เป็นเรื่องเดียวกับที่นายเพิ่งพูดกับฉันก่อนมาที่นี่สินะ”

ผมไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนพี่น้องกำลังพูดเรื่องอะไร แต่ผมก็ยังตั้งใจฟัง เพราะตอนนี้ไม่ว่าเรื่องไหนก็ล้วนสำคัญ อีกทั้งผมยังต้องขอให้พวกเขาช่วยแม่ของโจด้วย ดังนั้นทุกข้อมูลล้วนจำเป็น

“ยังฉลาดเหมือนเดิมนี่ไอ้น้องชาย” แคสเทียลชี้หน้าคริสแล้วยิ้มมุมปาก “จำได้มั้ย? ถ้าแกอยากกำจัดเขาออกไปจากครอบครัว เราต้องร่วมมือกัน”

“บอกมาสักทีเถอะว่าต้องทำยังไง”

“คุณคงไม่ได้คิดจะฆ่าเขาหรอกนะครับ” ผมถาม พอใช้คำว่ากำจัดแล้วสมองมันก็เผลอคิดไปแบบนั้น

“ไม่หรอก เราไม่ฆ่าคน ผมไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลที่จะทำอะไรแบบนั้นได้หรอกนะ ผมเป็นแค่นักธุรกิจ แต่ถ้าเป็นนิโคไลก็ไม่แน่ เขาน่าจะฆ่าคนได้”

“หา?” ทั้งผมทั้งโจชัวมุ่นคิ้วแน่น ไม่แน่ใจว่าที่ได้ยินนั้นเรื่องจริงหรือหูฝาดไป

“มิสเตอร์แคมเบลล์ ผมไม่ฆ่าคน” นิโคไล ริชมอนด์เอ่ยขึ้น สีหน้าของเขายังคงนิ่งเฉย แต่แววตาคมกริบราวกับดวงตาของเหยี่ยวยามจ้องศัตรู และหมายจะขย้ำให้ตายคากรงเล็บ

แคสเทียลยกมือเสมอไหล่ “หยอกเล่นน่า นายนี่ไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย”

“ถ้าโคลตันอยู่ที่นี่คุณคงขำจนหายใจไม่ทัน”

ผมไม่รู้ว่าโคลตันคือใคร แต่มันทำให้ใบหน้าของแคสเทียลแข็งเป็นหินได้ในทันที ช่างสวนทางกับคำพูดที่ว่าคนคนนั้นจะทำให้เขาหัวเราะจนหายใจไม่ทัน

“หึๆ”

อ่า คงจะไม่ค่อยถูกกันล่ะมั้ง เพราะสีหน้าของแคสเทียลบึ้งตึงลงกว่าเดิมเมื่อโดนคริสเตียนหัวเราะใส่

“โจ ขึ้นไปรอบนห้องไป”

“อะไร!? คุณจะกันผมออกจากเรื่องนี้งั้นเหรอ!?” น้องชายของผมโวยวายทันทีเมื่อโซลเมตหันมาออกคำสั่ง “ไม่มีทาง! ผมไม่ยอมแน่ เรื่องนี้มันเกี่ยวกับแม่ผมด้วย ผมจะช่วยแม่”

“เรื่องมันใหญ่เกินกว่าเด็กอย่างนายจะเข้าใจ”

“ผมไม่เด็กแล้ว! สิบแปดแล้วนะ!”

“สำหรับฉันนายยังเด็กเกินไปกับเรื่องนี้ โจ” นิคยังคงยืนยันคำเดิม “นายจะไปรอข้างบนดีๆ หรืออยากให้ฉันลงโทษนายหลังจากที่เรากลับถึงบ้าน?”

“นิค!” โจชัวดูไม่พอใจ แต่เขาก็เหมือนจะทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินกระแทกเท้าออกจากห้องนั่งเล่น แล้ววิ่งตึงตังขึ้นไปชั้นสองของบ้าน

ผมมองตามน้องจนลับสายตา ก่อนจะหันกลับบอกนิโคไล “ขอบคุณ”

“ไม่จำเป็น ผมทำเพราะปกป้องเขาอยู่แล้ว”

ได้ยินอย่างนั้นผมก็สบายใจมากขึ้น อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็เป็นโซลเมตที่เชื่อใจได้ว่าจะดูแลโจชัวให้ปลอดภัยจากอันตราย เขายังเด็กเกินไปที่จะเข้ามาพัวพันกับเรื่องพวกนี้

“ผมสืบประวัติของตระกูลสมิธมาสักพัก รวมไปถึงเรื่องของคนที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา คุณเองก็เป็นหนึ่งในนั้น”

ผมเลิกคิ้วเมื่อได้ยินที่นิคพูด ส่วนแคสเทียลขยับมานั่งที่โซฟาเดี่ยวแล้วกล่าวเสริม “ชีวิตของคุณน่าสนใจพิลึก”

ถ้าเรียกความระยำบัดซบของชีวิตผมว่าน่าสนใจ คนคนนี้ก็คงจะมีต่อมรับรู้ผิดปกติแล้วล่ะ

“พ่อแม่หย่ากันตอนคุณอายุแปดขวบ  น้องสาวที่เกิดทีหลังคุณห้าปีแท้ที่จริงเป็นลูกคนละพ่อ เธอชื่ออะไรนะ? เจสซี่ แบรนดอนใช่มั้ย?”

นี่คือความสามารถของคนรวยสินะ พอคิดจะสืบเรื่องของใครก็รู้ลึกรู้ละเอียดราวกับมานั่งอยู่กลางวงครอบครัวของคนคนนั้น แล้วพอเห็นว่าผมไม่ตอบอะไรเขาก็ร่ายประวัติชีวิตของผมออกมายาวเหยียด การรำลึกถึงความหลังมีแต่จะทำให้ผมเจ็บปวด ถึงอย่างนั้นผมกลับไม่คิดห้ามให้เขาหยุดพูด และรับรู้ได้โดยไม่ต้องหันไปมองว่าคริสเตียนกำลังมองผมอยู่ มือของเขายื่นมาสอดประสานปลายนิ้วเข้ากับมือของผมแน่นราวกับต้องการให้กำลังใจ ซึ่งนั่นทำให้ผมอดจะลอบยิ้มไม่ได้กับความอ่อนโยนที่เขามีให้

“เฮ้! พอสักทีเถอะน่า จะพูดถึงอดีตทำไม” คริสเตียนเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวแทน เขาโพล่งขึ้นเสียงดัง มือที่จับกับผมบีบแน่นจนผมรู้สึกเจ็บนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่ได้ห้ามเขา บางทีเขาอาจจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดของผมล่ะมั้ง

“ที่ต้องพูดเพราะผมอยากรู้ว่าคุณจะทำใจได้หรือเปล่าเจย์เดน ถ้าพ่อของคุณต้องตาย”

ร่างของผมแข็งทื่อราวกับโดนสาปให้กลายเป็นรูปปั้น

ตายงั้นเหรอ

“...ทำไมต้องตาย?”

“คุณก็น่าจะรู้ดีว่าค้ายามีความเสี่ยงมากแค่ไหน และถ้าวันหนึ่งโดนกวาดล้าง ไม่โดนจับเข้าคุกเขาก็ต้องตาย มีให้แค่สองทางเลือกเท่านั้นสำหรับคนพวกนี้”

“แถมพ่อคุณยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับารทุจริตอีกต่างหาก”

“ทุจริต...” อะไร? พ่อของผมไปโกงเงินใครงั้นเหรอ?

ขณะที่ผมกำลังมึนงง คริสเตียนก็โพล่งขึ้น “อย่าบอกนะว่าไอ้สารเลวนั่น...!”

แคสเทียลพยักหน้า เขาเหม่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่างอีกครั้ง หากแต่แววตาของเขามันเย็นชาต่างจากทุกครั้งที่มักจะเป็นมิตร น้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่งชวนให้ขนลุกในทันทีที่ฟัง

“ใช่ คริส จาเร็ตยักยอกเงินบริษัทของเรามาสักพักแล้ว และฉันเดาว่าเงินที่เขาเอาไปน่าจะพัวพันกับการค้ายาเสพติดของพี่ชายเขา”

ให้ตาย นี่มันเรื่องใหญ่กว่าที่ผมคิดเอาไว้ซะแล้ว!


___________________________________________
มาอย่างไว เป็นไง เราน่ารักเปล่า อิอิ แต่แบบ...จะอัพก่อนเที่ยงคืนไม่ได้รึไงฟะ //ด่าตัวเอง

วันก่อนมีคนทุกเรื่องความห่างของอายุสามพี่น้อง โอ้โห อยากจะบอกว่าคุณเป็นคนแรกเลยค่ะที่สังเกตเห็น มันเป็นปมเล็กๆ ของเจย์เดนที่เราทิ้งเอาไว้ แต่ไม่มีใครเอะใจเลย 555 ตอนนี้ได้จังหวะเฉลยพอดี ถ้างงก็บอกได้นะคะ เราจะแก้ให้ นี่แต่งเสร็จก็อัพเลย ยังไม่ได้ตรวจทาน แบบว่าง่วงง่า ขอแก้พรุ่งนี้นะคะ ฮือ T T

แล้วก็จะเครียดๆ หน่อยเนอะ แต่เดี๋ยวความหวาน(ปนหื่น)ก็กลับมาค่ะ...คิดว่านะ ดราม่าก็ด้ว...อุ๊บ! ไม่สิ ไม่มีดราม่าาา คึคึ เอาล่ะ แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2019 23:06:46 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ขมวดมาหลายปมเหลือเกิน  :really2:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
โอ้โห ความลับมันจะไม่มีมากกว่านี้แล้วใช่ไหมคะ  :ruready
ยังไม่ได้รู้จักโคลตันเลย
น่าจะเป็นคนสำคัญของแคสเทียล  :m12:

ขอหมั่นไส้คู่คริสเจย์นิดนึง
จบเรื่องแล้วแต่งงานกันเลยไหม

ว่าแต่พี่นิคลงโทษน้องยังไงเหรอคะ
ทำไมน้องเชื่อฟังจัง
 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ซับซ้อน..ซ่อนเงื่อน  :ling3:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เรื่องใหญ่จริงจ้ะ TT

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ความมันส์บังเกิดละค่า   :mew1:

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
โหห  :katai1: :z3:

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
โอเคเลยค่ะ ตอนนี้กระจ่างแล้วว่าความลับบนตัวคืออะไร
ครั้งแรกเข้าใจว่าเรื่องโซลเมต แต่มันก็ยังมีอะไรหลายๆอย่างอีก

นี่ก็แอบคิดนะว่าทำไมคริสถึงได้มีปฏิกิริยากับเจย์เดนขนาดนี้ อดใจไว้ค่ะ อดใจไว้ ><

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ 30267

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ปมมาเพียบบบบบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด