ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 37 #แยกกัน (26/10/2561)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ขายครับ!!!!....ไม่ฟรี [MONEY MAN] ตอนที่ 37 #แยกกัน (26/10/2561)  (อ่าน 27378 ครั้ง)

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ก็ผลัดกันหึึงแถมยังดูเหมือนจะหึงแรงทั้งคู่นะเนี่ย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เราว่าฟ้ากับโอมมันต้องทีมเดียวกันแน่ๆ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เลี้ยนๆ พี่จะจ้องแต่อะไรที่พี่สนใจ 5555 เขิล

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ตอนที่ 29



#คิดได้ยังไง



หลังจากจัดแจงที่นอน กินข้าวเย็นและอาบน้ำแต่งตัวกันเรียบร้อย ชาวค่ายทุกคนถูกเรียกให้มารวมกันที่ห้องประชุม เพื่อนัดแนะเตรียมการในการทำงานวันพรุ่งนี้ ส่วนงานวันนี้มีแค่การจัดเตรียมอุปกรณ์รวมถึงการเตรียมสถานที่การทำงานในวันพรุ่งนี้เท่านั้น

ตั้งแต่ช่วงเย็นผมกับภาคก็ตัวติดกันตลอดเวลา แทบจะไม่ห่างจากกันเลย มีหลายครั้งที่ฟ้ายังเดินเข้ามาเรียกให้ภาคไปช่วยงาน แต่ภาคมันก็ปฏิเสธเธอไปทุกครั้ง โดยส่งตัวแทนอย่างนัทกับอาร์มไป ดูฟ้าเธอจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร ถึงกระนั้นแล้วเธอก็ยังไม่วายเดินมาป้วนเปี้ยน คอยส่งน้ำส่งขนมให้ภาคมันตลอด ผมละยอมเธอจริง

“ทำหน้าแบบนี้ หึงกูมากเลยหรอ” มันยังมีหน้ามาถามผมอีก ผมคงนั่งยิ้มใจกว้างเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นมาเกาะแกะแฟนผมหรอกนะครับ

ผมชกแขนมันไปครั้งหนึ่งโทษฐานที่มันแหย่ผม



หลังจากนั่งประชุมกันจนเกือบสี่ทุ่ม สรุปการทำงานของวันพรุ่งนี้ ช่วงเช้าเราจะช่วยกันมุงหลังคากับทาสีห้องสมุดใหม่ ช่วงบ่ายจะเป็นการขนย้ายหนังสือทั้งที่มีอยู่ก่อนแล้วกับหนังสือใหม่ที่ได้รับบริจาคมา เข้าไปจัดเรียงให้เป็นหมวดหมู่

ภาครับหน้าที่ขึ้นไปมุงหลังคา ส่วนผมรับหน้าที่ทาสีครับ อยากจะปีนขึ้นไปช่วยเขามุงหลังคาอยู่เหมือนกันครับ แต่โดนภาคมันห้ามไว้ ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา มันให้เหตุผลว่าข้างบนนั้นอันตราย มันกลัวว่าผมตกลงมา และก็อย่างที่ทุกคนรู้ครับว่าผมไม่สามารถปฏิเสธมันได้

นอกจากการซ่อมแซมห้องสมุดในช่วงเช้าแล้ว ช่วงดึกก็มีการจัดประกวดดาวเดือนค่าย ที่ถือเป็นประเพณีของค่ายที่สืบทอดกันมา ได้ยินรุ่นพี่บอกมาอย่างนี้ครับ น่าสนุกเหมือนกันครับ มีกิจกรรมก่อนกลับเข้ามหาลัยด้วย



อากาศช่วงดึกค่อนข้างดี มีลมที่คอยพัดความเย็นเข้ามาเรื่อยๆ ไม่เหมือนในกรุงเทพฯครับ ที่ไม่ว่าหน้าไหนก็ร้อนอบอ้าวได้ตลอดเวลา

เสียงเท้ากระทบพื้นไม้ค่อยๆเงียบลง ดูเหมือนว่าเพื่อนหลายคนคงเตรียมตัวเข้านอนกันเรียบร้อย ผมยังไม่ได้กลับเข้าห้องพักเพราะโดนภาคมันลากออกมาข้างนอกซะก่อน

“ได้อยู่ด้วยกันสองคนซะที” ภาครวบแขนเข้าที่เอว วางคางเกยที่ไหล่ผม

ก็จริงอย่างที่ภาคมันว่าครับ ตั้งแต่มาที่นี่เรายังไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองเลย เพราะตั้งแต่มาถึงภาคมันก็โดนฟ้าเธอลากไปนู่นไปนี้ด้วยตลอด 

ผมหันหน้ากลับไปมองมัน จนจมูกเราทั้งสองแนบชิดกัน

ผมคิดว่าถึงเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคน จะมีคนอื่นเข้ามาวุ่นวายกวนใจยังไงก็ตาม แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเรามีกันและกัน ความสุขที่รู้ว่ามีมันอยู่ข้างๆ ผมอยากเก็บมันไว้แบบนี้ตลอดไปเลยครับ

“ดาวสวยจังเลยนะ อยากให้กรุงเทพฯ มองเห็นแบบนี้จัง” ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ดาวนับแสนนับล้านดวง ที่ถูกลบเลือนด้วยแสงไฟจากตึกสูงในกรุงเทพ แต่กลับสว่างไสวในที่ห่างไกลความเจริญแบบนี้

“ใครบอกว่าที่กรุงเทพฯ ไม่มีดาว ก็มึงนี้ไงดาวที่สวยที่สุดสำหรับกู” ผมหันหน้ากลับไปสวมกอดมันไว้ 

“แต่มึงไม่ใช่แค่ดาวหรอกนะม่อน มึงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับกูตอนนี้ อยู่กับกูแบบนี้ตลอดไปเลยนะ” ผมอยากอยู่กับมันแบบนี้ตลอดไป ถึงอนาคตพวกเราทั้งสองจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ถึงวันหนึ่งเราทั้งสองจะแยกจากกันไป ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร ผมก็จะมีมันและรักมันเพียงคนเดียว



ไฟทุกดวงในห้องดับลง เมื่อเพื่อนคนสุดท้ายเดินเข้ามา ผมทิ้งตัวลงนอนบนเสื่อที่ปูไว้ก่อนหน้า ถัดไปเป็นภาคที่นอนตะแคง มือเท้าหัวมองผมอยู่

“ขอนอนกอดหน่อยนะ” มันขยับตัวเข้ามาใกล้ผม มือสอดเข้ามาโอบผมไว้

“มึงยังกลัวแมลงสาบตัวนั้นอยู่ใช่ไหม ฮาๆ ๆ ๆ” นึกแล้วก็ยังขำไม่หาย ขอล้อมันต่อสักหน่อยละกันครับ

“มึงนี่นะกูอุตส่าห์ลืมไปแล้ว มึงจะพูดขึ้นมาทำไม” มันกระชับกอดผมแน่น ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงคอ ฮาๆๆ สงสัยมันยังไม่ลืมแมลงสาบตัวนั้นครับ

“ไม่ต้องกลัวหรอกเดี๋ยวกูจัดการมันให้เอง” ผมพลิกตัวหันกลับไปซุกที่อก ยกมือขึ้นกอดมันไว้

“มึงต้องอยู่จัดการแมลงสาบให้กูตลอดไปเลยนะ” ถึงไม่มีแมลงสาบให้จัดการ กูก็จะอยู่กับมึงตลอดไปภาค



“แชะ!!!” เสียงชัดเตอร์กล้องปลุกให้ผมตื่น

“ไอ้สัส!!! นอนกอดกันกลมไม่เกรงใจพวกกูสองคน ก็เกรงใจเพื่อนคณะอื่นบ้างก็ได้” ผมเขย่าแขนภาค ปลุกให้มันตื่น เพราะถ้ามันไม่ตื่น ผมต้องอายไปกว่านี้แน่ๆ ก็ไม่ได้มีแค่นัทกับอาร์มที่นั่งจ้องผมกับภาคที่กำลังนอนกอดกันอยู่ แต่มีสายตาอีกหลายคู่นั่งมองผมสองคนอยู่เช่นกัน ตื่นสิวะภาค

“ฟอด!!! มึงจะรีบตื่นไปไหนวะ” มันกดหน้าเข้าที่หน้าผากผมแบบที่มันเคยทำประจำ แต่มันคงไม่เหมาะในเวลานี้ ผมหันกลับไปส่งยิ้มอ่อนให้กับเพื่อนในห้อง จากที่ผมจะปลุกให้มันปล่อยเพราะอายคนอื่นในห้อง แต่ตอนนี้มันเกินกว่าคำว่าอายแล้วครับ ผมอยากจะมุดดินหนีให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย

“มึงตื่นเถอะกูขอร้อง กูอายเขาจะแย่แล้ว” มันลืมตาขึ้นมองหน้าผม

ผมพยายามส่งสัญญาณให้มันรู้ว่ามีคนกำลังมองเราอยู่ ตอนนี้มันคงรู้แล้วละครับว่าเราไม่ได้อยู่กันแค่สองคน

รู้แล้วก็ปล่อยสิวะ มันไม่ยอมคลายกอดผมสักทีครับ แต่เหมือนมันจะกอดผมแน่นกว่าเดิมซะอีก

“ขอโทษทีนะ พอดีว่าแฟนกูน่ารักเลยไม่อยากปล่อย” พอกันทีครับ แทนที่มันจะปล่อยผม กลับวางระเบิดลูกใหญ่ไว้อีก หมดกันไม่องไม่อายมันแล้ว เพราะตอนนี้หน้าผมชาจนไม่มีความรู้สึกแล้วครับ



“รอด้วยสิ” มันถือจานข้าววิ่งตามหลังผมมา งอนมันครับ จะไม่ให้งอนมันได้ยังไงเพราะเรื่องตอนเช้า ทำให้ผมนี้โดนเพื่อนแซวไม่หยุดปากเยย อายมากๆครับ

“ไปนั่งไกลๆ กูเลย” ผมทิ้งตัวลงนั่ง เอ่ยปากไล่มันให้ไปนั่งที่อื่น

“อย่างอนกูสิ กูแค่อยากอวดแฟนไม่ได้หรอ”

“แล้วมันใช่เวลาไหมล่ะ”

“อะนี่กะเพราของโปรดมึง หายงอนนะๆๆๆๆ” มันเอากะเพรามาล่อผมด้วยครับงานนี้ ควรใจอ่อนกับมันดีไหมครับ

“พวกมึงหยุดหวานกันบ้างได้ไหม สงสารคนโสดอย่างพวกกูบ้าง” อาร์มมันคงทนเห็นพวกผมง้องอนกันไม่ไหว แต่นี่เหรอครับที่เรียกว่าหวาน ตีกันจนจะตายกันไปข้างอยู่แล้ว

“กูว่านะ เมื่อคืนถ้าไม่มีพวกเราอยู่ในห้องด้วยมันคงเอากันไปแล้วล่ะ กอดกันซะไม่เกรงใจใครเล๊ย” ผมยกส้อมชี้หน้านัท

“ใครมันจะไปกล้าทำอะไรกันวะ ใช่ไหมช้อป” ทำไมช้อปมันยิ้มแบบนั้นล่ะครับ อย่าบอกนะครับว่ามันคิดจะทำแบบนั้นกับผมจริงๆ ผมศอกเข้าที่กลางท้องมันไปทีหนึ่ง โทษฐานที่นอกจากจะไม่ช่วยแก้ตัวแล้ว ยังเห็นด้วยกับความคิดบ้าๆแบบนั้นอีก พอกันทั้งแฟนทั้งเพื่อนเลยครับ

“แล้วยัยฟ้ามากวนภาคอีกไหม” ภาคส่ายหัวเป็นคำตอบให้กับมีน เธอคงเหนื่อยแล้วมั้งครับ โดนภาคมันปฏิเสธแบบนั้นทุกครั้ง ไม่รู้ทำไมเธอถึงอยากได้ภาคมันนักหนา อย่างไอ้ภาคเนี่ยมีดีแค่หน้าตากับเรื่องบนเตียงเท่านั้นแหละครับ

เดี๋ยวๆ ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดนะครับ



อากาศช่วงสายนี้ร้อนเอาเรื่องเลยครับ ผมนะไม่เท่าไรแค่ยืนทาสีอยู่ข้างล่าง แต่ภาคนี่สิครับขนาดใส่หมวกหน้ามันยังแดงเถือกขนาดนั้น สงสัยมันคงร้อนมากแน่ๆ

“ลงมากินน้ำก่อน” ผมยื่นน้ำในมือส่งให้ หยิบผ้าเช็ดหน้าที่คล้องอยู่ที่คอซับเหงื่อให้มัน

“ขอบคุณนะครับ” มันส่งแก้วน้ำในมือกลับมาให้

ผมพามันมาลำบากหรือเปล่าครับ ถึงพวกเราจะเรียนวิศวะ ถึงจะดูถึกบึกบึน แต่สำหรับคุณชายอย่างภาคมันที่ไม่ค่อยได้ทำอะไรด้วยตัวเองสักเท่าไร คงหนักสำหรับมันแน่ๆครับ

แต่แปลกที่มันไม่บ่นสักคำ ตั้งหน้าตั้งตาช่วยคนอื่นทำงาน สงสัยมันอยากช่วยน้องๆจริงๆครับ

“มึงจะหวานกันอีกนานไหม” ผมสาดน้ำที่เหลืออยู่ในแก้วใส่นัท มันนี่แซวผมได้ตลอดเวลาจริงๆครับ วันไหนมันมีแฟนบ้าง ผมจะแซวมันยันเรียนจบเลยครับ

“เดี๋ยวกูไปทำงานต่อก่อนนะ” ภาคส่งยิ้มมาให้ มือข้างหนึ่งยกขึ้นมายีหัวผม แล้วปีนกลับขึ้นไปทำงานด้านบนต่อ

ตอนนี้งานมุงหลังคาเสร็จเกินครึ่งแล้ว ส่วนงานทาสีเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอมุงหลังคาเสร็จก็ยกชั้นหนังสือกับหนังสือชุดใหม่เข้าไปจัดก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ



ผมย้ายตัวจากห้องสมุดเดินตามรุ่นพี่มาที่สนามเด็กเล่น เพราะสีที่ใช้ทาห้องสมุดเหลือพอที่จะเอามาทาตกแต่งสนามเด็กเล่นให้น้องๆได้

“คนแถวนี้ก็เหมือนสนามเด็กเล่นนะ พอเล่นนานๆไปเดี๋ยวเขาก็เบื่อ” เสียงที่ผมไม่อยากได้ยินดังมาจากด้านหลัง ผมไม่ได้หันกลับไปมองหรอกนะครับ ไม่อยากสนใจเธออีก

“พูดขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีก” มีนกับเฟิร์นหันมาสบตากับผม ผมแค่ส่ายหน้าให้สองคนนั้นไป ไม่อยากจะสนใจเธอจริงๆ ครับ อยากทำอะไรก็ปล่อยเธอไป ผมเป็นผู้ชายคงดูไม่ดีถ้าจะไปต่อล้อต่อเถียงกับผู้หญิง

“อุ๊ย!!! ขอโทษนะเราไม่ได้ตั้งใจ” สีจากแปรงเล็กบนมือฟ้ากระเด็นเข้าที่หน้าผม ผมหันไปส่ายหน้าบอกเธอว่าไม่เป็นไร ผมรู้ครับว่าเธอตั้งใจแต่ก็ไม่อยากยุ่งอะไรกับเธอแล้ว

ผมหันหน้ากลับมา ก้มลงตั้งใจทาเสาชิงช้าข้างหน้าต่อ

“ว้าย!!! ว้ายยัยเมย์อย่าชนฉันสิ เห็นไหมโดนม่อนเขาอีกแล้ว โทษทีนะม่อน” ผมไม่รู้จะพูดยังไงกับการกระทำของเธอตอนนี้ ผมคิดว่ามันจะจบตั้งแต่ที่ภาคปฏิเสธเธอไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วซะอีก แต่เธอก็ยังไม่ยอมเลิกมาวุ่นวายกับผมอีก

“อุ๊ย!!! โทษทีนะพอดีแปรงมันลื่น” ไม่ใช่ฟ้าครับ แต่เป็นมีนที่สะบัดแปรงอย่างแรง จนสีกระเด็นไปโดนฟ้า

“แกตั้งใจใช่ไหม” ฟ้ายื่นแปรงชี้หน้ามีน มีนมันดูจะไม่ยอมฟ้าเหมือนกันครับ ใช้แปรงชี้กลับไปที่ฟ้าเหมือนกัน

“ไปเถอะมึงอย่ามีเรื่องกันเลย” ผมเดินเข้าไปห้ามมีนไว้ ดันตัวมันให้ออกห่างจากฟ้า ไม่อยากให้มีเรื่องกันครับ

“โอ๊ย!!!” ผมร้องออกมา เหมือนว่ามีอะไรสักอย่างลอยมาโดนหัวผมอย่างจัง ผมยกมือขึ้นลูบที่หัว สีที่ใช้ทาอาคารติดมือผมออกมา ฟ้าครับ ฟ้าเธอขว้างแปรงทาสีมาโดนหัวผมเต็มๆ

ผมหันกลับไปมองหน้าเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจหรือรู้สึกผิดอะไร กลับหันหัวเราะกับเพื่อนในกลุ่มเธอแทน

“ฟ้าไม่คิดจะขอโทษเราสักคำเลยหรอ” ผมเริ่มจะหมดความอดทนกับการกระทำของเธอแล้ว ผมว่ามันมากเกินไปจริงๆ

“ถ้าไม่คิดจะขอโทษ ก็เลิกยุ่งกับเราเถอะ” ผมเดินกลับไปคว้าแขนมีนกับเฟิร์นให้เดินออกมา ถือซะว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมคุยกับฟ้าเธอละกันครับ

“แต่ระวังหน่อยนะ ของที่ได้มาแบบฟลุ๊คๆ มันอาจจะอยู่กับม่อนได้อีกไม่นาน” น้ำเสียงเยาะเย้ยกับเสียงหัวเราะดังไล่หลังผมมา

ผมว่าเธอคงไม่หยุดแค่นี้แล้วละครับ ผมคิดว่าถ้าเธอไม่ได้ในสิ่งที่เธอต้องการ เรื่องนี้มันคงไม่จบลงง่ายๆแน่ครับ 



“ไปโดนอะไรมา ทำไมเลอะแบบนี้” ภาคเดินตรงมาหาผมที่กำลังก้มล้างหน้าอยู่ที่ห้องน้ำ

“ทาสีมันก็เลอะแบบนี้เป็นธรรมดา” ผมหันกลับมาก้มล้างสีที่ติดอยู่บนหน้าออก

“เลอะหัวด้วยเนี่ยนะ มึงไปท่าอีท่าไหมมา” มันจับผมผมตรงที่โดนแปรงทาสีของฟ้า

“ก็มันอยู่สูง มันก็ต้องมีหยดลงหัวบ้าง” ผมโกหกมันไปสองเรื่องแล้วครับ ไม่อยากให้ภาคมันเข้าไปยุ่งกับฟ้าอีก ต่างคนต่างอยู่ดีกว่าครับ

“งั้นเดี๋ยวกูช่วย” มันหยิบผ้าเช็ดหน้าที่คล้องคอผมขึ้นมาเช็ดหน้าให้ผม สภาพมันเองกูดูไม่ต่างจากผมเท่าไรนัก ดูแล้วหน้ามันจะไหม้แล้วด้วยครับ เฮ้ย ผมพามันมาทรมานจริงๆ ด้วย สงสารมันจังเลยครับ



หลังคาถูกปิดจนครบหมดทุกแผ่น หนังสือที่ถูกจัดเรียงบนชั้นอย่างเป็นระเบียบ ผนังและกำแพงถูกทาทับด้วยสีอย่างสวยงาม ตอนนี้เราทำภารกิจเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ จากก่อนหน้านี้หน้าทุกคนดูเหนื่อยๆ ตอนนี้กลับกลายเป็นรอยยิ้มจากความภูมิใจ ที่ได้มีส่วนในการช่วยซ้อมห้องสมุดให้น้องๆ ผมเองก็เช่นกันครับ มันรู้สึกภูมิใจและดีใจอย่างบอกไม่ถูก หวังว่าน้องๆคงชอบนะครับ

“เดี๋ยวน้องแยกย้ายกันไปอาบน้ำ แล้วเรามาเจอกันที่นี่ตอนหนึ่งทุ่มนะคะ”

เสียงประกาศจากประธานค่าย คืนนี้น่าจะมีการจัดประกวดดาวเดือนค่าย ตามตารางที่วางไว้

ผมเดินถืออุปกรณ์การอาบน้ำ เดินลงไปยืนต่อแถวเพื่อรอเข้าห้องน้ำ ที่นี่มีห้องน้ำแค่ไม่กี่ห้อง มีหกห้องเท่านั้นที่จัดเตรียมไว้สำหรับนักศึกษาชาย กับจำนวนของนักศึกษาที่มาร่วมออกค่ายในครั้งนี้ แน่นอนว่ามันไม่พอครับ แต่ภายนอกตรงลานข้างห้องน้ำ มีการจัดเตรียมที่อาบน้ำแบบกลางแจ้งไว้ ผมกะว่าจะลงไปอาบน้ำตรงลานนั้นพร้อมกับนัทมันครับ แต่ภาคมันไม่ยอม บังคับผมให้มายืนต่อแถวรอเข้าไปอาบในห้องน้ำ

“ให้กูอาบช้างนอกเถอะนะ เหลืออีกแค่ครึ่งชั่วโมงเอง เดี๋ยวไปไม่ทัน” คงอีกนานครับถ้าให้ผมยืนต่อแถวรอเข้าไปอาบข้างใน

“ไม่เอา มึงรออีกแค่แป๊บเดียวเอง” มันยังยืนยันคำเดิม ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนา นมแบนๆแบบผมคงไม่มีใครอยากมองหรอกครับ

“นั่นไงถึงคิวมึงแล้ว” ผมหยิบอุปกรณ์อาบน้ำกับผ้าเช็ดตัวที่เตรียมมา เดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ ทำไมห้องน้ำมันดูแคบผิดปกติ ผมจับชายเสื้อถอดออกจากตัว

“เชี่ย!!!” มันเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนครับ ผมหันหลังกะว่าจะเอาเสื้อมาแขวนไว้ที่ประตู ผมไม่รู้จริงเลยครับว่าภาคมันแอบตามผมเข้ามาในห้องน้ำด้วย และที่สำคัญร่างกายของมันตอนนี้ไม่เหลือเสื้อผ้าเลยแม้แต่สักชิ้น

“มึงเข้ามาได้ไง”

“กูอยากอาบน้ำกับมึง” มันขยับตัวเข้ามาเบียดผม คว้าเสื้อที่ผมเพิ่งถอดไปถือไว้

มันขยับตัวเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ มันคงไม่คิดจะทำอย่างนั้นกับผมในที่แบบนี้หรอกนะครับ ถ้ามันทำคงเป็นข่าวฉาวไปทั่วค่ายอย่างแน่นอน แค่ผมนอนกอดกับมัน คนในค่ายยังเอาไปพูดกันให้ทั่วเลยครับ อายไม่รู้จะอายยังไงแล้ว

ผมจ้องหน้ามัน สายหน้าเป็นสัญญาณเตือนว่าห้ามทำแบบนั้นทำในนี้เป็นอันขาด

“อื้อ...” ไม่ทันละครับ มันคว้าคอผมเข้าไปจูบ ผมพยายามดิ้นขัดขืน มือทุบที่หลังของมัน แต่ อื้อ...มันฉกลิ้นเข้ามาในปากจนตัวผมอ่อนยวบ ไม่มีแรงที่จะขัดขืนมัน ผมทำได้เพียงยืนนิ่งให้มันฉกลิ้นเล่นอยู่อย่างนั้น

“เฮือก” ผมสูดหายใจเฮือกใหญ่ มันยอมปล่อยลิ้นผมให้เป็นอิสระแล้วครับ

“อาบน้ำสิ” ผมยืนนิ่งมองหน้ามัน ผมฟังไม่ผิดใช่ไหมครับ มันไม่ทำต่อแล้วจริงๆ ใช่ไหม ผมหวังให้เป็นอย่างที่ผมคิดนะครับ

“หรืออยากจะให้กูทำต่อ” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมรีบหยิบขัน ตักน้ำขึ้นมาราดตัวทันที ต้องรีบครับเดี๋ยวมันเปลี่ยนใจขึ้นมา ยิ่งเดาอารมณ์มันไม่ค่อยถูกด้วยครับ




ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ลานว่างของอาคารอเนกประสงค์ถูกจับจองจนเกือบเต็ม พื้นที่ตรงกลางถูกเว้นว่างไว้สำหรับเป็นเวทีการประกวด พิธีกรสาวเดินออกมาพร้อมกับประธานค่าย ไมค์โครโฟนถูกส่งให้ประธาน คงถึงเวลาของพิธีเปิดงานของวันนี้แล้ว

“พี่ขอขอบคุณน้องๆทุกคนนะคะ ที่ร่วมมือร่วมใจกัน จนทำให้งานในวันนี้เสร็จลุล่วงไปด้วยดี” เสียงปรบมือดึงกึกก้องไปทั่วอาคาร

“วันนี้น้องๆคงเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ฉะนั้นพวกพี่ก็มีกิจกรรมมาช่วยผ่อนคลายพวกน้องๆ หลายๆคนที่เคยมาค่ายนี้คงรู้กันอยู่แล้วว่าทุกๆ ปีทางค่ายจะมีประเพณีที่สืบทอดต่อๆกันมาหลายสิบรุ่นแล้ว นั้นก็คือการประกวดดาวเดือนของค่ายนั้นเอง” เสียงประมือโห่ร้องดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนดูจะรอคอยให้ถึงช่วงเวลานี้มานานแล้ว ผมเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กับเพื่อนคนอื่น

“แต่การประกวดจะไม่เหมือนกับที่อื่น เพราะเราจะมีเกมให้เล่นกันก่อน” เสียงทุกคนเงียบลงเพื่อรอฟังกติกาการเล่นเกม

“กติกามีอยู่ว่า เราจะมีกระดาษอยู่ทั้งหมดหกใบ แต่ละใบจะเขียนคำว่าชาย หญิง อย่างละสามใบ กระดาษทั้งหกใบจะถูกสุ่มแจกออกไป โดยที่ทุกคนจะต้องส่งกระดาษในมือไปรอบๆ ถ้ากระดาษหยุดที่ใครคนนั้นสามารถเสนอชื่อคนที่อยากให้เข้าประกวดได้และคนที่ถูกเลือกจะไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น” เสียงโห่ร้องดังแทบจะกลบเสียงประธานค่าย น่าสนุกดีนะครับเกมนี้

“และสุดท้ายพี่มีรางวัลให้ ไม่ใช่กับผู้ที่ประกวดชนะ แต่เป็นผู้ที่เสนอชื่อผู้ชนะทั้งฝ่ายและฝ่ายหญิงแทน” เป็นกติกาที่ทำให้ตื่นเต้นเข้าไปอีกครับ

“งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะ” กระดาษเอสี่ทั้งหกแผ่นที่ถูกม้วนไว้เป็นอย่างดี ถูกส่งให้กับชาวค่ายพร้อมกับเสียงดนตรีจังหวะสนุกๆ จนหลายคนทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมาเต้น รวมถึงผมที่ถูกนัทมันดึงให้ลุกขึ้นมาเต้นด้วย

ม้วนกระดาษถูกส่งต่อกันไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าเพลงจนหยุดลง ม้วนกระดาษถูกส่งผ่านจากอาร์มมาที่นัท ต่อด้วยภาค ผมรับม้วนกระดาษมา แล้วรีบส่งต่อให้เฟิร์นทันที

“…” เสียงเพลงเงียบลง ม้วนกระดาษอยู่ไม่ห่างจากตัวผม มันหยุดอยู่ที่มีนครับ ดูมันจะดีใจมากที่ม้วนกระดาษนั้นมาหยุดที่มัน มีนเดินออกไปตรงกลางพร้อมกับเพื่อนอีกห้าคนที่มีม้วนกระดาษอยู่ในมือ



“ผู้ชาย น้องเลือกได้เลยค่ะ” เสียงพิธีกรอ่านข้อความในกระดาษ คนแรกได้เลือกตัวแทนฝ่ายชาย

เสียงกรี๊ดดังแข่งกับเสียงประมือ พร้อมกับผู้ชายร่างท้วมที่กำลังลุกขึ้นเดินออก ไม่ใช่สิครับเธอเป็นผู้ชายสายหวาน เธอเรียกเสียงฮาได้เป็นอย่างดี ที่ฮาเพราะด้วยท่าทัดผมของเธอ มันช่างไม่เข้ากับผมที่แทบจะเรียกว่ารองทรงนักเรียนแบบที่ผมเคยตัดตอนเรียนมัธยม

คนที่สองเป็นผู้ชาย คนนี้มาแนวลูกครึ่ง เรียกได้ว่าหล่อเลยละครับ คนที่สามมาถึงผู้หญิงบ้างละครับ สาวสวยเดินออกมาด้วยท่าทางเขินอาย แต่เวลาเธอยิ้ม ทำเอาไอ้นัทกับอาร์มนี่แทบละลายไปเลยครับ ร่วมถึงแฟนผมที่กำลังนั่งเคลิ้มไปกับเขาด้วย ผมเลยหาจังหวะศอกเข้าที่ท้องมันไปทีหนึ่ง พร้อมกับคำเตือนว่าถ้าไม่อยากให้น้องชายเป็นอาหารเป็ดละก็ ห้ามมองคนอื่นเด็ดขาด ทำเอามันนั่งเงียบก้มหน้าก้มตา มองพื้น คนที่สี่ ผมจำได้ว่าคนที่ยืนถือกระดาษอยู่คือเพื่อนของฟ้า และก็ไม่ผิดคาดครับ เธอเลือกฟ้าออกมาเป็นตัวแทน ถึงผู้หญิงคนก่อนหน้าจะสวยน่ารักแค่ไหน แต่ก็คงสู้ฟ้าเธอไม่ได้ มาถึงมีนเพื่อนผมละครับ มันได้สิทธิ์เลือกผู้ชายครับ และผู้ชายที่มันคิดว่าจะทำให้มันได้รับรางวัลก็คือภาคแฟนผมนั้นเองครับ ภาคมันลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปรวมกลุ่มกับตัวแทนคนอื่นๆแบบงงๆ ตามด้วยสาวสวยอีกคนเดินออกมาปิดท้าย

การตัดสินครั้งนี้จะใช้การยกมือโหวตให้คะแนนครับ



“ผลตัดสินผู้ชนะฝ่ายหญิง น้องฟ้า” เป็นไปตามคาดครับ

“ส่วนฝ่ายชาย น้องภาค” ก็เป็นไปตามคาดอีกเช่นกันครับ ก็อย่างที่บอกครับภาคมันมีดีที่ความหล่อของมันเท่านั้นแหละครับ ผมปรบมือส่งยิ้มไปให้มัน หล่อครับหล่อจริงๆเลยแฟนผม

“ของรางวัลละคะพี่” ดูท่าว่ามีนมันจะใจจดใจจ่ออยู่กับของรางวัลเท่านั้น ที่มันเลือกภาคก็เพราะของรางวัลนี่ล่ะครับ

"ของรางวัลที่พี่บอกคือ น้องที่เป็นคนเลือกผู้ชนะ สามารถสั่งใครในนี้ให้ทำอะไรก็ได้ ไม่เว้นแม้แต่เดือนและดาวของเรา" เป็นของรางวัลที่ดูแปลกมากครับ 

“งั้นเมย์ขอสั่งก่อนนะคะ” เสียงเพื่อนในกลุ่มของฟ้าที่ชนะและได้รับรางวัลในครั้งนี้ดังขึ้น ผมแอบเห็นเธอหันไปสบตากับฟ้าเล็กน้อย พวกเธอคงคิดจะทำอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ

“เมย์ขอสั่งให้ฟ้าหอมแก้มภาคค่ะ” เสียงกรี๊ดดังสนั่นมากกว่าทุกครั้ง เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ครับว่าพวกเธอคงมีแผนการอะไรแน่ๆ

ภาคมันหันกลับมาส่ายหน้ากับผม

“หอมเลยๆ” เสียงเชียร์ดังขึ้นรอบทิศทาง ภาคมันยังคงหันหน้ามามองผมอยู่ ผมไม่อยากให้มันทำหรอกนะครับ แต่มันเป็นกฎ ผมจะไปขัดก็ไม่ได้

“แต่เดี๋ยวค่ะ” เสียงมีนดังขึ้น ขัดจังหวะการหอมแก้มของฟ้ากับภาค ฟ้าถึงกับทำหน้าเซ็ง เพราะภาคมันดึงหน้าออกก่อนที่จมูกเธอจะชนกับแก้มของมันเพียงเล็กน้อย

“พี่คะ ถ้าหนูจะใช้สิทธิ์ตอนนี้จะได้ไหมคะ” พิธีกรเหมือนจะงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เหมือนกัน เธอหันกลับไปปรึกษากับประธานค่ายสักพัก

“ได้ค่ะน้อง” เธอเดินกลับมาตอบคำถามมีนผ่านไมค์โครโฟน

มีนฉีกยิ้มแบบร้ายๆส่งไปให้ฟ้ากับเพื่อนของเธอ ผมหวังว่ามีนจะช่วยภาคมันไว้ได้นะครับ

“งั้นมีนขอสั่งห้ามให้ฟ้าหอมแก้มภาค แต่เปลี่ยนให้ภาคไปหอมแก้มคนที่อยากหอมแทน” มีนหันกลับมามองหน้าพร้อมยักคิ้วให้ผม นัทกับอาร์มที่นั่งข้างๆ ถึงกับยกนิ้วโป้งส่งให้มีนเลยทีเดียว มีนนี่มันสุดยอดจริงๆเลยครับ

“ได้ไงกัน” น้ำเสียงที่ดูไม่เห็นด้วยของเมย์ดังขึ้น

“พวกพี่คุยกันแล้วว่าไม่ผิดกติกา ดังนั้นภาคทำตามที่น้องมีนสั่งได้เลย”

“แกนี้มันร้ายจริงๆนะยัยมีน แกดูหน้านังฟ้าสิ ฮาๆๆ” เสียงชื่นชมดังขึ้นเมื่อมีนเดินกลับเข้ามานั่งที่เดิม ดูเหมือนเฟิร์นจะสะใจเอามากๆ

“กูจัดการให้แล้ว ถึงตามึงแล้วละ” มีนพยักหน้าให้ผมหันไปมองภาคที่กำลังเดินตรงมาที่ผม

มันคุกเข่าลงตรงหน้า สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เราสองคน ‘หมับ’ มันยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาประคองหน้าผมไว้

“กรี๊ดๆ ๆ ๆ ๆ” แม้เสียงกรี๊ดรอบข้างจะดังสักแค่ไหน ตอนนี้ผมเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลยครับ

ผมถึงกับนั่งนิ่งตาค้าง ‘จูบ’ ใช่ครับภาคมันดึงผมเข้าไปจูบท่ามกลางสายตาเกือบสองร้อยคู่ แค่หอมแก้มไม่ใช่เหรอครับที่มีนสั่ง ภาคดึงหน้าออกจากผม ไม่รู้จะทำยังไงดีครับ ทั้งเขินทั้งอาย ผมทำได้แค่ยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้เท่านั้น



ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้คงเป็นทอคออฟเดอะทาวน์ไปแล้วครับ เพราะไม่ว่าผมจะเดินไปทางไหน คนก็มักจะส่งยิ้มมาให้ผม เป็นแบบนี้ตั้งแต่อาคารอเนกประสงค์ยันห้องนอนกันเลยครับ

ว่าแต่ภาคมันหายไปไหนเหรอครับ เมื่อกี้ยังเดินอยู่กับผมเลยครับ นี่มันจะปล่อยให้ผมอายแบบนี้คนเดียวจริงๆเหรอครับ

“มึงเห็นภาคไหม” ผมเดินเข้าไปถามนัท

“เมื่อกี้ก็ยังเห็นยืนอยู่กับมึงอยู่เลย” นั้นสิครับแล้วมันหายไปไหนกัน

ผมเดินตามระเบียงอาคารเรียน สอดส่องสายตามองหามันตามห้องต่างๆ มันไปไหนของมันครับ

“เอ่อ...คือเราขอถามหน่อย ว่ามีใครเห็นภาคเดินผ่านมาแถวนี้ไหม” ผมเดินเข้าไปถามกลุ่มสาวๆ ที่ยืนอยู่หน้าห้องที่ถูกจัดไว้เป็นห้องนอนแบบเดียวกับห้องของผม

“เห็นเดินไปตรงนู้นกับฟ้าอะ ว่าแต่เมื่อกี้กับภาคนะ หวานมากเลยนะ พวกเรานี่อิจฉามากๆ” พวกเธอยังไม่วายหันกลับมาแซวผม แล้วที่พวกเธอบอกว่าภาคออกไปกับฟ้ามันหมายความว่ายังไง ไหนภาคมันบอกว่าจะไม่ยุ่งกับฟ้าอีก แล้วนี่ออกไปด้วยกันสองต่อสองทำไม

ผมเริ่มใจหวิวๆขึ้นมา เลยตัดสินใจว่าจะเดินตามหาภาคมัน เผื่อว่าถ้ามันกับฟ้ามีอะไรที่ปิดบังผมไว้อยู่ อย่างน้อยผมจะได้รู้และได้เห็นด้วยตาตัวเอง



“ภาคเรียกเรามาคุยมีอะไรหรอ” เสียงหนึ่งดังออกมาจากห้องเรียนที่ผมพึ่งเดินผ่านมาเล็กน้อย ผมจำได้ว่ามันเป็นเสียงของฟ้า

ผมถอยหลังกลับไปยืนที่หน้าห้องนั้น สายตามองลอดระหว่างช่องประตูที่เปิดไว้เล็กน้อย

“หรือว่าภาคจะเปลี่ยนใจเรื่องนั้น” ภาพที่ผมเห็นตรงหน้าคือภาพของฟ้ากำลังจับมือข้างหนึ่งของภาคไว้

สองคนนี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไร แล้วทำไมภาคมันต้องเปลี่ยนใจเปลี่ยนใจ ผมตัดสินใจไม่เปิดประตูเข้าไปหาทั้งคู่ เพราะอยากรอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า

“ฟ้ามีความจริงจะพูดกับเราไหม”

“ภาคหมายถึงเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องที่เราคุยกันไว้ เราบอกภาคแล้วไงว่าภาคไม่ต้องเลิกกับม่อนก็ได้ เราไม่ซีเรียสเรื่องนี้ แต่เราแค่แอบคบกันแบบไม่ให้ใครรู้” ภาคมันไม่เคยบอกเรื่องนี้กับผมเลย

แล้วทำไมฟ้าเธอถึงกล้าคิดจะทำแบบนี้ เธออยากได้ภาคถึงขนาดต้องทำแบบนี้จริงเหรอครับ ผมละอายใจแทนเธอจริงๆ

ผมยังคงยืนนิ่งมองทั้งคู่อยู่หน้าประตู ผมอยากรอฟังคำตอบจากปากภาคมัน

“เรื่องที่ฟ้าบอกเราก็ตอบชัดเจนไปแล้วว่าไม่ แต่ที่เราเรียกฟ้ามาตอนนี้เพราะมีเรื่องอยากจะถาม เรารู้เรื่องที่ฟ้าทำกับม่อนแล้ว เราอยากถามว่าฟ้าทำแบบนั้นกับม่อนทำไม”

“ฟ้าแค่...”

“ต่อไปนี้ถ้าเรายังเห็นฟ้ามายุ่งกับม่อนอีก อย่าหาว่าเราไม่เตือนนะ”

“ภาคฟังเราก่อนสิ” ฟ้าวิ่งเข้าไปคว้าแขนภาคไว้ ผมว่าถึงเวลาของผมแล้วละครับ

“ปล่อยมือภาคได้แล้วฟ้า” ผมผลักประตูเดินเข้าไปหาภาค หันไปจ้องหน้าฟ้า สั่งให้เธอปล่อยมือจากภาค

“แกเกี่ยวอะไรด้วย”

“เกี่ยวสิ ก็เราเป็นแฟนภาค แล้วฟ้าล่ะเป็นใคร” ผมย้อนถามกลับเธอ ฟ้าดูจะอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง

“ถ้าฟ้าไม่รู้เดี๋ยวเราตอบแทนให้ก็ได้นะ เราคิดว่าฟ้าเป็นนางร้ายโง่ๆในละครหลังข่าว แอบคบกับเงียบๆหรอ ฟ้าคิดหรอว่าทำแบบนี้ฟ้าจะแย่งภาคไปได้ ไม่มีทางหรอกเพราะฟ้าไม่ได้มีอะไรดีกว่าเราเลยสักอย่าง เพราะอย่างนั้นฟ้าควรรู้ไว้ด้วยว่าภาคมันไม่มีวันเลือกฟ้าแน่นอน” ผมทนมานานแล้วครับ ขอลองโหมดหวงแฟนดูสักครั้ง จะปล่อยให้คนอื่นมาแย่งแฟนตัวเองไปแบบเรื่องเมีย 2018 คงไม่มีทางหรอกครับ

ฟ้ายังคงยืนนิ่งเงียบไม่พูดอะไร คงคิดไม่ถึงนะครับว่าผมจะมาโหมดนี้

“ถ้าฟ้าไม่มีอะไรจะพูด งั้นปล่อยมือภาคซะแล้วกลับไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ก็กลับกรุงเทพฯ คงมีผู้ชายโง่ๆอีกหลายที่รอตกเป็นเหยื่อความสวยของฟ้าอีกเยอะ” เธอปล่อยมือจากแขนภาค ผมคว้าแขนภาค เดินนำหน้ามันออกมา

“นี้ม่อนแฟนกูจริงๆหรอวะ ทำไม่โหดแบบนี้ละหรือว่ามึงโดนอะไรเข้าสิง” ภาคจับหน้าผมส่ายไปส่ายมา มันยังดูอึ้งกับที่ผมพูดกับฟ้าไป

“ทำไมมึงไม่บอกกูเรื่องนั้น” ผมดันมือมันออกจากหน้า

“มันก็ไม่จำเป็นไหม เพราะยังไงกูก็ไม่มีทางทำแบบนั้นกับมึงหรอก”

“แต่อย่างน้อยก็ควรบอกกู” ผมหันหลังเดินหนีมัน

“แต่มึงก็เห็นแล้วไม่ใช่หรอ ว่ากูมีมึงแค่คนเดียวเท่านั้น” มันเดินเข้ามารวบตัวผมจากด้านหลัง

“มึงไม่รับข้อเสนอเขาไปละ ได้ทั้งกูได้ทั้งคนสวยแบบเขาอีก”

“ไม่เอาหรอกมีมึงคนเดียวก็พอแล้ว แต่เมื่อหวงกูขนาดนั้นเลยหรอ” มันยังมีหน้ามาถามผมอีก

“ใครหวงมึง” ผมปฏิเสธมันเสียงสูง

ผมเป็นแฟนมันถ้าไม่หวงมันจะให้ไปหวงใครละครับ มีใครบ้างละครับที่ชอบให้คนอื่นมายุ่งกับแฟนตัวเอง

“มึงไม่หวง งั้นกูกลับหาฟ้าดีกว่า”

“มึงอยากตายหรอ!!!”

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แหม..ม่อนประกาศซะขนาดนี้เลยนะ ภาคในโหมดโหดตอนเริ่มเรื่องหายไปไหน
ดีแล้วละ ที่ยอมๆ ไม่งั้นได้ตายจริงๆ ด้วยละนะ อิอิอิ
**กลับมาเม้นให้กำลังใจคนเขียนใหม่นะ หลังจากที่แรกๆ คำผิดมากมายตอนนี้
ดีขึ้นมาก เราก็อ่านทุกตอนนะ แต่ไม่ได้คอมเม้นต์ให้เพราะอย่างที่เคยบอกไว้
ตอนก่อนหน้านี้ เราไม่ชอบการเว้นบรรทัดห่างมาก เวลาอ่านต้องคอยเลื่อนตลอด
้เสียอรรถรสในการอ่านมาาาาก อันนี้ความเห็นส่วนตัวอย่าว่าเรานะ
 :z2: :z2: :z2:


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คนกลัวเมียที่แท้ทรู 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ตายแน่ๆ ..

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
มึงอยากตายหรอ 55555 แม่งโหด

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตอนล่าสุดหายไปไหนอ่าาา

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
แหม..ม่อนประกาศซะขนาดนี้เลยนะ ภาคในโหมดโหดตอนเริ่มเรื่องหายไปไหน
ดีแล้วละ ที่ยอมๆ ไม่งั้นได้ตายจริงๆ ด้วยละนะ อิอิอิ
**กลับมาเม้นให้กำลังใจคนเขียนใหม่นะ หลังจากที่แรกๆ คำผิดมากมายตอนนี้
ดีขึ้นมาก เราก็อ่านทุกตอนนะ แต่ไม่ได้คอมเม้นต์ให้เพราะอย่างที่เคยบอกไว้
ตอนก่อนหน้านี้ เราไม่ชอบการเว้นบรรทัดห่างมาก เวลาอ่านต้องคอยเลื่อนตลอด
้เสียอรรถรสในการอ่านมาาาาก อันนี้ความเห็นส่วนตัวอย่าว่าเรานะ
 :z2: :z2: :z2:


ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ พอดีว่าผมเขียนลงหลายเว็ปครับ ก็อปไปก็อปมามันก็เด้ง เพิ่งมาแก้ครับ และก็อยากให้แนะนำแบบนี้เข้ามาอีกครับผมจะได้เอาไปปรับปรุง ขอบคุณที่ติดตามนะครับ





ตอนที่ 30



#ขอคุย



#ช้อปมิกซ์



Part

ช้อป




“อยากกินอะไรรึเปล่า” ผมเดินนำมิกซ์ออกมาจากโรงหนัง ดูน้องจะเบื่อๆนะครับ เดินหงอยตามผมออกมา

จริงแล้วผมก็ไม่อยากทำให้น้องเบื่อหรอกนะครับ แค่อยากล่อให้น้องติดกับผมสักหน่อย ถึงตอนนั้นแล้วผมไม่ปล่อยให้น้องเดินหน้างอแบบนี้หรอกครับ คนอะไรใจแข็งเป็นบ้า แต่อย่างว่าละครับ ใครจะเปลี่ยนมาชอบผู้ชายด้วยกันได้ง่ายๆละครับ คงต้องให้เวลาน้องสักหน่อย ผมถือคติอดเปรี้ยวไว้กินมิกซ์ ฮาๆ ๆ ๆ

“ไม่ชอบมากับพี่ขนาดนั้นเลยหรอ งั้นให้พี่ไปส่งที่หอเลยไหม”

“ออกมาแล้วจะให้กลับง่ายๆได้ยังไง” น้องมันบ่นผมครับ ผมก็ไม่อยากให้มิกซ์กลับหรอกครับ กว่าจะลากออกมาได้ แค่อยากลองใจน้องดู ผมถึงกับโล่งตอนที่มิกซ์บอกว่าไม่กลับ กลัวน้องมันอยากจะกลับจริงๆขึ้นมานะครับ

ผมว่าถึงเวลาที่ผมจะเดทแบบจริงจังกับมิกซ์ซะที ปล่อยให้มันน่าเบื่อแบบนี้ไม่ดีแน่

ผมคว้ามือมิกซ์เข้ามาจับ ดูมิกซ์จะตกใจมากครับ พยายามสลัดมือผมให้หลุด ไม่มีทางครับ มันถึงเวลาของผมแล้ว

“พี่ทำอะไร ปล่อยผม”

“ก็เราบอกว่าเดทพี่มันน่าเบื่อ พี่ก็จะทำให้เราไม่เบื่อไง” ผมกุมมือมิกซ์แน่นขึ้น ดึงมือมิกซ์เข้ามาแนบตัว

“ไม่เอาผมอาย พี่ไม่เห็นคนมองหรอ” มิกซ์กวาดสายตามองรอบๆ

ก็จริงครับดวงตาหลายคู่กำลังมองมาที่เราสองคน มิกซ์ดูจะไม่ชอบและอายที่เห็นคนมองเราสองคน

ผมแค่อยากจะลองเพิ่มความสัมพันธ์ของเราให้มากขึ้น การที่ผมแสดงออกว่าจีบ มิกซ์คงรู้อยู่แล้ว แต่ผมแค่อยากทำให้มันดูชัดเจนว่าผมจริงใจกับน้องมันจริงๆ ผมกล้าที่จะบอกชอบมิกซ์ กล้าที่จะจีบ กล้าที่จะเดินจับมือกับมิกซ์ในที่แบบนี้

แต่มันจะดูเร็วไปสำหรับมิกซ์ กับโอกาสที่น้องบอกว่าให้ผมมา ผมคงคาดหวังมากเกินไปว่าผมอยู่ในจุดที่ทำแบบนี้ได้

ผมคงคิดไปเองจริงๆแหละครับ แค่จับมือกับผมมันดูน่าอายขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วทำไมมิกซ์ถึงแคร์สายตาคนอื่นขนาดนั้น แล้วกับผมที่แคร์แค่มิกซ์ ผมเลือกที่จะเดินจับมือมิกซ์โดยไม่สนใจสายตาคนอื่น ผมไม่มั่นใจแล้วครับว่าโอกาสที่มิกซ์ให้มันมีอยู่จริงไหม

“มิกซ์มั่นใจแค่ไหน ที่บอกจะให้โอกาสพี่” ผมจ้องมองเข้าไปในสายตาน้อง

“พี่ไม่เห็นสิ่งที่มิกซ์บอกว่าให้โอกาสพี่เลย ถ้ามิกซ์ไม่คิดจะให้โอกาสพี่จริงๆ ก็ได้พี่จะปล่อยมือมิกซ์”

ผมไม่อยากปล่อยมือมิกซ์หรอกครับ แต่อยากให้มิกซ์รู้ว่าผมจะไม่บังคับ ถ้ามิกซ์ไม่ต้องการจริงๆ ผมอยากพิชิตใจมิกซ์ตามแผนที่ผมวางไว้ แต่ดูแล้วมันคงยาก ยากมากจริงๆครับ

“ต่อจากนี้พี่จะไม่มากวนมิกซ์ มิกซ์จะได้ไม่ต้องอายอีก” ผมก้มหน้าหลบสายตามิกซ์ ไม่อยากเห็นสายตามิกซ์ตอนนี้ ผมหันหลังให้มิกซ์แล้วเดินออกมา ผมคงไม่ใช่สำหรับมิกซ์จริงๆ ผมคงทำให้น้องชอบผมไม่ได้ ผมควรถอยแล้วปล่อยมิกซ์ไป ให้น้องได้เป็นตัวของตัวเองอย่างที่ผ่านมาดีกว่า

“อกหักอีกแล้วนะช้อป หึๆ” ผมเดินก้มหน้าคุยกับตัวเอง ผมคงต้องลองอยู่คนเดียวไปสักพักแหละครับ

“มิกซ์” ผมหันหลังกลับไปมองด้านหลังตามแรงฉุดที่ข้อมือ

“ตามพี่มาทำไม” ผมถามมิกซ์ที่ยืนก้มหน้าไม่ยอมสบตาผม มือมิกซ์ค่อยๆเลื่อนจากข้อมือมากุมมือผมไว้

ผมยืนรอคำตอบ แต่แม้เสียงหลุดออกมาจากปากมิกซ์

“พี่บอกจะไม่กวนมิกซ์แล้วไง” ผมใช่มืออีกข้างพยายามแกะมือน้องออก

ผมไม่อยากรู้สึกรักใครข้างเดียวอีกต่อไปแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าแทบจะไม่มีโอกาส ผมยอมถอยออกมาแล้ว แล้วทำไมมิกซ์ถึงทำแบบนี้ น้องไม่ชอบ น้องอายเวลาที่คนมองไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมิกซ์ถึง...

“เข้ามากวนใจคนอื่นเขาแล้วคิดจะหนีง่ายๆ แบบนี้หรอ” ผมขมวดคิ้วมองหน้ามิกซ์ ไม่เข้าใจที่มิกซ์พูดจริงๆครับ

มิกซ์บอกว่าผมไปกวนใจ นี่ไงครับผมทำตามที่มิกซ์บอกแล้ว ผมจะไม่มากวนใจให้มิกซ์ต้องรู้สึกอายอีก

ผมยังพยายามแกะมือของมิกซ์ออก แต่ทำไมยิ่งแกะน้องยิ่งบีบมือผมแน่นกว่าเดิมซะอีก

“ถ้าพี่ไปครั้งนี้ ผมจะไม่ยอมจับมือกับพี่อีก” ถ้าปล่อยมือครั้งนี้น้องจะไม่ยอมจับมือผมอีก มิกซ์พูดเหมือนกับว่าถ้าผมไม่ปล่อยมือ  มิกซ์จะยอมให้ผมจับมือ แล้วทำไมต้องเป็นแบบนั้นครับ ผมพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่มิกซ์พูด

ผมมองหน้ามิกซ์ ทั้งที่น้องไม่ยอมมองหน้าผมสักนิดเลย

“ถ้ามิกซ์ไม่พูดให้มันชัดเจน ก็ปล่อยมือพี่ได้แล้ว”

“ถ้าอยากให้ผมปล่อย พี่ก็ไม่ต้องมาคบกับผม” เมื่อกี้มิกซ์พูดว่ายังไงนะครับ น้องบอกจะคบกับผม ผมหูฝาดไปรึเปล่า

“เมื่อกี้มิกซ์พูดว่ายังไงนะ” ผมยกมือของมิกซ์ขึ้นมากุม

ผมเข้าใจความหมายที่มิกซ์พูดแล้วครับ เพียงแค่อยากให้มั่นใจว่าที่ได้ยินเมื่อกี้หมายถึงแบบเดียวกับที่ผมคิด

“เป็นหมอ แต่ทำไมเข้าใจอะไรยากจังวะ” น้องยังก้มหน้าไม่ยอมมองหน้าผม

“มิกซ์มองหน้าพี่ก่อนได้ไหม” ผมเชยคางมิกซ์ขึ้นมา แต่น้องก็ยังไม่วายหลบสายตาผม

“มองหน้าพี่ แล้วพูดอีกครั้งให้พี่มั่นใจหน่อยได้ไหม” มิกซ์ค่อยๆเลื่อนสายตามาที่ผม สายตาของเราประสานกัน หัวใจของผมตอนนี้เต้นไม่เป็นจังหวะ มันแทบจะหลุดออกมาจากอกผมให้ได้

“ผมไม่พูดแล้วได้ไหม” มิกซ์งอแง ไม่ยอมทำตามที่ผมบอก แต่ผมยังจ้องตารอคำตอบจากมิกซ์

“พี่อยากคบกับผมไม่ใช่หรอ ผมก็ตกลงแล้วนี่ไง” ผมฟังประโยคหลังของมิกซ์แทบไม่ทัน เพราะมิกซ์ทั้งพูดเร็วและรั่วซะผมเกือบจะจับใจความไม่ได้ ผมไม่สนใจแล้วครับว่ามิกซ์จะเร็วหรือรัวขนาดไหน เพราะมันคงเร็วและรัวน้อยกว่าจังหวะการเต้นของหัวใจผมในตอนนี้

ผมรวบตัวมิกซ์เข้ามากอด ไม่รู้จะอธิบายว่าตอนนี้ดีใจขนาดไหน ความรู้สึกเหมือนได้รับสิ่งที่ต้องการมากที่สุดเข้ามาอยู่ในมือ ‘มิกซ์ยอมคบกับผมแล้วครับ’ ผมอยากตะโกนคำนี้ออกไปจริง แต่คงทำแบบนั้นไม่ได้ครับ ที่ทำได้ตอนนี้คือกอดคนตรงหน้าให้แน่นที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ครับ

“พี่ช้อปปล่อยผมได้แล้ว คนมองเต็มไปหมดแล้ว” ผมกวาดตามองผู้คนรอบตัว ไม่อยากจะปล่อยมิกซ์เลย อยากกอดแบบนี้ไปนานๆ

แต่มันคงไม่เหมาะครับเพราะที่นี่เป็นที่สาธารณะ เอาไว้เราอยู่ด้วยกันสองต้องสองก่อนละกัน ผมจะ....คิดกันเอาเองละกันนะครับ ฮาๆ ๆ ๆ

“งั้นจับมือแทนนะ” ผมยื่นมือให้กับมิกซ์ น้องคว้ามือผมไว้แบบอายๆ ผมละอยากจะกอดอยากหอมน้องมันซะตรงนี้เลย ทำมันน่ารักแบบนี้วะ





Part

ม่อน




“ไปส่งกูที่หอก่อนนะ” ภาคพยักหน้ารับ ผมกะว่าจะกลับเข้าไปเอาเสื้อผ้าสักหน่อย ที่เอาไปไว้ห้องภาคก็เอาไปค่ายจนเกือบหมดถ้าไม่เข้ามาเอาเดี๋ยวจะไม่มีอะไรใส่กันพอดี

รถ BMW คันงามของภาคเคลื่อนมาจอดที่หน้าหอพัก ผมเอื้อมมือไปเตรียมจะเปิดประตู

นั้นมิกซ์ไม่ใช่เหรอครับ ผมจำมันได้ ถึงจะเห็นแค่หลังไวๆเท่านั้น ผมก็ยังคงจำมันได้ และคนที่เดินอยู่ข้างๆ ผมมั่นใจว่าเป็นช้อป อย่างแน่นอน ผมไม่แปลกใจที่เห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกัน เพราะก่อนหน้านี้ที่เสม็ด ภาคเป็นคนบอกผมเองว่ากำลังตามจีบมิกซ์ และผมเองก็ไม่ได้ห้ามอะไรทั้งสองคนด้วย

แต่ผมว่ามันคงไม่ใช่กับภาพที่ผมเห็นตรงหน้า

“มึงมีเรื่องต้องคุยกับกู” ผมเดินเข้าไปทักทั้งสองคนจากด้านหลัง มิกซ์ดูตกใจมากที่เห็นผม สะดุ้งตัวโยน ถอยตัวออกห่างจาก ช้อปทันที

ผมหันไปสบตาช้อปเล็กน้อย ก่อนหันไปพยักหน้าให้มิกซ์เดินตามผมขึ้นไปบนห้อง

“กูไม่อยู่แค่สองวัน มึงกับช้อปถึงขนาดไหนกันแล้ว” ผมยิงคำถามใส่มันทันที ผมไม่รอให้มันนั่งหรือแม้แต่ผมเองก็ยังมีกระเป๋าเป้สะพายติดอยู่ที่หลัง

เหตุผลที่ผมต้องถามมัน เพราะก่อนที่ผมจะเข้าไปทักมันกับช้อป ทั้งสองคนเดินจับมือกันอยู่ ผมเข้าใจว่าช้อปกำลังตามจีบมิกซ์ แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้

“ยังไง มึงกับช้อปถึงไหนกันแล้ว” ผมย้ำคำถามเดิม

มิกซ์ดูอึดอัดไม่ยอมสบตากับผม

“ปะ...เป็นแฟนกันแล้ว”

“ห๊ะ!!!” ผมอุทานออกมาเสียงดัง เห็นเดินจับมือกันผมก็คิดแค่ว่าคงลองๆ เดทกันดู ไม่คิดว่ามิกซ์มันจะบอกว่ามันกับช้อปถึงขั้นเป็นแฟนกันแล้ว

ที่ผมตกใจไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ ก็เสือผู้หญิงอย่างมิกซ์ ทำไมมันถึงตอบตกลงไปเร็วขนาดนี้

ผมไม่ห่วงหรอกครับที่มิกซ์คบกับช้อป แต่กลัวว่ามันจะรีบตัดสินใจเร็วเกินไป มันยากนะครับที่จะเปลี่ยนตัวเองให้มาชอบผู้ชายด้วยกัน เพราะผมเองก็ผ่านจุดนั้นมาก่อน จุดที่ต้องนั่งคิดกับตัวเองว่าเราจะเลือกเดินทางนี้ ถึงวันนี้ผมมีความสุขที่เลือกเดินทางนี้ เพราะผมมีภาคอยู่ข้างๆ แต่กับมิกซ์ผมกลับเป็นห่วงว่ามันเองมั่นใจแล้วจริงใช่ไหมที่เลือกทางนี้ หากวันหนึ่งถ้ามิกซ์มันรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเดินทางนี้ได้ มันกับช้อปจะเป็นยังไงกันต่อไป

“มึงมั่นใจแล้วนะ” มันพยักหน้าตอบ แต่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม

“มึงคิดว่ากูจะทำอะไรมึงหรอ ก้มหน้าก้มตาอยู่ได้”

“ไอ้สัส!!! ก็กูอาย”

“เสือมิกซ์ของกูกลายเป็นแมวน้อยซะงั้น ฮาๆๆ”

“มึงว่าใครเป็นแมว” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม มันคงอายจริงๆ แหละครับ หน้านี้แดงเถือกเลยครับ

“มึงแน่ใจ๊” ผมเลิกคิ้วถามมัน ไม่ลืมที่จะหัวเราะในลำคอเล็กน้อย เดี๋ยวมันก็ได้รู้ครับว่ามันจะได้เป็นเสือหรือสุดท้ายจะได้เป็นแค่ลูกแมว

“มึงหมายความว่าไง” มันขมวดคิ้วถามผม ดูมันอยากจะได้คำตอบจากผมมากๆเลยครับ

“มึงรู้ไหม เวลาที่ผู้ชายคบกัน มันต้องมีคนหนึ่งเป็นรุก อีกคนเป็นรับ” ผมยกยิ้มมองหน้ามิกซ์ มันกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ สงสัยกำลังคิดภาพตามที่ผมบอกอยู่แน่

“แล้วมึงคิดว่ามึงจะเป็นแบบไหน” หน้ามันดูเครียดขึ้นมาทันทีครับ นี้หรอเสือที่มันบอก ผมมองไม่เห็นเสือในตัวมันแล้วครับ

“กูก็...ต้องรุกสิวะ” คำตอบของมันดูไม่มีความมั่นใจเอาซะเลยครับ

“มึงถามช้อปดูแล้วหรอ” ผมยังคงปั่นประสาทมันต่อ ดูซิว่ามิกซ์มันจะทำยังไง

“ไม่รู้ แต่ยังไงกูก็ต้องเป็นรุก” ถึงมันจะทำเหมือนว่ากำลังหนักแน่นกับคำพูดของมัน แต่ผมดูออกครับว่ามันคงกำลังคิดไม่ตกอยู่แน่ๆ ครับ

“งั้นก็ขอให้โชคดีนะ อย่าโดนช้อปกดเอาหละ” ผมเดินเข้าไปตบบ่า กระซิบข้างหูมันเบาๆ ขอให้มึงโชคดีละกันนะมิกซ์



“เป็นไงบ้าง” ผมเดินลงมาจากห้อง ตรงมาที่รถของภาค

“ขี้เสือกจังนะมึง” มันก็คงอยากรู้เรื่องของมิกซ์กับช้อปเหมือนกันครับ เพราะทันทีที่ผมเดินขึ้นมานั่งบนรถมันก็ถามผมเลย แต่ขอ กวนมันสักหน่อยครับ

“มึงไม่ขี้เสือกเลยนะ ลากมิกซ์ขึ้นไปขนาดนั้น” ดูมันยอกย้อนครับ แล้วทำไมมันไม่ถามช้อปเพื่อนรักของมันเองละครับ หลังๆ เห็นสนิทกันไม่ใช่เหรอ

“กูพี่มันไหมล่ะ”

“กูไม่เถียงมึงละก็ได้ แต่ตกลงเป็นไง”

“จะเป็นไงละ ก็เป็นแฟนกันแล้วนะสิ”

“มึงนี้มันจริงเลยนะช้อป” มันนั่งยิ้ม พูดถึงเพื่อนรักของมัน



ผมโยนกระเป๋าที่สะพายอยู่ที่หลัง ทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาห้องนั่งเล่น เฮ้อ...เหนื่อยครับกว่าจะกลับมาถึงกรุงเทพฯ แล้วนี่ภาคมันหายไปไหนอีกแล้วครับ เมื่อกี้ยังอยู่ด้วยกันอยู่เลย แต่ตอนนี้ผมขอไม่สนสนใจภาคมันสักวันนะครับ ผมขอตัวนอนพักก่อนละกัน เหนื่อยจนไม่อยากขยับตัวแล้วครับ



“อื้อ” ผมรู้สึกว่าเหมือนมีความเย็นจากของเหลวบางอย่างกำลังกระจายไปทั่วหน้าอกและท้อง ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น

'ห้องนอน' ผมคงถูกภาคมันอุ้มเข้ามาในห้องตอนที่ผมกำลังหลับอยู่ แต่ภาคมันกำลังทำอะไรอยู่หรอครับ ที่ผมถามเพราะตอนนี้ภาคมันกำลังนั่งคร่อมตัวผมอยู่

“ไอ้เหี้ยภาค” ผมดันตัวมันออก ถอยหลังกรูไปติดกับหัวเตียง

ผมก้มลงมองสำรวจร่างกายตัวเอง ความเย็นที่ผมรู้สึกก่อนหน้านี้น่าจะมาจากออยล์ เพราะลำตัวส่วนหน้าผมมันเงาไปเกือบทั้งหมด ผมมองไล่ต่ำลงไป ก็พบว่าท่อนล่างของผมตอนนี้มีเพียงกางเกงในหนังสีดำขลับปกปิดไว้เท่านั้น

ผมไล่มือสำรวจส่วนบนของผมต่อ

นี่มันอะไร ผมเลื่อนมือมาหยุดที่ลำคอของตัวเอง

“มึงเล่นอะไรอีกเนี่ย”

ผมหันไปจ้องเขม็นภาคมันทันที จับสิ่งที่อยู่ที่คอถามมัน

คำตอบที่ได้คือยิ้มหื่นๆจากมัน มันคลานเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ร่างกายมันตอนนี้ก็มีเพียงกางเกงในหนังแบบเดียวกันกับผม ที่ปกปิดส่วนล่างมันไว้เท่านั้น

มันคว้าส่ายหนังเส้นเล็กๆ ที่ต่อออกมาจากปลอกที่คอผม ใช่ครับมันคือปลอกคอกับสายจูงแบบเดียวกันกับที่ใช่กับสัตว์เลี้ยง ต่างกันเพียงวัสดุที่ใช้ในการทำ

นี่ใช่ไหมครับของที่อยู่ในกล่องพัสดุมันตอนนั้น ของเล่นชิ้นใหม่ที่มันเตรียมไว้สำหรับช่วงหลังสอบ

ผมเองก็ลืมคิดไปเลยว่าสัญญากับมัน ถึงผมจะจำได้ แต่ใครจะไปคิดละครับว่ามันคิดจะกดผมตอนนี้ เพราะผมกับมันเองก็เพิ่งกลับมาจากค่ายได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง เรายังไม่ได้พักให้หายเหนื่อยเลยด้วยกันทั้งคู่

ไม่ใช่สิครับ คงมีแค่ผมที่ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่ ดูมันจะไม่เหนื่อยอะไร แถมน่าจะมีแรงเหลือเฟือที่จะกดผมในตอนนี้

“มึงบอกกูเองว่าหลังสอบ” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“กู...อื้อ” มันแตะลิ้นที่ปลายคางผม มือข้างหนึ่งม้วนสายจูงให้สั้นลง

มันค่อยลากลิ้นของมันไล่ลงมาตามลำคอ มือข้างที่ว่างลูบวนที่หน้าอกและท้อง ผมควรขัดขืนมันดีไหมครับ แต่...อื้อ ทำไมมันเสียวแบบนี้ละครับ อ้า...

มันหยุดเล่นกับซอกคอ ผลักผมให้นอนราบไปกับเตียง หยิบขวดของเหลวใสที่อยู่ข้างเตียง เทลงที่ตัวผม มันโยนขวดออยล์นั้นออกไปข้างๆหลังจากที่เทมันลงบนตัวผมจนพอใจ มือสองข้างมันเริ่มไล่เกลี่ยออยล์ให้ทั่วตัว มันทิ้งตัวลงมาทับผม มือประคองที่คอและหัวผมไว้ หลังจากนั้นมันจึงค่อยๆขยับลำตัวให้แนบและถูวนบนตัวผม

ผมเพิ่งรู้ว่าความรู้สึกจากการใช้ออยล์ถูตัวมันเป็นแบบนี้ ลื่นๆ แต่ก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“ชอบหรอ ครางขนาดนี้ ฮาๆ” มึงยังมีหน้ามาขำกูอีกหรอ ผมทุบเข้าที่หลังมันไปทีหนึ่ง

แล้วนั้นอะไรอีกครับ ของที่อยู่ในมือมัน

แท่งพลาสติกทรงรีสีชมพูขนาดใหญ่กว่านิ้วหัวแม่มือเล็กน้อย ต่อเชื่อมด้วยสายไฟเส้นเล็กๆกับเข้ากับแท่งพลาสติกสีชมพูอีกอัน ดูแล้วเหมือนจะมีปุ่มกดด้วยครับ

“ครืดๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงสั่นดังออกมาจากอุปกรณ์นั้นหลังจากที่ภาคมันกดปุ่ม ผมเหมือนจะคุ้นๆกับอุปกรณ์ตัวนี้ เหมือนผมเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ใช่ครับผมจำได้แล้วว่าเคยเห็นเจ้าสิ่งนี้จากหนังโป๊ญี่ปุ่นที่นัทมันเปิดให้ผมดูตอนอยู่ที่หอ

‘ไข่สั่น’ มันคือไข่สั่นครับ ผมเคยเห็นเขาเอาไว้ใช้กับผู้หญิง แล้วนี่มันจะเอามาทำอะไรกับผมเหรอครับ

“อื้อ...” มันยกขาผมพาดที่บ่า ยัดอุปกรณ์นั้นเข้ามาในตัวผมทันที มันสั่นครับ มันสั่นอยู่ในตัวผมครับตอนนี้ ทำไมมันรู้สึกแปลกอย่างนี้ครับ อื้อ...

“ภาคเดี๋ยว...อ้า” มันไม่ฟังคำปรามจากผม มันดันน้องชายของมันตามเข้ามาทันที พร้อมกับเพิ่มระดับความสั่นให้มากขึ้นอีก

ความแรงจากการขยับสะโพกของภาค บวกกับแรงสั่นภายในตัวผมตอนนี้ ทำเอาตัวผมสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ความเสียวคุณสองที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาในตัวผมอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“อะ...อ้าๆ ๆ ๆ ๆ” ผมโน้มคอภาคลงมาจูบ ไม่รู้ว่าผมคิดยังไงถึงได้ทำแบบนี้ คิดแค่ว่ามันอาจช่วยให้ความเสียวนั้นลดลงได้บ้าง เพราะถ้าหากว่าความเสียวยังมากอยู่แบบนี้ ผมว่าร่างกายผมได้แตกเป็นเสี่ยงๆแน่

“เปลี่ยนท่าหน่อยนะ” ภาคจับผมพลิกตัวในท่าคุกเข่าหันหลังให้มัน โดยที่น้องชายและอุปกรณ์เสียวของมันยังอยู่ข้างในตัวผม มันไม่คิดจะปล่อยให้ผมเป็นอิสระสักหน่อยเลยเหรอครับ

มันเอื้อมตัวไปหยิบออยล์ขึ้นมาเทใส่หลังผมอีกครั้ง พร้อมก้มตัวแนบกับแผ่นหลังผม มันใช้ถูตัววนไปมาเหมือนกันกับที่มันทำที่ด้านหน้า ดูมันจะชอบมากเลยครับ ทั้งถู ทั้งขยับสะโพกเข้าหาผมอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ผมเองตอนนี้เหมือนจนทนไม่ให้แล้วครับ ใช่มือรูดน้องชายตัวเองบ้าง

“กูไม่ไหวแล้วภาค” ผมส่งเสียงกระเส่าเป็นสัญญาณให้มันรู้ว่า ผมเกือบถึงขีดจำกัดที่จะทนต่อความเสียวนี้ได้

“รอไปพร้อมกันนะ อ้า” มันเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น เสียงครางของเราทั้งสองดังประสานกันจนไม่รู้ว่าเสียงไหนเป็นของใคร

ขีดจำกัดของผมหมดลงแล้ว ผมปล่อยให้น้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกมาจนหมด ภาคมันก็คงไม่ไหวแล้วเหมือนกัน มันดึงน้องชายมันออก ถอดถุงยางปล่อยน้ำรักของมันพุ่งลงบนตัว จนเลอะปนกับของผมก่อนหน้า

มันทิ้งตัวลงนอนข้างๆ สอดท่อนแขนให้ผมหนุนแทนหมอน เสียงหายใจหอบของเราทั้งสองคนยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

“เมื่อไหร่มึงจะเอามันออกไปซะที” ของเล่นชิ้นนั้นยังคงสั่นอยู่ภายในตัวผมอย่างต่อเนื่อง เมื่อไหร่มันจะเอาออกให้ผมซะทีครับ ตอนนี้เหมือนมันเริ่มกระตุ้นจุดอารมณ์ของผมขึ้นมาอีกครั้งแล้วด้วย

“แข็งชี้หน้ากูขนาดนั้น สงสัยต้องต่อกันอีกรอบแล้วหละ” มันไม่รอให้ผมห้าม ก้มหน้าลงไปใช้ปากกับน้องชายผมทันที

“อื้อ...อ้า...ภาค” ผมต้องโทษของเล่นของมันหรือต้องโทษน้องชายตัวเองที่ไม่รักดี ดันลุกขึ้นมาชี้หน้าภาคมันเองแบบนี้ ผมสุดท้ายแล้วผมก็ต้องโดนภาคมันกดไปอีกรอบเต็มๆ เล่นเอาผมเหนื่อยจนหมดแรงฟุบหลับคาอกภาคมันไปเลยครับ



แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องนอน ผมพลิกตัวเปลี่ยนเป็นท่านอนตะแคง มือข้างหนึ่งคลำบนที่นอนเพื่อหาตัวภาค

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น พยายามกวาดสายตาไปรอบๆห้อง ภาคมันหายไปไหนเหรอครับ ปกติผมตื่นขึ้นมาต้องเจอมันนอนกอดผมทุกเช้า แต่วันนี้มันหายไปไหน ผมหยิบโทรศัพท์ข้างเตียงขึ้นมาดูเวลา ห๊ะ!! หน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาว่าเกือบเที่ยงแล้ว นี่ผมหลับยาวขนาดนี้เลยเหรอครับ ปกติผมจะเป็นคนตื่นเช้าทุกวันถึงจะทำงานหนักแค่ไหน ร่างกายผมก็ตื่นเองโดยอัตโนมัติทุกวัน สงสัยคงเป็นเพราะอาการเหนื่อยสะสมมั้งครับ ทั้งที่เพิ่งกลับมาจากค่าย เมื่อคืนยังมาโดยภาคมันกระหน่ำไปสองรอบเต็มๆ คงไม่แปลกที่ผมจะเหนื่อยจนตื่นสายแบบนี้

แต่ที่แปลกคือภาคมันออกไปไหนโดยที่ไม่บอก

ผมเดินหอบร่างตัวเองออกมาที่ห้องนั่งเล่น เพราะเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วไม่เจอมัน ผมเดินต่อไปที่ห้องครัวก็ยังคงไม่เจอ ผมยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหามัน

“ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ดๆ ๆ ๆ ๆ” ผมมองที่โทรศัพท์ ทำไมภาคมันไม่รับสายผม มันหายไปไหนของมันครับ

ผมเดินถือชามบะหมี่ที่เพิ่งต้มเสร็จมาวางที่โต๊ะหน้าทีวี

“ติ๊ดๆ ๆ ๆ” เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น

‘กูออกมาทำธุระข้างนอก มึงกินข้าวเที่ยงก่อนเลยไม่ต้องรอ’ ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความจากภาค

ผมก็เข้าใจว่าภาคมันคงมีธุระส่วนตัวของมันบ้าง ถ้าจะให้มาตัวติดกับผมตลอดคงไม่ได้ใช่ไหมครับ

แต่ผมก็แอบคิดกับตัวเองว่าอย่างน้อยมันก็ต้องบอกให้ผมรู้บ้าง ผมเองก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมัน

ผมลงตัวลงนอนที่โซฟาหลังจากที่ทานบะหมี่เสร็จ ในมือถือรีโมทกดเปลี่ยนช่องสลับไปมา ไม่รู้จะดูอะไรครับดูช่องไหนก็เบื่อไปหมด จะว่าไปแล้วถึงภาคมันจะคอยกวนผมตลอดตอนอยู่ด้วยกัน แต่พอมันไม่อยู่ด้วยผมกลับรู้สึกเหงาแปลกๆ

‘รีบกลับมานะ' ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปให้มัน

“กรี๊งๆ กรี๊งๆ” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับทันที สงสัยภาคมันจะโทรกลับมาหาผมนะครับ

“เมื่อไหร่จะกลับ รอนานแล้วเนี่ย” ผมพูดกรอกใส่โทรศัพท์ กะว่าจะให้มันรีบกลับมาหาผม

[หนูม่อนใช่ไหม] เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงภาคแต่เป็นเสียงผู้หญิงครับ ผมยกโทรศัพท์ออกจากหู ดูว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นใคร ไม่ใช่เบอร์ภาคมันจริงๆครับ ผมคิดว่าเป็นมันจนลืมดูเบอร์ที่โทรเข้ามา

แล้วเธอเป็นใครครับ คนที่โทรเข้ามาหาผม

ผมคิดดูแล้วว่าไม่น่าจะใช่บรรดาสาวๆหรือกิ๊กของภาคมันแน่ๆ เพราะดูจากน้ำเสียงที่ดูมีอายุแล้ว คำสรรพนามที่ใช่เรียกผมยังเป็น ‘หนู’ อีก

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอีกครั้ง

“ขอโทษครับ พอดีผมนึกว่าเพื่อนผมโทรมาครับ แล้วนั้นใครครับ”

[น้าเป็นแม่ของภาคจ๊ะ น้ามีเรื่องจะคุยกับหนู......]




ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ยังไงน๊อ จะมีมาม่ามั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เรื่องอะไรอีกหว่า ..

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ต้องกินมาม่าซะแล้วสิ งือๆ

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ตอนที่ 31



#เขาห้ามบอก





Part

ภาค




ภาพม่อนที่เดินผ่านไปผ่านมาพร้อมกับถาดขนมและผ้ากันเปื้อนคาดอยู่ที่เอว เป็นภาพที่ผมมองยังไงก็ไม่รู้สึกเบื่อ ก็มันน่ารักขนาดนี้ จะไม่ให้ผมหลงมันจนต้องมานั่งเฝ้ามันทำงานแบบนี้ทุกวันได้ยังไงครับ เห็นละอยากจะจับมันกดซะตรงนี้เลย จะว่าไปถ้ามันใส่ผ้ากันเปื้อนผืนเดียวคงจะเซ็กซี่น่าดู สงสัยคราวหน้าผมคงต้องหามาให้มันลองใส่ที่ห้องดูสักครั้ง ฮาๆๆ

นอกจากความน่ารักของมันแล้วความขยันของมันซึ่งแตกต่างกับผมอย่างสิ้นเชิง มันทำงานทุกวัน หาเงินเรียนเอง ส่งให้พ่อแม่และยังส่งมิกซ์เรียนอีก มันเก่งจริงๆครับ ผมอยากให้พ่อกับแม่ผมได้มาเห็นมันด้วยตาตัวเอง จะได้รู้ว่าม่อนไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหลังจากวันที่เรากลับมาจากค่าย แม่ผมท่านโทรเรียกผมให้เข้าไปหาที่บ้าน บอกว่าพ่อมีเรื่องจะคุยด้วย ปกติแล้วทุกเสาร์-อาทิตย์ผมจะกลับไปนอนบ้านทุกครั้ง แต่หลังๆที่คบกับม่อนผมก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไร

ผมมักทะเลาะกับพ่อทุกครั้งที่กลับบ้าน ก็เรื่องม่อนนั่นแหละ พ่อคงแอบส่งคนมาสืบเรื่องผมกับม่อนและดูท่าว่าท่านจะรู้ลึกเรื่องของเราเสียด้วย รู้ทั้งเรื่องที่ม่อนเคยทำงานเป็นบาร์โฮสต์ รู้ว่าที่บ้านม่อนลำบากแค่ไหนหรือแม้กระทั่งเรื่องที่ม่อนมาขายตัวให้กับผม

ผมพยายามอธิบายให้ท่านฟังแล้วว่าตอนนั้นม่อนมันจำเป็นจริงๆ แต่มีหรือที่คนอย่างพ่อผมจะฟังใคร นิสัยท่านก็ไม่ได้ต่างจากผมหรอกครับ ทั้งดื้อหัวรั้น เอาแต่ใจ ไม่ยอมฟังใครนอกจากตัวเอง และเหตุผลที่ทำให้ผมต้องทะเลาะกับพ่อผมทุกครั้งก็เพราะท่านต้องการให้ผมเลิกกับม่อน พ่อบอกว่าจะให้ท่านเอาหน้าไปสู้กับเพื่อนๆ นักธุรกิจของท่านได้ยังไง ที่ลูกชายคนเดียวของตระกูลมีแฟนเป็นผู้ชาย ท่านเลยยื่นคำขาด ถ้าผมไม่ยอมเลิกกับม่อนท่านจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับผม

ผมไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกครับ ถึงท่านจะยื่นคำขาดแบบนั้นผมก็ไม่มีวันทิ้งม่อนเป็นอันขาด สำหรับผมแล้วม่อนไม่ใช่แค่แฟน ไม่ใช่แค่คนที่ผมรัก แต่ม่อนเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับผมไปแล้ว

ครั้งล่าสุดที่ผมเจอกับพ่อ ก็อีกวันที่ผมกลับมาจากค่าย ผมแอบออกมาจากห้องโดยที่ไม่ให้ม่อนรู้ เพราะดูแล้วม่อนคงจะเพลียมาก

ปกติแล้วถึงม่อนจะนอนดึกขนาดไหนแต่ก็จะตื่นเช้าทุกครั้ง แต่วันนั้นกลับหลับยาวจนเกือบเที่ยง

เรื่องที่ท่านเรียกผมออกมาก็เรื่องเดิมๆครับ เรื่องของม่อน แต่วันนั้นดูจะเป็นครั้งที่เราทะเลาะกันหนักที่สุด ถึงขนาดที่ท่านหยิบโทรศัพท์ในมือผมตอนที่ม่อนโทรมาขว้างลงกับพื้น ผมไม่เข้าใจจริงๆ กับแค่ผมรักกับผู้ชายมันผิดขนาดนั้นเลยเหรอครับ ความรักที่ผมกับม่อนมีให้กันมันต่างจากคนปกติทั่วไปยังไง ความรักที่ผมให้ม่อนหรือม่อนให้ผม มันน้อยกว่าคนอื่นเหรอครับ หรือว่าโลกนี้กำหนดให้แค่ผู้ชายต้องรักกับผู้หญิงเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมผมถึงรักม่อนได้มากขนาดนี้

แต่ผมคงไม่ปล่อยให้ใครมากำหนดชีวิตของผม โดยเฉพาะเรื่องความรัก



“เสร็จแล้วหรอ” ผมเดินเข้าไปช่วยม่อนคลายปมเชือกผ้ากันเปื้อน มันหันกลับมายิ้มให้ผม มันเป็นรอยยิ้มที่ผมชอบมากๆ อยากมองมันแบบนี้ไปนานๆ เลยครับ

“ไปดูหนังกันต่อไหม” อารมณ์ไหนของมันครับถึงอยากดูหนังเอาตอนนี้

ถ้ามันอยากดูผมก็ตามใจครับ ผมล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ กดแอพจองตั๋วหนังรอบดึกไว้



ผมขับรถตรงมาที่ห้างดังสองคนกับม่อน ส่วนมิกซ์คงไม่ต้องห่วงครับ ช้อปมันก็ขับรถมารับแฟนมันกลับห้องไปแล้ว ก็ดีครับผมจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองคนกับม่อนนานขึ้น

ผมเดินจับมือม่อนเข้าไปในโรงหนัง ผมจองหนังรักไว้ ไม่ได้ชอบดูหนังแนวนี้หรอกครับ แค่อยากจะสวีทกับม่อนแบบปกติบ้าง มัวแต่สวีทกันบนเตียง แต่ถึงจะสวีทกันตอนนี้แล้ว เรื่องสวีทบนเตียงก็ต้องมีอยู่นะครับและคงจะเป็นในคืนนี้ด้วย ฮาๆ ๆ

หนังเรื่องนี้สนุกดีครับ ม่อนก็คงชอบเหมือนกัน เห็นตั้งใจดูมาก ยังไม่พอมันยังร้องไห้กับฉากที่นางเอกบอกเลิกพระเอกอีก อ่อนไหวจริงๆเลยครับแฟนผม แต่ยังดีครับที่ตอบจบๆแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ไม่งั้นม่อนมันคงนั่งร้องไม่หยุดแน่ๆ เลยครับ



“กูรักมึงนะภาค” อยู่ดีม่อนก็ยื่นมือมาจับมือผมขณะขับรถกลับคอนโด สงสัยมันคงยังอินกับหนังอยู่มั้งครับ เพราะเห็นมันนั่งเงียบมาตลอดทาง

“กูรู้ กูก็รักมึงเหมือนกัน มากด้วย” ผมหันไปยิ้มให้มัน สงสัยจะยังอินกับฉากหนังตอนนั้นอยู่ ถึงมันจะยิ้มแต่ตามันดูเศร้าแปลกๆ ครับ

“อินขนาดนั้นเลยหรอ” ผมยกมือขึ้นลูบหัวเพื่อปลอบมัน ดูมันจะโอเคขึ้นแล้วครับ หันกลับมาส่งยิ้มให้ผมด้วยสายตาที่เหมือนจะกลับมาเป็นปกติแบบเดิมแล้ว



“ขอนะคืนนี้” ทันทีเราเดินเข้าห้องนอน ผมรวบเอวดึงตัวม่อนเข้ามาชิดกับตัวผม มือสองข้างค่อยๆเลื่อนมือไล่ลงไปที่สะโพกและหยุดลงที่ก้นกลมเด้งของม่อน

“อื้อ” ไม่ใช่เสียงจากม่อน แต่เป็นเสียงผมเองที่ร้องครางออกมา เพราะตอนนี้ม่อนมันโน้มตัวเข้ามาไซร้ที่ต้นคอผม

มือสองข้างของมันเกี่ยวที่คอโน้มผมให้เข้าไปจูบกับมัน ม่อนฉกลิ้นเกี่ยวลิ้นผมโดยไม่รอให้ผมเริ่มก่อนด้วยซ้ำ

“ใจเย็นม่อน” มันไม่ทีท่าลดความร้อนแรงของมันลงเลย ม่อนผลักผมให้ล้มลงไปนอนที่เตียง มันคลานตามขึ้นมา ก้าวขาขึ้นมาคร่อมบนตัวผม มันไล่ปลดกระดุมเสื้อผมออก ก้มหน้าลงมาชิมยอดอกทั้งสองข้างผมสลับไปมา ตอนนี้ผมทำได้เพียงจับที่เอวของมันไว้เท่านั้น สงสัยผมคงต้องปล่อยให้มันเป็นคนคุมเกมรักครั้งนี้ซะแล้ว

มันไล่เลียจากยอดอก ผ่านหน้าท้องและสะดือ มือเลื่อนมือมาปลดเข็มขัดและดึงกางเกงผมออก

“ม่อน...อ้า” มันครอบปากลงที่น้องชายผม ลิ้นมันไล่วนอยู่ที่ส่วนปลาย ผมครางออกมาอย่างต่อเนื่อง มือกดหัวมันให้ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ

“ไหนว่าไม่ชอบไง” ผมจับมือม่อนที่กำลังถือปลอกคอที่ผมเคยใช้กับมัน มันเคยบอกว่าไม่ชอบให้ผมเล่นอะไรแบบนี้ แต่ทุกครั้งมันก็ไม่เคยปฏิเสธเพียงแค่บ่นผมเท่านั้น

แต่ครั้งนี้เป็นมันที่หยิบของเล่นชิ้นนั้นมาใช้ ผมปล่อยให้ม่อนจัดการใส่ปลอกคอนั้นจนเสร็จ

ผมมองตามแผนหลังของม่อน มันกำลังเดินไปหยิบของจากตู้ออกมาอีก ผมสังเกตเห็นถุงยางและขวดออยล์ในมือมัน

ของเหลวถูกเทลงบนตัวผม ม่อนก้มตัวลงมาแนบกับตัวผม มันใช้ตัวของมันถูวนแบบเดียวกับที่ผมเคยทำกับมัน หน้าตามันตอนนี้ดูเซ็กซี่มาก ถุงยางที่มันถือมาพร้อมกับขวดออยล์ถูกฉีกออก มันวางถุงยางลงที่ส่วนปลายน้องชายผม มันใช้ปากครอบรูดถุงยางจนสุด ผมนี่เสียวจนต้องร้องครางออกมาเสียงดัง

ม่อนค่อยๆ ขยับตัวให้ช่องทางของมันตรงกับน้องชายผมที่ชี้โด่อยู่ อ้า...น้องชายผมค่อยหายเข้าไปในตัวมันทีละน้อย จนตอนนี้มองไม่เห็นน้องชายสุกรักของผมแล้ว

ม่อนคว้าสายจูงที่วางอยู่ข้างๆ ตัว ออกแรงดึงให้ผมลุกขึ้นมา มันโน้มตัวมาจูบผม พร้อมกับเริ่มขยับสะโพกของมันขึ้นลง อื้อ...เสียวมากครับ ผมไม่ปล่อยให้ม่อนทำเพียงคนเดียว ผมเด้งสะโพกขึ้นรับกับจังหวะการขยับตัวของม่อน มันถึงกับร้องคราง ดึงตัวผมเข้าไปกอด

ม่อนมันไม่ยอมปล่อยให้ส่วนบนผมว่าง มันไล่เลียตั้งแต่กกหูไล่มาที่ปลายคาง จนมาจบที่ต้นคอผม มันดูดเข้าที่คอผมอย่างแรง แค่นั้นยังไม่พอ มันยังกัดเข้าที่คอผมอย่างแรงอีกครั้งหนึ่ง แต่ผมไม่ว่าอะไรมันหรอกครับ ผมกลับชอบที่มันทำแบบนี้ซะอีก ผมมุดเข้าไปที่ซอกคอมันบ้าง กดปากเข้าที่ต้นคอมันใช้แรงดูดจนม่อนร้องครางไม่หยุด รอยแดงที่คอของมันเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ของผมเองก็คงไม่ต่างกัน ก็ดีแล้วครับคนอื่นจะได้รู้ว่าผมเป็นของมันและมันเองก็เป็นของผม และเป็นของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น

“กูไม่ไหวแล้วม่อน” ผมปล่อยให้ม่อนขยับสะโพกอยู่บนตัวผมอยู่นาน ผมจับมันพลิกตัวลงไปข้างล่าง เร่งจังหวะการขยับสะโพกให้เร็วขึ้น

“อ้า…” ความสุขของมันล้นจนทักลักออกมาแล้วครับตอนนี้ ม่อนมันก็คงไม่ต่างกัน

“กูรักมึงนะภาค” มันใช้มือทั้งสองประคองหน้าผมไว้ ดึงตัวเองขึ้นมาประกบจูบกับผม เป็นครั้งที่สองของวันนี้ที่มันบอกรักผม ผมชอบที่มันบอกรักผมบ่อยๆ อยากฟังมันพูดแบบนี้ทุกๆวัน เพราะผมเองก็รักมันเหมือนกัน



“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันนะ” เสียงม่อนบอกขณะนอนหนุนแขนผมอยู่ สายตามันมองขึ้นไปที่เพดานห้อง

แปลกครับเราเพิ่งกลับมาจากค่ายได้แค่อาทิตย์เดียว มันกลับชวนผมไปเที่ยวต่อ คงเพราะที่ค่ายต้องทำงานเหนื่อยไม่ค่อยได้เที่ยวสักเท่าไร แต่ก็ดีครับปิดเทอมแล้วด้วย ให้มันพักผ่อนสักหน่อยคงดีเพราะถึงจะปิดเทอม แต่มันมันก็ยังต้องทำงานทุกวันอยู่ดี

“งั้นไปหัวหินไหม ไปเช้าเย็นกลับ” มันพยักหน้ารับ จะว่าไปหัวหินก็ไม่เลวครับมีทั้งทะเล ที่เที่ยวก็มีตั้งหลายที่ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากเท่าไหร่ ม่อนมันจะได้ไม่เหนื่อยเวลาเดินทางด้วย

“เดี๋ยวกูชวนพวกนัทกับมิกซ์ไปนะ”

“กูอยากไปกับมึงสองคน” ผมเตรียมจะหยิบมือถือขึ้นมาโทรชวนเพื่อนๆ กับน้องมันไปเที่ยวด้วยกัน แต่โดนม่อนมันห้ามไว้ก่อน

ม่อนมันว่าไงผมก็ว่าตามนั้นครับ ผมว่าไปแค่สองคนก็ดีนะครับ เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน

ผมพยักหน้ารับ มักซุกตัวเข้ามากอดผม ตอนมันหลับนี่น่ารักจริงๆ เลยครับ อยากจะจัดมันอีกสักรอบจริงๆเลยครับ แต่เดี๋ยวมันไม่มีแรงไปเที่ยวพรุ่งนี้ เดี๋ยวกลับมาค่อยจัดให้มันแบบฟลูออฟชั่นก็ได้ครับ ฮาๆ ๆ ๆ



ผมงัวเงียลุกขึ้นจากเตียงมองหาม่อน มันตื่นตั้งแต่เช้าอีกแล้วครับ นี่ก็เพิ่งหกโมงเอง

“ม่อนทำไร” ผมเดินตรงเข้าไปหามัน ตอนนี้มันยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ในมือมันถือเสื้อผ้าของมันเองอยู่ ตรงเท้ามีกระเป๋าเป้ใบเดิมที่มันใช้ประจำวางอยู่

“ไม่ได้ไปค้างสักหน่อย มึงเตรียมเสื้อผ้าไปทำไมเยอะแยะ” ผมเดินไปพิงที่ตู้เสื้อผ้า มือข้างหนึ่งเท้าที่ตู้เสื้อผ้า ยืนมองมันกำลังยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋า

“เอ่อ...พอดีกูจะเอาเสื้อผ้าไปซัก กลับมากูจะได้เอาไปซักที่หอเลยไง” ปกติจะมีแม่บ้านค่อยมารับเสื้อผ้าทั้งของผมและของมันไปซักอยู่แล้วเป็นประจำ แต่ทำไมวันนี้มันถึงจะซักเองและมันยังบอกว่าจะเอากลับไปซักที่หออีก

“เดี๋ยวแม่บ้านก็มาเอา แต่ถ้ามึงอยากซักเองห้องกูก็มีเครื่องซักผ้า มึงลืมไปแล้วหรอ” ผมขมวดคิ้วมองมัน ห้องผมมีครบทุกอย่าง เพียงแค่ผมไม่ใช้เท่านั้นเองครับ เพราะส่วนใหญ่เรื่องพวกนี้ผมจะให้แม่บ้านจัดการให้ทั้งหมด

“ก็ห้องมึงไม่มีที่ตากไง” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับมัน ก็จริงอย่างที่มันบอกครับว่าห้องผมไม่มีที่ตาก

“งั้นเดี๋ยวกูอาบน้ำก่อนนะ เสร็จแล้วจะได้ออกไปเลย” ผมไม่อยากซักไซ้มันต่อ รีบอาบน้ำเตรียมตัวดีกว่า เพราะเพิ่งจะได้ไปเที่ยวไกลๆ กับมันสองต่อสองครั้งแรก

เราขับรถออกมาจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่แปดโมงครึ่ง ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้วครับ ผมหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปที่ลานจอดรถ พวกเราจะกินข้าวเที่ยงกันที่เดอะเวเนเซียหัวหินครับ

เราเดินเข้าไปในร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่ง ภายในจัดตกแต่งอย่างสวยงาม พนักงานเดินมารับออร์เดอร์จากเรา ผมกับม่อนสั่งเป็นสเต๊กไปครับ ตลกดีนะครับมาทะเลทั้งทีแทนที่จะกินอาหารทะเล กลับมานั่งกินสเต็กกินกันเสียได้

ผมหยิบมีดกับส้อมจัดการหั่นเนื้อที่วางตรงหน้าเข้าปาก

“แชะ!!” เสียงชัดเตอร์จากกล้องมือถือม่อนดังขึ้น ผมเงยหน้ามองมันที่กำลังยิ้มและกดปุ่มถ่ายรูปผมอีกสองสามรูป

“มึงแย่งของกูทำไม” มันบ่นที่ผมไปแย่งมันฝรั่งทอดในจานของมันครับ โทษฐานที่แอบถ่ายรูปผม

นั้นไงครับอีกแล้ว ก็ม่อนมันนั่งกอดอกหันข้างงอนผมอีกแล้ว

“เค้าขอโทษ” ผมตักมันฝรั่งทอดในจานของผมทั้งหมดใส่จานมัน เป็นการไถ่โทษ มันหันกลับมาหยิบมันฝรั่งทอดใส่ปาก แถมยังส่งยิ้มกวนใส่ผมอีก มันนี่จริงๆ เลยครับ

“แชะ!!” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปมันตอนที่กำลังเคี้ยวตุ่ยอยู่ในปาก มันพยายามจะแย่งมือถือจากผมไปครับ มีเหรอที่ผมจะยอม นี่ไงครับ ผมกดตั้งค่ารูปที่ถ่ายเมื่อกี้เป็นภาพหน้าจอแล้วยื่นให้มันดู

มันไม่แย่งโทรศัพท์จากผมแล้วครับ กลับก้มหน้าเขิน ใช้ส้อมจิ้มสเต็กที่วางอยู่จนเป็นรูเต็มไปหมด ตอนมันเขินนี่ยิ่งน่ารักครับ หน้าแดงหูแดง ยิ่งมองยิ่งอยากแกล้งมัน

เราเดินออกมาจากร้านอาหาร เดินตรงขึ้นไปบนสะพานที่ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คของที่นี่ ผมยกมือขึ้นคล้องคอม่อน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเราสองคน โดยมีเรือกอนโดล่าเป็นฉากหลัง 

องค์ประกอบภาพสวยมากครับ โดยเฉพาะกับคนข้างผมที่ตอนกดถ่ายมันดันเผลอหลับตานี่สิ แต่ไม่เป็นไรแค่มีผมกับมันไม่ว่ารูปไหนก็ดูสวยไปหมดเลยครับ

เราออกจากเดอะเวเนเซียได้สักพัก ผมหันมองข้างทางก็เจอกับรูปปั้นของหลวงปู่ทวดขนาดใหญ่ ผมว่าผมพามันเข้าไปไหว้ขอพรท่านสักหน่อยละกันนะครับ

“เดี๋ยวแวะไหว้พระก่อนนะ” ผมเลี้ยวรถเขาไปที่ลานจอดรถของวัด คนเยอะมากเลยครับ อากาศข้างนอกก็ร้อนมากๆ อีกด้วย แต่ก็สมควรละครับ เพราะนี่ก็เพิ่งบ่ายสองโมงเองจะไม่ให้ร้อนได้ยังไงละครับ

ม่อนมันเดินออกมาจากรถ มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาบังแดด ดูแล้วมันจะร้อนครับ ผมไม่น่าพามันมาตอนนี้เลย

“เดี๋ยวค่อยแวะมาตอนกลับไหม ตอนนี้มันร้อน” ผมเดินเข้าไปหามัน ยกมือขึ้นบังแดดให้มัน

“ไม่เป็นไรหรอก ก็มาถึงแล้วหนิ”

“งั้นมึงเข้าไปรอกูในรถก่อนนะ” ผมเปิดประตูรถให้มันเข้าไปนั่งรอข้างใน ส่วนตัวผมเองเดินตรงไปยังร้านค้าที่อยู่ข้างๆวัด

ผมเดินกลับมาพร้อมหมวกแก๊ปสี่ดำในมือ

ผมเดินไปเปิดประตู สวมหมวกให้มันก่อนพามันเดินตรงไปที่ลานสักการะ

ผมซื้อดอกไม้ธูปเทียนอย่างละชุดสำหรับผมกับมัน ผมถอดรองเท้าวางไว้ข้างกับรองเท้าของม่อน ผมกับมันต้องเดินเขย่งเท้ากันเพราะความร้อนจากแผ่นกระเบื้องกำลังย่างเท้าเราอยู่

ผมหันไปมองม่อนที่กำลังประนมมือหลับตาไหว้รูปปั้นหลวงปู่ทวดอยู่ สงสัยมันคงกำลังอธิษฐานอยู่ครับ ผมไม่อยากกวนมันหันกลับมาประนมมืออธิษฐานขอพรของตัวเองบ้าง



“มึงขอพรว่าอะไร” ม่อนหันมาถามผมขณะที่กำลังเดินลงบันได

“ไม่บอก” เขามีความเชื่อว่าห้ามบอกคำอธิษฐานเพราะเดี๋ยวมันจะไม่เป็นจริงตามที่เราขอ

‘ขอให้ได้อยู่กับม่อนไปนานๆ’ นั่นแหละครับคำอธิษฐานของผม ถ้าบอกไปเดี๋ยวมันไม่เป็นจริง ผมก็ไม่ได้อยู่กับม่อนสิครับ

“แล้วมึงหละขอพรว่ายังไง” ผมย้อนถามมันกลับบ้าง

“กูขอให้ได้อยู่กับมึงไปนานๆ” ผมเลิกคิ้วมองหน้ามัน ไม่คิดว่ามันจะบอกผมครับ

ผมควรจะดีใจที่ได้ยินมันบอกแบบนั้น แต่ไม่ใช่ตอนนี้ครับ ผมดันตัวมันกลับขึ้นไปบนที่สักการะอีกครั้ง ผมบังคับให้มันขอพรใหม่ เพราะเมื่อกี้มันดันบอกคำอธิษฐานนั้นกับผม ก็ผมกลัวว่ามันจะไม่เป็นจริงตามคำอธิษฐานหนิครับ

“มึงเป็นอะไรของมึง ให้กูไปขอพรทำไมตั้งสองรอบ” มันถามผมทันทีที่เดินลงมา

“ก็เขาห้ามบอกเดี๋ยวมันจะไม่เป็นจริงตามที่ขอไง”

“ก็กูอยากบอกว่ากูอยากอยู่กับมึงไปนานๆ” มันหันหน้ามาบอก พร้อมยิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนเดินตรงไปขึ้นรถทันที

ผมวิ่งตามมันไปที่รถ ขับรถมุ่งตรงไปยังสถานที่สุดท้าย



เสียงลมกับคลื่นที่กำลังซัดเข้าฝั่ง สถานที่สุดท้ายของเราคือชายหาด ก็มาหัวกินทั้งทีจะไม่มาทะเลก็ดูแปลกนะครับว่าไหม

อากาศตอนนี้ไม่ร้อนมาก เพราะแสงอาทิตย์ที่เริ่มอ่อนลงบวกกับลมทะเลที่พัดความเย็นเข้าหาเราเรื่อยๆ

ผมเดินจับมือม่อนเดินตรงไปที่ชายหาด เราเดินเตะทรายเรียบชายหาดไปเรื่อยๆ ถึงกิจกรรมที่เราทำตอนนี้มีเพียงการเดินจับมือกันเท่านั้น แต่ผมก็รู้สึกมีความสุขที่รู้ว่าคนที่เดินจับมือข้างๆเป็นม่อน

“ขี่หลังกูไหม” ผมหันไปถามม่อนที่กำลังเดินเตะทรายอยู่ข้างๆ

“มึงจะบ้าหรอ ให้กูขี่หลังเนี่ยนะ”

“ก็กูเห็นเขาขี่หลังกัน กูก็อยากให้มึงขี่หลังกูบ้างไง” ผมชี้มือไปที่คู่รักชายหญิงที่กำลังขี่หลังหยอกล้อกันอยู่ไกลๆ ผมก็อยากมีโมเมนต์แบบนั้นกับม่อนมันบ้าง

“นะๆ” ผมนั่งลงทำสายตาอ้อนวอนส่งไปให้มัน

“อย่าให้กูเห็นมึงบ่นว่าหนักนะ” มันส่ายหน้า เดินเข้ามาย่อตัวใช้มือทั้งสองข้างคล้องคอผม

ผมเดินเรียบตามชายหาดโดยมีม่อนขี่หลังผมอยู่

“กูรักมึงนะภาค” ผมหันไปมองหน้าม่อนที่กำลังอยู่บนหลังผม ผมลองนับครั้งที่มันบอกรักผม รวมเมื่อคืนด้วยก็สามครั้งแล้ว

“กูก็รักมึงม่อน” ผมส่งยิ้มตอบกลับไป มันค่อยๆ เอียงคอซบลงที่หลังผม



หนักครับ ผมยอมรับว่าม่อนมันหนักเพราะขนาดร่างกายของเราทั้งสองคนไม่ได้ต่างกันมาก แต่ถึงจะหนักยังไง ถ้าเป็นม่อนผมยอมให้มันขี่ได้เสมอ

“สงสัยต้องหาสาวตัวเล็กมาขี่หลังแทนมึงแล้วแหละ ถ้ามึงจะตัวหนักแบบนี้” ผมลองแหย่ม่อนมันไป

“ก็ดีนะ เหมาะกับมึงดี” ผมเตรียมจะป้องกันตัวที่แหย่มันไป แต่แปลกครับที่มันไม่ทำอะไรผม กลับเดินหนีไปขึ้นรถซะงั้น มันคงงอนผมอีกแล้วแน่ๆเลยครับ



ม่อนมันนั่งเงียบมาตลอดทางเลยครับ สงสัยมันจะงอนผมจริงๆ ผมไม่น่าไปแหย่มันแบบนั้นเลย อยากจะเขกหัวตัวเองซะร้อยทีจริงๆเลยครับ

แสงไปจากตึกรวมถึงจำนวนรถมากมายที่วิ่งสวนกันไปมา บอกให้เรารู้ว่าตอนนี้เรากลับเข้าเขตกรุงเทพฯแล้ว ผมขับรถมุ่งตรงไปที่คอนโด เลี้ยวพวงมาลัยหักเข้าที่จอดรถ

เราเดินออกจากรถตรงไปที่ลิฟต์ 

ผมเปิดประตูเข้าไปยื่นถอดรองเท้าในห้อง

ม่อนเดินเข้ามากอดผมจากด้านหลัง สงสัยมันคงหายงอนผมแล้วแหละครับ แต่มากอดผมแบบนี้สงสัยจะอ้อนอะไรผมอีกแน่

ผมจับมือม่อนเตรียมจะหันกลับไปหามัน แต่ม่อนดันกอดผมแน่นขึ้นอีกจนผมไม่สามารถหันกลับไปหามันได้

“เป็นอะไร ยังงอนกูอีกหรอ” เงียบ ผมยืนนิ่งรอคำตอบจากมัน

“นั่งรถเหนื่อยหรอ” ยังคงไม่มีคำตอบใดๆ จากมัน

“งั้นเป็นอะไรบอกกูได้ไหม” ผมลูบที่มือมันเบาๆ













“เราเลิกกันเถอะ”

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มาม่าชามใหญ่ราด เลยจ้ะ

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
นั่นภาคนะ กว่านางจะจีบติด โอ้ยยย นางต้องรู้แน่ๆว่าเกิดไรขึ้น

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ม่ามาาาาาา

ออฟไลน์ ►MoNkEy-PrInCe◄

  • อินเตอร์ไลน์
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 726
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ไม่มีออร่าความเป็นพระเอกเลยอิภาค

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
แหงะ ค้างงงง ดราม่ามาอีกแล้วทั้งๆที่เพิ่งหวานกันไปเท่าไหร่เอง เอาใจช่วยนะ

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เหี้ย เดียวๆ อึ้งเลย ปาะโยคเดียว

ออฟไลน์ TONYZZYUKI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ตอนที่ 32


#ผมไม่กลัวหรอก



[น้าเป็นแม่ของภาคจ๊ะ น้ามีเรื่องจะคุยกับหนู]

“ครับ คุณน้ามีเรื่องอะไรครับ”

[น้ารู้เรื่องของหนูกับภาคแล้วนะ]

“คือ...ผม”

[น้ารู้เรื่องเราสองคนมานานแล้ว รู้ว่าภาครักหนูมากด้วย แล้วหนูรักภาคไหม]

“รักครับ ผมรักภาค”

[แล้วรักมากพอที่จะทำเพื่อภาคเขาไหม]

“คุณน้าหมายความว่ายังไงครับ”

[ไม่รู้ว่าหนูรู้รึเปล่า ว่าทุกครั้งที่ภาคเขากลับบ้าน เขามักทะเลาะกับพ่อทุกครั้ง และทุกครั้งที่ทะเลาะกันทุกครั้งก็เพราะเรื่องของหนู]

“ผม...หรอครับ”

[ใช่จ้ะ ตั้งแต่ภาคคบกับหนู สองพ่อลูกเขาก็ทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้ากัน พ่อเขาต้องการให้ภาคเลิกกับหนู เขาอยากให้ภาคสืบทอดกิจการ แต่ถ้าภาคคบกับผู้ชาย หนูรู้ใช่ไหมว่าคนอื่นจะมองว่ายังไง]

“ครับ”

[น้าไม่เห็นด้วยที่ให้หนูกับภาคเลิกกัน แต่น้าก็ไม่อยากเห็นพ่อกับลูกเขาทะเลาะกัน ครั้งนี้ที่น้าต้องโทรมาเองเพราะพ่อของภาคเขายื่นคำขาดว่าถ้าหนูสองคนไม่เลิกกันเขาจะขาดกัน]

“คุณน้าหมายความว่า...”

[ถ้าหนูรักภาคจริงๆ ช่วยปล่อยภาคไปได้ไหม]



‘เขาทะเลาะกันเพราะหนู’

ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ภาคมันไม่เคยเล่าเรื่องที่บ้านมันให้ผมฟังสักครั้ง ผมรู้แค่ว่ามันมีน้องสาว นั้นก็คือน้องพริม นอกจากนั้นผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวมันเลย จนวันนั้นที่แม่ของภาคโทรมาหาผม บอกว่าผมเป็นสาเหตุให้ภาคกับพ่อทะเลาะกัน

ทำไมภาคมันไม่บอกผม มันคิดจะปิดบังเรื่องนี้ไปถึงเมื่อไร ผมว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของผมกับภาคอีกต่อไปแล้วล่ะครับ

‘ช่วยปล่อยภาคไปได้ไหม’

น้ำตาไหล่เอ่อลงอาบข้างแก้ม ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมฝันไปรึเปล่า ผมรักภาค รักมันมาก ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง ผมจะยอมเลิกกับภาคมันได้ยังไง เราทำผิดอะไรถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เราผิดอะไรที่ต้องเลิกกัน หรือมันผิดที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจความรักของพวกเรา

หรือมันผิดที่เป็นผม ที่ผมเป็นผู้ชาย ที่ผมจน แต่มันผิดด้วยเหรอครับที่ผมจะรักใครและอยากอยู่กับคนนั้นไปตลอด



แต่จะว่าไปมันคงผิดที่ผมจริงๆ แหละครับ ผมเป็นใครถึงทำให้พ่อลูกเขาทะเลาะกัน ผมเป็นแฟนภาค แต่เขาเป็นพ่อเป็นครอบครัวของมัน ผมมีสิทธิ์อะไรไปทำให้ครอบครัวเขาผิดใจกัน

ผมนี่เห็นแก่ตัวจริงๆ เลยนะครับ มองแค่ความสุขตัวเอง ไม่รู้ว่าภาคมันต้องแบกรับอะไรไว้ มันยอมทะเลาะกับพ่อตัวเองเพื่อที่จะได้อยู่กับผม มันเป็นเพราะผม

“คุณน้าครับ”

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอีกครั้ง ร่างกายผมตอนนี้สั่นจนแทบไม่มีแรงจะยืน น้ำตายังคงไหลอาบสองข้างแก้ม

ทำไมมันเร็วขนาดนี้ มันถึงวันที่ผมต้องปล่อยมือภาคมันแล้วจริงๆ ใช่ไหม

“ผมของเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ได้ไหมครับ หลังจากนั้นผมจะ...ปล่อยมือภาคเอง”

ผมทรุดตัวลงกับพื้น ผมยืนไม่ไหวแล้วครับ มันหนักเกินไปที่ผมจะรับไหวแล้ว



หนึ่งวัน สองวัน หนึ่งอาทิตย์ สองอาทิตย์ กว่ามันจะผ่านไปได้แต่ละวันแต่ละชั่วโมงแต่ละนาที ตั้งแต่วันที่ผมบอกเลิกภาค แต่ละวัน เวลาเหมือนจะเดินช้ากว่าปกติ ความเจ็บที่อยู่กับผมมาตั้งแต่วันนั้น และวันนี้วันที่ผมไม่มีภาคมันอยู่ข้างๆ ผมไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อจากนี้โดยไม่มีมันได้ยังไง เพราะทั้งใจผมยังเรียกหามันทุกวินาที ผมจะผ่านช่วงนี้ไปได้ยังไงครับ

“มึงกินเยอะหน่อยสิวะม่อน เดี๋ยวก็ไม่มีแรงทำงาน” เสียงน้องชายผมที่นั่งบ่นผมอยู่ที่นั่งตรงข้าม ข้างๆมันมีช้อปนั่งอยู่

ผมดีใจที่เห็นสองคนนี้รักกัน ได้อยู่ด้วยกัน เห็นแล้วก็อิจฉาครับ

“ม่อนกินข้าวสักหน่อยนะ ซูบหมดแล้ว เดี๋ยวไม่น่ารักเหมือนเมื่อก่อนนะ”

“พูดแบบนี้ต่อหน้าแฟนตัวเองเลยหรอ ฮาๆ” ผมแซวช้อปพร้อมกับขำแห้งๆ อยากกลับมาเป็นผมคนเดิมแบบเมื่อก่อนนะครับ แต่ตอนนี้มันทำไม่ได้จริงๆ ได้แต่หวังว่าจะอยู่โดยไม่มีมันได้สักวัน

“ดูสภาพมึงแล้วกูหึงไม่ลง” มิกซ์พูดพร้อมกับตักหมูในชามมันมาให้ผม

อย่างน้อยผมก็ยังมีมันที่คอยอยู่ข้างๆ และถึงพวกเพื่อนๆผมจะกลับบ้านช่วงปิดเทอมกันหมด แต่พวกมันก็ยังเวียนกันโทรมาหาผมแทบทุกวัน คอยช่วยทำให้ผมลืมความเศร้าลงไปบ้าง



ช่วงปิดเทอมนี้ผมกับมิกซ์ไม่ได้กลับบ้านกัน เพราะเดี๋ยวเปิดเทอมหน้ามิกซ์มันก็เข้าเรียนแล้ว ต้องรีบช่วยกันหาค่าเทอมทั้งของมันและของผมเอง ที่เยอะอยู่พอสมควร ดังนั้นเราสองคนเลยต้องรีบช่วยกันหาเงินให้ได้มากที่สุด

“ตี๊ด...ตี๊ด” เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นขณะถือถาดเค้กและนมปั่นเดินเสิร์ฟลูกค้าอยู่

‘น้องพริม’ หน้าจอแสดงชื่อน้องสาวของแฟนเก่าผม ผมกดรับสายด้วยอาการประหม่า ไม่รู้ว่าน้องพริมโทรมาเพราะเรื่องอะไร

“น้องพริมมีอะไรรึเปล่า” ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติทั้งๆ ที่มือและตัวผมสั่นไปทั้งหมด

“พี่ม่อนเป็นยังไงบ้างคะ พริมไม่ได้ข่าวพี่ม่อนเลย” ก็นานแล้วนี่ครับที่ผมไม่ได้ติดต่อกับน้องพริมเธอเลย

“พี่สบายดี น้องพริมล่ะเป็นยังไงบ้าง”

“พริมสบายดีค่ะ แต่พี่...พริมขอโทษนะคะพี่ม่อน” ผมรู้ว่าพริมกำลังพูดถึงใคร

ตั้งแต่เลิกกันผมก็ไม่รู้เลยว่ามันเป็นยังไง และเป็นผมเองที่เลือกจะไม่รับรู้เรื่องของภาคมัน ผมอยากลืม อยากทำใจ อยากให้ตัวเองกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้เร็วที่สุด

“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ว่าน้องพริมโทรมาหาพี่มีอะไรรึเปล่า” ผมพยายามทำเหมือนว่าไม่เป็นไร เพราะไม่อยากให้น้องพริมเธอคิดมาก

“พริมออยากเจอพี่ม่อน พี่ม่อนพอจะมีเวลาว่างมาเจอพริมไหมค่ะ” แน่นอนว่าผมไม่มีเวลาออกไปเจอเธอ ถึงงานที่ร้านนมจะเลื่อนเวลาปิดมาเป็นหนึ่งทุ่มก็ตาม เพราะช่วงปิดเทอมลูกค้าจะน้อยกว่าปกติ แต่ผมคงไม่มีเวลาออกไปหาเธอ เพราะหลังจากปิดร้าน ผมก็ต้องไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อต่อจนถึงเที่ยงคืน

“พี่ทำงานทั้งวัน ไม่ว่างเลยค่ะ เลิกงานอีกทีก็เที่ยงคืน”

“งั้นเดี๋ยวน้องพริมไปเจอพี่ม่อนที่ทำงานได้ไหมครับ” ผมไม่รู้ว่าพริมมีเรื่องอะไรจะคุยผม ถึงต้องมาหาผมที่ร้านขนาดนี้ ผมทำได้แค่สงสัย แต่ก็บอกรายละเอียดให้ร้านเธอไป



“พี่ม่อน” เสียงใสๆ เปิดประตูเข้ามาในร้าน ก่อนวิ่งเข้ามาควงแขนผมทันที

น้องพริมทำตัวปกติเหมือนกับตอนนั้น ที่ผมกับ...ยังคบกัน เธอยังดูสดใสเหมือนเช่นเคย

“ไหนว่าเศร้าไงมึง ทำไมมีสาวสวยยืนควงแขนขนาดนี้” มิกซ์เดินเข้ามาแซวผมจากทางด้านหลัง

“นี่น้องสาวภาค” มิกซ์ละสายตาจากพริม หันมามองหน้าผมทันที

มันถามผมว่าผมโอเคไหม ผมเพียงพยักหน้ารับมันไปเท่านั้น แต่มิกซ์มันก็ยังไม่ทิ้งลายเจ้าชู้ มันแซวน้องพริมซะเขินจนเกือบจะหยิกแขนผมไปแล้ว ยังดีที่มีสายตาประกาศิตจากช้อปที่นั่งจ้องมันอยู่ จนมันต้องถอยหลังกรูกลับไปหลังเค้าเตอร์อย่างรวดเร็ว ผมละอดขำมันไม่ได้ ไอ้แมวมิกซ์เอ๊ย

“มาหาพี่มีอะไรคะ” ผมพาน้องพริมมานั่งที่โต๊ะ สายตาเธอเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“พี่ม่อนช่วยกลับไปคบกับพี่ภาคได้ไหมคะ” เธอยื่นมือมาจับมือผมไว้ ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ผม

“พี่ว่าเป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้ว” ผมดันมือของเธอออก ไม่คิดว่าเธอจะพูดเรื่องนี้

ผมตัดสินใจไปแล้วและคิดว่ามันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถึงมันจะเจ็บแต่ยังดีกว่าทำให้ครอบครัวมันต้องทะเลาะกันเพราะคนนอกอย่างผม

“พริมรู้เรื่องทุกอย่างแล้วนะคะ”

“แล้วภาครู้เรื่องนั้นไหม” ผมจ้องหน้าพริม

น้องพริมรู้ แต่ผมไม่รู้ว่าภาคมันรู้เรื่องนั้นด้วยรึเปล่า เพราะผมเองที่เลือกเดินออกมาโดยไม่บอกเหตุผลมัน

ก่อนที่ผมจะออกมามันพยายามรั้งพยายามถามเหตุผล แต่ตอนนั้นผมทำได้แค่เงียบ กลั้นน้ำตาตัวเองไว้ แล้วเดินถือกระเป๋าเดินออกจากห้องมันเท่านั้น

เพราะผมรู้ว่าถ้าผมบอกเหตุผลมันไป ภาคมันคงไม่ยอมปล่อยผมและมันคงได้ทะเลาะกับพ่อมันจนเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ

“พี่ภาคยังไม่รู้เรื่องนี้ แม่ห้ามพริมไม่ให้บอกพี่ภาค” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก็ยังดีที่ภาคมันยังไม่รู้เรื่องนี้ครับ

“งั้นก็ดีแล้ว” ผมยิ้มให้พริม ลุกขึ้นเตรียมเดินกลับไปทำงานต่อ

“พี่ม่อนไม่สงสารพี่ภาค พี่ม่อนไม่รักพี่ภาคแล้วหรอค่ะ” พริมยังคงยื้อ มือสองข้างรั้งแขนผมไว้

อยากให้มันจบจริงๆ ครับ ผมเองก็หวังว่าผมกับมันคงทำใจได้และหวังว่าเราทั้งสองจะลืมเรื่องที่ผ่านมาได้สักวัน

“พี่ม่อนจะปล่อยให้พี่ภาคเหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้จริงหรอค่ะ ฮือๆ ...” เสียงสะอื้นดังไล่หลังผมมา พริมเองคงจะรักภาคมาก เธอคงไม่อยากให้ภาคเจ็บ

ผมเองก็ไม่อยากทำให้มันเจ็บ เพราะผมเองก็เจ็บ เจ็บเหมือนกำลังตายทั้งเป็นเหมือนกัน



“แดกสิ นั่งมองอยู่ได้” ผมนั่งมองแก้วเหล้าที่วางอยู่ตรงหน้านานจนมิกซ์มันรำคาญ

วันนี้ไม่รู้มันคึกอะไรลากผมออกมาแดกเหล้าเป็นเพื่อนมัน

“ก็ภาคมันไม่.....” เสียงผมค่อยๆ เบาลง ผมลืมตัวจนเผลอนึกถึงภาคมันขึ้นมา

ถ้าเป็นตอนนั้นผมคงนั่งงอนมันที่ไม่ยอมให้ผมกินเหล้า แต่ตอนนี้ทำไมผมถึงอยากให้มันมานั่งคอยห้ามผม ผมยอมไม่กินเหล้าเลยสักหยดถ้ามันอยู่ข้างๆ ผม แต่ผมคงได้แค่คิดเท่านั้นแหละครับ

“มึงร้องไห้ทำไมม่อน” ผมละสายตาจากแก้วเหล้า เงยหน้ามามองมิกซ์

ร้องไห้? ผมยกมือขึ้นจับหน้าตัวเอง น้ำตาผมมันไหลตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ครับ

ผมหลบสายตามิกซ์ยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกทันที

‘ภาค’

ผมคงคิดถึงมันมากจนตาฝาดไป ก็ตอนที่ผมยกแก้วขึ้นกระดกเหล้า สายตาผมสบเข้ากับสายตาที่ผมคุ้นเคย

แต่ทำไมภาพของมันยังไม่หายไปสักทีหรือว่าผมเมาแล้ว แต่เหล้าแค่แก้วเดียวมันคงไม่ทำให้ผมเมาได้หรอกนะครับ ผมส่ายหน้าพยายามสลัดภาพของมันให้หลุดออกไป

มันไม่ใช่แค่ภาพลวงตาหรือว่าผมตาฝาด แต่เป็นมันจริงๆที่กำลังยืนจ้องหน้าผมอยู่ ผมดีใจที่ได้เห็นมัน อยากจะยิ้มให้มัน แต่คงไม่ใช่กับสถานะของเราตอนนี้ ผมหลบสายตามัน เทเหล้าจากขวด กระดกเข้าปากโดยที่ไม่ได้ผสมโซดาหรือน้ำแข็งเลยสักก้อน

“เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ผมหันไปบอกมิกซ์ พร้อมกับยิ้มให้ช้อปที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน

ไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำหรอกครับ แค่ไม่อยากอยู่ใกล้ๆภาคมัน แค่รู้ว่ามันอยู่ตรงนั้นผมก็แทบจะทนไม่ได้ ผมกลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่อยู่จนต้องเดินเข้าไปหามัน

ผมคิดถึงมันมาก ยิ่งเห็นหน้ายิ่งคิดถึง ผมจะลืมมันได้จริงๆเหรอครับ



บุหรี่ที่อยู่ในมือถูกจุดขึ้น ผมไม่ได้สูบมันมานานแล้วครับ เพราะภาคมันบังคับให้ผมเลิก แต่ตอนนี้ผมไม่มีมันแล้ว และตอนที่มันไม่อยู่ผมก็ได้บุหรี่นี่แหละครับเป็นตัวช่วยผ่อนคลายอารมณ์เวลาคิดถึงมัน

“โอ๊ย!!” แรงชนจากด้านหลังทำเอาผมเกือบเสียหลักล้มลง

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่วิ่งชนผมเมื่อกี้

“ภาค”

มันหันหน้ากลับมาสบตาผม

ทั้งมันและต่างยืนนิ่งด้วยกันทั้งคู่ ผมไม่รู้ว่าตัวเองประหม่าแค่ไหน มือไม้ที่รู้ว่าจะเอาไปวางตรงไหน มันดูขัดหูขัดตาไปหมด ต่างจากมันที่ยืนนิ่งสีหน้าเป็นกังวล แต่ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า ผมก็แอบเห็นมันเหลือบมองบุหรี่ในมือของผมด้วย

เรายืนจ้องหน้ากันได้ไม่นาน ไม่ใช่ผมที่หลบสายตาหรือเดินหนี แต่เป็นมันที่ยกโทรศัพท์ในมือขึ้นแนบหู แล้ววิ่งออกไปทันที

ไหนน้องพริมบอกว่าอยากให้ผมกลับไปคบกับพี่เธอ แต่ทำไมพอมาอยู่ต่อหน้ากัน มันถึงไม่สนใจผมเลย มันคงลืมผมไปแล้วจริงๆ ครับ

แต่ผมมีสิทธิ์อะไรคิดแบบนั้น เป็นผมเองที่บอกเลิกมัน มันทำถูกแล้วครับที่วิ่งหนีผมไป

ผมหันกลับมาสนใจบุหรี่ในมือต่อ ‘ฟู’ ผมสูดควันเข้าเต็มปอดแล้วพ่นมันกลับออกมาทางเดิม

ไม่ใช่แค่ควันที่พุ่งออกมาจากปากผมเท่านั้น น้ำตาที่เพิ่งเสียไปก่อนหน้านี้ตอยอยู่ในร้าน มันเริ่มไหลเอ่อลงมาอีกครั้ง อยากจะเข้มแข็งนะครับ แต่เห็นมันแล้วไม่รู้ทำไมผมถึงอ่อนแอขึ้นมาแบบนี้

“ตี๊ดๆ ...ตี๊ด”

“ฮึกๆ ...ฮือ พี่ม่อนอยู่ไหนคะ ฮึก...ออกมาหาพริมได้ไหมคะ” เสียงสะอื้นดังตามสายมา ผมไม่รู้ว่าดึกขนาดนี้พริมโทรมาทำไม ผมเริ่มเป็นห่วงว่าน้องจะเป็นอะไรขึ้นมาแล้วครับ

“น้องพริมเป็นอะไร”

“พี่ม่อนออกมาหาน้องพริมได้ไหมคะ ฮึก...ฮือๆ” พริมยังคงพร่ำบอกคำเดิมว่าให้ผมออกไปหาเธอ ผมว่ามันต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ

“น้องพริมใจเย็นๆนะ แล้วบอกพี่มาว่าน้องพริมอยู่ที่ไหน”



ผมวิ่งเข้าไปหามิกซ์กับช้อปที่อยู่ในร้าน ขอยืมรถช้อป ผมหยิบกุญแจจากมือช้อปแล้ววิ่งออกมาทันที โดยที่ทั้งสองคนนั้นยังยืนมองหน้ากันอย่างงงๆ



ผมขับรถมาตามทางที่น้องพริมบอก ผมหันมองสองข้างทางตอนที่รถวิ่งเข้าใกล้กับสถานที่ที่เธอบอก

“น้องพริม” ผมวิ่งเข้าไปหาเธอทันที

“พี่ม่อน” พริมโผเข้ากอดผม น้ำตาที่ไหลอยู่ก่อนหน้าค่อยๆ ซึมเข้าเสื้อยืดผมทีละน้อย

ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น พริมถึงได้มานั่งร้องไห้อยู่ข้างทางคนเดียวแบบนี้

มือผมพยายามลูบหลังเพื่อปลอบให้เธอใจเย็นลง เพราะดูท่าแล้วพริมน่าจะไม่หยุดร้องง่ายๆ แน่

“พริมเป็นอะไร ไหนบอกพี่มาซิ” พริมดูเหมือนจะใจเย็นลง ผมยกมือสองข้างเกลี่ยน้ำตาที่เปื้อนบนแก้มเธอออก

“พริมทะเลาะกับพ่อ ฮึกๆ ๆ พริมไปขอร้องพ่อเรื่องพี่ม่อนกับพี่ภาค แต่พ่อไม่ยอม พริมยังโดยพ่อตะคอกใล่ด้วย”

“พริมเลยหนีออกมาแบบนี้” ผมพูด มือหนึ่งลูบหัวเธอ

พริมคงหวังดีกับพวกผมมาก ทั้งที่มาหาผมที่ร้าน ทั้งที่เธอบอกว่าไปขอร้องพ่อเธอ แต่ความหวังดีของเธอมันคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ เพราะขนาดเธอไปขอร้องยังโดนพ่อเธอตะคอกจนต้องหนีออกมาอย่างนี้ ผมว่าผมกับภาคคงไม่มีทางกลับไปเป็นแบบเดิมได้แน่

“พี่บอกน้องพริมแล้วไง ว่าแบบนี้มันดีที่สุดแล้ว”

“ดียังไงหรอคะ พี่ภาคกินเหล้าเมากลับมาทุกวัน บางวันน้องพริมแอบเห็นพี่ภาคนั่งร้องไห้คนเดียว พี่ม่อนยังจะบอกว่าดีอีกหรอ พี่ม่อนไม่รักพี่ภาคแล้วหรอ” ผมสะอึกกับคำที่พริมบอกว่าภาคมันร้องไห้ มันคงเจ็บไม่ต่างจากผม ผมเองก็นอนร้องไห้แทบทุกวัน พยายามไม่คิดถึงมันแล้ว แต่ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้จริงๆ

“รักสิ พี่รักมันมาก แต่พี่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง”

ผมปล่อยน้ำตาตัวเองให้ ไหลลงต่อหน้าพริม ผมอยากกลับไปหาภาคตามที่พริมบอก แต่ผมจะกลับไปยังไงเพราะความรักระหว่างผมกับมันไม่ได้มีแค่เราสองคน แต่ยังมีครอบครัวมันที่ไม่เห็นด้วยและยังกีดกันพวกเราอยู่แบบนี้

“พริมก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงแล้วเหมือนกัน แต่พี่ม่อนจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ ต้องเลิกกันทั้งที่ยังรักแบบนี้หรอคะ” แล้วจะให้ผมทำยังไงครับ กลับไปหาภาคกลับไปเป็นแบบเดิม แล้วครอบครัวมันล่ะ มันต้องทิ้งครอบครัวเพียงเพื่อมาหาผมแค่นั้นเหรอครับ เราได้อยู่ด้วยกันแต่มันไม่เหลืออะไร ผมต้องทำแบบนั้นจริงๆเหรอครับ

“ถ้าพี่ทำแบบนั้นภาคกับพ่อจะเป็นยังไง พี่ไม่อยากมันทะเลาะกับพ่อเพราะพี่”

“พี่ม่อนเลิกสนใจเรื่องของพ่อพริมสักที พริมมั่นใจว่าพี่ภาคจัดการเรื่องนี้เองได้ ตอนนี้พริมขอให้พี่ม่อนสนใจแค่พี่ภาคและตอบตัวเองว่ายังรักพี่ภาคอยู่ไหม ถ้ายังรักก็กลับไปหาพี่ภาคซะ”

ผมไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างพริมจะคิดได้แบบนี้ ทำไมผมเองเอาแต่กลัวไม่กล้าทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

“พี่ขอบคุณพริมมากที่ช่วยพี่ แต่พี่คิดว่าไม่นานพี่สองคนคงทำใจกันได้ แต่ตอนนี้น้องพริมต้องกลับบ้านก่อน ขึ้นรถเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“แต่พี่ม่อน...” ผมจูงมือพริมมาที่รถ

ถึงผมจะอยากทำแบบที่พริมบอก แต่ผมว่าผมกับภาคก่อนหน้านี้เราเป็นคนแปลกหน้ากัน ไม่รู้จักกัน มันคงตัดกันง่ายกว่าคนที่เป็นครอบครัวที่อยู่กับมันมาตลอด



“พี่ส่งเราแค่นี้นะ พริมก็รีบเข้าไปในบ้าน มันดึกมากแล้ว” พริมยังคงพูดเกลี้ยกล่อมผมมาตลอดทาง ผมเพียงนั่งเงียบฟังเธอพูดไปเท่านั้น จนมาถึงประตูหน้าบ้าน ผมคงส่งเธอได้แค่นี้แหละครับ จะให้ผมเดินเข้าไปส่งข้างในมันคงมากเกินไปสำหรับคนนอกอย่างผม อีกอย่างพ่อของภาคคงไม่อยากเห็นผมเข้าไปเหยียบที่นั่นหรอกครับ

“พี่ม่อนไปส่งพริมข้างในหน่อยนะคะ” พริมเดินเข้ามาคล้องแขนผม ผมทำได้แค่เพียงส่ายหน้า แกะมือของเธอออก แล้วเดินกลับไปฝั่งคนขับเท่านั้น

“ถ้าพี่ม่อนไม่เข้าไปส่ง พริมก็จะไม่ยอมกลับเข้าไป พริมจะหนีออกไปอีก” เธอยืนกอดอกหันหลังให้ผม

“แล้วพี่จะเข้าไปในฐานะอะไร”

“พี่ชายอีกคนของพริมไงคะ ถ้าพี่ม่อนไม่ยอมคืนดีกับพี่ภาค พี่ม่อนก็ต้องยอมเป็นพี่ชายอีกคนของพริม” ผมส่ายหัวให้กับความรั้นของเธอ เหมือนกับภาคไม่มีผิดครับ

เฮ้อ...ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ คงต้องยอมเธอจริงๆ สินะครับ เพราะถ้าผมไม่เข้าไปส่งพริมคงได้หนีออกมาอย่างที่บอกแน่ๆ

ประตูบานใหญ่ค่อยเลื่อนออกช้าๆ ผมเหยียบคันเร่งเบาๆเลี้ยวรถผ่านประตูบานนั้นเข้าไป ถ้าทุกคนอยากรู้ว่าบ้านภาคมันใหญ่โตแค่ไหน ให้นึกถึงละครไทยที่มีคุณผู้หญิงแก่ๆนั่งตีกระบังลมนั่งอยู่บนโซฟา ข้างๆมีสาวใช้นั่งขนาบอยู่ นั่นแหละครับบ้านของมัน

ผมขับรถตามถนนมาเรื่อยๆ ผ่านน้ำพุขนาดใหญ่ตรงกลางสวน จนมาหยุดตรงชานบ้านที่ถูกค้ำด้วยเสาโรมันขนาดใหญ่หลายต้น ทันทีที่รถผมจอดสนิท ผู้ชายคนหนึ่งน่าจะเป็นคนขับรถเดินเข้ามาเปิดประตูฝั่งที่พริมนั่ง

“พริม” เสียงหญิงวัยกลางคน แต่หน้าตายังดูสะสวยเดินเข้ามาสวมกอดพริม ผมทำได้แค่เดินลงมาจากรถพยายามยืนหลบเข้ามุมระหว่างเสา

“หนูหายไปไหนมาลูก รู้ไหมว่าแม่เป็นห่วง” เธอกอดพริมไว้แน่น มือข้างหนึ่งลูบหัวพริมอย่างอ่อนโยน พร้อมกับเสียงสะอื้นจากพริมที่ดังอย่างไม่ขาดสาย

“แล้วนี่ใครมาส่งหนู” เธอพยายามสอดสายตามองหาคนที่มาส่งพริม ผมก็คงทำได้แค่ยืนหลบอยู่แบบนี้ต่อไป

“พี่ม่อนมาส่งหนูค่ะ” พริมหันหน้ามามองผม ยิ่งทำให้ผมต้องรีบขยับตัวหลบเข้าไปอีก

“ไม่ต้องหลบน้าหรอกจ้ะ ออกมาได้แล้ว” ผมขยับตัวออกมาจากมุมเสา สายตาจ้องมองที่พื้น ไม่กล้าสบตาเธอ

“ขอบคุณหนูมากนะที่พาพริมมาส่ง” ผมพยักหน้ารับ สายตาผมยังคงอยู่ที่พื้น

“เงยหน้ามาคุยกับน้าหน่อยสิจ๊ะ” ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นตามที่เธอบอก ตอนนี้ผมรู้สึกประหม่ามาก จนต้องจิกมือตัวเองเผื่อว่าอาการประหม่าจะลดลง

แม่ของภาคดูเป็นคนใจดีมากครับ ผมรู้สึกตั้งแต่ตอนคุยโทรศัพท์กันแล้ว เธอพูดดีกับผมทุกอย่าง แม้แต่ตอนที่เธอขอให้ผมปล่อยภาค เธอยังขอร้องผมแทนที่จะด่าหรือว่าที่ผมทำให้ภาคกับพ่อต้องทะเลาะกัน

“น่ารักอย่างที่ภาคบอกจริงๆ” เธอยิ้มเหมือนกับกำลังเอ็นดูผม ผมมองไม่เห็นความโกรธหรือเกลียดจากสายตาเธอเลย มันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมามาก

“กลับมาแล้วหรอยัยตัวดี” เสียงดุดังขึ้นมาจากในบ้าน พร้อมกับผู้ชายร่างสูงโปร่ง เดินออกมาพร้อมกับใบหน้าโกรธ เสียงดุเมื่อกี้ทำเอาพริมสะดุ้งจนต้องโผเข้ากอดแม่ตัวเอง

ตัวผมเองก็คงไม่ต่างจากพริมตอนนี้ ผมรีบก้มหน้าหลบทันที ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพริมถึงต้องหนีออกจากบ้านเพราะแค่โดนพ่อตะคอกใส่ เป็นผมๆ ก็คงทำแบบเดียวกัน ดูแล้วท่านคงดุน่าดู ขนาดผมยืนไกลๆ ยังรู้สึกถึงความโหดแล้ว

“แล้วนั้นใคร อ๋อไอ้ผิดเพศแฟนเจ้าภาคมันนี่เอง”

“คุณคะ/พ่อ” เสียงน้องพริมกับแม่ดังประสานกัน

“คุณหมายความว่ายังไง ผิดเพศหรอ” เป็นผมเองที่ทนไม่ไหวจนต้องเงยหน้าขึ้นมาถาม

เขามีสิทธิ์อะไรมาว่าผมแบบนี้ เขามีสิทธิ์อะไรมาดูถูกความรักของผม

“แล้วจะให้ฉันเรียกคนอย่างพวกแกได้ยังไง”

“หึๆ”

“นี่แกหัวเราะฉันหรอ” ใช่ครับผมกำลังหัวเราะเขาอยู่ คนที่บอกว่าตัวเองดีตัวเองปกติ เขาต้องมานั่งดูถูกคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูดีเหรอครับ การมองว่าคนอื่นผิดทั้งๆที่ยังไม่รู้จัก การที่ตัดสินคนอื่นแค่เขาไม่เหมือนตัวเองหรือแค่ไม่ได้เป็นแบบที่เขาต้องการ

มันน่าขำดีนะครับที่คนเขายังกล้ามาตัดสินคนอื่น

“ครับผมหัวเราะคุณ”

“นี่แก” เขาเดินตรงมาที่ผมด้วยสีหน้าโกรธจัด ผมไม่กลัวหรอกนะครับเพราะผมเองก็ไม่ยอมให้ใครมาดูถูกผมและความรักของผมได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นใครผมก็จะไม่ยอมให้เขามาดูถูกเป็นอันขาด



“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ห้ามทำอะไรม่อนเด็ดขาด”

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด