แหม..ม่อนประกาศซะขนาดนี้เลยนะ ภาคในโหมดโหดตอนเริ่มเรื่องหายไปไหน
ดีแล้วละ ที่ยอมๆ ไม่งั้นได้ตายจริงๆ ด้วยละนะ อิอิอิ
**กลับมาเม้นให้กำลังใจคนเขียนใหม่นะ หลังจากที่แรกๆ คำผิดมากมายตอนนี้
ดีขึ้นมาก เราก็อ่านทุกตอนนะ แต่ไม่ได้คอมเม้นต์ให้เพราะอย่างที่เคยบอกไว้
ตอนก่อนหน้านี้ เราไม่ชอบการเว้นบรรทัดห่างมาก เวลาอ่านต้องคอยเลื่อนตลอด
้เสียอรรถรสในการอ่านมาาาาก อันนี้ความเห็นส่วนตัวอย่าว่าเรานะ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ พอดีว่าผมเขียนลงหลายเว็ปครับ ก็อปไปก็อปมามันก็เด้ง เพิ่งมาแก้ครับ และก็อยากให้แนะนำแบบนี้เข้ามาอีกครับผมจะได้เอาไปปรับปรุง ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
ตอนที่ 30
#ขอคุย
#ช้อปมิกซ์
Part
ช้อป“อยากกินอะไรรึเปล่า” ผมเดินนำมิกซ์ออกมาจากโรงหนัง ดูน้องจะเบื่อๆนะครับ เดินหงอยตามผมออกมา
จริงแล้วผมก็ไม่อยากทำให้น้องเบื่อหรอกนะครับ แค่อยากล่อให้น้องติดกับผมสักหน่อย ถึงตอนนั้นแล้วผมไม่ปล่อยให้น้องเดินหน้างอแบบนี้หรอกครับ คนอะไรใจแข็งเป็นบ้า แต่อย่างว่าละครับ ใครจะเปลี่ยนมาชอบผู้ชายด้วยกันได้ง่ายๆละครับ คงต้องให้เวลาน้องสักหน่อย ผมถือคติอดเปรี้ยวไว้กินมิกซ์ ฮาๆ ๆ ๆ
“ไม่ชอบมากับพี่ขนาดนั้นเลยหรอ งั้นให้พี่ไปส่งที่หอเลยไหม”
“ออกมาแล้วจะให้กลับง่ายๆได้ยังไง” น้องมันบ่นผมครับ ผมก็ไม่อยากให้มิกซ์กลับหรอกครับ กว่าจะลากออกมาได้ แค่อยากลองใจน้องดู ผมถึงกับโล่งตอนที่มิกซ์บอกว่าไม่กลับ กลัวน้องมันอยากจะกลับจริงๆขึ้นมานะครับ
ผมว่าถึงเวลาที่ผมจะเดทแบบจริงจังกับมิกซ์ซะที ปล่อยให้มันน่าเบื่อแบบนี้ไม่ดีแน่
ผมคว้ามือมิกซ์เข้ามาจับ ดูมิกซ์จะตกใจมากครับ พยายามสลัดมือผมให้หลุด ไม่มีทางครับ มันถึงเวลาของผมแล้ว
“พี่ทำอะไร ปล่อยผม”
“ก็เราบอกว่าเดทพี่มันน่าเบื่อ พี่ก็จะทำให้เราไม่เบื่อไง” ผมกุมมือมิกซ์แน่นขึ้น ดึงมือมิกซ์เข้ามาแนบตัว
“ไม่เอาผมอาย พี่ไม่เห็นคนมองหรอ” มิกซ์กวาดสายตามองรอบๆ
ก็จริงครับดวงตาหลายคู่กำลังมองมาที่เราสองคน มิกซ์ดูจะไม่ชอบและอายที่เห็นคนมองเราสองคน
ผมแค่อยากจะลองเพิ่มความสัมพันธ์ของเราให้มากขึ้น การที่ผมแสดงออกว่าจีบ มิกซ์คงรู้อยู่แล้ว แต่ผมแค่อยากทำให้มันดูชัดเจนว่าผมจริงใจกับน้องมันจริงๆ ผมกล้าที่จะบอกชอบมิกซ์ กล้าที่จะจีบ กล้าที่จะเดินจับมือกับมิกซ์ในที่แบบนี้
แต่มันจะดูเร็วไปสำหรับมิกซ์ กับโอกาสที่น้องบอกว่าให้ผมมา ผมคงคาดหวังมากเกินไปว่าผมอยู่ในจุดที่ทำแบบนี้ได้
ผมคงคิดไปเองจริงๆแหละครับ แค่จับมือกับผมมันดูน่าอายขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วทำไมมิกซ์ถึงแคร์สายตาคนอื่นขนาดนั้น แล้วกับผมที่แคร์แค่มิกซ์ ผมเลือกที่จะเดินจับมือมิกซ์โดยไม่สนใจสายตาคนอื่น ผมไม่มั่นใจแล้วครับว่าโอกาสที่มิกซ์ให้มันมีอยู่จริงไหม
“มิกซ์มั่นใจแค่ไหน ที่บอกจะให้โอกาสพี่” ผมจ้องมองเข้าไปในสายตาน้อง
“พี่ไม่เห็นสิ่งที่มิกซ์บอกว่าให้โอกาสพี่เลย ถ้ามิกซ์ไม่คิดจะให้โอกาสพี่จริงๆ ก็ได้พี่จะปล่อยมือมิกซ์”
ผมไม่อยากปล่อยมือมิกซ์หรอกครับ แต่อยากให้มิกซ์รู้ว่าผมจะไม่บังคับ ถ้ามิกซ์ไม่ต้องการจริงๆ ผมอยากพิชิตใจมิกซ์ตามแผนที่ผมวางไว้ แต่ดูแล้วมันคงยาก ยากมากจริงๆครับ
“ต่อจากนี้พี่จะไม่มากวนมิกซ์ มิกซ์จะได้ไม่ต้องอายอีก” ผมก้มหน้าหลบสายตามิกซ์ ไม่อยากเห็นสายตามิกซ์ตอนนี้ ผมหันหลังให้มิกซ์แล้วเดินออกมา ผมคงไม่ใช่สำหรับมิกซ์จริงๆ ผมคงทำให้น้องชอบผมไม่ได้ ผมควรถอยแล้วปล่อยมิกซ์ไป ให้น้องได้เป็นตัวของตัวเองอย่างที่ผ่านมาดีกว่า
“อกหักอีกแล้วนะช้อป หึๆ” ผมเดินก้มหน้าคุยกับตัวเอง ผมคงต้องลองอยู่คนเดียวไปสักพักแหละครับ
“มิกซ์” ผมหันหลังกลับไปมองด้านหลังตามแรงฉุดที่ข้อมือ
“ตามพี่มาทำไม” ผมถามมิกซ์ที่ยืนก้มหน้าไม่ยอมสบตาผม มือมิกซ์ค่อยๆเลื่อนจากข้อมือมากุมมือผมไว้
ผมยืนรอคำตอบ แต่แม้เสียงหลุดออกมาจากปากมิกซ์
“พี่บอกจะไม่กวนมิกซ์แล้วไง” ผมใช่มืออีกข้างพยายามแกะมือน้องออก
ผมไม่อยากรู้สึกรักใครข้างเดียวอีกต่อไปแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าแทบจะไม่มีโอกาส ผมยอมถอยออกมาแล้ว แล้วทำไมมิกซ์ถึงทำแบบนี้ น้องไม่ชอบ น้องอายเวลาที่คนมองไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมิกซ์ถึง...
“เข้ามากวนใจคนอื่นเขาแล้วคิดจะหนีง่ายๆ แบบนี้หรอ” ผมขมวดคิ้วมองหน้ามิกซ์ ไม่เข้าใจที่มิกซ์พูดจริงๆครับ
มิกซ์บอกว่าผมไปกวนใจ นี่ไงครับผมทำตามที่มิกซ์บอกแล้ว ผมจะไม่มากวนใจให้มิกซ์ต้องรู้สึกอายอีก
ผมยังพยายามแกะมือของมิกซ์ออก แต่ทำไมยิ่งแกะน้องยิ่งบีบมือผมแน่นกว่าเดิมซะอีก
“ถ้าพี่ไปครั้งนี้ ผมจะไม่ยอมจับมือกับพี่อีก” ถ้าปล่อยมือครั้งนี้น้องจะไม่ยอมจับมือผมอีก มิกซ์พูดเหมือนกับว่าถ้าผมไม่ปล่อยมือ มิกซ์จะยอมให้ผมจับมือ แล้วทำไมต้องเป็นแบบนั้นครับ ผมพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่มิกซ์พูด
ผมมองหน้ามิกซ์ ทั้งที่น้องไม่ยอมมองหน้าผมสักนิดเลย
“ถ้ามิกซ์ไม่พูดให้มันชัดเจน ก็ปล่อยมือพี่ได้แล้ว”
“ถ้าอยากให้ผมปล่อย พี่ก็ไม่ต้องมาคบกับผม” เมื่อกี้มิกซ์พูดว่ายังไงนะครับ น้องบอกจะคบกับผม ผมหูฝาดไปรึเปล่า
“เมื่อกี้มิกซ์พูดว่ายังไงนะ” ผมยกมือของมิกซ์ขึ้นมากุม
ผมเข้าใจความหมายที่มิกซ์พูดแล้วครับ เพียงแค่อยากให้มั่นใจว่าที่ได้ยินเมื่อกี้หมายถึงแบบเดียวกับที่ผมคิด
“เป็นหมอ แต่ทำไมเข้าใจอะไรยากจังวะ” น้องยังก้มหน้าไม่ยอมมองหน้าผม
“มิกซ์มองหน้าพี่ก่อนได้ไหม” ผมเชยคางมิกซ์ขึ้นมา แต่น้องก็ยังไม่วายหลบสายตาผม
“มองหน้าพี่ แล้วพูดอีกครั้งให้พี่มั่นใจหน่อยได้ไหม” มิกซ์ค่อยๆเลื่อนสายตามาที่ผม สายตาของเราประสานกัน หัวใจของผมตอนนี้เต้นไม่เป็นจังหวะ มันแทบจะหลุดออกมาจากอกผมให้ได้
“ผมไม่พูดแล้วได้ไหม” มิกซ์งอแง ไม่ยอมทำตามที่ผมบอก แต่ผมยังจ้องตารอคำตอบจากมิกซ์
“พี่อยากคบกับผมไม่ใช่หรอ ผมก็ตกลงแล้วนี่ไง” ผมฟังประโยคหลังของมิกซ์แทบไม่ทัน เพราะมิกซ์ทั้งพูดเร็วและรั่วซะผมเกือบจะจับใจความไม่ได้ ผมไม่สนใจแล้วครับว่ามิกซ์จะเร็วหรือรัวขนาดไหน เพราะมันคงเร็วและรัวน้อยกว่าจังหวะการเต้นของหัวใจผมในตอนนี้
ผมรวบตัวมิกซ์เข้ามากอด ไม่รู้จะอธิบายว่าตอนนี้ดีใจขนาดไหน ความรู้สึกเหมือนได้รับสิ่งที่ต้องการมากที่สุดเข้ามาอยู่ในมือ ‘มิกซ์ยอมคบกับผมแล้วครับ’ ผมอยากตะโกนคำนี้ออกไปจริง แต่คงทำแบบนั้นไม่ได้ครับ ที่ทำได้ตอนนี้คือกอดคนตรงหน้าให้แน่นที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ครับ
“พี่ช้อปปล่อยผมได้แล้ว คนมองเต็มไปหมดแล้ว” ผมกวาดตามองผู้คนรอบตัว ไม่อยากจะปล่อยมิกซ์เลย อยากกอดแบบนี้ไปนานๆ
แต่มันคงไม่เหมาะครับเพราะที่นี่เป็นที่สาธารณะ เอาไว้เราอยู่ด้วยกันสองต้องสองก่อนละกัน ผมจะ....คิดกันเอาเองละกันนะครับ ฮาๆ ๆ ๆ
“งั้นจับมือแทนนะ” ผมยื่นมือให้กับมิกซ์ น้องคว้ามือผมไว้แบบอายๆ ผมละอยากจะกอดอยากหอมน้องมันซะตรงนี้เลย ทำมันน่ารักแบบนี้วะ
Part
ม่อน“ไปส่งกูที่หอก่อนนะ” ภาคพยักหน้ารับ ผมกะว่าจะกลับเข้าไปเอาเสื้อผ้าสักหน่อย ที่เอาไปไว้ห้องภาคก็เอาไปค่ายจนเกือบหมดถ้าไม่เข้ามาเอาเดี๋ยวจะไม่มีอะไรใส่กันพอดี
รถ BMW คันงามของภาคเคลื่อนมาจอดที่หน้าหอพัก ผมเอื้อมมือไปเตรียมจะเปิดประตู
นั้นมิกซ์ไม่ใช่เหรอครับ ผมจำมันได้ ถึงจะเห็นแค่หลังไวๆเท่านั้น ผมก็ยังคงจำมันได้ และคนที่เดินอยู่ข้างๆ ผมมั่นใจว่าเป็นช้อป อย่างแน่นอน ผมไม่แปลกใจที่เห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกัน เพราะก่อนหน้านี้ที่เสม็ด ภาคเป็นคนบอกผมเองว่ากำลังตามจีบมิกซ์ และผมเองก็ไม่ได้ห้ามอะไรทั้งสองคนด้วย
แต่ผมว่ามันคงไม่ใช่กับภาพที่ผมเห็นตรงหน้า
“มึงมีเรื่องต้องคุยกับกู” ผมเดินเข้าไปทักทั้งสองคนจากด้านหลัง มิกซ์ดูตกใจมากที่เห็นผม สะดุ้งตัวโยน ถอยตัวออกห่างจาก ช้อปทันที
ผมหันไปสบตาช้อปเล็กน้อย ก่อนหันไปพยักหน้าให้มิกซ์เดินตามผมขึ้นไปบนห้อง
“กูไม่อยู่แค่สองวัน มึงกับช้อปถึงขนาดไหนกันแล้ว” ผมยิงคำถามใส่มันทันที ผมไม่รอให้มันนั่งหรือแม้แต่ผมเองก็ยังมีกระเป๋าเป้สะพายติดอยู่ที่หลัง
เหตุผลที่ผมต้องถามมัน เพราะก่อนที่ผมจะเข้าไปทักมันกับช้อป ทั้งสองคนเดินจับมือกันอยู่ ผมเข้าใจว่าช้อปกำลังตามจีบมิกซ์ แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้
“ยังไง มึงกับช้อปถึงไหนกันแล้ว” ผมย้ำคำถามเดิม
มิกซ์ดูอึดอัดไม่ยอมสบตากับผม
“ปะ...เป็นแฟนกันแล้ว”
“ห๊ะ!!!” ผมอุทานออกมาเสียงดัง เห็นเดินจับมือกันผมก็คิดแค่ว่าคงลองๆ เดทกันดู ไม่คิดว่ามิกซ์มันจะบอกว่ามันกับช้อปถึงขั้นเป็นแฟนกันแล้ว
ที่ผมตกใจไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ ก็เสือผู้หญิงอย่างมิกซ์ ทำไมมันถึงตอบตกลงไปเร็วขนาดนี้
ผมไม่ห่วงหรอกครับที่มิกซ์คบกับช้อป แต่กลัวว่ามันจะรีบตัดสินใจเร็วเกินไป มันยากนะครับที่จะเปลี่ยนตัวเองให้มาชอบผู้ชายด้วยกัน เพราะผมเองก็ผ่านจุดนั้นมาก่อน จุดที่ต้องนั่งคิดกับตัวเองว่าเราจะเลือกเดินทางนี้ ถึงวันนี้ผมมีความสุขที่เลือกเดินทางนี้ เพราะผมมีภาคอยู่ข้างๆ แต่กับมิกซ์ผมกลับเป็นห่วงว่ามันเองมั่นใจแล้วจริงใช่ไหมที่เลือกทางนี้ หากวันหนึ่งถ้ามิกซ์มันรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเดินทางนี้ได้ มันกับช้อปจะเป็นยังไงกันต่อไป
“มึงมั่นใจแล้วนะ” มันพยักหน้าตอบ แต่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม
“มึงคิดว่ากูจะทำอะไรมึงหรอ ก้มหน้าก้มตาอยู่ได้”
“ไอ้สัส!!! ก็กูอาย”
“เสือมิกซ์ของกูกลายเป็นแมวน้อยซะงั้น ฮาๆๆ”
“มึงว่าใครเป็นแมว” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม มันคงอายจริงๆ แหละครับ หน้านี้แดงเถือกเลยครับ
“มึงแน่ใจ๊” ผมเลิกคิ้วถามมัน ไม่ลืมที่จะหัวเราะในลำคอเล็กน้อย เดี๋ยวมันก็ได้รู้ครับว่ามันจะได้เป็นเสือหรือสุดท้ายจะได้เป็นแค่ลูกแมว
“มึงหมายความว่าไง” มันขมวดคิ้วถามผม ดูมันอยากจะได้คำตอบจากผมมากๆเลยครับ
“มึงรู้ไหม เวลาที่ผู้ชายคบกัน มันต้องมีคนหนึ่งเป็นรุก อีกคนเป็นรับ” ผมยกยิ้มมองหน้ามิกซ์ มันกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ สงสัยกำลังคิดภาพตามที่ผมบอกอยู่แน่
“แล้วมึงคิดว่ามึงจะเป็นแบบไหน” หน้ามันดูเครียดขึ้นมาทันทีครับ นี้หรอเสือที่มันบอก ผมมองไม่เห็นเสือในตัวมันแล้วครับ
“กูก็...ต้องรุกสิวะ” คำตอบของมันดูไม่มีความมั่นใจเอาซะเลยครับ
“มึงถามช้อปดูแล้วหรอ” ผมยังคงปั่นประสาทมันต่อ ดูซิว่ามิกซ์มันจะทำยังไง
“ไม่รู้ แต่ยังไงกูก็ต้องเป็นรุก” ถึงมันจะทำเหมือนว่ากำลังหนักแน่นกับคำพูดของมัน แต่ผมดูออกครับว่ามันคงกำลังคิดไม่ตกอยู่แน่ๆ ครับ
“งั้นก็ขอให้โชคดีนะ อย่าโดนช้อปกดเอาหละ” ผมเดินเข้าไปตบบ่า กระซิบข้างหูมันเบาๆ ขอให้มึงโชคดีละกันนะมิกซ์
“เป็นไงบ้าง” ผมเดินลงมาจากห้อง ตรงมาที่รถของภาค
“ขี้เสือกจังนะมึง” มันก็คงอยากรู้เรื่องของมิกซ์กับช้อปเหมือนกันครับ เพราะทันทีที่ผมเดินขึ้นมานั่งบนรถมันก็ถามผมเลย แต่ขอ กวนมันสักหน่อยครับ
“มึงไม่ขี้เสือกเลยนะ ลากมิกซ์ขึ้นไปขนาดนั้น” ดูมันยอกย้อนครับ แล้วทำไมมันไม่ถามช้อปเพื่อนรักของมันเองละครับ หลังๆ เห็นสนิทกันไม่ใช่เหรอ
“กูพี่มันไหมล่ะ”
“กูไม่เถียงมึงละก็ได้ แต่ตกลงเป็นไง”
“จะเป็นไงละ ก็เป็นแฟนกันแล้วนะสิ”
“มึงนี้มันจริงเลยนะช้อป” มันนั่งยิ้ม พูดถึงเพื่อนรักของมัน
ผมโยนกระเป๋าที่สะพายอยู่ที่หลัง ทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาห้องนั่งเล่น เฮ้อ...เหนื่อยครับกว่าจะกลับมาถึงกรุงเทพฯ แล้วนี่ภาคมันหายไปไหนอีกแล้วครับ เมื่อกี้ยังอยู่ด้วยกันอยู่เลย แต่ตอนนี้ผมขอไม่สนสนใจภาคมันสักวันนะครับ ผมขอตัวนอนพักก่อนละกัน เหนื่อยจนไม่อยากขยับตัวแล้วครับ
“อื้อ” ผมรู้สึกว่าเหมือนมีความเย็นจากของเหลวบางอย่างกำลังกระจายไปทั่วหน้าอกและท้อง ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น
'ห้องนอน' ผมคงถูกภาคมันอุ้มเข้ามาในห้องตอนที่ผมกำลังหลับอยู่ แต่ภาคมันกำลังทำอะไรอยู่หรอครับ ที่ผมถามเพราะตอนนี้ภาคมันกำลังนั่งคร่อมตัวผมอยู่
“ไอ้เหี้ยภาค” ผมดันตัวมันออก ถอยหลังกรูไปติดกับหัวเตียง
ผมก้มลงมองสำรวจร่างกายตัวเอง ความเย็นที่ผมรู้สึกก่อนหน้านี้น่าจะมาจากออยล์ เพราะลำตัวส่วนหน้าผมมันเงาไปเกือบทั้งหมด ผมมองไล่ต่ำลงไป ก็พบว่าท่อนล่างของผมตอนนี้มีเพียงกางเกงในหนังสีดำขลับปกปิดไว้เท่านั้น
ผมไล่มือสำรวจส่วนบนของผมต่อ
นี่มันอะไร ผมเลื่อนมือมาหยุดที่ลำคอของตัวเอง
“มึงเล่นอะไรอีกเนี่ย”
ผมหันไปจ้องเขม็นภาคมันทันที จับสิ่งที่อยู่ที่คอถามมัน
คำตอบที่ได้คือยิ้มหื่นๆจากมัน มันคลานเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ร่างกายมันตอนนี้ก็มีเพียงกางเกงในหนังแบบเดียวกันกับผม ที่ปกปิดส่วนล่างมันไว้เท่านั้น
มันคว้าส่ายหนังเส้นเล็กๆ ที่ต่อออกมาจากปลอกที่คอผม ใช่ครับมันคือปลอกคอกับสายจูงแบบเดียวกันกับที่ใช่กับสัตว์เลี้ยง ต่างกันเพียงวัสดุที่ใช้ในการทำ
นี่ใช่ไหมครับของที่อยู่ในกล่องพัสดุมันตอนนั้น ของเล่นชิ้นใหม่ที่มันเตรียมไว้สำหรับช่วงหลังสอบ
ผมเองก็ลืมคิดไปเลยว่าสัญญากับมัน ถึงผมจะจำได้ แต่ใครจะไปคิดละครับว่ามันคิดจะกดผมตอนนี้ เพราะผมกับมันเองก็เพิ่งกลับมาจากค่ายได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง เรายังไม่ได้พักให้หายเหนื่อยเลยด้วยกันทั้งคู่
ไม่ใช่สิครับ คงมีแค่ผมที่ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่ ดูมันจะไม่เหนื่อยอะไร แถมน่าจะมีแรงเหลือเฟือที่จะกดผมในตอนนี้
“มึงบอกกูเองว่าหลังสอบ” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“กู...อื้อ” มันแตะลิ้นที่ปลายคางผม มือข้างหนึ่งม้วนสายจูงให้สั้นลง
มันค่อยลากลิ้นของมันไล่ลงมาตามลำคอ มือข้างที่ว่างลูบวนที่หน้าอกและท้อง ผมควรขัดขืนมันดีไหมครับ แต่...อื้อ ทำไมมันเสียวแบบนี้ละครับ อ้า...
มันหยุดเล่นกับซอกคอ ผลักผมให้นอนราบไปกับเตียง หยิบขวดของเหลวใสที่อยู่ข้างเตียง เทลงที่ตัวผม มันโยนขวดออยล์นั้นออกไปข้างๆหลังจากที่เทมันลงบนตัวผมจนพอใจ มือสองข้างมันเริ่มไล่เกลี่ยออยล์ให้ทั่วตัว มันทิ้งตัวลงมาทับผม มือประคองที่คอและหัวผมไว้ หลังจากนั้นมันจึงค่อยๆขยับลำตัวให้แนบและถูวนบนตัวผม
ผมเพิ่งรู้ว่าความรู้สึกจากการใช้ออยล์ถูตัวมันเป็นแบบนี้ ลื่นๆ แต่ก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“ชอบหรอ ครางขนาดนี้ ฮาๆ” มึงยังมีหน้ามาขำกูอีกหรอ ผมทุบเข้าที่หลังมันไปทีหนึ่ง
แล้วนั้นอะไรอีกครับ ของที่อยู่ในมือมัน
แท่งพลาสติกทรงรีสีชมพูขนาดใหญ่กว่านิ้วหัวแม่มือเล็กน้อย ต่อเชื่อมด้วยสายไฟเส้นเล็กๆกับเข้ากับแท่งพลาสติกสีชมพูอีกอัน ดูแล้วเหมือนจะมีปุ่มกดด้วยครับ
“ครืดๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงสั่นดังออกมาจากอุปกรณ์นั้นหลังจากที่ภาคมันกดปุ่ม ผมเหมือนจะคุ้นๆกับอุปกรณ์ตัวนี้ เหมือนผมเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ใช่ครับผมจำได้แล้วว่าเคยเห็นเจ้าสิ่งนี้จากหนังโป๊ญี่ปุ่นที่นัทมันเปิดให้ผมดูตอนอยู่ที่หอ
‘ไข่สั่น’ มันคือไข่สั่นครับ ผมเคยเห็นเขาเอาไว้ใช้กับผู้หญิง แล้วนี่มันจะเอามาทำอะไรกับผมเหรอครับ
“อื้อ...” มันยกขาผมพาดที่บ่า ยัดอุปกรณ์นั้นเข้ามาในตัวผมทันที มันสั่นครับ มันสั่นอยู่ในตัวผมครับตอนนี้ ทำไมมันรู้สึกแปลกอย่างนี้ครับ อื้อ...
“ภาคเดี๋ยว...อ้า” มันไม่ฟังคำปรามจากผม มันดันน้องชายของมันตามเข้ามาทันที พร้อมกับเพิ่มระดับความสั่นให้มากขึ้นอีก
ความแรงจากการขยับสะโพกของภาค บวกกับแรงสั่นภายในตัวผมตอนนี้ ทำเอาตัวผมสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ความเสียวคุณสองที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาในตัวผมอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“อะ...อ้าๆ ๆ ๆ ๆ” ผมโน้มคอภาคลงมาจูบ ไม่รู้ว่าผมคิดยังไงถึงได้ทำแบบนี้ คิดแค่ว่ามันอาจช่วยให้ความเสียวนั้นลดลงได้บ้าง เพราะถ้าหากว่าความเสียวยังมากอยู่แบบนี้ ผมว่าร่างกายผมได้แตกเป็นเสี่ยงๆแน่
“เปลี่ยนท่าหน่อยนะ” ภาคจับผมพลิกตัวในท่าคุกเข่าหันหลังให้มัน โดยที่น้องชายและอุปกรณ์เสียวของมันยังอยู่ข้างในตัวผม มันไม่คิดจะปล่อยให้ผมเป็นอิสระสักหน่อยเลยเหรอครับ
มันเอื้อมตัวไปหยิบออยล์ขึ้นมาเทใส่หลังผมอีกครั้ง พร้อมก้มตัวแนบกับแผ่นหลังผม มันใช้ถูตัววนไปมาเหมือนกันกับที่มันทำที่ด้านหน้า ดูมันจะชอบมากเลยครับ ทั้งถู ทั้งขยับสะโพกเข้าหาผมอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ผมเองตอนนี้เหมือนจนทนไม่ให้แล้วครับ ใช่มือรูดน้องชายตัวเองบ้าง
“กูไม่ไหวแล้วภาค” ผมส่งเสียงกระเส่าเป็นสัญญาณให้มันรู้ว่า ผมเกือบถึงขีดจำกัดที่จะทนต่อความเสียวนี้ได้
“รอไปพร้อมกันนะ อ้า” มันเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น เสียงครางของเราทั้งสองดังประสานกันจนไม่รู้ว่าเสียงไหนเป็นของใคร
ขีดจำกัดของผมหมดลงแล้ว ผมปล่อยให้น้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกมาจนหมด ภาคมันก็คงไม่ไหวแล้วเหมือนกัน มันดึงน้องชายมันออก ถอดถุงยางปล่อยน้ำรักของมันพุ่งลงบนตัว จนเลอะปนกับของผมก่อนหน้า
มันทิ้งตัวลงนอนข้างๆ สอดท่อนแขนให้ผมหนุนแทนหมอน เสียงหายใจหอบของเราทั้งสองคนยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
“เมื่อไหร่มึงจะเอามันออกไปซะที” ของเล่นชิ้นนั้นยังคงสั่นอยู่ภายในตัวผมอย่างต่อเนื่อง เมื่อไหร่มันจะเอาออกให้ผมซะทีครับ ตอนนี้เหมือนมันเริ่มกระตุ้นจุดอารมณ์ของผมขึ้นมาอีกครั้งแล้วด้วย
“แข็งชี้หน้ากูขนาดนั้น สงสัยต้องต่อกันอีกรอบแล้วหละ” มันไม่รอให้ผมห้าม ก้มหน้าลงไปใช้ปากกับน้องชายผมทันที
“อื้อ...อ้า...ภาค” ผมต้องโทษของเล่นของมันหรือต้องโทษน้องชายตัวเองที่ไม่รักดี ดันลุกขึ้นมาชี้หน้าภาคมันเองแบบนี้ ผมสุดท้ายแล้วผมก็ต้องโดนภาคมันกดไปอีกรอบเต็มๆ เล่นเอาผมเหนื่อยจนหมดแรงฟุบหลับคาอกภาคมันไปเลยครับ
แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องนอน ผมพลิกตัวเปลี่ยนเป็นท่านอนตะแคง มือข้างหนึ่งคลำบนที่นอนเพื่อหาตัวภาค
ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น พยายามกวาดสายตาไปรอบๆห้อง ภาคมันหายไปไหนเหรอครับ ปกติผมตื่นขึ้นมาต้องเจอมันนอนกอดผมทุกเช้า แต่วันนี้มันหายไปไหน ผมหยิบโทรศัพท์ข้างเตียงขึ้นมาดูเวลา ห๊ะ!! หน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาว่าเกือบเที่ยงแล้ว นี่ผมหลับยาวขนาดนี้เลยเหรอครับ ปกติผมจะเป็นคนตื่นเช้าทุกวันถึงจะทำงานหนักแค่ไหน ร่างกายผมก็ตื่นเองโดยอัตโนมัติทุกวัน สงสัยคงเป็นเพราะอาการเหนื่อยสะสมมั้งครับ ทั้งที่เพิ่งกลับมาจากค่าย เมื่อคืนยังมาโดยภาคมันกระหน่ำไปสองรอบเต็มๆ คงไม่แปลกที่ผมจะเหนื่อยจนตื่นสายแบบนี้
แต่ที่แปลกคือภาคมันออกไปไหนโดยที่ไม่บอก
ผมเดินหอบร่างตัวเองออกมาที่ห้องนั่งเล่น เพราะเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วไม่เจอมัน ผมเดินต่อไปที่ห้องครัวก็ยังคงไม่เจอ ผมยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหามัน
“ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ดๆ ๆ ๆ ๆ” ผมมองที่โทรศัพท์ ทำไมภาคมันไม่รับสายผม มันหายไปไหนของมันครับ
ผมเดินถือชามบะหมี่ที่เพิ่งต้มเสร็จมาวางที่โต๊ะหน้าทีวี
“ติ๊ดๆ ๆ ๆ” เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น
‘กูออกมาทำธุระข้างนอก มึงกินข้าวเที่ยงก่อนเลยไม่ต้องรอ’ ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความจากภาค
ผมก็เข้าใจว่าภาคมันคงมีธุระส่วนตัวของมันบ้าง ถ้าจะให้มาตัวติดกับผมตลอดคงไม่ได้ใช่ไหมครับ
แต่ผมก็แอบคิดกับตัวเองว่าอย่างน้อยมันก็ต้องบอกให้ผมรู้บ้าง ผมเองก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมัน
ผมลงตัวลงนอนที่โซฟาหลังจากที่ทานบะหมี่เสร็จ ในมือถือรีโมทกดเปลี่ยนช่องสลับไปมา ไม่รู้จะดูอะไรครับดูช่องไหนก็เบื่อไปหมด จะว่าไปแล้วถึงภาคมันจะคอยกวนผมตลอดตอนอยู่ด้วยกัน แต่พอมันไม่อยู่ด้วยผมกลับรู้สึกเหงาแปลกๆ
‘รีบกลับมานะ' ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปให้มัน
“กรี๊งๆ กรี๊งๆ” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับทันที สงสัยภาคมันจะโทรกลับมาหาผมนะครับ
“เมื่อไหร่จะกลับ รอนานแล้วเนี่ย” ผมพูดกรอกใส่โทรศัพท์ กะว่าจะให้มันรีบกลับมาหาผม
[หนูม่อนใช่ไหม] เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงภาคแต่เป็นเสียงผู้หญิงครับ ผมยกโทรศัพท์ออกจากหู ดูว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นใคร ไม่ใช่เบอร์ภาคมันจริงๆครับ ผมคิดว่าเป็นมันจนลืมดูเบอร์ที่โทรเข้ามา
แล้วเธอเป็นใครครับ คนที่โทรเข้ามาหาผม
ผมคิดดูแล้วว่าไม่น่าจะใช่บรรดาสาวๆหรือกิ๊กของภาคมันแน่ๆ เพราะดูจากน้ำเสียงที่ดูมีอายุแล้ว คำสรรพนามที่ใช่เรียกผมยังเป็น ‘หนู’ อีก
ผมยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอีกครั้ง
“ขอโทษครับ พอดีผมนึกว่าเพื่อนผมโทรมาครับ แล้วนั้นใครครับ”
[น้าเป็นแม่ของภาคจ๊ะ น้ามีเรื่องจะคุยกับหนู......]