{ เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; แจ้งข่าวเปิดพรี 15 กุมภาพันธ์ - 21 มีนาคม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; แจ้งข่าวเปิดพรี 15 กุมภาพันธ์ - 21 มีนาคม  (อ่าน 52933 ครั้ง)

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 23 12/6/20 p.8
«ตอบ #240 เมื่อ13-06-2020 20:45:55 »

ครูซซซซซ จะคิดเองน้อยใจเองไม่ได้

ทำไมน่าเอ็นดูขนาดนี้
ชอบความร้องไห้เป็นเพื่อนลูกจนลูกงง ต้องมาปลอบแม่แทน
ไหนจะหลงทางในห้องอีก

เนี่ย เอ็นดูววววว

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 23 12/6/20 p.8
«ตอบ #241 เมื่อ13-06-2020 22:55:50 »

งอแงมากอ่ะ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนพิเศษ : วาติกัน กี้!

   
วันนี้ภารกิจหลักในฐานะวาติกันของผมคือการปราบ ‘ดิออน’ แวมไพร์ตัวร้ายอายุห้าร้อยกว่าปี ที่ว่ากันว่าฆ่ามนุษย์ไปแล้วนับพันคน หน้าตาน่ากลัวแถมยังชอบทรมานมนุษย์เล่นอีก
   
“ทำไมต้องเป็นผมด้วย”
   
ผมงอแงกับภารกิจในมือที่ผมปฏิเสธไม่ทำไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยทำอะไรเลยในฐานะลูกชายคนโตของตระกูลวาติกัน วันๆ ผมหมกมุ่นอยู่กับการกินขนมแล้วก็หนีภารกิจของสำนักวาติกันที่แต่ละอย่างไม่น่าพิสมัยสักนิด มีตั้งแต่ปราบปีศาจให้ชาวบ้าน ชำระล้างของต้องสาป ทำลายแหล่งซ่องสุมของปีศาจ แล้วก็อะไรไม่รู้เต็มไปหมด แต่ที่แน่ๆ คือผมไม่อยากทำอะไรเลย
   
ก็พวกปีศาจน่ากลัวอ่ะ แค่มันแยกเขี้ยวใส่ผม ผมก็จะร้องไห้แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าผมผ่านหลักสูตรวาติกันขั้นต้นมาได้ยังไงเหมือนกัน สอบไปร้องไห้ไปแต่สุดท้ายได้คะแนนท็อปเฉยเลย
   
พ่อพอเห็นคะแนนผมก็บอกผมมีแววแล้วก็ยัดภารกิจนี้ให้ผม
   
ฮึก แค่ผมเห็นรูปของดิออน ผมก็กลัวแล้วอ่ะ แวมไพร์บ้าอะไรตัวใหญ่ขนาดนี้ แล้วทำไมเขี้ยวแวมไพร์มันถึงยาวตั้งครึ่งเมตร ใครเป็นคนสเก็ตรูปเนี่ย ผมว่ามันไม่ใช่รูปจริงละ รูปปลอมแน่ๆ แต่ผมก็กลัวดิออนอยู่ดี
   
แวมไพร์อายุตั้งห้าร้อยปีเชียวนะ! ภารกิจก่อนๆ ผมแค่ไปจับลูกมนุษย์หมาป่าจากฟาร์มเลี้ยงหมาเอง ทำไมต้องเอาภารกิจสุดโหดระดับเอมาให้ผมทำด้วย
   
ชีวิตของผมก็มีแค่ชีวิตเดียวเอง ตายแล้วตายเลยนะ แงงงงง
   
ผมน้ำตาคลอตอนที่เดินเข้าไปในงานปาร์ตี้ของลูกนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่ง ซึ่งคืนนี้ก็จัดในธีมแฟนตาซี ผมเลยแต่งตัวเป็นพวกวาติกันเพราะขี้เกียจหาเครื่องแบบใหม่
   
“คนเดียวนะครับ”
   
“ครับ”
   
ผมก้มหัวปลกๆ ให้เจ้าหน้าที่ที่ยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร เพราะบัตรเชิญที่ผมเอามานั้นค่อนข้างพิเศษนิดหน่อย เป็นบัตรที่ทางสำนักวาติกันจัดหามาให้โดยเฉพาะและแถมสิทธิพิเศษมากมาย ฉะนั้นสถานะผมตอนนี้ในสายตาเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเจ้าของงานนัก
   
ผมเข้ามาในงานด้วยความรู้สึกหวาดระแวง เนื่องจากพอเข้ามาในงานแล้วทุกอย่างนั้นก็มืดสลัว มีเพียงไฟแสงสีกับเสียงเพลงจังหวะหนักๆ จากดีเจที่ช่วยขับกล่อมให้บรรยากาศสนุกสนาน
   
แน่นอนว่าถ้าผมเป็นคนมาร่วมงานปกติ ตอนนี้ก็คงเป็นอีกคนที่ไปเลื้อยแถวเวทีแล้ว แต่เพราะวันนี้มาพร้อมกับบทบาทวาติกันที่ต้องปราบปีศาจแวมไพร์ใจร้าย ผมเลยต้องจริงจังกับงาน
   
เอาเข้าจริง ผมแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าแวมไพร์นี่ด้วยซ้ำ รู้อย่างเดียวคือเป็นแวมไพร์ที่โหดมาก แต่คำถามคือทำไมต้องให้ผมมาปราบเจ้าแวมไพร์นี่ก่อน พ่อเบื่อหน้าผมแล้วเหรอ ทำไมทุกคนต้องใจร้ายกับผมด้วย
   
คิดแล้วผมก็น้ำตาคลออีก ถ้าวันนี้ผมพลาดผมก็คงตายอ่ะ แต่ถ้าผมไม่ปราบดิออน มันก็คงไปไล่ฆ่าคนอื่นในสำนักอีก  ฉะนั้นหน้าที่หนึ่งเดียวของผมในวันนี้คือปราบมันให้ได้!!
   
ผมพยายามคิดอย่างฮึกเหิม แต่กลับไม่สามารถแงะตัวเองออกจากมุมห้องได้สักนิด ผมยืนตัวสั่นในความมืดแล้วพยายามมองหาเป้าหมายของผมในห้องมืดสลัวนี่
   
“ฮึ่ย”
   
ผมหน้าบูดเพราะมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง แถมทุกคนก็แต่งตัวเป็นปีศาจกัน คือผมก็แยกไม่ออกด้วยว่าคนไหนมนุษย์หรือคนไหนปีศาจ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากลองเอาน้ำมนต์ที่พกมาสาดใส่ทุกคนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
   
“มาคนเดียวเหรอครับ”
   
ผมที่กำลังหงุดหงิดกับตัวเองอยู่ๆ ก็ถูกใครก็ไม่รู้ทัก และพอเงยหน้ามองผมก็กลืนน้ำลายเอือกทันที
   
หล่อชะมัดเลย
   
ผมยิ้มตอบใครก็ไม่รู้ที่เข้ามาทักผมคนแรกในงาน (ไม่นับเจ้าหน้าที่ตรวจบัตร) และลองสำรวจอีกฝ่ายตามรูปลักษณ์ที่สำนักวาติกันให้มาทันที
   
ตัวใหญ่  …เช็ค

ผมสีดำ  ...เช็ค

“คุณ”

ตาสีเทา  ...เช็ค

ผมเบิกตากว้างเพราะคนๆ นี้เข้าข่ายเป็นแวมไพร์ที่ผมตามหาไปสามอย่างแล้วอ่ะ เหลือแค่เขี้ยวยาวครึ่งเมตรที่ไม่มีอ่ะ

“ครับ ผมมาคนเดียว”

แต่ให้ตายเหอะ ต่อให้เป็นปีศาจแต่นี่ก็โคตรเสป็คผมเลยอ่ะ

“ผมก็มาคนเดียวเหมือนกัน”

เขายิ้มเล็กๆ ให้ผมจนผมหน้าแดง

สาบานได้เลยว่าถ้าผมไม่ได้มาปราบปีศาจอะไรนั่น ผมคงจะไปกับคนๆ นี้แล้ว เอาเข้าจริงตอนนี้ในหัวผมแทบไม่มีเรื่องปราบปีศาจแล้วด้วยซ้ำ

“ผมชื่อครูซ”

ผมบอกชื่อเขาก่อนที่เขาจะถามผมอีก
   
“ครับ”
   
เขายิ้มมุมปากให้ผมแต่ไม่ยอมบอกชื่อจนผมรู้สึกเสียใจนิดหน่อย แต่ก็นะ ผมไม่โกรธหรอก
   
ผมยิ้มจนตาหยีและยื่นมือไปรับเครื่องดื่มจากเขาที่อุตส่าห์หยิบมาเผื่อผมด้วย ซึ่งในขณะที่ผมกำลังรับมา แสงไฟก็ส่องมาทางเขาพอดี
   
“!”   
   
เครื่องแบบแวมไพร์ ...เช็ค
   
;w;
   
นี่มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่าอ่ะ ไม่หรอกมั้ง เขาคงไม่ใช่แวมไพร์หรอก คงเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆ ที่แต่งตัวเป็นแวมไพร์เฉยๆ แหละ ผมคงไม่ซวยขนาดเจอแวมไพร์สุดโหดนั่นพอดีหรอก
   
“แต่งตัวเป็นอะไรเหรอครับ”
   
เขาถามผมแล้วขยับมายืนพิงผนังเข้าๆ ผมเพื่อที่จะได้ไม่เกะกะคนอื่น
   
“วาติกัน”
   
ผมตอบง่ายๆ แล้วแทะช็อกโกแลตที่เอามาด้วยแก้เครียด ขณะเดียวกันผมก็พยายามกวาดตามองหาสิ่งผิดปกติในงานต่อ
   
“ใส่แล้วน่ารักนะ”
   
“...แค่ก!”
   
ผมตกใจจนเกือบจะสำลักช็อกโกแลต ให้ตายเหอะ ก่อนจะเจอแวมไพร์ใจร้ายนั่น ผมคงจะช็อกโกแลตติดคอตายก่อนแล้วอ่ะ
   
เขาขยับตัวเข้ามาลูบหลังผมที่สำลักก่อนจะชะงักไปตอนที่แตะโดนคอผม
   
“...”
   
“...”
   
ผมกับมันจ้องหน้ากันนิ่ง
   
“ดิออน?”
   
ถึงผมจะเขินที่มันชมอยู่ แต่ผมก็ยังไม่ลืมว่าวันนี้ผมมาทำอะไร
   
มันไม่ตอบแต่ยิ้มให้ผม แน่นอนว่าผมตกใจมากแล้วก็รีบเตรียมอาวุธของตัวเองทันที ดีนะที่นอกจากบนคอผมจะมีรอยสักของวาติกันแล้วก็ยังมีสร้อยคอไม้กางเขนห้อยอยู่อีกเป็นสิบ ไหนจะน้ำมนต์กับกระเทียมที่ผมเตรียมมาอีก   
   
วันนี้ผมจะไม่ยอมตายเพราะดิออนหรอก!   
   
“ที่อื่นไหม”
   
มันถามผมนิ่งๆ นัยน์ตาสีเทาของเปลี่ยนเป็นสีแดงเรืองรอง ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าไม่ผิดตัวแน่ๆ แต่ขอด่าหน่อยเถอะ ไอ้คนที่สเก็ตรูปมันมีตาไหมเนี่ย ดิออนตัวจริงไม่เห็นจะเหมือนในรูปสเก็ตสักนิด
   
“ห้องน้ำ”
   
ถึงผมจะไม่รู้ก็เถอะว่าระหว่างมันกับผม ใครมีพลังมากกว่ากัน แต่ผมก็ไม่อยากทำลายงานวันเกิดนี่และตัวตนของวาติกันกับปีศาจในสังคมก็เป็นความลับด้วย
   
คือคนส่วนใหญ่ก็รู้แหละว่ามี แต่ไม่แน่ใจว่ามีจริงๆ ไหม
   
ผมกับดิออนแกล้งทำท่าเป็นคู่รักอย่างรวดเร็ว ผมขยับตัวเข้าไปหามันส่วนมันก็โอบเอวผมมอย่างสนิทสนม ให้ตายเหอะ ทำไมมันต้องเป็นแวมไพร์ด้วยเนี่ย
   
ผมลากมันเข้าไปในห้องน้ำของพวกวีไอพีแล้วก็จัดการล็อกห้องน้ำอย่างแน่นหนาโดยที่ไม่ลืมที่จะแขวนป้ายกำลังทำความสะอาดห้องน้ำหน้าห้องตามสเต็ป
   
ผมเงยหน้ามองดิออนที่ตอนนี้มันก็ยังคงอยู่ในร่างมนุษย์และมองผมยิ้มๆ
   
โอ๊ย หล่อชะมัดเลยอ่ะ
   
“นายเป็นแวมไพร์จริงอ่ะ”
   
คือรู้ว่าเป็นจริงแหละ แต่ก็เสียดายไง
   
ผมคิดเซ็งๆ แล้วหยิบกระเทียมขึ้นมากำไว้ เตรียมจะปาใส่มันถ้ามันเข้ามาใกล้ผมมากกว่านี้
   
มันมองผมแล้วหัวเราะก่อนจะเผยเขี้ยวของมันให้ผมเห็น
   
“!!!”
   
ผมถอยกรูดจนหลังไปชิดกับประตู
   
เขี้ยวมันยาวมาก!!
   
ถึงเขี้ยวมันจะยาวไม่ถึงครึ่งเมตรก็เถอะ แต่เขี้ยวมันก็ยาวกว่าแวมไพร์ทั่วไปอยู่ดี
   
น่ากลัวอ่ะ แงงงงง
   
“ฮึก นายไม่หล่อแล้ว! เอาเขี้ยวออกไปเลย”
   
ผมงอแงไม่พอแล้วปากระเทียมใส่มันเพื่อประท้วง แน่นอนว่าในหลักสูตรปราบแวมไพร์ที่ผมเรียนมาไม่ค่อยแนะนำให้ใช้กระเทียมเท่าไหร่ แต่ผมก็ใช้อยู่ดีเพื่อความอุ่นใจ
   
แปะ แปะ
   
ผมมองกระเทียมที่ไฟไหม้ก่อนถึงตัวมันตาค้าง
   
นี่มันเกินความยากระดับเอแล้ว นี่มันภารกิจระดับเอสเอสชัดๆ !!
   
“พ่อหลอกผมมาตายแน่ๆ เลย อ่ะ แงงงงง ทำไม ทำไมต้องเป็นผมต้องมาสู้กับนายด้วย”
   
ผมร้องไห้ไปโยนกระเทียมทีเหลือในกระเป๋าจนหมดก่อนจะหยิบกระบอกน้ำมนต์ขึ้นมาฉีดๆ ใส่อากาศ
   
“...”
   
แวมไพร์ตัวร้ายขมวดคิ้วใส่ผมเหมือนงงว่าผมกำลังทำอะไร แต่ให้ตายเถอะ นี่ผมกำลังฉีดน้ำมนต์อยู่นะ ทำไมมันถึงไม่เป็นอะไรเลยอ่ะ แวมไพร์ตัวก่อนๆ ที่ผมเคยเจอคือลงไปดิ้นพล่านบนพื้นเหมือนแมลงสาบแล้ว
   
“อย่าฆ่าผมเลยนะ ฮึก”
   
ผมกลัวจนตัวสั่นเพราะฉีดน้ำจนเกือบหมดกระบอกแล้ว มันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย หรือวันหลังผมควรเอาไบก้อนมาฉีดพวกแวมไพร์ดี
   
และที่แย่ที่สุดคือนอกจากมันจะไม่ฟังแล้ว มันยังเดินเข้ามาหาผมอีก
   
“ฮึก”
   
ผมสะอื้นจนหมดสภาพเพราะดูทรงแล้วผมไม่น่ารอดถึงพรุ่งนี้
   
“ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมสัญญาเลยว่าจะไม่บอกใครว่าเจอนาย”
   
ผมกอดกระบอกน้ำแน่น ในนั้นมีน้ำมนต์มีนั้นเหลือนิดหน่อย ถ้าดิออนมันใจร้ายไม่ยอมปล่อยผมไป ผมก็กะจะฉีดมันอีกใส่หน้ามันสักฟืดแล้วค่อยสู้สุดชีวิต
   
“ใครบอกนายว่าฉันฆ่ามนุษย์”
   
ดิออนมันหยุดยืนตรงหน้าผมแล้วขมวดคิ้วมุ่น
   
“ก็นายอ่ะ เป็นแวมไพร์โรคจิตที่ชอบทรมานมนุษย์เล่นไม่ใช่เหรอ! ฮึก แถมยังฆ่าคนเป็นร้อยอีก อย่าเอาผมเข้าไปเป็นคนที่หนึ่งพันเลยนะ แงงงง”
   
น้องครูซก็ถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว
   
ใจดีกับวาติกันตัวน้อยๆ อย่างผมหน่อยเถอะ
   
“..ฮึก สงสารผมเถอะนะ ผมยังกินขนมไม่ครบทุกร้านเลย”
   
ผมช้อนตามองมันด้วยท่าทางน่าสงสาร นี่น่ะ เป็นท่าไม้ตายของผมที่แม้แต่พ่อผมที่ใจแข็งมากยังพ่ายแพ้เลยนะ!
   
“...”
   
มันชะงักตอนที่เห็นท่าทางของผม ซึ่งผมก็พยายามอย่างยิ่งไม่ให้ตัวเองน้ำตาไหลพรากออกมาด้วย เพราะมันคงจะทำให้ผมดูน่าสมเพชมากกว่าน่าสงสาร
   
เอาเข้าจริง ผมตอนนี้ไม่มีใจจะสู้แล้วซ้ำ
   
แค่มันฝังเขี้ยวใส่คอผม ผมก็คงช็อคตายแล้วอ่ะ
   
“..ให้ทำไม”
   
ดิออนถามผมตอนที่ผมยื่นกระบอกใส่น้ำมนต์ให้มันเพื่อแสดงว่าผมยอมแพ้มันจริงๆ
   
“น้ำมนต์ไง ผมยอมแพ้แล้ว อย่าฆ่าผมเลยนะ”
   
จริงๆ มีมีดเงินซ่อนอยู่ในชุดอีก แต่ผมไม่ให้มันหรอก ถ้ามันจะฆ่าผมจริง สู้ผมฆ่าตัวตายก่อนที่จะโดนมันทรมานยังดีกว่าเลย ผมน่ะ ทนเจ็บนานๆ ไม่ได้หรอกนะ
   
ดิออนมันขมวดคิ้วมุ่นและมองผมงงๆ
   
“..ไม่ใช่น้ำเปล่าเหรอ”
   
“...”
   
นี่ผมหยิบมาผิดอัน?
   
เพื่อคลายความสงสัยผมเผลอฉีดใส่หน้าดิออนอีกฟืดทันทีโดยไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำ
   
“!!!!”
   
พอได้สติผมก็แทบร้องไห้ออกมา
   
ผมหยิบมาผิดจริงๆ ด้วย!! แต่ที่แย่กว่านั้นคือผมไปยั่วประสาทมันอีก ตายแน่ๆ ตายแหง๋ๆ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต น้องครูซไม่น่ารอดถึงห้านาทีข้างหน้าด้วยซ้ำ แงงงงง
   
“อย่าร้อง”
   
มันโยนกระบอกน้ำที่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมตายทิ้งแล้วดึงมือผมที่ปิดหน้าอยู่ออก
   
แน่นอนสิ่งที่มันเห็นแน่ๆ คือสีหน้าสิ้นหวังของผมอ่ะ ผมร้องไห้จนน้ำตาจะท่วมห้องแล้วเนี่ย
   
“ไม่ร้องได้ไง ผมจะตายแล้วอ่ะ”
   
ผมสะอื้นด้วยความหวาดกลัว แต่ลึกๆ ก็แอบขำหน้าดิออนที่ชุ่มไปด้วยน้ำที่ผมฉีด
   
“ก็ไม่ได้จะฆ่าสักหน่อย”
   
“ถ้าไม่ฆ่า นายก็เก็บเขี้ยวสิ ผมกลัวจะแย่แล้ว”
   
ไม่ใช่อะไร เขี้ยวมันแทบจะทิ่มตาผมแล้วเนี่ย
   
“ก็ได้”
   
ดิออนมันขมวดคิ้วแต่ก็ยอมเก็บเขี้ยวแต่โดยดี จนมันกลับมาเหมือนมนุษย์ปกติอีกครั้ง ให้ตายเหอะ ผมว่าไอ้คนสเก็ตรูปคงไม่เว่อร์เกินไปแล้วแหละ ถ้าดิออนคืนร่างแวมไพร์เต็มตัว ผมคงวิ่งหนีคนแรกเลยมั้ง
   
ถึงมันอาจจะหล่อมากๆ แต่ถ้ามองแล้วตาย ผมก็ไม่เอาด้วยหรอกนะ
   
“นายคือดิออนคนนั้นจริงๆ เหรอ”
   
ผมเงยหน้ามองมันที่ดูยังไงก็ไม่เห็นมันจะโรคจิตตรงไหนเลย ก็ดูเป็นคนที่คุยรู้เรื่องอ่ะ
   
“ไม่รู้สิ” ดิออนไหวไหล่ใส่ผมยิ้มๆ “วาติกันก็ชอบใส่ร้ายปีศาจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
   
“ก็จริง”
   
เวลาจะเชื่ออะไรในภารกิจนี้บางทีต้องหารแปดหารสิบอ่ะ ถึงจะได้ความจริง แบบพวกที่มาปล่อยภารกิจต่อก็ชอบเขียนเว่อร์ๆ ให้กลัวไปก่อนอ่ะ ไม่รู้เป็นอะไรกัน
   
ส่วนผมเหรอปกติไม่ค่อยรับภารกิจหรอก ถ้าไม่ถูกบังคับอ่ะ
   
“นายอายุเท่าไหร่แล้วอ่ะ”
   
เพราะบรรยากาศในห้องที่ดูสบายๆ ขึ้น ผมเลยรู้สึกเกร็งน้อยลง ผมถามมันด้วยความอยากรู้ เอาเข้าจริง ผมอยากให้วาติกันเป็นมิตรกับปีศาจด้วยซ้ำ คือไม่ใช่ปีศาจทุกคนที่จะเลวร้ายอ่ะ
   
“จูบหนึ่งครั้งเท่ากับหนึ่งคำตอบ มนุษย์”
   
ดิออนจงใจตอบผมด้วยภาษาโบราณ แต่ให้ตายเหอะ มันทำให้ผมชอบมันมากกว่าเดิมอีก
   
ผมที่พอแน่ใจแล้วว่ามันไม่ฆ่าผมแน่ๆ ก็ใจกล้าขึ้นมาทันที ผมเขย่งเท้าและโน้มคอมันลงมาจูบ ปล่อยให้มันสัมผัสร่างกายผมตามอำเภอใจเพราะผมโคตรจะชอบมันเลย
   
จูบอยู่สักพักผมก็ดันมันออก
   
ผมหน้าแดงกว่าเดิมตอนที่เห็นมันเลียริมฝีปากเหมือนเสียดาย
   
“สามร้อยกว่าๆ ”
   
ดิออนตอบผมแล้วก้มมองคอผมที่ตอนนี้เสื้อเปิดจนเห็นทั้งไม้กางเขนกับรอยสัก
   
“เอาออกได้ไหม”
   
“สัญญาก่อนว่าจะไม่ฆ่าผม”
   
บอกตามตรงว่าสร้อยไม้กางเขนที่ผมห้อยอยู่นี่ ช่วยชีวิตผมมาหลายครั้งละ ปกติวาติกันห้อยกันอันเดียวแต่ผมห้อยเป็นสิบเหมือนคนห้อยพระเครื่องอ่ะ เวลาพวกปีศาจเห็นก็จะพยายามเลี่ยงผม
   
“อืม”
   
มันพยักหน้าเล็กๆ ให้ผม ซึ่งผมก็ยอมถอดออกอย่างว่าง่าย
   
คือผมก็รู้แหละว่าไม่ควรเชื่อใจดิออนขนาดนี้ แต่ผมก็ชอบมันอ่ะ มันดูไม่ใช่ปีศาจที่วาติกันกำลังล่าด้วย ฉะนั้นผมกับมันน่าจะแอบกุ๊กกิ๊กกันได้โดยที่ไม่มีใครรู้
   
ผมวางสร้อยคอไว้กับอ่างล่างหน้าใกล้ๆ แล้วกลับมาหามัน
   
“อยากรู้อะไรอีก มนุษย์”   
   
“อยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะจูบผมอีก”
   
ผมหัวเราะตอนที่มันเหมือนอดใจไม่ไหวก้มลงมาจูบผม ผมหลับตาครางในลำคอตอนที่มันใช้ปลายนิ้วขยี้หัวนมแรงจนความเสียวซ่านแทบจะทำให้ผมยืนไม่ไหว
   
“เจ้าเป็นวาติกันจริงๆ หรือ”
   
ผมปรือตามองมันแล้วยิ้มบาง
   
“อยากชิมเลือดข้าไหมล่ะ ปีศาจ”
   
ให้ตายเหอะ ผมขอบคุณตัวเองในอดีตที่ไม่โดดเรียนวิชาภาษาโบราณ
   
ผมดันหน้ามันที่จะฝังเขี้ยวที่คอออกและยื่นแขนให้มันกัดเพราะน่าจะทำให้ผมกลัวน้อยที่สุดแล้ว
   
แน่นอนว่าถ้าพ่อผมรู้ว่าผมทำอะไรแบบนี้ พ่อต้องด่าผมแน่ๆ แต่ก็นะ ที่นี่ก็มีแค่ผมกับดิออนอ่ะ ถ้าผมกับมันไม่พูดซะอย่าง ก็ไม่มีใครรู้หรอก
   
ดิออนมันลูบแขนผมเบาๆ ก่อนที่จะจูบที่ข้อมือผมและฝังเขี้ยวใส่แขนผม
   
“ฮึก”
   
เจ็บ!!!
   
ผมน้ำตาแตกแต่ก็ยอมให้มันกินเลือด เพราะเคยได้ยินจากพวกแวมไพร์ที่ผมเคยจับได้บอกว่าเลือดวาติกันอร่อยมาก ซึ่งพวกมันก็ขอผมกินก่อนตายอ่ะ แต่แน่ล่ะ พอพวกคนในสำนักได้ยินแบบนั้น พวกแวมไพร์ก็กลายเป็นค้างคาวปิ้งในพริบตา
   
นี่เป็นครั้งแรกเลยอ่ะ ที่ผมสนิทสนมกับพวกปีศาจขนาดนี้
   
ผมสบตากับมันที่กลืนเลือดของผมอย่างใจเย็นและจ้องผมไปด้วย
   
“..พอแล้ว”
   
ผมบอกมันเบาๆ เพราะตัวผมก็แค่นี้อ่ะ เลือดไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ถ้ามันกินเยอะกว่านี้ผมก็คงจะเป็นลม ซึ่งมันก็ยอมทำตามแต่โดยดี
   
เป็นรูเลยอ่ะ
   
ผมมองแขนตัวเองหงอยๆ แต่ก็ดีหน่อยที่เลือดหยุดไหลแล้ว เอาเข้าจริงถ้ามีคนบอกผมว่าแวมไพร์คือยุงที่ตัวใหญ่เฉยๆ ผมก็เชื่อนะ
   
ดิออนมันมองผมเหมือนเสียดายก่อนที่มันจะจูบผมหนักๆ อีกครั้ง
   
“ไว้เจอกัน มนุษย์”
   
ผมขมวดคิ้วกำลังจะถามมันว่าหมายถึงอะไร ประตูห้องน้ำก็มีเสียงไขกุญแจและทุบเพื่อที่พยายามจะเปิด
   
“อืม ไว้เจอกันอีกนะ”
   
ผมรีบจัดแจงสภาพตัวเองให้กลับมาเหมือนเดิม แต่ให้ตายเหอะ ผมยังอยากทำอะไรๆ กับมันต่ออ่ะ ทำไมต้องมีคนมาขัดจังหวะด้วย!!
   
ผมหันไปทางดิออนอีกครั้งก็ถึงเห็นว่าหายไปกับความมืดแล้ว
   
“นายน้อยเป็นอะไรรึเปล่าครับ!!”
   
“นายน้อย!”
   
“นายน้อยยังไม่ตายใช่ไหมครับ!!”
   
ลูกน้องคนสนิทของพ่อประมาณสิบคนกรูเข้ามาในห้องและแย่งกันถามถึงสวัสดิภาพของผมกันอย่างไม่น้อยหน้า จนทำให้ผมอารมณ์บูดยิ่งกว่าสิบเท่า
   
ผมก็บอกพ่อไปแล้วอ่ะว่าไม่ต้องส่งคนมาเฝ้าผม แต่พ่อก็ยังส่งมา ฉะนั้นไอ้ที่ผมอ่อยดิออนเมื่อกี้ก็อาจจะโดนเอาไปฟ้องพ่อแน่ๆ
   
“นายน้อย!!”
   
“ผมสบายดี แล้วฝากบอกพ่อด้วยว่าผมไม่ทำภารกิจล่าดิออนแล้ว หักค่าขนมผมไปเลย เดือนนี้ผมจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นแล้วก็จะไม่กลับบ้านด้วย!”
   
ผมโวยวายแล้วเดินฝ่าออกไปเซ็งๆ
   
วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุดเลย!

-------------

ยัยน้องเป็นวาติกันก็ยังกากอยู่ดี 555555555555555555555
#ห้ามปิ้งค้างคาว

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ครูซก็ยังเป็นครูซ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 24 28/6/63 p.9
«ตอบ #246 เมื่อ28-06-2020 11:59:03 »

ตอนที่ 24

   
หลังจากที่ผมกับดิออนปรับความเข้าใจกันได้ วันต่อมาผมก็เลยแอบไปตรวจดูและพบว่าสัญชาตญาณความเป็นพ่อของดิออนมันแรงมาก
   
ผมท้องจริงๆ ด้วย!!!!!
   
ผมนั่งช็อคในห้องพยาบาลและติดสินบนกับพยาบาลไว้กับคนที่ตรวจผมว่าไม่ให้บอกใครว่าผมท้องอีกแล้ว เพราะถ้าทุกคนรู้ผมก็จะโดนกักบริเวณอีก ให้ตายเถอะ ถึงผมจะต้องการความรักแต่ก็ไม่ต้องการความรักมากเกินไปนี่นา
   
เชื้อของดิออนจะแรงเกินไปแล้ว นี่ใจคอมันจะให้สมาคมแวมไพร์มีสมาชิกเกินสองร้อยครั้งแรกในรอบสองพันปีเรอะถามจริง ที่ผ่านมาคือนานๆ ทีจะมีเด็กในสมาคมอ่ะ
   
ไม่ได้ ก่อนที่ทุกคนจะรู้ว่าผมท้อง ผมต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่นี่ให้คุ้มค่า!
   
ผมในร่างค้างคาวนั่งแทะลูกอมไปคิดไป แน่นอนว่ารอบนี้ผมต้องไปคนเดียว เพราะดิออนมันคงไม่ยอมให้ผมออกจากสมาคมแน่ๆ ฉะนั้นผมต้องไปหาอะไรสนุกๆ ทำที่น่าจะทำให้ผมมีความสุขที่สุด
   
ทำอะไรดี..
   
ใช่ การ์วิน!! ผมคิดถึงการ์วิน!!
   
ผมไม่ได้เจอลูกมาสองเดือนแล้วและผมก็คิดถึงลูกมาก ถึงจะได้เฟสไทม์คุยกันก็เหอะ แต่มันก็ไม่เหมือนกันนี่นา แถมช่วงนี้ก็ไม่มีงานอะไรที่ผู้ปกครองสามารถไปเยี่ยมได้ด้วย ผมเลยได้แต่นั่งเหี่ยวอยู่บ้าน
   
ผมหัวเราะคิกคักในร่างค้างคาว
   
ถ้าลูกมาหาผมไม่ได้ ผมก็ไปหาเองไง!


“นายมาจากโรงเรียน XXX เหรอ”
   
“อื้อ ยินดีที่ได้รู้จักนะ!”
   
ผมในร่างมนุษย์คุยกับเพื่อนใหม่ด้วยความกระตือรือร้น ให้ตายเหอะ ล่าสุดที่ผมใส่ชุดนักเรียนนี่หลายร้อยปีเลยนะ แล้วผมก็คิดถึงร่างผมตอนเด็กๆ มากด้วย
   
เป็นเด็กนี่ดีจัง
   
กว่าผมจะออกจากห้องน้ำได้คือเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะมัวแต่ระลึกความหลังกับร่างตอนม.ปลายของตัวเอง ถึงผมจะเปลี่ยนสีผมกับสีตาก็เหอะ แต่หน้าตาผมก็ยังเหมือนเดิมแถมยังไม่มีรอยตีนกาด้วย!
   
“ยินดีต้อนรับนะ”
   
เด็กที่น่าจะหนึ่งในสภานักเรียนยิ้มให้ผมซึ่งผมก็ยิ้มตอบ จริงๆ อยากน้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้งด้วยที่พาผมและคณะแลกเปลี่ยนจากโรงเรียนอื่นเดินชมรอบโรงเรียน
   
เอาเข้าจริง ผมว่าผมก็โชคดีมากๆ ที่เลือกมาโรงเรียนการ์วินช่วงที่เชิญให้นักเรียนโรงเรียนอื่นเข้ามาเรียนเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์กันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์
   
แน่นอนว่าผมไม่ตั้งใจอยู่ครบหรอก สักวันสองวันก็พอ เพราะอีกไม่นานสมาคมต้องส่งใครสักคนมาตามล่าผมแน่ๆ ไม่น้องก็ผัวอ่ะ คนอื่นตามหาผมไม่ค่อยเจอเพราะเดี๋ยวนี้ผมปกปิดร่องรอยตัวเองได้แนบเนียนมาก
   
“นายชื่ออะไร?”
   
“ครู— แค่ก! คุณ เราชื่อคุณน่ะ”
   
ผมที่กำลังเพลิดเพลินกับความหรูหราอลังการของโรงเรียนแทบจะเผลอกัดลิ้นตัวเองตอนที่พูดชื่อ แล้วยิ้มกลบเกลื่อนความเลิ่กลั่กของตัวเอง
   
ให้ตายสิ ครูซ อายุขนาดนี้แล้วยังจะพลาดแบบโง่ๆ อีกเหรอ!!!
   
ผมคิดเซ็งๆ เพราะถ้าเกิดผมใช้ชื่อครูซไป ไอ้พวกนักเรียนวาติกันที่แฝงอยู่ในโรงเรียนคงระแวงผมกันน่าดู ถึงผมจะดูไม่มีพิษมีภัย แต่ใครจะไปรู้ว่าพวกวาติกันเดี๋ยวนี้อาจจะใจร้ายจับผมไปเค้นคอก็ได้
   
“เราชื่อยู”
   
“ยินดีได้รู้จักนะ ยู”
   
ผมที่เพิ่งจะสังเกตว่าไอ้เด็กที่คุยด้วยก็หล่อใช่ย่อยแถมยังสูงกว่าผมอีก แต่เดี๋ยวก่อน ตรงคอนั่นมันรอยสักของพวกวาติกันไม่ใช่เหรอ!!! แล้วโซ่ตรงเอวก็เหมือนจะเป็นเงินแท้อีก แค่นี้ยังเหมือนจะทำให้ผมตกใจไม่พอ เจ้าเด็กนี้มันยังมองผมไม่วางตาอีก
   
ผมพยายามเดินชมนกชมไม้เหมือนไม่รู้ว่าถูกมองแต่จริงๆ คือเหงื่อแตกพลั่ก
   
ไม่รู้ว่ามันมองผมเพราะผมน่ารักหรือว่าจำได้กันแน่ว่าผมคือแวมไพร์ตัวร้ายที่ทำให้วาติกันหันหลังให้กับพระเจ้า แต่ให้ตายเหอะ ผมแค่มาเยี่ยมลูกเอง อย่าเพิ่งทำอะไรผมเลย ผมเพิ่งเดินเข้ามาในรั้วโรงเรียนได้ไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ
   
รู้ไหมกว่าผมจะทำเอกสารปลอมแปลงนู่นนี่นั่นได้ มันเหนื่อยขนาดไหน!!!
   
ระบบของโรงเรียนบ้านี่มันเข้มงวดมากจนผมแทบจะน้ำลายฟูมปาก คือถ้าผมพลาดนิดเดียว ผมจะโดนจับได้ทันทีอ่ะว่าเป็นใครก็ไม่ได้รู้ที่มาเนียนเรียนด้วย แล้วเทคโนโลยีของโรงเรียนนี้มันก็บ้ามากสมกับเป็นโรงเรียนชั้นนำที่พวกคนของรัฐบาลส่งมาเรียน
   
ฉะนั้นผมจะยอมให้ไอ้เด็กบ้านี่จับไม่ได้เด็ดขาด!
   
“นายได้เรียนห้องอะไร?”
   
“ห้องดี”
   
ผมหัวเราะแหะๆ ประกอบเพราะผมจงใจเลือกห้องบ๊วยให้ตัวเองเลย ถึงผมจะอยากอยู่ห้องเดียวกับลูกก็เหอะ แต่ผมว่าผมคงจะเครียดตายก่อนได้กลับสมาคมอ่ะ
   
“แล้วหอล่ะ”
   
ทำไมมันถามละเอียดจังเนี่ย
   
“ก็หอรวมอ่ะ”
   
เด็กต่างโรงเรียนอย่างผมก็ต้องนอนหอแยกอยู่แล้วสิ
   
“เหรอ”
   
ยูทำหน้าเสียดาย แต่ผมไม่รู้ว่ามันเสียดายที่ไม่ได้เจอผมหรือเพราะอะไรกันแน่ โอ๊ย ทำไมชีวิตผมถึงไม่สงบสุขอีกแล้วเนี่ย ผมก็แค่อยากมาเล่นกับลูกเท่านั้นเอง!
   
คิดไปคิดมาผมก็เริ่มหน้ามุ่ย
   
“คุณ”
   
“?”
   
ผมทำหน้างงเพราะอยู่ๆ ยูก็ทำหน้าจริงจังใส่ผม
   
“อยู่ที่นี่ก็ระวังตัวด้วย ที่นี่มีพวกอันตรายแฝงตัวอยู่”
   
“...”
   
บอกผมทีว่าพวกอันตรายไม่ใช่แวมไพร์
   
“นายอาจจะไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร แต่ก็ระวังตัวเถอะ ถึงที่นี่จะมีระบบรักษาความปลอดภัยเทียบเท่ากับรัฐสภา แต่ไอ้พวกสกปรกพวกนั้นก็แอบเข้ามาได้อยู่ดี”
   
“...อืม เราจะระวัง”
   
จริงๆ ผมอยากทำหน้าละเหี่ยใจใส่มาก แต่ก็ต้องทำท่ากลัวเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
   
“จริงสิ ตอนบ่ายๆ วันนี้จะมีกิจกรรม ถ้านายอยากเข้าร่วมก็ร่วมได้นะ”
   
ผมทำหน้าตื่นเต้นมาก แต่จริงๆ รู้อยู่แล้วเพราะเคยดูตารางเรียนลูก
   
วันนี้เป็นวันศุกร์ ช่วงบ่ายโรงเรียนจะปล่อยให้ทำกิจกรรมหรือเข้าชมรมที่สนใจ ซึ่งถ้าเป็นกิจกรรมพิเศษต้อนรับพวกนักเรียนโรงเรียนอื่นก็คงจะเป็นแข่งขันอะไรสักอย่างหรือเกมแหละ
   
น่าสนุกจัง
   
ผมเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาจริงๆ และได้แต่หวังว่าไอ้กิจกรรมที่จัดจะไม่ใช่แข่งตอบคำถาม คณิตคิดเร็ว หรืออะไรที่ต้องใช้สมองมากๆ เพราะผมไม่มีอะไรไปโชว์กับเขาหรอกนะ
   
ถ้าแข่งบินหนีหรือประลองกันก็ว่าไปอย่าง
   
“แล้วก็หลังจากนี้.. ถ้ามีอะไรก็เรียกเราได้นะ”
   
ยูที่หน้านิ่งมาตลอดยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร เพราะมันพาพวกผมชมรอบโรงเรียนครบทุกที่จนวนกลับมาที่แรกแล้ว
   
“…”
   
อะไรวะเนี่ย อย่าบอกนะว่ามันก็ชอบผมอ่ะ รสนิยมของวาติกันนี่มันยังไงกันฮึ หรือผมความจะตั้งคำถามกับหน้าตาตัวเองที่ชอบดึงดูดวาติกันเข้าหาตัวเหลือเกิน
   
เออ แต่ที่ผ่านมาผมก็เจอวาติกันบ่อยจริง ตั้งแต่ไอ้เสี่ยบ้านั่นละ ดิออนอีก แล้วก็อีกหลายๆ คนที่ผมเจอแล้วมาค้นพบทีหลังว่าเป็นวาติกัน ผมว่าพวกวาติกันมันต้องมีปมกับหน้าผมแน่ๆ
   
ผมน่ารักใช่ไหมล่ะ!
   
เห็นดิออนบอกว่าในสมาคมมีรูปผมตอนเด็กแขวนอยู่ด้วย สงสัยพวกวาติกันมองกันมากๆ คงจะชินแล้วเผลอชอบคนที่หน้าตาประมาณผม แต่ให้ตายเหอะ ถ้าชอบแล้วก็อย่าจับผมเผาได้ไหม  ช่วยทำตัวดีๆ กับผมหน่อยเถอะเพราะถ้าเทียบกับคนอื่นในสมาคม ผมน่ะใจดีและเป็นมิตรที่สุดแล้ว
   
“คุณ?”
   
“อื้อ! ขอบคุณนะ ยู”
   
ปลอมมากแต่ผมก็ต้องทำ แต่มันก็ไม่น่าเกลียดหรอกเพราะผมตอนนี้อยู่ในช่วงอายุที่ทำอะไรก็ดูน่ารัก ตอนผมอยู่ ม.ปลายในโรงเรียนมนุษย์ ผมก็ดื้อมาก อยู่ในกลุ่มที่ไม่ตั้งใจเรียนและขยันทำทุกอย่างที่ไม่ใช่เรียน พ่อผมเวลาโดนโรงเรียนเรียกมารับทราบพฤติกรรมก็จะดุผม ผมก็จะหงอยไปประมาณสามวันแล้วก็กลับมาดื้อใหม่อีกครั้ง
   
ทำไงได้ ถึงโรงเรียนมนุษย์ตอนเรียนวิชาการจะนรกแตกไปหน่อยแต่อย่างอื่นๆ มันก็สนุกอยู่นะ วิชาว่ายน้ำผมก็ชอบเพราะชอบเล่นน้ำ
   
“หิวข้าวไหม? ตอนนี้เที่ยงแล้ว กินเสร็จเดี๋ยวเราพาไปเล่นกิจกรรมต่อได้นะ”
   
เจ้าเด็กนี่ก็ดูถูกใจผมเหลือเกิน คือพวกที่มากับผมตอนนี้ก็แยกย้ายกันแล้วอ่ะ แบบใครจะทำอะไรก็ทำ ซึ่งผมก็อยากปฏิเสธมันอยู่หรอกแต่ผมจำทางไปไหนไม่ได้เลยเพราะมัวแต่ตื่นเต้น
   
“ก็ได้”
   
สุดท้ายผมก็ยอมเดินตามหลังยูต้อยๆ เหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ด แล้วพยายามองหาลูกไปด้วย ไม่รู้ว่าอยู่ในส่วนไหนของโรงเรียน เห็นตอนนั้นบอกผมอยู่ว่าอยู่กลุ่มอะไรสักอย่าง แต่การ์วินก็เหมือนดิออนอ่ะ ไม่ค่อยชอบทำตัวเด่น ผิดกับผมที่ไม่จะเด่นหรือไม่เด่นก็ได้ ผมไม่สนใจหรอก ผมอยากทำอะไรก็ต้องได้ทำ
   
“นายอยู่สภานักเรียนเหรอ”
   
เดินไปเดินมาผมก็เริ่มง่วงเลยชวนคุยเรื่อยเปื่อย
   
“อืม เป็นประธานนักเรียน”
   
“...”
   
ให้มันได้อย่างนี้สิ ครูซ ดวงบ้าอะไรเนี่ย! แต่จะว่าไปเดี๋ยวนี้พวกวาติกันก็เอาใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย สมัยผมพวกวาติกันเป็นองค์กรลับหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ค่อยให้คนรู้ ผิดกับตอนนี้ที่ค่อนข้างเปิดเผยมาก ถึงพวกมนุษย์ส่วนใหญ่จะยังไม่ค่อยเชื่อว่าปีศาจอย่างพวกผมมีจริงก็เถอะ แต่พวกมันก็ยังยืนยันที่จะบอกว่าพวกผมมีจริงอยู่ดี
   
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามผมก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ อ่ะว่าผมโคตรชอบเครื่องแบบกับการแต่งตัวของพวกวาติกันเลย คือมันเท่อ่ะ ต่อให้ไม่เป็นวาติกันแต่ใส่เป็นแฟชั่นก็เท่ เนี่ย แค่ห้อยโซ่อะไรไม่รู้ก็เท่แล้วอ่ะ
   
ถ้าไม่ติดว่าผมเป็นแวมไพร์นะ ผมจะแต่งตัวเป็นวาติกันบ้าง!
   
“ชอบรอยสักเหรอ?”
   
ยูเหลือบมองผมที่จ้องรอยสักที่คอของมัน
   
“อือ”
   
เปล่าหรอก มองไปมองมาผมก็แอบคิดถึงดิออนแหละ ไม่รู้รู้ยังว่าผมหนีออกมาจากสมาคมอีกแล้ว
   
“นายเชื่อไหมว่าปีศาจมีจริง?”
   
“...”
   
ให้ตายสิ ผมอยากคืนร่างแวมไพร์แล้วโชว์เขี้ยวชะมัดเลย พวกวาติกันนี่จริงๆ เลย พอเห็นมนุษย์อ่อนแอเข้าหน่อยก็จะหาเรื่องชวนเข้าสำนักกันอย่างเดียวเลย
   
แต่ก็เข้าใจได้แหละ ตอนนี้เทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์ของพวกมนุษย์มันก้าวหน้ามากจนคนที่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริงน้อยลงขึ้นทุกที ขืนยังทำตัวหยิ่งไม่ค่อยรับคนเข้าสำนักก็คงไม่เหลือคนมาสู้กับพวกแวมไพร์ที่ตายยากกว่าแมลงสาบกันพอดี
   
“ถ้านายเชื่อว่ามีจริงก็มาร่วมกับเราได้นะ วาติกันต้อนรับผู้ศรัทธารายใหม่เสมอ ไม่ว่านายจะเคยนับถืออะไรมาก่อน”
   
“..อืม”
   
ผมพยักหน้าแบบเชื่องๆ เชิงว่าจะเก็บไปคิดนะ แต่ความจริงคือไม่มีทาง เป็นแวมไพร์ก็ดีอยู่แล้ว ผมไม่เป็นอย่างอื่นหรอก ไม่สนุก
   
เดินต่ออีกได้สักพักก็ถึงโรงอาหารอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ก็เที่ยงพอดีคนเลยเต็มโรงอาหารมาก แต่ด้วยความเป็นโรงเรียนชั้นนำทำให้ไม่วุ่นวายเท่าที่ควร คือถ้าเป็นสมัยผม กลางโรงอาหารตอนนี้ต้องมีคนตีกันเรื่องแย่งที่นั่งแล้วอ่ะ แน่นอนว่าผมเป็นคนที่เข้าร่วมแย่งโต๊ะด้วยเพราะมันสนุกมาก
   
“ถ้าซื้อเสร็จแล้ว คุณ ไปนั่งโต๊ะนั้นได้เลยนะ”

ยูชี้ไปทางโต๊ะหนึ่งที่ดูเรียบร้อยกว่าโต๊ะอื่นอย่างเห็นได้ชัดแถมยังไม่มีคนนั่งเลยด้วย   
   
“โต๊ะนั้นเป็นของสภานักเรียน แต่นายก็มากับเราก็นั่งได้เลย ไม่เป็นไร”
   
ทำไมสมัยผมสภานักเรียนไม่เห็นได้อะไรแบบนี้เลย (แถมพวกนั้นยังต้องเป็นกรรมการให้กับพวกที่แย่งโต๊ะกันด้วย) แต่ถึงได้ผมก็ไม่เป็นหรอก ปวดหัวแถมยังต้องเข้าหาพวกผู้อำนวยการกับครูอีก
   
ผมน่ะแค่เข้าห้องปกครองก็เหนื่อยจะแย่แล้ว
   
“อือ”
   
ผมพยักหน้าอีกแล้วมองหาร้านขนมกิน คือจริงๆ ผมก็ไม่หิวหรอก แต่ก็แค่อยากหาอะไรหวานๆ กินแล้วก็เผื่อเจ้าตัวเล็กในท้องด้วย ผมน่ะยังไม่ลืมหรอกนะว่าตัวเองท้อง ขืนผมทำตัวย้วยๆ ไร้สาระ ไม่ใส่ใจตัวเอง ทั้งพ่อทั้งดิออน ไม่สิ ทั้งตระกูลได้จับผมขุนเป็นหมูแน่
   
ให้ตายสิ สามคนแล้วนะ ผมว่าผมควรพอแล้ว แต่พ่อก็ชอบบ่นใส่ผมว่าอยากได้หลานอีก

เอาจริงๆ นะ ผมว่าที่พ่อยอมรับดิออนไวกว่าที่ผมคิดเพราะพ่ออยากได้หลานเยอะๆ แน่เลย แล้วดิออนมันก็ขยันทำให้พ่อตาด้วย ไม่รู้ว่าขยันทำคะแนนหรืออะไร แต่พอเถอะ ปล่อยให้น้องครูซใช้ชีวิตไร้สาระอย่างมีความสุขบ้างเถอะนะ
ใช้เวลาไม่นานผมก็เจอร้านเบเกอรี่และเหมาคุกกี้กับขนมอะไรอีกนิดหน่อย เผื่อว่าผมจะเจอการ์วินระหว่างทางจะได้แบ่งให้เลย
ว่าแต่ ทำไมพอผมมานั่งข้างยูแล้วคนมองเยอะจัง

ผมแทะคุกกี้ไปได้สองอันก็เริ่มเครียด

“ยู”

ผมเรียกเจ้าเด็กประธานนักเรียนที่นั่งกินสเต็กและหั่นกินด้วยความบรรจงมาก คือถ้าผมกินแบบมันคงหมดพรุ่งนี้อ่ะ

“ครับ”

“รู้จักการ์วินไหม”

ก็รู้แหละว่าเสี่ยงโดนจับได้ แต่ผมก็อยากเจอลูกแล้วอ่ะ ขืนขนมอยู่กับผมนานกว่านี้ก็คงจะหมด แถมเสื้อผมตอนนี้ก็เริ่มเลอะจากเศษคุกกี้ด้วย

แล้วทำไมไอ้เด็กนี้มันยิ้มแต่ออร่ามันน่ากลัวจังวะ

อะไรกัน ไม่ชอบลูกผมเหรอ ไม่ได้นะ ห้ามไม่ชอบ เพราะลูกผมน่ะดีที่สุด!

“นั่นไงครับ”

“!”

ผมตาโตตอนที่เห็นกลุ่มนักเรียนที่เห็นได้ชัดว่าต่างจากนักเรียนทั่วไปเดินออกจากโรงอาหารด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง ไม่สุงสิงกับใคร เข้าถึงยาก แต่ที่สำคัญเลยคือผมสัมผัสได้เลยว่ากลุ่มนั้นไม่ใช่มนุษย์ทั่วไปอ่ะ แถมออร่ารอบตัวก็ไม่รับแขกสุดๆ โดยเฉพาะหน้าลูกผมที่ดุมาก คือไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอก็รู้ว่าลูกดิออน หน้าโหดเหมือนจะกัดหัวคนคุยด้วยเนี่ย

ให้ตายสิ ผมชักจะน้อยใจแล้วนะ ทำไมการ์วินถึงไม่ได้นิสัยจากผมบ้างเลย!

“นายไม่ชอบกลุ่มนั้นเหรอ”

ผมเริ่มแทะคุกกี้อันใหม่ไปคิดไปว่าจะเข้าหาลูกยังไงดีให้เนียนที่สุด แต่ผมก็อยากเซอร์ไพรส์ลูกด้วยอ่ะ เจอเฉยๆ มันไม่สนุกไง อุตส่าห์มาแบบเป็นนักเรียนด้วยกันทั้งที

“ไม่เชิงครับ แค่ไม่ถูกกันเท่าไหร่”

ยูพูดไปหั่นสเต็กไป ซึ่งผมก็เผลอขมวดคิ้วเพราะเจ้าประธานนักเรียนนี่มันหั่นสเต็กเหมือนกำลังจินตนาการว่าหั่นเนื้อกลุ่มลูกผมเมื่อกี้อยู่อ่ะ จะเกินไปแล้วนะ!!! นั่นลูกผมนะ ห้ามหั่นแรง! แล้วก็ห้ามไม่ชอบด้วย!!!

ผมหน้ามุ่ยเซ็งๆ

“เจ้าพวกนั้นคือสิ่งสกปรกของโรงเรียนเราครับ คุณ”

“...”

“..ถึงจะเกรดดี กีฬาเป็นเลิศ แต่สุดท้ายสิ่งปฏิกูลก็คือสิ่งปฏิกูลครับ ไม่มีวันจะเทียบเท่ากับเราได้”

แววตาของยูเย็นเยียบขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด พอๆ กับผมที่รู้สึกโกรธขึ้นมาเหมือนกัน

พวกวาติกันนี่นิสัยไม่ดีจริงๆ

ผมหน้าบูด คือถ้าประโยคเมื่อกี้คนที่ได้ยินเป็นน้องผม เจ้าเด็กนี้โดนซัดไปแล้ว แต่เพราะเป็นผม ผมเลยยังพอทนได้แล้วผมก็ไม่อยากมีปัญหาด้วย

อย่างไรก็ตามเพราะมนุษย์ไม่แน่ใจการมีอยู่ของปีศาจ ลูกของผมและปีศาจตัวอื่นๆ ที่แฝงมาเรียนด้วยกลุ่มนั้นเลยยังสามารถเรียนร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย ตราบใดที่ไม่มีใครถูกจับได้จังๆ หรือมีหลักฐาน เด็กกลุ่มนั้นก็ยังถือว่าเป็นมนุษย์อยู่และถูกคุ้มครองความเป็นมนุษย์ไว้อย่างเต็มเปี่ยมทัดเทียมกับคนอื่นๆ

ฉะนั้นที่ยูไม่พอใจในตัวลูกผมกับกลุ่มนั้นก็คงเพราะขัดใจที่เป็นวาติกันแต่ยังขยับตัวทำอะไรมากไม่ได้นั่นแหละ

แต่เป็นปีศาจแล้วยังไงล่ะ? ลูกผมยังไม่เคยทำร้ายใครสักหน่อย แถมที่มาเรียนก็เพราะเพื่อทำความเข้าใจสังคมมนุษย์ยุคใหม่กับหาทางรับมือกับวาติกันบ้าเลือดอย่างยูนั่นแหละ

เอาเข้าจริงสมาคมแวมไพร์ตอนนี้สมควรจะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพด้วยซ้ำ

“เดี๋ยวเราไปก่อนนะ ไว้เจอกัน”

ผมก้มหัวปลกๆ เพราะผมคงนั่งทนฟังมันด่าลูกผมต่อไม่ไหว แล้วหอบถุงขนมที่เหลือวิ่งตามหลังกลุ่มการ์วินไป ให้ตายเถอะ เจ้าเด็กนี่ทำผมเสียอารมณ์จริงๆ เลย

และผมก็ต้องขอบคุณความเว่อร์ของกลุ่มลูกผมที่ทำให้คนถอยกรูดเปิดทางให้เดินง่ายๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเจ้าพวกเด็กในโรงเรียนลืมไปรึเปล่าว่าลูกผมเพิ่ง ม.4 เองนะ แล้วคนในกลุ่มอีกสี่ห้าคนก็ดูอายุไล่เลี่ยกันอ่ะ ไม่รู้จะกลัวอะไรกันนักหนา

แต่เอาเหอะ ผมไม่ยุ่งกับการใช้ชีวิตในโรงเรียนของลูกหรอก แค่การ์วินไม่รังแกคนอื่น ผมก็พอใจแล้วในฐานะผู้ปกครองอ่ะ

“การ์วิน!”

สุดท้ายก็เป็นผมอีกที่อดใจไม่ไหว วิ่งไปขวางทางการ์วินก่อนที่จะเดินไปไกลกว่านี้ เพราะแค่นี้ผมก็เหนื่อยจะแย่แล้ว

การ์วินก้มมองผมงงๆ แต่ผมก็ไม่สนใจรีบยัดขนมเข้ามือลูกแล้วยิ้มจนตาหยี ซึ่งปฏิกิริยาของการ์วินก็คือคืนถุงขนมใส่ผมทันทีแถมยังทำหน้าโหดแบบพ่อมันอีก

คือถ้าผมไม่ชินหน้าโหดๆ ของดิออน ป่านนี้ผมวิ่งหนีลูกตัวเองแล้วอ่ะ จะดุอะไรนักหนา เป็นเพื่อนร่วมโลกกันก็ต้องเป็นมิตรต่อกันสิ!

“..คุณเป็นใคร?”

อะไรเนี่ย ร่างผมตอนม.ปลาย แม้แต่ลูกแท้ๆ ผมยังจำไม่ได้เลยเรอะ!! นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!

ผมหน้ามุ่ยเพราะจะเฉลยตรงๆ ว่าเป็นแม่ก็ไม่ได้ คือผมก็ไม่รู้อ่ะว่าไว้ใจเพื่อนลูกได้แค่ไหน ฉะนั้นสมองน้อยๆ ของผมเลยต้องทำงานบ้างในช่วงที่มาไร้สาระที่นี่

“ครูซ”

ผมจ้องหน้าการ์วินแล้วพูดเสียงเบา

ให้ตายเหอะ ลูกผมสูงชะมัดเลย ทำไมผมถึงไม่สูงบ้าง!

“!!!”

การ์วินสะดุ้งเฮือกแล้วมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าใหม่อีกรอบอึ้งๆ

“..รีบกินขนมสิ อุตส่าห์เอามาให้”

ผมยัดขนมใส่ลูกอีกรอบแล้วกอดอกงอนๆ

“ไว้เจอกันที่สระนะ เดี๋ยวขอคุยกับเพื่อนก่อน”

การ์วินหันไปบอกเพื่อนตัวเองแล้วก็คว้าแขนผมลากผมให้ตามไปคุยในมุมอับ ก่อนที่จะการ์วินจะใช้ตัวเองบังผมจากสายตาคนอื่น

“แม่มาได้ไง ไม่สิ แม่มาที่นี่ทำไม”

สีหน้าการ์วินซีดมาก ดูไม่ดีใจสักนิดที่เจอผมจนผมเริ่มจะงอนมากกว่าเดิม

“ก็มาหาเฉยๆ ไง คิดถึงลูกอ่ะ แล้วก็อยากมาหาอะไรทำด้วย”

การ์วินก้มมองท้องผม

“..แต่พ่อทักมาบอกผมว่าแม่ท้องอยู่นะ”

“...”

ผมหน้าบูดเพราะนี่ยังไม่ถึงหนึ่งวันเลย ความก็แตกแล้วอ่ะว่าผมท้อง อะไรกัน ผมก็กำชับแล้วนะว่าอย่าเพิ่งบอกอ่ะ อีกสักสองสามวันค่อยบอก ถึงตอนนั้นผมก็น่าจะกลับสมาคมพอดี จะได้ไม่มีใครมาดุผมได้ว่าผมหนีเที่ยวช่วงกำลังท้อง

“..เดี๋ยวก็กลับแล้ว ห้ามบอกพ่อนะว่าแม่อยู่ที่นี่”

แล้วทำไมสีหน้าการ์วินยังซีดอยู่ล่ะ

“พ่อบอกว่าถ้าเจอแม่ ให้ผมโทรเรียกเลย ถ้าผมช่วยแม่ พ่อจะทำโทษผม”

“ฮึ่ย”

ผมหน้าบูดมาก
   
ผมไม่ยอมเหนื่อยฟรีหรอกนะ!! มาแล้วผมก็ต้องได้เที่ยวได้ซึมซับความเป็นนักเรียนบ้างสิ!!
   
“แม่กลับบ้านเถอะนะ ไว้ค่อยมาอีกรอบก็ได้ เดี๋ยวครั้งหน้าผมพาเที่ยวเอง”
   
การ์วินพยายามต่อรองกับผม
   
“พรุ่งนี้”
   
ผมยื่นคำขาด
   
เพราะครั้งหน้าที่ว่าน่ะไม่มีจริงหรอก กว่าลูกผมจะโต การ์วินก็เรียนจบม.ปลายแล้ว!
   
>:-(


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 24 28/6/63 p.9
«ตอบ #247 เมื่อ28-06-2020 18:25:38 »

ว่าที่คุณแม่จอมซน...นนนนนนนนนน    :m20:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 24 28/6/63 p.9
«ตอบ #248 เมื่อ30-06-2020 14:02:47 »

ท้องอีกแล้ว~

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 25 17/7/63 p.9
«ตอบ #249 เมื่อ17-07-2020 01:28:27 »

ตอนที่ 25

   
“โห สระว่ายน้ำใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ!”
   
ผมกระซิบกับลูกอย่างตื่นเต้นเพราะเมื่อกี้ยูไม่ได้พาเข้ามาดูในนี้ เหมือนข้างในกำลังจัดงานอะไรสักอย่างและวุ่นวายมาก ซึ่งพอผมเข้าไปก็ถึงรู้ว่ากำลังมีงานแข่งว่ายน้ำอยู่ แถมเจ้าพวกเด็กโรงเรียนอื่นบางคนที่ผมพอจะจำหน้าได้ตอนนี้ก็ไปเข้าคิวลงทะเบียนกันกันแล้ว
   
ผมมองรางวัลที่หนึ่งซึ่งเป็นถ้วยรางวัลกับกล่องของขวัญสีดำตาวาว
   
รางวัลนั่นต้องเป็นของผม!!!
   
“แม่ จะไปไหน”
   
พอเจออะไรสนุกๆ ผมก็ทิ้งลูกทันที แต่การ์วินก็คว้าแขนผมได้ทัน
   
“ก็ไปแข่งไง”
   
ผมหน้ามุ่ย
   
“แต่ผมก็จะลงแข่งนะ” การ์วินยังทำหน้ายุ่งใส่ผม “กลุ่มผมตั้งใจจะเอารางวัลปีนี้ให้ได้ทุกรางวัล”
   
“แต่แม่ก็อยากว่ายบ้างนี่นา! ลงแค่ฟรีสไตล์ก็ได้—”
   
ผมที่กำลังจะโวยวายใส่ลูกชะงักไปตอนที่มีเสียงฮือฮาดังมาจากฝั่งหนึ่งของสระ
   
“!!”
   
ผมเบิกตากว้างตอนที่เห็น ‘ยู’ ในชุดกางเกงว่ายน้ำขาสั้นสีดำเดินไปนั่งตรงเก้าอี้สำหรับรอการแข่งขันพร้อมกับกลุ่มคนที่น่าจะเป็นสภานักเรียนเหมือนกัน
   
“แม่”
   
ผมสะดุ้งตอนที่ถูกการ์วินจับไหล่แล้วหัวเราะแห้งๆ เพราะเพิ่งรู้ตัวว่าผมมองเจ้าเด็กนั่นมากเกินไป แต่ให้ตายเหอะ ผมไม่ได้ดูซิกแพคสักหน่อย ผมดูรอยสักของพวกวาติกันต่างหากล่ะ หลังจากผ่านมาหลายร้อยปี พวกนั้นก็เหมือนจะมีรอยสักตรงเอวเพิ่มขึ้นด้วย
   
และแน่นอนว่ามันเท่สุดๆ ไปเลย!
   
“...”
   
ผมยิ้มแห้งกว่าเดิมตอนที่ยูเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมแล้วขมวดคิ้ว ซึ่งมันก็ทำให้ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายูเกลียดการ์วินนี่นา แต่จะให้เฉลยว่าการ์วินเป็นลูกผม ยูคงจะจับผมปิ้งตรงนั้นแน่
   
“แม่อย่าไปยุ่งกับมันนะ ไอ้นั่นมันเป็นวาติกันแล้วยังโคตรน่ารำคาญเลย”
   
การ์วินพอเห็นว่าผมมองใครก็หน้าหงิกขึ้นมาทันที
   
“ผมทำอะไร มันก็ด่า แล้วก็ชอบมาหาเรื่องกลุ่มผมตลอดเลย”
   
“…”
   
ผมพยายามทำหน้านิ่งๆ ไม่หลุดขำเพราะไม่บ่อยเท่าไหร่ที่การ์วินจะหงุดหงิดขนาดนี้ คือดูทรงแล้วยูก็พอตัวอ่ะ
   
“อาทิตย์ก่อนผมสอบได้เต็มวิชาเคมี มันก็หาว่าผมโกงข้อสอบ ให้ตายเหอะ มันจะอะไรนักหนากับผมก็ไม่รู้ ผมพยายามจะไม่ยุ่งกับมันแล้ว แต่มันก็มาหาเรื่องผมตลอด”
   
“ใจเย็นๆ ”
   
คือถ้าผมสูงเท่าดิออนผมก็คงจะลูบหัวลูกได้ แต่ตอนนี้ผมตัวเล็กกว่าร่างจริงอีกเลยได้แต่ดึงมือลูกมาลูบๆ ให้ใจเย็น เพราะถ้าลูกผมไปตีเขา ผมคงจะห้ามไม่ไหวอ่ะ
   
“การ์วิน”
   
ผมเงยหน้าสบตากับลูกแล้วพูดเสียงจริงจัง
   
“ลูกต้องเป็นแวมไพร์ที่รักสันติเหมือนแม่นะ”
   
“…”
   
การ์วินหน้าบูดกว่าเดิม ดูยังไงก็ไม่อยากทำตามที่ผมสอนสักนิด ดูอยากเข้าไปซัดกันให้จบมากกว่า
   
“อย่าดื้อสิ”

ผมทำหน้าบูดบ้าง คือก็เข้าใจแหละว่าลูกผมตอนนี้ก็อยู่ในวัยต่อต้าน ถึงการ์วินจะค่อนข้างเชื่อฟังผมแต่ถ้าโดนยูมายั่วโมโหบ่อยๆ คงจะมีน็อตหลุดสักวันอ่ะ
   
“แต่มันน่ารำคาญจริงๆ นะ”
   
การ์วินบ่นอุบ
   
“อย่าไปตีเลย ไม่คุ้มหรอก พวกวาติกันยิ่งตีมันยิ่งได้ใจอ่ะ”
   
จริงๆ ผมก็แอบเซ็งเหมือนกันแหละ แต่ทำไงได้ ที่นี่มันถิ่นพวกมนุษย์นี่นา พวกไม่ใช่มนุษย์ก็ต้องปรับตัวกันไป
   
ผมลูบมือลูกอยู่สักพักก็คิดทางแก้ปัญหาให้ลูกออก
   
“การ์วิน”
   
“?”
   
ผมพยายามมากที่จะไม่หลุดหัวเราะตอนที่พูด
   
“ไปอยู่กลุ่มเดียวกับยูไหม”
   
“...”
   
“จริงจังนะ ลูกอ่ะเป็นลูกครึ่งมนุษย์นะ ยังพอใช้พลังของวาติกันได้อยู่”
   
คือตอนผมท้องการ์วิน ดิออนมันยังไม่ได้เป็นแวมไพร์เต็มตัวไง ซึ่งที่ผ่านมาการ์วินก็ไม่ได้สนใจศึกษาเรื่องพลังของพวกวาติกันเท่าไหร่ ฉะนั้นการเข้าร่วมกับทางนั้นก็น่าจะดีกว่าอยู่เฉยๆ ให้โดนกวนประสาทอยู่ฝ่ายเดียว
   
“ไม่เอา ผมเกลียดมัน”
   
ผมหัวเราะเพราะถึงการ์วินจะปฏิเสธแต่ก็ดูสนใจสิ่งที่ผมแนะนำอยู่ดี
   
“แม่อ่ะ อยากไปเล่นเป็นวาติกันบ้างยังเล่นไม่ได้เลย ไปลองดูสนุกๆ แก้เบื่อก็ได้”
   
แม้แต่ดิออนตอนนี้ก็ใช้พลังของวาติกันไม่ได้เพราะมันกลายเป็นแวมไพร์เต็มตัวไปแล้ว ในสมาคมตอนนี้ก็เลยเหลือแต่การ์วินที่ยังพอใช้พลังของวาติกันได้
   
“อืม”
   
การ์วินพยักหน้าแกนๆ แล้วขมวดคิ้วใส่ผม
   
“แล้วแม่ไปรู้จักมันได้ไง”
   
“ไม่ต้องสนใจหรอกน่า ไปๆ จะไปแข่งอะไรก็ไป แต่ห้ามลงฟรีสไตล์”
   
ผมไม่รอให้ลูกขัดขวางอีก รีบเดินเข้าไปในฝูงชนที่แห่กันเข้ามาเชียร์เยอะมาก ไม่รู้ว่ามาดูใครแข่งแต่ที่แน่ๆ รางวัลที่หนึ่งฟรีสไตล์ต้องเป็นของผม!
   
ผมพยายามมุดไปทางโต๊ะลงทะเบียนด้วยความยากลำบาก เพราะร่างผมตอนนี้ตัวเล็กมาก โดนเบียดซ้ายเบียดขวาจนแทบจะเป็นแวมไพร์อัดกระป๋อง คือถ้าผมอยู่ในร่างค้างคาวคงไม่วายถูกเหยียบจนแบนแต๊ดแต๋อ่ะ
   
ใช้เวลาเกือบห้านาทีกว่าผมจะพาตัวเองมาถึงโต๊ะลงทะเบียนได้ ซึ่งผมก็ลงทะเบียนในเวลาไม่ถึงสามนาทีเพราะระบบมันไฮเทคมาก จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกคนมันมามุงอะไรกันแถวนี้กันแน่
   
“เดี๋ยวไปเลือกชุดว่ายน้ำในนั้นได้เลยนะครับ ทางโรงเรียนแจกให้ฟรีครับสำหรับแขกที่มาร่วมสนุกด้วยวันนี้”
   
“ขอบคุณครับ”
   
ผมขอบคุณลวกๆ แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังร้านชุดว่ายน้ำที่ถูกจัดเป็นซุ้มๆ ให้เลือกมากมาย ให้ตายเหอะ ผมเริ่มคิดจริงๆ แล้วนะว่าจะมาเรียนกับการ์วินสักปี
   
ทำไมโรงเรียนนี้มีแต่เรื่องน่าสนุกให้ทำเนี่ย
   
ผมยิ้มจนตาหยีอย่างอารมณ์ดี ยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนตรวจก่อนจะถูกปล่อยให้เข้าไปเลือกชุดว่ายน้ำที่มีให้เลือกเป็นสิบแบบ ทั้งกางเกงขาสั้นธรรมดา กางเกงขายาว เสื้อแบบทั้งตัว จริงๆ ก็มีพวกบิกินี่ด้วย
   
แน่นอนว่าถ้าผมนึกสนุกใส่บิกินี่ ลูกผมได้โทรฟ้องดิออนมาลากคอผมกลับบ้านแน่ๆ
   
ผมกวาดตามองพยายามหาชุดที่น่าสนใจ จนกระทั่งไปสะดุดกับชุดว่ายน้ำกางเกงขาสั้นสีเหลืองลายเป็ดก็ตาลุกวาวทันที
คือถ้ามีเอฟเฟคแบบในหนังก็คือมีแสงฉายลงมาอ่ะ
   
ผมเลือกมันอย่างไม่ลังเลเพราะในร่างนี้ผมใส่อะไรก็น่ารัก ถึงอายุจริงจะเกือบพันแล้วแต่ตอนผมร่างนี้ก็ร้อยกว่าๆ เอง เป็นช่วงที่ผมซนที่สุดในชีวิตเลยมั้ง
   
ผมเลือกไซส์ที่ตัวเองใส่แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุด ดีหน่อยที่แถวห้องน้ำคนไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่ ผมเลยเข้าไปเปลี่ยนชุดได้สบายๆ
   
ผมถอดชุดนักเรียนออกแล้วใส่ชุดว่ายน้ำ ซึ่งโรงเรียนนี้ก็ทำให้ผมประทับใจอีกครั้งตรงที่มันกระจกในห้องน้ำด้วย แต่พอผมมองตัวเองในกระจกก็เผลอสะดุ้งเฮือกทันที
   
“...”
   
ผมมองหน้าตัวเองที่แดงก่ำ
   
ให้ตายเหอะ ผมลืมไปได้ยังไงว่าดิออนมันทำรอยบนตัวผมไว้!
   
ตัวผมตอนนี้เหมือนโดนหนูแทะอ่ะ มีแต่รอยกัดโดยเฉพาะตรงหัวนมผมกับต้นขาที่รอยฟันชัดเป็นพิเศษ
   
“..ฮื่อ”
   
ผมลูบหัวหน้าตัวเองเขินๆ แล้วหยิบเลือดขวดเล็กที่เตรียมมาด้วยขึ้นมาจิบจนหมด ผ่านไปไม่ถึงนาทีร่องรอยบนตัวผมก็หายไปจนหมด ซึ่งก็เป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์ใหม่ของสมาคมแวมไพร์ที่น้องผมพัฒนาขึ้นมา
   
แน่นอนว่าถ้าน้องรู้ว่าผมเอามากินทิ้งกินขว้างแบบนี้คงบ่นผมจนหูชา เพราะจริงๆ ผมควรจะใช้ตอนโดนพวกวาติกันรุมยำจนเละมากกว่า
   
แต่ก็นะ การแข่งว่ายน้ำฟรีสไตล์ก็สำคัญเหมือนกันนั่นแหละ ศักดิ์ศรีของสมาคมแวมไพร์ไง!
   
ผมหมุนตัวรอบกระจกเช็คความเรียบร้อยตัวเองอีกรอบ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปด้วยความมั่นใจ
   
“!”
   
ผมตาโตเพราะยังไม่ทันออกจากห้องน้ำก็เจอยูอีกแล้ว
   
“นายก็ลงแข่งว่ายน้ำเหรอ คุณ”
   
ช่วยด้วย ผมตาพร่า เจ้าเด็กนี้มันยิ้มแล้วมีออร่าวิ้งๆ ได้ไง ขี้โกง! ทำไมผมไม่เห็นมีบ้าง
   
“อือ เราลงฟรีสไตล์”
   
ผมพยักหน้าหงึกๆ
   
“บังเอิญจัง เราก็ลงฟรีสไตล์เหมือนกัน”
   
“ฮะๆ”
   
ผมหัวเราะแห้งๆ เพราะโดนยูจ้องเขม็งเลย ให้ตายเหอะ ผมว่าถ้าผมอยู่กับเจ้าเด็กนี้อีกสักชั่วโมงสองชั่วโมงคงโดนจับได้แน่เลยอ่ะว่าแฝงตัวมา
   
“คุณรู้จักกับการ์วินเหรอ”
   
“เป็นเพื่อนบ้านกันน่ะ”
   
 ยูขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อก่อนที่จะก้มมองชุดว่ายน้ำผม
   
“…”
   
ผมเกือบจะหลุดขำเพราะเห็นยูกระพริบตาถี่ๆ รอบนึงแล้วมองใหม่อีกรอบ
   
ทำไมล่ะ ก็ผมอยากใส่นี่นา ตอนอยู่สมาคมก็ได้ว่ายน้ำบ้างแต่ก็ใส่ชุดปกติ  แต่ให้ตายเหอะ ผมก็เพิ่งนึกออกว่าล่าสุดที่ผมว่ายน้ำจริงจังก็นานมากแล้วอ่ะ แล้วผมจะได้เป็นแชมป์ไหมเนี่ย
   
“รางวัลที่หนึ่งคืออะไรเหรอ”
   
ผมถามพร้อมกับเดินนำออกไปจากห้องน้ำเพราะเริ่มได้ยินเสียงพิธีกรเริ่มออกมาพูดดำเนินรายการแข่งขันแล้ว
   
“ถ้วยกับเงินรางวัล”
   
“…”
   
แล้วจะใส่กล่องให้คนตื่นเต้นทำไมเนี่ย คือถ้าเป็นเงินผมก็ไม่ค่อยสนใจแล้วอ่ะ ไม่รู้จะไปซื้ออะไร แต่ก็นะ อย่างน้อยได้ถ้วยรางวัลไปตั้งในห้องก็น่าจะอวดอลิซได้
   
ส่วนดิออนเหรอ น่าจะตีผมอ่ะ หนีออกจากสมาคมไม่บอกมันอีกแล้ว
   
ผมเดินไปนั่งรวมกับพวกนักกีฬาข้างสนามอย่างอารมณ์ดีโดยที่มีเจ้าประธานสภานักเรียนเดินตามหลังต้อยๆ ซึ่งคิวการแข่งฟรีสไตล์ของผมก็เป็นคิวหลังๆ เลย เพราะช่วงแรกจะจัดแข่งว่ายผลัดกันก่อน
   
“!!”
   
ผมตาโตเพราะพอจะรู้แล้วว่าคนฮือฮาอะไรกัน
   
นั่นมันกลุ่มลูกผมนี่นา!
   
ผมพยายามไม่หลุดขำออกมาเพราะทุกคนในกลุ่มลูกผมคือมันคุมธีมกันอ่ะ ใส่กางเกงว่ายน้ำสีทึมๆ แล้วมีออร่าไม่เป็นมิตรแผ่ออกมารอบๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากลุ่มนี้โคตรดูดีเลย ถึงจะดูแปลกๆ ไปหน่อยก็เถอะนะ
   
ทำไงได้ ก็เป็นกลุ่มรวมอมนุษย์นี่นา ที่ผมสัมผัสได้อีกสามคน คนนึงก็เหมือนจะเป็นหมาป่า อีกคนก็พ่อมด แล้วคนที่ตัวสูงที่สุดก็เป็นเซนทอร์ ให้ตายสิ ทำไมเจ้าพวกนี้มารวมกลุ่มกันแบบไม่กลัวโดนรวบทีเดียวเลยเนี่ย
   
ผมยิ้มให้ลูกเชิงให้กำลังใจเพราะทีมลูกผมคือลงแข่งรอบแรกเลย
   
“อย่าลืมเชียร์เราด้วยล่ะ”
   
“อื้อ”
   
ผมยิ้มแห้งให้ยูที่เดินไปประจำที่ข้างๆ กับการ์วิน ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ต่างไม่สนใจกัน แต่ไม่ว่าใครมองก็รู้อ่ะว่าไม่ถูกกัน เฮ้อ พวกวาติกันนี่มันจริงๆ เลย ดีนะที่สมัยผมเรียนไม่มีวาติกันมาเรียนด้วยให้กวนใจ
   
ผมมองนั่นมองนี้เรื่อยเปื่อย พยายามซึมซับบรรยากาศก่อนที่ผมจะโดนจับขุนอีกรอบ ให้ตายเถอะ ผมกินให้ตายก็ตัวเท่าเดิมอ่ะ ไม่อ้วนขึ้นหรอก
   
“!!!!”
   
ผมสะดุ้งเฮือกตอนที่มองไปในกลุ่มคนแล้วเหมือนเห็นดิออนรวมอยู่ด้วย ซึ่งพอมองดีๆ ก็ถึงรู้ว่าผมคิดไปเอง เพราะจริงๆ แล้วอีกฝ่ายแค่สูงพอๆ กับดิออนเท่านั้นเอง
   
“ตาฝาดแหละ”
   
ผมลูบอกและปลอบใจตัวเองที่ยังตกใจไม่หาย คือใจหายวาบเลยอ่ะ
   
[ การแข่งขันแรกจะเป็นว่ายผลัดนะครับ ปีนี้ทีมสภานักเรียนก็ลงเหมือนเดิมครับ! เอ้าขอเสียงให้กับสภานักเรียนของเราหน่อยเร้ววว ]
   
ผมหลุดหัวเราะออกมากับลีลาของพิธีกร แบบผมก็แอบคิดว่าโรงเรียนหรูแล้วเด็กพวกนี้จะมีมาดกันเยอะไง แต่จริงๆ เด็กพวกนี้ก็เป็นแค่เด็กธรรมดาเหมือนกันนั่นแหละ ซึ่งพวกเด็กที่มาเชียร์สภานักเรียนก็ส่งเสียงเชียร์กันเกรียวกราว
   
[ ต่อไปเป็นทีมท้าชิงทีมแรกครับ ชื่อทีมว่า.. ไม่ชอบสภานักเรียนครับ!!! ]
   
ผมขำจนตัวสั่นตอนที่พิธีกรผายมือไปทางกลุ่มการ์วิน คือตั้งชื่อได้ล่อตีนมากอ่ะ พวกสภานักเรียนหันไปมองพวกทีมของการ์วินตาขวางเลยอ่ะ
   
ให้ตายสิ ผมอยากอยู่เล่นที่นานกว่านี้จัง
   
ผมหน้ามุ่ยแล้วลูบท้องตัวเองที่ตอนนี้ยังแบนอยู่และดูไม่ออกว่ามีค้างคาวซ่อนอยู่ข้างในอีกแล้ว ซึ่งถ้าไม่ตรวจก็ไม่รู้อ่ะ รอบนี้ผมไม่แพ้ท้องไม่อะไรเลยสักอย่าง ปกติมาก มีแต่อารมณ์แหละที่สวิงนิดหน่อย
   
ผมมองพวกทีมที่เหลือผ่านๆ แล้วหาวหวอดเพราะเริ่มจะเบื่อ คือถึงบรรยากาศจะครึกครื้นมากๆ แต่ถ้าคิวแข่งผมคือชาติหน้าแบบนี้มันก็เริ่มน่าเบื่อแล้วอ่ะ
   
ผมสบตากับลูกกำลังจะโบกมือทักทายก็ชะงักตอนที่เพื่อนการ์วินอยู่ๆ ก็เป็นลมไปคนนึงซะงั้น
   
[ พยาบาล! ]
   
พิธีกรที่เห็นเจ้าพ่อมดเป็นลมไปก็เรียกหน่วยพยาบาลเข้ามาจัดการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทุกคนก็ดูเป็นมืออาชีพมาก จัดเพื่อนลูกผมใส่เปลแล้วก็พาไปซุ้มปฐมพยาบาลทันที   
   
การ์วินส่ายหน้าให้ผมเพราะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
   
“แม่จะลง”
   
ผมขยับปากตอบลูกแบบไม่ขอความเห็นก่อนจะวิ่งเข้าไปร่วมวงทันที
   
“ไม่ลงได้ไหม” การ์วินดึงตัวผมมากระซิบด้วยสีหน้าจริงจัง “แม่ท้องอยู่นะ”
   
ผมหน้ามุ่ยแล้วกระซิบกลับ “ร่างกายแวมไพร์ไม่ได้อ่อนแอเหมือนพวกมนุษย์สักหน่อย”
   
การ์วินทำหน้าหงอยใส่ผมแต่ผมก็ไม่สนใจอยู่ดีแล้วหันไปพยักหน้าให้กับทีมงานเชิงว่าเดี๋ยวผมลงแทนเอง
   
“ยังเปลี่ยนใจทันนะ แม่”
   
“อย่าดูถูกเผ่าพันธุ์เรานักสิ สู้ตอนท้องก็สู้มาแล้ว แค่ว่ายน้ำเอง”
   
ผมขู่แง่งๆ กลับแล้วหลบไปนั่งผลัดที่สามแทนคนที่เป็นลมไปเมื่อกี้ ก่อนที่ผมจะวอร์มร่างกายอย่างกระตือรือร้น ให้ตายสิ ผมจะได้ว่ายน้ำในรอบกี่ปีก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ที่หนึ่งต้องเป็นของผม
   
[ ตอนนี้ทุกทีมก็พร้อมแล้วนะครับ เอ้า! ผลัดแรกประจำที่เลยครับ ]
   
เสียงดนตรีเบื้องหลังดังเกรียวกราว พวกนักเรียนที่มาเชียร์วันนี้ก็เฮก็ส่งเสียงเชียร์กันยกใหญ่จนผมรู้สึกสนุกไปด้วย จนเกือบจะลืมไปแล้วว่าจริงๆ ตัวเองอายุจะพันปี
   
ไม่สิ วันนี้ผมคือน้องคุณที่อายุแค่สิบห้าต่างหาก!
   
ปรี๊ด!
   
ตูม!
   
ผมอ้าปากหวอตอนที่เห็นลูกกระโดดลงไปในน้ำแทบจะพร้อมๆ กับยู ซึ่งทั้งสองคนก็ว่ายได้สูสีมาก และแน่นอนว่าผมต้องเชียร์ลูกผมอยู่แล้ว!
   
“ห้ามแพ้นะ!!!”
   
ผมป้องปากตะโกนเชียร์จริงๆ อยากเติมว่าจะหักค่าขนมด้วย แต่ก็กลัวโดนจับได้เลยตะโกนได้แค่นี้
   
“การ์วิน!!”
   
ผมตะโกนอีกเพราะลูกโดนยูแซงไปแล้วอ่ะ นี่มันอะไรกันเนี่ย นี่ผมต้องเป็นความหวังหมู่บ้านใช่ไหม ถึงจะอยู่ผลัดสามก็เหอะ แต่มันก็กดดันเหมือนกันนี่นา
   
ผมกลืนน้ำลายเอือกตอนที่ผลัดสองว่ายมาแล้วและทีมผมก็ดูจะช้ากว่าทีมอื่นนิดหน่อย
   
“คุณ!”
   
ผมยังไม่ทันหายตื่นเต้นผลัดสองก็มาแล้วเลยกระโจนลงน้ำไปเลย ก่อนที่ผมจะพยายามว่ายให้เร็วที่สุดในชีวิต ซึ่งผมก็เพิ่งมานึกได้อีกว่าร่างนี้มันทำให้ผมขาสั้นลงกว่าเดิมอีก!!!
   
ทำไมโลกต้องใจร้ายกับน้องครูซตลอดเลย!
   
ผมคิดทั้งน้ำตาแต่ก็สับแขนสับขาสุดชีวิต
   
ไม่รู้ล่ะ รางวัลที่หนึ่งต้องเป็นของผม!!
   
พอคิดได้ผมก็พยายามว่ายให้เร็วกว่าเดิมจนในที่สุดผมก็แซงทีมยูได้ แต่ยังไม่ทันได้ดีใจก็มีใครก็ไม่รู้อีกฝั่งที่ตีคู่ผมขึ้นมาได้ แถมยังตีน้ำแรงจนผมรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ ว่าไอ้คนที่ว่ายข้างๆ ผมมันเป็นฉลามรึเปล่า
   
ฮื่อ!
   
ผมกัดฟันกรอดตอนที่กำลังจะโดนแซง
   
ถ้ามันเป็นฉลามผมก็จะเป็นโลมาอ่ะวันนี้ ค้างคาวอะไร ผมไม่เป็นแล้ว
   
ผมพยายามทำความเร็วให้ได้มากกว่าเดิม แต่เพราะความขี้เกียจและไม่ชอบออกกำลังกายของผมก็ทำพิษ ว่ายสู้มันไปสักพักผมก็เริ่มล้าจนในที่สุดผมก็ความเร็วตกก่อนที่จะถึงผลัดที่สี่
   
ตูม!
   
ผมตะกายขึ้นไปนอนหอบหลังจากที่ถึงอีกฝั่งและรู้สึกเหนื่อยมาก จนผมเริ่มคิดว่าผมจะทรมานสังขารตัวเองทำไม ทำไมไม่ไปรอลงแข่งลีลาศหรืออะไรสักอย่างที่ไม่ต้องใช้แรงมากขนาดนี้
   
เหนื่อยมากเลยอ่ะ
   
ผมนอนหงายและหมดสภาพไปเลย คือถ้ามีวาติกันเอาไม้ตบแมลงวันมาตบผมในร่างค้างคาวตอนนี้ ผมก็คงตายแบบโง่ๆ เลย
   
ฮื่อ
   
ผมพ่นลมหายใจเซ็งๆ แล้วพยายามปรือตามองสาเหตุที่ทำให้ผมเหนื่อยขนาดนี้ คือถ้าไม่มีไอ้ฉลามเมื่อกี้ผมก็ไม่ต้องทุ่มทุนขนาดนี้อ่ะ
   
“...”
   
ผมไล่มองตั้งแต่ปลายเท้าและเริ่มรู้สึกขนลุกนิดๆ
   
ไม่ใช่มั้ง
   
ผมกลืนน้ำลายเอือกแล้วมองขึ้นไปอีกก็เห็นท่อนขาแข็งแรงและซิกแพคที่คุ้นตา
   
“...”
   
ผมเอามือปิดตาไม่กล้าดูต่อ
   
“กลับบ้านไหม”
   
“ฮึก”
   
ผมร้องออกมาเบาๆ ตอนที่โดนดึงมือออกเพื่อที่จะบังคับให้ผมมองหน้ามัน
   
“ยังไม่ถึงวันเลยนะ”
   
ผมพูดหงอยๆ
   
“รู้ตั้งแต่ตอนออกจากห้องแล้ว”
   
“...”
   
ได้ยินแบบนั้นผมก็ซึมกว่าเดิมอีก แล้วผมจะพยายามกลบเกลื่อนร่องรอยทำไมเนี่ย แต่ช่างเถอะ อย่างน้อยมันก็ใจดีพอที่จะให้ผมออกมาเล่นข้างนอกแหละ
   
ผมช้อนตามองมันพยายามทำหน้าน่าสงสาร แต่จะว่าไปดิออน ดิออนก็ใช้ร่างเด็กม.ปลายเหมือนกันนี่นา หล่อชะมัดเลย แง แต่จะหล่อกว่านี้ถ้าไม่ชวนผมกลับบ้าน
   
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย”
   
ดิออนทำหน้าดุใส่ผมแล้วช่วยดึงมือผมให้ลุกขึ้น
   
“ก็ยังอยากอยู่นานกว่านี้อ่ะ”
   
ผมบ่นอุบเซ็งๆ และเซ็งยิ่งกว่าเดิมตอนที่ได้ยินเสียงเฮแล้วทีมที่ชนะเป็นทีมของยู ไม่ใช่ทีมผมหรือดิออนที่ว่ายกันแทบเป็นแทบตายเมื่อกี้
   
“อยู่นานกว่านี้ เดี๋ยวเด็กนั่นจะไม่รอด”
   
ดิออนทำหน้าดุกว่าเดิมตอนที่ยูหันมายิ้มให้ผม
   
“พวกวาติกันนี่จริงๆ เลย”
   
ผมหลุดหัวเราะเพราะไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมหน้าตาผมถึงได้ดึงดูดพวกวาติกันนัก เอาเข้าจริง ถ้าการ์วินหน้าตาเหมือนผมมากกว่านี้สักนิด ยูอาจจะไม่เกลียดขนาดนี้ก็ได้
   
“กลับบ้านไหม”
   
ดิออนก้มมองท้องผม
   
“กลับก็ได้ แต่ขอไปลาลูกก่อน”

ผมหน้ามุ่ยแล้วลากดิออนไปหาลูกที่นั่งพักอยู่อีกฝั่งคนเดียวด้วยสีหน้าเซ็งจัด แต่พอเห็นผมกับดิออนก็สะดุ้งเพราะคงไม่คิดว่าวันนี้จะเป็นวันครอบครัวขนาดนี้

“...”

การ์วินพอเห็นดิออนก็หงอยกว่าผมอีกเพราะกลัวโดนดุ

“ตั้งใจเรียนนะ”

ดิออนยิ้มเล็กๆ เชิงว่าไม่ได้ว่าอะไรและโอบเอวผม

“ปิดเทอมก็กลับมาช่วยดูแม่ด้วย”

“ครับ”

การ์วินรับคำก่อนที่จะทำหน้าเหนื่อยใส่ผม

“แม่ห้ามแอบมาอีกนะ ผมไม่อยากโดนพ่อลงโทษ”

“ฮื่อ”

ผมหน้าบูดเพราะนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมมาได้อ่ะ ขนาดมั่นใจมากๆ ว่าดิออนหลับสนิทแล้ว มันยังรู้เลยอ่ะว่าผมหนีออกมา หรือจริงๆ ผมควรจะจัดทริปกับดิออน

แต่ถ้าจัดทริปมันก็ไม่ตื่นเต้นนี่นา แอบออกมาตื่นเต้นกว่าเยอะเลย

“แม่กลับแล้ว อย่าลืมคิดถึงแม่ล่ะ!”

สุดท้ายผมก็อดใจไม่ไหวที่จะโผกอดการ์วิน ซึ่งเอาจริงตอนนี้ผมเหมือนน้องชายการ์วินมากเพราะผมตัวนิดเดียวเอง แต่ผมก็กอดลูกแน่นอยู่ดี

“ครับ”

ผมหัวเราะคิกคักเพราะพอถอยออกมาก็เห็นลูกน้ำตาซึมนิดๆ

“กลับบ้าน!”

ดิออนพูดเสียงเข้มตอนที่ผมแกล้งจะเดินไปลายูบ้างแล้วรีบลากผมไปห้องน้ำเลย แน่นอนว่าผมไม่ขัดขืน เพราะผมชอบตอนที่มันหึงผมที่สุดแล้ว

ผมยิ้มกับตัวเอง

หนีออกจากบ้านครั้งนี้ผมให้เป็นอีกครั้งที่สนุกที่สุดเลย

--------

อยากไปเที่ยวบ้าง  :z10:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 25 17/7/63 p.9
« ตอบ #249 เมื่อ: 17-07-2020 01:28:27 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 25 17/7/63 p.9
«ตอบ #250 เมื่อ17-07-2020 21:37:32 »

ซนเสมอต้นเสมอปลายเลยอ่ะ ครูซ   :laugh:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 25 17/7/63 p.9
«ตอบ #251 เมื่อ19-07-2020 14:35:38 »

ครูซลูกสามแล้วยังซนอยู่อีก

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 26 22/8/63 p.9
«ตอบ #252 เมื่อ22-08-2020 23:38:00 »

ตอนที่ 26

   
“กลับบ้าน”
   
“ไม่กลับ!! ผมเปลี่ยนใจแล้ว”
   
ผมโวยวายหลังจากที่โดนดิออนหิ้วคอเสื้อจนผมห้อยโตงเตงเหมือนพวงตุ๊กตาท้ายรถสิบล้อ แน่นอนผมว่าพยายามตะเกียกตะกายสุดชีวิตจนในที่สุดก็รอดออกมาได้
   
ผมจัดคอเสื้อชุดนักเรียนตัวเองให้กลับมาดูน่ารักอีกครั้งแล้วมองดิออนด้วยสีหน้าที่งอนที่สุดในโลก
   
“ผมยังอยู่ได้ไม่ถึงวันเลย!”
   
“…”
   
ดิออนทำหน้าเหนื่อยใส่ผม
   
“ผมออกไปซื้อขนมยังนานกว่านี้เลย ขออยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ สัญญาเลยว่าพอกลับบ้านผมจะทำตัวดีๆ ไม่งอแง”
   
อะไรกัน ทำไมดิออนมันทำหน้าเหนื่อยกว่าเดิมล่ะ!
   
“ผมเป็นเมียนายนะ ห้ามทำหน้าเหนื่อยใส่ผม”
   
ผมหน้าบูดเริ่มงอนจริง ผมจริงจังนะเนี่ยเรื่องที่จะไม่ดื้อตอนอยู่บ้านอ่ะ
   
“นายก็ดื้อตลอดนั่นแหละ”
   
ดิออนถอนหายใจแล้วลูบหัวผม
   
“อยู่ต่อก็ได้แต่ต้องกลับวันนี้นะ ไม่อย่างนั้นพ่อนายต้องด่าฉันแน่ๆ ”
   
ผมเกือบหลุดหัวเราะเพราะถึงแม้ลูกเขยกับพ่อตาจะสงบศึกกันแล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับผม พ่อก็จะโหดกับดิออนมากๆ อยู่ดี แต่จะว่าไปผมก็อายุจะพันปีแล้วนะ ทำไมพ่อถึงไม่เลิกห่วงผมอีกเนี่ย ไม่เห็นห่วงหลานบ้างเลย เห็นห่วงแต่ผมอ่ะ งง
   
“เย้”
   
ผมยิ้มจนตาหยีแล้วเขย่งเท้าพยายามจะจุ๊บดิออนก่อนที่ผมจะค้นพบว่าร่างสมัย ม.ปลาย ผมเตี้ยกว่าดิออนมาก เตี้ยขนาดที่ผมเขย่งจนสุดเท้าก็ยังไม่ถึงคางอ่ะ
   
ไม่สิ คนที่สูงเกินไปคือดิออนต่างหาก!
   
“นี่นายกินวัววันละตัวเหรอ”
   
ผมบ่นเซ็งๆ แล้วดึงเน็กไทให้มันโน้มคอลงมาหาผมแทน ผมมองหน้าหล่อๆ ของมันด้วยความชื่นชม เสียดายที่มันเกิดช้ากว่าผมไปหน่อย (?) ไม่อย่างนั้นสมัยตอนผมอยู่ ม.ปลาย ผมกับมันอาจจะได้เป็นแฟนกันตั้งแต่ตอนนั้นก็ได้ ใครจะไปรู้
   
คิดแล้วก็แอบเซ็ง ผมจะพันปีแล้วอ่ะ แก่ชะมัดเลย
   
ผมแกล้งกัดจมูกมันเบาๆ แล้วค่อยจูบมัน ปล่อยให้ความรู้สึกวาบครอบครองผม ทั้งๆ ที่ผมกับมันก็จูบกันมาเป็นร้อยเป็นพันครั้งแล้วแต่ผมก็ยังชอบจูบมันอยู่ดี
   
จูบอยู่สักพักผมก็ผละออกเพราะรู้ว่าถ้านานเกินไปจะไม่ใช่แค่จูบ
   
ผมสบตากับดิออนอีกรอบซึ่งรอบนี้แววตาของมันก็ลุกโชนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ดูอยากทำอะไรกับผมต่อ ทั้งๆ ที่เมื่อวานก็ทำไปตั้งเยอะแล้ว
   
“พอแล้ว”
   
ผมดึงมือมันที่พยายามล้วงเข้าไปในกางเกงผมขึ้นมากัดจนเป็นรอยฟัน
   
“ถ้าไม่ทำก็อย่าเริ่มสิ”
   
ดิออนมันบ่นเซ็งๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ ก่อนที่มันจะช่วยจัดเสื้อให้ผมที่ยับยู่ยี่อีกแล้ว
   
“แล้วก็อย่าลืมว่าห้ามไปยุ่งกับพวกวาติกัน”
   
“ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ก็เห็นมีแต่พวกวาติกันอ่ะมายุ่งกับผมเอง”
   
ผมหัวเราะคิกคักตอนที่เห็นดิออนทำหน้าไม่พอใจ
   
“รสนิยมพวกนายคงชอบแบบผมมั้ง”
   
นี่ถ้าการ์วินหน้าเหมือนผมอีกสักหน่อย ยูก็คงจะชอบกว่านี้ละ
   
“อย่าไปยุ่งกับมัน”
   
ดิออนก็ยังคงย้ำคำเดิม
   
“นายจะหึงผมจริงๆ อ่ะ “ ผมดึงมือมันมาแนบท้องผมแล้วหน้าแดง “สามคนแล้วนะ”
   
“...”
   
ดิออนดูหงุดหงิดน้อยลงแต่มันก็ยังหน้าบูดอยู่ดี
   
“จะเดินเล่นในโรงเรียนก็ให้ลูกพาเดินไป ไม่เห็นต้องให้มันพาเดินเลย”

“แต่ยูเป็นประธานนักเรียนเลยนะ! จริงสิ ตอนนายอยู่โรงเรียนนายได้เป็นประธานไหม”

ผมพูดไปแล้วก็ช่วยมันแต่งตัวบ้าง ดีที่ห้องน้ำสระว่ายน้ำที่นี่ใหญ่มาก ผมกับดิออนเลยไม่รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ ผมหยิบเน็กไทมาผูกให้อย่างคล่องแคล่วแล้วเขย่งอีกรอบเพื่อที่จะคล้องคอให้มัน

ฟอด

ผมหน้าแดงตอนที่มันก้มลงมาแล้วฉวยโอกาสหอมแก้มผมไปด้วย

“เป็น”

“นายไม่น่าเกิดช้าเลย”

ผมบ่นอุบเพราะอยากเห็นตอนมันเป็นประธานอ่ะว่าจะเท่ขนาดไหน เพราะตอนผมเรียนก็ไม่เห็นพวกประธานนักเรียนทำอะไรนอกจากเท่ไปวันๆ แล้วก็มาไล่จับพวกตัวป่วนโรงเรียนอย่างผมไปให้ครูด่า
เอาจริง ถ้ามันเกิดทันผม ผมอาจจะเกลียดมันก็ได้

ผมน่ะเกลียดการโดนด่าที่สุดแล้ว ถึงผมจะทำตัวน่าโดนด่าก็เถอะนะ

“หันหลังหน่อย”

“อือ”

ผมหันหลังให้ดิออนถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าให้หันทำไม

“!!!”

ผมสะดุ้งเกือบจะร้องออกมาตอนที่อยู่ๆ ก็ถูกมันกอดแน่นแล้วฟัดเหมือนมันเขี้ยว

แล้วแบบนี้ผมจะจัดชุดนักเรียนไปทำไมเนี่ย

“อย่ากัด”

ผมบ่นมันไม่จริงจังนักเพราะรู้แหละว่าร่างผมตอนนี้มันน่าทุบน่าบี้กว่าตอนปกติเป็นไหนๆ ตอนผมอายุเท่านี้ผมนั่งเฉยๆ ยังมีคนมาหาเรื่องอ่ะ จริงๆ ก็คุยกันดีๆ ก็ได้แต่คนพวกนั้นก็อยากแกล้งผมให้ร้องไห้อยู่ดี
   
ทำไงได้อ่ะ ตอนนั้นเป็นค้างคาวกากๆ เลยร้องไห้ตั้งแต่พวกนั้นขู่เลย พอมันงงว่าผมร้องไห้ทำไมผมก็เผ่น
   
“น่ารักจังวะ”
   
ดิออนสบถหลังจากฟัดผมเสร็จแล้วและหัวผมก็ยุ่งมาก
   
“เพิ่งรู้เหรอ”
   
ผมหัวเราะคิกคักแล้วจัดผมตัวเองใหม่
   
เอาจริงๆ ผมก็รู้สึกดีแหละที่ดิออนมันหลงผมแบบนี้ ก็ดีแหละที่ผมไม่แก่ตามอายุ ไม่เหมือนน้องผมที่แทบจะกลายเป็นพ่อคนที่สองของผมแล้ว ชอบบ่นผมที่หายใจไปวันๆ แล้วก็เล่นสนุกในสมาคม
   
ก็มันน่าเบื่ออ่ะ ชีวิตแวมไพร์มันยืนยาวจนผมไม่รู้จะทำอะไร ที่ทำบ่อยก็คือเรียกร้องความสนใจจากดิออนเนี่ยแหละ สนุกสุดแล้ว
   
“ดิออน”
   
ผมเรียกมันเบาๆ
   
“ว่า”
   
มันเหลือบมองผม
   
“นายจะอยู่กับผมตลอดไปใช่ไหม”
   
“อืม”
   
ผมรู้แหละว่ายังไงมันก็ตอบแบบนี้ แต่พอคิดว่าวันใดวันหนึ่งที่ไม่มีมันให้ผมอ้อนแล้วผมก็แอบกลัวอ่ะ ถึงแวมไพร์จะอายุยืนกว่ามนุษย์ก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้เป็นอมตะนี่นา
   
ถ้ามันหายไปก่อนผมคงทำใจไม่ได้แน่ๆ เลยอ่ะ
   
แค่คิดก็จะร้องไห้แล้วอ่ะ แงงง
   
“ยังไม่ตาย ไม่ต้องร้อง”
   
ดิออนหลังๆ ที่ไม่รู้ไปทำอะไรมา อ่านใจผมออกทุกรอบอ่ะ
   
ซึ่งมันก็ทำหน้าเหนื่อยใส่อีกแล้ว!
   
อะไรกัน ผมก็กลัวเป็นไหมอ่ะ ผมไม่อยากเป็นหม้ายนี่นา ถ้าใครจะตายก่อน ขอผมตายก่อนเถอะ ไม่งั้นผมคงร้องไห้จนน้ำตาท่วมสมาคมแน่ ขนาดตอนนั้นปู่ผมเสีย ผมยังร้องไห้เป็นเดือนเลย
   
“ถึงเวลานายก็ทำใจได้เอง”
   
“อือ”
   
ผมถอนหายใจหงอยๆ
   
ยังดีอ่ะที่มันเป็นแวมไพร์แล้ว ถ้ามันยังเป็นมนุษย์อยู่ป่านนี้กลายเป็นปุ๋ยไปแล้วอ่ะ คือถ้ามันตายจริง ผมว่าผมคงเป็นแวมไพร์ขรึมๆ แบบน้องอ่ะ ไม่มีอารมณ์มาไร้สาระไปวันๆ แบบนี้หรอก
   
“ไปเดินเล่นกัน”
   
ผมสลัดหัวไล่ความคิดไร้สาระออกเพราะตอนนี้มันยังไม่ตายสักหน่อย
   
ผมพาดิออนออกมาจากห้องน้ำแล้วลากมันให้วิ่งตามผมไปโซนบ้านผีสิงที่เพิ่งเปิดให้เข้าและแถวยังไม่ยาวเท่าไหร่ ผมเดินไปต่อคิวด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเพราะอยากรู้ว่าพวกมนุษย์ตอนนี้ตีความผีเป็นแบบไหน เอาจริงพวกผีไทยผมก็เคยเจอบ้างนะ ทางนั้นก็มีสมาคมเหมือนกันแต่ไม่ค่อยชอบฝั่งผมเท่าไหร่
   
หลายปีก่อนน้องผมอุตส่าห์ออกไปผูกมิตรกับทางนั้นก็แทบจะโดนน้ำสาดไล่กลับมา แล้วไล่ผมกลับสมาคมให้กลับไปอยู่ประเทศตัวเองเพราะบอกว่านี่เป็นถิ่นเขาอ่ะ คือผมก็อยากเถียงเหมือนกันว่าผมเกิดที่ไทยและพูดไทยชัดขนาดนี้ยังจะไล่ผมกลับประเทศอีกเหรอ
   
แน่นอนว่าผมไม่พอใจหรอกแต่ก็ไม่อยากมีเรื่องอ่ะ เลยกลับแบบเซ็งๆ
   
“ใส่ซะ”
   
“!”
   
ผมยังไม่ทันถามว่าใส่อะไร ดิออนก็คาดที่คาดผมค้างคาวที่เขาขายมาคาดให้ผมซึ่งฉากหลังก็มีเสียงขอบคุณๆๆ ของพวกนักเรียนที่ทำซุ้มบ้านผีสิง
   
ผมขยับตัวไปมองตัวเองในกระจกที่วางอยู่บนโต๊ะและคาดใหม่อีกรอบเพราะมันคาดแบบแกล้งผมอ่ะ ผมยุ่งไปหมดเลย ผมจัดผมแล้วคาดใหม่อีกรอบจนตอนนี้เหมือนมีค้างคาวจิ๋วเกาะอยู่บนหัวผมสองตัว เอาจริง มองไปมองมาก็แอบเหมือนลูกสมุนที่ผมชอบเรียกออกมาเล่นด้วยอ่ะ
   
ผมหันไปมองมันถึงเห็นว่ามันมองผมด้วยสีหน้านิ่งๆ
   
“…”
   
ผมพูดอะไรไม่ออกเพราะดูออกว่ามันอยากฟัดผมอีกรอบแน่ๆ เมื่อกี้ผมเห็นมันเลียเขี้ยวด้วย! แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถึงคิวของผมกับดิออนพอดี
   
“บอกไว้ก่อนนะคะว่าบ้านผีสิงของเราน่ากลัวมาก”
   
นักเรียนคนนึงที่สวมชุดยมทูตสีดำบอกกับผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เคียวที่เหมือนจะใช้เก็บเกี่ยววิญญาณกั้นม่านประตูทางเข้าเอาไว้เหมือนพยายามปกป้องผมไม่ให้ไปหัวใจวายตายข้างในนั้น
   
ผมขมวดคิ้วเริ่มเครียด
   
แวมไพร์อย่างผมนี่นับเป็นผีไหมนะ
   
“ซุ้มบ้านผีสิงของเรามีคนเป็นลมข้างในทุกปี ตอนนี้ยังถอนตัวทันนะคะ”
   
ยมทูตอีกคนพยายามเตือนผมด้วยความหวังดี
   
“ไม่เป็นไรครับ ผมมากับแฟน”
   
ผมยิ้มจนตาหยีแล้วกอดแขนดิออน แบบถ้าข้างในมีวาติกันหรือผีอะไรมาไล่ตี ผมโยนดิออนไปจัดการก่อนเลย
   
“..งั้นก็เชิญเลยค่ะ”
   
ยมทูตดูเขินๆ ที่ผมเอาตัวซุกใส่ดิออนก่อนจะเปิดทางให้ผมกับดิออนได้เข้าไปในข้างในที่เย็นกว่าข้างนอกอย่างเห็นได้ชัดแถมยังมืดด้วย
   
“..ไม่น่ากลัวเลยอ่ะ”
   
ผมกระซิบบ่นกับดิออนเพราะไม่กี่วินาทีตาของผมก็ปรับสภาพได้ทันที คือผมจำได้แล้วว่าทำไมผมถึงไม่ชอบเล่นบ้านผีสิง แบบเข้ามาแปปเดียวประสาทสัมผัสผมก็รู้หมดแล้วอ่ะว่าในห้องนี้มีคนหลบอยู่ตรงไหน
   
ไม่ตื่นเต้นเลย!
   
ผมคิดเซ็งๆ ถ้าผมเป็นมนุษย์ปกติก็คงสนุกกับบ้านผีสิงกว่านี้แหละ
   
“ก็นายเป็นผี”
   
ดิออนมันหัวเราะเบาๆ ตอบผม
   
“ปีศาจต่างหาก ผมทะลุกำแพงไม่ได้หรอกนะ”
   
ผมเรียกร้องความเป็นธรรมให้เผ่าพันธุ์แวมไพร์ทันควัน คือถ้าผมเป็นผีจริงผมคงไม่โดนประตูหนีบในร่างค้างคาวบ่อยๆ หรอกนะ และในระหว่างที่ผมกำลังคุยเพลินๆ ก็..
   
แฮ่!!
   
“!!!!!”
   
ผมร้องลั่นตอนที่อยู่ๆ มีผีอะไรไม่รู้โผล่ออกมาข้างหน้าผมพร้อมผมกับเสียงเอฟเฟคดังลั่นที่ทำผมตกใจจนสติแตก ลืมแม้กระทั่งว่าตัวเองเป็นแวมไพร์ที่สามารถเอาชนะพวกวาติกันเกือบทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียวแล้ววิ่งหนีออกมาสุดชีวิต
   
ผมวิ่งน้ำตาแตกอยู่สักพักก่อนจะพบว่าผมมาอยู่ที่ใหม่แล้ว แถมยังเป็นเขาวงกตห้องกระจกอีก!
   
“ฮื่อ”
   
ผมนวดขมับรู้สึกปวดหัวหน่อยๆ เพราะเห็นตัวเองประมาณสิบคนสะท้อนไปมาเต็มไปหมด
   “!”
   
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นมีเงาดำๆ ผ่านผมไปรอบนึง จากที่กลัวอยู่แล้วก็กลัวกว่าเดิมอีก การมองเห็นในที่มืดได้ชัดเจนไม่ได้ทำให้ผมหายกลัวเลยสักนิด
   
“..ดิออนใช่ไหม”
   
ผมกระซิบถามทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ใช่ดิออน เพราะถ้าเป็นมันป่านนี้คงจะเข้ามาลูบหัวลูบหางผมแล้ว แต่เพราะไม่ใช่ผมเลยได้แต่กลืนน้ำลายเอือกแล้วเดินต่อ
   
แฮ่!!
   
“ว้ากกกก”
   
ผมตกใจจนล้มนั่งก้นจ้ำเบ้าแล้วนั่งร้องไห้น้ำตาแตก
   
แงงงงง
   
ผมกลัวจะแย่อยู่แล้ว ผัวผมอยู่ไหนเนี่ย! จะทิ้งผมอีกแล้วเหรอ ใจร้าย ใจร้ายที่สุดเลย!
   
“...เอ่อ ไหวไหมครับ”
   
ผีเลือดอาบที่หลอกผมเมื่อกี้ถามผมอย่างกระอักกระอ่วน
   
“ฮึก แล้วจะมาหลอกผมตั้งแต่แรกทำไมเล่า! แล้วห้องกระจกนี่จะยากเกินไปแล้วนะ”
   
ผมยังสะอื้นไม่หยุดมองผีที่มามุงเพิ่มอีกคนทั้งน้ำตา
   
ให้ตายสิ ไอ้บ้านผีสิงนี้มันมีผีกี่ตัวกันแน่เนี่ย ตอนผมเข้ามาก็สัมผัสได้ห้าหกคนเองนะ แต่ตอนนี้ประสาทผมรวนไปหมดเลย ไม่รู้ว่าเพราะมีอาคมอะไรด้วยรึเปล่า หรือผมแค่แพ้ท้องเฉยๆ
   
แต่ที่สำคัญที่สุดคือผัวผมอยู่ไหนก่อน แล้วถ้าดิออนเป็นลมไปแล้วผมจะทำยังไงดี ผมไม่มีปัญญาแบกมันหรอกนะ ตัวใหญ่ขนาดนั้น ขนาดร่างค้างคาวมันผมยังอุ้มไม่ค่อยไหวเลย
   
“ดิออน เห็นดิออนไหม”
   
ผมถามผีที่ตอนนี้นั่งลูบหลังผมไม่พอแล้วยังแกะลูกอมให้ผมกินด้วย
   
“คนที่ตัวสูงๆ หน้าดุๆ ใช่ไหมครับ”
   
ผีมัมมี่อีกคนเดินเข้ามาสบทบจนผมขึ้เกียจกลัวผีแล้ว
   
“อื้อ ที่หล่อๆ อ่ะ”
   
ผมเอาหลังมือเช็ดน้ำตาแล้วนั่งหน้างอ
   
“ออกไปได้แล้วนะครับ ได้รางวัลคนที่ออกเร็วที่สุดด้วย”
   
“...”
   
ไอ้บ้านผีสิงนี้มันคงจะมีหลายห้องเชื่อมกันแต่ผมดันซวยมาเจอห้องกระจกสินะ แล้วดิออนวิ่งตามผมยังไงให้ออกไปได้ก่อนเนี่ย
   
ไม่ยุติธรรม! ทำไมโลกต้องใจร้ายกับแวมไพร์ที่รักสันติที่สุดอย่างผมตลอดเลย
   
“จะเล่นต่อไหมครับหรือจะออกเลย”
   
“ออกเลยก็ได้”
   
ผมตอบหงอยๆ คือมาเล่นบ้านผีสิงก็อยากจะแกล้งผีกับจู๋จี๋กับดิออนไง สรุปคือผมกลัวผีเองซะงั้น เฮ้อ ก็ผีพวกนี้เล่นทีเผลออ่ะ แถมช่วงนี้ผมก็ดันท้องอยู่อีก พลังเลยไม่ค่อยเสถียรเท่าไหร่
   
“กลับบ้านไหม”
   
คนที่ผมคิดว่าจะรออยู่ข้างนอกตอนนี้กลับมานั่งยองๆ ตรงหน้าผม แถมยังถือตุ๊กตาผีแบบตัวก้อนๆ สีขาวตัวใหญ่มากมาด้วย
   
น่ารัก!!!
   
ไม่ต้องรอผมขอ มันก็ยื่นให้ผมกอดทันที
   
ผมเอาคางวางไว้บนหัวตุ๊กตาแล้วบ่นมัน
   
“นายอ่ะ ออกไม่รอผมเลย”
   
“ก็นึกว่าวิ่งหนีไปทางออก”
   
ผมเอื้อมมือไปจับมือดิออนให้มันดึงผมขึ้นแล้วไปซุกมันอีกรอบจนมันหัวเราะแล้วลูบหัวผม
   
“งั้นเดี๋ยวรบกวนพาออกไปด้วยนะครับ รอบต่อไปจะเข้าแล้ว”
   
“ครับ”
   
ดิออนรับคำแล้วมันก็พาผมออกไปข้างนอกด้วยทางที่มันใช้ออก ซึ่งผมก็ค้นพบว่าไอ้ห้องกระจกบ้านี้ไม่มีทางออกแล้วมันก็เหมือนเป็นกับดักให้คนมาติดเล่นๆ แล้วออกไม่ได้อ่ะ
   
“ร้องไห้เหรอ”
   
มันขมวดคิ้วมุ่นหลังจากที่ออกมาได้และน่าจะเห็นว่าผมตาแดงมาก
   
“ก็ตกใจอ่ะ”
   
มันถอนหายใจก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าให้ผม ซึ่งนอกจากมันจะเช็ดให้ผมแล้วมันยังหยิกแก้มผมด้วย!!
   
“อิออน!”
   
“มากับผัวจะกลัวอะไรอีก”
   
ให้ตายเหอะ มันพูดแบบนี้แล้วโครตจั๊กจี้เลยอ่ะ
   
ผมเขินมันแต่ก็อยากอ้อนเลยไปซุกที่แขนให้มันลูบหัวลูบหางเอาใจผม แน่นอนว่ามันก็เอาใจผมเป็นอย่างดี ปล่อยให้ผมกอดแขนมันข้างนึงระหว่างหาทางกลับ ซึ่งจริงๆ ผมกับมันก็อยากหายไปเลยนั่นแหละ แต่เทคโนโลยีพวกมนุษย์เดี๋ยวนี้มันละเอียดมากเลยทำอะไรพิสดารมากไม่ได้
   
“คราวหลังถ้าอยากไปไหนก็บอกกันดีๆ ”
   
“นายด้วย ถ้าจับได้ตั้งแต่แรกก็บอก ผมจะไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ มันเหนื่อย”
   
รู้ทันตลอดแบบนี้ไม่สนุกเลย
   
“ก็เห็นอยากหนีก็เลยปล่อย”
   
“แกล้งๆ ไม่เห็นบ้างก็ได้นะ วันสองวันก็กลับแล้ว”
   
ไม่รู้ผมพูดขัดหูมันตรงไหน มันดูหงุดหงิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
   
“ถ้าไม่ตามมาดูนายคงตกคนได้เป็นพรวนเลยมั้ง”
   
ผมหัวเราะคิกคักที่มันหึงผมอีกแล้ว เอาจริง ผมว่าถึงผมจะดวงซวยไปหน่อย แต่ดวงหน้าตาผมน่าจะของจริงแฮะ ขนาดดิออนเจอผมรอบเดียวยังรอผมตั้งนาน
   
มันถอนหายใจเซ็งๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก
   
“ไม่เห็นต้องหึงเลย ..ยังไงผมก็เป็นเมียนายคนเดียวอ่ะ”
   
เขินอ่ะ แต่ก็ต้องพูดเพราะมันเริ่มอารมณ์บูดแล้ว
   
“งั้นวันนี้เมียก็ช่วยทำหน้าที่เมียให้ด้วยนะ”
   
มันพูดยิ้มๆ แต่เล่นเอาผมหน้าซีดเลย
   
เมื่อวานก็เยอะมากแล้วนะ
   
;w;
   
สงสารค้างคาวที่เริ่มกระดูกไม่ค่อยดีอย่างผมบ้างเถอะ

   
   
   

ออฟไลน์ GDNEE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 26 22/8/63 p.9
«ตอบ #253 เมื่อ23-08-2020 02:55:25 »

ไม่ได้อ่านนาน ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะเนี่ยย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 26 22/8/63 p.9
«ตอบ #254 เมื่อ23-08-2020 10:17:27 »

น่ารัก~

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 26 22/8/63 p.9
«ตอบ #255 เมื่อ24-08-2020 20:07:25 »

เอ็นดูครูซผู้น่ารัก   :impress2:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนพิเศษ : หยุดแกล้งผมสักที!!!! ;w; { นักเรียนดีเด่นห้อง A VS สารวัตรนักเรียนห้อง F }

   
“ต่อไปนี้เธอได้รับมอบหมายให้ดูแลเด็ก ม.4 ห้อง A ห้องที่ฉลาดและดูแลง่ายที่สุดในบรรดาทุกห้อง หวังว่าเธอจะไม่ทำให้ครูผิดหวังนะ ครูซ”
   
“ครับ ผมจะไม่ทำให้ครูผิดหวังแน่นอนครับ!”
   
พูดเสร็จผมก็ตะเบ๊ะรับด้วยความกระตือรือร้น
   
สาบานได้เลยว่าตั้งแต่อยู่ที่นี่มาเกือบสามปี ปีนี้เป็นปีแรกเลยที่ผมแต่งตัวเรียบร้อยที่สุด (แน่นอนว่าผมทำเองแล้วไม่ค่อยเรียบร้อย เลยต้องให้น้องช่วยแต่งตัวให้ก่อนมาโรงเรียน)
   
“ถ้าดูแลไม่ได้ คราวนี้ครูจะเรียกพ่อเธอมารับทราบพฤติกรรมเธอ”
   
“ดูแลได้ครับ ผมดูแลได้จริงๆ ผมจะตั้งใจทำงานที่สุด ตั้งใจกว่าทุกวิชาเลย ผมจะไม่ให้มีนักเรียนห้อง A คนไหนผิดระเบียบแน่ๆ ในฐานะรุ่นพี่ม.6 ผมจะตั้งใจดูแลน้องที่สุดครับ!”
   
ความซวยของผมคือถูกครูจับได้ว่าเอาต้มเล้งมากินในห้องตอนเรียน แน่นอนว่าถ้าพ่อรู้เรื่องนี้ บ้านระเบิดแน่แล้วผมก็จะซึมไปประมาณหนึ่งเดือน กว่าจะคืนสภาพมาตะแล๊ดแต๊ดแต๋ไปวันๆ เหมือนเดิม
   
“..ให้มันจริงเถอะ ครูซ”
   
ครูที่ปรึกษาผมพูดด้วยน้ำเสียงระอา
   
“จริงสิ ผมต้องดูแค่หนึ่งสัปดาห์ใช่ไหมครับ ครู”
   
“ใช่ แค่หนึ่งสัปดาห์ก็พอ เผื่อเธอจะซึบซับอะไรดีๆ จากพวกเด็กหัวกะทิได้บ้าง”
   
ผมหัวเราะแห้งๆ
   
ถ้าผมซึมซับความฉลาดจากพวกนี้ได้จะดีมาก เผื่อว่าเกรดพวกวิชาวิทย์ผมจะดีขึ้น คราวก่อนฟิสิกส์ เคมี เกรดหนึ่ง หน้าพ่อผมดำไปทั้งแถบเพราะน้องผมที่อยู่ ม.5 สายวิทย์ได้เกรดสี่วิชาวิทย์หมดเลย
   
ยังดีที่ผมเรียนสายศิลป์อ่ะ ถ้าไปเจอฟิสิกส์ เคมี ทุกวันผมได้ลาตายแน่นอน
   
“จริงสิ เอานี่ไปใส่ด้วย”
   
ผมตาโตตอนที่ครูยื่นปลอกแขนขอสารวัตรนักเรียนมาให้
   
โครตเท่เลย ไม่สิ เท่สุดๆ ไปเลย!!!!!!
   
ตอนผมรับมาถือถึงกับมือสั่น ไม่คิดว่าในชีวิตโรงเรียนจะได้มีโอกาสมาไล่จับผิดนักเรียนคนอื่นบ้าง เพราะปกติผมจะเป็นคนที่วิ่งหนีพวกสารวัตรนักเรียนไง เหมือนหมาเวลาเจอเทศกิจอ่ะ ผมแค่เห็นปลายรองเท้ามันวับก็วิ่งละ
   
จริงๆ ที่โดนครูจับได้เพราะกินเล้งนี่ก็พวกสารวัตรนักเรียนเอาไปฟ้องเหมือนกัน เอาจริงผมก็เคยพยายามผูกมิตรกับคนพวกนี้นะ แต่ไม่มีใครให้ความเอ็นดูผมสักคน หิ้วคอเสื้อโยนใส่ห้องปกครองอย่างเดียวเลย
   
หึ วันนี้แหละ ผมจะได้เป็นคนจับคนส่งเข้าห้องปกครองบ้าง!
   
“เอาเสื้อใส่ในกางเกงด้วย คุณสารวัตร”
   
ผมที่กำลังชื่นชมปลอกคอสีดำทองบนต้นแขนหัวเราะแห้งๆ แล้วเอาใส่อย่างว่าง่าย
   
“งั้นก็ไปได้แล้ว”
   
“ครับ!”
   
ทันทีที่ได้รับการอนุญาตผมก็เผ่นออกจากห้องครูที่ปรึกษาทันที
   
“อ๊ะ!”
   
ด้วยความที่รีบจัดหรืออะไรสักอย่างทำให้ผมชนเข้ากับใครก็ไม่รู้อย่างแรง
   
แต่ความแรงกว่าคือคนที่ล้มก้นจ้ำเบ้าคือผม!
   
“เจ็บชะมัด”
   
ผมบ่นอุบ ไม่แน่ใจว่าตัวเองชนคนหรือชนกำแพงโรงเรียนกันแน่  แต่พอผมเงยหน้าขึ้นไปมองว่าชนใครผมก็ตกใจยิ่งกว่าเดิม
   
นี่มันเด็กห้องเอในการดูแลของผมนี่นา!!!!!
   
ว่าแต่มันสูงและน่ากลัวขนาดนี้เลยเหรอ
   
;w;
   
ผมหดตัวและตัวสั่น
   
“...”
   
เจ้าเด็กที่โดนผมชนก้มมองผม สีหน้าของมันไม่เปลี่ยนสักนิดทั้งๆ ที่เพิ่งโดนผมชนและผมเจ็บแทบตาย แล้วชุดเครื่องแบบโรงเรียนที่มันใส่ก็โคตรเรียบร้อยเลย
   
นี่คือแบบอย่างที่ครูอยากให้ผมซึบซับเหรอ
   
ไม่เอาหรอก! ผมจะเป็นครูซคนเดิมที่ไร้สาระไปวันๆ ที่ตั้งใจสุดคือทำกิจกรรมแค่นั้นแหละนะ
   
“สารวัตรนักเรียน?”
   
“..ใช่”
   
ผมตอบเสียงเบา ไม่รู้ว่าตัวเองจะกลัวอะไรนักหนา
   
ผมเป็นพี่นะ! อายุมากกว่าตั้งสองปี แต่เอาจริงผมอยากรู้มากว่าทำไมเจ้าเด็กนี้ถึงได้ตัวใหญ่นัก คือถ้ามันล้มมาทับผม ผมคงแบนตายตรงนี้อ่ะ
   
“!!!!”
   
ผมตาโตเพราะอยู่ดีๆ ไอ้บุคคลที่ถือว่าเป็นนักเรียน ‘ตัวอย่าง’ ในรุ่นมันปลดกระดุมคอออกแถมยังรูดเนคไทลงด้วย
   
มันกำลังทำผิดระเบียบต่อหน้าผม!!!!
   
ทำทำไมอ่ะ ทั้งๆ ที่มันอ่ะโดนพวกครูชมบ่อยจะตายว่าดีอย่างงูนอย่างงี้ ขนาดผมที่ไม่ค่อยสนใจใครเท่าไหร่ ยังคุ้นๆ เลยว่าเห็นมันที่หน้าเสาธงบ่อยๆ แบบรับรางวัลเรียนดี เด็กดีประจำเดือนอะไรทำนองนั้น
   
ในฐานะสารวัตรนักเรียนผมต้องจัดการมัน!
   
ผมรีบลุกขึ้นยืนแล้วทำหน้าขึงขัง
   
“..ห้าม ห้ามทำผิดกฎนะ”
   
ทำไมเสียงผมเบาขนาดนี้อ่ะ
   
;w;
   
ถ้าเรื่องทำผิดกฎอ่ะ ผมถนัดอยู่แล้ว แต่พอต้องมาเป็นคนรักษากฎก็พบว่ามันยากเอาการเลย คือตอนแรกผมก็นึกว่าหวานหมูไง เพราะยังไงพวกเด็กห้องเอก็ต้องรักษาภาพลักษณ์รวมๆ ว่าเป็นเด็กเรียนใช่ไหมล่ะ
   
แล้วทำไม ทำไมมันถึงทำผิดกฎอ่ะ แงงงงงงง
   
ทำยังไงดีๆๆๆ ทำยังไงดี
   
จะหิ้วคอโยนใส่ห้องปกครองผมก็คงไม่มีปัญญา ร้องไห้เลยดีไหมเผื่อว่ามันจะเห็นใจผมบ้าง
   
“ผมผูกเน็กไทไม่เป็น พี่ผูกให้ผมใหม่หน่อย”
   
โกหก!!
   
ผมเคยเรียนคาบว่ายน้ำตรงกับห้องนักเรียนตัวอย่างนี่ แล้วเปลี่ยนชุดใกล้ๆ กันอ่ะ เห็นจะๆ ตาเลยว่ามันผูกเป็นแล้วก็ผูกเนี้ยบด้วย คนที่ผูกไม่เป็นคือผมต่างหาก!
   
ที่ใส่อยู่ตรงคอคือให้น้องผูกให้ตั้งแต่เปิดเทอมอ่ะ ไม่เคยแกะเลย
   
ผมมองเน็กไทที่มันให้มาอย่างจนปัญญา คือที่ผมผูกได้อย่างเดียวก็คือโบว์อ่ะซึ่งมันก็ไม่ได้ไง คิดอยู่สักพักผมก็ตัดสินใจถอดเน็กไทของตัวเองออกแล้วยื่นให้น้อง
   
“ติดกระดุมด้วย ไม่งั้นพี่จะหักคะแนน”
   
ผมพยายามเก๊กดุ แต่ก็รู้แหละว่ามันไม่น่ากลัว เพราะไอ้คนที่น่ากลัวคือคนที่ยืนหน้านิ่งๆ ตรงหน้าผมเนี่ยแหละ
   
“...”
   
น้องมันก้มมองเน็กไทในมือผมสักพักก่อนที่จะหยิบไปใส่ ซึ่งแน่นอนว่าตัวผมกับตัวมันยาวไม่เท่ากัน ผลออกมาคือพอมันใส่แล้วเน็กไทมันก็สั้นมาก ซึ่งมันก็ตลกมากจนผมเกือบจะหลุดขำออกมา
   
“พี่ผูกไม่เป็น?”
   
ไม่อยากยอมรับเลยอ่ะ แต่ผมก็ผูกไม่เป็นจริงๆ เคยลองพยายามแล้วแต่ไม่รอด แล้วผมกับน้องก็มาโรงเรียนด้วยกันทุกวันด้วย ปัญหาผูกเน็กไทไม่ได้เลยไม่มี
   
ผมหน้าบูดใส่มันไม่ตอบคำถาม
   
“ติดกระดุมด้วย”
   
“...หึ”
   
อยู่ๆ เจ้าเด็กนักเรียนตัวอย่างก็หลุดขำออกมาเบาๆ มันยิ้มแล้วถอดเน็กไทของผมออกก่อนที่จะผูกใหม่อีกรอบในเวลาไม่ถึงหนึ่งในนาทีด้วยซ้ำ
   
ผูกไวกว่าน้องผมอีก!
   
แล้วมันก็คงจะสงสารผมมั้ง หยิบเน็กไทของมันที่ให้ผมถือไปผูกให้ด้วยแล้วยื่นให้ผม แต่พอผมจะยื่นมือไปรับมันก็ชักกลับแล้วถามผมนิ่งๆ
   
“ผมชื่ออะไร”
   
“...”
   
ผมเม้มปากแน่นเพราะจำไม่ได้
   
คือสมองน้อยๆ ของผมวันๆ ก็คิดแต่ว่าจะทำอะไรดี ไม่มีเวลามานั่งจำคนในโรงเรียนทั้งหมดหรอกนะ ถึงตอนนี้ผมจะรับบทเป็นสารวัตรนักเรียนก็เถอะ แต่แค่สัปดาห์เดียวหลังจากนี้ผมก็คงลืมเด็กห้องเอพวกนี้หมดแล้ว
   
“ถ้านึกไม่ออก ผมก็ไม่คืน”
   
“แล้วนายจำชื่อพี่ได้รึไง”
   
ผมหน้ามุ่ยเถียงกลับ
   
“ครูซ บราวด์ ม.6 ห้องเอฟ  เด็กกิจกรรม อยู่ชมรมการแสดง ชอบโดดเรียนไปนอนในห้องสมุด”
   
ผมอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่ามันจะรู้เกี่ยวกับผมขนาดนี้
   
ให้ตายสิ ผมดังขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ไม่หรอกมั้ง วันวาเลนไทน์ปีนี้ไม่เห็นมีใครให้อะไรเลย ทั้งๆ ที่ปกติทุกปีจะมีคนเอาขนมมายัดให้ผมอ่ะ
   
ผมเงยหน้ามองหน้ามันแล้วพยายามนึก คือครูก็ให้นั่งดูสมุดพกแหละว่ามีใครใน ม.4 ห้อง A บ้าง ผมก็ดูผ่านๆ ตาไม่ค่อยสนใจเพราะอยากออกจากห้องเต็มทนแล้ว
   
“ไลอ้อน”
   
ผมเดาสุ่มเพราะคุ้นๆ ว่าอะไรออนๆ เนี่ยแหละ ดีแค่ไหนที่ผมไม่ทายว่าโดเรม่อนอ่ะ
   
“...”
   
ผิดสินะ
   
;w;
   
ทายผิดแค่นี้จำเป็นต้องทำหน้าโหดขนาดนี้เลยเหรอ ให้ตายเหอะ ทายถูกก็ไม่ได้เงินสักหน่อย
   
“ก็นายเป็นน้องอ่ะ พี่จะสนใจน้องทำไม”
   
ถึงหน้ามันจะอยู่ในสเป็คของผมก็เถอะ แต่อีกหนึ่งปีผมก็จบแล้ว ไปหาแฟนตอนอยู่มหาลัยน่าจะรุ่งกว่า
   
“ดิออน”
   
มันพูดเสียงเรียบ
   
“ดิออนก็ดิออน คืนเนคไทมาให้พี่ได้แล้ว”
   
อีกห้านาทีจะหมดเบรกแล้วไง และผมก็มีเรียนต่อคาบต่อไปด้วย โดดไม่ได้ ช่วงนี้อยู่ช่วงควบคุมพฤติกรรม ถ้าเกิดครูโทรไปฟ้องพ่อ ผมคงอดกินขนมเป็นเดือนอ่ะ
   
“ผมไม่ใช่สเป็คพี่เหรอ”
   
“...”
   
แล้วพูดเหมือนเป็นคำถามปกติอ่ะ
   
ผมหน้าแดงเพราะมองอีกรอบ มันก็หล่อจริงๆ นั่นแหละ ไม่แปลกเลยที่ผมคุ้นหน้ามันบ้าง
   
“ก็สเป็คแต่เดี๋ยวพี่ก็จบแล้วไหมอ่ะ พ่อพี่ก็ไม่ให้มีแฟนด้วย”
   
ลำพังแค่เรียนผมยังไม่เรียนเลย ถ้าพ่อรู้ว่าผมมีแฟน ผมโดนเชือดแน่นอน
   
“แอบมีก็ไม่ได้?”
   
“..นายชอบพี่เหรอ”
   
ผมถามเสียงเบา เริ่มสนใจเจ้า ‘นักเรียนตัวอย่าง’ นี่ขึ้นมาบ้าง
   
ก็ครูบอกให้ผมซึมซับ ถ้าได้เป็นแฟนกันผมคงจะได้ซึมซับมากกว่าแค่เดินตามต้อยๆ แน่อ่ะ แล้วมันก็อยู่ในสเป็คผมด้วย ลองคบดูสักอาทิตย์ก็คงไม่เสียหายอะไร
   
ยังไงซะ ปีหน้าผมก็อยู่มหาลัยอยู่แล้ว
   
“อืม”
   
“...”
   
ผมเขินอะไรวะ แต่เขินอ่ะ แงงงงงงง
   
ผมรู้สึกร้อนไปทั้งหน้าจนลามไปคอตอนที่มันคล้องเน็กไทให้ผมแล้วช่วยผูกให้จนกลับมาเป็นเนคไทที่ดีอีกครั้ง แถมยังดูเรียบร้อยกว่าที่น้องผูกให้ผมอีก
   
“..ติดกระดุมด้วย”
   
ผมพูดเสียงอ้อมแอ้ม
   
“พี่ไม่ชอบผม?”
   
เพิ่งเคยคุยกันวันแรกจะให้ชอบเลยเหรอ ถึงดิออนจะดูเท่มากๆๆ แต่ผมก็ไม่เคยคิดมาก่อนอ่ะว่าจะชอบผม ตอนวันวาเลนไทน์ก็เห็นมีผู้หญิงมาล้อมหน้าล้อมหลังอ่ะ
   
อย่างว่าแหละคนหล่อก็คนชอบเยอะ แต่ทำไมคนหล่อที่ว่าถึงมาชอบผมก่อน งง
   
“เพิ่งคุยกันไหมอ่ะ”
   
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจดึงเน็กไทให้มันก้มลงมาเพื่อที่จะติดกระดุมให้มันเพราะพูดไปมันก็คงไม่ติดให้ผมอยู่ดี และถ้าผมปล่อยให้มันเดินไปแบบนี้แล้วครูมาเห็น ผมก็จะโดนลงโทษ
   
“ผมชอบพี่”
   
“รู้แล้ว ไม่ต้องพูดบ่อยๆ ได้ไหม ไม่งั้นพี่จะหักคะแนน”
   
เขินอ่ะ หยุดได้แล้ว หยุดเถอะ
   
มันหัวเราะเบาๆ เพราะข้ออ้างผมโคตรไร้สาระเลย
   
“ผมติวฟิสิกส์ให้พี่ได้นะ”
   
“…จริงอ่ะ”
   
ในบรรดาข้อดีของดิออน ผมสนใจข้อนี้สุดละ
   
มีคนจะติวฟิสิกส์ให้ผม!!!!
   
ผมตาเป็นประกายเพราะขนาดน้องยังยอมแพ้เลย
   
“โอเค เป็นแฟนเลย เย็นนี้เดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงชาบูหน้าโรงเรียน”
   
อะไรนะ ใครพูดว่าผมใจง่าย ไม่จริงสักหน่อย บอกเลยว่าต่อให้พ่อจับได้ว่าผมคบกับดิออน ผมก็จะอ้างได้ว่าให้ติวฟิสิกส์ให้เฉยๆ เพราะเกรดฟิสิกส์ผมล่มสลายมาก
   
วิชาบ้าอะไรไม่รู้ แค่ผมเห็นโจทย์น้ำตาผมก็แตกเลย
   
“…”
   
“งงไรอ่ะ ไม่ดีใจเหรอ ได้เป็นแฟนกับรุ่นพี่เลยนะ! แถมยังเป็นสารวัตรนักเรียนอีก”
   
ผมหลุดขำเลยเพราะไอ้นักเรียนตัวอย่างมันนิ่งไปเลยอ่ะ
   
“ไปละ มีเรียน แล้วก็ห้ามทำผิดระเบียบอีกนะ ไม่งั้นพี่จะฟ้องครูจริงๆ ด้วย”
   
ผมยิ้มจนตาหยีให้มันและตัดสินใจแบ่งลูกอมช็อกโกแลตที่พกติดตัวไว้ตลอดให้เม็ดนึง
   
“เลิกเรียนเจอกันที่โรงอาหารนะ!”
   
ผมยัดลูกอมใส่มือมันแล้วรีบวิ่งแต๊กๆ กลับห้องเพราะจะถึงเวลาเรียนแล้ว
   
และแน่นอนสารวัตรนักเรียนอย่างน้องครูซนั้นไม่รู้จักคำว่า ‘โดดเรียน’ หรอกนะ!

--------
 :katai4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ไอ้ต้าวครูซ...ซซซซซซซซซซซ   :hao7:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
มีความรุ่นพี่จ้า

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ครูซก็ยังเป็นครูซ :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ต้างครูซ ยังหลอกง่ายเหมือนเดิมเลย ความครูซอ่ะเนอะ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนพิเศษ - เด็กห้อง A (2)

   
“หมายความว่าไงที่พี่จะไปกินชาบูตอนเย็น”
   
“ก็ตามนั้นแหละ เซนกลับก่อนเลย พอดีพี่มีนัดพิเศษ”
   
ผมพูดไปยิ้มไปอารมณ์ดีมากเพราะรู้สึกว่ากำลังจะมีอะไรสนุกๆ ให้ทำ ซึ่งเป้าหมายของผมก็คือเจ้าเด็กห้องเอนั่นแหละนะ แล้วช่วงนี้ผมก็ไม่มีอะไรทำเป็นพิเศษด้วย
   
“…”
   
“อะไร”
   
ผมหน้ามุ่ยเพราะน้องมองผมด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจ
   
“พี่กินข้าวกับเพื่อนแปปเดียวก็กลับแล้ว”
   
“เพื่อนพี่กลับบ้านกันหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ผมเห็นขึ้นรถกันไปแล้ว พี่นั่นแหละนัดกับใคร”
   
อะไรกัน นี่น้องหวงผมอีกแล้วเหรอ
   
“ความลับ”
   
ผมหัวเราะคิกคักเพราะเซนก็อยู่ห้องเดียวกับดิออนนั่นแหละนะ ผลัดๆ กันได้นักเรียนดีเด่นแหละ ส่วนผมก็ได้รับแต่พวกรางวัลกิจกรรม เสียดายที่ปีนี้ผมอยู่ ม.6 แล้ว โรงเรียนเลยไม่ปล่อยให้ทำกิจกรรมอะไรใหญ่ๆ เท่าไหร่ เพราะอยากให้ไปติวเข้ามหาลัยกันเองมากกว่า
   
แต่ผมติวไม่รอดหรอกจริง ซื้อคอร์สออนไลน์มาเรียนได้สิบนาทีผมก็หลับแล้วอ่ะ คงได้แต่หวังว่าพอร์ตผมจะพาผมเข้ามหาลัยได้สักที่นั่นแหละนะ
   
“..อย่ากลับดึกมากแล้วกัน ถ้ากลับไม่ถูกก็โทรเรียกผม เดี๋ยวผมไปรับ”
   
อีกนิดคือผมน้ำตาแตกแล้ว นี่ผมทำอะไรบาป (?) ด้วยอะไรนะถึงได้น้องที่ดีขนาดนี้มาเป็นน้อง
   
“อื้อ พี่กลับไม่เกินสามทุ่มหรอก ไม่ต้องห่วง”
   
ผมโผกอดน้องแน่นๆ รอบนึงด้วยความมันเขี้ยว แล้วคือผมสูงแค่ถึงปลายคางน้องอ่ะ จนคนส่วนใหญ่ชอบเข้าใจผิดว่าผมเป็นน้อง แต่ผมก็ชินแล้วเพราะน้องก็เหมือนพี่ผมจริงๆ นั่นแหละ
   
“อย่าให้ผมรู้นะว่าพี่แอบมีแฟน”
   
“ไม่มีหรอก ใครจะไปมี”
   
ผมพูดด้วยสีหน้าปกติเพราะจะเรียกว่าแฟนจริงๆ ก็คงยากอ่ะ แบบผมก็รับปากไปงั้น
   
“...”
   
“อะไรล่ะ ไปละๆ เดี๋ยวพี่สาย”
   
น้องผมก็ยังทำหน้าไม่เชื่อเหมือนเดิม แต่ผมไม่ยอมให้น้องมาขวางการรับบทเป็นแฟนดิออนหรอกนะ ผมต้องการคนติวฟิสิกส์ให้ผมและผมก็อยากหาอะไรทำแก้เครียดช่วงนี้ด้วย
   
มันใกล้สอบแล้วอ่ะ ซึ่งผมนอกจากร้องไห้แล้วก็ทำอะไรไม่เป็นอีกเลย
   
ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่โรงอาหารตามที่นัดน้องไว้ ระหว่างทางก็โบกมือทักคนรู้จักในชมรมที่ยังไม่กลับบ้าน เพื่อนในห้องบางคนก็ยังเล่นบาสเล่นวอลเล่ย์กันอยู่ จริงๆ ปกติถ้าผมเบื่อมากก็จะไปแจมกับพวกวอลเล่ย์บ้างเป็นบางครั้ง ถึงมันจะทำให้ผมแขนม่วงก็เถอะนะ
   
ผมที่กำลังวิ่งแต๊กๆ ถึงกับสะดุ้งตอนที่เห็นรองเท้าอาจารย์ที่ปรึกษาผมโผล่ออกมาจากมุมหนึ่งของตึก ด้วยสัญชาตญาณอันแรงกล้าที่หล่อหลอมผมมาตลอดหลายสิบปีนี้ทำให้ผมสามารถยัดชายเสื้อนักเรียนใส่ในกางเกงภายในเสี้ยววินาทีและทำตัวเรียบร้อยได้ในพริบตา
   
ผมเดินยืดอกทำเป็นตรวจตราความเรียบร้อยตอนที่อาจารย์หันมาทางผมและทำเป็นไม่เห็นอาจารย์ พออาจารย์เดินไปพ้นระยะสายตาแล้วผมก็เอาเสื้อออกแล้ววิ่งแต๊กๆ ต่อ
   
ทำไงได้อ่ะ ก็มันอึดอัดนี่นา
   
จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยชอบพวกกฎระเบียบในโรงเรียนหรอก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะผู้บริหารโรงเรียนก็โดนพวกผู้ปกครองกดดันมาอีกที
   
“ดิออน!”
   
ผมยิ้มจนตาหยีตอนที่เห็นมันนั่งอ่านหนังสือรอผม แล้วหนังสือก็เป็นหนังสือสรุปฟิสิกส์ด้วย กลัวแล้ว นี่เดทแรกก็จะติวฟิสิกส์ให้ผมเลยเหรอ เกินไปแล้วนะ ไม่โรแมนติกเลย
   
“...”
   
ดิออนเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วพยักหน้าเบาๆ เชิงรับรู้ แล้วเก็บพวกชีทกับหนังสือเข้ากระเป๋าหนังสีดำของโรงเรียน ผิดกับผมที่ไม่พกอะไรมาเรียนเลยนอกจากกระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ แล้วก็พาวเวอร์แบงค์ ส่วนที่เหลืออยู่ในล็อคเกอร์
   
“เดี๋ยวพี่ช่วยเก็บนะ”
   
จริงๆ คือดิออนมันก็เก็บหมดแล้ว แต่ผมก็อยากช่วยเก็บ ต่อให้ไม่มีก็ต้องมี ผมหยิบกล่องดินสอเหล็กที่มันเอาใส่กระเป๋าไปแล้วขึ้นมาแล้วใส่อีกรอบ
   
“...ขอบคุณ?”
   
น้องมันมองผมงงๆ จนผมเผลอหลุดขำออกมา
   
น่ารักจัง ;w;
   
ผมมองดิออนด้วยความเอ็นดูเพราะดูเหมือนตอนอ่านหนังสือมันจะใส่แว่นด้วย แล้วพอใส่แว่นก็ยิ่งดูหล่อมากเดิมอีก
   
ให้ตายเหอะ น้องมันชอบผมจริงอ่ะ
   
ผมเงยหน้ามองดิออนที่ยืนเต็มความสูงอีกรอบแล้วปาดเหงื่อในใจ มันสูงมากเลยอ่ะ สูงกว่าน้องผมอีก ผมยืนเทียบกับมันตอนนี้คือหัวถึงอกเอง นี่ผมตอนเด็กๆ แอบคายนมที่พ่อให้บังคับให้ผมกินใช่ไหมเนี่ย
   
“พี่อยากกินชาบูเหรอ”
   
น้องหลุบตามองผม
   
“แล้วจะกินอะไรอ่ะ ถ้าไม่กินชาบู”
   
ผมชอบไปกินเพราะแอร์มันเย็นเฉยๆ แล้วมันก็ใกล้ด้วย นั่งรถจากโรงเรียนแปปเดียวก็ถึงแล้ว
   
“ที่ไหนก็ได้ ผมแค่อยากไปกับพี่”
   
“..อื้อ”
   
ผมหน้าแดงเพราะไม่คิดมาก่อนว่ามันจะพูดด้วยสีหน้าจริงจังขนาดนั้น
   
“แล้วจะไปยังไงอ่ะ”
   
“นั่งรถผมไปก็ได้”
   
“เอางั้นก็ได้”
   
ผมเดินตามหลังดิออนไปแล้วมองมือมันอย่างลังเล ไม่กล้าจับ ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ชมรมคือผมก็แสดงมาหมดแล้วอ่ะ เป็นพระเอก ตัวร้าย ตัวประกอบ หรืออะไรก็ตาม
   
แต่แค่แสดงเป็น ‘แฟน’ ดิออนเอง ทำไมผมถึงไม่กล้าก็ไม่รู้
   
เขินอ่ะ แงงงง
   
แอ่ก!
   
ผมร้องออกมาตอนที่ชนหลังดิออนอีกแล้ว ดีที่รอบนี้ไม่แรงมากผมเลยไม่กระเด็นอีก ผมลูบจมูกน้อยๆ ของตัวเองด้วยความสงสาร เพราะไม่รู้มันจะยุบไหม
   
“...”
   
ดิออนขมวดคิ้วมองผมที่ชนแล้วชนอีก ซึ่งผมก็หัวเราะแห้งๆ แล้วขึ้นรถที่ดิออนเปิดประตูให้ ก่อนที่ผมจะไหว้คนขับรถที่ไม่รู้ว่าเป็นใครด้วยความเกรงใจ
   
“ลงที่ร้านชาบู XX ครับ”
   
“ครับ คุณหนู”
   
ดิออนขยับมานั่งใกล้ผมแล้วเอากระเป๋าวางไว้คั่นกลางเอาไว้ ส่วนผมที่ไม่มีอะไรทำก็นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์แก้เบื่อ จริงๆ ก็อยากชวนดิออนคุยแหละ แต่บรรยากาศในรถดูเคร่งเครียดมากจนผมแทบไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำ
   
ให้ตายเหอะ ผมไม่แปลกใจเลยที่ดิออนมันจะเป็นเด็กเรียนดีอ่ะ ในเมื่อที่บ้านมันก็คงจะเป็นพวกนิยมความสมบูรณ์แบบอ่ะ ลูกเก่งที่สุดดีที่สุดทุกอย่าง อะไรทำนองนั้น ผิดกับบ้านผมที่พ่อไม่ค่อยอะไร แค่ผมเรียนจบได้ก็ดีใจแล้ว (แต่ถ้าผมตกเยอะๆ ก็จะโดนหักค่าขนม ;w;)
   
ฮื่อ
   
ผมพ่นลมหายใจเซ็งๆ เพราะเล่นเกมพับX แล้วแพ้ตั้งแต่ห้านาทีแรกเลยอ่ะ อะไรกัน นี่ผมจะกากยันในเกมเลยเหรอ ไม่ได้มั้ง ผมปิดเกมแล้วเปลี่ยนไปเล่นเกมเลี้ยงปลาทองแทน
   
“ห้ามกิน อย่ามากินปลาแพงๆ ได้ไหม”
   
ผมเลียเขี้ยวบ่นด้วยความหงุดหงิดเพราะไอ้ปีศาจที่โผล่มามันกินปลาที่ให้เงินเยอะๆ ไปหมดเลยอ่ะ เหลือแต่ตัวลูก แล้วคือขนาดผมยิงมันยิกๆ ขนาดนี้
 
มัน-ก็-ยัง-ไม่-ตาย-อีก!!!!!!!

จะหมดบ่อแล้วเนี่ย บ้าเอ๊ย แล้วปีไหนน้องครูซจะฟักไข่ได้

ผมแทบจะน้ำตาแตกตอนมันกำลังจะกินตัวสุดท้ายของบ่อไปด้วย จบสิ้นแล้ว ดีนะ ที่ผมเอาตัวที่เป็นแม่ปลามาด้วยอ่ะ ไม่งั้นได้ร้องไห้จริงแน่

“..อ๊ะ”

ผมหลุดเสียงร้องออกมาเบาๆ ตอนที่โดนแย่งมือถือไปเล่นต่อ ผมขยับตัวไปชิดกับดิออนแล้วชะเง้อมองมันเล่นด้วยความตื่นตาตื่นใจเพราะเล่นไม่ถึงห้าวิไอ้ปีศาจนิสัยไม่ดีก็ตาย

“นายเล่นต่อเลยๆ ”

ผมจ้องเกมปลาในมือดิออนที่พอเปลี่ยนมือแล้วเหมือนเล่นคนละเกม ดิออนมันเล่นง่ายมากจนผมงงว่า มันติวเล่นเกมด้วยรึเปล่าเนี่ย คือผมก็เล่นมาได้สักพักแล้วด่านหลังๆ มันก็เริ่มยากอ่ะ เล่นแล้วแพ้ก็หงุดหงิดอีก

“ถึงแล้วครับ”

ถึงไวจัง ว่าจะให้เล่นอีกด่านซะหน่อย

ผมไหว้ขอบคุณและวิ่งลงไปจองที่ให้ผมกับดิออน แน่นอนว่าหลังจากที่มากินเกินสิบรอบแล้ว ทำให้ผมรู้ว่ามุมไหนเป็นมุมที่เหมาะสำหรับการเดทมากที่สุด

“สองที่ครับ”

ผมยิ้มจนตาหยีให้ดิออนแล้วพาไปนั่งมุมข้างในของร้านที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวแล้วก็ไม่หนาวมากด้วย ผมนั่งก่อนที่ดิออนจะตามมานั่งตรงข้ามผม

“นายแพ้หรือไม่กินอะไรไหม อ้อ แล้วอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”

ผมถามดิออนระหว่างที่นั่งติ๊กช่องกุ้งกับลูกชิ้นชีส

“ผมกินได้หมดครับ พี่สั่งเลย”

“งั้นพี่สั่งเลยนะ”

แน่นอนว่าผมก็สั่งมาอย่างละนิดละหน่อยแหละ ตัวผมก็แค่นี้เอง ส่วนที่สั่งเผื่อดิออนส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเนื้ออ่ะ เพราะดิออนน่าจะเป็นสายเนื้อ ไม่งั้นคงจะไม่โตขนาดนี้

เอาจริง ผมก็กินทั้งเนื้อทั้งนมนะ ทำไมผมตัวแค่นี้ หรือเพราะผมกินขนมมากเกินไปอย่างที่พ่อพูดจริงๆ

“สั่งอาหารก็เครียดเหรอ”

ผมเผลอขมวดคิ้วอีกแล้วเหรอเนี่ย พอโดนทักผมก็รีบยิ้มให้น้องทันที

“ไม่มีอะไรหรอก อ่ะ อยากกินอะไรก็เขียนเพิ่มเลย”

ผมยื่นใบที่ติ๊กแล้วให้ดิออนติ๊กต่อซึ่งน้องก็ดูไม่ถึงห้าวิก็ยื่นให้พนักงานเลย ไม่รู้ว่าเพราะหิวหรือไว้ใจผมมากหรืออะไร แต่ก็ดีแล้วแหละ เพราะท้องน้อยๆ ของผมเริ่มหิวแล้ว

ผมเทน้ำจิ้มให้ดิออนแล้วทำหน้าเครียดอีกรอบเพราะวันนี้กลิ่นกระเทียมแรงมาก

;w;

ปกติตอนมากินกับเพื่อนกลิ่นมันไม่แรงขนาดนี้อ่ะ แล้วผมก็เป็นพวกกินแบบไม่จิ้มอะไรด้วย

“พี่ไม่ชอบกระเทียมเหรอ”

รอบนี้สีหน้าผมน่าจะชัดกว่าเมื่อกี้อีกมั้ง

“อือ”

ผมพยักหน้าหงอยๆ แล้วดันถ้วยน้ำจิ้มให้ดิออนจนสุดแขน แต่กลิ่นมันก็ยังแรงอยู่ดีจนผมหงอยกว่าเดิม ซึ่งดิออนก็ทำให้ผมประหลาดใจอีกครั้งด้วยการเรียกพนักงานมาเก็บถ้วยน้ำจิ้มไป

“นายไม่จิ้มเหรอ”

ผมถามงงๆ เพราะไม่ค่อยเห็นใครกินเปล่าๆ เหมือนผมอ่ะ

“ผมกินแบบไหนก็ได้ครับ ไม่ได้สนใจขนาดนั้น”

ดิออนตอบผมสบายๆ แต่นัยน์ตาสีเทาของมันกลับจ้องผมแปลกๆ

ผมกลืนน้ำลายเอือกเพราะมันดูเจ้าเล่ห์ขึ้นอ่ะ

ให้ตายสิ ผมเป็นพี่นะ! อายุมากกว่าตั้งสองปี อย่าเลิ่กลั่กสิ

ผมพยายามสะกดจิตตัวเอง แต่มือที่อยู่ใต้โต๊ะตอนนี้คือสั่นแล้วเพราะไม่ชินกับการโดนจ้องเหมือนรู้ความลับแบบนี้ แล้วคือผมก็มีความลับที่เพื่อนไม่รู้เยอะด้วยไง ประเด็น

“ผมเคยได้ยินมาว่าพี่ไม่ชอบกินกระเทียม”

“อื้อ มันฉุนอ่ะเลยไม่ชอบ”

ผมตอบทันทีตามสคริปต์ในหัวที่เคยคิดเอาไว้นานมาก แล้วตั้งเอาไว้เป็นคำตอบในหัวเลยเวลามีคนถาม

“พี่เป็นแวมไพร์ใช่ไหม”

“!!!!!”

ผมกำลังจะตอบใช่ก็สะดุ้งสุดตัวจนเกือบหลุดร้องออกมา

ความลับผมแตกเหรอ ไม่สิ มันรู้ได้ไงก่อน แล้วผมต้องทำยังไงดีอ่ะ ควรฟ้องพ่อไหมหรือโทรเรียกน้องดีอ่ะ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้คือผมจะร้องไห้แล้ว

“ไม่ ไม่ได้เป็นสักหน่อย”

ผมรู้เลยอ่ะว่าตอนนี้ตัวเองตาแดงมาก ใกล้น้ำตาแตกแล้ว ถ้าดิออนมันพูดจี้ผมอีกนิด ผมปล่อยโฮแน่

“อย่าร้อง ผมแค่ถามเฉยๆ ”

ดิออนขมวดคิ้วแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าสีดำในกระเป๋ามายื่นให้ผมเหมือนไว้ให้ผมเช็ด ถ้าเกิดผมน้ำตาแตกจริงๆ

;w;

ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ

ผมคิดอย่างหดหู่แต่ก็รับมาถือไว้

“..ไม่ได้เป็น น้อง น้องเซนก็ไม่ได้เป็นเหมือนกัน! แวม แวมไพร์อะไร ไม่มีจริงหรอก”

ผมว่าผมก็ซ้อมมาเยอะนะ ทำไมพอมาโดนจับได้จริงๆ เสียงของผมถึงได้สั่นขนาดนี้วะ

“เนี่ย นาย นายดูเขี้ยวผม ไม่เห็นยาวเลย!”

ผมแยกเขี้ยวให้มันดูแต่เพราะผมตกใจมากๆ เขี้ยวเลยยาวกว่าปกติจนเกือบจะเท่าเวลาที่ผมดูดเลือด ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าจบสิ้นแล้ว ชีวิตน้องครูซ

“...”

“...ฮึก”

สุดท้ายผมก็ร้องไห้ในความอ่อนด๋อยของตัวเอง ให้ตายสิ นี่มันเดทแรกในชีวิตไม่ใช่เหรอ ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ได้นะ แล้วดิออนเป็นใครก่อนถึงพยายามมาจับแวมไพร์รักสันติอย่างผม

ผมไม่อยากอยู่แล้ว จะจับผมปิ้งก็เชิญ

ผมยอมแพ้แล้ว ลาก่อนโลกที่แสนสวยงาม แงงงงงงง ผม ผมจะไม่ได้เห็นมันต่อไปอีกแล้ว พวกวาติกันใจร้ายมันจะจับผมไปปิ้งกันเป็นค้างคาวปิ้งแน่นอน

“ฮืออออ”

ผมก้มหน้างุดน้ำตาแตก ไม่คิดว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่บนโลกใบนี้ ฮึก ถ้ารู้นะ ก่อนออกจากบ้านผมจะแอบเอาช็อกโกแลตของสมาคมมากินเยอะๆ เลย

“ก็บอกว่าอย่าร้องไง”

กว่าผมจะรู้ตัวว่าดิออนเปลี่ยนมานั่งข้างๆ ก็ตอนที่มันแย่งผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้ผม ซึ่งมันเช็ดยังไงก็ไม่หมดหรอก เพราะท่อน้ำตาผมแตกแล้ว

ผมร้องไห้จนแสบตาและสะอื้นจนตัวโยน

“นาย นายเป็นใครกันแน่ ฮึก”

ผมถามเสียงสั่น อย่างน้อยๆ ก่อนตายผมก็อยากรู้ไงว่าคนที่จะพาผมไปโดนปิ้งเป็นใคร

“แฟนพี่”

มันพูดหน้านิ่งๆ แล้วก็ยังพยายามเช็ดน้ำตาให้ผมที่ตอนนี้ชุ่มผ้าเช็ดหน้าจนมันเปลี่ยนเอาผืนใหม่ที่เป็นสีน้ำเงินมาซับให้ผมแทน

ให้ตายเหอะ มันตามสืบจนรู้เลยเหรอว่าผมร้องไห้เก่งมาก

เกินอ่ะ เกินไปแล้ว เกินไปจริงๆ ขนาดผมเป็นแวมไพร์ผมยังไม่เคยตามสืบหรือสนใจเลยนะว่าใครเป็นตัวอะไรบ้าง แบบชีวิตมัธยมมันไวจนผมขี้เกียจจำอ่ะ ลำพังแค่ลำดับญาติตัวเองผมยังจำไม่ค่อยได้เลย

“ฮึก จะ จับพี่ไปทำอะไร”

ผมตัวสั่นหงึกๆ ช้อนตามองมัน

“ผมแค่ถามเฉยๆ ไม่ได้จะทำอะไรเลย”

ดิออนขมวดคิ้วมองผม

“หยุดร้องได้แล้ว ผมไม่ฆ่าพี่หรอก”

“..นาย นายเป็นวาติกันเหรอ”
   
ผมสะดุ้งตอนที่มันแกะกระดุมคอเสื้อตัวเองแล้วเลิกออกให้เห็นรอยสักกับสร้อยคอไม้กางเขนของพวกวาติกัน ซึ่งมันก็ทำให้ผมตัวสั่นหนักกว่าเดิมอีก
   
ตายแน่ๆๆๆๆ
   
ผมสั่นจนฟันกระทบกันดังกึกๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ผมได้เจอวาติกันในระยะไม่ถึงห้าเมตรแบบนี้ แล้ว แล้วไอ้รอยสักตรงอกเมื่อกี้อ่ะ มันเป็นของพวกวาติกันระดับสูงเลยไม่ใช่เหรอ
   
ผม ผมจะเป็นลมแล้ว
   
“กลัวอะไรนักหนา ผมไม่ได้จะมาจับพี่ ผมมาจีบพี่”
   
ดิออนดึงมือผมที่จับแล้วลูบเหมือนอยากให้ผมใจเย็นลง ซึ่งผมคงจะใจเย็นลงหรอก
   
วาติกันเชียวนะ! วาติกันที่ชอบจับแวมไพร์ไปทรมานเล่นอ่ะ ผมจะเอาปัญญาไหนไปรอดกัน
   
ผมสะอื้นมองหน้าดิออน
   
หล่ออ่ะ
   
;w;
   
ทำไมวาติกันหล่อจัง ไม่สิ คำถามคือผมจะเอาตัวรอดยังไงก่อนจากสถานการณ์นี้ สิ่งที่ผมต้องทำคือต้องโทรหาพ่อเหรอ แต่ถ้าพ่อมาพ่อก็รู้อ่ะว่าผมแอบมาเดทกับวาติกัน
   
แง เครียดอ่ะ แล้วผมก็หิวแล้วด้วย
   
ผมเลิกสะอื้นแล้วทำหน้าซึมใส่ดิออน ยอมแพ้โดยดุษณี
   
“..ก่อนตาย พี่ขอกินสักหน่อยนะ”
   
ผมพูดเสียงเบาช้อนตามองมันด้วยสีหน้าที่น่าสงสารที่สุดในชีวิต
   
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ทำอะไร”
   
แต่ดิออนก็ยังคงทำหน้ายักษ์ใส่ผมเหมือนเดิม แต่มันก็ยอมปล่อยมือผมไปลวกพวกเนื้อกับผักให้ (ซึ่งเขาเอามาเสิร์ฟตอนนี้ก็ไม่รู้นะ)
   
ผมนั่งห่อตัวตัวสั่น ไม่กล้าวางใจดิออน ถึงมันบอกว่ามาจีบผม แต่คำจีบกับจับก็ต่างกันแค่สระเท่านั้นเอง มันอาจจะจีบผมเพื่อจับก็ได้ แล้วถึงตอนนั้นผมก็จะกลายเป็นมื้อดึกให้กับพวกวาติกันใจร้าย
   
ดิออนคีบพวกเนื้อที่ลวกแล้วจนสุกแล้วไว้บนจานก่อนที่จะยื่นตะเกียบให้ผม
   
“นาย นายจะไม่บังคับให้พี่คืนร่างเป็นค้างคาวแล้วจับพี่มาทำเป็นชาบูใช่ไหม”
   
มือผมสั่นมากเพราะแค่คิดผมก็กลัวขึ้นสมองแล้ว
   
ช่วยด้วย ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยกลัวการกินชาบูขนาดนี้มาก่อนเลย แค่จินตนาการว่าผมโดนโยนใส่น้ำหมาล่าไม่ก็น้ำดำก็รู้สึกอร่อยแล้ว ไม่สิ กลัวแล้ว!!!
   
“เนื้อ เนื้อค้างคาวไม่อร่อยหรอกนะ ถ้า ถ้ากินเยอะๆ ก็ท้องเสียด้วย”
   
ท้องเสียหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมต้องทำตัวให้ดูเหมือนไม่อร่อยก่อน ดิออนจะได้ไม่อยากกินผม
   
“…”
   
แล้วทำไมผมยิ่งพูด ดิออนมันยิ่งทำหน้าเหนื่อยใส่ผมวะ
   
“ห้ามทำเหนื่อยใส่พี่นะ ถึงจะไม่อร่อยแต่ก็ห้ามทำหน้าแบบนี้”
   
ผมหน้ามุ่ยใส่มัน
   
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่กิน”
   
“สัญญาก่อน”
   
ผมยกนิ้วก้อยขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง
   
“อืม สัญญา”
   
แล้วมันชะงักไปสักพักแต่ก็ยอมเกี่ยวก้อยสัญญากับผม ซึ่งผมไม่รู้ว่าสัญญาใจนี่จะได้ผลจริงไหม แต่มือมันอุ่นชะมัดเลยอ่ะ
   
“…”
   
ผมหน้าแดงอีกรอบเพราะพอผมจะดึงมือออก มันก็ไม่ปล่อยและเปลี่ยนมากุมมือผมไว้หลอมๆ ซึ่งผมก็เงยหน้ามองมันงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เท่าไหร่
   
“เชื่อผมเถอะ”
   
มันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
   
“ผมชอบพี่จริงๆ ”
   
“…อือ”
   
ผมก้มหน้างุดเริ่มรู้สึกว่าคิดผิดที่ไม่ยอมเป็นชาบูค้างคาวให้ดิออนกิน เพราะพอมันสารภาพว่าชอบผมอีก ผมก็เขินจนหน้าร้อนไปทั้งหน้าแล้วอ่ะ
   
ไหนจะเรื่องที่มันเป็นวาติกันอีก ถ้าพ่อรู้ว่าผมแอบมีแฟนเป็นวาติกัน ผมตายแน่
   
;w;
   
ทำไมชีวิตของผมต้องเจอแต่เรื่องเครียดๆ ตลอดเลยอ่ะ
   
แงงงงงงงงงง

---------
 :katai5:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ความครูซ..ซซซซซซซซว    :katai2-1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
น่ารักดีเรื่องนี้

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 27 14/12/20 p.9
«ตอบ #265 เมื่อ14-12-2020 10:11:20 »

ตอนที่ 27

   
หลังจากผ่านประสบการณ์การแพ้ท้องมาสองรอบ
   
ผมให้รอบนี้เป็นรอบที่ผมแพ้ท้องหนักที่สุด
   
;w;

   

“ตั้งใจเรียนนะ!”
   
ผมโบกมือหยอยๆ ให้ลูกด้วยท่าทางปกติ ซึ่งพอผมแน่ใจแน่ๆ ว่าลูกไม่เห็นผมแล้ว ผมก็กลับเข้าสู่สภาวะที่ควรจะเป็น ขอบตาผมเริ่มร้อนผ่าวตอนที่หันไปหันมาแล้วไม่เห็นดิออนอีกแล้ว
   
ช่วยด้วย ผมจะร้องไห้อีกแล้ว แต่ผมก็ร้องไม่ได้เพราะผมยังอยู่ข้างนอกอยู่เลย แถมยังมีคนมองเต็มไปหมด ถ้าเกิดผมร้องไห้ขึ้นมาอีก ลูกจะต้องโดดเรียนมาเฝ้าผมอีกแน่เลยอ่ะ
   
แน่นอนว่าผมยอมให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้ เลยต้องพยายามฮึบเอาไว้ ทั้งๆ ที่น้ำตาผมจะแตกอยู่แล้ว ให้ตายเถอะ ถ้าเป็นผมอายุน้อยกว่านี้ ผมจะร้องไห้ตายไปเลย
   
คือปกติถ้าผมเศร้ามากๆ ผมจะกินอะไรหวานๆ ย้อมใจไง แต่รอบนี้ผมกินไม่ได้ ไม่ใช่เพราะโดนห้ามกินแต่เป็นเพราะผมกินไม่ได้เลย มันกินแล้วผะอืดผะอมอ่ะ งงมาก ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเป็นแบบนี้กับของหวานมาก่อน มันแย่ยิ่งกว่าเป็นค้างคาวแล้วโดนประตูหนีบอีก
   
ผมคิดถึงช็อกโกแลต คิดถึงขนม คิดถึงทุกๆ อย่างเลย!!
   
ผมคิดเศร้าๆ ระหว่างที่เดินต๊อกแต๊กกลับห้อง และผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าดิออนหายไปเพราะติดประชุมด่วนตั้งแต่เช้า  เหมือนช่วงนี้ใกล้จะเป็นช่วงที่ต้องอะไรสักอย่างเพื่อกระชับมิตรระหว่างสมาคม ถ้าไม่ติดว่าผมท้องอยู่ก็คงเป็นผมที่ต้องไปเข้าประชุมอ่ะ
   
และแน่นอนว่าผมเกลียดการประชุมที่ต้องใช้สมองที่สุด แล้วยิ่งต้องเจอคนนอกสมาคมก็ยิ่งมีแต่เรื่องให้ปวดหัวอ่ะ ถึงจะบอกว่าเป็นงานกระชับมิตรก็เหอะ แต่ก็อารมณ์เหมือนงานกีฬาสีอ่ะ ปากบอกเพื่อความปรองดองรักใคร่แต่จริงๆ คือแย่งชิงความเป็นที่หนึ่งกันเอง
   
แถมรอบนี้ก็เป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายร้อยปีด้วยมั้ง เชิญทั้งสมาคมแวมไพร์ หมาป่า เซนทอร์ นู่นนี่นั่นมาเต็มไปหมด เพราะเหมือนสมาคมผมจะมีเป็นสถานที่พบปะที่มาง่ายที่สุด แถมหลังๆ สมาคมก็รวยเอาๆ เพราะน้องผมเจาะตลาดพวกมนุษย์เก่งมากจนผมเริ่มสับสนแล้วว่านี่มันสมาคมแวมไพร์หรือบริษัทอะไรสักอย่างกันแน่
   
เฮ้อ แล้วช่วงนี้ผมก็รับภารกิจอะไรไม่ได้ด้วย ไม่มีอะไรให้ทำนอกจากร้องไห้ไปวันๆ ซึ่งผมก็ทำสิ่งนี้ได้ดีมากตอนอยู่ในห้องกับดิออนสองคน
   
“…”
   
ผมรีบเดินหลบเข้ามุมเพราะน้ำตาผมไหลอีกแล้ว!
   
;w;
   
ผมไม่น่านึกถึงดิออนเลยอ่ะ ผมเริ่มงอแงอีกแล้ว แถมตรงนี้ก็ไม่มีใครโอ๋ด้วยนอกจากผมที่ต้องโอ๋ตัวเอง แบบท้องรอบก่อนๆ ผมก็ไม่ขี้แยขนาดนี้อ่ะ ไม่รู้ทำไมรอบนี้ฮอร์โมนผมถึงแปรปรวนเป็นพิเศษ
   
ผมพยายามใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกแต่มันก็ไม่หยุดไหลสักที ช่วงนี้ผมก็นอนไม่ค่อยหลับด้วย ทั้งๆ ที่ปกติผมหัวถึงหมอนก็สลบแล้วอ่ะ
   
ทำยังไงดี
   
ผมคิดเศร้าๆ เพราะฮึบยังไงมันก็ไม่ยอมหยุดไหลอ่ะ จะโทรเรียกดิออนก็กลัวมันติดประชุม คือตอนนี้ยังไงผมก็ต้องหยุดร้องไห้ให้ได้ก่อน สภาพแบบนี้ยังไงก็กลับห้องไม่ได้
   
จะใช้พลังกลับห้องก็ไม่ได้อีก แบบท้องรอบนี้ผมแทบจะใช้พลังอะไรไม่ได้เลย เรียกเจ้าลูกสมุนมาให้ลูกผมเล่นยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ที่ทำได้ก็คงจะมีแค่คืนเป็นร่างค้างคาวแล้วซ่อนตัวอยู่ที่แถวนี้จนกว่าดิออนจะมารับอ่ะ
   
ให้ตายสิ แค่หยุดร้องไห้เองทำไมมันยากจัง
   
ผมพยายามเช็ดจนรำคาญตัวเอง ไม่รู้ดิออนทนผมร้องไห้เกือบทุกเช้าได้ไง แต่ผมก็ยังร้องอยู่ดี แบบถ้าน้ำตาผมเป็นเลือดก็คงจะหมดตัวไปนานแล้วอ่ะ
   
และเพราะทำอะไรไม่ได้ ผมเลยต้องปลอบตัวเองเซ็งๆ
   
หยุดร้องได้แล้ว ครูซ ร้องตอนนี้ก็ไม่มีใครโอ๋หรอกนะ!
   
ไม่สิ ผมจะปลอบตัวเองแบบนี้ไม่ได้ เพราะมันทำให้เศร้ากว่าเดิมอีก ดิออนช่วยด้วย ผมไม่ไหวแล้ว ผมต้องการความรักจากมันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมคงได้ร้องไห้จนเป็นลมอ่ะ แงงงงงงง
   
;w;
   
ทำไมชีวิตผมถึงต้องมีแต่เรื่องซวยๆ ตลอดเลยนะ
   
“ครูซ!”
   
ผมไม่รู้ว่าตัวเองยืนร้องไห้นานแค่ไหนแล้ว แต่รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงดิออนจากข้างหลังแล้วโดนมันดึงไปกอด ซึ่งก็น่าจะมีคนโทรไปฟ้องน้องผมแหละว่าผมยืนอยู่ที่เดิมนานเกินไป น้องก็เลยส่งดิออนมาเก็บผมกลับห้อง
   
ให้ตายเหอะ ดิออนเหมือนรับไม้ต่อจากน้องอ่ะ ตามดูแลผมตลอด
   
“ไม่ร้องนะ”
   
ดิออนใช้ตัวใหญ่ๆ ของมันบังผมจากสายตาคนอื่น มันรีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ผมซึ่งมันก็ชะงักไปสักพักตอนที่เห็นมือชุ่มน้ำตาของผม
   
“ประชุมเสร็จแล้วเหรอ”
   
ผมช้อนตามองมัน รู้สึกเจ็บตามาก
   
“อืม”
   
มันตอบในลำคอ สีหน้าดูกังวลที่สภาพผมแย่มาก แบบถ้าพ่อมาเห็นแล้วคิดว่าดิออนมันทำผมร้องไห้ มันได้โดนไล่ออกจากสมาคมวันนี้แน่นอน
   
“ร้องไห้ทำไม”
   
ดิออนดึงมือผมไปจูบพยายามปลอบผมที่ยังซึมไม่เลิก
   
“คิดถึงนายอ่ะ”
   
ผมงอแง ช่วงนี้ผมติดมันมาก ติดจนถ้าไม่เจอเกินสามชั่วโมงก็จะร้องไห้แบบนี้แหละ ไม่รู้ว่าจะติดอะไรกันนักหนา นอนด้วยกันทุกวันยังคิดถึงอีก
   
“ยืนตรงนี้มานานแค่ไหนแล้ว”   
   
“ไม่รู้อ่ะ ส่งลูกเสร็จผมก็มาหลบแถวนี้”
   
“...”
   
สีหน้ามันเครียดกว่าเดิมจนผมเริ่มเครียดตาม
   
อย่าเครียดสิ ให้คนที่งอแงมีแค่ผมก็พอแล้ว!
   
“ผมหยุดร้องแล้วน่า”
   
แค่เห็นหน้ามันผมก็เลิกซึมละ
   
“เดินกลับไหวไหม”
   
มันลูบหัวผมเบาๆ ซึ่งมันก็ถามได้รู้ใจผมมาก เพราะผมใช้พลังงานไปกับการร้องไห้หมดแล้ว
   
ผมไม่รอให้มันถามอะไรเพิ่ม คืนร่างค้างคาวแล้วให้มันเอาผมไปยัดในกระเป๋าเสื้อข้างใน ที่ประจำของผมเวลาไม่อยากเจอใครแต่ก็ยังอยากไปกับดิออน แล้วบางทีผมก็เผลอหลับไปนานจนดิออนมันก็ลืมว่าเอาผมไปด้วย คือตื่นมาอีกทีอยู่ในตะกร้าเสื้อผ้าแล้ว
   
ดีที่ปกติดิออนมันจะเช็คก่อนว่าผมอยู่ในตะกร้าไหม ไม่งั้นผมคงจะเป็นแวมไพร์ตัวแรกในประวัติศาสตร์ที่ตายเพราะเครื่องซักผ้าอ่ะ
   
กี้!
   
ผมร้องออกมาหลังจากโผล่หน้าจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาถูหน้ากับนิ้วมัน
   
ให้ตายเหอะ มันใจดีชะมัดเลยอ่ะ
   
ผมจะร้องไห้อีกรอบแล้วเนี่ย
   
“หลับไปก่อน เดี๋ยวถึงห้องแล้วจะปลุก”
   
กี้!
   
ไม่บอกผมก็หลับอยู่แล้ว เหนื่อยจะแย่แล้วเนี่ย ผมเชื่อเลยว่าถ้าดิออนมาช้ากว่านี้อีกสักชั่วโมง ผมคงเป็นลมให้ใครสักคนหามไปห้องพยาบาลแน่นอน
   
ให้ตายเถอะ ผมอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมจะแย่แล้ว
   
เจ้าจิ๋วนี้จะเป็นจิ๋วสุดท้ายจากผมแน่นอน
   
ผมขี้เกียจแพ้ท้องแล้ว!

   

พอถึงห้องผมก็หลับไปนานมาก ตื่นมาอีกทีลูกก็นอนแล้ว เหลือแต่ดิออนนั่งอ่านเอกสารอะไรสักอย่างอยู่ ผมหาวหวอดง่วงๆ แล้วรีบคืนเป็นร่างมนุษย์ไปอ้อนมัน หลังจากที่ร้องไห้เพราะมันจนเหนื่อย
   
“ยังไม่หายง่วงอีกเหรอ”
   
ดิออนถามผมหลังจากที่ผมมุดไปนั่งตักมันแล้วเผลอหาวออกมาอีกรอบ
   
“อื้อ”
   
ผมดึงแขนข้างนึงของมันมากอดแล้วซุกกับแขนมันจนมันหัวเราะเบาๆ
   
“ดิออน”
   
“ว่า”
   
มันถามผมเสียงนุ่มจนผมเริ่มเขิน
   
“รอบนี้น้องผมให้นายทำอะไรเหรอ”
   
ถ้าให้ทำเยอะเกิน ผมเอ็ดน้องผมแน่!
   
“ถ้าวันจริงก็แค่ช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยในงานเฉยๆ แล้วก็อาจจะได้ลงประลองกับสมาคมอื่นบ้าง”
   
“ให้ตายสิ ทำไมต้องมาจัดตอนผมท้องด้วยนะ”
   
ผมบ่นอุบเพราะบางทีผมก็อยากเท่บ้าง แบบยังไงช่วงจัดงานลูกก็ต้องลามาร่วมงานอยู่แล้ว ผมที่ปกติทำตัวไร้สาระไปวันๆ ก็อยากให้ลูกรู้ว่าจริงๆ ผมก็ทำอย่างอื่นเป็น!
   
ถึงลูกจะรู้อยู่แล้วก็เหอะว่าผมเป็นยังไง แต่ผมก็อยากโชว์พลังบ้างอ่ะ ท้องแบบนี้ทำไรไม่ได้นอกจากนั่งให้กำลังใจดิออนอยู่ข้างสนามอ่ะ และต่อให้ผมอยากลงดิออนก็ไม่ยอมแน่นอน
   
“ถ้าอยากประลองก็ค่อยงานหน้าก็ได้ ให้น้องจัดแข่งเพื่อนายเลย”
   
ดิออนลูบหัวผมและอ่านใจผมออกเหมือนเดิม
   
“ขอดูหน้าหน่อย”
   
มันพึมพำพูดเสียงเบา วางเอกสารที่มันอ่านอยู่บนโต๊ะแล้วจับหน้าผมให้เงยหน้าสบตากับมัน ซึ่งพอมันเห็นหน้าผม มันก็ขมวดคิ้วเพราะตาผมบวมมาก
   
“เจ็บไหม”
   
“นิดหน่อย”
   
ผมงึมงำตอบเพราะจริงๆ ก็เจ็บอยู่อ่ะ วันนี้ผมร้องหนักเพราะมันกว่าจะเจอมันก็ปาไปตั้งหลายชั่วโมง ปกติผมร้องไห้โดนมันกอดปลอบแปปเดียวก็หยุดร้องแล้ว
   
ซึ่งสีหน้าดิออนก็ดูเครียดกว่าเดิมเพราะยังไงช่วงนี้มันก็น่าจะยุ่งกับเข้าไปประชุมอยู่แล้ว และอาจจะไม่ได้อยู่กับผมได้ตลอดเหมือนช่วงที่ผ่านมา คือตำแหน่งมันก็ค่อนสำคัญ จะหาคนอื่นมารับช่วงแทนก็ยาก แบบต่อให้วันจริงมันจะมีหน้าที่แค่รักษาความเรียบร้อยแต่ช่วงก่อนหน้านั้นก็ต้องมีคนช่วยน้องผมวางแผนจัดงานอยู่ดี
   
และคนที่วางแผนเก่งมากๆ ก็คือไอ้คนที่ทำหน้าดุจนผมจะร้องไห้อีกรอบคนนี้เนี่ยแหละนะ
   
“ผมจะร้องไห้แล้วนะ ถ้านายยังไม่เลิกทำหน้าแบบนี้”
   
คือดิออนมันยิ่งแก่ยิ่งหน้าดุอ่ะ พอๆ กับพ่อผมเลย ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นแฟนผม ผมก็ไม่กล้าคุยด้วยหรอกนะ
   
“ก็ช่วงนี้นายร้องไห้ทุกวันเลย”
   
“นายห้ามร้องตามนะ ไม่งั้นไม่มีใครปลอบให้ผมหยุดร้องได้แล้ว”
   
ผมดึงมือมันมาแนบกับแก้มแล้วช้อนตามองมันด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะเรื่องที่ผมจะพูดกับมันต่อจากนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก และผมไม่เคยคุยกับมันเรื่องนี้มาก่อนเลย
   
“ดิออน”
   
“ครับ”
   
มันตอบผมเสียงหวานจนผมเขินเกือบจะลืมว่าจะพูดว่าอะไร
   
“..คนนี้ผมให้เป็นคนสุดท้ายแล้วนะ”
   
“อืม”
   
ดิออนยิ้มบางๆ ให้ผม
   
“ฉันแล้วแต่นายอยู่แล้ว”
   
“แต่ยังไงแวมไพร์ก็มีลูกเกินสามคนไม่ได้อยู่แล้วอ่ะ แม่ผมบอกอยู่”
   
ถ้ามากกว่านี้ร่างกายผมน่าจะรับไม่ไหวแล้ว ไหนจะเรื่องที่ผมแก่แล้วอีก ให้ตายเถอะ ผมบ่นเรื่องตัวเองแก่กับแม่บ่อยกว่าที่แม่บ่นว่าแก่กับผมอีก
   
“ฉันก็ไม่อยากเห็นนายร้องไห้แล้ว”
   
ดิออนมันดึงมือมันคืนแล้วโน้มตัวลงมาจะจูบผม
   
ผมหัวเราะคิกคักแล้วหลับตาให้มันจูบ ที่ผิดคาดนิดหน่อยคือรอบนี้มันจูบเปลือกตาของผมก่อน
   
;w;
   
เขินอ่ะ
   
มันจูบทั้งสองข้างเบาๆ แล้วไล่พรมจูบจมูกผมจนถึงแก้ม ซึ่งยิ่งมันจูบผมก็ยิ่งหน้าร้อนขึ้นเรื่อยๆ
   
“พอแล้ว”
   
ผมดันหน้ามันออกแล้วก้มหน้างุด เขินม้วน ให้ตายเหอะ นี่ผมเขินเหมือนเพิ่งคบกับมันวันแรกอ่ะ ไม่สิ ตอนมันจูบผมครั้งแรกผมยังไม่เขินมันขนาดนี้เลยมั้ง
   
ทำไมมันยิ่งแก่ยิ่งฮ็อตอ่ะ ทีผมแก่แล้วมีเสียงกร็อบๆ แถมยังปวดหลังอีก งง
   
“ขี้โกง”
   
ผมบ่นมันที่วางคางอยู่บนไหล่ผมแล้วกอดผมหลวมๆ
   
“ขี้โกงอะไร”
   
มันกระซิบถามผม
   
“นายแก่แล้วเท่อ่ะ”
   
ส่วนผมเหรอแก่แล้วเหมือนเยลลี่ เหลวๆ ย้วยๆ ไปวันๆ
   
“เหรอ”
   
มันตอบผมกลั้วหัวเราะแล้วจูบคอผม
   
“นายก็น่ารักเหมือนเดิม”
   
“ไม่จริงสักหน่อย นายตอบเอาใจผมใช่ไหมล่ะ”
   
“ไม่เชื่อจริงๆ เหรอ”
   
ผมกำลังจะพูดต่อก็พูดไม่ได้เพราะมันแกล้งเอาตอหนวดแหลมๆ ที่ผมเพิ่งโกนให้มาถูใส่คอผมจนผมหัวเราะคิกคักออกมาเพราะมันจั๊กจี้มาก
   
“พอแล้ว เดี๋ยวผมหายใจไม่ทัน”
   
ผมพยายามดันหน้ามันออกซึ่งมันก็ยอมแต่ก็ไม่วายจูบคอผมหนักๆ ทิ้งท้ายอยู่ดี
   
“ผมน่ารักขนาดนั้นเลยเหรอ”
   
คนที่ยังชมผมว่าน่ารักตอนนี้ก็เหลือแค่ดิออนแล้วอ่ะ ไม่รู้ว่าโดนผมมอมหรือยังไง แบบคนอื่นก็เฉยๆ แล้วเพราะผมต้องเก๊กเพื่อรักษาภาพลักษณ์ไว้บ้าง (หรือไม่มีตั้งแต่แรกแล้วก็ไม่รู้)
   
“ก็น่ารัก”
   
“อิออน!”
   
แล้วก็ไม่รู้ว่ามันเขี้ยวอะไรผมอีก มันฟัดผมอีกแล้ว
   
“เชื่อแล้วๆ ”
   
พอแล้ว ตัวผมจะช้ำแล้ว ช่วยด้วย
   
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มีประชุมตอนเช้าอีก”
   
มันบ่นเซ็งๆ เพราะรู้ว่าคงจะปล่อยผมไว้คนเดียวไม่ได้
   
“น่าจะนานกว่าวันนี้อีก นายจะตื่นไปประชุมด้วยไหม”
   
“ผมตื่นเช้าๆ ไม่ไหวอ่ะ”
   
ท้องรอบนี้คือตารางเวลาร่างกายผมรวนมาก ขนาดนอนไปเยอะแล้วผมก็ยังง่วงอยู่ดี และผมก็เชื่อว่าพรุ่งนี้เช้าถ้าผมตื่นมาไม่เจอดิออน ผมก็น่าจะร้องไห้เหมือนเดิม
   
ให้ตายเถอะ ผมว่าถ้าเจ้าจิ๋วในท้องผมออกมาเมื่อไร คงมีคนมาท้าชิงตำแหน่งแวมไพร์ขี้แงที่สุดในสมาคมแน่นอน
   
“งั้นชดเชยไปก่อนได้ไหม”
   
“อือ”
   
ชดเชยไปยังไงพรุ่งนี้มันก็ต้องปลอบผมอยู่ดีแหละ แต่ก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ เพราะผมชอบโดนมันเอาใจที่สุด
   
“แค่จูบก็ได้ นายยังทำงานไม่เสร็จเลย”
   
ผมมองเอกสารอีกเป็นตั้งที่ดิออนน่าจะได้มาจากน้องแล้วรู้สึกปวดหัวแทน จริงๆ น้องผมก็น่าจะส่งเป็นไฟล์ให้แหละ แต่ดิออนก็น่าจะเหมือนผม ปวดตาเวลามองโทรศัพท์เยอะๆ
   
แง แก่แล้วไม่ดีเลย ขอย้อนกลับไปอายุสามร้อยเหมือนเดิมได้ไหม
   
“อืม”
   
มันรับคำอย่างว่าง่ายแล้วก้มลงจูบผมเบาๆ ไม่มากไปกว่านั้น
   
ผมหลับตาแล้วกอดคอมันหลวมๆ ไม่ยอมให้มันผละออก
   
รู้สึกดีชะมัดเลย ถึงตัวมันจะไม่อุ่นเหมือนตอนเป็นมนุษย์แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยมากเลยอ่ะ เหมือนกับว่ามันสามารถปกป้องผมจากทุกความเลวร้ายบนโลกได้ รวมถึงความซวยไม่หยุดของผมด้วย
   
ถึงโลกนี้จะชอบใจร้ายกับบ้าง แต่ส่งดิออนมาให้ผมก็คงไม่ใจร้ายเกินไปแหละนะ!
   
ผมยอมผละออกก่อนเพราะรู้ว่ามันก็คงตามใจผมอีก ถ้าผมอยากจูบไปเรื่อยๆ มันก็จะปล่อยให้ผมทำ แต่ผมก็ยังไม่ลืมไงว่ามันต้องทำงานเลยปล่อยมันกลับไปทำงาน แล้วมานั่งจัดตัวเองใหม่ให้นั่งพิงอกมันเพื่อหลับอีกรอบ
   
ผมไม่ยอมกลับไปนอนบนเตียงคนเดียวหรอก
   
ผมยิ้มออกมาตอนที่หาหลับที่สบายที่สุดบนตัวมันได้ แล้วปล่อยให้มันกอดผมหลวมๆ ทำงานต่อ
   
“นายก็อย่านอนดึกเกินไปนะ”
   
ผมพึมพำบอกมันทั้งๆ ที่ตัวเองตาปรือแล้วและคงจะสลบภายในห้านาที่ข้างหน้า
   
“ครับ”
   
ผมหลับตาหยีเพราะมันจูบหัวผมเบาๆ
   
“ฝันดีครับ”
   
มันกระซิบบอกผม ผมที่กำลังจะบอกฝันดีเหมือนกัน
   
ภาพก็ดันตัดไปก่อน
   
;w;
   

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 28 14/12/20 p.9
«ตอบ #266 เมื่อ14-12-2020 10:17:14 »

ตอนที่ 28

   
“ยินดีต้อนรับครับ ขอให้สนุกกับงานนะครับ”
   
“…”
   
ผมที่ทำใจเดินเตร็ดเตร่อยู่ในงานคนเดียวไม่ได้ เลยเดินมาดูดิออนที่น่าจะกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงครอบครัว (?) แต่เหตุผลใหญ่ๆ ก็คงเป็นเพราะผมอยากเห็นหน้าดิออนแหละนะ
   
ผมแอบชะเง้อมองดิออนจากหลังเสาได้ยินเสียงยินดีต้อนรับเป็นพักๆ แต่ไม่ได้ยินเสียงมันสักคำ
   
“!!”
   
ผมสะดุ้งเพราะอยู่ๆ มันก็หันมาสบตากับผมพอดีเหมือนสัมผัสได้ว่าผมจะมา ผมยิ้มจนตาหยีให้มันที่ยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ กับคนคอยต้อนรับแขก ซึ่งหน้ามันก็ดุมากจนถ้าผมเป็นคนที่ตั้งใจจะมาก่อกวนคือร้องไห้แล้วหนีกลับบ้านอ่ะ
   
“ก็ได้ กลับไปนั่งก็ได้”
   
ผมบ่นอุบเพราะผมก็สัญญากับดิออนไว้แหละว่าจะนั่งเฉยๆ ในงาน ไม่ซน คือถ้าพลังผมเสถียรเหมือนท้องรอบอื่นๆ มันก็คงปล่อยผมวิ่งทั่วงานแหละแต่รอบนี้ไม่ไง มันเลยขมวดคิ้วใส่ผมดุๆ
   
ผมเดินกลับเซ็งๆ ไม่มีอะไรทำ ลูกผมก็ไปอยู่โซนเด็กกันหมด คืองานนี้คนนอกงานเยอะไง แล้วบางปีมันก็พวกชอบมาป่วนงานขโมยตัวเด็กๆ ฉะนั้นการจัดโซนแล้วคุ้มกันแน่นหนาก็น่าจะแก้ปัญหาได้ดีสุด แต่ผมว่าวิธีที่ดีกว่าคือไม่ต้องจัดงานที่มีคนมารวมตัวเยอะๆ แบบนี้อีก
   
ผมหยิบน้ำส้มที่มีคนถือถาดผ่านมาพอดีมาจิบแก้เซ็ง ผมไม่ชอบงานกระชับมิตรอะไรนี้เลยสักนิด รอบก่อนจัดไปงานก็เกือบล่มเพราะพวกหมาป่าตีกันกว่าจะไกล่เกลี่ยได้คือเละไปครึ่งงาน ทั้งพ่อกับน้องผมแทบจะเอาตีนก่ายหน้าผาก ดีหน่อยที่หลังจากนั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรอีก จบงานไปได้อย่างสวยงามโดยที่ตั้งแต่ต้นจนจบผมไม่ได้ช่วยอะไรสักอย่างนอกจากให้กำลังใจ
   
“พิธีใกล้จะเริ่มแล้ว”
   
ผมยังไม่ทันเดินกลับไปนั่งเล่นที่เดิม น้องผมก็เดินหน้าเครียดดุ่มๆ มาหาผม
   
“พี่ไม่ต้องทำอะไรไม่ใช่เหรอ”
   
ผมพูดไปจิบน้ำส้มไปและเริ่มรู้สึกว่าน้ำส้มมันเปรี้ยวมาก
   
“ก็ใช่ แต่พี่ก็ต้องไปประจำที่ข้างๆ ผมไง”
   
ผมหน้ามุ่ย
   
“แค่หัวหน้าสมาคมเปิดงานก็พอแล้วไหมอ่ะ”
   
แค่ทุกวันนี้ตื่นมาร้องไห้ทุกวัน ผมก็เหนื่อยแล้วอ่ะ จะให้ไปยืนเก๊กหน้านิ่งอีกคงได้เป็นลม
   
“ไปเหอะน่า แฟนพี่บอกให้ผมเอาพี่ไปด้วย ผมจะได้ดูแลพี่ได้”
   
“ไม่มีใครสนใจพี่หรอกน่า”
   
ผมก็อายุขนาดนี้แล้วอ่ะ ยังมีคนสนใจผมอีกเหรอ แถมตลอดหลายร้อยปีมานี้ผมก็ใช้ชีวิตแบบสันติมาก เป็นมิตรกับทุกอย่างบนโลกใบนี้ ไม่หาเรื่องใครก่อนแต่ถ้าโดนหาเรื่องก็ทุบให้เรื่องจบตรงนั้นนั่นแหละนะ
   
“พี่ครูซ”
   
“ไม่”
   
ผมหน้าบูดกว่าเดิม
   
“พี่ยืนนานๆ ไม่ได้”
   
ถึงท้องผมจะไม่ค่อยนูนก็เหอะ แต่ผมก็ท้องจริงๆ นะ!! เจ้าจิ๋วในท้องผมรอบนี้ก็ทำร่างกายผมอ่อนแอลงมาก จนผมหลังๆ นอนทั้งวันเพราะไม่ค่อยมีแรง แล้วหลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เป็นคนส่งลูกไปโรงเรียนอีก ได้แค่ช่วยถักเปียกับใส่ชุดนิดหน่อย
   
แล้วสภาพผมก็น่าจะน่าสงสารมาก ถึงขนาดอลิสเก็บเงินซื้อขนมให้ผมกินอ่ะแถมยังวาดการ์ดให้กำลังใจผมด้วย น้ำตาจะไหล ลูกวาดผมกับลูกเป็นค้างคาวแดดเดียว งงมาก ครูให้หัวข้อวาดรูปอะไรมา แต่ลูกวาดให้ผมก็ดีใจแหละ
   
“...”
   
น้องผมขมวดคิ้วกว่าเดิมเพราะก็เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าผมยืนนานๆ ไม่ได้ เอาจริง วันนี้ผมควรจะไปอยู่โซนเด็กกับลูกๆ ด้วยซ้ำ แต่ผมก็ดื้อไม่ไปไง โซนนั้นเสียงดังจะตาย แขกที่เอาลูกมาก็ไปฝากไปไว้ที่นู้นหมด แล้วมันก็น่าจะมีโอกาสที่ผมจะได้เจอคนรู้จักเก่าๆ อีก ซึ่งจากประสบการณ์การเจอหลายครั้ง ผมก็พบว่าไม่เจอกันดีที่สุด
   
พวกคำถามชวนคุยมันน่าเบื่อนี่นา ผมเบื่อจะปั้นหน้าแล้ว แก่แล้ว
   
“..ก็ได้”
   
น้องผมถอนหายใจแต่ก็ยังขมวดคิ้วอยู่ แน่นอนว่าผมต้องรีบดักทางเลยก่อนที่น้องจะหาคนมาเฝ้าผม แล้วผมก็จะเดินเล่นทั่วงานไม่ได้
   
“พี่โตแล้วน่า ไม่ต้องเอาใครมาเฝ้านะ”
   
“ดูแลตัวเองด้วย”
   
น้องผมถอนหายใจอีกรอบเซ็งๆ แต่ก็ยอมปล่อยให้ผมไร้สาระต่อแต่โดยดี เพราะความปลอดภัยในงานก็เข้มงวดพอตัว แบบเซนน้องผมอีกคนก็โดนเกณฑ์ไปรักษาความปลอดภัยแบบดิออนอ่ะ เอาจริง ถ้าผมไม่ท้องผมก็ต้องไปเป็นคนประจำจุดต่างๆ เหมือนกัน
   
แต่ตอนนี้ผมค่อนข้างย้วยไง ไม่เผลอหลับตอนเดินก็ดีแค่ไหนแล้ว
   
ผมมองตามหลังน้องที่ใส่ชุดเครื่องแบบแวมไพร์แบบพิธีการไปด้วยความรู้สึกชื่นชม ชุดโบราณๆ เท่ๆ นั่นเคยเกือบจะเป็นของผม แบบถ้าพลังผมตื่นตั้งแต่แรกป่านนี้ผมคงจะเป็นหัวหน้าสมาคมแวมไพร์ไปแล้ว
   
คิดไปคิดมาผมช่วงนี้ก็เหมือนกับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนตอนที่ไม่มีพลังอ่ะ ทำอะไรไม่ค่อยได้นอกจากไร้สาระไปวันๆ แต่ก็ดีแล้วแหละ ถ้าผมไม่กากผมก็อาจจะไม่เจอดิออนก็ได้
   
ใครจะไปรู้ถ้าเกิดผมเป็นหัวหน้าสมาคมแวมไพร์ขึ้นมาผมคงได้ตีกับดิออนแน่ๆ แล้วคงไม่มีการมาประนีประนอมด้วยเพราะพ่อผมคงไม่ยอมให้ผมจีบดิออนอ่ะ และผมก็โคตรเชื่อเลยว่าไม่ว่าผมจะเจอดิออนแบบไหนผมก็คงจะชอบมันมากแน่ แต่ก่อนจะได้จีบก็คือคงได้ตีกันจนตายไปข้างนึงอ่ะ ไม่โรแมนติคเลยสักนิด
   
ร่างกายผมก็นะ เอาแน่เอานอนไม่ได้ พลังไม่เคยจะเสถียร ตอนเด็กก็ตื่นช้า พอตอนท้องก็เป็นแบบนี้อีก ให้ตายเถอะ ดีอยู่อย่างเดียวก็คือหน้าตาอ่ะ
   
ผมลูบหน้าตัวเองแล้วก้มมองชุดตัวเองที่คล้ายๆ ของน้องแต่เป็นชุดพิธีการทั่วไปของแวมไพร์ซึ่งของผมพอใส่ก็ค่อนข้างหลวมอารมณ์แบบชุดคลุมท้องมาก แต่ข้อดีคือใส่แล้วผมดูเป็นผู้เป็นคนมากและจะเท่กว่านี้ถ้าผมได้ลงแข่งประลองด้วย
   
เฮ้อ เสียดายก็เสียดายแหละ แต่เพื่อค้างคาวจิ๋วอีกตัวผมก็ต้องยอมแหละนะ อีกอย่างพ่อผมก็ซื้อของรับขวัญเตรียมเลี้ยงหลานตั้งแต่รู้ว่าผมท้องวันแรกแล้ว
   
ผมซดน้ำส้มที่เหลือที่หยิบมาจนหมดแล้วทิ้งใส่ถังขยะใกล้ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปร่วมงานในพิธีที่มีคนยืนรวมตัวกัน เพราะวงดนตรีเปลี่ยนไปเล่นเพลงพิธีการแล้ว
   
บรรยากาศสบายๆ เมื่อกี้จึงเปลี่ยนไปจริงจังทันตา ผมตัดสินใจนั่งเก้าอี้ใกล้ๆ แล้วแอบมองสำรวจแขกที่มาวันนี้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ แบบรอบนี้คนมาเยอะจริง ไม่รู้ว่าน้องผมส่งบัตรเชิญยังไงคนถึงได้มากันเยอะขนาดนี้ พวกหมาป่าอะไรงี้ก็ปกติไง แต่รอบนี้มีพวกปีศาจหายากมาด้วย พวกซัคคิวบัสยังมาเลย
   
คือแบบถ้าเป็นแบบพวกองค์กรของมนุษย์ก็อารมณ์แบบสหประชาชาติ แต่นี่เป็นพวกไม่ใช่มนุษย์ก็คงเป็นการรวมตัวกระชับมิตรกันเฉยๆ (กระชับมิตรที่หมายถึงตีกันเบ่งใส่กันด้วยงานประลอง) แล้วก็คงเป็นงานแอบขายของของน้องผมด้วย เนี่ยไอ้การ์ดเข้างานก็มีแถมตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นชุดแจกอีก
   
สรุปแล้วไอ้งานนี้จริงๆ อาจจะเป็นการตลาดแบบเนียนๆ ที่จัดโดยน้องผมก็ได้ เน้นเจาะกลุ่มตลาดชาวไม่ใช่มนุษย์อะไรแบบนี้ ส่วนผลพลอยได้คือชาวไม่ใช่มนุษย์น่าจะรู้สึกรักกันมากขึ้น ถ้าไม่ตีกันตายคาสนามไปก่อนน่ะนะ
   
ผมเท้าคางกับโต๊ะมองประธานในพิธีซึ่งก็คือน้องผมยืนอยู่บนแท่น กำลังพูดเปิดงานด้วยน้ำเสียงสุขุมน่าฟัง ไม่แข็งกร้าวเกินไปและอ่อนน้อมเกินไป เป็นน้ำเสียงที่ให้เกียรติผู้ที่มาร่วมงานทุกคนที่ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม
   
[ ทางสมาคมไม่ได้ต้องการที่จะเป็นผู้นำหรือต้องการเป็นใหญ่อะไร เราเป็นเพียงตัวกลางในการจัดงานชุมนุมปีศาจครั้งนี้เท่านั้น หากมีข้อผิดพลาดประการใดผมในนามของประธานก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ]
   
น้องผมแอบพูดดีแฮะ แต่ก็จริงแหละ สมาคมแวมไพร์จะยิ่งใหญ่ไปทำไมในเมื่อวันๆ ขายแต่ครีมกันแดดอ่ะ แถมสมาชิกในสมาคมก็ไม่ได้เยอะอะไรด้วยพอเทียบกับกลุ่มอื่นๆ ที่มีสมาชิกกันเป็นพันเป็นหมื่น สมาคมแวมไพร์นี้แค่จะครบสี่ร้อยในรอบพันปีได้นี้ก็แทบจะน้ำตาไหลแล้ว
   
แบบแวมไพร์อายุยืนก็จริงแต่มันก็แลกมาด้วยการที่มีลูกยาก ส่วนคนที่ยังมีชีวิตอยู่บางทีก็เหมือนผมคือเบื่อเลยออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ้างและจบที่การถูกวาติกันหรืออะไรสักอย่างฆ่า
   
ฟังดูน่าเศร้า แต่ชีวิตที่ยืนยาวขนาดนี้มันก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อ ผมว่าถ้าผมเป็นหัวหน้าสมาคมแวมไพร์ก็คงจะเป็นสายออกไปตีกับวาติกันอ่ะ อยู่นิ่งๆ มันน่าเบื่อ แล้วดิออนก็น่าจะเป็นอะไรที่ตีแล้วไม่ตายง่ายๆ ด้วย มันหล่อตรงสเป็คผมขนาดนี้ผมน่าจะขยันออกไปตีอยู่
   
แล้วผมก็คงกะจะตีไม่ตายด้วย ดิออนแพ้เมื่อไหร่ก็จับเป็นตัวประกันเลย แต่ถ้าผมแพ้เหรอ ก็ไม่รู้สิ อาจจะโดนดิออนจับปิ้งกินแล้วน้องผมก็ขึ้นเป็นหัวหน้าแทนผมมั้ง
   
เฮ้อ ว่าไปก็คิดถึงดิออนจัง ผมอยากจะอ้อนมันอีกแล้ว
   
ผมหาวหวอดง่วงๆ แล้วหยิบน้ำองุ่นที่มีคนถือถาดมาพอดีมาจิบต่อ
   
เปรี้ยวอีกแล้ว
   
ถ้าอยู่ห้องผมคงจะแลบลิ้นแล้ว แต่ไม่ได้อยู่ห้องก็ต้องเก๊กจิบต่อเซ็งๆ ไม่รู้ทำไมวันนี้กินน้ำอะไรก็เปรี้ยว ผมอยากได้อะไรหวานๆ มาย้อมใจอ่ะ แต่ท้องแล้วก็กินอะไรไม่ถูกปากสักอย่าง ให้ตายเหอะ
   
“ครูซ?”
   
“...”
   
โอ๊ย ผมว่าผมพยายามเนียนเป็นแขกแล้วนะ ก็ยังมีคนจำผมได้อีกเหรอเนี่ย
   
“ใครอ่ะ”
   
ผมยิ้มแห้ง รู้สึกแห้งมากที่จำคนทักไม่ได้ ผมอายุตั้งพันปีนะเจอคนตั้งเยอะตั้งแยะ ใครจะไปจำได้หมด
   
“นิคไง จำไม่ได้เหรอ”
   
“...”
   
ผมขมวดคิ้วแล้วมองผู้ชายตัวโตวัยกลางคนใส่ชุดลายสก็อตสีแดงปอนๆ ที่มีขนติดเต็มไปหมด ตามแขนมีรอยแผลเป็นใหญ่น่ากลัว ผมสีเทาตัดสั้นดูยุ่งๆ กับตาสีทองที่จ้องมาผมอย่างดุดัน
   
มันเป็นสายตาที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อที่กำลังถูกนักล่าหมายตาอยู่อ่ะ
   
ผมว่านี่ไม่น่าเรียกว่าทักคนรู้จักแล้วมั้ง บอกผมมาเลยดีกว่าผมเคยเหยียบตีนหรือทำอะไรไว้อ่ะ
   
“นิค นิโคลัส”
   
“มันมีหลายคนอ่ะ”
   
ผมตอบเสียงอ้อมแอ้มแล้วจิบน้ำองุ่นกลบเกลื่อนความกระอักกระอ่วน คือผมจำไม่ได้จริงว่าตัวเองเคยรู้จักคนๆ นี้ตอนไหน แต่ที่แน่ๆ คือยิ้มแล้วดูไม่น่าไว้ใจสักนิด
   
น่ากลัวอ่ะ ผมเคยรู้จักด้วยเหรอ
   
;w;
   
“นึกดีๆ สิ”
   
มันพูดแล้วยิ้มให้ผมมากกว่าเดิม
   
“แต่ต่อให้นึกออกรอบนี้ก็ไม่ใจดีด้วยแล้วนะ”
   
“!!!”
   
ผมเบิกตากว้างเพราะนึกออกแล้ว
   
พวกโกสต์!!!!
   
ไม่เจอกันตั้งนานยังจะจำกันได้อีก งงมาก
   
“กลิ่นนายไม่เหมือนเดิมแล้ว” นิคยิ้มให้ผมแล้วเลียริมฝีปาก “ไม่สิ กลิ่นของนายเปลี่ยนไปต่างหาก ทั้งตัวนายมีแต่กลิ่นไอ้เวรวาติกันนั่น”
   
“...”
   
อะไรอ่ะ เจอกันก็ต้องด่าผัวผมเลยเหรอ หยุดเดี๋ยวนี้เลย ผัวผม ผมด่าได้คนเดียว!
   
ผมหน้าบูด ถ้าไม่ติดว่าพลังผมไม่เสถียรคงได้บวกกันสักรอบแล้ว
   
“ต้องการอะไร”
   
แม่งโคตรคำถามพระเอกถามตัวร้ายเลย ให้ตายเถอะ แต่ผมทำดีกว่านี้ไม่ได้แล้วอ่ะ พลังผมมันแย่มาก จะแอบขอความช่วยเหลือจากดิออนยังทำไม่ได้เลย
   
“ไม่รู้สิ ได้อะไรก็เอามั้ง”
   
นิคหัวเราะและแย่งน้ำองุ่นที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วของผมไปกินต่อ
   
“...”
   
ผมหน้าบูดกว่าเดิม
   
พวกโกสต์นี่เข้าใจยากชะมัดเลย แล้วผมก็มั่นใจด้วยว่าน้องผมไม่น่าจะเชิญพวกตัวปัญหาอย่างโกสต์มาร่วมงานแน่ ผมไม่รู้หรอกว่าพวกนี้หลุดเข้ามาในงานได้ไง แต่พวกโกสต์ก็คงมีวิธีแบบพวกโกสต์อ่ะ
   
โคตรเซ็งเลย ถ้าพลังผมปกติผมจะจับมันโยนออกจากสมาคมไปเลย ผมยอมให้ใครมาล่มงานที่น้องผมตั้งใจจัดไม่ได้หรอกนะ ทุกคนในสมาคมอดหลับอดนอนเพื่องานนี้มาเท่าไหร่ โดยเฉพาะดิออนที่ต้องจากเมียรักอย่างผมไปทำงาน จนผมต้องตื่นมาจมน้ำตาทุกวันเนี่ย
   
ผมยอมไม่ได้หรอกนะ! แต่ถามว่ามีปัญญาทำอะไรไหมก็ไม่อีก
   
“ไม่พังงานนี้ได้ไหม”
   
ผมพูดทั้งๆ ที่รู้ว่าเปล่าประโยชน์แต่ก็อดไม่ได้
   
“ถ้าคิดว่าหยุดพวกเราได้ก็ลองดู”
   
ขนกันมากี่คนวะเนี่ย
   
ผมลูบหน้าตัวเองเครียดๆ และหวังมากว่ามันจะไม่พาดเวนมาด้วย แต่ผมรู้แหละว่ามันมาแน่ ทำไมผมถึงมั่นใจนักเหรอ ก็เพราะผมเป็นแวมไพร์ที่ดวงซวยที่สุดในเรื่องยังไงเล่า!   
   
ซวยซ้วยซวย ซวยเหลือเกิน ทำไมเกิดมาเป็นน้องครูซแล้วต้องซวยขนาดนี้ แล้วไอ้หมาป่านี่รอบนี้มันจะกัดผมไหมอ่ะ ตัวเท่าบ้านขนาดนี้งับผมรอบเดียว แขนผมขาดเลยมั้ง
   
แล้วคำถามคือทำไมผมต้องเป็นคนแรกที่รู้ว่ามีคนแทรกซึมในงานวะเนี่ย
   
“…เฮ้อ”
   
ผมถอนหายใจเซ็งๆ รอบก่อนน้องเอาตีนก่ายหน้าผาก รอบนี้เป็นผมแทนสินะ
   
“เอาน่า ไม่ต้องเครียดขนาดนั้น”

มันหัวเราะแล้วพยักพเยิดไปทางเวที
   
“ก็แค่ยืมเวทีนิดหน่อยเอง อย่างกไปหน่อยเลย”
   
ถ้ามาแบบปกติใครจะไปว่าอ่ะ แล้วพวกโกสต์มันไว้ใจได้ที่ไหนอ่ะ ไม่ขึ้นตรงต่อใครทั้งนั้น นึกอยากไปทุบใครก็ทุบ แล้ววันนี้ก็มาทุบหน้าสมาคมแวมไพร์ไง
   
ผมไม่ตอบแต่แยกเขี้ยวใส่
   
พวกนิสัยไม่ดี!
   
แน่นอนว่ามันไม่สนใจท่าทางไม่พอใจของผมแถมยังไหวไหล่ใส่ผมกวนๆ ก่อนที่ผมจะเห็นมันส่งซิกให้ใครก็ไม่รู้ ทำให้ผมรู้สึกเครียดขึ้นมาทันที
   
คือถ้ามากันเยอะ ผมไม่แน่ใจเลยว่าสมาคมแวมไพร์จะเอาอยู่อ่ะ เพราะพวกโกสต์ที่ปีกกล้าขาแข็งมาจนถึงทุกวันนี้ได้ก็ระดับนึงอ่ะ เป็นศูนย์รวมของพวกหัวกะทิที่ไม่อยากทำงานรับใช้ใครและทำทุกอย่างตามใจตัวเอง ขนาดดเวนแค่คนเดียวพวกวาติกันยังไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ เลย
   
แล้วหวยมาลงที่ใครก็ลงที่สมาคมแวมไพร์ไง ขยันหาเรื่องเหลือเกิน แล้วก็ชอบมาเจอผมตอนออกไปเดินเล่นพอดี ไม่รู้จะซวยอะไรนักหนา
   
และในระหว่างที่นิคมันไม่สนใจผม ผมก็แอบลูบท้องตัวเองซึมๆ
   
ผมไม่อยากเครียดตอนท้องเลยอ่ะ แง
   
[ ผมในฐานะประธานจะขอเปิดงานชุมนุมปีศาจ ณ บัดนี้---- ]
   
เพลงพิธีการที่ควรจะบรรเลงหลังน้องผมพูดจบกลับกลายเป็นเสียงไมค์หอนยาวๆ ผมมองตรงเวทีถึงเห็นว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญได้ขึ้นไปบนเวทีแล้วเรียบร้อย
   
และแน่นอนไม่ใช่ใครที่ไหน
   
[ สวัสดีสหายทั้งหลาย ]
   
ภาษาโบราณที่เป็นภาษากลางของปีศาจดังขึ้น ซึ่งเป็นภาษาคนละภาษากับที่น้องผมใช้พูดเมื่อกี้ที่เป็นภาษากลางของปีศาจที่ถูกปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัย
   
แน่นอนว่าเพราะความเก่าแก่ของภาษา น้ำหนักการออกเสียง จังหวะการพูด ถ้อยคำในตอนที่พูดนั้นจึงให้บรรยากาศที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
   
“...”
   
ผมมองดเวนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับน้องผมบนเวที ชุดของมันเป็นแบบแวมไพร์ดั้งเดิมแบบเดียวกับที่หลายพันปีก่อนใช้กัน กลิ่นอายรอบตัวมันเต็มไปด้วยพลังความมืดที่ชวนให้สั่นประสาทอีกทั้งยังแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหองของพวกเลือดบริสุทธิ์
   
ให้ตายเถอะ
   
ถึงผมจะเกิดไม่ทันช่วงหลายพันปีก่อนแต่ผมว่าบรรยากาศรวมตัวชุมนุมปีศาจของพวกเขาก็น่าจะเป็นแบบนี้ เสียงของดเวนดังกึกก้องไปทั่วทั้งโถงด้วยพลังของตัวมันเอง ก่อนที่มันจะกวาดตามองคนที่มาร่วมงานและหยุดที่ผม
   
เดี๋ยวก่อน
   
มันจ้องผมทำไม
   
[ สหายเอ๋ย ข้ามาวันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะมาทำร้ายพวกท่านแต่จะมาเชิญชวนพวกท่าน ]
   
“!”
   
ผมเบิกตากว้างเพราะเพิ่งจะรู้ตัวว่าหมาป่าเมื่อกี้มันย้ายมาอยู่ข้างหลังผมและใช้มีดเงินบริสุทธิ์จ่อหัวใจผมอยู่!!!
   
หัวใจผมแทบจะหยุดเต้น เป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีที่ผมรู้สึกกลัวจนหายใจไม่ออก น้ำตาผมคลอเบ้าเพราะรู้แล้วทำไมน้องผมถึงไม่ทำอะไรกับเหตุการณ์นี้เลย
   
ผมถูกจับเป็นตัวประกัน!
   
ผมอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ร้องไม่ออก และเอามือสั่นๆ ทั้งสองข้างกุมท้องตัวเอง
   
ใจเย็นๆ ครูซ ใจเย็นๆ
   
[ เป็นเวลากี่ศตวรรษแล้วที่เราตกเป็นรองพวกมนุษย์ เป็นเวลากี่ศตวรรษแล้วที่เราต้องใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ ในโลกที่บรรพบุรุษของเราเคยเป็นเจ้าของ สหายเอ๋ย มันถูกต้องแล้วหรือที่เราจะยอมให้มนุษย์อยู่เหนือเราเช่นนี้ ]
   
ผมสบตากับดเวน
   
สายตาที่มันมองผมนั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยามเพราะผมตกหลุมรักมนุษย์
   
[ สำหรับข้ามันไม่ถูกต้อง ]
   
นัยน์ตาของดเวนเปลี่ยนเป็นสีแดงเรืองรองและยังจับจ้องมาที่ผม ราวกับว่าทุกคำที่มันพูด มันกำลังพูดกับผมคนเดียว

[ มนุษย์ไม่มีวันเทียบชั้นกับเราได้ มีเพียงปีศาจเท่านั้นที่เป็นผู้ถือครองโลกใบนี้! สหายเอ๋ย จงเข้าร่วมกับข้า จงอุทิศพลังของท่านเพื่อเปลี่ยนแปลงความอัปลักษณ์นี้ เราจะไม่ยอมให้พวกมนุษย์เป็นใหญ่อีกต่อไป มีเพียงปีศาจเท่านั้นที่จะเป็นใหญ่ในโลกนี้! ]
   
ทุกคนเงียบไปสักพักก่อนที่จะมีใครสักคนส่งเสียงขึ้นมาก่อนที่ทุกคนจะส่งเสียงตามๆ กันเกรียวกราว ดูฮึกเหิมและให้ความสนใจต่อข้อเสนอของดเวนมาก
   
แน่นอนว่าจุดยืนของดเวนนั้นเป็นจุดยืนตรงกันข้ามของสมาคมแวมไพร์
   
ผมกลอกตาใส่ดเวน ไม่คิดจะสนใจข้อเสนอที่ดเวนยื่นให้กับผม เหมือนกับทุกครั้งที่มันพยายามชักชวนผม แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่ผมตอบตกลง
   
ดเวนสนใจผมเพราะอะไร ผมไม่รู้ แต่ที่ผมรู้คือผมไม่มีวันฆ่ามนุษย์หรือใครทั้งนั้น มีบทเรียนในประวัติศาสตร์หลายครั้งที่แวมไพร์พ่ายแพ้ให้กับมนุษย์ เอาจริงๆ ที่แวมไพร์เหลือจำนวนน้อยแค่นี้ก็เพราะชอบไปหาเรื่องมนุษย์ที่มีจำนวนมากกว่าตัวเองไม่รู้กี่พันกี่หมื่นเท่า
   
และที่สำคัญเลยคือต้นตระกูลผมตัดสินใจยอมรับความจริงว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นไม่สามารถเอาชนะมนุษย์ได้ เลยเลือกที่จะปรับตัวเพื่อที่จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อได้ อีกทั้งยังพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกับมนุษย์มาตลอดอีก
   
การฆ่ากันไม่ใช่คำตอบหรอก
   
[ มีปัญหาอะไรกับข้อเรียกร้องของข้า! ครูซ!!! ]
   
ดเวนคำรามเสียงดังลั่นจนอากาศสั่นสะเทือน
   
“สมาคมแวมไพร์จะไม่มีวันสนับสนุนข้อเรียกร้องของท่าน”
   
ผมตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบและภาษาเดียวกับมัน
   
[ แวมไพร์หน้าไม่อายอย่างเจ้าควรจะตายไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ มีที่ไหนสมสู่กับพวกวาติกันแล้วยังนำพวกมันมาเป็นพรรคพวกอีก สายเลือดศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์แวมไพร์ต้องแปดเปื้อนเพราะความหน้าไม่อายของเจ้า! ทารกในท้องเจ้าจะนำพาซึ่งความอัปยศต่อเผ่าพันธุ์แวมไพร์!!! ]
   
โอ๊ย มาด่าตอนลูกสามเนี่ยนะ โดนด่าแบบนี้ผมหมั่นไส้อยากจะมีสักโหลให้มันอกแตกตายไปเลย (แค่คิดเล่นๆ นะ ไม่ทำจริง แค่นี้ร่างกายผมก็ไม่ไหวแล้ว ;w;)
   
แล้วอีกอย่างนะ ที่มันจับคนท้องอย่างผมเป็นตัวประกันมันทุเรศกว่าไหม
   
ถ้าผมไม่ท้อง ผมจะไปทุบมันเอง ไม่รู้จะชนะไหมแต่ขอให้ได้ทุบสักรอบเหอะ ไม่ไหวละ ทุกคนเลิกด่าผัวผมได้แล้ว ดิออนมันไม่ได้เป็นวาติกันมาเป็นชาติแล้วโว้ย แล้วดเวนมันลืมรึไงว่าบรรพบุรุษแวมไพร์จริงๆ ก็เป็นมนุษย์มาก่อนอ่ะ
   
ให้ตายเหอะ ผมโคตรเบื่ออะไรแบบนี้เลย ไม่สิ ผมเกลียดมากกว่าการที่มายกยอปอปั้นสายเลือดตัวเองว่าสูงส่งกว่าคนอื่น มันไม่ใช่เรื่องอ่ะ ไร้สาระ
   
“สมาคมแวมไพร์จะสนับสนุนการใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์อย่างสันติต่อไป ข้าเชื่อว่าสหายทุกท่านก็รู้เช่นกันว่าการฆ่ากันนั้นไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด มีแต่จะนำพามาซึ่งความสูญเสียทั้งสองฝ่าย ในอดีตบรรพบุรุษทั้งของข้าและท่านล้วนแล้วแต่ตายด้วยน้ำมือมนุษย์แต่มนุษย์ก็ตายด้วยน้ำมือเราเช่นกัน สหายเอ๋ย เราทั้งสองต่างสูญเสีย จะดีกว่าไหมถ้าหากเราจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติเช่นนี้ต่อไป”
   
ผมหยุดพักหายใจพักหนึ่งแล้วรีบพูดต่อก่อนที่ดเวนมันจะแย่งซีนผม
   
“เราอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ในโลกดังเช่นอดีต แต่เราก็ยังมีชีวิตของเรา มีอิสระของเรา ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าถ้าหากเราพ่ายแพ้มนุษย์ครั้งนี้เราจะพบกับความสูญเสียมหาศาลเพียงใด เราอาจจะไม่ได้สันติสุขเช่นนี้กลับคืนมาอีก”
   
และอีกอย่างนะพวกมนุษย์ไฮเทคกันขนาดนั้น ถามจริงปีศาจจะเอาปัญญาไหนไปสู้ก่อน ลำพังแค่พลังกับแรงใจมันสู้กับลูกปืน จรวด รถถังอะไรแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ
   
แล้วสงครามอ่ะ เวลามันเริ่มมันจะจบตอนไหนก็ไม่รู้ คนก่อสงครามอาจจะตายไปก่อนแล้วก็ได้
   
[ สมาคมของเจ้าขี้ขลาดยังไงล่ะ ]
   
ดเวนแค่นเสียงหัวเราะ

[ เพราะครั้งนี้เราจะไม่แพ้พวกมัน! ]
   
คราวนี้เสียงโห่ที่เคยโห่ร้องร่วมกับมันหายไปเกินครึ่ง เพราะทุกคนก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าตอนนี้เผ่าพันธุ์ปีศาจตอนนี้ไม่อาจจะไล่ตามอารยธรรมมนุษย์ได้ทัน ต่อให้ปรับตัวเก่งแค่ไหนก็ยากที่จะรับมือกับกระแสความเปลี่ยนแปลงแทบจะตลอดเวลาของพวกมนุษย์
   
ยุคแห่งความรุ่งโรจน์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นได้จบสิ้นไปตั้งนานแล้ว สิ่งที่พวกเขาทำได้ตอนนี้ก็มีเพียงแค่พยายามปรับตัวและกลมกลืนไปกับพวกมนุษย์เท่านั้น
   
พวกเขาอาจจะเอาชนะวาติกันได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาชนะมนุษย์ทั้งหมดได้ พวกเขาไม่สามารถใช้ความหวาดกลัวในการควบคุมพวกมนุษย์แบบในอดีตได้อีกแล้ว
   
สีหน้าของดเวนโกรธขึ้งอย่างเห็นได้ชัด มันถลึงตามองผมและขบเคี้ยวฟัน
   
ผมมองมันอย่างเฉยชา ถึงแม้ว่าไอ้หมาบ้ามันจะกดมีดเงินใส่อกผมจนเลือดซึมออกมาจนเสื้อเชิ้ตสีขาวข้างในถูกย้อมไปด้วยเลือดและมีกลิ่นเหม็นไหม้ก็ตาม
   
ให้ตายเหอะ ผมเกลียดมีดเงินชะมัด
   
[ อย่าได้ใจให้มันมากไปนัก!! มาประลองกับข้า!! ถ้าเจ้าแพ้สมาคมแวมไพร์ต้องเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ด้วย!!! ]
   
แล้วดเวนมันถูกใจผมอะไรนักหนา หรือมันแค้นที่ผมเลือกดิออนไม่เลือกมัน
   
“มาสู้กับข้า”
   
“!”
   
ผมเบิกตากว้างแทบจะน้ำตาแตกตอนที่เห็นใครเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับดเวน
   
ดิออน!!!

และน้ำตาผมก็แตกเรียบร้อย
   
เพราะดิออนโคตรเท่เลย
   
TwT
   

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 28 14/12/20 p.9
«ตอบ #267 เมื่อ14-12-2020 18:57:10 »

ครูซเอ๋ย...ขอให้ปลอดภัย   :hao5:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 29 28/12/20 p.9
«ตอบ #268 เมื่อ28-12-2020 01:09:59 »

ตอนที่ 29

   
“มาสู้กับข้า”
   
เสียงทุ้มในภาษาโบราณดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของผัวผม
   
แน่นอนว่าแค่เห็นหน้าดิออนผมก็น้ำตาไหลพรากแล้ว แฟนใครเนี่ยเท่ที่สุดเลย แบบถ้าแข่งด้านความเท่ ดเวนแพ้ยับแน่นอน (เพราะทั้งคนโหวตและคนตัดสินคือผม)
   
[ อย่าโอหังไปหน่อยเลย เศษสวะอย่างเจ้าน่ะ ]
   
ดเวนมองดิออนด้วยสายตาเหยียดหยามซึ่งมันก็น่าทุบมาก
   
ผมหน้าบูด ไม่พอใจมาก ไม่ว่าใครก็ห้ามมองแฟนผมแบบนี้!!
   
“ไปสู้กันที่ลานประลอง”
   
ดิออนพูดเสียงเรียบแล้วชักดาบออกมา
   
“!”
   
ผมตาโตเพราะไอ้ดาบที่ดิออนชักออกมาดันเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแค่เห็นแวบแรกผมก็รู้ทันทีเลยว่ามันเป็นดาบเงินที่ดิออนใช้ตอนยังเป็นผู้นำตระกูลวาติกัน แต่ที่ผมสงสัยมากกว่าคือมันยังเก็บไว้อยู่อีกเหรอเนี่ย
   
คือผมก็เคยเห็นมันแขวนในห้องแหละ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะนึกว่าเป็นแค่ของสะสมธรรมดาเฉยๆ แบบผมไม่เห็นมันใช้ไอ้ดาบนี้มานานมาก เห็นพกไปนู่นไปนี้บ้างแต่ก็นึกว่าเป็นพร็อพเท่ๆ เฉยๆ ไง
   
แบบผมบางทีเวลาไปทำภารกิจก็ชอบเอาดาบไปแต่ไม่ใช้
   
[ มีของพรรค์นั้น เจ้ายังกล้าเรียกตัวเองว่าแวมไพร์อยู่อีกเหรอ ]
   
ดเวนมองดิออนเหยียดกว่าเดิมจนผมอยากตะโกนบอกให้มันว่าไม่พอใจอะไรให้ด่าผมแทนอย่าด่าผัวผม แต่ก็เกรงใจแขกที่มาร่วมงานวันนี้เลยทำได้แค่หน้างอกว่าเดิม
   
“ข้าเป็นคู่ของครูซ ข้าจะสู้แทนครูซเอง”
   
ดิออนไม่สนใจคำแดกดันของดเวนแถมยังเหลือบมามองผมด้วย
   
“ไม่เจ็บๆ ”
   
ผมยิ้มแห้งเพราะพอมันเห็นว่าเสื้อขาวของผมกลายเป็นสีแดงเข้มไปแล้วหน้ามันก็โหดขึ้นทันที มันใช้ดาบที่ยังคงแผ่ไอสีขาวแห่งความศักดิ์สิทธิ์ออกมาชี้หน้าดเวนแล้วตะโกนเสียงกร้าว
   
“ไปสู้กับข้า!!”
   
เห็นมันมีแรงสู้เพื่อเมียขนาดนี้ผมก็ซาบซึ้งแหละ แต่ผมก็อุตส่าห์พยายามบอกมันแล้วนะว่าแผลมันไม่เจ็บมากอ่ะ แน่นอนว่าผมโกหกเพราะจริงๆ โคตรเจ็บเลย แต่แบบถ้าผมไม่สนใจมันมันก็เจ็บน้อยลงไง ที่ผมเจ็บมากกว่าตอนนี้คือผัวโดนด่าแล้วผมด่ากลับไม่ได้เนี่ย
   
ถึงผมจะแบบนี้แต่ผมก็ไม่เคยยอมให้ใครมาว่าดิออนหรอกนะ อยู่ในสมาคมมาตั้งนานมันก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใครนอกจากผมอ่ะ แบบถ้าผมไม่ด่าใครจะด่าให้ล่ะ
   
[ ข้าจะฆ่ามันก่อน ]
   
ดเวนหันมามองผมแล้วยิ้มเย็น
   
[ หลังจากนั้นเจ้ากับสมาคมก็ต้องมาร่วมมือกับข้า ถ้าเจ้าไม่ยอมข้าก็จะฆ่าทุกคนที่มาร่วมงานวันนี้ ]
   
“...”
   
ผมตอนนี้รู้สึกอยากเอาตีนก่ายหัวมาก รู้สึกปวดประสาทที่ตัวเองเคยเผลอไปรู้จักกับดเวนเข้า ให้ตายเหอะ ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีที่มันชอบผมเนี่ย คือแบบเมื่อก่อนมันก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของผมแหละ ชอบแวะมาช่วยผมเวลาที่ผมตกอยู่ในอันตราย แต่ตอนนี้ผมเอาตัวรอดเองได้แล้วไง แล้วทั้งผมทั้งมันก็โตๆ กันแล้วด้วย มันก็แก่กระดูกดังกร็อบๆ เหมือนกับผมแหละ
   
ให้ตายเหอะ มันจะยึดติดอะไรกับผมนักหนา
   
ผมหน้าบูดแล้วเดินตามหลังดเวนไปยังลานประลองที่อยู่ถัดจากห้องโถงไปไม่ไกล แน่นอนว่าตลอดทางผมก็คือโดนเอามีดเงินจี้อยู่ตลอด
   
“มันเจ็บนะ”
   
ผมบ่นอุบใส่นิโคลัสที่กลายเป็นหมาป่านิสัยเสียไปแล้ว แต่ก็นะ ผมจะไปคาดหวังอะไรกับพวกโกสต์ที่ไม่สนใจทั้งกฎเกณฑ์ทั้งศีลธรรมล่ะ
   
“ก็อย่าขัดขืน”
   
นิคไหวไหล่ผมแบบไม่ใส่ใจ มันยังคงอยู่ในร่างมนุษย์ปกติแต่ถ้าได้รับสัญญาณจากดเวน มันก็คงคืนร่างเป็นมนุษย์หมาป่าร่างยักษ์แล้วไล่ฆ่าคนในงานอ่ะ
   
ผมหน้างอจนกระทั่งมันพาผมไปนั่งตรงอัฒจันทร์ข้างสนามในมุมที่ดีที่สุด ผมก็ยังหน้างอเพราะไม่อยากมาดูคนตีผัวผม แล้วคืออะไร มันแค่เอาผมเข้ามาดูเป็นพยานอ่ะ ส่วนคนอื่นก็ไม่กล้าตามมาเพราะมีพวกโกสต์จับคนงานในเป็นตัวประกันอีกหลายคนนอกจากผม
   
เซ็งอ่ะ คือที่ผมเซ็งมากที่สุดคือสมาคมแวมไพร์เสียหน้ามากเนี่ยแหละ
   
แบบต่อให้ระบบรักษาความปลอดภัยดีขนาดไหน ถ้าต้องเจอพวกโกสต์บุกก็จบอ่ะ ผมไม่รู้ว่ามันไปหาพวกหัวกะทิมาจากไหนนักหนาแล้วมีผลประโยชน์อะไรร่วมกันถึงได้ยอมมาช่วยเหลือกันเองแบบนี้ หรือที่มาช่วยเพราะอยากมาหาอะไรสนุกๆ ทำเฉยๆ ก็ไม่รู้
   
โอ๊ย นี่ถ้าไม่ติดว่าผมท้องนะ ผมจะทุบๆๆ ไอ้พวกโกสต์พวกนี้ให้หมดเลย
   
ไม่รู้อ่ะ อย่างน้อยผมว่าผมตอนปกติผมก็จะน่าไล่ไปได้สักคนสองคนแหละ มันขนมากันหมดอย่างมากก็คงได้ไม่เกินสิบหรอก ผมว่า
   
[ ดูให้ดี ครูซ วันนี้คือวันที่ข้าจะล้างมลทินให้กับเจ้า ]
   
ดเวนปรายตามองผมแล้วหยิบบางอย่างจากในอากาศ พลังความมืดที่ถูกมันเรียกออกมาบีบอัดรุนแรงจนกลายเป็นดาบสีดำที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความชั่วร้ายและปะจุพลังรุนแรง ก่อนที่มันจะสะบัดดาบรอบนึงเหมือนลองดาบเล่นๆ
ซึ่งผลที่ได้คือพื้นสนามประลองเป็นรอยฟันขนาดใหญ่ลึกลงไปหลายสิบเซ็น
   
“...”
   
ตอนแรกผมไม่เครียด ตอนนี้ผมเริ่มเครียดละว่าดิออนจะไหวไหม
   
แบบดเวนมันเป็นพวกแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์อ่ะ ซึ่งเลือดผมก็ไม่เท่ามันไง ถึงมันจะถึงขั้นสามารถเปลี่ยนให้ดิออนเป็นแวมไพร์ได้ก็เหอะ แต่ผมก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่ามันจะทำให้ดิออนมีพลังเพียงพอที่จะสู้กับดเวนไหม
   
ที่ผ่านมาดิออนก็ใช้พลังแวมไพร์ได้คล่องแหละ แต่พอมาอยู่ต่อหน้าพวกเลือดบริสุทธิ์แบบนี้ ผมไม่มั่นใจเลย
   
“เจ้าอิจฉาข้า?”
   
และในระหว่างที่ผมกระวนกระวายจะร้องไห้ อยู่ๆ ดิออนก็เลิกคิ้วถามดเวนด้วยน้ำเสียงยียวน
   
ผมที่ตอนนี้ไม่โดนเอามีดจี้แล้วเอามือลูบหน้าตัวเองเครียดๆ
   
นี่มันเหมือนกับย้อนกลับไปวันที่ดเวนมาเจอผมอยู่กับดิออนเลยอ่ะ รอบนั้นไม่ได้ตีกันเพราะผมเคลียร์ได้ แต่รอบนี้ผมเหมือนจะเคลียร์ไม่ได้แล้ว และคงได้ตายกันไปข้างนึงอ่ะ
   
ทำไมผมถึงฮ๊อตขนาดนี้ งง
   
[ ข้าเนี่ยนะอิจฉาเจ้า? อย่าอวดดีไปหน่อยเลย วาติกัน!!! ]
   
ดเวนตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกับระเบิดพลังออกมาจนพลังของมันกระจายไปทั่วบริเวณ ความมืดมิดปกคลุมไปทั่วจนมองอะไรแทบไม่เห็นมีเพียงดาบศักดิ์สิทธิ์ของดิออนเท่านั้นที่ยังสว่างไสวอยู่
   
ผมเอามือขยี้ตาเพราะพอมืดแบบนี้แล้วดาบดิออนเหมือนหลอดไฟมาก มิน่าล่ะพวกวาติกันชอบแพ้แวมไพร์ ก็เล่นใช้ดาบแบบนี้แล้วจะไปหลบพวกปีศาจที่มาสู้ด้วยยังไงเล่า
   
ถามว่าจิ้มแล้วได้ผลดีไหมก็ดีแหละ แต่ผมว่ามันไม่คุ้มอ่ะ ดาบที่บอกตำแหน่งคนใช้งี้ เป็นผม ผมไม่ใช้หรอก แต่ถ้าดิออนอยากใช้ก็ไม่เป็นไร ผัวผมถูกเสมอแหละนะ
   
อีกอย่างแวมไพร์ใช้ดาบวาติกันสู้ก็เท่ดีออก
   
“ดิออนห้ามแพ้นะ! ถ้าแพ้ผมจะฟ้องพ่อ!!”
   
ฟ้องทำไมไม่รู้แต่ผมจะฟ้อง อายุพันปีแล้วผมก็จะฟ้อง
   
[ มาถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังเลือกมันอีกเหรอ? ]
   
ผมสะดุ้งเฮือกเพราะอยู่ๆ ดเวนก็มาปรากฏตัวข้างหน้าผม นัยน์ตาสีแดงเรืองรองมองผมด้วยสายตาอ่านยาก แต่ผมก็กอดอกเชิดหน้าใส่มัน
   
“ผมไม่เคยคิดจะเลือกนายอยู่แล้ว!”
   
สวยมาก ผมยาว แค่ก ก็ดเวนไม่ใช่สเป็คผมอ่ะแล้วผมก็ไม่ชอบมันด้วย
   
คือหลายร้อยปีที่ผ่านมามันหาคนอื่นที่ถูกใจไม่ได้เลยเหรอ ถามจริง หน้าตาผมมันทำให้ลืมไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ หรือมันถูกใจที่ผมกากมากเลยอยากจะเก็บเอาไว้บี้เล่นตอนว่าง
   
แกร๊ง!!
   
ในช่วงที่ดเวนกำลังจะตอบผม ดิออนก็โผล่มาพร้อมกับเอาดาบฟันดเวน แน่นอนว่าดเวนใช้ดาบของมันรับได้ทันที ก่อนที่มันกับผัวผมจะโผล่ไปอีกที่แล้วก็ฟันกันอีกดังแกร๊งๆๆ ไม่หยุด
   
ซึ่งทุกครั้งที่ฟันกันเสียงก็เหมือนจะดังขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องเอามือปิดหู
   
[ ข้าเจอเขาก่อน!!! ]
   
ดเวนคำรามเสียงดังลั่น อากาศรอบๆ หนักขึ้นจนผมหายใจแทบไม่ออก พลังความมืดไหลทะลักออกจากร่างกายมันมากกว่าเดิมราวกับว่าเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง
   
“ท่าไม่ดีแล้ว”
   
นิคที่นั่งข้างๆ ผมมาตลอดเอามีดที่จี้ผมออก
   
“ไปล่ะ ถือว่ารอบนี้นายโชคดีนะ”
   
ผมยังไม่ทันถามว่าหมายถึงอะไร มันก็สลายหายไปความมืดแล้ว
   
แน่นอนมันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นเลยสักนิด รู้สึกกลัวกว่าเดิมด้วยซ้ำ แบบขนาดพวกเดียวกันยังชิ่ง แล้วผมจะรอดไหมเนี่ย แต่ผมก็ไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ เพราะถ้ามันชอบผมขนาดนั้น มันก็คงไม่ฆ่าผมหรอก
   
“!!”
   
ผมเบิกตากว้างเพราะอยู่ๆ ไอ้พลังที่ไหลทะลักออกมาทั้งหมดก็ย้อนกลับเข้ามาหาตัวดเวน มันคำรามเสียงดังลั่นตอนที่กลุ่มก้อนพลังสีดำมหาศาลพุ่งเข้าหามันและกลายเป็นพายุรุนแรงโดยมีมันเป็นจุดศูนย์กลางของพายุ
   
กรรซ
   
ซวยแล้ว ซวยแล้วจริงๆ รอบนี้
   
ผมมองร่างของดเวนที่กำลังเปลี่ยนไปหวั่นๆ แล้วรีบมองหาผัวผมเลย
   
ดเวนมันกำลังจะคลุ้มคลั่งแล้ว!
   
หลังจากนี้ก็คงจะคุยกับมันด้วยเหตุผลไม่ได้อีก แถมร่างกายของมันก็เหมือนจะใหญ่ขึ้นด้วย นัยน์ตาสีแดงของมันยังคงเรืองรองท่ามกลางพายุอันบ้าคลั่งและจับจ้องมาที่ผมจนผมรู้สึกขนลุก
   
“ดิออน!!”
   
ผมเรียกมันด้วยความรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ คืออีกไม่นานก็น้ำตาแตกแล้วแหละ ดเวนมันคืนร่างเป็นแวมไพร์เต็มตัวแล้วมันน่าจะใช้พลังของมันได้คล่องกว่าเดิม ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าดิออนจะไหวไหม
   
คือมั่นใจก็มั่นใจระดับนึง แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากให้ใครมาตีผัวผมไหมอ่ะ ผัวผมทั้งคนเลยนะ แค่เห็นมันเลือดออกผมก็ร้องไห้แล้ว
   
“ไม่ต้องห่วง”
   
ดิออนบอกผมเสียงเรียบก่อนที่มันจะคืนร่างแวมไพร์บ้าง ปีกคู่ใหญ่งอกออกมาจากแผ่นหลังของมันพร้อมๆ กับร่างของมันที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
   
[ ของข้า ]
   
“!!!!”
   
สัมผัสเย็นเฉียบแตะแก้มผมซึ่งมันก็ทำเอาผมตกใจน้ำตาคลอ
   
ใช่ อีกนิดเดียวผมร้องไห้แน่นอน
   
“ผมลูกสามแล้วนะ ไปชอบคนอื่นได้แล้ว!”
   
ผมพยายามทำใจดีสู้เสือ ถึงเสือตัวนี้มันจะคุยไม่รู้เรื่องมานานแล้วก็เหอะ
   
ฉึก!
   
ผมพูดยังไม่ทันจบก็เกิดแสงสว่างวาบเพราะดิออนพุ่งเข้ามาฟันดเวน ซึ่งสิ่งที่น่ากลัวรอบนี้คือมันไม่แม้แต่จะหลบด้วยซ้ำ ดาบเงินศักดิ์สิทธิ์สว่างไสวมากขึ้นเมื่อมันได้ลิ้มรสเลือดของปีศาจ ไอสีขาวปกคลุมมือของมันและทำปฏิกิริยาอย่างรุนแรงราวกับว่ายินดีที่มันจะได้ปราบปีศาจอีกครั้ง
   
“...”
   
ผมพูดอะไรไม่ออก เพราะดเวนมันใช้มือเปล่าอีกข้างคว้าดาบของดิออนและกำแน่น มันไม่แย่แสด้วยซ้ำว่ามือตัวเองกำลังถูกแผดเผาด้วยเพลิงสีเงินlสว่างที่เกิดจากการภาวนานับร้อยปีของพวกนักบวช กลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้งพอๆ กับอากาศที่หนักขึ้นทุกวินาที
   
[ เป็นข้าไม่ได้หรือ ]
   
“ไม่ได้!”
   
ผมขู่แง่ง อยากเอามือมันออกแต่ก็ทำไม่ได้เพราะถูกพลังความมืดของมันพันธนาการมือเอาไว้
   
[ วาติกันโสโครกนั่นไม่คู่ควรกับเจ้าเลยสักนิด ]
   
มันฝังใจอะไรกับผมนักหนาเนี่ย ผมเริ่มสงสัยจริงจังละ
   
“นายเจอผมครั้งแรกตอนไหน”
   
[ เจ้าเคยช่วยข้า ]
   
ดเวนยิ้มบางให้ผม
   
[ ปลดปล่อยข้าจากพวกวาติกัน ]
   
ผมเบิกตากว้าง
   
อย่าบอกนะว่าไอ้รอบที่ผมโดนวาติกันจับไปตอนเด็กๆ มันก็โดนจับไปด้วยอ่ะ แล้วคือความทรงจำของผมช่วงนั้นมันเลือนลางมาก แบบรู้แค่โดนจับแล้วรู้ตัวอีกทีก็ภาพตัดเป็นตัวเองกลับมาที่สมาคมได้แล้วอ่ะ
   
“...แต่ผมมีคู่แล้ว”
   
ให้ตาย มันประทับใจที่ผมบังเอิญช่วยมันออกมาได้เหรอ ผมสมัยเด็กก็มีโมเมนต์เท่ๆ กับเขาเหมือนกันนะเนี่ย
   
[ ข้าถึงต้องฆ่ามันไง ]
   
ดเวนหัวเราะในลำคอ
   
[ เจ้าจะได้เหลือเพียงข้า ]
   
กระบวนการคิดพังมาก ช่วยด้วย ถ้ามันชอบผมตั้งแต่ตอนนั้น ตอนเจอกันอีกทำไมไม่จีบผมล่ะ แต่ก็นะ ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้อยู่ดีแหละว่าผมจะชอบมันคืน เพราะผมค่อนข้างเรื่องมาก ถ้าไม่ถูกใจจริงๆ ก็ไม่คุยด้วยหรอก
   
แต่ที่แน่ๆ เลยคือห้ามฆ่าผัวผมโว้ย!!
   
“ไม่เอาผมไม่อยากเป็นหม้าย”
   
ผมหน้างอ แย่มาก แล้วคือดูจากความเกลียดดิออนของมัน มันก็คงตามไปฆ่าลูกผมด้วย
   
ฮึก
   
แย่ละ ผมกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกแล้ว ร้องไห้รอบที่ล้านในเดือนนี้
   
[ เดี๋ยวเจ้าก็ลืมมัน ครูซ ]
   
ดเวนแค่นเสียงหัวเราะก่อนที่มันหายไปจากตรงหน้าผม
   
ผมเอาหลังมือเช็ดน้ำตาแล้วพยายามกลั้นสะอื้นเพราะรอบนี้ตีกันแรงกว่าเดิมอีก ลานประลองที่ว่ามีอาคมแข็งแรงมากตอนนี้ยังสั่นน้อยๆ ทุกครั้งที่ดาบปะทะกัน
   
[ แล้วหลังจากนั้นข้าจะฆ่าพวกวาติกันให้หมด ..จะไม่มี ไม่มีใครมาทำร้ายข้าได้อีก!! ]
   
พูดจบมันก็หัวเราะเสียงดังลั่นซึ่งตอนนี้ผมมองตามไม่ทันแล้ว แบบแวบไปนู้นที่นี้ที  ก่อนท้องก็ทำได้แหละ ตอนนี้นอนย้วยได้อย่างเดียว
   
คือแบบผมก็เข้าใจความแค้นมันนะ ผมตอนเด็กๆ ก็เคืองแหละอยู่ดีๆ มาโดนจับไปทำอะไรไม่รู้อ่ะ แต่แบบไอ้คนที่ทำก็คงตายไปนานแล้ว ผมก็ไม่รู้จะไปแค้นพวกวาติกันรุ่นใหม่ๆ ทำไม ใช้ชีวิตสงบสุขน่าจะเหมาะกับผมกว่า
   
ฉึก!
   
“!!!!”
   
ร่างกายผมขยับตัวก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวด้วยซ้ำ ผมกัดฟันกรอดพยายามไม่สนใจเลือดที่ยังไหลออกมาไม่หยุดจากมือของตัวเองและความทรมานที่เกิดจากการฝืนใช้พลัง
   
“ปล่อย”
   
ผมจ้องหน้าดเวนด้วยสีหน้าเย็นชากำดาบของมันที่เสียบอยู่กับไหล่ดิออนแน่น แน่นอนว่าถ้าผมช้าไปกว่านี้สักนิดก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
   
[ แค่วาติกันอ่อนแอ เจ้าจะไปให้ค่าอะไรมันนัก ]
   
แรงกดดันมหาศาลกดทับตัวผมโดยตรงราวกับกำลังประกาศศักดาและความยิ่งใหญ่ของมันแต่น่าเสียดายที่ผมไม่สนใจ
   
ผมไม่ใช่แวมไพร์อ่อนแอที่ต้องรอให้มันมาสงเคราะห์ทุกรอบอีกแล้ว
   
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”
   
ผมพูดเสียงกร้าว รู้สึกโกรธจนออกแรงกำดาบแรงกว่าเดิมจนอยากจะให้มันแตกคามือ แต่ก็ปัญหาเดิม พลังผมไม่เสถียรเลยทำไรมากไม่ได้
   
[ ตัดใจซะ ]
   
ดเวนมองผมด้วยสายตาสมเพช
   
ฉึก!
   
“...”
   
ผมกระพริบตาปริบเพราะในระหว่างที่ผมกับดเวนกำลังจะวางมวยกันอีกสักยก ผัวผมก็อาศัยทีเผลอแทงดาบใส่ขาดเวนพร้อมกับสวดอะไรสักอย่างไปด้วยซึ่งไม่กี่วินาทีต่อมาไฟศักดิ์สิทธิ์สีเงินก็คลุมดเวนไปทั้งตัวและแผดเผาอย่างรุนแรง
   
แน่นอนว่าผมไม่รอให้ดเวนได้สติหรือระเบิดพลังออกมาอีกรอบ รีบใช้พลังพาดิออนมาหลบหายใจอีกมุมทันที
   
“นายยังใช้พลังวาติกันได้อีกเหรอ”
   
ผมถามพร้อมกับสำรวจแผลบนไหล่มันไปด้วย ดีที่ดาบจากพลังของดเวนโดนไฟไหม้เมื่อกี้ไหม้ไปแล้วตอนนี้เลยเห็นแผลมันค่อนข้างชัด ซึ่งมันก็ทำให้ผมโล่งใจนิดหน่อยเพราะไม่ลึกมาก
   
“นิดหน่อย”
   
มันตอบผมแล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
   
“ขอโทษ”
   
ดิออนมองสภาพยับยู่ยี่ของผมแล้วพูดออกมาด้วยสีหน้าเศร้าๆ
   
โอ๊ย อย่าทำหน้าแบบนี้ ไม่งั้นไอ้น้ำตาที่ผมกลั้นไว้คือแตกแน่ แต่จะแตกตอนนี้ไม่ได้ ไม่ผมก็ดิออนก็ต้องหาทางจัดการดเวนก่อนที่มันจะทำอะไรไปมากกว่านี้
   
คือเอาจริงแค่นี้ผมก็ปวดหัวละ เมื่อไหร่มันจะไปสักทีเนี่ย
   
“ผมมีลูกแล้วตั้งสามคนแล้วนะ! สามคนแล้ว!!”
   
ผมป้องปากตะโกนใส่มันที่ยืนเฉยๆ จ้องผม ไฟที่เคยไหม้เมื่อกี้ดับไปหมดแล้ว แต่สภาพของมันที่ถูกไฟเผาก็ดูเยินกว่าเมื่อกี้นิดหน่อย มือของมันที่เคยจับดาบยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
   
[ หมาลอบกัดอย่างมัน เจ้ารักลงจริงๆ งั้นเหรอ ]
   
นัยน์ตาสีแดงของดเวนเรืองรองแต่ขณะเดียวกันก็สั่นระริก
   
[ พวกวาติกันมันไว้ใจไม่ได้ ถ้าเราไม่ฆ่ามันก่อน มันก็จะฆ่าเรา ]
   
“...”
   
ผมพูดอะไรไม่ออกเพราะมันเป็นเรื่องจริง
   
วาติกันพร้อมจะฆ่าปีศาจเสมอขอเพียงแค่สบโอกาส ถ้าสามารถฆ่าได้ก็จะฆ่า ดีหน่อยที่สมัยนี้คนศรัทธาในศาสนากันน้อยลง อิทธิพลและความชอบธรรมในการฆ่าของพวกวาติกันเลยหายไปเยอะ ไม่งั้นผมก็คงไม่วางใจถึงขนาดปล่อยลูกไปเรียนในโรงเรียนที่มีทั้งวาติกันและรัฐบาลหรอกนะ
   
[ ถ้าเจ้ากับข้าร่วมมือกันแล้วฆ่าพวกมันทั้งหมด ปีศาจจะได้ไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไปไง ครูซ ]
   
นี่มันไม่ฟังที่ผมพูดในห้องเมื่อกี้เลยนี่หว่า
   
ผมหน้าบูดเพราะต่อให้มันชวนผมกี่รอบคำตอบผมก็เหมือนเดิมอ่ะ
   
“ยอมแพ้เถอะ ดเวน”
   
ผมถอนหายใจ
   
“ต่อให้นายฆ่าดิออน ผมก็ไม่รักนายหรอก”


---------

ตอนหน้าไม่น่าทันปีใหม่ ขออวยพรตอนนี้ไปเลยแล้วกันค่ะ

สวัสดีปีใหม่นะคะ  :mc4:  ขอให้มีความสุขมากๆ นะคะ  :mew1:
   
   



   
   

   


   
   
   
   
   

 
   


   

   




ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 29 28/12/20 p.9
«ตอบ #269 เมื่อ28-12-2020 09:53:26 »

มีคนมาตีกันแย่ง ทั้งที่ลูกสามแล้ว สวยมาก!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด