{ เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; แจ้งข่าวเปิดพรี 15 กุมภาพันธ์ - 21 มีนาคม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; แจ้งข่าวเปิดพรี 15 กุมภาพันธ์ - 21 มีนาคม  (อ่าน 57988 ครั้ง)

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 29 28/12/20 p.9
«ตอบ #270 เมื่อ28-12-2020 21:23:37 »

ครูซต้องน่ารักขนาดไหน..มีแต่คนรุมรัก..กกกกกน้อง    :impress2:

ออฟไลน์ yumyai_fishery

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 29 28/12/20 p.9
«ตอบ #271 เมื่อ08-01-2021 22:33:07 »

รอตอนใหม่ เป็นของขวัญวันปีใหม่อยู่นะคร้าบ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 30 9/1/21 p.10
«ตอบ #272 เมื่อ09-01-2021 01:09:43 »

ตอนที่ 30


“ต่อให้นายฆ่าดิออน ผมก็ไม่รักนายหรอก”

คนพูดนี้ต้องสวยขนาดไหนถึงพูดประโยคนี้ได้เนี่ย

ผมคิดขำๆ ทั้งๆ ที่สถานการณ์ตอนนี้คือเลวร้ายมาก เลวร้ายจนผมอยากกัดลิ้นตายแต่ก็ยังตายไม่ได้เพราะลูกสามผัวหนึ่ง ฉะนั้นผมเลยต้องหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตอนนี้ให้ได้

[ … ]

ดเวนจ้องหน้าผมนิ่ง พลังและแรงกดดันมหาศาลยังคงแผ่ออกมากดดันผมไม่หยุด

ให้ตายเหอะ ถ้าผมเคลียร์ไม่ได้ มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน ต่อให้ระดมคนมาทั้งสมาคมกว่าจะจัดการดเวนได้ก็คงจะต้องมีคนเจ็บมั้งอ่ะ พวกผู้อาวุโสงี้ พ่อผมงี้ ก็กระดูกลั่นกร็อบๆ กันหมดแล้ว จะให้ลงมาช่วยทุบดเวนก็เกรงว่าจะเป็นการทรมานสังขารกันเกินไป

ฉะนั้นน้องครูซจึงต้องจัดการให้จบตอนนี้เลย

“ไปชอบคนอื่นได้แล้ว”

ผมหน้าบูดและเริ่มปวดขาเพราะยืนนานเกินไป

“เออ แล้วเรื่องครองโลกอ่ะ ผมไม่เอาด้วยหรอกนะ นายไปชวนคนอื่นเหอะ”

วันๆ แค่เรื่องในสมาคมผมก็ปวดหัวเกินพอละ

[ ..ทำไมถึงได้ชอบมันนัก ]

ดเวนขมวดคิ้วมองผมด้วยสีหน้าเจ็บปวด

“ก็ชอบแบบนี้อ่ะ”

ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมไม่มีใครปลื้มใจที่ผมได้ดิออนเป็นผัวสักคน

“ทีนายยังมาชอบแวมไพร์กากๆ อย่างผมเลย”

แถมยังเป็นแวมไพร์ที่ไร้สาระแล้วก็ย้วยไปวันๆ อีก มีอะไรให้น่าแย่งตรงไหน ถึงผมจะน่ารักก็เถอะแต่ผมว่าผมก็เป็นค้างคาวที่น่าจับไปปิ้งอยู่ดี

[ ... ]

“คือถ้านายจะซึ้งเรื่องสมัยเด็ก ผมก็เข้าใจนะ แต่มันก็นานแล้วอ่ะ ผมลืมไปหมดแล้ว”

เอ๊ะ ถ้าผมเคยช่วยมันก็แปลว่าผมทวงบุญคุณมันได้สิ!!!

มาแล้วทางรอด ขอบคุณน้องครูซที่ช่วยน้องครูซ
   
“ไม่ๆ ถ้านายจะซึ้งอ่ะก็ถูกแล้วเพราะนายติดหนี้บุญคุณผม”
   
[ ....... ]
   
ดเวนมองผมงงๆ เหมือนไม่เข้าใจว่าผมกำลังพล่ามอะไร
   
ไม่รู้อ่ะ สู้ด้วยกำลังไม่ได้ก็ต้องสู้ด้วยเล่ห์ด้วยกล คุยได้รีบคุยก่อนที่มันจะคลุ้มคลั่งจนถึงจุดที่คุยไม่รู้เรื่องแล้วทำคฤหาสน์ของสมาคมแวมไพร์ถล่มเพราะพลังของมัน
   
คือไอ้หลังที่อยู่กันตอนนี้มันก็เป็นคฤหาสน์ไม่กี่แห่งที่ยังเหลือรอดจากการเผาของพวกวาติกันไง ถ้าพังเพราะอะไรไร้สาระแบบนี้คงน่าเสียดายแย่เลย แล้วผมก็ไม่อยากหาที่นอนใหม่ด้วย
   
“นายติดหนี้บุญคุณผม ดเวน ผมเคยช่วยชีวิตนาย ฉะนั้นรอบนี้นายต้องทำตามความต้องการของผมเป็นการตอบแทน”
   
[ ... ]
   
ผมมองมันที่ยังนิ่งไม่ตอบรับแล้วถอนหายใจเซ็งๆ แบบพอมันเอาแต่เงียบแบบนี้ผมก็รับมือไม่ถูกไง แต่มันอยู่นิ่งๆ แบบนี้ก็ดีจะได้ไม่เอาดาบจิ้มผัวผมอีก
   
“ถ้านายชอบผมจริงๆ นายจะเคารพการตัดสินใจของผมนะ ดเวน”
   
ผมขมวดคิ้ว ฮอร์โมนที่แปรปรวนทำให้อารมณ์ของผมขึ้นๆ ลงๆ ไวเป็นพิเศษ
   
“เรื่องตอนนั้นที่นายพยายามจะจับผมทำเมีย นายก็ยังไม่ขอโทษผมเลย นี่ยังจะมาฆ่าคนที่ผมเลือกอีก มันเกินไปรึเปล่า”
   
แน่นอนว่าผมไม่เคยบอกดิออนเรื่องนี้เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ารับรู้เท่าไหร่ คือผมตอนนั้นเอาตัวรอดออกมาได้ก็ไม่ได้อะไรแล้ว แต่ถามว่ายังเคืองไหมก็เคืองอ่ะ
   
[ ... ]

“เงียบทำไม นายก็อายุจะพันปีแล้ว ยังจะมาทำตัวเป็นเด็กไม่ได้ดั่งใจแบบนี้อีกเหรอ ผมไม่ใช่แม่นายนะถึงต้องมานั่งตามใจนายอ่ะ”
   
ได้ทีผมก็ขู่แง่ง พูดละอารมณ์ก็ขึ้น ถึงตอนนี้ไม่มีปัญญาใช้พลังทุบก็ขอปากดีไว้ก่อนแล้วกัน
   
“เลิกทำตัวเป็นเด็กสักที กับแค่ยอมรับความจริงมันยากตรงไหน”
   
ผมหน้าบูดมากขึ้นเพราะดเวนมันเหมือนจะไม่พอใจผม แรงกดดันที่มีอยู่แล้วดูจะมากกว่าเดิมคล้ายจะกดดันให้ผมหยุดพูด
   
“เอาสิ รับความจริงไม่ได้ก็ฆ่าผมเลย”
   
และในชั่วพริบตาที่ผมพูดจบปลายดาบก็จ่อที่คอผมทันที
   
ผมสบตากับนัยน์ตาสีแดงเรืองรองแล้วแค่นเสียงหัวเราะ
   
“ขี้ขลาด”
   
[ หุบปาก!! ]
   
ผมเหยียดยิ้มใส่มัน ไม่สนใจเลือดที่ค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากบาดแผลที่คอ
   
“ถ้าผมตายนายก็ต้องอยู่โลกห่วยๆ นี้คนเดียวนะ”
   
[ !! ]
   
มันเบิกตากว้างเหมือนเพิ่งสำเหนียกได้ว่าดาบของมันอาจจะทำให้ผมตายได้ก็กระวนกระวายรีบเก็บคืน
   
ผมเหลือบมองดิออนนิดหน่อยเพราะรู้ว่ามันน่าจะเป็นห่วงผมและรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องผมได้ ซึ่งพอผมสบตามันก็เป็นไปอย่างที่ผมคิดจริงๆ
   
โอ๊ย ผัวผมซึมมาก ช่วยด้วย
   
แต่ก็ดีหน่อยที่มันไว้ใจผม ปล่อยให้ผมเป็นกอบกู้สถานการณ์อันเลวร้ายนี้
   
เอาจริงคำว่าคอขาดบาดตายคือไม่เกินจริงเลยสำหรับเมื่อกี้ คือแบบคอผมเกือบขาดละ แต่ไม่ขาดหรอกเพราะผมไม่ปล่อยให้มันฆ่าผมได้หรอกนะ
   
ก็แบบว่าลูกสามผัวหนึ่งอ่ะ ใครจะไปยอมตายง่ายๆ กันล่ะ
   
ผมยกมือขึ้นกุมคอตัวเองพยายามห้ามเลือดแต่ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ เพราะมือผมก็ยังเลือดทะลักอยู่ไปกุมคออีกก็คือชุ่มไปทั้งมือซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักนิดนอกจากความอุ่นใจที่ว่าได้พยายามทำอะไรสักอย่างแล้ว
   
ผมขมวดคิ้วเพราะถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ ผมเป็นลมหรือต้องเป็นอะไรสักอย่างแน่ เพราะร่างกายผมช่วงท้องคือย้วยเกินทน ใครจะไปรู้ว่าอีกห้านาทีผมอาจจะเป็นลมก็ได้
   
“พอได้แล้ว ดเวน อย่างน้อยๆ ถ้านายหยุดตอนนี้ผมจะยังยอมเป็นเพื่อนนายนะ”
   
คือตุบตับกันขนาดนี้ผมอยากจะไล่มันไกลๆ จากชีวิตแหละ แต่พอเห็นสีหน้าเหมือนโลกถล่มของมันก็ใจร้ายไม่ลง ไม่รู้ว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมาของมันเป็นยังไง วัยเด็กของมันอาจจะเลวร้ายจนมีแค่ผมที่เคยดีกับมัน มันเลยฝังใจกับผมขนาดนี้อ่ะ
   
[ … ]
   
“นายอยากโดนผมเกลียดเหรอ”
   
คนที่โดนแวมไพร์ที่รักสันติที่สุดอย่างผมเกลียดนี่ควรพิจารณาตัวเองนะเอาจริง
   
“ผมมีคนรักแล้ว ดเวน”
   
ผมขยับเข้าไปให้หามันแล้วใช้มืออีกข้างที่ไม่เลอะเลือดลูบหัวมัน เพราะแววตาสั่นระริกของมันทำให้ผมแอบนึกถึงตัวเองตอนที่ยังไม่มีใครยอมรับพลัง
   
“นายไปชอบคนอื่นเถอะนะ”
   
ผมไม่รู้ว่ามันไปเข้าร่วมกับพวกโกสต์ได้ไง แต่มันก็คงมีเหตุผลของมันแหละ
   
[ …เป็นข้าไม่ได้จริงๆ เหรอ ]
   
“ถ้าได้ก็ได้ไปตั้งนานแล้วไหม ผมเจอนายก่อนดิออนอีก”
   
ผมพูดติดตลกเพราะถ้าตรงสเป็คเดี๋ยวผมก็ชอบเองแหละ แต่จะพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ระยะยาวไหม ผมก็ไม่รู้ ถ้าตอนนั้นดิออนไม่รอผมแล้วตัดสินใจลืมไปผมจริงๆ ผมกับมันก็คงไม่ได้กลายเป็นแฟนกันอ่ะ
   
แบบผมก็ไม่เข้าใจรสนิยมตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกวาติกันมากกว่าแวมไพร์ด้วยกันเอง แต่เหตุผลใหญ่ๆ ก็คงเป็นเพราะดิออนหล่อแหละ ตอนนี้ก็ยังหล่ออยู่ ชอบมาก
   
“หรือจะเป็นน้องก็ได้นะ นายอายุพอๆ กับน้องผมเลย”
   
จะเป็นอะไรก็เป็นเถอะ อย่างเดียวที่ห้ามเป็นคือผัว
   
[ ... ]
   
ดเวนมันคอตกลงนิดหน่อยแต่ก็ยอมลงให้ผม มันสลายดาบของมันแต่โดยดีไปพร้อมๆ กับพลังมหาศาลของมันในห้องจนผมสามารถกลับมาหายใจหายคอได้เต็มปอดอีกครั้ง
   
“...เจ็บไหม”
   
ดเวนที่คืนเป็นร่างมนุษย์ปกติจ้องแผลของผมแล้วถามผมเสียงเบา
   
“นิดหน่อย”
   
แน่นอนว่าผมโกหก เลือดทะลักขนาดนี้ไม่เจ็บก็แย่ละ
   
ผมยิ้มแห้งๆ แล้วปล่อยให้ดิออนช่วยประคองผม คือสภาพมันยับพอกันแหละ แต่ผมเป็นยับแบบที่ว่าอาจจะเป็นลมตอนไหนก็ได้ไง
   
“ขอโทษ”
   
“...อื้อ”
   
ผมพยักหน้าเบาๆ ไม่ชินเท่าไหร่กับท่าทางรู้สึกผิดของมัน แบบปกติผมจะเจอดเวนแบบที่มันมั่นใจในตัวเองแล้วก็ทิฐิสูงเสียดฟ้าตลอดไง เอาจริง ผมก็แอบเผื่อใจแล้วด้วยซ้ำว่ามันอาจจะเผลอพลั้งมือฆ่าผมจริงๆ
   
“..ขอโทษสำหรับทุกเรื่องเลย”
   
ดเวนมองผมนิ่ง
   
“หลังจากนี้ฉันจะไม่ยุ่งกับนายแล้ว สบายใจได้”
   
“...”
   
เกินคาดแต่ก็ดีมาก ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากสร้างศัตรูเก่งๆ อย่างดเวนไว้หรอกนะ
   
“ส่วนแก”
   
ดเวนหันไปมองดิออนตาขวาง
   
“ถ้ายังไม่อยากตายก็อย่าทำให้ครูซร้องไห้อีก แล้วก็อย่าปล่อยให้หนีออกมาเที่ยวช่วงท้องด้วย โลกข้างนอกมันไม่ได้มีแค่โกสต์ที่ต้องระวังนะ”
   
ผมยิ้มแห้งเพราะรู้สึกเหมือนด่าผมมากกว่า แต่จะให้ทำได้ไงได้อ่ะ พอผมอารมณ์แปรปรวนมากๆ ผมก็ควบคุมตัวเองไม่ได้อ่ะ ล่าสุดก็เพิ่งหนีออกจากสมาคมไปนั่งร้องไห้แถวบ้านเพราะงอนดิออนด้วยเรื่องไร้สาระ
   
แต่ให้ตายเถอะ เรื่องที่ผมงี่เง่ามันดังไปถึงข้างนอกเลยเหรอวะ แต่หูตาของพวกโกสต์ก็เยอะแหละ ไม่งั้นคงไม่อยู่มานานขนาดนี้ได้หรอก
   
“…”
   
ดิออนไม่ตอบแต่หน้าบูดกว่าเดิม สีหน้ามันเหมือนอยากจะวางมวยกับดเวนอีกรอบ จนผมต้องกอดแขนมันไว้ไม่ให้มันวู่วาม คือถ้าทุบกันจริงผัวผมแพ้แน่นอน ไม่คุ้ม
   
แค่ซึมแค่นี้ก็เกินพอแล้วไหม จะไปหาเรื่องอีกทำไมเนี่ย
   
“รักษาตัวด้วย”
   
ดเวนมองผมนิ่งๆ ก่อนที่มันจะถอยหลังและปล่อยให้ความมืดในห้องกลืนกินไป และทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความปกติอีกครั้ง ไฟตรงลานประลองที่ดับไปติดๆ ดับๆ กลับมาสว่างเหมือนเดิม
   
“..รอดแล้ว”
   
น้ำตาผมจะไหล สมาคมไม่ถล่มแล้วยังเคลียร์จบอีก อย่างน้อยไอ้งานกระชับมิตรของสมาคมก็ไม่ล่มวะ ถึงจะไม่รู้ก็เหอะว่ายังมีอารมณ์เบ่งใส่กันอีกไหม แต่เอาเหอะ แค่ผัวผมไม่โดนตี ผมก็ดีใจจะแย่ละ
   
ผมยังไม่ทันจะคุยกับดิออน อยู่ๆ ก็มีอะไรไม่รู้ไวๆ สีดำๆ บินมาแปะใส่หน้าแถมยังมีตั้งสองอันด้วย!
   
กี้ๆๆๆ
   
“...”
   
ผมแกะออกมาดูก็พบว่าเป็นค้างคาวสองตัวที่กอดกันแล้วสะอื้นไม่หยุด
   
“แผลนิดหน่อยเอง ไม่เจ็บๆ”
   
โอ๊ย ขนาดการ์วินยังร้องไห้เลย ช่วยด้วย ว่าแต่ทำไมถึงไม่ยอมคืนร่างมนุษย์กันเนี่ย
   
“พี่!!”
   
รอบนี้เป็นน้องผมที่วิ่งหน้าตื่นตามเข้ามา พอเห็นมันสภาพเลือดทะลักของผมมันก็แตกตื่นกว่าเดิม
   
“ดูลูกให้พี่หน่อย”
   
ผมยัดก้อนค้างคาวสองตัวใส่น้อง
   
“พวกโกสต์ถอนตัวไปหมดแล้วใช่ไหม”
   
“ไปสักพักแล้ว มีแต่ลานประลองที่พี่อยู่ที่ผมเข้าไปไม่ได้”

น้องผมซึมลงนิดหน่อยแล้วยื่นขวดเลือดให้ผม ซึ่งผมก็รับมาซดทันทีเพราะตาเริ่มพร่าแล้ว พอผมกินจนหมดขวดแผลของผมถึงสมานและเลือดก็หยุดไหลสักที
   
นวัตกรรมแวมไพร์นี้มันสุดยอดไปเลย
   
ผมคิดด้วยความเบิกบาน แต่ก็ยังยืนไม่ไหวอยู่ดี แบบคือข้างนอกมันเหมือนหายนะแต่ข้างในมันก็ยังไม่ได้หายขนาดนั้นอ่ะ ต้องนอนพักฟื้นเยียวยาสักพักแหละ
   
“พี่ไหวไหม”
   
ทำไมทุกคนถึงทำหน้าเหมือนผมกำลังจะตายเนี่ย
   
“กลับไปดูแลแขกเถอะๆ พี่ไม่เป็นไร”
   
ผมสะบัดมือไล่ชิ่วๆ แล้วซุกกับตัวดิออน จริงๆ ก็อยากจะปลอบลูกอีกสองสามคำแหละ แต่ไม่ไหวละ ดิออนเอาผมไปเก็บที
   
“เดี๋ยวผมดูแลเอง”
   
ผมซุกหัวกับอกดิออนตอนที่ถูกมันอุ้ม ปฏิเสธที่จะรับรู้เรื่องอะไรอีก ซึ่งมันก็รู้ใจผมรีบพาผมกลับห้องแล้วถึงค่อยเรียกหมอตามมาดูที่ห้องทั้งอาการของผมกับมัน
   
และด้วยความเป็นแวมไพร์ที่อึดกว่าแมลงสาบ (แต่สามารถแห้งตายเพราะแดด) ทำให้ผลออกมาคือไม่เป็นอะไรมากเท่าไหร่ แค่ต้องซดเลือดสูตรเข้มข้นไปอีกสามสี่วันเพื่อกระตุ้นการสมานแผลของร่างกาย ส่วนผมก็ต้องกินยาบำรุงไปอีกหลายอาทิตย์เพราะเสียเลือดมากแถมร่างกายก็อ่อนแอด้วย
   
“ซวยชะมัดเลยเนอะ”
   
ผมบ่นงึมงำตอนที่หมอออกไปแล้วเหลือแค่ผมกับดิออนสองคน ซึ่งตอนนี้มันก็พาผมมาอาบน้ำแล้วสระผมให้ผมอยู่
   
“อืม”
   
ดิออนตอบเรียบๆ แล้วดึงแก้มผม
   
“ลูกสามคนแล้ว ยังจะหาคนมาแย่งได้อีกนะ”
   
ผมหัวเราะคิกคัก
   
“ก็ผมน่ารักอ่ะ ช่วยไม่ได้”
   
“...”
   
ดิออนหัวเราะในลำคอแล้วดึงมือผมไปจูบแล้วงับเบาๆ เหมือนมันเขี้ยว จริงๆ ผมว่ามันน่าจะอยากจับผมฟัดเลยแหละ แน่นอนว่าถ้ามันฟัดผม รอบนี้ผมได้ตายจริงแน่ แล้วมันก็อาจจะตายตามผมด้วยเพราะโดนพ่อผมทุบ
   
“ทำไมตอนนั้นนายถึงรอผมอ่ะ”
   
ผมถามมันด้วยความสงสัย แบบตอนนั้นมันยังเป็นมนุษย์อยู่ เวลาเป็นสิบปี นานขนาดนั้นเป็นผมคงรอไม่ไหวอ่ะ
   
“ก็อยากรอ”
   
“ตั้งหลายปีเลยนะ ถ้าเกิดผมไม่กลับมาล่ะ”
   
ผมดึงมือมันมางับบ้าง น่าเสียดายนิดหน่อยที่พอเป็นแวมไพร์แล้วมือมันก็ไม่อุ่นแล้ว แต่มือคู่นี้ก็ช่วยเช็ดน้ำตาผมมาตั้งหลายร้อยปีแหละนะ
   
“ก็รอไปเรื่อยๆ จนตายมั้ง”
   
ดิออนใช้มืออีกข้างลูบหัวผมเบาๆ (ที่ตอนนี้ฟองฟอดมาก)
   
“เพราะมีแค่นายเท่านั้นที่จะเอาฉันออกจากตรงนั้นได้”
   
“...”
   
โหย ฟังแล้วสงสารผัวเลยอ่ะ แต่ก็จริงของมัน ถ้าไม่ใช่ผม ใครจะเอามันออกจากตำแหน่งหัวหน้าตระกูลวาติกันได้อ่ะ ต่อให้มันไม่อยากเป็นแต่มันก็คงไม่มีทางหนีหูตาของพวกวาติกันพ้น แล้วอีกอย่างนะ แวมไพร์ที่เป็นมิตรกับทุกอย่างบนโลกใบนี้อย่างผมก็ไม่ได้หาได้ง่ายๆ ด้วย
   
“ดีแล้วที่นายยอมหนีตามผม”
   
ผมหัวเราะคิกคัก รู้สึกชอบประโยคนี้เป็นพิเศษ มันต้องขนาดไหนอ่ะถึงหนีตามกันได้ มันรู้จักผมไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ แต่ใจง่ายหนีตามผมแล้วอ่ะ
   
“ฉันก็คิดว่าตัดเองตัดสินใจไม่ผิดเหมือนกัน”
   
มันยิ้มแล้วทำท่าจะก้มลงมาจูบผมแต่ผมเอามือยันหน้ามันไว้เลย
   
“อาบน้ำเสร็จก่อนค่อยจูบ”
   
ไม่ใช่อะไร ฟองเข้าตาผมแล้ว แสบมาก
   
“...หึ”
มันหลุดหัวเราะออกมาแล้วส่ายหน้าเบาๆ เหมือนจนใจ
   
“ห้ามขำ”
   
ผมบ่นอุบงอนๆ แต่ก็ไม่ได้งอนอะไรมากมาย ปล่อยให้มันอาบน้ำผมต่อและเตรียมหลับคาอ่าง จริงๆ ก็อยากจูบมันแหละ แต่เลือดทะลักไปเยอะขนาดนั้นก็ปล่อยให้ผมพักเถอะ แค่ผมไม่เป็นลมจนถึงตอนนี้ก็ได้ดีแค่ไหนแล้ว
   
เฮ้อ
   
เกิดเป็นน้องครูซนี้มันลำบากจริงๆ เลย แต่ผัวดีขนาดนี้ก็ถือว่าคุ้มแหละนะ
   
----

สวัสดีปีใหม่นะคะ  :mc4: ช้าไปเก้าวัน 55555555

@yumyai_fishery  เม้นตอนกำลังจะอัพพอดีเลยค่ะ 55555

ปล. ตอนหน้าน่าจะจบแล้วค่ะ   :sad4:

ออฟไลน์ yumyai_fishery

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 30 9/1/21 p.10
«ตอบ #273 เมื่อ09-01-2021 21:10:13 »

แล้วก็กลับมาอ่านตอน 3 ทุ่มค่ะ...รักที่สุดเลย สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ :L1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 30 9/1/21 p.10
«ตอบ #274 เมื่อ09-01-2021 23:39:41 »

สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่า  :mc4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 30 9/1/21 p.10
«ตอบ #275 เมื่อ13-01-2021 09:35:19 »

ลูกสามแล้วยังเสน่ห์แรงอยู่เลยครูซ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 31 26/1/21 p.10
«ตอบ #276 เมื่อ26-01-2021 00:51:01 »

ตอนที่ 31

   
‘ทุกความรักย่อมมีอุปสรรค’
   
ผ่านมาพันกว่าปีอยู่ๆ ผมก็นึกถึงไอ้ประโยคที่ผมสังเคราะห์ได้หลังจากอ่านนิยายประโลมโลกสมัยตอนที่ยังไม่มีลูกถึงสามคนที่ตอนนี้คนสุดท้องโตจนหนีเที่ยวแบบผมสมัยเด็กๆ ได้แล้ว
   
เฮ้อ ว่าไปเวลาก็ผ่านไปเร็วชะมัดเลย
   
ผมกางร่มนั่งคิดเรื่อยเปื่อยในสวนสาธารณะที่ตอนนี้ฝนยังตกไม่หยุดเพราะเข้าสู่ช่วงฤดูฝน แต่ข้อดีคือทำให้ในสวนสาธารณะใกล้ๆ สมาคมที่ปกติจะมีคนเดินเล่นกันพลุกพล่านตอนนี้ไม่มีคนเลยนอกจากผม
   
ผมมองแอ่งน้ำที่เม็ดฝนตกเติมน้ำไม่หยุดแล้วคิดอะไรไร้สาระต่อเพลินๆ
   
อุปสรรคของความรักของผมกับดิออนคืออะไรนะ?
   
อายุเหรอ ไม่น่าใช่ ตอนนี้ดิออนก็แก่พอๆ กับผมแหละ แต่แบบอุปสรรคจริงๆ ก็คงเป็นเรื่องที่ผมเป็นแวมไพร์ ใครจะไปคิดละว่าสักวันผมจะมีผัวเป็นวาติกันได้อ่ะ
   
วาติกันที่ชอบจับพวกค้างคาวปิ้งกินเชียวนะ!
   
ผมหัวเราะคิกคักเพราะจนถึงตอนนี้ผมก็ยังแอบเชื่ออยู่เลยอ่ะ แล้วลูกผมอีกสามคนก็เชื่อด้วยว่าเป็นเรื่องจริง งงมาก ดิออนก็บอกอยู่ว่าโดนผมหลอกๆ แต่ลูกก็เชื่อ ทั้งๆ ปกติผมเล่าอะไรก็ไม่เห็นจะเชื่อกันเลย ยกเว้นเรื่องวาติกันชอบจับแวมไพร์ไปทำค้างคาวแดดเดียวแล้วก็ปิ้ง คือเชื่อกันจริงจังมาก
   
ผมหลุดยิ้มเพราะพ่อผมก็ชอบยัดอะไรใส่หัวผมเหมือนกัน
   
‘พวกวาติกันน่ะไว้ใจไม่ได้’
   
พ่อผมบอกผมทุกวันตอนผมเด็กๆ แต่ผมก็ดื้อ ดื้อมากอยู่ดี เอาจริงถ้าผมเป็นพ่อแล้วลูกดื้อขนาดนี้ก็ปวดหัวเหมือนกันอ่ะ กากไม่พอยังชอบหนีไปหาอะไรให้มาจับตัวเองอีก
   
แต่วาติกันที่ชื่อดิออนก็หล่อมากเลยนี่นา ผมตอนนั้นใจนึงก็กลัวแต่อีกใจก็ชอบมาก นานๆ ทีจะมีคนที่ตรงสเป็คผมขนาดเข้ามาในชีวิตที่น่าเบื่อ
   
ก็แวมไพร์มันอายุยืนอ่ะ จีบวาติกันก็เป็นอะไรที่ท้าทายดีออก ถึงจะเสียวสันหลังวาบๆ ไปหน่อยก็เถอะ แต่ต่อให้ย้อนเวลาไปกี่รอบผมก็คงเลือกที่จะทำเหมือนเดิมอยู่ดี
   
ตอนนั้นผมอาจจะจะกากและอ่อนด๋อยไปบ้าง แต่ผมก็ค่อนข้างเชื่อในสัญชาตญาณตัวเอง คือมันก็ไม่มีอะไรรับประกันได้หรอกว่าผมจะไม่ถูกดิออนจับปิ้ง แต่ผมน่ารักจะตาย มันฆ่าไม่ลงหรอก แล้วผมก็เป็นแวมไพร์ที่รักสันติที่สุดในโลกด้วย ประวัติใสสะอาด ไม่เคยฆ่าใคร มีแต่พวกวาติกันใจร้ายนั่นแหละที่อยากฆ่าผมอ่ะ
   
อีกอย่างเป็นแวมไพร์สนุกจะตาย บินก็ได้ อายุก็ยืน ติดอยู่อย่างเดียวคือโดนพวกวาติกันเกลียดเข้าไส้เนี่ยแหละ ไม่รู้จะเกลียดอะไรนักหนา ขนาดโดนผมจับทำผัวแล้วคนนึงก็ยังไม่ชอบผมอีก งงมาก ปกติเวลาคู่อริแต่งงานกันมันต้องเป็นแต่งเชื่อมสัมพันธไมตรีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้เกลียดผมกันกว่าเดิมอีกล่ะ
   
ผมน่ะถึงจะโดนพวกวาติกันทุบบ่อยแต่ก็ไม่เคยโกรธจริงจัง มันก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้อ่ะ ตื่นมาสวดภาวนาทุกวัน อ้อนวอนกับพระเจ้าทุกวัน จะไม่เกลียดพวกตัวร้ายในศาสนาอย่างผมก็ยังไงอยู่
   
แต่ต่อให้โดนเกลียดให้ตายยังไงผมก็ไม่มีวันเลิกยอมเป็นแวมไพร์หรอกนะ อยู่ขัดหูขัดตาพวกวาติกันก็สนุกดี ตอนนี้พลังผมกลับมาเสถียรแล้วก็ชอบไปแกล้งให้โกรธบ้างแก้เบื่อจากการว่างงานเกินไป
   
ก็ตอนนี้ผมเป็นผู้อาวุโสของสมาคมแล้วนี่นา รุ่นเดิมก็เสียไปหลายคนแล้ว บางคนกระดูกก็กร็อบๆ เกินไป อย่างพ่อกับแม่ผมหลังๆ ก็อยู่แต่บ้านแล้ว ถ้าไม่ใช่งานใหญ่หรืองานสำคัญก็จะไม่มาแสดงตัว
   
ทุกคนเริ่มแก่แล้ว ผมเองก็แก่แล้ว จะเล่นเป็นเด็กๆ เหมือนสมัยอายุสามร้อยก็ไม่ค่อยมีใครกล้าเล่นด้วยเท่าไหร่ เพราะสถานะผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมเคยอยู่ในร่างค้างคาวแล้วเผลอหลับนอนแปะอยู่ในครัว พอมีคนมาเจอก็กระวีกระวายไปฟ้องดิออนให้มาเก็บผมไป ทั้งๆ ที่แต่ก่อนก็จะปล่อยให้ผมตรงนั้นแหละ ผมตื่นตอนไหนก็ตอนนั้นแถมบางทีก็มีคนเอาผ้าห่มมาห่มให้ผมด้วย
   
เป็นผู้ใหญ่ไม่สนุกเลยจริงๆ นั่นแหละ
   
ผมคิดหงอยๆ ที่ผมมานั่งเล่นในสวนสาธารณะตอนนี้ก็เพราะหาอะไรทำแก้เบื่อเหมือนกัน ผมมองฝนที่ยังตกไม่หยุดสักพักแล้วก็ตัดสินใจเก็บร่มแล้วก็ปล่อยให้ตัวเองเปียกฝน
   
คือถ้าเป็นเมื่อก่อนสมัยที่พวกมนุษย์ยังไม่ทันสมัยกันขนาดนี้ ผมคงไม่ลังเลที่จะคืนร่างเป็นค้างคาวแล้วเล่นน้ำฝนอ่ะ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้ก็ทำได้แค่นี้แหละนะ
   
ผมหลับตาแล้วปล่อยให้น้ำฝนพรมตัวผมซึ่งผมก็เปียกซ่กในพริบตาเพราะไอ้ที่ตกวันนี้คือมรสุมอะไรไม่รู้ ดีที่ไม่มีฟ้าผ่าด้วยไม่งั้นผมคงได้กลายเป็นค้างคาวปิ้งกันจริงๆ ก็วันนี้
   
“...”
   
ความเงียบที่เพียงเสียงฝนกับตัวผมทำให้ผมนึกถึงตัวเองตอนนั้น

ตอนที่คิดว่าไม่อยากได้รักนิรันดร์แต่ตอนนี้กลับได้รักนิรันดร์ งงมาก เอาจริงตอนนั้นผมไม่ได้คาดหวังว่าดิออนมันจะรักผมตลอดไปหรอก ผมก็แค่อยากให้มันชอบผมบ้างเท่านั้นเอง
   
หลังจากนี้ผมกับมันก็คงอยู่ด้วยกันอีกนาน นานมากๆ จนผมไม่รู้ว่ามันจะเบื่อผมไหม แต่ผมน่ะไม่คิดจะเบื่อมันหรอกนะ
   
ทั้งๆ ที่ความจำผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ผมกลับจำได้ว่าแดดวันนั้นแรงมากแต่มันก็สนุกมากเหมือนกัน ดิออนที่จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่เคยเห็นมันสนใจเล่นสนุกอะไร วันนั้นมันกลับยอมมาเต้นแมงมุมโง่ๆ กับผม
   
เฮ้อ ก็ต้องขอบคุณที่โลกใบนี้ไม่ใจร้ายกับแวมไพร์ที่รักสันติที่สุดในโลกอย่างผมล่ะนะ
   
“…ตากฝนทำไม”
   
นึกถึงผัว ผัวก็มา งงมากถ้าปีนี้ดิออนไม่ได้รางวัลผัวประเสริฐจากผม
   
“ก็อยากตากเฉยๆ ”
   
ผมยิ้มจนตาหยีให้ดิออนที่โผล่มารับผมไวมาก ทั้งๆ ที่ผมเพิ่งส่งข้อความไปได้ไม่นาน ไม่รู้มันกลัวผมหายหรืออะไร แต่อายุขนาดนี้แล้วคงจะมีคนอยากขโมยผมอยู่หรอก
   
“เดี๋ยวก็เป็นหวัดอีก”
   
มันขมวดคิ้วแล้วล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าให้ผม
   
“เดี๋ยวก็หาย”
   
ผมไถแก้มใส่มือมันอ้อนๆ อย่างน้อยๆ ก็ขอให้ผมทำตัวเป็นเด็กได้กับสักคนเถอะ
   
“ทำไมตาแดง ร้องไห้เหรอ”
   
“...”
   
ตาผมแดงเหรอเนี่ย โอ๊ย แค่คิดถึงเรื่องเก่าๆ นิดหน่อย ผมจะร้องไห้เลยเหรอ ชักจะเกินไปละ
   
“ร้องไห้ทำไม”
   
ดิออนมันขมวดคิ้วมากกว่าเดิม
   
“กลัวฉันไม่รักอีกแล้วเหรอ”
   
“ก็นิดหน่อยอ่ะ”
   
ผัวรู้ใจหรือวันๆ ผมร้องไห้อยู่เรื่องเดียวก็ไม่รู้ แต่ให้ตายเถอะ ผมไม่ได้อยากร้องซะหน่อย ผมก็แค่ซาบซึ้งเท่านั้นแหละที่ได้ดิออนเป็นแฟนอ่ะ
   
“...”
   
ดิออนถอนหายใจแล้วมันก็ทิ้งร่มยอมเปียกกับผม
   
“เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
   
ผมพูดบ้างแล้วช่วยเกลี่ยผมปิดตามันออกให้ ดีหน่อยที่เดี๋ยวนี้ผมสูงขึ้นจากเดิม ไม่รู้ว่าเพิ่งโตหรือยังไงแต่ผมก็ยังเตี้ยกว่าดิออนอยู่ดี
   
“นายนั่นแหละที่ต้องระวัง”
   
ดิออนขมวดคิ้วแล้วดึงมือผมไปจูบ
   
“เลิกร้องไห้เรื่องนี้สักที ไม่รักนายแล้วฉันจะไปรักใครอีก”
   
“ก็กลัวนายเบื่ออ่ะ”
   
“ก็เคยบอกแล้วไงว่าไม่เบื่อ”
   
“...ก็กลัวเฉยๆ อ่ะ ไม่ได้เหรอ”
   
ทำใจผมว่างเกินไป ไม่มีอะไรทำก็เรียกร้องความสนใจจากดิออนอ่ะ ตอนนี้ลูกก็โตหมดแล้ว ผมก็เข้าใจความอยากสำรวจโลกของลูกก็เลยไม่ค่อยตามไปดูเท่าไหร่เพราะผมตอนอายุเท่าลูกคือไปทั่วกว่านี้มาก
   
“ก็แค่ไม่อยากให้ร้องไห้เฉยๆ ”
   
ดิออนยิ้มแล้วดึงผมไปฟัดจนผมหลุดหัวเราะด้วยความจั๊กจี้
   
ให้ตายเหอะ มันก็ทำตัวไม่ยอมโตเหมือนกับผมนั่นแหละ
   
เล่นกันอยู่สักพักอยู่ๆ ผมก็นึกสนุกขึ้นมา ผมดันมันออกจนมันทำหน้างงใส่
   
“พี่เขาให้เต้นแมงมุม”
   
ผมยิ้มโง่ๆ ให้มัน
   
“ผมเลยชวนพี่มาเต้นกับผม”
   
“...”
   
ดิออนเลิกคิ้วแล้วหัวเราะออกมา แววตาของมันดูสนุกขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเพราะมันก็น่าจะจำได้เหมือนกันว่าประโยคที่ผมพูดคือประโยคแรกที่ผมกับมันได้คุยกัน
   
“ได้”
   
มันตอบผมแล้วแกล้งถอดแว่นที่ไม่มีอยู่จริงเสียบใส่กระเป๋าเสื้อของมัน ซึ่งผมก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่หลุดขำออกมา เพราะดิออนจริงจังมากแถมตอนนี้มันก็ทำหน้านิ่งไร้อารมณ์เหมือนตอนนั้นด้วย
   
แอบเสียดายเลยอ่ะที่มันไม่พกแว่นมาด้วย ไม่งั้นคงจะเล่นกันสนุกกว่านี้
   
“ชื่ออะไร”
   
“ครูซ”
   
ผมยิ้มจนตาหยีให้มันก่อนที่จะถูกมันรวบไปกอด
   
“ดิออน”
   
มันกระซิบชื่อมันข้างหูผม
   
“เล่นอย่างอื่นไหม”
   
“แล้วจะเล่นไรอ่ะ”
   
แน่นอนว่าผมไม่ปฏิเสธเพราะถ้าจะเต้นแมงมุมกันด้วยอายุเท่านี้ก็เกรงกว่าจะเป็นการทรมานสังขารกันเกินไป ทุกวันนี้แค่ผมไม่เดินแล้วกร็อบๆ หรือปวดหลังก็ดีแค่ไหนแล้ว
   
“เล่นกลับบ้าน”
   
“ผมไม่เป็นหวัดง่ายขนาดนั้นหรอกน่า”
   
ผมบ่นอุบเพราะนี่จะชวนผมกลับบ้านอย่างเดียวเลย คือผมก็ให้มันมารับผมกลับบ้านแหละ แต่แบบก็อยากไร้สาระข้างนอกนานกว่านี้หน่อยอ่ะ
   
กลับสมาคมแล้วมันต้องเก๊กอ่ะ มันเมื่อยหน้าอ่ะ แงงงงงงงง
   
แล้วยิ่งเดี๋ยวนี้ผมเป็นผู้อาวุโสแล้วไง น้องผมก็บังคับให้ผมรักษาภาพลักษณ์น่าเกรงขามเอาไว้ ทั้งๆ ที่คนก็รู้กันทั้งสมาคมอ่ะว่าผมเป็นยังไง
   
ทำไมผมต้องเป็นครูซ บราวน์ สุดเท่และเก่งกาจด้วย ผมน่ะอยากเป็นน้องครูซที่กากไปวันๆ มากกว่า แงงงง โตแล้วไม่สนุกเลย ข้อจำกัดเยอะแยะไปหมด อยากทำอะไรก็โดนห้าม ดีนะที่ตอนผมเด็กๆ ผมทำไปหมดแล้วอ่ะ ไม่งั้นผมคงจะงอแงกว่านี้แน่
   
ฮัดชิ้ว!
   
ผมงอแงกับตัวเองได้ไม่นานก็หลุดจามออกมางงๆ
   
“...”
   
ผมยิ้มแห้งให้ดิออนที่ทำหน้าดุใส่ผมอีกแล้ว
   
“กลับบ้าน”
   
“ไม่เอา”
   
จามรอบเดียวผมไม่ตายหรอก
   
“แล้วจะทำอะไร”
   
“ไม่รู้แต่ไม่อยากกลับบ้านอ่ะ”
   
ให้ตายเหอะ ผมมานั่งเล่นตรงนี้ก็เพราะหนีออกจากสมาคมนะ ที่เรียกดิออนมาก็ให้มาเล่นกับผมเฉยๆ นั่งคนเดียวมันไม่สนุก อย่างน้อยๆ นั่งคุยเรื่อยเปื่อยกับมันตรงนี้ก็คงจะน่าเบื่อน้อยกว่าอยู่สมาคมอ่ะ
   
ดิออนถอนหายใจแล้วก้มลงไปหยิบร่มมากางให้ผมอีกรอบ
   
“เปียกหมดแล้ว”
   
มันเกลี่ยผมที่ปรกตาของผมออกเบาๆ
   
“รอฝนหยุดตกแล้วค่อยออกมาอีกรอบไหมครับ”
   
ร้าย ร้ายมาก มันเล่นบทสุภาพใส่ผม หยุดเดี๋ยวนี้เลยไม่งั้นผมใจอ่อนแน่
   
ผมหน้ามุ่ยเพราะดิออนมันรู้ว่าผมแพ้มากเวลามันพูดแบบนี้ใส่ผม
   
“ไม่เอา ถึงตอนนั้นนายก็ไม่ให้ผมออกมาแล้ว”
   
คือมันหลอกผมกลับบ้านได้ มันก็หลอกผมให้ไม่ออกมาได้อ่ะ เอาจริงๆ คนที่สามารถคุมผมได้นอกจากพ่อก็ดิออนอ่ะ มันรู้ว่าต้องทำยังไงถึงคุมผมได้
   
“ถ้ายอมกลับจะน่ารักกว่าเดิมนะ”
   
“...”
   
ผมอยากจะเถียงกลับว่าปกติผมไม่น่ารักเหรอ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมพอสบตากับมันก็พูดอะไรไม่ออกเลย
   
หล่ออ่ะ ;w;
   
ให้ตายเหอะแล้ววันนี้มันใส่เครื่องแบบใหม่ของแวมไพร์ด้วย เท่สุดๆ ไปเลย แบบชุดนี้น้องผมก็เพิ่งออกแบบเสร็จได้เดือนก่อนเอง (เดี๋ยวนี้น้องผมหันมาขายเสื้อผ้าให้พวกมนุษย์ด้วย งงมาก)
   
“จะรอดูรุ้งกินน้ำ”
   
แน่นอนว่าผมหาข้ออ้างไปงั้นๆ แหละ
   
“ไม่ดื้อนะครับ”
   
“...”
   
เครียด มันทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว หน้าเหมือนเสียใจมากที่ผมไม่น่ารักกับมัน เป็นอีกมิตินึงของหน้าเหนื่อยใจแต่เป็นสีหน้าเหนื่อยใจที่ทำให้ผมรู้สึกผิด
   
ไม่ยุติธรรม! ไม่ยุติธรรมเลยอ่ะ ทำไมต้องทำหน้าแบบนี้ด้วย
   
“ขี้โกง”
   
ผมหน้าบูดกว่าเดิม
   
“กลับก็ได้ เลิกทำหน้าเบื่อเมียได้แล้ว”
   
“รักเมียต่างหาก”
   
ผมหน้าแดงเพราะมันไม่พูดเปล่า มันยังก้มลงหอมแก้มผมด้วย ไม่รู้ว่ามันเขี้ยวอะไรผมนัก หรือว่ามันชอบเวลาที่ผมทำหน้าไม่ได้ดั่งใจแบบนี้ก็ไม่รู้
   
ชอบขัดใจกันจริงๆ เลย

>:-(
   
ฮัดชิ้ว!
   
พอผมดันหน้ามันออกผมก็จามอีก โอ๊ย นี่ผมจะเป็นหวัดจริงเหรอ โดนแดดไม่ตาย โดดวาติกันตีไม่ตาย แต่จะมาตายเพราะฝนตกใส่ไม่ถึงชั่วโมงเนี่ยนะ
   
“เป็นหวัดง่ายแล้วยังจะดื้ออีก”
   
มันบ่นแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าอีกผืนมาเช็ดหน้าให้ผมจนผมสงสัยว่ามันมีกี่ผืนกันแน่
   
“ก็อยู่ที่สมาคมมันน่าเบื่อนี่นา”
   
“ถ้าเบื่อก็ไปช่วยสอนสิ น้องนายก็หาคนไปสอนอยู่”
   
“ไม่เอา”
   
ถึงผมจะเบื่อแต่ก็ใช่ว่าผมจะอยากทำงานนี่นา แล้วเป็นครูนี่ผมคงต้องเก๊กระดับร้อย แค่ต้องทำตัวนิ่งๆ ในงานสำคัญผมก็เบื่อจะแย่ละ แต่แบบพอว่างเกินไปผมก็ชอบฟุ้งซ่านผัวไม่รักตลอดเลย งง
   
“ไม่เอาก็อย่าดื้อ”
   
“ก็มันเบื่ออ่ะ อื้อ!”
   
ดิออนมันฟัดผมอีกแล้ว ช่วยด้วย นี่ผัวหรือหมาเนี่ยขยันฟัดเหลือเกิน ผมพยายามดันหน้ามันออกก่อนที่แก้มผมจะช้ำ
   
ฮัดชิ่ว!
   
“...”
   
ผมมองดิออนนิ่งแล้วหลุดหัวเราะออกมาเพราะคนที่จามรอบนี้ไม่ใช่ผมแต่เป็นมัน
   
“แหยะ”
   
“แหยะอะไร นายจามตั้งสองรอบ ฉันยังไม่ว่าอะไรเลย”
   
แล้วไม่รู้ว่าผมกวนมันมากไปหรืออะไร มันฟัดผมจนหัวผมเลยยุ่งอ่ะ ให้ตายเหอะ
   
“กลับบ้านก็ได้ๆๆ  พอแล้ว”
   
ผมดันหน้ามันบอกยอมแพ้แต่โดยดี ถ้าไม่ติดว่าโดนมันกอดอยู่ผมคงวิ่งหนีแล้ว 
   
“น่ารักจังวะ”
   
“รู้”
   
ผมหัวเราะคิกคักไม่คิดจะปฏิเสธ คือที่มันชอบผมก็เพราะผมน่ารักก็ส่วนนึงไง ผมโตขนาดนี้แล้วมันยังมองผมน่ารักอยู่ผมก็พอใจละ
   
ผมเงยหน้ามองมัน อดีตหัวหน้าตระกูลวาติกันที่ตัวร้ายที่เคยจะจับผมไปเป็นสัตว์เลี้ยงแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าต้องมาเป็นผัวผมแทน
   
น่าสงสารจังเลยน้า
   
“รักผมไหม”
   
ผมสบตากับนัยน์ตาสีเทาเข้มที่เมื่อก่อนเป็นสีเทาอ่อน แต่เพราะผมมันถึงยอมละทิ้งความเป็นมนุษย์แล้วเข้าร่วมกับชีวิตอันเป็นนิรันดร์กับชาวแวมไพร์
   
แน่นอนว่ามันก็เป็นชีวิตที่ยาวนานและน่าเบื่อ ไม่ใช่วาติกันทุกคนหรอกที่จะสามารถละทิ้งพระเจ้าเพื่อปีศาจได้
   
“รักครับ”
   
“ลองตอบไม่รักสิ ผมจะร้องไห้ให้ดู”
   
ผมหัวเราะแล้วเขย่งขึ้นจูบมัน
   
คนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับผม คนที่คอยแก้ปัญหาให้กับแวมไพร์ไร้สาระทั้งเรื่องงี่เง่าและเรื่องจริงจัง ถ้าไม่ได้มันผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าตัวเองจะใช้ชีวิตมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไง
   
สำหรับผมดิออนสำคัญมากจริงๆ
   
“ผมก็รักนายเหมือนกัน”
   
ผมผละออกมาแล้วยิ้มกว้าง รู้สึกมีความสุขที่สุดในโลกเลยที่ผมได้เจอมัน ก็ต้องขอบคุณสเปคที่เลิศล้ำของผมแหละนะที่ทำให้ผมได้ผู้ชายที่หล่อและตรงใจผมขนาดนี้
   
“…”
   
ดิออนก้มมองผมแล้วเลียฝีปากเหมือนอยากจูบอีก ผมก็เลยจะจูบดิออนอีกรอบแต่ก็มีอะไรไม่รู้เกิดขึ้นอีกแล้ว
   
เปรี้ยง!
   
ผมสะดุ้งสุดตัวเพราะอยู่ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมาแรงมาก
   
“กลับบ้านๆๆ อยากจูบก็ไปจูบที่บ้าน”
   
ไม่รู้ว่าพระเจ้าของพวกวาติกันโกรธหรือความบังเอิญอะไรที่บันดาลฟ้าผ่าให้มันมาผ่าใกล้ผมขนาดนี้ แต่ให้ตายเหอะ ถ้าจะปิ้งผมก็ควรจะปิ้งผมตั้งแต่วันที่จีบดิออนแล้วไหมเล่า
   
จากที่ดิออนพยายามจะพาผมกลับบ้าน ตอนนี้กลับกลายเป็นผมที่ลากดิออนกลับบ้านแทน
   
“ยังไงผมก็ไม่ยอมคืนดิออนให้หรอกนะ”
   
ผมบ่นงึมงำแล้วกอดแขนดิออนแน่น
   
มันเป็นของผมแล้ว
   
ต่อให้จับผมทำค้างคาวปิ้ง ผมก็ไม่คืนหรอกนะ!
   
XP
   
   
END

-------------

เป็นเรื่องที่เขียนมานานมากกกกก นับๆ ดูก็สามปีเลยค่ะ  ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ  :sad4:

ส่วนตอนพิเศษมีให้อ่านแน่นอนค่ะ ยังอยากเขียนน้องอยู่ค่ะ 5555

สุดท้ายนี้ก็แกล้งๆ ไปเล่นแท็ก #ห้ามปิ้งค้างคาว ในทวิตเตอร์ทิ้งท้ายกันได้นะคะ กี้!

:: TALK  :::

@ ืniyataan   ขอบคุณที่ติดตามนะคะ (แอบตกใจมากที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่ตอนแรกเลย ตอนนี้ก็เกือบสามปีแล้ว  :o8:) ดีใจที่ชอบน้องครูซนะคะ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีเช่นกันค่ะ  :กอด1:

@yumyai_fishery   รักเหมือนกันนะคะ  :o8:   :L2:

@mystery Y     ขอบคุณที่ติดตามนะคะ  :hao5:


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 31 26/1/21 p.10
«ตอบ #277 เมื่อ26-01-2021 20:55:00 »

จบซะแน้ว..ววววว รออ่านตอนพิเศษฮัฟ  :pig4:

ออฟไลน์ yumyai_fishery

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 31 26/1/21 p.10
«ตอบ #278 เมื่อ27-01-2021 23:12:58 »

อจะรอคอยตอนพิเศษนะคะ เป็นกำลังใจค่ะ...ขอตอนของบรรดาลูกๆ ด้วยนะคะ  :impress2:
ขอบคุณที่รักกัน  :mew1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 31 26/1/21 p.10
«ตอบ #279 เมื่อ28-01-2021 00:59:01 »

จบแล้ว ต้องคิดถึงน้องครูซแน่ๆเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 31 26/1/21 p.10
« ตอบ #279 เมื่อ: 28-01-2021 00:59:01 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนพิเศษ : บุกรังวาติกัน กี้! (1)

   
และแล้ววันนี้ก็มาถึง

วันที่ครูซ บราวน์หรือผู้อาวุโสของสมาคมแวมไพร์อย่างผมต้องรับภารกิจที่ยากและโหดที่สุดของสมาคม ถ้าจับวัดระดับก็คงเป็นระดับ SSS ที่มีแค่ระดับผู้อาวุโสของสมาคม (ที่ยังไม่กร็อบๆ ) เท่านั้นที่สามารถรับภารกิจได้
ผมอ้าปากค้างตอนนั่งกินปังเย็นดูซี่รีย์ตอนที่กำลังจะเฉลยความจริงว่าใครเป็นฆาตกรแล้วเปลี่ยนเป็นภาพหน้าน้องผมที่ทำหน้าเคร่งเครียด

“ผมหารังพวกมันเจอแล้ว พี่ไปดูหน่อยว่าพวกมันทำอะไรกัน”

หัวหน้าสมาคมหน้าบูดบึ้งเพราะช่วงนี้พวกวาติกันเก่งขึ้นมากจนต้องให้พวกแวมไพร์ระวังตัวกันมากขึ้น สองสามเดือนมานี้มีสมาชิกในสมาคมแวมไพร์ก็โดนพวกวาติกันทำร้ายแทบปางตายไปหลายคนจนน้องผมเลือดขึ้นหน้า เกือบจะประกาศศึกกับพวกวาติกันอีกรอบ

แน่นอนว่าก็ได้แค่คิดเพราะยุคสมัยนี้แล้ว สงครามระหว่างเผ่าพันธ์แวมไพร์กับวาติกันมีแต่จะเป็นสิ่งที่ขวางหูขวางตาของรัฐบาลโลก เกิดพวกเราตีกันรุนแรงขึ้นมาคงไม่วายถูกจับได้ว่ามีอยู่จริงแล้วก็จับเอาไปเข้าพิพิธภัณฑ์ไม่ก็ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปเลย
ทำไงได้ล่ะ ก็มนุษย์ตอนนี้โหยหาสันติที่สุดนี่นา

“ก็ได้”

ผมเท้าคางเบื่อๆ ไม่รู้ว่าช่วงนี้ชีวิตผมสงบสุขเกินไปหรือจู๋จี๋กับดิออนมากเกินไป ทุกอย่างถึงต้องกลับมามีเรื่องให้ผมซวยอีกแล้ว ให้ตายเหอะ พอเก่งแล้วก็ต้องทำหน้าที่ที่มีแต่คนเก่งทำได้อีก เฮ้อ

“รังพวกมันอยู่บนเกาะใต้ในเขตของพวกวาติกัน ฉะนั้นภารกิจรอบนี้พี่ต้องถูกจำกัดพลังไว้ชั่วคราวแล้วก็จะสามารถใช้พลังของวาติกันได้นิดหน่อย”

“ดเวนให้ของมาด้วยใช่ไหม”

ข้อมูลที่ได้มานี้ก็คงได้มาจากพวกโกสต์ เพราะพวกนั้นก็ได้รับผลกระทบจากวาติกันเหมือนกัน ช่วงนี้บ้าเลือดกันมาก ล่ากันโหดจนถึงขนาดทำให้สมาคมแวมไพร์กับโกสต์ยอมร่วมมือกันชั่วคราวเพื่อที่ไปกำจัดไอ้สิ่งที่ทำให้พวกวาติกันพวกนี้เก่งขึ้นซะ

“อืม ให้ฟรีด้วย”

“แล้วพี่ต้องไปวันไหนอ่ะ”

ผมหาวง่วงๆ เตรียมตัวจะไปนอนเอาแรง
   
“ตอนนี้เลย”
   
“…”

   

กลิ่นเค็มของทะเลเคล้ากับเสียงคลื่นดังลั่นท่ามกลางความมืดสลัวที่แทบจะมองอะไรไม่เห็น ผมขยับตัวเข้าหาดิออนแล้วแอบจับมือกันมันข้างหลังด้วยสีหน้านิ่งเฉยเช่นเดียวกับเหล่าวาติกันรุ่นเยาว์คนอื่นๆ ที่นั่งเรียงรายกันใต้ท้องเรือโดยที่ไม่มีใครเอ่ยปากพูดคุยกันเลยแม้แต่คนเดียว
   
มีเพียงเสียงพึมพำสวดมนต์ที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก เว้าวอนอ้อนวอนขอร้องต่อพระเจ้า พระองค์เจ้าโฟเทียสผู้มากไปด้วยเมตตาที่เคยสร้างโลกใบนี้ขึ้นมาและสร้างวาติกันด้วยความพิถีพิถันกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ ด้วยความรักเป็นที่สุด
   
ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าของดิออนที่ตอนนี้มันกลับไปใช้ร่างตอนที่ผมเคยเจอมันครั้งแรกแต่โครงหน้ากับรูปลักษณ์ภายนอกก็เปลี่ยนไป ผมของมันเป็นสีทองและตากลายเป็นสีฟ้าอีกทั้งยังมีผิวขาวจัดอันเป็นรูปลักษณ์ที่พวกวาติกันนอกรีตโปรดปรานเป็นที่สุดเพราะมันคล้ายคลึงกับเหล่าวาติกันรุ่นแรก
   
อย่าเพิ่งงงว่าวาติกันนอกรีตคืออะไร วาติกันนอกรีตก็เป็นพวกวาติกันที่แยกตัวออกจากวาติกันที่ดิออนเคยเป็นหัวหน้าตระกูล อีกทั้งยังเป็นกลุ่มวาติกันกลุ่มเดียวที่ปฏิเสธความมั่งคั่งทางปัญญาของมนุษย์ ไม่สนใจความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและหมกมุ่นกับประเพณีดั้งเดิมเก่าแก่ในกลุ่มของตัวเองบนเกาะใต้แห่งนั้น
   
เป็นกลุ่มวาติกันที่สมาคมแวมไพร์ไม่อยากสุงสิงที่สุดเพราะคุยไม่รู้เรื่อง ปกติถ้าไม่ได้เข้าไปในอาณาเขตของพวกวาติกันนอกรีตพวกนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ช่วงนี้พวกนี้อยู่ๆ ก็ให้ความช่วยวาติกันสาขาหลักในการปราบปีศาจ ตอนที่ผมรู้ว่าเกาะที่น้องผมพูดถึงคือเกาะเดียวของวาติกันพวกนี้ผมแทบน้ำตาแตก
   
ระดับ SSS จริง โลกไม่รักน้องครูซแล้ว ดีหน่อยที่ภารกิจรอบนี้หิ้วผัวผมมาด้วยได้ ไม่งั้นผมจะร้องไห้จนตายบนเกาะจนครบหนึ่งอาทิตย์นั่นแหละ
   
แล้วตอนนี้ผมก็ไม่เก่งแล้วด้วย กินน้ำยาอะไรไม่รู้ของพวกโกสต์ ขมมาก แถมยังโดนจับไปอาบน้ำชำระล้างกลิ่นอายปีศาจออกจากตัวจนผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้เกิดใหม่ในร่างน้องครูซที่ซวยกว่าเดิมและก็กากเหมือนเดิมด้วย โอ๊ย
   
ซึ่งร่างใหม่ของผมตอนนี้ก็ดันเป็นร่างที่ผมโคตรจะไม่ชินเลย
   
;w;
   
ตอนนี้ผมสูงกว่าดิออนอีก แถมยังมีรูปลักษณ์เป็นวาติกันฝั่งเอเชียธรรมดาทั่วไปผมสีดำตาสีดำ ใช้พลังวาติกันได้เล็กๆ น้อยๆ และที่แย่ที่สุดของภารกิจนี้คือผมกับดิออนห้ามทำตัวสนิทกันเกินไปอ่ะ เพราะทั้งผมทั้งมันต้องคีพลุคแบบที่วาติกันนอกรีตพวกนี้ชอบคือพูดน้อย เก็บตัว ดูสง่างาม ให้ตายเหอะ นี่ผมแข่งประกวดวาติกันเหรอ
   
ผมน่ะ อยากจะคืนร่างเดิมแล้วไปร้องกี้ๆ ใส่ดิออนจะตายอยู่แล้ว บรรยากาศอะไรกันเนี่ย น่ากลัวชะมัดเลย นั่งกันเต็มใต้ท้องเรือไม้แบบโบราณที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ใช่เรือสมัยใหม่ที่เสียเวลาน้อยกว่าในการขนย้ายคนเข้าเกาะแถมยังปลอดภัยกว่าด้วย
   
แต่ก็นะ เข้าถ้ำเสือผมก็ต้องปลอมตัวเป็นเสือเพื่อเข้าอ่ะ แงงงงง
   
“เจ้ามาจากตระกูลไหน”
   
แล้วคืออะไร มีคนนั่งกันเป็นร้อย ทำไมถึงมาถามผมเนี่ย
   
ดวงน้องครูซนี่มันจริงๆ เลย ให้ตายเหอะ
   
“เบเกอร์ครับ”
   
ผมตอบนิ่งๆ ทำหน้านิ่ง ทั้งๆ ที่ในใจอยากร้องไห้ให้เรือแตกไปเลย ทำไมรุ่นก่อนๆ แค่ไปแฝงตัวสนุกๆ เองอ่ะ ทำไมมาตอนผม ผมต้องมาแฝงตัวกับพวกวาติกันนอกรีตน่ากลัวพวกนี้ด้วยอ่ะ
   
ไม่ยุติธรรมเลยอ่ะ แงงงงงง
   
แล้วคนที่ถามผมอ่ะ สวมชุดเครื่องแบบวาติกันโบราณแบบเดียวกับที่ผมเคยเห็นในหนังสือเลยอ่ะ ชุดสีดำขลับขลิบด้วยสีทอง ตามเนื้อตัวประดับด้วยโซ่เงินที่พร้อมจะใช้รัดคอแวมไพร์ ไหนจะมีดสองเล่มที่ห้อยไว้ตรงเอวอีก อะไรกันเนี่ย น่ากลัวที่สุด
   
ถ้ารู้ว่าผมเป็นแวมไพร์คงเอามีดพวกนี้จิ้มผมแน่เลยอ่ะ
   
“เด็กกำพร้าสินะ”
   
“ครับ”
   
ผมตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า สุขุมเหมือนเดิมเพราะรู้ว่าวาติกันนอกรีตพวกนี้ชอบบุคลิกแบบนี้ ฉะนั้นผมต้องแฝงตัวให้เนียนที่สุด
   
“ขอพระเจ้าจงอวยพร”
   
สิ่งที่ผิดคาดคืออยู่ๆ เจ้าวาติกันที่ดูน่ากลัวและโหดมากก็เอื้อมมือมาแตะหน้าผากผมแล้วอวยพรด้วยสีหน้าที่ดูใจดีขึ้น

ผมชักจะสงสัยจริงๆ แล้วว่าหน้าผมมันเป็นแบบที่พวกวาติกันมันถูกโฉลกเหรอ ตั้งแต่ตอนผมเด็กๆ ละ ตอนนั้นไปทัศนคติศึกษากันเป็นกลุ่ม วาติกันมันก็เลือกผมที่จะลักพาตัวผมไปคนเดียว ไหนจะดิออนอีกเห็นหน้าผมที่เดียวลืมไม่ลงแล้วก็ยอมเป็นผัวผมอีก
   
“อายุเท่าไหร่แล้ว”
   
“สิบแปดครับ”
   
ผมตอบกลับอย่างคล่องแคล่ว ทั้งๆ ที่จริงๆ ผมอยากตอบสิบแปดคูณสิบแปดแล้วก็บวกอีกเยอะๆ เพราะตอนนี้ผมพันกว่าแล้ว เป็นผู้อาวุโสที่เริ่มกร็อบๆ แต่พอได้กินนมแคลเซียมเสริมกระดูก (แน่นอนว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่น้องผมทำขาย) ตอนนี้ก็เลยไม่ค่อยกร็อบแล้ว
   
“เจ้าพูดภาษากลางของเราคล่องมาก”
   
ผมยิ้มเล็กๆ รับคำชม ไม่คล่องได้ไงอ่ะ ก็มันเป็นหลักสูตรแวมไพร์อ่ะ
   
“อีกไม่นานก็จะถึงอาณาจักรของเราแล้ว ถึงตอนนั้นข้าก็อยากให้เจ้าตั้งใจเพราะข้าเห็นศรัทธาที่มากกว่าใครในตัวเจ้า”
   
อีกนิดผมเคลิ้มละ ถ้าผมไม่ใช่แวมไพร์คงถวายชีวิตให้วาติกันนอกรีตนี้ แต่เพราะผมเป็นแวมไพร์ ผมเลยอยากจะคืนร่างเป็นค้างคาวแล้วร้องกี้ๆ โวยวายใส่มาก
   
เห็นศรัทธาอะไร งง ผมก็ทำตัวปกติ นั่งเมื่อยแล้วก็แอบเล่นมือดิออนเอง ถ้าศรัทธาก็คงศรัทธาในความหล่อของดิออนที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้หล่อขนาดนี้
   
“ขอพระเจ้าจงอวยพรท่านเช่นกันครับ”
   
ผมอวยพรกลับแล้วก็ยิ้มเล็กๆ อีกครั้งเพื่อกลบเกลื่อนว่าผมคิดเรื่องอื่นอยู่
   
ไม่ชินเลยแฮะ ปกติแวมไพร์หรือปีศาจทั่วไปก็ไม่ค่อยสนใจการมีอยู่ของพระเจ้าเท่าไหร่ แบบถ้าพระเจ้าโฟเทียสรักแต่พวกวาติกันจริงก็จะสร้างปีศาจด้วยทำไมอ่ะ แล้วทำไมถึงสามารถสร้างแวมไพร์ที่น่ารักและรักโลกแบบผมได้ด้วย
   
แต่ก็นะ ก็อาจจะคงเป็นการเล่นสนุกของพระเจ้าอีกแหละมั้งถึงได้สร้างวาติกันชั่วร้ายพวกนี้มาไล่ตามทุบเผ่าพันธุ์ผมเนี่ย หรือเพื่อควบคุมประชากรไม่ให้เยอะเกินไปก็ไม่รู้
   
“เด็กดี”
   
วาติกันคนเดิมลูบหัวผมและพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ซึ่งผมก็เพิ่งสังเกตว่ามันเป็นพวกวาติกันอาวุโสเลยนี่นา เพราะที่ข้อมือประดับด้วยสร้อยข้อมือไม้กางเขนที่ทำจากทองคำขาว
   
และมันก็แทบจะทิ่มตาผมอยู่แล้ว ช่วยด้วย
   
;w;
   
ผมร้องกี้ๆๆๆ ดังลั่นในใจ เพราะไม้กางเขนก็ของแสลงแวมไพร์อ่ะ ถึงตอนนี้ผมจะเก่งจนไม้กางเขนไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว แต่มาเจอใกล้ๆ แบบนี้ก็เสียวสันหลังวาบๆ อยู่ดี
   
ดิออนช่วยด้วย แงงงงง
   
ผมงอแงในใจสักพักวาติกันตัวร้ายที่น่าจะเด็กกว่าผมร้อยเท่าก็เดินไปทักทายวาติกันคนอื่นต่อ หรือก็คือพวกเด็กที่มาเข้าค่ายฝึกอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ จริงๆ กำหนดการคือหนึ่งเดือนแต่ภารกิจผมคืออยู่อาทิตย์เดียวพอเพราะยากลบกลิ่นอายใช้ได้อาทิตย์เดียว แล้วมันก็ให้มาแค่สองขวดอ่ะ ถ้าสองขวดสองอาทิตย์แล้วผมต้องมาคนเดียว ผมคงได้ร้องไห้ตลอดการทำภารกิจจริง
   
เพราะโลกข้างนอกชอบมีแต่คนใจร้ายกับผม มีแต่ดิออนเท่านั้นแหละที่รักผมที่สุด
   
“...”
   
ผมพยายามรักษาสีหน้าปกติเอาไว้ตอนที่ดิออนมันเอามือผมไปกุมอีกครั้งแล้วลูบเบาๆ เหมือนรู้ว่าผมน่าจะแตกตื่นมากกับเหตุการณ์สุดระทึกใจเมื่อกี้
   
คือผมไม่กลัวโดนจับได้หรอกเพราะผมเชี่ยวชาญด้านการทำตัวกากมาก แต่ผมไม่มั่นใจในดวงตัวเองไง รอบเมื่อกี้คือซวยครั้งที่หนึ่งและผมก็ไม่รู้ว่าความซวยของผมจะไปจบตรงไหน
   
แต่เอาจริงๆ ผมว่าภารกิจรอบนี้ผมคงซวยซ้ำซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อนเหมือนเดิมอ่ะ

ไอ้การที่โดนผู้อาวุโสวาติกันเอ็นดูเมื่อกี้ สัญชาตญาณลึกๆ ก็บอกผมว่าขึ้นเกาะไปแล้ว ผมต้องโดนจับไปทำอะไรสักอย่างแน่นอน ต่อให้ตอนนี้เป็นวาติกันแล้วก็กากมากแต่ผมก็ต้องโดนแน่ แงงงงงง

ทำไมอ่ะ ทำไมถึงไม่เป็นไปตามแผนที่น้องผมวางไว้อ่ะ คนที่วาติกันหมายตาควรเป็นดิออนสิ ทำไมถึงเป็นผมที่กะจะมาแฝงตัวกลมกลืนเป็นตัวประกอบธรรมดากันเล่า หรือว่าเพราะผมเป็นนายเอกของเรื่องนี้เลยถึงต้องโดนแบบนี้

ใจร้าย ใจร้ายที่สุดเลย!

ผมงอแงในใจแต่สายตาก็ยังมองตามหลังวาติกันเมื่อกี้ พยายามเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุดว่าวาติกันนอกรีตพวกนี้แอบทำอะไรกัน ทำไมอยู่ๆ ถึงได้มีพลังเยอะขึ้นจนสามารถไล่ทุบปีศาจจนยับเยินได้ขนาดนี้
บนเกาะคงไม่ใช่เกาะสวรรค์อย่างที่พวกวาติกันเรียกกันแน่นอน

“เจ้าอยู่ระดับอะไร”

นั่นไง ความซวยของผมเริ่มขึ้นแล้ว พอโดนผู้อาวุโสเอ็นดูแบบออกหน้าออกตาแบบนี้ ผมก็โดนจับตามองสิ กลายเป็นคู่แข่งในสายตาวาติกันพวกนี้เลยอ่ะ

“ทั่วไป”

ผมตอบวาติกันที่นั่งข้างๆ นิ่งๆ พยายามไม่สนใจหลายคู่ที่ยังจับจ้องมาที่ผม

พอแล้ว ผมแก่แล้วลูกสามแล้ว ไม่อยากฮ็อตแล้ว ปวดหัว

“เจ้าล่ะ”

ผมถามกลับทันทีแล้วสำรวจวาติกันที่นั่งข้างกันมาสามชั่วโมงไม่แม้แต่จะปรายตามอง ตอนนี้กลับมาให้ความสนใจผมซะงั้น

“สูงกว่าเจ้า”

“…”

เดี๋ยวผมก็แยกเขี้ยวโชว์เลย ให้ตายเหอะ ทำไมต้องมาข่มผมด้วยอ่ะ ก็น้องผมไม่อยากให้ผมเป็นที่สนใจมากก็เลยให้ผมเป็นพวกธรรมดาไม่โดดเด่นอะไรอ่ะ นู้น อยากได้คนตำแหน่งเก่งเทพไปคุยกับผัวผมสิ มันโดนน้องผมแต่งประวัติให้เป็นวาติกันจากตระกูลดังอะไรไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ พวกวาติกันได้ยินคือผงะไปบ้างแหละ
   
ผมหน้าบูดเซ็งๆ เพราะขี้เกียจเก๊กหน้าแล้ว
   
ไม่สนุกเลย ตอนแรกผมก็กะจะเปลี่ยนภารกิจเป็นทริปฮันนีมูนกับดิออนแหละ แต่สภาพนี้แค่ผมกับมันได้จับมือกันก็ดีแค่ไหนแล้วจริงๆ
   
ผมเหลือบมองดิออนที่ยังคงกุมมือผมอยู่ มือของมันตอนนี้อุ่นขึ้นนิดหน่อย ซึ่งผมก็บีบมือมันเคืองๆ เพราะพอสบตากับมัน ผมก็ดูออกอ่ะว่าเป็นขำที่ผมโดนวาติกันเวรนี่ข่ม
   
นิสัยไม่ดี!
   
ผมบ่นอุบในใจแล้วก็กลับมานั่งเหม่ออีกรอบเพราะไม่มีอะไรทำ พวกวาติกันนอกรีตพวกนี้ต่อต้านเทคโนโลยีมากถึงขนาดไม่ให้อนุญาตให้พกอะไรมาเลยนอกจากตัวเปล่าๆ อ่ะ
   
ผ่านไปสักพักจนผมเกือบหลับ ในที่สุดผมก็มาถึง ‘เกาะสวรรค์’ ของพวกวาติกัน
   
“…”
   
ผมหันไปสบตากับดิออนที่หันมามองหน้าผมเหมือนกัน ก่อนที่ผมจะยิ้มแห้ง แห้งมาก แห้งจนผมแทบจะน้ำตาแตกอีกรอบ
   
เกาะสวรรค์ก็แย่แล้ว!!
   
นี่มันโคตรน่ากลัวเลย!!!!!
   
น่ากลัวกว่าบ้านผีสิงของพวกโกสต์อีก!!!!!!
   
ผมเอามือสั่นๆ ซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกง พยายามไม่สนใจอาคมโบราณมากมายที่ถูกกางเอาไว้เต็มเกาะ คือผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไอ้เกาะนี้ทำไมถึงไม่มีปีศาจที่ไหนมาตีสักที
   
ก็มันเล่นเอากางอาณาเขตซะขนาดนี้อ่ะ นี่ถ้าผมไม่กินยามาคือโดนช็อตตายตั้งแต่ก้าวเข้าไปก้าวแรกอ่ะ แล้วอะไรคือเรียกเกาะสวรรค์แต่บรรยากาศเกาะน่ากลัวมาก ดูขมุกขมัวและทะมึนไปด้วยกลิ่นอายไม่เป็นมิตร แบบผมเชื่อจริงๆ เลยอ่ะว่าวาติกันนอกรีตพวกนี้อนุรักษ์ประเพณีและพิธีกรรมของวาติกันรุ่นบรรพบุรุษไว้จริง
   
ให้ตายเหอะ วาติกันพวกนี้ขี้โกงอ่ะ อนุรักษ์ของเก่าไว้ได้ ของแวมไพร์นี้เผาเอาๆ ไม่เหลือให้อนุรักษ์บ้างเลย ขี้งกจริงๆ
   
ผมเลียเขี้ยวในปากเซ็งๆ แต่ก็สนุกกับการมองนั้นมองนี้ แบบมันก็เป็นอะไรที่หาดูยากล่ะนะ พวกปราสาทอะไรงี้ก็มีพวกมอสกับไม้เลื้อยขึ้นเต็มไปหมด ไฟตามทางเป็นไฟแบบคบเพลิง แถมรูปปั้นตามทางยังทำจากเงินแล้วปั้นเป็นพวกวาติกันในท่าทางปราบปีศาจประเภทต่างๆ อีก
   
“น่ากลัวอ่ะ”
   
ผมเดินเข้าไปใกล้กับดิออนแล้วกระซิบ ที่นี่มันไม่โรแมนติกเลยสักนิด
   
“มีน่ากลัวกว่านี้อีก”
   
ดิออนตอบกลับผมนิ่งๆ ไม่เหลือบมองผม
   
“นายก็เคยมาที่นี่เหรอ”
   
“ไม่เคยแต่พอจะรู้ว่าที่นี่มีอะไรแปลกๆ เยอะ”
   
ผมกลืนน้ำลายเอือกตอนเดินผ่านรูปปั้นวาติกันปราบแวมไพร์เพราะมันมีเป็นเซ็ตเลย อะไรเนี่ย ขนาดปราบปีศาจยังปราบแบบลำเอียงอีกเหรอ จะจงเกลียดจงชังอะไรแวมไพร์ขนาดนั้นเล่า
   
คือแวมไพร์ก็โดนปราบเหมือนกันก็ไม่เห็นจะเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้อ่ะ รูปปั้นวาติกันไม่มีสักอัน มีแต่ข้าวของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น้องผมเอามากองๆ ไว้ในสมาคมเผื่อใครอยากจะลองทดลองใช้หรือเอาไปเล่น คือแม้แต่รูปวาติกันก็ยังไม่มีอ่ะ มากสุดที่เกี่ยวกับวาติกันก็คือที่เรียนกันในห้องเรียนนั่นแหละ
   
“...”
   
ผมเผลอกลั้นหายใจตอนเจอรูปปั้นสุดท้ายซึ่งตั้งหน้าปราสาท เป็นรูปปั้นแวมไพร์ที่โดนจับมัดกับเสาแล้วเผาด้วยไฟโดยที่รอบๆ มีวาติกันยืนล้อมด้วยสีหน้ายินดี
   
;w;
   
ชักจะน่ากลัวเกินไปละ
   
แง ถ้ามากกว่านี้ผมจะก้าวขาไม่ออกแล้วนะ น่ากลัวง่ะ วาติกันนอกรีตพวกนี้ป่าเถื่อนกันชะมัดเลย หัวใจแวมไพร์ที่รักสันติที่สุดอย่างผมเริ่มจะรับไม่ไหวแล้ว แงงงงง
   
คือถ้าดิออนไม่มาด้วย ผมคงได้แอบไปร้องไห้จริง มันน่ากลัวมากเลยอ่ะ
   
ผมพยายามฮึบๆ แล้วนึกถึงหน้าดิออน (แบบปกติ) เข้าไว้ อย่างน้อยนึกถึงหน้ามันก็ทำให้ผมรู้สึกกระชุ่มกระชวยจิตใจขึ้นมานิดหน่อย ผัวหล่อมาก
   
แต่ก็นะ ภารกิจครั้งนี้ต้องสำเร็จเท่านั้นเพื่อความสงบสุขของชาวปีศาจ ผมจะไม่ยอมให้รูปปั้นพวกนี้มาทำภารกิจล่มหรอกนะ อีกอย่างผมอายุตั้งขนาดนี้แล้ว มากลัวรูปปั้นแบบนี้ได้ไง ถ้าจะกลัวอะไรสู้กลัวดิออนไม่รักผมดีกว่า น่าเครียดกว่าเยอะ
   
พอรวบรวมกำลังใจได้ผมก็กลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง ผมเดินเข้าไปรวมกับกลุ่มวาติกันระดับทั่วไป ซึ่งผมก็รู้สึกใจหายนิดหน่อยที่เห็นดิออนมันเดินแยกไปอีกทาง ให้ตายเหอะ โลกใจร้ายกับน้องครูซอีกแล้ว
   
ผมมองตามผัวผมตาละห้อย ไม่สนใจว่าจะถูกจับได้ไหม เพราะคนตรงนี้เยอะมากรวมๆ กันในโถงก็เกินสองสามร้อยอ่ะ แบบผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกวาติกันนอกรีตไปหาสมาชิกมาจากไหนนักหนา
   
เฮ้อ ผมชักจะคิดถึงชีวิตที่น่าเบื่อของผมละ กินแล้วก็นอน ไม่ทำอะไรนอกจากไร้สาระไปวันๆ พอต้องทำอะไรที่มีสาระก็ต้องมาทำภารกิจสุดโหดแบบนี้เลยอ่ะ แง
   
ทำไมความหวังของสมาคมแวมไพร์ถึงต้องเป็นผมกับดิออนกันเล่า
   
[ ข้าขอต้อนรับเหล่าเหล่าผู้ศรัทธารุ่นเยาว์ทุกท่าน ]
   
เสียงทุ้มต่ำดังกึกห้องทั่วห้องโถงก่อนที่จะวาติกันนอกรีตตำแหน่งสูงคนหนึ่งจะเดินขึ้นมาประจำที่โพเดียม 
   
ผมหาวหวอดง่วงๆ กับพิธีการที่น่าเบื่อ แบบก็กล่าวต้อนรับอะไรงี้ทั่วไปนั่นแหละ แล้วก็พูดถึงรายละเอียดค่ายอะไรไม่รู้อันนี้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งหลักๆ ก็คือฝึกพิเศษเกี่ยวกับพลังเอาไว้ทุบพวกปีศาจ ให้ตายเหอะ ทำไมถึงไม่อยากเป็นมิตรกับชาวปีศาจบ้าง ตีกันมากี่พันปีแล้ว ไม่เบื่อกันรึไง
   
ผมน่ะ เบื่อจะแย่แล้ว เอาจริง คนในสมาคมแวมไพร์ก็เบื่อที่จะทุบกับวาติกันแล้วเหมือนกัน ปัญหาเยอะเหลือเกิน แต่ก็นะ จะหวังให้วาติกันทุกคนรักผมเหมือนดิออนก็ยากแหละ
   
ถึงรสนิยมของพวกวาติกันพวกนี้จะแปลกๆ ก็เหอะ แต่ก็อย่ามารุมชอบผมนักเลย มันทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ มากกว่าว่าจะโดนจับไปปิ้งไหม
   
[ ในการฝึกหลักสูตรพิเศษนี้จะมีวาติกันเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ได้รับการเลือกให้เป็นวาติกันที่จะได้รับความรักจากพระเจ้ามากที่สุด ]
   
“...”
   
ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันทีเพราะรู้สึกได้ว่าคนที่พูดอยู่ก็จับจ้องมาที่ผม
   
[ จะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้รับการโอบอ้อมจิตวิญญาณจากพระเจ้า ]
   
แม่งผมว่าไม่ใช่แล้วว่ะ
   
มันต้องมีอะไรแน่เลยอ่ะ ไอ้ตำแหน่งสุดพิเศษอะไรไม่รู้เนี่ย
   
[ สุดท้ายนี้ข้าก็ขอให้พวกเจ้าตั้งใจกับการฝึกครั้งนี้ เพราะหลังจากสิ้นสุดการฝึกพวกเจ้าทุกคนจะได้รับพรอันยิ่งใหญ่เพื่อจะกำจัดบาปอันชั่วร้ายของใบนี้ ]
   
ผมอึ้งไปนิดๆ กับแววตากระหายเลือดของคนพูด
   
ทั้งๆ ที่วาติกันมักจะพูดเสมอว่าตัวเองนั้นเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและศีลธรรม แต่กลับพูดเรื่องฆ่าคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉยเพียงเพราะอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์เหมือนตัวเอง
   
[ เราจะนำพาโลกกลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง เมื่อเรากำจัดปีศาจได้หมดสิ้น พวกเราก็จะได้รับโอกาสให้ขึ้นไปยังสรวงสวรรค์อีก ]
   
“...”
   
ผมพูดอะไรไม่ออก ฆ่าปีศาจทุกตัวเพื่อขึ้นสวรรค์ วาติกันนอกรีตพวกนี้ชักจะน่ากลัวเกินไปละ คือพวกวาติกันแบบปกติว่าหนักแล้ว เจอแบบนี้ผมคืออยากหนีกลับบ้าน ผมไม่แปลกใจเลยอ่ะทำไมสมาคมแวมไพร์ถึงไม่อยากสุงสิงด้วยมากที่สุด วาติกันพวกนี้กลายเป็นพวกคลั่งศาสนาไปแล้ว แก้อะไรไม่ได้ทั้งนั้น ที่ผมทำได้มีแค่ร้องไห้ได้อย่างเดียว
   
เฮ้อ โคตรซวยเลย นี้มันภารกิจที่ยากที่สุดในรอบหลายร้อยปีเลยมั้ง
   
ผมฟังมันพูดต่ออีกสักพักเซ็งๆ จนกระทั่งมันปล่อยให้พักผ่อนตามอัธยาศัย ผมก็เดินแถ่ดๆ ไปหาดิออนทันที ไม่ไหวแล้ว ผมต้องการความรักจากผัวผม คีพลุคอะไร ผมไม่คีพแล้ว ถ้าพวกวาติกันจะหมายตาผมกันขนาดนี้
   
ผมพยายามชะเง้อหาดิออนอยู่สักพักแล้วก็เจออย่างรวดเร็ว เพราะดิออนร่างนี้ออร่ามาก แบบเป็นคนที่จะถูกมองเห็นครั้งแรกถ้าเข้ามาในห้องประชุมอ่ะ
   
ผมยิ้มแล้วรีบเดินเข้าไปหามันที่ยืนคุยกับวาติกันอีกคนอยู่ แต่อยู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างถูกยื่นมาขวางระหว่างผมกับดิออนซะก่อน
   
“เอาไปกินเร็ว ของว่างพิเศษสำหรับวาติกันรุ่นเยาว์อย่างพวกเจ้า”
   
“.......”
   
ผมกำลังจะขอบคุณแต่พอสังเกตดูชัดๆ ว่ามันคืออะไรก็ตาโตอย่างควบคุมไม่อยู่และเกือบจะหลุดเสียงร้องดังลั่นออกมา
   
ค้างคาวปิ้ง!!!!
   
วาติกันมันกินค้างคาวปิ้งกันจริงๆ!!!!!!
   
กี้!!!
   
T_T

--------

 :katai4:   
   
   

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
คางคาวปิ้ง...งงงงงงง   :laugh:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ yumyai_fishery

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องครูซโดนแล้วววววว...
ไม่ทราบว่าจะมีแผนเขียนของรุ่นลูกไหมคะ  :mew1:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนพิเศษ บุกรังวาติกัน กี้! (2) ;w;

   
“…”
   
ผมจ้องค้างค้าวปิ้งเสียบไม้ในมือที่จริงๆ แล้วคือขนมที่ถูกทำขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนน้ำตากำลังจะไหล ต่อให้มันจะเป็นแค่ขนมก็เถอะ แต่มันก็สร้างบาดแผลทางจิตใจให้กับผมมาก
   
;w;
   
มันน่ากินตรงไหนเนี่ย ให้ตายเหอะ ผมขอลาออกจากวงการขนมหวานชั่วคราว
   
ผมมองขนมในมือกลัวๆ แล้วรีบมองหาผัวผมเพื่อหาทางกำจัดขนมชั่วร้ายอันนี้ แต่น่าเสียดายที่ความจริงก็ใจร้ายเสมอเพราะพอเงยหน้าขึ้นมาดิออนก็หายไปแล้ว ก่อนที่ผมจะถูกพวกวาติกันรุ่นเยาว์ที่อายุประมาณ ม.ปลาย มายืนล้อมหน้าล้อมหลังผมสามคน บนไหล่มีเข็มกลัดของพวกระดับทั่วไปแบบที่ผมเพิ่งกลัดไปก่อนขึ้นเกาะ
   
“นายน่ะมาเข้ากลุ่มกับพวกเราไหม!”
   
“…”
   
ผมยิ้มเจื่อนและคิดปลอบใจตัวเองว่าเดี๋ยวคงเจอกันอีกแหละ ดิออนคงไม่หายไปไหนง่ายๆ หรอก
   
“อื้อ”
   
“ดีเลย! ทีนี้กลุ่มของพวกเราก็ครบสี่ตามกำหนดแล้ว”
   
วาติกันที่เอ่ยปากชวนผมพูดอย่างดีอกดีใจ ตาสีเขียวเป็นประกาย ดูกระตือรือร้นและดีใจสุดๆ ที่หาคนได้ครบสักที
   
“เจ้าชื่ออะไรเหรอ ข้าชื่อเอส ส่วนคนที่สูงๆ ชื่อเรย์ แล้วคนที่ยืนใส่แว่นชื่อเอ็ม”
   
“ครู- แค่ก คิน เราชื่อคิน”
   
เบื่ออ่ะ ผมต้องใช้แต่ชื่อปลอมอีกแล้ว ไม่รู้พวกวาติกันจะเกลียดผมอะไรนักหนา แค่ผมเอาดิออนมาเป็นผัวได้ คือแบนชื่อผมห้ามพวกวาติกันตั้งเป็นชื่อลูกเลยตลอดกาล แล้วยังบอกว่าเป็นชื่อต้องคำสาปด้วย หึ ต้องคำสาปอะไรกัน คำสาปความน่ารักเหรอ ดิออนถึงได้ชอบผมขนาดนี้
   
“ดีใจที่ได้รู้จักนะ! เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ”
   
เอสยิ้มตาหยีให้ผมซึ่งมันก็ทำให้ผมนึกถึงตัวเองตอนอายุเท่ากันมาก เมื่อก่อนผมก็ดีดประมาณนี้แหละ เป็นมิตรกับทุกคน ผูกมิตรชาวบ้านไปทั่ว
   
คิดถึงจังเลยแฮะ สมัยที่ผมยังไม่กร็อบๆ
   
“ว่าแต่นายอยากกินขนมไหม เราให้”
   
พอได้จังหวะผมก็หาทางกำจัดขนมในมือทันที ไม่รู้ล่ะ ยังไงผมก็ไม่มีวันกินมันแน่นอน สยองขวัญมาก คือถ้าเป็นรูปไม้กางเขนหรืออะไรอย่างอื่น ผมก็ยังพอทำใจแทะได้อยู่หรอก
   
“กินๆ ทำไมนายไม่กินอ่ะ เราว่ามันก็อร่อยดีออก ถึงหน้าตามันจะแปลกๆ ก็เหอะ”
   
เพื่อนใหม่ของผมรับไปกินอย่างว่าง่าย
   
“พอดีเราอิ่มแล้วอ่ะ”
   
ผมหัวเราะแห้งๆ แล้วพยายามมองหาดิออนของผมอีกรอบ แต่ก็ล้มเหลวเพราะคนเดินพลุกพล่านมากซึ่งก็น่าจะหากลุ่มกันนั้นแหละ เอาจริงเอสมาชวนผมเข้ากลุ่มก็ดีเหมือนกัน เมื่อกี้ตอนเขาประกาศต่อผมไม่ได้ฟังอะไรเลย มัวแต่ยืนหาว
   
“ปีนี้ตระกูลเบเกอร์ส่งมาแค่นายเหรอ”
   
คราวนี้เอ็มเป็นฝ่ายถามผมบ้างเพราะเอสกำลังอร่อยกับขนมอยู่
   
“ใช่”
   
ผมเบื่อๆ พร้อมกับเดินตามเอสที่พาเดินไปไหนไม่รู้
   
“นายรู้ตัวไหมว่านายโชคดีมากเลยนะที่ถูกผู้อาวุโสหมายตา”
   
“เหรอ”
   
ไม่เลยสักนิด รู้สึกเย็นสันหลังวูบๆ มากกว่า ผมไม่กลัวโดนจับได้ว่าเป็นแวมไพร์ปลอมตัวมาหรอก แต่กลัวมากกว่าว่าดวงของผมจะทำให้ผมเจออะไรซวยๆ กว่านี้
   
“ใช่ เพราะแต่ละปีจะมีไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าตาผู้อาวุโสและนายก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้นของปีนี้”
   
สุดยอดไปเลย แผนของน้องผมคือดิออนจะเป็นคนนั้นไง เพราะผัวผมน่าจะปลอมเนียนกว่า แต่หวยลงที่ใคร ลงที่น้องครูซคนเดิมนั่นเอง
   
แต่เอาจริงๆ ผมโดนก็ดีกว่าดิออนโดนแหละ ผมทนเห็นดิออนเป็นอะไรไปไม่ได้หรอกนะ ไม่งั้นใครจะเป็นคนปลอบผมเวลาผมน้ำตาแตกกันล่ะ
   
“แล้วนายพอจะรู้ไหมว่าถ้าโดนเลือกแล้วท่านผู้อาวุโสจะเอาไปทำอะไรต่อ”
   
แน่นอนว่าผมก็ยังไม่ลืมว่าตัวเองถ่อมาถึงนี้เพื่อทำอะไร ถึงผมจะอยากให้เป็นฮันนีมูนก็เหอะ แต่สภาพเกาะน่ากลัวงี้ก็โรแมนติกไม่ไหวอ่ะ
   
“ไม่รู้สิ เมื่อก่อนเหมือนจะได้รับอาวุธระดับสูง แต่ปีสองปีนี้เหมือนจะเป็นพิธีกรรมอะไรสักอย่างที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เอาเป็นว่ายังไงฉันก็อิจฉานายชะมัดเลย เพราะฉันว่านายมีโอกาสสูงมากที่จะได้รับเลือก”
   
“ผู้อาวุโสอาจจะแค่ทักตามมารยาทเฉยๆ ก็ได้”
   
ผมพยายามถ่อมตัวและแอบกลืนน้ำลาย
   
พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ในเกาะน่ากลัวแบบนี้น่ะเหรอ น่ากลัวอ่ะ ต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน ให้ตายเหอะ ผมสาบานเลยว่าจะเลิกบ่นเวลาที่ต้องไปตีจัดการพวกวาติกันในเมือง ใครจะไปรู้อ่ะว่าพวกนอกรีตพวกนี้จะน่ากลัวกว่าพวกนั้นเป็นร้อยเท่า
   
“ไม่หรอก นายก็คงมีอะไรน่าสนใจนั่นแหละ ท่านถึงได้สนใจ”
   
“คงงั้นมั้ง”
   
ผมพยักหน้าส่งๆ แล้วตาโตกับห้องที่เอสพาเข้ามา เพราะมันเป็นห้องโถงอีกห้องที่ใหญ่มากและถูกกั้นเป็นโซนแต่ละโซน มีโซนยิงเป้า ลานประลอง การใช้คาถาอาคม การเรียกสัตว์วิเศษ อะไรอีกหลายอย่างเต็มไปหมด แต่ที่เด่นที่สุดคือแต่ละโซนมีชื่อเขียนอยู่บนอากาศด้วยอาคมอะไรสักอย่างพร้อมกับคะแนนที่ทำได้
   
ผมหน้าซีดทันทีเพราะโซนแรกที่เอสพามาคือยิงปืน แล้วทักษะการยิงปืนของผมก็แย่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เอาเป็นว่าผมยิงไม่โดนตัวเองก็ดีแค่ไหนแล้วอ่ะจริงๆ
   
“เรามารีบทำคะแนนกันเถอะ ท่านผู้อาวุโสบอกว่ากลุ่มที่ทำคะแนนรวมได้เยอะที่สุดจะมีรางวัลพิเศษด้วย อย่างน้อยๆ ต่อให้ไม่ถูกเลือกแต่ได้ของฟรีกลับบ้านก็ยังดีนะ!”
   
“แต่ท่านอาวุโสให้เวลาตั้งหนึ่งอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ ผมว่าเราไปพักกันก่อนไหม”
   
เรย์ที่เงียบมาตลอดทางอยู่ๆ ก็เสนอขึ้นมา ซึ่งถ้าให้เดาคงจะเวทนาผมที่หน้าเจื่อนมาก
   
“ทำคะแนนไว้ก่อนสักฐานก็ยังดี อย่างน้อยก็ถือว่าจะได้แอบสำรวจคู่แข่งด้วยว่าปีนี้มีใครที่น่ากลัวบ้าง”
   
“ก็ได้”
   
ฮึก จริงๆ ผมก็อยากจะแย้งนะ แต่แบบยิงรอบไหนมันก็คงห่วยเหมือนกัน ฉะนั้นก็ยิงๆ ไปเหอะ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากยิงแล้วพวกเอสจะไล่ผมออกจากกลุ่มไหม เพราะคะแนนที่ผมทำได้น่าจะห่วยแตกมาก
   
คือแบบไอ้ตอนสอบเอาใบ ผมก็ยิงได้แหละแต่มันนานมากแล้ว ทุกวันนี้ใช้แต่พลังแวมไพร์ทุบคนอื่นอ่ะ เฮ้อ
   
“เอาไปๆ ยิงให้โดนค้างคาวสีแดงนะ เป็นแต้มสูงสุดจากทุกเป้าเลย ผู้อาวุโสบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีใครยิงโดน ฉะนั้นกลุ่มเราต้องเป็นกลุ่มแรกที่ยิงโดน!”
   
เอ็มที่ผมไม่รู้ว่าหายไปเอาปืนตอนไหนกลับมาพร้อมปืนยาวแบบโบราณ อาคมแห่งแสงสว่างที่ลงไว้บนปืนส่องแสงสว่างออกมาจางๆ ดูทรงพลังและเปี่ยมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์
   
ผมกลืนน้ำลายเอือกตอนที่รับมาถือแล้วสัมผัสได้ถึงพลังที่อาบอยู่บนปืน
   
“..?”
   
ผมขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงพลังอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติจางๆ ซึ่งมันไม่ควรเป็นแบบนั้น เพราะตามหลักแล้วพลังของพวกวาติกันควรจะเป็นพลังบริสุทธิ์ที่ไม่มีอะไรแฝงอยู่ แต่สิ่งที่อยู่ในมือผมกลับแสดงชัดออกมาถึงอารมณ์ความโศกเศร้าเคล้ากับความเกลียดชังซ่อนอยู่
   
ถึงมันจะเบาบางมันจนแทบจะไม่รู้สึก แต่ผมก็สัมผัสมันได้ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
   
อาจจะเพราะมันน่าจะใกล้เคียงกับ ‘ความชั่วร้าย’ ที่พวกวาติกันตราหน้าพวกแวมไพร์ล่ะมั้ง
   
ทำไมปืนของพวกวาติกันนอกรีตถึงมีอะไรแบบนี้อยู่?
   
แน่นอนว่าผมคงได้คำตอบแน่ แต่การได้มาซึ่งคำตอบก็คงจะไม่ง่ายเท่าไหร่ และผมก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่หนักหนาจนทำผมกับดิออนต้องบาดเจ็บอ่ะนะ
   
“ให้คนอื่นยิงก่อนไหม เรายิงปืนไม่เก่งอ่ะ”
   
ผมถามด้วยความหวังเล็กๆ ว่าจะมีคนอยากเปิดประเดิมก่อนผม
   
“ไม่ล่ะ นายก่อนเลย เอาคนที่น่าจะดวงดีที่สุดของวันนี้เปิดน่าจะดีที่สุด”
   
แต่น่าเสียดายที่เอ็มก็ตัดบทผมไวมากแล้วยัดกระสุนเงินสี่นัดใส่มือผม
   
“กติกาคือยิงให้โดนอะไรก็ได้ด้วยกระสุนสี่นัดนี้ในเวลาสามนาที ยิงได้คนละสี่นัด ยิงโดนค้างคาวแดงแต้มจะเยอะสุด ส่วนพวกปีศาจอื่นๆ จะรองลงมา ถ้าเป็นไปได้ก็ยิงให้โดนพวกแวมไพร์ละกัน คะแนนเยอะ แล้วก็ยิงให้ทันด้วยล่ะเพราะเราต้องยิงพร้อมกับทีมอื่นๆ ”
   
“...”
   
ลำพังแค่ยิงให้โดนยังยาก นี่ต้องมายิงแข่งกับคนอื่นอีกเหรอ ถามจริง แข่งยิงเป้าบินแบบหมู่เหรอ ให้ตายเหอะ นี่มันจะโหดร้ายกับน้องครูซเกินไปแล้ว
   
หัวใจผมต้องทำด้วยอะไรอ่ะ ถึงจะทำยิงเผ่าพันธุ์เดียวกันได้อ่ะ ใจร้าย ผมไม่ยิงหรอก! ผมไม่ได้ใจร้ายเหมือนพวกวาติกันนอกรีตซะหน่อย
   
ผมคิดเศร้าๆ แต่ก็เดินต็อกแต๊กไปประจำที่เพราะไร้ทางเลือก ก่อนที่ผมจะตาโตอีกรอบเพราะไอ้คนที่ยืนข้างผมมันก็คือไอ้คนที่ข่มผมบนเรือเมื่อกี้!
   
“แค่ท่านผู้อาวุโสคุยด้วย อย่าคิดว่าท่านจะเลือกจะเจ้า”
   
“อือ”
   
ผมพยักหน้าส่งๆ ขี้เกียจมีเรื่อง จะเกลียดผมหรืออะไรก็ช่างเหอะ แต่อย่าเอาปืนมายิงผมที่เป็นแวมไพร์ตัวจริงก็พอ
   
“ท่านจะต้องเลือกข้า จำไว้ คนระดับต่ำต้อยอย่างเจ้าไม่มีทางได้รับเกียรติแบบที่พวกข้าได้รับแน่”
   
“อือ”
   
ผมตอบในลำคอเชิงรับรู้พร้อมๆ กับเอากระสุนนัดแรกใส่กระบอก ซึ่งปืนยาวของพวกวาติกันนอกรีตก็ดูจะค่อนข้างพิเศษและแปลกตา กลไกของมันก็เป็นแบบที่ผมไม่เคยเห็นแต่ก็ไม่ได้ใช้ยากอะไร
   
[ สองนาทีสุดท้ายสำหรับการเตรียมตัว ]
   
ผมหรี่ตามองกระบอกปืนในมือพยายามทำความคุ้นเคยกับมัน มันยิงได้ทีละนัดและไม่มีอะไรลำกล้องหรืออะไรช่วยเล็ง ฉะนั้นการยิงคือต้องอาศัยสัญชาตญาณผมล้วนๆ และผมคงไม่มีปัญญายิงโดนอะไร
   
เอาเหอะ ยังไงผมก็ไม่ได้กะจะมาเอารางวัลอะไรอยู่แล้ว ผมมาเพื่อหยุดพวกวาติกันนอกรีตพวกนี้ที่ไม่รู้แอบทำอะไรกัน แต่ที่แน่ๆ มันคงทำให้ผมปวดหัวแน่นอน
   
[ 10 9 8 ]
   
ผมเอาปืนขึ้นมาตั้งท่าและพยายามมีสมาธิมองป่าจำลองข้างหน้าที่ถูกสร้างมาจากอาคมโบราณ ต้นไม้ใหญ่โต เถาวัลย์รกชัฏ ป้ายหินหลุมศพ และกลิ่นอายความชั่วร้ายที่ขจรขจายไปทั่วให้บรรยากาศราวกับว่าอยู่ในสถานที่จริง
   
[ เริ่ม! ]
   
สิ้นเสียงก็มีปีศาจจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นทันที มีทั้งพวกหมาป่า เซนทอร์ ยักษ์ ปีศาจทั่วไป แต่ที่เห็นจะเยอะที่สุดก็คงจะเป็นแวมไพร์
   
ปัง! ปัง! ปัง!
   
ผมกัดฟันแน่นมือสั่นท่ามกลางคนรอบตัวที่กระหน่ำยิงใส่พวกปีศาจไม่หยุด
   
คือต่อให้ผมยิงห่วยและปีศาจตรงหน้าเป็นของปลอมก็เหอะ แต่มันก็แบบ แง ผมยิงไม่ลงอ่ะ คือผมก็ได้ไปทุบปีศาจด้วยกันเองบ้าง แต่ก็ไม่เคยฆ่าใครอ่ะ มีปางตายบ้างแต่ก็ไม่ตายอ่ะ
   
;w;
   
แล้วผมก็ต้องตาโตตอนที่เห็นแวมไพร์ที่หน้าตาคล้ายผมโผล่ออกมา
   
ปัง!
   
ซึ่งมันก็ถูกยิงแทบจะทันที ดีหน่อยที่เวลาโดนยิงแล้วมันจะสลายกลายเป็นแต้มที่ได้ ไม่งั้นผมได้น้ำตาแตกแน่เพราะมันคงจะน่ากลัวมากกับการเห็นอะไรเลือดสาดตรงนี้
   
“ยิงสิ คิน! เดี๋ยวไม่ทันนะ!”
   
ใครไม่รู้ตะโกนเข้ามาทำให้ผมยอมกลั้นใจยิงอะไรสักอย่างไม่รู้ที่ขยับได้ไปนัดหนึ่งซึ่งก็ไม่โดนตามที่ผมคิด แต่ก็ดีแล้ว ผมไม่อยากยิงโดนอะไรหรอก แค่ทำเป็นเล็งให้ดูเหมือนพยายามแล้วแค่นั้นแหละ
   
ผมเอากระสุนใส่รังเพลิงแบบเร็วๆ แล้วเล็งอะไรไม่รู้แล้วก็ยิงมั่วอีกให้เสียกระสุนฟรี และใช่ผมทำได้ดีมาก ยิงไม่โดนอะไรเลย ขนาดจะยิงให้โดนต้นไม้ผมก็ยังยิงไปไหนก็ไม่รู้
   
คือถ้าผมเป็นวาติกันคนเดียวในเผ่าพันธุ์มนุษย์ ผมมั่นใจว่ามนุษย์คงสูญพันธุ์แน่นอน แต่อาจจะไม่สูญพันธุ์ก็ได้เพราะผมคงจะหาทางเปลี่ยนแวมไพร์ให้เป็นแฟนแหละ

ใช้กลยุทธ์แบบเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรไง เฉียบจะตายไป
   
“คิน!!! นัดสุดท้ายโดนหมาป่าสักตัวก็ยังดี!!!”
   
คราวนี้เป็นเอสที่ตะโกนมาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะร้องไห้จนผมสงสาร แต่ผมก็บอกแล้วไงเล่าว่าผมยิงได้กากมากก็ยังจะมาให้ผมประเดิมคนแรกให้เป็นความอับอายของกลุ่มอีก
   
แต่เอาจริงไม่ว่าจะโยนผมไปฐานไหน ผมก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละเพราะผมเป็นแวมไพร์โว้ย แบบทดสอบพวกนี้ไม่ได้มีเพื่อผม เข้าใจไหม แต่เอาจริงขนาดของแวมไพร์ผมยังเละเลยอ่ะ ฉะนั้นถ้าอยากได้คนเก่งๆ ก็ไปหาผัวผมนู่น
   
“ค้างคาว!!”
   
ผมกลืนน้ำลายหวาดๆ ตอนได้ยินเสียงคนตะโกนกู่ร้องถึงค้างคาวสีแดงกันไม่หยุดก่อนจะตามมาด้วยเสียงกระสุนปืนดังเป็นชุด แย่งกันยิงเจ้าค้างคาวสีแดงตัวจิ๋วที่ขนาดตัวพอๆ กับผมร่างค้างคาว
   
ปัง! ปัง! ปัง!
   
และค้างคาวตัวนั้นก็หลบพลิ้วมาก หลบได้กระสุนได้ทุกนัดสมกับเป็นเป้าที่แต้มสูงที่สุด มันบินแถ่ดๆ ไปมาแต่ก็ไม่มีกระสุนนัดไหนโดนตัวมันได้ จนวาติกันรุ่นเยาว์หลายคนที่ยิงจนกระสุนหมดแล้วสบถด่าหยาบคายกันออกมาไม่หยุด โดยเฉพาะคนข้างๆ ผมที่แทบจะแย่งกระสุนนัดสุดท้ายในมือผมไปใช้อยู่แล้ว
   
“ยิงสิ รออะไร มีกระสุนเหลือก็ยิงสิ แต่ยังไงเจ้าก็ยิงไม่โดนหรอก”
   
“อย่ามายุ่งได้ไหม”
   
ผมหน้าบูดเริ่มรำคาญและอยากฟ้องผัวผมให้มาทุบ คือปกติผมอยู่กับดิออนก็ไม่ค่อยมีใครมายุ่งไง เฮ้อ อยากกลับสมาคมแล้วอ่ะ อยากกลับไปใช้ชีวิตไปวันๆ เต็มทนแล้ว
   
ผมคิดเซ็งๆ แต่ก็ยัดกระสุนนัดสุดท้ายเข้ารังเพลิงแล้วก็เล็งเจ้าค้างคาวสีแดงนั่นบ้าง ถึงจะรู้ว่ายังไงผมก็ยิงไม่โดนก็เหอะ
   
ผมหรี่ตามองมันแต่ไม่ได้ใช้สมาธิอะไรในการยิง คือผมยังไม่เหี้ยมพอที่จะยิงค้างคาวหรอกนะ แบบถ้าไม่จวนตัวจริงผมก็คงไม่ทำอ่ะ
   
ปัง!
   
เจ้าค้างคาวสีแดงกลายเป็นแต้มหนึ่งหมื่นในพริบตา
   
และใช่ ไม่ใช่ผมที่ยิงโดนเพราะผมยิงโดนพวกยักษ์และแต้มแค่ร้อยเดียว
   
ผมมองตามเสียงฮือฮาดังลั่นและสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้ว่าคนที่ยิงโดนคือดิออน

ดีเลิศ สุดยอด ยอดเยี่ยม เยี่ยมยอด อันดับหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ มหัศจรรย์ ที่สุด สุดเหวี่ยง เลิศที่สุด หนึ่งเดียว แค่ก พอก่อน เพราะดิออนก็เหมือนจะเห็นผมแล้วเหมือนกันเลยยิ้มให้ผม
   
“…”
   
ผมหน้าแดง ไม่รู้เหมือนกันว่าคบกันจนลูกสามแล้วยังจะเขินอะไรอีก แต่ก็ผมก็ยังเขินอยู่ดี
   
“เหอะ ก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละ”
   
ไอ้ข้างๆ ผมก็ยังพูดแดกดันคนอื่นไม่เลิก แน่นอนว่าถ้าด่าผมผมไม่เคืองหรอกแต่ถ้าด่าผัวผมก็
   
“เก่งมากต่างหาก”
   
ผมแยกเขี้ยวใส่ ไม่พอใจมาก ว่าใครก็ว่าได้ แต่ห้ามว่าดิออนต่อหน้าผมเข้าใจไหม
   
“เหอะ หุบปาก ไอ้ร้อยแต้ม แต้มเจ้าต่ำที่สุดในรอบนี้เลยมั้ง”
   
“แล้วไง แต่เขาก็ได้แต้มเยอะกว่านายก็แล้วกัน!”
   
คะแนนของดิออนก็เหมือนคะแนนผมนั่นแหละ
   
“เหอะ รอดูคะแนนก็รวมแล้วกัน”
   
พอเถียงความจริงไม่ได้ มันก็ยักไหล่ใส่ผมกวนๆ แล้วก็เดินออกไป ซึ่งผมก็รีบเดินออกไปเหมือนกันเพราะอยากจะไปคุยกับดิออนสักสองสามคำ แต่ก็ล้มเหลวอีกเพราะดิออนโดนลากไปไหนก็ไม่รู้อีกแล้ว
   
ผมกอดปืนและเดินคอตกกลับไปหากลุ่ม
   
“ไม่เป็นไรหรอกน่า คิน มีเวลาตั้งหนึ่งอาทิตย์ ถึงตอนนั้นคะแนนของนายต้องดีกว่านี้แน่ๆ ”
   
“ใช่ๆ ยังพอมีเวลาแก้มืออยู่”
   
แล้วทุกคนก็มายืนปลอบผมจนผมต้องปั้นหน้ายิ้มเพื่อให้ทุกคนสบายใจ คือจะเฉลยทุกคนว่าติดผัวก็คงไม่ได้อ่ะ ผมยื่นปืนให้คนอื่นเอาไปยิงต่อแล้วขอตัวไปรอที่โซนพักผ่อนที่มีที่นั่งกินของว่างให้กินเล่น
   
แน่นอนว่าระหว่างทางก็พอจะมีคนแอบมองผมบ้างเพราะจำได้ว่าผมโดนผู้อาวุโสทัก ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะถ้าเผลอไปสบตาใครเข้า ผมก็อาจจะซวยกว่านี้
   
ผมเลือกที่นั่งหลบมุมกับขนมปังอะไรสักอย่างที่หน้าตาดูอันตรายน้อยที่สุดมากินเล่น ซึ่งรสชาติคราวนี้ก็ไม่เลวเลย เป็นขนมปังไส้ช็อกโกแลตที่หวานแบบที่ผมชอบเลย
   
‘…ช่วยด้วย’
   
ผมกระพริบตาปริบเมื่อได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ สักอย่าง
   
‘..นี่’
   
“!!!!”
   
ผมตาโตเกือบจะหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อขนมรูปกระต่ายที่ผมเอามาดันกระพริบตาได้
   
;w;
   
อะไรเนี่ย มีซอส XO ในขนมเหรอ แล้วที่ผมกลืนเข้าไปแล้วนี่มันใส่อย่างอื่นไว้ไหมเนี่ย
   
ผมคิดเครียดๆ หันหน้าเข้าหากำแพงและเอาหยิบเอาขนมที่น่าสงสัยมาวางไว้บนมือเพราะตอนนี้มันก็ยังจ้องผมไม่เลิกเลย
   
“นายเป็นผีขนมเหรอ”
   
ผมหน้าซีด แค่ขึ้นชื่อว่าผีผมก็กลัวแล้วอ่ะ คือแบบผมก็รู้แหละว่าผมก็ถือว่าเป็นผีในสายตาพวกมนุษย์เหมือนกัน แต่มันก็ไม่เหมือนกันนี่นา พวกผีที่ผมเคยเจอมีแต่น่ากลัวๆ ง่ะ ถึงจะนานๆ เจอก็เหอะ
   
“แต่นายเป็นขนมนะ เป็นขนมถ้าไม่โดนกินจะทำอะไรอ่ะ หรือนายเป็นเพื่อนของพวกคุกกี้ที่หนีออกจากเตาอบแม่มด แล้วจะมาแก้แค้นผมที่กินขนมเยอะเกินไป”
   
ผมฟูมฟายเพราะพันปีมานี้ผมกินขนมเกินพันชิ้นแน่นอน ความแค้นของเจ้าผีขนมนี้ต้องสูงเทียมฟ้าแน่ แบบถ้านับความผิดของผมที่กินขนมแล้วเขียนไว้บนกระดาษก็คงยาวจนพันรอบคฤหาสน์สมาคมได้สิบรอบ
   
‘…พูดอะไรของนาย’
   
“…”
   
ทั้งๆ ที่ไอ้ขนมรูปกระต่ายสีขาวในมือผมมีแค่ตา ไม่มีคิ้วหรือปากด้วยซ้ำ แต่ผมกลับสัมผัสได้ว่ามันกำลังกลอกตาใส่ผม!
   
ผมแยกเขี้ยวใส่กำลังจะโวยวายแต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังจางๆ ที่เคลือบอยู่ซะก่อน
   
“นาย นายคือที่อยู่บนปืนเมื่อกี้เหรอ”
   
น่ากลัวอ่ะ สรุปแล้วเป็นผีจริงด้วย แล้วทำไมต้องมาสิงขนมที่น่ารักที่สุดที่ผมเอามาด้วยอ่ะ อดกินเลย
   
‘ใช่’
   
มันตอบผมเสียงเบาซึ่งถ้าให้ผมเดาก็คงดังจะสุดเท่าที่มันจะทำได้แล้ว
   
‘ผมตายไปตั้งนานแล้ว วิญญาณถูกฉีกกระชากตอนที่ถูกบูชายัญ ที่ยังคุยกับได้นายก็เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งที่ยังเหลือของผมเท่านั้น’
   
บูชายัญ?
   
ผมหน้าซีด
   
‘พวกนั้นจะเลือกคนมาบูชายัญค่ายละคน และรอบนี้ดูเหมือนว่าไอ้พวกบ้านั้นจะถูกใจนาย’
   
เสียงของเจ้ากระต่ายดูเศร้ามาก
   
‘อีกไม่นานผมคงจะสลายไป แต่ผมก็อยากเตือนนายให้ระวัง ระวังไว้ให้ดีต่อให้นายจะไม่ใช่มนุษย์ก็เถอะ’
   
“ขอบคุณนะ”
   
ผมตอบด้วยความซาบซึ้ง น้ำตาจะไหล มิตรภาพใหม่ระหว่างแวมไพร์กับผีขนมนี่มันสุดยอดจริงๆ เพราะมันทำให้ผมไม่ต้องไปสืบหาแล้วว่าไอ้พวกวาติกันนอกรีตมันแอบทำบ้าอะไรกัน
   
แต่ก็แบบบูชายัญเลยนะ ให้ตายเหอะ นี่มันเหนือความคาดหมายมาก ที่น้องผมเดามาไม่ถูกสักอย่าง แต่ก็แบบใครจะไปคิดอ่ะพิธีกรรมที่หายสาบสูญในหมู่วาติกันไปแล้วจะมาโผล่กับพวกนอกรีตนี้ล่ะ
   
แล้วคือที่จัดๆ ค่ายกันก็คงจะหาจับเด็กไปบูชายัญเพื่อประกอบพิธีกรรมอ่ะ ให้ตายเหอะ แล้วพวกคนที่นับถือวาติกันนอกรีตส่วนใหญ่ก็จะค่อนข้างคลั่งไปเลย แบบผู้อาวุโสพูดอะไรก็เชื่อ ฉะนั้นชีวิตเด็กคนหนึ่งก็คงจะมีไม่สำคัญเท่าสิ่งที่ผู้อาวุโสต้องการ
   
ผมไม่เข้าใจเลยสักนิดเลยอ่ะ ว่าทำไมการขึ้นสวรรค์ถึงได้สำคัญถึงขนาดนั้น การกำจัดปีศาจอย่างผมและทุกๆ คนจนหมดมันจะทำให้พระเจ้าอย่างท่านโฟเทียสรับข้อเสนอแล้วพาขึ้นไปอยู่ด้วยเหรอ   
   
พระเจ้าเกลียดปีศาจจริงเหรอ?
   
ผมมีชีวิตอยู่มาพันกว่าปีนอกจากความซวยก็ไม่ได้มีอะไรที่ต้องน่ากังวลเป็นพิเศษ เอาเข้าจริงถ้าเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า ผมก็เชื่อเรื่องที่ท่านโฟเทียสทอดทิ้งโลกใบนี้ไปแล้วมากกว่า ไม่งั้นพวกวาติกันก็ไม่ต้องมานั่งบูชายัญกันแบบนี้หรอก ถ้าหากการสวดภาวนาสวดมนต์ต่างๆ นั้นสามารถสื่อสารกับพระเจ้าได้ผลจริงอ่ะ
   
‘..หยุดพวกมันที’
   
เสียงมันเบาลงมากจนผมรู้สึกใจหาย แต่ก็ไม่ได้แปลกใจเพราะพลังที่ผมสัมผัสได้จากมันทีแรกก็เจือจางมากอยู่แล้วลำพังแค่มันยังสามารถคุยกับผมได้โดยที่ไม่หายไปก่อนก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว
   
“อือ ผมสัญญา”
   
ผมยิ้มให้มัน รู้สึกเศร้านิดหน่อยที่มาที่นี่ช้าเกินไป ไม่งั้นผมก็อาจจะรักษาชีวิตน้อยๆ นี้เอาไว้ได้
   
‘...’
   
มันไม่ได้ตอบผมแล้วแต่ผมก็สัมผัสได้ว่ามันพอใจกับคำตอบของผม

ก่อนที่พลังงานน้อยนิดที่เคลือบขนมเอาไว้ก็จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย

---

 :katai4:   คิดถึงทุกคนนะคะๆ  :o8:

yumyai_fishery  :  ไม่มีแผนเลยค่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ yumyai_fishery

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :fire: ให้กับใจทั้งไรท์และครูซนะคะ  :L1:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนพิเศษ บุกรังวาติกัน (3)

   
“คิน มาอยู่ตรงนี้เอง หาตั้งนาน!”
   
ผมสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาหลังจากนั่งสัปหงกไปพักใหญ่และแน่นอนผมไม่กล้ากินขนมชิ้นสุดท้ายที่น่ารักที่สุด ผีขนมสิงไปแล้วอ่ะ ใครจะไปกล้ากินเล่า ถ้าเกิดผมกัดแล้วมันดันร้องแว้กขึ้นมา ผมคงได้ลาออกจากวงการขนมหวานตลอดชีวิต ตอนนี้น้องเลยได้ที่อยู่ใหม่เป็นกระเป๋าเสื้อผมแทน
   
ผมหัวเราะแหะๆ แทนคำตอบ
   
“นายหายเหนื่อยรึยัง! โซนสัตว์วิเศษเหมือนจะมีรางวัลใหญ่ล่ะ! ใครที่ชนะรอบนี้จะได้ห้องรับรองที่ดีที่สุดมีอาหารน้ำขนม—“
   
“ไป!!!”
   
ถึงจะเพิ่งกินไปเมื่อกี้แต่เพื่อขนมแล้ว น้องครูซมีแพชชั่นเสมอ!
   
แต่จะรอดไหม ผมไม่รู้ (และผมก็หวังว่าจะไม่เจอผีขนมอีก)
   
“..โอเค งั้นก็ไปเลย”
   
เอสดูงงๆ ที่อยู่ๆ ผมก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมาผิดหูผิดตาแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร พาผมกับเพื่อนใหม่ไปโซนสัตว์วิเศษที่ว่าซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกันที่ถูกเขียนด้วยอักขระโบราณว่าสัตว์วิเศษติดอยู่บนอาคมสีดำขนาดยักษ์ที่สูงจนเหมือนกำแพงและน่าจะเอาไว้บังตาสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในจนผมเริ่มแอบหวั่นใจ
   
ให้ตายเหอะ จะคุ้มไหมเนี่ย
   
ผมกลืนน้ำลายเอื้อกตอนมาหยุดยืนตรงข้างหน้าและเห็นว่าคนต่อแถวกันยาวมากสองแถว ซึ่งทั้งสองแถวก็มีผู้อาวุโสคอยควบคุมให้เข้าไปยืนในอาคมเพื่ออัญเชิญสัตว์วิเศษประจำตัวออกมา
   
“!”
   
ผมตาโตเพราะพอมองดีๆ ถึงเห็นว่าต้องใช้เลือดด้วย!!!
   
กี้!!!
   
;w;
   
โอ๊ย ถ้าเกิดผมเอาเลือดหยดใส่อาคมแล้วออกมาเป็นค้างคาวนี่วงแตกเลยนะ ยิ่งกว่าโป๊ะแตก แต่คงไม่หรอก ผมคงไม่ซวยขนาดนั้นหรอก ตอนนี้ผมอยากใช้พลังแวมไพร์ยังใช้ไม่ได้เลย
   
ฉะนั้นน้องครูซคงไม่ซวยขนาดนั้นหรอก ถึงผมจะซวยมาแล้วทั้งเรื่องแล้วก็เหอะ
   
ผมคิดอย่างมุ่งมั่นแล้วก็เดินไปเข้าแถวพร้อมกับกลุ่มผม
   
“กติการอบนี้คือคนที่สามารถจับปักษาสวรรค์ได้จะเป็นผู้ชนะ ซึ่งระหว่างนั้นนายก็สามารถกำจัดคู่แข่งไปด้วยได้ ถ้าสัตว์วิเศษประจำตัวตายก็จะถือว่าตกรอบแล้วโดนดีดออกมา”
   
เอสพูดถึงกฎด้วยตาเป็นประกาย ดูตื่นเต้นสุดๆ
   
แต่เดี๋ยวนะ กำจัดคู่แข่งไปด้วยได้????
   
แล้วผมจะรอดไหมเนี่ย คือถ้าแค่ตัวผมผมเผ่นได้แหละ เชี่ยวชาญมากด้วย แต่ถ้าสัตว์วิเศษประจำตัวผมเป็นแบบอะไรตัวใหญ่ๆ แบบม้าอะไรงี้ ผมก็อุ้มหนีไม่ไหวอ่ะ
   
ผมเหม่อคิดเรื่อยเปื่อยระหว่างที่รอให้ถึงคิวผมจนกระทั่งได้ยินเสียงฮืฮฮาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าใครเล่นใหญ่อะไรอีก ผมชะเง้อหน้ามองตามและตาโตตอนที่เห็นหมาป่าสีเงินเรืองรองขนาดยักษ์โผล่ออกมาจากอาคม ก่อนจะเห็นมันเดินไปหมอบลงตรงหน้าผัวผม
   
ใช่ ดิออนอีกแล้ว!
   
“หมาป่าศักดิ์สิทธิ์!!!”
   
คนรอบตัวผมคือฮือฮาไปทั้งแถบ จากที่ผัวผมได้รับความสนใจจากการชนะรอบที่แล้วตอนนี้ก็ได้รับความสนใจมากกว่าเดิมอีก ผู้อาวุโสหลายคนที่ยืนคุมเชิงอยู่ข้างนอกเริ่มกระซิบกระซาบอย่างสนใจ
   
ผมยกมือปิดปากไม่ให้ตัวเองเผลอยิ้มมากเกินไปจนผิดสังเกต
   
เก่งที่สุดเลย ผัวใครเนี่ย เฮ้อ แต่จะว่าไปดิออนยังอัญเชิญได้ ฉะนั้นผมก็น่าจะรอดแหละ ขอแค่ไม่มีฝูงค้างคาวบินออกมา จะเป็นตัวอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าจะให้ดีก็ขอตัวเก่งๆ ก็ดีนะ ผมจะได้ไม่ต้องใช้ความสามารถในการหลบหนีของตัวเองมาก
   
ผมเริ่มผ่อนคลายขึ้นมานิดหน่อยและมองตามหลังดิออนที่เดินเข้าไปข้างในแล้ว
   
เฮ้อ ไม่ชินเลยแฮะ ปกติผมก็อยู่กับมันตลอดอ่ะ
   
;w;
   
ผมอยากอ้อนมันอ่ะ อยากฟ้องมันว่ามีคนมาทำร้ายจิตใจผมอีกแล้ว พวกคนใจร้าย ไม่สิ ผมต้องบอกมันด้วยแหละว่าผมรู้เบื้องหลังวาติกันนอกรีตพวกนี้แล้ว ถึงจะไม่แน่ใจก็เหอะว่ามีแค่เรื่องบูชายัญไหม แต่ผมก็ต้องไปเตือนผัวผมแหละว่าระวังมากๆๆ เพราะวาติกันก็เหมือนจะสนใจมันเหมือนกัน
   
แต่เอาจริงคนที่สมควรจะระวังตัวที่สุดก็คือผมเนี่ยแหละ ไอ้พวกวาติกันนอกรีตพวกนี้มันจ้องจะจับวาติกันกากๆ อย่างผมไปบูชายัญอ่ะ แย่มาก นี่มันแย่กว่าการโดนปิ้งอีก!
   
ผมคิดแล้วฮึดฮัดอยู่คนเดียว
   
ให้ตายเถอะ ภาคกิจนี้มันชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว หัวใจของผมมันก็แค่นี้เอง ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องน่ากลัวขนาดนี้ด้วยเนี่ย เฮ้อ
   
“คนต่อไป!”
   
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงตะคอกจากข้างๆ และพบว่าถึงคิวผมแล้ว
   
;w;
   
ตกใจหมดเลยอ่ะ แงงงงงงงงงงง
   
ดิออน ดิออนอยู่ไหน มาเอาผมไปด้วย ผมไม่อยากทำภารกิจแล้ว
   
ผมงอแงในใจซึมๆ แต่ก็รับมีดเงินมากรีดแขนตัวเองอย่างไม่ลังเลและปล่อยให้หยดเลือดของผมหยดลงบนอาคม ผมเผลอกลั้นหายใจลุ้นๆ แบบแอบหวังเล็กๆ ว่าผมจะได้ตัวเท่ๆ แบบดิออนบ้าง
   
ผมยืนลุ้นอยู่สักพักแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักทีจนผมหันไปให้ผู้อาวุโสข้างๆ ที่ทำหน้างงเหมือนกับผม
   
“..มันไม่เคยมีปัญหามาก่อน เจ้าลองอีกครั้งดู”
   
ผมหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมทำอีกรอบ
   
ให้ตายเถอะ ตัวอะไรก็ได้แล้ว ตอนนี้อ่ะ อย่างน้อยได้เข้าไปแล้วคุยกับดิออนสักสองสามคำ ผมก็พอใจแล้ว ขนมอะไรแค่ผลพลอยได้ ตอนนี้ผมต้องการกำลังใจในการทำภารกิจต่อที่สุด
   
มาเถอะ อะไรก็ได้!
   
ผมหยดเลือดใส่อาคมอีกรอบ รอบนี้เริ่มมีปฏิกิริยาขึ้นมานิดหน่อยจนผมเริ่มใจชื้นก่อนที่จะหลุดเสียงร้องออกมาดังลั่นตอนที่อยู่ๆ ก็เกิดฟ้าผ่าลงมากลางอาคมของผม ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณ ตอนนี้ผมก็คงกลายเป็นค้างคาวปิ้งไปแล้ว
   
ผมหน้าซีดเผือดมองผู้อาวุโสอีกรอบ แต่เรื่องที่ตลกกว่าคือทุกคนที่อยู่รอบตัวผมคือหน้าซีดกว่าผมอีก
   
อะไรกันเนี่ย สัตว์วิเศษของผมจะเปิดตัวเท่กว่าดิออนไม่ได้นะ ผัวผมต้องเท่ที่สุด
   
แอ๊ก!
   
“…”
   
เสียงอะไรวะ
   
ผมกระพริบตาปริบแล้วพยายามมองหาสัตว์วิเศษของผมในอาคมแต่ก็ไม่เห็นอะไรสักอย่าง
   
แอ๊ก!!!!!
   
“!!!!”
   
ผมเกือบจะร้องเสียงหลงออกมาอีกรอบตอนที่อยู่ๆ มีอะไรพุ่งออกมาจากอาคมแล้วเกาะบนหน้าผม ผมรีบดึงมันออกแล้วดูว่ามันคือตัวอะไรกัน ร้องได้โคตรไม่น่ากลัวเลย หนักกว่ากี้ๆ ของผมอีก
   
กี้!
   
“!!!!”
   
กี้มันก็ร้องได้ด้วย???? ตัวอะไรเนี่ย
   
ผมก้มมองไอ้ตัวสีขาวนุ่มฟูในมือ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร หน้าตาเหมือนกระรอกบินแต่ร้องกี้ๆ กับแอ๊กๆ ได้ นี่มันใช่กระรอกแน่เหรอ แล้วมันก็ดูจะช่วยอะไรผมไม่ได้สักนิด
   
“เจ้า เจ้าอัญเชิญกระรอกในตำนานได้”
   
ผู้อาวุโสกระแอมขึ้นมาเมื่อเห็นผมยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก
   
“มันเป็นตำนานเพราะอ่อนแอมากจนสูญพันธุ์ไปเกือบหมดแล้ว เจ้าอัญเชิญจิตของมันมาได้ก็ถือว่าเป็นโชคดีของเพื่อนๆ เจ้าที่ได้เห็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์แบบนี้”
   
สรุปก็คือเป็นตัวกากอีกแล้ว โฮ แต่ไม่เป็นไร มันน่ารัก
   
ผมกอดมันแน่นเพราะมันนุ่มมากแถมยังจ้องผมตาแป๋ว ให้ตายเหอะ มองไปมองมาก็แอบคิดถึงลูกผมแหละนะ โตๆ กันหมดแล้ว ไม่มีใครมาเป็นค้างคาวจิ๋วให้ผมอุ้มเล่นแล้ว จะอุ้มดิออนก็ไม่ไหว หลังผมหักกันพอดี
   
กี้!
   
กระรอกอะไรร้องกี้ๆ ผมงงมาก
   
“เอาล่ะ เข้าไปรอในสนามได้แล้ว ถึงเวลาเจ้าจะรู้เองว่าต้องทำอะไร”
   
ผมพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปและหลุดเสียงออกร้องออกมาอีก เพราะเพิ่งรู้ว่าพอเข้าไปแล้วก็เจออาคมอีกแล้วมันก็กระชากตัวผมเพื่อที่จะพาไปส่งที่ไหนไม่รู้
   
ผมหลับตาหยีจนกระทั่งเท้าสัมผัสพื้นได้มั่นคงอีกครั้ง ถึงลืมตาขึ้นมาและเห็นว่าตัวเองถูกพามาอยู่ในบ้านไม้อะไรสักอย่างที่ข้างในไม่มีอะไรเลย พอผมไปชะเง้อตรงหน้าต่างถึงรู้ว่ามันเป็นบ้านต้นไม้ที่อยู่บนต้นไม้ที่สูงมาก
   
;w;
   
แล้วน้องครูซจะลงยังไงเนี่ย
   
และในระหว่างที่ผมอับจนหนทาง ผมได้ก็ยินเสียงคำรามต่ำๆ จากข้างหลัง ผมผวาเฮือกกอดเจ้ากระรอกในมือแน่นกว่าเดิมพยายามปกป้องมันสุดชีวิตด้วยอ้อมกอดสุดอบอุ่นของผม
   
ใช่ ผมมีแค่นั้นแหละ
   
ผมตัวสั่นแต่ก็หันไปมองว่าใครกันที่จะมาฆ่าผมตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มแข่ง
   
“!!!”
   
ดิออน!
   
น้ำตาผมแทบแตก โยนเจ้ากระรอกในมือทิ้งแล้ววิ่งไปหาผัวผมที่มาหาผมเองถึงที่
   
“ดิออน”
   
ผมแทบจะร้องไห้ออกมาตอนที่กอดมันแล้วฟ้องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมทันที
   
“พวกวาติกันใจร้ายมันจะฆ่าผมอ่ะ! มันจะจับผมบูชายัญ แล้วเมื่อกี้ก็มีคนตะคอกใส่ผมด้วย”
   
ผมงอแงไม่หยุด
   
“แค่นี้ยังไม่พอ พวกมันยังจับเด็กๆ ไปบูชายัญด้วย โคตรใจร้ายเลย”
   
“บูชายัญ?”
   
ดิออนย้อนถามผมแล้วเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้ผมที่แตกเป็นที่เรียบร้อย
   
“อือ บูชายัญ”
   
ผมถอนหายใจซึมๆ
   
“ในแต่ละค่ายมันจะเลือกเด็กหนึ่งคนขึ้นมาบูชายัญ แล้วค่ายนี้มันก็เลือกผมอ่ะ”
   
จริงๆ เลือกผมก็ดีกว่าเลือกเด็กคนอื่นแหละ แต่ก็แบบ ก็นะ
   
“นายว่าทำไงดีอ่ะ”
   
“ตามน้ำไปก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยถอย”
   
ผมคอตกเพราะอยากถอยตอนนี้เลย เฮ้อ
   
“ผมกลัวมันมีอย่างอื่นด้วยอ่ะ กลัวมันจะไม่ใช่แค่บูชายัญอ่ะ”
   
“ไหนบอกว่ามากับผัวเจออะไรก็ไม่กลัวไง”
   
ดิออนหัวเราะในลำคอแล้วลูบหัวผม
   
“ก็ใช่ แต่ผมก็เครียดนี่นา”
   
ตอนนี้ผมกากมาก กากแบบโคตรกาก จริงๆ ก็มีแผนเผื่อกรณีฉุกเฉินแหละ แต่แบบถ้าผมทำก็คือความแตกเลย แล้วก็ไม่รู้ว่าอาคมโบราณที่กางเต็มเกาะนี้ช็อตผมตายไหม
   
ผมอุตส่าห์รอดมาตั้งพันกว่าปี ผมไม่ยอมมาเป้นค้างคางปิ้งที่เกาะนี้หรอก!
   
“อย่าเครียด”
   
มันดึงมือผมไปจูบ
   
“ไม่มีใครทำร้ายนายได้หรอก”
   
“ผมไม่อยากอยู่คนเดียวอ่ะ อยู่คนเดียวแล้วซวยตลอดเลย"
   
กี้!!
   
“โอ๊ย!!”
   
ผมหลุดเสียงร้องออกเมื่อจู่ๆ ก็มีอะไรมาแทะขาผม อะไรเนี่ย ให้ผัวผมหล่อสักหนึ่งนาทีก็ไม่ได้เหรอวะ พูดไม่ทันขาดคำผมก็เจ็บตัวเลยอ่ะ
   
ผมหน้าบูดใส่เจ้ากระบอกที่ผมไม่รู้ว่ามันทำไมถึงเปียกทั้งตัว ซึ่งพอผมหันไปก็ถึงเห็นว่าเจ้าหมาป่าศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นจ้องกระรอกในมือผมตาวาวแล้วเลียปากมัน
   
“…”
   
เจ้ากระรอกถลึงตามองหน้าผมเคืองๆ แล้วร้องกี้ๆ แอ๊กๆ โวยวายออกมาไม่หยุด
   
“ดิออน หมานายแอบชิมกระรอกผมอ่ะ”
   
ผมเอาชายเสื้อตัวเองเช็ดตัวให้มัน ไม่รู้ว่ามันโดนเจ้าหมามันกลืนเข้าไปแล้วรอดออกมาได้รึเปล่า แต่ให้ตายเถอะ ถ้าเกิดตายคือผมตกรอบเลย แล้วแบบตกรอบเพราะผัวตัวเองมันก็ไม่ได้ไหมเนี่ย
   
ดิออนหัวเราะ
   
“ไม่หรอก”
   
ผมกำลังจะเถียงต่อเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กระรอกของผม แต่ก็ต้องพับความคิดไปเพราะจู่ๆ ก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาจากข้างนอก ผมเลยวิ่งออกไปชะเง้อตรงหน้าต่างอีกรอบ
   
กา! กา! กา!
   
ผมตาโตตอนที่เห็นอีกาเผือกบินอยู่บนอากาศ แสงสว่างสีทองเรืองรองแห่งความศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายออกมาจากตัวจนผมแสบตา
   
นี่ผมจะเอาปัญญาไหนไปจับเนี่ย
   
[ ปักษาสวรรค์ได้ปรากฏตัวออกมาแล้ว! พวกเจ้าสามารถร่วมมือกันเพื่อจับมัน! แต่จงจำเอาไว้ให้ดีว่าจะมีเพียงผู้เดียวที่จะเป็นผู้ชนะ! ]
   
เสียงของผู้อาวุโสดังกึกก้องไปทั้งสนามโดยมีเจ้าปักษาสวรรค์บินแถ่ดๆ ไปมาประกอบ
   
ผมขมวดคิ้วเพราะมันบินสูงมาก แบบต่อให้ผมใช้ธนูเป็น ผมก็ยิงไม่ถึงอ่ะ
   
“ดิออน หมานายบินได้ไหม”
   
ผมหันไปถามดิออนอย่างมีความหวัง อย่างน้อยมันใช้หมาหาผมเจอได้ก็น่าจะทำอะไรได้บ้างแหละ
   
“..ไม่ได้”
   
ผมคอตกแล้วก้มมอง ‘กระรอกบิน’ ในมือที่บินไม่ได้ ซึ่งตอนนี้มันก็จ้องผมตาแป๋ว
   
“แล้วนายอ่ะ บินไหมได้ไหม”
   
ผมถามมันทั้งๆ ที่รู้ว่ามันตอบไม่ได้ และผมก็อีกว่ากระรอกบินพวกนี้มันร่อนได้อย่างเดียว บินไม่ได้จริงๆ หรอก เฮ้อ
   
‘แต่นาย.. ใช้มันเป็นเหยื่อล่อได้นะ’
   
ผมสะดุ้งเฮือกเพราะอยู่ๆ ก็มีเสียงดังออกมาจากกระเป่าเสื้อผม และใช่ ผีขนมยังไม่ตาย! ดีนะที่ผมยังไม่กินเข้าไปอ่ะ ไม่งั้นผมได้ร้องไห้จริงๆ แน่นอน
   
ผมรีบเอาผีขนมออกมาให้ดิออนดู
   
“นายพูดว่าใช้กระรอกผมเป็นเหยื่อล่อเหรอ”
   
ผมเอากระรอกผมยัดใส่มือดิออนทันทีตอนที่มันทำท่าจะเขมือบผีขนมของผม
   
‘ใช่.. ปักษาสวรรค์ชอบกินกระรอกบิน’
   
“วิญญาณเด็ก?”
   
ผัวผมก็ฉลาดเหมือนเดิม เดาออกทันทีว่าอะไรสิงขนมของผมอยู่
   
“อื้อ”
   
ผมพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะเก็บขนมเข้าเหมือนเดิมตอนที่รู้สึกว่าพลังงานของมันหายไปแล้ว
   
“โอเค งั้นเดี๋ยวผมเอากระรอกผมล่อ ละนายก็ให้หมานายตะครุบตอนมันมานะ”
   
กี้!!!
   
เจ้ากระรอกแผดเสียดออกมาดังลั่น
   
“นี่นายฟังภาษามนุษย์ออกเหรอเนี่ย”
   
ดูเหมือนเจ้าขนฟูผมจะไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่คิดแฮะ แต่ให้ตายเถอะ ผมก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นไหมล่ะ
   
กี้!
   
มันถลึงตาใส่ผมแล้วร้องแอ๊กๆ ซึ่งน่าจะด่าผมที่ผมคิดจะเอามันไปเป็นตัวล่อ
   
“ผมก็จะไปล่อพร้อมนายอ่ะ นายตายผมก็ตกรอบอ่ะ ผมไม่ปล่อยให้นายตายหรอก ผมยังอยากกินขนมอยู่”
   
กี้!
   
เจ้ากระรอกตาวาวเมื่อได้ยินคำว่าขนม
   
“อะไร นายก็ชอบกินขนมเหรอ”
   
ผมตาวาวบ้าง
   
แอ๊ก!
   
“งั้นถ้านายล่ออีกานั่นได้แล้วเราชนะ ผมจะให้นายกินขนมจนพุงกางเลย เป็นไง สนใจไหม?”
   
ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนในชีวิตว่าผมจะได้มีโอกาสมายื่นข้อเสนอกับกระรอก เฮ้อ ชีวิตผมนี่มันต้องเจออะไรแปลกใหม่ตลอดเวลาเลยใช่ไหม ตั้งแต่ผีขนมละ
   
กี้!
   
เจ้ากระรอกกอดอกแล้วพยักหน้าให้ผมจนผมคิดอีกรอบว่านี่มันกระรอกแน่เรอะ แต่เอาเหอะ มันยอมตกลงก็ดีเพราะถ้ามันไม่ยอมผมก็ไม่รู้จะบังคับยังไงเหมือนกัน
   
“ดิออนว่าไงอ่ะ”
   
“ตามนั้น”
   
กี้!!!
   
“แล้วนายก็บอกหมานายด้วยว่าอย่ากินกระรอกผมอีก”
   
ผมเอาเจ้ากระรอกกลับมาอุ้มเหมือนเดิมซึ่งมันก็ซุกใส่ตัวผมแล้วขู่แอ๊กๆ ใส่หมาดิออนที่เดินมาหาไม่หยุด
   
และแน่นอน ใครจะรักผมเท่าดิออน ไม่มีหรอก
   
“อย่าแกล้งเขาอีก”
   
ดิออนหันไปสั่งหมาของมันอย่างว่าง่าย ทั้งๆ ที่เมื่อกี้บอกผมว่าหมามันไม่กินกระรอกผมหรอก แต่ก็นะ เมียขอร้องขนาดนี้ ดิออนจะใจแข็งได้ยังไงล่ะ
   
หงิง
   
เจ้าหมาร้องหงิงใส่หงอยๆ ดูเสียใจมากแต่ก็ยังไม่เลิกมองกระรอกผม
   
แอ๊ก!
   
เจ้ากระรอกผมโวยวายแล้วมุดเข้าไปหลบในเสื้อผมแล้วโผล่ออกมาแต่ตัว
   
“...พร้อมแล้วมั้ง”
   
ถึงจะดูแปลกๆ ไปหน่อย แต่ก็นะ ถึงเวลาที่ผมกับดิออนจะรวมพลังกันเพื่อที่จะชนะแล้ว!
   
มีผัวอยู่ด้วยไม่ว่าอะไร น้องครูซก็พร้อมลุยทั้งนั้น
   
กี้!
   
แล้วเจ้ากระรอกมาแย่งผมกี้ทำไมเนี่ย!

--------

 :katai4:   


   

   
   
   
   
   
   

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เอาใจช่วยทั้งน้องครูซและน้องกระรอก   :amen:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
หึๆ น่ารักๆกันทั้งนั้น

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1



เปิดพรี 15 กุมภาพันธ์ - 21 มีนาคม 2566

เริ่มจัดส่ง 25 เมษายน 2566

ช่องทางสั่งซื้อ (ลด10%) - เหลือ 450 บาท

https://shop.line.me/@wolfbooks/product/1003910131

รายละเอียดเล่ม : เนื้อหาหลัก 31 ตอน + ตอนพิเศษ 11 ตอน ( ที่ไม่ได้ลงในเว็ป 4 ตอน)

จำนวนคำ / จำนวนหน้า : 155k+ คำ / 440+ หน้า

ของแถม : ที่คั่นหนังสือลายปก , โปสการ์ดลายปก , จิบิไดคัทน้องครูซแงๆ กับดิออนงง


ใจหายเหมือนกันที่เรื่องนี้จบแบบจริงๆ แล้ว แต่ก็อยากให้อุนแม่ๆ น้องครูซได้จับเล่มกันสักที

ขอบคุณที่ติดตามกันมาอย่างยาวนานและสนับสนุนมากๆ นะคะ ไม่ว่าใครก็ตามเลย 

ดีใจที่ทุกคนชอบน้องครูซกันนะคะ กี้!   :mew1:

 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Sunset and Eeyore

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น้องน่ารักมากเลย เดี๋ยวจะไปจองเล่มนะคะ แต่แอบอยากให้ดิออนบทเยอะกว่านี้ ในเล่มจะมีเพิ่มมั้ยนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด