▪▪▪อมยิ้มสื่อรัก▪▪▪||ตอนที่ 12.2 || 27-6-18 P.3 {จบแล้ว}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▪▪▪อมยิ้มสื่อรัก▪▪▪||ตอนที่ 12.2 || 27-6-18 P.3 {จบแล้ว}  (อ่าน 19694 ครั้ง)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :sad11:

อ๋าาาาา

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
รู้สึกความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงหน่อยๆ
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วววว

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 4 รู้ใจตัวเอง (2)







"เออ กูเห็นด้วยว่ะชิน มึงควรมีเพื่อนกลับบ้านนะ" พี่แท็คเสริม

"ไม่ต้อง กูขี้เกียจต้องมารอส่งน้องขึ้นแท็กซี่กลับบ้านอีก"

"พี่ก็ให้ผมนอนบ้านพี่สิครับ ตอนเช้าผมค่อยกลับ"

"ชิเห็นด้วยกับตินะคะ พี่ชิน"



    ผมมองพี่ชินที่ไม่ให้คำตอบว่าผมต้องไปหรือเปล่า? เขาถอนหายใจก่อนจะลุกไปทันที

   
    ทุกคนส่งสายตากดดันมองมาที่ผม ผมพยักหน้ายกมือไหว้ร่ำลาพวกพี่ๆแล้ววิ่งตามไป


"พี่ชินครับ" ผมวิ่งไปจับต้นแขน พี่ชินสะดุ้งตกใจและสะบัดแขนออก
   
"มาทำไม คุณกลับไปเถอะ"

"ไม่ครับ"

"เอ้ะ! ก็บอกให้กลับไปไง"

"ไม่!...เพราะผมเป็นห่วงพี่ เมื่อไหร่พี่จะเลิกผลักไสผมสักทีวะ?"


   ผมโมโห ตวาดใส่ พี่ชินหยุดเท้า ชะงักไป ผมที่รู้ตัวว่าเผลอใส่อารมณ์ รีบไปดักหน้าและโค้งหัว ขอโทษ


"ผมขอโทษนะครับพี่ชิน แต่ผมไม่สบายใจที่...พี่"

"ถ้าคุณจะไปก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก" 


   ผมเดินตามเขาไป จนกระทั่งถึงรถยนต์คันงาม ผมสอดตัวเข้าไปในรถ นั่งเงียบๆและไม่ยุ่งย่าม ถามอะไรเพื่อให้พี่ชินไม่อึดอัดใจกว่าเดิม
 

   แม้ว่าเราจะไม่ได้คุยกันเลยจนมาถึงบ้านพี่ชิน แต่ผมก็ดีใจที่พี่ชินยอมให้ผมมาเป็นเพื่อน


    พี่ชินเปิดไฟชั้นล่างสว่างโร่ ผมสอดส่องมองทั่วบ้าน ด้วยความสงสัย


"พี่ชินอยู่คนเดียวหรอครับ?"

"อืม"


    ผมตาโต พี่ชินไม่เหงาบ้างหรอ? ที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวแบบนี้ ผมฉงนใจแต่ก็เดินขึ้นบันไดตามไปจนหยุดที่ชั้นสอง



"คุณนอนห้องนี้ก็ได้นะ"
พี่ชินชี้ห้องสุดทางเดิน


"แล้วพี่ชินนอนห้องไหนครับ?"

"ผมนอนชั้นสาม"

"ผมนอนกับพี่ได้ไหม?"

"อะไรของคุณเนี่ย"

"คะ...คือ ผมกล้วผีน่ะครับ"


       ผมมองพี่ชินที่ทำหน้าเหนื่อยหน่ายก่อนจะลอบถอนหายใจ



"คุณนี่มัน!!....ตามผมมา" 



      ผมอมยิ้ม ผมรู้แล้วล่ะว่าพี่ชินน่ะ ที่แท้ก็เป็นคนปากร้ายใจดีนี่เอง...

       
      เมื่อถึงห้องนอนของพี่ชิน เปิดประตูเข้าไปก็พบกับห้องสีขาวล้วนตัดกับสีไม้ธรรมชาติจากเฟอร์นิเจอร์ มีความเรียบง่าย สไตล์มินิมัล ในห้องนอนพี่ชินมีแค่เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง มันโล่ง กว้าง สบายตา น่าอยู่ ผมยืนอยู่ตรงประตูห้องนอน พี่ชินยื่นผ้าขนหนูมาให้

"คุณลงไปอาบน้ำชั้นสองนะ ผมจะอาบที่นี่ หวังว่าคงอาบคนเดียวได้นะ"

     พูดแบบนี้เข้าทางผมมากๆ


"ไม่ได้ครับ ผมกลัวผี  ขออาบน้ำกับพี่ด้วยคนได้ไหมครับ?" ผมยิ้มกวนประสาท

"ตลกละ ถ้างั้นก็ไม่ต้องอาบ"


     ผมเห็นพี่ชินทำหน้าระอาใส่ แต่ผมกลับยิ้มกว้างอย่างมีความสุข


     ผมอาบน้ำไม่นานก็เดินขึ้นมารอพี่ชินในห้องนอนของเขาในสภาพที่มีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวพันไว้อย่างหมิ่นเหม่ เพราะผมไม่มีเสื้อใส่นอน เดี๋ยวถ้าพี่ชินออกมาจากห้องน้ำแบ้วผมค่อยขอ

    พอได้อาบน้ำก็สดชื่นขึ้นมาหน่อย แม้จะมีอาการมึนๆตกค้างอยู่บ้าง


    ผมรอพี่ชินที่ยังอาบน้ำไม่เสร็จ ยืนมองหุ่นตัวเองอยู่หน้ากระจกเงา โชคดีที่ผมเป็นคนชอบออกกำลังกาย เลยทำให้รูปร่างของผมสมส่วน เห็นกล้ามท้องรำไร แม้มันจะไม่คมชัด กล้ามเป็นลอนๆเหมือนพวกนายแบบแต่ผมก็ภูมิใจในหุ่นของผม รวมไปถึงสีผิวของผมที่แม้จะเป็นผิวแทนดั่งชายไทยแท้ ไม่ขาวสว่างเหมือนดาราชายเกาหลี แต่ผมก็รักในแบบที่ตัวเองเป็น


     ผมยืนมองตัวเอง สักพักผมได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด ผมหันไปเห็นพี่ชินนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวเช่นเดียวกัน ผมจ้องไม่กระพริบตากับผิวที่ขาว ผุดผ่องเป็นยองใย พี่ชินหลุบสายตาลงต่ำ หน้าแดง


"ทำไมคุณไม่ใส่เสื้อผ้า!"


    ผมไม่ตอบพี่ชิน เพราะมัวแต่เพ่งมองผิวกายอีกฝ่าย แต่แล้วผมชะงัก เมื่อเห็นความผิดปกติบนผิวนั้น

"คะ...คุณจะทำอะไร? ไปแต่งตัวสิ"

  พี่ชินตกใจ เมื่อเห็นผมเดินย่างสามขุมเข้าไปหา เขาถอยหลังกรูดจนแผ่นหลังติดผนัง


    ผมหน้าเครียด ไม่สนคำที่พี่ชินพูด สายตามองหยดน้ำเกาะพราวทั่วผิวกาย ก่อนจะไล้ปลายนิ้วแตะตามรอยแดงอมเขียวหลายขนาดที่ต้นแขน ต้นคอ และหัวไหล่


   ร่องรอยของการทำรักและรอยของการใช้กำลัง...

   
    ไอ้เหี้ยนั่น!!!...


"มันทำอะไรพี่?"

"ไม่ใช่เรื่องของคุณ"

"พี่ชิน!!! ผม-ถาม-ว่า-มัน-ทำ-อะไร-พี่?"
ผมเน้นเสียงหนัก ย้ำไปทีละคำ ผมโกรธไอ้ลูกครึ่งนั้น กำมือตัวเองแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

    มันทำให้พี่ชินเจ็บ...


"เราแค่ทะเลาะกันนิดหน่อย เลยพลั้งมือกันน่ะ"

"แล้วทำไมมันต้องใช้กำลังกับพี่?"


"ช่างมันเถอะ! ...ผมไม่อยากใส่ใจแล้ว เดี๋ยวผมหาเสื้อผ้าให้ใส่นะ"
ผมมองคนเปลี่ยนเรื่องผละจากผมไปที่ตู้เสื้อผ้า

"ถ้าพี่ไม่บอกไม่เป็นไร ผมแค่อยากให้พี่รู้ไว้ว่าผมเป็นห่วงพี่"


     ผมจะไม่ชวนพี่ชินทะเลาะ ผมไม่ใช่แฟนเขา ผมไม่มีสิทธ์ยุ่งเรื่องส่วนตัว

   
     ผมรับเสื้อผ้าจากพี่ชินมาสวมใส่ ถือวิสาสะ ลงไปชั้นล่าง เปิดตู้เย็นดู ผมเทน้ำแข็งใส่ถุงพลาสติก ห่อด้วยผ้าขนหนูทำที่ประคบในแบบบ้านๆของผม

    ผมถือมันขึ้นไปก็เห็นพี่ชินแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว


"คุณนอนฝั่งนั้นนะ" พอพี่ชินเห็นผม เขารีบพูดขึ้นและชี้ไปยังที่นอนอีกฝั่งโดยกลางเตียงมีหมอนข้างวางไว้ ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพี่ชินแล้วถาม


"พี่รังเกียจผมขนาดนี้เลยหรอ?"

"ปะ...เปล่า"

"ผมจะเชื่อได้ยังไงครับ? ดูสิ ถึงกับขนาดเอาหมอนมาคั่นไว้ ถ้าพี่ไม่สบายใจ ผมลงไปนอนห้องข้างล่างก็ได้ครับ"


"ไม่ใช่ไม่สบายใจ แต่ผมเป็นคนนอนดิ้นน่ะ คือ ผมกลัวจะดิ้นไปโดนคุณ"

     ผมเห็นอีกฝ่ายตอบไม่เต็มเสียง

"ไม่เห็นเป็นไรเลยครับพี่ชิน ถ้างั้นผมขอเอาหมอนออกนะ" ผมเห็นเขาออกอาการตกใจ ผมยื่นมือไปแตะหลังมือเขา รีบพูดดัก ก่อนที่จะโดนเถียงกลับ

"ผมประคบแผลให้พี่ก่อนนะ"  ผมพูดพร้อมยกหลักฐานที่อยู่ในมือชูให้ดู


"ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องลำบากหรอก"

"แผลจะได้หายไวๆนะครับ นี่ผมอุตส่าห์ลงไปทำมาให้พี่เลยนะ"



    พี่ชินพยักหน้า

"กะ..ก็ได้"

"แต่พี่ต้องปลดกระดุมก่อน ไม่งั้นผมประคบให้ไม่ได้"

     ผมแอบยิ้มที่เห็นพี่ชินหน้าแดง เขาปลดกระดุม แบะเสื้อเชิ้ต เปิดไหล่ เผยผิวขาวเนียนให้ผมได้ทำการรักษา


     ผมและเขานั่งหันหน้าเข้าหากัน ผมเห็นพี่ชินกัดปาก ทำหน้าเหยเกตอนที่ผมวางที่ประคบเย็นลงไป


"เจ็บหรอครับ?"

"นิดนึง"


"ถ้าผมอยู่ด้วย พี่ก็คงไม่มีรอยช้ำแบบนี้หรอก"
ผมแแซว ก็รู้หรอกว่าถ้าพูดแบบนี้ออกไป อีกฝ่ายต้องถามกลับแน่ๆ

"คุณคิดว่า คุณจะสู้เขาได้หรือไง?"


"แล้วใครบอกจะสู้ล่ะ ผมจะพาพี่วิ่งหนีต่างหาก"
ผมปล่อยมุกจนอีกฝ่ายหลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะทำเป็นเก็กขรึม กลั้นขำ

     
    การได้แอบชอบใครสักคน แล้วได้อยู่ใกล้ มันทำให้ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก แค่ผมได้อยู่กับพี่ชินสองต่อสอง มันก็เกินความคาดหวังของผมแล้ว


    ผมวางที่ประคบบนรอยช้ำ ปล่อยทิ้งไว้สักพัก ก็คิดไปพลางๆ ทำไมพี่ชินถึงโสดมาได้ถึงป่านนี้

    ผมนั่งมองใบหน้าเขาอย่างพิจารณา ดวงตากลมโต ขนตางอนยาวและหนาเป็นแพ แก้มเนียน จมูกโด่ง เลื่อนสายตาจนมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากของเขา


"พี่ชินรู้ไหมครับ? ว่าเวลาพี่ยิ้ม พี่หัวเราะ มันสดใสมากเลยนะ"

"แล้วไง?"

"อ้าว...ก็แล้วทำไมพี่ไม่ยิ้มบ่อยๆล่ะครับ"
ผมเอียงคอถาม

"ไม่เห็นจำเป็น"

"จำเป็นสิครับ พี่รู้ไหม? ผมชอบเวลาพี่ยิ้มนะ" ผมบอกตามความจริง พี่ชินจ้องผมกลับ


"ชอบแค่ตอนยิ้ม?"  ผมเห็นอีกฝ่ายเลิกคิ้วถามทำหน้ากวนประสาท

     จากที่ผมแซวเล่นๆก่อนหน้า เปลี่ยนมาโหมดจริงจัง จ้องตาเขาอย่างสื่อความหมาย


"ก็ชอบทุกตอนล่ะครับ แต่พี่ชินไม่รู้เอง"


     ผมเห็นเขาชะงัก ผมสบตากับคนที่ผมชอบ ผมตื่นเต้น ผมใจสั่น

     ตอนนี้ เหมือนมีใครหยุดเวลาเอาไว้ อัตราการเต้นรัวของหัวใจผมเร็วขึ้นหลายเท่า เมื่อผมเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ จนปลายจมูกชนกัน ผมเอียงหน้าในองศาที่พอเหมาะเพื่อจะจูบ ริมฝีปากของผมสัมผัสกับริมฝีปากล่างพี่ชิน

    ริมฝีปากของเราทั้งสองแตะกัน ชั่วขณะ ผมเหมือนจะขาดอากาศหายใจ ทว่า...

"คุณเมาแล้วแน่ๆ พอก่อนเถอะ...ขอบคุณมากนะที่ทำแผลให้"

   
    อีกฝ่ายผละจากผมทิ้งตัวลงนอนตะแคงข้าง ปล่อยให้ผมนั่งนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก

    นี่ผมเกือบทำอะไรลงไปวะ? ผมจะจูบพี่ชิน ผมลุกไปห้องน้ำ วางที่ประคบลงบนอ่างล้างหน้า ยืนมองตัวเองตรงหน้ากระจกเงาทั้งๆที่ยังใจเต้นแรงไม่หาย


    พี่ชินเข้ามามีอิทธิพลกับผมมากเกินไปแล้ว แค่ผมได้มีโอกาสอยู่กับเขาสองต่อสอง ผมก็เกิดมีอารมณ์แห่งรัก ฮอร์โมนพุ่งพล่าน จนเผลอจะทำมิดีมิร้าย

     ผมยืนสงบสติอารมณ์ หักห้ามใจตัวเองอยู่ในห้องน้ำ ผมเป็นผู้ชาย เรื่องของเซ็กซ์ผมเองก็ยังมีความต้องการเฉกเช่นผู้ชายทั่วไป

    ผมจะทำยังไงดี ตอนนี้ ผมไม่กล้านอนเตียงเดียวกับเขา เพราะผมรู้ว่า ถ้าผมได้นอน ข้างพี่ชิน ผมรู้ว่า มันจะเกิดอะไรขึ้น!!!...


     
..................................
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-04-2018 21:50:14 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ก็ลองทำตามที่คิดสิ เผื่อฟลุค 555

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
  ตอนที่ 5 เพื่อเพื่อน




 
   ผมตื่นมารับเช้าของวันใหม่ พลิกตัวตะแคงมองที่ข้างๆซึ่งไร้ร่างของใครบางคนนอนอยู่



    หยัดกายลุกขึ้นนั่งอย่างแปลกใจที่พี่ชินตื่นไว ผมนั่งนิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผมอารมณ์สงบลงได้ โดยที่พี่ชินก็ปลอดภัย ผมอายที่จะบอกว่าผมใช้ห้องน้ำพี่ชินเป็นพื้นที่แห่งการปลดปล่อย ระบายออกมาด้วยการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวของผมเอง


     ผมไม่สามารถล่วงเกินพี่ชินได้หรอก มันน่าเกลียดเกินไปที่จะทำเช่นนั้น เพราะพี่ชินยังไม่รู้ว่าผมชอบ อีกอย่าง ผมก็ไม่รู้ว่าเขาชอบผมรึเปล่าด้วย? หากผมจะมีเซ็กซ์กับใคร ผมอยากให้มันเกิดจากความรักที่ใส่รายละเอียดและความตั้งใจร่วมกันของทั้งสองฝ่าย มากกว่าเซ็กซ์ฉาบฉวย ต้องการความสนุก หรือแค่เอามันส์ทางอารมณ์เท่านั้น
   

      ผมไม่ได้อาบน้ำ แค่ล้างหน้า แปรงฟัน เสร็จแล้วผมออกมาจากห้องน้ำ ผมย่นจมูกฟุดฟิดเหมือนได้กลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนนมหรืออัลมอนด์อะไรเทือกๆนี้  ผมหยุดตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งถึงเห็นครีมทาผิวขวดใหญ่วางตั้งอยู่


"อื้อหืม!...ดีนะที่พี่ไม่ได้ทาเมื่อคืน ไม่งั้นมีหวัง ผมอดใจไม่ไหว เผลอปล้ำพี่แน่ๆ" ผมพึมพำคนเดียว



      สำหรับผม การได้กลิ่นหอมอ่อนๆมันมีผลและกระตุ้นต่อมความอยากของผมพอสมควร ถ้าพี่ชินใช้ ผมคงข่มใจอย่างหนักและมันก็คงทรมานมากเสียด้วย
 

     ผมเดินลงบันไดถึงชั้นล่าง กวาดตามองไปหยุดทางครัวก็เห็นพี่ชินยืนง่วนทำอะไรสักอย่างในครัว

 
     ยืนมองแผ่นหลังพี่ชินและยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ ผมเป็นเอามาก ผมเพ้อ ผมบ้าอยู่คนเดียว ที่จินตนาการไปว่า ภาพตรงหน้ามันเหมือนแฟนทำอาหารให้กันอย่างไรอย่างนั้น


    ผมไม่คิดว่าผมจะได้มีโอกาสเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของพี่ชินขนาดนี้


     ก้าวยาวๆไปยืนขนาบข้าง เอียงหน้าถาม


"พี่ชินทำอะไรน่ะครับ"

"เฮ้ย! ตกใจหมด ทำไมมาไม่ให้สุ้ม ให้เสียง"

"อ้าว! นี่ไงครับพี่ ที่ผมพูดก็มีเสียงแล้วนะ"

"เดี๋ยวเถอะ กวนละนะ"


"แหะๆ แล้วนี่พี่ทำแซนด์วิชอยู่หรอครับ?"

"ทำวุ้นมะพร้าวมั้ง?"

"หืม! พี่ชินว่าแต่ผม ดูตัวเองก็กวนเหมือนกันแหละ แล้วนี่ทำเผื่อผมบ้างหรือเปล่านะ?"
ถามเสียงอ้อนจนพี่ชินเอียงหน้ามามอง

"คุณเห็นผมเป็นคนใจร้ายขนาดนั้นรึไง มีแขกมาบ้าน ผมก็ต้องดูแลสิ"


    ผมมองคนที่มุ่งมั่นกับการจัดผักกาดหอม ทูน่า วางแฮมลงบนแผ่นขนมปังโฮลวีท


    แล้วจะไม่ให้ผมชอบพี่ชินได้ยังไง พี่ชินเป็นคนน่ารัก เอาใจใส่คนอื่นขนาดนี้


"ดีพร้อมขนาดนี้ ทำไมถึงโสดล่ะครับ"

"คุณรู้ได้ไงว่าผมโสด?"
หันขวับมาหาผม

"โธ่...ผมมีสายสืบนะครับ"

"ไอ้แท็ค?"


     ผมลอยหน้า ลอยตา แต่ผมก็รู้หรอกว่าพี่ชินฉลาด ถึงหลุดส่ายหน้าระอาและบ่นเพื่อน


"พี่ไม่มีแฟน แถมอยู่บ้านคนเดียวแบบนี้ ไม่เหงาหรอครับ?"

"ก็มีบ้าง"


     มองคนที่ตอบแต่ไม่มองหน้า เอาแต่มองผลงานของตัวเองที่ทำใกล้จะเสร็จ


"ถ้าพี่ไม่อยากเหงา ให้ผมเข้าไปอยู่ในหัวใจพี่สิ"


     มือที่กำลังหั่นแซนด์วิชชะงัก


"คุณเมาค้างหรือไง? เพี้ยนใหญ่แล้ว"

"ไม่ได้เมา... ผมพูดจริงๆนะครับพี่ชิน"
ผมรุกหนัก แต่พี่ชินก็ยังทำเฉย ไม่สนใจ มิหนำซ้ำ โบกมือไล่ผมอีก


"ผมทำเสร็จแล้วล่ะ ไป...นั่งไป ผมเบื่อฟังคุณพูดจาอะไรเลอะเทอะ"


"ใจร้าย" บ่นอุบ ก่อนจะเดินตามไปนั่งข้างๆพี่ชิน อีกฝ่ายปรายตามอง คงสงสัยว่าทำไมไม่นั่งฝั่งตรงข้าม


     ผมกัดแซนด์วิชคำแรกก็รู้สึกถึงความอร่อย เพราะมันเป็นแซนด์วิชที่ทำจากคนที่ผมชอบ


      ผมเคี้ยวตุ้ยๆ จากนั้น ผมถามต่อ


"พี่ชินครับ กว่าจะไปห้องพี่แท็คก็ตั้งเย็นแหนะ ผมขอนั่งเล่นบ้านพี่ก่อนได้หรือเปล่า?"

"นี่คุณเป็นเด็กขาดความอบอุ่นหรือไงกัน?" 
ถามหน้านิ่ง ผมยิ้ม ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย

"ใช่ครับ ผมขาดความอบอุ่น พี่ชินช่วยมาเติมความอบอุ่นให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?"


     พี่ชินอึ้งตะลึงงันที่ผมรุกหนักสองครั้งติดกัน ทั้งหมดทั้งมวล ที่ผมตั้งใจโยนมุกเสี่ยวเชิงหมาหยอกไก่ เพื่อให้มันเเป็นเรื่องตลกขบขัน พี่ชินจะได้ไม่เกร็งที่จะอยู่ด้วยกัน แต่ความเป็นจริงๆลึกข้างในนั้นผมก็ต้องการอยากให้เป็นอย่างที่พูด


      ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก ?


      พี่ชินยังเงียบ แต่ใบหน้าแดงแจ๋ ทั้งที่ปากก็คาบแซนด์วิชคาไว้


"พี่ชินเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?"

"ฮะ...ปะ...เปล่า"



   อีกฝ่ายหลุบตาลงต่ำ ตั้งหน้าตั้งตากินแซนด์วิชแบบตั้งใจมากจนผิดสังเกต


"ผมถามหน่อยสิ ทำไมพี่ชิน ไม่เรียกชื่อผมแบบคนอื่นๆล่ะ? ผมชื่อ 'ติ' นะครับ"

"ขอโทษที ผมชินปาก"

      ผมกระเถิบเข้าไปใกล้พี่ชินอีกหน่อย โน้มตัวกระซิบ

"ผมว่าพี่เลิกเรียกคุณเถอะ...มันดูห่างเหิน แต่ถ้าพี่ไม่ถนัดเรียกชื่อ จะเรียกผมว่าที่รัก ผมก็ยินดีนะ"  ยิ้มนิดๆพลันเหลือบมองคนที่พอผมพูดจบ หันขวับ ทว่า เป็นจังหวะที่ริมฝีปากพี่ชินเฉียดแก้มผมโดยไม่ได้ตั้งใจ


     ชั่วขณะนั้น!...


"โอ้ย พี่ชิน!"


   ก็ไม่นึกว่าจะเป็นคนตกใจได้รุนแรงขนาดนี้ พี่ชินผลักผมจนตกเก้าอี้ แถมแซนด์วิชที่เหลือคำสุดท้ายก็หล่นใส่เสื้อผ้าผมจนเปรอะเปื้อน


"อะ...เอ่อ ผมขอโทษ ผมตกใจ ก็คุณยื่นหน้ามาใกล้ทำไมล่ะ"


    พี่ชินวางแซนด์วิชลงบนจาน ย่อตัวลงมาหาผมหวังจะช่วยประคอง  ผมยึดต้นแขนเขาพยุงตัวลุกขึ้นยืน มืออีกข้างที่ว่างพลางลูบก้นตัวเองที่มันเริ่มเจ็บและปวด


"ผมขอโทษ"

"เจ็บจัง แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ  ผมผิดเองที่จะแกล้งพี่"


"...ถ้าคุณไม่ได้เป็นอะไร ผมขึ้นห้องก่อนนะ"

"อ้าว...พี่ชินทิ้งผมเลยหรอ?"
   


     ไม่ตอบแต่เดินหนีไปหน้าตาเฉย ผมยืนงงเป็นไก่ตาแตก


"อะไรของเขาวะ?"


     จากนั้น ผมขึ้นไปอาบน้ำ พอแต่งตัวเสร็จก็ลงมานั่งเล่นข้างล่าง ผมยังปวดบั้นท้ายไม่หาย คนอะไร ตกใจได้น่ากลัวชะมัด


    ผมนั่งอยู่คนเดียว เพราะพี่ชินบอกว่ามีงานสำคัญต้องเคลียร์ เขาไม่อยากเสียสมาธิและให้ใครรบกวน รวมไปถึงเรื่องรอยช้ำก็บอกว่าจะทำแผลเอง ผมจึงต้องนั่งเปื่อยๆ รอแกข้างล่าง


     เมื่อถึงเวลาที่ต้องออกเดินทาง ก่อนไปคอนโดพี่แท็ค ผมรบกวนให้พี่ชินแวะไปห้องผมก่อน เพราะผมต้องเอาของให้บัดดี้ ผมให้พี่ชินขึ้นไปเป็นเพื่อนกัน แต่รอแค่หน้าห้อง เพราะผมอายห้องตัวเองที่ไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่


    เข้าห้องไปไม่นาน ผมเดินออกมาพร้อมช่ออมยิ้มที่ผมตั้งใจทำมันอยู่เกือบอาทิตย์ ผมบรรจงจัดช่ออมยิ้มให้เหมือนช่อดอกไม้ มันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ได้รูปทรงเป็นช่อสวยสดงดงาม


    สิ่งสำคัญ คือ ผมแนบการ์ดบอกความในใจว่าชอบเขาไปด้วย


    ถ้าพี่ชินได้อ่าน เขาจะรู้ความรู้สึกของผม


    ผมยื่นช่ออมยิ้มให้พี่ชิน


"ผมไม่อยากให้ต่อหน้าคนอื่น คือ ผมว่ามันตลกๆน่ะครับ"


     พี่ชินรับช่ออมยิ้มของผมไปแบบคนทำหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่



"ขอบคุณ แต่คุณไม่คิดจะให้อย่างอื่นบ้างหรอ?"

"พี่อยากได้อะไรล่ะครับ เดี๋ยวผมเก็บเงินซื้อให้?"



     ผมเห็นพี่ชินหลุดหัวเราะ


"โถ! พูดซะน่าสงสารเลยคุณ ผมล้อเล่นน่ะ"

"ฮ่าๆ เพื่อพี่ชินบอกมาเถอะ ผมทำได้"

"ช่างมันเถอะ"

"พี่ชินอย่าลืมอ่านการ์ดนะครับ"
ผมย้ำ


     พี่ชินพยักหน้า เขาก้มมองช่ออมยิ้มและมองผมอีกครั้ง


"ขอบคุณมากๆนะ"

   
     รอยยิ้มจริงใจเผยออกมา ทำผมเกาจมูกแก้เก้อ ผมรู้สึกว่าพี่ชินดูมีความสุขกับสิ่งที่ผมทำให้ ในขณะที่เราสองยืนอยู่หน้าห้องของผมนั้น


      เครื่องมือสื่อสารของผมแผดเสียงดังขึ้น



"ว่าไงวะ "


[มึงอยู่ห้องหรือเปล่า?]

"อยู่"

[เออ กูกำลังขึ้นไปหานะ]

"เฮ้ย! มึงแม่งเป็นอย่างนี้ทุกทีเลยว่ะ ชอบถึงก่อน แล้วเพิ่งโทรมาบอกกู"
 
[กูขอโทษ กูเบื่อๆว่ะ ทะเลาะกับแม่มาน่ะ]

"เออๆ มึงไม่ต้องขึ้นมากูกำลังจะลงไป ค่อยคุย"


   ผมกดวางสายแล้วหันไปหาพี่ชิน


"พี่ชิน ผมมีลางสังหรณ์ว่าจะอดไปห้องพี่แท็คแน่ๆเลย"

"ทำไมล่ะ"

"เพื่อนผมทะเลาะกับแม่มัน ผมต้องอยู่กับมันน่ะครับ"

"ไม่เป็นไร คนอย่างไอ้แท็ค เดี๋ยวมันก็หาเรื่องดื่มได้อีกแหละ"


    ผมพยักหน้าเดินลงไปพร้อมพี่ชิน เห็นไอ้วุฒินั่งรอ ข้างๆมันมีกระเป๋าเป้ใบใหญ่ คงหนีไม่พ้นมานอนห้องผมอีกแน่ๆ


    พอวุฒิเห็นผม มันลุกพรวดขึ้นมา ทว่า มันชะงักไปครู่ เมื่อเห็นพี่ชิน ผมจ้องมันที่ยืนมองพี่ชินตาไม่กระพริบ ผมรู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก


"ไอ้ติ กูขออยู่กับมึงสักระยะนะ"

"เออ...เอาดิ"
มันคุยกับผม แต่ตามันเหล่มองพี่ชินเป็นระยะๆ จนผมต้องแนะนำตัวให้ทั้งสองรู้จักกัน

"จริงๆ วันนี้ กูไม่ว่างนะเนี่ย ต้องไปกินเลี้ยงกับพวกพี่ที่ออฟฟิศ!"

"เฮ้ย! มึงก็ไปกินเหอะ กูขอแค่กุญแจห้องก็พอ"


    ผมทำหน้าลังเล ใจหนึ่งก็อยากอยู่กับพี่ชิน แต่อีกใจก็เป็นห่วงเพื่อนที่มันเจอะปัญหามา
 
 
    ผมเคยบอกว่าผมมีเพื่อนสนิทสามคน วุฒิ เป็นหนึ่งในนั้น มันเป็นเพื่อนผมตั้งแต่มอต้นและมันเป็นเพื่อนที่ดีใช้ได้


    เคยมีครั้งหนึ่ง สมัยเรียนมอปลาย พวกเราโกหกพ่อ-แม่ หนีไปเที่ยวทะเล คราวนั้นผมเป็นตะคริวตอนเล่นน้ำ ก็ได้วุฒินี่แหละที่ช่วยชีวิตผมไว้ ทั้งๆที่คราวนั้นตัวมันเองก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด


    หลายต่อหลายครั้ง ที่มีเรื่อง มีปัญหา วุฒิคอยช่วยเหลือผมตลอด เพราะพวกเราไม่เคยทอดทิ้งกัน พอถึงคราวมันมีปัญหา ผมถึงไม่เคยปฏิเสธที่จะยื่นมือเข้าไปช่วย


    ที่สำคัญ วุฒิเป็นผู้ชายที่หล่อ นิสัยดี และก็อยู่ในสถานะเดียวกันกับผมตอนนี้ คือ โสด


    วกมาอยู่กับความคิดในปัจจุบัน ผมมองหน้าพี่ชิน เพราะผมหาคำตอบให้ตัวเองได้แล้ว


"ขอบคุณนะครับพี่ชิน ที่มาส่ง ผมขออยู่กับเพื่อนแล้วกัน ส่วนเรื่องพี่แท็ค เดี๋ยวผมโทรไปขอโทษเอง"


"ได้ ถ้างั้นผมไปก่อนนะ" พี่ชินยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ผมดีใจจนใจไหวหวั่น


    ผมกับเพื่อนร่ำลาคนอายุมากกว่า จนกระทั่งพี่ชินลับตาไปไกล


"ใครวะ แฟนมึงหรอ?"

"เปล่า พี่ที่ทำงานน่ะ"

"โสดหรือเปล่า?" คำถามของเพื่อนทำผมใจตกระตุก

"โสด...มึงถามทำไมวะ?"

"กูชอบว่ะ"


 
     ชะงักงันราวกับถูกแช่แข็ง ผมพูดอะไรไม่ออก จนกระทั่ง วุฒิมาเขย่าแขนผม

 
"มึงมีเบอร์พี่เขาหรือเปล่า? กูขอหน่อยดิ"

"เอ่อ...ไอ้วุฒิ มึงแน่ใจว่าจะจีบพี่เขาหรอ? คะ..คือ...กูไม่เห็นมึงจีบใครนานแล้วนะ"

"แน่ใจ กูชอบพี่เขาจริงๆว่ะ พี่เขามีเสน่ห์ ไม่รู้ดิเห็นแวบแรก แม่งใจสั่น"

"แต่มึงเพิ่งเจอเขาครั้งแรก และมึงยังไม่รู้จักนิสัยใจคอเขาดีพอเลย มึงจะชอบเขาได้ยังไง"

"เอ้า! ไอ้ห่าติ ก็ถ้ากูไม่ทำความรู้จักเขาให้มากกว่านี้ กูจะรู้จักนิสัยใจคอเขาไหมล่ะ กูถึงต้องขอเบอร์จากมึงนี่ไง"


    ผมถึงทางตัน ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรมาพูดได้อีก


    ยอมรับว่าหนักใจพอสมควร ถ้าวุฒิจะเป็นเพื่อนที่นิสัยแย่หรือเลวสักหน่อย ผมคงยืนกรานไม่ให้มันได้สานต่อกับพี่ชินแน่นอน แต่เพราะมันมีบุญคุณกับผม ผมก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง


"เอ่อ กูขอโทรถามพี่ชินก่อนแล้วกันว่าเขาโอเคหรือเปล่า?"


     ความรู้สึกลัลล้าก่อนหน้าได้อันตรธานหายไป ผมซึมกระทืออย่างบอกไม่ถูก ยืนกดตัวเลขเพื่อโทรไปหาพี่ชิน


"พี่ชินครับ"

[มีอะไรหรือเปล่า?]

"คะ...คือ...อะ..เอ่อ...เพื่อนผมที่พี่เห็นเมื่อกี้น่ะ มันชอบพี่ครับ ผมเอาเบอร์พี่ให้มันได้ไหม?"

[แล้ว...ติคิดว่าไงล่ะ?] ผมใจกระตุก เจ็บแปลบ ยืนเหงื่อแตกเมื่อเพื่อนผมกดดันทางสายตา

"คะคือ...พี่ก็โสด น่าจะลองเปิดโอกาสให้คนใหม่ๆได้เข้ามาทำความรู้จักพี่มากขึ้น พี่ชิน อย่าปิดกั้นตัวเองเลยครับ"



     ปลายสายเงียบไปนาน ผมขอบตาร้อน เดินห่างจากเพื่อนเล็กน้อย มือที่กำโทรศัพท์มือถืออยู่เกิดสั่นขึ้นมา


[ถ้าติคิดว่าพี่ควรให้โอกาส พี่ก็จะทำ...ติเอาเบอร์พี่ให้เพื่อนไปเลย]


     ทำไมผมถึงอยากร้องไห้ล่ะ ผมอยากได้คำตอบจากพี่ชินแบบไหนกันแน่?

     แบบที่พี่ชินควรตอบว่า...


     พี่ไม่ให้หรอก เพราะพี่ชอบติอย่างนี้หรอ?

   
    ผมหวังแบบนั้น ผมผิดไหม?


"ขอบคุณครับพี่"


    ผมใจหาย วางสายเสียงสั่น หันไปมองเพื่อนและฝืนยิ้มกว้าง ตบบ่าเพื่อนสองที


"พี่เขาโอเค เดี๋ยวมึงลองโทรไปคุยดูแล้วกัน พี่ชินนิสัยดีด้วย"

"ขอบใจนะมึง ปะเหอะ...ขึ้นห้องกัน กูมีเรื่องอยากปรึกษามึงเยอะเลยว่ะ"


    ผมยิ้มพยักหน้ารัว

 
    ถ้าผมรู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ ผมจะบอกมันไปตั้งแต่แรกซะก็ดีว่าพี่ชินเป็นแฟนผม แต่เอาเข้าจริง ผมก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะความเป็นจริงพี่ชินก็ไม่ใช่แฟนของผม ผมไม่มีสิทธิ์ทำตัวเป็นหมาหวงก้าง

     อีกอย่างเกิดผมแสดงตัวเป็นเจ้าข้าว เจ้าของแล้วพี่ชินเกิดไม่ชอบผมขึ้นมา หลังจากนั้น เขาก็อาจจะเกลียดผมไปเลยก็ได้ที่ผมทำตัวแบบนั้น


     ลอบถอนหายใจตอนเพื่อนเผลอ ผมยิ้มให้กำลังใจตัวเอง และมองโลกในแง่ดีว่าไม่เป็นไรหรอก ถือซะว่า ผมยอมเสียสละของอันเป็นที่รักให้คนที่ผมรักอีกคนแล้วกัน


    ผมยอมหลีกทางเพื่อเพื่อนรักของผม แม้ว่า ตอนนี้ ผมเองที่จะต้องเป็นฝ่ายเจ็บก็ตาม...




****1.1****

ความรักไม่เข้าใครออกใคร
ด่าได้แต่อย่าแรง 555  :o8: :o8: :o8: :o8:
.
.
ขอบคุณนักอ่านที่น่ารัก


 





 

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่คิดจะหวงก้างหน่อยเหรอ นู๋ติ?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :ling1:
 :serius2:
 :เฮ้อ:

ไหนว่าจะไมาเศร้าาา ฮื่ออออ คุณหลอกดาว

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
อ้าวววว .. ไหงงี้
ตกบ่อ 'ดราม่า' แล้วเหรอเนี่ย

งั้นรอ END ดีกว่าเนอะค่อยอ่านต่อ
//รับดราม่าได้ค่ะ แค่ไม่ชอบดราม่า..ที่ต้องรอแบบไม่รู้จะหายหน่วงเมื่อไหร่

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 5 เพื่อเพื่อน (2)




ทำไมต้องเป็นมึง?


    ผมพูดคนเดียวในใจ เมื่อยืนมองตัวเองผ่านหน้ากระจกเงา หลังจากที่ผมหนีมาเข้าห้องน้ำ เพราะทนไม่ได้ที่ต้องมองเพื่อนจีบพี่ชินออกนอกหน้า

    ผมเจ็บ...


    วันนี้วันหยุด วุฒิชวนผมมาดูหนังเป็นเพื่อน เนื่องจากมันไม่กล้าอยู่กับพี่ชินสองต่อสอง เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นคุยอย่างไร ผมจึงจำใจมานั่งเป็นคนกลางทั้งๆที่ทรมานใจสุดๆ

    ยืนมองตัวเองผ่านเงาสะท้อนที่พยายามนฝืนปั้นหน้ายิ้ม


    ผมฝึกยิ้มใหม่ให้ดูเนียน และซ่อนความเจ็บไว้ให้ลึกที่สุด ก่อนจะเดินออกไปยังร้านไอศกรีมเพื่อเป็นฝ่ายเอนเตอร์เทนท์ให้ทั้งสองมีความสุข


"ไอติมมานานแล้วหรอวะวุฒิ แม่งละลายแล้วอะ" ผมนั่งมองลูกไอศกรีมสีลูกกวาดอย่างบับเบิ้ล กัมของผมที่ไหลละลายเป็นน้ำด้วยแววตาสลด


"อืม...พอมึงลุกปุ๊ป ไอติมก็มาเสิร์ฟเลย"

"ติอยากสั่งใหม่ไหม?"
พี่ชินถามคงเพราะเห็นสีหน้าผมดูผิดหวัง


"ไม่ดีกว่าครับ เปลืองเงินน่ะพี่ ผมกินได้ ลงท้องไปก็ละลายเหมือนกัน"

"ถ้ารู้อย่างนั้น แล้วจะทำหน้าผิดหวังทำไม?"

"อาจเป็นเพราะผมคาดหวังว่ามันจะเป็นอีกแบบมั้ง"
[/b] ผมตักไอศกรีมเข้าปาก แล้วพี่ชินก็พูดต่อ

"ถ้าอย่างนั้น...พี่ว่าเราก็คงอารมณ์เดียวกัน"


    ผมมองหน้าพี่ชินที่พอเขาพูดจบก็ก้มหน้าก้มตา ตักไอศกรีมขึ้นมาชิม ลิ้ม ละเลียดมันช้าๆอย่างไม่สนใจผมเหมือนก่อนหน้า

     ผมโคลงศรีษะอย่างไม่เข้าใจ ทำไมพี่ชินถึงชอบพูดจาให้ผมต้องมาตีความหมายเอาเอง 


     วุฒิเห็นเสียงเงียบลง จึงเป็นฝ่ายชวนคุยก่อนบ้าง


"พี่ชินช่วงนี้ว่างไหมครับ เราไปเที่ยวทะเลกันไหม? เห็นไอ้ติบอกว่าพี่ทำงานหนัก ควรหาเวลาพักผ่อนบ้างนะครับ"  พี่ชินมองหน้าผม ก่อนจะละสายตาไปมองวุฒิ

"ก็ดีนะ พี่ก็เคยคิดๆไว้เหมือนกัน"

"พี่ชิน อยากไปที่ไหนเป็นพิเศษไหมครับ?" เพื่อนผมถาม

"ไม่มีน่ะ วุฒิเลือกเลยแล้วกัน แล้วพี่จะเป็นคนหาวันที่สะดวกเอง"

"โอเคครับ"

 
     ผมนั่งกินไอศกรีมด้วยความอึดอัดที่เห็นสองคนส่งยิ้มให้กันก็ได้แต่ทรมานหัวใจ

     ผมต้องนั่งหน้าชื่น อกตรมไปอีกนานเท่าไหร่กัน...


    จนกระทั่งพวกผมจัดการไอศกรีมแสนอร่อยเสร็จ ก็มุ่งหน้าไปยังโรงภาพยนตร์ เมื่อรู้ว่าใกล้ถึงเวลาเข้าฉาย วันนี้ พวกเราสามคนเลือกดูหนังสยองขวัญ ของสตีเฟ่น คิง


    ผมเดินตามหลังวุฒิและพี่ชิน ยื่นตั๋วให้พนักงานตรวจตั๋วเพื่อฉีกหางตั๋ว ผมบอกวุฒิว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ให้วุฒิกับพี่ชินเดินไปกันก่อน เมื่อเพื่อนพยักหน้ารับทราบ ทั้งคู่เดินผลุบหายเข้าไปยังโรงภาพยนตร์ที่สาม

    ผมหันหลังกลับออกไปทางที่เพิ่งเดินเข้ามาเพื่อกลับบ้าน

   ไม่ใช่รังเกียจ รังงอนอะไรถึงต้องกลับก่อน เพียงแต่มันเร็วเกินไปที่ผมต้องมานั่งทนเห็นสองคนอยู่ด้วยกันตอนนี้ ขอเวลาทำใจให้นานกว่านี้หน่อย แล้วสักพักผมจะกลับมาเป็นคนเดิม
 

    ผมกดโทรศัพท์เพื่อโทรหาพี่ชาย


[ว่าไง]

"พี่ตั้นอยู่ห้องหรือเปล่า?"

[อยู่ มีอะไร?]

"ขอไปนอนค้างที่ห้องคืนหนึ่งดิ"

[แฟนทิ้งรึไง? ถึงมาได้]

"พูดมากว่ะ เดี๋ยวผมไปหานะ"


     รีบกดตัดสายอย่างรำคาญ พี่ตั้นชอบพูดจาทิ่มแทงหัวใจน้องจริงๆ ผมเดินมาถึงหน้าห้างสรรพสินค้า เพื่อรอเรียกแท็กซี่ ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น


    มองหน้าจอ ผมลอบถอนหายใจ



[มึงอยู่ไหนวะ ไอ้ติ?]


"เอ่อ...กูขอโทษว่ะ กูคงดูหนังด้วยไม่ได้ มีธุระด่วน! พี่ตั้นเพิ่งโทรมาบอกว่าให้กูไปหาเดี๋ยวนี้"


[อ้าว! มึงทิ้งกูเลยหรอวะ?]


"กูก็ขอโทษแล้วไง อีกอย่างนะไอ้วุฒิ มึงจีบพี่ชินอยู่ มึงควรจะใช้เวลาอยู่กับเขาสองคน มึงจะเอากูไปเป็นกอ ขอ คอ. ทำไมวะ...อ่อแล้วคืนนี้ กูนอนห้องพี่ตั้นนะ มึงนอนห้องกูคนเดียวก่อนแล้วกัน"


    พอผมได้ยินเพื่อนมันบ่นๆก่อนจะตอบรับ ผมวางสาย เดินคอตกขึ้นแท็กซี่ไปยังคอนโดพี่ชาย
 
 
    ขึ้นมาไม่ทันไร ผมถอนหายใจเอนศรีษะพิงเบาะ ทำไมความรักของผมถึงไม่สมหวังกันนะ? ทั้งๆที่คนรอบตัวผมมีแต่คนมีความรัก อย่างเรื่องของอชิ ผมได้ข่าวจากเธอหลังวันที่มีการเฉลยบัดดี้ ว่าเธอได้คบกับพี่แท็คแล้ว


    อชิขอบคุณผมเป็นการใหญ่ เพราะผมเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้พี่แท็คหึงหวง และคืนที่ผมกลับกับพี่ชิน พี่แท็คก็ไปส่งอชิที่บ้าน นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้ทั้งสองเผยความในใจต่อกัน


    ผมดีใจกับอชิ ที่เธอสมหวัง เธอทิ้งท้ายให้สัญญาด้วยว่าจะพาผมไปเลี้ยงอาหารอร่อยๆเพื่อเป็นการตอบแทน เหตุผลส่วนหนึ่งคือเธอเป็นบัดดี้ของผมด้วย


    ผมพอเข้าใจสัจธรรมของความรักอยู่หรอก ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะพบเจอแต่เรื่องสมหวัง

   เพียงแต่ความผิดหวังของผมมันเร็วเกินไปหน่อย เลยไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกนั้นยังไง? ก็เท่านั้นเอง



    ถึงที่หมาย ผมจ่ายเงินค่าโดยสาร ลงจากรถแท็กซี่ พี่ตั้นฝากผมซื้อเบียร์ที่ร้านสะดวกซื้อใต้คอนโด รอไม่นานพี่ตั้นก็ลงมารับผมขึ้นห้องของเจ้าตัว


     เพียงพี่ชายผมเปิดประตูห้องออกกว้าง ผมเดินเข้ามาได้ไม่ไกล หยุดชะงักเท้า เบิกตากว้าง เมื่อเห็นผู้ชายหน้าตาสะสวยอย่างกับผู้หญิง มีผมสีบลอนด์เทา นอนเหยียดขาบนโซฟา หันเท้ามาทางหน้าประตู เลยทำให้ผมเห็นขาอ่อนขาวจั๊วะ ไปจนถึงอันเดอร์แวร์ เพราะพี่คนนั้นใส่แค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวนอนโดยไร้กางเกงขาสั้น


"เนมครับ น้องตั้นมาแล้ว"


    ผู้ชายหน้าสวย ยันกายกึ่งนั่ง กึ่งนอน ขึ้นมองผมที่ยืนยิ้มแห้ง ยกมือไหว้


"หล่อไม่แพ้พี่ชายเลย"

"ไปโกหกน้องมันทำไม เห็นๆกันอยู่ว่าตั้นหล่อกว่า"


     ผมมองพี่ชายที่ส่งสายตาและยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยให้อีกฝ่าย ก่อนจะทิ้งผมเดินไวๆไปทิ้งตัวลงนอนทาบทับร่างใครอีกคน แล้วพี่ตั้นก็จูบพี่คนนั้นต่อหน้าต่อตาผมจนเสียงจ๊วบจ๊าบดังหลุดออกมาเป็นระยะ...


    พี่ชายของผมมันมียางอายเหลืออยู่บ้างไหมวะ?


"ตั้นอะ น้องเขายืนอยู่ทนโท่"

"แล้วไง? นี่คือบทลงโทษ เนมจะได้ไม่ต้องชมใครต่อหน้าตั้นอีก"




   ผมกลอกตา มองบน เบะปาก...

   ผมชักไม่แน่ใจแล้วล่ะสิว่าผมคิดถูกไหมที่มาขออาศัยห้องพี่ชายของผมในช่วงที่เศร้าแบบนี้


"พี่ตั้นผมกลับดีกว่า"

"ไม่ต้องเลยไอ้ติ จะไปยืนหน้าประตูทำไม มานี่!"

   

    มองคนกวักมือเรียกอย่างหน่ายใจ ก้าวยาวๆเดินไปหาพี่ชายตรงโซฟา ที่เจ้าตัวก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมากอดคอผม

"เดี๋ยวตั้นมานะครับ ขอตัวไปรับฟังปัญหาน้องชายก่อน ติอกหักมาน่ะ"


"ติ อกหักหรือครับ?" พี่เนมถาม

"ปะ...เปล่าครับพี่เนม คือ...?"

"อย่าไปฟังมันเลย ประสบการณ์ทางความรักมันอ่อนด้อยมาก"

"พูดมากว่ะ แม่ง...ผมกลับล่ะ"


    ผมรำคาญ กำลังจะปัดแขนพี่ตั้นออกจากคอ แต่พี่เนมดึงมืออีกข้างไว้


"อย่าเพิ่งกลับสิติ เดี๋ยวเราจะมีปาร์ตี้เล็กๆ เพื่อนพี่จะมาอีกสองคน ติรอนะครับ"


    ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ตั้นถึงหลงเสน่ห์ผู้ชายคนนี้ ความออดอ้อน ออเซาะ ลูกเล่นการใช้โทนเสียง สายตาแพรวพราวนั้น ถ้าคนจิตอ่อน อาจตกหลุมพรางได้ง่ายๆ


     พี่เนมก็ร้ายไม่เบา...ผมถือว่าสองคนนี้ เข้ากันได้ดีแบบไม่มีใครเสียเปรียบกันแน่นอน


"ครับ ผมไม่กลับแล้วครับ"


     พี่ตั้นยกยิ้มชอบใจ ก่อนพาผมออกไปคุยที่ระเบียง ยังมิวายโน้มตัวลงต่ำ จับปลายคางพี่เนมให้เชิดหน้าขึ้น แล้วจูบส่งท้ายกันอีก


     ผมเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ได้โปรดเถอะ!....ช่วยเห็นใจคนโสดอย่างผมที่ต้องมาทนดูคนจูบกันอย่างดูดดื่มด้วยความคมชัดระดับ FULL HD แบบนี้


     เสร็จภาระกิจ พี่ตั้นล็อคคอผมเดินออกไปยืนตรงระเบียงห้อง จุดบุหรี่ขึ้นสูบ แล้วจ้องผมที่หย่อนกายนั่งลงบนเปลญวน


"เลิกเก็บตัวได้แล้วติ เอาแต่อยู่ห้อง จะได้แฟนจากไหน?"


    นั่นไง...มาถึงก็บ่นผมเรื่องนี้ทุกที ผมเบ้ปาก


"ผมก็มีความสุขของผมแบบนี้อะ"

"แล้วตอนนี้ชอบใครอยู่?"

"มะ...ไม่มี"


"ไอ้ติ อย่าคิดว่ากูโง่" พี่ตั้นพ่นควันบุหรี่ลอยเล่นบนอากาศอย่างอิสระ ก่อนจะชี้หน้าผม


    พี่ชายของผม เป็นคนแบบนี้แหละ พูดจาโผงผาง นิสัยคล้ายนักเลง แต่จริงๆไม่มีอะไรเลย ผมก็รู้ที่เขาคาดคั้นเอาคำตอบ ลึกๆแล้วนั้นพี่ตั้นก็รักและเป็นห่วงผม แต่ที่ผมไม่
อยากพูด เพราะพอพูด ผมเศร้าจนอยากร้องไห้


   ผมเม้มปากแน่นก่อนจะหลุดคำนั้นออกมา


"ผมชอบพี่ที่ทำงาน"

"แล้วเขาไม่ชอบ?"


"เขาชอบผมไหมก็ไม่รู้ว่ะ? แต่ผมไม่เอาแล้ว เพราะไอ้วุฒิมันก็ชอบพี่ชินเหมือนกัน" พี่ตั้นรู้จักเพื่อนที่ผมสนิททุกคน ถึงเบิกตาโพลง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยดังเดิม


"พระเอกไม่เข้าท่า"

"เอ้า!! ทำไมมาว่าผมล่ะ...ไอ้วุฒิก็เพื่อนผม อีกอย่างมันก็มีบุญคุณกับผมด้วย"


"ไร้สาระ... มึงรู้ไอ้วุฒิชอบ แต่ไอ้วุฒิรู้ไหมว่ามึงชอบคนนั้น?"


    ผมส่ายหน้า พี่ตั้นถอนหายใจแรงๆและเสียงดังอย่างตั้งใจให้ผมได้ยินว่าเขาระอากับผมมากแค่ไหน...

    ผมนั่งมองคนอัดควันบุหรี่เข้าปอดสองสามที ทิ้งก้นบุหรี่ลงในกระถาง ย่อตัวลงนั่งยองๆ มองผม และบีบไหล่ผม


"เฮ้อ! มึงเป็นน้องกูจริงๆใช่ไหม? ทำไมโคตรตรงข้ามกับกูเลย"

"ผมไม่เลวเหมือนพี่ไง ผมมีจิตสำนึกมากพอ...ผมรักใครรักจริง ไม่มั่ว...โอ้ย! ตบหัวผมทำไมวะ พี่ตั้น" พี่ตั้นตบศรีษะผมไม่แรงนัก

      จากที่นั่งยองๆ เขาลุกขึ้นมานั่งข้างผมบนเปลญวน ยกยิ้มร้ายกาจ



"หึๆ...ไม่เป็นไร มึงเป็นพระเอกน่ะดีแล้ว เดี๋ยวพี่จะเป็นตัวร้ายให้เอง"


"พะ...พี่จะทำอะไร?" แววตาน่ากลัวจากพี่ชาย ทำให้ผมเริ่มเสียวสันหลัง พี่ตั้นเป็นคนชอบเอาชนะเสียด้วย ถ้าเขาอยากได้อะไรก็ต้องได้


"กูก็จะแย่งคนนั้นจากไอ้วุฒิมาให้มึงไง"

"เฮ้ย!...หยุดเลยพี่ตั้น ผมไม่อยากมีปัญหากับไอ้วุฒิ อีกอย่าง ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคนนะพี่"


     ผมคิดว่าคนที่เราไม่รัก ทำอย่างไรก็ไม่รัก...ถึงต่อให้แกล้งทำเป็นรัก ทำอย่างไรก็ดูออกอยู่ดี


     ผมถึงไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ตั้นจะช่วย เพราะว่ามันเปล่าประโยชน์


"มึงอย่ายุ่ง เดี๋ยวกูจัดการเอง อยู่เฉยๆเป็นพระเอกไปน่ะดีแล้ว...ว่าแต่ ขอดูหน้าหน่อยซิ ว่าคนที่น้องกูชอบเป็นยังไง? มันคุ้มพอจะแย่งรึเปล่า?"


     ผมเงียบ กำโทรศัพท์แน่น ผมมีภาพพี่ชินนะ ไม่ใช่ ไม่มี เพียงแต่ว่า...
 
 
"เร็วๆ อย่าลีลา ไม่งั้นกูบอกแม่นะ ว่ามึงอกหัก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ โทรมาร่ำร้องกับตั้นว่าจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เพราะทำใจอยู่บนโลกนี้ไม่ได้"


"กวนตีนว่ะ เออๆ ให้ดูก็ได้"


    ในตอนแรกที่ผมไม่อยากให้พี่ตั้นดู เพราะผมหวง มันเป็นรูปที่ผมแอบถ่ายพี่ชินตอนหลับในคืนที่ผมไปทำแผลให้ที่บ้าน

    ภาพถ่ายที่อีกฝ่ายนอนหลับตาพริ้ม ยิ้มนิดๆบนเตียงหลังใหญ่


    ผมยื่นโทรศัพท์ที่เปิดภาพนั้นค้างไว้ ผมเห็นพี่ตั้นมองตาโต แล้วชะงักไป


"เหี้ย! โคตรน่า..." ผมกระชากโทรศัพท์คืน และผลักไหล่พี่ตั้น

"อย่าพูดดูถูกพี่ชิน"

"รู้หรอติ? ว่ากูจะพูดอะไร?"

"สมองอย่างพี่มีไม่กี่อย่าง"

"ไอ้น้องเวร ทำไมถึงมีภาพส่วนตัวขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะ...."
พี่ตั้นหรี่ตามองผม ผมรีบตอบ

"เออน่า!...อย่าถามมากได้หรือเปล่า? รำคาญ!"

"เขินหรอ?...โอเคๆ...คุ้มที่จะเสี่ยง เสี่ยงที่กูจะเอาเองอะนะ"

"เดี๋ยวเหอะ...พี่ตั้น เป็นพี่ชาย ผมก็ต่อยได้นะ"

"ฮ่าๆ...เสียสละให้เพื่อน ไม่เห็นเสียสละให้กูบ้างเลย"

"เพราะพี่ไม่เคยจริงจังกับใครไง แต่ไอ้วุฒิมันไม่ใช่"

"เฮ้อ!..เหนื่อยจะคุยกับพระเอกอย่างมึง เรื่องนี้เดี๋ยวกูจัดการเอง เข้าห้องดีกว่า จะบอกว่าเพื่อนเนมเด็ดๆทั้งนั้น!"



     ผมส่ายหน้าระอา เดินตามหลังไป ผมรักพี่ตั้น เขาเป็นพี่ชายที่ดี รักน้อง รักครอบครัว ขยันทำงาน แต่ติดตรงความเจ้าชู้นี่แหละที่แก้ไม่หายสักที


     ผมเคยถามพี่ตั้นว่าทำไมไม่รู้จักพอ พี่ชายผมพูดได้น่าตบปากมาก บอกผู้ชายเป็นเพศแห่งการสืบพันธ์เพื่อการอยู่รอด และต้องขยายอาณาจักร ผลิตลูกไปสู่วงกว้างเพื่อสืบเชื้อสายและเผ่าพันธ์ุต่อไป


    แล้วมันเกี่ยวกันด้วยหรอวะ? ผมไม่เข้าใจ ในเมื่อพักหลังๆมานี้ ผมเห็นคนที่มันพาขึ้นคอนโดก็มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น?


     ผมเคยคิดนะ ผมอยากเห็นคนที่มาปราบพี่ชายให้กลายเป็นคนเชื่องและยอมได้ทุกอย่างจริงๆ ผมเฝ้าภาวนาอยากรู้เหลือเกินว่าคนนั้นจะเป็นใคร?


     เข้ามานั่งเล่นในห้อง ผมต้องกดเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถือรอ เพราะตอนนี้ พี่ตั้นพาพี่เนมเข้าห้องนอน โดยที่ผมไม่รู้หรอกว่าเขาทำอะไรกัน แต่พอเวลาผ่านไป พี่ชายผมออกมาหน้าตาระรื่น ผมว่าผมรู้แล้วล่ะ...


    พี่ตั้นเรียกผมให้ช่วยยกพวกกระติกน้ำแข็ง เครื่องดื่มมาตั้งวาง เพราะตอนนี้ เพื่อนพี่เนมมาถึงแล้วอยู่ข้างล่าง พี่เนมกำลังลงไปรับ



   จนกระทั่งพวกผมเตรียมข้าวของเสร็จ พวกพี่เนมเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี ผมยกมือไหว้ผู้มาใหม่ ที่เป็นผู้ชายทั้งคู่ คนหนึ่งดูท่วงท่าค่อนทางสาวหน่อย กระตุ้ง กระติ้ง ส่วนอีกคนเป็นผู้ชายนิ่งๆ


   เพื่อนพี่เนมที่นิ่งๆจ้องมองผมไม่วางตา แต่ผมไม่สนใจ ทิ้งตัวลงนั่งโซฟาข้างพี่ตั้น แต่พี่เนมดันให้ผู้ชายคนนั้นมานั่งข้างผมตรงฝั่งที่ว่าง


    หลังจากที่ทุกคนแนะนำตัวเองเรียบร้อย ก็เริ่มการสังสรรค์ แต่มันคงจะจืดชืดไปหน่อย ถ้าไม่มีเกมส์มาเกี่ยวข้อง ผมเห็นเพื่อนพี่เนมวางอุปกรณ์อะไรสักอย่างบนโต๊ะ เขาตั้งชื่อเกมส์ว่า เกมส์ลูกศรหมุนดื่ม ถ้าลูกศรชี้ไปทางใคร คนนั้นต้องกินหมดแก้ว


     มันก็ท้าทายดี เพราะผมก็อยากรู้ว่าใครจะซวยโดนดื่มเยอะที่สุด


     แต่ดูเหมือนตั้งแต่เริ่มเกมส์ ทำไมลูกศรถึงชี้มาทางผมตลอดเลยวะ ทุกคนสนุกสนานชอบใจกันใหญ่ แต่ผมเริ่มไม่สนุกเพราะโดนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากประเภทตีกัน ทั้งเบียร์ วิสกี้ เตกีล่าช็อต จนผมเริ่มมีอาการมึนเมา


     ชั่วโมงผ่านไป ผมมองอะไรก็ดูจะเบลอไปหมด ผมรู้แค่ว่าเพื่อนพี่เนมดึงมือผมไปวางบนตักของเขา ผมหมดแรงอิดออด คอพับคออ่อน แต่สิ่งที่ผมขนลุกชูชันก็ตอนที่สัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างที่อุ่นชื้นลากไล้ตรงซอกคอผม


     จากนั้น ผมได้ยินเสียงแว่วๆ



"เหี้ย!...สนุกได้แต่อย่ามามั่วกับน้องกู"

"ตะ...ตั้นครับ...ใจเย็นสิ"


     ผมไม่รู้ว่าใครพูดบ้าง แต่หลังจากนั้น ผมรู้แค่ว่า ตัวผมลอยเหมือนมีใครแบกร่างผมไปที่ไหนสักแห่ง และต่อมา ผมภาพตัดฉับ ไม่รู้ตัวอะไรอีกเลย...







.............





ตั้น


     หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ผมมองน้องชายนอนหลับใหลอยู่ตรงล็อบบี้ ผมนั่งรอให้ใครบางคนมารับน้องชาย หลังจากที่ผมโทรหาเขาด้วยเสียงตระหนก ชักแม่น้ำทั้งห้าหว่านล้อมให้เขาฟัง


     ในตอนแรกผมแค่ลองใจว่าเขาจะมาไหม? ปรากฎเขาตอบรับว่ามา ก็ดีเหมือนกัน ผมอยากพิสูจน์ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอะไรกับน้องผมบ้างหรือเปล่า ?


     ผมมองน้องชายอย่างหน่ายใจ มันรู้ตัวบ้างไหม? ว่ามันมีดีและมีเสน่ห์ในแบบของมัน เพียงแต่มันดึงมาใช้ไม่เป็น ขนาดเพื่อนของเนมยังถูกใจ อาศัยตอนผมเข้าห้องน้ำจะจูบน้องผม ถ้าผมไม่มาเห็นซะก่อน ผมว่ามันจะทำมากกว่านั้น โชคดีที่อีกฝ่ายก็เชื่อฟังกัน ผมถึงระงับอารมณ์โกรธลงได้บ้าง


    ผมสงสารติ น้องชายผมเป็นคนดี แต่มันซื่อและเกรงใจคนอื่นเกินไปจนบางครั้ง ก็พลอยทำตัวเองลำบาก 


     ผมอยากให้ติเห็นอกเห็นใจคนอื่นน้อยลงหน่อย

     เพราะสำหรับความคิดของผม...

     การจะอยู่บนโลกใบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการเล่นเกมส์

     ไม่ว่าจะเล่นเกมส์ไหน จุดสำคัญของมัน คือ การผ่านด่าน และเอาตัวรอด

     แรกเริ่มการเล่นเกมส์ผ่านด่านแรกๆจะง่ายหน่อย พอผ่านด่านต่อไปๆมันจะมีความยากขึ้นเรื่อยๆ  ดังนั้นยิ่งผ่านด่านได้มากเท่าไหร่ ก็จะรู้ทางหนี ทีไล่ มีชั้นเชิงและแข็งแกร่งมากขึ้น

      ผมจึงอยากให้ติมันอัพสกิลหรือการเอาตัวรอดเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันเสมือนเกราะหนามไว้กำบังตัวเอง ป้องกันคนอื่นทำร้าย


      ดีได้ไม่ผิด แต่ถ้ามันดีมากเกินไปจะส่งผลร้ายต่อติเอง


      ขนาดแค่ตัวอย่างง่ายๆอย่างคนที่ติชอบ มันยังยอมแพ้เพื่อเพื่อน

     มันไม่ใช่เรื่องที่น่ายกย่องด้วยซ้ำที่มันทำตัวเป็นพระเอกยกคนที่ตัวเองแอบรักให้คนอื่น!

     บ้าบอสิ้นดี!


    ผมรู้ว่าน้องชายไม่เคยขอความช่วยเหลือจากผม มันเป็นลูกผู้ชายพอ แต่พอเห็นแบบนี้ ผมนี่แหละจะขอเข้ามาเสือกเรื่องความรักของน้องชายเอง

    คิดเรื่องน้องชายด้วยความเป็นห่วง ผมเห็นเป้าหมายเดินเข้ามาหน้าตาร้อนใจ

     ผมเคยเห็นเขาจากในรูป แต่เขาไม่เคยเห็นผมมาก่อน ผมจึงได้เปรียบ ผมนั่งดูกิริยาของอีกฝ่ายโดยไม่เรียก


     ผู้ชายคนนี้มีดีไม่ใช่แค่หน้าตา ผมสัมผัสได้ ผมดีใจที่น้องชายผมตาถึง แม้ตอนแรกกะว่าจะขโมยน้องชายสักหน่อย แต่ไม่เป็นไร ผมเชื่อว่าผมเก่งกว่าน้อง ผมคงหาได้อีกมาก...


     ผมนั่งมองเขาจนกระทั่ง เขากวาดตามาทางที่ผมนั่งอยู่ แล้วชะงักเห็นตินอนหมดสภาพบนโซฟา เขาปรี่มาหา


"คุณชินใช่ไหมครับ?"



    ผมรีบทักก่อน พร้อมลุกขึ้นยืน ทักทาย แวบหนึ่งผมจับสายตาเขาที่ดูออกว่า ห่วง


"ใช่ครับ"



"ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ต้องรบกวนคุณดึกๆดื่นๆ ผมผิดเองครับ ผมผิดเอง ผมไม่คิดว่าเพื่อนผมมันชั่ว คิดจะปล้ำน้องผม ผมฝากติไว้กับคุณชินก่อนนะครับ แล้วถ้าผมเคลียร์เรื่องนี้เรียบร้อย ผมจะไปรับน้องชายเอง" ผมตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ

"คุณบอกว่าคุณเป็นพี่ชาย แล้วทำไมคุณถึงไม่ดูแลน้องคุณให้ดีล่ะครับ ทำไมถึงปล่อยให้ติโดนมอมไม่รู้ตัวขนาดนี้ แล้วถ้าติโดนปล้ำ...ช่างมันเถอะ!..."


    ผมก้มหน้าฟังคนที่พูดใส่อารมณ์ฉุนเฉียว



"ผมขอโทษจริงๆครับ ครั้งนี้ ผมพลาดเอง"


    ผมมองคนที่อยู่ดีๆก็ย่อตัวลงนั่ง แตะแขน แตะคอติ ลูบแก้มติเบาๆ แล้วโน้มตัวไปใกล้น้องชายผมพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน


"ไหนบอกว่ามีธุระด่วน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้? ติได้ยินพี่ไหม? ติลุกเถอะนะ? ไปนอนบ้านพี่ชินกัน"


    เขาคงคิดว่า ติคงจะได้ยินสินะ ผมยืนกอดอก เลิกคิ้วขึ้นสูง มองการกระทำอีกฝ่าย พลางแสยะยิ้ม


"ติเมามาก คงไม่ได้ยินหรอก เดี๋ยวเราช่วยกันไปส่งน้องที่รถดีกว่าครับ"


    ผมกับเขาลากคนเมาไปที่รถด้วยความทุลักทุเล พอถึง ผมเปิดประตูจับร่างน้องชายยัดเข้าไปที่นั่งข้างคนขับ เมื่อเห็นว่าร่างของน้องชายผมปลอดภัยเพราะอยู่ในการดูแลของใครอีกคน


     จังหวะที่ผมและเขาเอาตัวออกมาจากห้องโดยสาร ทันใดนั้น...


"เฮ้ย! คุณทำอะไรน่ะ"


    ผมโดนผลักอกอย่างแรง เมื่อผมนึกสนุกแกล้งเซ โถมตัวใส่ ใช้ทีเผลอแอบหอมซอกคออีกฝ่าย คิดซะว่า เป็นค่าจ้างที่ช่วยน้องชายแล้วกัน


    ตัวหอมใช้ได้...


"ผมขอโทษครับ ผมว่าผมมึนแล้วล่ะ ฝากดูแลน้องผมด้วยนะครับ" ผมค้อมหัวขอโทษ


"ถ้ารู้ว่าไม่พร้อมจะดูแลติ อย่าให้ติมาหาคุณอีกนะ"


    อีกฝ่ายต่อว่าด้วยท่าทีหวาดกลัว ทำหน้าเหมือนเห็นผมเป็นแมลงสาบ เขารีบเดินอ้อมรถไปฝั่งคนขับ จากนั้นรถค่อยๆเคลื่อนไปจนหายไปจากลานสายตา


"ทำให้ขนาดนี้ ถ้ายังไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วนะ"




.............







"โอ้ย!"


    ผมสะดุ้งสุดตัว รีบเด้งกายขึ้นด้วยความเร็ว เลยทำให้ผมปวดหัวจี๊ดๆกว่าเดิม

     ผมยกมือกุมขมับมันเหมือนสมองจะระเบิด มันทรมาน ร่างกายข้างในของผมมันปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก พอรู้ตัวว่าแฮงก์ ผมสบถเสียงดัง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้วันจันทร์


"พี่ตั้น ไปส่งผมที่ทำงานเลย เหี้ยเอ้ย...แม่ง...ปวดหัวว่ะ"



      ผมหลับตาฟุบหน้าลงกับเข่า


"แล้วใครใช้ให้ดื่มเยอะ!"
 

 
      ทำไมเสียงคุ้นๆ


      ผมเงยหน้ามอง ตาโตนั่งอึ้ง ก่อนจะกวาดตามองรอบห้อง


"ทะ...ทำไมผมมาอยู่บ้านพี่ชินได้ครับ?"

"ไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องตอบ แต่ทำไมติต้องดื่มหนักขนาดนี้ รู้ตัวบ้างไหมว่าเมื่อคืนติเมามากแค่ไหน? พี่เรียกหลายที ติก็ไม่รู้สึกตัว"


     พี่ชินมุมนี้...นึกว่าแม่ผมมาเอง เขายืนตระหง่านดุผมอยู่ตรงหน้าประตู ก่อนจะปรี่มานั่งข้างเตียง


"มันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องตอบเหมือนกัน"
ผมเปล่งเสียงแหบเสียงแห้งแค่จะแกล้งกวนประสาท แต่รอบนี้เขากลับไม่เล่นด้วย


"พี่ไม่ขำ!"

"โธ่!...พี่ชิน ผมขอโทษ ผมก็ไม่รู้จริงๆว่าทำไมผมถึงเมาไม่ได้สติขนาดนี้ จำได้ว่าเราเล่นเกมส์หมุนลูกศรกัน แล้วมันเป็นผมที่ซวยต้องดื่มตลอด จนหมดสภาพอย่างที่พี่เห็นนั่นแหละ พี่ชิน ผมหมดแรงเถียงแล้ว วันนี้ขอผมลางานได้ไหมครับ?"

"พี่โทรไปบอกแท็คให้แล้ว"

"ขอบคุณนะครับ ถ้างั้นพี่ชินไปทำงานเถอะ ไม่ต้องห่วง แต่ผมขอนอนพักบ้านพี่ก่อนนะค่อยกลับ ผมไม่ไหวจริงๆ"


"แล้วใครจะกล้าทิ้งให้อยู่คนเดียว ทีหลังอย่าเมาแบบนี้อีก"


     พี่ชินทำหน้าตึงๆใส่ผม เขากำลังจะลุกจากเตียง ผมจับมือพี่ชินไว้แน่น


"พี่ชินไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่าครับ?"


   อีกฝ่ายยืนนิ่งเงียบส่งสายตาที่ดูผิดหวังมาทางผม


"นอนพักซะ แต่ถ้าไหวจะลงไปกินข้าวต้มหรือจะดื่มกาแฟร้อนก็บอก พี่จะทำให้" เขาสะบัดมือ แล้วเดินออกจากห้องนอน ปิดประตูดังปัง!


    ทิ้งให้ผมนั่งปวดหัวไม่พอ มาเพิ่มความเครียดให้ผมอีก


    พี่ชินเป็นอะไร?

     ไม่พอใจผมที่ผมหนีกลับตอนดูหนัง?


     หรือไม่พอใจที่ผมเมาไม่ได้สติ?


     ผมไม่อยากนึกเรื่องเมื่อคืน ยิ่งเค้นความคิดก็ยิ่งปวดหัว  ผมคลานลงจากเตียง ไปดูสภาพตัวเองตรงหน้ากระจก แต่ผมต้องอึ้ง...


"เฮ้ย! รอยอะไรวะเนี่ย!" 


    ผมตกใจ รีบก้มมองรอยจ้ำแดงหลายจุดที่อยู่เหนือแผงอกของผม


    ถ้าร่างกายผมกลับมาเป็นคนปกติเมื่อไหร่? ผมว่า ผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับพี่ตั้นทันที!...






....................................






❤ อยากรู้จังว่าจะมีคนชอบพี่ตั้น หรือ เกลียดพี่ตั้น มากกว่ากันนะ?
555555
.
ส่วนตัวเรายังชอบน้องติมากกว่าค่ะ 555555 (อวยย)
ทุกคนมีความคิดเห็นเป็นของตัวเองไม่มีใครผิด-ถูก เพียงแต่ความคิดนั้นต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอะเนอะ

.พี่ตั้นก็มีมุมของเขา. ที่ห่วงน้อง
.ติก็มีมุมของติ. ที่รักเพื่อน

รักหนอรัก เจ้าเอย!
.
❤ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่คนเซ็งว่ามีดราม่า เราขอโทษ มุมมองเรา เราคิดว่า ดราม่าของเราต้องหน่วงหนักๆ อย่าง แสงสุดท้ายซะอีก (นิยายอีกเรื่องของเรา ขายของ 555)
.
อย่าเรียกว่า 'ดราม่า' เลยเนอะ  มันหนักไป
 เรียกว่า 'อุปสรรคระหว่างทาง' จะดีกว่าค่ะ (555555)
เรื่องนี้มันชิลๆ เบาๆจริงนะคะเนี่ย...เชื่อเถอะ (ทำหน้าอ้อนวอน)
.
.
❤ขอบคุณทุกความเห็น เราจะนำไปปรับปรุง และขอบคุณนักอ่านที่น่ารักมากค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2018 22:14:20 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

คนพี่น่าจะมีใจให้กระมัง

ส่วนคนน้องเนี่ย  จะพระเอกไปไหน  ให้คนกลางเขาตัดสินดีกว่า  แฟร์ ๆ ดี

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1

บทที่ 6 อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใคร





 




        หลังจากยืนมองตัวเองอยู่ตรงหน้ากระจกได้ไม่ถึงห้านาที ผมรู้สึกวิงเวียนศรีษะ อึดอัดมวนท้อง จุกตรงลิ้นปี่ จากนั้นผมรีบวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ พอรู้สึกโล่งศรีษะ และสบายตัวขึ้นมาหน่อย ผมล้างหน้า ล้างตา แล้วกลับมานั่งข้างเตียงดื่มน้ำตามมากๆ ก่อนจะเอนตัวพักอีกสักหน่อยค่อยตื่นในภายหลัง...




[ว่าแล้วว่าต้องโทรมา]

"ผมรู้ว่ามันเป็นแผนของพี่ที่ให้ผมมาอยู่บ้านพี่ชิน แต่การที่ผมมีรอยบนตัว คือ อะไรวะ ?"


     หลังจากที่ผมงีบหลับไปได้ชั่วโมง ผมตื่นมาอาบน้ำอาบท่า และรีบโทรหาพี่ชายตัวดี


[กูให้เนมทำเอง]


"เลวว่ะพี่ตั้น พี่ทำแบบนั้นทำไมวะ ผมไม่ตลกนะ"

[เลวตรงไหน? เป็นเรื่องปกติ มึงควรคิดดีๆกูควรต้องหึงเนมด้วยซ้ำที่ต้องเห็นเขาซุกไซ้คนอื่น อีกอย่าง มึงหลับไม่รู้สึกตัว จะเครียดทำไม]

"แต่ผมกลัวพี่ชินจะมองผมไม่ดี"

[สนใจทำไม ประเด็นมันอยู่ที่เขาหึงไหม?]

"เขาจะหึงทำไมวะ?"

[ถ้าเขาชอบมึง เขาต้องหึง แค่นี้ ก่อนจะคุยงานกับลูกค้าแล้ว]


   ถ้าเขาชอบ เขาต้องหึง?

   หมายความว่ายังไง ผมนั่งครุ่นคิด กิริยาพี่ชินตอนเห็นผมตื่นขึ้นมา ก็ดูไม่มีทีท่าจะหึงผมเลยสักนิด?...

   พี่ชินคงไม่ได้ชอบผมสินะ

   ผมสลัดความคิดฟุ้งซ่านแล้วเดินลงบันไดไปชั้นล่าง ถึงส่วนนั่งเล่น ผมเห็นพี่ชินนั่งขัดสมาธิบนโซฟา ตรงตักวางแล็ปท็อปอยู่
 

   พอพี่ชินเห็นผมเดินปรี่เข้ามานั่งตรงที่ว่าง เขาปิดฝาพับแล็ปท็อป ดันมันไปไว้ข้างกายอีกฝั่ง


"ดีขึ้นรึยัง?"

"พอได้อาบน้ำหน่อยก็ดีขึ้นครับ"

"อยากกินอะไรไหม?"


    ผมอ้อยอิ่งไม่ตอบ ขอแค่ได้มองหน้าพี่ชินใกล้ๆอย่างนี้ นานๆหน่อยแล้วกัน

    ไม่รู้สิ เวลาผมได้อยู่กับเขานอกเหนือเวลางาน พี่ชินจะมีมุมที่ผ่อนคลายกว่า ยิ้มง่ายกว่า และเข้าใกล้ได้ง่ายกว่า

     ผมเลยอยากอยู่กับเขาในช่วงเวลาแบบนี้..

    ขอหยุดเวลาไว้ตรงนี้ได้ไหม? ตรงที่ไม่มีใครมารบกวนเวลาของสองเรา แม้กระทั่ง เพื่อนผม

     ผมทรมานใจที่อยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พอใจผมอยากจะรุกหนัก ความรู้สึกผิดเหมือนแย่งคนอื่นก็ตีตื้นเข้ามา พอผมจะอยู่เฉยๆทำตัวเหมือนพี่-น้องที่ร่วมงานกัน ผมก็นึกเสียดายโอกาสซะอย่างนั้น


    ตอนนี้ เหมือนมีสองคนสิงอยู่ในร่างของผมซึ่งกำลังโต้วาที ถกประเด็น หาเหตุผลมาตีกันในหัวของผมอยู่

    ผมก้มหน้า เม้มปาก หลับตาครุ่นคิด ก่อนพูดกับตัวเองในใจ...


     วุฒิกูขอโทษ...อย่าโกรธกูนะ

     ถ้ากูขอใช้เวลานี้อยู่กับพี่ชินให้นานและมีความสุขที่สุด


      ผมส่งยิ้มให้พี่ชินอีกครั้ง

      อาจเป็นเพราะผมไม่รู้จักพอ?

     เพียงผมเห็นพี่ชินเอาใจใส่ผมอย่างดี ผมอยากได้มันมากขึ้นเรื่อยๆ

     ผมนั่งชันเข่าบนโซฟา ฟุบหน้าลงกับเข่า ตะแคงมองเขา


"ผมอยากดื่มกาแฟร้อน ส่วนเรื่องกิน พี่ชินพาผมไปกินส้มตำข้างนอกได้ไหม?ผมอยากกินอะไรเผ็ดๆเผื่อช่วยได้"

"เอาสิ"

"แต่ไปร้านอาหารญี่ปุ่นก่อนนะครับ"

"ทำไมต้องไปสองร้าน?"
พี่ชินโคลงศรีษะมอง

"เพราะอาหารญี่ปุ่นเป็นอาหารที่พี่ชอบ กินของพี่ก่อนอิ่มแล้วค่อยไปร้านที่ผมอยากกิน"


    พี่ชินชะงักก่อนตอบ


"ไปร้านส้มตำเลย พี่กินได้"

"พี่อย่ามาหลอกผมน่า ผมรู้ว่าพี่ไม่ชอบ ผมจำได้นะวันนั้นพี่กินน้อยหรือจะเรียกว่าแทบไม่แตะเลยก็ได้"

"ก็ตอนนั้นไม่ชอบ แต่ตอนนี้ชอบแล้ว"


      ผมมองหน้าพี่ชินด้วยความดีใจ


"จริงหรอครับ? พี่ไปแอบฝึกกินมาตอนไหนนะ"


"ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรขนาดนั้น เดี๋ยวพี่ลุกไปทำกาแฟให้ก่อน"



     คว้าหมับที่ข้อมืออีกฝ่าย พี่ชินก้มมองมือที่ผมจับ ก่อนจะช้อนตาขึ้นมามองผม


"เดี๋ยวครับ!...เมื่อคืนพี่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมหรอ?"


     หากถามตัวผมว่าอายไหม? ที่ต้องมีคนมาถอดเสื้อผ้า ชำระร่างกายให้ในขณะที่ไม่รู้สึกตัว ตอบได้เลยว่าอาย

      แต่เพราะผมก็มั่นใจในหุ่นของผมอยู่พอสมควรเลยไม่ใส่ใจอะไรเท่าไหร่ ที่ใส่ใจคือพี่ชินเห็นของผมทุกซอกทุกมุม โดยที่ผมยังไม่มีโอกาสได้เห็นของพี่ชินเลยด้วยซ้ำ!...


"อะอืมม..ใช่!"

"พี่แอบทำอะไรผมหรือเปล่าครับ? ทำไมมีรอยเหมือน...แบบ..."
ผมแกล้งถามทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ อีกฝ่ายสวนขึ้นมาทันควัน

"จะบ้ารึไง? ติเองนั่นแหละไปทำอะไรกับใครมา ถึงมีรอยจ้ำๆแบบนั้น"


    ผมคลายมือที่จับอยู่ตรงข้อมืออีกฝ่าย ค่อยๆเลื่อนต่ำลงไปสอดประสานมือพี่ชิน ผมยิ้มที่ได้สัมผัสมือนุ่มน่าจับอีกครั้ง โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ขัดขืน


"ถ้ามันไม่ใช่พี่ที่เป็นคนทำ ผมก็ไม่สนใจ"



    ผมไม่เห็นพี่ชินมีปฏิกิริยากระฟัดกระเฟียด หรือหึงอย่างที่พี่ตั้นบอกแต่อย่างใด จู่ๆ  ผมก็เกิดเสียความมั่นใจขึ้นมา


    อันที่จริง ผมไม่ควรมีความรู้สึกแบบนี้ ในเมื่อผมรู้อยู่แล้วว่า วุฒิชอบ

    หัวสมองมันเคยตอกย้ำ พร่ำบอกมาตลอดว่า คนนี้ ของเพื่อน คนนี้ของเพื่อน!

    แล้วผมจะหวังไปอีกทำไมกัน...

    ผมยอมรับว่าผมมีความสับสนพอสมควร ในจังหวะที่ผมพร้อมทำใจมันมักจะมีโอกาสที่เอื้อต่อการให้ผมแสดงออกว่าชอบเขาออกไป แม้ความเป็นจริงผมควรข่มใจ เพราะก็รู้อยู่เต็มอกว่าตอนนี้ ไอ้วุฒิก็มีใจให้พี่ชินเหมือนกัน

   
    เขาเงียบ ผมเงียบ แต่แปลกที่ความเงียบนี้ เป็นความเงียบที่ไม่อึดอัด ทว่า กลับทำให้ผมรู้สึกดีที่ได้มีโอกาสมองคนที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นได้นานขึ้นอีกหน่อย

    ไม่รู้เนิ่นนานเท่าไหร่ ที่ผมยังคงสอดประสานนิ้วเข้ากับมือของอีกฝ่าย ผมใช้ปลายนิ้วโป้งลูบวนหลังมือช้าๆ เอียงหน้ามองคนที่ไม่คิดจะหันมาสบตา

   ผมตัดสินใจทำลายความเงียบ

"เมื่อวานผมขอโทษด้วยนะครับที่กลับก่อน แล้วหนังเป็นไงบ้าง สนุกไหมครับ?

"อื้ม...สนุกดีนะ"

"แล้ววุฒิล่ะ เป็นไงบ้าง ? มันดูแลพี่ดีไหม?"

"ก็ดีนะ"

"พี่ชอบมันรึยังครับ?"

"รู้สึกดี แต่ยังไม่ถึงกับชอบ"




   ไม่รู้ว่าผมเลวหรือเปล่า? แต่พอจบประโยค ผมกลับดีใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด และความรู้สึกที่ตามมาจากนั้น คือความรู้สึกของคนมีความหวัง


"คิดว่าวุฒิพอจะมีโอกาสไหมครับ?"

"ติ จะคุยเรื่องวุฒิอีกนานไหม?"


    จังหวะที่พี่ชินสวนแล้วสะบัดมือผมออกจากกัน เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ผมชะงักและทันใดนั้น...


"ผมขอโทษครับพี่ชิน โอ้ย!"

"ติ เป็นอะไร?"
ผมมองพี่ชินที่ย่อตัวลงมาหาผมทันที สองมือแตะหลัง จับบ่า

"เหมือนอาการปวดหัวจะกำเริบ"

"แล้วจะไปข้างนอกไหวหรอ? อยู่บ้านไหม? พี่ไปซื้อส้มตำแถวนี้มาให้ติกินก็ได้นะ"



     ผมส่ายหน้าเพราะอาการที่กล่าวมา ผมยอมรับว่า มันก็แค่อาการที่เสแสร้ง


"ไม่เป็นไรครับ"

"พี่ว่าพี่ไปซื้อให้ดีกว่า ติรออยู่ที่บ้านนี่แหละ ติยังไม่หายดีเลย"

"ไม่เอาครับ พักอีกสักสิบนาทีน่าจะดีขึ้น ผมขอนอนหนุนตักพี่ชินแป๊ปนึงได้ไหม?"
   
"หมอนก็มีให้หนุน"


    พี่ชินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งตามเดิม เขาคว้าหมอนที่อยู่อีกฝั่ง ยื่นมาให้ผม



"แล้วพี่ชินคิดว่าหมอนมันทำให้ผมอบอุ่นได้เหมือนพี่ไหมครับ? ผมอยากอยู่กับพี่ชิน อยากให้พี่ลูบหัวผม กล่อมผมให้นอนแค่แป๊ปเดียว พี่ทำให้ผมได้ไหมครับ?"


    คราวนี้ พี่ชินลุกขึ้นยืนของจริง ผมรีบลุกตาม คว้าเอวอีกฝ่ายดึงเข้ามาประชิดตัว ฟุบหน้าลงบนลาดไหล่ของเขา

    จู่ๆ ก็อยากกอดพี่ชิน แต่ไม่กล้า จึงทำได้แค่รวบเอวไว้แต่ไม่ถึงนาที พี่ชินผลักผมออกและก้าวถอยหลังห่างออกไป


"พี่จะบอกให้รู้นะว่าถ้าติไม่ได้ชอบหรือมีใจ อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใคร...เข้าใจไหม?"



     ผมหน้าเหวอที่พี่ชินต่อว่า ผมเดินก้าวไปข้างหน้าเพื่อใกล้ ทว่า พี่ชินก็ก้าวถอยหลังเหมือนต้องการทิ้งระยะห่าง
 


"คือ ผม คือ...ผมขอโทษ แต่ผม...ช..."

"การที่ติพูดจาหมาหยอกไก่ หรือด้วยวิธีที่ติทำอยู่ตอนนี้ ใครได้ยินหรือเป็นฝ่ายโดนกระทำ ถ้าคนที่ไม่คิดอะไรก็คงมองเป็นเรื่องขำๆ แต่ถ้าคนที่คิด...เขาจะเสียใจ...เพราะที่ติทำคือการ...ให้ความหวัง..."   

"ผมขอโทษครับ พี่ชิน แต่ผม...ไม่ได้..."

"พอได้แล้ว ไม่ต้องขอโทษพี่แล้ว พี่รู้ว่าติไม่ได้คิดอะไรกับพี่และพี่ก็ไม่ได้คิดอะไรกับติ แต่พี่เตือนไว้เฉยๆว่าการทำแบบนี้ไม่ส่งผลดีต่อใครหรอกนะ"


   โธ่เว้ย!!

   พอเจอฉากสำคัญ ทำไมผมถึงไม่กล้าพูดออกไป

    เมื่อก่อนอาจใช่ เพราะผมคิดว่า ผมโสด ไม่น่าใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แค่พูดแซว หยอกเอินแบบนี้กับทุกคนที่ผ่านเข้ามา แต่ตอนนี้ ผมพูดกับพี่ชินแค่คนเดียว แค่เขาคนเดียว!
 
     ผมจะบอกยังไงว่า ผมชอบพี่ชินแทบบ้า!

     ผมเกิดอาการสับสนอีกครั้ง ถ้าผมพูดออกไป ผมจะกลายเป็นคนเลวในสายตาพี่ชินทันที ที่ผมเองต้องมาแก่งแย่ง ชิงดีจีบคนๆเดียวกับเพื่อน
 
     เหมือนมีก้อนบางอย่างติดอยู่ในลำคอ จะพูดก็อึกๆอักๆ ใบหน้าที่เคยผ่อนคลายก็เริ่มตึงเครียด คิ้วขมวดกันเป็นปม
   

"ติไม่ต้องเครียดขนาดนั้นพี่แค่เตือนเฉยๆ เดี๋ยวพี่ไปทำกาแฟให้แล้วกัน"


    ผมนึกว่าวันนี้จะเป็นวันดีซะอีก ผมอุตส่าห์ได้มีเวลาอยู่กับเขาสองคนแท้ๆ

    สุดท้ายก็พังไม่เป็นท่าด้วยคำพูดและการกระทำของตัวผมเอง
   

    หลังจากที่ผมได้รับกาแฟดำตามที่ร้องขอไว้ก่อนหน้า พอพี่ชินทำกาแฟให้ผมเสร็จ ก็หนีขึ้นไปบนห้องไม่ลงมาอีกเลย เขาคงต้องการพื้นที่ส่วนตัวสำหรับสงบอารมณ์สักครู่หนึ่ง

   ผมนั่งเหม่อลอย ในมือของผมมีแก้วเซรามิกสีขาวบรรจุน้ำดำที่ผมหมุนเล่นไป-มา อุณหภูมิที่เคยร้อนก็กลายเป็นอุ่นจวนจะเย็น ผมสัมผัสได้ว่ามือผมชา และคงพองไม่มากก็น้อย


    ผมตั้งใจลงโทษตัวเองกับการกระทำก่อนหน้า ผมจะหวังอะไรได้อีก พอผมมีโอกาสผมกลับทำมันพลาดไป


    ผมไม่รู้ใจตัวเองในตอนนี้ ว่าสรุปแล้วผมควรสู้ หรือ ผมควรถอย

   
    เมื่อกาแฟเย็นลงผมสามารถซดรวดเดียวจนหมด โดยไร้ความรู้สึกรื่นรมย์ ที่จะต้องละเลียดไปกับความหอมกรุ่นหรือดื่มดำรสขมปร่าจากเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีที่บดออกมาจากคนที่ผมชอบ


     ผมวางแก้วบนโต๊ะกระจก ขึ้นไปตามพี่ชินบนห้อง ผมเคาะประตู อีกฝ่ายเดินมาเปิด แล้วมองผมด้วยสายตาอ่านไม่ออก




"พี่ชินครับ ผมไม่สบายใจที่เห็นพี่เป็นอย่างนี้ ผมไม่อยากไปแล้ว"

"พี่ไม่ได้เป็นอะไร พี่บอกแล้วไง"


"แต่เหมือนพี่ชินยังโกรธผมอยู่"

"ช่างมันเถอะ ติจะเอายังไง สรุปจะไปอยู่ไหม?"

"ผมอยากไป แต่ผมไม่สบายใจถ้าพี่จะเป็นแบบนี้ พี่ยิ้มให้ดูก่อนได้ไหม? ผมจะได้รู้ว่าพี่ไม่ได้โกรธผมแล้วจริงๆ"


   พี่ชินถอนหายใจก่อนจะแสร้งยิ้มที่ผมก็ดูออก ผมไม่อยากเรื่องมากเลยพยักหน้า หมุนตัวลงบันได จนกระทั่งถึงหน้าบ้านสวมรองเท้า อีกไม่กี่ก้าวก็ถึงรถยนต์คู่ใจอีกฝ่าย ผมเครียดมากจึงตัดสินใจพูดโพล่งออกไป


"พี่อาจจะมองว่าการกระทำและคำพูดแบบหมาหยอกไก่ คือการให้ความหวังคนอื่นไปทั่ว แต่นั่นมันเมื่อก่อน ถ้าถามตอนนี้ ผมพูดได้เลยว่าผมทำกับพี่ชินคนเดียวจริงๆนะครับ"

"เป็นคนคิดมากสินะ"


    ผมไม่ตอบ ผมเป็นคนคิดมากไหมไม่รู้ แต่ผมยอมรับว่าผมแคร์ความรู้สึกพี่ชินมากกว่าใครก็เท่านั้นเอง


    ในขณะที่ผมหยุดก้าว จู่ๆ พี่ชินก็เดินมาประชิด ก้มตัวลงเล็กน้อย ประคองหน้าผมให้มองรอยยิ้มกว้างอย่างจริงใจที่เขาแสดงออกให้ผมดู


    ผมโล่งใจและอดยิ้มตามไม่ได้


    เขาไม่โกรธจริงๆและพี่ชินยังคงน่ารักกับผมเสมอ...



"ทีนี้ เชื่อหรือยังว่าพี่ไม่ได้โกรธ?"

"เชื่อแล้วครับพี่ชิน"

"ถ้าอย่างนั้นก็เลิกงอแงเป็นเด็กสักที"

"ได้ครับ"



    ผมอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาด จากนั้น เราก็ไปร้านส้มตำขึ้นชื่อย่านราชเทวีที่อยู่ริมถนน



    เมนูที่ผมโปรดปรานถูกวางจนครบ ผมเห็นพี่ชินตักต้มแซ่บกระดูกอ่อนใส่ถ้วยตัวเอง ผมดีใจที่เขามีทีท่าว่าสนใจอาหารอีสานขึ้นมาบ้าง ขณะที่ผมกำลังจิ้มคอหมูย่าง พี่ชินก็ยังเอาใจใส่ตักต้มแซ่บใส่ถ้วยให้ผมด้วย

"ขอบคุณครับ" ผมยิ้มให้เขา


    พี่ใส่ใจผมขนาดนี้ แล้วเมื่อไหร่กันนะที่ผมจะมีโอกาสได้ดูแลและเอาใจใส่พี่คืนบ้าง


    รอบนี้ ผมไม่เห็นแก่กินอย่างก่อน ผมคอยลอบมองเขาเป็นระยะๆ เพื่อดูว่าเขาสามารถกินได้จริงๆตามที่บอกหรือเปล่า? พอผมเห็นเขาจิ้มคอหมูย่างเข้าปาก ผมสบายใจ จากนั้น เขาก็เริ่มซดน้ำซุปต้มแซ่บ แล้วสอดส่องสายตาดูเมนูอื่นๆ ผมก็คลายกังวล


    เอาเป็นว่า มื้อนี้ก็ดีกว่ามื้อก่อน...



"พี่ชินครับ"


"ว่าไง"


"ถ้ากินส้มตำเสร็จแล้ว ผมขอนอนบ้านพี่ชินอีกคืนได้ไหมครับ?"


    ผมอยากใช้เวลาอยู่กับพี่ชินให้นานที่สุด และคืนนี้ จะเป็นคืนที่ผมอยากแก้ตัว


    ฟากพี่ชินเลิกคิ้วขึ้นสูง พอเขาเคี้ยวเสร็จ เขายิ้มและตอบกลับ


"ก็เอาสิ วุฒิก็มานอนเหมือนกัน"


    ผมเบิกตาโต


"วุฒิด้วยหรอครับ?"

"อืมใช่...พอดีพี่ชวนเขามานอนเองแหละ"


    ทำไมผมเจ็บ?


"เอ่อ...แต่ตอนเช้า พี่ชินเพิ่งบอกผมว่าพี่ยังไม่ได้ชอบวุฒิ แต่พี่ชวนวุฒิมานอน? คืออะไรครับพี่?"

"ถ้ากำลังคิดทะลึ่งอยู่ หยุดเลยนะ ที่พี่ชวนวุฒิมาเพราะวุฒิบ่นกับพี่ว่าเครียดเรื่องที่บ้าน พี่ก็เลยอยากรับฟัง อยากเป็นที่ปรึกษาให้วุฒิน่ะ ติเห็นพี่เป็นคนยังไง?"


    ผมรีบปล่อยช้อน ส่ายมือไปมาพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ



"เปล่านะครับพี่  คือ ผมไม่ได้คิดว่าพี่ชินกับวุฒิต้องเอ่อ...แต่ผมเดาเอาว่า การที่พี่ชินจะให้ใครสักคนมาบ้าน นั่นหมายความว่า เขาคนนั้นเป็นคนสำคัญแล้ว"

"ที่พูดมาก็ถูก การที่พี่จะให้ใครสักคนมาบ้าน เพราะพี่เห็นแล้วว่าเขาเป็นคนสำคัญ"



    ผมเงียบ...

   ผมเกิดคำถามขึ้นมาในใจ? สรุปแล้วผมเป็นคนดีจริงๆหรือเปล่า?

   ผมไม่ใช่คนดี...ผมมันก็แค่คนที่พยายามทำตัวเป็นคนดีเพียงเพราะผมกลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดีอย่างนั้นหรอกหรือ?

    ถ้าหากผมดีจริง ผมจะมานั่งเศร้าทำไม? ผมควรดีใจที่วุฒิได้เป็นคนสำคัญของพี่ชินแล้ว


    ผมยิ้มเจื่อนและตอบกลับ

"ถ้างั้น พี่อยู่กับวุฒิไปก็ได้ครับ ผมไม่กวนดีกว่า เผื่อบางที มันอาจมีเรื่องที่มันไม่อยากเล่าให้ผมฟัง"

"พูดเหมือนน้อยใจเพื่อน!"

"ไม่น้อยใจหรอกครับพี่ชิน แต่เรื่องบางเรื่อง ไอ้วุฒิมันอาจจะอยากบอกพี่มากกว่าผม ส่วนเรื่องเมื่อคืนที่ผมนอนค้างบ้านพี่ พี่อย่าบอกวุฒินะครับ"

"ได้สิ"


     คราวนี้เป็นผมเองที่ฝืนยิ้ม และผมไม่รู้หรอกว่าพี่ชินจะดูออกไหม?

     ก็อาจจะ...

    แต่สิ่งที่ผมรู้ได้ตอนนี้ ....ทำไมส้มตำโคราชใส่พริกแปดเม็ดจานเดิมที่ผมนั่งตักกินอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อครู่ จู่ๆก็เกิดไม่อร่อยขึ้นมาซะอย่างนั้น...





****1.1****
วิชาความรัก เขามีเปิดสอนสถาบันไหนกันบ้างไหมเอ่ย? :z1: :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ต่างคนก็ต่างกั๊กความรู้สึกตัวเองเอาไว้  ไม่พูด เมื่อมันไม่เคลียร์ ก็มโนกันไป

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 6 อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใคร(2)



     ในเวลาเลิกงาน วันต่อมา...

       อชิถือโอกาสเลี้ยงข้าว เหตุที่เธอเป็นบัดดี้ผม เพราะวันนั้น ผมไม่ได้อยู่ตอนที่พวกเขาเฉลยบัดดี้


     แม้ผมจะปฏิเสธเธอหลายที เพราะผมไม่ชอบให้ผู้หญิงต้องมาจ่าย
แต่เธอยืนกราน ดึงดันให้มาอ้างว่าพี่แท็คบังคับ ผมจึงต้องมาอย่างอิดออดไม่ได้


     ท่ามกลางโต๊ะอาหารในร้านสุกี้ขึ้นชื่อบนห้างสรรพสินค้า ผม พี่แท็ค และอชิ กำลังใส่ผัก หมูนุ่ม เนื้อไก่ ลูกชิ้นปลาสวรรค์ และอื่นๆอีกมากมาย ในขณะที่รอต้มให้สุก พวกผมนั่งกินเป็ดย่างไปพลางๆ


     ผมไม่มีอารมณ์อยากกิน เพราะในหัวของผมนึกถึงแต่เรื่องพี่ชิน ผมไม่รู้ว่า ตอนนี้พี่ชินเป็นอย่างไรบ้าง


    วันนี้ พี่ชินกลับบ้านก่อนเวลาเลิกงาน หลังจากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องผลงานที่ผมและพี่ชินเคยไปนำเสนอผลงานกับลูกค้าที่บริษัทแห่งหนึ่งว่ามีอีกบริษัทได้งานไป ความจริงเรื่องนี้พี่ชินรู้มาก่อนและทำใจได้ แต่ที่เพิ่งรู้มาหมาดๆคือบริษัทนั้น มีไอเดียเหมือนกันกับบริษัทของผม ต่างกันตรงที่บริษัทที่เข้าร่วมแข่งขันราคา เสนอราคาที่ถูกกว่ากันมาก และสาเหตุที่บริษัทนั้นได้ เพราะฝั่งนั้นเข้าไปเสนองานก่อน ทางลูกค้าจึงคิดว่าทีมของพวกผมก็อปปี้ไอเดียของบริษัทนั้น


    ผมไม่อยากจะเชื่อเลย เพราะวันที่ผมกับพี่ชินไปเสนอผลงาน เขายังชื่นชมนักหนาว่าดี ว่าชอบ แต่ไม่คิดว่า จริงๆ เขารู้ว่ามีผลงานเหมือนกัน แต่ทำเป็นเงียบไว้
 

    มั่นใจว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นอกซะจากว่า ในบริษัท มีหนอนบ่อนไส้
 
 
    และก็จริงอย่างที่พี่แท็คบอก พี่ชินทุ่มเทกับงานมาก กว่าจะระดมสมอง นั่งประชุมตั้งแต่เช้าจรดเย็น เพื่อนำเสนอผลงานที่ดีที่สุดสู่มือลูกค้าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จู่ๆกลับถูกขโมยไอเดีย มิหนำซ้ำยังกดราคาให้ต่ำกว่า เป็นใครก็คงเสียความรู้สึก

   
   ราวกับเชื้อโรคที่แพร่เชื้อถึงกัน เพราะความไม่สบายใจของใครอีกคน ส่งผลให้ผมไม่สบายใจตาม
     

"ชิโทรหา พี่ชินไม่รับเลย พี่แท็คคุยกับพี่ชินยังคะ?"


    ผมเงี่ยหูฟังอชิพูดกับพี่แท็ค อชิดูกังวลไม่น้อย เพราะเธอเป็นคนรู้เรื่องนี้ แล้วนำไปบอกพี่ชิน

   
"คุยแล้ว ชินมันบอกว่า มันไม่ได้เป็นอะไร แค่อยากพักเลยกลับก่อน ส่วนบริษัทที่ได้งาน พี่ว่าจะลองสืบดูว่าคนที่บริษัทนั้น มีใครรู้จักกับบริษัทเราหรือเปล่า?"

"พี่ชินนะพี่ชิน ไม่รับโทรศัพท์น้อง แต่รับโทรศัพท์พี่แท็ค หึ..."

"อย่างอนชินเลยอชิ มันคงไม่อยากให้อชิไม่สบายใจมากกว่า"



   ขณะที่ผมนั่งเคี้ยวหมู ผมยิ้มมุมปากกับการกระทำพี่แท็คที่โยกศรีษะอชิอย่างเอ็นดู ไหนจะคำพูดคำจาพี่แท็คที่ดูอ่อนหวานกับอชิเป็นพิเศษ  เพราะโดยปกติพี่แท็คจะดูห่ามกว่านี้ พอเจอมุมละมุนเข้าไป ผมไม่ค่อยชินเท่าไหร่


   ผมยังคงดีใจกับอชิที่เธอสมหวัง และได้คบกับคนที่เธอแอบรัก



"ผมอยากทำให้พี่ชินมีความสุข มีอะไรที่ผมพอช่วยได้บ้างไหมครับ?" ผมโพล่งไป

"มึงใช้คำพูดแปลกๆว่ะ"

"หืม...แปลกยังไงครับ ก็ผมเป็นพนักงานที่นี่เหมือนกัน ผมเห็นพี่ชินเป็นแบบนี้ก็เลยเป็นห่วง"

"กูเข้าใจ แต่คำพูดและท่าทางมึงดูห่วงและกังวลเกินเหตุ พวกกูก็เครียดที่เห็นชินมันเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่อาการหนักเท่ามึงว่ะ"




   ผมชะงัก อาการผมดูออกขนาดนั้นเลยเหรอว่าผมเป็นห่วงพี่ชิน? และผมไม่รู้จริงๆนะ ที่ว่า อาการหนักในความหมายของพี่แท็คคืออะไร?

   ขณะที่ผมหาคำตอบให้ตัวเองอยู่ในหัว อชิก็ถามผม
 

"ติอย่าโกรธชินะ คือ ชิจะถามว่า ติ...เอ่อ...คือ จะใช้คำพูดยังไงดีอะ อ้อ!...ติแบบรักเพศเดียวกันได้ไหม?"


    ผมขำอชิ ผมส่งยิ้มและพยักหน้าช้าๆ


"พี่แท็คคะ เชียร์ติให้จีบพี่ชินกันดีไหมอะ?" อชิกระดี๊กระด๊าตอนถามพี่แท็ค


"เออน่าสนแฮะ...กูถามมึงก่อน แบบไอ้ชินน่ะ มึงชอบไหมวะ?"

 
    โอ้โห!...ผมล่ะอยากขอบคุณพี่แท็คจริงๆที่คำพูดของพี่ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผมมากเลยทีเดียว จะว่าไป ความเป็นจริงมันควรกลับกัน เพราะสิ่งที่ผมรู้สึกอยู่ตอนนี้นั้น มันควรจะเป็นว่า...

    คนแบบผมน่ะ พี่ชินจะชอบไหม นั่นต่างหาก?


"เดี๋ยวๆ มีอะไรกันหรือครับ?"

"กูกับอชิเคยคุยกันเล่นๆว่า กูอยากให้ชินมีแฟนใหม่ได้แล้ว เพราะช่วงนี้ มันเจอปัญหาหนัก ไหนจะงาน ไหนจะแฟนเก่ารังควานมันไม่เลิก คนที่มึงเห็นคราวนู้นนั่นแหละ และที่สำคัญเวลามันมีปัญหา ไอ้ชินเป็นคนไม่พูด ชอบเก็บเอาไว้คนเดียว ถ้ามันมีใครสักคนก็คงจะดี"


    ผมมองพี่แท็คที่ดูหน้าจริงจังขึ้นทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้
 
 
"ทำไมอยู่ดีๆแฟนเก่าถึงกลับมารังควานอีกล่ะครับ ก็เลิกกันนานแล้วไม่ใช่หรอ?" ผมสงสัย

"ก็เออดิ ก่อนหน้านี้ ชินมันเปลี่ยนเบอร์มือถือไง แฟนเก่าคงตามไม่ได้ แต่หลังจากที่เจอวันนั้น แฟนเก่ามันเสือกได้เบอร์ใหม่จากใครไม่รู้ โทรหาถี่ยิบเลย"

"หรอครับ? บล็อกเบอร์โทรก็ได้นี่ครับ"

"บล็อกไม่ได้แล้วเนี่ยดิ เพราะชินบอกกูว่า แฟนเก่ามันมีบางอย่างที่ทำให้ชินขาดการติดต่อไม่ได้"



   พี่แท็คพูดจบ คีบเนื้อเป็ดป้อนอชิ ยิ่งทำให้คนโสดอย่างผมอดอิจฉาตาร้อนไม่ได้

   นั่งตรงนี่ เหมือนเป็นส่วนเกินอย่างบอกไม่ถูก

   ผมคงต้องยอมรับความจริงและชินได้แล้วสินะ ที่ต้องเห็นคนรอบข้างหวานใส่กัน


"มันคืออะไรหรอครับ?"

"กูบอกไม่ได้ และถึงต่อให้มึงถามไอ้ชิน มันก็คงไม่บอก"


    พี่แท็คยิ่งพูดแบบนี้ ยิ่งทำให้ผมอยากรู้ซะแล้วสิ แต่สิ่งที่ผมอยากรู้อีกเรื่อง คือ ...


"แต่พี่ชินไม่ได้มีเยื่อใยให้คนเก่าแล้วใช่ไหมครับ?"

"ใช่ มันหมดใจไปนานแล้วล่ะ"


   ผมเงียบ ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และอชิก็โพล่งอีกหน


"ติ ชิรู้ว่าความรักบังคับกันไม่ได้ แต่ถ้าติรู้สึกแบบ เอ่อ...ชอบพี่ชินเมื่อไหร่บอกนะ ชิเชียร์เต็มที่"

"ขอบคุณนะ อชิ"


    ผมยิ้มให้เธอ ผมไม่อยากบอกความจริงเลยว่า ถึงอชิจะเชียร์ผมแค่ไหน? ก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะผมคงต้องหยุดไว้แค่ตรงนี้ เนื่องจากไม่อยากมีปัญหากับเพื่อน
   
    แต่อย่างน้อย ผมก็รู้สึกดี ที่ยังมีคนคอยสนับสนุนผมอยู่..
   

     หลังจากที่ผมกินข้าวกับอชิและพี่แท็คเสร็จเรียบร้อย กลับมาถึงห้อง เจอวุฒิสวมกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง

     วุฒิคงอาบน้ำแล้ว


"ไปนอนบ้านพี่ชินเป็นไงบ้างวะ โอเครึเปล่า?"


   ผมถามเพื่อนขณะที่ถอดเสื้อผ้าเพื่อเตรียมอาบน้ำ เนื่องจากวันนี้เหนื่อยและเพลียสุดๆ



"โอเค พี่ชินดีกับกูมากเลยมึง อ่อ..ติ กูจะหาห้องเช่าใหม่แล้วนะ เกรงใจมึงว่ะ กูตัดสินใจแล้วว่าจะไม่กลับไปอยู่บ้านแม่"


   ผมทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียง มองหน้าเพื่อน ท่าทางปัญหาระหว่างมันกับแม่มันน่าจะหนักเอาการ

   ผมไม่ห่วงวุฒิเรื่องที่อยู่อาศัย มันจะอยู่ที่ไหนก็ได้ เพราะฐานะทางบ้านมันรวย ขนาดทุกวันนี้ มันไม่หางานทำ ยังมีเงินไว้กินไว้ใช้ได้ตลอด

   ผมเชื่อว่าการทะเลาะกับแม่ ไม่ส่งผลต่อรายได้ เพราะมีพี่ชายคนโตให้ท้าย

   เผลอๆ พี่ชายวุฒิรักมันยิ่งกว่าแม่มันอีกมั้ง...

   
"มึงทะเลาะกับแม่หนักเลยเหรอ?"

"เออ..เบื่อฉิบหาย เรื่องเดิมๆ เขาจะให้กูแต่งงาน แค่กูเรียนจบตามคณะที่เขาต้องการมันก็น่าจะพอ บังคับให้กูช่วยงานพี่วิทย์ กูก็ตามใจ แล้วนี่จะบังคับให้กูแต่งงานกับคนที่กูไม่ได้รัก มันอะไรกันนักหนา จะเอาชีวิตกูไปเลยไหม?"

"เฮ้ย! ใจเย็นๆ แม่มึงคงมีเหตุผลล่ะ รอดูก่อนสิ ส่วนเรื่องห้อง มึงพักกับกูก่อนก็ได้ กูไม่อึดอัด มึงจะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นหาห้องใหม่ แต่ก็แล้วแต่มึงนะ"

"เออๆ...ขอบใจมึงมากนะติ"



"มึงอยากเล่าอะไรให้กูฟังอีกไหม? กูรับฟังได้นะ"

"ขอบใจ แต่ช่างแม่งเหอะ พอนึกถึงก็หงุดหงิด ที่กูอยากเล่า คือ เรื่องพี่ชินมากกว่า กูกลัวผิดหวังว่ะ"

    วกมาเรื่องพี่ชิน ผมเจ็บแปลบขึ้นมาทันที


"เกิดอะไรขึ้นวะ?"

"ไม่มีอะไรหรอก แค่กูรู้สึกชอบพี่ชินมากกว่าเดิม กูเลยกลัวว่าถ้าเขาไม่ชอบกู ก็จะเจ็บน่ะ กูอยากขอเขาคบเป็นแฟนจะแย่ แต่กลัวเร็วไป เลยกะจะรอเวลาอีกนิดนึงค่อยถาม ว่าเขาคิดยังไงกับกู?"

"ก็ลองดู ทำให้เต็มที่แล้วกันมึง กูเอาใจช่วย"

"ขอบใจมากมึง ไม่ได้มึงกูคงแย่ว่ะ ติ..."


    คำพูดเพื่อน ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด ถ้าคิดจะแย่งมัน


"เออ...มึงเป็นคนเอาอมยิ้มให้พี่ชินหรือวะ?"

"มึงรู้ได้ไง?"

"พอดีเมื่อคืน กูเห็นพี่ชินหยิบช่ออมยิ้มออกมาจากตู้เสื้อผ้า กูเลยถาม เห็นเขาบอกว่าที่บริษัทเล่นบัดดี้กัน แล้วคนที่ให้คือมึง"


"แล้วทำไม?"

"พี่ชินโตเกินกว่าจะมานั่งแดกอมยิ้มปะวะ ทำไมมึงไม่ซื้ออย่างอื่นให้อะ"

"แล้วมึงเสือกอะไรด้วยวะ มันก็เรื่องของกูปะ?"

"กูขอโทษ คือ กูแค่ถามดู แบบถ้าเป็นกูนะ กูคงซื้ออะไรดีๆ แพงๆให้เขาประทับใจกว่านี้"


   บ้านผมไม่ได้รวยเหมือนมัน ที่จะมีเงินซื้อของในราคาแพงได้ๆ แล้วการที่ผมซื้ออมยิ้มให้พี่ชิน ผมผิดมากเหรอไง?


    อีกอย่างอมยิ้มช่อนั้น ผมทำด้วยความตั้งใจ กว่าผมจะทำได้เป็นช่อสวยงามก็ใช้เวลาหลายวัน พอมาเจอคำพูดลักษณะนี้ ก็บั่นทอนความรู้สึกพอสมควร


   แต่ผมรู้ว่าวุฒิไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอก เพียงแต่มันมีนิสัยจุกจิก อะไรที่ขัดหู ขัดตาหรือไม่ได้ดั่งใจมันเมื่อไหร่ มันจะถามออกมาโต้งๆ ตรงๆ ให้คลายข้อสงสัยก็เท่านั้น


"เฮ้ย...มึงโกรธกูหรอ? กูแค่หวังดี จะแนะนำว่าควรซื้ออะไรที่เหมาะกับพี่ชินมากกว่านี้ อย่างเช่น เสื้อผ้าแบรนด์ดีๆ....เน...ค"


"ช่างแม่งเถอะ มันผ่านมาแล้ว อีกอย่างกูอยากให้อมยิ้มเขา แม้คนอื่นอาจจะมองว่าไม่มีค่า"

"มึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ? กูขอโทษนะติ แค่กูมองว่ามันตลก เอ้ย...ไม่ใช่ๆนะ เอ่อ...แค่มันติดอยู่ในหัว เลยพูดออกมาน่ะ"


    ผมไม่อยากคุยถึงเรื่องนี้อีก ผมจึงเบี่ยงประเด็นถามทันที


"วันนี้ มึงได้คุยกับพี่ชินรึยัง?"

"คุยทางไลน์ตั้งแต่หัวค่ำ แต่พี่ชินบอกกูว่าปวดหัวนิดหน่อยจะขอหลับก่อนน่ะ"

"วันนี้ พี่ชินเครียดมาก มึงควรโทรถามอาการเขาหน่อยนะ"
ผมเอ่ย

"อ้าวหรอ?"

"ใช่ ทางที่ดี มึงควรไปหาพี่ชินที่บ้าน"


     ผมแนะนำ ทั้งๆที่ผมเองก็เจ็บอยู่ไม่น้อย


"แต่พี่ชินบอกกูว่าหลับแล้วอะดิมึง"

"ไม่ลองไม่รู้ มึงควรไปนะไอ้วุฒิ วันที่มึงเครียด มึงก็ไปหาพี่ชินให้เขาปลอบใจไม่ใช่เหรอ?"

"ก็ใช่แต่....เอ่อ...กูขี้เกียจออกจากห้องว่ะ นี่มันก็สามทุ่มกว่าแล้วมึง ไว้พรุ่งนี้กูจะโทรหาเขาอีกที"

"กูให้มึงคิดอีกที ไอ้วุฒิ"


    ผมย้ำเสียงหนัก วุฒิทำหน้าครุ่นคิดพักใหญ่ ก่อนจะมากอดคอผมแน่น ส่งยิ้มแห้งๆ เหมือนกลัวผมจะด่า


"เดี๋ยวกูโทรหาพี่ชินตอนนี้เลยแล้วกัน แต่กูคงไม่ไปว่ะ"



    ผมเงียบถอนหายใจแรง มองหน้าเพื่อนรัก

    กูถือว่ากูบอกมึงแล้วนะ....กูให้โอกาสมึงแล้ว

    ถ้ามึงไม่ไป กูไปเอง...









.............




ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง


   ในเวลาห้าทุ่ม ผมมายืนอยู่หน้ารั้วบ้านพี่ชิน ผมโกหกวุฒิว่ามีงานด่วนที่พี่โทรออฟฟิสโทรตาม ผมไม่รู้ว่ามันเชื่อไหม? แต่ผมไม่สนใจ

    ผมมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผมไม่ได้จะมาเพื่อคิดแข่งหรือแย่งพี่ชินไปจากเพื่อน เหนืออื่นใด ผมมาเพราะผมเป็นห่วงพี่ชิน


    ถ้าไม่มา ผมคงนอนไม่หลับ ผมไม่สบายใจที่รู้ว่าพี่ชินเครียด และอยู่บ้านคนเดียว มันน่าหดหู่แค่ไหน หากในช่วงเวลาที่มีปัญหา ไม่มีใครเคียงข้าง

   พี่ชินควรมีคนปลอบใจ

   ผมคิดอย่างนั้น...

   ถึงแม้ว่าผมจะเพลียและล้าจากการทำงาน อีกทั้ง ห้องของผมกับบ้านของพี่ชินระยะทางจะห่างไกลกันพอสมควร แต่ผมอยากมา ขอแค่ได้รู้ว่าพี่ชินสบายใจ แค่นั้น ผมก็ยอม

   เนื่องจากวันนี้ทั้งวัน ผมกับเขาไม่มีโอกาสได้คุยกันแม้แต่คำเดียว พี่ชินไม่ลงไปกินข้าว คุยงานทางโทรศัพท์ตลอด จากนั้นเขาก็กลับบ้าน ส่วนผมก็งานเยอะจึงหาจังหวะถามไถ่ได้ยาก
 

    ผมยืนรอไม่นาน เห็นร่างสูงก้าวยาวๆออกจากตัวบ้าน ผมเห็นพี่ชินสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวเนื้อบางคอกว้างจนแทบจะหลุดจากไหล่กับกางเกงขาสั้นสีฟ้าอ่อน


"ติ...มีอะไร? ทำไมมาดึกดื่นขนาดนี้" พี่ชินดูหน้าตระหนกตกใจที่เห็นผมยืนอยู่มืดๆในยามวิกาล

"ผมขอโทษที่มารบกวน พ..พี่ชินหลับหรือยังครับ?"


"ยังน่ะ"


"พี่ชินโอเคไหมครับ? คือ...ผ..ผมเป็นห่วงพี่เรื่องงานเมื่อกลางวัน?"



     ผมเห็นพี่ชินหลุดยิ้มจางๆออกมา จากที่พี่ชินจะเปิดประตู เขากลับชะงักมือไว้


"คิดว่าพี่จะคิดสั้นหรือไง?"


    ผมกัดปากตัวเอง มองพี่ชินที่เลิกคิ้วขึ้นสูง


"ไม่คิดครับ ผมรู้ว่าพี่เข้มแข็ง เพียงแต่ผมคิดว่า เวลาที่พี่มีปัญหาพี่ควรมีใครสักคนคอยรับฟัง"


    ผมมองพี่ชินที่นิ่งอึ้งไปครู่ ก่อนที่จะยกยิ้มมุมปากอีกครั้ง


"ถ้าแค่รับฟัง ติโทรมาก็ได้"


   ตอนนี้ พี่ชินยังไม่ยอมเปิดประตูให้ผมเลยคิดดูสิ เรายืนคุยกันผ่านรั้วเตี้ยกั้นกลางระหว่างกายสอง


"โทรได้ยินแค่เสียง แต่ถ้ามาหา จะได้ยินทั้งเสียง และได้เห็นว่าพี่เป็นยังไงด้วย"


    ผมเห็นพี่ชินมีทีท่าชะงักหลายครั้งกับคำพูดผม ผมมองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง แต่พี่ชินกลับถอนหายใจ


"เฮ้อ!....ถ้าพี่ไล่ให้กลับบ้านจะใจร้ายไปไหม?"

"ไม่หรอกครับ ผมแค่อยากมาให้เห็นกับตาว่าพี่โอเค แค่นั้น ผมก็สบายใจแล้ว...ถ้างั้นผม...กล..."


"ถ้าไล่ก็คงจะใจจืด ใจดำไปหน่อย ติเข้ามาสิ"


    พี่ชินเพิ่งจะเปิดประตูให้ผมเดินเข้ามาในตัวบ้าน เขาเดินนำและบ่นเบาๆแต่ผมก็ได้ยินอยู่ดี


"นอกจากจะเป็นคนคิดมากแล้วยังดื้ออีก"

     ผมเถียงกลับ

"พี่ชินก็เหมือนกัน นอกจากจะชอบเอาใจใส่คนอื่นมากเกินไปแล้วยังชอบทำตัวเข้มแข็งเกินเหตุอีก"

"ยอกย้อนนะเรา"

"ก็จริงนี่ครับ พี่ชินก็เป็นอย่างนี้ทุกที"


    พี่ชินคงเบื่อผมถึงเลิกเถียง เขานั่งลงที่โซฟา เอนศรีษะพิงพนักเงยหน้ามองเพดานเหมือนคนเหม่อลอย


"ขอบใจนะที่เป็นห่วง"

"ครับ ว่าแต่พี่ชินอยากเล่าอะไรไหม? ผมพร้อมที่จะฟังนะ"


"ไม่รู้จะเล่าอะไร"




    ผมรู้ดีว่าพี่ชินเป็นผู้ใหญ่กว่าผม...
    เก่งกว่าผม...
    และสามารถรับผิดชอบทุกอย่างได้ดีกว่าผมอยู่แล้ว


    แต่คนเรา ต่อให้เก่งมาจากไหน ในวันที่มีปัญหาหรือเครียดมากเพียงใด กำลังใจและการมีคนคอยรับฟังสำคัญที่สุด


    คนเราอยู่คนเดียวได้ แต่ไม่มีใครอยู่คนเดียวตลอดชีวิตได้จริงๆหรอก...


    เพราะโลกได้สร้างผู้คนให้มาเชื่อมโยงความสัมพันธ์กัน มันจึงเกิดเป็นสังคม ความรัก และความผูกพันขึ้นมา



    ผมกระตุกแขนพี่ชินให้เลิกมองเพดานแล้วหันมาหาผมที่หน้าขัดสมาธิมองเขาอยู่ พี่ชินตะแคงหน้ามามอง




"พี่ชินครับ เวลาที่คนเราเจอเรื่องเครียดๆมาแล้วเอาแต่เก็บไว้ไม่เคยปริปากพูดหรือได้ระบายออกมา พี่คิดว่ามันดีหรอ? ยิ่งเก็บและกดไว้มากเท่าไหร่ พอถึงวันที่มันสุดๆจริงๆ มันจะกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่และแย่กว่าเดิมนะครับ
พี่ชินไม่ใช่หุ่นยนต์ พี่มีหัวใจและความรู้สึก พี่ชินไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้ ถ้ามันถึงจังหวะที่ต้องอ่อนแอก็อ่อนแอออกมาเถอะ..."


     
    ผมพูดจบ พี่ชินนั่งนิ่งไปเลย ก่อนจะส่ายหน้าขำและหันตัวมาหาผม

    มันเป็นครั้งแรก...

    ครั้งแรกจริงๆที่พี่ชินสัมผัสตัวผมอย่างอ่อนโยน ด้วยการยกสองมือมายีผมของผมเล่น


"เฮ้อ! ตินี่เหมือนเด็กเลย"

"พี่หมายความว่าไง?"

"ซื่อล่ะมั้ง"


"พี่ว่าผมเหรอ?"

"ไม่รู้สิ ทั้งชม ทั้งว่ามั้ง ติเป็นคนไม่มีพิษมีภัย ติใสซื่อแถมซื่อบื้ออีกต่างหาก อ้อ!...แล้วก็...ติเป็นคนซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง ไม่โทร แต่มาหา เพราะทำตามใจตัวเองที่บอกว่ามาแล้วจะมันดีกว่าใช่ไหม?"



   ผมอึ้ง เผลออ้าปากค้าง ทำไมพี่ชินอธิบายตัวตนผมได้เห็นภาพชัดเจนขนาดนี้

   

"เอ่อะ...คือ..."

"ขอบคุณนะติที่มา แต่พี่ไม่ได้เครียดอะไร พี่สบายดีจริงๆครับ"



   คงไม่ใช่พี่ชินที่ดูผมออกคนเดียวหรอก ผมก็ดูเขาออกเหมือนกัน เพราะตอนนี้พี่ชินกำลังโกหก แม้พี่ชินจะทำหน้าเหมือนคนไม่มีอะไรอย่างปากว่า

   แต่เชื่อเถอะ ว่า สายตา มันปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงไว้ไม่มิด

    ถ้าพี่ชินเลือกตอบแบบนั้น ผมจะไม่เซ้าซี้


หมับ!


    วินาทีนั้น ผมกระเถิบตัว ดึงมือพี่ชินมากุมไว้และวางลงบนตักผม

    ผมเชื่อว่าการได้สัมผัส มันช่วยให้พี่ชินผ่อนคลายได้



"ถ้าพี่ชินลำบากใจไม่ต้องเล่าก็ได้ แต่ในเวลาที่พี่ชินเครียดหรือมีปัญหา เป็นผมที่อยู่ข้างพี่ได้ไหม?"


     ผมพูดจริงๆ แค่วันนี้ที่ผมได้ยินจากปากพี่แท็คว่า พี่ชินเจอะเรื่องแฟนเก่ามาตามราวีอีก พี่ชินก็คงเครียดไม่น้อย ที่นอกจากงานแล้วยังมีปัญหาส่วนตัวประดังประเดกันเข้ามา

    ผมอยากดูแลและทำให้พี่ชินสบายใจแม้ว่ามันจะเป็นส่วนเล็กน้อยสำหรับเขา

    หากลองได้รักใครสักคน ผมเชื่อว่า ทุกคนอยากทำให้เขาคนนั้นมีความสุขไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม

    ซึ่งตัวผมเองก็เช่นกัน

   
    แม้ผมจะไม่มีเงินทองมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมทำได้ คือ การรับฟังในเวลาที่เขาอยากระบายปัญหา


    ไม่รู้ว่า คำถามนั้น ผมขอมากไปหรือเปล่า? ผมถึงเห็นพี่ชินน้ำตาคลอดวงตาสวย เขารีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง


"พี่ไม่ใช่คนประเมินเราผ่านโปรฯสักหน่อย ไม่ต้องมาดีกับพี่หรอก"


     ผมไม่โกรธที่พี่ชินพูดแบบนั้น เขาพูดก็เพื่อต้องการเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้ผมขยี้ จี้หัวใจที่อยู่ในสภาวะอ่อนแอจนแทบแหลกสลาย


    เพราะถ้าผมย้ำเรื่องเดิมอีกครั้ง พี่ชินร้องไห้หนักกว่าเดิมแน่ ผมกระชับมือพี่ชินแน่นขึ้น


    ฝ่ามือของเราสองคนที่เคยเย็นกลับอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ผมว่าความรักของผมน่าจะส่งผ่านไปถึงพี่ชินแล้ว

   ผมใช้มือที่ว่าง ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงผ้า ผมแบมือให้พี่ชินเห็นอมยิ้มที่อยู่ในมือของผม
 


"ผมให้"



    พี่ชินมองอมยิ้มในมือผมและรับมันไปอย่างงงๆ

   
    ผมนึกถึงคำพูดเพื่อน ผมจึงเอ่ยออกไป


"ผมขอโทษนะครับ ที่อมยิ้มอาจไม่มีค่าเท่าไหร่? แต่พี่ชินจำได้ไหมว่าที่ผมให้อมยิ้มพี่ตอนแรก นั่นเป็นเพราะอะไร?"

"เพราะอยากเห็นพี่ยิ้ม"

"ใช่ครับ แล้วตอนนี้ ถ้ามันไม่มากไป พี่ยิ้มให้ผมดูอีกครั้งได้ไหม?"


    พูดจบ ผมเห็นพี่ชินหันมาทางผม ด้วยขอบตาที่เแดงก่ำ รอยยิ้มเล็กๆมุมปากที่แม้มันจะบางเบาจนแทบแยกไม่ออกว่านั่นคือรอยยิ้มจริงๆหรือเปล่า?

    แต่ผมดีใจ..ที่พี่ชินพยายามทำตามความต้องการของผม แม้เขาจะเศร้าอยู่



"ผมไม่กวนพี่ชินแล้ว ผมจะนั่งเงียบๆอยู่ตรงนี้ ถ้าพี่ชินอยากขึ้นไปนอนเมื่อไหร่ บอกผมนะ"


    พี่ชินพยักหน้ารับ จากนั้น ผมทำตามที่บอก ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปาก นอกจากนั่งเคียงข้างพี่ชินให้รู้ว่า พี่ชินยังมีใครอีกคนที่เป็นห่วงเขาจากใจเท่านั้นก็พอ....






.....................................

 :mew1: :mew1: :katai5: :katai5: :m15: :monkeysad:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2018 21:28:02 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

หวานซะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ดี!! ทำได้ดี

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1

ตอนที่ 7 ที่พักพิง











       และแล้ววันที่พวกผมไปทะเลก็มาถึง ซึ่งตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตอนแรกอชิอยากมาด้วย แต่พี่แท็คกระซิบเพื่อเตี้ยมกับผมว่าอยากพาอชิไปสวีทหวานกันสองต่อสอง ผมถึงต้องโกหกอชิว่า ผู้ชายไปเยอะ กลัวอชิไม่สนุก เธอเข้าใจจึงไม่มา แต่กลายเป็นว่าคนที่พ่วงมาด้วยและผมไม่อยากให้มานั่นคือ พี่ชายผมเอง


      สี่คนเดินทางด้วยรถยนต์สองคัน ผมนั่งมากับพี่ตั้น ส่วนวุฒิไปกับพี่ชิน เราเดินทางมาถึงท่าเรือเฟอร์รี่ ขับรถลงจอดในเรือข้ามฟากเพื่อไปเกาะช้าง จากนั้นพวกผมเดินขึ้นไปนั่งกันที่ชั้นสองของตัวเรือ


    นั่งกันสักพัก ผมเห็นวุฒิและพี่ชินนั่งหลับภายใต้แว่นกันแดด ลมแดดและการเดินทาง อาจทำให้เพลีย ผมไม่อยากนั่งให้ตัวเองง่วง จึงลุกจากที่นั่งเดินไปรับลมตรงท้ายเรือ ยกโทรศัพท์มือถือเข้าหมวดกล้องเพื่อกดถ่ายรูปทะเลรัวๆ ยืนคิดอะไรไปเพลินๆ แต่ไม่พ้นเรื่องเดิม นั่นคือ เรื่องพี่ชิน

     ผมดีใจนะที่ได้มาทะเลกับพี่ชิน แม้จะไม่ได้มากันสองต่อสอง แต่เท่านี้ก็พอใจ

    เมื่อเห็นเกาะจุดหมายใกล้เข้ามา ผมถึงกลับไปนั่งก็เห็นพี่ตั้นตื่นแล้วหันมาคุยกับผม


     ชั่วโมงกว่าๆ จากการถึงฝั่งเกาะช้างและขับรถมาโรงแรมต่อ ทุกคนยกสัมภาระของตัวเองไปติดต่อตรงจุดเช็คอินของโรงแรม รับกุญแจและคีย์การ์ดมา ต่างก็แยกย้ายไปวางสัมภาระกันที่ห้อง

   ผมกับพี่ชินได้ห้องพักติดกัน โดยผมนอนกับพี่ตั้น ส่วนวุฒินอนกับพี่ชิน

   เราทุกคนนัดกันว่า หากเคลียร์ของเสร็จ ให้เจอกันที่ชายหาด ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกจากห้องไปก่อนพี่ชาย


   โรงแรมที่ผมพักติดทะเลเลยไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง ผมเจอะวุฒิก็ลากคอมันลงน้ำ ส่วนพี่ชินนั่งเล่นรอที่ชายหาด


   แม้แดดจะแรง แต่ผมไม่หวั่น ผมกับวุฒิเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน เราว่ายไปจุดที่ลึกขึ้น แต่ยังพอยืนเขย่งๆกันได้

    และเมื่อการมาทะเลทำให้หวนนึกถึงสมัยเรียนมหาฯลัย


"คิดถึงไอ้โจ้เลยว่ะ"


    โจ้ คือ เพื่อนอีกคนที่ผมสนิท และรักพอๆกันกับวุฒิ


"เออว่ะ น่าจะชวนมันมาเนอะ"

"อืม..แต่อย่างว่าช่วงนี้ มันติดเมีย ต่อให้ชวนก็คงไม่มา..ไอ้โจ้กลัวเมียจะตาย มึงก็รู้"



"เออก็จริง...แม่งพอมีเมียแล้วห่างเพื่อน"

"ฮ่าๆ...ว่าแล้ว เดี๋ยวพวกเราส่งรูปไปอวดมันดีกว่า"

"เออๆ...ดีๆ...ยั่วให้มันเสียดาย"



    พวกผมหัวเราะกันที่นึกหาเรื่องยั่วเพื่อนอีกคนได้สำเร็จ จู่ๆไอ้วุฒิกระโจนขึ้นมาขี่คอผม ทำอย่างกับเล่นขี่ม้าส่งเมือง ผมไม่ได้ตั้งหลัก ขาผมอ่อนแรง ทั้งตัวผมจึงจมมิด วุฒิกระเด้งออกจากตัวผม ระเบิดหัวเราะชอบใจใหญ่ที่เห็นผมพลาดท่า

     ผมยังไม่ยอมโผล่ขึ้นจากน้ำ กลั้นหายใจหวังจะแกล้งมันคืนที่เล่นบ้าอะไรไม่รู้

     ผมดำน้ำออกห่างจากจุดที่มันยืนอยู่ จากนั้น ผมกระโดดขึ้นจากน้ำ แกล้งตะกุยตะกาย ผมได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายและแรงกระชาก ผมรีบร้องห้ามไอ้วุฒิ ฝืนแรงเพื่อน ผมลูบหน้า ลืมตาแล้วหัวเราะที่แกล้งวุฒิคืนได้สำเร็จ

    แต่วุฒิกลับหน้าเหวอ จากนั้น มันผลักอกผมอย่างแรง และตะคอกใส่ผม


"ไอ้ติ! มึงเล่นเหี้ยอะไรวะ"


"แกล้งมึงคืนไง! เฮ้ย! เดี๋ยว! กูแค่แหย่เล่น ทำไมมึงต้องจริงจังด้วย"
ผมหน้าเสียที่เห็นวุฒิมันจริงจังเกินเหตุ


"เพราะกูกลัวมึงตายไง ไอ้สัด!"


     ผมชะงัก คว้าไหล่วุฒิที่เดินต้านแรงเสียดทานน้ำทะเลกลับไปชายหาด

     ผมอ้ำอึ้ง ไปต่อไม่ถูก  ไม่คิดว่าวุฒิจะพูดคำนี้ออกมา ไม่คิดว่ามันจะเป็นห่วงผมจริงจังขนาดนี้


"วุฒิอย่าเดินหนีกูสิวะ กูขอโทษ คือ...กูไม่ได้จะทำให้มึงไม่พอใจ"

"มึงจำตอนมึงเป็นตะคริวไม่ได้หรือไงวะ? ทีหลัง มึงอย่าเล่นแบบนี้อีกนะ ช่างแม่งเหอะ...กูไม่เป็นอะไรแล้ว กูไม่อยากให้พี่ชินกับพี่ตั้นรู้ว่าเราทะเลาะกัน"


"กูขอโทษนะวุฒิ"

"เออๆ กูรู้แล้ว"


   
   ผมจ๋อยเลย ตอนนี้ มีทั้งความรู้สึกดีและไม่ดีปะปนกัน ระยะทางที่พวกเรากลับเข้าฝั่งยังไม่มีใครพูดอะไร จนถึงชายหาด ผมเห็นพี่ตั้นที่นั่งคุยกับพี่ชินอยู่

    ผมเพิ่งรู้วันที่มาทะเลนี่ล่ะว่าพี่ชินกับพี่ตั้นมีอายุเท่ากัน ดูท่า เหมือนทั้งคู่สนิทกันมากกว่าเดิม แต่ถ้าถามว่า ถึงขั้นคุยกันถูกคอไหม? ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน


"สนุกกันไหมเด็กๆ" พอพี่ตั้นเห็นพวกผมเดินตัวเปียกมะล่อก มะแล่ก กลับมาก็แซวได้กวนตีนทีเดียว


    ผมเห็นวุฒิแอบสบถเบาๆกับคำพูดพี่ตั้น ผมส่ายหน้าระอา คำพูดคำจา ทำให้พวกผมไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน พูดซะอย่างกับแม่พาลูกมาเที่ยว


    ผมนั่งพักข้างพี่ตั้น ส่วนวุฒินั่งข้างพี่ชิน พวกเรานั่งเช็ดตัวและพักกันครู่ใหญ่ จากนั้นลุกไปอาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวออกมากินข้าวมื้อเย็นที่ร้านอาหารใกล้ๆที่พัก


   จัดการธุระตัวเองเสร็จเรียบร้อย ออกจากที่พัก เดินเลาะริมถนนหาร้านอาหารที่ขอคำแนะนำมาจากคนท้องถิ่น


    ถึงร้าน พวกผมนั่งเปิดเมนูเลือกอาหารจานโปรด แต่มาทะเลทั้งที คงหนีไม่พ้น พวกอาหารซีฟู๊ด

    สั่งเสร็จ ขณะที่รออาหารพวกผมก็นั่งคุยกันเรื่องไร้สาระ พยายามจะไม่เอาเรื่องงานมาเกี่ยวข้องในวันพักผ่อนแบบนี้

   ร้านอาหารที่นี่ ถือว่าทำอาหารรวดเร็ว รอกันไม่นาน อาหารก็มาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ

   ต้มยำกุ้ง ปูนิ่มทอดกะเทียม หอยเชลล์ผัดฉ่า ไข่เจียวกุ้งสับ และยังมีซีฟู้ดลวกจิ้มอีกชุดใหญ่ ที่พวกผมตื่นตาตื่นใจกับมื้ออาหารนี้มากๆ
         

     ตลอดมื้ออาหาร ผมเห็นพี่ชินเป็นฝ่ายเอาใจใส่ ตักอาหารให้วุฒิตลอด รวมถึงปอกเปลือกกุ้งให้ก็ตั้งหลายตัว ผมยิ้มจางๆมองเพื่อน แม้อารมณ์ส่วนลึก ผมอยากได้แบบนั้นบ้าง แต่ก็แค่คนขี้มโน

    ก้มหน้ากินข้าวต่อ จู่ๆ เนื้อกุ้งสีส้มสวยไร้เปลือกใสสองตัวถูกใส่ลงจานข้าวของผม

    ผมหันไปมองพี่ชายที่ยักคิ้วข้างหนึ่งพลันยิ้มกว้าง


"ผมมีมือ แกะกินเองได้น่า"


     ผมเขินพี่ชินที่มองผมอยู่จึงต้องพูดปัดๆไปแบบนั้น

     ผมไม่อยากให้พี่ชินมองผมเป็นลูกแหง่หรือติดพี่ชาย เพราะพี่ตั้นชอบทำผมเหมือนเด็กห้าขวบ นี่ผมอายุยี่สิบกว่าแล้วนะ...


"อ้าว? ติไม่ได้จะว่าเพื่อนว่าพิการใช่ไหม? ก็เห็นชินเอาแต่ตักกับข้าวให้วุฒิอยู่อย่างเดียวเลย!"

     ผมเหลือบมองวุฒิจ้องหน้าพี่ตั้นอย่างขุ่นเคือง ผมกลอกตาใส่


"พี่ตั้น อย่าปากหมา"

"ทำไมติว่าพี่ชายแรงจัง"
พอพี่ชินว่าผม ผมสลดทันที


     แต่หลังจากนั้น...พี่ชินเอ่ย


"ปล่อยเขาไปเถอะ ตั้นแค่เป็นคนพูดไม่คิดเท่านั้นเอง" ผมเห็นพี่ชินส่งยิ้มยียวนให้พี่ตั้น ผมนึกขำ


     คำพูดนิ่มๆแต่ถ้าคิดได้ แม่งเจ็บ!


      พี่ตั้นชะงัก ก่อนยกยิ้มเจ้าเล่ห์



"โอเค เห็นว่าเป็นชิน ตั้นถึงยอมให้นะ"



       ขนาดพี่ชินยังส่ายหน้ากับความกะล่อนของพี่ชาย ผมก็คงต้องปล่อยผ่านให้พี่ตั้นแล้วล่ะ


       เวลาผ่านไป ทุกคนจัดการอาหารตรงหน้าไม่มีเหลือ เมื่อจ่ายเงินค่าอาหารเสร็จแล้ว  ก่อนกลับห้อง พี่ตั้นขอแวะร้านสะดวกซื้อ บอกอยากซื้อเบียร์ไปตุนไว้ที่ห้อง


      เดินเข้าร้าน ผ่านโซนขนมขบเคี้ยว ผมยืนเลือกดูมันฝรั่งทอดกรอบเผื่อแกล้มเบียร์สักหน่อย

    หยิบขนมมาสองถุง เดินมาอีกล็อค ชะงักเท้าเมื่อเห็นไอ้วุฒิยืนหัวเราะกับพี่ชินตรงตู้ไอศกรีม

    ผมมองทั้งคู่แล้วยิ้ม แต่แปลกที่ใจกระตุก

   ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะก้าวยาวๆ แกล้งเดินไปแซวทั้งคู่


"ทำอะไรกันอยู่"

"ไอ้ติ มึงช่วยกูด้วย...พี่ชินดุกูว่ะ แค่กูอยากกินไอติม แต่พี่ชินห้ามบอกว่าดึกแล้ว เดี๋ยวอ้วน"

"ก็วุฒิบอกพี่เอง อยากหุ่นเฟิร์ม อยากมีกล้าม อันดับแรกก็ต้องพยายามงดของหวานตอนดึกได้แล้วนะ"

"โธ่...พี่ชินครับ ขอแค่แม็กนั่มทิรามิสุแท่งเดียวเอง...ไม่ได้หรอ?"
ผมเห็นวุฒิอ้อนใส่พี่ชิน

"ก็สมควรให้พี่ชินดุ!" ผมโพล่งขึ้น

"อ้าว...ไอ้ติ มึงต้องเข้าข้างกูสิวะ ไหงเข้าข้างพี่ชิน" วุฒิหันขวับหาผม

"กูเพิ่งนึกได้ว่า ตอนที่เราแวะพักกันที่ปั้มน้ำมัน มึงกินแม็กนั่มไปแท่งนึงแล้วนะ"


       ผมมองวุฒิทำหน้าสลดเมื่อโดนรุม ไร้คนเข้าข้าง


"ก็ได้ๆ ไอ้ติ ...มึงนะมึง!"



     มองเพื่อนชี้หน้าคาดโทษ ผมลอยหน้า ลอยตาไม่สนใจ แล้วกลั้วหัวเราะชุดใหญ่กับความหน้าบูด หน้าเบี้ยวของเพื่อน


     กระทั่ง ผมละสายตาจากมัน หันไปทางพี่ชิน เห็นสายตาของเขาที่จ้องผมอยู่ก่อน พอเราบังเอิญสบตากัน เขาหลุบตาลงต่ำ เดินหนีไปดูของที่อื่น


    ทำไมผมใจสั่นล่ะ...

   


"ไอติมแท่งเดียว ทำหน้าอาลัยอาวรณ์อย่างกับหมาตายเลยนะมึง!"



    ผมหันมาให้ความสนใจเพื่อนและล็อคคอมันให้เดินห่างตู้ไอศกรีม สายตามันยังโหยหาแถมบ่นเป็นหมีกินผึ้ง จนผมต้องทำเป็นหูดับ พามันไปมุมสแน็กเพื่อสุขภาพแทน


    หลังจากที่ทุกคนได้ความต้องการ ยกเว้นไอ้วุฒิที่อดกินไอศกรีม พวกผมก็เดินกลับห้อง ถึงที่พัก ก็แยกย้ายไปยังห้องพักของตัวเอง
 

     ช่วงที่ผมรอพี่ตั้นอาบน้ำ ผมตัดสินใจออกมาเดินเล่นริมทะเลคนเดียว เผื่อจะปลดปล่อยอารมณ์เศร้าที่มีอยู่ในใจ ขณะที่ผมเดินผ่านสระว่ายน้ำขนาดยาว เดินลงไปตามทางที่ทอดลงไปทะเล ผมเห็นมีใครคนหนึ่งนั่งตรงเตียงผ้าใบชายหาด

   พยายามเพ่งมองให้แน่ชัดว่าคนหรือผี

   ยืนพิจารณาอยู่นานถึงมั่นใจว่าเป็นคนและผมจำเสื้อที่ใส่ได้ ผมยืนขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าทำไมพี่ชินมานั่งมืดๆตรงนี้คนเดียว...




***1.1***
:mew1: :mew1: :mew1: :-[ :-[ :-[ :กอด1:



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยังไม่เห็นมุมความคิดของพี่ชิน  แค่เห็นการกระทำของพี่ชิน  ที่ยังเห็นว่าปฏิบัติกับทุกฝ่ายเท่าเทียมกัน 

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 7 ที่พักพิง(2)





    ขายาวพาตัวเองไปถึงที่พี่ชินนั่ง

    ท่ามกลางแสงไฟสีส้มสลัวๆ ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพี่ชิน


"ทำไมมานั่งคนเดียว แล้ววุฒิล่ะครับ?"


   พี่ชินสะดุ้งตกใจ เพราะคงไม่รู้ตัวว่ามีคนเดินมา ขณะที่พี่เหลียวหน้ามามอง ผมเห็นพี่ชินร้องไห้

    ผมตกใจ ก่อนหน้านี้ พวกเรายังหัวเราะต่อกระซิกกันที่ร้านสะดวกซื้ออยู่เลย ทำไมตอนนี้ พี่ชินเป็นแบบนี้ไปได้


   คว้าไหล่ให้พี่ชินหันมาหาผมตรงๆ


"พี่ชินเกิดอะไรขึ้นครับ มีอะไรหรือเปล่า? "


ฟึ่บ!


    พี่ชินไม่ตอบ ทันใดนั้น ใบหน้าขาวเนียนที่มีน้ำตาอาบแก้ม ฟุบหน้าลงบนไหล่ของผม


"พี่เหนื่อยจัง!"



     พี่ชินเจอะอะไรมาถึงทำให้หมดความอดทนจนน้ำตาไหลราวกับเขื่อนแตก

    เสียงนั้นดับลง ผมกระชับมือพี่ชินแน่น

   ผมยังไม่พูดอะไร จนกระทั่ง บ่าข้างซ้ายของผมชื้นไปด้วยน้ำตา ผมดีใจนะที่ได้เป็นที่พักพิงให้พี่ชินยามไม่สบายใจ

     ผมบีบกระชับฝ่ามือพี่ชินที่เย็นเฉียบแล้วกล่าว


"ผมไม่รู้ว่าพี่เหนื่อยอะไรมา แต่ถ้าพี่ร้องไห้แล้วสบายใจ พี่ร้องออกมาเยอะๆเถอะครับ"


     ความสงบไร้ซึ่งสิ่งรบกวน มีเพียงดนตรีประกอบอย่างเสียงคลื่นทะเลซัดสาดมาเป็นจังหวะผนวกกับลมทะเลที่พัดผ่านมาปะทะผิวกายให้ความเย็นสบายเนื้อหนัง

    ผมนั่งจับมือพี่ชินเงียบๆ ไม่อยากจะหาเหตุผลแล้วว่าทำไมอยู่ดีๆพี่ชินถึงร้องไห้ขึ้นมา

    เสียงสะอื้นเล็ดรอดออกมาเบาๆ ผมลูบหลังลูบไหล่พี่เพื่อปลอบใจไปด้วย

 
   สักพักใหญ่ๆ ที่ผมนั่งนิ่งเป็นดั่งเสาหลักให้เขาพักพิง พี่ชินปล่อยมือผม ผละห่าง แล้วลุกขึ้นพรวด


"ขอบคุณนะติ พี่ว่าเรากลับห้องกันเถอะ"


     พอเขาจะก้าว ผมคว้าข้อมือเขาไว้


"พี่ชินสบายใจขึ้นรึยังครับ?"


    พี่ชินพยักหน้า จากนั้น เราสองคนถึงเดินกลับห้องด้วยกันด้วยการไม่พูดไม่จามาตลอดทาง

    ถึงที่หมาย พี่ชินเดินมาส่งผมที่ห้องก่อนกลับห้องของเขา


   เหี้ยเอ้ย!


   ผมสบถอย่างหงุดหงิด เมื่อพี่ตั้นไม่ยอมเปิดประตูห้องให้สักที

    นี่เพิ่งสี่ทุ่มกว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่พี่ตั้นจะหลับแล้ว


"ติ นอนห้องพี่ก็ได้นะ วุฒิก็อยู่ด้วย"

"แปปนึงนะพี่ ผมขอโทรหาพี่ตั้นก่อน"


      ผมตัดสินใจ โทรหาพี่ชาย รอจนสายตัดก็ยังไม่รับ


"ดึกแล้วอย่ากวนเขาเลย"


      ผมมองหน้าพี่ชินที่ดูเพลีย เลยไม่อยากเป็นภาระอีก


"ก็ได้ครับ"



    สองเท้าก้าวเข้ามาในห้องพี่ชิน ผมขมวดคิ้วที่ไม่เห็นวุฒิอยู่ในห้อง

    ผมไม่รู้ว่าเป็นแผนของพี่ชายอีกหรือเปล่า?


"สงสัยวุฒิออกไปตามพี่แน่เลย"

    ผมพูดเพื่อให้พี่ชินสบายใจ จังหวะที่ควักโทรศัพท์ออกมาจะลองโทรหาพี่ชินอีกรอบ เห็นข้อความจากพี่ตั้นปรากฏขึ้นมาเสียก่อน


'เพิ่งได้ยินโทรศัพท์ วุฒินอนอยู่ห้องกู มึงนอนห้องชินเลยนะ'


"สงสัยพี่ตั้นคงชวนวุฒิไปเมาด้วยแน่เลย พี่ชินโอเคไหม? ที่ต้องนอนกับผมแค่สองคน"

    ผมบอก พี่ชินพยักหน้ารับ ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำ  ส่วนผมขณะที่รอก็แอบขโมยชุดเพื่อนมาไว้ใส่นอน เพราะชุดของผมอยู่อีกห้อง


   ได้ชุดที่จะใส่ ระหว่างที่รอพี่ชินอาบน้ำ ผมยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องพี่ชินอยู่

    คนเข้มแข็ง ถ้าได้ร้องไห้ออกมาแล้ว แสดงว่ามันหนัก

    ขณะที่ผมนั่งคิดแต่เรื่องพี่ชิน ผมไม่รู้เลยว่ามันนานพอที่จะทำให้ใครอีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำ

    ถึงตาของผมที่ไปอาบน้ำบ้าง ผมใช้เวลาไม่นานก็จัดการธุระตัวเองเสร็จ ผมเดินมาถึงปลายเตียง เห็นพี่ชินนอนแล้ว

    ผมไม่รู้ว่าเขาหลับหรือยัง? จึงเดินไปนั่งฝั่งที่พี่นอนตะแคงเพื่อมองใบหน้าอีกฝ่าย ผมเห็นพี่ชินไม่หลับแต่กลับนอนร้องไห้จนน้ำตาเปียกหมอน

    ผมทิ้งตัวลงนอนตะแคงตาม ยื่นมือไปประคองใบหน้า ใช้ปลายนิ้วโป้งปาดน้ำตาให้พี่

"ยังไม่ดีขึ้นเลยหรือครับ?"


   รอยยิ้มเล็กๆส่งมาพลางพยักหน้า


"ผมต้องทำยังไงเหรอ? พี่ถึงจะดีขึ้น"

    ผมบอก ฝ่ามืออุ่นๆของผมยังวางทาบลงบนแก้มของพี่ชินราวกับช่วยรองรับน้ำตาแทนหมอนที่เขานอนหนุน

    พี่ชินไม่ตอบแต่หยาดน้ำใสยังคงไหลออกจากดวงตาอยู่เรื่อย

    มันเจ็บนะ เมื่อเห็นคนที่รักเป็นแบบนี้ แต่ทำอะไรไม่ได้

    ผมต้องทำยังไงครับพี่ชิน...

    และแล้วสายตาซุกซนของผมเผลอเห็นรอยจ้ำช่วงแผ่นอกที่เห็นจากการเผยอของช่องหว่างระหว่างเม็ดกระดุมเสื้อเชิ้ต


   รอยจ้ำสีแดงคล้ำอมม่วงแบบเดียวกับที่เคยเห็นจากพี่ชินเมื่อนานมาแล้ว


   .รอยการทำรัก.


"พี่ชินไปเจอแฟนเก่ามาหรอครับ?"

"รู้ได้ไง?"

"ไม่รู้ครับ แค่ถาม"


    ผมตอบนิ่งๆ แต่พี่ชินดูอึกๆอักๆ ไม่ตอบ แต่กลับร้องไห้หนักกว่าเก่า

    สาเหตุที่ร้องไห้ เรื่องแฟนเก่าชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์

    ไม่ชอบเลยที่พี่ชินเป็นแบบนี้

     ผมใช้ข้อนิ้วเกลี่ยน้ำตาพี่ชินอย่างไม่นึกรำคาญ


"ตาบวมแล้วครับ"


     พี่ชินกดหน้าลงต่ำเหมือนอาย เมื่อผมบอก ผมใช้ข้อนิ้วไล่ไล้แก้มเนียน ก่อนจะตัดสินใจ ลุกขึ้นกึ่งนั่งเอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่โต๊ะหัวเตียง เข้าช่องยูทิวป์ เปิดเพลงที่ผมชอบและเมื่อไหร่ที่ฟัง ผมจะนึกถึงพี่ชิน

     อยากให้เขาฟัง เพื่อหวังว่าพี่ชินจะดีขึ้น


"พี่ชินครับ ผมชอบเพลงนี้ ผมอยากให้พี่ฟังเผื่อพี่จะรู้สึกดีได้บ้าง"


   พี่ชินเลิกคิ้วขึ้นสูงมองหน้าผม


"ผมไม่ขอให้พี่ชอบ แต่ผมขอให้พี่ฟังความหมายของเพลงก็พอ"


    จากนั้น ผมกดเล่นมิวสิควีดีโอเพลง 'เวลาเธอยิ้ม ของ POLY CAT'


ไม่รู้ว่าต้องโตท่ามกลางหมู่ดอกไม้มากมายขนาดไหน
เธอจึงได้ครอบครอง รอยยิ้มที่สวยงามขนาดนี้

ทำให้รักใครไม่ได้อีกเลย วินาทีที่เธอ เจอกับฉันมันทำๆ ให้...

ความเดียวดายสลาย เพราะได้เจออะไรที่คู่ควร
ฉันขอบคุณและให้คำสัญญา ว่าจะรักษาไว้..
 

     
     

     อ้อ! ยังมีหลายคนที่ไม่รู้และผมไม่เคยบอกใคร ผมยังพอมีข้อดีอยู่บ้างนะ

     ผมร้องเพลงเพราะและถ้าจะให้พูดในบรรดาคนที่ผมชอบ

     พี่ชินจะเป็นคนแรกที่ได้ฟังผมร้อง

     ผมร้องคลอตามเพลงเมื่อถึงท่อนฮุก


 
ฉันไม่ต้องการใครอีก
ดวงดาวทั้งฟ้าต้องเสียใจ
และ...ไม่มีสิ่งไหนสวยงามต่อไป
ตราบที่โลกนี้มีคนอย่างเธอ


และฉันคือคนโชคดี
ได้อ่านความหมายทุกคำกวี
ไม่มีบทไหนงดงามอีกแล้ว
ตราบที่โลกนี้ยังมีชื่อเธอ



ได้โปรดให้ฉันเป็นคนสุดท้าย...ได้ไหม
เธอคือชีวิตและลมหายใจ


     ผมนอนร้องเพลงเบาๆพลางพิจารณาใบหน้านั้นอย่างละเอียด จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาแดงก่ำ ปากสั่นๆกลั้นเสียงสะอื้น แก้มขาวเนียนที่ผมลูบไล้ ในขณะเดียวกัน ผมก็คอยทำหน้าที่เช็ดน้ำตาให้ด้วย

   
     กระทั่ง เพลงจบ ผมเห็นพี่ชินแซว ผมดีใจนะที่เห็นเขายิ้มได้


"ร้องเพลงเพราะก็ไม่บอก" ผมหัวเราะ ก่อนพูดต่อ


"ฮ่าๆ...ของดีต้องนานๆอวดทีครับพี่"


      พี่ชินหลบตา ผมเปล่งวาจาอีกครั้ง


"ผมชอบเวลาพี่ยิ้มจัง วันไหนพี่เครียดขอให้เปิดเพลงนี้ขึ้นมาฟัง หรือไม่ก็...นึกถึงผมนะ"


    พี่ชินช้อนตามองผม ก่อนจะวางฝ่ามือลงทับบนหลังมือของผม


"ติ"

"ครับ"


"คิดยังไงกับพี่?"



กึก!


    ผมช็อค ไม่คิดว่าพี่ชินจะใช้คำถามจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว ผมใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำกับคำถามที่ผมมีคำตอบอยู่ในใจ แต่พูดออกไปไม่ได้

   ผมจึงต้องโกหก

   
"คิดอยากทำให้พี่สบายใจครับ"
   

 
    มันเหนื่อยนะที่ต้องหักห้ามใจ บอกตัวเองอย่าหวั่นไหว ข่มความรู้สึกไว้ไม่ให้ทำอะไรมากกว่านี้ เพียงเพราะความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันค้ำคอ
 
   
    แค่นี้ผมก็เห็นแก่ตัวที่แสดงออกความรู้สึกของตัวเองมากเกินไป จนผมไม่อยากให้พี่ชินสงสัยในตัวผม


"งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ขอบคุณตินะ ติเองก็นอนเถอะ พี่ง่วงแล้วล่ะ"

"ผมหวังว่าตื่นมาพรุ่งนี้พี่จะหายเครียดนะครับ"

"ขอบใจนะติ ฝันดี"


   ผมอยากดึงตัวเขาเข้ามาหลับในอ้อมกอดของผม แม้จะอยากกอดสักแค่ไหน ก็รู้ดีว่าทำไม่ได้

   ความเป็นจริงสิ่งที่ทำได้คือแค่...

   การกอดและจูบราตรีสวัสดิ์พี่ชินในฝัน


 





................




   วันรุ่งขึ้น

   ผมตื่นก่อนพี่ชิน ตั้งใจจะหนีหน้า แต่จังหวะที่ผมออกจากห้อง ผมสวนกับวุฒิที่มันดูท่าทางแปลกๆ อันที่จริงวันนี้ พวกผมมีทริปดำน้ำ ดูปะการัง แต่ผมโกหกเพื่อนว่าไม่สบาย และบอกให้วุฒิไปดำน้ำกับพวกพี่ชิน พี่ตั้นเลย

     แต่วุฒิกลับตอบทันควันว่าถ้าผมไม่ไป ก็ไม่ต้องให้พี่ตั้นไป ผมงงเป็นไก่ตาแตกที่พอพูดถึงพี่ตั้นดูวุฒิไม่พอใจ แต่ก็พยักหน้ารับเออออ

    ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องของผมก็พบว่าพี่ตั้นอาบน้ำอยู่

    พอพี่ตั้นอาบน้ำเสร็จ ผมบอกว่าผมไม่ไปดำน้ำ แต่ผมยังไม่ทันบอกว่าวุฒิมันให้พี่ตั้นอยู่กับผม พี่ตั้นก็พูดขึ้นมา


"วุฒิคงอยากให้กูอยู่กับมึง"

"อืม พี่รู้?"

"ไม่รู้ แค่เดา"



    ผมนั่งมองพี่ตั้นนั่งประสานมือไว้บนเข่าทำหน้าเครียดเหมือนคนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา พี่ตั้นดูผิดกับเมื่อวาน


     
"พี่ตั้นเป็นอะไรหรือเปล่า?"

"เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร"

"แน่ใจ"


      ผมมองคนที่ให้คำตอบสวนทางกับการกระทำ

"อืม"

"ทำไม เมื่อคืนวุฒิมานอนกับพี่"

"วุฒิมาตามชิน แล้วไม่เจอ กูเลยให้มานั่งเล่นที่ห้องก่อน จากนั้นมันเผลอหลับ"   


"มั่นใจนะว่ามีแค่นี้"

"อืม มีแค่นี้"


    ประหลาดใจที่พี่ตั้นถามคำตอบคำ ไม่กวนตีนเหมือนเคย


"พี่ตั้นโกหก"

"อย่าจับผิดกู สนเรื่องของมึงเถอะ เมื่อไหร่จะสู้วะติ...สู้เพื่อหัวใจของมึงเองน่ะห้ะ..."


    ผมเงียบ ผมจะสู้ไปทำไม ในเมื่อผมยินดีที่จะเสียสละให้เพื่อนตั้งแต่แรก


"เรื่องนี้ผมจัดการเองได้"

"ตามใจ ถ้างั้นกูขอออกไปเดินเล่นหน่อยแล้วกัน"

"พี่ตั้น ผมห่วงพี่นะ"

"ขอบใจ"



      ผมมองพี่ตั้นที่พยักหน้ารับ จนกระทั่ง เสียงปิดประตูดังขึ้น ผมก็ทิ้งตัวลงนอนหลับตาอีกครั้ง หวังว่าจะลืมเรื่องพี่ชินช่วงหลับบ้างก็ยังดี



      กระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงมื้อเที่ยง ผมนั่งกินข้าวกับพี่ตั้นสองคน เนื่องจากวุฒิกับพี่ชินยังไม่กลับมาจากดำน้ำ


      พี่ตั้นมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย ผมต้องหาคำตอบให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของผม

       
       จบมื้อเที่ยง ผมกับพี่ตั้นกลับห้องมานั่งดื่มเบียร์กันแต่หัววัน เราตกลงกันแล้วว่าจะดื่มแค่คนละกระป๋อง เพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอที่พวกวุฒิดำน้ำเสร็จ
 

       น่าเบื่อนิดหน่อย ตรงที่พี่ชายผมไม่ร่าเริงเหมือนเคย เขานั่งกินเบียร์เงียบๆ จนเวลาผ่านไปถึงสี่โมงเย็น วุฒิและพี่ชินกลับมาถึงห้อง มันก็โทรมาบอกผมว่า มื้อเย็นให้ต่างคนต่างกินเลย แล้วค่อยนัดเจอกันอีกทีตอนออกไปดื่มที่บาร์ตามที่คุยกันไว้เมื่อวาน


      ผมวางสายจากเพื่อน รู้สึกว่าวุฒิมีพิรุธ ผมบอกพี่ตั้นให้รู้ เขาก็พยักหน้าเนือยๆ...

     สองคนนี้ เป็นอะไรกันวะเนี่ย!...

     ผมบอกพี่ตั้นว่าไม่หิว เขาก็เช่นกัน กลายเป็นว่าจากที่ตั้งสัจจะจะดื่มกระป๋องเดียว กลับเพิ่มจำนวนเพราะไม่รู้จะทำอะไร พวกเราเลยเดินถือกระป๋องเบียร์หวังไปดื่มรอวุฒิและพี่ชินที่เตียงผ้าใบริมชายหาดเพื่อฆ่าเวลา


    เวลานี้ ผมดื่มเบียร์ไปแล้วสองกระป๋อง แต่พี่ตั้นเนี่ยสิ ซัดไปสามกระป๋อง เขาจะต่อกระป๋องที่สี่ ผมต้องยกมือห้ามว่าต้องไปนั่งดื่มที่บาร์กันอีก

   พี่ตั้นพยักหน้า ไม่พูดอะไร ผมไม่อยากถามแกมากกลัวจะวกเข้ามาเรื่องตัวเองอีก

   สองพี่น้องนั่งทอดสายตามองไปยังท้องทะเลกว้างใหญ่ที่ไกลสุดลูกหู ลูกตา

   ผมว่าความคิดคนเรานี่มันอิสระจนบางครั้งก็อันตรายเกินไปนะ หากเราไม่ควบคุมมัน

   เพราะผมไม่เคยสลัดความคิดเรื่องพี่ชินออกไปได้เลย ผมต้องใช้ความพยายามพอสมควรที่จะลืม  และแล้วเสียงโทรศัพท์ของผมดังขัดความคิด ผมรับสายวุฒิที่บอกว่าให้ไปเจอกันที่ล็อบบี้



"พี่ตั้นไปไหวไหมวะ"

"ไหว"


    มองหน้าพี่ชายที่หน้าแดงจนชักกลัวว่าเขาจะเดินไปไหวจริงๆหรอ?


   เวลาหกโมงเย็น สองพี่น้องเดินไปหาวุฒิ ณ จุดนัดพบ

   พวกเราเดินไปหาบาร์กึ่งร้านอาหารริมชายหาด จนกระทั่งเจอะที่ถูกใจ เป็นโต๊ะตั้งพื้นพร้อมเบาะรองนั่ง พวกเราทิ้งตัวลงนั่งของแต่ละฝั่งโต๊ะทั้งสี่ด้าน 



    ร้านนี้ มีแต่ชาวต่างชาติเลยไม่ค่อยมีใครสนใจพวกผมเท่าไหร่ ทุกคนต่างก็มาพักผ่อนและสร้างสรรค์ในแบบที่ทุกคนต้องการก็แค่นั้น

    ทุกคนเลือกสั่งเมนูเดียวกัน เป็นเหล้าถังที่มีส่วนผสมของ Vodka+Red Bull

    เพื่อไม่ให้บรรยากาศกร่อยจนเกินไป ผมชวนวุฒิคุยและถามมันว่าไปดำน้ำมาเป็นอย่างไรบ้าง มันตอบว่าสนุกแต่แดดแรง และบางเกาะก็ลงเล่นน้ำไม่ได้เนื่องจากแมงกระพรุนเยอะเกินไป

   ผมพยักหน้าเออออ แต่ตลอดเวลาที่นั่งมา ผมรู้อยู่อย่าง

   พี่ตั้นกับวุฒิมีปัญหากัน แต่พยายามทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   เมื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาถึง ทุกคนยกมาชนกันแล้วดื่ม

    ผมค่อยๆดื่มเพราะก่อนหน้าผมเพิ่งดื่มเบียร์มาแล้ว แต่ผมไม่รู้ว่าพี่ตั้นเป็นบ้าอะไร ถึงไปท้าพี่ชินให้ดื่ม Vodka+Red Bull หมดถัง

      ผมพยายามห้ามพี่ชินว่าอย่าไปเชื่อ แต่พี่ชินกลับบ้าจี้รับคำท้า ผมมองพี่ชินด้วยความเป็นห่วงที่เขาดื่มจนหมดจริงๆ

       พี่ชินกวักมือเรียกพนักงานเพื่อสั่งเมนูเดิมต่อ

 "พี่ชิน เดี๋ยวก็เมาหรอกครับ"

      ผมห้าม

"ไม่หรอก ขอบคุณนะ"
       


        พี่ชินตอบแค่นั้นพลันยิ้มมุมปาก

        ผมล่ะกลัวจริงๆ กลัวพี่จะเมามากเกินไปแล้วดูแลตัวเองไม่ได้

        เมื่อเครื่องดื่มของพี่ชินมาเป็นถังที่สอง ผมเห็นพี่ตั้นแทรกขึ้น




"วุฒิไปห้องน้ำเป็นเพื่อนพี่หน่อย"

"ไปเองไม่เป็น?"

"วุฒิ อย่าให้พี่ต้องบอกว่า..."

"เออๆก็ได้...พี่ชิน เดี๋ยวผมมานะครับ"


    ผมมองหน้าวุฒิที่หันไปบอกพี่ชินก่อนจะลุกตามพี่ตั้นไป ผมมองสองคนสลับกันไปมาด้วยความไม่เข้าใจ

    จนกระทั่ง สองคนลับตาไป ผมยิ้มแหยๆให้พี่ชินที่อีกฝ่ายจ้องมองมาทางผมพลางไล่นิ้วไล้ขอบแก้วเล่น

    เมื่อพี่ตั้นและวุฒิไม่อยู่ ผมล้วงอมยิ้มจูปาจุ๊บส์ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นยื่นให้พี่ชิน

    'อมยิ้ม' เป็นสัญลักษณ์ที่เรารู้กันสองคน

     หากเห็นอมยิ้ม พี่ชินจะรู้ว่าผมต้องการสื่อถึงอะไร
 

"แกะให้หน่อยสิ"


    ผมใจกระตุก เมื่อพี่ชินยิ้มและอ้อนผม

    ผมข่มใจแกะเปลือกพลาสติกที่ห่ออมยิ้มจูปาจุ๊ปส์รสสตรอเบอร์รี่ทั้งๆที่มือสั่น แกะเสร็จ ผมยื่นให้ แต่พี่ชินส่ายหน้าแล้วบอก



"ป้อนหน่อย"


   พี่ชินเป็นอะไรเนี่ย!...

   ผมนั่งอึ้ง เมื่อพี่ชินจ้องผมตาหวาน ยกมือท้าวคางบนโต๊ะ ทำตัวน่ารัก น่ามอง


   นาทีนี้ ผมสับสนว่าผมเป็นคนหรือไอศกรีม

  ทำไมร่างจะละลายไปกับการส่งสายตาหวานฉ่ำคู่นั้น

  พี่ชินอย่ามองแบบนั้นเถอะ...ได้โปรด!...


   ผมมือสั่น ยื่นอมยิ้มไปจ่อปากอีกฝ่าย พี่ชินไม่รับอมยิ้มไปถือเองกลับวางมือทับไปบนหลังมือของผม ส่งปลายลิ้นออกมาแตะอมยิ้มจากนั้นใช้ลิ้นเลียวนอมยิ้มช้าๆ ตวัดปลายลิ้นซ้าย-ขวาไป มา ผมกลืนน้ำลายดังเอื้อก มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าพี่ชินจะถืออมยิ้มเอง


   ราวกับมีมนตร์สะกด ผมนั่งนิ่ง แต่ลึกๆใจเต้นแรงและเร็ว แต่ผมก็ไม่อยากละสายตาไปจากใบหน้าซ่อนหวาน

    ลมทะเลพัดแรงจนเส้นผมปลิวสไว แก้มแดงๆ รอยยิ้มเล็กๆติดจะยั่วเย้า และดวงตาคู่สวยอันหวานเยิ้มกำลังจดจ้องมองผม ภายใต้แสงสีส้มสลัวๆ ทำให้กรอบหน้าพี่ชินดูมีมิติ เขาดูมีเสน่ห์และน่ามองขึ้นอีกมากโข

   พี่ชินยังคงใช้ลิ้นเล่นและเลียอมยิ้มอย่างหยอกเย้า

   เห็นอย่างนี้ พี่ชินใช้ลิ้นได้โคตรยั่วเลยให้ตายเถอะ พระเจ้า..

   
    ผมพยายามห้ามความคิดตัวเองให้หยุดจินตนาการไปทางทะลึ่ง

    ผมกลืนน้ำลายลงคอได้ยากลำบาก เราสองคนยังจ้องตากัน พี่ชินหยุดเลียอมยิ้มที่ผมถืออยู่ก่อนจะยัดเข้าปาก

   พี่ชินอมแล้วดูดอมยิ้มด้วยท่วงท่าสบาย แต่คนที่จะตาย คือ ผม นี่แหละ

   มือไม้ผมอ่อนแรง ถ้าพี่ชินไม่จับมือผมไว้อยู่คงร่วงไปแล้ว

    จากที่พี่ชินนั่งพับเพียบเปลี่ยนอิริยาบถมานั่งคุกเข่า โถมตัวมาด้านหน้า โน้มหาผมจนปลายจมูกของเราเกือบชนกัน

  สายตาที่ยั่วเย้า รอยยิ้มที่ยั่วยวน

  พี่ชินดึงอมยิ้มออกมาจากปาก นำมาแตะที่ริมฝีปากล่างของผม จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากอมยิ้มรสตรอเบอร์รี่ พี่ชินเอ่ยเสียงแผ่ว


"ช่วยพี่กินหน่อย"


   ฮื่อออออออ....พี่ชินไม่ควรทำอย่างนี้

   หากจะเปรียบเทียบคงเหมือนพี่ชินใช้ค้อนใหญ่ทุบกำแพงแห่งความอดทนของผมที่กำลังพังทลายลงเรื่อยๆ

   ผมใจเต้นแรงแทบทะลุออกจากอก ผมยังไม่อ้าปากรับอมยิ้ม แต่พี่ชินที่รออยู่ก็ส่งสายตาอ้อนวอน ร้องขอ

   ผมอ้าปากรับอมยิ้มเข้ามาในปากเพื่อรับรู้รสสตรอเบอร์รี่หวานๆที่มีส่วนผสมหลอมรวมของพี่ชินซ่อนอยู่ในนั้น

   ผมหน้าร้อนเห่อ ใจเต้นรัว ก่อนจะดึงอมยิ้มออกมา

   พี่ชินยังคงอยู่ในอิริยาบถเดิม ใบหน้าเราใกล้กัน เขายิ้มกัดปาก ดึงอมยิ้มออกไปจากมือผม แล้วเอาเข้าปากตัวเองอีกครั้ง

   พี่ชินดูดอมยิ้มอย่างมีความสุข จากนั้น พี่ชินโน้มหน้ามาใกล้จนริมฝีปากเขาเฉียดมุมปากของผมและกระซิบ


"หวานดีเนอะ ติว่าไหม?"

   

    ผมอุตส่าห์ตะเกียก ตะกายขึ้นมาจากหลุมรักของพี่ชินหวังจะหนีไปให้ไกล

   แต่แล้วพี่ชินกลับมาออดอ้อนใส่ มันยิ่งทำให้ผมถลำและรักจนถอนตัวไม่ขึ้น แล้วผมจะปีนขึ้นจากหลุมรักนี้สำเร็จได้ยังไง?

   ยิ่งไปกว่า นาทีนี้ พี่ชินจะรู้ไหมว่าท่าทางยั่วยวนทั้งหมดของพี่ มันทำให้ลูกชายของผมตื่นตัวจนแข็งขึ้นมา

   แล้วอย่างนี้ ใครจะรับผิดชอบ!...

   




 
......................................


อะไรคือการชวนให้กินอมยิ้มอันเดียวกันคะพี่ชิน พี่เมาไหม? 555
:hao6: :hao6: :m20:

ขอบคุณนักอ่านที่แวะเข้ามาจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2018 20:13:48 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เมาแล้วอ้อนนะ

ส่วนอีกคู่เนี่ย เมื่อคืนคงฟีเชอริ่งกันแล้วแหละ

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
 ตอนที่ 8 ผมอยู่ตรงนี้





    หลังจากวันที่ไปทะเลกลับมา ผมก็ใช้ชีวิตทำงานตามปกติ ผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ที่ผมไม่มีโอกาสได้ถามพี่ชินเรื่องที่เขายั่วยวนใส่ผมว่าที่ทำลงไปรู้ตัวหรือเปล่า?


    แม้เราจะทำงานด้วยกัน แต่อย่างที่บอก เวลาทำงาน พี่ชินจริงจัง มุ่งมั่นเป็นพิเศษ ผมจึงไม่อยากเอาคำถามไร้สาระไปกวนเขา

   
    ไม่รู้สิ เวลาทำงาน พี่ชินดูเป็นคนละคน จนผมไม่อยากคุยด้วย แต่พอช่วงเวลาอื่น พี่ชินน่ารักกับผมมาก


     มากจนทำให้ผมคิดถึงและอยากหาเวลาว่างไปอยู่กับเขาอีกเรื่อยๆ...

   
    ผมหยุดคิงถึงพี่ชิน เพราะวันนี้ ผมรีบกลับห้องมาอยู่กับวุฒิ เพราะวันนี้เป็นวันเกิดเพื่อนผม  อันที่จริง ผมชวนโจ้แล้ว แต่โจ้ไม่ว่าง ไปเที่ยวลาวกับแฟนพอดี ผมจึงต้องฉลองกับวุฒิเพียงสองคน

   ผมหอบหิ้วของพะรุงพะรังเข้าห้อง


"ไงมึง กลับเร็วนะวันนี้ เฮ้ย ซื้ออะไรเยอะแยะ"


    พอวุฒิเห็นผมถือของมากมาย มันลุกขึ้นมาจะช่วย แต่ผมรีบห้าม


"แหม! ทำเป็นพูด วันเกิดหมาทั้งทีไม่กลับเร็วได้ไงวะ"

"ยังไม่ถึงวันเกิดมึงสักหน่อย"


    ผมมองหน้าวุฒิที่ต่อปากต่อคำก็ส่ายหน้าระอา จะว่าไป ความกวนประสาทของผมกับมันเรียกได้ว่าสูสี อย่างว่า ไม่งั้นจะเป็นเพื่อนกันได้ไง...

 
     ผมยิ้มก่อนจะเดินไปหยิบจานสองใบมาใส่คอหมูย่าง และปากเป็ดทอด

    วุฒิไถลตัวจากเตียง ลงมานั่งที่พื้นกับผม

 
     แม้ห้องที่ผมพักอาศัย จะไม่หรูหราใหญ่โตเหมือนห้องพี่ตั้นที่แบ่งแยกส่วนชัดเจนทั้ง ห้องนอน ห้องครัว ส่วนรับแขก ตรงกันข้าม ห้องผมเล็กเท่ารูหนู ถึงต้องมานั่งดื่มเบียร์ที่พื้นแถวปลายเตียง แต่ผมก็ไม่คิดมาก แบบนี้ก็มีความสุขดี

    ความสุขของผมไม่ได้อยู่ที่ขนาดของพื้นที่หรอก มันอยู่ตรงที่ผมได้นั่งกินคอหมูย่างแกล้มเบียร์กับเพื่อนที่สนิท ผมก็สุขใจมากแล้ว

     
    ไม่รู้สิ หลายคนอาจเจอคนไม่ดีมาจนเหนื่อยใจ แต่เท่าที่ผมเจอะมา เรียกได้ว่า โชคดีละมั้ง ที่ผมมีแต่กัลยาณมิตรหรือเพื่อนดีๆ อย่างวุฒิเองบ้านมันรวยมาก มันมีสิทธิ์จะเลือกคบใครเป็นเพื่อนก็ได้ แต่มันกลับเลือกคบผม แถมทำตัวสมถะ ไม่เคยเหยียด รังเกียจผมหรือทำตัวโอ้อวดแต่อย่างใด วุฒิดีกับผมทุกอย่าง  มิหนำซ้ำ ยังเคยเอาตัวเองมาเสี่ยงเพื่อช่วยชีวิตผมให้รอดตายอีกต่างหาก


    แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมยอมเสียสละพี่ชินให้มันได้อย่างไร

    ผมมองว่าวุฒิเป็นคนในครอบครัวผมไปแล้ว...



"คงเหงา ถ้ามึงไม่อยู่" 


     ผมเกริ่นเข้าเรื่อง เพราะตั้งแต่กลับจากทะเล วุฒิบอกผมทันทีว่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่น ผมไม่ได้ห้าม แต่ลึกๆก็ใจหาย


"คิดถึงกูล่ะซี้" วุฒิกระเถิบตัวมาใกล้ กอดคอผม และแลบลิ้นเลียหน้าผม

"เหี้ย! ไอ้วุฒิ สกปรก"

 
     ผมใช้หลังมือเช็ดหน้าตัวเองลวกๆ ทำหน้าแขยง


"ฮ่าๆ มึงสิ สกปรก เค็มฉิบหาย"


"ก็มึงน่ะเลียเอง พอๆ มาดื่มเบียร์ให้หมดกระป๋องนี้ดีกว่า นี่กูอุตส่าห์รีบกลับเร็ว เพื่อมาฉลองวันเกิดกับมึงเลยนะ"


   ผมยกกระป๋องเบียร์ของผมไปชนกับกระป๋องเบียร์ของมัน


"กูไม่ใช่เมียมึง ไม่ต้องมาปากหวาน"

   
    ว่าจบ มันกระดกจนหมด ผมมองมันและอมยิ้ม เพราะวุฒิยังไม่รู้ว่าวันเกิดมัน ผมมีเซอร์ไพร์สอีกหลายอย่าง

     ผมแค่อยากให้เพื่อนประทับใจ

   
    วุฒิดื่มเบียร์หมดอย่างไว ลุกขึ้นไปหยิบเบียร์กระป๋องใหม่ในตู้เย็น

    พอเปิดตู้เย็น มันเห็นไอศกรีมแม็กนั่มทิรามิสุสองแท่ง มันหันขวับมาหาผม


"เฮ้ย! มึงซื้อให้กูหรอ?"

"คิดว่าไงล่ะ"

"ไอ้เหี้ย มึงแม่งน่ารักว่ะ"

"สรุปจะชมหรือจะด่า?"


   มันหัวเราะหยิบเบียร์พร้อมไอศกรีมวิ่งถลามากอดคอผม


"จุ๊บหน่อย!" ดูความทะลึ่งของมัน มันล็อคคอผมให้หันไปหามันที่ยื่นปากมาจะจูบ ผมเบือนหน้าหนีและดันหน้าวุฒิออกห่าง

"ห่า...ไปไกลๆเลย กูขนลุก ไอ้วุฒิ!"

"ฮ่าๆ เอาน่า คิดซะว่าเป็นแฟนมึงไง"

"แฟนกูน่ารักกว่านี้..."
ผมผิดไหม? ที่พอวุฒิพูดแบบนี้ ผมกลับนึกถึงพี่ชิน

"แหม่ กูชักอยากเห็นวันที่มึงมีแฟนจัง"

 
     ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ไม่อยากให้คำถามมันวกมาที่ผมอีก


"แล้วมึงกับพี่ชินเป็นไงบ้าง คืบหน้าบ้างไหม?"

"ก็มีเมื่อวานไปกินข้าวกันมา มันบอกไม่ถูกน่ะ ไม่คืบหน้าแต่ก็ไม่ได้แย่เกินไป"

"แล้วจะขอเป็นแฟนพี่ชินเมื่อไหร่?"
ผมถามอย่างอยากรู้

"น่าจะเร็วๆนี้แหละ"


   ผมพยักหน้ามองวุฒิกัดแม็กนั่ม สลับกับกระดกเบียร์


   ผมว่าที่เพื่อนทำอยู่ มันแปลกนิดหน่อย ถ้าเป็นผมกินของหวานพร้อมเบียร์ ผมว่าผมคงเมาเร็วแน่ๆ แต่ที่วุฒิทำผมก็ได้แต่นั่งเงียบไม่ว่าอะไร

   ผมมองเพื่อนที่กัดไอศกรีมรสโปรดจนรู้สึกหมั่นไส้ เพราะวุฒิอมยิ้มกรุ้มกริ่ม ทำหน้าฟิน สดชื่นราวกับนั่งอยู่ที่น้ำตกไนแองการ่า

   โอเว่อร์ แอคติ้งได้โล่ห์จริงๆเลยเพื่อนผม


    จากนั้น ผมกับวุฒิ เราคุยกันเรื่อยเปื่อย จนเวลาผ่านไป พวกผมดื่มเบียร์หมดไปสามกระป๋อง จากนั้นมีเสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้นมา ผมเปิดอ่านข้อความ และลุกขึ้นเนียนๆไปที่หน้าประตู ขณะที่วุฒินั่งเล่นโทรศัพท์อย่างไม่สนใจอะไร



"เฮ้ย! ไอ้ติ ปิดไฟทำไมวะ"

     เมื่อผมดับไฟจนห้องมืดตึ้บ วุฒิก็ตะโกนเสียงหลง


     จากนั้น  แสงสว่างจากเทียนที่ปักบนหน้าเค้กกำลังเดินทางเข้าไปใกล้เจ้าของวันเกิด


 Happy birthday to you...
 Happy birthday to you
 Happy birthday Happy birthday......
 Happy birthday to youuuuuuuuu....


     ผมเดินตามคนที่ถือเค้กมาและนั่งลงยองๆให้เจ้าของวันเกิดได้เห็นเค้กของตัวเอง



"อธิษฐานเลยมึง"


    ผมบอกและเห็นวุฒิยิ้มแก้มปริ กุมมือหลับตาอธิษฐาน เป่าเทียนจนดับ ผมลุกไปเปิดไฟ

    หมุนตัว หันกลับมาอีกที สิ่งที่ผมเห็น คือ ใบหน้าเจ้าของวันเกิดดูออกอาการช็อค ตาโต ตกใจ


"กูนึกว่าไอ้โจ้" วุฒิโพล่งขึ้นมา อาจเป็นเพราะในตอนแรก มีแค่แสงสว่างจากเทียน วุฒิเลยเห็นหน้าคนถือไม่ชัด

     พี่ตั้นสวนทันควัน


"แล้วถ้าเป็นพี่ มันทำไมหรอครับ?"


    ผมมองพี่ตั้นพูดจาแปลกๆ

 
     ผมว่าทั้งสองยังมีปัญหาคาใจที่ไม่ยอมเคลียร์กันให้รู้เรื่อง และเป็นผมที่ไม่อยากให้บรรยากาศกร่อยจึงรีบเอ่ย


"มึงไม่ชอบหรอวุฒิ? คือกูอยากเซอร์ไพร์ส เลยวานให้พี่ตั้นไปซื้อเค้กให้ เผื่อมึงจะชอบ"

"กูชอบและขอบใจนะติที่มึงเซอร์ไพรส์กู แต่..."

"แต่...ไม่ชอบที่พี่มา"
พี่ตั้นพูด


    วุฒิไม่ตอบพี่ตั้น มันหลบตาพี่ชายก่อนจะหันมาหาผม


"ติ กูไปหาพี่ชินนะ"


    วุฒิลุกขึ้นพรวดอย่างไม่ลังเล พี่ตั้นคว้าข้อมือวุฒิไว้และลุกยืนเต็มความสูง


"รังเกียจพี่มากเลยหรือไง?"

"ใช่... พี่ตั้นปล่อยมือผม เดี๋ยวนี้"

"เฮ้ย! ใครก็ได้ ช่วยบอกกูที ว่ามันเกิดอะไรขึ้น กูงงไปหมดแล้ว..."


"กูผิดเองแหละที่...กู"

"พี่ตั้น ลืมเรื่องนั้นซะ ผมอโหสิกรรมให้ จากนี้เราอย่าเจอกันอีก กูไปก่อนนะติ กูอาจจะไม่กลับมาห้องมึงแล้ว"


"เฮ้ย! วุฒิ...ไม่เอาดิ" ผมใจหายที่มันพูดแบบนั้น

"วุฒิ พี่ไม่ให้ไป..." พี่ตั้นพูดทับประโยคผมและบีบต้นแขนวุฒิ


    ผมมองหน้าสองคนสลับกันไปมาด้วยความไม่เข้าใจ ผมเห็นวุฒิมองพี่ตั้นด้วยสายตาผิดหวัง


"วันนี้วันเกิดผม ขอล่ะพี่ตั้น ขอให้วันนี้ผมได้เจอแต่เรื่องดีๆเถอะ"

"แต่...พี่!..."

"อย่าให้เรื่องถึงตำรวจเลยครับ"


 
วุฒิเดินไปคว้าของสำคัญ สวมรองเท้าก้าวออกจากห้อง

   ส่วนผมเป็นคนรั้งแขนพี่ตั้นให้หยุดเท้า

   หลังจากที่วุฒิออกจากห้อง จนพ้นตา


"พี่ตั้นพูดมา เกิดอะไรขึ้น?"

"ขอที่อยู่บ้านชิน กูจะไปหาวุฒิ"

"ไม่ บอกผมก่อน พี่มีปัญหาอะไรกับวุฒิ"


"เปล่า ไม่มีอะไร"

"เห็นอย่างนี้ ยังจะโกหกอีกหรอวะพี่"


"เลิกเซ้าซี้สักที บอกที่อยู่บ้านชินมา เดี๋ยวนี้!"
ผมไม่เคยเห็นพี่ตั้นตวาดใส่ผม


    ผมสวนกลับด้วยความไม่พอใจ


"ไม่มีทาง ถ้าไม่บอกก็ออกจากห้องผมไปเลย"

"กูปล้ำวุฒิ"

"ห้ะ! ว่าอะไรนะ?"


   ผมแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน


"แต่ยังไม่ถึงขั้นมีอะไรกัน วุฒิ....ขอ...ร้..."


ผัวะ!


    หมัดลุ่นๆกระแทกเข้าใส่ใบหน้าพี่ชาย


"ผมบอกแล้วไงว่าวุฒิเป็นคนดี ทำไมพี่ทำแบบนี้วะ"


    พี่ตั้นไม่ได้ต่อยผมกลับแต่เขากลับยืนสงบนิ่ง


"เหี้ยเอ้ย!" ผมโมโหขยี้ผมตัวเองและสบถไม่เป็นภาษา


    ทำไมวะ ทำไม?

    ทำไมพี่ชายผมถึงเป็นคนมักมากไม่รู้จักพอ แม้แต่เพื่อนผมก็ไม่เว้น

   

"พี่ทำแบบนี้กับวุฒิได้ไงวะ"

"กับวุฒิ กูจริงจัง"

"ใครจะเชื่อ พี่พูดแบบนี้มากี่คนแล้ว ออกจากห้องผมไปเลย!...แม่งเอ้ย!"

 
    ไม่น่าละ ทำไมวุฒิทำตัวแปลกและดูหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูกเวลาเห็นพี่ตั้น


"ติ กูขอที่อยู่ชิน"

"ไม่!...พี่หยุดตื้อไอ้วุฒิได้แล้ว อย่างที่ไอ้วุฒิบอก วันนี้ วันเกิดมันปล่อยให้มันเจอเรื่องดีๆเถอะ "
 


    แม้ใบหน้าพี่ชายผมจะดูเคร่งครียด แต่ผมไม่สงสารและไม่สนใจ เพราะคนที่ผมสงสารคือวุฒิต่างหาก

   วุฒิจะเจ็บปวดแค่ไหน? ที่ต้องเก็บงำเรื่องเลวร้ายไว้ในใจ บอกใครไม่ได้ แม้แต่ผมที่เป็นเพื่อนสนิท มันก็ไม่เคยบอก


"กูไม่ไปบ้านชินก็ได้ แต่กูจะบอกว่ากูไม่เคยพูดคำว่า 'จริงจัง' กับใคร นอกจากวุฒิ จากนี้ กูจะจีบเพื่อนมึง"


     ผมไม่พูดอะไรอีก ผมเหนื่อยจึงปล่อยให้พี่ชายผมเดินออกจากห้อง และทรุดตัวลงนั่งปลายเตียงรีบคว้าโทรศัพท์กดโทรหาพี่ชิน เพื่อกำชับว่าช่วยดูแลวุฒิด้วย


     วางสายแล้ว ผมยกมือกุมขมับ และคิดไม่ตกว่า พี่ตั้นมีเด็กในสังกัดตั้งมากมายจะเลือกมีเซ็กซ์กับใครก็ได้ แต่ทำไม ต้องมาเกาะแกะ วุ่นวายและกระทำกับเพื่อนผมแบบนั้นด้วย....




 
*****1.1*****
:-[ :-[ :bye2: o13 :o8: :o8: :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-05-2018 20:02:45 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เดาถูกด้วย  แต่เดาเกินเหตุไปถึงขั้นฟีเจอริ่งกินตับ  555

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 8 ผมอยู่ตรงนี้ (2)





       หลังจากวันที่มีเรื่อง...หกวันผ่านไป... วุฒิไม่กลับมาห้องผมอีกเลย แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่กลับมาเก็บ อาจจะเพราะคงกลัวพี่ตั้นมาตามหา ซึ่งผมก็ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง

     อีกคนก็เพื่อน อีกคนก็พี่ชาย

      เราคุยกันผ่านทางไลน์หรือโทรหากันเพื่อถามไถ่ความคืบหน้ากัน ผมทราบข่าวว่าวุฒิอาศัยที่บ้านพี่ชายบ้าง พี่ชินบ้างสลับกันไป
 
      ผมยังไม่พูดถึงเรื่องนั้น ซึ่งวุฒิเองก็ยังคงเก็บความลับไว้เนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     ผมโกรธพี่ชาย และคิดว่ายังไม่หายง่ายๆ เพราะจนบัดนี้ ผมไม่คุยกับพี่ตั้นแม้แต่คำเดียว
 
      และสายวันนี้ วุฒิทิ้งข้อความไว้ ให้ผมไปหาที่บ้านพี่ชิน มันบอกจะทำบาร์บีคิวปิ้งย่างกันง่ายๆ คิดซะว่าเลี้ยงส่งท้ายที่วุฒิจะย้ายไปอยู่ที่อื่น
 
       ผมไม่ลังเลที่จะไป ผมอยากเจอวุฒิ อยากรู้ว่าวุฒิจะเป็นอย่างไรในตอนนี้ ...
 
      ใช้เวลาไม่นาน ในการอาบน้ำ แต่งตัว ผมเดินทางมาถึงบ้านพี่ชินในเวลาบ่ายสองโมงกว่าๆ
 
     กดกริ่งเรียกสักพักก็เห็นพี่ชินเดินออกมา

"สวัสดีครับพี่ชิน"
 
"อื้ม เข้ามาสิ"

 
    เราสองคนเดินเข้ามาในตัวบ้าน นั่งลงที่โซฟา
   
"วุฒิล่ะครับ?"
 
"ออกไปซื้อของน่ะ"
 
"อ้าว แล้วพี่ไม่ไปกับมันหรอ?"
 
"วุฒิไม่ให้พี่ไป"
 

"อ้อ...แล้วพี่มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ"
 
"ไม่มีแล้ว พี่หมักหมูกับไก่เสร็จแล้ว ส่วนที่เหลือ ต้องรอวุฒิมาก่อน อ้อ...ติ...พี่ถามอะไรหน่อย"
 
"ครับ?"

 
"ช่วงนี้ วุฒิเป็นอะไรหรือเปล่า?"
 

    นี่ไง...ผมถึงบอกว่าพี่ชินชอบเป็นห่วงและเอาใจใส่คนอื่นเกินเหตุ เพราะถึงแม้ตัวเองจะมีปัญหาเครียดมากมายแค่ไหน ก็ยังไม่วายที่จะถามและนึกถึงความรู้สึกคนอื่นก่อนเสมอ
 
   ผมแกล้งทำหน้านึกทั้งๆที่ผมรู้อยู่แก่ใจ

"ไม่รู้ครับ มันไม่บอกผมเลย นี่ก็ว่าจะถามมันอยู่ พี่ชินมีอะไรหรือเปล่าครับ?"
 

"วุฒิดูแปลกๆไป"
 
     ผมพยักหน้าพลันลอบมองใบหน้าพี่ชินที่ดูเป็นห่วงติดกังวล ผมว่าพี่ชินอาจมีใจให้วุฒิบ้างไม่มากก็น้อย ผมจึงถาม
 
"พี่ชอบวุฒิแล้วใช่ไหมครับ?"
 
    พี่ชินยังไม่ทันอ้าปากตอบ ก็มีเสียงกริ่งดังหน้าบ้าน
 
    พี่ชินลุกขึ้นไปเปิดประตู ผมนั่งรอนิ่งๆ เพราะคิดว่าเป็นวุฒิอยู่แล้ว แต่ผ่านไปสิบนาที พี่ชินยังไม่เดินเข้ามา จึงตามไปดู
 
  ผมชะงักเมื่อเห็น แฟนเก่าพี่ชิน

   มาได้ไงวะ..
 
   ผมเห็นพี่ชินยืนคุยกับแฟนเก่านอกรั้วบ้าน
 
   จู่ๆ ผมใจกระตุก ทำไมแค่พี่ชินยืนอยู่กับแฟนเก่าผมถึงเกิดอาการหึงหวงมากกว่าพี่ชินอยู่กับวุฒิล่ะ
 
   ผมไม่รีรอ เดินออกไปนอกบ้านเพื่อตามไปประกบพี่ชิน
 
"มีอะไรกันครับ" ผมแตะข้อศอกพี่ชินจนเจ้าตัวหัน และระหว่างนั้น ผมได้ยินเสียงแฟนเก่าแทรกขึ้น
 
"หืม?...อย่างนี้นี่เอง มิน่าละ ทำไมวันนั้น ผมขอ แล้วชินถึงไม่ให้เอา..."
 

"พูดจาระวังปากหน่อย ให้เกียรติกันบ้าง"

    ผมออกตัวแทนพี่ชิน ผมไม่ค่อยชอบคนพูดจาแบบนี้นะ มันดูต่ำและไม่ให้เกียรติความเป็นมนุษย์ด้วยกัน  คำพูดและรอยยิ้มเยาะของแฟนเก่าทำเหมือนว่าอีกฝ่ายเป็นของเล่นที่คิดอยากเมื่อไหร่ ก็แค่กดปุ่ม On/Off  ได้ตามใจชอบ
 
"เสือก!"
 
     พออีกฝ่ายว่าผม ผมเดินหน้าจะปะทะแต่พี่ชินจับแขนผมไว้
 
"เรื่องที่ไมค์รู้ว่าบ้านฉันอยู่ไหน ฉันจะไปสืบเอง แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเงินให้แล้วล่ะ"


"อย่างกหน่อยเลยแค่สองหมื่นเอง"
ผมตาโตเลยครับ
 
        พูดมาได้ไง...แค่สองหมื่นเอง บ้านคุณบิดามึงสิ!
 
        กว่าผมจะได้เงินสองหมื่นบาทนี่ ผมนั่งทำงานทั้งเดือนเลยนะครับถึงจะได้
 
"ฉันไม่มีให้แล้ว!"
 

"แน่ใจ? ผมไม่มีทางกลับไปมือเปล่าหรอก"
 
"ฉันไม่มีแล้วจริงๆไมค์ ขอล่ะ กลับไปเถอะนะ"
 
"ชินต้องเลือกแล้วล่ะ ถ้าไม่ได้เงิน ก็ต้องให้เอา เดี๋ยวนี้!"

 
     หนุ่มหน้ามนเดินมาใกล้ ยิ้มเยาะ ลูบแขนพี่ชินขึ้น-ลง ผมปัดมือออกทันที
 
เพี้ยะ!
 
"อย่ามาแตะตัวพี่ชิน"
 

    อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นสูงจ้องมองด้วยความไม่พอใจ
 
"มึงเป็นใคร?"
 
"กูไม่จำเป็นต้องบอก"
 
"ชินเลือกเร็วๆ หรืออยากให้ผมปล่อยคลิป?"
ผมหันขวับไปหาพี่ชิน
 
"คลิป? คลิปอะไรครับพี่?"
 

    ผมเห็นพี่ชินตาแดงเหมือนจะร้อง เขายืนตัวสั่น ปากสั่น
 
"อะ...โอเค ฉันมีเงินอยู่บนบ้าน เดี๋ยวไปเอาให้เดี๋ยวนี้เลย!"

 
       เฮ้ย! จะบ้าหรือไง ผมคิดในใจ ทำไมพี่ชินต้องให้กันได้ง่ายๆด้วยล่ะ ทันใดนั้น ผมคว้าข้อมือพี่ชินให้หยุดเท้า แล้วตอบกลับหนุ่มลูกครึ่ง
 
"เป็นแค่แฟนเก่า ไม่ใช่เจ้าของชีวิต อยากได้เงินก็ทำงานสิวะ มาขอคนอื่นทำไม?"
 

"ติพี่ขอ อย่ามีเรื่องกับเขา"
 

    ผมไม่โอเค เงินสองหมื่นบาท มันมากเกินไปที่ใครก็ไม่รู้จะมาแบมือขอกันง่ายๆ

   
"ชินจะให้-ไม่ให้"
 
"กูตอบแทนเลยว่า 'ไม่' "
ผมสวน
 
"มึงมีสิทธิ์อะไร เป็นแฟนใหม่ชินรึไง ห้ะ!"
 

     มันคงโกรธผมที่เป็นฝ่ายรั้งพี่ชินไม่ให้ขึ้นไปหยิบเงิน

     ทันใดนั้น
 
 หมับ!
 
   ผมดึงมือพี่ชินมาสอดประสานมือกันแนบแน่น
 
"ใช่! กูถึงห้ามพี่ชินไง และอีกอย่างนะ เลิกเอาคลิปมาขู่สักที อยากได้เงิน มึงก็ไปหาเอาเอง!"
 

ผัวะ!
 
    พูดจบ แฟนเก่าง้างหมัดมาชกหน้าผม ผมเซถอยหลังไปก้าว ก่อนจะตั้งหลักซัดมันกลับไป จากนั้นต่างฝ่ายต่างยื้ดยุดฉุดกระชาก ทั้งแทงเข่า บีบคอ จนผมและแฟนเก่าพี่ชินล้มลงไปนอนกองกับพื้น

 
"พอได้แล้ว หยุดนะ"

     พี่ชินพยายามจับผมกับแฟนเก่าแยกกัน แต่มันไม่เป็นผล จนกระทั่ง...
 
     คนข้างบ้านลงจากรถ ยกปืนขึ้นขู่ที่ผมเพิ่งรู้จากการแต่งกายว่า คนข้างบ้านพี่ชินเป็นทหาร
 
    ตอนนี้ ทั้งคู่ สภาพเสื้อผ้า หน้าผมยับเยินไม่ต่างจากหมาข้างถนน

    จังหวะนั้น ผมเห็นมันมองทหารอย่างไม่พอใจ และมัวแต่ก้มจัดชุดตัวเอง ผมตาดีเห็นโทรศัพท์มันกระเด็นตรงอยู่ตรงพื้น รีบเดินก้าวใช้เท้าเหยียบโทรศัพท์อำพรางไว้ และคนที่ไม่ได้สังเกตสังกาอะไรได้แต่เผ่นหนีขึ้นรถที่จอดถัดจากบ้านพี่ชินไปไม่กี่หลัง   
 
     ผมก้มลงเก็บโทรศัพท์มือถือ ใส่กระเป๋ากางเกง พี่ชินโค้มหัวขอบคุณเพื่อนบ้านและประคองผมเข้าตัวบ้าน

"ติ เป็นอะไรมากไหม? พี่บอกแล้วไงว่าอย่ามีเรื่องกับเขา"

 
     ผมไม่ตอบพี่ชิน ค่อยๆเดินตัวงอหยุดนั่งพักให้หายจุกที่ม้านั่งยาวตรงโรงจอดรถก่อน

    ยังดีที่ผมมีสติ ยกมือกันหน้าไว้ได้ เลยมีแผลแค่โดนต่อยหนแรกที่มุมปาก จะรู้สึกเจ็บและจุกตรงช่วงกลางลำตัวนี่แหละ
 
"ที่มันขู่คือคลิปอะไรครับพี่?" พูดพลางสบถและจิ๊ปากด้วยความเจ็บ
 
    พี่ชินก้มหน้า เม้มปากแน่น

"ถ้ามันลำบาก...ที่จะบอก..."

"คลิปที่ไมค์ถ่ายพี่ตอนมีอะไรกัน สมัยเมื่อพี่ยังคบเขา"
 

     ผมอึ้ง
 
"มันเอามาขู่เพื่อขอเงินและมีเซ็กซ์?"
 
"ชะ...ใช่ แต่พี่ไม่เคยมีอะไรกับเขาสักครั้งเลยนะติ พี่แค่..จูบ...กับ..."
 

"ช่างมันเถอะครับ แล้วนี่พี่หมดเงินไปเท่าไหร่แล้ว"
 
"แสนห้า"
 
"ห้ะ! พี่ให้มันทำไม ถ้ามันจะปล่อยคลิปก็ให้มันปล่อยไปดิ แล้วไงล่ะ"
 

"แต่...พี่อาย...พี่ ...กลัว...พี่ไม่"
 
"พี่ชิน ถ้าคนมันจะเหี้ยมันก็เหี้ย...ต่อให้พี่ให้เงินไปตามคำขู่ ถ้าใจคิดอยากจะปล่อยคลิป มันก็ทำอยู่ดี"
 
"พี่..."


    ผมถอนหายใจ เงินไม่ใช่น้อยๆ ผมเสียดายเงินที่พี่ชินต้องจ่ายให้กับความเหี้ยของคนๆหนึ่ง ผมเอื้อมมือไปวางบนหลังมือพี่ชิน
 
"พี่ชิน ฟังผมนะ อดีตก็คืออดีต พี่แก้ไขอดีตไม่ได้อยู่แล้ว ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ และถ้าพี่กลัวว่าคลิปหลุด กลัวคนจะรับไม่ได้ จะเลิกคบพี่ก็ช่างแม่งปะไร แต่พี่จำไว้ ว่าพี่มีผม ผมรับได้ ไม่ว่าพี่จะเป็นไง ...ผมอยู่ตรงนี้...อยู่ข้างพี่เสมอ"
 
    ผมพรั่งพรูคำพูดจากใจออกไป มันยังมีคำในหัวอีกมากมาย แต่...
 
ฟึ่บ!

    พี่ชินซุกหน้าลงบนบ่าของผม

"พะ....พี่ชิน...โอเคไหมครับ?"

 
    พี่ชินน้ำตาไหลแต่ไม่ถึงกับฟูมฟาย

    ผมไม่นึกเบื่อที่ได้อยู่ข้างๆยามพี่ชินมีปัญหา

    แม้ว่าความชื้นของน้ำตาจะหยดลงบนบ่าข้างเดิม

    ผมนั่งนิ่งรอบนี้ไม่ใช่เพราะอะไร ผมยังปวดตัวไม่หาย..

    แต่เป็นการเจ็บปวดที่รู้สึกดี เพราะผมได้ใกล้พี่ชินอีกแล้ว
 
"ขอบคุณนะติ"
 
    พี่ชินผละแล้วมองผม ผมใช้ข้อนิ้วค่อยๆเกลี่ยน้ำตาอีกฝ่ายให้จางหาย

    จากนั้น ผมพูดแซวหวังจะให้พี่ชินอารมณ์ดี

"ไม่ต้องเครียดนะ โทรศัพท์แฟนเก่าพี่อยู่กับผม"
 

    ผมเห็นพี่ชินดูจะอึ้งไปพอสมควร

"ติไปเอามาตอนไหน?"   

"ไม่ต้องสนหรอกครับว่าตอนไหน? สิ่งที่พี่ชินควรสนคือจะให้รางวัลอะไรกับผม  ผมขอไม่มากหรอกน้าา... แค่พี่ชินทำ...แผล..."
ผมอ้อนเขา กะว่าถ้าพี่ชินทำแผลให้ผมก็ดีใจแล้ว แต่ไม่คิดว่า...

 
จุ๊บ!
 
   ผมตาโต ไม่คาดคิดมาก่อนว่าพี่ชินจะจูบผม
 
   ริมฝีปากนุ่มบดคลึงที่ริมฝีปากของผมช้าๆ
 
  เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ริมฝีปากของผมกับพี่ชินสัมผัสกัน แม้จะไม่รุกล้ำเข้าไปข้างในเพราะพี่ชินคงรู้ว่าผมเจ็บอยู่ แต่สิ่งที่รู้ คือผมอยากจูบพี่ชินนานกว่านี้

   ความเห็นแก่ตัวของผมกำลังครอบงำทั้งๆที่รู้ดีว่ามันไม่ควร
 
   เรายังไม่ได้เข้าบ้าน เรายังอยู่ตรงโรงจอดรถที่ซึ่งมีโอกาสคนผ่านไปผ่านมา
 
  และแล้ว...

"ผมกดกริ่งเรียกแล้วไม่มีใครได้ยินเลย พี่ชินมาเปิดประตูให้ผมหน่อยครับ"

   ผมและพี่ชินผละจากกันด้วยความตกใจ เมื่อผมหันไป เห็นวุฒิยืนชะโงกหน้า ชะเง้อคอมอง ด้วยของเต็มสองมือ

   ผมไม่รู้ว่าวุฒิ ยืนรออยู่นานแค่ไหน...ผมได้แต่ภาวนาให้วุฒิไม่เห็นภาพที่ผมกับพี่ชินจูบกันเมื่อครู่....
 

.....................................

อร้ายยยยยยยย :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เห็นไหม?  น่าจะเห็นนะนั่น 

แล้วจะเป็นไงต่อ?

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1

ตอนที่ 9 ชอบ


 


     ตอนนี้ พี่ชินต้องมานั่งทำแผลเบื้องต้นให้ผม ผมดีใจที่เห็นว่าพี่ชินดูเป็นห่วงผมไม่น้อย อาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งเขาคงรู้สึกผิดที่มันไม่ใช่เรื่องของผม แต่กลับต้องเอาตัวไปเสี่ยง เขาถึงดูแลผมดีเป็นพิเศษ

    ขณะที่พี่ชินทำแผลให้ผมตรงโซฟา เวลาเดียวกัน วุฒิเตรียมของทำบาร์บีคิวอยู่ในครัวคนเดียว วุฒิไม่บ่น เพราะรู้ว่าผมมีเรื่องจนได้แผล

    ผมไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่พี่ชินจูบผม วุฒิเห็นแล้วไม่พูด หรือไม่เห็นจริงๆ แต่การที่ต้องอยู่ในบรรยากาศรักสามเส้าเช่นนี้ มันทำให้ผมกระอักกระอ่วนและไม่ชอบสักเท่าไหร่   

     ผมจ้องมองมือคนอายุมากกว่าที่บรรจงทำแผลบนหน้าให้อย่างเบามือ หลังจากที่เขาทำแผลให้ผมตรงช่วงท้องเสร็จเรียบร้อย

     ผมยิ้มที่พี่ชินตั้งใจทำแผลให้ไม่มีบ่น ยิ่งเห็นหน้าเขาก็ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่โรงจอดรถ ผมอยากถามเรื่องที่พี่ชินจูบผม แต่ไม่มีจังหวะ กลัวว่าจะถาม วุฒิจะเผลอมาได้ยินอีก

      ถึงอย่างไร ผมก็ต้องถามให้ได้ เพราะการที่พี่ชินทำแบบนี้ มันทำให้ผมมีความหวัง

      หวังว่าพี่ชินชอบผมเหมือนกัน


"พี่ชินครับ เสร็จแล้วพาผมขึ้นไปนอนข้างบนได้ไหม?"

"ได้สิ แต่เจ็บแบบนี้ จะเคี้ยวเนื้อก็คงลำบาก ติกินพวกข้าวต้มไหม? เอามะ...เดี๋ยวพี่ไปสั่งให้ น่าจะดีกว่าเนอะ..."



    ผมเผลอใจกระตุกกับการใส่ใจของพี่ชินที่มันดูพิเศษกว่าเก่า เขาพูดและลูบแผลที่มุมปากไปด้วย

   ผมจะทำยังไงดี ผมไม่สามารถเลิกชอบพี่ชินได้สักที


"กะ...ก็ได้ครับ"

    ผมว่าตั้งแต่มีเรื่องกับแฟนเก่าพี่ชิน ผมสัมผัสได้อยู่หนึ่งอย่าง พี่ชินพูดและทำดีกับผมมากจนผมคิดว่าเขาปฏิบัติกับผมเหมือนว่าผมเป็นแฟนเขาแล้ว

    พี่ชินทำกับผมอย่างใส่ใจ นุ่มนวล และดูผิดแผก แตกต่างไปจากทุกที


"เดี๋ยวพี่พาติขึ้นไปก่อนแล้วกัน ค่อยลงมาช่วยวุฒิ"

"ครับ"

"ถ้าเจ็บบอกพี่นะ"


     ผมพยักหน้ารับ และค่อยๆลุกขึ้นจากแรงประคองของพี่ชิน เขาขนาบผมและค่อยๆพยุงผมให้ขึ้นบันได

    ขึ้นบันไดไปขั้นนึง ก็พักทีนึง ผมยังปวดตัวและระบมอยู่ไม่น้อย

    ถ้าร่างกายปกติดี ไม่ถึงห้านาที ผมคงเดินเข้าไปห้องนอนได้แล้ว แต่นี่สิบห้านาที ผมเพิ่งยืนอยู่หน้าบานประตูห้องนอนพี่ชิน


"ติไหวไหม?"

"ไหวครับ"


   พี่ชินไม่เคยถามความรู้สึกผมบ่อยขนาดนี้ ตลอดเวลาที่ขึ้นบันไดไปทีละขั้น พี่ชินถามตลอด และดูกลัวว่าผมจะเจ็บมากกว่าเก่า

   หลังจากที่ผมเดินเข้ามาในห้องนอน พี่ชินค่อยๆปล่อยแขนผม จัดท่าทางให้ผมทิ้งตัวลงนอนโดยให้เจ็บน้อยที่สุด


"เจ็บไหม?"

"นิดหน่อยครับ"

"นอนพักซะนะ"

"เสียดายที่ผมอดกินบาร์บีคิวกับพวกพี่เลย"

    ผมเห็นพี่ชินนั่งอมยิ้ม แล้วบอก


"ไม่ต้องเสียดายหรอก ถ้าติอยากกินบาร์บีคิว ติจะมากินอีกเมื่อไหร่ก็ได้"


   ผมชะงักกับคำพูดและต่อมาผมใจสั่นและเต้นแรงกว่าเก่า เพราะผมแพ้รอยยิ้มพี่ชิน พี่ชินยิ้มน่ารักจนใจละลาย

   ยิ่งเฉพาะรอยยิ้มที่มาจากใจด้วยแล้ว มันทำให้ผมหลงเสน่ห์พี่ชินจนยากจะถอนตัว


"ขอบคุณนะครับ"

"พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณเรื่องที่ติช่วยพี่"

"ยินดีครับ"


"ถ้าติตื่นหรืออยากได้อะไร ติโทรยิงมานะ พี่อยู่ข้างล่าง จะได้เดินขึ้นมาหา"


   ในวิกฤติย่อมมีโอกาส ผมเชื่อก็ตอนนี้จริงๆ แม้ผมจะเจ็บตัว แต่ผมได้รับการดูแลจากพี่ชินเป็นอย่างดี

   ผมพยักหน้าและยิ้มให้เขา

   อันที่จริงแล้ว ผมโลภมาก ผมอยากสัมผัสพี่ชินมากกว่านี้ อยากจับมือ อยากกอดพี่ชิน อยากทำอะไรหลายๆอย่าง ในช่วงเวลาที่ผมมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้

     แต่ที่ผมทำได้ คือ การนอนนิ่ง เพราะจะเอี้ยวตัวทำอะไรแต่ละทีก็ไม่ถนัดอย่างคนอื่นเขา

    ผมเห็นพี่ชินบอกผมเสร็จ ทำท่าจะลุก ผมรีบถามสิ่งที่ติดค้างในใจ


"พี่ชินครับ ผมอยากรู้เรื่องที่พี่จูบผม.."

"ติบอกอยากได้รางวัล"


   ผมพยักหน้าน้อยๆ แล้วตัดสินใจถามอีกครั้ง


"พี่ชินชอบ...ผม..."

จุ๊บ!

   พี่ชินก้มตัวลงมาจูบผมอย่างไม่ทันตั้งตัว แม้จะไม่นานเท่าตอนอยู่ที่โรงจอดรถ แต่ก็ทำให้ผมอึ้งได้อยู่ดี


"นอนได้แล้วติ หายไวๆนะครับ"


   ผมเห็นพี่ชินแก้มแดง ก่อนจะลุกพรวดจากเตียงไปที่หน้าประตูห้องนอนอย่างไว

   ผมนอนกระพริบตาปริบๆ

   คืออะไร? พี่ชินไม่ตอบคำถามผม แต่จูบผมอีกแล้ว

   พี่ชินชอบผมใช่ไหมครับ?






    หลังจากที่ผมนอนหลับตัวแข็ง ไม่กระดิกกระเดี้ยวมาได้ชั่วโมงกว่า ก็มีเสียงใครบางคนปลุกให้ผมตื่นจากนิทรา


"ไหวไหมมึง?"

    ผมปรือตามามอง ก็เห็นวุฒิที่มองผมด้วยแววตาเป็นห่วง และในมือของเพื่อนมีถ้วยข้าวต้มอยู่


"ไอ้วุฒิ"

"ดีขึ้นไหมมึง?"

"ดีมั้ง"

"ทำหน้าผิดหวัง ทำไม? อยากให้เป็นพี่ชินรึไง?"


    ผมใจหายวาบ ไม่รู้ว่าทำไม วุฒิถึงแซวแบบนี้ ผมรีบเฉไฉ


"เปล่าสักหน่อย ขอโทษนะวุฒิที่ทำให้ปาร์ตี้มึงกร่อย"

"ไม่หรอกมึง เห็นมึงเป็นแบบนี้ ก็นึกอยากเห็นหน้าแฟนเก่าพี่ชินเลยว่ะ ทำไมมันเหี้ยจนรู้สึกว่าคำด่านี้มันยังน้อยไปเลยวะ"


    ผมหัวเราะพลางสบถ เมื่อเจ็บช่วงท้องตอนขำขึ้นมากระทันหัน


"ลุกขึ้นมากินไหวไหม?"

   ผมพยักหน้าน้อยๆ และพยายามกระเถิบดันตัวให้หลังพิงพนักเตียง


"อยากให้กูป้อนไหม?"


   ผมว่าวุฒิมันพูดแปลกๆ ผมพยักหน้ารับ จากนั้น วุฒิตักข้าวต้มหมู เป่าไล่ลมร้อนสองสามครั้งก่อนจะยื่นมาจ่อตรงปากผมให้ผมอ้าปากรับข้าวต้มเข้าไปคำแรก


   ผมค่อยๆเคี้ยวแล้วพยายามกลืน...

"กูป้อนจะอร่อยเท่าพี่ชินป้อนไหมวะมึง?"


"คะแค่กๆ...."   ผมสำลักทันที วุฒิรีบยื่นแก้วน้ำเปล่าให้ผมดื่ม



    ผมไม่เข้าใจ ทำไมวุฒิเล่นมุกเรื่องพี่ชินหลายรอบจนผมชักร้อนตัว ผมไม่กล้าแม้แต่จะสบตาอย่างกลัวมันรู้ความจริง


"เป็นอะไรวะมึง กินไหวไหม?"


    ผมพยักหน้าแต่หลุบตาลงต่ำ

    ต่างฝ่ายต่างเงียบใส่กัน และวุฒิยังทำหน้าที่ดูแลผมได้อย่างดีเยี่ยม วุฒิป้อนข้าวให้ผมหลายคำ

    จากนั้น...


"มึงชอบพี่ชินใช่ไหม?"


    ผมตกใจ ที่วุฒิโพล่งมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย


"ห้ะ! ปะเปล่า..." ผมตาโต ส่ายหน้ารัว

"โกหกกูทำไมวะ?"

"คะ...คือ!"
ผมก้มหน้า

"เฮ้อ!...ทำไมต้องเป็นพี่ตั้นที่บอกเรื่องนี้กับกู ทำไมไม่เป็นมึง...กูตัดสินใจคุยวันนี้ เพราะคิดว่ามันน่าจะเหมาะสุด มึงชอบพี่ชินมาก่อนกูแล้วทำไมไม่บอก มึงเห็นกูเป็นคนยังไงวะติ เราเป็นเพื่อนกันมากี่ปี รู้จักกันมากี่ปี ทำไมถึงดูถูกความรู้สึกกู มึงคิดว่ากูจะเป็นคนเห็นแก่ตัวขนาดนั้นเลยหรอวะ"
 


     ผมมองวุฒิที่วางชามข้าวต้มไว้โต๊ะหัวเตียง แล้วระบายความรู้สึกออกมายาวเหยียด


     ผมเงียบ ไม่คิดมาก่อนว่าพี่ตั้นจะบอกเรื่องนี้กับวุฒิ

     ผมประมวลความคิดที่ผ่านมา แสดงว่า วุฒิรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ไปทะเล แต่มันเก็บเงียบ


"กูไม่ได้คิดว่ามึงเห็นแก่ตัวนะวุฒิ แต่...กูแค่อยากเห็นมึงมีความสุข"

"แล้วไง? มึงคิดว่าตอนนี้กูมีความสุขไหมละ? ในเมื่อพี่ชิน เขาไม่ได้ชอบกู"



   ผมอ้าปากค้าง ตาโต แสดงว่าที่วุฒิเคยบอกว่าจะถามพี่ชิน เรื่องขอเป็นแฟน วุฒิคงถามออกไปแล้ว และนี่คงเป็นคำตอบที่ได้รับ


"ห้ะ? หมายความว่าไง? พี่ชินบอกแล้วหรอว่าไม่ชอบมึง ทำไมอะ? ในเมื่อมึงก็เป็นคนดี ไม่เจ้าชู้ ทำไมพี่ชินไม่ชอบมึงอะ" ผมเอียงคอถามเพื่อน

"มึงคิดว่าการเป็นคนดีอย่างเดียวหรอที่จะได้ความรักกลับมา ไม่งั้นคนดีๆทั่วบ้านทั่วเมืองทำไมยังโสดอยู่ล่ะวะ"


"คือ กูแค่คิดว่า...มึง"


"มันมีปัจจัยหลายอย่าง ทั้งไลฟ์สไตล์ ความชอบอะไรเหมือนๆกัน ความเข้ากันได้ ความถูกใจ เจอะแล้วรู้สึกว่า คนนี้ใช่  ติกูจะบอกอะไรให้นะ กูอาจเป็นคนดีอย่างที่มึงคิด แต่....การเป็นคนดีของกูมันไม่ได้เป็นคนที่ใช่...สำหรับพี่ชินว่ะ...."



    ผมรู้สึกแย่ทันทีที่ต้องเห็นวุฒิผิดหวัง ผมดูออกว่าการที่วุฒิต้องมานั่งพูดเรื่องแบบนี้ มันกำลังกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล


"..กูขอโทษ วุฒิ กูคะ...แค่..."

"พี่ชินชอบมึง!"






****1.1****

การเป็นคนดีของกูมันไม่ได้เป็นคนที่ใช่...สำหรับพี่ชินว่ะ....
.
สงสารวุฒิ...งือออ...
.
เดี๋ยวมาดูความรู้สึกวุฒิกันน่าฉงฉานนนน..

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-05-2018 21:53:29 โดย rinyriny »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด