เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น
ตอนที่ 31 : ตัวละครลับ
“หมอว่านนนนน”
“สวัสดีครับบบบบบ”
เสียงไอ้ว่านตอบรับสาวๆ กองเชียร์ของมันที่ไม่รู้มันไปสืบเสาะหามาจากไหน รอนี้มันมีป้ายไฟเป็นชื่อของมันด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งงง ไอ้ว่านนี่มันหล่อจนถึงขั้นต้องมีคนทำป้ายไฟให้ด้วยเลยเหรอวะ เจอหน้ากันมาตั้งหลายปี ไม่เห็นจะรู้สึกเลย
วันนี้คือวันแข่งขันบาสรอบชิงชนะเลิศระหว่างคณะแพทยศาสตร์กับวิศวกรรมศาสตร์
ไอ้ว่านเป็นหัวเรือใหญ่พาทีมผ่านเข้ารอบสุดท้ายสำเร็จ หลังจากที่ชนะทีมสถาปัตย์มาอย่างฉิวเฉียด จะว่าไปมันก็จริงจังกับการแข่งขันบาสนี้ค่อนข้างมาก หลังเลิกเรียนเขาจะไปซ้อมการแสดงเดือน ส่วนมันก็จะมาฝังตัวแถวสนามบาส ตอนอยู่ม.ปลายเคยแต่ไปแข่งตอบคำถามวิทยาศาสตร์กับมัน ไม่ยักรู้ว่ามันจะจริงจังกับการเล่นกีฬาด้วย และตามที่ตกลงไว้ วันนี้เขาต้องระหกระเหินมาเป็นตัวสำรองบาสให้คณะเพราะผู้ชายในคณะตกอยู่ในสภาวะขาดแคลนอย่างหนัก ถ้าตัวสำรองไม่ครบสองคน พวกเขาก็จะแพ้บาย
ทันทีที่เดินเข้ามาในหอประชุมใหญ่ ไอ้ไป๋ก็ถึงกับใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
คือเขาเข้าใจว่ากีฬาบาสเป็นกีฬายอดฮิต แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะมีคนมาดูการแข่งในรอบชิงชนะเลิศเยอะขนาดนี้ สแตนเชียร์กีฬาที่มีไว้ใช้สำหรับโชว์กิจกรรมร้องเพลงของแต่ละคณะตอนนี้คราคร่ำไปด้วยจำนวนผู้คนจำนวนมาก กะด้วยสายตาคร่าวๆ ก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 300 คน จากรอบอื่นที่แข่งกันที่สนามบาสกลางแจ้ง แต่รอบนี้กลายเป็นแข่งในห้องประชุมใหญ่โต
“ทำไมคนมันเยอะแบบนี้วะ” เขาถามอย่างกระซิบกระซาบขณะที่เดินไปเข้าที่ตรงจุดพักนักกีฬา
“ก็ไอ้อิฐอะสิ เสือกหล่อเรียกความสนใจ คนเลยมาดูกันเต็มเลย”
หันไปมองอีกที ป้ายไฟไอ้อิฐใหญ่กว่าของไอ้ว่านอีก แต่ท่าทางไอ้ว่านก็จะใช่ย่อย เพราะป้ายไฟมันก็เด่นหราไม่แพ้กัน สภาพตอนนี้น่าจะเป็นคอนเสิร์ตมากกว่าการแข่งบาส
“เชี่ย ไม่ชอบเลยหวะ”
ไป๋บ่นกับว่านด้วยเสียงเบา ใช่แล้ว เขาไม่ชอบเลย สภาพตอนนี้ของเขาอยู่ในชุดแข่งบาสแขนกุดสีเขียวเข้มอันเป็นสัญลักษณ์ของคณะ เขาไม่ใช่คนตัวเล็ก แต่พอมาอยู่ฝูงนักกีฬาแล้วเขาก็แทบจะกลายเป็นคนที่เตี้ยที่สุดไปเลย ที่สำคัญเขายังดูผอมแล้วก็แย่ที่สุดในนี้อีกด้วย เขาไม่อยากรู้สึกเป็นตัวตลกต่อหน้าคนเยอะๆ
“มึงไม่ต้องกังวลน่า พวกกูไม่มีใครบาดเจ็บสักที อีกแค่รอบเดียวก็แข่งเสร็จแล้ว แถมตัวสำรองก็มีสองคน ถ้าฉุกเฉินผิดพลาดอะไรขึ้นมาจริงๆ เอาไอ้พลลงก็ได้ มันพอเล่นบาสได้ กูคุยกับมันแล้ว” ไอ้ว่านตอบมาแบบไม่รำคาญความขี้ตระหนกของเขาเลยสักนิด อย่างว่าแหละ มันน่าจะเป็นเพื่อนที่รู้จักเขาดีที่สุดแล้วมั้ง
“ทำไมไอ้ไป๋ถึงมาลงแข่งด้วย มันเล่นกีฬาไม่เป็นนี่”
เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ห่างจากเขาทั้งสองที่กำลังพูดคุยกันอยู่ หันไปก็เจอกับนักกีฬาเจ้าของป้ายไฟเด่นหราที่ชูอีกฝั่งของสนาม มันใส่เสื้อทีมสีแดงอิฐอันเป็นสีของคณะ เสื้อบาสแขนกุดทำให้มันได้โชว์ผิวที่โดดไปด้วยรอยสักสีสดไล่ตั้งแต่หัวไหล่ไปเกือบถึงข้อศอก ว่าแต่มึงเดินมาคุยกับคู่แข่งเนี่ยนะ
“ตัวละครลับคณะกูเอง มีอะไรเปล่า” ไอ้ว่านพูดพร้อมรอยยิ้ม แถมยังเอามือมาโอบไหล่เขาอย่างถือวิสาสะ
“นี่มันรอบชิงนะเว้ย เกมมันหนัก มึงจะเอามันยุ่งทำไม” เสียงไอ้อิฐดูจะติดหงุดหงิดน้อยๆ
“ก็รอบชิงไง กูเลยต้องยิ่งเอามา” ไอ้ว่านตอบ
“คนมันขาดอะ กูเลยมานั่งเป็นตัวสำรอง” เขาร้องตอบ แต่ดูเหมือนไอ้อิฐจะยังติดพันกับบทสนทนาของมันกับไอ้ว่าน
“ไอ้ไป๋มันทำลายสมาธิคนแถวนี้ได้ดีนักแหละ” ว่านตอบออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ
เสียงเพื่อนร่วมทีมของไอ้อิฐตะโกนเรียกมันมา มันหันกลับไปมองพร้อมกับลากไอ้ว่านเข้าไปกระซิบกระซาบอะไรด้วยก็ไม่รู้ พูดจบไอ้ว่านก็หัวเราะร่วนขึ้นมาเสียงดัง ส่วนไอ้อิฐก็เดินกลับฝั่งสนามตัวเองไปด้วยท่าทีไม่ได้ดั่งใจ
“มันพูดอะไรกับมึงวะ” ไป๋ดึงไหล่เพื่อนมาถามอย่างสงสัย เมื่อเพื่อนอีกคนเดินกลับไป
“มันบอกกูว่าต่อให้มึงลงสนาม มันก็จะเล่นเต็มที่และไม่ออมมือให้” ไอ้ว่านพูดไปยิ้มไป
“เชี่ย มึงไม่บอกมันไปหละว่ากูแค่มานั่งเป็นตัวสำรอง กูไม่ลงนะเว้ย” เขาเริ่มโวยวาย
“เออ กูไม่เอามึงลงสนามหรอกน่า เอาลงไปก็แพ้สิวะ ไอ้เชี่ยนี่” ว่านบ่นๆ
“แล้วมึงไม่บอกมันไปเล่า”
“แกล้งแม่งเงี้ยแหละ สนุกดี เสือกบอกแข็งดีนัก ต้องโดนปั่นหัวเสียให้เข็ด”
พูดจบประโยคไอ้หัวหน้าทีมบาสฝ่ายเขาก็หัวเราะร่วนอย่างถือสนุกแล้วไล่เขากลับไปนั่งตรงฝั่งตัวสำรอง ส่วนหัวก็วิ่งไปวอร์มร่างกายในสนาม พร้อมกับเสียงกรี๊ดเชียร์ที่ดังไล่หลังไปจากอัฒจรรย์กองเชียร์
ปรี๊ดดดดด
เสียงนกหวีดเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับลูกบาสที่โยนสูงลอยขึ้นเหนืออากาศ อิฐกับว่านแทบจะกระโดดขึ้นพร้อมกันเพื่อมุ่งหมายจะปัดลูกบาส แล้วก็เป็นมือของทีมวิศวะที่ถึงก่อน มันใช้มือดีดลูกบาสไปทางเพื่อนร่วมทีมเสื้อสีแดงเข้มที่รอคอยลูกอยู่ก่อนแล้ว ฝ่ายวิศวะเริ่มต้นบุกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับฝ่ายแพทย์ที่กระจายทีมออกมาตั้งรับ เขาเห็นไอ้ว่านชูมือไปมาอยู่หลายครั้ง น่าจะเป็นสัญญาณมือ เกมผลัดกันรุกผลัดกับรับจนทำเอาคนเชียร์แทบจะลืมหายใจ
ในแต่ละชั่วหนึ่งนาทีเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นเยอะมาก ไป๋ได้แต่ถือกระบอกน้ำของไอ้ว่านแล้วมองตามลูกไปมาอย่างตื่นเต้น ให้ตายเถอะ เขาไม่เคยตั้งใจดูกีฬาขนาดนี้มาก่อนเลย แต่พอเห็นความจริงจังแล้วก็อดเอาใจช่วยมันไม่ได้ ส่วนฝ่ายไอ้อิฐไม่ต้องสืบเลย มันดูเก่งและคล่องแคล่วมาก เท่าที่ดู ทีมมันเป็นฝ่ายรุกและครองบอลเป็นส่วนใหญ่ ฝ่ายวิศวะดูจะถนัดบุกและเข้าทำคะแนนระยะประชิด แต่อย่างไรก็ตาม ผลคะแนนกลับสูสี เพราะฝ่ายไอ้ว่านดูจะมีแนวรับที่แข็งแรงกว่าและสามารถตีโต้ไปทำคะแนนได้จากระยะไกล ไอ้ว่านนี่ถือเป็นมือวางอันดับหนึ่งในการทำลูก 3 แต้มเลย
ปรี๊ดดดดด
“เชี่ย ไอ้คิดตะคริวแดก”
เสียงนกหวีดดังขึ้นเพื่อพักครึ่งพร้อมกับเสียงดังขึ้นของไอ้เพื่อนสนิทเขา ลุกขึ้นไปมองก็เจอไอ้ว่านกับเพื่อนอีกคนกำลังหิ้วปีกไอ้คิดที่เป็นเพื่อนคณะเขาอีกคนเข้ามา สภาพมันโคตรแย่ ขาขวาของมันไม่สามารถขยับหรือเดินได้ด้วยซ้ำ เพื่อนร่วมทีมทั้งสองต้องช่วยกันลากกันเข้ามาพักอย่างคนที่ฝืนใช้ร่างกายมาจนขีดสุด
“เชี่ย มึงเป็นตะคริวตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ไอ้ว่านบ่นพร้อมหันไปสั่งเขาให้ไปหาถุงเจลเย็นในลังน้ำแข็งมาให้
“ช่วงท้ายๆ ควอเตอร์สอง” ไอ้คิดตอบแบบหน้าซีดๆ
“เชี่ย แล้วทำไมมึงไม่บอก ฝืนเล่นมาจนถึงครึ่งเนี่ยนะ ไอ้สัด ล้มหน้าฟาดไปจะทำไง”
ไอ้ว่านบ่นไม่หยุด ปากมันพล่ามด้วยท่าทีที่เหมือนจะอารมณ์เสียก็จริง แต่เด็กสองขวบยังมองออกเลยว่ามันโคตรเป็นห่วงลูกทีมของมันเลย
“ทีมเราขึ้นนำได้ตั้ง 5 แต้มแล้ว กูไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ทีมแพ้ ตอนแรกกูนึกว่ามันจะหายเอง” ไอ้คิดตอบ พร้อมกับเสียงร้องเบาๆ เมื่อเพื่อนในทีมบางคนช่วยกันนวดที่ขามันหวังว่าจะดีขึ้น
“แล้วเป็นไงหละไอ้สัด แทนที่จะเป็นแค่ตะคริวนิดเดียว มึงฝืนจะเป็นหนักแทบเดินไม่ได้แล้วเนี่ย” ไอ้ว่านบ่น ทุกคนทุ่มเทให้ก็ทีมก็จริง แต่เขาก็ไม่อยากเห็นใครมาเจ็บหนักเพราะคำว่าอยากเอาชนะ
“เดี๋ยวก็หาย พักครึ่งเสร็จ กูค่อยลงต่อ” อีกฝ่ายตอบมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่ามันก็ไม่มั่นใจ
“ลงต่อก็เชี่ยแล้ว อย่าว่าแต่ลงเล่นต่อเลย แข่งเสร็จแล้วมึงจะกลับมาเดินได้ปรกติหรือยังก็ไม่รู้ มึงก้มมาดูขาตัวเองก่อน แม่งยังไม่หยุดกระตุกเลย”
ว่านพูดพร้อมช่วยนวดขาคนตรงหน้า สีหน้าเจ้าของอาการโคตรเหยเกย ดูก็รู้ว่ามันยังเจ็บอยู่มาก ขาของมันกระตุกเป็นจังหวะเหมือนกล้ามเนื้อเกร็งมากจนฝืนไว้ไม่ได้
“เชี่ย ไม่เอา เดี๋ยวแพ้บาย ไอ้สัด มีกันอยู่ 5 คน จะทิ้งกันได้ไงวะ เหนื่อยกันมาทั้งเดือน” ไอ้คิดบ่นทั้งที่อาการแม่งก็ดูแย่สุดๆ แล้ว
“ไอ้พลไปวอร์มรอเลย เดี๋ยวมึงลงให้พวกกูหน่อยครึ่งหลัง ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องคิดห่าเหวอะไรทั้งนั้น เล่นได้ก็เล่น เล่นไม่ได้ก็ช่างแม่ง มึงลงให้ครบพอ เดี๋ยวไอ้คิดไหวค่อยเปลี่ยนมันลงกลับ” หัวหน้าทีมตัดสินใจออกมาในท้ายที่สุด
ครึ่งหลังของฝั่งเขาตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด
ไอ้พลที่ลงไปช่วยทีมในเวลานี้เก่งกว่าที่คิด แต่ก็ยังเทียบไอ้คิดที่เป็นมือวางอันดับสามของทีมไม่ได้ ไอ้พลจัดเป็นคนที่ตัวเล็ก วิ่งเร็ว หลบหลีกคู่ต่อสู้ได้ดี แต่ไม่เก่งเรื่องทำแต้ม ไอ้ว่านต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ทั้งหมดกลับมาพยายามเล่นยื้อเวลาไว้ให้ได้มากที่สุดเพื่อรอไอ้คิดกลับมาแก้สถานการณ์ เพื่อนในทีมสามคนที่เหลือถอยไปเน้นคุมเชิงเพื่อป้องกันการทำคะแนนจากอีกฝ่ายเป็นหลัก ไอ้ว่านต้องคอยคุมสถานการณ์ตกกลางและพยายามจะเก็บลูก 3 แต้มให้ได้ ส่วนไอ้พล หัวหน้าทีมขอแค่มันประคับประคองลูกไปได้เรื่อยๆ ก็พอ
“เชี่ย”
ไป๋ถึงกับเผลอสบถมาอย่างขัดใจ เกมตอนนี้เข้าคู่ควอเตอร์สี่แล้ว ฝั่งพวกเขายังนำอยู่ก็จริงแต่ก็ยื้อเอาไว้จนแทบจะฝืนไว้ไม่ไหว ช่องว่างที่ขาดไอ้คิดแม่งกว้างมากเกินไป ระยะห่างจาก 5 แต้มเหลือเพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น ฝั่งเขาโดนลูก 2 แต้มไป 2 ลูกติด แต่กลับทำคะแนนใหม่ไม่ได้เลย ฝั่งวิศวะก็ดูหัวเสียไม่แพ้กัน ตอนนี้ใครก็คงดูออกว่าฝั่งเขาตกเป็นรองอย่างมาก เพราะแทบจะไม่ได้บุกเลย แต่ความสามารถในการป้องกันก็ยังพอไหว ถึงแม้ว่าจะเข้าสู่ช่วงท้ายเกมแล้วแต่ก็ยังไม่อาจขึ้นนำได้สักที
“โอ๊ยยยยย”
เสียงดังลั่นขึ้นกลางสนาม ไอ้ว่านล้มตัวลงไปนอนพร้อมจับต้นขาเอาไว้แน่น กรรมการเป่านกหวีดให้เวลานอก ก่อนที่ทีมที่เหลือจะลากมันเข้ามาข้างสนาม ถกกางเกงดูก็เห็นว่าต้นขาขวามันพันผ้ายืดไว้ ไป๋ถือวิสาสะแกะออกมาดูก็ต้องอุทานด้วยความตกใจ ต้นขาของมันบวมเป่งเป็นสีม่วงคล้ำห้อไปด้วยเลือด เสียงของไอ้ว่านร้องแบบฝืนกลั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
“เชี่ย ไอ้ว่าน มึงบอกแต่คนอื่นให้อย่าฝืน ตัวมึงเองอะ ฝืนที่สุดเลย ไอ้สัดเอ๊ย” เสียงของเอิร์ธ รองกัปตันทีมด่าไอ้ว่านออกมา ด้วยสีหน้าโคตรเป็นห่วง
“แม่ง แค่กล้ามเนื้อฉีก กูไหวน่า”
ยิ่งพูดยิ่งน่าเจ็บใจ เมื่อไอ้คิดที่พยายามประคองตัวเดินมาดูสภาพหัวหน้าทีมเสือกหกล้มด้วยอาการตะคริวที่ยังไม่หายดีอีก ความหวังของพวกเขาแทบจะดับสูญไปหมดแล้ว อีกแค่ 2 นาทีพวกเขาก็จะชนะแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นการชนะแค่คะแนนเดียวก็ตาม
“เหลือเวลาพักอีกแค่ 15 วินาทีเท่านั้นนะครับ หากหาตัวสำรองมาลงไม่ได้ ทีมคณะแพทย์ต้องสละสิทธิ์การแข่งขันนะครับ” ผู้ช่วยกรรมการเดินมาแจ้งกับรองกัปตันทีม
“เชี่ย กูไหว โอ๊ย”
เสียงไอ้ว่านดังขึ้นพร้อมกับการพยายามดันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ไร้ผล เพราะต้นขาที่บวมเป่งเป็นสีม่วงส่งความเจ็บปวดไปจนมันต้องล้มตัวลงไปอีกครั้ง
“ยอมแพ้เหอะหวะ ไอ้ว่าน นี่เราก็ฝืนกันมาสุดๆ แล้วนะ ยังไงก็ได้ที่เหรียญเงินนะเว้ย” เอิร์ธพูดขึ้น สีหน้ามันแย่มาก แต่ก็คงรู้ดีว่าคงไม่มีปาฏิหาริย์ไหนมาเสกให้ไอ้คิดหรือไอ้ว่านเล่นต่อได้อีก 2 นาที
“ปัดโถ่เว้ย อีกแค่ 2 นาทีเอง”
มือของกัปตันทีมกับกระบอกน้ำในมือแน่นราวกับจะบีบให้แหลกคามือไปเพื่อระบายความอัดอั้นนี้ออกไปให้ได้ ให้ตายเถอะ เขาสาบานว่าเขาเห็นน้ำตาไอ้ว่านไหลซึมออกมาที่หางตาทั้งสองข้าง มันคงทุ่มเทเพื่องานนี้มากจริงๆ
“เดี๋ยวกูลงเอง อีกแค่ 2 นาที เดี๋ยวกูไปเดินๆ วิ่งๆ ให้ก็ได้ พวกมึงอย่าส่งบอลให้กูแล้วกัน แค่ 2 นาทีเอง แม่งแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
ไป๋ลุกขึ้นยืนออกมาอย่างตัดสินใจในที่สุด เออ อีกแค่ 2 นาทีเอง ทำไมมึงจะทำไม่ได้วะ ถ้าเขายังนั่งโง่ปล่อยให้ทีมที่เพื่อนตัวเองพยายามสร้างขนาดนี้แพ้ไปต่อหน้า เขาจะเรียกตัวเองว่าเป็นเพื่อนสนิทของมันได้ยังไง
นายพินต้า
ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่
www.twitter.com/ninepinta ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำนะครับ ผมเองจะนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไปในอนาคตนะ ส่วนใครยังไม่เม้น เม้นเลย เข้าโค้งสุดท้ายของภาคแรกแล้วนะ นับถอยหลังแค่ 10 ตอนเอง นี่ผมยังไม่ได้แต่งภาคสองต่อเลย ยังบิ้วไฟไม่ขึ้นสักที ช่วยเม้นเยอะๆ มาจุดไฟนักเขียนหน่อย กราบบบบบ