พิมพ์หน้านี้ - เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ninepinta ที่ 22-05-2018 15:38:14

หัวข้อ: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 22-05-2018 15:38:14
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น เริ่มเรื่องใหม่ EP 1 - 3 (22/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 22-05-2018 15:39:46
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น

 

ตอนที่ 1 : จุดเริ่มต้น

 

“ไม่เอาพี่ ยังไงผมก็ไม่เป็น”



            ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาสีขาวสะอาดพูดตอบอีกฝ่ายของปลายสายโทรศัพท์ไปอย่างเด็ดขาด เขาเพิ่งกลับจากงานปฐมนิเทศน์ที่คณะ และเขาตัดสินใจที่จะปักหลักคุยกับรุ่นพี่คนสนิทให้รู้เรื่องก่อนจะเดินขึ้นหอที่เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่ถึงสัปดาห์



            “ไป๋ ช่วยพี่หน่อย นี่มันงานหน้าตาของคณะนะเว่ย” เสียงจากอีกฝั่งยังคงรบเร้าต่อ



            “ไม่เอาพี่ พี่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับคนเยอะๆ ให้ไอ้ว่านเป็นก็ดีแล้วพี่ มันหล่อจะตาย” ไป๋ตอบออกไปเสียงเรียบๆ



            “ไม่ได้ไป๋ เสียงส่วนใหญ่ในคณะเลือกไป๋ แล้วไป๋จะไม่เป็นได้ยังไง นี่มันเดือนคณะเลยนะเว่ย ใครๆ ก็อยากเป็น” พี่ภาค รุ่นพี่โรงเรียนเก่า และตอนนี้ยังได้ฐานะเป็นรุ่นพี่คณะแพทยศาสตร์ของเขาพูดออกมาอย่างไม่ยอมแพ้



            “พี่ภาค ผมไม่สะดวกจริงๆ คนที่พร้อมกว่าผม หล่อกว่าผมมีเยอะแยะ พี่ให้คนอื่นเป็นเถอะ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนลง แต่เจตนาข้างในของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง



            “ไป๋อย่าเถียงเสียงส่วนใหญ่ ถือว่าช่วยคณะก็ได้ ไป๋รู้ไหมว่าคณะแพทย์เราไม่ได้รางวัลเดือนคณะมานานแล้วนะ เราแพ้ให้วิศวะมาสองปีซ้อนแล้ว ปีนี้พี่ฝากความหวังไว้กับไป๋เลยนะ” ปลายสายโน้มน้าว



            “อย่าพูดงี้ดิ วิศวะชนะแล้วก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยพี่ แข่งเดือนคณะมันไม่ได้วัดอะไรสักหน่อย ชนะไปก็ไม่เห็นมีอะไร พี่คิดมากไปหรือเปล่า อีกอย่าง ไอ้ว่านก็หล่อจะตาย ถ้าไอ้ว่านรู้ว่าพี่โทรมาหาผมแบบนี้มันโกรธผมแน่”



            “ตอนนี้ชื่อไป๋เป็นเดือนอย่างไม่เป็นทางการแล้ว รุ่นไป๋เลือกไป๋เยอะสุด ถึงไป๋จะประกาศว่าจะไม่เป็นแต่มันก็ยังไม่มีผลอะไรอยู่ดี ว่านมันก็เพื่อนไป๋น้องพี่ มันไม่โกรธหรอก”



            “พี่ ผมไม่อยากเป็นจริงๆ พี่อย่าบังคับผมเลย” เขางัดไม้อ่อนขึ้นมาเอ่ยปฏิเสธอีกครั้ง



            “เอางี้ ไป๋ไปนอนคิดให้ดีก่อน เดี๋ยวอีกสามสี่วันพี่โทรมาขอคำตอบใหม่ ไม่ต้องรีบ พี่รอได้” ภควัตเอ่ยออกมาอย่างไม่ยอมแพ้



            “วันนี้หรืออีกสามวันคำตอบก็เหมือนเดิมพี่” ไป๋ตอบอย่างนุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น



            “อีกสามวันพี่จะโทรมาใหม่ หวังว่าไป๋จะไม่ปฏิเสธพี่นะ”



            ปลายสายเอ่ยเป็นครั้งสุดท้ายอย่างกำชับ ก่อนจะตัดสายวางไปแบบไม่เอ่ยคำร่ำลา ชายหนุ่มหยิบมือถือออกมาดูพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก เขาไม่ชอบโดนบังคับ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรและจากใคร ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นรุ่นพี่ที่เขาสนิทมากก็ตาม



 



            “กระจอก...”



            เสียงปริศนาลอยมาจากที่ไม่ห่างออกไปไกลจากตัวเขานัก ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวามองหาต้นตอไม่นานก็เจอกับเจ้าของเสียงที่ไม่ใช่ใครอื่น อิฐ คนที่จะเรียกว่าเพื่อนก็ไม่ใช่ ศัตรูก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าเป็นฐานะเพื่อนโรงเรียนเก่าของเขาแล้วกัน



            “เสือก...”



            เขาตอบกลับไปด้วยสีหน้าเมินเฉยตรงกันข้ามกับอีกฝั่งที่ทำสีหน้ากวนประสาทเขาสุดฤทธิ์ สำหรับคนอื่น การตอบแบบนี้ให้กับคนแปลกหน้าคงจะเป็นจุดเริ่มต้นของการวางมวยแน่ แต่ไม่ใช่สำหรับเขาและคนตรงหน้านี่ ข้อหนึ่ง พวกเขาไม่ใช่คนแปลกหน้า และข้อสอง เขารู้จักนิสัยไอ้คนตรงหน้านี้ดี



            “กูไม่ได้เสือก มึงเอ่ยชื่อคณะกู แถมยังพาดพิงกูด้วย มึงจะหาว่ากูเสือกได้ไง” อิฐ เด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งห่างออกไปหนึ่งโต๊ะตอบออกมาด้วยท่าทางยียวน



            “มึงเป็นเดือนคณะวิศวะ?” ไป๋ตั้งคำถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย



            “แน่อยู่แล้วไอ้น้อง” อิฐตอบพร้อมยักคิ้ว



            “หึหึ สงสารคณะมึงเหมือนกันนะเนี่ย หาคนหล่อสุดได้แค่มึง” ไป๋ตอบออกไปอย่างกวนประสาทเช่นกัน



            “คณะมึงก็เหมือนกันแล้วว๊า หาดีได้แค่มึงแค่เนี้ย” อิฐตอบออกไปอย่างไม่สะทกสะท้านกับคำสบประมาทนั่นแม้แต่น้อย



 



            อิฐกับไป๋ถือเป็นมนุษย์ที่มีความต่างกันอย่างสุดขั้ว



            ไป๋ เด็กหนุ่มจากคณะแพทยศาสตร์เป็นผู้ชายตัวสูงผอมแต่งตัวเนี๊ยบ ชายเสื้อของเขาอยู่ในขอบกางเกงเสมอ ผิวขาวของเขาตัดกับสีผมดำขลับที่ไม่เคยทำสีผมแม้แต่ครั้งเดียว หากจะให้นิยามมนุษย์ที่อยู่กรอบมากที่สุด ไป๋น่าจะเป็นคนเหล่านั้น เขาไม่ชอบการแหกกฎ ไม่ชอบการทำอะไรที่วุ่นวายและเรื่องมาก สิ่งที่เขาชอบมีเพียงความเงียบ และหนังสือดีดีสักเล่ม



            อิฐ เด็กหนุ่มจากคณะวิศวกรรมศาสตร์แต่งตัวผิดระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงต้นคอ เสื้อนักศึกษาติดสาปซ่อนกระดุม กางเกงขากระบอกเล็กจนเกือบจะเป็นทรงเดฟ และรองเท้าผ้าใบสีฉูดฉาด หากไป๋เป็นมนุษย์บ้ากฎ อิฐก็น่าจะเป็นพวกที่อยู่ตรงข้าม เพราะนอกจะไม่ชอบปฏิบัติตามกฎแล้ว ยังชอบทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามอีกด้วย



 



            “ไม่ลงแข่งเพราะกลัวแพ้กูหละสิ” เสียงของอิฐดังมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังยังไงก็เป็นการเยาะเย้ย



            “ไร้สาระ กูไม่เห็นจะสนใจ” ไป๋พูดพลางหันหลัง พร้อมทำท่าจะเดินขึ้นหอไปอย่างไม่สนใจคนตรงหน้าอีก



            “มึงแพ้กูแน่” อีกฝ่ายเร่งเสียงขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเดินหนี



            “แพ้มึงแล้วยังไง กูไม่เห็นว่ามันจะสลักสำคัญอะไรกับชีวิตกูเลย” ไป๋หันมาตอบอย่างรำคาญ



            “เออ ใช่ กูลืมไป มึงก็แพ้กูมาตลอดนี่นา”



            เด็กหนุ่มเจ้าของผิวไม่ขาวไม่ดำพูดออกมาอย่างจงใจยั่วโมโห อิฐจงใจยกมือขึ้นไปลูบตุ้มหูที่ใส่อยู่เพียงหูฝั่งขวาฝั่งเดียวของเขาอย่างจงใจ ตุ้มหูอันนั้นเป็นรูปเสื้อกาวน์อันเล็กจิ๋ว แต่แทนที่มันจะเป็นสีขาวเหมือนเสื้อกาวน์ทั่วไป มันกลับย้อมไปด้วยสีฝุ่นขมุกขมัว อิทธิกรจงใจลูบตุ้มหูนั้นช้าๆ อย่างออกนอกหน้า เขารู้ว่าตุ้มหูอันนี้มีความหมายต่อไป๋มากเสียจนพอที่จะทำลายนิสัยตายซากของหมอไป๋ผู้เย่อหยิ่งได้



            “ถ้ากูชนะแล้วมึงจะทำไม” ไป๋จงใจพูดอย่างสงบสติอารมณ์ ประโยคที่ว่าฟังดูอย่างไรก็รู้ว่าเป็นการยื่นข้อเสนอ



            “ถ้ามึงชนะกู กูก็จะให้สิทธิ์การขออะไรก็ได้กับมึงหนึ่งสิทธิ์ เหมือนที่กูเคยได้จากมึงนี่ไง”



            อิฐพูดพร้อมยิ้มมุมปาก ใช่ หมอไป๋เคยแพ้พนันกับเขา และสิ่งที่เขาได้รับคือสิทธิ์ที่จะสั่งอะไรมันก็ได้หนึ่งอย่าง ตอนนั้นเขายังเลือกที่จะไม่ตัดสินใจว่าจะสั่งอะไร แต่เขาขอตัวแทนคำสั่งนี้ด้วยตุ้มหูกาวน์สีฝุ่นของไป๋ที่มันรักนักหนา ตราบใดที่ตุ้มหูนี่ยังอยู่กับเขา นั่นก็หมายความว่า เขายังชนะไป๋อยู่ก้าวหนึ่งเสมอ



            “ได้ กูจะลงแข่ง แล้วถ้ากูชนะเมื่อไหร่ กูจะมาเอาเสื้อกาวน์ของกูคืน”



            ไป๋พูดด้วยน้ำเสียงกระชากก่อนจะเดินหันหลังขึ้นหอไปอย่างไม่สนใจคนตรงหน้านี้อีก อิฐหันมาดูดน้ำกาแฟเย็นที่วางทิ้งไว้อย่างสบายใจ มืออีกข้างของเขายังลูบตุ้มหูรูปเสื้อกาวน์นั้นอย่างถูกใจราวกับมันเป็นของเล่นชิ้นโปรด





           

            ‘งานนี้มึงได้แพ้กูอีกแน่ ไอ้หมอไป๋’





               นายพินต้า

               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น เริ่มเรื่องใหม่ EP 1 - 3 (22/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 22-05-2018 15:40:23
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 2 : อีกครั้ง



            “ถ้ากูตกลงเป็นเดือน มึงจะโกรธกูเปล่าวะ”



            เสียงของเขาดังขึ้นทันทีเมื่อปลายทางรับสาย ไป๋ตัดสินใจโทรหาว่านทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้องพักของตนเป็นที่เรียบร้อย ว่านคือคนที่ได้คะแนนเสียงการเลือกตั้งเดือนเป็นอันดับสอง คนที่เขาเอ่ยไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่ามันจะต้องเป็นเดือนแทนคนที่ถูกเลือกมากที่สุดอย่างเขา



            “เห้ย กูจะโกรธทำไมวะ มึงได้เลือกมึงก็ต้องเป็นดิ แล้วกูจะไปโกรธมึงเรื่องไร” ปลายสายตอบกลับมาพร้อมเสียงกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี



            “ก็ตอนแรกกูบอกจะให้มึงเป็นแทนกูไปแล้ว”



            “กูยังไม่ตอบตกลงสักหน่อย หรือจะพูดให้ถูก กูยังไม่ได้เก็บมาคิดสักนิดเลยหวะ ฮ่าฮ่าฮ่า”



            ว่าน หรือหมอว่าน เพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่มัธยมปลายตอบออกมาด้วยเสียงร่าเริงอย่างติดนิสัย พวกเขาสนิทกันมาตั้งแต่โรงเรียนเก่าแล้ว ไอ้ว่านเป็นคนอารมณ์ดีและเฟรนลี่มาก เรียกได้ว่าแทบจะตรงกันข้ามกับเขาที่เป็นคนเงียบๆ และไม่ค่อยพูดเลย



            “ว่าแต่อะไรมันดลบันดาลให้คนอย่างมึงเปลี่ยนใจได้วะ” ปลายสายถามต่อมาด้วยความสงสัย



            “ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะ” ไป๋พูดอย่างตัดรำคาญ



            “ไอ้ไป๋ ตอบมา ตอนแรกกูไม่สงสัย แต่ตอนนี้กูเริ่มจะสงสัยแล้วเนี่ย อะไรมันทำให้คุณชายไป๋บนหอคอยงาช้างอยากจะครองตำแหน่งเดือนไปจิ๊จ๊ะกับมนุษย์ได้วะ” ว่านขู่แกมกวน แต่ก็อยากได้จากเขาอย่างจริงจัง



            “กูบอกว่าไม่มีอะไร”



            “ไอ้ไป๋”



            “วันนี้กูเจอไอ้อิฐ”



            “อิฐ ไอ้ไนท์อิฐจอมบ้าพลังอะนะ”



            “เออ มันสอบติดคณะวิศวะหวะ กูเพิ่งเห็นมันวันนี้เอง”



            “แล้ว”



            “มันเป็นเดือนคณะ”



            “ก็เหมาะสมอยู่นะ คิงคองยักษ์กล้ามเป็นมัดๆ อย่างมันก็ควรจะเป็นเดือนแหละกูว่า ตอนอยู่มัธยมก็เนื้อหอมใช่เล่นที่ไหน อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้” ว่านตอบกลับมาอย่างพินิจพิเคราะห์



            “เออ นั่นแหละ” ไป๋ตัดบท

 





            “แล้วไงต่อไอ้ไป๋ กูไม่เห็นว่าการที่ไอ้อิฐเป็นเดือนวิศวะมันจะเกี่ยวอะไรกับมึงเลย หรือมึงอยากจะลงแข่งเดือนมหาวิทยาลัยเพื่อเอาชนะมัน ไม่มั้ง กูว่าไม่ใช่อะ” ปลายสายตอบออกมาอย่างรู้จักเพื่อนตัวเองดี



            “มันบอกว่าถ้ากูชนะ มันจะคืนกาวน์ให้กู” ไป๋ตอบออกไปโดยพยายามคุมน้ำเสียงให้เรียบที่สุด



            “เหรอ”



            “อืม”



            “ศึกการแข่งขันของพวกมึงมันยังไม่จบอีกเหรอเนี่ย กูนึกว่ามันจบไปตั้งแต่เรียนจบม.ปลายแล้วนะ” ว่านตอบออกมาพร้อมกลั้วหัวเราะ



            “ใครจะไปคิดว่าจะได้มาเจอกันอีกวะ”



            “เออ เอาเหอะ จะทำอะไรก็แล้วแต่มึง มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน” ว่านพูดสรุป



            “เนี่ย ตอนนี้กูมีเรื่องจะให้ช่วย”



            “อะไรวะ”



            “มึงช่วยโทรบอกพี่ภาคให้หน่อยดิว่าเกลี้ยกล่อมให้กูยอมเป็นเดือนสำเร็จแล้ว เมื่อกี้กูปฏิเสธเขาไปเสียงแข็งเลย กูไม่อยากเสียหน้า” ไป๋พูดด้วยเสียงอ่อยๆ



            “ฮ่าฮ่าฮ่า มึงนี่น้า ฟอร์มเยอะไม่เคยหาย” ว่านหลุดขำออกมาอย่างตลกในความเรื่องมากของเพื่อนตัวเอง



            “เออ ช่วยกูหน่อยนะ”



            “นี่ถ้าคนอื่นเขามารู้ว่าหมอไป๋สุดหล่อนิสัยที่แท้จริงเป็นอย่างงี้ คนอื่นเขาจะว่ายังไงวะ ฮ่าฮ่าฮ่า”



            ว่านพูดกระเซ้า ไอ้หมอไป๋เพื่อนเขานี่ถือว่าเป็นคนหล่อคนหนึ่งเลย มันเป็นผู้ชายตัวสูงและผอม ที่สำคัญคือมันผิวขาวมาก ผมดำ คิ้วเข้ม หน้าใส พิมพ์นิยมสไตล์หนุ่มเกาหลีไม่มีผิด แต่นิสัยของไอ้ไป๋นี่ถือว่าเป็นมนุษย์ที่เข้าถึงยากมาก จะเรียกว่าไงดีนะ คือมันสนิทกับคนยากมากและแทบไม่เคยแสดงธาตุแท้ให้ใครเห็นเลย ภายนอกมันจะดูเป็นคนเงียบๆ เย็นชา ตายด้าน แต่ความจริงมันก็เป็นคนนิสัยดีคนหนึ่งเลยแหละ เพียงแต่มันไม่ค่อยหันมุมพวกนี้ให้ใครเห็น แน่นอนว่าเพื่อนสนิทอย่างเขาเป็นข้อยกเว้น เวลาเขาเห็นไอ้ไป๋เพื่อนจอมหยิ่งไม่สนใจโลกของเขามาวุ่นวายกับเรื่องจุกจิกเล็กๆ น้อยๆ เขาจะตลกเป็นพิเศษ มันชอบแสดงออกว่ามันไม่เคยสนใจอะไร แต่ความจริงแล้ว มันเป็นมนุษย์ที่โคตรสนใจสายตาคนอื่นเลย

 





            “เออ ครั้งหน้าถ้ามึงเจอสาวถูกใจ เดี๋ยวกูจะเดินไปขอเบอร์มาให้หนึ่งครั้ง ถือว่าเป็นอันหายกัน”



            “เรื่องดิ ให้มึงไปขอเบอร์ให้กูก็อดดิ ผู้หญิงเขาก็หันไปชอบมึงกันหมด ว๊าว หมอไป๋สุดหล่อ หัดเข้าไปเล่นเฟสบุ๊คบ้างนะ จะได้รู้ว่ามีคนทักมาจีบไม่ขาดสาย”



            “รำคาญ”



            “เห้ย พูดงี้ได้ไงวะ ความรักมันคือสีสันของโลกเลยนะเว่ย มึงนี่น้า สงสัยอ่านหนังสือจนกลายเป็นก้อนหินศิลาจารึกไร้หัวจิตหัวใจไปเสียแล้ว”



            ว่านพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี ใช่แล้ว เขานี่แหละที่โปรดปรานความรัก โปรดปรานถึงขั้นที่ว่าหากมากกว่านี้อีกหน่อยก็จะเรียกว่าหน้าหม้อแล้ว



            “ไม่เห็นจำเป็นกับชีวิตเลย ไร้สาระ” ไป๋พูดออกมาด้วยเสียงเบาๆ



            “ถามจริง มึงไม่ชอบใครที่ไหนบ้างเลยเหรอวะ ฮอร์โมนมึงก็ไม่น่าจะผิดปรกติน้า มึงต้องชอบๆ ใครบ้างสิ บอกกูมาเหอะ เดี๋ยวกูช่วย”



            “ไม่มีหวะ กูชอบอยู่ของกูเงียบๆ แบบนี้แหละ”



            “โกหกตกนรก”



            “นรกไม่เปิดต้อนรับคนอย่างกูหรอก”



            “อินดี้ชิบหาย”



            “เออๆ ปล่อยกูไปเหอะ ฝากโทรบอกพี่ภาคด้วยนะ เดี๋ยวกูจะไปหาไรกินละ”



            “เออ โชคดีมึง วันจันทร์เจอกัน”



            “เออ”



            ไป๋กดตัดสายพร้อมโยนมือถือไปไว้บนเตียงข้างตัว เขายกมือขึ้นมาเท้าคางพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างอยางไม่มีจุดหมาย ความรักสำหรับเขาเป็นเรื่องที่วุ่นวายและเข้าใจได้ยากมาก แต่เอาเข้าจริงแล้วเขาก็ตอบไม่ได้ว่ามันเข้าใจได้ยาก หรือเขาไม่ได้พยายามทำความเข้าใจมันจริงๆ

           





            ‘เฮ้อออ’







               นายพินต้า


               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น เริ่มเรื่องใหม่ EP 1 - 3 (22/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 22-05-2018 15:41:27
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 3 : เดือน

 

            ชีวิตของนักศึกษามหาวิทยาลัยปีหนึ่งส่วนใหญ่มักจะคล้ายคลึงกัน กล่าวคือนักศึกษาเกือบทุกคณะต้องมาเรียนวิชาพื้นฐานร่วมกันที่หลักสูตรกลางของมหาวิทยาลัย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคณะอะไร ส่วนใหญ่ก็ต้องมาเจอหน้ากันเป็นเรื่องปรกติ เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียนในห้องเดียวกัน แต่โดยส่วนใหญ่ก็ต้องเรียนในตึกเดียวกันอยู่ดี ช่วงมหาวิทยาลัยปีหนึ่งจึงถือเป็นเวลาทองของทุกคณะในการพยายามรู้จักเพื่อนต่างคณะ ซึ่งอาจจะรวมไปถึงแฟนต่างคณะด้วย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคณะแพทย์ นี่คือเวลาทองเลย ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นปีสองและแทบจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากตำรากันอีกแล้ว

 





            “คนนี้แจ่ม” เสียงรำพึงดังขึ้นพร้อมกับเสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดี



            “สักคนไอ้ว่าน กูนั่งฟังมึงเต๊าะสาวให้กูฟังมาเกินสิบคนแล้ว เลือกเอาสักคน เยอะแยะมากมายระวังเอดส์ถามหา”



            ไป๋พูดพลางส่ายหน้า พร้อมกับก้มหน้าลงกินอาหารเช้าต่อไป พวกเขากำลังอยู่ในโรงอาหารคณะวิทยาศาสตร์ เช้านี้เป็นวันเปิดเทอมแรกของพวกเขา ปีหนึ่งของพวกเขาไม่มีเรียนในคณะของตัวเองเลย วิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ก็มาเรียนที่นี่ทั้งหมด



            “กูป้องกันเป็นน่า เชี่ย คนนี้ก็แจ่ม”



            ว่านพูดอย่างไม่สนใจ ปากยังคงวิพากย์วิจารณ์ผู้หญิงรอบตัวไปเรื่อยเปื่อย ถ้าจะพูดถึงเรื่องสายตา ไอ้ว่านนี่ถือว่ามีดวงตาเจ้าชู้เป็นอันดับหนึ่ง สายตามันระริกระรี้ตลอดเมื่อเจอผู้หญิงถูกใจ แต่มันไม่ค่อยเข้าไปจีบใครจริงจังหรอก มันก็นั่งหม้อให้ฟังไปเรื่อยเปื่อย



            “กำหนัด”



            “เฮ้ยๆๆ นางฟ้าเสื้อฟิตกำลังเดินตรงมาทางนี้หวะ”



            ว่านเอ่ยปากพูดพร้อมกับหยิบน้ำขึ้นมาแกล้งทำเป็นดื่มเพื่อไม่ให้แสดงอาการสนใจมากเกินไป เขาหันหน้าไปเล็กน้อยก็พบความจริงอย่างที่เพื่อนของเขาว่าจริงๆ ผู้หญิงคนล่าสุดที่เพื่อนของเขาเอ่ยถึงกำลังเดินตรงมาทางนี้ ข้อหนึ่งคือผู้หญิงคนนี้แจ่มจริง ข้อสองคือเราน่าจะเรียกเธอได้ว่านางฟ้าได้อย่างไม่น่าเกลียด และสุดท้าย เสื้อเธอฟิตเปรี๊ยะอย่างที่ไอ้ว่านพูดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน

 





            “ไป๋ใช่ไหม?”



            เจ้าของชุดเสื้อฟิตกระโปรงสั้นเอ่ยถามเขา ผู้หญิงตรงหน้าเขานี่จัดว่าเป็นผู้หญิงดูดีคนหนึ่งได้เลย อธิบายยังไงดีหละ เธอดูเป็นผู้หญิงเปรี้ยวๆ มั่นใจในตัวเอง สำหรับเขาอาจจะไม่ค่อยนิยามความสวยไว้แบบนี้เท่าไหร่ แต่ก็ช่างเถอะ ผู้หญิงตรงหน้าจะสวยหรือไม่ก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา



            “อืม เราชื่อไป๋ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”



            ชายหนุ่มตอบออกไปตามมารยาท คำทิ้งท้ายประโยคที่บอกว่ามีอะไรให้ช่วยหรือเปล่านี่ทำเอาเพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันกับเขาถึงกับเลิกคิ้ว คนอย่างไอ้ไป๋เนี่ยนะจะช่วยเหลือใครง่ายๆ ฝันไปเถอะ มันโคตรเป็นคนไม่ชอบยุ่งกับใครเลย



            “เราชื่อน้ำหอมนะ พี่ภาคโทรมาบอกเราแล้วเรื่องดาวคณะ พอดีวันศุกร์เราติดแคสงานเลยไม่ได้เข้าปฐมนิเทศ แต่พี่ภาคบอกว่าเราได้รับเลือกให้เป็นดาว ไป๋ได้เป็นเดือน พอดีพี่ที่สโมกลางโทรหามาเราแล้วว่าเย็นนี้ให้เข้าไปประชุมเรื่องการประกวดดาวเดือน เขาฝากให้มาบอกเดือนคณะด้วย”



            น้ำหอมพูดทั้งที่ยืนอยู่แบบนั้น ตัวเขาเองเงยหน้าขึ้นฟังเพื่อนร่วมคณะที่เขาเพิ่งรู้เมื่อกี้ว่าได้ตำแหน่งดาวคณะอย่างสนใจ ความจริงวันศุกร์ที่เปิดโหวตกัน ชื่อน้ำหอมถูกเสนอขึ้นมาให้เป็นตำแหน่งดาวด้วย แถมเจ้าตัวยังได้รับรางวัลทั้งที่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมด้วยแม้แต่น้อย แต่ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ ไปแคสงานแบบนี้ก็คงจะมีผลงานในวงการบันเทิงบ้าง น้ำหอมน่าจะเหมาะที่จะยืนกลางแสงไฟมากกว่าเขา อย่างน้อยเธอก็ดูคุ้นเคยและชอบที่จะตกเป็นเป้าสนใจมากกว่าเขา



            “เหรอ ยังไงที่ไหนกี่โมงหละ ต้องเตรียมตัวอะไรไปก่อนไหม” เขาถามขึ้นด้วยเสียงที่พยายามกระตือรือร้นขึ้นอีกหน่อย อย่างน้อยมันก็ต้องถือว่าเป็นงานของทั้งสองคนหละนะ



            “ตึกปลาวาฬ ชั้นหนึ่งตอนหกโมงเย็น เรื่องเตรียมตัวคงไม่ต้อง น่าจะไปฟังรายละเอียดงานเฉยๆ คงไม่มีอะไรมากมาย”



            “นี่ไลน์เรา แอดไว้สิ เผื่อมีอะไรก็ไลน์มา ไว้ติดต่อคุยงานกัน”



            ไป๋เปิดหน้าจอไลน์ให้เป็นหน้าสัญลักษณ์คิวอาร์โค๊ดพร้อมกับยื่นมือถือให้ดาวคณะแสกนเพื่อแอดไลน์เก็บไว้ สีหน้าของเขาราบเรียบ ส่วนสีหน้าของไอ้ว่านก็ราบเรียบเช่นกัน แต่ตอนนี้สายตาของมันแสดงแววระยิบระยับออกมาอย่างปิดไม่มิด นับถอยหลังไม่ถึงสามวินาทีหลังจากน้ำหอมลับหลังไป เขาต้องโดนมันล้อแน่ๆ



            “โอเค ไว้เจอกันนะ”



            หญิงสาวหยิบมือถือขึ้นมาแสกนไอดีไลน์ของเขาเก็บไว้จนขึ้นชื่อเรียบร้อยก็เอ่ยลาพร้อมกับเดินจากไป ก่อนจากเธอหันมายิ้มให้กับว่านเล็กน้อยเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้แต่ก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมา น้ำหอมเดินจากพวกเขาไปแล้วพร้อมกับสายตาใครหลายคน เธอเป็นคนที่ดึงดูดสายตาคนได้เก่งจริงๆ



            “เชี่ย พี่ไป๋แจกไลน์สาวหวะ สงสัยงานนี้เพื่อนกูจะสละโสดซะแล้ว” ว่านพูดพร้อมกับเอาไหล่มากระทบเขาอย่างกระเซ้า



            “งานมะ ได้ข่าว” เขาตอบอย่างไม่สนใจอะไร





 

            NAMHOM-099111xx : sent a sticker

 





            “เชี่ยยย ตั้งเบอร์โทรเป็นชื่อไลน์ด้วยหวะ สงสัยงานนี้พี่ไป๋ไม่จีบไม่ได้แล้ว” ว่านเย้าต่อเมื่อเห็นไลน์ของเขาเด้งเตือน น้ำหอมทักมา และที่สำคัญ เธอตั้งเบอร์โทรศัพท์เป็นชื่อไลน์ด้วย



            “กูยกให้ มึงจีบเลย ได้แฟนเป็นดาวคณะมึงคงจะนอนตายตาหลับ”



            ไป๋พูดด้วยสีหน้าตายด้านก่อนจะลุกขึ้นไปเก็บจานเข้าที่อย่างไม่สนใจเพื่อนอีกต่อไป ไอ้ว่านอาจจะจีบน้ำหอมก็ได้ใครจะรู้ ความจริงว่านก็ถือว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง หากมันตั้งใจจีบน้ำหอมจริงๆ ก็ถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยง เห็นไอ้ว่านแบบนี้ แต่มันก็มีคนคุยจนนับนิ้วไม่หวาดไม่ไหวเหมือนกัน





 

            “สวัสดีค่ะทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่การประชุมดาวเดือนครั้งที่หนึ่งประจำปีนี้ค่า”



            หญิงสาวร่างท้วมท่าทางทะมัดทะแมงยื่นจับไมค์พูดเจี้ยวแจ้วอยู่หน้าห้องประชุมอยู่ ณ เวลานี้ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในตึกปลาวาฬ ตึกเรียนรวมของคณะวิทยาศาสตร์ที่เด็กมหาวิทยาลัยตั้งชื่อเล่นให้ว่าตึกปลาวาฬ แน่นอนว่าเขาก็ไม่รู้ที่มาของชื่อเหมือนกัน มันอาจจะมาจากสีฟ้าของตึกที่เหมือนปลาวาฬ ขนาดของตึกที่อ้วนเหมือนปลาวาฬ หรืออาจจะกำลังเปรียบเทียบนักศึกษาที่เรียนในห้องว่าเป็นแพลงตอนที่กำลังจะตายในท้องปลาวาฬก็เป็นได้



            “ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะว่าการประกวดดาวเดือนของมหาวิทยาลัยเราไม่ได้เน้นหน้าตานะคะ ทางสโมสรเน้นย้ำเรื่องนี้กับทุกคณะเสมอว่าเราค้นหาตัวแทนที่มีความสามารถที่จะเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยได้ แน่นอนว่าหน้าตาไม่สำคัญเท่าความสามารถนะคะ ถึงแม้จะดูเหมือนว่าทุกคณะจะส่งคนโดยคัดเลือกจากหน้าตามาเป็นหลัก แต่การตัดสินมาจากความสามารถค่ะ”



            นักศึกษาปีสามเจ้าของตำแหน่งนายกสโมสรของมหาวิทยาลัยกล่าวชี้แจงเรื่องต่างๆ ของการประกวดดาวเดือนต่อไปอย่างไม่รู้เหนื่อย ตอนแรกเขาเข้าใจว่าต้องมาคนเดียว แต่พอมาถึงก็พบว่าแต่ละคณะหิ้วเพื่อนบ้างรุ่นพี่บ้างกันมาเยอะแยะ เขาก็เลยหนีบไอ้ว่านให้อยู่เป็นเพื่อนเขาในการประชุมนี้ด้วย แน่นอนว่าน้ำหอมก็เข้ามาฟังประชุมด้วยเช่นกัน อยู่ห่างจากเขาไปไม่กี่โต๊ะเลคเชอร์ คือห้องประชุมที่เปิดมีจำนวนที่นั่งเยอะกว่าคนเข้าประชุมมาก เด็กที่มานั่งฟังก็นั่งห่างๆ กันตามสบาย น้ำหอมก็อยู่ใกล้พวกเขาที่สุดในทุกคณะ แต่ก็ไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันเลยนอกจากยิ้มให้กันนิดหน่อย

 





            “เชี่ยยย นี่มันฮาเร็มชัดๆ”



            เสียงไอ้ว่านกระซิบดังมาจากข้างตัวเขาแบบเก็บความระริกระรี้ไว้ไม่มิด สิ่งที่ไอ้ว่านพูดก็คงไม่ผิด เพราะงานประชุมครั้งนี้รวมเอาคนหน้าตาดีจากทั้งมหาวิทยาลัยมารวมกันไว้อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เรียกได้ว่าถ้าระเบิดห้องประชุมมาตอนนี้ค่าเฉลี่ยหน้าตาของนักศึกษามหาวิทยาลัยนี้ก็คงลดฮวบ ดาวและเดือนจากแต่ละคณะที่คัดกันมาถึงที่สุดแล้ว ไม่นับรวมเหล่ารุ่นพี่จากแต่ละคณะที่เข้ามาฟังด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นดาวเดือนปีที่แล้วนั่นเอง



            “มึงต้องขอบคุณนะที่ลากมึงมาด้วย”



            เขาถือโอกาสทวงบุญคุณจากไอ้ว่านทันทีที่มีโอกาส ตอนแรกมันบ่นกระปิดกระปอดเรื่องลากมันมาเข้าประชุมด้วย ถ้ามันชอบ ต่อไปเขาจะได้ลากมันมาบ่อยๆ อันที่จริงเขาไม่ค่อยมากับน้ำหอมสองคน อย่างว่าหละนะ เขาไม่ค่อยชอบอยู่กับคนที่ไม่สนิทเท่าไหร่ ส่วนไอ้พี่ภาคไม่ต้องพูดถึง หลังจากที่เขายอมเป็นเดือนเป็นที่เรียบร้อยก็ไม่ติดต่อเขามาอีกเลย ลอยแพกันเป็นที่เรียบร้อย







               นายพินต้า



               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น เริ่มเรื่องใหม่ EP 1 - 3 (22/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 22-05-2018 15:42:16
ขอกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะครับ ^ ^

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น เริ่มเรื่องใหม่ EP 1 - 3 (22/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 22-05-2018 16:38:51
 o13 ตามติดชิดขอบจอเลยจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น เริ่มเรื่องใหม่ EP 1 - 3 (22/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 22-05-2018 17:55:01
ท้ากันขนาดนี้ อิฐอาจจะสนใจไป๋อยู่นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น เริ่มเรื่องใหม่ EP 1 - 3 (22/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 22-05-2018 22:43:17
ติดตามจ้า :L1:

 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น เริ่มเรื่องใหม่ EP 1 - 3 (22/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 23-05-2018 11:16:22
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 4 : กลับ



            ประเด็นหลักในการมาพูดคุยวันนี้คือการอธิบายให้เข้าใจถึงการประกวดดาวเดือนที่แท้จริง กล่าวคือดาวเดือนไม่ใช่การประกวดเพื่อหาคนหน้าตาดีที่สุด แต่เป็นคัดเลือกตัวแทนนักศึกษาที่เหมาะสมเพื่อเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยไปทำกิจกรรมร่วมกับมหาวิทยาลัยอื่นได้ นอกจากนี้ สโมสรยังพยายามสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคณะโดยให้เหล่าดาวเดือนจากแต่ละคณะสนิทกันอีกด้วย เพื่อที่ต่อไป การร่วมกิจกรรมระหว่างคณะจะได้สะดวกมากขึ้น ไป๋นั่งฟังไปฟังมาก็เริ่มมองภาพการประกวดดาวเดือนขึ้นดีขึ้นเป็นลำดับ ถึงแม้ว่าบางอย่างจะไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่โดยภาพรวมแล้วก็ยังดีกว่าการมานั่งคัดคนหน้าตาดีที่สุดในมหาวิทยาลัยแน่ๆ

           





            “ต่อไปเพื่อให้ทุกคนสนิทกันและเป็นการละลายพฤติกรรมกันมากขึ้น เราจะเล่นเกมบัดดี้กันค่ะ โดยทุกคนจะจับชื่อเพื่อนที่เป็นดาวเดือนต่างคณะไปคนละหนึ่งคน จับได้ชื่อใครก็ต้องดูแลเทคแคร์คนนั้นโดยไม่ให้เขารู้ตัว กิจกรรมนี้จะเล่นหนึ่งเดือนนะคะ งานประกวดดาวเดือนจะจัดช่วงก่อนสอบกลางภาคหรืออีกประมาณหนึ่งเดือนครึ่ง เราจะเฉลยบัดดี้กันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าหรือก่อนวันประกวดประมาณสองอาทิตย์นั่นเอง ช่วงนี้อยากให้ทุกคนสนิทกันไว้มากๆ สโมสรอยากให้ดาวเดือนเป็นคนเชื่อมโยงทุกคณะเข้าหากัน หลังจบงาน คณะไหนอยากจัดกิจกรรมร่วมกับคณะไหนก็สามารถพูดคุยจัดการกันได้เองเลย”



            การจับบัดดี้พัฒนาไปไกลกว่าที่คิดมาก ทุกคนหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเว็บไซต์ห้องสุ่มออนไลน์อันหนึ่ง ทุกคนจะเข้าไปสุ่มหยิบตัวเลขขึ้นมาหนึ่งตัว โดยระบบจะไม่ให้คนจากคณะเดียวกันได้รายชื่อกันเองเด็ดขาด การจัดฉลากบัดดี้เป็นไปอย่างรวดเร็วมาก เขาสุ่มเลือกเลข 22 ขึ้นมาจากฉลากทุกเบอร์ และเรียกว่าอะไรดีนะ แจ๊กพ๊อตแตกก็ได้มั้ง เขาจับได้คนที่เขาไม่คิดว่าเขาจะจับได้ที่สุดเลย



 



            ‘เดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์...’

 





            “เชี่ยยย มึงจับได้ไอ้อิฐหวะ” ไอ้ว่านรีบสุมหัวเข้ามากระซิบกระซาบทันทีที่เห็นชื่อปรากฎอยู่ในหน้าจอมือถือผม เออ อะไรมันจะเหมาะเจาะแบบนี้



            “แลกได้เปล่าวะ”



            ไป๋บ่นออกมาอย่างปรึกษา สายตาของเขากวาดไปทั่วห้องเพื่อหาเจ้าตัวคนที่ว่า เพียงไม่นานสายตาของเขาก็ปะทะกับสายตาหนึ่งที่ทอดมองมาก่อนแล้ว ไอ้อิฐโดดเด่นจริงๆ ถึงแม้ว่าคนในห้องนี้จะเต็มไปด้วยคนหน้าตาดีอย่างร้ายกาจเต็มไปหมด แต่ดูเหมือนรัศมีของไอ้อิฐก็จะไม่แพ้ใคร ผมทรงใหม่ไถข้างกับสีผมที่ดูเหมือนจะย้อมกลับมาเป็นสีดำแล้ว ที่สำคัญมันอยู่ในชุดเสื้อช็อปสีน้ำเงินเข้มตัดกับนักศึกษาคนอื่นที่อยู่ในเสื้อนักศึกษาธรรมดากันหมด นี่แหละมั้งที่อาจจะทำให้มันโดดเด่นและดึงดูดสายตาเขาได้ขนาดนี้



            “มึงโง่หรือมึงโง่วะ จับฉลากออนไลน์แบบนี้มึงยังจะหวังสลับได้อีกเหรอ มึงคิดว่าเขาจะไม่เก็บข้อมูลไว้เลยหรือไง มึงสอบติดหมอเข้ามาได้ไงวะเนี่ย” ไอ้ว่านตอบกลับมาแบบกวนประสาท เขารู้อยู่แล้ว เขาไม่น่าจะเปลี่ยนฉลากในมือนี้ได้เลย อย่างน้อยก็ในตอนนี้หละนะ



            “กลับกันเหอะ แค่คิดว่าต้องเทคแคร์ไอ้เถื่อนกูก็เหม็นเบื่อจะแย่ละ”



            ไป๋บ่นอย่างเซ็งๆ พร้อมกับสะกิดชวนว่านกลับ หลังจากเห็นว่าการประชุมเสร็จสิ้นแล้วคนในห้องก็ทยอยเริ่มลุกกันออกไปแล้ว



            “เออๆ”



            ว่านหยิบกระเป๋าลุกขึ้นตามเขาออกมาจากที่นั่งอย่างเห็นดีเห็นงามกับการเลิกประชุมด้วยเช่นกัน แต่ก่อนกลับไอ้ว่านก็ไม่ลืมจะหันไปโบกมือบ้ายบายน้ำหอมเพื่อนร่วมคณะของเขาอย่างอารมณ์ดี ไป๋เลยต้องพลอยโบกมืออำลาไปด้วย นี่ถ้าไอ้ว่านไม่หันไป เขาก็แทบลืมไปแล้วว่าเขายังมีดาวคณะอยู่ในห้องประชุมนี้อีกคน

 





            “ไป๋ใช่ไหม?”



            เสียงทักเขาเอ่ยดังขึ้นอีกรอบ แต่คราวนี้เป็นเสียงผู้ชายแฮะ เขาหันไปข้างหลังก็เจอผู้ชายผิวขาวตัวสูงคนหนึ่งกำลังยิ้มอวดฟันขาวให้เขาอยู่ คนตรงหน้านี้ถือว่าหน้าตาดีใช้ได้เลยคนหนึ่ง แต่นั่นแหละ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสนใจ เขาสนใจมากกว่าว่ามันเรียกเขาทำไม



            “หืม” เขาเอ่ยเสียงในลำคอเชิงตอบรับ



            “เราชื่อโฟคนะ เดือนคณะทันตะ เพื่อนของกิจ คณะวิทย์ เห็นกิจเล่าให้ฟังว่าเจอกันตอนรับน้อง ได้มาเจอเลยแวะมาทักไว้ก่อน เผื่อต่อไปต้องทำงานด้วยกัน” โฟค เพื่อนใหม่อีกคนของวันนี้ของเขาพูดพลางยิ้มโชว์ฟันสวย สมกับเป็นคณะทันตแพทยศาสตร์จริงๆ



            “อ๋อ เราไป๋ คณะแพทย์นะ ยินดีที่ได้รู้จัก”



            เขายิ้มให้โฟคหนึ่งทีก่อนจะผงกหัวให้หนึ่งครั้งและขอตัวแยกออกมา โอเค เขารู้ดีว่าการตอบเพื่อนใหม่ด้วยประโยคสองประโยคแบบนี้มันดูไร้มารยาทไปสักหน่อย แต่ช่างเถอะ เขาก็เป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โฟคทำหน้างงๆ แต่ก็ปล่อยเขาออกมาโดยดี



            ไอ้ว่านปลดโซ่จักรยานพร้อมกับยกมืออำลาอย่างง่ายๆ เขากับว่านปั่นจักรยานกันมาคนละคัน ไอ้ว่านอยู่หอใน เขาอยู่หอนอก ซึ่งต้องแยกไปอีกทางหนึ่ง





 

            “ไปไหนจ๊ะน้องสาว”



            เสียงหนึ่งดังขึ้นห่างจากตรงที่เขาจอดจักรยานไปนิดเดียว หันไปมองก็พบว่าไอ้ว่านนั้นปั่นจักรยานลับตาไปแล้ว และก็มีมนุษย์หน้าใหม่มายืนอยู่ไม่ห่างออกไปนัก มนุษย์เจ้าของชื่อบนโทรศัพท์มือถือของเขาเมื่อเวลาไม่นานที่ผ่านมา



            “น้องสาวพ่อมึงสิ”



            เขาตอบอย่างรำคาญ จุดที่เขาจอดจักรยานเป็นส่วนหลังของตึกที่ไม่ค่อยมีใครเอามาจอดเท่าไหร่นัก ตอนนี้จึงเหลือคนอยู่แค่พวกเขาสองคน



            “อ๊าว นี่มึงเป็นอากูเหรอเนี่ย ไม่เห็นรู้ตัวมาก่อนเลย ฮ่าฮ่าฮ่า” ไอ้มนุษย์ในเสื้อช๊อปสีฟ้ายังพูดต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน



            “กวนส้นตีน” ไป๋สบถไปอย่างไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะคิดว่ามันหยาบคายหรือเปล่า



            “ปากหมาเสมอต้นเสมอปลายจริงนะมึงเนี่ย” อีกฝ่ายตอบ



            “หลบไป กูจะกลับหอ”



            บริเวณที่จอดจักรยานแบ่งช่องออกเป็นช่องจอดแคบๆ พอไอ้อิฐมายืนขวางอยู่แบบนี้ก็เท่ากับว่าขวางทางกลับบ้านของเขาไปโดยปริยาย ไป๋บ่นอย่างหงุดหงิดแต่สายตาก็พาลไปมองเห็นสิ่งเดิมที่คุ้นตาเขา ตุ้มหูเสื้อกาวน์ของเขา มันยังอยู่บนที่เดิมของไอ้อิฐจอมกวนตีน

           





            “กลับกับกู กูเอารถมา ปั่นจักรยานข้ามถนนใหญ่มันอันตราย เดี๋ยวก็ได้ตายห่าก่อนเรียนจบหรอก” อิฐพูดด้วยสีหน้าเรียบๆ



            “ไม่”



            “มึงจะเรื่องมากทำไม”



            “เรื่องของกู”



            “กูก็บอกให้กลับกับกูนี่ไง”



            “ก็กูบอกว่าไม่กลับ กูจะกลับเอง”



            “เฮ้ย มึงจะเรื่องมากทำไมวะ หอก็อยู่หอเดียวกัน จะทำให้มันวุ่นวายทำไม” เสียงอิฐเริ่มหงุดหงิดขึ้นตามภาวะการถกเถียงของพวกเขาทั้งคู่



            “มึงอะต้องถามตัวเองว่ามึงจะทำให้มันวุ่นวายทำไม กูมาของกู กูก็กลับของกูได้” ไป๋พูดอย่างหงุดหงิดก่อนจะเลื่อนจักรยานออกมาอีกครั้ง คราวนี้อิฐกระเถิบตัวเปิดทางให้เขาปั่นออกมาอย่างโดยดี





 

            “ถ้ามึงจะมาทำดีกับกูเพราะมึงจับชื่อกูได้เป็นบัดดี้ มึงก็ลืมไปได้เลย กูในฐานะบัดดี้อนุญาตให้มึงไม่ต้องดูแลอะไรกูทั้งสิ้น กูมีมือมีตีนดูแลตัวเองได้ มึงไม่ต้องมาเทคแคร์”







               นายพินต้า




               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP4 : กลับ (23/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 23-05-2018 11:17:37
ชอบไม่ชอบอย่างไรอย่าลืมบอกกันน้า จุ๊บจุ๊บ เป็นกำลังใจให้หนูหน่อย อิอิ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP4 : กลับ (23/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-05-2018 18:28:57
 :pig4: :pig4: :pig4:

คงจะเป็นการแอบรักของอิฐที่มีต่อไป๋มาอย่างยาวนานกระมัง
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP4 : กลับ (23/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 23-05-2018 19:05:16
ลงชื่อติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP4 : กลับ (23/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-05-2018 20:04:47
อิฐ ชอบไป๋แน่ๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP4 : กลับ (23/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 23-05-2018 21:15:04
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP4 : กลับ (23/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 24-05-2018 02:50:43
 :hao7: ชอบมากกกกก.....
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP4 : กลับ (23/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-05-2018 03:09:06
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP4 : กลับ (23/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 24-05-2018 08:54:52
ชอบให้กัดกันอย่างนี้ง่ะ มันส์ดี

แต่อยากให้มาทีละยาวๆจังงงง

 o13 :oo1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP4 : กลับ (23/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 24-05-2018 11:57:32
แอบชอบเค้าอยู่แน่ๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP4 : กลับ (23/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 24-05-2018 16:22:18
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 5 : ข้าวต้มปลาหมึก



            เขาขี่จักรยานออกมาแล้ว บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงปากหมากับอิฐได้ทุกที ความจริงเขาเป็นคนปากหมาะหนะใช่ แต่ปรกติเขาจะไม่ค่อยพูดออกมาเท่าไหร่ แต่พอเป็นไอ้หัวไถข้างนั่น เขาก็เผลอออกไปโดยไม่ค่อยจะรู้ตัวสักที



            ไป๋ขี่จักรยานออกมาท่ามกลางความเงียบของความรู้สึกตัวเองตลอดระยะจากคณะวิทยาศาสตร์จนถึงหน้ามหาวิทยาลัย ถนนใหญ่หน้ามหาวิทยาลัยตอนนี้คราคร่ำไปด้วยรถจากไหนไม่รู้มากมายเต็มไปหมด ความจริงไอ้อิฐก็พูดถูก การพยายามข้ามถนนด้วยจักรยานตอนนี้ดูจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่เลย



            ‘สงสัยต้องเอารถยนต์มาใช้ได้แล้วมั้ง’





 

            WAN1081009 : ไอ้ไป๋ กูมีอะไรจะให้ดู



            WAN1081009 : sent a photo



            เสียงไลน์ดังขึ้นตั้งแต่เขาเดินเข้ามาถึงเขตหอ ไอ้ว่านที่เพิ่งแยกกับเขาไปเมื่อกี้ส่งรูปอะไรมาให้ดูในไลน์สักอย่าง เขาเลื่อนสไลด์หน้าจอเพื่ออ่านข้อความในโปรแกรมแชตสีเขียว หางตาของเขาเหลือบไปเห็นคนที่น่าจะมาถึงก่อนเขาด้วยรถยนต์ แน่นอนว่าเขาไม่ได้หันไปมอง เขาจงใจไม่หันไปมอง

 





            FACEBOOK FAN PAGE : หมอไป๋ FC



            ใช่แล้ว รูปที่ไอ้ว่านส่งมาให้เป็นรูปแคปเจอร์หน้าจอแฟนเพจหนึ่งที่พูดถึงมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ใช่ใครอื่น ตัวเขาเอง เขารีบกดเข้าเฟสบุ๊คเพื่อค้นหาแฟนเพจดังกล่าวแล้วก็พบว่ามันมีจริงๆ ด้วย ในเพจแทบไม่มีข้อมูลอะไรเลย มีเพียงรูปเขาสองสามรูปที่ลงไว้อยู่ในเพจ จากการสังเกตรูปเหล่านั้นก็น่าจะมาจากกล้องของรุ่นพี่ในคณะที่เอามาถ่ายวันปฐมนิเทศ เลื่อนไปดูอีกครั้งก็เจอคนกดไลค์แฟนเพจอยู่กว่า 2,500 ไลค์ได้ ใครมันหลงมากดไลค์วะ?

 





            BAIBAI : ใครทำวะ



            WAN1081009 : กูจะไปรู้เรอะ แต่มึงก็ฮอตเหมือนกันนะเนี่ย เปิดเพจมาไม่กี่วันสองพันกว่าไลค์แล้ว ต่อไปชีวิตมึงบันเทิงแน่



            BAIBAI : ปาก



            WAN1081009 : เฮ้ยยย เดือนคณะแพทย์เลยนะเว้ยยย ไม่ฮอตยังไงไหววะ มึงเลือกเอาสักคนสิ มึงจะได้มีความเป็นมนุษย์มากขึ้นหน่อย ไม่ใช่ตายด้านเป็นผีตายซากแบบนี้



            BAIBAI : เอาตัวเองให้รอดก่อนมึงอะ กูเห็นมึงก็ไม่มีจริงๆ จังๆ สักคนเปล่าวะ ทำเป็นพูด



            WAN1081009 : แหม กูก็ต้องเลือกหน่อยเปล่าวะ เขาเรียกว่าใช้ความโสดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด



            BAIBAI : หน้าหม้อก็บอก อย่าอธิบายให้ยาว



            WAN1081009 : หม้อแล้วทำไมวะ กูไปละ ง่วงชิบหาย เออว่าจะบอก ไอ้อิฐก็มีแฟนเพจนะเว้ย ฮอตกว่ามึงอีก ไปลองเสิจดูดิ อิฐ อิทธิกร

 





            ไป๋ไม่ตอบอะไรแต่เลือกที่จะกดออกจากโปรแกรมแชตสีเขียวและกลับเข้ามาในเฟสบุ๊คอีกครั้ง แอพพลิเคชันขึ้นตัวแดงเตือนว่ามีคนส่งคำขอเป็นเพื่อนเข้ามา 99+ ซึ่งเขาก็ไม่สนใจว่ามันบวกเท่าไหร่ เขาไม่แม้กดเขาไปดูรายชื่อด้วยซ้ำ แต่เขาเลือกที่จะกดไปในช่องค้นหาเพื่อพิสูจน์คำบอกเล่าที่ไอ้ว่านเพิ่งบอกมาเมื่อกี้



 

            ‘มีจริงๆ ด้วยแฮะ’

 



            เพจของไอ้อิฐมีคนกดไลค์เยอะมาก เกือบหมื่นคนได้ เขายอมรับว่ามันหล่อก็จริง แต่ก็ไม่น่าถึงขั้นที่จะมีคนชอบมากมายขนาดนี้ เอ๊ะ หรือจริงๆ มันหล่อกว่าที่เขาคิด



            เมื่อเขาเลื่อนลงมาดูก็พบว่าเพจของไอ้อิฐนี่เป็นเพจที่ตั้งแต่สมัยมันอยู่มัธยมปลายแล้ว ความจริงเขากับมันเรียนโรงเรียนเดียวกัน รู้จักกันดีเลยหละ แต่ก็ไม่ยักรู้ว่ามันมีคนมาปลาบปลื้มจริงจังอะไรขนาดนี้



            ในเพจมีแต่เรื่องของมันเต็มไปหมด หลังจากที่ลองอ่านดูเรื่อยๆ ก็สันนิษฐานได้ว่าน่าจะเป็นกลุ่มแฟนคลับของมันทำขึ้นมากกว่า เพราะเท่าที่ดู ไม่มีลักษณะคำพูดที่ดูเหมือนมันเป็นคนเขียนเองเลย



            ภาพใหม่ล่าสุดเป็นรูปของอิฐในชุดช็อปสีน้ำเงินเข้มกับผมทรงใหม่ ท่าทางเหมือนจะถูกถ่ายตอนอยู่ในห้องเรียนรวมสักวิชาหนึ่ง จะอธิบายลักษณะไอ้อิฐยังไงดีนะ มันเป็นคนขาวแต่ตากแดดบ่อยจนไม่ขาวมากเท่าแต่ก่อน หุ่นแน่นสไตล์นักกีฬา หน้าตากวนประสาทและโคตรไม่เป็นมิตร คิดสภาพเหมือนพวกเด็กช่างที่พร้อมจะมีเรื่องตลอดเวลา ไอ้อิฐก็เป็นอะไรประมาณนั้น ความจริงนิสัยมันก็ไม่แย่ เพียงแค่มันดูกวนตีนไปเสียหน่อย



            ภาพรองลงมาเป็นภาพตอนมันรับน้อง หน้าไอ้อิฐเต็มไปด้วยรอยสีสารพัดสีวาดเต็มไปหมด มันกำลังชูสองนิ้วฉีกยิ้มกว้างให้กล้อง ยิ้มก็เป็นเหมือนกันนะเนี่ย ใต้ภาพเต็มไปด้วยความคิดเห็นเต็มไปหมด ส่วนใหญ่ก็เป็นสาวๆ ที่เข้ามาพิมพ์คลั่งไคล้มัน รูปนี้มันยิ้มคอมเมนท์เลยเยอะเป็นพิเศษ เขาเลื่อนดูนิดหน่อยก็เลื่อนไปดูภาพถัดๆ ไป



            ถัดจากนั้นมาอีกไม่กี่รูปก็เป็นรูปสมัยตอนที่มันเรียนม.ปลาย เสื้อนักเรียนกับกางเกงสีน้ำเงินที่เขาโคตรคุ้นเคย ไอ้อิฐเป็นนักกีฬาแนวหน้าของโรงเรียน รูปของมันก็เต็มไปด้วยสารพัดช่วงเวลาการเล่นกีฬาของมันเต็มไปหมด มันเป็นนักบาส นักบอล นักแบด แต่ที่สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนมากที่สุดน่าจะเป็นกีฬายิงธนูของมัน ดีกรีของมันถึงขั้นเป็นตัวแทนประเทศไปแข่งขันที่อินโดนีเซียในการแข่งขันยิงธนูนานาชาติรุ่นเยาวชน ตอนนั้นรูปมันกลายเป็นป้ายไวนิลขนาดใหญ่แปะอยู่หน้าโรงเรียนอยู่เป็นเดือนได้ นักบาส นักบอล นักแบดอาจจะมีทุกโรงเรียน แต่นักกีฬายิงธนูไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายทุกโรงเรียนแบบนี้ ไอ้อิฐมันเลยดังเป็นพิเศษท่ามกลางกลุ่มนักกีฬาที่อยู่ในชมรม KNIGHT CLUB หรือชมรมกีฬาของโรงเรียนเก่าของเขา ตอนม.หก มันเป็นหัวหน้าชมรมและมันดังมาก ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่คนหน้าตาดีและมีความสามารถโดดเด่นอย่างมันจะกลายเป็นที่คลั่งไคล้ของสาวๆ ต่างๆ มากมาย อย่างน้อยจำนวนคนไลค์เพจเกือบหมื่นคนนี่ก็พอจะการันตีความฮอตของมันได้หละนะ

           





            ก๊อก ก๊อก



            เสียงดังจากประตูห้องเรียกเขาออกจากจอมือถือตรงหน้านี้ได้ เขากดออกจากระบบเฟสบุ๊ควางมือถือลงแล้วเดินออกไปที่หน้าประตู หอนี้ไม่มีตาแมว และนี่เป็นเรื่องที่เขาไม่ชอบ แต่ก็ช่างเถอะ ไม่น่าจะมีใครมาหาเขามากมายนักหรอก คนที่รู้ที่อยู่เขาก็มีแค่ไอ้ว่านคนเดียวที่มาช่วยตอนย้ายของเข้าหอ สงสัยมันจะยืมของ ว่าแต่ทำไมมันไม่โทรหาเขาก่อนวะ

 



            “...”



            และเมื่อเขาเปิดประตูออกไปก็พบแต่ความว่างเปล่า แต่ด้วยความหนักของการเปิดประตูตามปรกติก็ทำให้เขาก้มไปดูตรงลูกบิดประตูที่ดูเหมือนจะมีอะไรสักอย่างมาแขวนอยู่





 

            ‘ใคร และทำไมถึงรู้ว่าเขาชอบกินข้าวต้มปลาหมึก’



            คำถามข้อแรกคือใครเป็นคนเอาข้าวต้มมาแขวนไว้หน้าห้องเขาในเวลานี้ พลิกดูในถุงพลาสติกก็ไม่มีการระบุชื่อเจ้าของแต่อย่างใด มันน่าสงสัยตั้งแต่ทำไมถึงมีคนรู้หอและห้องของเขาด้วย ของบรรณาการนี่ไม่ใช่การผิดตัวแน่นอน เขาชอบกินข้าวต้มปลาหมึก และก็คงไม่มีคนที่ชอบกินข้าวต้มปลาหมึกมาบังเอิญเช่าห้องอยู่แถวห้องเขาแน่ ไป๋เม้มปากอย่างครุ่นคิดก่อนจะหยิบถุงข้าวต้มมาแช่ตู้เย็นไว้ และปล่อยให้มันนอนแน่นิ่งอยู่ในนั้นตลอดคืน

 





            “ใครวะ”

 

 

 





            “ไป๋”



            เสียงเรียกหนึ่งดังขึ้นเมื่อเขากำลังจะเดินออกจากหอ หันไปตามเสียงก็พบเจ้าของเสียงที่เขาเพิ่งรู้จักเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ ไอ้หมอฟันหน้าขาวเจ้าของฟันขาว โฟค มันอยู่หอนี้ด้วยเหรอวะ



            “อ๊าว อยู่หอนี้ด้วยเหรอ”



            “เปล่าหรอก แต่อยู่ใกล้ๆ นี่เอง”



            “อ๋อ มาหาเพื่อนเหรอ” ไป๋เอ่ยถาม



            “มาหาไป๋นั่นแหละ” อีกฝ่ายตอบพลางยิ้มกว้าง



            “หือ” เขาส่งเสียงตั้งคำถามอยู่ในลำคอ



            “ก็เห็นเรียนที่คณะวิทย์เหมือนกัน ทางเดียวกัน ก็เลยแวะมารับ” โฟคยังตอบพร้อมกับรอยยิ้มไม่หุบ



            “ไม่ต้องก็ได้ เกรงใจ” เขาตอบปฏิเสธตามนิสัย



            “บ้า เกรงใจทำไม เพื่อนกัน” ไอ้โฟคนี่เป็นมนุษย์ที่ยิ้มได้เรี่ยราดจริงๆ



            “ไม่ต้องหรอก เกรงใจ” เขายังยืนยันคำเดิม



            “จะปั่นจักรยานไปทำไมไป๋ มันอันตราย หอเราก็อยู่แค่นี้เอง ไปด้วยกันก็ไม่เห็นเสียหายอะไร”



            ความจริงไอ้โฟคก็พูดถูก หลังจากเมื่อวานเขาต้องปั่นจักรยานข้ามถนนใหญ่เพื่อกลับหอตอนที่รถสุดแสนจะวุ่นวายในช่วงหัวค่ำ เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่เอาจักรยานไปมหาวิทยาลัยแล้ว เขาตั้งใจจะนั่งแท๊กซี่ไปแล้วขากลับบังคับให้ไอ้ว่านมาส่งแทน





 

            ไอ้โฟคเหมือนมนุษย์คนละสไตล์กับไอ้อิฐเลย



            หน้าไอ้โฟคเป็นเหมือนคุณหนูบ้านคนจีน ตาตี่ๆ ผิวขาวๆ ฟันสวยสมกับเป็นหมอฟัน หน้าตาดูใจดีเหมาะกับการจะอุดฟันผุให้เด็กๆ ตรงข้ามกับไอ้อิฐที่หน้าดุและกวนตีนจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นหน้าธรรมชาติ เจาะหู ไถข้าง เหมาะกับการเอาไปขู่เด็กน้อยว่าจะถูกมันลักพาตัว ถ้าไม่ยอมอ้าปากให้กำจัดแมงกินฟันเสียดีๆ   

 





            “เฮ้ย ไม่เป็นไรจริงๆ เกรงใจหวะ”



            “เอาน่า จับได้ไป๋เป็นบัดดี้ก็ต้องเทคแคร์หน่อยดิ”



            “หือ”



            “บัดดี้เมื่อวานไง โตๆ กันแล้ว ไม่ต้องปิดบังกันก็ได้มั้ง เพื่อนกัน พูดกันตรงๆ นี่แหละ เทคแคร์ง่ายดี ยังไงก็ต้องเฉลยอยู่แล้ว”



            “มึงจับได้ชื่อกูเป็นบัดดี้เหรอ” ไป๋ถามอย่างสงสัย ตอนแรกเขานึกว่าเป็นไอ้อิฐเสียอีก



            “อืม ก็เลยเข้าไปทักเมื่อวานไง”



            “อ๋อ”



            “โฟคไม่ซื้อของอะไรให้เยอะหรอกนะ ขับรถไปส่งนี่แหละ ง่ายดี ยังไงก็ทางเดียวกัน” โฟคพูดต่อ ปากก็ยังคงยิ้มตลอดไม่หยุดสักที



            “อืม อย่างนั้นก็ได้มั้ง”



            ไป๋รับปากไปอย่างไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรดี ไอ้โฟคก็มีเหตุผลของมัน ความจริงมีคนไปส่งตอนเช้าก็ไม่ใช่เรื่องแย่ อย่างน้อยเขาจะได้ไม่ต้องไปยืนโบกแท๊กซี่ให้วุ่นวายแต่เช้า



            ไอ้โฟคถือจังหวะที่เขาตอบตกลงหยิบหนังสือแลปในมือของเขาไปถือ พร้อมเดินตรงยังรถที่จอดอยู่หน้าลานจอดรถของหอที่เขาอยู่ ว่าจะเอ่ยห้ามแต่มันก็เดินงุดๆ นำหน้าไปเสียแล้ว







            ‘ช่างมันเถอะ มันคงเป็นคนอัธยาศัยดี’







               นายพินต้า




               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta

               อย่าลืมแนะนำติชมนิยายเพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะครับผม ^ ^
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP5 : ข้าวต้มปลาหมึก (24/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 24-05-2018 16:24:01
ขอบคุณทุกความคิดเห็นเลย ทุกความเห็นคือแรงใจในการแต่งนิยายของผม ใครอ่านแล้วอย่าลืมเม้นด้วยน้า หนูอยากได้กำลังใจ หนูรีเฟรชมารอคอมเม้นที่ท่าน้ำทุกชั่วโมงเลยยยยย 555555

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP5 : ข้าวต้มปลาหมึก (24/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 24-05-2018 17:46:57
เนื้อเรื่องใสๆ น่ารักดีครับ ดูแววอิฐน่าจะได้ตำแหน่ง
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP5 : ข้าวต้มปลาหมึก (24/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 24-05-2018 18:20:30
มีคนเข้าหาเยอะจริงนะหมอไป๋ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP5 : ข้าวต้มปลาหมึก (24/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-05-2018 18:58:47
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไงดีหล่ะ  รู้สึกว่าทุกห้วงคำนึงของไป๋  จะปรากฏแต่อิฐนะ

คิดไรป่ะเนี่ย?
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP5 : ข้าวต้มปลาหมึก (24/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 24-05-2018 19:19:22
มาต่อๆ
ชอบๆ

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP5 : ข้าวต้มปลาหมึก (24/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 24-05-2018 22:19:30
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP5 : ข้าวต้มปลาหมึก (24/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-05-2018 22:47:54
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP5 : ข้าวต้มปลาหมึก (24/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 25-05-2018 08:53:11
ข้าวต้มต้องเป็นฝีมือชายอิฐแน่ๆ o13
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP5 : ข้าวต้มปลาหมึก (24/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 25-05-2018 09:14:51
ขุ่นโฟคนี้...ขอดูไปก่อนนะ ยังไงๆอยู่
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP5 : ข้าวต้มปลาหมึก (24/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 25-05-2018 12:15:11
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 6 : คาร์โบแคทไอออน




            “ไอ้ไป๋ อ๊าว ทำไมมากับโฟคได้วะ” ว่านเอ่ยทักเขาเมื่อเขาวางจานข้าวแล้วนั่งตรงข้ามมันที่โต๊ะโรงอาหารคณะวิทย์ที่มันนั่งอยู่ก่อนแล้ว



            “พอดีมันอยู่หอใกล้ๆ เลยขอติดรถมันมา” ไป๋ตอบอย่างตัดบท ไอ้ว่านก็พงกหัวงึกงักเป็นเชิงรับรู้แล้วก็ไม่ได้ติดใจสงสัยถามอะไรต่ออีก



            “แล้วนี่มึงไม่ไปเรียนเหรอวะ”



            ไป๋หันไปถามโฟคอย่างสงสัย เพราะนอกจากมันจะไม่แยกตัวไปเรียนแล้ว มันยังซื้อข้าวมานั่งปักหลักกินกับพวกเขาด้วย



            “ก็เรียนอยู่ห้องเดียวกันนี่แหละจะให้แยกไปไหนหละ ถามได้”



            โฟคตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม ความจริงเขารู้ว่าคณะแพทย์ เภสัช แล้วก็ทันตะจะเรียนวิชาเคมีช่วงเช้านี้ด้วยกัน แต่ความหมายของเขาคือ มันไม่คิดจะแยกกลับไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนที่คณะตัวเองหรือไง แต่พอมันตอบไม่ตรงประเด็น เขาก็ขี้เกียจถามอีก เดี๋ยวพอขึ้นเรียนก็รู้เอง

 





            สรุปคือไอ้โฟคนั่งเรียนเคมีกับพวกเขาอยู่ด้วยกันตลอดเช้า



            ฝั่งขวาของเขาเป็นไอ้ว่านที่หลับไปตั้งแต่สามสิบนาทีแรก ส่วนฝั่งซ้ายเป็นไอ้โฟคที่นั่งจดอะไรยุกยิกตามอาจารย์สอนไม่หยุดหย่อน ส่วนเขาก็จดบ้างไม่จดบ้างตามอารมณ์ ตรงไหนก็รู้แล้วเขาก็ไม่ค่อยสนใจและหยิบมือถือขึ้นมานั่งเล่นบ้าง ความจริงเขาเป็นเด็กค่ายเคมีโอลิมปิค วิชาเคมีในมหาวิทยาลัยนี่เขาก็เรียนมาตั้งแต่อยู่ในค่ายแล้วพอสมควร

 





            “ไป๋ๆ เข้าใจตรงนี้ปะ”



            ไอ้โฟคเอานิ้วมาสะกิดเขาตอนที่เขากำลังนั่งกดเกมมือถืออยู่ พอหันไปก็เจอมันกำลังเอามืออีกข้างหนึ่งชี้ไปที่สไลด์ที่อาจารย์พูดผ่านไปค่อนข้างรวดเร็ว



            “อ๋อ คาร์โบแคทไอออน คืออะตอมคาร์บอนที่มีประจุเป็นบวกอะ” เขาตอบไปอย่างง่ายๆ



            “อ๊าว ทำไมคาร์บอนถึงเป็นบวกได้อะ มันต้องเป็นกลางไม่ใช่เหรอ” โฟคตอบมาแบบไม่มั่นใจ



            “คือสถานะปรกติมันก็เป็นกลางแหละ แต่คาร์โบแคทไอออนนี่มันศึกษาไปถึงขั้นกลไกการเกิดปฏิกิริยาเคมีอะ ความจริงในขั้นตอนละเอียดๆ คาร์บอนมันเป็นบวกเป็นลบได้นะ”



            “อ๊าวเหรอ” โฟคตอบมาแบบงงๆ



            “เดี๋ยวน่าจะได้เรียนเพิ่มนะ อันนี้อาจารย์แค่พูดเกริ่นเฉยๆ แหละ จำไปแค่มันเป็นคาร์บอนที่เป็นบวกก็พอ เดี๋ยวก็ได้เรียนอีกทีแหละ”



            “ดีเนอะ” โฟคตอบพึมพำออกมา



            “ดียังไงวะ”



            “หมายถึง ไป๋อะ เก่งดีเนอะ ขนาดเรียนไปเล่นมือถือไปยังรู้เยอะกว่าเราที่ตั้งใจจดตามอาจารย์สอนอีก” โฟคพูดพร้อมรอยยิ้มกว้างอีกแล้ว



            “ไม่หรอก พอดีเคยได้ยินมาบ้างหนะ ก็เลยพอรู้”



            “ดูก็รู้ว่าไป๋อะเรียนเก่ง” โฟคพูดยิ้มๆ



            “ไม่ขนาดนั้นหรอก”



            “ขอจองตัวติวก่อนสอบไว้ก่อนเลยนะ ท่าทางต้องเกาะติดไป๋ไว้แล้วเนี่ย”

 





            ตอนบ่ายพวกเขาไปเรียนแลปวิชาเคมีต่อซึ่งจะแบ่งกันทำแลปกันเป็นโต๊ะๆ แพทย์ เภสัช ทันตะ เรียนพร้อมกันเหมือนเคย แต่คราวนี้จะต้องถูกจับกลุ่มตามรหัสนักศึกษา ไป๋และว่านรหัสไม่ห่างกันเท่าไหร่เลยได้ทำแลปอยู่โต๊ะติดกันแต่คนละกลุ่ม ส่วนโฟคที่อยู่คนละคณะได้ไปอยู่ทำแลปอีกห้องหนึ่งเลย

 





            “มึงไปสนิทกับไอ้โฟคตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”



            ว่านทักขึ้นหลังจากที่ทำแลปเสร็จแล้ว ที่เหลือตอนนี้ก็แค่เขียนรายงานผลแลปส่ง ซึ่งให้ว่านก็ลากเก้าอี้มานั่งติดกับเขา ไม่รู้ว่ามาเพื่อชวนคุยหรือลอกผลแลปกันแน่



            “นั่นดิ กูก็คิดเหมือนมึงเนี่ย” เขาตอบไปแบบไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน อยู่ดีๆ วันนี้ไอ้โฟคก็มานั่งเรียนกับพวกเขาด้วย



            “เหรอ แล้วตอนเช้ามึงเจอมันได้ไงวะ” ว่านซักต่อ



            “มันบอกว่ามันจับได้กูเป็นบัดดี้หวะ มันเลยอาสามาส่ง” ไป๋ตอบไปตามตรง



            “มันเนี่ยนะจับได้มึงเป็นบัดดี้”



            “เออ มันบอกกูงั้นอะ แปลกดีเหมือนกันหวะ มาเฉลยเฉ๊ย”



            “พูดถึงบัดดี้ มึงเริ่มต้นเทคไอ้อิฐบ้างยังวะ”



            ว่านถามขึ้นแบบนึกขึ้นได้ แต่ประโยคที่ว่าก็แทงใจไป๋อยู่พอสมควร นอกจากไม่เทคแคร์บัดดี้แล้วยังปากหมาใส่บัดดี้ไปเยอะด้วย สงสัยป่านนี้มันคงหาทางดักกระทืบเขาอยู่มั้ง นึกถึงเมื่อวานแล้วก็ยังจำหน้าไอ้อิฐได้ดี หน้าตามันดูไม่พอใจมาก



            “ยังเลยหวะ” เขาตอบออกไปเสียงเรียบๆ



            “ให้กูช่วยอะไรไหมหละ มึงจะได้ไม่ต้องออกหน้า” ไอ้ว่านเสนอตัวเข้าช่วยเหลือ แต่สายตาของมันก็ยังคงมองใบรายงานผลแลปแล้วลอกตามใบของเขายิกๆ



            “สัด มึงอย่าลอกมั่วซั่วดิวะ เดี๋ยวอาจารย์ก็รู้หมดว่าลอกกันมา”



            “กูรู้หรอกน่าอะไรลอกได้ลอกไม่ได้ ไอ้ไป๋ กูก็สอบติดหมอมาเหมือนมึงนะเว้ย” ไอ้ว่านตอบกลับมาทั้งที่มือก็ยังคงเขียนต่อไป



            “เออๆ ไอ้หมอว่านคนฉลาด”



            “ว่าแต่จะให้กูช่วยไรมะ ฝากของไปให้ไรเงี้ย”



            “ไม่รู้หวะ เดี๋ยวกูคิดดูก่อน ฝากมึงไปมันก็รู้หมดดิว่ากูเป็นคนให้ มันก็รู้อยู่ว่ากูสนิทกับมึง”



            “เออๆ แล้วแต่มึงแล้วกัน จะให้ช่วยอะไรก็บอก”



            “มึงคิดอะไรดีๆ ได้ก็บอกกูด้วยละกัน”



            “แล้วเดี๋ยวเรียนเสร็จแล้วมึงไปไหนต่อ” ว่านถามพร้อมเสียงจ๊อบแจ๊บ เหมือนมันจะแอบเอาอะไรเข้ามากินในห้องแลปด้วย



            “กูว่าจะไปห้องสมุดหวะ กลับหอไปก็ไม่มีไรทำ ไปหาอะไรนั่งอ่านเล่นหน่อย”



            “นี่มึงเป็นบ้าเปล่าเนี่ย เวลาว่างแทนที่จะไปหาอะไรบันเทิงทำดันไปเข้าห้องสมุด นี่มันเพิ่งเปิดเทอมได้ไม่ถึงอาทิตย์เลยนะเว้ย”



            ว่านหันมาบ่นเพื่อนอย่างเซ็งๆ ยิ่งมันขยัน เขาก็ยิ่งกดดัน ไอ้ไป๋นี่เป็นนักเรียนอันดับหนึ่งมาตั้งแต่โรงเรียนเก่าแล้ว รัศมีความฉลาดของมันที่ไม่เคยจางไปเลยแม้แต่นิดเดียว





 

            ไอ้ไป๋คือหัวหน้าชมรม Bishop Castle หรือชมรมวิชาการของโรงเรียนสมัยที่พวกเขาเรียนม.ปลาย



            ไอ้ไป๋นี่ถือเป็นเด็กที่เรียกได้ว่าฉลาดเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียนก็ได้นะ มันเป็นประธานชมรมวิชาการ เป็นเด็กค่ายเคมีโอลิมปิค และก็เป็นทีมแข่งขันตอบปัญหาวิชาการที่คอยไปกวาดรางวัลให้โรงเรียนจนนับรางวัลไม่ถ้วน ไอ้ไป๋นี่ถือเป็นลูกรักของครูทั้งโรงเรียนเลยแหละ เพราะถึงแม้มันจะปากหมาแค่ไหน แต่ตอนมันอยู่ต่อหน้าครูมันก็เป็นเด็กที่เรียบร้อยมาก มันแทบไม่เคยออกนอกกฎระเบียบแม้แต่นิดเดียว ยิ่งตอนมันไปแข่งเคมีโอลิมปิคได้เหรียญทองกลับมานะ ครูใหญ่นี่แทบจะปูพรมแดงให้มันเดินเข้าโรงเรียน หน้ามันนี่แปะเด่นหราเป็นป้ายไวนิลอยู่หน้าโรงเรียนเป็นเดือน แต่แต่ก่อนมันไม่ได้หน้าตาแบบนี้หรอกนะ ไอ้ไป๋มันใส่แว่นหนาเตอะ หัวเกรียน ใส่เสื้อตัวโคร่ง มันจะเพิ่งมาดูดีตอนเข้ามหาวิทยาลัยนี่แหละ ตั้งแต่ไว้ผมยาวแล้วก็ทำเลสิคทำให้มันดูดีขึ้นมาก แต่เอาจริงๆ ดูเหมือนมันก็ไม่ค่อยรู้ตัวนะว่ามันดูดีขึ้นเยอะ ไอ้ไป๋นี่เป็นคนที่ไม่มั่นใจเรื่องหน้าตาตัวเองมาตั้งแต่เด็กแล้ว โตขึ้นมามันก็ยังเหมือนเดิม ขนาดมันได้เป็นเดือนคณะแล้ว มันก็ยังดูไม่ได้มีความมั่นใจเรื่องหน้าตามั่นขึ้นมาแม้แต่น้อย เรื่องสมองหนะไอ้ไป๋มั่นใจมาก แต่เรื่องหน้าตาแล้วไอ้ไป๋นี่ไม่เคยแสดงความมั่นใจออกมาให้เห็นชัดๆ สักที





 

            ‘มันไม่เคยรู้ตัวจริงๆ แหละว่ามันหน้าตาดีขึ้นเยอะ แต่ความจริงก็ดีแล้วแหละ แค่มันมั่นใจเรื่องสมองของมันนี่ก็น่ารำคาญจะแย่อยู่แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า’







               นายพินต้า





               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta

               อย่าลืมแนะนำติชมนิยายเพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะครับผม ^ ^
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP6 : คาร์โบแคทไอออน (25/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 25-05-2018 12:17:17
กราบทุกคนที่เข้ามาเม้นนนน ใครไม่เม้นเม้นเป็นกำลังใจให้หนูด้วยน้า แอร๊ยยยยย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP6 : คาร์โบแคทไอออน (25/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 25-05-2018 13:13:26
 o13 เยี่ยมยอดค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP6 : คาร์โบแคทไอออน (25/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 25-05-2018 13:48:04
คุณสมบัติพร้อมขนาดนี้ o1
หมอไป๋บุคคลผู้ไม่รู้ว่าตนเองหน้าตาดี :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP6 : คาร์โบแคทไอออน (25/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 25-05-2018 14:02:57
แค่บัดดี้จริงหรอ
รอดูต่อไป
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP6 : คาร์โบแคทไอออน (25/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 25-05-2018 14:56:53
ฮ็อตทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP6 : คาร์โบแคทไอออน (25/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 25-05-2018 19:10:25
รอๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP6 : คาร์โบแคทไอออน (25/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 25-05-2018 22:08:08
ดูท่าว่าหมอโฟคจะมาแปลกๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP6 : คาร์โบแคทไอออน (25/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 26-05-2018 06:07:09
สนุกดีค่ะ หน้าสนใจ หน้าติดตาม อ่านมาตั้งแต่ตอนแรกแล้ว

มองหาทุกครั้งที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณนะที่เขียนให้อ่าน :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP6 : คาร์โบแคทไอออน (25/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-05-2018 08:49:25
มีคนมาหลงไป๋อีกคนแล้ว   :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP6 : คาร์โบแคทไอออน (25/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 26-05-2018 09:01:37
ละมุนจัง ชอบบบบบบ  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP6 : คาร์โบแคทไอออน (25/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 26-05-2018 13:44:51
สนุกจ้า มาต่อเร็วนะคะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP6 : คาร์โบแคทไอออน (25/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 26-05-2018 18:38:12
นี่เห็นไป๋มีคนดูแล ขอเผื่อแผ่มายังเพื่อนว่านด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP7 : 950 (26/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 26-05-2018 19:19:34
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 7 : 950



            “ขอบคุณครับ”



            ไป๋ผงกหัวอย่างเป็นมารยาทหลังจากที่บรรณารักษ์เอาบัตรนักศึกษาของเขาไปแสกนและอนุญาตให้เขาเข้าห้องสมุดได้แล้ว ความจริงเขาไม่ได้มาห้องสมุดเพราะขยันหรอก แต่ที่นี่มันเงียบแล้วก็แอร์เย็นดี เขาก็มาหาที่นั่งเล่นทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย

 





            ตอนแรกเขาว่าจะมานั่งเล่นเอื่อยเฉื่อย แต่พอไปเดินดูชั้นหนังสือแล้วก็อดที่จะหยิบมาอ่านดูไม่ได้ คาบแรกของวิชาเคมีที่เรียนพูดเรื่องโครงสร้างอะตอมเป็นหลัก ด้วยความสงสัยเขาเลยลองไปรื้อหาหนังสือเท็กบุ๊ควิชาเคมีมาลองอ่านดูว่าเนื้อหาจะตรงกับสิ่งที่อาจารย์สอนไหม เผื่อจะพอคาดเดาได้ว่าเทอมนี้จะเรียนเนื้อหาลึกและเยอะประมาณไหน



 



            ‘หือ’



            พอเดินกลับมาที่โต๊ะอีกทีเขาก็ได้แต่อุทานในใจอย่างสงสัย เพราะหนังสือแลปที่เขาวางทิ้งไว้เพื่อจองโต๊ะตอนนี้มีกระดาษสีเหลืองสดสอดอยู่ เขาจำได้ว่าตอนเขาออกไปไม่มีกระดาษอะไรเสียบไว้นี่นา ทำไมอยู่ดีๆ กระดาษใบนี้ก็โผล่มา

 





                To… ไป่ไป๋

 

                                ผมหาคุณเจอแล้ว คราวนี้ผมจะไม่ปล่อยให้คุณหลุดมือไปอีกแน่

 

                                                                                                                                                From… 950

 





            ‘อะไรวะ’



            ไป๋หยิบกระดาษขึ้นมาอ่านอย่างไม่เข้าใจ เขาพยายามหันไปมองคนรอบๆ อย่างจับผิด แต่ก็ไม่เจอใครที่น่าสงสัยแม้แต่คนเดียว อันที่จริง เขาไม่เจอใครที่เขารู้จักแม้แต่คนเดียวด้วยซ้ำ



            หาคุณเจอแล้วนี่หมายความว่าอะไร แล้วไม่ปล่อยให้คุณหลุดมือไปอีกนี่คืออะไรกันแน่ เขาเคยไปเจอกับใครอะไรเมื่อไหร่กันวะ ไป๋ได้แต่บ่นงงๆ ในใจ แต่ก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้สักที รอบตัวของเขาตอนนี้มีแต่เรื่องประหลาด ไอ้อิฐเอย ไอ้โฟคเอย ข้าวต้มปลาหมึกปริศนาเอย แถมยังมาเจอไอ้ 950 โรคจิตอะไรนี่อีก



            ไป๋ตัดสินใจเดินกลับเอาหนังสือไปเก็บอย่างหมดอารมณ์อ่านต่อ สุดท้ายเขาก็ได้แต่ถ่ายรูปสารบัญเก็บไว้เพื่อเอาไปเทียบกับตารางสอนที่อาจารย์ให้มา ไป๋เดินกลับมาหยิบหนังสือแลปกับชีทเลคเชอร์เมื่อเช้าพร้อมกับเดินออกจากห้องสมุดทั้งที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง



            ‘ตกลงไอ้ 950 นี่มันคือใครกันแน่วะ’

 





            “เฮ้ยยย ไอ้ไป๋ รอเดี๋ยว”



            เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามา ไป๋ที่เพิ่งกินข้าวเสร็จและกำลังจะเดินกลับหอหันไปมองตามเสียงก็เจอกับเพียว เพื่อนโรงเรียนเก่าอีกคนที่เขาคุ้นหน้าดี ไอ้เพียวนี่เป็นเพื่อนสนิทไอ้อิฐ อารมณ์เดียวกับที่เขาสนิทกับไอ้ว่าน เขาเจอหน้าไอ้เพียวมาตั้งแต่ม.สี่  ความจริงพวกเขา ไป๋ อิฐ เพียว ว่าน ก็ถือว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันหมด เพียงแต่ตอนม.ปลายไม่ค่อยจะได้พูดคุยเป็นเรื่องเป็นราวกันเท่าไหร่ คือยังไงดี จะเรียกว่าทะเลาะก็ไม่ใช่ เรียกว่าแข่งขันกันเอาชนะจะดีกว่า



            “อ๊าว ไอ้เพียว เรียนที่นี่ด้วยเหรอวะ”



            ไป๋เอ่ยทักไปอย่างไม่รู้ ความจริงคือเขาไม่ค่อยเล่นเฟสบุ๊คเลยแทบไม่ค่อยรู้ความคืบหน้าของชีวิตคนอื่นเท่าไหร่ แถมเพื่อนในเฟสก็มีอยู่แค่หลักร้อยต้นๆ ได้ เวลาว่างเขาชอบอ่านหนังสือมากกว่า ถ้าเขาอยากรู้อะไรก็ถามไอ้ว่านเอา ขานั้นเป็นสายโซเชียลโดยตรง



            “เออ ติดคณะเดียวกับไอ้อิฐเนี่ย มึงจะไปไหนเนี่ย ได้ข่าวว่าเป็นเดือนคณะแพทย์หนิมึง”



            “กำลังจะกลับหอหวะ แล้วมึงทำไรเนี่ย”



            “กูซ้อมบาสอยู่หวะ ว่าจะลงแข่งกีฬาเฟรชชี่”



            เพียวเอ่ยตอบพร้อมพยักเพยิดไปทางสนามบาส หันไปดูก็พบกับคนหน้าคุ้นที่ยืนถือลูกบาสมองมาอยู่ก่อนแล้ว ไอ้คิงคองอิฐนั่นเอง



            “ไม่เปลี่ยนเลยนะพวกมึงเนี่ย ลงทุกรายการทุกสนามจริงๆ” ไป๋เอ่ยตอบอย่างรู้จักกันดี ไอ้พวกนี้มันบ้าแข่งกีฬา มีอะไรก็แข่งหมด



            “แล้วมึงลงแข่งอะไรบ้างเปล่าวะ” ไอ้เพียวถามต่อ



            “คนอย่างกูเนี่ยนะจะแข่งกีฬา ไม่หรอกหวะ ลงไปก็แพ้ อายเขาเปล่าๆ”



            ไป๋ตอบมาอย่างติดตลก ความจริงไอ้เพียวก็น่าจะรู้ความห่วยด้านกีฬาของเขาดี ที่การเรียนมัธยมปลายของเขาไม่ได้เกรดเฉลี่ยสะสม 4.00 ก็เพราะวิชาพละนี่แหละ เขาไม่เคยได้สี่สักที



            “เล่นกีฬาบ้างสิวะ ร่างกายจะได้แข็งแรง”



            “เออ กูก็ไปวิ่งๆ ตามฟิตเนสบ้าง แต่ก็ไม่ชอบเหงื่อหวะ แม่งน่าหงุดหงิด” เขาตอบไปตรงๆ



            “สดชื่นดีออก เหงื่อออก” อีกฝ่ายตอบแย้ง



            “เออๆ มึงซ้อมต่อเหอะ เดี๋ยวกูกลับหอละ เพื่อนที่สนามรอมึงกันแย่ละ”



            เขาเอ่ยตัดบท ความจริงเขาเริ่มเกรงใจไอ้สายตาคนในสนามบาสคนเดียวที่เขารู้จักมากกว่า แม่งมองมาที่เขาไม่หยุดเลย



            “มึงว่างไหม ไปเล่นบอร์ดเกมกับพวกกูหน่อยดิ กูกับไอ้อิฐว่าจะไปเล่นเกมคาทานที่ร้านบอร์ดเกมหน้ามอ แต่มันต้องเล่นสามคนหวะ กูยังหาเพื่อนอีกคนไม่ได้เลย”



            “ไม่ดีกว่าหวะ กูเพลียๆ อยากกลับไปนอน”

 





            “ทำไมวะไอ้หมอ มึงก็ไปเล่นเป็นเพื่อนไอ้เพียวมันหน่อยดิวะ มันชวนกูยิกๆ มาทั้งวันแล้วเนี่ย มีเพื่อนเป็นวิศวะมันเสียหายมากมายนักเหรอวะ”



            เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นจากข้างหลังเขา ไม่ใช่ใครอื่น ไอ้อิฐนั่นเอง มันเดินอ้อมสนามบาสจากอีกฝั่งมาหาพวกเขาทั้งสองคน



            “เออ ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ กูอยากเล่นมากเนี่ย รอกูแป๊บเดียว เดี๋ยวพวกกูอาบน้ำไม่เกินสิบห้านาทีก็เสร็จละ” ไอ้เพียวสำทับมาอีกคน



            “...”



            ไป๋เงียบอย่างไม่รู้จะตอบอะไรดี ความจริงเขาไม่ได้สนิทกับสองคนตรงหน้านี้ในระดับที่พอจะไปกินข้าวหรือนั่งเล่นด้วยกันได้ เขาแค่รู้จัก แต่ไม่ได้รู้สึกสนิทใจอะไรขนาดนั้น



            “เอาน่า เล่นเสร็จเดี๋ยวกูไปส่งที่หอ เปิดเทอมใหม่มึงจะรีบกลับหอไปทำไมวะ ไปหาอะไรทำให้มันสมกับเป็นชีวิตเฟรชชี่หน่อยดิ ร้านนี้นมเย็นอร่อยนะเว้ย” เพียวพูดต่อเมื่อเห็นไป๋กำลังตัดสินใจ



            “งั้นกูขอชวนไอ้ว่านไปด้วยอีกคนได้มะ” ไป๋เอ่ยตอบมาในที่สุด



            “เออๆ รีบโทรรีบชวนแล้วกัน เดี๋ยวพวกกูไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อน มึงก็หาที่รออยู่แถวนี้แล้วกัน ห้ามเบี้ยวนะมึง กูกับไอ้เพียวจองโต๊ะที่ร้านไว้แล้ว บอกไอ้ว่านไปเจอกันที่ร้านบอร์ดเกมหน้ามอเลย”



            ไอ้อิฐพูดอย่างตัดบทพร้อมลากเพื่อนสนิทกับอาบน้ำเปลี่ยนชุด แต่มันก็ยังไม่วายเอ่ยดักคอเขาไว้เป็นอย่างดี ความจริงเขาไม่ได้อยากไปหรอก แต่เกรงใจมันเมื่อวานที่ปากหมากับมันไว้เยอะ แถมไปออกตัวไว้อีกว่ามันจับได้เขาเป็นบัดดี้ นอกจากหน้าแตกแล้วยังรู้สึกผิดยกกำลังสองอีกด้วย







               นายพินต้า






               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta

               พูดคุย : ขอบคุณทุกท่านที่มาอ่านนิยายของผม นิยายที่ผมเขียนอาจจะดูดำเนินเรื่องช้าไปหน่อย ไม่หวือหวาวูบวาบ แต่ผมอยากพาทุกคนจมไปในโลกของไป๋ด้วยกันนะ ผมอยากให้นิยายของผมรสชาติเหมือนชาหอมๆ ในตอนบ่าย อาจจะไม่เข้ม ไม่จัดจ้าน แต่กินอบอุ่นเบาสบาย ดื่มแล้วยังหวนคิดถึงกันได้ตลอด ใครที่อ่านแล้วรู้สึกว่าช้าต้องอดใจแล้วค่อยๆ ไปด้วยกันนะ ชารสชาติดีต้องค่อยๆ จิบถึงจะอร่อยรู้รส ^ ^ อย่าลืมคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้กันหน่อยนะ สำหรับนักเขียนแล้ว คอมเมนท์จากคนอ่านนี่แหละที่มีค่ามากๆ เลย : )
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP7 : 950 (26/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 26-05-2018 19:20:19
มีคนมาเม้นให้เยอะขึ้นเยอะเลย ดีใจมากกกกก มาเม้นกันเยอะๆ น้าาาาาา รออ่านทุกคนเยยยยยย


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP7 : 950 (26/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 26-05-2018 20:41:27
อิฐคงแอบชอบมานานแล้วแน่ๆแต่โนสนโนแคร์แบบไป๋คงจีบยากหน่อย
แต่ม.ปลายจีบไม่ทันมาจีบตอนมหาลัยอีกที
แต่จริงๆไป๋อาจไม่ได่ใส่ใจสังเกตมากพอ ถ้ามาคิดดีๆก็คงจะรู้ว่ามีอิฐมาวนเวียนวอแวมานานแล้ว
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP7 : 950 (26/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 26-05-2018 20:53:47
ไป๋โนสนโนแคร์กับสิ่งรอบข้างจริงๆ

แบบนี้คนที่จะจีบก็ต้องพยายามหน่อยนะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP7 : 950 (26/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 26-05-2018 21:07:43
จีบไป๋คงยาก เปลี่ยนมาจีบเราแทนดีไหมมมม  o22
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP7 : 950 (26/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 26-05-2018 21:44:53
อื่ออออออออออออ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP7 : 950 (26/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-05-2018 22:11:20
 o13

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP7 : 950 (26/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-05-2018 00:05:22
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP7 : 950 (26/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-05-2018 01:57:16
สงสัยว่าทำไมต้องเป็น 950 เลขห้องหรอ 555555
ยังคงสงสัยว่าใครไม่เป็นบัดดี้ของไป๋กันแน่ระหว่าอิฐกับโฟค แต่ดูเหมือนอิฐจะแอบชอบไป๋อยู่แล้วรึป่าว
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP7 : 950 (26/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 27-05-2018 09:25:14
ใครอีกนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP7 : 950 (26/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 27-05-2018 12:41:56
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP7 : 950 (26/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-05-2018 15:39:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP7 : 950 (26/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 27-05-2018 18:47:03
มีแต่ตัวละครลับ คนส่งข้าวเอย 950 เอย แต่เดาว่าเป็นคนเดียวกันละก็เดาว่าเป็นอิฐด้วย
เฉลยมาไม่ใช่นี่ได้เงิบ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 27-05-2018 18:55:01
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



             ตอนที่ 8 : คาทาน



            “ไอ้เชี่ยยย ไป๋ มึงเอาอีกแล้วนะ”



            เสียงไอ้ว่านบ่นออกมาอย่างหงุดหงิดเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันนี้ เพราะมันแพ้อีกแล้ว มันบ่นอุบอย่างหงุดหงิดเพราะวันนี้มันยังไม่ได้ชนะแม้แต่เกมเดียว หมอไป๋ครองตำแหน่งชนะเลิศตลอดรายการ ส่วนไอ้อิฐกับไอ้เพียวนี่ไม่ต้องสืบ แข่งกันได้ที่โหล่กันไปมา พวกมันทำหน้าเบ้ตั้งแต่ฟังกติกาแล้ว ดูเหมือนพวกมันจะไม่ค่อยชอบอะไรที่ต้องคิดซับซ้อนเท่าไหร่



            “เอาน่าว่าน มึงโง่หนะ มึงยอมรับเถอะ” ไป๋เอ่ยด่าเพื่อนสนิทไปอย่างเคยชิน



            “ฮ่าฮ่าฮ่า นี่มึงหลอกด่าพวกกูด้วยเปล่าวะ ถ้าที่สองอย่างไอ้ว่านนี่ถือว่าโง่แล้วพวกกูนี่จะเรียกว่าอะไร ใช่ไหมวะไอ้อิฐ ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงของเพียวหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี ส่วนไอ้อิฐก็ยิ้มแปลกๆ ไม่รู้วันนี้มันไปอารมณ์ดีอะไรมา



            “ไป๋ อีกเกมเลยมึง รอบนี้กูไม่แพ้มึงแน่” เสียงของว่านพูดอย่างมุ่งมั่นพร้อมกับทำท่าจะเก็บอุปกรณ์เพื่อเริ่มเล่นใหม่อีกรอบ



            “พอเหอะไอ้ว่าน นี่สามทุ่มกว่าแล้วนะ กูว่ากลับหอกันเหอะ พรุ่งนี้มีเรียนอีก” เขาเอ่ยขัดเพื่อนอย่างเบาๆ นี่พวกเขาก็นั่งตูดแฉะเล่นเกมนี่มาสองชั่วโมงกว่าแล้ว

 





            “ขอโทษนะคะ พอดีพวกเราแข่งกันที่โต๊ะว่าใครเล่นบอร์ดเกมแพ้จะต้องมาขอไลน์คนอื่น แล้วผลออกมาคือเราแพ้”



            เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขัดระหว่างที่เขากับว่านกำลังเถียงกันอยู่เรื่องจะเล่นกันต่ออีกเกม ผู้หญิงตรงหน้านี่ถือว่าน่ารักใช้ได้ ดูจากชุดนักศึกษาแล้วไม่ใช่มหาวิทยาลัยเขา แต่เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่



            และคนที่เธอเดินมาขอไลน์คือ... ไอ้อิฐ





 

            “มีแฟนแล้วเหรอคะ”



            เสียงนั้นเอ่ยต่อเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป ถึงแม้ว่าจะประโยคที่พูดจะติดกึ่งเกรงใจ แต่อวัจนภาษาที่ทอดมาไม่ได้เขินอายเลย ออกจะติดขี้เล่นยั่วเย้าเสียด้วยซ้ำ



            “เปล่าครับ ผมยังโสด”



            ไอ้อิฐตอบด้วยเสียงเรียบๆ หันไปดูที่โต๊ะฝั่งโน้นก็เห็นเพื่อนผู้หญิงกำลังนั่งลุ้นกันอย่างสนใจ ท่าทางอาจจะไม่ใช่แค่เล่นเกมแพ้



            “งั้นขอไลน์หน่อยสิคะ”



            เจ้าของเสียงหวานพูดพร้อมกับส่งโทรศัพท์มือถือให้ไอ้อิฐกดพิมพ์ หน้าจอที่เปิดค้างอยู่เป็นหน้าเพิ่มเพื่อนของโปรแกรมแชตสีเขียวแล้ว ไป๋ได้แต่นั่งมองอย่างสนใจว่าไอ้เถื่อนจะรับมืออย่างไรต่อไป



            “ผมโสดครับ แต่พอดีผมชอบผู้ชาย”





 

            “ไอ้เชี่ยยย อิฐ มึงชอบผู้ชายจริงๆ เหรอวะ”



            ทันทีที่ฝ่ายสาวเจ้าเดินยักไหล่ออกไปแบบไม่ได้เสียหน้าอะไรมากนัก ไอ้ว่านก็ก้มหน้าลงกระซิบกระซาบทันที ทำไมมันถึงตกข่าวเรื่องประธานชมรมกีฬาสุดฮอตของโรงเรียนชอบผู้ชายไปซะได้



            “กูพูดไปงั้นแหละ” ไอ้อิฐตอบออกมาเสียงเรียบๆ สายตาของมันมองมาที่เขาทั้งๆ ที่กำลังเอ่ยตอบคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอีกคน



            “เชี่ยยย พูดเล่นไรของมึงเนี่ย” หมอว่านบ่นออกมาอย่างงงๆ



            “ปฏิเสธอย่างนี้แหละ จบง่ายดี พูดอย่างอื่นมันจบยาก”



            “เชี่ยวชาญจริงนะมึง โดนขอบ่อยหละสิ แต่ว่าเพื่อนเขาก็น่ารักดีนะเว้ย ถ้ามึงไม่ชอบเขา มึงให้ไลน์ไปขอจีบเพื่อนเขาก็ยังดี” ไอ้ว่านเอ่ยพูดพลางหันไปมองที่โต๊ะฝั่งโน้น



            “มึงอยากจีบไหมหละ เดี๋ยวกูเดินไปขอให้เลย อยากได้คนไหนบอกมา” ไอ้อิฐตอบกลับมา



            “ช่างแม่งเหอะ กูไม่หล่ออย่างมึงนี่หว่า จีบไปเขาก็ไม่เอากูหรอก”



            ไอ้ว่านบ่นไปเรื่อยเปื่อย พลางหันไปยิ้มให้กับโต๊ะของสาวๆ เมื่อเห็นว่าฝั่งโน้นจับสังเกตได้ว่ามันแอบมองอยู่ ส่วนไป๋ก็ได้แต่หันไปมองนอกร้านอย่างเงียบๆ ในขณะที่บุคคลสุดท้ายในโต๊ะได้แต่นั่งพิมพ์อะไรยุกยิกในมือถือตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นเดินมาที่โต๊ะแล้ว



            “กลับกันเหอะ กูง่วงแล้ว”



            ไป๋พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าไอ้ว่านบ่นเสร็จเรียบร้อย คราวนี้ไม่มีใครขัดขวางอะไรเขา ไอ้เพียวเรียกพนักงานมาเก็บเงินค่าเวลาเล่นเกมกับขนมที่สั่งมากิน ส่วนไอ้ว่านก็หันไปเก็บอุปกรณ์บนโต๊ะเข้ากล่องเกมเพื่อเตรียมคืนให้ทางร้าน

 





            “ไอ้ไป๋ เดี๋ยวมึงกลับกับไอ้อิฐดิ อยู่หอเดียวกันไม่ใช่เหรอ ไอ้ว่านจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา”



            ไอ้เพียวพูดแนะนำ ความจริงสิ่งที่มันพูดก็ถูก ไอ้ว่านนอนอยู่หอใน ในขณะที่เขาอยู่หอนอก ถ้าให้ไอ้ว่านไปส่ง มันก็ต้องวนไปส่งเขารอบหนึ่งก่อนแล้วค่อยวนเข้ามออีกที แต่ไอ้อิฐมันก็ต้องกลับหออยู่แล้ว ไม่ว่าเขาจะกลับด้วยหรือไม่ก็ตาม



            “อ๊าว ไหนมึงบอกจะไปส่งกูไง”



            เขาเอ่ยทวงแบบไม่จริงจัง ความจริงไอ้เพียวเป็นคนเอ่ยว่าจะมาส่งเขาแท้ๆ เขาก็ทวงมันไปอย่างงั้นแหละ เขารู้ว่ามันอยู่หอนอกที่ต้องขับไปอีกทางหนึ่งเลย



            “นั่งรถถูกๆ ของกูแล้วคนรวยๆ อย่างมึงจะคันสินะครับ”



            ไอ้อิฐพูดออกมาอย่างติดกวนประสาท เขาก็บ่นไปเรื่อยเปื่อย แต่ไอ้อิฐก็กวนกลับเขามาเช่นกัน ความจริงคือรถไอ้อิฐก็ถือว่าถูกสุดในสามคัน แต่ความจริงนั่งคันไหนมันก็ถึงหอเขาเหมือนกันหมดนั่นแหละ



            “เออๆ กูก็บ่นไปงั้นแหละ ไอ้ว่านมึงเขาหอเลยก็ได้จะได้ไม่ต้องลำบากวนไปวนมา”



            ไป๋เอ่ยออกมาในที่สุด ความจริงเขาก็ไม่รู้จะเรื่องมากไปทำไม ไอ้อิฐมันก็ดูท่าทางไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรมากมาย



            “เอางั้นนะ” ว่านถามทวนออกมาเพื่อความแน่ใจ



            “เออ ติดรถไอ้อิฐกลับไปนี่แหละง่ายดี” เขาตอบอย่างตัดรำคาญออกมาในที่สุด

 





            “หมอเรียนยากไหม”



            เสียงคนขับเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาภายในรถที่มีแต่เสียงแอร์ดังหึ่งๆ ไอ้ว่านกับไอ้เพียวแยกกลับไปแล้ว เขาติดรถกลับมากับไอ้อิฐสองคน พอได้มานั่งใกล้ๆ มันก็ได้สังเกตว่าที่ต้นแขนมันมีรอยสักด้วย ครบสูตรความเป็นแบดบอยจริงๆ



            “ปีหนึ่งก็เรียนเหมือนมึงนั่นแหละ เรียนแต่วิชาพื้นฐาน”



            เขาตอบ ความจริงไอ้อิฐก็น่าจะรู้นะว่าเขาเรียนเหมือนกับมัน วิชาแลปฟิสิกส์เขายังมีเรียนชนกับคณะวิศวะอยู่เลย แต่คนอย่างมันคงไม่ได้ดูตารางเรียนหรอก วิชาแลปที่ว่าก็ยังไม่ได้เริ่มเรียนเสียด้วย



            “เหรอ เห็นมีแต่คนบอกว่าหมอเรียนยาก” มันพูดแบบรำพึงเบาๆ



            “ปีสองขึ้นไปนั่นแหละถึงเริ่มยาก ปีหนึ่งก็สบายสุดแล้ว”



            “...”



            “เออ ความจริงปั่นจักรยานกลับหอมันก็อันตรายจริงๆ นั่นแหละ กูเพิ่งรู้ว่าตอนกลางคืนรถมันเยอะขนาดนี้” ไป๋เริ่มเอ่ยพูดขึ้นบ้าง



            “มึงน่าจะขับรถไปเรียน”



            “กูก็ว่างั้นแหละ เดี๋ยวอาทิตย์หน้ากูจะเอารถมาเรียนละ”



            “อืม ดี จะได้ปลอดภัยเวลากลับหอดึกๆ”



            “...”



            “ความจริงกูเป็นคนกวนตีนนะ ถ้าบางทีกูเผลอพูดไรไป กูก็ไม่ได้คิดอะไรนะเว้ย มันแค่แบบ นิสัยกูไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ไอ้อิฐพูด



            “เออ กูก็เป็นพวกปากหมาเหมือนกัน”



            บรรยากาศระหว่างพวกเขาดีขึ้นนิดหน่อย ความจริงไอ้อิฐก็ไม่ใช่คนนิสัยเลวร้าย สมัยอยู่โรงเรียนเก่าพวกเขาชิงดีชิงเด่นกันเรื่องชมรมก็จริง แต่มันก็แค่การแข่งขันกันแบบเด็กๆ ไม่เคยถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้งกันใหญ่โต เพราะไม่ว่ายังไง ต่างฝ่ายต่างก็ทำชื่อเสียงให้กับโรงเรียนทั้งคู่



            “...”



            “เออ กูไปแล้ว ขอบคุณมากเว้ยที่มาส่ง ไว้เจอกัน”



            ไป๋ตัดสินใจพูดขึ้นเมื่อเห็นว่ารถจอดนิ่งสนิทดีแล้วและไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่ออีก ความจริงเขาว่าจะไปหาซื้อขนมติดห้องไว้สักหน่อยเลยจะเดินแวะไปที่ร้านสะดวกซื้อใต้หอสักหน่อยก่อนขึ้นห้อง แยกกันตรงนี้เลยก็น่าจะได้



            “เดี๋ยว”



            “มีไรเปล่าวะ”



            “พอดีกูมีเรื่องขอให้ช่วยหน่อยหวะ”



            “ว่า”



            “คือไอ้เพียวมันชอบเด็กคณะมึงอะ มันเลยให้กูมาถามว่าจะขอให้มึงช่วยมันจีบหน่อยได้เปล่า พอดีมันไม่มีคนรู้จักอยู่ในคณะแพทย์เลย มีแค่มึงกับไอ้ว่านสองคน” อิฐพูดขึ้นมาเมื่อไป๋หันไปมองหน้าเพื่อรอฟังคำตอบ



            “หือ”



            “แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะเว้ย เดี๋ยวไอ้เพียวกับกูหาวิธีอื่นกันก็ได้” อีกฝ่ายรีบพูดต่อเมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป



            “ที่มึงชวนกูไปเล่นบอร์ดเกมก็เพราะเรื่องนี้สินะ”



            ไป๋ยิ้มขึ้นมาเมื่อค้นพบเหตุผลที่ไอ้อิฐมาทำตัวแปลกๆ กับเขาได้แล้ว ที่แท้มันจะตีสนิทเขาเพื่อช่วยไอ้เพียวจีบคนในคณะแพทย์นี่เอง



            “เออ ก็ประมาณนั้น” อิฐตอบแบบง่ายๆ



            “ใครวะ”



            “น้ำหอม ดาวคณะมึงอะ”



            “อ๋อ”



            “เออ”



            “กูก็ไม่ค่อยสนิทนะ แต่เอาเป็นว่ากูจะช่วยทำที่ช่วยได้แล้วกัน”



            ไป๋รับปากไปแบบไม่คิดมาก ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ก็ครอบคลุมความหมายชัดเจนแล้ว คือเขาจะช่วยเท่าที่อยากจะทำพอ ที่เหลือเดี๋ยวค่อยโยนให้ไอ้ว่านไปละกัน



            “เออ ขอบคุณแทนไอ้เพียวด้วย เดี๋ยวบอกมันให้ มันคงดีใจมาก มันนี่เพ้อถึงดาวคณะมึงให้กูฟังทุกวัน” อิฐพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่เขาเห็นไม่ค่อยบ่อยนัก ความจริง ไอ้อิฐนี่เวลายิ้มก็ดูมีความเลวน้อยลงไปเยอะเลย



            “ความจริงบอกกูแต่แรกก็ได้นะ ไม่ต้องมาลำบากชวนกูไปเล่นบอร์ดเกมให้วุ่นวาย”



            “เอาน่า จะได้สนิทกันไว้ ยังไงมึงกับว่านก็เด็กโรงเรียนเดียวกับกูกับไอ้เพียวนะ มีอะไรจะได้ช่วยกัน”



            “เออ โชคดีมึง งั้นกูไปแล้ว ฝากบอกไอ้เพียวด้วยแล้วกันว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอกมา” เขาพูดพร้อมเปิดประตูก้าวออกจากรถ



            “ฝันดี”

 





            ไป๋เถลไถลเดินเลือกของกินมาติดห้องไว้สักพักหนึ่งก็เดินกลับขึ้นหอมาด้วยขนมและเครื่องดื่มเต็มสองถุงได้ พอออกจากลิฟท์เลี้ยวหักมุมมาก็เห็นลูกบิดประตูห้องของตัวเองมีของแขวนไว้อยู่ก่อนแล้ว เดินเข้าไปก็เจอว่าเป็นนมรสจืดขวดหนึ่งแขวนไว้เหมือนกับข้าวต้มปลาหมึกเมื่อวานเลย เพียงแต่วันนี้มีมีกระดาษแปะไว้ที่ถุงหนึ่งใบด้วย





 

                To… ไป่ไป๋

 

                                นมนี่เป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ... ผมพูดถูกใช่ไหมครับหมอ?

 

                                                                                                                                                From… 950

 






            ‘สรุปว่าคนที่เอาข้าวต้มมาแขวนเมื่อวานคือไอ้ 950 นี่เอง’







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta

               อ่านจบแล้วเม้นหน่อยนะ นะนะนะนะนะ อ้อนวอนสุดฤทธิ์ นักเขียนกดรีเฟรชเข้ามารออ่านคอมเม้นทุกชั่วโมงเลยนะ เม้นหน่อยนะ นะนะนะนะนะ จะรออ่านนะ เม้นเยอะๆ จะได้มาต่อไวไวไง :P
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 27-05-2018 18:55:59
กราบขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเม้น ตอนเวลาคนมาเม้นเกี่ยวกับตัวละครที่เราเขียน มันฟินมากๆ เหมือนมีคนกำลังคุยเรื่องเดียวกับเราอยู่ เม้นเยอะๆ น้าาาาาาาาาาาาาาาา อยากอ่านมากๆ เลยยยยย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-05-2018 19:02:01
950 เป็นอิฐรึป่าววววว
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 27-05-2018 19:19:24
อิฐตอนแรกกับตอนนี้ดูย้อนแย้งกันชอบกล ห้ะๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-05-2018 19:36:50
 :pig4: :pig4: :pig4:

950 กับ อิฐ  คงจะเป็นคนละคนกัน  เพราะคนที่เอานมมาแขวนไม่น่าจะใช่อิฐ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-05-2018 19:58:29
สงสัยละ ว่า  950  เป็นใคร    :z3:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 27-05-2018 20:06:53
น่าจะเลขห้องจริงๆนั้นแหละ
หอมีกี่ชั้นนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 27-05-2018 20:26:19
950 จะเป็นอิฐมั้ยน้า
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 27-05-2018 20:30:41
เข้ามาพร้อมๆกัน หลายคนดี
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 27-05-2018 20:42:14
ใครน้อ 950  :m28:

นี้มันใบ้หวยชัดๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-05-2018 21:17:46
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 27-05-2018 21:25:50
ชอบจังงงง

มาต่อไวๆนะค้าาาาาา

  :bye2: o13
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 27-05-2018 22:45:34
ชอบ มีแข่งเป็นบ้านๆด้วย เรียกได้ว่าถนัดกันคนละอย่าง ลงตัว พอดี  :hao6:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 27-05-2018 23:04:54
เดากันไปอีก ใครเป็นใคร
แต่อิฐแอบชอบและกำลังจะกจีบจิงจังใช่มะ เอาใจช่วยนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 27-05-2018 23:05:53
อยากไปดักรอหน้าห้องไป๋เลย  :hao7: #ทีมยังไม่รู้แต่คิดว่าเป็นอิฐ

รอๆๆๆๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: yewlyz ที่ 28-05-2018 00:18:19
อิฐเธอแอบชอบไป๋ใช่มั้ยยยยยย  :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 28-05-2018 01:43:47
  o13แทงหวยเลยค่ะหมอไป๋ 950 ..... ชอบมากกกก อยากให้อิฐรุกหมอไป๋เยอะๆ  o13
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP8 : คาทาน (27/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 28-05-2018 14:51:05
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 28-05-2018 17:54:05
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



            ตอนที่ 9 : ความถี่ของคลื่นเสียง



            หลังจากที่ไอ้อิฐบอกความต้องการที่แท้จริงของมัน อะไรก็ง่ายขึ้น



            ไอ้อิฐกับไอ้เพียวกลายมาเป็นขาประจำของโรงอาหารคณะวิทย์ไปโดยปริยาย มันบอกว่าพวกมันต้องมาเสนอหน้าบ่อยๆ ให้น้ำหอมคุ้นเคย ไอ้เพียวเอาไลน์กับเบอร์น้ำหอมจากเขาไปแล้ว ไม่รู้ว่ามันสานต่อยังไงบ้าง เขาเองก็ไม่ค่อยได้สนใจ รู้แค่ว่ามีพวกมันมาร่วมวงบ่อยๆ ก็สนุกดี





 

            “เฮ้ย ไอ้อิฐ มึงนี่ฮอตกว่าที่กูคิดไว้นะเนี่ย ดูดิ๊ เพจแฟนคลับมึงคนกดไลค์เกินหมื่นคนแล้ว”



            ว่านพูดขึ้นพร้อมกับหันหน้าจอโทรศัพท์มือถือไปให้ไอ้อิฐดู วันนี้มันอยู่ในชุดช๊อปสีน้ำเงินเข้มอีกแล้ว พอมันมานั่งอยู่ในคณะวิทย์ที่มีแต่คนใส่ชุดนักศึกษาบ้างชุดกาวน์ทำแลปบ้าง มันก็กลายเป็นจุดเด่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เลย



            “แอดมินเขาขยันโพสมั้ง กูไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอก”



            ตัวต้นเรื่องตอบแบบไม่ค่อยสนใจอะไรนัก มันกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านแลปฟิสิกส์อยู่ วันนี้เป็นวันแรกที่วิชาฟิสิกส์จะมีแลปหลังจากที่สัปดาห์แรกอาจารย์มาพูดแนะนำรายวิชาเฉยๆ มันไม่ได้ขยันหรอก มันแค่มีควิชเฉยๆ



            “วันนี้ไป๋เรียนแลปฟิสิกส์ที่ตึกไหนอะ”



            เสียงจากคนที่นั่งข้างเขาดังเป็นคำถามขึ้น ไอ้โฟคนั่นเอง ไอ้นี่ก็กลายมาเป็นหนึ่งในขาประจำของกลุ่มเขาไปแล้ว ตอนสัปดาห์แรกมันมาส่งเขาตอนเช้า แต่พอสัปดาห์ต่อมาเขาเอารถมาเรียนเอง มันก็ยังมานั่งเรียนแล้วก็กินข้าวกับพวกเขาเหมือนเดิม สงสัยมันจะนับผมกับไอ้ว่านเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับมันไปเรียบร้อยแล้วมั้ง



            “ตึกวิศวะอะ แล้วมึงหละ”



            ไป๋ตอบ วิชาฟิสิกส์เป็นวิชาที่ใช้พื้นที่กว้างกว่าห้องแลปเคมีกับชีววิทยา คณะแพทย์อย่างเขากับไอ้ว่านเลยต้องระเห็จไปทำแลปร่วมกับคณะวิศวะ ส่วนคณะเภสัชกับทันตะยังคงใช้ตึกวิทยาศาสตร์เหมือนเดิม



            “ตึกวิทยานี่แหละ” ไป๋ผงกหัวเป็นเชิงรับรู้

 





            “เฮ้ยๆๆ น้ำหอมมาหวะ”



            เสียงของไอ้เพียวดังขึ้นในระดับกระซิบกระซาบขึ้นในโต๊ะ บุคคลที่เหลืออันได้แก่ไป๋ อิฐ โฟค และว่านจึงหันไปรอบๆ แทบจะพร้อมกัน น้ำหอมกำลังเดินมาทางนี้จริงๆ ด้วย จะว่าไปเขาก็ไม่ค่อยได้เจอน้ำหอมบ่อยเท่าไหร่นัก ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยได้เข้าห้องเลคเชอร์เท่าไหร่



            “ไป๋ วันนี้ไป๋เข้าประชุมดาวเดือนหรือเปล่า” เธอเอ่ยพูดขึ้นทันที ดูเหมือนเป้าหมายของการเดินมาที่โต๊ะจะเป็นตัวเขา



            “อืม เขาดิ ก็ไม่ได้ติดอะไรนะ” เขาตอบพลางลอบมองไอ้เพียว มันกำลังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างขะมักเขม้น



            “ดีเลย เราคงไม่ได้เข้าอะไป๋ ติดแคสงาน มีอะไรบอกเราแล้วกันนะ” ฝ่ายนั้นพูดง่ายๆ



            “ได้เลย”



            “อ๊าว นี่เดือนวิศวะไม่ใช่เหรอ” น้ำหอมหันไปเอ่ยทักไอ้อิฐที่ตอนนี้กำลังนั่งฟังเขาและน้ำหอมพูดกันอยู่



            “อืม สวัสดี เราชื่ออิฐ” ไอ้อิฐตอบ เขายิ้มให้มันนิดหน่อย ในขณะที่อีกฝ่ายก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน



            “แล้วทำไมถึงมานั่งกับไป๋หละ เป็นบัดดี้ไป๋เหรอ”



            เสียงหญิงสาวเอ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้ม ไป๋ที่นั่งฟังอยู่ถึงกับสะดุ้งน้อยๆ ความจริงเขาต่างหากที่ต้องเทคแคร์ไอ้อิฐ ไม่ใช่มันที่ต้องมาที่นี่สักหน่อย ส่วนไอ้โฟคก็หันหน้ามายิ้มแหยๆ กับเขา ไอ้นี่ต่างหากที่จับได้เขาเป็นบัดดี้



            “เปล่าหรอก พอดีเพื่อนเรามีธุระให้ไป๋ช่วยนะ นี่เพื่อนเรานะ ชื่อเพียว”



            ไอ้อิฐตบบ่าไหล่เพียวเป็นการแนะนำ ไอ้เพียวเงยหน้าขึ้นยิ้มให้น้ำหอมหนึ่งทีถ้วนก่อนจะก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือต่อ ท่าทางมันคงจะเขิน



            “อ๋อ เข้าใจแล้ว งั้นเราไปแล้วนะไป๋ โชคดี” น้ำหอมหันกลับมาบอกเขาเป็นการจบบทสนทนา

 





            ความจริงการที่ไอ้อิฐมาเสนอหน้ากับพวกเขาบ่อยๆ ก็ถือเป็นเรื่องที่มีประโยชน์อย่างมาก เพราะเขาจะได้ไม่ต้องลำบากลำบนถ่อไปเทคแคร์มันหรือจะต้องปกปิดมันให้ลำบาก เขาอาศัยวิธีฝากตังให้ไอ้ว่านซื้อของมาแบ่งกันกินบ่อยๆ นี่แหละการเทคแคร์ของเขา ง่ายดี ไว้จังหวะดีๆ ค่อยซื้ออะไรจริงจังให้มัน



            ส่วนไอ้โฟคหลังจากที่ไม่ได้มาส่งเขาตอนเช้าแล้ว มันก็หันมาซื้อโน่นนี่ให้กินบ้าง แต่ส่วนใหญ่มันจะชอบเสนอตัวถือกระเป๋าให้ ตอนแรกเขาโคตรอึดอัดเพราะมันดูตลกมากที่จะให้ผู้ชายมาถือกระเป๋าให้แบบนี้ แต่พอมันแย่งบ่อยๆ เขาก็ชิน หลังๆ เขาเลยหาพวกหนังสือแลปหรือหนังสือเรียนมาให้มันถือแทน จะได้ไม่ต้องวุ่นวายเถียงกันให้ลำบาก เตรียมของมาให้มันถือซะเลย จบๆ ไป

 





            ไอ้โฟคนี่เป็นมนุษย์เหมือนคนเป็นพี่ชายคนโต นิสัยเหมือนแบบชอบเทคแคร์คนอื่นไปเรื่อย ขับรถไปส่งเอย อาสาไปซื้อข้าวให้เอย ถือกระเป๋าให้เอย ที่สำคัญมันยิ้มบ่อยมาก จะอธิบายไอ้โฟคยังไงดีนะ มันเป็นคนมีแก้มหน่อยๆ ชอบยิ้มตาหยีแบบโชว์ฟันเรียงกันเป็นระเบียบ มันไม่ได้ยิ้มแบบคนขี้เก๊กนะ แต่ยิ้มแบบเด็กยิ้มเวลาได้ของเล่นอะไรแบบนั้น



            ไอ้เพียวนี่ก็อีกคน มันก็เป็นมนุษย์ตัวติดหนึบมาพร้อมกับไอ้อิฐ ตั้งแต่วันที่ไอ้อิฐมาบอกเรื่องน้ำหอม มันก็มาเสนอหน้าที่โต๊ะพวกเขาตลอด แต่ความจริงมันก็ไม่ค่อยพูดเรื่องน้ำหอมเท่าไหร่หรอก เหมือนมานั่งเป็นกลุ่มเพื่อนกันมากกว่า เวลาเจอน้ำหอมที่มันก็ก้มหน้างุดๆ กับโทรศัพท์มือถือ ไอ้อิฐบอกว่ามันเขิน



            เขาปรึกษาไอ้ว่านเป็นที่เรียบร้อยเรื่องที่ไอ้อิฐมาบอก ความจริงเขาก็อยากช่วยแหละ เพราะถ้าไอ้เพียวมาที่นี่บ่อยๆ เขาก็เทคแคร์บัดดี้เขาซึ่งก็คือไอ้คิงคองอิฐได้ไม่ยากเย็นนัก สบายเขาไปเปลาะหนึ่ง ส่วนไอ้ว่านก็ไม่ได้ขัดอะไร มันดูจะเต็มใจช่วยไอ้เพียวมากกว่าเขาเสียอีก อย่างว่าแหละนะ ไอ้ว่านมันเป็นคนอารมณ์ดี เฟรนลี่ ชอบช่วยเหลือคนอื่นไปเรื่อย มันไม่มีปัญหาอะไรหรอก ไม่ว่าจะเรื่องไอ้เพียว หรือไอ้อิฐ หรือไอ้โฟคที่มานั่งหัวโด่สลอนกันเต็มโต๊ะกินข้าวทั้งเช้า กลางวัน เย็นแบบนี้

 





            ตอนบ่ายของวันนี้เป็นวิชาแลปฟิสิกส์ ห้องแลปมีสามห้องใหญ่ใช้ร่วมกันสองคณะแพทย์กับวิศวะ ห้องแรกเป็นแพทย์ล้วนไล่ลำดับไปเรื่อยๆ ตัดตรงโต๊ะไอ้ว่านพอดี ส่วนเขามาขึ้นห้องใหม่อยู่ห้องสองกับคณะวิศวะอีกส่วนหนึ่ง ไอ้อิฐก็อยู่ห้องนี้ด้วย ส่วนห้องสุดท้ายเป็นวิศวะล้วน ไอ้เพียวหลุดไปอยู่ห้องนี้



            แลปฟิสิกส์มีห้องละ 12 โต๊ะ แลปวันหนึ่งจะทำพร้อมกัน 6 เรื่อง เรื่องละ 2 โต๊ะ ไอ้อิฐได้รอบที่ตรงกับเขาพอดี เขาเลยทำแลปเหมือนกับมันทุกอาทิตย์ ส่วนไอ้ว่านไอ้เพียวที่อยู่อีกห้องจะสลับหัวข้อกันไป ทำเหมือนกันแต่จะเหลื่อมสัปดาห์กัน ไม่ได้ตรงกันเหมือนเขากับไอ้อิฐ

 





            “มึงคิดความถี่ของคลื่นเสียงได้เท่าไหร่วะ”



            เสียงของไอ้อิฐดังขึ้นไม่ห่างจากเขาไปเท่าไหร่ หมอไป๋ที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำรีพอร์ตแลปจึงหันไปทางฝั่งขวาตามที่มาของเสียงแล้วก็พบว่า จมูกเขาเกือบจะชนหูมันอยู่แล้ว มันยื่นหน้ามาดูรีพอร์ตที่เขากำลังเขียนในระยะใกล้มาก ใกล้ในระยะที่เขาจะเห็นรอยลักยิ้มของมันได้ชัดมากเลยทีเดียว



            “ไอ้สัด มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง”



            เขาเอ่ยด่ามันเบาๆ แต่มันก็ดูไม่ได้สนใจอะไรเขามากนัก มันหยิบเก้าอี้แถวนั้นมาแทรกตัวนั่งร่วมกับเขาบนโต๊ะแลป เพื่อนในโต๊ะเงยหน้าขึ้นมามองเล็กน้อยว่าทำไมถึงมีเด็กวิศวะมานั่งรวมกับพวกหมอด้วย แต่พอไม่เห็นเขาพูดอะไร เพื่อนในโต๊ะแลปคนอื่นก็ก้มหน้าก้มตาเขียนงานกันต่อ



            “ตกลงมึงคิดได้เท่าไหร่”



            มันเอารีพอร์ตแลปของเขามาเปิดรื้อดูอย่างหาคำตอบ มันพลิกไปพลิกมาแล้วก็จดๆ ผลของเขาไปในรีพอร์ตของมันเฉยเลย



            “เฮ้ย มึงลอกได้ไงวะ ผลการทดลองมึงได้เท่าไหร่เอาไปคำนวณเองดิ มันต้องได้ไม่เท่ากัน” เขาพูดพลางดึงรีพอร์ตแลปคืนจากมือมัน



            “เออๆ กูจดวิธีคิดไปก่อน เดี๋ยวกูเอาไปแทนค่าผลแลปของกลุ่มกูเองน่า” มันตอบออกมา



            “เป็นวิศวะภาษาไรวะ มานั่งลอกแลปฟิสิกส์จากหมอเนี่ย” ไป๋บ่นพึมพำ



            “กูไม่ได้ลอกจากหมอ กูลอกจากมึงต่างหาก”



            “แล้วมันต่างกันยังไงวะ”



            “ต่างสิ”



            “เออๆ ช่างมึงเหอะ”

 





            “เดี๋ยวมึงไปประชุมดาวเดือนเย็นนี้ยังไง”



            ไอ้อิฐเอ่ยถามขณะที่ยังลอกรีพอร์ตเขาไม่หยุด เย็นนี้มีประชุมดาวเดือนคณะด้วย คณะวิศวะอยู่ติดรั้วหน้ามหาวิทยาลัย ส่วนคณะวิทย์ที่ประชุมค่อนไปเกือบท้ายมหาวิทยาลัย ถ้าเดินไปลิ้นก็คงไหลมารวมที่คอหอยพอดี แต่ถ้าขับรถไปก็วุ่นวายอีก เพราะที่จอดรถคณะวิทย์ในเวลาแบบนี้คงหาได้ไม่ง่ายนัก



            “ขับรถไปมั้ง” เขาตอบไปส่งๆ



            “ซ้อนจักรยานกูไปดิ วันนี้กูเอาจักรยานมา” ไอ้อิฐพูดทั้งที่ก้มหน้าเขียนรีพอร์ตอยู่



            “ไม่เอาอะ ยางแบนพอดี แค่มึงคนเดียวจักรยานก็คงจะแทบรับน้ำหนักไม่ไหวแล้ว”



            คือไอ้อิฐนี่ไม่ใช่คนอ้วนนะ แต่มันเป็นคนสูง น่าจะสูงเกินร้อยแปดสิบ แถมตัวมันก็มีแต่กล้ามเต็มไปหมด มันดูแบบเป็นคนตัวหนาๆ มากกว่า



            “ตัวมึงเล็กแค่เนี้ย ทำอะไรยางจักรยานกูไม่ได้หรอกน่า ที่จอดรถคณะวิทย์หายากนะเว้ยตอนนี้ เดี๋ยวหาว่าไม่เตือน” ไอ้อิฐหันหน้ามาพูดกับเขา



            “คิดแป๊บ”



            “คิดเชี่ยไรนักหนาวะ แค่ซ้อนจักรยาน”



            “เออๆ แต่ขากลับมึงวนมาส่งกูที่รถด้วยนะ” เขาพูด



            “เออ กูก็ว่าจะติดรถมึงกลับหออยู่แล้ว ทิ้งจักรยานไว้คณะนี่แหละ”



            “อ๊าว”



            “กูลอกเสร็จและ กูกลับไปทำงานต่อแล้วนะ เลิกเรียนเจอกันหน้าห้องแลปนี่แหละ เดี๋ยวเดินลงไปด้วยกัน” มันพูดแบบตัดบทก็จะลุกกลับไปโต๊ะของมันเฉย อะไรของมันวะ บทจะมาก็มา บทจะไปก็ไป เดาใจยากฉิบหาย ไอ้นี่







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ตอนหน้ามาซ้อนจักรยานอิฐไปด้วยกันนะ อิอิ อย่าลืมเม้นให้น้า รออ่านเลย อยากอ่านคอมเม้นๆๆ อ้อนๆๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 28-05-2018 17:55:48
คนมาเม้นให้เยอะขึ้น หูยยยยย ดีใจ นั่งอ่านทุกคอมเม้นเลย มาเม้นให้หนูเยอะๆ หน่อยนะ แต่งไปถึงตอนที่สามสิบกว่าแล้ว ใกล้จบภาคหนึ่งแล้ว โอ๊ยยยยย ตื่นเต้น มาเม้นเยอะๆ นะ จะได้มาลงบ่อยๆ เย่ๆๆๆๆๆ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 28-05-2018 18:15:47
เนียนมากนะค่ะนู๋อิฐ

แต่เราชอบนะละมุนดี :impress2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-05-2018 18:27:59
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 28-05-2018 19:55:15
เนียนมาก
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-05-2018 20:00:42
อ้างเพื่อนทำเนียนมาเองหรือเปล่าอิฐ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 28-05-2018 20:21:37
อิฐมาแบบเนียนมากจนไป๋ไม่รู้ตัวเลย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 28-05-2018 20:23:18
อิฐกับโฟค สองคนนี้ใครจะเนียนกว่าใคร
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-05-2018 21:07:00
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-05-2018 21:56:42
หมายเลขนั้น เป็นของอิฐสินะ
เพียว ชอบน้ำหอมจริงรึ
เป็นข้ออ้างที่อิฐเข้าหาไป๋แน่เลย   :hao3:
อิฐ  ไป๋   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-05-2018 22:53:18
อิฐสายเนียน รุกไป๋แบบไม่ให้ตั้งตัว กว่าจะรุ้ตัวคงขาดอิฐไม่ได้แล้ว
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-05-2018 01:08:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

หมอไป๋ผู้เสน่ห์แรง จะลงเอยกับใครน้อ?
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 29-05-2018 07:54:51
เนียนเนอะ :hao3:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 29-05-2018 08:28:26
 :o8:  :-[  :impress2: สรุปว่าเรื่องเพื่อนชอบนำ้หอมก็ข้ออ้างใช่ปะ?  :hao7: เนียนว่างั้น  :hao3:  o13
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 29-05-2018 10:07:55
พัฒนาความสัมพันธ์ ????
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-05-2018 11:10:04
แหม อิฐ เนียนเลยนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP9 : ความถี่ของคลื่นเสียง (28/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 29-05-2018 11:53:41
โคตรเนียน
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP10 : ถนนจักรยาน (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 29-05-2018 18:07:51
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 10 : ถนนจักรยาน



             “ขึ้นมาดิ”



            ไอ้อิฐพูดหลังจากที่ขึ้นคร่อมจักรยานตรงคนขับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันยังใส่เสื้อช๊อปที่ใช้ทำแลปอยู่เลย ส่วนตัวเขาถอดเสื้อกาวน์แล้วเอามาถือไว้แทน



            “กูว่ากูเดินก็ได้หวะ กูตัวหนัก กูกลัวล้ม” ไป๋พูดออกมาอย่างตัดสินใจ



            “ขึ้นๆ มาเถอะน่า เพื่อนกูบางคนอ้วนกว่ามึงตั้งเยอะกูยังเคยปั่นให้ซ้อนมาแล้ว เอาอะไรกับคุณหมอตัวบางเฉียบอย่างมึงวะ” ไอ้อิฐหันมาพูดแกมบ่นๆ



            “แต่ถ้าล้มมึงห้ามมาด่ากูนะเว้ย”



            “เออๆ ขึ้นๆ มาเหอะ”



            ไป๋ไม่ต่อความยาวสาวความยืด แต่จัดการขึ้นคร่อมจักรยานไอ้อิฐเพื่อมุ่งหน้าสู่คณะวิทย์ ความจริงไอ้อิฐก็ถือว่าเป็นคนดังพอสมควรเลยมั้ง เพราะตอนลงมาใต้คณะพร้อมกับมันมีทั้งเพื่อนทั้งรุ่นพี่ทักมันเต็มไปหมด อย่างว่าแหละนะ มันทั้งหน้าตาดีทั้งเล่นกีฬาเก่ง เวลามันขยันฉีกยิ้มก็คงจะมีคนหลงเสน่ห์มันอยู่ไม่น้อย

 





            “เชี่ยยย ไอ้อิฐ เดี๋ยวนี้ถึงขั้นจีบหมอแล้วเหรอวะ ฮ่าฮ่าฮ่า”



            เสียงตะโกนแซวดังโหวกเหวกโวยวายมาจากโต๊ะหินอ่อนตอนที่ไอ้อิฐปั่นจักรยานผ่านโต๊ะไปพร้อมเขา เขาพอจำหน้าได้ เหมือนเจ้าของเสียงจะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับไอ้อิฐ เขาจำหน้าได้จากห้องแลปฟิสิกส์



            “จีบพ่องมึงสิ”



            ไอ้อิฐตะโกนตอบออกไปอย่างกวนตีน เสียงด่าของมันเรียกเสียงฮาครืนจากคนบนโต๊ะได้อย่างดี ท่าทางพวกมันจะแซวไอ้อิฐเล่นมากกว่าจะคิดจริงจัง เพราะพอไอ้อิฐตะโกนด่าพวกมันก็ขำและไม่สนใจเขาอีก ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว มันคงพิลึกชะมัดถ้าเขาจะโดนผู้ชายมาจีบ แค่คิดก็ตลกแล้ว



            “มึงไม่ต้องไปสนใจนะ พวกนี้มันปากหมาพูดเล่นไปงั้นแหละ”



            ไอ้อิฐพูดขึ้นทั้งที่ยังคงขมักเขม้นปั่นจักรยานต่อไป พอสิ้นคำพูดได้ไม่นานมันก็หักเลี้ยวจักรยานออกจากทางจักรยานที่แทรกตัวไปตามทางเดินของนักศึกษา มันหันมาปั่นจักรยานตรงทางถนนรถยนต์แทน ดูเหมือนทางแถบนี้จะมีคนสัญจรไปมาน้อยกว่า

           





            “เกาะเอวกูไว้ได้นะ” มันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ



            “ไม่เอาอะ ตลกฉิบหาย” เขาเถียง



            “ข้างหน้ามันมีลูกระนาด เดี๋ยวก็ได้ล้มหน้าคว่ำหรอกมึง”



            “แล้วมึงจะมาปั่นบนถนนทำไมวะ เมื่อกี้ปั่นอยู่ตรงทางจักรยานอยู่ก็ดีอยู่ละ”



            “กูรำคาญพวกปากหมา”

           





            “เชี่ยอิฐ!”



            เสียงของเขาอุทานขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับคว้าเอวของคนตรงหน้าไว้อย่างตกใจ ใช่แล้ว ไอ้อิฐปั่นข้ามลูกระนาดอย่างที่มันเตือนไว้ แต่มันไม่ได้บอกไว้สักคำว่ามันจะไม่ลดความเร็วลงแบบนี้เลย คนบ้าคนบอที่ไหนปั่นจักรยานข้ามลูกระนาดแบบไม่ลดความเร็ววะ นี่ยังดีว่าลูกระนาดที่มหาวิทยาลัยไม่ได้ชันมาก ไม่งั้นได้ล้มหน้าแหกทั้งคู่แน่



            “ก็กูบอกแล้วให้ระวัง”



            ฝั่งคนขับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ถ้าใครมองอยู่ในเวลานี้คงจะเห็นรอยยิ้มแบบปิดไม่มิดของคนที่กำลังปั่นจักรยานอย่างสบายใจเฉิบนี่ เสียดายว่าไป๋ไม่สามารถมองเห็น เขาเลยไม่มีโอกาสได้รู้ว่ารอยยิ้มของไอ้อิฐในเวลานี้มันสว่างไสวแค่ไหน

           





            “ไอ้เชี่ยอิฐ!”



            หมอไป๋อุทานขึ้นอีกรอบอย่างไม่ทันขาดคำ เขาเพิ่งปล่อยเอวไอ้อิฐไปได้เมื่อกี้ มันก็พาเขาตะลุยลูกระนาดอีกรอบ ตอนแรกเขาคิดว่ามันจะได้บทเรียนว่าต้องลดความเร็วลง แต่เขาคิดผิด มันไม่ได้ชะลอจักรยานเลย เขาจึงเสียหลักและต้องจับเอวมันเพื่อพยุงการทรงตัวเอาไว้อีกรอบ



            “กูบอกให้มึงระวังแล้วนะ”



            “กูรู้ว่ามึงบอกให้กูระวัง แต่กูไม่รู้ว่ามึงจะปั่นจักรยานได้เชี่ยแบบนี้ ใครสั่งใครสอนให้มึงไม่ลดความเร็วลงเลยตอนขึ้นลูกระนาดวะฮะ รีบไปเฝ้ายมบาลรึไงมึง”



            “ก็จับเอวกูไว้ก็สิ้นเรื่อง เร่งๆ ลดๆ มันปั่นเหนื่อยนะเว้ย” มันเถียงมาอย่างข้างๆ คูๆ



            “ถ้ากูล้มลงไปหน้าแหกใครจะรับผิดชอบ หมอเลสิคยิ่งสั่งให้กูงดเล่นอะไรผาดโผนอยู่เนี่ย ถ้าหน้าฟาดแล้วกระจกตากูหลุดมึงจะรับผิดชอบกูยังไง กูไม่อยากกลับไปใส่แว่นหนาเตอะแบบแต่ก่อนแล้วนะเว้ย”



            ไอ้ไป๋ก่นด่าไอ้อิฐอย่างรัวเป็นชุด แต่ก่อนเขายังยั้งๆ ปากไว้บ้าง แต่ตอนหลังพอสนิทกันมากขึ้นก็รู้นิสัยกันดี ไม่รู้จะเงียบทำไม ด่ามันนี่แหละ ด่ามันให้มันสำนึก



            “ใส่แว่นเหมือนแต่ก่อนก็ดีอยู่แล้ว” อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยเสียงเบาๆ

 





            “ระวัง”



            ไอ้คนขับจอมป่วนในเวลานี้พูดขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าข้างหน้ามีลูกระนาดอีกชุดใหญ่ มันไม่พูดเปล่าแต่ยังเอามือข้างขวาของมันมาคว้ามือข้างขวาของเขาที่ไม่ได้ถือของอยู่ให้ไปจับเอวมันด้วย หรือถ้าจะให้พูดให้ถูก จับหน้าท้องของมันมากกว่า พอมือของไป๋ได้สัมผัสกับหน้าท้องของไอ้อิฐแล้วก็ได้แต่สะท้อนใจ ขนาดแค่โดนจากนอกเสื้อยังรู้เลยว่าซิกแพคของมันแข็งและแน่นขนาดไหน หุ่นของมันโคตรนักกีฬา ส่วนหุ่นของเขาไม่ต้องพูดถึง ไม่มีความแข็งแรงสักนิด อย่าว่าแต่ฟิตกล้ามเลย แค่ดึงตัวเองให้ไปวิ่งที่ฟิตเนสใต้หอนี่เขายังไม่ค่อยอยากจะทำเลย



            “เชี่ยย”



            ไป๋ไม่มีโอกาสตัดสินใจมากนัก เพราะไม่ทันขาดคำไอ้อิฐ ล้อหน้าของจักรยานก็สัมผัสกับลูกระนาดไปแล้ว เขาถือคติปลอดภัยไว้ก่อนโดยการคว้าเอวไอ้คนตรงหน้าไว้แน่น นี่ถ้ารู้ว่ามันจะปั่นจักรยานได้หมาไม่รับประทานแบบนี้นะ เขาสู้ยอมเอารถเขามาวนหาที่จอดซะยังจะดีกว่า ไอ้ไป๋นะไอ้ไป๋ ไม่น่าไว้ใจไอ้คิงคองบ้าพลังจอมเถื่อนนี่เลย

 





            “จับเอาไว้ให้ดีนะมึง ถ้าคว่ำไป แผนจะเป็นเดือนมหาวิทยาลัยของมึงล่มแน่”



            ไอ้อิฐพูดด้วยเสียงดังไปกว่ากระซิบไปแค่นิดเดียว แต่นั่นก็แทบไม่มีปัญหาในการได้ยินเลย แค่นี้หน้าของเขาก็แทบจะแนบกับแผ่นหลังไอ้คนตรงหน้านี่อยู่แล้ว



            “ทำอย่างกูอยากเป็นตายห่างั้นแหละ” เขาตอบแบบประชด



            “ไม่อยากเป็นแล้วจะลงแข่งทำไม”



            “ไม่ต้องมาทำปัญญาอ่อน มึงนั่นแหละเป็นคนท้ากู”

 





            “กูไม่น่าท้ามึงเลย” ไอ้วิศวะตรงหน้าเขาพูดด้วยเสียงเบาราวกับจะรำพึงกับตัวเองมากกว่าพูดกับเขา

            “ไม่ต้องมาพูดมาก กูจะเอากาวน์ของกูคืนให้ได้”



 



            “มึงอยากได้คืนขนาดนั้นเชียวเหรอ กาวน์มึงที่ใส่อยู่ที่หูกูเนี่ย”



            “เออดิ นี่มันของรักของหวงกูเลยนะ กูไม่น่าหลวมตัวให้มึงไปเลย”



            “ทำไม คนอย่างกูมันแย่มากนักหรือไง”



            “กูแค่อยากได้ของกูคืน มึงรีบตัดสินใจสักทีว่าจะใช้สิทธิ์จะสั่งอะไรกู ให้กูเป็นเบ๊ให้มึงสักวันมะ เดี๋ยวกูจะคอยวิ่งซื้อข้าวซื้อน้ำให้มึง แต่พอใช้กูเสร็จก็คืนตุ้มหูกูมา”

 





            “ฟังดูดีนะ แต่กูไม่เอาหรอก”



            “แล้วมึงจะเอายังไง”



            “ชนะกูให้ได้สิ”



            “รางวัลเดือนมหาวิทยาลัยเนี่ยนะ”



            “เออ”



            “กูแม่งไม่น่าหลวมตัวไปแข่งกับมึงเลย นี่ถ้ากูรู้ว่ามึงมีแฟนคลับเยอะแยะขนาดนี้กูไม่มาแข่งกับมึงให้เสียเวลาหรอก แม่งโคตรไม่แฟร์เกม เสียเวลากูฉิบหาย กูนี่ไม่น่าหัวร้อนกับปากมึงเลย”



            ไป๋ยังคงบ่นไม่หยุด ตอนนั้นเขาหมั่นไส้ไอ้อิฐนี่มาก แต่ตอนนี้ไม่ค่อยจะเป็นแล้ว อย่างว่าแหละนะ พอสนิทกันมากขึ้น เขาก็รู้ว่าบางทีไอ้อิฐมันก็แค่กวนตีนไปตามนิสัย

 





            “ความจริงกูก็ไม่น่าท้ามึงแข่งเลย”



            “ทำไม กลัวแพ้กูหรือไง ไอ้อิฐเอ๊ย คอยดูรอบตอบคำถาม กูต้องชิงคะแนนจากกรรมการมาชนะมึงให้ได้”



            “กูแม่งไม่อยากให้มึงชนะเลย”



            “ทำไม หวงกาวน์อะไรนักหนา คืนๆ กูมาเหอะ มึงนี่ก็บ้าการแข่งขันจริงๆ”



            “กูไม่ได้หวงกาวน์มึงเท่าไหร่หรอก”



            “งั้นมึงก็กลัวเสียหน้าหละสิ มึงมันฮอตมากสินะ ไอ้อิฐผู้มีแฟนคลับในเฟสกว่าหมื่นคน คงมีคนเข้ามาให้เลือกไม่หวาดไม่ไหวเลยหละสิ”

 





            “กูไม่อยากให้มึงเด่นไปกว่านี้ต่างหาก” ไอ้อิฐตอบมาด้วยเสียงเบา



            “ทำไมวะ กูเด่นแล้วจะทำไม”



            “ไม่รู้ดิ กูว่ามึงเป็นแค่เด็กเรียนบ้าตำราแว่นหนาเตอะแบบตอนม.ปลายก็ดีอยู่แล้ว”

 





            สิ้นคำตอบสุดท้ายของอิฐก็ไม่มีคำพูดใดเกิดขึ้นระหว่างชายทั้งสองคนอีก หากถ้ามีใครสักคนกำลังจับตามองทั้งคู่อยู่ก็คงได้แต่ตั้งคำถามว่าทำไมถนนข้างหน้าก็ตัดเข้ามาสู่ทางราบแล้ว แต่คนหนึ่งก็ยังไม่ปล่อยมือจากอีกคนอีก แต่ไม่มีสายตาไหนและบทสนทนาใดแทรกกลางระหว่างความเงียบของคนทั้งคู่นี้ คนหนึ่งยังคงมุ่งหน้าปั่นจักรยานต่อไปเรื่อยๆ และอีกคนก็ยังคงซ้อนท้ายต่อไปอย่างไม่ถามจุดมุ่งหมาย

 





            หรือความเงียบจะเป็นคำตอบที่แท้จริงของเขาทั้งสองคน







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ถึงตอนที่ 10 แล้ว เย่เย่เย่ ภาคแรกมีทั้งหมด 40 ตอนและตอนนี้แต่งจบแล้ว ฮ่าฮ่า ไม่ต้องกลัวจะดองและหายไปนะ เพราะแต่งจบแล้ว ยังไงก็คงต้องลงให้ครบหมดแน่นอน แต่จะมีภาคต่อไปไหมไว้รอดูกระแสตอบรับก่อน สารภาพว่านี่คือนิยายรักเรื่องแรกที่แต่ง ยังต้องฝึกฝนและพัฒนาอีกมากยังไงก็ขอคำแนะนำติชมหรือคอมเม้นเป็นกำลังใจด้วยนะ คอมเมนท์จากคนอ่านสำคัญต่อนักเขียนจริงๆ : )
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP10 : ถนนจักรยาน (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 29-05-2018 18:08:56
กราบทุกคอมเม้นนนน การอ่านคอมเม้นจากคนอ่านที่ช่างกระชุ่มกระชวยหัวใจเสียจริง ใครแอบอ่านแล้วไม่เม้นก็มาเม้นเลยย โฮฮฮฮฮ ห้ามเงา ส่วนใครเม้นแล้วก็เม้นอีก น่ารักมากๆ จุ๊บๆๆๆๆ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP10 : ถนนจักรยาน (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 29-05-2018 18:46:39
ฮืออออ อ่านแล้วอบอุ่น
เริ่มแล้วสินะ อิฐ :o8:   รอนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP10 : ถนนจักรยาน (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-05-2018 18:57:25
อิฐเริ่มหวงไป๋แล่วล่ะสิ นี่แสดงว่าแอบชอบไป๋มานานแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP10 : ถนนจักรยาน (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-05-2018 19:10:22
 :pig4: :pig4: :pig4:

จงใจฝุด ๆ เลยนะ เจ้าอิฐ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP10 : ถนนจักรยาน (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 29-05-2018 19:17:36
อิฐเริ่มจะหวงไป๋แล้ว คงจะแอบมองเค้ามาตั้งนานแล้วสิ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP10 : ถนนจักรยาน (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 29-05-2018 20:39:07
วิศวกร กับ หมอ เป็นอะไรที่เราชอบมากๆเลย
อ่านถึงตอนล่าสุดนี้แล้ว เราคิดว่าอิฐคงชอบไป่ไป๋ข้างเดียวแน่ๆ อารมณ์ประมาณว่าชอบนะแต่ไม่แสดงออกต้องมีความป๊อดผสมอยู่ด้วย และไป่ไป๋ก็เป็นคนไม่สนใจใครเป็นมีโลกส่วนตัวสูง หวงพื้นที่ เลยเป็นที่มาของโพสต์อิทของนาย950สินะ
เดานะเดาอย่างเดียวเลย555
เราเป็นคนชอบดื่มชาแล้วก็กาแฟมาก เนื้อเรื่องเรื่อยๆค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้ก็ดีแล้วนะ
รออ่านตอนต่อไปนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP10 : ถนนจักรยาน (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 29-05-2018 20:49:04
แสดงว่าอิฐก็ชอบไป๋มานานแล้วซินะ

แบบชอบแกล้งคนที่ชอบอะไรแบบนี้หรือเปล่า

เราว่าค่อยจีบค่อยเป็นค่อยไปแบบตอนนี้ก็ดีอยู่นะ

เนียนต่อไปนะอิฐ สู้ๆ :a2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP10 : ถนนจักรยาน (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-05-2018 21:42:16
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP10 : ถนนจักรยาน (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-05-2018 22:12:01
อิฐ ท้าทายไป๋เพราะอยากให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ถ้าไม่ท้าแข่ง ก็เหมือนอยู่ห่างกันไม่ใกล้ชิดกันสินะ
แต่ตอนนี้ อิฐกลัวไป๋จะยิ่งเป็นที่รู้จัก คนต้องเข้าหาไป๋มากขึ้นแน่ๆ
เพราะพอประกวดแล้ว คนยื่งเห็นความน่ารัก ความหน้าตาดี ของไป๋ 
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP10 : ถนนจักรยาน (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 29-05-2018 22:22:25
อิฐหลงรักเค้ามานานมากแล้วสินะ สู้ๆนะน่าจะจีบไม่ยากเท่าไกร่มั้ง ไป๋อาจจะพอรุ้บ้างแต่ซึนๆไป
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP10 : ถนนจักรยาน (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 29-05-2018 23:05:19
 o13
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP10 : ถนนจักรยาน (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-05-2018 23:42:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP10 : ถนนจักรยาน (29/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-05-2018 09:38:58
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 30-05-2018 17:06:38
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



            ตอนที่ 11 : โรตีสายไหม



            การประชุมวันนี้มีหลักใหญ่ใจความอยู่ข้อเดียว



            นั่นคือพวกเขาต้องไปเข้าค่ายผู้นำของมหาวิทยาลัย ค่ายนี้ไม่ใช่ค่ายดาวเดือน แต่เป็นค่ายบ่มเพาะผู้นำกิจกรรมของมหาวิทยาลัย โดยสโมสรนักศึกษากลางกำหนดให้แต่ละคณะส่งตัวแทนมาคณะละสองคน โดยเป็นประธานชั้นปีปีหนึ่งและดาวหรือเดือนอีกหนึ่งคน อย่างที่บอกว่าสโมสรกลางเน้นย้ำมากดาวกับเดือนไม่ได้คัดที่หน้าตาแต่คัดที่ความสามารถ ดาวกับเดือนเลยติดร่างแหต้องไปเข้าค่ายพัฒนาความเป็นผู้นำอะไรนี่ด้วย บวกลบคูณหารในใจแล้วหมอไป๋ก็ได้แต่คิดว่าซวยแน่ เพราะท่าทางน้ำหอมจะต้องติดแคสงานแน่ๆ อย่างน้อยก็ตอนที่บอกเขาหละนะ ส่วนคุณเธอจะติดจริงหรือไม่ติดจริงเขาก็ไม่รู้     



            ทันทีที่ไอ้อิฐฟังนายกสโมสรประกาศเสร็จมันก็หันมาถามเขาทันทีว่าเขาจะไปไหม ซักไซ๊ไล่เรียงไปก็ค้นพบว่าไอ้อิฐนี่รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะไอ้เพียวทำงานอยู่ในสโมสรส่วนกลางนั่นเอง ไอ้อิฐตกลงไปกับไอ้เพียวไว้ก่อนแล้วเพราะมันจะไปเป็นเพื่อนเพื่อนมันนั่นเอง แต่ฝ่ายของไป๋ก็ยังได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้ ไม่อยากไปเลย แต่ดูท่าทางน้ำหอมจะต้องเบี้ยวแน่ๆ

 





            ขากลับรอบนี้ จักรยานไอ้อิฐเป็นหมันไปเป็นที่เรียบร้อย เพราะไอ้เพียวเอารถยนต์มาจอดไว้ที่คณะวิทย์ เรื่องอะไรที่เขาต้องไปเสี่ยงตายกับการปั่นจักรยานผาดโผนของไอ้ลิงเถื่อนด้วย ไอ้เพียวจึงได้งานเป็นสารถีขับรถมาส่งเขาที่รถ วันนี้ไอ้อิฐต้องติดรถเขากลับหอด้วยเพราะมันทิ้งจักรยานไว้ที่ตึกปลาวาฬแล้ว เขาก็เออออห่อหมกอย่างว่าง่าย เห็นแก่น้ำใจที่ให้ซ้อนจักรยาน

 





            “รถสะอาดจังวะ”



            ไอ้อิฐพูดขึ้นเป็นคำแรกเมื่อก้าวขึ้นมานั่งตำแหน่งข้างคนขับ จริงๆ รถเขาก็ไม่ได้สะอาดมาก แต่เมื่อเทียบกับรถไอ้อิฐก็สะอาดมากทีเดียว อยากน้อยเบาะหลังคนขับก็ยังบรรจุคนได้ ไม่ได้สุมๆ อะไรไว้เต็มไปหมดอย่างรถไอ้อิฐมัน



            “รถกูไม่ได้สะอาดหรอก รถมึงอะสกปรกมากกว่า” เขากัดตอบ ไอ้อิฐไม่พูดเถียงอะไร แต่เอามือลูบตรงโน้นตรงนี้ของรถไปเรื่อยเปื่อย

 





            “แพงมากไหมวะ”



            ไอ้อิฐถามออกมาอย่างสนใจ ดูก็รู้ว่ามันเป็นคนชอบรถ และรถที่เขาขับก็เป็นรถเปิดประทุนของแบรนด์สามแฉกยี่ห้อดังเสียด้วย ถึงแม้ว่าจะไปใช่รถลักชัวรี่เสียทีเดียว แต่ราคาก็ไล่ๆ กันอยู่ไม่น้อย



            “ไม่รู้หวะ รถพ่อ ยืมพ่อมาขับ”



            เขาตอบแบบเลี่ยงๆ ไป ความจริงเขารู้ราคาดีเลยหละ แต่ไม่รู้จะบอกไอ้อิฐมันไปทำไม ถ้ามันสงสัยจริงมันก็ต้องไปเสิจราคาหาเอาได้ หรือมิหนำซ้ำ มันอาจจะรู้ราคาอยู่แล้วก็ได้ ยิ่งชอบรถเป็นทุนเดิมก็น่าจะพอกะราคาในใจได้ เขาตอบไปก็จะกลายเป็นอวดรวยเสียเปล่าๆ ความจริงฐานะการเงินที่มาจากสิ่งที่พ่อแม่ทำไว้ให้นี่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจเท่าไหร่นะ อวดฉลาดยังดีกว่าเสียอีก อย่างน้อยก็ดูเป็นความสามารถที่มาจากตัวเองอย่างแท้จริง

 





            เขาแยกกับไอ้อิฐตรงใต้หอ ขากลับมาดูเงียบๆ นอยๆ ไม่รู้เป็นอะไรของมัน ส่วนเขาเองก็ปลีกตัวไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาตุนไว้เพิ่มสักหน่อย ของเก่าใกล้จะหมดแล้ว



            แบกถุงขึ้นมาถึงห้องก็เจอกับภาพเดิม มีของมาแขวนไว้ที่ประตูลูกบิดอีกแล้ว หลังๆ เขาก็เริ่มชิน ไอ้ 950 มนุษย์ปริศนานั่นเอง ตั้งแต่เปิดเทอมมาได้เกือบสองอาทิตย์มันก็ส่งของมาให้เขาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ข้าวต้มปลาหมึก นมจืด ขนมชิฟฟอน น้ำอัดลม ลูกชิ้นปิ้ง ไปจนถึงโรตีสายไหมในวันนี้



            ความจริงเขาพยายามจะจับสังเกตพฤติกรรมของมันแต่ก็แทบจะคาดเดาไม่ได้เลย คือเวลาที่มันเอามาส่งให้มันไม่ค่อยมีรูปแบบชัดเจนเท่าไหร่ อย่างข้าวต้มปลาหมึกที่มาตอนดึก นมจืดมาตอนกลับจากมหาวิทยาลัย ลูกชิ้นปิ้งมาตอนเช้าวันเสาร์ น้ำอัดลมนี่ได้หลังจากลงไปฟิตเนส ว่าจะมาดักมันก็ไม่รู้จะมารอมันตอนไหนดี สุดท้ายก็เลยได้แต่ปล่อยให้มันเป็นได้แต่ปริศนาต่อไป

 





                To… ไป่ไป๋

 

                                อยากจะเริ่มสร้างสายใย แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีครับ

 

                                                                                                                                                From… 950

 





            ‘จะอ้วก’



            ไป๋ได้แต่รำพึงในใจพร้อมกับหยิบกระดาษโน๊ตใบที่ 5 ไปแปะไว้ตรงโต๊ะอ่านหนังสือ เขาจดวันเวลาและของที่ได้เก็บไว้ที่หลังกระดาษเป็นข้อมูล อย่างน้อยเผื่อถ้าเฉลยมาว่าเป็นใครแล้วเขาไม่อยากติดหนี้บุญคุณจะได้ซื้อของคืนได้ถูก

           





            Mr.950 : ผมแอดเฟรนไปตั้งนานไม่เห็นรับผมเป็นเพื่อนสักทีเลยครับ ^ ^

 





            เสียงโปรแกรมแชตสีเขียวเด้งขึ้นแล้วไป๋ก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไอ้ 950 เอาไลน์ไอดีของเขามาจากไหน ตกลงมันเป็นใครกันแน่

           





            BAIBAI : ขอโทษนะ พอดีรับแอดแต่คนรู้จัก

 





            เขาตอบกลับไปแบบถูกครึ่งเดียว เขารับแอดแต่คนรู้จักก็เป็นความจริง แต่ความจริงยิ่งกว่าคือเขาแทบไม่ได้เปิดเฟสเลยด้วยซ้ำ ชีวิตหลักๆ ของเขาเล่นแต่ทวีตกับไลน์ เฟสนี่ใครจะมีความเคลื่อนไหวอะไรเขาก็แทบไม่รู้เลย

 





            Mr.950 : ยังไม่นับผมเป็นคนรู้จักอีกเหรอครับ เราเจอกันมาตั้งนานแล้วนะ



            BAIBAI : ใครอะ บอกมาสิ ถ้ารู้จักเดี๋ยวจะเข้าไปกดรับแอดให้เลย



            Mr.950 : ผมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลไป๋หรอกครับ แต่ไป๋ไม่เคยสังเกตเองมากกว่า



            BAIBAI : แล้วจะไปสังเกตยังไงอะ นายเป็นใครยังไม่รู้เลย





 

            ‘เอาวะ คุยกับมันสักหน่อย เผื่อมันจะหลุดข้อมูลมาให้สืบได้ว่าเป็นใคร’

 





            Mr.950 : ขนมที่ผมฝากไปอร่อยไหมครับ วันนี้เป็นโรตีสายไหมจากอยุธยาเลยนะ ร้านนี้ขึ้นชื่อมาก แป้งอร่อยมากเลย ได้ชิมหรือยังครับ



            BAIBAI : ยังอะ ขอโทษทีนะ พอดีเราไม่กล้ากินของจากคนแปลกหน้า มันอันตราย

 





            เขาตอบออกไปตามตรง กระดาษโน๊ตทุกใบที่ได้จากไอ้มนุษย์ประหลาดนี่ถูกเก็บไว้ก็จริง แต่ของกินที่ได้เขาเอาไปทิ้งหมดเลย ใครจะไปกล้ากิน ไม่รู้ผสมอะไรประหลาดๆ มาบ้างหรือเปล่า

 





            Mr.950 : พูดจริงหรือเปล่าครับเนี่ย ที่ผมซื้อไปฝากทุกอย่างไม่ได้กินเลยเหรอครับ



            BAIBAI : อืม ไม่ได้กินสักอย่างเลย



            Mr.950 : ทำไมไป๋ใจร้ายกับผมจังเลยครับ



            BAIBAI : ก็บอกว่าไม่กล้ากินของจากคนแปลกหน้า



            Mr.950 : ความจริงผมก็อาจจะไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับไป๋นะ



            BAIBAI : งั้นก็บอกมาดิว่าเป็นใคร ถ้ารู้จักจะได้กินโรตีสายไหมสักหน่อย



            Mr.950 : อย่าเร่งรัดผมเลยครับ สัญญาว่าผมบอกแน่ แต่ยังไม่ใช่เวลานี้นะครับ



            BAIBAI : นายต้องการอะไรกันแน่

 





            Mr.950 : ผมก็แค่อยากจีบไป๋...



            BAIBAI : กูเป็นผู้ชาย

 





            ใช่ เขาเป็นผู้ชาย

 





            Mr.950 : ไป๋เป็นผู้ชายแล้วผมขออนุญาตจีบไม่ได้เหรอครับ หรือต้องให้ไป๋จีบผมก่อน



            BAIBAI : เอ๊ะ ไอ้นี่



            Mr.950 : ขอโทษครับ ผมแค่ล้อเล่น



            BAIBAI : ตกลงต้องการอะไร



            Mr.950 : ผมอยากจีบไป๋จริงๆ ขอผมจีบไป๋ได้ไหมครับ



            BAIBAI : ไม่ตลก

 





            Mr.950 : ผมจริงจังนะครับไป๋ ให้โอกาสผมไม่ได้เหรอ



            BAIBAI : เลิกเล่นได้แล้ว ไอ้ว่านเปล่าเนี่ย มึงแอดมาแกล้งกูใช่ไหม หรือไอ้อิฐ หรือไอ้เพียว มึงกำลังนั่งขำอยู่ใช่ไหม สารภาพมา เลิกเล่นได้แล้ว



            Mr.950 : โถ่ ไป๋ครับ ผมอยากจีบไป๋จริงๆ



            BAIBAI : อย่าให้กูจับได้นะว่ามึงเป็นใคร กูเอาคืนมึงแน่



            Mr.950 : โถ่... ไป๋

 





            BAIBAI : มึงเรียนอยู่คณะไหน



            Mr.950 : ผมบอกไม่ได้หรอกครับ บอกไปไป๋สืบหาตัวผมเจอแน่ ฉลาดระดับไป๋ ผมบอกไม่ได้หรอกครับ



            BAIBAI : แปลว่ามึงเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้



            Mr.950 : ...



            BAIBAI : มึงก็รู้ใช่ไหมว่าเด็กโรงเรียนเราที่ติดมหาวิทยาลัยนี้มันมีไม่กี่คนหรอก กูตามแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เจอ สารภาพกูมาว่ามึงเป็นใคร

 





            ใช่แล้ว ชื่อไป่ไป๋ที่มันเขียนอยู่ในกระดาษไม่เคยมีใครเรียกที่มหาวิทยาลัยเลย มันเป็นชื่อเล่นเต็มๆ ของเขาที่มีแต่เพื่อนสมัยเรียนโรงเรียนเก่ารู้ สมัยโน้นเขาเคยสัมภาษณ์ลงหนังสือรุ่นของโรงเรียน และไอ้ว่านมันแกล้งเขียนชื่อเต็มของเขาลงไป คนขำกันทั้งโรงเรียน

 





            Mr.950 : ผมแค่อยากให้ไป๋รู้ว่าผมมองไป๋มานานแล้ว

           





            “ว่าไงวะไอ้ไป๋”



            Mr.950 : โถ่ไป๋ ผมชอบไป๋จริงๆ นะครับ

 





            เขากดเปิดลำโพงพร้อมโทรหาไอ้ว่านและดูหน้าจอไลน์ไปในเวลาเดียวกัน ไอ้ว่านรับเร็วมาก แต่ไอ้คนในโปรแกรมแชตนี่ก็ยังตอบเขามาอย่างไม่สะดุดเลย แถมจังหวะตอบยังชนกับจังหวะที่ไอ้ว่านรับสายด้วยซ้ำ ไอ้ว่านใช้แอนดรอยด์ เขาจำได้ว่ามันมีวิธีเล่นไลน์สองแอคเคาน์ในเครื่องเดียว แต่มันก็ไม่น่าจะรับสายได้ราบรื่นอะไรขนาดนี้

 





            “ว่าไงวะไอ้เชี่ยไป๋ มึงโทรมาหาพระแสงของ้าวอะไร โทรมาแล้วไม่พูด มึงโทรมาเผาตังเล่นหรือไงวะ ฮึ ไอ้ไป๋”



            ปลายทางพูดตอกกลับมาเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ตอบอะไร ส่วนไอ้มนุษย์ในโปรแกรมแชตก็ยังส่งข้อความมาไม่หยุด หรือมันจะไม่ใช่ไอ้ว่านจริงๆ วะ

 





            “มึงอยู่ไหนเนี่ย” เขาถาม



            “มึงโง่หรือแกล้งโง่เนี่ย มึงไม่ได้ยินเสียงเพลงจริงๆ เหรอวะ กูอยู่ร้านเหล้าแถวมอเนี่ย ไอ้กาญชวนมานั่งแดกเบียร์”



            มันตอบกลับมา มันไม่ได้พูดเวอร์เลย เสียงดนตรีสดดังมาจากลำโพงจริงๆ และก็มีเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจหลุดเข้ามาเรื่อยๆ ท่าทางมันจะอยู่ร้านเหล้าจริงๆ แปลว่ามันก็เล่นไลน์จากคอมไม่ได้



            หรือจะไม่ใช่ไอ้ว่านจริงๆ วะ?

 





            Mr.950 : ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะจีบไป๋จริงจังแล้วนะครับ แล้วผมไม่สนแล้วด้วยว่าไป๋จะอนุญาตหรือไม่ก็ตาม ผมไม่สามารถปล่อยให้ไป๋หลุดมือไปได้แล้วจริงๆ

 






            เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ชีวิตกูนี่มันวุ่นวายอะไรแบบนี้วะเนี่ย!

     





               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               อย่าลืมแนะนำติชมนิยายเพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะ หากอยากแนะนำแบบเป็นพิเศษหรือพูดคุยกับนักเขียนโดยตรงก็ตามไปได้ที่ทวีตเตอร์น้า รออ่านคอมเม้นนะ ผมมารอคอมเม้นที่ท่าน้ำทุกวันเบยยยย ^ ^
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 30-05-2018 17:07:05
รออ่านคอมเม้นน้า คอมเม้นเป็นกำลังใจที่ดีที่สวดเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 30-05-2018 17:53:10
เฉลยมาซะดีดี
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 30-05-2018 17:57:26
ใครนะ อิฐหรอ ไม่ใช่มั้ง :z3:

มีตัวเลือกให้เลือกไหมคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-05-2018 18:14:38
สงสัย  :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-05-2018 18:18:02
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 30-05-2018 18:22:28
ใครกัน :m28:

ให้เราทายเราว่าเป็นอิฐนะ

แต่มันจะง่ายไปหรือเปล่า

เราว่าหน้าจะเป็นคนที่คิดไม่ถึงนะ

+เป็ดให้คนเขียนจ้า  :3123:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 30-05-2018 18:24:32
โถ่.....ไป๋
รับแอดMr.950ไปเต๊อะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 30-05-2018 18:33:00
ตอนแรกเราว่าไม่ใช่อิฐ แต่ตอนนี้เราว่าน่าจะเป็นอิฐนะที่เป็น 950
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 30-05-2018 19:50:47
ใคร
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-05-2018 20:31:58
 :pig4: :pig4: :pig4:

อยากรู้จักมนุษย์ปริศนา นาย 950  จังเลย   เฉลยเหอะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 30-05-2018 20:57:18
950นี่เค้าเป็นใคร จะเป็นใครก็เป็นแต่ไม่อยากให้เป็นอิฐอ่ะ คือตอนเอาของมาแขวนก็ยังโอเค แต่พอมาแชทไลน์บอกจะจีบนี่ ภาวนาเลยว่าอย่าให้เป็นอิฐ ไม่รุ้อ่ะความรุ้สึกมันแบบนี่ไม่ใช่นิสัยอิฐอ่ะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-05-2018 21:57:44
950 คืออิฐ ใช่ไม่ใช่?
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-05-2018 22:18:17
 :m16:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 31-05-2018 07:36:58
อิฐ แน่นอน
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP11 : โรตีสายไหม (30/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 31-05-2018 13:50:18
งุยๆ น่ารัก อยากรู้แล้วใครคงจะเป็นอิฐ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 31-05-2018 16:58:45
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 12 : เครื่องกล



            “ไอ้เชี่ยไป๋มันเป็นอะไรของมันวะ”



            ว่านได้แต่บ่นพึมพำอยู่อย่างงงๆ มือขวาของเขาเอื้อมไปหยิบแก้วเบียร์บนโต๊ะมาดื่ม อยู่ดีๆ ไอ้ไป๋ก็โทรมาบ่นงึมงำอะไรไม่รู้ เขาได้แต่ส่ายหัวอย่างประหลาดใจ ปล่อยมันไปแล้วกัน ช่วงนี้มันบ้า

 





            จะว่าไปช่วงนี้รอบตัวเขามีแต่คนประหลาด



            เริ่มต้นจากไอ้อิฐก่อนเลย อยู่ดีๆ มันก็มาสนิทสนมกับพวกเขาเฉย ทั้งๆ ที่ตอนอยู่โรงเรียนเก่าเขม่นกันเอาเรื่องอยู่พอสมควร แต่ความจริงเขาก็ไม่ค่อยคิดอะไรมากหรอก แต่ที่แปลกใจคือไอ้ไป๋มากกว่าที่ยอมญาติดีกับไอ้อิฐซะงั้น เห็นไอ้อิฐบอกว่าเสนอหน้ามาคณะวิทย์บ่อยๆ จะได้ช่วยไอ้เพียวจีบน้ำหอม แต่ก็ไม่เห็นมันจะทำอะไรจริงจังเลย นี่ก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว ไม่เห็นไอ้เพียวจะมีความคืบหน้าอะไร จริงๆ แล้ว ถ้ามันจะเสนอหน้ามามันก็มาแค่คณะวิทย์ก็ได้ ไม่เห็นจะต้องมานั่งอยู่กลุ่มเดียวกับพวกเขาเลย

 





            ไอ้อิฐมันหล่อ



            ไอ้ไป๋อาจไม่รู้สึก แต่เขานี่จับสังเกตได้โคตรบ่อย ไอ้สังเกตที่ว่านี่ก็ไม่ใช่อะไร ไอ้อิฐนี่เป็นแหล่งรวมสายตาสาวๆ แบบใช่ย่อยเลย นั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหารนี่เขาเห็นคนแอบมองมันนับครั้งไม่ถ้วน แต่เรื่องนี้ไอ้ไป๋มันไม่เคยพูดถึงเลยนะ ไอ้ไป๋นี่มันโง่เรื่องพวกนี้มากเลย

 





            ไอ้ไป๋นี่เป็นพวกไม่มั่นใจในหน้าตาตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว



            คิดดูสิ ขนาดมันได้เป็นเดือนคณะแพทย์นะ มันยังไม่ได้มีความมั่นใจเรื่องหน้าตามันขึ้นมาแม้แต่น้อย ไอ้ไป๋นี่เป็นลูกคนจีนแบบคนจีนแท้ๆ เลย ตัวขาวแบบขาวออร่ามาก แต่คิ้วกับผมมันดำสนิทเลยนะ มันเลยดูออกมาทางคนจีนคมๆ มากกว่าคนจีนจืดๆ เบ้าหน้ามันดีเลยแหละ หน้าเรียว ปากมีอยู่จิ๊ดนึง เป็นรูปกระจับสีชมพูด้วย เขาเคยเอามือไปป้ายเล่นว่าจะจับผิดว่ามันทาลิป แต่เปล่าหวะ ปากมันเป็นสีนี้จริงๆ

 





            เหตุผลหลักเลยที่ไอ้ไป๋ไม่มั่นใจในตัวเองเลยคือตอนม.ปลายมันเป็นเด็กเนิร์ดมาก



            มันสายตาสั้นแบบสั้นมาก สั้นระดับใส่แว่นหนาเตอะ ถอดปุ๊บนี่เหมือนตาบอดเลย แถมมันไม่ได้มีความเป็นแฟชันอะไรแม้แต่นิดเดียว ในขณะที่คนอื่นพยายามจะไว้ผมยาว มันนี่เป็นคนที่หัวขาวมาก่อนอาจารย์จะเรียกตรวจผมตอนต้นเดือนด้วยซ้ำ พอรวมกันแล้วมันเลยกลายเป็นหน้าตี๋เด็กเนิร์ดคนหนึ่งที่ไม่โดดเด่นอะไรเลย คบกับมันมานาน มันก็ไม่เคยมีแฟนนะ ไม่เคยพูดถึงเรื่องความรักให้ฟังด้วยซ้ำ สงสัยพระเจ้าลืมใส่ต่อมไร้ท่อมาให้มัน ฮอร์โมนมันถึงตายด้านเป็นผีตายซากแบบนี้

 





            แต่ถ้าเอาด้านความประหลาด ณ เวลานี้แล้ว ไอ้โฟคดูประหลาดสุด



            ไอ้อิฐไอ้เพียวนี่ยังพอเข้าใจได้ว่าพอจะรู้จักกันมาก่อน แต่ไอ้โฟคนี่อยู่ดีๆ ก็มาติดหนึบไอ้ไป๋เฉยเลย ตอนเย็นก็ชอบเกาะไอ้ไป๋เป็นลูกลิงไปนั่งหอสมุดบ้าง ใต้คณะแพทย์บ้าง เขายังงงว่าไอ้ไป๋ไปสนิทกับมันตอนไหน นี่ถ้าไอ้ไป๋เป็นผู้หญิง เขาโคตรมั่นใจเลยว่าไอ้โฟคนี่มาจีบเพื่อนเขาแน่ๆ

 





            แต่การมีพวกไอ้โฟค ไอ้อิฐ ไอ้เพียวนี่ก็ดีเหมือนกันนะ



            เหตุผลหลักคือมีผู้หญิงสนใจไอ้พวกนี้เยอะมาก เวลาไปไหนมาไหนกันเป็นก๊วนก็จะมีโต๊ะข้างๆ บ้าง คนที่เดินสวนกันไปบ้างซุบซิบๆ ตลอดเวลา บางคนใจกล้าหน่อยก็ถึงขั้นเดินเข้ามาขอไลน์ก็มี คนที่โดนบ่อยสุดคือไอ้อิฐ มันอาจจะหล่อด้วยส่วนหนึ่ง แต่หน้าตามันดูแบบเพลย์บอย เจาะหู ไถข้าง สักแขน ดูพร้อมจะมีความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยตลอดเวลา ผู้หญิงที่เข้ามาหามันส่วนใหญ่นี่กระโปรงแทบจะวัดคืบได้เลย



            ความจริงกลุ่มพวกเขานี่ก็เด่นพอใช้ได้เลยนะ มีทั้งเดือนแพทย์ผู้หน้าบูดเป็นผีตายซาก เดือนวิศวะหุ่นคิงคองและหน้าตาโคตรเพลย์บอย กับเดือนทันตะที่หน้าขาวชอบฉีกยิ้มโชว์ฟันเรียงทุกห้านาที นี่ถ้าเรตติ้งยังดีแบบนี้ เขาน่าจะเปิดขายบัตรตีตั๋วเข้าชมดีกว่า

 





            “ไอ้ว่าน นั่งยิ้มอะไรคนเดียววะ”



            เสียงบ่นดังมาจากไอ้คนที่เขาเพิ่งนินทาในใจอยู่เมื่อกี้ ไอ้อิฐนั่นเอง มันตามมาสมทบที่ร้านเหล้าหลังจากที่วงดนตรีเล่นไปแล้ววงหนึ่งได้ วันนี้ไอ้เพียวชวนเขาออกมาแบบไม่ได้บอกล่วงหน้า เขาเลยไม่ได้ชวนไอ้ไป๋ด้วยอีกคน แต่ชวนไปก็เท่านั้นแหละ มันไม่มาหรอก มันเกลียดเสียงดังวุ่นวายกับกลิ่นบุหรี่อย่างกับอะไรดี



            “กำลังนินทามึงอยู่ว่าอะไรดลใจมึงมาให้สนิทกับพวกกูวะ” ไอ้ว่านตอบไปแบบตรงๆ



            “ก็ไอ้เพียวมันอยากจีบเด็กคณะมึงอะ” คนโดนถามรีบโบ้ยไปให้เพื่อนที่นั่งอยู่ถัดไปสองตำแหน่ง ไอ้คนโดนโบ้ยก็สะดุ้งน้อยๆ ก่อนสบถพึมพำอะไรเบาๆ ที่เขาก็ไม่ได้ยิน



            “แล้วเป็นไง จีบติดยังมึง” ว่านหันไปถามตัวต้นเรื่องด้วยความสงสัย



            “ก็ ...เรื่อยๆ” มันตอบกลับมาแบบไม่เต็มเสียงนัก

 





            ไอ้เพียวนี่ลักษณะภายนอกคล้ายไอ้อิฐหลายอย่าง อย่างแรกคือความเถื่อน อธิบายยังไงดีวะ มันเป็นเหมือนพวกเด็กวิศวะ เด็กช่างเถื่อนๆ แต่มันไม่ได้ดูเป็นนักกีฬาเท่าไอ้อิฐ มันแค่ดูสูงโปร่งและหุ่นดีเหมือนนักกีฬา แต่ไม่ได้ล่ำเป็นคิงคองอย่างไอ้อิฐ แต่ก็ดูสมาร์ทใช้ได้ ส่วนเรื่องนิสัยนี่ไม่ใกล้เลย ไอ้เพียวนี่ดูเฟรนลี่แล้วก็เจ้าชู้กว่าไอ้อิฐเยอะ ไอ้อิฐนี่ดูเหมือนพวกฟาดเงียบๆ แต่ไอ้เพียวนี่ดูฟาดแบบเปิดเผย ทำไมมันถึงยังไม่คืบหน้ากับน้ำหอมก็ไม่รู้ หน้าตามันหล่อพอได้เลย หรือมันโดนสาวเจ้าหักอกแล้วไม่อยากพูดก็ไม่รู้

 





            “ไอ้ว่านมีเบอร์ไอ้ไป๋เปล่าวะ เพื่อนกูชอบมันหวะ มันฝากมาขอ”



            เสียงหนึ่งในโต๊ะดังขึ้นพูดตรงกับเขา ไอ้กาญนั่นเอง เด็กวิศวะอีกคนที่มาจากโรงเรียนเดียวกับเขาและไอ้ไป๋ เออ มันก็ฮอตเหมือนกันเว้ย



            “เหรอ เดี๋ยวกูถามมันก่อนว่าให้ได้เปล่า เดี๋ยวมันด่ากู” เขาพูดพลางจะกดจิ้มมือถือถามเพื่อนตัวดี



            “เออ ลองถามดิ๊”



            “เดี๋ยว เพื่อนมึงคณะไหนวะ มึงอยู่วิศวะนี่ สาววิศวะชอบเพื่อนกูเหรอวะ” ไอ้ว่านถามแบบนึกขึ้นได้



            “วิศวะนี่แหละ แต่เพื่อนกูผู้ชายหวะ” ไอ้กาญตอบด้วยเสียงแห้งๆ

 





            “ใครวะ” เสียงของไอ้คนที่เพิ่งมาใหม่ล่าสุดเอ่ยถาม



            “ไอ้เจตภาคเครื่องกลหวะ มันเป็นไบ จ้องๆ หมอไป๋มานานละ มันเพิ่งกล้าฝากกูมาขอเนี่ย เห็นกูจะมาแดกเหล้ากับพวกมึง” กาญตอบ



            “ไอ้เชี่ย เพื่อนกูฮอตในหมู่ผู้ชายด้วยเหรอเนี่ย กูไปถามให้นี่แม่งจะด่ากูไหมเนี่ย” ไอ้ว่านบ่นอย่างเซ็งๆ ไม่ใช่เรื่องของเขาสักหน่อย เขาไม่อยากโดนไอ้ไป๋ด่าฟรีนี่หว่า



            “เอาน่า มึงลองถามๆ ดู มันก็เซ้าซี้กูมาเนี่ย ถ้าไอ้ไป๋ไม่ให้จะได้จบๆ ไป มันจะได้เลิกบ่น”

           





            “ไม่ต้องถามหรอก มึงไปบอกไอ้เจตเลยว่าหมอไป๋มันชอบผู้หญิง”



            เสียงหนึ่งดังขึ้นตัดบทสนทนาดังฉับ แน่นอนว่าเสียงนั้นไม่ได้มาจากว่าน แต่มาจากไอ้อิฐ เพื่อนโรงเรียนเก่าเดือนวิศวะที่ตอนนี้กำลังยกซดเหล้าอึกอึกอย่างกับกินน้ำ

     





               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               เม้นหน่อยนะ เม้นหน่อยนะ พลีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 31-05-2018 16:59:13
มาเม้นหน่อยน้าาาาาาาาาาาาาา รออ่านคอมเม้นทุกวันเบยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 31-05-2018 17:54:47
เดี๋ยวนะ อัพตอนใหม่ไวจริงๆ แต่เราว่ามันสั้นไปหน่อยนึงนะ
ตกลงว่าสองหนุ่มคณะแพทย์กับสองหนุ่มวิศวะเค้ารวมตัวกันแล้วตั้งบอยแบรนด์ได้เลยป่ะเนี่ย
สรุปตอนนี้ว่านเป็นเมนหลักส่วนไป่ไป๋ค่าตัวแพงสินะ
ป ล .ลืมโฟคเดือนคณะทันตะฯไปเลย555
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 31-05-2018 18:22:37
เอาแล้วววววววว
หมอนี่เสน่ห์แรง
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 31-05-2018 18:25:18
สรุปในโต๊ะมีกี่คน
 
ว่าง อิฐ โฟค กาญ เพียว แล้วทำมั้ยเพื่อนไม่ชวนไป๋มาค่ะ :m28:

รวมกลุ่มคนผู้ต้องสงสัยทั้งนั้นเลย o22
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 31-05-2018 18:26:50
อิฐเริ่มกันท่าแล้ว ต้องรีบรุกจีบหมอไป๋เร็วๆนะ เพราะหมอเค้ามีเสน่ห์กับเพศเดียงกันนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-05-2018 18:53:42
แอ๊ะๆ........อิฐรีบกันท่าเลย
สงสัยเขม่นเจตที่มาขอเบอร์ไปแล้ว

เพียว คงอึดอัดนะ ถูกอ้างว่าชอบน้ำหอมเฉยเลย
ใครจะคู่เพียวนะ หรือะเป็นว่าน  :impress2:

อืฐ  ไป๋   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 31-05-2018 19:46:33
หวง ชัดๆ

รอออออออออ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 31-05-2018 19:52:15
ห้ะ ขอเพิ่มได้ป่าวรู้สึกสั้นๆ  :mew1:

ตกลงใคร 950 เนี่ยยยยย

อิฐทำดีลูก อย่าให้ใครได้เบอร์ไป่ไป๋ ไป  :z2: :z2:  ขออิฐรุกแรงๆ ไป๋มันไม่รู้เรื่อง
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-05-2018 20:01:51
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 31-05-2018 20:45:40
อิฐกันท่าทำไม ตัวเองยังไม่กล้าจีบไป๋ตรงๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 31-05-2018 21:53:23
ออกตัวแรงเชียวนะอิฐ ระวังจะหัวทิ่มนะหมอไป๋ยิ่งอึนๆอยุ่ เมื่อไหร่จะรุ้ตัวยังไม่รุ้เลย แต่ก็เอาใจช่วยแหล่ะนะ อยากเจอฉากกุ๊กๆกิ๊กๆบ้าง
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 31-05-2018 22:17:07
 :pig4: :pig4: :pig4:

เสน่ห์แรงจนหัวกะไดไม่แห้งเลยนะไป๋ไป๋

ส่วนเจ้าอิฐออกตัวกันท่าสุดริดเลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-05-2018 23:02:00
 :katai2-1:


หึงอีกกกก
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 31-05-2018 23:10:45
น้องอิฐค่ะ ... ถ้าไม่รุกแบบหนักๆแรงๆนี่มีโอกาสวืดสูงนะค่ะ... บอกเลย....เพราะน้องไป๋นี่แบบบ so _amn hot ค่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP12 : เครื่องกล (31/05/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 01-06-2018 09:08:19
โอ้ยอยากอ่านต่อแว้วววว

อิฐอย่าเสียมาดนะจ๊ะ

 :hao7:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 01-06-2018 11:48:30
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



            ตอนที่ 13 : ถาม



            ไป๋บิดขี้เกียจอย่างเบื่อหน่าย เมื่อคืนเขานอนดึกมาก เพราะกว่าจะได้หลับได้นอนก็เกือบตีหนึ่ง ประเด็นไม่มีอะไร เขามัวแต่หาเบาะแสเกี่ยวกับไอ้ 950 อะไรนั่นอยู่ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เขารู้แค่ว่ามันเป็นเพื่อนโรงเรียนเก่าของเขาที่สอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขาด้วย มันมีไลน์เขา และรู้เบอร์ห้อง ส่วนเรื่องจุดประสงค์ของมันเขายังไม่มั่นใจ มันอาจจะจงใจปั่นหัวเขาด้วยความต้องการบางอย่าง

 





            “ไป๋”



            “อ๊าว ไอ้โฟค มาทำไรวะ”



            หนุ่มนักศึกษาแพทย์เอ่ยถามด้วยความสงสัย ตั้งแต่ตอนหลังที่เขาเอารถมาขับเอง เขาก็แยกกันไปเรียนกับโฟคนานแล้ว ไม่รู้ว่าจะติดรถมันให้วุ่นวายทำไม รถตัวเองก็มี



            “พอดีมาเอาชีทที่เพื่อนพอดี เลยว่าจะชวนไป๋ไปเรียนด้วยกันเลย”



            ยิ้มกว้างเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน วันนี้เขากับโฟคเรียนวิชาเดียวกันทั้งเช้าบ่าย ความจริงถ้าติดรถมันไปก็ไม่ลำบากอะไรมาก เพราะยังไงตอนเย็นก็เลิกเรียนพร้อมกัน เขาก็คงขอเกาะมันกลับมาได้อย่างไม่ยากเย็นในตอนขากลับ

 





            “เฮ้ย ไม่ต้องก็ได้ กูเอารถไปดีกว่า” เขาตอบ



            “ไหนๆ ก็ต้องเรียนด้วยกันทั้งวันอยู่แล้ว เดี๋ยวตอนเย็นกลับมาส่ง”



            “อืมม”



            “ทางเดียวกันไปด้วยกันดิ แค่นี้เอง” โฟคฉีกยิ้มแจกฟันขาว



            “เออๆ ก็ได้ แต่ตอนเย็นต้องมาส่งกูด้วยนะ ห้ามลอยแพกูเด็ดขาด”



            เขาตอบอย่างขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดพลางเอื้อมมือไปเปิดประตูรถพร้อมก้าวขึ้นไปนั่งข้างคนขับอย่างคุ้นเคย รถไอ้โฟคฉีดสเปรย์หอมฟุ้งเหมือนเคย

 





            “ไป๋ไปค่ายผู้นำของมหาวิทยาลัยหรือเปล่า”



            โฟคเอ่ยถามขึ้น เมื่อหักรถออกมาจากรั้วหอได้ไม่นาน หันมันมามองเขาแว๊บนึงก่อนจะหันไปสนใจกับการขับรถต่อ เขาลืมไปเลยว่าไอ้โฟคก็ต้องติดหนึ่งในคนที่มีสิทธิ์จะต้องไปค่ายอะไรที่ว่านี่



            “น่าจะต้องไปหวะ เมื่อวานกูโทรไปคุยกับดาวคณะกูมาละ ติดแคสงานอีกตามเคย”



            เขาโทรหาน้ำหอมเมื่อวาน น้ำหอมตอบปฏิเสธเขาอย่างที่เขาเดาไว้ไม่ผิด แต่คราวนี้เธอส่งตารางงานที่ต้องไปแคสให้ดูแบบแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วย เขาก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง อย่างน้อยเธอก็ติดงานจริงๆ         



            “เหรอ ถ้าไป๋ไป เราก็คงไปมั้ง” มันตอบกลับมา



            “เกี่ยวไรกับกูวะ” เขาถามกลับ



            “ก็เราไม่ค่อยสนิทกับใคร ถ้าไป๋ไปด้วยก็ค่อยอุ่นใจหน่อยว่าอย่างน้อยก็มีคนรู้จักไปด้วยบ้าง” มันพูดพร้อมกับหันมายิ้มให้เขาหนึ่งทีถ้วน ไอ้โฟนนี่เป็นคนที่ยิ้มทั้งปากทั้งตาจริงๆ ดูเป็นรอยยิ้มที่โคตรจริงใจ



            “เออๆ ไอ้อิฐกับไอ้เพียวก็ไปด้วยนะ เมื่อวานมันบอก ไอ้อิฐไปในฐานะเดือนคณะ ส่วนไอ้เพียวนี่มันทำงานอยู่สโมกลาง มันไปเป็นสตาฟของงาน” เขาพูดเล่าไปเรื่อยเปื่อย ความจริงไอ้อิฐ ไอ้เพียว ไอ้โฟคก็เหมือนเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันไปแล้วตอนนี้



            “อิฐกับเพียวนี่แปลกดีเนอะ เรียนวิศวะแต่มาสนิทกับไป๋กับเพียวเฉยเลย”



            “เดี๋ยว มึงก็เรียนทันตะเปล่าวะ มึงยังมาสนิทกับกูได้เลย”



            “ไม่ แต่เราก็เรียนห้องเดียวกับไป๋ไง ส่วนอิฐกับเพียวนี่แทบจะเรียนไม่ตรงกันเลย”



            “เออ ไม่รู้มันเหมือนกัน เดี๋ยวพอขึ้นปีสองก็คงห่างๆ กันไปมั้ง ทั้งมึงทั้งไอ้อิฐไอ้เพียวแหละ เข้าคณะแล้วก็คงไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว”



            “ไม่หรอก” อีกเสียงตอบด้วยเสียงเบา



            “ว่าไงนะ” เขาถามกลับแบบไม่ค่อยได้ยิน



            “เปล่าๆ ไม่มีอะไร”

 





            “ไป๋ ถามไรหน่อยดิ”



            เสียงอีกคนสูดหายใจลึกก่อนจะพูดออกมาเหมือนต้องรวบรวมความกล้าอยู่อย่างนั้น มันจะถามอะไรเขา ดูจากท่าทางแล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องดี



            “ว่า”



            “คือเพื่อนเราชอบไป๋” เสียงนั้นพูดออกมาหลังจากเงียบไปอึดใจหนึ่ง



            “หืม”



            “คือเพื่อนเราชอบไป๋ มันฝากเรามาถามไป๋ว่าไป๋มีแฟนหรือยัง”



            เขาว่าเขาไม่ได้ตาฝาดไป แต่หน้าขาวๆ ของไอ้โฟคมีแววแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ไก่อ่อนจริงๆ หวะ นี่ขนาดถามให้เพื่อนยังหน้าแดงขนาดนี้ ถ้าเป็นเรื่องของตัวเองจะหน้าแดงขนาดไหน

 





            “บอกเพื่อนมึงไปเหอะว่าอย่าสนใจกูเลย” เขาตอบเรียบๆ



            “ทำไมวะ ไป๋มีแฟนแล้วเหรอ” มันดูหน้าเสียไปเล็กน้อย



            “เปล่า”



            “อ๊าว”



            “กูไม่ค่อยสนใจเรื่องความรักหรอกหวะ มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบวุ่นวายกับคนอื่น กูไม่ชอบให้ใครมาสนิทกับกูมากๆ กูรำคาญหวะ” เขาตอบไปตามตรง ใช่ เขาไม่ชอบสนิทกับใครมากเกินไปจริงๆ

 





            “แต่ก็แปลว่าไป๋ยังโสด” มันซักต่อ



            “ก็โสด แต่ไม่อยากมีใครหวะ กูว่าชีวิตกูแบบนี้ก็ดีแล้ว” เขาตอบด้วยความสัตย์จริง



            “แปลว่าเพื่อนเราก็ยังมีโอกาสอะดิ”



            “ฝากไปขอโทษเพื่อนมึงด้วยหวะโฟค กูไม่ได้หยิ่งนะ แต่กูไม่อยากมีใครจริงๆ กูเป็นมนุษย์ประหลาดหวะ ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเท่าไหร่ บอกเพื่อนมึงไปมองคนอื่นเหอะ” เขาพูดด้วยเสียงหนักแน่น

 





            “เหลืออีกข้อหนึ่ง”



            “ว่ามา”



            “เพื่อนเราฝากมาถามว่า...” มันเงียบไปเหมือนกำลังจะตัดสินใจ



            “ว่า”



            “ไป๋ชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย”



            ทันทีที่คำถามจบลง รถทั้งคันก็ตกอยู่ในความเงียบ พาหนะคันหรูพาพวกเขามาเทียบท่าที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัยพอดี แต่ดูเหมือนว่าคนทั้งคู่ในรถคันนี้ยังมีประเด็นที่ติดพัน

 





            “คำตอบเหมือนข้อแรก”



            “เราไม่เข้าใจ”



            “คำตอบคืออย่ามาสนใจกูเลย เชื่อกูเถอะ กูไม่ใช่คนที่มีค่าพอจะให้ใครมาสนใจหรอก บอกเพื่อนมึงลองมองดูคนอื่นดีกว่า กูไม่เหมาะสมกับใครหรอก” เสียงของเขาเรียบเย็นกว่าทุกที

 





            “โกรธเราเหรอ” เสียงของมันดูหมองไปถนัดใจ



            “เปล่านะ” เขาตอบ



            “เดี๋ยวเพื่อนเราจะทักไปแนะนำตัวนะ มีอะไรก็คุยกับมันดูแล้วกัน”



            เขาพยักหน้าเออออรับคำไป การปฏิเสธคนตรงหน้าไปก็อาจจะไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา บางที รอพูดกับเจ้าตัวเองเลยจะง่ายกว่า ไป๋ตัดสินใจเอ่ยอำลาสารถี เขาว่าจะไปเดินเล่นเงียบๆ คนเดียวสักหน่อย เขาอยากคิดอะไรแบบเป็นส่วนตัว

 





            CLEAN FOLK : สวัสดีนะไป๋ เราชื่อโฟค เราเรียนอยู่ปี 1 คณะทันตแพทยศาสตร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ : )

 





            เสียงโปรแกรมแชตสีเขียวดังร้องเตือนขึ้นตั้งแต่เขายังไม่ทันปิดประตูรถดี ชายหนุ่มก้มมองประโยคที่ทักมาก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ขาที่ตั้งใจจะก้าวออกไปจึงตัดสินใจก้าวกลับขึ้นมานั่งบนรถที่ยังจอดอยู่อีกครั้ง

 





            “ไม่ตลกไอ้โฟค มึงหมายความว่าอะไร” เขาพูดขึ้นเมื่อปิดประตูเป็นที่เรียบร้อย



            “ไป๋ อย่าโกรธเรานะ” อีกฝ่ายตอบเสียงเบา



            “กูจะไม่โกรธถ้ามึงเลิกเล่นปั่นหัวกูแบบนี้เนี่ย มันไม่ขำนะเว้ย” เขาบ่นแบบหงุดหงิด



            “เราไม่ได้ล้อเล่นไป๋ เราไม่เคยล้อเล่นเลย”

 





            “มึงกำลังจะบอกอะไร” เขาหันไปเผชิญหน้ากับไอ้เดือนทันตะที่นั่งอยู่ตรงเบาะคนขับในเวลานี้



            “เราขอจีบไป๋ได้ไหม” มันพูด มันพูดด้วยสีหน้าที่แดงกว่าเดิมอีก



            “ไอ้โฟค!”

 





            “ไป๋ไม่ชอบผู้ชายเหรอ” เสียงนั้นพูดมาด้วยระดับความดังที่เบาจนแทบกระซิบ



            “เฮ้อ กูบอกว่ากูไม่สนใจใครไง” เขาตอบพร้อมถอนหายใจยาว จะโกรธก็โกรธมันไม่ลง



            “ไป๋ไม่ต้องสนใจเราก็ได้ แต่เราขอจีบไป๋ได้ไหม” มันส่งยิ้มให้เขา แต่ยิ้มรอบนี้ดูแห้งแล้งกว่าทุกที





 

            “มึงจะมาเสียเวลากับคนอย่างกูทำไมวะไอ้โฟค มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนยังไง” เขาเอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจ



            “เราไม่เคยคิดว่ามันคือการเสียเวลาเลย” มันพูดด้วยสีหน้าที่ดูมีความหวังขึ้นมานิดหนึ่ง



            “โฟค กูขอพูดอีกครั้ง คนอย่างกูไม่มีคุณค่าพอให้ใครมารอคอยหรอก อย่าเสียเวลากับกูเลย กูเห็นว่ามึงเป็นเพื่อนคนนึงนะ กูรู้ว่าปลายทางมันจะจบยังไง กูไม่อยากให้มึงดันทุรัง”



            “ไม่ต้องชอบเราก็ได้ไป๋ เราแค่โอกาสให้เราได้พยายามก็พอ” มันกลับมาฉีกยิ้มกว้างอีกครั้งแล้ว

 





            “มันคือเรื่องของมึงหวะ กูก็คงไม่มีสิทธิ์ห้าม แต่ไม่ว่ายังไงกูก็ยืนยันคำเดิม กูไม่คิดจะมีใครจริงๆ หวะ ขอโทษด้วยที่ทำให้มึงเสียเวลา”



            เขาพูดพร้อมเปิดประตูเดินออกไปจากรถคันนั้น เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร แต่ขอโทษจริงๆ หวะ เขาเป็นคนแบบนี้จริงๆ



     





               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               คนอ่านอาจจะรู้สึกว่าบางตอนสั้นไปหน่อย แต่จำนวนคำมันเยอะนะ แค่ดำเนินเรื่องแบบต้วมเตี้ยม จำนวนคำที่ลงแต่ละวันอาจจะไม่เยอะมาก เพราะแบ่งมาอยากจะลงทุกวัน เหมือนคนอ่านเป็นเพื่อนในกลุ่มไป๋ ค่อยๆ ดูพัฒนาการไปทีละนิดๆ ทุกวัน เรียนรู้เรื่องราวไปด้วยกัน ยังไงก็ขอกำลังใจด้วยนะ รออ่านคอมเม้น ไม่มีเม้นแล้วหนูเหงา T^T ปล. วันนี้มาแต่หัววันเพราะไปธุระกลับดึก กลัวคนอ่านรอนาน >///<
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 01-06-2018 11:49:57
มามะ มาเม้นให้หนูเถอะ หนูรออ่านอยู่

เรามาลุ้นกันดีกว่าว่าจะใครจะได้ครองหัวใจคุณหมอผู้ตายด้าน

555555

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-06-2018 12:28:50
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 01-06-2018 13:19:02
#เราเรืออิฐ  o13
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 01-06-2018 13:29:01
เย่ มาแล้ว  :mew1:
ยังไม่รู้จะลงเรือลำไหนเลย  รอกัปตัน รึจะเป็น950 นะ  :z3:

หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 01-06-2018 14:01:49
ชัดเจน
โทษทีนะโฟค
นายไม่ใช่อ่ะ
 :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 01-06-2018 16:11:33
จากการวิเคาะแล้วำป๋นี้เป็นมนุษย์ที่ไม่มั่นใจในตัวเองแล้วมีคนบอกชอบตัวเองแล้วก็เกิดความไม่มั่นใจในคัวเองกลัวเสียใจไง
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 01-06-2018 16:30:58
โอ้โห่ แมนมากไป๋

ไม่ก็บอกไม่

มั่งคงดังหินผา

สู้ต่อไปนะโฟค :a2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 01-06-2018 16:39:40
ตัวหนังสือมันเยอะจริงๆก็ได้ มันสั้นจุง
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 01-06-2018 17:06:29
ผลสลาก1มิย61รางวัลที่1คือ988117

หน้า3ตัว553,310ท้าย3ตัว248,650

และ2ตัว95

ไม่หน้าเชื่อ  :serius2:

ไม่ได้ซื้อเลย :m15:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 01-06-2018 17:47:38
ไป่ไป๋ ชัดเจนแต่ก็ไม่ถึงกับตัดขาดเนอะ
ทีมอิฐเดือนวิศวะ จ้า
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-06-2018 19:01:33
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-06-2018 22:27:13
 :pig4: :pig4: :pig4:

เด๋วเอานิ้วมือนิ้วเท้ามานับก่อน  ว่ามีคนมาตกหลุมรักนุ้งไป๋ไป๋ กี่คนแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 01-06-2018 23:31:02
เจองานหินเข้าแล้ว

ถ้าใครคิดอยากจะจีบไป๋
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-06-2018 00:23:03
 :hao4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-06-2018 09:10:08
โฟคมาจีบไป๋จริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP13 : ถาม (01/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 02-06-2018 12:15:18
อิฐ
คู่แข่งเยอะมาก
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP14 : ครึ่งทาง (02/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 02-06-2018 17:07:12
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



            ตอนที่ 14 : ครึ่งทาง



            “ไอ้เชี่ยไป๋!”



            เสียงไอ้ว่านดังกรอกหูจนหูเขาแทบแตก หันไปอีกที ปากมันก็แทบจะกินใบหูเขาได้ทั้งใบอยู่แล้ว คิ้วของมันแทบจะขมวดเป็นปมเงื่อนขัดสมาธิ



            “โวยวายอะไรของมึงแต่เช้าเนี่ย แดกยาลืมเขย่าขวดมาหรือไงวะ” เขาหันไปด่ามันอย่างเคยปาก



            “มึงนั่นแหละเป็นเชี่ยไร กูเรียกมึงจนโต๊ะข้างๆ หันมามองกูแล้วเนี่ย มึงยังไม่หันมามองกูเลย”



            ไอ้ว่านบ่นกลับมา เขาก็แค่กำลังคิดอะไรเพลินๆ วันนี้ไอ้โฟคไม่มาเรียน ส่วนไอ้อิฐกับไอ้เพียวก็เรียนแลปที่คณะตั้งแต่เช้า มันเลยไม่โผล่หน้ามาที่คณะวิทย์ในวันนี้



            “เออๆ แล้วมึงมีอะไร”



            “ไอ้ป่องมันถามมาในกลุ่มไลน์รุ่นว่าใครจะลงสมัครแข่งกีฬาเฟรชชี่บ้าง คณะเราผู้ชายน้อย คงต้องช่วยกันลงทีมชายกันหน่อย กูว่าจะลงบาส กูเลยถามมึงว่าจะลงแข่งอะไรบ้างไหม คนมันขาดจนต้องเวียนกันเก้าอี้ดนตรีแล้วเนี่ย” ไอ้ว่านส่งจอมือถือให้ดู ในรูปมีประเภทกีฬาให้เลือกสิบกว่าอย่างได้ แน่นอนว่าเขาเล่นแทบไม่เป็นสักอย่างเลย



            “มึงก็รู้ว่ากูเล่นกีฬาไม่เป็น” เขาตอบ ความจริงนอกจากเขาจะเล่นกีฬาไม่เป็นแล้วเขายังเกลียดการเล่นกีฬาอีกด้วย



            “แต่คนมันไม่พอหวะ มันก็ต้องช่วยกันลงให้ครบๆ จะให้แพ้บายก็น่าเกลียด” ไอ้ว่านตอบมาแบบรู้จักนิสัยใจคอกันดี



            “ไอ้ว่าน กูไม่ชอบจริงๆ หวะ”



            ไป๋ตอบเสียงเบาๆ เขาโคตรเกลียดความรู้สึกตอนคาบพละเลย มันเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตการศึกษาของเขาตั้งแต่เด็กจนโตเลยมั้ง

 





            “กูรู้น่า กูเลือกๆ มาให้มึงแล้ว กูว่ามึงพอไหว” ไอ้ว่านตอบกลับมาแบบคนรู้จักนิสัยใจคอกันดี



            “...”



            “หมากรุก เปตอง ว่ายน้ำ มึงเอาอันไหน” มันถามพร้อมกับจิ้มๆ ชื่อกีฬาให้เขาดู



            “หมากรุก” เขาตอบอย่างไม่ต้องคิด เขาไม่รู้ว่าหมากรุกนับเป็นกีฬาด้วย อย่างน้อยเขาก็เล่นหมากรุกเป็น



            “ไม่เอาเปตองหน่อยเหรอวะ ไม่ยากหรอก โยนไปมั่วๆ ขอแค่ไม่แพ้บายก็พอ” ไอ้ว่านถามต่อ



            “ไม่ไหวจริงๆ หวะ” เขาโคตรเกลียดความรู้สึกตอนเล่นกีฬาเลย

 





            “งั้นมึงต้องมาช่วยกูลงเป็นตัวสำรองทีมบาสนะ” ไอ้ว่านยังต่อรอง



            “เชี่ย กูโคตรเกลียดบาส” เขารีบตอบออกมาอย่างไว ใช่ เขาโคตรไม่ชอบบาสเก็ตบอลเลย



            “เป็นตัวสำรอง ยูโนว ตัวสำรอง หน้าที่ของมึงคือใส่ชื่อลงไปในช่อง และเสนอหน้าไปวันจริงให้คนครบ มึงเข้าใจไหมว่าถ้าคนไม่ครบคณะเราจะแพ้บาย” ว่านยังพูดอย่างไม่ยอมแพ้



            “ไอ้ว่าน แล้วถ้ามีตัวจริงบาดเจ็บขึ้นมาทำไง มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบ” เขาพูดอย่างต่อรอง



            “กูสัญญาว่ากูจะไม่ให้มึงลงสนามเด็ดขาด”



            “แต่...”



            “ถ้าตัวจริงบาดเจ็บแล้วไม่มีคนลง พวกกูจะยอมแพ้บาย”



            มันสำทับมาอย่างแน่วแน่ เขาจึงตัดสินใจยอมลงชื่อเป็นตัวสำรองทีมบาสเก็ตบอลในท้ายที่สุด เอาวะ เพื่อคณะ ท่องไว้ แต่ยังไงเขาก็จะไม่ยอมลงแข่งเด็ดขาด ช่างเถอะ ยังไงเขาก็ต้องไปดูไอ้ว่านแข่งอยู่ดี ถือว่าได้จองที่นั่งแบบชิดสนามเป็นพิเศษแล้วกัน

 





            “ไป๋”



            เสียงเอ่ยเรียกเขาดังขึ้นทันทีเมื่อเขากำลังจะก้าวออกจากคณะวิทย์ หันไปเขาก็เจอหน้ากับไอ้คนที่โดดเรียนไปวันนี้นี่เอง ไอ้โฟค ตอนนี้มันอยู่ในชุดไปรเวทดูภูมิฐานเลย เสื้อเชิ๊ตสีครีมกางเกงแสลค ที่สำคัญ มันเพิ่งไปตัดผมใหม่มา ดูหล่อ เอ๊ย ดูแปลกตาไปเยอะเลย



            “หายหัวไปไหนมาวะ ลำบากกูต้องมาคอยเก็บชีทให้เนี่ย”



            เสียงตอบไม่ได้มาจากเขา แต่เป็นไอ้ว่าน มันรื้อของในกระเป๋ายุกๆ ยิกๆ ก่อนจะหยิบชีทที่เรียนคาบเช้าและบ่ายวันนี้ส่งให้คนตรงหน้า



            “ขอบคุณมากเว้ย” มันตอบแบบยิ้มๆ พร้อมเอื้อมมือไปรับชีทจากว่าน

 





            “มีไรเปล่า” เขาเอ่ยถามขึ้น



            “เปล่าหรอก พอดีกำลังจะกลับหอ เลยแวะมา เห็นว่าใกล้เลิกเรียนพอดี จะได้กลับพร้อมกัน” มันยิ้มแฉ่งอีกแล้ว



            “เออดี เอามันไปส่งด้วย กูจะได้ตรงกลับบ้านเลย ขี้เกียจวนไปวนมา”



            ไอ้ว่านรีบตอบโดยไม่ถามความสมัครใจเขาสักนิด เมื่อเช้าเขาตื่นสายเลยนั่งวินมอไซค์เข้ามาเรียนแทน ถ้าเกินเก้าโมงแล้ว ที่จอดรถก็หายากพอๆ กับธาตุหมู่หนึ่งที่อยู่เป็นอิสระในธรรมชาติ



            “ไอ้เชี่ยว่าน” เขาสบถมาอย่างเซ็งๆ มันไม่ถงไม่ถามเขาสักคำ



            “เออๆ ฝากด้วยละกัน กูไปละ ออกช้าเดี๋ยวรถติด”



            วันนี้เป็นเย็นวันศุกร์ ไอ้ว่านกำลังจะมุ่งหน้ากลับบ้านหลังจากที่อุดอู้อยู่ในหอตลอดสัปดาห์ แต่ความจริงจะไปว่ามันก็ไม่ถูก เขาไม่ได้บอกมันเรื่องไอ้โฟคในเช้าวันนั้น



            “มาไป๋ เดี๋ยวโฟคช่วยถือกระเป๋า”



            ไอ้โฟคทำตัวเหมือนเดิม เขาก็ขี้เกียจจะพูดนอกจากยัดชีทเลคเชอร์วันนี้ใส่มือให้มันช่วยถือ ใครจะอยากถอดกระเป๋าให้มันถือ เด่นจะตาย รีบให้มันถืออะไรสักอย่างมันจะได้ไม่บ่น ขาของเขาก้าวฉับๆ มุ่งหน้าไปสู่รถของมันที่จอดเด่นหราอยู่ไม่ไกลจากตึกปลาวาฬนัก

 





            “ไอ้โฟค มึงจะไปไหน” เขาเอ่ยถามเมื่อมันขับเลยซอยเลี้ยวเข้าหอของเขาไปเป็นที่เรียบร้อย



            “...”



            “ไอ้โฟค” เขาท้วงเสียงเข้ม



            “แค่อยากพาไป๋ไปกินข้าวด้วยกัน” อีกฝ่ายตอบมาเสียงอ่อย



            “ทำไมไม่บอกดีๆ” เขาท้วงแบบหงุดหงิด



            “รู้ว่าบอกดีๆ ไป๋ก็คงไม่ยอมไป” ไม่ต้องมาทำเสียงสำนึกผิดให้น่าสงสารเลย

           





            “ก็รู้ว่าถ้ากูไม่ยอมไปแล้วจะลากกูไปทำไมอีก” เขาพูดออกมาตรงๆ



            “โฟคก็แค่อยากทำคะแนนบ้าง”



            ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้หันมา แต่เขาก็พอจะรู้สีหน้าของมันได้อย่างไม่ยากเย็น เขินจนแดงมาถึงหูแล้วไอ้เดือนทันตะหน้าจืดเอ๊ย

 





            “มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบให้ใครมาบังคับ”



            เขาพูดออกไปอย่างตั้งใจ เขาโคตรไม่ชอบให้ใครมาบังคับ มาบงการชีวิต มาสั่งให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ แน่นอนว่าสิ่งที่โฟคทำอยู่ตอนนี้ก็คือสิ่งเหล่านั้นนั่นเอง



            “งั้นเราไม่บังคับไป๋ละ”



            ไอ้โฟคทำตามที่พูดจริงๆ มันเปิดไฟขอทางขึ้นมาตอนนั้นเลย ก่อนจะค่อยๆ ขับเบี่ยงซ้ายออกมาจอดที่ข้างทาง และเริ่มหันมาเจรจากับมันอย่างตั้งใจ

 





            “โฟคขอพาไป๋ไปทานข้าวได้ไหมครับ”



            มันหันมาทำตาใสหน้าซื่อใส่เขา ดูก็รู้ว่ามันโคตรจงใจอ้อน ฟันเรียงกันเป็นระเบียบกับยิ้มจนตาหยีเป็นอะไรที่เขาเจอมาบ่อยจนจำได้ มันคงรู้ตัวสินะว่าตอนนี้มันหล่อมาก และหน้าตาแบบนี้ก็คงใช้อ้อนคนอื่นมามากมายนับไม่ถ้วน



            “มึงอย่าคิดว่ามาทำหน้าหล่อใส่กูแล้วกูจะหวั่นไหว” เขาพูดใส่มันแบบจงใจ

 





            “โฟคก็ไม่ได้บอกว่าให้ไป๋หวั่นไหวนี่ครับ โฟคแค่อยากพาไป๋ไปทานข้าว เดี๋ยวโฟคก็กลับบ้านแล้ว ไม่ได้เจอไป๋ตั้งสองวัน โฟคคิดถึงนะครับ”



            ตั้งแต่เช้าวันนั้นบนรถของมัน มันก็ไม่สงวนคำพูดอะไรเอาไว้อีกเลย บทจะหวานพ่อคุณก็หวานมาก หวานจนเขาอยากจะทำป้ายไวนิลไปแปะหน้าคณะมันว่าเดือนทันตแพทย์กำลังมาอ่อยเรี่ยอ่อยราดกับเดือนคณะแพทยศาสตร์อยู่



            “มึง กูไม่เขิน กูตลก”



            เขาแอบหลุดขำมานิดหนึ่งจนได้ ด้วยความสัตย์จริง เขาไม่เขินไอ้คนตรงหน้านี้เลย ออกจะตลกเสียมากกว่า มันเหมือนลูกลิงที่อ้อนขอขนมในมือเขา ดูแล้วก็เอ็นดูเป็นน้องชายตัวเล็กๆ มากกว่าจะคิดเป็นอย่างอื่นได้

 





            “ไป๋!” เสียงไอ้โฟคเริ่มเซ็ง เมื่อนอกจากเขาไม่เขินยังขำอีกด้วย



            “ฮ่าฮ่าฮ่า” หน้ามึงตลกอะ



            “โหย เซ็งอะ” โฟคบ่นกระปอดกระแปด หน้าตาขี้อ้อนของมันหายวับไปแล้ว



            “เออๆ กูขอโทษ กูไม่ควรขำใช่ปะ หน้ามึงตลกอะ มึงไม่ต้องพูดกับกูแบบนี้อีกนะ กูตลกอะ ฮ่าฮ่าฮ่า” เขาพูดแบบอดไม่ได้

 





            “ไป๋ไม่เปิดโอกาสให้เราทำคะแนนบ้างเลยอะ” อีกฝ่ายบ่น



            “ก็กูบอกว่าให้มึงไปชอบคนอื่นไง คนที่ชอบหน้ามึงแบบเมื่อกี้คงมีอีกเยอะนะ หล่อเหมือนกันนะมึงเนี่ย” เขาพูด



            “ว่าไงนะ ไป๋บอกว่าเราหล่อเหรอ” เสียงของมันดูระริกระรี้ขึ้นมาเลย



            “เออ มึงหล่อก็คือหล่อ กูก็ไม่เถียงไง แต่ไม่ได้แปลว่ากูชอบมึงนี่”



            “ไม่มีความหวังให้กันบ้างเหรอ”



            “ไม่อะ” เขาพูดแบบตรงๆ ถึงแม้ว่าจะใช้น้ำเสียงธรรมดาๆ ก็ตาม



            “โห ไป๋แม่งโคตรใจแข็งเลยหวะ” อีกฝ่ายยังพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่หุบสักที



            “กูไม่ได้ใจแข็ง กูแค่ไม่อยากมีใคร มึงอย่ามาเสียเวลากับกูเลย”

 





            “ตกลงไปทานข้าวกันไหมไป๋ เรามากันได้ครึ่งทางแล้วนะ” มันเอ่ยถามเขาต่อ รถมันยังคงจอดอยู่ระหว่างทางไปร้านอาหารอะไรสักอย่างของมัน



            “ถ้ามึงหยุดพูดจาเยอะแยะใส่กู แล้วชวนกูไปในฐานะเพื่อน กูก็ไปได้” เขาตอบ ถ้าไปแบบเพื่อน เขาก็ไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธ



            “งั้นเราไปกันเลยนะ” มันฉีกยิ้มกว้าง พร้อมกับเปลี่ยนเกียร์เดินหน้าเพื่อพาเขาออกเดินทางอีกครั้ง

           





            “หยุดทำหน้าเป็นปลากระดี่ได้น้ำเลยมึง”



            “หน้าโฟคก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว”



            “โกหกตก...”



            “หลุมรักไป๋” เสียงอีกฝ่ายสวนมาตั้งแต่เขายังพูดไม่ทันจบ ไอ้เชี่ยโฟคเอาอีกแล้ว นี่มันหยอดหรือมันกำลังจะด่าว่าหลุมรักเขาเป็นนรกกันแน่วะ

 





            “ไอ้โฟค! กลับ!” เขาพูดเสียงดุ



            “ไม่เล่นแล้วครับบบ ขอโทษครับบบ ไม่พูดเล่นแล้วครับบบ โฟคผิดไปแล้วครับผมมม”



            ไอ้โฟคพูดออกมาเสียงอ่อยเหมือนเห็นว่าเขาเอาจริง หลังจากนั้นมันก็เลิกทำตัวยุบยิบยุ่มย่ามอะไรกับเขาอีก มันกลายสภาพกลับมาเป็นไอ้โฟค เพื่อนร่วมโต๊ะกินข้าว เพื่อนนั่งข้างโต๊ะเลคเชอร์ เพื่อนจอมฉีกยิ้มของเขาดังเดิม

 





            ‘แบบนี้ก็ดีแล้วโฟค มึงอย่ามาเสียเวลากับคนอย่างกูเลย’

     





               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นน้า ส่วนใครแอบอ่านแต่ไม่ยอมเม้น เม้นหน่อยเถอะ จะครึ่งเรื่องแล้วน้า ไม่สงสารคนแต่งก็สงสารไป๋เถอะ ดูซิ๊ รอคอมเม้นจนไม่ยอมมีแฟนแล้วเนี่ย 555555 เม้นเม้นเม้น
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP14 : ครึ่งทาง (02/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 02-06-2018 17:07:49
ขอบคุณสำหรับทุกเม้นเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อ่านไปฟินไป เม้นเยอะยาวๆ ได้น้า รออ่าน กรี๊ดดดดดดดดด เลิฟคนเม้นน้า

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP14 : ครึ่งทาง (02/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-06-2018 17:45:09
อิฐอยู่ไหนนนนน รีบมาทำคะแนนเร็ว
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP14 : ครึ่งทาง (02/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-06-2018 17:50:41
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP14 : ครึ่งทาง (02/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 02-06-2018 18:38:00
คิดถึงอิฐ
หรือเราเข้าใจผิด
โฟคเป็นพระเอกหรอ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP14 : ครึ่งทาง (02/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-06-2018 19:05:24
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใครจะเป็นผู้โชคดีพิชิตใจนุ้งไป๋น้อ


ที่เข้ามาวนเวียนจีบทั้งแบบซึ่งหน้าและแบบอ้อม ๆ เนี่ย  เยอะไปหมด
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP14 : ครึ่งทาง (02/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 02-06-2018 19:08:19
ขอกัปตันทีมอิฐด้วยค่ะ กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะลงเรือลำไหน :z2:

ชอบอิฐ ที่ห่ามๆ ชอบโฟค ที่น่ารัก เลือกไม่ถูกกกกกกก แล้ว950 นี่ขอเดาเป็น1ใน 2 คนนี้แน่นอน

ไป๋แกลองเปิดใจ ด้วยย :ling1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP14 : ครึ่งทาง (02/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Puring Pudding ที่ 02-06-2018 19:08:35
จะอิฐ หรือ จะโฟคอ่ะไป๋ แต่ที่ๆแน่ๆ950 ไม่ใช่โฟคแน่เลย :hao4: แต่เชียร์อิฐอ่ะ โฟดดูแต๋วๆยังไงๆ :ruready คนเขียนสู้น่ะค่ะ รีบปั่น :katai4: มาอัพเรวเด้อ :z2: :z3: :z10: :z13: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP14 : ครึ่งทาง (02/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-06-2018 20:35:52
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP14 : ครึ่งทาง (02/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 02-06-2018 21:14:51
เราชอบเรื่องนี้นะชอบไป๋ เป็นผู้ช๊ายผู้ชาย

ไม่หวันไหวอะไรเลย

คนบางคนเป็นเพื่อนดีที่สุด

พยายามมากๆจะกลายเป็นเกลียดเอาเด้อ

กอดคนเขียนนะ เค้าเม้นให้แล้วนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP14 : ครึ่งทาง (02/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-06-2018 22:54:00
โฟคประกาศตัวล่ะ อิฐเอ้ยตะทำยังไง แต่แหใตอนนี้ค่าตัวแพงไปอีกมาแค่ชื่อ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP14 : ครึ่งทาง (02/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-06-2018 23:56:56
อิฐ........กล้าๆหน่อย
รีบทำคะแนน จีบไป๋ตรงๆได้แล้ว  :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP15 : economic loss (03/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 03-06-2018 17:06:23
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



            ตอนที่ 15 : economic loss



            ไป๋กลับถึงหอในเวลาเกือบสี่ทุ่มได้



            ไอ้โฟคพาเขาไปเถลไถลไกลมากถึงสมุทรสาคร มันพาเขาไปกินอาหารทะเลแล้วก็บัวลอยไข่เค็มเจ้าอร่อย เขาพยายามจะรักษาระยะห่างระหว่างเขากับไอ้โฟคไว้ให้สมดุลที่สุด เขาไม่ชอบมัน แต่เขาก็ไม่อยากเสียมันไป อย่างที่บอก เขาเป็นคนสนิทกับคนได้ยากมาก ไอ้ทันตะนี่ก็ถือว่าสนิทกับเขามากถึงระดับหนึ่งแล้ว มันเป็นความรู้สึกเหมือนเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งไปแล้ว ถ้าเขาเลือกได้ เขาก็ไม่อยากจะเสียเพื่อนไปด้วยเหตุผลอะไรแบบนี้

 





            ‘วันนี้เป็นมะขามอัดเม็ดหวะ’



            ไป๋รำพึงกับตัวเองพลางหยิบขนมในถุงขึ้นมาดูแบบคุ้นเคย Mr.950 อีกแล้ว คราวนี้มันก็แปะกระดาษไว้บนถุงเหมือนเดิม เนื้อหาใจความก็คือฝากอะไรเปรี้ยวๆ ไว้ให้เขากินตอนขับรถกลับบ้าน จะได้ไม่ง่วงนอน แต่คงจะต้องเสียใจกับไอ้มนุษย์ปริศนานั่นด้วย คืนนี้เขาคงไม่ได้กลับบ้านแล้ว ดึกแบบนี้เขาคงนอนเล่นที่หอก่อนแล้วค่อยขับกลับพรุ่งนี้ทีเดียว มะขามอัดเม็ดกระปุกนั้นจึงได้แต่เป็นหมันไปตามระเบียบ



            ไป๋เปิดประตูเขามานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมพร้อมกับเอากระดาษโน๊ตมาแปะเรียงไว้ตามลำดับเหตุการณ์ ชายปริศนาคนนั้นยังคงส่งโน่นนี่นั่นมาให้เขาเรื่อยๆ ส่วนไลน์เขามันก็ทักมาบ้าง เขาก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้างตามอารมณ์ ความจริงเขาไม่ใช่คนที่ติดโทรศัพท์มือถือเท่าไหร่ เล่นนานๆ แล้วมันปวดตา

 





            Mr.950 : มะขามอร่อยไหมครับหมอ ผมไม่รู้ว่าหมอชอบแบบเปรี้ยวหรือเผ็ดมากกว่ากัน ผมเลยเลือกแบบเปรี้ยวมาให้ ถ้าไป๋ชอบแบบเผ็ด เดี๋ยวผมซื้อไปให้ใหม่คราวหน้า



            BAIBAI : ไม่ต้องอะ เกรงใจ



            Mr.950 : ถึงบ้านยังครับไป๋ ผมตั้งใจซื้อมาให้ไป๋กินตอนขับรถกลับบ้านเลยนะ จะได้ไม่ง่วงไงครับ



            BAIBAI : ไม่อะ วันนี้ไม่ได้กลับบ้าน



            Mr.950 : อ๊าว ทำไมไม่กลับเหรอครับ



            BAIBAI : ไม่มีไรอะ ช่างกูเถอะ



            Mr.950 : ว่าแต่ได้ชิมมะขามหรือยังครับ ผมตั้งใจเลือกมากเลยนะ



            BAIBAI : ชิมไปเม็ดหนึ่ง ก็งั้นๆ อะ

 





            เขาลองแกะขึ้นมาชิมเม็ดนึงด้วยความสงสัย มะขามอัดเม็ดในมือเขานี่ดูมีการปิดสนิทและยังไม่มีการแกะบรรจุภัณฑ์ใดๆ น่าจะปลอดภัย เขาคิดว่านะ

 





            Mr.950 : ดีใจจังเลยครับ สุดท้ายหมอก็ใจอ่อนสักที



            BAIBAI : แค่มะขามเม็ดเดียว



            Mr.950 : แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ไป๋ยอมกินของที่ผมซื้อให้ สงสัยไป๋จะเริ่มใจอ่อนกับผมบ้างแล้ว



            BAIBAI : กูแค่ไม่อยากให้เกิด economic loss ซื้อของมาทิ้งๆ ขว้างๆ ทำลาย GDP ประเทศชาติหมด ทางที่ดีมึงก็เลิกส่งอะไรมาให้กูเสียที กูเสียดายของ



            Mr.950 : ยิ่งได้ยินแบบนี้ยิ่งต้องซื้อของให้ไป๋เลย



            BAIBAI : สัด



            Mr.950 : ด่าผมได้ครับ ผมไม่ถือ ขอแค่ยอมคุยกับผมก็พอ



            BAIBAI : แล้วนี่มึงใส่ใบเสร็จมาในถุงด้วยทำไม จะมาเก็บค่าของจากกูเหรอ บอกเลยนะว่ากูไม่มีวันจ่ายแน่นอน

 





            เขาพิมพ์ไปในขณะที่พลิกใบเสร็จในถุงที่แนบมาด้วยอย่างสนใจ มันไม่ได้มีข้อความอะไรพิเศษ แค่บอกสินค้าที่ซื้อและราคาที่จ่าย ท้ายใบเสร็จก็ตราชื่อร้านสะดวกซื้อชื่อดังเอาไว้ที่ใครๆ ก็รู้จัก

 





            Mr.950 : ส่งหลักฐานมาให้ดูไงครับว่าผมซื้อมาจริงๆ ไม่ได้ทำคุณไสยอะไรใส่คุณหมอ



            BAIBAI : แน่จริงก็อย่าตัดเลขที่ใบเสร็จกับวันเวลาที่ซื้อออกสิ



            Mr.950 : โถ่ ไม่ตัดออกไป๋ก็สืบได้สิครับ ผมยังไม่อยากให้ไป๋รู้ตัวตนผมในตอนนี้นี่นา





 

            BAIBAI : กูถามจริง มึงต้องการอะไรกันแน่วะ



            Mr.950 : โถ่ ต้องให้ผมพูดอีกกี่รอบ ผมก็มาจีบไป๋ไง



            BAIBAI : โกหก



            Mr.950 : ไม่ได้โกหก



            BAIBAI : มึงต้องสืบอะไรจากกูแน่ๆ



            Mr.950 : โถ่



            BAIBAI : สารภาพมา มึงคือใคร กูต้องรู้จักมึงแน่ๆ บอกกูมา

 





            Mr.950 : ไว้ประกวดเดือนมหาลัยจบ ผมจะเดินเข้าไปสารภาพกับไป๋เองเลย



            BAIBAI : มึงพูดแล้วนะ ถ้าหลังจบงานดาวเดือนแล้วมึงไม่ยอมบอกว่ามึงคือใคร กูจะบล๊อคไลน์มึงแน่



            Mr.950 : นับวันรอได้เลยครับไป๋ ผมจะเดินไปบอกไป๋ด้วยตัวผมเองเลย



            BAIBAI : ให้มันจริงเหอะ กูจะคอยดู





 

            เขาตัดบทการสนทนาก่อนจะเปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นมาหาอะไรทำแก้เบื่อ งานที่ต้องส่งก็ไม่มี สอบก็ยังไม่ใกล้ เนื้อหาที่เรียนก็เข้าใจ หมอไป๋ในเวลานี้จึงไม่รู้จะทบทวนตำราเรียนไปทำไม เพราะรีบอ่านไปตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรพิเศษอยู่ดี เด็กหนุ่มกดเข้าล็อคอินเข้าโปรแกรมเฟสบุ๊ค เข้าไม่ได้เข้ามาเล่นโปรแกรมโซเชียลสีฟ้านี่มานานหลายอาทิตย์แล้ว

 





            หล่อแบบนี้ ถ้าไม่รักก็บ้าแล้ว #อิฐอิทธิผู้ฆ่ายักษ์ด้วยมือเปล่า

 





            สิ่งแรกที่เขาเห็นในนิวฟีดกลับเป็นรูป... ไอ้อิฐ



            ภาพของไอ้อิฐในชุดเสื้อบาสแขนกุดกำลังโยนลูกเข้าห่วงพุ่งขึ้นมาปะทะสายตาเขาเป็นอันดับแรก รอยสักสีสดของมันยังคงติดตาเขาได้ดี ภาพถ่ายจากด้านขวา สิ่งหนึ่งที่เขาไม่ลืมจะมองหา ตุ้มหูเสื้อกาวน์ของเขามันยังคงอยู่ตรงนั้น แม้แต่ตอนเล่นกีฬาก็ไม่ถอด สาธุ ขอให้โดนลูกบาสกระแทกจนติ่งหูหลุดไปเลย



            เขาเพิ่งนึกออกว่าตอนที่เขาเล่นเฟสบุ๊คครั้งล่าสุด เขาเข้ามาดูแฟนเพจของไอ้อิฐ สงสัยเขาจะเผลอมือไปกดไลค์ไว้ ไหนๆ ก็ไหนๆ ลองเข้าไปดูคะแนนนิยมของคู่แข่งเดือนของเขาหน่อยดีกว่า เขาจะได้วางกลยุทธ์ในการแข่งขันถูก

           





            Mint Mintira : กรี๊ดดดด มีแฟนหรือยังคะคุณน้องสุดหล่อ



            Silly Pink : @Ananya Laosakulwong @Kim Potchara @Fah Farrable



            Nittaya Warry : วารีดำเนินเจ้าค่ะ หูยยย แอดมีภาพละเอียดไหมคะ อยากปริ้นไว้แปะฝาบ้าน



            Kimhatay Wanwan : มีแฟนยังคะแอด ช่วยแถลงหน่อย อย่าให้ทุกข์ใจคนรอค่ะ



            Sai Pimmari : จำได้เปล่าที่วันนั้นเดินสวนกันที่คณะวิทย์ไงมึง @Aumporn Pinn



            Namtarn Kaii : ขออนุญาตเปิดโต๊ะแถลงข่าวแทนแอดมินนะคะ อิฐเรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ปี 1 ตอนนี้โสดแน่นอนค่ะ แต่ข่าววงในบอกว่าตอนนี้กำลังจีบสาวคณะแพทย์อยู่ อยากเจออิฐหาตัวได้ไม่ยากค่ะ เปิดตารางสอนคณะแพทย์ปี 1 แล้วจิ้มได้เลยค่ะ มื้อเช้ากลางวันเย็นเจอกันที่โรงอาหารใต้ตึกเรียนแน่นอนค่ะ



            Kamonchanok Piwarnontrara : @Namtarn Kaii จริงเหรอคะ แบบนี้ก็อกหักกันทั้งจักรวาลเลยสิคะ พอจะทราบพิกัดไหมคะว่าอิฐจีบใครอยู่



            Hataithip Tanasombatt : พอรู้ว่าน้องจีบสาวคณะแพทย์นี่ไม่กล้าสู้เลยค่ะ รู้สึกว่าดับเครื่องชนก็ยังไม่อาจเอื้อม 555555



            Namtarn Kaii : @Kamonchanok Piwarnontrara ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ไม่มีใครรู้เลย แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าใช่แน่ๆ ดูเหมือนว่าตอนนี้อิฐจะสนิทกับแก๊งหมอไป๋หมอว่านนะคะ ถ้ามีคนพอรู้จักอาจไปสืบจากสายหมอได้ แต่เราว่าหมอไป๋ลึกลับกว่าอิฐอีกค่ะ 555555 @หมอไป๋ FC

 





            ‘อ๊าว ไหงวนมาที่กูซะงั้น?’

 





            ไป๋รำพึงในใจออกมาอย่างงงๆ ตกลงไอ้อิฐมันจีบสาวคณะอยู่จริงเหรอวะเนี่ย ไม่เห็นมันจะมีท่าทางอะไรเลย ไอ้เพียวต่างหากที่มาจีบดาวคณะเขา แต่อย่างว่า ไอ้อิฐอาจจะหล่อเกินไปจนกลบรัศมีคนอื่นไปเสียหมด ต้องไล่มันไปนั่งที่อื่นบ้างแล้วนะเนี่ย เดี๋ยวถ้ามีคนมาสนใจเขาเพราะข่าวมันแบบนี้ มันจะวุ่นวายน่าเบื่อ

 





            ยาแก้ปวดต้องกินหลังอาหารทันที แต่หมอไป๋คนนี้ไม่รู้ว่าต้องกินก่อนหรือหลังอาหาร #หมอไป๋ผู้หน้าใสที่สุดในจักรวาล

 





            ”เชี่ย”



            มือเจ้ากรรมมันเผลอกดเข้ามาดูเพจของแฟนเพจของตัวเองแล้วก็ต้องเผลอร้องเรียกสัตว์เลื้อยคลานมาอย่างตกใจ รูปเขาในชุดแลปชีววิทยาตอนกำลังเตรียมเนื้อเยื่อเพื่อส่องกล้องจุลทรรศน์ออกมาเด่นหราเป็นภาพแรก แสงกำลังเข้ามาทางหน้าต่างสวยดีมาก ว่าแต่เขาไปโดนถ่ายรูปแบบนี้ตอนไหน (วะ?)



            รูปที่ลงในเพจเขาส่วนใหญ่เป็นอิริยาบถต่างๆ ในมหาวิทยาลัยนี่แหละ เนื่องจากเขาไม่เคยติดต่อกับแอดมินเพจเลย แถมเขาก็ไม่ค่อยเล่นเฟสบุ๊คด้วย รูปที่ลงเองก็ไม่มีเลย แอดมินก็คงจะหารูปจากไหนมาไม่ได้นอกจากแอบมาถ่ายเขาด้วยตนเอง เชี่ย นี่เขาโดนแอบถ่ายเหรอวะเนี่ย

 





            Nanitporn Wararat : รู้สึกตัวร้อน อยากให้หมอไป๋มาช่วยตรวจร่างกายให้หน่อยค่ะ



            Ubonwarn Warn : นี่ไงคนนี้ที่เจอนั่งกินข้าวกับอิฐคณะวิศวะบ่อยๆ จิ้นไป๋อิฐกันดีกว่า @Tharathip T



            Natthachai Laowlaohawong : หมอมีแฟนยังครับ



            Ittinee Namkeng : จิ้น #ไป๋อิฐ อีกเสียงค่ะ คู่นี้เจอกันมาตั้งแต่โรงเรียนเก่าแล้ว ของเขาคู่กันค่ะ



            Ubonwarn Warn : @Ittinee Namkeng ยังไงคะ ช่วยเล่าหน่อย



            Ittinee Namkeng : คือคู่นี้จบมาจากโรงเรียนล้นเกล้า ฝ่ายมัธยมค่ะ ไป๋นี่เป็นหัวหน้าชมรมวิชาการค่ะ นิกเนมของชมรมคือ Bishop Castle ติดค่ายเคมีโอลิมปิกจนไปคว้าเหรียญทองระดับโลกมาได้ค่ะ คนนี้คือเก่งสุดในโรงเรียนแล้วค่ะ สอบติดหมอด้วยคะแนนรับตรงอันดับหนึ่งของคณะแพทย์ ส่วนอิฐนี่เป็นหัวหน้าชมรมกีฬาของโรงเรียน นิกเนมของชมรมคือ Knight Club คนนี้ก็เป็นตัวแทนเยาวชนไทยไปแข่งกีฬายิงธนูที่ประเทศอินโดนีเซีย เข้าคณะวิศวะมาด้วยโควต้านักกีฬาระดับประเทศค่ะ



            Ubonwarn Warn : @Ittinee Namkeng กรี๊ด ฟินเวอร์ มีต่ออีกไหมคะ



            Ittinee Namkeng : พอดีน้องเรียนโรงเรียนนี้ทันรุ่นคู่นี้พอดีค่ะ เหมือนทั้งคู่เก่งมากแล้วก็แข่งกันสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนกันโดยตลอด ปรกติบางทีฝ่ายไนท์ (กีฬา) ก็จะดัง บางปีฝ่ายบิชอป (วิชาการ) ก็จะเด่น แต่ปีของไป๋อิฐนี่เขามาวินกันทั้งคู่ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นตำนานของโรงเรียนเลย เจอหน้าที่โรงเรียนก็จะเขม่นกันหน่อยๆ เหมือนผลัดกันเด่นอะไรแบบนี้ แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยแล้วมาสนิทอยู่กลุ่มเดียวกันเฉยเลยค่ะ แบบนี้มันบุพเพสันนิวาส

 





            “เชี่ย บุพเพสันนิวาสเชี่ยไรเนี่ย”



            เขาพึมพำออกมาอย่างตลก สิ่งที่ความเห็นนี้เล่าไม่มีผิดเพี้ยนเลย แต่ก่อนเขากับไอ้อิฐออกแนวเขม่นกันหน่อยๆ เพราะความขัดแย้งระหว่างฝ่ายไนท์กับบิชอปนี่แหละ แต่มันก็เป็นแค่เรื่องเด็กๆ อะนะ โตมาก็เข้าใจว่าไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน ต่างฝ่ายต่างก็ทำเพื่อโรงเรียนเหมือนกัน

 



            Ubonwarn Warn : @Ittinee Namkeng นี่จิ้นไปไกลแล้วค่ะ เคะฝ่ายวิชาการกับเมะนักกีฬา กรี๊ดๆๆๆๆ สงสัยต้องแต่งฟิคชั่นเรื่องนี้ซะแล้ว



            Ittinee Namkeng : ตอนนี้ก็มีข่าวว่าอิฐจีบเด็กคณะแพทย์อยู่ค่ะ เพราะไปกินข้าวกับเพื่อนคณะแพทย์บ่อยมากกก (ก.ไก่ล้านตัว) ทุกคนสนใจแต่ว่าอิฐจีบใคร โดยไม่มีใครสนใจเลยค่ะว่าอิฐไปนั่งกินข้าวกับใคร หมอไป๋ไงคะ แบบนี้ไม่จิ้นยังไงไหว จากคู่แข่งมาเป็นคู่รัก #ไป๋อิฐ

 





            “เชี่ย กูอีกแล้ว”



            เขาบ่นออกมาอย่างตลก สาววายนี่ก็ช่างเชื่อมโยงเรื่องได้เก่งจริง ยังไม่ทันที่เขาจะเลื่อนอ่านคอมเมนท์ที่กำลังผูกเรื่องราวของเขากับไอ้คิงคองหน้าเถื่อนอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ตายยากเสียจริง ไอ้อิฐโทรมาทำไมเวลานี้วะ

 





            “ฮาโหลวววว ไป๋เหรออออ มึงมารับกูหน่อยยยย กูแดกเหล้าอยู่ที่ผับข้างมอแล้วกูกลับไม่ได้ เชี่ย ตำหนวดแม่งตั้งด่านอยู่หน้าร้านเลยยยย ขับกลับตอนนี้กูตายแน่ มึงมารับกูหน่อยยยย ป๋ายยยยย กูยังไม่อยากนอนซังเตตตต”







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta



               เม้นให้เราหน่อยน้า นี่ก็ตอนที่ 15 แล้ว ใจอ่อนและยอมเม้นให้เราได้แล้วน้าาา เรารอมา 15 ตอนแล้ว อยากอ่านคอมเม้นจากทุกคนเลย ถ้าไม่เม้นเดี๋ยวจะให้ไป๋เล่นตัวไปเรื่อยๆ ไม่ยอมใจอ่อน 555555
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP15 : economic loss (03/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 03-06-2018 17:07:17
ขอบคุณทุกคนที่มาเม้นน้า เราอ่านทุกคนเลย อ่านหลายรอบด้วย รีเฟรชรอคอมเม้นทั้งวันเลย ใครไม่เม้นเม้นให้หน่อยน้า คอมเม้นนี่เป็นกำลังใจที่ยอดเยี่ยมเลยยย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP15 : economic loss (03/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 03-06-2018 17:26:32
แกล้งเมารึเปล่านี่
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP15 : economic loss (03/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 03-06-2018 18:00:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP15 : economic loss (03/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 03-06-2018 18:44:27
ใช่ไป๋แกช่วยสนใจเพื่อนแกหน่อย อิฐมันมากินข้าวกับแกเนี่ย

950 ใช่โฟคปะ  :hao7:  ฮืออออ อยากลงเรือ ขอไปทาง #อิฐไป๋ ละกัน ดูจากตอนท้าย555

ส่วนโฟคมาเป็นแฟนเราก็ได้นะ :o8: ชอบๆๆๆๆ รอลุ้น อยากไปเกาะที่เสาคณะแพทย์เลย

หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP15 : economic loss (03/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 03-06-2018 19:27:39
ยังงัยต่ออ่ะ
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP15 : economic loss (03/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-06-2018 20:19:17
อิฐ เพื่อนก็เยอะนะ   :hao4:
แต่ทำม้ายยยย   โทรให้ไป๋ช่วย   :hao3:
สาววายจิ้น อิฐไป๋ กันแล้ว ตาถึงจริงๆ  :mew1: :mew1: :mew1:

อิฐ  ไป๋   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP15 : economic loss (03/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 03-06-2018 20:32:28
เมาแล้วเรียกหาไป๋นี่ใช่เลยดิ :z1:

จะมีอะไรอีกน้า

รอตอนหน้านะ

พรุ่งนี้เจอกัน :3123:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP15 : economic loss (03/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 03-06-2018 20:47:13
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP15 : economic loss (03/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 03-06-2018 22:38:44
อ่านเรื่องคู่จิ้นแล้วจะคิดอะไรได้มั่งมั้ยนะ
แต่ว่าอิฐนี่เมาเรียกร้องความสนใจแบบเนียนๆป่าว เมาแล้วจะแอบแต๊ะอั๋งมั้ยลุ้นไปอีก
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP15 : economic loss (03/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-06-2018 23:41:49
 :pig4: :pig4: :pig4:

ดังจนมีคนจิ้น  อิอิ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP15 : economic loss (03/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-06-2018 23:55:53
 :hao6:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP16 : คุณตำหนวด (04/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 04-06-2018 17:32:56
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



            ตอนที่ 16 : คุณตำหนวด



            “มึงว่าไงนะ!”



            “กูอยู่ที่ผับข้างมอ กูกลับไม่ได้ ตำหนวดเต็มไปหมดเลยยยยย กูโดนเป่าแน่ ไป๋ มึงมารับกูหน่อยยยย กูไม่อยากติดคุกแต่เด็กกกก ป๋ายยยยย มึงได้ยินกูไหมมมม กูไม่อยากติดคู๊กกกกก”



            เสียงอ้อแอ้ของมันดังออกมาจากปลายสายไม่หยุด เออ ไอ้นี่เมาแล้วเรื้อนเหมือนกันนะ พูดห่าพูดเหวอะไรไม่หยุด ทำเสียงง้องแง้งเป็นเด็กๆ ด้วย โคตรปัญญาอ่อน

 





            “ป๋ายยยยย”



            “เออๆ กูรู้แล้ว”



            “มารับหน่อยยยยย ตำหนวดมองกูใหญ่แล้ววววว”



            “ตำหนวดพ่อมึงสิ”



            “ม่ายช่ายยยยย ป๋ายยยยย พ่อกูไม่ได้เป็นตำหนวดดดด พ่อกูเป็นครู ป๋ายยยยย พ่อกูไม่ได้เป็นตำหนวดดดด” เสียงอ้อแอ้ตอบกลับมา ไม่รู้มันตั้งใจกวนตีนหรือมันแค่เมา



            “ไอ้สัดเอ๊ย มึงโทรหาไอ้เพียวสิ” เขาไม่ชอบไปสถานที่อโคจร ถึงแม้จะแค่ไปเฉียดก็ไม่ชอบ เขาโคตรเกลียดกลิ่นบุหรี่เลย



            “ไอ้เพียวกลับบ้านนนนน ไอ้ว่านก็กลับบ้านนนนน ไอ้โฟคก็กลับบ้านนนนน ใครๆ ก็กลับบ้านนนนน เหลือแต่มึงเนี่ยยยยย ป๋ายยยยย มารับกูหน่อยยยยย ตำหนวดมองกูใหญ่แล้ววววว” ตำหนวดพ่องมึงสิ ตำรวจโว้ย!

           





            “มึงอยู่ตรงไหน” เขาถามแบบยอมแพ้ในที่สุด สายตาหันไปมองนาฬิกาอย่างอ่อนใจ ล่วงเข้าวันใหม่มาเกือบสิบห้านาทีแล้ว



            “ร้านบูมเมอแรงข้างมอออออ มาให้ถูกนะป๋ายยยยย กูไม่อยากนอนริมถนนนนนน”



            “กูไม่รู้จัก”



            เขาตอบ เขาไม่รู้จักร้านพวกนี้เลย ร้านนั่งชิลยังพอรู้บ้าง แต่ผับนี่ไม่เลย เอ๊ะ ว่าแต่มีผับมาเปิดข้างมอได้ไงวะ แจ้งจับแม่งให้หมดดีมะ เปิดร้านขายเหล้าข้างสถานศึกษา



            “มึงเปิดกูเกิ้ลแมพเอานะ ป๋ายยยยย มารับกูด้วยยยยย ตำหนวดเดินมาแล้วววววว ม่ายยยยยย ผมไม่ป่าววววว ผมไม่ได้ขับบบบบ เดี๋ยวเพื่อนผมมารับบบบบ ปล่อยผมไว้ตรงนี้นะคุณตำหนวดดดด”



            ‘ไอ้คิงคองขี้เรื้อนเอ๊ย!’ เขาบ่นอย่างอ่อนใจ แต่ก็ลุกยืนขึ้นไปหยิบกุญแจรถแต่โดยดี

 





            เขาเปิดแอพพลิเคชันนำทางในโทรศัพท์มือถือ สิริรวมเวลา 5 นาทีถ้วน เขาก็ขับรถยนต์ของเขาแปะอยู่หน้าผับที่ไอ้อิฐพูดถึง



            “ไอ้อิฐ”



            เขาเอ่ยเรียกเมื่อเดินไปถึงบริเวณหน้าผับดังกล่าว ไอ้อิฐนั่งเมาเป็นหมาขี้เรื้อนโดนยาอยู่ที่โต๊ะที่อยู่ไม่ห่างจากด่านตรวจออกไปนัก ด่านตรวจที่นี่เด็ดดวงดีแท้ ตั้งมันตรงหน้าผับเลย เหมือนจงใจมาจับไอ้พวกที่เมาแล้วขับออกจากผับนี้แบบตั้งใจ



            “เพื่อนผมมาแล้ววววว” หน้าของมันระริกระรี้อย่างกับหมาเห็นเจ้าของ



            ตำรวจที่อยู่ใกล้ๆ กับโต๊ะเดินมาที่เขาทันทีที่ไอ้อิฐพูดจบ ดูเหมือนไอ้เถื่อนนั่นจะหางานให้เขาแล้วไง ทำไมแค่มารับเฉยๆ ตำรวจต้องเดินมาคุยกับเขาด้วยวะ

 





            “คุณเป็นเพื่อนกับเขาเหรอครับ” ชายในชุดสีกากีเอ่ยถามเขาอย่างสุขุม



            “ครับ”



            เขาตอบเรียบๆ เขาต้องพูดให้น้อยที่สุด เพราะไม่รู้ว่ามันไปโกหกอะไรไว้บ้าง ถ้าพูดมาแล้วไม่ตรงกันจะพาลเอาความซวยมาใส่เขาด้วยเปล่าๆ



            “มาประกันตัวเพื่อนเหรอครับ” อีกฝ่ายถาม



            “คุณตำหนวดดดดด ผมไม่ได้เมาแล้วขับบบบบ ผมให้เพื่อนมารับเฉยเฉยยยยย” เสียงไอ้ตัวต้นเรื่องดังโวยวายขึ้นมาทันที



            “เปล่าครับ มารับเพื่อนกลับหอเฉยๆ พอดีมันไม่ได้ขับรถมา” สาธุ ไอ้อิฐ มึงบอกเขาว่ามึงไม่ได้ขับรถมาใช่ไหม



            “เห็นไหมคุณตำหนวดดดด ผมบอกแล้วว่าผมหนะเมาไม่ขับบบบบ ผมกลับกับเพื่อนนนนน” รอด เหมือนว่าพวกเขาจะพูดตรงกันแฮะ

 





            “เป่าแอลกอฮอลล์ด้วยครับ” เจ้าหน้าที่ออกคำสั่งพร้อมยื่นอุปกรณ์ให้เขา



            “ครับ”



            เขาไม่เถียง แต่รับเอามาเป่าอย่างโดยดี เขาไม่ได้แตะแอลกอฮอลล์มาเป็นเดือนแล้ว ถ้าเป่าแล้วขึ้นว่ากินเหล้ามาก็คงเป็นจากความเมาของไอ้อิฐที่ระเหิดมาใส่ตัวเขานี่แหละ



            “กลับได้แล้ววววว”



            ไอ้อิฐเจ้ากรรมโผล่มาจากไหนไม่รู้ ตะปบไหล่เขาเอาไว้แน่น ไม่รู้ว่ามันอยากจะขอบคุณหรืออยากจะทรงตัว แต่ที่แน่ๆ คือผลเป่าของเขาไม่มีแอลกอฮอลล์แน่นอน



            “เชิญครับ”



            คุณตำรวจตรงหน้าปล่อยเขาไปแต่โดยดีแม้จะยังเคลือบแคลงสงสัย เขาเองก็ไม่รู้ว่าถ้าให้ตำรวจรู้ว่าความจริงไอ้อิฐเอารถมาเองแล้วตำรวจจะว่ายังไงบ้าง เขาเดินอย่างประคองพาไอ้ตัวซวยกลับไปที่รถ ในขณะที่ตำรวจในเวลานี้เริ่มเก็บด่านตรวจพร้อมเกณฑ์คนที่ยังเมาไม่สร่างอยู่ขึ้นรถตำรวจไปเคลียร์กันต่อที่โรงพัก



            ‘เกือบได้นอนคุกแล้วไหมมึง ไอ้อิฐเอ๊ย’



 



            “ขอบคุณไป๋ที่สุดเลยยยยย”



            เสียงมันเอ่ยพูดขึ้นด้วยความไม่ค่อยจะมีสติเท่าไหร่นัก เขากำลังเอื้อมไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้กับไอ้ลิงยักษ์นี่ พูดทีกลิ่นละมุดหึ่งไปทั่วรถ



            “เมาอย่างกับหมา” เขาบ่น



            “อิฐไม่เหมือนหมา เพราะหมาไม่กินเหล้า หมาไม่เมานะป๋ายยยยย” ไอ้สัด ยังคิดได้พอจะเถียงอีก



            “เกือบได้นอนคุกแล้วไหมหละมึง” เขาบ่นอีกรอบ



            “ก็นึกว่าไอ้เพียวมันอยู่เลยกินไปหน่อยนึงงงงง ปรกติมาคนเดียวไม่กินหรอกกกกก” มันยังจะเถียง



            “แล้วนี่รถมึงอยู่ไหน”



            “จอดไว้ในร้านนม ทิ้งไว้นั่นแหละ พรุ่งนี้ค่อยมาเอา” มันพูดแบบใกล้หมดสติเต็มที



            “ถ้าพรุ่งนี้รถกูติดกลิ่นเหล้าไม่หาย เตรียมชดใช้ค่าเสียหายได้เลย”



            เขาบ่นไปเรื่อย แต่ดูเหมือนมันจะคอพับหักคาเบาะไปแล้ว ไป๋เลี้ยวรถเข้ามาในซอยหอของเขา ความจริงไอ้อิฐก็อยู่หอนี้ด้วย แต่เขาไม่ยักจะรู้เลขห้องของมันเลย

 





            “หอมึงห้องอะไร”



            “406”



            มันตอบมาด้วยเสียงมึนแต่ก็ยังมีสติสัมปชัญญะพอที่จะจำเลขห้องตัวเองได้ นักศึกษาแพทย์ตัวบางกำลังลากไอ้วิศวะตัวยักษ์ออกจากลิฟท์มาอย่างถูลู่ถูกัง เขาลากมันมาถึงชั้นสี่แล้ว อีกไม่กี่อึดใจก็จะได้ปล่อยคิงคองคืนสู่ป่าและเขาก็จะได้เป็นอิสระสักที

 





            “ไอ้อิฐ กุญแจห้อง” เขาตบไหล่มันอย่างเรียกสติ



            “แป๊บบบบบ” ไอ้คนเมาตอนนี้เอามือกวาดสะเปะสะปะไปตามกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง



            “เร็วๆ กูหนัก” เขาบ่น เขาไม่ได้ตัวเล็ก แต่ไอ้อิฐนี่ตัวหนักฉิบหาย ไม่รู้แดกควายไปตอนเล่นกล้ามด้วยหรือเปล่า



            “ป๋ายยยยย” ชื่อของเขาถูกเรียกอย่างป้อแป้เต็มทน



            “อะไรอีกวะ” เขาถามแบบบ่นๆ



            “กุญแจห้องกูอยู่ในกระเป๋าสะพายยยยย และกระเป๋าสะพายอยู่ในรถถถถถ”

 





            “เชี่ย เดี๋ยวนะ อย่าบอกว่ามึงลืมกุญแจห้องไว้ในรถ!”



            “ถะถะถะถูกต้องนะเคี๊ยบบบบบ” ไอ้สัด ยังจะเล่น



            “เชี่ยเอ๊ย กูไม่วนรถกลับไปเอาให้มึงแล้วนะ วุ่นวายชิบหาย นอนตรงทางเดินไปนี่แหละมึง” เขาสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด ตอนนี้เขาง่วงและอยากทิ้งตัวลงบนเตียงเต็มที

 





            “กุญแจห้องไป๋ไม่หายยยยย งั้นคืนนี้ไปนอนห้องไป๋ก็ด้ายยยย” มันพูดออกมาแบบไม่สำนึก



            “ไอ้เชี่ย”



            “ขอบคุณเพื่อนไป๋มากเลยเคี๊ยบบบบบ”



            “เคี๊ยบพ่อมึงสิ”



            “ไป๋รีบไปเร็ววววว อิฐง่วงเลี้ยววววว”



            “ไม่ให้นอนโว้ย”



            “เร็ววววว ป๋ายยยยย อิฐง่วงงงงง”



            “ไอ้สัดเอ้ย”



            “เอ้กอิเอ้กเอ้กกกกก” ขันหาพ่อมึงสิ ไอ้เชี่ยนี่ ด่าว่าสัตว์ก็อยากเป็นสัตว์ขึ้นมาจริงๆ

           





            ‘แมลงสาบไม่เคยมีตัวเดียวจริงๆ ฉิบหายกันเข้าไปสิ พับผ่าเอ๊ย!’







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               มามะ มาลุ้นความสัมพันธ์ระหว่างไป๋และอิฐในตอนหน้ากัน อิอิ ใครยังไม่เม้น เม้นให้หนูหน่อยนะ หนูเหงา หนูอยากอ่านคอมเม้นนนนน ส่วนใครเม้นให้นั้นขอกราบรัวๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP16 : คุณตำหนวด (04/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 04-06-2018 17:33:31
อยากอ่านคอมเม้นจัง ทำยังไงให้คนอ่านเม้นให้ดี แงแงแง

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP16 : คุณตำหนวด (04/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-06-2018 18:54:10
 :laugh:  แผนสูงนะอิฐ.....

 :3123: :pig4: :3123:


 o13  เขียนได้น่าติดตามมากครับ o13
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP16 : คุณตำหนวด (04/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 04-06-2018 20:24:37
เรื่องจริงหรือล้อเล่น

อิฐเมาเป็นหมา  :hao7:

แผนมากกว่าดิ ได้นอนห้องไป๋แล้ว

อย่าลืมจัดหนักนะอิฐ เราเอาใจช่วย  :a2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP16 : คุณตำหนวด (04/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 04-06-2018 20:32:38
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP16 : คุณตำหนวด (04/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-06-2018 21:03:17
แหมๆๆๆ ร้ายนะคะ แกล้งเมารึป่าวเนี่ย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP16 : คุณตำหนวด (04/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 04-06-2018 21:14:29
เธอกำลังมีแผนนนน
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP16 : คุณตำหนวด (04/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 04-06-2018 21:59:36
นี่เมาจริงหรือแอ๊บนี่ เนียนขอไปนอนห้องเค้าเฉย เนียนกอดนอนด้วยมั้ยน๊าาา
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP16 : คุณตำหนวด (04/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 04-06-2018 22:06:59
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:

 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP16 : คุณตำหนวด (04/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-06-2018 22:08:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP16 : คุณตำหนวด (04/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 04-06-2018 22:13:10
แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
แผนสูงนะ อิฐ
ตอนที่แล้วเจอบุพเพสันนิวาสเข้าไปนี่ขำหนักมากเลย555+
ว่าแต่ อิฐ รู้ได้ไงว่าไป่ไป๋ ไม่ได้กลับบ้าน
อิฐ ต้องใช่Mr.950แน่ๆฟันธง!!!!!
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP16 : คุณตำหนวด (04/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-06-2018 02:07:26
 :pig4: :pig4: :pig4:

มีกลิ่นละมุดหึ่ง  คงเมาจริงแหละมั้ง

แต่...หรือว่าไม่เมาหรอกเพราะคอแข็งอยู่แล้ว  แต่แกล้งตีเนียนแบบมีแผน

555 มโนไปเรื่อย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP16 : คุณตำหนวด (04/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 05-06-2018 08:33:32
เมาจริงหรือมีแผนเนี่ยอิฐ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP16 : คุณตำหนวด (04/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 05-06-2018 09:33:23
อิฐในช่วงตอนแรก .. กับตอนต่อมา
บุคลิกต่างกันเนอะ ...
ตอนแรก ไม่ได้รู้สึกถึงความแอบชอบหมอไป๋สักนิ๊ดเดียว
แต่พอเจอผ่านวันจับบัดดี้ ... อิฐเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย
เหมือนข้ามกระโดดช่วงเวลา

แต่โดยรวม น่ารักดีค่ะ

ทราบว่า เขียนจบแล้ว งั้นนำมาลงทุกวันเลยนะคะ
จะรออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP16 : คุณตำหนวด (04/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-06-2018 14:04:45
พอเมานี่อิฐ พูดไม่ชัด พูดจาน่ารัก.....คุณตำหนวด ตลอดๆ
มีแทนชื่อตัวเองว่าอิฐอย่างนั้นอย่างนี้  ฮอลลล์    o18
แต่ว่าป๋าย จะคิดว่าน่ารักรึเปล่านะ   :hao3:
 
อิฐ   ไป๋    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 05-06-2018 16:30:11
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



            ตอนที่ 17 : อนธการ



            สุดท้ายเขาก็ลากไอ้ตัวภาระมาถึงห้องเขาจนได้



            ความง่วงเอาชนะทุกอย่าง ถ้าจะให้ยืนเถียงกับมันหน้าห้องก็คงไม่จบไม่สิ้นสักที ให้มันมานอนไปนี่แหละ จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป นี่ก็ล่วงเข้าวันใหม่มาพักใหญ่แล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงพอฟ้าสางก็จะรีบถีบมันกลับห้อง

 





            “ป๋ายยยยย”



            ผู้ชายร่างยักษ์คนหนึ่งกวาดมือสะเปะสะปะไปมาอยู่บนเตียงของเขา เขากำลังลุกมาเปลี่ยนเสื้อเพราะทนความเหม็นอบอวลตลอดเวลาที่ลากพามันขึ้นหอมาไม่ไหว เขากวาดตามองไปรอบห้องแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ หอเขาไม่ได้ใหญ่โตพอจะให้มันนอนบนพื้นได้ โซฟาก็ไม่มี เหลือตัวเลือกเดียวคือเตียง ถึงแม้ว่าจะเกลียดกลิ่นเหล้าที่เหม็นหึ่งออกมาจากตัวมันมากเพียงไหน แต่เขาก็คิดหาทางออกที่ดีกว่านี้ไม่ได้อยู่ดี





 

            “ป๋ายยยยย ป๋ายยยยย ปายยยยย หนายยยยย”



            เสียงมันอ้อแอ้โวยวายเหมือนคนเมาที่ใกล้จะสิ้นสัมปชัญญะเต็มทน มันเอาท่อนแขนของมันกวาดไปรอบตัว และพอมันไม่เจอเขามันก็เริ่มโวยวาย



            “กูอยู่นี่ มึงจะโวยวายทำไมเนี่ย เดี๋ยวข้างห้องก็มาเคาะประตูด่าแม่มึงหรอก”



            เขาพูดพร้อมกับดันตัวมันไปอีกฟากของเตียง ไป๋แทรกตัวขึ้นมาบนเตียงอย่างทุลักทุเล เขาเอาหมอนข้างกั้นกลางเป็นขัณฑสีมาก่อนเป็นอันดับแรก ห้ามข้ามมานะมึง



            “ป๋ายยยยย”



            ยังไม่ทันสิ้นความคิดเขาดีไอ้ร่างยักษ์ก็จับหมอนข้างตรงหน้าเขวี้ยงไปไว้บนพื้นอีกฝั่งของเตียง ไอ้เชี่ย! มันเอามือมาจับเขาเหมือนหาตัวเขาให้ได้ เขาต้องเอามือยันคางมันไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้กว่านี้ ตัวมันมีแต่กลิ่นเหล้า เขาดมจนจะเมาตามมันอยู่แล้วเนี่ย



            “ไอ้อิฐ มึงนอนเดี๋ยวนี้ ถ้ามึงไม่ยอมนอนดีๆ กูจะถีบมึงออกไปนอกห้องแน่”



            เขาออกคำสั่งอย่างใกล้หมดความอดทน นี่มันก็ตีหนึ่งกว่าแล้ว ตาเขาจะปิดเต็มทน เขาอยากนอน นี่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาสาบานได้เลยว่าจะไม่ยอมรับโทรศัพท์จากมันเด็ดขาด





 

            “ไป๋ดุจังเลยยยยย”



            มันหันหน้ามาหาเขา ตอนนี้สภาพของมันจึงเท่ากับใช้แขนทั้งสองข้างโอบเขาเอาไว้ มันจะพูดยังไงดี มันอาจจะเรียกว่าเขากำลังโดนกอดอยู่ก็ได้มั้ง



            “นอน”



            เขาดุมันเบาๆ ตอนนี้ไอ้คนตัวใหญ่ข้างหน้าทำตัวเหมือนเด็กๆ มันหลับตาบ่นพึมพำอะไรไปเรื่อยเปื่อย เขาก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง จับใจความไม่ได้เท่าไหร่



            “ไป๋ดุเหมือนเดิมเลย” มันพึมพำขึ้นทั้งที่ยังหลับตา หน้าของมันห่างจากเขาแค่นิดเดียว



            “กูก็เป็นของกูแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร”





 

            คนตรงหน้าเขาสงบปากสงบคำลงไปบ้าง แต่แขนทั้งสองข้างของมันไม่ได้ลดทอนความเป็นปลาหมึกลงไปเลย มือของมันกวาดสะเปะสะปะไปทั่ว เขาพยายามคีบมือมันออกข้างหนึ่ง แต่เดี๋ยวแขนอีกฝั่งก็ก่ายมาแทนที่ พอจะหันไปแกะอีกฝั่ง มันก็เอาหน้ามาใกล้จนเขาต้องยันคางมันเอาไว้ พอมือของเขาปล่อยแขนมันเป็นอิสระ มันก็เอาแขนของมันมาก่ายอีก วนไปวนมาไม่จบไม่สิ้นจนเขาเริ่มเหนื่อย สภาพตอนนี้ของเขาเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่ถูกผู้ใหญ่ตัวโตกอดไว้ไม่มีผิด พยายามจะหนีจากวงแขนของมันเท่าไหร่ก็หนีไม่สำเร็จสักที

 





            “ไป๋รังเกียจอิฐเหรอ” เสียงเมาๆ ของมันร้องถาม



            “ไม่ได้รังเกียจ แต่รำคาญ มึงเข้าใจไหม กูจะนอน เอาแขนของมึงออกไปจากกูสักที” เขาบ่นใส่มัน ง่วงก็ง่วง เหม็นก็เหม็น มันไปตกถังเหล้ามาหรือไงวะเนี่ย



            “รำคาญทำไม ทีแต่ก่อนยังนอนกอดกันได้ทั้งคืน”



            เสียงของมันเถียงออกมาด้วยระดับที่ดังไม่เกินกระซิบ เขาลืมตาเบิกโพลงเมื่อมันพูดประโยคนั้นจบ แต่เมื่อเห็นท่าทางมันเหมือนจะพูดไปด้วยความไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาก็ไม่รู้จะกล่าวอะไรต่อไปดี

 





            “อิฐมันน่ารังเกียจมากสินะ ใครๆ ก็ไม่ชอบอิฐ”



            มันบ่นออกมาเบาๆ อย่างตัดพ้อ เสียงของมันเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่ยังไงดีหละ เหมือนไม่ค่อยจะมีความอบอุ่นในครอบครัวสักเท่าไหร่



            “กูก็บอกว่าไม่ได้รังเกียจไง กูแค่เหม็นกลิ่นเหล้า”



            เขาตอบออกไปด้วยเสียงเบาๆ อยู่ดีๆ เขาก็ไม่กล้าด่าคนตรงหน้าขึ้นมาเสียเฉยๆ มันดูเหมือนเด็กที่ต้องการที่เพิ่งทางใจ ท่าทางไอ้อิฐจะมีปมอะไรสักอย่างในใจ



            “อิฐ อิฐ อิฐ...”



            เสียงของมันเหมือนกำลังจะพูดบอกอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่ระดับเสียงของมันก็เบาจนกลายเป็นแค่เสียงฮึมฮำในลำคอเท่านั้น เขาจับใจความไม่ได้อีกเลย



            “นอนได้แล้ว เลิกบ่น กูง่วงแล้ว กูจะนอน”



            เขาพูดอย่างตัดสินใจ เขาปล่อยตัวเองให้มันกอดเอาไว้อย่างนั้นแหละ อยากกอดนักก็กอดไป ร่างกายเขาไม่บุบสลายเท่าไหร่นักหรอก เขาเองก็เหนื่อยกับการแกะขาหน้าของมันออกจากตัวเขาเต็มทน ไป๋บ่นในใจอย่างเซ็งๆ ก่อนเลือกที่จะค่อยๆ หลับตาเพื่อบอกลาจากวันที่แสนยาวนานนี่สักที

 





            “ไป๋” เสียงเรียกดังขึ้นเบาๆ จากคนตรงหน้าเขา



            “หืม” เขาเอ่ยรับคำอยู่ในลำคอ



            เขาเอ่ยถาม หน้าของมันกำลังเลื่อนเข้ามาหาเขาเรื่อยๆ ยิ่งใกล้ยิ่งคุ้นเคย ไอ้อิฐในวันนี้ไม่ต่างจากไอ้อิฐในวันนั้นเลย มันยังคงโดดเด่น เป็นที่รักและอยู่ท่ามกลางฝูงชนตลอดเวลา นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้มีโอกาสได้สังเกตมันในระยะใกล้เช่นนี้ มันแทบไม่เปลี่ยนไปเลย มันเหมือนเด็กมัธยมปลายหัวร้อนคนนั้นที่ถอดเครื่องแบบออกแล้วเอาชุดนักศึกษาและเสื้อช็อปมาใส่แทน

 





            “ไป๋”



            “ว่ายังไง”



            เขาเอ่ยถามมันออกมา เมื่อเห็นว่ามันยังคงเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เขานอนตะแคงซ้าย ส่วนมันนอนตะแคงขวา ช่วงอึดใจหนึ่งที่มีแสงลอดผ่านผ้าม่านออกมาจากภายนอก เขามองเห็นสิ่งหนึ่งที่แสนคุ้นตา ตุ้มหูรูปกาวน์สีฝุ่นของเขา ของชิ้นที่เขารัก รักมาก อาจจะเรียกว่ารักที่สุดในชีวิตเขาเลยก็ได้มั้ง แต่ตอนนี้มันอยู่กับคนตรงหน้านี่ เท่าที่จำความได้ เขายังไม่เคยเห็นมันถอดออกเลยสักครั้ง

 





            “อิฐ”



            มันเอ่ยเรียกชื่อตัวเองด้วยเสียงที่ดังจนแทบเหมือนกระซิบ หน้ามันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนเขาเริ่มหวั่นใจ แต่ตอนนั้นเขาเหมือนถูกแช่แข็งไว้ด้วยความรู้สึกอะไรบางอย่าง ใบหน้าของคนตรงหน้านี้สะกดเขาไว้อย่างอยู่หมัด อยู่ดีๆ เหมือนตัวเขาก็อ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปเสียหมด เขาควรจะเอาแขนขึ้นมายันตัวคนข้างหน้า หรือไม่ก็เอาเท้ามาออกแรงถีบคนตรงหน้านี้ให้กลิ้งตกเตียงไปซะ แต่ไม่เลย เขาไม่ได้ทำอะไรสักอย่างในชั่วขณะจิตนั้นเลย

 





            “เชี่ย”



            อาจเป็นเพราะกลิ่นเหล้าที่ลอยมาจากปากได้รูปคู่นั้นที่เผยอขึ้นอย่างไม่รู้เจตนา เขารีบหันตัวตะแคงกลับมาอีกด้านเพื่อหนีหน้าไอ้อดีตหัวหน้าชมรมกีฬาคู่กัดของเขานี่ ใกล้เกินไป มันใกล้เกินไปแล้ว เขาไม่ควรอนุญาตให้มันได้เข้าใกล้ขนาดนี้เลย

 





            เขาสาบานว่ามันพูดอะไรออกมาคำหนึ่งในจังหวะชั่วเวลานั้น



            แต่มันก็ไม่ได้ดังมากพอที่จะให้เขามั่นใจได้ว่ามันมุ่งหมายถึงสิ่งใด ร่างกายของเขาถูกดึงเขาไปอยู่ในวงแขนของคนอีกคนนี่อย่างง่ายดาย ตัวเขาเวลานี้ถูกสวมกอดจากคนๆ หนึ่งจากด้านหลังราวกับว่าเขาเป็นเพียงหมอนข้างอันหนึ่งที่มันจะกอดก่ายได้โดยตามความพึงพอใจเสียอย่างนั้น

 





            ใกล้มาก ระยะห่างระหว่างพวกเขาใกล้กันมากเหลือเกิน



            เจ้าของร่างหนาบรรจงวางคางลงบนไหล่ของคนที่แทบจะกลั้นหายใจตายไปให้ได้เสียในเวลานี้ ใบหน้าของพวกเขาห่างกันในระดับแค่องคุลีกั้น ราวกับพวกเขาหลุดออกไปอยู่ในโลกรโหฐานอันห่างไกล และความเงียบคือคำตอบของระยะขอบความสัมพันธ์กั้นที่แสนใกล้ชิดถึงเพียงนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอ้อมกอดที่ไม่ค่อยจะอุดมไปด้วยความเต็มใจ แต่มันก็สร้างความอบอุ่นได้อย่างประหลาดในค่ำคืนอนธการเช่นนี้

 





            ไม่มีเสียง



            ไม่มีศัพท์



            ไม่มีคำบรรยายใดก้าวก่ายในเรื่องราวของพวกเขาทั้งสิ้น

 





            ราวกับพวกเขาจะสวมกอดและเริงระบำอยู่ในงานเต้นรำใต้แสงดาวที่ยาวนานไม่รู้จบ ความอบอุ่นที่แทรกซึมไปทุกทั่วอนูผิวของเขาทั้งคู่อุปมาดังจะแบ่งปันให้ซึ่งกันในคืนวันที่แสนเหน็บหนาว นานเท่าไหร่ไม่ทราบที่พวกเขาล่วงเข้าสู่นิทรารมณ์ไปด้วยอ้อมแขนที่ตระกองกอดกันไว้เช่นนี้

 





            หากจะอุปมาเป็นภาพวาดสีสักผืนหนึ่ง มันก็ราวกับเฉดสีสว่างไสวเพียงจุดเดียวที่สถิตอยู่ท่างกลางความงามอันมืดมิด ราวกับเป็นเพียงแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่ฉายชัดขึ้นในวันที่แสนจะเงียบงัน

 





            หวาน



            น่าลุ่มหลง



            สงบ



            แต่ดูจะตีบตันไปด้วยความจริงหลายประการที่ทอดขวางอยู่เบื้องหน้า

 





            รสชาตินิทราของพวกเขาในคืนนั้นว่าหวานอย่างฝาดเฝื่อนดังประการฉะนี้เอง







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


              ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นน้าาา ใครยังไม่เม้น เม้นเลยยย รออ่านอยู่ เกือบ 20 ตอนแล้วนาาาา ห้ามเงาแล้ว มามะ กดพิมพ์ความเห็นให้อ่านหน่อย >///<
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 05-06-2018 16:32:05
ยังรอคอมเม้นจากทุกคนน้าค้าบบบบบบบบบบบบบบ เม้นให้หนูหน่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: toychollada ที่ 05-06-2018 16:58:23
 :laugh:สนุกมากค่ะอยากให้มาต่ออีกยาวๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 05-06-2018 18:00:14
น่อววววว อิฐหนออิฐ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-06-2018 18:25:16
ชักสงสัยที่อิฐว่า เคยนอนกอดกับไป๋ทั้งคืน  o22 o22 o22
มันยังไง  เมิ่อไหร่ ที่ไหน ตอนเข้าค่ายรด. ค่ายลูกเสือ
แต่ทำไมไป๋ไม่รู้เรื่อง  หรือตอนนั้นไป๋ไม่สบาย   :serius2:

อิฐ  ไป๋    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-06-2018 18:33:18
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 05-06-2018 19:11:49
เอาเข้าไป เกือบได้แล้ว

สู้ๅนะอิฐ

เรารอเชียร์อยุ่ข้างเตียง :z1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-06-2018 20:14:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไมเมาแต่สติสัมปชัญญะเกือบครบหล่ะนั่น?
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 05-06-2018 20:15:26
อิฐเมาจริงหรือเปล่านี่
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 05-06-2018 20:17:32
อิฐแน่ๆผู้ชายลึกลับ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 05-06-2018 20:32:09
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-06-2018 22:18:12
เกือบไปแล้วววว
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-06-2018 22:24:43
เมื่อก่อนมีซัมติงอะไรกันใช่มั้ย เคยเป็นแฟนกันมาก่อนรึป่าวเนี่ยะ บอกมานะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 06-06-2018 00:25:42
รอจ้าาา
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 06-06-2018 00:36:40
มั่นใจ อิฐ แน่ๆ จะบอกรักใช่มั๊ย  :katai1:

ไป่ไป๋อย่าพึ่งหนีสิ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP17 : อนธการ (05/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-06-2018 00:40:17
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP18 : เกลือแร่ (06/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 06-06-2018 16:41:16
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



            ตอนที่ 18 : เกลือแร่



            “ตื่น”



            เสียงดังขึ้นด้วยทำนองเรียบๆ ไม่ห่างจากตัวเขาออกไปเท่าไหร่นัก อิฐพยายามจะลืมตาให้กว้างขึ้น แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับสภาพร่างกายที่ดูจะเสื่อมโทรมผิดปรกติในตอนนี้ เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบมันจะโคลงเคลงผิดรูปผิดรอยไปหมด ความผะอืดผะอมสะสมปนเปไปกับอาการปวดหัวอย่างจะแยกอาการให้รู้ชัดได้ คลื่นไส้อยากอาเจียนและปวดหัวคือข้อที่พอจะสรุปได้ในตอนนี้

 





            “ปวดหัว”



            เขาบ่นออกมาด้วยเสียงพึมพำและแหบพร่า เสียงที่แทบจะไม่ค่อยมีอยู่แล้ว เมื่อลอดผ่านลำคอที่แห้งเป็นผุยผงออกมาก็แทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ



            “ก็ใครใช้ให้มึงแดกเหล้าซะเยอะขนาดนั้น”



            อีกเสียงดังขึ้นในระยะที่ไม่ห่างออกไปเท่าไหร่นัก ดูเหมือนว่าหมอไป๋จะตื่นแล้ว แต่ให้ตายเถอะ เขาก็ไม่ได้มีแรงมากพอจะลืมตาดูภาพคนตรงหน้าให้เห็นชัดได้เลย



            “ปรกติ มันไม่แย่ขนาดนี้”



            เขาตอบออกไปตามสัตย์จริง โดยทั่วไปแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะมาล้มคอพับคออ่อนในเช้าวันหลังจากที่กินเหล้า ไม่ว่าเขาจะเมาแค่ไหน แต่วันต่อมาเขาก็ยังพอจะประคับประคองตัวได้ ไม่ใช่ย่ำแย่อย่างเช่นตอนนี้



            “หัดเจียมตัวซะบ้าง” เสียงบ่นนั้นดังขึ้นพร้อมกับเสียงรอยเท้าดัง ดูเหมือนหมอไป๋จะเดินไปหยิบอะไรสักอย่างหนึ่ง



            “ขอโทษ ขอโทษที่ไม่เจียมตัว” เสียงตอบของเขาดังออกไปอย่างแผ่วเบา

 





            “โอ๊ย” เสียงของเขาดังออกไปไม่ใช่ด้วยความเจ็บ มันเป็นความตกใจมากกว่า



            “โอ๊ยพ่อมึงสิ ผ้าชุบน้ำสะอาด มึงจะร้องโอ๊ยหาอะไร”



            เสียงไอ้หมอที่คุ้นเคยดังมาอยู่ไม่ห่างออกไปนัก ความเย็นค่อยๆ แผ่ซึมไปทั่วลำคอของเขา ใช่แล้ว หมอไป๋กำลังเอาผ้าสะอาดเช็ดหน้า คอ และส่วนผิวหนังที่อยู่นอกเสื้อนักศึกษาของเขาออกมา

 





            “ปวดหัวมากเลยหวะ”



            เขารู้สึกดีขึ้นมาประมาณหนึ่งได้ อิฐค่อยๆ เผยอเปลือกตาขึ้น แล้วเขาก็พบกับภาพไอ้นักศึกษาแพทย์ที่เขาแสนคุ้นเคยกำลังก้มไปถอดถุงเท้าให้เขา มันทำดีจนเขาสำนึกผิดไปเลย



            “ใครใช้ให้เมาเหมือนหมาแบบนี้วะ ตื่นมามันก็แฮงค์สิ ไม่มีความพอดีเลยมึงเนี่ย”

 





            “ปรกติกูไม่แย่ขนาดนี้นะ ทำไมวันนี้มันรู้สึกแย่กว่าทุกที” เขาบ่นด้วยเสียงเบาๆ อย่างประหลาดใจ



            “ทำไม มึงจะหาว่ากูผสมยาพิษให้มึงแดกเมื่อคืนเหรอ” ไอ้คนตรงหน้าเขาก็ปากหมาไปตามนิสัยเหมือนเดิม

 





            “ไป๋ กูคลื่นไส้หวะ มันรู้สึกแบบอยากจะ... อ้วก” เขาบ่นออกมาพร้อมกับความรู้สึกเหมือนก้อนอะไรสักอย่างมาจุกอยู่ตรงลำคอ



            “เชี่ยยยยย มึงห้ามอ้วกตรงนี้นะ ลุกเลยไอ้อิฐ ไปอ้วกในห้องน้ำ ถ้าเตียงกูเปื้อนอ้วก กูฆ่ามึงแน่”



            เสียงของไอ้หมอไป๋โวยวายขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าปากมันจะดูหมามาก แต่ท่าทางมันก็ไม่ได้หมาเหมือนปากสักนิด มันเข้ามาพยุงปีกของเขาและช่วยพาเขาไปห้องน้ำ

 





            แอวะ แอวะ แอวะ



            ก้อนความผะอืดผะอมเมื่อครู่ถูกระบายออกไปจนหมดสิ้น เขาอ้วกจนแทบหมดแรง ขาของเขาตอนนี้อ่อนจนแทบจะลุกยืนไม่ขึ้น ดูเหมือนเขาว่าจะป่วยเป็นอะไรสักอย่างนอกจากอาการปวดหัวหลังกินเหล้าเสียแล้ว



            “ไป๋” เขาเอ่ยเบาๆ



            “ว่า” ไอ้หมอหน้าใสที่ยืนคุมเชิงเขาอยู่ไม่ไกลตอบกลับมา



            “มึงออกไปก่อนได้เปล่า”



            “ทำไมวะ เดี๋ยวมึงอ้วกเลอะเทอะห้องน้ำกูทำไง กูขี้เกียจล้างนะเว้ย”



            “กู...”



            “ทำไม”



            “กูดูเหมือนจะท้องเสีย”

 





            หมดกันสภาพไอ้อิฐหนุ่มเพลย์บอยที่ยิ้มแจกสาวเรี่ยราดไปเมื่อคืนนี้



            ตอนนี้เขานอนเป็นไก่ต้มซีดเซียวอยู่บนเตียงของไอ้หมอไป๋ ขยับทีก็เหมือนโลกทั้งใบจะหมุนเคว้งตามไปด้วย แถมอาการปวดท้องที่เหมือนจะมีมือที่มองไม่เห็นมาบิดขยี้ลำไส้ขอเขาให้บิดเป็นเกลียวเสียให้ได้ เดือนวิศวะนอนหมดแรงสิ้นสภาพแบบแทบจะขยับตัวไม่ไหว



            “มีอาการอะไรบ้าง” คนที่นั่งอยู่บนเตียงข้างตัวของเขาถามออกมา



            “ก็ปวดหัว คลื่นไส้ ปวดท้อง แล้วก็... ท้องเสีย”



            เขาพูดคำสุดท้ายออกมาด้วยความอับอายไม่น้อย เขาไม่อยากมานอนซมท้องเสียต่อหน้าไป๋แบบนี้เลย มันดูแบบ สกปรก เขากลัวว่ามันจะรังเกียจเขา

 





            “อาหารเป็นพิษ”

 





            “ว่าไงนะ”



            “กูบอกว่ามึงป่วยอาหารเป็นพิษ”

 





            “เหรอ มึงเก่งจังเลย” เขาตอบไปด้วยความจริงใจ ไอ้ไป๋เก่ง มันเก่งเสมอ เป็นเก่งแบบนี้มาตลอดเลย



            “เดี๋ยวกูไปหายาให้กิน”



            มันพูดพร้อมกับลุกยืนขึ้นและรื้อของอะไรในชั้นก๊อกแก๊กไปมา เขาได้แต่มองดูแผ่นหลังของไอ้หมอเพื่อนเขาด้วยความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก

 





            “หนาว” เขาพูดพร้อมเสียงฟันที่สบกระทบกันแบบห้ามไม่อยู่



            “ก็สมควร ไข้มึงออกจะสูงขนาดนี้” มันพูดพร้อมกับยื่นมือมาอังตามซอกคอและหน้าผากของเขา

 





            “ลุกขึ้นกินยาแป๊บนึง เดี๋ยวค่อยนอนต่อ”



            มันพูดพร้อมกับช้อนหลังเขาขึ้น พร้อมกับเอาหมอนมารองหลังเขาไว้ เขาโคตรรู้สึกละอายใจ เมื่อคืนก็ทำมันลำบากไปแล้ว วันนี้ก็ยังจะมาสร้างปัญหาให้มันอีก



            “แดกซะ” มันพูดพร้อมกับยื่นยาหลากสีให้เขามาสี่ห้าเม็ด



            “ยาอะไรวะ”



            “กูไม่วางยาพิษมึงหรอก แดกๆ ไปเหอะ”



            มันพูดพร้อมยัดยาใส่มือเขาพลางหันไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนหัวเตียงส่งให้ เขารับมาแล้วโยนยาในมือเข้าปากไปอย่างว่าง่าย ไม่เชื่อหมอแล้วจะเชื่อใคร ถูกไหม



            “ก็แค่อยากรู้” เขาพึมพำแก้ตัว



            “ยาลดไข้ ยาแก้คลื่นไส้ ยาแก้ปวดท้อง ยาดูดซับสารพิษในลำไส้ และนี่เกลือแร่ชดเชย” มันพูดตอบออกมาเป็นชุดพร้อมกับยื่นแก้วน้ำอีกแก้วส่งให้เขา คราวนี้เป็นน้ำสีส้มสดใสที่ถูกบรรจุอยู่

 





            “ค่อยๆ จิบไปให้หมดแก้ว ช้าๆ ไม่ต้องรีบกิน เดี๋ยวกูมา”



            มันทิ้งท้ายไว้เป็นคำสั่งก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เขามองตามหมอไป๋จนสุดสายตาแล้วก็กลับมาทำตามคำสั่งที่มันได้ให้ไว้ ค่อยๆ กิน ค่อยๆ จิบจนหมดแก้ว

 





            “ถอดเสื้อ” ไอ้หมอกลับมาแล้ว มันมาพร้อมผ้าชุดน้ำประมาณสามผืนได้



            “เห้ย”



            “กางเกงด้วย เหลือไว้แค่บอกเซอร์ก็พอ” มันพูดต่อ



            “แต่...” เขาพึมพำอย่างลังเล



            “ไม่ต้องหวงเนื้อหวงตัวไปหรอก กูไม่ทำอะไรมึงหรอกไอ้อิฐ ตัวมึงร้อนเป็นไฟแบบนี้ ถ้าไม่เช็ดตัวเดี๋ยวมึงได้ไปเฝ้าพระอินทร์ที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลแน่”



            “แต่กูเพิ่งท้องเสียมา กูรู้สึกว่าตัวเองสกปรก” เขาพูดออกมาด้วยเสียงเบา เบามากถึงมากที่สุด

 





            “มึงล้างตูดไม่เป็นรึไงวะ”



            “กูก็ล้าง แต่กูก็รู้สึกว่าตัวเองไม่สะอาดอยู่ดี”



            “มันจะไม่สะอาดยังไงวะ”



            “กูกลัวกูตัวเหม็น” เขาพูดออกมา เขาโคตรรู้สึกสกปรก เขากลัวว่ามันจะรังเกียจเขา



            “ไม่มีอะไรแย่ไปกว่ากลิ่นเหล้ามึงเมื่อคืนแล้วแหละไอ้อิฐ กูเป็นหมอน่า กูไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคนป่วยหรอก มึงรีบถอดเร็วๆ ไข้มึงจะได้ลด”



            เขาตัดสินใจถอดเสื้อออกอย่างไม่มีทางเลือก พร้อมกับใช้มือเอื้อมไปปลดตะขอกางเกงพร้อมกับถอดมันออกไปจนถึงปลายเท้า โชคดีที่เมื่อวานเขาใส่บอกเซอร์มาด้วย ไม่งั้นได้โชว์กางเกงในให้ไอ้ไป๋ดูแน่

 





            ไอ้ไป๋เช็ดตัวให้เขาด้วยความเงียบ



            มันก็ไม่รู้จะพูดอะไร เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไร มันบรรจงเอาผืนผ้าลากไปตามผิวกายของเขา ตอนแรกเขารู้สึกหนาวมาก แต่ตรงผิวรู้สึกถึงความร้อนอบจนแทบจะสัมผัสไอร้อนได้เลย พอไอ้ไป๋เอาผ้าชุดน้ำหมาดๆ มาเช็ดให้ กลับกลายเป็นว่าเขารู้สึกดีขึ้นมากๆ ความร้อนที่อบอยู่ตามผิวเขาเมื่อครู่เหมือนจะอันตรธานหายไปเสียหมด เขาเพิ่งรู้ว่าทำไมไอ้ไป๋ถึงรบเร้าจะเช็ดตัวให้เขามากขนาดนี้ เพราะว่าการเช็ดตัวมันช่วยให้อาการเขาดีขึ้นมากจริงๆ จากที่รู้สึกว่าแอร์ในห้องนั้นหนาวจนตัวสั่นก็กลับกลายมาเป็นปรกติแล้ว คือรู้สึกเหมือนอากาศจากแอร์ทั่วไป ไม่ได้หนาวได้ร้อนอย่างผิดสังเกต

 





            “ดีขึ้นไหม”


            มันเอ่ยถามคำแรกหลังจากที่เช็ดตัวให้ส่วนบนของเขาเสร็จ และเริ่มไปเช็ดส่วนของท่อนขาให้กับเขา ยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ เขาไม่น่าสร้างเรื่องวุ่นวายให้คนตรงหน้าลำบากแบบนี้เลย

 





            “ดีขึ้นเยอะแล้วหวะ เดี๋ยวกูเช็ดต่อเองก็ได้ เกรงใจมึง”



            เขาพูดพลางจะลุกขึ้นแย่งเอาผ้ามาจากมือคนตรงหน้า ไอ้หมอไป๋หันมาเล็กน้อยพร้อมกับใช้มือดันตัวเขาลงไปนอนกับเตียงใหม่อยากที่เขาแทบจะขัดขืนอะไรไม่ได้เลย แรงของเขามันหายไปไหนหมดวะเนี่ย



            “อย่าอวดเก่ง กูเป็นหมอ ไม่สิ อย่างน้อยกูก็เป็นว่าที่หมอคนหนึ่ง กูรู้น่าว่ามึงไหวหรือไม่ไหว รับปากว่ากูไม่ทำให้มึงนานนักหรอก พอมึงหายเมื่อไหร่กูจะไม่มาทำอะไรอย่างนี้ให้มึงแน่นอน”

 





            “พูดซะไม่อยากหายเลย” เขาเอ่ยกระซิบ



            “มึงว่าไงนะ” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาจากการเช็ดตัวให้เขาและถามด้วยความสงสัย



            “เปล่า” เขารีบตอบ



            “กูได้ยินมึงพูดอะไรงึมงำ”



            “กูบอกว่าเช็ดตัวแล้วสบายดีจัง”

 





            “เดี๋ยวกูเอาผ้าไปเก็บแป๊บนึง ซักน้ำสะอาดไว้สักหน่อย เผื่อต้องใช้เช็ดตัวมึงอีก” มันพูดพร้อมกับยกกาละมังใส่ผ้าผืนเล็กลุกขึ้น เมื่อเห็นว่าเช็ดตัวให้เขาเรียบร้อยแล้ว



            “เดี๋ยวกูช่วย” เขาพยุงตัวจะลุกขึ้น



            “นอนพักไปเหอะมึง เดี๋ยวกูจะลงไปซื้อโจ๊กมาให้มึงรองท้องด้วย ถ้ามีอะไรฉุกเฉินก็โทรหากู กูรีบไปรีบมา” มันพูดพร้อมกับกดไหล่เขาให้นอนลงเช่นเดิม



            “ไม่ต้องหรอก กูไม่หิว”



            “อย่าเถียงกู”



            “...”



            “อย่างน้อยก็ในเวลาที่มึงป่วย”





 

            “รถกูยังจอดทิ้งไว้อยู่ที่ร้านนม”



            “ทิ้งแม่งไว้นั่นแหละ ดูซิ๊ว่าจะหายไหม”



            “กูไม่ได้กลัวหาย”



            “แล้วกลัวอะไร”



            “กุญแจห้องกูยังอยู่ในรถ”

 





            “มึงนอนพักที่ห้องกูให้หายก่อนนี่แหละ กลับไปห้องเดี๋ยวนอนตายขึ้นมาลำบากกูต้องไปเก็บศพอีก ไม่ต้องรีบ ห้องมึงไม่หายไปไหนหรอก พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับก็ยังทัน”







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ประกาศครับบบบบ ตั้งแต่ตอน 20 เป็นต้นไปจะทยอยลงอาทิตย์ละ 3 วันนะครับ อังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ จุ๊บจุ๊บจุ๊บ ยังรออ่านเม้นเหมือนเดิมนะ เย่เย่เย่ รักคนเม้นทุกคนเลยยยยย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP18 : เกลือแร่ (06/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 06-06-2018 16:41:48
ผมมารอคอมเม้นที่ท่าน้ำทุกวันเบยยยยยยยยยยยย เม้นหน่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP18 : เกลือแร่ (06/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-06-2018 17:44:26
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP18 : เกลือแร่ (06/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 06-06-2018 18:08:58
แบบนี้เค้าเรียกว่าให้ความหวังได้หรือเปล่า

รีบหน่อยนะอิฐมีโอกาสแล้ว

เดี๋ยวจะมีใครมาตัดหน้าซะก่อน :laugh3:

ปล แล้วแบบนี้ทุกเย็นเค้าจะอ่านอะไรอ่ะ :dont2:
หมดกันความหวานเล็กๆน้อยๆของเก๋า :o11:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP18 : เกลือแร่ (06/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 06-06-2018 18:15:23
มาทุกวันได้ยิ่งดีเลยจ้าาา รออ่านทุกวัน  :hao7:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP18 : เกลือแร่ (06/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 06-06-2018 18:38:50
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP18 : เกลือแร่ (06/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-06-2018 18:52:52
ไป๋ดูแลอิฐดีมาก   :mew1:
อิฐยิ่งประทับใจมากกว่าเดิมน่ะสิ 
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP18 : เกลือแร่ (06/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 06-06-2018 21:49:03
งุยๆ เป็นห่วงกันด้วย น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP18 : เกลือแร่ (06/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 06-06-2018 22:52:08
เหมือนว่าจะขยับความสัมพันธ์ไปอีกนิดหนึ่งแล้วนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP18 : เกลือแร่ (06/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-06-2018 23:38:47
 :katai2-1:

ป่วยต่อสักหน่อย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP18 : เกลือแร่ (06/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-06-2018 23:55:08
 :pig4: :pig4: :pig4:

อาการหนักนะอิฐ

หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 07-06-2018 17:07:44
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



            ตอนที่ 19 : Peristalsis



            “แม่ แม่อย่าเพิ่งทิ้งอิฐไป”



            “แม่ แม่อยู่เป็นเพื่อนอิฐก่อน”



            “แม่ ถ้าแม่ไม่อยู่ แล้วอิฐจะใช้ชีวิตยังไงต่อไป”

 





            ไป๋สะดุ้งตื่นหลังจากเผลอฟุบหลับไปที่บริเวณข้างเตียง เขากลับมาจากซื้อโจ๊กได้พักใหญ่แล้ว แต่เมื่อเห็นว่าคนป่วยกำลังหลับสนิทเขาก็อยากจะให้มันพักก่อน ด้วยความที่มันกำลังนอนแผ่หราอย่างเต็มที่ เขาก็ไม่อยากปลุกให้มันเลื่อนพื้นที่ให้กับเขา เขาจึงระเห็จตัวเองมานั่งฟุบหลับอยู่ด้านข้าง ไป๋หรี่ตาขึ้นด้วยเสียงปลุกที่ดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจปลุกเขา ไอ้อิฐละเมอร้องโวยวายออกมาอย่างไม่รู้ตัว ไอ้คิงคองยักษ์ในเวลานี้ดูอ่อนแอมาก อ่อนแอจนเขารู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ



            เขาลุกขึ้นเอามือไปอังบริเวณหน้าผากของมันก็พบว่าตัวมันร้อนขึ้นอีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ร้อนเป็นไฟอย่างรอบแรก แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาไม่หยุด ไป๋เหลือบไปมองนาฬิกาก็พบว่าเวลาล่วงเลยจากการกินยารอบแรกไปกว่า 6 ชั่วโมงได้ สงสัยยาจะหมดฤทธิ์ ท่าทางเขาจะต้องเช็ดตัวให้มันอีกสักที

 





            “อย่าไป”



            ทันทีที่เขาเอาผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดไปที่ซอกคอของมัน ไอ้คนตรงหน้าก็สะดุ้งพร้อมกับเอามือของมันมาจับข้อมือของเขาเอาไหว เสียงมันติดขอร้องจนน่าสงสาร



            “อิฐ นี่กูเอง ปล่อยมือกูก่อน กูกำลังจะเช็ดตัวให้มึง”



            เขาใช้มืออีกข้างเขย่าไหล่มันเบาๆ ปลุกให้มันตื่นเลยก็ได้ มันจะได้ลุกขึ้นมากินโจ๊กแล้วก็กินยาอีกรอบ นี่ก็ใกล้ครบเวลาแล้ว



            “ไป๋”



            เสียงแห้งผากของมันเอ่ยเรียกชื่อเขาเป็นอย่างแรกทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้น มันเหลือบมองไปรอบห้องอย่างมึนงง ดูท่าทางภายใต้มโนสำนึกของมันจะหลุดลอยไปไกลจากห้องสี่เหลี่ยมนี้



            “อืม กูเอง”



            เขาพูดพร้อมกับขืนข้อมือเล็กน้อยเป็นสัญลักษณ์ให้มันปล่อยมือ ไอ้อิฐตกใจเล็กน้อยก่อนจะรีบปล่อยให้เขาเช็ดบริเวณใบหน้าและลำคอมันอย่างตามสบาย



            “เมื่อกี้กูละเมอพูดอะไรแปลกๆ ไปหรือเปล่า” สีหน้ามันเก็บความวิตกไว้ไม่มิด



            “เปล่านี่ กูได้ยินแต่มึงโวยวายว่าร้อน”

 





            “ลุกขึ้นมากินโจ๊กก่อน” เขาพูดพลางเข้าไปประคองหลังของมันให้ลุกขึ้นนั่ง



            “ไม่กินได้ไหม มันรู้สึกเหมือนจะอ้วกตลอดเวลา ไม่อยากกินอะไรเลย”



            ไอ้หน้าเถื่อนหันมามองหน้าเขาแบบขอร้อง ความหล่อของมันตอนนี้ถูกกักขักอยู่ในร่างกายที่ซีดเซียวไปด้วยพิษไข้ ใจของเขาอยากจะถอดต่างหูของมันออกตอนที่มันป่วย เพราะกลัวมันจะเกี่ยวจนเกิดแผลตอนมันเพ้อไม่รู้ตัว แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่กล้าจะถอดมันอยู่ดี สุดท้ายเขาเลยต้องมานั่งระมัดระวังให้มันแทนตอนมันทำท่าจะขยับพลักตัว



            “ต้องกิน”



            “ไม่อยากกิน”



            “เดี๋ยวอ้วกออกมาอีก”



            “ถ้ามึงไม่กินอะไรผิดสำแดงมาก เวลามึงกินข้าวเนี่ย หลอดอาหารมันจะเกิด peristalsis บีบตัวให้อาหารมันลงไปยังกระเพาะ หลอดอาหารมึงจะบีบตัวดีขึ้น หูรูดตรงกระเพาะอาหารจะดีขึ้น ร่างกายจะพาอาหารใหม่ลงไปข้างล่าง ไอ้อาหารเก่าของมึงที่มันพยายามจะออกมามันก็จะไม่ออกมา” เขาตั้งใจจะหุบปากคนตรงหน้าให้สนิท



            “แปลว่ากินแล้วดีใช่ไหม”



            หน้าตาของมันดูไม่เข้าใจอะไรเลย ซึ่งเขาก็ตั้งใจให้มันไม่เข้าใจอะไรเลย รู้มากก็ถามมากยืดยาวไม่จบไม่สิ้น รีบกินยากินโจ๊กไปนี่แหละจะได้จบๆ



            “ดี”

 





            ความจริงเขาควรจะให้มันกินยาต้านอาเจียนก่อนสักครึ่งชั่วโมงก่อนกินข้าว แต่เมื่อไม่ทันแล้ว เขาก็ยัดยาทั้งหมดให้มันกินพร้อมกันไปทีเดียวเลย มันประคองตัวลุกขึ้นมากินโจ๊กอย่างว่าง่าย กินไปได้สองสามคำสีหน้ามันก็มากขึ้น จากคนที่บอกว่าไม่หิวๆ ก็กินจนเกลี้ยงชาม

           





            “ถอดเสื้อออก เดี๋ยวจะเช็ดตัวให้” ไป๋พูดพร้อมกลับกาละมังใส่ผ้าขนหนูชุบน้ำที่เดินไปหยิบจากในห้องน้ำมา



            “ไม่ต้องก็ได้ กูจะหายแล้ว”



            “ถ้ามึงยังขัดกูในเรื่องที่มึงไม่ได้รู้ดีอีกรอบ กูจะถีบมึงไปนอนนอกห้อง ณ ตอนนี้เลย”



            “แต่...”



            “แต่อะไร”



            “กูเพิ่งกินข้าวมา พุงกูยื่น”



            “หุบปากแล้วก็ถอดเร็วๆ อย่ากวนส้นตีน”

 





            “ขอบคุณ”



            เสียงของคนป่วยเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาขณะที่เขาค่อยเช็ดลำตัวของมันไปตามหน้าที่ มันมองหน้าเขาด้วยสีหน้าที่เรียบสงบ ไม่มีคำพูดใดจากเขาที่ตอบรับคำขอบคุณนั้นออกไป การที่มานั่งดูแลมันอยู่แบบนี้ก็น่าจะพอพิสูจน์คำตอบว่าไม่เป็นไรได้ดีเกินพอแล้ว

 





            ไอ้อิฐแกะกระดุมเสื้อออกตามคำสั่งของเขา



            ทันทีที่เสื้อผ้าได้ถูกถอดออกไปเรียบร้อย ร่างกายที่แทบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบของมันก็เผยตัวออกมาให้ปรากฎต่อสายตาเขา กล้ามเนื้อของชายหนุ่มราวกับรูปปั้นกรีกชั้นยอดที่บรรจงถ่ายทอดออกมาเพื่อแสดงถึงสรีระความงดงามของมนุษย์



            หน้าอกของมันหนาเป็นแผ่นอย่างคนที่ออกกำลังกายมาอย่างเข้มข้น แผ่นอกนูนเด่นขึ้นมาจากส่วนหน้าท้องสอดรับกับไหล่ทั้งสองที่ใหญ่เป็นปีกกว้างอยู่ด้านบน หัวไหล่กลมได้รูปไล่เรียงต่อไปยังต้นแขนที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามที่นูนเด่นออกมาอย่างแทบไม่ต้องพยายามเลย หน้าท้องที่แทบจะปราศจากไขมันราบสนิทแนบไปกับผิวเนื้อ ก้อนกล้ามเนื้ออันเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นชายฉายชัดออกมาเป็นทรงทั้งหกก้อน เอวคอดน้อยๆ ของอิฐสอดรับกับหน้าท้องช่วงล่างที่มีทรงแคบเข้าเป็นทรงราวคันศร เนื้อกายตรงเกือบกึ่งกลางลำตัวของมันทอดยาวออกไปราวกับจะชี้นำไปสู่เบื้องล่าง พื้นที่ใต้อาภรณ์ที่ถูกปกปิดไว้ในช่วงลำดับถัดไป

 





            เขาบรรจงเช็ดตัวให้มันอย่างควบคุมสติที่สุด



            มือของเขาจับไปที่ขอบกางเกงด้านข้างเป็นเครื่องหมายให้มันปลดกางเกงชั้นนอกลง มันกุลีกุจอยันตัวขึ้นมาปลดกระดุมกางเกงขายาวและดึงถอดออกไปด้านปลายเท้าอย่างว่าง่าย ความเป็นชายของอิฐถูกปกปิดไว้ใต้กางเกงบอกเซอร์สีขาวสะอาดขนาดความยาวถึงครึ่งต้นขาได้



            เขาเริ่มต้นอาณาเขตการจัดการความร้อนของคนตรงหน้าที่ตั้งแต่พื้นที่ผิวเลยกางเกงตัวน้อยเป็นต้นไป ท่อนขาของไอ้อิฐไม่ได้เล็กเพรียวแบบนายแบบ แต่หนาและแข็งแรงแบบนักกีฬา ผ้าในมือของเขาค่อยๆ ลูบลงไปตามต้นขา หัวเข่า จนถึงหน้าแข้ง ปลีน่องของมันแข็งแน่นอย่างคนที่เล่นกีฬาเป็นประจำ ไม่มีเสียงใดเกิดขึ้นระหว่างเขาทั้งคู่นอกจากเสียงผ้าผืนเล็กที่ลูบไล้ไปตามผิวเนื้อเพื่อช่วยบรรเทาไข้พิษ จวบจนปลายสุดของร่างกายของคนตรงหน้า การเช็ดร่างกายเพื่อขจัดความร้อนให้คนตรงหน้าก็เสร็จสมบูรณ์

 





            “ขอบคุณ”



            “...”



            “ขอบคุณมึงมาก มากจริงๆ”

           





            เสียงของคนตรงหน้าดังขึ้นในระดับที่ไม่เกินไปกว่าการกระซิบ ราวกับความร้อนเป็นพลังงานที่สูญหายไม่ได้และต้องการที่อยู่ใหม่เสมอ นักศึกษาแพทย์ผู้ใจดีเป็นพิเศษในวันนี้จึงรู้สึกร้อนอย่างผิดปรกติ ราวกับไอร้อนที่เขาได้พยายามบรรเทาทุเลาไปจะถูกย้ายถ่ายเทกลับมายังตัวเขานี่เอง       







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ทำไมตอนนี้มันดูสั้นสั้น แต่งไปงงไป แต่ยังไงก็รออ่านคอมเม้นเหมือนเดิมน้า ^ ^
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 07-06-2018 17:08:18
รอร๊อรอ ฉันมารอคอมเม้นพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยยยยยยยยยยยยยยยย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-06-2018 18:03:38
ดีนะตอนที่ไป๋เช็ดตัวอิฐ
อย่างอื่นไม่แข็งขึงอวดตัวชี้ฟ้าขึ้นมา  :serius2:
ขนาดนี้ไป๋ยังรู้สึกตัวเองร้อนๆซะด้วย

รูปร่างแน่นไปด้วยกล้ามนักกีฬา เอวไม่มีไขมัน
ยังมาอายไป๋ ไม่อยากให้ไป๋เห็นพุงตัวเองอีกนะ

อิฐ  ไป๋  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 07-06-2018 18:52:42
การเช็ดตัวนี่เป็นฉากแบบเอ๊กซ์มาก ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 07-06-2018 18:56:10
แค่เช็ดตัวก็เกือบได้เลือด :pighaun:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 07-06-2018 19:26:09
อื้อหืออออออ ชวนเสียว 5555  :-[     เช็ดให้ทั่วนะ อิอิ

หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-06-2018 22:41:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

เจอโมเมนต์ดูแลอย่างดีแบบนี้

สงสัยอิฐคงเดินหน้าไล่...นุ้งไป๋แน่ ๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 07-06-2018 22:52:13
ชั้นมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-06-2018 23:50:37
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 08-06-2018 00:12:45
มาให้กำลังใจคับ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-06-2018 00:27:13
 :katai2-1:


การบีบตัวก็มา ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-06-2018 00:42:12
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 08-06-2018 01:23:23
 o13
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-06-2018 03:11:36
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 08-06-2018 09:34:11
รอตอนต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 08-06-2018 23:49:50
เอ้าตอนแรกนึกว่าอิฐแกล้ง สรุปเมาจริงป่วยจริงซะงั้น มีหมอมาดูแลมันก็ดีอย่างงี้ละนะ รุ้สึกผิดไปอีกจะกล้าบอกชอบมั้ยล่ะนี่ แต่เอาน่ะได้นอนห้องเค้าอีกตั้งวันนึง แค่นี้ก็คุ้มละมั้ง
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP19 : Peristalsis (07/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 09-06-2018 07:37:17
อยากให้หมอไป๋ใจอ่อนกับอิฐจุงงง

แต่คิดว่าน่าจะจิ้น #อิฐไป๋ มากกว่านะคะ

  :mew2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 09-06-2018 15:13:39
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น


            ตอนที่ 20 : DSLR



            “ไป๋”



            เสียงของไอ้อิฐดังขึ้นในระยะที่ห่างออกจากตัวเขาไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก ไป๋ลืมตามองก็ค้นพบไอ้ตัวเจ้าปัญหาเมื่อวานตอนนี้นั่งยิ้มแฉ่งอารมณ์ดีบนโต๊ะอ่านหนังสือหันหน้ามามองเขา



            “ลำบากแย่เลยนะมึง เมื่อวานนี้”



            มันพูดต่อเมื่อเห็นว่าเขาหายจากการงัวเงียแล้ว ความจริงสิ่งที่ไอ้อิฐพูดก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะคนป่วยนั้นอาจจะหลับสบายดีแต่เขานั้นไม่ค่อยจะดีด้วยเท่าไหร่เลย เขาต้องคอยตั้งปลุกขึ้นมาคอยเช็ดตัวให้และเรียกให้มันกินยา พอช่วงกลางดึกเผลอจะหลับๆ เข้าหน่อย มันก็ร้องตะโกนละเมอขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ลำบากเขาที่ต้องสะดุ้งขึ้นมาตอนดึก ถึงแม้ว่าจะช่วยอะไรไอ้เด็กชายอิฐในความฝันของมันไม่ได้ แต่เมื่อตื่นแล้วก็กลายเป็นภาระที่เขาจะข่มตาหลับลง



            อาการไอ้อิฐมาดีขึ้นจริงจังหลังจากที่กินยารอบดึกและเช็ดตัวครั้งสุดท้ายประมาณเที่ยงคืนได้ ตอนแรกมันดูตัวยังร้อนอยู่หน่อยๆ แต่พอผ่านเข้าวันใหม่ไปได้ชั่วโมงกว่าแล้วอุณหภูมิในร่างกายของมันก็ลดลงอย่างดูดีเลยทีเดียว เขาเอาผ้ามาคอยซับเหงื่อมันตอนกลางดึกอีกครั้ง ก่อนจะได้หลับไปสนิทอย่างสบายใจได้ พอพิษไข้ไอ้อิฐเริ่มดับลง อาการโวยวายละเมอของมันก็อันตรธานหายไปได้ เหลือเพียงความเงียบสงบในบรรยากาศภายใต้ห้องสี่เหลี่ยมนี้



            จวบจนกว่าที่ไป๋จะหลับลงอย่างสนิทได้ก็เกือบจะเข้าเวลาร่วมรุ่งสาง ซึ่งในจังหวะขณะช่วงนั้น อาการเจ็บป่วยของอิฐก็แทบจะหายไปอย่างสมบูรณ์

 





            “ไม่เป็นไร”



            เขาตอบแบบว่าง่ายพร้อมเอามือจัดทรงผมให้เป็นระเบียบขึ้นเล็กน้อย เหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนเพดานอยู่ก็พบว่าขณะนี้เลยเวลาเที่ยงของวันอาทิตย์ไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว นี่เขาเหลับไปนานจนนอนตื่นบ่ายได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แต่ก็คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะกว่าเมื่อคืนเขาจะปลุกปล้ำกับอาการเจ็บป่วยของคนตรงหน้าเสร็จ พระอาทิตย์ก็แทบจะเวียนมาขึ้นอีกครั้ง

 





            “กูเห็นว่ามึงกำลังหลับสบายกูเลยไม่อยากกวน” มันพูดยิ้มๆ



            “เออสิ เมื่อวานกูนะทำอย่างกะเป็นเบ๊มึงเลย กูหละรอให้มึงหายดี กูจะจับมึงมากระทืบกระทืบกระทืบข้อหาสำออยดีนัก” เขาหันไปตอบอย่างกวนตีน



            “เอาน่า เดี๋ยวกูให้มึงกระทืบแน่ แต่ตอนนี้หาอะไรรองท้องก่อนไหม”



            ไอ้อิฐพูดแบบสบายๆ มันหันหน้าไปพลางชี้ให้เห็นถุงอาหารจากร้านสะดวกซื้อที่ลงไปซื้อมาให้ ไอ้วิศวะตอนนี้อยู่ในชุดไปรเวทลำลองแล้ว ชุดนักศึกษาของมันที่ดองเค็มไว้ตั้งแต่วันศุกร์ถูกเปลี่ยนใหม่เป็นที่เรียบร้อย



            “นี่มึงกลับห้องมาเหรอ” เขาถามอย่างงงๆ



            “เออ กูตื่นตั้งแต่สิบโมงและ แต่เห็นมึงยังไม่ตื่นเลยวนกลับไปเอารถมาก่อน กลับมาอีกรอบมึงก็ยังไม่ตื่น กูเลยกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด กลับมาอีกรอบมึงก็ยังไม่ตื่น กูเลยลงไปหาอะไรมาให้มึงรองท้อง” มันพูดอธิบายเสียยาวเหยียด

           





            “แล้วมึงเป็นไง ไข้ลดหรือยัง ยังคลื่นไส้อยู่ไหม” ไป๋พูดถามอดีตคนไข้ของเขา



            “หายละ ไข้ไม่มี อาการปรกติ ไม่คลื่นไส้ ไม่ท้องเสีย” มันตอบ



            “เออ หายก็ดีละ ป่วยที่แม่งลำบากกูฉิบหาย” เขาพูดพลางดึงผ้าห่มออกจากตัวจะลุกขึ้น



            “กินไรดี กูไม่รู้ว่ามึงชอบอะไรเลยซื้อมาหลายอย่าง” มันหันไปรื้ออะไรยุกยิกในถุงหูหิ้วใกล้ตัว



            “ไม่เอาอะ เดี๋ยวลงไปกินที่ร้านเลยดีกว่า กูอุดอู้อยู่แต่ในห้องมาเกือบสองวันละ น่าเบื่อจะตาย กูไม่ยอมกินข้าวในห้องสี่เหลี่ยมโง่ๆ นี่อีกเด็ดขาด”



            “อะ”



            มันพูดพร้อมส่งของในมือให้ ก้มไปมองก็เห็นเป็นเสื้อยืด กางเกงขาสั้น และผ้าขนหนูสำหรับอาบน้ำ เขารับมาแบบไม่ถามอะไรและก้าวขาฉับๆ เข้าไปอาบน้ำอย่างเหนียวตัวเต็มทน

 





            อาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อย พวกเขาทั้งคู่ก็เดินลงมาหาอะไรกินใต้หอ เมื่อลงมาถึงเขาก็ได้แต่บ่นด้วยความหงุดหงิดเพราะลืมไปว่าวันอาทิตย์ร้านอาหารใต้หอไม่เปิดขาย (สงสัยกลัวรวย) เขาเลยต้องระหกระเหินนั่งรถไอ้อิฐออกไปกินข้าวหน้ามอที่ห่างออกไปแค่ระยะเดินถึง แต่ด้วยแดดในองศาที่พอจะเผาคนให้สุกได้ เขาจึงสั่งให้ไอ้อิฐเป็นสารถี มันเกาะเขามาร่วมสองวันแล้ว ถึงเวลาที่มันจะต้องเป็นเบ๊เขาบ้าง

           





            พวกเขาเลือกร้านอาหารแนวฟิวชันราคาไม่แพงที่เป็นที่นิยมของนักศึกษาเป็นเสบียงตุนของวันอาทิตย์แบบนี้ วันหยุดทำให้จำนวนเด็กนักศึกษาที่ออกมาฝากท้องกับร้านข้าวหน้ามอดูบางตามาก พวกเขาจึงได้โต๊ะได้โดยง่ายถึงแม้ว่าปรกติร้านนี้จะหาโต๊ะยากมากก็ตาม





 

            “ขอโทษนะคะ หมอไป๋ใช่ไหมคะ” เสียงผู้หญิงหวานใสเรียกเขาให้เงยหน้าขึ้นจากปีกไก่น้ำแดงที่เขากำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยนี่



            “ครับ?”



            เขาหันหน้าไปก็เจอกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มายืนที่โต๊ะเขา มองอย่างไรก็ไม่คุ้นหน้า คาดเดาได้ว่าน่าจะไม่เคยรู้จักกัน ว่าแต่เธอมาเรียกเขาทำไม

           





            “เราชื่อแก้มนะ เรียนอยู่นิเทศศาสตร์ปี 1”



            “อ่า”



            “และเราก็เป็นแอดมินเพจหมอไป๋ FC ด้วย”



            “อ๋อ”



            เธอคนนี้นี่เองที่เขาสงสัย แต่ใช่ว่าเขาจะตามหาอะไรมากมายนะ ความเป็นจริงเขาแทบไม่เคยกดเข้าไปดูเพจของตัวเองด้วยซ้ำ มันจั๊กกะจี้พิลึก

 





            “เราขออนุญาตเอารูปหมอไป๋ไปลงเพจได้ไหม”



            “ได้สิ”



            เขาตอบแบบว่าง่าย ทำอย่างกับว่าถ้าเขาไม่ให้แล้วจะยอมลบเพจให้เขาสักหน่อย ตอนเปิดเพจก็ไม่เห็นถามเขาเลย อยากทำอะไรก็ทำเถอะ เพจสองพันกว่าไลค์คงไม่มีอิมแพคอะไรกับชีวิตเขามากมายนักหรอก

 



            “เราขอถ่ายรูปไป๋ได้ไหม พอดีไม่มีรูปถ่ายไป๋หน้าตรงแบบตั้งใจเลย” เธอถามต่อด้วยสีหน้าเกรงใจ



            “เอ่อออออ ไม่ดีกว่า เราไม่ค่อยถนัดเรื่องถ่ายรูปเท่าไหร่” เขาปฏิเสธ



            “แต่ว่า...”



            ผู้หญิงตรงหน้าดูกำลังพยายามจะคิดหาข้ออ้างอะไรสักอย่างมาเพื่อโน้มน้าวเขาให้จงได้ ดูจากกล้อง DSLR ที่คล้องคอก็ชัดเจนในเจตนาว่าเธอคงอยากมาถ่ายรูปเขาจริงๆ

           





            “งั้นถ่ายรูปคู่ไปไหมหละ ถ้าไอ้ไป๋มันไม่ถนัดก็” เสียงของอิฐดังขึ้นจากอีกฟากของโต๊ะ



            “ได้เหรอคะ” เธอคนนั้นหันมาถามคนตรงหน้าเขา



            “ไป๋มันทำสีหน้าไม่ค่อยถูกหนะเวลาถ่ายรูปเดี่ยว แต่เวลาถ่ายรูปคู่ก็เหมือนถ่ายรูปกลุ่มแหละ มันคงโอเคมั้ง” มันพูดพลางหันมาถามเขา ไม่มีการปรึกษาเขาสักนิด



 

            “อิฐ กูไม่ชอบ”



            “เอาน่า เกรงใจเขา เขาอุตส่าห์มาขอ มึงก็คิดว่าถ่ายรูปติดหน้าห้องแลปแล้วกัน ทีแลปฟิสิกส์มึงยังยืนยิ้มแฉ่งให้เขาถ่ายรูปได้เลย”



            “แต่กู...”



            “รีบถ่ายจะได้แดกต่อ”



            “เออๆ ก็ได้”

 





            ไอ้อิฐลากเก้าอี้อ้อมมานั่งข้างเขา พร้อมกับฉีกยิ้มก่อนให้กล้องเป็นคนแรก พร้อมกับเอานิ้วมาสะกิดให้เขารีบยิ้มให้กล้องบ้างสักที



            แชะ



            เขายิ้มแบบทำสีหน้าไม่ถูกเท่าไหร่ เขาโอเคนะถ้าถ่ายรูปเล่นกับเพื่อนฝูง แต่พอมีคนมาขอถ่ายรูปแบบนี้ เขาไม่ถนัดเลย คือคนมาขอถ่ายรูปก็อยากจะได้รูปเขาหล่อๆ ถูกไหม แต่เขาคิดสีหน้าไม่ออกหนะ เขาไม่รูปว่าการปั้นหน้าหล่อมันต้องทำยังไง



            แชะ

 





            “ไอ้ไป๋ ซอสปีกไก่มึงเปรอะแก้มอะ”



            “เฮ้ย ไหนวะ”

 





            แชะ

 





            “มานี่เดี๋ยวกูเช็ดให้”



            “เฮ้ย ไม่ต้อง”



 



            แชะ

 





            “มาๆ หมดแล้ว”



            “เชี่ย”







            แชะ

 





            “กอดคอกันหน่อยดิ”



            “เออๆ”





 

            แชะ

 





            “เธอก็ลองๆ ไปเลือกรูปดูแล้วกัน รูปไหนไป๋มันใช้ได้ก็ครอปตัดเราออก เอาแต่รูปมันไปลงแทน” อิฐพูดอย่างว่าง่าย



            “ขอบคุณค่ะ”



            “อืม”



            “ขอบคุณหมอไป๋ด้วยนะคะ”



            “ไม่เป็นไร”



            “ขอโทษด้วยนะคะถ้าทำให้ลำบากใจ”



            “เฮ้ย ผมไม่ได้โกรธนะ แต่ผมแค่ทำหน้าไม่ถูกเฉยๆ”





 

            “เอ่อออออ เราก็ถามอะไรอีกอย่างได้ไหมคะ”



            “อะไรเหรอ”



            “ไป๋กับอิฐนี่จงใจใส่เสื้อคู่กันหรือเปล่า?”





 

            สิ้นสุดคำถามเขาก็ได้แต่ก้มไปดูลายเสื้อที่ใส่อยู่อย่างตกใจ เขาจำได้ว่าไอ้อิฐเป็นคนเลือกเสื้อให้เขา เขาจำได้แค่ว่ามันเป็นเสื้อยืดสีดำเท่านั้น แต่มันสกรีนไว้ว่าอะไรเขาก็ไม่ได้สนใจ จนได้มารู้ตัวก็ตอนถูกทักนี่แหละ เขาก้มมองดูเสื้อตัวเองแล้วก็หันไปดูเสื้อของอิฐเทียบกัน โอ๊ย ฉิบหายแล้ว





 

            ไอ้อิฐ : Knight



            หมอไป๋ : Bishop







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               พอตอนเยอะขึ้น คอมเม้นเริ่มยาวขึ้น รู้สึกดีมากเลย เหมือนมีคนกำลังท่องโลกกว้างในนิยายไปกับเรา คอมเม้นกันหน่อยน้า อ่านแล้วฟินมากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 09-06-2018 15:14:06
มาเม้นให้หนูหน่อยน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา >///<

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 09-06-2018 15:22:54
ฮอลลล อิอิฐมันร้ายค่ะแม่ ฮือออออ

ไป๋ก่ไม่ดูไรเล้ยยย 555 เหมาะกันดี :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 09-06-2018 15:46:46
หมอไป๋ตามอิฐไม่ทันแน่เลย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-06-2018 17:03:02
อิฐ เล่นไป๋ซะแล้ว
เนียนถ่ายรูปคู่ เนียนจับจอง
แล้วตั้งใจใส่เสื้อคู่ซะด้วย  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 09-06-2018 17:33:42
โอ้ยยยยยยยยย
ชอบบบขบบบบ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-06-2018 18:01:19
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-06-2018 19:28:32
 :pig4: :pig4: :pig4:

แผนสูงนะเจ้าอิฐ 
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 09-06-2018 19:31:42
แอบอ่านเงียบๆ ไม่ค่อยเม้นท์  :hao7:
เป็น กลจ ให้นักเขียนจ้าา
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-06-2018 20:17:10
 :z1: :z1: :z1:  อีอิฐมันร้ายมากคระ อิอิ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 09-06-2018 21:25:30
บังเอิญหรือตั้งใจจ๊ะหนูอิฐ

 :z1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 09-06-2018 22:21:37
เนียนเหลือเกินนะคะคุณอิฐ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 09-06-2018 22:36:00

เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
มาเม้นให้กำลังใจคนเขียนก่อนค่ะ
+1....

 :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-06-2018 22:55:55
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-06-2018 10:16:31
แหมมมมมม เนียนเลยนะอิฐ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 10-06-2018 10:41:29
อิฐเนียนจริงๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-06-2018 21:09:38
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-06-2018 21:13:14
แหมอิฐเนียนเลยนะ เนียนเหลือเกิน ลงรูปในเพจประกาศตัวเป้นเจ้าแบบเนียนๆไปอี๊ก ว่าที่หมอนี่รุ้ตัวช้าจังเนอะ แต่แอบจีบแบบนี้ก็ดีน่ารักดี
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP20 : DSLR (09/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 11-06-2018 14:20:24
อยากโดนเล่น เอ้ย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP21 : สนามบาส (12/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 12-06-2018 15:45:09
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



            ตอนที่ 21 : สนามบาส



            “เดี๋ยวมึงจะไปเข้าค่าย มึงไม่เห็นบอกกูสักคำเลยวะ”



            เสียงของเพื่อนซี๊สมุนไพรของเขาดังขึ้น ไป๋จึงเงยหน้าจากชามโจ๊กไปขมวดคิ้วด้วยความสงสัย วันนี้เป็นวันจันทร์และพวกเขาจะมีเรียนเคมีในคาบเช้า ไอ้อิฐหายหัวเลยตั้งแต่แยกย้ายกลับห้องกันไปเมื่อวาน ไอ้โฟคไปเอาเล่มพาสปอร์ตที่มันไปยื่นขอวีซ่าไว้แบบด่วนพิเศษเมื่อวันศุกร์ บนโต๊ะกินข้าวตอนนี้จึงมีแค่เขา ไอ้ว่าน และไอ้เพียว ซึ่งมึงมาทำไมวะ ไอ้อิฐไม่อยู่มึงก็ควรจะหายหัวไปด้วยสิ

 





            “กูไม่เห็นว่ามันจะสำคัญอะไรอะเลยไม่ได้บอก” เขาตอบแบบไม่ใส่ใจ



            “เชี่ยยยยย มึงหาว่างานสโมสรไม่สำคัญเหรอวะ” เสียงไอ้เพียวบ่นมาแบบไม่จริงจัง เขาลืมไปเลยว่ามันทำงานสโมสรกลาง ดันพูดต่อหน้ามันไปได้เสียฉิบ



            “งานสโมสรอะสำคัญ แต่ไอ้ว่านมันไม่ต้องรู้ก็ได้ไง” เขาตอบไปงั้นแหละ จริงๆ เขาก็ไม่ได้คิดว่างานค่ายผู้นำอะไรนี่จะสำคัญอะไรหรอก



            “ไม่สำคัญได้ไงวะ แม่งไปกันหมดเลย ทิ้งกูไว้เฝ้ามหาวิทยาลัยคนเดียวเนี่ย” มันบ่นพึมพำ



            “อะไรวะ” ไป๋ถามงงๆ



            “มึงก็ไป ไอ้อิฐก็ไป ไอ้โฟคก็ไป ไอ้เพียวก็ไป แม่งไปกันยกแผงเลยเนี่ย” ไอ้ว่านบ่น



            “อ๊าว ไอ้โฟคก็ไปเหรอ” เขาถาม



            “เออ” คราวนี้เสียงตอบไม่ได้ดังมาจากว่าน แต่มาจากเพื่อนร่วมโต๊ะของเขาอีกคนหนึ่ง





 

            “แล้วไอ้เพียว มึงไม่มีเรียนเหรอวะวันนี้” ว่านหันไปถามเพื่อนวิศวะ



            “มีสิ ไม่มีแล้วกูจะแต่งชุดนักศึกษามาหาตะไคร้อะไรวะ” มันตอบติดกวน



            “อ๊าวไอ้เชี่ยนี่ กูชวนคุยเสือกกวนตีนกูกลับอีก” ไอ้ว่านบ่นพึมพำออกมาอย่างไม่จริงจัง



            “แล้วมึงเรียนตึกไหนอะ” คราวนี้เขาถามบ้าง



            “วิศวะ”



            “แล้วมึงถ่อมาทำไมถึงคณะวิทย์วะ”



            “ไอ้อิฐแม่งเทกู จะไม่มาเรียนก็ไม่บอก ตอนแรกมันบอกจะมากินข้าวกับพวกมึงก่อน”



            “แล้วมันหายไปไหนของมันวะ” ไอ้ว่านถามอย่างสงสัย



            “กูก็ไม่รู้หวะ ไอ้ไป๋มึงพอรู้มะ”



            “กูก็นั่งอยู่กับมึงเนี่ย กูจะไปรู้ได้ไงวะว่ามันหายไปไหน”

 





            ตอนนี้มหาวิทยาลัยของพวกเขาเข้าสู่ช่วงการแข่งขันกีฬาเฟรชชี่อย่างเป็นทางการแล้ว ในช่วงเย็นของแต่ละวัน นักศึกษาแต่ละคณะก็จะแยกย้ายกันไปตามสนามกีฬาเพื่อแข่งขันตามตารางแข่งขันที่ทางกีฬาส่วนกลางได้จัดไว้ งานนี้เขาเพิ่งรู้ว่าไอ้ว่านได้เป็นตัวตั้งตัวตีของคณะจัดการเรื่องการแข่งกีฬาอยู่หลายอย่างเหมือนกัน ความจริงคณะแพทย์ไม่ได้มีสัดส่วนผู้ชายน้อย แต่ผู้ชายส่วนใหญ่ที่มีจะไม่ค่อยสนใจกีฬาสักเท่าไหร่ เวรกรรมจึงตกไปในส่วนของพวกที่พอจะเล่นเป็นที่ต้องวิ่งรอกแข่งวนไปวนมาให้นักกีฬาครบ ไอ้ว่านวันนี้มีแข่งบาส วันพรุ่งนี้แข่งบอล วันต่อไปแข่งว่ายน้ำ คิดไปแล้วก็สงสาร แต่เขาก็ช่วยได้แค่นี้แหละ กีฬาเดียวที่เขาพอจะลงแข่งได้คือหมากรุก



            มหาวิทยาลัยนววิวัฒน์ของพวกเขานับหมากรุกเป็นกีฬาประเภทหนึ่งด้วย และนั่นอาจจะทำให้นี่เป็นโอกาสเดียวในชีวิตที่ทำให้เขาได้สร้างชื่อเสียงในหน้าที่ของนักกีฬาได้ (ยืดอกอย่างภาคภูมิใจ) กีฬาหมากรุกให้ส่งตัวแทนได้คณะละ 1 คนโดยไม่จำกัดชายหญิง จาก 30 คณะก็แข่งแบบแพ้คัดออกไปเรื่อยๆ เหลือ 15 8 4 2 และ 1 คนตามลำดับ



            ความน่าตลกคือมีคนส่งนักกีฬาหมากรุกเข้าแข่งขันเพียง 14 คณะจากจำนวน 30 คณะที่มีอยู่ในมหาวิทยาลัยเท่านั้น และเขาก็ยังโชคดีอีกต่อที่จับฉลากได้ชนะบายด้วย นั่นหมายถึงเขาก็เขาไปนั่งรอในตำแหน่ง 8 คนตั้งแต่ยังไม่ได้ลงมือหยิบหมากสักตัว สัปดาห์นี้เขาเลยว่าง รอแข่งอีกทีสัปดาห์หน้าหลังจากที่กลับมาจากค่ายของสโมสรกลางเลย

           





            “หมอว่านสู้สู้ กรี๊ดดดดด”



            เสียงเชียร์ไอ้ว่านดังกระหึ่มขึ้นจากข้างสนาม เขาว่างวันนี้เลยมานั่งเชียร์ไอ้ว่านแข่งบาสสักหน่อย ความจริงเขาได้ตำแหน่งตัวสำรองทีมบาสด้วย แต่ช่วงนี้กีฬายังแข่งไม่เยอะ เพื่อนเขาเลยไปเอาเพื่อนในคณะคนอื่นมาวนๆ นั่งแปะอยู่ข้างสนามไปก่อนเพราะมันเกรงใจว่าเขาก็มีแข่งหมากรุกด้วย แต่มันหารู้ไม่ว่าเขาได้ไปนั่งรอในการแข่งรอบ 8 คนสุดท้ายแล้วในขณะที่มันจะเพิ่งได้แข่งรอบแรกจาก 30 ทีมเท่านั้นเอง อย่างว่า กีฬาบาสเป็นกีฬาคลาสสิกใครๆ ก็อยากเล่น นักกีฬาเต็มเอี๊ยด ส่งเข้าชิงรางวัลกันทุกคณะ



            “หมอว่านสู้สู้ กรี๊ดดดดด”



            เขาหันไปมองรอบตัวก็ได้แต่งงๆ เมื่อรู้สึกว่าผู้หญิงที่นั่งเชียร์อยู่ฝั่งคณะแพทย์ทำไมหน้าไม่คุ้นเลย ดูไปดูมาก็เจอป้ายชื่อรับน้องที่แขวนอยู่ที่คอหลายคน บัญชีบ้าง เกษตรบ้าง พยาบาลบ้าง เดี๋ยว ไอ้ว่านมันไปสร้างฐานเสียงไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ทำไมมันดูฮอตผิดปรกติ

           





            “เชี่ย มึงนี่ก็ฮอตกว่าที่กูคิดนะเนี่ย”



            เขาพูดพร้อมส่งกระบอกน้ำให้มันระหว่างพักครึ่ง มันรับมาแล้วดูดไม่ยั้งแบบตายอดตายอยาก คณะอื่นนักกีฬากินน้ำในกระติกรวมนะ แต่คณะแพทย์ที่ใช้กระบอกน้ำของใครของมัน ไอ้ว่านมันคนคิดเรื่องนี้ มันบอกว่าการกินน้ำร่วมกันมีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอจากคนอื่น คณะเราต้องช่วยกันสร้างความตื่นรู้ในการดูแลสุขภาพพื้นฐาน แต่ดูเอาเหอะ ไม่เห็นจะใครตื่นรู้กับมันสักคน



            “ดูหน้าพี่ด้วยน้อง” มันตอบด้วยเสียงหอบแต่ก็ยังกวนประสาทเหมือนเดิม



            “มึงไปเกณฑ์คนมาเชียร์จากไหนเยอะแยะวะ”



            “กูก็ชวนเขาไปทั่วอะ ตอนเรียนวิชาภาษาอังกฤษที่เรียนรวมหลายๆ คณะ กูก็ไปชวนเขามาเชียร์กูแข่ง เจอใครกูก็บอกหมด” มันตอบพร้อมกับหันไปยิ้มกับทีมกองเชียร์ของมัน เออ มึงควรจะเป็นเดือนมากกว่ากูเยอะเลย



            “เรี่ยราดฉิบหาย”



            “เขาเรียกว่ารู้จักเข้าหาคนอื่น”



            “มัวแต่ระวังไวรัสตับอักเสบเอ ระวังเอดส์จะแดกตายก่อนนะมึง”



            ไป๋พูดแบบปากหมาไปตามนิสัยพลางหยิบกระบอกน้ำคืนมาจากเพื่อนของเขา ไอ้หมอว่านของหญิงสาวหลากหลายคนวิ่งลงไปแข่งบาสต่อในครึ่งหลังแล้ว เขาแอบเห็นมันหันไปยิ้มตาหวานเยิ้มใส่ทีมแฟนคลับของมันด้วย ไอ้หน้าหม้อเอ๊ย มันคิดว่าตัวเองเป็นโบกอมหรือไงวะ

 





            “หมอว่านคะ ขอพวกเราถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ”



            ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งประมาณเจ็ดแปดคนไปอออยู่ที่ไอ้ว่านหลังจากที่แข่งขันบาสจบ คณะแพทย์ของพวกเขาชนะได้อย่างค่อนข้างขาดรอย ดูไปดูมาไอ้ว่านก็เล่นกีฬาเก่งพอตัวอยู่เลยนะเนี่ย ทำไมตอนม.ปลายมันไม่ไปเข้าชมรมไนท์คลับวะ แต่ก็ช่างเถอะ ถ้ามันไม่มาอยู่ฝ่ายบิชอป พวกเขาก็คงไม่ได้สนิทเป็นเพื่อนกันมาหลายปีแบบนี้



            “ได้สิครับผม แต่เดี๋ยวผมขอเช็ดเหงื่อกับเช็ดผมสักครู่นะครับ”



            มันตอบด้วยน้ำเสียงที่ตีลังกาฟังก็รู้ว่าเก๊กเสียงให้หล่อขึ้น ไอ้เชี่ยว่าน ไอ้หน้าหม้อ มึงใช้เสียงสาวคุยกับสาว กูได้ยินนะ กูจะล้อมึงจนลูกบวชเลย

 





            ไอ้ว่านเช็ดเหงื่อเช็ดผมเช็ดเผ้าเป็นที่เรียบร้อยก็มายืนเต๊ะท่าให้สาวๆ ถ่ายรูป ยังไงดีหละ มันดูเหมือนพวกดาราที่มีสาวๆ มารุมถ่ายรูปหลังงานอีเวนท์เลิก สาวๆ ที่มีกล้องในมือก็จะคอยบอกให้มันทำท่าโน้นท่านี้ หมอว่านคะขอมินิฮาร์ทหน่อย หมอว่านคะขอสองนิ้ว หมอว่านคะขอเข้มๆ สักรูป โอ๊ย แค่นั่งฟังอยู่ห่างๆ เขายังขนลุก มันน่าสนุกตรงไหนวะ เวลาที่มีเสียงชัตเตอร์กล้องดังขึ้นรอบตัวไม่หยุดเนี่ย

 





            “ไอ้ไป๋ หยิบกระเป๋าให้หน่อย จะเอาของ”



            เสียงของมันดังลอดออกมาจากวงสาวๆ เขาลุกขึ้นหยิบกระเป๋าไปให้มันอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ตัวเขาหนะอยากปฏิเสธ แต่มันไม่ได้สนใจจะฟังคำตอบของเขาหลังโดนสั่งเลย



            “เฮ้ยยยยย”



            เสียงของเขาอุทานขึ้นอย่างตกใจ เมื่อไอ้ว่านเอามือของมันดึงผมเข้าไปกลางวงถ่ายรูปนั่นด้วยพร้อมกับเอามือมาพาดไหล่เขาไว้อย่างถือวิสาสะ หันหน้ามาอีกทีก็ถูกรัวชัตเตอร์แล้ว





 

            “ฝากเพื่อนผมด้วยนะครับ คนนี้ชื่อไป๋ เป็นเดือนคณะแพทย์ครับ”



 

            แชะ

 



            “มันพูดไม่เก่ง มันค่อนข้างขี้อายครับ

 



            แชะ

 



            “ไอ้สัด ถ้ากูหลุดออกไปได้นะ มึงโดนตีนกูแน่” ไป๋ยื่นหน้าไปกระซิบกับไอ้คนที่หน้าระรื่นอยู่ตรงหน้านี่

 



            แชะ

 



            “กูช่วยมึงอยู่นะ มึงอยากชนะไอ้อิฐไม่ใช่เหรอ นี่ไง กูจะปั้นมึงให้เป็นเดือนมหาวิทยาลัยเอง”

 



            แชะ

 



            “เพื่อนผมโสดครับ หล่อแบบนี้แต่จีบสาวไม่เป็นนะครับ”

 



            แชะ

 



            “แต่ถ้าใครมาจีบเพื่อนผม ต้องผ่านผมไปก่อนนะ เพื่อนผมมันดูคนไม่เก่ง ผมต้องคอยช่วยสกรีนให้” มันพูดพร้อมกับยิ้มเรี่ยราดจนสาวๆ หน้าแดงกันหมด

 





            ไอ้เชี่ยว่านนนนน ครั้งหน้าถ้ามึงมาให้กูติวอะไรมึงนะ กูจะหลอกหลอกหลอก หลอกให้แม่งสอบตกเลย กวนตีนดีนัก กูจะทำให้มึงซ้ำชั้นเลย ไอ้ว่าน ไอ้เชี่ยเอ๊ยยยยยยยยยยย

 





               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ไม่ได้มาทุกวันก็เหงาเหมือนกันนะเนี่ย คิดถึงคอมเม้นคิดถึงคนอ่าน มาเม้นให้เราเยอะๆ หน่อย เม้นๆ เยอะๆ เดี๋ยวแอบมาลงแถม อิอิ นะนะนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP21 : สนามบาส (12/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 12-06-2018 15:45:43
มาเม้นให้หนูหน่อยน้า หนูอ่านคอมเม้นทุกวันเบย กราบขอบคุณทุกคนที่เม้นให้ แอร๊ย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP21 : สนามบาส (12/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-06-2018 16:22:58
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตอนนี้พ่อสมุนไพรเป็นตัวเอกนาจา

ส่วนนุ้งอิฐค่าตัวแพง มาแต่ชื่อ

ส่วนไอ่ตัวเลขค่าตัวแพงมากไม่ออกสื่อเลย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP21 : สนามบาส (12/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-06-2018 17:49:12
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP21 : สนามบาส (12/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 12-06-2018 19:23:19
ยังงัยต่อ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP21 : สนามบาส (12/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-06-2018 19:32:59
ว่าน ตัวเพิ่มฐานเสียงหมอไป๋   :katai2-1:
แต่อิฐท่าทางจะหงุดหงิดมากกว่า  :angry2:

อิฐ  ไป๋  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP21 : สนามบาส (12/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 12-06-2018 19:51:05
มารอจ้าาา
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP21 : สนามบาส (12/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 12-06-2018 21:22:04
ว่านเป็นฐานเสียงให้ไป๋

ว่าแต่อิฐละ ไปไหนไม่เห็นเลย

คิดถึงนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP21 : สนามบาส (12/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-06-2018 21:35:55
อิฐหายไปหนอ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP22 : รังสิต (14/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 14-06-2018 17:02:31
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



            ตอนที่ 22 : รังสิต



            หลังจากที่ไอ้ว่านไปประชาสัมพันธ์เขาไว้ เขาก็รู้สึกเหมือนเขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น ยังไงดีหละ เวลาเดินไปไหนมาไหนเขารู้สึกเหมือนมีคนมองเขาและซุบซิบกัน แต่ก็ยังดีที่ไม่ค่อยมีใครมายุ่งวุ่นวายอะไรกับเขามาก นานๆ จะมีมาขอถ่ายรูปสักที ส่วนใหญ่เขาก็จะยอมถ่ายเป็นรูปคู่ไปบ้าง แต่จะไม่ยอมให้ถ่ายเดี่ยวเลย เขาอาศัยเทคนิคทำหน้าบูดตลอดเวลาแทน คนจะได้ไม่กล้าเดินเข้ามา อยากแอบถ่ายก็ถ่ายไป ขออย่าให้เขารู้ตัวก็พอ

 





            “ขอโทษนะคะ ขอถ่ายรูปได้ไหมคะ”



            ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเดินมาทักเขาพร้อมมือถือในมือ หน้าสาวเจ้าก้มหน้างุดๆ อย่างแทบไม่กล้ามองหน้าเขาเลย ตอนนี้เขากำลังขนกระเป๋าขึ้นรถไอ้โฟคเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปงานค่ายผู้นำของมหาวิทยาลัย สโมสรกลางให้เลือกได้ว่าจะไปเองหรือไปกับรถมหาวิทยาลัย พวกเขาเลือกไปกันเอง ส่วนไอ้อิฐกับไอ้เพียวล่วงหน้าไปเตรียมงานกับทีมสตาฟตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว



            “ได้ครับ เฮ้ย ไอ้โฟคมาถ่ายรูปให้หน่อย” เขาเรียกไอ้โฟคที่กำลังจัดของอยู่ตรงท้ายรถ



            “แป๊บๆ”



            “ไม่ใช่ค่ะ คือหนูอยากขอถ่ายรูปคู่ของพี่สองคน” หน้าผู้หญิงคนนั้นแดงขึ้นไปอีกตอนพูดประโยคนี้



            “ได้สิครับ ไม่เป็นปัญหา” ไอ้โฟคที่เดินมายกมือขึ้นมาโอบไหล่พร้อมกับฉีกยิ้มกว่างอย่างรู้หน้าที่ทันที



            “ไว้เชียวนะมึง” ไป๋เอาศอกถองไอ้โฟคไปเบาๆ ทีหนึ่งก็ยิ้มให้น้องผู้หญิงคนนั้นถ่ายอย่างยินดี

 





            “พี่ไป๋สนิทกับพี่โฟคเหรอคะ” คนตรงหน้าเอ่ยถาม ทำไมถึงเรียกเขาว่าพี่หนอ เขายังเป็นเฟรชชี่อยู่เลย



            “สนิทครับ”



            ไอ้เดือนทันตแพทย์ลูกลิงแย่งเขาตอบออกไปแบบไม่เปิดโอกาสแม้จะให้เขาเผยอปาก วันนี้มันดูระริกระรี้เป็นพิเศษ สงสัยเจ้านายให้แทะกระดูกก่อนออกจากบ้าน



            “ทำไมเหรอครับ” ไป๋ถามกลับ



            “พอดีเห็นในเฟสบุ๊คเขาแชร์รูปพี่กับพี่ว่านกันเยอะ”



            “อ๋อ คนนั้นก็เพื่อนสนิทครับ” สงสัยจะรูปตอนอยู่สนามบาส แผนการสร้างกระแสของไอ้ว่านก็ดูเห็นผลเหมือนกันนะเนี่ย มีคนสนใจดูรูปเขาด้วย



            “รูปพี่กับพี่อิฐก็เยอะเหมือนกันค่ะ”

 





            “ดังจังเลยนะครับ ไป๋เนี่ย” โฟคพูดขึ้นทันทีที่ขึ้นรถ



            “กูก็ไม่รู้เหมือนกัน กูไม่ค่อยได้เล่นเฟส” เขาตอบแบบไม่สนใจอะไรมาก



            “ทำไมถึงมีข่าวกับหลายคนจังเลยไป๋” มันพูดทั้งที่สายตายังมองไปยังถนนเบื้องหน้าอยู่



            “ข่าวอะไรของมึงวะ เขาพูดถึงรูปคู่”



            “ทำไมมีรูปคู่กับหลายคนจังเลยไป๋” มันจงใจแก้ไขประโยคใหม่



            “ก็เพื่อนกันหมดไหมอะ กูไม่ชอบถ่ายรูปเดี่ยวอะ บางทีคนมาขอถ่ายรูปเขาก็ไม่อยากถ่ายรูปตัวเขากับกู กูก็เลยต้องหาเพื่อนแถวๆ นั้นมาประกอบฉาก” เขาตอบอย่างอธิบาย มีอะไรที่ไหนกันเล่า ก็เพื่อนกันหมด



            “อยากให้มีแต่โฟคที่เป็นคนเดียวที่ได้ประกอบฉากให้ไป๋ถ่ายรูปจังเลยครับ” มันพูดเชิงรำพึง



            “โฟค กูคุยกับมึงรู้เรื่องแล้วนี่ มึงอย่าพูดอะไรกับกูแบบนี้ได้เปล่าวะ กูอึดอัดหวะ” เขาพูดแบบอึดอัดจริงๆ ทุกครั้งที่มันทำหน้าเสียใจใส่เขา เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดว่าเขาเป็นต้นเหตุ



            “โฟคแค่กลัวสู้คนอื่นไม่ได้” มันยังพูดต่อไป



            “โฟค!”



            “ว่านก็สนิทกับไป๋มานาน นานจนโฟคไม่รู้จะไปแทรกตรงไหน ส่วนอิฐก็หล่อจนคนหลงทั้งมหาวิทยาลัย โฟคก็ไม่มีอะไรจะไปสู้ว่าที่เดือนมหาวิทยาลัยเหมือนกัน” มันพูดมาด้วยเสียงเบาๆ



            “ต้องให้กูบอกกี่ครั้งวะว่าก็เป็นเพื่อนกันหมด” เขาบ่น



            “เรารู้ว่าไม่ควรพูด แต่ถ้าวันหนึ่งไป๋ชอบใครมากๆ ไป๋จะรู้ว่าต่อให้เรารู้ดีแค่ไหนว่าไม่ควร แต่บางครั้งเราก็ห้ามความคิดเราไม่ได้หรอก”



            “เฮ้ย มึงคิดมากไปปะหวะ แค่เรื่องรูปคู่เนี่ยนะ ใจเย็นดิ” แค่เรื่องรูปคู่ ทำไมมันวุ่นวายใหญ่โตจังวะ



            “ถ้าไป๋เล่นเฟสบุ๊คบ่อยๆ ไป๋ก็จะรู้ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องรูปคู่อย่างเดียว”



            “แล้วไงวะ มึงเอาคำพูดคนอื่นความคิดคนอื่นมาชวนกูทะเลาะเนี่ยนะ”



            “โฟคขอโทษ”



            “อย่าคิดมากสิวะ มึงก็เพื่อนกูนะเว้ย”



            “ไม่ต้องย้ำบ่อยๆ ก็ได้ครับไป๋ ...โฟคเจ็บ”

 





            ค่ายผู้นำหรือชื่อเต็ม ค่ายนววิวัฒน์พัฒนาความเป็นผู้นำ จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยของพวกเขาเองแต่อยู่ที่วิทยาเขตรังสิต ค่ายไม่ได้จัดในโรงแรมหรือรีสอร์ต แต่เป็นวิทยาลัยพัฒนาการอาชีพที่อยู่ในเครือมหาวิทยาลัยนววิวัฒน์นี่เอง ห้องพักก็อยู่ในมหาวิทยาลัย กิจกรรมก็จัดขึ้นในมหาวิทยาลัยทั้งหมด



            เมื่อพวกเขามาถึงก็หยิบแค่กระเป๋าสะพายลงไปเข้าร่วมกิจกรรมเลย สัมภาระสำหรับค้างคืนต่างๆ ก็ทิ้งไว้ในรถก่อน พวกเขาค้างที่นี่เป็นจำนวนหนึ่งคืนถ้วน นั่นก็คือคืนวันเสาร์คืนนี้นี่เอง

 





            “ลงทะเบียนครับ” ไป๋เดินไปแจ้งลงทะเบียนกับโต๊ะที่อยู่ใต้ป้ายชื่อของงานนี้



            “อ๊าว ไอ้ไป๋ไอ้โฟค เพิ่งมาถึงเหรอวะ กูลงทะเบียนไว้ให้แล้ว มาเอาป้ายชื่อที่กูเลย” ไอ้เพียวโผล่มาจากไหนไม่รู้พร้อมกับลังใส่ของในมือ มันวางลงกับพื้นแถวนั้น พร้อมกับหยิบป้ายชื่อส่งให้



            “เออๆ ขอบใจมาก ลงทะเบียนไว้ให้ก่อนไม่เป็นบอกกูก่อนเลย” เขาพูดกับมันขณะที่เดินออกมาจากโต๊ะลงทะเบียนแล้ว



            “พอดีเขาให้เลือกห้องนอนตอนลงทะเบียนเลยหวะ กูเลยลงชื่อให้พวกมึงเลยจะได้นอนกับพวกกู นอนห้องละ 4 คนนะ ห้องพวกเราก็มีกู ไอ้อิฐ แล้วก็มึง 2 คน” เพียวอธิบาย



            “แล้วไอ้อิฐอะ” โฟคเอ่ยถามบ้าง



            “มันเข้าไปร่วมกิจกรรมแล้ว พวกมึงก็เข้าไปได้แล้วเนี่ย งานจะเริ่มแล้ว เดี๋ยวกูไปเตรียมงานบ่ายก่อน พวกมึงรีบเข้างานไปก่อนเลย”



            ไอ้เพียวพูดพร้อมพยักเพยิดหน้าไปทางห้องประชุมที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก พวกเขาสองคนก็เดินตามคำสั่งไปอย่างว่าง่าย ไม่รู้ว่าสองวันที่จะมาถึงนี้จะมีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้าง

 

           



            กิจกรรมค่ายผู้นำในชีวิตมหาวิทยาลัยของเขาน่าประทับใจมาก



            ตอนแรกไป๋เข้าใจว่ากิจกรรมค่ายผู้นำที่นี่จะเป็นเหมือนสารพัดค่ายที่เขาเข้ามาที่จะเต็มไปด้วยการเล่มเกมสันทนาการ กิจกรรมละลายพฤติกรรม การแสดงตอนก่อนนอน การเล่นบัดดี้บัดเดอร์ และอีกสารพัดกิจกรรมที่ไม่รู้ว่าจะเสริมสร้างความเป็นผู้นำได้อย่างไร



            แต่กิจกรรมค่ายนี้ถูกวางแผนมาอย่างมีวัตถุประสงค์มาก กิจกรรมถูกจัดขึ้นในโครงการ Deal with Difference โดยเน้นการสร้างความเข้าใจในความแตกต่างและให้ผู้เข้าร่วมพัฒนาต่อยอดโครงการมาจากความเข้าใจความแตกต่างเหล่านั้น ตอนเช้าพวกเขามีโอกาสได้พูดคุยกับผู้พิการทางการได้ยินจากวิทยาลัยส่งเสริมวิชาชีพที่มหาวิทยาลัยให้ยืมสถานที่มาจัดค่ายนี้ ตัวแทนจากนักศึกษาปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยจะนั่งรวมกลุ่มกันประมาณ 6 คนต่อผู้พิการทางการได้ยิน 1 คนและผู้แปลภาษามืออีก 1 คน



            สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการพูดคุยกับผู้พิการที่เป็นตัวแทนมาให้พวกเขาสัมภาษณ์ให้เข้าใจถึงมุมมองชีวิต เป้าหมาย และความฝันสูงสุดในชีวิต เขาค้นพบว่าเพื่อนใหม่ที่อยู่ในโลกเงียบของเขาไม่ได้แตกต่างอะไรจากพวกเขาเลย น้ำหนึ่ง ผู้ให้สัมภาษณ์เล่าให้ฟังถึงชีวิตผู้หญิงอายุ 20 ปีคนหนึ่ง เธอกังวลเรื่องน้ำหนักตัว ลดความอ้วน แอบชอบเพื่อนในวิทยาลัย อ่านนิยายรัก ติดตามศิลปินเกาหลีในทวีตเตอร์ และชอบกินบิงชู



            ไม่มีสิ่งใดแตกต่างเลยระหว่างเธอและพวกเขา การได้มาสัมผัสกับความแตกต่างยิ่งทำให้พวกเขาไม่รู้สึกถึงความต่างเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาแทบไม่เคยคิดว่าผู้พิการทางการได้ยินเหล่านี้มีมุมมองมิติทางชีวิตอย่างไรบ้าง สิ่งที่คิดคือจบแค่เพียงว่าเธอไม่ได้ยิน แต่ไม่ได้ไปไกลกว่านั้น การมาค่ายครั้งนี้ได้เปิดโลกทัศน์อย่างมากสำหรับพวกเขา อย่างน้อยก็หมอไป๋คนหนึ่งแหละที่จะจำวันนี้ไปอย่างไม่รู้ลืม

 





            “เราอยากนักเขียน”



            เสียงของโฟค เดือนคณะทันตแพทยศาสตร์เอ่ยขึ้นเป็นคนแรกในช่วงกิจกรรมตอน 11 โมง หลังจากสัมภาษณ์ผู้พิการทางการได้ยินเสร็จแล้ว พิธีกรจากสโมสรกลางก็ให้น้องปีหนึ่งจับกลุ่มกันอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้ถามความฝันของน้ำหนึ่งแล้ว แต่พวกเราผลัดกันถามความฝันของพวกเรากันเองซึ่งกันและกัน



            “แล้วทำไมถึงมาเรียนคณะทันตะวะ”



            เสียงของเพียวถามขึ้นอย่างสงสัย ตอนนี้มันมานั่งรวมกลุ่มทำกิจกรรมกับพวกเขาด้วยหลังจากเตรียมงานของช่วงบ่ายเสร็จ ไอ้วิศวะหน้าคมนั่นเอ่ยถาม



            “เราชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กๆ โดยเฉพาะพวกวรรณกรรม พอโตมาก็อยากเขียน อยากทำเป็นอาชีพ แต่ก็รู้สึกว่าการเขียนงานอย่างเดียวอาจจะสามารถมีรายได้ที่มั่นคงมากๆ ได้ เราก็เลยมาเรียนทันตะเพื่อที่จะสร้างความมั่นคงให้ชีวิต”



            บรรยากาศเป็นไปอย่างเป็นกันเอง ตอนนี้ในวงมีแค่ไป๋ โฟค อิฐ เพียว เกล้า ประธานชั้นปีคณะแพทย์ กาญ ประธานชั้นปีคณะวิศวะ แล้วก็ปุยฝ้าย ประธานชั้นปีคณะทันตะ



            “เหรอ แล้วได้เคยเขียนงานออกมาจริงๆ จังๆ บ้างไหม” คราวนี้เป็นเสียงของปุยฝ้าย เพื่อนร่วมคณะ



            “เคยเขียนบ้างตอนม.ปลาย เขียนลงพวกเว็บออนไลน์ต่างๆ แต่พอมาจริงจังกับการสอบเข้าก็ไม่ได้กลับไปทำต่อเลย” โฟคตอบ



            “ความจริงมึงน่าจะลองเขียนนิยายสำหรับผู้พิการอ่านนะ พอดีกูได้พูดคุยกับน้องๆ พี่ๆ ที่เขามาให้เราสัมภาษณ์วันนี้หลายคนก่อนล่วงหน้าแล้ว ส่วนใหญ่เขาชอบอ่านหนังสือกัน แต่หลายคนก็บอกว่าอยากลองอ่านนิยายที่เขาสามารถเข้าถึงได้มากกว่านี้ หลายคนอยากอ่านหนังสือที่ตัวเอกเป็นผู้พิการ” เพียวพูดเสนอออกมา



            “อื้ม เอาดิ ไว้ถ้ามีรายละเอียดหรือยังไงลองมาคุยกันดู แค่รู้ว่ามีคนอยากอ่าน คนเขียนก็อยากเขียนแล้ว”

 





            ‘แปลกเหมือนกันนะเนี่ย คนอย่างมันนี่ก็ชอบแต่งนิยายด้วย โคตรเป็นอะไรที่ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลย’ ไป๋ได้แต่รำพึงในใจในขณะที่นั่งเท้าคางตั้งใจฟังไอ้ทันตะหน้าหล่ออย่างตั้งใจ

           





               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               

               ********** มาเล่นเกมกัน มาเล่นเกมกัน **********

               ถามมาตอบไปกับไป๋อิฐ : ผู้อ่านคนไหนอยากถามคำถามอะไรเกี่ยวกับตัวละครในเรื่องหรือเหตุการณ์ในเรื่อง สามารถทิ้งคอมเมนท์ไว้ได้เลย เดี๋ยวนักเขียนจะมาหยิบคำถามไปตอบให้ ถ้าคำถามไหนที่ไม่สปอยด์เนื้อหาในอนาคต หรือไม่มีนัยสำคัญต่อการดำเนินเรื่อง ผมจะมาตอบนะ เล่นสนุกกัน ถือว่ามาท่องโลกของไป๋และอิฐไปด้วยกัน : )
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP22 : รังสิต (14/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 14-06-2018 17:03:37
มามะ มาเล่นถามมาตอบไปกับไป๋อิฐกันนนน

อยากตอบแล้ววววว

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP22 : รังสิต (14/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-06-2018 18:27:17
ชีวิตอิฐ น่าจะไม่อบอุ่น
วันนี้อิฐค่าตัวแพง ไม่โผล่ออกมาเลย

ก็เข้าใจว่า ชอบ ว่ารัก
แต่โฟค เซ้าซี้ ตัดพ้อไป่ไม่เลิก  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

อิฐ ไป๋   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP22 : รังสิต (14/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 14-06-2018 20:33:07
ตอนที่21แล้ว เรายังไม่เห็นพัฒนาการที่เพิ่มขึ้นของไป๋กับอิฐเลย

(ตามความรู้สึกเรานะ) เหมือนรู้ว่าอิฐชอบไป๋(หรือเปล่า)

แต่ไป๋เราว่าไป๋เฉยๆกับทุกคนเลยนะ

กลางๆ หรือเราหวังอะไรมากกว่านี้หว่า :m28:

เราชอบเรื่องนี้นะ ชอบความค่อยเป็นค่อยไป

ชอบบรรยากาศความเป็นเพื่อนกัน

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ :3123:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP22 : รังสิต (14/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-06-2018 22:28:38
อิฐค่าตัวแพงไปนะมาแค่ชื่อเอง
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP22 : รังสิต (14/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-06-2018 23:05:20
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP22 : รังสิต (14/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-06-2018 23:37:49
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP22 : รังสิต (14/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-06-2018 00:58:44
คิดถึงอิฐนะเนี่ย โผล่มาแค่ชื่อเอง 5555
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP22 : รังสิต (14/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 15-06-2018 01:19:26
ไป๋เป็นนายเอกจริงอ่ะ หรือว่าจะมาแบบดรีมไฮ2ที่เปลี่ยนตัวนางเอกท้ายๆเรื่อง ไป๋ยังดูไม่มีออร่านายเอกเลยอ่ะ มันหรนระะเายีพไ_ดรตึถึตจถ_พ้นีดหฟเรย่้
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP22 : รังสิต (14/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 15-06-2018 05:57:00
รอ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP22 : รังสิต (14/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-06-2018 19:20:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตัวละครมีมากมาย

แต่พระนายเรื่องนี้ คือ ไป๋อิฐ  เหรอ?  ชิมิ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP22 : รังสิต (14/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 16-06-2018 18:01:27
อ่านทันละคับ
รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP22 : รังสิต (14/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 16-06-2018 21:05:27
 :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP23 : มัคคุเทศก์ (16/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 16-06-2018 23:26:20
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 23 : มัคคุเทศก์

 

            ในช่วงบ่ายพวกเขาต้องทำกิจกรรมกับผู้พิการทางการมองเห็น โดยทางค่ายจะมีผู้พิการทางการมองเห็นมาเป็นมัคคุเทศก์พาพวกเขาเดินเข้าไปทางเดินมืดๆ และลองใช้ชีวิตจำลองแบบผู้พิการดูว่าการอยู่ในโลกมืดนั้นจะมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง



            ด้วยความจำกัดของสถานที่ พวกเขาเลยต้องแบ่งกลุ่มกันเข้าไปทีละ 3 คนต่อผู้นำทาง 1 คน รอบของเขาเป็นก็จะมีเขา ไอ้อิฐ และไอ้โฟค ส่วนไอ้เพียวไม่ได้เข้าร่วมอยู่แล้ว เพราะมันเป็นคนเซตสถานที่ขึ้นมาเอง แถมมันยังบอกอีกด้วยว่าทีมงานได้ลองเดินกันคนละหลายรอบแล้ว

 





            “ไอ้ไป๋ จับไหล่ไว้ เร็ว”



            เสียงไอ้อิฐดังขึ้นเมื่อมัคคุเทศก์ชี้แจงเสร็จและกำลังจะเดินเข้าไปในสถานที่แล้ว ด้วยขนาดห้องที่แคบ พวกเขาเลยต้องจับไหล่คนข้างหน้าแล้วเดินเรียงๆ กันเข้าไป ในขณะที่ไป๋แอบยืนเหม่ออยู่ ไอ้อิฐก็หันมาออกคำสั่งเมื่อเห็นว่าคนข้างหน้าตนกำลังจะออกเดิน ลำดับในแถวจึงเรียงเป็นมัคคุเทศก์ ไอ้อิฐ เขา และไอ้โฟคปิดขบวน

 





            มืด...



            ทันทีที่ประตูห้องด้านหลังเขาปิดสนิท บรรยากาศในห้องนั้นก็มืดแสนจะมืด มันไม่ได้มืดเหมือนท้องฟ้ากลางคืน ไม่ได้มืดแบบห้องนอนตอนปิดไฟ แต่มันมืดแบบไม่เห็นอะไรเลย เขาไม่เห็นแม้กระทั่งมือของตัวเองด้วยซ้ำ เขาเพิ่งได้เข้าใจความรู้สึกของการมองไม่เห็นก็คราวนี้ เขาเคยเห็นผู้พิการทางการมองเห็นนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะลองจินตนาการดูว่าการอยู่ในโลกมืดนั้นมันเป็นอย่างไร



            เขาเกาะไหล่คนตรงหน้าแล้วเดินตามไปช้าๆ โดยที่มีอีกคนหนึ่งเกาะหลังเขาอยู่และเดินตามมาเช่นกัน ส่วนที่จัดไว้ข้างในจำลองการดำรงชีวิตแบบพื้นฐานผ่านการเดินถนนไปบนเรื่องราวต่างๆ เขาต้องคอยจับสังเกตเสียงที่ดังขึ้นรอบตัว ไอ้เพียวทำงานละเอียดมาก แต่ละโซนจะมีลำโพงเล็กๆ เอาไว้สร้างเสียงประกอบสถานการณ์ เสียงพ่อค้าแม่ค้า เสียงผัดกับข้าวจากร้านอาหารริมถนน เสียงรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งสวนกันไปมา

 





            อยู่ดีๆ ไหล่คนตรงหน้าก็หลุดหายไป



            เขากวาดมืออย่างสะเปะสะปะไปอย่างตื่นตระหนก ถ้าเขาหลุดจากมัคคุเทศก์ข้างหน้านี่เขาไม่สามารถออกจากห้องนี้ได้แน่ อุปกรณ์ที่สร้างแสงสว่างได้ทั้งหมดถูกริบไว้นอกห้อง ไอ้อิฐรู้ตัวไหมเนี่ยว่าเขาหลุดจากการเชื่อมต่อไปแล้ว เขาได้แต่กวาดหาตัวไอ้เพื่อนตัวดีอย่างตกใจ สองมือของเขาพยายามมองหามันท่ามกลางความมืด

 





            แต่แล้วมันก็กลับมา



            มือข้างหนึ่งถูกส่งมาจากความมืดมิดพร้อมกับสัมผัสที่เขากำลังมองหา มือของมันจับกับเขาแน่นพร้อมกระตุกช้าๆ ให้เขาออกก้าวเดินตามมันไปอีกครั้ง ไม่มีคำพูดใดระหว่างเขากับมันแม้แต่นิดเดียว เขารู้เพียงแต่ว่าในเวลาแบบนี้ แรงบีบเบาๆ จากมือข้างนั้นสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้เขาได้อย่างน่าประหลาด

 





            รสสัมผัสในขณะนั้นมันปร่าแปร่งอยู่เสียมาก



            มือของเขากระชับแน่นอยู่กับคนคนหนึ่ง แต่ไหล่ของเขาก็ยังมีมืออีกคู่หนึ่งที่คอยจับไหล่ของเขาอยู่ ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในเส้นทางที่เหลือในโลกมืดสีดำสนิทนั้นช่างยาวนานแต่ก็แสนสั้น เส้นทางพาพวกเขาเดินตามทางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงช่วงสุดท้าย มัคคุเทศก์พูดเสียงดังกับพวกเขาว่าเรากำลังจะข้ามถนนกัน เสียงรถดังขึ้นขวางอยู่เบื้องหน้าสร้างความวิตกอยู่ไม่น้อย หากคิดว่านี่คือแค่โลกจำลอง ความผิดพลาดสูงสุดก็อาจจะแค่เดินทางผิดจนเท้าไปเตะขอบประตูจนได้แผล แต่ถ้าเป็นชีวิตจริงเล่า หากรถยนต์ที่วิ่งฉิวกันอยู่ด้านนี้กระทบร่างของคนที่กำลังเดินอย่างเชื่องช้าอยู่แบบนี้คงไม่ต้องตั้งคำถามเลย ผู้พิการทางการมองเห็นมีคุณภาพชีวิตที่ดีพอแล้วใช่ไหม ถ้าคำตอบคือไม่ เขารับมือกับความไม่พร้อมของชีวิตเหล่านี้ได้อย่างไร

 





            มือของคนตรงหน้าบีบให้เขาน้อยๆ



            ตัวเขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าสัมผัสนั้นเป็นการเร่งเร้าให้เขาก้าวเดินไปข้างหน้าหรือเป็นการปลอบประโลมว่าทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี แต่เขาก็เอื้อมขาช้าๆ มุ่งหน้าไปสู่ความไม่รู้ที่ดูไม่ใช่เรื่องง่ายที่ขวางกั้นอยู่เบื้องหน้านั่น ส่วนรอยสัมผัสที่ไหล่ทั้งสองข้างก็ยังคงฉายชัด เขายังมีอีกคนหนึ่งที่ยังติดตามเขามาในเบื้องหลังเสมอ

 





            “เสร็จแล้วครับบบบบ”



            เสียงของไอ้เพียวลอดขึ้นมาพร้อมกับแสงสว่างที่ลอดมาจากช่องประตูที่เปิดออก พวกเขาออกจากทางเดินในโลกมืดเรียบร้อยแล้ว แต่พอมีความสว่างไสวสาดเข้ามาก็ทำให้เห็นมือทั้งสองข้างของคนทั้งสองคนที่จับกันอยู่นั้น ไอ้อิฐไม่ได้มีทีท่าสนใจจะปล่อยจนเขาต้องดึงมือกลับมาเอง ไอ้เพียวทำหน้าตกใจเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ส่วนไอ้โฟคกำลังมองมือที่เขาเพิ่งดึงกลับคืนมานั่นอย่างตั้งใจ สายตาของมันในเวลานี้ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ พวกเขาทั้งสี่และมัคคุเทศก์อีกคนพากันเดินออกมาจากห้องกิจกรรม ไม่มีคำพูดใดถูกแทรกขึ้นมาในความเงียบที่กำลังโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน

 





            ไอ้โฟคกลายเป็นคนเงียบ



            ไอ้อิฐกลายเป็นคนชอบยิ้ม



            ส่วนเขาขอเลือกที่จะเป็นคนที่ทำหน้าเหม็นเบื่อตลอดเวลา

 





            กิจกรรมช่วงสุดท้ายของวันก่อนหมดแสงอาทิตย์ถูกจัดขึ้นในห้องโถงทำกิจกรรมเดิม พวกเขาถูกแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6 คนอีกครั้ง รอบนี้มีตัวแทนจากแพทย์ ทันตะ และวิศวะนั่งล้อมวงกันอยู่คณะละ 2 คนแบบรอบเช้า ส่วนไอ้เพียวไปยืนรวมกลุ่มกับสตาฟที่กำลังยืนเรียงกันอยู่ด้านข้างห้องประชุม

           





            “ต่อไปจะเป็นช่วงของการระดมสมองก่อนทานข้าวเย็นค่ะ รับประกันว่ากิจกรรมของเราต้องน่าสนใจมากๆ แน่” เสียงของพิธีกรฝ่ายหญิงดังขึ้นเรียกความสนใจของคนทั้งห้องให้กลับมา



            “แน่นอนครับ งานนี้พูดได้เลยว่านอกจะเป็นการคิดในห้องนี้แล้วยังอาจจะได้เอาไปใช้ต่อในอนาคตกันอีกด้วย” เสียงพิธีกรฝ่ายชายรับ



            “กิจกรรมต่อไป คือ เราจะให้น้องๆ ตัวแทนจากแต่ละคณะได้ระดมสมองกันคิดกิจกรรมกันขึ้นมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคณะค่ะ โดยให้น้องๆ ตัวแทนที่นั่งอยู่พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้เลยว่าถ้าคณะของพวกน้องต้องมีกิจกรรมร่วมกันสักกิจกรรมสักอย่างหนึ่งจะทำอะไรด้วยกันดี”



            “พวกพี่มีเวลาให้ทั้งหมด 15 นาทีครับ โดยน้องทุกคนต้องช่วยกันคิดและเลือกกิจกรรมที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดขึ้นมา 1 โครงการ เลือกได้ก็เขียนรายละเอียดในใบโครงการแล้วส่งมาให้สตาฟที่กำลังจะเดินเข้าไปเป็นผู้ช่วยของแต่ละกลุ่มได้เลยครับ”



            “อย่าลืมนะคะ กิจกรรมของเราคือ Deal With Difference ดังนั้น อย่าลืมหาความต่างของแต่ละฝ่ายนำมาสร้างความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันนะคะ”



            “ถ้าพร้อมแล้วเริ่มได้เลยครับ”



            สิ้นสุดเสียงพิธีกร เหล่าสตาฟก็ถือกระดาษรายละเอียดโครงการใบใหญ่เบิ้มมาให้พวกเขา แน่นอนว่าสตาฟประจำกลุ่มเขาก็ไม่ใช่ใครอื่น ไอ้เพียวคนเดิมนั่นเอง

 





            “เรามาจัดกีฬาสีร่วมกันไหม” ปุยฝ้าย ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม เจ้าของตำแหน่งประธานชั้นปีทันตะเอ่ยแนะนำขึ้นเป็นคนแรก



            “มันจะไปซ้ำกับกีฬาเฟรชชี่หรือเปล่า” กาญถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเสนอแนะแต่ไม่ก้าวร้าว



            “อืม ก็จริงนะ”



            “แต่เราว่ากีฬาก็มีข้อดีนะ เพราะกิจกรรมมันค่อนข้างง่าย การจะจัดต่อเนื่องก็ไม่ใช่เรื่องยากมาก มีโอกาสที่รุ่นต่อๆ ไปจะได้จัดกันต่อไปเรื่อยๆ” ไป๋เอ่ยแสดงความคิดเห็นบ้าง



            “แต่ถ้าอยากจะสร้างความสัมพันธ์ เราน่าจะมีอะไรมากกว่าแข่งกีฬาไหม ปรกติแข่งจบก็แยกกัน เหมือนยังไม่ได้รู้จักกันจริงๆ เลย” เกล้า ประธานจากคณะแพทย์พูดขึ้นบ้าง



            “หรือเราจะมีกิจกรรมอย่างอื่นด้วย แบบพวกเน๊ตเวิร์คกิ้ง หรือชวนกันมาทำกิจกรรมอะไรกันเล็กๆ น้อยๆ” รอบนี้เป็นความเห็นของเดือนทันตะ



            “น่าสนใจ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นงานใหญ่ไปหรือเปล่า” อิฐเสริม



            “ความจริงเราแบ่งงานเป็นเฟสๆ ไปก็ได้นะ เช่น ปีเราจัดแค่แข่งกีฬากับบัดดี้ระหว่างคณะก่อน ปีต่อไปค่อยมีเน๊ตเวิร์คกิ้ง ปีต่อไปอาจเติมกีฬาฮาเฮเข้ามา หรือไม่ก็จัดทีมคละคณะขึ้นมาแข่งกีฬากระชับมิตรกัน” ไป๋เสนอ



            “ดีนะ ความจริงแบ่งงานเป็นเฟสก็ทำให้พัฒนางานง่ายด้วย อันไหนดีเอาไว้ อันไหนแย่ก็ปรับได้ แต่เราคงต้องลงไปช่วยกันคุยกับรุ่นต่อๆ ไปด้วย ถ้าจะจัดกันจริงๆ” ปุยฝ้ายเห็นด้วย



            “งั้นกีฬาอะไรดี” กาญตั้งประเด็น



            “บอลมะ คลาสสิกสุดแล้ว ทีมหนึ่งคนเยอะด้วยจะได้ดึงคนมาได้เยอะ สลับให้เพื่อนในคณะลงแข่งกันเยอะๆ เล่นเอาเพื่อน ไม่ต้องเอาแพ้ชนะ” เกล้าพูด



            “ดีๆ กูชอบเล่นบอล” ไอ้อิฐพูดยิ้มๆ



            “พูดเข้าข้างตัวเองฉิบหาย”



            เสียงเขาด่ามันอย่างคนสนิทกันก็เรียกเสียงหัวเราะขึ้นในวงสนทนาได้ บรรยากาศระหว่างพวกเขาผ่อนคลายขึ้นมาอีกระดับ การประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเริ่มถูกคอมากขึ้น ต่างฝ่ายต่างเอาข้อดีข้อเสียมาถกเถียงกัน

 





            “งั้นสรุปตามนี้”



            ปุยฝ้ายเอ่ยสรุปหลังจากเรียบเรียงกิจกรรมและบรรจงเขียนใบโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว งานกลุ่มชิ้นแรกของพวกเขาผ่านไปได้ด้วยดี



            “ว่าแต่ตั้งชื่อการแข่งกีฬาว่าอะไรดี มีใครมีชื่อเท่ๆ เสนอไหม” กาญหันมาถามความคิดเห็นคนในกลุ่ม



            “ขอเสนอได้ปะ” คราวนี้ไอ้อิฐพูดขึ้นบ้าง ปรกติมันแทบไม่ได้แสดงความเห็นอะไรเท่าไหร่เลย



            “ชื่อไรวะ” กาญหันมาถามเพื่อนร่วมคณะ





 

            “บอลสามเส้า”



            “...”



            “ล้อเลียนคำว่ารักสามเส้าไง แข่งกีฬากันสามคณะก็เหมือนกับความสัมพันธ์ของคนสามคน”







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta



               หลายคนบ่นว่าเนื้อเรื่องดำเนินช้าและเอื่อยเฉื่อย 555555 น้อมรับความคิดเห็นนะครับ แต่นี่คือความตั้งใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าอยากจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป หลายคนบอกว่าอ่านแล้วไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย อันนี้ก็อาจจะต้องวิเคราะห์เรื่องราวนิดหนึ่ง เพราะเรื่องราวถูกเล่าผ่านมุมมองของไป๋ออกมาเป็นหลัก ซึ่งไป๋ก็เป็นคนแบบนี้ คือไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นและเหม็นเบื่อโลก 555555



                ปล. เดี๋ยวพรุ่งนี้มาลงแถมให้อีกตอนนะครับ หลายคนบ่นไม่ได้เจออิฐ แถมหน่อย เดี๋ยวคนอ่านงอน อิอิ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP23 : มัคคุเทศก์ (16/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 16-06-2018 23:27:08
รออ่านคอมเม้นของทุกคนอย่างใจจดใจจ่อเลยครับ อิอิอิ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP23 : มัคคุเทศก์ (16/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-06-2018 23:56:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิฐตั้งใจเดินให้ไหล่หลุดจากการเกาะกุมของไป๋ เพื่อเปลี่ยนมาเป็นการจับมือไป๋แทน  ชิมิ

แผนสูงนักนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP23 : มัคคุเทศก์ (16/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-06-2018 00:23:02
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP23 : มัคคุเทศก์ (16/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 17-06-2018 06:16:52
 :เฮ้อ: เข้าใจว่าจะดำเนินเรื่องแบบเรื่อย ๆ เนิบ ๆ ช้า ๆ
แต่ 23 ตอนแล้ว ... มันยังเบาไปหมดเลยค่ะ

ชื่นชมนะคะที่มาลงตลอด แม้ว่าจะลงสั้น ๆ และเว้นบรรทัดยาวไป ยาวไป
แต่ก็ดีค่ะที่ไม่ทิ้งคนอ่าน

ส่วนนิสัยตัวละคร .. อ่านแล้วก็ยังไม่เป็นตัวละครนั้น ๆ เช่นเดิม
อ่านไปก็ ... อืมมมม นะ เอาว่าหยุดอ่านก่อนละกันค่ะ
ไว้ประกาศจบเมื่อไหร่ จะคลิกเข้ามาตามใหม่นะคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP24 : ม้าและโคน (17/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 17-06-2018 08:05:32
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 24 : ม้าและโคน



            ช่วงเวลาที่เหลือของวัน ไอ้โฟคดูไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่นัก มันเงียบและไม่ค่อยสดใสเท่าที่ควร แต่มันก็พยายามยิ้มใส่เขา ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเป็นการฝืนก็ตาม

           





            “มึงเป็นไรเปล่าวะ”



            ไป๋เอ่ยถามกับโฟคเมื่อสบโอกาสที่พวกเขาได้อยู่กันสองคน ตอนนี้ทั้งคู่เดินมาหยิบสัมภาระที่รถหลังจากทานอาหารเย็นเป็นที่เรียบร้อย และกำลังเตรียมตัวเข้าห้องนอน



            “เราพูดได้จริงๆ เหรอ”



            โฟคซึ่งกำลังก้มลงไปหยิบของในที่เก็บของท้ายรถนิ่งสะดุดไปพร้อมกับเสียงที่ตั้งเป็นคำถาม มันยังคงหยุดค้างในท่านั้นราวกับกำลังรอฟังคำตอบ



            “ถ้ากูพูดด่าอะไรมึงไป มึงอย่าถือสากูนะเว้ย กูก็เป็นคนปากหมาแบบนี้ ไม่ชอบตรงไหนกูก็ปรับได้ มีอะไรก็บอกกันตรงๆ”



            “เปล่า เราไม่เคยโกรธไป๋เรื่องนี้สักครั้ง เรารู้ดีว่าไป๋เป็นคนปากร้ายใจดี”



            “แล้วตกลงมึงเป็นอะไรวะ”



            “เรา... หึง” เสียงนั้นขึ้นมาในระดับที่ไม่เกินเสียงกระซิบ

 





            “เฮ้ย”



            “แต่เราก็รู้นะว่าเราไม่มีสิทธิ์”



            “...”



            “ขอโทษแล้วกันไป๋ โฟคแม่งห่วยจริงๆ หวะ”



            ไอ้โฟคหยิบกระเป๋าแล้วหันมาสบตาเขาเป็นครั้งแรก เขารู้แล้วว่าทำไมมันถึงนิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ตามันกำลังแดงรื้น

 





            “เฮ้ย เชี่ยโฟค มึงอย่าดราม่าสิวะ กูลำบากใจนะเว้ย”



            “ขอโทษ เราก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้”



            “มันก็เพื่อนกันหมดเปล่าวะ”



            “...” มันไม่ตอบอะไรออกมา แต่แววตาของมันในเวลานี้โคตรน่าสงสารเลย

 





            “ไป๋อาจจะยังไม่รู้ว่าคนอื่นตอนนี้เขาพูดกันว่าอะไรบ้าง”



            เมื่อพูดจบมันก็ก้มลงไปหยิบมือถือขึ้นมาพร้อมกับเปิดโปรแกรมซึ่งเขาเห็นเร็วๆ ว่าเป็นโซเชียลมีเดียสีฟ้า สถานที่ที่เขาไม่ค่อยได้เข้าไปย่างกรายนี่เอง

           





                เพราะม้าต้องคู่กับโคน

                #อิฐไป๋ #อิฐเดือนวิศวกรรมศาสตร์ #ไป๋เดือนแพทยศาสตร์

 





            ‘เชี่ย!’



            เขาได้แต่สบถในใจ รูปที่แอดมินเพจหมอไป๋ FC มาขอถ่ายรูปในวันนั้นถูกแชร์ขึ้นไปบนเฟสบุ๊คโดยที่ยังไม่ได้ครอปไอ้อิฐออกสักนิด ภาพตรงหน้าเป็นอิริยาบถของเขาตอนเผลอที่เขากำลังหันหน้าไป และไอ้อิฐกำลังเอานิ้วมาเช็ดรอยซอสที่เปื้อนตรงขอบปากเขาอยู่ เสื้อของเขาสกรีนว่า Bishop Castle ส่วนไอ้อิฐใส่ที่เขียนว่า Knight Club สีพื้นกับรูปแบบสกรีนเหมือนกันเด๊ะ เพราะว่ามันเป็นของโรงเรียนเก่า พวกเขาก็ยังเป็นทีมโรงเรียนเดียวกันถึงแม้ว่าจะคนละชมรมก็ตาม

 





                4.2k Likes

                380 Comments

                1.2k Shares

 





            เมื่อเลื่อนลงมาดูผลตอบรับเขาก็ได้แต่กลืนน้ำลายก้อนใหญ่ อะไรมันจะลุกลามไปได้มากมายขนาดนี้ ใจอยากจะกดอ่านคอมเมนท์ใจจะขาด แต่ก็เกรงใจคนตรงหน้า เฮ้อ จะอธิบายยังไงให้มันเข้าใจดีนะ

 





            “วันหยุดก็อยู่ด้วยกัน ใส่เสื้อคู่กันด้วยนะครับไป๋” เสียงมันเบาและแหบ



            “อยู่หอเดียวกัน แวะลงไปกินข้าวเฉยๆ เสื้อนี่ก็เป็นเสื้อชมรมโรงเรียนเก่า”



            “ครับไป๋ เราไม่ได้ว่าไป๋นะ เราแค่อยากให้ไป๋รู้ว่าเรารู้สึกยังไง”



            “เพื่อนกันหมดนะเว้ย”



            “รู้แล้วหละครับ เพื่อนกันหมด โฟคจำได้ขึ้นใจเลย” มันยิ้มด้วยแววตาเศร้าๆ





 

            “กูก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงหวะ” ไป๋พูด เขากับมันเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ



            “เราไม่ได้ว่าไป๋นะ เราแค่มีลางสังหรณ์ว่าเวลาของเราใกล้หมดแล้ว”



            “ขอโทษจริงๆ หวะ มึงอย่ารอกูเลยโฟค มีคนดีๆ กว่ากูเยอะแยะ” เขาเอ่ยอย่างจนปัญญา

                       





            “โฟคควรทำยังไงต่อไปดีครับ” มันเอ่ยเสียงเบาๆ



            “โฟค มึงฟังกูนะ”



            “ครับ”



            “มึงชอบกูได้ กูไม่เคยโกรธมึงสักครั้งเดียว ทำไมกูจะไม่รู้ว่าการชอบคนอื่นมันรู้สึกยังไง กูรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย และกูก็ไม่เคยรังเกียจหรือรู้สึกไม่ดีกับมึงสักครั้ง”



            “ฟังแล้วรู้สึกดีจังเลยครับ ถึงแม้รู้สึกว่าประโยคต่อไปน่าจะเศร้า”



            “กูจะอยู่ตรงนี้ อยู่เป็นเพื่อนมึงเพราะมึงคือเพื่อนกู มึงชอบกูได้โฟค กูไม่ห้าม เพราะกูรู้ว่ามันห้ามไม่ได้”



            “...”



            “แต่มึงต้องพยายามตัดใจ”



            “...” ดวงตาของมันเหมือนกำลังพูดอะไรมากมาย ในขณะที่ปากของมันเงียบสนิท



            “กูจะอยู่เป็นเพื่อนมึงต่อไป กูอยากให้รู้ว่าเราเป็นเพื่อนกันได้ กูไม่หนีหน้ามึงไม่ใช่เพราะว่ากูอยากให้ความหวัง แต่กูไม่อยากแก้ปัญหาแบบเด็กๆ ด้วยการหนีปัญหา และมึงก็ไม่ใช่ปัญหา”



            “...”



            “สักวันมันจะดีขึ้นเอง โฟค มึงกับกูไม่จำเป็นต้องทะเลาะกัน หรือไม่คุยกัน กูเชื่อว่ามันต้องผ่านไปได้ ผ่านไปด้วยดีด้วย สักวันมึงจะพบคนที่ดี คนที่มึงจะเข้าใจว่าทำไมมึงถึงไม่ควรมารอคนอย่างกู”



            “ขอบคุณนะไป๋ ขอบคุณที่เข้าใจ”



            “แต่ถ้ามึงอยากห่างเพื่อทำใจ มึงบอกกูได้ กูไม่โกรธ กูเข้าใจ เอาวิธีไหนก็ได้ที่มึงจะโอเค”



            “ไม่เป็นไรหรอกไป๋ ถ้าต้องห่างกับไป๋ เราคงแย่กว่านี้”



            “กูพร้อมจะยินดีกับความรักของมึงเสมอนะ โฟค”



            เขาเอื้อมไปตบบ่าคนข้างหน้าอย่างเป็นกำลังใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเขาทำลายหัวใจของคนตรงหน้าไปมากมายแค่ไหน แต่ไม่มีวิธีไหนดีกว่าวิธีนี้อีกแล้ว โฟคควรจะเจอคนใหม่ที่ดีกว่าเขา เขาต้องพูดคำว่าอย่ารอกับไอ้โฟคอีกแล้ววันนี้ เขาไม่อยากให้มันรอเขาจริงๆ

 





            “ไป๋เป็นผู้ชายคนแรกเลยนะที่โฟคจีบ” รอยยิ้มมันเศร้ามาก



            “มึงก็เป็นผู้ชายคนแรกที่จีบกู” เขาตอบ



            “เราเขียนนิยายมาตั้งหลายเรื่อง ตอนจีบกันในนิยายมันไม่เห็นยากแบบนี้เลย ตอนจบมันต้องแฮปปี้เอนดิ้งสิไป๋” หยุดทำหน้าเป็นหมาหงอยแบบนี้ได้แล้ว ไอ้โฟค



            “มึงคิดผิดตั้งแต่เริ่มต้นเขียนนิยายกับกูแล้ว กูมันพวกผิดมนุษย์หวะ”



            “ตอนแรกโฟคก็ว่าโฟคหน้าตาดีแล้วนะ มั่นใจว่าจีบไป๋ยังไงก็ติดแน่ แต่ล่มไม่เป็นท่าเลยไป๋” มันเล่นมุกตลก เขาก็เผลอหลุดหัวเราะให้กับความขี้เล่นของมัน



            “หล่ออะไรของมึงวะ กูหล่อกว่าตั้งเยอะ”



            เขาจงใจกระเซ้า จริงๆ ไอ้โฟคมันหล่อกว่าเขาเยอะ ที่นั่งกินข้าวกันอยู่ 5 คนทุกวันนี่ เขานี่แหละหน้าแย่สุดแล้ว ไอ้อิฐ ไอ้โฟค นี่คือตัวต้นๆ ของมหาวิทยาลัยแล้วมั้ง



            “ครับ ไป๋หล่อที่สุดแล้ว ตำแหน่งนี้ยกให้ไป๋คนเดียวนะครับ” มันยิ้ม

 





            “โอเคขึ้นยัง” ไป๋ถาม นี่พวกเขาก็หายมานานพอสมควรแล้ว เขาควรจะกลับไปที่ห้องพักได้แล้ว



            “ความจริงก็ไม่โอเคหรอก แต่ไป๋ถาม โฟคก็โอเคครับ” นี่นักเขียนหรือลียองแดเนี่ย หยอดเก่งเหลือเกิน พ่อคุณเอ๊ย



            “เออ งั้นกลับห้องกัน กูง่วงละ”





 

 

 

            “เชี่ยยยยย ไปไหนกันมาวะ มากันช้าฉิบหาย โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย”



            เสียงไอ้เพียวโวยวายขึ้นมาเป็นคนแรกเมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน พวกเขาสี่คนได้พักในห้องนอนเรียบๆ ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว เตียงต่อกันยาวตลอดแนวไม่เว้นช่องว่าง เลยไปหน่อยก็มีห้องน้ำในตัว



            “กูปิดเสียงไว้หวะ ขอโทษที”



            ไป๋หยิบมือถือขึ้นมาดูแล้วตอบขอโทษไป ความจริงเขาก็รู้สึกว่ามือถือสั่นและมีสายเข้าแหละ แต่เขาแค่ไม่พร้อมจะรับโทรศัพท์เฉยๆ



            “เออๆ ช่างเหอะ มาก็ดีแล้ว” ไอ้เพียวยังดูงุ่นง่ายไม่หยุด

 





            “มีไรเปล่าวะ” ไอ้โฟคถามด้วยความสงสัย



            “พอดีทีมแข่งหุ่นยนต์ที่กูประกวดไว้เข้ารอบคัดเลือกที่ออสเตรเลีย กูต้องกลับไปเซ็นเอกสารยืนยันการไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ที่มหาวิทยาลัย กูต้องกลับไปเซ็นเอกสารวันนี้และรีบส่งแฟกซ์ไม่งั้นทีมกูจะแพ้บาย พอดีจดหมายตอบรับไปค้างอยู่ที่กล่องจดหมายคณะนาน กูก็เพิ่งรู้เมื่อกี้ แต่กูไม่ได้เอารถมา จะขอให้พี่สตาฟไปส่งก็ไม่ได้เพราะเขาก็ต้องทำงานกันต่อพรุ่งนี้ นี่ก็มีมึงคนเดียวแหละไอ้โฟคที่มีรถและกูพอใจขอให้ช่วยได้” มันอธิบายยาวยืด



            “เอาดิ ขับไปขับกลับแป๊บเดียว” โฟคตอบแบบง่ายๆ



            “กูไปคุยกับพี่ที่สโมมาแล้ว เขาบอกว่าถ้ามึงกลับ มึงก็กลับได้เลย เขาไม่อยากให้มึงตีรถกลับมาคนเดียวดึกๆ เขากลัวจะเกิดอุบัติเหตุ เขาบอกว่าไม่เป็นไร ยังไงปุยฝ้ายก็ยังอยู่” ไอ้เพียวหมายถึงไอ้โฟคจะได้โดดค่ายแบบได้รับการอนุญาตอย่างถูกต้องนั่นเอง

 





            “แล้วไอ้อิฐกับไอ้ไป๋อะ” โฟคถามต่อ



            “ก็ให้มันอยู่ค่ายต่อไปนี่แหละ กูไม่กล้าขอพี่เขาหวะ แค่มึงคนเดียวกูก็รู้สึกหน้าหมาแล้วเนี่ย” เพียวตอบ

           





            “เอาดิ งั้นก็ไปกันเลย เดี๋ยวรถติดแล้วมึงจะส่งเอกสารไม่ทัน” โฟคหันมายิ้มโชว์ฟันเรียงสวยอันเป็นซิกเนเจอร์ของมันให้กับเขาอีกครั้ง ก่อนจะปิดประตูห้องแล้วเดินจากไป







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ไม่รู้จะบอกอะไรดี เอาเป็นว่า ขอกำลังใจหน่อยแล้วกันนะ อุตส่าห์มาแถมให้ ขอกำลังใจให้คนแต่งหน่อยนะ >///<
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP24 : ม้าและโคน (17/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 17-06-2018 08:11:39
ขออนุญาตตอบคอมเม้นนิดหนึ่ง

1 เนื้อเรื่องไม่มีพัฒนาการเลย
ตอบ ความจริงเนื้อเรื่องและตัวละครพัฒนาไปไกลแล้วน้า เพียงแต่อาจจะไม่ได้บอกตรงๆ แต่ถ้าจับสังเกตหรือดูพฤติกรรมก็จะรู้ว่ามีอะไรคืบหน้าไปเยอะเหมือนกัน ด้วยความที่ไป๋เป็นคนแบบนี้ การเล่าเลยผ่านออกมาจากมุมมองของคนที่ไม่ค่อยแสดงออกทางความรู้สึก

2 เนื้อเรื่องช้า
ตอบ ตรงนี้ต้องขออภัยด้วย เพราะคิดพลอตเรื่องไว้ยาวมาก เลยอยากค่อยๆ เล่าไปมากกว่า อย่างให้คนอ่านรู้สึกเหมือนทุกอย่างดำเนินไปอย่างเนิบๆ แต่สนิทสนมกับตัวละคร เข้าใจว่าอ่านช่วงแรกก็คงรู้สึกว่าทุกอย่างช้าไปหมด ตรงนี้ก็ขอน้อมรับเอาไว้

3 ตัวละครไม่สมจริง
ตอบ ตัวละครอาจจะไม่ได้เป็นคนที่นิยายชัดเจนแบบสุดขั้วมาก แต่จะเป็นคนธรรมดาที่เราเจอได้ในชีวิตประจำวัน บุคลิก นิสัย ผมก็ดึงมาจากคนใกล้ตัว คาแรคเตอร์จึงอาจจะดูไม่ได้โดดไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากกว่า แต่จะกลมๆ กลางๆ เหมือนคนทั่วไป




น้อมรับทุกความเห็นครับ : )




 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP24 : ม้าและโคน (17/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 17-06-2018 08:14:20
 :hao3:  รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP24 : ม้าและโคน (17/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 17-06-2018 08:29:15
รอตอนต่อไปจ้า
อิฐไป่
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP24 : ม้าและโคน (17/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-06-2018 09:14:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

โชคชะตาพาให้เหลืออิฐอยู่กะไป๋สองต่อสองในห้องพักค่าย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP24 : ม้าและโคน (17/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-06-2018 11:24:42
อิฐกับไป๋จะรักกันยังไง ไป๋นี่ผู้ร้ายปากแข็งชัดๆรู้แน่ๆว่าอิฐคิดอะไรแต่อลือกที่จะปล่อยผ่านไป มีกำแพงอะไรในใจกันแน่นะ
ลึกๆก็สงสารอิฐนะ สู้ต่อไปแล้วกัน
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP24 : ม้าและโคน (17/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 17-06-2018 11:50:13
เห็นความพยายามของทั้งโฟคและอิฐนะ เชียร์ทั้งคู่เลยได้มั้ย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP24 : ม้าและโคน (17/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 17-06-2018 19:56:11
ชอบเรื่องนี้นะจากใจเลย

ดูเป็นเหมือนคนจริงๆ

นี่เป็นการเปิดโอกาสให้อิฐกับไป๋อยู่กัน2ต่อ2หรือเปล่า

จะมีอะไรในกอไผ่ไหมนะ :m28:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP24 : ม้าและโคน (17/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 17-06-2018 20:49:44
สงสารโพค
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP24 : ม้าและโคน (17/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 18-06-2018 05:38:54
มาต่อๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP24 : ม้าและโคน (17/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-06-2018 06:55:09
ชอบบบบ  ไป๋พูดได้ดี
"กูไม่หนีหน้ามึงไม่ใช่เพราะว่ากูอยากให้ความหวัง"
“แต่มึงต้องพยายามตัดใจ”      :katai2-1:
เชียร์  เพียว  โฟค    :กอด1:

ไป๋  ไม่รู้จักหน้าตาตัวเองจริง คิดแต่ว่าตัวเองหน้าตาธรรมดา  :เฮ้อ:
อิฐ  ไป๋    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP25 : หมอน 4 ใบกับผ้าห่ม 2 ผืน (19/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 19-06-2018 16:48:03
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น


            ตอนที่ 25 : หมอน 4 ใบกับผ้าห่ม 2 ผืน



            “ไอ้โฟคมันชอบมึงเหรอ”



            ไอ้อิฐที่อาบน้ำเรียบร้อยนอนอยู่บนเตียงอยู่ก่อนแล้วเงยหน้าจากหนังสือการ์ตูนในมือขึ้นมาถาม ทันทีที่เขาอาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อยออกมาจากห้องน้ำ



            “ทำไมวะ”



            “เปล่า ก็ถามดู”



            “นั่นแหละ แล้วอยู่ดีดีทำไมถึงถาม”





           

            “วันก่อนไอ้โฟคมันไลน์มาถามกูว่ากูเป็นอะไรกับมึง” มันพูดพลางที่สายตายังกวาดไปบนหน้าหนังสือต่อ



            “แล้วมึงตอบไปว่าอะไรหละ” เขาถามพร้อมกับเอาผ้าขนหนูเช็ดหัวไปด้วยในเวลาเดียวกัน



            “กูก็ตอบว่ามึงเป็นลูกน้องกูเอง” มันเงยหน้ามายักคิ้วแบบกวนประสาท



            “ลูกน้องพ่อมึงสิ”

 





            “ปากมึงนี่หมาเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ”



            “แหม มึงไม่ได้กวนตีนเลยมั้ง”



            “แล้วตกลงมันชอบมึงหรือเปล่า”



            “ไม่เอา ไม่เสือกเรื่องลูกน้องสิครับหัวหน้า” เขาหันไปยักคิ้วกวนประสาทใส่มันกลับ

 





            พวกเขานอนเล่นกันได้อยู่พักเดียวก็ปิดไฟนอน เตียงในห้องพักเป็นแบบเอาเตียงเดี่ยวสี่เตียงมาเรียงต่อกัน ทุกเตียงต่อเชื่อมถึงกันหมด แต่ด้วยความกว้างของมันก็กว้างมาก พวกเขาที่นอนกันอยู่สองคนเรียกได้ว่ามีพื้นที่เหลืออยู่มากมายมหาศาล นอนเว้นช่องไฟสองเมตรยังทำได้เลย

 





            “ไอ้สัด ถ้ามึงกระเถิบเข้ามาอีกคืบนึงกูถีบมึงตกเตียงแน่”



            เสียงไป๋ดังขึ้นอย่างเฉียบขาดทั้งที่ดวงตาคู่นั้นยังหลับพริ้มอยู่ ไอ้คิงคองที่ปฏิบัติการกระดึ๊บตัวเข้าใกล้อีกฝ่ายเรื่อยๆ ถึงกับหยุดชะงักอย่างคนโดนจับได้



            “ตรงโน้นมันหนาว แอร์มันลง” เสียงดังตอบมาในความมืด



            “แอร์มันลงมึงก็เดินไปปรับแอร์”



            “แอร์มันมีให้ปรับที่ไหนหละ มันมีแค่คัทเอาท์สับปิดกับเปิด”



            “ไม่งั้นมึงก็ห่มผ้าห่มไป”



            “กูก็มีผืนเดียวเหมือนมึงไหม มึงจะให้กูไปเสกมาจากไหนอีกหละ” พวกเขาได้เครื่องนอนคือหมอน 4 ใบและผ้าห่ม 2 ผืนสำหรับ 4 คน

 





            “ได้”



            เขาตอบพร้อมกับกระเถิบตัวหนีไปอีกฝั่งและเอาหมอนมาขวางตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งคู่ หมอนใบนี้เปรียบเสมือนเขตฉนวนระหว่างกองทัพที่ห้ามบุกรุก



            “อารมณ์ไม่ดีอะไรมาเนี่ยวันนี้”

 





            “ไอ้โฟคมันชอบกู” อะไรไม่รู้ที่ทำให้เขาพูดออกไป



            “...”



            “กูบอกมันว่าอย่ารอกู กูไม่ใช่คนที่ศรัทธาในความรัก กูไม่ใช่คนที่จะเปิดพื้นที่ในชีวิตให้ใครมาใช้ร่วมกันได้” เขาพูดไปด้วยความอยากระบายมากกว่า



            “แล้วมันว่าไง”



            “มันก็ดูเข้าใจ แต่มันก็ดูเสียใจมาก”



            “เหรอ” เสียงของอีกคนหนึ่งดังเบาๆ มาในความมืด



            “อืม กูไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยหวะ กูไม่อยากทำให้ใครเสียใจ”





 

            “แล้วทำไมมึงถึงไม่อยากมีความรักวะ”



            “มึงวาดภาพชีวิตวัยเกษียณมึงไว้ยังไงวะ”



            “เกษียณเหรอ” อีกฝ่ายทวนคำเหมือนไม่คาดคิดว่าจะเจอคำถามนี้มาก่อน



            “เออ ชีวิตหลังอายุ 60 ปีของมึงอะ”





 

            “กูก็คงอยู่กับครอบครัวและคนที่กูรักมั้ง กูอาจจะหางานทำก๊อกๆ แก๊กๆ กูเก็บเงินซื้อบ้านเดี่ยวสักหลังหวะ แล้วก็เอาเวลามาปลูกต้นไม้ ทำสวน ต่อเติมบ้าน เลี้ยงปลาคาร์ฟ ประมาณนี้มั้ง”

           





            “แล้วมึงอะ คิดว่ายังไง”



            “ภาพที่กูเห็นคือกูอยู่ในบ้านที่มีห้องสมุดใหญ่ๆ ดูแลพ่อแม่กูจนวันสุดท้าย นอกจากนั้นก็คงไม่มีอะไร กูคงอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ จนกว่ากูจะอ่านไม่ไหว” เขาตอบ



            “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับความรักวะ”



            “อนาคตกูไม่เคยมีภาพคนรักอยู่ในชีวิตเลยหวะ”





 

            “ทำไมวะ” เสียงนั้นถามอย่างไม่เข้าใจ



            “พ่อแม่กูเป็นหมอเป็นเจ้าของโรงพยาบาล กูวิ่งเล่นในโรงพยาบาลมาตั้งแต่กูจำความได้ กูเห็นคนตายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วหวะ กูรู้สึกว่าเราไม่ควรผูกพันกับคนเลย”



            “...”



            “กูชอบหนังสือได้ เพราะจบเล่มนี้กูจะซื้อเล่มใหม่ กูชอบดูหนังได้ เพราะจบเรื่องนี้กูจะดูเรื่องใหม่ แต่ถ้าเป็นคน กูต้องทำยังไงวะ ถ้าคนที่กูรักตายจากกูไป กูต้องทำยังไง”



            “แต่ทุกคนก็ต้องตายเปล่าวะ”



            “เพราะทุกคนต้องตายไง กูถึงเลือกที่จะไม่มีใครดีกว่า ถ้ากูรักใครมากๆ กูคงไม่สามารถทำใจเห็นการจากไปของเขาได้หรอก กูเห็นคนร้องไห้กับการสูญเสียมาเยอะจนนับครั้งไม่ถ้วน แม่งโคตรทรมาน”

 





            “แต่ตลอดเวลาที่ได้อยู่ข้างกันมันคือความทรงจำที่ดีไม่ใช่เหรอวะ”



            “มันก็จริง แต่สำหรับกู ความทรงจำจากความรักที่ดีไม่จำเป็นต้องมาจากรักที่สมหวังก็ได้ กูอยู่ได้หวะ อยู่ได้กับความทรงจำที่อาจจะผิดหวังแต่มันก็สวยงามสำหรับกู”

 





            “ชีวิตเรามันคือเดี๋ยวนี้เวลานี้ไม่ใช่เหรอวะ” ไอ้อิฐพูด



            “...”



            “ทำไมมึงต้องไปคิดถึงอนาคตตั้งมากมาย แค่ตอนนี้เวลานี้ มึงมีความสุข มันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอวะ”



            “...”



            “คนเราถ้าวันหนึ่งต้องตายจากกัน มันก็ต้องเป็นไป แต่ชีวิตมึงเกิดมาครั้งเดียวนะเว้ย มึงบอกว่ามึงไม่มีความรักเพราะกลัวการสูญเสีย แต่มึงอย่าลืมนะเว้ย การที่มึงไม่มีใครมันก็เป็นการสูญเสียอย่างหนึ่งเปล่าวะ”



            “สูญเสียอะไรวะ ก็กูไม่เคยได้อะไรมา” เขาเถียงอย่างไม่เข้าใจ





 

            “มึงสูญเสียโอกาสที่จะมีความสุขไง”



            “อือ” เขาไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อนเลย



            “มึงเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งนะเว้ย ทำไมมึงต้องคิดอะไรให้มันซับซ้อนเกินไปด้วยวะ”



            “กูแค่...”



            “มึงมีสิทธิ์ที่จะมีความสุข มึงมีสิทธิ์ที่จะเจอความรักที่ดีเหมือนทุกคน”

 





            เขาเงียบไม่ตอบอะไรแต่กลับจมดิ่งไปในความคิดมากมายที่ลอยฟุ้งกระจายอยู่ในเวลานี้ ยากเกินไป ความรักเป็นเรื่องที่ยากเกินไป มันคาดเดายาก จัดการยาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่ไม่เคยควบคุมได้ เขาไม่ชอบความรักเลย

 





            “กูควรไปขอโทษไอ้โฟคเปล่าวะ” เขาถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ



            “ขอโทษเรื่องอะไรวะ” อีกเสียงถามกลับมา



            “ไม่รู้สิ กูรู้สึกผิด เหมือนกูทำไม่ถูกกับมัน”





 

            “มึงชอบมันเหรอ”



            เสียงไอ้อิฐดังกลับมา โชคดีที่ห้องนอนของพวกเขามันมืดมากทีเดียว ไอ้อิฐเลยไม่มีโอกาสได้เห็นสีหน้าเขา แต่หากบางที อิฐก็อาจจะโชคดีที่ไป๋ไม่ได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน



            “กูไม่รู้ กูไม่เคยคิดเรื่องความรักเลย”



            “เหรอ”



            “กูคิดว่านะ”

 





            “มึงเคยใจสั่นกับมันไหม”



            “...”



            “เวลามันบอกชอบมึง มึงหวั่นไหวไหม”



            “...”



            “เวลามันจีบมึง มึงหน้าแดงไหม”

 





            “กูก็ไม่รู้หวะ เอาจริงนะมึง กูแม่งโคตรโง่เรื่องความรักเลย”



            “เออ ถ้าเรื่องความรักมึงฉลาดได้สักครึ่งที่เรื่องวิชาการของมึงนะ อะไรๆ มันคงง่ายกว่านี้”

 





            “มึงไม่เคยชอบใครบ้างเหรอวะ” คำถามของไอ้อิฐทำให้เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



            “เคยดิ กูคนนะเว้ย ทำไมจะไม่เคยชอบใคร” เขาตอบหลังจากเงียบไปอึดใจหนึ่ง



            “แล้วมึงทำไงวะ มึงได้บอกคนที่มึงชอบหรือเปล่า”



            “เปล่าหวะ”

 





            “อ๊าว ทำไมวะ”



            “กูรู้ว่ามันไม่สมหวังหรอก ถ้ามึงรู้ว่ามันจะจบแบบไหน มึงจะพูดออกไปทำไมวะ”



            “มึงแม่งโคตรป๊อด”



            “...”



            “มึงบอก มันก็ยังมีโอกาสผิดหวังกับสมหวังเปล่าวะ แต่มึงไม่พูด มันก็ผิดหวังร้อยเปอร์เซ็นต์”

 





            “เออ พ่อคนกล้า ไหน ไหนแฟนมึงอะ เอามาอวดกูสักทีซิ๊” ไป๋พูด



            “ไม่มี” มันตอบด้วยเสียงเรียบๆ



            “แหม่ แล้วทำมาเป็นด่ากู มึงแม่งก็ลูสเซอร์เหมือนกันเปล่าวะ”

 





            “กูจีบอยู่”



            “เป็นไงวะ”



            “...”



            “ตอบสิไอ้เชี่ย กูลุ้นจนเยี่ยวเหนียวแล้วเนี่ย”

 





            “เขาดูไม่ค่อยสนใจกูเท่าไหร่หรอก”



            “มึงพูดจริงเปล่าเนี่ย หน้าอย่างมึงเนี่ยนะมีผู้หญิงไม่สนใจด้วยเหรอ มีแต่คนบอกว่ามึงเป็นว่าที่เดือนมหาวิทยาลัยเลยนะ เฮ้ย หรือเขาจะเป็นเลสเบี้ยนวะ”



            “ปาก ไอ้สัด ปาก เกรงใจกูบ้าง”



            “เออๆ ขอโทษ กูปากหมาเองอะ”

 





            “แต่กูก็คิดจะบอกเขานะเว้ย”



            “ทั้งที่เขาดูไม่ค่อยสนใจมึงเนี่ยนะ”



            “อืม”



            “มึงไม่กลัวผิดหวังเหรอวะ”



            “กลัวดิ โคตรกลัวเลย แต่ถึงแม้จะมีโอกาสแค่เปอร์เซ็นต์เดียว มันก็ต้องเสี่ยงเปล่าวะ นี่มันคือความรักของกูนะเว้ย”



            “เชี่ย โคตรคม”



            “สัด”

 





            “เออ กูนอนละ เรื่องไอ้โฟคมึงก็อย่าไปบอกใครแล้วกัน กูเกรงใจมันหวะ”



            “อืม”

           

 



               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ความจริงก็อยากจะเซอร์วิสคนอ่านและก็เร่งเรื่องให้คนอ่านฟินมากขึ้น แต่นิยายแต่งจนเสร็จไปแล้ว แถมเร่งไปก็จะผิดเนื้อหาในสาระสำคัญอีก เอาเป็นว่า ใจร่มๆ และอ่านกันไปแบบเนิบๆ นะ อยากให้การอ่านนิยายเรื่องนี้เหมือนการจิบชาอุ่นๆ ในยามบ่าย ใครเหงาก็กลับไปย้อนตอนเก่าๆ อ่านก็ได้นะ : )
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP25 : หมอน 4 ใบกับผ้าห่ม 2 ผืน (19/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 19-06-2018 16:48:56
รออ่านคอมเม้นทุกคนน้า

ขอบคุณคนเม้นมากเลย เป็นกำลังใจที่ดีมากๆ

นิยายรักเรื่องแรกนะ ดีไม่ดีอย่างไรก็ขออภัยเด้อ จะปรับปรุงต่อๆ ไป

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP25 : หมอน 4 ใบกับผ้าห่ม 2 ผืน (19/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 19-06-2018 19:08:57
รอ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP25 : หมอน 4 ใบกับผ้าห่ม 2 ผืน (19/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-06-2018 20:21:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

นั่นไงหล่ะ  คนที่อิฐชอบ ก็คือคนเสน่ห์แรงนั่นเอง

แต่...

คนที่ไป๋ชอบคือใครหว่า?  ยังเป็นปริศนาอยู่
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP25 : หมอน 4 ใบกับผ้าห่ม 2 ผืน (19/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 19-06-2018 22:11:37
สารภาพรักไปเลยอิฐ กล้าๆหน่อยแฟนคลับเอาใจช่วยอยู่นะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP25 : หมอน 4 ใบกับผ้าห่ม 2 ผืน (19/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 20-06-2018 10:16:53
อีก นิดเดียวอิฐบอกไปเลย1%ที่ เหลือ
ส่วนพ่อ950นี้... จะเป็นว่านมั้ยบางที่เพื่อนสนิทก้อคิดไม่ซื่อนะ555

หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP25 : หมอน 4 ใบกับผ้าห่ม 2 ผืน (19/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-06-2018 10:54:13
ว่าแต่ไป๋ เคยชอบใครด้วย  :hao3:
ที่ไป๋ ไม่สานต่อ เพราะอีกฝ่ายก็เพศเดียวกับตัวเองหรือเปล่า
แล้วกลัวอีกฝ่ายชอบเพศตรงข้าม
ใช่อิฐหรือเปล่า   :z3: :z3: :z3:

แต่อิฐ รีบสารภาพรักไปเลย
แม้ว่ามีแค่เปอร์เซนต์เดียว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP25 : หมอน 4 ใบกับผ้าห่ม 2 ผืน (19/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 20-06-2018 11:15:41
อิฐชอบคนไม่มีหัวใจ :ling3:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP25 : หมอน 4 ใบกับผ้าห่ม 2 ผืน (19/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 20-06-2018 17:45:01
อ่านเรื่องนี้แล้วลุ้ยมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP25 : หมอน 4 ใบกับผ้าห่ม 2 ผืน (19/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-06-2018 22:11:32
ไม่แน่ไป๋อาจจะเคยชอบอิฐก็ได้แต่กลัวผิดหวัง เลยไม่สนใจจะมีความรัก
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP25 : หมอน 4 ใบกับผ้าห่ม 2 ผืน (19/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 20-06-2018 22:40:56
ยังไงๆ รออยู่ 55555 เมื่อไหร่จะบอกว่าคือใคร
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP26 - 27 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (21/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 21-06-2018 16:51:19
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 26 : ไอ้ลูกหมา



            เอี๊ยดดดดด



            เสียงล้อรถยนต์บดกับถนนอย่างแรงดังไปทั่วบริเวณรอบๆ โฟคเพิ่งขับรถพาเพียวออกมาจากวิทยาเขตที่จัดค่ายได้ไม่นาน คนขับรถก็ถึงกับต้องเบรคอย่างตัวโก่ง เมื่อกำลังขับรถอยู่บนถนนใหญ่อยู่ดีๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์ขับปาดหน้าไปจนอีกฝ่ายแทบเสียหลักล้มคว่ำ



            ใจเขาแทบจะตกไม่อยู่ที่ตาตุ่มเพราะกลัวว่าจะฆ่าคนตายไปโดยไม่ได้เจตนา เขาขับมาด้วยความเร็วปรกติ แต่รถคันดังกล่าวปาดหน้ารถเขาเปลี่ยนเลนส์ไปด้วยความเร็วและไม่ให้สัญญาณอะไรก่อน เขาได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งใจว่าไม่มีการบาดเจ็บเกิดขึ้น

 





            ก๊อก ก๊อก



            ยังไม่ทันจะหายใจได้เต็มปอดดี เสียงเคาะกระจกก็ดังมาจากฝั่งคนขับติดกับตัวเขา เมื่อหันไป โฟคก็เจอกับชายวัยประมาณสามสิบกว่าที่ดูสีหน้าก็รู้ว่ากำลังบันดาลโทสะอยู่อย่างเต็มที่



            “ขอโทษครับพี่”



            โฟครีบกุลีกุจอเปิดประตูลงไปไหว้ขอโทษคู่กรณีเป็นอย่างแรก เขาไม่ใช่พวกคนที่ชอบมีเรื่องสักเท่าไหร่ จะผิดจะถูกก็ขอโทษไปเรื่องจะได้จบๆ

 





            “อ้าวไอ้สัด มึงขอโทษแล้วมันหายไหม เกิดกูล้มไปคอหักตาย ใครจะรับผิดชอบ”



            ไหงพูดงี้วะ มึงเป็นคนปาดหน้ารถกูแท้ๆ กูออกมาแทนที่จะจบๆ กันไปเสือกมาหาเรื่องกูอีก โฟคได้แต่คิดอยู่ในใจอย่างเริ่มอารมณ์ร้อน เขาอุตส่าห์ยอมขอโทษก่อนแท้ๆ



            “อ้าวไอ้เหี้ย ไหงพูดจาหมาไม่แดกอย่างงี้วะ รถกูอยู่ทางหลักอยู่ดีๆ มึงมาขับปาดหน้า สัญญาณไฟก็ไม่เปิด สันดานขับรถมึงแม่งก็หมาเหมือนปากมึงนั่นแหละ”



            ไม่ใช่เสียงเขา เสียงไอ้คนที่โดยสารรถเขามาด้วย หันไปมองหน้ามันตอนนี้ อารมณ์ของโฟคที่เริ่มร้อนถึงกลับต้องกลับมาเย็นอีกรอบ ปรกติไอ้เพียวเป็นคนหล่อๆ ที่ดูเหมือนพวกหนุ่มเพลย์บอยที่จะไม่หาเรื่องใคร คนที่เขาเคยเห็นแต่พูดเล่นอารมณ์อยู่ตลอด ตอนนี้แทบจะเดือดเป็นไฟแล้ว

 





            “ปากดีนักเหรอมึง แบบนี้ต้องโดนส้นตีนกูสักหน่อยถึงจะหายซ่า ตัวเท่าลูกหมาเสือกมาหาเรื่องกู”



            ถึงแม้ว่าจะอยู่ข้างไอ้เพียวแน่ๆ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าด้วยรูปร่างของเพื่อนเขาแล้ว มันเป็นรองอยู่มาก ไอ้เพียวไม่ใช่คนตัวใหญ่หนาแบบไอ้อิฐ มันดูหุ่นดีก็จริงแต่ออกไปในทางหุ่นได้รูปและเฟิร์มมากกว่า ไม่ได้ดูจะเป็นต่อไปคนที่ดูตัวใหญ่และเป็นนักเลงแบบอีกฝ่ายเลย



            “เข้ามาสิไอ้สัด กูก็อยากเอาเลือดหมาๆ มึงมาล้างตีนฉิบหาย เลือดคนเหี้ยๆ อย่างมึงคงแก้คันตีนได้ดี” มันตะโกนด่าแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอะไรทั้งนั้น

 





            ไอ้มอไซค์นั่นเดินตรงเข้ามาผลักอกไอ้เพียวอย่างเอาเรื่องแน่



            โฟคพยายามร้องเตือนให้มันระวังแต่ก็ดูไม่เป็นผล เขาไม่อยากมีเรื่อง แต่ตอนนี้เหมือนไอ้เพียวจะไม่ได้ยินเสียงเขาเสียแล้ว หน้ามันโมจนแดงก่ำไปหมดตอนโดนผลักอย่างแรง

 





            อีกฝ่ายฟาดหมัดเขามาแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง



            ไอ้เพียวเบ่งหลบไปแต่กะระยะพลาดไปหน่อย หมัดลุ่นๆ นั่นฟาดโดนแก้มข้างขวาของมันไปด้วยแรงที่มากพอสมควร เขาถึงกับหน้าเสียเมื่อเห็นว่ามีเลือดปริมาณไม่น้อยไหลออกมาจากขอบปากด้านที่โดนต่อยไปเมื่อกี้ หันหันไปถุยเลือดที่อออยู่ในปากออกมาพร้อมกับหันไปรับมือกับอีกหมัดที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา



            คราวนี้ไอ้เพียวหลบได้อย่างง่ายดาย



            มันเอี้ยวตัวหลบไอ้อ้วนที่เหวี่ยงหมัดเข้ามาอย่างสุดแรงเกิด พอพลาดเป้า เจ้าของแรงก็ถึงกับเสียหลักไปเล็กน้อย เพียวใช้จังหวะโอกาสนั้นยกเท้าขวาออกแรงถีบสีข้างของอีกฝ่ายไปอย่างเต็มรัก แทบไม่ต้องคาดผลลัพธ์เลย ไอ้คนกร่างนั่นพุ่งตามแรงถีบของตีนไอ้เพียวจนไปล้มกองอยู่กับพื้นได้ในฝ่าเท้าเดียว



            “ไอ้สะ...”



            ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะหันมาด่าเพียวได้อย่างเต็มปาก ไอ้เพื่อนวิศวะปีหนึ่งของเขาก็สาดเท้าอัดเข้าไปเต็มหน้าของอีกฝ่าย โฟคที่ยืนดูสถานการณ์ออกมาระยะสามเมตรถึงกับซี๊ดปากและกลืนน้ำลายก้อนใหญ่อย่างหวาดเสียว



            ‘นี่ขนาดยืนดูอย่างนี้ยังเสียวไปถึงไขสันหลัง ไอ้เชี่ยนั่นแม่งไม่กรามแตกเลยเหรอวะ’

 





            สภาพมอไซค์ขี้กร่างตอนหันหน้ากลับมาอีกรอบนี่ทำเอาโฟคถึงกับต้องร้องตะโกนให้ไอ้เพียวหยุดได้แล้ว จะว่าสงสารก็พอได้ แต่หลักๆ คือกลัวมันตายแล้วไอ้เพียวต้องติดคุกมากกว่า



            เลือดไหลท่วมปากออกมาเยอะกว่าไอ้เพียวมาก จมูกนี่หักเบี้ยวจนผิดรูปไปเลย ไม่รู้ว่าโดนตีนไอ้เพียว หรือตอนโดนเตะเจอหน้าฟาดไปกระแทกฟุตบาท สภาพตอนนี้อีกฝ่ายโคตรยับเยิน ตาข้างหนึ่งที่แดงบวมจนแทบมองไม่เห็นลูกกะตาแล้ว

 





            “เชี่ยเพียว หยุดก่อน เดี๋ยวแม่งก็ตายห่าหรอก”



            เขารีบวิ่งไปดึงแขนไอ้เพียวไว้อย่างกลัวมันจะเข้าไปซ้ำอีก มันไม่หันมาเถียงหรือโวยวายอะไรกับเขา แต่มันพยายามฝืนจะเข้าไปซ้ำอีกทีให้ได้ ไอ้เพียวนี่แรงมันเยอะผิดกับตัวของมันที่ก็ไม่ได้ดูใหญ่โตอะไรมาก มันดึงแขวนทีหนึ่งตัวเขาแทบจะปลิวไปตามแรงของมัน

 





            “เพียว พอได้แล้ว แค่นี้แม่งก็จมูกหักแล้ว เดี๋ยวแม่งก็ตายกันพอดี” เขาดึงแรงฝืนสู้ไอ้เพียวที่ดูยังไม่หายโมโห และจะเข้าไปซ้ำอีกทีให้ได้



            “กูยังไม่ได้จัดให้มันเรื่องที่มาด่ามึงเลย ขอกูเอาตีนฟาดหน้าแม่งอีกที” มันพูดอย่างยังไม่หายโมโห



            “เชี่ย ไปเหอะไอ้เพียว มึงต้องกลับไปเซ็นเอกสารนะเว้ย ถ้าตำรวจมาแล้วมึงโดนจับนี่มึงจบเลยนะ มึงอย่าลืมสิวะว่ามึงออกมาจากค่ายทำไม” โฟคฝืนแรงมันไว้อย่างเต็มแรง



            “สัดเอ้ย”



            มันสบถเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหยุดพยายามก้าวเข้าไปฟาดหน้าคนตรงหน้าอีกรอบให้ได้ ไม่ต้องสืบเลยเรื่องไอ้มอไซค์คนนั้น อย่าว่าแต่จะลุกมาหาเรื่องกลับ สภาพมันตอนนี้นี่ดูมึนจะหมดสภาพ โดนเตะทีเดียวน๊อคเอาท์หมดสภาพการต่อสู้ไปเลย

 





            “มึงไปขอโทษแม่งทำไมวะ มึงไม่ได้ผิดสักหน่อย ไปพูดดีกับมันคนเชี่ยๆ อย่างงี้แม่งได้ใจ” เสียงของเพียวดังขึ้นอย่างหงุดหงิด



            “ขอโทษแม่งไปนั่นแหละ จะได้จบๆ”



            โฟคพูดแบบง่ายๆ ตอนนี้พวกเขาขับรถออกมาจากสถานที่เกิดเหตุพอสมควรแล้ว อีกไม่เกินสามสิบนาทีก็น่าจะถึงมหาวิทยาลัยนววิวัฒน์



            “เชี่ย มึงไม่ผิด มึงไปยอมมันทำไมวะ” มันยังบ่นต่อ เหมือนอารมณ์มันยังจะยังไม่หายคุกรุ่น



            “กูก็ไม่นึกว่ามันจะเชี่ยขนาดนี้เปล่าวะ” ใช่เลย เขาไม่คิดว่าเขาที่ยอมขอโทษทั้งที่ไม่ผิดแล้วยังจะโดนสวนมาด้วยคำพูดหมาๆ แบบนี้



            “คนแบบนี้แม่งต้องกระทืบให้จมตีน”



            “แหม่ มึงคิดว่ากูจะไปสู้มันได้ไหมหละ มึงดูขนาดตัวกูกับตัวมันด้วย แค่โดนผลักทีนึงกูก็กระเด็นและ”



            โฟคบ่นออกมาแบบติดตลก เขาไม่เคยมีเรื่องชกต่อยสักครั้งเลยในชีวิต วันนี้นี่แหละที่ดูจะใกล้เคียงกับสถานการณ์ทะเลาะวิวาทมากที่สุดแล้ว โชคดีว่าไอ้เพียวมากับเขาด้วย เขาไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าถ้าเขามาคนเดียว เขาเองหรือเปล่าที่ต้องกลายเป็นคนไปนอนเอาหน้าแนบฟุตบาทแบบนั้น



            “เชี่ย มีมึงมีตีนเหมือนกัน กลัวเชี่ยไรวะ ถีบแม่งให้คว่ำ” เพียวยังคงพูดต่อ แต่ตอนนี้มันดูอารมณ์เย็นขึ้นมาบ้างแล้ว



            “มึงดูกูด้วย ไอ้เชี่ย ใครจะไปกล้าวะ สู้มัน มันก็ต่อยกูหน้าแหกสิ” เขาบ่นขำๆ

           





            “มึงนี่ต้องอยู่ติดเพื่อนไว้เลยนะ มีอะไรจะได้ช่วยกันได้ เชี่ยไรวะ มันจะด่าแม่อยู่ละ มึงก็ยืนเฉ๊ย” มันบ่น



            “มึงดูคนที่เหลือก่อน ไป๋เงี้ย ว่านเงี้ย แต่ละคนแม่งโคตรเนิร์ด มีแค่ไอ้อิฐอีกคนแหละที่ดูจะนักเลงหน่อย” เขาพูดขำๆ



            “เออ งั้นมีอะไรมึงก็เรียกกูละกัน เอามือถือมึงมาดิ๊” มันพูดพร้อมส่งมือมา เขาซึ่งขับรถอยู่ก็ได้แต่ควักมือถือส่งให้ไอ้เพียวไปแบบงงๆ

 





            “นี่กูเมมเบอร์กูไว้ให้ละ มึงกด emergency call นะ เบอร์กูอยู่เบอร์แรกเลย มีอะไรโทรมากริ๊งเดียว เดี๋ยวกูมากระทืบให้” มันส่งมือถือกลับคืนมาให้



            “เออๆ ขอบคุณหวะ เหมือนพวกรับจ้างทวงหนี้เลย ฮ่าฮ่าฮ่า” ไอ้เพียวนี่ดูท่าทางจะเป็นคนรักเพื่อนใช้ได้เลย



            “จ้างกูก็รับนะ กูไม่เรื่องมาก” มันตอบมาแบบขำๆ



            “แล้วทำไมมึงถึงเก่งจังเลยวะ กูเห็นตอนมึงหลบหมัดมันแล้วถีบนี่แม่งแป๊บเดียวเอง โคตรเร็วเลย” เขาถามอย่างสงสัย

 





            “อ๋อ ที่บ้านกูเป็นค่ายมวยหวะ”







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               เนื่องจากอยากให้คนอ่านอ่านเยอะๆ เผื่อจะใจอ่อนคอมเม้นให้ผมเยอะๆ บ้าง อิอิ วันนี้แถมอีกตอนนะ รวมเป็นลง 2 ตอน ใครอ่านอยู่ก็อย่าลืมเลื่อนไปอ่านตอนต่อไป แถมให้ตอนหนึ่งแล้ว ใจอ่อนเม้นให้นักเขียนเถอะนะ นักเขียนอยากอ่านคอมเม้นจะแย่แล้ว >///<
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP26 - 27 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (21/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 21-06-2018 16:51:57
แถมตอนหนึ่งแล้ววววว

ใจอ่อนมาเม้นให้นักเขียนหน่อยเร็ว

เย้เยเยยยยยยยยยยยยย


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP26 - 27 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (21/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 21-06-2018 16:56:12
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 27 : ไอติมวนิลา

 

            เขาพาไอ้เพียวมาส่งที่คณะเป็นที่เรียบร้อย



            เขาจอดรถรออยู่ที่ลานจอดรถของคณะวิศวกรรมศาสตร์รอมันลงไปทำธุระอย่างเงียบๆ เขายืนยันว่าจะลงไปเป็นเพื่อนแต่มันก็บอกให้เขารออยู่ที่นี่ เขาขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดก็เลยเอามือถือมานั่งกดรอมันเงียบๆ

 





            ความจริงไอ้เพียวนี่ก็เหมือนอยู่ในกลุ่มเดียวกับพวกเขากลายๆ เหมือนกัน



            ทุกวันนี้ตอนไปเรียน เขาก็จะนั่งกินข้าวกับไป๋ ว่าน อิฐ แล้วก็เพียวเป็นหลัก ส่วนใหญ่ก็อยู่คณะวิทย์บ้าง คณะวิศวะบ้าง แล้วแต่ว่าวันนั้นเสียงส่วนใหญ่เรียนอยู่ที่ตึกไหน ถ้าเป็นวันที่เรียนเลคเชอร์หลักๆ ส่วนใหญ่ก็จะอยู่กันที่คณะวิทย์ แต่ถ้าวันไหนมีเรียนฟิสิกส์กับแลปฟิสิกส์ก็จะย้ายไปสิงสถิตกันที่คณะวิศวะแทน



            ส่วนใหญ่เขาจะสนิทกับไป๋และว่านมากกว่า



            ไป๋เวลาอยู่ในกลุ่มจะเป็นคนชอบตีหน้าบูดตลอดเวลา และปากมันก็หมามาก แต่มันจะหมากับคนสนิทเท่านั้น ถ้ามันไม่สนิท มันก็จะทำตัวเหินห่างมาก ไป๋นี่เป็นคนที่โคตรเข้าใจยากและมีกำแพงสูงสุดๆ แต่พอสนิทกันมากขึ้นแล้วก็จะเริ่มโดนมันด่าตามนิสัยมัน แต่ไป๋นี่ถือว่าเป็นคนที่ฉลาดมากๆ เขาก็รู้จักกับเพื่อนที่เรียนหมอหลายคนแต่ไม่มีใครฉลาดเท่านี้เลย วันก่อนมันหลับในคาบเคมีแล้วอาจารย์ดันควิชตอนท้ายคาบ แทนที่มันจะทำไม่ได้ แต่มันกลับทำได้หมดเลย เขาเสียอีกที่ต้องให้มันช่วยสอนว่าต้องคิดยังไงถึงจะทำได้







            ส่วนไอ้เพียวกับไอ้ว่านนี่มีลักษณะคล้ายๆ กัน



            คือดูภายนอกแล้วจะค่อนข้างเป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง และก็อัธยาศัยดี แต่ลุคภายนอกจะต่างกันหน่อย ว่านนี่เป็นแนวหนุ่มสไตล์เกาหลี หน้าใสๆ ตัวขาวๆ ปากหวาน เจ้าชู้ ชอบทำตาระริกระรี้เรี่ยราดกับผู้หญิงไปทั่ว ส่วนไอ้เพียวนี่เป็นเหมือนพวกแบดบอยหน่อย หน้าขาวคิ้วเข้ม ใส่ตุ้มหูรูปไม้กางเขน ชอบเที่ยวกลางคืน กินเหล้า เข้าผับ แล้วบางทีก็หิ้วผู้หญิงกลับมานอนหอด้วยกัน



            ส่วนไอ้อิฐไม่ต้องไปสนใจมันมาก พูดแล้วยังเซ็งไม่หาย คืนนี้มันได้อยู่กับไป๋สองคนเนี่ย นี่ถ้าคนที่จิ้นมันกับไป๋ตามเพจแฟนคลับได้รู้ว่าคืนนี้มันจะได้อยู่ในห้องกับไป๋สองต่อสองเนี่ย ต้องกรี๊ดกันจนหมดเสียงแน่ (พูดแล้วก็หงุดหงิดชะมัด)





 

            “เสร็จแล้ว”



            ไอ้เพียวพูดพร้อมกับเปิดประตูและก้าวขาขึ้นมานั่งบนรถ โฟคหลุดออกจากภวังค์ที่มันแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเมื่อครู่ และเปลี่ยนเกียร์เหยียบคันเร่งมุ่งหน้าตรงสู่หอของเขา



            “เดี๋ยวแวะไปห้องกูแป๊บนึงนะ เดี๋ยวกูทำแผลให้ก่อน”



            เขาพูดพร้อมกับขับรถมุ่งหน้าไปยังหอของเขา โฟคพักอยู่ตรงหอพักตรงถนนติดกับมหาวิทยาลัยนี่เอง ขับรถห้านาทีก็ถึง

 





            “เฮ้ย ไม่ต้องก็ได้” มันตอบแบบเกรงใจ



            “ได้ไงวะ มึงช่วยกูไว้นะเว้ย”



            “เชี่ย แผลนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็หาย”



            “เออ ขอกูดูนิดนึงกูจะได้สบายใจ ล้างแผลแป๊บเดียวก็เสร็จ”



            “ตามใจมึงละกัน”



            มันตอบพร้อมกับยักไหล่น้อยๆ ไอ้เพียวจะไปปฏิเสธได้ยังไงกัน เพราะตอนนี้โฟคเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่หอของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 





            “รกหน่อยนะ”



            โฟคพูดพร้อมกับเปิดประตูให้กับแขกที่มายังห้องของเขา เขาเบี่ยงตัวให้คนตรงหน้าเดินเข้ามาก่อนจะปิดประตูลง มันถอดรองเท้าวางบนชั้นตามเขาก่อนจะรอให้เขาเดินนำไปยังส่วนข้างใน



            “ไหนมึงบอกว่าเป็นไม่เยอะไงวะ”



            เขาบ่นแบบรู้สึกผิด ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องที่มีแสงสว่างๆ ชัด เขาก็แทบไม่ต้องบอกเลยว่าแผลมันใหญ่ไหม แก้มมันเขียวขึ้นเป็นรอยช้ำ ขอบปากก็ยังมีเลือดซึมๆ ออกมาไม่หยุด นี่ถ้าไม่ได้มาหอก็คงไม่เห็นชัดๆ ขนาดนี้ เพราะตอนอยู่ในรถก็มีแต่ไฟสลัวๆ



            “จิ๊บจ๊อยน่า แผลแค่นี้เอง”



            เขาปล่อยให้มันพูด ขณะที่หันมารื้อกล่องปฐมพยาบาลที่ซื้อติดไว้มาตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในหอ เคยทำแผลก็แต่พวกหกล้มถลอก อุบัติเหตุ ไม่เคยต้องมาทำให้แผลชกต่อยแบบนี้สักที



            พอได้พิจารณาใบหน้ามันใกล้ๆ ก็ได้รู้ว่ามันไอ้เพียวนี่ก็หน้าตาดีไม่ใช่ย่อยเลย หน้ามันแบบ อธิบายยังไงดีนะ แบดบอย คือมองดูจะรู้สึกว่าคนนี้เสือผู้หญิง วันไนท์สแตน ไม่รักใครจริง นี่คือความรู้สึกที่ได้จากการมองหน้าเฉยๆ นะ หน้ามันเจ้าชู้อะ อาจเป็นเพราะคิ้วที่ปลายชี้ขึ้น หรือไม่ก็เป็นเพราะดวงตาเป็นประกายวิบวับของมัน พอเอามาผสมรวมกันเป็นตัวมัน ไอ้เพียวจึงกลายดูเป็นโคตรพ่อโคตรแม่เสือผู้หญิงเลย

 





            “เชี่ย ทำไมรสชาติแม่งเชี่ยงี้วะ”



            ไอ้เพียวแทบจะสำลักน้ำยาบ้วนปากที่โฟคส่งให้มันไปบ้วน มันเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อพวกที่ทันตแพทย์ใช้ในการทำความสะอาดแผลในช่องปาก



            “รสชาติก็เป็นเงี้ยแหละ มันจะหอมอร่อยเป็นไอติมวนิลาได้ไงวะ” เขาตอบไปเรื่อย

 





            “นั่งเฉยๆ อย่ายุกยิก” เสียงของโฟคเอ่ยบ่น ขณะที่กำลังจะเช็ดทำความสะอาดแผลให้



            “...”



            ตอนแรกเพียวก็เบี่ยงตัวหลบๆ เพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าทำแผลให้ แต่พอเห็นว่ามันดูตั้งใจและรู้สึกผิด มันก็เลยได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้ไอ้ว่าที่ทันตแพทย์เทยาจัดยายุกยิกไปเรื่อย เพื่อจัดการกับแผล ความจริงเพียวก็มีแผลจากการชกต่อยจนชิน ตั้งแต่เด็กพ่อจับเขาฝึกมวยเหมือนเป็นการสอนกีฬาประเภทหนึ่ง โดนต่อยตาบวมแทบปิดก็เคยมาแล้ว เอาอะไรกับแค่แผลตรงปากเล็กๆ นี่

 





            “ปวดหรือเปล่า”



            โฟคเอ่ยถามขณะที่เช็ดแผลให้เพียวไปด้วย เขาเช็ดทำความสะอาดแผลจากบริเวณปากภายนอกได้ไม่มากนัก แผลส่วนที่เลือดออกจริงๆ น่าจะมาจากด้านในปากมากกว่า แต่สำรวจเบื้องต้นแล้วฟันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร มีแค่เลือดซึมออกมาทีละน้อยๆ เท่านั้น



            “นิดหน่อยหวะ”



            “แป๊บ” เขาพูดพร้อมกับส่งยาแก้ปวดให้มันสองเม็ด มันก็คว้าไปโยนเข้าปากและกินน้ำตามอย่างว่าง่าย

 





            “แล้วนี่มึงจะกลับหอเลยเปล่า เดี๋ยวกูจะได้ไปส่ง” โฟคพูดขึ้นพร้อมกับหยิบกุญแจรถ ไอ้เพียวไม่มีรถ เขาคงต้องไปส่งมันที่หอ



            “เดี๋ยวกูลองโทรหาเพื่อนที่หอในก่อน พอดีคืนนี้กูคงกลับหอไม่ได้” มันพูดพร้อมทำท่าหยิบโทรศัพท์



            “อ๊าว ทำไมวะ” เขาถามออกไปแบบงงๆ



            “พอดีกูบอกเมทไว้ว่าคืนนี้กูจะไปเข้าค่าย เมทกูเลยเอาแฟนมานอนด้วย” อืมมมมม ท่าทางมันดูเฉยๆ กับเรื่องนี้มาก ท่าทางมันจะเจนโลกไม่ต่างจากที่เขาคิดไว้เลย

 





            “มึงนอนห้องกูก็ได้ จะไปลำบากโทรหาคนอื่นดึกๆ ดื่นๆ ทำไม”

            เขาตอบไปในท้ายที่สุด ความจริงมันก็นั่งอยู่ในหอเขาเนี่ย การจะให้มันระเห็จไปหาหอที่อื่นอยู่ก็ดูจะเป็นคนแล้งน้ำใจ อย่างน้อย มันก็ช่วยเขาไว้วันนี้

            “ได้เหรอวะ” มันหันมาถามแบบไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ มันอาจจะรู้สึกว่ามันกับเขาก็ไม่ได้สนิทกันมาก

            “ได้ดิ งั้นเดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนละกัน แล้วเดี๋ยวกูมาหาชุดนอนให้”

            โฟคพูดอย่างว่าง่าย ก่อนจะที่จะเดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ความจริงวันนี้เขาขับรถไกลทั้งเช้าและดึก แถมทำกิจกรรมตลอดวันด้วย เขาทั้งเหนียวตัวทั้งรู้สึกง่วงเต็มที

 

            เขาออกมาก็เจอไอ้เพียวกำลังนั่งรอจะเข้าห้องน้ำต่อจากเขาอยู่ โฟคเดินไปหยิบผ้าขนหนูและเสื้อยืดกางเกงขาสั้นส่งให้มันเอาไปเปลี่ยน ขนาดตัวเขากับมันห่างกันไม่มาก คงใส่กันได้พอดี มันตอบขอบคุณเขามาคำหนึ่งก็จะรับของเดินเข้าไปอาบน้ำ โฟคทิ้งตัวลงนอนบนเตียงฝั่งหนึ่งและเหลือที่ส่วนที่เหลือไว้ให้กับอีกฝ่าย เขาหยิบมือถือขึ้นมาเล่นไปเรื่อยเปื่อย     

 

 

 

            “โฟค กูใส่ชุดมึงไม่ได้หวะ”



            เสียงของไอ้เพียวดังขึ้นหลังจากเสียงเปิดประตูห้องน้ำเพียงเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นไปมองตามต้นเสียงแล้วก็ถึงกับต้องกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ รู้สึกตัวมันร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกชอบกล



            ไอ้เพียวอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนและมีผ้าขนหนูผืนไม่ใหญ่คาดท่อนล่างไว้เกือบถึงเข่า

 





            ราวกับโลกจะหยุดหมุนไปขณะหนึ่ง สายตาของพวกเขาที่ทอดมาซึ่งกันตกอยู่ท่ามกลางความเงียบโดยมิได้นัดหมาย







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               วันเสาร์นี้ผมไปต่างจังหวัดน้า ตอนของวันเสาร์ขออนุญาตเลื่อนไปลงให้ในวันอาทิตย์แทนนะครับ ใครอ่านแล้วอย่าลืมเม้นให้หนูนะ อิอิ จะรออ่านนะ : )
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP26 - 27 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (21/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 21-06-2018 16:57:11
อย่าลืมเม้นเป็นกำลังใจให้นักเขียนน้า

ยังรออ่านอยู่เสมอน้าาา

ใครเม้นให้ขอบคุณมากค้าบบ

รักคนอ่านที่สวดเลย เยยยยยยยยย้

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP26 - 27 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (21/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 21-06-2018 18:43:38
 :3123: ให้คนเขียนที่แถม2ตอน

รีบไปอ่านแปป
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP26 - 27 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (21/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 21-06-2018 18:56:03
จะบอกว่าเพียวนี้ห้ามเลยนะห้ามแตะเลยถ้ายังไม่อยากโดนตีน

เราว่าโฟกเจอแล้วละคนที่ใช่นะ :laugh:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP26 - 27 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (21/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 21-06-2018 19:34:54
รอตอนต่อๆไปนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP26 - 27 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (21/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 21-06-2018 21:26:41
มันน่าหลงไหลอะสี้ หึหึหึ มาต่ออีกนะครับ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP26 - 27 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (21/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-06-2018 00:58:25
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP26 - 27 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (21/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-06-2018 01:04:13
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ...หรือโฟคจะเปลี่ยนใจไปสนใจเพียวแทนไป๋หล่ะเนี่ย  อิอิ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP26 - 27 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (21/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 22-06-2018 06:01:51
สองตอน.. วิ่่ง4x100เข้ามาอ่านอย่างไว... เริ่มต้น ความสัมพันธ์ โฟคเพียว สินะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP28 : ไม้กางเขน (24/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 24-06-2018 13:37:03
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 28 : ไม้กางเขน



            โฟคประมาณขนาดตัวไอ้เพียวผิดไปพอสมควรเพราะมันดูซ่อนรูปกว่าที่คิด ร่างกายของเพียวสวยมาก แผ่นอกของมันข้างหนึ่งสักเป็นลายอะไรสักอย่างเหมือนกราฟฟิกพระอาทิตย์สีแดงสลับกับเขียว ตัดกับสีผิวที่ขาวสะอาดของมันอย่างพอเหมาะพอควร เพียวไม่ใช่พวกเล่นกล้ามจนตัวหนาปึ้ก แต่เป็นคนที่ออกกำลังกายจนหุ่นลีนสวยได้รูปมากกว่า หน้าท้องของมันราบจนแสดงก้อนเนื้อหกก้อนออกมาจางๆ ภายใต้เอวที่เว้าเข้ามาหน่อยจากไหล่และอกที่ขยายออกในช่วงบน เขาพยายามจะหยุดสายตาของเขาแต่มันก็หยุดได้อย่างยากยิ่ง หน้าท้องของไอ้เพียวสวยมาก และที่สำคัญมันคาดผ้าขนหนูไว้ต่ำมาก หน้าท้องช่วงล่างถัดจากสะดือลงไปเผยออกมานอกผ้าขนหนูเกือบคืบได้ รอยคอดรูปตัววีชัดสวยชี้ทอดสายตาไปยังผ้าขนหนูผืนน้อยที่ปิดบังความเป็นชายของมันไว้อย่างหมิ่นเหม่

 





            เพียวยืนทอดมองเขาด้วยสายตาที่อธิบายได้ยาก



            แต่อย่างหนึ่งที่สัมผัสได้คือมันไม่ได้เขินอายแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกับตัวเขาที่ผิวหน้าแทบจะร้อนเป็นไฟ โครงหน้าของไอ้เพียวหล่อแบบตัวร้าย มันไม่ใช่คนหล่อแบบพระเอกละครสไตล์วัยใสหรือพระเอกเกาหลีแสนนุ่มนวล แต่มันดูเหมือนแบบพวกตัวร้ายในละครหลังข่าวที่พร้อมจะทำทุกอย่างให้ได้อย่างที่ตนต้องการ



            คิ้วเข้มของมันที่ยกปลายขึ้นทำให้มันดูเจ้าเล่ห์และร้ายขึ้นมาก โครงหน้าเรียวเมื่อประกอบกับจมูกที่เชิดขึ้นและดวงตาที่เป็นประกายอยู่ตลอดเวลาก็แทบจะทำให้คนมองกลายสภาพเป็นเทียนไขโดนไฟลนได้อย่างไม่ยากเย็น



            เพียวยืนมองมาที่เขาอย่างไม่อาทรร้อนใจใดๆ ทั้งสิ้น ผ้าขนหนูที่เขาส่งให้ไปดูเหมือนจะผิดขนาด ไม่ใช่ผ้าเช็ดตัวแต่ดูเหมือนจะเป็นผ้าเช็ดผม ซึ่งมันก็ยังจะคาดเอวออกมาได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ความยาวของผ้าเกือบสองคืบนั่นหมิ่นเหม่ต่อการเปิดเผยเรือนกายอย่างหนีไม่ได้เลย แค่มันขยับขาผิดไปจังหวะเดียว สายตาของเขาก็อาจจะต้องไปพานพบกับ “อะไร” ที่สามารถเร่งอุณหภูมิของผิวหน้าของเขาให้พุ่งทะลุปรอทได้อย่างไม่อาจต้านทาน

           





            ‘เชี่ย’



            โฟคได้แต่อุทานในใจพร้อมกับรีบก้มหน้างุดๆ เมื่อรู้สึกตัวว่าเผลอจ้องมองไอ้เพียวนานเกินไปแล้ว เขารีบกุลีกุจอลุกขึ้นไปหาเสื้อตัวที่ใหญ่กว่านี้ กางเกงที่ใหญ่กว่านี้มาให้มัน เขารู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวอย่างรู้สึกได้ เขาพยายามข่มใจและสีหน้าตัวเองให้เป็นปรกติที่สุด แต่ก็ค่อนข้างรู้ตัวว่าคงไม่ค่อยมิดชิดนัก ผู้ชายตรงหน้าของเขานี่เป็นคนที่แรงดึงดูดทางเพศสูงมากอย่างร้ายกาจ

 





            เขาปิดจอโทรศัพท์และพลักตัวมาอีกด้านพร้อมข่มตาให้หลับทันที เสียงไอ้เพียวที่กลับมาจากห้องน้ำอีกครั้งถามว่าปิดไฟเลยได้ไหม เขาก็ไม่ตอบแกล้งทำเป็นหลับไป เมื่อมันเขาไม่ตอบมันก็ปิดไฟห้อง อีกชั่วอึดใจเดียว เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของมันแทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มที่มีอยู่ในห้องเพียงผืนเดียวในห้องอย่างนุ่มนวล

 





            ห้องสี่เหลี่ยมอันมืดมิดตกอยู่ในความเงียบ



            อุณหภูมิที่ร้อนฉ่าบนผิวหน้าเมื่อกี้ทำให้โฟคตัดสินใจที่อยู่ภายใต้ความเงียบและรีบล่วงเข้านิทรารมณ์ไปให้ไวที่สุด เขาไม่อาจเดาได้ว่าคนตรงหน้าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขารู้เพียงแต่ว่าบรรยากาศมันดูอบอวลไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ ชอบกล

 





            เพียวเป็นคนที่แทบจะไม่อยู่ในภาพจำของเขาเลย



            ไป๋คือคนแรกที่เขามองหา ว่านคือคนสนิทที่รองลงมา อิฐคือคนที่เขาลอบมองอย่างไม่พอใจอยู่บ่อยครั้ง แต่คำถามคือ เพียวคือใคร? เขาแปะป้ายไว้แค่ว่าเพียวก็คือเพื่อนสนิทของอิฐ เท่านั้นมั้งที่เป็นภาพจำของเขา







            ถ้าไม่มีค่าย ก็คงไม่มีมันที่เป็นสตาฟ



            ถ้าไม่มีการแข่งขันโรบอต ก็คงไม่มีการเดินทาง



            ถ้าไม่มีไอ้มอไซค์จอมกวนส้นตีนนั่น ก็คงไม่มีแผล



            และถ้าไม่มีแผล ก็คงไม่มีที่นี่ ตอนนี้ เวลานี้

 





            ถ้าไม่มีอะไรต่างๆ มากมาย เพียวก็คงเป็นแค่ใครสักคนหนึ่งที่ถึงแม้ว่าจะเจอหน้ากันทุกวันแต่เขาก็แทบไม่เคยสนใจ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านมันอยู่ไหน หอมันชื่ออะไร เขารู้แค่ว่ามันเป็นเสือผู้หญิง ชอบไปเที่ยวกลางคืน และกลับมาพร้อมกับเพื่อนร่วมเตียงที่ไม่เคยซ้ำหน้ากันสักคน

 





            “เอ่อ โฟค กูถามอะไรหน่อยสิ”



            อีกฝ่ายถามขึ้นในความมืดด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเกรงๆ เขาอยู่น้อยๆ ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะไม่ตอบ แต่สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ทนความเงียบอยู่ไม่ไหว



            “ถามอะไรวะ”



            “สัญญากับกูก่อนว่าถ้ากูถามแล้วจะไม่โกรธกู”



            “กูเดาคำถามออกเลย”

 





            “มึงชอบผู้ชายเหรอ” เสียงนั้นเอ่ยถามเจ้าของเตียงที่กำลังนอนเงียบอยู่อีกฝ่ายหนึ่ง



            “ทำไมวะ”



            “เมื่อเช้าที่มึงบอกว่ามึงเคยเขียนนิยาย”



            “...”



            “กูลองเอาชื่อมึงไปเสิจดูเผื่อจะเจอนิยายที่มึงแต่ง กูเจอก็เลยได้ลองอ่านดู แต่มันเป็นนิยาย เอ่อ ...วาย”



            “...”



            “เฮ้ย แต่กูไม่ได้รังเกียจหรือมีปัญหาอะไรนะเว้ย กูก็แค่อยากรู้”



            “...”



            “มึงไม่ต้องบอกก็ได้ถ้ามึงไม่สบายใจ”



            “อืม กูชอบผู้ชาย”



            เสียงนั้นตอบกลับมาในท้ายที่สุด แล้วบทสนทนาของทั้งคู่ก็จบลงไปอย่างกะทันหัน ต่างฝ่ายต่างจมดิ่งลงในความมืดมิดของความเงียบในราตรีนี้

 





            แต่ยังไม่ทันที่เขาจะหายตาสว่างจากภาพร่างกายของอีกคน



            โฟคก็รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายค่อยๆ ขยับตัวเข้ามาใต้ผ้าห่มนี่ทีละน้อย และอีกไม่กี่อึดใจต่อมา มือของอีกคนก็คว้าสะเปะสะปะมาที่มือเขา เขารู้สึกเหมือนมีแรงบีบเบาๆ มาจากอีกทางหนึ่งแต่เขาก็ไม่ได้สะบัดมือออกแต่อย่างใด โฟคเข้าใจว่าอีกฝ่ายละเมอ และนั่นก็ดูเป็นการเข้าใจผิดอย่างมหันต์ทีเดียว

 





            กริ๊ก



            เสียงโคมไฟบนหัวเตียงดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับไฟแสงสีส้มที่สว่างขึ้นจนพอจะทำให้เห็นภาพในห้องได้อย่างรางๆ อย่างน้อยก็สีหน้าของทั้งสองฝ่ายในเวลานี้



            เพียวดันตัวเองขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟตรงหัวเตียงที่อยู่ฝั่งโฟค เมื่อเสียงไฟฉายออกมา พวกเขาทั้งคู่ก็พบว่าใบหน้าของพวกเขาห่างกันอยู่เพียงแค่ไม่ถึงคืบเลย



            ข้อแรกคือเขาไม่รู้ว่ามันเปิดไฟหัวเตียงในเวลานี้เพื่ออะไร



            ข้อสองคือเขาไม่รู้ว่าสายตาที่กำลังทอดมาเขาในเวลานี้แปลความได้ว่าอย่างไร



            และข้อสามคือเขาไม่รู้ว่าทำไมมันจึงยังจับมือเขาอยู่

 





            ไอ้เพียวหล่อมาก...



            มันเป็นคนหน้าคม ผิวขาว ตัดกับคิ้วสีเข้ม ตรงปลายคิ้วของมันชี้ขึ้นจนทำให้หน้าของมันดูเป็นคนเจ้าเล่ห์ผสมแกมโกงนิดๆ ตุ้มหูรูปไม้กางเขนของมันสั่นไหวน้อยๆ ยั่วเย้ากับแสงไฟที่สอดมาอย่างสลัวๆ ในห้องรโหฐานนี้ ทรงหน้าของมันเรียวได้รูปรับกับปากสีชมพูเรื่อที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเลือดและรอยแผลของวันนี้หรือเปล่า

 





            แต่ไม่มีอิทธิพลใดร้ายแรงไปกว่าดวงตาคู่นั้นอีกแล้ว



            สายตาของมันเหมือนเปลวไฟร้อนแรงที่จะเผาคนตรงหน้าให้มอดไหม้ไปด้วยความรู้สึกที่สั่นอยู่ในอกเช่นนี้ ใจของโฟคเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าของเขาร้อนจนเดาได้เลยว่าตอนนี้มันต้องแดงเข้มจนกลายเป็นลูกตำลึงสุกไปแล้ว เขาเหมือนโดนสายตาคู่นั้นสะกดไว้ มันทั้งอ้อนวอน หยอกเย้า ยั่วยวน และเหมือนคำเชิญให้เข้าไปในโลกที่แสนร้อนแรงของมันอย่างไม่รู้จบ



            เขาไม่สามารถละสายตาจากดวงตาตรงหน้านี้ได้



            โฟครู้สึกเหมือนตัวเองหมดสิ้นแรงกำลังแม้กระทั่งจะเปิดปากพูดประโยคใดออกไป เขารู้สึกมวนท้องแบบอธิบายไม่ถูก แถมรู้สึกว่ายังจะหายใจไม่ค่อยทั่วท้องอีกด้วย ภาษาเรียกร้องที่ไร้เสียงนี้ทำเอาร่างกายเขารวนไปหมดเลย

 





            ยังไม่ทันได้เอ่ยคำใดออกไป



            ปากได้รูปของคนตรงหน้าก็ตรงเข้าบดขยี้ปากรูปกระจับอีกฝั่งหนึ่งราวกับจะเผยอไว้รออยู่ก่อนแล้ว รสชาติของเลือดยังคละคลุ้งอยู่ในปากของอีกฝ่ายจนเขารู้สึกถึงรสชาติของอีกฝ่ายได้ เขาเองก็ตอบไม่ถูกว่าทำไม เพียงแต่รู้ว่าเขาผงกตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อตอบรับกับการเดินทางมาถึงของคนตรงหน้านี้



            เพียวล่วงล้ำอาณาเขตเข้ามาทำความรู้จักและชิมรสชาติของเขาอย่างออกรส ลิ้นของมันราวกับการเดินทางที่หิวกระหายและริมฝีปากของเขาเป็นเพียงน้ำเพียงแก้วเดียวที่ตั้งสถิตอยู่กลางทะเลทรายฉันนั้น จุมพิตของมันเหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาลที่สูบแรงขัดขืนต่อต้านของเขาออกไปจนหมดสิ้น อย่าว่าแต่จะออกแรงผลักมันให้ออกไปไกลจากร่างกายของเขา แค่การหายใจอย่างถูกจังหวะ สำหรับเขาในเวลานี้มันยังทำได้อย่างยากยิ่ง โฟคได้แต่หอบอ่อนๆ เมื่อปากคู่นั้นได้ผละจากตัวเขาไป

 





            “โฟคไม่รังเกียจเพียวใช่ไหมครับ”







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               มาลุ้นกันตอนหน้านะว่าเราจะได้ขึ้นเรือ #เพียวโฟค กันหรือเปล่า อะเหื้อออออ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP28 : ไม้กางเขน (24/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 24-06-2018 13:38:07
เม้นให้หนูหน่อยนะ ผ่านมาเกินครึ่งเรื่องของภาคแรกแล้วน้าาาา

ใครยังไม่เคยเม้น เม้นให้หนูเลยยยยยย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP28 : ไม้กางเขน (24/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 24-06-2018 14:06:20
 :hao7: คู่นี้มาแรงงงงง  :hao7: แซงคู่นู้นปรู๊ดปร๊าด....  :hao7: ชอบบบมากกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP28 : ไม้กางเขน (24/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 24-06-2018 14:49:02
เพียวไหนไฟแรงเว่อร์

ค้างค่าาาาา เราค้างงงงง :katai1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP28 : ไม้กางเขน (24/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-06-2018 15:05:13
เชียร์ เพียว โฟค   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ฮือออ............สนิทสนมถึงเนื้อถึงตัวไวมากๆ ไวกว่าอิฐ ไป๋ อีก  โฮ.............  :serius2:
ว่าและอิฐไม่มาแต่เพียวมาตลอด มันแปลกๆ   o22 o22 o22
เพียว แอบชอบโฟคอยู่สินะ
อิฐอ้างว่าเพียวชอบดาวทันตะ
เป็นแค่ข้ออ้างที่อิฐพาเพียวเป็นเพื่อนมาหาไป๋
เอ.........หรืออิฐรู้อยู่แล้วว่าเพียวชอบโฟค   :z3: :z3: :z3:

อิฐ  ไป๋   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP28 : ไม้กางเขน (24/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-06-2018 20:50:03
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP28 : ไม้กางเขน (24/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-06-2018 20:53:15
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไวไฟมาก...

หรือว่าเพียวจะสนใจโฟคมานานแล้วหว่า ถึงได้ตามติดอิฐตีเนียนมาเข้ากลุ่มก๊วนนุ้งไป๋
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP28 : ไม้กางเขน (24/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 24-06-2018 21:14:05
เอาแบบนี้เลยเหรอ

คนนอกสายตา o22
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP28 : ไม้กางเขน (24/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 24-06-2018 21:26:48
เอ้า.... แซง ทางโค้ง ซะงั้น เพียวโฟค

อิฐเพียว.... มัน ร้ายวางแผนแยกไป๋โฟคออกจากกัน... วินวินเนอะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP28 : ไม้กางเขน (24/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-06-2018 11:15:51
เพียวรุกเร็วมาก ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP28 : ไม้กางเขน (24/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 25-06-2018 18:08:35
ง่อๆ ไม่รังเกียจ ไม่เลย ชอบ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP28 : ไม้กางเขน (24/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 25-06-2018 19:28:01
แซงคู่หลักไปเลยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP29 : กล่องของขวัญ (26/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 26-06-2018 16:50:33
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 29 : กล่องของขวัญ

 

            เขาได้แต่ก้มหน้างุดอย่างไม่รู้จะตอบประโยคนั้นไปอย่างไรดี       



            เสียงของมันหวานและเต็มไปด้วยความอ้อนวอน เขากับไอ้เพียวเจอหน้ากันก็คุยกันแบบห่ามๆ เรียกกันกูมึงแบบเพื่อนผู้ชายปรกติ ความจริงเขาก็เรียกกูมึงกับทุกคนยกเว้นไป๋ไว้คนหนึ่งก็เท่านั้น ไอ้เพียวนี่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่ตอนนี้มันใช้ชื่อเรียกแทนตัวเองว่าเพียว และเรียกเขาว่าโฟค แถมยังลงท้ายประโยคว่าครับด้วย อุณหภูมิที่ร้อนผิดปรกติแผ่ไปตามผิวหน้าของเขาอย่างไม่อาจห้ามปรามได้

 





            “เพียวถือว่านี่โฟคไม่ปฏิเสธนะ”



            คนตรงหน้าเขายิ้มตรงมุมปากพร้อมกับส่งริมฝีปากคู่สวยกลับมาชิมรสชาติของเขาอีกครั้ง เขาได้แต่ผงกหัวรับการเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงนั่นอย่างคนแทบจะหมดเรี่ยวแรง ลิ้นของมันกวาดสะเปะมาตวัดกับลิ้นของเขาไม่หยุด เขาแทบจะหมดลมหายใจเสียให้ได้ มันทำราวกับว่าสามารถดูดพลังชีวิตของเขาผ่านจุมพิตของมันไปได้

 





            เพียวเลื่อนใบหน้าถัดลงไปจากริมฝีปากของเขาอย่างยั่วเย้า



            มันซุกไซ้ไปตามลำคอขาวสะอาดของเขาอย่างเชี่ยวชาญ มือของมันทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นไปจับแขนของเขาตรึงไว้กับเตียงไว้ไม่ให้ฝืนตัวหรือผลักดันร่างกายของเขาอีกได้ สภาพของมันตอนนี้กำลังคร่อมอยู่บนร่างเขาและลิ้มรสแทบจะทุกอณูตารางนิ้วบนร่างกายเขาอย่างไม่รู้เหนื่อย โฟคเหลือบสีตาไปมองก็พบกับรอยสักรูปพระอาทิตย์แดงสดที่ส่องสว่างล้อแสงไฟจากโคมไฟอยู่กลางห้อง เสื้อของมันหลุดไปอยู่ข้างเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เสื้อของเขาก็เช่นกัน

 





            “อื้อออออ อื้อออออ”



            “ชอบเหรอครับโฟค”



            เสียงของมันเอ่ยถามขึ้นเมื่อเสียงครางอยู่ในลำคอของเขาหลุดออกมานอกริมฝีปากอย่างที่สุดจะฝืนกลั้นได้ มันเงยหน้าขึ้นมาจากแผงอกของเขาราวกับจะรอคำตอบ แต่ก็ไม่มีคำใดหลุดรอดออกไปนอกจากเสียงลมหายใจผสมหอบของเขาที่กำลังนอนอยู่เบื้องล่างของราชสีห์ที่ราวกับกำลังจะขยุ้มเหยื่อในเวลานี้



            เมื่อเห็นว่าไม่ตอบ เพียวก็ก้มลงชิมรสชาติของสีชมพูระเรื่อนั้นต่อไป



            โฟคเผลอครางออกมาอย่างไม่อาจจะฝืนปฏิกิริยาของร่างกายได้อีกต่อไป เขาเลื่อนเอามือทั้งสองข้างที่เพิ่งถูกปล่อยเป็นอิสระไปดันศีรษะของไอ้สัตว์ล่าเนื้อนั่นให้ผละออกจากร่างกายเขาออกไป แต่ให้ตายเถอะ นอกจากมือของเขาจะไม่ขับไสไล่ส่งรสสัมผัสที่คนตรงหน้ากำลังปรนเปรอให้เขาแล้ว มือทรยศคู่นั้นยังประคองศีรษะนั่นและลูบไล้ไปตามเส้นผมที่หนาและนุ่มนวลนั่นอีกด้วย







            “อื้อออออ เพียว อื้อออออ”



            เสียงผ่านลำคอของเขาออกมาอย่างฟังไม่ได้ศัพท์ มันเงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแสนยั่วยวนพร้อมผละจากยอดปทุมถันของเขามาชิมรสชาติริมฝีปากของเขาอีกชั่วอึดใจหนึ่งได้



            เมื่อสำรวจรสชาติของริมฝีปากของเขาจนพอใจมันก็กลับไปยังแผ่นอกของเขาอีกครั้งหนึ่ง รอบนี้โฟคถึงกับครางออกมาเสียงดังจนไม่อาจจะฝืนทนอีกต่อไปได้ เขารีบเอามือทั้งสองมาปิดปากไว้ แต่ก็ผงกร่างกายขึ้นรับไปกับรอยขอกัดแบบยั่วเย้านั้นอย่างเต็มใจ เสียงลมหายใจหอบสั่นและแสบพร่าของคนทั้งสองดังสลับกันไปดังจะหยอกเย้าลั่นไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมที่บรรจุความสุขสมไว้จนแทบจะระเบิดออกมาเสียให้ได้

 





            “เพียวอย่า...”



            เสียงห้ามของเขาไม่เป็นประโยชน์อันใดทั้งสิ้น เมื่อมือที่แข็งแกร่งและร้อนรุ่มราวกับคีมเหล็กตีไฟนั้นดึงทั้งกางเกงชั้นนอกและชั้นในหลุดออกไปถึงปลายขาของเขาแค่ในช่วงอึดใจเดียว



            เขาเอื้อมมือไปปิดส่วนของร่างกายเขาไว้ด้วยสัญชาตญาณ แต่คนตรงหน้าก็ก้มลงจูบกับมือทั้งสองของเขาอย่างแผ่วเบา มันใช้มือค่อยๆ เลื่อนมือทั้งสองของเขาออกอย่างสุภาพ ราวกับต้องมนต์สะกดที่ไม่อาจขัดขืนได้ โฟคทำได้แต่ปลดปล่อยร่างกายให้แต่คนตรงหน้าจะตัดสินใจ

 





            “เพียวอย่า...”



            แต่เพียงยังไม่ทันจะสิ้นเสียงดี โฟคก็ต้องร้องออกมาอย่างไม่อาจจะฝืนกลั้นความรู้สึกได้ เพียวใช้ริมฝีปากคู่นั้นทดลองรสชาติของความเป็นชายของโฟคไปอย่างเต็มรัก โฟคพยายามใช้มือดันศีรษะคนตรงหน้าให้ผละออกแต่ก็ได้เป็นประโยชน์ไม่ ร่างบางสีขาวบริสุทธิ์นั้นบิดไปมาอย่างไม่ทานทนกับรสชาติที่คนตรงหน้ามอบให้ได้อีกแล้ว

           





            “ชอบไหมครับโฟค”



            คนตรงหน้าถอนริมฝีปากออกและยกตัวขึ้นมาขบติ่งหูของเขาอย่างยั่วเย้า ชั่วจังหวะนั้นเองรสสัมผัสที่เสียดสีกันอยู่ตรงกึ่งกลางลำตัวก็พิสูจน์ให้เขารู้ชัดว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองไร้สิ้นแม้แต่อาภรณ์สักชิ้นมาห่อคลุม



            “ครับ” เขาตอบไปดังเท่ากระซิบ



            “ว่าไงนะครับ”



            เพียวเอ่ยถามกับเขาอีกครั้ง พร้อมกับลากริมฝีปากไปตามช่องไหล่พร้อมกับประทับรอยจูบอย่างแรงไว้ที่บริเวณไหปลาร้าของเขา



            “ไม่เอาเพียว” เขาดันหัวของมันออก



            “บอกเพียวมาก่อนสิครับว่าชอบไหม” มันคร่อมตัวอยู่บนร่างเขา พร้อมกับใช้มือทั้งสองประคองใบหน้าของเขาไว้อย่างรอคำตอบ

           





            “ชะชอบครับ” โฟคตอบไปอย่างตะกุกตะกัก



            “ชอบตรงไหนบ้างครับ ตรงนี้ ตรงนี้ หรือตรงนี้”



            มือขวาของมันเลื่อนไปไปตามจุดยุทธศาสตร์ของเขาอย่างเจ้าเล่ห์ พอมีมันตะปบเข้ากับว่าตรงนี้สุดท้าย เสียงของเขาก็เคลื่อนผ่านลำคอออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ



            “อื้อออออ”



            “ชอบตรงนี้เหรอ” มือของมันยั่วเย้ากับร่างกายเขาราวกับเด็กที่ไม่สามารถปล่อยมือจากของเล่น



            “อือออออ”



            “โฟคเป็นกล่องของขวัญที่ยังไม่เคยถูกแกะสินะครับ”

 





            “อื้อออออ อื้อออออ”



            เขาร้องออกมาเสียงดังอย่างฝืนไม่ได้จนต้องกัดริมฝีปากไว้ เมื่อเพียวก้มลงชิมรสชาติของความเป็นชายของเขาอีกครั้ง แต่รอบนี้มันจงใจรับรสชาติจากจุดที่ไวต่อสัมผัสของเขามากที่สุด มือของโฟคเลื่อนไปดันศีรษะของเพียวอย่างสุดแรง เขาแทบจะสำลักไปกับรสชาติที่มันปรนเปรอให้จนไม่อาจจะทานทนได้อีกต่อไปแล้ว



            “อื้อออออ ไม่เอาแล้ว อื้อออออ”



            เสียงของเขาพยายามต่อต้านให้ตายก็ไม่ดังไปกว่าการพูดออกมาด้วยเสียงแผ่ว มือที่ดันคนตรงหน้านี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จ เพียวเงยหน้าขึ้นมาทั้งที่ยังค้างคากับรสสัมผัสอยู่ มันยักคิ้วให้เขาหนึ่งทีก่อนจะเลื่อนมือทั้งสองข้างของมันไปตรึงมือทั้งสองข้างของเขาที่ผลักไสไล่มันให้ถูกพันธนาการไว้บนเตียงที่ยับยู่ยี่



            ความรู้สึกของโฟคราวกับคนจมน้ำที่แทบจะสำลักก้อนความรู้สึกข้างในออกมาให้ได้ เสียงที่ร้องห้ามก็กลายเป็นเสียงที่ครวญครางอยู่ในลำคอ มือที่เคยจะผลักไสก็ถูกตรึงไว้อย่างไม่อาจจะต้านทานได้ เพียวปรนนิบัติเขาด้วยรสชาติของความสุขที่ไม่อาจจะฝืนกั้นไว้ ร่างกายของเขาเอนอ่อนไปมาตามแรงรสที่คนตรงหน้าจะบงการ มันปรนเปรอเขาด้วยความสำลักความสุขจนเขาแทบไม่มีโอกาสหายใจ

 





            “เพียว...”



            เสียงอ้อนวอนของเขาถูกตัดวงจรไปด้วยรสจูบที่คนตรงหน้ามอบให้ โฟคพยายามเอามือทั้งสองข้างบีบไหล่ของเพียวไว้ราวกับจะเจรจาอ้อนวอน



            มือของเพียวไม่ว่างเพราะกำลังเดินทางสำรวจร่างกายของคนตรงหน้าให้ครบทุกตารางนิ้ว โฟคบิดตัวไปมาเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสผิดปรกติที่รุกล้ำเข้ามาในอธิปไตยของร่างกายเขา ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่สิ่งที่เขาหวั่นเกรง แต่มันก็เป็นปฐมบทของการเดินทางสู่จุดหมายที่เขาไม่เคยรู้รสชาติ



            ชายตรงหน้าเขาบรรจงรับใช้เขาด้วยจุดที่ที่ไวต่อการสัมผัสที่สุดของบุรุษเพศ ตัวของโฟคแอ่นขึ้นก่อนจะทิ้งตัวลงหอบและหายใจถี่รัวอย่างหมดสภาพ เขาเหมือนคนจมน้ำที่โผตัวขึ้นมาได้ ก่อนจะจมลงไป และกลับขึ้นมาได้อีก วนไปวนมาแบบนี้ไม่มีวันจบสิ้น

 





            เพียวยืดตัวตรงสูงขึ้นทั้งที่ยังคุกเข่าอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของเขา สภาพของเขาตอนนี้หมดสิ้นเรี่ยวแรงและความสามารถในการบัญชาร่างกายของตนได้อย่างสิ้นเชิง ราวกับเขาถูกกักขังอยู่ในร่างกายของทาสในเรือนเบี้ยที่ไม่อาจต้านทานคำสั่งของเจ้านาย และได้แต่ปลดปล่อยร่างกายไปตามความประสงค์ที่คนตรงหน้าจะคัดสรร

 





            “อย่าหลบตาเพียวสิครับโฟค”



            มือทั้งสองข้างของมันประคองใบหน้าของเขาที่เบือนหนีให้กลับมามองซึ่งร่างกายที่เปลือยเปล่าที่กำลังล้อกับแสงสีส้มจากโคมไฟ ภาพตอนมีผ้าขนหนูผืนน้อยกั้นทำเขาใจสั่นได้เท่าไร ภาพตอนนี้ทำเอาเขาระเรื่อไปด้วยความร้อนระอุสักร้อยเท่าจากก่อนหน้าเห็นจะได้ โฟคทิ้งตัวลงบนตัวอย่างหมดแรง เขาไม่อาจต้านทานแรงดึงดูดของคนตรงหน้าได้ เขาไม่เคยสามารถต้านทานได้แม้แต่วินาทีเดียว

 





            “อื้อออออ”



            เสียงของเขาสอดรับกับการบุกรุกที่เตรียมพร้อมให้เขารองรับกับการเดินทางที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า ในขณะที่มือข้างขวาของมันกำลังละเมิดอธิปไตยของเขาอยู่ ริมฝีปากของมันก็บดขยี้ความเป็นชายจนโฟคแทบหมดแรงจะขัดขืน ส่วนมือซ้ายของมันยื่นมาเขี่ยริมฝีปากของเขาอย่างถือสนุก โฟคใช้ลิ้มลองชิมรสชาติของสรีระของเพียวราวกับเด็กเล็กๆ ที่สัมผัสรสของจุกนม เสียงครางเคล้าไปด้วยความสุขของโฟคร้องดังขึ้นแทบจะตลอดเวลา เขาไม่อาจขัดขืนคนตรงหน้านี้ได้แม้แต่น้อย เพียวเป็นเหมือนราชสีห์ที่เจนสนามการกรีฑาบนเตียงเป็นอย่างยิ่ง

 





            “อดทนหน่อยนะครับ”



            เสียงสุภาพดังขึ้นตรงข้ามหูพร้อมกับการบุกรุกแปลกใหม่ที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดแต่ก็แน่นไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ โฟคพยายามขอร้องอุทธรณ์ต่อคนเบื้องหน้าแต่ก็ถูกกลับเพิกเฉยเสียด้วยรสจุมพิตที่ไม่อนุญาตให้เขาได้แสดงความขัดขืนด้วยคำพูดแต่อย่างใด ร่างกายของเขาได้แต่ลิ้มรสแห่งความสุขตามแต่จังหวะที่คนตรงหน้าจะจัดสรรบงการ เสียงครางไม่ได้ศัพท์ของเขาดังขึ้นอย่างที่เขาไม่สนใจจะปิดบังสิ่งใดอีกต่อไป ราวกับได้จมดิ่งลงในห้วงมหาสมุทรที่ลึกล้ำจนไม่อาจคณานับได้

 





            ไม้กางเขนของคนตรงหน้าเขาวูบไหวไปมาอย่างเป็นจังหวะ



            โฟคเอามือทั้งสองข้างมากุมริมฝีปากราวกับกลัวว่ามันจะเผลอเปล่งเสียงออกมาในแบบที่ตัวเขาเองก็ไม่กล้าฟัง สรีระของชายทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว น้ำตาหยาดเล็กๆ ของโฟคซึมออกมาด้วยความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก มันเป็นเหมือนความอึดอัด แสบพร่า ขมขื่น แต่ก็เต็มไปด้วยความหวานที่ชวนลุ่มหลง เพียวบรรจงใช้ริมฝีปากจรดลงชิมน้ำตาหยาดนั้นราวกับมันเป็นของล้ำค่า เพียวไม่ผ่อนจังหวะในหย่อนยานลงแม้แต่น้อย โฟคหรือก็รู้สึกสำลักความสุขรสร้ายกาจที่มากล้นจนแทบจะขาดใจ

 





            ราวกับต่างฝ่ายต่างเป็นกล่องแพนโดร่าซึ่งกันและกันที่ไม่ควรจะเปิดออก



            ความสัมพันธ์ที่เป็นเหมือนเปลวไฟกลางสายฝนซึ่งก่อสร้างขึ้นบนแรงปรารถนาหาใช่รสชาติแห่งความรักหรือความสัมพันธ์ไม่ กองเพลิงในแววตาของชายคนหนึ่งแผดเผาหยาดหยดแห่งความยับยั้งชั่งใจของชายอีกคนหนึ่งจนแห้งผาก เสียงสอดประสานที่แหบพร่าและชวนอึดอัดดังกังวาลก้องมาจากดินแดนอันห่างไกลและไร้ความรู้สึกอื่นใดเป็นพื้นฐาน

 





            “พร้อมกันนะครับ”



            เสียงกระซิบที่แสบซ่านไปด้วยความสุขแต่ก็แหบปร่าไปด้วยรสชาติไม่คุ้นเคยดังกังวาลขึ้นที่ใบหูของเขา จังหวะการสอดประสานของคนทั้งสองสอดรับจนราวกับจะกลืนกลายเป็นเนื้อเดียว เสียงหอบเหนื่อยจนคนหนึ่งผสมผสานกับเสียงสำลักความสุขสมของอีกคนหนึ่งแบ่งกันสอดรับไปมาจนก้องกังวาลไปในความรู้สึกของเขาทั้งคู่

 





            ราวกับการเดินทางที่แห้งแล้งผ่านทะเลทรายมาเสียกว้างไกลแล้วก็ได้จมลงสู่ห้วงมหาสมุทรที่สดชื่น และปรนนิบัติร่างกายผ่านทุกอณูเนื้อราวกับทาสที่จงรักภักดี ความรู้สึกของคนทั้งสองต่างพากันแตกกระสานซ่านเซ็นแหลกละเอียดราวกับห่าฝนที่โปรยปรายลงบนความแห้งแล้งของชายทั้งสอง เพียวเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่ตกอยู่ข้างเตียงมาทำความสะอาดร่างกายของคนตรงหน้าที่ดูเหนื่อยอ่อนจนแทบจะขยับไม่ได้ ต่อด้วยร่างกายของเขาที่เต็มไปด้วยคราบเหงื่อและรสสัมผัสมากมายที่เปรอะเปื้อนอยู่ทั่วตัว

 





            เพียวก้มลงนอนเอาศีรษะซุกแนบไปเคียงข้างกับอีกคนหนึ่งก่อนจะตวัดร่างนั้นเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแกร่งอย่างง่ายดาย พวกเขาทั้งสองอิงแอบแนบชิดกันล่วงเข้าสู่นิทรารมณ์ด้วยความเหนื่อยอ่อน และปราศจากผืนผ่อนอาภรณ์ใดมากั้นขวางในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ตลอดค่ำคืน

 





            ไร้รส



            ไร้ราก



            ไร้คำอธิบายอื่นใดเป็นพื้นฐาน





 

            เสียงความเงียบกู่ร้องดังขึ้นในราตรีที่เงียบงัน



            ความสัมพันธ์ต่างดำเนินไปบนสรีระร่างกายที่ไม่ใช่ทั้งฝ่ายหนึ่งและฝ่ายใดเป็นเจ้าของ





 

            ความรู้สึกที่อยู่ภายในต่างกึกก้องเรียกร้องจากก้อนเนื้อในอกของชายทั้งสองคน ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะห่างไกลเพียงองคุลีกั้น แต่เสียงหนึ่งเสียงนั้นก็ไม่ได้ดังเกินกว่าระดับที่ใครจะได้ยิน

 





            อย่างน้อยก็จากความสัมพันธ์ทางกายภาพของชายทั้งคู่ที่ตระกองกอดกันอยู่ในราตรีที่เงียบงันนั้นนั่นเอง

           





               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               หากชอบนิยายของผมสักนิด รักนิยายของผมสักหน่อย ฝากช่วยเขียนคอมเม้นเป็นกำลังใจให้นักเขียนหน่อยนะ ผมยังเริ่มต้นเขียนภาคสองไม่ได้สักตอนเลย ติดหล่มรอแรงบันดาลใจอยู่ เม้นเป็นกำลังใจกันให้หน่อยนะ ^ ^
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP29 : กล่องของขวัญ (26/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 26-06-2018 16:51:13
หนูมาขอกำลังใจแต่งภาคสองต่อหน่อย

ภาคสองไม่ขยับเลย

เม้นให้หนูหน่อยยยยย

หนูรออยู่น้าาาา

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP29 : กล่องของขวัญ (26/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 26-06-2018 17:05:34
เพียวกินโฟคไปแล้ว แซงโค้งไป๋ อิฐเลย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP29 : กล่องของขวัญ (26/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 26-06-2018 18:46:18
โดนกินซะงั้น

สรุปเพียวชอบโฟคเหรอ :katai4: :m28:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP29 : กล่องของขวัญ (26/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 26-06-2018 19:50:55
โดนเปิดกล่องของขวัญแล้ว  จะนับของขวัญกันไหวมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP29 : กล่องของขวัญ (26/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-06-2018 21:27:49
 :pig4: :pig4: :pig4:

รวดเร็วกว่า 4G ก็คู่นี้แหละครับ  ไม่ต้องจงต้องจีบกันหล่ะ  ข้ามขั้นไปฟีเจอริ่งกันเลยเชียว
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP29 : กล่องของขวัญ (26/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-06-2018 21:59:30
ดีต่อใจจริงๆ   :hao5: :sad4: :heaven

อยางนี้เรียกว่ากินกันเองทั้งคู่หรือเปล่า
ไร้สถานะ เป็นเพื่อนที่สนิทเกินเพื่อนไปซะแล้ว   :z1: :haun4:  :jul1:
แล้วต่อแต่นี้จะเป็นเช่นไร ก็สงสัยไป
แต่ที่แน่ๆคิดว่าเพียวไม่ยอมห่างโฟคแน่  :serius2:

อยากอ่านพาร์ทเพียวแล้วอ่ะ   :ling1:
เพียวดูเจ้าชู้ เจนจัดช่ำชองในการโอ้โลมปฏิโลม 
มีชั้นเชิงความสัมพันธ์แบบชาย-ชาย
เลยสงสัยว่าเพียว มีประสบการณ์มาก่อนแน่ๆ  :hao4: :hao3: o18

อิฐ ไป๋    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP29 : กล่องของขวัญ (26/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 27-06-2018 19:08:10
มาก็โดนกินเฉย5555 ชอบๆ ได้ อารมณ์ดีจัง
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP29 : กล่องของขวัญ (26/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 27-06-2018 20:33:18
 :hao7:คู่นี้ ร้อนแรงแบบนุ่มนวลมากกกก  :hao7:ชอบสุดๆ  :hao7: ขอให้หวานๆนะค่ะหลังจากนี้  :hao7:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP29 : กล่องของขวัญ (26/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 28-06-2018 05:57:32
โอ้ยยยยยยยยยย
ฟินไปอีก
แซงคู่หลักไปแล้ว

รอทั้งสองคู่เลยนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP29 : กล่องของขวัญ (26/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 28-06-2018 06:40:22
คนที่เพียวชอบคือโฟคแน่เลย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP29 : กล่องของขวัญ (26/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: lollypop216 ที่ 28-06-2018 07:04:44
โอ้ยฟินนนน o18 แซงคู่หลักไปแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 28-06-2018 20:39:45
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 30 : ตรีโกณมิติ



            “หมอว่านขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ”



            “ได้เลยครับ”



            เสียงของเขาตอบรับให้กับหญิงสาวหน้าตาน่ารักที่มาเชียร์เขาแข่งบาสและรอขอถ่ายรูปกับเขาหลังจากจบการแข่งขัน นี่ก็เป็นรอบแปดทีมสุดท้ายซึ่งผลคือคณะแพทย์ยังคงรักษาผลการแข่งขันชนะได้อย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะลอยลำเข้าสู่รอบสี่ทีมสุดท้าย ซึ่งทีมที่เหลือได้แก่ แพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์การกีฬา



            ความจริงวันนี้ไอ้ไป๋ควรจะมานั่งเป็นตัวสำรองในรอบนี้ด้วย แต่มันติดแข่งกีฬาหมากรุกรอบชิงอันดับสาม แล้วมันก็ไลน์มาบอกเขาเป็นที่เรียบร้อยว่ามันคว้าเหรียญทองแดงมาครองได้ ความจริงเขาลุ้นว่าไอ้ไป๋จะได้เหรียญทองเสียด้วยซ้ำ แต่รอบก่อนหน้านี้ได้ข่าวว่ามันไปเจอตอเข้า เพราะคู่แข่งจากวิทยาลัยนานาชาติเป็นถึงตัวแข่งระดับนานาชาติ ไอ้ไป๋ก็เลยชวดไปในที่สุด แต่สุดท้ายมันก็ชนะการแข่งรอบสุดท้ายเอาเหรียญทองแดงมาให้คณะจนได้อยู่ดี สรุปคือมันก็แพ้แค่เจ้าของเหรียญทองคนเดียวนั่นแหละ เสียดาย ถ้ามันชนะการแข่งขันนี้ได้น่าจะทำให้โอกาสการเป็นเดือนมหาวิทยาลัยของมันเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย แข่งหมากรุกได้เป็นอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยนี่ดูเป็นคุณสมบัติที่เพียบพร้อมไม่ใช่ย่อย

 





            เผลอแป๊บเดียวพวกเขาก็เปิดเทอมมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว



            สัปดาห์ก่อนพวกดาวเดือนก็เฉลยบัดดี้บัดเดอร์ไปเป็นที่เรียบร้อย ความพลิกโผอยู่ที่บัดเดอร์ หรือคนที่จับได้ไอ้ไป๋เป็นบัดดี้เนี่ยเป็นเดือนอยู่คณะสหเวชศาสตร์ซึ่งไม่เคยซื้อของหรือเทคแคร์ไอ้ไป๋แม้แต่ครั้งเดียว ส่วนไอ้โฟค คนที่มาเปิดตัวกับไอ้ไป๋ตั้งแต่วันแรกว่าเป็นบัดเดอร์ก็เป็นบัดเดอร์กำมะลอซะงั้น ไม่ต้องถามก็รู้ว่าทำไม มันคงเนียนเข้ามาจีบไอ้ไป๋นั่นแหละ ความจริงอาการไอ้โฟคมันก็ชัดมาตั้งแต่ต้นแล้วหละ แต่ไอ้ไป๋ก็ไม่เคยรู้ตัว อย่างที่บอกว่ามันเป็นคนที่ไม่มั่นใจในเรื่องหน้าตาของตัวเองเลเวลร้อย แถมยังเป็นพวกบ้องตื้นเรื่องความรักอีกด้วย ขนาดมันเทียวรับเทียวส่งอยู่เป็นอาทิตย์ ไอ้ไป๋ยังไม่ระแคะระคายอะไรเลย โถ่ เจ้าไป๋ผู้โง่เขลา (เอ็นดู)

 





            ส่วนเรื่องที่ไอ้อิฐเป็นบัดดี้ไอ้ไป๋ก็น่าตลกเหมือนกัน



            พอเฉลยแล้ว ไอ้อิฐก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งว่าไม่เห็นไอ้ไป๋จะซื้ออะไรหรือเทคแคร์อะไรมันสักอย่างเลย เท่านั้นแหละคุณผู้ชมเอ๋ย ไอ้อิฐก็โดนไอ้ไป๋ด่าจนหงอไปเลย นี่ถ้าไอ้อิฐไม่บ่นจนโดนไอ้ไป๋ด่า เขาก็ไม่มีทางได้รู้ว่าไอ้อิฐเคยไปเมาหยั่งหมาจนต้องให้ไอ้ไป๋ขับรถไปรับกลับมาจากผับ แถมยังมาป่วยต่อที่ห้องไอ้ไป๋จนมันต้องคอยเฝ้าไข้เป็นเรื่องเป็นราวอยู่เป็นวันด้วย ตอนไอ้อิฐเลียนแบบท่าทางไอ้อิฐตอนเมาไม่รู้เรื่องนี่ถึงกับฮาครืนกันทั้งโต๊ะ ไอ้อิฐนี่หุบปากฉับไปเลยเพราะสำนึกตัวได้ ส่วนไอ้โฟคนี่ก็เงียบๆ หน้านิ่งๆ ส่วนไอ้เพียวก็ขำอยู่แป๊บนึงก็จะเงียบไปด้วย (อ๊าว อย่างงงี้ก็เหลือแค่เขาคนเดียวสิที่ตลก)

 





            ส่วนเรื่องไอ้เพียวนี่ก็ถือว่ากระตุกต่อมยุ่งเรื่องชาวบ้านของเขาอย่างมาก

            วันก่อนเขามีโอกาสได้ไปเต๊าะแต๊ะเจ๊าะแจ๊ะกับกลุ่มคนสวยในคณะที่มีน้ำหอมอยู่ในกลุ่มด้วย เขาก็เพิ่งรู้เองนี่แหละน้ำหอมบอกว่าไม่มีเพื่อนวิศวะคนไหนของเขามาจีบเลย เขารึก็อุตส่าห์ไปช่วยหยอดไว้เป็นอย่างดีว่าจะมีเพื่อนวิศวะสุดหล่อมาจีบดาวคณะแพทย์สุดสวย ไอ้เพียวเล่นตีเนียนไม่มาคุยแบบนี้ เขานี่กลายเป็นคนเสียเครดิตไปเลย ยิ่งคิดก็ยิ่งงงว่าถ้ามันไม่ได้จีบน้ำหอมอย่างที่ปากว่าแล้วมันจะมาเทียวไล้เทียวขื่ออยู่กับเด็กคณะแพทย์ทำไมทุกวัน (ว่าแต่เขาจะจีบน้ำหอมแทนมันดีไหมนะ)

 

            พูดแล้วก็นึกขึ้นมาได้อย่างคือตอนนี้กระแสไอ้ไป๋ฮอตมากแต่มันไม่เคยรู้ตัว



            ด้วยความที่มันเป็นคนตัวขาว ตัวบาง แล้วก็ดูทำตัวเหม็นโลกตลอดเวลา (อันนี้เขาอยากด่ามันเฉยๆ) มันก็ถูกเอาไปจับคู่กับเพื่อนในกลุ่มกันเสียสนุก ไอ้อิฐกับไอ้ไป๋นี่ถือว่าเป็นคู่ที่แรงที่สุดเพราะมันดันเคยใส่เสื้อชมรมไปกินข้าวด้วยกันจนกลายเป็นกระแสเสื้อคู่ #เพราะม้าต้องคู่กับโคน ดังเปรี้ยงปร้างอยู่พักใหญ่



            ต่อมาก็ไอ้โฟคที่ก็ดูมีว่าคนประติดประต่อเรื่องของมันกับไอ้ไป๋อยู่เยอะพอสมควร ไอ้โฟคเนี่ยเป็นพวกชอบแสดงออกทางสีหน้า พอมีคนมาขอถ่ายรูปคู่มันกับไอ้ไป๋ มันก็ทำท่าระริกระรี้ไม่หยุดจนใครต่อใครก็เอาไปลือกันว่าไอ้อิฐกับไอ้โฟคนี่แข่งกันจีบไอ้ไป๋ เขาเองก็เคยโดนจับคู่กับไอ้ไป๋เหมือนกัน แต่ด้วยความที่เขาชอบส่งยิ้มให้สาวๆ บ่อยๆ คนเลยไม่ค่อยจะสนใจจับคู่ให้เป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่ ไม่เหมือนไอ้อิฐกับไอ้โฟคที่ไม่มีข่าวคราวกับสาวเจ้าที่ไหนเลยกลายมาเป็นประเด็นให้จิ้นกันอย่างสนุก อ้อ ส่วนไอ้เพียวนี่เป็นคนเดียวเลยที่ไม่มีข่าวกับไอ้ไป๋เลย ชื่อเสียงเรื่องการเปลี่ยนผู้หญิงขึ้นหอไม่ซ้ำหน้าคงเป็นที่ร่ำลือมากจนไม่มีใครอยากจับคู่มันกับหมอไป๋ สงสัยจะกลัวหมอไป๋ผู้หน้าใสที่สุดจักรวาลติดเอดส์มาจากมัน (ตลก)

 





            “ตกลงกูไม่ไปเป็นตัวสำรองบาสได้ไหมเนี่ย สัปดาห์หน้าจะแข่งเดือนแล้ว ช่วงนี้กูโคตรยุ่ง”



            เสียงจากไอ้หมอเพื่อนรักของเขาดังขึ้นมาปลุกเขาจากภวังค์ พวกเขาแอบโดดกันลงมาซื้อกาแฟกันกิน เพราะอาจารย์วิชาชีวะสอนด้วยน้ำเสียงชวนไปเฝ้าพระอินทร์มาก ส่วนไอ้โฟควันนี้หายไปไหนก็ไม่รู้ ช่วงนี้โดดเรียนบ่อยเหลือเกิน ไม่รู้จะแอบไปเตรียมตัวประกวดเดือนหรือเปล่า



            “ยุ่งไรวะ” เขาถาม



            “มันต้องโชว์ความสามารถพิเศษด้วยหวะ นี่กูยังเซ็งๆ อยู่เลยเนี่ย ถ้ากูขอไปยืนท่องสูตรตรีโกณมิติ 50 สูตรโชว์บนเวทีนี่เขาจะให้คะแนนกูไหมวะ” มันถามมาอย่างติดตลก



            “มึงก็ร้องเพลงดิ มึงก็ร้องเพลงได้ไม่ใช่เหรอ”



            เขาเอ่ยถาม ไอ้ไป๋ร้องเพลงได้ ร้องดีเลยแหละ ตอนม.ปลาย วงดนตรีที่โรงเรียนชวนมันไปร้องนำ แต่น่าเสียดายที่มันเห็นการท่องชื่อไฟลัมในอาณาจักรสัตว์สนุกกว่าการร้องเพลง



            “ก็ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็คงต้องเอางั้นหวะ แต่ถ้าเลือกได้กูก็ไม่อยากร้องอะ คนแม่งเยอะจะตายห่า กูไม่อยากขายขี้หน้า”

 





            “เออ เรื่องตัวสำรอง รอบรองนี่มึงไม่ต้องมาก็ได้ แต่รอบสุดท้าย ไม่ว่าจะชิงชนะเลิศหรือชิงเหรียญทองแดง มึงก็ต้องมาหวะ คนมันพอดีเป๊ะเลย แม่งเสือกมีแข่งบาส บอล แล้วก็แชร์บอลชนกันสามอย่างเลย นี่ก็แทบจะต้องเกณฑ์ผู้ชายในคณะทุกคนไปนั่งเป็นตัวสำรองแล้วเนี่ย” เขาพูด



            “แล้วนี่แข่งกับคณะไรวะ” มันถาม



            “สถาปัตย์หวะรอบนี้ รอบหน้าไม่รู้ว่าจะเจอวิศวะหรือวิทยาศาสตร์การกีฬาหวะ แม่งแต่ละคณะโหดๆ ทั้งนั้น นี่กูยังงงเลยว่าหมอแม่งรอดมาถึงรอบนี้ได้ยังไง” ว่านบ่น



            “โหย มึงก็เล่นดีเปล่าวะ กูไปเชียร์รอบก่อนก็เห็นเล่นโคตรดีเลย แม่งทิ้งอีกฝ่ายขาดลอย” ไอ้ไป๋พูด เขาเริ่มไม่มั่นใจว่ามันชมจริงหรือเปล่า ปรกติมันจะปากหมากว่านี้มาก



            “นี่มึงพูดจริงหรือประชดเนี่ย” เขาถามอย่างไม่มั่นใจ



            “อ๊าว ไอ้เชี่ย กูอุตส่าห์ชม เดี๋ยวก็ด่าให้ซะนี่” มันตอบมาแบบกวนๆ แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะเขาได้เป็นอย่างดี



            “เออ คือมันพอดีเลยเว้ย บาสแม่งเล่น 5 คน คนที่เล่นเป็นแม่งก็มี 5 คนพอดีเป๊ะ ห้ามขาดห้ามหายห้ามตายเด็ดขาด กูแม่งลุ้นทุกรอบ กูกลัวแม่งมีใครจะบาดเจ็บ ถ้าใครเจ็บขึ้นมานี่แม่งลำบากเลย เพราะบอลคณะเราก็เข้ารอบ แชร์บอลก็เข้ารอบ แต่ละอย่างแม่งใช้คนเยอะๆ ทั้งนั้น”

           





            “เออ แล้วไอ้โรคจิตนั่นมันยังส่งของมาให้มึงอยู่เปล่าวะ”



            เขาเอ่ยถาม ช่วงก่อนหน้านี้ไอ้ไป๋เล่าให้เขาฟังว่ามีคนส่งของแล้วก็จดหมายมาจีบมัน ผู้ชายด้วย เชี่ย เพื่อนเขานี่มีเสน่ห์ต่อเพศเดียวกันจังวะ



            “ก็ยังส่งของมาเรื่อยๆ หวะ จดหมายก็มาพร้อมของ” อีกฝ่ายตอบ



            “เหรอ แล้วมันยังทักไลน์มึงมาอีกมะ”



            “ก็ทักมาเกือบทุกวันอะ แต่กูก็คุยบ้างไม่คุยบ้าง คุยไปก็ไม่รู้จะคุยอะไร ใครก็ไม่รู้”



            “แล้วมึงไม่มีเบาะแสอะไรบ้างเหรอวะว่าเป็นใคร” เขาซัก



            “กูรู้แค่ว่ามันเคยเรียนโรงเรียนเดียวกับเรา แล้วตอนนี้มันก็เรียนที่นี่”



            “เฮ้ย แบบนั้นก็มีไม่เยอะเปล่าวะ ช่วยๆ กันสืบดีมะ กูอยากรู้”



            “ปล่อยแม่งไปเหอะ มันบอกกูว่าเดี๋ยวประกวดเดือนจบแล้วมันจะเฉลยว่ามันเป็นใคร”



            “เกี่ยวเชี่ยไรกับประกวดเดือนวะ”



            “กูก็ไม่รู้แม่งเหมือนกัน”







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               เดี๋ยวผมลงเพิ่มไว้อีกตอนเลยนะ เพราะวันเสาร์งานเยอะมาก ไม่รู้ว่าจะได้มาลงไหม ถ้าไม่ว่างก็ถือว่าผมลงไว้ให้อีกตอนเลยล่วงหน้าไปแล้ว แต่ถ้าว่าง เดี๋ยวผมแถมให้อีกตอนหนึ่ง ขอบคุณครับ ^ ^ อย่าลืมเม้นให้หนูนะ รออ่าน หนูอ่านทุกคอมเม้นเลย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 28-06-2018 20:41:22
เม้นหน่อย
เม้นหน่อย
เม้นหน่อย
เม้นหน่อย
เม้นหน่อย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 28-06-2018 20:42:16
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 31 : ตัวละครลับ



            “หมอว่านนนนน”



            “สวัสดีครับบบบบบ”



            เสียงไอ้ว่านตอบรับสาวๆ กองเชียร์ของมันที่ไม่รู้มันไปสืบเสาะหามาจากไหน รอนี้มันมีป้ายไฟเป็นชื่อของมันด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งงง ไอ้ว่านนี่มันหล่อจนถึงขั้นต้องมีคนทำป้ายไฟให้ด้วยเลยเหรอวะ เจอหน้ากันมาตั้งหลายปี ไม่เห็นจะรู้สึกเลย

 





            วันนี้คือวันแข่งขันบาสรอบชิงชนะเลิศระหว่างคณะแพทยศาสตร์กับวิศวกรรมศาสตร์



            ไอ้ว่านเป็นหัวเรือใหญ่พาทีมผ่านเข้ารอบสุดท้ายสำเร็จ หลังจากที่ชนะทีมสถาปัตย์มาอย่างฉิวเฉียด จะว่าไปมันก็จริงจังกับการแข่งขันบาสนี้ค่อนข้างมาก หลังเลิกเรียนเขาจะไปซ้อมการแสดงเดือน ส่วนมันก็จะมาฝังตัวแถวสนามบาส ตอนอยู่ม.ปลายเคยแต่ไปแข่งตอบคำถามวิทยาศาสตร์กับมัน ไม่ยักรู้ว่ามันจะจริงจังกับการเล่นกีฬาด้วย และตามที่ตกลงไว้ วันนี้เขาต้องระหกระเหินมาเป็นตัวสำรองบาสให้คณะเพราะผู้ชายในคณะตกอยู่ในสภาวะขาดแคลนอย่างหนัก ถ้าตัวสำรองไม่ครบสองคน พวกเขาก็จะแพ้บาย

 





            ทันทีที่เดินเข้ามาในหอประชุมใหญ่ ไอ้ไป๋ก็ถึงกับใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม



            คือเขาเข้าใจว่ากีฬาบาสเป็นกีฬายอดฮิต แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะมีคนมาดูการแข่งในรอบชิงชนะเลิศเยอะขนาดนี้ สแตนเชียร์กีฬาที่มีไว้ใช้สำหรับโชว์กิจกรรมร้องเพลงของแต่ละคณะตอนนี้คราคร่ำไปด้วยจำนวนผู้คนจำนวนมาก กะด้วยสายตาคร่าวๆ ก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 300 คน จากรอบอื่นที่แข่งกันที่สนามบาสกลางแจ้ง แต่รอบนี้กลายเป็นแข่งในห้องประชุมใหญ่โต



            “ทำไมคนมันเยอะแบบนี้วะ” เขาถามอย่างกระซิบกระซาบขณะที่เดินไปเข้าที่ตรงจุดพักนักกีฬา



            “ก็ไอ้อิฐอะสิ เสือกหล่อเรียกความสนใจ คนเลยมาดูกันเต็มเลย”



            หันไปมองอีกที ป้ายไฟไอ้อิฐใหญ่กว่าของไอ้ว่านอีก แต่ท่าทางไอ้ว่านก็จะใช่ย่อย เพราะป้ายไฟมันก็เด่นหราไม่แพ้กัน สภาพตอนนี้น่าจะเป็นคอนเสิร์ตมากกว่าการแข่งบาส





 

            “เชี่ย ไม่ชอบเลยหวะ”



            ไป๋บ่นกับว่านด้วยเสียงเบา ใช่แล้ว เขาไม่ชอบเลย สภาพตอนนี้ของเขาอยู่ในชุดแข่งบาสแขนกุดสีเขียวเข้มอันเป็นสัญลักษณ์ของคณะ เขาไม่ใช่คนตัวเล็ก แต่พอมาอยู่ฝูงนักกีฬาแล้วเขาก็แทบจะกลายเป็นคนที่เตี้ยที่สุดไปเลย ที่สำคัญเขายังดูผอมแล้วก็แย่ที่สุดในนี้อีกด้วย เขาไม่อยากรู้สึกเป็นตัวตลกต่อหน้าคนเยอะๆ



            “มึงไม่ต้องกังวลน่า พวกกูไม่มีใครบาดเจ็บสักที อีกแค่รอบเดียวก็แข่งเสร็จแล้ว แถมตัวสำรองก็มีสองคน ถ้าฉุกเฉินผิดพลาดอะไรขึ้นมาจริงๆ เอาไอ้พลลงก็ได้ มันพอเล่นบาสได้ กูคุยกับมันแล้ว” ไอ้ว่านตอบมาแบบไม่รำคาญความขี้ตระหนกของเขาเลยสักนิด อย่างว่าแหละ มันน่าจะเป็นเพื่อนที่รู้จักเขาดีที่สุดแล้วมั้ง

 





            “ทำไมไอ้ไป๋ถึงมาลงแข่งด้วย มันเล่นกีฬาไม่เป็นนี่”



            เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ห่างจากเขาทั้งสองที่กำลังพูดคุยกันอยู่ หันไปก็เจอกับนักกีฬาเจ้าของป้ายไฟเด่นหราที่ชูอีกฝั่งของสนาม มันใส่เสื้อทีมสีแดงอิฐอันเป็นสีของคณะ เสื้อบาสแขนกุดทำให้มันได้โชว์ผิวที่โดดไปด้วยรอยสักสีสดไล่ตั้งแต่หัวไหล่ไปเกือบถึงข้อศอก ว่าแต่มึงเดินมาคุยกับคู่แข่งเนี่ยนะ



            “ตัวละครลับคณะกูเอง มีอะไรเปล่า” ไอ้ว่านพูดพร้อมรอยยิ้ม แถมยังเอามือมาโอบไหล่เขาอย่างถือวิสาสะ



            “นี่มันรอบชิงนะเว้ย เกมมันหนัก มึงจะเอามันยุ่งทำไม” เสียงไอ้อิฐดูจะติดหงุดหงิดน้อยๆ



            “ก็รอบชิงไง กูเลยต้องยิ่งเอามา” ไอ้ว่านตอบ



            “คนมันขาดอะ กูเลยมานั่งเป็นตัวสำรอง” เขาร้องตอบ แต่ดูเหมือนไอ้อิฐจะยังติดพันกับบทสนทนาของมันกับไอ้ว่าน



            “ไอ้ไป๋มันทำลายสมาธิคนแถวนี้ได้ดีนักแหละ” ว่านตอบออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ

           





            เสียงเพื่อนร่วมทีมของไอ้อิฐตะโกนเรียกมันมา มันหันกลับไปมองพร้อมกับลากไอ้ว่านเข้าไปกระซิบกระซาบอะไรด้วยก็ไม่รู้ พูดจบไอ้ว่านก็หัวเราะร่วนขึ้นมาเสียงดัง ส่วนไอ้อิฐก็เดินกลับฝั่งสนามตัวเองไปด้วยท่าทีไม่ได้ดั่งใจ



            “มันพูดอะไรกับมึงวะ” ไป๋ดึงไหล่เพื่อนมาถามอย่างสงสัย เมื่อเพื่อนอีกคนเดินกลับไป



            “มันบอกกูว่าต่อให้มึงลงสนาม มันก็จะเล่นเต็มที่และไม่ออมมือให้” ไอ้ว่านพูดไปยิ้มไป



            “เชี่ย มึงไม่บอกมันไปหละว่ากูแค่มานั่งเป็นตัวสำรอง กูไม่ลงนะเว้ย” เขาเริ่มโวยวาย



            “เออ กูไม่เอามึงลงสนามหรอกน่า เอาลงไปก็แพ้สิวะ ไอ้เชี่ยนี่” ว่านบ่นๆ



            “แล้วมึงไม่บอกมันไปเล่า”



            “แกล้งแม่งเงี้ยแหละ สนุกดี เสือกบอกแข็งดีนัก ต้องโดนปั่นหัวเสียให้เข็ด”



            พูดจบประโยคไอ้หัวหน้าทีมบาสฝ่ายเขาก็หัวเราะร่วนอย่างถือสนุกแล้วไล่เขากลับไปนั่งตรงฝั่งตัวสำรอง ส่วนหัวก็วิ่งไปวอร์มร่างกายในสนาม พร้อมกับเสียงกรี๊ดเชียร์ที่ดังไล่หลังไปจากอัฒจรรย์กองเชียร์

           





            ปรี๊ดดดดด



            เสียงนกหวีดเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับลูกบาสที่โยนสูงลอยขึ้นเหนืออากาศ อิฐกับว่านแทบจะกระโดดขึ้นพร้อมกันเพื่อมุ่งหมายจะปัดลูกบาส แล้วก็เป็นมือของทีมวิศวะที่ถึงก่อน มันใช้มือดีดลูกบาสไปทางเพื่อนร่วมทีมเสื้อสีแดงเข้มที่รอคอยลูกอยู่ก่อนแล้ว ฝ่ายวิศวะเริ่มต้นบุกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับฝ่ายแพทย์ที่กระจายทีมออกมาตั้งรับ เขาเห็นไอ้ว่านชูมือไปมาอยู่หลายครั้ง น่าจะเป็นสัญญาณมือ เกมผลัดกันรุกผลัดกับรับจนทำเอาคนเชียร์แทบจะลืมหายใจ



            ในแต่ละชั่วหนึ่งนาทีเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นเยอะมาก ไป๋ได้แต่ถือกระบอกน้ำของไอ้ว่านแล้วมองตามลูกไปมาอย่างตื่นเต้น ให้ตายเถอะ เขาไม่เคยตั้งใจดูกีฬาขนาดนี้มาก่อนเลย แต่พอเห็นความจริงจังแล้วก็อดเอาใจช่วยมันไม่ได้ ส่วนฝ่ายไอ้อิฐไม่ต้องสืบเลย มันดูเก่งและคล่องแคล่วมาก เท่าที่ดู ทีมมันเป็นฝ่ายรุกและครองบอลเป็นส่วนใหญ่ ฝ่ายวิศวะดูจะถนัดบุกและเข้าทำคะแนนระยะประชิด แต่อย่างไรก็ตาม ผลคะแนนกลับสูสี เพราะฝ่ายไอ้ว่านดูจะมีแนวรับที่แข็งแรงกว่าและสามารถตีโต้ไปทำคะแนนได้จากระยะไกล ไอ้ว่านนี่ถือเป็นมือวางอันดับหนึ่งในการทำลูก 3 แต้มเลย

 





            ปรี๊ดดดดด



            “เชี่ย ไอ้คิดตะคริวแดก”



            เสียงนกหวีดดังขึ้นเพื่อพักครึ่งพร้อมกับเสียงดังขึ้นของไอ้เพื่อนสนิทเขา ลุกขึ้นไปมองก็เจอไอ้ว่านกับเพื่อนอีกคนกำลังหิ้วปีกไอ้คิดที่เป็นเพื่อนคณะเขาอีกคนเข้ามา สภาพมันโคตรแย่ ขาขวาของมันไม่สามารถขยับหรือเดินได้ด้วยซ้ำ เพื่อนร่วมทีมทั้งสองต้องช่วยกันลากกันเข้ามาพักอย่างคนที่ฝืนใช้ร่างกายมาจนขีดสุด

 





            “เชี่ย มึงเป็นตะคริวตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ไอ้ว่านบ่นพร้อมหันไปสั่งเขาให้ไปหาถุงเจลเย็นในลังน้ำแข็งมาให้



            “ช่วงท้ายๆ ควอเตอร์สอง” ไอ้คิดตอบแบบหน้าซีดๆ



            “เชี่ย แล้วทำไมมึงไม่บอก ฝืนเล่นมาจนถึงครึ่งเนี่ยนะ ไอ้สัด ล้มหน้าฟาดไปจะทำไง”



            ไอ้ว่านบ่นไม่หยุด ปากมันพล่ามด้วยท่าทีที่เหมือนจะอารมณ์เสียก็จริง แต่เด็กสองขวบยังมองออกเลยว่ามันโคตรเป็นห่วงลูกทีมของมันเลย



            “ทีมเราขึ้นนำได้ตั้ง 5 แต้มแล้ว กูไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ทีมแพ้ ตอนแรกกูนึกว่ามันจะหายเอง” ไอ้คิดตอบ พร้อมกับเสียงร้องเบาๆ เมื่อเพื่อนในทีมบางคนช่วยกันนวดที่ขามันหวังว่าจะดีขึ้น



            “แล้วเป็นไงหละไอ้สัด แทนที่จะเป็นแค่ตะคริวนิดเดียว มึงฝืนจะเป็นหนักแทบเดินไม่ได้แล้วเนี่ย” ไอ้ว่านบ่น ทุกคนทุ่มเทให้ก็ทีมก็จริง แต่เขาก็ไม่อยากเห็นใครมาเจ็บหนักเพราะคำว่าอยากเอาชนะ



            “เดี๋ยวก็หาย พักครึ่งเสร็จ กูค่อยลงต่อ” อีกฝ่ายตอบมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่ามันก็ไม่มั่นใจ



            “ลงต่อก็เชี่ยแล้ว อย่าว่าแต่ลงเล่นต่อเลย แข่งเสร็จแล้วมึงจะกลับมาเดินได้ปรกติหรือยังก็ไม่รู้ มึงก้มมาดูขาตัวเองก่อน แม่งยังไม่หยุดกระตุกเลย”



            ว่านพูดพร้อมช่วยนวดขาคนตรงหน้า สีหน้าเจ้าของอาการโคตรเหยเกย ดูก็รู้ว่ามันยังเจ็บอยู่มาก ขาของมันกระตุกเป็นจังหวะเหมือนกล้ามเนื้อเกร็งมากจนฝืนไว้ไม่ได้



            “เชี่ย ไม่เอา เดี๋ยวแพ้บาย ไอ้สัด มีกันอยู่ 5 คน จะทิ้งกันได้ไงวะ เหนื่อยกันมาทั้งเดือน” ไอ้คิดบ่นทั้งที่อาการแม่งก็ดูแย่สุดๆ แล้ว



            “ไอ้พลไปวอร์มรอเลย เดี๋ยวมึงลงให้พวกกูหน่อยครึ่งหลัง ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องคิดห่าเหวอะไรทั้งนั้น เล่นได้ก็เล่น เล่นไม่ได้ก็ช่างแม่ง มึงลงให้ครบพอ เดี๋ยวไอ้คิดไหวค่อยเปลี่ยนมันลงกลับ” หัวหน้าทีมตัดสินใจออกมาในท้ายที่สุด

 





            ครึ่งหลังของฝั่งเขาตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด



            ไอ้พลที่ลงไปช่วยทีมในเวลานี้เก่งกว่าที่คิด แต่ก็ยังเทียบไอ้คิดที่เป็นมือวางอันดับสามของทีมไม่ได้ ไอ้พลจัดเป็นคนที่ตัวเล็ก วิ่งเร็ว หลบหลีกคู่ต่อสู้ได้ดี แต่ไม่เก่งเรื่องทำแต้ม ไอ้ว่านต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ทั้งหมดกลับมาพยายามเล่นยื้อเวลาไว้ให้ได้มากที่สุดเพื่อรอไอ้คิดกลับมาแก้สถานการณ์ เพื่อนในทีมสามคนที่เหลือถอยไปเน้นคุมเชิงเพื่อป้องกันการทำคะแนนจากอีกฝ่ายเป็นหลัก ไอ้ว่านต้องคอยคุมสถานการณ์ตกกลางและพยายามจะเก็บลูก 3 แต้มให้ได้ ส่วนไอ้พล หัวหน้าทีมขอแค่มันประคับประคองลูกไปได้เรื่อยๆ ก็พอ

 





            “เชี่ย”



            ไป๋ถึงกับเผลอสบถมาอย่างขัดใจ เกมตอนนี้เข้าคู่ควอเตอร์สี่แล้ว ฝั่งพวกเขายังนำอยู่ก็จริงแต่ก็ยื้อเอาไว้จนแทบจะฝืนไว้ไม่ไหว ช่องว่างที่ขาดไอ้คิดแม่งกว้างมากเกินไป ระยะห่างจาก 5 แต้มเหลือเพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น ฝั่งเขาโดนลูก 2 แต้มไป 2 ลูกติด แต่กลับทำคะแนนใหม่ไม่ได้เลย ฝั่งวิศวะก็ดูหัวเสียไม่แพ้กัน ตอนนี้ใครก็คงดูออกว่าฝั่งเขาตกเป็นรองอย่างมาก เพราะแทบจะไม่ได้บุกเลย แต่ความสามารถในการป้องกันก็ยังพอไหว ถึงแม้ว่าจะเข้าสู่ช่วงท้ายเกมแล้วแต่ก็ยังไม่อาจขึ้นนำได้สักที

           





            “โอ๊ยยยยย”



            เสียงดังลั่นขึ้นกลางสนาม ไอ้ว่านล้มตัวลงไปนอนพร้อมจับต้นขาเอาไว้แน่น กรรมการเป่านกหวีดให้เวลานอก ก่อนที่ทีมที่เหลือจะลากมันเข้ามาข้างสนาม ถกกางเกงดูก็เห็นว่าต้นขาขวามันพันผ้ายืดไว้ ไป๋ถือวิสาสะแกะออกมาดูก็ต้องอุทานด้วยความตกใจ ต้นขาของมันบวมเป่งเป็นสีม่วงคล้ำห้อไปด้วยเลือด เสียงของไอ้ว่านร้องแบบฝืนกลั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไป

 





            “เชี่ย ไอ้ว่าน มึงบอกแต่คนอื่นให้อย่าฝืน ตัวมึงเองอะ ฝืนที่สุดเลย ไอ้สัดเอ๊ย” เสียงของเอิร์ธ รองกัปตันทีมด่าไอ้ว่านออกมา ด้วยสีหน้าโคตรเป็นห่วง



            “แม่ง แค่กล้ามเนื้อฉีก กูไหวน่า”



            ยิ่งพูดยิ่งน่าเจ็บใจ เมื่อไอ้คิดที่พยายามประคองตัวเดินมาดูสภาพหัวหน้าทีมเสือกหกล้มด้วยอาการตะคริวที่ยังไม่หายดีอีก ความหวังของพวกเขาแทบจะดับสูญไปหมดแล้ว อีกแค่ 2 นาทีพวกเขาก็จะชนะแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นการชนะแค่คะแนนเดียวก็ตาม

 





            “เหลือเวลาพักอีกแค่ 15 วินาทีเท่านั้นนะครับ หากหาตัวสำรองมาลงไม่ได้ ทีมคณะแพทย์ต้องสละสิทธิ์การแข่งขันนะครับ” ผู้ช่วยกรรมการเดินมาแจ้งกับรองกัปตันทีม



            “เชี่ย กูไหว โอ๊ย”



            เสียงไอ้ว่านดังขึ้นพร้อมกับการพยายามดันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ไร้ผล เพราะต้นขาที่บวมเป่งเป็นสีม่วงส่งความเจ็บปวดไปจนมันต้องล้มตัวลงไปอีกครั้ง



            “ยอมแพ้เหอะหวะ ไอ้ว่าน นี่เราก็ฝืนกันมาสุดๆ แล้วนะ ยังไงก็ได้ที่เหรียญเงินนะเว้ย” เอิร์ธพูดขึ้น สีหน้ามันแย่มาก แต่ก็คงรู้ดีว่าคงไม่มีปาฏิหาริย์ไหนมาเสกให้ไอ้คิดหรือไอ้ว่านเล่นต่อได้อีก 2 นาที



            “ปัดโถ่เว้ย อีกแค่ 2 นาทีเอง”



            มือของกัปตันทีมกับกระบอกน้ำในมือแน่นราวกับจะบีบให้แหลกคามือไปเพื่อระบายความอัดอั้นนี้ออกไปให้ได้ ให้ตายเถอะ เขาสาบานว่าเขาเห็นน้ำตาไอ้ว่านไหลซึมออกมาที่หางตาทั้งสองข้าง มันคงทุ่มเทเพื่องานนี้มากจริงๆ

 





            “เดี๋ยวกูลงเอง อีกแค่ 2 นาที เดี๋ยวกูไปเดินๆ วิ่งๆ ให้ก็ได้ พวกมึงอย่าส่งบอลให้กูแล้วกัน แค่ 2 นาทีเอง แม่งแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

 





            ไป๋ลุกขึ้นยืนออกมาอย่างตัดสินใจในที่สุด เออ อีกแค่ 2 นาทีเอง ทำไมมึงจะทำไม่ได้วะ ถ้าเขายังนั่งโง่ปล่อยให้ทีมที่เพื่อนตัวเองพยายามสร้างขนาดนี้แพ้ไปต่อหน้า เขาจะเรียกตัวเองว่าเป็นเพื่อนสนิทของมันได้ยังไง







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำนะครับ ผมเองจะนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไปในอนาคตนะ ส่วนใครยังไม่เม้น เม้นเลย เข้าโค้งสุดท้ายของภาคแรกแล้วนะ นับถอยหลังแค่ 10 ตอนเอง นี่ผมยังไม่ได้แต่งภาคสองต่อเลย ยังบิ้วไฟไม่ขึ้นสักที ช่วยเม้นเยอะๆ มาจุดไฟนักเขียนหน่อย กราบบบบบ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 28-06-2018 20:45:11
เม้นให้หนูหน่อยน้าาา

หนูจะเอากำลังใจไปแต่งภาคสองต่ออ

แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-06-2018 21:17:47
เม้นแล้วๆ
ตอนไอ้อิฐเลียนแบบท่าทางไอ้อิฐตอนเมาไม่รู้เรื่องนี่ถึงกับฮาครืนกันทั้งโต๊ะ
ตรงนี้ต้องเป็นไป๋ ใช่ไหม

โฟค ปาวยถึงขั้นหยุดเรียนเลย :hao3:
ว่าน รู้แน่ๆแล้วว่าเพียวไม่ได้มาจีบน้ำหอม
แต่เพียวนี่พาหญิงขึ้นหอไม่ซ้ำ จะยังไงต่อไปกับโฟคล่ะเนี่ย  :z3:

ก็นึกอยู่ว่า ไป๋จะรอดจากการลงเล่นได้ตลอดรอดฝั่งรึ   :mew2:
แล้วก็ไม่รอด ยิ่งแข่งกับวิศวะ  ที่ทั้งโหด ทั้งเถื่อน  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
อิฐ ออกอาการไม่พอใจที่ไป๋ลงเป็นตัวสำรอง
ไม่ใช่แค่ห่วงที่ไป๋เล่นไม่เป็น
แต่ไม่อยากให้ใครเห็นความน่ารักของไป๋สินะ  :serius2: :serius2: :serius2:

อิฐ  ไป๋   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 28-06-2018 21:19:35
อยากเห็นอิฐเสียสมาธิจัง ยังไง ๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-06-2018 22:28:14
อิฐจะแพ้ก็เพราะสองนาทีที่ไป๋เดินไปเดินมาในสนามนี่ละม้างงงง
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-06-2018 23:02:04
ไป๋สู้ๆ ทีมแพทย์สู้ๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-06-2018 01:56:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-06-2018 11:21:59
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทีมไหนจะชนะน้อ?
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 29-06-2018 17:40:01
 ไป๋สู้ๆน้า ให้ไป๋ชนะด้วยนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 29-06-2018 19:07:46
รอนะ
ลุ้นไปอีก
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 29-06-2018 20:51:26
แก๊งค์เดือนนี่มดแดงแฝงพวงมะม่วงนะนิ เนียนๆได้กันเฉ้ย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 29-06-2018 21:52:30
ไป๋จะลงสนามแล้ว

 :ped144: :ped149:

หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP26 - 27 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (21/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 30-06-2018 17:19:49
อร๊ายยยย ใจบางงง
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 01-07-2018 11:37:00
ตายแน่ๆ หึหึ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP30-31 : อัพเดตพิเศษ 2 ตอนรวด (28/06/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 02-07-2018 09:35:30
สนุก
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP32 : 2 นาที (02/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 02-07-2018 17:22:13
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 32 : 2 นาที



            ปรี๊ดดดดดดดดดดด



            เสียงขอนกหวีดดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับความวิตกกังวลแบบเหงื่อตกกีบของเขา ยังไม่ทันจะได้ออกวิ่ง แต่เหงื่อก็เริ่มซึมมาตามไรผมของไป๋แล้ว ทำให้ได้ อีกแค่ 2 นาที เขาต้องทำได้

 





            ก่อนที่เขาจะลงสนามมาเขายื้ออยู่กับไอ้ว่านอยู่จนนาทีสุดท้าย



            มันยืนกรานบอกให้ขอแพ้บายไปเพราะรู้ความสามารถในการเล่นกีฬาระดับต่ำตมของเขาดี แต่ไป๋ก็ทำใจไม่ได้จริงๆ ยิ่งมาเห็นสีหน้าเพื่อนร่วมทีมอีก 3 คนของมันที่ดูใจชื้นขึ้นมาด้วยความหวังยิ่งอดไม่ได้ที่จะทำอะไรให้คนอื่นบ้าง เขารู้ดีว่าที่ไม่มีใครบอกให้เขาลงเพราะไอ้ว่านคงไปกำชับไว้เป็นอย่างดีว่ายังไงก็ไม่ให้เขาลงเด็ดขาด แต่ช่างเถอะ แค่ 2 นาที ถ้าลงแล้วโดนทำแต้มได้ก็ถือว่าเขาทำให้ไอ้ว่านถึงที่สุดแล้ว ไว้รอจบงานก่อนจะเอาเรื่องนี้ไว้ทวงบุญคุณมันไปนานๆ เลย

 





            เพื่อนร่วมทีมที่เหลือทำตามตกลงได้ดีคือไม่ส่งลูกมาให้เขาเลย



            ตอนนี้เกมทั้งหมดเทไปยังสนามฝั่งเขาแทบทั้งสิ้น ฝ่ายวิศวะแทบจะดับเครื่องชนโดยการบุกอย่างต่อเนื่อง ไอ้อิฐในเวลานี้ดูจริงจังอย่างมากที่จะคว้าคะแนนมาให้ได้ ตัวหลักของทีม 3 คนสุดท้ายของฝ่ายเขาปักหลักป้องกันแป้นไว้จนนาทีสุดท้าย แต่ถึงจะไม่เน้นบุกแล้ว ฝ่ายเขาก็ยังคงเล่นอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ได้แค่ส่งลูกให้กันไปมาอย่างน่าเกลียด ไอ้พลที่มายืนอยู่เกือบค่อนๆ สนามยังรอลูกเพื่อที่จะพาบอลกลับไปฝ่ายวิศวะให้ได้ ถึงจะทำคะแนนไม่ได้แต่ขอแค่ได้ดึงน้ำหนักของเกมมาฝั่งนี้บ้างก็ยังดี แต่พยายามแทบตาย 3 ต่อ 5 ก็ยากเกินไปที่จะต้านทาน

 





            ไป๋มายืนอยู่ค่อนสนามฝั่งวิศวะคนเดียวของทั้งเกม



            เขาเล่นบาสไม่เป็นเลย รู้แค่ว่าเลี้ยงยังไงไม่ให้ผิดกติกา ส่งลูกยังไงไม่ให้ผิดกติกา แต่วิ่งไปเลี้ยงลูกไปนี่เขายังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ วิธีการที่ดีที่สุดคือมายืนอยู่ข้างและรอเฉยๆ ถ่วงเวลาจนครบ ไอ้อิฐมันลอบมองมาที่เขาหลายรอบ แต่พอเห็นว่าเขาไม่คิดจะไปคลุกวงในกับพวกนักกีฬา มันก็ดูจะไม่ค่อยสนใจเขาอีก

 





            กรี๊ดดดดดดดดดดด



            เสียงกรี๊ดขึ้นสนั่นเมื่อลูกบาสหลุดไปอยู่ในมือไอ้อิฐหัวหน้าทีมอีกครั้ง คราวนี้แทบไม่มีใครดักหน้ามันไว้อยู่เลย มันเลี้ยงลูกเข้าไปอย่างรวดเร็วกว่าที่ฝั่งเขาจะกลับตัวมาป้องกันได้ ไป๋ได้แต่ยืนลุ้นอย่างหัวเสีย เชี่ย จะมาเล่นดีอะไรตอนนี้เนี่ย เหลืออีกไม่กี่วินาทีแล้วแท้ๆ อย่าให้การลงสนามของกูเสียเปล่าสิวะ เขาได้แต่เอามือขยี้หัวอย่างหงุดหงิด อย่าลงนะมึง อย่าลงนะมึง



            ราวกับว่ามันมีโทรจิตติดต่อกลับเขาได้อย่างนั้น พอมาถึงระยะทำแต้ม 2 คะแนน มันหยุดยืนนิ่งหันมามองเขาชั่วอึดใจหนึ่งราวกับรู้ว่าเขามองมันอยู่ก่อนแล้ว เขาไม่รู้จะทำอะไรนอกจากพึมพำเบาๆ อย่างทำอะไรไม่ได้ อย่าลงนะมึง อย่าลงนะมึง ไอ้สัดเอ้ย อย่าลงนะมึง

 





            ตึ้งงงงงงงงงงง



            ราวกับมันจะพลาดจังหวะที่ดีที่สุดไป เอิร์ธที่รีบวิ่งเข้ามาได้จังหวะชุลมุนขวางมันไว้ตอนที่มันนิ่งไปสักสองวินาทีได้ พอไอ้เอิร์ธได้จังหวะเข้าขวาง จังหวะการทำคะแนนของมันก็รวนไปหมด มันเบี่ยงตัวไปมาก่อนจะตัดสินใจโยนลูกในที่สุด แต่ด้วยการขัดขวางของรองกัปตันทีม วิถีของลูกไอ้อิฐก็เลยไม่ได้ลงรอยพอที่จะทำคะแนน เสียงลูกชนกับแป้นดังลั่นจนเสียงกรี๊ดเมื่อครู่กลายเป็นการบ่นงึมงำด้วยความเสียดาย

 





            เพื่อนร่วมทีมฝั่งเขาไม่ปล่อยให้ชั่วเวลาทองหลุดพ้นผ่านไป



            ไอ้นิว เพื่อนร่วมทีมอีกคนหนึ่งวิ่งเข้าไปแย่งลูกที่พลาดไม่เข้าห่วงมาได้สำเร็จ เวลาตอนนี้น่าจะจวนเจียนจะหมดเวลาเต็มทน ไป๋ได้แต่ยืนลุ้นและกำมือแน่นให้เวลามันหมุนผ่านไปเร็วๆ เขายืนนับเวลาในใจมาตั้งแต่ลงสนาม และนี่มันคือช่วงถอยหลัง 10 วินาทีสุดท้ายแล้ว

 





            10...



            นิวคว้าเอาลูกที่เป็นอิสระนั่นมาได้สำเร็จจากช่วงเวลาชุลมุนที่ไอ้อิฐเผลอตัวและพลาดการทำคะแนนไปได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด

 





            9...



            ไอ้นิวเลี้ยงลูกอย่างหาทางส่งต่อไม่ได้ เพราะตอนนี้คู่แข่งอีกทีมจำนวน 2 คนยืนดักหน้าดักหลังมันเต็มไปหมด ระยะเวลานี้ยังจวนเจียนมาก เพราะมันใกล้แป้นของฝั่งเขามาก มีโอกาสจะถูกทำแต้มในเสี้ยววินาทีสุดท้ายสูง

 





            8...



            ไอ้นิวตัดสินใจส่งลูกกระดอนไปให้ไอ้เอิร์ธที่อยู่อีกฝั่งสำเร็จ เอิร์ธรับไว้ได้ทัน แต่ก็ต้องเจอกับไอ้อิฐที่ยืนขวางเป็นปราการเด่นที่มันแทบจะหาทางหลบเลี่ยงไม่ได้

 





            7...



            ไอ้เอิร์ธพยายามเลี้ยงลูกหาทางหลบแต่ก็หาจังหวะได้ยาก ไอ้อิฐเล่นเกมไปด้วย หันมามองเขาไปด้วยอย่างพะว้าพะวังจนเกิดช่องโหว่ขึ้นเสี้ยววินาทีหนึ่ง ไอ้เอิร์ธถือจังหวะโอกาสส่งลูกให้ไอ้พลที่อยู่ห่างออกไป

 





            6...



            ไอ้พลวิ่งไปคว้าลูกมาครองได้อย่างหวุดหวิดแต่ก็ต้องเจอกับกระดูกท่อนใหญ่ เมื่อคู่แข่งอีกหนึ่งคนลงมาดักมันเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไอ้พลเลี้ยงลูกอย่างตัดสินใจไม่ได้ ฝั่งอีก 3 คนที่เหลือก็โดนประกบไว้ด้วยผู้เล่นไว้หมด ถ้าส่งลูกพลาดก็อาจจะโดนแย่งลูกไปทำคะแนนก็ได้ ไอ้พลน่าจะไม่รู้ว่ามันใกล้หมดเวลามากเต็มทนแล้ว

 





            5...



            ไอ้พลเองก็ใกล้จะเพลี้ยงพล้ำให้ไอ้เสื้อแดงเข้มเต็มทน ความจริงแล้วมันไม่ได้มีฝีมือบาสพอจะสูสีพวกนักกีฬาได้เลย เหมือนมันจะรู้ว่าถ้ายังยื้อต่อไปต้องโดนแย่งลูกได้แน่ มันมองซ้ายมองขวาอย่างตัดสินใจไม่ถูก และในช่วงจังหวะตัดสินใจที่คู่แข่งร่างใหญ่กำลังจะเอื้อมมือมาคว้าลูกไปได้ ไอ้พลก็ฉวยจังหวะส่งลูกบาสมาตรงฝั่งเขาที่ไม่มีคู่แข่งยืนกระจายอยู่เลย

 





            “ฉิบหายแล้ว”

 





            4...



            ลูกบาสลอยแหวกอากาศมาพร้อมกับความสนใจของคนทั้งสนาม ตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่าเสียงร้องเชียร์กันในสนามดังกระหึ่มแค่ไหน เพราะหัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นลูกบาสค่อยๆ ลอยมาตรงหน้า ฉิบหายแล้ว ทำไงดีวะเนี่ย

 





            3...



            ลูกบาสลอยมาใกล้เขาอยู่ในระยะที่พอจะเอื้อมมือไปคว้าได้ สายตาของเขาเห็นคนที่วิ่งตามลูกมาอย่างรวดเร็วด้วย ไอ้วิศวะร่างยักษ์ที่แย่งลูกกับไอ้พลอยู่เมื่อกี้ตรงดิ่งเขามาด้วยความเร็วที่เดาว่ายังไงก็น่าจะถึงตัวเขาภายในเวลาอีกแค่อึดใจเดียว

 





            2...



            มือของเขาเอื้อมคว้าไปรับลูกบาสตามสัญชาตญาณบงการไปทั้งหมด เหมือนหูเขาจะได้ยินเสียงก้องร้องชื่อเขา แต่จังหวะนั้นเขาก็แยกไม่ออกแล้วว่าเป็นเสียงใครกันแน่ มือของเขาสัมผัสลูกบาสพร้อมกับไอ้ตัวยักษ์ตรงหน้าที่ตรงดิ่งเข้ามาหมายจะแย่งลูกไปจากมือ

 





            1...



            เขาชูลูกขึ้นสูงเหนือหัวหมายจะโยนออกไปให้ใครสักคนในทีม เขารู้ดีว่าเขารักษามันไว้จากคู่แข่งตรงหน้านี้ไม่ได้แน่ เขาต้องรีบส่งมันออกไปให้ไวที่สุดก่อนที่จะเสียบอลตรงหน้านี้ไป เหมือนคนตรงหน้าจะเดาใจเขาถูก มันพุ่งตัวตรงมาอย่างแรงหมายจะแย่งลูกบาสที่กำลังจะหลุดลอยออกไปจากมือเขา นักกีฬาตัวโตนั่นโถมเข้ามาอย่างสุดแรงเกิดด้วยความมุ่งหมายว่าจะพลิกเกมกลับมาชนะให้ได้ในวินาทีสุดท้าย

 





            0...



            “ไอ้ไป๋!”



            “โอ๊ย”



            “เชี่ย”



            โครมมมมมมมมมมม



            เขาไม่ทันได้เอี้ยวตัวหลบจากคนตรงหน้า มันก็พุ่งตรงมาถึงเขาในที่สุด ร่างยักษ์ของนักกีฬาชนเขาอย่างเสียหลักจากการพยายามโผไปเอาลูกบาสที่ลอยอยู่นั่นให้ได้ ร่างบางของไป๋เหวี่ยงไปตามแรงกระแทกอย่างที่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะรับมือไว้ล่วงหน้า เสี้ยววินาทีนั้นเขาเสียหลักหกล้มลงอย่างแรง มือของเขายกขึ้นมาตามสัญชาตญาณที่จะยันร่างเอาไว้ก่อนที่ใบหน้าจะไปกระแทกพื้น

 





            ปี๊ด ปี๊ด ปี๊ดดดดดดดดดดด



            เสียงเป่านกหวีดระงับการแข่งขันดังลั่นขึ้นพร้อมกับเสียงเฮของกองเชียร์คณะแพทย์ที่ดังกระหึ่มลั่นหอในเวลานี้ สุดท้ายคณะแพทย์ก็เอาชนะวิศวะไปได้ด้วยระยะห่างเพียงคะแนนเดียว

 





            “โอ๊ยยยยยยยยยยย”



            มือของเขาที่ตั้งใจจะยันพื้นเสียหลักเพราะล้มตัวที่เร็วเกินไปฟาดเข้ากับพื้นจนรู้สึกปวดจี๊ดขึ้นจนเขากลั้นเสียงร้องไว้แทบไม่ไหว หน้าขาของเขาข่วนกับพื้นสนามที่เป็นยางสังเคราะห์เข้าอย่างจัง ถึงแม้ว่าจะไม่น่าถลอกแต่ก็แสบด้วยแรงเสียดสีจนรู้สึกได้



            หน้าของเขาฟาดเข้ากับพื้นด้วยการเสียหลักและไม่ได้ผ่อนแรงอะไรเลย เขารู้สึกได้ว่าบริเวณสันคิ้วเป็นส่วนที่ชนกับพื้นแรงที่สุด เลือดสีสดไหลตามรอยแตกของแผลออกมาตามใบหน้าสีขาวสะอาดจนแก้มด้านซ้ายของเขาเปรอะไปด้วยเลือด

 





            “ไอ้เชี่ยว่าน... กูทำสำเร็จแล้ว”

 





            เขาพึมพำอย่างโล่งใจพร้อมกับร่างกายที่ลอยสูงขึ้นแบบที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัว เหมือนจะมีใครสักคนวิ่งมาถึงเขาเป็นคนแรกแล้วช้อนเอาตัวของเขาให้ลอยขึ้นไปอยู่ในวงแขนตรงแผงอกที่หนาราวรูปปั้นเทพนิยายสมัยโรมันนั่น เขาพยายามลืมตาฝืนกับเลือดที่ไหลเปรอะเปื้อนลงมาได้เพียงรางๆ ก็เห็นภาพที่เขาแสนจะคุ้นเคย

 





            ตุ้มหูเสื้อกาวน์สีฝุ่นของเขาสถิตอยู่ที่เดิม ที่หูข้างขวาของชายที่กำลังอุ้มเขาอยู่ในอ้อมแขน ณ เวลานี้







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               แวะมาลงไว้ให้ก่อนนะครับ พอดีพรุ่งนี้ติดธุระ ใครยังไม่เม้นเม้นให้เบยยยย นี่นับถอยหลัง 8 ตอนสุดท้ายของภาคแรกแล้วนะ ส่วนที่ถามว่าจะมีภาคต่อไหมนี่ผมก็อยากมีนะครับ แต่สารภาพว่าแต่งไม่ไปถึงไหนเลย อยากให้เขียนไวไวต้องเม้นให้เยอะๆ นะ เป็นกำลังใจให้หนูด้วย ส่วนคนที่เม้นให้ผมก็อ่านทุกคนนะครับ อ่านหลายรอบด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP32 : 2 นาที (02/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 02-07-2018 17:22:51
รออ่านคอมเม้นอยู่น้า

หนูมารออ่านคอมเม้นที่ท่าน้ำทุกวันเบย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP32 : 2 นาที (02/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-07-2018 18:11:37
ลงมาแค่2นาที แต่ไป๋ก็เจ็บตัวจนได้ :serius2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP32 : 2 นาที (02/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 02-07-2018 18:26:14
โดนจนได้วินาทีสุดท้ายจริงๆ

สปิริตของไป๋ เจ๋งสุดๆ

2นาทีเพื่อทีม ว่าแต่อิฐนี้เหาะมารับไป๋เร็วจริงเหมือนนิยายเลยเน้อ
 
หุหุ :laugh:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP32 : 2 นาที (02/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 03-07-2018 08:26:56
ดี
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP32 : 2 นาที (02/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 03-07-2018 23:07:22
วิ่งเข้ามาอุ้มไป๋ด้วยอ่ะ หล่อมากฉากสุดท้าย ไป๋จะใจอ่อนมั้ยนะ แต่จริงๆแอบเดาไว้นะว่าทั้งสองน่าจะชอบกันมานานแล้ว แต่เพราะอะไรสักอย่างถึงไม่ได้คบกันตั้งแต่ตอนนั้น มาจีบอีกทีตอนนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP32 : 2 นาที (02/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-07-2018 23:22:23
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP32 : 2 นาที (02/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 04-07-2018 01:33:46
 :hao7: ลุ้นมาก....  o13. บรรยายได้เหมือนกับดูบาสข้างสนามเลยค่ะ.... ตอนหน้าหวังว่าคู่เอกของเราจะมี Moment หวานๆกับเขาบ้างน้าาาา  :hao3:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP33 : หลังอาหาร (04/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 04-07-2018 17:14:28
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 33 : หลังอาหาร



            เหมือนโลกของไป๋หยุดหมุนไปภายใต้อ้อมกอดไปเสียแล้ว



            สายตาเขามองไม่เห็นบุคคลอื่นใดที่กำลังช้อนตัวเขาไว้อยู่นี่ หูของเขาไม่ยินเสียงอื่นใดนอกจากเสียงฝีเท้าที่ทอดยาวไปอย่างสม่ำเสมอ ตอนนั้นเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสายตาหลายร้อยคู่ที่ทอดมากำลังรู้สึกอะไรบ้าง ไม่รู้เลยว่าเสียงของคนอื่นนอกจากพวกเขากำลังวิพากย์วิจารณ์อย่างไร ราวกับว่าโลกใบนี้จะเหลือแค่พวกเขาสองคน

 





            สายตาของเขาถูกตรึงไว้ที่โครงหน้าได้รูปตรงหน้านี่



            ใบหน้าของมันที่เขาโคตรคุ้นเคย มองใกล้ๆ แบบนี้ดูว่าเหมือนว่ามันจะคล้ำขึ้นไปหน่อย สงสัยมันจะเล่นกีฬากลางแจ้งเยอะ ผมที่ไถข้างตั้งแต่เปิดเทอมตอนนี้ก็ยาวจนมองไม่เป็นทรงเก่าแล้ว สายตาของมันดูแข็งกร้าวและไม่พอใจอย่างมาก สงสัยมันจะโมโหที่แพ้ สมน้ำหน้า เกมนี้เขาเป็นฮีโร่ชัดๆ ไอ้ว่านต้องขอบคุณเขา คนอื่นก็ต้องขอบคุณเขา เขารักษาลูกไว้ได้จนชั่ววินาทีสุดท้าย คณะของพวกเขาชนะทีมตัวเต็งของมหาวิทยาลัยได้ ไหนใครบอกว่าไอ้อิฐมันชู๊ตลูกแม่นนักแม่นหนาไงวะ วันนี้เขายังจำไม่ได้ว่าเห็นมันชู๊ตสักลูกเลย

 





            “ไหนไอ้ว่านบอกว่ามึงจะไม่ลง”



            เสียงของราบนุ่มทั้งที่สีหน้ายังแข็งกร้าวไปด้วยความไม่พอใจ อิฐพูดพร้อมที่เดินต่อไปเรื่อยๆ และไม่ก้มลงมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ เขากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน เขายังไม่รู้เลย



            “ก็ไอ้ว่านมันเจ็บ”



            เขารู้สึกเหมือนกำลังสารภาพผิด ทั้งที่ความจริงเขาก็ไม่ได้ผิดไม่ใช่เหรอ มันควรจะเป็นสิทธิ์ของเขาสิว่าไม่ว่าเขาจะลงแข่งหรือไม่ก็ตาม



            “มันเจ็บ มึงก็ให้คนอื่นลง” เสียงของมันอย่างกับคนแก่ขี้บ่น



            “คนอื่นก็เจ็บ ตัวสำรองก็ลงหมดแล้ว” เขาตอบตามความเป็นจริง



            “คนหมดก็ไม่ต้องลง”



            “อ๊าว ไอ้เชี่ย เหลืออีกแค่ 2 นาที มึงจะให้กูนั่งเฉยๆ ดูทีมแพ้เหรอ”



            “ถ้าอยากชนะขนาดนั้นทำไมไม่บอก”



            “ทำไมอะ ถ้ากูอยากชนะมึงจะทำไม” เขาไม่ได้กวนตีนมันหรอก เขาก็เป็นคนพูดแต่ภาษาพ่อขุนแบบนี้อยู่แล้ว



            “ไม่รู้สิ อาจจะยอมแพ้ให้มึงมั้ง”

 





            “ไปไหนวะ”



            เขาถามเมื่อมันเปิดประตูรถแล้ววางตัวเขาลงที่เบาะข้างคนขับ ไอ้อิฐปิดประตูอย่างเบามือก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งที่เบาะคนขับแล้วปิดประตู ติดเครื่องยนต์ เออ มีแอร์ค่อยดีหน่อย



            “คิ้วแตกแบบนี้ พาไปโรงแรมมั้ง”



            มันตอบทั้งที่ยังทำหน้าบูดไม่หยุดหย่อน อะไรวะ เขาเป็นคนเจ็บนะเว้ย มันจะมาหงุดหงิดเรื่องอะไรนักหนา ทำเหมือนว่าเขาเป็นคนผิด สมน้ำหน้า ทีมมึงแพ้ไปเลย



            “สัด”



            “หุบปาก”



            มันพูดด้วยเสียงกึ่งหงุดหงิด พร้อมยื่นทิชชู่มาซับเลือดที่ไหลออกมาเต็มหน้าเขาไปหมด มันจับหน้าเขาบิดไปมาเพื่อหารอยแผลจนมันพอใจ มันเอาทิชชู่มาซับรอยแผลตรงหัวคิ้วของเขาอย่างตั้งใจ หน้าของมันใกล้มาก ใกล้จนพอจะเห็นขนตา เห็นแววตาที่กำลังมองมาที่เขาอย่างตั้งใจ

 





            “เจ็บไหม”



            “ตอนแรกไม่เจ็บหรอก พอมึงเริ่มถาม กูก็เริ่มเจ็บแล้วเนี่ย”



            เขาบ่น เจ็บสุดคือแผลที่อยู่ตรงหัวคิ้วของเขาเนี่ย รองมาคือมือขวาของเขาที่น่าจะซ้นเพราะเอามือไปยันพื้นไว้แล้วผิดท่า แต่ก้มดูก็ไม่มีเลือดหรือรอยแผลอะไรทั้งสิ้น อาจจะแค่แพลงเฉยๆ ส่วนตรงที่เจ็บน้อยที่สุดคือตรงหน้าขาที่ข่วนลงไปตอนล้มบนพื้น โชคดีว่าพื้นสนามเป็นยางสังเคราะห์อย่างดี ไม่งั้นคงจะข่วนต้นขาของเขาเป็นแผลถลอกแน่



            เขาเองก็เดาไม่ถูกว่าตอนนี้มันดูจะหงุดหงิดกับเรื่องอะไร ถามว่าเขาเจ็บไหม มันก็เจ็บ แต่มันก็แค่เป็นเรื่องปรกติในการที่จะเกิดอุบัติเหตุในการเล่นกีฬา เขายังดีใจเสียได้ว่าเกมมันจบก่อนที่เขาจะได้ทันทำอะไรพอดี คิ้วแตกแค่นี้เดี๋ยวก็หาย แต่ไอ้คนตรงหน้านี่ดูจะอารมณ์เสียยิ่งกว่าเขาเสียอีก มันสบถอะไรพึมพำอยู่คนเดียว เขายังจำภาพได้ติดตาว่ากรามของมันขบนูนเป็นสันเลย

 





            “กินยาทันทีหลังอาหารนะคะ”



            เภสัชกรคนสวยสอนเขากินยาอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาเข้าพบแพทย์และทำแผลกับพยาบาลที่โรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยที่สุดเป็นที่เรียบร้อย หมอที่ตรวจเขาบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ถึงแม้ว่าแผลที่หน้าจะมีเลือดออกมาค่อนข้างเยอะแต่ก็ไม่น่ากังวลเรื่องรอยแผล ล้างหน้าเช็ดแผลเรียบร้อยก็แทบจะไม่เห็นแผลเลย เหตุผลคือรอยแตกมันอยู่ตรงคิ้วของเขาพอดี สภาพตอนนี้ของเขาจึงไม่น่าจะมีปัญหากับการประกวดเดือนมากนัก ใครไม่ตั้งใจดูก็คงจะไม่เห็นแผลของเขา



            “กูบอกแล้วว่าไม่ต้องมาโรงพยาบาลก็ได้ แผลแค่นี้เอง”



            เขาหันไปบ่นกับไอ้อิฐทันทีที่รับยาเป็นที่เรียบร้อย มันทำหน้านิ่งราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด ไอ้อิฐเดินทำหูทวนลมนำเขาไปยังรถคันที่ขับเขามา ขาของเขาไม่ได้เจ็บอะไรมาก แค่แสบๆ มากกว่า ส่วนมือตอนนี้ก็ดีขึ้นมาก คุณพยาบาลพันผ้ายืดไว้ให้ด้วย และบอกให้เขาใส่ไว้จนกว่าจะหายดี



            “เดี๋ยวได้กระเป๋าตังคืนแล้วกูจ่ายให้นะ กระเป๋ากูทิ้งอยู่ข้างสนามอะ ไอ้ว่านคงเก็บไว้ให้” เขาพูด เพราะไอ้อิฐเดินไปจ่ายเงินให้เขาไว้ก่อน



            “ไม่ต้อง” มันตอบห้วนๆ หงุดหงิดอะไรนักหนาวะ



            “ไม่ได้ดิ ไอ้เชี่ย แผลกูกูก็ต้องจ่ายสิวะ” มันจะมาเสียเงินแทนเขาทำไม



            “ก็บอกว่าไม่ต้อง”



            “อะไรของมึงเนี่ย”



            “ทำไม กูมันจนใช่มะ คนรวยอย่างมึงถึงรับเงินกูไว้ไม่ได้”



            “อ๊าว ไอ้เชี่ย กูพูดดีๆ จะประชดกูทำไมวะ” ไป๋เริ่มมีอารมณ์เมื่ออีกฝ่ายยังหงุดหงิดและพูดจาไม่รู้เรื่องสักที

 





            “กูขอโทษ” มันพูดด้วยเสียงเบา พร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



            “เออ คนยิ่งเจ็บๆ อยู่ ยังจะเสือกมากวนตีนอีก” ด่าแม่ง ด่าให้แม่งสำนึก



            “มึงไม่น่าลงมาแข่งเลย” มันพูดเบาๆ



            “ช่างมันเหอะ กูก็ไม่ได้เป็นอะไร” เขาตอบอย่างเริ่มจะเย็นลงบ้าง



            “ไอ้ว่านแม่งไม่น่าปล่อยให้มึงลง” มันบ่นงึมงำ

 





            “ว่าแต่วันนี้มึงเล่นดรอปๆ ลงไปปะ”



            เขาเอ่ยถามอย่างสงสัย ปรกติไอ้อิฐเป็นถึงหัวหน้าชมรมกีฬาสมัยมัธยมของพวกเขาเลยนะ มันไม่น่าจะมาเล่นแพ้พวกเขาได้ คนเก่งสุดในทีมเขาคือไอ้ว่าน ซึ่งไอ้ว่านก็ไม่น่าจะเทียบรัศมีมันได้   



            “วันนี้กูไม่ค่อยมีสมาธิ” ตอนแรกมันเหมือนจะไม่ตอบ แต่พอเขาเงียบอย่างรอฟัง มันก็พูดออกมาแบบเสียไม่ได้



            “เรื่องอะไรวะ มึงเป็นอดีตทีมชาตินะเว้ย มึงจะมาเป็นแบบนี้ได้ไง”



            “กูเป็นทีมชาติกีฬายิงธนูก็พอ” มันเถียง



            “เออ นั่นแหละ แต่มึงก็ต้องตัดเรื่องอื่นออกไปได้ ตอนลงสนามสิวะ”





           

            “บางเรื่องมันก็ตัดไม่ได้หวะ”



            “แล้วมึงกังวลอะไร”



            “...” ไอ้อิฐปิดปากเงียบ



            “เรื่องแข่งเดือนหละสิมึง อาทิตย์หน้าแล้วนี่” ไป๋พูดออกไปแบบพยายามนึก



            “คงใช่มั้ง” คนที่กำลังขับรถตอบแบบขอไปที



            “อะไรของมึงวะ” เขาพูดอย่างไม่เข้าใจ



            “เออ ช่างกูเหอะ คณะมึงชนะก็ดีแล้วนี่” มันตัดบท

 





            “เสียชื่อชมรมไนท์คลับของโรงเรียนกูหมด” ไป๋ยังบ่นแบบเพลินปากไปเรื่อย



            “มึงอยู่บิชอปนะ ได้ข่าว แถมเกลียดชมรมกูมากด้วย”



            “ไม่เคยเกลียดเว้ย แค่หมั่นไส้”



            “แต่ก็ไม่ชอบใช่ไหมหละ”



            “เออ”



            “หึ” เสียงไอ้อิฐแค่นหัวเราะออกมาแกนๆ

 





            “หรือมึงอ่อนให้คณะกู”



            “อ่อนทำซากอะไรหละ ไอ้ห่านี่” มันบ่น



            “แล้วมึงเล่นไม่ดีเพราะแค่กังวลเรื่องเดือนเนี่ยนะ โหย กูเชื่อตายอะ”



            “เออ ก็มีเรื่องอื่นด้วย”



            “เรื่องไรวะ สอบกลางภาคเหรอ”



            “เออ เรื่องอะไรก็ช่างกูเหอะ”



            “สำคัญกับมึงมากสินะ”



            “เออ โคตรสำคัญ แต่แม่งก็ไม่เคยจะรู้สึกตัว”



            อิฐพูดตัดบทอย่างรำคาญแต่ก็แฝงไว้ด้วยความตัดพ้อ รถคันเก่าของมันแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถคณะวิทยาศาสตร์ ไอ้ว่านนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว ไอ้โฟคที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ก็มานั่งอยู่ด้วยพร้อมไอ้เพียว

 





            “ไป๋ กูขอโทษ”



            ไอ้ว่านพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มันพยายามลุกขึ้นแต่ก็ฝืนไม่ไหวนั่งลงอีกครั้ง ความจริงมันดูเจ็บกว่าเขาเยอะ ต้นขาของมันยังประคบเย็นอยู่เลย



            “เฮ้ย ไม่เป็นไร กูโอเค” เขาตอบออกมาจากใจจริง เขารู้สึกว่ามันก็ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เลวร้ายอะไรนัก



            “เป็นอะไรมากเปล่าไป๋” เสียงของโฟคทักขึ้น สายตาของมันยังเป็นห่วงเป็นใยมันเหมือนเดิม



            “ไม่เป็นไรหรอก แค่มือซ้น เจ็บขานิดหน่อย ส่วนแผลก็ไม่มีอะไรมาก โชคดีว่ากระแทกตรงคิ้วพอดี รอยเลยไม่ได้ชัดอะไร”



            เขาพูดพร้อมชูมือข้างขวาที่พันไว้ด้วยผ้ายืดเป็นท่าทีว่าสบายมาก ไป๋เดินอ้อมไปนั่งตรงกระเป๋าสะพายเขาที่วางอยู่ข้างไอ้ว่าน ปล่อยให้คุณชายอิฐแม่งยืนขี้เก๊กต่อไปคนเดียว



            “ไหนขอโฟคดูแผลหน่อยสิ”



            เสียงไอ้ลูกลิงพูดขึ้นพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาโดยที่ไม่รอเขาอนุญาต มันใช้มือปาดผมหน้าม้าของเขาออกเพื่อพยายามดูรอยแผลที่ถ้าไม่ตั้งใจสังเกตให้ดีก็จะเห็นแค่รอยช้ำนิดเดียว



            อยู่ดีดีก็มีบรรยากาศมาคุแบบอธิบายได้ยากเกิดขึ้น ไอ้อิฐเดินไปกระแทกตัวนั่งลงข้างไอ้เพียวพร้อมกับทำหน้าบูดบึ้งต่อไป ไอ้เพียวก็ขมวดคิ้วจ้องมาทางไอ้โฟคเขม็ง มันไปโกรธอะไรกันมาหรือเปล่าวะ เขาหันไปตั้งคำถามด้วยสายตากับไอ้ว่าน มันก็ทำท่ายักไหล่เหมือนจะบอกเขาว่าอย่ามายุ่งกับกู

 





            เขาขอตัวอยู่คุยงานกับไอ้ว่านต่อ



            ไอ้อิฐถูกไล่กลับหอไปก่อน หลังจากที่ไป๋ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าไม่ต้องรอก็ได้ ส่วนไอ้โฟคที่ยืนยันว่าจะเดินกลับหอเอง แต่เผลอแป๊บเดียวก็เห็นมันไปนั่งหน้าบูดจุ้มปุ๊กอยู่ที่เบาะข้างคนขับของรถไอ้เพียวแล้ว (ไปสนิทกันตอนไหนวะ?) ส่วนเขาก็วางแผนปรึกษาเรื่องการประกวดเดือนกับไอ้ว่านอยู่สองคน ตอนแรกเขาวางแผนการแสดงไว้เสียดิบดี แต่มือมาเจ็บแบบนี้ ท่าทางเขาคงจะต้องยืมมือไอ้ว่านมาเป็นมือสำรอง

 





                To… ไป่ไป๋

 

                                อยากดูแลมากกว่านี้ แต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่เคยมีสิทธิ์

                                เห็นหมอเจ็บ ผมโคตรเจ็บ

                                ไม่ได้หยอด แต่ผมรู้สึกจริงๆ

 

                                                                                                                                                From… 950

 





            เขาหยิบขึ้นมาดูพร้อมกับถอนหายใจ ตกลงมึงเป็นใครกันแน่ว่าไอ้ 950 เขาเดินส่ายหัวอย่างปลงๆ พร้อมกับหยิบถุงยาที่ภายในบรรจุยาใบบัวบกแก้ช้ำในและจดหมายน้อยที่เสียบไว้ข้างในเข้าห้องมาด้วย เขาเอาจดหมายที่มันส่งให้แปะไว้เรียงกันตามลำดับเวลาบนโต๊ะอ่านหนังสือ ส่วนใบบัวบกขวดนั้นก็ถูกโยนไปไว้ในกล่องยาปฐมพยายาลที่อยู่ในห้องเขา

 





            ‘หวังว่ามึงจะไม่ใช่คนที่กูคิดนะ’







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               หลังหลังลงไม่ค่อยตรงวันเท่าไหร่ เพราะงานยุ่งมาก ต้องแอบมาลงก่อน กลัวว่าจะไม่ว่างมาลง อีก 7 ตอนสุดท้ายแล้วนะ ช่วยกันเม้นเป็นกำลังใจหน่อย กำลังแต่ภาคสองอยู่ ได้หนึ่งตอนละ เอื่อยเฉื่อยเหลือเกิน 555555
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP33 : หลังอาหาร (04/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 04-07-2018 17:15:03
เม้นให้หนูหน่อย ฮือออออ อยากได้กำลังจุยยยยยย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP33 : หลังอาหาร (04/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-07-2018 17:22:51
แล้วคนที่ไป๋คิดไว้คือใครละเนี่ย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP33 : หลังอาหาร (04/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-07-2018 19:14:28
ไป๋ คิดแล้วสินะว่า 950 เป็นอิฐ ใช่มั้ย   :katai2-1:

เพียว หึงโฟคแล้ว ที่เข้าใกล้ไป๋มากๆ   :z3: :z3: :z3:
เลยบังคับโฟคให้นั่งรถไปกับตัวเอง 

อิฐ  ไป๋   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP33 : หลังอาหาร (04/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 04-07-2018 21:03:08
นั่นสิ.... ใคร.... คิด เหมือนกัน มั้ย.... นะ... 555
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP32 : 2 นาที (02/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 04-07-2018 23:45:25
งุยๆ น่ารัก ช่วยกันด้วย มาต่ออีกนะครับ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP33 : หลังอาหาร (04/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 05-07-2018 00:03:46
อ่านแล้วน่ารักกก มีmoment ของ คู่เอกสักที  o13
BUT ..... พออ่าน message from writer ....  :a5: อะไรอะ  o22 อีก7ตอนจะจบ  o22  ยังอยากอ่านตอนทั้งคู่sweet กันอีกเยอะเลย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP33 : หลังอาหาร (04/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 05-07-2018 05:42:15
เริ่มชัดเจนขึ้นแระ ชอบบบบบบบบบบบบบ เรื่องนี้ รอตอนต่อๆไปนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP33 : หลังอาหาร (04/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 05-07-2018 05:56:15
ใครน้อที่ไป๋คิด
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP33 : หลังอาหาร (04/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 05-07-2018 17:39:06
ไป๋คิดว่าใคร เราก็คิดว่าคนนั้นแหละ 55555
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP33 : หลังอาหาร (04/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 05-07-2018 22:51:22
หรือไป๋จะรู้แล้ว
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP34 : ไหล่ข้างซ้าย (06/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 06-07-2018 10:57:02
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 34 : ไหล่ข้างซ้าย



            Mr.950 : เจ็บมากไหมครับไป๋

           





            เขาก้มดูโปรแกรมแชตสีเขียวที่ร้องเตือนมาพร้อมกับตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเลื่อนสไลด์หน้าจอ เพื่อตอบคำถามนั่น

 





            BAIBAI : ก็ไม่ค่อยเจ็บนะ แผลนิดเดียวเอง



            Mr.950 : เหรอครับ ตอนผมเห็นไป๋ล้ม ผมอยากจะวิ่งเข้าไปช่วย ไป๋ไม่น่าไปลงแข่งเลย



            BAIBAI : มันไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอก ตกใจมากกว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร



            Mr.950 : ยังปวดอยู่ไหมครับ



            BAIBAI : นิดๆ อะ



            Mr.950 : อย่าลืมกินยานะครับ นี่ไป๋ทานข้าวเย็นหรือยัง



            BAIBAI : เออ ลืมกินเลยหวะ ขอบใจที่เตือน

 





            เขาพึ่งนึกออกพอดีว่ายาต้องกินหลังอาหาร ตอนแรกเขาว่าจะกินยาแล้วนอนเลยจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแผน รื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาเติมน้ำร้อนรองท้องสักหน่อยก่อนกินยา

 





            Mr.950 : อยากมีสิทธิ์ดูแลมากกว่านี้ แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้



            BAIBAI : อย่าลิเก ถ้าลิเกอีกประโยคหนึ่งคือบล๊อค



            Mr.950 : ขอโทษ มันอึดอัด มันไม่รู้จะพูดยังไง



            BAIBAI : คอลไลน์มาสิ อยากพูดอะไรก็พูดมา แล้วก็บอกด้วยว่าคือใคร





 

            Mr.950 : ผมไม่กล้าหรอกครับ



            BAIBAI : ป๊อด...



            Mr.950 : กับเรื่องไป๋ ผมก็ไม่เคยกล้าสักที



            BAIBAI : นี่แอบสืบหาห้องกู เอาของมาวางหน้าห้องกู แอบตามกูโดยไม่กูรู้ อันนี้ยังไม่เรียกกล้าอีกเหรอวะ



            Mr.950 : ผมแค่อยากดูแล



            BAIBAI : เออ เรื่องของมึงเหอะ ลิเกจบแล้วใช่มะ กูจะไปนอน

 





            Mr.950 : เดี๋ยวครับไป๋



            BAIBAI : อะไรอีก



            Mr.950 : จบงานประกวดเดือน ไป๋มาเจอผมที่ห้องชมรมถ่ายรูปตึกสโมกลางตอนทุ่มนึงได้ไหมครับ ผมมีของอยากให้ไป๋ดู



            BAIBAI : เรื่องสิ ถ้ามึงดักปล้นกูทำไงหละ กูไม่ใช่เด็กอมมือเชื่อคนง่ายนะเว้ย





 

            Mr.950 : สัญญาด้วยเกียรติลูกผู้ชายว่าจะไม่ทำร้ายไป๋แน่นอน



            BAIBAI : เปลี่ยนเกียรติลูกผู้ชายเป็นชื่อมึงแทนได้เปล่าหละ



            Mr.950 : โถ่ อาทิตย์หน้าผมก็จะบอกอยู่แล้ว



            BAIBAI : เออ คิดดูก่อนแล้วกัน ถ้าว่างก็จะไป



            Mr.950 : ผมจะรออยู่นะครับ



            BAIBAI : ถ้าทุ่มครึ่งแล้วยังไม่เห็นหน้ากูก็ไม่ต้องรอ



            Mr.950 : ไม่ครับ ผมจะรอไป๋อยู่ที่นั่น ถึงเช้าผมก็จะรอ



            BAIBAI : อย่าลิเก กูรำคาญ

 





            Mr.950 : มานะครับ



            BAIBAI : กูไม่ไปอะ กูตัดสินใจละ มึงไม่ต้องรอละกัน



            Mr.950 : ไป๋...



            BAIBAI : มึงเป็นใครกูก็ไม่รู้อะ มึงจะให้กูไปได้ไง เกิดมึงดักกระทืบกู กูก็ฉิบหายดิ คือมึงก็ไม่ได้แย่นะเว้ย แต่กูก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนเปล่าวะ ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้ มึงไม่ต้องรอหรอก มีของอะไรอยากให้ดูก็ถ่ายรูปส่งมาละกัน

 





            Mr.950 : ผมบอกหมอว่านไปแล้วนะครับว่าผมเป็นใคร แล้วผมก็บอกไปแล้วว่าผมจะนัดไป๋ออกมาหลังแข่งเดือนจบ



            BAIBAI : แล้วไปบอกมันทำไมวะ บอกกูนี่สิ



            Mr.950 : บอกหมอว่าน ถ้าหมอว่านไม่ห้าม ไป๋จะได้สบายใจว่าผมไม่เจตนาร้าย



            เขารีบกดออกจากหน้าแชตแล้วโทรหาไอ้ตัวปัญหาอีกตัวที่ถูกกล่าวถึงทันที ทำไมมันรู้แล้วไม่บอกเขาวะ ไอ้เชี่ยนี่มีลับลมคมใน

           





            “โหล”



            “ไอ้เชี่ยว่าน”



            “ทักกูดีๆ ก็ได้นะ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วมึงยังขอให้กูไปช่วยทำงานประกวดเดือนของมึงอยู่เลย” ปลายสายตอบออกมาแบบบ่นๆ แต่ฟังดูก็รู้ว่ามันไม่ได้คิดอะไรหรอก มันก็บ่นไปงั้นแหละ



            “ไอ้เก้าห้าศูนย์มันบอกกูว่ามึงรู้แล้วว่ามันเป็นใคร” เขาเปิดประเด็น



            “เออ มันมาบอกกูตั้งแต่เช้าละ” อีกฝ่ายยอมรับง่ายๆ



            “อ้าวไอ้เชี่ย แล้วทำไมไม่บอกกูวะ” เขาบ่น



            “ก็มันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งบอก มันจะเซอร์ไพรส์มึงหลังแข่งเดือนเสร็จอะ”

 





            “แล้วตกลงมันเป็นใครวะ” เขาถามแบบอยากรู้



            “อ๊าว กูก็เพิ่งบอกว่ามันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งบอก มันจะเซอร์ไพรส์มึง”



            “ไอ้เชี่ยว่าน นี่มึงเห็นคนอื่นดีกว่ากูแล้วเหรอ”



            “ไม่ต้องมาดราม่าใส่กูเลย รู้วันนี้กับรู้อาทิตย์หน้า มันก็ไม่ต่างกันหรอก”

 





            “กูอุตส่าห์ลงแข่งให้มึง ยอมเจ็บตัวจนมึงได้เหรียญทอง...” เขาทำเสียงเศร้า แกล้งมันให้มันรู้สึกผิด



            “ไป๋”



            “อืม”



            “กูคบกับมึงมานาน กูรู้อันไหนเรื่องจริง เรื่องไหนมึงตอแหล” เชี่ย มันรู้ว่าเขาไม่ได้ดราม่าจริง



            “สัด”

 





            “มีไรอีกไหม” มันถามกลับมา



            “มึงไม่บอกกู แล้วกูจะมีอะไรอีกหละ” เขาบ่น ไม่ได้ดังใจเลยสิ โธ่เอ๊ย



            “เออ งั้นกูไปนอนละ”



            “อย่าลืมเตรียมการแสดงด้วยหละ ที่มือกูใช้ไม่ได้ก็เพราะมึงนะ” เขาย้ำ



            “เออ กูรู้แล้วน่า มึงจะให้กูทำอนุสาวรีย์ให้มึงเลยไหมหละ” มันย้อน



            “ปากดีฉิบหาย” เขาด่า



            “ติดใครมาหละ ด่ากูจนกูกลายเป็นคนปากหมาไปแล้วเนี่ย”

 





            ไป๋วางสายจากไอ้ว่านแล้วก็หันไปกินบะหมี่กึ่งที่ทำไว้พร้อมกับเปิดเพลงฟังไปด้วยอย่างสบายใจ ดูเหมือนตอนที่เขาโทรไปหาไอ้ว่าน ไอ้เก้าห้าศูนย์อะไรนั่นก็ยังทักไลน์เขามาต่อ แต่ปล่อยมันไว้งั้นแหละ ตามใจมากเดี๋ยวมันเหลิง หาว่าไปให้ความหวังมันอีก

           

           





 

            การแข่งขันกีฬาเฟรชชี่จบลงไปในที่สุด



            ไอ้ว่านเล่าให้เขาฟังว่าฉากที่เดือนวิศวะอุ้มเดือนแพทย์ออกมาจากสนามเป็นที่ระบือลือลั่นกันมากในมหาวิทยาลัย แต่เอาเถอะ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่หรอก อิฐมันก็เพื่อน แล้วมันก็ไม่ได้ดูยี่หระอะไรกับข่าวอะไรนี่ด้วย โลกในทวีตเตอร์และไลน์ของเขายังปรกติดี ส่วนในเฟสบุ๊คไม่รู้ เขาแทบไม่เปิดเข้าไปดูเลย ยิ่งรู้ว่าตัวเองมีข่าวลือโน่นนี่มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไม่อยากจะไปเสพไปแบกไว้ให้ปวดหัว



            ดูเหมือนปัญหาหนึ่งที่เขาลืมนึกไปคือไอ้โฟค



            ตั้งแต่หลังแข่งบาสรอบชิง ไม่สิ ตั้งแต่หลังจากที่มันกลับบ้านกับไอ้เพียวไปก่อนวันนั้น มันก็ดูเงียบๆ ไปจนรู้สึกได้ มันบอกว่ามันหึงเขากับไอ้อิฐ ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ เดาว่าตอนที่เขาโดนอุ้มออกมาก็คงมีคนถ่ายรูปไว้ แต่พอมันไม่ถาม เขาก็ไม่คิดว่าจะเดินไปปฏิเสธอะไร ความจริง ยิ่งมันตัดสินใจอะไรได้ไวๆ ก็ยิ่งดี เขาเกรงใจมัน มันเหมือนน้องชายขี้อ้อนที่ชอบเกาะเราเป็นลูกลิงแล้วเราก็ต้องคอยป้อนขนม เขามองมันได้แค่นี้แหละ ช่วงหลังมันก็หายไปซ้อมกิจกรรมของมันมากขึ้น ตัวมันเองก็เป็นเดือน มันก็ต้องไปซ้อมการแสดงของตนเองเหมือนกัน เรื่องที่มันห่างออกไปเขาก็พอเข้าใจ เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากให้มันได้ใช้เวลากับตัวเอง สักวันหนึ่งเดี๋ยวก็กลับมาตบหัวกอดคอคุยกันได้แบบเพื่อนเหมือนเดิม

 





            ช่วงโค้งสุดท้ายเขาแทบต้องไปซ้อมการแสดงกับไอ้ว่านทุกวัน



            ตอนนี้มันยังขาเจ็บขับรถเองไม่ค่อยไหว เขาก็รับหน้าที่ไปรับไปส่งมันตอนเช้ากับเย็น การแสดงก็ซ้อมกันแถวหอมันบ้าง ใต้หอมันบ้าง บอกให้มันไล่เมทไปที่อื่นแล้วซ้อมในห้องมันบ้าง แต่ก็เอาแบบที่มันสะดวกที่สุด เดินทางให้น้อย เผลอแผลบเดียวก็เข้าใกล้วันงานเต็มที ตอนแรกว่าจะไม่ตื่นเต้น แต่พอซ้อมการแสดงเข้าทุกวันๆ ก็ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก



            คิดแล้วก็รำคาญความเป็นคนปากไวของตนเอง



            ความจริงเขาก็ไม่ได้อยากชนะไอ้อิฐอะไรมันมากนักหรอก สาบานเหอะ แต่ตอนนั้นมันโคตรกวนตีน เขาก็เผลอรับปากเพราะอยากชนะมันออกไป นี่ถ้ามันมาท้าตอนเริ่มสนิทกันขึ้นแบบนี้นะ ร้อยเอาหนึ่งเขาก็ไม่ยอมแข่งด้วยเด็ดขาด ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดตัวเอง เขาเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่เกี่ยวกับหน้าตามาก คือเขารู้ตัวว่าไม่ใช่คนหน้าตาดี พอต้องมาแข่งขันอะไรที่เกี่ยวข้องกับหน้าตาแบบนี้ยิ่งรู้สึกแย่ เฮ้ออออ อดทนอีกหน่อยสิวะไอ้ไป๋ เดี๋ยวแม่งก็ผ่านไปแล้ว

 





            งานประกวดดาวเดือนจัดขึ้นที่หอประชุมที่พวกเขาแข่งบาสนั่นแหละ



            การประกวดจัดขึ้นบนเวที ส่วนพื้นที่ที่เป็นลานกีฬาตรงกลางกับอัฒจรรย์รอบด้านก็เป็นพื้นที่สำหรับคนที่จะเข้ามาชม การแข่งขันดาวเดือนจัดขึ้นวันเสาร์ 2 อาทิตย์ก่อนสอบกลางภาค งานเริ่มสิบโมง แต่เขากับน้ำหอมต้องถ่อตัวเองมาตั้งแต่หกโมงเช้า น้ำหอมนัดช่างแต่งหน้าไว้ ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะไม่แต่งหน้าขึ้นเวที แต่พอเห็นรอยเขียวจ้ำที่ยังไม่หายตรงคิ้วตัวเองแล้วก็ตัดสินใจควักกระเป๋าตังหารครึ่งกับสาวเจ้าดาวคณะเพื่อขอยืมช่างแต่งหน้ามาช่วยกลบเกลื่อนร่องรอย



            ไอ้ว่านตามมาสมทบด้วยตอนประมาณแปดโมงเช้า มันได้บัตรสตาฟมาหลังเวทีเพราะเป็นทีมการแสดงความสามารถพิเศษของเขา พอเห็นหน้าไอ้ว่านเขาก็ได้แต่ยิ้มอย่างสบายใจ ตอนแรกที่นั่งอยู่กับน้ำหอมเขาโคตรอึดอัด ต่างฝ่ายต่างไม่ค่อยสนิท แต่จะให้แยกกันนั่งก็กระไรอยู่ พอไอ้ว่านมา เขาจะได้แอบเนียนไปนั่งกับมันได้อย่างสบายใจ

 

 





 

            “ยินดีต้อนรับเข้าสู่การประกวดเฟรชชี่บอยแอนด์เกิร์ลประจำปีของมหาวิทยาลัยนววิวัฒน์ด้วยค่ะ”



            เสียงเปิดตัวพิธีกรหน้าฉากดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือดังกระหึ่มในหอประชุมจนเขาเองตกใจ ฟังจากเสียงแล้วคนน่าจะมาดูเยอะมาก เขาได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างฝาดเฝื่อน ตอนนี้ดาวกับเดือนมาสแตนบายยืนรอหลังเวทีเป็นที่เรียบร้อย



            ดาวเดือนทุกคนจะแต่งกายเหมือนกันด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบ



            เขายืนกวาดตาไปรอบห้องอย่างตื่นเต้น ไอ้โฟคในชุดหล่อเต็มยศเซ็ตผมเต็มสตรีมยืนห่างจากเขาไปไม่ไกล มันส่งยิ้มกว้างมาให้เขาเป็นเชิงให้กำลังใจ ไล่สายตาไปเรื่อยก็ไปเจอกับไอ้อิฐที่วันนี้แม่งหล่อวัวตายควายล้มมาก เหมือนมันเพิ่งจะกลับไปไถข้างมาอีกรอบจบตอนนี้กลับมาเป็นลุคแบดบอยเหมือนเดิมแล้ว ถึงแม้ว่ากรรมการจะกำหนดให้แต่งกายถูกระเบียบแต่มันก็ยังคงใส่ตุ้มหูเสื้อกาวน์ตัวนั้นเหมือนเดิม (โดนกรรมการตัดคะแนนการแต่งกายแน่มึง)



            ไอ้เพียวก็อยู่หลังเวทีด้วย มันน่าจะมาช่วยไอ้อิฐเรื่องการแสดง เขาคุ้นว่าเหมือนจะเห็นหน้าไอ้กาญแว็บๆ แต่ก็ไม่มั่นใจ ส่วนไอ้ว่านนี่ไม่ต้องสืบ กวาดตาไปเห็นก็เจอไอ้ว่านมองมาอยู่ก่อนแล้ว มันเอานิ้วทำท่าปาดคอเป็นเชิงคู่เขาจนเขาเผลอสบถด่ามันแบบไม่มีเสียงออกมา เมื่อมันเห็นผมด่ามันก็หัวเราะอย่างสบายใจ (ฝากไว้ก่อนเถอะมึง)

 





            “ขอเชิญพบกับผู้เข้าประกวดทุกคนเลยครับ”

 





            เสียงพิธีกรชายดังมาจากหน้าเวที พร้อมกันกับที่สตาฟของงานมาแตะแขนเป็นเชิงให้เขาเดินขึ้นเวทีได้เลย เขาเดินก้าวขึ้นไปตามบันไดไปด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ พอไปยืนเข้าตำแหน่งเลยเงยหน้าก็ต้องขนลุกซู่ไปทั้งตัว ห้องประชุมทที่เคยว่าใหญ่โตนั้นตอนนี้แน่นขนัดไปด้วยนักศึกษาจำนวนมาก ทั้งบนลานกีฬาตรงกลางและอัฒจรรย์โดยรอบ ประมาณคร่าวๆ ยังไงก็ไม่ต่ำกว่าพันคนแน่ ใจของเขาที่ไม่สู้ดีอยู่แล้วก็ฝ่อเหลือแค่นิดเดียว





 

            เขารู้สึกถึงแรงหนึ่งมาบีบที่ไหล่ข้างซ้ายของเขา



            หันไปมองก็เจอกับไอ้อิฐที่เพิ่งเดินผ่านเขาไปเข้าตำแหน่งที่อยู่ไม่ห่างกันออกไปไกลนัก มันลอบหันหน้ามาหาเขาพร้อมกับพูดแบบไม่มีเสียงเพื่อเป็นการสื่อสารกับเขา

 





            “อย่า - ป๊อด”



            เขาอ่านภาษาปากมันได้แบบนี้







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               แอบมาลงไว้ก่อน พอดีพรุ่งนี้ไม่ว่าง (อีกแล้ว) คนอ่านจะได้มีอะไรอ่านตอนสุดสัปดาห์ ใครอยากให้มีภาคต่อเม้นให้ด้วยนะ ต้องการกำลังใจไปแต่งภาคต่อไป 555555
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP34 : ไหล่ข้างซ้าย (06/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 06-07-2018 10:57:29
ขอกำลังใจไปแต่งภาคต่อหน่อยเร้ววววววววววววววว

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP34 : ไหล่ข้างซ้าย (06/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 06-07-2018 16:22:21
เกือบจะได้รู้แล้วค่ะใครน้อ950
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP34 : ไหล่ข้างซ้าย (06/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-07-2018 14:59:41
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ ใครหว่าคือนาย 950 

แอบรู้สึกว่าจะเป็น ว่าน อ่ะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP34 : ไหล่ข้างซ้าย (06/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 07-07-2018 15:31:39
ยังหวังว่า950จะไม่ใช่อิฐนะ ไม่รุ้สิรู้สึกว่าถึงอิฐจะแอบรักแอบชอบยังไง แต่มาส่งไลน์ส่งขนมมุ้งมิ้งๆมันไม่ใช่อ่ะ
เอาจริงๆก็ยังรุ้สึกว่าไป๋รู้แหล่ะว่าอิฐคิดยังไง แต่ไม่กล้าโดดลงไปเพราะกลัวผิดหวัง อาจจะรู้มาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว ดีไม่ดีอาจเคยลองคบกันแล้วแต่ตอนนั้นมันไม่รอดรึป่าว
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP34 : ไหล่ข้างซ้าย (06/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 07-07-2018 17:06:39
ไป๋ไม่ป๊อดนะ แฟนคลับเชียร์อยู่
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP34 : ไหล่ข้างซ้าย (06/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 07-07-2018 18:18:20
รอลุ้นกันต่อไป
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP34 : ไหล่ข้างซ้าย (06/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-07-2018 19:33:11
ไรท์...........เขียนดีงาม พระรามพระลักษณ์เลย   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 ลุ้นๆๆๆๆ   :ling1: :ling1: :ling1:

อิฐ  ไป๋   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP34 : ไหล่ข้างซ้าย (06/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 07-07-2018 20:10:46
อีก นิดเดียว... จะรู้แล้ว... ใครคือ950
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP34 : ไหล่ข้างซ้าย (06/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-07-2018 22:35:20
950คือใคร แล้วทำไมต้องเป็นเลข950 อยากรู้แล้วววว
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP34 : ไหล่ข้างซ้าย (06/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 08-07-2018 05:44:20
รอ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP34 : ไหล่ข้างซ้าย (06/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: xxgnn ที่ 08-07-2018 06:36:10
รอวันเปิดตัว950 นี่คิดว่าต้องเป็นอิฐแน่ๆ จะเดาผิดไหมน้าาาา :hao5:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP34 : ไหล่ข้างซ้าย (06/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 08-07-2018 10:03:34
สนุกมากกก น่ารัก ภาษาก็ดี  ชอบมากเลยจ้า  :mew1:

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP35 : เลคเชอร์รัก (08/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 08-07-2018 16:49:48
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 35 : เลคเชอร์รัก



            ความจริงการแข่งขันดาวเดือนไม่มีอะไรซับซ้อนเลย

            การแข่งขันแบ่งเป็น  2 รอบหลัก คือ รอบแสดงความสามารถพิเศษ และรอบตอบคำตอบ แต่เหตุผลที่การแข่งขันกินเวลายาวนานเกือบทั้งวันก็เพราะว่ามหาวิทยาลัยเขามีทั้งหมด 30 คณะ สนนเป็นดาวเดือนรวม 60 ชีวิต การแสดงคนละไม่เกิน 4 นาที รวมเวลาเปลี่ยนฉากปรับเวทีระหว่างคณะก็ร่วม 6 ชั่วโมงแล้ว รวมตอบคำถามและประกาศผลก็เลิกเกือบ 6 โมงเห็นจะได้

 

            การแสดงเรียงกันตามลำดับการจับฉลาก

            สตาฟจะเรียกคิวยืนรอแค่ 3 คนถัดจากคนที่กำลังแสดงบนเวทีเท่านั้น ส่วนดาวเดือนที่เหลือก็พักผ่อนกันตามอัธยาศัยอยู่หลังเวที การแข่งขันยิงยาวไม่มีพักกินข้าว คนประกวดก็นั่งกินข้าวกล่องกันหลังเวที คนดูก็สลับสับเปลี่ยนกันไป ไอ้ว่านบอกว่าส่วนใหญ่ก็จะเกณฑ์กันมากรี๊ดให้กับคณะตัวเองเป็นหลัก ถ้าดาวเดือนคณะไหนแสดงแล้วมีคนอยู่เยอะกว่าปรกติก็อาจจะหมายถึงว่าหน้าตาดีจนเป็นที่หมายปองของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยมาก

 

            “พร้อมแล้วครับ”

            เสียงของเขา โฟค เดือนคณะทันตแพทยศาสตณ์ตอบกลับทีมสตาฟพร้อมกับจังหวะเดียวกันที่เพื่อนร่วมคณะของเขาวิ่งเอาอุปกรณ์การแสดงไปเตรียมบนเวที อุปกรณ์การแสดงของเขาอาจจะดูแปลกมาก เพราะมันมีแค่โต๊ะ เก้าอี้ และคอมพิวเตอร์ที่จอต่อกับโปรเจคเตอร์ด้านหลัง 1 ตัว

 

            สวัสดีครับ ผมชื่อโฟค ผมเป็นตัวแทนจากคณะทันตแพทยศาสตร์ครับ

            เขาไม่ได้พูด แต่เขาพิมพ์ลงไปบนคอมพิวเตอร์เครื่องโปรดอย่างคล่องแคล่ว วันนี้เขาจะมาแสดงความสามารถพิเศษของเขา การเป็นนักเขียนที่เขารัก

 

            ความสามารถพิเศษของผมคือการเขียนหนังสือ วันนี้ผมจึงจะมาเขียนเรื่องสั้นให้ทุกคนได้อ่านกันสักเรื่องหนึ่ง แต่ก่อนอื่น ผมขอเสียงเป็นกำลังใจให้ผมสักหน่อยได้ไหมครับ

            เสียงเชียร์ของเขาดังกระหึ่มขึ้นในหอประชุมกว้าง เขามองเห็นเพื่อนจากคณะเขามานั่งเชียร์กันเกินครึ่งคณะได้ ชายหนุ่มฉีกรอยยิ้มอวดฟันสวยอย่างใจชื้น

 

                เรื่อง... เลคเชอร์รัก

 

                หวาน หญิงสาวปีหนึ่งคณะทันตะเปิดไล่ดูเว็บบอร์ดของคณะอย่างเบื่อหน่ายในวันศุกร์แรกของการเปิดเทอมเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง เธอยังไม่ค่อยสนิทกับใครในคณะเลย แถมโชคร้ายพี่รหัสก็ดันซิ่วไปแล้ว เย็นวันศุกร์ที่น่าเบื่อแบบนี้เธอจึงลองมาเล่นเว็บบอร์ดที่เปิดไว้ให้นักศึกษาในคณะพูดคุยกันดูบ้าง หวานกวาดสายตาไปทั่วอย่างสนใจ

 

                กระทู้ : ปีหนึ่งคนไหนจดเลคเชอร์คาบฟิสิกส์ทันบ้าง ขอยืมไปสแกนหน่อย

 

                เธอกดเข้าไปอ่านกระทู้อย่างสนใจ เมื่อเห็นว่าไม่ใช่การเสียหายอะไร เธอจึงตัดสินใจนำชีทที่เธอตั้งใจจดนั้นสแกนและส่งไปให้ตามอีเมลล์ที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ให้ เธอเอากระดาษทับชื่อและรหัสของเธอไว้ เธอขี้เกียจเปิดเผยตัวตน

               

                แต่การตัดสินใจวันนั้นก็คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง พวกเขาส่งอีเมลล์พูดคุยกันโดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใครในคณะ

                จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอบ่นว่าไม่มีพี่รหัส อีกฝ่ายจึงไปค้นลังรหัสของตนเองมาให้ และนำตัวอย่างข้อสอบเก่ามาสแกนส่งให้เธอชดเชย เมื่อเธอเห็นรหัสที่เขียนไว้บนชีทที่ส่งมาให้ เธอจึงได้รู้ว่าเขาคือบอล ประธานรุ่นที่เป็นที่สนใจของทุกคน

                ยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร เธอยิ่งไม่อยากเปิดเผยตัวตนเข้าไปอีก เธอเป็นแค่นักศึกษาบ้าเรียนแถวหน้า ไม่เหมาะกับเขา คนที่มีเสน่ห์ มีแต่คนรายล้อม และมีเพื่อนมากมายแบบนั้น

 

                Isakaya Dentt to Me : เธอ เราขอยืมชีทชีววิทยาคาบเมื่อวานได้ไหม

                Kisse Suite to Isakaya : ได้สิ เดี๋ยวเราสแกนส่งให้เหมือนเดิมนะ

                Isakaya Dentt to Me : รอบนี้ขอเดินไปเอาที่โต๊ะได้ไหม

                Kisse Suite to Isakaya : เราไม่เคยบอกนี่ว่าเราคือใคร

 

                Isakaya Dentt to Me : เรารู้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่าเธอคือใคร เรามีใบประวัติคนทั้งรุ่นอยู่ เทียบดูก็รู้แล้วว่าเป็นหวาน หันหลังมาหน่อยหวาน เราไม่อยากอ่านเลคเชอร์ที่อยู่แต่ในไฟล์แบบเดิมอีกแล้ว เราอยากอ่านพร้อมหวานที่อยู่ต่อหน้ามากกว่า

 

                Isakaya Dentt to Me : เราขอจีบหวานนะ ^ ^

 

            เขาบรรจงจรดแป้นพิมพ์อย่างเร่งรีบ เพราะรู้ว่าด้วยเวลาจำกัดเพียงเท่านี้ การจะปิดเรื่องให้จบยากมากทีเดียว แต่เขาก็ทำสำเร็จ เขาซ้อมพิมพ์เรื่องสั้นนี่เป็นสิบรอบได้ เมื่อเห็นว่าทำทุกอย่างได้ทันก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก คุ้มค่าที่เหนื่อยจริงๆ

 

                ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ

 

            เขาพิมพ์ประโยคปิดท้าย พร้อมกับลุกยืนตรงขึ้นและโค้งคำนับทุกคนเป็นการขอบคุณ เสียงปรบมือดังกระหึ่มทั้งหอประชุม โล่งใจ นึกว่าจะไม่มีใครชอบเสียแล้ว

 

            “เชี่ย โคตรดีอะ”

            เสียงของไป๋ทักขึ้นมาเป็นคนแรกหลังจากเขาเข้าหลังเวทีมา ตอนด้วยไอ้ว่านที่สำทับเขามาอีกคน ไอ้ไป๋พูดชมไม่หยุด และกำชับกับเขาไม่หยุดว่าให้ส่งลิงค์ที่เขาเคยแต่งนิยายของตนเองมาให้อ่านด้วย เขาก็ได้แต่ยิ้มๆ รับปากไป แววตาของคนตรงหน้ายังเหมือนเดิม ไป๋เป็นคนเย็นชามาก หากไม่ได้รู้จักกัน แต่เมื่อนับเป็นเพื่อนแล้ว มันก็ทุ่มเทให้เพื่อนมากถึงแม้ว่าปากจะบอกว่าตัวเองไม่สนใจใครเท่าไหร่ก็ตาม ยิ่งคบกันไปยิ่งรู้ว่าไป๋เป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งเลย ทั้งด้วยนิสัย และโอกาสที่มันขีดเส้นใต้จะหยิบยื่นให้เขาไว้ได้แค่นี้

 

            ไอ้อิฐน่าจะไปเตรียมตัวขึ้นเวทีแล้ว

            เขาหันไปก็เจอกับสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองอยู่ เขาคุ้นเคยกับตุ้มหูรูปไม้กางเขนนั่นดี แต่สิ่งที่เขาไม่เคยทำใจให้คุ้นเคยได้เลยก็คือแววตาคู่นั้น หลังจากคืนนั้นไอ้เพียวก็ไม่เคยเหมือนเดิม อย่างน้อยก็ในสายตาและความรู้สึกของเขา พวกเขาไม่มีอะไรผูกมัดกันทั้งสิ้น มันก็แค่อารมณ์ในคืนหนึ่ง ไม่มีแม้กระทั่งข้อตกลงหรือบทสนทนาใดในเช้าวันนั้นด้วยซ้ำ มันแค่ลุกมาอาบน้ำแต่งตัว และเขาก็เดินไปส่งมันขึ้นแท๊กซี่กลับหอเงียบๆ

            มันไม่ใช่ข้อผิดพลาด ไม่ใช่อุบัติเหตุ ไม่ใช่อาชญากรรมอะไร มันเป็นแค่ความพึงพอใจในวันที่แห้งแล้ง เหมือนน้ำค้างบนปลายยอดหญ้า ที่เมื่อแสงสว่างแห่งปัจจุบันสมัยส่องก็เหือดแห้งไปตามกาลเวลา

 

            ไอ้อิฐเดินขึ้นเวทีพร้อมเสียงปรบมือดังลั่น

            เดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์ตอนนี้ใส่กางเกงทรงญี่ปุ่นพร้อมกับผ้ารัดเอวที่คาดต่ำไว้แถวสะโพก ด้านบนของลำตัวมีเพียงเสื้อคลุมทรงยูกาตะหนึ่งตัวที่คลุมทับไว้อยู่ พื้นที่ร่างกายด้านหน้าส่วนกลางเปิดโล่งโชว์ร่างกายที่งดงามอย่างนักกีฬาของมัน แผ่นอกหนา หน้าท้องที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ และรอยสักที่เผยออกมาเล็กน้อยนอกเสื้อคลุมตัวนั้น

            เพื่อนร่วมคณะของมันร่วมสิบคนเดินออกมากางเชือกกั้นอาณาเขตว่าห้ามผ่านเข้าไปเด็ดขาด พร้อมกับมีผู้คนยืนกั้นไว้ทุกช่องทางไม่ให้มีใครล่วงล้ำเข้าไปในเขตที่กำลังทำการแสดงอยู่ได้แม้แต่นิดเดียว

            ตรงด้านหน้าเวทีมีเป้ายิงธนูรูปวงกลมหลายอันซ้อนกันและมีจุดแดงอยู่กึ่งกลางตั้งอยู่ทั้งหมดรวม 5 ป้าย ไอ้อิฐหันหลังให้กับคนดูและจรดคันธนูขึ้น พร้อมวางลูกธนูลงบนกึ่งกลางอย่างมีสมาธิ ทั้งหอประชุมเงียบกริบขณะที่มันค่อยๆ ง้างสายธนูขึ้นอย่างช้าๆ และเล็งไปยังเป้าอันกลางที่วางเด่นอย่างตั้งใจ

 

            สวบบบบบบบบบบบ

            เสียงลูกธนูแหวกอากาศเข้าปักลงตรงกลางเป้าอย่างสั่งได้ ถึงแม้ว่าเป้าสีแดงตรงกลางจะใหญ่กว่าขนาดที่ลูกธนูไปปักเพียงนิดเดียวแต่มันก็ไม่เคยทำเสียชื่อ สมกับที่ไอ้ว่านเล่าว่าเคยเป็นนักกีฬาทีมชาติมาก่อนจริงๆ เสียงกรี๊ดดังสนั่นดังขึ้นรอบฮอลล์เมื่อไอ้อิฐวางตำแหน่งได้อย่างถนัดถนี่แบบนี้

            และอีก 4 ลูกก็ไม่มีพลาดเป้าเลย

            มันส่งลูกธนูไปเสียบเข้ากลางเป้าได้แม่นยำราวจับวาง ขนาดเขาที่แอบหมั่นไส้มันอยู่น้อยๆ ก็ต้องปรบมือให้มันอย่างอดไม่ได้ แต่มันคงไม่จะสนใจเสียงปรบมือของเขา ไม่สิ มันอาจจะไม่สนใจเสียงปรบมือของคนทั้งหอประชุมด้วยซ้ำ

            สายตาของมันในเวลานี้ทอดไปยังเหล่าดาวเดือนที่มาออดูการแสดงของมันอยู่ด้านหลังฝั่งข้างเวที มันสลับใบหน้าไปมาระหว่างแค่เป้าหมายตรงหน้ากับเดือนคณะแพทย์หน้าหวานที่ยืนอยู่อีกฝั่งตรงนั้น แม้ไม่มีใครบอก เขาก็พอจะจับความรู้สึกได้ เรื่องราวสมัยมัธยมที่ทั้งคู่ต่างบอกว่าเกลียดขี้หน้ากันหนักหนาหนะคงไม่จริงหรอก มันน่าจะเป็นความทรงจำอีกแบบหนึ่งที่ไม่ได้ถูกเปิดเผยให้คนอื่นรู้มากกว่าหละมั้ง

 

            “ดูสนิทกันดีเนอะ”

            เสียงที่ได้ยินบ่อยในช่วงหลังนี้ดังขึ้นไม่ห่างจากเขาเท่าไหร่ ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นไอ้เพียว เพื่อนรักของไอ้เดือนที่กำลังยืนเรียกเสียงกรี๊ดจากคนทั้งมหาวิทยาลัยนั่นอยู่นั่นแหละ ท่าทางตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยจะไม่หลุดโผตัวเต็งเป็นแน่

            “ตอกย้ำกูจังเลยนะมึงเนี่ย” เขาตอบทั้งที่ไม่หันไปมองหน้า

            “เปล่า ก็แค่ชวนคุย” มันเถียงกลับมา

 

            “ไหนไป๋บอกว่าตอนม.ปลายไม่ค่อยถูกกันไง กูว่าไม่ค่อยจะจริงหรอกมั้ง” โฟคเอ่ยขึ้น

            “มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แค่อยากจะเอาชนะมากกว่า” อีกฝ่ายตอบ

            “ไม่มีช่องว่างให้กูแทรกเข้าไปได้เลย” เขาบ่น

 

            “แล้วมึงจะแทรกเข้าไปทำไม” เขาว่าเขาฟังไม่ผิดนะ เสียงมันเหมือนจะหงุดหงิดนิดๆ

            “อ้าว” เขาพูดอย่างไม่รู้จะตอบอะไร มันก็รู้ดีว่าเขาชอบไป๋

            “มึงเห็นตุ้มหูที่ไอ้อิฐใส่ประจำเปล่า”

            “เห็นสิ ตากูไม่ได้บอด”

            “มันเป็นรูปเสื้อกาวน์”

            “เออ กูก็บอกว่าตากูไม่ได้บอด”

            “แต่มันไม่ใช่ของไอ้อิฐ”

            “หมายความว่าไงวะ”

 

            “ตุ้มหูกาวน์สีฝุ่นอันนั้นเป็นของรักของไอ้ไป๋”







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               นับถอยหลังสู่ 5 ตอนสุดท้ายแล้วนะ ขอคอมเม้นเป็นกำลังใจหน่อยนะ เริ่มแต่งภาคสองจริงจังแล้วนะ ถ้าเม้นเยอะๆ จะแต่งได้เร็วเดี๋ยวลงต่อเนื่องเลย ดังนั้น เม้นให้นักเขียนหน่อยนะ ขอแค่นี้เอง เม้นหน่อยๆ  ^ ^
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP35 : เลคเชอร์รัก (08/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 08-07-2018 16:50:26
ผมมารอคอยคอมเม้นที่ท่าน้ำทุกวันเลยยย

5 ตอนสุดท้ายจะจบภาคแรกแล้ว ใครไม่เม้น เม้นหน่อยยย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP35 : เลคเชอร์รัก (08/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 08-07-2018 17:21:05
ขอบคุณมากจ้า
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP35 : เลคเชอร์รัก (08/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-07-2018 17:38:09
 o13
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP35 : เลคเชอร์รัก (08/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 08-07-2018 19:49:27
เอาแล้วๆ ตื่นเต้นๆ จะรู้ความจริงแล้วสิ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP35 : เลคเชอร์รัก (08/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 08-07-2018 20:07:59
ขอบคุณนะค่ะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP35 : เลคเชอร์รัก (08/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 08-07-2018 20:18:59
อยากรู้แล้ว เค้ามีความหลังอะไรกันน้า
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP35 : เลคเชอร์รัก (08/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-07-2018 20:57:27
ไปคอยอ่าน และเม้นที่ท่านัำทุกวันเหมือนกัน  :mew1: :mew1: :mew1:

้เพียว ออกอาการหงุดหงิดกับโฟค  :ling3:
ที่โฟคตัดพ้อไป๋เรื่องความสนิทสนมของไป๋อิฐ

อิฐ ไป๋  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP35 : เลคเชอร์รัก (08/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-07-2018 21:31:07
จะรออ่านนะคะ สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP35 : เลคเชอร์รัก (08/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 08-07-2018 21:40:54
แน่ๆทั้งสองคนต้องรักกันมานานแล้วแน่ๆ ลุ้นเว่อ อดีตที่ผ่านมามันเป็นยังไงนะ
แต่เอาจริงๆต่อใหเไป๋ไม่สนใจโลกยังไง แต่การที่อิฐใส่ตุ้มหูตลอดเวลาที่ผ่านมามันจะแปลความหมายได้กี่อย่าง รู้ทั้งรู้แหล่ะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP35 : เลคเชอร์รัก (08/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 08-07-2018 23:30:08
รอต่อไป
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP35 : เลคเชอร์รัก (08/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-07-2018 01:20:21
 :pig4: :pig4: :pig4:

ส่วนตัว  คิดว่าไม่น่ามีความหลังอะไรหวาน ๆ หรอก  เพราะไป๋ก็คือไป๋  มนุษย์ที่ปิดตัวไม่ยอมรับใครเข้ามาในชีวิต
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP36 : ไม่รักแต่คิดถึง (10/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 10-07-2018 16:45:35
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 36 : ไม่รักแต่คิดถึง



            “สวัสดีครับ”

            ไป๋หยิบไมค์ขึ้นพูดด้วยเสียงสั่นนิดๆ ตอนนี้เป็นรอบการแสดงความสามารถพิเศษของเขาแล้ว พอได้ออกมาอยู่หน้าเวทีแบบนี้จึงรู้ว่าหอประชุมมันกว้างมาก และทุกสายตากำลังจับจ้องมาที่เขาเป็นจุดเดียว

            “ผมชื่อไป๋นะครับ เป็นตัวแทนจากคณะแพทยศาสตร์ ส่วนนี่เพื่อนผมชื่อว่านจากคณะเดียวกัน ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะแสดงคนเดียว แต่สัปดาห์ก่อนผมไปช่วยงานว่านจนผมข้อมือซ้น วันนี้ ผมเลยต้องให้มันมาช่วยผมดีดกีตาร์คืนครับ”

            กรี๊ดดดดดดดดดดด

            เสียงร้องกรี๊ดเชียร์พวกเขาดังกระหึ่มขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย เขาหันไปสบตาไอ้ว่านครั้งหนึ่ง มันก็ยิ้มตอบกลับมาอย่างเป็นกำลังใจ

 

            เขากวาดสายตาไปรอบหอประชุมกว้าง

            บรรยากาศที่เขากำลังเจอแบบนี้ไม่เคยอยู่ในจินตนาการของเขาเลย คนจำนวนหลายร้อย ไม่สิ น่าจะมากกว่าพันกำลังพุ่งสายตามาที่เขาเป็นทางเดียว คนที่อยู่ลิบๆ เหล่านั้นเหลือขนาดเพียงตัวนิดเดียว เขาสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างรวบรวมพลังรอบสุดท้าย อีกไม่กี่ชั่วโมงการแข่งขันนี่ก็จะสิ้นสุด และความสงบสุขจะกลับคืนมาสู่ชีวิตเขา

 

            “วันนี้ผมจะมาร้องเพลงให้ทุกคนฟังครับ”

            เมื่อเขาพูดต่อ เสียงกรี๊ดก็ค่อยๆ เบาลง และกลับมาสู่ภาวะปรกติอีกครั้ง ใจเขาเริ่มชื้นมากขึ้น หลังจากรู้สึกเริ่มปรับตัวได้กับสายตาของคนจำนวนมากได้แล้ว

            “แต่ก่อนอื่น ผมขอเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเพลงสักนิดหนึ่ง และเพลงที่ผมจะมาร้องในวันนี้เกี่ยวข้องกับความรัก” เมื่อเขาพูดว่าความรักออกไป เสียงกรี๊ดก็ดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง

 

            “ผมไม่เคยเชื่อเรื่องคู่รักตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิตเลย” เขาเริ่มต้นประโยคด้วยเสียงเรียบนิ่ง

            “ในโลกนี้มีความน่าจะเป็นมากมายที่จะทำให้คนสองคนอยู่ร่วมกันไม่ได้ เราอาจจะทะเลาะกัน เลิกรากัน จำเป็นต้องห่างกัน หรือแม้กระทั่งถูกพรากให้จากกันด้วยบทลงโทษของชีวิต”

            “วันนี้คบกัน พรุ่งนี้อาจจะเลิกกัน วันต่อไปอาจจะกลับมาคบกันใหม่ หลังจากนั้นเราอาจจะต้องตายกัน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เพราะคนรักเป็นคน และคนเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนมากมาย” เขาพูดต่อ

            “แต่ถึงแม้ว่าจะต้องพรากจากกัน ความรักที่ดีก็จะคงอยู่กับเราตลอดไป”

            “ผมเชื่อมั่นเสมอว่าผมไม่จำเป็นต้องมีครอบครัวในบั้นปลายชีวิตก็ได้ เพราะความรักที่ดีเพียงครั้งเดียวจะกลายเป็นความทรงจำที่ดีและหล่อเลี้ยงเราไปตลอดชีวิต” ใช่แล้ว เขาไม่เคยแสวงหาคนรักอีกต่อไป

 

            “ผมเคยมีความรักครั้งหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่มันเป็นความรักที่มันไม่สมหวัง”

            เขาเองรู้สึกถึงความเศร้าที่ซึมออกมาจากข้างใน ไอ้ว่านเอื้อมมือมาตบบ่าเขาอย่างเป็นกำลังใจ เสียงคนในฮอลล์ดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อผมพูดประโยคนี้

            “แต่ผมก็ดีใจมาก เพราะอย่างน้อยชีวิตนี้ ผมก็เคยได้มีความรัก” เขายิ้ม

            “ผมไม่เคยคิดอยากจะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรอีกแม้แต่ครั้งเดียว ความรักของผมเป็น past simple tense มันเกิดแล้ว จบแล้ว สมบูรณ์แล้ว แต่มันคงอยู่ชั่วนิรันดร์ในใจผมตลอด”

            “ผมไม่เสาะแสวงหาความรักอีกต่อไป”

            “เพราะผมเชื่อมั่นว่าความรักที่ผมเคยได้ประสบมา มันมีค่ามากเกินพอที่จะเยียวยาหัวใจผมให้ดำรงอยู่ได้ไปจนวันสุดท้ายของชีวิต”

 

            “ตลกร้ายที่เจ้าของความรักของผมเขายืนอยู่ในหอประชุมนี้เวลานี้ด้วย” เขายิ้มแบบเป็นสุข สุขที่สุดจากหัวใจของผู้ชายคนหนึ่ง

            “ผมขออนุญาตร้องเพลงนี้ให้ความรักของผม และเพื่อนทุกคนในหอประชุมนี้ฟัง”

 

 

 

            “บทเพลงจากวงดนตรีที่ผมรักที่สุด... เฉลียง”

            “ไม่รักแต่คิดถึง”

 

 

 

            ชีวิตบางช่วงที่เกี่ยวกัน

 

                ความรักระหว่างพวกเขาเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นที่สุด แต่เมื่อเขารู้ตัวอีกที เขาก็เฝ้ามองรอยยิ้มนั้นมาตลอด ถึงรู้ว่าตนเองจะไม่ใช่คนที่คู่ควร

 

                เราได้แลกเปลี่ยนซึ่งความฝัน

 

            ความผูกพันในช่วงเวลาสั้นๆ แต่กลับมีค่ากับความรู้สึกต่อเขามากมาย เขายังคงจำความอบอุ่นของอ้อมกอดในคืนนั้นได้ดี อ้อมกอดที่เขาจะจดจำไปอย่างไม่มีวันลืม

 

                หลายครั้งหลายหน... หัวใจไม่ตรงกัน แต่รู้กันต่างคนมีน้ำใจ

 

            ปรกติเราก็ไม่ค่อยยิ้มให้กันนักหรอก เรียกได้ว่าแทบจะไม่เคยเลยก็ได้ แต่ลึกลงไปแล้วเขาโคตรห่วง เขารู้สึกอยากให้มันได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ อยากให้มันได้มีความสุขในชีวิตที่มากกว่านี้

           

                เธอไม่ต้องนวลอย่างดวงจันทร์ และฉันไม่ใช่ดวงตะวันฉาย

 

            เขาไม่เคยขอร้องให้มันดูแลหรือใส่ใจเขาสักครั้ง เขาจำความได้ ความสัมพันธ์ของเราไม่ใช่รูปแบบอะไรที่ต้องมาทะนุถนอม ต่างฝ่ายต่างก็มีเส้นทางชีวิตของตนเอง

 

            เราเพียงเป็นคน คบกันตามสบาย เมื่อร้างไกลห่วงใยก็แล้วกัน

 

            เขาแค่อยากจะอยู่ข้างมันให้นานที่สุด นานเท่าที่เขาจะฝืนเส้นทางชีวิตของตนและมันให้เป็นไปได้ แต่เขารู้ดี สักวันความโชคดีที่เขาได้รับมันจะต้องจบลง

 

                ไม่สำคัญ...ว่าเธอมีใคร ไม่ใช่กงการอะไรของฉัน

 

            ใช่ มันไม่สำคัญ และไม่เคยสำคัญเลย เขาไม่คิดจะครอบครองร่างกายหรือหัวใจของเจ้าของความรักของเขาเพียงสักครั้ง เขาขอครอบครองแค่เพียงความรักที่เขามีให้ต่อมัน เท่านั้นก็มากเกินพอ

 

                ไม่สนใจเมื่อเธอสุขสันต์ ขอรู้เพียงวันที่เธอไม่มีใคร

 

            เขาเฝ้าหวังมาเสมอให้มันหาแฟนดีๆ สักคน ชีวิตมันเปราะบางและต้องการใครสักคนมาเคียงข้าง คนรักที่ดีจะช่วยมาเติมเต็มและดูแลในสิ่งที่เขาไม่มีสิทธิ์จะทำได้

 

                ยังไม่ประคองถ้าเธอล้ม ถ้าเธอลุกขึ้นยืนได้เองไหว

 

            มันเป็นคนเก่ง และมันเก่งกว่าเขามาโดยตลอด เขารู้ตัวดีว่าเขามันจำเป็นต้องเข้าไปก้าวก่ายชีวิตของมันแค่สักนิด เขาขอแค่ได้เอาใจช่วยอยู่ห่างๆ ก็เพียงพอ

 

                ขอรู้.... ขอเห็นว่าเธอเดินเองได้ จะขอมองดูไกลๆ อย่างชื่นชม

 

            เขายิ้มออกมาอย่างกว้างที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวดทุกครั้งที่รู้ว่าความรักของเขาไม่มีวันเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นความเจ็บปวดที่หอมหวานสำหรับเขาเสมอ อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าคนอย่างเขาก็รักใครสักคนเป็น ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่มีชีวิตไร้หัวใจ อย่างที่ใครปรามาสว่าไว้

 

                ไม่สำคัญ....ว่าเธอมีใคร ไม่ใช่กงการอะไรของฉัน

 

            เขารู้สึกว่าเสียงร้องของตัวเองแปร่งขึ้นน้อยๆ และเหมือนจะมีความชื้นซึมเข้ามาตรงขอบตาอย่างช้าๆ มือกีตาร์ของเขาหันมายิ้มกับเขาอย่างให้กำลังใจ

            เขามีชีวิตที่ดี มีเพื่อนที่ดี มีครอบครัวที่ดี มีสังคมที่ดี และมีความรักที่ดี เขาก็ได้แต่เฝ้าหวังว่ามันจะมีความรักที่ดีอย่างเขา และมีคนรักที่ดีบ้าง แม้ว่าจะรู้สึกจุกในลำคอ แต่เขาก็ยังหวังให้มันมีใครสักคนที่รักมัน ห่วงมันอย่างจริงใจ ดูแลมันจริงๆ จังๆ สักคน

 

                ต่างหนทางของต่างเรานั้น ถึงแม้ว่าเราจะไกลซักเพียงไหน

 

            อีกไม่นานคงต้องจากกันแล้ว อีกไม่นานคงไม่ได้พบกันอีกต่อไปแล้ว อีกไม่นานคงเป็นได้เพียงความทรงจำที่แสนดี คนบนฟ้าใจดีต่อช่วงทดเวลาบาดเจ็บให้เขาได้มากขนาดนี้ เขาก็ซาบซึ้งใจจนไม่รู้จะอธิบายยังไงไหว สักวันถ้าต้องจากกัน เขาสัญญาว่าเขาจะยิ้มให้มันอย่างเต็มภาคภูมิที่สุด

 

                ไม่รักแต่คิดถึง

 

            ความสัมพันธ์ที่เว้นระยะห่างไว้คือคำตอบที่ดีสำหรับพวกเขามากที่สุด เขาอาจจะเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่นี่คือความทรงจำความรักที่ดีที่สุดในชีวิตเขา เขาไม่อยากสูญเสียมันไป และเขาอยากจะเก็บมันไว้ส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจไปตลอดชีวิต

 

                ไม่รักแต่คิดถึง

 

            ความรักของเขามันจบลงแล้ว เขาไม่เคยอยากจะขอเวลาพิเศษ ไม่เคยอยากจะขอโอกาสพิเศษกลับไปแก้ไขอะไรอีกแล้ว ความรักของเขามันจบแบบสมบูรณ์ดีแล้ว หลังจากนี้มันคือความสุข ความสุขที่จะได้อยู่กับความทรงจำแสนพิเศษนี้ไปตลอด

            เขาคงไม่เสาะแสวงหาความรักครั้งใหม่อีกต่อไป มันไม่ใช่ว่าเขาเข็ดขยาดหรือเกรงกลัวความรัก แต่เพราะเขาพอแล้ว สิ่งที่เขาได้รับมามันก็เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงหัวใจเขาจนเขาไม่ต้องไปตามหาสิ่งใดมาชดเชยช่องว่างในหัวใจอีก เพราะแท้จริงแล้ว ช่องว่างหัวใจของเขาไม่เคยเกิดขึ้นมีอยู่อีกเลย

 

                ไม่รักแต่คิดถึง...

           

            กูไม่รัก แต่กูโคตรคิดถึงมึงเลย

            แม้ว่ากูจะไม่มีสิทธิ์คิดถึงมึงเลยก็ตาม

            มึงเคยได้ยินกูไหม

            กูไม่รัก แต่กูโคตรคิดถึง

            กูโคตรคิดถึงมึงเลย...







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               อีกอึดใจเดียวแล้วนะครับ อีกอึดใจเดียว 5 ตอนสุดท้ายสู่ตอนจบภาคแรกแล้ว ถ้าอยากอ่านภาคสองแบบต่อเนื่องไม่เว้นวรรคพักร้อนระหว่างภาค ต้องเม้นให้นักเขียนเยอะๆ นะ นักเขียนจะได้แบกกำลังใจไปเขียนงานมาให้อ่านต่อกัน ^ ^
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP36 : ไม่รักแต่คิดถึง (10/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 10-07-2018 16:46:20
หนูมารีเฟรชรออ่านคอนเม้นจากคนอ่านทุกวันเลย

เม้นให้อ่านหน่อยนะ

จุ๊บจุ๊บจุ๊บ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP36 : ไม่รักแต่คิดถึง (10/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-07-2018 17:17:57
 :pig4: :pig4: :pig4:

เขาคนนั้นคือใครหว่า?

เป็น "อิฐ" หรือเปล่าน้อ?
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP36 : ไม่รักแต่คิดถึง (10/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 10-07-2018 17:49:59
นี่มันนิยายนักสืบไหม มีแต่ตัวละครลับ 950นั่นก็คนนี่ก็คนในอดีต
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP36 : ไม่รักแต่คิดถึง (10/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-07-2018 17:52:59
 ใครอีกละเนี่ย :katai1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP36 : ไม่รักแต่คิดถึง (10/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 10-07-2018 18:11:50
เงื่อนงำเยอะจริงๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP36 : ไม่รักแต่คิดถึง (10/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 10-07-2018 18:53:39
น่าจะต่างฝ่ายต่างรักกัน
ต้องมีเหตุผลอะไรากอย่าง
อิฐแน่เลย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP36 : ไม่รักแต่คิดถึง (10/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 10-07-2018 19:06:23
ตอบกลับ ด้วย นะ.. อิฐ... ฮิ้ววววววว
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP36 : ไม่รักแต่คิดถึง (10/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-07-2018 22:39:12
คนๆนั้นต้องเป็นอิฐแน่ๆ ว่าแต่ว่าอิฐตอบกลับว่ายังไงนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP36 : ไม่รักแต่คิดถึง (10/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-07-2018 22:58:14
คนๆนั้นคืออิฐแน่เลย   :z3: :z3: :z3:

เหมือนไป๋จะมีอะไรเข้าใจผิด มีความซับซ้อนอยู่
เพราะแข่งขันกันอยู่ในทีตลอดที่เรียน ร.ร.เดียวกัน
คิดว่าอิฐรักคนอื่น
เลยกลายเป็นรักที่ไม่สมหวัง   :mew2:

อิฐ  ไป๋   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP36 : ไม่รักแต่คิดถึง (10/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 11-07-2018 10:54:54
เป็นใครเนี่ย คนที่ไป๋คิดถึงได้ แอบรักได้แต่ต้องเก็บไว้ในใจ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP36 : ไม่รักแต่คิดถึง (10/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 11-07-2018 19:12:57
บางทีก็เริ่มปวดหัว
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP36 : ไม่รักแต่คิดถึง (10/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 12-07-2018 07:54:29
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นว่าใครกันนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP36 : ไม่รักแต่คิดถึง (10/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 12-07-2018 13:52:56
ใครคือคนที่ไป๋เอ่ยถึง จะใช่อิฐมั้ย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 12-07-2018 17:04:35
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 37 : มนุษยนิยม



            ดาวและเดือนถูกเรียกวนกลับไปบนเวทีอีกครั้ง

            รอบนี้เป็นรอบตอบคำถาม ผู้เข้าประกวดจะขึ้นเวทีครั้งละ 15 คน รวม 4 รอบ โดยลำดับการขึ้นจะสุ่มขึ้นใหม่โดยไม่รู้ว่าเขาเองโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่เขาได้เป็นคนตอบคำถามเป็นคนแรกของงานวันนี้เลย

 

            “ขอเชิญตัวแทนเฟรชชี่บอยจากคณะแพทยศาสตร์ครับ”

            เสียงพิธีกรดังขึ้นพร้อมกับขาของเขาที่ก้าวไปด้านหน้า รอบนี้คือรอบชี้เป็นชี้ตายของเขาเลย เขาหวังเอาไว้กับรอบตอบคำถามมากที่สุด เพราะแทบจะเป็นสิ่งเดียวที่เขาควบคุมได้ รอบการแสดงความสามารถพิเศษ เขาก็ไม่มั่นใจเลย เพราะว่าเขาแอบน้ำตาซึมจนเสียงเพี้ยนไปในตอนท้าย ส่วนเรื่องหน้าตาก็เป็นอะไรที่เขาแทบจะขอแพ้บายอยู่แล้ว เขาจะเอาอะไรไปสู้เดือนคณะอื่นๆ ได้

 

            “คำถามแรกของวันนี้คือคำถามสำหรับคณะแพทยศาสตร์นะครับ” พิธีกรฝ่ายชายเป็นคนพูดเริ่ม พร้อมกับผายมือไปทางด้านซ้ายของเขาที่เป็นพิธีกรหญิงยืนประกบอยู่

            “The question is… what philosophy has already changed the world in the past and will help humanity get through the serious problem in the future?”

                (คำถามคือ... คุณคิดว่าปรัชญาใดที่สามารถเป็นโลกไปแล้วในอดีต และจะช่วยมนุษยชาติให้ก้าวผ่านปัญหาสำคัญไปได้อีกในอนาคต)

            เสียงพิธีกรหญิงพูดด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษที่ชัดเปรี๊ยะทำเอาเขาขนลุก และเกิดเสียงงึมงำทั้งจากทางฝั่งผู้เข้าประกวดและคนดู เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าปีนี้ช่วงตอบคำถามจะเป็นภาษาอังกฤษด้วย

            “เนื่องจากปีนี้ มหาวิทยาลัยของเราจะเป็นเจ้าภาพในการจัดงานประชุมนักศึกษานานาชาติ คณะกรรมการจึงเห็นความสำคัญและสนับสนุนให้นักศึกษาใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันมากขึ้น แต่ในกรณีที่อยากเปลี่ยนมาฟังคำถามและตอบเป็นภาษาไทย สามารถแจ้งได้นะครับ แต่กรรมการจะพิจารณาคะแนนลดลงในบางส่วน”

            พิธีกรฝ่ายชายพูดต่อ พร้อมกับยิ้มให้เขาเป็นกำลังใจ ทุกคนที่นี่รู้พร้อมกันเมื่อกี้ว่าคำถามจะเป็นภาษาอังกฤษ แต่เขาดันซวย จับฉลากต้องขึ้นมาตอบเป็นคนแรก

 

            “Humanism for humanity. In the dark age, the people fell into the trap called believe of inequality of humankind. All the man was created with the label which cannot be changed; the priest with the rules, the rich with the right and the poor with no way to escape. But after the Renaissance, the humanism; the philosophy which believe in the humanity, took place and changed the world forever. All humankind had the right to choose the way of life themselves. Only the man can change the world; consequently, only the philosophy that believe in the man can change the world. We have to trust in our efficiency and also respect to our equality. The most serious problem in the future world is not the inadequate of resource, the hyperinflation crisis in South Africa or the aging society in the world. It is that we are not accept in our difference. The only way to avoid the tragedy like Rwandan genocide or Jewish holocaust in World War II is believe. We have to believe in human and our difference. That is the reason why the humanism can change, move and save the world, and Liberalism also.”

                (มนุษยนิยมสำหรับมนุษยชาติ ในยุคมืด ผู้คนจำนวนมากตกอยู่ในกับดักของความเชื่อเรื่องความไม่เท่าเทียมกันของมนุษย์ คนทุกคนเกิดขึ้นพร้อมป้ายคำสั่งที่ไม่อาจแปรเปลี่ยนได้ บาทหลวงกับการกำหนดกฎเกณฑ์ คนรวยกับโอกาสที่มากกว่า และคนจนกับการไม่มีทางเลือกในชีวิต แต่หลังจากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ปรัชญาเรื่องมนุษยนิยมที่ว่าด้วยเรื่องการศรัทธาในความเป็นมนุษย์ได้ถือกำเนิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปตลอดกาล มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์จะเลือกชีวิตของตนเอง มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนโลก ดังนั้นย่อมมีเพียงมนุษยนิยมเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนโลกได้ด้วยเช่นกัน เราจำเป็นต้องเชื่อศักยภาพของความเป็นมนุษย์และยอมรับในความแตกต่างซึ่งกันและกัน ปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดในอนาคตไม่ใช่การไม่เพียงพอของทรัพยากรธรรมชาติ ภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรงในทวีปแอฟริกาใต้ หรือสังคมผู้สูงอายุของประชากรโลก แต่ปัญหาคือการไม่ยอมรับถึงความแตกต่างซึ่งกันและกัน หนทางเดียวที่จะรอดพ้นจากโศกนาฏกรรมอย่างสงครามกลางเมืองในรวันด้า หรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองคือศรัทธา พวกเราทุกคนจำเป็นต้องศรัทธาในมนุษย์และความแตกต่างของพวกเรา และนี่คือเหตุผลว่าทำไม แนวคิดอย่างมนุษยนิยมเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลง ขับเคลื่อน และรักษาโลกไว้ได้ แนวคิดเรื่องเสรีนิยมก็เช่นกัน)

 

            ไป๋ยกมือไหว้ขอบคุณหลังตอบคำถามอย่างคนที่ยังตื่นเต้นไม่หาย

            เสียงปรบมือดังก้องขึ้นทั่วหอประชุมอย่างสนั่นหวั่นไหว ดังยิ่งกว่าตอนเขาร้องเพลงโชว์บนเวทีเมื่อกี้เสียอีก เขาได้แต่โค้งคำนับเพื่อขอบคุณแล้วขอบคุณอีก กว่าที่เสียงปรบมือเหล่านั้นจะค่อยๆ ซาลงก็เกือบครึ่งนาทีเห็นจะได้ เขายืนฟังคนอื่นตอบคำถามจนจบพร้อมกับเดินลงจากเวทีพร้อมกับผู้เข้าแข่งขันอีก 14 คนที่เหลืออย่างใจเต้นระรัว

 

            “เชี่ยยยยย ทำไมมึงตอบดีจังวะ”

            ไอ้ว่านเดินเข้ามาตบไหล่เขาเป็นคนแรก พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าท่าทางยิ้มแย้ม ส่วนไอ้เพียวก็เดินเข้ามาชมเขาด้วยเช่นกัน ในขณะที่โฟคกับอิฐเดินขึ้นเวทีไปแล้ว สองคนนั้นได้ตอบคำถามรอบเดียวกันทั้งคู่

            “กูก็ไม่รู้เหมือนกันหวะ คิดอะไรก็ตอบเลย เชี่ย กูว่าแกรมม่าผิดเยอะแน่เลยหวะ” เขาบ่น

            “โหย ไอ้ไป๋ มึงตอบได้เป็นวรรคเป็นเวรขนาดนี้ก็เก่งเชี่ยๆ แล้ว มึงไม่เห็นคนอื่นเหรอ ขอตอบเป็นภาษาไทยทั้งนั้นอะ มึงเนี่ยดิโคตรโหด ตอบคนแรกแถมยังตอบเป็นภาษาอังกฤษเป็นคุ้งเป็นแคว กูว่ารอบนี้คะแนนมึงนำโด่งแน่เลย” ไอ้เพียวชมเขาออกมายาวเหยียด

            “เออ ขอบคุณหวะ ฟังแบบนี้ก็ค่อยสบายใจหน่อย ตอนแรกนึกว่าไปปล่อยไก่บนเวทีซะแล้ว” เขาตอบอย่างโล่งใจ

            “ปล่อยไก่เชี่ยไรมึง ตอบดีขนาดนี้ เพื่อนกูสงสัยจะได้ตำแหน่งกลับบ้านแน่วันนี้ ได้ที่เท่าไหร่ก็ต้องเลี้ยงกูนะเว้ย ข้อหาใช้กูมาช่วยดีดกีตาร์จนได้ดี” ไอ้ว่านพูดต่ออย่างอารมณ์ดี

            “เฮ้ย เดี๋ยวกูแว๊บออกไปดูไอ้โฟคกับไอ้อิฐตอบคำถามก่อนนะ ใกล้ถึงแล้ว พวกมึงจะออกไปดูด้วยกันเปล่า” ไอ้เพียวหันมาถาม หลังจากชะเง้อไปดูฝั่งหน้าเวที

            “กูคงไม่ไปดูหวะ กูยังเครียดๆ ไม่ค่อยหาย ขอนั่งพักก่อนละกัน”

            “มึงไปเหอะ เดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อนมันเอง” ไอ้เพียวพยักหน้ารับ ก่อนเดินแทรกตัวออกไป

 

            เขามาหาที่นั่งหลบมุมฟังเพลงอยู่เงียบๆ

            หลังจากช่วงการแสดงและตอบคำถามเขาก็ตื่นเต้นมากจนรู้สึกใจสั่นไปหมด ตอนนี้เขาไม่อยากดูใครตอบคำถาม สนใจใครหรืออะไรทั้งนั้น เขาแค่อยากจะให้การประกวดจบลงโดยไวเสียที หูฟังของเขาพาเขาจมดิ่งไปในโลกที่มีเพียงแต่เขาคนเดียว ในขณะที่ไอ้ว่านก็คอยนั่งอยู่ข้างๆ คอยดูเวลาดูคิวอยู่แทนเขา แต่มันก็ไม่ได้สนใจจะชวนเขาพูดคุยอะไรอย่างรู้นิสัยกันดี

 

            “ไป๋ เขาเรียกขึ้นไปฟังประกาศผลรางวัลแล้ว”

            ไอ้ว่านหันมาสะกิดเขาหลังจากที่ฝ่ายสตาฟเริ่มเข้ามารวบรวมผู้เข้าแข่งขันเพื่อเข้าสู่ช่วงประกาศรางวัลอันเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของงาน เขาหันไปดูเวลาก็พบว่านี่เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว เขาลืมเรื่องกินข้าวเที่ยงไปเสียสนิท แต่ช่างเถอะ ชายหนุ่มหยิบหูฟังฝากไว้ที่เพื่อนสนิทก่อนจะเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนผู้เข้าประกวดต่อไป

 

           

            เสียงพิธีกรฝ่ายหญิงเอ่ยเกริ่นเข้าสู่ช่วงประกาศรางวัลอันดับสามแล้ว ไป๋ได้แต่ยืนลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ หันไปมองไอ้อิฐก็เจอมันหันมายิ้มให้เป็นกำลังใจ ส่วนไอ้โฟคอยู่ในองศาที่เขาไม่สามารถมองเห็นได้ อุตส่าห์ตั้งใจจะไม่คาดหวังรางวัลอะไรอยู่แล้วแต่มันก็ตื่นเต้นอยู่ดี

 

            “รางวัลเฟรชชี่เกิร์ลรองชนะเลิศอันดับสอง เธอมีผลงานการแสดงรำไทยได้อย่างยอดเยี่ยม และการตอบคำถามที่แสดงถึงวัฒนธรรมไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

            “รางวัลเฟรชชี่เกิร์ลรองชนะเลิศอันดับสองเป็นของผู้เข้าประกวดจากคณะบริหารธุรกิจค่ะ” เสียงปรบมือดังลั่นหอประชุม พร้อมกับเจ้าของรางวัลที่ก้าวออกมาเบื้องหน้า

 

            “รางวัลเฟรชชี่บอยรองชนะเลิศอันดับสอง เขามีผลงานการแสดงความสามารถพิเศษที่ยอดเยี่ยม ไม่เหมือนใคร และเต็มไปด้วยความแปลกใหม่ จนกรรมการทุกคนให้คะแนนในช่วงความคิดสร้างสรรค์เต็มทุกคน”

            “รางวัลเฟรชชี่บอยรองชนะเลิศอันดับสองเป็นของผู้เข้าประกวดจากคณะทันตแพทยศาสตร์ครับ” ไป๋ตบมือออกไปอย่างดังลั่น ไอ้โฟค ไอ้โฟคเพื่อนเขาได้ที่สาม เชี่ย เก่งมาก

 

            “รางวัลเฟรชชี่เกิร์ลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง เธอมีผลงานการตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นการแทนที่นวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้ากับอุตสาหกรรมพลังงานของชาติได้อย่างน่าประทับใจ”

            “รางวัลเฟรชชี่เกิร์ลรองชนะเลิศอันดับสองเป็นของผู้เข้าประกวดจากคณะวิทยาศาสตร์ค่ะ” เขาปรบมือไปอย่างยินดีด้วย ว่าแต่ใครจะได้เป็นรองฝ่ายชายนะ

 

            “รางวัลเฟรชชี่บอยรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง เขามีผลงานการแสดงความสามารถพิเศษที่เรียกได้ว่าเฉียบขาดและประทับใจคนดูจนแทบลืมหายใจ รวมไปถึงความสามารถในการตอบคำถามที่ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน”

            “รางวัลเฟรชชี่บอยรองชนะเลิศอันดับหนึ่งเป็นของผู้เข้าประกวดจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ครับ”

            เชี่ย ไอ้อิฐได้ที่สองได้ไงวะ ขนาดไอ้อิฐยังได้ที่สอง เขาก็คงจะไม่ได้รางวัลอะไรแล้ว ไป๋ปรบมือไปพร้อมกับหันซ้ายหันขวาอย่างงงๆ ตอนนี้เขาเดาไม่ออกเลยว่าใครเป็นตัวเต็ง เพราะตอนที่แสดงความสามารถพิเศษและตอบคำถาม เขาก็แทบไม่ได้สนใจผู้เข้าประกวดคนอื่นเลย

 

            “รางวัลชนะเลิศเฟรชชี่เกิร์ลประจำปีการศึกษานี้ เธอมีผลงานการแสดงเดี่ยวดนตรีอย่างยอดเยี่ยมและไร้ที่ติ รวมไปถึงการตอบคำถามเรื่องปัญญาประดิษฐ์ที่ถือว่าแสดงถึงความรอบรู้และใส่ใจในการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างโดดเด่น”

            “รางวัลชนะเลิศเฟรชชี่เกิร์ลเป็นของผู้เข้าประกวดจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีค่ะ”

            เสียงปรบมือดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้งทั้งหอประชุม ดาวมหาวิทยาลัยปีนี้ทั้งสวยและฉลาด เธออยู่รอบตอบคำถามเดียวกับเขา เธอตอบได้เยี่ยมและมีแนวคิดที่ดีจนต้องยอมรับเลย

           

            “รางวัลชนะเลิศเฟรชชี่บอยประจำปีการศึกษานี้” ไป๋ใจสั่นเมื่อมาถึงรางวัลสุดท้าย ถึงแม้ว่าจะบอกว่าไม่หวังอะไร แต่ใจมันก็ห้ามจะหวังไม่ได้อยู่ดี

            “เขามีการแสดงที่แสนประทับใจ และเข้าถึงความรู้สึกของผู้ชมอย่างมาก” เขาได้แต่เม้มปากอย่างตื่นเต้น

            “แต่ในช่วงตอบคำถาม ถือว่าทำออกมาได้เยี่ยมยอด จนได้คะแนนเต็มทุกช่องจากกรรมการทุกคน และเป็นผู้เข้าประกวดคนเดียวที่ได้คะแนนเต็มในการประกวดตอบคำถามในปีนี้”

            “แนวคิดของคำตอบที่เฉียบคม ถูกถ่ายทอดผ่านภาษาที่ไหลลื่นและยอดเยี่ยม รวมไปถึงการใช้ภาษาอังกฤษที่ดีเยี่ยมจนมหาวิทยาลัยคาดหวังให้เป็นต้นแบบของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่อไป...”

 

            “รางวัลชนะเลิศเฟรชชี่บอยปีนี้เป็นของผู้เข้าประกวดจากคณะแพทยศาสตร์ครับ!”

 

            ตาของเขาพร่าเลือนไปหมด หูของเขาแทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว เขารู้สึกได้ถึงคนที่เข้ามาแสดงความยินดีและตบบ่าของเขาให้เดินออกไปรับรางวัลข้างหน้า

            บ้าไปแล้ว นี่มันบ้าไปแล้ว ใครจะไปเชื่อว่าไอ้เด็กตี๋สุดเนิร์ดแว่นหนาเตอะตอนนี้จะกลายไปเป็นเดือนมหาวิทยาลัยได้ก็ไม่รู้

            เขาโค้งคำนับให้กับคนรอบตัวอย่างขอบคุณหลายต่อหลายครั้งจนจำความไม่ได้

 

            ขอบคุณ

            ขอบคุณที่ให้เกียรติ

            ขอบคุณมาก

            ขอบคุณมากจริงๆ



               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ผ่านมา 37 ตอนแล้ว เริ่มใจอ่อนหลงรักไป่ไป๋ของผมบ้างหรือยังครับ หลงรักหน่อยเร็ว ไป่ไป๋ไม่มีคนรักจนกลัวความรักไปแล้วเนี่ย อิอิ ปล. รู้ว่าตอนนี้แอบสั้น อย่าด่าหนูเลย อีก 2 - 3 วันก็มาลงตอนใหม่ให้แล้ว อดใจรอหน่อยนะ ถ้าเม้นเยอะ เดี๋ยวรีบมาต่อให้ไวเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 12-07-2018 17:05:04
อีก 3 ตอนจะจบแล้วจย้าาาาาาาาาาาา

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-07-2018 17:41:19
 o13
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 12-07-2018 17:52:53
อยากอ่านต่อจังงง ยินดีกับไป๋ด้วยน้า  :กอด1: อย่างงี้ อิฐก็ต้องคืนต่างหูน่ะสิ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 12-07-2018 18:33:36
งือ ตอนต่อไปแล้ว จะได้รู้ว่าคือใคร ตื่นเต้นไปอีก
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 12-07-2018 19:01:38
ไป่สุดยอด
สงสารอิฐต้องคืนต่างหูให้ไป่แล้ว
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 12-07-2018 19:19:42
ดีใจมากๆ
อ่านแล้วอิน

อีก 3 ตอนจะจบแล้ว พระเอกกับนายเอก ยังไม่ได้รักและเป็นแฟนกันโดยสมบูรณ์แบบเลย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-07-2018 20:01:32
 :pig4: :pig4: :pig4:

พูดอังกฤษได้แบบนี้ในเวลาคิดสั้น ๆ ไม่ทำดาจริง ๆ

ภาษาแบบนี้สำหรับเราไม่ต้องคิดถึงเลยว่าจะพูดได้  แค่เขียนออกมา ยังต้องใช้เวลาเรียบเรียงเป็นชั่วโมง 555
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 13-07-2018 09:33:06
ฟินฮะ มาต่อ ขนลุก ขอยาวๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-07-2018 10:17:01
ไป๋ คะแนนนำโด่งจนชนะเป็นเดือนมหาวิทยาลัย  สุดยอดดดดด   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

แล้วเวลาที่ _950 นัดล่ะ ไป๋จะไปมั้ยนะ  :z3: :z3: :z3:
 
อิฐ  ไป๋    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 13-07-2018 13:34:30
สุดยอดไป๋
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-07-2018 15:58:26
ไป๋เยี่ยมมากเลย o13
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 13-07-2018 16:29:05
ดีใจไป่ไป๋ได้อ่ะ สุดยอดมาก
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP36 : ไม่รักแต่คิดถึง (10/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-07-2018 15:23:33
อิฐ คือ 950 ใช่มั้ย แล้วน่าจะเป็นบัดดี้ด้วย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-07-2018 15:40:10
โฟค ชอบเทคแคร์ไป๋ ขับรถไปส่ง อาสาไปซื้อข้าวให้ ถือกระเป๋าให้ นี่แค่เพื่อนใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-07-2018 16:54:13
เดี๋ยวนะ อิฐ รู้ได้ไงว่า ใครกลับบ้านบ้าง แล้วไป๋ไม่กลับ ต้องใช่แน่ๆ ^^
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 14-07-2018 17:30:44
ไป๋สุดยอด ขนาดเป็นเดือนมหาลัยแล้วยังถ่อมตัวสุดๆ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 14-07-2018 18:22:10
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 38 : ห้องชมรมถ่ายรูป



            “ยินดีด้วยนะครับ”

            “เธอ เราชื่อไขนะ อยู่คณะวิทยา เธอตอบคำถามได้ดีมากเลย”

            “นายๆ พวกเรามาจากชมรมดนตรีนะ ตอนนี้เรากำลังหานักร้องนำอยู่ นายสนใจมาร้องกับเราไหม”

            “หมอไป๋คะ ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยสิคะ”

            “น้องครับ พี่มาจากวารสารของมหาวิทยาลัยอยากจะขอคิวถ่ายแฟชันไปลงปกหน้าหน่อย”

            “น้องคะ พี่มาจากวิทยาลัยนานาชาติ อยากขอคิวสัมภาษณ์เรื่องมุมมองมนุษยนิยมที่น้องตอบบนเวทีหน่อย”

            “หมอไป๋ ขอไลน์ไอดีหน่อยครับ ผมถ่ายรูปตอนประกวดไว้ให้จะส่งให้ครับ”

 

            ‘เชี่ยไรเนี่ย’

            ไป๋ได้แต่โวยวายในใจอยากโคตรหงุดหงิด เพราะตั้งแต่เขาลงจากเวทีมา หลังเวทีก็เปิดให้คนภายนอกเข้ามาได้ ตอนนี้จึงมีคนจำนวนมากที่เขาไม่รู้ว่าเป็นใครต่อใครมายัดกันอยู่แน่นไปหมด เขาพยายามจะหนีออกมาก็หนีไม่ได้สักที ดูเหมือนว่าตัวเขาเองนี่แหละจะกลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจเหล่านั้น

            ‘ใครก็ได้ช่วยพากูออกไปที’

 

            “ขอโทษนะครับ ผมต้องขอตัวไป๋ก่อน พอดีไป๋ต้องกลับไปทำงานคณะต่อ ใครมีเรื่องอะไรสงสัยหรืออยากติดต่อ แจ้งไปที่เพจหมอไป๋ FC ได้เลย เดี๋ยวผมให้น้องแอดมินติดต่อมาทางผมเอง”

            อัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยแล้ว ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้ว่านนั่นเอง มันมาช่วยกันสารพัดใครต่อใครให้ออกจากการมายุ่งวุ่นวายกันเขา มันโคตรรู้จักเขาดีว่าเขาไม่ชอบวุ่นวายกันคนจำนวนมากแบบนี้เลย

            และโดยไม่ต้องรอความยินยอมพร้อมใจ ไอ้ว่านก็ดึงแขนเขาลากฉับๆ มาที่รถ มันคงจะขับรถได้แล้ว มันเดินไปสตาร์ทรถ ในขณะที่เขาก็เดินไปนั่งด้านข้างคนขับอย่างว่าง่าย

 

            “วุ่นวายฉิบหาย” ไป๋บ่นอย่างเซ็งๆ

            “ก็เสือกไปประกวดทำไมหละ งานนี้ชีวิตมึงไม่ได้สงบอีกต่อไปแน่” อีกฝ่ายพูดต่อทั้งที่ยังจอดรถทิ้งไว้อยู่ในลานจอดรถแบบนั้น

            “ใครจะไปคิดว่าชนะวะ กูแม่ง ไม่น่าพลาดเลย”

            ไป๋บ่นจากใจจริง เขาโคตรไม่ชอบการเป็นที่สนใจแบบนี้เลย จริงอยู่ว่าเรื่องแข่งขันเชิงวิชาการ แต่เรื่องนั้นไม่มีใครมาสนใจวอแวอะไรแบบนี้ อย่างน้อยก็ไม่มีใครเดินมาขอถ่ายรูปคนที่แข่งเคมีได้เหรียญทองโอลิมปิกหรอก

           

            “หมดเวลาหนีแล้วนะมึง” อีกฝ่ายพูดขึ้นมาในความเงียบ

            “หนีอะไรวะ” เขาบ่นแบบงงๆ

            “หมดเวลาหนีเรื่องหัวใจของมึงแล้วไง ไอ้หาไอ้เก้าห้าศูนย์ตามที่มันนัดมึงไว้ซะ” ไอ้ว่านพูดออกมาอย่างจริงจัง

            “เออ กูลืมไปแล้วเนี่ย” เขาตอบ

            “ไม่ตลก มึงเลิกวิ่งหนีเรื่องหัวใจตัวเองได้แล้ว”

 

            “มึงก็รู้ว่ากูไม่อยากมีความรัก” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบา

            “มึงไม่อยากมีความรักหรือมึงไม่กล้าจะมีความรัก”

            “อะไรของมึงวะ” เขาถามอย่างไม่เข้าใจ

            “มึงเลิกทำตัวเป็นคนไม่สนใจเรื่องความรักสักทีเหอะ มึงอะสน ไอ้ไป๋ มึงเลิกหนีความจริงแล้วหันมาเผชิญหน้าแบบกล้าหาญสักทีสิวะ”

            “กูไม่กล้าตรงไหนวะ ตอนเรื่องไอ้โฟคกูก็พูดกับมันตรงๆ” เขาเถียง

 

            “ก็เรื่องไอ้โฟคมันเป็นเรื่องของไอ้โฟคไง มึงเลยกล้า แต่พอเป็นเรื่องของตัวมึงเองแท้ๆ มึงกลับวิ่งหนี” มันพูดต่อแบบจริงจัง และแทบจะไม่ยอมให้เขาเบี่ยงประเด็นหนีเลย

            “มึงก็รู้ว่ากูไม่มีใคร” เขาพูดออกไปเสียงแผ่ว

            “มึงอย่ามาโกหกไอ้ไป๋ ถ้ามึงไม่สนใจเรื่องความรักอย่างที่มึงบอกตัวเองอยู่จริงๆ แล้วมึงจะร้องไห้ตอนร้องเพลงวันนี้ทำไมวะ”

            “กูก็แค่คิดถึงอดีต”

            “แล้วไงวะ คนมีอดีตนี่มันห้ามมีอนาคตที่ดีหรือไง” มันพูดอย่างไม่ลดละ

 

            “กูไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว”

            “มึงเคยเห็นใครขี่จักรยานแล้วไม่ล้มบ้างเปล่าวะ ทุกคนแม่งก็ล้ม แม่งก็เจ็บหมดแหละ แต่ถ้ามึงไม่ฝืนก้าวไปต่อ มึงคิดเหรอว่ามึงจะปั่นจักรยานได้ อย่าให้รอยแผลครั้งเดียวมาขังมึงไว้ตลอดชีวิตสิวะ”

            “กูอยู่ได้หวะ ว่าน กูมั่นใจว่ากูอยู่ได้ ชีวิตกูก็ดีนี่หว่า ไม่เห็นจะขาดแคลนอะไร ทำไมกูต้องไปเสี่ยงกับความรักด้วยวะ รู้ทั้งรู้ว่าพอแม่งจบแล้วแม่งเจ็บฉิบหาย” เขาพูดออกมาด้วยเสียงค่อย ไม่รู้ว่าเขากำลังบอกคนตรงหน้าหรือกำลังบอกกับตัวเองกันแน่

 

            “มึงอนุญาตให้ตัวเองมีความสุขได้แล้ว” ไอ้ว่านหันมาพูดกับเขาอย่างจริงจัง

            “กู...”

            “มึงเลิกเอาอดีตมาปิดกั้นชีวิตมึงสักที”

            “กู...”

            “มึงสมควรจะมีความสุขเหมือนคนอื่น มึงคือใครวะ ทำไมมึงถึงไม่ควรมีความรัก มึงคิดดีๆ ดิ มึงก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง มึงก็เจ็บได้ร้องไห้เป็นเหมือนคนอื่นนั่นแหละ”

 

            “กูแค่ไม่อยากกลับไปเจ็บอีกแล้ว” ไป๋พูดออกมาหลังจากเงียบไปพักใหญ่

            “เจ็บแล้วทำไม เจ็บก็เจ็บเปล่าวะ คนมีความรักแม่งก็จบทุกคนนั่นแหละ มึงพูดเองไม่ใช่เหรอว่าความรักที่ดีอาจจะกลายเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจมึงไปได้ตลอดชีวิต มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าการตัดสินใจของมึงในวันนี้อาจจะหล่อเลี้ยงมึงไปตลอดชีวิตที่เหลือของมึงก็ได้”

            “มึงก็รู้ว่าความรักแบบกูสักวันมันก็ต้องจบ มันไม่เหมือนมึง เหมือนคนอื่นที่จะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตบั้นปลายกันอย่างมีความสุข”

            ไป๋พูดออกมาด้วยเสียงที่เก็บความเจ็บปวดไว้ไม่มิด ความรักแบบเขาสักวันมันก็ต้องจบจริงๆ เขาจะฝืนอะไรกับธรรมชาติได้วะ

 

            “ทำไมวะ การที่มึงชอบผู้ชายนี่มันเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตมากมายนักหรือไง”

            ไอ้ว่านบ่นออกมา ความจริงไอ้ว่านรู้มานานมากแล้วว่าเขาไม่ชอบผู้หญิง แต่เขาก็ขอมันไว้ตลอดว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้ และปฏิบัติกับเขาอย่างผู้ชายคนหนึ่งธรรมดา เขาไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นสิ่งประหลาด

            “คบไปเดี๋ยวก็เลิก จะคบไปทำไมวะ”

            “ไอ้ไป๋ เรื่องความรักมึงได้โง่เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ เชี่ย มึงคิดเหรอวะว่าผู้ชายผู้หญิงจะเลิกกันไม่ได้ ทำไมวะ มีลูกไม่ได้นี่มันเรื่องใหญ่เรื่องโตตรงไหน กูเห็นบางคู่ไม่มีลูกแต่ก็ยังมีครอบครัวกันจนดูแลไปจนแก่เฒ่า” ไอ้ว่านบ่นออกมายาวเหยียด

            “ขอบคุณมากหวะว่าน” เขาตอบขอบคุณมันออกไป แม้ว่าสมองตอนนี้จะยังตื้อและคิดอะไรไม่ออกอยู่ดี

 

            “หมดเวลาหนีแล้วเพื่อน” มันพูดขึ้นในทีสุด

            “...”

            “มึงไปได้แล้ว มันรอมึงอยู่ที่ห้องชมรมถ่ายรูป เดี๋ยวกูนั่งรออยู่บนรถนี่แหละ เดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว”

            “ไปด้วยกันดิ มึงจะให้กูไปคนเดียวได้ไง”

            “ไม่ตายหรอก”

            “ถ้าแม่งทำไรกูหละ”

            “มึงโทรหากู สองนาทีกูถึง เดี๋ยวกูจะไปกระทืบมันให้เอง”

            “เชี่ยว่าน...”

            “ไม่ต้องซึ้ง” มันพูดแบบติดตลก

            “เปล่า กูจะบอกว่ากล้ามเนื้อมึงยังอักเสบอยู่ไม่ใช่เหรอ มึงจะเอาแรงที่ไหนไปกระทืบแม่งวะ ฮ่าฮ่าฮ่า” เขาเย้ามันอย่างเริ่มจะผ่อนคลายลงมาบ้าง

 

            “ยิ้มได้ก็ดี ไปได้แล้ว เดี๋ยวคนรอแม่งจะเป็นบ้าเสียก่อน”

            “อืม รอกลับพร้อมกูนะมึงอะ” เขาพูดย้ำกับว่าน

            “เออ มาถึงขนาดนี้แล้ว กูไม่ทิ้งมึงไปไหนหรอก”

            “ขอบคุณมากจริงๆ หวะ”

            เขาพูดแบบไม่รู้จะบอกอะไรกับมันดี ชีวิตเขามีเพื่อนสนิทไม่มาก แต่เขาโชคดีว่าเพื่อนสนิทที่สุดที่เขามีแม่งเป็นคนที่ดีกับเขาที่สุดจริงๆ   

           

            เขาก้าวลงมาจากรถพร้อมเดินไปทางถนนทางเดินนักศึกษาที่ลัดเลาะไปตามตึกเรียนคณะต่างๆ ปรกติทางเดินเส้นนี้จะมีคนเยอะมาก แต่เวลาเหยียบค่ำในวันหยุดแบบนี้ ถนนเส้นนี้จึงมีเขาเดินไปเงียบๆ อยู่คนเดียว เขากำลังทบทวนทุกอย่าง ทบทวนหัวใจ ทบทวนสิ่งที่ไอ้ว่านพร่ำบอก เขาเฝ้าถามตัวเองว่าจริงๆ แล้ว เขาพร้อมจะเริ่มต้นใหม่หรือยัง

 

            ตึกปิดไฟมืดสนิท มีเพียงทางเดินตรงบันได้ขึ้นชั้นสองฝั่งซ้ายเท่านั้นที่มีไฟเปิดอยู่ ราวกับทั้งตึกนี้จะมีเพียงเขากับไอ้มนุษย์ปริศนาคนนั้น ไฟทางเดินเปิดเพียงแค่ทางเข้าไปจนถึงห้องชมรมถ่ายรูปที่อยู่ชั้นสองเท่านั้น ขาของเขาก้าวไปตามบันไดอย่างตื่นเต้น อีกไม่นานเขาก็จะได้รู้แล้วว่าไอ้คนปริศนาคนนั้นคือใคร

 

            เขาเดินไปตามทางชั้นสองที่ไปไฟไว้ถึงแค่สามห้องถัดไปจากบันไดเท่านั้น ไม่รู้ก็ต้องรู้ว่านี่คือห้องชมรมถ่ายรูปที่ไอ้ 950 นัดเขาไว้ ห้องนั่นแง้มเปิดไว้น้อยๆ ราวกับว่ารอคอยการมาถึงของเขา

            ไป๋ค่อยๆ เอื้อมมือไปเปิดประตูที่แง้มไว้นั้นออกด้วยความตื่นเต้น

            ห้องชมรมถ่ายรูปเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ภายในกำแพงว่างด้านหนึ่งที่ตอนนี้กำลังถูกฉายแสงมาจากโปรเจคเตอร์ที่ติดไว้บนเพดาน ภาพนั้นไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากตัวเขาเอง ตัวเขาที่ยังอยู่ในชุดม.ปลาย ใส่แว่นหนา แถมชอบใส่เสื้อตัวโคร่ง เขากำลังฉีกยิ้มกว้างแบบไม่รู้ตัวว่าโดนถ่ายรูป

 

            ตรงกลางห้องมีเก้าอี้ตั้งอยู่ 2 ตัว ตัวแรกว่างเปล่า ในขณะที่อีกตัวนั้นมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่โดยที่ยังไม่หันมามองเขา แต่แค่เห็นแผ่นหลังก็มากเพียงพอ

            ทำไมเขาจะจำไม่ได้

            เจ้าของแผ่นหลังหนาคือคนที่ทำให้เขาสุขและทุกข์ได้ในเวลาเดียวกัน คือคนที่ทำให้เขาตัดสินใจว่าควรจะหันหลังให้ความรักเสีย และเป็นคนเดียวกับที่เขาทั้งร้องไห้และร้องเพลงให้วันนี้ด้วย

 

            เสียงเปิดประตูทำให้คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวขวานั้นหันมาอย่างช้าๆ แบบที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยเขาอยู่แล้ว มันยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง แววตา โครงหน้า และริมฝีปากที่เผยอรอยยิ้มให้เขา

            ในวินาทีนั้นกำแพงที่เขาพยายามสร้างมาตลอดก็เหมือนจะพังทลายลงอย่างหมดสิ้น

            เขาบอกตัวเองเสมอว่าเขาไม่สนใจมันทั้งที่แอบมองมันอยู่ตลอด บอกว่าตัวเองจะเกลียดขี้หน้ามันแต่ก็พาลไปสนิทกับมันเสียได้ บอกกับตัวเองว่าจะเลิกมีความรักตลอดไป แต่แค่รู้ว่ามันอาจจะมีใจให้เขาอยู่เพียงเสี้ยวหนึ่ง สิ่งที่สร้างมาตลอดเกือบปีก็พังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีให้กับคนตรงหน้านี่

 

            ไอ้อิฐ... เจ้าของความรักครั้งเดียวที่เขามี



               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ขอบคุณทุกคอมเม้นจริงๆ นะครับ ตอนนี้ผมแต่งภาค 2 ได้ 5 ตอนแล้ว คิดว่าระหว่างจบภาค 1 ต่อภาค 2 อาจจะขอหยุดช่วงสั้นๆ สัก 10 วันเพื่อแต่งภาค 2 ให้ไปไกลสักหน่อยก่อนค่อยทยอยนำมาลง (แต่ถ้าเม้นเยอะๆ อาจใจอ่อนมาลงให้ก่อน อิอิ) ผมเกือบจะถอดใจไม่แต่งภาค 2 หลายรอบแล้ว แต่พอเห็นคนมาคอมเม้นให้ก็รู้สึกว่าเอาน่า อีกสักฮึ้บ แต่งต่อ อย่างน้อยก็ยังมีคนชอบ #ไป่ไป๋ ของผมอยู่บ้างนี่นะ : )
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 14-07-2018 18:22:36
ขอกำลังใจแต่งภาคสองหน่อย เม้นให้หนูหน่อยน้า

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP37 : มนุษยนิยม (12/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-07-2018 18:26:43
อิฐมันร้าย อย่างนีโฟคเสียใจแย่
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-07-2018 19:13:54
ไป๋ชอบอิฐรึเปล่า แต่ก็เพราะเหตุผลที่ว่า เลยคิดว่า ไม่สมหวังแต่ก็มีความสุข
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 14-07-2018 19:19:47
มาต่อให้ไวๆหน่อยครับ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-07-2018 19:31:37
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ   เดาถูกด้วยหล่ะ  ว่า 950 ก็คืออิฐ  แต่มาเดาถูกตอนหลัง ๆ นะ ตอนแรก ๆ เดาไม่ถูกเลย

อย่างนี้ก็ใจตรงกันสินะ

อ่อ...ว่านรู้คำตอบอยู่แล้วนิว่าใครคือ 950 นี่นา  ถึงได้พูดกับไป๋ออกไปในโทนนี้  อิอิ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 14-07-2018 19:45:18
สั้นจังง อยากอ่านต่อไวๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-07-2018 20:00:40
เพียว เชี่ยวมาก
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-07-2018 20:47:37
ไป๋สุดยอดมาก ไม่แปลกเลยที่จะได้เป็นเดือนมหาวิทยาลัย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-07-2018 20:53:24
นั่นไงเป็นอิฐจริงๆด้วย สรุปคือ ต่างคนต่างรักกันใช่มั้ย แต่ตอนนี้อยากรู้เรื่องตุ้มหูไป๋ไปอยู่กับอิฐได้ยังไง
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 14-07-2018 21:06:12
มีความสุขกับความรักได้แล้วน้า น้องไป๋   :กอด1:
ชอบการพูดของว่านมาก จริงทุกประการ
โชคดีของไป๋ ที่มีเพื่อนรักที่แสนดีอย่างว่าน
ตอนต่อ ๆ ไป รักกันให้หวานหยดย้อยไปเลยน้า อิฐไป๋
สนุกมากค่า เป็นกำลังใจให้คนเขียนน้า ^^
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-07-2018 21:31:18
ว่าและ.........อิฐ ไป๋  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ทั้งคู่ชอบกัน แต่ทำไมไป๋ถึงทำเฉยๆกับอิฐล่ะ
ไป๋กลัวความรักชาย-ชาย ไม่ราบรื่นเหรอ   :mew2:
แต่ความรักชาย-หญิงก็ใช่จะราบรื่นทุกคู่นี่นะ
เปิดใจได้แล้วไป๋    :mew1:

อิฐ  ไป๋  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 14-07-2018 23:22:32
สรุปว่าเค้าสองคนมีความหลังกันแน่นอน แอบรักกันตั้งแต่ตอนไหนน้า
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 15-07-2018 07:05:13
ต่าง แอบ ชอบ กันและกัน... เสียดายเวลาที่ผ่านมารีบรักกันนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-07-2018 07:45:16
เป็นอิฐจริงๆด้วย แถมไป๋ก็ชอบอิฐอยู่แล้ว แบบนี้ก็กลายเป็นว่าใจตรงกัน อยากให้ไป๋เปิดโอกาสให้ตัวเองได้รักบ้าง สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 15-07-2018 07:48:32
 :hao7: อ๊ายยยยย  :hao7: เจอกันแล้วววว  :hao7: รู้สักทีว่าใจตรงกัน  :hao7: ภาคสองขอหวานๆนะค่ะ  :hao3: ขอให้ทั้งคู่มีmoment ดีๆน่ารักๆด้วยกัยเยอะๆนะค่ะ  :hao7: คนอ่านอยากฟิน :hao6:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP38 : ห้องชมรมถ่ายรูป (14/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 15-07-2018 20:18:11
เป้นอิฐจริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP39 : ภาพถ่าย (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 16-07-2018 17:02:29
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 39 : ภาพถ่าย



            “ไอ้อิฐ...”

            มันหันมายิ้มกับเขาแต่ไม่พูดอะไร มือของไอ้ตัวต้นเรื่องดึงเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ที่กำลังว่างอยู่อีกตัว พร้อมเอานิ้วชี้มาแตะตรงปากเป็นสัญญาณว่าอย่าเพิ่งพูดอะไร

 

            เขานั่งลงพร้อมหันไปดูภาพตัวเองที่ฉายอยู่บนผนังว่างอยู่ตอนนี้

            ไอ้อิฐก้มลงไปก้มหน้างุดจัดการกับรีโมทในมือ ส่วนเขาก็ได้แต่มองมันจากด้านข้างอย่างเงียบๆ มันยังอยู่ในชุดนักศึกษาจากรอบสุดท้ายที่แข่งตอบคำถาม

            อิฐก้มลงไปงมอยู่กับรีโมทครู่หนึ่งก็กดปุ่มหนึ่งในที่สุด ภาพที่เคยเป็นภาพนิ่งบนฝาผนังอยู่ตอนนี้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหว มันเหมือนเป็นวีดีโอที่เกิดจากการเอาภาพเก่าๆ มาเรียงต่อกัน มันไม่พูดอะไรนอกจากตั้งใจมองภาพตรงหน้า ราวกับจะบอกเขาว่าให้ตั้งใจดูไปด้วยกัน

 

            ภาพแรกเป็นรูปตอนเผลอสมัยมัธยมปลาย

            ภาพนี้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นตอนไหนหรือเมื่อไหร่ รู้เพียงแต่ว่าน่าจะเป็นภาพตอนอยู่โรงอาหาร ดูเหมือนไหล่ของไอ้ว่านจะติดมาในภาพด้วย

 

            ภาพที่สองเป็นรูปเขาตอนกำลังเรียนเตะตะกร้อ

            สภาพของเขาโคตรทุลักทุเลและน่าตลกเต็มทน เด็กชายหน้าเนิร์ดใส่แว่นหนาเตอะ กำลังพยายามเดาะตะกร้อให้ได้ครบสิบทีเพื่อจะไปสอบเก็บคะแนน

 

            ภาพที่สามเป็นรูปเขาตอนยืนอยู่หน้าเสาธง

            เขาจำได้เลยว่าตอนนี้เป็นตอนที่เขากลับมาจากแข่งขันเคมีโอลิมปิกและได้เหรียญทองกลับมาประเทศ ฉากไวนิลรูปหน้าเขาเด่นหราแปะอยู่หน้าโรงเรียนอยู่เป็นเดือน

 

            ภาพที่สี่เป็นรูปของตอนเรียนรด.

            ดูเหมือนมันจะแอบถ่ายเขาตอนที่อยู่ที่ศูนย์ฝึก สภาพเขากำลังทำหน้าเบื่อโลกถึงขีดสุด และรำคาญอากาศที่ร้อนตับแลบแบบนี้

 

            ภาพที่ห้าเป็นรูปของเขาข้างสนามบาส

            เขาจำได้ดีเลยว่าวิชานั้นเป็นวิชาพละแล้วอาจารย์ให้เลือกระหว่างเรียนพละหรือไปเชียร์เพื่อนแข่งกีฬาร่วมกับโรงเรียนอื่นที่โรงเรียนเป็นเจ้าภาพ ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขานั่งดูไอ้อิฐแข่งกีฬาอย่างจริงจังเต็มสองตา ก็อย่างว่า ถ้าไม่โดนบังคับเขาก็คงไม่ยอมมานั่งดูกีฬาเด็ดขาด

 

            ภาพที่หกเป็นรูปของเขาตอนยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าหอ

            เดาไม่ยากว่าเป็นวันแรกที่พวกเขาเจอกันในช่วงชีวิตมหาวิทยาลัย วันที่เขาถูกท้าแข่งให้มาร่วมประชันการเป็นเดือนมหาวิทยาลัยกับมัน

 

            ภาพที่เจ็ดเป็นรูปเขากำลังหย่อนลูกเหล็กลงในหลอดแก้วที่ใส่น้ำมันอยู่

            ภาพนี้คือแลปฟิสิกส์ที่เรียนที่คณะวิศวะของมัน ตอนนั้นยังเกร็งๆ กับการคุยกับมันอยู่เลยมั้ง อย่างว่า เขาก็เป็นคนที่ปากหมาใส่มันไว้เยอะ

 

            ภาพที่แปดเป็นรูปตอนเขานอนอยู่ในหอแบบหมดแรง

            ไอ้อิฐคงจะถ่ายตอนที่มันหายจากพิษไข้แล้วปล่อยให้ผมนอนพักอยู่ในห้อง สภาพของเขากำลังนอนพริ้มหัวยุ่งอย่างสบายใจเฉิบอยู่บนเตียง

 

            ภาพที่เก้าเป็นภาพเสื้อคู่ที่มันเอื้อมมือมาเช็ดซอสที่ปากให้กับเขา

            ภาพนี้เองที่แอดมินเพจเอฟซีอะไรนั่นขอถ่ายไปจนกลายเป็นกระแสเรื่องราวใหญ่โต มองแบบนี้มันก็ดูไม่ใช่แค่เพื่อนจริงๆ แหละ ทั้งอากัปกิริยา ทั้งเสื้อที่ใส่ มันก็คงไม่แปลกใจที่ใครจะเข้าใจผิด

 

            ภาพที่สิบเป็นภาพในค่ายผู้นำของมหาวิทยาลัย

            ตอนนั้นเขากำลังเล่าเรื่องความฝันและอนาคตของเขาอย่างออกรส เขาคงเรียนจบไปเป็นหมอแล้วก็ดูแลกิจการโรงพยาบาลของพ่อแม่เขาต่อ

 

            ภาพที่สิบเอ็ดเป็นภาพบนเตียงนอนในค่ายผู้นำ

            ไอ้อิฐมันแอบถ่ายเขาตอนก่อนตื่นนอนอีกแล้ว รูปนี้น้ำลายเขาหกด้วย เห็นแล้วก็หน้าชาไปด้วยความอาย อยากให้มันเลื่อนผ่านจากตรงนี้ไปเร็วๆ

 

            ภาพที่สิบสองเป็นรูปเขาตอนกำลังหยิบของออกจากลูกบิดประตู

            มันนี่เองที่เป็นคนส่งเขาให้เขาอยู่ตลอดเวลา ถึงว่าทำไมมันถึงกะจังหวะได้ดีได้ถูกตลอด มันก็อยู่ใกล้ตัวเขาแค่นี้นี่เอง

 

            ภาพที่สิบสามเป็นรูปเขาตอนก้มลังก้มหน้าเล่นบอร์ดเกม

            นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขายอมออกไปตามคำขอของมัน จำได้ว่าวันนั้นมีคนขอเบอร์มันด้วย มันบอกว่ามันชอบผู้ชาย แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่คิดว่ามันพูดจริง

 

            ภาพที่สิบสี่เป็นรูปเขาตอนอยู่ในห้องสมุด

            จากมุมกล้องแล้วมันน่าจะยืนแอบถ่ายอยู่ตามชั้นหนังสือตรงไหนสักแห่งหนึ่ง เดาไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นวันแรกที่มันเอาการ์ดจาก 950 มาให้หรือเปล่า เพราะเขาก็จำชัดเจนแน่นอนลงไปไม่ได้

 

            ภาพที่สิบห้าเป็นจอกระดานการแข่งหมากรุก

            ภาพนี้มาจากตอนเขาแข่งหมากรุกตอนกีฬาเฟรชชี่ นักกีฬาจะอยู่อีกห้องเงียบๆ เพื่อใช้สมาธิ แต่คนดูจะอยู่อีกห้องและดูภาพกระดานที่ถ่ายทอดออกมาแทน เขาไม่ยักรู้มาก่อนว่ามันมาดูเขาแข่งด้วย

 

            ภาพที่สิบหกเป็นรูปที่มันอุ้มตัวเขาออกมาจากสนามบาส

            มองภาพนี้แล้วเขาก็ได้แต่กลืนน้ำลายก้อนใหญ่ มองยังไงก็เหมือนคนมีความสัมพันธ์พิเศษ ไม่รู้ว่ารูปมาจากกล้องไหน และมันแพร่กระจายไปอยู่ที่ใดบ้าง แต่เชื่อขนมกินเลยว่าใครก็ตามที่เห็นภาพนี้ต้องคิดว่าเขามีอะไรเลยเถิดกับไอ้อิฐแน่นอน

 

            ภาพที่สิบเจ็ดเป็นรูปตอนที่เขานั่งเหม่อในรถหลังจากทำแผลมาเสร็จ

            เดาว่ามันน่าจะแอบถ่ายตอนหลังกลับจากโรงพยาบาลเพราะเห็นผ้าปิดแผลที่อยู่ตรงหัวคิ้วเขาชัดเจน ไหนตอนนั้นทำเป็นอารมณ์บูด อารมณ์บูดแล้วมาแอบถ่ายรูปไว้ทำไม

 

            ภาพที่สิบแปดเป็นรูปของเขาตอนกำลังนั่งร้องเพลงอยู่กับไอ้ว่าน

            ภาพวันนี้ตอนประกวดนี่เอง พูดอะไรไปเยอะแยะมากเพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะมีความคิดอะไรกับเขาแบบนี้ พูดแล้วหน้าเขาก็ร้อนฉ่าขึ้นมา ถ้ามันรู้ว่าที่พูดไปก่อนร้องยาวเหยียดและเพลงที่ร้องวันนี้ก็หมายถึงมัน มันต้องล้อเขาจนแก่แน่

 

            ภาพที่สิบเก้าเป็นรูปตอนเขารับรางวัลเดือนมหาวิทยาลัย

            ภาพนี้ดูรู้เลยว่ามันน่าจะถ่ายเอง เพราะมุมกล้องมาจากด้านหลังเฉียงๆ หน่อย มันคงจะถ่ายมาจากตำแหน่งที่มันไปยืนรอรางวัลที่สองอยู่

 

            ภาพสุดท้ายเป็นภาพเขาที่หลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดที่เปลือยเปล่าของมัน

            ภาพนี้น่าจะมาจากตอนสมัยมัธยมปลายที่พวกเขาไปอยู่ในห้องชมรมกันจนดึกและถูกล๊อคจากด้านนอกจนออกมาข้างนอกไม่ได้ โทรศัพท์ก็ลืมไว้ด้านนอกจนต้องค้างคืนอยู่กับมันสองต่อสอง

 

            ‘เดี๋ยวนะ ถ้ามันไม่มีโทรศัพท์แล้วมันถ่ายรูปนี้ได้ไง’

 

            “ไหนมึงบอกว่าลืมไว้โทรศัพท์ไว้นอกห้อง”

            เสียงของเขาดังขึ้นเป็นคำถามทันทีที่รูปนั้นดับลงและภาพจอก็มืดไป ดูเหมือนว่ารูปนั้นจะเป็นรูปสุดท้ายที่มันตั้งใจจะให้เขาดูพอดี

 

            “ถ้าบอกว่าไม่ลืมจะได้นอนค้างคืนกับไป๋หรือครับ” มันหันมาพูดยิ้มๆ รอยยิ้มของมันทำคนหัวใจวายตายมากี่คนแล้วเนี่ย

            “มันต้องมาเรียกไป๋พูดครับเลย กูจั๊กกะจี๊ เรียกกูมึงแบบเดิมก็ดีแล้ว” เขาพูดพร้อมกับสีหน้าที่แดงขึ้น

            “ไม่ได้สิครับ วันนี้ผมมาสารภาพรักกับไป๋ ถ้าผมพูดไม่ดีแล้วผมแห้วใครจะรับผิดชอบ”

 

            เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันพูดว่าอะไรนะ ผิวหน้าของเขาเริ่มร้อนขึ้นมาอย่างควบคุมได้ยาก แต่เขาก็พยายามกลบเกลื่อนอาการตรงหน้าไม่ให้แสดงออกจนคนตรงหน้าจับสังเกตได้ เขาพอจะรู้ว่าการเดินมาเจอกันที่ห้องนี้หมายถึงอะไร แต่เขาอาจจะไม่ได้เตรียมใจมารับมือกับความตรงไปตรงมาของคนตรงหน้านี่ บทจะพูด คนตรงหน้าก็พูดตรงจนเขาแทบจะลืมไอ้อิฐคนที่เขาคุ้นเคยไปเสียหมดสิ้น

 

            “ตกลงมึงคือ 950 จริงเหรอ” เขาถามด้วยเสียงเรียบ

            “ใช่สิครับ ไป๋จำไม่ได้เหรอว่าเลขนี้หมายความว่าอะไร” มันถามกลับมา

            “หมายเลขห้องชมรมที่โรงเรียนเก่าสินะ” เขาตอบ

            “อ๊าว ไป๋ก็จำได้ แล้วทำไมถึงไม่รู้ว่าผมเป็นใคร” มันเลิกตาถามแบบงงๆ

 

            “กูรู้ว่าคนที่มีเรื่องกับกูเรื่องห้อง 950 กับกูก็มีแค่มึงคนเดียว” เขาพูด

            “แปลว่าไป๋รู้นานแล้วว่าผมคือใคร”

            “ไม่หรอก กูไม่กล้าคิดหรอกว่าเป็นมึง”

            เขาไม่เคยลืมเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นที่ห้องชมรมโรงเรียนเก่าระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ตอนนั้น ผู้อำนวยการโรงเรียนต้องการยุบห้องชมรมหนึ่งไปทำเป็นห้องเรียนใหม่ที่จะเปิดรับเด็กเพิ่มในปีการศึกษาหน้า ห้องชมรมของชมรมกีฬาและชมรมวิชาการจึงจะต้องเหลืออยู่เพียงห้องเดียว พวกเขาทั้งสองในฐานะหัวหน้าชมรมจึงต้องเปิดศึกแข่งขันกันแย่งห้องชมรมที่จะเหลืออยู่เพียงหนึ่ง



            น่าตลกที่การแข่งขันไม่ได้นำมาซึ่งความขัดแย้งเสียทั้งหมด แต่เขาก็ได้รู้จักคนตรงหน้ามากขึ้นและเรียนรู้ว่าโดยเนื้อแท้แล้ว ไอ้อิฐไม่ใช่คนที่ไม่ดีอะไรเลย สมัยเป็นนักเรียนอาจจะยังมีชื่อประธานชมรมค้ำคออยู่ แต่ตอนมหาวิทยาลัยไม่มีแล้ว พวกเขาจึงได้กลายมาเป็นเพื่อนกันเพราะอย่างน้อยก็รู้จักนิสัยกันดีจากเรื่องราวที่ต้องจับพลัดจับผลูมาเจอกันบ่อยครั้ง ทั้งหมดทั้งมวลก็เริ่มมาจากมหากาพย์ห้อง 950 นั่นแหละ

            ความจริงเขาพอจะเดาออกเรื่องอิฐมานานแล้ว เพียงแต่เขาไม่กล้าคิดแม้กระทั่งว่าไอ้อิฐจะมาสนใจคนอย่างเขา เขาจึงเลือกที่จะหยุดคิดเรื่องนี้ต่อเพราะยิ่งคิดเขาก็จะยิ่งจมปลักอยู่กับความไม่เข้าใจ จากใจของคนที่เคยเจ็บหนักกับความรัก แม้เพียงความหวังเล็กๆ เขาก็ไม่อยากมี เขาไม่อยากกลับไปเจ็บ ไปรู้สึก ไปเริ่มต้นใหม่กับการก้าวเดินออกมาอีกแล้ว เขาเหนื่อยและเสียเวลาไปมากเกินพอกับอดีตที่เขาอยากจะข้ามผ่านพ้นไป

 

            “ทำไมต้อง 950” เขาเอ่ยถามอย่างสนใจ

            “ผมแค่อยากให้รู้ว่าผมชอบไป๋มานานแล้ว ชอบมาตั้งแต่ก่อนคืนนั้นของเราสองคนด้วยซ้ำ ผมไม่ได้ชอบไป๋แค่วันนี้ แต่ผมรอไป๋มาตั้งนาน ผมรอจนกว่าผมจะพร้อมที่จะเดินมาขอความรักจากไป๋”

            ไอ้อิฐที่เขาคุ้นเคยตอบออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง เขาพยายามรักษาสีหน้าให้นิ่ง แต่พอถึงคำว่า “รัก” เขาก็แอบห้ามรอยยิ้มตรงมุมปากไม่ได้เลย

            “แล้วทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้” ใช่ ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้

 

            “ผมรู้ตัวดีครับว่าผมไม่คู่ควรกับไป๋แม้แต่นิดเดียว” ไอ้อิฐยังคงพูดต่อด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาของมันตอนนี้ฉายความเศร้าออกมาอย่างปิดไม่มิด

            “มึงเนี้ยนะไอ้อิฐ มึงเป็นนักกีฬาเยาวชนทีมชาติ หน้าตามึงก็หล่อจนใครก็คิดว่ามึงต้องได้เป็นเดือนมหาวิทยาลัยแน่ ไหนมึงลองบอกกูซิ๊ว่ามึงมันมีอะไรที่ไม่ดี”

            ไป๋ขมวดคิ้วพร้อมพูดไปด้วยความสงสัย ถ้าจะมีใครสักคนหนึ่งพูดประโยคนี้ออกมา คนคนนั้นควรจะเป็นตัวเขาเองมากกว่า ถึงวินาทีนี้เขายังไม่เข้าใจเลยว่าไอ้อิฐจะมาสนใจเขาได้ยังไง หน้าตาของมันน่าจะเลือกคนที่ดีกว่าเขาได้มาก อย่างน้อย มันก็ไม่ควรมาสนใจคนที่หน้าตาโคตรธรรมดาอย่างเขา

 

            “ชีวิตผมไม่ได้ดีหรอกครับไป๋” มันเอ่ยด้วยสายตาเศร้า

            “...”

            “วันที่ผมยอมรับกับตัวเองว่าผมชอบไป๋จริงๆ ผมก็ได้รู้ตัวว่าผมไม่มีอะไรเทียบชั้นกับไป๋ได้เลย”

            “อะไรวะ กูไม่เห็นเข้าใจ” เขาตอบออกไปแบบงงๆ

            “ผมเอาชื่อไป๋ไปหาในกูเกิ้ลก็เจอว่าไป๋เป็นลูกเจ้าของโรงพยาบาลในตลาดหุ้น แค่ทรัพย์สินที่ไป๋มีอย่างเดียวไม่นับรวมชื่อพ่อแม่ ผมทำงานทั้งชีวิตยังไม่รู้จะหาได้หรือเปล่า” ทำไมเขารู้สึกว่าสายตาของมันดูตัดพ้ออย่างบอกไม่ถูก

            “มันก็ไม่เกี่ยวกันเปล่าวะ สมบัติอะไรนั่นมันก็คือของที่พ่อแม่ให้มา มันไม่ใช่ของที่กูสร้างมาเองสักหน่อย กูไม่เห็นจะภูมิใจเลยสักนิด” เขาพูดจากความรู้สึกจริง

            “แต่ก็นั่นแหละครับ ผมจะกล้าเอาความมั่นใจจากไหนไปจีบไป๋”

            “มึงนี่คิดมากฉิบหาย”

            “ตอนนั้นผมยังไม่มีที่จะเรียนตอนมหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำ บ้านผมก็ไม่ได้มีเงินทองอะไร แม่ก็ไม่อยู่แล้ว พ่อก็แต่งงานใหม่ แค่ความมั่นใจจะเล่าเรื่องครอบครัวตัวเองให้คนอื่นฟัง ผมยังไม่ค่อยจะมี”

            “อิฐ มันไม่เกี่ยวกันเปล่าวะ มึงก็คือมึงนะ ครอบครัวมึง เงินในกระเป๋ามึงไม่ใช่นิยามของตัวมึงสักหน่อย มึงอย่าเอาเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้มาเป็นปมด้อยในชีวิตสิวะ” เขาเอื้อมมือไปบีบไหล่มันอย่างเป็นกำลังใจ

            “ผมเลยอยากรอให้ผมพร้อมกว่านี้ อย่างน้อย ผมก็อยากที่เรียนที่มั่นคงจบมามีอาชีพที่พอจะดูแลไป๋ได้ ไม่ให้ไป๋ต้องอายถ้าใครรู้ว่าคบกับผม วันนี้ผมว่าผมพร้อมแล้ว ถ้าผมรอไปมากกว่านี้ ผมอาจจะไม่มีโอกาสได้พูดตลอดไป วันนี้ ผมเลยมารอไป๋ที่นี่”

 

            “ไป๋ครับ” มันหันหน้ามาพูดกับเขา

            “ว่าไง” เขาตอบไปด้วยเสียงติดๆ ขัดๆ

            “ขอให้ผมพูดอะไรหน่อยนะครับ” มันยิ้ม มันยิ้มอีกแล้ว

            “อือ”

            เขาตอบแค่สั้นๆ เอาจริงๆ เขาก็ไม่รู้จะตอบอะไรดี ความจริงมาถึงนี่ก็เต็มใจเตรียมใจพร้อมมาฟังอยู่ก่อนแล้วแหละ แต่แค่ไม่กล้าคิดว่าจะเป็นไอ้คนตรงหน้านี่

 

            “ปีที่แล้วเราเคยแข่งแย่งห้องชมรมกัน ไป๋คงจำได้” มันเริ่มประโยคอย่างอมยิ้ม

            “จำได้สิ กูแพ้นี่” เขาบ่นงึมงำ

            “ตอนนั้นเราพนันกันว่า คนแพ้ต้องถามคำสั่งอะไรก็ได้ของคนชนะหนึ่งอย่าง ไป๋ถามผมว่าผมจะสั่งอะไร ผมยังคิดไม่ออก ความจริงผมคิดออกตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าอยากจะขออะไรไป๋ เพียงแต่ผมไม่กล้าพูด”

            “จะแกล้งอะไรกูหละ”

            “ผมเลยขอตุ้มหูอันนี้ของไป๋ไว้เป็นตัวประกันว่าวันหนึ่งผมจะกลับมาขอตามสัญญาที่ไป๋ได้เคยให้ไว้”

            มันพูดพร้อมกับตุ้มหูกาวน์สีขาวที่อยู่ในมือ ถึงว่าวันนี้เขาไม่เห็นมันใส่เลยตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง ที่แท้มันก็ถอดเตรียมไว้ก่อนนี่เอง

           

            “ผมขอใช้กาวน์สีขาวอันนี้แทนสิทธิในการทวงสัญญากับไป๋ ที่ไป๋เคยให้ผมไว้”

            “เฮ้ย ลุกขึ้น ไม่ต้องคุกเข่า”

            มันพูดพร้อมคุกเข่าลงตรงหน้าเขาจนเขาทำอะไรไม่ถูกต้องลนลานลุกยืนขึ้นกับเก้าอี้พร้อมกับความเกรงใจ เขารู้สึกว่าอุณหภูมิบนใบหน้าของเขามันพุ่งสูงแบบควบคุมไม่ได้แล้ว เขาบอกให้มันยืนขึ้นอีกรอบ แต่มันก็ไม่ฟังคำสั่งจากเขาอยู่ดี เชี่ย ทำแบบนี้มันเขินนะเว้ย เหมือนโดนมาคุกเข่าขอความรักเลย

 

            “ผมจะไม่บีบบังคับให้ไป๋รับรักจากผมเด็ดขาด เพราะมันไม่แฟร์กับใครสักคน”

            “...”

            “แต่ผมขอสิทธิ์ในการจีบไป๋ได้ไหมครับ” มันพูดพร้อมด้วยแววตาที่ทอดมาอย่างจริงจัง ไม่มีแม้แต่แววตาล้อเล่นเพียงนิดเดียว

            “ไอ้อิฐ...”

 

            “ขอให้ผมได้สิทธิ์ได้จีบไป๋แบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะพึงปฏิบัติกับคนที่เขารักและอยากดูแลเป็นเวลา 30 วันได้ไหมครับ ถ้าครบกำหนดเวลาแล้ว ผมยังทำให้ไป๋หันมามองผมไม่ได้ ผมจะยอมเดินออกไปจากชีวิตไป๋เอง”



               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ขอคอมเม้นหน่อยนะ หนูขอเม้นไปเป็นกำลังใจในการแต่งภาคสองหน่อย >///< ไม่ค่อยมีใครเม้นให้หนูเยย หนูขาดแคลนกำลังใจจจ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP39 : ภาพถ่าย (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 16-07-2018 17:03:04
ขอบคุณทุกคอมเม้นน้าาาาาาาาาาา

ใครยังเงาอยู่ รีบแสดงตัวเลย จะจบแย้วนะ เม้นหน่อยยยยยยยยย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP39 : ภาพถ่าย (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 16-07-2018 17:40:14
กลายเป็นอิฐสะเองที่ไม่มั่นใจ คิดว่าตัวเองไม่คู่ควร เลยไม่กล้าจีบไป๋ตั้งแต่แรก  :hao5:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP39 : ภาพถ่าย (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 16-07-2018 18:01:46
ยังงงอยู่เลยว่าทำไมไป๋เจ็บปวดกับความรักตอนไหน อย่างไร
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP39 : ภาพถ่าย (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-07-2018 18:42:36
ที่แท้ทั้งคู่ต่างชอบกันตั้งแต่อยู่มัธยมแล้ว

รอฟังไป๋ตอบอิฐ   :ling1: :ling1: :ling1:

อิฐ  ไป๋    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP39 : ภาพถ่าย (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 16-07-2018 19:16:08
ยืดไปอีก คู่รองเค้าแซงไปหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP39 : ภาพถ่าย (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 16-07-2018 19:38:14
สู้ๆนะอิฐ หมอไป๋ให้ใจไปนานละ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP39 : ภาพถ่าย (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 16-07-2018 21:42:18
น้องอิฐคะ... ไป๋ยอมมานานแล้ว.. สิด..เสิด.. อะไรไม่ต้องใช้แล้ว.. ขอเป็นแฟนเลย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP39 : ภาพถ่าย (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-07-2018 22:14:46
อิฐ เป็นคนไม่มีความมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ เหมือนที่อ่านมาทั้งเรื่องกับอิฐตอนนี้คนละคนกันเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP39 : ภาพถ่าย (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-07-2018 22:49:57
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถๆๆๆๆๆๆๆๆ อิฐ   ไม่ต้องขอจีบ 30 วันหรอก

แค่ขอเป็นแฟน คำตอบก็คือตกลงอยู่แล้ว  อิอิ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP39 : ภาพถ่าย (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 16-07-2018 23:09:57
อิฐ พูดๆๆๆ ถามไป๋ก่อนรึยังว่ารู้สึกยังไง บางที 30 วัน อาจจะนานเกินไปก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP39 : ภาพถ่าย (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 17-07-2018 10:38:02
แอบให้ใจกัน ตั้งนานแล้ว ลุยเลยสิอิฐ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 18-07-2018 16:43:14
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 40 (จบ) : เกียร์สีขาว



            ภาพที่เขามองมันพร่ามัวขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาบ้าบอจากไหนมากมายไม่รู้ไหลออกมาแบบที่เขาควบคุมได้ เขาพยายามกลั้นเสียงไว้ให้มากที่สุดแล้ว แต่ก็ยากจะฝืนกลั้นไว้อีกต่อไป

 

            ฮึกฮึกฮึก

            “ไป๋ ผมขอโทษ ผมทำให้ไป๋ลำบากใจหรือเปล่า ยกเลิกก็ได้นะครับ ไม่เป็นไร ไป๋อย่าร้องไห้ก็พอ”

            มันรีบลุกขึ้นเอามือทั้งสองข้างมาจับไหล่เขาพร้อมกับขอโทษขอโพย ยิ่งได้ยินเสียงมัน ยิ่งเห็นมัน เขายิ่งร้องไห้ไม่หยุด มันไม่เคยรู้เลยว่าเขาต้องทำใจมากขนาดไหนตอนต้องเก็บฝืนทนความรู้สึกในใจมาตลอด มันไม่เคยรู้เลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาต้องพยายามแค่ไหนที่จะลืมมัน เขาใช้เวลาไปมากมายเท่าไหร่ เสียน้ำตาไปเท่าไหร่ ต้องฝืนยิ้มให้มันเท่าไหร่ เพียงเพื่อที่ทุกอย่างจะล่มสลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีในวันนี้เนี่ยนะ

 

            “ไอ้อิฐ...”

            เขายังสะอื้นต่อแบบบอกความรู้สึกตัวเองไม่ได้ มันดีใจจนตื้นตันไปหมด คนที่เขาแอบชอบมาตลอดเป็นปี คนที่เขาไม่คิดว่าจะคู่ควรกับมันแม้แต่น้อย วันนี้มันมายืนอยู่หน้าเขา แถมเมื่อกี้มันยังสารภาพว่ารักเขาอีกด้วย มันเหมือนการเดินทางที่แสนยาวไกลจนมาถึงเส้นชัย มันฟูไปทั้งอก เขากลั้นน้ำตาไม่อยู่ ไม่รู้ว่าทำไม

           

            เมื่อมันเห็นว่าเขาร้องไห้ไม่หยุด มันก็ดึงเขาไปแนบอกของมันราวกับจะบอกว่าให้ร้องออกมาอย่างเต็มที่ ยิ่งทำแบบนี้เขายิ่งร้อง เขาปล่อยให้น้ำตาไหลท่วมเสื้อบางของไอ้อิฐอยู่นานเท่าไหร่เขาก็จำไม่ได้ แต่รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าเสื้อของมันเปียกไปหมดแล้ว

 

            “เชี่ย แอบแต๊ะอั๋งกูเหรอ”

            เขาพูดกับมันทั้งที่หน้ายังทิ่มอยู่บนแผงอกหนาของมันอยู่นั่น เขาร้องไห้จนพอใจและหายสะอื้นแล้ว จึงแอบด่ามันเป็นการแก้ความเขินสักหน่อย

            “เปล่าสักหน่อย ผมก็แค่ปลอบใจ”

            “...”

            “ถ้าผมจะแต๊ะอั๋ง ผมไม่ทำแค่นี้หรอกครับ”

            มันก้มลงมาพูดเสียงกระเซ้าตรงข้างใบหูจนเขาหน้าร้อนฉ่า เขาเอามือฟาดมันไปถือหนึ่งก่อนจะดันตัวเองออกมาจากไอ้คนที่ยังหุบยิ้มไม่หยุดตรงหน้า

 

            “ไหนสัญญามึงอะ กูได้เป็นเดือนแล้วเนี่ย ไหนมึงจะให้อะไรกู” เขาถามแบบแก้เก้อ ตาก็แดง แก้มก็แดง แดงไปหมดแล้วมั้งเนี่ย หาเรื่องด่ามันสักหน่อย เดี๋ยวมันจะได้ใจ

            “ไป๋อยากให้ผมทำอะไรให้หละครับ ผมทำได้ทุกอย่างเลย” มันส่งยิ้มมาให้อย่างกรุ้มกริ่ม ต่อไปถ้ามึงไปยิ้มแบบนี้ให้ใครนอกจากกู กูจะปรับตังมึงครั้งละสองร้อย

           

            “ยังคิดไม่ออกอะ” เขาตอบไปแบบง่ายๆ

            “งั้นเอาแบบนี้ไหมครับ”

            มันยิ้มเหมือนกับว่ามันตั้งใจอยากให้สถานการณ์เป็นไปแบบนี้อยู่แล้ว มันล้วงหาของยุกยิกในกระเป๋ากางเกงแสลคอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบบางอย่างออกมา

 

            “ผมฝากเกียร์อันนี้ไว้ที่ไป๋ก่อน จนกว่าวันหนึ่งไป๋จะตัดสินใจได้ว่าอยากจะทวงสัญญาอะไร วันนั้นผมจะมาขอเกียร์ของผมคืน”

            เขาไม่พูดแต่หยิบเกียร์ในมือของมันมาดู วัตถุโลหะชิ้นจิ๋วนี่คล้ายกับตุ้มหูกาวน์สีฝุ่นของเขาไม่มีผิด เพียงแต่มันเป็นรูปเกียร์และที่สำคัญมันมีสีขาว ...เกียร์สีขาว

            “เอางั้นก็ได้”

            เขาตอบสั้นๆ ตอบยาวเดี๋ยวมันรู้ว่าเขาก็แอบมีใจให้มันอยู่เหมือนกัน เขาพยายามตีสีหน้าไม่ให้ออกอาการเขินมาก แต่ก็ดูจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก

 

            “ไป๋รู้ไหมครับว่าทำไมเกียร์ของผมถึงเป็นสีขาว” ไอ้อิฐถามด้วยรอยยิ้ม วันนี้มันไปดูดกัญชามาหรือไง ยิ้มได้ยิ้มดียิ้มไม่มีหุบจริงๆ

            “ไม่รู้เว้ย” เขาตอบไปแบบห้วนๆ ความจริงเขาว่าเขาเดาออกเลยแหละ แต่ไม่เอา ไม่พูดจะดีกว่า เดี๋ยวจะเข้าตัว

            “ไป๋เคยบอกผมว่าชื่อไป๋มาจากภาษาจีนที่อ่านว่าไป๋เซ่อ แปลว่าสีขาว”

            “อือ”

            เขาไม่กล้าสบตามัน ดูพื้นก่อนดีกว่า จะว่าไปห้องชมรมถ่ายรูปนี่ก็ทำความสะอาดพื้นเสียจนสะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนกันนะเนี่ย

 

            “หัวใจผมเป็นสีขาวไงครับ เกียร์ผมถึงต้องเป็นสีขาว”

            มันช้อนหน้าของเขาให้เงยไปมองมันอย่างเบามือ ตอนนี้มือของมันต้องสัมผัสอุณหภูมิผิวหน้าอันแสนจะร้อนเหมือนไฟลุกของเขาแน่ๆ เขาพยายามจะเบี่ยงสายตาหลบจากดวงตาที่แสนจะทรงอิทธิพลตรงหน้า แต่ให้ตายเถอะ ยอมรับจากใจจริงคือเขาไม่เคยละสายตาจากดวงตาคู่นี้ได้แม้แต่ครั้งเดียว

 

            “ตกลงไป๋ให้สัญญาตามที่ผมขอได้ไหมครับ”

            มันพูดต่อทั้งที่ยังเอามือจับคางเขาให้มองหน้ามันอยู่อย่างนั้น ใกล้ไปแล้ว ใกล้จนเห็นขนตามันเรียงครบทุกเส้นแล้ว ใกล้จนเขาแทบจะลืมหายใจ เขาไม่เคยเชื่อมาก่อนว่าจะมีวันนี้เกิดขึ้นจริงในชีวิตเขา

            “สัญญาอะไร”

            เขาย้อนถามเหมือนกับว่าลืมไปแล้ว ความจริงเขาจำได้เดียวแทบจะทุกคำเลยทีเดียว แต่ใช่แล้ว เขาอยากฟังมันพูดอีกรอบ

 

            “สัญญาที่ผมจะขอจีบไป๋เป็นเวลา 30 วัน”

            “...”

            เขาไม่รู้จะตอบอะไร จะก้มหน้าหนีมันก็เอามือช้อนคางไว้ให้มองหน้ามันอยู่นั่นแหละ ใบหน้าคมที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดนั่นแทบจะหยุดโลกทั้งใบให้หยุดหมุนไปแล้ว

            “ผมขอให้ไป๋เปิดใจ มองผมเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าไป๋พอจะมองข้ามเรื่องเพศของผมไปได้ไหม แต่มองผมเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งได้ไหมครับ คนธรรมดาที่มีหัวใจที่รักไป๋ อย่ามองว่าผมคือผู้ชายหรือผู้หญิง ผมแค่เป็นคนคนหนึ่งที่ชอบไป๋เท่านั้นพอ”

            “อือ”

            เสียงของเขาครางอยู่ในลำคอ มันบอกรักเขาอีกแล้ว รอบนี้บอกชอบด้วย คอมโบพร้อมกันสองกระทงภายในประโยคเดียว เขาพยายามหลบตาจากคนตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น อยากมองแววตาแกมขอร้องตรงหน้าให้นานกว่านี้ แต่ให้ตายเถอะ เขาไม่เคยหนีมันได้สำเร็จจริงๆ

 

            “ว่าไงนะครับ ผมไม่ได้ยิน”

            มันเลื่อนมือมาโอบเขาไว้หลวมๆ เขาจึงได้โอกาสก้มหน้างุดหนีหน้ามันทันที เฮ้อ ค่อยดีขึ้นมาหน่อย มองตามันบ่อยๆ ได้อายุขัยสั้นแน่

            “อื้อ” เขาตอบแบบเดิมแต่ดังขึ้นมาอีกนิด

            “ว่าไงนะครับ” มันพูดพร้อมกับยื่นหน้า ทำเป็นว่าจะฟังจากใกล้ๆ

            “อื้อ ก็ลองจีบดูก็ได้ ให้โอกาสจีบเป็นเวลา 30 วัน” เขาตอบพร้อมก้มหน้างุด

            “นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในรอบปีนี้ในชีวิตผมเลยครับ”

            มันพูดด้วยสีหน้าแบบไหนเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาหลบหน้าไอ้อิฐด้วยการเอาหัวทิ่มไปตรงอกของคนตรงหน้า ผิวหน้าของเขาตอนนี้คงแดงเถือกลามไปยันหูแน่ เขาหลบหน้าจนกว่าอุณหภูมิจะกลายเป็นปรกติอย่างนี้สักพักแล้วกัน

 

            “กาวน์อะ เก็บไว้ก่อนก็ได้นะ” เขาพูดเสียงค่อย

            “อะไรนะไป๋ ผมไม่ได้ยิน” มันดึงตัวเขาออกมาจากแผ่นอกหนา พร้อมกับจ้องหน้าเขาเป็นคำถาม

            “ก็บอกว่าตุ้มหูเสื้อกาวน์สีฝุ่นอะ เก็บเอาไว้ที่มึงก่อนก็ได้นะ” เขาตอบแบบงุบงิบ

            “ทำไมเหรอครับไป๋” มันทำสีหน้าไม่เข้าใจ

            “ก็กูต้องใส่เกียร์สีขาวแล้ว กูก็…” ไป๋อึกอักราวกับต้องใช้ความพยายามในการพูดประโยคต่อไปออกมา

            “ครับ” อีกฝ่ายรับคำอย่างรอฟัง

            “กูก็อยากให้มึงใส่กาวน์สีฝุ่นไว้เหมือนกัน”

            เขาพยายามสบตากับคนตรงหน้า ไม่ว่ามันจะเป็นแววตาที่เขาพยายามวิ่งหนีและปฏิเสธมามากแค่ไหนก็ตาม ถึงเวลาแล้วที่เขาอยากจะลองเดินตามสิ่งที่หัวใจของเขาต้องการบ้าง

 

            “ว่าแต่ทำไมต้องเป็นกาวน์สีฝุ่นเหรอครับ” มันเอ่ยถามแบบชวนคุย

            “ก็ตอนแรกไปหาซื้อสีอิฐแล้วมันไม่มี คนขายบอกว่าฝุ่นกับอิฐก็เหมือนกันนั่นแหละก็เลยซื้อมา” เขาตอบไปด้วยหน้าแดงเข้ม

            “อย่าบอกนะว่าไป๋เองก็แอบมองผมมาตลอด” มันทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมกับเอามือทั้งสองมาสวมเข้าไว้ที่เอวเขาอย่างอารมณ์ดี

            “เลิกแต๊ะอั๋งกูได้แล้ว”

            เขาพูดพร้อมเอามือไปแกะมือสองข้างของมันที่เกี่ยวเขาไว้เป็นปลาหมึกยักษ์ แต่แกะกี่ทีมันก็ไม่ยอมปล่อย ไอ้บ้านี่ เอาแรงมาจากไหนเยอะแยะจังเลยวะ

 

            “ผมขอมัดจำไป๋ไว้หน่อยได้ไหมครับ ตอนนี้ไป๋กลายเป็นคนดัง กลายเป็นเดือนมหาวิทยาลัยแล้ว ผมกลัวว่าไป๋จะลืมผู้ชายธรรมดาอย่างผม”

            ถึงแม้ว่าเขาจะแอบชอบไอ้อิฐมานานแต่เขาไม่เคยมีโอกาสได้เห็นไอ้อิฐในมุมมองนี้เลย พูดให้ละเอียดคือเขาไม่เคยเห็นมัน “หวาน” มาก่อน อิฐมันดูเป็นผู้ชายห่ามๆ ห้าวๆ กวนตีนหน่อย เขาพยายามคิดย้อนกลับไป เขาแทบจำไม่ได้ว่ามันเคยพูดครับกับเขาสักครั้ง พูดกันแต่กูๆ มึงๆ ด่าบ้าง กวนตีนบ้าง พอวันหนึ่งมันเอาภาค 950 มาใช้ในชีวิตจริงแบบนี้ เขาโคตรแพ้ทาง กำแพงสูงที่เขาพยายามสร้างมาเป็นปีล่มสลายลงราวกับเทียนไขที่โดนไฟลนจนละลายไปอย่างง่ายดาย

            “ไม่เอา” เขาตอบด้วยหน้าแดงๆ

            “นะครับไป๋ ขอให้ผมได้เป็นจูบแรกของไป๋ได้ไหม” มันเอามือลูบไปมาตามแผ่นหลังเขาอย่างอ้อยอิ่ง ขาของเขาแทบจะมีแรงยืนไว้ไม่อยู่ อานุภาพคำขอของมันรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะต้านทาน

 

            “กูอาจจะเคยจูบคนอื่นไปแล้วก็ได้” ไป๋แย้งพร้อมกับยักคิ้วกลบเกลื่อน

            “ไม่หรอกครับ ตอนอยู่บนเวที ไป๋ยังพูดอยู่เลยว่าผมคือรักเดียวที่ไป๋มี” เชี่ย ดูเหมือนมันประติดประต่อเรื่องทั้งหมดได้แล้ว

            “รักเดียวอะไรของมึง” เขาเถียง

            “ไป่เริ่มห้อยกาวน์สีฝุ่นตั้งแต่ก่อนเราเริ่มแข่งกันแย่งห้องชมรมเสียอีก นั่นแปลว่า ไป๋อาจจะเริ่มมองผม ตั้งแต่ก่อนเรารู้จักกันจริงจังอีกนะครับ”

            หน้าเขาร้อนซู่แบบควบคุมไม่ได้ เห็นปรกติหละทำตัวโง่บ้องตื้นมาตลอด แต่พอจะฉลาดนี่ก็หัวไวเหลือเกินนะพ่อคุณ น่าจะจับแม่งส่งไปแข่งคณิตคิดเร็วเสียจริงๆ

 

            “นะครับไป๋” มันพูดพร้อมเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้

            “...”

            “นะครับ ขอผมมัดจำไว้หน่อยนะ” มันยังคงส่งสายตามาอย่างอ้อนวอน

            “...”

            “ผมรอไป๋มาตลอด ไป๋ไม่คิดจะให้รางวัลคนรอบ้างเหรอครับ” เสียงของมันหวานจนเขายังเขินแทน

            “...”

            “ผมแอบคิดถึงไป๋อยู่ฝ่ายเดียวมาตั้งนาน” มันเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้อีก จนตอนนี้ พวกเขาทั้งคู่รู้สึกถึงลมหายใจของกันและกันได้อย่างชัดเจน

            “...”

            “ผมอยากให้ไป๋ได้รู้ว่าผมทั้งจริงใจและจริงจัง”

            อิฐเลื่อนมือมาลูบไล้ริมฝีปากเขาอย่างอ้อยอิ่ง รสสัมผัสของนิ้วมันราวกับคีมเหล็กลนไฟที่จะแผดเผาผิวเนื้อของเขาจนหมดสภาพ

 

            “แต่ถ้าไป๋ไม่อนุญาต ผมก็จะยืนยันที่รอจนกว่าไป๋จะใจอ่อนให้ผะ...”

            เขาสูดลมหายใจลึกเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะตัดสินใจทำในสิ่งที่คนตรงหน้าก็คงจะคาดไม่ถึง เขาเอามือทั้งสองข้างโอบด้านหลังคอของอิฐ ก่อนจะออกแรงกดศีรษะของมันให้ก้มลงมาด้วยระยะห่างที่ไม่ถึงคืบ

            ริมฝีปากของมันที่ยังพูดอ้อนวอนไม่หยุดในตอนแรกประกบกับริมฝีปากของเขาที่รออยู่ไว้อย่างพอดิบพอดี หมดเหตุผลที่จะวิ่งหนีคนตรงหน้า ไร้ข้อกังขาที่จะโอบกอดความรักที่เขาเองก็รอมานานแสนนาน ริมฝีปากของคนทั้งคู่ประทับไว้ซึ่งกันและกัน ดวงตาของมันเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ หรี่ลงกลายเป็นหลับตาเพื่อโอบกอดรสสัมผัสของคนตรงหน้า พวกเขาค่อยๆ แลกเปลี่ยนความสัมพันธ์และปล่อยหัวใจของต่างฝ่ายต่างตระกองกอดกันอบอุ่นและปิติสุขที่ได้สิ้นสุดซึ่งการรอคอย

 

            ราวกับจะเป็นรสสัมผัสที่ต่างฝ่ายต่างโหยหาซึ่งกันมาแสนนาน

            มือทั้งสองของอิฐตระกองกอดอีกฝ่ายจากแผ่นหลัง ในขณะที่ไป๋ก็โอบมือทั้งสองข้างไว้ตรงท้ายทอยของคนที่เขาเฝ้ามองมานานอย่างอ้อยอิ่ง

            ต่างฝ่ายต่างปล่อยให้ร่างกายและจิตใจของทั้งคู่ได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกันอย่างช้าๆ ราวกับว่าโลกภายนอกทั้งใบจะหยุดหมุนให้คนสองคนนี้ได้เรียนรู้กันและกันอย่างไม่รู้จบ ไป๋เลื่อนมือไปลูบไล้ท้ายทอยของคนตรงหน้าอย่างจะต้องการรับรู้ว่าคนตรงหน้านี้มีอยู่จริง ความรักของเขาตรงหน้าไม่ใช่แค่ฝันในคืนหนึ่งที่เมื่อตื่นขึ้นก็จะเหือดแห้งไป สายตาของไป๋ลืมตามองคนตรงหน้าและพยายามจะบันทึกความทรงจำที่แสนดีนี้ไว้ในสมองของเขาให้มากที่สุด ไม่เป็นไรหากวันหนึ่งข้างหน้าความสัมพันธ์นี้จะจบลง อย่างน้อย วันนี้ก็จะเป็นหนึ่งในอีกวันที่ดีที่สุดในชีวิต

 

            รสชาติจุมพิตให้รสหวานอบอวลด้วยรัก

            แต่มันก็แฝงไว้ด้วยความฝืดขมของรอคอยของทั้งคู่ที่นานกันจนต่างฝ่ายต่างก็เกือบจะถอดใจ

            อิฐบอกไป๋ว่าจะว่าจะไม่ให้เขาหนีอีกต่อไป เขาก็อยากจะบอกมันว่าเขาก็จะเลิกวิ่งหนีจากความรักที่มีต่อมันอีกเหมือนกัน

           

            อย่างน้อย มันก็คือความรักที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี

            อย่างน้อย มันก็คือความหวังที่เป็นยิ่งกว่าความฝัน

            อย่างน้อย มันก็คือความทรงจำที่เขารักและหวงแหนที่สุดที่เขาจะพึงรักษาไว้ได้

 

            วันนี้ มันกลับมายืนต่อหน้าเขาอีกครั้งแล้ว

            มันบอกว่าอย่าหนีจากมันอีก

            แต่เขาก็อยากบอกมันเหมือนกันว่ามันเองก็หมดช่วงเวลาบาดเจ็บแล้ว

           

            กลับมาได้แล้ว...

            อิฐ

            กลับมาทำให้เขาตกหลุมรักอย่างหัวปักหัวปำอีกสักที

 

            เขาค่อยๆ หยิบกาวน์สีฝุ่นที่มันพึ่งคืนเขาติดลงไปบนหูของมันอีกครั้งอย่างเบามือ ส่วนมันก็เอาเกียร์สีขาวมาติดตราจองเขาไว้ที่หูอีกข้างของเขาด้วยเช่นกัน

 

            หวังว่าเกียร์สีขาวจะได้คู่กับกาวน์สีฝุ่นไปตราบนานเท่านาน

 

 

 

            จบเกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่นภาค 1



.

.

.

.

.



WRITER TALK

 

            ก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำว่า “ขอบคุณ” ที่ให้เกียรติอ่านนิยายของผมจนจบ

            ผมเองเป็นนักเขียนนิยายรักหน้าใหม่และเกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่นถือเป็นผลงานนิยายรักเรื่องแรกของผม ก่อนหน้านี้ผมเขียนนิยายแฟนตาซีวายอีกเรื่องคือ The Lost World มหัศจรรย์ดินแดนสาปสูญ แต่แต่งไม่จบ ค้างไว้แถวเกือบ 200 ตอน นิยายเรื่องนี้จึงถือเป็นเรื่องแรกที่ผมแต่งจบ ถึงแม้ว่าจะจบแค่ภาคแรก แต่สำหรับผู้แต่ง ผมก็มองว่าเนื้อหาใจความครบถ้วนบริบูรณ์พอที่จะเรียกว่าจบได้

           

            ด้วยความเป็นนักเขียนมือใหม่อาจจะทำให้ผมถ่ายทอดเรื่องราวออกมาไม่ดีเท่าไหร่นัก

            ผมแต่งนิยายเรื่องนี้เนื่องจากผมทำงานประจำแล้วเครียดมาก ระหว่างช่วงพักร้อนประมาณ 10 วัน ผมรู้สึกอยากจะหนีไปยังโลกใบใหม่ ที่ความเครียดจากโลกใบเก่าตามผมมาไม่ถึง ผมจึงนั่งเขียนต้นฉบับนิยายเรื่องนี้จนจบภายในพักร้อนนั้น ก่อนจะค่อยๆ ทยอยลงในเว็บไซต์ต่างๆ จนถึงตอนสุดท้ายที่ได้แต่งไว้

           

            นิยายเรื่องนี้อาจไม่ถูกใจคนอ่านเท่าไหร่นัก

            โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบนิยายที่ดำเนินเรื่องแบบไม่เร่งรีบ อ่านแล้วอบอุ่น เหมือนกำลังนั่งแอบมองคนพูดคุยกันอย่างถูกคอในร้านกาแฟตอนบ่าย นิยายที่ผมเขียนออกมาจึงอาจไม่ได้เร่าร้อน รวบรัด หรือร้อนแรงเท่าไหร่ ซึ่งผมเองก็พอใจในความเนิบและช้าของความสัมพันธ์ระหว่างไป๋กับอิฐเช่นนี้ และผมเชื่อมั่นว่าผู้อ่านที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้อาจจะมีไม่มาก แต่ก็คงจะเชื่อและรักลูกชายทั้ง 2 ของผม อิฐและไป๋ อย่างที่ผมรักเช่นกัน

 

            ผมมีเรื่องอยากบอกผู้อ่านหลายอย่างมาก

            อย่างแรกคือเกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่นจบแล้วในภาคหนึ่ง หากจะไม่อ่านต่อก็ถือว่าจบเล่ม ไม่ได้ขาดซึ่งสาระสำคัญอะไร แต่หากอยากเข้าใจตัวละครให้มากขึ้น และติดตามความสัมพันธ์ของเรื่องราวต่อไป ผมก็ยังตั้งใจที่จะมีภาคสองและภาคสามไว้รอ ผมพยายามทำให้ทุกภาคสมบูรณ์โดยตนเอง เพื่อไม่ให้ผู้อ่านต้องมารอนาน เพราะเนื้อเรื่องที่อาจจะยาวเกินไปสำหรับบางคน

 

            เรื่องที่สองคือผมคงต้องขอเวลาพักร้อนเพื่อไปเขียนนิยายภาคสองประมาณสิบกว่าวันได้ ผมตั้งใจจะหยุดพักตรงจบภาคหนึ่ง และกลับมาลงภาคสองใหม่ประมาณต้นเดือนสิงหาคม ผมลงนิยายภาคหนึ่งทุกวันติดต่อกัน 20 ตอน และวันเว้นวันอีก 20 ตอนจนคิดว่ามีตอนเก่าๆ ให้ตามอ่านมากแล้ว หากคิดถึงลูกชายของผม อยากให้ลองย้อนอ่านตอนเก่าๆ ดู เพื่อรอความสัมพันธ์บทใหม่ที่จะดำเนินเรื่องต่อในภาคต่อไป



            เรื่องที่สามคือผมคงจะลงนิยายต่อแค่ในเว็บไซต์ readawrite และ fictionlog และไม่ได้ลงภาคสองต่อในเด็กดี ธัญวลัย และเล้าเป็ด เนื่องจากระบบหลังบ้านของแต่ละแห่งแตกต่างกันค่อนข้างมาก ทุกครั้งที่ผมลงนิยายใหม่ ผมจำเป็นต้องนั่งจัดเรียงหน้าใหม่สำหรับ 5 พื้นที่ซึ่งใช้เวลามากพอสมควร ผมเองคิดว่าผมลงนิยายภาคหนึ่งจนจบสมบูรณ์แล้ว น่าจะไม่ได้เป็นการตัดตอนจบปุบปับแต่อย่างใด หากใครยังสนใจอยากติดตามเรื่องราวของอิฐไป๋ต่อ ผมขออนุญาตเรียนเชิญที่ 2 แห่งข้างต้น ซึ่งผมจะแนบลิ้งไว้ให้ในตอนท้ายสำหรับผู้ที่สนใจ ทั้งนี้เพื่อลดภาระเรื่องการจัดเรียงหน้ากระดาษลง เพื่อเอาแรงเก็บไปแต่งนิยายให้อ่านกันมากขึ้น

           

            สุดท้ายคือผม “ขอบคุณ” ทุกคนจริงๆ

            ความฝันอยากเป็นนักเขียนของผมคงจะประสบความสำเร็จไปไม่ได้ถ้าผลงานของผมไม่มีคนอ่าน ยิ่งได้เห็นความคิดเห็นจากผู้อ่านยิ่งเติมเต็มความรู้สึกของผมให้ปิติยิ่งขึ้นไป บางคืนผมคิดพลอตเรื่องภาคต่อไปหรือนิยายเรื่องต่อไปจนนอนไม่หลับ บางวันผมอ่านคอมเม้นว่ามีคนเขินให้กับนิยายผม ร้องไห้กับนิยายผม หรืออ่านนิยายผมซ้ำหลายรอบ ผมถึงกับต้องเปิดคอมขึ้นมาแต่งตอนใหม่เพิ่มอีกตอนเพื่อเป็นการขอบคุณ

 

            ผมไม่รู้ว่าจะเป็นนักเขียนได้ไปอีกนานแค่ไหน

            การเป็นนักเขียนออนไลน์จะว่ายากก็ยากจะว่าง่ายก็ง่าย วันไหนมีคนชอบผลงานเรา เราก็ตื่นเต้นดีใจ อยากผลิตงานออกมาเพิ่มอีก วันไหนเราโดนตำหนิ โดนว่าแรงๆ เราก็อาจถอดใจ หมดไฟจะเขียนไปหลายวันก็มี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด ถ้าแต่งแล้ว อย่างน้อยก็ต้องเขียนให้จบภาค เพื่อไม่ให้คนอ่านของผมเสียใจ แต่จะมีกี่ภาคหรือกี่เรื่อง คงเป็นเรื่องของอนาคต

 

            ผมขอฝากทวิตเตอร์ : นายพินต้า ไว้ด้วย

            เผื่อใครเหงาจะเข้ามาหวีดเรื่อง #อิฐไป๋ ด้วยกัน ผมก็ยินดี

 

            ติดตามภาค 2 ของเกียร์สีขาวและกาวน์สีฝุ่นได้ที่ http://bit.ly/npt_meb (readawrite) และ http://bit.ly/npt_ftl (fictionlog)

 

            ส่วนตอนนี้

            นักเขียนขอลาพักร้อนไปแต่งภาคใหม่ให้คนอ่านที่รักก่อน

 

            xoxo

            นายพินต้า

หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ninepinta ที่ 18-07-2018 16:44:00
เดี๋ยวสักสองสามวัน
ผมเข้ามาแจ้งย้ายไปนิยายที่จบแล้วนะครับ

ขอบคุณครับ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 18-07-2018 17:12:03
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ จะรอติดตามผลงานต่อๆไปจ้า
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: day9day ที่ 18-07-2018 19:49:48
พระนาย ยังไม่ได้กันแบบสมบูรณ์ ถือว่าเป็นยังขาดๆอยู่นะ
นักแต่นิยายหลายๆท่าน คิดว่าเมื่อพระนายได้กันแล้วจะจบแค่นั้น จริงๆแล้วหลังจากนั้นมีเรื่องราวให้แต่มากมายเลย

ยังงัยก็ขอบคุณและขอเป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยครับ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Riik ที่ 18-07-2018 19:56:24
เราชอบนะ ตามอ่านจนจบเลย เรื่องมันอาจจะเรื่อยแต่มันทำให้รับรู้และลุ้นไปกับตัวละคร บางตอนอาจารย์ใหญ่ะพลิกจากที่คิดไว้ แต่เราว่าน่ารักดีนะ มันยังมีหลายปมที่ไม่สุกอย่างคู้รอง โฟค_เพียว หรือ การดำเนินต่อไปของคู่หลัก หรือ ปมในใจของพระเอก

สู้ๆค่ะ o18
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-07-2018 20:05:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 18-07-2018 20:39:15
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ แอบอยากเห็นตอนหลังคบกัน และคู่โฟคเพียวอีกคู่ที่น่าสนใจค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 18-07-2018 20:42:21
จบแล้ว  :pig4:
แต่แอบขัดใจนิดหน่อยคือแบบห้าวๆแมนๆมึงๆกูๆมาตั้งแต่แรก พอจะจบมาผมว่าครับ มันเลยแปลกๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-07-2018 20:42:56
 :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณที่รังสรรงานเขียนดี ๆ ออกมาให้อ่านกันครับ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 18-07-2018 21:03:09
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่ะจะตืดตามภาค2 ต่อไป
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 18-07-2018 21:20:41
พึ่งมาตาม อ่านรวดเดียวเลย ยังค้างเรื่องของเพียงโฟคอยู่เบย ยังไงๆ

อยากบอกนักเขียนว่าเราเป็นคนหนึ่งที่อ่านเรื่อง the lost word เราค่อนข้างชอบนะ เพราะเราชอบนิยายแฟนตาซีม้ากมาก ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆมาให้ติดตามนะคะ :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 18-07-2018 21:26:14
ใจตรงกันสักที
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-07-2018 21:47:52
จบแบบนี้ก็ดีนะคะ เป็นตอนจบที่รอวันเริ่มใหม่ของทั้งไป๋และอิฐ ชอบมากค่ะ
ปล.เราก็เป็นคนนึงที่อ่าน The lost world มานะ ยังเสียดายมาตลอดที่มันไม่จบ ถ้าแต่งต่อก็บอกกันหน่อยนะคะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 20-07-2018 12:10:56
รอภาค2 จ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 20-07-2018 20:13:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-07-2018 22:03:53
ไรท์  ลืมเปลี่ยนวันที่ที่หัวข้อนะ
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
ต้องเป็น  (18/07/2018)

อิฐ  ไป๋   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 21-07-2018 11:21:22
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 21-07-2018 16:34:39
ชอบมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 23-07-2018 05:14:46
ชอบนะดำเนินเรื่องเรื่อยๆ อ่านแล้วได้อรรถรสดี ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 24-07-2018 07:01:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 24-07-2018 16:27:13
เฮ้อ กว่าจะรักกันได้ แต่ก็น่ารักดีครับ



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 24-07-2018 23:32:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: noveeo ที่ 26-07-2018 00:19:33
 :pig4: ภาษาที่เขียนอ่านแล้วรู้สึกนุ่มนวลดีจัง

เป็นกำลังใจให้นะคะ  สู้ๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 26-07-2018 08:13:44
สนุกครับ รอลุ้นภาคต่อไป
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 26-07-2018 20:33:27
จบแล้วววว ขอบคุนสำหรับนิยายน่ารักๆค่าาาาา
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-07-2018 00:57:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 28-07-2018 14:36:04
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
เรื่องของอิฐกับไป่ตอนนี้ยังอยู่จุดเริ่มต้นค่ะ
แต่เรื่องของเพียวกับโฟคนี่ยังไม่เริ่มเลย

เราจะไปติดตามอ่านแน่นอนค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 29-07-2018 19:08:56
ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: z9_0 ที่ 29-07-2018 20:19:01
น่ารักดี อิฐก็น่ะบอกตรงกฌจบนานแล้ว5555
แต่พอคุยกัน
เพราะแล้วจั๊กจี้
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: JbBojit ที่ 29-07-2018 23:19:10
ขอบคุณค่ะสำหรับนิยายดีๆ ชอบอ่านเนื้อเรื่องแบบนี้ สบายๆเรียบง่ายและอบอุ่น จะติดตามต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 30-07-2018 15:51:33
สักที กว่าจะคุยกะน!! :katai4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 01-08-2018 12:50:21
อ่านจบแล้วว

ขอบคุณมากนะคะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: TOR.SOR.7 ที่ 05-08-2018 10:14:23
รอภาค2 คร้าาาาาาาาาาา น้องป๋ายย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 24-09-2018 21:47:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 25-11-2018 11:51:29
 :impress3: ขอบคุณไรท์ค่า ภาค2เดี๋ยวเราตามไปหาน้า เนื้อเรื่องสนุกค่ะ อ่านไปยิ้มไป บางทีก็หัวเราะกับบางฉาก มีการวางตัวละครผิดบ้างบางฉาก คำผิดน้อย โดยรวมโอเคมากกกก :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Piiiimsen ที่ 05-01-2019 08:15:23
ลุ้นคู่นี้อยู่ตั้งนาน เสียดายขาดฉากฟินๆไปหน่อย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: TeuyHom ที่ 12-03-2019 23:40:33
น่ารักมาก อ่านไปลุ้นไป เขินอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 13-03-2019 18:30:12
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 16-03-2019 17:44:37
สนุกมากครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 16-03-2019 22:53:31
ปักหมุดไว้ก่อนเลย อ่านจบแล้วจะเมนท์อีกรอบค่ะ

ปูลู ยังรอเรื่อง The Lost World มหัศจรรย์ดินแดนสาบสูญ อยู่นะจ๊ะ!!!
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: tong_x_zhi ที่ 26-06-2019 23:53:34
สนุกดีครับ  อ่านติดเลยครับ  จนกระทั่งตามไปต่ออีกเว็บนึงจนจบ ยินดีด้วยกับรูปเล่มที่ตีพิมพ์ออกมานะครับ รู้จักผู้เขียนจากเรื่อง the lost world และเพิ่งอ่านจบไปไม่นานนี้  พอเจอเรื่องนี้ก็กดเข้ามาอ่านเลยครับ แห๊ม  เจอเฟี๊ยตจาก tlw ด้วย อ่านๆไปเหมือนพี่เฟี๊ยตไม่แก่เลย ฮ่าๆๆ (ก็มันอีก universe นึงเนาะ ไม่ใช่tlw)

เอาเป็นว่าให้กำลังใจนะครับ สู้ๆกับผลงานชิ้นใหม่  และการ re write เรื่อง tlw ที่ไม่ y แล้ววว นะครับ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: jennay ที่ 17-03-2020 13:00:30
ขอบคุณสำำหรับนิยายดีๆนะคะ เราติดตามมาจาก TLW ค่ะ ที่จริงเราเสียใจนิสหน่อยที่ไม่ยอมมาต่อให้ตบแล้วปล่อยให้ค้างมานานมากกก แต่ก็ขอบคุณที่กลับมาค่ะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 10:16:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: KhunYingJung ที่ 23-04-2020 02:25:26
จะไปตามอ่านภาค2ต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 25-04-2020 11:44:10
จมลึกเข้าไปในความคิดของหมอไป๋เลยฮะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: TaddyC ที่ 23-06-2020 18:02:20
ผมชอบเนื้อเรื่องแบบนี้ครับ ไม่ใช่เอะอะขึ้นเตียง จนเกินจริง   ขอขอบคุณ นายพินต้า มากๆครับ :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 22-02-2022 06:45:41
เราเพิ่งได้ดูละครเรื่องนี้ อึ้งไปเลยร้องเชรี่ยดังมาก หนังคนละม้วนกันเลย เหมือนยืมตัวละครไปใช้ในละครอื่น เนื้อเรื่องไปคนละทิศละทาง ด้วยความสงสัยเลยต้องย้อนกลับมาอ่านใหม่ คนละเรื่องกันเลย
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 23-08-2022 10:11:14
คิดถึง....อยากอ่านภาคสองงงง.  :katai5: สู้ๆนะ นักเขียน ^^
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: KittybabymApi ที่ 26-10-2022 11:28:08
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆและแบ่งปันให้อ่านค่ะ นิยายน่ารักส่งกำลังใจให้นักเขียนแต่งผลงานชิ้นต่อๆไปนะคะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 03-11-2022 19:09:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 02-03-2024 14:10:03
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)

เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)