เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)  (อ่าน 117348 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พูดอังกฤษได้แบบนี้ในเวลาคิดสั้น ๆ ไม่ทำดาจริง ๆ

ภาษาแบบนี้สำหรับเราไม่ต้องคิดถึงเลยว่าจะพูดได้  แค่เขียนออกมา ยังต้องใช้เวลาเรียบเรียงเป็นชั่วโมง 555

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
ฟินฮะ มาต่อ ขนลุก ขอยาวๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไป๋ คะแนนนำโด่งจนชนะเป็นเดือนมหาวิทยาลัย  สุดยอดดดดด   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

แล้วเวลาที่ _950 นัดล่ะ ไป๋จะไปมั้ยนะ  :z3: :z3: :z3:
 
อิฐ  ไป๋    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
สุดยอดไป๋

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ไป๋เยี่ยมมากเลย o13

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ดีใจไป่ไป๋ได้อ่ะ สุดยอดมาก

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
อิฐ คือ 950 ใช่มั้ย แล้วน่าจะเป็นบัดดี้ด้วย

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
โฟค ชอบเทคแคร์ไป๋ ขับรถไปส่ง อาสาไปซื้อข้าวให้ ถือกระเป๋าให้ นี่แค่เพื่อนใช่มั้ย

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
เดี๋ยวนะ อิฐ รู้ได้ไงว่า ใครกลับบ้านบ้าง แล้วไป๋ไม่กลับ ต้องใช่แน่ๆ ^^

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ไป๋สุดยอด ขนาดเป็นเดือนมหาลัยแล้วยังถ่อมตัวสุดๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 38 : ห้องชมรมถ่ายรูป



            “ยินดีด้วยนะครับ”

            “เธอ เราชื่อไขนะ อยู่คณะวิทยา เธอตอบคำถามได้ดีมากเลย”

            “นายๆ พวกเรามาจากชมรมดนตรีนะ ตอนนี้เรากำลังหานักร้องนำอยู่ นายสนใจมาร้องกับเราไหม”

            “หมอไป๋คะ ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยสิคะ”

            “น้องครับ พี่มาจากวารสารของมหาวิทยาลัยอยากจะขอคิวถ่ายแฟชันไปลงปกหน้าหน่อย”

            “น้องคะ พี่มาจากวิทยาลัยนานาชาติ อยากขอคิวสัมภาษณ์เรื่องมุมมองมนุษยนิยมที่น้องตอบบนเวทีหน่อย”

            “หมอไป๋ ขอไลน์ไอดีหน่อยครับ ผมถ่ายรูปตอนประกวดไว้ให้จะส่งให้ครับ”

 

            ‘เชี่ยไรเนี่ย’

            ไป๋ได้แต่โวยวายในใจอยากโคตรหงุดหงิด เพราะตั้งแต่เขาลงจากเวทีมา หลังเวทีก็เปิดให้คนภายนอกเข้ามาได้ ตอนนี้จึงมีคนจำนวนมากที่เขาไม่รู้ว่าเป็นใครต่อใครมายัดกันอยู่แน่นไปหมด เขาพยายามจะหนีออกมาก็หนีไม่ได้สักที ดูเหมือนว่าตัวเขาเองนี่แหละจะกลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจเหล่านั้น

            ‘ใครก็ได้ช่วยพากูออกไปที’

 

            “ขอโทษนะครับ ผมต้องขอตัวไป๋ก่อน พอดีไป๋ต้องกลับไปทำงานคณะต่อ ใครมีเรื่องอะไรสงสัยหรืออยากติดต่อ แจ้งไปที่เพจหมอไป๋ FC ได้เลย เดี๋ยวผมให้น้องแอดมินติดต่อมาทางผมเอง”

            อัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยแล้ว ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้ว่านนั่นเอง มันมาช่วยกันสารพัดใครต่อใครให้ออกจากการมายุ่งวุ่นวายกันเขา มันโคตรรู้จักเขาดีว่าเขาไม่ชอบวุ่นวายกันคนจำนวนมากแบบนี้เลย

            และโดยไม่ต้องรอความยินยอมพร้อมใจ ไอ้ว่านก็ดึงแขนเขาลากฉับๆ มาที่รถ มันคงจะขับรถได้แล้ว มันเดินไปสตาร์ทรถ ในขณะที่เขาก็เดินไปนั่งด้านข้างคนขับอย่างว่าง่าย

 

            “วุ่นวายฉิบหาย” ไป๋บ่นอย่างเซ็งๆ

            “ก็เสือกไปประกวดทำไมหละ งานนี้ชีวิตมึงไม่ได้สงบอีกต่อไปแน่” อีกฝ่ายพูดต่อทั้งที่ยังจอดรถทิ้งไว้อยู่ในลานจอดรถแบบนั้น

            “ใครจะไปคิดว่าชนะวะ กูแม่ง ไม่น่าพลาดเลย”

            ไป๋บ่นจากใจจริง เขาโคตรไม่ชอบการเป็นที่สนใจแบบนี้เลย จริงอยู่ว่าเรื่องแข่งขันเชิงวิชาการ แต่เรื่องนั้นไม่มีใครมาสนใจวอแวอะไรแบบนี้ อย่างน้อยก็ไม่มีใครเดินมาขอถ่ายรูปคนที่แข่งเคมีได้เหรียญทองโอลิมปิกหรอก

           

            “หมดเวลาหนีแล้วนะมึง” อีกฝ่ายพูดขึ้นมาในความเงียบ

            “หนีอะไรวะ” เขาบ่นแบบงงๆ

            “หมดเวลาหนีเรื่องหัวใจของมึงแล้วไง ไอ้หาไอ้เก้าห้าศูนย์ตามที่มันนัดมึงไว้ซะ” ไอ้ว่านพูดออกมาอย่างจริงจัง

            “เออ กูลืมไปแล้วเนี่ย” เขาตอบ

            “ไม่ตลก มึงเลิกวิ่งหนีเรื่องหัวใจตัวเองได้แล้ว”

 

            “มึงก็รู้ว่ากูไม่อยากมีความรัก” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบา

            “มึงไม่อยากมีความรักหรือมึงไม่กล้าจะมีความรัก”

            “อะไรของมึงวะ” เขาถามอย่างไม่เข้าใจ

            “มึงเลิกทำตัวเป็นคนไม่สนใจเรื่องความรักสักทีเหอะ มึงอะสน ไอ้ไป๋ มึงเลิกหนีความจริงแล้วหันมาเผชิญหน้าแบบกล้าหาญสักทีสิวะ”

            “กูไม่กล้าตรงไหนวะ ตอนเรื่องไอ้โฟคกูก็พูดกับมันตรงๆ” เขาเถียง

 

            “ก็เรื่องไอ้โฟคมันเป็นเรื่องของไอ้โฟคไง มึงเลยกล้า แต่พอเป็นเรื่องของตัวมึงเองแท้ๆ มึงกลับวิ่งหนี” มันพูดต่อแบบจริงจัง และแทบจะไม่ยอมให้เขาเบี่ยงประเด็นหนีเลย

            “มึงก็รู้ว่ากูไม่มีใคร” เขาพูดออกไปเสียงแผ่ว

            “มึงอย่ามาโกหกไอ้ไป๋ ถ้ามึงไม่สนใจเรื่องความรักอย่างที่มึงบอกตัวเองอยู่จริงๆ แล้วมึงจะร้องไห้ตอนร้องเพลงวันนี้ทำไมวะ”

            “กูก็แค่คิดถึงอดีต”

            “แล้วไงวะ คนมีอดีตนี่มันห้ามมีอนาคตที่ดีหรือไง” มันพูดอย่างไม่ลดละ

 

            “กูไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว”

            “มึงเคยเห็นใครขี่จักรยานแล้วไม่ล้มบ้างเปล่าวะ ทุกคนแม่งก็ล้ม แม่งก็เจ็บหมดแหละ แต่ถ้ามึงไม่ฝืนก้าวไปต่อ มึงคิดเหรอว่ามึงจะปั่นจักรยานได้ อย่าให้รอยแผลครั้งเดียวมาขังมึงไว้ตลอดชีวิตสิวะ”

            “กูอยู่ได้หวะ ว่าน กูมั่นใจว่ากูอยู่ได้ ชีวิตกูก็ดีนี่หว่า ไม่เห็นจะขาดแคลนอะไร ทำไมกูต้องไปเสี่ยงกับความรักด้วยวะ รู้ทั้งรู้ว่าพอแม่งจบแล้วแม่งเจ็บฉิบหาย” เขาพูดออกมาด้วยเสียงค่อย ไม่รู้ว่าเขากำลังบอกคนตรงหน้าหรือกำลังบอกกับตัวเองกันแน่

 

            “มึงอนุญาตให้ตัวเองมีความสุขได้แล้ว” ไอ้ว่านหันมาพูดกับเขาอย่างจริงจัง

            “กู...”

            “มึงเลิกเอาอดีตมาปิดกั้นชีวิตมึงสักที”

            “กู...”

            “มึงสมควรจะมีความสุขเหมือนคนอื่น มึงคือใครวะ ทำไมมึงถึงไม่ควรมีความรัก มึงคิดดีๆ ดิ มึงก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง มึงก็เจ็บได้ร้องไห้เป็นเหมือนคนอื่นนั่นแหละ”

 

            “กูแค่ไม่อยากกลับไปเจ็บอีกแล้ว” ไป๋พูดออกมาหลังจากเงียบไปพักใหญ่

            “เจ็บแล้วทำไม เจ็บก็เจ็บเปล่าวะ คนมีความรักแม่งก็จบทุกคนนั่นแหละ มึงพูดเองไม่ใช่เหรอว่าความรักที่ดีอาจจะกลายเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจมึงไปได้ตลอดชีวิต มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าการตัดสินใจของมึงในวันนี้อาจจะหล่อเลี้ยงมึงไปตลอดชีวิตที่เหลือของมึงก็ได้”

            “มึงก็รู้ว่าความรักแบบกูสักวันมันก็ต้องจบ มันไม่เหมือนมึง เหมือนคนอื่นที่จะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตบั้นปลายกันอย่างมีความสุข”

            ไป๋พูดออกมาด้วยเสียงที่เก็บความเจ็บปวดไว้ไม่มิด ความรักแบบเขาสักวันมันก็ต้องจบจริงๆ เขาจะฝืนอะไรกับธรรมชาติได้วะ

 

            “ทำไมวะ การที่มึงชอบผู้ชายนี่มันเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตมากมายนักหรือไง”

            ไอ้ว่านบ่นออกมา ความจริงไอ้ว่านรู้มานานมากแล้วว่าเขาไม่ชอบผู้หญิง แต่เขาก็ขอมันไว้ตลอดว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้ และปฏิบัติกับเขาอย่างผู้ชายคนหนึ่งธรรมดา เขาไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นสิ่งประหลาด

            “คบไปเดี๋ยวก็เลิก จะคบไปทำไมวะ”

            “ไอ้ไป๋ เรื่องความรักมึงได้โง่เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ เชี่ย มึงคิดเหรอวะว่าผู้ชายผู้หญิงจะเลิกกันไม่ได้ ทำไมวะ มีลูกไม่ได้นี่มันเรื่องใหญ่เรื่องโตตรงไหน กูเห็นบางคู่ไม่มีลูกแต่ก็ยังมีครอบครัวกันจนดูแลไปจนแก่เฒ่า” ไอ้ว่านบ่นออกมายาวเหยียด

            “ขอบคุณมากหวะว่าน” เขาตอบขอบคุณมันออกไป แม้ว่าสมองตอนนี้จะยังตื้อและคิดอะไรไม่ออกอยู่ดี

 

            “หมดเวลาหนีแล้วเพื่อน” มันพูดขึ้นในทีสุด

            “...”

            “มึงไปได้แล้ว มันรอมึงอยู่ที่ห้องชมรมถ่ายรูป เดี๋ยวกูนั่งรออยู่บนรถนี่แหละ เดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว”

            “ไปด้วยกันดิ มึงจะให้กูไปคนเดียวได้ไง”

            “ไม่ตายหรอก”

            “ถ้าแม่งทำไรกูหละ”

            “มึงโทรหากู สองนาทีกูถึง เดี๋ยวกูจะไปกระทืบมันให้เอง”

            “เชี่ยว่าน...”

            “ไม่ต้องซึ้ง” มันพูดแบบติดตลก

            “เปล่า กูจะบอกว่ากล้ามเนื้อมึงยังอักเสบอยู่ไม่ใช่เหรอ มึงจะเอาแรงที่ไหนไปกระทืบแม่งวะ ฮ่าฮ่าฮ่า” เขาเย้ามันอย่างเริ่มจะผ่อนคลายลงมาบ้าง

 

            “ยิ้มได้ก็ดี ไปได้แล้ว เดี๋ยวคนรอแม่งจะเป็นบ้าเสียก่อน”

            “อืม รอกลับพร้อมกูนะมึงอะ” เขาพูดย้ำกับว่าน

            “เออ มาถึงขนาดนี้แล้ว กูไม่ทิ้งมึงไปไหนหรอก”

            “ขอบคุณมากจริงๆ หวะ”

            เขาพูดแบบไม่รู้จะบอกอะไรกับมันดี ชีวิตเขามีเพื่อนสนิทไม่มาก แต่เขาโชคดีว่าเพื่อนสนิทที่สุดที่เขามีแม่งเป็นคนที่ดีกับเขาที่สุดจริงๆ   

           

            เขาก้าวลงมาจากรถพร้อมเดินไปทางถนนทางเดินนักศึกษาที่ลัดเลาะไปตามตึกเรียนคณะต่างๆ ปรกติทางเดินเส้นนี้จะมีคนเยอะมาก แต่เวลาเหยียบค่ำในวันหยุดแบบนี้ ถนนเส้นนี้จึงมีเขาเดินไปเงียบๆ อยู่คนเดียว เขากำลังทบทวนทุกอย่าง ทบทวนหัวใจ ทบทวนสิ่งที่ไอ้ว่านพร่ำบอก เขาเฝ้าถามตัวเองว่าจริงๆ แล้ว เขาพร้อมจะเริ่มต้นใหม่หรือยัง

 

            ตึกปิดไฟมืดสนิท มีเพียงทางเดินตรงบันได้ขึ้นชั้นสองฝั่งซ้ายเท่านั้นที่มีไฟเปิดอยู่ ราวกับทั้งตึกนี้จะมีเพียงเขากับไอ้มนุษย์ปริศนาคนนั้น ไฟทางเดินเปิดเพียงแค่ทางเข้าไปจนถึงห้องชมรมถ่ายรูปที่อยู่ชั้นสองเท่านั้น ขาของเขาก้าวไปตามบันไดอย่างตื่นเต้น อีกไม่นานเขาก็จะได้รู้แล้วว่าไอ้คนปริศนาคนนั้นคือใคร

 

            เขาเดินไปตามทางชั้นสองที่ไปไฟไว้ถึงแค่สามห้องถัดไปจากบันไดเท่านั้น ไม่รู้ก็ต้องรู้ว่านี่คือห้องชมรมถ่ายรูปที่ไอ้ 950 นัดเขาไว้ ห้องนั่นแง้มเปิดไว้น้อยๆ ราวกับว่ารอคอยการมาถึงของเขา

            ไป๋ค่อยๆ เอื้อมมือไปเปิดประตูที่แง้มไว้นั้นออกด้วยความตื่นเต้น

            ห้องชมรมถ่ายรูปเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ภายในกำแพงว่างด้านหนึ่งที่ตอนนี้กำลังถูกฉายแสงมาจากโปรเจคเตอร์ที่ติดไว้บนเพดาน ภาพนั้นไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากตัวเขาเอง ตัวเขาที่ยังอยู่ในชุดม.ปลาย ใส่แว่นหนา แถมชอบใส่เสื้อตัวโคร่ง เขากำลังฉีกยิ้มกว้างแบบไม่รู้ตัวว่าโดนถ่ายรูป

 

            ตรงกลางห้องมีเก้าอี้ตั้งอยู่ 2 ตัว ตัวแรกว่างเปล่า ในขณะที่อีกตัวนั้นมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่โดยที่ยังไม่หันมามองเขา แต่แค่เห็นแผ่นหลังก็มากเพียงพอ

            ทำไมเขาจะจำไม่ได้

            เจ้าของแผ่นหลังหนาคือคนที่ทำให้เขาสุขและทุกข์ได้ในเวลาเดียวกัน คือคนที่ทำให้เขาตัดสินใจว่าควรจะหันหลังให้ความรักเสีย และเป็นคนเดียวกับที่เขาทั้งร้องไห้และร้องเพลงให้วันนี้ด้วย

 

            เสียงเปิดประตูทำให้คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวขวานั้นหันมาอย่างช้าๆ แบบที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยเขาอยู่แล้ว มันยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง แววตา โครงหน้า และริมฝีปากที่เผยอรอยยิ้มให้เขา

            ในวินาทีนั้นกำแพงที่เขาพยายามสร้างมาตลอดก็เหมือนจะพังทลายลงอย่างหมดสิ้น

            เขาบอกตัวเองเสมอว่าเขาไม่สนใจมันทั้งที่แอบมองมันอยู่ตลอด บอกว่าตัวเองจะเกลียดขี้หน้ามันแต่ก็พาลไปสนิทกับมันเสียได้ บอกกับตัวเองว่าจะเลิกมีความรักตลอดไป แต่แค่รู้ว่ามันอาจจะมีใจให้เขาอยู่เพียงเสี้ยวหนึ่ง สิ่งที่สร้างมาตลอดเกือบปีก็พังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีให้กับคนตรงหน้านี่

 

            ไอ้อิฐ... เจ้าของความรักครั้งเดียวที่เขามี



               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ขอบคุณทุกคอมเม้นจริงๆ นะครับ ตอนนี้ผมแต่งภาค 2 ได้ 5 ตอนแล้ว คิดว่าระหว่างจบภาค 1 ต่อภาค 2 อาจจะขอหยุดช่วงสั้นๆ สัก 10 วันเพื่อแต่งภาค 2 ให้ไปไกลสักหน่อยก่อนค่อยทยอยนำมาลง (แต่ถ้าเม้นเยอะๆ อาจใจอ่อนมาลงให้ก่อน อิอิ) ผมเกือบจะถอดใจไม่แต่งภาค 2 หลายรอบแล้ว แต่พอเห็นคนมาคอมเม้นให้ก็รู้สึกว่าเอาน่า อีกสักฮึ้บ แต่งต่อ อย่างน้อยก็ยังมีคนชอบ #ไป่ไป๋ ของผมอยู่บ้างนี่นะ : )

ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ขอกำลังใจแต่งภาคสองหน่อย เม้นให้หนูหน่อยน้า

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
อิฐมันร้าย อย่างนีโฟคเสียใจแย่

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ไป๋ชอบอิฐรึเปล่า แต่ก็เพราะเหตุผลที่ว่า เลยคิดว่า ไม่สมหวังแต่ก็มีความสุข

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
มาต่อให้ไวๆหน่อยครับ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ   เดาถูกด้วยหล่ะ  ว่า 950 ก็คืออิฐ  แต่มาเดาถูกตอนหลัง ๆ นะ ตอนแรก ๆ เดาไม่ถูกเลย

อย่างนี้ก็ใจตรงกันสินะ

อ่อ...ว่านรู้คำตอบอยู่แล้วนิว่าใครคือ 950 นี่นา  ถึงได้พูดกับไป๋ออกไปในโทนนี้  อิอิ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
สั้นจังง อยากอ่านต่อไวๆ :pig4:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
เพียว เชี่ยวมาก

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ไป๋สุดยอดมาก ไม่แปลกเลยที่จะได้เป็นเดือนมหาวิทยาลัย

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
นั่นไงเป็นอิฐจริงๆด้วย สรุปคือ ต่างคนต่างรักกันใช่มั้ย แต่ตอนนี้อยากรู้เรื่องตุ้มหูไป๋ไปอยู่กับอิฐได้ยังไง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
มีความสุขกับความรักได้แล้วน้า น้องไป๋   :กอด1:
ชอบการพูดของว่านมาก จริงทุกประการ
โชคดีของไป๋ ที่มีเพื่อนรักที่แสนดีอย่างว่าน
ตอนต่อ ๆ ไป รักกันให้หวานหยดย้อยไปเลยน้า อิฐไป๋
สนุกมากค่า เป็นกำลังใจให้คนเขียนน้า ^^

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ว่าและ.........อิฐ ไป๋  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ทั้งคู่ชอบกัน แต่ทำไมไป๋ถึงทำเฉยๆกับอิฐล่ะ
ไป๋กลัวความรักชาย-ชาย ไม่ราบรื่นเหรอ   :mew2:
แต่ความรักชาย-หญิงก็ใช่จะราบรื่นทุกคู่นี่นะ
เปิดใจได้แล้วไป๋    :mew1:

อิฐ  ไป๋  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
สรุปว่าเค้าสองคนมีความหลังกันแน่นอน แอบรักกันตั้งแต่ตอนไหนน้า

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
ต่าง แอบ ชอบ กันและกัน... เสียดายเวลาที่ผ่านมารีบรักกันนะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เป็นอิฐจริงๆด้วย แถมไป๋ก็ชอบอิฐอยู่แล้ว แบบนี้ก็กลายเป็นว่าใจตรงกัน อยากให้ไป๋เปิดโอกาสให้ตัวเองได้รักบ้าง สู้ๆนะ

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao7: อ๊ายยยยย  :hao7: เจอกันแล้วววว  :hao7: รู้สักทีว่าใจตรงกัน  :hao7: ภาคสองขอหวานๆนะค่ะ  :hao3: ขอให้ทั้งคู่มีmoment ดีๆน่ารักๆด้วยกัยเยอะๆนะค่ะ  :hao7: คนอ่านอยากฟิน :hao6:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เป้นอิฐจริงๆด้วย

ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 39 : ภาพถ่าย



            “ไอ้อิฐ...”

            มันหันมายิ้มกับเขาแต่ไม่พูดอะไร มือของไอ้ตัวต้นเรื่องดึงเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ที่กำลังว่างอยู่อีกตัว พร้อมเอานิ้วชี้มาแตะตรงปากเป็นสัญญาณว่าอย่าเพิ่งพูดอะไร

 

            เขานั่งลงพร้อมหันไปดูภาพตัวเองที่ฉายอยู่บนผนังว่างอยู่ตอนนี้

            ไอ้อิฐก้มลงไปก้มหน้างุดจัดการกับรีโมทในมือ ส่วนเขาก็ได้แต่มองมันจากด้านข้างอย่างเงียบๆ มันยังอยู่ในชุดนักศึกษาจากรอบสุดท้ายที่แข่งตอบคำถาม

            อิฐก้มลงไปงมอยู่กับรีโมทครู่หนึ่งก็กดปุ่มหนึ่งในที่สุด ภาพที่เคยเป็นภาพนิ่งบนฝาผนังอยู่ตอนนี้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหว มันเหมือนเป็นวีดีโอที่เกิดจากการเอาภาพเก่าๆ มาเรียงต่อกัน มันไม่พูดอะไรนอกจากตั้งใจมองภาพตรงหน้า ราวกับจะบอกเขาว่าให้ตั้งใจดูไปด้วยกัน

 

            ภาพแรกเป็นรูปตอนเผลอสมัยมัธยมปลาย

            ภาพนี้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นตอนไหนหรือเมื่อไหร่ รู้เพียงแต่ว่าน่าจะเป็นภาพตอนอยู่โรงอาหาร ดูเหมือนไหล่ของไอ้ว่านจะติดมาในภาพด้วย

 

            ภาพที่สองเป็นรูปเขาตอนกำลังเรียนเตะตะกร้อ

            สภาพของเขาโคตรทุลักทุเลและน่าตลกเต็มทน เด็กชายหน้าเนิร์ดใส่แว่นหนาเตอะ กำลังพยายามเดาะตะกร้อให้ได้ครบสิบทีเพื่อจะไปสอบเก็บคะแนน

 

            ภาพที่สามเป็นรูปเขาตอนยืนอยู่หน้าเสาธง

            เขาจำได้เลยว่าตอนนี้เป็นตอนที่เขากลับมาจากแข่งขันเคมีโอลิมปิกและได้เหรียญทองกลับมาประเทศ ฉากไวนิลรูปหน้าเขาเด่นหราแปะอยู่หน้าโรงเรียนอยู่เป็นเดือน

 

            ภาพที่สี่เป็นรูปของตอนเรียนรด.

            ดูเหมือนมันจะแอบถ่ายเขาตอนที่อยู่ที่ศูนย์ฝึก สภาพเขากำลังทำหน้าเบื่อโลกถึงขีดสุด และรำคาญอากาศที่ร้อนตับแลบแบบนี้

 

            ภาพที่ห้าเป็นรูปของเขาข้างสนามบาส

            เขาจำได้ดีเลยว่าวิชานั้นเป็นวิชาพละแล้วอาจารย์ให้เลือกระหว่างเรียนพละหรือไปเชียร์เพื่อนแข่งกีฬาร่วมกับโรงเรียนอื่นที่โรงเรียนเป็นเจ้าภาพ ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขานั่งดูไอ้อิฐแข่งกีฬาอย่างจริงจังเต็มสองตา ก็อย่างว่า ถ้าไม่โดนบังคับเขาก็คงไม่ยอมมานั่งดูกีฬาเด็ดขาด

 

            ภาพที่หกเป็นรูปของเขาตอนยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าหอ

            เดาไม่ยากว่าเป็นวันแรกที่พวกเขาเจอกันในช่วงชีวิตมหาวิทยาลัย วันที่เขาถูกท้าแข่งให้มาร่วมประชันการเป็นเดือนมหาวิทยาลัยกับมัน

 

            ภาพที่เจ็ดเป็นรูปเขากำลังหย่อนลูกเหล็กลงในหลอดแก้วที่ใส่น้ำมันอยู่

            ภาพนี้คือแลปฟิสิกส์ที่เรียนที่คณะวิศวะของมัน ตอนนั้นยังเกร็งๆ กับการคุยกับมันอยู่เลยมั้ง อย่างว่า เขาก็เป็นคนที่ปากหมาใส่มันไว้เยอะ

 

            ภาพที่แปดเป็นรูปตอนเขานอนอยู่ในหอแบบหมดแรง

            ไอ้อิฐคงจะถ่ายตอนที่มันหายจากพิษไข้แล้วปล่อยให้ผมนอนพักอยู่ในห้อง สภาพของเขากำลังนอนพริ้มหัวยุ่งอย่างสบายใจเฉิบอยู่บนเตียง

 

            ภาพที่เก้าเป็นภาพเสื้อคู่ที่มันเอื้อมมือมาเช็ดซอสที่ปากให้กับเขา

            ภาพนี้เองที่แอดมินเพจเอฟซีอะไรนั่นขอถ่ายไปจนกลายเป็นกระแสเรื่องราวใหญ่โต มองแบบนี้มันก็ดูไม่ใช่แค่เพื่อนจริงๆ แหละ ทั้งอากัปกิริยา ทั้งเสื้อที่ใส่ มันก็คงไม่แปลกใจที่ใครจะเข้าใจผิด

 

            ภาพที่สิบเป็นภาพในค่ายผู้นำของมหาวิทยาลัย

            ตอนนั้นเขากำลังเล่าเรื่องความฝันและอนาคตของเขาอย่างออกรส เขาคงเรียนจบไปเป็นหมอแล้วก็ดูแลกิจการโรงพยาบาลของพ่อแม่เขาต่อ

 

            ภาพที่สิบเอ็ดเป็นภาพบนเตียงนอนในค่ายผู้นำ

            ไอ้อิฐมันแอบถ่ายเขาตอนก่อนตื่นนอนอีกแล้ว รูปนี้น้ำลายเขาหกด้วย เห็นแล้วก็หน้าชาไปด้วยความอาย อยากให้มันเลื่อนผ่านจากตรงนี้ไปเร็วๆ

 

            ภาพที่สิบสองเป็นรูปเขาตอนกำลังหยิบของออกจากลูกบิดประตู

            มันนี่เองที่เป็นคนส่งเขาให้เขาอยู่ตลอดเวลา ถึงว่าทำไมมันถึงกะจังหวะได้ดีได้ถูกตลอด มันก็อยู่ใกล้ตัวเขาแค่นี้นี่เอง

 

            ภาพที่สิบสามเป็นรูปเขาตอนก้มลังก้มหน้าเล่นบอร์ดเกม

            นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขายอมออกไปตามคำขอของมัน จำได้ว่าวันนั้นมีคนขอเบอร์มันด้วย มันบอกว่ามันชอบผู้ชาย แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่คิดว่ามันพูดจริง

 

            ภาพที่สิบสี่เป็นรูปเขาตอนอยู่ในห้องสมุด

            จากมุมกล้องแล้วมันน่าจะยืนแอบถ่ายอยู่ตามชั้นหนังสือตรงไหนสักแห่งหนึ่ง เดาไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นวันแรกที่มันเอาการ์ดจาก 950 มาให้หรือเปล่า เพราะเขาก็จำชัดเจนแน่นอนลงไปไม่ได้

 

            ภาพที่สิบห้าเป็นจอกระดานการแข่งหมากรุก

            ภาพนี้มาจากตอนเขาแข่งหมากรุกตอนกีฬาเฟรชชี่ นักกีฬาจะอยู่อีกห้องเงียบๆ เพื่อใช้สมาธิ แต่คนดูจะอยู่อีกห้องและดูภาพกระดานที่ถ่ายทอดออกมาแทน เขาไม่ยักรู้มาก่อนว่ามันมาดูเขาแข่งด้วย

 

            ภาพที่สิบหกเป็นรูปที่มันอุ้มตัวเขาออกมาจากสนามบาส

            มองภาพนี้แล้วเขาก็ได้แต่กลืนน้ำลายก้อนใหญ่ มองยังไงก็เหมือนคนมีความสัมพันธ์พิเศษ ไม่รู้ว่ารูปมาจากกล้องไหน และมันแพร่กระจายไปอยู่ที่ใดบ้าง แต่เชื่อขนมกินเลยว่าใครก็ตามที่เห็นภาพนี้ต้องคิดว่าเขามีอะไรเลยเถิดกับไอ้อิฐแน่นอน

 

            ภาพที่สิบเจ็ดเป็นรูปตอนที่เขานั่งเหม่อในรถหลังจากทำแผลมาเสร็จ

            เดาว่ามันน่าจะแอบถ่ายตอนหลังกลับจากโรงพยาบาลเพราะเห็นผ้าปิดแผลที่อยู่ตรงหัวคิ้วเขาชัดเจน ไหนตอนนั้นทำเป็นอารมณ์บูด อารมณ์บูดแล้วมาแอบถ่ายรูปไว้ทำไม

 

            ภาพที่สิบแปดเป็นรูปของเขาตอนกำลังนั่งร้องเพลงอยู่กับไอ้ว่าน

            ภาพวันนี้ตอนประกวดนี่เอง พูดอะไรไปเยอะแยะมากเพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะมีความคิดอะไรกับเขาแบบนี้ พูดแล้วหน้าเขาก็ร้อนฉ่าขึ้นมา ถ้ามันรู้ว่าที่พูดไปก่อนร้องยาวเหยียดและเพลงที่ร้องวันนี้ก็หมายถึงมัน มันต้องล้อเขาจนแก่แน่

 

            ภาพที่สิบเก้าเป็นรูปตอนเขารับรางวัลเดือนมหาวิทยาลัย

            ภาพนี้ดูรู้เลยว่ามันน่าจะถ่ายเอง เพราะมุมกล้องมาจากด้านหลังเฉียงๆ หน่อย มันคงจะถ่ายมาจากตำแหน่งที่มันไปยืนรอรางวัลที่สองอยู่

 

            ภาพสุดท้ายเป็นภาพเขาที่หลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดที่เปลือยเปล่าของมัน

            ภาพนี้น่าจะมาจากตอนสมัยมัธยมปลายที่พวกเขาไปอยู่ในห้องชมรมกันจนดึกและถูกล๊อคจากด้านนอกจนออกมาข้างนอกไม่ได้ โทรศัพท์ก็ลืมไว้ด้านนอกจนต้องค้างคืนอยู่กับมันสองต่อสอง

 

            ‘เดี๋ยวนะ ถ้ามันไม่มีโทรศัพท์แล้วมันถ่ายรูปนี้ได้ไง’

 

            “ไหนมึงบอกว่าลืมไว้โทรศัพท์ไว้นอกห้อง”

            เสียงของเขาดังขึ้นเป็นคำถามทันทีที่รูปนั้นดับลงและภาพจอก็มืดไป ดูเหมือนว่ารูปนั้นจะเป็นรูปสุดท้ายที่มันตั้งใจจะให้เขาดูพอดี

 

            “ถ้าบอกว่าไม่ลืมจะได้นอนค้างคืนกับไป๋หรือครับ” มันหันมาพูดยิ้มๆ รอยยิ้มของมันทำคนหัวใจวายตายมากี่คนแล้วเนี่ย

            “มันต้องมาเรียกไป๋พูดครับเลย กูจั๊กกะจี๊ เรียกกูมึงแบบเดิมก็ดีแล้ว” เขาพูดพร้อมกับสีหน้าที่แดงขึ้น

            “ไม่ได้สิครับ วันนี้ผมมาสารภาพรักกับไป๋ ถ้าผมพูดไม่ดีแล้วผมแห้วใครจะรับผิดชอบ”

 

            เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันพูดว่าอะไรนะ ผิวหน้าของเขาเริ่มร้อนขึ้นมาอย่างควบคุมได้ยาก แต่เขาก็พยายามกลบเกลื่อนอาการตรงหน้าไม่ให้แสดงออกจนคนตรงหน้าจับสังเกตได้ เขาพอจะรู้ว่าการเดินมาเจอกันที่ห้องนี้หมายถึงอะไร แต่เขาอาจจะไม่ได้เตรียมใจมารับมือกับความตรงไปตรงมาของคนตรงหน้านี่ บทจะพูด คนตรงหน้าก็พูดตรงจนเขาแทบจะลืมไอ้อิฐคนที่เขาคุ้นเคยไปเสียหมดสิ้น

 

            “ตกลงมึงคือ 950 จริงเหรอ” เขาถามด้วยเสียงเรียบ

            “ใช่สิครับ ไป๋จำไม่ได้เหรอว่าเลขนี้หมายความว่าอะไร” มันถามกลับมา

            “หมายเลขห้องชมรมที่โรงเรียนเก่าสินะ” เขาตอบ

            “อ๊าว ไป๋ก็จำได้ แล้วทำไมถึงไม่รู้ว่าผมเป็นใคร” มันเลิกตาถามแบบงงๆ

 

            “กูรู้ว่าคนที่มีเรื่องกับกูเรื่องห้อง 950 กับกูก็มีแค่มึงคนเดียว” เขาพูด

            “แปลว่าไป๋รู้นานแล้วว่าผมคือใคร”

            “ไม่หรอก กูไม่กล้าคิดหรอกว่าเป็นมึง”

            เขาไม่เคยลืมเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นที่ห้องชมรมโรงเรียนเก่าระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ตอนนั้น ผู้อำนวยการโรงเรียนต้องการยุบห้องชมรมหนึ่งไปทำเป็นห้องเรียนใหม่ที่จะเปิดรับเด็กเพิ่มในปีการศึกษาหน้า ห้องชมรมของชมรมกีฬาและชมรมวิชาการจึงจะต้องเหลืออยู่เพียงห้องเดียว พวกเขาทั้งสองในฐานะหัวหน้าชมรมจึงต้องเปิดศึกแข่งขันกันแย่งห้องชมรมที่จะเหลืออยู่เพียงหนึ่ง



            น่าตลกที่การแข่งขันไม่ได้นำมาซึ่งความขัดแย้งเสียทั้งหมด แต่เขาก็ได้รู้จักคนตรงหน้ามากขึ้นและเรียนรู้ว่าโดยเนื้อแท้แล้ว ไอ้อิฐไม่ใช่คนที่ไม่ดีอะไรเลย สมัยเป็นนักเรียนอาจจะยังมีชื่อประธานชมรมค้ำคออยู่ แต่ตอนมหาวิทยาลัยไม่มีแล้ว พวกเขาจึงได้กลายมาเป็นเพื่อนกันเพราะอย่างน้อยก็รู้จักนิสัยกันดีจากเรื่องราวที่ต้องจับพลัดจับผลูมาเจอกันบ่อยครั้ง ทั้งหมดทั้งมวลก็เริ่มมาจากมหากาพย์ห้อง 950 นั่นแหละ

            ความจริงเขาพอจะเดาออกเรื่องอิฐมานานแล้ว เพียงแต่เขาไม่กล้าคิดแม้กระทั่งว่าไอ้อิฐจะมาสนใจคนอย่างเขา เขาจึงเลือกที่จะหยุดคิดเรื่องนี้ต่อเพราะยิ่งคิดเขาก็จะยิ่งจมปลักอยู่กับความไม่เข้าใจ จากใจของคนที่เคยเจ็บหนักกับความรัก แม้เพียงความหวังเล็กๆ เขาก็ไม่อยากมี เขาไม่อยากกลับไปเจ็บ ไปรู้สึก ไปเริ่มต้นใหม่กับการก้าวเดินออกมาอีกแล้ว เขาเหนื่อยและเสียเวลาไปมากเกินพอกับอดีตที่เขาอยากจะข้ามผ่านพ้นไป

 

            “ทำไมต้อง 950” เขาเอ่ยถามอย่างสนใจ

            “ผมแค่อยากให้รู้ว่าผมชอบไป๋มานานแล้ว ชอบมาตั้งแต่ก่อนคืนนั้นของเราสองคนด้วยซ้ำ ผมไม่ได้ชอบไป๋แค่วันนี้ แต่ผมรอไป๋มาตั้งนาน ผมรอจนกว่าผมจะพร้อมที่จะเดินมาขอความรักจากไป๋”

            ไอ้อิฐที่เขาคุ้นเคยตอบออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง เขาพยายามรักษาสีหน้าให้นิ่ง แต่พอถึงคำว่า “รัก” เขาก็แอบห้ามรอยยิ้มตรงมุมปากไม่ได้เลย

            “แล้วทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้” ใช่ ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้

 

            “ผมรู้ตัวดีครับว่าผมไม่คู่ควรกับไป๋แม้แต่นิดเดียว” ไอ้อิฐยังคงพูดต่อด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาของมันตอนนี้ฉายความเศร้าออกมาอย่างปิดไม่มิด

            “มึงเนี้ยนะไอ้อิฐ มึงเป็นนักกีฬาเยาวชนทีมชาติ หน้าตามึงก็หล่อจนใครก็คิดว่ามึงต้องได้เป็นเดือนมหาวิทยาลัยแน่ ไหนมึงลองบอกกูซิ๊ว่ามึงมันมีอะไรที่ไม่ดี”

            ไป๋ขมวดคิ้วพร้อมพูดไปด้วยความสงสัย ถ้าจะมีใครสักคนหนึ่งพูดประโยคนี้ออกมา คนคนนั้นควรจะเป็นตัวเขาเองมากกว่า ถึงวินาทีนี้เขายังไม่เข้าใจเลยว่าไอ้อิฐจะมาสนใจเขาได้ยังไง หน้าตาของมันน่าจะเลือกคนที่ดีกว่าเขาได้มาก อย่างน้อย มันก็ไม่ควรมาสนใจคนที่หน้าตาโคตรธรรมดาอย่างเขา

 

            “ชีวิตผมไม่ได้ดีหรอกครับไป๋” มันเอ่ยด้วยสายตาเศร้า

            “...”

            “วันที่ผมยอมรับกับตัวเองว่าผมชอบไป๋จริงๆ ผมก็ได้รู้ตัวว่าผมไม่มีอะไรเทียบชั้นกับไป๋ได้เลย”

            “อะไรวะ กูไม่เห็นเข้าใจ” เขาตอบออกไปแบบงงๆ

            “ผมเอาชื่อไป๋ไปหาในกูเกิ้ลก็เจอว่าไป๋เป็นลูกเจ้าของโรงพยาบาลในตลาดหุ้น แค่ทรัพย์สินที่ไป๋มีอย่างเดียวไม่นับรวมชื่อพ่อแม่ ผมทำงานทั้งชีวิตยังไม่รู้จะหาได้หรือเปล่า” ทำไมเขารู้สึกว่าสายตาของมันดูตัดพ้ออย่างบอกไม่ถูก

            “มันก็ไม่เกี่ยวกันเปล่าวะ สมบัติอะไรนั่นมันก็คือของที่พ่อแม่ให้มา มันไม่ใช่ของที่กูสร้างมาเองสักหน่อย กูไม่เห็นจะภูมิใจเลยสักนิด” เขาพูดจากความรู้สึกจริง

            “แต่ก็นั่นแหละครับ ผมจะกล้าเอาความมั่นใจจากไหนไปจีบไป๋”

            “มึงนี่คิดมากฉิบหาย”

            “ตอนนั้นผมยังไม่มีที่จะเรียนตอนมหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำ บ้านผมก็ไม่ได้มีเงินทองอะไร แม่ก็ไม่อยู่แล้ว พ่อก็แต่งงานใหม่ แค่ความมั่นใจจะเล่าเรื่องครอบครัวตัวเองให้คนอื่นฟัง ผมยังไม่ค่อยจะมี”

            “อิฐ มันไม่เกี่ยวกันเปล่าวะ มึงก็คือมึงนะ ครอบครัวมึง เงินในกระเป๋ามึงไม่ใช่นิยามของตัวมึงสักหน่อย มึงอย่าเอาเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้มาเป็นปมด้อยในชีวิตสิวะ” เขาเอื้อมมือไปบีบไหล่มันอย่างเป็นกำลังใจ

            “ผมเลยอยากรอให้ผมพร้อมกว่านี้ อย่างน้อย ผมก็อยากที่เรียนที่มั่นคงจบมามีอาชีพที่พอจะดูแลไป๋ได้ ไม่ให้ไป๋ต้องอายถ้าใครรู้ว่าคบกับผม วันนี้ผมว่าผมพร้อมแล้ว ถ้าผมรอไปมากกว่านี้ ผมอาจจะไม่มีโอกาสได้พูดตลอดไป วันนี้ ผมเลยมารอไป๋ที่นี่”

 

            “ไป๋ครับ” มันหันหน้ามาพูดกับเขา

            “ว่าไง” เขาตอบไปด้วยเสียงติดๆ ขัดๆ

            “ขอให้ผมพูดอะไรหน่อยนะครับ” มันยิ้ม มันยิ้มอีกแล้ว

            “อือ”

            เขาตอบแค่สั้นๆ เอาจริงๆ เขาก็ไม่รู้จะตอบอะไรดี ความจริงมาถึงนี่ก็เต็มใจเตรียมใจพร้อมมาฟังอยู่ก่อนแล้วแหละ แต่แค่ไม่กล้าคิดว่าจะเป็นไอ้คนตรงหน้านี่

 

            “ปีที่แล้วเราเคยแข่งแย่งห้องชมรมกัน ไป๋คงจำได้” มันเริ่มประโยคอย่างอมยิ้ม

            “จำได้สิ กูแพ้นี่” เขาบ่นงึมงำ

            “ตอนนั้นเราพนันกันว่า คนแพ้ต้องถามคำสั่งอะไรก็ได้ของคนชนะหนึ่งอย่าง ไป๋ถามผมว่าผมจะสั่งอะไร ผมยังคิดไม่ออก ความจริงผมคิดออกตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าอยากจะขออะไรไป๋ เพียงแต่ผมไม่กล้าพูด”

            “จะแกล้งอะไรกูหละ”

            “ผมเลยขอตุ้มหูอันนี้ของไป๋ไว้เป็นตัวประกันว่าวันหนึ่งผมจะกลับมาขอตามสัญญาที่ไป๋ได้เคยให้ไว้”

            มันพูดพร้อมกับตุ้มหูกาวน์สีขาวที่อยู่ในมือ ถึงว่าวันนี้เขาไม่เห็นมันใส่เลยตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง ที่แท้มันก็ถอดเตรียมไว้ก่อนนี่เอง

           

            “ผมขอใช้กาวน์สีขาวอันนี้แทนสิทธิในการทวงสัญญากับไป๋ ที่ไป๋เคยให้ผมไว้”

            “เฮ้ย ลุกขึ้น ไม่ต้องคุกเข่า”

            มันพูดพร้อมคุกเข่าลงตรงหน้าเขาจนเขาทำอะไรไม่ถูกต้องลนลานลุกยืนขึ้นกับเก้าอี้พร้อมกับความเกรงใจ เขารู้สึกว่าอุณหภูมิบนใบหน้าของเขามันพุ่งสูงแบบควบคุมไม่ได้แล้ว เขาบอกให้มันยืนขึ้นอีกรอบ แต่มันก็ไม่ฟังคำสั่งจากเขาอยู่ดี เชี่ย ทำแบบนี้มันเขินนะเว้ย เหมือนโดนมาคุกเข่าขอความรักเลย

 

            “ผมจะไม่บีบบังคับให้ไป๋รับรักจากผมเด็ดขาด เพราะมันไม่แฟร์กับใครสักคน”

            “...”

            “แต่ผมขอสิทธิ์ในการจีบไป๋ได้ไหมครับ” มันพูดพร้อมด้วยแววตาที่ทอดมาอย่างจริงจัง ไม่มีแม้แต่แววตาล้อเล่นเพียงนิดเดียว

            “ไอ้อิฐ...”

 

            “ขอให้ผมได้สิทธิ์ได้จีบไป๋แบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะพึงปฏิบัติกับคนที่เขารักและอยากดูแลเป็นเวลา 30 วันได้ไหมครับ ถ้าครบกำหนดเวลาแล้ว ผมยังทำให้ไป๋หันมามองผมไม่ได้ ผมจะยอมเดินออกไปจากชีวิตไป๋เอง”



               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ขอคอมเม้นหน่อยนะ หนูขอเม้นไปเป็นกำลังใจในการแต่งภาคสองหน่อย >///< ไม่ค่อยมีใครเม้นให้หนูเยย หนูขาดแคลนกำลังใจจจ

ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ขอบคุณทุกคอมเม้นน้าาาาาาาาาาา

ใครยังเงาอยู่ รีบแสดงตัวเลย จะจบแย้วนะ เม้นหน่อยยยยยยยยย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
กลายเป็นอิฐสะเองที่ไม่มั่นใจ คิดว่าตัวเองไม่คู่ควร เลยไม่กล้าจีบไป๋ตั้งแต่แรก  :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด