เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)  (อ่าน 117691 ครั้ง)

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คิดถึงอิฐนะเนี่ย โผล่มาแค่ชื่อเอง 5555

ออฟไลน์ SM_day

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
ไป๋เป็นนายเอกจริงอ่ะ หรือว่าจะมาแบบดรีมไฮ2ที่เปลี่ยนตัวนางเอกท้ายๆเรื่อง ไป๋ยังดูไม่มีออร่านายเอกเลยอ่ะ มันหรนระะเายีพไ_ดรตึถึตจถ_พ้นีดหฟเรย่้

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตัวละครมีมากมาย

แต่พระนายเรื่องนี้ คือ ไป๋อิฐ  เหรอ?  ชิมิ

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
อ่านทันละคับ
รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2

ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 23 : มัคคุเทศก์

 

            ในช่วงบ่ายพวกเขาต้องทำกิจกรรมกับผู้พิการทางการมองเห็น โดยทางค่ายจะมีผู้พิการทางการมองเห็นมาเป็นมัคคุเทศก์พาพวกเขาเดินเข้าไปทางเดินมืดๆ และลองใช้ชีวิตจำลองแบบผู้พิการดูว่าการอยู่ในโลกมืดนั้นจะมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง



            ด้วยความจำกัดของสถานที่ พวกเขาเลยต้องแบ่งกลุ่มกันเข้าไปทีละ 3 คนต่อผู้นำทาง 1 คน รอบของเขาเป็นก็จะมีเขา ไอ้อิฐ และไอ้โฟค ส่วนไอ้เพียวไม่ได้เข้าร่วมอยู่แล้ว เพราะมันเป็นคนเซตสถานที่ขึ้นมาเอง แถมมันยังบอกอีกด้วยว่าทีมงานได้ลองเดินกันคนละหลายรอบแล้ว

 





            “ไอ้ไป๋ จับไหล่ไว้ เร็ว”



            เสียงไอ้อิฐดังขึ้นเมื่อมัคคุเทศก์ชี้แจงเสร็จและกำลังจะเดินเข้าไปในสถานที่แล้ว ด้วยขนาดห้องที่แคบ พวกเขาเลยต้องจับไหล่คนข้างหน้าแล้วเดินเรียงๆ กันเข้าไป ในขณะที่ไป๋แอบยืนเหม่ออยู่ ไอ้อิฐก็หันมาออกคำสั่งเมื่อเห็นว่าคนข้างหน้าตนกำลังจะออกเดิน ลำดับในแถวจึงเรียงเป็นมัคคุเทศก์ ไอ้อิฐ เขา และไอ้โฟคปิดขบวน

 





            มืด...



            ทันทีที่ประตูห้องด้านหลังเขาปิดสนิท บรรยากาศในห้องนั้นก็มืดแสนจะมืด มันไม่ได้มืดเหมือนท้องฟ้ากลางคืน ไม่ได้มืดแบบห้องนอนตอนปิดไฟ แต่มันมืดแบบไม่เห็นอะไรเลย เขาไม่เห็นแม้กระทั่งมือของตัวเองด้วยซ้ำ เขาเพิ่งได้เข้าใจความรู้สึกของการมองไม่เห็นก็คราวนี้ เขาเคยเห็นผู้พิการทางการมองเห็นนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะลองจินตนาการดูว่าการอยู่ในโลกมืดนั้นมันเป็นอย่างไร



            เขาเกาะไหล่คนตรงหน้าแล้วเดินตามไปช้าๆ โดยที่มีอีกคนหนึ่งเกาะหลังเขาอยู่และเดินตามมาเช่นกัน ส่วนที่จัดไว้ข้างในจำลองการดำรงชีวิตแบบพื้นฐานผ่านการเดินถนนไปบนเรื่องราวต่างๆ เขาต้องคอยจับสังเกตเสียงที่ดังขึ้นรอบตัว ไอ้เพียวทำงานละเอียดมาก แต่ละโซนจะมีลำโพงเล็กๆ เอาไว้สร้างเสียงประกอบสถานการณ์ เสียงพ่อค้าแม่ค้า เสียงผัดกับข้าวจากร้านอาหารริมถนน เสียงรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งสวนกันไปมา

 





            อยู่ดีๆ ไหล่คนตรงหน้าก็หลุดหายไป



            เขากวาดมืออย่างสะเปะสะปะไปอย่างตื่นตระหนก ถ้าเขาหลุดจากมัคคุเทศก์ข้างหน้านี่เขาไม่สามารถออกจากห้องนี้ได้แน่ อุปกรณ์ที่สร้างแสงสว่างได้ทั้งหมดถูกริบไว้นอกห้อง ไอ้อิฐรู้ตัวไหมเนี่ยว่าเขาหลุดจากการเชื่อมต่อไปแล้ว เขาได้แต่กวาดหาตัวไอ้เพื่อนตัวดีอย่างตกใจ สองมือของเขาพยายามมองหามันท่ามกลางความมืด

 





            แต่แล้วมันก็กลับมา



            มือข้างหนึ่งถูกส่งมาจากความมืดมิดพร้อมกับสัมผัสที่เขากำลังมองหา มือของมันจับกับเขาแน่นพร้อมกระตุกช้าๆ ให้เขาออกก้าวเดินตามมันไปอีกครั้ง ไม่มีคำพูดใดระหว่างเขากับมันแม้แต่นิดเดียว เขารู้เพียงแต่ว่าในเวลาแบบนี้ แรงบีบเบาๆ จากมือข้างนั้นสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้เขาได้อย่างน่าประหลาด

 





            รสสัมผัสในขณะนั้นมันปร่าแปร่งอยู่เสียมาก



            มือของเขากระชับแน่นอยู่กับคนคนหนึ่ง แต่ไหล่ของเขาก็ยังมีมืออีกคู่หนึ่งที่คอยจับไหล่ของเขาอยู่ ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในเส้นทางที่เหลือในโลกมืดสีดำสนิทนั้นช่างยาวนานแต่ก็แสนสั้น เส้นทางพาพวกเขาเดินตามทางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงช่วงสุดท้าย มัคคุเทศก์พูดเสียงดังกับพวกเขาว่าเรากำลังจะข้ามถนนกัน เสียงรถดังขึ้นขวางอยู่เบื้องหน้าสร้างความวิตกอยู่ไม่น้อย หากคิดว่านี่คือแค่โลกจำลอง ความผิดพลาดสูงสุดก็อาจจะแค่เดินทางผิดจนเท้าไปเตะขอบประตูจนได้แผล แต่ถ้าเป็นชีวิตจริงเล่า หากรถยนต์ที่วิ่งฉิวกันอยู่ด้านนี้กระทบร่างของคนที่กำลังเดินอย่างเชื่องช้าอยู่แบบนี้คงไม่ต้องตั้งคำถามเลย ผู้พิการทางการมองเห็นมีคุณภาพชีวิตที่ดีพอแล้วใช่ไหม ถ้าคำตอบคือไม่ เขารับมือกับความไม่พร้อมของชีวิตเหล่านี้ได้อย่างไร

 





            มือของคนตรงหน้าบีบให้เขาน้อยๆ



            ตัวเขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าสัมผัสนั้นเป็นการเร่งเร้าให้เขาก้าวเดินไปข้างหน้าหรือเป็นการปลอบประโลมว่าทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี แต่เขาก็เอื้อมขาช้าๆ มุ่งหน้าไปสู่ความไม่รู้ที่ดูไม่ใช่เรื่องง่ายที่ขวางกั้นอยู่เบื้องหน้านั่น ส่วนรอยสัมผัสที่ไหล่ทั้งสองข้างก็ยังคงฉายชัด เขายังมีอีกคนหนึ่งที่ยังติดตามเขามาในเบื้องหลังเสมอ

 





            “เสร็จแล้วครับบบบบ”



            เสียงของไอ้เพียวลอดขึ้นมาพร้อมกับแสงสว่างที่ลอดมาจากช่องประตูที่เปิดออก พวกเขาออกจากทางเดินในโลกมืดเรียบร้อยแล้ว แต่พอมีความสว่างไสวสาดเข้ามาก็ทำให้เห็นมือทั้งสองข้างของคนทั้งสองคนที่จับกันอยู่นั้น ไอ้อิฐไม่ได้มีทีท่าสนใจจะปล่อยจนเขาต้องดึงมือกลับมาเอง ไอ้เพียวทำหน้าตกใจเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ส่วนไอ้โฟคกำลังมองมือที่เขาเพิ่งดึงกลับคืนมานั่นอย่างตั้งใจ สายตาของมันในเวลานี้ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ พวกเขาทั้งสี่และมัคคุเทศก์อีกคนพากันเดินออกมาจากห้องกิจกรรม ไม่มีคำพูดใดถูกแทรกขึ้นมาในความเงียบที่กำลังโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน

 





            ไอ้โฟคกลายเป็นคนเงียบ



            ไอ้อิฐกลายเป็นคนชอบยิ้ม



            ส่วนเขาขอเลือกที่จะเป็นคนที่ทำหน้าเหม็นเบื่อตลอดเวลา

 





            กิจกรรมช่วงสุดท้ายของวันก่อนหมดแสงอาทิตย์ถูกจัดขึ้นในห้องโถงทำกิจกรรมเดิม พวกเขาถูกแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6 คนอีกครั้ง รอบนี้มีตัวแทนจากแพทย์ ทันตะ และวิศวะนั่งล้อมวงกันอยู่คณะละ 2 คนแบบรอบเช้า ส่วนไอ้เพียวไปยืนรวมกลุ่มกับสตาฟที่กำลังยืนเรียงกันอยู่ด้านข้างห้องประชุม

           





            “ต่อไปจะเป็นช่วงของการระดมสมองก่อนทานข้าวเย็นค่ะ รับประกันว่ากิจกรรมของเราต้องน่าสนใจมากๆ แน่” เสียงของพิธีกรฝ่ายหญิงดังขึ้นเรียกความสนใจของคนทั้งห้องให้กลับมา



            “แน่นอนครับ งานนี้พูดได้เลยว่านอกจะเป็นการคิดในห้องนี้แล้วยังอาจจะได้เอาไปใช้ต่อในอนาคตกันอีกด้วย” เสียงพิธีกรฝ่ายชายรับ



            “กิจกรรมต่อไป คือ เราจะให้น้องๆ ตัวแทนจากแต่ละคณะได้ระดมสมองกันคิดกิจกรรมกันขึ้นมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคณะค่ะ โดยให้น้องๆ ตัวแทนที่นั่งอยู่พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้เลยว่าถ้าคณะของพวกน้องต้องมีกิจกรรมร่วมกันสักกิจกรรมสักอย่างหนึ่งจะทำอะไรด้วยกันดี”



            “พวกพี่มีเวลาให้ทั้งหมด 15 นาทีครับ โดยน้องทุกคนต้องช่วยกันคิดและเลือกกิจกรรมที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดขึ้นมา 1 โครงการ เลือกได้ก็เขียนรายละเอียดในใบโครงการแล้วส่งมาให้สตาฟที่กำลังจะเดินเข้าไปเป็นผู้ช่วยของแต่ละกลุ่มได้เลยครับ”



            “อย่าลืมนะคะ กิจกรรมของเราคือ Deal With Difference ดังนั้น อย่าลืมหาความต่างของแต่ละฝ่ายนำมาสร้างความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันนะคะ”



            “ถ้าพร้อมแล้วเริ่มได้เลยครับ”



            สิ้นสุดเสียงพิธีกร เหล่าสตาฟก็ถือกระดาษรายละเอียดโครงการใบใหญ่เบิ้มมาให้พวกเขา แน่นอนว่าสตาฟประจำกลุ่มเขาก็ไม่ใช่ใครอื่น ไอ้เพียวคนเดิมนั่นเอง

 





            “เรามาจัดกีฬาสีร่วมกันไหม” ปุยฝ้าย ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม เจ้าของตำแหน่งประธานชั้นปีทันตะเอ่ยแนะนำขึ้นเป็นคนแรก



            “มันจะไปซ้ำกับกีฬาเฟรชชี่หรือเปล่า” กาญถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเสนอแนะแต่ไม่ก้าวร้าว



            “อืม ก็จริงนะ”



            “แต่เราว่ากีฬาก็มีข้อดีนะ เพราะกิจกรรมมันค่อนข้างง่าย การจะจัดต่อเนื่องก็ไม่ใช่เรื่องยากมาก มีโอกาสที่รุ่นต่อๆ ไปจะได้จัดกันต่อไปเรื่อยๆ” ไป๋เอ่ยแสดงความคิดเห็นบ้าง



            “แต่ถ้าอยากจะสร้างความสัมพันธ์ เราน่าจะมีอะไรมากกว่าแข่งกีฬาไหม ปรกติแข่งจบก็แยกกัน เหมือนยังไม่ได้รู้จักกันจริงๆ เลย” เกล้า ประธานจากคณะแพทย์พูดขึ้นบ้าง



            “หรือเราจะมีกิจกรรมอย่างอื่นด้วย แบบพวกเน๊ตเวิร์คกิ้ง หรือชวนกันมาทำกิจกรรมอะไรกันเล็กๆ น้อยๆ” รอบนี้เป็นความเห็นของเดือนทันตะ



            “น่าสนใจ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นงานใหญ่ไปหรือเปล่า” อิฐเสริม



            “ความจริงเราแบ่งงานเป็นเฟสๆ ไปก็ได้นะ เช่น ปีเราจัดแค่แข่งกีฬากับบัดดี้ระหว่างคณะก่อน ปีต่อไปค่อยมีเน๊ตเวิร์คกิ้ง ปีต่อไปอาจเติมกีฬาฮาเฮเข้ามา หรือไม่ก็จัดทีมคละคณะขึ้นมาแข่งกีฬากระชับมิตรกัน” ไป๋เสนอ



            “ดีนะ ความจริงแบ่งงานเป็นเฟสก็ทำให้พัฒนางานง่ายด้วย อันไหนดีเอาไว้ อันไหนแย่ก็ปรับได้ แต่เราคงต้องลงไปช่วยกันคุยกับรุ่นต่อๆ ไปด้วย ถ้าจะจัดกันจริงๆ” ปุยฝ้ายเห็นด้วย



            “งั้นกีฬาอะไรดี” กาญตั้งประเด็น



            “บอลมะ คลาสสิกสุดแล้ว ทีมหนึ่งคนเยอะด้วยจะได้ดึงคนมาได้เยอะ สลับให้เพื่อนในคณะลงแข่งกันเยอะๆ เล่นเอาเพื่อน ไม่ต้องเอาแพ้ชนะ” เกล้าพูด



            “ดีๆ กูชอบเล่นบอล” ไอ้อิฐพูดยิ้มๆ



            “พูดเข้าข้างตัวเองฉิบหาย”



            เสียงเขาด่ามันอย่างคนสนิทกันก็เรียกเสียงหัวเราะขึ้นในวงสนทนาได้ บรรยากาศระหว่างพวกเขาผ่อนคลายขึ้นมาอีกระดับ การประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเริ่มถูกคอมากขึ้น ต่างฝ่ายต่างเอาข้อดีข้อเสียมาถกเถียงกัน

 





            “งั้นสรุปตามนี้”



            ปุยฝ้ายเอ่ยสรุปหลังจากเรียบเรียงกิจกรรมและบรรจงเขียนใบโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว งานกลุ่มชิ้นแรกของพวกเขาผ่านไปได้ด้วยดี



            “ว่าแต่ตั้งชื่อการแข่งกีฬาว่าอะไรดี มีใครมีชื่อเท่ๆ เสนอไหม” กาญหันมาถามความคิดเห็นคนในกลุ่ม



            “ขอเสนอได้ปะ” คราวนี้ไอ้อิฐพูดขึ้นบ้าง ปรกติมันแทบไม่ได้แสดงความเห็นอะไรเท่าไหร่เลย



            “ชื่อไรวะ” กาญหันมาถามเพื่อนร่วมคณะ





 

            “บอลสามเส้า”



            “...”



            “ล้อเลียนคำว่ารักสามเส้าไง แข่งกีฬากันสามคณะก็เหมือนกับความสัมพันธ์ของคนสามคน”







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta



               หลายคนบ่นว่าเนื้อเรื่องดำเนินช้าและเอื่อยเฉื่อย 555555 น้อมรับความคิดเห็นนะครับ แต่นี่คือความตั้งใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าอยากจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป หลายคนบอกว่าอ่านแล้วไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย อันนี้ก็อาจจะต้องวิเคราะห์เรื่องราวนิดหนึ่ง เพราะเรื่องราวถูกเล่าผ่านมุมมองของไป๋ออกมาเป็นหลัก ซึ่งไป๋ก็เป็นคนแบบนี้ คือไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นและเหม็นเบื่อโลก 555555



                ปล. เดี๋ยวพรุ่งนี้มาลงแถมให้อีกตอนนะครับ หลายคนบ่นไม่ได้เจออิฐ แถมหน่อย เดี๋ยวคนอ่านงอน อิอิ

ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
รออ่านคอมเม้นของทุกคนอย่างใจจดใจจ่อเลยครับ อิอิอิ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิฐตั้งใจเดินให้ไหล่หลุดจากการเกาะกุมของไป๋ เพื่อเปลี่ยนมาเป็นการจับมือไป๋แทน  ชิมิ

แผนสูงนักนะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
 :เฮ้อ: เข้าใจว่าจะดำเนินเรื่องแบบเรื่อย ๆ เนิบ ๆ ช้า ๆ
แต่ 23 ตอนแล้ว ... มันยังเบาไปหมดเลยค่ะ

ชื่นชมนะคะที่มาลงตลอด แม้ว่าจะลงสั้น ๆ และเว้นบรรทัดยาวไป ยาวไป
แต่ก็ดีค่ะที่ไม่ทิ้งคนอ่าน

ส่วนนิสัยตัวละคร .. อ่านแล้วก็ยังไม่เป็นตัวละครนั้น ๆ เช่นเดิม
อ่านไปก็ ... อืมมมม นะ เอาว่าหยุดอ่านก่อนละกันค่ะ
ไว้ประกาศจบเมื่อไหร่ จะคลิกเข้ามาตามใหม่นะคะ :bye2:

ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 24 : ม้าและโคน



            ช่วงเวลาที่เหลือของวัน ไอ้โฟคดูไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่นัก มันเงียบและไม่ค่อยสดใสเท่าที่ควร แต่มันก็พยายามยิ้มใส่เขา ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเป็นการฝืนก็ตาม

           





            “มึงเป็นไรเปล่าวะ”



            ไป๋เอ่ยถามกับโฟคเมื่อสบโอกาสที่พวกเขาได้อยู่กันสองคน ตอนนี้ทั้งคู่เดินมาหยิบสัมภาระที่รถหลังจากทานอาหารเย็นเป็นที่เรียบร้อย และกำลังเตรียมตัวเข้าห้องนอน



            “เราพูดได้จริงๆ เหรอ”



            โฟคซึ่งกำลังก้มลงไปหยิบของในที่เก็บของท้ายรถนิ่งสะดุดไปพร้อมกับเสียงที่ตั้งเป็นคำถาม มันยังคงหยุดค้างในท่านั้นราวกับกำลังรอฟังคำตอบ



            “ถ้ากูพูดด่าอะไรมึงไป มึงอย่าถือสากูนะเว้ย กูก็เป็นคนปากหมาแบบนี้ ไม่ชอบตรงไหนกูก็ปรับได้ มีอะไรก็บอกกันตรงๆ”



            “เปล่า เราไม่เคยโกรธไป๋เรื่องนี้สักครั้ง เรารู้ดีว่าไป๋เป็นคนปากร้ายใจดี”



            “แล้วตกลงมึงเป็นอะไรวะ”



            “เรา... หึง” เสียงนั้นขึ้นมาในระดับที่ไม่เกินเสียงกระซิบ

 





            “เฮ้ย”



            “แต่เราก็รู้นะว่าเราไม่มีสิทธิ์”



            “...”



            “ขอโทษแล้วกันไป๋ โฟคแม่งห่วยจริงๆ หวะ”



            ไอ้โฟคหยิบกระเป๋าแล้วหันมาสบตาเขาเป็นครั้งแรก เขารู้แล้วว่าทำไมมันถึงนิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน ตามันกำลังแดงรื้น

 





            “เฮ้ย เชี่ยโฟค มึงอย่าดราม่าสิวะ กูลำบากใจนะเว้ย”



            “ขอโทษ เราก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้”



            “มันก็เพื่อนกันหมดเปล่าวะ”



            “...” มันไม่ตอบอะไรออกมา แต่แววตาของมันในเวลานี้โคตรน่าสงสารเลย

 





            “ไป๋อาจจะยังไม่รู้ว่าคนอื่นตอนนี้เขาพูดกันว่าอะไรบ้าง”



            เมื่อพูดจบมันก็ก้มลงไปหยิบมือถือขึ้นมาพร้อมกับเปิดโปรแกรมซึ่งเขาเห็นเร็วๆ ว่าเป็นโซเชียลมีเดียสีฟ้า สถานที่ที่เขาไม่ค่อยได้เข้าไปย่างกรายนี่เอง

           





                เพราะม้าต้องคู่กับโคน

                #อิฐไป๋ #อิฐเดือนวิศวกรรมศาสตร์ #ไป๋เดือนแพทยศาสตร์

 





            ‘เชี่ย!’



            เขาได้แต่สบถในใจ รูปที่แอดมินเพจหมอไป๋ FC มาขอถ่ายรูปในวันนั้นถูกแชร์ขึ้นไปบนเฟสบุ๊คโดยที่ยังไม่ได้ครอปไอ้อิฐออกสักนิด ภาพตรงหน้าเป็นอิริยาบถของเขาตอนเผลอที่เขากำลังหันหน้าไป และไอ้อิฐกำลังเอานิ้วมาเช็ดรอยซอสที่เปื้อนตรงขอบปากเขาอยู่ เสื้อของเขาสกรีนว่า Bishop Castle ส่วนไอ้อิฐใส่ที่เขียนว่า Knight Club สีพื้นกับรูปแบบสกรีนเหมือนกันเด๊ะ เพราะว่ามันเป็นของโรงเรียนเก่า พวกเขาก็ยังเป็นทีมโรงเรียนเดียวกันถึงแม้ว่าจะคนละชมรมก็ตาม

 





                4.2k Likes

                380 Comments

                1.2k Shares

 





            เมื่อเลื่อนลงมาดูผลตอบรับเขาก็ได้แต่กลืนน้ำลายก้อนใหญ่ อะไรมันจะลุกลามไปได้มากมายขนาดนี้ ใจอยากจะกดอ่านคอมเมนท์ใจจะขาด แต่ก็เกรงใจคนตรงหน้า เฮ้อ จะอธิบายยังไงให้มันเข้าใจดีนะ

 





            “วันหยุดก็อยู่ด้วยกัน ใส่เสื้อคู่กันด้วยนะครับไป๋” เสียงมันเบาและแหบ



            “อยู่หอเดียวกัน แวะลงไปกินข้าวเฉยๆ เสื้อนี่ก็เป็นเสื้อชมรมโรงเรียนเก่า”



            “ครับไป๋ เราไม่ได้ว่าไป๋นะ เราแค่อยากให้ไป๋รู้ว่าเรารู้สึกยังไง”



            “เพื่อนกันหมดนะเว้ย”



            “รู้แล้วหละครับ เพื่อนกันหมด โฟคจำได้ขึ้นใจเลย” มันยิ้มด้วยแววตาเศร้าๆ





 

            “กูก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงหวะ” ไป๋พูด เขากับมันเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ



            “เราไม่ได้ว่าไป๋นะ เราแค่มีลางสังหรณ์ว่าเวลาของเราใกล้หมดแล้ว”



            “ขอโทษจริงๆ หวะ มึงอย่ารอกูเลยโฟค มีคนดีๆ กว่ากูเยอะแยะ” เขาเอ่ยอย่างจนปัญญา

                       





            “โฟคควรทำยังไงต่อไปดีครับ” มันเอ่ยเสียงเบาๆ



            “โฟค มึงฟังกูนะ”



            “ครับ”



            “มึงชอบกูได้ กูไม่เคยโกรธมึงสักครั้งเดียว ทำไมกูจะไม่รู้ว่าการชอบคนอื่นมันรู้สึกยังไง กูรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย และกูก็ไม่เคยรังเกียจหรือรู้สึกไม่ดีกับมึงสักครั้ง”



            “ฟังแล้วรู้สึกดีจังเลยครับ ถึงแม้รู้สึกว่าประโยคต่อไปน่าจะเศร้า”



            “กูจะอยู่ตรงนี้ อยู่เป็นเพื่อนมึงเพราะมึงคือเพื่อนกู มึงชอบกูได้โฟค กูไม่ห้าม เพราะกูรู้ว่ามันห้ามไม่ได้”



            “...”



            “แต่มึงต้องพยายามตัดใจ”



            “...” ดวงตาของมันเหมือนกำลังพูดอะไรมากมาย ในขณะที่ปากของมันเงียบสนิท



            “กูจะอยู่เป็นเพื่อนมึงต่อไป กูอยากให้รู้ว่าเราเป็นเพื่อนกันได้ กูไม่หนีหน้ามึงไม่ใช่เพราะว่ากูอยากให้ความหวัง แต่กูไม่อยากแก้ปัญหาแบบเด็กๆ ด้วยการหนีปัญหา และมึงก็ไม่ใช่ปัญหา”



            “...”



            “สักวันมันจะดีขึ้นเอง โฟค มึงกับกูไม่จำเป็นต้องทะเลาะกัน หรือไม่คุยกัน กูเชื่อว่ามันต้องผ่านไปได้ ผ่านไปด้วยดีด้วย สักวันมึงจะพบคนที่ดี คนที่มึงจะเข้าใจว่าทำไมมึงถึงไม่ควรมารอคนอย่างกู”



            “ขอบคุณนะไป๋ ขอบคุณที่เข้าใจ”



            “แต่ถ้ามึงอยากห่างเพื่อทำใจ มึงบอกกูได้ กูไม่โกรธ กูเข้าใจ เอาวิธีไหนก็ได้ที่มึงจะโอเค”



            “ไม่เป็นไรหรอกไป๋ ถ้าต้องห่างกับไป๋ เราคงแย่กว่านี้”



            “กูพร้อมจะยินดีกับความรักของมึงเสมอนะ โฟค”



            เขาเอื้อมไปตบบ่าคนข้างหน้าอย่างเป็นกำลังใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเขาทำลายหัวใจของคนตรงหน้าไปมากมายแค่ไหน แต่ไม่มีวิธีไหนดีกว่าวิธีนี้อีกแล้ว โฟคควรจะเจอคนใหม่ที่ดีกว่าเขา เขาต้องพูดคำว่าอย่ารอกับไอ้โฟคอีกแล้ววันนี้ เขาไม่อยากให้มันรอเขาจริงๆ

 





            “ไป๋เป็นผู้ชายคนแรกเลยนะที่โฟคจีบ” รอยยิ้มมันเศร้ามาก



            “มึงก็เป็นผู้ชายคนแรกที่จีบกู” เขาตอบ



            “เราเขียนนิยายมาตั้งหลายเรื่อง ตอนจีบกันในนิยายมันไม่เห็นยากแบบนี้เลย ตอนจบมันต้องแฮปปี้เอนดิ้งสิไป๋” หยุดทำหน้าเป็นหมาหงอยแบบนี้ได้แล้ว ไอ้โฟค



            “มึงคิดผิดตั้งแต่เริ่มต้นเขียนนิยายกับกูแล้ว กูมันพวกผิดมนุษย์หวะ”



            “ตอนแรกโฟคก็ว่าโฟคหน้าตาดีแล้วนะ มั่นใจว่าจีบไป๋ยังไงก็ติดแน่ แต่ล่มไม่เป็นท่าเลยไป๋” มันเล่นมุกตลก เขาก็เผลอหลุดหัวเราะให้กับความขี้เล่นของมัน



            “หล่ออะไรของมึงวะ กูหล่อกว่าตั้งเยอะ”



            เขาจงใจกระเซ้า จริงๆ ไอ้โฟคมันหล่อกว่าเขาเยอะ ที่นั่งกินข้าวกันอยู่ 5 คนทุกวันนี่ เขานี่แหละหน้าแย่สุดแล้ว ไอ้อิฐ ไอ้โฟค นี่คือตัวต้นๆ ของมหาวิทยาลัยแล้วมั้ง



            “ครับ ไป๋หล่อที่สุดแล้ว ตำแหน่งนี้ยกให้ไป๋คนเดียวนะครับ” มันยิ้ม

 





            “โอเคขึ้นยัง” ไป๋ถาม นี่พวกเขาก็หายมานานพอสมควรแล้ว เขาควรจะกลับไปที่ห้องพักได้แล้ว



            “ความจริงก็ไม่โอเคหรอก แต่ไป๋ถาม โฟคก็โอเคครับ” นี่นักเขียนหรือลียองแดเนี่ย หยอดเก่งเหลือเกิน พ่อคุณเอ๊ย



            “เออ งั้นกลับห้องกัน กูง่วงละ”





 

 

 

            “เชี่ยยยยย ไปไหนกันมาวะ มากันช้าฉิบหาย โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย”



            เสียงไอ้เพียวโวยวายขึ้นมาเป็นคนแรกเมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน พวกเขาสี่คนได้พักในห้องนอนเรียบๆ ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว เตียงต่อกันยาวตลอดแนวไม่เว้นช่องว่าง เลยไปหน่อยก็มีห้องน้ำในตัว



            “กูปิดเสียงไว้หวะ ขอโทษที”



            ไป๋หยิบมือถือขึ้นมาดูแล้วตอบขอโทษไป ความจริงเขาก็รู้สึกว่ามือถือสั่นและมีสายเข้าแหละ แต่เขาแค่ไม่พร้อมจะรับโทรศัพท์เฉยๆ



            “เออๆ ช่างเหอะ มาก็ดีแล้ว” ไอ้เพียวยังดูงุ่นง่ายไม่หยุด

 





            “มีไรเปล่าวะ” ไอ้โฟคถามด้วยความสงสัย



            “พอดีทีมแข่งหุ่นยนต์ที่กูประกวดไว้เข้ารอบคัดเลือกที่ออสเตรเลีย กูต้องกลับไปเซ็นเอกสารยืนยันการไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ที่มหาวิทยาลัย กูต้องกลับไปเซ็นเอกสารวันนี้และรีบส่งแฟกซ์ไม่งั้นทีมกูจะแพ้บาย พอดีจดหมายตอบรับไปค้างอยู่ที่กล่องจดหมายคณะนาน กูก็เพิ่งรู้เมื่อกี้ แต่กูไม่ได้เอารถมา จะขอให้พี่สตาฟไปส่งก็ไม่ได้เพราะเขาก็ต้องทำงานกันต่อพรุ่งนี้ นี่ก็มีมึงคนเดียวแหละไอ้โฟคที่มีรถและกูพอใจขอให้ช่วยได้” มันอธิบายยาวยืด



            “เอาดิ ขับไปขับกลับแป๊บเดียว” โฟคตอบแบบง่ายๆ



            “กูไปคุยกับพี่ที่สโมมาแล้ว เขาบอกว่าถ้ามึงกลับ มึงก็กลับได้เลย เขาไม่อยากให้มึงตีรถกลับมาคนเดียวดึกๆ เขากลัวจะเกิดอุบัติเหตุ เขาบอกว่าไม่เป็นไร ยังไงปุยฝ้ายก็ยังอยู่” ไอ้เพียวหมายถึงไอ้โฟคจะได้โดดค่ายแบบได้รับการอนุญาตอย่างถูกต้องนั่นเอง

 





            “แล้วไอ้อิฐกับไอ้ไป๋อะ” โฟคถามต่อ



            “ก็ให้มันอยู่ค่ายต่อไปนี่แหละ กูไม่กล้าขอพี่เขาหวะ แค่มึงคนเดียวกูก็รู้สึกหน้าหมาแล้วเนี่ย” เพียวตอบ

           





            “เอาดิ งั้นก็ไปกันเลย เดี๋ยวรถติดแล้วมึงจะส่งเอกสารไม่ทัน” โฟคหันมายิ้มโชว์ฟันเรียงสวยอันเป็นซิกเนเจอร์ของมันให้กับเขาอีกครั้ง ก่อนจะปิดประตูห้องแล้วเดินจากไป







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ไม่รู้จะบอกอะไรดี เอาเป็นว่า ขอกำลังใจหน่อยแล้วกันนะ อุตส่าห์มาแถมให้ ขอกำลังใจให้คนแต่งหน่อยนะ >///<

ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ขออนุญาตตอบคอมเม้นนิดหนึ่ง

1 เนื้อเรื่องไม่มีพัฒนาการเลย
ตอบ ความจริงเนื้อเรื่องและตัวละครพัฒนาไปไกลแล้วน้า เพียงแต่อาจจะไม่ได้บอกตรงๆ แต่ถ้าจับสังเกตหรือดูพฤติกรรมก็จะรู้ว่ามีอะไรคืบหน้าไปเยอะเหมือนกัน ด้วยความที่ไป๋เป็นคนแบบนี้ การเล่าเลยผ่านออกมาจากมุมมองของคนที่ไม่ค่อยแสดงออกทางความรู้สึก

2 เนื้อเรื่องช้า
ตอบ ตรงนี้ต้องขออภัยด้วย เพราะคิดพลอตเรื่องไว้ยาวมาก เลยอยากค่อยๆ เล่าไปมากกว่า อย่างให้คนอ่านรู้สึกเหมือนทุกอย่างดำเนินไปอย่างเนิบๆ แต่สนิทสนมกับตัวละคร เข้าใจว่าอ่านช่วงแรกก็คงรู้สึกว่าทุกอย่างช้าไปหมด ตรงนี้ก็ขอน้อมรับเอาไว้

3 ตัวละครไม่สมจริง
ตอบ ตัวละครอาจจะไม่ได้เป็นคนที่นิยายชัดเจนแบบสุดขั้วมาก แต่จะเป็นคนธรรมดาที่เราเจอได้ในชีวิตประจำวัน บุคลิก นิสัย ผมก็ดึงมาจากคนใกล้ตัว คาแรคเตอร์จึงอาจจะดูไม่ได้โดดไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากกว่า แต่จะกลมๆ กลางๆ เหมือนคนทั่วไป




น้อมรับทุกความเห็นครับ : )




 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :hao3:  รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
รอตอนต่อไปจ้า
อิฐไป่
 :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

โชคชะตาพาให้เหลืออิฐอยู่กะไป๋สองต่อสองในห้องพักค่าย

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อิฐกับไป๋จะรักกันยังไง ไป๋นี่ผู้ร้ายปากแข็งชัดๆรู้แน่ๆว่าอิฐคิดอะไรแต่อลือกที่จะปล่อยผ่านไป มีกำแพงอะไรในใจกันแน่นะ
ลึกๆก็สงสารอิฐนะ สู้ต่อไปแล้วกัน

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เห็นความพยายามของทั้งโฟคและอิฐนะ เชียร์ทั้งคู่เลยได้มั้ย

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
ชอบเรื่องนี้นะจากใจเลย

ดูเป็นเหมือนคนจริงๆ

นี่เป็นการเปิดโอกาสให้อิฐกับไป๋อยู่กัน2ต่อ2หรือเปล่า

จะมีอะไรในกอไผ่ไหมนะ :m28:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบ  ไป๋พูดได้ดี
"กูไม่หนีหน้ามึงไม่ใช่เพราะว่ากูอยากให้ความหวัง"
“แต่มึงต้องพยายามตัดใจ”      :katai2-1:
เชียร์  เพียว  โฟค    :กอด1:

ไป๋  ไม่รู้จักหน้าตาตัวเองจริง คิดแต่ว่าตัวเองหน้าตาธรรมดา  :เฮ้อ:
อิฐ  ไป๋    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น


            ตอนที่ 25 : หมอน 4 ใบกับผ้าห่ม 2 ผืน



            “ไอ้โฟคมันชอบมึงเหรอ”



            ไอ้อิฐที่อาบน้ำเรียบร้อยนอนอยู่บนเตียงอยู่ก่อนแล้วเงยหน้าจากหนังสือการ์ตูนในมือขึ้นมาถาม ทันทีที่เขาอาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อยออกมาจากห้องน้ำ



            “ทำไมวะ”



            “เปล่า ก็ถามดู”



            “นั่นแหละ แล้วอยู่ดีดีทำไมถึงถาม”





           

            “วันก่อนไอ้โฟคมันไลน์มาถามกูว่ากูเป็นอะไรกับมึง” มันพูดพลางที่สายตายังกวาดไปบนหน้าหนังสือต่อ



            “แล้วมึงตอบไปว่าอะไรหละ” เขาถามพร้อมกับเอาผ้าขนหนูเช็ดหัวไปด้วยในเวลาเดียวกัน



            “กูก็ตอบว่ามึงเป็นลูกน้องกูเอง” มันเงยหน้ามายักคิ้วแบบกวนประสาท



            “ลูกน้องพ่อมึงสิ”

 





            “ปากมึงนี่หมาเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ”



            “แหม มึงไม่ได้กวนตีนเลยมั้ง”



            “แล้วตกลงมันชอบมึงหรือเปล่า”



            “ไม่เอา ไม่เสือกเรื่องลูกน้องสิครับหัวหน้า” เขาหันไปยักคิ้วกวนประสาทใส่มันกลับ

 





            พวกเขานอนเล่นกันได้อยู่พักเดียวก็ปิดไฟนอน เตียงในห้องพักเป็นแบบเอาเตียงเดี่ยวสี่เตียงมาเรียงต่อกัน ทุกเตียงต่อเชื่อมถึงกันหมด แต่ด้วยความกว้างของมันก็กว้างมาก พวกเขาที่นอนกันอยู่สองคนเรียกได้ว่ามีพื้นที่เหลืออยู่มากมายมหาศาล นอนเว้นช่องไฟสองเมตรยังทำได้เลย

 





            “ไอ้สัด ถ้ามึงกระเถิบเข้ามาอีกคืบนึงกูถีบมึงตกเตียงแน่”



            เสียงไป๋ดังขึ้นอย่างเฉียบขาดทั้งที่ดวงตาคู่นั้นยังหลับพริ้มอยู่ ไอ้คิงคองที่ปฏิบัติการกระดึ๊บตัวเข้าใกล้อีกฝ่ายเรื่อยๆ ถึงกับหยุดชะงักอย่างคนโดนจับได้



            “ตรงโน้นมันหนาว แอร์มันลง” เสียงดังตอบมาในความมืด



            “แอร์มันลงมึงก็เดินไปปรับแอร์”



            “แอร์มันมีให้ปรับที่ไหนหละ มันมีแค่คัทเอาท์สับปิดกับเปิด”



            “ไม่งั้นมึงก็ห่มผ้าห่มไป”



            “กูก็มีผืนเดียวเหมือนมึงไหม มึงจะให้กูไปเสกมาจากไหนอีกหละ” พวกเขาได้เครื่องนอนคือหมอน 4 ใบและผ้าห่ม 2 ผืนสำหรับ 4 คน

 





            “ได้”



            เขาตอบพร้อมกับกระเถิบตัวหนีไปอีกฝั่งและเอาหมอนมาขวางตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งคู่ หมอนใบนี้เปรียบเสมือนเขตฉนวนระหว่างกองทัพที่ห้ามบุกรุก



            “อารมณ์ไม่ดีอะไรมาเนี่ยวันนี้”

 





            “ไอ้โฟคมันชอบกู” อะไรไม่รู้ที่ทำให้เขาพูดออกไป



            “...”



            “กูบอกมันว่าอย่ารอกู กูไม่ใช่คนที่ศรัทธาในความรัก กูไม่ใช่คนที่จะเปิดพื้นที่ในชีวิตให้ใครมาใช้ร่วมกันได้” เขาพูดไปด้วยความอยากระบายมากกว่า



            “แล้วมันว่าไง”



            “มันก็ดูเข้าใจ แต่มันก็ดูเสียใจมาก”



            “เหรอ” เสียงของอีกคนหนึ่งดังเบาๆ มาในความมืด



            “อืม กูไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยหวะ กูไม่อยากทำให้ใครเสียใจ”





 

            “แล้วทำไมมึงถึงไม่อยากมีความรักวะ”



            “มึงวาดภาพชีวิตวัยเกษียณมึงไว้ยังไงวะ”



            “เกษียณเหรอ” อีกฝ่ายทวนคำเหมือนไม่คาดคิดว่าจะเจอคำถามนี้มาก่อน



            “เออ ชีวิตหลังอายุ 60 ปีของมึงอะ”





 

            “กูก็คงอยู่กับครอบครัวและคนที่กูรักมั้ง กูอาจจะหางานทำก๊อกๆ แก๊กๆ กูเก็บเงินซื้อบ้านเดี่ยวสักหลังหวะ แล้วก็เอาเวลามาปลูกต้นไม้ ทำสวน ต่อเติมบ้าน เลี้ยงปลาคาร์ฟ ประมาณนี้มั้ง”

           





            “แล้วมึงอะ คิดว่ายังไง”



            “ภาพที่กูเห็นคือกูอยู่ในบ้านที่มีห้องสมุดใหญ่ๆ ดูแลพ่อแม่กูจนวันสุดท้าย นอกจากนั้นก็คงไม่มีอะไร กูคงอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ จนกว่ากูจะอ่านไม่ไหว” เขาตอบ



            “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับความรักวะ”



            “อนาคตกูไม่เคยมีภาพคนรักอยู่ในชีวิตเลยหวะ”





 

            “ทำไมวะ” เสียงนั้นถามอย่างไม่เข้าใจ



            “พ่อแม่กูเป็นหมอเป็นเจ้าของโรงพยาบาล กูวิ่งเล่นในโรงพยาบาลมาตั้งแต่กูจำความได้ กูเห็นคนตายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วหวะ กูรู้สึกว่าเราไม่ควรผูกพันกับคนเลย”



            “...”



            “กูชอบหนังสือได้ เพราะจบเล่มนี้กูจะซื้อเล่มใหม่ กูชอบดูหนังได้ เพราะจบเรื่องนี้กูจะดูเรื่องใหม่ แต่ถ้าเป็นคน กูต้องทำยังไงวะ ถ้าคนที่กูรักตายจากกูไป กูต้องทำยังไง”



            “แต่ทุกคนก็ต้องตายเปล่าวะ”



            “เพราะทุกคนต้องตายไง กูถึงเลือกที่จะไม่มีใครดีกว่า ถ้ากูรักใครมากๆ กูคงไม่สามารถทำใจเห็นการจากไปของเขาได้หรอก กูเห็นคนร้องไห้กับการสูญเสียมาเยอะจนนับครั้งไม่ถ้วน แม่งโคตรทรมาน”

 





            “แต่ตลอดเวลาที่ได้อยู่ข้างกันมันคือความทรงจำที่ดีไม่ใช่เหรอวะ”



            “มันก็จริง แต่สำหรับกู ความทรงจำจากความรักที่ดีไม่จำเป็นต้องมาจากรักที่สมหวังก็ได้ กูอยู่ได้หวะ อยู่ได้กับความทรงจำที่อาจจะผิดหวังแต่มันก็สวยงามสำหรับกู”

 





            “ชีวิตเรามันคือเดี๋ยวนี้เวลานี้ไม่ใช่เหรอวะ” ไอ้อิฐพูด



            “...”



            “ทำไมมึงต้องไปคิดถึงอนาคตตั้งมากมาย แค่ตอนนี้เวลานี้ มึงมีความสุข มันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอวะ”



            “...”



            “คนเราถ้าวันหนึ่งต้องตายจากกัน มันก็ต้องเป็นไป แต่ชีวิตมึงเกิดมาครั้งเดียวนะเว้ย มึงบอกว่ามึงไม่มีความรักเพราะกลัวการสูญเสีย แต่มึงอย่าลืมนะเว้ย การที่มึงไม่มีใครมันก็เป็นการสูญเสียอย่างหนึ่งเปล่าวะ”



            “สูญเสียอะไรวะ ก็กูไม่เคยได้อะไรมา” เขาเถียงอย่างไม่เข้าใจ





 

            “มึงสูญเสียโอกาสที่จะมีความสุขไง”



            “อือ” เขาไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อนเลย



            “มึงเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งนะเว้ย ทำไมมึงต้องคิดอะไรให้มันซับซ้อนเกินไปด้วยวะ”



            “กูแค่...”



            “มึงมีสิทธิ์ที่จะมีความสุข มึงมีสิทธิ์ที่จะเจอความรักที่ดีเหมือนทุกคน”

 





            เขาเงียบไม่ตอบอะไรแต่กลับจมดิ่งไปในความคิดมากมายที่ลอยฟุ้งกระจายอยู่ในเวลานี้ ยากเกินไป ความรักเป็นเรื่องที่ยากเกินไป มันคาดเดายาก จัดการยาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่ไม่เคยควบคุมได้ เขาไม่ชอบความรักเลย

 





            “กูควรไปขอโทษไอ้โฟคเปล่าวะ” เขาถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ



            “ขอโทษเรื่องอะไรวะ” อีกเสียงถามกลับมา



            “ไม่รู้สิ กูรู้สึกผิด เหมือนกูทำไม่ถูกกับมัน”





 

            “มึงชอบมันเหรอ”



            เสียงไอ้อิฐดังกลับมา โชคดีที่ห้องนอนของพวกเขามันมืดมากทีเดียว ไอ้อิฐเลยไม่มีโอกาสได้เห็นสีหน้าเขา แต่หากบางที อิฐก็อาจจะโชคดีที่ไป๋ไม่ได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน



            “กูไม่รู้ กูไม่เคยคิดเรื่องความรักเลย”



            “เหรอ”



            “กูคิดว่านะ”

 





            “มึงเคยใจสั่นกับมันไหม”



            “...”



            “เวลามันบอกชอบมึง มึงหวั่นไหวไหม”



            “...”



            “เวลามันจีบมึง มึงหน้าแดงไหม”

 





            “กูก็ไม่รู้หวะ เอาจริงนะมึง กูแม่งโคตรโง่เรื่องความรักเลย”



            “เออ ถ้าเรื่องความรักมึงฉลาดได้สักครึ่งที่เรื่องวิชาการของมึงนะ อะไรๆ มันคงง่ายกว่านี้”

 





            “มึงไม่เคยชอบใครบ้างเหรอวะ” คำถามของไอ้อิฐทำให้เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



            “เคยดิ กูคนนะเว้ย ทำไมจะไม่เคยชอบใคร” เขาตอบหลังจากเงียบไปอึดใจหนึ่ง



            “แล้วมึงทำไงวะ มึงได้บอกคนที่มึงชอบหรือเปล่า”



            “เปล่าหวะ”

 





            “อ๊าว ทำไมวะ”



            “กูรู้ว่ามันไม่สมหวังหรอก ถ้ามึงรู้ว่ามันจะจบแบบไหน มึงจะพูดออกไปทำไมวะ”



            “มึงแม่งโคตรป๊อด”



            “...”



            “มึงบอก มันก็ยังมีโอกาสผิดหวังกับสมหวังเปล่าวะ แต่มึงไม่พูด มันก็ผิดหวังร้อยเปอร์เซ็นต์”

 





            “เออ พ่อคนกล้า ไหน ไหนแฟนมึงอะ เอามาอวดกูสักทีซิ๊” ไป๋พูด



            “ไม่มี” มันตอบด้วยเสียงเรียบๆ



            “แหม่ แล้วทำมาเป็นด่ากู มึงแม่งก็ลูสเซอร์เหมือนกันเปล่าวะ”

 





            “กูจีบอยู่”



            “เป็นไงวะ”



            “...”



            “ตอบสิไอ้เชี่ย กูลุ้นจนเยี่ยวเหนียวแล้วเนี่ย”

 





            “เขาดูไม่ค่อยสนใจกูเท่าไหร่หรอก”



            “มึงพูดจริงเปล่าเนี่ย หน้าอย่างมึงเนี่ยนะมีผู้หญิงไม่สนใจด้วยเหรอ มีแต่คนบอกว่ามึงเป็นว่าที่เดือนมหาวิทยาลัยเลยนะ เฮ้ย หรือเขาจะเป็นเลสเบี้ยนวะ”



            “ปาก ไอ้สัด ปาก เกรงใจกูบ้าง”



            “เออๆ ขอโทษ กูปากหมาเองอะ”

 





            “แต่กูก็คิดจะบอกเขานะเว้ย”



            “ทั้งที่เขาดูไม่ค่อยสนใจมึงเนี่ยนะ”



            “อืม”



            “มึงไม่กลัวผิดหวังเหรอวะ”



            “กลัวดิ โคตรกลัวเลย แต่ถึงแม้จะมีโอกาสแค่เปอร์เซ็นต์เดียว มันก็ต้องเสี่ยงเปล่าวะ นี่มันคือความรักของกูนะเว้ย”



            “เชี่ย โคตรคม”



            “สัด”

 





            “เออ กูนอนละ เรื่องไอ้โฟคมึงก็อย่าไปบอกใครแล้วกัน กูเกรงใจมันหวะ”



            “อืม”

           

 



               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               ความจริงก็อยากจะเซอร์วิสคนอ่านและก็เร่งเรื่องให้คนอ่านฟินมากขึ้น แต่นิยายแต่งจนเสร็จไปแล้ว แถมเร่งไปก็จะผิดเนื้อหาในสาระสำคัญอีก เอาเป็นว่า ใจร่มๆ และอ่านกันไปแบบเนิบๆ นะ อยากให้การอ่านนิยายเรื่องนี้เหมือนการจิบชาอุ่นๆ ในยามบ่าย ใครเหงาก็กลับไปย้อนตอนเก่าๆ อ่านก็ได้นะ : )

ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
รออ่านคอมเม้นทุกคนน้า

ขอบคุณคนเม้นมากเลย เป็นกำลังใจที่ดีมากๆ

นิยายรักเรื่องแรกนะ ดีไม่ดีอย่างไรก็ขออภัยเด้อ จะปรับปรุงต่อๆ ไป

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

นั่นไงหล่ะ  คนที่อิฐชอบ ก็คือคนเสน่ห์แรงนั่นเอง

แต่...

คนที่ไป๋ชอบคือใครหว่า?  ยังเป็นปริศนาอยู่

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
สารภาพรักไปเลยอิฐ กล้าๆหน่อยแฟนคลับเอาใจช่วยอยู่นะ

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
อีก นิดเดียวอิฐบอกไปเลย1%ที่ เหลือ
ส่วนพ่อ950นี้... จะเป็นว่านมั้ยบางที่เพื่อนสนิทก้อคิดไม่ซื่อนะ555


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ว่าแต่ไป๋ เคยชอบใครด้วย  :hao3:
ที่ไป๋ ไม่สานต่อ เพราะอีกฝ่ายก็เพศเดียวกับตัวเองหรือเปล่า
แล้วกลัวอีกฝ่ายชอบเพศตรงข้าม
ใช่อิฐหรือเปล่า   :z3: :z3: :z3:

แต่อิฐ รีบสารภาพรักไปเลย
แม้ว่ามีแค่เปอร์เซนต์เดียว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
อิฐชอบคนไม่มีหัวใจ :ling3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด