เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น EP40 (จบ) : เกียร์สีขาว (16/07/2018)  (อ่าน 117560 ครั้ง)

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
วิ่งเข้ามาอุ้มไป๋ด้วยอ่ะ หล่อมากฉากสุดท้าย ไป๋จะใจอ่อนมั้ยนะ แต่จริงๆแอบเดาไว้นะว่าทั้งสองน่าจะชอบกันมานานแล้ว แต่เพราะอะไรสักอย่างถึงไม่ได้คบกันตั้งแต่ตอนนั้น มาจีบอีกทีตอนนี้อ่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao7: ลุ้นมาก....  o13. บรรยายได้เหมือนกับดูบาสข้างสนามเลยค่ะ.... ตอนหน้าหวังว่าคู่เอกของเราจะมี Moment หวานๆกับเขาบ้างน้าาาา  :hao3:

ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 33 : หลังอาหาร



            เหมือนโลกของไป๋หยุดหมุนไปภายใต้อ้อมกอดไปเสียแล้ว



            สายตาเขามองไม่เห็นบุคคลอื่นใดที่กำลังช้อนตัวเขาไว้อยู่นี่ หูของเขาไม่ยินเสียงอื่นใดนอกจากเสียงฝีเท้าที่ทอดยาวไปอย่างสม่ำเสมอ ตอนนั้นเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสายตาหลายร้อยคู่ที่ทอดมากำลังรู้สึกอะไรบ้าง ไม่รู้เลยว่าเสียงของคนอื่นนอกจากพวกเขากำลังวิพากย์วิจารณ์อย่างไร ราวกับว่าโลกใบนี้จะเหลือแค่พวกเขาสองคน

 





            สายตาของเขาถูกตรึงไว้ที่โครงหน้าได้รูปตรงหน้านี่



            ใบหน้าของมันที่เขาโคตรคุ้นเคย มองใกล้ๆ แบบนี้ดูว่าเหมือนว่ามันจะคล้ำขึ้นไปหน่อย สงสัยมันจะเล่นกีฬากลางแจ้งเยอะ ผมที่ไถข้างตั้งแต่เปิดเทอมตอนนี้ก็ยาวจนมองไม่เป็นทรงเก่าแล้ว สายตาของมันดูแข็งกร้าวและไม่พอใจอย่างมาก สงสัยมันจะโมโหที่แพ้ สมน้ำหน้า เกมนี้เขาเป็นฮีโร่ชัดๆ ไอ้ว่านต้องขอบคุณเขา คนอื่นก็ต้องขอบคุณเขา เขารักษาลูกไว้ได้จนชั่ววินาทีสุดท้าย คณะของพวกเขาชนะทีมตัวเต็งของมหาวิทยาลัยได้ ไหนใครบอกว่าไอ้อิฐมันชู๊ตลูกแม่นนักแม่นหนาไงวะ วันนี้เขายังจำไม่ได้ว่าเห็นมันชู๊ตสักลูกเลย

 





            “ไหนไอ้ว่านบอกว่ามึงจะไม่ลง”



            เสียงของราบนุ่มทั้งที่สีหน้ายังแข็งกร้าวไปด้วยความไม่พอใจ อิฐพูดพร้อมที่เดินต่อไปเรื่อยๆ และไม่ก้มลงมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ เขากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน เขายังไม่รู้เลย



            “ก็ไอ้ว่านมันเจ็บ”



            เขารู้สึกเหมือนกำลังสารภาพผิด ทั้งที่ความจริงเขาก็ไม่ได้ผิดไม่ใช่เหรอ มันควรจะเป็นสิทธิ์ของเขาสิว่าไม่ว่าเขาจะลงแข่งหรือไม่ก็ตาม



            “มันเจ็บ มึงก็ให้คนอื่นลง” เสียงของมันอย่างกับคนแก่ขี้บ่น



            “คนอื่นก็เจ็บ ตัวสำรองก็ลงหมดแล้ว” เขาตอบตามความเป็นจริง



            “คนหมดก็ไม่ต้องลง”



            “อ๊าว ไอ้เชี่ย เหลืออีกแค่ 2 นาที มึงจะให้กูนั่งเฉยๆ ดูทีมแพ้เหรอ”



            “ถ้าอยากชนะขนาดนั้นทำไมไม่บอก”



            “ทำไมอะ ถ้ากูอยากชนะมึงจะทำไม” เขาไม่ได้กวนตีนมันหรอก เขาก็เป็นคนพูดแต่ภาษาพ่อขุนแบบนี้อยู่แล้ว



            “ไม่รู้สิ อาจจะยอมแพ้ให้มึงมั้ง”

 





            “ไปไหนวะ”



            เขาถามเมื่อมันเปิดประตูรถแล้ววางตัวเขาลงที่เบาะข้างคนขับ ไอ้อิฐปิดประตูอย่างเบามือก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งที่เบาะคนขับแล้วปิดประตู ติดเครื่องยนต์ เออ มีแอร์ค่อยดีหน่อย



            “คิ้วแตกแบบนี้ พาไปโรงแรมมั้ง”



            มันตอบทั้งที่ยังทำหน้าบูดไม่หยุดหย่อน อะไรวะ เขาเป็นคนเจ็บนะเว้ย มันจะมาหงุดหงิดเรื่องอะไรนักหนา ทำเหมือนว่าเขาเป็นคนผิด สมน้ำหน้า ทีมมึงแพ้ไปเลย



            “สัด”



            “หุบปาก”



            มันพูดด้วยเสียงกึ่งหงุดหงิด พร้อมยื่นทิชชู่มาซับเลือดที่ไหลออกมาเต็มหน้าเขาไปหมด มันจับหน้าเขาบิดไปมาเพื่อหารอยแผลจนมันพอใจ มันเอาทิชชู่มาซับรอยแผลตรงหัวคิ้วของเขาอย่างตั้งใจ หน้าของมันใกล้มาก ใกล้จนพอจะเห็นขนตา เห็นแววตาที่กำลังมองมาที่เขาอย่างตั้งใจ

 





            “เจ็บไหม”



            “ตอนแรกไม่เจ็บหรอก พอมึงเริ่มถาม กูก็เริ่มเจ็บแล้วเนี่ย”



            เขาบ่น เจ็บสุดคือแผลที่อยู่ตรงหัวคิ้วของเขาเนี่ย รองมาคือมือขวาของเขาที่น่าจะซ้นเพราะเอามือไปยันพื้นไว้แล้วผิดท่า แต่ก้มดูก็ไม่มีเลือดหรือรอยแผลอะไรทั้งสิ้น อาจจะแค่แพลงเฉยๆ ส่วนตรงที่เจ็บน้อยที่สุดคือตรงหน้าขาที่ข่วนลงไปตอนล้มบนพื้น โชคดีว่าพื้นสนามเป็นยางสังเคราะห์อย่างดี ไม่งั้นคงจะข่วนต้นขาของเขาเป็นแผลถลอกแน่



            เขาเองก็เดาไม่ถูกว่าตอนนี้มันดูจะหงุดหงิดกับเรื่องอะไร ถามว่าเขาเจ็บไหม มันก็เจ็บ แต่มันก็แค่เป็นเรื่องปรกติในการที่จะเกิดอุบัติเหตุในการเล่นกีฬา เขายังดีใจเสียได้ว่าเกมมันจบก่อนที่เขาจะได้ทันทำอะไรพอดี คิ้วแตกแค่นี้เดี๋ยวก็หาย แต่ไอ้คนตรงหน้านี่ดูจะอารมณ์เสียยิ่งกว่าเขาเสียอีก มันสบถอะไรพึมพำอยู่คนเดียว เขายังจำภาพได้ติดตาว่ากรามของมันขบนูนเป็นสันเลย

 





            “กินยาทันทีหลังอาหารนะคะ”



            เภสัชกรคนสวยสอนเขากินยาอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาเข้าพบแพทย์และทำแผลกับพยาบาลที่โรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยที่สุดเป็นที่เรียบร้อย หมอที่ตรวจเขาบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ถึงแม้ว่าแผลที่หน้าจะมีเลือดออกมาค่อนข้างเยอะแต่ก็ไม่น่ากังวลเรื่องรอยแผล ล้างหน้าเช็ดแผลเรียบร้อยก็แทบจะไม่เห็นแผลเลย เหตุผลคือรอยแตกมันอยู่ตรงคิ้วของเขาพอดี สภาพตอนนี้ของเขาจึงไม่น่าจะมีปัญหากับการประกวดเดือนมากนัก ใครไม่ตั้งใจดูก็คงจะไม่เห็นแผลของเขา



            “กูบอกแล้วว่าไม่ต้องมาโรงพยาบาลก็ได้ แผลแค่นี้เอง”



            เขาหันไปบ่นกับไอ้อิฐทันทีที่รับยาเป็นที่เรียบร้อย มันทำหน้านิ่งราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด ไอ้อิฐเดินทำหูทวนลมนำเขาไปยังรถคันที่ขับเขามา ขาของเขาไม่ได้เจ็บอะไรมาก แค่แสบๆ มากกว่า ส่วนมือตอนนี้ก็ดีขึ้นมาก คุณพยาบาลพันผ้ายืดไว้ให้ด้วย และบอกให้เขาใส่ไว้จนกว่าจะหายดี



            “เดี๋ยวได้กระเป๋าตังคืนแล้วกูจ่ายให้นะ กระเป๋ากูทิ้งอยู่ข้างสนามอะ ไอ้ว่านคงเก็บไว้ให้” เขาพูด เพราะไอ้อิฐเดินไปจ่ายเงินให้เขาไว้ก่อน



            “ไม่ต้อง” มันตอบห้วนๆ หงุดหงิดอะไรนักหนาวะ



            “ไม่ได้ดิ ไอ้เชี่ย แผลกูกูก็ต้องจ่ายสิวะ” มันจะมาเสียเงินแทนเขาทำไม



            “ก็บอกว่าไม่ต้อง”



            “อะไรของมึงเนี่ย”



            “ทำไม กูมันจนใช่มะ คนรวยอย่างมึงถึงรับเงินกูไว้ไม่ได้”



            “อ๊าว ไอ้เชี่ย กูพูดดีๆ จะประชดกูทำไมวะ” ไป๋เริ่มมีอารมณ์เมื่ออีกฝ่ายยังหงุดหงิดและพูดจาไม่รู้เรื่องสักที

 





            “กูขอโทษ” มันพูดด้วยเสียงเบา พร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



            “เออ คนยิ่งเจ็บๆ อยู่ ยังจะเสือกมากวนตีนอีก” ด่าแม่ง ด่าให้แม่งสำนึก



            “มึงไม่น่าลงมาแข่งเลย” มันพูดเบาๆ



            “ช่างมันเหอะ กูก็ไม่ได้เป็นอะไร” เขาตอบอย่างเริ่มจะเย็นลงบ้าง



            “ไอ้ว่านแม่งไม่น่าปล่อยให้มึงลง” มันบ่นงึมงำ

 





            “ว่าแต่วันนี้มึงเล่นดรอปๆ ลงไปปะ”



            เขาเอ่ยถามอย่างสงสัย ปรกติไอ้อิฐเป็นถึงหัวหน้าชมรมกีฬาสมัยมัธยมของพวกเขาเลยนะ มันไม่น่าจะมาเล่นแพ้พวกเขาได้ คนเก่งสุดในทีมเขาคือไอ้ว่าน ซึ่งไอ้ว่านก็ไม่น่าจะเทียบรัศมีมันได้   



            “วันนี้กูไม่ค่อยมีสมาธิ” ตอนแรกมันเหมือนจะไม่ตอบ แต่พอเขาเงียบอย่างรอฟัง มันก็พูดออกมาแบบเสียไม่ได้



            “เรื่องอะไรวะ มึงเป็นอดีตทีมชาตินะเว้ย มึงจะมาเป็นแบบนี้ได้ไง”



            “กูเป็นทีมชาติกีฬายิงธนูก็พอ” มันเถียง



            “เออ นั่นแหละ แต่มึงก็ต้องตัดเรื่องอื่นออกไปได้ ตอนลงสนามสิวะ”





           

            “บางเรื่องมันก็ตัดไม่ได้หวะ”



            “แล้วมึงกังวลอะไร”



            “...” ไอ้อิฐปิดปากเงียบ



            “เรื่องแข่งเดือนหละสิมึง อาทิตย์หน้าแล้วนี่” ไป๋พูดออกไปแบบพยายามนึก



            “คงใช่มั้ง” คนที่กำลังขับรถตอบแบบขอไปที



            “อะไรของมึงวะ” เขาพูดอย่างไม่เข้าใจ



            “เออ ช่างกูเหอะ คณะมึงชนะก็ดีแล้วนี่” มันตัดบท

 





            “เสียชื่อชมรมไนท์คลับของโรงเรียนกูหมด” ไป๋ยังบ่นแบบเพลินปากไปเรื่อย



            “มึงอยู่บิชอปนะ ได้ข่าว แถมเกลียดชมรมกูมากด้วย”



            “ไม่เคยเกลียดเว้ย แค่หมั่นไส้”



            “แต่ก็ไม่ชอบใช่ไหมหละ”



            “เออ”



            “หึ” เสียงไอ้อิฐแค่นหัวเราะออกมาแกนๆ

 





            “หรือมึงอ่อนให้คณะกู”



            “อ่อนทำซากอะไรหละ ไอ้ห่านี่” มันบ่น



            “แล้วมึงเล่นไม่ดีเพราะแค่กังวลเรื่องเดือนเนี่ยนะ โหย กูเชื่อตายอะ”



            “เออ ก็มีเรื่องอื่นด้วย”



            “เรื่องไรวะ สอบกลางภาคเหรอ”



            “เออ เรื่องอะไรก็ช่างกูเหอะ”



            “สำคัญกับมึงมากสินะ”



            “เออ โคตรสำคัญ แต่แม่งก็ไม่เคยจะรู้สึกตัว”



            อิฐพูดตัดบทอย่างรำคาญแต่ก็แฝงไว้ด้วยความตัดพ้อ รถคันเก่าของมันแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถคณะวิทยาศาสตร์ ไอ้ว่านนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว ไอ้โฟคที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ก็มานั่งอยู่ด้วยพร้อมไอ้เพียว

 





            “ไป๋ กูขอโทษ”



            ไอ้ว่านพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มันพยายามลุกขึ้นแต่ก็ฝืนไม่ไหวนั่งลงอีกครั้ง ความจริงมันดูเจ็บกว่าเขาเยอะ ต้นขาของมันยังประคบเย็นอยู่เลย



            “เฮ้ย ไม่เป็นไร กูโอเค” เขาตอบออกมาจากใจจริง เขารู้สึกว่ามันก็ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เลวร้ายอะไรนัก



            “เป็นอะไรมากเปล่าไป๋” เสียงของโฟคทักขึ้น สายตาของมันยังเป็นห่วงเป็นใยมันเหมือนเดิม



            “ไม่เป็นไรหรอก แค่มือซ้น เจ็บขานิดหน่อย ส่วนแผลก็ไม่มีอะไรมาก โชคดีว่ากระแทกตรงคิ้วพอดี รอยเลยไม่ได้ชัดอะไร”



            เขาพูดพร้อมชูมือข้างขวาที่พันไว้ด้วยผ้ายืดเป็นท่าทีว่าสบายมาก ไป๋เดินอ้อมไปนั่งตรงกระเป๋าสะพายเขาที่วางอยู่ข้างไอ้ว่าน ปล่อยให้คุณชายอิฐแม่งยืนขี้เก๊กต่อไปคนเดียว



            “ไหนขอโฟคดูแผลหน่อยสิ”



            เสียงไอ้ลูกลิงพูดขึ้นพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาโดยที่ไม่รอเขาอนุญาต มันใช้มือปาดผมหน้าม้าของเขาออกเพื่อพยายามดูรอยแผลที่ถ้าไม่ตั้งใจสังเกตให้ดีก็จะเห็นแค่รอยช้ำนิดเดียว



            อยู่ดีดีก็มีบรรยากาศมาคุแบบอธิบายได้ยากเกิดขึ้น ไอ้อิฐเดินไปกระแทกตัวนั่งลงข้างไอ้เพียวพร้อมกับทำหน้าบูดบึ้งต่อไป ไอ้เพียวก็ขมวดคิ้วจ้องมาทางไอ้โฟคเขม็ง มันไปโกรธอะไรกันมาหรือเปล่าวะ เขาหันไปตั้งคำถามด้วยสายตากับไอ้ว่าน มันก็ทำท่ายักไหล่เหมือนจะบอกเขาว่าอย่ามายุ่งกับกู

 





            เขาขอตัวอยู่คุยงานกับไอ้ว่านต่อ



            ไอ้อิฐถูกไล่กลับหอไปก่อน หลังจากที่ไป๋ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าไม่ต้องรอก็ได้ ส่วนไอ้โฟคที่ยืนยันว่าจะเดินกลับหอเอง แต่เผลอแป๊บเดียวก็เห็นมันไปนั่งหน้าบูดจุ้มปุ๊กอยู่ที่เบาะข้างคนขับของรถไอ้เพียวแล้ว (ไปสนิทกันตอนไหนวะ?) ส่วนเขาก็วางแผนปรึกษาเรื่องการประกวดเดือนกับไอ้ว่านอยู่สองคน ตอนแรกเขาวางแผนการแสดงไว้เสียดิบดี แต่มือมาเจ็บแบบนี้ ท่าทางเขาคงจะต้องยืมมือไอ้ว่านมาเป็นมือสำรอง

 





                To… ไป่ไป๋

 

                                อยากดูแลมากกว่านี้ แต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่เคยมีสิทธิ์

                                เห็นหมอเจ็บ ผมโคตรเจ็บ

                                ไม่ได้หยอด แต่ผมรู้สึกจริงๆ

 

                                                                                                                                                From… 950

 





            เขาหยิบขึ้นมาดูพร้อมกับถอนหายใจ ตกลงมึงเป็นใครกันแน่ว่าไอ้ 950 เขาเดินส่ายหัวอย่างปลงๆ พร้อมกับหยิบถุงยาที่ภายในบรรจุยาใบบัวบกแก้ช้ำในและจดหมายน้อยที่เสียบไว้ข้างในเข้าห้องมาด้วย เขาเอาจดหมายที่มันส่งให้แปะไว้เรียงกันตามลำดับเวลาบนโต๊ะอ่านหนังสือ ส่วนใบบัวบกขวดนั้นก็ถูกโยนไปไว้ในกล่องยาปฐมพยายาลที่อยู่ในห้องเขา

 





            ‘หวังว่ามึงจะไม่ใช่คนที่กูคิดนะ’







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               หลังหลังลงไม่ค่อยตรงวันเท่าไหร่ เพราะงานยุ่งมาก ต้องแอบมาลงก่อน กลัวว่าจะไม่ว่างมาลง อีก 7 ตอนสุดท้ายแล้วนะ ช่วยกันเม้นเป็นกำลังใจหน่อย กำลังแต่ภาคสองอยู่ ได้หนึ่งตอนละ เอื่อยเฉื่อยเหลือเกิน 555555

ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เม้นให้หนูหน่อย ฮือออออ อยากได้กำลังจุยยยยยย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
แล้วคนที่ไป๋คิดไว้คือใครละเนี่ย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไป๋ คิดแล้วสินะว่า 950 เป็นอิฐ ใช่มั้ย   :katai2-1:

เพียว หึงโฟคแล้ว ที่เข้าใกล้ไป๋มากๆ   :z3: :z3: :z3:
เลยบังคับโฟคให้นั่งรถไปกับตัวเอง 

อิฐ  ไป๋   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
นั่นสิ.... ใคร.... คิด เหมือนกัน มั้ย.... นะ... 555

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
งุยๆ น่ารัก ช่วยกันด้วย มาต่ออีกนะครับ

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
อ่านแล้วน่ารักกก มีmoment ของ คู่เอกสักที  o13
BUT ..... พออ่าน message from writer ....  :a5: อะไรอะ  o22 อีก7ตอนจะจบ  o22  ยังอยากอ่านตอนทั้งคู่sweet กันอีกเยอะเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
เริ่มชัดเจนขึ้นแระ ชอบบบบบบบบบบบบบ เรื่องนี้ รอตอนต่อๆไปนะ

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
ใครน้อที่ไป๋คิด

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ไป๋คิดว่าใคร เราก็คิดว่าคนนั้นแหละ 55555

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
หรือไป๋จะรู้แล้ว

ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 34 : ไหล่ข้างซ้าย



            Mr.950 : เจ็บมากไหมครับไป๋

           





            เขาก้มดูโปรแกรมแชตสีเขียวที่ร้องเตือนมาพร้อมกับตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเลื่อนสไลด์หน้าจอ เพื่อตอบคำถามนั่น

 





            BAIBAI : ก็ไม่ค่อยเจ็บนะ แผลนิดเดียวเอง



            Mr.950 : เหรอครับ ตอนผมเห็นไป๋ล้ม ผมอยากจะวิ่งเข้าไปช่วย ไป๋ไม่น่าไปลงแข่งเลย



            BAIBAI : มันไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอก ตกใจมากกว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร



            Mr.950 : ยังปวดอยู่ไหมครับ



            BAIBAI : นิดๆ อะ



            Mr.950 : อย่าลืมกินยานะครับ นี่ไป๋ทานข้าวเย็นหรือยัง



            BAIBAI : เออ ลืมกินเลยหวะ ขอบใจที่เตือน

 





            เขาพึ่งนึกออกพอดีว่ายาต้องกินหลังอาหาร ตอนแรกเขาว่าจะกินยาแล้วนอนเลยจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแผน รื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาเติมน้ำร้อนรองท้องสักหน่อยก่อนกินยา

 





            Mr.950 : อยากมีสิทธิ์ดูแลมากกว่านี้ แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้



            BAIBAI : อย่าลิเก ถ้าลิเกอีกประโยคหนึ่งคือบล๊อค



            Mr.950 : ขอโทษ มันอึดอัด มันไม่รู้จะพูดยังไง



            BAIBAI : คอลไลน์มาสิ อยากพูดอะไรก็พูดมา แล้วก็บอกด้วยว่าคือใคร





 

            Mr.950 : ผมไม่กล้าหรอกครับ



            BAIBAI : ป๊อด...



            Mr.950 : กับเรื่องไป๋ ผมก็ไม่เคยกล้าสักที



            BAIBAI : นี่แอบสืบหาห้องกู เอาของมาวางหน้าห้องกู แอบตามกูโดยไม่กูรู้ อันนี้ยังไม่เรียกกล้าอีกเหรอวะ



            Mr.950 : ผมแค่อยากดูแล



            BAIBAI : เออ เรื่องของมึงเหอะ ลิเกจบแล้วใช่มะ กูจะไปนอน

 





            Mr.950 : เดี๋ยวครับไป๋



            BAIBAI : อะไรอีก



            Mr.950 : จบงานประกวดเดือน ไป๋มาเจอผมที่ห้องชมรมถ่ายรูปตึกสโมกลางตอนทุ่มนึงได้ไหมครับ ผมมีของอยากให้ไป๋ดู



            BAIBAI : เรื่องสิ ถ้ามึงดักปล้นกูทำไงหละ กูไม่ใช่เด็กอมมือเชื่อคนง่ายนะเว้ย





 

            Mr.950 : สัญญาด้วยเกียรติลูกผู้ชายว่าจะไม่ทำร้ายไป๋แน่นอน



            BAIBAI : เปลี่ยนเกียรติลูกผู้ชายเป็นชื่อมึงแทนได้เปล่าหละ



            Mr.950 : โถ่ อาทิตย์หน้าผมก็จะบอกอยู่แล้ว



            BAIBAI : เออ คิดดูก่อนแล้วกัน ถ้าว่างก็จะไป



            Mr.950 : ผมจะรออยู่นะครับ



            BAIBAI : ถ้าทุ่มครึ่งแล้วยังไม่เห็นหน้ากูก็ไม่ต้องรอ



            Mr.950 : ไม่ครับ ผมจะรอไป๋อยู่ที่นั่น ถึงเช้าผมก็จะรอ



            BAIBAI : อย่าลิเก กูรำคาญ

 





            Mr.950 : มานะครับ



            BAIBAI : กูไม่ไปอะ กูตัดสินใจละ มึงไม่ต้องรอละกัน



            Mr.950 : ไป๋...



            BAIBAI : มึงเป็นใครกูก็ไม่รู้อะ มึงจะให้กูไปได้ไง เกิดมึงดักกระทืบกู กูก็ฉิบหายดิ คือมึงก็ไม่ได้แย่นะเว้ย แต่กูก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนเปล่าวะ ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้ มึงไม่ต้องรอหรอก มีของอะไรอยากให้ดูก็ถ่ายรูปส่งมาละกัน

 





            Mr.950 : ผมบอกหมอว่านไปแล้วนะครับว่าผมเป็นใคร แล้วผมก็บอกไปแล้วว่าผมจะนัดไป๋ออกมาหลังแข่งเดือนจบ



            BAIBAI : แล้วไปบอกมันทำไมวะ บอกกูนี่สิ



            Mr.950 : บอกหมอว่าน ถ้าหมอว่านไม่ห้าม ไป๋จะได้สบายใจว่าผมไม่เจตนาร้าย



            เขารีบกดออกจากหน้าแชตแล้วโทรหาไอ้ตัวปัญหาอีกตัวที่ถูกกล่าวถึงทันที ทำไมมันรู้แล้วไม่บอกเขาวะ ไอ้เชี่ยนี่มีลับลมคมใน

           





            “โหล”



            “ไอ้เชี่ยว่าน”



            “ทักกูดีๆ ก็ได้นะ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วมึงยังขอให้กูไปช่วยทำงานประกวดเดือนของมึงอยู่เลย” ปลายสายตอบออกมาแบบบ่นๆ แต่ฟังดูก็รู้ว่ามันไม่ได้คิดอะไรหรอก มันก็บ่นไปงั้นแหละ



            “ไอ้เก้าห้าศูนย์มันบอกกูว่ามึงรู้แล้วว่ามันเป็นใคร” เขาเปิดประเด็น



            “เออ มันมาบอกกูตั้งแต่เช้าละ” อีกฝ่ายยอมรับง่ายๆ



            “อ้าวไอ้เชี่ย แล้วทำไมไม่บอกกูวะ” เขาบ่น



            “ก็มันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งบอก มันจะเซอร์ไพรส์มึงหลังแข่งเดือนเสร็จอะ”

 





            “แล้วตกลงมันเป็นใครวะ” เขาถามแบบอยากรู้



            “อ๊าว กูก็เพิ่งบอกว่ามันขอไว้ว่าอย่าเพิ่งบอก มันจะเซอร์ไพรส์มึง”



            “ไอ้เชี่ยว่าน นี่มึงเห็นคนอื่นดีกว่ากูแล้วเหรอ”



            “ไม่ต้องมาดราม่าใส่กูเลย รู้วันนี้กับรู้อาทิตย์หน้า มันก็ไม่ต่างกันหรอก”

 





            “กูอุตส่าห์ลงแข่งให้มึง ยอมเจ็บตัวจนมึงได้เหรียญทอง...” เขาทำเสียงเศร้า แกล้งมันให้มันรู้สึกผิด



            “ไป๋”



            “อืม”



            “กูคบกับมึงมานาน กูรู้อันไหนเรื่องจริง เรื่องไหนมึงตอแหล” เชี่ย มันรู้ว่าเขาไม่ได้ดราม่าจริง



            “สัด”

 





            “มีไรอีกไหม” มันถามกลับมา



            “มึงไม่บอกกู แล้วกูจะมีอะไรอีกหละ” เขาบ่น ไม่ได้ดังใจเลยสิ โธ่เอ๊ย



            “เออ งั้นกูไปนอนละ”



            “อย่าลืมเตรียมการแสดงด้วยหละ ที่มือกูใช้ไม่ได้ก็เพราะมึงนะ” เขาย้ำ



            “เออ กูรู้แล้วน่า มึงจะให้กูทำอนุสาวรีย์ให้มึงเลยไหมหละ” มันย้อน



            “ปากดีฉิบหาย” เขาด่า



            “ติดใครมาหละ ด่ากูจนกูกลายเป็นคนปากหมาไปแล้วเนี่ย”

 





            ไป๋วางสายจากไอ้ว่านแล้วก็หันไปกินบะหมี่กึ่งที่ทำไว้พร้อมกับเปิดเพลงฟังไปด้วยอย่างสบายใจ ดูเหมือนตอนที่เขาโทรไปหาไอ้ว่าน ไอ้เก้าห้าศูนย์อะไรนั่นก็ยังทักไลน์เขามาต่อ แต่ปล่อยมันไว้งั้นแหละ ตามใจมากเดี๋ยวมันเหลิง หาว่าไปให้ความหวังมันอีก

           

           





 

            การแข่งขันกีฬาเฟรชชี่จบลงไปในที่สุด



            ไอ้ว่านเล่าให้เขาฟังว่าฉากที่เดือนวิศวะอุ้มเดือนแพทย์ออกมาจากสนามเป็นที่ระบือลือลั่นกันมากในมหาวิทยาลัย แต่เอาเถอะ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่หรอก อิฐมันก็เพื่อน แล้วมันก็ไม่ได้ดูยี่หระอะไรกับข่าวอะไรนี่ด้วย โลกในทวีตเตอร์และไลน์ของเขายังปรกติดี ส่วนในเฟสบุ๊คไม่รู้ เขาแทบไม่เปิดเข้าไปดูเลย ยิ่งรู้ว่าตัวเองมีข่าวลือโน่นนี่มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไม่อยากจะไปเสพไปแบกไว้ให้ปวดหัว



            ดูเหมือนปัญหาหนึ่งที่เขาลืมนึกไปคือไอ้โฟค



            ตั้งแต่หลังแข่งบาสรอบชิง ไม่สิ ตั้งแต่หลังจากที่มันกลับบ้านกับไอ้เพียวไปก่อนวันนั้น มันก็ดูเงียบๆ ไปจนรู้สึกได้ มันบอกว่ามันหึงเขากับไอ้อิฐ ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ เดาว่าตอนที่เขาโดนอุ้มออกมาก็คงมีคนถ่ายรูปไว้ แต่พอมันไม่ถาม เขาก็ไม่คิดว่าจะเดินไปปฏิเสธอะไร ความจริง ยิ่งมันตัดสินใจอะไรได้ไวๆ ก็ยิ่งดี เขาเกรงใจมัน มันเหมือนน้องชายขี้อ้อนที่ชอบเกาะเราเป็นลูกลิงแล้วเราก็ต้องคอยป้อนขนม เขามองมันได้แค่นี้แหละ ช่วงหลังมันก็หายไปซ้อมกิจกรรมของมันมากขึ้น ตัวมันเองก็เป็นเดือน มันก็ต้องไปซ้อมการแสดงของตนเองเหมือนกัน เรื่องที่มันห่างออกไปเขาก็พอเข้าใจ เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากให้มันได้ใช้เวลากับตัวเอง สักวันหนึ่งเดี๋ยวก็กลับมาตบหัวกอดคอคุยกันได้แบบเพื่อนเหมือนเดิม

 





            ช่วงโค้งสุดท้ายเขาแทบต้องไปซ้อมการแสดงกับไอ้ว่านทุกวัน



            ตอนนี้มันยังขาเจ็บขับรถเองไม่ค่อยไหว เขาก็รับหน้าที่ไปรับไปส่งมันตอนเช้ากับเย็น การแสดงก็ซ้อมกันแถวหอมันบ้าง ใต้หอมันบ้าง บอกให้มันไล่เมทไปที่อื่นแล้วซ้อมในห้องมันบ้าง แต่ก็เอาแบบที่มันสะดวกที่สุด เดินทางให้น้อย เผลอแผลบเดียวก็เข้าใกล้วันงานเต็มที ตอนแรกว่าจะไม่ตื่นเต้น แต่พอซ้อมการแสดงเข้าทุกวันๆ ก็ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก



            คิดแล้วก็รำคาญความเป็นคนปากไวของตนเอง



            ความจริงเขาก็ไม่ได้อยากชนะไอ้อิฐอะไรมันมากนักหรอก สาบานเหอะ แต่ตอนนั้นมันโคตรกวนตีน เขาก็เผลอรับปากเพราะอยากชนะมันออกไป นี่ถ้ามันมาท้าตอนเริ่มสนิทกันขึ้นแบบนี้นะ ร้อยเอาหนึ่งเขาก็ไม่ยอมแข่งด้วยเด็ดขาด ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดตัวเอง เขาเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่เกี่ยวกับหน้าตามาก คือเขารู้ตัวว่าไม่ใช่คนหน้าตาดี พอต้องมาแข่งขันอะไรที่เกี่ยวข้องกับหน้าตาแบบนี้ยิ่งรู้สึกแย่ เฮ้ออออ อดทนอีกหน่อยสิวะไอ้ไป๋ เดี๋ยวแม่งก็ผ่านไปแล้ว

 





            งานประกวดดาวเดือนจัดขึ้นที่หอประชุมที่พวกเขาแข่งบาสนั่นแหละ



            การประกวดจัดขึ้นบนเวที ส่วนพื้นที่ที่เป็นลานกีฬาตรงกลางกับอัฒจรรย์รอบด้านก็เป็นพื้นที่สำหรับคนที่จะเข้ามาชม การแข่งขันดาวเดือนจัดขึ้นวันเสาร์ 2 อาทิตย์ก่อนสอบกลางภาค งานเริ่มสิบโมง แต่เขากับน้ำหอมต้องถ่อตัวเองมาตั้งแต่หกโมงเช้า น้ำหอมนัดช่างแต่งหน้าไว้ ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะไม่แต่งหน้าขึ้นเวที แต่พอเห็นรอยเขียวจ้ำที่ยังไม่หายตรงคิ้วตัวเองแล้วก็ตัดสินใจควักกระเป๋าตังหารครึ่งกับสาวเจ้าดาวคณะเพื่อขอยืมช่างแต่งหน้ามาช่วยกลบเกลื่อนร่องรอย



            ไอ้ว่านตามมาสมทบด้วยตอนประมาณแปดโมงเช้า มันได้บัตรสตาฟมาหลังเวทีเพราะเป็นทีมการแสดงความสามารถพิเศษของเขา พอเห็นหน้าไอ้ว่านเขาก็ได้แต่ยิ้มอย่างสบายใจ ตอนแรกที่นั่งอยู่กับน้ำหอมเขาโคตรอึดอัด ต่างฝ่ายต่างไม่ค่อยสนิท แต่จะให้แยกกันนั่งก็กระไรอยู่ พอไอ้ว่านมา เขาจะได้แอบเนียนไปนั่งกับมันได้อย่างสบายใจ

 

 





 

            “ยินดีต้อนรับเข้าสู่การประกวดเฟรชชี่บอยแอนด์เกิร์ลประจำปีของมหาวิทยาลัยนววิวัฒน์ด้วยค่ะ”



            เสียงเปิดตัวพิธีกรหน้าฉากดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือดังกระหึ่มในหอประชุมจนเขาเองตกใจ ฟังจากเสียงแล้วคนน่าจะมาดูเยอะมาก เขาได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างฝาดเฝื่อน ตอนนี้ดาวกับเดือนมาสแตนบายยืนรอหลังเวทีเป็นที่เรียบร้อย



            ดาวเดือนทุกคนจะแต่งกายเหมือนกันด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบ



            เขายืนกวาดตาไปรอบห้องอย่างตื่นเต้น ไอ้โฟคในชุดหล่อเต็มยศเซ็ตผมเต็มสตรีมยืนห่างจากเขาไปไม่ไกล มันส่งยิ้มกว้างมาให้เขาเป็นเชิงให้กำลังใจ ไล่สายตาไปเรื่อยก็ไปเจอกับไอ้อิฐที่วันนี้แม่งหล่อวัวตายควายล้มมาก เหมือนมันเพิ่งจะกลับไปไถข้างมาอีกรอบจบตอนนี้กลับมาเป็นลุคแบดบอยเหมือนเดิมแล้ว ถึงแม้ว่ากรรมการจะกำหนดให้แต่งกายถูกระเบียบแต่มันก็ยังคงใส่ตุ้มหูเสื้อกาวน์ตัวนั้นเหมือนเดิม (โดนกรรมการตัดคะแนนการแต่งกายแน่มึง)



            ไอ้เพียวก็อยู่หลังเวทีด้วย มันน่าจะมาช่วยไอ้อิฐเรื่องการแสดง เขาคุ้นว่าเหมือนจะเห็นหน้าไอ้กาญแว็บๆ แต่ก็ไม่มั่นใจ ส่วนไอ้ว่านนี่ไม่ต้องสืบ กวาดตาไปเห็นก็เจอไอ้ว่านมองมาอยู่ก่อนแล้ว มันเอานิ้วทำท่าปาดคอเป็นเชิงคู่เขาจนเขาเผลอสบถด่ามันแบบไม่มีเสียงออกมา เมื่อมันเห็นผมด่ามันก็หัวเราะอย่างสบายใจ (ฝากไว้ก่อนเถอะมึง)

 





            “ขอเชิญพบกับผู้เข้าประกวดทุกคนเลยครับ”

 





            เสียงพิธีกรชายดังมาจากหน้าเวที พร้อมกันกับที่สตาฟของงานมาแตะแขนเป็นเชิงให้เขาเดินขึ้นเวทีได้เลย เขาเดินก้าวขึ้นไปตามบันไดไปด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ พอไปยืนเข้าตำแหน่งเลยเงยหน้าก็ต้องขนลุกซู่ไปทั้งตัว ห้องประชุมทที่เคยว่าใหญ่โตนั้นตอนนี้แน่นขนัดไปด้วยนักศึกษาจำนวนมาก ทั้งบนลานกีฬาตรงกลางและอัฒจรรย์โดยรอบ ประมาณคร่าวๆ ยังไงก็ไม่ต่ำกว่าพันคนแน่ ใจของเขาที่ไม่สู้ดีอยู่แล้วก็ฝ่อเหลือแค่นิดเดียว





 

            เขารู้สึกถึงแรงหนึ่งมาบีบที่ไหล่ข้างซ้ายของเขา



            หันไปมองก็เจอกับไอ้อิฐที่เพิ่งเดินผ่านเขาไปเข้าตำแหน่งที่อยู่ไม่ห่างกันออกไปไกลนัก มันลอบหันหน้ามาหาเขาพร้อมกับพูดแบบไม่มีเสียงเพื่อเป็นการสื่อสารกับเขา

 





            “อย่า - ป๊อด”



            เขาอ่านภาษาปากมันได้แบบนี้







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               แอบมาลงไว้ก่อน พอดีพรุ่งนี้ไม่ว่าง (อีกแล้ว) คนอ่านจะได้มีอะไรอ่านตอนสุดสัปดาห์ ใครอยากให้มีภาคต่อเม้นให้ด้วยนะ ต้องการกำลังใจไปแต่งภาคต่อไป 555555

ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ขอกำลังใจไปแต่งภาคต่อหน่อยเร้ววววววววววววววว

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
เกือบจะได้รู้แล้วค่ะใครน้อ950

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ ใครหว่าคือนาย 950 

แอบรู้สึกว่าจะเป็น ว่าน อ่ะ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ยังหวังว่า950จะไม่ใช่อิฐนะ ไม่รุ้สิรู้สึกว่าถึงอิฐจะแอบรักแอบชอบยังไง แต่มาส่งไลน์ส่งขนมมุ้งมิ้งๆมันไม่ใช่อ่ะ
เอาจริงๆก็ยังรุ้สึกว่าไป๋รู้แหล่ะว่าอิฐคิดยังไง แต่ไม่กล้าโดดลงไปเพราะกลัวผิดหวัง อาจจะรู้มาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว ดีไม่ดีอาจเคยลองคบกันแล้วแต่ตอนนั้นมันไม่รอดรึป่าว

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ไป๋ไม่ป๊อดนะ แฟนคลับเชียร์อยู่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
รอลุ้นกันต่อไป

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไรท์...........เขียนดีงาม พระรามพระลักษณ์เลย   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 ลุ้นๆๆๆๆ   :ling1: :ling1: :ling1:

อิฐ  ไป๋   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
อีก นิดเดียว... จะรู้แล้ว... ใครคือ950

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
950คือใคร แล้วทำไมต้องเป็นเลข950 อยากรู้แล้วววว

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9

ออฟไลน์ xxgnn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอวันเปิดตัว950 นี่คิดว่าต้องเป็นอิฐแน่ๆ จะเดาผิดไหมน้าาาา :hao5:

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
สนุกมากกก น่ารัก ภาษาก็ดี  ชอบมากเลยจ้า  :mew1:

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ   :กอด1:

ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น



ตอนที่ 35 : เลคเชอร์รัก



            ความจริงการแข่งขันดาวเดือนไม่มีอะไรซับซ้อนเลย

            การแข่งขันแบ่งเป็น  2 รอบหลัก คือ รอบแสดงความสามารถพิเศษ และรอบตอบคำตอบ แต่เหตุผลที่การแข่งขันกินเวลายาวนานเกือบทั้งวันก็เพราะว่ามหาวิทยาลัยเขามีทั้งหมด 30 คณะ สนนเป็นดาวเดือนรวม 60 ชีวิต การแสดงคนละไม่เกิน 4 นาที รวมเวลาเปลี่ยนฉากปรับเวทีระหว่างคณะก็ร่วม 6 ชั่วโมงแล้ว รวมตอบคำถามและประกาศผลก็เลิกเกือบ 6 โมงเห็นจะได้

 

            การแสดงเรียงกันตามลำดับการจับฉลาก

            สตาฟจะเรียกคิวยืนรอแค่ 3 คนถัดจากคนที่กำลังแสดงบนเวทีเท่านั้น ส่วนดาวเดือนที่เหลือก็พักผ่อนกันตามอัธยาศัยอยู่หลังเวที การแข่งขันยิงยาวไม่มีพักกินข้าว คนประกวดก็นั่งกินข้าวกล่องกันหลังเวที คนดูก็สลับสับเปลี่ยนกันไป ไอ้ว่านบอกว่าส่วนใหญ่ก็จะเกณฑ์กันมากรี๊ดให้กับคณะตัวเองเป็นหลัก ถ้าดาวเดือนคณะไหนแสดงแล้วมีคนอยู่เยอะกว่าปรกติก็อาจจะหมายถึงว่าหน้าตาดีจนเป็นที่หมายปองของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยมาก

 

            “พร้อมแล้วครับ”

            เสียงของเขา โฟค เดือนคณะทันตแพทยศาสตณ์ตอบกลับทีมสตาฟพร้อมกับจังหวะเดียวกันที่เพื่อนร่วมคณะของเขาวิ่งเอาอุปกรณ์การแสดงไปเตรียมบนเวที อุปกรณ์การแสดงของเขาอาจจะดูแปลกมาก เพราะมันมีแค่โต๊ะ เก้าอี้ และคอมพิวเตอร์ที่จอต่อกับโปรเจคเตอร์ด้านหลัง 1 ตัว

 

            สวัสดีครับ ผมชื่อโฟค ผมเป็นตัวแทนจากคณะทันตแพทยศาสตร์ครับ

            เขาไม่ได้พูด แต่เขาพิมพ์ลงไปบนคอมพิวเตอร์เครื่องโปรดอย่างคล่องแคล่ว วันนี้เขาจะมาแสดงความสามารถพิเศษของเขา การเป็นนักเขียนที่เขารัก

 

            ความสามารถพิเศษของผมคือการเขียนหนังสือ วันนี้ผมจึงจะมาเขียนเรื่องสั้นให้ทุกคนได้อ่านกันสักเรื่องหนึ่ง แต่ก่อนอื่น ผมขอเสียงเป็นกำลังใจให้ผมสักหน่อยได้ไหมครับ

            เสียงเชียร์ของเขาดังกระหึ่มขึ้นในหอประชุมกว้าง เขามองเห็นเพื่อนจากคณะเขามานั่งเชียร์กันเกินครึ่งคณะได้ ชายหนุ่มฉีกรอยยิ้มอวดฟันสวยอย่างใจชื้น

 

                เรื่อง... เลคเชอร์รัก

 

                หวาน หญิงสาวปีหนึ่งคณะทันตะเปิดไล่ดูเว็บบอร์ดของคณะอย่างเบื่อหน่ายในวันศุกร์แรกของการเปิดเทอมเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง เธอยังไม่ค่อยสนิทกับใครในคณะเลย แถมโชคร้ายพี่รหัสก็ดันซิ่วไปแล้ว เย็นวันศุกร์ที่น่าเบื่อแบบนี้เธอจึงลองมาเล่นเว็บบอร์ดที่เปิดไว้ให้นักศึกษาในคณะพูดคุยกันดูบ้าง หวานกวาดสายตาไปทั่วอย่างสนใจ

 

                กระทู้ : ปีหนึ่งคนไหนจดเลคเชอร์คาบฟิสิกส์ทันบ้าง ขอยืมไปสแกนหน่อย

 

                เธอกดเข้าไปอ่านกระทู้อย่างสนใจ เมื่อเห็นว่าไม่ใช่การเสียหายอะไร เธอจึงตัดสินใจนำชีทที่เธอตั้งใจจดนั้นสแกนและส่งไปให้ตามอีเมลล์ที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ให้ เธอเอากระดาษทับชื่อและรหัสของเธอไว้ เธอขี้เกียจเปิดเผยตัวตน

               

                แต่การตัดสินใจวันนั้นก็คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง พวกเขาส่งอีเมลล์พูดคุยกันโดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใครในคณะ

                จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอบ่นว่าไม่มีพี่รหัส อีกฝ่ายจึงไปค้นลังรหัสของตนเองมาให้ และนำตัวอย่างข้อสอบเก่ามาสแกนส่งให้เธอชดเชย เมื่อเธอเห็นรหัสที่เขียนไว้บนชีทที่ส่งมาให้ เธอจึงได้รู้ว่าเขาคือบอล ประธานรุ่นที่เป็นที่สนใจของทุกคน

                ยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร เธอยิ่งไม่อยากเปิดเผยตัวตนเข้าไปอีก เธอเป็นแค่นักศึกษาบ้าเรียนแถวหน้า ไม่เหมาะกับเขา คนที่มีเสน่ห์ มีแต่คนรายล้อม และมีเพื่อนมากมายแบบนั้น

 

                Isakaya Dentt to Me : เธอ เราขอยืมชีทชีววิทยาคาบเมื่อวานได้ไหม

                Kisse Suite to Isakaya : ได้สิ เดี๋ยวเราสแกนส่งให้เหมือนเดิมนะ

                Isakaya Dentt to Me : รอบนี้ขอเดินไปเอาที่โต๊ะได้ไหม

                Kisse Suite to Isakaya : เราไม่เคยบอกนี่ว่าเราคือใคร

 

                Isakaya Dentt to Me : เรารู้ตั้งแต่วันแรกแล้วว่าเธอคือใคร เรามีใบประวัติคนทั้งรุ่นอยู่ เทียบดูก็รู้แล้วว่าเป็นหวาน หันหลังมาหน่อยหวาน เราไม่อยากอ่านเลคเชอร์ที่อยู่แต่ในไฟล์แบบเดิมอีกแล้ว เราอยากอ่านพร้อมหวานที่อยู่ต่อหน้ามากกว่า

 

                Isakaya Dentt to Me : เราขอจีบหวานนะ ^ ^

 

            เขาบรรจงจรดแป้นพิมพ์อย่างเร่งรีบ เพราะรู้ว่าด้วยเวลาจำกัดเพียงเท่านี้ การจะปิดเรื่องให้จบยากมากทีเดียว แต่เขาก็ทำสำเร็จ เขาซ้อมพิมพ์เรื่องสั้นนี่เป็นสิบรอบได้ เมื่อเห็นว่าทำทุกอย่างได้ทันก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก คุ้มค่าที่เหนื่อยจริงๆ

 

                ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ

 

            เขาพิมพ์ประโยคปิดท้าย พร้อมกับลุกยืนตรงขึ้นและโค้งคำนับทุกคนเป็นการขอบคุณ เสียงปรบมือดังกระหึ่มทั้งหอประชุม โล่งใจ นึกว่าจะไม่มีใครชอบเสียแล้ว

 

            “เชี่ย โคตรดีอะ”

            เสียงของไป๋ทักขึ้นมาเป็นคนแรกหลังจากเขาเข้าหลังเวทีมา ตอนด้วยไอ้ว่านที่สำทับเขามาอีกคน ไอ้ไป๋พูดชมไม่หยุด และกำชับกับเขาไม่หยุดว่าให้ส่งลิงค์ที่เขาเคยแต่งนิยายของตนเองมาให้อ่านด้วย เขาก็ได้แต่ยิ้มๆ รับปากไป แววตาของคนตรงหน้ายังเหมือนเดิม ไป๋เป็นคนเย็นชามาก หากไม่ได้รู้จักกัน แต่เมื่อนับเป็นเพื่อนแล้ว มันก็ทุ่มเทให้เพื่อนมากถึงแม้ว่าปากจะบอกว่าตัวเองไม่สนใจใครเท่าไหร่ก็ตาม ยิ่งคบกันไปยิ่งรู้ว่าไป๋เป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งเลย ทั้งด้วยนิสัย และโอกาสที่มันขีดเส้นใต้จะหยิบยื่นให้เขาไว้ได้แค่นี้

 

            ไอ้อิฐน่าจะไปเตรียมตัวขึ้นเวทีแล้ว

            เขาหันไปก็เจอกับสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองอยู่ เขาคุ้นเคยกับตุ้มหูรูปไม้กางเขนนั่นดี แต่สิ่งที่เขาไม่เคยทำใจให้คุ้นเคยได้เลยก็คือแววตาคู่นั้น หลังจากคืนนั้นไอ้เพียวก็ไม่เคยเหมือนเดิม อย่างน้อยก็ในสายตาและความรู้สึกของเขา พวกเขาไม่มีอะไรผูกมัดกันทั้งสิ้น มันก็แค่อารมณ์ในคืนหนึ่ง ไม่มีแม้กระทั่งข้อตกลงหรือบทสนทนาใดในเช้าวันนั้นด้วยซ้ำ มันแค่ลุกมาอาบน้ำแต่งตัว และเขาก็เดินไปส่งมันขึ้นแท๊กซี่กลับหอเงียบๆ

            มันไม่ใช่ข้อผิดพลาด ไม่ใช่อุบัติเหตุ ไม่ใช่อาชญากรรมอะไร มันเป็นแค่ความพึงพอใจในวันที่แห้งแล้ง เหมือนน้ำค้างบนปลายยอดหญ้า ที่เมื่อแสงสว่างแห่งปัจจุบันสมัยส่องก็เหือดแห้งไปตามกาลเวลา

 

            ไอ้อิฐเดินขึ้นเวทีพร้อมเสียงปรบมือดังลั่น

            เดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์ตอนนี้ใส่กางเกงทรงญี่ปุ่นพร้อมกับผ้ารัดเอวที่คาดต่ำไว้แถวสะโพก ด้านบนของลำตัวมีเพียงเสื้อคลุมทรงยูกาตะหนึ่งตัวที่คลุมทับไว้อยู่ พื้นที่ร่างกายด้านหน้าส่วนกลางเปิดโล่งโชว์ร่างกายที่งดงามอย่างนักกีฬาของมัน แผ่นอกหนา หน้าท้องที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ และรอยสักที่เผยออกมาเล็กน้อยนอกเสื้อคลุมตัวนั้น

            เพื่อนร่วมคณะของมันร่วมสิบคนเดินออกมากางเชือกกั้นอาณาเขตว่าห้ามผ่านเข้าไปเด็ดขาด พร้อมกับมีผู้คนยืนกั้นไว้ทุกช่องทางไม่ให้มีใครล่วงล้ำเข้าไปในเขตที่กำลังทำการแสดงอยู่ได้แม้แต่นิดเดียว

            ตรงด้านหน้าเวทีมีเป้ายิงธนูรูปวงกลมหลายอันซ้อนกันและมีจุดแดงอยู่กึ่งกลางตั้งอยู่ทั้งหมดรวม 5 ป้าย ไอ้อิฐหันหลังให้กับคนดูและจรดคันธนูขึ้น พร้อมวางลูกธนูลงบนกึ่งกลางอย่างมีสมาธิ ทั้งหอประชุมเงียบกริบขณะที่มันค่อยๆ ง้างสายธนูขึ้นอย่างช้าๆ และเล็งไปยังเป้าอันกลางที่วางเด่นอย่างตั้งใจ

 

            สวบบบบบบบบบบบ

            เสียงลูกธนูแหวกอากาศเข้าปักลงตรงกลางเป้าอย่างสั่งได้ ถึงแม้ว่าเป้าสีแดงตรงกลางจะใหญ่กว่าขนาดที่ลูกธนูไปปักเพียงนิดเดียวแต่มันก็ไม่เคยทำเสียชื่อ สมกับที่ไอ้ว่านเล่าว่าเคยเป็นนักกีฬาทีมชาติมาก่อนจริงๆ เสียงกรี๊ดดังสนั่นดังขึ้นรอบฮอลล์เมื่อไอ้อิฐวางตำแหน่งได้อย่างถนัดถนี่แบบนี้

            และอีก 4 ลูกก็ไม่มีพลาดเป้าเลย

            มันส่งลูกธนูไปเสียบเข้ากลางเป้าได้แม่นยำราวจับวาง ขนาดเขาที่แอบหมั่นไส้มันอยู่น้อยๆ ก็ต้องปรบมือให้มันอย่างอดไม่ได้ แต่มันคงไม่จะสนใจเสียงปรบมือของเขา ไม่สิ มันอาจจะไม่สนใจเสียงปรบมือของคนทั้งหอประชุมด้วยซ้ำ

            สายตาของมันในเวลานี้ทอดไปยังเหล่าดาวเดือนที่มาออดูการแสดงของมันอยู่ด้านหลังฝั่งข้างเวที มันสลับใบหน้าไปมาระหว่างแค่เป้าหมายตรงหน้ากับเดือนคณะแพทย์หน้าหวานที่ยืนอยู่อีกฝั่งตรงนั้น แม้ไม่มีใครบอก เขาก็พอจะจับความรู้สึกได้ เรื่องราวสมัยมัธยมที่ทั้งคู่ต่างบอกว่าเกลียดขี้หน้ากันหนักหนาหนะคงไม่จริงหรอก มันน่าจะเป็นความทรงจำอีกแบบหนึ่งที่ไม่ได้ถูกเปิดเผยให้คนอื่นรู้มากกว่าหละมั้ง

 

            “ดูสนิทกันดีเนอะ”

            เสียงที่ได้ยินบ่อยในช่วงหลังนี้ดังขึ้นไม่ห่างจากเขาเท่าไหร่ ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นไอ้เพียว เพื่อนรักของไอ้เดือนที่กำลังยืนเรียกเสียงกรี๊ดจากคนทั้งมหาวิทยาลัยนั่นอยู่นั่นแหละ ท่าทางตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยจะไม่หลุดโผตัวเต็งเป็นแน่

            “ตอกย้ำกูจังเลยนะมึงเนี่ย” เขาตอบทั้งที่ไม่หันไปมองหน้า

            “เปล่า ก็แค่ชวนคุย” มันเถียงกลับมา

 

            “ไหนไป๋บอกว่าตอนม.ปลายไม่ค่อยถูกกันไง กูว่าไม่ค่อยจะจริงหรอกมั้ง” โฟคเอ่ยขึ้น

            “มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แค่อยากจะเอาชนะมากกว่า” อีกฝ่ายตอบ

            “ไม่มีช่องว่างให้กูแทรกเข้าไปได้เลย” เขาบ่น

 

            “แล้วมึงจะแทรกเข้าไปทำไม” เขาว่าเขาฟังไม่ผิดนะ เสียงมันเหมือนจะหงุดหงิดนิดๆ

            “อ้าว” เขาพูดอย่างไม่รู้จะตอบอะไร มันก็รู้ดีว่าเขาชอบไป๋

            “มึงเห็นตุ้มหูที่ไอ้อิฐใส่ประจำเปล่า”

            “เห็นสิ ตากูไม่ได้บอด”

            “มันเป็นรูปเสื้อกาวน์”

            “เออ กูก็บอกว่าตากูไม่ได้บอด”

            “แต่มันไม่ใช่ของไอ้อิฐ”

            “หมายความว่าไงวะ”

 

            “ตุ้มหูกาวน์สีฝุ่นอันนั้นเป็นของรักของไอ้ไป๋”







               นายพินต้า







               ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ www.twitter.com/ninepinta


               นับถอยหลังสู่ 5 ตอนสุดท้ายแล้วนะ ขอคอมเม้นเป็นกำลังใจหน่อยนะ เริ่มแต่งภาคสองจริงจังแล้วนะ ถ้าเม้นเยอะๆ จะแต่งได้เร็วเดี๋ยวลงต่อเนื่องเลย ดังนั้น เม้นให้นักเขียนหน่อยนะ ขอแค่นี้เอง เม้นหน่อยๆ  ^ ^

ออฟไลน์ ninepinta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ผมมารอคอยคอมเม้นที่ท่าน้ำทุกวันเลยยย

5 ตอนสุดท้ายจะจบภาคแรกแล้ว ใครไม่เม้น เม้นหน่อยยย

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ kunkai

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
ขอบคุณมากจ้า
 :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด