เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น
ตอนที่ 29 : กล่องของขวัญ
เขาได้แต่ก้มหน้างุดอย่างไม่รู้จะตอบประโยคนั้นไปอย่างไรดี
เสียงของมันหวานและเต็มไปด้วยความอ้อนวอน เขากับไอ้เพียวเจอหน้ากันก็คุยกันแบบห่ามๆ เรียกกันกูมึงแบบเพื่อนผู้ชายปรกติ ความจริงเขาก็เรียกกูมึงกับทุกคนยกเว้นไป๋ไว้คนหนึ่งก็เท่านั้น ไอ้เพียวนี่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่ตอนนี้มันใช้ชื่อเรียกแทนตัวเองว่าเพียว และเรียกเขาว่าโฟค แถมยังลงท้ายประโยคว่าครับด้วย อุณหภูมิที่ร้อนผิดปรกติแผ่ไปตามผิวหน้าของเขาอย่างไม่อาจห้ามปรามได้
“เพียวถือว่านี่โฟคไม่ปฏิเสธนะ”
คนตรงหน้าเขายิ้มตรงมุมปากพร้อมกับส่งริมฝีปากคู่สวยกลับมาชิมรสชาติของเขาอีกครั้ง เขาได้แต่ผงกหัวรับการเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงนั่นอย่างคนแทบจะหมดเรี่ยวแรง ลิ้นของมันกวาดสะเปะมาตวัดกับลิ้นของเขาไม่หยุด เขาแทบจะหมดลมหายใจเสียให้ได้ มันทำราวกับว่าสามารถดูดพลังชีวิตของเขาผ่านจุมพิตของมันไปได้
เพียวเลื่อนใบหน้าถัดลงไปจากริมฝีปากของเขาอย่างยั่วเย้า
มันซุกไซ้ไปตามลำคอขาวสะอาดของเขาอย่างเชี่ยวชาญ มือของมันทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นไปจับแขนของเขาตรึงไว้กับเตียงไว้ไม่ให้ฝืนตัวหรือผลักดันร่างกายของเขาอีกได้ สภาพของมันตอนนี้กำลังคร่อมอยู่บนร่างเขาและลิ้มรสแทบจะทุกอณูตารางนิ้วบนร่างกายเขาอย่างไม่รู้เหนื่อย โฟคเหลือบสีตาไปมองก็พบกับรอยสักรูปพระอาทิตย์แดงสดที่ส่องสว่างล้อแสงไฟจากโคมไฟอยู่กลางห้อง เสื้อของมันหลุดไปอยู่ข้างเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เสื้อของเขาก็เช่นกัน
“อื้อออออ อื้อออออ”
“ชอบเหรอครับโฟค”
เสียงของมันเอ่ยถามขึ้นเมื่อเสียงครางอยู่ในลำคอของเขาหลุดออกมานอกริมฝีปากอย่างที่สุดจะฝืนกลั้นได้ มันเงยหน้าขึ้นมาจากแผงอกของเขาราวกับจะรอคำตอบ แต่ก็ไม่มีคำใดหลุดรอดออกไปนอกจากเสียงลมหายใจผสมหอบของเขาที่กำลังนอนอยู่เบื้องล่างของราชสีห์ที่ราวกับกำลังจะขยุ้มเหยื่อในเวลานี้
เมื่อเห็นว่าไม่ตอบ เพียวก็ก้มลงชิมรสชาติของสีชมพูระเรื่อนั้นต่อไป
โฟคเผลอครางออกมาอย่างไม่อาจจะฝืนปฏิกิริยาของร่างกายได้อีกต่อไป เขาเลื่อนเอามือทั้งสองข้างที่เพิ่งถูกปล่อยเป็นอิสระไปดันศีรษะของไอ้สัตว์ล่าเนื้อนั่นให้ผละออกจากร่างกายเขาออกไป แต่ให้ตายเถอะ นอกจากมือของเขาจะไม่ขับไสไล่ส่งรสสัมผัสที่คนตรงหน้ากำลังปรนเปรอให้เขาแล้ว มือทรยศคู่นั้นยังประคองศีรษะนั่นและลูบไล้ไปตามเส้นผมที่หนาและนุ่มนวลนั่นอีกด้วย
“อื้อออออ เพียว อื้อออออ”
เสียงผ่านลำคอของเขาออกมาอย่างฟังไม่ได้ศัพท์ มันเงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแสนยั่วยวนพร้อมผละจากยอดปทุมถันของเขามาชิมรสชาติริมฝีปากของเขาอีกชั่วอึดใจหนึ่งได้
เมื่อสำรวจรสชาติของริมฝีปากของเขาจนพอใจมันก็กลับไปยังแผ่นอกของเขาอีกครั้งหนึ่ง รอบนี้โฟคถึงกับครางออกมาเสียงดังจนไม่อาจจะฝืนทนอีกต่อไปได้ เขารีบเอามือทั้งสองมาปิดปากไว้ แต่ก็ผงกร่างกายขึ้นรับไปกับรอยขอกัดแบบยั่วเย้านั้นอย่างเต็มใจ เสียงลมหายใจหอบสั่นและแสบพร่าของคนทั้งสองดังสลับกันไปดังจะหยอกเย้าลั่นไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมที่บรรจุความสุขสมไว้จนแทบจะระเบิดออกมาเสียให้ได้
“เพียวอย่า...”
เสียงห้ามของเขาไม่เป็นประโยชน์อันใดทั้งสิ้น เมื่อมือที่แข็งแกร่งและร้อนรุ่มราวกับคีมเหล็กตีไฟนั้นดึงทั้งกางเกงชั้นนอกและชั้นในหลุดออกไปถึงปลายขาของเขาแค่ในช่วงอึดใจเดียว
เขาเอื้อมมือไปปิดส่วนของร่างกายเขาไว้ด้วยสัญชาตญาณ แต่คนตรงหน้าก็ก้มลงจูบกับมือทั้งสองของเขาอย่างแผ่วเบา มันใช้มือค่อยๆ เลื่อนมือทั้งสองของเขาออกอย่างสุภาพ ราวกับต้องมนต์สะกดที่ไม่อาจขัดขืนได้ โฟคทำได้แต่ปลดปล่อยร่างกายให้แต่คนตรงหน้าจะตัดสินใจ
“เพียวอย่า...”
แต่เพียงยังไม่ทันจะสิ้นเสียงดี โฟคก็ต้องร้องออกมาอย่างไม่อาจจะฝืนกลั้นความรู้สึกได้ เพียวใช้ริมฝีปากคู่นั้นทดลองรสชาติของความเป็นชายของโฟคไปอย่างเต็มรัก โฟคพยายามใช้มือดันศีรษะคนตรงหน้าให้ผละออกแต่ก็ได้เป็นประโยชน์ไม่ ร่างบางสีขาวบริสุทธิ์นั้นบิดไปมาอย่างไม่ทานทนกับรสชาติที่คนตรงหน้ามอบให้ได้อีกแล้ว
“ชอบไหมครับโฟค”
คนตรงหน้าถอนริมฝีปากออกและยกตัวขึ้นมาขบติ่งหูของเขาอย่างยั่วเย้า ชั่วจังหวะนั้นเองรสสัมผัสที่เสียดสีกันอยู่ตรงกึ่งกลางลำตัวก็พิสูจน์ให้เขารู้ชัดว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองไร้สิ้นแม้แต่อาภรณ์สักชิ้นมาห่อคลุม
“ครับ” เขาตอบไปดังเท่ากระซิบ
“ว่าไงนะครับ”
เพียวเอ่ยถามกับเขาอีกครั้ง พร้อมกับลากริมฝีปากไปตามช่องไหล่พร้อมกับประทับรอยจูบอย่างแรงไว้ที่บริเวณไหปลาร้าของเขา
“ไม่เอาเพียว” เขาดันหัวของมันออก
“บอกเพียวมาก่อนสิครับว่าชอบไหม” มันคร่อมตัวอยู่บนร่างเขา พร้อมกับใช้มือทั้งสองประคองใบหน้าของเขาไว้อย่างรอคำตอบ
“ชะชอบครับ” โฟคตอบไปอย่างตะกุกตะกัก
“ชอบตรงไหนบ้างครับ ตรงนี้ ตรงนี้ หรือตรงนี้”
มือขวาของมันเลื่อนไปไปตามจุดยุทธศาสตร์ของเขาอย่างเจ้าเล่ห์ พอมีมันตะปบเข้ากับว่าตรงนี้สุดท้าย เสียงของเขาก็เคลื่อนผ่านลำคอออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“อื้อออออ”
“ชอบตรงนี้เหรอ” มือของมันยั่วเย้ากับร่างกายเขาราวกับเด็กที่ไม่สามารถปล่อยมือจากของเล่น
“อือออออ”
“โฟคเป็นกล่องของขวัญที่ยังไม่เคยถูกแกะสินะครับ”
“อื้อออออ อื้อออออ”
เขาร้องออกมาเสียงดังอย่างฝืนไม่ได้จนต้องกัดริมฝีปากไว้ เมื่อเพียวก้มลงชิมรสชาติของความเป็นชายของเขาอีกครั้ง แต่รอบนี้มันจงใจรับรสชาติจากจุดที่ไวต่อสัมผัสของเขามากที่สุด มือของโฟคเลื่อนไปดันศีรษะของเพียวอย่างสุดแรง เขาแทบจะสำลักไปกับรสชาติที่มันปรนเปรอให้จนไม่อาจจะทานทนได้อีกต่อไปแล้ว
“อื้อออออ ไม่เอาแล้ว อื้อออออ”
เสียงของเขาพยายามต่อต้านให้ตายก็ไม่ดังไปกว่าการพูดออกมาด้วยเสียงแผ่ว มือที่ดันคนตรงหน้านี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จ เพียวเงยหน้าขึ้นมาทั้งที่ยังค้างคากับรสสัมผัสอยู่ มันยักคิ้วให้เขาหนึ่งทีก่อนจะเลื่อนมือทั้งสองข้างของมันไปตรึงมือทั้งสองข้างของเขาที่ผลักไสไล่มันให้ถูกพันธนาการไว้บนเตียงที่ยับยู่ยี่
ความรู้สึกของโฟคราวกับคนจมน้ำที่แทบจะสำลักก้อนความรู้สึกข้างในออกมาให้ได้ เสียงที่ร้องห้ามก็กลายเป็นเสียงที่ครวญครางอยู่ในลำคอ มือที่เคยจะผลักไสก็ถูกตรึงไว้อย่างไม่อาจจะต้านทานได้ เพียวปรนนิบัติเขาด้วยรสชาติของความสุขที่ไม่อาจจะฝืนกั้นไว้ ร่างกายของเขาเอนอ่อนไปมาตามแรงรสที่คนตรงหน้าจะบงการ มันปรนเปรอเขาด้วยความสำลักความสุขจนเขาแทบไม่มีโอกาสหายใจ
“เพียว...”
เสียงอ้อนวอนของเขาถูกตัดวงจรไปด้วยรสจูบที่คนตรงหน้ามอบให้ โฟคพยายามเอามือทั้งสองข้างบีบไหล่ของเพียวไว้ราวกับจะเจรจาอ้อนวอน
มือของเพียวไม่ว่างเพราะกำลังเดินทางสำรวจร่างกายของคนตรงหน้าให้ครบทุกตารางนิ้ว โฟคบิดตัวไปมาเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสผิดปรกติที่รุกล้ำเข้ามาในอธิปไตยของร่างกายเขา ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่สิ่งที่เขาหวั่นเกรง แต่มันก็เป็นปฐมบทของการเดินทางสู่จุดหมายที่เขาไม่เคยรู้รสชาติ
ชายตรงหน้าเขาบรรจงรับใช้เขาด้วยจุดที่ที่ไวต่อการสัมผัสที่สุดของบุรุษเพศ ตัวของโฟคแอ่นขึ้นก่อนจะทิ้งตัวลงหอบและหายใจถี่รัวอย่างหมดสภาพ เขาเหมือนคนจมน้ำที่โผตัวขึ้นมาได้ ก่อนจะจมลงไป และกลับขึ้นมาได้อีก วนไปวนมาแบบนี้ไม่มีวันจบสิ้น
เพียวยืดตัวตรงสูงขึ้นทั้งที่ยังคุกเข่าอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของเขา สภาพของเขาตอนนี้หมดสิ้นเรี่ยวแรงและความสามารถในการบัญชาร่างกายของตนได้อย่างสิ้นเชิง ราวกับเขาถูกกักขังอยู่ในร่างกายของทาสในเรือนเบี้ยที่ไม่อาจต้านทานคำสั่งของเจ้านาย และได้แต่ปลดปล่อยร่างกายไปตามความประสงค์ที่คนตรงหน้าจะคัดสรร
“อย่าหลบตาเพียวสิครับโฟค”
มือทั้งสองข้างของมันประคองใบหน้าของเขาที่เบือนหนีให้กลับมามองซึ่งร่างกายที่เปลือยเปล่าที่กำลังล้อกับแสงสีส้มจากโคมไฟ ภาพตอนมีผ้าขนหนูผืนน้อยกั้นทำเขาใจสั่นได้เท่าไร ภาพตอนนี้ทำเอาเขาระเรื่อไปด้วยความร้อนระอุสักร้อยเท่าจากก่อนหน้าเห็นจะได้ โฟคทิ้งตัวลงบนตัวอย่างหมดแรง เขาไม่อาจต้านทานแรงดึงดูดของคนตรงหน้าได้ เขาไม่เคยสามารถต้านทานได้แม้แต่วินาทีเดียว
“อื้อออออ”
เสียงของเขาสอดรับกับการบุกรุกที่เตรียมพร้อมให้เขารองรับกับการเดินทางที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า ในขณะที่มือข้างขวาของมันกำลังละเมิดอธิปไตยของเขาอยู่ ริมฝีปากของมันก็บดขยี้ความเป็นชายจนโฟคแทบหมดแรงจะขัดขืน ส่วนมือซ้ายของมันยื่นมาเขี่ยริมฝีปากของเขาอย่างถือสนุก โฟคใช้ลิ้มลองชิมรสชาติของสรีระของเพียวราวกับเด็กเล็กๆ ที่สัมผัสรสของจุกนม เสียงครางเคล้าไปด้วยความสุขของโฟคร้องดังขึ้นแทบจะตลอดเวลา เขาไม่อาจขัดขืนคนตรงหน้านี้ได้แม้แต่น้อย เพียวเป็นเหมือนราชสีห์ที่เจนสนามการกรีฑาบนเตียงเป็นอย่างยิ่ง
“อดทนหน่อยนะครับ”
เสียงสุภาพดังขึ้นตรงข้ามหูพร้อมกับการบุกรุกแปลกใหม่ที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดแต่ก็แน่นไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ โฟคพยายามขอร้องอุทธรณ์ต่อคนเบื้องหน้าแต่ก็ถูกกลับเพิกเฉยเสียด้วยรสจุมพิตที่ไม่อนุญาตให้เขาได้แสดงความขัดขืนด้วยคำพูดแต่อย่างใด ร่างกายของเขาได้แต่ลิ้มรสแห่งความสุขตามแต่จังหวะที่คนตรงหน้าจะจัดสรรบงการ เสียงครางไม่ได้ศัพท์ของเขาดังขึ้นอย่างที่เขาไม่สนใจจะปิดบังสิ่งใดอีกต่อไป ราวกับได้จมดิ่งลงในห้วงมหาสมุทรที่ลึกล้ำจนไม่อาจคณานับได้
ไม้กางเขนของคนตรงหน้าเขาวูบไหวไปมาอย่างเป็นจังหวะ
โฟคเอามือทั้งสองข้างมากุมริมฝีปากราวกับกลัวว่ามันจะเผลอเปล่งเสียงออกมาในแบบที่ตัวเขาเองก็ไม่กล้าฟัง สรีระของชายทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว น้ำตาหยาดเล็กๆ ของโฟคซึมออกมาด้วยความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก มันเป็นเหมือนความอึดอัด แสบพร่า ขมขื่น แต่ก็เต็มไปด้วยความหวานที่ชวนลุ่มหลง เพียวบรรจงใช้ริมฝีปากจรดลงชิมน้ำตาหยาดนั้นราวกับมันเป็นของล้ำค่า เพียวไม่ผ่อนจังหวะในหย่อนยานลงแม้แต่น้อย โฟคหรือก็รู้สึกสำลักความสุขรสร้ายกาจที่มากล้นจนแทบจะขาดใจ
ราวกับต่างฝ่ายต่างเป็นกล่องแพนโดร่าซึ่งกันและกันที่ไม่ควรจะเปิดออก
ความสัมพันธ์ที่เป็นเหมือนเปลวไฟกลางสายฝนซึ่งก่อสร้างขึ้นบนแรงปรารถนาหาใช่รสชาติแห่งความรักหรือความสัมพันธ์ไม่ กองเพลิงในแววตาของชายคนหนึ่งแผดเผาหยาดหยดแห่งความยับยั้งชั่งใจของชายอีกคนหนึ่งจนแห้งผาก เสียงสอดประสานที่แหบพร่าและชวนอึดอัดดังกังวาลก้องมาจากดินแดนอันห่างไกลและไร้ความรู้สึกอื่นใดเป็นพื้นฐาน
“พร้อมกันนะครับ”
เสียงกระซิบที่แสบซ่านไปด้วยความสุขแต่ก็แหบปร่าไปด้วยรสชาติไม่คุ้นเคยดังกังวาลขึ้นที่ใบหูของเขา จังหวะการสอดประสานของคนทั้งสองสอดรับจนราวกับจะกลืนกลายเป็นเนื้อเดียว เสียงหอบเหนื่อยจนคนหนึ่งผสมผสานกับเสียงสำลักความสุขสมของอีกคนหนึ่งแบ่งกันสอดรับไปมาจนก้องกังวาลไปในความรู้สึกของเขาทั้งคู่
ราวกับการเดินทางที่แห้งแล้งผ่านทะเลทรายมาเสียกว้างไกลแล้วก็ได้จมลงสู่ห้วงมหาสมุทรที่สดชื่น และปรนนิบัติร่างกายผ่านทุกอณูเนื้อราวกับทาสที่จงรักภักดี ความรู้สึกของคนทั้งสองต่างพากันแตกกระสานซ่านเซ็นแหลกละเอียดราวกับห่าฝนที่โปรยปรายลงบนความแห้งแล้งของชายทั้งสอง เพียวเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่ตกอยู่ข้างเตียงมาทำความสะอาดร่างกายของคนตรงหน้าที่ดูเหนื่อยอ่อนจนแทบจะขยับไม่ได้ ต่อด้วยร่างกายของเขาที่เต็มไปด้วยคราบเหงื่อและรสสัมผัสมากมายที่เปรอะเปื้อนอยู่ทั่วตัว
เพียวก้มลงนอนเอาศีรษะซุกแนบไปเคียงข้างกับอีกคนหนึ่งก่อนจะตวัดร่างนั้นเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแกร่งอย่างง่ายดาย พวกเขาทั้งสองอิงแอบแนบชิดกันล่วงเข้าสู่นิทรารมณ์ด้วยความเหนื่อยอ่อน และปราศจากผืนผ่อนอาภรณ์ใดมากั้นขวางในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ตลอดค่ำคืน
ไร้รส
ไร้ราก
ไร้คำอธิบายอื่นใดเป็นพื้นฐาน
เสียงความเงียบกู่ร้องดังขึ้นในราตรีที่เงียบงัน
ความสัมพันธ์ต่างดำเนินไปบนสรีระร่างกายที่ไม่ใช่ทั้งฝ่ายหนึ่งและฝ่ายใดเป็นเจ้าของ
ความรู้สึกที่อยู่ภายในต่างกึกก้องเรียกร้องจากก้อนเนื้อในอกของชายทั้งสองคน ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะห่างไกลเพียงองคุลีกั้น แต่เสียงหนึ่งเสียงนั้นก็ไม่ได้ดังเกินกว่าระดับที่ใครจะได้ยิน
อย่างน้อยก็จากความสัมพันธ์ทางกายภาพของชายทั้งคู่ที่ตระกองกอดกันอยู่ในราตรีที่เงียบงันนั้นนั่นเอง
นายพินต้า
ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่
www.twitter.com/ninepinta หากชอบนิยายของผมสักนิด รักนิยายของผมสักหน่อย ฝากช่วยเขียนคอมเม้นเป็นกำลังใจให้นักเขียนหน่อยนะ ผมยังเริ่มต้นเขียนภาคสองไม่ได้สักตอนเลย ติดหล่มรอแรงบันดาลใจอยู่ เม้นเป็นกำลังใจกันให้หน่อยนะ ^ ^