เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น
ตอนที่ 18 : เกลือแร่
“ตื่น”
เสียงดังขึ้นด้วยทำนองเรียบๆ ไม่ห่างจากตัวเขาออกไปเท่าไหร่นัก อิฐพยายามจะลืมตาให้กว้างขึ้น แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับสภาพร่างกายที่ดูจะเสื่อมโทรมผิดปรกติในตอนนี้ เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบมันจะโคลงเคลงผิดรูปผิดรอยไปหมด ความผะอืดผะอมสะสมปนเปไปกับอาการปวดหัวอย่างจะแยกอาการให้รู้ชัดได้ คลื่นไส้อยากอาเจียนและปวดหัวคือข้อที่พอจะสรุปได้ในตอนนี้
“ปวดหัว”
เขาบ่นออกมาด้วยเสียงพึมพำและแหบพร่า เสียงที่แทบจะไม่ค่อยมีอยู่แล้ว เมื่อลอดผ่านลำคอที่แห้งเป็นผุยผงออกมาก็แทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ
“ก็ใครใช้ให้มึงแดกเหล้าซะเยอะขนาดนั้น”
อีกเสียงดังขึ้นในระยะที่ไม่ห่างออกไปเท่าไหร่นัก ดูเหมือนว่าหมอไป๋จะตื่นแล้ว แต่ให้ตายเถอะ เขาก็ไม่ได้มีแรงมากพอจะลืมตาดูภาพคนตรงหน้าให้เห็นชัดได้เลย
“ปรกติ มันไม่แย่ขนาดนี้”
เขาตอบออกไปตามสัตย์จริง โดยทั่วไปแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะมาล้มคอพับคออ่อนในเช้าวันหลังจากที่กินเหล้า ไม่ว่าเขาจะเมาแค่ไหน แต่วันต่อมาเขาก็ยังพอจะประคับประคองตัวได้ ไม่ใช่ย่ำแย่อย่างเช่นตอนนี้
“หัดเจียมตัวซะบ้าง” เสียงบ่นนั้นดังขึ้นพร้อมกับเสียงรอยเท้าดัง ดูเหมือนหมอไป๋จะเดินไปหยิบอะไรสักอย่างหนึ่ง
“ขอโทษ ขอโทษที่ไม่เจียมตัว” เสียงตอบของเขาดังออกไปอย่างแผ่วเบา
“โอ๊ย” เสียงของเขาดังออกไปไม่ใช่ด้วยความเจ็บ มันเป็นความตกใจมากกว่า
“โอ๊ยพ่อมึงสิ ผ้าชุบน้ำสะอาด มึงจะร้องโอ๊ยหาอะไร”
เสียงไอ้หมอที่คุ้นเคยดังมาอยู่ไม่ห่างออกไปนัก ความเย็นค่อยๆ แผ่ซึมไปทั่วลำคอของเขา ใช่แล้ว หมอไป๋กำลังเอาผ้าสะอาดเช็ดหน้า คอ และส่วนผิวหนังที่อยู่นอกเสื้อนักศึกษาของเขาออกมา
“ปวดหัวมากเลยหวะ”
เขารู้สึกดีขึ้นมาประมาณหนึ่งได้ อิฐค่อยๆ เผยอเปลือกตาขึ้น แล้วเขาก็พบกับภาพไอ้นักศึกษาแพทย์ที่เขาแสนคุ้นเคยกำลังก้มไปถอดถุงเท้าให้เขา มันทำดีจนเขาสำนึกผิดไปเลย
“ใครใช้ให้เมาเหมือนหมาแบบนี้วะ ตื่นมามันก็แฮงค์สิ ไม่มีความพอดีเลยมึงเนี่ย”
“ปรกติกูไม่แย่ขนาดนี้นะ ทำไมวันนี้มันรู้สึกแย่กว่าทุกที” เขาบ่นด้วยเสียงเบาๆ อย่างประหลาดใจ
“ทำไม มึงจะหาว่ากูผสมยาพิษให้มึงแดกเมื่อคืนเหรอ” ไอ้คนตรงหน้าเขาก็ปากหมาไปตามนิสัยเหมือนเดิม
“ไป๋ กูคลื่นไส้หวะ มันรู้สึกแบบอยากจะ... อ้วก” เขาบ่นออกมาพร้อมกับความรู้สึกเหมือนก้อนอะไรสักอย่างมาจุกอยู่ตรงลำคอ
“เชี่ยยยยย มึงห้ามอ้วกตรงนี้นะ ลุกเลยไอ้อิฐ ไปอ้วกในห้องน้ำ ถ้าเตียงกูเปื้อนอ้วก กูฆ่ามึงแน่”
เสียงของไอ้หมอไป๋โวยวายขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าปากมันจะดูหมามาก แต่ท่าทางมันก็ไม่ได้หมาเหมือนปากสักนิด มันเข้ามาพยุงปีกของเขาและช่วยพาเขาไปห้องน้ำ
แอวะ แอวะ แอวะ
ก้อนความผะอืดผะอมเมื่อครู่ถูกระบายออกไปจนหมดสิ้น เขาอ้วกจนแทบหมดแรง ขาของเขาตอนนี้อ่อนจนแทบจะลุกยืนไม่ขึ้น ดูเหมือนเขาว่าจะป่วยเป็นอะไรสักอย่างนอกจากอาการปวดหัวหลังกินเหล้าเสียแล้ว
“ไป๋” เขาเอ่ยเบาๆ
“ว่า” ไอ้หมอหน้าใสที่ยืนคุมเชิงเขาอยู่ไม่ไกลตอบกลับมา
“มึงออกไปก่อนได้เปล่า”
“ทำไมวะ เดี๋ยวมึงอ้วกเลอะเทอะห้องน้ำกูทำไง กูขี้เกียจล้างนะเว้ย”
“กู...”
“ทำไม”
“กูดูเหมือนจะท้องเสีย”
หมดกันสภาพไอ้อิฐหนุ่มเพลย์บอยที่ยิ้มแจกสาวเรี่ยราดไปเมื่อคืนนี้
ตอนนี้เขานอนเป็นไก่ต้มซีดเซียวอยู่บนเตียงของไอ้หมอไป๋ ขยับทีก็เหมือนโลกทั้งใบจะหมุนเคว้งตามไปด้วย แถมอาการปวดท้องที่เหมือนจะมีมือที่มองไม่เห็นมาบิดขยี้ลำไส้ขอเขาให้บิดเป็นเกลียวเสียให้ได้ เดือนวิศวะนอนหมดแรงสิ้นสภาพแบบแทบจะขยับตัวไม่ไหว
“มีอาการอะไรบ้าง” คนที่นั่งอยู่บนเตียงข้างตัวของเขาถามออกมา
“ก็ปวดหัว คลื่นไส้ ปวดท้อง แล้วก็... ท้องเสีย”
เขาพูดคำสุดท้ายออกมาด้วยความอับอายไม่น้อย เขาไม่อยากมานอนซมท้องเสียต่อหน้าไป๋แบบนี้เลย มันดูแบบ สกปรก เขากลัวว่ามันจะรังเกียจเขา
“อาหารเป็นพิษ”
“ว่าไงนะ”
“กูบอกว่ามึงป่วยอาหารเป็นพิษ”
“เหรอ มึงเก่งจังเลย” เขาตอบไปด้วยความจริงใจ ไอ้ไป๋เก่ง มันเก่งเสมอ เป็นเก่งแบบนี้มาตลอดเลย
“เดี๋ยวกูไปหายาให้กิน”
มันพูดพร้อมกับลุกยืนขึ้นและรื้อของอะไรในชั้นก๊อกแก๊กไปมา เขาได้แต่มองดูแผ่นหลังของไอ้หมอเพื่อนเขาด้วยความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก
“หนาว” เขาพูดพร้อมเสียงฟันที่สบกระทบกันแบบห้ามไม่อยู่
“ก็สมควร ไข้มึงออกจะสูงขนาดนี้” มันพูดพร้อมกับยื่นมือมาอังตามซอกคอและหน้าผากของเขา
“ลุกขึ้นกินยาแป๊บนึง เดี๋ยวค่อยนอนต่อ”
มันพูดพร้อมกับช้อนหลังเขาขึ้น พร้อมกับเอาหมอนมารองหลังเขาไว้ เขาโคตรรู้สึกละอายใจ เมื่อคืนก็ทำมันลำบากไปแล้ว วันนี้ก็ยังจะมาสร้างปัญหาให้มันอีก
“แดกซะ” มันพูดพร้อมกับยื่นยาหลากสีให้เขามาสี่ห้าเม็ด
“ยาอะไรวะ”
“กูไม่วางยาพิษมึงหรอก แดกๆ ไปเหอะ”
มันพูดพร้อมยัดยาใส่มือเขาพลางหันไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนหัวเตียงส่งให้ เขารับมาแล้วโยนยาในมือเข้าปากไปอย่างว่าง่าย ไม่เชื่อหมอแล้วจะเชื่อใคร ถูกไหม
“ก็แค่อยากรู้” เขาพึมพำแก้ตัว
“ยาลดไข้ ยาแก้คลื่นไส้ ยาแก้ปวดท้อง ยาดูดซับสารพิษในลำไส้ และนี่เกลือแร่ชดเชย” มันพูดตอบออกมาเป็นชุดพร้อมกับยื่นแก้วน้ำอีกแก้วส่งให้เขา คราวนี้เป็นน้ำสีส้มสดใสที่ถูกบรรจุอยู่
“ค่อยๆ จิบไปให้หมดแก้ว ช้าๆ ไม่ต้องรีบกิน เดี๋ยวกูมา”
มันทิ้งท้ายไว้เป็นคำสั่งก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เขามองตามหมอไป๋จนสุดสายตาแล้วก็กลับมาทำตามคำสั่งที่มันได้ให้ไว้ ค่อยๆ กิน ค่อยๆ จิบจนหมดแก้ว
“ถอดเสื้อ” ไอ้หมอกลับมาแล้ว มันมาพร้อมผ้าชุดน้ำประมาณสามผืนได้
“เห้ย”
“กางเกงด้วย เหลือไว้แค่บอกเซอร์ก็พอ” มันพูดต่อ
“แต่...” เขาพึมพำอย่างลังเล
“ไม่ต้องหวงเนื้อหวงตัวไปหรอก กูไม่ทำอะไรมึงหรอกไอ้อิฐ ตัวมึงร้อนเป็นไฟแบบนี้ ถ้าไม่เช็ดตัวเดี๋ยวมึงได้ไปเฝ้าพระอินทร์ที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลแน่”
“แต่กูเพิ่งท้องเสียมา กูรู้สึกว่าตัวเองสกปรก” เขาพูดออกมาด้วยเสียงเบา เบามากถึงมากที่สุด
“มึงล้างตูดไม่เป็นรึไงวะ”
“กูก็ล้าง แต่กูก็รู้สึกว่าตัวเองไม่สะอาดอยู่ดี”
“มันจะไม่สะอาดยังไงวะ”
“กูกลัวกูตัวเหม็น” เขาพูดออกมา เขาโคตรรู้สึกสกปรก เขากลัวว่ามันจะรังเกียจเขา
“ไม่มีอะไรแย่ไปกว่ากลิ่นเหล้ามึงเมื่อคืนแล้วแหละไอ้อิฐ กูเป็นหมอน่า กูไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคนป่วยหรอก มึงรีบถอดเร็วๆ ไข้มึงจะได้ลด”
เขาตัดสินใจถอดเสื้อออกอย่างไม่มีทางเลือก พร้อมกับใช้มือเอื้อมไปปลดตะขอกางเกงพร้อมกับถอดมันออกไปจนถึงปลายเท้า โชคดีที่เมื่อวานเขาใส่บอกเซอร์มาด้วย ไม่งั้นได้โชว์กางเกงในให้ไอ้ไป๋ดูแน่
ไอ้ไป๋เช็ดตัวให้เขาด้วยความเงียบ
มันก็ไม่รู้จะพูดอะไร เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไร มันบรรจงเอาผืนผ้าลากไปตามผิวกายของเขา ตอนแรกเขารู้สึกหนาวมาก แต่ตรงผิวรู้สึกถึงความร้อนอบจนแทบจะสัมผัสไอร้อนได้เลย พอไอ้ไป๋เอาผ้าชุดน้ำหมาดๆ มาเช็ดให้ กลับกลายเป็นว่าเขารู้สึกดีขึ้นมากๆ ความร้อนที่อบอยู่ตามผิวเขาเมื่อครู่เหมือนจะอันตรธานหายไปเสียหมด เขาเพิ่งรู้ว่าทำไมไอ้ไป๋ถึงรบเร้าจะเช็ดตัวให้เขามากขนาดนี้ เพราะว่าการเช็ดตัวมันช่วยให้อาการเขาดีขึ้นมากจริงๆ จากที่รู้สึกว่าแอร์ในห้องนั้นหนาวจนตัวสั่นก็กลับกลายมาเป็นปรกติแล้ว คือรู้สึกเหมือนอากาศจากแอร์ทั่วไป ไม่ได้หนาวได้ร้อนอย่างผิดสังเกต
“ดีขึ้นไหม”
มันเอ่ยถามคำแรกหลังจากที่เช็ดตัวให้ส่วนบนของเขาเสร็จ และเริ่มไปเช็ดส่วนของท่อนขาให้กับเขา ยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ เขาไม่น่าสร้างเรื่องวุ่นวายให้คนตรงหน้าลำบากแบบนี้เลย
“ดีขึ้นเยอะแล้วหวะ เดี๋ยวกูเช็ดต่อเองก็ได้ เกรงใจมึง”
เขาพูดพลางจะลุกขึ้นแย่งเอาผ้ามาจากมือคนตรงหน้า ไอ้หมอไป๋หันมาเล็กน้อยพร้อมกับใช้มือดันตัวเขาลงไปนอนกับเตียงใหม่อยากที่เขาแทบจะขัดขืนอะไรไม่ได้เลย แรงของเขามันหายไปไหนหมดวะเนี่ย
“อย่าอวดเก่ง กูเป็นหมอ ไม่สิ อย่างน้อยกูก็เป็นว่าที่หมอคนหนึ่ง กูรู้น่าว่ามึงไหวหรือไม่ไหว รับปากว่ากูไม่ทำให้มึงนานนักหรอก พอมึงหายเมื่อไหร่กูจะไม่มาทำอะไรอย่างนี้ให้มึงแน่นอน”
“พูดซะไม่อยากหายเลย” เขาเอ่ยกระซิบ
“มึงว่าไงนะ” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาจากการเช็ดตัวให้เขาและถามด้วยความสงสัย
“เปล่า” เขารีบตอบ
“กูได้ยินมึงพูดอะไรงึมงำ”
“กูบอกว่าเช็ดตัวแล้วสบายดีจัง”
“เดี๋ยวกูเอาผ้าไปเก็บแป๊บนึง ซักน้ำสะอาดไว้สักหน่อย เผื่อต้องใช้เช็ดตัวมึงอีก” มันพูดพร้อมกับยกกาละมังใส่ผ้าผืนเล็กลุกขึ้น เมื่อเห็นว่าเช็ดตัวให้เขาเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวกูช่วย” เขาพยุงตัวจะลุกขึ้น
“นอนพักไปเหอะมึง เดี๋ยวกูจะลงไปซื้อโจ๊กมาให้มึงรองท้องด้วย ถ้ามีอะไรฉุกเฉินก็โทรหากู กูรีบไปรีบมา” มันพูดพร้อมกับกดไหล่เขาให้นอนลงเช่นเดิม
“ไม่ต้องหรอก กูไม่หิว”
“อย่าเถียงกู”
“...”
“อย่างน้อยก็ในเวลาที่มึงป่วย”
“รถกูยังจอดทิ้งไว้อยู่ที่ร้านนม”
“ทิ้งแม่งไว้นั่นแหละ ดูซิ๊ว่าจะหายไหม”
“กูไม่ได้กลัวหาย”
“แล้วกลัวอะไร”
“กุญแจห้องกูยังอยู่ในรถ”
“มึงนอนพักที่ห้องกูให้หายก่อนนี่แหละ กลับไปห้องเดี๋ยวนอนตายขึ้นมาลำบากกูต้องไปเก็บศพอีก ไม่ต้องรีบ ห้องมึงไม่หายไปไหนหรอก พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับก็ยังทัน”
นายพินต้า
ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่
www.twitter.com/ninepinta ประกาศครับบบบบ ตั้งแต่ตอน 20 เป็นต้นไปจะทยอยลงอาทิตย์ละ 3 วันนะครับ อังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ จุ๊บจุ๊บจุ๊บ ยังรออ่านเม้นเหมือนเดิมนะ เย่เย่เย่ รักคนเม้นทุกคนเลยยยยย