☼ Love Suck! เกลียดนัก...รักดูไหม? ตอนที่ 39 : ตั ว ล่ อ [P7] 31.10.61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☼ Love Suck! เกลียดนัก...รักดูไหม? ตอนที่ 39 : ตั ว ล่ อ [P7] 31.10.61  (อ่าน 43808 ครั้ง)

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เคลียร์ๆซะทีเหอะพี่ซัน เซ็งอ่ะ ลองห่างๆ กันดูดิ เวลาจะให้คำตอบได้

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ตอนที่ 22 : ความแตก


[บีทส์]


อ๊าก!!!


ผมจะทำยังไงดีๆ ประโยคนี้มันวนเวียนอยู่ในหัวผมมาตั้งแต่เช้า ไม่ยอมหลุดออกไปจากสมอง


“หึ เป็นอะไรของมึงอีก ทำหน้าแปลกๆ ตั้งแต่เช้าแล้ว” พี่ซันเอ่ยแซ็วขึ้นมาขำๆ ขณะที่กำลังขับรถมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ กันในช่วงสายๆ ของวัน


“เพราะพี่นั่นแหละ”


ผมโวยกลับหน้ายุ่ง ไอ้พี่บ้า!! มาทำให้คนเขาคิดมากยังมาหน้ามาทำหน้าระรื่นอีก! ผมจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคร่าวๆ ให้ฟังนะครับ แบบ...นึกแล้วอยากเอาหัวโขกหน้ารถจริงๆ


กลับไปที่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หลังจากที่พี่ซันพูดประโยคชวนสั่นสะท้านโลกานั่นมา ผมก็ได้แต่เบิกตากว้างมองหน้าพี่มันด้วยความตกใจจนพี่ซันต้องเอื้อมมือมาเขย่าตัว


‘เฮ้ย บีทส์มึงโอเคมั้ย?’


‘พี่พูดอะไรออกมา คนข้างๆ อะไรกันผมไม่เข้าใจ’


พี่ซันถอนหายใจ แล้วพูดต่อด้วยแววตาจริงจัง ‘มันไม่มีสถานะตายตัว กูแค่ขอให้มึงช่วยอยู่ข้างๆ กูก่อน อย่าผลักไสให้กูไปไกลๆ อย่าเพิ่งหนีกูไปไหนจะได้มั้ยวะ’ ผมพยายามหรี่ตามองอย่างจับผิด ผมยังไม่อยากไว้ใจแต่ก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้


‘แต่พี่มีพี่ฟ้าอยู่แล้วนะ แล้วเขาก็เป็นพี่รหัสของผมด้วย มันจะไม่โหดร้ายเกินไปเหรอ’


‘เขาก็อยู่ส่วนเขา กูรู้จักฟ้าดีพอๆ กับที่รู้จักตัวเองดี เดี๋ยว! อย่าเพิ่งเถียง ฟังกูพูดให้จบ อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว แต่มันไม่เหมือนกันเข้าใจมั้ย กูสัญญาว่ากลับไปกูจะพยายามทำทุกอย่างให้ฟ้าเข้าใจ’


‘จะให้ผมอยู่ในฐานะอะไร แฟนเก็บ คนคั่นเวลา หรือแค่ตัวสำรอง รอให้พี่เหงาแล้วมาหา จากนั้นก็กลับไปหาคนของพี่’


‘ไม่ใช่ แต่เป็น...คนข้างๆ กูต่างหาก’


‘แล้วมันต่างอะไรกับเมียน้อยเล่า!’


‘กูเพิ่งจะรู้ตัวได้ไม่นานมานี้...ว่ามึงมีอิทธิพลกับตัวกูมากแค่ไหน” เขาเหลือบมองหน้าผมแล้วเว้นวรรคคำพูด “ไม่เจอมึงก็ร้อนรน เจอมึงอยู่กับคนอื่นก็หงุดหงุด มันเหมือนยาเสพติดนะว่ามั้ย รู้ว่าไม่ดียังคิดอยากจะลองซ้ำๆ’


!!!


‘พี่ซัน...’ ผมครางเรียกชื่อเขา


‘ขอเวลาให้กูได้เคลียร์ตัวเองก่อนได้มั้ย?’


‘แต่พี่รู้ใช่มั้ยว่าถ้าอยู่กับผม พี่จะโดนคนอื่นมองว่าเป็นเกย์...พี่ยอมได้เหรอ’ ผมถามกลับด้วยความคาใจ เป็นจุดที่ผมเองก็เป็นห่วงพี่ซัน


‘กูไม่ได้เป็น กูรู้อยู่แก่ใจ แค่มึงคนเดียวเท่านั้นบีทส์’


‘แต่...’


‘ลองเสี่ยงกับกูสักครั้งได้หรือเปล่า’


สายตาเคร่งขรึมถูกปรับลงให้เหลือไว้แต่ความอ่อนโยนและเว้าวอน พี่ซันกระชับมือผมขึ้นสองข้าง แล้วมองตรงมาที่ผม สายตาทั้งสองข้างสะท้อนแค่เงาของผม…


“กูทำไม” พี่ซันถามกลับอารมณ์ดี สายตาโฟกัสอยู่ที่ถนน


“ผมถาม ทำไมไม่ยอมตอบเล่า!”


พี่ซันหันมาเลิกคิ้ว


“ตอบอะไร”


“พี่รู้ความหมายของคำถามพี่ดีใช่มั้ย...ว่ามันสื่อว่าอะไร” ผมหันไปถาม พี่ซันหรี่ตาลงก่อนจะหันไปขับรถต่อ ผมทำปากยู่


“รู้”


“นั่นมันคำบอก...บอกชอบทางอ้อมแท้ๆ เลยนะ!?” ผมถามย้ำขึ้นอีกรอบ จริงๆ เป็นคำถามที่ผมเคยถามไปตั้งแต่เมื่อเช้า แต่ปฏิกิริยาตอบรับจากพี่มันก็แค่ยิ้มแล้วยีหัวผม ไม่ยอมตอบรับหรือปฏิเสธอะไรเลย แค่บอกว่าชอบว่ารักแค่นี้มันลำบากมากเลยหรือยังไงห๊า!!!?


“มึงก็ยังไม่ได้ตอบอะไรกูเลยเหมือนกัน” พี่ซันแย้ง


“ก็มันยังไม่เคลียร์เลยนี่”


“กูรู้ว่ามึงคงรู้สึกไม่ดีเรื่องฟ้า...ความผิดนั้นกูขอเก็บไว้แค่คนเดียว ขอแค่มึงเชื่อในตัวกู และอยู่ข้างๆ กูแบบนี้ กูสัญญาว่าจะเป็นคนเคลียร์ทุกอย่างด้วยตัวกูเอง” พี่ซันพูดขึ้น


“แต่...”


“กูพอจะเดาคำตอบของมึงได้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ที่มึงอยากถามเอาไว้ค่อยคุยกันอีกทีนะ” พี่ซันพูดแล้วฉีกยิ้มให้ผมนิดๆ ก่อนจะหันไปขับรถต่อ


ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าเคร่งขรึมของพี่ซันที่มองตรงไปข้างหน้า มันเป็นเรื่องที่ยากจะตัดสินใจ ความรู้สึกค้างคายังเกาะกินในใจผม แต่ผมขอแค่ครั้งนี้ให้ผมได้ลองทำตามหัวใจตัวเองสักครั้ง ถ้ามันไม่ได้จริงๆ ผมจะยอมรับความผิดบาปนี้ไว้และถอนตัวออกมา


ผมลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปกอบกุมมือหนาที่จับอยู่ที่พวงมาลัยแล้วบีบเบาๆ พี่ซันหันมาส่งยิ้มมุมปากให้ เราเพียงแค่ยิ้มเพื่อเติมกำลังใจให้แก่กันและกัน


...ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ


“มึงจะแวะซื้ออะไรเข้าคอนโดมั้ย” พี่ซันหันมาถาม


ผมส่ายหัว ยังจมอยู่กับความคิด


ให้อยู่ข้างๆ กันงั้นเหรอ


แล้วถ้าสักวันพี่มันมีคนข้างๆ ที่เป็นตัวจริงเข้ามาล่ะ


ผมก็ต้องเป็นคนถอยหรือเปล่า…


ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาอีกรอบหลังจากเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ อุตส่าห์คุยโวไว้ว่าจะนั่งอยู่เป็นเพื่อนคนข้างๆ จนถึงกรุงเทพแท้ๆ ก่อนจะหันไปถามร่างหนาของคนคุ้นเคยที่หันมามองด้วยแววตาขบขัน


“พี่หมอนัดที่คอนโดใช่มั้ยครับ”


“อืม...เพราะมันคนเดียวทำทุกอย่างพลาดไปหมด ไม่รู้ว่ามีธุระด่วนอะไรถึงเคลียร์กันไม่ได้ ต้องโทรตามตัวกูให้กลับ” พี่ซันตอบอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกไปถึงต้นเหตุที่ทำให้เราต้องรีบกลับกรุงเทพกันตั้งแต่ตอนสายของวัน


ผมพยักหน้ารับก่อนจะถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์ของพี่ซันขึ้นมาเล่นเกมอีกรอบหลังจากที่พี่เขาคงเห็นผมนั่งว่างเบื่อๆ เลยหยิบโทรศัพท์ของตัวเองยื่นให้ผม บอกว่าเอาไปเล่นปากจะได้ไม่ว่าง…


จะว่าไปโทรศัพท์ของพี่มันก็แทบไม่มีแอพลิเคชั่นอะไรเลย ผมลองแอบกดเข้าไปดูในกล่องข้อความก็ไม่มีอะไร จะมีก็แต่กล่องข้อความเข้าจากพี่ฟ้าทั้งนั้น แต่กล่องข้อความออกกลับมีแต่พวกวันเวลา สถานที่ ถึงใครก็ไม่รู้ แถมยังมีตัวเลขที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นจำนวนเงินอะไรสักอย่างที่พี่มันส่งออกไป เป็นมูลค่าที่เยอะทีเดียวครับ


พอจะลองกดเข้าไปเช็คเฟสบุ๊คส่วนตัวของพี่มัน ก็ดันไม่ล๊อกอินไว้อีก คนหล่อเซ็ง เอาง่ายๆ เลยครับ พี่มันมีโทรศัพท์ไว้แค่โทรเข้ากับโทรออกจริงๆ ไอ้พวกโซเชียลนี่คงจะไม่เคยแตะ


ผมเล่นเกม (ที่เพิ่งโหลดใหม่เอง) ไปได้สักพักใหญ่ ก่อนจะเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับเส้นทางเมื่อพี่มันเลี้ยวเข้าซอยคอนโด ผมหันไปหยิบเป้ของตัวเองที่วางอยู่ตรงท้ายเบาะหลังมากอดไว้ ก่อนจะกดออกจากเกมยื่นโทรศัพท์คืนให้เจ้าของเครื่อง


“พรุ่งนี้มึงมีเรียนเช้าใช่มั้ย” พี่ซันเอ่ยปากถามก่อนจะวนหาที่จอดรถ ผมเลิกคิ้ว แต่ก็กดหน้าลงหงึกหงักเป็นเชิงตอบรับ
“เดี๋ยวกูไปส่ง” พี่ซันหันมาเฉลย ก่อนจะจอดรถนิ่งสนิท


ผมขมวดคิ้ว “เดี๋ยวพี่ก็ปล่อยผมลงหน้ามหาลัยอีกอ่ะ ไม่เอาด้วยหรอก”


พี่ซันทำหน้าแหยแกด้วยความไม่ชอบใจ


“อะไรที่มันผ่านมาแล้วมึงจะปล่อยผ่านมันไปไม่ได้เหรอวะ” เขาถามเสียงอ่อน ผมทำหน้าช่วยไม่ได้ ก็คนมันกลัวนี่หว่า พี่แม่งยิ่งเอาแน่เอานอนไม่ค่อยจะได้อยู่ด้วย


“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ”


“เออ กูจะส่งมึงให้ถึงหน้าคณะเลยพอใจมั้ย พูดมากลงไปได้แล้ว จะได้อาบน้ำ เหนียวตัวฉิบหาย” พี่ซันพูดเสียงฉุนที่ผมตอกย้ำการกระทำของเขาในอดีต ผมหัวเราะคิกคักก่อนจะก้าวลงจากรถตามร่างสูงที่เปิดประตูรถออกไปก่อนแล้ว


“อ้าวน้องบีทส์”


พี่รปภ. หน้าคอนโดเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นผม ผมหันไปยิ้มทักทายให้อย่างเป็นกันเอง คุยกันตั้งหลายครั้งไม่เคยได้ถามชื่อสักที คุณนายเขาชอบฝากของกินมาให้พี่แกนะครับ เลยสนิทกันโดยปริยาย จำได้กันไหมครับตอนที่ผมย้ายมาอยู่แรกๆ ที่คุณนายฝากฝังผมไว้กับพี่แกไง


“พี่เห็น...”


“ยืนทำอะไร ทำไมไม่ขึ้นห้อง”
   

พี่รปภ. หน้าเหวอเมื่อคนที่เดินถือถุงของฝากตามผมมาเอ่ยขัดขึ้นเสียงเข้ม ผมหันไปมองหน้าพี่ซันก่อนจะรีบฉีกยิ้มประจบเมื่อเจ้าตัวหันมามองผมหน้าดุ ชิส์ เห็นว่าขับรถมาเหนื่อยหรอกนะ
   

“เดี๋ยวว่างๆ ผมมาคุยด้วยนะพี่ พอดีพี่ผมเขาขับรถมาเหนื่อย” ผมรีบหันไปกระซิบพี่เขาทันที ก่อนจะรีบเดินเข้าไปกดลิฟท์ให้พี่ซันที่ถือของฝากมาเต็มสองมือ ให้พี่ฟ้านั่นแหละครับ อ่อ แต่มีของผมด้วยนะ
   

“เดี๋ยว” ผมชะงักมือที่กำลังจะกดชั้นที่จะให้ลิฟท์จอดไปมองหน้าพี่ซัน


“ครับ?”


“จอดแค่ชั้นของมึงพอ” พี่ซันต่อคำ


ผมเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ “อ้าว แล้วพี่จะไม่ไปห้องพี่รึไง ของผมมีไม่เยอะ เดี๋ยวผมถือไปเองได้ ไหนว่าพี่อาร์ตรออยู่” ไม่เห็นต้องถือของไปให้เลย ตัวเองก็มีธุระด่วนแท้ๆ


“เออน่า”


ติ้งงงง


ผมเดินนำพี่ซันออกมาจากลิฟท์ก่อนจะล้วงหากุญแจห้องในกระเป๋าออกมา เฮ้อ สงสัยพรุ่งนี้คงต้องแวะไปเอาโทรศัพท์ที่บ้านหลังเลิกคลาสซะแล้ว หวังว่าไบร์ทคงจะไม่สงสัยอะไรหรอกนะ


แกรก~


ผมไขประตูเข้ามาในห้อง โดยมีร่างสูงของพี่ซันเดินตามเข้ามาด้วย รอให้เขาเข้าห้องผมถึงปิดประตูแล้วเดินตามร่างสูงเข้าไปในห้อง แต่ต้องเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นพี่ซันยืนนิ่งไม่ยอมขยับไปไหน


“มี...ไบร์ท!!!?”


ผมกำลังจะเอ่ยถามพี่ซัน แต่ก็ต้องร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นร่างของคนคุ้นเคยนั่งอยู่บนโซฟา ตรงข้ามกับพี่อาร์ตที่ยิ้มน้อยๆ ให้พวกผมอย่างลำบากใจ


“ใช่...ไบร์ทเอง”


ไบร์ทหันมาตอบรับแล้วแสยะยิ้มให้น้อยๆ ผมทำหน้าอึกอัก เชี่ยแล้วไง พี่ซันหันมามองหน้าผมพร้อมกับถอนหายใจเหมือนเริ่มจะเข้าใจสถานการณ์ เขาเดินเลี่ยงเอาของไปวางไว้บนโต๊ะ แล้วเดินกลับมาคว้าเอาข้อมือผมให้เดินตามไปนั่งที่โซฟา พี่อาร์ตขยับไปนั่งเก้าอี้อีกตัวที่ว่าง


“พี่บีทส์มานั่งนี่”


ผมกำลังจะนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามกับน้องเด้งตัวขึ้นยืนตัวตรง เตรียมขยับไปนั่งตามคำขอแต่พี่ซันคว้าข้อมือผมไว้ รู้สึกว่าอากาศในนี้ร้อนทั้งๆ ที่เปิดแอร์อยู่ ไบร์ทเม้มปากมองหน้าผม ก่อนจะตวัดดวงตากลมโตกลับไปมองกดดันคนข้างตัวผมแทน


พี่ซันมองหน้าผมนิ่ง แล้วหันไปมองหน้าน้องผม


“ตรงนี้ก็ว่าง” พี่ซันพูดขึ้นเสียงเรียบไม่สะทกสะท้าน ผมทำหน้าอึกอัก


“เอ่อ พะ.../ พี่บีทส์จะนั่งตรงนี้” ผมกำลังจะเอ่ยปากท้วงพี่ซัน แต่โดนใครบางคนพูดแทรกขึ้นก่อนจนต้องเก็บคำไว้ในปาก บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันที ผมมองหน้าน้องสลับกับพี่ซันก่อนจะถอนหายใจเบาๆ


เอาวะ...อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด


“พี่เขาแค่พามาส่งน่ะไบร์ท” ผมเอ่ยแก้ตัว แต่แอบเอานิ้วไข่วไว้ด้านหลัง


ขอโทษนะไบร์ท


ไบร์ทลุกขึ้นยืนมองหน้าผม พี่หมอลุกตามแล้วก้าวมายืนขนาบข้าง


 “พี่บีทส์ไม่เคยโกหกไบร์ทแบบนี้เลยนะ” ผมเม้มปาก พี่ซันลุกขึ้นยืนซ้อนหลังผม กระชับแรงที่มือส่งกำลังใจให้ผมโดยไร้คำพูด
ไบร์ทเหลือบมองมือพี่ซันที่จับข้อมือผมไว้ “ปล่อยมือ” น้องบอกพี่ซัน แต่เขาไม่ยอมปล่อย ผมเม้มปาก ส่งสายตาให้พี่ซันปล่อย แต่พี่ซันยืนกรานความคิดเดิม


“พี่บีทส์ทำแบบนี้ได้ยังไง!”


“พี่ว่าเราคุยกับพี่เขาดีๆ ดีกว่านะไบร์ท” พี่หมอเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นบ้าง ไบร์ทตวัดสายตาใส่อย่างเคืองจัด แต่พี่หมอก็ไม่ยอมปล่อยมือจากข้อศอกของไบร์ท คงกลัวหลุดมาเสยคางเพื่อนตัวเอง ขนาดผมยังแอบหวั่นในใจ ไบร์ทค่อนข้างใจร้อนและรั้นมากด้วย


“มึงไม่ต้องยุ่ง เรื่องของคนในครอบครัว!!” ไบร์ทตะคอกใส่พี่หมอหน้าแดง พี่หมอหน้าเสียไปเลย แต่ยังยืนนิ่งไม่มีการขยับหนี ผมขยับเข้าไปใกล้น้องแต่ก็ถูกพี่ซันรั้งแขนไว้


“พี่แค่อยากให้เราใจเย็นๆ” พี่หมออธิบาย


“กูเย็นมานานแล้ว แต่นี่มันลากพี่กูไปไหนก็ไม่รู้แถมยังไม่ให้ติดต่อกับกู มึงจะให้กูคิดยังไง!?” ไบร์ทหันไปตะคอกถามต่อแล้วมองพี่ซันอย่างเคืองจัด


“คนเราทุกคนก็มีเหตุผลเป็นของตัวเอง พี่ไม่อยากให้เราใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหา” พี่หมอพูดต่ออย่างใจเย็น


“ไบร์ทใจเย็นๆ” ผมออกปากห้ามเมื่อเหตุการณ์เริ่มจะบานปลาย มือสั่นทั้งสองข้าง ไม่รู้จะแก้ไขกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ยังไง ไม่รู้ว่าน้องรู้อะไรบ้าง หรือรู้ไปถึงขั้นไหน


“มึงปล่อยมือพี่กูเลยนะ!” ไบร์ทตะคอกใส่หน้าพี่ซัน แล้วทำท่าจะเข้ามาดึงมือพี่ซันออกจากผม พี่หมอรีบเกี่ยวเอวเล็กแล้วจับยึดไว้สองมือ ส่วนผมตอนนี้ถูกพี่ซันรั้งไปยืนอยู่หลังร่างหนาแทน


“พี่ซันปล่อยผม นั่นน้องผมนะ!” ผมทำหน้าจะร้องไห้ เมื่อเห็นอาการหัวเสียของน้อง ไบร์ทเองก็ไม่ต่างกัน คงโมโหที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ


“แต่...” พี่ซันทำท่าจะท้วง


ผมส่ายหัวแล้วตะคอกย้ำคำพูดของตัวเอง “ปล่อย!” 


พี่ซันส่งเสียงหึในลำคอ แต่ก็ยอมปล่อยมือผม ผมเดินขาสั่นเข้าไปหาน้อง ไบร์ทเม้มปากแน่นก่อนจะคว้าข้อมือผมไปยืนข้างหลัง


“พูดความจริงมาให้หมด” ไบร์ทยื่นคำขาด ผมเบิกตากว้าง หมายความว่ายังไง ไบร์ทรู้เรื่องของผมกับพี่ซันแล้วอย่างงั้นเหรอ!?


“ไบร์ท” ผมครางเรียกชื่อน้องเสียงสั่น แล้วหันไปมองหน้าพี่ซัน พี่มันหรี่ตาลง อย่างใช้ความคิด ก่อนจะปรับสายตาให้เรียบนิ่งเหมือนเดิม


ไบร์ทไม่ฟังเสียงผม แต่เลือกหันไปพูดกับพี่ซันแทน “ถ้าไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าคนรู้จักกับพี่บีทส์ก็แค่พูดมา แต่ถ้ามี...ก็บอกมาให้หมด”


ผมจับมือน้องไว้แล้วดึงไว้เบาๆ พยายามจะเรียกน้อง


“คะ...คือไบร์ท”


พอเจอผมรบเร้ามากๆ ไบร์ทก็หันมาพูดกับผมแล้วจับมือผมไว้เบาๆ เป็นการขอร้อง “พี่บีทส์ตอนนี้ไบร์ทขอให้พี่บีทส์อยู่เฉยๆ ก่อนนะ แล้วเราค่อยมาคุยกัน”


ผมทำหน้าลำบากใจแล้วหันไปมองหน้าพี่ซัน พี่มันพยักหน้าให้ผม


“พาพี่บีทส์เข้าไปในห้องก่อนอย่าเพิ่งให้ออกมา” ไบร์ทหันไปสั่งพี่หมอ รายนั้นก็พยักหน้าตอบรับคำขออย่างดีเยี่ยม ผมส่ายหัวไม่ยอม


“พี่จะอยู่ด้วย” ผมต่อรอง


ไบร์ทส่ายหัว “ไบร์ทจะคุยเองและต้องคุยแค่กับเขา”


“ไปเถอะบีทส์ ไม่มีอะไรหรอกเชื่อพี่นะ” พี่หมอเอ่ยสำทับ ทั้งๆ ที่ก็มีสีหน้าเป็นห่วงทั้งเพื่อนตัวเองและน้องผม ผมหันหน้าไปมองพี่ซัน เขาส่งยิ้มให้ผม


“ไม่มีอะไรให้มึงต้องห่วง เข้าไปข้างในก่อนไป”


ผมรู้ว่าพี่ซันก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่ทำอะไรรุนแรงแน่นอน แต่ที่ผมห่วงคือน้องผม ไบร์ทใจร้อนและเคยมีเรื่องกับเด็กผู้ชายบ่อย เขาเรียนการต่อสู้ เคยล้มผู้ชายตัวโต แล้วยิ่งอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ยากที่จะควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในสภาวะปกติ


“ไปเถอะ” พี่ซันสำทับ


“อือ”


ผมครางรับในลำคอ ยอมเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง พี่หมอเดินตามเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งตรงปลายเตียงในท่านั่งชันเข่า
“ไม่ต้องกังวลหรอก” พี่หมอพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ


“ไม่ให้ผมกังวลได้ยังไงล่ะพี่” ผมค้านแล้วใช้หลังมือปาดหางตา ซบหน้าลงกับเข่าของตัวเอง คนหนึ่งเป็นน้องแท้ๆ ที่คลานตามกันมา กับอีกคนที่มีน้ำหนักในหัวใจของผมไม่แพ้กัน


คนสำคัญของผมทั้งคู่…



Talk :: ถ้าเป็นคุณ...คุณจะทำยังไง



ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
จากใจเลยนะก็ในเมื่อซันยังเคลียร์ปัญหาส่วนตัวไม่ได้ว่าจะเอายังไงบีทส์ควรถอยออกมาก่อน การที่ไปรวมกันตรงนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลยออกจะมองว่าเด่นแล้วเรียกปัญหาเข้าตัวซะมากกว่า รอให้ทางซันชัดเจนจริงๆไม่มีปัญหากวนใจแล้วค่อยกลับมาคบกันจริงๆก็ได้นี่

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอาให้เคลียร์เลยนะ ไบร์ท  :hao3:

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
น้องหวงพี่สุด งือ อะไรกันมีอะไรกันเนี้ย

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ตอนที่ 23 :: คำตอบ...ก็อยู่ในสิ่งที่สงสัยอยู่แล้ว


[ซัน]


ผมได้แต่มองตามร่างเล็กที่เดินปาดน้ำตาเข้าไปในห้อง ยังไม่วายมันยังหันหน้ามามองผมด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะโดนไอ้อาร์ตดันหลังเล็กให้เข้าห้องตามคำสั่งของคนตัวเล็กที่สุดในห้องแต่นิสัยไม่เล็กตามตัว


“เมื่อไหร่จะตอบ” เสียงแข็งๆ ของอีกฝ่ายดังขึ้นเพื่อกดดัน ผมเหลือบมองเด็กของเพื่อนนิ่งๆ ถึงแม้ว่าจะรู้เต็มอกว่าเด็กคนนี้กำลังถือไพ่เหนือกว่าอยู่ก็ตาม


“ตอบคำถามมา ถ้าไม่ตอบก็กลับไปแล้วไม่ต้องมายุ่งกับพี่บีทส์อีก!” เจ้าตัวเน้นย้ำน้ำเสียงในท้ายประโยคพร้อมกับใช้ดวงตากลมโตนั่นมองผมเขม็ง ผมส่งเสียงหึในลำคอแล้วมองไปอีกทาง ก่อนจะหันกลับมาจ้องตอบดวงตากลมโตนั่นด้วยความดุดัน


“ไม่มีอะไรจะตอบ” ตอบกลับไปเสียงเข้มพอๆ กับสีหน้าในตอนนี้


ไบร์ทมองผมสายตาวาววับ “หึ! ก็คิดไว้อยู่แล้ว กล้าทำไม่กล้ารับ” เขาชี้ไปที่ประตู “ออกไปจากห้องนี้ แล้วไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก พี่บีทส์ไม่ใช่ของเล่นของใคร”


ผมยกมือขึ้นมาเสยผม ขับรถมาเหนื่อยๆ คิดว่าจะรีบไปเคลียร์ธุระกับไอ้อาร์ตให้เสร็จไวๆ แล้วรีบกลับมานอนกอดคนที่อยู่ด้านในเอาแรงสักหน่อย กลับต้องมาเจอเรื่องให้ปวดหัว


ให้ตายเถอะ…


ผมทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา ก่อนจะหลับตาข่มกลั้นอารมณ์ที่เดือดในอกอยู่ตอนนี้และเรียกสติของตัวเองกลับมาให้ได้มากที่สุด กับคนตรงหน้าถ้าขืนใช้แต่อารมณ์คงจะพูดกันไม่รู้เรื่องแน่


ถ้าหากผมเผลอทำอะไรรุนแรงไปละก็...ผมอาจจะเจอสองเด้ง


เฮ้อ…


ทั้งๆ ที่ตอนแรกคิดไว้แล้วว่าจะขอจัดการกับปัญหาของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยบอกความจริงกับทุกคน เพราะถ้ายิ่งรู้กันมากเท่าไหร่ปัญหามันก็จะยิ่งลุกลามตามไปด้วย ผมไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่านี้


เหมือนอย่างตอนนี้ไง


แต่จะโทษใครได้ ก็ต้องโทษที่ตัวของผมเอง ก็เหมือนกับที่ไอ้อาร์ตเคยบอกกับผมเมื่อนานมาแล้ว


ยิ่งหนี...ทุกอย่างกลับยิ่งชัดเจน


ทั้งๆ ที่เคยปฏิเสธอย่างไม่ใยดีว่าไม่ได้คิดอะไร แต่ทำไมถึงได้ตามติดไอ้คนจอมยุ่งที่ชอบมาก่อกวนในความคิดอยู่เรื่อยแบบนี้
บางที...ยังเคยหึงหวงแม้กระทั่งตอนมันอยู่กับเพื่อนในกลุ่มด้วยซ้ำ


ผมตัดสินใจเงยหน้าขึ้นไปเอ่ยต่อจนจบประโยค “ที่บอกว่าไม่มีอะไรจะตอบก็เพราะคำตอบมันก็อยู่ในสิ่งที่สงสัยอยู่แล้ว” เอาเถอะไม่ว่าจะยังไงก็คงต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วผมก็มีทางเดียวคือต้องเผชิญหน้ากับมัน


“มึง!!”


“ก็แบบที่มึงสงสัยและถ้าให้กูเดาก็คงเป็นคำตอบที่มึงคงไม่อยากได้ยิน” ผมพูดดักทาง


“เฮอะ กล้าเนอะ! ลืมไปแล้วเหรอว่าเคยทำอะไรกับพี่บีทส์ไว้บ้างน่ะฮะ!?” ไบร์ทตะคอกถามเสียงดัง ผมเลิกคิ้วแล้วแกล้งยกมือขึ้นมาแคะหู


จะอะไรนักหนากับเรื่องในอดีตวะ


“ไม่ได้ลืม แต่แค่ไม่ได้จำ” ผมตอบเสียงเรียบ


“พูดง่ายนี่ ลืมไปแล้วเหรอว่าเคยทำท่ารังเกียจพี่บีทส์ไว้ยังไง ทิ้งไว้ข้างถนนยังทำมาแล้ว อยู่ๆ คนที่เคยเกลียดกันจะมาชอบกัน มันง่ายขนาดนั้นเลยรึไง!”


“นั่นมันเมื่อก่อน” ผมแย้ง


“แล้วมั่นใจแค่ไหนว่าเหตุการณ์แบบนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นอีก บอกตรงๆ นะว่าไม่เชื่อ!” ไบร์ทโต้กลับอย่างไม่ลดละแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม


“มั่นใจก็แล้วกัน!” ผมเผลอตัวตะคอกกลับ เพราะเริ่มยัวะแล้วเหมือนกัน


“คิดว่าอะไรๆ มันจะง่ายไปตามใจตัวเองทุกอย่างเลยเหรอ” ไบร์ทถามเสียงฉุน
 

“เรื่องนี้กูจัดการเองได้” ผมตอบ


“แต่กูไม่ให้!!” ไบร์ททำเสียงขึ้นจมูกแล้วยื่นคำขาด
    

“อะไรคือไม่ให้” ผมถาม


“คุณคงคิดว่าเพราะพี่บีทส์รักคุณ คุณเลยไม่กลัวอะไรสินะ” ไบร์ทพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มขบขัน


“...”


“คิดว่าแค่ความรักที่มึงได้ไปจากพี่กู มันจะทำให้มึงได้หลอกฟันพี่กูฟรีไปเรื่อยๆ หรือไง” ไบร์ทพูดด้วยท่าทีเย้ยหยัน
    

ผมหรี่ตา นึกไม่ชอบใจในคำพูดของคนตัวเล็ก “กูไม่ได้จะหลอกฟัน” ใครจะหลอกฟันวะ ถ้าอยากฟันเล่นๆ แค่กูกระดิกนิ้วเรียกก็รังแต่จะมีคนแย่งกันเข้ามาหากูหรือเปล่าครับ


“ไม่ได้หลอกฟันแล้วมันคืออะไร คุณชอบพี่บีทส์งั้นเหรอ” ไบร์ทเลิกคิ้วถาม


“...”


“หึ! แค่นี้ยังตอบไม่ได้เลย” ไบร์ทเอาลิ้นเดาะกระพุ้งแก้ม แล้วหัวเราะในลำคอ ผมมองดูท่าทางนั้นนิ่งๆ


“ถ้าให้คำตอบไม่ได้ก็เชิญออกไปได้เลย ที่นี่ไม่ต้อนรับ” ไบร์ทเชิ่ดปลายคางเป็นเชิงไล่ผมไปทางประตู


ผมถอนหายใจหนักๆ


“กูชอบบีทส์”


“ตอแหล!” ไบร์ทตอบกลับทันควันด้วยน้ำเสียงดูแคลนที่แสดงออกชัดเจน


“งั้นกูต้องทำยังไงมึงถึงจะเชื่อ” ผมถาม


“ไม่มีวัน” ไบร์ทตอบ


“มันไม่แฟร์นี่” ผมจ้องมองหน้าไบร์ท แล้วพูดเสียงเข้ม


“สิ่งที่คุณทำอยู่ก็ไม่แฟร์สำหรับพี่บีทส์เหมือนกัน อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้เลิกแล้วกันไป ถือเสียว่าพี่บีทส์ทำบุญทำทาน ต่อจากนี้
แค่กลับไปหาคนของคุณซะ”


เขาเว้นวรรค


“พี่กู...กูดูแลเองได้”


“หมายความว่าไง” ผมขมวดคิ้วถาม


“ก็ตามนั้น คุณก็แค่กลับไปหาคนของคุณ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำ” ไบร์ทว่าต่อ


“ไม่มีทาง” ผมตอบออกไปในทันทีเหมือนกัน ไบร์ทตวัดสายตามามอง ผมเองก็มองไปที่น้องเหมือนกัน เราสองคนจ้องตากัน
อย่างไม่มีใครยอมใคร


ไบร์ทละสายตาจากผมไปคว้าเอาแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างๆ


“เฮ้ยอย่า!!” ผมร้องห้ามแต่ไม่ทัน เขาสาดน้ำเข้าที่หน้าผม ผมยกมือขึ้นมาลูบหน้า


“ไอ้ผู้ชายไร้ยางอาย” ไบร์ทมองหน้าผม ผมเบิกตากว้างเมื่อเขาทำท่าจะเขวี้ยงแก้วมายังพิกัดที่ผมนั่งอยู่


เพล้ง!!


“เฮ้ย!!” ผมร้องขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับรีบเคลื่อนตัวหนีวัตถุชนิดหนึ่งที่ลอยมาเฉียดหัว นี่ถ้าไม่หลบคงโดนหัวผมเต็มๆ


“ออกไป!!” ไบร์ทลุกขึ้นชี้หน้าด่า ผมขบกรามแน่นข่มความโกรธ สัสเอ้ย! ถ้ากูไม่หลบคิดบ้างมั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้น!!?


“ไบร์ท!! เกิดอะไรขึ้น!?” บีทส์วิ่งออกจากห้องมาถามหน้าตื่น เขามองสำรวจที่น้องของตัวเองก่อน แล้วหันมามองหน้าผม แววตาที่เคยสดใสไหวระริก ยังมีร่องรอยของหยาดน้ำตาเปรอะอยู่ที่หางตาคู่สวย


ผมส่ายหัว ก่อนจะมองเลยไปยังวัตถุต้นเหตุที่ทำให้เกิดเสียงเมื่อสักครู่นอนแน่นิ่งแตกกระจายอยู่ด้านหลังผมเพราะฟาดเข้ากับกำแพง แม่งไวชิบ!


“พี่ซัน...” บีทส์เรียกเสียงสั่น


“เลือด...” บีทส์พูดต่อแล้วชี้ที่คอผม ผมขมวดคิ้วก่อนจะยกมือขึ้นมาแตะบริเวณเดียวกับที่บีทส์ยกมือขึ้นมาแตะที่ลำคอของตัวเอง


“ไม่เป็นไร เศษแก้วคงกระเด็นมาโดน” ผมตอบเมื่อเห็นเลือดติดมือมาด้วย แค่แสบๆ ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร มีเรื่องกับคนอื่นเจ็บกว่านี้ก็เคยผ่านมาแล้ว


“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นวะ” ไอ้อาร์ตเป็นฝ่ายถามขึ้นมาบ้าง


“ไม่มีอะไร”


“ออกไปจากห้องพี่กูทั้งมึงและก็มัน” ไบร์ทพูดแทรกขึ้นมา โดยที่ใบหน้าเล็กหันไปพูดกับไอ้อาร์ต เพื่อนผมเพียงแค่เลิกคิ้วแล้วหันกลับมาหาผมเป็นเชิงถาม


“ไบร์ท...” บีทส์หันไปมองหน้าน้องตัวเองแล้วจับแขนเบาๆ


“พี่ว่า...” ไอ้อาร์ตอ้าปากจะพูดด้วยความหนักใจ


“ถือว่าขอนะ” ไบร์ทไม่ฟังแต่หันไปพูดย้ำกับไอ้อาร์ตอีกรอบ เล่นเอามันเก็บคำพูดไปเลย แล้วหันมามองหน้าผมแทน


“แต่กูยังพูดไม่จบ” ผมค้าน


“มันจบแล้ว” ไบร์ทหันมาตอบ


“เอ่อ...ไบร์ทงั้นเอางี้มั้ย ให้พี่ทำแผลให้พี่ซันเสร็จก่อนแล้วค่อยให้กลับ” บีทส์เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง ก่อนจะหันไปอ้อนวอนน้องตัวเอง


“ไม่ต้องหรอกพี่บีทส์ เพื่อนเขาเป็นหมอก็ให้ดูแลกันไปสิ พี่บีทส์เดินทางมาเหนื่อยๆ ไบร์ทว่าพี่บีทส์พักผ่อนดีกว่า ไม่งั้นไบร์ทจะโทรให้พี่ไม้มารับเรากลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละ” ไบร์ทส่ายหัวปฏิเสธแล้วเอ่ยถึงบุคคลที่สาม เล่นเอาผมคิ้วกระตุก

“ไบร์ท...พี่ว่าเราค่อยๆ คุยกันดีกว่านะ” บีทส์ครางเรียกชื่อน้องในลำคอ น้ำตารื่นมาที่ขอบตาอีกรอบ ผมถอนหายใจ


“ไม่ต้อง!” ผมตัดบท “ครั้งนี้กูจะยอมถอยก่อนก็ได้”


“ไม่ใช่แค่ครั้งนี้” ไบร์ทแสยะยิ้มแล้วเอ่ยต่อ “แต่หวังว่าคุณจะยอมถอยไปซะตั้งแต่วันนี้” ไอ้อาร์ตถึงกับแอบยืนกลั้นขำผมตวัด
สายตาไปด่ามัน แล้วกำมือข่มกลั้นอารมณ์หงุดหงิดของตัวเอง


“เราจะได้เจอกันอีกแน่” ผมเค้นเสียงออกมาผ่านลำคอ แล้วหันไปพยักหน้าให้ไอ้อาร์ตแล้วเดินนำออกไป


หมับ!


“พี่…” บีทส์ครางเรียกผมแล้วคว้าแขนไว้ในขณะที่ผมกำลังเดินผ่าน ผมชะงักหันมามองคนขี้แยที่ยืนทำหน้าจะร้องไห้


ผมยิ้มให้มันนิดๆ แล้วยกมือขึ้นเพื่อจะยีหัวเพื่อปลอบไม่ให้มันคิดมาก แต่ก็ต้องยกมือค้างเมื่อโดนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ บีทส์ยื่นมือมาปัดออกแล้วถลึงตาใส่ ผมเพียงแค่ปรายตาไปมองเรียบๆ แล้วหันกลับไปหาคนขี้แยอีกครั้ง


“อย่าลืมทานขนมที่มึงงอแงจะซื้อด้วยนะ ทุกอย่างมันจะโอเค ไม่ต้องกลัว” ผมยิ้มน้อยๆ แล้วพูดสั่งคนตัวเล็ก บีทส์ยกมือขึ้นมาปาดหางตาตัวเองแล้วพยักหน้ารับ


“อื้อ”


“แล้วกูจะกลับมา” ผมกระซิบรอดไรฟัน บีทส์ยิ้มตอบ ผมพยักหน้ารับ พร้อมกับ หันหลังกลับเดินออกมาจากห้องของบีทส์ แล้วเดินตรงไปที่ลิฟท์โดยมีไอ้อาร์ตเดินตามหลังมาไม่ห่าง สีหน้าของผมตอนนี้คงทำให้มันรู้สึกรื่นรมย์ใจเสียเหลือเกินเพราะผม
ได้ยินเสียงมันแอบหัวเราะมาหลายครั้งแล้ว


“มึงจะกลับห้องเลยรึเปล่า” ไอ้อาร์ตถาม


ผมส่ายหัว


“หึๆ”


“ขำอะไรของมึง” ผมหันไปถามเพื่อนด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะยื่นมือไปกดลิฟท์เพื่อลงไปชั้นล่าง คืนนี้คงต้องไปกกอยู่ที่คอนโดของไอ้สองแทนการนอนห้องตัวเอง ขืนผมยังอยู่คอนโดคืนนี้คงได้ฟุ้งซ่านหาเรื่องเข้าไปหาไอ้ตัวแสบที่ห้องแน่ๆ


“ขำมึงไง ทีแรกเคยปฏิเสธพวกกูเสียงแข็งแล้วตอนนี้เป็นไงล่ะมึง” ไอ้อาร์ตทำเสียงล้อผมแบบไม่จริงจัง มันคงไม่อยากให้ผมเครียดมั้งครับ


หรือมึงอยากซ้ำเติมกูจริงๆ วะ


“สัส! แล้วทำไมไม่บอกกูก่อน กูยังไม่ได้คิดบัญชีกับมึงนะไอ้อาร์ต” ผมหันไปพาลเพื่อน ห่าเอ้ย แทนที่กูจะได้นอนกอด ‘เมีย’ สบายใจอยู่ที่ทะเล


ถามว่าผมโกรธไหมที่โดนมันหลอก ก็ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจว่ามันเองก็คงเลี่ยงไม่ได้เหมือนกัน ของแรงขนาดนั้นมันเองก็คงลำบากใจ แต่ผมก็แค่เคืองอยู่นิดหน่อย ทำไมมึงไม่ยืดเวลาให้กูอีกหน่อยวะ


“ไบร์ทไม่ใช่คนโง่...อีกอย่างพี่เขาเปลี่ยนไปยังไงทำไมเขาจะไม่สังเกต” ไอ้อาร์ตหันมายิ้มน้อยๆ ให้ผม


ผมเลิกคิ้ว “แล้วพอมึงโทรไปบอกเขาตามที่กูขอ เขาก็เลยตามไปคาดคั้นเอากับมึงสินะ ห่า อย่าคิดว่ากูไม่รู้ คนอย่างมึงถ้าจะโกหกมีเหรอว่าเขาจะจับได้ แล้วคนดีอย่างมึงก็ได้ของขวัญเป็นหมัดสวยๆ เป็นการตอบแทนงั้นใช่มั้ย” ผมถามอย่างรู้ทัน เพื่อนผมก็หน้าด้านนะครับ เสือกพยักหน้ารับกูอีก


“จริงๆ กูเองก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ไบร์ททำ” ไอ้อาร์ตว่าต่อ ผมส่งเสียงหึในลำคอแล้วเดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกจากลิฟท์


“ไม่งั้นมึงคงไม่ตัดสินใจบอกเรื่องของกูไปหรอกใช่มั้ย” ผมกัด


“เวลามึงมีไม่มาก กูแค่ช่วยทำให้มันเร็วขึ้น” ไอ้อาร์ตตอบพลางใช้ลิ้นกระทุ้งแก้มไปด้วย ก่อนจะล้วงเอากุญแจรถของตัวเองออกมากดปลดล๊อก


ผมหยุดเดินก่อนจะนึกตามเหตุผลที่ไอ้อาร์ตยกมาอ้าง แล้วถอนหายใจอย่างหน่ายๆ นั่นสินะ…


เวลาของผมมีไม่มากแล้ว


“แล้วมึงจะเอาไงต่อ” ไอ้อาร์ตถาม


“ทีแรกกูตั้งใจจะเคลียร์ตัวเองก่อน แต่ตอนนี้กูมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องไปจัดการ” ผมหันไปตอบ ไอ้อาร์ตพยักหน้ารับช้าๆ


“กูก็ว่างั้น...ต่อจากนี้ไบร์ทคงกันมึงออกจากพี่เขาทุกทางแน่” ไอ้อาร์ตว่าต่อ ผมถอนหายใจ มึงจะย้ำทำไมไอ้เพื่อนเวร มันก็เพราะมึงไม่ใช่รึไงวะ!


“กูต้องขอบคุณคำแนะนำของมึงด้วยรึเปล่า ว่าแต่นั่นน่ะ...มึงจีบลงไปได้ยังไงวะ ดุเป็นบ้า พูดจาหมาไม่แดก” ผมถาม ไอ้อาร์ตหัวเราะเบาๆ


“กูชินแล้ว”


“มึงดูจริงจังมากกว่าที่กูคิด” ผมหันไปเลิกคิ้วขณะที่กำลังเปิดประตูรถ โดยมีไอ้อาร์ตยืนพิงรถตัวเองมองผมอยู่


“ทำไมวะ” ผมถาม


“มึงแน่ใจแล้วเหรอเรื่องน้องฟ้า”


“...”


“ถ้ามึงเดินหน้าเรื่องนี้...มึงจะกลับมายากแล้วนะซัน” ไอ้อาร์ตว่าต่อ ผมยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองแล้วสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด


“มึงเคยบอกกูเองไม่ใช่เหรอวะ ว่าอยากให้กูลองทำตามใจตัวเองบ้าง” ผมหันไปตอบแล้วจ้องตาไอ้อาร์ตกลับ


“แสดงว่ามึงก็คงเตรียมตัวรับมือไว้แล้ว หึ...ได้ยินแบบนี้กูก็สบายใจ” ไอ้อาร์ตตอบ


“หึ ขอบใจ”


“เพื่อนยังไงก็คือเพื่อน เจอกันที่ห้องไอ้สอง” ไอ้อาร์ตว่าต่อแล้วเปิดประตูขึ้นรถ ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิมก่อนจะยิ้มน้อยๆ ให้ตัวเอง
นั่นสินะ...ทุกปัญหาย่อมมีทางออก เพียงแค่บางปัญหามันอาจจะยุ่งยากซับซ้อนในการหาทางออก แต่ถ้าเราลองมองไปให้ถึงต้นตอของมัน แล้วค่อยๆ แก้ไปทีละอย่าง ยังไงซะมันก็ต้องเจอทางออก อยู่แค่ว่าอาจใช้เวลามากน้อยต่างกันไป


แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย ปัญหาที่เราปล่อยค้างไว้ก็อาจจะรัดคอเราจนตายได้สักวัน


...ผมเชื่ออย่างนั้นนะครับ



“มานอนหมดอาลัยตายอยากทำไมที่ห้องกู” เสียงไอ้สองบ่น ผมเพียงแค่เลิกคิ้วก่อนจะนอนหลับตาเอาขาพาดโต๊ะอยู่บนโซฟาห้องไอ้สอง


กว่าสามวันแล้วครับที่ผมมาขลุกอยู่ที่ห้องมัน ไม่ได้ก้าวย่างออกไปไหน จนไอ้สองต้องเป็นคนไปหอบเอาโปรเจ็คที่ผมทำอยู่จากที่คอนโดมาให้ทำจะได้ไม่ว่าง มีแต่มันที่คอยซื้อข้าวซื้อน้ำเข้ามาให้ พร้อมกับไอ้หมอที่วนเวียนเข้ามาหาผมที่นี่ในเวลาที่มันว่าง
หลังจากวันนั้นที่ผมออกมาจากห้องของบีทส์และมุ่งหน้ามาที่ห้องไอ้สอง ผมเพียรพยายามมากกว่าสิบๆ ครั้งเพื่อโทรไปหาบีทส์
หลายต่อหลายครั้งที่โดนปิดมือถือใส่


หลายต่อหลายครั้งที่โดนด่าและตะคอกกลับมาเพื่อบอกให้หยุดสิ่งที่ทำ


หลายต่อหลายครั้งที่ปลายสายก็ยังไม่ใช่คนที่ผมต้องการจะได้ยินเสียง...


ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเจออุปสรรคอะไรแบบนี้ในชีวิต ตั้งแต่เกิดมาอยากได้อะไรก็ใช้เงินซื้อ สิ่งเหล่านั้นก็จะมากองให้เลือกสรรตรงหน้าโดยไม่ต้องออกแรง


กฎหมู่ที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขสั้นๆ ที่เรียกว่า ‘เงิน’


ตลอดหลายวันที่ผ่านมาแค่เพียงหลับตาก็เห็นแต่หน้าไอ้คนหัวดื้อ ปากแดงๆ จมูกเล็กๆ น่ากัดของมันฉายซ้ำๆ อยู่ในหัว ไม่ว่าจะสลัดความคิดทิ้งไปสักกี่ครั้งมันก็ยังวนเวียนกลับมาจบที่เรื่องของไอ้เด็กนั่นอยู่ดี


“มึงจะเอายังไงต่อ มานอนตายอยู่แบบนี้มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น” ไอ้สองพูดต่อ ก่อนที่มันจะเดินมานั่งลงที่โซฟาตัวตรงข้ามกับผมแล้วยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบ


“ก็พวกมึงไม่ใช่เหรอที่ห้ามไม่ให้กูออกไปไหน” ผมตอบเสียงเรียบ ค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วส่ายหัวไปมาช้าๆ ไล่ความมึน เมื่อคืนไม่น่าดื่มหนัก มึนหัวฉิบหาย


“มึงดูสภาพตัวเองก่อนห่า สภาพเหมือนหมาแบบนี้ออกไปไหนอายเขาตาย” ไอ้สองตอกกลับพร้อมกับโยนผ้าขนหนูผืนเล็กมาใส่ผม


“ทำไมวะ สภาพอย่างกูมันเป็นยังไง” ผมขมวดคิ้วถามเพื่อนรักตรงหน้า ไอ้สองยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมแล้วทำจมูกฟุตฟิต ก่อนจะทำท่ารังเกียจใส่ผม


“สภาพอย่างมึงน่ะเหรอ ก็แค่...น้ำไม่อาบ แดกแต่เหล้า ข้าวไม่กิน นอนทำหน้าเหมือนใกล้ตายมาสามวันแล้วไงพอมั้ย” ไอ้สองเชือดกลับมานิ่มๆ ผมถอนหายใจก่อนจะเอนตัวลงพิงผนักโซฟานอนมองเพดานห้องนิ่งๆ


“คิดถึงทำไมไม่ไปหาเขาเลยล่ะ” ไอ้สองถาม


“ถ้ามันง่ายขนาดนั้นกูไปหาเขาตั้งแต่วันแรกแล้วสัส น้องเขาแทบจะแดกหัวกูทุกครั้งที่กูโทรไป ไอ้อาร์ตแม่งก็พึ่งพาไม่ได้” ผมบ่น ไอ้สองหัวเราะ เมื่อผมเอ่ยถึงเพื่อนรักอีกคนที่ผมบังคับให้มันติดต่อบีทส์ให้อย่างลับๆ แต่มันกลับตอบกลับมาหน้าตาเฉยว่า


‘ไบร์ทสั่งห้ามกูเด็ดขาด ถ้ากูช่วยมึงเขาไม่เอากูไว้แน่’


“แล้วความยากมันอยู่ตรงไหนล่ะ ปกติมึงไม่เคยกลัวอะไรแบบนี้นี่ซัน จะกลัวทำไมวะ ไม่ว่ามึงจะเลือกทางไหนคนที่รับผลของการตัดสินใจของมึงก็มีแค่มึง เจ็บมึงก็เป็นคนรับ สุขมึงก็เป็นคนรับไปอยู่ดี ความสุขของมึง มึงก็ต้องเลือกเองสิเพื่อน องค์ประกอบรอบๆ น่ะ มันก็แค่เหตุผลที่ช่วยให้มึงตัดสินใจแค่นั้นแหละ” ไอ้สองถามต่อ


“กู...”


“หรือว่ามึงยังลังเล” ไอ้สองเดา


“ไม่ใช่” ผมส่ายหัว


กูเลือกแล้ว ความจริงกูอาจจะเลือกแล้วมาตั้งแต่แรก ความผิดกูเองที่รู้ตัวช้าว่าตัวเองต้องการอะไร พอรู้ตัวก็สายไปแล้ว เชือกที่รัดอยู่พันกันยุ่งเหยิงไปหมด มันไม่มีเวลาให้กูแก้เชือกพวกนั้นให้ออกไปได้หมดภายในเวลาแค่นี้


“แล้วมึงจะทำยังไงเรื่องฟ้า ผู้ใหญ่ฝั่งนั้นเขาเร่งมึงแล้วนี่” ไอ้สองไล่จี้ทีละประเด็น หลังจากที่ก่อนหน้านี้มันเองก็เพิ่งไปเคลียร์ปัญหาทางบ้านมา ไปกลับระหว่างบ้านมันกับคอนโด


“ก็คงทำเหมือนอย่างที่เคยทำ” ผมตอบ ไอ้สองพยักหน้ารับ ‘อย่างเดิม’ ที่ผมบอกมันก็คือการให้ผู้ใหญ่ฝั่งผมขอเลื่อนไปก่อนด้วยเหตุผลที่ผมใช้มาตลอดนั่นก็คือ ‘ยังไม่พร้อม’ และเราทั้งคู่ยังเด็กเกินไป


“มึงใกล้จะเรียนจบเข้าไปทุกทีจะทำอะไรก็รีบทำ ฟ้ามาถามกูเรื่องมึงทุกวันยังไงก็โทรหาเขาหน่อย” ผมพยักหน้ารับคำ


“อ่อ วันนี้กูเห็นมีผู้ชายมารับบีทส์ที่คณะด้วยนะ ระวังจะโดนคาบไปแดก” ไอ้สองลุกขึ้นยืนก่อนจะเอ่ยบอกผมเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ผมเลิกคิ้ว


“ใคร?”


“กูจะรู้เหรอ แค่เห็นเลยคาบมาบอกก็แค่นั้น ดูท่าสนิทสนมกันน่าดูจับมือถือแขนกันได้เป็นปกติ ดูแล้วสูสีกับมึงนะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว” ไอ้สองตอบกลับกวนๆ ผมขบกรามแน่น รู้สึกเหมือนร้อนรุ่มไปทั่วอก พยายามนึกหาคนที่ไอ้ดื้อมันสนิทด้วยแล้วลองไล่รายชื่อที่มีอยู่ในหัว


ชักไม่ได้การ ยิ่งแต่ละคนที่คอยตามมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ บีทส์ยิ่งไม่น่าไว้ใจ แม่งชอบมองคนของผมด้วยสายตาอ่อนโยนเกินกว่าที่คนรู้จักจะแสดงอาการแบบนั้นออกมา ปล่อยไว้นานไม่ได้


มึงต้องไว้ใจเขาสิวะซัน...ความคิดหนึ่งวิ่งผ่านเข้ามาในสมอง


"อาจจะแค่คนรู้จักกันล่ะมั้ง" ผมตอบไอ้สองเสียงเรียบพยายามท่องประโยคก่อนหน้าซ้ำๆ ในหัว


"คนรู้จักที่ไหน ทำไมต้องมีลูบแก้มกันด้วย" ไอ้สองเลิกคิ้วถามต่อ ผมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม


"เมื่อกี้มึงว่าไงนะ?"


"หวงเหรอวะ" ไอ้สองทำเสียงล้อแล้วยิ้มกลุ้มกริ่ม ผมจิ๊ปากด้วยความขัดใจ แม่งมึงอย่าเพิ่งมาเล่นตัวตอนนี้ได้ไหมไอ้เพื่อนเวร


"เปล๊า กูก็แค่ถาม" ผมกัดฟันตอบ ไอ้สองหลุดขำเบาๆ


"ยังไม่พอนะมึง กูยืนมองอยู่ตั้งนานมีกระซิบกระซาบข้างหูกันอีกต่างหาก เฉียดแก้มไปเฉียดแก้มมา ถ้าเป็นไอ้หมอกูคงคิดว่ามันกำลังหลอกแต๊ะอั๋งเด็กอยู่"


พรึ่บ!


ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะเซน้อยๆ เพราะเสียการทรงตัว


“อ้าวเฮ้ยระวัง แล้วนี่มึงจะไปไหน” ไอ้สองร้องถาม เมื่อเห็นผมเดินไปคว้าเอากุญแจรถและกระเป๋าเงินส่วนตัวที่วางอยู่บนโต๊ะ


“กลับบ้าน” ผมตอบเสียงหงุดหงิด


“หื้ม กลับบ้าน? กูฟังผิดปะวะนึกว่ามึงจะไปหาเมียมึงซะอีก” ไอ้สองถามกลับด้วยความแปลกใจ เพราะปกติถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผมจะไม่ค่อยกลับไปเหยียบที่บ้านหลังนั้น


“เรื่องฟ้ากูคงต้องเข้าไปคุยเองที่บ้าน ส่วนเมียกู กูไปหาแน่ คิดถึงแม่งจะตายห่าแล้ว” ผมขยายความ ไอ้สองทำหน้าสยองเมื่อฟังประโยคหลังจบ รอกูไปหาเจ้าตัวเขาก่อนเถอะ กูจะถามให้รู้กันไปเลย ถ้าเขาบอกว่ามึงพูดอะไรเกินจริงล่ะก็ กูจะกลับมาเหยียบมึงถึงที่ไอ้สอง!


“ไอ้สัสเต็มปากเต็มคำ ทีเมื่อกี้ยังทำหน้าหมดอาลัยตายยากอยู่เลย” ไอ้สองทำท่าขนลุกประกอบคำพูด


“ต้องขอบใจมึงที่ช่วยเตือนสติ” ผมเอ่ยขอบคุณประชดเพื่อนแล้วแสยะยิ้มเย็น ไอ้สองหันมาเลิกคิ้วก่อนจะหัวเราะน้อยๆ


“โชคดีมึง”


ผมออกจากห้องไอ้สองด้วยสภาพแบบเดียวกับเมื่อสามวันก่อน แล้วขับรถมุ่งหน้าไปที่บ้านของผม สถานที่ที่ผมเคยอยู่มาตั้งแต่เด็ก บ้านหลังโตที่หากใครๆ ได้เข้าไปก็ต้องพูดถึงความหรูหราของมัน แต่กลับไม่มีใครเคยรับรู้เลยว่า
ท่ามกลางบ้านหลังใหญ่นั้น มันเงียบเหงามากแค่ไหน...


แปลกนะครับ อยู่กับเพื่อนผมยังสัมผัสกับคำว่าอบอุ่นได้มากกว่าอยู่ที่บ้านซะอีก


“ป้านม! วันนี้คุณซันกลับบ้าน! ป้าน๊ม ม ม~”


ผมเปิดประตูรถ ก่อนจะก้าวลงมายืนอยู่ที่หน้าบ้านหลังใหญ่แล้วส่งกุญแจรถให้กับคนขับรถที่วิ่งมารับตามปกติ พร้อมกับได้ยินเสียงเด็กในบ้านเรียกหานม หญิงสูงวัยที่คอยดูแลผมแทนแม่แท้ๆ มาตั้งแต่เด็ก


“คุณหนู...” ผมหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะเจอร่างของคนที่ผมคุ้นเคยเดินเข้ามาหาช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มใจดีที่มีให้ผมไม่เคยจาง


“ครับนม พ่อกับแม่อยู่มั้ยครับ” ผมตอบรับก่อนจะหยุดยืนรอนมอยู่ตรงบันได แล้วถามหาคนที่ผมตั้งใจจะมาหาในวันนี้


“คุณท่านทั้งสองไปทานข้าวที่บ้านคุณฟ้าค่ะ นมพยายามติดต่อคุณซันเท่าไหร่ก็ติดต่อไม่ได้ คุณผู้ชายบ่นใหญ่เลยค่ะ” นมตอบพร้อมกับบ่นผมกลายๆ ผมพยักหน้ารับอย่างเสียดาย


คงต้องรอให้กลับมาก่อน


“แล้วนี่คุณหนูไปทำอะไรมาคะ ทำไมโทรมอย่างนี้ กลิ่นเหล้าหึ่งเลย ถ้าคุณผู้หญิงมาเห็นเข้าจะได้โดนเรียกเข้าไปต่อว่าอีก ไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวนมจะทำของโปรดไว้รอ” นมพูดกับผมอย่างใจดี ผมยิ้มน้อยๆ ให้กับความใส่ใจของคนตรงหน้า


ถ้าเป็นแม่ผมจริงๆ ก็คงหาว่าผมเอาแต่เกเรไม่ยอมหยิบจับอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกับพ่อแน่ๆ ไม่เคยคิดจะถามผมสักนิดว่าที่ผมต้องเป็นแบบนี้มันเกิดจากอะไร พวกเขาก็แค่สนใจว่าผมต้องทำในสิ่งที่เขาสั่งให้ทำก็แค่นั้น


“ครับ เออนม...” ผมตอบรับแล้วหันหลังกลับเตรียมเดินขึ้นไปยังชั้นบนที่หมายของห้องนอน แต่รีบหันกลับเมื่อนึกถึงอะไรบางอย่าง


“ว่าไงคะคุณหนู” นมเลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ


“นมว่าถ้าเกิดเรารักคนที่ไม่ควรรักขึ้นมา มันผิดรึเปล่า” ผมถามในสิ่งที่กำลังติดค้างอยู่ในใจ นมเพียงแค่ทำหน้าแปลกใจกับคำถามของผมอยู่แค่ครู่เดียว ก่อนร่างเล็กของคนชรากว่าจะฉีกยิ้มใจดีส่งมาให้ผมอีกเช่นเคย


“ควรหรือไม่ควรแล้วคุณหนูของนมมีความสุขที่ได้รักเขาคนนั้นมั้ยล่ะคะ” นมไม่ตอบแต่ถามผมกลับยิ้มๆ ก่อนที่มือเล็กป้อมของเธอจะยื่นมาจับมือผมแล้วตบที่หลังมือเบาๆ


“...”


“ถ้าอะไรที่คุณหนูทำแล้วมีความสุข นมก็ว่ามันดีทั้งหมดแหละค่ะ” เสียงนุ่มว่าต่อยิ้มๆ ผมยิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มที่เริ่มมีรอยเหี่ยวย่นตามวัยเบาๆ


“ขอบคุณนะครับนม เดี๋ยวตอนเย็นผมจะกลับมาทานข้าวที่บ้าน ขอไปทำธุระสำคัญก่อน” ผมเอ่ยขอบคุณผู้หญิงตรงหน้า พลางนึกไปถึงบุพการีอีกสองคนที่ให้กำเนิดผมมา จะดีไม่น้อยถ้าเขาจะยอมรับฟังความเห็นของผมบ้าง


“จะไปทำธุระสำคัญหรือว่าไปหาคนสำคัญคะคุณหนู” นมเอ่ยแซ็วยิ้มๆ ผมเลิกคิ้วก่อนจะยกยิ้ม “ไว้จะพามาทำความรู้จักกับนมแน่ๆ” ผมตอบ ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นไปยังห้องส่วนตัวที่นานๆ ครั้งจะได้กลับมานอนที่นี่


หวังว่ามึงจะยังรอกูอยู่นะบีทส์ รอกูก่อนนะ...



ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องมันก็จะแก้ยากหน่อยนะ สู้ๆหล่ะพี่ซัน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เจอหลายด่านเลย ซัน  :hao4:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ปล่อยไว้ซะนาน งี้แหละ กว่าจะเคลียได้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ตอนที่ 24 :: ฟังเสียงของใจ

[ซัน]


“มาทำไม” เสียงทักทายจากคนตัวเล็กกว่าที่ยืนเลิกคิ้วท้าวสะเอวจ้องผมอยู่ในรั้วประตูบ้านของตัวเอง


“มาหาเมีย” ผมตอบเสียงเรียบในขณะที่ยืนอยู่นอกรั้วประตูบ้านอีกฝั่ง


“ไม่อยู่” ไบร์ทตอบลอยตาลอยตาพร้อมกับทำหน้าเบื่อหน่ายผมอย่างชัดเจน ผมเลือกที่จะมองข้ามการกระทำเหล่านั้นแล้วสะกดจิตใจของตัวเองให้สงบนิ่ง ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าคงจะไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากเจ้าของบ้านคนนี้


“ไม่อยู่แล้วไปไหน” ผมจำได้ว่าวันนี้บีทส์ไม่มีเรียน ไปรอที่คอนโดก็ไม่มีคนอยู่ แล้วนี่ที่บ้านก็ไม่อยู่ หรือว่าไปไหนกับคนอื่น


“ไปไหนแล้วเกี่ยวอะไรด้วยไม่ทราบ” ไบร์ทถามกลับพลางเลิกคิ้วให้ผมกวนๆ ร่างเล็กกว่าใช้ลิ้นเดาะโพรงแก้มตัวเอง ผมคำรามอยู่ในใจกับอาการของคนตรงหน้า มึงชอบเข้าไปได้ยังไงวะอาร์ต


“...”


“แล้วก็ไม่ต้องมาอีกนะ จำไว้ด้วยว่าพี่บีทส์ไม่อยากเจอหน้าคุณแล้ว! คนจับปลาสองมือแบบคุณอ่ะโดนเกลียดแล้ว?!”


“อย่าเสียเวลาพูดให้ยาก”


“จะไม่เชื่อก็ได้ แต่จะบอกให้เอาบุญนะว่าพี่บีทส์มีแฟนแล้ว ได้ยินมั้ยว่าพี่บีทส์เขามีแฟนแล้ว”


“บอกแล้วไงว่าอย่าเสียเวลาพูดให้ยาก”


“คิดว่ามีแค่ตัวเองรึไงที่มีแต่คนมาชอบ เหอะ! ไม่มีคุณก็มีอีกตั้งหลายคนที่ต่อคิวเข้ามาจีบพี่บีทส์” ไบร์ทยืนยันคำพูดตัวเองก่อนที่ร่างเล็กจะเบ๋ปากใส่ผม ผมมองคนตรงหน้าอย่างใช้ความคิด


มึงจะไม่รอกูจริงๆ เหรอวะ


“อีกอย่างนะ พี่บีทส์รักกูจะตายถ้ากูบอกว่าไม่ พี่บีทส์ก็พร้อมจะถอยห่างให้ คราวนี้คุณก็ตัดใจไปซะเถอะ กรรมมันติดจรวดเนอะมึงว่ามั้ย” ไบร์ทขยับไบร์ทหน้าเข้ามาแล้วพูดเสียงกระซิบ หัวใจผมกระตุกวูบ


ผมหลับตาช้าๆ อย่างข่มกลั้นอารมณ์เพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงอาการอ่อนไหวออกไปมากกว่านี้เมื่ออยู่ตรงหน้าคนๆ นี้ ก่อนจะรวบรวมสติลืมขึ้นมาใหม่แล้วเอ่ยถามออกไป


“กูมีอะไรไม่คู่ควรกับพี่มึงตรงไหน”


“หึ! ถามมาได้ รู้เอาไว้เลยว่าคนอย่างคุณ มันก็ไม่ดีทุกตรงนั่นแหละ!”ไบร์ทมองหน้าผมเขม็ง ตากลมโตจ้องตอบมาด้วยความขึงขัง


“เอาอะไรมาตัดสิน” ผมขมวดคิ้วถาม มันไม่แฟร์ถ้าหากคนที่ไม่รู้จักผมดีจะมาตัดสินผมเพียงแค่สิ่งที่ได้ยินหรือได้เห็นมาเพียงผิวเผิน


“ไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายให้ใครฟัง กลับไปได้แล้วบ้านนี้ไม่ต้อนรับ ไป๊!” ไบร์ทไล่ใบน้าสวยเริ่มบูดบึ้งไม่สบอารมณ์ ผมส่ายหัวอย่างไม่ยอม มาถึงขนาดนี้แล้วจะยอมกลับง่ายๆ ได้ยังไง


“กูจะรอ” ผมยังยืนยันคำเดิมไม่ยอมขยับหนีไปไหน ไบร์ทส่งเสียงหึในลำคอแล้วยักไหล่อย่างไม่สนใจ


“ก็ตามใจ”


เจ้าตัวเอ่ยแค่นั้น ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านผมยืนมองจนร่างเล็กหายไปแล้วจึงเดินกลับไปยืนรอที่รถของตัวเองที่จอดอยู่อีกฝั่งของถนน


ครืด...ครืด…


เครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กที่พกติดตัวอยู่ตลอด ส่งสัญญาณเตือนสายเรียกเข้า ผมล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเบอร์ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กๆ เมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามา


‘น้องฟ้า’


“ครับน้องฟ้า” ผมกดรับ


“อ่า ติดสักที” น้องฟ้าบ่นกับตัวเอง


“ฟ้าติดต่อพี่ซันไม่ได้เลย มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงปลายสายตอบกลับมาด้วยความเป็นห่วง


“ช่วงนี้พี่ยุ่งนิดหน่อยน่ะ ขอโทษนะ” ผมตอบกลับ พร้อมกับพยายามใช้สายตาสอดส่องเข้าไปในตัวบ้านของบีทส์ กว่าหลายชั่วโมงแล้วที่ผมได้แต่นั่งคอยอยู่ที่รถของตัวเองไม่กล้าขยับไปไหนเพราะกลัวว่าหากบีทส์กลับมา ผมจะไม่เจอ


อีกอย่างก็กลัวคลาดกับคนที่ไอ้ดื้อของผมออกไปข้างนอกด้วย ถ้าเป็นผู้ชายจริงก็สันนิษฐานได้ว่าอาจจะเป็นบุคคลที่เรียกว่า ‘แฟน’ ของบีทส์ ตามที่ไบร์ทกล่าวอ้างมาก็เป็นได้


...ผมต้องเจอบีทส์ให้ได้


“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ ฟ้าแค่เป็นห่วงช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอพี่ซันเลย ไปติดสาวที่ไหนหรือเปล่าคะเนี่ย” น้องฟ้าถามเสียงเง้างอน


“อย่างที่บอกนั่นแหละ เราล่ะเป็นยังไงบ้างสบายดีใช่มั้ย เรียนยุ่งรึเปล่า” ผมไม่ตอบแต่เบี่ยงประเด็นไปถามเจ้าตัวกลับ


“สบายดีค่ะ เมื่อตอนเย็นคุณลุงกับคุณป้ามาทานข้าวที่บ้านฟ้าด้วยนะคะ เสียดายพี่ซันน่าจะมาด้วย คุณพ่อกับคุณแม่บ่นถึง ฟ้าต้องช่วยแก้ตัวให้ ต้องหาอะไรมาตอบแทนฟ้าด้วยนะถ้าไม่ได้ฟ้า พี่ซันแย่แน่” น้องฟ้าบ่นทีเล่นทีจริง ผมยิ้มน้อยๆ จะไปได้ยังไงขืนไปก็คงหนีไม่พ้นถูกถามเรื่องแต่งงานที่ต้องถูกขุดขึ้นมาพูดระหว่างโต๊ะอาหาร


“ยังมีอะไรที่น้องฟ้าอยากได้แล้วไม่ได้อีกล่ะหื้ม” ผมเอ่ยเย้า คนปลายสายหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ


“อืม...ขอเป็นตัวพี่ซันได้มั้ยคะ มารับฟ้าไปทานข้าวบ้างสิ” น้องฟ้าส่งเสียงอ้อน ผมขมวดคิ้ว ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ


“ถ้าเสร็จธุระเมื่อไหร่พี่จะไปรับถึงบ้านเลย โอเคนะ” ผมตอบ ก่อนจะหรี่ตาลง เมื่อเห็นไฟในบ้านของบีทส์ปิดมืดสนิท เหลือไว้เพียงดวงไฟตรงประตูหน้าบ้าน


เพิ่งจะสามทุ่มเองนี่หว่า…


แล้วคนที่ผมเฝ้ารอมันมาตั้งหลายชั่วโมงล่ะ


อย่าบอกนะว่าไม่กลับ…


“รีบทำตัวให้ว่างด้วยนะคะ อย่าปล่อยให้ฟ้ารอเก้อ” น้องฟ้าตอบรับอย่างดีใจ ผมพยายามหายใจเข้าปอดลึกๆ


“น้องฟ้าพี่ต้องไปทำธุระต่อแล้วไว้เดี๋ยวพี่โทรหานะ” ผมรีบตัดบท แล้วกดวางสาย เปิดประตูลงรถ ก้าวยาวๆ ไปยังประตูบ้านของบีทส์ทันที


ออดๆๆ


ผมกดออดหน้าบ้านบีทส์อย่างไม่รีรอ บีทส์ยังไม่กลับทำไมปิดไฟในบ้าน หรือว่ากลับมาแล้วโดยที่ผมไม่เห็น ไม่สิก็ผมเฝ้าอยู่ตลอดนี่หว่า


ออดๆๆ


ผมกดออดรัวด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน เมื่อไม่ได้รับเสียงตอบรับจากคนที่อยู่ภายในบ้านแม้แต่นิดเดียว หูแตกหรือไงวะ


“โอ๊ย พ่อคู๊นจะกดออดให้มันพังคามือเลยรึยังไง! นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ถ้ายังไม่หยุดฉันจะแจ้งตำรวจแล้วนะ!” ผมหันขวับไปมองยังทิศทางของเสียงที่ดังอยู่ข้างบ้านของบีทส์ ป้าแก่ๆ ที่ไว้ผมทรงหยิกใส่ชุดนอนลายดอกไม้ทำหน้าบูดบึ้งยืนท้าวสะเอวอยู่ที่ระเบียงบ้านชั้นสอง


บ้าอะไรอีกวะเนี่ย!


“ผมกดออดที่บ้านหลังนี้เกี่ยวอะไรกับป้า” ผมเอ่ยถามออกไปด้วยเสียงหงุดหงิด


“หน๊อย มาเรียกใครว่าป้าไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนเขาเตือนดีๆ ยังกล้ามาทำกิริยาต่ำๆ ใส่ พ่อแม่ไม่สั่งสอนให้เคารพคนที่แก่กว่ารึไง!” ผมหลับตานิ่ง ก่อนจะหันไปยืนกอดอกมองบุคคลที่ยืนด่าผมอยู่อย่างไม่ลดละ


“มองหน้าแบบนี้มีปัญหาเหรอ เจอกันที่ศาลเลยมั้ยยะ!?” ป้าคนนั้นยืนท้าวสะเอวมองผมอย่างหาเรื่อง ผมจิ๊ปากด้วยความขัดใจก่อนจะหันหลังให้คู่กรณี แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาอีกครั้งพร้อมกับต่อสายไปยังเบอร์ของบีทส์


หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้...


โธ่เว้ย!


ผมมองเข้าไปในตัวบ้านน้องอีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับมาที่รถตัวเองอีกครั้ง


“เออ...” ผมกดรับสายไอ้อาร์ต


“ไอ้นี่หงุดหงิดอะไรกู กลับบ้านกลับช่องก่อนเถอะมึง แล้วค่อยว่ากันใหม่” ไอ้อาร์ตบอกผมอย่างอารมณ์ดีผมขมวดคิ้วถ้ามันพูดแบบนี้แสดงว่าตอนนี้มันคงรู้แล้วว่าผมทำอะไรอยู่ ไอ้เพื่อนเวรเวลาอย่างนี้ไม่เคยเห็นหัว


“กูไม่กลับ มึงรู้มั้ยเมียกูออกไปข้างนอกป่านนี้ยังไม่กลับ กูจะอยู่รอจนกว่ามันจะกลับ”


“มึงคิดว่าไอ้การที่มึงไปยืนรอเขาอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วไบร์ทจะยอมให้มึงได้เจอกับพี่เขาง่ายๆ มั้ยซัน” ไอ้อาร์ตถามกลับ


“ไอ้เด็กบ้า คนพูดด้วยมาหันหลังใส่หน๊อย!! แน่จริงหันกลับมาคุยกันให้รู้เรื่องสิแม่จะด่าให้เสียหมาเลย!” เสียงที่ลอยมาเข้าหูทำให้ผมต้องหันขวับไปมองตาขวาง เล่นเอาป้าแกหยุดชะงักแล้วทำทีเป็นมองไปทางอื่นแทน


“เสียงอะไรวะ มึงไปบ้านเขาแล้วทะเลาะกับคนข้างบ้านเขาเนี่ยนะ” ไอ้อาร์ตถามต่อ ผมยืนมองป้าคนนั้นด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนที่ป้าคนข้างบ้านจะเบ๋ปากใส่ผมแล้วหันหลังกลับเข้าไปในตัวบ้าน ผมถอนหายใจเซ็งๆ ระวังคอจะเคล็ดเอานะครับป้า


“เรื่องของกู” ไอ้อาร์ตหัวเราะ


“กลับไปตั้งหลักก่อนดีมั้ย พรุ่งนี้ มะรืนนี้มึงค่อยมาอีกเรื่อยๆ ก็ได้นี่หว่า”


“อย่าบอกนะว่ามีคนให้มึงมากล่อมให้กูกลับ” ผมดักทาง ไอ้เพื่อนบังเกิดเกล้าอย่าให้กูเจอตัว ไม่ช่วยยังขวางทางกูอีก มึงอยู่ข้างใครกันแน่ ไม่สิ มึงแสดงตัวออกจะชัดเจนว่าอยู่ข้างใคร


“ก็ไม่ขนาดนั้น...เมื่อกี้กูเพิ่งคุยกับไบร์ทมา เขาก็แค่ด่ากูแทนด่ามึงแล้วบอกว่าให้กูทำยังไงก็ได้ให้มึงกลับไปซะ ดูสิกูเสียสละแค่ไหน” ไอ้อาร์ตสารภาพ ผมกุมขมับนี่มึงเชื่องกับเมียขนาดนี้เลยเหรอวะ


“มึงก็เลยโทรมาไล่กูเอาดื้อๆ แบบนี้เหรอไอ้อาร์ต” ผมถามต่อ


“แล้วทำไมกูต้องอ้อมค้อมด้วยล่ะวะ” ไอ้อาร์ตตอบกลับ มึงจะหน้าด้านไปไหนวะหมอ กูเพื่อนมึงนะ


“สัส” ผมด่า


“ฮ่าๆ เอาเถอะมึง ยังไงก็เชื่อกูเถอะ ต่อให้มึงอยู่ต่อไปก็ไม่มีทางได้เจอบีทส์หรอกน่า กลับไปตั้งหลักก่อน ถ้าให้กูเดามึงก็ยังไม่ได้กินอะไรใช่มั้ยล่ะ”


“เออสิวะ ออกจากห้องไอ้สองมากูก็แวะเข้าบ้านไปแป๊บเดียวแล้วก็ออกมานี่เลย”


“นั่นไง กลับไปแดกข้าวแดกปลาก่อนพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ช่วงนี้มึงว่างแล้วนี่ โปรเจ็คก็เกือบสมบูรณ์แล้ว เห็นไอ้สองบอก” ไอ้อาร์ตออกความเห็น


“สรุปยังไงกูก็ต้องกลับใช่มั้ย” ผมถามย้ำ ก่อนปลายสายจะตอบรับกลับมาแล้วกดวางสายไป ผมหันไปที่บ้านของบีทส์อีกครั้งก่อนจะสังเกตเห็นเงาบางอย่างอยู่ที่หน้าต่างแล้วผลุบหายไป
    

ไอ้เด็กตัวแสบ…
   

ผมตัดสินใจขับรถกลับบ้านแทนกลับคอนโด ถึงบ้านก็อาบน้ำนอนเลยเพราะไม่รู้สึกหิวอะไรแล้ว ผมทิ้งตัวลงนอนแล้วถอนหายใจ
   

...พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน


+++++++++++++++++++++++++++


“กลับบ้านถูกแล้วรึไง” ผมหันไปมองเจ้าของเสียง ก่อนจะดึงสายตากลับ ใช้มือปิดประตูห้องนอนด้วยท่าทีสบาย แล้วหันไปตอบเสียงนิ่ง


“ไม่คิดว่าจะมีคนเสือก”


“หึ เห็นคุณน้าบ่นเรื่องของมึงบ่อยๆ ระวังจะโดนแย่งพ่อกับแม่ไม่รู้ตัวนะน้องชาย” ไอ้เจกอดอกพูดยิ้มๆ ผมส่งเสียงหึในลำคอ


“ของๆ กูก็ยังเป็นของๆ กูอยู่วันยังค่ำ ‘ตัวสำรอง’ ก็ยังคงเป็นได้แค่ตัวสำรองอยู่ดี” ผมเปรยลอยๆ ไอ้เจยิ้มค้างก่อนที่คนที่ได้ชื่อว่ามีศักดิ์เป็นพี่ชายจะหรี่ตามองผมด้วยความไม่ชอบใจ


“ก็ระวังตัวไว้ให้ดีว่าไอ้ ‘ของ’ ที่คิดว่าเป็นของตัวเองมันจะตกไปเป็นของคนอื่นก็แล้วกัน กูเตือนด้วยความหวังดี” ไอ้เจพูดเน้นย้ำในน้ำเสียง ผมคิ้วกระตุกเมื่อเข้าใจในความหมายที่มันต้องการจะสื่อ


“มึงก็อย่ามั่นใจไป ของบางอย่าง...ต่อให้มีเงินก็ซื้อไม่ได้เสมอไป” ผมต่อคำอย่างมีความหมายแล้วยิ้มเยาะเย้ยไปให้อีกฝ่ายอย่างจงใจ


“ก็รอดูแล้วกัน” ไอ้เจคิ้วกระตุก พูดเสียงรอดไรฟัน ก่อนที่ร่างสูงพอๆ กับผมจะเดินผ่านตัวผมไปพร้อมกับใช้ไหล่ของมันชนกับไหล่ของผมอย่างจงใจ ผมขบกรามอย่างข่มกลั้นอารมณ์ก่อนจะหันหลังเดินตามมันลงไปด้านล่างของบ้านแล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องอาหาร


“โผล่หัวมาได้แล้วเหรอ” เสียงของบิดาเอ่ยทักในขณะที่กำลังหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ประจำตัว ผมหันไปมองพ่อนั่งตักอาหารโดยไม่แม้แต่จะมองมาที่ผมด้วยซ้ำ


“ครับ” ผมตอบรับสั้นๆ


“คุณน้าเขาเร่งเรื่องงานแต่งมาแน่ะซัน ลูกจะว่ายังไงจ๊ะ” แม่เอ่ยขึ้นเพื่อสร้างบรรยากาศ ใบหน้าเล็กที่เริ่มมีรอยย่นไปตามวัยแต่ก็ยังถือว่ายังสาวกว่าคนวัยเดียวกันถามผมยิ้มๆ ผมเงยขึ้นไปมองหน้ามารดาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


“ผมยังเรียนไม่จบ อีกอย่างผมก็มีอะไรจะปรึกษาพ่อกับแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย” ผมตอบกลับนิ่งๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวให้นมตักข้าวให้


“แกจะรอทำไม หนูฟ้าทั้งสาวทั้งสวยแถมครอบครัวยังอยู่ในระดับเดียวกับเรา เหมาะสมกับแกทุกอย่างจะรอให้มีคนมาคว้าเอาไปก่อนหรือยังไง” พ่อเอ่ยถามเสียงเข้ม ผมก้มหน้าตักกับข้าวใส่จาน


ถ้าให้มันเป็นแบบอย่างหลังที่พ่อว่ามันก็คงดี


“นั่นสิ แม่เห็นด้วยกับพ่อนะซัน” แม่สมทบ


“ผมก็เห็นด้วยกับคุณน้านะครับ น้องฟ้าเธอทั้งสวยทั้งเก่งที่มหาลัยผมเห็นมีแต่คนรุมล้อมเธอ ใครๆ ก็อยากได้เธอเป็นแฟนกันทั้งนั้น พี่ว่าแกดูแลเขาดีๆ หน่อยนะซัน เกิดเขาน้อยใจแกแล้วไปคว้าเอาใครที่ไหนมาแทนแกขึ้นมาจะหาว่าพี่ชายคนนี้ไม่เตือน” ไอ้เจออกความเห็นพร้อมกับแสร้งหัวเราะ


ผมหัวเราะในลำคอ ‘ไอ้จอมสร้างภาพ’


“หัดฟังพี่เขาซะบ้าง ตัวอย่างดีๆ มีให้ดูทำไมแกถึงไม่ดู ฉันล่ะไม่เข้าใจแกเลยจริงๆ” พ่อเอ่ยขึ้นต่อ ผมวางช้อนลงกับจานนิ่งๆ แล้วเอามือมาประสานกัน วางไว้บนโต๊ะ


“พ่อก็รู้ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับน้องฟ้าในเชิงนั้นทำไมถึงยังเร่งให้ผมรีบแต่งงานกับเธอนัก ธุรกิจของเราก็กำลังไปได้ดีผมไม่เห็นว่าจะต้องรีบเร่งรัดทุกอย่างให้มันเร็วขึ้น” ผมถามแล้วหันไปมองสบตากับบิดา


“หึ แกไม่ต้องเอาเหตุผลบ้าบอคอแตกอะไรนั่นมาอ้าง การแต่งงานก็เป็นการต่อยอดทางธุรกิจอย่างหนึ่ง ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรเสียหายตรงไหนเพราะทางฝ่ายนั้นก็ยินดีและเต็มใจทุกอย่าง หรือที่แกปฏิเสธฉันคอแข็งเพราะว่าตอนนี้แกมีคนที่คิดจะจริงจังด้วยแล้วกันแน่”


“...”


“ตายจริงทำไมแม่ไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย จริงเหรอลูก” แม่หันมามองผมตาโตด้วยความตกใจ แล้วเอามือทาบอก


“เอ่อ นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวผมขอตัวก่อนดีกว่านะครับคุณน้า” ไอ้เจเอ่ยขอตัวออกไป แล้วลุกขึ้นขยับเก้าอี้ช้าๆ


“เจแกไม่ต้องลุกไปไหน แกก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวของเราคนหนึ่งอย่าพูดแบบนั้นอีก” พ่อผมหันไปรั้งไอ้เจ มันทำหน้าเจียมตัวแล้วยิ้มให้พ่อผมแสร้งว่ากำลังซึ้งใจกับคำพูดใจดีของพ่อ ผมขมวดคิ้วมองการกระทำเหล่านั้นอย่างไม่ชอบใจ ไอ้เจค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมแล้วหันมายักคิ้วให้ผมน้อยๆ ก่อนจะหันไปตักอาหารเข้าปาก


“ว่าไงตาซัน” แม่ถามย้ำ ผมหันไปมองหน้ามารดาแล้วถอนหายใจ


“ผมจะมีใครหรือไม่มีใครพ่อกับแม่เคยสนใจด้วยเหรอครับ” ผมถามแล้วเค้นรอยยิ้ม


“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะลูก” แม่ถามผมกลับเสียงสั่น


“เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าจะทำตามที่พ่อต้องการทุกอย่างเท่าที่ผมจะทำได้เพื่อตอบแทนบุญคุญ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าอะไรที่ผมควรทำและอะไรที่ผมไม่ควรทำ ไม่ใช่ว่าการแต่งงานกับน้องฟ้าไม่ดี น้องเป็นคนดี สวย เก่ง แต่ผมเห็นเธอเป็นเพียงน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น วันนี้ความรู้สึกผมชัดเจนแล้วและผมก็หวังว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจ” ผมเน้นย้ำในน้ำเสียงบ่งบอกให้รู้ว่าครั้งนี้ผมจริงจัง


“แกเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล แกลืมนึกถึงข้อนี้ไปแล้วหรือยังไง” พ่อถามผมกลับด้วยความไม่พอใจ


“ผมทราบดีถึงข้อนั้น กรุณาทำตามที่ผมขอด้วยนะครับแล้วเรื่องนี้ผมจะคุยกับเธอด้วยตัวเอง” พูดจบผมวางช้อนลงกับจานแล้วลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ออกจากตัว


“ผมอิ่มแล้วขอตัวนะครับ” ผมเอ่ยขอตัวก่อนจะหันหลังเดินไปทางประตู


“ไอ้ซัน! กลับมาคุยกับฉันให้รู้เรื่อง! ไอ้ซัน!” พ่อตะโกนตามไล่หลัง ส่วนแม่...ผมว่าคงช็อกกับคำพูดผมอยู่เลยไม่พูดอะไรปล่อยให้พ่อผมที่โกรธจัดเป็นฝ่ายออกเสียงแทน แม่ก็เป็นแบบนี้เสมอไม่เคยปกป้องแต่ก็ไม่เคยขัดขวางไม่ว่าผมจะทำอะไร ผมมุ่งหน้าเดินออกไปจากตัวบ้านโดยมีเป้าหมายคือโรงจอดรถ


“คุณหนู!” เสียงเรียกของนมทำให้ผมชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถส่วนตัวไว้แล้วหันกลับไปยังร่างท้วมของคนที่ดูแลผมมา


ผมเลิกคิ้วถาม


“ทำแบบนี้จะดีเหรอคะ มันอาจจะไม่เป็นผลดีกับตัวคุณได้นมว่า...” หญิงสูงวัยเอ่ยถามผมด้วยความเป็นห่วง


“ผมคิดดีแล้ว” เมื่อเห็นผมตัดบทเสียงจริงจัง นมจึงหยุดคำพูดไว้แค่นั้น


“นมเชื่อว่าคุณหนูต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองค่ะ แล้วนี่จะออกไปไหนคะนมเห็นทานข้าวไปแค่นิดเดียว” นมพูดต่ออย่างใจดี ผมยิ้มแล้วส่ายหัว


“ผมอิ่มแล้ว อีกอย่าง ‘จะไปตามหาหัวใจ’ กลัวว่าถ้าหายไปนานๆ จะแย่ซะก่อน ไปนะครับคงไม่ได้กลับบ้านอีกสักพักใหญ่ๆ ถ้าทางนี้มีอะไรนมโทรหาผมได้ตลอด” ผมเอ่ยบอก นมพยักหน้ารับก่อนที่ร่างท้วมจะขยับออกห่างจากตัวรถเพื่อเปิดทางให้ผมเคลื่อนรถออกไป


บางทีผมก็อยากเป็นแค่เพียงนายศิวานนท์ คนธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตได้ตามใจชอบ ไม่ต้องร่ำรวยและสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปกติเหมือนคนธรรมดาทั่วไป


แต่ในเมื่อทุกอย่างมันเลือกไม่ได้ ผมก็คงต้องเดินหน้าต่อไป


มันคงไม่มีอะไรที่ยากเกินไปกว่าความตั้งใจและความจริงใจของผม...





ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ซวยแล้วซัน เจอศึกสองด้านเลย.  :hao4:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
กูเหนื่อยแทนเลยซัน เพลียจริงๆ ศึกบ้านโน้น ศึกบ้านนี้

ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สู้เยอะๆนะ จัดการปัญหาให้ได้เร็วนะซัน

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ตอนที่ 25 :: เดินหน้าเคลียร์


[ซัน]


“ทำไมสภาพมันกลายเป็นแบบนี้อีกแล้ววะ” เสียงไอ้อาร์ตถามไอ้สอง


“ก็มีอยู่เรื่องเดียว” ไอ้สองตอบเสียงเรียบเหมือนเริ่มปลงตกกับปัญหาของผม ผมมองพวกมันด้วยหางตาแล้วหันกลับมานอนมองเพดานต่อ


ไอ้อาร์ตเดินถือแก้วเหล้าตามไอ้สองไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับผม


“ไงมึง”


ผมเลื่อนสายตามองไอ้สองที่เอ่ยปากทัก ก่อนจะส่ายหัว ตลอดหลายวันที่ผ่านมาได้แต่เฝ้าเพียรพยายามไปดักรอคนที่อยากเจอ แต่นอกจากจะไม่ได้เจอแล้วยังต้องทนให้ใครบางคนโขกสับอย่างไม่เป็นธรรม


เหตุการณ์แรก...


‘พี่บีทส์อยากกินข้าวหลามหนองมน’


จำได้ว่าได้ยินประโยคนี้หลุดออกมาจากปากน้องคนรักที่ยืนกอดอกมองเขาอยู่ภายในรั้วบ้าน เขาเลิกคิ้วถามก่อนจะทวนคำ เจ้าตัวพยักหน้ารับเพื่อย้ำคำตอบเดิม ใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยที่อย่างน้อยความพยายามในช่วงหลายวันที่ผ่านมาก็เป็นผล จึงได้ตกปากรับคำและรีบขับรถไปหาซื้อมาให้ด้วยตัวเองใช้เวลากว่าหลายชั่วโมงกว่าจะกลับมาถึง


‘ไปนานเอง มีคนรับพี่บีทส์ไปกินข้าวแล้ว ส่วนข้าวหลามนั่น...เก็บไว้กินเหอะ’


ไบร์ทบอกหลังจากที่ผมหอบหิ้วข้าวหลามนั่นมาเต็มสองมือ ผมยังจำได้ถึงความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอก มันร้อนรุ่มไปหมด ได้แต่กัดฟันยืนมองอีกฝ่ายด้วยความคับแค้นใจ เพราะทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่กลับไปนั่งรออยู่ในรถตัวเอง


ทุกๆ วันถ้าหากไม่มีธุระที่ไหนหรือว่างเว้นจากการเคลียร์งานเมื่อไหร่ ผมก็จะตรงดิ่งมาที่บ้านหลังนี้เป็นที่แรก


‘ช่วยไปซื้อของตามรายการที่จดให้หน่อยดิ’


นี่เป็นอีกเหตุการณ์ที่ผมจำได้ขึ้นใจ ไอ้ตัวแสบตรงหน้ายื่นกระดาษรายการที่ยาวเป็นหางว่าวมาให้ ได้แต่ยื่นมือรับมาด้วยความไม่เต็มใจ ให้กูคอยส่งข้าวส่งน้ำทุกมื้อโดยที่ไม่ยอมให้ได้เจอหน้าเมียยังพอทน แต่ไอ้การส่งข้อความมาเรียกตัววันละหลายๆ รอบนี่มันดูจะเกินไปหน่อยแล้วนะเว้ย!


‘ซื้อน่ะซื้อได้ แต่นี่เหรอ...ธุระสำคัญที่ว่า’
   

ผมถามออกไปเสียงฉุนด้วยความไม่พอใจ เมื่อคืนต้องทำแลปกว่าจะเสร็จก็ปาไปตีสาม เพิ่งได้นอนแค่สามชั่วโมงก็ได้รับข้อความจากทางนี้ให้รีบมาด่วนจึงกระเสือกกระสนมาแต่เช้า


‘ก็พอใจจะให้ตอนนี้นี่ ทำม่ะ...มีปัญหาเหรอ ไม่พอใจก็หันหลังกลับไป เห็นมั้ยง่ายจะตาย ชิ่วๆ’


เสียงกวนประสาทว่ากลับกวนๆ แล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านทั้งที่ยังใส่ชุดนอนลายหมี ไอ้เด็กนี่กวนประสาทฉิบหายเลยเว้ย!


แล้วก็ตามมาด้วยสารพัดวิธีกวนประสาทที่อีกคนจะคิดได้ ทั้งให้ช่วยแบกของ ส่งของ ซื้อของ น้ำไม่ไหล ไฟดับ ผมก็ต้องมาตามที่อีกฝ่ายเรียกตัว


“คราวนี้อะไรอีกล่ะ” ไอ้อาร์ตถาม


“มึงจำผู้ชายที่ชื่อไม้ได้มั้ย” ผมไมตอบแต่ถามพวกมันกลับ ไอ้อาร์ตเลิกคิ้วแล้วนึกตาม ส่วนไอ้สองมันคงจะจำไม่ได้เพราะไม่เคยเจอ


“คนที่เคยช่วยบีทส์ไว้ตอนนั้นเหรอ” ไอ้อาร์ตเดา


“อืม”


“โปรไฟล์ดีซะด้วย”


“แล้วเกี่ยวอะไรกับมึง” ไอ้สองถาม


“วันนี้บีทส์ออกไปดูหนังกับไอ้หมอนั่น กูก็เพิ่งรู้ว่าทุกครั้งที่น้องไม่อยู่บ้านก็ไปกับไอ้หมอนี่เหมือนกัน” ผมยกมือขึ้นนวดขมับตัวเอง


“ฮ๊า ศัตรูหัวใจ” ไอ้สองทำหน้าเข้าอกเข้าใจ


“อ้าว ก็ไหนว่าไปเฝ้าเขาตั้งแต่เช้าแล้วไง” ไอ้อาร์ตถาม ผมจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่เพิ่งผ่านมา ไอ้วีรกรรมแสบๆ ของใครบางคนที่ดันมีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้องกับไอ้เจ้าของคำถาม คนที่นั่งทำหน้าไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยอยู่ตรงหน้านี่


“จะทันได้ยังไง กูไปสระบุรีมา”


“ไปทำอะไร” ไอ้อาร์ตเลิกคิ้ว


“ไปซื้อกะหรี่ปั๊บ” ผมอธิบายพาลๆ ไอ้สองทำหน้าเหวอคงจะงงว่าอย่างผมเนี่ยนะจะกินกะหรี่ปั๊บสระบุรี ถ้ากูอยากกินเองกูไม่ถ่อไปซื้อเองถึงที่หรอก ที่ไหนๆ มันก็รสชาติเหมือนกัน!


“อย่างมึงอ่ะนะกินกะหรี่ปั๊บ ไอ้ซันมึงไม่สบายรึเปล่า” ไอ้สองถามด้วยน้ำเสียงคาดไม่ถึง หน้าแม่งโคตรตลก


“อย่างกูไม่กินอะไรแบบนั้นหรอก ก็ไอ้ตัวแสบมันใช้ให้กูไปซื้อกะหรี่ปั๊บตั้งแต่กูเพิ่งเหยียบหน้าบ้าน ส่งข้อความมาด้วยนะมึง ไม่ยอมออกมาเอง แถมมีระบุด้วยว่าถ้าไม่ใช่กะหรี่ปั๊ปเจ้าเก่าแห่งสระบุรีจะไม่กิน แล้วพอกูกลับมาแม่งก็ออกมารับหน้าบานแถมยังบอกกูว่าบีทส์ไม่อยู่แล้ว แสบมั้ยล่ะเด็กมึงไอ้สัส” ผมระเบิดอารมณ์ออกมารวดเดียว


“พรวดแค่ก...มึงว่าอะไรนะ คิก ฮ่าๆ พาดพิงถึงกู แค่ก” ไอ้อาร์ตสำลักเหล้า ก่อนจะถามผมเสียงกลั้วหัวเราะ ด้วยความที่หงุดหงิดอยู่แล้วเลยคว้าเอาหมอนที่อยู่ใกล้มือที่สุดเขวี้ยงไปใส่มันทั้งสองคนเพราะความหมั่นไส้ล้วนๆ


“เฮ้ยๆๆ อย่าพาลไอ้สัส” ไอ้อาร์ตขยับหลบไม่ทันร้องห้ามผมเสียงหลง ทำให้ไอ้สองที่นั่งใกล้กันต้องขยับหลบตามเป็นพัลวัน
ผมวางหมอนในมือลงแล้วบ่น “มึงแม่งทนได้ยังไงวะ กูยอมเลย” ยกแก้วเหล้าเข้าปากด้วยความหงุดหงิด


“ตีนหนักมือหนักด้วย...โคตรสเปค” ไอ้อาร์ตออกความเห็นบ้าง ทั้งที่ยังหลบอยู่หลังโซฟาตัวใหญ่ ผมทำท่าจะเขวี้ยงแก้ว


“ไอ้ซัน! อย่าโยนมานะเว้ยเจ็บจริงไม่ใช้แสตนอินนะมึง!!” ไอ้สองกับไอ้อาร์ตร้องห้ามผมแทบจะพร้อมๆ กัน ผมแสยะยิ้ม กูยิ่งหงุดหงิดอยู่


“เสือกกวนตีนกูทำไม”


ผมวางแก้วเหล้าลงกับโต๊ะ แล้วทิ้งตัวเอนหลังลงกับโซฟาเหมือนเดิม ยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากหน้าเครียด จะตามไปไบร์ทก็ไม่ยอมบอกว่าสองคนนั่นไปกันที่ไหน ต่อให้ตามหากว่าจะเจอก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วป่านนี้แม่งไปดูหนังกันถึงไหนแล้ววะ ข้างในนั่นยิ่งมืดๆ แล้วถ้าเกิดมันเผลอทำอะไรบีทส์ขึ้นมาล่ะ


“กูว่าเราต้องใช้ตัวช่วยแล้วว่ะ” เสียงไอ้สองโพล่งขึ้นมา ผมขมวดคิ้วแล้วหันไปเลิกคิ้วถาม ไอ้สองปีนข้ามโซฟากลับมานั่งที่เดิมด้วยความทุลักทุเล


“ยังไงวะ” ไอ้อาร์ตเป็นฝ่ายถามด้วยความอยากรู้ แต่ยังแอบหันมาระแวงผมอยู่เป็นระยะ ผมมองหน้ามันเป็นเชิงด่า ถ้ากูจะทำจริงๆ มึงได้ไปเย็บหัวเล่นที่โรงพยาบาลตัวเองแล้ว


++++++++++++++++++


“...”


ผมนั่งสบตากับเจ้าของร่างสองคนที่นั่งติดกันอยู่ตรงข้ามเพื่อเค้นเอาคำตอบ ไอ้ออยเพียงแค่ชำเลืองมองมานิดๆ แล้วก้มหน้าชิดคางเหมือนเดิม ส่วนคู่หูที่มาด้วยกันอย่างไอ้ปริ้นก็นั่งเงียบอยู่ด้านข้างคนร่างเล็กกว่าด้วยแววตาเรียบนิ่ง


“ว่าไง” ผมถามย้ำ ไอ้ออยเงยหน้าขึ้นมายู่ปากใส่ผมแล้วทำหน้าอ้อนเพื่อเรียกคะแนนสงสาร ไอ้สองที่นั่งข้างผมหันมามองหน้าผมเป็นเชิงขอความคิดเห็น ผมส่งสายตาหามัน ชำเลืองไปทางไอ้ปริ้น


“ปริ้นออกไปข้างนอกกับกูหน่อย” ไอ้สองลุกขึ้นยืนก่อนจะเรียกหลานรหัสของมันเสียงเข้ม เจ้าของชื่อเพียงขมวดคิ้วเงยหน้ามองคนที่เรียกตัวเอง


“เออมึงนั่นแหละ” ไอ้สองย้ำคำ


“แง๊...เฮีย อย่าทำแบบนี้สิ” ไอ้ออยทำหน้าจะร้องไห้ พร้อมยื่นมือไปรั้งชายเสื้อไอ้ปริ้นไว้ไม่ให้มันลุกขึ้น ไอ้ปริ้นหันไปมองหน้าลุงรหัสของมันสีหน้าไม่เปลี่ยน แต่ถ้ามองเข้าไปในตาของมัน จะเห็นว่ามันกำลังลำบากใจที่จะต้องห่างคนใกล้ตัวของมัน และกำลังขอร้องไม่ให้ลุงรหัสของมันลากตัวมันไป แม้ปากจะไม่กล้าเอ่ยปฏิเสธแต่การกระทำแสดงออกชัดเจนว่าพร้อมปกป้องคนของตัวเอง


ที่สำคัญกว่านั้น...ผมรู้ว่ามันหวงมากกว่าห่วง


“อย่าชักช้า ถ้ากูเรียกซ่อมทั้งสาย อย่ามาโอดครวญทีหลัง” ไอ้สองขู่ต่อ ได้ผล...ไอ้ปริ้นถอนหายใจอย่างจำยอม ก่อนจะหันไปหาคนของมัน


“ไปไม่นานหรอกอยู่กับพวกเฮียนี่แหละ” ไอ้ออยเบ๋ปากแล้วทำหน้าหงอยด้วยความผิดหวัง ไอ้ปริ้นยกมือขึ้นยีหัวทุยนั่นเบาๆ แล้วยกยิ้ม มึงจะสวีทอะไรกันต่อหน้ากูก็หัดเกรงใจพวกกูบ้างนะ


“แต่ว่า...”


“กูไม่ทำอะไรมึงหรอกสัส อย่าสะดิ้งให้มันมาก เป็นผู้ชายประสาอะไร ห่างกันแค่นี้ทำเหมือนจะเป็นจะตาย” ผมพูดขัดขึ้นก่อนที่ไอ้ออยจะหาเรื่องอ้อนให้ไอ้ปริ้นอยู่ต่อ ไอ้ออยหันมาค้อนขวับให้ผม ก่อนจะรีบก้มหน้าแล้วเม้มปากขัดใจเมื่อเจอผมถลึงตาใส่ดุๆ ไอ้สองเดินนำไอ้ปริ้นออกไป


“เฮียมีอะไรจะถามเหรอ” ไอ้หลานรหัสมันโพล่งถามเมื่อเห็นผมเงียบ ไอ้อาร์ตแสร้งตีสีหน้าดุใส่ มันถึงหงอตัวหดอีกครั้ง ผมยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ไอ้เด็กคนนี้มันตัวติดกับไอ้ปริ้นเลยทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนเข้ามาตีสนิท แต่พออยู่คนเดียวก็ฮอตในหมู่สาวๆ ไม่หยอกหรอกนะครับ


“เรื่องเพื่อนมึง”


ไอ้ออยเงยหน้าขึ้นสบตาผม “เพื่อนผม...ไอ้บีทส์...ทำไมครับ” ดวงตาเรียวรีมองผมด้วยความสงสัย ไอ้อาร์ตยื่นมือมาตบบ่าผม ยกมือทำสัญญาณคุยโทรศัพท์ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปอีกทาง
   

“เพื่อนผมมันทำไม อย่าบอกนะว่ามันเผลอไปทำอะไรอ้อนตีนเฮียเข้า” ไอ้ออยเดาใบหน้าฉายแววกังวล ผมส่ายหัวก่อนที่มันจะคิดไปไกล


“ก็ไม่เชิง” ผมตอบ ไอ้ออยขมวดคิ้วรอฟัง
   

“กูจะไม่อ้อมค้อม เข้าเรื่องเลยก็คือกูกับเพื่อนมึง เรากำลังคบกันอยู่” ผมต่อประโยคที่คิดว่าสั้นและกระชับเนื้อหาที่สุด ทันทีที่ผมต่อประโยคจบไอ้ออยก็อ้าปากค้างดวงตาเรียวรีเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด
   

“เฮีย...กับไอ้บีทส์อ่ะนะ!?” คนตัวเล็กถามผมเลิ่กลั่ก
   

“อืม”
   

ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเอามือสองข้างมาประสานกันไว้บนเข่า แล้วเริ่มเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่แรกให้เจ้าตัวได้ฟังก่อน เพราะหากอยากได้ความช่วยเหลือจากมันผมเองก็ต้องเล่าทุกอย่างให้มันเข้าใจสถานการณ์ของผม ถึงแม้จะแอบใส่ไข่ไปบ้างให้มันรู้สึกเอนเอียงมาทางผมบ้างก็เถอะ
   

เมื่อเล่าจนมาถึงสถานการณ์ปัจจุบันคนตัวเล็กตรงหน้าก็เอ่ยถามผมเคืองๆ
   

“แล้วเฮียจะให้ผมช่วยอะไร”
   

ผมพอจะเข้าใจถึงความรู้สึกของหลานรหัสตัวเองตอนนี้ บีทส์เป็นเพื่อนสนิทของมัน และคงรู้สึกไม่ปลื้มที่เพื่อนของตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำจากผม สังเกตได้จากในระหว่างที่ผมเล่าเรื่องราวให้ฟังไอ้ออยก็มักจะมองค้อนให้ผมอยู่เป็นระยะ
   

“ไม่ต้องกลัว กูไม่ทำให้มึงเดือดร้อนหรอก”
   

ผมเดาความลังเลจากสีหน้าของมันออก
   

“บอกตรงๆ นะเฮีย...ผมโคตรลำบากใจ”
   

“กูเข้าใจ”
   

“ผมถามได้มั้ย เฮียแน่ใจเหรอว่าเฮียจัดการทุกอย่างได้”
   

มันคงหมายถึงเรื่องน้องฟ้า
   

“กูจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด”
   

“เฮียอยากให้ผมช่วยอะไร”
   

“ก็แค่ช่วยสร้างโอกาสให้กูนิดหน่อย” ผมตอบ ไอ้ออยเม้มปากอย่างชั่งใจว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยผมดี ผมรู้...เพราะยังมีอีกคนที่ต้องนึกถึง ก็คือน้องของบุคคลที่อยู่ในบทสนทนานั่นเอง
   

“กูสัญญาว่าจะไม่ทำให้มึงต้องผิดใจกับใครเพราะกู” ผมให้คำยืนยัน ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ไอ้ออยมองหน้าผมสลับกับหน้าตักตัวเอง
   

“เฮ้อ ผมก็ว่าแล้วว่าทำไมช่วงนี้บีทส์มันดูซึมๆ ที่แท้ก็เพราะเฮียนี่เอง ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะช่วยเฮียได้มากน้อยแค่ไหนนะ เพราะผมมั่นใจว่าไบร์ทคงไม่ปลื้มแน่ถ้ารู้ว่าผมร่วมมือกับเฮีย”
   

“แค่นี้กูก็ขอบคุณมากแล้ว”
   

“ฮื่อ ว่าแต่เฮียเถอะ รักเพื่อนผมจริงหรือเปล่า ไม่ใช่แค่อยากลองนะ” ไอ้ออยยู่ปาก ผมหันไปมองหน้าคู่สนทนาอย่างจริงจังเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของผม แล้วก็หวังลึกๆ ว่าจะได้พูดคำนี้ต่อหน้าบีทส์สักครั้งเหมือนกัน
   

ตลอดหลายวันที่ผ่านมาทุกเหตุการณ์ที่ผมได้เจอและได้พิสูจน์ มันทำให้ผมเริ่มเข้าใจและมั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง อะไรที่เคยสับสนและคั่งค้างอยู่ในใจผมก็คิดไต่ตรองจนได้คำตอบ ผมก็เพิ่งรู้ว่า ‘การเหงาเพราะเคยมี’ กับ ‘การเหงาเพราะไม่เคยมี’ มันต่างกันมากแค่ไหน
   

“กูรักมัน”
   

โคตรรักโคตรหลงเลยไอ้เหี้ย



“พี่ซัน”


เสียงหวานใสเอ่ยทัก ก่อนจะเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผม วันนี้น้องฟ้าแต่งตัวได้น่ารักสดใสตามสไตล์ของเจ้าตัว ผมยิ้มรับ หลังจากที่ตกลงเรื่องภารกิจกับหลานรหัสของตัวเองเสร็จ ผมก็โทรไปนัดน้องฟ้าออกมาทานข้าวด้วยกันในตอนเย็นเพราะต้องการเคลียร์ปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่และมีแค่ผมที่จะจัดการกับเรื่องนี้ได้


“วันนี้แต่งสวยเชียว” ผมเอ่ยแซ็ว


“ชมกันแบบนี้ ฟ้าก็แย่สิคะ” น้องฟ้าส่งยิ้มเขิน


ผมยิ้มเนือยๆ รอยยิ้มสดใสที่เคยมีมาให้ผมเสมอมาจนถึงตอนนี้ ไม่รู้เลยว่าอนาคตจะยังมีโอกาสได้เห็นมันอีกหรือเปล่า ผมแค่หวังว่าอย่างน้อยน้องจะไม่ต้องทนเสียใจเพราะผมอีก และถ้าผมจะโดนเกลียดจริงๆ


มันก็สมควรแล้ว…


“พี่สั่งอาหารที่ฟ้าชอบไว้ รีบทานเถอะเดี๋ยวจะเย็นซะก่อน” น้องฟ้ายิ้มตาหยี แล้วย่นจมูกใส่ผมก่อนที่จะหันไปมองอาหารตรงหน้าอย่างสนใจ


“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง”


“ยุ่งนิดหน่อยค่ะแต่ก็สนุกดี พี่ซันเรียนหนักใช่มั้ย ดูสิหน้าหล่อๆ โทรมลงไปตั้งเยอะเลย” น้องฟ้าตอบพลางเอ่ยแซ็วผม เรื่องเรียนไม่ค่อยหนักหรอก แต่เรื่องที่หนักกว่าก็น่าจะเป็นเรื่องของคนตรงหน้านี่แหละ ผมยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นว่ามีคราบซอสเลอะขอบริมฝีปากบาง กินเลอะตั้งแต่เล็กจนโต


“เออใช่ พี่ซันได้ยินข่าวลือแปลกๆ บ้างมั้ยคะ” มือที่กำลังจะยื่นไปเช็ดคราบซอสที่ปากให้อีกคนคนหยุดชะงักกลางอากาศ


“ไปได้ยินอะไรมางั้นเหรอ” ผมยื่นกระดาษทิชชู่ให้น้องฟ้าแก้ขัดแล้วใช้นิ้วชี้ที่ขอบปากตัวเองเป็นการบอกกลายๆ น้องฟ้าเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มเขินพลางยื่นมือมารับทิชชู่จากมือผมไปเช็ดปากตามที่ผมบอก


น้องเงียบไปสักพักก่อนจะฉีกยิ้มให้ผม “ฟ้าว่ามันไร้สาระมากและฟ้าก็เชื่อใจพี่ซัน” ตอบแล้วหลบสายตา แสดงๆ ว่าคงได้ยินข่าวลือแปลกๆ ของผมเข้าแล้วสินะ


“ฟ้า…” ผมเรียก


“คะ”


ผมสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ “พี่รู้ว่าสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้อาจทำให้ฟ้าเสียใจ แต่พี่ต้องพูด” เราสองคนหันมาสบตากัน สายตาผมเต็มไปด้วยความแน่วแน่ ดวงตากลมโตคู่นั้นฉายแววกังวลขึ้นมา


“หมายความว่ายังไงคะ” น้องฟ้าถามกลับเสียงสั่น ผมกำมือแน่น ในอกรู้สึกปวดหนึบที่ต้องทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่เคียงข้างผมมาตลอดสิบกว่าปี


“ยังจำที่เราเคยสัญญากันไว้ได้มั้ย” ผมถามเธอกลับ ฟ้าเริ่มตาแดงผมต้องเบือนหน้าลงมองแก้วน้ำข้างมือเมื่อนึกถึงสัญญาที่ผมกับเธอเคยให้กันไว้ว่าถ้าหากคนใดคนหนึ่งเจอคนที่ตัวเองรักก็สามารถยกเลิกสัญญาการหมั้นหมายได้ แต่ถ้าวันไหนที่ผมเรียนจบแล้วยังไม่เจอใครเราถึงจะแต่งงานกัน


นี่เป็นข้อตกลงระหว่างผมกับเธอ


“พี่ซัน...” น้องฟ้าครางเรียกชื่อผม


“พี่...เจอเขาคนนั้นแล้ว” ผมเลื่อนสายตากลับมาโฟกัสที่หญิงสาวตรงหน้า น้องฟ้าเบิกตากว้างขึ้น ตาคู่สวยสั่นระริก ก่อนที่มือเล็กจะเลี่ยงไปหยิบแก้วน้ำข้างมือขึ้นมาดื่ม ผมนั่งเงียบและปล่อยให้เธอจมอยู่กับความคิดตัวเอง


“เขาเป็นใครคะ ฟ้ารู้จักหรือเปล่า” น้องฟ้าถามหลังจากเงียบไปพักใหญ่


“พี่ขอโทษนะ” ผมเลี่ยงคำถาม ฟ้าฉีกยิ้มให้ผมก่อนจะเบือนหน้าไปใช้หลังมือปาดคราบน้ำตาออกจากหางตา ถ้าเป็นปกติผมคงต้องคว้าตัวอีกคนมากอดปลอบ แต่ถ้าผมยังทำเหมือนเดิมมันอาจเป็นการทำร้ายเธอทางอ้อม ผมต้องแข็งใจเข้าไว้เพื่อที่จะไม่ทำร้ายเธอไปมากกว่านี้


“อย่าขอโทษฟ้าเลยค่ะ พี่ซันเจอคนที่ใช่ ฟ้าก็ดีใจด้วย พี่คงรักผู้หญิงคนนั้นมาก” ถึงปากจะพูดออกมาอย่างนั้นแต่ทั้งสีหน้าและแววตามันช่างชัดเจนเหลือเกินว่าเจ้าของใบหน้าสวยนั้นกำลังเสียใจมากแค่ไหน


“ฟ้าเป็นผู้หญิงที่ดีพร้อม...ดีมาก ทุกอย่างเป็นความผิดของพี่เอง เรื่องคุณน้าทั้งสองพี่จะหาโอกาสไปพบกับท่านด้วยตัวพี่เอง ที่พี่นัดเจอกับฟ้าก่อนก็เพราะไม่อยากให้ฟ้ามารู้ทีหลัง”


“ฟ้ามีโอกาสจะแก้ตัวมั้ยคะ”


“อย่าคาดหวังอะไรจากพี่จะดีกว่า”


คนถามเม้มริมฝีปาก "..."




ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
นางฟ้าจะกลายพันธุ์เป็นนางมารไหมนะ  :hao4:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เด็ดดวงดี ตรงๆ แน่นอน ไม่ต้องมายื้อ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
กลัวใจฟ้า อารมณ์ผู้หญิงอะไรก็เกิดขึ้นได้ :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ตอนที่  26  :: เราจะได้เจอกันอีกมั้ย


[บีทส์]


“ทำไมช่วงนี้น้องมึงมารับมาส่งทุกวันเลยวะ เมื่อก่อนไม่เห็นมา” เสียงไอ้นัทถามขึ้นขณะที่เรานั่งพักเที่ยงกันที่ใต้ตึก ผมเงยหน้าขึ้นมองคนถามก่อนจะส่ายหัว แล้วซุกหน้าลงกับกระเป๋าสะพายตัวเองตามเดิม


จริงอย่างที่ไอ้นัทมันสงสัย เพราะตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องไบร์ทก็ไม่ยอมให้ผมอยู่ที่คอนโดอีก ผมเลยต้องย้ายกลับไปอยู่บ้านตัวเองสลับกับไปนอนที่บ้านพี่ไม้ในเวลาที่ไม่มีใครอยู่บ้าน จนคุณนายเองก็ชักสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ น้องผมถึงลุกขึ้นมาทำอะไรแปลกๆ แต่ไบร์ทก็ไหลลื่นเอาตัวรอดไปได้ทุกที


ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วที่ผมไม่ได้เจอพี่ซัน ตลอดเวลาที่พี่มันมาที่บ้านไบร์ทจะให้ผมคอยหลบพี่ซันเสมอ เลยต้องแอบมองพี่มันผ่านม่านหน้าต่างแทน แรกๆ พี่มันก็แอบโทรมาที่เบอร์ผมนะแต่เพราะไบร์ทเกาะติดผมตลอดเวลาแถมยังแลกเอาโทรศัพท์ของตัวเองมาให้ผมใช้อีก ทำให้เวลาพี่ซันโทรมาไบร์ทจะเป็นฝ่ายรับสาย


“นั่นดิ หรือว่ามันเป็นเรื่องปกติของพวกมึงสองพี่น้องวะ” ไอ้นัทถามต่อ


“...”


“เอ้า ถามไม่ตอบไอ้นี่หยิ่ง ข้าวปลาก็กินแค่แมวดม จะผอมไปถึงไหน” ไอ้นัทดุ ก่อนจะหันไปหงุงหงิงกับแฟนมันเมื่อไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากปากผม ผมรู้ครับว่ามันก็แค่เป็นห่วง


“ยังไม่ได้คุยกันอีกเหรอ” เสียงอิพิงค์กระซิบถาม เพราะมันก็แกล้งนอนฟุบอยู่ข้างๆ ผมเหมือนกัน


“อืม” ผมครางตอบในลำคอ


ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่ซันจะเป็นยังไงบ้าง จะยังคิดถึงผมไหม ยังสบายดีหรือเปล่า


“อ้าวไบร์ท ทำไมวันนี้มาเร็ว” ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงไอ้นัทเอ่ยทักชื่อน้องผม ไบร์ทเดินตรงเข้ามาหาพวกผมด้วยชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืดสีหม่นเคียงคู่มากับคนคุ้นเคยอีกคนที่เพิ่งเจอกันมาเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว


พี่ไม้...


“พอดีวันนี้ไบร์ทไปติดต่อเรื่องเรียนมาอ่ะพี่นัท ขากลับเจอพี่ไม้พอดีเลยกะว่าจะอยู่รอรับพี่บีทส์ด้วยกันเลย” ไบร์ทตอบกลับยิ้มๆ แล้วเดินมานั่งลงข้างๆ ผม ส่วนอิพิงค์มันเคลิ้มไปแล้วครับ อินี่เห็นผู้ชายไม่เคยได้


“ว่าไงเรา” พี่ไม้เดินมายืนอยู่ข้างหลังผมแล้วยื่นมือมาวางไว้บนหัวผม ผมทำหน้ายุ่ง แล้วส่ายหัวหนีมือใหญ่ พี่ไม้หัวเราะก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผม หลังจากอิพิงค์มันขยับที่ให้ พวกเพื่อนผมก็ยกมือไว้พี่มันใหญ่เพราะรู้จักกันดี


“กินอะไรมารึยังไบร์ท” ผมหันไปถามน้อง


“ยังเลยพี่บีทส์ พอดีไบร์ทรีบมากลัวพี่บีทส์รอ” น้องหันมาตอบผมยิ้มๆ ผมพยักหน้ารับ แล้วฟุบหน้าลงกับกระเป๋าตัวเองอีกรอบ ทำไมจะไม่รู้ว่าที่ไบร์ทมาหาผมทุกครั้งที่มีโอกาสก็เพื่อป้องกันไม่ให้พี่ซันเข้าใกล้ผมได้


เฮ้อ…


ไม่ใช่แค่ไบร์ทที่คอยตามติดผม ยังมีพี่ไม้อีกคนที่ไม่รู้ครึ้มอกครึ้มใจอะไรมานั่งรอผมแทนไบร์ทในวันที่ไบร์ทไม่ว่างได้ตลอด ไม่รู้ไอ้งานที่ทำอยู่น่ะไม่มีใครจ้างหรือว่ามันสบายถึงขนาดไม่ต้องเข้าออฟฟิศกันแน่


ยังมีไอ้นัทอีกคนที่ถูกฝากฝังจากน้องผมด้วยเหตุผลว่าช่วงนี้รู้สึกเหมือนมีไอ้บ้าโรคจิตสะกดรอยตามผมอยู่กลัวว่าผมจะเป็นอันตรายยิ่งทำให้มันตามคุมผมแจเลย



ไอ้นี่เชื่อฟังน้องกูดีจริงๆ กับกูไม่เคยจะเห็นหัว


“นึกว่าจะไม่เจอพวกมึง ทำไมยังไม่ขึ้นเรียนวะ” เสียงไอ้ออยถามขึ้น ผมรีบเงยหน้าขึ้นไปยังทิศทางของเสียงที่กำลังมุ่งหน้าเดินเข้ามาที่โต๊ะพวกผมช้าๆ ก่อนจะต้องลอบถอนหายใจ เมื่อเห็นแค่ไอ้ออยกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาพร้อมกับเงาตามตัวมันอย่างไอ้ปริ้นที่เดินตามมาเงียบๆ


“อ๊าย ปริ้น...นั่งค่ะนั่ง ที่ว่างมีโดยเฉพาะหัวใจพิงค์ตอนนี้ว่างมาก” อิพิงค์หูกระดิกหางกระดิกทันทีที่เห็นไอ้ปริ้น ผมส่ายหัวน้อยๆ กับท่าทางของเพื่อนตัวเอง


ฟึ่บ!


ผมกลั้นขำ เมื่อที่นั่งที่อิพิงค์มันขยับให้ปริ้นถูกคนที่มากับเจ้าของชื่อนั่งลงหน้าตาเฉย อิพิงค์หน้าเหวอไปสักพักก่อนจะจิ๊ปากใส่ไอ้ออยอย่างขัดใจ


“ยัง...อาจารย์ป้ามีประชุมเรื่องสอบปลายภาคที่คณะเลยขอเลื่อนเวลาสอน” ผมตอบ ไอ้ออยพยักหน้ารับ ก่อนที่มันจะหันไปทักทายพี่ไม้


“พี่ไม้สวัสดีครับ” ไอ้ออยทักทายพร้อมกับยิ้มกว้าง ก่อนหันไปทักทายน้องผม ผมเหลือบมองไอ้ปริ้นเห็นมันแอบคิ้วกระตุกอยู่ข้างๆ กอดอกมองไอ้ออยด้วยสายตาเรียบเฉย


“ครับ สบายดีนะออย ดูหน้าตาสดใส มีแก้มออกมาหน่อยๆ น่ารักดี” พี่ไม้ตอบรับแล้วถามกลับ ไอ้ออยเลิกคิ้วก่อนจะใช้สองมือประกบใบหน้าตัวเองหน้าตาเหรอหรา


“จริงดิ ผมอ้วนขึ้นเหรอ ไม่น่าล่ะช่วงนี้สาวๆ ในสต๊อกหายหมด ปั๊ดโธ่ ทำไมไม่เตือนออยฮะปริ้น!!?” ไอ้ออยโวย แต่ไอ้คนโดนโวยมันทำเพียงเลิกคิ้วรับเล็กน้อย ย้ำ!! ว่าแค่เล็กน้อยเท่านั้น พี่ไม้มันพูดตอนไหนว่ามึงอ้วน เขายังไม่ได้พูดสักคำ จริงๆ มันก็ไม่ได้อ้วนอะไรหรอกครับ แต่ไม่รู้สิผมว่ามันดูน่ารักขึ้นแล้วก็ดูเหมือนมีออร่ามากกว่าแต่ก่อน


“เขาพูดสักคำรึยังว่ามึงอ้วน เอ๊ะหรือช่วงนี้ได้น้ำดี” อิพิงค์แซ็วขึ้นพร้อมกับจีบปากจีบคอ ไอ้ออยถลึงตาโตเขียวปั๊ด สังเกตได้เลยว่าคนในโต๊ะกลั้นยิ้มกันใหญ่ ไอ้ปริ้นมึงเก็บอาการดีอกดีใจไว้หน่อยก็ได้นะ เห็นแล้วหมั่นไส้ไอ้รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของมึงน่ะ!


“ฮ่าๆ ไม่ใช่แบบนั้น แค่รู้สึกว่าช่วงนี้เราน่ารักขึ้นเท่านั้นเอง” พี่ไม้หัวเราะแล้วรีบแก้คำ ก่อนที่ไอ้ออยมันจะวิตกจริตไปมากกว่านี้


“โห่ พี่ไม้ทำผมตกใจหมดเลย” ไอ้ออยถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหันไปตัดพ้อพี่ไม้ต่อ ผมยิ้มขำแต่ไม่ได้ออกปากเตือนเพื่อน มึงจะทำอะไรช่วยมองหน้าไอ้เงาตามตัวหน้านิ่งของมึงหน่อยได้ไหม


“แล้วทำไมโผล่หัวมานี่ได้” ผมถาม


“ทำไม...มาหาไม่ได้เหรอ” ไอ้ออยเลิกคิ้วถามหาเรื่อง ผมถอนหายใจเซ็งๆ กับอาการกวนตีนของเพื่อนรัก


“กล้าทำหน้าแบบนี้ใส่กูเหรอไอ้ออย นี่แน่!” ผมยื่นมือไปเคาะกบาลเพื่อนรักอย่างหมั่นไส้ ในขณะที่พี่ไม้ลุกขึ้นขยับเปลี่ยนที่นั่งให้ไอ้ออยมานั่งติดผมแทน แล้วตัวพี่ไม้ก็ขยับไปนั่งใกล้กับอิพิงค์ ฟินไปสิเพื่อนผม


“เชี่ย เจ็บนะเว้ย!” ไอ้ออยโวยวายพร้อมกับลูบหน้าผากตัวเอง ผมหัวเราะ


“ออยบ่นอยากมาหามึงตั้งหลายวันแล้ว ไม่ได้เจอมึงเลยตั้งแต่ช่วงรับน้อง มึงเองก็ไม่ยอมติดต่อมาหาพวกกู คาบนี้ว่างเลยลองเดินมาหาดู” ไอ้ปริ้นเอ่ยปากอธิบาย


พูดเฉยๆ ไม่ได้ ทำไมต้องทำหน้าเก็กหล่อเห็นแล้วหมั่นไส้อยากกระโดดถีบยอดหน้า หล่อไม่เกรงใจสาวๆ คณะกูเลย ยิ่งพวกพี่ๆ มึงนะ หึ๋ย พูดแล้วอยากหล่อขึ้นมาตะหงิดๆ


“โทรมาก็ได้ปะ ไม่เห็นต้องหอบสังขารมาถึงนี่” ผมกลั้นยิ้ม เมื่ออิพิงค์มันเอ่ยแขวะไอ้ออย แล้วเบ๋ปากด้วยความหมั่นไส้


“โทรได้! แต่อยากเจอตัวเป็นๆ ของมันมากกว่า มึงจะทำไมชาติชาย!” ไอ้ออยตอกกลับทันควัน ด้วยคำเรียกขานสุดจี๊ด แถมเป็น
คำต้องห้ามที่อิพิงค์ได้ยินทีไรต้องกรี๊ดมหาลัยแตก


“ชาติชายพ่อง กูเปลี่ยนชื่อแล้วโว้ย อิคนไม่พัฒนา!” อิพิงค์ยืนขึ้นท้าวสะเอวด่าเสียงแหลม เล่นเอาพี่ไม้ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ต้องก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม คือเราก็รู้ๆ กันครับว่าพวกมันก็กัดกันไปตามประสาเจอกันเป็นต้องไฝว้


“ก็กูจะเรียกชาติชายมึงจะทำไม” ไอ้ออยเลิกคิ้วมองตอบอิพิงค์แล้วเบ๋ปากใส่อย่างจงใจ เล่นเอาอิพิงค์ถลึงมองมันตาโต


“กรี๊ด...เจอตุ๊ดตบปากสักทีมั้ย! หน๊อย ถ้ากูไม่เกรงใจแฟนกูนะ จะตบสั่งสอนให้รู้ฤทธิ์เดชฝ่ามือมิสพิงค์เรนเจอร์สักที!!” อิพิงค์ตอกกลับ ผมเลิกคิ้ว


“ไหนแฟนมึง! ลากมันออกมาซิ! กูจะถีบให้รู้จักรสชาติของฝ่าตีนไร้เงาเลย!” ไอ้ออยตอกกลับพร้อมยกเท้าขึ้นส่ายไปมา เออเว้ยคนล่ะเรื่องพวกมึงก็ลากเข้ามาอยู่ในเรื่องเดียวกันได้เน๊าะ


“ปริ้นไงแฟนกู!!” อิพิงค์เนียนได้โล่


“สัส นั่นแฟน ก…!!” ไอ้ออยตอกกลับทันควัน ก่อนจะสะดุดเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ ผมกลั้นขำท้องแข็ง พร้อมกับหันไปเหล่ไอ้ปริ้นที่ยืนอมยิ้มอยู่ แม่ะ...ไอ้ออยมึงจะรู้ตัวไหม ถ้ามึงกลับไปบ้านอาจจะได้รางวัลใหญ่จากคนข้างตัวมึงก็ได้ ในฐานะที่มึงหลุดบ่อยมาก
วันนี้!


“อะไร! แฟนใคร!?” อิพิงค์ถลึงตาต้อนไอ้ออย ส่วนเพื่อนผมเหรอครับมันกัดปากฉับเลยเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเกือบหลุดพูดอะไรออกมา


“ไม่ใช่แฟนมึงก็แล้วกัน!!” ไอ้ออยแถกลับอย่างไม่ยอม อิพิงค์เบ๋ปาก


“พอๆ เลยพวกมึงกัดกันเหมือนหมา” ไอ้นัทเอ่ยขัดเป็นการปราม พร้อมปรายตามองไปยังตัวก่อเหตุทั้งสอง


“กูไม่ใช่หมา!” พวกมันสองคนหันมาประสานเสียง ทีอย่างนี้ล่ะปรองดองกันขึ้นมาเชียวนะพวกมึง


สวบ...


ผมเลิกคิ้ว เมื่ออยู่ๆ ไอ้ออยก็แอบสอดอะไรบางอย่างเข้ามาในกระเป๋ากางเกงผม ผมเตรียมจะหันไปถามแต่ก็ต้องเก็บคำไว้เมื่อเจอสายตาปรามๆ จากไอ้ปริ้น ก่อนที่ไอ้ออยจะหันไปคุยกับไบร์ทยิ้มๆ เหมือนเหตุการณ์ทะเลาะกันคอแตกกับอิพิงค์เมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น


“เรียนเป็นไงบ้างไบร์ท ช่วงนี้ไม่ค่อยได้แวะไปหาเลยแหะ” ไอ้ออยพูดยิ้มๆ ผมละสายตาจากมันแล้วค่อยๆ สอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะสัมผัสได้ถึงกระดาษแผ่นเล็กที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง


เปิดอ่านที่นี่คงไม่ได้สินะ


ผมแอบกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะค่อยๆ เบือนหน้าไปหาไอ้ปริ้น มันส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ผม เจิดจรัสมากเพื่อนกู


“ทักทายกันได้ดุเดือดมาก ฮ่าๆ สบายดีพี่ออย แต่ช่วงนี้ยุ่งๆ กับเรื่องเรียนนิดหน่อย นี่ก็เพิ่งไปสอบตรงมาแค่รอผลน่ะ” ไบร์ทแซ็วขำๆ เมื่อก่อนนี้ไอ้ออยกับไอ้ปริ้นก็เคยไปค้างที่บ้านผมบ่อยๆ นะครับในช่วงที่มีรายงานด่วนๆ หรือไม่ก็เป็นผมที่ไปค้างกับพวกมันแทนจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว


“ใครอยากจะทักทายกับคนปากแบบมัน ดีแล้วๆ จะเรียนหมอใช่มั้ย ขอให้ติดจะได้เป็นที่เชิดหน้าชูตาไม่เหมือนกับไอ้เพื่อนไม่เอาไหนของพี่ เรียนก็ไม่ค่อยจะสนใจแถมยังขี้เกียจอีกจะรอดปีหนึ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้…” ไอ้ออยตอบกลับ ผมหันขวับไปมองมันเคืองๆ ไอ้เพื่อนเวรกัดกูทำไม


“ไม่ต้องโยนขี้มาให้กู” ผมโวย


“เอ้า กูแค่ให้กำลังใจน้องมึงอย่าเพิ่งขัดสิวะ” ไอ้ออยแก้คำให้แล้วหัวเราะ


“ห่า ไม่ต้องลากกูเข้าไปเกี่ยวเลย” ผมขมวดคิ้วบ่น ไอ้พวกในโต๊ะก็หัวเราะกันใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่พี่ไม้ที่กำลังกลั้นยิ้มสุดกำลัง อย่าให้ไอ้บีทส์เรียนเก่งขึ้นมาบ้างนะเว้ย


“กูพูดเรื่องจริงทำเป็นรับไม่ได้” ไอ้ออยแขวะต่อ


“ชิส์ กูไปห้องน้ำดีกว่าพี่ไม้ไปห้องน้ำกัน” ผมยู่ปากใส่งอนๆ แล้วแกล้งลุกหนีพร้อมกับหนีบเอาองครักษ์ประจำตัวไปด้วยไม่ให้เป็นที่สงสัยหรือมีคนตามไปเป็นขบวน พี่ไม้พยักหน้ารับยิ้มๆ แล้วลุกตาม


“พี่รอข้างนอกนะ” พี่ไม้เอ่ยบอกหลังจากที่เราเดินมาถึงห้องน้ำใต้ตึกคณะของผม ผมหันไปพยักหน้ารับ


ผมรีบเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วสอดสายตามองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นใครจึงล้วงเอากระดาษแผ่นเล็กที่ไอ้ออยสอดเข้ามาในกระเป๋าออกมาเปิดดู ก่อนที่จะขมวดคิ้วมุ่น อะไรของมัน


“...”


กระดาษเปล่าเนี่ยนะ!? โอ๊ย กูก็ลุ้นแทบตายนึกว่าไอ้ออยจะมาส่งข่าวแทนใครบางคนที่ผมคิดถึง ไอ้เพื่อนเวร มาทำให้กูตื่นเต้นฟรีทำไม


“จิ๊ ไม่น่าเสียเวลาเดินเข้ามาอ่านเลยเว้ย” ผมทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะรีบปรับสีหน้าแกล้งก้มล้างมือกับอ่างน้ำเมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูห้องน้ำ


ไอ้ออยนะไอ้ออย กลับไปจะเฉ่งให้เสียหมาเลยคอยดู๊ ทำเป็นมีลับลมคมในไอ้เราก็คิดไกลไปนู้นนนนนน


หมับ!


“เฮ้ย!!” ผมใจหายวาบเมื่ออยู่ดีๆ ก็มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้กอดผมจากทางด้านหลัง ก่อนจะสติแตกเข้าไปอีกเมื่อเห็นหน้าไอ้คนที่กอดผมอยู่จากกระจกตรงหน้า


“พี่ซัน”


ผมครางเรียกชื่อพี่มันในลำคอ ร่างสูงกว่ากระชับมือที่กอดเอวผมไว้แน่นขึ้น ผมแอบกลืนน้ำลายลงคอ ถ้ามีใครสักคนเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วเห็นผู้ชายสองคนยืนกอดกันกลมนี่คงไม่ใช่เรื่องดีนะครับ


“คิดถึง”


“...”


สายตาเราทั้งคู่สอดประสานกันในกระจก พี่ซันเหมือนคนไม่ได้นอนมาหลายวัน หนวดเคราเริ่มขึ้น คงไม่ดูแลตัวเองอีกตามเคย ไม่รู้ทำไมแค่เห็นหน้าพี่ซันผมก็ยิ่งรับรู้ได้ว่าความคิดถึงมันมีมากแค่ไหน คิดถึงผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนกอดผมอยู่ตรงนี้


ผมเม้มปากแน่น มือหนาของพี่ซันคลายออกจากเอวผมเปลี่ยนมากำข้อมือผมกุมไว้หลวมๆ แล้วลากเข้าไปในห้องน้ำด้านในสุด


“พี่มาได้ไง...ไม่กลัวคนอื่นเห็นเหรอครับ” ผมถาม


“กูรออยู่ในนี้นานแล้ว จะเข้าถึงตัวมึงได้มันไม่ง่ายเลย คนรอบข้างมึงตามติดมึงแจ กูแค่อยากเห็นกับตาว่ามึงยังสบายดี...แค่อยากมาดูให้แน่ใจ” พี่ซันตอบ พร้อมกับยกมือขึ้นมาวางแนบกับแก้มของผมแล้วลูบเบาๆ


“แผนของพี่สินะ ผมสบายดี แต่พี่นั่นแหละทำไมถึงโทรมแบบนี้ ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง” ผมพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง พี่ซันยิ้มรับแล้วเลื่อนมือขึ้นไปยีหัวผม


“แค่เห็นหน้ามึงกูก็ไม่เป็นอะไรแล้ว” พี่ซันตอบ


ผมหลุดยิ้มกับคำตอบของพี่มัน


“ผมนึกว่าพี่จะถอดใจไปแล้วซะอีก”


“กูไม่ยักรู้ว่ารอบๆ ตัวมึงมีผู้ชายล้อมหน้าล้อมหลังเยอะขนาดนี้” พี่ซันไม่ตอบแต่เบี่ยงไปอีกประเด็นแทน


“เอ้า ก็ผมเป็นผู้ชาย”


“ช่างเถอะ มึงสบายดีก็ดีแล้ว กูแค่มาขอกำลังใจ” ผมเลิกคิ้วก่อนจะหลุดขำเมื่อพี่ซันเอียงแก้มโน้มลงมาให้ผม


จุ๊บ


ผมยื่นหน้าไปกดจูบที่แก้มสากเบาๆ “พอใจยัง”


พี่ซันยักไหล่


ฟอด~


ก่อนจะยื่นหน้ามากดจูบที่แก้มซ้ายผมหนักๆ


“ออกไปได้แล้ว ไม่อยากให้มึงทะเลาะกับน้อง” พี่ซันบอกผมยิ้มๆ ก่อนจะยื่นมือไปหมุนลูกบิดประตูแล้วเปิดให้ ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจไม่รู้ว่าเมื่อไหร่น้องผมจะยอมใจอ่อน แล้วผมก็เข้าใจว่าที่น้องทำไปก็เพราะรักผม


ผมชะงักเท้าของตัวเองไว้ก่อนจะก้าวพ้นประตูแล้วหันกลับมาถามอีกคนด้วยความไม่มั่นใจ


“ผมจะได้เจอพี่อีกมั้ย”


พี่ซันส่งยิ้มอบอุ่นแล้วพยักหน้ารับ


“แน่นอน”


+++++++++++++++++++++++


“ไอ้พี่ซันบ้า ไอ้พี่ซันเฮงซวย ไหนบอกว่าจะได้เจอกันอีกไง ผ่านมาเป็นอาทิตย์ยังไม่โผล่หัวมาเลย ไอ้คนหลอกลวง!” ได้แต่นั่งหงุดหงิดกับตัวเองอยู่ในห้องนอนคนเดียวก่อนจะคว่ำหน้าฟุบลงกับหมอนใบใหญ่ตามเดิม


ตั้งแต่ที่เจอกับพี่ซันคราวก่อนผมยังไม่ได้เจอกับพี่มันอีกเลยครับ ได้แต่นั่งสอดส่องมองหาร่างสูงของใครบางคนก็ไม่เจอแม้แต่เงา คิดถึงก็คิดถึงพอไปบ่นกับไบร์ท ไอ้น้องตัวดีก็ได้แต่ยิ้มด้วยความสุขพร้อมกับบอกผมว่า ‘ก็ดีแล้วนี่’


มันดีตรงไหนวะ


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“พี่บีทส์แม่ให้มาเรียกไปกินข้าว” เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องตามมาด้วยเสียงไอ้น้องตัวดี ผมค่อยๆ ไถลตัวเองลงจากเตียงแล้วเดินไปที่ประตู


“อื้อ”


“ดูทำหน้าดิ อาบน้ำหรือยังเนี่ย” ไบร์ทถามผมขำๆ ระหว่างที่ยืนรอผมอยู่ที่หน้าห้อง ผมทำหน้างอกระเง้ากระงอด


“ได้ข่าวพี่ซันบ้างมั้ย” ผมถามแล้วทำปากยื่น ไบร์ทเลิกคิ้วแล้วหัวเราะ


“ก็พอมีบ้าง เห็นไอ้หมอบอกว่าทางนั้นทะเลาะกับที่บ้านใหญ่โต มีเรื่องวุ่นๆ นิดหน่อยแต่เดี๋ยวก็คงโอเคมั้ง” ไบร์ทตอบ ผมขมวดคิ้วในใจเริ่มเป็นห่วงพี่ซัน


“เป็นห่วงเขาเหรอ” ไบร์ทชะโงกหน้าเข้ามาใกล้


“ก็...นิดหน่อย” ผมตอบเสียงอ่อย


“รักแท้มันก็ต้องมีอุปสรรคกันบ้างสิพี่บีทส์ แล้วไบร์ทก็ไม่อยากให้บีทส์จะต้องเป็นฝ่ายยอมอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้นไบร์ทเชียร์ฝั่งพี่ตี๋ยังจะดีกว่า พี่บีทส์ก็รู้ว่าถึงแม้โลกจะเปิดกว้างมากขึ้นสำหรับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ทุกคนจะรับมันได้เหมือนกับแม่ของเรา” ผมคิดตาม ในใจรู้สึกหนักอึ้ง เพื่อผมพี่ซันต้องลำบากอะไรบ้าง ว่าแต่...เมื่อกี้อะไรตี๋ๆ นะครับ


“เชื่อไบร์ทดิ อย่าใจร้อน ปล่อยให้เวลามันเดินทางของมัน”


“เป็นอย่างนี้ มันดีแล้วใช่มั้ย” ผมก้มมองมือตัวเอง


“เรื่องของความรู้สึกอ่ะมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะพี่บีทส์ อีกอย่างนะพี่บีทส์ก็ไม่ได้ผิดฝ่ายเดียวด้วย ไอ้พี่นั่นต่างหากที่ทำอะไรไม่คิดให้ดี ฉกฉวยโอกาสจากความรู้สึกของพี่บีทส์” น้องบอก ผมเม้มปากจะโทษให้เป็นความผิดของพี่ซันทั้งหมดก็ไม่ถูก ผมเองก็มีส่วนผิดที่ทำให้พี่มันต้องมีปัญหากับคนที่บ้านแถมยังต้องมีปัญหากับพี่ฟ้าอีก บางทีผมอาจจะเป็นตัวปัญหาสำหรับพี่มันจริงๆ


“ไบร์ทจะยอมให้พี่เจอกับพี่ซันเมื่อไหร่ ปล่อยให้พี่มันเจอปัญหาอยู่คนเดียวแบบนี้มันจะดีเหรอ พี่รู้สึกไม่ดีเลย”


“ถามเหมือนไอ้หมอเปี๊ยบ” ไบร์ทย่นจมูก


“เมื่อไหร่จะเลิกเรียกพี่อาร์ตแบบนั้นสักที” ผมแซ็ว ไบร์ทเบ๋ปากเมื่อถูกถามถึงพี่อาร์ตผมยิ้มอย่างเอ็นดู กว่าจะลงตัวได้ก็ทำเอาพี่อาร์ตเกือบแย่ไปเลยเหมือนกันครับก็ไบร์ทน่ะเคยยอมใครซะที่ไหน


“ทำไมอ่ะเรียกแบบนี้แหละดีแล้ว พี่บีทส์ล่ะพร้อมจะเผชิญหน้ากับอุปสรรคความรักของพี่บีทส์รึยัง” น้องตอบขำๆ แล้วถามกลับพร้อมกับทำท่ากำมือดึงเข้าหาตัวเอง ผมสูดลมหายใจ


ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมละวะ


“ไบร์ทไม่ได้ใจอ่อนหรอกนะแต่มีคนบางคนเขาบอกว่าอยากขอโอกาสให้เพื่อนเขาสักครั้ง ครั้งนี้ไบร์ทจะยอมหลีกให้ก็ได้เห็นแก่พี่บีทส์หรอก ไม่อยากเห็นพี่บีทส์ทำหน้าเศร้าแล้ว” ไบร์ทยิ้มให้ผม


“สงสัยพี่ต้องไปขอบคุณคนๆ นั้นของไบร์ทหน่อยแล้วล่ะ” ผมแซ็วอย่างสื่อความหมาย ไบร์ทหลุดขำแล้วเฉไฉมองไปทางอื่น


“คุยอะไรกันอยู่จ้ะ ทำไมไม่ลงไปข้างล่าง” ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีเสียงของคุณนายดังแทรกเข้ามาก่อน ผมกับไบร์ทหันไปยิ้มก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปกอดคุณนายอ้อนๆ ไบร์ทเดินเข้ามากอดด้านหลังผมอีกชั้นคุณนายหัวเราะ


“อะไรกัน อยู่ดีๆ ก็เข้ามากอดแม่ มีอะไรหรือเปล่าบอกแม่ได้นะ” คุณนายเลิกคิ้วแปลกใจ ผมส่ายหัวแล้วหัวเราะ


“แค่อยากเติมพลังนิดหน่อยครับคุณนาย” ผมฉีกยิ้มแฉ่งแล้วฉวยหอมแก้มที่ยังเต่งตึงไม่หย่อนยานไปตามวัยเหมือนคนทั่วไปที่อายุรุ่นราวเดียวกัน แม่ยื่นมือมาเคาะหน้าผากผมเบาๆ


“ไปทานข้าวกันได้แล้ว แม่ให้มาตามพี่บีทส์เขาตั้งนาน เห็นไม่ยอมลงไปสักทีเลยขึ้นมาตาม” คุณนายหันไปดุไบร์ทน้อยๆ เจ้าตัวฉีกยิ้มแฉ่งอย่างเอาใจก่อนจะเนียนเข้าไปกอดเอวคุณนายอ้อนๆ


“ช่วงนี้คุณนายไม่ได้ออกไปติดต่องานกับลูกค้าแล้วเหรอ” ผมถามด้วยความสงสัยขณะที่กำลังตักกุ้งตัวโตเข้าปาก ไบร์ทหันมาพยักหน้าสมทบกับคำพูดผมก่อนจะหันไปหาคุณนายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม


เพราะปกติแม่ผมไม่ค่อยจะอยู่ติดบ้านหรอกครับ ต้องออกไปพบลูกค้าหรือไม่ก็นั่งออกแบบนู่นนี่ตามคำสั่งของลูกค้า บางทีก็ต้องไปสำรวจสถานที่จริงกับที่ทำงานเก่าบ้างแล้วแต่กรณีเพราะแม่ผมจะรับงานเป็นจ๊อบๆ ไม่ได้ทำประจำ


มีแค่ช่วงหลังๆ นี้ที่ผมเห็นคุณนายมีเวลาทำอย่างอื่นนอกจากการขีดๆ เขียนๆ แบบแปลนเหมือนแต่ก่อน


“งานที่มีตอนนี้แม่ส่งงานให้ลูกค้าเขาไปหมดแล้วจ้ะ พอมีคนมาช่วยคิดช่วยออกความเห็นงานก็เลยเดินไว” คุณนายหันมาตอบยิ้มๆ แล้วตักผักใส่จานให้ผม ผมยู่ปาก ผักเต็มจานเลยโว้ย


“พี่ไม้เหรอ” ไบร์ทถามทั้งที่ข้าวเต็มปาก คุณนายส่ายหัวยิ้มๆ


“ผู้ช่วยของแม่เขาขอไว้ไม่ให้แม่บอกใคร แต่เป็นคนที่มีความสามารถมากคนหนึ่งเลยนะแม่ว่า หน้าตาก็หล่อเหลาเข้าขั้น ถ้าเจอกันสมัยแม่สาวๆ คงกรี๊ดเขาน่าดู แรกๆ แม่ก็ไม่คิดว่าจะช่วยงานแม่ได้นะ แต่พอให้ลองออกแบบกลับทำได้ดีทีเดียว” คุณนายพูดยิ้มๆ ผมขมวดคิ้วทำไมต้องทำมีลับลมคมในด้วยล่ะ โว๊ะ หรือจะเป็นพวกอินดี้อยากแสดงความสามารถของตัวเองเพื่อเอาไปต่อยอดทางธุรกิจ


“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะพี่บีทส์”


“ห๊ะ” ผมเลิกคิ้ว “เปล่า...แค่สงสัยน่ะ”


“ไว้แม่จะแนะนำให้รู้จักนะ เอ๊ แต่ว่าเขาเป็น...”


ครืด...ครืด…

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาของไบร์ทหยุดสนทนาไว้แค่นั้น เจ้าตัวเสียดายแต่ก็ต้องหยิบมือถือคู่ใจขึ้นมากดรับ


“ว่า” ไบร์ทกดรับ เจ้าตัวทำหน้าหงุดหงิดอย่างขัดใจ ก่อนจะลุกออกไปคุยข้างนอก คุณนายมองตามน้องยิ้มๆ


“มีความรักแล้วสินะน้องเรา” ผมอมยิ้มให้กับคำพูดของคุณนาย ถ้าตัดเรื่องนิสัยความเจ้าชู้ของพี่อาร์ตออกไป สำหรับผมพี่มันก็เป็นคนที่ดีมากๆ คนหนึ่งเลย


“แล้วบีทส์ล่ะลูกกับคนๆ นั้นเป็นยังไงบ้าง” แม่หันมาถามผมต่อ ผมชะงักช้อนที่กำลังจะตักแกงค้างกลางอากาศก่อนจะหันไปมองหน้าคุณนายแล้วหัวเราะแห้งๆ


“ก็...เหมือนจะดีมั้งครับ” ผมตอบแล้วตักข้าวเข้าปากช้าๆ


“อะไรกันลูกคนนี้มีแฟนก็ไม่คิดจะพามาแนะนำให้แม่รู้จักบ้างเลยทั้งพี่ทั้งน้อง” แม่พูดขำๆ ผมยิ้มแหยถ้าพามาจริงๆ คุณนายจะว่ายังไงบ้างนะ แต่อย่างพี่ซันจะยอมมาเจอแม่ผมเหรอ


ไม่มั้ง...




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
………


เป็นห่วงพี่ซันอ่ะ. ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคให้ได้นะ น้องบีทส์รออยู่

อยากให้มีโมเม้นท์ที่บีทส์เห็นความพยายามของพี่ซัน


……

 :katai4:  :katai4:  :katai4:   :katai4: :katai4:  :katai4:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ความรักย่อมมีอุปสรรคเสมอ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ตอนที่ 27 ::  Begin Again


[ซัน]


“ออกไปไหนได้ทุกวัน” ขาที่กำลังก้าวออกจากบ้านชะงัก ผมถอนหายใจก่อนจะหันไปสบตากับคนถาม


“ไม่ยักรู้ว่าพ่อสนใจเรื่องของผมด้วย” ถามกลับพร้อมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงกวนๆ พ่อหรี่ตามองผมแล้วขบกรามเมื่อเห็นปฏิกิริยาอวดดีของผม ก่อนที่คนสูงวัยกว่าจะวางหนังสือพิมพ์ลงกับโต๊ะ


“ฉันถามดีๆ”


ผมยักไหล่


“ถ้าพ่อไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ พอดีมีธุระ” พูดอย่างไม่สนใจ ก่อนจะหันหลังกลับ


“เรื่องหนูฟ้า”


พ่อเกริ่นมาลอยๆ ผมชะงักแล้วหยุดรอฟัง


“ถ้าแกตัดสินใจแล้วฉันก็จะไม่ว่าอะไร แต่แกต้องพาแฟนของแกมาให้ฉันดูตัวก่อน” พ่อพูดต่อ ผมลอบยิ้มหันกลับมาเผชิญหน้ากับพ่ออีกครั้ง


“ถ้าหน้าตาและชาติตระกูลดีพอๆ กับเรา” ผมขมวดคิ้วเครียดเมื่อได้ยินประโยคต่อมา “ฉันก็จะไม่ขัดขวางถ้าแกจะคบหากัน”


จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อ…


“ฉันมาคิดๆ ดูแล้วที่ตาเจพูดก็ถูก เรื่องของความรักมันบังคับกันไม่ได้” ผมแสยะยิ้ม หึ ก็ว่าแล้วอย่างพ่อจะสนใจเรื่องผมได้ยังไงถ้าไม่มีไอ้บ่างช่างยุมันคอยเป่าหู


"เรื่องของผม ผมจัดการเองได้ ไม่รบกวนพ่อให้เสียเวลากับเรื่องของผมหรอกครับ" ผมตอบ พูดกันท่าไว้กลายๆ


"จะไม่ให้ฉันยุ่งได้ยังไงในเมื่อแกเป็นลูกฉัน!" นายใหญ่ของบ้านตวาดเสียงดัง ผมยิ้มยียวน ลูกที่เกิดมาโดยไม่เคยได้รับความรักจากคนที่เรียกว่าพ่อหรือแม่ ลูกที่เป็นแค่คำเรียกหาของผู้ให้กำเนิดอย่างพ่อล่ะสิไม่ว่า


“พ่อจะมาคาดหวังอะไรกับลูกนอกคอกอย่างผม ทรัพย์สมบัติของพ่อทำไมไม่ยกให้กับไอ้ลูกชายคนโปรดนั่นให้หมดไปเลยล่ะครับ”


“ไอ้ซัน!”


“ผมว่าเราพูดกันรู้เรื่องตั้งแต่ครั้งนั้นแล้วนะครับ ชีวิตผม ผมขอเลือกเอง อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ยังเรียนไม่จบพ่ออย่าลืมว่าเรายังอยู่ในข้อตกลง” ผมทำเสียงจริงจัง “เรื่องที่บริษัทผมก็เข้าไปดูงานตามตารางที่เลขาพ่อยัดเยียดมาให้แล้ว หวังว่าพ่อเองก็จะเคารพกติกา” ผมพูดต่อแล้วหันหลังกลับก่อนจะชะงักขาเมื่อหันมาเจอกับแม่ทื่ยืนฟังอยู่ แม่ฝืนยิ้มให้ผม ผมแกล้งมองเลยผ่านเดินเลี่ยงออกมา ได้ยินเสียงพ่อเรียกชื่อตัวเองดังลั่นตามหลัง


“คุณซันคะ”


เสียงเรียกดังมาจากอีกทาง เป็นเสียงที่ผมคุ้นหูมาตั้งแต่เด็กเรียกความสนใจจากผมให้หันไปมอง


"ทะเลาะกับคุณท่านแบบนี้จะดีเหรอคะ" นมถามต่อด้วยสีหน้าหนักใจ


"ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอนม อย่าสนใจเลยครับ" ผมตอบแล้วยักไหล่


“แล้วนี่จะไปไหนแต่เช้าคะ นมเห็นช่วงนี้ออกจากบ้านแต่เช้าหน้าตายิ้มแย้มผิดปกติ” คนตรงหน้ารีบเปลี่ยนเรื่องแล้วเอ่ยแซ็วผมยิ้มๆ


ผมกระแอมหนึ่งทีก่อนจะเอ่ยตอบ “ไปธุระปกตินั่นแหละครับ”


นมพยักหน้ารับคำพูดผมยิ้มๆ เหมือนรู้ทัน


ครืด...ครืด…


“เออว่าไง” ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับ โดยมีนมยืนอยู่ข้างๆ ไม่ขยับไปไหน


“วันนี้เหรอวะเออๆ แล้วเจอกัน” ผมเลิกคิ้วก่อนจะตอบรับ เมื่อไอ้อาร์ตโทรมาชวนไปเจอกันที่ร้านประจำ ไอ้สองกับไอ้น๊อตก็จะมาด้วย


“นมมีอะไรจะพูดกับผมรึเปล่า” ผมหันไปถามนมหลังจากวางสายจากไอ้อาร์ต


“นมแค่จะมาบอกคุณซันว่าช่วงนี้คุณฟ้าเธอมาหาคุณท่านบ่อยๆ นมไม่แน่ใจว่ามาติดต่อเรื่องอะไรนะคะ นมแค่ไม่สบายใจคิดว่าบอกคุณซันไว้ก่อนดีกว่าเผื่อว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ” ผมขมวดคิ้ว


“ขอบคุณครับนม เอาไว้ผมจะถามน้องฟ้าเอง” นมพยักหน้ารับแล้วขอตัวออกไป


หลายอาทิตย์มานี้ผมแทบจะไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลยจนพวกไอ้สองมันบ่น อยากตบปากตัวเองที่ไปสัญญากับไอ้ตัวแสบน้องของบีทส์ไว้ว่าจะไม่โผล่หน้าไปให้บีทส์เห็นอีกหลังจากโดนจับได้ว่าผมแอบไปหาพี่มัน ไม่งั้นก็อย่าหวังว่ามันจะยอมให้โอกาสอีก


ตกปากรับคำไปด้วยความเจ็บใจโดยมีไอ้อาร์ตยืนรออยู่ไกลๆ ไม่กล้าสบตากับผม แถมมันยังมีหน้ามาบอกอีกว่าให้ทำตามที่แฟนมันบอกน่ะดีแล้ว ตกลงมึงจะไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของกูแล้วใช่ไหมไอ้สัส!


จนกระทั่งหลังๆ มานี้…


นึกถึงเรื่องนั้นทีไรก็ได้แต่ยิ้มกับตัวเอง ต้องขอบคุณความฉลาดของไอ้น้องรหัสของผม ไม่คิดว่ามันจะคิดแผนนี้ขึ้นมาได้ ปกติเห็นลอยไปลอยมากับเพื่อนผมเป็นเงาตามตัวไปวันๆ


ผมขับรถวนหาที่จอดหน้าสถานเริงรมย์ชื่อดังย่านรัชดาที่ผมกับเพื่อนมักมานั่งดื่มกันบ่อยๆ พร้อมกับกดโทรศัพท์หาไอ้อาร์ต


“อยู่ไหนกันวะ”


“อยู่ข้างในแล้ว มึงเข้ามาเลยโต๊ะเดิม” เสียงไอ้อาร์ตตอบกลับมาเสียงดังเพื่อให้กลบเสียงเพลงด้านในที่ดังเข้ามาในสาย ผมตอบรับก่อนจะวนรถไปจอดแล้วเดินเข้าไปด้านใน


“ซันทางนี้!!” เสียงไอ้สองเรียก ก่อนที่ไอ้น๊อตจะลุกขึ้นโบกมือให้ผม ผมส่ายหัวยิ้มๆ กับอาการของน้องรหัส บ้าจี้จริงๆ มัน


“พี่สวัสดีค๊าบ” ไอ้น๊อตลุกขึ้นยกมือไหว้ผมทันทีที่ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ไอ้สอง ผมเหล่มองไอ้สอง นี่มึงมอมเหล้ามันรึเปล่าวะ


“ไอ้อาร์ตล่ะ” ผมถามหาไอ้อาร์ต


“ออกไปคุยโทรศัพท์เดี๋ยวเข้ามา” ไอ้สองตอบ พลางยื่นแก้วเหล้าให้ผม


“มีอะไรวะอยู่ดีๆ เรียกกูออกมา” ผมถามก่อนจะยกแก้วขึ้นจิบ แล้วมองบรรยากาศรอบๆ ผู้คนมากหน้าหลายตายืนโยกไปตามจังหวะเพลง บางคนก็ยืนเบียดเสียดกันจนแทบจะสิงร่าง มีตั้งแต่วัยสาวน้อยไปจนถึงสาวใหญ่ที่นิยมใส่เสื้อตัวจิ๋วกับกระโปรงสั้นรัดรูปมาเที่ยวสถานที่เริงรมย์


“เห็นมันบอกว่ามีข่าวดี” ไอ้สองยักไหล่ตอบ ก่อนจะยื่นแก้วเหล้าให้ไอ้น๊อตยิ้มๆ ดูจากสายตามันคงกำลังสนุกที่ได้แกล้งน้องรหัสผม ไอ้สัสแก้วนั้นเหล้าเพียวๆ เลยนะ


“ปวดฉี่ว่ะพี่” เสียงไอ้น๊อตบอกเสียงยาน ไอ้สองขำท้องแข็ง ก่อนจะลุกขึ้นช่วยพยุงไอ้น๊อตไปเข้าห้องน้ำ ผมมองตามน้องรหัสตัวเองที่เดินเซไปมาโดยมีไอ้สองช่วยพยุงอย่างทะลักทุเลทั้งขาไปและขากลับ


“อ้าวซัน” ผมหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะเจอกับร่างเล็กที่วันนี้แต่งตัวเซ็กซี่แปลกตา ผมยิ้มเมื่อแนนเดินตรงมาหาผมพร้อมกับเพื่อนสาวอีกสองคน


“มาเที่ยวเหรอแนน” ผมถาม ร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งข้างผมแล้วยิ้มพยักหน้ารับ ไอ้สองเลยขยับไปนั่งติดกับไอ้น๊อตแทนเพื่อขยับที่ให้


ยังจำแนนกันได้ไหมครับ สาวสวยที่อยู่คณะเดียวกับผม คนที่บีทส์เคยเดินชนเมื่องานกีฬาสีมหาวิทยาลัยจนเกือบจะมีเรื่องมีราว แล้วผมต้องเข้าไปช่วยกันแนนออกมาไง ลำพังตัวแนนน่ะผมไม่ห่วงไม่เท่าไหร่หรอกแต่ผู้พิทักษ์แนนน่ะสิครับ มีแต่มือตบทั้งนั้นไม่รู้ไปคบกันได้ยังไง


“ขอแนนกับเพื่อนนั่งด้วยได้มั้ย” แนนหันมาถามผมแล้วยิ้มหวาน ผมเห็นว่าที่นั่งของเรายังว่างเลยพยักหน้ารับเป็นเชิงอนุญาต


แนนยิ้มรับแล้วหันไปบอกเพื่อนให้หาที่นั่ง


กึก…


สายตาผมสะดุดเข้ากับร่างบางของใครบางคน ผมลุกขึ้นยืนในทันที ถ้าใช่มันจริงๆ ล่ะก็…


หมับ


ผมหันกลับไปหาเจ้าของมือที่คว้าแขนผมเอาไว้ ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แนนยิ้มเขินๆ ยอมปล่อยแขนผม


ขาที่กำลังจะก้าวออกไปต้องหยุดชะงักอีกรอบ เมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตากลมโตที่จ้องมองผมเขม็ง ข้างๆ มันมีร่างสูงของรุ่นพี่คนสนิทที่ผมไม่ค่อยอยากให้มันเข้าใกล้ก็คือไอ้สถาปนิกนั่น


คนตัวเล็กมองค้อนให้ผมวงใหญ่ก่อนจะหันหนีเดินเลี่ยงไปอีกทาง โดยมีร่างสูงเดินตามไปติดๆ ก่อนเอามือวางพาดที่เอวคอดของน้อง ผมกัดกรามข่มอารมณ์หงุดหงิดมาเห็นได้ถูกจังหวะจริงๆ


“บีทส์!” ผมตะโกนเรียก แล้ววิ่งตามคนสองคนไปโดยไม่ได้สนใจเสียงเรียกที่ดังมาตามหลัง คิดถึงแทบตายอย่ามาเดินหนีกันแบบนี้สิวะ


ผมวิ่งตามไปคว้าเอาข้อมือเล็กนั่นไว้ บีทส์สะบัดข้อมือหนีแล้วหันมามองผมเขม็งด้วยท่าทางเอาเรื่อง


"อื้อ..." ก่อนที่จะพูดอะไรกัน ผมยื่นมือสองข้างไปคว้าเอาต้นคอขาวไว้ ดึงรั้งมากดจูบที่ปากเล็กหนักๆ อาศัยว่าด้านในผับมีเพียงแสงไฟสลัวผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจว่าใครจะทำอะไร ทำให้ผมกล้าที่จะดึงไอ้คนตัวเล็กกว่ามาจูบอย่างไม่แคร์ใคร


ปึ่กๆ


เสียงข้อมือเล็กทุบเข้ากับหน้าอกผม ทำให้ต้องถอยออกมาอย่างเสียดาย


"ทำบ้าอะไรของพี่!"


บีทส์ตะโกนถามสุดเสียง ข้อมือเล็กถูกยกขึ้นมาเช็ดที่ปากแดงของตัวเอง ตาโตถลึงมองผมด้วยความโมโห ร่างสูงกว่า(มาก)ที่อยู่ข้างๆ มันก็ขยับเข้ามายืนขวางผมไว้แล้วปรามผมด้วยสายตา


"คิดถึง"


ผมตอบหน้าตาย เนื้อในอกมันสั่นไหวอย่างบ้าคลั่งเมื่อได้สัมผัสกับคนตัวขาวเมื่อกี้ ไอ้ซันมึงอย่าทำเหมือนกับไม่เคยได้ไหมวะสงบสติอารมณ์หน่อยไอ้เหี้ย


"คิดถึงแล้วมาจูบผมเพื่อ!?" บีทส์ยังถามกลับด้วยสายตาเคืองๆ พร้อมกับขยับไปเกาะแขนพี่คนสนิทที่มันเคยบอกผม
มึงจะชิดเกินไปละ


"คิดถึงมึงก็ต้องจูบมึงสิวะ" ผมตอบ


คนถามกัดปากฉับ


"ไอ้คนหน้าด้าน!"


ผมยักไหล่ อยากด่าอะไรก็ด่าไปก็กูจะจูบซะอย่าง


"จะทำอะไรก็คิดให้มากหน่อย ถ้าใครมาเห็นเข้าน้องจะเสียหาย" เสียงปรามดังขึ้นนิ่งๆ ผมเลิกคิ้ว ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองหน้าไอ้คนที่ยืนเงียบมานาน ยืนเงียบไปก็ไม่มีใครว่าอะไรมึงหรอก คอยเป็นเงาตามติดเมียกูไม่ห่างกูยังไม่ได้คิดบัญชีเลย ว่าแต่…


"น้องมึงยอมปล่อยให้มาที่แบบนี้ได้ไง" ผมหันไปถามบีทส์ ปกติน้องมันเคยปล่อยให้ห่างตัวได้ที่ไหนยิ่งมาสถานที่แบบนี้ หรือว่าที่มันเคยบอกว่าไอ้สถาปนิกนี่จีบพี่มันจะเป็นเรื่องจริงวะ ถึงได้ยอมปล่อยให้มาด้วยกัน


"สนใจทำไม กลับไปหาคนของพี่นู่น!" ปากเล็กประชดประชัน


ผมมองหน้ามันดุๆ ด้วยความไม่ชอบใจ มันน่าปิดด้วยปากจริงๆ ปากแดงๆ นั่นน่ะ


"กูก็มาหาอยู่นี่ไง"


ผมตอบก่อนจะเริ่มสังเกตได้ว่าพวกเรากำลังกายเป็นจุดสนใจจากกลุ่มคนรอบข้างเลยจะขยับไปคว้าแขนของบีทส์พาไปคุยยังห้องที่มิดชิดกว่านี้ แต่กลับมีร่างสูงของใครบางคนขยับมาขวางไว้


"ถอยให้ห่างจากเมียกู" ผมพูดขู่เสียงรอดไรฟัน แต่คู่สนทนากลับไม่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนที่ออกไปตามคำขู่


"คิดจะทำอะไร" มันถามเสียงนิ่ง


"เรื่องของผัวเมีย ‘คนอื่น’ อย่าเสือก" ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนที่มีความสูงไล่เลี่ยกับผมแล้วกระซิบตอบเสียงเน้น


ผลั่วะ!


"พี่ซัน!" แวบแรกได้ยินแต่เสียงเรียกของบีทส์ พร้อมกับร่างเล็กที่วิ่งมาช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้น ผู้คนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงแตกตื่นเมื่อสังเกตได้ว่ามีเรื่องชกต่อยกันเกิดขึ้นพร้อมกับตีวงรอบเป็นวงกลมมองดูพวกเราสามคน


"หัดรู้จักใช้สติยับยั้งอารมณ์ซะบ้าง แล้วก็หัดให้เกียรติคนที่คุณรักด้วย!" ไอ้เวรนั่นชี้หน้าผมแล้วพูดสั่งสอน


ผมฉุนขาดเดินหน้าจะเข้าไปเอาคืนไอ้คนที่ชอบยุ่งกับเมียชาวบ้านเขาแล้วยังมีหน้ามาสั่งสอนคนอื่นหน้าตาเฉย แต่กลับมีแขนเล็กสองข้างฉุดรั้งแขนผมเอาไว้แน่นแล้วร้องห้าม


"พี่ซันอย่านะ!"


"อ้าวเฮ้ยไอ้ซัน!" ไอ้อาร์ตวิ่งเข้ามาห้ามผมอีกคน


"ดีนะที่กูนึกเอะใจ ได้ยินว่ามีคนต่อยกันเลยรีบเดินมาดู ไอ้สัสเข้าไปหาห้องดีๆ คุยกันข้างในดีกว่า" ไอ้อาร์ตหันมากระซิบกับผมหน้ายุ่ง ก่อนจะหันไปชวนคู่กรณีของผมให้เดินตามมา


"สัสเอ้ย!" ผมเอามือแตะที่ขอบปากตัวเองแล้วร้องซี้ด หมัดหนักชะมัด ใครบางคนขยับมาเดินข้างๆ ผมแล้วยื่นมือมาแตะที่แขน


"เจ็บมากมั้ย" เจ้าตัวถามเสียงเบา ผมเหลือบมองคู่กรณีก่อนจะหันมาพยักหน้ารับกับน้อง


"พี่ไม้นะพี่ไม้" น้องทำหน้ามุ่ยแล้วบ่น ผมยิ้มรู้สึกหัวใจมันกระชุ่มกระชวย ก่อนจะเดินตามไอ้อาร์ตเข้าไปในห้องทำงานของใครสักคน


"กูยืมใช้ห้องชั่วคราว" ไอ้อาร์ตหันมาบอก ผมพยักหน้ารับ


ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณห้อง ไอ้อาร์ตได้แต่กรอกตาไปมาแล้วขยับเข้ามาใกล้ผม ในขณะที่บีทส์นั่งเอามือจับสายกระเป๋าสะพายข้างของตัวเอง


"มึงจะไปมีเรื่องกับพี่เมียทำไมวะไอ้โง่ เขาอุตส่าห์พาเมียมาส่งยังไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ" เสียงไอ้อาร์ตกระซิบเสียงรอดไรฟันแล้วยื่นเท้ามาเตะขาผม ผมมองมันด้วยหางตา พามาส่งบ้าไรวะ ก็เห็นอยู่ว่ามันพาเมียกูมาเที่ยวแล้วถ้ามันไม่คิดแค่พี่น้องกับเมียกูล่ะ มึงจะรับผิดชอบไหวไหม


พูดถึงเมียก็เพิ่งจะสังเกตการแต่งตัวของน้องในวันนี้


กางเกงขาเดฟ…


เสื้อยืดสีเทาแขนสามส่วน…


รองเท้าผ้าใบ…


ก็แต่งธรรมดาแต่ทำไมรู้สึกว่ามันน่าฟัดแปลกๆ หรือว่ากูหื่น


"เอ่อ พี่ไม้...ขอบีทส์คุยกับพี่ซันสองคนได้มั้ย" บีทส์เอ่ยทำลายความเงียบ ผมเลยถือโอกาสใช้ขาสะกิดไอ้อาร์ตเป็นเชิงไล่ด้วยเหมือนกัน


"ก็ได้ ถ้าสัญญากับพี่ว่าจะไม่ทำอะไรมากกว่าคุย" ได้ยินเสียงกลั้นขำของไอ้เพื่อนรักที่หันมาทำหน้าล้อ ผมทำหน้าเซ็งๆ


ไอ้สัส...แม่งดักทาง


"บ้าเหรอพี่ไม้!" บีทส์แหวหน้าแดง ก่อนจะหันมาตีหน้าดุใส่ผมที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ แมวน้อยช่างกล้าดุราชสีห์นะ


“แล้วนายล่ะ ฉันจะเชื่อใจนายได้หรือเปล่า” ไอ้หมอนั่นหันมาเลิกคิ้วถามคาดคั้นเอาคำตอบ และต้องเป็นคำตอบที่มันอยากฟังเท่านั้นด้วย ผมเอาลิ้นเดาะกระพุ้งแก้มกวนๆ จนไอ้อาร์ตเอาขาสะกิด


“กูมีศักดิ์ศรีพอ” ผมจ้องหน้าคนถาม อีกฝ่ายเพียงแค่ยักไหล่ให้ ไอ้อาร์ตถึงกับก้มหน้าขำแล้วพยักหน้าสมทบเป็นการช่วยยืนยัน


"งั้นพี่ไปรอข้างนอกนะ อย่านานนักล่ะ" คนแทนตัวเองว่าพี่ลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือไปยีหัวทุยๆ นั่น เกรงใจเจ้าของเขาที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้บ้างสิวะ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะเว้ย


"..."


ทั้งห้องเหลือผมกับน้องสองคน


"ไม่ต้องทำหน้าแบบนี้เลยนะครับ" คนหน้าหวานพูดเสียงงอน


"มากับมันได้ไง" ผมเปิดประเด็นเสียงแข็ง


"ผมอ่ะไม่แปลกที่จะมากับพี่ไม้ แต่พี่อ่ะเอาเวลาที่บอกให้ผมรอมาเที่ยวกับผู้หญิงได้อย่างสบายใจแบบนี้หมายความว่าไง ไอ้พี่เฮงซวย!" เจ้าตัวหันมาถามผมเสียงแข็งไม่แพ้กัน ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกแล้วหันหน้าหนี ผมจิ๊ปากอย่ามายัดเยียดความผิดที่กูไม่ได้ก่อเชียวครับ


"บอกแล้วไงว่าไม่ได้มากับแนน เขามากับเพื่อนเขา กูก็มากับเพื่อนกู" ผมอธิบาย


"อ๋อ แล้วก็นัดมาเจอกันที่นี่ใช่มั้ยครับ" ปัดโธ่ ยังจะอุตส่าห์โยงไปได้ต่อ นี่ดูหนังเยอะเกินไปหรือเปล่าเมียกู ผมยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองด้วยความคิดไม่ถึง


"กูมาเพราะไอ้อาร์ตมันบอกให้มา ไม่เชื่อมึงก็ลองถามมันดู เลิกหึงได้แล้วน่า" ผมพูดต่อก่อนจะขยับไปนั่งข้างๆ น้อง


“ไม่ได้หึง!” ปฏิเสธแล้วขยับหนีหน้ายุ่ง


"ทีมึงยังมากับคนอื่นที่ไม่ใช่กูได้เลย" ผมแกล้งทำไม่พอใจ พลางเหล่มองอีกคนเพื่อรอจังหวะ บีทส์ฟึดฟัดไม่พอใจทำท่าจะเถียง


"กะ...อึก"


จมูกเราสองคนชนกัน


"ก็อะไร" ผมเลิกคิ้วถาม ก่อนจะขยับไล่ต้อนอีกคน บีทส์ถอยหนีจนตอนนี้นอนราบกับโซฟาไปแบบไม่รู้ตัว เข้าทางผมพอดี


"ก็...บอกแล้วไงว่าพี่ไม้เป็นพี่" บีทส์บอกผมเสียงอ่อย พร้อมกับหันหน้าหลบเมื่อโดนผมจู่โจม


ว๊า พลาดเป้าไปหน่อยแต่ตรงนี้ก็นิ่มดี พอชดเชยกันได้


"งื้อ...อย่าแกล้งกันเซ่!" บีทส์พยายามดิ้นหนีแล้วโวยวายใส่ผมหน้ามุ่ย ผมหัวเราะก่อนจะยื่นมือไปยีหัวทุยๆ นั่น น้องยู่ปากใส่ผมแต่ไม่ได้ดิ้นหนี


“ไม่ได้แกล้ง” ผมแกล้งทำเสียงเข้ม


“อะไรเล่า” บีทส์บ่นพึมพำในลำคอพลางหดตัวหนีใบหน้าผม ที่ตามไปคลอเคลียลำคอเขาไม่ห่าง


“กูไม่ชอบเลยเวลาเห็นมึงไปไหนมาไหนกับคนอื่น” ผมบอกไปตามความรู้สึกด้วยสายตาจริงจัง บีทส์เม้มปากยื่นมือขาวมาลูบที่แก้มด้านซ้ายของผมเบาๆ


“อย่าบอกนะว่าหึงผมกับพี่ไม้”


“เออ...หึง”


ผมตอบรับในลำคอ บีทส์เม้มปากแล้วยิ้มเขิน


“หน้าไม่อาย”


“อายแล้วจะได้เหรอ”


ผมแหย่ เจ้าตัวอ้าปากมองผมอึ้งๆ สงสัยยังคิดคำพูดไม่ออก


“หึๆ” ผมหลุดขำ “โอ๊ย ฮ่าๆ อะไรวะ นี่จะใช้กำลังสู้กับกูเหรอ ระวังกูสู้กลับนะ” ผมแกล้งร้องเมื่อมือเล็กฟาดลงที่ต้นแขนผมอย่างไม่จริงจังแก้เขิน บีทส์กัดปากฉับเมื่อเจอสายตากรุ้มกริ่มของผม


“ก็พี่อ่ะ พูดอะไรเล่า!” ผมยื่นมือไปเขี่ยแก้มขาวนั่นด้วยความหมั่นเขี้ยว บีทส์ส่ายหัวแล้วจะขยับหนีมือผมหน้ายุ่ง


“กูพูดอะไรครับหื้มไอ้น้องบีทส์”


“เชอะ ไอ้เราก็อุตส่าห์ตั้งใจมาหา รู้งี้นอนอยู่บ้านก็ดีหรอก” น้องบ่น ผมขมวดคิ้ว


“หมายความว่าไงตั้งใจมาหากู” ก็ในเมื่อน้องมันห้ามนักหนาไม่ให้มาเจอผม แล้วไอ้คนที่อยู่ใต้ร่างผมดันบอกว่าตั้งใจมาหาผม หูฝาดหรือเปล่าวะกู


“ก็ใช่น่ะสิ ผมตั้งใจมาหาพี่” บีทส์ย้ำคำ นิ้วเล็กจิ้มลงที่หน้าอกผมย้ำๆ


“แล้ว...”


“ไบร์ทให้ผมมาหาพี่” ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยถาม บีทส์ก็เฉลยขึ้นมาก่อนเจ้าตัวย่นจมูกใส่ ยังไม่หายงอน


“ฮะ...ได้ไง” ผมถามต่ออึ้งๆ


“ลุกไปก่อนได้มั้ยเล่า! มันหนักนะ” บีทส์ดิ้นประท้วงพร้อมกับหายใจฟึดฟัดสองมือเล็กดันหน้าอกผมไว้


“ก็ได้ๆ ไหนลองเล่ามาสิว่าเรื่องมันเป็นยังไง” ผมยักไหล่ ยอมลุกขึ้นนั่งโดยดี พอน้องลุกขึ้นนั่งผมก็คว้าเอวอีกคนมานั่งตักตัวเอง ยึดเอวเล็กไว้กับตัก


“นั่งดีๆ อย่าดิ้น ไม่งั้นกูทำมากกว่ากอดจริงๆ นะ” ผมแกล้งขู่


“จิ๊!” บีทส์ฟึดฟัดแล้วเอนหลังลงมากระแทกกับอกผมแรงๆ ประท้วง


“โอเค งั้นไว้คุยทีหลัง” ผมแกล้งพูดแล้วดันน้องลงไปนอนราบกับโซฟา ใช้ร่างตัวเองคร่อมอีกฝ่ายไว้เหมือนเดิม พลางยื่นหน้าไปชิดใบหูเล็กอีกคนแล้วเริ่มขบเม้มติ่งหูขาว


“แง๊...ผมยอมแล้ว!!” คนใต้ร่างร้องเสียงหลง ผมกลั้นหัวเราะ


“หึ ก็นึกว่าอยาก ‘ทำ’ อย่างอื่นมากกว่าคุย” ผมแหย่ บีทส์กัดริมฝีปากล่างก่อนจะย่นจมูกรั้นๆ นั่นประท้วงผม


“บ้า!”


“งั้นมาคุยกัน นอนคุยนี่แหละอบอุ่นดี” ผมยิ้ม ก่อนจะล้มตัวลงนอนเบียดคนด้านล่าง มือหนึ่งสอดเข้าไปที่ท้ายทอยอีกคนแล้วดึงคนตัวเล็กมาหนุนแขนแล้วกระชับกอด น้องแทบจะจมหายไปกับอกผม


“เอาแต่ใจชะมัด”


ผมก้มลงยื่นหน้าไปจูบผมอีกคนหนักๆ เมื่อได้ยินเสียงบ่นด้วยความหมั่นเขี้ยว คนตัวเล็กก็ยิ่งมุดหนีเข้าไปในอก


“ชอบเอามึงด้วยถ้ามึงยังไม่รู้” แกล้งแหย่ไปลอยๆ ก่อนจะร้องโอ๊ยเพราะขนมตุบตั๊บจากอีกคน


“ไอ้พี่บ้า! จะคุยมั้ยเนี่ย!!” ใบหน้าเล็กขัดเขิน ผมหัวเราะก่อนจะก้มลงกดจูบไปที่ริมฝีปากแดงอีกคนหนักๆ แล้วผละออก


“เล่ามาสิ” สองมือกระชับกอดคนร่างเล็กให้เข้ามาแนบอก


“ไบร์ทบอกว่ายอมให้เราคบกันแล้ว”


บีทส์เริ่มเล่า ผมพยักหน้ารับฟังโดยไม่เอ่ยถามอะไร


“ตอนน้องถามว่าผมพร้อมมั้ยที่จะเดินไปกับพี่ ทีแรกผมก็ไม่มั่นใจ แต่พอนึกถึงคำที่พี่บอกผมว่าให้เชื่อใจพี่ มันทำให้ผมฮึดสู้”
น้องเงยหน้าขึ้นมองผม


“ผมมีอะไรจะขอ”


“หื้ม” ผมครางรับในลำคอ


“ถ้าพี่รู้สึกว่าทางเลือกที่พี่เลือกมันผิด บอกผมตรงๆ นะ”


ผมผละออกจากคนในอ้อมกอด ยื่นมือไปดีดหน้าผากมันด้วยแรงพอเหมาะ


“ไร้สาระ”


“ผมก็แค่พูดเผื่อไว้”


“งั้น...ถ้ากูเป็นฝ่ายบอกบ้างล่ะว่าถ้ามึงหมดรักกูเมื่อไหร่ให้บอกกู แล้วกูจะเป็นคนไปเองมึงจะรู้สึกยังไง” ผมถามกลับ


“ไม่มีทาง ผมเหรอจะทิ้งพี่” ผมกลั้นยิ้มเมื่อบีทส์ส่ายหัวขวับ ปฏิเสธผมหน้ามุ่ย นิ้วเล็กจิ้มลงที่หน้าอกด้านซ้ายของผม


“เพราะงั้นคำขอนี้ก็ตกไป บอกเลยนะถึงกูจะไม่ใช่คนดีแต่กูก็ไม่ชอบเห็นน้ำตาของมึง ถ้ายิ่งร้องไห้เสียใจเพราะเรื่องของกู กูก็ยิ่งไม่ชอบ”


“อนาคตมันไม่แน่นอนนี่”


“อนาคตมันก็มาจากวันนี้นั่นแหละ” ผมบีบจมูกเล็ก ชอบเถียงดีนัก


“น้องบอกให้ผมทำตามหัวใจตัวเอง ฝากมาบอกพี่ด้วยว่าถ้าครั้งนี้พี่ทำผมเสียใจจะไม่ยอมให้ผมชอบพี่อีกแล้ว แล้วก็ขอบคุณสำหรับของโปรดที่ซื้อมาให้กิน น้องชอบมาก” ตากลมโตมองผมยิ้มๆ


ผมหลุดขำแล้วพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้ว”


จะว่าไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะเด็กนั่น เขาก็คงจะปล่อยให้เรื่องมันยืดเยื้อต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะทำให้คนในอ้อมกอดผมต้องเสียน้ำตาไปอีกเท่าไหร่


ผมนึกภาพไม่ออกเลย…


“ผมยังมีครอบครัวที่เข้าใจในสิ่งที่ผมเป็น แต่พี่…” ผมยื่นมือไปแตะที่ริมฝีปากเล็กเพื่อหยุดคำพูดของน้องไว้แล้วใช้นิ้วเกลี่ยเบาๆ เจ้าตัวกระพริบตาขึ้นลงมองผมด้วยความกังวล


“กูก็มีมึงไง”


“มันไม่ใช่...”


“สำหรับกู...กูไม่สามารถบังคับให้ใครมาชอบมึงเหมือนที่กูชอบมึงได้ แต่ไม่ว่าคนอื่นจะบอกกูว่ามันดีหรือไม่ดียังไง ถ้ากูเลือกแล้ว...กูจะไม่มีวันเปลี่ยนใจเพราะคำพูดของคนอื่น"


ผมไม่เคยสนใจเลยถ้าใครจะคัดค้านหรือบอกว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่ดียังไง ตัวผม ผมตัดสินใจเองได้ และถึงแม้จะมีปัจจัยอื่นมาทำให้เราต้องห่างกันในอนาคต


...ถ้าเราหนักแน่น ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว…


“ต่อจากนี้มันต้องยุ่งยากแน่ๆ”


คนตัวเล็กบ่นพึมพำ ผมยิ้มแล้วจับหัวทุยของอีกคนมาซุกหน้าอกตัวเอง ยกมือลูบไปตามไรผมสีน้ำตาลอ่อน มืออีกข้างเลื่อนไปสอดนิ้วประสานเข้ากับมือเรียวแล้วกระชับเบาๆ


“เราต้องผ่านมันไปได้”


...ผมไม่รู้หรอกว่าทางข้างหน้าถ้าเดินไปแล้วจะเจออะไร ต้องลำบากแค่ไหน แต่ผมสัญญากับตัวเองไปแล้วว่าจะไม่ทำให้มันต้องเสียน้ำตา สัญญาไปแล้วว่าต้องปกป้องดูแล เพราะถ้าแม้แต่คนรักตัวเองยังปกป้องไม่ได้ ธุรกิจหมื่นล้านลูกน้องหลายพันคนผมจะดูแลได้ยังไง


ผมรู้ว่าความรักครั้งนี้มันไม่ง่าย


แต่ถ้าไม่กล้าเดินไปข้างหน้า


แล้วจะพบกับความสุขหรือความสำเร็จได้อย่างไง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-08-2018 18:24:46 โดย เบบี้เยลโล่ »

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
[ต่อ]


++++++++++++++++++++++++++++


“สวัสดีครับคุณน้า”


ผมเอ่ยทักทายคนสูงวัยกว่าที่เดินออกมาจากตัวบ้านพร้อมขมวดคิ้วมองผม ก่อนใบหน้าจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อเดินเข้ามาหาผมในระยะใกล้


“สวัสดีจ้ะ ทำไมวันนี้มาช่วงที่เด็กๆ อยู่บ้านได้ล่ะพ่อซัน”


คุณน้าพยักหน้ารับยิ้มๆ แล้วเอ่ยแซ็วผม


“ผมแวะเอาขนมมาให้ครับ” ผมชูถุงในมือ


“ใครมาอ่ะแม่!!” เสียงใสร้องมาจากตัวบ้านก่อนร่างโปร่งของเจ้าของเสียงจะชะโงกหน้ามาขมวดคิ้วมอง ก่อนเจ้าตัวจะทำหน้าตื่น


“เฮ้ยมึง!!” เจ้าของเสียงตาโตก่อนจะชี้นิ้วมาทางผม


“อะไรกันลูกคนนี้ ปะพ่อซันเข้ามากินน้ำกินท่าก่อนจ้ะ” ใช่ครับ...คุณน้าที่ผมบอก เป็นมารดาของคนที่ทักทายผมด้วยเสียงตื่นๆ เมื่อกี้ เสียงใครน่ะเหรอครับ ก็...


...เด็กไอ้อาร์ตไง


“นี่แม่รู้จักมะ...เอ่อ หมอนี่ได้ไง” ไบร์ทกระซิบถามแม่ตัวเอง ผมถือวิสาสะเดินเข้าไปในครัวอย่างคุ้นเคยพร้อมกับเอาของฝากที่

ผมตั้งใจบังคับไอ้สองซื้อมาให้ถึงคอนโด ส่วนผมก็แค่รับต่อแล้วรีบตรงดิ่งมาที่บ้านหลังนี้แทน


มันก็ของฝากเหมือนกันนี่หว่า…


ฝากไอ้สองซื้ออ่ะครับ ฮ่าๆ


“ก็ตาซันน่ะเพื่อนของตาอาร์ตรุ่นพี่ของไบร์ทไม่ใช่เหรอลูก” ได้ยินเสียงคุยกันแว่วอยู่ด้านนอก ผมยิ้มเมื่อนึกถึงแผนของไอ้น๊อตที่มันเสนอความคิดนี้ให้ผม


‘เข้าทางแม่ยาย’


เพราะไอ้ออยเป็นคนให้ข้อมูลพวกผมมาว่าแม่ของบีทส์เป็นสถาปนิกที่รับวาดแปลนโครงสร้างอาคารที่มีฝีมือมากคนหนึ่ง
พอดีกับโรงพยาบาลของไอ้อาร์ตกำลังจะต่อเติมอาคารผมเลยข่มขู่แกมบังคับให้มันมาขอคำปรึกษาจากแม่ของบีทส์แล้วให้แนะนำว่าผมเป็นผู้ช่วยที่มีความรู้ทางวิศวกรก่อสร้างเพราะกิจการที่บ้านผมก็รับเหมาก่อสร้าง


ซึ่งเพื่อนของผมมันก็ดูเหมือนโคตรจะเต็มใจฉิบหายเพราะมันก็เอาตัวเองเข้าไปร่วมโปรเจ็คนี้ด้วยโดยให้เหตุผลว่างานนี้มันต้องควบคุมเพราะบ้านมันบังคับ อย่างที่รู้ว่าถึงแม้โครงการนี้จะไม่ใหญ่มากแต่มีรายละเอียดยิบย่อยเยอะ ทำให้ผมได้มีโอกาสเทียวไล่เทียวขื่ออยู่นาน


โดยส่วนใหญ่เราจะนัดคุยกันที่ร้านอาหารหรือไม่ก็นอกบ้านตลอด จวบจนได้รับความไว้วางใจให้ช่วยงานคุณน้าหลายต่อหลายชิ้น ซึ่งผมก็เต็มใจช่วยงานท่านทุกชิ้นจนเข้านอกออกในบ้านคุณน้าได้ แรกๆ ท่านก็เกรงใจครับแต่เพราะผมบอกกับท่านไปว่ากำลังจะจบเลยรู้สึก ‘ร้อนวิชา’ ที่บ้านไม่ค่อยเห็นด้วยอยากให้ทำด้านบริหารมากกว่าเลยทำให้ท่านค่อนข้างเห็นใจผมอยู่เหมือนกัน ฮ่าๆ


ส่วนเวลาที่ผมมาตามง้อบีทส์หรือจะเรียกว่ามาให้ ‘เด็กเพื่อน’ โขกสับก็จะเฉพาะเวลาที่คุณน้าไม่อยู่บ้านเท่านั้นแหละ ซึ่งปกติท่านก็ไม่ค่อยได้อยู่หรอกครับต้องไปศึกษาพวกรายละเอียดปลีกย่อยและควบคุมการก่อสร้างให้ตรงตามแบบแปลนในแต่ละหน้างาน


ผมก็เพิ่งรู้นะครับว่าท่านรับงานหลายที่ บางที่ต้องออกต่างจังหวัดครั้งละหลายๆ วันก็มี


เวลาไอ้อาร์ตว่างมันก็จะมาแจมด้วยตลอด แอบถามเรื่องเด็กมันกับแม่เขาทุกครั้ง ไอ้นี่มันปล่อยผ่านไม่ได้เลยครับอะไรที่เกี่ยวกับคนของมันแม้จะเป็นแค่ข้อมูลยิบย่อยมันจดใส่สมองหมด แม่เขาก็ใจดีนะครับถามอะไรตอบหมดออกจะภูมิใจด้วยซ้ำนะครับเวลาเอ่ยถึงลูกทั้งสองคน


แน่นอนว่าทุกครั้งที่พบกัน ผมก็มักจะปรึกษาเรื่องของบีทส์อยู่เสมอโดยไม่บอกว่าเป็นใคร และมันทำให้ผมรู้ว่าคุณน้าไม่ได้คัดค้านหรือต่อต้านเพศทางเลือกอื่นๆ ตรงกันข้ามท่านกลับมองว่าความรักเป็นเรื่องความรู้สึกของคนสองคน ไม่ใช่เรื่องของเพศใดเพศหนึ่ง


“ไปตามพี่บีทส์ลงมาหน่อยลูก” ผมเดินออกมาจากห้องครัว ได้ยินเสียงมารดาของคนรักเอ่ยสั่งคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม คนโดนสั่งทำหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมเดินขึ้นไปตามคำบอก


“มานั่งนี่สิจ้ะ”


คุณน้าหันมาเห็นผม เอ่ยเรียกให้ไปนั่งด้วยกัน ผมยิ้มแล้วพยักหน้ารับ ก่อนจะเคลื่อนกายไปนั่งลงตรงข้ามกับคนสูงวัยกว่า


“คงไม่ได้แค่จะเอาขนมมาฝากน้าใช่มั้ย” คุณน้าถามผมยิ้มๆ ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจ


“ครับ”


“พี่ซัน!” ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ลงมาจากชั้นบนก่อนจะตามด้วยเสียงเรียกชื่อผมตื่นๆ ผมหันไปยิ้มให้บีทส์ เจ้าตัวก้าวไวๆ เข้ามาหาก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงด้านข้าง


“พี่มาได้ไงอ่ะ” เจ้าตัวกระซิบถามด้วยท่าทีลนลาน ผมยิ้มก่อนจะยื่นมือไปยีหัวมัน วันนี้มันใส่กางเกงกีฬายืดๆ กับเสื้อยืดสีดำตัดกับผิวทรงผมฟูๆ เหมือนเพิ่งโผล่ออกจากผ้าห่มมาเมื่อกี้


“ขับรถมา” เจ้าของคำถามขมวดคิ้วฉับ


“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อย”


“อ่ะแฮ่ม” เสียงกระแอมดังๆ ทำให้บีทส์ละความสนใจออกจากการซักไซ้ผม


“แหะๆ คุณนายรู้จักพี่ซันด้วยเหรอ” คนถูกถามยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ ได้ยินคนข้างๆ มันบ่นกับตัวเอง ‘ไปรู้จักกันตอนไหนวะ’ ผมก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม


“ตอนแรก...ก็รู้จักในฐานะเพื่อนของรุ่นพี่เจ้าไบร์ทน่ะแหละแต่สงสัยวันนี้แม่จะได้รู้จักในฐานะใหม่”


บีทส์ตาโตทันทีเมื่อมารดาเอ่ยขึ้นมาลองเชิงด้วยประโยคสองแง่สองง่ามแต่ชวนเข้าประเด็น คนข้างๆ เหลือบมองผมแล้วเม้มปาก มือสองข้างประสานกันไว้


“ใช่มั้ยจ๊ะ”


“คืองี้แม่...”


“ไบร์ทไปเอาขนมที่พี่เขาเอามาจัดใส่จานให้แม่ทีสิจัดมาหลายๆ ชุดเลยนะ” คนที่กำลังจะเอ่ยขัดเพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์เป็นอันต้องเก็บคำไปเมื่อโดนใช้ให้เข้าไปเอาของที่ห้องครัว แม้เนื้อความจะเป็นเพียงการใช้งานธรรมดาแต่ความจริงก็คือกันออกไปนั่นแหละครับ


“เฮ้อ โอเค ยอมก็ได้” คนโดนใช้จำใจต้องรับคำสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้สองมือเรียวยกขึ้นชูแสดงอาการยอมแพ้มารดา ไม่วายส่งสายตาเฉือดเฉือนมาให้ผมก่อนจะเบนสายตาไปที่พี่ตัวเองแล้วยิ้มอย่างให้กำลังใจ ผมมองคนข้างๆ แล้วยิ้มออกมาไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา


...คนที่ต้องกลัวมันทางนี้ไม่ใช่เหรอวะ


“ค...คืองี้นะคุณนาย” พอไบร์ทเดินผละออกไป บีทส์จึงเอ่ยปากเรียกมารดาตัวเอง ผมยื่นมือไปแตะที่แขนเล็ก เจ้าตัวหันมาเลิกคิ้วให้ ผมส่ายหัวและเป็นฝ่ายเข้าเรื่องเอง


“ถ้าคุณน้าถามผมมาขนาดนี้แล้ว แสดงว่าวันนี้ก็คงรู้แล้วใช่มั้ยครับว่าผมมาในฐานะอะไร” บีทส์มองผมอึ้งๆ แล้วกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง


“อยากให้น้าทำเป็นปิดหูปิดตาไปเหมือนเดิม...หรือว่าเปิดหูเปิดตารับรู้เรื่องนี้ดีล่ะจ๊ะ” คุณน้าพูดเสียงนิ่มแล้วส่งยิ้มให้ผม


“ผมไม่เคยคิดอยากจะปิดบังคุณน้าอยู่แล้วครับ” ผมตอบเสียงหนักแน่น คุณน้ารับฟังโดยไม่เอ่ยขัดอะไร ผมยื่นมือไปกุมมือบีทส์ไว้แล้วบีบเบาๆ สายตายังคงมองตรงไปที่คนสูงวัยกว่าที่นั่งมองการกระทำของผมอยู่


“ผมกับน้อง...เรากำลังคบกันอยู่ครับ”


“พี่ซัน!!” บีทส์หันขวับมามองผม


“เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่กู มึงอยากได้ความมั่นใจไม่ใช่เหรอ” ผมถามมัน รวมถึงเป็นการบอกคนที่นั่งตรงข้ามกลายๆ บีทส์กลืนน้ำลายลงคอ ตากลมโตยังมองผมไม่ละสายตาไปไหน


“แต่ว่า...”


“ชู่ว...บอกแล้วไงว่าอยู่เฉยๆ” ผมบอกมันด้วยเสียงจริงจังพร้อมกับกระชับมือเล็ก บีทส์เม้มปากแล้วพยักหน้ารับ


“แต่นี่ลูกชายน้านะ” เสียงคุณน้าเอ่ยขัด


“ผมทราบข้อนั้นดีครับ ผมเองก็ลูกชายคนเดียวแต่ผมอยากให้คุณน้ามั่นใจว่าผมจะดูแลลูกของคุณน้าให้ดีที่สุดเท่าที่คนอย่างผมจะทำได้เพื่อคนที่ผมรัก”


“แล้วไม่กลัวคนอื่นประณามว่าเป็นพวกรักร่วมเพศเหรอจ๊ะ น้าว่าอย่างซันคงมีผู้หญิงเข้ามาให้เลือกเยอะแยะอยู่แล้ว รู้ใช่มั้ยว่าฐานะของซันกับน้องต่างกันมากแค่ไหน” คุณน้าถามต่อ คนข้างๆ เกร็งตัวขึ้นเมื่อได้ยินคำถามของมารดาตัวเอง ผมกระชับมือน้อง


“เมื่อก่อนผมอาจจะเคยทำไม่ดีเอาไว้เยอะ แต่ตอนนี้ผมมีแค่ลูกชายของคุณน้าผมไม่สนใจหรอกครับว่าใครจะมองว่าเราเป็นยังไง มันไม่มีผลอะไรกับผม ไม่ว่าคนอื่นจะบอกว่ามันผิดปกติจะวิจารณ์กันไปยังไงก็ช่างเขา เพราะผมมองว่าความรักของเราไม่ใช่สิ่งที่ผิดและผมก็สนใจความรู้สึกของผมมากกว่าแคร์คำพูดของคนอื่นอยู่แล้ว”


ผมค่อยๆ เลื่อนตัวลงไปนั่งคุกเข่าตรงหน้ามารดาของคนรักพร้อมกับเอามือสองข้างวางไว้ที่หน้าตัก ก้มหน้าลงเป็นการสำนึกผิด


“ผมขอโทษนะครับที่รังแกน้อง”


“...”


“ความผิดนี้ผมขอรับไว้คนเดียวครับคุณน้า” ผมบอกต่อแล้วเงยหน้าสบตามองตรงคนสูงวัยกว่าที่จ้องหน้าผมนิ่ง ใบหน้าสวยที่ดูอ่อนกว่าวัยได้แต่มองผมสลับกับคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ที่เดิมสองมือประสานกันไว้ที่หน้าตัก


เงียบไปอึดใจ


“แน่ใจใช่ไหมว่านี่ไม่ใช่แค่อยากลองเล่นๆ ตามสมัยนิยม”


“ไม่ใช่แน่นอนครับ” ผมตอบเสียงหนักแน่น


“บีทส์”


คุณน้าไม่ได้พูดอะไรกับผมต่อ แต่หันไปเอ่ยเรียกคนที่นั่งอยู่ด้านหลังผมแทน


“อือ” เจ้าตัวครางรับได้ลำคอ


“รักพี่เขามั้ยลูก” คุณน้าเอ่ยถาม ผมหันไปสบตากับน้องที่เม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงรับคำ


“แล้วซันล่ะ ช่วยตอบน้าอีกทีได้มั้ยว่านี่มันคือความรัก...ไม่ใช่แค่อาการหลงชั่วครั้งชั่วคราวเพราะยังใหม่” คุณน้าถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะถามผมต่อ ผมลอบกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อโดนคำถามที่ตรงจุดไม่อ้อมค้อมเหมือนในตอนแรก


“ผมขอโทษนะครับ” ผมเกริ่น ก่อนจะหันไปมองด้านหลังเมื่อบีทส์ครางเรียกชื่อผมอย่างไม่เชื่อหู ผมหันไปขึงตามองดุใส่มันให้ฟังผมให้จบ เจ้าตัวเม้มปากแน่นก่อนจะเริ่มสะอื้นขึ้นอีก ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ


“บีทส์มานั่งข้างแม่ก่อน” บีทส์เม้มปากแล้วลุกขึ้นไปนั่งตามคำสั่ง ผมเริ่มไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นน้ำตาของมันเริ่มหล่นลงมาที่แก้มขาว


“ฟังผมให้จบก่อนครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองเหมือนในตอนแรก ที่ผมเคยสับสนว่าไอ้อาการที่ผมเป็นมันเรียกว่าแค่ติดใจหรือผมเริ่มชอบน้องขึ้นมาแล้วจริงๆ แต่คุณน้าครับ เวลาที่ผ่านมามันทำให้ผมได้รู้ว่ามันสำคัญสำหรับผมแค่ไหน ผมไม่เคยถูกใจใครถึงแม้ว่าแรกๆ อาจจะเกิดจากความติดใจหรือพลั้งเผลอ แต่ตอนนี้หัวใจของผมๆ ยกให้ลูกคุณน้าไปแล้ว” ผมกล่าวออกไปเสียงหนักแน่น


“แล้วที่ผมขอโทษเพราะผมอยากจะขอโทษที่ผมเคยทำร้ายความรู้สึกของเขากับคุณน้า ผมไม่ใช่ผู้ชายที่ดีร้อยเปอร์เซ็น ผมเคลียร์ตัวเองยังไม่ได้ แต่ผมขอสัญญาว่าตั้งแต่วันนี้ผมจะทำทุกอย่างให้ชัดเจน”


“แล้วที่มาวันนี้ซันต้องการอะไร” คุณน้าเอ่ยถามต่อ


“ผมแค่อยากขอโอกาสจากคุณน้าสักครั้ง…” คุณน้าเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม


“...ขอโอกาส...”


“ให้ผมได้ดูแลลูกคุณน้าได้มั้ยครับ”


“...”



ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ขอโอกาส สู้ๆ เดียวรบกับที่บ้านต่อ สู่ตายๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตั้งแต่อ่านมารักพี่ซันมากสุดตอนนี้ แมนมาก o13

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ตอนที่ 28 :: Begin Again -2 (NC)


[บีทส์]


ผมหันไปมองคนที่เดินมากอดผมจากข้างหลัง แล้วทำหน้ามุ่ยเมื่อโดนฉวยหอมแก้มไปอีกฟอดใหญ่


“คุยอะไรกับคุณนายครับ” ผมถาม หลังจากที่โดนคุณนายไล่ออกมาเพราะต้องการคุยกับพี่ซันแค่สองคน ทำให้ผมต้องเดินออกมายืนสงบสติอารมณ์อยู่ที่สวนหน้าบ้านแทน


บอกตรงๆ นะครับว่าตอนนี้ผมก็ยังไม่หายช็อค ไม่คิดว่าพี่มันจะทำเพื่อผมขนาดนี้ ตอนที่ไบร์ทวิ่งขึ้นมาบอกว่าพี่ซันมา ใจผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ถ้าพี่มันเจอกับแม่ผมขึ้นมาจะทำยังไง คิดได้ก็รีบสลัดผ้าห่มวิ่งออกมาจากห้อง


แล้วก็ต้องช็อคอีกรอบเมื่อเห็นพี่มันนั่งอยู่กับคุณนายยิ้มๆ ในขณะที่คุณนายของผมหน้านิ่งไปแล้ว


ซวยแน่ๆ


ยังไม่ทันได้เอ่ยถามถึงสาเหตุที่อยู่ดีๆ คนตัวโตก็มาโผล่กลางบ้านก็ต้องช็อคอีกรอบเมื่อคุณนายเอ่ยปากถามพี่ซันเหมือนกำลังระแคะระคายเรื่องของเราอยู่


เหมือนรู้อะไรบางอย่าง…


“ก็ไม่มีอะไรนี่”


พี่ซันตอบยิ้มๆ ผมหมั่นไส้กับอาการไม่รู้ร้อนรู้หนาวของพี่มันเลยฟาดไปที่แขนแรงๆ หนึ่งที พี่ซันร้องโอ๊ยก่อนจะยื่นหน้ามากัดแก้มผมจนต้องเอียงหน้าหลบ เผลอไม่ได้จริงๆ ไอ้คนแสนดีต่อหน้าแม่ผมเมื่อกี้หายไปไหน


“ตีกูทำไมเนี่ย”


“ผมซีเรียสเหอะ” พี่ซันขำเมื่อโดนผมค้อน


“เขาก็แค่ฝาก...ให้กูดูแลมึงให้ดีๆ” พี่ซันบอกก่อนจะกระชับกอดผม ผมดิ้นเบี่ยงตัวหนีวงแขนหนาที่กำลังกอดรัดผมอยู่


“เดี๋ยวมีคนเห็น” ผมเอ็ด พี่ซันทำหน้ากวน


“ไม่มีหรอกน่า ทั้งคุณน้ากับน้องมึงอยู่ในครัว กูดูมาแล้ว” ผมจิ๊ปาก ทั้งที่ผมกำลังเครียด แล้วดูพี่มันสิครับ


“ผมเครียดจริงๆ นะ”


“มึงจะเครียดทำไม ยังมีกูอยู่ทั้งคน” พี่ซันพูดก่อนยื่นมือมาขยี้หัวผม ผมเอียงหัวหนีมือพี่มันงอนๆ


“มันไม่ใช่อย่างนั้น”


“แล้วอย่างไหน”


“ผมกำลังเป็นห่วงพี่ต่างหาก”


“ไม่เห็นมีอะไรต้องห่วง กูอยากให้มึงอยู่กับปัจจุบันและอยากให้มึงเชื่อใจกู” พี่ซันโน้มตัวมาพูดชิดริมหู “กูรู้มึงกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ แต่กูเลือกแล้ว แน่ะ ไม่ต้องดิ้น กูไม่ได้หมายความว่ามึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกของกู ถึงก่อนหน้านั้นจะใช่ก็เถอะ” ผมกลั้นยิ้มไว้สุดกำลังเมื่อได้ยินประโยคหลัง


ฟอด~


คนตัวโตกว่ากดจูบลงมาที่แก้มผมหนักๆ


“นี่ผม...กำลังจะมีแฟนจริงๆ เหรอเนี่ย”


นี่ผมกำลังจะเป็นแฟนพี่ซันจริงๆ ใช่ไหม


ผู้ชายที่ผมรักเขารักผมจริงๆ เหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย


“ใครบอก” พี่ซันทำเสียงกวน ผมหันขวับไปเผชิญหน้ากับพี่ซัน ไอ้พี่บ้า!! นี่จะแกล้งทำให้ผมดีใจเล่นๆ แล้วจะทิ้งใช่ป๊ะ!!


“...มึงไม่ได้กำลังจะมีแฟน...”


“แต่กำลังจะมีผัวต่างหาก...”


“...”


ไอ้!!!


โว๊ะ!


ไอ้คนหน้าด้าน!!


+++++++++++++++++++++++++


“อ่าฮะ...เออดิ” ผมตอบเสียงตื่นเต้น


“กรี๊ด...กูอิจฉามึงจริงๆ อิบีทส์ พี่ซันของกูเสร็จมึงจนได้ อินี่บอกกูทีว่าทำบุญด้วยอะไรกูจะได้ไปทำบ้าง อร๊าย กูอยากได้อยากโดนสักทีอ่ะ!” ปลายสายตอบรับกลับมาด้วยความตื่นเต้นปนหมั่นไส้ ผมหัวเราะกับอาการโอเวอร์แอคติ้งของมัน เพื่อนผมมันเอาทุกเม็ดจริงๆ


“ของกูบ้างเหอะ” ผมแหย่


“แหม...เต็มปากเต็มคำเลยนะมึง”


ผมยิ้มเขินเมื่อโดนอิพิงค์แซ็วเข้าให้ กล้าแค่กับมันนี่แหละครับ ฮ่าๆ


“ขอบใจมึงมากว่ะพิงค์” ผมพูดออกมาจากใจจริง ในบรรดาเพื่อนมีมันคนเดียวที่รู้เรื่องของผมกับพี่ซัน ไม่นับไอ้ออยกับไอ้ปริ้นที่ช่วงนี้ดูเหมือนจะยุ่งเหลือเกินจนไม่ค่อยได้มีเวลาออกมาพบปะเพื่อนเก่าต่างคณะอย่างผม


“กองไว้ตรงนั้นเถอะย่ะ เปลี่ยนจากคำขอบคุณของมึงเป็นเพื่อนพี่ซันหล่อๆ สักคนให้กูได้ม่ะ” อิพิงค์ว่าต่อ ผมขำก๊ากนี่มึงจะเอาให้ได้เลยใช่ปะ


“คุยกับใครยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” เสียงเรียบนิ่งที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ผมเอี้ยวตัวไปมอง ก่อนจะยิ้มตาปิดให้คนที่ยืนกอดอกพิงกรอบประตูอยู่


“โอ้โหเสียงเพื่อนเขยกูนิ่งซะไม่มี” อิพิงค์ร้องแซ็วมาตามสาย ผมยิ้มขำมองตามพี่ซันที่เดินเข้ามานั่งตรงขอบเตียง ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายพลิกตัวกลิ้งไปหาอีกคนที่นั่งอยู่อีกฟาก


อิ พิ ง ค์


ผมเปิดปากพูดแบบไร้เสียงให้พี่ซันรับรู้ว่าคู่สนทนาของผมคือใคร พี่ซันเลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้ารับรู้ พร้อมยื่นมือมายีหัวผม แล้วใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมของผมไปมา มืออีกข้างคร่อมอยู่ที่เอวผม


“พิงค์เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ พี่ซันมาตามแล้ว”


“แหม...ผัวมาแล้วทิ้งกูเลยนะ” อิพิงค์บ่นขำๆ ผมรู้ว่ามันไม่ถือสาผมหรอกครับ พิงค์มันรู้ความเคลื่อนไหวของคู่ผมมาตลอดนั่นแหละ


“ไม่ใช่เว้ย” ผมท้วง มันหัวเราะร่าอย่างถูกใจ


“อื้อ...” ผมย่นคอหนี เมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นชื้นและนุ่มนิ่มบริเวณต้นคอ


...พี่ซันก้มลงจูบที่หลังคอผม…


“กรี๊ด…เสียงอะไรอ่ะอิบีทส์ พี่สุดหล่อกูกำลังทำมิดีมิร้ายมึงอยู่ใช่มั้ย!?” อิพิงค์กรี๊ดมาตามสาย


“หึ...” พี่ซันหึในลำคอเมื่อแกล้งผมได้ ผมหันไปค้อนให้พี่มันไม่จริงจัง


“ชิส์! เชิญคู่ข้าวใหม่ปลามันสวีทกันให้พอใจ! เอาให้สำลักความรักตายไปเลยนะมึง” อิพิงค์ประชดด้วยเสียงจีบปากจีบคอให้รู้ว่ามันยังอยู่ในสาย ผมหัวเราะก่อนจะกดวางสาย


จุ๊บ


“อื้อ...” ผมครางรับในลำคออีกเมื่อโดนคนตัวโตโน้มหน้ามากดจูบที่ปากผมแล้วดูดคลึงเบาๆ ก่อนจะผละออก


“ถ้าไม่เห็นกับตาว่าเขาเป็นยังไง กูคงให้มึงเลิกคบไปแล้ว” พี่ซันว่าขึ้นมาเสียงเรียบพร้อมกับดึงมือผมไปเล่น ผมเลิกคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่มันพูด


“หมายถึงใครครับ” ผมถาม พี่ซันเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมแล้วยิ้มมุมปาก โอ้โห...นี่คิดจะปล่อยพีโรโมนออกมาให้ผมสำลัdความหล่อของแฟนตัวเองตายเลยใช่ปะ


“เพื่อนมึงเมื่อกี้ไง เห็นมึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วกูหวง” พี่ซันพูดต่อ ผมอ้าปากพะงาบๆ ก่อนจะก้มหน้ายิ้มเขินหนีสายตาที่พี่มันส่งมา


“บ้าเหอะ”


ผมงึมงำแล้วยกผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า ได้ยินเสียงหัวเราะจากคนใกล้ตัว พี่ซันเวอร์ชั่นนี้ผมจะไม่ทนจริงๆ ครับ


อยากระเบิดตัวเองวันละหลายๆ รอบ


“หึๆ ไปซื้อของกัน” พี่ซันเอ่ยชวน ผมโผล่หน้าออกมาทำตาโต พี่ซันกำลังชวนผมออกไปข้างนอกเหรอ


“พี่ชวนผมเหรอ” ผมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ พี่มันพยักหน้ารับ


“อยู่กันสองคนไม่ชวนมึงแล้วจะให้กูชวนหมาที่ไหน” ผมทำปากยื่นเมื่อโดนพี่มันหลอกด่ากลายๆ ว่าถามไม่คิด


“เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก ผู้ชายสองคนไปซื้อของใช้เข้าบ้านด้วยกันมันแปลกๆ นะ” ผมท้วง ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะรับได้แล้วก็เถอะครับ ผมยังไม่ไว้ใจอยู่ดีอีกอย่างถ้าไปเจอคนที่รู้จักกับเราจะให้ตอบว่ายังไงถ้าเขาถามว่าทำไมมาด้วยกัน


สุดท้าย ผมก็โดนพี่มันลากออกไปด้วยอยู่ดี...

 
“เลิกทำหน้างอใส่กูสักทีเถอะ เห็นแล้วอยากลากขึ้นเตียง” พี่ซันแกล้งบ่นลอยๆ ขณะที่สองมือเข็นรถที่บรรจุของใช้ไว้ครึ่งตะกร้าเดินตามหลังผม


“เหอะ” ผมหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับพี่ซันแล้วกอดอกทำหน้าหมั่นไส้


“เขาก็แค่อยากรู้จักเฉยๆ มึงจะอะไรนักหนา”


“ชอบอ่ะดิ อึ๋มๆ แบบนั้นอ่ะ” ผมยกมือสองข้างขึ้นทำมือบีบหน้าอกประชด


“เออชอบ” พี่ซันตอบกลับทันควัน ผมเม้มปากแล้วเบือนหน้าหนี ถามเองเจ็บเองอีกกู ถ้าเกิดวันหนึ่งพี่มันเปลี่ยนใจกลับไปนิยมชมชอบนมตู้มๆ เหมือนเดิมขึ้นมาจริงๆ ผมก็แย่สิ


พี่ซันเข็นรถเข้ามายืนข้างผม พร้อมยื่นหน้ากระซิบข้างหูของผมอย่างจงใจ


“...แต่ชอบมึงมากกว่า”


ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าคนพูดก่อนจะเป็นฝ่ายหันหน้าหนีเขินๆ เมื่อทนสายตากรุ้มกริ่มของคนตัวโตกว่าไม่ไหว


“หึ มึงนี่น๊า งอนอะไรไร้สาระ” พี่ซันพูดต่อขำๆ มือหนายื่นมายีหัวผม


“ใช่ซี้ผมมันไร้สาระ” ผมพูดพลางทำปากยื่นใส่พี่ซัน แต่แทนที่พี่มันจะมีอารมณ์ร่วมกับการงอแงของผมกลับเห็นเป็นเรื่องขำขันอยู่นั่นแหละ


ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็เมื่อกี้นี้น่ะสิมีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ยืนเลือกของอยู่ใกล้ๆ กับจุดที่ผมกับพี่ซันยืนอยู่ซุบซิบนินทากันใหญ่ แต่คงจะเพลินกับการกระซิบมากไปหน่อยจนลอยเข้ามาในหูของผม


‘ชอบก็เข้าไปขอเบอร์เลยสิย่ะ’ ผมชะงักมือที่กำลังหยิบดูถุงข้าวสารมากมายหลายยี่ห้อที่วางอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเอียงหูฟัง ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังหรอกครับ ถ้าก่อนหน้านี้สายตาผมไม่หันไปมองตามว่าคนที่สาวๆ กำลังซุบซิบกันอยู่น่ะเป็นใคร


แล้วก็ถึงบางอ้อเมื่อสายตาของผมไปหยุดอยู่ที่ร่างสูงของคนคุ้นเคยที่กำลังยืนดูของใช้ส่วนตัวอยู่ตรงหัวมุมทางเดิน ห่างจากจุดที่ผมยืนอยู่ประมาณสามสิบเมตรเห็นจะได้
    

‘บ้าเหรอแก...ถ้าเขามากับแฟนเขาล่ะ’ เธอตอบกลับเพื่อนเขินๆ ก่อนจะหันไปมองพี่ซันอีกที


‘ก็เห็นอยู่ว่าเขามาคนเดียว’


ผมหันไปเหล่มองกลุ่มสาวกลุ่มนั้น


เขามากับผมเว้ยพี่!!
 

ตะโกนบอกออกไปผ่านทางสายตา แล้วหันไปมองพี่ซันเหวี่ยงๆ ทำไมกูไม่เกิดมาหล่อแบบพี่มันบ้างวะ อย่างน้อยจะได้ดึงดูดสายตาคนอื่นให้ห่างออกจากพี่มันได้บ้าง อ๊าก เซ็ง!


‘มีอะไรทำไมมองกูแบบนั้น’ ผมสะดุ้ง หันไปมองหน้าคนถามที่เดินมาถึงตัวผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พี่ซันเลิกคิ้วรอคำตอบมือหน้าขยับไปจับที่รถเข็นเพื่อขยับเลื่อนให้คนที่เดินผ่านเราเดินได้สะดวกมากขึ้น


‘เปล่าครับ’ ผมตอบ รู้หรอกว่าพี่มันอยู่ของมันเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร คนอื่นต่างหากที่ไปชอบพี่มันเองอันนี้ผมพอเข้าใจนะเพียงแค่อดที่จะไม่พอใจไม่ได้เท่านั้นเอง


‘เปล่า...แล้วทำหน้าแบบนั้นทำไม’ พี่ซันถามต่อพร้อมกับเลิกคิ้วยิ้มๆ ก่อนจะแกล้งมายืนช้อนหลังผมไว้ทำทีเหมือนกำลังยืนดูสินค้า แต่มืออีกข้างกำลังยกขึ้นมาแตะที่สะโพกของผมเนียนๆ จนผมหลุดยิ้มออกมาจนได้


ไอ้พี่บ้า…


‘เอ่อ...ขอโทษนะคะ’ ผมขยับออกห่างจากพี่ซัน เมื่อมีเสียงบุคคลที่สามเอ่ยขึ้นมา ได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอพี่ซัน ผมหันไปมองหน้าพี่มันก่อนจะกลั้นขำเมื่อเห็นพี่มันทำหน้ายุ่งยากใส่บุคคลใหม่ที่เข้ามาทัก


หญิงสาวที่ยืนกระซิบกระซาบเรื่องพี่ซันกันก่อนหน้านี้นั่นแหละครับ เธอเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนอีกคนที่ดูทะมัดทะแมงกว่า ผมแอบเห็นเพื่อนที่เหลืออีกสองคนของเธอกำลังยืนหลบมุมแอบเชียร์อยู่ใกล้ๆ จุดที่พวกเธอยืนอยู่ครั้งแรก


‘ครับ’


ผมต้องเป็นฝ่ายเอ่ยรับแทนเนื่องจากพี่ซันมันไม่แม้แต่จะหันไปมองเธอเลย


‘คือว่า...เพื่อนฉันอยากจะรู้จักกับพี่ชายของคุณน่ะค่ะ” ผู้หญิงท่าทางเรียบร้อยเอ่ยขึ้นมาติดขัดใบหน้าหวานก้มงุด ก่อนที่เพื่อนสาวของเธอที่มาด้วยกันจะเป็นฝ่ายพูดแทรกขึ้นมาแทนแบบตรงประเด็น...โคตรๆ
    

ผมยิ้มค้าง พร้อมกับเบนสายตาขึ้นไปมองคนข้างกายที่มองมาที่ผมเหมือนกัน ผมเลื่อนจากสายตาพี่ซันหันไปมองกลุ่มพี่สาวกลุ่มนั้น รอฟังว่าพี่ซันจะตอบพวกเธอกลับไปยังไง


‘ขอโทษที่เสียมารยาทนะแต่ผมคงไม่สะดวก’


ผมก้มหน้าอมยิ้ม แกล้งมองดูสินค้าข้างๆ เหมือนไม่ได้ฟัง


‘ไม่เป็นไรค่ะฉันเข้าใจ แต่...แค่อยากรู้จักชื่อไว้แค่นี้พอจะได้มั้ยคะ’ ผมจ้องป้ายฉลากสินค้าตรงหน้าเขม็ง นับถือในความพยายามของพี่สาวคนนั้น
    

‘พี่ ผมไปดูของตรงนั้นนะครับ’ ผมชี้ไปทางช่องผลิตภัณฑ์ทำความสะบาดหน้า


‘ไม่ต้อง ไม่ได้จะคุยอะไรนานขนาดที่มึงจะทนรอไม่ได้’ พี่ซันรั้งข้อศอกผมไว้ ผมทำหน้าลำบากใจ แต่ก็ยอมยืนรอตามที่พี่มันบอก พี่ซันหันกลับไปอยู่พี่ผู้หญิงกลุ่มเดิมอีกครั้ง


‘ไม่เข้าใจคำว่าไม่สะดวกเหรอครับ...ขอตัวนะครับ’ พี่ซันจ้องหน้ากลุ่มพี่ผู้หญิงแล้วพูดออกมาเสียงเรียบด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายสุดๆ


‘เอ่อะ ขะ...เข้าใจค่ะขอตัวนะคะ’ พี่คนที่เป็นแกนนำในครั้งแรกหน้าเจื่อนทันทีที่พี่ซันพูดจบก่อนจะรีบปรับสีหน้าเหวอๆ ของตัวเองเพื่อตั้งสติแล้วพูดขอโทษพี่ซันพร้อมกับลากเอาเพื่อนสาวอีกสองคนที่ยังยืนหน้าเหวออยู่กลับไปที่เดิม ได้ยินเสียงบ่นที่ผมได้ยินถึงกลับกลั้นขำไม่อยู่


‘ดุอย่างกับหมา’


‘พอใจยัง’ พี่ซันหันกลับมาเผชิญหน้ากับผมอีกครั้งก่อนจะเอ่ยถามกวนๆ ผมกลั้นยิ้มแล้วย่นจมูกใส่คนตัวสูงกว่าแสร้งเดินหนีไปดูของต่อ ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ตามหลังมาไม่ห่าง


จะงอนทั้งทีก็ต้องเอาให้ถึงที่สุดสิครับไม่งั้นเสียฟอร์มแย่ดิ…


กลับมาที่สถานการณ์ปัจจุบัน


“กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”


ผมหันไปแลบลิ้นใส่พี่มันเพราะไม่ได้เคืองอะไรแล้ว


“เฮ้ยระวัง! / โอ๊ะ!!”


ผมร้องด้วยความตกใจ เมื่อแผ่นหลังชนเข้ากับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านหน้า ด้วยความไม่ระวังตัวทำให้ผมเซจะล้ม ผมหลับตาคิดว่าต้องล้มแน่ๆ แต่กลับมีมือหนาสอดเข้ามารับสะโพกของผมทั้งสองข้างแล้วช่วยพยุงไว้ไม่ให้ล้มหน้าทิ่ม


“แฮ่ๆ ขอโทษครับ” เมื่อทรงตัวได้ผมรีบหันไปหาผู้ช่วยเหลือ แล้วโค้งหัวขอโทษคู่กรณีที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ล้มไปนี่...ปูนทั้งนั้นเลยนะเว้ย


“ไม่เป็นไรครับ” อีกฝ่ายยิ้มรับด้วยความเป็นมิตร


“ไปกันเถอะ” พี่ซันยื่นมือมาแตะที่ข้อศอกผมเบาๆ ก่อนจะยื่นหน้ามากระซิบบอก ตาคมปรายตามองคู่กรณีผมนิดๆ ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง


“เดี๋ยวครับ!!” ผมชะงักขา หันกลับไปที่คู่กรณี


“ครับ?”


“คือน้องพอจะมีเบอร์โทรมั้ยครับ พี่ชื่อพฤษนะ” ผมเลิกคิ้ว เมื่อโดนอีกฝ่ายขอเบอร์เอาซึ่งๆ หน้า อย่าบอกนะว่าพี่เขา…


หมับ!


“ขอโทษครับ พอดีเรามีธุระต่อ ไม่ว่าง” พี่ซันเดินเข้ามือมาพาดไหล่ผมไว้ข้างหนึ่งแล้วเป็นฝ่ายตอบแทนผม


ผมยิ้มเจื่อนๆ ให้อีกฝ่ายด้วยความเกรงใจ แล้วเดินตามแรงลากของพี่ซันที่มือหนึ่งเข็นรถและอีกมือยังพาดอยู่ที่ไหล่ผมไม่ยอมเอาออกจนเป็นผมต้องยื่นมือไปช่วยบังคับรถเข็นแทน


กึก...


ขาผมชะงักอยู่กับที่อีกครั้งเมื่อแขนข้างหนึ่งโดนรั้งเอาไว้ ผมหันกลับไปก่อนจะเหวอเมื่อไอ้คนที่ชื่อพฤษอะไรนั่นตามมาเกี่ยวแขนผมไว้อีก ไม่ลืมที่จะหันไปชำเลืองสีหน้าพี่ซันที่ตอนนี้เรียบสนิทไปแล้ว


“ผมขอแค่เบอร์น้องชายของคุณเองครับไม่เสียเวลามากหรอก” ชายคนเดิมหันไปพูดกับพี่ซันยิ้มๆ พร้อมกับคว้าโทรศัพท์ของตัวเองออกมายื่นให้ผมด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนกับสายตาของพี่ซัน


“ต้องขอโทษด้วยครับพี่ ผมคงให้ไม่ได้จริงๆ” ผมตอบพลางยิ้มแหยส่งไปให้เขา มึงช่วยสังเกตสีหน้าของไอ้คนข้างๆ ตัวกูหน่อยสิโว้ย มันจะกินหัวมึงกับกูอยู่แล้วเนี่ย!!


“ไปเหอะพี่” ผมหันไปหาพี่ซันแล้วกระตุกแขนเร่ง ไม่ลืมหลบสายตาคมกริบที่กำลังหงุดหงิด เสียวไส้แวบเลย


“ว๊า ที่เขาบอกว่าคนน่ารักมักใจร้ายสงสัยจะจริง” ขาสองข้างของผมหยุดกึกอีกครั้งเมื่อคนด้านหลังยังส่งเสียงกวนมาอีก ผมเห็นพี่ซันขบกรามแน่น


“ไอ้เวรนั่นมันจะเอาให้ได้ใช่มั้ย”


พี่ซันพูดกระซิบเสียงรอดไรฟันแล้วปรายตาดุมาหาผมอย่างขอความคิดเห็น ผมรีบยิ้มเอาใจ


“รีบไปเถอะครับ อย่าไปสนใจเลย” ผมกระซิบกลับไปเบาๆ แล้วลากแขนพี่ซันไปอีกด้าน เพราะกลัวว่าเขาจะได้ยินเหมือนกัน ถ้าเรามองข้ามไปซะ เดี๋ยวเขาก็คงเลิกไปเอง โชคดีที่พี่เขาไม่ได้ตามเรามา


++++++++++++++++++++++


“อ๊ะ”


ทันทีที่ก้าวเข้ามาในพื้นที่ของห้องนอนส่วนตัวพี่ซันก็เหวี่ยงผมไปที่กำแพงทางเดินติดผนังห้องแล้วตามมาคร่อมไว้ด้วยข้อมือหนาทั้งสองข้าง สายตาของพี่ซันยังหงุดหงิดไม่หาย


ตอนขับรถกลับมาก็ทำเอาผมใจหายใจคว่ำเพราะพี่มันเล่นเหยียบแล้วแซงเหยียบแล้วแซงพอไม่ได้ดั่งใจก็สบถเป็นคำหยาบออกมา ผมปิดปากเงียบสนิทเพราะไม่อยากโดนลูกหลงจากพายุบ้าของพี่มัน


พอพี่มันจอดรถได้ก็รีบเก็บของใส่มือแล้วเดินก้าวไวๆ ขึ้นห้องไม่พูดไม่จา ผมต้องรีบวิ่งตามมาพอเปิดประตูเข้ามาเท่านั้นแหละ พี่มันวางของลงพื้นก่อนจะเดินกลับมาจับข้อมือผมเหวี่ยงใส่กำแพงเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้


“พี่จะทำอะไร” ผมถามออกไปพยายามไม่ให้เสียงของตัวเองสั่นเมื่อสบตาเข้ากับสายตาคมดุที่จ้องมองผมเหมือนเสือรอขย้ำเหยื่อ


“ลงโทษ”


“ละ...ลงโทษอะไร”


“ลงโทษที่มึงยอมให้ไอ้เหี้ยนั่นแตะมึงไง” อื้ม เหตุผลงี่เง่าสิ้นดี พี่ซันยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ ผมต้องยกมือสองข้างขึ้นดันอกพี่มันไว้เกร็งๆ


หวังว่าคงจะไม่ฆ่าผมหมกห้องหรอกนะ


“อ๊ะ...อื้อ เดี๋ยว ผมยังไม่ได้ทำอะไรแบบที่พี่ว่าเลยนะ” ผมท้วงเสียงหลงพร้อมกับพยายามหดคอหนีการรุกล้ำของริมฝีปากคนเอาแต่ใจ


“เจ็บนะ!” ผมร้องอีกครั้ง เมื่อพี่ซันไม่ยอมเอ่ยปากตอบอะไรกลับมา แต่กลับยื่นหน้ามากัดแก้มขาวของผมเต็มแรงเจ็บจนน้ำตาเล็ด ผมยกมือขึ้นมาลูบที่แก้มของตัวเองก่อนจะฟาดมือลงไปที่อกแกร่งแรงๆ เพื่อระบายความเจ็บ


“ก็ตั้งใจทำให้เจ็บ”


“ฮะ” บอกตามตรงว่าไม่เข้าใจพี่ซันเลยสักนิด “อื้อ!” ยังไม่ทันได้เข้าใจอะไรริมฝีปากหนาของพี่ซันก็โฉบลงมากดจูบที่ปากผมหนักๆ อีกครั้งแล้วผละออก


“จำไว้ว่าคนเดียวที่แตะต้องมึงได้...คือกู”


ผมกำลังจะอ้าปากทักท้วงก็ต้องปิดปากสนิทเมื่อริมฝีปากหนาก้มลงมาปิดปากผมอีกรอบทันที พี่ซันสอดมือมารองต้นคอผมดึงเข้าไปรับจูบ


“อื้อ...พี่ซัน อ๊ะ นี่มันยังกลางวันอยู่เลยนะ” ผมพยายามดันอกคนที่กำลังฉกฉวยจูบตัวเองให้ออกห่างแล้วพูดเสียงกระเส่าปนหอบ เพราะโดนขโมยอากาศหายใจ


“คิดว่ากูแคร์มั้ย”


ผมอ้าปากค้างกับคำตอบที่ได้รับ พี่ซันยกมือขึ้นมาเสยผมตัวเองด้วยความหงุดหงิดที่ผมเอาแต่หลบเลี่ยง เขาถอยหนึ่งก้าวคว้าแขนผมลากเข้าไปในห้อง


พี่ซันเดินนำเข้าไปในห้อง ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟากลางห้องรับแขก ก่อนจะออกแรงกระตุกมือผมให้เซไปนั่งลงบนตักกว้างในสภาพหันหน้าเข้าหากัน


ผมเบิกตากว้างรีบคว้าจับไหล่ของคนตัวโตกว่าไว้มั่น ใจสั่นกับการกระทำที่แสนจะดุดันในครั้งนี้ของพี่ซัน รู้สึกเหมือนมีคนตีกลองอยู่ข้างหู ใบหน้าหล่อเหลาของพี่ซันดูหงุดหงิดและแฝงไปด้วยความดุดันแต่กลับดูมีเสน่ห์น่าหลงไหลไปอีกแบบ


ทุกการกระทำของคนตรงหน้าตอนนี้บอกเลยว่ามันกำลังให้ผม...ตื่นเต้น!


“อื้อ...” พี่ซันสอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืดสีขาวของผม ปลายนิ้วร้อนค่อยๆ บรรจงลูบไล้ไปที่ยอดอก เคล้นคลึงอย่างเอาแต่ใจ


“ชอบมั้ย”


ผมกัดริมฝีปาก


เมื่อเห็นผมไม่ตอบ พี่ซันเคลื่อนริมฝีปากหนาไปที่ข้างหูผมก่อนจะเริ่มขบเม้มติ่งหูราวกับหยอกเย้าให้ผมคลั่งกับบทเรียนครั้งใหม่นี้ ผมค่อยๆ เบียดสะโพกของตัวเองบดคลึงไปกับตักหนาโดยไม่รู้ตัว ก่อนเริ่มสัมผัสได้กับอาวุธที่ซ่อนอยู่ใต้สะโพกเริ่มขยับขยายเบียดกับช่องทางรักที่ยังมีกางเกงกั้นอยู่


“อ๊ะ” ผมกัดฟันแอ่นอกรับด้วยความเสียว เมื่อยอดอกกำลังถูกรุกล้ำด้วยริมฝีปากอุ่นร้อนที่กำลังฉกฉวยลงดูดยอดอกที่กำลังแข็งขืนเป็นไตผ่านเนื้อผ้า โดยคนคุมเกมเป็นคนปลุกปั่นมันขึ้น


“อื้อ...อย่ากัด”


“ล้วงมันออกมาสิ” พี่ซันกระซิบชิดใบหูผม มือข้างหนึ่งคว้ามือผมไว้แล้วจับไปวางบริเวณแก่นกายของตัวเองที่คับแน่นดุนเนื้อผ้าออกมาจนเห็นได้ชัด


ฉ่า…


ผมเม้มปากแน่นถึงแม้ว่าจะเคยทำเรื่องอย่างว่ากันมาก็หลายครั้ง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป ตะวันยังไม่ตกดินแถมห้องยังสว่างขนาดนี้จะไม่ให้เขินได้ยังไง นี่มันแกล้งกันชัดๆ เลย


“เร็วสิ ‘ชัก’ ช้า อย่าหาว่ากูใจร้ายนะ” พี่ซันมองหน้าผมด้วยสายตากรุ้มกริ่มในระยะประชิด


“พะ...พี่ ผมอาย”


ผมบอกเสียงสั่น


“คนทำผิดไม่มีสิทธิ์ต่อรอง” ประโยคเดียวทำให้ผมปิดปากสนิท พี่ซันมองผมด้วยสายตาตื่นเต้นและเฝ้ารอการตอบรับจากผม
ผมค่อยๆ ยื่นมือสั่นๆ ไปที่ซิบกางเกงของพี่ซัน ได้ยินเสียงขำอยู่ใกล้หู


ฟึ่บ!


ฉ่า…


พอรูดซิบกางเกงลงเท่านั้นความใหญ่โตของอีกคนก็โผล่พ้นออกมาจากกางเกงแถมตอนนี้มันยังกำลังชี้หน้าผมอยู่อย่างเยาะเย้ยจนต้องเบือนหน้าหนี โอ๊ย จะบ้าตายอยู่แล้ว


หมับ!


“อะ” พี่ซันคว้าหมับเข้าที่สะโพกผม แล้วยกตัวผมขึ้นก่อนที่จะกระซิบบอกผมชิดหูว่าให้รั้งกางเกงของพี่มันลง


รู้ว่าอายก็ยังจะแกล้ง!


แล้วนี่กางเกงผมหลุดตั้งแต่เมื่อไหร่!!


พี่ซันคว้ามือผมไปกอบกุมแก่นกายใหญ่ของพี่มันไว้อีกครั้ง พร้อมกับช่วยขยับมือผมขึ้นลงเป็นการสอน ผมเม้มปากแล้วค่อยๆ ทำตาม


“อ่า...ลองขยับมือเองสิ ทำเหมือนที่มึงทำให้ตัวเอง” พี่ซันครางเบาๆ แล้วร้องสั่ง พร้อมกับยื่นหน้ามาบดจูบกับริมฝีปากผมพลางสอดลิ้นเข้ามาเกี่ยวพันดูดดุนกับลิ้นของผม


ผมเริ่มขยับมือขึ้นลงช้าๆ แล้วเร่งจังหวะสลับหนักเบา


“อืม...ซี้ด พอแล้ว อ่ะนี่...ทาให้หน่อยถ้าไม่อยากเจ็บ” มือที่กำลังขยับหยุดชะงัก “ไม่ต้องเถียงอย่าลืมนะว่ามึงมีความผิดอยู่” แม้จะไม่เข้าใจว่าตัวเองทำผิดอะไร แต่ผมก็ยื่นมือไปรับเจลหล่อลื่นจากอีกคนมาด้วยใบหน้างอง้ำที่รู้ตัวว่าโดนแกล้งเป็นครั้งที่สอง
   

ผมเทเจลลงบนฝ่ามือด้วยอาการสั่นๆ ก่อนจะยื่นมือไปลูบไล้แก่นกายอีกคนสะเปะสะปะไปทั่ว โดยเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
พี่ซันไม่ได้ว่าอะไร แต่เริ่มเปลี่ยนเป้าหมายกลับไปเล่นที่ยอดอกชูชันของผม ลิ้นหนาค่อยๆ กวาดต้อนไปรอบๆ จนผมเผลอคราง มือหนาของพี่ซันข้างหนึ่งเลื่อนไปกอบกุมแก่นกายของผมแล้วเริ่มขยับมือให้เป็นจังหวะ


มือผมที่อยู่บนแก่นกายเขาขยับขึ้นลงตามแรงอารมณ์ แต่คนขี้แกล้งก็ยังเป็นคนขี้แกล้งอยู่วันยังค่ำเมื่อพี่ซันหยุดมือทำให้ผมล่มปากอ่าวกะทันหัน


ผมชะงักกึก ลืมตาโพรงเห็นใบหน้ายียวนของพี่ซัน เลยฟาดมือไปที่ไหล่กว้างของพี่มันเต็มแรง พี่ซันหัวเราะ “กูไม่ยอมให้มึงถึงเพราะไอ้นี่หรอก” พูดจบก็ยกมือขึ้นมาชูว่าไอ้นี่น่ะคืออะไร ทำเอาผมฉุนกึก


“จะทำอะไรก็รีบๆ ทำเซ่! แกล้งกันอยู่ได้!”


มันน่าฟาดให้ปากแตกสักที เมื่อกี้ผมเกือบจะถึงอยู่แล้ว


“อ๊ะ!”


ผมจับบ่าพี่ซันแน่น เมื่อพี่มันใช้สองมือยกตัวผมขึ้นจากตัก ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยน้ำหนักผมลง


“อื้อ...พี่จะทำ อึก...อะไร” ผมร้องถามเสียงสั่นเมื่อช่องทางด้านหลังกำลังถูกจับกดให้นั่งลงไปทับแก่นกายอีกคนที่ตั้งรออยู่เบื้องล่าง ผมบีบไหล่พี่ซันข่มกลั้นความเจ็บไว้เมื่อช่องทางด้านหลังเริ่มกลืนกินแก่นกายอีกคนทีละนิด


“ซี้ด...อย่าเกร็ง ผ่อน อื้ม...ผ่อนคลายหน่อย”


พี่ซันบอกทั้งๆ ที่ใบหน้าหล่อกำลังบิดเบี้ยว ผมพยายามพ่นลมหายใจเข้าออก ก่อนจะค่อยๆ กดตัวลงไป นิ้วจิกลงไปที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของพี่ซันเพื่อระบายความเจ็บ แต่ก็เข้าไปได้แค่ครึ่งเดียว


“อึก...ผมไม่ไหวแล้ว...เจ็บ” ผมบอกเสียงสั่น พี่ซันฉีกยิ้มมุมปากเป็นการปลอบ


“ไม่เป็นไร ชู่ว เด็กดีไม่ต้องร้อง” พี่ซันกระซิบบอกเสียงพร่า ยื่นหน้ามาจูบซับที่หางตาผม ขณะสองมือช่วยประคองสะโพกผมไว้ ก่อนจะขยับที่นั่งหามุมใหม่เพื่อช่วยให้ผมนั่งสบายมากขึ้น ผมรู้ว่าพี่มันก็เจ็บเหมือนกัน


“ซี้ด...”


เพราะการขยับส่งผลให้เกิดการเสียดสีของช่องทางที่ฉ่ำไปด้วยเจลหล่อลื่นทำให้ผมเริ่มขยับได้มากขึ้น
“ค่อยๆ ขยับนะ”


พี่ซันพูดบอกเสียงอบอุ่น ผมพยักหน้ารับก่อนจะค่อยๆ ขยับสะโพกของตัวเองเข้าออกช้าๆ แม้จะเจ็บจากการเสียดสีของช่องทางด้านหลังแต่เมื่อเห็นสีหน้าทรมานของพี่ซัน ผมก็ได้แต่กัดฟันค่อยๆ ขยับสะโพกลากวนไปรอบๆ


“อื้อ...พะ...พี่ซัน”


“ซี้ด...เก่งมากครับ อืม...แบบนั้น”


“อื้อ ขะ...เข้าได้แล้ว”


พี่ซันหลุดขำยื่นมือมายีหัวผม


ก่อนที่จะ…


“อื้อ!!!” กระแทกสะโพกสวนขึ้นมาจนผมถึงกับมือไม้อ่อน ตามด้วยจังหวะช้าๆ เนิบๆ มือหนาสองข้างจับยึดสะโพกของผมเพื่อคุมจังหวะ ไม่รอให้ผมได้ตั้งตัวก็ต้องครางเสียงหวานเพราะความคับแน่นที่เสียดสีกัน


“ซี้ด...ตอดแบบนี้เดี๋ยวไม่ได้นอน” เราสองคนช่วยกันขยับเข้าออกสวนรับกันเป็นจังหวะ ผมรู้สึกมวลในท้องน้อยจนกลั้นเสียงครางไม่อยู่ ขยับเอววนรอบอย่างได้ใจ


“แม่งรัดดีจริงๆ”
   

“ย อย่าพูด...อื้อ” ผมร้องบอกเสียงกระท่อนกระแท่นเพราะการอยู่ด้านบนทำให้ต้องใช้แรงมากกว่าปกติ แต่ผมไม่ปฏิเสธเลยว่าอยู่ในท่านี้แล้วมันทำให้
    

…รู้สึกมากกว่าทุกที…


“ซี้ด...” เสียงเข้มครางเสียงพร่าในลำคอมือหนาที่กอบกุมอยู่ที่ส่วนอ่อนไหวผมขยับเข้าออกเป็นจังหวะถี่รัว ในขณะที่สะโพกหนาก็เด้งกลับสวนรับผมไม่ขาดตอน เหงื่อเม็ดโตผุดเกาะไปตามลำตัวและใบหน้า


“อื้อ...พี่ ผมรักพี่นะ” เมื่อหนทางใกล้จะสิ้นสุดผมเอ่ยปากบอกคนด้านล่างเสียงสั่น สองมือยังคงเกาะยึดอยู่ที่ไหล่หนา พร้อมกับขยับจังหวะสะโพกถี่เร็วขึ้นจนน้ำขาวขุ่นพุ่งออกมาเลอะเต็มบริเวณหน้าท้องแกร่งแล้วหอบแฮ่ก
พี่ซันครางรับในลำคอ มือหนาสองข้างจะเลื่อนลงไปที่สะโพกผมเพื่อจับยึดแล้วพลิกร่างผมให้นอนราบไปกับโซฟา ก่อนจะกดตัวเข้ามาที่ช่องทางด้านหลังของผมอีกครั้งแล้วเริ่มขยับสะโพกเข้าออกเป็นจังหวะปลุกอารมณ์ของผมให้ติดเครื่องอีกครั้ง
   

และอีกครั้ง...





 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด