☼ Love Suck! เกลียดนัก...รักดูไหม? ตอนที่ 39 : ตั ว ล่ อ [P7] 31.10.61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☼ Love Suck! เกลียดนัก...รักดูไหม? ตอนที่ 39 : ตั ว ล่ อ [P7] 31.10.61  (อ่าน 43742 ครั้ง)

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ตอนที่ 15 :: สำรวจความเสียหาย


[บีทส์]


“อื้อ...” ผมลืมตาตื่นขึ้นมา ก่อนจะรู้ตัวว่ากำลังนอนอยู่บนที่นอนของตัวเอง พี่ซันคงเป็นคนพาขึ้นมาส่ง ผมพยายามจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แต่แค่กระดิกปลายตีน เอ้ย ปลายเท้าก็ปวดร้าวไปทั่วร่างแล้วครับ นอกจากจะเสียซิงแล้วยังต้องทนอึ๊ไม่ได้ไปอีกหลายวัน แย่ชะมัด!


ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อีกครั้ง ก่อนจะใช้แขนทั้งสองข้างจับยึดกับที่นอนไว้ แล้วดันตัวเองลุกขึ้น


“อึก!”


เจ็บเชี่ยๆ!!


ผมจัดระเบียบร่างกายใหม่ให้อยู่ในท่าที่สบายเพื่อจะขยับไปพิงหัวเตียง พูดง่ายๆ คือทำยังไงก็ได้ให้น้ำหนักไม่ต้องลงไปที่ก้นน่ะครับ ผมเอื้อมมือไปหยิบเอาหมอนอีกใบที่วางอยู่ข้างๆ มาสอดไว้ที่ใต้สะโพก


รู้สึกชุ่มแปลกๆ ผมสอดมือไปแตะที่ช่องทางด้านหลังของตัวเองเพราะคิดว่าเลือดไหลออกมาอีก แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อมันไม่ใช่เลือดอย่างที่คิด อะไรวะ ขาวๆ ใสๆ ลองดมดูก็ต้องรีบหันหน้าหนีแทบไม่ทัน กลิ่นฉุนเป็นบ้า!


มองไปที่โต๊ะวางของข้างเตียง เห็นมีถาดอาหารที่มีขนมปังสองแผ่นกับนมและที่ขาดไม่ได้เลยก็คือยาวางอยู่คู่กัน มีกระดาษโน๊ตสีขาวแปะไว้ที่แก้วน้ำด้วยนะครับ


“ตื่นมาแล้วก็กินให้หมด ยาลืมกินยา กินเสร็จก็นอนซะ อยากได้อะไรก็โทรมา”


ผมยิ้ม คนอะไรสั่งได้สั่งดี เจ้ากี้เจ้าการจริงๆ ไม่ใช่ไม่ชอบนะครับ ยิ่งพี่มันแสดงออกว่าเป็นห่วงมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะลอยได้เลยล่ะครับ มันรู้สึกดีมากๆ เลย


จริงๆ นะ...


เมื่อเช้าหลังจากที่โดนพี่ซันบังคับให้กินข้าวกินยา ผมก็เอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมท่าเดียว ก็คนมันเสียใจนี่ครับ ถึงจะไม่ใช่เด็กสาวโดนพรากพรมจรรย์ครั้งแรก แต่ผมก็เป็นเคะหน้าตาดีที่โดนพี่พรากพรมจรรย์เหมือนกันนะ! แถมยังพูดจาเหมือนจะไม่รับผิดชอบกันนั่นอีก ฮึ่ย! ได้เค้าแล้วก็พูดได้สิ!!


พอพี่ซันออกไปจากห้อง ผมก็นั่งน้ำตาไหลในห้องอยู่คนเดียว มันเจ็บใจนี่ครับ แถมยังเจ็บตัวสุดๆ ไม่รู้ว่าผมนั่งร้องไห้อยู่นานเท่าไหร่ พอได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาผมก็ดึงผ้าห่มมาคลุมโปงทันที


“บีทส์ เป็นไงบ้าง” แต่พอคนที่เข้ามาเอ่ยพูดกับผม จึงได้รู้ว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่พี่ซัน แต่เป็นพี่หมอ ผมยังนอนนิ่งอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ไม่ยอมออกมาสู้หน้ากับพี่หมอ


จนพี่หมอเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผมเองนั่นแหละครับ ไม่ได้อยากงอแงนะ แต่ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน แถมด้านล่างยังไม่ได้ใส่อะไรเลยด้วย มีแค่เสื้อของพี่ซันตัวเดียว


“ได้ยินพี่ใช่มั้ย หยุดร้อง...แล้วก็หันมาคุยกับพี่ดีๆ นะครับ” พี่หมอพูดเสียงนุ่มและพยายามที่จะทำให้ผมหยุดร้องไห้ แต่ผมยังสะอื้นอยู่ หยุดไม่ได้จริงๆ ไม่รู้ด้วยว่าต่อจากนี้อนาคตของผมกับพี่ซันจะเป็นยังไง จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือเลวร้ายลงไปอีกก็ยากที่จะคาดเดา


“ร้องมากๆ เดี๋ยวตาบวมหมด หยุดร้องนะครับ บีทส์ไม่ต้องกลัวนะ ไว้ใจพี่ได้ พี่แค่จะเข้ามาดูอาการของเราว่าเป็นยังไงบ้าง เห็นไอ้ซันบอกว่ามีไข้แถม เอ่อ ตรงนั้นยังช้ำอีก แต่มันไม่อยากพาบีทส์ไปหาหมอ” พี่อาร์ตพูดต่อ


“เขาคงอาย” ผมพยายามเปล่งเสียงออกไป


“เฮ้ย! ไม่ใช่!?!” พี่หมอปฏิเสธเสียงหลง


“มันแค่อยากจะแน่ใจว่าบีทส์ยังโอเคอยู่รึเปล่า ถ้าไม่ไหวมันจะได้พาไปหาหมอ จริงๆ คงไม่อยากจะให้บีทส์ไปไหนมาไหนด้วยสภาพนี้มากกว่า” พี่หมอแก้ตัวให้เพื่อน ผมกัดปาก แม้แต่หัวผมพี่ยังไม่เห็นเลยแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าสภาพของผมตอนนี้มันเป็นยังไง


“...” ผมปวดหัวขึ้นมาอีกแล้ว


“พี่ขอแค่ให้บีทส์เชื่อใจพี่ ถึงพี่จะนิยมชมชอบเด็กผู้ชายอยู่บ้าง แต่พี่ไม่นิยมคนของเพื่อนนะครับ ให้พี่ตรวจดูหน่อย” พี่หมอกล่อม แต่ถึงยังไงผมยังอายอยู่ดี พี่แกเป็นหมอก็จริงแต่ก็เป็นเพื่อนสนิทของพี่ซันนะ


“แต่...”


“ถ้าเราไม่ยอมให้พี่ตรวจ ไอ้หมาบ้าข้างนอกมันได้เข้ามาลากคอพี่ออกไปแน่ครับถ้าพี่เข้ามานานเกินไป” พี่หมอพูดดักคอ ผมคิดหนัก ก่อนจะพยายามข่มความอายไว้ แล้วค่อยๆ เปิดผ้าห่มออก พี่หมอส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ผม


“ตาบวมหมดแล้วเห็นมั้ย” พี่หมอพูด ก่อนจะเอื้อมมือมาวัดไข้ที่หน้าผากผม


“…” ผมเม้มปาก


“พี่ว่าผมง่ายไปมั้ย” ผมพยายามเปล่งเสียงถามพี่หมอ พี่หมอแค่ส่งยิ้มมาให้ผมเหมือนเดิมก่อนจะยีหัวผมอย่างเอ็นดู


“มันเป็นความพึงพอใจของทั้งสองฝ่ายต่างหาก” พี่หมอตอบ ก่อนจะหันไปเปิดกระเป๋าของตัวเองที่ถือเข้ามา ผมคิดว่าคงเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ของพี่เขานั่นแหละครับ


ผมเงียบไม่ได้ถามอะไรไปอีก จริงๆ มันอาจจะเป็นความต้องการแค่ของผมคนเดียวมากกว่า ก่อนที่พี่หมอจะขอตรวจร่างกายของผม ผมอิดออดจะไม่ยอมแต่พี่หมอสัญญาว่าจะขอดูแค่ไม่นาน และขอดูแค่ส่วนนั้นส่วนเดียว โดยให้ผมพลิกตัวแล้วเอาผ้าห่มปิดส่วนอื่นไว้ หลังจากตรวจเสร็จ พี่หมอก็ฉีดยาให้ผมไปหนึ่งเข็ม หลังจากนั้นก็หลับยาว รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนอยากเข้าห้องน้ำนั่นแหละครับ


นอนบิดอยู่ตั้งนาน ก่อนจะลองพยายามขยับด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องร้องซี้ด แม้แต่ขมิบยังไม่ได้เลยครับพี่น้อง! ไอ้บีทส์จะสิ้นฤทธิ์ก็คราวนี้แหละ!! ผมลองกัดฟันลองขยับอยู่หลายครั้งจนยอมแพ้นอนอยู่เฉยๆ


เริ่มมีความหวังอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดประตู แต่ก็ต้องผงะเมื่อคนที่เปิดเข้ามาเป็นพี่ซัน มาถึงก็ดุเอาดุเอา ผมนี่หน้างอจนไม่รู้จะงอยังไง ขี้บ่นชะมัด! แล้วผมก็ร้องเสียงหลงเมื่อพี่ท่านเล่นยกผมขึ้นทั้งอย่างนั้น กลิ่นตัวพี่มันนี่ติดจมูกผมมาเลย แง๊ มันใกล้มากจริงๆ ครับ เลยได้แต่ก้มหน้างุดยอมให้พี่มันอุ้มไปส่งที่ห้องน้ำ


อายก็อาย เขินก็เขิน เจ็บก็เจ็บ มึงช่วยมากันคนละทีจะได้ไหม!?!


กว่าจะนั่งลงได้ก็ทุลักทุเลด้วยกันทั้งคู่ เชื่อแล้วล่ะครับว่ามันลำบากจริงๆ จะเดินจะเหินก็ลำบากไปหมด แต่ไอ้พี่ซันนี่ดันเห็นเป็นเรื่องตลกครับ แซ็วมาได้ ถึงจะมั่นหน้าแต่ก็เสียเซลฟ์และเขินเป็นนะครับ!!


หลังจากไล่พี่ซันออกไปจากห้องน้ำได้แล้ว ผมก็ใช้เวลาไม่นานในการจัดการกิจส่วนตัว ก่อนจะเหลือบไปเห็นกระจกที่วางอยู่ไม่ไกล อดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมาเช็ดดูสภาพของตัวเองตอนนี้ เคยเป็นไหมครับ ‘โรคติดกระจก’ เห็นไม่ได้ต้องยกมาส่อง ที่จริงห้องน้ำพี่ซันมีกระจกบานใหญ่นะครับ


แต่ผมฝืนยืนส่องไม่ไหวน่ะ


อื้อหือ...นั่นคอหรืออะไรวะนั่น เบิกตาค้างกันตั้งแต่จุดแรกที่ใช้กระจกส่องกันเลยทีเดียว รอยเขียวช้ำ เป็นจ้ำๆ มีอยู่ทั่วคอ เรื่อยลงมาจนถึงแผงอก ผมเลิกเสื้อขึ้นก่อนจะมองเห็นรอยที่มีลักษณะคล้ายๆ กันเรียงรายอยู่ตามต้นขา


นี่พี่มันทิ้งรอยไว้เยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!?!


ก้มสำรวจร่างกายตัวเองอยู่ได้ไม่นาน ก็สะดุ้งกระจกแทบหลุดจากมือ เมื่อคนที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำส่งเสียงเรียก คงสิ้นสุดความอดทนในการรอแล้ว ผมขานรับก่อนจะเรียกพี่ซันเข้ามา ผมยอมรับอยู่อย่างหนึ่งนะครับว่าถึงแม้พี่มันจะปากไม่ค่อยดี...


แต่อย่างน้อยก็คอยช่วยป้อน(ยัด)ข้าว ป้อน(บังคับ)ยา ผมไม่รู้หรอกครับว่าที่พี่ซันทำเป็นเพราะโดนบังคับ อยากช่วย หรือรู้สึกผิด แต่ผมบอกตามตรงว่ามันทำให้ผม ‘ชอบ’ พี่ซันมากขึ้นอีกแล้วล่ะ


เป็นไงโคตรนางเอก!


ผมขยับไปหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองมาเปิดดูปรากฏว่ามันปิดเครื่องอยู่ เลยเปิดเครื่องก่อนจะเห็นข้อความเข้ามาว่ามีคนพยายามติดต่อผมอยู่สามสายคือ ‘อิพิงค์’ ครับ เลยกดโทรออกไปหามัน เผื่อว่าจะมีธุระสำคัญอะไร


ตู๊ด...ตู๊ด…


ขนาดเสียงรอสายยังเข้าข้างมึงเลยพิงค์ รอสายอยู่สักพักก็มีเสียงกดรับสาย อิพิงค์นั่นแหละ


“โอ๊ย อิบีทส์ กูโทรไปตั้งหลายสาย ไม่รู้จักเปิดเครื่อง! โดนเอาอยู่รึไงวะอินี่!” บ๊ะ ทักได้แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจกูเลยเพื่อนยาก


“แบตมันหมดเว้ย มึงโทรมามีอะไร” ผมถาม


“ก็ไม่มีอะไรกูแค่อยากโทรมาถามว่ามึงให้ของขวัญพี่ซันไปเรียบร้อยดีใช่มั้ย แหม กูเห็นหายเงียบ นึกว่าเขาถีบหัวส่งออกมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วหนีไปกินเหล้าย้อมใจคนเดียว ฮ่าๆ” อิพิงค์พูดติดตลก แต่มึงช่วยดูน้ำเสียงกูหน่อยได้ไหมแหบแห้งขนาดนี้ จะเอาแรงที่ไหนออกไปตะลอนแบบมึงครับ


“เออ ให้ไปแล้ว พี่มันก็รับไปแล้วกูก็กลับห้องมาตั้งแต่ เอ่อ เมื่อคืน...แล้วแบบรู้สึกไม่ค่อยสบายก็เลยนอน จนตื่นมาโทรหามึงนี่แหละ” ผมพูดบอกไปอีก ไม่อยากให้พวกมันเป็นห่วงผม


“แล้วตอนนี้ดีขึ้นยังวะ” อิพิงค์ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ถ้ากูไม่กลัวว่าเรื่องจะแดงขึ้นมา คนแรกที่กูอยากจะปรึกษาก็คือมึงนี่แหละพิงค์ แต่ถ้ากูบอกมึง...คนทั้งกลุ่มได้รู้กันหมดแน่ๆ


“ก็ดีว่ะแต่ยังปวดหัวอยู่ อ๊ะ! เอ่อ เดี๋ยวกูนอนต่อก่อนนะ จะไปแรดที่ไหนก็ระวังตัวด้วยนะมึง” ผมตอบ ก่อนจะร้องออกมาเพราะขยับตัว เมื่อไหร่จะหายวะเนี่ย ผมรีบตัดบทกับอิพิงค์เพราะเริ่มปวดหัวขึ้นมาแล้วจริงๆ


“โอ๊ย...ระดับกู ‘สวยเลือกได้ แรดแต่เลือกจ้ะ’ อีกอย่างนี่มันยังไม่หนึ่งทุ่มเลยค่ะอิบีทส์” อิพิงค์พูดเสียงแหลมอย่างมั่นใจ ผมหัวเราะมั่นจริงๆ เพื่อนผม จะว่าไปวันนี้มันก็ยังอยู่ในช่วงวันเกิดของพี่ซัน สงสัยคืนนี้พี่มันคงออกไปปาร์ตี้กันยาว เหอะๆ


“ของแบบนี้มัน ‘พลาด’ กันได้น่า” ผมเถียง


“พูดจาแปลกๆ นะมึง เออๆ พักผ่อนเยอะๆ เพื่อนสุดที่เลิฟของกู บ๊ายบายค่ะ” อิพิงค์ถามขึ้นเหมือนผิดสังเกต แล้วก็วางสายไป ผมวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ ตัว ก่อนจะตั้งปิดเสียงเอาไว้ ค่อยๆ ไถลตัวลงนอนต่อ ตื่นอีกครั้งค่อยลุกมากินยาก็แล้วกันตอนนี้ปวดหัวไม่ไหวจริงๆ ครับ


++++++++++++++++


ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน ผมขมวดคิ้วรู้สึกเหมือนมีอะไรเย็นๆ ไล่วนอยู่ตามแขนตามขา แล้วก็เหมือนมีอะไรหนักๆ วางไว้อยู่บนหน้าผาก ใครแกล้งคนหลับวะเฮ้ย!?!


ผมขยับตัวอย่างรำคาญ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา อยากด่าครับ ไม่ใครสักคนก็คงเป็นผีอำแล้วล่ะครับ ผีก็ผีเถอะเดี๋ยวเจอไอ้บีทส์กระโดดถีบขาคู่!


กึก


พี่ซันนี่หว่า! มาอยู่ในห้องผมได้ยังไง!?! มองเลยไปเห็นพี่หมอ ยืนส่งยิ้มเหมือนโล่งใจอะไรสักอย่างมาให้ผม และที่สำคัญ...
...นั่นมันอิพิงค์!! ใครหอบมันมา!!!?


“ทำไมไม่กินของที่เตรียมไว้ให้ ยาก็ไม่กิน ไข้ขึ้นเลยเห็นมั้ย?!” พี่ซันพูดเสียงดุ ในขณะที่มือยังถือผ้าขนหนูผืนเล็กอยู่ พี่มันนั่งข้างๆ ผมนี่แหละครับ


“...” ยังงงอยู่ หาเสียงไม่เจอ เถียงไม่ออก ประมวลผลออกมาเป็นคำไม่ได้ ผมได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ ไปให้ มองเลยไปยังอิพิงค์อีกครั้ง สายตาแม่งโคตรอยากรู้อยากเห็น!


“ใจเย็นๆ” พี่หมอพูดกับพี่ซัน ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ ช็อกครับบอกตรง! ช็อกตั้งแต่มองเห็นอิพิงค์เพื่อนรักแล้วครับ!


“มึงดูแม่งสิ!” พี่ซันสบถอย่างหัวเสีย


“เออๆ กูว่ามึงออกไปก่อนดีกว่า ให้กูตรวจอีกหน่อยแล้วมึงค่อยเข้ามา” พี่หมอว่า พี่ซันพยักหน้ารับนิดๆ ก่อนจะลุกแล้วเดินออกไป เหลือแต่เพื่อนผมที่ยังยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่


“พิงค์ด้วยครับ” พี่หมอว่า อิพิงค์เลิกคิ้วแล้วชี้เข้าหาตัวเอง


“พิงค์ก็ต้องออกไปด้วยเหรอคะพี่หมอ” อิพิงค์พูดเสียงอ้อน พี่หมอหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพยักหน้ายืนยันคำพูดเดิม อิพิงค์เลยสะบัดหน้าเดินบิดตูดออกไป


“อย่าไปถือสาไอ้ซันเลยนะ มันหัวเสียตั้งแต่เข้ามาเห็นเรานอนเหงื่อท่วมแล้วล่ะ” พี่หมออธิบาย ผมพยักหน้าให้น้อยๆ พี่หมอนั่งลงจับชีพจรดูที่ข้อมือผม แล้วยื่นมือมาวัดไข้เหมือนที่เคยทำ


“เรานี่น๊า รู้มั้ยว่าทำวันเกิดไอ้ซันล่ม” พี่หมอพูดกลั้นขำ ผมเลิกคิ้ว


“ทำไมล่ะครับ แค่ก...” ผมถาม


“ก็วันนี้เรานัดว่าจะมาปาร์ตี้กันที่ห้องไอ้ซันเหมือนที่เคยทำกันทุกปี พอถึงเวลาจะเป่าเค้ก ไอ้ซันมันออกไปโทรศัพท์หาเรา ปรากฎว่าโทรมายังไงเราก็ไม่ยอมรับสาย มันเลยพุ่งออกมาจากห้อง มาหาเราไง...” พี่หมออธิบายต่อ ผมนอนฟังนิ่งๆ อย่างไม่ออกความเห็น


“แล้วที่พี่หมอว่ามันล่ม คืออะไรครับ แค่กๆ” ถามต่อด้วยความอยากรู้


“ก็มันมาเห็นคนบางคนที่นอนอยู่ในห้องนี้ตัวร้อนจี๋เลย เหงื่องี้ท่วมตัว ข้าวปลาไม่ยอมกิน แถมยังเบี้ยวไม่กินยาอีก จำได้ว่ามันโทรตามพี่เสียงเข้มเลย ปาร์ตี้ก็ให้ไปจัดกันวันหลัง ไอ้สองเลยต้องเป็นคนเคลียร์พื้นที่แทน” พี่หมอพูดต่อรวดเดียว


“แสดงว่าพี่ซันยังไม่ได้แม้แต่จะเป่าเค้กวันเกิดเลยน่ะสิครับ” ผมพูดต่อด้วยความรู้สึกผิด


“เฮ้ย อย่าคิดแบบนั้นสิ ที่พี่เล่าให้ฟังก็เพราะอยากให้บีทส์รู้ว่าเพื่อนพี่มันเป็นห่วงเราแค่ไหน ไม่ได้พูดให้เรารู้สึกผิดเลยนะ” พี่หมอรีบพูด จริงๆ ก็แอบรู้สึกดีนะครับที่พี่มันยังเป็นห่วงผมอยู่บ้าง แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีทั้งกับตัวพี่ซันและพี่ฟ้า แน่นอนว่าปาร์ตี้วันเกิดของพี่ซัน ว่าที่คู่หมั้นเขาก็ต้องมาอยู่แล้ว


“มันก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีนี่ครับ”


“หึๆ อย่าคิดอะไรมากเลย ตอนพี่มาถึง ก็ฉีดยาลดไข้ให้เราไปอีกหนึ่งเข็มนะ ยังปวดหัวหรือปวดตัวอยู่มั้ย” พี่หมอถาม


“ก็นิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นอะไรมากแล้ว” ผมยิ้มเขินๆ ฉีดตรงไหนวะ คงไม่ใช่…


“ไม่ต้องห่วง ขืนพี่ฉีดที่อื่นที่ไม่ใช่แขนไอ้ซันได้ฆ่าพี่แน่ๆ เล่นนั่งเฝ้าไม่ยอมไปไหนเลย” พี่หมอพูดกลั้นขำ


“ขอบคุณนะครับพี่หมอ” ผมยกมือไหว้ พี่หมอส่งยิ้มอย่างใจดี ก่อนจะส่งมือมายีหัวผมเบาๆ พี่มันเป็นคนอบอุ่นจังเลยครับ นี่แหละน๊า...คนเจ้าชู้ย่อมรู้จักวิธีเอาใจผู้อื่น


“ไม่เป็นไรหรอก บีทส์ก็เหมือนน้องพี่คนหนึ่ง แค่นี้ไม่ถือเป็นบุญคุณอะไร ว่าแต่เราชอบไอ้ซันมันจริงๆ ใช่มั้ย” พี่หมอถามเสียงนุ่ม ผมมองหน้าพี่มันก่อนจะก้มหน้า แล้วพยักหน้าเบาๆ มาถึงขนาดนี้โกหกไปเขาก็คงไม่เชื่อแล้วล่ะครับ


“หึๆ อยากให้พี่ช่วยอะไรรึเปล่า” พี่หมอถาม ผมขมวดคิ้ว


“พี่หมอจะอยากช่วยผมทำไมล่ะครับ ในเมื่อพี่หมอเองก็น่าจะรู้ว่าพี่ซันเขามีพี่ฟ้าอยู่แล้ว” ผมถามด้วยความสงสัย


“ก็นะ...มาถึงขั้นนี้แล้วพี่คงห้ามอะไรไม่ได้แล้วล่ะ” พี่หมอพูดแล้วก็หัวเราะ


“ผมไม่ได้หวังให้พี่ซันเขาหันมาตอบแทนความรู้สึกที่ผมมีให้หรอกนะครับ แต่ขอแค่ให้ผมได้รักเขาข้างเดียวอยู่แบบนี้โดยที่พี่เขาไม่รังเกียจ ผมก็ดีใจแล้ว จริงๆ นะ” ผมย้ำคำกับพี่หมอ


“เอาเถอะ ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้ พี่คงต้องไปแล้วนะ มีอะไรด่วนก็ให้ไอ้ซันโทรหาพี่ก็แล้วกัน หายไวๆ นะ” พี่หมอพูดบอก ผมพยักหน้ารับ พี่หมอเลยเก็บอุปกรณ์ของตัวเอง แล้วลุกออกไป


ผมหันไปที่ประตูอีกครั้ง ก่อนจะรีบหันหน้าหนี แล้วไถลตัวลงนอนเอาผ้าห่มคลุมโปง โอ๊ย กูนึกว่ามึงจะกลับไปแล้วซะอีก!


“หยุดเลยนะอิบีทส์ ลุกมาพูดกับกูให้รู้เรื่อง!” อิพิงค์ตรงเข้ามานั่งข้างๆ ผม แล้วพยายามดึงผ้าห่มออก อ๊าก มึงอย่าดึงได้ไหม กูขยับมากไม่ได้!!


พรึ่บ!


เสร็จมันจนได้!!


“หึๆ ทำไมมึงไม่ยอมบอกกูฮะ!?!” อิพิงค์แสยะยิ้ม ผมทำหน้าเหรอหรา


“อะ...อะไร กูไม่มีอะไรจะบอกว้อย!” ผมเถียง


“ก็เรื่องที่มึงได้กับพี่สุดหล่อของกูแล้วไง!” อิเชี่ย พูดตรงเกินไปแล้ว T^T


“มึงรู้ได้ไง” ผมถามเสียงอ่อย อิพิงค์แสยะยิ้มเย็น ก่อนจะมองสำรวจร่างกายของผมอีกครั้ง จนต้องยกเอามาห่มมาปิดตัวเองไว้ถึงคอ อิพิงค์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมจนต้องย่นคอหนี


“อิบีทส์~ กูมองปร้าดเดียวก็รู้แล้ว รอยเต็มคอขนาดนั้น พี่ซันแม่งร้อนแรง อร๊าย กูอยากได้ กูอยากโดน!” อิพิงค์พูดเสียงตื่นเต้น ถามเขาก่อนไหมว่าอยากได้มึงหรือเปล่าอิพิงค์!


“พูดอะไรของมึง” ผมพูดเฉไฉ แล้วเบือนหน้าหนีอิพิงค์ที่จ้องมาอย่างคนรู้ทัน


“กูพูดเรื่องจริงบ้างเหอะ สรุปเป็นไง พี่สุดหล่อของกูตอนอยู่บนเตียง เล่าให้กูฟังบ้างสิ อย่าเก็บไว้กินคนเดียวนะเว้ย!” อิพิงค์โวยวาย มึงคิดว่าเพื่อนมึงจะอายเป็นไหมฮะ!?!


“มึงจะบ้าเหรออิพิงค์ ถามมาได้ มึงไม่อายแต่กูอายนะเว้ย!” ผมท้วง


“ก็กูอยากรู้! ถ้าเป็นไปได้กูอยากลองเองด้วยซ้ำ อร๊าย กูอยากโดนๆ มึงรีบบอกมาเลย ไม่งั้นกูประจานมึงแน่!” อิพิงค์ขู่ ผมส่ายหัว มันจะมาอะไรกับกูนักหนา


“มันใช่เรื่องที่ต้องมาเล่าสู่กันฟังมั้ยเนี่ยห๊า” ผมบ่ายเบี่ยง อิพิงค์ลุกขึ้นยืนท้าวเอวด้วยแววตามุ่งมั่น


“ถ้ามึงไม่บอก กูจะโทรฟ้องไอ้นัท! เอาดิ!!” มันชูโทรศัพท์ขึ้นมาขู่ ผมอ้าปากค้าง มึงอย่าเอาไอ้นัทมาขู่กูได้ไหม!?


“โอเค มึงอยากรู้อะไรถามมา!?!” ผมขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ


“พี่สุดหล่อ...เร่าร้อนมั้ยวะ?” อิพิงค์ขยับหน้าเข้ามาใกล้เอ่ยปากถามเสียงเจ้าเล่ห์ ผมกลั้นอายใจ


“เออ!!!!”


สิ้นสุดคำตอบผม ก็มีเสียงหัวเราะอันสะใจของอิพิงค์ตามมาติดๆ อาเมน~



ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
[ต่อ]


“กลับได้แล้วมั้ง”


ผมกับอิพิงค์หันไปทางผู้มาใหม่ที่อยู่ดีๆ ก็เปิดประตูเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง พี่ซันเปิดประตูเข้ามาด้วยท่าทีนิ่งๆ ใบหน้าหล่อเดินเข้ามาในห้อง แล้วยืนอยู่ไม่ห่างจากเตียงที่ผมนอนอยู่


“อะไรกันคะพี่สุดหล่อ มาถึงก็ไล่กันเลยนะ แหม~” อิพิงค์ว่าเสียงแหลม ก่อนจะกระโดดไปเกาะแขนพี่ซันไว้ข้างหนึ่ง ด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้


“ดึกแล้ว รบกวนคนป่วยเปล่าๆ” พี่ซันพูดเสียงนิ่ง แต่ตามองตรงมาที่ผม ผมเลี่ยงที่จะไม่สบตากับแววตาคู่คมของเขา แล้วเลือกที่จะหันหนีไปอีกทาง


“แหม พิงค์กลับก็ได้ค่ะ พี่สุดหล่อพูดมาขนาดนี้อยู่ต่อก็คงด้านเต็มทนแล้ว คิคิ กูไปก่อนนะบีทส์ ไว้โทรคุยกัน” พิงค์พูดกับพี่ซันด้วยสีหน้าดี๊ด๊า ก่อนจะหันกลับมาพูดลาผมด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมพยักหน้าให้มันส่งๆ


“กลับดีๆ นะมึง”


“ไม่ต้องห่วง กูบอกให้ไอ้หมอไปส่งเพื่อนมึงด้วย มันเองก็จะกลับแล้วเหมือนกัน” พี่ซันหันมาพูดกับผม ส่วนอิพิงค์พอได้ยินแบบนั้นก็รีบเก็บของแล้วออกไปนอกห้องเลย บ๊ะ อิเพื่อนทรยศ เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน!


พออิพิงค์ออกไปพี่ซันก็ขยับมานั่งลงข้างๆ ผม ความเงียบเริ่มมาเยือนเราสองคนอีกครั้ง ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร พี่ซันเองก็คงเหมือนกัน ผมก้มลงมองมือที่ประสานกันอยู่ของตัวเอง


“เมื่อกี้...” พี่ซันเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน ผมเลิกคิ้วเมื่อคนตรงหน้าหยุดประโยคไว้เพียงแค่นั้น


“ครับ?”


“คือเมื่อกี้กู ขะ.. เอ่อ ขะ..” พี่ซันเหมือนลำบากใจที่จะพูด ร่างสูงสบถกับตัวเองหลายครั้ง เมื่อไม่สามารถพูดในสิ่งที่ต้องการได้
“หื้ม...” ผมครางในลำคอ เมื่อพี่ซันยังพูดไม่จบอีกรอบ จะบอกว่าขอโทษก็บอกมาเด่ะ อ้ำอึ้งอยู่ได้เน๊าะคนเรา


“กูแค่จะบอกว่ามึงจะกินข้าวเลยมั้ย เดี๋ยวกูไปเอาเข้ามาให้” พี่ซันเปลี่ยนเรื่องพูด ผมยู่ปากใส่ ก่อนจะรีบเปลี่ยนสีหน้าเมื่ออีกคนมองผมด้วยสายตาดุๆ


“ผมนอนเลยได้มั้ย ไหนๆ พี่หมอก็ฉีดยาให้แล้ว ผมกินอะไรไม่ค่อยลงอ่ะครับ” ผมตอบไปตามตรง มันดึกแล้วอย่างที่พี่มันบอก แล้วผมก็รู้สึกดีขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว ถ้าต้องมากินข้าวกินยา คงเสียเวลากันไปอีกเยอะ แล้วพรุ่งนี้ก็วันจันทร์ด้วย


“เอางั้นก็ได้ แต่ไอ้หมอมันย้ำว่ายังไงก็ต้องทายา” พี่ซันพูด ก่อนจะลุกไปหยิบถุงยา แล้วกลับมานั่งที่เดิม ผมขมวดคิ้วจะให้ทายายังล่ะเฮ้ย แค่ขยับก็สัมผัสได้แล้วนะไอ้คำว่าเจ็บเนี่ย


“แล้วเอ่อ...ยังไงครับ”


“นอนคว่ำหน้าลงได้มั้ย” พี่ซันเอ่ยถามเหมือนเป็นเรื่องปกติ ผมทำหน้าเลิ่กลั่กทันที


“อย่าบอกนะ ว่า...” ผมทำตาโต พี่ซันก็เริ่มประหม่าเมื่อเห็นท่าทางของผม


“ก็เออไง” พี่ซันบอกย้ำ ผมร้องเฮ้ยในใจ เริ่มทำหน้าไม่ถูกแล้วครับ


“ให้ผมทำเองก็ได้นะพี่!?!” ผมต่อรอง พี่ซันส่ายหัวไปมา


“มึงมองเห็นรึไงว่าต้องทาตรงไหน” พี่ซันปรับน้ำเสียงเป็นจริงจัง แต่เลิกคิ้วกวนได้น่าหมั่นไส้มว๊าก


“กะ...ก็” ไปไม่เป็นเลยกู


“เห็นมาหมดแล้วจะอายอะไรว๊า~ เร็วๆ ดิ๊” พี่ซันพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ แล้วยิ้มมุมปาก เป็นปฏิกิริยาที่ผมไม่ค่อยจะได้เห็น กวนชะมัด…


 “ชิส์!” ผมจิ๊ปาก ก่อนจะเอนตัวลงแล้วพยายามพลิกตัวให้นอนคว่ำหน้า แล้วนอนทิ้งหน้าแนบไปกับหมอนใบโตที่ผมชอบมันเป็นพิเศษ คือมันนุ่มมากครับ พอนอนคว่ำหน้าเสร็จผมก็หลับหูหลับตา ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น โอ๊ย อายจริงๆ ครับ ไม่รู้จะเอาหน้าไปวางไว้ไหน


“หันหน้ามานี่ เดี๋ยวได้ตายหรอก” พี่ซันว่าเสียงเข้มก่อนจะใช้มือสองข้างยกหัวผมขึ้นแล้วจัดให้อยู่ในท่าหันข้างไปทางฝั่งที่เขานั่งอยู่


“ฮึ่ย! จะทำอะไรก็รีบทำได้ปะ ผมก็อายเป็นนะพี่!!” ผมแว้ดใส่ แล้วยกมือขึ้นมาปิดหน้าทั้งสองข้าง พี่ซันหัวเราะ
ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อสัมผัสได้ว่าพี่ซันเริ่มเลิกผ้าห่มขึ้นจากทางด้านล่างขึ้นมาด้านบน พี่มันคงจะเลิกขึ้นให้ถึงสะโพกเพราะไม่งั้นจะมองไม่เห็น เอ่อ ตรงนั้น... แบบนี้พี่มันก็ต้องเห็นตั้งแต่ปลายตีนจนถึง โอย ไม่อยากจะคิดภาพ ผมหลับตาแน่น


“เอ่อะ...พี่ซันครับ!!” ผมร้องขึ้นเสียงหลง พยายามร้องหาโอกาสสุดท้าย


“วะ...ว่าไง” พี่ซันตอบรับ เสียงสั่นแปลกๆ


“ปิดไฟได้มั้ยพี่...ผมอาย” ผมพูดเสียงอ่อย


“สมองน่ะคิดมั้ย กูเป็นคนนะไม่ใช่สัตว์กลางคืนจะได้มองเห็นในที่มืดได้น่ะ” พี่ซันเริ่มดุอีกครั้ง อ้าว นึกว่าเป็นผีดูดเลือด เห็นดูดกูจัง!!


ผมเงียบปาก แต่หลับตาแน่น เอาวะ...จะได้ไม่อายไปมากกว่านี้ พี่ซันเลิกผ้าห่มขึ้น แต่ผมสัมผัสได้ว่ามีผ้าห่มอีกผืนมาปิดบริเวณต้นขาผมไว้ ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ก่อนที่ผมจะสะดุ้งเมื่อมือหนาของพี่ซันสัมผัสตรงบริเวณสะโพกของผม พี่มันใช้มือเปิดเสื้อตัวใหญ่ของตัวเองที่อยู่บนร่างของผมขึ้นช้าๆ งื้อ อายว้อย ไม่ได้ใส่อะไรเลยนะนั่น!


“มึง...เอ่อ ยกสะโพกขึ้นอีกนิดได้มั้ย” พี่ซันพูดบอก ผมกัดปากตัวเองแน่น ก่อนจะพยักหน้าให้น้อยๆ แล้วพยายามยกสะโพกขึ้น พี่ซันใช้มือสอดหมอนมารองไว้ใต้สะโพกผมพอดีเหมือนรอจังหวะ ตอนนี้เลยเหมือนผมกำลังนอนทับหมอนอยู่


“อ๊ะ!!” ผมร้องขึ้น เมื่อสัมผัสแรกของพี่ซันปะทะเข้ากับเนื้ออ่อนของผม พี่ซันชะงักมือไปทันทีที่เห็นผมร้อง


“โทษที...เจ็บเหรอ” พี่ซันถามขึ้นด้วยเสียงอึ้งๆ อย่าทำเสียงแบบนี้ดิ…


“อ๊ะ~! “


“อื้อ!”


ผมร้องขึ้นอีกเมื่ออีกคนลงน้ำหนักมากไป ฮือ อายก็อาย เจ็บก็เจ็บ เกร็งไปหมด มือทั้งสองข้างกำผ้าห่มแน่น


“อึ๊!...”


มันเจ็บจริงๆ นะครับ T^T


“เชี่ย!! มึงหยุดทำเสียงแบบนี้สักทีได้มั้ยฮะ!!?” พี่ซันร้องขึ้นเมื่อหมดความอดทน ผมกัดปากฉับทันที เมื่ออีกคนเริ่มโมโห
นั่นจึงเป็นเสียงสุดท้ายที่หลุดออกมาจากปากผม เพราะทำได้แค่กัดฟันแน่น กว่าจะทายาเสร็จ เล่นเอามือผมแดงไปหมด พอทายาเสร็จพี่ซันก็จัดการเอาเสื้อลง แล้วห่มผ้าให้เหมือนเดิม พูดกับผมสั้นๆ ว่า


“จะออกไปนอนข้างนอก มีอะไรก็เรียก”


ก่อนจะไปปิดไฟให้เรียบร้อยจากนั้นก็เดินทำหน้าเรียบออกไป ผมทำได้แค่ซ่อนใบหน้าไว้กับหมอนแล้วพยักหน้ารับเป็นสัญญาณว่ารับรู้ในสิ่งที่พี่มันบอก


+++++++++++++++++++++++++


ตื่นมาในตอนเช้าก็โดนสั่งห้ามไม่ให้ไปมหาลัยจากคุณชายเขานั่นแหละครับ บอกให้ผมนอนอยู่ห้องเฉยๆ ห้ามออกไปไหน พอผมเถียงว่าใครจะเช็คชื่อให้พี่ซันก็บอกหน้าตายว่า…


‘เพื่อนมึงไง กูให้ไอ้หมอจัดการแล้ว’


ผมเลยเงียบไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย พี่ซันออกไปซื้อข้าวมาไว้ให้ผมก่อนจะออกไปอีกรอบ กำชับนักกำชับหนาว่าห้ามลืมกินไม่งั้นโดน เออ เอากับพี่แกสิครับ อีกอย่างที่ผมไม่รู้ว่าจะขำหรืออายดีก็คือ


‘เดี๋ยวตอนพักเที่ยงกูจะแวะมาหา ส่วนยาทา ถ้าทาไม่ได้ก็รอเดี๋ยวกูกลับมาทาให้ เอ้อ ถ้าไอ้หมอมันแวะมาก็ไม่ต้องสะเออะให้มันทาให้ เดี๋ยวกูมาทาให้เอง...’


ไอ้พี่บ้า! พูดมาได้เนอะคนเรา ใครเขาจะกล้า พูดจบพี่ซันก็ออกไปเรียน ผมเองก็นอนอืดอยู่ในห้องต่อจนตื่นมาอีกทีก็เกือบๆ จะเที่ยงแล้วนี่ล่ะครับ ลองขยับเดินไปเรื่อยๆ ก็ยังดีกว่าเมื่อวานนิดหน่อย ยังพอขยับไปห้องน้ำได้บ้าง เลยจัดการล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่เสื้อยืดกับกางเกงนอน (ไร้อันเดอร์แวร์)


มองดูนาฬิกาก็เกือบจะได้เวลาแล้วครับ ผมนั่งดูหนังรอพี่ซันอยู่ในห้อง ดีเนอะอย่างกับคุณชาย โฮะๆ มีคนดูแลหาข้าวหาน้ำให้กิน


กว่าสองวันเต็มๆ ที่ผมต้องหยุดเรียนไปโดยปริยาย สองวันที่ผมรู้สึกว่ามันมีค่ามากๆ เพราะพี่ซันเองก็คอยดูแลผมอยู่ไม่ห่าง หน้าที่ซื้อข้าวซื้อน้ำก็เป็นของพี่ซันนี่แหละครับ


และเพราะผมยังไปไหนมาไหนไม่ได้เลยยังทำอาหารกินเองไม่ได้ ต้องพึ่งข้าวกล่องจากพี่ซันตลอด แต่ก็ยังดีนะครับ ที่พี่มันยังพอจะรู้ว่าถ้าซื้อมาแต่แบบเดิมๆ ผมอาจจะเบื่อ เพราะบางมื้อพี่ซันก็ซื้ออาหารญี่ปุ่นมากินที่ห้อง ถัดไปอีกวันก็เปลี่ยนเป็นอาหารเกาหลี บางมื้อก็เป็นแค่ก๊วยเตี๋ยวข้างทางหรือข้าวกล่องธรรมดา ผมค่อนข้างแปลกใจที่อาหารธรรมดาแบบนี้พี่ซันก็กินเป็นด้วย


ตลอดสองวันที่ผ่านมาพี่ซันไม่ได้นอนข้างนอกเหมือนวันแรกนะครับ เพราะผมบังคับ ไม่สิ เรียกว่าบีบน้ำตาหมดไปเป็นลิตร กว่าพี่มันจะยอมเข้ามานอนข้างในด้วยกัน เพียงแต่มีหมอนข้างกั้นเป็นสองฝั่ง แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันพอตื่นขึ้นมาทีไร ผมก็มักพบว่าตัวเองนอนอยู่ภายใต้อ้อมกอดของพี่ซันไปซะได้ สงสัยผมจะนอนดิ้นเกินไป พี่มันเลยจับมัดด้วยวงแขนแกร่งของตัวเองซะเลย แล้วก็...ไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้นหรอกครับ ฮั่นแน่ คิดอะไรกันอยู่...


วันนี้พี่ซันบังคับให้ผมติดรถมากับเขาด้วย ผมปฏิเสธเท่าไหร่พี่มันก็ไม่ยอมท่าเดียว พอผมยอมมาด้วยก็ดันปล่อยให้ลงตรงหน้ามอซะอย่างนั้น ไม่รู้จะให้ติดรถมาด้วยทำไม เราเลยทะเลาะกันนิดหน่อย เดี๋ยวผมจะย้อนเหตุการณ์ให้ฟังนะครับ


‘อ้าวพี่ จอดทำไมครับ’ ผมถามเมื่อเห็นพี่ซันจอดรถเยื้องๆ ตรงป้ายรถเมล์ที่อยู่หน้ามอ


‘มึงลงตรงนี้แหละ เดินเข้าไปได้ใช่มั้ย’ พี่ซันตอบ ผมขมวดคิ้วมุ่น เริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้วนะครับ


‘ก็ได้! แต่คราวหลังถ้าจะมาส่งแค่นี้ไม่ต้องเอาผมติดรถมาด้วยหรอกนะครับ เกรงใจ!!’ ผมตะคอกใส่หน้าพี่ซัน ก่อนจะก้าวเท้าลงรถอย่างเร็ว


‘เฮ้ย! ฟังก่อนดิ’ พี่ซันคว้าข้อมือผมเอาไว้ แต่ผมสะบัดออก ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าพี่มันอย่างแรง คงกลัวมีใครเห็นล่ะมั้งครับว่ามีผมมาด้วย ที่สำคัญคงไม่อยากตอบคำถามพี่ฟ้า ไม่สิ คงไม่อยากโกหกพี่ฟ้ามากกว่า เหอะ!


เหตุการณ์ทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ หงุดหงิดชะมัด ดีแล้วทำไมไม่ดีให้สุดก็ไม่รู้ ผมเดินเข้ามาในมหาลัยเรื่อยๆ ก่อนจะเดินผ่านหน้าตึกคณะเข้ามาด้านใน แล้วเดินตรงไปยังที่นั่งประจำที่กลุ่มผมชอบมานั่ง


“อ้าวบีทส์!” เสียงไอ้นัทร้องทักเมื่อมองมาเห็นผมพอดี มันนั่งอยู่กับมีนครับ แฟนสาวคนสวยของมัน ผมยิ้มให้มันก่อนจะนั่งลงตรงข้าม


“หวัดดีมีน” ผมเอ่ยทัก มีนยิ้มหวานให้ผม ก่อนจะก้มลงทำการบ้านต่อ


“แหม ทักแต่แฟนกู เพื่อนนั่งหัวโด่อยู่นี่ไม่มีทักสักคำ” ไอ้นัทกัดครับ ผมยักคิ้วกวนๆ ให้มัน


“กูก็พยักหน้าให้แล้วไง คนอื่นไปไหนหมด หรือยังไม่มา” ผมถาม คือเห็นกระเป๋าวางอยู่แต่เจ้าของมันไม่อยู่น่ะครับ


“ไปหาของกิน เดี๋ยวคงมา แล้วนี่กินอะไรมายัง” ไอ้นัทตอบแล้วถามผมกลับ ผมพยักหน้าให้ ก่อนออกมาพี่ซันพาแวะกินข้าวแล้วครับ จริงๆ ผมหายดีแล้วนะ แต่พี่มันก็ยังบังคับให้ผมกินยาต่ออีก ส่วนยาทา...เอ่อะ ไม่ได้ทาแล้วล่ะครับ แต่เปลี่ยนมาเป็นกินยาบำรุงแทน พวกบำรุงผิวพรรณอะไรแบบเนี้ย


อย่ามองผมแบบนั้นครับ ปกติผมก็มีพวกวิตามินกินบ้างอยู่แล้ว แต่นี่ของพี่ซันเขาให้มาครับ พี่มันให้เหตุผลว่า ไอ้พวกรอยต่างๆ ในตัวผมมันจะได้จางไปไวๆ


“มีงานอะไรที่กูต้องตามบ้างมั้ย” ผมถาม ไอ้นัทเงยหน้าขึ้นมาจากการช่วยมีนทำการบ้าน ก่อนจะยักไหล่


“ไม่มีนะ มีแต่งานกลุ่มแต่พวกกูทำไปแล้ว ว่าแต่ไปเดินยังไงให้ตกบันไดวะ” ไอ้นัทถามขึ้นขำๆ แต่ผมไม่ขำด้วยครับ กูไปตกบันไดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมกูไม่รู้ตัว


“เอ่อ แฮ่ๆ” รับมุกไปก่อนครับ ไม่รู้ก่อนหน้านี้อิพิงค์มันมาเริ่มเรื่องไว้ยังไง เดี๋ยวต่อเรื่องไม่ถูกจะได้ถูกไอ้นัทนี่แหละซักแทน


“จะทำอะไรก็ระวังๆ หน่อยดิว๊า มึงยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ด้วย” ไอ้นัทมันบ่นต่อครับ กูไม่ได้ตกบันไดนะนัท แต่กูแค่ตกกระไดพลอยโจรไปเป็นเมียพี่ซันมัน


“ว๊าย! อิบีทส์ โผล่หัว เอ้ย! มาเรียนไหวแล้วเหรอค่า~” อิพิงค์ เสียงสิบแปดหลอดมาแต่ไกลเลยครับ ในมือถือถุงเซเว่นมาเต็มมือ เดินนำหน้ามาก่อนเพื่อน ตามด้วยไอ้ตี๋แล้วก็เนม


“กูก็บอกแล้ว จะทำอะไรก็ให้ระวัง เป็นไงล่ะมึง ‘โดน’ เลย” อิพิงค์พูดด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะเน้นคำๆ หนึ่งที่มันโคตรกระแทกใจ ผมมองมันตาขวาง แต่มันไม่สนใจอะไรหรอกครับ กระแทกตูดลงนั่งข้างๆ ผมนี่แหละ


“เงียบปากไปเลยมึง” ผมด่า


“เป็นไงบ้างบีทส์ เห็นพิงค์บอกว่าตกบันไดหายดีแล้วเหรอ” เนมเป็นฝ่ายถามผมบ้าง ผมยิ้มแหยๆ ได้ยินอิพิงค์หัวเราะคิกคัก ผมเลยส่งเท้าไปทักทายมันแต่เช้า


“ดีขึ้นแล้วล่ะ จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก” ผมตอบ


“ปล่อยให้เราเป็นห่วงแทบแย่” ไอ้ตี๋พูดต่อ ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่


“คนอย่างไอ้บีทส์ไม่ตายง่ายๆ หรอกเว้ย” ผมพูดกวนๆ พวกมันเลยส่ายหัวเอือมๆ


“วันนี้เอาเครื่องคิดเลขมารึเปล่า” ไอ้นัทหันมาถามผม ผมเลิกคิ้ว ก่อนจะหยิบกระเป๋าออกมาค้น


“ลืมหยิบมาว่ะ” ค้นเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ สงสัยหยิบออกจากกระเป๋าแล้วลืมหยิบเข้าแน่ๆ ผมทำหน้าเซ็งทันที โอย ชีวิตไอ้บีทส์ฉิบหายละ วันนี้มีเรียนบัญชีเบื้องต้น 2 ครับ จำเป็นต้องใช้


“ตลอดอ่ะอิบีทส์ กูไม่เห็นว่ามึงจะเคยหยิบมาสักคาบ” อิพิงค์ด่าผมแบบจีบปากจีบคอ หน้าตบจริงๆ นะเพื่อนกู


“เกินไปมึง ก็กูลืมนี่หว่าพวกมึงมีสำรองมั้ย” ผมเถียง


“คนบ้าที่ไหนจะแบกมาตั้งสองอัน มึงโดนอาจารย์ป้าสั่งเก็บแน่อิบีทส์ โฮะๆ ” อิพิงค์พูดขู่ ผมทำหน้าแหยๆ ถ้าไม่โดนประณามให้อายก็คงโดนอาจารย์แกเรียกตอบคำถามบ่อยๆ แน่ครับ อาจารย์ป้าแกจะให้บวกลบด้วยกระดาษนะครับ ห้ามยืมเครื่องคิดเลขคนอื่นเด็ดขาด อาจารย์ป้าแกให้เหตุผลว่า


‘เรียนบัญชีต้องมีสินทรัพย์เป็นของตัวเอง’ โอเคครับอาจารย์ป้า T^T


“เดี๋ยวกูไปส่งมีนก่อน พวกมึงขึ้นห้องไปเลยนะ จองเก้าอี้ไว้ให้กูด้วย” ไอ้นัทพูดบอกพวกผม แล้วรวบอุปกรณ์การเรียนของมีนมาถือไว้ ส่วนของมัน...วางไว้ให้พวกผมถือ ขอบคุณมาก!


“เดี๋ยวเรากับตี๋ก็จะไปแล้วเหมือนกัน” เนมเป็นฝ่ายพูดบ้าง ไอ้ตี๋ทำหน้าเซ็งไปแล้วครับ เป็นเด็กเป็นเล็กรู้จักหัดขี้เกียจเรียน ไอ้นี่! กร๊าก แค่คิดในใจครับไม่กล้าพูดออกมากลัวมันเตะเอา


“เจอกันตอนเที่ยงนะ” ไอ้ตี๋หันมาพูดกับผม ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะโบกมือให้เนมยิ้มๆ รายนั้นก็โคตรน่ารัก ไอ้ตี๋มันไม่ยอมไปสักทีครับเนมเลยลากกระเป๋ามันให้เดินตามไปด้วย


“เนมแม่งน่ารักว่ะ” ผมพูดกับอิพิงค์มองตามคนตัวเล็กไปเคลิ้มๆ


“อะไรอิบีทส์ทีกูไม่เห็นชมบ้าง แหม อย่านะมึงมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วนะ” อิพิงค์หันมาพูดก่อนจะจิ้มหน้าผากผมซะหน้าหงาย อินี่!


“อย่ามามั่ว ครั้งเดียวเองเหอะ” ผมเถียง


“เชื่อกูสิ กูถือคติถ้ามีครั้งแรกต้องมีครั้งที่สอง!” อิพิงค์พูดเหมือนเจอเรื่องสนุก


“คติบ้าคติบออะไรของมึงวะ เออว่าแต่...มึงไปบอกพวกไอ้นัทอิท่าไหน เรื่องถึงได้กลายเป็นกูตกบันไดไปได้ ดีนะกูฉลาด” ผมบ่น


“ขอโทษนะคะอิโง่ แล้วมึงจะให้กูบอกพวกมันว่าอะไรฮะ ‘อ๋อ อิบีทส์มันโดนเอา เลยมาเรียนไม่ได้’ แบบนี้เหรอ” อิพิงค์เลิกคิ้วขึ้น ผมทำหน้างอทันที


“รีบๆ แดกไป! จะได้ไปเรียน” ผมเปลี่ยนเรื่อง อิพิงค์แสยะยิ้มสะใจที่ต้อนผมให้จนมุมได้

++++++++++++++
   
“นนทพัทธ์...ลองตอบอาจารย์มาสิว่าสมการบัญชีที่อาจารย์สอนไปเมื่อตอนต้นคลาสประกอบไปด้วยอะไรบ้าง” สิ้นสุดคำสั่งของอาจารย์ป้าทุกสายตาก็มองตรงมาที่ผมทันที นี่ผมโดนเรียกเป็นรอบที่ห้าแล้วนะครับ!!


“เอ่อ” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ โต๊ะ ที่มีอิพิงค์กับไอ้นัทนั่งประกบอยู่สองข้าง ถามผมก็เหมือนถามมันสองคนด้วย


สินทรัพย์ = หนี้สิน + ทุน
   

ไอ้นัทเขียนคำตอบลงในเศษกระดาษแบบเนียนๆ แล้วใช้เท้าด้านล่างแตะขาผมเป็นการให้สัญญาณ ผมแค่เพียงเหลือบไปมองเหมือนกำลังคิดคำตอบอยู่ ไอ้นัทมันฉลาดครับใช้ปากกามีสีเขียนทำให้ผมเห็นคำตอบชัดเจน
   

ถ้าถามว่าทำไมสมการง่ายๆ แค่นี้ผมถึงไม่รู้ จริงๆ มันก็ง่ายนะครับแต่จะจำได้เฉพาะตอนที่เพิ่งเรียนไปหมาดๆ ถ้าท้ายคาบมาแล้วแบบนี้บอกตามตรงว่าลืม!
   

“ถ้านายนนทพัทธ์ตอบไม่ได้ อาจารย์จะให้พวกเธอทุกคนทำรายงานส่งอาจารย์เย็นนี้” อาจารย์ป้าเริ่มขู่เมื่อเห็นผมยังยืนเงียบ ถามจริงๆ เถอะครับอาจารย์ ตอนเรียนอาจารย์เคยโดนอาจารย์ของอาจารย์กดดันมาแบบนี้เหมือนกันใช่ไหม ตอนนี้ถึงได้มาลงกับผมแทน ผมเหลือบตามองเพื่อนร่วมห้อง ตอบผิดมีสิทธิ์ได้ยำตีนเป็นของแถมนะครับเนี่ย
   

“เอ่อ...สินทรัพย์ เท่ากับ...หนี้สิน...บวกทุน ครับอาจารย์” ผมตอบ
   

“นับว่ายังโชคดีที่เพื่อนคนข้างๆ ยังนั่งฟังอาจารย์อยู่บ้าง วันนี้พอแค่นี้ก็แล้วกัน คลาสหน้าถ้ายังมีคนลืมเครื่องคิดเลขมาอีกคงไม่ต้องบอกนะว่าอาจารย์จะทำยังไง” อาจารย์ป้าพูดเสียงเรียบ ผมนี่รีบยิ้มอย่างเอาใจเลยครับ นี่ผมอุตส่าห์มองอย่างเนียนๆ แล้วนะ อาจารย์ป้าแกจับได้เฉยเลย พูดจบอาจารย์ก็ปรายตามาส่งยิ้มให้ผมอย่างจิกกัดสุดฤทธิ์ โธ่ อาจารย์ครับอย่าเอ็นดูผมขนาดน๊าน
   

พออาจารย์เดินออกไปพวกผมก็เก็บอุปกรณ์เตรียมไปกินข้าวกันที่โรงอาหารอยู่ข้างๆ คณะของผมนี่แหละครับ จริงๆ แล้วแต่ละคณะก็จะมีโรงอาหารหรือไม่ก็ซุ้มอาหารประจำการอยู่ แต่พอดีว่าคณะของผมเป็นคณะที่มีคนเรียนค่อนข้างเยอะ พวกเราจึงมีโรงอาหารเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนะครับ อาศัยว่ามีอาหารขายถ้าในโรงอาหารที่นั่งไม่พอก็ต้องยกมากินกันที่ใต้ตึก
   

“กูหิวไส้จะขาดแล้ว” ผมหันไปหาอิพิงค์ที่ออกปากบ่น
   

“อาจารย์ป้าดิ เล่นกูซะอย่างโกรธกันมาแล้วเป็นสิบชาติ” ผมบ่นบ้าง
   

“เอาน่า ไปเหอะ มีนมาจองโต๊ะรอสักพักแล้ว” ไอ้นัทพูดแล้วตบบ่าผมอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะรีบเดินนำหน้าพวกเราออกไป
   

ผมกับอิพิงค์เลยต้องรีบเดินตามมันมาที่โรงอาหาร ผมมองไปรอบๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังโต๊ะที่มีร่างเล็กของมีนนั่งอยู่ ตอนนี้เรียกว่าคนเริ่มซาไปบ้างแล้วครับเพราะตอนนี้เกินเวลาเที่ยงมานิดหน่อยแล้ว คิดว่าห้องอื่นคงพักกันไปแล้วก่อนหน้านี้
   

“อ้าวบีทส์!!” ผมหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะเกิดอาการปั้นหน้าไม่ถูกเมื่อคนที่เรียกผมคือ ‘พี่ฟ้า’
   

พี่ฟ้านั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ ของพี่เขาประมาณสามสี่คนอยู่ห่างจากโต๊ะที่พวกผมนั่งประมาณสองตัวได้ โอ้ว เรียกว่าอยู่กันครบองค์ประชุมทันทีเมื่อผมเหลือบไปเห็นลุงรหัสกับยายรหัสของผมนั่งรวมอยู่ด้วย
   

“หวัดดีครับพี่ฟ้า หวัดดีครับพี่จ๊ะ หวัดดีครับพี่อ้น” ผมยกมือไว้สายรหัสของตัวเองที่นั่งรวมกลุ่มกันอยู่ จริงๆ เป็นกลุ่มพี่ฟ้าครับ ลุงรหัสผมคือพี่อ้น กับยายรหัสผมคือพี่จ๊ะแกแค่มานั่งแจม ผมหันไปพยักหน้าให้กับอิพิงค์ส่งสัญญาณให้มันเดินนำไปก่อน
   

“ไม่เจอกันนานเลยนะคะน้องบีทส์ของพี่” พี่จ๊ะยิ้มรับ ก่อนจะเอ่ยแซ็วผม คือพี่แกเป็นกะเทยที่ยังคงแต่งตัวแบบผู้ชายน่ะครับ เป็นพี่ปีสี่แล้วก็เป็นคนนำเชียร์ของคณะเราด้วย
   

“ครับ ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะพี่” ผมแซ็ว พี่จ๊ะอายม้วนไปเลย เราชอบแซ็วกันแบบนี้แหละครับ


“เรียนเป็นไงบ้างเรา” ลุงรหัสผมเป็นฝ่ายถามบ้าง


“ก็ดีครับพี่ ว่าแต่พวกพี่ๆ มารวมตัวทำอะไรกันเหรอครับ” ผมถาม
   

“อ๋อ ก็เรื่องกีฬาสีวันศุกร์นี้ไง พี่มานัดแนะกับพี่รหัสของบีทส์ให้ไปเป็นดรัมเมเยอร์ประจำคณะของเรา” พี่จ๊ะเฉลยคำตอบ ผมพยักหน้าเออออ
   

“อ๋อครับ เดี๋ยวผมไปกินข้าวกับเพื่อนก่อนนะพี่ พอดีบ่ายผมมีคลาสต่อ” ผมรีบเอ่ยลา ก่อนจะเดินกลับโต๊ะของตัวเองเพราะเริ่มเห็นไอ้พวกพี่เจเดินเข้ามาในโรงอาหาร ทำเอาเสียงซุบซิบดังขึ้นทันที ก็แหม ไม่บ่อยนะครับที่พี่ปีห้าวิศวะจะมาเดินเล่นที่คณะบริหารฯ
   

พรึ่บ!
   

“กูไปซื้อข้าวนะ” ผมรีบวางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะก่อนจะเดินเลี่ยงไปซื้อข้าว หวังว่าไอ้พวกพี่เจจะไม่ทันได้สังเกตเห็นผมก่อนหรอกนะครับ
   

“เฮ้ยบีทส์” ผมเซไปตามแรงดึงจากคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะ
   

“เราซื้อมาให้แล้ว” ไอ้ตี๋บอก ก่อนจะชี้ไปที่จานข้าว มีน้ำแดงตั้งอยู่ข้างๆ ของโปรดกูเลย ผมจำใจต้องนั่งข้างๆ มันทันทีเมื่อเจอของฟรี
   

“อ้าวบีทส์ ขอพวกพี่นั่งด้วยคนนะครับ” กูว่าแล้ว
   

พี่เจกับพี่ไลท์เดินมาหยุดที่โต๊ะที่พวกผมนั่ง ผมรีบหันไปมองหน้าอิพิงค์ทันที เสียงซุบซิบในโรงอาหารเริ่มดังขึ้น คือโต๊ะที่พวกผมนั่งมันนั่งได้แปดคนครับ ว่างเห็นๆ
   

“เอ่อ เอาดิพี่ พอดีเลย” เป็นไอ้นัทครับ ที่เอ่ยปากชวน แล้วแบบทีแรกคนที่นั่งตรงกับผมเป็นอิพิงค์ไง มันเลยต้องเดินถือจานข้าวเปลี่ยนมานั่งข้างๆ ผมแทน กลายเป็นว่าพวกเรานั่งฝั่งละสี่คน ฝั่งผมมีเนม ไอ้ตี๋ ผม แล้วก็อิพิงค์
   

“แหม มากินข้าวไกลจังเลยนะคะพี่เจ” อิพิงค์เอ่ยแซ็ว พี่เจมองหน้าผมยิ้มๆ
   

“พอดีที่วิศวะไม่มีคนน่ารักให้มองเวลากินข้าวน่ะ เลยชวนไอ้ไลท์มากินแถวนี้ดีกว่า ‘คนน่ารัก’ เยอะดี” เอ่อ พูดเฉยๆ ไม่ต้องใช้สายตากรุ้มกริ่มมองผมขนาดนั้นก็ได้ครับพี่
   

“อุ๊ยตาย พิงค์ว่าสาวๆ คณะบริหารฯ คงกำลังเป็นที่นิยมสำหรับหนุ่มๆ วิศวะนะคะ อร๊าย” สิ้นคำพูดของอิพิงค์เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นอีก และเหมือนจะดังมากกว่าตอนที่พี่เจกับพี่ไลท์เดินมาอีกนะครับ ผมหันไปมองก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนที่กำลังเป็นจุดสนใจในขณะนี้เดินเข้ามา
   

ผมไม่แปลกใจที่ทุกคนฮือฮากันขนาดนี้ ก็นะ...อดีตเดือนมหาวิทยาลัยเดินมาถึงคณะทั้งที


ไม่ตกใจก็แย่แล้วครับ...



ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เอาแล้วๆ เดียวเฮียซันหึงอีก

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
วอนพี่ซัน ก็จะมีครั้งหน้าเพลา ๆ ให้น้องมันด้วยนะ  :hao5:

ออฟไลน์ fammi50

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
พี่ซันอาจจะไปนั่งกับพี่ฟ้ามากกว่ามั้งเนี่ย

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ตอนที่ 16 : คณะบริหารฯ...สุดฮอต

[บีทส์]

พี่ซันเดินเข้ามาในโรงอาหารพร้อมๆ กับพวกพี่สอง พี่น๊อต อีกคนผมไม่ค่อยแน่ใจเหมือนจะเคยเจอบ้าง แต่ผมไม่ค่อยคุ้นหน้า แล้วก็มีพวกไอ้ออยไอ้ปริ้นเดินมาในกลุ่มด้วย เรียกว่าใส่ช็อปบ่งบอกที่มาของตัวเองกันทั้งกลุ่ม อ่อ ยกเว้นปีหนึ่งอย่างไอ้ออยกับไอ้ปริ้นนะครับ เวลาอยู่ในชุดนักศึกษาพวกมันดูหล่อแมนขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะไอ้ปริ้น หล่อกลบรัศมีผมมิดเลย


เสียงฮือฮาดังไปทั่วโรงอาหาร ขนาดพี่เจเองก็ยังหันไปมอง แค่หันไปมองจริงๆ ครับเพราะพอเห็นว่าสาเหตุของเสียงฮือฮานั่นเป็นเพราะอะไร พี่มันก็หันหน้ากลับมาเหมือนเดิมแต่หันมายิ้มให้ผมนะครับ ผมไม่สนใจแต่เอียงตัวไปมองกลุ่มของพวกพี่ซัน ซึ่งพี่มันก็มองมาที่กลุ่มของผมเหมือนกัน


เราสบตากันนิ่ง ก่อนที่พี่มันจะเบือนสายตาไปรอบๆ ตัวผม ผมเองก็ละสายตาจากพี่มันเหมือนกัน ไม่สนใจครับ...เคืองอยู่


“ว๊าย พี่ซันน่ารักอ่ะเธอ ดูสิมาทานข้าวกับพี่ฟ้าด้วย คู่นี้ฉันเชียร์มานาน อิจฉาพี่ฟ้าชะมัด” เสียงลอยมาจากโต๊ะข้างๆ เหอะ ที่แท้ก็มาหาพี่ฟ้า


“จะเขี่ยอีกนานมั้ยบีทส์ ข้าวเขามีไว้กินนะไม่ได้มีไว้เขี่ย” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับพี่เจที่แซ็วผมเมื่อกี้


“ผมเขี่ยเอาผักออกต่างหาก” ผมแถ พี่เจมองผมยิ้มๆ


“หื้ม บีทส์ไม่กินผักเหรอ ปกติเห็นชอบกินจะตาย” ไอ้ตี๋ครับ เออ กูพลาดเองแหละ


“หมายถึงกระเทียม กลิ่นมันฉุนไม่ค่อยชอบ!” ผมแถไปอีกรอบ ไอ้ตี๋หัวเราะขำๆ กับเหตุผลของผม


ผมหันไปหาอิพิงค์ที่สะกิดผม แล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม มันขยับมาพูดข้างหู


“มึงดูดิ กูว่าพี่สุดหล่อของกูกำลังหึง” อิพิงค์ว่า ผมหันไปย่นคิ้วใส่


“หึงใคร พี่ฟ้าอ่ะนะ” ผมถามกลับเสียงเบา กลัวคนอื่นได้ยิน


“โอ๊ยอิโง่ มึงรอดูต่อไปเถอะ” อิพิงค์กระซิบด่า ผมเลยส่ายหัวไปให้มัน อะไรวะก็กูไม่เข้าใจ กูถามก็หาว่ากูโง่


“ขยับๆ กูนั่งด้วย” เสียงไอ้ออยครับ มาถึงก็วุ่นวายชาวบ้านเขาเลย เดือดร้อนไอ้ ปริ้นต้องหาเก้าอี้มาเสริมให้คุณชายเขานั่ง


“ปริ้นจะไปไหน มานั่งนี่!!” ทุกสายตาที่อยู่ในโต๊ะจ้องไปที่คู่ของมันทันที คือพอมาถึงไอ้ออยก็โวยวายให้คนอื่นขยับแต่มึงช่วยดูหน่อยได้ไหมว่ามีมันส่วนเกินมาด้วย โต๊ะมันเต็มแล้วจะให้พวกกูนั่งตักกันเลยหรือไง ไอ้ปริ้นก็นะครับ เดินไปหยิบเก้าอี้เสริมมาให้มันนั่งหัวโต๊ะ ส่วนมันก็กำลังจะเดินไปนั่งอีกฝั่งของหัวโต๊ะ แต่ไอ้เพื่อนผมมันไม่ยอมครับ ชี้ไปตรงที่นั่งข้างๆ คือคุณมึงช่วยดูพื้นที่หน่อยได้ไหมว่ามันนั่งได้แค่คนเดียว


แล้วไอ้คนที่นั่งข้างโต๊ะคนแรกตรงข้ามกับอิพิงค์ก็เป็นพี่ไลท์เพื่อนของประธานปกครองปีห้าอย่างพี่เจนะเฮ้ย มึงรีบๆ มองให้เห็นหัวพี่เขาหน่อย


“แฮ่ม...!” พี่ไลท์แกล้งกระแอม ไอ้ออยถึงกับสะดุดเลยครับ


“เฮ้ย!! สวัสดีครับพี่” ไอ้ออยรีบยกมือไหว้ทันที พี่ไลท์ไม่ได้ว่าอะไรแค่พยักหน้าให้ไอ้ออย ไอ้ปริ้นก็ยกมือไหว้ตามด้วยท่าทีนิ่งๆ ไม่ทุกข์ร้อนอะไร มันนิ่งได้ทุกสถานการณ์จริงๆ เว้ย


“ทำไมมากินข้าวที่นี่ได้วะ กูเห็นกว่าจะแวบมากินที่นี่ได้แต่ละทีโคตรยากโคตรเย็น” ผมแซ็ว


“ก็ปู่รหัสกูน่ะสิอยู่ดีๆ ก็ลากพวกกูมา ขนาดพี่วิทย์ก็ยังไม่รอด” ไอ้ออยตอบ ไอ้ปริ้นมันเดินไปซื้อข้าวแล้วครับ


“พี่วิทย์ไหน” ผมถาม ไม่เคยได้ยินมันพูดถึง


“อ๋อ มึงคงยังไม่เคยเจอพี่เขาแบบเป็นทางการอ่ะดิ อย่าว่าแต่มึงเล้ยขนาดน้องรหัสอย่างกูยังไม่ค่อยจะได้เจอพี่มันเลย พี่วิทย์อ่ะพี่รหัสกูเอง โน่นไง นั่งข้างๆ พี่น๊อต” ไอ้ออยชี้ให้ผมดู ผมหันไปตามมือก่อนจะสะดุ้งเมื่อเจอกับสายตาดุๆ ของพี่ซัน ผมเบ๋ปาก ก่อนจะนั่งก้มหน้ากินข้าวต่อ


“อุ๊ยเธอ พี่ซันแบ่งกับข้าวให้พี่ฟ้าด้วย ฉันอิจฉาอ่ะ โอ๊ยแก~” เสียงจากโต๊ะที่อยู่ด้านหน้า ผมทำเป็นไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อจะได้รีบไปให้พ้นๆ เอ้ย รีบขึ้นไปเรียน


“กินลูกชิ้นมั้ยบีทส์ อ่ะ...กินช่วยหน่อยดิ” ไอ้ตี๋ตักลูกชิ้นของตัวเองมาให้ผมหน้าตาเฉย ผมพยักหน้ารับยิ้มๆ อิพิงค์ก็สะกิดยิกๆ มึงคันรึไงห๊า สะกิดกูจัง!


“อะไรของมึง!?” ผมกระซิบ


“หึๆ เดี๋ยวมึงรอดูอะไรดีๆ” อิพิงค์แสยะยิ้ม ก่อนจะหันไปหาพี่เจ


“พี่เจคะ อิบีทส์มันบอกว่าอยากกินไข่...พะโล้อ่ะค่ะ” อิพิงค์หันไปว่ายิ้มๆ ผมหันขวับไปหามันทันที มึงจะตะโกนทำไมครับเพื่อน แล้วกูไปบอกมึงตอนหน๊าย


“หื้ม ไม่บอกละพี่จะได้แบ่งให้” พี่เจรับมุก ก่อนจะยกไข่พะโล้ของตัวเองมาให้ผมทั้งฟอง อิพิงค์ต้องสะกิดให้ผมยกจานส่งให้พี่เจ


“น้องฟ้าทานนี่มั้ยมีประโยชน์นะ” เสียงพี่ซันลอยมาเข้าหู จนต้องหันไปชำเลืองมอง พี่มันนั่งหันหน้ามาทางผมครับ พี่ซันยักหิ้วให้ผมก่อนจะหันไปคุยกับพี่ฟ้าต่อ


“ทานยังไงให้ข้าวเลอะปากน่ะบีทส์ เหมือนเด็กๆ เลย หึๆ” พี่เจพูดขึ้น ผมละสายตามาเลิกคิ้วให้พี่เจตื่นๆ ก่อนจะพยายามเช็ดปากตัวเอง แต่ต้องสะดุ้งเมื่อพี่เจส่งมือมาแตะริมฝีปากของผม ท่ามกลางสายตาอึ้งๆ ของคนทั้งโต๊ะ


เคล้ง!!


เพราะเกิดเสียงเหมือนมีอะไรตกลงพื้นอย่างแรง ทำให้ผมสะดุ้งก่อนจะผละออกจากพี่เจ พี่เจยิ้มมุมปากเหมือนพอใจอะไรสักอย่างแต่ผมไม่ได้สนใจพี่มันหรอกนะครับ ตอนนี้กำลังมองไปที่ต้นเหตุของเสียง เรียกได้ว่าเขามองกันทั้งโรงอาหารเลยจะดีกว่า


“โทษที...มือเผลอไปโดน”

พี่ซันลุกขึ้นพูดเสียงนิ่ง แต่ดวงตาคมดุปราดมองมาที่ผม อย่างจงใจไม่ปิดบัง ผมรีบหลบสายตาแทบไม่ทันเลยครับ นั่งนิ่งไม่กล้าขยับ


พี่ฟ้าเองก็ดูตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรีบลุกไปตรวจดูเสื้อผ้าของพี่ซันว่ามีเลอะตรงไหนหรือเปล่า มือเรียวสวยของพี่ฟ้าจับมือหนาของพี่ซันขึ้นมาสำรวจแต่พี่น๊อตกับพี่สองนี่ยังนั่งกินข้าวอย่างสบายใจนะครับ ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลย พี่วิทย์เองก็แค่เลิกคิ้วมองพี่ซันนิ่งๆ แล้วก้มลงกินข้าวต่ออย่างไม่สนใจ


“ปู่รหัสกูเป็นอะไรอีกแล้ววะนั่น ก่อนมายังดีๆ อยู่เลย” ไอ้ออยบ่นคนเดียวเบาๆ ไอ้ปริ้นเลยยกมือขึ้นมายีหัวมัน แล้วยิ้มมุมปาก


“รีบกินเถอะ เดี๋ยวไม่ทันพวกเฮียๆ เขาอีก” ไอ้ปริ้นมันหันไปพูดกับไอ้ออยครับ แน่นอนว่าพวกมันเข้าไปอยู่ในโลกของพวกมันสองคนแล้วเรียบร้อย


“กูว่ามึงกลับไปต้องโดนแน่ๆ อิบีทส์” อิพิงค์หันมากระซิบ ผมเลิกคิ้ว


“มึงช่วยพูดอะไรให้มันเข้าใจง่ายๆ หน่อยได้มั้ยวะ” ผมบ่น ก่อนจะหันไปมองพี่ซันอีกรอบ ชิส์! ยังไม่เลิกปัดโน่นปัดนี่ให้กันอีก ผมแอบเบ๋ปาก ก่อนจะหันมาเขี่ยข้าวในจานของตัวเองต่อ ไม่หลงเหลืออาการหิวแล้ว


“พูดอะไรหงุงหงิงกันอยู่สองคนฮะพวกมึง” ไอ้นัทครับ มันมาแล้ว สงสัยจะทนอยู่นานคงเกรงใจพวกพี่เจ แต่คงจะเก็บอาการอยากรู้ไว้ไม่ไหวแล้ว


“เปล่าซะหน่อย” ผมหันไปปฏิเสธเสียงอ่อย ไอ้นัทถลึงตามองผมดุๆ มันคงไม่เชื่อครับ บอกแล้วไอ้นี่มันฉลาด


“พูดไม่เพราะกับเพื่อนอีกแล้วนะนัท” มีนพูดดุไอ้นัทครับ นานๆ ทีจะเห็นไอ้นัทมันหงอนะเนี่ย โอ๊ย กูอยากถ่ายรูปเก็บไว้ดูเล่น!


“มีนก็ดูพวกมันดิ” ไอ้นัทเถียงครับ แต่แบบลดเสียงลงประมาณห้าสิบเปอร์เซ็น สงสัยต้องตีซี้กับมีนไว้เยอะๆ เวลาโดนไอ้นัทบ่นจะได้มีคนเข้าข้าง


“เกรงใจพวกพี่ๆ เขาบ้างสิ” มีนยังดุต่อครับ ไอ้นัทได้แต่ฮึดฮัด ไม่วายยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าพวกผมนะครับ ส่วนผมเหรอแลบลิ้นใส่เลยครับ ว๊าย! มีคนเข้าข้างกูแล้ว ฮ่าๆ


ผมหันไปมองพี่ซันอีกรอบ ก่อนจะร้องเหอะในลำคอ เมื่อพี่ฟ้าแสนสวยของผมกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าซับหน้าให้พี่ซันอยู่ บ๊ะ ไปสวีทกันไกลๆ หน่อยไม่ได้หรือยังไง


“กูไปเข้าห้องน้ำนะ” ผมพูดบอกคนในโต๊ะอย่างไม่เจาะจง ก่อนจะรีบลุกออกมาทันที ไม่ปล่อยให้ใครได้เอ่ยปากถามอะไร


เมื่อเช้าก็ปล่อยให้เราเดินเข้ามาในมหาลัยเอง มื้อเที่ยงก็ยังไม่วายมาสวีทหวานให้ดูกันถึงที่ เจอหน้าพี่ฟ้านี่ยิ้มปากจะฉีกไปถึงรูหู แต่พอเจอหน้าผมปุ๊บอย่างกับกินรังแตนมาอย่างไรอย่างนั้น!!


ผมเลือกที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ห่างจากโรงอาหาร ก็ห้องน้ำในตึกบริหารนี่ล่ะครับ คนไม่ค่อยพลุกพล่านดีแถมยังเหมาะแก่การนั่งสมาธิอีกต่างหาก คณะนี้ดีนะครับ มีแม่บ้านดูแลความสะอาดทุกๆ ชั่วโมง เรื่องกลิ่นนี่ไม่มีเลย ไม่รู้ว่าคณะอื่นจะเป็นเหมือนกันหรือเปล่านะ อย่างวิศวะผมเคยเข้าไม่กี่ครั้งถามว่าสะอาดไหม ก็ใช้ได้นะครับ แต่ไม่เท่าคณะของผม


เดินเข้ามาในห้องน้ำ ชะโงกหน้าดูจำนวนประชากรก่อนเลย ดีหน่อยที่ตอนนี้ยังปลอดคน ผมเลือกที่จะเข้าห้องในสุด เข้ามาก็เอาฝาชักโครกลงแล้วก็นั่งทับ แลดูเหมือนตัวเองเป็นราชาแห่งชักโครกอย่างไงอย่างงั้น


ผมหยิบโทรศัพท์ออกมานั่งเล่นเกม ก่อนจะไลน์ไปบอกเพื่อนๆ ว่าให้เจอกันที่ห้องเลย รออีกสักพักค่อยขึ้นไปรอพวกมันที่ห้อง
 

แกรก~


หืม เหมือนได้ยินเสียงคนล็อกประตูห้องน้ำเลย หรือจะเป็นห้องข้างๆ เออ จะใครก็ช่างเถอะ! ผมส่ายหัว ก่อนจะก้มลงเล่นเกมในมือถือต่อไม่ลืมหยิบหูฟังออกมาฟังเพลงฆ่าเวลาเล่นๆ หรอกนะครับ เป็นไงผมฉลาดใช่ปะ รอบคอบฉิบหาย


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ผมถอดหูฟังออกจากหู ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องน้ำ ห้องที่ผมนั่งอยู่นั่นแหละครับ ได้ข่าวว่าห้องน้ำมีตั้งสี่ห้อง แล้วเมื่อกี้ก็เหมือนจะได้ยินคนเข้ามาแค่คนเดียวเอง ใครมาขัดขวางความสุขของราชาชักโครก!?


ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก


มีเร่งจังหวะเคาะด้วย! อย่าให้รู้นะว่ามีใครเข้ามาแกล้ง พ่อจะด่าให้ลืมทางกลับบ้านเลย บ๊ะ! รบกวนเวลาคนเล่นเกม


“รอแป๊บ” ผมส่งเสียงบอกคนข้างนอก ก่อนจะเก็บหูฟังไว้ในกระเป๋า


“เฮ้ย!!!!!” ผมร้องเสียงหลง เมื่อเปิดประตูออกมาเจอกับร่างสูงของพี่ซันที่ยืนจังก้าอยู่หน้าประตู ในขณะที่ผมชะงักพี่มันก็พลักผมเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งก่อนจะตามเข้ามาแล้วล็อกประตูไว้ทันที


“พี่เข้ามาทำไม!?” ผมถาม แล้วพยายามขยับออกห่างร่างพี่ซันที่เบียดเข้ามาชิดตัวผมไว้


“ทำไมกูจะเข้ามาไม่ได้ นี่มันห้องน้ำสาธารณะ” พี่ซันพูดเสียงเรียบ แต่แววตาไม่ได้เรียบด้วยนะครับ วาวโรจน์เลย


“ก็ใช่ นี่มันห้องน้ำสาธารณะ แล้วพี่จะเข้ามาห้องเดียวกับผมทำไมเล่า!?!” ผมโวย พยายามใช้มือดันอกพี่ซันไว้ จะเบียดทำไม นี่ก็แทบจะสิงผนังห้องน้ำแล้วนะ


“ทีเมื่อกี้ไม่เห็นจะสะดีดสะดิ้งหนีแบบนี้ มีผู้ชายอยู่ล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมดชอบนักรึไง เห็นฉีกยิ้มหวานให้เขาไปทั่ว ทำไมไม่รู้จักเก็บอาการบ้างฮะ!?!” พี่ซันพูดตะคอกในลำคอ ผมแอบกลืนน้ำลายเมื่อพี่มันจับไหล่ผมสองข้างเขย่า เจ็บนะ!


“ผมไม่เคยทำแบบที่พี่ว่า!!” ผมตะคอกกลับบ้าง


“หึ!! กูเห็นกับตามึงยังกล้าปฏิเสธอีกรึไงฮะ!?” พี่ซันตะคอกผมเสียงดัง


“พี่ไม่อายเขารึไง นี่มันห้องน้ำนะ ถ้ามีใครมาเห็นเข้าเขาจะคิดยังไง!?” ผมพยายามจะเตือนสติ แต่เหมือนตอนนี้พี่มันไม่พร้อมจะรับฟังอะไรทั้งนั้น ก็เล่นจ้องหน้าผมไม่วางตาด้วยแววตาดุๆ แบบนี้


“กูไม่โง่ก่อนเข้ามากูล็อคประตูแล้วครับ! ทำไม?! รึว่ามึงเกิดอายขึ้นมา มากกว่านี้กูก็เคยมาแล้ว...รึว่ามึงลืม?”


“หยุดพูดนะ!!!” ผมตะคอก เริ่มโกรธขึ้นมาแล้วจริงๆ พี่มันพูดเหมือนผมเป็นตัวอะไรสักอย่าง คอยแต่ตอกย้ำว่าผมเคยเป็นของพี่มัน แต่ไม่เคยมีฐานะอะไรที่ชัดเจน แล้วจะมาพูดให้ได้อะไรขึ้นมา


“ทำไม!? อ๋อ...พอเอากับกูเสร็จ รายต่อไปก็คงเป็นไอ้เจใช่มั้ย!?” พี่ซันพูดเสียงเข้ม มือสองข้างบีบไหล่ผมแน่น


“พี่ซัน!!! อื้อ!!!” ผมร้องเรียกชื่อพี่ซันด้วยความตกใจ เปิดโอกาสให้พี่ซันคว้าท้ายทอยของผมเข้าไปจูบ ผมพยายามกัดฟันไว้ ก่อนจะร้องด้วยความตกใจเมื่อพี่มันยกมืออีกข้างขึ้นมาลูบบริเวณยอดอกข้างขวาของผม


“อ๊ะ!!” ผมเผลออ้าปากด้วยความตกใจ ส่งผลให้พี่ซันใช้โอกาสนี้ส่งลิ้นเข้ามาสำรวจในโพรงปากผม ผมพยายามจะผลักอกพี่มันออกไป แต่ด้วยความแคบของห้องน้ำ ทำให้พี่มันใช้แรงที่มีมากกว่าดึงท้ายทอยของผมเข้าไปรับจูบของพี่มันแน่นมากกว่าเดิม รสจูบหนักหน่วงที่บดขยี้ริมฝีปากของผมอย่างแรงเหมือนเป็นการลงโทษ


เรียวลิ้นหนาที่พยายามกอบโกยเอาความหวานออกไปอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ผมแทบยืนไม่อยู่ จนพี่มันต้องขยับลงนั่งกับฝาชักโครกแล้วดึงร่างของผมให้นั่งลงบนตักของพี่มันแทน


“อื้อ...~ อ่อยอ๊ะ! อื้อ”


พี่ซันปล้ำจูบผมอยู่นานจนผมเริ่มจะหมดอากาศหายใจ ทำให้เริ่มได้สติ เฮ้ย! ทำไมมือผมไปโอบรวบคอพี่ซันไว้อย่างนั้นล่ะ เมื่อนึกได้จึงกำกำปั้นแล้วทุบลงไปที่อกอีกคนให้รู้ตัวว่าผมใกล้จะไม่ไหวแล้ว


“แฮ่กๆ~” ผมพยายามสูดอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุด ก่อนจะนั่งหอบแฮ่กๆ อยู่บนตักพี่ซันนั่นแหละครับ


“หึๆ” พี่ซันหัวเราะในลำคอ ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับพี่ซันด้วยแววตาแค้นเคือง พี่ซันมองสบตากับผมก่อนจะยิ้มล้อๆ


ปึ่ก!


ผมใช้กำปั้นทุบลงไปที่อกแกร่งอย่างแรงอีกที จนพี่มันแอ่นตัวขึ้นเลยล่ะครับ ฮึ่ม!! สมน้ำหน้า!! อยากขำคนอื่นดีนัก


“อ๊ะ...อื้อ!” พี่ซันปล่อยให้ผมโกยอากาศเข้าปอด ก่อนจะคว้าท้ายทอยผมเข้าไปจูบอีกรอบ เรียวลิ้นหน้าพยายามไล่ต้อนลิ้นของผมที่พยายามถอยหนี ยิ่งหนีพี่มันก็ยิ่งตามและยิ่งบดขยี้ริมฝีปากของผมหนักขึ้น


จุ๊บ


พี่มันจูบทิ้งท้าย ก่อนจะถอนริมฝีปากออกจากปากของผมอย่างเชื่องช้า สายตาของพี่มันเริ่มปรับอยู่ในสภาพปกติแล้วครับ ไม่มีวี่แววแห่งความไม่พอใจอยู่แล้ว เหลือแค่แววตาเข้มที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์จ้องมองผมอยู่ตอนนี้


“ไม่พอใจอะไร มึงควรดีใจนะที่กูช่วยลบรอยนิ้วสกปรกของไอ้เจออกให้” พี่ซันพูดเสียงเรียบ ผมเลิกคิ้ว


“รอยบ้าอะไรของพี่!?!”


“ก็ที่มันใช้นิ้วแตะปากมึงไง” พี่ซันใช้มือผลักหัวผมอย่างไม่จริงจัง ผมพยายามประมวลผลในสิ่งที่พี่มันพูด ตอนไหนวะ


“อ่อ...เอ๊ะ แต่พี่เจเขาแค่ช่วยเอาข้าวที่ติดอยู่ออกให้ผม ไม่ได้ตั้งใจเอามือมาโดนปากผมสักหน่อย! พี่แม่งมั่ว!!” ผมเถียง


“มึงนี่นะ!!” พี่ซันพยายามข่มอารมณ์หงุดหงิดของตัวเอง ผมยังมองเขาด้วยสายตาไม่ยอมรับในสิ่งที่เขากล่าวหา


“อะไรเล่า!!”


“เฮ้อ ช่างแม่ง! ไปเรียนได้แล้วไป!” พี่ซันถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยไล่ให้ผมไปเรียน ผมเบ๋ปากก่อนจะมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ มาหาเรื่องคนอื่น ปล้ำจูบ พอได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็ไล่ไป ไอ้พี่เลว!!


“มองกูด้วยสายตาแบบนี้หมายความว่าไง” พี่ซันถาม


“…”


ผมเงียบก่อนจะค่อยๆ ลุกออกจากตั้งพี่มันแล้วสำรวจตัวเอง ไอ้ฉิบหาย!!! พี่มันดึงเสื้อออกจากกางเกงผมตั้งแต่เมื่อไหร่!?! ก็ว่าแล้วว่าทำไมมันหวิวๆ มือไวชะมัด!


“บีทส์...” พี่ซันเรียกชื่อผมอย่างกดดัน ผมหันไปมองพี่มันตาขวาง


“ไม่รู้ก็ไม่ต้องรู้ดิ ไม่อยากรู้เหมือนกัน!!” ผมเปิดประตูออกมา ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นหน้าตาตัวเองในกระจก


ไอ้พี่ซัน!!!!


ปากกูเจ่อหมดเลย เชี่ยแม่ง!!


“หึๆ อย่าคิดไปอ่อยใครซี้ซั้วอีกนะมึง อะไร...มองกูแบบนี้มึงอย่างโดนอีกใช่มั้ย” พี่ซันเดินตามผมออกมาหยุดยืนที่หน้ากระจก ผมมองมันด้วยแววตาแห่งความไม่พอใจสุดๆ ไอ้พี่บ้า กูมีเรียนตอนบ่ายนะเว้ย ไปเรียนปากเจ่อแบบนี้คนได้นินทากูตายเลย


อ๊าก!!


“ไม่ต้องเข้ามาใกล้เลยนะ!!” ผมขยับหนีเมื่อพี่มันเดินเข้ามาใกล้


“คิดว่ากูกลัวมึงรึไงหะ” พี่ซันพูดยิ้มๆ เดินล้วงกระเป๋ากางเกงไปยืนพิงตรงอ่างล้างหน้า คิดว่าเท่มากใช่ปะ!?


“จะอะไรก็ช่างพี่เหอะ” ผมเหวี่ยง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาอิพิงค์


“โทรหาใคร”


พี่ซันถามเสียงเข้ม บ๊ะ ไอ้พี่นี่ยุ่งจริงเว้ย! ผมเงยหน้าขึ้นไปทำตาดุใส่พี่ซันพร้อมกับรอสายอิพิงค์อยู่ มันยังไม่ยอมรับครับ


“ว่าไง” อิพิงค์กดรับสาย


“ช่วยอะไรกูหน่อยดิ” ผมพูดเสียงเครียด


“อยากได้อะไรล่ะ พลาสเตอร์ ผ้าคาดปากหรือว่าเจล” อิพิงค์ถามกวนๆ ผมอ้าปากค้าง อิพิงค์!!!


“จะบ้าเรอะ!! คิดอะไรของมึง” ผมด่าเสียงหลง อิพิงค์หัวเราะร่าเลยครับ แม่ง มันรู้ได้ยังไง อินี่มันต้องเล่นของแน่ๆ เลยครับ


หลายครั้งแล้วนะ


“กูอยู่หน้าห้องน้ำเนี่ย เมื่อไหร่จะออกมาสักทีวะ รอนานแล้วนะเว้ย เสร็จกันไปกี่รอบ!?!” อิพิงค์ว่าเสียงกลั้นหัวเราะ ผมหันขวับไปที่หน้าประตูทันที พี่ซันเองก็เลิกคิ้วมองตามผมเหมือนกัน


ผมหันขวับมามองพี่มันอย่างคาดโทษ ฮือ กูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน


“เพราะพี่คนเดียวเลย!! ออกไปเลยนะ!” ผมไล่


“อะไร มึงนัดคนอื่นไว้อีกรึไง” พี่ซันขยับเข้ามาใกล้ผม มันมาอีกแล้วครับ ไอ้บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนเหมือนก่อนหน้านี้


“พี่จะบ้าเหรอ ก็เพราะพี่ไงผมถึงต้องโทรหาอิพิงค์ให้มันมาช่วย เป็นแบบนี้แล้วผมจะออกไปข้างนอกได้ยังไงเล่า!!?” ผมโวยออกมาอย่างหงุดหงิดแล้วชี้ไปที่ปากตัวเอง พี่ซันชะงักไป ก่อนจะจ้องหน้าผม


“หึๆ แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยวะ ครั้งนี้กูจะยอมให้ก่อนก็ได้ เย็นนี้เลิกเรียนแล้วไปรอกูหน้ามอด้วยแล้วกัน” พี่มันพูดสั่ง ผมก้มหน้างุดไม่ยอมตอบอะไรออกไป เจ็บใจๆๆ อย่าหวังว่าครั้งนี้ผมจะยอมทำตามคำสั่งพี่มันน่ะครับ


พี่ซันเดินอมยิ้มออกไปอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่อิพิงค์มันจะเดินสวนเข้ามา ผมยืนทำหน้าหงิกอยู่ตรงหน้ากระจก ดูเหมือนอิพิงค์มันจะค่อนข้างประเมินสถานการณ์ด้านอารมณ์ของผมผิดไปเยอะนะครับ


“อุ๊ยตาย! ปากเจ่อเลย!!” ผมชักสีหน้าทันทีที่มันพูดจบ


“แหมทำเป็นหน้าหงิกนะอิบีทส์ กูรู้หรอกน่าว่ามึงก็ชอบ อ่ะ ใส่ซะ!” อิพิงค์มันเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะยื่นหน้ากากอนามัยให้ผม


“พี่มันตามกูมาได้ยังไง” ผมถาม


“ก็พอมึงลุกปุ๊บ พี่ซันก็ลุกตามเลยนะสิมึง กูนี่แทบกรี๊ดอยู่ตรงนั้น เสียแต่ว่ามีคนเยอะไปหน่อย เลยรีบกินแล้วรีบตามออกมายืนเฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำให้มึงเนี่ย เป็นไงกูนี่เพื่อนแสนประเสริฐเลยใช่มั้ย” อิพิงค์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


“แล้วคนอื่นล่ะ” ผมถามไม่สนใจแววตาเป็นประกายของมัน


“ขึ้นห้องไปแล้ว ดีนะที่กูเลือกตามมา กูว่าแล้วว่ามันต้องไม่ธรรมดา อร๊าย ฟินอ่ะมึง กูอยากได้กูอยากโดน!” ผมส่ายหัวเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนตัวเอง


“ฟินบ้านมึงสิ กูเจ็บปากไปหมดแล้วเนี่ย” ผมบ่น ก่อนจะสวมผ้าคาดปาก เป็นมาสก์ปิดปากแบบคนไม่สบายเขาชอบใช้กันน่ะครับ ไอ้สีขาวๆ ฟ้าๆ อ่ะ ดีเลยจะได้มีข้ออ้างเวลาคนถามได้ง่ายหน่อย เอาอะไรดีวะ แพ้ฝุ่นในห้องน้ำดีไหม เออ พอฟังเข้าท่า


“เป็นกู...กูยอม เจ็บแต่ฟิน!” อิพิงค์พูดด้วยเสียงเคลิ้มๆ ผมส่ายหัว ก่อนจะใช้มือผลักหน้าผากมันจนเซถอยหลัง


“ไปเรียนได้แล้ว มัวแต่เพ้อไร้สาระนะมึง” ผมเดินนำก่อนจะเปิดประตูออกมา


“คิคิ แค่นี้ก็ต้องเขินด้วย พี่ซันหึงแล้วน่ารักอ่ะ อร๊าย ฟินๆๆ มึงอ่ะอ้อนๆ เขาหน่อย ลองมึงอ้อนนะกูว่าเดือนกับดาวเขายังจะหามาให้มึงเล้ย” อิพิงค์บ่นมาตามหลัง


“กูว่าเขาก็แค่หวงของมากกว่า” ผมเถียง


“ฮั่นแน่ งอนพี่เขาเหรอ”


“บ้าดิ กูพูดเรื่องจริงต่างหาก” ผมเถียง ก่อนจะเดินนำหน้าอิพิงค์ขึ้นไปเรียนในคลาสบ่าย ไอ้นัทมันก็ถามแหละครับว่าไปทำอะไรมา ก็ได้อิพิงค์นั่นแหละครับที่ใช้ทักษะการเนียนแบบน้ำไหลไฟดับของมันจนไอ้นัทเลิกซักไปเอง


พอเลิกคลาสผมก็เนียนกลับกับพวกไอ้ตี๋ต่อโดยไม่รอพี่ซัน แน่นอนว่าพอเกินเวลาปุ๊บพี่มันก็กระหน่ำโทรมาหาผม อืม สามสายได้มั้ง (กระหน่ำตรงไหนของเอ็ง) แล้วก็เลิกโทร ผมเองก็ตั้งโทรศัพท์ให้เป็นระบบสั่นไว้ แล้วก็เริ่มปฏิบัติการหลบหน้าพี่ซันอีกครั้งโดยการไปนอนกับอิพิงค์แทน เฮ้อ...ยังไงวันกีฬาสีก็คงหลบพี่มันไม่พ้นอยู่ดี

แต่อย่างน้อยๆ ก็ขอผมได้ตั้งตัวก่อนสักวันเถอะครับ


ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
[ต่อ]


“มึงจะหลบพี่สุดหล่อของกูไปได้สักกี่น้ำ” อิพิงค์พูด ขณะที่เรากำลังจะมุ่งหน้าไปมหาลัยในช่วงเช้าวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันงานกีฬาสีของมหาลัยเราครับ


“อย่างน้อยๆ ก็หลบไปได้ตั้งวันหนึ่ง” ผมหันไปตอบ ก่อนจะทำหน้ายุ่งเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้


ก็พี่ซันนะสิครับมาดักรอผมตอนเช้าที่หน้าคณะ ทีแรกผมก็ไม่รู้หรอกครับเพราะเห็นเขานั่งอยู่กับพี่ฟ้า แต่พอผมจะเดินไปหาพวกเพื่อนๆ ไม่รู้ว่าพี่ซันโผล่มาจากไหนเหมือนกัน ผมนี่ตกใจแทบสะบัดมือหนี ดีที่ไอ้ตี๋มันเดินมาพอดี พี่ซันเลยทำอะไรผมไม่ได้ หลังจากนั้นผมก็ตัวติดกับพวกไอ้นัทไอ้ตี๋ เมื่อคืนก็แอบไปนอนกับอิพิงค์มันอีกรอบ


วันนี้ดูท่ายังไงก็คงจะหนีไม่พ้น ก็วันงานกีฬาสียังไงผมก็ต้องนั่งประจำที่แสตนเชียร์อยู่แล้ว ภาวนาขอให้พี่มันยุ่งจนไม่มีเวลามาสังเกตเห็นผมนะครับ


วันนี้ผมใส่เสื้อยืดคอปกเป็นเสื้อสีประจำคณะกับกางเกงยีนต์สีซีดของผม แล้วก็สะพายกระเป๋าเป้มาด้วยครับ พรุ่งนี้ผมต้องกลับบ้านเลยเตรียมของใช้ส่วนตัวมาด้วย จะได้ไม่ต้องกลับไปกลับมา เสร็จจากงานกีฬาสีก็จะได้กลับไปนอนบ้านเลย


“มึงจะกินอะไรมั้ย เดี๋ยวกูไปซื้อมาให้” อิพิงค์ถาม ตอนนี้เราอยู่หน้าคณะแล้วครับ พวกพี่ๆ เขานัดพวกผมไว้ตอนเจ็ดโมงครึ่งตอนนี้เพิ่งจะหกโมงนิดๆ ยังมีเวลาให้เราหาอะไรมารองท้องก่อนขึ้นแสตนเชียร์


“อะไรก็ได้มึงซื้อมาเหอะ เดี๋ยวกูไปจองโต๊ะรอ” ผมพูดบอกอิพิงค์ มันพยักหน้ารับ ก่อนจะแยกตัวไปซื้อของที่โรงอาหารด้านใน ส่วนผมก็เดินไปหาโต๊ะนั่ง ปกติเราจะมีโต๊ะประจำ แต่ตั้งแต่ผมตั้งท่าหลบหน้าพี่ซัน เราเลยต้องหามุมที่อยู่ห่างไกลผู้คนและหลบมุมที่สุดเท่าที่จะหาได้นั่ง ตำแหน่งคนจองโต๊ะเลยตกมาเป็นของผมโดยปริยาย


“ได้ๆ”


ผมมองหาโต๊ะว่าง ก่อนจะได้มุมที่ตัวเองพึงพอใจไม่รอช้าที่จะก้าวเท้าเข้าไปจับจองอย่างรวดเร็ว คนเริ่มมาบ้างแล้วนะครับประปรายส่วนใหญ่ก็พวกปีหนึ่งทั้งนั้นที่อยู่ในโรงอาหาร พวกพี่ปีสูงคงช่วยกันเตรียมงานจนวุ่นกันไปหมดแล้วมั้งครับ
ล้วงมือหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะเลื่อนหาเบอร์ที่ตั้งใจจะโทรออก อยู่คนเดียวไม่ปลอดภัยครับ ผมต้องหาตัวช่วย


“ว่าไงบีทส์” ปลายสายกดรับ


“อยู่ไหนแล้ววะ” ผมถามไอ้นัท คิดว่าตอนนี้มันคงไปส่งมีนที่คณะ


“อยู่กับมีน กำลังจะไปคณะ แล้วมึงอยู่ไหนแล้วล่ะ” นั่นไง ผมเดาผิดซะที่ไหน


“อยู่ที่คณะ รีบๆ มานะมึง” ผมพูดบอกมันเสียงอ่อย


“เออๆ แป๊บเดียว แค่นี้นะ” ไอ้นัทรับคำ ก่อนจะกดวางสายไป ผมถอนหายใจ ก่อนจะหยิบเอาหูฟังมากดเล่นเพลง แล้วก้มหน้าฟุบหลับกับโต๊ะ


ตึก...ตึก...ตึก


ผมขยับเมื่อได้ยินเสียงคนเดินมาที่โต๊ะแล้วนั่งลงที่โต๊ะตรงข้ามกับผม คิดว่าน่าจะเป็นอิพิงค์เลยไม่ได้สนใจอะไร


“คิดจะหลบหน้ากูไปถึงเมื่อไหร่” เสียงพูดเรียบนิ่งที่เพียงแค่ได้ยิน ก็ทำให้ผมตัวแข็งทื่อ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาหาเจ้าของเสียงแล้วกรอกตาไปมา


“ใครหลบหน้าพี่” ผมพยายามปรับน้ำเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น พี่ซันมองหน้าผมนิ่งๆ แถมยังมาคนเดียวด้วยครับ วันนี้พี่มันใส่เสื้อประจำคณะแล้วก็มีป้ายสต๊าฟแขวนไว้ที่คอ อย่างเท่เลยอ่ะ


“หึ แสบนักนะมึง” พี่มันพูดก่อนจะลุกขึ้นเดินอ้อมมายืนข้างๆ ผม แล้วฉุดมือผมให้ลุกขึ้น


“เฮ้ยพี่ปล่อย!!” ผมพยายามแกะมือออก แต่พี่ซันจับข้อมือผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย


“ไปคุยกันหน่อย คิดว่าหลบหน้ากูแล้วจะรอดเหรอ” พี่ซันพยายามฉุดมือผมให้ลุกขึ้นแต่ผมฝืนไว้


“อะไรเล่า ปล่อย!” ผมพยายามดิ้นสุดฤทธิ์ แล้วมองหาทางหนีทีไล่


“อย่าทำให้กูโมโหได้มั้ย” พี่ซันตะคอกเสียงเข้ม ผมหันไปค้อนให้พี่มันก่อนจะมองเห็นตัวช่วยคนสำคัญที่กำลังเดินเข้าคณะมา


“ไอ้ตี๋ทางนี้!!!!” ผมเรียกไอ้ตี๋สุดเสียง ส่งผลให้พี่ซันหันมามองผมตาเขียวปั๊ดก่อนจะรีบปล่อยมือที่จับผมอยู่ออก


“ฝากไว้ก่อนเถอะ” พี่ซันก้มหน้ามากระซิบข้างหูผมเสียงเข้มแล้วผละเดินออกไปจากโต๊ะก่อนที่ไอ้ตี๋จะเดินมาถึง ผมขนลุกซู่ มองตามพี่มันหวาดๆ


“มีอะไรรึเปล่าบีทส์ นั่นมันปู่รหัสออยนี่” ไอ้ตี๋เอ่ยถามผมเมื่อมันเดินมานั่งที่โต๊ะ ผมส่งยิ้มแหยๆ ไปให้มัน


“เขามาหาไอ้ออยน่ะ พอกูบอกไม่รู้เขาเลยขอตัว” ผมแถ ไอ้ตี๋พยักหน้ารับ รออยู่สักพักอิพิงค์ก็หอบเอาของกินมา พวกเราจึงไม่ได้พูดอะไรกันอีก


เวลาล่วงเลยมาจนถึงคิวที่พวกเราเหล่าเฟรชชี่จะต้องขึ้นแสตนเชียร์ ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ลงไปเดินขบวนพาเหรดแต่ให้นั่งประจำที่แสตนเชียร์แทน ตอนเช้าพวกเรามีกิจกรรมเดินขบวนพาเหรดที่พี่ฟ้าได้เป็นตัวแทนดรัมเมเยอร์นั่นแหละครับ


ผมยกมือไหว้ลุงรหัสตัวเองก่อนจะขึ้นแสตนด์เชียร์ เห็นลุงอ้นบอกว่าพี่จ๊ะรับหน้าที่ในการดูแลขบวนพาเหรดของคณะเราเลยต้องประจำอยู่ที่ด้านล่าง พวกผมทุกคนที่อยู่ปีหนึ่งก็โดนบังคับให้ขึ้นแสตนเชียร์ตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่ง จนตอนนี้แปดโมงกว่าแล้วขบวนยังไม่เริ่มเลยครับ


วันนี้คุณพระอาทิตย์ก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมไม่ขาดตกบกพร่อง เล่นเอาทุกคนมีอาการเหงื่อไหลไคลย้อยไปตามๆ กัน ร้อนถึงพวกพี่ๆ ต้องคอยหาน้ำมาให้พวกเราดื่มแก้กระหายอยู่เป็นระยะเพื่อช่วยดับความร้อนในร่างกายของพวกเรา


“มึงๆ ดูพี่รหัสมึงดิ โคตรสวยเลยอ่ะ สวยเหมือนนางฟ้าเลยว่ะ โอ๊ย กูอิจฉาแฟนเขา!” ผมหันไปตามแรงสะกิดที่ต้นแขน เป็นเพื่อนร่วมห้องกับผมเองครับ ไอ้นี่มันปลื้มพี่รหัสผมเป็นการส่วนตัว


พี่ฟ้าเดินมาหยุดอยู่ที่ด้านล่างของแสตนเชียร์ ถ้าเดาไม่ผิดคงเพิ่งมาจากร้านเสริมสวยแน่ๆ วันนี้พี่ฟ้าสวยมากจริงๆ ครับ ผิวขาวผ่องตัดกับชุดสีเขียวอ่อน ยิ่งทำให้พี่ฟ้าดูโดดเด่นขึ้นจนทุกคนต้องมองตาค้าง


ผมชะงักเมื่อเห็นพี่ซันกับพี่สองเดินเข้ามาหาพี่ฟ้า อยู่อีกแสตนแต่ยังอุตส่าห์เดินอ้อมมาหากัน แล้วเมื่อเช้าจะมาหาเรื่องผมทำไม


“อร๊ายแก~ ฉากเลิฟซีน” ผมหันขวับเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนผู้หญิงร้องขึ้น ก่อนจะตะลึงค้างเมื่อเห็นพี่ซันโอบกอดพี่ฟ้าอยู่ในท่าเจ้าชายโอบกอดเจ้าหญิง เสียงฮือฮาตรงแสตนเชียร์ผมดังขึ้นทันที


หมับ…


ผมหันไปมองหน้าคนที่วางมือบนบ่าผมไว้แล้วบีบเบาๆ อิพิงค์หันมายิ้มให้ผมอย่างให้กำลังใจ ผมจับมือมันไว้แล้วบีบเบาๆ ก่อนจะหันหน้าหนีจากภาพตรงหน้า ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้ายังไงเหมือนกัน


รออีกสักพักพวกเจ้าหน้าที่ก็เริ่มแจ้งกำหนดการ ทุกอย่างจึงเริ่มขึ้นและดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงเที่ยง พวกพี่ๆ ถึงปล่อยให้พวกผมพัก โดยแจกอาหารให้พวกผมคนละชุด ก็มีข้าวแล้วก็กระเพราไก่ไข่ดาว บวกกับน้ำอีกหนึ่งแก้ว แต่ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ อยากกินอาหารจำพวกเส้นมากกว่า อา~ ถ้าได้ก๋วยเตี๋ยวสักชามก็คงดี


“พิงค์...ไปกินก๋วยเตี๋ยวกับกูปะ” ผมหันไปสะกิดอิพิงค์ หลังจากที่คนรอบข้างพวกเรากำลังทยอยลงจากแสตนเชียร์เพื่อพักทานข้าว


“อะไรของมึงข้าวฟรีก็มี” อิพิงค์หันมาว่า ผมทำหน้าเซ็ง ก็มันไม่อยากกินนี่หว่า แบบเหนื่อยๆ แล้วมากินอะไรที่แห้งๆ แบบนี้ ทำเอาความอยากอาหารลดลงเข้าขั้นติดลบ


“เดี๋ยวกูพาไปก็ได้” ผมหันไปยิ้มแฉ่งให้ไอ้นัททันทีที่มันเสนอตัวเข้ามา อิพิงค์ถอนหายใจเซ็งๆ ที่มีคนเข้าข้างผม(อีกแล้ว)


“งั้นกูไปหาโต๊ะนั่งรอก็แล้วกัน แดดร้อนฉิบหาย ผิวกูเสียหมดแล้วเนี่ย” อิพิงค์บ่นด้วยความหงุดหงิด หน้าขาวๆ ของมันเริ่มมีอาการแดงขึ้นมานิดๆ เมื่อเจอกับแดดแรงๆ นี่ถ้าไม่ติดว่ารู้ไส้รู้พุงกันผมคงจีบมันนี่แหละครับ เสียดาย…


...ปากหมาไปหน่อย


เราสามคนแยกกันไปสองทาง ผมกับไอ้นัทเดินไปทางโรงอาหาร ส่วนอิพิงค์ก็ไปจองโต๊ะแทน อิพิงค์มันเดินสะบัดตูดงอนๆ ไปหาที่นั่งด้วยใบหน้าบูดบึ้งเพราะพวกผมเล่นฝากของทุกอย่างที่มีให้มันถือ มีคนอาสาจะช่วยมันเยอะนะครับแต่อินี่มันหยิ่ง ไม่สิ มันเลือก!!


“กูจะแวะเข้าห้องน้ำก่อน มึงจะเข้าด้วยมั้ย” ไอ้นัทหันมาถามผม หลังจากที่เดินแยกออกมาจากอิพิงค์ ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินแยกไปเข้าห้องน้ำอีกฝั่งที่เป็นของผู้ชาย


ผมเปิดประตูเข้าไปห้องน้ำ ตอนนี้คนน้อยครับเพราะมัวแต่โซ้ยข้าวกระเพราไก่กันอยู่ ผมหันไปส่องกระจกเช็คความหล่อของตัวเอง ก่อนจะเข้าไปทำธุระส่วนตัว หลังจากเสร็จจากภารกิจกู้ชาติก็ออกมายืนล้างมืออยู่หน้ากระจก เช็คความหล่อของตัวเองอีกครั้ง อืม...หล่อไม่สร่างเลยเว้ย ยืนยิ้มให้ตัวเองอยู่หน้ากระจกเรียบร้อยก็เตรียมจะก้าวออกไปทางประตูทางออก


‘เดี๋ยวกูตามไป’


ผมได้ยินเสียงคนพูดกันด้านนอก แต่ได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่ ก่อนจะใช้มือผลักประตูออก แต่เหมือนจะมีคนที่อยู่ด้านนอกใช้แรงเปิดประตูเหมือนกัน จึงส่งผลให้ผมเซไปตามแรงดึงเล็กน้อย ผมชะงักกึกเมื่อเห็นผู้ชายร่างสูงโปร่งใส่ชุดนักกีฬาประจำคณะทำหน้าอึ้งเล็กๆ ที่เจอผมเหมือนกัน


“ขอทางด้วยครับ” ผมพูดเมื่ออีกคนยังยืนขวางทางออกไม่ยอมขยับไปไหน


“กำลังตามหาตัวอยู่พอดี” พี่ซันพูดแล้วยิ้มกริ่ม ผมกัดปากตัวเองแล้วมองพี่มันเขม็ง คดีเก่ายังไม่เคลียร์ นี่มีคดีใหม่อีกแล้วนะไอ้พี่บ้า!


พี่ซันคว้าข้อมือผมไว้ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาในห้องน้ำ แล้วกดล็อกประตู ผมเซขยับออกจากประตู เมื่อพี่มันดันเข้ามาทำให้หมดสิทธิ์ที่จะแทรกผ่านตัวพี่มันออกไปได้ อาเมน ทำไมคุณนายไม่ยอมประทานร่างกายอันสูงใหญ่และบึกบึนเหมือนพี่ซันมาให้ผมบ้างนะ


“พี่คิดจะทำอะไร” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหาเรื่องสุดๆ อารมณ์มันค้างหลายอย่างครับ แล้วดูพี่มันทำสิ หน้าหล่อๆ เนี่ยจะเอามาผ่านหูผ่านตาผมบ่อยๆ ทำไมก็ไม่รู้


“อย่าดิ้นนักได้มั้ย กูก็แค่มาหากำลังใจ” พี่ซันตอบ ผมเลิกคิ้วงง มาหากำลังใจในห้องน้ำเนี่ยนะ ประหลาด!!


“จะหาก็หาไปดิ มาดึงผมไว้ทำไม” ผมถามต่อ แล้วพยายามแกะมือพี่มันที่กำข้อมือผมไว้อยู่ออก แต่แม่งแกะไม่ออกนี่สิ!


“พูดมาก” พี่ซันพูดเหมือนไม่ใส่ใจกับอาการพาลของผม ผมกำลังจะอ้าปากค้านถ้าไม่ใช่เพราะ…


จุ๊บ


พี่ซันยื่นหน้าเข้ามาจูบปากผมเบาๆ แล้วผละออก พี่มันขมวดคิ้วเหมือนไม่แน่ใจก่อนจะก้มจูบผมอีกครั้งแล้วกดปากแช่ไว้ให้นานกว่าครั้งแรก ผมใช้ปลายลิ้นเลียริมฝีปากล่างของผมเบาๆ ค่อยผละออกด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความพอใจ ส่วนผมนะเรอะ!! ยืนอ้าปากค้าง มือไม้สั่นทันทีด้วยอาการหัวใจเต้นเร็วรัว หน้ามืดคล้ายจะเป็นลมขึ้นมาทันที


“อย่าลืมเชียร์กูด้วย” พี่ซันเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะหันหลังเดินกลับออกไปที่ประตู ปล่อยให้ผมยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นเฉยเลย โอ๊ย ทำไมทำกับผมแบบนี้!!


ผมเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยอาการไม่ปกติจนไอ้นัทเอ่ยทัก ก็...โธ่ ใครมันจะไปมีสติ ผมพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เป็นปกติแล้วเดินตามไอ้นัทไปซื้อของที่อยากกิน กลับมาที่โต๊ะก็ได้แต่เขี่ยลูกชิ้นเล่น กินได้ไม่กี่คำก็ยกมือขึ้นริมฝีปากตัวเองซ้ำไปซ้ำมา โว้ย จะตามาหลอกหลอนกันทำไม


“ชิงกับวิศวะใช่มั้ยตี๋” ผมหันไปมองคู่สนทนาตรงหน้าที่กำลังสนทนากันอยู่ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘วิศวะ’ เพิ่งสังเกตแหะว่าตอนนี้ไอ้ตี๋เปลี่ยนชุดเป็นชุดนักกีฬาแล้ว แต่เฮ้ย มันเล่นกีฬาด้วยเหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ย


“อืม...ใช่” ไอ้ตี๋หันไปตอบก่อนจะหันมาหาผมด้วยรอยยิ้มมุมปาก


“อย่าลืมไปเชียร์เราด้วยนะ” ไอ้ตี๋พูด ผมเลิกคิ้ว ไอ้นี่ก็ซื่อบื้อ มึงกับกูอยู่คณะเดียวกันกูก็ต้องเชียร์มึงสิวะ พูดจาแปลกๆ


“อื่อ!” ผมตอบไปปัดๆ แล้วเข้าสู่โลกความคิดของตัวเองอีกครั้ง จนกระทั่งอิพิงค์มันสะกิดเรียกนั่นแหละครับ ถึงลุกแล้วเตรียมตัวกลับไปประจำที่แสตนเชียร์ต่อ เห็นไอ้ตี๋บอกว่ามันมีชิงชนะเลิศฟุตบอลชายตอนบ่าย ก็แสดงว่าคู่แข่งของมันก็คือพวกพี่ซันสินะ


โอ๊ะ!!


แต่ในจังหวะที่ผมกำลังจะพลิกตัวเดินไปอีกทางกลับชนเข้ากับใครสักคนที่เดินผ่านมาพอดี ส่งผลให้ผมเสียหลักเกือบจะล้มก้นจำเบ้า แต่ดีที่ประสาทสัมผัสของคนที่อยู่ข้างๆ ผมไวกว่าคว้าตัวผมเอาไว้ได้ทัน


ผมหันไปหาคู่กรณีด้วยความรู้สึกผิดเพราะเธอเป็นผู้หญิง แถมผมยังไม่คุ้นหน้าเธออีกต่างหาก สงสัยจะเป็นรุ่นพี่ต่างคณะ พี่เขาสวยมากครับ


“เอ่อะ...ขอโทษครับพี่” ผมผละออกจากตัวไอ้ตี๋ก่อนจะรีบเดินเข้าไปขอโทษผู้หญิงตัวเล็กที่เพื่อนๆ เธอกำลังรุมช่วยกันพยุงอยู่ ผมผละถอยห่างทันทีที่กำลังจะเดินไปถึงตัวพี่ผู้หญิงที่ว่า เมื่อมีคนในกลุ่มสะบัดหางตามาทางผมด้วยความไม่พอใจอย่างปิดไม่มิด


“เจ็บตรงไหนมั้ยคะพี่แนน” ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น สังเกตจากป้ายแขวนคอแล้ว...คงจะเป็นเด็กปีหนึ่งเหมือนผม แล้วก็พี่คนนี้ก็คงชื่อ ‘แนน’ สินะ


ไอ้ตี๋เดินมาประกบผมไว้ทันที ผมหันไปส่ายหัวให้มันเบาๆ แล้วรีบเอ่ยปากขอโทษพี่แนนอีกครั้งทันที


“ผมขอโทษนะครับ พอดีเมื่อกี้ผมผิดเองที่ไม่ดูทางให้ดี” ผมยกมือไหว้


“เกิดอะไรขึ้นแนน” ผมหันขวับไปทางต้นเสียงทันที เมื่อคนที่เข้ามาใหม่เป็นคนเดียวกับคนที่เข้าไปขโมยจูบผมในห้องน้ำเมื่อตอนเที่ยง


“ไม่มีอะไรหรอกซัน อุบัติเหตุนิดหน่อย” พี่แนนหันไปพูดกับพี่ซัน แล้วหันไปสำรวจร่างกายตัวเอง ผมยืนนิ่งเมื่อพี่ซันจับตัวพี่แนนพลิกไปมาแล้วช่วยสำรวจด้วยความเป็นห่วง แล้วหันมามองผม พี่ซันหรี่ตาลงสำรวจผมเล็กน้อยก่อนจะมองเลยไปยังคนที่ยืนช้อนหลังผมอยู่ ผมรู้สึกตัวจึงผละตัวออกจากไอ้ตี๋อัตโนมัติ


“ทำไมไม่รู้จักระวัง” พี่ซันพูดเสียงนิ่งมองผมด้วยสายตากดดัน ผมนิ่งไม่ตอบ


“ไม่เป็นไรหรอกซัน ไปเถอะ ต้องวอร์มร่างกายอีกไม่ใช่เหรอ” พี่แนนจับแขนพี่ซันเขย่าเล็กน้อย พี่ซันหันไปพยักหน้า ก่อนจะหันมามองผมอีกครั้ง


ผมเม้นปากมองหน้าพี่ซัน แล้วจ้องไปที่แขนที่มีมือพี่แนนจับอยู่ พวกไอ้นัท อิพิงค์ก็ยืนนิ่งไม่ยอมไปไหน มันคงอยากถามแต่รู้ว่ายังไม่ถึงเวลา


“ไปเถอะซัน จ้องน้องเขาจนกลัวหน้าซีดแล้วนั่น พี่ไม่เป็นไรหรอกไม่ต้องคิดมาก” พี่แนนว่าด้วยเสียงกลั้นขำ ก่อนจะหันมาพูดกับผม


“อืม” พี่ซันตอบรับในลำคอ ก่อนจะเดินนำพี่แนนและชาวคณะออกไป


“ไปเถอะบีทส์” ไอ้ตี๋ใช้มือแตะที่ข้อศอกผมเบาๆ


“ทำไมปู่รหัสไอ้ออยถึงต้องทำหน้ายังกับจะกินหัวไอ้บีทส์ขนาดนั้นวะ” ไอ้นัทถามขึ้น ผมหันไปมองหน้าอิพิงค์


“ก็คงเพื่อนสนิทโกรธแทนกันล่ะมั้ง อย่าไปสนใจเลยกูว่า” อิพิงค์ช่วยแก้ต่างให้ ผมหันไปสบตาขอบคุณมัน


“อืม เดี๋ยวเราก็จะไปวอร์มแล้วเหมือนกัน แยกกันตรงนี้นะ ฝากไอ้เนมด้วย อย่าลืมเชียร์เราด้วยนะ” ไอ้ตี๋หันมาพูด ก่อนจะหันมามองผมเอ่ยย้ำเป็นครั้งที่สอง ผมพยักหน้าให้มันแล้วฉีกยิ้มไปให้ ไอ้ตี๋ยิ้มแล้วยีหัวผมเบาๆ อย่าทำให้กูอยากร้องไห้สิวะ


...อย่าลืมเชียร์กูด้วย…


จะอยากให้ผมเชียร์พี่ทำไม ในเมื่อพี่ก็มีคนคอยเชียร์ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่แล้ว เลิกทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองสักทีเถอะครับพี่ซัน


มันเจ็บนะ...ที่ต้องเห็นคนที่ตัวเองชอบคอยทำดีกับคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา





ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คนพี่จะรู้ตัวไหมว่าปั่นคนอื่นอยู่เนี่ยยยย แล้วคนน้องน้อยใจ เสียใจหมดแล้วเนี่ย งื้อออออ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ซันทำอะไรของแกฟ่ะ ดีแต่โทษน้องอย่างเดียว  :m16:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
มันน่านักนะซัน โดด :z6: สักทีดีมั้ย

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เฮ้ออออออออออออ
ยาวๆ

ปวดตับ กระเทือนไต
ไปกับพระเอกเรื่องนี้


เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยย
หุหุ มือลั่น
 :katai4:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
น้ำตาคลอเบ้า ง่อ หน่วงสุดๆ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เบื่ออิพี่ซันอ่ะ หมาหวงก้างมาก แต่ตัวเองมีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังได้ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ตอนที่ 17 :: ทำโทษเด็กดื้อ


[บีทส์]


“เฮ้ย!!!” ผมร้องเสียงหลง พร้อมๆ กับทุกคนที่ลุกฮือขึ้นทันทีหลังจากที่ไอ้ตี๋เข้าปะทะกับพี่ซันแล้วล้มลงไปกุมข้อเท้าตัวเอง เป็นจังหวะสองแง่สองง่ามที่พี่ซันซึ่งเป็นกองหน้าวิ่งลงมาช่วยคุมแผงกองหลัง เข้าไปสกัดบอลจากไอ้ตี๋ที่ลากบอลไปถึงเขตกรอบเขตโทษ


พวกผมที่นั่งอยู่บนแสตนเชียร์ทำได้แค่ลุกขึ้นยืนลุ้นด้วยหัวใจระทึก เพราะเห็นกันชัดๆ อยู่แล้วว่าโอกาสนี้มันต้องได้ฟาล์ว แต่กรรมการที่อยู่เยื้องจากเหตุการณ์ในสนามกลับไม่มีการเป่านกหวีดเพื่อหยุดเวลาอะไรทั้งสิ้น พี่ซันที่เป็นฝ่ายได้เปรียบจึงเลี้ยงส่งบอลให้เพื่อนในทีมต่อทันที ไอ้ตี๋ยังคงนอนกุมข้อเท้าสีหน้าเจ็บปวดจากจังหวะเมื่อกี้ พวกเราชาวคณะได้แต่ส่งเสียงโห่จนอีกฝ่ายต้องเตะบอลออกนอกสนามให้


พวกอาจารย์ที่รับหน้าที่ฝึกซ้อมและแพทย์สนามจึงวิ่งกรูเข้าไปเพื่อดูอาการไอ้ตี๋ ผมลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าที่หลากหลาย ก่อนเกมจะเริ่มพี่ซันเดินเข้าไปพูดอะไรกับไอ้ตี๋ก็ไม่รู้ ก่อนจะแยกย้ายไปประจำตำแหน่ง ผมนี่อยากจะวิ่งลงไปถามไอ้ตี๋ซะเดี๋ยวนั้น ติดที่ต้องอยู่บนแสตนแล้วไอ้ตี๋ก็ต้องลงแข่ง จึงต้องเก็บความอยากรู้ไว้ก่อน


แล้วพอเกมเริ่มทุกครั้งที่พี่ซันหรือไอ้ตี๋เข้าใกล้กันต้องมีคนใดคนหนึ่งที่เล่นแรงให้อีกฝ่ายเจ็บ ผมนึกเคืองกรรมการอยู่ในใจ ทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นไปซะอย่างนั้น (ในจังหวะเข้าหนักของพี่ซัน)


ยิ่งพอเกมตอนนี้ที่สกอร์เสมอกันอยู่ที่ 2 - 2 ก็ยิ่งทำให้เกมดุเดือดขึ้นกว่าครึ่งแรกมาก นี่ก็ใกล้จะหมดเวลาอยู่แล้วจึงทำให้ทุกอย่างตึงเครียดกันไปหมดตั้งแต่ตัวผู้เล่น ไปจนถึงกองเชียร์อย่างพวกเรา


อย่างที่รู้ๆ กันนะครับว่าถ้วยกีฬาอย่างฟุตบอลเป็นรางวัลใหญ่ ได้ถ้วยกีฬารวมยังไม่น่าภาคภูมิใจเท่ากับการคว้าถ้วยชนะเลิศฟุตบอลนะครับจะบอกให้


ผมหันไปมองที่สนามอีกครั้ง ตอนนี้ไอ้ตี๋ถูกหามออกมาข้างนอกสนามแล้วครับ ฝั่งบริหารของเราจึงขอเปลี่ยนตัวเอาคนอื่นลงไปแทน ไอ้เนมที่นั่งอยู่ถัดไปหันมามองผมด้วยใบหน้าเหมือนใกล้จะร้องไห้


“บีทส์...เนมอยากลงไป” เนมหันมาเกาะแขนผมด้วยสีหน้าอ้อน ผมถอนหายใจก่อนจะส่ายหัวให้เบาๆ


“ลงไปไม่ได้หรอกเนม ให้พวกอาจารย์เขาดูอาการนั่นแหละ ใกล้จะหมดเกมแล้ว ค่อยลงไปนะ” ผมหันไปบอกเสียงนุ่ม


“นั่นสิ รอก่อนนะเนม” อิพิงค์พูดขึ้นอย่างเห็นด้วยกับความคิดผม


ผมหันไปมองเกมที่ยังเป็นไปอย่างดุเดือด ก่อนจะเห็นกรรมการชูป้ายบ่งบอกว่าครบเวลาเก้าสิบนาทีแล้ว ที่เหลือคือการทดเวลาสามนาที ผมลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อผู้รักษาประตูของวิศวะส่งบอลไปให้กองหน้าเบอร์สิบได้อย่างเหมาะเจาะ พอเบอร์สิบได้บอลก็เลี้ยงบอลหลบกองหลังของฝั่งบริหาร กองหลังของบริหารที่เหลือห้อยอยู่สามคนพยายามช่วยกันยื้อแย่งบอลมาจากวิศวะที่เลี้ยงบอลเข้ากรอบเขตโทษ


พวกเราที่เหลือนั่งลุ้นกันตัวเกร็งก่อนที่เบอร์สิบวิศวะจะส่งบอลให้กับเพื่อนที่อยู่หน้ากรอบเขตโทษที่ไม่เหลือตัวประกบแล้ว ผมคิดว่าเขาจะง้างเท้ายิงเลยเหมือนกับผู้รักษาประตูของบริหารที่คงจะคิดเหมือนผมถึงได้ขยับออกมานอกกรอบเขตโทษเพื่อออกมาช่วยเพื่อนร่วมทีมสกัดบอลและปิดมุม


แต่เปล่าเลยครับเขาหลอกสับไก แล้วส่งบอลไปให้คนที่วิ่งแทรกกองหลังเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ซัดเข้าเต็มข้อเท้า ลูกบอลกลมๆ จึงพุ่งเข้าไปตุงตาข่ายของประตูฝั่งบริหารได้อย่างสวยงาม


ปี้ดดดดดดดดดด....


ผู้ตัดสินเป่านกหวีดยาวหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณว่ามีประตูเกิดขึ้นแล้วอีกหนึ่งประตู และคนที่เป็นฮีโร่ของฝั่งวิศวะก็เป็นกองหน้ารูปหล่อและเส้นใหญ่เบอร์สิบเอ็ดอย่างพี่ซัน...


ฝั่งบริหารของเราได้เป็นฝ่ายส่งลูกจากกลางสนามอีกครั้ง กองหน้าคนที่ได้ลงไปเล่นแทนไอ้ตี๋ได้เป็นคนเขี่ยลูกให้เพื่อนร่วมทีมก่อนจะเตะโด่งไปยังหน้าประตูอีกฝ่าย ทุกอย่างเหมือนจะได้ลุ้นขึ้นถ้าไม่มีเสียงเป่านกหวีดแทรกเข้ามาซะก่อน


ปี้ด ปี้ด ปี้ดดดดดดดด...


สัญญาณเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขันจากผู้ตัดสินดังขึ้น ทำให้ฝ่ายวิศวะวิ่งกรูกันเข้าไปที่พี่ซัน แล้วยกพี่ซันขึ้นเหมือนเป็นฮีโร่ของทีม เสียงเฮจากฝั่งวิศวะก็ดังขึ้นกระหึ่มไปทั่วสนาม นักกีฬาฝั่งบริหารของเราจึงทำได้แค่เดินคอตกออกมาอย่างเสียดาย บ้างก็โค้งขอบคุณคนเชียร์ บ้างก็เดินถอดเสื้อออกมาด้วยสีหน้าเซ็งๆ กองเชียร์อย่างพวกผมจึงทำได้เพียงแค่ปรบมือให้กำลังใจ


“กรรมการแม่งโคตรลำเอียงอ่ะ” อิพิงค์ว่าขึ้น ผมหันไปพยักหน้าเห็นด้วย


“ก็ยังดีที่เข้าข้างแค่จังหวะของพี่ซันอ่ะนะ คนอื่นกูว่าเขาก็เป็นกลางดี ซวยของไอ้ตี๋มัน” ไอ้นัทว่าขึ้นบ้าง ผมหันไปมองเนม จะร้องไห้แล้วครับ


“กูก็พอเข้าใจนะ ก็พี่สุดหล่อของกูใหญ่ใครจะกล้าแหยม ที่สำคัญกูว่าคนที่เข้าไปยุ่งกับ ‘ของ’ ของพี่มันก็คงจะซวยโคตรๆ

เหมือนกัน ท่าทางจะหวงของมว๊าก~” อิพิงค์พูดต่อ แล้วหันมามองผมอย่างมีความหมาย ผมถลึงตาดุใส่มันทันที


เมื่อผลการแข่งขันกีฬาทุกชนิดออกมาแล้ว ก็ถึงเวลาของการประกาศผลรางวัลต่างๆ ก่อนท่านประธานในพิธีจะมากล่าวปิดงาน ผลสรุปคือถ้วยขบวนพาเหรดและกองเชียร์ คณะบริหารของเราซิวมาทั้งสองถ้วย ส่วนถ้วยกีฬารวมก็เป็นไปตามคาดคือคณะวิศวะซิวไปแดก นักกีฬาชายยอดเยี่ยมก็แน่นอนล่ะครับ พี่ซันได้ไปตามความคาดหมายอีกเช่นกัน ส่วนนักกีฬาฝ่ายหญิงเป็นของคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาชื่ออะไรผมก็จำไม่ได้


หลังจากนั้นประธานในพิธีก็คือท่านอธิการบดีก็ขึ้นมากล่าวปิดงานก็เป็นอันเสร็จพิธี พวกผมจึงได้รับอนุญาตให้แยกย้ายกันกลับบ้านได้ แต่ในตอนเย็นพวกเรามีนัดกินเลี้ยงชัยชนะของทั้งสองถ้วยกันที่คณะนะครับ


“บีทส์! บีทส์!” ผมหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะเห็นพี่จ๊ะยืนกวักมือเรียกอยู่ ข้างๆ ก็มีพี่อ้นกับพี่ฟ้ายืนอยู่ด้วยแล้ว ผมก้าวยาวๆ ไปหาพี่จ๊ะทันที


“ครับพี่” ผมหยุดยืนตรงหน้าพี่จ๊ะ ก่อนจะโดนคว้าหมับเข้าที่ต้นคอ พี่จ๊ะคว้าคอผมไว้ก่อนจะดันให้ไปหาตากล้องประจำคณะของเรา


“เฮ้ย ถ่ายรูปให้เจ้หน่อย” พี่จ๊ะหันไปเรียก พี่ตากล้องก็รีบยกกล้องขึ้นทันที พี่จ๊ะจึงยกมืออีกข้างไปกอดเอวพี่ฟ้าที่ยืนอยู่ถัดไป พี่อ้นเองก็ยกมือขึ้นกอดเอวพี่ฟ้าไว้เหมือนกัน


“สายรหัสของเจ้มีแต่แหล่มๆ ใช่มั้ยล่ะ” พี่จ๊ะหันไปพูดด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ พี่ตากล้องแกก็เอากับเขาด้วยนะครับ พยักหน้าขึ้นลงอย่างเห็นด้วยก่อนจะมองพี่ฟ้าแล้วยิ้มเขินๆ


“ยิ้มสิหลานรัก” พี่จ๊ะหันมาพูดกับผม


“ป้าแกสั่งแล้ว ยิ้มสิ” พี่อ้นชะโงกหน้ามาคุยกับผม พี่ฟ้าได้แต่หัวเราะด้วยความชอบใจ ตอนนี้พี่เขาเปลี่ยนมาใส่ชุดประจำคณะกับกางเกงยีนส์แล้วครับ หุ่นดีชะมัด


“เจ้! แค่มีน้องฟ้าคนเดียวผมก็อิจฉาพี่จะแย่ นี่ยังมีน้องบีทส์เข้ามาอีก เจ้ทำบุญด้วยอะไรครับ ผมอยากมีสายรหัสหน้าตาจิ้มลิ้มแบบนี้บ้าง!!” พี่อีกคนตะโกนขึ้นมา


“สวยเหมือนกันถึงจะคบกันได้ย่ะ!!” พี่จ๊ะให้ไปยิ้มให้เชิ่ดๆ ทุกคนเลยหลุดหัวเราะ พอถ่ายรูปเสร็จผมก็ขอตัวกลับไปหาเพื่อนๆ
จริงๆ จะไปดูอาการไอ้ตี๋มันด้วย


“ไอ้ตี๋มันอยู่ไหนวะ” ผมกลับมาที่กลุ่มแล้วเอ่ยถามพวกมันที่เหลือ


“กูไปถามพี่นักฟุตบอลร่วมทีมมันมา เห็นว่าอยู่ห้องพยาบาล” ไอ้นัทเอ่ยขึ้น ผมพยักหน้ารับ พวกเราเลยเคลื่อนพลไปที่ห้องพยาบาลทันที


อิพิงค์เป็นคนแรกที่เปิดประตูเข้าไปในห้องพยาบาลเห็นไอ้ตี๋นั่งเล่นมือถืออยู่ มันหันมายิ้มเมื่อเห็นพวกผม


“นึกว่าจะลืมกันซะแล้ว” มันพูดขึ้นด้วยเสียงดีใจ เนมขยับไปนั่งข้างๆ มัน ผมยืนอยู่ที่ปลายเตียงครับ


“ก็ยังไม่ตายนี่หว่า” ผมเอ่ยแซ็ว ไอ้นัทหันมาตบหัวเบาๆ จนผมหันไปค้อนให้มัน


“ยังตายไม่ได้หรอก ยังไม่มีแฟนเลย” ไอ้ตี๋หันมาตอบเสียงกรุ้มกริ่ม ผมส่ายหัวให้มันหน่ายๆ เท่าที่กรี๊ดกันอยู่ตอนนี้ยังไม่พอใช่ไหม


“เดี้ยงแบบนี้มึงจะไปกินเลี้ยงได้เหรอ” ผมเปลี่ยนเรื่อง ไอ้ตี๋ทำหน้าสลด จริงๆ ผมก็ไม่อยากไปหรอกนะครับ เหนื่อยมาทั้งวัน อีกอย่างวันนี้แดดแรงด้วย อยากกลับไปนอนเอาแรงมากกว่า ที่วางแผนเอาไว้ว่าอยากกลับไปนอนบ้านคืนนี้ คงต้องเปลี่ยนเป็นพรุ่งนี้เช้าแทนแล้วล่ะ


“ตี๋ไม่ไปเนมก็ไม่ไปนะ” เนมพูดขัดขึ้นมาบ้าง ผมหันไปพยักหน้ารับ


“กูก็ว่าจะไม่ไปว่ะ ค่อยโทรบอกพี่อ้นว่าไม่สบายเอา” ผมแสดงความเห็นขึ้นมาบ้าง ไอ้ตี๋ทำหน้าสดชื่น เมื่อรู้ว่าผมก็จะไม่ไปเหมือนกัน


“อ้าว พวกมึงไม่ไปแล้วกูจะไปทำไม ไปก็กร่อยเปล่าๆ กูไปหามีนดีกว่า” ไอ้นัทพูดขึ้น พวกเราที่เหลือเลยหันไปมองหน้าอิพิงค์
“เฮ้ยๆ อย่ามองหน้ากูแบบนั้น กูเป็นคนรักเพื่อนรักฝูงนะเว้ย ไม่ไป...เอ้อ ก็ไม่ไปวะ!!” อิพิงค์ทำหน้าเสียดาย แต่ก็จำยอมเมื่อพวกผมถือเสียงข้างมากกว่า


“มึงเดินไหวมั้ย”


ผมหันไปถาม ไอ้ตี๋หันมาเลิกคิ้วให้ผม ก่อนจะส่ายหัวทำหน้าสลดประกอบ


“ช่วยพยุงหน่อยสิ” มันหันมาขอความช่วยเหลือ


ผมพยักหน้ารับ “มึงด้วยพิงค์” ก่อนจะหันไปกัดอิพิงค์ที่ยืนหน้างออยู่


ผมช่วยพยุงไอ้ตี๋คนละข้างกับอิพิงค์ออกมาหน้าคณะ จริงๆ ผมว่ามันก็คงพอจะเดินได้อยู่นะครับ แต่มันคงอยากจะสำออย


เออ...ช่างมัน เห็นว่าโดนรังแกมาตอนอยู่ในสนามหรอก มันก็นะครับ คว้าหมับเข้าที่เอวผมไม่ยอมปล่อย อย่าลูบนะมึง ถ้าลูบกูถีบ
“อ้าวบีทส์” ผมหันไปมองตามเสียงเรียก ก่อนจะหลุบตามองพื้น แล้วเงยหน้าขึ้นปั้นรอยยิ้มตรงมุมปากอีกครั้ง


“ยังไม่กลับเหรอครับพี่ฟ้า” ผมเอ่ยถาม ทำไมโลกมันกลมจังเลยวะวันนี้


บ๊ะ!! ยิ่งไม่อยากเจอยิ่งได้เจอ


“รอพี่ซันน่ะ นี่ก็เพิ่งมา ไม่รู้ว่าแอบไปเถลไถลที่ไหน แล้วนั่นเป็นอะไรมากหรือเปล่า” พี่ฟ้าบ่นพี่ซันขำๆ แล้วหันไปถามไอ้ตี๋ ผมฝืนส่งยิ้มให้พี่ฟ้า ไม่ได้เบือนสายตาไปหาพี่ซันมันเลยครับ


“โอ๊ยมันสำออยค่ะพี่ฟ้า เดี๋ยวพวกเราขอตัวก่อนนะคะ พิงค์หนักจะไม่ไหวแล้ว ไว้เจอกันนะคะ สวัสดีค่ะ” อิพิงค์หันไปตอบแทน แล้วรีบเอ่ยตัดบทพร้อมกับกึ่งลากกึ่งพยุงไอ้ตี๋ให้ออกมาจากตรงนั้นทันที พี่ฟ้ายิ้มรับก่อนจะบอกให้พวกเราระมัดระวัง ผมจึงหันไปโค้งให้พี่ฟ้าแล้วเดินออกมาตามแรงลากของอิพิงค์ เนมเองก็เดินตามพวกผมมาไม่ห่าง ส่วนไอ้นัท...แยกไปตั้งนานแล้วครับ


แม่งเร็วเกิ๊น…


ส่งไอ้ตี๋ขึ้นรถเสร็จผมก็แยกกลับมาที่ห้อง โดยไม่ลืมซื้อข้าวเข้ามาด้วย กินเสร็จก็อาบน้ำใส่ชุดนอนลายหมีพูห์ แล้วมานั่งดูทีวีฆ่าเวลากล่อมตัวเองให้ง่วง


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ดึกป่านนี้ ใครมา…


ผมเดินไปที่ประตู ตัดสินใจส่องลอดช่องตาแมวไปดูผู้บุกรุกยามวิกาล ก่อนจะเบิกตากว้างทันทีที่เห็นคนที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่หน้าประตูด้วยหัวใจเต้นรัว


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกระรอก ผมส่องดูที่ช่องตาแมวอีกครั้ง พี่ซันยังไม่ขยับหนีไปไหน ยังยืนหน้านิ่งอยู่ที่หน้าประตูเหมือนเดิม


“มาทำไมครับ” ผมตัดสินใจเอ่ยถามออกไปในที่สุด


“จะเปิดดีๆ หรือจะให้พังประตูเข้าไป” พี่ซันเอ่ยพูดเสียงเรียบ ไอ้โหด!! นี่มันคอนโดส่วนบุคคลนะครับพี่ จะมาทำลายข้าวของชาวบ้านเขาไม่กลัวตำรวจจะจับเอาหรือไง!! อ่อ ลืมไปว่าพี่เขาใหญ่


“แล้วพี่มาทำไม ถ้าจะมาหาเรื่องก็กลับไปเถอะครับ” ผมพูดออกไปอีก โดยไม่ลืมส่องลอดช่องตาแมวนะครับ พี่มันขบกรามแน่นแล้วเปลี่ยนอิริยาบถเป็นยืนกอดอก


“ถ้ายังไม่ยอมเปิดได้มีจริงๆ แน่” พี่ซันพูดเสียงเข้ม ผมยืนเม้มปากแน่นอย่างคิดไม่ตก


แกรก~


ผมยืนอ้าปากค้าง ถอยร่นออกจากประตูทันทีที่ประตูบานกว้างเปิดออก พร้อมกับคนร่างสูงที่ก้าวแทรกเข้ามาด้วยรอยยิ้มเป็นต่อ


เชี่ยเอ้ย นี่กูลืมล็อคกลอนประตูเหรอ!!


พี่ซันยืนยิ้มแล้วแกว่งลูกกุญแจในมือไปมาเย้ยๆ ผมถลึงตาโตขึ้นไปอีก เฮ้ย!! ไปได้มาจากไหนห๊า!?!


“พี่ไปได้มันมาจากไหน!?” ผมเอ่ยถามเสียงสั่น อย่าบอกนะว่า แอบไปปั้มไว้ตั้งแต่คราวที่แล้ว!?


“หึๆ เรื่องของกู ชอบจังนะ เวลาได้เข้าใกล้ผู้ชายเนี่ย” พี่ซันเก็บกุญแจใส่กระเป๋ากางเกงไว้เหมือนเดิม ก่อนจะก้าวเนิบนาบเข้ามาหาผม ผมเองก็ถอยหลังหนีพี่มันเรื่อยๆ เหมือนกัน


“เอาอะไรมาพูด!!” ผมเถียงเสียงดัง พี่ซันยิ้มเยาะ แล้วก้าวยาวๆ เข้ามาหา ผมถอยร่นก่อนจะ...


“เฮ้ย!!” ล้มลงโซฟา ผมตะเกียกตะกายจะลุกขึ้น แต่ไม่ทันพี่ซันที่ตามมาคร่อมทับผมไว้ทันที


“ยังจะเถียงอีกเหรอ กูเห็นหลายครั้งแล้วนะกับไอ้เด็กหน้าอ่อนนั่น” พี่ซันกดเสียงต่ำพูดกับผม ผมเลิกคิ้วอย่างใช้ความคิด ถ้าวันนี้ที่ผมใกล้ชิดนอกจากพวกอิพิงค์ก็...ไอ้ตี๋


“เราเป็นเพื่อนกัน!”


ผมพยายามตะคอกกลับไปบ้าง ทีตัวเองโดนคนโน่นคนนี้เกาะทำไมไม่ดูตัวเองบ้าง


“เพื่อนห่าอะไรถึงต้องสนิทสนมกันขนาดนั้น คราวที่แล้วก็ไอ้เจ คราวนี้ไอ้เหี้ยหน้าอ่อน กูถามจริงมึงอ้าให้ทุกคนเลยหรือเปล่า ทำไมเขาถึงได้ติดใจมึงนัก!?” ผมอ้าปากค้าง ตกตะลึงกับสิ่งที่พี่ซันกล่าวหา


“ไอ้พี่บ้า!! ถึงผมจะเป็นแบบนี้แต่ผมก็เลือกนะ! พี่เองก็เหมือนกัน ไหนบอกว่าไม่อยากมาเกี่ยวข้องกับผม แล้วมายุ่งกับผมอีกทำไมฮะ!?!” ผมเอ่ยถามออกไปเสียงดัง แล้วพยายามดิ้นหนีมือใหญ่ที่จับไหล่ผมไว้แน่นทั้งสองข้าง พยายามดมหาแอลกอฮอล์จากตัวพี่ซันก็ไม่มีนะ...


“อ่อ สงสัยมึงคงจะลืมไปแล้วว่าเป็นอะไรกับกู” พี่ซันพูดเสียงเข้ม ก่อนจะก้มลงไซร้ซอกคอผมด้วยความรุนแรง ไม่รู้เลยว่าเพราะโกรธ โมโห ไม่พอใจ หรือว่าทั้งหมดรวมกันกัน


“อื้อ...พี่ปล่อยนะ!!” ผมพยายามดิ้นหนีคนด้านบนที่ก้มลงไซร้คอไม่ห่าง แต่ก็สู้แรงพี่ซันไม่ได้ทำได้เพียงใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดขืนไหล่อีกคนไว้ ซึ่งเหมือนจะไม่ได้ผลอย่างที่ใจนึกสักเท่าไหร่


“ทำไม กูก็จะช่วยฟื้นความทรงใจให้ไง” พี่ซันเอ่ยพูดเสียงพร่า เงยหน้าขึ้นมองผมด้วยแววตาที่แสดงออกชัดเจนว่ากำลัง ‘ต้องการ’ ผมเม้มปากเมื่อนึกถึงเหตุการณ์คืนนั้นของเรา


“แต่ครั้งนี้พี่ไม่ได้เมา!!”


“ก็มึงพูดเองว่าไม่ได้เป็นอะไรกับกู...กูก็แค่จะ ‘ตอกย้ำ’ ให้ชัดๆ” พี่ซันเลิกคิ้วก่อนจะก้มหน้าลงชิดกับใบหน้าผม


“มันก็แค่เซ็กส์ครั้งเดียว” ผมเชิ่ดหน้าเถียงอีกคนอย่างไม่ลดละ


“งั้นก็มาทำให้มันเป็นสองครั้งกันเถอะ”


พูดจบก็ช้อนตัวผมขึ้นมาในท่าเจ้าสาว ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะคว้าหมับเข้าที่คออีกคนด้วยความกลัวว่าตัวเองจะหล่นลงที่พื้น


“พี่พูดบ้าอะไร!?” เมื่อตั้งสติได้ ผมก็ถามอีกคนออกไปเสียงเลิ่กลั่ก ดูเหมือนผมจะคิดช้าไปแล้วเมื่อแผ่นหลังแตะลงพื้นที่นอนหนานุ่มของตัวเอง


“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เด็กนิสัยไม่ดีต้องโดนทำโทษ”


พี่ซันไม่สนเสียงโวยวายของผม ร่างสูงถอดเสื้อตัวเองออกเผยให้เห็นแผ่นอกและหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้าม ผมเองก็มองอีกคนอย่างตกตะลึงไม่คิดว่าพี่ซันจะทำแบบที่พูดจริงๆ


“ดะ...เดี๋ยว เฮ้!!” ผมพยายามขัดขืน ยกมือขึ้นยันอีกคนที่โถมร่างเข้ามาหา


“อื้อ...” ผมครางอู้อี้เมื่อพี่ซันก้มลงปิดปากผมด้วยปากของตัวเอง ก่อนที่มือหนาจะล้วงเข้าไปใต้สาบเสื้อนอนของผมแล้วสะกิดติ่งเล็กใต้ร่มผ้าเพื่อเร้าอารมณ์ เพียงแค่นั้นก็ทำให้ผมบิดเร่าด้วยความเสียวได้แล้ว แม้จะเคืองตัวเองแต่ก็ทำอะไรไม่ได้


พี่ซันตวัดเรียวลิ้นของตัวเองเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กของผมที่ตื่นกลัวเขาอยู่ในที ริมฝีปากหนาเริ่มปรับองศาให้อยู่ในท่าที่ถนัดก่อนจะก้มลงครอบครองริมฝีปากของผมอีกครั้ง ผมทำได้แค่ส่งเสียงครางในลำคอ มือที่ผลักไสคนตัวสูงก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนเป็นโอบรอบคออีกคนไว้แทน


ผมเชิ่ดหน้าขึ้นใช้เรียวขาของตัวเองเกี่ยวพันไว้ที่เอวอีกคนด้วยความเสียว


เมื่อพี่ซันแกล้งใช้ปลายนิ้วของตัวเองขยี้ยอดติ่งอกของผมแล้วดึงสลับน้ำหนักเบาบ้าง แรงบ้างอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากที่นัวเนียอยู่ที่ปากผมไล่เลียลงมาเรื่อยๆ ตามลำคอและแผงอก มือหนาแกล้งใช้นิ้วปัดป่ายไปมาบนอกของผม


“อื้อ...ซี้ด พะ...พี่มันเสียว” ผมได้แต่เอ่ยปากห้ามอีกคนเสียงกระเส่า พี่ซันมีสีหน้าหึกเหิมขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะเลิ่กเสื้อผมขึ้นแล้วถอดออกพรวดเดียวเขวี้ยงทิ้งไปที่หัวเตียง ผมรีบยกมือขึ้นมาปิดตัวไว้ตามสัญชาตญาณ ดวงตาคมเข้มของพี่ซันมองผมด้วยสายตาวาววับ แล้วคว้ามือผมยกไว้เหนือศรีษะทั้งสองข้าง


สัมผัสนุ่มลื่นครอบครองยอดอกของผมที่ลอยเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้าสลับซ้ายขวา ผมกลั้นเสียงตัวเองไว้เมื่อพี่ซันเกร็งลิ้นของตัวเองแล้วเลียตวัดยอดอกที่แข็งขืนขึ้นเป็นไตของผมไม่หยุด ไม่ได้รับรู้เลยว่ากางเกงนอนตัวโคร่งก็โดนคนตัวสูงดึงร่นลงมากองไว้ที่ตาตุ่มแล้ว


“อ๊ะ! อย่านะครับ!!” ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อคนด้านบนใช้มือกอบกุมส่วนอ่อนไหวของผมไว้ในขณะที่ยังมีกางเกงในตัวจิ๋วปิดกั้นไว้อยู่ พี่ซันแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเริ่มขยับมือตัวเองช้าๆ ส่งผลให้แก่นกายเล็กของผมที่มีน้ำเชื่อมไหลออกมาเลอะส่วนปลายเริ่มแข็งขืนสู้มือคนสัมผัส พี่ซันไม่รอช้าใช้มือเกี่ยวกางเกงในตัวจิ๋วของผมออกแล้วเขวี้ยงไปอีกทาง ผมพยายามจะดึงมือตัวเองกลับเพื่อปกปิดส่วนอ่อนไหว แต่พี่ซันไม่ยอมปล่อยแถมยังเริ่มขยับมือทั้งที่ปากยังสนุกอยู่บนยอดอกของผม


“อ่า~ อื้ม…ซี้ด เร็วอีก อ่า!” ผมออกปากขออย่างลืมอาย พี่ซันทำตามคำขอ เร่งจังหวะมือชักเข้าออกเร็วรัวจนผมกระตุกอยู่สองสามครั้งถึงฝั่งฝันไปได้ในเวลาไม่นาน ผมพยายามสูดเอาอากาศเข้าปอดด้วยความเหนื่อยอ่อนมองตามพี่ซันที่ขยับตัวออกจากผมหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมหรี่ตามองคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความแปลกใจ


“พี่จะทำอะไร”


“ไว้คราวหลังจะซื้อเจลมาทิ้งไว้ ครั้งนี้คงต้องใช้ไอ้เจ้านี่ไปก่อน” พี่ซันยิ้มมุมปาก เอ่ยบอก แล้วชู ‘ขวดโลชั่น’ ขึ้นมา ผมขมวดคิ้วก่อนจะเบิกตากว้าง


“เฮ้ย!!!” ผมขยับหนีเมื่อพี่ซันวางขวดโลชั่นไว้ที่เตียง แล้วถอดกางเกงของตัวเองออก เผยให้เห็นแก่นกายที่นูนพองจนเห็นเป็นรูปร่างภายใต้กางเกงในสีเข้ม


“ตกใจอะไร เคยเห็นแล้วนี่” ผมมองการกระทำของพี่ซันตาค้าง เมื่ออีกคนก้มถอดกางเกงในออกอย่างไม่อาย จนต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเมื่อรับรู้ได้ว่าหน้าร้อนเห่อจนทนมองดูการกระทำของอีกคนไม่ได้


พี่ซันจับตัวตนของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะเทโลชั่นลงบนฝ่ามือแล้วละเลงทาจนชุ่มไปทั่วลำ ร่างสูงค่อยๆ ก้าวขึ้นเตียงโดยแทรกตัวเข้ามาตรงหว่างขาของผม ผมเบือนหน้าของตัวเองไปอีกทางเมื่อรู้ว่าต้องเกิดอะไรขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า


แม้จะเตรียมใจไว้แล้วแต่ผมก็ยังตกใจอยู่ดี เมื่อพี่ซันใช้มือของตัวเองละเลงไปที่ช่องทางด้านหลังของผม ผมเกร็งท้องทันทีที่รับรู้การลุกล้ำของอีกคน เม้มปากตัวเองแน่น แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ ความกลัวสลัดทิ้งมันไปตั้งแต่ขึ้นสวรรค์ไปแล้วในรอบแรก หลงเหลือไว้แต่ความตื่นเต้นในทุกการกระทำของคนที่ตรงหน้า


“พร้อมมั้ย” พี่ซันเลิกคิ้วถาม ผมได้แต่ค้อนขวับให้เจ้าของคำถาม


รู้ทั้งรู้ว่าผมอาย ก็ยังจะแกล้ง!!


พี่ซันหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยกขาของผมขึ้นพาดไว้ที่บ่าตัวเอง หยิบหมอนมารองไว้ใต้สะโพกของผมพร้อมกับจ่อตัวตนของตัวเองไว้ที่ปากทางเข้า แล้วก้มลงครอบครองปากของผมอีกครั้งขบเมมไปทั่วเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ผมกลั้นหายใจไปชั่วขณะ เมื่อส่วนปลายแก่นกายของพี่ซันค่อยๆ ผ่านรอยแยกเข้ามาจนเริ่มขับแน่นตรงช่องทางด้านหลังจึงใช้มือดันหน้าท้องอีกคนไว้แล้วเชิ่ดหน้าขึ้นด้วยความจุกเสียด


“อื้อ บะ...เบาครับ” ผมพยายามผ่อนลมหายใจ พยายามปรับสภาพรับความใหญ่โตของอีกคน พี่ซันส่งมือหนามายีหัวผมเบาๆ ก่อนจะก้มลงจูบที่ปากผมหนักๆ หนึ่งที


ผมพยักหน้าให้ พี่ซันจึงเริ่มปลุกเร้าอารมณ์ผมด้วยการก้มลงดูดดุนยอดอกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ก่อนจะแทงพรวดเข้ามาในตัวผมครั้งเดียว


ผมกัดริมฝีปากทันทีที่รับตัวตนของอีกคนเข้ามาได้ทั้งลำ มือกำผ้าปูเตียงไว้แน่นจนยับ ผมจ้องมองไปที่ร่างกายสมบูรณ์แบบของพี่ซันที่เชิ่ดใบหน้าหล่อของตัวเองขึ้นครางฮึมฮัมในลำคอด้วยความหลงใหล พี่ซันใช้สองมือประคองสะโพกของผม ก่อนจะค่อยๆ ขยับเข้าออกช้าๆ ผมเผลอส่งเสียงครางออกมาเป็นระยะ ก่อนจะเริ่มส่งเสียงครางหนักขึ้นเมื่ออีกคนเริ่มปรับจังหวะความเร็ว แล้วร่อนสะโพกเป็นวงกลมเหมือนหาจุดไคลแม็กซ์ของผม


ผมครางลั่นเมื่ออีกคนกระแทกโดนจุดกระสัน เชิ่ดใบหน้าขึ้นด้วยความสุขสม เมื่อคนด้านบนกระแทกตรงจุดนั้นซ้ำๆ จนทำให้น้ำขาวขุ่นไหลเปรอะเปื้อนออกมาไม่หยุด


“อ่า...” เจ้าของใบหน้าหล่อครางเสียงต่ำอย่างพอใจ เร่งจังหวะขยับสะโพกถี่รัว ก่อนจะถึงฝั่งฝันเช่นกัน ผมรับรู้ได้ถึงความอุ่นร้อนที่อยู่ด้านในก่อนจะค่อยๆ ไหล่ย้อนออกมาตามง่ามขา
ใช่แล้ว...พี่ซันปล่อยข้างใน


เหงื่อของเราสองคนเริ่มผุดออกมาตามร่างกาย พี่ซันก้มลงจูบที่หางตาของผม ก่อนจะถอนกายออกมาช้าๆ แล้วจับผมให้พลิกหันหลังในลักษณะโก่งโค้ง ผมแนบใบหน้านอนราบไปกับเตียง มีเพียงสะโพกที่ลอยเด่นกว่าส่วนอื่นๆ


ผมสะดุ้งเฮือกกำผ้าปูแน่น ก้มหน้าแนบลงไปกับที่นอนเพื่อปกปิดเสียงครางแผ่ว เมื่อพี่ซันก้มลงใช้ลิ้นของตัวเองไล่เลียเล็มไปรอบๆ ช่องทางด้านหลังของผมอย่างไม่รังเกียจ ไม่รอให้ผมได้ทำใจ พี่ซันถอนลิ้นของตัวเองออก ก่อนจะใช้แท่งร้อนของตัวเองแทงเข้ามาแทนที่ช่องทางด้านหลังของผม แล้วขยับเข้าออก


“อื้อ...”


“พี่ซันบะ...เบาๆ สิ!!” ผมร้องประท้วง แต่มีหรือที่อีกคนจะฟัง พี่ซันหัวเราะในลำคอ แล้วใช้มือตีไปที่สะโพกของผมดังเพี้ยะ! แล้วก้มลงพูดข้างหูผม ทั้งที่แก่นกายยังเชื่อมกันอยู่


“ทำโทษเด็กดื้อ”





ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เลววววววววว โคตรรรรรรรรรร  :fire:

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……


ไม่เอาอ่ะ บีทส์ยอมพี่ซันง่ายไปละ

ถ้าช้ำใจภายหลังจะไม่ให้ยืมไหล่ซบนะ…อีพิงค์กล่าว


 :m16:  :m16:  :m16:  :m16:  :m16:  :m16:


………




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ไม่มีไรจะพูด :ling2:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
หล่อตายห่า!!!!!


RIP ให้กับความเชี้ยยยยยยของพระเอกเรื่องนี้



ไปตายห่าให้หนอนแดก
ไป๊!!!!!!!

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ตอนที่ 18 :: เป็นฉันที่เผลอตัวหรือเป็นเธอที่เผลอใจ


[บีทส์]


“อื้อ...” ผมงัวเงียตื่นขึ้นมานั่งบนเตียง ก่อนจะหันไปมองที่นาฬิกาที่วางอยู่ตรงหัวเตียง อ่า สิบโมงเช้าแล้ว


ผมพยายามจะขยับตัวลงเตียง ปากก็ร้องโอย เมื่อรู้สึกเมื่อยตัวไปหมด โดยเฉพาะช่วง ‘เอว’ ไอ้พี่ซันไม่สงสารกันบ้างเลย เมื่อคืนกว่าพี่มันจะยอมให้ผมนอนก็เล่นเอาเสร็จไปสามรอบ!!


สามรอบที่ว่านี่คือของพี่มันนะครับ ส่วนของผมน่ะเรอะ ไม่ได้นับ!!


ผมพยายามขยับไปนั่งพิงหัวเตียง ก่อนจะเริ่มสำรวจความเสียหายของตัวเอง ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพสวมแค่กางเกงตัวเดียว แต่คนละตัวกับที่ผมใส่ก่อนหน้านี้ สงสัยพี่ซันจะเป็นคนเปลี่ยนให้


ผมส่ายหัวไล่ความมึน ก่อนจะมองไปรอบๆ ห้อง สายป่านนี้แล้ว ผมไม่คิดว่าพี่มันจะยังอยู่ในห้องของผมหรอกนะครับ หึๆ ใจอ่อนให้เขาเอง ก็ช่วยไม่ได้


ผมค่อยๆ ขยับตัวไปที่ปลายเตียง ก่อนจะก้าวขาลงไปยืนทีละข้าง


โอย ขามึงจะสั่นทำไมล่ะเฮ้ย!


ผมใช้มือพยุงตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนตัวตรง ก่อนจะหน้าเบ๋เมื่อรู้สึกเจ็บเสียดตรงบริเวณช่องทางด้านหลัง โชคดีที่ยังพอยืนได้ ไม่เหมือนครั้งแรกที่แม้แต่ขยับตัวยังทำไม่ได้


ผมกัดฟันค่อยๆ ฝืนความเจ็บเดินไปที่ห้องน้ำด้วยความทุลักทุเล แล้วจัดการอาบน้ำชำระร่างกายโดยไม่ลืมจะสำรวจร่างกายของตัวเองในกระจก


เชี่ย!! แม่งจะชอบทำรอยไว้ทำไม ไอ้คนซาดิสต์!!


ผมใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าชั่วโมง รู้สึกไม่สบายตัวเลยนอนแช่น้ำอุ่น แช่ไปแช่มาดันหลับไปอีกรอบ ดีนะครับที่ผมยังโชคดี เรียกว่าโชคดีได้หรือเปล่าที่หลับแล้วหัวผงกไปโดนขอบอ่าง ตาสว่างกันเลยทีเดียว


เพราะได้แช่น้ำอุ่นจึงทำให้ผมรู้สึกสบายตัวกว่าในตอนแรก เดินได้สะดวกมากขึ้นแต่ก็ยังขัดๆ อยู่ ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วก้าวออกมาจากห้องน้ำ สิบโมงแล้วแต่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ตอนนี้พยาธิในท้องมันเริ่มส่งเสียงเกรียวกราวประท้วงผมกันแล้ว


ผมเดินออกมาจากห้องนอนในสภาพหัวเปียก ก่อนจะมองหาใครอีกคน ในใจก็ยังแอบหวังเล็กๆ ว่าพี่มันจะยังอยู่ในห้องนี้ แต่ก็ไม่มีแม้เงา...


ผมส่ายหัว ถอนหายใจแล้วเดินต่อ ก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับกระเป๋าเป้ใบโตที่วางอยู่ตรงโซฟา กระเป๋าใบนั้น...มันไม่ใช่ของผม


แกรก~


ผมเลื่อนสายตาไปที่ประตูทันที ก่อนจะสบตาเข้ากับร่างสูงที่เปิดประตูเข้ามา พี่ซันเลิกคิ้วมองผมด้วยความแปลกใจ ผมมองสำรวจพี่มันที่ตอนนี้อยู่ในชุดใหม่เป็นกางเกงยีนส์เสื้อยืด ไม่ใช่เสื้อสต๊าฟเหมือนเมื่อคืน ในมือมีถุงของกินติดมือมาด้วย แสดงว่าพี่มันคงขึ้นห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตัวเองมาแน่ๆ


“ลุกออกมาทำอะไร”


“ผมหิว จะไปหาอะไรกิน” ผมเองก็ตอบกลับไปเสียงห้วนเหมือนกัน


พี่มันก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม “ไม่ต้อง!! กูลงไปซื้อมาให้แล้ว” พี่ซันตอบกลับมาเสียงเข้มเมื่อเห็นท่าทางของผม


“ไม่กิน” ผมมองหน้าพี่ซัน


พี่ซันแสยะยิ้มยื่นมือข้างหนึ่งมาจับแขนผมไว้แล้วออกแรงบีบจนผมนิ่วหน้า


“อยากให้กูจับกรอกปากก็ตามใจ”


“ปล่อยนะ ผมเจ็บ” ผมพยายามแกะมือของพี่ซันออก พี่ซันก้มมองมือที่จับผมอยู่ก่อนจะคลายแรงลง กำไว้แค่หลวมๆ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนผมอยู่ดี


“แล้วจะเดินออกมาทำไม ไม่เจ็บแล้วหรือไง ไปนั่งรอเลยไป เกะกะ! ” พี่ซันพูดเสียงดังกึ่งตะคอก ผมทำหน้างอใส่ ก่อนจะสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของพี่ซัน พี่ซันถลึงตาใส่ผม แต่ผมเองก็ไม่สนใจพี่มันเหมือนกัน


ผมเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะอาหารหน้างอ เสียงกระทบของจานชามดังออกมาจากห้องครัวอยู่เป็นระยะ พร้อมกับเสียงสบถของพี่ซันจนผมต้องมองเข้าไปในห้องครัวอยู่หลายครั้ง นั่งรออยู่สักพักพี่ซันก็ออกมาพร้อมกับถาดอาหารแล้วก็น้ำส้ม


“กินซะ” พี่ซันวางถาดข้าวต้มไว้ตรงหน้าผม ก่อนจะหยิบเอาถ้วยข้าวต้มกับน้ำส้มมาวางไว้คู่กันแล้วขยับไปนั่งอีกฝั่ง ผมเงียบไม่พูดอะไร


“กินดิ” พี่ซันเอ่ยย้ำอีกครั้ง ผมเงยหน้ามองพี่มันนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจแล้วเริ่มลงมือตักกิน เอาวะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง!!


“ยังโกรธอยู่หรือไง”


พี่ซันเอ่ยถามขึ้นมาลอยๆ ผมเลื่อนสายตาไปมองหน้าพี่มันนิ่งๆ ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ ตักข้าวต้มกินต่อ


“บีทส์” พี่ซันเร่งเอาคำตอบ ผมแอบเบ๋ปาก แล้วแกล้งถอนหายใจดังๆ


“ก็...เปล่า”


“เปล่าแล้วทำไมถึงเงียบ” พี่ซันซักต่อ จ้องหน้าผมเขม็ง ผมเองก็จ้องกลับเหมือนกันครับ ทำไมทีแบบนี้มาขึ้นเสียงใส่ เรื่องนี้ผมไม่ผิดนะบอกเลย


“ก็พี่บอกให้ผมกินข้าว นี่ผมก็กินอยู่ไง ถ้ากินไปคุยไปเข้าติดคอตายขึ้นมาจะทำยังไง” ผมเถียง แล้วก้มกินข้าวต้มต่อไม่สนใจอาการฟึดฟัดของคนตรงหน้า รู้ตัวครับว่าเริ่มรวน


“ปากดีนักนะ” พี่ซันดุ ผมทำปากยู่ใส่แล้วตักเข้าต้มกินต่อ


เมื่อเห็นผมไม่สนใจพี่ซันก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรผมอีก แต่เพราะพี่มันไม่เซ้าซี้นี่แหละครับ ทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก คนบ้าอะไรมานั่งมองคนกินข้าวอยู่ได้


“แล้วพี่ล่ะ” ผมถามขึ้นลอยๆ อยากจะตบปากตัวเอง จะชวนเขาคุยทำไมวะ


“หื้ม” พี่ซันครางรับในลำคอ เหมือนไม่แน่ใจในประโยคคำถามของผม


“ผมถามว่าให้ผมกินคนเดียว แล้วพี่ล่ะไม่กินหรือไง”


เกือบจะแว้ดใส่หน้าแล้วครับ แค่นี้ก็ต้องอึนด้วย!! ทีเรื่องอื่นล่ะเห็นฉลาดจัง!


“อ่อ กูไม่กินข้าวเช้า มึงกินเถอะ” พี่ซันตอบผมยิ้มๆ ผมเบ๋ปากใส่ ก่อนจะรวบช้อนไว้ในถ้วยข้าวต้ม แล้วเลือกทานน้ำเปล่าแทนน้ำส้ม


“กินน้ำส้มดิ มันดีต่อสุขภาพแถมยังช่วยบำรุงด้วย” พี่ซันบอก ก่อนจะดันแก้วน้ำส้มมาใกล้ผม


ผมส่ายหัว


“ผมไม่ชอบกินน้ำส้ม” ผมดันแก้วน้ำส้มออกไปไว้ที่เดิม


“เอ๊ะ ก็กูเพิ่งบอกไปเมื่อกี้ว่ามันดีต่อร่างกายไง” พี่ซันดันกลับมาให้ผมอีกครั้ง


“เอ๊ะ ก็ผมบอกว่าไม่ชอบกินไง!” ผมดันแก้วน้ำส้มออกไปอีกครั้ง


“ทำไมมึงดื้อแบบนี้ฮะ!?” พี่ซันพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด เสียงดังจนผมเผลอสะดุ้งเลยครับ ผมเม้มปาก แล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง


“...”


“เฮ้อ...อิ่มแล้วใช่มั้ย” พี่ซันถาม ผมพยักหน้ารับทั้งที่ยังหันหน้าหนีพี่มันอยู่ แต่ก็ยังมองเห็นพี่มันได้จากหางตา พี่ซันมองหน้าผมแล้วส่ายหัวยิ้มๆ


“หึๆ”


“อะไรเล่า!”


พี่ซันหยิบทิชชู่ ก่อนจะยื่นมือมาเช็ดที่มุมปากของผม ผมย่นคอด้วยความตกใจ ทำให้ทั้งผมและพี่ซันชะงักเมื่อสายตาของเราประสานกันพอดี


“เรื่องเมื่อคืน...”


พี่ซันเอ่ยปากพูดถึงเรื่องเมื่อคืน โดยไม่ยอมละสายตาไปจากผม เป็นผมเองที่เบือนหน้าหนีไปอีกทาง พี่ซันเอื้อมมือมายีหัวผม ก่อนจะถอยไปนั่งเหมือนเดิม


“กูยอมรับว่ากูผิดเต็มๆ”


“...”


“กูก็ไม่รู้ว่าไอ้ความรู้สึกบ้าๆ ที่เกิดขึ้นกับกูตอนนี้มันคืออะไร ไม่รู้ว่าทั้งๆ ที่กูก็เกลียดเกย์จะเป็นจะตาย แต่ทำไมถึงสัมผัสมึงได้หน้าตาเฉย”


“มึงคงสงสัย...ว่าทำไมอยู่ๆ กูถึงได้บ้ามาเคาะประตูห้องมึง แถมยังทำอะไรต่อมิอะไรกับมึงอีก มันไม่มีเหตุผลหรือแรงจูงใจอะไรเลยใช่มั้ยล่ะ” พี่ซันเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แล้วหัวเราะในลำคอ เหมือนถามผมพร้อมกับถามตัวเองไปด้วย


“มึงคงต้องสงสัยแน่ๆ เพราะขนาดกู...กูยังสงสัยเลยว่าทำไมต้องทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ ทำไมถึงต้องหงุดหงิดเวลามึงอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่กู” พี่ซันพูดจบก็เบือนหน้าหนีไปอีกทาง


ผมเบิกตากว้าง


หงุดหงิดเวลาที่เห็นผมอยู่กับคนอื่นงั้นเหรอ...


“แต่กูก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทั้งๆ ที่นมก็ไม่มี เรียวขาสวยๆ สะโพกกลมกลึงแบบผู้หญิงมึงก็ไม่มี แล้วทำไมกูถึงเอามึงได้วะ”


“แค่ก...” ผมสำลักน้ำทันทีที่พี่มันพูดประโยคนั้นออกมา ไอ้พี่บ้า!!


“ระวังหน่อย สรุปมึงจะหายโกรธกูได้มั้ย” พี่ซันดุ ก่อนจะถามประโยคที่ทำให้ผมต้องรีบเงยหน้ามองพี่มันทันที นี่มันประโยคขอร้อง คำสั่ง หรือบอกเล่ากันแน่!?! ผมเริ่มประเมินในใจ


“ผมถามจริงๆ นะ” ผมนั่งตัวตรง ก่อนจะเอ่ยถามพี่ซันเสียงเรียบ ในแบบที่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้


“พี่...เห็นผมเป็นตัวอะไรกันแน่”


“กู...”


“เห็นผมเป็นแค่ไอ้คนใจง่ายคนหนึ่งที่พี่อยากเมื่อไหร่ก็แวะมาหรือเปล่า” ผมพูดขัดพี่ซันต่อ พี่มันเงียบก่อนจะมองหน้าผมด้วยสายตาที่ผมคาดเดาไม่ได้


“...”


“ผมรู้นะว่าพี่เป็นแฟน ไม่สิ...เป็นคู่หมั้นพี่ฟ้าพี่รหัสของผม”


ไอ้ฉิบหาย...พูดเองก็เจ็บเอง


“มึงจะพูดถึงคนอื่นทำไม” พี่ซันพูดขัดขึ้นบ้าง ผมมองหน้าพี่มันด้วยความไม่เข้าใจ จะนับพี่ฟ้าเป็นคนอื่นได้ยังไงก็ในเมื่อเขาเป็นคู่หมั้นของพี่ คู่หมั้นก็คือว่าที่ภรรยาของพี่ในอนาคตเลยนะ


“คะ...”


ครืด...ครืด…


ผมกำลังจะเอ่ยปากเถียง แต่มีสัญญาณเตือนสายเรียกเข้าของพี่ซันขึ้นมาซะก่อน ผมเลยนั่งกอดอกทำปากยื่นเบือนหน้าไปทางอื่น พี่ซันมองหน้าผมก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์สายเรียกเข้า ผมแอบหันไปมอง เห็นพี่มันขมวดคิ้วทันทีที่เห็นเบอร์ของคนที่โทรเข้ามา พี่ซันมองมาที่ผมอีกครั้ง ผมเลิ่กลั่กหันหน้าหนีแทบไม่ทัน


“ครับน้องฟ้า”


พี่ซันกดรับสาย ก่อนจะลุกเดินไปที่ระเบียง ผมมองตามด้วยหางตา ก่อนจะลุกเดินเข้าห้องนอนตัวเองไปเตรียมของกลับบ้านเหมือนกัน


ครืด...ครืด…


ผมหันไปมองที่โทรศัพท์ของตัวเอง ก่อนจะเดินไปหยิบมาดูเบอร์ แล้วต้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์อยู่เป็นเบอร์ของพี่ชายสุดที่รัก


‘พี่ไม้สุดหล่อ’


“สวัสดีครับพี่ไม้” ผมกดรับ


“สวัสดีเจ้าตัวเล็ก ทำอะไรอยู่เรา” พี่ไม้เอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี จนทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้


“กำลังเตรียมของกลับบ้านครับ พี่ไม้ล่ะ เป็นไงมาไงถึงโทรหาบีทส์ได้” ผมตอบก่อนจะเอ่ยแซ็วพี่ไม้ขำๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งตรงปลายเตียง


“เฮ้ยจริงเหรอ พี่กะว่าจะชวนบีทส์ไปเยี่ยมคุณน้าอยู่พอดีเลย ช่วงนี้ยุ่งๆ ไม่ค่อยได้แวะเข้าไปเยี่ยมท่านเลย พอดีวันนี้พี่ว่าง งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับบีทส์ที่คอนโดเลยก็แล้วกัน” พี่ไม้เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


“ได้เลยครับ มาถึงแล้วโทรหาบีทส์นะ เดี๋ยวบีทส์ลงไป” ผมนัดแนะ


“โอเคครับ” พี่ไม้ตอบตกลง ก่อนจะวางสายไป ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนจะหันไปจัดกระเป๋าเสื้อผ้าต่อ จริงๆ ก็มีบางส่วนที่จัดไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวาน ไม่รู้เหมือนกันว่ามันกระจัดกระจายออกมานอกกระเป๋าได้ยังไง


“เตรียมของจะไปไหน แล้วเมื่อกี้คุยโทรศัพท์กับใคร” พี่ซันเดินเข้ามาในห้องก่อนจะเอ่ยถามผม ผมนิ่งไม่ตอบแต่จัดกระเป๋าต่อ


“กูถามว่าเมื่อกี้คุยกับใคร” พี่ซันเดินตรงเข้ามาจับไหล่ผมไว้แล้วเขย่าจนตัวผมโอนเอน ผมปัดมือพี่มันออกก่อนจะมองด้วยสายตาแข็งกร้าว


“ผมจะคุยกับใครมันก็เป็นเรื่องของผมหรือเปล่าครับ พี่เป็นใครทำไมผมต้องบอกด้วยไม่ทราบ!?” ผมตอบด้วยท่าทีกวนๆ พี่ซันอึ้งในท่าทีของผม ผมแสยะยิ้ม ก่อนจะรูดซิบกระเป๋า


“บีทส์อย่าเปลี่ยนเรื่อง!” พี่ซันดุเสียงแข็ง


“ผมไม่ได้เปลี่ยนเรื่อง แต่ผมกำลังพูดความจริง เมื่อกี้พี่ฟ้าโทรมาไม่ใช่เหรอครับ รีบไปหาพี่เขาสิ เดี๋ยวเขาจะรอนาน”


“ทำไมต้องดึงฟ้าให้เข้ามาเกี่ยวเรื่องนี้ด้วย” พี่ซันเลิกคิ้วถามด้วยความไม่เข้าใจ ผมหัวเราะในลำคอ มันจะไม่เกี่ยวได้ยังไงวะ มึงช่วยเข้าใจหน่อยได้ไหมว่ามึงไม่ใช่คนโสด!! แล้วตัวกูเนี่ยเป็นอะไรสำหรับมึง!!


“นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ ก็พี่ฟ้าเขาเป็นแฟนพี่จะไม่ให้เกี่ยวได้ยังไง” ผมจ้องหน้าพี่ซันอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะถอนหายใจแล้วตัดบท


“ช่างเถอะ พี่อย่ามาสนใจคนนอกอย่างผมเลยครับ”


“กูก็แค่อยากให้เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องของเราสองคน” พี่ซันอธิบายต่อ อ๋อ ที่พูดแบบนี้เพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเราใช่ไหม ต้องการให้ผมเก็บไว้เป็นความลับใช่หรือเปล่า


“กลัวผมจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นสินะ” ผมเค้นเสียงพูด


“มันไม่ใช่แบบนั้น!”


“แล้วแบบไหนครับ!?” ผมตะคอกกลับทันที ก่อนจะเสียวจี๊ดที่ช่องทางด้านล่างเมื่อใช้แรงมากเกินไป


“...”


พี่ซันเงียบ ผมเองก็เงียบใส่พี่มันเหมือนกัน เอาดิ ถามอะไรก็ตอบไม่ชัดเจนสักอย่าง ทำเหมือนผมเป็นเมียน้อยไปได้


“ตกลงจะไปไหนเดี๋ยวกูไปส่ง บ้านใช่มั้ย” พี่ซันพยายามรวบรวมสติ แล้วกัดฟันถาม ผมแสยะยิ้มเพื่อกวนโมโหพี่มัน หึๆ อารมณ์นี้ผมไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนแล้ว หงุดหงิดโว้ย!!


“ขอบคุณที่กรุณานะครับ แต่ไม่ต้อง” ผมหันไปตอบด้วยรอยยิ้มหวานหยดย้อยเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะหันไปหยิบโทรศัพท์มาเล่นฆ่าเวลา


“แล้วมึงจะไปยังไง” พี่ซันถามขึ้นอีก ผมเลิกคิ้วยิ้มๆ


“มีคนมารับ”


“ใคร…คนที่โทรมาเมื่อกี้ใช่มั้ย” พี่ซันตะคอกถาม


“ใช่แล้วจะทำไมครับ สนใจด้วยเหรอ” ผมต่อปากต่อคำ


“กูไม่ให้ไป” พี่ซันพูดเสียงเรียบ ผมเลิกคิ้ว ก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ แล้วลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับพี่มัน


“พี่มีสิทธิ์อะไรมาห้ามผม” ผมถามยิ้มๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปชิดตัวพี่ซันแล้ววางมือไว้บนแผงอกข้างซ้ายแล้วลูบไปมาเป็นการยั่ว


“อย่าลืมนะว่ากูเป็นอะไรกับมึงแล้ว” พี่ซันเค้นเสียงพูดออกมาจากลำคอบ้าง มือหนาเอื้อมมาโอบรอบเอวผมไว้หลวมๆ


ผมแสยะยิ้ม “อะไรของพี่ที่ว่าคืออะไรล่ะครับ คู่นอน? ชู้? ก็แค่มีอะไรกัน แต่พี่ไม่มีสิทธิ์ในตัวผม อย่าลืมนะครับ” ผมยั่วต่อ


“บีทส์” พี่ซันเรียกชื่อผมเสียงเข้ม


ครืด...ครืด…


เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมละสายตาจากพี่ซันก่อนจะเดินมากดรับ คนที่โทรเข้ามาเป็นพี่ไม้


“ครับพี่ไม้” ผมกดรับด้วยรอยยิ้ม พี่ซันขมวดคิ้วมุ่น


“โอเคครับ เดี๋ยวบีทส์จะลงไปเดี๋ยวนี้” พี่ไม้บอกว่าตัวเองรออยู่ที่หน้าตึกแล้ว ผมจึงตอบรับกลับไป ก่อนจะหันไปยักคิ้วให้พี่ซัน


“ไม่ต้องไปกับใครทั้งนั้น!! กูบอกว่ากูจะไปส่ง!!” พี่ซันคำรามในลำคอ แล้วคว้าข้อมือผมไว้ ผมบิดข้อมือตัวเองให้ออกจากการเกาะกุมของพี่ซัน


“ถ้าผมไปกับพี่ มันไม่มีอะไรรับประกันได้เลยครับว่าพี่อาจจะปล่อยผมไว้ข้างถนนอีกหรือเปล่า” ผมพูดอย่างเป็นต่อ ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมดื้อกับพี่มันวันนี้เหมือนกันนะครับ แต่เพราะเมื่อคืนคำพูดทุกคำของพี่มันยังดังก้องอยู่ในหัว ทำเหมือนผมง่ายกับทุกคน ทั้งๆ ที่พี่มันก็น่าจะรู้ว่าผมคิดยังไงกับพี่มันแท้ๆ


“อย่าเปลี่ยนเรื่อง!” พี่ซันเถียงขึ้นมา


ครืด...ครืด…


เสียงโทรศัพท์พี่ซันเตือนเข้ามาอีกรอบ ผมแสยะยิ้ม เมื่อพี่มันหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ผมเห็นแวบๆ ว่าเป็นชื่อพี่ฟ้า ผมเลิกคิ้วทำหน้ายียวนใส่ทันที


“ผมไปนะครับ ฝากล็อกห้องให้ด้วยก็แล้วกัน” ผมหันไปคว้าเอากระเป๋าเป้ของตัวเองมาสะพายบ่า ก่อนจะหันมาเอ่ยกับอีกคน พี่ซันกดรับสายพี่ฟ้าอยู่แต่คว้าข้อมือผมไว้อีกผมสะบัดออกทันที


“ปล่อย!” ผมพูดขึ้นโดยไร้เสียง


“ฮะ อะไรนะครับ!? น้องฟ้ารอพี่อยู่ที่นั่นก่อนพี่จะไปเดี๋ยวนี้!!” พี่ซันปล่อยมือผมทันที ก่อนจะหันไปพูดสั่งคนในสายเสียงเข้ม แล้วหันมาหาผม


“น้องฟ้ามีอุบัติเหตุนิดหน่อย คือกู...เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูโทรหานะ” พี่ซันอธิบาย ก่อนจะถอนหายใจพรืดใหญ่แล้วพูดจนจบประโยคพร้อมกับก้มลงหอมแก้มผมฟอดใหญ่

“…”


ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ สายตาจับจ้องไปที่แผ่นหลังของร่างสูงที่วิ่งออกไปคว้าเอากระเป๋าเป้ใบโตของตัวเอง แล้ววิ่งออกไปจากห้องด้วยท่าทีรีบร้อน


สุดท้าย…
   

คนที่พี่มันเลือกก็ไม่ใช่ผมอยู่ดี...





ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
อึนจัง ความรู้สึกแบบ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่มึงอะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao4:



ไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: ไม่อยากเจ็บมากไปกว่านี้ก็ตัดใจ ทำใจแข็งเหอะ

ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น้องมันคงแบบ ฉันงงว่าฉันเป็นใครสำหรับพี่มัน อึดอัดมากใช่ไหม

ออฟไลน์ fammi50

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
ตัดใจเหอะบีทส์ เข็ดสักที

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด