☼ Love Suck! เกลียดนัก...รักดูไหม? ตอนที่ 39 : ตั ว ล่ อ [P7] 31.10.61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☼ Love Suck! เกลียดนัก...รักดูไหม? ตอนที่ 39 : ตั ว ล่ อ [P7] 31.10.61  (อ่าน 43678 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใครซวย เจหรือเปล่านะ  :hao4:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
โอ้ยยยยย ทำไมพวกมึงไม่ไปเคลียร์กันเอง เอาบีสท์มาเกี่ยวด้วยทำไมไอ้เลววววว :serius2:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ซวยของแท้เลยหนู จะมาชวนทันมั้ยเนี้ย

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
พิสูจน์ความรักอีกครั้ง

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ตอนที่ 40 :: ข้อแลกเปลี่ยน พาร์ท 1




#นิยาย Love Suck! เปิดให้จับจองเป็นเจ้าของแล้วเน้อ ตั้งแต่วันนี้ - 15 พ.ค. 63#

 

[ซัน]

 


“มึงจะไม่ทำอะไรเลยจริงๆ เหรอวะซัน”

 

ผมหันไปเลิกคิ้วให้ไอ้อาร์ต มันมาหาผมที่บ้าน ทำไมกูต้องทำอะไรด้วย ในเมื่อเราไม่เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว หายไปยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง เดี๋ยวก็คงกลับมาเหมือนเดิมนั่นแหละ

 

“ไอ้ซัน”

 

ผมถอนหายใจ

 

“แล้วกูต้องทำอะไร”

 

ถามมันกลับเสียงฉุน ก่อนจะก้มอ่านเอกสารในแฟ้มต่อ

 

ช่วงนี้ผมต้องอ่านเอกสารทำความเข้าใจกับเนื้องานแต่ละโครงการอย่างละเอียดเพื่อศึกษาโครงสร้างงานและลักษณะการบริหารจัดการงาน ดังนั้นจึงต้องอ่านให้มากเข้าไว้ โทษใครไม่ได้ด้วย ก็ตัวเองดันไม่ได้สนใจที่จะเข้ามาดูแลตั้งแต่แรกนี่นะ

 

“เหี้ย...นิ่งเกินไปแล้ว” ไอ้อาร์ตด่า

 

ผมยักไหล่

 

“เรื่องไอ้เจเป็นไงบ้าง กูได้ยินว่ายังตามตัวไม่ได้” มันเปลี่ยนเรื่องพลางปลดเนกไทออกจากคอ แล้วยกเบียร์ขึ้นจิบ

 

มันยังอยู่ในชุดทำงานเต็มยศด้วยซ้ำ ออกเวรสี่ทุ่มก็ตรงดิ่งมาหาผมเลย



“หมาจนตรอกอย่างมันหนีไปไหนได้ไม่นานหรอก” ผมตอบนิ่งๆ ปล่อยให้มันได้หนีเท่าที่มันจะหนีได้ มีพ่อมันอยู่ในมือ มันไม่กล้าทำอะไรวู่วามแน่

 

ทีนี้ก็รอดูกันว่า ‘ไพ่ใบสุดท้าย’ ของมันคืออะไร

 

“แล้วพ่อมึงว่ายังไงบ้าง” ไอ้อาร์ตถามต่อ

 

“กูยังไม่ได้บอก”

 

“เอ้าไอ้ห่า แล้วมึงดันสั่งคนไปเฝ้าลุงเจตไว้แล้วเนี่ยนะ” ไอ้อาร์ตเลิกคิ้ว

 

ผมยิ้ม ก็แค่อยากให้อะไรมันเข้าที่เข้าทางก่อน ค่อยบอกทีเดียว ถึงบอกไปตอนนี้พ่อก็คงไม่เชื่ออยู่ดีว่าหลานชายสุดที่รักของพ่อ ร่วมมือกับเลขาฯ ลุงเจตยักยอกเงินบริษัทเข้ากระเป๋าตัวเอง แถมยังค่อยๆ ช้อนซื้อหุ้นบริษัทตั้งแต่ยังไม่ก้าวเท้าเข้าไปทำงานโดยไม่มีใครรู้

 

โชคดีที่ผมนึกสนุกค้นเอกสารเก่าๆ ออกมาจำลองเส้นทางเดินของงานจนตรวจพบความผิดปกติ จึงได้เริ่มตรวจสอบเงียบๆ

 

ใช้เวลาไม่กี่เดือนก็สาวถึงตัวการ

 

“ก็แค่กันไว้ก่อน” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ

 

“ไอ้ซัน นี่มึงจะไม่สนใจจริงๆ ใช่ไหม” ไอ้อาร์ตเริ่มหมดความอดทน วกกลับเข้ามาถามเรื่องเดิม

 

ผมถอนหายใจหนักๆ แล้ววางปากกาลงบนโต๊ะ เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ยกมือขึ้นมากอดอกมองเพื่อนสนิทที่จ้องผมอยู่เหมือนกัน จากนั้นเอ่ยถามมันเสียงเข้มบ่งบอกความไม่พอใจ

 

“มึงจะให้กูสนใจเขาอีกทำไมวะ เพื่ออะไร?” ผมเลิกคิ้ว “มึงลองตอบให้กูฟังสิอาร์ต” กูอุตส่าห์หันเหความสนใจทั้งหมดมาที่งานเพื่อจะได้ลืมมัน! แล้วมึงจะตามมาย้ำเรื่องของมันทำไม

 

ไอ้อาร์ตทำหน้ารู้สึกผิด

 

“โทษทีว่ะ มึงไม่ไปเจอน้องเขาเหมือนที่กูเจอนี่หว่า” มันทึ้งหัวตัวเอง “ปกติผอมแห้งแรงน้อยอยู่แล้ว ที่กูเจอล่าสุดยิ่งแย่...จนกูอดสงสารไม่ได้ ถึงกูจะไม่เข้าใจความคิดเขา แต่กูว่าเขาคงมีเหตุผล” มันมองหน้าผม “มึงรู้ไหม รอยยิ้มเขามันทำให้กูเศร้าตาม”

 

ผมยักไหล่ ทำเป็นไม่ใส่ใจ

 

ครืด... ครืด…

 

ไอ้อาร์ตเลิกคิ้วถาม เมื่อเห็นผมขมวดคิ้วมองดูเบอร์ที่โทร.เข้ามา

 

เบอร์ที่ผมอยากลบออกไปจากความทรงจำ แต่ดันจำได้ขึ้นใจ...

 


“ใคร?” มันออกปากถาม เมื่อเห็นผมไม่รับสายสักที


 

“คนที่มึงบ่นถึงเมื่อกี้” ผมตอบแล้วกดตัดสาย วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม

 

“ใจแข็งมากเพื่อน!” มันประชด ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ถ้ามึงไม่สนใจก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูไปหาไบร์ทก่อนแล้วกัน”

 

“ไปเอาป่านนี้?”

 

“แค่แวะไปดูหลังคาบ้าน” มันตอบกวนๆ

 

ผมหัวเราะ


         
ไอ้ห่า...อาการหนัก

 

           
มีสัญญาณเตือนข้อความเข้า ผมหลุบตามอง ก่อนจะหยิบมาเปิดอ่าน นึกสงสัยขึ้นมาว่ามันจะมาไม้ไหนอีก แต่...

 

“อาร์ต!!!!” ผมเรียกชื่อเพื่อนตัวเองเสียงดัง มันชะงักที่หน้าประตู ก่อนจะหันกลับมาเลิกคิ้วแล้วเดินกลับมาหาผม ผมกำมือแน่น ไอ้อาร์ตชะโงกหน้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ที่ผมส่งให้มัน ก่อนจะเบิกตากว้างเช่นกัน

 

รูปที่โชว์อยู่บนหน้าจอ เป็นรูปบีทส์กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงสองมือโดนมัดไพล่หลัง สองขาก็ถูกมัดไว้ เบอร์ที่ส่งมาก็เป็นเบอร์ของคนที่นอนสลบไสลอยู่บนเตียง ผมกับไอ้อาร์ตมองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลาย

 

ขออย่าให้เป็นแบบที่ผมคิด ขอร้องล่ะ!

 

“มึงอยู่ที่ไหน!!?” ผมกดรับสาย แล้วโพล่งถามออกไปด้วยน้ำเสียงดุดัน เมื่อมีสายเรียกเข้าจากเบอร์เดิม

 

ไอ้อาร์ตยื่นมือมาคว้าโทรศัพท์ไปจากผมแล้วกดเปิดลำโพง

 

“โอ๊ะโอ...ใจเย็นๆ น้องรัก”

 

ผมชะงัก ไอ้เหี้ยเจ…



ไอ้อาร์ตมองหน้าผมด้วยความกังวล

 

“มึงทำเหี้ยอะไร” ผมถามเสียงลอดไรฟัน

 

ไอ้เจหัวเราะขำๆ

 

ไอ้สัส กูไม่ตลก!

 

“ไม่ได้ทำอะไรนี่ กูแค่พาน้องเขามาพักผ่อนนอกสถานที่ เห็นว่าเคยรักกันมาก่อน เลยส่งรูปให้ดูเล่นๆ กูเริ่มเข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมมึงถึงติดใจเด็กนี่นัก”

 

ผมกัดฟัน พยายามควบคุมเสียงตัวเองให้นิ่งที่สุด “มึงต้องการอะไร”

 

“อยากได้คืนไหม”

 

“...”

 


“ถ้าไม่อยากได้คืนก็ไม่เป็นไร แต่ก็ไม่รับประกันนะว่าจะส่งกลับไปในสภาพเดิมรึเปล่า เด็กมันน่ากินว่ะ ชิมนิดชิมหน่อยคงไม่ว่ากันใช่ไหม แบ่งๆ กันนะน้องชาย” มันเว้นวรรค ก่อนจะต่อประโยคด้วยน้ำเสียงข่มขู่ “บอกก่อนนะว่าถ้าเรื่องนี้ถึงหูตำรวจเมื่อไหร่ มึงอาจจะได้ร่างไร้วิญญาณของไอ้เด็กนี่กลับไปแทน อย่าลืม...ว่ากูไม่มีอะไรจะเสียแล้ว”

 

“มันจะเป็นยังไงก็เรื่องของมันสิ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับกูแล้ว” ผมเสี่ยงบอกปัดความเกี่ยวข้องทันที

 

“งั้นก็น่าเสียดายนะ ฮะๆ” ไอ้เจพูดแค่นั้นก่อนจะกดตัดสายไป

 

ไอ้เหี้ย! มึงจะเล่นกับกูแบบนี้ใช่ไหมไอ้สัส! ผมพยายามกดต่อสายกลับไปหามัน แต่มันไม่ยอมรับสาย และกดปิดเครื่องในที่สุด

 

“เชี่ยแม่ง!!”

 

“ใจเย็นๆ ก่อน มึงก็รู้ว่ามันต้องการอะไรจากมึง กูคิดว่าตอนนี้มันคงยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามหรอก ใจเย็นๆ เดี๋ยวมันก็ติดต่อมา” ไอ้อาร์ตบอกเสียงเครียด ผมกุมมือตัวเองไว้เพื่อลดอาการสั่น โกรธจนสั่นไอ้เหี้ย!!

 

ไม่คิดเลยว่าไพ่ใบสุดท้ายของไอ้เจจะเป็นบีทส์

 

หากผมแสร้งทำเป็นเฉย ปล่อยให้ไอ้เจตายใจ ก็กลัวว่าคนที่ผมไม่เคยนิ่งเฉยต่อมันได้จะเป็นอันตรายไปซะก่อน แค่จินตนาการว่ามันจะกลัวแค่ไหน ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายแม่งก็เต้นรัวจนยืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้! ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ต้องไปช่วยออกมาให้ได้ก่อน แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากัน!!!

 

“มึงโทร.บอกแฟนมึงก่อน บอกว่ารู้แล้วว่าพี่มันอยู่ที่ไหน แล้วโทร.ตามพวกเรามาที่คอนโดกู และถ้าจะให้ดี...อย่าเพิ่งบอกคุณน้า กูจะไปคุยกับพ่อ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน”

 

“โอเค” ไอ้อาร์ตรับคำ ก่อนจะรีบวิ่งออกไป

 

ผมกดต่อสายหาพ่อตัวเองในรอบหนึ่งเดือน

 

“มีอะไร”

 

“เกิดเรื่องแล้วครับ ตอนนี้พ่ออยู่ไหน” ผมถาม

 

“ฉันจะถึงบ้านแล้ว ตอนนี้อยู่กลางซอย มีอะไรด่วนหรือไง” พ่อตอบแล้วถามกลับ

           


“หลานชายสุดที่รักของพ่อ จับคนที่ไม่เกี่ยวข้องไปเพื่อเอามาต่อรองกับผม” ผมตอบคำถามให้สั้นและกระชับที่สุด

 

           
พ่อเงียบไปอึดใจ


 

“ฉันถึงแล้ว มาคุยต่อที่ห้องทำงานฉัน”

 

 

++++++++++++++++++++

 

 

“เรื่องเป็นมายังไง” พ่อเอ่ยปากถามทันทีที่มาถึง ผมเล่าเรื่องความบาดหมางของผมกับไอ้เจ รวมทั้งการทุจริตที่เกิดขึ้นให้พ่อฟัง โดยเลี่ยงกล่าวถึงความสัมพันธ์ซับซ้อนของผมกับบีทส์

 

“จะทำอะไรก็ทำ แต่ฉันขออย่างเดียว...อย่าให้เรื่องถึงตำรวจ” พ่อบอกเสียงเฉียบขาด ผมกัดฟันด้วยความโมโห

 

“มันทำถึงขนาดนี้ พ่อยังจะปกป้องมันอีกเหรอ!?”

 

“ฉันมีเหตุผลของฉัน แกจัดการในสิ่งที่แกต้องทำไป อยากได้อะไรก็แจ้งทวีหรือไม่ก็เจ้าภีม พวกเขาจะสแตนด์บายรอคำสั่งแกทุกเมื่อ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกสั่งให้คนคุมตัวเจตไว้ จะทำอะไรคิดให้รอบคอบ ฉันรู้ว่าแกไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ทำอะไรปรึกษาทวีก่อน” พ่อไม่คิดจะอ่อนข้อ

 

“...หรือถ้าแกอยากให้ตำรวจเข้ามายุ่งก็บอกฉัน” พ่อสบตาผมด้วยสายตาสื่อความนัย “แต่มีข้อแม้หนึ่งข้อคือแลกกับการที่แกจะเลิกยุ่งกับ ‘คนไม่เกี่ยวข้อง’ คนนั้น ฉันไม่เข้าใจ ทำไมแกจะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงขนาดนั้น ชีวิตแกมีค่ามากกว่าจะเอาไปทิ้งด้วยเรื่องขี้เล็บที่แกสั่งให้คนอื่นทำแทนได้ ถ้าเจเขาทำผิดจริง ฉันจะจัดการด้วยวิธีของฉันเอง”

 

ผมจ้องหน้าพ่อนิ่ง

 

“เลือกเอา”

 

นายใหญ่ของธีระกรุ๊ปยื่นคำขาด

 

ผมสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ จ้องตาพ่อแล้วพูดช้าๆ ชัดๆ

 

“พ่อยุ่งแค่เรื่องที่พ่อควรยุ่งก็พอครับ เรื่องของผมไม่ต้องยุ่ง”

 

พ่อหรี่ตามองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก นั่นทำให้ผมตัดสินใจเดินออกจากบ้านมาขึ้นรถ และสตาร์ตเครื่องขับออกมาทันที

 

“อาร์ต กูอาจไปถึงช้าหน่อย”

 

ผมส่งข้อความบอกเพื่อน ก่อนจะหมุนพวงมาลัยเลี้ยวเข้าบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านผม

 

“สวัสดีครับคุณซัน” คนของผมร้องทัก ก่อนจะเปิดประตูบ้านให้

ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะขับรถเข้าไปจอดหน้าบ้านแล้วเปิดประตูลงรถก้าวเข้าตัวบ้าน

 

“อ้าวซัน” เสียงลุงเจตทักผม ขณะกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในบ้าน ไม่มีท่าทีเคืองโกรธที่โดนผมสั่งให้คนคุมตัวเขาไว้ไม่ให้ออกไปไหน หรือถ้าจะไปก็ต้องมีคนของผมไปด้วย

 

ผมนั่งลงฝั่งตรงข้าม แล้วเอ่ยเข้าเรื่องทันที “ผมเข้าเรื่องเลยนะครับ ตอนนี้ลูกของลุงกำลังทำให้ผมลำบากใจ เขาจับคนของผมไปเพื่อหวังต่อรองให้ผมส่งหลักฐานเกี่ยวกับการยักยอกเงินบริษัทเข้าบัญชีส่วนตัวให้เขา ผมต้องการให้ลุงช่วย”

 

ลุงเจตขมวดคิ้วก่อนจะวางหนังสือพิมพ์ลงทันที ผมลอบสังเกตอาการอย่างจับพิรุธ

“เจจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร”

 

“เรื่องนั้นลุงคงต้องไปถามลูกชายของลุงเอง แต่ที่ผมต้องการรู้ก็คือ...มีที่ไหนบ้างที่ลูกของลุงจะไปซุกหัวอยู่นอกจากที่นี่ และมีที่ไหนที่มันจะหนีไปกบดานถ้าหลุดจากการตามล่าของผม ถ้าหากลุงรู้ว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหนให้บอกผมมา ผมจะไปเอา ‘คนของผม’ คืน” ผมบอกออกไปตรงๆ วัดใจกันไปเลย

 

“...”

 

“ถ้าจะถามหาหลักฐาน ผมมีให้ลุงแน่ แต่ตอนนี้ผมต้องช่วยคนของผมก่อน หวังว่าลุงจะเข้าใจและให้ความร่วมมือ ถ้าคนของผมปลอดภัย ผมก็รับประกันได้ว่ามันก็จะรอดเหมือนกัน”

 

 

++++++++++++++++++

 

 

ผมไขกุญแจเข้าไปในห้องพัก แล้วเปิดประตูเข้าไป คนที่อยู่ในห้องหันมามองผมพร้อมกันโดยไม่ได้นัด



“เป็นไงวะ” ไอ้อาร์ตเป็นคนเดินมาหาผมก่อน

 

“ไม่คิดว่าพวกเฮียๆ จะมาด้วย” ผมไม่ตอบแต่หันไปถามมันกลับ ก่อนจะหันไปยกมือไหว้เฮียอั๊ตพี่ชายไอ้อาร์ต พี่เมฆ แล้วไล่ทักเพื่อนสนิทของตัวเองทางสายตา ไอ้โต้ง ไอ้บาส ไอ้สอง คนที่อายุน้อยกว่าก็ยกมือไหว้ผมไล่ๆ กัน ไอ้น๊อต ไอ้ปริ้น ไอ้ออย แล้วก็ไบร์ท ผมหันไปเลิกคิ้วเมื่อเห็นพิงค์กับนัทมาด้วย น้องๆ ยกมือไหว้ผมเช่นกัน

 

“นี่เฮียแทนกับเฮียปลื้มเป็นเพื่อนเฮียอั๊ต สองคนนี้เส้นสายเยอะเผื่อช่วยอะไรได้ เฮียอั๊ตเป็นคนตามมา” ไอ้อาร์ตแนะนำผมให้รู้จักเพื่อนของเฮียมัน หน้าโหดฉิบหาย เป็นเพื่อนเฮียอั๊ตได้ไงวะ

 

ผมยกมือไหว้เฮียทั้งสองคน เขาพยักหน้ารับนิ่งๆ ไม่พูดอะไร

 

“เราต้องแบ่งทีมออกเป็นสามทีม สองทีมไปซุ่มรอไอ้เจไว้ เผื่อว่ามันหนีรอดไปได้แล้วอาจจะหนีไปกบดานในที่ที่กูได้ข้อมูลมา” ผมบอกพลางหันไปถามเฮียแทนกับเฮียปลื้ม “พวกเฮียมีคนอยู่แล้วใช่ไหมครับ”

 


ทั้งสองคนพยักหน้ารับ ผมเลยยื่นแผนที่ให้

 


“นี่เป็นที่อยู่บ้านของไอ้ไลท์เพื่อนไอ้เจ มันมีพวกเยอะเพราะพ่อมันมีกิจการหลายอย่าง ผมอยากให้พวกเฮียไปดักซุ่มไอ้เจที่บ้านเพื่อนมันและคอยตามดูความเคลื่อนไหวของไอ้ไลท์ไว้ มันไม่เคยเห็นพวกเฮีย อีกอย่างที่นั่นเป็นบ้านพักส่วนตัวของมัน ผมอยากให้เฮียคุมพื้นที่ไว้ ถ้าคนไม่พอบอกผมนะครับ”

 


คนชื่อแทนเป็นคนรับไปดูแล้วยื่นให้เพื่อนตัวเอง เฮียปลื้มแค่ปรายตามองแวบเดียว ก่อนจะหันมาตอบผม

 


“เหลือเฟือ”

 


ผมหันไปบอกพี่เมฆแล้วยื่นแผนที่ให้ “อีกทีมต้องแยกกันไปสองที่คือบ้านเก่าของไอ้เจกับบ้านที่มันเคยซื้อไว้ ผมอยากให้พี่เมฆกับไอ้โต้งไปด้วยกัน” ผมหันไปหาไอ้โต้ง “กูรู้ว่าพื้นที่นี้ญาติมึงดูแลอยู่ ฝากด้วย”

 


ไอ้โต้งรับไปดู ก่อนจะส่งยิ้มกวนตีน

 


“อยากกลับไปเยี่ยมญาติอยู่พอดี”

 


“ที่เหลือส่วนหนึ่งไปกับกู อีกส่วนคอยประสานงานอยู่ที่นี่ หากเกิดอะไรขึ้นจะได้แก้สถานการณ์ได้ทัน เป้าหมายก็แค่ช่วยคนของกูออกมาให้ได้อย่างปลอดภัย และห้ามใครเป็นอะไรเด็ดขาด” ผมสั่งการต่อเสียงเข้ม

 


ทุกคนพยักหน้ารับ ไม่มีใครถามหรือออกความเห็นอะไรอีก

 


ครืด... ครืด…

 


ทุกคนมองผมเป็นตาเดียว เมื่อมีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของผม

 


“ว่ายังไง” ผมกดรับ ไม่ลืมเปิดลำโพงด้วย

 


“กูมีของขวัญมาให้” ไอ้เจตอบกลับอย่างอารมณ์ดี ผมกัดฟัน มือสองข้างกำเข้าหากันแน่น

 

“ฮึก...” มาแล้วฮึกแรก ผมพยายามตั้งสติ ห่วงแม่งจะตายแล้วเหี้ย!

 

“ร้องทำไม พี่ดูแลเราไม่ดีเหรอหืม” เสียงไอ้เจคุยกับบีทส์

 

“ไม่!! อย่าแตะกู!”

 

“มึงทำอะไรมัน!!!” ผมตะคอกถามเสียงดังลั่น หันไปเห็นไอ้อาร์ตปลอบคนของมันอยู่ พิงค์ก็เหมือนจะโกรธเลือดขึ้นหน้ามีนัทคอยจับไว้แน่น ส่วนไอ้ออยร้องไปแล้วเรียบร้อยมีไอ้ปริ้นลูบหัวปลอบอยู่

 

ไอ้สองกับไอ้น๊อตนั่งฟังเงียบๆ อยู่ที่โซฟา แต่นั่งติดกันแทบจะสิงร่าง

 

“จุ๊ๆๆ ไหนว่าไม่สนใจแล้วไง” มันถามกลับกวนๆ

 

ผมเงียบ

 

เออไอ้สัส! มันบอกเลิกกู! มันอยากเลิก! แต่กูเองนี่แหละที่ไม่อยากเลิก กูยังรักมันอยู่ นี่แหละที่ทำให้กูหงุดหงิด!!

 

“กูจี้ใจดำสินะ หึๆ ทีนี้มึงฟังกูให้ดี ถ้าอยากได้คนของมึงคืน ตีหนึ่งคืนนี้เอาแฟรชไดร์ฟกับคลิปเสียงนั่นมาให้กูที่โกดังโรงงานเก่าติดกับท่าเรือชลบุรี อย่าเล่นตุกติก เพราะกูทำอะไรได้มากกว่าที่มึงคิด”

 

“มึงทำแบบนี้ทำไม” ผมถาม

 

“เพื่อความสะใจของกูไง” มันตอบกลับเสียงเข้มแล้วกดวางสายไป


“.....”

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

ไอ้น๊อตเป็นคนวิ่งไปเปิดประตู

 

“สวัสดีครับ” ผู้มาใหม่เอ่ยทักทาย ทั้งร่างยังสวมชุดทำงานเต็มยศ มีเพียงเนกไทที่โดนปลดออกหลวมๆ เขาเดินเข้ามาในห้องเงียบๆ พร้อมกระเป๋าใบใหญ่ ก่อนจะหยุดตรงหน้าผม “ท่านประธานส่งผมมาคอยช่วยประสานงานครับ”

 

เขารู้ว่าผมต้องไม่พอใจแน่ที่เห็นเขา





----------------------------------------

คิดถึงกันบ้างไหมเอ่ย?
ท่านใดที่สนใจอยากเก็บนิยายไว้เป็นรูปเล่ม เบบี้เยลโล่เปิดให้โอนเงินแล้วนะคะ
(เปิดพรีออเดอร์ตั้งแต่วันนี้ - 15 พฤษภาคม 63)

ช่องทางติดต่อ FB  : เบบี้เยลโล่  Twitter @babyyellowriter



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด