☼ Love Suck! เกลียดนัก...รักดูไหม? ตอนที่ 39 : ตั ว ล่ อ [P7] 31.10.61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☼ Love Suck! เกลียดนัก...รักดูไหม? ตอนที่ 39 : ตั ว ล่ อ [P7] 31.10.61  (อ่าน 43627 ครั้ง)

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง


ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


***************************************************

Love Suck! เกลียดนัก...รักดูไหม? 
By :: เบบี้เยลโล่



++++++++

#เกลียดนักรักดูไหม

++++++++

สวัสดีค่ะ เพิ่งลงนิยายที่นี่เป็นครั้งแรก
ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่ง
ตัวละครที่เกิดขึ้นเป็นเพียงตัวละครสมมุติ
ฝากติดตามด้วยนะคะ
(โค้ง)


Intro


'ซัน’ อดีตเดือนมหาวิทยาลัย ผู้มีอคติกับเพศทางเลือกอย่าง ‘เกย์’

แต่โลกดันเหวี่ยงเขาให้มาเจอกับ ‘บีทส์’ เฟรชชี่ปีหนึ่งเอกบัญชี...คนนั้น

เขาดูถูกมันสารพัด! แต่พอเห็นมันเกิดเรื่องก็อดยื่นมือเข้าไปช่วยไม่ได้

เพราะความใจอ่อนไม่เข้าเรื่อง! ทำให้เขาเผลอจับมัน 'กิน' ตอนเมา

มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าผีห่าตนใดเข้าสิงเขา!

จะทำยังไง ในเมื่อความรักครั้งนี้เริ่มต้นที่ความเกลียด!



****************************************************************



ขอแนะนำ
 

ซัน - ศิวานนท์   ธีรไชยบดินร์
นิสิตภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ ปี 4
สูง 183 เซนติเมตร
น้ำหนัก 67 กก.
คมเข้ม คิ้วดกหนา ผิวสีแทน





บีทส์ -  นนทพัทธ์  อัครภูวนัย
นิสิตสาขาการบัญชี คณะบริหารธุรกิจ ปี 1
สูง 175  เซนติเมตร
น้ำหนัก  55  กก.


 




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++   









❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀

นิยายเรื่องอื่นของเบบี้เยลโล่


เรื่องแยก :: +✮ แ ฟ น เ ท ค ✮+  (สองxน๊อต)


❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀











Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2018 19:26:46 โดย เบบี้เยลโล่ »

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ตอนที่ 1 :: ยินดีที่ได้รู้จัก



[บีทส์]


“พี่บีทส์!! ไบร์ทต้องรีบไปก่อนนะ วันนี้ไบร์ทมีเทสย่อยแต่เช้า!” เสียงของน้องสุดที่รักของผมตะโกนขึ้นมาบนบ้าน มันจะรีบไปไหนของมัน (นี่แกไม่ได้ฟังที่น้องบอกเลยใช่ไหม) เพิ่งจะเช้าแท้ๆ แน่นอนครับ ในเมื่อน้องมันไปก่อน...ก็ช่างมัน! วันนี้ผมคงต้องใช้บริการเสริมเรียกคนขับรถจำเป็นอย่างนายแท็กซี่ไปมหาลัยตั้งแต่วันแรกแล้วล่ะ เรื่องแค่นี้สบายมาก เงินคุณนายทั้งนั้น!


ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ คุณนายที่บ้านผมสอนไว้ว่าต้องแนะนำตัวให้ทุกคนได้รู้จักก่อน ซึ่งถือเป็นมารยาทที่ดีอย่างหนึ่ง.... ผมมันเป็นลูกรักครับ  ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

 
ผมนายนนทพัทธ์  อัครภูวนัยหรือไอ้บีทส์สุดหล่อของเพื่อนๆ ทุกย่อมหญ้านั่นเอง ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่คณะบริหารธุรกิจ เอกบัญชีบัณฑิต...แอะ แอะ แอะ สงสัยใช่ไหมล่ะครับว่าทำไมผู้ชายมาดแมนแฮนด์ซั่มอย่างผมจะเรียนบัญชีได้ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ   

 
ช่วงเวลาที่ผมต้องตัดสินใจเลือกผมดันไม่รู้จะเรียนอะไรที่เหมาะกับตัวเอง ผมว่าหลายๆ คนก็น่าจะเคยประสบปัญหานี้เหมือนกัน มันยากนะครับถ้าเราไม่สามารถค้นพบตัวเองได้ว่าเราเหมาะกับอะไร หรือชอบเรียนทางด้านไหน แม้กระทั่งอยากจะเป็นอะไรในอนาคตยังเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก รู้ตัวอีกทีก็ต้องเลือกแล้ว
 

ส่วนที่ผมเลือกเรียนสาขานี้ เพราะผมอยากเรียนสาขาที่ไม่ต้องคิดอะไรลึกลับซับซ้อน หมายถึงว่าแหวกแนวจากทฤษฎีน่ะนะ ผมเคยไปเข้าห้องแนะแนวอาจารย์เขาแนะนำผมว่าการทำบัญชีมีแบบอย่างให้ทำตาม (ตามมาตรฐานการบัญชี) แค่จับโน่น นี่ มาใส่เป็นอันจบ  คิดจนหัวจะแตก สุดท้าย...


ก็ลงเอยที่บัญชีด้วยประการฉะนี้แล

 
ฮ่าๆ  ที่จริงแล้วผมว่าผมเป็นคนเรียนเก่งนะครับ  แต่แค่ไม่ถนัดวิทย์ คณิต ฟิสิกส์ ภาษา  หรือแม้แต่วิชาศิลปะ นอกนั้นผมโอเคมากๆ (มันยังมีเหลืออีกเหรอ)
   

 “ไปมหาวิทยาลัย NU ครับ” ก้าวขึ้นแท็กซี่ได้ก็ต้องบอกสถานที่ ที่ว้อนจะไปครับ ไม่งั้นพี่แท็กคงได้ถีบผมลงมาจากรถพี่แก ข้อหากวนส้นตีน ดีไม่ดีได้ของฝากมาเป็นรอยเท้าตั้งแต่วันแรกของการเปิดเทอม

 
พูดถึงมหาลัยแล้วก็อดที่จะภูมิใจไม่ได้นะ ผมเอ็นติดคณะที่อยากจะเข้าได้ คุณนายแทบจะปิดหมู่บ้านฉลองกันเลยทีเดียว  ก็แน่ละครับ ลูกรักสุดสวาทขาดใจอย่างผมสอบติดทั้งที จะทำอะไรเล็กๆ ได้ไง แต่ผมเพิ่งมารู้ตอนหลังว่าคุณนายเขาไปบนกับศาลเจ้าหน้าหมู่บ้านเอาไว้ว่าถ้าผมสอบติดแกจะปิดซอยเลี้ยง แล้วคุณนายก็ทำจริงๆ ครับ
   
 
“ไอ้บีทส์!! ทางนี้โว้ย” อื้อหื้อ เสียงเรียกของไอ้ออย เพื่อนรัก เพื่อนเลิฟของผมครับ มึงจะตะโกนทำไมว่ะเนี่ย คนมองใหญ่แล้วนะเห้ย กูไม่อยากเด่นตั้งแต่วันแรก!!!

 
“เสียงดังทำไมวะ กูไม่ได้หูหนวกเหมือนมึงนะ”

 
“ไงปริ้น” ต้องรีบสะกัดดาวรุ่งมันก่อนครับ ขืนปล่อยให้มันโวกเวกโวยวาย ได้โดนเรียกซ่อมตั้งแต่เขายังไม่เริ่มรับน้องแน่ๆ  ว๊ากใส่มันเสร็จก็หันไปทักทายอีกคนที่เดินตามมันมา ปริ้น หนุ่มหล่อ (น้อยกว่าผม) พ่อรวย เพื่อนสนิทอีกคน มันเป็นคนเงียบๆ ครับ ชอบเดินตามไอ้ออย แบบว่ามันเป็นเพื่อนกันมาก่อนจะเจอผมอีกน่ะ บ้านอยู่ติดกัน

 
พ่อแม่มันเป็นเพื่อนสนิทกันด้วยนะ ผมยังเคยแซวเล่นๆ เลยว่ามันสองตัวแอบกินกันเองหรือเปล่า คำตอบที่ได้รับก็แค่รอยยิ้มเย็นๆ ของไอ้ปริ้น เป็นการจบการสนทนาที่โหดร้ายที่สุด! ส่วนไอ้ออย...มันก็ไล่เตะผมด้วยใบหน้าแดงๆ ของมันนั่นแหละ!

 
แล้วจะไม่ให้กูคิดได้ไงวะ


 พวกมันสองคนเรียนวิศวะเหมือนกันครับ เอ็นติดด้วยกันทั่งคู่ เป็นคู่แท้ปาท่องโก๋ ตัวมันไม่เคยห่างกันหรอกครับ  ไอ้ออยมันซุ่มซ่าม โวกเวกโวยวาย ปากวอนตีน หาได้เรียบร้อยเหมือนผม ไอ้ปริ้นมันเลยต้องคอยตามล้าง ตามเช็ด ตามประกบไม่ให้คลาดสายตาจนเรียกว่าตอนนี้...มันคงชินไปแล้วแหละครับ

 
“พวกกูต้องรีบไปก่อน มึงก็รีบๆ ไปล่ะ สายแล้ว” ไอ้ปริ้นหันมาคุยกับผม พร้อมทั้งลากไอ้ออยให้ไปกับมัน ไอ้ออยมันโวยวายใหญ่เลยครับ เพราะมันยังไม่ได้คุยกับผมสักคำ คงมีเรื่องโม้เกี่ยวกับช่วงปิดเทอมให้ผมฟังล่ะมั้ง ออยมันน่ารักครับ ถึงจะโวกเวกโวยวายแต่มันก็นิสัยดี มีอะไรก็จะนึกถึงผมเสมอ โดยเฉพาะของกิน

 
“อ๊ะ!  ข..ขอโทษครับ”  อูยส์ มัวแต่นินทาพวกมันสองคน ซุ่มซ่ามไม่ดูทางชนกับใครก็ไม่รู้  เจ็บชะมัดเลย ผมลูบหน้าผากตัวเองปอยๆ เสียโฉมไหมวะเนี้ย ไอ้บีทส์ยังไม่อยากมีคู่กรณีตั้งแต่วันแรกหรอกนะ ว่าแล้วก็ขอมองหน้าคู่กรณีสักหน่อยครับ


อื้อหือ...คนอะไรสูงฉิบหาย ตอนเด็กๆ พ่อแม่ให้กินอะไร๊ ผมจะได้หามากินบ้าง!!!

 
“มีตาก็หัดมองทางซะบ้าง” เสียงเย็นๆ ของพี่แกพูดขึ้น หลังจากเห็นอาการตระหนกตกใจ แบบโอเว่อร์แอ็คติ้งของผม ก็คนมันตกใจอ่ะ หน้าตาก็ดีนะ เรียกว่าหล่อละลายเลย ท่าทางจะเป็นรุ่นพี่ ดูจากหนังหน้าน่ะครับ

 
“ขอโทษครับ พอดีผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย” ว่าแล้วก็ฉีกยิ้มกว้างให้พี่แกซะหน่อยครับ จะได้ใจร่มๆ ไม่หักคอผมตายซะก่อนจะได้ไปลงทะเบียนนักศึกษาใหม่ที่คณะ ยังครับ! พี่แกยังทำหน้านิ่ง จะพูดอะไรก็พูดมาเล้ย คนยิ่งรีบๆ อยู่ ถ้าไปไม่ทันล่ะก็ พี่ต้องรับผิดชอบ!...นะเว่ย

 
“หลีกไป” พี่แกเอ่ยไล่ผมสั้นๆ ผมแอบยู่ปากคนอะไรไม่มีมนุษยสัมพันธ์เอาซะเลย ก่อนจะถอยหลีกทางให้ตามความประสงค์ เห๊อะ!

 
“เห้ยซัน รีบไปเหอะว่ะ! ไอ้น๊อตโทรมาตามแล้ว เดี๋ยวไม่ทันกิจกรรมตอนเช้าจะซวยกันหมด” เสียงเรียกของพี่อีกคนในกลุ่มพี่แกดังขึ้น ทำผมหลุดจากภวังค์ ชื่อซันหรอกเหรอเนี้ย ซันที่แปลว่าลูกชาย หรือซันที่แปลว่าพระอาทิตย์กันนะ แต่ถ้าเป็นแบบอย่างหลัง ผมคิดว่าพี่แกคงเป็นพระอาทิตย์ที่มืดมนสุดๆ ไปเลยล่ะ พูดก็น้อย แถมยังส่งรังสีเย็นๆ เผื่อแผ่ออกมาหาผมอีก

 
“อืม เสียเวลาชะมัด” พี่แกหันไปตอบเพื่อน พร้อมทั้งปรายตาเย็นๆ มาทางผมครับ อิย๊ะ!!! ด่ากันทางสายตานี่หว่า


“เอ่อ ขอโทษอีกครั้งนะครับ” ขอโทษขอโพยพี่แกไปก็สามรอบแล้วเท่าที่นับได้ รีบนักก็ไปสิครับพี่ แน่ะ คนเขาขอโทษกลับเดินหนีไปซะงั้น ช่างเห๊อะ!!


ผมก้มลงดูนาฬิกาที่ข้อมือเหลือเวลาอีก 5 นาที สงสัยคงต้องใส่เกียร์สุนัขประหนึ่งว่าเป็น อูเซน โบล์ว นักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกเองซะแล้วล่ะ ว่าแต่...คณะบริหารอยู่ที่ไหน!!

 

+++++++++++++++++++++++++



อร้าก!!!!!!!!!!  กะปิ!!!!!!

 
เต็มๆ เลยแม่มมมมม ฮรือ ได้แต่สบถกับตัวเองในใจเบาๆ เพราะไม่กล้าบ่นออกเสียง สงสัยกันใช่ไหมครับว่าไอ้กะปิมาเกี่ยวอะไรด้วย

 
วันนี้ทางคณะของผมมีกิจกรรมรับน้องกัน คิดว่าอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ก็คงจะยังไม่ได้เริ่มเรียนแน่ๆ ครับ ส่วนไอ้กะปินั่น มันก็มาจากขนมที่พวกรุ่นพี่เอามาแบ่งให้น้องๆ กินด้วยความหวังดี ไม่เคยคิดเล้ยย ว่าจะทำกับน้องๆ ที่น่ารักอย่างพวกผมได้...พวกพี่ๆ ก็ได้แต่หัวเราะคิกคักกันใหญ่ครับ อย่าให้ถึงตาผมบ้างนะคร้าบบ!

 
เปิดเทอมมาได้เกือบอาทิตย์ตอนนี้ผมมีเพื่อนเพิ่มแล้วนะครับ เป็นผู้หญิงเธอชื่อ นัท ครับ ขึ้นชื่อว่าเอกบัญชี ใครได้เข้ามาสัมผัสก็คงจะรู้ครับว่าไม่ต่างอะไรกับเมืองลับแลดีๆ นี่เอง ผู้ชายเข้ามาเรียนน้อยครับ คงไม่นิยมชมชอบอะไรเหมือนผม อีกคนคือ พิงค์ เธอ เอ๊ะ! มัน เอ๊ะ! ไอ้ ฮ่วย เรียกอะไรดีวะ เอาเป็นว่าเรียกมันแล้วกัน คล่องปากที่สุดแล้วครับ ถึงมันจะสวยหยดย้อยแค่ไหน แต่ก็มีงูเหมือนผม...


พิงค์เป็นสาวประเภทสองน่ะ

 
เราสามคนอยู่กลุ่มเดียวกันครับ ทั้งกลุ่มเรียน และรับน้อง สองคนนั้นตามหาพี่รหัสเจอแล้วครับ ส่วนผม... ไม่อยากจะโม้เลยว่าตัวผม...มีพี่รหัสเป็นถึงนางฟ้าของคณะ


นางฟ้าเลยนะเห้ย!!!

พ่วงด้วยตำแหน่งดาวมหาลัยด้วย!!!!
 
กร้ากกกกกกกกกกกกกก


เธอคือ “พี่ฟ้า” ครับ สวยสมชื่อ นอกจากจะสวยแล้วพี่รหัสของผมคนนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องความใจดีมากๆ ด้วยนะ คณะผมไม่ค่อยมีอะไรมาก ไม่เหมือนพวกไอ้ออย ไอ้ปริ้นครับ บ่นให้ผมฟังตั้งแต่วันแรกเลยว่าคณะมันอ่ะพี่ว๊ากโหดมว๊าก พี่แต่ละคนเถื่อนๆ กันทั้งนั้น


ก็กูบอกแล้วว่าให้เรียนเหมือนกู้ววว

 
“น้องบีทส์ อย่าลืมนัดสายรหัสของเราเย็นนี้นะคะสุดหล่อ” จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยรู้ในรายละเอียดอะไรมากเกี่ยวกับประเพณีการรับน้องเท่าไหร่  แต่พี่ฟ้าบอกว่าคืนนี้จะมีกินเลี้ยงรับน้องนิดหน่อย พวกพี่ๆ เขานัดกันไว้ ได้ยินแว่วๆ ว่าพี่แกนัดเลี้ยงพร้อมกับกลุ่มแฟนของพี่เขาน่ะ


ใช่ครับ พี่นางฟ้าของผมมีแฟนแล้ว เฮ้อ


“ครับ ไว้เจอกันตอนเย็นนะครับ” หลังจากนัดแนะสถานที่กันเรียบร้อยแล้ว ผมก็บอกลาพี่รหัสออกมา ยกมือไหว้พี่ๆ ที่นั่งกันเป็นกลุ่มใหญ่ พี่ๆ เขารักกันดีครับเอกนี้ น่าชื่นชมจริงๆ คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ครับ อนาคตที่แสนจะสดใส


ดีจังที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี

 
“โอยยย ออยไม่ไหวแล้วนะปริ้น~” ฮ่าๆๆ เสียงงอแงของไอ้ออยครับ เพื่อนสนิทเท่านั้นนะถึงจะมีโอกาสได้เห็นแบบนี้  ตอนนี้พวกผมสามคนนั่งอยู่ที่โรงอาหารของคณะวิศวะครับ ผมมานั่งรอพวกมันสองคนตั้งแต่ออกมาจากคณะแล้ว เห็นจากสภาพไอ้ออยไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าผมมาเรียนคณะนี้บ้าง...กูจะรอดไหมวะ

   
ไอ้ปริ้นมันก็เงียบเหมือนเดิมครับ แค่ขยับมานั่งนวดแขน นวดขาให้กับภรรยาในอนาคตของมัน จากที่สังเกตแล้วดูท่าไอ้ปริ้นก็โดนมาไม่น้อยเหมือนกัน เสื้อมันมีแต่สีเครอะเต็มไปหมด ผมเห็นมันเลอะกลับบ้านทุกวันคณะนี้เขาเล่นกันจริงอะไรจริง ส่วนไอ้ออย...ไม่อยากจะพูดเลยครับ นึกแล้วขำไม่หาย เห็นไอ้ปริ้นบอกว่าพี่รหัสไอ้ออยเขาจับมันไปมัดจุกเปิดผมด้านหน้าขึ้น แถมยังสั่งอีกว่าห้ามมันแกะผมออกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะไม่รับมันเป็นน้องรหัส!

 
ไอ้ออยถึงกลับปรี้ดแตกเลยครับ  แต่ทำอะไรไม่ได้วันดีคืนดีผมเห็นยางมัดผมของมันเป็นสีชมพูด้วยครับ 555+ พี่รหัสมันโคตรพิเรนเลยเล่นเอาไอ้ออยหน้าหงิกหน้างอทั้งวัน

 
 “พี่รหัสกูนะ เล่นอะไรไม่เห็นใจน้องเลย” บ่นไปทั้งๆ ที่หน้ามันยังคว่ำอยู่กับโต๊ะครับ สงสัยจะเหนื่อยจริงๆ แอบเห็นใจมันอยู่เหมือนกัน ปกติที่บ้านมันโอ๋จะตายไปไม่เคยให้ทำอะไรหนักๆ ขัดใจสักแอะยังไม่มีเล้ย

 
 “พวกมึง วันนี้กูต้องไปกินเลี้ยงรับน้องกับสายรหัสกูวะ” ผมเปิดประเด็นขึ้น ไอ้ออยถึงกับมองขึ้นมาตาขวางเลยครับที่ผมไม่สนใจคำบ่นของมัน ไอ้นี่มันชอบเรียกร้องความสนใจ ไอ้ห่านี่ กูไม่ใช่ไอ้ปริ้นของมึงนะ!

 
“เหมือนกัน” เอ่อ เป็นไอ้ปริ้นที่แก้ไขสถานการณ์ให้ครับ แต่ถ้ามึงจะตอบแค่นี้ก็ไม่ต้องปริปากออกมาหรอกนะ กูกลัวดอกพิกุลจะร่วง

 
“โอเค งั้นเดี๋ยวแยกกันตรงนี้นะ พรุ่งนี้เจอกันที่เดิม” เผ่นดีกว่าครับ ให้สองสามีภรรยาเขางอนง้อกันต่อ วันนี้คิดว่าจะหนีบไอ้ไบร์ทไปด้วยครับ ที่เอามันไปด้วยไม่ใช่อะไรหรอกครับ...

 
คุณนายที่บ้านสั่งมาน่ะ

 
คงเป็นห่วงกลัวผมโดนลากไปทำมิดีมิร้ายมั้งครับ โธ่คุณนายไม่ได้ดูเอกที่ผมเรียนเล้ย ผมเรียนบัญชีนะครับมีแต่ผู้หญิง! ใครจะมาลาก แต่ถ้าเป็นพี่ฟ้าผมก็โอเคนะเออ

 
ติ้ง ติ้ง~

 
“ไบร์ทรอที่บ้านนะพี่บีทส์”

 
“อื้อ เดี๋ยวเจอกันที่บ้าน”

 
ไอ้น้องตัวดีไลน์มาครับ ส่วนใหญ่พวกผมสองคนจะไม่โทรคุยกันหรอก แบบถ้าโทรคุยกันมันก็เปลืองใช่ไหมล่ะ ไลน์คุยกันซะจะได้ไม่เป็นภาระค่าโทร ฮิฮิ 

 

LEO CLUB

 

“ผมถึงแล้วนะครับพี่ฟ้า”
 

“...”
 

“ครับ”
 

“...”
 

“ได้ครับ แล้วเจอกันนะครับ”


“ป่ะไบร์ท”
 

โทรหาพี่ฟ้าเสร็จก็หันมาลากไอ้ไบร์ทเข้าไปข้างในครับ ดูเหมือนพี่ๆ จะมากันเกือบครบแล้วนะ เห็นพี่ฟ้าบอกว่ามากันได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว วันนี้พี่ๆ เขาจองห้องวีไอพีไว้เลยหาง่ายหน่อย ไม่งั้นผมกับน้องคงหากันตาเหลือก สถานที่แบบนี้เราไม่ค่อยได้มากันบ่อยหรอกครับ คุณนายเป็นห่วงไม่อยากให้เที่ยวอะไรแบบนี้


หมับ


“หือ”


“กูชอบมึงว่ะ นอนกับกูไหม บอกมาว่าจะเรียกเท่าไหร่ กูยอมจ่าย~”


เฮ้ย!!!!!!!!


อยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้เดินมาดึงข้อมือน้องผมไว้ แถมยังพูดจาได้กวนอวัยวะเบื้องล่างมันอีกครับ คือไม่ใช่อะไรนะ ไม่ได้หวงน้องขนาดนั้นแต่แบบ แอบสงสารพี่ผู้ชายแกมากกว่า เล่นกับใครไม่เล่น ดันมาเล่นกะไอ้ไบร์ท ศพไม่สวยแน่ครับ ไบร์ทคงจะโกรธมาก กัดฟันกรอดเลย อาเมน~


“ว่ายังไง ผู้ชายด้วยกันคงไม่เสียหายอะไรหรอก”


โครม!!!!!


จบคำพูดนั้นไบร์ทก็ยกเท้าขึ้นสวนเลยทันที

 
“ถ้าเงี่ยนมากนัก ก็เข้าอาบ อบ นวดไปเลยสิไอ้สัด”
 

อึ้ง!!!! 

 
ได้แต่อ้าปากค้าง!!!

 
ผมระเบิดหัวเราะ หลังจากถูกไอ้น้องตัวดีฉุดกระชากออกมาจากสถานการณ์ชวนขนแขนสแตนอัพ สิ่งเดียวที่น้องผมเกลียดมากที่สุดก็คือผู้ชายเจ้าชู้ ที่สุดของที่สุดก็คือผู้ชายหื่นกาม ไอ้พี่คนเมื่อกี้นี้ก็คือดับเบิ้ลของความเกลียด จะว่าไปพี่แกก็หน้าคุ้นๆ นะ เหมือนจะเคยเจอที่ไหนแต่นึกไม่ออก


“ใจเย็นน่าไบร์ท พี่แกคงเมา” 

 
“เย็นอะไรพี่บีทส์ ตามันไม่มีมองหรือไงว่าไบร์ทไม่ใช่ผู้ชาย” เอิ่ม คือน้องมันคงไม่รู้ตัวน่ะครับ ว่าคือตัวมันน่ะ เหมือนเคะน้อยๆ มากแค่ไหน ตัวมันสูงกว่าผู้หญิงทั่วไปสูงตั้ง 170 เซน ผิวขาวๆ ตาโตๆ  ยิ่งทรงผมที่เพิ่งไปตัดมานั่นอีก จะไม่ให้เขาเข้าใจผิดยังไงไหว

 

“เออน่า ไม่เคยได้ยินไง๊ ที่เขาบอก อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมาน่ะ”

 
“ฮึ่ย! ก็ได้วะ อย่าให้เจออีกนะ แม่จะจัดให้ชุดใหญ่เลย” ชักจะสงสารพี่แกหนักเข้าไปอีก น้องผมน่ะ แชมป์เทควันโด้เยาวชนระดับจังหวัดเลยนะครับ

 
“ป่ะๆ เข้าไปข้างในก่อน” ยืนอยู่หน้าห้องแล้วครับ เสียงดังออกมาถึงข้างนอกเลย ท่าทางจะอยู่กันเยอะ เอาไงดี เป็นน้องใหม่แต่มาสายจะโดนเรียกซ่อมไหม ฮึ่ย แต่คงไม่หรอกมั้งพี่รหัสออกจะใจดี

   

ผมเปิดประตูเข้าไปอย่างเบามือก่อนจะโผล่หัวเข้าไปก่อน

 
อ้าว พวกไอ้ปริ้นมาได้ยังไง มันกวักมือเรียกผมสุดท้ายผมก็เลย...

 
เอ้าชน~

 
แหะ แหะ หลังจากที่เปิดประตูเข้ามาได้ก็สะดุดกึกครับ ไม่คิดว่าจะเจอเพื่อนรักเพื่อนเลิฟที่นี่ สงสัยจะเห็นผมทำหน้าหมางงพี่ฟ้าเลยอธิบายว่าวันนี้นัดเลี้ยงรับสายรหัสพร้อมกับกลุ่มของพี่ซัน ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่าพี่เขาเป็นแฟนของพี่ฟ้าอ่ะนะ แล้วก็โคตรจะบังเอิญที่ไอ้ออยเป็นเหลนรหัสของไอ้พี่ซันหน้าหล่อ แน่นอนว่าถ้าไอ้ออยมาต้องมีเงาตามตัวมันอย่างไอ้ปริ้นสุดหล่อมาด้วย..

 
ในเมื่อครบแก๊งกันขนาดนี้มันก็ต้องฉลองครับ จำได้ว่าเพื่อนกับหลานรหัสของพี่ซันนั่นก็คือพี่รหัสของไอ้ออยเป็นคนชงเหล้า จำไม่ได้เหมือนกันว่าชื่ออะไร ถ้าจะชงเข้มขนาดนี้ให้ผมกินแต่เหล้าเพียวๆ เลยก็ได้นะพี่!

 
อ่อ ลืมพูดถึงไอ้น้องสุดที่รัก ตอนนี้มันเผ่นไปไหนแล้วก็ไม่รู้ครับ เห็นใครโทรมาก็ไม่รู้ดูท่าแล้วไบร์ทมันหงุดหงิดน่าดู คุยเสร็จมันก็หันมาบอกให้ผมดูแลตัวเองดีๆ ไว้เจอกันที่บ้าน...

 
อ้าวเวร...


ได้ข่าวว่าคุณนายให้ตามมาดูแลกูไม่ใช่เร๊อะ!!


เหล้าฟรี กินฟรี แถมคนคอยขัดลาภ(ปาก) ไม่อยู่ เสร็จกู

 
“พอได้แล้วมั้งคะน้องบีทส์ ดื่มเยอะเกินไปแล้วนะคะ” เสียงนางฟ้าสุดสวยของผมเอ่ยทัก ผมได้แต่หันไปยิ้มหวานๆ ให้พี่ฟ้าพร้อมกับส่ายหน้าไปมา เชิงให้เขารู้ว่าผมยังไหว แต่ทำไมพี่ฟ้ามีหลายคนจังวะ!

 
“แม่ะ น้องบีทส์เนี้ย พอเมาแล้วน่ารักจังเลยนะครับ ฮิ้วว~” เสียงใคร!
 

ผมหล่อต่างหากละโว้ย

           
“น้องฟ้าครับ ดึกแล้วกลับกันดีกว่าไหม” เสียงเรียบๆ นิ่งๆ นี่เสียงใครทำไมเสียงมันอยู่ใกล้จัง แล้วจะชวนพี่รหัสผมไปไหน ข้ามศพไอ้บีทส์ไปก่อนเถ๊อะ! โอย ทำไมโลกมันหมุนติ้วๆ แบบนี้


“เดี๋ยวกูไปส่งน้องบีทส์ให้ก็ได้นะเว้ย” จะไปส่ง รู้จักบ้านกูเหรอครับพี่

 
“เอาตัวมึงให้รอดก่อนไหมครับไอ้อาร์ต” อ่อ ไอ้พี่อาร์ตหน้าม่อนี่เอง เอ๊ะ แล้วนี่ไอ้ออยกับไอ้ปริ้นไปไหน ทำไมไม่ได้ยินเสียงพวกมันเลย เมาแล้วหลับไปแล้วรึไงวะ กูว่าแล้วใครมันจะคอแข็งเหมือนไอ้บีทส์คนนี้

 
“นั่นสิ ไปกันเถอะค่ะพี่ซัน ต้องแวะไปส่งน้องรหัสตัวดีของฟ้าอีกนะ กว่าจะกลับบ้านอีก ขับรถดึกๆ มันอันตราย ฟ้าเป็นห่วง”

 
น้องรหัสตัวดี? หมายถึงผมใช่ป่ะ? ถ้างั้นก็...ลุก!!


เห้ยยย!!  //  เหี้ยยย!!!!!


 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2018 14:34:49 โดย เบบี้เยลโล่ »

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ตอนที่ 2 :: ซวยสมบูรณ์แบบ

 

[ซัน]


เหี้ยยย!!

 
เชี่ยเอ้ย กูว่าแล้วไงว่ามันจะต้องสร้างความหายนะให้กูจนได้!


ตอนที่เห็นมันโผล่หน้าเข้ามาในห้องผมเองก็ตกใจครับ  ไม่คิดว่ามันจะเป็นน้องรหัสของฟ้าไปได้  ผมกับฟ้าจริงๆ นอกจากจะเป็นแฟนกัน (ตามความเข้าใจของคนอื่น) เรายังเป็นว่าที่คู่หมั้นกันด้วยน่ะ  ผมมันลูกคนเดียว  ฟ้าเองก็ลูกสาวคนเดียวของบ้านเหมือนกัน

 
ครอบครัวเราทำธุรกิจร่วมกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่แล้วครับ  ผมกับเธอเลยสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก  เรียกว่าเราโดนจับคู่กันมาตั้งแต่เด็กจะดีกว่า ถามว่ารักกันไหม รักไม่รักมันไม่สำคัญหรอกครับ สำคัญที่ยังไงก็ต้องได้แต่งงานกันอยู่ดี  เราเลยตกลงคบกันอย่างเป็นทางการ ผมจะไปทำอะไรเธอไม่ห้าม แต่ถ้าแต่งงานแล้วค่อยมาว่ากันอีกที


พอไอ้เด็กนั่นมาถึง ฟ้าก็แนะนำให้มันรู้จักกับทุกคนทั้งเพื่อนของฟ้าแล้วก็กลุ่มของผม ดูท่าจะคุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้น่าดู เห็นฉีกยิ้มกว้างให้ทุกคนไม่มีอาการประม่า ตาโตๆ ของมันหวานฉ่ำ


ท่าทางมันจะคออ่อนซะด้วย เลยหันไปส่งซิกให้กับเพื่อนรักจัดหนักรับน้องพวกมันซะเลย กูหมั่นไส้จริงๆ  เพื่อนกันมองตาก็รู้ใจครับ ไอ้สองมันส่ายหัวยิ้มๆ ตอบกลับมา ชงเสร็จก็ส่งให้กับเด็กน้อยทั้งสองคน นั่นหมายถึงรวมทั้งไอ้ออยเหลนรหัสผมด้วย  ไอ้นี่มันมีคนคอยมาคุมคงไม่เป็นอะไร  แต่อีกคน...หึหึ


ฟ้าหันมาทำหน้าดุใส่ผมนิดหน่อย  แต่ผมก็ยิ้มกลับไปให้ประมาณว่าแค่แกล้งเล่นไม่มีอะไร ฟ้าเลยปล่อยเลยตามเลย สนุกสิครับทีนี้  ดูท่ายิ่งเมามันก็ยิ่งเลื้อย เดินไปซบคนโน่นทีคนนี้ที ใครชวนชนแก้วไม่มีแม้แต่คำปฏิเสธ นี่สินะธาตุแท้ของเด็กคนนี้...


 “พี่ซันคะ จะไปไหนเหรอ”
 

“อ่อ พี่จะไปเดินยืดเส้นยืดสายหน่อยน่ะ” ที่จริงก็กะว่าจะไปสูบบุหรี่สักหน่อย เห็นอะไรขัดหูขัดตาก็พาลให้หงุดหงิดไปด้วย


“อยู่เป็นเพื่อนฟ้าเถอะนะคะ ดูท่าน้องรหัสฟ้าจะไม่ไหวแล้ว ฟ้าเป็นห่วงน้อง” เฮ้อ  จะเป็นคนดีไปไหนครับฟ้า  ไม่เห็นจะต้องห่วงคนแบบนั้นเลย ท่าทางหมอนั่นจะชอบอกชอบใจด้วยซ้ำไป ผมนึกถึงบทสนทนาของผมกับไอ้คีย์ตอนที่เจอกับเด็กนี่ครั้งแรกแล้วส่ายหัว


“เด็กคนนั้น  น่ารักดีนะเว่ย”  เสียงของไอ้คีย์ดังขึ้น หลังจากที่เราเสร็จจากกิจกรรมรับน้อง ในตอนเช้าแล้วก็ระเห็จออกมานั่งที่ม้านั่งประจำกลุ่ม จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่ให้น้องๆ ลงทะเบียนแล้วนัดแนะกำหนดการรับน้องอีกนิดหน่อย เป็นอันเสร็จพิธี กิจกรรมรับน้องของเราเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ ที่ยึดถือปฏิบัติติดต่อกันมานาน รุ่นพี่รุ่นน้องทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมนี้ ถือเป็นภาคบังคับ


“ใครวะ”


เอ่ยปากถามมันไปอย่างนั้น จริงๆ ก็พอเดาได้ว่ามันหมายถึงใคร

 
“ก็คนที่เดินชนกับมึงไง” นั่นไง คิดแล้วไม่มีผิด เด็กคนนั้น...ดูก็รู้แล้วว่าน่าจะเป็นเกย์ น่อมแน๊มขนาดนั้น ยิ่งตัวเล็กๆ ปากแดงๆ ผิวขาวทั้งตัว คงสเป็คมัน ไม่งั้นไม่เก็บเอามาพูดในกลุ่มเหมือนอย่างที่เป็นตอนนี้หรอก


“กูเกลียดเกย์มึงก็รู้” ครับ ผมไม่ชอบ ไม่สิ เกลียดเลยต่างหาก เห็นพวกผู้ชายตัวเล็กๆ ขาวๆ ไม่ได้เป็นต้องหัวเสีย ไม่อยากเข้าใกล้ ขยับออกห่างเท่าไหร่เป็นดีต่อตัวผม เพราะมันทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ผมไม่อยากนึกถึง ยกเว้นไอ้พวกเพื่อนๆ ที่สนิทกันนะครับ พวกมันเป็นรุกก็ยังพอคบกันได้

 

“โหย อะไรวะ” มันทำเสียงบ่น แล้วหันไปคุยเรื่องกิจกรรมรับน้องกับกลุ่มเพื่อนๆ ต่อ ผมในฐานะประธานรุ่น ก็ทำได้แค่ฟังแล้วเสนอแนะอะไรเพิ่มเติมบ้างนิดหน่อย ที่เหลือก็ปล่อยให้พวกมันไปคิดต่อกันเอาเอง  เรื่องอะไรต้องเอามาคิดเองให้ปวดหัวทั้งหมด


 “พี่ซันเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงเรียกของฟ้าทำให้ผมหันมาเลิกคิ้ว


“เปล่าครับ แค่คิดอะไรนิดหน่อย อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” ผมหันไปโยกหัวอีกคนเบาๆ  เวลากังวลอะไรฟ้าจะชอบทำหน้านิ่วคิ้วขมวด มันน่ารักมากๆ ในสายตาของผม แต่ก็นะ...ผมไม่ค่อยชอบเวลาที่ฟ้าเครียดหรือต้องกังวลอะไร ผมอยากให้เธอยิ้มแล้วก็หัวเราะมากกว่า


“งั้นเอางี้” ฟ้าทำหน้าสงสัย ผมยิ้มก่อนจะอธิบายให้คนขี้สงสัยเข้าใจ

 
“ก็ถ้าน้องรหัสของฟ้าเขาเดินไปไหนมาไหน ก็จับให้เขานั่งอยู่กับที่ซะสิครับ”


“เออใช่”  ฟ้าหันมายิ้มกว้างให้ผม เปลี่ยนอารมณ์ง่ายจริงๆ

 
สักพักฟ้าก็เดินไปลากน้องรหัสมานั่งลงข้างๆ ผม อย่าบอกนะว่าจะให้นั่งด้วยกัน ไม่นะเว่ย ห่างกันไว้เป็นดีที่สุด เห็นแล้วไม่ถูกชะตา


“ฟ้าฝากบีทส์ด้วยนะคะพี่ซัน พอดีฟ้าจะไปเข้าห้องน้ำ” น้องฟ้ากระซิบบอก โอ้ย ให้ตายเถอะทำไมต้องทิ้งไอ้เด็กนี่ไว้กับผม


ดูท่าจะเมาไม่น้อยเลยครับ นั่งคอพับแทบจะทิ้งตัวลงจากเก้าอี้อยู่แล้ว ผมแค่นั่งสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ แต่ดูท่ามันจะไม่อยากเงียบไปด้วยเพราะไอ้เด็กนั่นมันดันทิ้งหัวลงมาบนตักของผมนี่สิ!


“ดูท่าเด็กมันจะชอบมึงนะซัน”  เสียงกวนอวัยวะเบื้องล่างของไอ้สองดังขึ้นมา ไม่ดูสถานการณ์เลยนะมึง วอนกินตีนกูอีกล่ะ


“มึงก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร” ผมตวัดสายตาไปหามันให้หุบปากก่อนเจอดี มันแค่ส่งยิ้มเลวๆ มาให้ แล้วหันไปไซร้เด็กมันต่อ ห่านี่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้เด็กๆ เลียนแบบ


 “เฮีย พวกผมกลับก่อนนะ” เสียงเรียกของไอ้ปริ้น มันพยุงร่างของไอ้ออยไว้ ดูท่าเหลนผมคงโดนไปไม่น้อยเลยเหมือนกัน หึหึ ไอ้เด็กนี่มันน่ารักครับ พี่ๆ เลยรุมแกล้งกันใหญ่โดยเฉพาะไอ้วิทย์พี่รหัสของมันเอง ส่วนไอ้ปริ้นมันคงคอแข็ง ที่ยืนไหวนี่ก็ถือว่าเก่งแล้วนะครับ


“ให้กูไปส่งไหม  ขับรถไหวเหรอมึง”  ถึงจะยังไงพวกผมก็รุ่นพี่ต้องดูแลรุ่นน้อง พาลูกเขามายังไงก็ต้องดูแล ไอ้ปริ้นเองก็เป็นเหลนรหัสของเพื่อนในกลุ่มผมนี่แหละ ความสัมพันธ์ของมันกับไอ้ออย  ถึงมันจะไม่ได้แสดงอะไรออกมามากมายแต่ทุกคนก็พอจะดูออกแค่ไม่มีใครพูดอะไรก็แค่นั้น


“ไหวเฮีย แต่ผมคงต้องฝากไอ้บีทส์ไว้กับพวกเฮียนะ บ้านมันไกลจากบ้านผมเยอะ ผมกลัวไปส่งมันไม่ไหว นี่ที่อยู่มันครับ” เวรแล้วไง


สักพักฟ้าก็เดินกลับเข้ามา ดูเหมือนไอ้ปริ้นจะคุยกับฟ้าเรื่องต้องไปส่งน้องรหัสแล้ว ผมพยายามจะดันไอ้คนที่นอนหนุนตักผมให้ออกไปแต่กรรมของเวรมือสองข้างของมันดันคว้าหมับเข้าที่เอวผมทั้งสองข้าง อยากถีบตกโซฟาจริงๆ


ฟ้าหันมาหัวเราะ แล้วขอโทษขอโพยผมใหญ่ สรุปคือกูต้องเป็นคนดีใช่ไหม นั่งได้สักพักผมก็ชวนฟ้ากลับ ถ้าไม่รีบกลับไอ้เด็กนี่ได้กระเด็นออกจากตักผมแน่ ชักนึกถึงคำไอ้สองขึ้นมาตะหงิดๆ ละ


ไอ้อาร์ตมันหันมาแซว ทำเป็นอาสาจะไปส่งไอ้น้องบีทส์ให้ เห๊อะ กูดูออกหรอกครับว่าจ้องจะกินไอ้เด็กนี่!
 
 
ฟ้าเตรียมจะปลุกไอ้บีทส์ แต่สงสัยมันจะได้ยินว่าต้องกลับ อยู่ดีๆ มันก็ลุกพรวดออกจากตักผมทำให้หัวของมันชนกับคางผมอย่างจัง สัด เจ็บนะมึง! ล้มทั้งนั่งเลยสิกู เชี่ยเอ้ย พอผมลืมตาขึ้นมาเท่านั้นล่ะ...


เห้ยยย!!  //  เหี้ยยย!!!!


จุ๊บ


เวรเอ้ย! ไอ้เด็กนั่นมันลุกไม่ระวังดันล้มลงมาทับตัวผมอีกที กรรมของเวรปากแดงๆ ของมันยังฉวยลงมาโดนแก้มผมอีก  ค้างกันทั้งห้อง!
 

“หื้อ พี่หล่อนี่ใคร อ้อ พี่ซันนี่เอง..ฮิฮิ~” ไม่พูดเปล่าเมื่อมันยกมือมันขึ้นมาลูบไล้หน้าผมแล้วพลิกไปมาพร้อมกับหัวเราะคิกคัก สัด! กูขนลุก!

 
“แก้มพี่ห้อมหอมเน๊อะ~” พ่อง! มันก้มลงมาหอมแก้มอีกข้างที่เหลือ แล้วซุกหน้ามันไว้กับซอกคอผม โอ้ยเชี่ย ใครก็ได้เอามันออกไปที!


ไอ้พวกที่เหลือมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกัน แทนที่จะมาช่วยกันเอาไอ้เด็กนี่ออกไปจากตัวกูนะพวกมึง


“เอามันออกจากตัวกูเลยสัด”  หันไปสั่งไอ้สอง ไอ้นี่แทนที่จะรีบมาช่วยเพื่อนดันยกกล้องขึ้นมาถ่ายผมกับกับบีทส์หน้าตาเฉย


“ง่ำๆๆ” อย่ากัดไอ้เด็กเวร! หูกูไม่ใช่ของกิน!


ฟ้าหัวเราะลั่นแล้วรีบมาช่วยพยุงไอ้เด็กเวรนี่ออกจากตัวผม ฝากไว้ก่อนเถอะมึง


กว่าจะจัดการยัดไอ้เด็กบีทส์ใส่หลังรถได้  ก็เหงื่อตกกันไปตามๆ กัน ตอนนี้พวกเราแยกย้ายกันกลับแล้ว เพราะพรุ่งนี้มีประชุมที่คณะแต่เช้า ทีแรกจะไปส่งไอ้เด็กนี่ก่อน แล้วค่อยไปส่งฟ้ากลับบ้าน

 
แต่กลับกลายเป็นว่าที่บ้านฟ้ามีปัญหาต้องรีบกลับเพราะรถที่บ้านมารับแล้ว คว้ากระเป๋าได้ฟ้าก็รีบออกไปเลย ขอโทษผมใหญ่ คงรู้สึกผิดที่ต้องฝากน้องรหัสไว้กับผม

 
แต่เห้ย!!!!

 
ที่อยู่ของไอ้เด็กนี่ละครับ!!! จำได้ว่าฟ้าขอดูแล้วเก็บไว้ เพราะเธอจะเป็นคนบอกทางให้ผม เจริญล่ะ!
 

หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...


อืม  ซวยสมบูรณ์แบบ ทั้งฟ้า ไอ้ปริ้น ติดต่อไม่ได้ทั้งคู่ แล้วกูจะเอาไอ้เด็กเวรนี่ไปส่งที่ไหน ทำกับกูไว้ซะแสบ แถมยังต้องมาเป็นภาระให้กูอีก เหลนรหัสกูก็ไม่ใช่ ว่าแต่มันหลับหรือตายวะนั่น...เงียบสนิทเชียวนะมึง

 
“แจ็บ แจ็บ~”  อ่อ ไม่ถึงกับสนิท
 
 
ถ้าปลุกขึ้นมาถามทางตอนนี้กูว่าไม่ถึงบ้านมันแน่ๆ เฮ้อ ปลงตกกับความซวย เมาขนาดนี้จะปล่อยไว้ก็ไม่ได้ แบกกลับคอนโดกูก็ได้วะ! ภาระกูจริงๆ

 
ผมออกมาอยู่คอนโดคนเดียวตั้งแต่เข้ามหาลัยทั้งสะดวกแถมยังไกลจากบ้านผมด้วย จะทำอะไรก็ทางสะดวก ผมชอบเอาคู่ขามาหาความสุขที่นี่ คนที่ผมควงด้วยส่วนใหญ่ก็พวกชอบเที่ยวกลางคืน ประมาณน้ำแตกก็แยกทางน่ะ  ฮ่ะๆ เป็นเรื่องปกติของผู้ชายคุณว่าไหม
 

เห็นแบบนี้ผมก็ป้องกันทุกครั้งนะครับ แล้วผมก็มีข้อห้ามอยู่หนึ่งข้อสำหรับคู่นอนคือห้ามมาวุ่นวายกับผมหรือฟ้า  ถ้าผมรู้ ผมไม่เก็บไว้แน่ครับ และถ้าผมต้องการจะเป็นฝ่ายติดต่อไปเอง


เท่าที่ผ่านมา...ก็ไม่เคยมีใครกล้ามีปัญหา
 

ตุบ!


ผมแบกไอ้เด็กบีทส์ขึ้นคอนโด แล้วทิ้งมันไว้ที่โซฟาหน้าห้องนอน อย่างมันนอนตรงโซฟาก็หรูแล้วครับ อย่าหวังว่าจะได้นอนเตียงเดียวกับกู!
 
 
ตอนนี้ตีหนึ่งแล้ว พรุ่งนี้ผมต้องเข้าประชุมเรื่องกิจกรรมของคณะแต่เช้า อาบน้ำเสร็จคงเข้านอนเลยเหนื่อยมาทั้งวันแล้วครับ

 
พอออกมาจากห้องน้ำเตรียมจะเข้านอนเห็นไอ้เด็กบีทส์มันนอนขดตัวกลม จะเดินผ่านไปก็ไม่ได้ถ้าเกิดมันไม่สบายขึ้นมาฟ้าโกรธผมแน่ที่ดูแลน้องของเธอไม่ดี  แม่ง ถ้ากูไม่เกรงใจฟ้าจะปล่อยให้มึงหนาวตายอยู่ตรงนี้ล่ะได้เด็กเวร!


ผมเดินเข้าห้องไปหยิบผ้าห่มสำรองในตู้ออกมา แล้วโยนผ้าห่มไปให้มัน มีปัญญาก็คงหยิบมาห่มเองได้ หันหลังกลับเตรียมจะเข้าห้องนอน


บีทส์สุดหล่อ รับโทรศัพท์ด้วยคร้าบ บีทส์สุดหล่อ รับโทรศัพท์ด้วยคร้าบ~


มีเสียงประหลาดดังขึ้นมาซะก่อน  เสียงเรียกเข้ามึงปัญญาอ่อนได้อีกนะ ผมปล่อยให้มันดังอยู่สักพัก ไม่มีวี่แววว่าไอ้เจ้าของเครื่องมันจะลุกขึ้นมารับเลยล้วงเอาโทรศัพท์มันขึ้นมารับแทนเพราะเห็นเป็นชื่อของคนที่ผมรู้จัก


ติ้ด


“ว่าไงปริ้น”


“อ้าวเฮีย ทำไมรับสายผมได้ล่ะ นี่มันเบอร์ไอ้บีทส์นี่ครับ”


“เพื่อนมึงเมา หลับไปแล้ว” ผมคุยกับไอ้ปริ้นพลางยืนมองเพื่อนมันที่หลับเหมือนคนไหลตาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำเอาผมแทบอยากหักคอมันทิ้ง เมาแล้วเลื้อยฉิบหาย


“ผมโทรเข้าเครื่องเฮียไม่ติด แบตหมดเหรอเฮีย แล้วนี่อยู่ที่ไหนครับ ยังไม่ถึงบ้านมันอีกเหรอ”  เพิ่งจะโทรมาตอนกูจะนอน น่ารักมากมึง สัด! กูโทรหาจนมือจะหงิกเสือกปิดครื่อง!


“กูกำลังจะนอนเลยปิดเครื่อง เพื่อนมึงก็อยู่คอนโดกู มีอะไรไว้คุยกันพรุ่งนี้ แค่นี้นะ”  ผมตัดบทแค่นั้น จะตีสองแล้วครับ มีเวลานอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง จะมานั่งด่าเพื่อนมันให้มันฟังคงเช้าพอดีกว่าจะจบ เสียเวลานอน คุยเสร็จก็ปิดเครื่องของมันด้วยซะเลย พร้อมกับวางโทรศัพท์มันไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟา


มันดิ้นขลุกขลักตะกายเอาผ้าห่มออกจากหน้าแล้วตกโซฟาเสียงดังตุบ! เออดี! นอนที่พื้นนั่นแหละโซฟากูจะได้ไม่เหม็นกลิ่นเหล้าที่ตัวมึง
 


+++++++++++++++++++++++++++

 

[บีทส์]
 

“อืออออ~” ปวดหัวชะมัดเลยครับ เมื่อคืนจำได้ว่ากินเหล้าเข้าไปเยอะเหมือนกัน แหะ แหะ ได้ยินแค่เสียงแว่วๆ ของพี่ฟ้าว่าจะพาผมกลับจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย


ลืมตาขึ้นมาเจอกับเพดานสีขาวสะอาดตา หื้ม  ห้องใครนี่ไม่ใช่ห้องผมแน่ๆ จะว่าห้องไบร์ทก็ไม่ใช่เพราะห้องน้องสีเทา ห้องไอ้ออยยิ่งแล้วใหญ่รายนั้นน่ะชอบสีสว่างๆ อย่างสีชมพู ทำไมไม่คุ้นเลย กรอกตามองไปรอบๆ ฉิบหาย! นี่กูโดนลักพาตัวป่ะวะ


พรึ่บ!


เห้ย!!


กำลังจะลุกก็ต้องล้มลงไปกองกับพื้นเหมือนเดิม ปวดหัวมาก ดูท่าผมจะแฮงค์แน่ๆ กี่โมงแล้วเนี้ย แล้วโทรศัพท์ผมไปไหน ล้วงหาในกางเกงก็ไม่เจอ เอ๊ จำได้ว่าเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงนี่หว่า


แล้วนี่ผมมานอนที่พื้นได้ยังไง เจริญล่ะกูโซฟามีไม่นอน ดันอยากนอนพื้น


อ๊ะ! เจอแล้วครับ วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ โซฟานี่เอง หยิบมาเปิดดูแล้วต้องร้อง... อ้าว กูปิดเครื่องตั้งแต่เมื่อไหร่หรือแบตจะหมด หื้อ ก็ไม่นี่หว่า


ตอนนี้สิบโมงกว่าแล้วครับ ไม่น่าล่ะหิวขึ้นมาตะหงิดๆ ปวดหัวก็ปวด หิวก็หิวครับ ทำไมชีวิตไอ้บีทส์ถึงอาภัพแบบนี้


ติ้ด ติ้ด ติ้ด


โอ้วว ข้อความเด้งติดๆ กันเลยครับ


“ไบร์ท (20)  084-xxxxxxx  พยายามติดต่อคุณเวลา 02.17 น. This number tried to contact you.”


“คุณนายที่รัก (5)  085-xxxxxxx  พยายามติดต่อคุณเวลา 07.21 น. This number tried to contact you.”


“ไอ้ออย (3)  089-xxxxxxx  พยายามติดต่อคุณเวลา 09.18 น. This number tried to contact you.”

 
ห๊ะ!


ไบร์ทพยายามโทรหาผม 20 สาย! ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตล่ะงานนี้ ให้ตายเถอะตอนนี้อยู่ห้องใครผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ได้แต่สะบัดหน้าไล่ความมึนออกไปแล้วค่อยๆ พยุงตัวเองลุกนั่ง ก้มสำรวจตัวเองก่อน อ่า เสื้อผ้ายังอยู่ครบ


ถ้าเดินออกไปเลยคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งเนอะ แต่อยากจะขอบคุณเจ้าของห้องสักหน่อย เขาอุตส่าห์หิ้วผมมานอนด้วย ถึงแม้จะให้นอนแค่ตรงโซฟาก็เถอะ วันนี้วันเสาร์จริงๆ ผมต้องเข้ามหาลัยด้วย วันนี้มีกิจกรรมเชื่อมสัมพันธไมตรีกับรุ่นพี่ในคณะ…


บีทส์สุดหล่อ รับโทรศัพท์ด้วยคร้าบ บีทส์สุดหล่อ รับโทรศัพท์ด้วยคร้าบ~


'พิงค์'


“อื้อ ว่าไงสุดหล่อ”
   

“อิบีทส์ เดี๋ยวจะได้กินตีนคนสวย” โอ้โห หน้าตาก็ดีนะ ทำไมมันดุงี้วะ


“ครับๆ แล้วตกลงคุณพิงค์โทรมาหากระผมทำไมครับ”


“แกอยู่ไหนห๊ะบีทส์ พวกเรารออยู่ที่หน้าตึกนะ ให้ไวเลย” เสียงแบบนี้มีคนเดียวในกลุ่มครับ ไอ้นัท  ท่าทางจะแย่งโทรศัพท์ออกมาจากหูอิพิงค์มันเลยมั้งน่ะ
 

“ไม่รู้ว่ะ แต่จะรีบไปให้ไวที่สุดนะ ไว้เจอกะ..เห้ย!” ฉิบหายแล้ว นี่มันไอ้พี่ซันนี่หว่าอย่าบอกนะว่านี่ห้องพี่แกอ่ะ โอ้ย อยากจะกรี๊ด
 

แล้วนี่ผมมาอยู่ในห้องพี่แกได้ยังไงเนี้ย!

 
ใบ้แดกขึ้นมากระทันหันเลยกู โอ้ย!


“ฟ้าให้กูไปส่งมึง” พี่แกคงจะทนความเงียบไม่ไหว หลังจากเราสองคนเล่นเกมส์จ้องตากันมาครู่ใหญ่ๆ


“ไปส่งที่ไหนครับ”  ผมต้องรีบเข้ามหาลัยด้วยสิ


“อย่ามาแกล้งโง่ได้ไหมวะ!” เอ้า! อยู่ดีๆ พี่แกก็ขึ้นเสียงใส่ผมซะงั้นอ่ะ ได้แต่กระพริบตาปริบๆ ส่งไปให้ ก็คนมันไม่รู้นี่


เอ๊ะ แต่ถ้าพูดถึงที่ที่ผมจะไปแล้วต้องเจอพี่ฟ้า...ก็คงมหาลัย


“ไปมหาลัยเหรอครับ” ผมเอ่ยปากถามพี่แกออกไป พี่ซันทำหน้าหงุดหงิดใส่ เตรียมจะเดินเข้าห้อง พร้อมสั่งผมว่าให้เวลาแค่ห้านาที ถ้าผมยังจัดการตัวเองไม่เรียบร้อยให้โบกแท็กซี่ไปเอง ผมเลยรีบวิ่งไปที่ครัวแล้วเปิดน้ำล้างหน้า เพราะไม่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ไหน ก่อนจะเอาแขนเสื้อตัวเองเช็ดหน้าลวกๆ นั่งรอพี่ซันอยู่ที่เดิม

 
ชักไม่แน่ใจแล้วครับ ว่าพี่แกเป็นคนดีจริงหรือเปล่า แต่เขาก็อุตส่าห์ช่วยผมไว้นี่น่า  ผมเองซะอีกที่เป็นภาระให้เขา


พี่ซันออกมาจากห้องด้วยชุดลำลองสบายๆ  เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์คู่กับรองเท้าผ้าใบ ใส่แบบนี้แล้วพี่ซันดูเท่ไปอีกแบบนะครับ ปกติผมเห็นใส่แต่ชุดนักศึกษาไม่ก็เสื้อช็อป


“ตามมา” เสียงดุมาก! ทำอย่างกับผมมันไม่น่าคบค้าสมาคมด้วย


ตอนนอนผมก็ไม่ได้อ้วกเลอะโซฟาห้องพี่แก บนพรมก็ไม่มีรอยเลอะอะไรด้วยอันนี้ผมมั่นใจ ถึงแม้ตอนนี้จะแฮงค์อยู่นิดหน่อยก็เถอะ


พี่ซันก้าวยาวๆ เดินนำห่างผมไปไกลคือเข้าใจนะครับว่าช่วงขาพี่แกคงยาวกว่าผม(มาก) แต่ผมก็ทั้งเดินทั้งวิ่งตามแล้วนะ ยังตามไม่ทันพี่แกเลย


กว่าจะตามทันผมก็หอบแฮ่กๆ และตอนนี้ผมก็ยืนอยู่หน้ารถเฟอร์รารี่สีแดงสดของพี่ซัน แม่เจ้าโว้ย! พี่แกจะรวยไปไหนคันนี้อย่างต่ำก็ยี่สิบสามล้านแล้วนะครับ! เคยได้ยินไอ้ปริ้นมันบ่นว่าอยากได้แต่ป๊ามันไม่อนุมัติ ป๊าคงกลัวมันขับไปสิ่วเอาชาวบ้านชาวช่องเขาให้เสียดายของ


“มัวแต่ยืนมองไม่เข้ามาสักทีวะ หรือต้องให้กูเปิดประตูให้!” พี่แกเตรียมจะเหวี่ยงเต็มที่ครับ ผมยู่ปากขอยืนชื่มชมความอลังการของรถพี่ก่อนไม่ได้หรือไง ไม่รวยจริงนี่ไม่ได้นั่งนะโว้ยพี่
   

“ได้ก็ดีนะครับ” แหะ แหะ ไม่ได้ตั้งใจจะกวน แต่คนมันกำลังตื่นเต้นไง โอกาสนี้มีไม่กี่ครั้งก็ต้องรีบคว้า เผื่อฟลุคพี่แกมาเปิดประตูให้เนี้ยไอ้บีทส์เอาไปคุยต่อได้เป็นชาติ ขอบอก!


“สัด!” คำเดียวแต่เจ็บไปถึงกระดองใจ ตามน้ำหน่อยก็ไม่ได้เน๊าะ


ขึ้นรถมาได้สักพักผมเริ่มรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาอย่างรุนแรงปวดหัวจี้ดเลย น่าจะเป็นเพราะอาการเมาค้างบวกกับทักษะการขับรถที่ดีเลิศของพี่ซัน ประชดครับประชด ก็พี่ซันเล่นขับรถซะเร็ว ปาดซ้าย ปาดขวา ปาดหน้ารถคนอื่นไปทั่ว ขับซอกแซกไปมาทั้งๆ ที่คันไหนไม่ควรแซงพี่แกก็สามารถขับแซงปาดหน้าเข้าไปได้  หัวใจผมเริ่มเต้นเร็วกว่าปกติ มันพะอืดพะอมอยากจะอาเจียนยังไงก็ไม่รู้


แอบชำเลืองมองพี่ซัน ดูพี่แกจะตั้งใจขับรถเป็นพิเศษไม่ปริปากพูดอะไรเลยสักคำ ผมเลยไม่กล้าบอกถึงอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้กลัวพี่แกจะโวยวายว่าผมเป็นภาระแล้วยังสร้างภาระเพิ่มให้อีก


ได้แต่ก้มหน้าก้มตาพยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด  ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ผมกำมือตัวเองเข้าหากันแน่นทั้งสองข้างอย่างอดทนแล้วท่องพุทโธ พุทโธในใจหวังเพื่อจะช่วยให้ผมอดทนได้จนถึงมหาลัย แต่ดูเหมือนว่าคำภาวนาของผมจะไร้ผล
 

อ่อกกกกกก


ความอดทนของผมสิ้นสุดลงเมื่อพี่ซันแตะเบรก ผมได้แต่ยกมือขึ้นสองข้างเพื่อรองรับสิ่งที่กำลังพ่นออกมาจากปาก น้ำหูน้ำตาไหล เลอะไปหมดทั้งเสื้อกางเกงแล้วก็...เห้ย!!


ซวยแล้ว! เบาะรถพี่ซัน!!
   

แต่ให้ตายเถอะครับผมหยุดไม่ได้แล้ว โก่งคอเอาทุกสิ่งทุกอย่างจากกระเพาะออกมาจนหมดเท่าที่จะมีแรงอ้วก ไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนนี้หน้าตัวเองจะซีดแค่ไหน แล้วก็...ยังไม่กล้าหันไปมองหน้าพี่ซันตอนนี้ว่าพี่แกกำลังโกรธผมมากแค่ไหน


ไม่ต้องให้ผมรอลุ้นนาน พี่ซันตบไฟหักเลี้ยวซ้ายแล้วจอดรถดังเอี้ยด!!         
         

“ลงไป! ไอ้เหี้ยบีทส์กูบอกให้ลงไป!!” พี่ซันเปิดประตูรถฝั่งตัวเองแล้วอ้อมมาเปิดประตูรถฝั่งผมพร้อมกับปลดสายคาดเบลท์ออกจากเอว  แล้วกระชากผมลงจากรถอย่างแรง                                                                                                   


ผมไม่มีแรงแม้แต่จะพูดว่าขอโทษ ตั้งแต่ตอนเย็นผมยังไม่ได้กินข้าวเลยสักเม็ด ตอนนี้จะเที่ยงแล้วผมก็ยังไม่ได้กินอะไรสักอย่างของที่กินมาก่อนหน้านี้ก็อ้วกออกไปหมดแล้ว หมดคำพูดโต้แย้งใดๆ ได้แต่ปล่อยให้พี่ซันกระชากแขกลงจากรถแล้วปล่อยตัวเองทรุดฮวบลงกับฟุตบาทข้างทาง


“มึงรู้ไหมว่ารถกูราคาเท่าไหร่ห๊ะ!!” พี่ซันชี้หน้าด่าผม


“น้ำหน้าอย่างมึงได้นั่งรถกูก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว นี่มึงยังกล้าอ้วกใส่รถกูอีก มึงนี่มันตัวซวยจริงๆ เหี้ยเอ้ย!”


“ถ้าไม่เห็นว่ามึงเป็นน้องรหัสฟ้า กูอัดมึงเละแน่บีทส์ หาทางไปมหาลัยเองแล้วกัน!” พี่ซันพูดกดเสียงต่ำ หันหลังกลับไปขึ้นรถ แล้วขับออกไปทันที


ฮรึก แม่ครับบีทส์ปวดหัว


ไบร์ท ช่วยพี่ด้วย...


ใครก็ได้ช่วยผมที...


ตึก~             






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ต้อนรับเรื่องใหม่คร้าบบ :pig2:

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0


Love Suck! เกลียดนัก...รักดูไหม? ตอนที่ 3
By :: เบบี้เยลโล่










[บีทส์]

 


            “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่พี่บีทส์”  ผมหันไปมองตามเสียงเรียกของน้อง  มันถามคำถามนี้กับผมทุกๆ สิบห้านาที  แต่ผมได้แต่นั่งเงียบไม่มีคำตอบให้น้อง คือไม่มีใครทำไง ผมทำตัวผมเอง

 

“ไม่มีอะไรจริงๆ นะไบร์ท”  ผมพูดย้ำคำเดิม

 

“เฮ้อ พี่บีทส์เป็นแบบนี้ทุกที” น้องมันถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้องไปเลย คงหงุดหงิดที่ผมไม่อธิบายอะไรเลย

 

“นี่อิบีทส์ถ้าแกไม่ได้พี่ไม้ช่วยไว้นะป่านนี้แกนอนตายอยู่ข้างถนนไปแล้ว” ผมหันไปพยักหน้าให้กับคำพูดของอิพิงค์ แล้วเบนสายตาไปมองคนที่อุตส่าห์พาผมมาส่งโรงพยาบาล พี่เขาก็หันมามองผมเหมือนกัน ผมยิ้มให้พี่เขาอย่างซาบซึ้งใจ

 

“คราวหลังมีอะไรก็โทรมาบอกพวกกูดิ มีเพื่อนไว้ทำซากอะไรบีทส์” ไอ้นัทพูดขึ้นแล้วสบตากับผมนิ่งเป็นเชิงทวงคำสัญญาจากผม

 

ที่ผมไม่เรียกมันว่านัทเฉยๆ เพราะมันบังคับให้ผมเรียกมันว่าไอ้น่ะครับ มันบอกว่าแมนดีมันชอบ มึงแมนไม่ดูหน้าตาเลยนะนัท

 

“อืม ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอกพวกมึงอย่าทำเหมือนกูเป็นอะไรมากได้ป่ะ  แค่กูกินเหล้าตอนท้องว่างแค่นั้นอ่ะ เลยอ้วกออกมาหมด  เมื่อเช้าแฟนพี่ฟ้าเขาก็ออกมาส่งกูแล้ว..แต่กูหน้ามืดเอง..” ผมหยุดไว้แค่นั้นพร้อมกับก้มหน้าสลด

 

“แถมยังเอาหน้าไปประทับไว้ฟุตบาทข้างทางอ่ะนะ!?!”  ไอ้นัทเลิกคิ้วถามต่อ

 

“เออน่าไอ้นัท ยังไงมันก็สำนึกผิดแล้วมึงอย่าไปกดดันมันมากดิ” ไอ้พิงค์มันปรามไอ้นัทไว้ครับ

 

แต่ทำไมมึงยอมเรียกนัทว่าไอ้ แต่เรียกกูว่าอิวะ! แม่งไม่ยุติธรรมกับตัวกูเลย

 

“ต้องขอบคุณพี่ไม้อีกครั้งนะครับ ไม่ได้พี่ผมต้องแย่แน่ๆ” ผมหันไปพูดขอบคุณพี่ไม้อีกครั้งพร้อมกับยกมือไหว้ พี่ไม้เรียนจบแล้วครับ เคยอยู่มอเดียวกับพวกผมด้วย ผมแอบฟังอิพิงค์มันสัมภาษณ์พี่ไม้

 

“ไม่เป็นไรหรอก ถึงพี่ไม่ช่วยคนอื่นก็ต้องช่วยเราอยู่แล้ว” พี่ไม้ส่ายหัวส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ ก่อนจะขยับมายืนข้างเตียง

 

“แหงล่ะพี่ ใครๆ ก็อยากช่วยคนหล่อ” ผมยักคิ้วให้พี่ไม้ พี่แกหัวเราะหึหึ แต่ไอ้นัทนี่แทบจะระเบิดหัวผมเลย มึงตบมาได้นะนัท กูไม่สบายอยู่นะโว้ย

 

“หล่อตายล่ะมึงอ่ะ!” ไอ้พิงค์มันเอานิ้วมาจิ้มหน้าผมซะแทบหงายหลังเลยครับ ดีนะมึงพี่ไม้ช่วยจับกูไว้ ห่านี่!! ผมค้อนให้อิพิงค์คอแทบหักแต่นอกจากมันจะไม่สนใจแล้วยังกลับไปนั่งเล่นโทรศัพท์หน้าตาเฉย

 

            “ตายหรือยังคร้าบไอ้คุณภูวนินทร์~”  ผมหันไปตามเสียงเรียกไอ้ออย ไอ้นี่มาซะเต็มยศ มันยิ้มหน้าแป้นแล้นมาเลยครับ ตามมาด้วยคู่แฝดมันไอ้ปริ้น

 

“รอเผามึงก่อนกูถึงจะตามไป”  ผมหันไปตอบ  มันทำหน้าหงิก

 

“กูยังไม่ได้เมียเลย ไม่ตายง่ายๆ หรอกครับไอ้คุณบีทส์”  มันลอยหน้าลอยตาพูด  แอบเห็นไอ้ปริ้นหน้าเสียเลยครับ  สงสัยคงทำอะไรขัดใจไอ้ออยมันเข้า

 

“อย่างมึงน่ะเป็นเมียเขาก็พอแล้วครับไอ้คุณออย” ผมหัวเราะ ไอ้ออยชะงักกึก แต่รีบเปลี่ยนสีหน้ากลบเกลื่อน แน่ะๆ ไอ้ปริ้นกูเห็นนะว่ามึงแอบยิ้ม!

 

“สัด!”

 

“เมีย เมอ อะไรของมึงห๊ะบีทส์ อย่างกูอ่ะแมนใสๆ โว้ย” แมนใสๆ มันเป็นยังไงวะกูไม่เคยเห็น

 

“สีข้างถลอกแล้วมึง” ผมแขวะ มันจิ๊ปากใส่ผม แล้วเปลี่ยนไปนั่งโซฟาอีกฝั่งตรงข้ามไอ้ปริ้น

 

มองตามตาละห้อยเลยนะไอ้ปริ้น

 

พวกผมคุยกันเรื่องสับเพเหระไปเรื่อยครับ หลักๆ ก็เป็นเรื่องการรับน้อง อ่อ วันนี้ที่ไอ้นัทกับไอ้พิงค์มาเยี่ยมผมได้ก็เพราะกำหนดการของคณะผมถูกยกเลิก พวกพี่ว๊ากปีสามต้องเข้าประชุมร่วมกับพี่ปีสี่ ปีสองกับปีหนึ่งอย่างพวกผมเลยว่าง  ส่วนไอ้ออยกับไอ้ปริ้นมันรู้ข่าวจากไบร์ทเลยตามมาที่โรงพยาบาล

 

แกรก~

 

พวกผมหันไปตามเสียงประตูที่ถูกเปิดออกโดยไอ้ไบร์ทหน้าหงิกมาเลยครับ ตามมาด้วยพี่ฟ้ายิ้มหวานมาเลยตั้งแต่หน้าประตู~  อย่าครับพี่ฟ้า เดี๋ยวผมจะหวั่นไหว และคนสุดท้ายที่เดินตามเข้ามา...

 

พี่ซัน

 

“เป็นยังไงบ้างน้องบีทส์  พี่กับพี่ซันมาเยี่ยม” พี่ฟ้าเอ่ยทักผม ก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้ทุกคนเป็นการทักทาย

 

“เอ่อ สวัสดีครับพี่ฟ้า สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ แต่หลบสายตาพี่ซันที่มองมา ผมรู้ตัวว่าทำความผิดไว้ แต่จะโทษผมฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนะ พี่มันก็ทิ้งผมไว้เหมือนกัน ถือว่าหายกันดิ!

 

แล้วกูจะมือสั่นทำไม!

 

“นี่ไบร์ทน้องผม แล้วก็นี่พี่ไม้คนที่ช่วยพาผมมาส่งที่โรงพยาบาลครับ” ไอ้ไบร์ทยกมือไหว้พี่ๆ ส่วนพี่ไม้แค่ยิ้มบางๆ ให้พี่ฟ้ากับพี่ซัน

 

“ส่วนนี่พี่ฟ้ากับพี่ซัน  พี่ฟ้าเป็นพี่รหัส ส่วนพี่ซันเป็นแฟนพี่ฟ้า” พี่ฟ้าหันไปยิ้มให้พี่ไม้ ส่วนพี่ซันค่อมหัวให้พี่ไม้นิดหน่อย น่าจะดูออกว่าพี่ไม้เป็นรุ่นพี่

 

“น้องฟ้าครับ เพราะพี่ไม่ดีเองเลยดูแลน้องรหัสฟ้าไม่ดี  พี่ขอคุยกับเขาตามลำพังได้ไหมครับ”  พี่ซันหันไปพูดกับพี่ฟ้า แล้วทำหน้าเชิงขอร้องทุกคนให้ออกจากห้อง

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ซัน ผมไม่เป็นอะไรแล้ว” ผมร้องทักขึ้น

 

“พี่รู้สึกผิดจริงๆ นะ ขอคุยด้วยไม่นานหรอก นะครับฟ้า” พี่ซันหันไปขอพี่ฟ้าอีกครั้ง เธอมีสีหน้าลำบากใจนิดหน่อย คงเกรงใจพวกน้องๆ แล้วก็พี่ไม้

 

“เอาอย่างงั้นก็ได้ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะทุกคน” พี่ฟ้าทำหน้าอิดออดแต่ก็ยอมทำตามที่พี่ซันขอ พวกเพื่อนๆ ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับก็คนหนึ่งพี่สายรหัสแถมยังเป็นพี่ว๊าก  ส่วนอีกคนก็เป็นรุ่นพี่ที่คณะ  พี่ไม้ไม่มีส่วนได้เสียอยู่แล้วเดินนำออกไปเป็นคนแรก

 

“อยู่ได้หรือเปล่าพี่บีทส์” ไบร์ทเดินมาข้างเตียงแล้วกระซิบถามผม

 

“อยู่ได้สิ” ผมหันไปยิ้มให้น้อง มันทำหน้าลำบากใจคงไม่อยากให้ผมอยู่กับพี่ซันสองต่อสอง ดูว่ามันไม่ไว้ใจพี่ซันเท่าไหร่

 

พอทุกคนออกไปแล้วผมก็ก้มหน้านิ่ง  จะให้ทำอะไรล่ะครับ ขอโทษหรือด่าพี่มันไปดีล่ะที่ทิ้งผมไว้แบบนั้น พี่มันขยับเข้ามาใกล้ผมแล้วยกมือขึ้นมาจับไหล่ผมทั้งสองข้าง แล้วพี่จะออกแรงบีบทำไมเจ็บนะเว้ย!




ผมทำหน้าไม่พอใจประท้วงพี่ซัน ให้รู้ว่าผมเจ็บแล้วปล่อยสักที แต่พี่มันดันก้มหน้าเข้ามากระซิบข้างหู ทำให้ผมหดคอแทบไม่ทัน



“อย่าให้ฟ้ารู้ว่ากูทิ้งมึงไว้  ไม่งั้นศพมึงไม่สวยแน่บีทส์” พี่ซันกดเสียงต่ำ

 

“พี่ให้ทุกคนออกไปเพื่อที่จะพูดแค่นี้เหรอครับ”  ผมพูดเสียงนิ่ง ใช่! ผมผิดที่อ้วกใส่รถพี่ซันถ้าเขาจะเรียกร้องค่าเสียหายผมจะยอมทำงานชดใช้หนี้ให้ แต่พี่ซันก็ไม่มีสิทธิ์ทิ้งผมไว้ข้างถนนแบบนั้น ถ้าไม่มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยผมจะทำยังไง แล้วถ้าหนักกว่านั้นเปลี่ยนเป็นคนหิ้วผมขึ้นรถไปแทนผมจะช่วยอะไรตัวเองได้!?!

 

“หึ ไม่พอใจที่กูทิ้งมึงไว้ข้างถนนรึไง อย่างมึงก็สมควรแล้วนี่” พี่มันถามเหมือนจะแคร์แต่ประโยคหลังนี่หน้าตาแบบกูสะใจมากอะไรทำนองนั้น

 

“ผมมีสิทธิ์โกรธพี่นี่ครับ พี่ทิ้งผมไว้ถ้าผมโดนใครลากไปโดยที่ผมยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ผมจะทำยังไง” ผมตอบแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง แต่พี่ซันดันบีบคางผมไว้ให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับพี่แกอีกครั้ง

 

“ของชอบไม่ใช่รึไง” พี่ซันสะบัดหน้าผมไปอีกทาง แต่ผมหันกลับมาจ้องพี่มันเขม็ง

 

“.....”

 

“มองหน้ากูแบบนี้หมายความว่าไง” พี่ซันทำหน้าหงุดหงิดใส่ผม

 

“พี่ก็ดีแต่ดูถูกคนอื่น” ผมจ้องตาพี่ซัน ดูถูกกันเกินไปแล้ว  สักวันหนึ่งผมจะเอาคืนให้ได้เลยคอยดูเถ๊อะ!

 

“มึงไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรกับกูนะบีทส์ มึงจำได้ไหมว่ามึงทำอะไรกับกูไว้บ้าง มึงรู้ไหมว่าค่าเปลี่ยนเบาะรถกูราคาเท่าไหร่!?!” พี่ซันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม ผมรีบหดหน้าหนีแต่พี่มันเอามือจับท้ายทอยผมไว้แน่น

 

“......”

 

จะเอาอะไรกับผมอีก ฐานะอย่างพี่ซันแค่เปลี่ยนเบาะรถใหม่ ขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอกมั้งครับ!

 

“อย่ามาลองดีกับกู” พี่ซันกดหน้าลงมาใกล้ผมอีก หน้าแทบจะชิดกันอยู่แล้วนะเว่ยพี่ ผมยังฝืนจ้องตาพี่ซันกลับ หน้าหล่อๆ แบบนี้แหละที่มันใจจืดใจดำ ท่องไว้ความหล่อมันกินไม่ได้! ผมดันอกพี่ซันให้ถอยห่างออกไป

 

“ถ้าหมดธุระแล้วก็กลับไปเถอะครับ เรื่องวันนี้ผมจะไม่พูดอะไรก็แล้วกัน ไว้ใจผมได้” ผมตอบพี่มันไป

 

“หึ...” พี่มันพูดแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไป

 

เกลียดอะไรผมขนาดนี้ ผมไม่เข้าใจเลย หน้าตาผมก็พอใช้ได้ อิพิงค์มันยังเคยด่าบ่อยๆ ว่าคิขุอาโนเนะจนมันหมั่นไส้ แต่พี่ซันก็ดุเอ้า..ดุเอา อย่างกับหมาบ้า ถ้าเทียบกับหมานี่ร็อคไวเลอร์ดีๆ นี่เองหน้านิ่งๆ ชอบขู่ชอบดุกูเนี่ย!

 

เฮ้อ อะไรนักหนาวะชีวิตผม วุ่นวายจริงแท้ บ่นกับตัวเองแล้วก็ล้มตัวนอนครับ ได้ยินเสียงพวกไอ้ออย ไอ้ปริ้น ไอ้นัท ไอ้พิงค์ และก็ไอ้ไบร์ทเดินเข้ามา สงสัยพี่ฟ้าจะกลับพร้อมพี่ซันไปแล้ว ไม่เห็นเดินเข้ามาด้วย

 

“ต๊าย แกพี่ซันหล่อมากอ่ะ!” เสียงอิพิงค์ครับ

 

“เหมาะสมกับพี่ฟ้าอย่างกับกิ่งทองใบหยก” เสียงไอ้นัท

 

“พี่บีทส์ พี่เขาว่าอะไรหรือเปล่า” เป็นน้องที่รักกูจริงๆ รักมึงว่ะไบร์ท

 

“ไม่หรอก เขาก็..ขอโทษปกตินั่นแหละ คงกลัวแฟนเขาโกรธล่ะมั้ง” ผมส่งยิ้มให้น้อง กลัวมันไม่สบายใจ ไม่อยากให้มันห่วง

 

แต่แอบแค้นพี่ซันนิดๆ ไม่ได้ รู้ว่าหล่อแต่ทำไมนิสัยไม่ดีเกินเยียวยา ไม่เหมาะกับพี่ฟ้าเลยสักนิดหนึ่ง  เดี๋ยวยุให้เลิกกันซะเลย เหอะ เหอะ ณ จุดนั้นกูคงเป็นน้องรหัสที่เลวมาก

 

            คุณหมอให้ผมนอนโรงพยาบาลอีกหนึ่งคืนก่อนจะอนุญาตให้กลับบ้านได้

 

          “พี่บีทส์ เก็บของเสร็จยัง”  เสียงไอ้ไบร์ททักผม ตอนนี้มันยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนผมครับ

 

ผมออกจากโรงพยาบาลมาได้เกือบอาทิตย์แล้วครับ ไอ้พวกเพื่อนๆ นั่นแหละยกโขยงกันไปรับผมถึงที่โรงพยาบาล แค่อิพิงค์คนเดียวโรงพยาบาลก็แทบแตก นี่ยังเจอไอ้ออยจอมป่วนอีกยิ่งแล้วใหญ่  มันสองคนกลายเป็นคู่กัดกันไปแล้วครับ อะไรที่ทำให้มันสองคนยืนอยู่คนละฝั่งน่ะเหรอ

 

ไอ้ปริ้นไงครับตัวแปรสำคัญ

 

วันนี้ผมต้องย้ายเข้าไปอยู่หอแล้วล่ะ ตามคำสั่งของคุณนาย บ้านผมมันไกลจากมหาลัยค่อนข้างเยอะน่ะครับ  วันที่ผมกลับจากโรงพยาบาลแม่ก็เดินเข้ามาหาผมในห้องแล้วบอกว่า

 

“บีทส์ แม่ว่าเราย้ายไปอยู่หอดีไหม” แม่ถามผม

 

“ทำไมละครับคุณนาย” ผมถามแม่กลับ

 

“บ้านเราอยู่ไกล ถ้าลูกต้องกลับบ้านดึกๆ แม่ก็เป็นห่วง ตอนนี้แม่ติดต่อคอนโดไว้แล้วด้วยนะ อาทิตย์หน้าย้ายเข้าไปอยู่ได้เลย” แม่พูดแล้วยิ้มหวาน แต่..ห๊ะ!! อาทิตย์หน้าเลยเหรอ เร็วไปไหมครับคุณนาย!

 

“มันกระทันหันเกินไปไหมครับแม่ บีทส์เตรียมตัวไม่ทันหรอก”  ผมทำหน้าอิดออด คือไม่อยากไปอยู่ไหนไกลๆ ไงครับ

 

“ของเตรียมพร้อมหมดแล้วจ้ะ แค่บีทส์เก็บเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวไปด้วยก็พร้อมอยู่แล้ว” แม่ลูบหัวผม

 

“แต่บีทส์ต้องไปอยู่คนเดียวเลยนะแม่  แล้วแม่กับน้องจะอยู่ยังไงครับ” ผมกอดเอวแม่น้ำตาซึม

 

“คิดถึงก็ไปหากันได้จ้ะ ดีซะอีกลูกของแม่จะได้โตสักทีไง” แม่ให้เหตุผล

 

“สรุปแล้วยังไงบีทส์ก็ต้องไปใช่ไหม” ผมทำหน้าจะร้องไห้  แม่หัวเราะร่วน

 

“โตแล้วนะลูก  ลองดูสักหน่อย แม่รู้ว่าลูกของแม่เป็นคนเก่ง บีทส์ต้องปรับตัวได้แน่ๆ จ้ะ”

 

ทำไมคุณนายมั่นใจจังเลยวะ

 

สุดท้ายนกน้อยอย่างผมก็ต้องออกไปโบยบินอยู่นอกรัง เห้ย ไม่ใช่ล่ะ ต้องออกไปอยู่คนเดียวตามคำขอของคุณนายเขา จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีซะทีเดียว เอาวะ! ได้ออกมาอยู่ข้างนอกคงมีอะไรดีๆ ให้ทำเยอะ ใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยให้สุโค่ยไปเลยไอ้บีทส์!!

 

“อืม เสร็จล่ะ พี่ไม่อยากไปเลยไบร์ท”  ผมหันไปตอบน้อง

 

“ไบร์ทขอตามไปด้วย แต่แม่ไม่ยอม” ไบร์ทเดินมานั่งข้างผม

 

“ถ้าไบร์ทไปด้วยคุณนายเขาจะอยู่กับใครล่ะ ไม่เป็นไรหรอก คอยดูนะไปอยู่โน่นพี่จะไปเที่ยวมันทุกคืนเลย เอาสาวมานอนกกเป็นเพื่อน ห้องพี่จะได้ไม่เงียบเหงา” ผมพูดขำๆ

 

“......”

 

“เห้ย พี่ไม่เป็นไรจริงๆ พี่ออกจะเวอรี่แฮปพิ~”  ผมดัดเสียงให้ดูอินเตอร์แบบโอเว่อร์ จนน้องมันยิ้มออก

 

“ดูแลตัวเองดีๆ นะพี่บีทส์ ไบร์ทจะไปหาบ่อยๆ” น้องมันพูด น้ำตาซึมเลยกู

 

เราสองคนไม่เคยอยู่ห่างกันหรอกครับ ตัวติดกันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของพวกเราเสียไปนานแล้วครับ ตั้งแต่น้องเกิดด้วยซ้ำ แต่ไบร์ทมันไม่เคยแสดงออกให้เห็นว่าขาดในเรื่องนี้เวลาว่างก็จะเล่นกีฬา น้องมันเรียนเทควันโด้ตั้งแต่เด็ก เล่นเก่งมากครับ ส่วนผม...แหะ แหะ ไม่เป็นอะไรเลย ยกเว้น เรื่องงานบ้านงานเรือน อันนี้ผมช่วยแม่ทำตั้งแต่เด็ก

 

“เห้ย พี่โตแล้วนะเว่ย พูดซะเหมือนพี่อายุสิบขวบ” ผมพูดแหย่

 

“ไปเหอะ พี่ไม้มารอแล้วนะ” ไบร์ทลุกขึ้นแล้วช่วยผมถือกระเป๋า ตั้งแต่ที่พี่ไม้ช่วยผมไว้ เราก็กลายมาเป็นพี่น้องคนสนิทกันแล้วครับ ตอนนี้พี่ไม้เป็นพี่คนโตของบ้านผมเลย แม่ผมนี่ปลื้มมากครับเพราะพี่ไม้หล่อ

 

 

KrY  Condo

 

 

ตอนนี้พวกเรามาถึงหน้าคอนโดแล้วครับ  อื้อหือ ไม่ยักรู้ว่าคุณนายจะให้ผมมาอยู่คอนโดใหญ่โตแบบนี้นะเนี้ย  มันน่าอยู่มากครับ แต่ผมว่าไอ้คอนโดนี้ทางเข้ามันคุ้นๆ นะ เหมือนผมจะเคยมายังไงไม่รู้ คงไม่หรอกมั้งหรูแบบนี้ผมจะเคยมาได้ไง 

 

“ทำไมมันใหญ่แบบนี้ละครับคุณนาย คงแพงน่าดู” ผมหันไปพูดกับแม่

 

“แพงก็จริง แต่นอกจากจะน่าอยู่แล้ว ระบบความปลอดภัยยังดีมากเลยนะบีทส์ แม่จะได้วางใจได้ไงครับ”  แม่หันมาตอบก่อนจะยิ้มให้ผม

 

“มันเปลืองน่ะสิครับ”  คิดดูสิครับเดือนๆ หนึ่งแค่ค่าเช่าก็ปาไปหลายพัน ไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต และคงตามมาด้วยค่าบริการอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ค่าใช้จ่ายบานเบอะแน่ๆ  บวกลบคูณหารแล้วผมว่า...สู้เอาเงินพวกนั้นไปลงทุนหรือทำธุรกิจอะไรน่าจะรุ่งกว่านะผมว่า...

 

“คิดอะไรอยู่บีทส์  คิ้วจะผูกโบว์อยู่แล้ว” เสียงพี่ไม้ครับ

 

“แหะ แหะ ไม่มีอะไรครับ”  ผมยิ้มแหยๆ

 

พวกเราช่วยกันขนของเข้าไปข้างใน คอนโดน่าอยู่มากครับ มีทั้งยามรักษาความปลอดภัย มีกล้องวงจรปิด ที่จอดรถมันจะอลังการไปไหน ตอนเดินเข้าไปพี่ รปภ. หันมายิ้มทักทายให้พวกเราคุณนายรีบเข้าไปฝากฝังผมให้เขาช่วยดูแล พี่รปภ.หน้าเหวอเลยครับ พวกผมหัวเราะคุณนายหันมาค้อนให้

 

ผมอยู่ห้องหมายเลขเก้าศูนย์แปดล่ะครับ อยู่ตั้งชั้นเก้า!! ถ้าเกิดวันไหนไฟดับขึ้นมา  กูขาลากแน่ๆ มีเสาให้รูดลงแทนไหม ทุกอย่างครบครันอย่างที่คุณนายเขาการันตีจริงๆ ครับเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ห้องนอนหนึ่งห้องมีห้องน้ำในตัว  แล้วก็อยู่ข้างนอกอีกหนึ่งห้อง อืมดี เวลาเพื่อนมาก็ให้มันจัดการกันข้างนอก ห้องนี้กูจอง!


 มีโซนนั่งเล่นอยู่หน้าทีวีเล็กๆ มีโซนห้องครัวด้วยนะครับ ค่อยยังชั่วหน่อย ออกมาอยู่คนเดียวแบบนี้ผมคงได้เข้าครัวทำกับข้าวกินเองบ่อยแน่ๆ

 

พี่ไม้กับไบร์ทช่วยกันเดินสำรวจความเรียบร้อยของห้องได้ยินเสียงคุยกันแว่วๆ

 

“อยู่สูงขนาดนี้ ตัดปัญหาเรื่องคนปีนขึ้นมาหาพี่บีทส์ได้ อืม โอเคผ่าน”  เสียงไบรท์ครับ

 

“โครงสร้างอาคารแข็งแรงดี ใช้ได้ครับ”  เสียงพี่ไม้

 

“อืม ผ่าน”  ไอ้ไบร์ทตอบ

 

“น่าจะหาไม้เบสบอลมาไว้ที่ห้องพี่บีทส์สักอันสองอันนะ” ไอ้ไบร์ททำท่าหวดไม้เบสบอลประกอบครับ มึงน่ากลัวมากไบร์ท...

 

“พี่ว่าเอาเครื่องช๊อตไฟฟ้ามาด้วยจะดีมาก”  พี่ไม้หันไปสบตาไอ้ไบร์ท  ไอ้นี่ก็บ้าจี้พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับเขาอีก

 

เอ่อ คือ กูเป็นผู้ชายไง พวกคุณมึงลืมข้อนี้ไปหรือเปล่า!!!  ผมส่ายหัวเดินเข้ามาดูห้องนอน  อืม สีขาว..ก็ยังดีวะ เตียงนุ่มใช้ได้ สายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาสองทุ่มแล้วนี่หว่า!  มัวแต่จัดของกันเพลินครับ ได้ยินเสียงคุณนายเดินบ่นอยู่ข้างนอก สงสัยอยากจะกลับกันแล้ว

 

“แม่ครับ กลับกันเลยไหมดึกแล้วจะกลับกันลำบาก” ผมเดินออกมานอกห้องนอนเห็นไอ้ไบร์ทนอนกลิ้งอยู่บนพรม  สภาพมึงดูไม่จืดเลยไบร์ท  พี่ไม้นั่งดูหนังอยู่บนโซฟาครับ  ส่วนคุณนายวุ่นๆ อยู่ในครัว

 

“อืม แม่ทำกับข้าวไว้ให้เสร็จพอดี เป็นห่วงที่บ้านด้วย”  แม่ตอบแล้วหันไปปิดเตาแก๊ส

 

“กินด้วยกันก่อนไหมครับ”  ผมถาม

 

“เอางั้นก็ได้จ้ะ”  แม่หันไปมองพี่ไม้กับไอ้ไบร์ท  ท่าทางคงจะหิวแล้วเลยตกลงกันทานข้าวที่คอนโดผมก่อน แล้วค่อยกลับพร้อมกัน พี่ไม้ก็ไม่เดือดร้อนครับเป็นเจ้าของกิจการก็งี้  เข้าสายหรือไม่เข้าเลยก็คงไม่มีใครว่า อ่อ ผมบอกรึยังว่าพี่ไม้เขาเปิดบริษัทรับออกแบบบ้านน่ะครับ  เก่งเนอะ

 

ทานข้าวเสร็จผมก็ลงมาส่งทุกคนที่หน้าคอนโดครับ  ไอ้ไบร์ททำท่าไม่อยากจะกลับบ้านคงกลัวผมอยู่คนเดียวไม่ได้น่ะ ไอ้นี่  กูเป็นพี่มึงนะไม่ใช่น้องสาวมึง จะห่วงอะไรนักหนา โดนคุณนายแจกมะเหงกเลยครับ ไอ้ไบร์ทก็โวยวายไปตามระเบียบ

 

ส่งทุกคนขึ้นรถเสร็จ ผมก็ฝากฝังพี่ไม้ให้ช่วยดูแลครอบครัวผมด้วย พี่ไม้หัวเราะ หึหึ แล้วบอกจะช่วยดูให้ แต่จะดีมากถ้าผมจะดูแลตัวเองให้ดี  อะไรว๊า! คนอุตส่าห์เก็ก!!

 

แอบเห็นคุณนายน้ำตาซึมตอนกอดลาผม  ผมเข้าใจคุณนายนะครับ ที่จริงคงไม่อยากให้ผมมาอยู่ข้างนอกเท่าไหร่แต่เพราะกลัวผมเหนื่อย เลยต้องตัดใจ ท่านเป็นคนที่เข้มแข็งมากครับ  ท่านคนเดียวแต่เลี้ยงพวกเราสองคนจนโตมาขนาดนี้โดยไม่ปริปากบ่นเลยสักครั้ง

 

ติ้ด  ติ้ด

 

“ไบร์ทกับแม่ถึงบ้านแล้วนะเว่ยพี่บีทส์ ฝันดี..”

 

ไบร์ทไลน์มาหาผม ผมกดตอบไปว่าฝันดี แต่เหลือบไปเห็นข้อความไอ้พิงค์มันเด้งขึ้นมา

 

“อิบีทส์  พรุ่งนี้รีบมาเช้าหน่อยนะมึง กูจะพาไปขอเบอร์สุดหล่อที่กูหมายตาไว้”  มึงเห็นกูเป็นอะไรวะพิงค์  ผมแอบขำกับข้อความมัน เราคุยกันต่อนิดหน่อยแล้วบอกลากัน ดึกแล้วครับ นอนไม่พอเดี๋ยวได้หมดหล่อกันพอดี

 

ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องเจอกับอะไร นอนคนเดียวรู้สึกเลยว่าเตียงมันกว้างมากเลยครับ  ไม่มีไอ้ไบร์ทมากวนก่อนนอน  ไม่มีคุณนายคอยบ่นว่าผมนอนดึกแล้วจะไปเข้าเรียนไม่ทัน  ห้องน่าอยู่นะครับ แต่ทำไมผมรู้สึกว่ามัน...เหงา

 



เหงา....เกินไป















   

 

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เกลียดขนาดนี้ ถ้ามาชอบกลับนี่ ก็ บ๊ายบาย นะ  แบนผู้ชายแบบนี้  :fire: :fire:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :z6:


มั่นเก๊นนนนนนนน

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ตอนที่ 4 :: หวิดโดนอุ้ม




[บีทส์]
 

ผมตื่นแต่เช้า อาบน้ำ แต่งตัวเตรียมไปมหาลัยตามปกติ ตอนนี้เป็นช่วงสอบกลางภาค ในส่วนของผมเหลือสอบอีกตัววันนี้ แหะๆ มัวแต่เที่ยวเล่นกันแป๊บๆ เฮ้ย สอบกลางภาคแล้วเหรอวะ! ทำไมผมยังรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งเรียนได้แค่อาทิตย์เดียวเอง


วันนี้ผมมีสอบบัญชีชั้นต้น เหมือนจะง่ายนะครับ แต่โคตรยากคิดดูนะอาจารย์เขาบอกว่าได้เงินมาต้องเริ่มเดบิตเงินสด อันนี้ผมพอเข้าใจนะครับ แต่ไอ้เครดิตน่ะ ทำไมกูต้องมานั่งแยกว่ามันเป็นค่าใช้จ่าย ทุน หรือหนี้สินด้วย แล้วไอ้คุณค่าใช้จ่ายกับคุณหนี้สินน่ะมันมีตัวเดียวซะที่ไหนกัน!!


เมื่อคืนผมนั่งท่องแค่หมวดบัญชีห้าหมวดก็ลากเลือดแล้วครับ  ถ้ากูจำได้นะกูจะไปเป็นไอน์สไตน์ อ๊าก สมองผมไม่ใช่คอมพิวเตอร์จะได้แยกแยะได้ทันทีว่าอันไหนสินทรัพย์ของกูหรือของมึง แล้วถ้ากูได้เงินสดมาแล้วเอาไปฝากธนาคารเลยเนี่ยกูต้องบันทึกเป็นอะไรวะ โอ๊ยจำไม่ได้!

 
“นั่นหน้าหรือตูดวะไอ้บีทส์” เสียงไอ้ออยครับ ไอ้นี่ เดี๋ยวปั๊ดจับกลืนลงท้อง!

 
“ไม่ค่อยสาระแนเลยนะครับไอ้คุณออย” ตอนนี้พวกเรานั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้ตึกคณะผมครับ ไอ้ออยกับไอ้ปริ้นมันสอบเสร็จแล้ว แค่มารอให้กำลังใจผม ผมว่ามันสองตัวหาเรื่องออกมาข้างนอกด้วยกันมากกว่า ไม่ต้องมาพูดให้กูรู้สึกดีเลยไอ้เพื่อนเลว

 
“มึงสอบเสร็จวันนี้ใช่ไหมบีทส์” ไอ้ออยถาม


“อืม ทำไมวะ” ผมถามมันกลับ


“วันนี้ไปเปิดหูเปิดตาฉลองสอบเสร็จกับพวกกูดีกว่า โอเคนะตกลงตามนี้” ไอ้ออยมันพูดแล้วหันไปแย่งขนมไอ้ปริ้นต่อ กวนตีนนะมึง ถามกูแต่ไม่รอคำตอบจากกูสักนิด

 
“เออๆ ที่ไหนวะ” ผมถามเพราะยังไงก็ต้องไปอยู่ดี


“ที่เดิมไง ไม่ต้องเอาไอ้ไบร์ทไปนะมึง ช่วงนี้มันเรียนหนักไม่ใช่รึไง” ไอ้ออยมันพูดดักคอ สัด!  รู้ได้ไงว่ากูคิดจะชวนมันอยู่พอดี

 
“เรื่องมาก ว่าแต่มีใครไปบ้าง” ผมถาม จริงๆ ก็อยากจะถามตรงๆ ไปเลยครับว่าปู่รหัสมึงไปด้วยไหม ถ้าไปกูจะชิ่ง แต่กลัวมันหาว่าป๊อดกลัวปู่รหัสมัน ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ครับ


“ก็พวกเดิมๆ กู ไอ้ปริ้น เพื่อนที่คณะกูอีกสองสามคน มึงชวนนัทไปด้วยก็ได้แต่อย่าเอาไอ้พิงค์ไปก็พอ” เอ่อ แล้วมึงจะส่งสายตาเหวี่ยงๆ ไปหาไอ้ปริ้นทำไม   

 
“มึงจะอะไรกับมันนักหนา มันก็เล่นๆ ไปงั้นแหละน่า ผัวมึงไม่เอามันหรอก โอ๊ย!” เชี่ย ตบหัวกูทำไมไอ้ปริ้น!


“อ่านหนังสือเงียบๆ ไปเถอะบีทส์ กูรำคาญ” คิดว่ากูกลัวสายตามึงหรือไงปริ้น เออ! กูยอมรับว่ากลัว สัส! อย่าให้กูเบ้าหน้าเหมือนไอ้ออยนะ ผมบ่นในใจพาลๆ แล้วก้มอ่านหนังสือต่อ แต่ถ้าถามว่าเข้าใจมั้ย มันก็นิดๆ ครับ แค่อ่านกันไว้เผื่อจะนึกได้ตอนสอบน่ะ...ก็หวังว่าจะนึกได้นะครับ


“อิบีทส์!”  มาแล้วครับเสียงอันไพเราะจับจิตของอิพิงค์ มาถึงก็วางหนังสือดังปึก! มึงโกรธใครมาหรือเปล่าห๊ะ หรือผู้ชายไม่ตกถึงท้องมาหลายวัน เลยแสดงอาการตกมันออกมา


“เสียงดังทำไม อยู่กันแค่นี้” ผมบ่น


“อย่างกับช้างตกมัน...” ยกแรกไอ้ออยนำไปก่อนหนึ่งแต้ม เล่นเอาอิพิงค์อ้าปากค้างไปเลย คงคิดคำด่าไม่ทัน อ่อ ไม่ก็มัวแต่หลงไหลได้ปลื้มกับความหล่อของไอ้ปริ้น


“ช้างตกมันก็ดีนะมึง แสดงว่ากูพร้อมจะมีคู่แล้ว ดีกว่าคนแถวนี้มัวแต่ทำตัวเป็นหมาหวงก้าง ทำหน้าซื่อตาใสไปวันๆ  ปากก็แข็งอย่างกับหินต้องหาท่อนซุงมาง้าง  ระวังเถ๊อะ คนอื่นคาบไปแดกกูจะสมน้ำหน้าให้ ! ใช่ไหมคะปริ้นขา~ ”  จึก! ยกนี้เสมอกันหนึ่งต่อหนึ่งครับ ไอ้ออยกำหมัดแน่นพูดไม่ออก  ไอ้ปริ้นมันส่งสายตาเย็นๆ ไปปรามชู้รักมันครับ เล่นเอาอิพิงค์รีบส่ายหางดิกๆ เข้าไปซบอกเอาใจมันเลย


จริงๆ ผมว่ามันไม่ได้คิดอะไรกับไอ้ปริ้นหรอก มันคงอยากแกล้งแหย่ไอ้ออยเล่นๆ ไอ้นี่ก็น่าแกล้ง เขาแหย่เขาแกล้งอะไรก็เต้นตามเขาหมด เชื่อเถอะว่ามันแยกไม่ออกหรอกครับว่าใครแกล้งหรือเกลียดมันจริงๆ


“อ่านหนังสือเป๊ะทุกตัวแล้วหรือไงพวกมึงสองตัว” ไอ้นัทครับ


“มาถึงก็รีบปล่อยลูกในปากออกมาเพ่นพ่านเลยนะ” ผมตอกกลับ มันทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ


“สวัสดีค่ะทุกคน”  สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม เอวบางร่างเล็กที่เดินตามไอ้นัทมาเอ่ยทักพวกเรา พวกเราก็หันไปยิ้มตอบให้เธอ


“สวัสดีครับคนสวย สนใจไปกินข้าวกับผมสักมื้อมั้ย” ผมแกล้งแหย่ ปากหมาไปงั้นแหละครับ เคยไปไหนมาไหนด้วยกันหลายครั้ง เลยสนิทกันไปโดยปริยาย ไม่ใช่เพื่อนใหม่หรือน้องสาวของใครในกลุ่มเราหรอกครับ แต่เธอเป็นแฟนไอ้นัท


เข้าใจไม่ผิดหรอกครับ ‘มีน’ เป็นแฟนสาวของไอ้นัท เล่นเอาพวกผมอิจฉาตาร้อนกันเป็นแถบๆ ที่คาใจมากที่สุดคือมึงไปจีบกันตอนไหน! มีนเรียนนิเทศฯ ครับ ปีหนึ่งเหมือนกัน


“ไปหาผัวไกลๆ ตีนกูเลยบีทส์ คนนี้ของกู” ไอ้นัทรีบตามมาโอบไหล่แฟนมันครับ เล่นเอาเธอหัวเราะคิกคัก พวกเราเลยหัวเราะตาม ไม่ค่อยหวงเลยนะมึง
     

“อย่างกูต้องมีเมียสิวะ” ผมจิ๊ปากใส่ไอ้นัท ถึงผมจะไม่หล่อเข้มแต่ผมก็หล่อใสสไตล์เคป็อบนะครับ “ใช่ไหมจ๊ะเมียจ๋า” หันไปเล่นหูเล่นตากับอิพิงค์
 

“กรี๊ด ถ้ากูอดอยากเมื่อไหร่กูจะนึกถึงมึงเป็นคนแรกเลย” อิพิงค์รับมุก


ไอ้นัทส่ายหัวมองผมกับอิพิงค์ “ไปสอบกันเหอะ เดี๋ยวกูช่วยติวให้ก่อนเข้าห้อง อยู่นี่มึงอ่านไม่รู้เรื่องแน่บีทส์ ตกขึ้นมากูจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลย” ผมเบ๋ปาก อวยพรซะกูมีกำลังใจสอบล้นหลามเลย



+++++++++++++++++++++



ตอนนี้พวกเราอยู่ในร้านเหล้าแล้วครับ ขอข้ามเรื่องสอบไปเลยก็แล้วกัน ให้มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเหมือนสายน้ำที่ไหลไป...ไม่ไหลกลับ


พวกเราเลือกนั่งโต๊ะประจำที่เคยนั่ง พวกผมมาบ่อยครับไอ้ปริ้นมันรู้จักกับเจ้าของของที่นี่น่ะ เห็นว่าเป็นร้านของปู่รหัสมัน แต่พวกผมแค่มานั่งจิบๆ ไม่ได้กินให้เมามายอะไรนะครับ แต่ผมรู้ดีว่าวันนี้ไม่เมาไม่เลิก!


 “มึงรู้มั้ยบีทส์ พี่ราหาสกูนะแม่ง จนถึงตอนนี้มันยังไม่เลิกแกล้งกูเลย มึงรู้ปะเขาให้กูเต้นเพลงแมงมุมกับอ้ายปริ้น~ อึก กลางโรงอาหารเลยนะเว่ย อึก” ไอ้ออยมันเมาแล้วครับ เหมือนมันจะแค้นฝังหุ่นกับพี่รหัสสุดที่รักของมันเลย แต่ถ้าให้ผมเต้นท่าแมงมุมกับคนที่ใกล้ชิดผูกพันกันอย่างไอ้ปริ้นผมก็เคืองว่ะ


“ฮ่าๆ ก็ดีกว่ามึงไปทำกับคนอื่นไม่ใช่เร๊อะ” ผมแซ็วมัน


“หรือปริ้นอยากทำกับพิงค์ก็ได้นะคะ กริ๊งเดียว...รับรองว่าพิงค์บริการถึงที่ค่ะ” อิพิงค์มันเป็นมือวางระเบิดครับ วางเสร็จมันก็ชิ่งไปเต้นอยู่กลางเวทีแล้ว ยังไม่พอครับเพราะถึงแม้ตัวมันจะอยู่ไกลมันก็วางระเบิดซ้ำได้อีกลูก เมื่อมันยกมือขึ้นมาเป็นโทรศัพท์แล้วส่งจูบให้ไอ้ปริ้น ช่างยุจริงนะมึง…


ยุให้เขาทะเลาะกันเนี่ย!
 

“จะไปกับมันเหรอปริ้น” ไอ้ออยมันเงยหน้าขึ้นมาถามไอ้ปริ้นตาละห้อย โอ้ย มดมันจะกัดกูแล้วเชี่ย  มึงจะหวานกันเกินไปป่ะ เกรงใจเพื่อนมึงที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้บ้าง


ไอ้นัทกับมีนขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ตอนนี้เหลือพวกผมอยู่สามคน คือถามว่าเมามั้ยตอนนี้ก็ยังหรอกครับ แค่กรึ่มๆ มึนๆ มาคนเดียวกลัวไม่มีคนหิ้วกลับ ผมกรอกตาขึ้นฟ้าเมื่อไอ้ปริ้นส่งสายตามาไล่...อยากสวีทกันแต่ไม่เห็นใจกูเลย...กูมาคนเดียวนะไอ้เพื่อนยาก!

 
“กูไปห้องน้ำแป๊บละกัน อย่าทำอะไรเพื่อนกูนะมึง” ผมหันไปสั่งไอ้ปริ้น มันยิ้มมุมปากมาให้แล้วพยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่ต้องห่วง

           
ปึก!   /  อ๊ะ!

       
“ขอโทษครับ” เสร็จจากกิจธุระในห้องน้ำ มัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน ชนกับใครก็ไม่รู้ครับ ล้มไม่เป็นท่าเลย เจ็บชะมัด!

 
“หื้ม...ไอ้น้อง รู้มั้ยว่านี่ถิ่นใคร เดินไม่ระวัง ถ้าพี่เป็นอะไรขึ้นมาน้องจะรับผิดชอบไหวมั้ย” ผมลุกขึ้นไปเผชิญหน้ากับพี่ยักษ์คนที่ชนกับผม พี่มันยืนกอดอกมองผมอยู่ ข้างหลังยังมีลูกน้องมันอีกสองคนยืนขนาบข้างอยู่ ตัวก็ใหญ่กว่ากูอีก กูสิควรกลัวมึง! โอ๊ย กระดูกกูหักบ้างมั้ยเนี่ย


“พอดีผมไม่ทันมองน่ะครับพี่ ขอโทษจริงๆ ตัวก็โต๊...โตนะพี่ ไม่เจ็บอะไรมากหรอกใช่มั้ยครับ” หมั่นไส้เห็นมีลูกน้องหน่อยล่ะยืด อย่าให้ไอ้บีทส์ตัวโตเหมือนพี่บ้างนะ ผมหันไปยิ้มให้พี่ยักษ์อย่างที่คิดว่าจะจริงใจที่สุด เอาสิ หน้าห้องน้ำเลยนะ มึงกล้าทำกูก็เอาเด้!


“ทำหน้ากวนตีนนะมึงไอ้เปี๊ยก! จับมันไว้” พี่มันหันไปสั่งให้ลูกน้องมาหิ้วปีกผมไว้คนละข้าง เหวอสิกู!


“เฮ้ยๆ พี่จะทำอะไรผม!” ผมโวยวาย พยายามดิ้นให้หลุด

 
“ปากดีแบบนี้กูชอบนะครับรู้มั้ย” ไอ้พี่ยักษ์มันยื่นหน้าเข้ามาชิดกับจมูกของผม สัด ขยะแขยง! ผมยกเท้าขึ้นแล้วถีบเข้าท้องพี่มันเต็มเหนี่ยว


โครม!


...ท่าสวยสมบูรณ์แบบ…


“ไอ้เหี้ย ยืนเซ่อร์ทำไม จับมันไว้!” ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากยักษ์สองตัวที่จับแขนผมไว้แน่น ไอ้พี่ยักษ์หน้าเข้มมันลุกขึ้นแล้วเดินตรงมาหาผม ซวยล่ะ!  ผมหันซ้ายหันขวามองหาเพื่อนๆ ที่มาด้วยกัน แต่ไม่เห็นใครเลยสักคน มุมที่ผมยืนตอนนี้เป็นมุมอับไม่ค่อยมีแสงเท่าไหร่ ผมพยายามทั้งร้อง ทั้งส่งซิกอ้อนวอนให้คนที่เดินผ่านไปเข้ามาช่วย แต่แม่งคนเดี๋ยวนี้มีน้ำใจจริงๆ!


“เอ่อ พี่ครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เมื่อกี้ขาผมมันชักกระตุกอ่ะพี่ ผมเป็นโรคชักกระตุกเวลาตกใจมากๆ เชื่อผมเถอะ!” ผมเลิ่กลั่กบอกพี่ยักษ์เสียงดัง แถสีข้างถลอกเลยกู


“อยากเจอกูชักกระตุกแบบซอยถี่ยิบเข้าประตูหลังบ้างมั้ยล่ะ” ไอ้พี่ยักษ์หน้าโหดมันเลียริมฝีปาก ทำหน้าหื่นๆ ใส่กูอีก มันเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบซองใสที่บรรจุแคปซูนยาเม็ดสีฟ้าครามออกมา ผมเบิกตากว้างพยายามดิ้นให้หลุด


“พี่ครับ อย่าทำอะไรผมเลยนะ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เหี้ยเอ้ย อย่าทำอะไรกูนะ ไอ้ออย ไอ้ปริ้น มึงอยู่ไหนมาช่วยกูเดี๋ยวนี้!


“ล็อกตัวมันไว้!”


“อึ่ก แค่กๆๆ”  มันเอาเม็ดยายัดใส่ปากผม ผมทำท่าจะคายออกมา แต่มันเอามือมาบีบคางผมไว้แน่น พอผมไม่ยอมกลืนมันก็เอามืออีกข้างมาอุดจมูกผมไว้ ผมดิ้นเพราะหายใจไม่ออกเลยเผลอกลืนยาที่มันยัดใส่ปากลงไป  ไอ้ยักษ์มันยืนยิ้มเหี้ยม พร้อมกับทำหน้าหื่นๆ ใส่ผม

 
“แม่งเอ้ย” ผมพยายามล้วงคอตัวเองเพื่อให้อ้วกเอายาที่กินออกมา แต่ไอ้เหี้ยนั่นดันจับเหล้ามากรอกปากผม


“แค่ก แค่ก อ่อยอ่ะ!!” ผมพยายามดิ้นสุดแรงแต่ลูกน้องของมันล็อกตัวผมไว้แน่น ตอนนี้ผมรู้สึกร้อนไปหมดทั้งจากฤทธิ์ของเหล้าและยา...พระเจ้า!


“เหี้ย อย่าบอกนะว่าพวกมึง..”  ผมอ้าปากค้าง เคยดูแต่ในหนังไม่คิดว่าจะได้เจอกับตัวเอง
 

“เอาไปไว้ที่รถ” มันสั่งลูกน้อง


“แฮ่ก ปะ ปล่อยกู” ผมพยายามดิ้น แล้วถีบพวกมัน ไอ้ยักษ์นั่นเลยต่อยเข้าที่ท้องผมอย่างแรง

           
อุก!


ผมจุกจนตัวงอ แล้วล้มลงข้างๆ รถของพวกมันยาของพวกมันเริ่มออกฤทธิ์พอๆ กับเหล้าที่ผมกินเข้าไป ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหน้าผมตอนนี้มันแดงแค่ไหน


“ไปเป็นเด็กกู รับรองได้ว่ามึงจะสบายไปทั้งชาติ ฮ่าๆ” พวกมันหัวเราะ


“ฆ่า กะ...กู เถอะ อือ...” ผมพยายามเอ่ยขอร้อง แขนขาผมเริ่มไม่มีแรง! ผมพยายามประคองสติของตัวเองให้ได้มากที่สุด พยายามมองหาทางหนีแต่ตรงนี้มันเป็นโซนจอดรถวีไอพี แน่นอนว่าตรงที่ผมอยู่มันมืดมาก กูจะหนียังไงวะ  พวกมันกำลังจะโยนผมเข้าไปในรถ แต่ก็ต้องชะงักก่อนเพราะมีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา


“ให้ช่วยอะไรมั้ยครับ”


ผมขมวดคิ้ว เสียงนี่มันคุ้นจริงๆ ขอให้เป็นคนที่รู้จักผมทีเถอะ...

         
“ไม่มีอะไร เด็กพี่เขาอยากไปสนุกกับพี่เร็วๆ แต่เมามากเลยเดินไม่ไหว ถ้าไม่มีอะไรพวกพี่ขอตัวนะน้อง”  ไอ้ยักษ์มันเตรียมจะเดินต่อ ผมพยายามหันหน้าไปขอความช่วยเหลือเขา เผื่อจะเป็นคนที่ผมรู้จัก กูยังไม่อยากเสียจิ้น! แล้วผมก็ต้องตกใจเพราะคนที่เข้ามาทักคือ

 
พี่ซัน!!!!         


“พะ พี่ซัน” ผมพยายามเปล่งเสียงเรียก ตอนนี้ผมแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว พี่ซันทำหน้าสงสัย..แต่ก็แค่สงสัย เพราะตอนนี้พี่มันหันหลังเดินกลับไปแล้ว


ฮึก  มึงใจดำมากพี่ซัน !!!


ผมพยายามจะดิ้นอีกครั้งก่อนจะถูกโยนเข้าไปในรถ ทั้งทุบทั้งต่อย แต่โดนพวกมันรวบตัวไว้จากข้างหลัง ดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุดผมเลยคว้าเอาแขนมันแล้วกัดเข้าไปเต็มแรง มันเผลอปล่อยมือผมเลยสะบัดตัวออกจากมันแล้ววิ่งหนีสุดชีวิต


ปึก!
 

ผมสะดุดพื้นหินที่ทำนูนขึ้นมากั้นเขตจอดรถล้มไม่เป็นท่าพวกมันที่วิ่งตามมาเลยจับผมไว้ได้ ก่อนที่จะตบผมหน้าหัน


เหี้ย! แม่กูยังไม่เคยตีสักแอะ แล้วพวกมึงเป็นใครถึงมาทำกับกูแบบนี้! ฮึก เจ็บขนาดนี้กูยังจะมีอารมณ์อีกแม่ง ผมพยายามหนีบหาตัวเองไว้แน่น ต้องหาทางหนีไปก่อน ไม่งั้นผมตายแน่ ไม่ตายก็เหมือนตาย


ต้องตกนรกทั้งเป็นถ้าโดนพวกมึงทะลวงเวอร์จิ้น


“ชอบให้ใช้กำลังหรือไงห๊ะ” ไอ้พี่ยักษ์มันตามมาจิกหัวผมแล้วดึงให้ลุกขึ้นอย่างแรงแล้วพาดตัวผมขึ้นบ่ามัน


“เหวอ! ปล่อยกูนะเว้ย แฮ่ก ถะ...ถ้ากูหลุดไปได้กูเอามึงเข้าคุกแน่ ปล่อยกู!!” ผมดิ้นพยายามทุบหลังมันดังอั๊ก! แต่ดูเหมือนจะไม่สะเทือนหนังมันเลยด้วยซ้ำ โอ๊ย มึนหัวโว้ย


ตุบ!


อั่ก!


เสียงมันดังมาจากข้างหลัง ผมกำลังจะเงยหน้าขึ้นไปดูแต่ไอ้ยักษ์ที่หิ้วผมอยู่มันดันหันกลับมาซะก่อน ผมเลยมองไม่เห็นอะไร แม่ง!


“พวกมึงคิดจะทำอะไร” เสียงไอ้ยักษ์


“แล้วมึงล่ะจะทำอะไร” นี่มันเสียงพี่ซัน!! อย่าบอกนะว่าพี่มันกลับมาช่วยผม


“อย่าเสือก ถอยไปซะก่อนที่มึงจะเดือดร้อน โว้ย มึงอยู่เฉยๆ ได้มั้ยวะ!/ โอ๊ย!” ผมพยายามดิ้นเพื่อจะมองหน้าไอ้พี่ซัน จนไอ้ยักษ์มันทิ้งผมลงจากบ่า เสียงโอ๊ยน่ะผมเอง แม่งทิ้งลงมาได้

 
“ไม่เกี่ยวได้ไงก็ไอ้เด็กนี่มันน้องกู”  ใจผมกระตุกวูบ

     
“พี่ปล่อยผมไปเถอะนะ พี่ผม...อึก มารับแล้ว” โอย เสียงกู ทำไมมันกระเซ่าแบบนี้ ผมหันไปหาพี่ซันพี่มันยืนถือปืนเล็งมาที่ไอ้พี่ยักษ์นี่อยู่ มากันหลายคนด้วย พี่สอง พี่อาร์ต พี่น๊อตก็ด้วย
       
 
“แฮ่ก...”
 

 สะ...เสียงอะไรวะ หันไปหาทุกคนอีกครั้งก็เห็นพวกพี่มันมองมาที่ผมเป็นตาเดียว ฮะ เสียงกูเหรอ ผมรีบเอามือปิดปากตัวเองทันที! น่าเกลียดเป็นบ้า


“ถ้าไม่อยากตายก็รีบไสหัวไป กูบอกไว้ก่อนนะว่าพวกกูน่ะไม่ห่างจากนักแม่นปืนอาชีพเท่าไหร่หรอกนะ ระยะแค่นี้ไม่มีคำว่าพลาพ” ไอ้พี่อาร์ตมันขู่

 
“ฮึ่ย! ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้พวกปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กลับ!” ไอ้พี่ยักษ์มันหันไปสั่งลูกน้องที่นอนหมอบอยู่ใต้ตีนพี่น๊อตกับพรรคพวก

 
“เป็นยังไงบ้างเรา” พี่สองเดินเข้ามาหาผม

 
“พี่...พวกมันเอาอะไรให้ผมกินไม่รู้ แฮ่ก อย่าเข้ามา! อย่าแตะตัวผม!” พี่สองทำท่าจะเข้ามาใกล้ผม ผมเลยห้ามไว้ก่อนตอนนี้ผมกำลังจะควบคุมมันไม่อยู่แล้วครับ

 
“ท่าทางน้องมันจะโดนยาว่ะ เอาไงต่อดีวะซัน” พี่อาร์ตสันนิษฐานแล้วหันไปขอความเห็นจากพี่ซัน

 
“ผมกับพี่สองเรามีนัดกันต่ออ่ะพี่” ไอ้พี่น๊อตกับพี่สองรีบออกตัว บ้านกูเรียกว่าชิ่งนะครับพี่

 
“กูต้องไปหาบีบีว่ะ” ไอ้พี่อาร์ตทำหน้าลำบากใจ


“เชี่ย รีบๆ ไปไกลๆ ตีนกู” พี่ซันเริ่มหัวเสียก่อนจะเดินมานั่งยองๆ ข้างผมที่หอบแฮ่กๆ พยายามกัดปากไว้แล้วกอดตัวเองอยู่เงียบๆ เหี้ยเอ้ย ทำไมพี่ซันมันหล่อแบบนี้ว่ะ!

 
“เจอกันที่ไรทำกูซวยตลอดเลยนะมึง”


 “...”

 
“อื้อ...พี่ ผมจะไม่ไหวแล้ว” ผมบิดตัวเร้า น้องชายผมมันปวดตุบๆ ทรมานจริงๆ ครับ...

 
“ดูแลตัวเองยังไม่ได้ ยังคิดจะซ่า...นี่มึงอาบเหล้ามารึไงฮึ” พี่ซันทำจมูกฟุตฟิต หลังจากเข้ามาใกล้ผม

 
“พี่ซัน...ช่วยผมหน่อยนะ ผมไม่ไหวแล้ว อึก มันอึดอัด”ผมกำลังจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว พูดเองก็อายเอง จะช่วยทั้งทีช่วยผมให้สุดๆ ไปเลยก็แล้วกันนะแล้วผมจะชดใช้ให้ทีหลัง                                             

 
“กลับบ้านตอนนี้คงไม่ได้สินะ เฮ้อ ซวยกูจริงๆ” พี่ซันถอนหายใจก่อนจะมาช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้น แต่แค่พี่ซันแตะตัวผม กลับทำให้ผมขนลุกซู่จนชะงักนิ่งอยู่กับที่

 
“พะ พี่” ผมเงยหน้าไปมองพี่ซัน พี่ซันเลิกคิ้ว

 
 +++++++++++++++++++++++++



[ซัน]


“อะ...อุ๊บ” ผมหันไปตามเสียงเรียกไอ้เด็กบีทส์ แต่ดันโดนมันจับหน้าดึงเข้าไปจูบ!! เหี้ยเอี้ย ส่งลิ้นมาทำไมวะ!


มันส่งเรียวลิ้นสีชมพูของมันเข้ามาทักทายปากผมผมแล้วจูบสะเปะสะปะ ผมพยายามจะดึงมันออกแต่มันดันเอามือสองข้างมาคล้องคอผมไว้ แล้วดึงให้เข้าไปแนบชิดกันอีก สัส! จูบไม่เป็นยังสะเออะจะมาจูบกู ผมเป็นฝ่ายล็อกหน้ามันไว้เองก่อนจะส่งลิ้นตัวเองเข้าไปสำรวจโพรงปากมัน เอาวะ...ถือว่ามึงเป็นลูกศิษย์กูแล้วกัน!

 
ผมกับมันยืนแลกจูบกันอยู่นาน ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันคนไม่ประสีประสาเรื่องจูบอย่างมันจะทำให้ผมเคลิ้มได้ขนาดนี้

 
“อื้อ…แฮ่ก” มันทุบอกประท้วงผม ท่าทางจะหายใจไม่ทัน หึ มันยังไม่มีสติครับ ผมเลยลากมันมาขึ้นรถแม้จะทุลักทุเลอยู่บ้าง วันนี้คงต้องไปค้างที่คอนโดผมก่อน บ้านมันอยู่ไหนผมยังไม่รู้เลยขืนถามมันตอนนี้คงจะไม่ได้คำตอบ

 
“พี่ ผมเดินไม่ไหว ขาไม่มีแรง” มันหอบครางเสียงกระเซ่า กูอยากรู้จริงๆ ว่าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมามึงจะจำอะไรได้บ้างแค่โดนยาไม่เท่าไหร่ครับ ผมว่าเรื่องเมามันใหญ่มากกว่าน่ะ

 
“ถึงแล้ว”


ผมเปิดรถแล้วเปิดประตูให้มันเข้าไปนั่งด้านหลังคนขับ ส่วนผมอ้อมไปอีกด้านแล้วเข้าประจำที่คนขับ ดูท่ามันจะไม่ไหวแล้วผมเลยต้องเร่งขับให้ไปถึงคอนโดให้เร็วที่สุด ไม่งั้นมันแย่แน่ๆ หนักสุดถ้าช็อกตายขึ้นมา ซวยกูสิครับ ตัวมันแดงไปทั้งตัว ถ้าเป็นผู้หญิงมึงไม่เหลือแน่บีทส์                         

                                       
ได้ยินเสียงมันหอบครางเสียงกระเซ่าพร้อมๆ ไปกับการช่วยตัวเองอยู่หลังรถผม เหี้ยเอ้ย ทุเรศลูกตากูว่ะ!

                         
แผล็บ แผล็บ~

 
ผมขนลุกซู่ มึงเลียหูกูทำไมไอ้เด็กเหี้ย กูไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะสัด รูก็ไม่มีให้กูเอา! ผมสบถออกมาเสียงดังแล้วตบไฟเลี้ยวเข้าคอนโด


ผมรีบอุ้มมันขึ้นลิฟท์แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำปล่อยมันไว้ในอ่างน้ำแล้วเปิดน้ำใส่จนเต็ม มันร้องเสียงหลงพยายามจะลุกหนี ช่วยไม่ได้ล่ะว่ะ!!


“อื้อ...” ผมดึงหน้ามันมาจูบ ทำให้มันเริ่มสงบแล้วจูบตอบผม พร้อมกับยกขาขึ้นมาหนีบเอวผมไว้ทั้งสองข้างทำให้ตอนนี้เท่ากับว่าผมอุ้มมันอยู่ ผมแอบชำเลืองดูน้ำในอ่างเมื่อเห็นว่าน้ำเต็มแล้วก็ปล่อยมันลงในอ่างน้ำรีบผละออกห่างจากตัวมัน ปิดล๊อกประตูห้องน้ำทันที


“อื้อออ พี่ซัน ช่วยดะ...ด้วย แฮ่กๆ”


มีความสุขอยู่ในห้องน้ำนั่นแหละสัด ไม่ต้องมาเรียกชื่อกู!






 

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


ช่วยน้องหน่อยยยยยยยยยยยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จะขำ หรือสงสารดีนะ  :hao3:

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
โถ หน้าสงสารจังลู๊กกกกก

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ตอนที่ 5 :: โทษทีไม่ได้ตั้งใจ



[บีทส์]

 

ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในห้องนอนของพี่ซันครับ นั่งอยู่บนเตียงของพี่แกด้วย! และไม่ได้มีแค่ผมที่นั่งอยู่ในนี้ ยังมีไอ้ออย ไอ้ปริ้น อ่อ พี่อาร์ตก็มาแต่นั่งอยู่ด้านนอกกับพี่ซัน ผมกับเพื่อนกำลังนั่งคุยกันผ่านทางสายตาอยู่...เอ่อ ไม่ขำเหรอครับ

 
หลังจากที่ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงพี่ซันแล้ว แทบลุกไม่ขึ้นเลย ปวดหัวมากๆ ตอนแรกก็ยังงงๆ ครับว่าตัวเองมาอยู่นี่ได้ยังไง อ่อ ทำไมผมถึงรู้ว่าตัวเองอยู่ในห้องพี่ซันน่ะเหรอครับ คือผมเหลือบไปเห็นรูปพี่มันตั้งอยู่ตรงหัวเตียง

 
พอนอนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก็ทำให้ผมหน้าร้อนขึ้นมาทันที ครับใช่แล้ว ผมจำได้...จำได้ทุกอย่างเลยด้วย! กูอยากจะกรี๊ดเป็นภาษาต่างดาว น่าอายฉิบหาย น่าอายเชี่ยๆ รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น แถมเมื่อคืน...ผมยังเป็นคนจูบพี่ซันก่อนด้วย โอ๊ย ผมจะบ้าตาย


ปึก!


ผมดิ้นไปมาทำให้อะไรบางอย่างตกลงไปข้างเตียง ผมพยายามที่จะเอามือเอื้อมลงไปหยิบขึ้นมา อ๊ะ เจอล่ะอะไรวะสีฟ้าๆ นิ่มๆ อ่อ แผ่นเจลลดไข้นี่หว่าพี่ซันนี่ก็ใจดีผีเข้าผีออก นึกจะใจดีก็ใจดีเวอร์ แต่อย่าให้ใจดำขึ้นมานะคำว่าเลวยังน้อยเกินไป


เปิดผ้าห่มที่คลุมร่างตัวเองอยู่ออกก็เหวอแดกครับ เหี้ย! ใครเปลี่ยนชุดให้กูวะ อย่าบอกนะว่าพี่ซัน!! เสื้อนอนตัวโคร่งสีน้ำเงินเข้มกับบ๊อกเซอร์ตัวใหญ่ด้วย แม่มมมมม กูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ก็ว่าทำไมข้างล่างมันเย๊น...เย็น


ได้แค่โอดครวญในใจไม่กล้าเสียงดังครับคือตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าพี่ซันสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเจอพี่แกแล้วผมต้องทำหน้ายังไง อายก็อาย


แกรก~


ผมหลับตาปี๋พร้อมกับกลั้นหายใจ กลัวพี่มันจะรู้ว่าผมตื่นแล้ว


“ไม่ต้องมาเนียนไอ้เหี้ย เพื่อนมึงมาหา” ได้ยินเสียงพี่ซันเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียง น้ำเสียงโคตรหงุดหงิด


“ให้กูตรวจอาการน้องเขาก่อนไหมมึง ไม่รู้ว่าไข้ลดรึยัง” เสียงนี้พี่หมออาร์ตแน่ๆ นี่มากันตั้งแต่เช้าเลยเหรอ โอ๊ย ผมยังไม่อยากเจอใครพวกพี่เข้าใจกันบ้างไหมครับ


“มันไม่ตายง่ายๆ หรอกสัด” พี่ซันหันไปพาลพี่หมออาร์ตแทนแล้วครับ ผมเลยเนียนหลับต่อ ยังไม่พร้อมน่ะยังไม่พร้อม อับอายขายขี้หน้า


พรึ่บ! // เห้ยพี่!!


พี่ซันกระชากผ้าห่มออกจากตัวผม ทำให้ผมที่นอนใส่แค่เสื้อกับบ๊อกเซอร์ตัวเดียว สะดุ้งสุดตัวเพราะตอนนี้เสื้อมันเลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องของผมแล้วครับ แล้วเสื้อกับกางเกงมันปิดแค่ต้นขาผมเองไง ผมลนลานรีบเอาหมอนมาปิดแทบไม่ทัน พี่ซันทำหน้าเหวอๆ ก่อนจะทิ้งผ้าห่มคืนมาให้ แต่พี่อาร์ตนี่หน้าเน่อ ไปหมดแล้วครับ เช็ดน้ำลายด้วยครับพี่


“กูเรียกไม่ได้ยินหรือไง” พี่ซันรีบปรับสีหน้าแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เอ่ยถามผมเสียงเข้ม


“เอ่อ คือ...” ผมอึกอัก แค่เห็นหน้าพี่มันผมก็ประหม่าจะตายแล้วครับ นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนทีไรก็อดด่าตัวเองไม่ได้ ทำไมกูง่ายอย่างงี้ เอ่อ ผมหมายถึงยอมให้พี่มันจูบง่ายๆ ครับ


“หึหึ ยังปวดหัวอยู่มั้ยครับ” พี่อาร์ตเอ่ยถามผมบ้าง ผมรีบพยักหน้าตอบ


“มันยังมึนๆ อยู่ครับ เอ่อ เมื่อคืนขอบคุณพี่ๆ มากนะครับที่ไปช่วยผม”  ผมรีบเอ่ยขอบคุณพี่ ๆ แล้วยิ้มแหย พี่อาร์ตยิ้มให้ผมแล้วนั่งลงข้างๆ พลางยื่นมือมาวัดไข้ที่หน้าผากผม ส่วนพี่ซันก็ยังยืนหน้านิ่งเอามือล้วงกระเป๋าอยู่ข้างเตียงเหมือนเดิม


“ต้องขอบคุณไอ้ซัน ตอนที่มันเห็นเราเกิดเรื่องน่ะ มันรีบออกมาโทรหาพวกพี่บอกว่าเกิดเรื่องให้รีบออกไปหามัน พวกพี่นี่แทบจะล่องหนไปอยู่แล้ว” พี่อาร์ตพูดขำๆ


“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว คราวหลังจะอ่อยใครก็ดูหน้าตาเขาบ้าง แค่นี้แยกไม่ออกรึไงว่าใครดีหรือไม่ดี ยิ่งสถานที่แบบนั้นยิ่งต้องระวังตัว ไม่มีใครเขาคอยช่วยมึงได้ทุกครั้งหรอกนะ”  พี่ซันพูดต่อ พลางทำหน้าตำหนิผม  ผมเงียบ ไม่ได้อ่อยมั่งเหอะไอ้พี่บ้า!


“...”


“แล้วถ้าคนที่มึงไปเจอไม่ใช่กู มึงรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น แค่เสียตัวน่ะมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”  พี่ซันยังตำหนิผมต่อ พี่อาร์ตเงียบไม่พูดอะไรแต่ก็ลุกออกเดินไปข้างนอกปล่อยให้ผมอยู่กับพี่ซันสองคน

 
“...”


ผมยังเงียบ ไม่ใช่ความผิดของผมคนเดียวสักหน่อย ก็ไอ้ยักษ์นั่นมันมายุ่งกับผมเอง

 
“หน้ามึงมันล่อพวกเสือสิงกระทิงหน้าหื่น ไม่รู้ตัวเลยรึไง” 
 

ผมหันไปตอบพี่มันหน้าซื่อๆ “แล้วอย่างพี่นี่ผมล่อได้บ้างมั้ยครับ” พูดจบก็เอียงหน้ามองพี่ซัน ทั้งที่ในใจอยากจะหัวเราะแทบตายเมื่อเห็นหน้าพี่ซันขรึมขึ้นกว่าเดิม
 

“สัด!” 


พี่ซันสรรเสริญผมสั้นๆ  แล้วก็เดินหนีออกไปทันที พอพี่แกออกไปไอ้ออยกับไอ้ปริ้นก็เดินเข้ามา อย่างกับผมเป็นสัตว์ประหลาดอย่างงั้นแหละ ขอเก็บค่าเข้าชมได้ไหมเนี่ย!


ไอ้ออยเดินเข้ามานั่งข้างๆ ผมส่วนไอ้ปริ้นเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเตียงนอนหันหน้ามามองผมนิ่ง  มันคงรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมไม่อยากให้มันรู้สึกผิดครับ คือไอ้เรื่องมีผู้ชายมาชอบหรือมาตามเนี่ยผมพอจะชินนะแต่ไอ้โดนแบบเมื่อคืนนี่ครั้งแรก!


“...”
 

จนถึงตอนนี้พวกมันก็ยังคงเงียบครับ เฮ้อ ผมหันไปมองไอ้ออยแล้วพยักหน้าเรียกให้มันเข้ามาใกล้ๆ ผมแอบเห็นมันกลั้นน้ำตาไว้ด้วยครับ ตามันแดงมาก พอมันเข้ามาใกล้ผมก็สวมกอดมันทันที


“บีทส์กูขอโทษนะ ไม่น่าพามึงไปเลย” ไอ้ออยว่าเสียงสั่น
 

“อย่าคิดมากดิมึง ตอนนี้กูก็ไม่เป็นอะไรแล้วไง เห็นไหมว่ากูยังครบสามสิบสอง” ผมฉีกยิ้มกว้างให้มันดู ไอ้ออยทำสีหน้ารู้สึกแย่ ไอ้ปริ้นไม่พูดอะไรครับมันเดินมายีหัวผมเบาๆ ผมเข้าใจนะว่ามันรู้สึกผิดแต่มันก็ต้องดูแลไอ้ออยเหมือนกัน ดังนั้นมันไม่ผิดสักนิด  ว่าแล้วก็อยากจะหาแฟนสักคน แล้วผมจะนึกถึงพี่ซันทำไมเนี้ย!

 
“ไอ้ไบร์ทมันโทรหากูเมื่อคืน แต่กูบอกว่ามึงอยู่กับพวกกูนะ ดีขึ้นแล้วโทรหามันด้วยก่อนที่มันจะมาถล่มคอนโดมึง”  ไอ้ปริ้นพูดเปลี่ยนบรรยากาศ  ผมหันไปพยักหน้าให้มัน


“อื้อ กูเอาชุดมาให้มึงด้วย  ไม่ยักรู้ว่ามึงกับพี่ซันอยู่คอนโดเดียวกันด้วย”  ไอ้ออยพูดพลางเช็ดน้ำตาออกจากหางตา ผมเบิกตากว้าง กูว่าแล้ว! ทำไมผมไม่เอะใจสักนิดว่าทำไมมันคุ้นขนาดนี้


“กูก็เพิ่งรู้จากมึงนี่แหละ ก็ว่าอยู่มันคุ้นๆ” ผมตอบไอ้ออย ก่อนจะหยิบถุงเสื้อจากมันเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ แล้วจัดการอาบน้ำชำระล้างกายอีกรอบ หลังจากที่พี่ซันมันจัดการให้ไปแล้วรอบหนึ่ง เออ คิดแล้วเขินแปลกๆ


ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ขอตัวออกมาจากห้องพี่ซัน วันนี้ผมต้องกลับบ้านครับเลยให้ไอ้ปริ้นมาส่ง ก่อนหน้านั้นผมโทรหาไบร์ทแล้ว เห็นบอกว่ากำลังจะออกไปเรียนพิเศษคลาสแรก ไบร์ทอยากเรียนหมอครับ เหตุผลที่น้องอยากเรียนหมอทำให้ผมกับคุณนายน้ำตาซึมเลย


ไบร์ทจะได้ดูแลแม่กับพี่บีทส์ได้ไง ไบร์ทเด็กสุดอายุน้อยสุดอยู่ดูแลทุกคนได้อีกนาน...
 

น้องมันเลยเรียนหนักมากครับ ผมเป็นพี่แต่ช่วยอะไรน้องมันไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แหะ แหะ แอบอายตัวเองอยู่เหมือนกัน ก่อนลงจากรถไอ้ปริ้นเอ่ยเตือนผมเรื่องการไปเข้าค่ายรับน้อง


“อาทิตย์หน้าต้องไปเข้าค่ายรับน้องอย่าลืมนะมึง” 


“อาทิตย์หน้าแล้วเหรอ”  ผมหันไปถามไอ้ปริ้น


“อืม วิศวะกับบริหารเขาจัดไปด้วยกันน่ะ” ไอ้ปริ้นบอก ผมหันไปทำหน้าสงสัย


“ทำไมไปแค่สองคณะ”
 

“ไม่รู้ว่ะ เห็นพี่ในสายกูบอกว่ามันเป็นธรรมเนียม” ผมขมวดคิ้วงงกับคำตอบของไอ้ปริ้น ถ้าวิศวะไป แย่แล้ว! ผมคงไม่ต้องเจอกับพี่ซันหรอกใช่ไหม?!

 
“อื้อ สายรหัสกูไปทั้งสายเลย กูโดนแกล้งอีกแน่ๆ” ไอ้ออยบ่น ผมหันไปทำตาโต

 
กูว่าแล้ว!!!


++++++++++++++++++++++++

 
[ซัน]

 
เหตุการณ์เมื่อคืน...


ผมนั่งมองนาฬิกาตอนนี้ตีสามแล้วครับ หลังจากทนนั่งฟังเสียงคะ... เอ่อ เสียงของไอ้บีทส์ไม่ไหว เลยออกไปนั่งสูบบุหรี่ตรงระเบียง  ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันครับว่าทำไมต้องกลับไปช่วยมัน ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับมันเลย


แต่ที่รู้คือพอเห็นสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือของมันแล้ว ทำให้ผมตัดสินใจเดินหันหลังกลับมาเพื่อที่จะโทรหาพวกไอ้อาร์ต ส่วนตัวผมเองเดินกลับไปที่รถแล้วหยิบปืนพกติดไว้ที่เอวแล้วเดินกลับไปยังรถของพวกไอ้เหี้ยนั่นทันที


ตอนผมตามไปถึงเห็นไอ้เหี้ยนั่นจิกหัวไอ้บีทส์อยู่ผมถึงกับเลือดขึ้นหน้า ไอ้บีทส์มันก็โวยวายไปตามประสา  สีหน้ามันบ่งบอกชัดเจนว่าเจ็บมากผมกำลังจะเดินเข้าไปลุยกับพวกมันแต่ไอ้อาร์ตเดินมาจับไหล่ผมไว้ซะก่อน


“ใจเย็นๆ มึง” ไอ้อาร์ตบอก


“มันเจ็บมึงเห็นไหม!?”  ผมหันไปทำเสียงหงุดหงิด


“พวกกูจะจัดการลูกน้องมันให้  ส่วนมึงไปช่วยน้องมันแล้วกัน” ไอ้อาร์ตบอกแค่นั้น ผมพยักหน้าตกลง พวกเราเลยได้ออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายกันไปตามระเบียบ


ตอนที่มันจูบผม ผมยอมรับว่าตกใจมาก นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะที่มันจูบผม!  ผมเกลียดเกย์แค่ไหนคนรอบข้างผมรู้ดี เพราะเกย์ทำให้ผมต้องเสียลูกพี่ลูกน้องที่ผมรักไป พี่ชายคนเดียวของผม ลูกของป้า เราโตมาด้วยกันสนิทกันมากแต่หลังๆ ผมเริ่มระแคะระคายว่ามันไปติดเด็กผู้ชายคนหนึ่งเข้า

 
ทีแรกผมก็แอบแปลกใจแต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไร แต่พอหลังๆ ผมเห็นมันดื่มเหล้าหนักมากเลยไปตามสืบจนรู้ว่าเด็กมันไปติดผู้ชายคนใหม่  พี่ชายผมมันเครียดมากผมเองก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรคิดเพียงว่าคงอกหักธรรมดาให้เวลามันได้ทำใจ แต่ที่ไหนได้...ไม่คิดว่ามันจะคลั่งถึงกับฆ่าตัวตาย


ผมเสียใจมากและเพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมมีอคติกับเกย์


แต่ตอนนี้ผมว่าผมมีเรื่องหนักใจมากกว่าเรื่องที่มันจูบผมแล้วล่ะ...เสียงไอ้บีทส์เงียบไปสักพักแล้ว ผมหันไปทิ้งบุหรี่แล้วเดินเข้าไปในห้อง ประตูห้องน้ำเข้าไปดู เห็นมันหลับอยู่ สีหน้าของมันมีสภาพอิดโรย ช่วยตัวเองจนเหนื่อยคงเพลียเลยหลับไป เสื้อที่มันใส่เป็นชุดนักศึกษาสีขาวพอโดนน้ำแล้ว....อืม  ผมหันหนีไปอีกทางก่อนจะหันไปปลดน้ำออกจากอ่าง


เสื้อมันแนบติดกับเนื้อจนเห็นไปทุกสัดส่วน


ถึงแม้ว่ามันจะมีเสื้อกล้ามตัวบางใส่ไว้อีกชั้น แต่ผมว่ามันก็ไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรเท่าไหร่ ผมเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วหยิบเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่ออกมา ขืนให้มันอยู่ในสภาพนี้ตลอดทั้งคืนปอดบวมถามหามันแน่ๆ

 
ผมเดินกลับเข้ามาอีกครั้งแล้วก้มลงปลดกระดุมเสื้อไอ้บีทส์ออก ตอนนี้มันยังหลับสนิทลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ ผมแอบยิ้ม ตอนมันหลับน่ารักกว่าตอนตื่นเยอะ ผมสะดุดกึก กับความคิดของตัวเอง น่ารักเหรอวะ มึงบ้าหรือเปล่าไอ้ซันนี่ผู้ชายนะเว้ย!!


ผมพยายามสลัดความคิดของตัวเองออก แล้วถอดเสื้อไอ้บีทส์ออก เหี้ย!! มึงบอกกูทีว่ามึงเป็นผู้ชาย! ไอ้บีทส์มันขาวมากครับเนื้อมันขาวละเอียดมากผมแอบลูบเนื้อเนียนของมัน เชี่ย นุ่มกว่าผิวผู้หญิงบางคนซะอีก ไอ้บีทส์ขยับตัว ผมตกใจผละออกจากตัวมันทันที

 
โป๊ก!

 
หัวน้องกระทบกับขอบอ่างโดยสมบูรณ์...โทษทีไม่ได้ตั้งใจ

 
ผมจัดการปลดกระดุมกางเกงของไอ้บีทส์ออกภาวนาขอให้มันใส่บ๊อกเซอร์ข้างใน ค่อยยังชั่วที่มันยังมีบ๊อกเซอร์ เชี่ย สีฟ้าสดใสไปไหมครับไอ้น้องบีทส์ ผมยิ้มขำ ก่อนจะถอดกางเกงมันออกแล้วเอาผ้าขนหนูห่มตัวมันไว้แล้วอุ้มมันมาไว้ที่เตียง


ครั้งนี้ครั้งเดียวนะไอ้เด็กตัวปัญหา

 
หลังจากจัดการวางมันไว้ที่เตียงเสร็จผมก็หันไปหยิบเสื้อผ้าที่ตู้เพื่อจะใส่ให้มัน ตัวมันเล็กกว่าผมมากแค่เสื้อก็คงพอ มันใส่กางเกงผมไม่ได้หรอกครับเลยหยิบบ๊อกเซอร์ที่มีสายรัดติดมือมาด้วย กว่าจะถอดกว่าจะใส่แต่ละชิ้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ!


“อื้อ~  ไบร์ทอย่าจับตรงนั้น~” มึงจะครางทำห่าอะไรครับ


“ง่า พี่ไม้มันจั๊กจี้นะ!”  ผมกำลังจะถอดบ๊อกเซอร์ของมันออกต้องชะงักกึก!

 
“พี่ซันแม่งใจร้าย~” ผมจัดการเปลี่ยนชุดให้มันเสร็จกำลังจะก้าวออกจากห้องได้ยินเสียงมันเรียกชื่อผม ผมถอนหายใจก่อนจะกลับมายืนข้างๆ เตียง


“มึงมันเด็กมากนะบีทส์ คิดอะไรง่ายๆ ทำอะไรไม่ระวังตัว ถ้าเกิดวันนี้เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่กู มึงคงกลายเป็นเมียเขาไปแล้ว นอนซะไอ้ดื้อ!” ผมเอื้อมมือไปยีหัวมันเบาๆ ก่อนจะตกใจ ตัวมันรุมๆ เหมือนจะไม่สบายผมเลยออกไปเอาเจลลดไข้มาแปะไว้ที่หน้าผากมัน


แล้วอยู่เฝ้ามันข้างเตียงทั้งคืน...






________________________________
Talk ::

โทษทีไม่ได้ตั้งใจ (จูบ) - โทษทีไม่ได้ตั้งใจ (ห่วง) ใช่ไหมเฮีย




 

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ดูแลแล้ว ดูให้ตลอดนะ พี่ซัน

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ตอนที่ 6 :: ผู้ชายปากร้ายใจดี



[บีทส์]



และแล้ววันเข้าค่ายของชมรมก็มาถึงครับ ฮือ มันเป็นวันที่ผมไม่อยากจะตื่นขึ้นมาเลยสักนิด วันนี้ตามกำหนดการแล้วพี่ๆ เขานัดรวมพลก่อนขึ้นรถตอนเจ็ดโมงเช้าครับ ตอนนี้หกโมงเช้าแล้ว  แต่ผมไอ้บีทส์สุดหล่อยังนอนกระพริบตาปริบๆ อยู่บนที่นอน

 
ช่วงนี้เหมือนคนโรคจิตครับ  ตั้งแต่ออกมาจากห้องพี่ซันวันนั้นผมก็คอยหลบหน้าพี่แกตลอดไปไหนก็ต้องคอยระวังตัว จะนั่งทีนี่ต้องมองซ้ายมองขวาถ้าแถวๆ นั้นไม่มีหน้าหล่อ ๆ ของพี่แกก็ถือว่าผ่าน!!

 
ปกติก็ไม่ค่อยได้เจอกันหรอกครับ แต่อย่าลืมว่าพี่ซันเขาเป็นสายรหัสของไอ้ออยสายนี้เวลาไปไหนมาไหนเขาไปกันเป็นสายรหัสครับจะมีก็แต่ไอ้ปริ้นที่มันได้รับสิทธิพิเศษไปไหนมาไหนกับสายนี้เขาได้  ไม่รู้มันไปทำยังไงของมันเหมือนกันครับ แต่ดูเหมือนพี่ๆ เขาจะรักมันกว่าไอ้ออยอีกนะ รายนั้นโดนพี่ๆ รุมกันแกล้งทุกวัน

                   
พวกเราไปเข้าค่ายกันสองวันครับตรงกับวันหยุดเสาร์อาทิตย์พอดี ทีแรกผมนึกว่าพี่ฟ้าจะไปด้วยแต่ที่ไหนได้ พี่รหัสผมดันบอกว่าต้องอยู่เตรียมงานวันเฟรชชี่เดย์  ลุงรหัสของผมเขาลงประกาสิทธิ์ไว้ว่าให้พี่ฟ้าอยู่ช่วยงานเพราะพี่ฟ้าเขาเป็นดาวมหาลัยปีที่แล้ว พี่อ้นแกเป็นลุงรหัสผมครับอยู่ปีสามเป็นผู้หญิงแต่พี่แกให้ผมเรียกว่าลุง แกบอกมันดูขลังดี เออ เอาเข้าไป!

 
บีทส์สุดหล่อ รับโทรศัพท์ด้วยคร้าบ บีทส์สุดหล่อ รับโทรศัพท์ด้วยคร้าบ~


ใครมันขยันโทรมาตั้งแต่เช้า ผมก้มดูเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาแล้วขมวดคิ้วงง เบอร์ใครไม่คุ้นเลยแหะ

 
 “สวัสดีครับ” ผมกดรับสาย

 
“กูให้เวลามึงครึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วไปเจอกันตรงเค้าเตอร์คอนโด”  เสียงใครวะคุ้นๆ ผมขมวดคิ้วงงกว่าเดิม

 
“เอ่อ ดะ // อย่าให้กูต้องขึ้นไปตามเอง..ติ้ด”  กำลังจะอ้าปากถามว่า ผู้ใด๋กันที่โทรเข้ามาแต่พี่แกดันพูดแทรกเข้ามาซะก่อน ไม่รอฟังที่ผมจะถามสักนิด!!

 
ถ้าเป็นไอ้ปริ้น ไอ้ออย หรือเพื่อนคนใดคนหนึ่งมันก็ต้องขึ้นชื่อใช่ไหมครับ แต่นี่คนแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้ น่าจะเป็นรุ่นพี่สักคนที่ผมรู้จัก...มั้งนะ

 
ผมงัวเงียคลานลงจากเตียง คว้าผ้าเช็ดตัวได้ก็หลับตาเดินคลำหาทางไปห้องน้ำ พอหาลูกบิดเจอก็เข้าไปเปิดน้ำอาบทันที เห๊อะ ให้เวลาแค่ครึ่งชึ่วโมงจะทันไหมเนี้ย ดีนะที่ผมเก็บของไว้ตั้งแต่เมื่อคืนไม่งั้นอย่าว่าแค่ครึ่งชั่วโมงเลยครับ สองชั่วโมงก็ไม่ทัน!! คือผมเป็นคนที่ค่อนข้างพิถีพิถันเรื่องการแต่งตัวน่ะครับ แหะ แหะ

 
เปิดประตูออกจากห้องน้ำก็ชำเลืองมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ตรงโทรทัศน์ อืม เหลือเวลาอีกสิบนาทียังไงก็ทันว่ะ!!
 

บีทส์สุดหล่อ รับโทรศัพท์ด้วยคร้าบ บีทส์สุดหล่อ รับโทรศัพท์ด้วยคร้าบ~

 
ฮึ่ย!! จะโทรมาตามทำไมวะ เหลือเวลาอีกตั้งสิบนาที ผมบ่นอย่างหัวเสีย คือมันเสียเวลาในการแต่งหล่อนะครับกับการไปรับโทรศัพท์น่ะ! อ้าว พอเห็นชื่อคนที่โทรมาก็รีบหุบปากทันทีครับ

 
“เมียไอ้ปริ้น”

                   
“ฮัลโหลคร้าบ เจมส์จิพูดสายอยู่” ได้ยินเสียงจิ๊ปากจากคนปลายสายทันทีเลยครับ


“พ่อง อย่ามากวนตีนครับไอ้บีทส์”  อื้อหือ กูอุตส่าห์พูดจาอย่างไพเราะเพราะพริ้ง มึงไม่รู้จักเจมส์จิหรือไงเขาออกจะดัง แล้วดูมึงดิ๊ พูดจาสุนัขไม่รับประทาน ไอ้ปริ้นมันทนได้ยังไง

 
“เออ มีไรว่ามา” คนอุตส่าห์อารมณ์ดี กวนนิดกวนหน่อยไม่ได้เลยนะมึง

                 
“มึงเจอพี่ซันรึยัง”

 
“กูจะไปเจอพี่เขาได้ยังไง ประสาทแล้วมึง” ไอ้นี่ก็บ้า ถึงจะอยู่หอเดียวกันแต่ก็ใช่ว่าจะได้เจอกันง่ายๆ นะเว้ย  เพราะแค่เห็นพี่มันอยู่ในระยะร้อยเมตรกูก็เผ่นแน่บแล้ว กร๊าก~


“เห้ย  แต่พี่เขาบอกจะรับมึงมาด้วยนะเว่ย” แต่คำพูดของไอ้ออยทำให้ผมชะงักกึก! แล้วรีบประมวลผลกับสิ่งที่ได้ยินใหม่...


ไอ้ฉิบหาย!!!


ผมหันไปมองนาฬิกาเหลืออีกเจ็ดนาที ตายห่าแล้วไอ้บีทส์มึงตายค่าตีนพี่ซันแน่วันนี้ แล้วทำไมมึงถึงเอาชีวิตเพื่อนมึงไปแขวนไว้บนเส้นด้ายด้วยว่ะไอ้ออย อ้าก กูอยากพ่นไฟ!!


“เหี้ยแล้วมึง ชะตากูกำลังจะขาด แค่นี้นะ!” ผมร้องบอกไอ้ออยแล้วกดวางสายทันที  ก่อนจะคว้าเอากางเกงยีนส์สีดำกับเสื้อยืดสีขาวมาสวม คว้าเอากระเป๋าเป้แล้วก็หมวกสีเขียวคู่ใจออกมา วิ่งมาหน้าห้องสวมรองเท้าผ้าใบ และกดปิดสวิตไฟต่อด้วยล๊อกห้องเสร็จสัพ  โอ๊ย พิถีพิถันไม่ทันแล้ว
 

แฮ่ก  แฮ่ก


ผมหอบแฮ่กๆ รีบวิ่งออกมาจากลิฟท์ก่อนจะหยุดยืนหายใจหอบเอาออกซิเจนเข้าปอดให้ได้มากที่สุด คือผมมองเห็นพี่ซันแล้วครับตอนนี้พี่แกยืนหันหลังให้ผมอยู่ แมร่ง ทำไมพี่มันดูดีแบบนี้วะ เห็นแล้วอิจฉา


“พะ พี่” ผมเรียกพี่มันเสียงหอบ

 
“สายไปห้านาที” พี่มันหันมาพูดเสียงดุ ผมยิ้มแหยๆ วันนี้พี่มันแต่งตัวหล่อมากครับ กางเกงยีนส์เสื้อยืด รองเท้าผ้าใบเหมือนผม แต่ทำไมมันดูดีต่างกันลิบลับก็ไม่รู้!


“ขอโทษครับ” ผมพูดขอโทษพี่มัน พลางทำหน้าสำนึกผิด

 

“ปัญญาอ่อน  ตามมา!” โอ๊ย พี่แกไปกินอะไรมาทำไมวันนี้ดุจัง เผลอไปกินของหวานมารึยังไง ปกติดุอยู่แล้ว แต่วันนี้พี่มันโคตรจะดุเลย!


“ครับๆ” ผมเดินตามหลังพี่ซัน ก่อนจะสังเกตไปรอบๆ ข้าง เห็นผู้หญิงมองพี่มันเต็ม บางคนเห็นแล้วแอบกรี๊ดเบาๆ แต่บางคนนี่หันไปซุบซิบกันแล้วทำหน้าอายๆ ผมเข้าใจครับว่าพี่มันหล่อ แต่เป็นผู้หญิงคนรักนวลสงวนตัวสักนิด  ไม่ได้พาลครับไม่ได้พาล ไม่ได้ว่าใครเจาะจงด้วย ผมพูดลอยๆ
             

“หวังว่าวันนี้จะไม่อ้วกใส่รถกูอีกนะ” ตอนนี้ผมนั่งประจำการอยู่บนรถพี่ซันแล้วครับ  พอขึ้นรถปุ๊บ พี่มันกัดผมปั๊บ  คือแบบฝังใจไปป่ะพี่ ได้แต่คิดด่าพี่แกอยู่ในใจแต่ไม่กล้าพูดออกไปหรอกครับ กลัวโดนถีบออกมาจากรถ ไปสายเดี๋ยวได้โดนทำโทษอีก


“โถ่พี่ แค่ครั้งเดียวเอง ผมไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย” ผมหันไปฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตรให้พี่แก ก่อนจะหันไปสำรวจความงามของรถ  พี่ซันเอารถคันเดิมมารับผมครับ สวยถูกใจผมสุดๆ รถพี่มันเฉี่ยวมาก เล่นเอาผมคันไม้คันมืออยากขับขึ้นมาทันที...แต่ขอผมไปเรียนขับรถมาก่อนนะครับ


06.55 น.

 
ผมชำเลืองมองนาฬิกาในข้อมือตัวเอง อืม อีกห้านาที ก่อนจะหันไปชำเลืองมองคนขับรถที่นั่งทำหน้านิ่งอยู่ข้างๆ คือตอนนี้หายใจยังพยายามหายใจให้เบาที่สุดเลยครับ ไม่อยากให้พี่มันหงุดหงิดเดี๋ยวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยผมจะแย่ อิอิ ยังจะทำเป็นเล่นอีกน้อกู

 
“เอ่อ พี่ครับ อีกห้านาที”  ผมเอ่ยพูดกับพี่ซันตะกุกตะกัก เหมือนจะใจกล้า  แต่หน้ากูเนี้ยเหงื่อตกไปแล้วไง


“รู้แล้ว นั่งเงียบๆ ไปก็ไม่มีใครว่ามึงเป็นใบ้หรอก" พี่ซันพูดเสียงนิ่ง แต่ดูเหมือนพี่มันก็นั่งไม่ติดเหมือนกันครับ ตอนนี้รถมันดันติดอยู่ตรงทางเข้ามหาลัยพอดี
         

ถึงจะแค่ไปเข้าค่ายของชมรมแต่ฤดูกาลรับน้องก็ยังไม่หมดไปนะครับ ผมในฐานะที่ยังถูกติดชื่อเป็นเด็กปีหนึ่งมันก็ต้องมีเสียวสันหลังกันบ้าง เพราะนี่ไม่ได้ไปแค่คณะบริหารแต่พวกพี่ๆ จากวิศวะก็มากันด้วย เห็นไอ้ปริ้นบอกว่ามีพี่ๆ ปีสี่ไปด้วยระดับเฮดว้ากอีกต่างหาก แค่คิดเหงื่อก็ยิ่งตกซิกๆ เลย


แฮ่ก  แฮ่ก   


วันนี้มันวันอ่าร้ายย ให้กูวิ่งออกกำลังกายตั้งแต่เช้า ไหนจะกระเป๋ากูอีก ที่จริงมันไม่ได้หนักมากหรอกครับ แต่ถ้าวิ่งมันก็มีรั้งๆ ผมไว้ไงลำพังแค่วิ่งตัวเปล่าก็จะแย่แล้วครับ
 

หมับ!
 

กระเป๋าเป้ผมลอยออกจากบ่า คือผมสะพายไว้ข้างเดียว รีบวิ่งตามพี่ซันเลยไม่ได้จัดสมดุลร่างกายให้เรียบร้อย พูดดีไปงั้นล่ะครับ กลัวพี่มันล๊อกผมไว้ในรถนะ ผมมองตามพี่ซันที่ตอนนี้ฉวยเอากระเป๋าผมไปถือไว้ซะเองแล้ววิ่งนำหน้าผมไป ยิ้มกว้างเลยสิกู พี่มันใจดีชะมัดเลย!

 
“ยืนเซ่ออยู่ได้ มึงอยากโดนทำโทษรึไง”  พี่ซันหันกลับมาด่า เมื่อเห็นผมไม่วิ่งตามพี่มันไปสักที ตอนนี้พวกเราอยู่ตรงลานจอดรถครับ พี่ซันเอารถมาจอดไว้ที่นี่น่ะครับ ผมยังแอบเหน็บพี่แกไปเลยว่าไม่กลัวหายบ้างหรือไง  โดนพี่มันตอกหน้าหงายกลับมาว่า


กูไม่ได้โง่


ฉลาดน้อยอย่างมึงเก็บปากไว้กินข้าวเถอะบีทส์...

                 
อืม กูโง่เองที่เป็นห่วงรถมึง ผมรีบวิ่งตามพี่ซันไปที่จุดรวมพลตอนนี้ทุกคนน่าจะมาครบแล้วครับ แอบเห็นพี่ประธานชมรมกับพวกเพื่อนๆ ผมยืนรออยู่ตรงหน้ารถ พอผมไปถึงไอ้ออยมันเบิ้ดกะโหลกผมอย่างแรงเลยครับ เชี่ย  เอ๊ะอะก็ทำร้ายร่างกายกู


 “อะไรของมึงไอ้ออย”  ผมหันไปโวยวาย  พี่ซันเดินไปขึ้นรถแล้วครับ หลังจากที่ขอโทษขอโพยพวกพี่ๆ เขาเสร็จพวกเราก็แยกย้ายกันขึ้นรถ


ไอ้ออยนั่งกับไอ้ปริ้น


ไอ้นัทนั่งกับเพื่อนเก่ามันที่เรียนวิศวะ


อิพิงค์นั่งกับพี่อาร์ต เอ่อ เรียนหมอไม่ใช่หรอว่ะแล้วพี่มันมาได้ยังไง?


พี่น๊อตนั่งกับพี่สอง


เอ้า!!! แล้วกูล่ะ??


ผมทำหน้างงก่อนจะหันไปเจอพี่ซันนั่งอยู่คนเดียว มองไปทั่วคันรถก็...ที่นั่งเต็ม!! อ้าก ทำไมหนีพี่ซันไม่พ้นสักที


“ทุกคนหาที่นั่งให้เรียบร้อยแล้วก็อยู่ในความสงบด้วยนะครับ” เสียงพี่ประธานพูดขึ้น  หลังจากที่รถของพวกเราเริ่มเคลื่อนตัวมุ่งหน้าสู่อ่าวมะนาว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์


ผมหันซ้ายหันขวา เห็นไอ้ออยมองมาทางผม มันทำท่าจะลุกครับแต่ไอ้ปริ้นดันยกขาขึ้นมาปิดทางมันไว้ แล้วเอาหมวกมาปิดหน้านอน ไอ้ออยเลยได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ มาให้ผม  เออ กูมันไม่มีคู่!! ผมเลยตัดใจเดินเข้าไปหาพี่ซัน

 
“เอ่อ พี่ ผมนั่งด้วยได้ไหมครับ” พี่ซันเงยหน้ามามองผมก่อนจะมองหากลุ่มเพื่อนๆ พอเห็นว่าไม่มีที่ว่างแล้วพี่มันเลยพยักหน้าตกลง ผมยิ้มแฉ่ง เอากระเป๋าเก็บไว้บนที่วางบนหัว แล้วนั่งลงข้างๆ พี่มัน


“เอ่อ พี่ซัน ผมขอนั่งข้างในได้ไหมครับ คือผมชอบดูวิวข้างทางอ่ะพี่” ผมพูดกับพี่ซันเบาๆ พี่มันทำหน้าหงุดหงิด
 

“ลุกดิสัด! จะนั่งไหมข้างในน่ะ!?!” พี่มันทำเสียงดุ แต่ก็ยอมลุกให้ผมนั่ง ผมแอบยิ้มครับ ดีใจสุดๆ เพิ่งเข้าใจนะว่าพี่มันปากร้ายแต่ใจดีโคตรๆ


“ขอบคุณครับ” ผมเอ่ยบอกพี่ซัน พี่มันไม่ตอบแต่ล้วงเอาไอพอดขึ้นมาฟังเพลงเสียบหูฟังทั้งสองข้าง แล้วหลับตาทำท่าจะนอน ผมเลยเงียบ เมื่อคืนพี่มันคงนอนไม่พอ..มั้งนะ ขอกระซิบบอกอะไรหน่อยได้ไหมครับ


ผมว่าพี่ซันตอนหลับนี่หล่อกว่าตอนตื่นอีก

 
ผมหยิบมือถือขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา เพิ่งสังเกตเห็นว่าไอ้ไบร์ทน้องรักส่งไลน์มาหาผม  ลืมโทรหามันเลยแหะ มัวแต่ยุ่งๆ


“ออกเดินทางหรือยังพี่บีทส์”


“ออกมาแล้วๆ โทษทีพี่ไม่ได้โทรบอก”


“กว่าจะตอบได้นะ”


“มาตอบแล้วนี่ไง”



คุยกับน้องไปก็ขำไปครับไบร์ทมันตื่นเช้าเตรียมตัวไปเรียนพิเศษ แต่แค่มาเช็คว่าผมออกเดินทางหรือยังน่ะ มันบอกว่าไม่อยากโทรหาเพราะกลัวรบกวน จับใจความได้ว่าให้ผมดูแลตัวเองดีๆ  ถ้าเกิดไม่สบายหรือเป็นอะไรขึ้นมาให้โทรหามันได้ทันที แค่ประจวบมันบอกว่าสบายมาก ไม่ไกลเกินกำลังมันหรอก…


“ก่อนไปขอโทรเช็คเสียงก่อน”


“ครับๆ”



บีทส์สุดหล่อ รับโทรศัพท์ด้วยคร้าบ บีทส์สุดหล่อ รับโทรศัพท์ด้วยคร้าบ~


“ครับไอ้น้องไบร์ท~” ผมทำเสียงทะเล้น
 

“อือ พี่บีทส์โอเคใช่ไหม” น้องมันถาม


“โอเคดิครับ โอเคมากๆ ได้ไปทะเลด้วยนะเว้ย” ผมคุยอวดน้องมัน ไอ้ไบร์ทหัวเราะ คงหมั่นไส้ผม
 

“อืมๆ โอเคก็ดี อย่าลืมห่มผ้าหนาๆ นะ” ผมยิ้ม  มันน่ารักไม่เปลี่ยนจริงๆน้องผม
 

“เออน่า..อ๊ะ!!” ผมร้องขึ้นอย่างตกใจ อยู่ดีๆ ไอ้พี่หมออาร์ตมันมาจากไหนไม่รู้ครับ ไม่สิ พี่มันนั่งอยู่ข้างหลังผม ดันดึงโทรศัพท์ไปจากหูผมเฉยเลย ผมทำท่าจะโวยวายแต่พี่มันยกนิ้วขึ้นแตะปากส่งสัญญาณให้ผมเงียบ  ส่วนพี่ซันสงสัยผมจะเสียงดังไปหน่อย พี่มันขยับตัวลืมตาตื่นแล้วหันมามองผมกับพี่อาร์ต คนอื่นๆ เขาก็ทำกิจกรรมส่วนตัวกันไปครับไม่มีคนสนใจใครสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะหลับพักผ่อนเอาแรงกัน

 
“เห้ย พี่เอาโทรศัพท์ผมคืนมา” ผมพูดเสียงเบา


 “เงียบๆ แล้วอยู่เฉยๆ” พี่อาร์ตมันตอบกลับมาเสียงเบาพอกัน แล้วหันไปคุยโทรศัพท์ต่อจากผมหน้าตาเฉย เฮ้ย พี่มันจะแกล้งอะไรผมเนี่ย!!


“ว่าไงครับที่รัก โทรหาพี่เมียกูเหรอ” พี่เมีย? ผมมีน้องคนเดียว พี่เมีย...ฮะ!!! ผมอ้าปากค้าง แต่พี่อาร์ตมันยังพูดลอยหน้าลอยตายิ้มมุมปาก ไม่รู้ว่าไบร์ทตอบกลับมาว่าอะไร โว้ย กูอยากรู้


“เอ้า ก็ตัวเล็กจะมาเป็นเมียพี่ น้องบีทส์ก็ต้องเป็นพี่เมียของพี่ไม่ใช่เหรอครับ” ไอ้พี่อาร์ตพูดหน้าซื่อ แต่กลั้นขำเต็มที่
ชัด ชัดเลย!!


อย่าบอกนะว่า…


เฮ้ย แต่ไอ้ไบร์ทมันชอบผู้หญิงนะเว้ย!!


ไม่ ไม่ ไม่ ไม่มีทางเด็ดขาด!!


“ตั้งใจเรียนนะตัวเล็ก แล้วพี่จะรีบกลับ อย่าดื้อ อย่าซนนะครับ” ไอ้พี่อาร์ตพูดจบก็ยื่นโทรศัพท์คืนมาให้ผม ผมยื่นมือไปรับโทรศัพท์คืนอย่างงงๆ พอจะคุยกับไบร์ทต่อก็มีแต่เสียงด่าของใครก็ไม่รู้ ว่า...


ตู้ด ตู้ด ตู้ด


ผมพยายามจะโทรกลับแต่น้องมันก็ปิดเครื่องหนีไปแล้ว เลยหันไปคาดโทษพี่อาร์ตแทน เล่นอะไรไม่รู้เรื่องสงสัยพี่มันจะไม่อยากตายดีนะนิ เดี๊ยะๆๆ

 
“พี่อาร์ต เล่นอะไรของพี่เนี่ย” ดุได้แค่นี้แหละ!!
 

“เล่นอะไรครับ พี่เปล่าเล่นสักหน่อย หึหึ” พี่อาร์ตหันมายิ้ม แล้วตอบผมด้วยท่าทีสบายๆ อาการไม่ทุกข์ ไม่ร้อนของพี่มันทำให้ผมงงหนักยิ่งกว่าเดิม แต่กำลังจะอ้าปากถามต่อ  พี่ซันก็พูดขึ้นมาตัดหน้าซะก่อน

 
“หุบปากสักทีเถอะบีทส์ มึงหยุดโวยวายจะได้ไหม รบกวนคนอื่นเขาจะหลับจะนอน  พี่ที่คณะมึงไม่สอนเรื่องมารยาทหรือยังไง” ไอ้พี่ซัน!! เล่นเอาพี่ที่คณะกูมาขู่เลยเร๊อะ


นั่งลงทันทีสิครับ!!


+++++++++++++++++++++++


“น้องๆ ครับ พี่จะแวะปั้มให้น้องๆ ได้พักทานข้าวกันสามสิบนาทีแล้วให้ทุกคนกลับมาขึ้นรถเหมือนเดิมนะครับ ดูแลทรัพย์สินของตัวเองให้ดีด้วยนะ”
 

“ถึงไหนแล้วเนี่ย” ผมพึมพำพลางขยี้ตา เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ครับ


“อิบีทส์ไปหาอะไรกินกันป่ะ” อิพิงค์มันเสนอหน้าข้ามเก้าอี้มาถามผม ผมเลยพยักหน้ารับรู้ แอบหันไปทางไอ้ออยที่อยู่เยื้องๆ กันมันก็โดนไอ้ปริ้นปลุกอยู่เหมือนกัน ส่วนไอ้นัทน่าจะลงไปกับเพื่อนมันแล้ว อ่อ คนข้างๆ ผมก็หายไปไหนแล้วไม่ทราบครับ


กำลังจะลุกขึ้นยืน ก็มีบางสิ่งบางอย่างหลุดลงไปกองที่พื้น หื้ม เสื้อใคร ผมก้มลงไปหยิบ แล้วหันไปถามอิพิงค์อย่างสงสัย
 

“เสื้อใครวะพิงค์” ผมชูเสื้อให้อิพิงค์ดู


มันยิ้มแล้วจีบปากจีบคอตอบ

 
“เสื้อของพี่สุดหล่อกูไง ไม่รู้ว่าคิดยังไงถึงเสียสละเสื้อคลุมให้มึงเนี่ย คนทั้งรถเขาอิจฉามึงกันทั้งนั้นเลย รู้ตัวไหมอิบีทส์” อิพิงค์ทำเสียงล้อเลียน แต่ผมสมองไม่สั่งการไปแล้วครับ
 

เสื้อพี่ซันจริงๆ เหรอ                                   

 
โอ๊ย น่ารักโว้ยยยย





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-06-2018 19:02:42 โดย เบบี้เยลโล่ »

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ตอนที่ 7 : ค่ายผูกสัมพันธ์



[บีทส์]


“ยินดีต้อนรับน้องๆ ทุกคนเข้าสู่บ้านพักนารินรีสอร์ทนะครับ ก่อนอื่นพี่ขอแยกน้องๆ ออกเป็นสองส่วน ปีหนึ่ง ปีสองและปีสามพี่ให้จับคู่นอนห้องละสามคน นอนบนตึกใหญ่นะครับ ถ้าจับกลุ่มกันได้แล้วก็ไปลงทะเบียนรับกุญแจห้องกับพี่ๆ ที่รออยู่ตรงเค้าเตอร์ทางด้านใน ส่วนพี่ๆ ปีสี่และปีห้าจะนอนอยู่ที่บ้านเดี่ยวแบ่งออกเป็นหกหลังตามที่เราได้ลงรายชื่อกันไปแล้วก่อนมา ถ้ารุ่นน้องคนไหนมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นสามารถแจ้งรุ่นพี่ได้ทุกหลังนะครับ พวกพี่ๆ ขอให้ทุกคนเก็บของใช้ส่วนตัวให้เรียบร้อยแล้วเราจะมาเจอกันอีกครั้งตอนบ่ายสองนะครับ”


เสียงของพี่ประธานค่ายเอ่ยชี้แจงหลังจากที่พวกเราเดินทางมาถึงรีสอร์ท ผมหันหน้าไปหาไอ้ออย ไอ้ปริ้น มันเองก็มองผมอยู่เหมือนกันเป็นอันตกลงว่าเราสามคนจะนอนด้วยกัน ส่วนไอ้นัทกับเพื่อนมันก็ต้องเอาอิพิงค์ไปสถิตย์ไว้ที่ห้องมันด้วย คือพวกผมกลัวมันไปพรากพรมจรรย์ใครเขาเข้าอ่ะครับ


“เฮ้ย กูจะไปนอนกับพี่ซัน พวกมึงจะลากกูไปด้วยทำไมห๊า!” อิพิงค์มันแหวขึ้นหลังจากไอ้นัทพยายามจะลากมันเอาของไปเก็บที่ห้องด้วยกัน


“เป็นผู้หญิงจะมานอนกับพวกพี่มันดูไม่งามนะครับน้องพิงค์ ฮิ้ว~” เสียงไอ้พี่หมอมันแซ็วอิพิงค์ครับ แล้วก็มีพี่สองกับพี่น๊อตคอยเป็นลูกคู่ ก่อนจะแยกย้ายไปบ้านพัก ส่วนพี่ซัน
   

...อ้าว หายไปไหนแล้ว
             

ผมมองหาพี่ซันไปรอบๆ ก็ยังไม่เจอหรือว่าจะเอาของไปเก็บแล้ว คงไม่หรอกมั้งอะไรจะรีบขนาดนั้น คงเดินเล่นอยู่แถวๆ นี้แหละ


เออ แล้วผมจะนึกถึงพี่มันทำไม!!


“มองหาใครบีทส์” ไอ้ออยเอ่ยถามผม พวกเรายืนรอไอ้ปริ้นกับเพื่อนไอ้นัทอยู่นะครับ พวกมันเข้าไปเอากุญแจห้องกับพวกพี่ๆ อยู่


“ใคร...กูจะมองหาใครทำไม กูมองบรรยากาศรอบๆ หรอก” ผมตีหน้าซื่อตอบไอ้ออย ไอ้นี่จะมายุ่งอะไรกับกูนักหนาครับ ไปหาผัวมึงโน่น ผมทำปากยื่นใส่ไอ้ออย
 

“จะไปรู้เรอะ! เห็นมองซ้ายมองขวาจนคอแทบจะหัก” ไอ้ออยทำท่าทางเลียนแบบผมขณะพูดไปด้วย


“เดี๋ยวกูถีบให้” ผมแกล้งโวยวายใส่ไอ้ออยทำท่าจะถีบมันจริงๆ มันรีบขยับหนีไปอยู่หลังไอ้นัททันที


“อะไรอิบีทส์ โมโหกลบเกลื่อนเหรอ” อิพิงค์มันแซ็วขึ้นมาบ้าง


“กลบเกลื่อนเชี่ยอะไรอิพิงค์ เดี๋ยวเถอะมึงเดี๋ยวเจอกูถีบลูกคู่” ผมชี้หน้าอิพิงค์ มึงกลัวกูหน่อยก็ได้นะ ไม่ใช่มาแลบลิ้นล้อเลียนกู!!


“มึงมองหาพี่ซันสุดหล่อของกูอยู่รึเปล่า ฮิๆ กูเห็นนะตอนนั่งรถมามึงแอบมีซัมติงกับพี่ซันของกูใช่ม่ะ!” อิพิงค์มันพูดขึ้น แล้วยักคิ้วให้ผมอย่างเป็นต่อ


มึงจะรื้อฟื้นเพื่อ!!


“ซัมติงซัมเติงอะไรของมึง” ผมถามมันกลับ พยายามเก็บอาการสุดฤทธิ์ มันรู้สึกดีนะครับที่คนที่เคยเกลียดเรามาทำดีกับเรา ตอนนี้ผมยังไม่ได้คืนเสื้อให้พี่มันเลยเพราะตั้งแต่พี่ๆ เขาจอดรถพักกินข้าวในปั้ม พอผมขึ้นรถมาก็เห็นพี่มันก็สลับที่อิพิงค์ไปนั่งกับพี่หมอแทนแล้ว


“ตอนพักกินข้าวกูอยากจะเม้าท์ใจจะขาด แต่กลัวได้กินยำฝ่าเท้าแฟนคลับพี่ซัน มึงรู้มั้ยว่าตอนมึงหลับมึงทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกับพี่ซันของกูอ่ะ”


“ฮะ อะไรวะ” ผมถามมันกลับทันที กูก็ว่ากูหลับของกูดีๆ นะ


“ช่างมันเหอะน่าพิงค์ บีทส์มันหลับจะไปรู้เรื่องอะไร” ไอ้นัทพูดขัดขึ้น ผมหันไปย่นคิ้วใส่มันทันที


“มึงรู้มั้ยออย” ผมหันไปถามไอ้ออยต่อ


“ไม่รู้วะ กูก็หลับเหมือนกัน” ไอ้ออยหันมาตอบผม ทำหน้าแมวงงอีกนะ เหมือนมันจะยังไม่ตื่นดีเท่าไหร่! เออ กูผิดเองแหละที่ถามมึง!!


“กูต้องกราบขอประทานโทษมึงมั้ยไอ้คุณออย!” ผมทำท่าประชด พวกที่เหลือมันพากันหัวเราะก๊าก


“ตอนอยู่บนรถมึงสองคนพอกันเลยนะ กูนึกว่าพวกมึงมาฮันนีมูนไม่ได้มาเข้าค่ายเหมือนพวกกูซะอีก” จิ๊! อะไรของมัน กูก็มาเข้าค่ายไงไม่ได้พาใครมาฮันนีมูน แล้วกูจะฮันนีมูนกับใครได้ในเมื่อก็มากับพวกมึงแล้วก็นั่งคู่กับ...กับพี่ซันเหรอ?!


“เฮ้ย เกี่ยวอะไรกับพี่ซัน” ผมทำตาโต


“มึงจำได้มั้ยที่กูบอกมึงว่าคนทั้งคันเขาอิจฉามึงใจจะขาดอ่ะ” ผมพยักหน้าแล้วคิดตามมัน กูก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับ!


“แล้วไง อ่อ เรื่องเสื้อนี่เหรอ” ผมถามอิพิงค์แล้วชูเสื้อของพี่ซันให้มันดู ไอ้นัทส่ายหน้าใส่ผมที่ผมดึงดันถามต่อ


“ถ้าแค่เสื้อก็ดีสิมึง” อิพิงค์มันยิ้มกริ่ม


“แต่มึงรู้มั้ยว่าตั้งแต่มึงหลับจนถึงปั้มอ่ะ มึงหลับซบไหล่พี่ซันมาตลอดทางเลยนะเว่ย พี่ซันพยายามจะดันมึงออกแต่พอดึงออกหัวมึงก็โขกกับกระจก แทนที่มึงจะรู้ตัวสอใส่เกือกหลับต่อ สักพักมึงก็เอนมาซบไหล่พี่ซันต่อเป็นอย่างนี้อยู่สามสี่ครั้ง พี่ซันแกเลยปล่อยเลยตามเลย กูยังแซ็วพี่ซันกับพวกพี่อาร์ตอยู่เลยว่าอยากซบไหล่พี่มันบ้าง”
ไอ้ฉิบหาย!!


“โอ๊ย กูอยากตาย” ผมโอดครวญ แต่อิพิงค์ยิ้มรับตาเป็นประกาย ไอ้ออยนี่ขำท้องแข็งไปแล้วครับ ส่วนนัทมันก็มองผมนิ่งๆ ตามประสา


“ฮ่าๆๆ ไอ้บีทส์มึงหลงเสน่ห์เฮียซันรึเปล่าวะ” ไอ้ออยมันขำน้ำตาร่วง แต่ยังมีหน้าจะมาแซ็วกูต่ออีก


“…”


ผมเงียบ ถ้าถามว่าชอบมั้ยผมก็ตอบไม่ได้ ผมเป็นพวกไม่ค่อยสนใจเรื่องเพศ ไม่ว่าจะเพศไหนถ้าผมชอบก็คือชอบ ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง


แต่หลังจากพี่มันเคยยื่นขาเข้ามาช่วยเหลือผมที่ผับในวันนั้น ผมก็มองพี่มันเปลี่ยนไป ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง เอาเป็นว่ารู้สึกดีขึ้นกว่าแต่ก่อนจนต้องรีบหักห้ามใจตัวเองโดยการพยายามจะหลบหน้า แต่ยิ่งหลบก็ยิ่งเจอ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน


“มึงก็พอกันไอ้ออย กูเห็นนะว่าแอบซบไหล่ไอ้ปริ้นมาตลอดทางเลยอ่ะ แถมไอ้ปริ้นยังเอาเสื้อมาคลุมตัวให้มึงอีก ไม่ต้องไปขำไอ้บีทส์เลยนะมึง” อิพิงค์มันว่าต่อ ไอ้ออยหยุดหัวเราะทันที ผมเป็นฝ่ายหัวเราะมันกลับบ้าง


“ฮ่าๆ มึงจะไปว่ามันทำไมพิงค์ มันมากับผัว มันก็ต้องซบไหล่ผัวมันสิวะ” คราวนี้ไอ้นัทหันมาหัวเราะกับผมด้วยครับ! สีหน้าไอ้ออยตอนนี้แบบจะปฏิเสธก็เหมือนคนหาเสียงตัวเองไม่เจอ


“สัส!” ด่ากลับกลบเกลื่อน แต่หูเหอนี่แดงไปหมด
สะใจโว้ย!!!
 

“สวัสดีครับ พวกผมกลุ่มกระต่ายน้อยมีสมาชิกทั้งหมดสิบคน วิศวะห้า บริหารห้า! มารายงานตัวเป็นกลุ่มสุดท้ายครับผม!” เสียงไอ้ปริ้นรายงานตัวกับรุ่นพี่


ตอนนี้พวกผมต้องเข้าฐานแต่ละฐานที่พี่ๆ เขาจัดไว้ครับ แต่ละฐานจะมีพี่ๆ ปีสองขึ้นไปอยู่ประจำฐานคอยต้อนรับน้องใหม่อย่างพวกผม อย่างที่บอกครับว่าการเข้าค่ายครั้งนี้เป็นการเชื่อมสัมพันธ์ของรุ่นพี่กับรุ่นน้อง ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ครับว่าทำไมมีแค่สองคณะถามไอ้ปริ้นมันก็บอกแค่ว่าเป็นธรรมเนียม


ใครเป็นคนคิด!!


กลุ่มพวกเราผ่านมาแล้วเก้าฐานด้วยกัน กว่าจะผ่านแต่ละฐานมาได้นี่หฤโหดโคตรๆ มีความครีเอทีพเลิศล้ำจนผมอยากจะร้องไห้ อย่างไอ้ชื่อกลุ่มก็เหมือนกันครับ
            

กระต่ายน้อย ลิงโล้ด งูสวาท ปลานีโม่ หมีพูห์ นกนางแอ่น แมวเหมียว จิ้งจกจ๋า เสือใบ และเต่าล้านปี ทั้งหมดสิบกลุ่มด้วยกัน พวกเราโดนแยกออกเป็นชายหญิง ผู้ชายมีเจ็ด ที่เหลือก็สามแน่นอนว่าเป็นบริหารซะส่วนใหญ่ครับที่เป็นผู้หญิง เอากับเขาสิแค่ชื่อกลุ่มก็ฮาบรรลัยแล้ว!!


จะไม่ฮาได้ยังไงล่ะครับ ก็พี่ๆ ดันกำหนดมาว่าให้คิดท่าประจำกลุ่มที่สื่อถึงชื่อกลุ่มด้วยถ้าสื่อไม่ได้จะโดนทำโทษ ปลานีโม่ หมีพูห์ แมวเหมียว ก็ออกแนวน่ารักๆ ตามประสาผู้หญิงครับ แต่ที่ผมฮาสุดๆ นี่กลุ่มลิงโล้ดครับ รู้มั้ยครับว่าท่ามันจะออกมาแนวไหน


แน่นอนว่ามันต้องมีท่าไอ้ลิงร้องเจี๊ยกๆ อยู่แล้ว แต่นี่พวกมันเล่นทำท่าประกอบกระโดดโหยงเหยงตบมือแปะๆ เกาหูเกาหาง ยกขนจั๊กแร้มาเกาแล้วยังเอามาดมอีก ไม่พอพวกมันกระโดดเข้าไปหารุ่นพี่กันแบบล้อมวงทั้งกลุ่มแล้วแบบเสียงดังมาก พอรุ่นพี่ถามว่าทำไมต้องเสียงดังพวกมันก็ให้เหตุผลมาว่า


ถ้าร้องเบาก็เป็นได้แค่ลูกลิง ถ้าร้องดังๆ มันจะได้แสดงความเป็นจ่าฝูงแล้วแม่งก็แข่งกันร้อง! คิดดูครับผู้ชายแมนๆ สิบคนทำท่าประหลาดๆ ร้องเจี๊ยกๆ กันเสียงดังลั่นฮากระจายครับ!!


ส่วนกลุ่มผมก็มี ไอ้ปริ้น ไอ้ออย เพื่อนมันอีกสาม ฝั่งบริหารมีผมแล้วก็เพื่อนร่วมคณะอีกสี่ ที่ผมสนิทๆ ก็มีไอ้ตี๋นี่ละครับ มันเรียนคนละเอกกับผม ไอ้ตี๋มันเข้ากับคนง่ายยิ้มเก่งมาก อัธยาศัยดีสุดๆ


“สวัสดีครับยินดีที่ได้รู้จักกับน้องๆ ทุกคนฐานของพวกพี่มีชื่อว่าวงล้อสามัคคีนะครับ ชื่อก็บอกแล้วนะครับว่าถ้าใครจะผ่านฐานนี้ไปได้ทุกคนจะต้องมีความสามัคคีและช่วยเหลือกัน พี่ชื่อเจครับเป็นหัวหน้าฐานอยู่ปีห้าคณะวิศวะกรรมศาสตร์ เอกโยธา พี่ๆ ในฐานก็มีเท่าที่เห็นในป้ายชื่อ” พี่เจเล่ารายละเอียดและบอกกติกาเล่นเกม ผมนี่สะดุ้งตั้งแต่เจอพี่ซันยืนรออยู่ในฐานแล้ว


ฐานนี้ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับแค่พวกเราต้องช่วยกันประคองเอาลูกเบสบอลไปหย่อนให้ลงในวงล้อที่หมุนอยู่ให้ได้ตามเวลาที่พี่ๆ เขากำหนดไว้ ในตอนแรกต้องจับคู่เล่นกันสองคนครับ จากนั้นพอทุกคู่มาครบก็ต้องมาช่วยกันจับห่วงที่มีเชือกคล้องอยู่สิบสายพร้อมกันทีเดียวสิบคน และประคองลูกเบสบอลไปหย่อนลงในวงล้อสุดท้าย พวกพี่ซันเป็นคนคุมด่านนี้ครับ ความทุลักทุเลมันเลยเพิ่มขึ้นตามเพราะพี่มันดันให้เดินผ่านน้ำระดับเข่า แค่เชือกที่ผูกไว้ที่เอวนี่ก็ลำบากจะแย่...


ผมจับคู่กับไอ้ตี๋ครับ ทีแรกก็จะจับคู่กับไอ้ออย แต่พอเห็นสายตาไอ้ปริ้น...เช๊อะ กูไปคู่กับคนอื่นก็ได้! ไปแยกผัวเมียเขาออกจากกันเดี๋ยวผมจะหาแฟนไม่ได้ ไอ้ตี๋มันสูงกว่าผมไม่มากเท่าไหร่ ผมกับมันประคองลูกบอลตกไปหลายรอบ ทำยังไงน่ะเหรอ ก็ใช้หัวนี่ล่ะครับ เกมนี้เขาห้ามใช้มือช่วย ไอ้ตี๋นี่เกร็งตัวทุกครั้งที่เราหวิดจะจูบกันครับ ฮ่าๆ อย่ามาหลงเสน่ห์กูนะ! ส่วนผมนี่ขำๆ ครับ


ตอนนี้จะเลิกฐานแล้ว พี่เจกำลังให้โอวาทอยู่ ผมไม่ได้ฟังพี่มันพูดหรอกครับ ตอนนี้กำลังมองกลุ่มพี่ซันอยู่ เวลาพี่มันอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ พี่ซันจะยิ้มบ่อยมาก อยู่เฉยว่าหล่อแล้ว พอยิ้มนี่โคตรหล่อ แต่ถ้าหล่อสุดๆ นี่ต้องตอนนอน ผมเคยบอกไปแล้วใช่มั้ย ย้ำครับย้ำ


"จ้องตาไม่กระพริบเลยนะมึง” ไอ้ออยหันมากระซิบข้างๆ


"อะไรของมึง" ผมสะดุ้งก่อนหันไปตอบไอ้ออยลนลาน ไอ้บ้าออยกูตกใจหมด ใจกูแทบพุ่งออกมากองอยู่ข้างนอก กูว่ากูแอบแล้วนะ ผมพึมพำกับตัวเอง ไอ้ออยหัวเราะคิกคัก


“คุยอะไรกัน!!!!!!” สะดุ้งสุดตัวเลยกู แม่ง ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม!!


“เปล่าครับพี่” ผมหันไปตอบแล้วยิ้มแหยๆ ไอ้ออยนี่แทบจะสิงร่างไอ้ปริ้น


“คุณออกมานี่ซิ ชื่ออะไรครับ” ไอ้พี่เจมันกวักมือเรียกผม พลางมองที่ป้ายชื่อในคอ  เห็นแล้วยังจะถามอีก!!


“บีทส์ครับ” ผมก้าวออกไปหาพี่มัน


“ดังดั๊ง!!!” เชี่ย ดุไปไหน


“บีทส์ครับ!!” ผมถอนหายใจแล้วตะโกนเสียงดัง


“ผู้ชายเหรอเนี่ย หน้าหวานกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก....ฮิ้วววว” ไอ้พี่เจมันแซ็ว โดยมีพี่ๆ ที่เหลือโห่อยู่ด้านหลัง


“...”


“เรียนบริหารซะด้วย ช่วยมาบริหารใจพี่หน่อยได้มั้ยคร้าบ” เสียงพี่ๆ ด้านหลังเอ่ยแซ็วกันเสียงดัง


“หึๆ” เสียงพี่เจขำในลำคอ ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง


“คุณเรียนบริหารคงยังไม่รู้กฎระเบียบของวิศวะ ดังนั้นผมจะสั่งทำโทษเบาๆ ก็แล้วกันนะครับ เพื่อให้เป็นแบบอย่างกับน้องๆ คนอื่นว่าการไม่เคารพรุ่นพี่มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แถมยังก่อความลำบากให้กับตัวเอง”


“เห็นรุ่นพี่คนนั้นรึเปล่า”


พี่เจกระซิบแล้วชี้ไปที่เป้าหมาย ผมหันไปตามมือพี่มัน


หื้ม???


...พี่ซัน…


ผมมองพี่เจงงๆ แล้วหันไปมองพี่ซันอีกครั้ง พวกพี่มันเดินกลับเข้ามารวมกลุ่มกับคนอื่นๆ แล้วครับ ผมหันไปพยักหน้าตอบพี่เจ แอบเห็นพี่ซันก็หันมามองผมแวบหนึ่ง แค่แวบจริงๆ ครับ แล้วหันไปมองพี่เจอย่างระแวง


"เดินไปหาเขา แล้วตะโกนบอกว่าชอบเขามาก อยากเป็นแฟนกัน คบกันได้มั้ย... แค่นี้ทำได้มั้ยครับ" พี่เจก้มลงกระซิบข้างหูผมแล้วยิ้มเหมือนเจอเรื่องสนุก มันไม่สนุกนะเว้ยพี่!!!


"เฮ้ยพี่ จะทำแบบนั้นได้ไง"


"น้อยไปเหรอ งั้นคุกเข่าขอแต่งงานด้วย ไม่งั้นผมปรับตกทั้งกลุ่ม" ฮะ ขอแต่งงาน จะบ้าเรอะ!?! แถมยังจะมาคาดโทษปรับตกทั้งกลุ่มอีกได้ยังง้าย!!!


"ว่าไงครับ" พี่เจยื่นหน้าเข้ามาถามซ้ำ ผมขมวดคิ้วคิดหนัก คือถ้าไม่เคยมีประเด็นกันมาก่อนนี่อยากจะบอกเหลือเกินว่าสบายมาก!


แค่นี้พี่มันก็เกลียดขี้หน้าผมจะแย่...


"ไปสิครับ ถ้าคุณช้าเพื่อนคุณก็จะได้พักช้าไปด้วยนะ" พี่เจกดดันพร้อมดันหลังให้ผมเดินไปหาพี่ซัน


ลำบากใจโว้ย!!!


++++++++++++++++++++


“โอ๊ย กูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” ผมโอดครวญ


“ก็เอาไว้ที่เดิม” เสียงไอ้ปริ้นครับ


“พี่มันเล็งกูไว้แน่ๆ ทำไมกูต้องโดนคนเดียวด้วยวะ!” ผมสบถ


“พี่เจน่ะทวดรหัสกู เหมือนจะเป็นญาติกับพี่ซันด้วย สองคนนี้เขาไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ อยู่ที่คณะก็เห็นปะทะคารมณ์กันบ่อยๆ


พี่เจออกแนวสนุกสนานขี้แกล้ง แต่กูว่าพี่มันเจ้าเล่ห์ พี่ซันออกแนวนิ่งๆ ไม่ชอบก็แสดงออกตรงๆ แต่พี่เขาจริงใจนะ” เป็นไม่กี่ครั้งที่ไอ้ปริ้นจะพูดยาวขนาดนี้ได้


“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกูด้วยละเว้ย” ผมขยี้หัวตัวเองแรงๆ


“เอาน่าไอ้บีทส์พรุ่งนี้ก็ได้กลับแล้ว เตรียมตัวมาสนุกคืนนี้กันดีกว่า” ไอ้ออยพูด ผมขมวดคิ้ว


“สนุกอะไรของมึง”


“เอ้า ก็งานรอบกองไฟคืนนี้ไงวะ”


“กูรู้แล้วว่ามีงานรอบกองไฟ แล้วมันน่าสนุกตรงไหนก็ธรรมดา” ผมเอนตัวนอนราบกับเตียงในสภาพคว่ำหน้า


“เอ้า กูได้ยินว่างานนี้ไม่เมาไม่เลิกนะเว้ย” ฮะ อะไรนะเมาได้เต็มที่ ผมหันหน้าไปทางไอ้ออย มันนอนกลางครับ ห้องเรามีสามเตียงเรียงกัน แน่นอนว่าไอ้ปริ้นได้นอนคนแรกใกล้กับประตู


“หูตั้งเชียวนะมึง” ไอ้ออยมันกัดมาหนึ่งดอก


“เชี่ย กูไม่ใช่หมา งั้นกูไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวไม่ทันของกิน!” ผมกระโดดลงจากเตียง คว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ ของฟรีอีกแล้วเว้ย


“ไอ้ขี้งก!!”
เสียงไอ้ออยตามหลังมา...ถามว่าแคร์มั้ยที่ไอ้ออยมันพูดให้เสียเซล์ฟเล่นๆ แบบนั้น ตอบได้คำเดียวแบบไม่ต้องคิดให้เปลืองสมอง(กลวงๆ) ของไอ้บีทส์เลยว่า...


กูแคร์ของฟรีมากกว่าเว้ย!!





ออฟไลน์ benzdekba

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เหมือน ๆ กับพี่ซันจะเดินมาให้อยู่ในสายตาน้องตลอดเลยนะ  :katai3:

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ตอนที่ 8 : อย่าใกล้กันเลยดีกว่า


[บีทส์]

 
“มึงพี่คนนั้นใครอ่ะ” ผมหันไปตามเสียงเรียกของอิพิงค์ ก่อนจะหุบยิ้มฉับเมื่อเห็นหน้าหล่อๆ ของพี่เจ ผมหันกลับมามองอิพิงค์ที่ทำตาเป็นประกายรอคำตอบอยู่


“ถามทำไม” อิพิงค์หุบยิ้มทันทีที่ผมเล่นตัวไม่ยอมตอบมัน ผมหัวเราะที่แกล้งมันได้ ฮ่าๆๆ
 

 “เปล๊า กูแค่เห็นว่าหล่อดีเลยถามเฉยๆ เผื่อมึงจะรู้จัก” เอ้า นี่มึงจะว่ากูชอบทำความรู้จักกับคนอื่นเขาไปทั่วหรือไงพิงค์
 

“ไอ้รู้จักอ่ะก็รู้จักอยู่หรอก แต่กูเตือนมึงไว้ก่อนเลยพิงค์ว่าพี่มันเป็นคนนิสัยแย่มากๆ อีกอย่างนะ กูไม่ชอบพี่มันเพราะมันแกล้งกู” อยากส่งท้ายคำว่า ‘เช๊อะ’ ลงไปให้ด้วย แต่แค่สะบัดหน้าใส่ อิพิงค์มันก็เบ๋หน้าใส่ผมแล้วครับ กูมั่นใจว่ากูน่ารักนะพิงค์

 
“มึงอย่ามาตัดสินเขาเพียงเพราะมึงแค่หมั่นไส้เขาสิบีทส์ และเท่าที่น้องพิงค์สุดสวยได้ฟังมา ถึงแม้พี่เขาจะแกล้งมึงไปบ้าง แต่กูเห็นใครๆ เขาก็รุมแกล้งมึงกันทั้งนั้นอ่ะ ผู้ชายเอวบางร่างน้อยเหมือนมึง จงกลายร่างมาเป็นพวกกูซะดีๆ” พูดจบอิพิงค์มันก็ทำท่าทางประกอบด้วยการร่ายมนต์ตามตำรับพิงค์สไตล์ของมันครับ ผมนี่ขำแทบจะลงไปนอนอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่ามีเสียงของใครบางคนขัดขึ้นมาซะก่อน

 
“คุยอะไรกันอยู่เหรอครับ ท่าทางน่าสนุก พี่คุยด้วยได้ไหม” ไอ้พี่เจ!!! ผมเบิกตาค้างเมื่ออยู่ๆ พี่มันก็เดินเข้ามาทักพวกผมสองคน คือตอนนี้พี่ๆ เขาปล่อยฟรีสไตล์ เห็นว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะเริ่มงานรอบกองไฟกัน ส่วนไอ้ออยมันลากไอ้ปริ้นไปเดินเล่นที่ชายหาด ไอ้นัทก็ออกไปคุยโทรศัพท์กับมีน เลยเหลือแค่ผมกับอิพิงค์ที่นั่งอยู่ม้านั่งบริเวณลานกว้าง

 
“เอ่อ...” จะไล่พี่มันไปยังไงดี เห็นหน้าแล้วโกรธไม่หาย ความประทับใจแรกติดลบสามล้าน ผมเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะส่งสายตาไปให้อิพิงค์ช่วยแก้สถานการณ์


“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่เจ พอดีบีทส์เขากำลังชมพี่เจให้พิงค์ เอ่อ ฉันชื่อพิงค์นะคะ บีทส์เขาชมให้ฟังว่า พี่เจอน่ารักอย่างโน่นน่ารักอย่างนี้ พิงค์เลยอยากรู้น่ะค่ะว่าพี่เจจริงๆ แล้วน่ารักอย่างที่บีทส์มันบอกหรือเปล่า”  อิพิงค์พูดจบก็ทำท่าเขินอายแบบที่ไม่ค่อยเข้ากับหนังหน้ามัน เอิ่ม ถ้าผมยกเท้าขึ้นถีบมันด้วยข้อหาหมั่นไส้นี่จะมีใครว่าอะไรไหมครับ

 
“กูไปพูดแบบนั้นตอนไหน” ผมหันกระซิบถามอิพิงค์ เผื่อว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้ผมอาจจะหูฝาดไปเอง

 
 “หึหึ จริงเหรอ” พี่ยังทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มใส่ผม ไอ้พี่นี่คือผมไม่ได้ชมพี่ครับ กำลังสรรเสริญพี่ด้วยคำด่าอยู่ต่างหาก!


“สงสัยหูเพื่อนผมมันจะไม่ค่อยดีอ่ะครับ ความจริงเราก็แค่คุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วๆ ไป ถ้าผมจะพูดถึงพี่ก็คงเป็นเพราะ ‘เห็นพี่’ เป็นดินฟ้าอากาศมั้งครับ ไปพิงค์!” ผมยักคิ้วกวนให้พี่เจหนึ่งทีแล้วรีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง หมดช่วงรับน้องเข้าฐานแล้ว ไอ้บีทส์เป็นไทย วอนอย่าหาเรื่อง เพราะปากดีไปแล้ว

 
“เห้ยบีทส์ มึงจะลากกูออกมาทำไมเนี้ย โอกาสที่จะได้อยู่กับพี่เจมันหายากนะโว้ย โอ๊ย ปล่อยๆๆ ปล่อยเดี๋ยวนี้!” สาวงามอย่างอิพิงค์สะบัดแขนหนี ผมส่ายหน้าระอาใจกับความรั้นของมัน นี่กูเตือนมึงแล้วนะพิงค์ ไอ้พี่เจไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย เอากับมันเถอะ  ผมมองตามร่างบอบบางของเพื่อนที่กำลังเดินเข้าไปคุยกับพี่เจด้วยรอยยิ้มเขินๆ

 
ผมเดินออกมาจากบริเวณลานกว้างที่เราเอาไว้รวมตัวกันตอนมาถึง คิดว่าจะไปเดินเล่นที่ชายทะเล แต่จมูกผมได้กลิ่นหอมของอาหารเหมือนคนกำลังย่างอะไรสักอย่างอยู่ ผมทำจมูกฟุดฟิดอยู่หลายครั้งได้ยินเสียงแว่วๆ ของพี่ๆ ฝ่ายสันทนาการ คึคึ พี่สันอยู่ไหนความสนุกอยู่ที่นั่น จะช้าอยู่ทำไมล่ะครับ โกยเถอะโยม!!

 
“อ้าวเฮ้ย น้องบีทส์ ดูทำหน้าเข้า” พี่อาร์ตแซวผมขำๆ ผมยิ้มเขินๆ เมื่อกี้มัวแต่คิดถึงเรื่องของกินจนลืมทุกสิ่งอย่าง วิ่งหน้าตั้งเข้ามาในวงปิ้งย่างบาร์บีคิวกัน สงสัยเมื่อกี้จะทำหน้าเคลิ้มไปหน่อย


“แหะๆ ทำอะไรกันอยู่อะพี่ น่ากินอ่ะ” ผมมองบาร์บีคิวที่กำลังส่งกลิ่นมาเยาะเย้ยต่อมน้ำลายของผม
 

 “รอให้สุกก่อนเดี๋ยวพี่แบ่งให้น้องบีทส์เป็นกรณีพิเศษเลย” พี่อาร์ตขยับมากระซิบข้างหู ผมสะดุ้งขยับหนี ไม่รู้ว่าแค่อยากแกล้งหรือว่ายังไง


“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มรับ ก่อนจะช่วยพี่อาร์ตย่างบาร์บีคิวต่อ แอบมองหาคนตัวสูงที่ปกติจะตัวติดกับพี่อาร์ต ไปไหนหว่า

 
“ว่าแต่เรานี่แสบใช่เล่นเลยนะ ทำให้ไอ้ซันมันไปไม่เป็นได้ พี่ยังขำไม่หาย” พี่อาร์ตเอ่ยขึ้นลอยๆ พลางขำไปด้วย  ผมได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ ไปให้  คือจะดีมากครับพี่ ถ้าพี่จะกรุณาไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก


“แล้วพี่ซันไปไหนเหรอครับ” ในเมื่อพี่อาร์ตอุตส่าห์เปิดทางมาให้ ก็สบโอกาสที่ผมจะถามหาพี่ซันได้แบบเนียนๆ


“โน่น”  พี่อาร์ตพยักพเยิดหน้าไปอีกทางหนึ่งที่มีร่างสูงของพี่ซันยืนคุยอยู่กับพวกพี่ปีสูงฝ่ายสันทนการ แถมยังมีแต่สาวๆ สวยๆ ยืนล้อมรอบพี่มันอยู่เต็มไปหมดเหมือนกำลังแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความคิดกันอย่างออกรส

 
“เป็นอะไรหน้าหงิกเชียว”  พี่อาร์ตยื่นหน้าเข้ามาถามขำๆ


“เปล่าครับ” ผมตอบ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาย่างบาร์บีคิวต่อไปจนเกือบจะหมดถาด

 
“เฮ้ย ไอ้ซัน หยิบบาร์บีคิวมาเติมให้พวกกูทีดิ๊” ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่อาร์ต แล้วมองเลยไปที่ร่างสูงของพี่ซันที่ทำเสียงบ่นงึมงำ ก่อนจะเดินไปหยิบถาดบาร์บีคิวที่พวกพี่ๆ อีกกลุ่มกำลังนั่งเสียบกันอยู่

 
“ไม่มีขามาหยิบเองหรือไงวะถึงต้องรบกวนคนอื่น” ผมก้มหน้าแทบจะชิดอก เมื่อพี่ซันเดินมาถึง  และเอ่ยตำหนิพี่อาร์ตอย่างไม่จริงจัง ผมทำเป็นย่างบาร์บีคิวอย่างใจจดใจจ่อ ทำเป็นไม่สนใจบทสนทนาของสองเพื่อนรัก แต่ที่จริงถ้าหูผมมันกางออกได้เหมือนจานดาวเทียม ตอนนี้มันคงกำลังแผ่เตรียมรับสัญญาณ


“ขาน่ะมี แต่อยากใช้มึง มีปัญหามั้ย” พี่อาร์ตพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ 


“หึ คิดจะเป็นพญาเทครัวหรือไงไอ้หมอ แต่กูขอเตือนมึงไว้อย่างนะ ถ้าคิดจะจีบไอ้เด็กนี่มึงคงต้องเตรียมใจไว้หน่อย เด็กนี่มันธรรมดาซะที่ไหน กูเห็นเมื่อกี้ก็ยืนคุยกับไอ้เจ หัวเราะต่อกระซิกกันเหมือนคุ้นเคยกันมานานแสนนานอะไรเทือกนั้น”

 
ผมเงยหน้าขึ้นสบตาพี่ซันที่มองมาเหยียดๆ ตั้งแต่ได้ยินประโยคที่เกี่ยวโยงมาถึงตัวเอง  แล้วไอ้ประโยคดูถูกนั่นอีกมันอะไรกัน ทีตัวเองยังยืนคุยกับพวกพี่ผู้หญิงตั้งนานสองนาน


“ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ แม่ะ ไม่ยักรู้นะครับว่าพี่ก็เป็นแฟนคลับผมเหมือนกัน รู้ดีไปซะทุกอย่าง” ผมทำท่าก้มลงน้อมรับคำสรรเสริญของพี่ซัน พร้อมตอบกลับเสียงประชด  พี่มันเอาสมองส่วนไหนคิดว่าผมหัวเราะต่อกระซิกกับพี่เจ


“ไม่ต้องเอา ‘มารยา’ มาใช้กับกูครับ” ผมกำมือตัวเองแน่นเมื่อสบตาเข้ากับดวงตาเกรี้ยวกราดคู่นั้น ก่อนหน้านี้ยังดีอยู่แท้ๆ


“เป็นเหี้ยอะไรครับไอ้คุณซัน กูกับน้องเขาไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้นแหละ มึงก็รู้ว่ากับไอ้ตัวเล็กน่ะกูเอาจริง นี่มึงจะพาลเพื่อ” พี่อาร์ตเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาบ้าง

 
“หึ ก็ไม่มีอะไร” พี่ซันหันมามองผมแว็บหนึ่งก่อนจะหันไปตอบพี่อาร์ต ผมได้แต่ยืนกำมือแน่นจนรู้สึกเจ็บ ไม่ใช่ว่าไม่เคยโดนพี่มันว่า ผมเข้าใจเพราะครั้งนั้นผมทำผิดจริง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกันนี่ผมมั่นใจว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ อ่อ ยกเว้นแค่ตอนทำตามคำสั่งของพี่เจ หรือว่าพี่ซันจะยังโกรธอยู่ แต่พี่เจก็อธิบายไปแล้วนี่

           
“งั้นก็ไสหัวไปไกลๆ เลย ทำเสียบรรยากาศหมด” พี่อาร์ตหันมายิ้มให้กำลังใจผม ผมยิ้มตอบพี่มันกลับไป ก่อนจะกัดปากตัวเองแน่นเมื่อต้องอยู่ในบรรยากาศที่แสนอึดอัดนี่

 
“อย่ากัดปาก” ผมชะงักแล้วหันไปเลิกคิ้ว ไม่เว้นแม้แต่พี่อาร์ตที่ตอนนี้ก็เลิกคิ้วมองหน้าพี่ซันอยู่

 
“...”
 

“ช้ำหมด”  พี่ซันอธิบายก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังที่ที่พี่มันเดินจากมาเมื่อกี้  ผมหันหน้าไปมองพี่อาร์ตเผื่อแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อสายตาของพี่อาร์ตกำลังโฟกัสแผ่นหลังกว้างของพี่ซันที่เดินไกลออกไปอย่างครุ่นคิด ผมก้มหน้ามองพื้น

 
เป็นห่วงงั้นเหรอ...


ไม่ใช่หรอก


ตบหัวแล้วลูบหลังต่างหาก...


“บีทส์ บีทส์!” ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกของพี่อาร์ต อยู่ใกล้กันแค่นี้จะตะโกนทำไมครับพี่ 


“อยู่กันแค่นี้ตะโกนทำไมพี่” ขี้หูผมลุกขึ้นเต้นแล้วมั้งเนี่ย

 
“นี่ไม่รู้ตัวเหรอว่าพี่เรียกชื่อเรามาสักพักแล้วนะ กำลังคิดว่าจะลองอุ้มไปโยนลงทะเลอยู่เหมือนกัน ใจลอยคิดเรื่องอะไรอยู่ เรื่องเพื่อนพี่หรือเปล่า” ผมนิ่งไปนิดกับคำถามของพี่อาร์ต ผมไม่ได้ยินพี่เขาเรียกจริงๆ นะ
 

“บ้าเหรอพี่ แค่พี่เรียกผมก็ได้ยินแล้ว จริงๆ ผมได้ยินตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว แต่อยากกวนตีนพี่แค่นั้นแหละ อ๊ะ” พูดยังไม่ทันจบพี่อาร์ตก็แจกรางวัลเป็นมะเหงกมาให้ซะก่อน

 
“หึหึ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี อย่าไปถือสาไอ้ซันเลยนะ ไอ้นี่มันอารมณ์แปรปรวนเหมือนคนประจำเดือนไม่มา” พี่อาร์ตยิ้มมุมปาก โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม เวลาผมยิ้มมีแต่คนบอกว่าน่ารักต่อให้เก๊กแมนสุดชีวิตก็ยังไม่พ้นคำว่าน่ารัก แต่ทำไมพอไอ้พวกพี่ๆ ตัวสูงๆ แม่งยิ้มแล้วหล่อบาดใจกันจังเลย  ผมควรไปทำศัลยกรรมเพิ่มความสูงไหมครับ เผื่อทำแล้วจะหล่อขึ้น

 
“พี่ซันเขาขี้หงุดหงิดเป็นปกติเหรอครับ” ผมถามในสิ่งที่คาใจออกไป พี่อาร์ตทำหน้าคิดก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ เป็นเชิงปฏิเสธ


“ต่อหน้าพวกน้องๆ มันก็นิ่งๆ นั่นล่ะ ไม่มีอะไรกับใคร อยู่ในกลุ่มมันก็เฮฮาตามประสาคนที่คบกันมานาน ไม่เคยเห็นมันตั้งท่าหงุดหงิดใส่คนอื่นแบบนี้มานานแล้วนะ”  ผมพยักหน้าคิดตามในสิ่งที่พี่อาร์ตพูด

 
“อ่อ พี่มีเรื่องจะถามอยากให้บีทส์ตอบพี่ตรงๆ” ผมทำหน้างงๆ หวังว่าจะไม่ถามเรื่องของผมกับพี่ซันหรอกนะ

 
“ครับ”

 
“บังเอิญว่าพี่ได้เป็นครูสอนพิเศษให้กับไบร์ทน้องของบีทส์ที่สถาบัน A บีทส์คงจะเคยได้ยินใช่ไหม ในคลาสไบร์ทเขาตั้งใจเรียนมากจนพี่รู้สึกชื่นชม พี่อยากจะตอบแทนที่เขาตั้งใจเรียนเลยอยากซื้อของขวัญให้เขาเป็นการขอบคุณที่ให้โอกาสติวเตอร์จำเป็นอย่างพี่ได้ถ่ายทอดวิชา”


ฮู่วว แต่ก็ยังฟังแปลกๆ อยู่ดี ผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด อย่างแรกเลยคือคนเจ้าชู้อย่างพี่อาร์ตรู้จักกับน้องผมได้ยังไง อ่อ เรื่องเมื่อตอนเช้านั่นด้วยที่อยู่ๆ ก็แย่งโทรศัพท์ผมไปคุยหน้าตาเฉย


พอจะเข้าใจนะครับว่าเขาเป็นติวเตอร์กัน แต่...มันมีด้วยเหรอติวเตอร์ซื้อของขวัญให้น้องเพราะเขาตั้งใจเรียน ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่ต้องซื้อให้น้องทั้งสถาบันเลยเร๊อะ!!?

 
ประเด็นต่อมา...น้องผมไม่ค่อยคลุกคลีกับใครเป็นการส่วนตัว เป็นไปได้เหรอที่จะมารู้จักสนิทชิดเชื้อกับคนเจ้าชู้อย่างพี่อาร์ต คือผมพอจะได้ยินกิตติศัพท์ของพี่แกนะครับ เรียนที่เดียวกัน พวกพี่มันดังขนาดนั้นใครๆ ก็รู้จัก ขนาดเพจดังๆ ยังเคยเอารูปพี่ๆ มันไปลง ไลท์ถล่มทลาย

 
“...”

 
“ถ้าบีทส์ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ พี่แค่อยากจะทำความรู้จักกับไบร์ทเอาไว้บ้าง เพราะเขาเคยบอกกับพี่ว่าอยากเป็นหมอ และจะสอบเข้าคณะเดียวกับพี่ เผื่อมีอะไรที่พี่ช่วยแนะนำได้ ก็แค่อยากจะรู้บ้างว่า..ว่าที่น้องในคณะชอบอะไรไม่ชอบอะไรก็เท่านั้นเอง ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ” พี่อาร์ตพูดเสียงหงอยๆ เออ แล้วผมก็ดันรู้สึกผิดตาม แค่นี้ก็ต้องดราม่าด้วย แต่เรื่องที่พี่มันบอกก็มีเค้าความจริงอยู่นะ เพราะมีแต่คนที่สนิทๆ เท่านั้นถึงจะรู้ว่าน้องผมอยากเรียนอะไร
 

คงไม่เป็นไรมั้ง

           
“เฮ้อ ผมยอมบอกก็ได้ครับแต่บอกแค่สิ่งที่ชอบเพียงข้อเดียวนะ พี่อาร์ตห้ามเอาไปแกล้งน้องผมเด็ดขาด เห็นแบบนั้นก็เอาเรื่องอยู่นะครับ” ผมทำหน้าลำบากใจ ไบร์ทเป็นน้องที่ผมรัก เป็นคนสำคัญของผม แอบไม่ไว้ใจนิดๆ แหะ คิดถูกไหมเนี้ยที่ยอมบอก พี่อาร์ตเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงรอฟังคำตอบ

 
“...”


“??”
 

“เฮ้อ โอเคครับ ไบร์ทชอบตุ๊กตา...รู้แล้วเหยียบไว้เลยนะพี่อาร์ต มีไม่กี่คนหรอกนะที่รู้ว่าจริงๆ แล้วคนอย่างไบร์ทจะชอบตุ๊กตา” ผมพูดขู่พี่อาร์ตไว้ก่อน


“...” พี่อาร์ตเงียบเหมือนคนกำลังช๊อค ผมเอื้อมมือไปสะกิดพี่มันเบาๆ


“ฮ่าๆๆๆๆ อย่างไบร์ทเนี่ยนะชอบตุ๊กตา พุฮ่าๆๆ” พี่อาร์ตกุมท้องหัวเราะ ผมตีหน้ายุ่ง ทำไมอ่ะ ชอบตุ๊กตามันตลกตรงไหน หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะเฟ้ย!

 
“ถ้าไม่หยุดหัวเราะผมจะบอกไบร์ทว่าพี่อาร์ตมาหลอกถามข้อมูลน้องจากผม” เอาดิๆ พี่อาร์ตพยายามที่จะหยุดหัวเราะจนหน้าแดง ผมแกล้งทุบกำปั้นขู่ มาหัวเราะน้องเค้าอ่ะ!


“พี่ขอโทษนะ มันเป็นอะไรที่พี่คาดไม่ถึงจริงๆ พี่นึกว่าเขาจะชอบพวกอุปกรณ์กีฬาอย่างนวม หรือไม่ก็พวกรองเท้าอะไรแบบนี้”


“อันนั้นมันเป็นพื้นฐานหรอกพี่ ใครๆ ก็รู้ว่าน้องผมชอบแต่น้อยคนจะรู้ว่าชอบ ตะ..เออ นั่นแหละ” ผมพูดไปตามความจริง ไบร์ทชอบเล่นกีฬามาก เล่นได้แทบทุกอย่าง รูปร่างเลยออกแนวเฮลตี้ เพียงแต่ว่าก่อนนอนต้องหิ้วไอ้ตุ๊กตาตัวกะเปี๊ยกไปกอดด้วยทุกที ไม่งั้นน้องจะนอนไม่หลับ
 

“คุยอะไรกันอยู่ครับเฮีย” ผมหันไปตามเสียงของไอ้ปริ้น ไอ้ออยวิ่งมายืนข้างๆ ผมก่อนจะหยิบไม้บาร์บีคิวขึ้นมาเป่า ไม่ค่อยเห็นแก่กินเลยนะเพื่อนกู


 “ไม่มีอะไรหรอก” พี่อาร์ตตอบ ก่อนที่เราจะช่วยกันย่างบาร์บีคิวจนเสร็จแล้วยกออกมาวางตรงซุ้มอาหารเพื่อรอพี่ประธานเอ่ยเปิดงานเลี้ยงรอบกองไฟในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

 

+++++++++++++++++++

 

“การแสดงต่อไปนี้เป็นการแสดงชุดพิเศษที่ได้รับเกียริตจากเดือนมหาวิทยาลัยเมื่อสามปีที่แล้ว พูดแบบนี้คงจะรู้แล้วใช่ไหมครับว่าใคร ขอเชิญคุณซัน ศิวานนท์ ธีรไชยบดินร์ เจ้าของตำแหน่งอดีตเดือนมหาลัยขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ”



ผมหันไปที่หน้าเวทีทันทีเมื่อได้ยินคำกล่าวเชิญพี่ซันขึ้นไปบนเวที พอร่างสูงของพี่ซันก้าวขึ้นไปบนเวทีเล็กๆ ที่ทางรีสอร์ตจัดไว้ให้ เสียงฮือฮาก็ตามมาทันที พี่มันอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อย เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ พอเจอกับแสงไฟอ่อนๆ แล้ว ทำให้พี่มันเด่นขึ้นมาทันที


หืม?

 
ผมอดแปลกใจไม่ได้เมื่อพี่ซันถือกีต้าร์ขึ้นมาด้วย ทีมงานหยิบเก้าอี้ตามมาให้พี่ซันนั่งอีกหนึ่งตัว เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นทันทีเมื่อพี่ซันนั่งลงบนเก้าอี้แล้ววางกีต้าร์ไว้บนตัก เจ้าของใบหน้าหล่อส่งยิ้มมาให้สาว ๆ ที่อยู่ด้านล่าง
 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพี่แม่งโคตรเท่

 
“เป็นอะไรบีทส์” ผมหันไปยิ้มให้กับนัท เมื่อคนข้างๆ เป็นคนเอ่ยถามขึ้นมา


 “เปล่านี่”

 
“แน่ใจเหรอ เห็นจ้องพี่ซันตาไม่กระพริบ” ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ประโยคต่อมาของเพื่อนสนิท จะมาจับผิดกูทำไมเล่า!


“เห้ย จะบ้าหรอไอ้นัท กูเปล่า”  ผมพูดพลางหันหลังให้เวทีก่อนจะกระดกแก้วเบียร์เข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว

 
“รู้ใช่ไหมว่าพี่ซันเป็นแฟนของพี่ฟ้า มึงเข้าใจที่กูจะพูดใช่ไหมบีทส์” ผมหันไปสบตาไอ้นัทนิ่ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วตะโกนสั่งให้ไอ้ออยมาเติมเบียร์ให้อีก

 
“ไม่เอาเหล้าเหรอ”  ไอ้ออยถามอย่างแปลกใจ ตอนนี้มันยังไม่เมาหรอกครับ โดนไอ้ปริ้นควบคุมความประพฤติอยู่ ผมส่ายหน้า

 
“ไม่ว่ะ ไม่อยากเมา” ไอ้ยินเสียงถุ้ยจากคนข้างๆ  ผมหัวเราะ แล้วหยิบกับแกล้มเตรียมยัดเข้าปาก ผมชะงักเมื่อมีมือหนึ่งจับมือผมไว้ซะก่อน

 
“นั่น ‘เม็ดมะม่วง’ ระวังหน่อย” ผมก้มลงมองจานกับแกล้มที่ผมกำลังจะหยิบมาใส่ปาก ก่อนจะส่งยิ้มแหยๆ ให้ไอ้ปริ้นแล้วเปลี่ยนเป้าหมายไปที่จานถัดไปที่เป็นข้าวเกรียบแทน ผมกระดกแก้วเบียร์ของตัวเองต่อก่อนจะหันไปตามเสียงเกากีต้าร์เบาๆ กับเสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้น

 
“เรามาฟังเพลงต่อไปกันเลยดีกว่า มันเก่าแล้วแต่ความหมายดีนะครับ เพลงนี้พี่เพิ่งจะหัดเล่น ยังไม่คุ้นมือเท่าไหร่ ยังไงก็ทนฟังเอาหน่อยแล้วกันนะ มอบให้กับคนที่กำลังจะมีความรักทุกคนครับ...”


ทำตามคนโน้น ตามใจคนนี้...เรื่อยมา
ใจไปทางโน้น ใจไปทางนี้...ทุกเวลา

เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เหมือนฤดูกาล
ไม่เคยแน่นอนซักครั้ง
หลอกตัวเองไปอย่างนั้น มองเลยความฝัน...ในใจ

ชอบอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้ใจตัวเอง
เลือกอะไรก็ไม่รู้ หลงทางไปจนไกล
เพิ่งเข้าใจ เพิ่งจะรู้ ว่ามีเธออยู่ข้างกาย
ขอเดินไปสู่จุดหมายกับเธอ

แปรปรวนตามฝน รวนเรตามฟ้า..เรื่อยมา
มีดีตรงนี้ ยังมองตรงโน้น...เสียเวลา

เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เหมือนฤดูกาล
ไม่เคยแน่นอนซักครั้ง
หลอกตัวเองไปอย่างนั้น มองเลยความฝัน...ในใจ

ชอบอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้ใจตัวเอง
เลือกอะไรก็ไม่รู้ หลงทางไปจนไกล
เพิ่งเข้าใจ เพิ่งจะรู้ ว่ามีเธออยู่ข้างกาย
ขอเดินไปสู่จุดหมายกับเธอ

ชอบอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้ใจตัวเอง
เลือกอะไรก็ไม่รู้ หลงทางไปจนไกล
เพิ่งเข้าใจ เพิ่งจะรู้ ว่ามีเธออยู่ข้างกาย
ขอเดินไปสู่จุดหมายกับเธอ…



เพลง ไม่รู้ใจตัวเอง
บอล วิทวัส สิงห์ลำพอง



“กรี๊ดดดด” เสียงกรี๊ดถล่มทลายอย่างกับพี่ตูนมาเปิดคอนเสิร์ต
 

“กรี๊ดพี่สุดหล่อของกูเท่มาก โอ๊ยกูอยากได้!” ผมหันไปเบ๋ปากใส่อิพิงค์ที่นั่งกรี๊ดกร๊าดโบกไม้โบกมือไปที่เวที

           
“งั้นง้านแหละ” พูดพลางซดแก้วไอ้ปริ้นเข้าปาก
 

“ไอ้บีทส์เหล้ากู” ไม่สนโว้ย กูจะเมา!

 
 “บีทส์ มึงว่าพี่สุดหล่อกูร้องเพลงนี้ให้ใคร กูว่าร้องให้พี่ฟ้าแน่เลย อร๊าย น่าอิจฉาอ่ะ” ผมซบหน้าลงกับโต๊ะเพื่อบ่ายเบี่ยงคำถามอิพิงค์

 
ทำไมมันเจ็บแปลบๆ อย่างนี้วะ





ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
(ต่อ)



พอเสียงปรบมือเงียบลง พี่ซันก็เอ่ยขอบคุณทุกคนที่ปรบมือให้แถมยังช่วยร้องเพลงคลอไปกับจังหวะกีต้าร์ของพี่ซันด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสาวๆ ในงานกว่าครึ่งคงมองพี่มันด้วยสายตาหลงใหลและชื่นชม


พอพี่ซันก้าวลงเวทีเวลาต่อมาก็เป็นช่วงของพี่ๆ ฝ่ายสันทนาการที่เข้ามาทำหน้าที่ต่อ สร้างเสียงหัวเราะและความสนุกสนานให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี


ผมพยายามปั้นสีหน้าของตัวเองใหม่ ก่อนจะลุกขึ้นทำเนียนกินเหล้าต่อเงียบๆ แอบสะดุ้งหน่อยๆ ตอนที่เงยหน้าขึ้นมาเจอกับไอ้นัท มันมองผมอยู่แล้วก่อนจะส่งสายตามาแทนคำถาม ผมเลยพยักหน้าให้เป็นเชิงว่า ‘กูไม่เป็นไร’ มันพยักหน้าให้ผมหนึ่งทีแล้วเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก


“มึงจะไปไหนบีทส์” ผมพยายามทรงตัวให้ตัวเองยืนในท่าตรง ก่อนจะกระพริบตาสะลืมสะลือมองไอ้นัทที่เป็นคนถาม
 

“ห้องน้ำ” ผมตอบโดยไม่ได้หันไปหาไอ้เพื่อนขี้เมาทั้งหลายแหล่อีก ถามว่าตอนนี้เมาไหม ก็เมาครับ แต่ผมว่าตัวเองยังพอมีสติอยู่บ้างจริงๆ นะ


“ให้กูไปเป็นเพื่อนไหม” เสียงใครวะ ผมพยายามนึกตามเสียง คนอื่นเขากินเหล้าเมากันจะตายห่า ทำไมเสียงมึงยังปกติอยู่อีกวะไอ้ปริ้น!

 
“ม่ายต้อง! มึงดูไอ้ออยของมึงไปเหอะ ห้องน้ำอยู่แค่นี้ สอ-บอ-มอ สบายมากเว้ย!!” เชี่ยเอ้ย กับอีแค่พี่ซันร้องเพลงให้คนรักของเขา กูก็ยกแก้วเหล้าซะเพลิน มันก็สมควรแล้วนี่!?!

 
รู้ทั้งรู้นะว่าพอเมาแล้วโลกทั้งใบของคนเมามันจะเริ่มเอียงๆ พอโลกเอียงแล้วประสิทธิภาพการเดินก็จะลดลง เผลอๆ หน้ามึงอาจจะได้จูบกับทางเดินข้างทางเอาได้ง่ายๆ ยังไม่เคยเข็ด
 

ด่าตัวเองนั่นแหละครับ


ปกติห้องน้ำมันก็อยู่ใกล้ๆ ลานนั่นแหละครับ แต่พอดีผมอยากอยู่คนเดียวสักพัก มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย เดินเซซ้ายเซขวามาตามทางเดินที่ลาดยาวและคดเคี้ยว อืม เข้าใจนะครับว่าการออกแบบทางเดินให้เลี้ยวไป...เลี้ยวมามันดูคลาสสิคสวยงาม แต่จะรู้บ้างไหมว่าคนเมามันเดินลำบากครับ!!


เดินมาสักพักผมก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความมืดสนิทที่แผ่ไปทั่วบริเวณ ทำไมมันมืดแบบนี้ล่ะ ผมมองไปรอบๆ ซ้ายที ขวาที  ก่อนจะรีบมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำตรงบริเวณที่พัก อยู่เยื้องออกมาจากลานที่เราใช้ทำกิจกรรม ใกล้ๆ กับชายหาด ทุลักทุเลนิดหน่อย แต่ก็ไม่เกินความสามารถไอ้บีทส์หรอกครับ


ผมรีบเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ ปลดทุกข์เบาเสร็จก็คิดว่าจะนั่งเล่นอยู่แถวๆ นี้สักพักเพื่อดื่มด่ำความงามของธรรมชาติที่สรรสร้างความงดงามได้อย่างลงตัวให้คุ้มค่า อย่าครับ อย่ามองด้วยสายตาด่าทอทางอ้อมว่าผม...’สตอ’..หื้ม ให้ผมบอกจริงๆ เหรอครับ โอเค...บอกก็ได้

 
ผมเดินกลับไม่ไหวครับ นั่งจมปุ๊กมันอยู่หน้าห้องน้ำนี่ล่ะ

 
ผมนั่งก้มหน้ากอดเข่า เริ่มคิดถึงหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่ที่ผมได้เจอกับพี่ซัน  ถึงแม้แรกๆ พี่มันจะร้ายใส่ผมบ้าง แต่ผมรู้ตัวเองดี...ผมไม่เคยเกลียดพี่มันจริงๆ เลยสักครั้ง ผมรู้...พี่ซันเองก็มีด้านดีๆ สังเกตได้จากการที่พี่ซันเคยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผมหลายครั้ง


ผมไม่เข้าใจตัวเองอยู่หลายอย่าง เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น...ทั้งเรื่องที่ผมพยายามจะหลบหน้าพี่ซัน  ไหนจะเรื่องเมื่อบ่ายที่ผมแอบไม่พอใจตอนที่มีสาวๆ มารุมล้อมพี่ซันด้วย ยิ่งตอนที่พี่มันขึ้นร้องเพลง...จะบาปไหมถ้าผมแอบหวังให้คนที่พี่ซันนึกถึงเป็นผม


บ้าไปแล้ว


เหอะๆ ไอ้บีทส์มึงมันงี่เง่า! ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ พี่ซันเป็นแฟนของพี่รหัสผม พวกเขาสองคนเหมาะสมกันมาก ใครๆ ก็คิดแบบผมกันทั้งนั้น…


เลิกคิดไปเลยไอ้บีทส์
         

ผมพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นโดยใช้กำแพงห้องน้ำเป็นที่ยึด ก่อนจะเดินลัดเลาะผ่านออกมาทางบ้านพักของพี่ๆ ปีสูง จุดหมายปลายทางคือห้องพักของผม ปล่อยให้บรรดาไอ้เพื่อนขี้เมาทั้งหลายมันสนุกสนานกันต่อไป
 

อาการผมตอนนี้เริ่มจะร่อแร่แล้วครับ ขืนกลับเข้าไปที่ลานอีกคงต้องมีใครสักคนแบกผมกลับห้องแล้วแหละ
 

ดังนั้นเพื่อไม่เป็นภาระให้คนอื่น สู้คลาน เอ้ย เดินลากสังขารของตัวเองกลับห้องพักดีกว่า ถึงแม้ว่ามันจะมืดไปสักหน่อย แต่ก็ยังพอมีแสงไฟรำไรให้ผมคลำหาทางเดินได้อยู่ 


ในขณะที่กำลังจะเดินผ่านบ้านพักหลังสุดท้ายของพวกพี่ๆ ผมสะดุดกึกเมื่อมองเห็นเงาตะคุ่มของคนสองคนอยู่ตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง คือบ้านพักแต่ละหลังของพี่ๆ ก็ไม่ห่างกันมากหรอกครับ หลังขนาดพอเหมาะส่วนด้านหน้าของบ้านหันหลังให้กับลานทำกิจกรรมที่อยู่ห่างออกไป

 
ผมรีบผลุบตัวเข้าไปหลบอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างๆ บ้าน ก่อนจะสะบัดหัวไล่ความมึนที่เริ่มถาโถมเข้ามา จนแทบจะล้มพับอยู่ตรงนี้ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเหล้าจ๋า!


“กูถามจริงๆ มึงรู้สึกยังไงกับน้องมัน” นี่มันเสียงพี่หมอผมจำได้ ผมพยายามเพ่งสมาธิไปที่ร่างคนสองคน คนหนึ่งนั่งอยู่ตรงระเบียงบ้าน ส่วนอีกคนกำลังยืนหันหลังอยู่ ไฟก็ไม่เปิด อึก เอามือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน อย่าเพิ่งอ้วกตอนนี้นะ ขอเสือกเรื่องชาวบ้านเขาก่อนสิเว้ย!


แปะ แปะ 
 

ผมตบแก้มตัวเองเพื่อเรียกสติ พลางตบยุงที่เริ่มเข้ามาจับจองพื้นที่ในตัวผมมากขึ้นเรื่อยๆ คุณยุงครับกูไม่พร้อมจะบริจาคเลือดตอนนี้


”...” ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีคำตอบจากคู่กรณี


“ไอ้ซัน” 


ผมเงยหน้ามองไปที่คนทั้งคู่ทันทีเมื่อได้ยินชื่อของคนที่ทำให้ผมมีเรื่องคิดไม่ตกรวมอยู่ด้วย อย่าบอกนะว่า...พี่อาร์ตหึงพี่ซันอยู่!!


ยังจะตลกฮ่าๆ


ผมพยายามเอียงหูฟัง เผื่อว่ามันจะทำให้ได้ยินบนทสนทนาชัดขึ้น


“เฮ้อ กูก็ไม่รู้ กูไม่รู้อะไรทั้งนั้นอาร์ต กูเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไมบางครั้งถึงต้องคอยเป็นห่วงมัน มึงจำได้ไหมตอนนั้นที่มันกำลังจะถูกฉุด” พี่ซันเว้นวรรค ก่อนจะถอนหายใจ


อยากเห็นชะมัดว่าตอนนี้พี่ซันกำลังทำหน้ายังไง


“แล้วยังไง” พี่หมอถามต่อ

 
“กูว่า...ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมันทำให้กูรู้สึกเหมือนมีน้องชายอีกคน แต่อีกส่วนกูก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่และหวังว่ามันจะไม่เป็นอย่างนั้น ตั้งแต่นี้ต่อไปกูควรอยู่ห่างๆ มันเอาไว้ กูไม่อยากกลืนน้ำลายตัวเอง กูไม่รู้ว่าที่มันเข้ามาใกล้ตัวกู มันมีความหมายอะไรแอบแฝงหรือเปล่า เมื่อก่อนนี้กูมั่นใจว่าตัวเองไม่มีอารมณ์กับผู้ชายและจะไม่มีวันมี แต่ถ้ามันยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ตัวกู กูก็ไม่แน่ใจว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง” 


น้ำตาผมรื่นไปรอบทั้งดวงตา คนๆ นั้นที่พี่มันหมายถึง...คือผมใช่ไหม


“สรุปคือมึงเริ่มมีใจให้เขาแล้วว่างั้น”


ผมกลั้นหายใจ


“ไม่”


“...”
 

เผาะ เผาะ

 
น้ำตาผมร่วงผลอยออกจากหน่วยตา ได้ยินชัดแล้วใช่ไหมไอ้บีทส์ เขามีคนรักอยู่แล้ว ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเก่ง เทียบกับมึงคนที่ไม่มีดีอะไรเลยอย่างมึง ใครเขาจะมาสนใจ แค่เขาใจดีด้วยก็เผลอคิดเกินเลย


“ไม่เลยสักนิดเหรอ”

 
คำตอบคือความเงียบของพี่ซัน


“ซัน...”


“กูจะบอกอะไรมึงไว้อย่างหนึ่งนะ... ‘ยิ่งมึงพยายามซ่อนความรู้สึกของมึง คนอื่นก็จะยิ่งมองเห็น และยิ่งมึงเอาแต่ปฏิเสธความรู้สึกของมึง มันจะยิ่งชัดเจนในใจของมึงเอง มึงหนีมันไม่พ้นหรอก’ จำคำพูดของกูไว้นะ” พี่ซันที่ยังยืนนิ่งหันหลังให้พี่หมออยู่ ผมพยายามเช็ดน้ำตาที่ยังอาบแก้มของตัวเองอยู่ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าผมเสียใจทำไม


“มันไม่มีประโยชน์มึงก็รู้ ยังไงสุดท้ายคนที่กูต้องแต่งงานด้วยก็คือฟ้า ไม่ว่ากูจะรักใครชอบใครมันก็เป็นไปไม่ได้” ผมอึ้งอีกครั้ง นี่พี่ซันถึงกับวางแผนแต่งงานกับพี่ฟ้าไว้แล้วงั้นเหรอ!?!
 

“ชีวิตมึงเป็นของมึง มึงมีสิทธิ์ตัดสินใจ จะให้เขาเข้ามากำหนดชีวิตมึงเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตั้งแต่เด็กจนโตไปถึงเมื่อไหร่ อีกอย่าง...วันนี้มึงเพิ่งผ่านการประกาศสงครามกับไอ้พี่เจมาไม่ใช่รึไง ระวังจะอยู่ยากนะมึง” พี่หมอพูดเสียงจริงจัง
 

“มันทำอะไรกูไม่ได้มึงก็รู้ เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว ว่าแต่มึงเถอะ กูเห็นทำหน้าเหมือนคนขี้ไม่ออก มีปัญหาอะไรรึไง” พี่ซันเอ่ยตัดบทก่อนจะเอ่ยแหย่เพื่อนสนิทอย่างพี่หมอ ผมสูดลมหายใจเข้าปอดตัวเองหนักๆ ยังไงก็ต้องออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดก่อน  เพราะการลุกขึ้นเร็วทำให้ผมเซล้ม



ผลั่ก!


โครม!!

 
เจ็บฉิบ!





[ซัน]

 

โครม!!
 

ผมรีบหันไปตามเสียง ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับไอ้อาร์ต เราสองคนรีบวิ่งไปตรงที่เกิดเหตุ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อมองเห็นร่างเล็กของใครบางคนกำลังพยายามลุกขึ้นยืน ผมยืนนิ่งในขณะที่ไอ้อาร์ตรีบนั่งลงช่วยพยุงร่างเล็กตรงหน้าให้ลุกขึ้นยืนได้สำเร็จ


“...”  ผมเงียบ ไอ้อาร์ตหันมามองหน้าผมเป็นเชิงถามว่าจะเอายังไงต่อ
 

“เอ่อ พี่หมอ...พอดีผมแค่เดินผ่านมา แต่ทางมันมืดเลยสะดุดกระถางดอกไม้ตรงนี้น่ะ” บีทส์ชี้ไปที่กระถางดอกไม้ที่กระจัดกระจายอยู่ก่อนจะหลุบตาลงมองพื้น ไอ้อาร์ตส่งสายตามาหาผม


กูเพิ่งบอกไปหยกๆ ว่าต้องอยู่ห่างมัน ยังจะยัดเยียดมันมาให้กูอีก ไอ้เพื่อนเวร!!

 
ผมมองไปที่ร่างเล็กของน้องมันอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจเมื่อเห็นคราบน้ำตาอยู่บนแก้มขาวของมัน


เมื่อกี้มันต้องได้ยินอะไรเข้า


ใช่ไหม!?!
 

“คุยกันเองนะ เรื่องนี้กูไม่ยุ่ง” ผมมองเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าลำบากใจ ไอ้อาร์ตส่งร่างเล็กของบีทส์มาให้ผมพยุงไว้ ก่อนที่มันจะเอ่ยทิ้งท้ายและเดินออกไป


เฮ้อ เห็นหน้าน้องมันแล้วทำให้ผมนึกไปถึงเรื่องเมื่อตอนบ่ายแก่ๆ ที่คอยกวนใจผมอยู่ตลอดเวลา...


เหตุการณ์ในฐานกิจกรรมเมื่อตอนบ่าย


'เอ่อ พี่ซันครับ คือ ผะ ผม....2 @ พี่ ๒-#@-#~#8*%!?!' ผมมองร่างเล็กที่ยืนก้มหน้าฝืนพูดรวดเดียวจบ ด้วยคำพูดที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ก่อนจะมองเลยไปที่ไอ้ญาติผู้พี่ที่ผมไม่เคยนึกชอบขี้หน้ามันเลยสักครั้ง ที่ผมต้องอยู่กลุ่มเดียวกับมันก็เพราะมันใช้อำนาจบังคับให้กลุ่มผมต้องเข้าร่วมกลุ่มกับมัน


'ไอ้เจ’ เป็นลูกติดมาจากคุณลุงที่มาแต่งงานกับป้าของผมเมื่อห้าปีก่อน เราไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแม้แต่นิดเดียว

 
“มึงว่าอะไรนะ...” ผมเอ่ยถามย้ำอีกครั้งเสียงเรียบ


“โอย ทำไมต้องให้พูดซ้ำด้วยวะ อายเป็นนะเว้ย” ไอ้เด็กตัวปัญหาบ่นพึมพำ แต่ขอโทษครับ กูได้ยิน!!


“ว่าไง” ผมถามย้ำ


“จิ๊! ผมชอบพี่มากๆ เลย ไม่คิดจะเก็บผมไปเลี้ยงอีกสักคนเหรอครับ ผมเก่งนะ ทำงานบ้านได้ตั้งหลายอย่าง ทำกับข้าวเป็นด้วย พี่แค่เลี้ยงดูปูเสื่อผมให้ดี ผมพร้อมจะสยบแทบเท้าพี่คนเดียวเลย! คบกับผมนะครับ!?! ” น้องมันพูดเสียงดังฟังชัดดูเหมือนจะประชดกลายๆ พร้อมกับทำตาปริบๆ เขย่าแขนผมเป็นการเร่งคำตอบ มาไม้ไหนของมึง!!
 

“...” ผมเงียบ บีทส์เลยขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นแล้วกระซิบเสียงเบา


“นะๆ พี่ซันช่วยผมหน่อย ไอ้พี่นั่นมันแกล้งอ่ะ บอกว่าถ้าไม่ยอมจะไม่ให้พวกผมพัก ไส้จะขาดแล้วอ่ะพี่ นะ นะ ช่วยผมหน่อย” ตอนแรกยอมรับว่า ‘อึ้ง’ ที่ได้เห็นปฏิกิริยาแบบนี้จากไอ้เด็กตัวปัญหาที่อยู่ในสภาพมีสติครบร้อยเปอร์เซ็นยืนอ้อนอยู่ตรงหน้า ไอ้ประโยคขอคบนั่นผมไม่ได้สนใจอะไรหรอกครับเพราะรู้ว่าไอ้เจต้องเล่นอะไรแผลงๆ


แต่ไม่คิดว่ามันจะใช้บีทส์เป็นเครื่องมือในการกวนประสาทผม ซึ่งมันก็ ‘ได้ผล’ ดีซะด้วย พอเห็นผมนิ่งไอ้เจเลยพูดขู่บีทส์เข้าไปอีก จนน้องมันสะดุ้ง ใบหน้าขาวงอง้ำก่อนจะทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ


'น้องบีทส์ครับ ได้ข่าวว่าที่พี่บอกไปเมื่อกี้ยังเหลืออีกข้อไม่ใช่เหรอครับ!?!' ผมยังตีหน้านิ่ง ยืนล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางปกติ ทั้งผมทั้งบีทส์กำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งกลุ่ม


'จิ๊! พี่ซันครับ!'


!!!!!!!!

 
อึ้งแดกเมื่อน้องมันทิ้งตัวลงนั่งในท่าคุกเข่า

 
'แต่งงานกับผมนะครับ!?!' แล้วเอ่ยประโยคที่ทำร้ายคนฟังด้วยการขอแต่งงานออกมาดังลั่น ผมหันขวับไปมองไอ้เจตาขวาง มันยิ้มกริ่มตอบกลับมา ผมขยับปากด่ามันด้วยคำพูดไร้เสียง ว่า ‘สัด’ แทนที่จะหยุดมันดันยักคิ้วมาให้ผม ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาเสียงดัง...


'แต่งเลย!  แต่งเลย!!  แต่งเลย!' ผมยืนกำหมัดแน่นเมื่อไอ้เจเป็นคนเอ่ยนำ เพื่อนๆ มัน เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ทุกคนพร้อมใจส่งเสียงเชียร์กันดังลั่น ผมปรายตามองทุกคนก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง หันหลังกลับทำท่าจะเดินหนี


'เดี๋ยวครับ! ผมไม่อนุญาตให้คุณเดินออกไปจากบริเวณนี้! คำว่ารุ่นพี่รุ่นน้องของผมไม่มีความหมายอะไรเลยใช่ไหม!?!' ผมหันหลังกลับมาจ้องหน้าไอ้คนพูดทันที จะเอายังไงกับกูวะ


'ผมเคารพรุ่นพี่ทุกคนที่ควรเคารพ' ผมตอบเสียงนิ่ง


'คุณจะบอกว่าคุณเลือกปฏิบัติ และเลือกที่จะไม่เคารพผมอย่างนั้นเหรอคุณศิวานนท์' ไอ้เจกระเดาะลิ้นข้างกระพุ้งแก้ม


'พูดเองนะครับ' ผมยิ้มมุมปาก ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ ไอ้อาร์ตก็ยื่นมือมาแตะไหล่ผมไว้เป็นเชิงห้าม เพราะมีพี่ๆ หลายคนเริ่มเดินมารวมตัวกันที่กลุ่มเราแล้วหลายคนเพื่อคุมเชิง แถมไอ้คนที่ยืนเกาะแขนผมอยู่ข้างๆ ยังเขย่าแขนผมยิกๆ ไม่หยุด ขนาดผมจะเดินหนีมันยังจะเดินตามมาอีก
 

แต่สุดท้ายเรื่องก็จบลงเพราะพี่อั๋นเป็นคนเดินเข้ามาห้าม พร้อมกับบอกให้ผมปลีกออกไปเตรียมตัวเพื่อทำการแสดงในคืนนี้ ส่วนน้องๆ พี่เต้ก็เป็นคนสั่งแยกย้ายเล่นเอาไอ้เจเองก็หัวเสียไม่น้อย


หมับ!


'พี่ซัน...' ผมชะงัก เมื่อมือเล็กคว้าแขนผมเอาไว้


'...'


ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป มองหน้าน้องมันนิ่งๆ

 
'ผมขอโทษนะพี่ ที่ทำให้เดือดร้อน...'


'และก็ขอบคุณสำหรับเสื้อนะครับ ไว้ผมจะซักมาคืนก็แล้วกันนะ' น้องมันก้มหน้าพูด หูมันแดงๆ ผมเลยเผลออมยิ้มตามไปด้วย แต่พอน้องมันเงยหน้าขึ้นมาผมก็รีบตีหน้านิ่งใส่


'ไม่เป็นไร'

 
“ฮึ่ย ไม่เป็นไรได้ไงพี่ พี่เกือบจะมีเรื่องเพราะผมนะ” บีทส์ก้มหน้าบ่น ผมเลยต้องบอกปัดพลางไล่ให้มันรีบตามเพื่อนไป เพราะผมเองต้องรีบไปช่วยงานคนอื่นแถมยังต้องไปเตรียมตัวสำหรับการแสดงในคืนนี้อีก แม้จะไม่ใช่เรื่องยากอะไร กีต้าร์น่ะผมเล่นเป็นงานอดิเรกอยู่แล้ว


แล้วไหนจะไอ้เรื่องนั้นที่ผมบังเอิญไปได้ยินประโยคที่พิงค์เอ่ยบอกว่าไอ้ตัวปัญหานี่เอ่ยชมไอ้เจนั่นอีก ทั้งที่มันเพิ่งโดนแกล้งมาแท้ๆ แต่ยังไปสรรเสริญมันอีก!?! เลยอดไม่ได้ที่จะแขวะตอนน้องมันยืนคุยกับไอ้อาร์ต ผมยอมรับนะครับว่าเรื่องนั้นทำให้ผมหงุดหงิด ไอ้เจมันไม่ใช่คนดี มันเองก็เลวไม่แพ้ผมหรอกครับ..

 
แอบเห็นน้องมันมองผมตาขวางตอนที่ถูกผมต่อว่า ผมพูดอย่างที่ใจคิดนั่นแหละ ไม่ได้แกล้ง ดูจากสีหน้าก็รู้ว่ามันไม่พอใจ แต่ก็ยังทำเป็นร่าเริงสดใสยิ้มรับคำด่าจากผม


ตอนนั้นผมหันไปคุยกับไอ้อาร์ตได้แป็บเดียว พอหันกลับมาน้องมันก็เม้มปากแน่น ถ้าขืนปล่อยไว้คงได้เลือด ผมแค่รู้สึกว่าไม่อยากให้ปากแดง ๆ นั่นเป็นรอย ปากผมเลยเอ่ยออกไปอย่างไม่รู้ตัว จนต้องรีบเดินหนีออกมานั่นแหละ


คำถามไอ้อาร์ตผมเข้าใจมันดี ไม่งั้นผมคงไม่สับสนจนต้องเปลี่ยนเพลงที่จะใช้ขึ้นแสดงแค่ก่อนเวลาไม่กี่ชั่วโมง ผมชอบความหมายของเพลงก็จริง แต่ที่ผมเลือกร้องเพลงนี้ก็เพราะว่า...มันตรงกับความรู้สึกของผม


“ปล่อยผมเถอะ” ผมละออกจากภวังค์ ก่อนจะบีบแขนคนตัวเล็กแน่น เพราะบีทส์พยายามที่จะดึงมือผมออก


“แค่ยืนก็จะล้มแล้ว จะดื้อทำไม” ผมถามด้วยความหงุดหงิดที่อีกคนยังมัวแต่ก้มหน้าก้มตาแกะมือผมออก


“เป็นห่วงเหรอ” บีทส์ถาม 
 

ผมนิ่ง


“ถ้าไม่ใช่ก็ปล่อยมือผมเถอะครับ” อีกคนเริ่มทำหน้าแย่


“เป็นเหี้ยอะไรอีกห๊ะ!?!” ผมหัวเสียเมื่ออีกคนทำท่าจะพูดไม่รู้เรื่อง เอาแต่เบือนหน้าหนี ผมพยายามดึงมืออีกคนไว้ แต่บีทส์ก็ยังดื้อสะบัดมือผมออก เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมได้เห็นหน้าอีกคนชัดๆ ทำให้ผมชะงักนิ่งๆ


...น้องร้องไห้ว่ะ
 

“ปล่อยผม ผมบอกให้ปล่อย! ฮึก ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรก็อย่าทำให้ผมคิดไปเองอีก เพราะถ้าพี่ยังทำเหมือนเป็นห่วงผม ผมอาจจะตัดใจจากพี่ไม่ได้” บีทส์พูดไปทั้งน้ำตา หมายความว่ายังไง ผมปล่อยมืออีกคน กำลังจะเอ่ยปากถาม


“ผมชอบพี่!”


“...”


ผมจอดสนิท


เมื่อเห็นผมเงียบ บีทส์สะอื้นฮักก่อนจะหันหลังให้ผมแล้วเดินห่างออกไป สีหน้าหม่นๆ สายตาที่เต็มไปด้วยความตัดพ้อคู่นั้นทำให้ผมยืนนิ่งไม่ไหว


หมับ!
 

ผมตามไปดึงอีกคนเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้บีทส์ร้องไห้หนักขึ้น และพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดผม ยิ่งดิ้นผมก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น จนบีทส์ล้มเลิกความตั้งใจที่จะดิ้นหนี


“...”


ผมลูบหัวอีกคน เราสองคนยังคงยืนเงียบกันอยู่ บีทส์ไม่ดิ้นหนีแล้วแต่ก็ยังยืนร้องไห้เงียบๆ ที่ผมรู้สึกได้เพราะตัวน้องมันยังสั่นอยู่และหลักฐานชิ้นสำคัญก็คือ...หน้าอกของผมมันชื้นไปด้วยน้ำตาของคนตัวเล็ก


“เลิกใจดีกับผมสักที” 


"..."


เราต่างคนต่างเงียบ เหมือนต่างคนต่างกำลังใช้ความคิด ผมไม่มีทางเลือกมากนักหรอกครับ หนทางที่ผมต้องเดินกับคนทางที่บีทส์จะเดินมันสวนทางกัน เราไม่มีทางที่จะเดินบนถนนสายเดียวกันได้


ถึงผมจะเริ่มรู้สึกดีกับน้องมันขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องรู้สึกดีจนถึงขึ้นเปลี่ยนเพศมาชอบผู้ชายด้วยกันเอง  และที่ผมยังต้องท่องจำให้ขึ้นใจก็คือ


ผมมีว่าที่คู่หมั้นแล้ว...
 

“มึงเมาแล้วบีทส์ อย่าลืมสิ ว่ากูไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมึงก่อนเลยสักครั้ง”  เมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องเดินให้สุดทาง
 

“...”


“ความรู้สึกของมึงกูคงรับไว้ไม่ได้ เลิกคิดซะ เพราะยังไง...กูก็ชอบผู้หญิง และที่สำคัญกูไม่ได้เป็นเกย์ เรื่องวันนี้กูจะถือว่ามึงไม่ได้บอกอะไรกูทั้งนั้น ยังไงซะมึงก็เป็นน้องของฟ้าถือว่าเป็นน้องกูด้วย ป่ะ เดี๋ยวกูไปส่งมึงที่ห้อง”
 

ผมว่าวิธีนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว บอกออกไปตรงๆ ให้น้องมันได้ตัดใจ บีทส์มันยังเด็กคงยังไม่รู้หรอกครับว่าความรักที่แท้จริงมันคืออะไร หนทางข้างหน้ายังอีกไกล น้องมันอาจจะได้เจอคนที่ดีกว่าผม


“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณพี่มากที่บอกตรงๆ" น้องมันเม้มปาก "แต่ผมขอบอกอะไรพี่สักอย่างนะครับ ความรักน่ะ เมื่อได้รักแล้วมันไม่ได้แยกหรอกนะครับว่าคนที่เรารักเป็น ชาย หญิง ตุ๊ด กระเทย หรือเกย์ คำจัดกัดความมันมีแค่คำว่า 'คนรัก' คำเดียวเท่านั้นแหละครับ”


ผมสะอึก บีทส์ดันตัวออกจากอกผม ยกมือปาดน้ำตาที่เลอะขอบตาฉ่ำทั้งสองข้าง ยิ่งปาดมันก็ยิ่งไหล... น้องหันหลังให้ผม ก่อนจะเดินสะเปะสะปะไปตามทางมีแต่ผมที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ได้แต่มองตามแผ่นหลังบางของคนตัวเล็กที่เริ่มเดินห่างออกไปจนลับสายตา....



 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
แรกๆก็ฮาดีอ่ะ แอบหมั่นไส้อิพี่ซันกล้าทิ้งน้องบีสท์ไว้ข้างถนน ทำเป็นด่าโน้นนี่ แต่ก็ช่วยตลอด ตอนล่าสุดหน่วงมาก อยากให้บีสท์เข้มแข็งปล่อยพี่มันไปถ้าพี่มันบอกชอบผู้หญิงก็ปล่อยไป ดูดิจะทนได้พี่น้ำ :hao3: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ aommaboo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
น้ำตาจะไหล งือ มันจุกในอก

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao5:


ไม่รักไม่ว่า แต่อย่าสงสาร

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ตอนที่ 9 : โรคทางใจ


[บีทส์]



“ปวดหัวชะมัด” ผมสะบัดหัวสองสามที ก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในห้องอาหารที่ทางรีสอร์ทเขาจัดรับรองพวกเรา เป็นห้องโถงขนาดใหญ่รองรับคนได้ประมาณสามสี่ร้อยคนเลยทีเดียว


เมื่อเช้ากว่าจะคลานมาที่ห้องอาหารนี่ได้โดนอิพิงค์กับไอ้นัททั้งลาก ทั้งถู ทั้งงัด ทั้งแงะ ผมออกจากเตียง ที่รู้ก็เพราะมันบ่นให้ฟังนั่นแหละครับ เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เล่นเอาดึกเหมือนกัน ทุกคนคงกำลังสงสัยใช่มั้ยครับว่าเมื่อคืน...ผมจำอะไรได้บ้าง


ก็...ทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์นั่นแหละครับ และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมแทบจะไม่ได้นอน มัวแต่คิดว่าต่อไปนี้ผม...จะมองหน้าพี่ซันยังไง และถ้าต้องเจอกันผมควรจะวางตัวแบบไหนเพื่อให้พี่ซันไม่อึดอัด และผมก็จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดหากต้องเห็นพี่ซันอยู่กับคนที่เขารัก


ผมยอมรับนะครับว่ารู้สึกชอบพี่ซัน ชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็ในเมื่อ...พี่มันก็มีว่าที่คู่หมั้นอยู่แล้ว พี่มันชอบผู้หญิงและไม่มีทางหันมาชอบผู้ชาย ผมเข้าใจพี่ซันดีที่จริงต้องขอบคุณพี่ซันด้วยซ้ำที่บอกผมตรงๆ


…ผมคงจะโดนเกลียดไปแล้วล่ะครับ…


“บีทส์ บีทส์ อิบีทส์ ไอ้บีทส์โว้ย!!” ผมสะดุ้ง หันไปขานรับคนเรียกเหรอหรา มึงจะตะโกนหาป๊ามึงเหรอ!?!


“อะไรของมึง” ผมพูดเสียงแหบ


“สภาพมึงดูไม่จืดเลยบีทส์ เหมือนศพขึ้นอืดเลย กูว่าจะถามตั้งแต่ที่เจอมึงยืนหลับน้ำลายยืดอยู่หน้าห้องแล้ว น่าสงสารไอ้ปริ้นชะมัดมีเพื่อนก็เหมือนมีลูก สภาพที่กูเห็นเมื่อเช้ามันเหมือนคุณพ่อลูกสองเลยมึงรู้มั้ย ฮ่าๆ” อิพิงค์พูด คนอื่นๆ เลยหัวเราะตาม อ่อ ผมลืมบอกไปใช่ไหมว่าตอนนี้ มีพวกพี่เจกับไอ้ตี๋มานั่งร่วมโต๊ะกับพวกผมด้วย วุ่นวายชะมัด


“กูก็ว่างั้น กับไอ้ออยกูยังพอเข้าใจเพราะเมื่อคืนมันเล่นเมาซะไม่เหลือเค้าของไอ้ออยคนเดิม หลับพับคาอกไอ้ปริ้นไปเลย แต่ที่กูไม่เข้าใจคือมึง หนีพวกกูเข้าไปนอนก่อนชาวบ้านชาวช่องเขา บอกว่าจะไปฉี่แต่หายหัวไปเลย แถมตื่นเช้ามากูยังเห็นตามึงบวมๆ มาอีก มีอะไรที่กูพลาดไปรึเปล่า”


พอจบคำถามของไอ้นัท ทุกคนบนโต๊ะก็เงียบสงบเหมือนหยุดเคลื่อนไหวทุกสิ่งอย่าง ผมถอนหายใจก่อนจะเงยหน้าขึ้น แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อสายตาหลายคู่มองผมมาที่จุดเดียว


โต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่ตอนนี้จุคนได้ทั้งสิ้นสิบคน และแน่นอนว่ามีคนนั่งอยู่เต็มตามจำนวนเด๊ะๆ มีผม ไล่ไปทางฝั่งขวามือคือไอ้ออย ตามด้วยไอ้ปริ้น พี่เจกับพี่หน้าหล่ออีกคนที่นั่งถัดไป สงสัยจะเป็นเพื่อนพี่เจ หน้าตาโคตรหล่อเลยครับลูกครึ่งซะด้วย ดูท่าทางจะนิสัยดี ไม่น่าไปคบค้าสมาคมกับไอ้พี่เจให้เสียเครดิตตัวเองเล้ย...


ถัดไปเป็นไอ้ตี๋กับเพื่อนร่วมสาขาของมันอีกสองคน ก็ไอ้คนที่อยู่กลุ่มเดียวกับพวกผมนั่นแหละครับ จำได้ว่าชื่อไอ้นิค กับไอ้เนม คู่แฝดสยาม หน้างี้ถอดแบบกันมาเป๊ะๆ แต่พวกมันเรียนคนละคณะนะครับ ไอ้เนมเรียนบริหารเอกการตลาดเหมือนไอ้ตี๋ แต่ไอ้นิคมันเรียนวิศวะเอกเดียวกับไอ้ปริ้นไอ้ออยนั่นแหละ โคตรจะบังเอิญ!


ต่อมาก็เป็นไอ้นัท สุดท้ายก็อิพิงค์ที่นั่งติดกับผม สงสัยเพื่อนไอ้นัทจะย้ายไปนั่งโต๊ะอื่นเพราะโต๊ะผมดันเต็ม


“แค่กๆ อะไรของมึงอ่ะนัท อย่ามาหาเรื่องกูนะ แค่ก เออ แล้วใครเชิญคนนอกเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับเราด้วยวะ” ผมบ่ายเบี่ยงการตอบคำถามของไอ้นัทที่มองตรงมาที่ผมอย่างคาดคั้น ก่อนจะเบนสายตาไปจิกไอ้รุ่นพี่ส่วนเกินที่ว่า…อิพิงค์แน่ๆ อินี่ชอบชักศึกเข้ากลุ่ม ฮึ่ม กูบอกว่าเกลียดขี้หน้าพี่มันยังจะชวนมันมาอีก!


“นี่...อิบีทส์หุบปากไปเลยนะมึง กว่ากูจะเจอตัวพี่เขามันไม่ง่ายนะเว้ย จะพูดจะจาอะไรระวังปากแดงๆ ของมึงบ้างสิ แล้วอีกอย่างมึงไม่กลัวพี่มันบ้างรึไง ประธานปกครองปีห้าของวิศวะเชียวนะมึง” อิพิงค์มันลากคอผมเข้าหาตัวมัน แล้วเอ่ยกระซิบเสียงเบา ผมยักไหล่เป็นเชิงไม่สนใจ เรื่องอะไรจะต้องกลัวล่ะครับ


...ผมไม่ได้เรียนวิศวะสักหน่อย


“แล้วไงวะ แค่ก อย่าลืมสิว่าเราเรียนบริหารไม่ได้เรียนวิศวะสักหน่อย มึงนี่นะเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนเหรอพิงค์ อื้อๆ” ผมพูดเสียงไม่เบาหนัก อิพิงค์เลยเอามือตะครุบปากผมไว้ ได้แต่ดิ้นพรวดพราดให้มันปล่อย เหลือบไปเห็นหน้าไอ้พี่เจที่กำลังนั่งยิ้ม ผมถลึงตาใส่พี่มันอย่างไม่พอใจ แต่แทนที่พี่มันจะสำนึกดันมายักคิ้วตอบผมอีก! ฮึ่ม อย่าให้ไอ้บีทส์อยู่ในสภาพปกตินะ เดี๋ยว...เดี๋ยวได้เจอไอ้บีทส์!


“ไม่เป็นไรหรอกพิงค์ พี่ถือคติผู้หญิงเกลียดแปลว่าผู้หญิงรัก” อ่ะ ไอ้พี่เจมันตอบหน้าตาเฉย ส่งผลให้ทั้งโต๊ะพากันเงียบกริบ ฮึ่ม ใคร ใครเป็นผู้หญิงของพี่มันวะห๊า!


“อะไรอ่ะพี่เจ พูดแบบนี้พิงค์ก็อกหักสิคะ อีกอย่างเพื่อนพิงค์มันก็เป็นผู้ชาย แล้วก็มีไอ้นั่น...เหมือนพี่เจนะคะ ฮือ เสียใจ” อิพิงค์พูดทีเล่นทีจริง พลางทำท่าปาดน้ำตาออกจากหางตา ออสก้าสักรางวัลมั้ยเพื่อน!?!


ผมส่ายหน้าให้กับท่าทางของอิพิงค์ ทีแรกก็เห็นมันกรี๊ดกร๊าดพี่ซันจะเป็นจะตายตั้งแต่เจอหน้า พอเจอพี่เจก็ดันบอกว่าคนนี้ใช่ แล้วเมื่อกี้ไอ้พี่เจเพิ่งจะหยอดเพื่อนมึงไปหยกๆ นะพิงค์ ทำไมมึงยังยิ้มร่าหยอกล้อกับพี่เจอยู่ได้อีกวะ


“อร๊าย พี่สุดหล่อของกูนี่ เดินคู่มากับพี่หมอแล้วออร่าฟุ้งกระจายเลยอ่ะมึง” ผมเงยหน้าไปตามเสียงของเพื่อน ก่อนจะสะดุดกึกเมื่อสบตากับร่างสูงของใครบางคน ดูเหมือนพี่ซันเองจะชะงักไปครู่หนึ่งเหมือนกัน...ครู่หนึ่งจริงๆ ครับ


เพราะหลังจากนั้นพี่มันก็เดินผ่านโต๊ะของพวกเราไปด้วยท่าทีนิ่งๆ พี่หมอมองหน้าผมแล้วยิ้มมุมปากให้เล็กๆ ก่อนจะเดินตามพี่ซันไป ผมยิ้มตอบให้พี่หมอ ก่อนจะมองตามร่างสูงของพี่ซันที่ทิ้งตัวลงนั่งหันหลังมาทางโต๊ะผม


แค่หน้าก็ยังไม่อยากมองสินะ


“ปริ้น นั่นของออยนะ!” ผมหันไปตามเสียงโวยวายของไอ้ออย ก่อนจะมองเลยไปยังตัวต้นเหตุที่ไอ้ปริ้นกำลังจะจ้วงเข้าปากตัวเองด้วยสีหน้านิ่งๆ ไส้กรอกน่ะครับ ไอ้ออยพยายามจะจิ้มไส้กรอกในจานของไอ้ปริ้นคืน แต่ไอ้ปริ้นมันยื่นจานออกไปไกลตัวด้วยมือข้างเดียว อีกข้างก็ดันไอ้ออยไว้


หาเรื่องแตะอั๋งเขาอีกล่ะสิมึงไอ้ปริ้น...กูรู้ทันหรอก!


“เออไอ้นัท เมื่อเช้าได้ยินเสียงมึงโวยวายอะไรใส่มีน กูว่าจะถามตั้งแต่ออกมาจากห้องแล้วแต่กูลืม” ตอนนี้อิพิงค์มันกลับมานั่งตักข้าวต้มกินที่เก้าอี้มันเหมือนเดิมแล้วครับ เฮ้ยๆ นั่นขนมปังของกู อินี่! ผมตีมืออิพิงค์ไปหนึ่งเพี้ยะ ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะจากบุคคลที่นั่งกินไม่พูดไปจาตั้งแต่มานั่งร่วมโต๊ะ


ไอ้ตี๋...


“ขำไร” ผมถาม ไอ้ตี๋กลั้นขำ พลางส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน แน่ะๆ ไอ้พี่เจกูเห็นนะแอบขำกูเหมือนกัน!


“ไม่มีอะไร ก็แค่...มีแมลงวันไม่เจียมตัว หลงบินเข้ามาตอมดอกไม้ของคนอื่น กูเลยต้องจัดการกับ ‘คนของกู’ นิดหน่อย” ไอ้นัทตอบ มันมีด้วยเหรอวะ มีคนมายุ่งกับแฟนตัวเองแทนที่จะจัดการกับไอ้มือที่สามดันจัดการแฟนตัวเอง มันต้องจัดการไอ้แมลงวันตัวนั้นโว้ย ผมหันไปเบ้หน้าให้ไอ้นัท ชิส์! อิจฉาคนมีแฟน!


“แล้วไป กูก็นึกว่ามีปัญหาอะไรกัน อ๊ะ พี่เจอันนี้อร่อยค่ะลองชิมดู” ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะอีกรอบเมื่อเห็นพิงค์มันตักซุปใส่ถ้วยให้พี่เจอย่างเอาใจ ขี้เกียจจะด่ามันแล้วครับ ตอนนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ด้วย เหมือนร่างกายข้างในมันร้อนๆ ยังไงก็ไม่รู้…


แปะ


ผมสะดุ้ง เมื่อมีมือนุ่มยื่นเข้ามาแตะแก้มด้านขวาของผมเบาๆ ก่อนจะผละออก คงเป็นไอ้ออยนั่นแหละครับ ผมพ่นลมหายใจออกมาทางปากรับรู้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมา ปวดหัวมากขึ้นกว่าเมื่อเช้าอีก


“ตัวรุมๆ นะบีทส์ มึงไหวมั้ย” ไอ้ออยถาม เหอะ เลิกสนใจไอ้ปริ้นสุดที่รักของมึงแล้วเหรอ


“อืมๆ ไม่เป็นไร กินยาคงดีขึ้น” ผมตอบ


“ให้พี่หมอดูอาการก่อนมั้ย เดี๋ยวจะเป็นหนักกว่านี้เราต้องเดินทางกลับอีกหลายชั่วโมงนะ นี่ก็ไอไม่หยุด สงสัยคุณหนูบีทส์จะเป็นหวัดว่ะ เสียงมึงเริ่มแหบแล้วด้วย” ไอ้นัทเอ่ยขึ้นบ้าง


“ให้พี่เรียกไอ้หมอให้มั้ย” เอ้า พี่เจก็เอากับเขาด้วย ผมส่ายหัว พลางยกมือโบกไปมา


“ไม่ต้องวุ่นวายเลยพี่ แค่นี้เรื่องเล็ก กินยาแล้วก็นอนบนรถยาวๆ เดี๋ยวคงดีขึ้น” ผมบอกปัด ก่อนจะหลับตาลง พักสายตา พักสมอง พักหัวใจ ผมได้ยินเสียงคนลากเก้าอี้ แล้วก็ได้ยินเสียงคนเดินออกไปจากกลุ่มแว่วๆ แต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมอง ถ้าถึงเวลาเดี๋ยวพวกเพื่อนๆ ผมมันก็ปลุกเองนั่นแหละ ตอนนั้นค่อยให้ไอ้พวกเพื่อนยากไปขอยากับพี่ๆ เขาแล้วผมก็ค่อยนอนยิงยาวไปจนถึงกรุงเทพเลยก็แล้วกัน



++++++++++++


[ซัน]


“หมอ ผมขอยาแก้ไข้ให้คนป่วยสักชุดสองชุด ช่วยจัดไว้ให้ผมด้วย” ผมหันไปมองคนมาใหม่ด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน ไอ้อาร์ตหันไปเลิกคิ้วให้งงๆ แต่ก็พยักหน้าเออออ


“ใครเป็นอะไรครับ” ไอ้หมอถาม


“ดูเหมือน ‘บีทส์’ อ่อ รุ่นน้องคณะบริหารฯ เขาจะไม่สบาย ผมเลยอาสาเดินมาเอายาไปให้เขาก็เท่านั้น”


กึก


ผมชะงักมือเมื่อได้ยินชื่อของบีทส์ ก่อนจะก้มลงทานข้าวต้มต่ออย่างไม่คิดจะสนใจ ไอ้หมอหันมามองหน้าผมเหมือนรอดูอาการ พอเห็นผมไม่ได้สนใจอะไร จึงหันไปตอบรับไอ้เจ


“เดี๋ยวผมจัดไว้ให้ จะเอาเลยรึเปล่า พอดีผมเก็บกล่องยาขึ้นรถไปแล้ว” ไอ้หมอตอบ ก่อนเข้ามาที่นี่ ทั้งผมทั้งมันเพิ่งจะเอากระเป๋ากับสัมภาระไปเก็บไว้ที่รถ สาเหตุก็เพราะจะได้เดินตัวเปล่ามาหาอะไรกิน อีกทั้งยังไม่ต้องมาเบียดตอนคนเยอะๆ พวกผมกินไม่เยอะกันอยู่แล้วจึงไม่เป็นปัญหา


“กินข้าวให้เรียบร้อยก่อนเถอะ แล้วค่อยเอามาให้ผมตอนขึ้นรถก็ได้ อ่อ ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมฝากคุณเอายาไปให้น้องเขาด้วยก็แล้วกัน” ไอ้เจหันมาเจาะจงพูดกับผม พลางแสยะยิ้ม ผมละสายตาจากข้าวต้มในถ้วยหันไปสบตากับไอ้หมอที่มองมาที่ผมอยู่เหมือนกัน ก่อนจะหันมาสบตากับไอ้เจอีกครั้ง


“ทำไมต้องกู”


“ไม่มีเหตุผล ผมสนแค่ต้องเป็นคุณเท่านั้น” ไอ้เจยักคิ้ว พลางเดาะลิ้นที่กระพุ้งแก้ม ก่อนจะเดินห่างออกไป ผมมองตามแผ่นหลังของมันที่เดินเอามือล้วงกระเป๋าเข้าไปรวมกลุ่มกับพี่ปีห้าที่รอเช็คชื่อน้องๆ อยู่ด้านนอก ก่อนจะเบนสายตาไปที่กลุ่มของเด็กปีหนึ่งที่นั่งห่างออกไป


“เคลียร์กันได้แล้วเหรอ” ผมหันกลับไปเลิกคิ้วใส่ไอ้หมอ มันพยักเพยิดหน้าไปทางข้างหลัง ผมเลยถึงบ้างอ้อ
“อืม” คิดว่าอย่างนั้น...


“เกย์น่ะ มันก็คนนะเว้ยซัน มันก็มีทั้งดีและไม่ดี เป็นคนธรรมดาเหมือนกับมึง เพียงแต่เรื่องหัวใจมันห้ามกันไม่ได้ มึงก็รู้ว่ามันกำหนดไม่ได้หรอกว่าเราจะต้องรักแค่ผู้หญิงเท่านั้นหรือผู้ชายเท่านั้น บอกตรงๆ ว่ะ กูไม่เคยเห็นมึงเป็นแบบนี้มาก่อน” ไอ้หมอพูด


“กูก็ว่างั้น” ไอ้สองที่นั่งเงียบมานานเอ่ยขึ้น ผมหันไปมองหน้ามันที่กำลังแย่งของกินกับน้องรหัสผมอยู่ มึงพูดเรื่องเดียวกันกับพวกกูอยู่ใช่ไหม พอรู้ตัวว่าโดนผมจ้องอยู่มันก็เงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับผมอย่างจริงจัง บ่งบอกว่ามันเองก็รับรู้เรื่องราวอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน และเป็นผมเองที่เป็นฝ่ายหลบสายตามันก้มลงกินข้าวในถ้วยของตัวเองต่อ โดยไม่เอ่ยอะไรออกไป


“…”


“เฮ้อ พวกมึงจะมาคาดคั้นอะไรกับกู ไอ้หมอ...มึงน่ะรู้ดีกว่าใครไม่ใช่รึไงวะ มึงด้วยไอ้สอง ไม่ต้องมามองกูแบบนี้ไอ้น๊อต” ผมเอ่ยชื่อมันเรียงตัว เพราะรับรู้ได้ถึงสายตาที่พวกมันมองมาที่ผมเป็นจุดเดียว ก็รู้เหตุผลดีอยู่แล้วยังจะมาคาดคั้นอะไรอีกวะ


“ที่กูไม่พูดอะไรก็ใช่ว่ากูไม่รู้นะซัน กูอาจจะไม่ได้รู้อะไรมากเท่าที่ไอ้หมอรู้ แต่กูก็มั่นใจว่ารู้จักมึงมากพอ ถึงได้คบกับมึงมาได้ตั้งสี่ปี” ไอ้สองพูดเสียงจริงจัง ผมวางช้อน ก่อนจะเอามือประสานกันและวางเท้าไว้ที่โต๊ะ มองไปยังพวกมันทั้งสาม


“พวกมึงคิดอะไรอยู่ล่ะ คิดว่ากูจะชอบไอ้เด็กนั่นรึไง พวกมึงพูดเหมือนไม่รู้จักกู” ผมบอกปัด ก่อนจะลุกขึ้นยืน


“งั้นกูจะถือว่ามันเป็นเรื่องของมึงก็แล้วกัน มีอะไรอยากให้ช่วยก็บอก...ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะช้า” ไอ้หมอมันลุกขึ้นบ้าง ไอ้สองเลยลากคอไอ้น๊อตให้ลุกขึ้น ผมเป็นฝ่ายเดินนำพวกมันออกมา เห็นบีทส์นอนฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ในจานข้าวน้องมันเหมือนจะโดนเจ้าของถ้วยแตะไปได้แค่นิดเดียว ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก เดินผ่านแล้วมันอยู่ในระยะสายตาพอดี


ช่างเถอะ...คนดูแลมันมีเยอะแยะ


ผมเดินผ่านโต๊ะของบีทส์ก่อนจะขมวดคิ้ว เมื่อมองเห็นสายตาที่แสดงออกถึงความห่วงใยอย่างชัดเจนจากแววตาของคนที่นั่งตรงข้ามกับคนป่วย ในขณะที่ทุกคนในโต๊ะกำลังขมักเขม่นกับการกินและคุยกันอย่างออกรส แต่ยังมีคนหนึ่งที่นั่งจ้องไปยังร่างบางที่นั่งอยู่ตรงข้ามเงียบๆ


เมื่อเห็นผมเดินผ่านไอ้ตี๋หันมามองพวกผม ก่อนจะโค้งหัวให้เล็กๆ ผมเพียงแค่พยักหน้า ก่อนจะเดินต่อ ไอ้ตี๋หันกลับไปที่เดิม ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมเผลอกำมือตัวเองเพื่อยับยั้งความหงุดหงิดที่ก่อขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ...


ผมนั่งรอจนกระทั่งบีทส์ลุกจากโต๊ะแล้วตามเพื่อนไปขึ้นรถ แต่เจ้าตัวเดินขึ้นรถตัวเปล่าไปคนเดียว ส่วนเพื่อนๆ ของมันกำลังยืนต่อแถวเพื่อเอากระเป๋าเข้าไปเก็บใต้ท้องรถพร้อมคนอื่นๆ รวมถึงกระเป๋าของบีทส์ที่อยู่บนหลังไอ้ปริ้น


ไอ้หมอยัดยาใส่มือให้ผมก่อนจะเดินเลี่ยงขึ้นรถไป ไอ้สองยักไหล่ไม่สนใจหันไปแย่งขนมไอ้น๊อต ผมถอนหายใจก่อนจะเดินตามร่างเล็กนั้นขึ้นไปบนรถ เห็นมันนั่งอยู่กลางๆ แล้วเอียงหัวซบกับกระจกรถ


“มีคนให้เอามาให้” ผมเดินไปหยุดอยู่ตรงที่มันนั่งพร้อมยื่นซองขาวขุ่นที่มีซองยาบรรจุอยู่หลายชนิดไปตรงหน้าอีกคนโดยไม่มองหน้ามัน


“อ่ะ...เอ่อ แค่ก ขอบคุณครับ” มันตาโตเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอผม ก่อนจะเม้มปากแล้วเอ่ยขอบคุณ
    

น้องมันยื่นมือมารับยา สายตาที่มันมองไปที่ห่อยาทำให้ผมต้องรีบเบรกความคิดของมันไว้ ก่อนที่มันจะคิดว่าผมเป็นห่วงหรือกำลังให้ความหวังมัน


“ก็แค่หน้าที่” ปากไวอย่างใจคิด แต่พอเห็นรอยยิ้มขื่นๆ ของมันที่ส่งมาให้ ผมกลับหงุดหงิดตัวเองซะงั้น


“เข้าใจแล้วครับ”


มันตอบก่อนจะไอออกมาอีก ผมแสร้งทำเป็นไม่ได้สนใจ ก่อนจะเดินกลับไปเบาะนั่งตัวเองที่ห่างไปประมาณสามแถว มีพวกไอ้สองนั่งจองที่รออยู่ ก้าวออกมาได้สามก้าวก็ได้ยินเสียงมันบ่นว่าไม่มีน้ำ ผมส่ายหัว ก้าวไวขึ้นเพื่อกลับมาขอน้ำจากไอ้สองไปให้มัน แต่ดูเหมือนผมจะช้าไปหนึ่งก้าว


“อ่ะ” ไอ้เจเดินตรงไปยังที่ๆ ผมยืนอยู่เมื่อกี้ก่อนจะยื่นน้ำให้บีทส์ แล้วยึกยักไม่ยอมให้จนน้องมันโมโห ผมนั่งลงกับที่ เปิดน้ำที่ได้มากระดกลงคอ


“จะให้ไม่ให้” น้องมันโวยวายเสียงแหบ


“โธ่ น้องบีทส์ พี่แค่จะแกะน้ำให้ทำไมชอบหงุดหงิดจังเลย ยังโกรธที่พี่แกล้งอยู่อีกเหรอ” ไอ้เจเปิดฝาขวดน้ำก่อนจะยื่นมาให้คนที่งอแงเมื่อสักครู่ มันหันมาเลิกคิ้วให้ผมตอนที่บีทส์รับน้ำของมันแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างบีทส์อย่างถือวิสาสะ


กวนส้นตีน…


“ไม่รู้โว้ย เฮ้ยพี่ มานั่งทำไมตรงนี้ แค่ก นี่มันที่เพื่อนผมนะ” น้องมันโวยต่อ


“ฮ่ะๆ บีทส์ทำหน้าตลกจัง ตรงนี้ทำไมพี่จะนั่งไม่ได้ ไม่เห็นจะมีป้ายจองเอาไว้เลย อีกอย่างพี่ว่าตรงนี้ทำเลดีจะตายเข้าใจเลือกนะเรา” ไอ้เจหัวเราะ


“เนียนแล้วพี่ ไอ้คำว่าทำเลดีเนี่ยมันดีตรงไหน ผมก็เห็นมันเหมือนกันทุกที่อ่ะ ตรงนี้เพื่อนผมนั่งนะ” น้องมันยังเถียง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปฏิกิริยาของมันทำให้ผมพอใจ ผมก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม


“พอใจกับคำตอบของน้องมันล่ะสิ” ไอ้อาร์ตเอาไหล่มาชนแขนผม มันยักคิ้วให้กวนๆ ผมชักสีหน้าใส่เพื่อนสนิท


“ไม่ต้องมาจับผิดกู” มันยักไหล่


“รีบๆ กินยาแล้วก็นอนพักเถอะ กว่าจะถึงกรุงเทพฯ คงหลับได้หลายตื่น อ่อ ยานั่นพี่อุตส่าห์ไปขอมาให้บีทส์เลยนะ เพราะต้องไปหยิบน้ำเลยฝากซันเขาเอามาให้ รู้ไว้ซะด้วยว่าถ้าเป็นคนอื่น พี่ไม่ลงทุนทำอะไรแบบนี้หรอก” ไอ้เจมันตอบกลับ รู้เลยว่าตั้งใจพูดให้ผมได้ยินด้วย ผมไม่รู้ว่าบีทส์มันทำหน้ายังไง แต่น้องมันเงียบไปเลย คำตอบของไอ้เจเป็นบทสิ้นสุดของการสนทนาของคนทั้งคู่


แม้จะอยากรู้ว่าทั้งสองคนคุยอะไรกันอีก แต่ผมก็ทำได้แค่นั่งมองจากด้านหลังเท่านั้น ผมต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะทำเป็นไม่สนใจ เมื่อรถเริ่มออกตัวผมก็หยิบหูฟังขึ้นมากดเปิดเพลงเพื่อให้ตัวเองเลิกคิด


แล้วทิ้งความรู้สึกที่คอยกวนใจไว้ที่นี่





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2018 17:28:32 โดย เบบี้เยลโล่ »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อะไรของเจเนี่ย ไม่เข้าใจ  :hao4:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
จ๊ะ ปากแข็งให้ตลอดนะ :hao3:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด