☼ Love Suck! เกลียดนัก...รักดูไหม? ตอนที่ 39 : ตั ว ล่ อ [P7] 31.10.61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☼ Love Suck! เกลียดนัก...รักดูไหม? ตอนที่ 39 : ตั ว ล่ อ [P7] 31.10.61  (อ่าน 43762 ครั้ง)

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……


บีทส์เข้มแข็งไว้ เชิดหน้าอย่างมีศักดิ์ศรี อย่าหักหลังพี่ฟ้า ถ้าเขายังไม่เลิกกัน

อย่าเป็นมือที่สามนะ




 :a5:  :a5:  :a5:  :a5:  :a5:  :a5:


ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ทำไมเราเชียร์ตี๋วะ 5555555

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ตอนที่ 19 : พูดดีๆ ไม่ฟังก็ต้องฉุด


[บีทส์]

“สวัสดีครับคุณนาย” ผมเดินเข้ามาสวมกอดแม่จากทางด้านหลัง แล้วเอ่ยทักทายผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด แม่สะดุ้งเอี้ยวตัวมาหาผม

“แม่ตกใจหมดเลย อ้าว…ตาไม้ มาด้วยเหรอเรา” แม่หันมาตีแขนผมเบาๆ ก่อนจะหันไปเอ่ยทักทายพี่ไม้ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง

“สวัสดีครับคุณน้า สบายดีไหมครับ” พี่ไม้ยกมือไหว้แม่ผม ก่อนจะเอ่ยทักยิ้มๆ พร้อมกับเดินเอาของฝากไปวางไว้ที่โต๊ะอาหาร

“สบายดีจ้า หิ้วอะไรมาเยอะแยะน่ะ” แม่ตอบรับ ก่อนจะเอ่ยแซ็วพี่ไม้ ผมก็เห็นด้วยกับคุณนายเขานะครับ ก็พี่ไม้น่ะสิ พาผมแวะซื้อของที่ห้าง ผมบอกว่าไม่ต้องๆ พี่มันก็ไม่ฟัง บอกว่าจะไปเยี่ยมแม่ผมมือเปล่าได้ยังไง น่าเกลียดแย่ ผมเลยได้แต่ยอมๆ

“ของคนข้างๆ คุณน้านั่นแหละครับ ไม่รู้ไปอดยากมาจากที่ไหน” พี่ไม้ตอบแม่แล้วหันมายิ้มล้อผม แหะๆ ทีแรกก็อิดออดว่าไม่เอานั่นแหละครับ แต่พอเห็นของกินปุ๊บ ไอ้นั่นก็น่ากิน ไอ้นี่ก็น่ากิน เผลอแป๊บเดียวพี่ไม้ได้ของเต็มมือเลย ไม่ได้ตั้งใจเลยจริงจริ๊ง!!

“ไปรบกวนพี่เขาอีกแล้ว” แม่เอ็ดเบาๆ ผมทำปากยื่น

“บีทส์เปล่าซะหน่อย”

“แล้วนี่สอบเมื่อไหร่เรา” แม่หันมาถามผมต่อ ขณะที่พี่ไม้ขยับไปช่วยแม่หยิบนู่นหยิบนี่เรียบร้อยแล้วครับ แม่ะ ช่างเป็นบุคคลที่เพอร์เฟ็คจริงๆ ครับผู้ชายคนนี้

“อาทิตย์หน้าอ่ะคุณนาย นี่บีทส์ก็เริ่มอ่านหนังสือแล้ว อาจจะไม่ค่อยได้กลับบ้านนะช่วงนี้” ผมหันไปตอบ ก่อนจะรีบออกตัวก่อนว่าเริ่มอ่านหนังสือไปก่อนแล้ว เราต้องชิงตอบก่อนที่จะโดนถามนะครับจะได้ไม่รู้สึกผิดมาก

“อืม...แล้วอยากได้อะไรไปตุนไว้ที่หอไหม แม่จะได้เตรียมไว้ให้” แม่พยักหน้ารับ ก่อนจะถามกลับ ผมส่ายหัว

“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวบีทส์ไปซื้อเองดีกว่า”

“จ้าๆ พ่อลูกชาย อยากได้อะไรก็บอกแม่แล้วกันนะ” แม่ตอบกลับยิ้มๆ ผมพยักหน้ารับก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มแม่เบาๆ

“แล้วนี่น้องไปไหนครับ” ผมถามหาน้อง

“มาเช้าแบบนี้ คิดว่าจะตื่นหรือยังล่ะหื้ม” แม่ตอบกลับขำๆ เล่นเอาผมกับพี่ไม้ขำพรืดเลยครับ เจ้าน้องตัวดียังขี้เซาเหมือนเดิม เป็นปกติของไบร์ทน่ะครับถ้าเป็นวันหยุดรายนั้นจะไม่ตื่นจนกว่าจะหิว

“งั้นบีทส์ขึ้นไปหาน้องดีกว่า ฝากด้วยนะครับพี่ไม้” ผมหันไปบอกแม่ ก่อนจะหันไปโยนงานให้พี่ไม้แล้วรีบเผ่นขึ้นชั้นบน พี่ไม้ส่ายหัวขำแต่ก็พยักหน้ารับ น่ารักจริงๆ พี่ชายผม

ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องน้อง ก่อนจะเห็นร่างของน้องที่นอนจมผ้าห่มอยู่ ผมค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ ไบร์ทนอนกอดตุ๊กตาอยู่ครับ แต่เอ...ตัวนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน สงสัยจะได้มาใหม่ ผมส่ายหัว ก่อนจะยื่นมือไปยีหัวเจ้าตัวเบาๆ แล้วเดินเข้าไปเก็บกองเสื้อผ้าและกองสมุดให้เงียบๆ

“อื้อ...” ไบร์ทขยับตัว งัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วหันมามองทางผม

“อ้าวพี่บีทส์มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ไบร์ททัก ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวพิงกับผนักเตียงเอาตุ๊กตามากอดแนบอก แม่ะ อยากให้พี่หมอมาเห็นสภาพตอนนี้จริงๆ น่าฟัดโคตร

“มาสักพักแล้ว พี่ไม้ก็มาด้วย ช่วยคุณนายทำกับข้าวอยู่ข้างล่าง ตื่นไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้ลงไปกินข้าวพร้อมกัน” ผมหันไปตอบก่อนจะเก็บตะกร้าเสื้อผ้าให้เข้าที่ ปกติมันอยู่หน้าห้องน้ำนะครับ แต่ตอนที่ผมเดินเข้ามามันดันย้ายตัวเองมาอยู่ตรงโต๊ะหนังสือน้องเฉยเลย แม่งมีล้อปะวะเนี่ย


“โอเคๆ เอ๊ะ...คอไปโดนอะไรกัดมาอ่ะดูดิเป็นรอยแดงเลย ไหนมาให้ไบร์ทดูใกล้ๆ ดิ๊” น้องร้องทักในจังหวะที่ผมก้มหยิบหนังสือรถที่หล่นอยู่ข้างเตียง


“อ๋อ...น่าจะรอยยุงกัดอ่ะ พอดีว่าเมื่อวานมีงานกีฬาสีที่มหาลัย กว่าจะเสร็จงานก็ดึกแล้ว ยุงมันเยอะ” ผมแถข้างๆ คูๆ ใช้มือเกาไปด้วย


ยุงยักษ์ซะด้วยสิ...


“แล้วทายายัง เดี๋ยวก็เป็นรอยหรอก” ไบร์ทบ่น ก่อนจะค่อยๆ ก้าวลงจากเตียงไปหยิบผ้าขนหนูมาพาดบ่า


“นี่ใส่กางเกงกีฬานอนอีกแล้วเหรอ” ผมถาม เมื่อเห็นกางเกงที่น้องใส่ อื้ม เป็นกางเกงกีฬาที่คาดว่าน่าจะใส่มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ได้ถอด พูดง่ายๆ คือยังไม่อาบน้ำอ่ะครับพี่น้อง


“เมื่อคืนเล่นเกมเพลินอ่ะ กว่าจะเสร็จก็เกือบตีสาม ไอ้หมอ...เอ่อ ไบร์ทหมายถึงพวกไอ้แจ็คไล่ไปนอนซะก่อน แต่ไบร์ทขี้เกียจเลยนอนทั้งแบบนี้” ไบร์ทตอบก่อนจะสะดุดที่เผลอเรียกชื่อใครสักคนออกมา หึๆ พี่หมออีกแล้ว


“ซกหมกแบบนี้เมื่อไหร่จะมีแฟนกับเขาซะที” ผมเอ่ยแซ็วน้องขำๆ ก่อนจะเดินมานั่งที่ปลายเตียง ไบร์ทเดินสวนไปจะเข้าห้องน้ำ น้องหันมาเลิกคิ้ว


“ไม่ต้องห่วงไบร์ทหรอกน่า พี่บีทส์เถอะไปเรียนมหาลัยมีใครมาแจกขนมจีบบ้างรึเปล่า” ไบร์ทมองอย่างจับผิด เล่นเอาผมเกาหัวแกรกๆ เหมือนเดินมาอยู่ดีๆ แล้วโดนเบรกหัวทิ่มอ่ะครับ


“บ้าน่า ใครจะมาชอบพี่กันล่ะ” ผมยกมือขึ้นมาเกาแก้ม ไบร์ทหัวเราะ


“เอาเถ๊อะ ไว้มั่นใจค่อยพามาแนะนำกับไบร์ทก็ได้ แต่เตือนไว้ก่อนเลยนะพี่บีทส์ ถ้าคนไหนที่ไบร์ทบอกว่าไม่โอเค พี่บีทส์ต้องเลิกนะบอกไว้ก่อน” ไบร์ทพูดเสียงจริงจัง ก่อนจะยักคิ้วให้ผมทันทีแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ผมยิ้มแหยๆ อย่างพี่ซันเนี่ยคงจะผ่านหรอกนะ


ผมหลบลงมาข้างล่างก่อนจะช่วยคุณนายกับพี่ไม้จัดโต๊ะ วันนี้มีแต่เมนูโปรดของผมทั้งนั้นเลยครับ ได้ยินเสียงใครแว่วๆ ว่ามีอะไรบ้างที่แกกินแล้วไม่อร่อย ป๊าด ใส่ร้ายป้ายสีกันอย่างร้ายกาจ


“ทานเยอะๆ นะบีทส์ แม่ว่าเราผอมลงนะช่วงนี้ เรียนหนักเหรอลูก” แม่ตักยำลูกชิ้นมาให้ผม แล้วถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ผมยิ้มแหยๆ ก่อนจะตักกินไปบางส่วน คือจริงๆ ยังอิ่มข้าวต้มอยู่เลยครับ


“นิดหน่อยครับคุณนาย แต่ไม่ต้องห่วงหรอก สอบเสร็จเดี๋ยวบีทส์จะกินให้เป็นหมูเลยดีมั้ยครับ” ผมตอบขำๆ ก้มลงกินข้าวต่อ


“เอาไว้น้องๆ สอบเสร็จแล้วเราปิดบ้านไปเที่ยวกันดีมั้ยครับคุณน้า” พี่ไม้เป็นฝ่ายพูดขึ้น ผม คุณนาย ไบร์ทหันไปมองพี่ไม้ตาเดียว


“หื้ม ไม่ดีเหรอ” พี่ไม้หันมามองผมที ไบร์ทที ผมหันไปสบตากับน้อง ก่อนจะคุยกันผ่านสายตา


“ดี!!/ดี!!” ผมกับไบร์ทตอบออกมาพร้อมกัน พี่ไม้ทำหน้าโล่งอก


“แกล้งพี่นี่หว่า” พี่ไม้โอด ผมกับไบร์ทระเบิดหัวเราะออกมาทันที ก็พี่ไม้โคตรน่าแกล้งเลย


“เอ้า รีบๆ ทานข้าวกันเด็กๆ อย่ามัวแต่คุย” แม่เอ็ดขึ้นเบาๆ พวกเราเลยรีบก้มหน้าทานข้าวแต่ก็ยังมิวายส่งสายตาหากันยิ้มๆ
พอทานข้าวเสร็จพี่ไม้ก็ขอตัวกลับไปทำธุระต่อ แม่เองก็เหมือนกันครับ เห็นบอกว่าวันนี้ต้องไปติดต่อลูกค้า ทั้งๆ ที่เป็นวันหยุด ทั้งบ้านเลยเหลือแค่ผมกับน้องสองคน ไบร์ทนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างส่วนผมก็ขึ้นมานอนเล่นอยู่ที่ห้องของตัวเอง


ครืด...ครืด…


ผมหันไปมองที่โทรศัพท์ของตัวเอง ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นรายชื่อของคนที่โทรเข้ามา โทรมาทำไมกันนะ


“ครับ” ผมกดรับ


“ทำอะไรอยู่” พี่ซันถามขึ้น ผมขยับไปนอนราบกับเตียง


“นอนครับ” ผมตอบเสียงเรียบ ก่อนจะหยิบโน๊ตบุ๊คมาเปิดเครื่อง


“ทำไมถึงบ้านแล้วไม่โทรบอกกู ไปส่งกันถึงไหน” พี่ซันถามขึ้นอีก ผมเบ๋ปาก ทำไมต้องโทรบอกด้วย


“…” ผมเงียบไม่ตอบ หันไปเล่นเกมแทน


“บีทส์” พี่ซันเรียกย้ำ


“ไม่ใช่ธุระอะไรของพี่นี่ครับ” ผมตอบ


“ยังโกรธอยู่อีกเหรอ”


พี่ซันถามขึ้นเสียงอ่อนลงกว่าเดิม ผมเม้มปาก ถามมาได้เนอะ


“พี่ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ยครับ ผมอยากพักผ่อน” ผมตัดบท


“เฮ้ย มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน เรื่องเมื่อคืนกูขอโทษก็ได้ เมื่อไหร่จะหายโกรธวะ” พี่ซันถามขึ้นอย่างมีอารมณ์ ผมกรอกตาขึ้นฟ้าก่อนจะเค้นยิ้มกับตัวเอง


“พี่ไม่ต้องห่วงหรอกครับว่าผมจะรู้สึกยังไง แค่นี้นะครับ” พูดจบผมก็กดตัดสายไปทันที พี่ซันโทรเข้ามาอีกรอบ ผมกดปิดเครื่องหนีแม่งเลย


ไอ้พี่บ้า!!


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ผมงัวเงียลุกขึ้นมาเปิดประตูห้อง หลังจากที่ได้ยินเสียงเคาะอยู่หน้าห้อง เหลือบไปมองนาฬิกา หลับไปนานเหมือนกัน


“อื้อ ว่าไง” ผมเปิดประตูก่อนจะเห็นไบร์ทยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า


“อ้าว หลับอยู่เหรอ ไบร์ทนึกว่านั่งทำอะไรอยู่ซะอีก พอดีจะมาชวนไปกินข้าวข้างนอกอ่ะ วันนี้อยากกินอาหารญี่ปุ่น ไปห้างกัน” ไบร์ทเอ่ยชวน ผมเลิกคิ้ว


“คุณนายกลับมาแล้วเหรอ”


“ยัง...ไปกันสองคนนี่แหละ อีกยี่สิบนาทีเจอกันข้างล่างนะ” ไบร์ทตอบก่อนจะนัดเวลา แล้วเจ้าตัวก็วิ่งหายเข้าไปในห้องของตัวเอง ผมส่ายหัวยิ้มๆ แล้วเข้าไปล้างหน้าล้างตาพร้อมกับเปลี่ยนชุดใหม่ลงไปรอน้องข้างล่าง


“ปะ...พี่บีทส์” ผมหันไปหาไบร์ทที่เดินลงบันไดมา น้องใส่เสื้อยืดกับกางเกงผ้าสามส่วนสีเข้ม ส่วนผมก็ใส่คล้ายๆ น้องครับ ช่วงนี้บ้านเราอากาศร้อนไม่สงสารคนเดินดินกินข้าวแกงกันบ้างเลย


“ไปไง” ผมหันไปคว้ากระเป๋าเป้มาสะพายแล้วหันไปถามน้อง


“รถแท็กซี่แล้วกัน วันนี้ร้อนไบร์ทขี้เกียจขึ้นรถเมล์” น้องตอบหน้างอ ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วย อีกทั้งวันนี้ก็วันหยุดน่าจะมีคนใช้บริการรถสาธารณะเยอะ


“งั้นปะ”


ผมกับน้องเลยรวมใจกันขึ้นพี่วินแล้วไปโบกพี่แท็กซี่ต่อที่หน้าปากซอย อากาศก็ร้อนมากครับ เล่นเอาเหงื่อไหลไคลย้อยไปตามๆ กัน กว่าจะได้ขึ้นพี่แท็กก็ปาไปครึ่งชั่วโมง ผมก็ไม่เข้าใจนะครับโบกพี่แท็กตั้งหลายคันกว่าจะมีคนใจดีรับเราขึ้นไปด้วย ส่วนใหญ่เห็นว่าระยะทางใกล้ๆ ก็พาลปฏิเสธผู้โดยสารกันหมด


นี่ขนาดไม่มีพี่ม๊อบแล้วนะครับ ยังปฏิเสธกันหน้าตาเฉย บอกจะรีบเอารถไปคืนบ้างล่ะ พี่จะกลับบ้านแต่มันคนละทางกับที่น้องจะไปบ้างล่ะ ฮ่วย! อย่าให้ถอยป้ายแดงมาขับนะบ่องตง!


“โอ๊ะ แป๊บนึงพี่บีทส์” ผมชะงักก่อนจะหันไปเลิกคิ้วให้น้อง ไบร์ทหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดรับ หลังจากที่เรากำลังมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่น


“เออว่าไง” ไบร์ทกดรับ ส่วนโทรศัพท์ของผมเหรอครับ ทุกคนไม่ต้องห่วงครับไม่ได้โดนล้วงหรือหล่นหายไปไหนแต่อย่างใด ตอนนี้กำลังนอนชาร์ตแบตอยู่ในห้องนอนผมนั่นแหละ


“อยู่ห้าง” ไบร์ทตอบปลายสาย ผมเลิกคิ้ว มีโทรเช็คกันด้วย


“ไม่ต้อง! เข้าเวรไม่ใช่ไง๊ อย่าลืมนะว่าเราตกลงอะไรกันไว้ โอเค้?” ไบร์ทตอบกลับเสียงฉุน


“เอ๊ะ ก็บอกว่าไม่ต้อง...ฮะ...ยังไม่ได้กินข้าว แล้วไม่หาแดกล่ะ พยาบาลก็มีเยอะแยะ ใช้ไปสักคนสิ เออ...มีเลขาแล้วนี่ ปากมีก็บอกเขาสิ พอๆ ไม่อยากฟัง แค่นี้นะ” ไบร์ทกดวางสายด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้าที่แล้วหันมาพยักหน้าให้ผมเดินต่อ


“ใครโทรมาเหรอ” ผมหันไปถาม


ไบร์ททำหน้าปะหลับปะเหลือกเหมือนไม่อยากบอก


“ความลับ?”


“ก็ไม่ได้ลับหรอก พี่บีทส์ก็รู้ว่าไบร์ทชอบใคร แต่ไม่รู้ดิ...ไบร์ทว่าช่วงนี้ไบร์ทไม่ค่อยรู้สึกอะไรเวลาเห็นแจนไปคุยกับคนอื่นแล้ว แต่ไบร์ทก็ยังไม่กล้าฟันธงความรู้สึกของไบร์ทหรอก...เร็วเกินไป”


ไบร์ทหันมาพูดกับผม ผมพยักหน้ารับ ผมเข้าใจที่น้องจะสื่อนะครับ ก็กิตติศัพท์ไอ้พี่หมอน้อยซะที่ไหน อีกอย่างผมมั่นใจว่าน้องผมจะไม่มีวันลุกขึ้นมาใส่กระโปรงอย่างแน่นอน ที่ผมห่วงคือไอ้พี่หมอซะอีก คิดยังไงถึงมาจีบทอมวะ กูละงง


“พี่เข้าใจ ไม่ต้องรีบตัดสินใจหรอก” ผมพูดปลอบแล้วตบบ่าน้อง ไบร์ทหันมายิ้มให้ผมก่อนจะจูงมือผมเดินเข้าไปยืนต่อคิวอยู่หน้าร้านอาหาร


“อ้าวบีทส์ ใช่จริงๆ ด้วย” ผมหันไปตามเสียงเรียกเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูเอ่ยเรียกชื่อตัวเอง ก่อนจะปั้นหน้าไม่ถูกเมื่อหันไปเจอเข้าของเสียงที่ยืนยิ้มหวานอยู่ตรงหน้า


“สวัสดีครับพี่ฟ้า” ผมรีบยกมือไหว้ ไบร์ทเลยยกมือไหว้ตาม น้องเคยเจอพี่ฟ้าแล้วครับ ตอนที่ผมเข้าโรงพยาบาลตอนนั้น อืม...พี่ซันก็ด้วย


“บังเอิญจังเลย เห็นมั้ยคะพี่ซัน ฟ้าบอกแล้วว่าเป็นบีทส์จริงๆ” พี่ฟ้าพูดกับผม ก่อนจะหันไปต่อว่าพี่ซันขำๆ พี่มันหันมามองหน้าผมก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง


นั่นสิครับอะไรจะโคตรบังเอิญขนาดนี้


“มีอะไรกันเหรอครับ” ผมถามพี่ฟ้ากลับยิ้มๆ


“ก็พี่ซันน่ะสิ พี่บอกว่านั่นน่ะบีทส์ แต่พี่ซันบอกว่าไม่ใช่แถมยังจะลากพี่ไปอีกทาง พี่เลยวิ่งมาดูให้แน่ใจไง” พี่ฟ้าตอบยิ้มๆ


“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเราขอตัวนะฮะ” ไบร์ทเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งคล้องแขนผมออกแรงกึ่งลากกึ่งจูง ผมยิ้มแหยๆ ให้พี่ฟ้า แล้วโค้งให้อย่างขอโทษ


“เดี๋ยวสิคะพี่ว่าไหนๆ เราก็เจอกันแล้ว ไปด้วยกันเลยดีมั้ย มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง” พี่ฟ้าร้องเรียก แล้ววิ่งมาคว้าแขนที่ว่างของผมไว้พร้อมกับยิ้มให้อย่างอ้อนๆ


ผมทำหน้าลำบากใจ “เราไม่กวนดีกว่า พวกพี่ไปกินกันเถอะครับ”


“นั่นสิน้องฟ้า พี่ว่าอย่าไปกวนพวกน้องๆ เขาเลยดีกว่า” พี่ซันออกความเห็น ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ข้างกายพี่ฟ้า


“ให้พี่เลี้ยงข้าวมื้อนี้นะ ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว” พี่ฟ้าพูดเสียงอ้อนพร้อมกับเขย่าแขนผมไปด้วย


“เป็นอันตกลงนะคะ...ไปบีทส์ วันนี้มีเมนูใหม่เข้ามาด้วย พี่รู้ว่าบีทส์ต้องชอบ!” ผมยิ้มเหวอ เมื่อพี่ฟ้าลากแขนผม เดินนำเข้าร้านไปด้วยรอยยิ้ม ผมแอบถอนหายใจเบาๆ


กูเกลียดโรคปฏิเสธคนไม่เป็นจริงๆ เลย


“ทานนี่สิ” พี่ซันตักเนื้อมาให้ผม ผมเหลือบมองเนื้อปลาที่พี่ซันตักมาไว้ในจาน แล้วตักกินข้าวปั้นในจานก่อน เหลือของพี่ซันไว้กินตอนท้าย


พี่ซันคอยดูแลพี่ฟ้าอยู่ไม่ห่าง ไบร์ทนั่งกินอาหารไปเงียบๆ ใบหน้าสวยค่อนไปทางหล่อบูดบึ้ง แต่ก็อดทนนั่งกินโดยไม่พูดอะไร พลางหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมากดเล่นเป็นพักๆ ผมสังเกตเห็นว่าน้องกำลังคุยกับเดอะแก๊งอยู่ แต่ถ้าให้เดาอีกคนที่ไม่พลาดก็น่าจะเป็นพี่หมอ


“ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว อ่านหนังสือไปถึงไหนแล้วเรา” พี่ฟ้าเป็นฝ่ายเปิดประเด็น พร้อมกับคอยตักอาหารส่งให้พี่ซัน ผมหันไปยิ้มแหยๆ


“ยังไม่เริ่มเลยครับ แต่เห็นพวกไอ้นัทบอกว่าจะนัดติวก่อนสอบ ผมมันพวกความจำไม่ค่อยดีอ่ะครับพี่ฟ้า ติวก่อนอาจจะลืมก่อน” ผมตอบขำๆ ได้ยินเสียงพี่ซันแอบขำในลำคอ ผมตวัดสายตาดุๆ ไป พี่ซันเลยเบือนหน้าอมยิ้มไปอีกทาง


“มีอะไรไม่เข้าใจโทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะ ความรู้ตอนปีหนึ่งพี่ยังพอจำได้” พี่ฟ้าพูด พลางตักอาหารเข้าปาก ผมซ่อนรอยยิ้มไว้เมื่อเห็นท่าทางของพี่ฟ้า ไม่แปลกใจที่ใครๆ ก็ต่างตกหลุมรักเธอ


ยิก ยิก


ผมหันไปตามแรงสะกิดข้างๆ


“พี่บีทส์อิ่มยัง” ไบร์ทกระซิบถาม ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะสบตากับพี่ซันที่มองมาพอดี


“งั้นไปเหอะ” ไบร์ทกระซิบชวน


ผมหันไปหาพี่ฟ้า “เอ่อ...พี่ฟ้าครับ พอดีพวกผมต้องไปธุระต่อ คงต้องขอตัวไปก่อนนะครับ”


พี่ฟ้าพยักหน้ารับ “เจอกันที่คณะนะ”


“ครับ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะครับ อร่อยมาก” ผมยกมือไหว้แล้วขอตัวออกมา


“ไปกินไอติมกันมั้ยพี่บีทส์” ไบร์ทเอ่ยชวนในขณะที่เราเดินออกมาจากร้านอาหารญี่ปุ่น ผมพยักหน้ารับ ก่อนไบร์ทจะเป็นฝ่ายเดินนำผมเข้าไปในร้านสเวนเซ่น


“สองคนฮะ” ไบร์ทหันไปคุยกับพนักงานในร้าน ก่อนจะพยักหน้าให้ผมเดินตามเข้าไปนั่ง สั่งไอติมของโปรดทั้งของตัวเองและของผมให้เสร็จสรรพ


“ไบร์ทถามจริงๆ นะพี่บีทส์ กับคนเมื่อกี้...มันยังไงกัน” ไบร์ทเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้น ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจคำถามของน้อง


“คนไหน”


“ผู้ชายคนเมื่อกี้ไง ที่เคยบุกมาหาพี่บีทส์ที่โรงพยาบาล ที่หน้าตากวนตีนๆ ขี้เก๊กๆ เมื่อกี้อ่ะ” ไบร์ทอธิบาย ทำให้ผมถึงบางอ้อ ผมเหลือบมองหน้าน้องพร้อมกับเคาะนิ้วกับโต๊ะ ไบร์ทมองหน้าผมด้วยความจริงจัง


“ก็ไม่มีอะไรนี่ เขาก็เป็นแฟนของพี่รหัสพี่ไง” ผมตอบ ก่อนจะยื่นมือไปรับเมนูโปรดจากพนักงานมาตักกินเหมือนไม่ได้สนใจอะไรมากมายกับคำถามน้อง แต่ในใจนี่เต้นตุบๆ เลยครับ


“แต่ไบร์ทว่าเขามองพี่บีทส์แปลกๆ”


“ยังไง”


“อืม...ไม่รู้สิ มันไม่เหมือนกับตอนนั้น มันดูแบบ...อยากคุยด้วย อื้ม เหมือนเป็นห่วง อยากเคลียร์อะไรแบบเนี้ย”


“แค่ก...” โอย ไอติมติดคอ ผมสำลัก ไบร์ทลนลานรีบยื่นทิชชู่กับน้ำเปล่ามาให้  ผมรับมาก่อนจะเช็ดไอติมที่เลอะขอบปากแล้วดื่มน้ำตาม


“คิดไปถึงไหน”


“จริงๆ นะพี่บีทส์ ไม่งั้นไบร์ทจะถามพี่บีทส์เหรอ มันไม่เหมือนสายตาที่เขาใช้มองแฟนเขาอ่ะ” ไบร์ทพูดต่อด้วยความสงสัย


ผมส่ายหัว “มันไม่มีอะไรหรอกน่า คิดมาก” ผมพยายามตัดบทให้น้องเลิกถาม ถ้าไบร์ทรู้ว่าผมกับพี่ซันมีซัมติงกัน ต้องแย่แน่


“ขอให้มันเป็นแค่สิ่งที่ไบร์ทคิดเหอะพี่บีทส์ เพราะถ้าพี่บีทส์ชอบเขาจริงๆ มันต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ” ไบร์ทพูดขำๆ แล้วก้มลงกินไอติมของตัวเอง ผมเงียบไม่พูดอะไร ก้มทานไอติมของตัวเองต่อเหมือนกัน หลังจากนั้นบทสนทนาของเราก็เงียบไป


ต่างคนต่างก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง...


“พี่บีทส์กลับเองได้แน่นะ” ไบร์ทถามย้ำ เพราะเราแยกกันกลับ


ไบร์ทบอกว่าต้องไปจัดการธุระกับเดอะแก๊งที่กำลังเดินทางมาที่นี่ ผมเลยขอแยกกับน้องที่หน้าห้าง เพราะอยากกลับไปนอนที่บ้านมากกว่า


“ไอ้นี่ พี่โตแล้วนะ” ผมว่าขำๆ ก่อนกระชับเป้ตัวเอง


“เผื่อใครมาฉุดไปจะทำไง เดี๋ยวนี้สังคมมันอยู่ยากนะพี่” ไบร์ททำเสียงทะเล้น ผมหัวเราะ


“บ้าน่า ดูหนังเยอะเกินไปแล้ว ส่งพี่แค่นี้แหละเดี๋ยวพี่เดินไปขึ้นรถเอง” ผมตอบแล้วดันหลังน้องให้กลับเข้าไปในห้างพร้อมกับยืนโบกมือส่ง



ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
[ต่อ]



“เฮ้อ...เซ็งว่ะ” ผมบ่นกับตัวเอง ก่อนจะหันหลังเตรียมเดินออกไปยังป้ายรถเมล์หน้าห้าง วันหยุดแบบนี้คนมาเดินห้างกันเยอะมากครับ คงมาพึ่งแอร์ฟรีในห้างแบบผมกัน


ร้อนชะมัด...


หมับ!


“เฮ้ย!!” ผมหันไปร้องอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆ มือข้างขวาก็ถูกดึงเอาไว้ ก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อเห็นใบหน้าหงุดหงิดของคนตัวสูงกว่า


“ตกใจอะไรนักหนา”


พี่ซันว่าแค่นั้นก่อนจะฉุดแขนผมไปอีกทาง ผมขืนตัวเองไว้โดยอัตโนมัติ


“ปล่อย!!” ผมร้องบอก พยายามแกะมือพี่ซันออก คนเริ่มมองเราทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ แต่พี่ซันมันไม่สนใจอะไรเลยครับ


“ไปคุยกันหน่อย” พี่ซันหันมาสั่งหน้าดุ ผมเม้มปากส่ายหัว


“ไม่!” ผมร้องบอกแต่ก็ต้องก้าวไวๆ ตามแรงลากของพี่ซัน


พี่ซันลากผมไปตรงบริเวณที่จอดรถแท็กซี่ก่อนจะยัดผมเข้าไปในรถแล้วรีบก้าวตามขึ้นมาปิดประตูทันที


“อย่าดื้อ!! ไปสุขุมวิทซอยยี่สิบสี่” พี่ซันดุพร้อมกับหันไปบอกคนขับรถ ผมทำหน้าเหวี่ยง พยายามเปิดประตูอีกด้านเพื่อหนีออกไป แต่พี่มันดันรู้ทัน พี่ซันจับสะโพกผมไว้ทั้งสองข้างก่อนจะยกผมขึ้นมานั่งที่ตักตัวเอง ทำให้หัวผมโขกกับหลังคารถ จนผมต้องปล่อยมือจากประตูรถมากุมหัวตัวเอง


“เจ็บมั้ยน่ะ” พี่ซันว่าเสียงกลั้นขำ ใช้สองมือกอดเอวผมไว้ ผมฮึดฮัด ก่อนจะนึกได้ว่าตอนนี้ดันลงเรือมากับพี่มันแล้วเรียบร้อย หาทางเผ่นสิครับ


“พี่ครับช่วยผมด้วย ไอ้พี่คนนี้เขาบังคับผมมา!!” ผมพยายามร้องขอความช่วยเหลือจากพี่คนขับ พี่เขามองผมผ่านกระจกหลังก่อนจะทำหน้าตกใจ พี่ซันรีบเอามือมาอุดปากผมไว้ ผมได้แต่ร้องอื้อๆ แล้วดิ้นอย่างไม่ยอม


“ไอ้ดื้อ! ขับต่อไปเลยพี่ พอดีเมียผมเขางอนที่ผมไม่ยอมซื้อของที่เขาอยากได้ให้ เด็กน้อยชะมัด ฮ่ะๆ” พี่ซันหันไปพูดกับคนขับเสียงกลั้นขำ ดูก็รู้ว่าพี่มันกำลังสะตอ แง๊... ผมร้องผ่านลำคอ อย่าไปฟังไอ้พี่บ้านี่นะเว้ย!!


“อื้อ! อ่อยอ่มอ๊ะ!!!” ผมพยายามร้อง พี่ซันหันมามองผมหน้าดุ แม่งน่ากลัวว่ะ ผมพยายามไม่สบตาก่อนจะหันไปขอร้องพี่คนขับที่หันมามองผมเป็นระยะ


“พี่ซัน!!” ผมร้องตกใจเมื่อพี่ซันพลิกตัวผมให้หันหน้าไปหาพี่มันแทน


พี่ซันยิ้ม ส่งเสียงขู่รอดไรฟัน “ถ้ายังไม่นั่งนิ่งๆ อย่าหาว่ากูไม่เตือนนะ” 


ผมกัดริมฝีปากล่างมองหน้าพี่มันเขม็ง


“พี่จะพาผมไปไหน พี่ไม่มีสิทธิ์มาบังคับผมนะ” ผมพยายามใช้เหตุผล


“กูมีสิทธิ์แน่ ต้องให้ย้ำมั้ยล่ะว่าสิทธิ์อะไร” พี่ซันตอกกลับมา


“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมเถียง พี่ซันยิ้มก่อนจะดึงตัวผมเข้าหาตัวเอง ผมรีบเอามือดันไหล่พี่มันไว้สองข้างทันที


“สงสัยมึงจะเป็นโรคขี้ลืม สองครั้งที่ผ่านมามันยังไม่ชัดเจนพอใช่มั้ย” พี่ซันตอบเสียงเหี้ยมเหมือนกำลังไม่พอใจ ผมแสร้งยิ้มแล้วทุบอกพี่มันดังอั๊ก


“ก็แค่เซ็กส์ นั่นไม่ได้แปลว่าผมเป็นอะไรกับพี่”


พี่ซันหุบยิ้ม หน้าแสดงออกชัดเจนว่ากำลังไม่พอใจ ผมแอบยิ้มในใจที่ได้ตอกกลับพี่มันบ้าง


“อื้ออ!!” ผมร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆ พี่ซันก็จับหน้าผมเข้าไปจูบ ผมพยายามดันหน้าออกแต่พี่ซันกลับดึงท้ายทอยของผมไว้แถมยังบังคับให้ผมเอียงรับจูบอีกต่างหาก


พี่ซันพยายามจะสอดลิ้นเข้ามาในปากผม แต่ผมไม่ยอมกัดฟันไว้แน่น มือสองข้างก็ระดมทุบไปที่หน้าอกพี่ซัน


ผมเบิกตากว้างเมื่อพี่ซันเล่นตุกติกด้วยการล้วงมือที่ว่างเข้าไปในเสื้อผมก่อนจะใช้นิ้วบีบยอดอกจนผมเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บ นั่นเป็นสิ่งที่ผิดถนัดเพราะเป็นการเปิดโอกาสให้พี่มันสอดลิ้นเข้ามาไล่ต้อนลิ้นของผม


พี่ซันพยายามจูบแล้วใช้มือบี้ยอดอกของผมไปด้วยจนผมกลั้นเสียงไว้ไม่อยู่
จากมือที่ทุบพี่มันอยู่ก็กลายเป็นต้องมาจับไหล่พี่มันเพื่อพยุงตัวเองแทน พี่ซันกดจูบย้ำๆ อีกครั้งก่อนจะผละออก


“เคลิ้มเชียว หึๆ อย่าไปทำหน้าแบบนี้กับใครนะ ไม่งั้นกูเอาตาย”


พี่ซันพูดยิ้มๆ แล้วยื่นมือมาดันหัวผมให้ซบไหล่ของตัวเอง ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ หัวใจผมเต้นแรงมากตอนเห็นรอยยิ้มพี่ซัน โอย เมา!!


“จอดหน้าบ้านธีรไชยบดินร์เลยพี่ ประตูสีขาวซ้ายมือ” พี่ซันเอ่ยปากบอกพี่คนขับแท็กซี่ ไอ้เชี่ยกูลืม!! ผมอยู่บนรถแท็กซี่ แล้วเมื่อกี้…


ไอ้ฉิบหาย!!!!!


ผมรีบดีดตัวออกจากตักพี่ซัน ก่อนจะค่อยๆ ไถลตัวเองลงไปนั่งเบาะด้านข้างแล้วกระเถิบไปชิดประตูอีกฝั่ง ไม่ลืมยกมือสองข้างขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้ ได้ยินเสียงหัวเราะ ‘หึๆ’ อยู่ข้างหู


“นี่ครับ...ที่เหลือไม่ต้องทอน” พี่ซันพูดกับพี่คนขับ


“ไม่ลงรึไง” พี่ซันพูด ผมยอมเปิดนิ้วชี้ออกเพื่อมองหน้าพี่ซัน ก่อนจะส่ายหัว


“ผมจะกลับบ้าน! ถึงจุดหมายของพี่แล้ว พี่ก็ลงไปเซ่!!”


“เฮ้อ ดื้อไม่เลิกสินะ” พี่ซันพูดขึ้นหน่ายๆ ผมกัดปากตัวเอง


พี่ซันเปิดประตูลงจากรถ ผมแอบใจเสีย แต่อีกใจหนึ่งก็โล่งใจ


ดีใจได้ไม่นาน ประตูฝั่งที่ผมนั่งอยู่ก็ถูกเปิดออก ผมรีบลดมือตัวเองลงก่อนจะหันไปมองผู้บุกรุก


“เฮ้ย!!!!!!!!” ผมร้องลั่นเมื่อโดนพี่ซันอุ้มขึ้นพาดบ่า ก่อนจะปิดประตูให้พี่แท็กซี่ ผมตั้งสติได้ก่อนจะแหกปากร้องเสียงดัง


“ปล่อยผมนะไอ้พี่บ้า!! ปล่อยโว้ย!!!”


“บอกให้ลงดีๆ ไม่ยอม กูก็ต้องอุ้ม นี่บ้านกูเองไม่ต้องกลัวว่ากูจะเอามึงไปขายน่า” พี่ซันพูด


“ฮึ่ย!! มันไม่ใช่แบบนั้น! สนุกนักหรือไงวะ ผมไม่สนุกด้วยนะ!!” ผมโวยวายเสียงดังเลยครับ ไม่องไม่อายมันแล้ว


เพี้ยะ!


“โอ๊ย! ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ไอ้พี่ซันซาดิสม์!!” ไอ้พี่ซันตีก้นผม ไม่แรงแต่เจ็บมากครับ


ไอ้เหี้ย เมื่อคืนก็เพิ่งโดนมานะเว้ย!! เจ็บน้ำตาเล็ด


“โทษที ยังเจ็บอยู่เหรอ” พี่ซันน้ำเสียงอ่อนลง ยอมปล่อยผมลงจากบ่า


แต่อุ้มต่อในท่าเจ้าสาว!!! หนีบผมไว้กับอก


“มาลองโดนเสียบดูบ้างมั้ยล่ะ!?” ผมแหวขึ้น ไม่กล้าดิ้นแรงเพราะกลัวตก พี่ซันยิ้มกริ่ม


“ไม่ล่ะ กูชอบเป็นคนเสียบมากกว่า” เขาก้มมองหน้าผม “โดยเฉพาะ...เสียบมึง” ตอบยิ้มๆ แล้วยักคิ้วให้ อ๊าก!! ไอ้ๆๆ ฮึ่ย คิดคำด่าไม่ทัน!!


“อ้าวคุณหนู” ผมหุบปากฉับ รีบซ่อนหน้าไว้กับอกพี่ซัน ผู้ชายอุ้มผู้ชายเข้าบ้าน สภาพมันไม่ได้น่าดูเลยนะครับพี่น้อง!!


“ครับนม” พี่ซันตอบรับ
   

“แล้วนั่น...ทำไมอุ้มเพื่อนแบบนั้นคะ หรือว่าเพื่อนไม่สบาย ให้นมเรียกเด็กในบ้านมาช่วยไหม”
   

“ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการเอง นมช่วยให้เด็กเตรียมรถไว้ให้ผมด้วยนะ พอดีรถผมให้น้องฟ้ายืมใช้” พี่ซันตอบกลับ ผมดิ้นเบาๆ ส่งสัญญาณให้พี่มันปล่อยผมลง จะอุ้มอีกนานไหมเฮ้ย!!
   

“อะไร ดิ้นทำไมไอ้ดื้อ” พี่ซันก้มหน้าถาม
   

ใครชื่อดื้อไม่ทราบ!! ผมเงยหน้าขึ้นสบตาพี่ซัน บ่งบอกความไม่พอใจ พี่ซันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยอมปล่อยผมลง
   

“ชื่อน่ารักจังค่ะคุณหนู” คุณนมพูด พลางมองผมยิ้มๆ
   

“ผมบีทส์ครับคุณป้า เอ่อ...เป็นรุ่นน้องของพี่ซัน” ผมยกมือไหว้คุณนมของพี่ซันก่อนจะรีบเอ่ยแนะนำตัวเอง
   

“โถ หน้าตาน่าเอ็นดูเชียวค่ะ” คุณนมหันไปพูดกับพี่ซัน ผมยิ้มเขินๆ พี่ซันยกมือขึ้นมายีหัวผมแรงๆ
   

“ไม่ต้องแกล้งชมมันครับนม เดี๋ยวเด็กมันจะเหลิง”
   

“แหมคุณหนูก็...ไปเรียกน้องว่ามันได้ยังไงคะ ไม่น่ารักเลย” คุณนมว่าพี่ซันไม่จริงจัง ผมแอบขำ พี่ซันหันมามองหน้าดุ ผมเลยย่นจมูกใส่
   

“เดี๋ยวผมไปก่อนนะนม ต้องขึ้นไปเอาของ” พี่ซันเอ่ยตัดบท คุณนมพยักหน้ารับยิ้มๆ พี่ซันเลยลากแขนผมให้เดินตาม
   

“คุณหนูคะแล้วเย็นนี้จะกลับมาทานอาหารที่บ้านหรือเปล่าคะ คุณพ่อกับคุณแม่ถามถึงคุณหนู นมก็ไม่รู้จะตอบคุณท่านเขาว่ายังไง”
   

พี่ซันชะงัก ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับคุณนม
   

“ฝากบอกพวกเขาด้วยนะครับว่าผมยังสบายดี” พูดจบก็ลากแขนผมต่อ
   

“แล้วจะลากทำไมเล่า” ผมเอ็ดเบาๆ กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามพี่มันขึ้นบันไดไปชั้นบน
   

“เฮ้ย!! ลากเข้าห้องคิดอะไรปะเนี่ย!!”
   

ผมหยุดยืนอยู่หน้าห้องของพี่ซัน
   

พี่ซันหันมาเลิกคิ้ว “คิดอะไรของมึง”
   

ผมสะบัดมือพี่มันออก “ก็เนี่ย! อยู่ดีๆ ลากผมออกมา แถมยังพามาที่บ้าน ยัง! ยังไม่พอ ยังจะลากผมเข้าห้องนอนอีก!!”
   

“คิดเรื่องทะลึ่งอยู่ล่ะสิ” พี่ซันหัวเราะ ก่อนจะเขกหัวผม “กูแค่จะมาเอาเสื้อผ้า”


“ที่คอนโดพี่ก็มี แล้วจะพาผมมาด้วยทำไม” ผมถาม


“ถามเยอะว่ะ สมองก็มีทำไมไม่คิด ถ้ากูจะกลับคอนโดจะแวะมาเอาเสื้อผ้าเพื่อ?” พี่ซันยืนท้าวเอวอยู่ในห้อง ส่วนผมยืนอยู่หน้าห้อง มีประตูห้องคั่นอยู่ตรงกลางทำหน้าที่เป็นกรรมการ


“แล้วพี่จะไปไหน”


“เดี๋ยวก็รู้” พี่ซันตัดบท ก่อนจะกระชากเอวผมเข้าห้องนอนตัวเอง


“พี่ซัน!” ผมดิ้นโวยวาย ก่อนจะโดนพี่ซันเหวี่ยงลงเตียง จิตตกสิครับพี่น้อง ผมถอยร่นไปอีกฝั่งทันที


“ห้ามลงจากเตียงนะมึง” พี่ซันขู่


“ถ้าผมลง พี่จะทำไม”


“กูก็จะทำให้มึงเดินไม่ได้ไปอีกหลายวัน จะลองดูมั้ย” พี่ซันยิ้มหื่นสื่อความหมาย


“แล้วมันจะต่างอะไรกับที่ผมรออยู่บนเตียงนี่เล่า!!?” ผมโวยวายเตรียมลุกหนี พี่ซันเดินมาขวาง


“กูสัญญาว่าถ้ามึงอยู่เฉยๆ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น รอกูแค่แป๊บเดียว ทำได้หรือเปล่า” ผมมองหน้าพี่ซัน เขามองผมด้วยสีหน้าจริงจัง ผมเม้มปากทำท่าคิด ก่อนจะยอมคลานถอยหลังไปนั่งขัดสมาธิอยู่กลางเตียงนอนของพี่ซัน


“ไอ้คนเผด็จการ”


พี่ซันชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ ก่อนจะเดินหายเข้าไปอีกห้อง


ผมนั่งอยู่บนเตียงพยายามมองหาทางหนีที่ไล่รอบๆ ห้อง ก่อนสายตาจะไปป๊ะเข้ากับโทรศัพท์บ้านของพี่ซันที่วางอยู่ตรงหัวเตียง ผมรอจังหวะ เหลือบมองไปยังทางที่พี่ซันเดินหายไป เมื่อเห็นว่าทางโล่งจึงค่อยๆ คลานไปหาเป้าหมาย ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู


พยายามเค้นสมองนึกเบอร์โทรศัพท์ของใครสักคนที่รู้จัก ใครก็ได้...


ไอ้ฉิบหาย...จำได้แต่เบอร์ตัวเอง!!


ผมยกมือขึ้นตบหน้าผาก รู้งี้หยิบน้องโฟนมาด้วยก็ดี


เพิ่งเห็นข้อเสียของเทคโนโลยีก็ตอนนี้ สะดวกก็เพราะมีมัน แต่พอไม่มีมันเหมือนคนขาดแขนขาดขา


“โทรหาใคร” เสียงเรียบนิ่งดังขึ้นด้านหลัง ผมค่อยๆ หันไปทางต้นเสียงแบบสโลวโมชั่น เห็นพี่ซันยืนอยู่ข้างๆ


มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!?


“เฮ้ยพี่!” ผมร้องอย่างตกใจเมื่อพี่ซันแย่งโทรศัพท์จากมือผมไปวางกระแทกลงที่เดิม อ๊าก เบาๆ! เดี๋ยวมันพัง พี่ซันมองหน้าผมสลับกับโทรศัพท์ ก่อนที่เขาจะก้มกระชากสายโทรศัพท์ออก


พี่ซันเสยผมหงุดหงิดก่อนจะก้าวขึ้นมาบนเตียง ผมถอยร่นไปจนชิดหัวเตียง พี่ซันตามคว้าหมับเข้าที่ไหล่ผม ผมกลัวเลยเบี่ยงหน้าหนีไม่กล้าสบตากับพี่ซัน แต่เขากลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าผมเรื่อยๆ จนตัวผมที่พยายามเอนหนี นอนราบไปกับเตียง สองมือของพี่ซันคร่อมตัวผมเอาไว้ ใบหน้าของเราห่างกันแค่คืบ หัวใจผมเต้นรัว ไม่กล้าต่อปากต่อคำ


เมื่อเห็นผมเงียบ พี่ซันจึงเอ่ยปากขู่เสียงเย็นเฉียบ


“ถ้ายังไม่อยากเจ็บตัว...ขอเตือนว่าให้นั่งอยู่เฉยๆ”


เขายื่นมือมาเขี่ยแก้มผม


“แต่ถ้าอยากเสียตัวตอนนี้เมื่อไหร่...ฤทธิ์เดชอะไรก็จัดมา”


พูดจบก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนหันหลังเดินกลับไปทางเดิม ฮือ...อยู่เฉยๆ มึงก็น่ากลัวอยู่แล้ว ยังจะตีหน้ายักษ์ใส่กูอีก โอ๊ย ไอ้บีทส์จะทำยังไงล่ะทีนี้!! มือถือก็นอนนิ่งอยู่ที่บ้าน จำเบอร์ใครก็ไม่ได้ แล้วจะติดต่อใครได้ยังไง



ออฟไลน์ Abella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ซันนิสัยเห็นแก่ตัวคือที่สุดจริงความสุขตัวเองต้องมาก่อนใครจะเป็นยังไงไม่สน เคยคิดถึงคนอื่นนอกจากตัวเองบ้างไหม หลายใจอีกต่างหาก

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
คนอะไรเฮี่ยได้เสมอ ตั้งแต่ต้นยันท้าย สม่ำเสมอความเฮี่ยได้จริงๆ
ถ้าคนแต่งจะบอกว่า เฮี่ยซัน ไม่ใช่พระเอกหรอก

..เราจะเชื่อนะ..
หุหุ

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ทำไมเราไม่ชอบซันเลย ขอพี่ไม้เป็นพระเอกแทนได้ปะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ซัน ถ้ามันถึงวันที่สายไป จะโทษใครไม่ได้เลยนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
นอกจากจะเกลียดกับความโลเลเห็นแต่ได้ของซันแล้วก็เริ่มจะรำคาญบีทส์แล้วเหมือนกัน โดนเขาด่าว่าเสียๆหายๆมาตั้งเยอะทำไมยังไม่ตัดใจจริงๆสักที ทำเหมือนจะใจแข็งสุดท้ายก็อ่อนให้อยู่ดี ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอตอนนี้อิพี่ซันมันทำเหมือนบีทส์เป็นบำเรอนะ อยากเมื่อไหร่ก็มาหา บีทส์ควรเข้มแข็งกว่านี้อะ อิพี่ซันก็นิสัยเลวได้โล่อะ ตัวเองก็มีแฟนยังมาตามหึงหวงเขาอีก เป็นอะไรกันละหืม?ตัวเองยังบอกไม่ได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ความสัมพันธ์มันชวนคลุมเครืออยู่แบบนี้ก็ต้องโทษเพื่อนของแต่ละฝ่ายด้วยแหละ ไม่มีใครห้ามจริงๆจังๆเลย มีแต่ช่วยสนับสนุนซึ่งมันผิดมากนะ

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……


ซันเอาแต่ใจอ่ะ. รักเขาหวงเขาแล้วแสดงออกไม่เป็น

นี่ก็คงจะบุกไปนอนบ้านน้องเขาด้วยแน่เลย

น้องบีทส์ใจกล้าๆนะ.  ถ้าพี่ซันไม่ชัดเจน อย่ายอมเด็ดขาด

อ่ะ.   สงสารน้องบีทส์ โดนมัดมือชก

……


 :z10:  :z10:  :z10:  :z10:  :z10:  :z10:



ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ตอนที่ 20 :: พี่น้อง ท้องติดกัน


[บีทส์]


ผมนั่งกอดเข่ารอพี่ซันอยู่บนเตียง


พี่ซันเดินออกมาพร้อมกระเป๋าเป้ “ไปกันได้แล้ว”


ผมหันไปถาม “ไปไหนครับ”


“ถามอีกแล้ว ช่วยอยู่นิ่งๆ แล้วทำตามดีๆ หน่อยจะได้มั้ยวะ” พี่ซันทำหน้าเบื่อหน่าย เดินมาคว้าแขนผมให้ลงจากเตียง


“เจ็บ” ผมท้วง


พี่ซันหยุดเดิน ก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมรีบหุบปาก


“ถ้าไม่อยากให้กูทำรุนแรงก็ทำตัวให้มันดีๆ แค่เชื่อฟังและทำตาม แค่นี้ทำได้มั้ย” พี่ซันถาม ผมกระพริบตาปริบๆ
   

“หึ เอาเถอะ...แค่อยู่นิ่งๆ อย่าเพิ่งถามอะไรก็พอ”
   

ผมจับชายเสื้อพี่ซันไว้แล้วขยับปากเถียงเสียงเบา “แต่ผมมีสิทธิ์รู้ไม่ใช่เหรอ ผมก็เป็นคนนะ มีชีวิต มีหัวใจ ผมพูดรู้เรื่อง”
   

พี่ซันถอนหายใจก่อนจะยอมพูด “กูแค่จะพาที่ที่หนึ่ง แล้วไม่ต้องถามว่าที่ไหนและทำไม ถึงเวลากูจะเป็นคนบอกเอง”  ผมทำตาโต


“แล้วที่เตรียมเสื้อผ้าไปด้วย พี่จะพาผมไปกี่วัน วันจันทร์ผมมีเรียนนะ”


“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า กูพามึงไปเรียนทันแน่ หมดคำถามหรือยัง จะได้ไปกันสักที” พี่ซันเลิกคิ้วถาม ผมทำท่าคิดหนัก
สัมผัสอบอุ่นที่หัวทำให้ผมต้องเงยหน้ามองพี่ซันอึ้งๆ


พี่ซันมองหน้าผมแล้วพูดเสียงจริงจัง “กูสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรมึงเลย...ถ้ามึงไม่อนุญาต” ผมหลบสายตาคู่นั้น ไม่เข้าใจพี่ซันเลยสักนิด ถ้าไม่ชอบผมแล้วจะมายุ่งกับผมอีกทำไม จิตใจเขาทำด้วยอะไร ตัวเองก็มีพี่ฟ้าอยู่แล้ว


อยากถาม...แต่กลัวพี่มันไม่ตอบ


“ถ้าผมปฏิเสธ พี่จะยอมปล่อยผมไปมั้ย” ผมตัดสินใจเอ่ยถามออกไป


“ไม่”


พี่ซันตอบกลับมาในทันที ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเบือนหน้าหนีเป็นการยุติบทสนทนา

“ซื้ออะไรหน่อยมั้ย?”


พี่ซันสะกิดแขนผมให้ตื่นแล้วถาม ผมมองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ที่ปั๊มขนาดใหญ่สัญลักษณ์รูปดอกบัวมีวงกลมสีแดงตรงกลาง พี่มันคงจอดพักเพื่อเติมน้ำมัน


ระหว่างเดินทาง มันทำให้ผมได้มีเวลาคิด ตัวผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าพี่มันจะทำอะไร ถ้าการคุยกันครั้งนี้สามารถเคลียร์ทุกอย่างให้มันเข้าที่เข้าทางได้ ก็คุ้มกับการลองเสี่ยง


ผมรู้ว่าการที่เรามีอะไรกัน มันเป็นอะไรที่ดูจะผิดขั้นตอนและผิดศีลธรรมไปสักหน่อย ถ้าเกิดพี่ซันจะขอยุติความสัมพันธ์กับผมโดยการพามาเที่ยวชดเชยแล้วบอกเลิก ผมก็จะได้รีบตัดใจ...


ก่อนที่พวกเราจะออกมา ผมขอร้องให้พี่ซันโทรหาพี่อาร์ตและขอคุยเป็นการส่วนตัวเพราะผมรู้ว่าพี่อาร์ตน่าจะติดต่อกับไบร์ทได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ แต่พี่ซันก็ไม่ยอม


‘ถ้าจะคุยก็เปิดลำโพง ไม่งั้นก็ไม่ต้องคุย’


นี่เป็นคำพูดของพี่มัน บอกตามตรงนะครับ วันนี้ผมเหนื่อยจนไม่อยากจะทำอะไรเลย ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนล่วงเลยจนมาถึงตอนเช้า
เหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายที่เราไปเจอกันที่ห้าง


ที่หนักสุดคือเหตุการณ์สดๆ ร้อนๆ ที่ผมถูกพี่มันลากขึ้นรถมาด้วย รวมเวลากว่าสองชั่วโมง


ผมแสร้งหลับตั้งแต่ก้าวขึ้นรถมา จนถึงที่ปั้มนั่นแหละครับ


“ไม่ครับ”


ผมตอบโดยไม่หันไปมองหน้าคนถามแล้วแกล้งข่มตาหลับต่อ พี่ซันไม่ได้พูดอะไร แต่ผมได้ยินเสียงเปิดประตูรถลงไปโดยที่ยังติดเครื่องไว้อยู่


พี่ซันหายไปพักใหญ่ๆ ก่อนจะกลับมา ผมยังแกล้งหลับอยู่อย่างนั้นเพราะยังไม่อยากสนทนากับพี่มันตอนนี้


“ตื่นมากินอะไรหน่อยบีทส์ นี่มันจะสี่โมงเย็นอยู่แล้ว” พี่ซันสะกิดแขนผมเบาๆ แล้วเอ่ยเรียก ผมยังหลับตานิ่งไม่ขยับ


“ถ้าหิวเมื่อไหร่ก็หยิบเอาได้ที่เบาะหลัง กูซื้อมาหลายอย่างไม่รู้ว่ามึงชอบกินอะไรบ้าง” พี่ซันพูดต่อ ผมเม้มปากจะไปรู้ได้ยังไงพี่เคยสนใจผมซะที่ไหนล่ะ


โครกกกกก~


ไอ้กระเพาะทรยศ!!


“หึๆ ลุกขึ้นมากินเถอะ รองท้องไว้ก่อน ไว้ถึงเมื่อไหร่กูจะพาไปกินอะไรที่มันอร่อยกว่านี้” พี่ซันยั่วน้ำลาย ผมกัดปากฉับ ค่อยๆ ลืมตา เหลือบมองพี่ซันที่นั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ ด้วยหางตา


พี่ซันเอื้อมมือไปหยิบถุงขนมมายื่นให้ผม “รับไปสิ” ผมรับมาก่อนจะมองลงไปในถุงเซเว่น นมช็อกโกแลต ขนมปัง เลย์รสสาหร่ายที่ผมชอบ แต่เดี๋ยวนะนี่พี่มันเหมามาทั้งเซเว่นเลยหรือเปล่าวะเนี่ย!?


นมมีทุกรส ขนมปังมีทุกยี่ห้อ ยิ่งเลย์นะครับครบทุกรส!!


ผมนั่งแกะเลย์กินเงียบๆ ดูดนมไปด้วย ก่อนจะชำเลืองมองพี่ซันที่ขับรถอยู่ เบนหน้าหันไปมองนอกหน้าต่างแล้วสะดุดกับป้ายข้างทาง ‘จังหวัดประจวบคีรีขันธ์’ ผมหันไปมองพี่ซันอีกครั้งก่อนจะแอบถอนหายใจเบาๆ แล้วหันไปมองวิวข้างทางอีก


ชวนหรือไม่ชวนดี…


“ฟังเพลงหน่อยมั้ย” พี่ซันถามขึ้น ผมทำปากยื่นแล้วส่ายหัว
   

ไอ้บีทส์มึงจะไปสนใจทำไมวะ ‘คนใจร้ายใจดำแบบนั้น!’ ความคิดด้านมืดก่อตัวขึ้น ‘แต่เขาขับรถมานานแล้วนะเหว่ย ป้อนน้ำเขาหน่อยก็ยังดี’ ความคิดด้านสว่างดังแทรกเข้ามาอีก ฮ่วย!! เวลาต้องการความคิดเห็นแบบนี้เสือกคิดไม่ตรงกันอีก ไม่ได้เรื่อง!


“เป็นอะไร”


“เปล่าครับ”


แล้วเราสองคนก็ต่างคนต่างเงียบ


“เฮ้ยพี่ ทะเล!!!” ผมร้องบอกพี่ซันเสียงหลงเมื่อเริ่มมองเห็นทะเลกว้างปรากฏอยู่ทางซ้ายมือฝั่งผมพอดี


“ตื่นเต้นอะไร ทำอย่างกับไม่เคยเจอทะเล”


ผมเบ๋ปากแล้วหันไปมองทะเลตาเป็นประกาย ไม่เจอทะเลมานานแค่ไหนแล้ววะกู สรุปคือที่ที่พี่มันจะพาผมมาก็คือทะเลใช่ไหมครับ โคตรถูกใจเลย


พี่ซันขับรถไปตามเส้นทางเรื่อยๆ


ผมเริ่มสังเกตเห็นโรงแรมที่ตั้งเรียงรายอยู่ในตัวเมือง บางแห่งก็ทำเป็นเหมือนคอนโดที่กรุงเทพนะครับ บางที่ก็คล้ายบ้านพัดทางฝั่งยุโรปออกไปทางแนววินเทจ สวยมาก


“สวยมั้ย” พี่ซันถามขึ้นลอยๆ หลังจากขับรถเข้าบริเวณที่มีชายหาดสีขาวปรากฏต่อสายตา ข้างๆ ชายหาดมีโต๊ะคอยให้บริการนักท่องเที่ยววางอยู่เรียงรายแต่ไม่มากเกินไปจนทำให้เสียบรรยากาศ คนเล่นน้ำก็ไม่เยอะนะครับ ที่สำคัญน้ำทะเลเป็นสีฟ้าเลย น่าเล่นมาก


“ก็...งั้นๆ”


ผมตอบเหมือนไม่สนใจ แต่มองชายหาดจนลับตา จึงกลับมานั่งกินขนมเหมือนเดิม


“เฮ้ยพี่ มีเครื่องบินด้วย” ผมถามพี่ซันเสียงตื่นเต้นเมื่อพี่ซันกำลังขับผ่านป้อมยามที่มีเครื่องบินหลายลำวางอยู่เรียงราย แต่ละลำสวยคลาสสิกมากครับ มันใช่ที่จอดเครื่องบินไหมวะ ทำไมไม่มีลานจอด


“สัส! หัดดูป้ายบ้างสิวะ กองบินห้า กองทัพอากาศ” พี่ซันพูดกลั้วเสียงหัวเราะ  ผมเลิกคิ้วก่อนจะมองหาป้ายที่ว่าจนเหลียวหลัง
ไหนวะ…


 โอ๊ะ จริงด้วย!


“ก็ป้ายมันอยู่ข้างบนอ่ะ” ผมเถียงเบาๆ กันตัวเองหน้าแตก โดยไม่หันไปมองพี่ซันอีก ต้องแอบยิ้มอยู่แน่ๆ!


‘ยินดีต้อนรับสู่อ่าวมะนาว’


ผมเลิกคิ้ว มองป้ายต้อนรับที่ตั้งอยู่ อ่าวมะนาวเหรอ…เพิ่งเคยได้ยิน ยังมีอ่าวมะกรูด มะพร้าว ส้มโออีกหรือเปล่า ทะเลที่คนไทยอย่างผมไม่รู้จัก


พี่ซันขับรถมุ่งหน้าไปตามถนน สองข้างทางเป็นต้นมะพร้าว ผมคิดว่าน่าจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินะครับ เพราะแม่งโคตรไม่เป็นระเบียบเลย ผมพยายามสังเกตรีสอร์ทแต่ละที่ที่คาดว่าพี่ซันจะเลี้ยวเข้าและคอยชำเลืองท่าทีพี่ซันไปด้วย แต่ผ่านไปไม่รู้กี่สิบรีสอร์ทก็ไม่มีทีท่าว่าพี่ซันจะจอดแวะ จนผมหมดอารมณ์ที่จะลุ้น


“ข้างหน้านั่นบ้านพักของครอบครัวกูเอง” พี่ซันเอ่ยบอกผมก่อนที่จะเลี้ยวเข้าไปในบ้านพักหลังหนึ่ง ผมเงยหน้าขึ้นมองยังทิศทางนั้นทันที


ผมเริ่มตื่นตัวเมื่อรถพี่ซันค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปใกล้บ้านพัก ก่อนจะค่อยๆ เลี้ยวเข้าไปจอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังใหญ่


คือทุกคนครับ...เอาจริงๆ นะ


ผมเพิ่งเห็นข้อดีของการมีคนรู้จักเป็นคนรวยก็วันนี้ บ้านหลังนี้มันสวยมากๆ ครับ อย่างกับบ้านในฝันเลย


“ลงมาสิ” พี่ซันเปิดประตูรถลงไป แล้วอ้อมมาเคาะประตูฝั่งที่ผมนั่ง


“ดื้อ” พี่ซันเรียกย้ำ ผมขมวดคิ้ว


“เดี๋ยวๆ เมื่อกี้พี่เรียกผมว่าอะไรนะ” ผมเปิดประตูรถลงไปโดยไม่ลืมถุงขนมของตัวเอง เหมือนผมจะได้ยินชื่อนี้บ่อยขึ้นนะ


“กูก็เรียกชื่อมึงไง แล้วนั่นจะเอาลงมาด้วยทำไม” พี่ซันตอบแล้วมองไปที่ถุงขนมพะรุงพะรังในมือผม


“ก็…” ผมกำลังจะเอ่ยปากค้านสิ่งที่ตัวเองได้ยิน


“สวัสดีค่ะคุณซัน” ผมกับพี่ซันหันไปตามเสียงเรียก เป็นผู้หญิงวัยกลางคน ดูจากชุดแล้ว ป้าเขาน่าจะเป็นคนดูแลที่นี่


“อืม...เตรียมของไว้เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย” พี่ซันตอบรับในลำคอ แล้วเอ่ยถามต่อ


“เรียบร้อยดีค่ะ แล้วคุณซันจะมาอยู่กี่วันคะ ป้าจะได้บอกเด็กให้อยู่ดูแลได้ แล้วนี่เพื่อนใหม่หรือคะ” คุณป้าแม่บ้านถามพี่ซันต่อด้วยกิริยานอบน้อม แล้วหันมาทางผมในท้ายประโยค ผมยิ้มตอบน้อยๆ พี่ซันหันมามองหน้าผมก่อนจะหันกลับไปทางคุณป้าแม่บ้านอีกครั้ง


“ไม่ต้อง บอกให้ทุกคนออกไปให้หมดในระหว่างที่ฉันอยู่ เรื่องนี้ไม่ต้องรายงานใครเพราะฉันต้องการความเป็นส่วนตัว” พี่ซันพูดสั่ง ก่อนจะเน้นยำในท้ายประโยคเสียงเรียบ ผมแอบกลืนน้ำลาย ไอ้โหด ไอ้ร็อคไวเลอร์!


“ทราบแล้วค่ะ” คุณป้าแม่บ้านรับคำ


“เข้าใจแล้วก็ไปสิ” พี่ซันเอ่ยไล่ออกมาตรงๆ จนผมต้องยื่นมือไปสะกิดแขนเขาแล้วแอบกระซิบ “พูดกับป้าเขาดีๆ หน่อยสิ”


พี่ซันหันมามองตาดุ ก่อนจะโน้มหน้าลงมาใกล้ใบหน้าของผม “กูกับมึงมีเรื่องต้องคุยกัน...แค่กูกับมึงเท่านั้น” ผมย่นคอหนี ผลักอกพี่มันออก


“อย่ามาฉวยโอกาสนะโว้ย” ผมแหวเข้าให้


พี่ซันหัวเราะเบาๆ


“โทษที...มันลืมตัว”


พูดจบก็คว้าข้อมือผมให้เดินตาม ผ่านบ้านพักหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่โคตรจะหรูหรา ลัดเลาะไปตามทางก่อนจะถึงบ้านหลังหนึ่งที่ไม่ใหญ่เท่ากับบ้านหลังแรก ข้างๆ มีสระว่ายน้ำเล็กๆ ติดกับตัวบ้าน


ส่วนที่ดึงดูดใจผมมากที่สุดก็คือบ้านหลังนี้...ติดกับทะเล


พี่ซันจูงมือผมเข้าไปในตัวบ้าน ผมมองสำรวจด้วยความตะลึง ทุกคนครับ บ้านหลังนี้ไม่ได้ดูหรูหราเหมือนกับบ้านหลังแรก แต่บ้านหลังนี้กลับทำให้ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นแฝงไปด้วยความโหยหายังไงก็ไม่รู้ โซฟาสีดาตัวใหญ่ที่ตั้งไว้กลางบ้าน มีทีวีจอแบนและเครื่องเสียงครบชุดติดฝาผนัง บาร์เล็กๆ ก็ตั้งอยู่ข้างๆ แล้วผมก็สังเกตเห็นว่ามีรูปพี่ซันกับเพื่อนๆ ตั้งอยู่รอบๆ บ้านเต็มไปหมด
บ้านหลังนี้...คงเป็นบ้านส่วนตัวของพี่ซันสินะ


“บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่กูออกแบบเองเป็นครั้งแรก” พี่ซันเกริ่น ผมหันไปเลิกคิ้วแปลกใจ เก่งว่ะ


เขาระบายยิ้ม “เป็นที่เดียวที่กูอยู่แล้วสบายใจที่สุด เพราะไม่มีใครกล้าก้าวเข้ามาในเขตบ้าน ถ้ากูไม่อนุญาต” ดูลึกลับชะมัด


“มึงจะอาบน้ำก่อนมั้ย” พี่ซันถาม ผมเบิกตาโตแล้วสะบัดแขนให้หลุดจากมือพี่มัน “ทำไมต้องอาบ”


“เฮ้ยเดี๋ยวๆ กูหมายถึงว่าอาบน้ำก่อนมั้ยจะได้สดชื่น มึงนั่งรถมาไกลเผื่อไม่สบายตัว” พี่ซันรีบอธิบายแล้วรีบคว้ามือผมไว้
ผมขมวดคิ้ว “ค่อยอาบหลังจากเล่นน้ำเสร็จได้มั้ย”


พี่ซันหัวเราะเบาๆ แล้วพูดขึ้น “ชอบทะเลเหรอ”


ผมพยักหน้ารับ


“เมื่อก่อนตอนที่พ่อผมอยู่พวกเราไปเที่ยวทะเลกันบ่อยมาก”


“แล้วตอนนี้ล่ะ”


“พ่อผม...เสียไปแล้ว พวกเราเลยไม่ค่อยได้ไปทะเลเพราะแม่ยุ่งมาก ไม่นับตอนที่มาเข้าค่ายครั้งก่อนนะครับ” ผมตอบ ก่อนจะหันไปมองวิวชายทะเลสวยงามผ่านประตูบานใหญ่ที่เปิดอยู่ ผมว่านอกจากทะเลจะให้ความเค็มแล้ว มันยังช่วยทำให้คนใจเย็นลงได้นะครับ


“ขอโทษที่ถาม” ผมขนลุกซู่ เมื่อพี่ซันกอดผมจากทางด้านหลัง ลมหายใจของพี่มันเป่ารถต้นคอ

   
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องมันนานมาแล้ว”


พี่ซันวกเข้ากลับเรื่องเดิม “มึงจะเล่นน้ำเลยก็ได้นะ ตอนนี้ไม่ค่อยมีแดดแล้ว”


“แต่ผมไม่มีชุดเปลี่ยน” ผมขัด


“เออว่ะ งั้นไปกินข้าวก่อนก็แล้วกัน เสร็จแล้วค่อยไปซื้อเสื้อผ้าในตัวเมืองกัน” พี่ซันบอกทางเลือกใหม่ ผมแกะมือพี่มันออก แล้วก้าวถอยห่างออกมา หันหน้าเข้าหาพี่ซัน


“ผมอยู่แค่วันสองวัน ให้ใช้ของพี่ก่อนก็ได้นะครับ ไม่ต้องซื้อให้ผมหรอกมันเปลือง ซื้อแค่เอ่อะ...ชิ้นน้อยก็พอ” ผมอึกอัก เบือนหน้าหนีไปอีกทาง อยากตบปากตัวเองจริง ๆ ก็แค่กางเกงในทำไมถึงพูดไม่ได้


พี่ซันแสร้งมองสำรวจผม แล้วพูดกลั้นขำ “จริงๆ กูซื้อสำรองไว้เยอะ แต่ดูท่า....มึงคงใส่ไม่ได้แน่เลยว่ะ ขนาด...มันต่างกันเยอะ” ผมเบิกตากว้างเมื่อเข้าใจคำพูดที่พี่ซันต้องการจะสื่อ


“ไอ้พี่ซัน!!!!!!”


อ๊ากกกกกกกก



ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
[ต่อ]


“เลิกทำหน้างอได้แล้วน่า เห็นแล้วหมดอารมณ์” พี่ซันพูดขึ้นขณะขับรถพาผมออกมาหาอะไรกิน เห็นพี่มันบอกว่าเป็นอาหารทะเลร้านประจำที่พี่มันชอบไปนั่งกินทุกครั้งที่มีโอกาสมาที่นี่


“เฮอะ” ผมยกเท้าขึ้นมานั่งท่าขัดสมาธิบนเบาะ จริงๆ แค่อยากจะเปลี่ยนท่าครับ เก๊กนานมันเมื่อย


“กูก็แค่พูดความจริง ทำไมต้องงอนด้วยวะ” พี่ซันหันมาถามเป็นรอบที่ห้า อ๊าก! จะย้ำทำไมนักหนา


“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้งอน”


“เสียงก็ยังสูงอยู่ดี เด็กขี้โกหก” พี่ซันพูดก่อนจะหัวเราะเบาๆ ผมถลึงตาใส่พี่มัน


“ก็อย่ามายุ่งกับเด็กขี้โกหกสิ”


“ว่าไงนะ” พี่ซันถามย้ำ เหมือนไม่มั่นใจในคำพูดของผม


ผมยักไหล่ “เปล๊า”


แล้วเราสองคนก็ยุติบทสนทนากันไว้แค่นั้น ตอนนี้ตะวันตกดินแล้วครับเรียกว่ามืดแล้วจะดีกว่า มาต่างจังหวัดแบบนี้ผมว่าตอนกลางคืนมันอากาศดีนะครับ เพราะอากาศจะเย็นกว่าช่วงตอนกลางวันมาก เดินเล่นชิวๆ ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ


พี่ซันเลี้ยวเข้าไปในร้านอาหารร้านหนึ่งที่อยู่ย่านในเมือง เป็นร้านอาหารทะเล ผมแอบเห็นป้ายของช่องโทรทัศน์หลายช่องติดอยู่ แสดงว่าร้านนี้คงขึ้นชื่อไม่เบาเลย พี่ซันจอดรถก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ผม ผมเอื้อมมือไปปลดที่คาดเข็มขัดเตรียมลง


หมับ!


ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่ซัน เมื่อพี่มันเอามือมาวางทับมือผมไว้ พี่ซันมองหน้าผมเหมือนกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะพูดหรือไม่พูดดี


“ในเมื่อกูพามาหาของกินแล้วก็ช่วยยิ้มหน่อยไม่ได้รึไง” พี่ซันพูดขึ้นเสียงเรียบ ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงกว่าเดิม


“ผมจะยิ้มก็ต่อเมื่อผมอยากยิ้ม บังคับผมมาแล้วยังจะบังคับให้ผมยิ้มอีกเหรอครับ” ผมทำหน้าซื่อถามออกไป พี่ซันหน้าเสีย ยอมปล่อยมือผม ผมรีบปลดสายคาดเข็มขัดออก ก่อนจะเปิดประตูรถออกไปอย่างตื่นเต้น แค่เห็นรูปที่ติดอยู่หน้าร้านน้ำลายก็สอแล้วครับ


พี่ซันเปิดประตูรถออกมาก่อนจะจัดการปิดล๊อกรถ แล้วเดินมาหาผม ผมมองเข้าไปในร้านก่อนจะเห็นว่ามีลูกค้านั่งอยู่เกือบเต็มร้าน โห...นี่มันเพิ่งจะเย็นเองนะโว้ย แม่เจ้าจะมีที่นั่งไหม


“เข้าไปสิ” พี่ซันแตะมือที่เอวผม


“นี่ขนาดผมว่าเราออกมาเร็วกันแล้วนะ พี่ดูดิคนเต็มร้านเลยแล้วเราจะมีที่นั่งมั้ยเนี่ย” ผมบ่น พี่ซันเลิกคิ้วแล้วหันหน้ามองเข้าไปในร้าน ก่อนจะยื่นมือมาคว้ามือผมไว้แล้วออกแรงรั้งเบาๆ พาเดินไปยังประตูทางเข้า


“เฮ้ยพี่ ปล่อยดิผมเดินเองได้ นี่...ปล่อยสิ คนมอง!” ผมเอ็ดเบาๆ เมื่อสังเกตเห็นว่าคนเริ่มมองกันแล้ว ไอ้พี่นี่มันไม่อายเขาบ้างหรือไง ถึงตอนนี้โลกจะเปิดกว้างมากขึ้นแล้ว แต่ทำแบบนี้มันท้าทายสายตาคนอื่นเขาเกินไปนะโว้ย


“มองก็มองไปสิ” ไอ้คนหน้าหนา


ผมกรอกตามองฟ้า เอ่ยปากถามต่อ “แล้วไม่กลัวคนอื่นเขาจะเข้าใจผิดรึไงเล่า” พี่ซันไม่ตอบแต่เดินไปยังมุมๆ หนึ่งที่มีโต๊ะจัดไว้แยกส่วน


ปัดโธ่...โทรมาจองไว้ก่อน แล้วก็ไม่บอก!


“สวัสดีครับคุณซัน ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” ผมมองคนที่เดินเข้ามาทักตาโต ผู้จัดการร้านเดินเข้ามาทักทายแล้วหันมายิ้มให้ผม เล่นเอาส่งยิ้มกลับให้แทบไม่ทันเลยครับ ที่ผมรู้ว่าเขาเป็นผู้จัดการ ก็เพราะป้ายชื่อที่ติดอยู่ตรงหน้าอกข้างซ้ายของพี่เขานั่นแหละครับ ‘Manager’ เป็นยังไงครับเห็นแบบนี้ความรู้ผมไม่ใช่ขี้ๆ นะเออ (มีแต่ขี้เลื่อย)


ผมเหลือบมองพี่ซัน รู้จักผู้จัดการร้านซะด้วย


“อืม แล้วสบายดีนะครับ” พี่ซันพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยถาม


“สบายดีครับ คุณพ่อคุณแม่ก็คงจะสบายดีใช่มั้ยครับ” พี่ผู้จัดการร้านถามต่อด้วยรอยยิ้ม ผมเห็นพี่ซันแสยะยิ้มแล้วหันไปตอบเสียงเย็น


“ก็คง...สบายดีมั้งครับ”


“ถ้ามีอะไรให้ผมรับใช้ก็เรียกได้เลยนะครับ ผมขอตัวไปดูแลลูกค้าทางนู่นต่อ ทานให้อร่อยนะครับ” พี่ผู้จัดการรีบพูดตัดบทก่อนจะรีบเดินก้าวออกไปอีกทาง ผมหันไปมองพี่ซัน


“พี่ไปดุเขาทำไม”


“กูเปล่า” พี่ซันปฏิเสธแล้วนั่งไขว่ห้างมองหน้าผม ผมเบ๋ปากใส่ร่างสูงตรงหน้า


เรานั่งเงียบกันอยู่สักพัก ก่อนที่ผมจะพูดเปิดประเด็น “ที่จริง...” พี่ซันเลิกคิ้ว ผมสูดลมหายใจเข้าแรงๆ เพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ตัดสินใจพูดต่อ


"ที่จริงแล้วพี่ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้นะครับ”


“เรื่อง?”


“ก็ที่พาผมมาเที่ยวนี่ไง” ผมอธิบาย


“ทำไม” พี่ซันถามต่อ


“ผมรู้ว่าที่พี่ทำก็คงเพราะสงสาร แต่ผมไม่ได้ต้องการความสงสารจากพี่ ผมอยากให้พี่เข้าใจตรงนี้ไว้ด้วย” ผมขยายความแล้วมองหน้าพี่ซันอย่างจริงจัง พี่ซันเลิกคิ้วขึ้นอีก


“แล้วยังไงต่อ” ถามต่อหน้าซื่อ โว๊ะ! ช่วยให้ความร่วมมือหน่อยได้ไหมเนี่ย


ผมทำหน้างอ


“กินก่อนเถอะ แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กัน” พี่ซันพูด ก่อนจะลุกขึ้นนั่งในท่าใหม่ พร้อมกับมองไปยังพนักงานเสิร์ฟที่เดินเรียงรายกันมาที่โต๊ะของพวกผม เหย้ด แต่ละอย่างมีแต่น่ากินๆ ทั้งนั้นเลย


มากินอาหารทะเลถึงที่นี่มันดีจริงๆ นะครับพี่น้อง มีแต่ปูตัวโตๆ เลย โอ้โห นั่นก้ามปูรึกล้ามคน คึคึ เวอร์เนอะ


“โอ๊ะ” ผมร้องขึ้นเมื่อมือบาดกับก้ามปู เจ็บ!


“ซุ่มซ่าม ยื่นมือมาให้กูดูสิ” พี่ซันพูดขึ้น ก่อนจะคว้ามือผมไปดูแทน แล้วใช้นิ้วโป้งลูบคลึงปลายนิ้วที่โดนบาด ผมร้องซี้ดด้วยความเจ็บ


พี่มันมองผมตาดุ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอาขวดน้ำเปล่าข้างตัวมาเทราดที่แผลของผม แล้วล้างทำความสะอาดให้ก่อนจะยอมปล่อยมือ


“มันลื่นต่างหาก” ผมเถียงงึมงำ ไม่ยอมมองหน้าพี่ซันที่จ้องมองมา แล้วแกล้งสนใจอาหารตรงหน้าแทน


“ไม่ต้องมาเถียง แค่เรื่องของกินมึงยังทำให้ตัวเองเจ็บตัวได้เลย นับประสาอะไรกับเรื่องอื่น” พี่ซันพูดต่อ ผมยู่ปากใส่ โธ่ ช่างหาเรื่องมาด่านะคนเรา มันก็ต้องมีพลาดกันบ้าง จริงไหมครับ อ่อ มีอยู่อีกทางถ้าไม่อยากพลาดโดนมันบาดก็คือใช้คนอื่นแกะให้กิน!!
   

“ตั้งใจจะด่าก็บอกมาเถอะ ไม่เห็นจะต้องหาเหตุผลมาเป็นข้ออ้างเลย”
   

“อยู่เฉยๆ เดี๋ยวกูแกะให้”
   

ผมทำตาโต เมื่อกี้นี้สงสัยจะหิวมากไปเลยหูฝาด อย่างพี่ซันเนี่ยนะจะแกะปูให้ผมกิน โอ้วพระเจ้าจอร์จ ประเทศไทยจะหิมะตกไหม


“ผมกำลังฝันอยู่หรือเปล่า”


พี่ซันส่ายหัวเอือมๆ


“พูดมาก”


ผมอมยิ้ม ก่อนจะนั่งเท้าคางมองหน้าพี่ซัน ถ้าผมกำลังฝันอยู่จริงๆ ก็คงเป็นฝันที่ผมไม่อยากตื่น


“ขอโทษนะคะ”


ผมกับพี่ซันละสายตาไปมองผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งที่เดินเข้ามาที่โต๊ะของเรา ดูเหมือนเธอจะอายุมากกว่าผมนะ เธอคนนั้นใส่

เสื้อเกาะอกสีแดงสดพร้อมด้วยกระโปรงตัวบางสีสดใสมีกางเกงยีนส์ขาสั้นสีน้ำเงินตัวจิ๋วซ่อนอยู่ภายใน ดูเซ็กซี่ไม่หยอก พลางทำให้นึกถึงอิพิงค์เพื่อนรักขึ้นมาตะหงิดๆ ทว่าเพื่อนผมมันขาวกว่า


หน้าอกเธอคนนี้ใหญ่กว่าเพื่อนผมนิดหน่อย แต่ผมพอจะมองออกว่าคงผ่านเทคนิคเสริมสร้างความมั่นใจให้ตัวเองที่เขาเรียกกันว่า ‘การดัน’ เธอกำลังมองหน้าพี่ซันอย่างเอียงอาย


พี่ผู้หญิงหันมายิ้มให้ผม ก่อนจะหันไปหาพี่ซันอีกครั้ง ผมเหลือบมองหน้าพี่ซันก่อนจะวางช้อนลงกับจาน เอนหลังลงพิงเก้าอี้เอามือกอดอกมองดูนิ่งๆ


“ครับ”


พี่ซันตอบรับแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม จิบเบียร์ในมือไปด้วย ทีผมจะกินกลับห้ามนะไอ้คนลำเอียง!


“ฉันโรสนะคะ คุณ...มาเที่ยวกับน้องชายเหรอ” ผู้หญิงคนนั้นพูดแนะนำตัว ก่อนจะเอ่ยถามพี่ซัน พี่มันหันมามองหน้าผมแล้วแอบ
ยิ้มในตา ผมพ่นลมหายใจออกมา เบือนหน้าหนีเซ็งๆ


...ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนพี่มันก็ยังฮอตเสมอ


“ครับ มาเที่ยว” พี่ซันตอบ ผมเอียงหูฟัง แต่ทำเป็นไม่สนใจ


“แล้วไม่ทราบว่ามาอยู่กันกี่วันคะ เผอิญโรสมาคนเดียวจะเป็นการรบกวนมั้ยถ้าโรสจะขอไปจอยด้วยอีกคน” พี่โรสเอ่ยเข้าประเด็น ผมแอบชำเลืองมองด้วยหางตา เห็นพี่โรสยื่นมือมาเขี่ยหลังมือพี่ซันไปมา


“เรามากันแค่สองวัน คิดว่าคงไม่สะดวกเท่าไหร่” พี่ซันเอ่ยตอบ ผมแอบยิ้มอย่าง โล่งอก อย่างน้อยๆ พี่มันก็ไม่ได้เออออห่อหมกไปกับเขาด้วยอีกคน


“น่าเสียดายนะคะ ยังไงโรสขอเบอร์คุณไว้หน่อยได้มั้ย เผื่อโรสกลับกรุงเทพจะได้แวะไปเยี่ยมคุณบ้าง แล้วนี่คุณจะใจร้ายไม่บอกชื่อโรสหน่อยเหรอ” ผมหันไปมองหน้าพี่ซัน เมื่อพี่โรสเอ่ยขอในสิ่งที่ต้องการน้ำเสียงออดอ้อน เนียนจริงๆ


พี่ซันหัวเราะในลำคอ ก่อนจะดังมือกลับมากอดอกยิ้มๆ


“ถ้าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับผม ลองถามเขาดูสิ ถ้าเขายอมบอก...ก็ตามนั้น” พี่ซันหันไปพูดกับพี่โรส ก่อนจะพยักพเยิดหน้ามาทางผม พี่โรสเลิกคิ้ว แล้วรีบเดินมานั่งข้างผมทันที


“พี่ชื่อโรสนะคะ น้องชื่ออะไรเอ่ย” พี่โรสแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงน่าฟัง ส่งรอยยิ้มเป็นมิตรมาให้ผม ผมมองพี่ซันด้วยหางตา นึกหมั่นไส้ที่เขาผลักภาระมาหล่นใส่หัวผม


เฮอะ...เดี๋ยวได้รู้


ผมหันไปมองหน้าพี่ซันตรงๆ แล้วเลิกคิ้วถามเพื่อความแน่ใจ


“ผมตอบอะไรก็ได้ใช่มั้ย”


พี่ซันยักไหล่ คล้ายกับจะบอกว่าจะทำอะไรก็ทำ


“จะมาว่าผมทีหลังไม่ได้นะ”


ผมหันไปยิ้มหวานให้พี่โรส พี่เขารีบยิ้มตอบให้ผมอย่างมีความหวัง


“เมื่อกี้...พี่ถามเขาว่ามาเที่ยวกับน้องรึเปล่าใช่มั้ยครับ” พี่โรสพยักหน้ารับ ฉีกยิ้มให้ผม ผมโน้มลำตัวเข้าไปหาเธอแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ


“ผมขอตอบแทนเลยว่า...ไม่ใช่” ผมยิ้มนัยน์ตา เน้นย้ำในคำสุดท้าย พี่โรสเลิกคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมบอก ไม่หรอก...ผมว่าเขาแค่ไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยินมากกว่า


“ผมกับเขา...เราไม่ใช่พี่น้องกัน แต่ถ้าอยากให้ผมตอบแบบที่พี่ฟังแล้วสบายใจก็ได้นะครับ จะเรียกว่าเราเป็นพี่น้องกันก็คงพอได้ แต่เผอิญว่าเราเป็นพี่น้อง ‘ท้องติดกัน’ ไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมา” ผมยิ้มแล้วตอบหน้าซื่อก่อนจะตักยำห้ารสเข้าปาก พี่โรสยิ้มค้างไปเลย


“หมายความว่าน้องกับเขา เอ่อ เป็น...” พี่โรสพูดตะกุกตะกัก ก่อนจะทำมือเอานิ้วชี้สองข้างมาวางคู่กัน ผมยิ้มแล้วพยักหน้ารับพร้อมกับพูดต่อ


“แล้วผมก็ชื่อบีทส์ ส่วนนั่น...พี่ไม่ต้องรู้จักหรอกครับ ผมไม่สะดวกจะให้เขารู้จักกับใคร...” ผมไม่อยากให้ใครเอาชื่อพี่ซันไปพูดในทำนองที่ไม่ดี


“ไม่จริงชะ...” พี่โรสเตรียมจะหันหน้าไปถามพี่ซัน แต่ผมไม่ปล่อยให้เขาพูดจบ รีบแทรกขึ้นมาตัดบทซะเลย “หมดธุระแล้วก็เชิญครับ รู้มั้ยว่าขัดคนอื่นตอนกำลังจะกินมันบาป ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่โรสคนสวย สวัสดีครับ” พูดจบก็ยกมือไหว้เพื่อไล่ทางอ้อมยิ้มๆ พี่โรสหันมามองผมตาขวาง ทำท่าจะเข้าไปเกาะแขนพี่ซัน


“หมดธุระแล้วก็เชิญครับ” พี่ซันรีบพูดเสริมตัดบท ก่อนที่เธอจะเดินไปถึงตัว เล่นเอาพี่เขาชะงักหน้าเหวอไปเลย ผมยิ้มกว้างแล้วยกมือขึ้นโบกมือไปมา โดยไม่ลืมที่จะยักคิ้วส่งท้ายให้เธอ


“อ๊าย ไอ้พวกเกย์น่าเกลียด!!!” พี่โรสกรี๊ดขึ้นแล้วยกมือมาทางผม พี่ซันตวัดสายตาไปมองเป็นการเตือน ทำให้พี่โรสสะบัดหน้าหนีแล้วเดินกลับไปยังโต๊ะที่มีเพื่อนๆ ของเธอนั่งรอดูสถานการณ์อยู่


...ไหนว่ามาคนเดียวไง


“หึๆ” ผมหุบยิ้มแล้วหันไปมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม


“ขี้หึง ร้ายไม่เบานะมึง” พี่ซันว่าขำๆ


“ใครไปหึงพี่กัน ผมก็แค่ไม่ชอบที่เขามากวนเวลาผมกินก็แค่นั้นเอง” ผมแถแล้วก้มหน้าตักนู่นนี่ใส่ปากมั่วไปหมด เพื่อไม่ให้ปากตัวเองว่าง


“เหรอ แล้วที่นั่งหน้าบึ้งกำมือแน่นไม่ยอมปล่อยก่อนหน้านี้มันเพราะอะไร” พี่ซันถามขึ้นอย่างเป็นต่อ ผมเหวอไปชั่วขณะ นี่ผมทำอย่างที่พี่มันบอกจริงๆ เหรอ


“ช่างผมเถอะ ว่าแต่พี่น่ะให้ผมพูดไปแบบนั้นโดยที่พี่ไม่ขัดอะไรเลย มันจะดีเหรอ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง เกลียดสายตารู้ทันของพี่มันชะมัด ไปหัดทำสายตาวับๆ แวมๆ แบบนี้มาจากที่ไหนกัน


พี่ซัน ‘หึ’ ในลำคอก่อนจะเอ่ยตอบ “ใครจะมารู้จักกูเท่ากับตัวกูเอง”


ผมเลิกคิ้ว อะไรของพี่มัน คิดอยากจะสำบัดสำนวนขึ้นมาหรือไง “ช่วยพูดให้มันเข้าใจง่ายๆ หน่อยไม่ได้รึไง” ผมบ่น แต่เฮ้ยยำห้ารสมันอร่อยจริงๆ นะครับผมชอบ ยิ่งแบบเม็ดมะม่วงนะกรอบมาก!


เออ ผมเคยบอกทุกคนไปหรือยังครับว่าผมแพ้มัน จริงๆ ไม่เรียกว่าแพ้หรอกครับแต่ถ้ากินมันเข้าไปในปริมาณเยอะๆ แล้วกินพวกแอลกอฮอล์ตามลงไปมากๆ จะทำให้ผมเมาไม่ได้สติมากกว่ากินเหล้าธรรมดาหลายเท่า


ผมไม่รู้ตัวหรอกครับ จริงๆ พวกไอ้ปริ้นกับไอ้ออยมันบอกมา แต่ผมว่ากินนิดกินหน่อยก็ไม่น่าจะมีปัญหา กินเหล้าเขาก็ต้องกินให้เมาไม่ใช่เรอะ พวกมันน่ะวิตกกังวลมากเกินไป พอผมบอกว่าไม่เป็นไรมันก็ไม่ยอมฟัง เอาแต่ห้ามท่าเดียว ไปกินเหล้ากับพวกมันเลยโดนห้าม ทั้งๆ ที่มันเป็นอาหารเลิศรสแท้ๆ


“ความหมายมันก็ตรงตัว มึงน่ะโง่เองต่างหาก” พี่ซันพูดก่อนจะเอื้อมมือมาจิ้มหน้าผากผมย้ำๆ ผมขมวดคิ้ว อะไรวะก็คนมันไม่เข้าใจอ่ะ


“ไม่อยากรู้ก็ได้วะ งั้นผมกินเบียร์ได้มั้ย” ผมเอ่ยขออีกครั้งอย่างเซ็งๆ ไม่ถามแล้วก็ได้วะ ฮึ่ย หมั่นไส้ไอ้คนฉลาด!!


“เดี๋ยวก็เมา” พี่ซันห้ามอีก


ผมส่ายหัว “เบียร์แค่กระป๋องสองกระป๋องทำอะไรผมไม่ได้หรอกน่า” ผมทำหน้าอ้อนขอ แต่พี่ซันก็ยังส่ายหัว


“เรายังคุยธุระกันไม่เสร็จ ถ้ามึงเมาไม่ได้สติแล้วจะคุยกันรู้เรื่องมั้ย” พี่ซันอธิบาย ผมเบ๋ปาก นั่งหูลู่หางตกด้วยความห่อเหี่ยว


“แก้วเดียวก็ได้เอ๊า!” ผมชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว แล้วเอียงหน้ากระพริบตาปริบๆ ให้พี่ซัน หวังจะให้พี่มันใจอ่อน


“...”


“นะ”


“เฮ้อ แค่แก้วเดียวนะ” ในที่สุดพี่ซันก็ยอมถอยให้ผมก้าวหนึ่ง โดยรินเบียร์จากกระป๋องที่พี่มันดื่มมาเทใส่แก้วให้ผม ผมยิ้มอย่างดีใจ โฮะๆ


“ขอบคุณครับ” พี่ซันยื่นแก้วเบียร์มาให้ผม ผมรับมายกซดก่อนเลยหนึ่งอึกใหญ่ๆ


“พี่...จะคุยเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราใช่มั้ย” ผมถามเปิดประเด็น พี่ซันเลิกคิ้วแปลกใจ แต่ก็พยักหน้ารับ ผมเคาะนิ้วกับโต๊ะเพื่อรอให้พี่ซันพูดต่อ


“คือกู...ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงเหมือนกัน” พี่ซันเสยผม


“ผมว่าจริงๆ มันก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเคลียร์นะ พี่ก็เคยบอกผมตั้งหลายครั้งว่ามีคู่หมั้นแล้ว ตอนเข้าค่ายผมก็แอบได้ยินว่าพี่จะแต่งงานกับพี่รหัสของผมด้วย” ผมออกความเห็น ก็พูดไปตามเนื้อผ้าแหละครับ ทั้งที่จากที่ได้ยินและได้ฟังมา


จริงๆ ผมก็อยากให้เรื่องระหว่างเรามันเคลียร์เหมือนกันถึงได้ยอมมากับพี่ซัน ถ้าเราไม่เปิดอกคุยกัน ทุกอย่างก็คงจะคลุมเครืออยู่แบบนี้


“ไหนว่าบังเอิญผ่านไง แอบฟังชัดๆ”


ผมร้องโอ๊ย เมื่อพี่ซันใช้ช้อนตักน้ำแข็งเคาะหัวผม


“นั่นก็บังเอิญได้ยินเถอะ!” ผมแก้ตัว ลูบหน้าผากตัวเองไปด้วย ไม่น่าพลั้งปากบอกพี่มันเลย ไอ้คนนิสัยไม่ดี! ชอบทำร้ายร่างกายคนอื่น!


“แก้ตัวน้ำขุ่นๆ อย่ามาเนียน” พี่ซันหัวเราะในลำคอ


“เออ ผมจำได้ว่าพี่เคยบอกผมว่าเกลียดเกย์ ทำไมพี่ถึงได้เกลียดเกย์ล่ะ” ผมถาม เมื่อนึกขึ้นได้ถึงสาเหตุที่พี่มันเคยตั้งแง่กับผมตอนเจอกันแรกๆ พี่ซันชะงักแล้วมองหน้าผม ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึม มองแก้วเบียร์ในมือ


“กูเคยมีพี่ชายคนหนึ่ง เราสนิทกันมาก แต่แล้ววันหนึ่งมันกลับ...ฆ่าตัวตาย โดยที่กูไม่เคยระแคะระคายมาก่อน” พี่ซันเล่าด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ ผมนั่งฟังด้วยความตั้งใจ ทีแรกผมก็นึกว่าจะเป็นพี่เจซะอีก


“ต้นเหตุเป็นเพราะเกย์เหรอครับ” ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย พี่ซันปรายตามามองหน้าผม ก่อนจะพยักหน้ารับ


“เพราะกูไม่เคยเห็นด้วยกับมันมาตั้งแต่แรก...กูก็เลยไม่คิดจะสนใจ แต่พอคิดได้มันก็สายไปแล้ว...” พี่ซันเว้นคำพูดไว้แค่นั้น ก่อนจะยกเบียร์ขึ้นซด


“พี่ซัน...” ผมครางเรียกชื่อพี่มันในลำคอ


“ทั้งๆ ที่พี่กูรักมันมาก แต่มันกลับหักหลังพี่กู มันเห็นความรักของพี่กูเป็นแค่เศษดิน เป็นบ่อเงินบ่อทองให้มันมีกินมีใช้ และพอได้ทุกอย่าง...มันก็จากไป ไม่ต่างจากที่เพื่อนกูเจอ” พี่ซันพูดเสียงเข้ม มือกำกระป๋องเบียร์แน่น จนผมอดไม่ได้ต้องยื่นมือไปกุมมือพี่มันไว้


“กูไม่เคยเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย มันจะมั่นคงยาวนานไปได้ตลอดรอดฝั่ง” ผมแอบกลืนน้ำลาย


“พี่ก็เลยฝังใจสินะครับ”


พี่ซันพยักหน้ารับน้อยๆ แล้วกระดกเบียร์เข้าปากไปอีกกระป๋อง


ผมมองหน้าพี่ซันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย หลังจากได้ฟังความจริงที่ออกมาจากปากพี่มัน ความรู้สึกด้านลบที่ซับซ้อน ความเกลียดชังที่ไม่ได้เกิดจากตัวผม แสดงว่าพี่มันก็ไม่ได้เกลียดผมมาตั้งแต่แรกน่ะสิ


“แล้วตอนนี้...”


ผมเว้นวรรคคำถามไว้แค่นั้น พี่ซันเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม ผมเม้มปากรอคอยคำตอบ


“กับเกย์...ก็ยังเหมือนเดิม”


“...”


ใจผมหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ความเจ็บปวดแล่นริ้วเข้ามาในอก รู้สึกได้เลยว่ามือตัวเองสั่น ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่เต็มอก แต่พอมาได้ยินกับหูมันก็ยังเจ็บอยู่ดี ผมถอนมือออกมาจากมือพี่มัน ไม่รู้เลยว่าควรจะวางมือไม้ไว้ที่ไหน ก่อนจะคว้าแก้วเบียร์ขึ้นยกซดจนหมดแก้ว แล้วใช้หลังมือเช็ดที่ขอบปากตัวเอง


“แต่กับมึง...มันเปลี่ยนไป”




ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
งือ ความรู้สึกเปลี่ยนไป แล้ว

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……


เงี่ยหูฟัง………พี่ซันรู้สึกยังไงนะ……

ขอตามเผือกอย่างด่วนเลยอ่ะ


 :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:  :katai4:


……

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ยังไงก็คิดว่าตราบใดที่ซันยังไม่เคลียร์เรื่ิงฟ้าให้จบก็ไม่ควรจะมายุ่งกับบีทส์นะ ตัวบีทส์เองก็เหมือนกันยิ่งเป็นพี่รหัสน้องรหัสกันอีกมันจะมองหน้ากันติดเหรอ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :m28: รอฟังคำตอบจ้า รอจนหูกระดิ้กแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ทำไมตอนนี้เราอ่านแล้วรู้สึกว่าเลวทั้งคู่

ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอสิ่งที่พี่ซันจะบอกกับน้องนะ

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ตอนที่ 21 : ทางแยก


[บีทส์]


ผมเงยหน้ามองพี่ซันค้าง หมายความว่ายังไง หัวใจผมเต้นรัวจนแทบออกมาเต้นข้างนอก ผมยกมือขึ้นกุมหัวใจของตัวเองเพื่อไม่ให้มันสั่นมากเกินไป กลัวหัวใจจะวายตายไปซะก่อน
   

“พี่หมายความว่ายังไง” ผมถามพี่ซันเสียงสั่น กลัวว่าจะฟังเพี้ยนไปเอง อย่าพูดให้คิดไปเองคนเดียวจะได้ไหม
   

“ความหมายมันก็แค่นั้น” พี่ซันยักไหล่ ไม่สบตาผม
   

ผมกัดริมฝีปากล่าง “ผมก็แค่อยากฟังให้แน่ใจ ไม่อยากคิดไปเองคนเดียว”
   

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจ
   

“ฟังนะ...มันไม่ใช่เรื่องที่กูจะเอามาพูดได้บ่อยๆ แต่อย่างน้อยมึงก็มั่นใจได้เลยว่ากูไม่ได้เกลียดมึง” พี่ซันยื่นมือมาจิ้มหน้าผากผม จนหน้าผมหงายไปตามแรงมือ
   

“ผมรู้หรอกน่า ไม่งั้นพี่จะลากผมมาด้วยแบบนี้เหรอ” ผมบ่น ที่อยากได้ยินมันไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย
   

“แล้วแบบไหน” พี่ซันเลิกคิ้วถามแล้วยิ้มกวน ผมพ่นลมหายใจหงุดหงิดกับท่าทีกวนประสาทนั่น ก่อนทำท่าลุกหนี
   

“จะไปไหน”
   

พี่ซันตามมาคว้ามือผมไว้ ก่อนจะเอ่ยถาม ผมพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของพี่มัน
   

“ห้องน้ำ” ผมตอบเสียงห้วน
   

“กูก็กำลังจะไปเหมือนกัน”
   

“พี่จะกวนประสาทผมเหรอ”
   

“นี่มึงงอนอะไรกูอีกเนี่ยฮะ” พี่ซันเอ่ยถามหน้ายุ่ง ไม่ยอมปล่อยข้อมือผม ผมหันไปรอบๆ เมื่อรับรู้ถึงสายตาหลายคู่ที่มองมายังพวกผมสองคน
   

“ผมไม่ได้งอน แต่ผมถามจริงๆ นะที่ลากผมมาไกลขนาดนี้ ก็แค่จะพามานั่งกินปูและพูดคำว่าไม่ได้เกลียดผมแล้ว แค่นั้นจริงๆ น่ะเหรอ” ผมถามเสียงขุ่น
   

“...”
   

“ปล่อย”
   

พี่ซันไม่ยอมปล่อย ผมเลยสะบัดข้อมือแรงๆ แต่มันไม่ยอมหลุดแถมยังเจ็บอีกต่างหาก “ทำไมมึงถึงชอบหนีนักวะ” พี่ซันถามขึ้นเสียงฉุน
   

“ผมไม่ได้หนี อย่างผมมันจะหนีไปไหนได้” ผมตอบกลับทันควัน มาก็มากับมันจะให้หนีไปได้ยังไง เงินก็พกมานิดเดียว
   

“แล้วอย่างก่อนหน้านี้ที่เอาแต่หลบหน้า ไม่ยอมรับโทรศัพท์ของกูนั่นล่ะมันเพราะอะไร?!” พี่ซันหาเหตุผลมาอ้าง
   

“ก็เพราะพี่นั่นแหละ!” ไอ้คนเฮงซวย
   

“เพราะกู?” พี่ซันชะงัก
   

“ก็ใช่นะสิ!” ผมย้ำคำ
   

“งั้นกลับ!” พี่ซันเอ่ยบอกเสียงเรียบ
   

“ฮะ!?”
   

“กลับไปเคลียร์กันที่บ้าน ยื่นเซ่ออยู่ทำไม” พี่ซันล้วงเงินในกระเป๋าออกมาวางไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะฉุดแขนผมให้เดินตาม ผมสะบัดหัวมึนๆ นี่พี่มันพูดไม่เคลียร์หรือเพราะผมโง่จริงๆ กันแน่วะ
   

“อะ!” ผมร้องขึ้นเมื่อเดินชนกับพนักงานในร้านที่เดินสวนมา เพราะพี่ซันเอาแต่ลากแขน ด้วยช่วงตัวที่ต่างกันทำให้ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินจ้ำพรวดตาม ไม่ทันได้มองดูทางให้ดี ทั้งยังเริ่มมึนๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
   

“ขอโทษนะครับ! คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” พนักงานคนนั้นถามเสียงร้อนรนก่อนจะมาช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้น ผมส่ายหัวเป็นคำตอบ ก่อนจะสังเกตคนตรงหน้าด้วยความทึ่ง ใบหน้าใสเกลี้ยงเกลาหล่อขนาดไปเป็นนายแบบได้สบาย ดูจากทรงผมแล้วน่าจะอยู่ประมาณมอปลาย แต่ทำไมมันสูงแบบนี้วะ
   

เด็กสมัยนี้พ่อแม่ให้อะไรกินเป็นอาหาร ผมจะได้ไปหามากินบ้าง!!
   

ผมหันไปมองหน้าพี่ซันที่ก้าวเข้ามาปัดมือน้องออกจากแขนผม ก่อนจะเข้ามากอดเอวผมไว้หลวมๆ เพื่อช่วยพยุง น้องเขาทำหน้าเหวอ แต่ขยับตัวออกห่างจากผมสองก้าว
   

ผมขอโทษน้องเขาทางสายตา กำลังจะเอ่ยขอบคุณ
   

“ไปกันได้แล้ว” แต่พี่ซันพูดตัดหน้าผมเสียงเข้ม แล้วรั้งแขนผมให้เดินออกจากร้านเล่นเอาเกือบหน้าหงายเพราะพี่มันเดินจ้ำไวๆ ออกมา
   

พี่ซันหยุดยืนที่ข้างรถ คว้าหน้าผมไปจูบที่ขมับหนักๆ หนึ่งที
   

ผมดันตัวออกใช้กำปั้นทุบไปที่อกพี่ซัน “อะไรเล่า!?” ผีเข้าหรือไง!
   

“ต่อหน้าต่อตากูเลยนะ” พี่ซันว่าเสียงนิ่ง ผมขมวดคิ้วงง
   

“เรื่อง?”
   

พี่ซันไม่ตอบ หันไปกดปลดล็อกรถ แล้วก้าวไปเปิดประตูฝั่งที่ผมนั่ง จับยัดผมเข้าไปในรถ ปิดประตูดังปังแล้วเดินกลับไปยังฝั่งตัวเอง
   

เขาเปิดประตูรถเข้ามานั่ง มองหน้าผมแล้วเอ่ยคาดโทษ “มองผู้ชายตาหวานเยิ้ม เดี๋ยวมึงจะโดน” ผมกระพริบตาปริบๆ ไม่ได้เถียงกลับไปเพราะกำลังพยายามจับสายคาดเข็มขัดไปเสียบกับขั้ว แต่ไม่ว่าจะเสียบกี่ทีมันก็ไม่ยักจะเข้าล็อก
   

แต่ผมยังไม่ได้เมานะ สาบานได้
   

“อยู่เฉยๆ” พี่ซันหันมามองด้วยสายตาหงุดหงิด ผมหันไปค้อนขวับก่อนจะยอมปล่อยสายคาดเข็มขัดแล้วนอนเอนราบไปกับเบาะเพื่อหลีกทางให้ พี่ซันเอื้อมมือมาคว้าสายเข็มขัด
   

ทว่า...
   

“อื้อ~!”
   

พี่มันดันแกล้งเอนตัวเข้ามาใกล้ก่อนจะคว้าหน้าผมเข้าไปจูบ ผมทุบอกพี่ซันให้พี่มันปล่อย
   

พี่ซันผละหน้าออกน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงรอดไรฟัน
   

“ทำโทษ” 
   

ผมขมวดคิ้ว นี่กู...อื้อ!!
   

ผมกำลังจะอ้าปากเถียง แต่พี่ซันดันกดหน้าลงครอบครองริมฝีปากผมอีกครั้ง ผมพยายามดันพี่มันออก แต่พี่ซันดันใช้มือข้างหนึ่งรวบมือผมไว้ ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ว่างดันท้ายทอยของผมเข้าไปรับจูบให้ถนัดขึ้น
   

พี่ซันใช้ลิ้นแตะที่รอบริมฝีปากของผม เพราะผมไม่ยอมให้พี่มันสอดลิ้นเข้ามาในปาก ก่อนจะกดจูบย้ำๆ วนรอบไม่ห่าง
   

แต่พี่มันขี้โกง กดปุ่มดันเบาะให้เอนลง ส่งผลให้ผมลืมป้องกันปากตัวเอง เปิดโอกาสให้พี่ซันรีบสอดลิ้นเข้ามาในปากของผมก่อนจะเริ่มทำการสำรวจพื้นที่อย่างช่ำชอง แล้วผมจะทำอะไรได้ละครับนอกเสียจาก…
   

“อื้อ”
   

นั่นแหละครับ
   

ผมทุบอกพี่ซันเพื่อส่งสัญญาณว่ากำลังจะขาดอากาศหายใจ พี่ซันกดจูบย้ำๆ อีกหลายครั้ง ก่อนจะยอมผละห่างจากปากผมอย่างอ้อยอิ่ง แต่ก็ยังเว้นระยะห่างจากหน้าผมไปแค่คืบ
   

ผมเม้มปากก่อนจะแกล้งเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เมื่อทนไม่ไหวกับสายตาที่จ้องมองมาของพี่ซัน รอบๆ ข้างไร้เสียงเงียบสนิท ได้ยินแต่เสียงหัวใจของตัวเองที่ดังออกมาถึงข้างนอก
   

ผมสะดุ้ง เมื่ออยู่ดีๆ พี่ซันก็คว้าเอามือผมไปวางทาบลงบนอกข้างซ้ายของตัวเอง ผมหันมาเลิกคิ้ว
   

“ชู่ว”
   

“ลองตั้งใจฟังดีๆ สิ” พี่ซันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
   

ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก
   

ผมเบิกตากว้างขึ้นเมื่อรับรู้ถึงจังหวะการเต้นหัวใจของพี่ซัน ก่อนจะยกมือข้างที่เหลือขึ้นมากุมที่หัวใจของตัวเองแล้วพบว่า


...มันเต้นเร็วเหมือนกับของผมเลย…


“นานแล้ว...ที่กูไม่ได้ใจเต้นแรงแบบนี้”


พี่ซันเอ่ยบอกท่ามกลางความเงียบ ผมกัดปากฉับด้วยความเขินที่แล่นไปทั่วทั้งใบหน้า รู้สึกขอบคุณที่ตรงนี้มีเพียงแสงสลัวๆ ไม่


งั้นพี่มันคงได้เห็นหูแดงจัดของผมแน่ๆ


“พี่เมาแล้วใช่มั้ย” ผมบอกปัด ทั้งที่ใจเต้นแรงไปกับคำพูดของพี่มัน


“หึ กลับกันเถอะ” พี่ซันยอมผละออกจากตัวผม กลับไปนั่งยังตำแหน่งคนขับตามเดิม ผมค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้น


“นอนไปเลย มึงน่าจะเมาแล้ว ทั้งที่กินไปแค่นิดเดียวแท้ๆ” พี่ซันยกมือขึ้นยีหัวผมก่อนจะเอ่ยบอก ผมพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย นั่นสิ เบียร์แค่แก้วเดียวไม่น่าทำให้ผมแข้งขาอ่อนได้ขนาดนี้นะ


แถมยัง...รู้สึกอยากอ้อนคนแปลกๆ


“อือ ผมก็แปลกใจ” ผมพูดเสียงเบา


“หน้ามึงแดง ตาเยิ้มเหมือนกำลัง..(ยั่วกู)...อยู่รู้ตัวบ้างหรือเปล่า ห่าเอ้ย เก็บๆ ไปบ้างเถอะอย่าทำหกเรี่ยราด” พี่ซันส่ายหน้า ก่อนจะหันมาพูดกับผม แล้วหันไปบ่นกับตัวเองในประโยคท้ายๆ ผมเองก็ได้ยินไม่ถนัด


“หลับไปเลย ก่อนที่จะโดนกิน...” พี่ซันยื่นมือมายีหัวผมอีกครั้งจนยุ่ง ผมโยกตัวหนี ยกมือขึ้นมาปัดป้องมือพี่ซัน
ว่าแต่พี่มันว่าอะไรนะครับเมื่อกี้เหมือนหูผมมันจะไม่ค่อยดี พี่ซันจะมาหิวอะไรตอนนี้ เพิ่งกินไปเมื่อกี้เองแท้ๆ เฮ้อ


“ครับน้องฟ้า พี่มาทำธุระที่ต่างจังหวัดน่ะ” ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ข้างๆ ไม่สิ คุยอยู่คนเดียวต่างหาก
ผมลุกขึ้นนั่งก่อนจะพบว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก มีพี่ซันนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ พี่มันหันมาเลิกคิ้วให้ผมก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะปากตัวเอง ผมมองพี่มันมึนๆ แล้วสะบัดหัวเรียกสติให้ตัวเอง


หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย


แล้วตอนนี้...อ่า สี่ทุ่มแล้วเหรอ น้ำยังไม่ได้อาบเลยครับ เน่าชะมัด


“ครับกลับพรุ่งนี้ โอเค...ได้เลยเดี๋ยวพี่จะแวะซื้อกลับไปให้นะ” พี่ซันพูดโทรศัพท์ยิ้มๆ พลางลูบขาผมไปด้วย ผมกัดปากฉับแล้วขมวดคิ้วก่อนจะถอนขาออกมานั่งกอดเข่าไว้


“หื้ม...อะไรนะครับ” เพราะมัวแต่หันมามองผมทำให้พี่ซันไม่ได้ฟังพี่ฟ้าพูดจึงถามย้ำ ผมยิ้มก่อนจะค่อยๆ คลานไปหาพี่มัน พี่ซันหันมามองหน้าผมด้วยความแปลกใจ


ผมไม่สนใจสายตาที่มองมา แต่ค่อยๆ คลานขึ้นไปนั่งบนตักพี่ซันในสภาพหันหน้าเข้าหากัน พี่ซันมองการกระทำของผมไม่วางตา แถมยังช่วยอำนวยความสะดวกให้แล้วกอดเอวพยุงผมไว้อีกต่างหาก


ผมยิ้มเผล่ ก่อนจะเอื้อมมือไปแกะกระดุมเสื้อของพี่ซันออกอย่างช้าๆ เป็นการยั่ว อยากรู้เหมือนกันว่าพี่มันจะทำยังไง หึๆ ทำหน้าตลกชะมัด
   

พี่ซันคว้าข้อมือผมไว้ข้างหนึ่งแล้วปรามด้วยสายตา ผมทำคอตก พี่ซันเลยพ่นลมหายใจออกมาปลงๆ ก่อนจะยอมปล่อยมือผม ร่างสูงหลับตาแน่น เมื่อผมเริ่มรุกล้ำติ่งหูข้างที่ว่างอยู่ด้วยลิ้นของตัวเอง
   

ผมดูดเม้มติ่งหูของพี่ซันสะเปะสะปะ เพราะจำมาจากหนังเอวีที่เคยยืมมาจากไอ้ออย ยิ่งพอได้ยินเสียงครางเบาๆ มาจากลำคอของพี่ซัน ผมก็ยิ่งสนุก
   

“อืม...เอ่อครับ ว่าไงนะน้องฟ้า”
   

“อึ๊! เอ่อะ เปล่าครับพอดีแมวแถวนี้มันงับมือเอานะ ใช่เลยของแม่บ้านน่ะ น้องฟ้าครับ พี่ว่าตอนนี้ดึกแล้วเราเข้านอนเถอะ พี่ต้องไป ‘จัดการ’ ธุระต่อ ครับ...ฝันดีครับ” ผมแกล้งดูดเม้มที่คอของพี่ซันอย่างแรง แล้วกัดจนคิดว่ามันต้องเป็นรอยฟันแน่ๆ พี่ซันร้องขึ้นด้วยความเจ็บ ก่อนจะรีบแก้ตัวกับคนในปลายสายเมื่อเผลอหลุดเสียงแปลกๆ นั่นออกไป


ผมสะดุ้ง เมื่อพี่ซันฟาดมือหนาลงที่บั้นท้ายผมเป็นการเตือน ผมมองอีกคนเคืองๆ ยกมือตีแขนพี่ซันคืนดังเพี้ยะ พี่ซันมองผมดุๆ เมื่อผมแกล้งกดบั้นท้ายลงไปบดกับตักของคนด้านล่างแล้ววนสะโพกเล่นเบาๆ จนพี่ซันรีบพูดตัดบทแทบไม่ทัน


หึๆ เสร็จไอ้บีทส์!!


พอพี่ซันกดวางสายแล้วหันเอาโทรศัพท์ไปวางที่โต๊ะข้างตัว ผมยิ้มกว้างก่อนจะรีบคลานลงจากตักพี่ซัน เมื่อคิดว่าปฏิบัติการก่อกวนสำเร็จดั่งใจแล้ว


“เหวอ~!” ผมร้องเสียงหลง เมื่อมือหนาคว้าหมับเข้าที่เอวแล้วยกตัวผมไปนั่งแมะที่ตักของตัวเองตามเดิม ผมมองหน้าพี่ซันเหวอๆ


“คิดจะหนีไปไหน” พี่ซันถามเสียงนิ่ง


“ก็...จะไปอาบน้ำ” ผมทำใจดีสู้เสือเอ่ยตอบออกไป


“แล้วเมื่อกี้...คิดจะทำอะไรไม่ทราบครับไอ้น้องบีทส์” พี่ซันเอ่ยถาม พร้อมกับทำสายตาวิบวับเหมือนรู้ทัน ผมหุบยิ้มแกล้งตีเนียน
ไม่รู้ไม่ชี้ พยายามดิ้นหนี แต่มือหนาของพี่ซันก็ยึดเอวผมไว้แน่นกับตักเหมือนกัน แม่ง นั่นมือหรือกาว!


“ก็ไม่ได้จะทำอะไร ปล่อยดิ”


“อะไรกูพูดแค่นี้ต้องตาแดงด้วย” พี่ซันเลิกคิ้ว ฮะ...ตาแดงอะไร อ๊าก ไม่นะไม่ ไอ้บีทส์ อย่ามาทำออเซาะที่นี่นะเว้ย มันไม่ปลอดภัยต่อประตูหลัง!


“ผมเปล่า” ตอบให้มันหนักแน่นกว่านี้หน่อยสิเว้ย


“หึๆ เมาแล้วสินะ ดีล่ะ ไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยเข้านอนพร้อมกันทีเดียว วันนี้กูเต็มใจบริการ” พี่ซันพูดเสียงกรุ้มกริ่มก่อนจะอุ้มผมขึ้นทั้งที่ยังนั่งอยู่บนตัก ส่งผลให้ผมต้องเกาะพี่มันเอาไว้เป็นหมีโคอาล่า


แต่เดี๋ยวนะ…


ไปอาบน้ำ?


แล้วทำไมต้องลากกูมาด้วย


ม่าย!!!!!!!!!!!!!!!!



ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
[ต่อ]


[ซัน]


“อือ...”
   

ผมนอนมองคนข้างตัว ที่เริ่มขยับตัวยิ้มๆ และแม้จะขยับตัวไปมาอีกคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นสักทีจนผมต้องหาอะไรมาแกล้งเพื่อทำให้เจ้าตัวตื่น
   

จุ๊บ จุ๊บ
   

ผมแกล้งก้มลงจูบใบหน้าของบีทส์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เจ้าตัวก็ทำเพียงแค่ใช้มือเล็กปัดป่ายให้พ้นออกจากใบหน้าตัวเองด้วยความหงุดหงิดคิ้วเล็กขมวดเข้าหากันแล้วคลายออกช้าๆ ก่อนที่จะซุกใบหน้าเล็กเข้ามาที่อกผมเหมือนเดิม


ไอ้เด็กขี้เซา...


ผมยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะขยับออกห่างจากน้องเล็กน้อย แล้วใช้มือไล่เกลี่ยไปตามโครงหน้าหวานของอีกคน
   

“เมื่อไหร่วะที่ความรู้สึกของกูมันเปลี่ยนไป” ผมพูดกับตัวเอง ก่อนจะนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อวานตอนค่ำที่ร้านอาหาร
ผมรู้ว่าตัวเองไม่ชัดเจนพอ แต่จะให้ผมปล่อยมือเล็กนี้ไป ผมก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน ยิ่งพอได้อยู่ใกล้ยิ่งรู้ว่ามันเองก็มีคนสนใจอยู่ ขนาดเมื่อวานที่อยู่ร้านอาหาร ยังมีสายตาหลายคู่ที่มองมาที่มันด้วยความสนใจ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้ตัวบ้างหรือเปล่า


ผมหงุดหงิดสายตาทั้งหลายที่มองมาที่มันอย่างเปิดเผย ทั้งๆ ที่ผมเองก็จ้องตอบกลับไปด้วยสายตาดุๆ มีหลายคนที่รู้สึกตัวแล้วไม่หันมามองอีก แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่มองตอบกลับมาด้วยความท้าทาย
   

“ตื่นได้แล้วไอ้ดื้อ ถ้ายังไม่ตื่นอย่าหาว่ากูไม่เตือน” ผมแกล้งก้มกระซิบที่ข้างใบหูเล็ก แล้วกดจูบไปที่ขมับของอีกคน ถ้ามันยังไม่ตื่นแบบนี้เกรงว่าตัวเองจะห้ามใจไม่ไหว รังแกเขาไปอีกรอบไม่ใช่อะไร


ผมตื่นมาแล้วครั้งหนึ่งตอนเช้าตรู่ ลุกขึ้นมาจัดการหาเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้น้อง เข้าไปค้นหาเสื้อผ้าในตู้ก็ไม่มีขนาดที่เจ้าตัวพอจะใส่ได้เลย จึงหยิบมาแค่เสื้อเชิ้ตกับบ๊อกเซอร์ตัวเก่าของบีทส์มาสวมใส่ให้ก่อน
   

เมื่อคืนนอนกันทั้งๆ ที่ไม่มีเสื้อผ้าใส่ติดตัวสักชิ้น ด้วยความที่ผมเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแค่ทำความสะอาดให้อีกคนเสร็จก็หลับไปทั้งอย่างนั้น


จะออกไปซื้อมาให้ใหม่ก็เกรงว่าหากเขาตื่นมาแล้วไม่เจอใคร พาลจะน้อยใจหาเรื่องงอนผมอีก จึงทำได้แค่สั่งให้คนในบ้านทำอาหารเช้าสำหรับคนสองคนมาให้ พร้อมกับสั่งให้เอาชุดของน้องไปซักรีดให้เรียบร้อย


“งืม...พอได้แล้ว” ผมเลิกคิ้ว เมื่อบีทส์ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นมางึมงำ แต่พอจับใจความได้ “ไม่ไหวแล้ว” ผมหลุดขำอีกรอบเมื่อเจ้าตัวดีแค่ละเมอแล้วหลับหน้าตาเฉย เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็กินเวลาไปเกือบครึ่งคืน จึงปล่อยให้นอนต่อ ส่วนตัวเองทำได้แค่นอนกอดคนตัวเล็กไว้


จนเมื่อถึงเวลาที่ควรตื่นก็เริ่มปลุก แต่ปลุกมาเกือบครึ่งชั่วโมงมันก็ไม่ยอมตื่นสักทีเนี่ยสิ มันน่าตีไหมล่ะครับ


เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าว่ายอมตื่นแถมยังซุกหน้าเข้าไปหลบภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ผมจึงทำได้แค่ส่ายหัวให้กับตัวเอง
เมื่อวานผมหงุดหงิดแทบบ้าที่ติดต่อเขาไม่ได้


ช่วงเช้าที่เรามีปัญหากันยังไม่ได้เคลียร์ รถของน้องฟ้าก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น ผมจำเป็นต้องปลีกตัวไปก่อน เพราะฟ้ากำลังขวัญเสีย เลยรีบบึ่งออกไปอย่างไม่ทันได้คิดอะไร ทิ้งอีกคนที่มองผมด้วยสายตาน้อยใจไว้ข้างหลัง


เป็นผมเองที่คิดน้อยเกินไป ลืมไปว่ามันเองก็มีความรู้สึกเหมือนกัน...


พอจัดการธุระให้น้องฟ้าเสร็จ น้องบอกว่ายังไม่ได้ทานอะไร ผมเลยพาน้องแวะที่ห้างสรรพสินค้า โดยไม่ลืมที่จะโทรเช็คบีทส์อยู่เป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ติดสักที


หงุดหงิด...จนน้องฟ้าต้องเอ่ยถาม


ผมแสร้งทำเป็นยิ้มเหนื่อยๆ บอกว่าเครียดกับเรื่องงาน น้องฟ้าก็ทำได้แต่ยิ้มแล้วปลอบอย่างให้กำลังใจ ด้วยความที่เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เธอจึงเป็นทุกอย่างให้ผมได้ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน น้องสาว แฟน


เธอรู้ว่าผมเป็นคนยังไง พอๆ กับที่ผมรู้ว่าเธอเป็นคนยังไงและรู้สึกยังไงกับผม


นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมไม่ลังเลที่จะตกลงหมั้นกับเธอตามที่พ่อกับแม่เอ่ยขอ  ถึงจะยังไม่ได้จัดพิธีหมั้นกันอย่างเป็นทางการ แต่ทางบ้านของผมกับเธอก็รับรู้ถึงสถานะของเราทั้งคู่ว่าเป็น ‘ว่าที่คู่หมั้น’ กัน


เธอเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมและเพอร์เฟค ไม่เคยถามว่าผมอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรกับใคร ให้อิสระกับผมเต็มที่ไม่เคยคิดก้าวก่าย ไม่ว่าผมจะทำตัวแย่แค่ไหน มีเรื่องทะเลาะกับใคร น้องฟ้าก็ไม่เคยกล่าวโทษหรือตำหนิผม


เมื่อก่อนนี้ผมเคยคิดว่าถ้าเราได้ใช้อยู่ชีวิตอยู่ด้วยกันขึ้นมาสักวัน...อาจจะทำให้ผมรักเธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งได้


“แจ่บๆ แจ่บ~” ผมก้มมองคนข้างตัวที่เริ่มทำปากขยุกขยิกแล้วยิ้มกว้างเหมือนกำลังฝันหวาน อดใจไม่ได้ที่จะก้มฟัดแก้มขาวนั่นอีกครั้งด้วยความหมั่นเขี้ยว


ผม...ไม่ใช่คนดีอะไร


ยอมรับอย่างหน้าด้านๆ เลยว่า ‘มันเป็นของผม’ ถ้าใครคิดจะมาลองดีในช่วงที่ความสัมพันธ์ของเรายังไม่ชัดเจน ก็คงต้องมาคุยกันสักหน่อย


หลายครั้งที่มันเคยถาม ว่าสำหรับผมแล้ว มันอยู่ในฐานะอะไร

หลายครั้งที่มันพร่ำบอกผมตอนมีอะไรกันว่าผมมีเจ้าของอยู่แล้ว

หลายครั้งที่มันทำหน้าน้อยใจใส่ผมโดยไม่รู้ตัว


จะให้พูดคำว่า ‘ชอบ’ มันก็ยังพูดได้ไม่เต็มปาก ผมเป็นผู้ชายจะให้มาบอกชอบผู้ชายด้วยกันมันก็แปลกๆ แต่ถ้าถามว่ารู้สึกดีไหม...นั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว


ยิ่งพอหลังจากเหตุการณ์ที่ผมเข้าไปปลุกปล้ำเขาถึงในห้องยิ่งปฏิเสธไม่ออก ไม่อยากยอมรับเลยว่าตัวเองจะเป็นเอามากขนาดนี้ ผมได้แต่พร่ำถามกับตัวเองในใจว่า ‘จริงๆ แล้วผมไม่พอใจอะไรมันกันแน่’


ยากจะยอมรับ...แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี


พอมาเจออาการแปลกๆ จากมัน ที่เอาแต่หลบหน้า ปิดโทรศัพท์ ปิดช่องทางการสื่อสารของผมทุกทาง ไม่คิดเลยว่าจะทำให้ตัวผมหงุดหงิดได้ขนาดนี้


ตอนที่เราบังเอิญเจอกันที่ห้าง สายตาที่มันมองผมกับฟ้าทำให้ผมไม่สบายใจ ไม่ได้กลัวว่าความลับระหว่างเราจะทำให้ผมกับฟ้ามีปัญหากัน


แต่ที่ผมห่วง...ก็คือตัวมันเองนั่นแหละ


พยายามสะบัดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองออกไปจากสมอง พยายามไม่คิด ไม่สนใจ เพราะผมมีอีกคนที่ต้องดูแล แต่ก็อดห่วงไม่ได้เวลาหันไปเจอสายตาเศร้าๆ ของมันที่นั่งหลุบตากินไม่พูดไม่จา


แต่ถึงกระนั้นก็ต้องคอยระแวดระวังสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนใกล้ตัวมันอย่างเด็กของเพื่อนสนิท หรือก็คือน้องของไอ้ดื้อนั่นแหละ


หลายครั้งที่แววตาแสนรั้นนั่นเมียงมองมาด้วยความสงสัยปนกดดัน หลายครั้งที่เราจ้องตอบกันตรงๆ ดวงตาที่กลมโตเหมือนกับคนพี่แต่แฝงความดุดันมองจ้องตอบอย่างเอาเรื่อง


เด็กไอ้อาร์ต แสบเอาเรื่อง


จนเมื่อน้องขอตัวออกไปก่อน ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องอยากตามไปกระชากไอ้คนแสนดื้อนั่นมาคุยให้รู้เรื่อง หรือเพราะรำคาญใบหน้าเศร้าสร้อยที่มันแสดงออกมากันแน่


ทำไมผมต้องห่วงด้วยว่ามันจะเป็นตายร้ายดียังไง


ทำไมถึงไม่ตีตัวออกห่างจากมัน หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ตั้งใจนั่น ทำไมถึงต้องอยากให้มันมาอยู่ใกล้ๆ ตัว


ร่างเพรียวของฟ้าก็ดูอารมณ์ดีที่ได้เจอน้องรหัสของตัวเอง เธอบอกว่าน้องรหัสเป็นคนน่ารัก เธอชอบในความน่ารักสดใสนั่น บ่อยครั้งที่ผมได้ฟังเรื่องราวของบีทส์ผ่านน้องฟ้า ก็ไม่รู้ว่าทำไมอีกเช่นกันที่พอได้ฟังเรื่องเขา ริมฝีปากของผมถึงต้องยกยิ้มตาม


ผมได้แต่มองรอยยิ้มหวานนั่นจนเผลอคิดไปว่าถ้าในวันหนึ่ง...ต้องเลือก


ผมจะจัดการกับปัญหานี้ยังไง ไม่อยากยกข้ออ้างของคำว่า ‘ติดใจ’ มาใช้กับบีทส์ เพราะนั่นอาจจะเป็นข้ออ้างที่ดูเลวร้ายมากที่สุด เขาคงไม่ดีใจหรอกถ้าได้ยินมันเข้า


น้องฟ้า...หญิงสาวผู้แสนดีที่อยู่เคียงข้างผมมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโตความผูกพันระหว่างเรามีอยู่มากเกินกว่าที่ผมจะทำร้ายเธอได้ลงคอ


ผมอยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ขอโอกาสให้ผมได้พิสูจน์อะไรบางอย่างให้แน่ใจซะก่อน


แล้วผมจะไม่ลังเลอีกแล้ว


“อ๊ะ พี่...” ผมก้มมองบีทส์ทันที เมื่อได้ยินเสียงเรียกเบาๆ เจ้าตัวทำหน้ายุ่งก่อนจะค่อยๆ ขยับหนีผมด้วยใบหน้างอง้ำ
 

“หน้างอแบบนี้ กูจับกดอีกทีให้หายงอดีมั้ย” ผมแกล้งขู่ น้องทำเสียงฮัดฮัดในลำคอ ผมกลั้นยิ้มรีบกลบเกลื่อนสีหน้า เมื่อเห็นท่าทีโวยวายแต่โครตน่ารักในสายตาผม


“ขู่ตลอดไอ้พี่บ้า!”


ผมหันหน้าหนีไปซ่อนรอยยิ้มเมื่อทนไม่ไหว ก่อนจะหันกลับมาเลิกคิ้วให้คนที่กล่าวหาตัวเอง “ตื่นแล้วก็ลุกสิ สายแล้ว...หรือรอให้กูอุ้ม”


ไอ้ดื้อรีบส่ายหน้าให้ผมทันที


“ยังเมื่อยอยู่เลย” น้องบ่นหน้างอ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ยืดแขนบิดขี้เกียจแล้วชะงักเมื่อมองเห็นเสื้อของผมที่เขาสวมใส่อยู่


“เสื้อพี่เหรอ”


ผมพยักหน้ารับ


“ตัวใหญ่ชะมัด คนหรือควายเนี่ย”


น้องบ่น แต่แอบเนียนด่าผมไปด้วย ผมแสยะยิ้ม


“อยากโดนควาย ‘ขวิด’ บนเตียงอีกสักรอบมั้ยล่ะ” ผมพูดขึ้นเสียงนิ่ง บีทส์รีบหันมายิ้มอย่างเอาใจ หึๆ


“โธ่ ผมก็แค่แซ็วเล่น ทำเป็นงอนไปได้” บีทส์บ่น ผมยื่นมือไปยีหัวเจ้าตัวเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะทำท่าลุกออกจากเตียง
ผมหันไปเลิกคิ้วเมื่อชายเสื้อถูกดึงเอาไว้ด้วยบุคคลที่นั่งอยู่บนเตียง


“พี่อย่ามาเนียน”


ผมเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ


น้องเงยหน้าขึ้นมาถาม “ก็จุดประสงค์ที่พี่พาผมมานี่ไง หรือแค่อยากจะพามาเอานอกสถานที่” ผมขมวดคิ้วกับความคิดของคนตัวเล็ก


“คิดอะไรของมึง”


“ก็มันจริงมั้ยเล่า!”


ผมส่ายหัว ถอนหายใจ แล้วนั่งลงข้างๆ เขาตามเดิม


“ถ้าจะแค่เอา กูเอาให้เสร็จๆ ไปที่กรุงเทพไม่ดีกว่าเหรอ” ผมถาม ก่อนจะยกเจ้าตัวเล็กมานั่งบนตัก บีทส์ทำท่ากระฟัดกระเฟียดไม่ยอมแต่สู้แรงผมไม่ได้


“จะไปรู้เหรอ”

ผมยิ้มแล้วกดจูบขมับเขาไปอีกหนึ่งที


“ถ้าจะแค่ ‘เอา’ จะพามาไกลขนาดนี้ทำไม ขับรถไม่ใช่ใกล้ๆ” ผมพูดต่อแล้วแกล้งเน้นคำ ไอ้ดื้อบนตักกัดปากฉับ


ผมเงียบไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามไปตรงๆ


“มึงยังชอบกูอยู่มั้ย”


มือขวาที่ว่างก็ลูบสะโพกคนในอ้อมกอดไปพลาง บีทส์เงยหน้าขึ้นมองหน้าผมหลังจากที่ฟังคำถามจบ ริมฝีปากแดงเผยอขึ้นด้วยความไม่ตั้งใจ จนอดไม่ได้ที่จะก้มจูบลงไปแรงๆ


บีทส์ร้องท้วงในลำคอ ก่อนจะดันหน้าผมออก


“เรื่องอะไรมาถามผม!” บีทส์ตอบแล้วสะบัดเสียงห้วนในตอนท้าย ผมยิ้มรับคำตอบ ไม่ยอมรับ ไม่ปฏิเสธ คำตอบก็คง...ผมยกยิ้มอย่างพอใจ


“มึงอยากถามอะไรกูมั้ย กูให้โอกาสถามมาหนึ่งคำถาม ยกเว้น...ถามว่ากูรู้สึกยังไงกับมึง” บีทส์นั่งฟังผมอย่างตั้งใจ ก่อนจะหน้างอเมื่อผมดักคำถามที่เจ้าตัวตั้งใจจะถามไว้เป็นข้อห้าม


“ขี้โกงนี่”


ผมยิ้มรับ


น้องเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม “ผมอยากรู้เรื่องพี่ฟ้า ผมไม่เคลียร์และไม่อยากทำร้ายเธอ มันดูเลวมากเลยนะครับ”


ผมลูบมือน้อง มาถึงขนาดนี้ไม่พูดอะไรเลยก็คงไม่ได้


“ฟ้าเป็นให้กูได้ทุกอย่าง คนรัก เพื่อน น้องสาว ครอบครัว” ผมเว้นจังหวะการพูดไปเรื่อยๆ เพื่อสังเกตปฏิกิริยาของคนที่นั่งอยู่บนตัก


“อะ...อันนั้นผมรู้”


ผมยื่นมือไปลูบหัวเขา “มึงคงรู้อยู่แล้วว่ากูกับพี่รหัสมึงต้องหมั้นกัน”


น้องพยักหน้ารับ ใบหน้าหวานไร้รอยยิ้ม แววตาหม่นลง ผมอาจจะบอกมันไม่ได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยเพื่อรักษามันไว้...ผมก็ควรจะพูดในสิ่งที่ควรพูด


 “กูกับฟ้าเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เราสองครอบครัวเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ มึงคงพอจะเคยได้ยินเรื่องดองกันทางธุรกิจของพวกเหล่าคนมีอันจะกินใช่มั้ย”


“ผมเคยดูในหนัง”

ผมเกือบจะซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่ทัน “นั่นแหละ เรื่องของกูกับฟ้าก็ประมาณนั้น” ผมไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อหรือเปล่านะครับ


“ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกี่ยวอะไรกัน”


ผมกรอกตาขึ้นฟ้า กูว่าแล้ว…ผมยกมือขึ้นดีดหน้าผากอีกคนไม่แรงมาก “ซื่อบื้อ กูกับฟ้าเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เขาสำคัญ แต่กูไม่ได้รักเขา”


สัส...ทำหน้าเอ๋อใส่อีก


“เดี๋ยวนะครับ พี่กำลังจะบอกผมว่าที่คบกันก็เพราะโดนจับคู่กันมาตั้งแต่เด็กอย่างนั้นเหรอ”


“จะว่าแบบนั้นก็ได้ เมื่อก่อน...กูเคยมั่นใจว่าเขาคือคนที่ใช่ แต่มาวันนี้กูก็ชักจะไม่มั่นใจแล้วเหมือนกัน”


“หมายความว่ายังไง”


ผมมองสบตากับน้อง


“ตั้งแต่เกิดมากูยังไม่เคยรู้จักคำว่ารักจริงๆ เลยว่ะ กับฟ้ากูเคยเรียกมันว่าความรัก แต่กูกลับไม่เคยมีอาการหึงหวงเขา เหมือนที่กูเคยหวงมึง”


“คำถามข้อนี้ กูก็กำลังหาคำตอบให้ตัวกูเองอยู่เหมือนกัน” ผมต่อประโยคจนจบ บีทส์นั่งเงียบเม้มปากเป็นเส้นตรง
   

น้องเงียบไปสักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามผม
   

“พี่...คงไม่คิดจะควบสองหรอกใช่มั้ย”
   

ผมยิ้มก่อนจะส่ายหัว
   

“ถึงกูจะเหี้ยไปบ้าง แต่กูก็ไม่อยากให้คนที่รักกูต้องมาเสียใจเพราะกู”
   

บีทส์ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนใจเป็นไม่พูด
   

“จะปฏิเสธเหรอว่ามึงไม่ได้รักกู” ผมพูดดักทาง น้องหันมาชะงักหน้าแดงแล้วเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นว่าผมจ้องตอบด้วยสายตาวาววับ
   

“ก็แล้วไงล่ะ พี่แคร์ด้วยเรอะ” บีทส์บ่นพึมพำจนผมต้องเอียงหูฟัง
   

“บีทส์”
   

“หื้อ?”
   

ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ตั้งใจไว้ว่าจะพูดกับเขาให้ได้ออกมา
   

“กูอยากขอโทษสำหรับทุกอย่าง”


ผมอยากขอโทษสำหรับการกระทำที่ไม่ดีของผม ทั้งทางร่างกายและจิตใจของมัน รวมไปถึงความชัดเจนของความสัมพันธ์ที่พัวพันกันอยู่อย่างแก้ไม่ตก


...ให้ความชัดเจนไม่ได้ยังเห็นแก่ตัวรั้งให้มันอยู่…


“ครับ?”


“ทุกอย่างที่กูเคยทำเลวๆ กับมึง”


“เพื่ออะไรล่ะครับ” เขาถามกลับน้ำเสียงยียวน


ผมเริ่มฉุน เมื่อน้องทำเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ


“มึงก็รู้มาตั้งแต่แรกว่ากูไม่ใช่คนดี กูไม่เคยบังคับให้มึงเข้ามาในชีวิตกูนะ”


“พี่จะโทษว่าเป็นความผิดผม” เขาเลิกคิ้วถาม


“ใช่ มึงก็มีส่วน แต่กูถามจริงๆ นะ คิดว่าพอเข้ามาในชีวิตกูได้แล้วอยากจะออกก็ออกไปง่ายๆ หรือไง มันไม่ง่ายขนาดนั้น!” มันคิดจริงๆ เหรอว่าอยากไปก็ไปได้เลย


“ผมไม่อยากเป็นตัวสำรองของใคร แล้วแฟนพี่นั่นก็เป็นพี่รหัสของผม พี่ได้ยินมั้ยว่านั่นคือพี่รหัสของผม!” บีทส์พูดก่อนจะใช้มือเล็กสองข้างทุบหน้าอกผม


“พี่มันเห็นแก่ตัว!”


“กูรู้”


“พี่ไม่เคยนึกถึงใจใครเลย!”


“...”


“พี่มันเลว!!”


“แล้วมึงจะยอมอยู่ข้างๆ คนเลวๆ อย่างกูได้มั้ยล่ะ?”


“...”



ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่รู้จะสงสารพี่หรือน้องมากกว่ากันดี
รอให้พี่แก้ปัญหาให้ได้เร็วๆนะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไปเคลียร์กับฟ้าก่อนดีไหม สงสารบีทส์อ่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ยอม ยอมอยู่กับคนเลวเลย 55555

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
อิพี่ซันแกควรไปแก้ปัญหาส่วนตัวให้จบก่อนดีกว่ามั้ย รั้งบีทส์ไว้แบบนี้มันเห็นแก่ตัวเกินไปมั้ง

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด