ข้อที่ 5
ซุปเปอร์หมี [ 60% ]
เปรี้ยง!
เสียงมรณะ
เรากดเร่งเสียงเพลงจนสุดกลบเสียงสายฟ้าฟาด มุดตัวลงผ้าห่มคลุมโปงแล้วพยายามข่มตาหลับ
ติ๊ง!
ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งมองข้อความที่เพื่อนส่งมา
'เปิดประตู'
‘อะไร’
'อยู่หน้าห้อง เปิดประตู'
ถึงจะงงๆ แต่เราก็รีบลุกไปเปิดประตูอย่างไว มองเพื่อนที่สวมเสื้อกันฝนมีน้ำหยดแหมะๆ เป็นแอ่งกองที่พื้น ทำหน้าหน่ายๆ
“เมื่อไหร่จะเลิกกลัวฟ้าผ่าสักที” มาถึงก็บ่นเลย
“ไหนบอกคืนนี้อ่านหนังสือที่คณะไง” เราเฉไฉ เพื่อนนัดคนอื่นๆ ไว้ว่าจะติวหนังสือกันใต้ตึกคณะ เราขี้เกียจ ก็เลยกลับมาอ่านบนเตียงนุ่มๆ ดีกว่า
แต่พระเจ้าคงไม่ชอบคนขี้เกียจ ก็เลยปล่อยฝนเทลงมา แถมฟ้ายังส่งเสียงคำรามทุกๆ ห้านาที
“จีนให้มาดู”
ว่าแล้วเชียว
เมื่อกี้จีนก็แชทมาถาม ว่าเราอยู่ได้ไหม เราบอกไปแล้วว่าไม่เป็นไรๆ ก็ยังเป็นห่วงอยู่นั่น
ฟ้าผ่าแค่นี้ ไม่มีใครตาย
“อยู่คนเดียวได้...”
เปรี้ยง!
“...!” ยังไม่ทันขาดคำเสียงฟ้าคำรามก็ทำเราสะดุ้งโหยง ห้องมืดลงแป๊บนึงก่อนสว่างขึ้นมาใหม่ เพื่อนมองเรานิ่งแล้วถอนหายใจ
“อยู่คนเดียวได้ตรงไหน น้ำตาไหลแล้วนั่น”
“เพื่อน...” เรายกมือปาดน้ำตา ยอมรับว่ากลัวก็ได้
“เออ รู้แล้ว แม่งเอาค่าเสื้อกันฝนมาด้วย ต้องซื้อใหม่เลยเนี่ย” เพื่อนบ่นปอดแปด พลางเดินออกไปนอกระเบียงถอดเสื้อกันฝนออกมาสะบัดๆ ตากไว้
“ถ้าไม่ใช่น้องพี่จีนจะด่าให้ งี่เง่า”
เพื่อนด่าไปแล้วอ่ะ รู้ตัวไหม
แต่เราไม่ว่าหรอก ถึงจะแอบน้อยใจนิดๆ ที่เพื่อนเห็นแก่จีนมากกว่าแต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยเพราะจีนบอกเพื่อนถึงได้มา
เราไม่เคยบอกใช่ไหมว่าเพื่อนเคยจีบจีนสมัยมัธยม เหตุผลที่มาคบกับเราก็เพราะจะให้เราเป็นที่ปรึกษา ก่อนรู้ว่าเราช่วยอะไรไม่ได้ แถมจีบไม่ติดเพราะนิสัยไม่เข้ากัน แต่เพื่อนก็ไม่ได้ทิ้งไป กลายเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่เรามี... เหมือนจะเป็นพี่เรามากกว่าจีนซะอีก
เอ๊ะ จะว่าไป ให้เพื่อนเป็นที่ปรึกษาจีบเจดนี่คิดถูกไหมนะ... เพื่อนยังนกเลยอ่ะ
“ทำหน้างั้นกำลังคิดอะไรอยู่ใช่ไหม”
เราสะดุ้งนิดๆ รีบปฏิเสธ “เปล่า”
“คิดชัดๆ” เพื่อนเบ้ปาก เดินเอากระเป๋าเป้ไปวางไว้ที่โซฟา “แล้วอ่านชีทที่ซีร็อกซ์ให้ยัง”
“...”
“ยังล่ะสิ”
“ก็ ฝนตก ฟ้าผ่า”
“อย่าอ้าง มะรืนควิซนะ เดี๋ยวก็ทำไม่ได้” โธ่ บ่นอยู่ได้
เพื่อนมาอยู่ด้วยตอนฝนตกทีไรเราลืมฟ้าผ่าทุกที เพราะเสียงบ่นปอดแปดตลอดเวลานี่
เป็นคนหรือเป็ด
“ไม่อ่านก็ไปนอนไป” โบกมือไล่ พลางเอาชีทเรียนมากองไว้
“นอนไม่หลับ นอนเป็นเพื่อนหน่อย” เราอ้อน ไม่กี่ครั้งหรอกที่จะอ้อน
“เออ”
ได้ผลทุกครั้งด้วยสิ
☉ ------------------------------------------------------------ ☉
เปรี้ยง!
“โอ้ย” เราเผลอร้อง สะดุ้งวาบ
“ฟังเพลงแล้วรีบๆ หลับไป” สะดุ้งอีกทีเพราะเพื่อนจับได้ว่ายังไม่หลับ เราลืมตาขึ้นมามองคนที่สวมแว่นตาเปิดชีทอ่านไปเรื่อยๆ อย่างกับเป็นนิทานก่อนนอน อดข้องใจไม่ได้
“ทำไมเพื่อนไม่กลัวฟ้าผ่า”
“ก็มันไม่ได้ผ่าลงหัวกูไหมล่ะ”
“ก็กลัวว่ามันจะผ่าลงหัวไง” ถ้าผ่าลงหัวก็ไม่ทันได้กลัวไหม เรากลัวเพราะมันยังไม่ลงหัวต่างหาก
“อยู่ในห้องจะกลัวอะไร” เพื่อนถอดแว่น หันมาทำหน้าจริงจัง “รู้ป่ะ ฟ้าผ่าแต่ละครั้งให้พลังงานเฉลี่ยเป็นพันๆ ล้านจูลส์ ถ้าเราหาวิธีกักเก็บและแปลงพลังงานได้...”
“โอ้ย” เราเสียบหูฟังกลับ พลิกตัวหนี
เสียงบ่นของเพื่อนนี่น่ากลัวกว่าฟ้าผ่าอีก
เรานอนพลิกไปพลิกมาอยู่นานก็ยังไม่หลับ ฝนยังไม่หยุดตกสักที แถมมีเสียงฟ้าคำรามเป็นพักๆ จนเพื่อนดับไฟนอนแล้วเราก็ยังได้แต่นอนคลุมโปงปิดหูแน่นอยู่อย่างนั้น
จนหน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบขึ้นมา
‘เจ นอนยัง’
เป็นเจดที่ไลน์มา
‘ยัง’
พอตอบไปแบบนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาโทรศัพท์ก็สั่น หน้าจอขึ้นว่าเจดคอลมาหา
[ ทำไมยังไม่นอนอ่ะ ]
พอได้ยินเสียงเจดเราก็เผลอยิ้ม เสียงฟ้าผ่าเหมือนจะไกลออกไป
“นอนไม่หลับ” เรากระซิบ เพราะกลัวว่าเพื่อนที่นอนอยู่ข้างๆ จะตื่น
[ หืม? ทำไมเสียงอู้อี้ ]
“คลุมโปงอยู่ เพื่อนหลับอยู่ข้างๆ” เราตอบตามตรง เจดเงียบไปสักพักก่อนถามเสียงประหลาดใจ
[ พี่เพื่อนมานอนด้วยเหรอ ทำอะไรกัน ติวหนังสือ? ] เจดถามเป็นชุด เราฉุกคิดสักพักว่าควรตอบดีไหม
ให้บอกว่าเพื่อนมานอนด้วยเพราะกลัวฟ้าผ่าแบบนี้เหรอ ไม่เท่เลยอ่ะ
“ฝนตก กลัวฟ้า” สดท้ายก็สารภาพ เจดทำเสียงประหลาดใจ ก่อนหัวเราะเบาๆ
[ กระต่ายตื่นตูมสินะ ] เหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่าคุยกับเรา
“แล้วเจดไม่นอนเหรอ” เราถามกลับบ้าง
[ อยู่คณะ ] ว่าแล้วเชียว เจดใกล้จะส่งงานแล้ว เห็นว่าช่วงนี้เลยย้ายสำมโนครัวไปคณะ หอบข้าวหอบของไปเยอะแยะ จนเราเสียดายค่าเช่าหอแทน
“ทำงานเหรอ” ใกล้จะตีสามแล้ว เจดนอนเช้าบ่อยจนเราเป็นห่วงสุขภาพ
[ เมื่อกี้ทำ แต่ตอนนี้หยุดแล้ว หม้อแปลงคณะระเบิด ไฟดับอ่ะ ยังไม่ได้เซฟงานด้วยเนี่ย ] เจดเล่าเรื่องเครียดด้วยน้ำเสียงขบขัน
เป็นหมีพลังบวกเสมอเลยนะ
[ กำลังนั่งลุ้นอยู่จะออโต้เซฟได้แค่ไหน ทำมาเป็นชั่วโมง หายหมดคงร้องไห้ ] แต่เราแอบสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยในน้ำเสียง
“อย่าเครียดนะ” ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง
พรุ่งนี้เราจะตั้งใจอ่านชีทให้จบบทก็ได้ อย่าเอางานเจดไปนะฟ้า เจดขยันมาก อย่าแกล้งเจดเลย
[ หึ ขอบคุณครับ แล้วเจทำยังไง ฝนตกหนักขนาดนี้คงไม่หยุดง่ายๆ จะหลับได้ไหม ]
เราไม่รู้จะตอบยังไง ก็ไม่รู้เหมือนกัน ปกติก็คงใช้เวลาสักพัก ฟังเพลงดังๆ แล้วก็หลับไปเอง
“เดี๋ยวให้อเล็กซ์กล่อม คงหลับได้”
เจดหัวเราะอีก [ ชักอิจฉาอเล็กซ์แล้ว ]
“หือ?” เราไม่เข้าใจ
[ ก็ทำกระต่ายหายกลัวฟ้าได้ด้วย อยากทำได้บ้าง ]
อยู่ๆ ก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าเจดหมายความว่าอะไร
หมายถึง... เจดอยากช่วยให้เราหายกลัวฟ้าผ่าใช่ไหม
“รู้ได้ไงว่าทำไม่ได้”
[ หือ? ]
“เจดยังไม่ได้ลองเลย”
☉ ------------------------------------------------------------ ☉
ตีสามยี่สิบสี่ เราพิสูจน์แล้วว่าเสียงเจดมีอิทธิพลเหนือฟ้าผ่า
เผลอๆ อาจจะมีอิทธิพลกว่าอเล็กซ์
[ I'm a puppet on a string Tracy Island, Time-traveling diamond, Cutter shaped heartaches, Come to find you Four in some velvet morning Years too late …]
เพลงโปรดที่เราขอถูกปรับเป็นทำนองอคูสติค เสียงกีตาร์เพลินหูคลอกับเสียงทุ้มแหบแบบเป็นเอกลักษณ์ของเจด เสียงที่ทำให้เราเผลอยิ้ม เคลิ้มเหมือนอยู่ในมนต์สะกด
[ She's a silver lining, Lone ranger riding, Through an open space, In my mind when she's not right there beside me… ]
ฝนยังตกหนัก ฟ้าคงยังร้องเสียงดัง แต่เราลืมใส่ใจเสียสนิท ตอนนี้ในหูเราได้ยินแต่เสียงเจด เสียงฝนตกเพียงคลอคล้ายดังอยู่ไกลๆ
[ All I wanna hear her say is "Are you mine?" Well, are you mine? Are you mine? Are you mine?.. ]
เชื่อไหม ไม่เคยมีครั้งไหนที่เราคิดว่าเสียงฝนเพราะเท่าครั้งนี้
[ เจ... หลับแล้วเหรอ? ]
“...” เรายังไม่หลับ แต่ไม่อยากตอบ เพราะเจดคงจับได้ว่าเรากำลังเขิน และเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองพูดอะไรแปลกๆ ออกไป
[ เจได? ]
“...” ไม่ให้เจดรู้ว่าเราเผลอตอบประโยคคำถามในเพลงของอเล็กซ์
[ หึ ฝันดีครับ ]
Of course, I’m yours…
☉ ----------------------------60%-------------------------------- ☉
ตั้งใจว่าจะอัพขอบคุณที่จำนวน Fav. ในเด็กดีครบ 1000ค่ะ เลยแวบมาอัพในเล้าด้วย
ขอบคุณมากๆ ที่เอ็นดูป๊ากับยัยกระต่ายเจนะคะ
อ่านฟีดแบ็คแล้วชื่นใจมากๆ
ที่เหลือจะตามมาไม่เกินวันศุกร์น้า
ฝาก #หมีแต่รัก เช่นเคยนะคะ ^^
ขอบคุณมากๆ ค่ะ
- Martian -