☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10  (อ่าน 83193 ครั้ง)

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ตามจากมอปลายกับร้านเหล้า​ เรื่อง​นี้ฉีกแนวไปเลยมุ้งมิ้งมาก​ น่ารัก​จัง​

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ทำไมรู้สึกว่าไม่ชอบเจดยังไงไม่รู้  :hao4:

ออฟไลน์ Daryneisfine

  • Read to improve national statistics
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากหยิกน้องงงงง ป๊าคนดี อดทนไว้นะ รอกระต่ายหายกลัวก่อนน
มีแฟนเรียนสถาปัตย์ จนนังเป็นสถาปนิกแล้ว ไม่เคยได้ซักซุ้มเลย!
อย่าว่าแต่โมเดลเล็กๆ ก็ไม่มีจ้า อิจฉาตาร้อนนน

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ข้อที่ 11

น้ำตาหมี (100%)

 

               

ทุกอย่างมันรวดเร็วมากจนเราสับสน ตั้งตัวไม่ทัน... เจดก็คงเหมือนกัน



ถึงจะยังมีสติขับรถได้ แต่เห็นชัดว่าเจดดูช็อก งุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ยังไง ในเมื่อเตวิชญ์ไม่ได้ดื่ม ไม่ได้เมา และเขาก็กลับคอนโดไปนานแล้ว



เจ้าหน้าที่โทรหาเจดเพราะเป็นเบอร์โทรล่าสุดที่คุยกัน แต่เจดไม่ใช่ญาติจึงเซ็นยินยอมการผ่าตัดไม่ได้ สุดท้ายต้องโทรตามพ่อของเตวิชญ์เพื่อมาจัดการเรื่องต่างๆ ตามขั้นตอน พอเรามาถึงก็เห็นท่านนั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัดแล้ว เอ่ยทักทายกันไม่กี่คำพ่อก็ต้องไปคุยธุระกับทนายเพื่อมาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีต่อ หน้าห้องฉุกเฉินดูวุ่นวาย ในขณะที่เราสองคนได้แต่นั่งเงียบ รออยู่ในบรรยากาศที่อึดอัดอย่างสัมผัสได้



เจดโทรหาน้องพิชญ์เป็นสิบๆ สาย แต่ไม่มีคนรับ ในทีแรกเจดคิดว่าน้องเกิดอุบัติเหตุด้วย แต่คู่กรณีบอกว่ามีเตวิชญ์แค่คนเดียว นั่นยิ่งน่าประหลาดใจ



 ไม่มีใครรู้ว่าเขาขับมอเตอร์ไซค์ออกมาอีกทำไม และกำลังจะไปไหน... แถมที่เกิดเหตุก็อยู่ไกลจากคอนโดของเจ้าตัวพอสมควร



ทุกวินาทียาวนาน ชวนกระวนกระวายไปหมดจนกระทั่งหมอออกมาบอกว่าเตวิชญ์อาการปลอดภัย และถูกส่งตัวไปเฝ้าดูอาการที่ห้องไอซียู

               

พอทุกอย่างสงบและดูจะเข้าที่เข้าทางในตอนเช้าพ่อถึงบอกให้เราสองคนกลับไปพักผ่อน เราเห็นด้วยเพราะเจดดูอ่อนเพลียมาก และดูเครียด  เราไม่อยากให้เจดเป็นอะไรไปอีกคนเลยขออาสาขับรถไปส่งเจดเอง



แต่ยังไม่ทันออกจากโรงพยาบาลเจดก็กดโทรศัพท์หาน้องพิชญ์อีกครั้ง และดูเหมือนคราวนี้จะมีคนรับ

               

“พิชญ์! อยู่ไหน ทำไมไม่รับโทรศัพท์” เสียงเจดดูโล่งใจและเครียดในเวลาเดียวกัน

               

“พิชญ์ ตอนนี้มึงยังอยู่บ้านไอ้เตใช่ไหม เดี๋ยวกูไปหา... พิชญ์...” เราไม่รู้ว่าน้องตอบอะไร แต่ประโยคต่อมาเสียงเจดเบาลง ฟังดูเป็นห่วงปลายสายอย่างเห็นได้ชัด



เราก็เป็นห่วงเหมือนกัน ถ้าน้องรู้เรื่องจะเป็นยังไง



อยู่ๆ คนรักก็หายออกมาคนเดียว รู้ข่าวอีกทีก็ตอนประสบอุบัติเหตุไม่คาดฝันแบบนี้ คงใจสลาย



“พิชญ์ มึงทำใจดีๆ ก่อนนะ” เจดเงียบไปสักพัก หันมามองเราคล้ายหาคำพูดบางอย่างเพื่ออธิบาย แต่สุดท้ายก็ได้แต่เอ่ยออกไปตามตรง “ไอ้เตรถคว่ำ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”



เราเอื้อมมือไปจับมือเจดไว้ บีบเบาๆ ให้รู้ว่าเรายังอยู่เป็นเพื่อน เผื่อส่งกำลังใจไปให้คนในสายโทรศัพท์ด้วย



“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูไปรับ ไม่เป็นไร มันปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องร้องนะ” เจดยิ้มจางให้เรา บีบมือกลับก่อนจะย้ำกับปลายสายอีกครั้ง ด้วยเสียงปลอบประโลมและห่วงใย



เจดคุยกับน้องอยู่สักพักก็วางสาย ถอนหายใจ ฝ่ามือที่จับกันไว้บีบแน่นขึ้นตอนที่เจดหันกลับมาสบตาเรา



มีความรู้สึกมากมายอยู่ในนั้น ...ขณะที่เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบา



“เจ ขอโทษนะ”



"..." ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าประโยคต่อไปเจดจะพูดอะไร

 







☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

ที่จริงมันอาจไม่ใช่เรื่องของเราตั้งแต่แรก ที่จริงเรากับเตวิชญ์ไม่ได้มีสถานะอะไรมากไปกว่าเพื่อนร่วมวง คุยกันไม่ถึงสิบครั้งด้วยซ้ำ ถึงช่วงหลังเราจะคุยกับน้องพิชญ์มากขึ้น แต่ก็ไม่ถึงขั้นคนสนิท ไม่แปลกที่เจดจะถือว่าเราเป็นคนนอก

               

อือ... เรากำลังน้อยใจ

               

งี่เง่ามากๆ เลยเจได ในสถานการณ์แบบนี้ยังมัวคิดเล็กคิดน้อยอยู่ได้

               

แต่เราเป็นห่วงนี่ อยากรู้ว่าตรงนั้นเป็นยังไง อยากอยู่ข้างๆ เจด อยู่ข้างๆ น้องพิชญ์ หรือแม้แต่พ่อเตวิชญ์ที่เพิ่งเคยเจอหน้าเป็นครั้งแรก ...เราอยากอยู่ด้วยจนกว่าสถานการณ์เลวร้ายจะผ่านไป

               

ไม่ใช่ต้องกลับมาอยู่คนเดียวแบบนี้



เรากระวนกระวาย นั่งไม่ติด เดินไปเดินมาอยู่ในห้องอย่างไม่รู้จะทำยังไง

               

[ โทรมาทำไมแต่เช้า ]



“เพื่อน เมื่อไหร่จะกลับหอ” นิสัยเสียๆ ของเราคือเวลามีปัญหาก็ชอบหันไปพึ่งเพื่อนทุกครั้ง



ไม่เคยจัดการความรู้สึกได้ด้วยตัวเองเลย



[ เป็นไร ] แม้แต่เพื่อนก็คงเคยชินแล้วไม่ทันไรก็จับอารมณ์ได้ ยังไม่ทันอธิบายเพื่อนก็เข้าใจ เป็นแบบนี้เสมอ ต่อให้เรากังวลกับเรื่องงี่เง่าเล็กน้อยเพื่อนก็แค่ด่า แต่ไม่เคยหนีไปไหน



เพราะแบบนี้ใครต่อใครถึงได้ล้อว่าเราเป็นลูกแหง่ติดพ่อ ไม่ยอมโต



[ อยากให้ไปหาไหม ]



แต่เราโตแล้ว... อย่างน้อยเราก็อยากโตขึ้นอีกนิด



“ขอบใจนะ"



เรื่องแค่นี้เอง เรื่องอารมณ์ของตัวเอง เราจัดการได้แน่



“เราไม่เป็นไร”

 



ถ้าคิดดีๆ เราน่าจะรู้อยู่แล้วว่านิสัยเจดเป็นยังไง

               

เจดไม่ได้กันเราออกมาจากสถานการณ์ร้ายๆ เพราะเห็นเราเป็นคนนอก แต่เพราะเจดเป็นห่วงต่างหาก

               

เพราะเจดมักจะแคร์คนรอบข้างเสมอ เลยไม่อยากให้ใครไม่สบายใจ ...ไม่เลยสักคน



อีกอย่างเราอยู่ตรงนั้นก็คงช่วยอะไรไม่ได้ คงมีแต่จะทำให้เจดพะวงมากขึ้น

               

พอคิดแบบนั้นความน้อยใจก็จางลง เราจัดการความงี่เง่าของตัวเองได้ แล้วนั่งรอฟังข่าวด้วยใจที่สงบขึ้น เราส่งข้อความไปหาเจดอยู่สองสามครั้ง ไม่ถี่มากเพราะไม่อยากรบกวน แค่อยากให้กำลังใจ และถามไถ่สถานการณ์



แต่ไม่ทันได้รู้ความคืบหน้าอะไร ความอ่อนเพลียจากการอดนอนสะสมมาตั้งแต่เมื่อวานก็เล่นงานจนเผลอหลับคาโซฟา รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงไขประตู ใครสักคนเดินเข้ามาในห้อง ทีแรกเราคิดว่าตัวเองแค่ฝัน แต่พอได้กลิ่นคุ้นเคย และสัมผัสของฝ่ามือที่ลูบผมเราเบาๆ ก็รู้ตัวว่าไม่ได้ฝัน

               

“เจด?” เราจำกลิ่นได้ กะพริบตาสองสามทีเพื่อปรับสายตาก็เห็นว่าเจดอยู่ตรงหน้าจริงๆ

               

"ขอโทษ ทำให้ตื่นเหรอ" เป็นไปตามคาด สีหน้าเจดดูอ่อนเพลียมาก แต่ก็ยังยิ้ม ฝ่ามืออุ่นลูบหัวเราเหมือนปลอบใจ



ไม่ต้องเลย เจดต่างหากที่ต้องโดนปลอบ   

               

"ได้อ่านข้อความไหม"



"อือ อ่านแล้ว ขอบใจนะ"



เราพยักหน้าดึงฝ่ามือใหญ่มาแนบแก้ม พลางยื่นมือออกไปลูบหัวเจดเบาๆ ยิ้มให้เหมือนที่เจดทำ “เหนื่อยไหม”

               

เจดชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ดึงมือเรากลับมาแนบแก้มบ้างพลางพยักหน้าตอบ



เราต่างคนต่างเงียบอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ ก่อนเจดจะเป็นคนเอ่ยออกมา



“เจ...สมมตินะ” เสียงเจดเบา และสั่นมาก “สมติว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ...”



“...” เราลุกขึ้นนั่ง ตกใจที่เห็นดวงตาคมมีน้ำเอ่อคลอ หม่นหมองแบบที่เราไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง



เจดที่เรารู้จักมักจะยิ้มเสมอ เหมือนเกิดมาเพื่อเป็นพลังบวกให้คนรอบข้าง



บ่งชัดว่าเรื่องที่เจดเจอวันนี้มันหนักหนา



“สมมติว่าความจริงแล้วไอ้เตมันตั้งใจจะไป...”



“...”



“ทั้งที่อยู่ด้วยกันมันตลอด แต่กูไม่รู้เลย... ช่วยอะไรไม่ได้เลย...”

               

ไม่มีประโยคหลังจากนั้น เมื่อน้ำตาหยดแรกไหลออกมา เจดปาดมันออกลวกๆ  มืออีกข้างบีบมือเราแน่น ซบหน้าลงกับตักเรา เหมือนไม่อยากให้เห็นสีหน้าที่เริ่มบิดเบี้ยวเก็บอาการไม่ไหว

               

ไหล่ของเจดสั่น ไม่ทันไรหัวเข่าเราก็สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำ

               

เราไม่แน่ใจว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไง เรื่องที่เจดสมมติเป็นเรื่องจริงไหม หรือเจดรู้อะไร

               

“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร”



ในวันที่เราร้องไห้เพราะฟ้าผ่า เจดปลอบใจเราจนน้ำตาหยุดไหลได้

               

“เจดทำดีแล้ว ทำดีที่สุดแล้ว”

               

คราวนี้คงถึงเวลาที่เราจะเป็นฝ่ายซับน้ำตาให้เจดบ้าง









☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

เจดหลับไปตั้งแต่เย็นและเราคิดว่าคงไม่ตื่นจนเช้า หัวของเจดซุกอยู่ที่อกเรา แขนพาดอยู่ที่เอว ส่วนมือเราโอบรอบหัวเจด



เรานอนกอดกันในโซฟาแคบๆ เราลูบผมเจดเบาๆ จูบหน้าผาก ทำแบบนี้สลับกันซ้ำๆ เพราะอยากให้เจดหลับสนิท ไม่ต้องฝัน เจดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ได้เวลาต้องจำศีล

               

เราเผลอหลับไปอีกรอบเมื่อไหร่ไม่รู้เหมือนกัน ตื่นมาก็ตอนตะวันขึ้นแล้ว ลืมตาขึ้นมาก็สบตากับดวงตาคมๆ กับรอยบุ๋มที่แก้มข้างซ้ายเมื่อคนตื่นก่อนยิ้มให้



อยู่ๆ เราก็เป็นฝ่ายถูกกอดไว้ หนุนแขนเจดแทนหมอนที่ไม่รู้ถูกยึดไปตอนไหน

               

“หิวโคตร” ไม่มีคำพูดอรุณสวัสดิ์ออกจากปากคนที่ไม่ได้กินข้าวมาเป็นวัน

               

เราหัวเราะ ลุกขึ้นนั่ง “เดี๋ยวหาอะไรให้กินนะ”

               

ดีที่ปกติเรามีมาม่าติดห้องไว้ มีไข่ กับผักเหลืออยู่นิดหน่อย พอเป็นสารอาหาร ใช้เวลาต้มมาม่าไม่กี่นาทีก็กินได้ แต่เจดใช้เวลากินไวกว่าตอนต้มซะอีก

               

คงจะหิวมาก

               

“เอาอีกไหม” เราถาม “แต่ไข่กับผักหมดแล้วอ่ะ”

               

เจดหัวเราะ ซดน้ำคำสุดท้ายแล้วส่ายหน้า “อิ่มแล้วครับ”

               

เราไม่ได้ว่าอะไร ยกชามไปวางไว้ที่อ่างล้างจานแล้วกลับมานั่งขัดสมาธิข้างโซฟา จ้องหน้าเจดที่นั่งในท่าเดียวกัน ในใจมีคำถามเต็มไปหมด แต่ไม่รู้ว่าควรถามอะไรก่อนเลยปล่อยให้ทั้งห้องเงียบอยู่อย่างนั้น จนเจดหลุดหัวเราะแล้วตบตักตัวเองเบาๆ

               

“มานั่งนี่ได้ไหม”

               

เราขยับไปนั่งบนตักเจดโดยไม่อิดออด ปล่อยให้เจดกอด และซบหน้าลงกับไหล่ สูดหายใจลึกก่อนค่อยๆ ระบายสิ่งที่อยู่ในความคิดออกมา

               

“เมื่อวานไอ้พิชญ์เอากระดาษโน้ตให้พ่อไอ้เตดู” เจดเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงเหมือนยังสับสนอยู่ไม่น้อย “ไม่ได้อยากละลาบละล้วงหรอก แต่มันเห็นเอง”

               

“...”

               

“เป็นคำขอบคุณ กับขอโทษ... น่าจะเป็นคำบอกลา”

               

เราปล่อยให้เจดเล่า ไม่คิดขัดอะไร คราวนี้น้ำเสียงเจดสงบกว่าเมื่อวาน ไม่มีวี่แววว่าจะร้องไห้แล้ว

               

“พอคิดย้อนกลับไป ก็นึกได้ว่าไอ้เตมันเคยพูดอะไรแปลกๆ อยู่เหมือนกัน”

               

“...”

               

“มันเคยฝากให้ดูแลไอ้พิชญ์... ตอนนั้นคิดว่ามันจะไปเรียนต่ออเมริกา ก็เลยไม่คิดอะไร”

               

เราเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อไม่นานนี้เหมือนกัน เรื่องอเมริกา...



เตวิชญ์เกิดที่นั่น เติบโตที่นั่น และเพิ่งกลับมาอยู่ไทยได้ไม่ถึงปี น้องพิชญ์บอกว่าเขาจะกลับไปอีก

               

...เพิ่งเข้าใจตอนนี้ว่าอเมริกาไม่มีจริง

               

“ดีนะที่ไม่ได้รับปากไป” เจดหัวเราะเบาๆ กับเรื่องตลกร้ายพลางกระชับอ้อมแขน จูบขมับเราซ้ำๆ น่าจะทำเพราะอยากรับรู้ว่าเรายังอยู่ข้างๆ

               

“แล้ว... จะทำยังไงต่อไป” เราถาม เมื่อเจดนิ่งไปอีกครั้ง



ถ้าอุบัติเหตุนี้เป็นความตั้งใจของเตวิชญ์จริง เป็นไปได้ว่าเขาไม่สบาย มีแผลใหญ่ๆ ที่ใจ ต้องไปหาหมอ แต่คนส่วนใหญ่ยังมองว่าการพบจิตแพทย์เป็นเรื่องน่าอาย



ถ้ามีคนรอบข้างชี้นำ คงช่วยได้



“ไม่รู้เหมือนกัน ไอ้เตมันเป็นคนเข้าใจยาก มีแต่ไอ้พิชญ์นั่นแหละที่มันยอมเปิดใจให้ แต่ขนาดไอ้พิชญ์ยังเข้าใจทั้งหมดไม่ได้...” พูดถึงตรงนี้เจดก็ชะงักอีกครั้ง สูดหายใจหนักๆ ท่าทางคิดไม่ตก



“กลัวว่าทะเล่อทะล่าเข้าไปแนะนำอะไร จะยิ่งแย่”



"อือ" เราพยักหน้า เข้าใจ มันเป็นเรื่องที่เปราะบางในการประคับประคองหัวใจที่เปราะบางมากๆ



ถ้าอุ้มผิดวิธีหัวใจดวงนั้นจะช้ำ อาจจะตกแตก และอาจแก้ไขไม่ได้



แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไปหรอก เราแค่ต้องทำความเข้าใจ เราทุกคนเลย



“ตอนนี้คงได้แต่ซัพพอร์ตไอ้พิชญ์เท่าที่ทำได้ ไม่ให้มันแย่ไปอีกคน”



“แล้วเจดล่ะ” เราหลุดปากถามออกไป เจดเป็นอย่างนี้อีกแล้ว ห่วงแต่คนอื่น ไม่ค่อยคิดถึงตัวเอง



“หือ?”



“แล้วใครจะซัพพอร์ตเจด” เราหันหน้ากลับไปสบตาจริงจัง คิ้วเข้มเลิกขึ้นนิดหน่อย ดูงุนงงกับคำถาม



“ถ้ายังไม่มี... เป็นเราได้ไหม”



นี่เป็นประโยคบอกเล่านะ เราไม่ได้ถาม



“จากเรา ไปที่เจด ไปที่น้องพิชญ์ เป็นลูกโซ่กำลังใจ”



ไม่ต้องห่วงเรารู้ว่ามันจะได้ผล





“แบบนี้เตวิชญ์คงไม่อยากหนีไปไหนแล้วเนอะ ว่าไหม?”





พิสูจน์ได้จากรอยยิ้มสวยๆ ของเจดตอนนี้ไง

 






☉ --------------------------Side Story 11---------------------------------- ☉

 

                 

'มึงยังชอบพิชญ์อยู่ไหม'

               

'หือ? อยู่ๆ ทำไมถึงถาม'

               

'สงสัย'

               

'สงสัยหรือหึง?'

               

'...'

               

'หึ ถ้ากูบอกว่าเวลากูเห็นน้องอยู่กับมึงแล้วยิ้มได้กูก็มีความสุขด้วย แบบนี้แปลว่ากูยังชอบมันอยู่ไหม'

               

'...'

               

'ไอ้พิชญ์เหมือนน้องชายกูอ่ะ ต่อให้ไม่ได้คิดอะไรกับมันแบบนั้นแล้วกูก็ยังเป็นห่วงมัน ยังเอ็นดูอยากเห็นมันมีความสุขก็แค่นั้น มึงไม่จำเป็นต้องหึง'

               

'งั้นกูฝากน้องหน่อย'

             

'อะไร'

               

'ถ้ากูไป มึงคงดูแลน้องแทนกูได้'

               

'นี่มึงยังจะไปอเมริกาอยู่เหรอ เห็นหลงเมียขนาดนี้คิดว่าล้มเลิกแผนแล้ว'

               

'กูล้มเลิกไม่ได้'

               

'ไม่รู้โว้ยไม่รับปาก'

               

'...'

               

'มึงรวยจะตายห่า อเมริกาแค่นี้บินไปกลับอาทิตย์ละครั้งก็ยังได้มั้ง'

               

'...'

               

'อีกอย่าง มึงก็เห็น กูติดกับดักกระต่ายเข้าจังๆ'

               

'...'

               

'คนของมึงก็ดูแลเองสิวะ'

               

'...'

               

'กูก็มีคนของกูให้ดูแลเหมือนกัน'








☉ --------------------------100 %--------------------------------- ☉

ตอนนี้สั้นจู๋เลยง่ะ สงสัยเพราะเป็นดราม่า '_'

บอกแล้วว่ากรุบกริบเนอะ ด้วยความยัยเจดราม่าเลยอันตรธานไปอย่างรวดเร็ว 5555

เวลาเครื่องบินตกจะมีกล่องดำบันทึกเสียงเหตุการณ์ไว้

เราว่าตอนนี้คงเป็นกล่องดำของเรื่อง #เกมท้ารัก ล่ะ

เสียงร้องไห้ของเจด บทสนทนาที่ไม่ได้ปรากฏในเรื่องนั้น เราอยากเอามาเปิดให้ฟังกัน

จริงๆ เราคิดว่าใครที่อ่านเกมท้ารักมาก่อนแล้วมาอ่านตอนนี้น่าจะรู้สึกกับช่วงท้ายเหตุการณ์ไปอีกแบบ... หรือเปล่านะ 55555

ส่วนใครที่ยังไม่อ่านเรื่องนั้น ยืนยันว่าไม่ต้องอ่านก็ได้ค่า รู้เหตุการณ์แค่ส่วนนี้ก็น่าจะพอแล้วเนอะจะได้ไม่กระทบใจมาก ;-;

แต่ถ้าอ่านแล้วงง หรือผิดพลาดตรงไหน ช่วยบอกกันด้วยนะคะ จะรีบแก้ไขให้ค่า



จริงๆ ต้องมีต่ออีก และจะจบภายในตอนนี้แต่คิดว่าตัดตอนตรงนี้ดีกว่า

ตอนหน้าจบแล้วน้า (มีบทส่งท้ายอีกค่ะ)

อาจจะมาช้านิดนึงเพราะต้องไปทำธุระที่กทม.ค่ะ



ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ

ฝาก #หมีแต่รัก ด้วยน้า



- Martian -

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2018 19:33:36 โดย makok_num »

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
เนี่ยอ่านตอนที่รู้ว่าอเมริกาพี่เตไม่มีจริงละจะร้องทุกที​ ถ้าเตไปไม่มีวันกลับคนข้างหลังจะทำไง​ ฮือ :hao5:

เอ็นเจไดจังตอนบอกว่าให้กำลังใจแบบลูกโซ่

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ยังไม่ค่อยเข้าใจเตเท่าไหร่
เอ็นดูน้องต่าย พยายามเข้มแข็งกับเข้าใจและให้กำลังใจคนอื่นด้วย

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เจน่ารักมาก เป็นที่จัดการกับความรู้สึกด้านลบของตัวเองได้ดีนะ อยากอุ้มมากอดทุกครั้งที่เจน้อยใจ มันงู้ยมาก 55555

ออฟไลน์ Ashita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ไม่เข้าใจเตเลย ทำไมทำแบบนี้

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เต มีหลุมดำในใจสินะ
หลุมนั้นทั้งลึก ทั้งขยายออกตลอด
ทั้งที่มีพิชญ์อยู่ด้วยแท้ๆ
เอาอะไรไปถมหลุมให้เต็มได้นะ
ใครก็ถมให้ได้ไม่มากเท่าเจ้าตัวถมเอง   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mayyiyi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนที่อ่าเกมท้ารัก เราเห็นแต่มุมของพี่เน้องพิชญ์และพ่อของเต  พอมาอ่านตรงนี้ได้เห็นมุมขอเจดกับเจ ทำให้รู้ว่าผลมันกระทบกับความรู้สึกของแต่ละคนเป็นโดมิโน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ CLShunny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อย่าไปเทคแคร์ ด๊แลกระต่ายไปปปป สงสสารรคุณฟมีเนาะะะะะะะะพ สุ้ๆๆค่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ยังคงตกหลุมรักกระต่ายเจไดซ้ำๆ  :กอด1:
เขียนกระต่ายน่าเอ็นดูมากๆๆๆ  :impress2:
 :pig4:                  :pig4:                    :pig4:

ออฟไลน์ Stmmltww

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
กระต่ายน่ารักมากๆจริงๆนะคะ แงงงงงงงงง รักเจจังเลย น่ารักมากๆ น่ารักที่สุด :hao5:
ขอบคุณมากค่า

ออฟไลน์ yewlyz

  • MindSet The Others
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากมีน้องเจเป็นของตัวเองเลย น้องน่ารักกกก

ออฟไลน์ Raam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอ็นดูยัยเจ สงสารคุณหมีแล้วก็พีช  มาต่อเร็วๆนะค้าาา :ling1:

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พลังแห่งกำลังใจเชื่อมกันเป็นลูกโซ่ให้พลังแข็งแรงเจไดน่ารักจริงๆค่ะลูก

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ข้อที่ 12

หมีเยียวยา (50%)

 

           

เจดสนิทกับน้องพิชญ์มาก เรารู้ดี

               

เจดเป็นห่วงน้องพิชญ์มากๆ ข้อนั้นเราก็รู้ดีเหมือนกัน

               

แต่มันมีวิธีการแสดงความเป็นห่วงอย่างอื่นไหมนะ ที่ไม่ใช่การกอดอ่ะ

               

เรื่องมีอยู่ว่าเรากับเจดมาเยี่ยมเตวิชญ์ที่โรงพยาบาล เตวิชญ์รู้สึกตัวสักพักแล้ว อาการเกือบจะเป็นปกติ มีแขนที่ต้องใส่เฝือกไว้ และเฝ้าดูอาการอีกสองอาทิตย์



เราเพิ่งได้มาเยี่ยม เพราะหลังปีใหม่ก็เปิดเทอมพอดี แค่อาทิตย์แรกก็แทบไม่มีเวลากระดิกตัว

               

เจดเป็นคนจัดการเรื่องเรียนของเตวิชญ์ให้ เห็นว่าอาจารย์ที่คณะสนิทกับนักศึกษาอยู่แล้วก็เลยไม่มีเรื่องยุ่งยากอะไร แค่ตามส่งงานให้ครบก็ไม่น่ามีปัญหา ส่วนน้องพิชญ์หลังเลิกเรียนก็มาเฝ้าเตวิชญ์ทุกวัน หอบเสื้อผ้ามาค้างที่โรงพยาบาล เหมือนไม่อยากให้เตวิชญ์คลาดสายตา

               

น้องดูโทรมลงไปมาก ตาก็บวม ผอมกว่าที่เคย เราไม่เคยเห็นน้องพิชญ์แสดงสีหน้ากังวลใจ แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่เราเห็นน้องร้องไห้

               

พอเตวิชญ์กินยาแล้วหลับไป น้องพิชญ์ก็หายเข้าไปอีกห้องที่เป็นส่วนรับรองแขก เจดเดินตาม เราเห็นสองคนหายไปนานก็เลยตามมาดูบ้าง แล้วก็เห็นว่าเจดกำลังกอดน้องพิชญ์ ลูบหัวลูบหลังโดยไม่พูดอะไร ในความเงียบเราได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ไหล่บางๆ ในอ้อมกอดเจดสั่นอย่างน่าสงสาร

               

เรายืนนิ่งมองทั้งสองคนอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร

               

รู้ดีว่าน้องกำลังร้องไห้ เพราะแบบนั้นเจดก็เลยกอดปลอบใจ ถ้าเรากำลังร้องไห้เจดก็คงกอดเหมือนกัน

               

เราไม่ควรคิดมาก ไม่ควรงี่เง่า



ไม่หึง... หึงไม่ได้... ใช่ไหม

 






☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

วันนั้นเราเดินออกมาเงียบๆ รอจนเจดกับน้องพิชญ์เดินกลับมา ไม่นานก็ขอตัวกลับ ตอนเจดมาส่งที่หอเราไม่ได้บอกว่าเห็นอะไร ไม่ได้ถามว่าทำไมน้องพิชญ์ถึงร้องไห้ ในหัวเราว่างเปล่า จำได้แค่ว่าตอนลงจากรถมาเราบอกเจดว่าบ๊ายบาย

               

ระยะหลังเรากับเจดแทบไม่ได้เจอกัน เจดดูวุ่นๆ ส่วนเราก็มีโปรเจกต์ที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง ถึงจะยังโทรหากันทุกวัน แต่เราก็รับรู้ได้ถึงระยะห่าง

               

“ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ไปกินข้าวกับไอ้หมี”

               

“เจดไม่ว่างอ่ะ” รู้ตัวเลยว่าเสียงหงอย แล้วเพื่อนเหรอจะไม่รู้ พอได้ยินคำตอบเพื่อนเลยขมวดคิ้วมอง

               

“มีอะไร”

               

“เปล่า” ปฏิเสธไปก็เท่านั้น ยังไงเพื่อนก็จับได้ วางช้อนกอดอก มองหน้าเราอย่างคาดคั้น

               

“ไอ้หมีมันทำอะไร”

               

“ไม่ใช่ เจดไม่ได้ทำ” พอเพื่อนทำท่าจะโทษเจดเราเลยยอมเงยหน้าสบตาจริงจัง “เรา...”

               

“?”

               

“เราหึง”

               

“หึงอะไร มันมีคนอื่นเหรอ” เพื่อนยิ่งขมวดคิ้วแน่น ท่าทางไม่พอใจมากๆ

               

“ไม่ใช่” เราส่ายหัวพัลวัน “ก็เรื่องเตวิชญ์ ที่เคยบอกอ่ะ”

               

เราเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันปีใหม่ให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็เป็นห่วง แต่แนะนำอะไรไม่ได้มาก เพราะไม่ได้มาใกล้ชิดกับพวกเขาเหมือนเรา

               

“น้องพิชญ์กำลังแย่ แต่เราก็น้อยใจที่เจดไม่ค่อยมีเวลาให้ เห็นแก่ตัวไหม”

               

เพื่อนไม่ตอบ แค่ส่งสายตาให้เราพูดต่อไป

               

“เราบอกว่าจะช่วยส่งพลังให้ แต่ถ้ามัวแต่คิดมาก จะเป็นพลังให้เจดได้ยังไง” ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกผิด



“อืม” เพื่อนถอนใจท่าทางเหนื่อยหน่าย “ก็รู้ตัวนี่ ว่างี่เง่า”



“โห่เพื่อน” ไม่ปลอบกันแล้วยังจะมาซ้ำ



“รู้แล้วก็ไปบอกไอ้หมีซะ บอกที่มึงบอกกูเนี่ย”



“บอกได้ที่ไหนเล่า” เรางอแง ขืนไปบอกแบบนี้เจดคงหาว่าเรางี่เง่า คงไม่อยากคุยกับเรา



“บอกได้” เพื่อนยืนยัน พลางควักโทรศัพท์มือถือออกมา กดอะไรสักพักจึงส่งมาให้เรา



หน้าจอโชว์หน้าต่างแชทในแอพไลน์ รูปโปรไฟล์อีกฝ่ายเราจำได้ดีว่าเป็นใคร



‘พี่เพื่อน ช่วงนี้เจเป็นอะไรเหรอครับ ดูไม่ค่อยร่าเริงอ่ะ’



‘ผมถาม เจบอกว่าเพราะโปรเจ็กต์ หนักมากเหรอครับ’



‘ช่วงนี้ผมก็วุ่นๆ ไม่ค่อยได้เจอเลย ฝากพี่ดูหน่อยนะครับ อย่าให้เจเครียดมาก’



‘ผมเป็นห่วง’





พออ่านถึงข้อความล่าสุดแก้มเราก็อุ่นขึ้นมา เงยหน้ามองเพื่อนที่ทำหน้าเหมือนจะบอกว่าไม่ใช่เราคนเดียวที่คิดมากเรื่องอีกคน



ไม่เห็นรู้เลยอ่ะ ว่าเจดคุยกับเพื่อนด้วย

           

“เพื่อน...”

               

“เออ ทีนี้ก็รีบไปบอกมัน ว่ากำลังงี่เง่าเรื่องอะไร”

 






☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

แต่เพราะต่างคนต่างยุ่งโอกาสคุยกันก็ยาก เราไม่อยากพูดผ่านโทรศัพท์ อยากบอกต่อหน้า อยากมองตาเจด

               

คิดถึงอ่ะ... อยากเจอ

               

อยากรู้ว่าเจดอยากเจอเราบ้างไหม อยากได้ยินเสียง...

               

ครืดดด

               

ยังกับถูกแอบอ่านใจ พอคิดแบบนั้นโทรศัพท์มือถือก็สั่น ชื่อที่ขึ้นหน้าจอทำให้เรากดรับอย่างรวดเร็ว

               

“เจ”

               

แต่ไม่ใช่เสียงเจด

               

...เป็นเสียงน้องพิชญ์

               

เรามองหน้าจออีกทีก็มั่นใจว่าดูไม่ผิด เป็นเบอร์เจดจริงๆ

               

ถ้าอย่างนั้นเจดคงอยู่กับน้องพิชญ์... อีกแล้ว

               

“เจ ได้ยินไหม” ยังไม่ทันปล่อยความคิดให้จมสู่ความน้อยใจ เสียงน้องพิชญ์ก็ดังขึ้นมา

               

“อืม” เสียงเราแผ่วกว่าที่คิด

               

ก็ผิดหวังนี่นา

               

“เจมาคณะได้ไหม” แต่หงอยได้ไม่เท่าไหร่ คิ้วก็ขมวดด้วยคำถาม

               

“ทำไมเหรอ?”

               

“ป๊าแย่แล้วอ่ะ”

               

“หา?”

               

ไม่รอฟังคำอธิบาย เราคว้ากุญแจรถพุ่งออกจากห้องอย่างไว

 

 







☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 



พิชญ์บอกเราว่ามันคือภาวะเร่งด่วน ด่วนมาก เรารีบเหยียบคันเร่งออกจากหอ บึ่งไปคณะสถาปัตย์เพื่อพบว่ามีหมีกำลังอาละวาด



"ไม่ไหวแล้ว กูจะนอนตรงนี้! เดี๋ยวนี้!" โวยวายเสร็จก็ทำท่าจะทิ้งตัวลงบนพื้นข้างโต๊ะทำงาน ทั้งที่รอบตัวเต็มไปด้วยเศษกระดาษ ขยะสารพัด



"เจด" พอได้ยินเสียงเราก็ชะงัก ขมวดคิ้วหันไปมองน้องรหัสอย่างงุ่นง่าน



"ป๊ามันไม่ยอมกลับหออ่ะ พิชญ์ไม่ว่างไปส่งด้วย" ตัวการยิ้มขำ เลิกคิ้วยียวนใส่เจ้าหมียักษ์ที่ทำท่าไม่พอใจที่น้องพาเรามาแต่ก็ทำได้เพียงโวยวาย



"เจจจ ง่วงงงง" เจดไม่เคยทำท่าทางแบบนี้สีหน้างอแงดูน่ารักจนเราชะงักไป



แต่ยังไงก็ยอมให้นอนตรงนี้ไม่ได้สกปรกจะตาย



"ไปนอนหอเราไหม" เอ่ยปากพลางพยายามคิดว่าจะยกลูกไม้ไหนมาใช้โน้มน้าวได้อีก



แต่เจดไม่ดื้ออย่างที่คิด เจ้าหมียักษ์ที่เคยอาละวาดกลับเดินลากเท้ามากอดคอ ทิ้งตัวลงกับไหล่เราซ้ำยังพยักหน้าตอบรับง่ายดาย



"ปะ"

 



ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกัน...



แต่เรายังหาจังหวะพูดอะไรไม่ได้มาก มาถึงห้องไม่ทันได้ถามว่าจะกินอะไรไหม จะอาบน้ำก่อนหรือเปล่า หมีตัวโตก็ทิ้งตัวลงโซฟาดังตึง หลับปุ๋ย



เราอดหัวเราะไม่ได้เอาผ้าห่มผืนใหม่มาคลุมให้ เจดคงง่วงสุดๆ ไม่งั้นคงไม่งอแงแบบนี้ ดูสิใต้ตาก็คล้ำ หนวดเคราก็ยาวขึ้น รุงรัง ไม่เจอกันไม่กี่วัน ซูบลงด้วยหรือเปล่านะ



พอนึกภาพที่เจดต้องทำงานของตัวเองซ้ำยังต้องคอนเทคแคร์ช่วยเหลือคนอื่น เป็นที่ปรึกษาน้องพิชญ์ แล้วยังเผื่อใจมานึกถึงเราอีก



อย่ามัวแต่ดูแลคนอื่นไม่ดูแลตัวเองสิ คนทางนี้เป็นห่วงนะ



เราทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิข้างโซฟา เท้าแขนวางคางลงมองหมีที่เข้าฤดูจำศีลเงียบๆ



เวลาหลับใบหน้าคมคร้ามกลับดูสงบ ใจดีไม่แพ้เวลาที่ยิ้ม



ยิ้มของเจดอ่อนโยน จริงใจ เห็นทีไรก็อดใจสั่นไม่ได้



พอคิดแบบนั้นมือเจ้ากรรมดันเผลอยกนิ้วจิ้มลงที่แก้มซ้ายตรงตำแหน่งลักยิ้ม ลักลอบเกลี่ยใบหน้าเขา ไล้ตามกรอบหน้าตามเครารุงรังแผ่วเบาจน



หมับ!



“...!”



แต่เจ้าตัวคงรำคาญ ไม่ทันไรนิ้วชี้ของเราถูกคว้าหมับ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องเป๋งมา



ทว่าไม่มีทีท่าโกรธเคือง เพียงปะปนความรู้สึกยากจะอธิบาย



"หิวไหม" เรายิ้ม เอ่ยถาม ไม่รู้เหตุผลที่ยอมให้เขากำนิ้วชี้เราไว้อย่างนั้น



"หึ ง่วง" เจดส่ายหน้า ส่งเสียงครางเบาๆ ขยับมาใกล้จนปลายจมูกเกือบแตะกัน



“เหนื่อยหรือเปล่า” เราถาม ไม่ละใบหน้าหนี ซ้ำยังคลอเคลียอยู่อย่างนั้น



ความเหงา ความน้อยใจ ความรู้สึกงี่เง่าหายไปทันทีที่เห็นใบหน้าของเขา



เหลือเพียงความคิดถึง ความห่วงใย ความรู้สึกดีๆ ที่ส่งให้กันและกันผ่านลมหายใจร้อนผ่าว 



ที่เป็นแบบนี้ เพราะชอบเจดมาก... ใช่ไหมนะ



เจดยิ้มกว้าง ฝ่ามือมือใหญ่ดึงมือเราไปทาบกับแก้มสาก คล้ายออดอ้อน สบตาเราด้วยสายตาอ่อนโยนคู่เดิมคู่นั้น



“ตอนนี้ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแล้วครับ” เรายิ้มตาม มองเจดที่ซุกจมูกกับฝ่ามือเรา จูบเบาๆ ก่อนใช้หนุนแก้มต่างหมอนหลับตาลงอีกครั้ง



เราหลุดหัวเราะกับท่าทางงัวเงียน่ารัก ดึงมือข้างหนึ่งของเขามาทำแบบเดียวกัน



หนุนฝ่ามือใหญ่จำศีลไปพร้อมกับหมียักษ์ในถ้ำเล็กๆ ของเรา...





☉ ----------------------------50%-------------------------------- ☉

ลังเลอยู่นานว่าควรอัพเท่านี้ก่อนดีมั้ยนะ

ทั้งที่ตั้งใจว่าจะมาพร้อมบทส่งท้ายรวดเดียว แต่ยิ่งปล่อยทิ้งนานก็ยิ่งเครียดจนเขียนไม่ได้ค่ะ

เหลือบางฉากที่ยังติดค้าง ต้องตรวจทานความรู้สึกภาพรวมอีกหลายครั้ง แต่ไม่มากแล้วค่ะ

ขอโทษที่ให้รอนาน ขอบคุณที่ยังรอ ยังคิดถึงกันนะคะ

จะพยายามพาที่เหลือมาให้เร็วที่สุดน้า



ฝาก #หมีแต่รัก ด้วยนะคะ

รัก

-Martian-


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2018 21:26:47 โดย makok_num »

ออฟไลน์ Ashita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เจน่ารัก อย่าทำให้เจเสียใจนะเจด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
หมียักษ์งอแงอ้อนกระต่ายเหรอ

ออฟไลน์ mayyiyi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กลับมาแล้ววววววววววว

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ต้องยาแรงแค่ไหน ทำหมียักษ์ล้มได้เนี่ย 5555

อย่าว่าเจไดงี่เง่าเลยเพื่อน เราเป็นเจไดเราก็หึง หมีต้องชัด ต้องแบ่งโซนให้เคลียร์กว่านี้อ่ะ เราว่า... แบบนี้คนเป็นแฟนคิดมากตายเลย

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ตอนน้องเจกังวลน่าสงสารจังเลย อยากจะเดินไปตีเจดสักแปะ (ลำเอียงเว่อ)

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เป็นกำลังใจให้น้องพิชญ์ น้องเจ น้องเจดดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เจด+เจ
น่ารักอบอุ่นดี

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ข้อที่ 12

หมีเยียวยา (100%)




พอลืมตาก็เห็นพระจันทร์มาทักทายแล้ว ห้องสว่างเพราะเปิดไฟ ได้ยินเสียงกุกกักมาจากครัว

               

เราลุกขึ้นนั่งบนโซฟาที่ไม่รู้ขึ้นมานอนแทนคนตัวโตตั้งแต่เมื่อไหร่ หยิบหมอนอิงขึ้นมากอดแล้วซุกหน้าลงไปอย่างเกียจคร้าน แต่ก็อยากเห็นว่าเจดกำลังทำอะไร

               

แผ่นหลังกว้างวุ่นวายอยู่หน้าเตาสักพักก็หันกลับมา ในมือถือหม้อที่ส่งกลิ่นมาม่าหอมฉุย พอสบตาเราก็ตกใจนิดหนึ่งก่อนยิ้มกว้าง

               

“หิวยัง?”

               

เราพยักหน้าหงึกหงักกับหมอนเพราะยังงัวเงีย เจดยิ้มขำแล้วเดินถือหม้อมาวางไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟา ก่อนเดินกลับไปหยิบถ้วยพร้อมตะเกียบกลับมานั่งที่พื้น

               

“ใช้ของในตู้เย็นด้วย ไม่ว่ากันนะ” เจดบอกพลางแบ่งถ้วยกับตะเกียบให้ เราไหลลงไปนั่งข้างๆ มองมาม่าที่มีหมู ไข่ ผัก พร้อมสรรพก็ยิ้ม

               

“น่ากินจัง” คีบเส้นใส่ชามตัวเองแล้วเริ่มกินโดยไม่รออีกคน เพราะอันที่จริงเราก็ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่กลางวัน ความหิวจัดทำให้เราก้มหน้าก้มตากินไปสักพักถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเจดยังไม่ได้กินสักคำ

               

เรามองหน้าเจดพลางคีบเส้นกับหมูใส่ชามเจดบ้าง แถมด้วยไข่ไก่ฟองโตที่กำลังสุกได้ที่

               

แต่เจดก็เอาแต่มองหน้าเราแล้วยิ้ม ไม่ยอมกิน

               

อ้าว ทีนี้เราเลยไม่กล้ากินต่อด้วยเลยอ่ะ

               

“ไม่หิวเหรอ” เราเบือนหน้าหนี ซุกหน้าลงกับหมอนอิงที่หนีบลงมาด้วย

               

“หิว”

               

...แล้วทำไมไม่กินอ่ะ

               

ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ปากก็หนักไม่กล้าถาม ไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น ลมหายใจก็ติดขัด หัวใจเต้นตึกตักจนน่ากลัวว่าเจดคงได้ยินเพราะมันเงียบมาก

               

“ขอโทษนะ” เราเลิกคิ้วประหลาดใจ ไม่แน่ใจว่าเจดขอโทษเรื่องอะไร “ไม่ค่อยมีเวลาให้เลย เจเหงาใช่ไหม”

               

พอเจดพูดแบบนั้น ความรู้สึกที่หายไปแล้วก็ตีตื้นขึ้นมา

               

เราส่ายหน้า “เราสิต้องขอโทษ" หันหน้าเข้าหาเจด สารภาพ



"เรางี่เง่า น้อยใจทั้งที่บอกเจดว่าจะช่วยเป็นกำลังใจ เจดกำลังลำบาก แต่เราช่วยอะไรไม่ได้เลย”

               

“...”

               

“เราเห็นเจดกอดน้องพิชญ์ เราหึง แต่เราหึงไม่ได้ใช่ไหม” เรากัดริมฝีปากเงยหน้ามองเจด ไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำสีหน้ายังไง แต่เจดชะงักไป ขมวดคิ้ว ก่อนถอนหายใจเบาๆ ท่าทางคล้ายยุ่งยากใจ

               

“กอดได้ไหม”

               

เราเบิกตากว้าง ไม่ทันคิดว่าอยู่ๆ เจดจะขอขึ้นมา

               

แต่ไม่ปฏิเสธหรอก... เราก็อยากกอดเจดเหมือนกัน

               

พอเราวางตะเกียบกับช้อนเป็นเชิงอนุญาต อ้อมแขนแกร่งก็ยกตัวเราไปนั่งคร่อมตัก กดใบหน้าเราซุกกับอกตัวเอง กอดแน่นจนได้ยินเสียงหัวใจ

               

...หัวใจเจดเต้นแรงจัง

               

เสียงตึกตักดังกว่าหัวใจเราอีกมั้ง

               

“ตอนกอดกับไอ้พิชญ์ไม่เต้นแรงเท่านี้หรอก” เจดพึมพำ เราเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ เจดเลยหัวเราะ “หัวใจ... เหมือนจะระเบิดเลยตอนนี้” พูดจบใบหน้าคมก็เปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ



พอเจดเขิน เราก็เลยเขินบ้างจนต้องมุดหน้าลงซ่อนแก้มร้อนจัดของตัวเองเอาไว้



เราปล่อยให้เจดกอดไว้อย่างนั้น นานจนรู้สึกว่าเสียงหัวใจเราสองคนค่อยๆ กลายเป็นเสียงเดียวกัน 

               

“จูบได้ไหม” แล้วอยู่ๆ เจดก็กระซิบถาม

               

“เอ๊ะ...”



“ได้ไหม” พอเราทำท่าตกใจก็เปลี่ยนเป็นอ้อน



รู้ใช่ไหมว่าใช้เสียงแบบนี้แล้วเราจะปฏิเสธไม่ได้

               

จุ๊บ

               

เราเลยเงยหน้าขึ้นจุ๊บปากเจดเร็วๆ แล้วผละออกมา

               

"หึ" แต่ดูท่าเจดจะไม่ยอมง่ายๆ เสียงทุ้มหัวเราะขัน ก่อนจะก้มหน้าลงมาใช้หน้าผากดันหน้าผากเรา บังคับให้เงยหน้าขึ้นไปหาอีกครั้ง หนีไปไหนไม่ได้ด้วยเพราะถูกอ้อมกอดของเจดกักขังไว้

               

“พี่เจครับ”

               

“...” อย่าเรียกแบบนั้นนะ

               

“คิดถึงจัง”             



โอ๊ยย หมีขี้โกง หมีโลภมาก

               

แก้มเราร้อนฉ่า หลับตาหนีตอนที่เจดยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ รดจมูก ริมฝีปากร้อนจุ๊บลงมาหนึ่งทีก่อนพึมพำอ้อน

               

“อ้าปากหน่อยครับ”

               

เหมือนถูกล่อลวงด้วยเสียงเพราะๆ เราเลยละเมอทำตามง่ายดาย จนถูกทาบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง คราวนี้ทั้งแก้ม หู กระทั่งปลายนิ้วก็เหมือนจะส่งเสียงฉ่าๆ ปะปนกับเสียงน้ำลายและเสียงริมฝีปากที่ดูดดึงกันเนิ่นนาน

               

ถูกตักตวงความหวาน แต่กลับยิ่งหวาน



หวานและเย็นฉ่ำ เหมือนถูกน้ำรดจนชุ่มไปทั้งใจ

 

 

☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

เจดบอกว่าเราเข้าใจผิดที่คิดว่าตัวเองช่วยอะไรไม่ได้

               

เพราะความหวังดีเล็กๆ ที่เราส่งไปผ่านห่วงโซ่กำลังใจมันได้ผล ไม่ได้อธิบายว่ายังไง เจดบอกว่าแล้วจะเห็นเอง

               

แล้วเราก็ได้เห็น... ผ่านสิ่งเล็กๆ ที่เราสี่คนมีร่วมกันในช่วงเวลาสั้นๆ คือดนตรี

               

หลังจากอุบัติเหตุ เตวิชญ์แขนหัก และขอถอนตัวออกจากวง เราสองคนรู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงที่เขาเลิกตีกลองแต่ไม่ได้ห้าม แต่มีข้อแลกเปลี่ยนกึ่งขอร้องว่าเตวิชญ์จะต้องคอยซัพพอร์ตวงต่อในการแสดงครั้งต่อไป

               

ร้านที่เราไปแสดงเปิดในงานปีใหม่ รู้จักกับเครือข่ายวงดนตรีอินดี้ที่กำลังทำโปรเจ็กต์ใหญ่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เป็นงานดนตรีฤดูหนาวที่จะจัดขึ้นกลางหุบเขา รวบรวมวงดนตรีเฉพาะกลุ่มจากทั่วประเทศ รวมถึงวงดนตรีหน้าใหม่ที่มีผลงานเข้าตา วงเราถูกทาบทาม แต่มีข้อแม้ว่าต้องทำเพลงของตัวเองขึ้นมาสักสองสามเพลง

               

ตอนเจดบอกเราคิดว่ามันเกินตัว เพราะเราต่างก็ไม่เคยแต่งเพลง

               

แต่ความลับคือ... เตวิชญ์เคยเขียนเพลงหนึ่งให้วงของพี่ชายเขาเล่น สมัยอยู่อเมริกา

               

ไม่แปลกใจเลยที่เจดยกยอว่าคนคนนี้เป็นอัจฉริยะ ผ่านไปไม่กี่วัน เราก็ได้เพลงใหม่ที่เป็นเพลงของเรา...

               

เพลงที่เต็มไปด้วยคำขอบคุณ ความหวัง และความรัก ทั้งที่ไม่ใช่เพลงรัก

               

ตรงนี้แหละที่เจดบอกว่าเป็นผลจากลูกโซ่กำลังใจ

               

ช่วงที่ผ่านมาเตวิชญ์ยอมรับการรักษาทางจิตเวช ยอมเปิดรับคำปรึกษาที่เขาไม่เคยมองว่ามันไร้ประโยชน์ แต่เป็นเพราะคนรอบข้าง เป็นเพราะกำลังใจเล็กๆ ที่ส่งผ่านมือพวกเรา... เขารู้สึกได้ บางครั้งผลข้างเคียงจากยา หรือการกระทำบางอย่างที่เตวิชญ์แสดงออกกระทบจิตใจของน้องพิชญ์ ความที่ไม่เคยรับมือมาก่อนทำให้น้องกังวล แต่ผ่านพ้นมาได้ด้วยกำลังใจจากเจดที่คอยซัพพอร์ตอยู่เสมอ

               

ถึงตรงนี้เราเข้าใจว่าที่ทุกอย่างคลี่คลายเป็นเพราะเจด แต่เจดบอกว่าไม่ใช่

               

มีกระต่ายตัวหนึ่งที่เขาใช้เป็นแหล่งกำลังใจ อยู่เบื้องหลังพลังบวกที่เขาส่งให้คนอื่นๆ เหมือนกัน

               

เราไม่ได้หลงตัวเองใช่ไหมที่คิดว่ากระต่ายที่ว่านั้นคือเรา

               

ถึงจะไม่เข้าใจนักว่าทำไม แต่ก็รู้สึกดีใจมาก หัวใจพองโตพอๆ กับรู้สึกผิดที่ตัวเองแอบคิดงี่เง่า

               

แต่รู้ไหม พอเราสารภาพไปแบบนั้นเจดกลับหัวเราะ บอกว่าดีใจจังที่เรางี่เง่าเพราะตัวเอง

               

หมีประหลาด...



ประหลาดแต่น่ารัก

               

ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ แล้วแบบนี้จะไม่ให้ชอบมากๆ ได้ไงอ่ะ

               

“จูบกันเลยไหม เดี๋ยวหันหลังให้” เจดพูดใส่ไมค์ ยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเห็นน้องพิชญ์ที่เพิ่งตื่นนอนเดินมาคุยคลอเคลียกับเตวิชญ์ระหว่างที่พวกเรากำลังซ้อมกัน

               

แก้มน้องแดงจัด ท่าทางตกใจปนเขินอาย ดวงตาเป็นประกายเหมือนเพิ่งรับรู้อะไรบางอย่าง

               

เราเดาว่าคงเป็นความหมายเพลงใหม่ที่เพิ่งเล่นจบไป

               

‘Butterfly’ หมายถึงน้องพิชญ์อย่างไม่ต้องสงสัย

               

ทั้งสองคนหันมามองพวกเรา หัวเราะที่ถูกจับตามอง ก่อนเจดจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ชวนพวกเราหันหลังให้แถมยังหลับตา เราหลุดหัวเราะก่อนเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง แกล้งปิดตาหยีตามเจดบ้าง



คล้ายจะได้ยินเสียงผีเสื้อกระพือปีกในความมืด ได้กลิ่นความรักอบอวลขึ้นมาจากคู่รักที่คงลอบจูบกันอยู่ด้านหลัง แก้มของเราเริ่มร้อนเมื่อคิดภาพตาม... และยิ่งร้อนเมื่อคนที่ยืนข้างๆ ยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวนิ้วก้อยเราเบาๆ 



ไม่กี่วินาทีต่อมาปุยเมฆที่เห็นเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนหลับตาเคลื่อนเข้ามา



ประทับสัมผัสนุ่มละมุนลงบนริมฝีปากเราเช่นกัน

 

☉ ---------------------------Side Story 12--------------------------------- ☉

 

               

“ป๊าสอนเล่นกีตาร์หน่อยดิ”

               

“นึกยังไงวะ”

               

“มีเพลงที่อยากเล่นอ่ะ”

               

“เพลงอะไร”

               

“ดื่อดื๊อดือดื่อดือ~”

               

“เพลงเหี้ยอะไรของมึงครับน้องพิชญ์”

               

“ไม่ใช่เพลงพิชญ์”

               

“...”

               

“เพลงพี่เต”

               

“...”

               

“เคยเห็นเขาเล่นครั้งหนึ่ง น่าจะแต่งเอง”

               

“หึ แล้วกูจะตรัสรู้มั้ยว่ามันเล่นยังไง”

               

“ดื่อดื๊อดือดื่อดือ~ เนี่ยคอร์ดประมาณไหน”

               

“เออ แป๊บ เดี๋ยวมโนให้”

               

“ป๊า”

               

“อะไร”

               

“ขอบคุณครับ”

               

“กูยังไม่ทันได้แกะคอร์ดเลย”

               

“ไม่ใช่เรื่องนี้ หมายถึงทุกเรื่อง”

               

“...”

               

“ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อน ถ้าไม่มีป๊าอยู่ข้างๆ มันคงยากกว่านี้”

               

“หึ ไม่ใช่กูหรอกที่มึงต้องขอบใจ”

               

“?”

               

“ที่จริง กูก็ขโมยกำลังใจมาจากคนอื่นเหมือนกัน”

               

“หืม?”

               

“ตัวน่ารักๆ ที่ยืนเหม่ออยู่ที่ระเบียงนั่นน่ะ”

               

               

☉ ---------------------------100%--------------------------------- ☉

เดิมตั้งใจจะให้จบตอนนี้ค่ะ แต่มีการเพิ่มซีนนิดหน่อยเลยยาวกว่าที่คิด

บวกกับเห็นว่าซีนสุดท้ายเป็นการเคลียร์ความรู้สึกจากตอนก่อนหน้าด้วย

เลยขออนุญาตตัดพักตรงนี้ก่อนยืดตอนจบออกไปอีกตอนเนอะ

แต่ตอนหน้าจบจริงแล้วค่ะ 5555

ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันเสมอมา

ฝาก #หมีแต่รัก เช่นเคยนะคะ



ขอบคุณมากๆ เลยค่า

- Martian -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2018 21:51:41 โดย makok_num »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 หวานๆ ทั้งสองคู่เลย :mew1: :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด