ข้อที่ 11
น้ำตาหมี (100%)
ทุกอย่างมันรวดเร็วมากจนเราสับสน ตั้งตัวไม่ทัน... เจดก็คงเหมือนกัน
ถึงจะยังมีสติขับรถได้ แต่เห็นชัดว่าเจดดูช็อก งุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ยังไง ในเมื่อเตวิชญ์ไม่ได้ดื่ม ไม่ได้เมา และเขาก็กลับคอนโดไปนานแล้ว
เจ้าหน้าที่โทรหาเจดเพราะเป็นเบอร์โทรล่าสุดที่คุยกัน แต่เจดไม่ใช่ญาติจึงเซ็นยินยอมการผ่าตัดไม่ได้ สุดท้ายต้องโทรตามพ่อของเตวิชญ์เพื่อมาจัดการเรื่องต่างๆ ตามขั้นตอน พอเรามาถึงก็เห็นท่านนั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัดแล้ว เอ่ยทักทายกันไม่กี่คำพ่อก็ต้องไปคุยธุระกับทนายเพื่อมาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีต่อ หน้าห้องฉุกเฉินดูวุ่นวาย ในขณะที่เราสองคนได้แต่นั่งเงียบ รออยู่ในบรรยากาศที่อึดอัดอย่างสัมผัสได้
เจดโทรหาน้องพิชญ์เป็นสิบๆ สาย แต่ไม่มีคนรับ ในทีแรกเจดคิดว่าน้องเกิดอุบัติเหตุด้วย แต่คู่กรณีบอกว่ามีเตวิชญ์แค่คนเดียว นั่นยิ่งน่าประหลาดใจ
ไม่มีใครรู้ว่าเขาขับมอเตอร์ไซค์ออกมาอีกทำไม และกำลังจะไปไหน... แถมที่เกิดเหตุก็อยู่ไกลจากคอนโดของเจ้าตัวพอสมควร
ทุกวินาทียาวนาน ชวนกระวนกระวายไปหมดจนกระทั่งหมอออกมาบอกว่าเตวิชญ์อาการปลอดภัย และถูกส่งตัวไปเฝ้าดูอาการที่ห้องไอซียู
พอทุกอย่างสงบและดูจะเข้าที่เข้าทางในตอนเช้าพ่อถึงบอกให้เราสองคนกลับไปพักผ่อน เราเห็นด้วยเพราะเจดดูอ่อนเพลียมาก และดูเครียด เราไม่อยากให้เจดเป็นอะไรไปอีกคนเลยขออาสาขับรถไปส่งเจดเอง
แต่ยังไม่ทันออกจากโรงพยาบาลเจดก็กดโทรศัพท์หาน้องพิชญ์อีกครั้ง และดูเหมือนคราวนี้จะมีคนรับ
“พิชญ์! อยู่ไหน ทำไมไม่รับโทรศัพท์” เสียงเจดดูโล่งใจและเครียดในเวลาเดียวกัน
“พิชญ์ ตอนนี้มึงยังอยู่บ้านไอ้เตใช่ไหม เดี๋ยวกูไปหา... พิชญ์...” เราไม่รู้ว่าน้องตอบอะไร แต่ประโยคต่อมาเสียงเจดเบาลง ฟังดูเป็นห่วงปลายสายอย่างเห็นได้ชัด
เราก็เป็นห่วงเหมือนกัน ถ้าน้องรู้เรื่องจะเป็นยังไง
อยู่ๆ คนรักก็หายออกมาคนเดียว รู้ข่าวอีกทีก็ตอนประสบอุบัติเหตุไม่คาดฝันแบบนี้ คงใจสลาย
“พิชญ์ มึงทำใจดีๆ ก่อนนะ” เจดเงียบไปสักพัก หันมามองเราคล้ายหาคำพูดบางอย่างเพื่ออธิบาย แต่สุดท้ายก็ได้แต่เอ่ยออกไปตามตรง “ไอ้เตรถคว่ำ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”
เราเอื้อมมือไปจับมือเจดไว้ บีบเบาๆ ให้รู้ว่าเรายังอยู่เป็นเพื่อน เผื่อส่งกำลังใจไปให้คนในสายโทรศัพท์ด้วย
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูไปรับ ไม่เป็นไร มันปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องร้องนะ” เจดยิ้มจางให้เรา บีบมือกลับก่อนจะย้ำกับปลายสายอีกครั้ง ด้วยเสียงปลอบประโลมและห่วงใย
เจดคุยกับน้องอยู่สักพักก็วางสาย ถอนหายใจ ฝ่ามือที่จับกันไว้บีบแน่นขึ้นตอนที่เจดหันกลับมาสบตาเรา
มีความรู้สึกมากมายอยู่ในนั้น ...ขณะที่เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบา
“เจ ขอโทษนะ”
"..." ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าประโยคต่อไปเจดจะพูดอะไร
☉ ------------------------------------------------------------ ☉
ที่จริงมันอาจไม่ใช่เรื่องของเราตั้งแต่แรก ที่จริงเรากับเตวิชญ์ไม่ได้มีสถานะอะไรมากไปกว่าเพื่อนร่วมวง คุยกันไม่ถึงสิบครั้งด้วยซ้ำ ถึงช่วงหลังเราจะคุยกับน้องพิชญ์มากขึ้น แต่ก็ไม่ถึงขั้นคนสนิท ไม่แปลกที่เจดจะถือว่าเราเป็นคนนอก
อือ... เรากำลังน้อยใจ
งี่เง่ามากๆ เลยเจได ในสถานการณ์แบบนี้ยังมัวคิดเล็กคิดน้อยอยู่ได้
แต่เราเป็นห่วงนี่ อยากรู้ว่าตรงนั้นเป็นยังไง อยากอยู่ข้างๆ เจด อยู่ข้างๆ น้องพิชญ์ หรือแม้แต่พ่อเตวิชญ์ที่เพิ่งเคยเจอหน้าเป็นครั้งแรก ...เราอยากอยู่ด้วยจนกว่าสถานการณ์เลวร้ายจะผ่านไป
ไม่ใช่ต้องกลับมาอยู่คนเดียวแบบนี้
เรากระวนกระวาย นั่งไม่ติด เดินไปเดินมาอยู่ในห้องอย่างไม่รู้จะทำยังไง
[ โทรมาทำไมแต่เช้า ]
“เพื่อน เมื่อไหร่จะกลับหอ” นิสัยเสียๆ ของเราคือเวลามีปัญหาก็ชอบหันไปพึ่งเพื่อนทุกครั้ง
ไม่เคยจัดการความรู้สึกได้ด้วยตัวเองเลย
[ เป็นไร ] แม้แต่เพื่อนก็คงเคยชินแล้วไม่ทันไรก็จับอารมณ์ได้ ยังไม่ทันอธิบายเพื่อนก็เข้าใจ เป็นแบบนี้เสมอ ต่อให้เรากังวลกับเรื่องงี่เง่าเล็กน้อยเพื่อนก็แค่ด่า แต่ไม่เคยหนีไปไหน
เพราะแบบนี้ใครต่อใครถึงได้ล้อว่าเราเป็นลูกแหง่ติดพ่อ ไม่ยอมโต
[ อยากให้ไปหาไหม ]
แต่เราโตแล้ว... อย่างน้อยเราก็อยากโตขึ้นอีกนิด
“ขอบใจนะ"
เรื่องแค่นี้เอง เรื่องอารมณ์ของตัวเอง เราจัดการได้แน่
“เราไม่เป็นไร”
ถ้าคิดดีๆ เราน่าจะรู้อยู่แล้วว่านิสัยเจดเป็นยังไง
เจดไม่ได้กันเราออกมาจากสถานการณ์ร้ายๆ เพราะเห็นเราเป็นคนนอก แต่เพราะเจดเป็นห่วงต่างหาก
เพราะเจดมักจะแคร์คนรอบข้างเสมอ เลยไม่อยากให้ใครไม่สบายใจ ...ไม่เลยสักคน
อีกอย่างเราอยู่ตรงนั้นก็คงช่วยอะไรไม่ได้ คงมีแต่จะทำให้เจดพะวงมากขึ้น
พอคิดแบบนั้นความน้อยใจก็จางลง เราจัดการความงี่เง่าของตัวเองได้ แล้วนั่งรอฟังข่าวด้วยใจที่สงบขึ้น เราส่งข้อความไปหาเจดอยู่สองสามครั้ง ไม่ถี่มากเพราะไม่อยากรบกวน แค่อยากให้กำลังใจ และถามไถ่สถานการณ์
แต่ไม่ทันได้รู้ความคืบหน้าอะไร ความอ่อนเพลียจากการอดนอนสะสมมาตั้งแต่เมื่อวานก็เล่นงานจนเผลอหลับคาโซฟา รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงไขประตู ใครสักคนเดินเข้ามาในห้อง ทีแรกเราคิดว่าตัวเองแค่ฝัน แต่พอได้กลิ่นคุ้นเคย และสัมผัสของฝ่ามือที่ลูบผมเราเบาๆ ก็รู้ตัวว่าไม่ได้ฝัน
“เจด?” เราจำกลิ่นได้ กะพริบตาสองสามทีเพื่อปรับสายตาก็เห็นว่าเจดอยู่ตรงหน้าจริงๆ
"ขอโทษ ทำให้ตื่นเหรอ" เป็นไปตามคาด สีหน้าเจดดูอ่อนเพลียมาก แต่ก็ยังยิ้ม ฝ่ามืออุ่นลูบหัวเราเหมือนปลอบใจ
ไม่ต้องเลย เจดต่างหากที่ต้องโดนปลอบ
"ได้อ่านข้อความไหม"
"อือ อ่านแล้ว ขอบใจนะ"
เราพยักหน้าดึงฝ่ามือใหญ่มาแนบแก้ม พลางยื่นมือออกไปลูบหัวเจดเบาๆ ยิ้มให้เหมือนที่เจดทำ “เหนื่อยไหม”
เจดชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ดึงมือเรากลับมาแนบแก้มบ้างพลางพยักหน้าตอบ
เราต่างคนต่างเงียบอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ ก่อนเจดจะเป็นคนเอ่ยออกมา
“เจ...สมมตินะ” เสียงเจดเบา และสั่นมาก “สมติว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ...”
“...” เราลุกขึ้นนั่ง ตกใจที่เห็นดวงตาคมมีน้ำเอ่อคลอ หม่นหมองแบบที่เราไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง
เจดที่เรารู้จักมักจะยิ้มเสมอ เหมือนเกิดมาเพื่อเป็นพลังบวกให้คนรอบข้าง
บ่งชัดว่าเรื่องที่เจดเจอวันนี้มันหนักหนา
“สมมติว่าความจริงแล้วไอ้เตมันตั้งใจจะไป...”
“...”
“ทั้งที่อยู่ด้วยกันมันตลอด แต่กูไม่รู้เลย... ช่วยอะไรไม่ได้เลย...”
ไม่มีประโยคหลังจากนั้น เมื่อน้ำตาหยดแรกไหลออกมา เจดปาดมันออกลวกๆ มืออีกข้างบีบมือเราแน่น ซบหน้าลงกับตักเรา เหมือนไม่อยากให้เห็นสีหน้าที่เริ่มบิดเบี้ยวเก็บอาการไม่ไหว
ไหล่ของเจดสั่น ไม่ทันไรหัวเข่าเราก็สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำ
เราไม่แน่ใจว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไง เรื่องที่เจดสมมติเป็นเรื่องจริงไหม หรือเจดรู้อะไร
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร”
ในวันที่เราร้องไห้เพราะฟ้าผ่า เจดปลอบใจเราจนน้ำตาหยุดไหลได้
“เจดทำดีแล้ว ทำดีที่สุดแล้ว”
คราวนี้คงถึงเวลาที่เราจะเป็นฝ่ายซับน้ำตาให้เจดบ้าง
☉ ------------------------------------------------------------ ☉
เจดหลับไปตั้งแต่เย็นและเราคิดว่าคงไม่ตื่นจนเช้า หัวของเจดซุกอยู่ที่อกเรา แขนพาดอยู่ที่เอว ส่วนมือเราโอบรอบหัวเจด
เรานอนกอดกันในโซฟาแคบๆ เราลูบผมเจดเบาๆ จูบหน้าผาก ทำแบบนี้สลับกันซ้ำๆ เพราะอยากให้เจดหลับสนิท ไม่ต้องฝัน เจดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ได้เวลาต้องจำศีล
เราเผลอหลับไปอีกรอบเมื่อไหร่ไม่รู้เหมือนกัน ตื่นมาก็ตอนตะวันขึ้นแล้ว ลืมตาขึ้นมาก็สบตากับดวงตาคมๆ กับรอยบุ๋มที่แก้มข้างซ้ายเมื่อคนตื่นก่อนยิ้มให้
อยู่ๆ เราก็เป็นฝ่ายถูกกอดไว้ หนุนแขนเจดแทนหมอนที่ไม่รู้ถูกยึดไปตอนไหน
“หิวโคตร” ไม่มีคำพูดอรุณสวัสดิ์ออกจากปากคนที่ไม่ได้กินข้าวมาเป็นวัน
เราหัวเราะ ลุกขึ้นนั่ง “เดี๋ยวหาอะไรให้กินนะ”
ดีที่ปกติเรามีมาม่าติดห้องไว้ มีไข่ กับผักเหลืออยู่นิดหน่อย พอเป็นสารอาหาร ใช้เวลาต้มมาม่าไม่กี่นาทีก็กินได้ แต่เจดใช้เวลากินไวกว่าตอนต้มซะอีก
คงจะหิวมาก
“เอาอีกไหม” เราถาม “แต่ไข่กับผักหมดแล้วอ่ะ”
เจดหัวเราะ ซดน้ำคำสุดท้ายแล้วส่ายหน้า “อิ่มแล้วครับ”
เราไม่ได้ว่าอะไร ยกชามไปวางไว้ที่อ่างล้างจานแล้วกลับมานั่งขัดสมาธิข้างโซฟา จ้องหน้าเจดที่นั่งในท่าเดียวกัน ในใจมีคำถามเต็มไปหมด แต่ไม่รู้ว่าควรถามอะไรก่อนเลยปล่อยให้ทั้งห้องเงียบอยู่อย่างนั้น จนเจดหลุดหัวเราะแล้วตบตักตัวเองเบาๆ
“มานั่งนี่ได้ไหม”
เราขยับไปนั่งบนตักเจดโดยไม่อิดออด ปล่อยให้เจดกอด และซบหน้าลงกับไหล่ สูดหายใจลึกก่อนค่อยๆ ระบายสิ่งที่อยู่ในความคิดออกมา
“เมื่อวานไอ้พิชญ์เอากระดาษโน้ตให้พ่อไอ้เตดู” เจดเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงเหมือนยังสับสนอยู่ไม่น้อย “ไม่ได้อยากละลาบละล้วงหรอก แต่มันเห็นเอง”
“...”
“เป็นคำขอบคุณ กับขอโทษ... น่าจะเป็นคำบอกลา”
เราปล่อยให้เจดเล่า ไม่คิดขัดอะไร คราวนี้น้ำเสียงเจดสงบกว่าเมื่อวาน ไม่มีวี่แววว่าจะร้องไห้แล้ว
“พอคิดย้อนกลับไป ก็นึกได้ว่าไอ้เตมันเคยพูดอะไรแปลกๆ อยู่เหมือนกัน”
“...”
“มันเคยฝากให้ดูแลไอ้พิชญ์... ตอนนั้นคิดว่ามันจะไปเรียนต่ออเมริกา ก็เลยไม่คิดอะไร”
เราเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อไม่นานนี้เหมือนกัน เรื่องอเมริกา...
เตวิชญ์เกิดที่นั่น เติบโตที่นั่น และเพิ่งกลับมาอยู่ไทยได้ไม่ถึงปี น้องพิชญ์บอกว่าเขาจะกลับไปอีก
...เพิ่งเข้าใจตอนนี้ว่าอเมริกาไม่มีจริง
“ดีนะที่ไม่ได้รับปากไป” เจดหัวเราะเบาๆ กับเรื่องตลกร้ายพลางกระชับอ้อมแขน จูบขมับเราซ้ำๆ น่าจะทำเพราะอยากรับรู้ว่าเรายังอยู่ข้างๆ
“แล้ว... จะทำยังไงต่อไป” เราถาม เมื่อเจดนิ่งไปอีกครั้ง
ถ้าอุบัติเหตุนี้เป็นความตั้งใจของเตวิชญ์จริง เป็นไปได้ว่าเขาไม่สบาย มีแผลใหญ่ๆ ที่ใจ ต้องไปหาหมอ แต่คนส่วนใหญ่ยังมองว่าการพบจิตแพทย์เป็นเรื่องน่าอาย
ถ้ามีคนรอบข้างชี้นำ คงช่วยได้
“ไม่รู้เหมือนกัน ไอ้เตมันเป็นคนเข้าใจยาก มีแต่ไอ้พิชญ์นั่นแหละที่มันยอมเปิดใจให้ แต่ขนาดไอ้พิชญ์ยังเข้าใจทั้งหมดไม่ได้...” พูดถึงตรงนี้เจดก็ชะงักอีกครั้ง สูดหายใจหนักๆ ท่าทางคิดไม่ตก
“กลัวว่าทะเล่อทะล่าเข้าไปแนะนำอะไร จะยิ่งแย่”
"อือ" เราพยักหน้า เข้าใจ มันเป็นเรื่องที่เปราะบางในการประคับประคองหัวใจที่เปราะบางมากๆ
ถ้าอุ้มผิดวิธีหัวใจดวงนั้นจะช้ำ อาจจะตกแตก และอาจแก้ไขไม่ได้
แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไปหรอก เราแค่ต้องทำความเข้าใจ เราทุกคนเลย
“ตอนนี้คงได้แต่ซัพพอร์ตไอ้พิชญ์เท่าที่ทำได้ ไม่ให้มันแย่ไปอีกคน”
“แล้วเจดล่ะ” เราหลุดปากถามออกไป เจดเป็นอย่างนี้อีกแล้ว ห่วงแต่คนอื่น ไม่ค่อยคิดถึงตัวเอง
“หือ?”
“แล้วใครจะซัพพอร์ตเจด” เราหันหน้ากลับไปสบตาจริงจัง คิ้วเข้มเลิกขึ้นนิดหน่อย ดูงุนงงกับคำถาม
“ถ้ายังไม่มี... เป็นเราได้ไหม”
นี่เป็นประโยคบอกเล่านะ เราไม่ได้ถาม
“จากเรา ไปที่เจด ไปที่น้องพิชญ์ เป็นลูกโซ่กำลังใจ”
ไม่ต้องห่วงเรารู้ว่ามันจะได้ผล
“แบบนี้เตวิชญ์คงไม่อยากหนีไปไหนแล้วเนอะ ว่าไหม?”
พิสูจน์ได้จากรอยยิ้มสวยๆ ของเจดตอนนี้ไง
☉ --------------------------Side Story 11---------------------------------- ☉
'มึงยังชอบพิชญ์อยู่ไหม'
'หือ? อยู่ๆ ทำไมถึงถาม'
'สงสัย'
'สงสัยหรือหึง?'
'...'
'หึ ถ้ากูบอกว่าเวลากูเห็นน้องอยู่กับมึงแล้วยิ้มได้กูก็มีความสุขด้วย แบบนี้แปลว่ากูยังชอบมันอยู่ไหม'
'...'
'ไอ้พิชญ์เหมือนน้องชายกูอ่ะ ต่อให้ไม่ได้คิดอะไรกับมันแบบนั้นแล้วกูก็ยังเป็นห่วงมัน ยังเอ็นดูอยากเห็นมันมีความสุขก็แค่นั้น มึงไม่จำเป็นต้องหึง'
'งั้นกูฝากน้องหน่อย'
'อะไร'
'ถ้ากูไป มึงคงดูแลน้องแทนกูได้'
'นี่มึงยังจะไปอเมริกาอยู่เหรอ เห็นหลงเมียขนาดนี้คิดว่าล้มเลิกแผนแล้ว'
'กูล้มเลิกไม่ได้'
'ไม่รู้โว้ยไม่รับปาก'
'...'
'มึงรวยจะตายห่า อเมริกาแค่นี้บินไปกลับอาทิตย์ละครั้งก็ยังได้มั้ง'
'...'
'อีกอย่าง มึงก็เห็น กูติดกับดักกระต่ายเข้าจังๆ'
'...'
'คนของมึงก็ดูแลเองสิวะ'
'...'
'กูก็มีคนของกูให้ดูแลเหมือนกัน'
☉ --------------------------100 %--------------------------------- ☉
ตอนนี้สั้นจู๋เลยง่ะ สงสัยเพราะเป็นดราม่า '_'
บอกแล้วว่ากรุบกริบเนอะ ด้วยความยัยเจดราม่าเลยอันตรธานไปอย่างรวดเร็ว 5555
เวลาเครื่องบินตกจะมีกล่องดำบันทึกเสียงเหตุการณ์ไว้
เราว่าตอนนี้คงเป็นกล่องดำของเรื่อง #เกมท้ารัก ล่ะ
เสียงร้องไห้ของเจด บทสนทนาที่ไม่ได้ปรากฏในเรื่องนั้น เราอยากเอามาเปิดให้ฟังกัน
จริงๆ เราคิดว่าใครที่อ่านเกมท้ารักมาก่อนแล้วมาอ่านตอนนี้น่าจะรู้สึกกับช่วงท้ายเหตุการณ์ไปอีกแบบ... หรือเปล่านะ 55555
ส่วนใครที่ยังไม่อ่านเรื่องนั้น ยืนยันว่าไม่ต้องอ่านก็ได้ค่า รู้เหตุการณ์แค่ส่วนนี้ก็น่าจะพอแล้วเนอะจะได้ไม่กระทบใจมาก ;-;
แต่ถ้าอ่านแล้วงง หรือผิดพลาดตรงไหน ช่วยบอกกันด้วยนะคะ จะรีบแก้ไขให้ค่า
จริงๆ ต้องมีต่ออีก และจะจบภายในตอนนี้แต่คิดว่าตัดตอนตรงนี้ดีกว่า
ตอนหน้าจบแล้วน้า (มีบทส่งท้ายอีกค่ะ)
อาจจะมาช้านิดนึงเพราะต้องไปทำธุระที่กทม.ค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ
ฝาก #หมีแต่รัก ด้วยน้า
- Martian -