ข้อที่ 1
สเปกหมี (100%)
[/b]
เพื่อนบอกว่าถ้าจะรอผมยาวคงต้องจีบปีหน้า
แต่เราบอกว่า เราใจร้อน รอปีหน้าไม่ไหว
คิดแล้วคิดอีกก็ไม่รู้ต้องทำยังไง เพื่อนก็ทำท่าไม่อยากช่วย เราเลยหันปรึกษาจีน... พี่สาวเรา รายนั้นเขาผมสั้นไวยาวไวแถมเปลี่ยนวันละ ทรงเหมือนเสกได้
จีนไม่ถามด้วยซ้ำว่าทำไม พอเราบอกอยากไว้ผมยาว พี่สาวก็ยิ้ม บอกว่าช่วยได้
เราบอกหรือยังว่าจีนแต่งหน้าเก่งด้วย เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง คนตามเกือบล้านแล้ว
ทีนี้...
“เจ... กูว่ามันไม่ใช่”
อือ... เราก็ว่าไม่ค่อยใช่
ผมสีดำเคลียบ่า กับขนตาหนาๆ ที่เราจำได้ว่ามันทำให้มีเสน่ห์มากตอนน้องกะพริบตา พอมาอยู่กับหน้าเรามันกลับต่างออกไป... เพราะสีผิว เพราะตา เพราะปาก หรือเพราะอะไร
“พี่จีนแกล้งมึงชัดๆ” เพื่อนตอกย้ำ
“จีนบอกว่าน่ารัก” เราพยายามเรียกความมั่นใจ
ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วนี่ เอาออกไม่เป็น จีนบอกให้รอ
“มันก็... น่ารัก... แต่แบบ...” เพื่อนอ้ำอึ้ง แก้มแดง แถมหูก็แดง สีหน้าเหมือนจะร้องไห้ “มันน่ารักไป”
“...”
“แล้วนี่มึงนัดเขาไว้ตอนไหน” เหมือนเหนื่อยจะอธิบาย เพื่อนเลยหงายตึงลงบนเตียง หาเรื่องเฉไฉ
เรามองนาฬิกา “ต้องไปแล้ว”
นัดดูหนังกับเจดไว้ เราอาสาจะไปรับเขาที่คณะเหมือนเคย
“ไม่ต้องเอามะลิไปเลยนะ” เหมือนรู้ว่าเรากำลังจะหยิบกุญแจ เพื่อนเลยรีบดักทางเสียงเข้ม เราชะงักมือ หันไปเลิกคิ้วถามว่าทำไม แต่เพื่อนไม่ตอบ คว้ากุญแจรถยนต์โยนมาให้
เรายักไหล่ เอากะทิไปแทนก็ได้
“ไปนะ อยากได้อะไรก็ไลน์มา” เราบอกทิ้งท้าย เดินไปหยิบกระเป๋าเป้มาสะพาย
“ภาวนาให้หมีมึงไม่หัวใจวาย”
ได้ยินเสียงเพื่อนพึมพำตามหลัง แต่คิดว่าน่าจะไม่ได้คุยกับเรา
☉ ------------------------------------------------------------ ☉
เรามาถึงก่อนเวลา เลยไลน์ไปบอกเจดว่ารออยู่ลานจอดรถข้างคณะ เจดไม่เคยเจอกะทิ เราเลยออกมายืนรอข้างนอกจะได้เห็นชัด ก้มหน้าเล่นมือถือสักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมเสียงคุยของคนกลุ่มใหญ่ดังขึ้น เห็นหมีตัวโตโบกมือลาเพื่อนก่อนเดินแยกออกมา พร้อมๆ กับเสียงเตือนจากโทรศัพท์เราดัง
‘เสร็จละ’
เราไม่ได้บอกว่าเห็นเจดแล้ว แต่ส่งสติ๊กเกอร์โอเคกลับไป จากตรงนี้เห็นสีหน้าอีกฝ่ายที่อ่านแล้วยิ้มบางๆ
อา... ทำหน้าแบบนี้เองตอนอ่านข้อความเรา
เราเลยส่งสติ๊กเกอร์ตลกๆ ไปอีก คราวนี้เจดขำ ยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวน่ารักๆ
มองแล้วก็หลุดยิ้มตาม แต่สงสัยจะจ้องนานไป เจดเลยรู้ตัว เงยหน้าขึ้นมาสบตา...
“...”
“...”
สักสามวินาทีได้... แล้วเจดก็เดินผ่านไป...
อ้าว...?
เรายัดมือที่กำลังจะโบกทักทายซุกลงในกระเป๋าเสื้อฮู้ดตัวใหญ่เก้อๆ มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินผ่านหน้าไปอย่างไม่เข้าใจ
ไปไหนอ่ะ
ระหว่างที่ยืนงง คนตัวโตก็หยุดเดินมองซ้ายมองขวาแถวที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ ท่าทางงงๆ สักพักก็ก้มหน้าพิมพ์อะไรสักอย่างในมือถืออีกครั้ง
‘อยู่ไหน’
นี่ไง... อยู่นี่ครับ
‘ไม่ได้เอามะลิมา’
เราพิมพ์ตอบกลับไป เพราะคิดว่าเจดคงเข้าใจผิด เห็นคนตัวโตร้องอ๋อเบาๆ มองซ้ายมองขวาอีกครั้ง เราเลยบอกพิกัดให้
‘ทางซ้าย’
หมีตัวโตเลยหันมา สบตาเราหนึ่งครั้ง แล้วมองผ่านไป แต่ไม่ทันไรก็ชะงัก หันกลับมามองหน้าเราอีกรอบ
“ไง” เรากลัวเจดหันหนีอีก เลยโบกมือทักทาย แต่แทนที่จะเดินเข้ามาหา เจดกลับยืนนิ่งมองเราอยู่ที่เดิม มองเราหัวจรดเท้า แล้วก็จรดหัวอีกครั้งด้วยสีหน้าบอกยากมากว่ากำลังรู้สึกยังไง
“เจ...ได?”
หมีตัวโตตาโปนเท่าไข่ อ้าปากพะงาบๆ เหมือนพยายามจะพูดอะไร หูทั้งสองข้างค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเหมือนกำลังจะระเบิดภายใน...
สาม...
สอง...
หนึ่ง...
“ชิบหายยย!”
บู้ม...
เราทำซาวด์เอฟเฟ็กต์ให้
☉ ------------------------------------------------------------ ☉
แล้วเจดก็ไม่พูดอะไรกับเราอีกสักคำ
มองหน้าเราแล้วขมวดคิ้ว ถอนหายใจ คล้ายจะขำ แล้วก็ถอนหายใจ ขมวดคิ้ว วนไปวนมาจนดูหนังจบ จนขับรถมาถึงหอเจดก็ยังมองหน้าเราอยู่อย่างนั้น ท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไรก็ไม่พูด
เจดไม่เคยเป็นแบบนี้ ดูอึดอัด
“เจดโกรธเหรอ”
ไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไร เพราะเราพยายามจะเลียนแบบพิชญ์หรือเปล่า หรือเพราะอาย...
“เรื่องอะไร”
“เรื่องนี้” เราชี้หน้าตัวเอง “น่าเกลียดใช่ไหม”
เพราะตอนเข้าไปในห้างเราสังเกตได้ว่าใครต่อใครเอาแต่จ้องจนเจดต้องดึงฮู้ดขึ้นมาสวมหัวเราไว้จนไม่เห็นลูกตา ยังดีที่มือเจดยังโอบบ่าพาเราไปตามทางไม่อย่างนั้นคงล้มคว่ำตั้งแต่สามก้าว
เจดทำหน้าตกใจ ก่อนจะหลุดขำ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจหนักๆ
น่ะ ทำอีกแล้ว
“เจแม่ง... กูเกือบหัวใจวายแล้วอ่ะรู้ป่ะ”
สงสัยจะน่าเกลียดมากจริงๆ
เราดึงสายฮู้ดลงมาปิดหน้าปิดตา อยากตัดหัวตัวเองทิ้งสักห้านาที
แต่เจดกลับหัวเราะ เอื้อมมือมาดึงฮู้ดออกจากหัวเรา เกลี่ยผมยุ่งๆ ให้ด้วยสีหน้ายากจะอธิบาย เหมือนกำลังรวบรวมความคิดในหัวเพื่อจะบอกเรา
“เจน่ารัก... น่ารักโคตรๆ อย่างกับตุ๊กตา”
“...” เราเบิกตากว้าง อยู่ๆ หัวใจก็เต้นตึกตัก คงเพราะเจดพูดไปลูบหัวไป แววตาไม่ได้บอกว่ากำลังเสแสร้งเอาใจ
“น่ารักจนงงว่าเจทำแบบนี้ทำไม” ก่อนที่ดวงตาคมจะเป็นฝ่ายขอคำตอบจากเรา
“เพื่อนบอกว่า ถ้าชอบใครให้ศึกษาสเปกเขา” แล้วเราก็โพล่งอย่างง่ายดาย
ก็เจดเอาหน้ามาใกล้...
เจดขำ เลิกคิ้วข้างเดียวถาม “เพื่อนไหน เอาหน้ามาดูดิ๊ จะตีให้”
เงอะ... ทำไมอ่ะ
“เจดเคยชอบพิชญ์ เราก็เลยคิดว่าคงชอบแบบนั้น แต่เราสูงเท่าพิชญ์ไม่ได้ ขาวเท่าพิชญ์ไม่ได้ ก็เลยลองไว้ผมยาว...”
แต่ก็ไม่เหมือนเนอะ ไม่รู้ว่าขาดตรงไหน
เจดเลิกคิ้วอึ้งๆ คงเพราะนั่นเป็นประโยคยาวที่สุดเท่าที่เคยพูด ก่อนจะหัวเราะออกมา ซบหน้าลงกับฝ่ามือสักพักแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตา
“ว่าแล้ว”
หมายความว่าไง
“เจไม่มีทางเหมือนไอ้พิชญ์อ่ะ”
“...”
“ตัวก็เตี้ยกว่า ผิวก็แทน แล้วดูดิ...” ว่าพลางจับคางเราเงยขึ้นไปหา “ตาก็โตกว่า จมูกก็แค่นี้ แถมปาก...”
แต่แล้วเจดก็เงียบไป สายตาจ้องอยู่ที่ปากเรา
“...”
เราเลยจ้องปากเจดบ้าง
“...”
...อยู่ๆ ต่างคนต่างก็กลืนน้ำลาย
“เจแม่ง...” เจดถอนหายใจ เลื่อนสายตากลับมาสบตาเราอีกครั้ง หมียักษ์ท่าทางงุ่นง่าน “เชื่อแล้วอ่ะว่าจะจีบจริงจัง”
“อ้าว” แล้วที่ผ่านมาคิดว่าเราล้อเล่นเหรอ “เราจริงจัง” อดไม่ได้ที่จะยืนยัน
“ครับ รู้แล้วครับ” เจดพยักหน้า ถอนใจอีกครั้ง
วันนี้เจดถอนหายใจเกินร้อยรอบแล้วมั้ง
“ถ้าเจจริงจังกูก็จริงจัง” อยู่ๆ เราก็หลุดยิ้มกับสีหน้าเหมือนยุ่งยากใจระคนเขินอายแบบนั้น เจดสบตาเราแล้วยิ้มตาม แล้วยักไหล่
“แต่บอกไว้ก่อนว่าผมใจแข็งมาก ไม่ได้จีบง่ายๆ นะครับ”
เรายิ้มกว้างกว่าเก่า “อือ จะพยายาม”
คราวนี้เจดย่นหน้ามันเขี้ยว นิ้วชี้โตๆ จิ้มลงมาบนจมูกเรา
“อือ”
“อือ”
"..."
"..."
แล้วก็จ้องกันอยู่อย่างนั้นอีกสักพักเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร ท่าทางเงอะงะจนเสียงทุ้มหลุดขำอีกครั้ง
“เออ งั้นไปละ ขับรถดีๆ”
“ครับ” เรารับคำ ปล่อยให้เจดบีบจมูกโดยไม่โวยวาย แล้วมองเขี้ยวน่ารักๆ ของเจดเป็นการตอบแทน
“เจด” แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ เราขอโลภอีกนิดคงไม่เป็นไร
“หือ?”
เพื่อต้องด่าเราแรดอีกแน่ ถ้าเกิดรู้ว่าตอนที่มองปากเจด แล้วในหัวเราดันเกิดคำถาม...
“ขอลูบเคราหน่อยได้ไหม”
...ว่าถ้าได้จูบกับคุณหมียักษ์ จะรู้สึกยังไง
☉ ---Side Story : 1 --- ☉
[/b]
“เจ ให้เวลาสิบวิสารภาพ ไปทำไรมา”
“?” เดี๋ยว อันนี้นับยังอ่ะ คิดไม่ทัน
เจดคงรู้ว่าเราไม่รู้แน่ว่าหมายถึงอะไร ถึงได้หันหน้าจอโทรศัพท์มือถือมาให้
“เด็กเภสัชแอดเฟซมาเต็มเลยเนี่ย ไปทำไรไว้”
เงอะ... โทษเพื่อนเลย เพื่อนอ่ะแทนที่จะถามคนอื่นเบาๆ ตอนนี้คนทั้งคณะรู้หมดแล้วมั้งว่าเรากำลังตามจีบผู้ชาย
เรายื่นหน้าข้ามโตะเข้าไปใกล้ ไถๆ จอดูก็เห็นว่าส่วนใหญ่คนที่แอดมามีแต่คนน่ารักๆ
อยู่ๆ ก็เหมือนจะร้อนๆ ในใจ
“แล้วเจดจะรับแอดไหม”
ไม่เอานะ เราไม่อยากชิงดีชิงเด่นกับใคร
“ดูก่อน สันดานผู้ชายก็ต้องรับแอดแต่คนน่ารักๆ ป่ะ” ใจเราเหี่ยวไปหมด จนกระทั่งได้ยินประโยคต่อมา “แบบคนนี้อ่ะ ไม่รู้เมื่อไหร่จะแอดมา หาเฟซก็ไม่เจอ”
บนหน้าจอคือรูปเราตอนที่ต่อผมยาว นั่งหลับอ้าปากหวออยู่ในโรงหนังโล่งๆ ตอนไฟสว่าง
ก็เจดดูหนังอะไรไม่รู้ เข้าใจยากจะตาย แล้ววันนั้นเราก็เหนื่อยมาก... เลยเผลอหลับไป
เนี่ยแล้วก็ไม่ปลุกกัน แถมยังแอบถ่ายรูปไว้ นิสัย
“เฮ้ย” เราอายจนอยากจะมุดโต๊ะ แต่สงสัยเจดจกใจเอามือมารองไว้หน้าเราเลยมุดลงกับอุ้งมือหมีแทน
“ทำไร” เจดหัวเราะเสียงดัง ขยับนิ้วบีบหน้าเราจนต้องเงยหน้าขึ้นมาตั้งคางกับฝ่ามือเจดแล้วบ่นพึมพำ
“ก็... น้องเขาไม่เล่นเฟซ”
หูเราร้อนมาก เหมือนกำลังไหม้
“อ่อ” เจดโคลงหัวล้อเลียน จ้องมือถือตัวเองแล้วยักไหล่ “เสียดาย สเปกเลย”
หมายความว่าไง
“ไหนบอกไม่มีสเปกไง” เราย่นคิ้ว ข้องใจ
“ก็ไม่ได้มี”
“...” เรายิ่งขมวดคิ้วแน่นใหญ่
“แต่วันนั้นเห็นเขายิ้มกว้างๆ แล้วน่ารักดี”
บู้ม... เราว่าเราได้ยินเสียงหูตัวเองติดไฟ
ไม่รู้ต้องทำยังไง เราเลยฝังหน้าร้อนๆ ลงกับอุ้งมือใหญ่ๆ อีกครั้ง บ่นงึมงำ
“อือ เดี๋ยวบอกให้”
ต่อไปต้องยิ้มกว้างๆ บ่อยๆ รู้ไหมเจได
☉ ------------------------------------------------------------ ☉
บู้ม... หูเราระเบิดตามไปแล้ว 5555
เคยบอกไว้ว่าเรื่องนี้ไม่ต่อจากเกมท้ารัก แต่เอาเข้าจริงๆ เส้นเรื่องแอบทับกันพอสมควรเลยค่ะ
เพราะเหตุการณ์ยังเกิดตอนพี่เตยังเป็นมือกลองของวงอยู่เลย แล้วในเกมท้ารักก็จะมีตอนพิเศษของคู่นี้ด้วย
ถ้าใครไม่โอเคที่อาจจะมีสปอยล์ของอีกคู่บอกได้นะคะ แต่ยังยืนยันว่าไม่ต้องอ่านคู่เตพิชญ์ก่อนก็เข้าใจค่ะ
ถ้าไม่มีปัญหาอะไรจะขออนุญาตเขียนต่อนะคะ
ฝากเอ็นดูป๊าเจดกับเจไดด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆ เลยค่า ^^
ปล. ตรง Side Story จะคล้ายๆแก๊กเล็กๆ ทิ้งท้าย อาจจะไม่ได้มีทุกตอนแล้วแต่ว่าจะคิดออกไหม แต่จะพยายามคิดให้ได้ทุกตอนค่ะ
#หมีแต่รัก
-Martian-