☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10  (อ่าน 82665 ครั้ง)

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เขินๆๆๆๆ อยากมีหมีเปงของตัวเองงงง  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
คืนนี้กระต่ายคงหลับฝันดี มีหมีมาร้องเพลงกล่อม   :hao3:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ข้อที่ 5

ซุปเปอร์หมี [ 100% ]


“ไปด้วยกันเถอะน่า”

               

“ไม่เอา”

               

“พรุ่งนี้ก็ออกแต่เช้า เดี๋ยวมาส่งก็ได้”

               

“ไม่เป็นไร”

               

เพื่อนถอนใจที่เราดื้อ ส่วนเราก็ขมวดคิ้วที่เพื่อนไม่ยอมฟัง

               

พรุ่งนี้เป็นวันหยุด... ที่ได้หยุดจริงๆ สักที เพื่อนเลยตั้งใจจะกลับบ้าน ส่วนเรานัดเจดไปซ้อมดนตรีที่คอนโดเตวิชญ์ ไม่อยากเลื่อนอีกเพราะนานๆ จะว่างตรงกันสักครั้ง



ปัญหาอยู่ที่พยากรณ์อากาศบอกว่าคืนนี้ฝนจะตกหนัก คงหนีไม่พ้นฟ้าร้องฟ้าผ่าอีก เพื่อนไม่อยากทิ้งเราอยู่หอคนเดียว



“เดี๋ยวรีบนอน” เราบอกหนักแน่นพลางเก็บของใส่กระเป๋าให้เพื่อนเป็นการไล่ เพื่อนส่ายหน้าถอนใจ จิ้มนิ้วผลักหัวเราจนหน้าหงาย

               

“อย่าโทรมาร้องไห้แล้วกัน”

 

ไม่ร้องหรอกน่า!

               

ก็ได้แต่เถียงในใจ...



แต่ถึงร้อง ก็ไม่บอกเพื่อนหรอก เราร้องเงียบๆ คนเดียวก็ได้

               

“เอากุญแจห้องมา”

               

“หือ?” เรางงที่อยู่ๆ เพื่อนก็แบมือขอกุญแจเรา

               

“เผื่อช็อกตายคาห้องจะได้เข้าไปเก็บศพได้”

               

โห่ ใครมันจะกลัวฟ้าผ่าจนตาย

               

แต่เราก็ควักกุญแจสำรองห้องตัวเองให้ ยื่นกระเป๋าเป้ที่เต็มไปด้วยหนังสือเรียนให้เพื่อน

               

“ถึงแล้วไลน์มา”

               

“เออๆ” คราวนี้เพื่อนไม่อิดออดเพราะบ้านอยู่ไกล ต้องขับรถเป็นชั่วโมงๆ เราไม่อยากให้เพื่อนขับรถตอนฝนตกเลยรีบโบกมือไล่ ส่วนเราก็ต้องรีบออกจากคณะเหมือนกัน

               

วันนี้พามะลิมา ไม่มีที่กันฝนด้วย

 

               

พอถึงหอเราก็รีบอาบน้ำ ตั้งใจว่าจะนอนฟังเพลงให้หลับ ฝนตั้งเค้ามาแล้ว เมฆดำอย่างกับกองทัพผู้คุมวิญญาณกำลังยึดน่านฟ้า เราปิดม่านเพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นฟ้าแลบ เปิดไฟ แล้วหยิบหนังสือมาอ่าน

               

ไม่ต้องพึ่งนิทาน หนังสือเรียนนี่แหละยานอนหลับชั้นดี

               

ติ๊ง!

               

‘ถึงหอยัง’

               

กำลังหยิบโทรศัพท์มาเปิดเพลง ข้อความจากเพื่อนก็เด้งขึ้นมา

               

เราสิต้องเป็นฝ่ายถาม

               

‘ถึงแล้ว เพื่อนถึงยัง’
               

‘อือ’

             

‘ฝนตกยัง’  เพื่อนถามต่อ

               
‘ยัง’

               

ขึ้นว่าอ่านแล้วสักพัก เพื่อนถึงพิมพ์กลับมา

               

‘งั้นก็อย่าเพิ่งหลับ รอเปิดประตู’

               

ก๊อกๆ



ไม่ทันได้ถามว่าหมายความว่ายังไง เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดัง เรานั่งงงอยู่สักพักจนได้ยินเสียงเคาะอีกครั้งจึงวางโทรศัพท์ ลุกไปเปิดประตู



เปรี้ยง!

               

“...!” มือที่กำลังเอื้อมจับลูกบิดชะงักค้าง เพราะเสียงมรณะที่ดังสนั่นขึ้นมา

               

ถ้าอยู่ในห้องคงไม่ดังเท่านี้ แต่นี่...มันเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางหัว ขาเราถูกแช่แข็งอยู่ตรงนั้น ขอบตาร้อนผ่าวและเห็นมือตัวเองสั่น

               

แกรก~

               

จนได้ยินเสียงไขเข้ามาจากด้านนอก ประตูเปิดออกพร้อมสีหน้าตกใจจากคนตัวโต

               

“เฮ้ย! เจ”

               

เจด... มาได้ยังไง

               

“เจ เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” เราไม่รู้ต้องตอบอะไร ไม่รู้ตัวว่ากำลังร้องไห้จนกระทั่งไหล่สั่น เรานั่งลงกับพื้นเพราะขายืนไม่ไหว เริ่มสะอึกสะอื้นอย่างไม่อาย

               

“ฟ้า...ฮึก...เจดได้ยินไหม”

               

พอเห็นเราเป็นแบบนั้นเจดยิ่งตกใจ ถลามานั่งคุกเข่าตรงหน้าเราที่ยกมือปิดหู ไม่อยากได้ยินเสียงอะไร

               

“เจ ไม่เอา ไม่ร้อง” เจดดูลนลาน ยกไม้ยกมือเก้กังอย่างไม่รู้จะทำยังไง เอ่ยขอโทษซ้ำๆ “ขอโทษ มาช้าไปหน่อย ขอโทษนะ”

               

“ไม่ใช่... เจดไม่ผิด ฮึก ไม่ใช่...” เรามองหน้าเจด กัดริมฝีปาก พยายามจะไม่ร้อง แต่หยุดไม่ได้ สุดท้ายเลยฟุบหน้าลงกับเข่า ไม่อยากให้เจดเห็นตอนร้องไห้

               

ปลายสายตาเห็นกระแสบฟ้าแลบแปลบขึ้นมา เราหลับตา ปิดหูแน่นเตรียมรับเสียงฟ้า

               

“...”



แต่ทุกอย่างกลับเงียบสนิท ไม่รู้ว่าเพราะเรากลัวจนหูดับ หรือเพราะมีฝ่ามืออุ่นๆ มาปิดหูให้อีกชั้น



เราเงยหน้ามองเจดทั้งน้ำตา คนตัวโตนั่งอยู่ตรงหน้า ยกมือปิดหูให้เรา คิ้วขมวดมุ่น ริมฝีปากขยับออกมาเป็นคำด่าที่เราอ่านปากได้ว่า



‘หยุดสิโว้ย! คนเขากลัวจนร้องไห้แล้วเนี่ยเห็นไหม ไอ้ฟ้าเวร!’



ทั้งที่ยังกลัว แต่เรากลับหลุดหัวเราะ ขยับเข้าไปหาคุณหมีที่กำลังเกรี้ยวกราดกับฝนฟ้า ดึงมือออกจากหูตัวเองเพื่อโอบรอบหลังเจดไว้ ซุกหน้าลงกับอกกว้าง กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเจดทำให้น้ำตาหยุดไหล



“ไม่เป็นไรแล้วนะเจ ไม่เป็นไร”



ไม่เป็นไร คำปลอบใจที่เราได้ยินทุกครั้งแต่ไม่เคยช่วยได้



แต่เพราะเสียงของเจด เพราะฝ่ามือใหญ่ที่ลูบหัวเบาๆ อ้อมแขนที่กอดตอบเก้ๆ กังๆ คำปลอบซ้ำๆ คราวนี้เลยต่างออกไป



...เราเชื่อสนิทใจ ว่าถ้ามีเจดอยู่ตรงนี้ เราจะไม่เป็นไร

 



☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

“พี่เพื่อนไปหาที่คณะ บอกว่าให้มาอยู่เป็นเพื่อนเจ”

               

“...”

               

“ให้กุญแจมาด้วย เผื่อเจหลับ”

               

“...”

               

“ขอโทษที่ถือวิสาสะเข้ามา”

               

“ไม่เป็นไร” เราคิดคำตอบได้แค่นั้น หลังจากฟังเจดพูดคนเดียวมายืดยาว

               

ตอนนี้เราย้ายมาอยู่ในห้อง ปิดม่านทึบมีแต่แสงไฟหัวเตียง เรามุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม โผล่มาแต่หัวส่วนเจดลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ มือยังลูบหัวเราไปพลาง

               

ข้างนอกฝนยังตกหนัก ฟ้ายังร้องเสียงดัง แต่พอมีคนอยู่ด้วยความกลัวก็เหมือนจะบรรเทาลงบ้าง

               

“ไม่คิดว่าเจจะกลัวขนาดนี้”

               

เราซุกหน้าลงกับผ้าห่มอีก นึกอายที่ตัวเองร้องไห้ แถมน้ำมูกน้ำตายังทำเสื้อเจดเลอะเป็นวงใหญ่

               

“ขอโทษที่มาช้า” พอได้ยินเจดโทษตัวเองอีกครั้งเราเลยส่ายหน้า ดึงมือเจดมากำไว้ใช้นิ้วโป้งถูปลายนิ้วเจดแก้เก้อ

               

“เราเวอร์” เสียงยังอู้อี้เพราะร้องไห้ พอได้สติก็นึกตกใจ ว่าทำไมถึงได้อาการหนักขนาดนั้น

               

เหมือนกระต่ายในนิทานที่ตื่นตูมเสียงลูกไม้หล่นจนลั่นป่า

               

เจดยกมืออีกข้างมาเช็ดคราบน้ำตาที่แก้มให้ นิ้วโป้งถูปลายจมูกเราเบาๆ



“ไม่เวอร์หรอก ก็เจกลัว” เสียงเจดอ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆ รอยยิ้มจางๆ เหมือนบอกว่า ต่อให้ร้องไห้หนักกว่านี้ก็ไม่เป็นไร “ใครๆ ก็มีเรื่องที่กลัวมากๆ ทั้งนั้น”



เจดยังคงใจดีเสมอ ไม่ว่าเรื่องอะไร เจดก็มักจะมีคำพูดที่ฟังแล้วอุ่นใจ



“เจดก็มีเรื่องที่กลัวใช่ไหม” เราหลุดปากถาม ก่อนนึกได้ว่าอาจเป็นความลับ



เราเคยถามเพื่อนว่าเคยกลัวอะไรมากๆ ไหม เพื่อนไม่ยอมบอก แต่เราคิดว่าคนอย่างเพื่อนไม่น่ากลัวอะไร



“มีดิ” เจดหัวเราะ “น่าอายมากด้วย”



เราเลิกคิ้ว คิดว่ากลัวฟ้าผ่าน่าอายแล้ว เพื่อนชอบด่าว่าโตขนาดนี้แล้วยังกลัวเป็นเด็กๆ



“ความลับนะ” พอเห็นเราทำหน้าสงสัย เจดก็โน้มตัวลงมา วางคางไว้บนแขนที่พาดลงกับเตียง เราพลิกตัวตะแคง สบตาเจดรอฟัง



“กลัวสับปะรด”



“หา? ทำไม...” เรางง สับปะรดที่เป็นผลไม้อ่ะเหรอ



“เคยได้ยินเพลงไหม มีตารอบตัว มีตัวหลายตา” เจดใส่ทำนองเพลงคุ้นหู แล้วเบ้หน้า “นึกภาพตามแล้วมันหยองๆ ป่ะ”



“เจดจะบอกว่ากลัวสับปะรดเพราะเพลงสับปะรดเหรอ” เราพยายามกลั้นยิ้มซุกหน้าลงกับมือเจดที่ยอมให้จับเล่นตามใจ



“ก็หน้าตามันน่ากลัวจริงๆ ด้วยไง” เจดทำหน้านิ่วใส่ เหมือนจะบอกว่าไม่ต้องมาหัวเราะเยาะกันเลย



“แล้วเท็กซ์เจอร์ก็แบบ แหยะๆ อ่ะ” เราไม่ได้ตั้งใจแต่ก็ยังหลุดหัวเราะ เพราะเจดขนลุกขึ้นมาจริงๆ ตอนทำสีหน้าเหมือนนึกภาพผลไม้เอเลี่ยนในหัว ก่อนทำท่าปัดๆ ภาพสับปะรดออกไป



“ความลับนะ ถ้าเพื่อนรู้โดนล้อตาย” ทำท่าย้ำจริงจัง เราเลยพยักหน้า สัญญาว่าจะไม่บอกใคร



เจดยิ้มรับ มองหน้าเรานิ่งๆ อยู่นาน ก่อนมือที่เรากำไว้ จะเป็นฝ่ายกำมือเราแทน



“แล้วพี่เพื่อนทำยังไง เวลาเจกลัวฟ้าผ่า” เจดมองตาเรา เหมือนอยากช่วยแก้ปัญหา



แต่ว่า... จะช่วยได้เหรอ



“เพื่อน...ด่า...”



“หือ?”



“เพื่อนด่า...น่ากลัวกว่าฟ้าผ่า”



เพื่อนชอบบ่นว่าเรากลัวไร้สาระ แต่ก็ยังมาหาเป็นคนแรกทุกครั้ง ด่าว่าเรางี่เง่า แต่ก็อยู่เป็นเพื่อนเราจนถึงเช้า



เรารู้ว่าเพื่อนด่าเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ



เจดทำหน้าอึ้งๆ ก่อนหัวเราะ ซุกหน้าลงกับแขนตัวเองสักพักก่อนเงยหน้าสบตาเราอีกครั้งท่าทางลำบากใจ “ยากไปป่ะ จะด่าเจลงได้ไง”



เราก็คิดว่าเจดคงทำไม่ได้ ไม่ใช่คนขี้บ่นแบบเพื่อน



“ทำอย่างอื่นแทนได้ไหม” เจดยิ้ม รอยยิ้มที่เราบอกไม่ได้กำลังคิดอะไร



เจดเฉลยด้วยการปีนขึ้นมาบนเตียงข้างๆ เรา เจดสบตาเราคล้ายขออนุญาต ก่อนยืดแขนออกมารองคอเรา



“แบบนี้ ได้ไหม”



เสียงกระซิบของเจดดังชัด เพราะเราอยู่ใกล้กันมาก ใกล้จนปลายจมูกเฉียดกัน



“แบบนี้... พี่เพื่อนเคยทำไหม”



ยิ่งใกล้ เมื่อเจดใช้มืออีกข้างโอบหลังเราไว้ ถึงอยู่นอกผ้าห่มแต่ก็ยังสัมผัสถึงไออุ่นจากตัวเจดได้ กลิ่นหอมอ่อนๆ แบบที่เราชอบ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เจ้าของดวงตาคมกระชับอ้อมแขนจนร่างแนบสนิทกัน จรดหน้าผากลงกับหน้าผากเรามองเข้ามาในดวงตาด้วยสายตาจริงจัง



“เจได ขออะไรเห็นแก่ตัวอย่างหนึ่งได้ไหม”



“...” ถึงเราไม่ตอบ เจดก็คงรู้ว่าเราให้ได้ ไม่ว่าเจดจะขออะไร



“ต่อไปนี้ ถ้าฝนตกอีก ช่วยนึกถึงกันได้ไหม” ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นคำขอที่เห็นแก่ตัวตรงไหน “อย่ากลัวจนร้องไห้คนเดียวเลยนะ”

               

แต่มันเป็นคำขอที่ทำให้อบอุ่นไปทั้งใจ

               

เรายกสองมือขึ้นมาประคองหน้าเจด ยิ้มให้แทนคำตอบ จับจ้องทุกส่วนบนใบหน้าแสนธรรมดาแต่กลับมาอิทธิพลต่อเรามากมาย หัวเราะเบาๆ พร้อมกันเมื่อเราไล้นิ้วโป้งไปตามรูปเครา



มันหมายความว่าเราอยากสัมผัสริมฝีปากใต้ไรหนวดนั้น



“เจ...” แต่คราวนี้หมีไม่ยอมแกล้งตายให้เราแต๊ะอั๋ง ยกนิ้วโป้งไล้แก้มเราบ้าง คลอเคลียปลายจมูกกับปลายจมูกเราคล้ายประวิงเวลา ส่งสายตาหวานขออนุญาต



เรายิ้มตอบ แล้วหลับตา...



วินาทีต่อมาริมฝีปากอุ่นก็แตะลงบนริมฝีปาก สัมผัสเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนผละออกไป เอียงองศาใบหน้าเล็กน้อยแล้วทาบลงมาใหม่ บางเบาแล้วค่อยๆ บดเบียดจนแนบสนิท



จากอุ่นเป็นร้อนผ่าว...



นานนับนาทีกว่าเจดจะถอนริมฝีปากออกไป เคลื่อนริมฝีปากจรดหน้าผากเราซ้ำๆ เอ่ยคำเดียวกับตอนที่เห็นเราร้องไห้



“ไม่เป็นไรแล้วนะเจ ไม่เป็นไร”



ไม่เป็นไรจริงๆ...



เพราะต่อให้ฟ้าผ่าลงมาตอนนี้ ก็คงโดนเสียงหัวใจเรากลบจนมิดอยู่ดี

 




☉ ----------------------------Side Story 5-------------------------------- ☉

 

“เจ น่ารักกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ"



"..."



"จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว”

               

“...”

               

“ถ้าน่ารักกว่านี้อีกนิดจะเปลี่ยนจากชอบ เป็นรักจริงๆ แล้วนะ รู้ไหม”

               

“อือ”

               

“...!!”

               

“อือ”

               

“เจ...”

               

“...”

               

“ตื่นอยู่เหรอ?”

               

“...”

               

“อะไร ละเมอตอบก็ได้โว้ย คนเรา”

               

“...”

               

“หึ ขอให้คืนนี้ไม่ฝันนะ”

               

“...”

               

“แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้าครับ”





☉ ----------------------------100%-------------------------------- ☉



#หมีแต่รัก

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ

รัก  :L2:

- Martian -




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-07-2018 21:58:43 โดย makok_num »

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
หวานไปมะ อิจฉานะเนี่ยยย

ออฟไลน์ Zestful

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เจดคือดี ดีจ๊นนนนน โอยยยยยยย ไม่ต้องทนแล้ววววว ชอบเขาก็ยกกระต่ายที่เหลือให้ไปเลยทีเดียวเส่!!!  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ CLShunny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
 :z6: :mew4: :katai2-1:น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกก มากกกกกกด้วยยยยย ชอบบบบบบบบอบอุ่นกว่าฮีตเตอร์ก็เจดไง อิๆ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อื้อหืออออ มีเกรี้ยวกราดใส่ฟ้าฝนด้วยคนเรา
น้องเจน่าบีบมาเลยยย โอ๋ๆน๊าาา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คิดอยู่นะ  ว่าที่เพื่อนขอลูกกุญแจสำรอง
ต้องเอาไปให้เจด แล้วก็ใช่จริงๆ  :katai2-1:

เจดมาหาเจ ทันพอดี  :ling1:
ปลอบโยนกันด้วย  :o8: :-[ :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ tipppppp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หนูเจรูกกกกกกกแม่  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
บทที่ 6

หมีแผน (100%)


               

เราตื่นเพราะได้ยินเสียงดัง



“ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรไงวะ” อันนี้เสียงเพื่อน เราจำได้

               

“ผมไม่ได้ทำอะไรจริงๆ” ส่วนเสียงนี้...

               

“...!” เราเบิกตากว้าง หายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง กะพริบตาปริบมองฟูกข้างตัวที่ยังทิ้งความอุ่นไว้ ตอกย้ำว่าเมื่อคืนมีคนนอนอยู่ข้างๆ

               

พอภาพฉายซ้ำ...หน้าเราก็ร้อนฉ่าเหมือนเป็นไข้

               

“แต่มึงกอด เดี๋ยว...อย่าบอกว่าทำอย่างอื่นด้วย”

               

เอ๊ะ...

               

เราได้สติเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนคาดคั้น กับเสียงอีกคนอึกอัก

               

“เชี่ย! นี่มึง... ไหนบอกอ่านกฎข้อห้าแล้วไง”

               

เดี๋ยวสิ เพื่อน!

               

“เถอะน่า เจไม่ใช่เด็กนะ” ขาที่กำลังพุ่งลงเตียงหยุดชะงัก

               

เสียงนี้มัน…

               

“แต่มันรับปากผมแล้ว”

               

“แค่กอดเอง ไม่ได้เกินเลยกว่านั้นสักหน่อย ใช่ไหมคุณหมี”

               

“เอ่อ...”

               

“จีนเหรอ” ก่อนบทสนทนาจะเจาะลึกไปกว่านั้น เรารีบชะโงกหน้าออกมาขัด เห็นคนสามคนแออัดอยู่ในห้องนั่งเล่นในท่าทางที่กำลังถกเถียงกัน

               

“ตื่นแล้วเหรอเจ” เป็นจีนจริงด้วย

               

เราเลิกคิ้วมองพี่สาวในไส้ที่วันนี้แต่งตัวฉูดฉาดด้วยเสื้อสีเหลืองกับกระโปรงสั้นสีแดงเข้ม ใส่ถุงเท้าแปลกๆ สูงถึงน่อง แต่งหน้าอ่อนๆ แต่ทาปากแดงแจ๋



คงดูแปลกถ้าเป็นคนอื่น แต่พอเป็นจีนทุกอย่างกลับเข้ากัน



“เอาอาหารมาให้” พอเห็นหน้าเราจีนก็ชูตะกร้าสานใบโตขึ้นมา พูดหน้าตายแล้วเดินเข้ามาจูงมือเราไปที่ครัวเล็กๆ ข้างห้องนั่งเล่น วางตะกร้าลงบนเคาน์เตอร์แล้วเปิดฝาบรรจงหยิบกล่องทัปเปอร์แวร์ออกมาวางเรียงกัน

               

“มีแซนด์วิชแซลม่อน ยำแซลม่อน ข้าวหน้าแซลม่อน แซลม่อนซาชิมิ อ้อมีชามะลิด้วย เจจะกินเลยไหม”

               

เรามองความกระตือรือร้นของจีนแล้วถอนหายใจ

               

“จะกินหมดนี่ได้ไง”

               

รู้เหตุผลดีว่าจีนทำแบบนี้ทำไม

               

“เจไม่เป็นไร ร้องไห้แป๊บเดียว ตาไม่บวมด้วยซ้ำเห็นไหม” เรายื่นหน้าเขาไปให้จีนดูใกล้ๆ

               

พี่สาวชะงักที่ถูกเราจับได้ จีนย่นหน้า ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้จนเราต้องเอื้อมมือไปจับมือไว้

               

“แล้วนอนหลับไหม” จีนเอื้อมมือมาลูบหัวเราตอบ สีหน้ายังฉายความกังวลเห็นชัด

               

“หลับ...” พูดเสียงเบา เบนสายตาไปมองคนตัวโตที่มองมาทางเรา สายตาส่งคำถามเดียวกัน “หลับสนิทเลย”

               

พอได้ยินแบบนั้นเจดก็ยิ้มท่าทางโล่งใจ

               

ส่วนเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ มองเจดสลับกับเราแล้วกลอกตาใส่ “กระต่ายแรด”









☉ ------------------------------------------------------------ ☉


               

ตอนเด็กๆ เรากับจีนเคยเล่นซ่อนหา

               

เราเป็นคนซ่อน จีนเป็นคนหา ในหมู่บ้านมีสนามเด็กเล่นที่ใหญ่มากสำหรับพวกเราตอนนั้น เรามีที่ซ่อนประจำ ที่ที่จีนหาไม่เจอจนต้องยอมแพ้ทุกครั้ง แพ้บ่อยๆ เข้าจีนเลยเปลี่ยนแผนบ้าง จีนหนีกลับบ้าน คิดว่าถ้าซ่อนจนเบื่อก็จะตามออกมา



แต่เราไม่รู้... เลยนั่งรอจนกว่าจะได้ยินจีนพูดว่ายอมแพ้เหมือนทุกครั้ง

               

เราซ่อนอยู่ที่เดิมจนรู้สึกว่าฟ้ามืด แต่ไม่ใช่เพราะมันค่ำ เป็นเพราะเมฆครึ้ม ไม่ทันไรฝนก็ตกหนัก เราตกใจเลยยอมแพ้แล้วรีบออกมาจากที่ซ่อน แต่ก็ไม่เห็นใคร เราตามหาจีนจนทั่วในสายฝน หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ



ตอนนั้นเราร้องไห้หนัก เป็นห่วงจีนมาก กว่าจะคิดได้ว่าต้องไปบอกพ่อกับแม่



แต่สุดท้ายไม่ทันได้กลับบ้าน เพราะอยู่ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมาที่ต้นไม้... ตอนนั้นมันดูใกล้เหมือนอยู่แค่ตรงหน้าเรา เสียงดังสนั่นเหมือนฟ้ากำลังจะถล่ม เรากรีดร้องสุดเสียง ช็อกจนหมดสติไปตรงนั้น



รู้ตัวอีกทีก็อยู่โรงพยาบาล ไข้ขึ้นเพราะตากฝนนานเกินไป แล้วก็เอาแต่ร้องไห้



หลังจากนั้นเราก็กลัวฟ้าผ่า จีนรู้สึกผิดเพราะคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้เราเกือบตาย แต่เราไม่เคยโทษจีนเลยสักนิด ดีซะอีกที่ตอนนั้นจีนไม่ได้อยู่ด้วยกัน



“เคยแอบเข้าไปร้องไห้ในตู้เสื้อผ้าด้วย หากันทั่วบ้าน” จีนแฉ แฉหมดเลยเรื่องน่าอายของเรา



วีรกรรมหนีฝนฟ้าตั้งแต่เด็กจนโตถูกขุดคุ้ยจนเราอยากเอาหน้ามุดแซนด์วิช แต่เสียดายแซลม่อน เลยนั่งกินเงียบๆ ไม่พูดอะไร มองหน้าจีนสลับกับเจดที่นั่งนิ่งตั้งใจฟัง



“เลยต้องหอบแซลม่อนมาปลอบขวัญ” จีนว่า



อันที่จริงเรารู้ว่าเป็นข้ออ้าง จีนเป็นห่วงเราต่างหาก แต่ใช้แซลม่อนบังหน้าไปงั้น แต่เราโตแล้ว ถึงจะทำได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็พยายามปรับตัว



แล้วอีกอย่าง...



“แต่ต่อไปคงไม่ต้องแล้วมั้ง มีคนปลอบให้แล้ว” พี่สาวมองหน้าเจดด้วยสายตากรุ้มกริ่ม



เราลอบเตะขาจีนใต้โต๊ะ ย่นหน้าใส่พี่สาวที่ไปแซวใส่เจดอย่างนั้น แต่พอเหลือบมองคนข้างตัว เห็นมุมปากใต้เครายกยิ้มจาง ก็เผลออมยิ้มบ้าง



‘ต่อไปนี้ ถ้าฝนตกอีก ช่วยนึกถึงกันได้ไหม’



เป็นการปลอบใจที่อันตรายมาก... แค่คิดถึงเสียงนุ่มๆ กับสีหน้าตอนนั้นเราก็ใจสั่น... สั่นซะยิ่งกว่าตอนได้ยินฟ้าผ่า



"แล้วจะให้บอกพ่อกับแม่ว่าไงที่เจพาผู้ชายมาค้าง”



“แค่กๆ!” เราถึงกับสำลักขนมปัง กะพริบตาปริบๆ มองหน้าจีนที่อยู่ๆ โพล่งถาม



"คนนี้เหรอที่ทำให้เจอยากไว้ผมยาว”



“จีน...” โห่ เราอุตส่าห์ลืมไปแล้วนะเรื่องนั้น



แล้วจีนรู้ได้ยังไง ตอนนั้นเราไม่ได้พูดสักหน่อย แค่บอกว่าอยากลองไว้ผมยาว



...เพื่อนฟ้องแน่ๆ



“แถมเจยังให้นอนกอด...”



“อย่าไปฟังๆ” เราส่ายหน้าห้ามเจด อยากจะยกมือปิดหูให้ ติดเสียว่ามือไม่ว่าง



“พ่อกับแม่ตื่นเต้นแน่ถ้ารู้ว่าเจมีแฟน”



“จีนนน...” เรางอแง



จีนเลยยิ่งได้ใจ หัวเราะเสียงดังลั่นไม่มีการอาย แถมหันไปถองศอกใส่เพื่อนที่ยัดแซนด์วิชเข้าปาก แต่ก็ยังไม่วายส่ายหน้าบ่นงึมงำ



“กระต่ายแรด” 



“พูดเป็นคำเดียวหรือไงเพื่อน” เราหันไปโวยวายแก้อาย



“ก็แรดจริง”



“โธ่...” ยิ่งอยากเอาหน้าจุ่มแซนด์วิชเมื่อเห็นได้ยินเจดหัวเราะตาม



...นิ้วก้อยที่ลอบเกี่ยวนิ้วก้อยของเราใต้โต๊ะกระชับเบาๆ

 






☉ ------------------------------------------------------------ ☉

               



จีนพูดอยู่คนเดียวตลอดมื้อเช้า สมเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์คนตามเป็นล้าน ขนาดคนขี้บ่นอย่างเพื่อนยังได้แต่นั่งฟัง มีหน้าที่ช่วยต่อบทบ้างตอนที่จีนหันไปถาม   



ส่วนเจดกับเราหาจังหวะพูดแทรกไม่ได้สักคำ กว่าจะรอดตัวมาได้หูแทบพัง



“เหมือนพ่อกับแม่เจเลยอ่ะ” อยู่ๆ เจดก็พูดขึ้นมาระหว่างที่กำลังนั่งรถไปคอนโดฯ เตวิชญ์เพื่อซ้อมดนตรีตามที่นัดกันไว้



“หือ?”



“พี่จีนกับพี่เพื่อน”



เรานึกอ๋อใจใน ก็ใช่ จีนกับเพื่อนชอบทำตัวเหมือนพ่อกับแม่เรา



คนหนึ่งขี้บ่น ห้ามนู่นห้ามนี่ ส่วนอีกคนก็ชอบเอาเราไปเม้าท์



“ยังงี้เจอพ่อกับแม่จริงก็คงไม่เกร็งแล้ว” เจดลูบเคราพึมพำ เบาจนเราฟังไม่ถนัด นึกแค่ว่ารู้สึกผิดกับเจดที่ต้องมานั่งฟังจีนบ่นแต่เช้า



“ขอโทษนะ”



“เรื่องอะไร” เจดเลิกคิ้ว ตบไฟเลี้ยวเข้าลานจอดรถ



“จีนพูดมาก” เราเบ้หน้า เจดคงเบื่อแน่ๆ 



แต่เจดหัวเราะ “เรื่องที่จะบอกกับพ่อแม่ว่าเจมีแฟนเหรอ”



“เอ๊ะ...” เราชะงัก “ไม่... ไม่ใช่เรื่องนั้น”



พอเห็นเราแตกตื่นเจดก็หัวเราะ จอดรถเข้าซองเรียบร้อยจึงมองหน้าเราสีหน้าจริงจังอีกครั้ง “ไม่หรอก ดีใจที่ได้ฟัง”



“ไม่เห็นจะดี” จีนเอาแต่เม้าท์เรื่องน่าอายทั้งนั้น



“ดีดิ เหมือนได้รู้จักเจอีกขั้น”



“...”



“ยิ่งรู้จักยิ่งน่ารัก เนอะ”



“เอ๊ะ...”



มะ... มานงมาเนอะอะไรเล่า

               

“รู้แบบนี้ยิ่งคิดถูกที่เมื่อคืนเอ่ยปากขออะไรเห็นแก่ตัวแบบนั้น”

               

“หมายถึง...”

               

“ที่บอกว่าถ้าฝนตกให้นึกถึงกันไง”

               

“ไม่เห็น...จะเห็นแก่ตัวตรงไหน” จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจ เจดไม่ได้ขออะไรที่ทำให้เราลำบากสักหน่อย

               

ถึงจะทำให้ใจเต้นแรงถึงตอนนี้ก็เถอะ

               

“เห็นแก่ตัวสิ” เจดยิ้ม ยกนิ้วเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าเรา “เหมือนขอให้เจเปลี่ยนความทรงจำ”

               

“...”

               

“แทนที่จะนึกถึงเรื่องตอนเด็กเหมือนทุกครั้ง ก็ต้องมานึกถึงหน้าแบบนี้” เอือมมือมาดึงมือเราไปทาบแก้ม แถมยังแกล้งทำหน้าเห็นใจสุดซึ้ง “ต้องมานึกถึงเคราของหมียักษ์”

               

เราอมยิ้ม ไล้ไรหนวดของเจดเหมือนที่ชอบทำ

               

“เห็นแก่ตัวไหม”

               

“อือ”

               

เป็นความเห็นแก่ตัว... ที่น่ารัก

 







☉ ------------------------------------------------------------ ☉



แต่คนน่ารัก บางครั้งก็เอาแต่ใจจนน่าปวดหัวเลยล่ะ

               

“ไม่เอาเพลงนี้”

               

กับเรื่องดนตรีเจดจริงจังมาก ทั้งที่เจ้าตัวบอกว่าเล่นเป็นงานอดิเรกขำๆ แต่คงไม่สังเกตว่าซ้อมด้วยกันทีไรเจดจะเผยด้านซีเรียสออกมาภายใต้สีหน้าไม่จริงจัง

               

“แต่คนฟังน่าจะชอบมากกว่า” หลายครั้งเลยทะเลาะกัน

               

“อยากเล่นอันนี้อ่ะ” อันที่จริงก็ไม่เชิงทะเลาะ เรียกว่าถกกันต่างหาก

               

เจดอ่ะชอบอินดี้เกิน เราต้องปรามบ้าง

               

“เดี๋ยวคนดูไม่สนุกเอา”

               

“โห่ เจ” หมียักษ์ทำท่างอแง จะหันไปหาคนช่วยแย้ง แต่เตวิชญ์ก็ดูจะไม่สนใจ รายนั้นเขายังไงก็ได้

               

“ไอ้พิชญ์อ่ะ ชอบเพลงไหน” คราวนี้เลยหันไปให้ขอให้คนบนตักมือกลองตัดสินให้

               

เราจะไม่น้อยใจแล้วกัน เพราะสมเหตุสมผลแล้วที่ถามพิชญ์ น้องน่าจะเข้าใจในฐานะคนดู

               

“ไม่รู้จักสักเพลง” แต่คนดูดันยักไหล่แบบช่วยไม่ได้

               

“โวะ งั้นเล่นทั้งสองเพลง” เจดทำท่าจะจบปัญหาลวกๆ อีกแล้ว

               

เราเบ้หน้า “เวลามันไม่ได้”

               

“เดี๋ยวขอเพิ่มให้”

               

“ทำไมเจดเอาแต่ใจ”

               

“ทำไมสองคนนี้ชอบตีกัน” ประโยคสุดท้ายเป็นของคนนั่งฟังที่คงจะทนไม่ไหว พิชญ์หัวเราะ มองพวกเราเถียงกันด้วยสีหน้าขบขัน

               

ปกติก็ไม่ตี แต่เวลาแบบนี้หมีชอบดื้ออ่ะ

               

“งั้นซ้อมไปก่อน ค่อยเลือกอีกที” เจดถอนใจยกมือเสนอใหม่ เราเลยถอนใจกลับ

               

“ก็ได้” ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าผลสุดท้ายจะเป็นยังไง เพลงที่เจดเลือกมันฟังยากเกินไป แถมไม่เข้ากับเพลงที่เหลือ

               

หมีนะหมี เอาแต่ใจไม่เข้าเรื่อง

 



วันนี้เราเล่นกันไม่จริงจัง เหมือนมาเคาะสนิมมากกว่าเพราะต่างยุ่งๆ เลยไม่ได้ซ้อมวงมาสักพัก แต่เตวิชญ์เหมือนจะก้าวนำพวกเราไปอีกขั้น เรากับเจดเลยยิ่งต้องรีบไล่ตาม

               

เหมือนไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้มานาน เสียงเพลงช่วยดึงพลังงานบางอย่างให้แล่นพล่านไปทั้งตัว เราสนุกมาก

               

กำหนดการแสดงครั้งแรกของวงคืองานปีใหม่ในร้านเหล้าของคนที่เจดรู้จัก

               

เจดบอกว่าไม่ใช่งานใหญ่ แต่ท่าทางหมีดูตื่นเต้นมา ตั้งใจทำลิสต์เพลง แถมพยายามคิดชื่อวงอยู่นาน

               

‘เตเจเจด’

               

สมกับเป็นหมียักษ์ ชื่อวงยังประหลาด

               

“อันนี้พิชญ์ใส่เลยได้ไหม” เป็นอีกครั้งที่เรากับเจดมาฝากท้องที่ห้องเตวิชญ์ แต่วันนี้น้องพิชญ์เป็นลูกมือด้วย ผีเสื้อตัวน้อยในผ้ากันเปื้อนยิ่งดูน่ารัก

               

“มันเค็มไปอ่ะ ทำไง” เรามองสองพ่อครัวที่หัวเราะใส่กันแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม คุณมือกลองจอมดุพออยู่กับแฟนแล้วใจดีมาก



เตวิชญ์ไม่ว่าสักคำ แค่เกลี่ยนิ้วโป้งเช็ดปากให้น้องแล้วกดจูบหนักๆ อย่างมันเขี้ยว ส่วนคนขี้อ้อนก็หลีกทางให้เชฟใหญ่แก้รสชาติที่ตัวเองปรุงผิดให้เข้าที่เข้าทาง

               

เวลาอยู่ด้วยกันสองคนนี้เป็นธรรมชาติมาก เหมือนเกิดมาเพื่อเติมเต็มกันและกันให้ต่างสมบูรณ์แบบไปอีกขั้น น่าอิจฉาสุดๆ

               

“เจ อยากชิมไหม” คงเพราะเราจ้องนานเกินไป น้องพิชญ์เลยรู้ตัวหันมาเลิกคิ้วถาม เราส่ายหน้า แกล้งหันกลับมาก้มหน้าก้มตาซ้อมเบสต่อไป

               

ไม่ทันไรพิชญ์ก็ถอดผ้ากันเปื้อนเดินมานั่งข้างๆ เรา

               

“คิดถึงเจจัง” ไม่ว่าเปล่า แขนสองข้างยังยื่นมาโอบเอวเรา วางคางไว้บนหัวแล้วจับโยกไปมา

               

เราไม่ได้ว่าอะไร เพราะชินแล้ว อีกอย่าง พิชญ์ตัวหอม... ถึงจะคนละแบบกับเจด แต่ก็เป็นกลิ่นที่ดึงดูดมาก

               

ตั้งใจจะอยู่ห่างๆ ไม่อยากยุ่งก็ทำไม่ได้เลยสักครั้ง

               

“กับป๊าเป็นไงบ้าง”

               

“เอ๊ะ...” เราชะงักกับคำถาม “หมายถึง?”

                 

“ป๊าเล่าให้ฟังว่าเจจีบ... อย่าไปบอกนะว่าเอามาเม้าท์” พิชญ์หัวเราะ แกล้งทำเป็นหันหน้าหันหลัง

               

แต่เจดไม่อยู่แถวนี้หรอก คุณหมีเพิ่งขอตัวไปอาบน้ำ เพราะใส่ชุดเดิมมาตั้งแต่เมื่อคืน 

               

“กำลังสะสมแต้ม” เราสารภาพ แอบรู้สึกภูมิใจนิดๆ ที่ได้อวดความก้าวหน้า

               

เหลืออีกแค่หกแต้ม ใกล้จะครึ่งทางแล้ว

               

“โห ป๊าโคตรเล่นตัวอ่ะ” พิชญ์แกล้งย่นหน้าหมั่นไส้ ก้มลงมาหอมแก้มเราทีหนึ่งแบบไวๆ “เป็นพิชญ์นะจับฟัดไปแล้ว เจน่ารักขนาดนี้”

               

เราได้แต่นั่งนิ่ง ยกมือกุมหน้าตัวเองที่ร้อนจัด



ตายๆ ถ้าเตวิชญ์เห็นเราโดนตีแน่ โชคดีที่คุณพ่อครัวมัวแต่วุ่นกับการเตรียมอาหาร



“เจดใจแข็งมาก” เราย่นคาง ถอนหายใจ อันที่จริงหกแต้มกระต่ายก็ยังเยอะเกินไป



ไม่รู้เมื่ไหร่จะชนะใจเจดได้



“เจ พิชญ์บอกวิธีให้ไหม” พอเห็นเราหงอย พิชญ์ก็เอียงคอถามท่าทางกระตือรือร้นขึ้นมาจนผิดวิสัย

               

“วิธีอะไร” เราถามอย่างตามไม่ทัน



พิชญ์หัวเราะแกล้งมองซ้ายมองขวาอีกครั้ง ก่อนก้มลงมากระซิบทำท่าทางเป็นความลับ

               

“วิธียั่วให้หมีตบะแตกไง”

               

“...” เราขมวดคิ้วมองรอยยิ้มทะเล้น น้ำเสียงน้องไม่น่าไว้ใจสักนิด



“รับรองป๊าไปไหนไม่รอดแน่”



“แต่...”



“...”



“ต้องทำยังไง”

               

ขอโทษนะเจด... เราอยากเก็บแต้มกระต่ายให้ครบไวๆ     

 







☉ ----------------------------Side Story 6------------------------------ ☉

 

               

“เพื่อน มาดูนี่เร็ว เจโดนแต๊ะอั๋งอ่ะ”

               

“แค่จับมือป่ะ มันนอนกอดกันทั้งคืนไม่เห็นตื่นเต้น”

               

“หมีน่ารักเนอะ ดูเป็นคนดี”

               

“ก็ปกติ”



“โล่งใจ เห็นเจมีคนรัก”



“พี่จีนอ่ะเวอร์ ทำตัวเป็นแม่กระต่ายไปได้”

               

“เพื่อนนั่นแหละหวงเวอร์ ทำตัวเป็นพ่อกระต่ายไปได้”

               

“ก็แม่กระต่ายปล่อยสบายเกิน พ่อก็ต้องดุแทนดิ”

               

“...”

               

“...”

               

“โห เนียนเลยอ่ะคุณ”

               

“หึ ผมก็เนียนยังงี้มาตั้งแต่มัธยมแล้วป่ะคุณ”






☉ ---------------------------100 %------------------------------- ☉



#หมีแต่รัก

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ

รัก <3

- Martian -


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แผนยั่วตบะหมีให้แตก จะได้ผลมั้ยนะ  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น่ารักทุกคู่เลยค่ะ :hao5:

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
น่ารักกกก อยากเห็นหมีตบะแตกกก

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อยากเห็นหมีตบะแตกแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
น่ารักทุกคนเลยยยย
มีคู่เพื่อนจีนโผล่มาท้ายๆๆ น่ารักอะะ ชอบๆๆๆ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โอ้ยยยย น้องเจลูกกก ถ้าเพื่อนรู้ต้องโดนด่าแน่เลยเนี่ย เอ็นดู ฮาาาา

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
กระต่ายตัวแสบ คิดหาแผนอ่อยหมีด้วย   :hao3:

ออฟไลน์ tipppppp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คึคึ มารอดูแผนการ ~~

ออฟไลน์ Zestful

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นุ้งเจจจจจจจจจจจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ CLShunny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
น่ารักกกกกเวเยยยย น่านรักกกมากกกกกกกรี้ดดดกดดด เค้าเจอควีนจอมยั่วววว ป๋าระสังงตัววน้าาน้องจะร้ายกาจแล้วสวสส

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เรื่องนี้น่ารักกกกกกก ติดตามจ้าๆๆๆๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ Raam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เพื่อนจีนก็มาว่ะ :mew2: :-[

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
พิชญ์เจน่ารักกกกกกกกก ยัยพิชญ์แอบหอมพี่เจด้วย โอ้ยๆๆๆรอดูแผนยั่วหมีนะคะ

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ข้อที่ 7

ยั่วหมี (100%)


               

ข้อหนึ่ง ยิ้มให้มากๆ

               

‘เวลาเจยิ้มน่ารักมากนะรู้ตัวไหม’

               

ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องพิชญ์แค่พูดเอาใจหรือเปล่า แต่มันทำให้เรานึกได้ ว่าเจดก็เคยบอกว่าชอบให้เรายิ้มกว้างๆ

               

ต่อไปเราจะฝึกยิ้มบ่อยๆ

               

“เป็นบ้าอะไร”

               

โห่ เพื่อน

               

“เปล่า” เราย่นจมูกขัดใจ เบือนหน้าหนีเพื่อนที่ขมวดคิ้ว ไม่อินกับความพยายามของเรา

               

“แล้วตกลงทำข้อสอบได้ไหม” คงเพราะอดนอนอ่านหนังสือสอบไฟนอล แถมยังช่วยติวให้เรา เพื่อนเลยหงุดหงิดงุ่นง่าน

               

เราไม่อยากโดนด่าอีก เลยหุบยิ้ม พยักหน้าตอบ “ทำได้ครับ”

               

เพื่อนถอนใจ “แล้วนี่ไอ้หมีจะมาหรือยัง”

               

ไม่ทันขาดคำ โทรศัพท์เราก็เด้งข้อความจากเจดว่ามาถึงหอแล้ว

               

“เพื่อนไปด้วยกันไหม”



“ง่วงจะตาย” เพื่อนส่ายหน้า “แล้วจะกลับห้องไหม”



“กลับ” ทำไมถามแปลกๆ ไม่กลับจะนอนไหน



เพื่อนหรี่ตาไม่ไว้ใจ ทำหน้าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เงียบ โบกมือไล่ “ไปไหนก็ไป”

               

เราโบกมือบ๊ายบายแล้วออกจากห้อง เดินลงลิฟต์ไปที่รถเจด แต่ก่อนเปิดประตูก็เผลอชะงัก นึกถึงคำแนะนำของน้องพิชญ์

               

ต้องยิ้มเขาไว้ ยิ้มหวานๆ

               

“หวัดดี”

               

เมื่อก่อนเราคิดว่าการยิ้มเป็นเรื่องยาก

               

“วันนี้จะพาไปกินแซลม่อนฉลองสอบเสร็จนะ”

               

...แต่ความน่ารักของเจด ก็ทำให้เราเผลอยิ้มกว้างง่ายๆ โดยไม่ต้องพยายาม





☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

“ทำข้อสอบได้ป่ะ” เจดถามพลางคีบแซลม่อนให้

               

“อือ” เราคีบไข่หวานให้เจดบ้าง

               

“ขอบคุณครับ” คนน่ารักคีบไข่หวานใส่ปาก มองเราเคี้ยวแซลม่อนพลางอมยิ้มแปลกๆ

               

“วันนี้มีอะไรหรือเปล่า”

               

“หือ?”

               

“ยิ้มไม่หุบเชียว”

               

“เจดไม่ชอบเหรอ” หรือเรายิ้มกว้างไป เจดเลยสังเกตได้

               

น้องพิชญ์บอกว่า รอยยิ้มเล็กๆ จะดูลึกลับ ยั่วยวนใจกว่ารอยยิ้มกว้างๆ

               

พลาดแล้ว...

               

“ชอบ” แต่เจดก็เอ่ยแย้งเหมือนรู้ความคิดเรา เลยเอื้อมมือมาลูบหัวเบาๆ “แค่อยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรดีๆ”

               

เราอมยิ้ม คีบแซลม่อนเข้าปาก ส่ายหน้า

               

“บอกไม่ได้”

               

เป็นความลับนะ วันนี้เรามีแผนจะวางกับดักหมีล่ะ






☉ ------------------------------------------------------------ ☉


 

‘เจน่ารัก ป๊าต้องหวงแน่’

               

หลังสอบสถานบันเทิงอัดแน่นไปด้วยนักศึกษาที่มาละลายความเครียด เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เรากับเพื่อนไม่ได้ออกเที่ยวกลางคืนบ่อยนักเพราะไม่ค่อยว่าง ถึงว่างก็ชอบนอนขี้เกียจอยู่ห้องมากกว่า

               

แต่นัดน้องพิชญ์ไว้ก็เลยมา

               

“เจ” เราหันไปตามเสียงเรียกของพิชญ์ เจดหันมาเลิกคิ้วใส่นิดหน่อยที่เห็นน้องเรียกเราทั้งที่ปกติจะเรียกตัวเองก่อน แต่หมียักษ์ไม่ว่าอะไรรุนหลังให้เราเดินไปก่อนส่วนตัวเองเดินไปที่บาร์

               

เรายิ้มตอบนิดๆ ก่อนจะเดินไปนั่งโต๊ะที่พิชญ์กับเตวิชญ์นั่งอยู่ ตกใจที่ถูกน้องดึงไปนั่งข้างๆ แต่ถ้าอีกคนไม่ว่าก็คงไม่เป็นไร

               

“หึ จะเล่นอะไร” เตวิชญ์ที่นั่งขนาบอีกฝั่งขมวดคิ้วมองหน้าเราแล้วหันไปถามแฟนตัวเอง

               

เตวิชญ์ฉลาดมาก มองตาทีเดียวก็รู้แล้วว่าน้องพิชญ์กำลังมีแผนการบางอย่าง

               

“ความลับ” น้องแกล้งยียวนเลยถูกงับจมูกไปหนึ่งที สองคนหยอกเย้ากันขณะที่เจดที่เพิ่งไปสั่งเครื่องดื่มเพิ่มเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ว่าง ส่ายหน้าขำๆ

               

“เกรงใจคนโสดกันบ้าง”

               

เรียกให้พิชญ์หันมามอง น้องยกมือสองข้างแบออกยักไหล่

               

“วันนี้โสดทั้งโต๊ะครับ” หันไปส่งยิ้มร้ายให้เตวิชญ์ที่เลิกคิ้วเหมือนรอดูว่าเด็กซนจะทำอะไร

               

มือสวยเอื้อมมือมาจับแขนเราดึงให้ลุกจากที่นั่ง คว้าเบียร์ขวดเล็กมาใส่มือเราแล้วถือของตัวเองไว้อีกข้าง ยิ้มกว้างอย่างนึกสนุก “เจ ไปเต้นกัน”

               

เราปล่อยให้พิชญ์ลากออกไปหน้าเวที วงดนตรีสดกำลังเล่นเพลงฮิตอมตะที่ปรับเปลี่ยนซาวน์ให้เข้ากับสมัยปัจจุบัน น้องเปลี่ยนมายืข้างเราแล้วเริ่มโยกตามจังหวะกระดกเบียร์ไปพลาง

               

“เจเต้นเป็นไหม” เราส่ายหน้า จับขวดเบียร์แน่นด้วยอาการประหม่า

               

เวลาไปร้านเหล้าเรากับเพื่อนมักจะได้รับหน้าที่เฝ้าโต๊ะ ไม่เคยเหยียบฟลอร์เต้นหรือหน้าเวที คนแออัดเกินไป เราตัวเตี้ยด้วย หายใจลำบาก



“งั้นต้องเมาแล้วล่ะ” พิชญ์หัวเราะ ทำท่ายุให้เรากระดกแอลกอฮอล์ลงไปหลายอึกก่อนเอื้อมมือมาดึงแขนเราให้ขยับโยกตาม



พิชญ์พาเราเต้นพลางยุให้ดื่มจนเบียร์เราหมดขวดอย่างรวดเร็ว แล้วน้องก็แลกขวดเปล่าของเรากับขวดของตัวเองที่เหลือเบียร์มากกว่าครึ่ง ยั่วให้เราดื่มเข้าไปอีก



“เมาแล้วจะเต้นเก่งขึ้น”



“ไม่จริง” เราส่ายหน้า เชื่อไม่ได้หรอก “เรายังเต้นคร่อมจังหวะอยู่เลย”



“เจน่ารักจัง” พิชญ์หัวเราะ เปลี่ยนมาโอบคอเราจากด้านหลัง แล้วโยกเบาๆ ตามจังหวะเพลงที่ช้าลง



"เขายิ้มให้ด้วย" เรามองบนเวทีตามที่พิชญ์กระซิบบอก เห็นนักร้องกำลังส่งยิ้มให้อย่างไม่รู้สาเหตุ เราเลยยิ้มตอบไปงงๆ



รู้ตัวเลยว่าแก้มคงแดงมาก สมองเบลอด้วยดวงไฟวูบวาบ แอลกอฮอล์ที่หมดอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายเราเหมือนติดไฟ อากาศรอบๆ เหมือนจะร้อนขึ้นจนรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ไหลตามไรผม



"นี่ไง เจเต้นได้" คราวนี้น้องก็ปล่อยมือออก ให้เราเต้นเองบ้าง

               

เรายิ้มเก้อๆ พอไม่มีน้องช่วยก็เหมือนมือไม้เริ่มเกะกะ ขยับโยกตัวได้แป๊บนึงก็ขอยอมแพ้ดีกว่า ถอยออกมาก้าวหนึ่ง ดื่มเบียร์ยืนมองอีกคนเต้นเงียบๆ



น้องพิชญ์เซ็กซี่มาก ทั้งที่สวมเสื้อผ้ามิดชิด แค่ขยับนิดเดียวก็ดูดีจนเรานึกอิจฉา

               

“ป๊ามองล่ะ” วาดลวดลายอยู่สักพักน้องก็โน้มหน้าลงมากระซิบข้างหู เรากำลังจะหันไปมอง แต่พิชญ์ห้ามไว้

               

“ชู่ว อย่าหันไป” เรากะพริบตาปริบๆ อย่างตามไม่ทัน พิชญ์ยิ้มมุมปาก เอื้อมมือมาแตะแก้มเรา



“ค่อยๆ ...ใช้แค่สายตา” ใช้นิ้วชี้ดันแก้มเราให้เอียงหน้านิดหน่อย เราปรายตามองตรงตำแหน่งโต๊ะที่เคยนั่ง แล้วก็เห็นเจดกำลังจ้องมาจริงๆ

               

สายตาที่ทำให้เราต้องรีบหันหนี กะพริบตาปริบๆ เพื่อตั้งสติ ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร ...แต่ตอนนี้หน้าเราร้อนยิ่งกว่าก่อนหน้าเสียอีก

               

“เจหน้าแดงมากอ่ะ น่ารัก” พิชญ์หัวเราะอีกครั้งพลางลูบแก้มที่ร้อนจัดเบาๆ ก่อนจะผละออกไปหยิบขวดเบียร์ที่ตอนนี้ว่างเปล่าไปจากมือเรา

               

“เจอยู่นี่แหละ พิชญ์ไปเอามาเพิ่มให้”

               

“อือ” น้องเดินฝ่าฝูงชนออกไปในจังหวะที่วงดนตรีเล่นจบ คนส่งเสียงปรบมือ แต่เรายืนนิ่ง พยายามสงบจิตใจ อยากจะหันไปมองเจดอีกทีแต่ต้องห้ามใจไว้

ไม่ใช่เพราะแผนของพิชญ์... แต่เพราะสายตาเมื่อกี้... ทั้งที่อยู่หน้าเวทีแต่เรากลับได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังยิ่งกว่าเสียงใดๆ

               

เราไม่เคยเห็นเจดมองด้วยสายตาแบบนั้น มันดูเหมือน...กำลังจะติดไฟ

               

“เจไดใช่ป่ะ” ยืนอยู่สักพักก็มีใครสักคนมาสะกิดจากข้างๆ เราหันไปทำหน้างง ตั้งตัวไม่ทัน “เจไดที่อยู่เภสัช ใช่ไหมครับ?”

               

“อืม” เราผงกหัว งุนงงอยู่สักพักก็นึกได้ว่าเป็นนักร้องที่ยิ้มให้เราเมื่อกี้



ยิ้มให้เพราะรู้จักเรานี่เอง... แต่เราไม่เห็นคุ้นหน้าเลยอ่ะ

               

“ผมเป็นแฟนคลับ” เขายิ้มกว้าง ท่าทางดีใจ

               

แฟนคลับ...เราเนี่ยนะ?

               

“ผมตามไปทุกไลฟ์เลย เจไดเล่นเบสเก่งมาก” เราไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้เท่าไหร่ ถึงจะอยู่ในวงดนตรี แต่คนส่วนใหญ่จะรู้จักพี่ๆ คนอื่นมากกว่าเราที่เข้ามาทีหลัง

               

แถมตอนนี้วงก็ยุบไปแล้วด้วย เพราะพี่ๆ ยุ่งกัน ส่วนเราตั้งแต่มาเล่นกับเจดก็ยังไม่ได้ออกงาน

               

“ผมขอเลี้ยงเบียร์ได้ไหม” เราไม่ได้ขัดตอนที่อีกฝ่ายยื่นเบียร์มาให้ รับมากระดกอย่างไม่คิดอะไร เตรียมมาสองขวดตั้งแบบนี้แสดงว่าตั้งใจจะชวนเราดื่มแต่แรกแล้วสินะ



“จะกลับมาเล่นดนตรีอีกไหมครับ”

               

เราพยักหน้า “แต่ไม่ใช่วงเดิมแล้ว”

               

“อ้าว” เขาทำท่าประหลาดใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นหัวเราะ "เสียดาย ว่าจะมาทาบทามเข้าวงผมสักหน่อย"



"..."



“ผมล้อเล่นน่ะ อย่าไปบอกมือเบสวงผมนะไม่งั้นผมโดนฆ่าแน่" เขายื่นหน้าเข้ามากระซิบ แกล้งทำทีหวาดระแวง



"ครับ" เราไม่รู้จะตอบอะไร เลยได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกระดกเบียร์แก้เก้อ



"เจย้ายไปอยู่วงไหนเหรอ ผมรู้จักไหม”

               

“เป็นวงใหม่” เราบอกสั้นๆ รู้สึกแปลกๆ ที่ถูกเรียกสนิทสนมทั้งที่เพิ่งคุยกัน



แต่กับเจดไม่ยักจะเป็นแฮะ ทั้งที่เจดแทนตัวเองว่ากูกับเราตั้งแต่ครั้งแรกด้วยซ้ำ... สองมาตรฐานจังเลยเจได

               

“แล้วจะออกโชว์เมื่อไหร่อ่ะ ผมจะได้ตาม”

               

“จะเล่นที่นี่ ตอนปีใหม่” บอกข้อมูลที่ไม่ได้เป็นความลับอะไร อีกฝ่ายฟังแล้วทำท่าตื่นเต้นจนตาเป็นประกาย

               

“ดีจัง แล้วนี่เจไดมาคนเดียวเหรอครับ”

               

เรากำลังจะหันไปชี้ที่โต๊ะว่ามากับเพื่อน แต่ก็ต้องชะงัก เพราะเพื่อนที่ว่าดันวาร์ปมาอยู่ข้างหลัง

               

“เจ” ...มาตั้งแต่เมื่อไหร่ “คนนี้ใคร”

               

เจดถามหน้าบึ้ง เราเลยแนะนำ “คนนี้เป็น...แฟนคลับ”



แปลกๆ ยังไงไม่รู้อ่ะ

               

“หวัดดีครับ”

               

“คนนี้เพื่อนร่วมวงเรา เป็นมือกีตาร์ อีกคนอยู่ตรงนู้น เป็นมือกลอง” ชี้ไปทางเตวิชญ์ที่ตอนนี้กำลังนัวเนียกับน้องพิชญ์ที่ไม่รู้ว่ากลับโต๊ะไปตั้งแต่เมื่อไหร่

               

อ้าว ไหนน้องบอกว่าวันนี้จะโสดให้เราไง

               

“เฮ้ยผมรู้จัก เด็กถาปัตย์ใช่ไหมครับ”

               

“อืม” เราคิดว่าเจดคงไม่พอใจอะไรบางอย่าง คิ้วถึงขมวดขนาดนั้น มองเราสลับกับ...แฟนคลับ



เอ้อ เราควรถามใช่ไหมว่าเขาชื่ออะไร

               

...แต่ไม่ทัน

               

“ขอตัวก่อนนะ” เจดเอื้อมมือมาคว้าข้อมือเราแล้วพาเดินฝ่าฝูงชนออกมา แถมยังเดินผ่านโต๊ะไปที่หน้าร้านโดยไม่บอกลาใครสักคน

               

“เจด จะกลับเหรอ” เราพยายามสาวเท้าตาม แต่เจดเดินเร็วมาก แถมขายาวกว่าเราตั้งเยอะ

               

ไม่เห็นใจกันเลยอ่ะ

               

“อือ กลับแล้ว” ไม่ทันไรก็โดนลากมาถึงลานจอดรถ เราเลยไม่ต้องตะโกนคุยกันแล้ว แถมไม่มีคน เลยหายใจคล่องขึ้นมาก แต่คงเพราะแสงมันต่างกันเราเลยเวียนหัวนิดหน่อย

               

“แต่...เราเพิ่งมา...” เราอยู่หน้าเวทีเพลิน เลยไม่ได้ดูเวลา อันที่จริงเราอยู่ที่นี่มาเกือบสองชั่วโมงแล้ว



“เจเมาแล้ว” เราพยายามจะดึงมือออก ส่ายหน้า



“เปล่า” แค่สองขวดนิดๆ เอง เราไม่ได้คออ่อนขนาดนั้น



“งั้นกูนี่แหละเมา” เจดพึมพำน้ำเสียงงุ่นง่าน ก่อนถอนหายใจเสียงดัง หันมาตีหน้านิ่งมองเรา

               

“เจด... อ๊ะ!” เราผวาเสียงดังเมื่ออยู่ๆ คนตัวโตก็เอื้อมมือมาหิ้วปีกเรา อุ้มขึ้นไปนั่งบนกระโปรงรถของตัวเองที่จอดอยู่ด้านหลัง

               

“เจกับพิชญ์วางแผนอะไรกัน” มือใหญ่วางแขนขนาบตัวเราไว้ โน้มตัวลงมาให้หน้าอยู่ในระดับเดียวกัน แล้วขมวดคิ้วจ้องอย่างคาดคั้น

               

“ทะ... ทำไม”

               

เจดรู้ได้ไง น้องพิชญ์บอกเหรอ?

               

“วันนี้เจแปลก ตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว” เจดเหมือนอ่านใจได้ ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้อีก สายตาน่ากลัวมา “พิชญ์ให้เจทำใช่ไหม”

               

โดนจับได้อีกแล้ว หมีฉลาดจัง

               

“อือ” เรากัดปากลังเลสักพักก็ยอมรับ “แต่เราอยากทำ”

               

พิชญ์ไม่ผิดหรอก น้องไม่ได้บังคับ... แค่ล่อลวงนิดหน่อย

               

“ทำอะไรบ้าง” เจดยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก คราวนี้จมูกเฉียดกันจริงๆ แล้ว

               

“ก็...” เราอ้ำอึ้ง ลมหายใจร้อนๆ กับสายตาของเจดทำเอาพูดไม่ออกไปสักพัก “ยิ้ม”

               

“อะไรนะ” เจดขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

               

“พิชญ์บอกว่ายิ้มแล้วน่ารัก” เหมือนอวยตัวเองเลย น่าอายมาก

               

“อ๋อ งั้นที่เจยิ้มทั้งวันคือแกล้งทำเหรอ”

               

“ไม่ใช่” เราปฏิเสธเสียงดัง “เรายิ้มเพราะเจดน่ารัก”

               

จริงนะ เราไม่ได้แกล้งยิ้ม วันนี้เราทำข้อสอบได้ แถมเจดยังเลี้ยงแซลม่อนเอาใจ จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไง จริงไหม

               

“เชื่อได้เหรอ” เจดหรี่ตา

               

“เจดน่ารักจริงๆ เชื่อสิ” เรายืนยัน แวบหนึ่งเจดเหมือนจะขำ แต่ยังเก๊กดุทั้งที่มุมปากอมยิ้มอยู่

               

“อะไรอีก” ใบหน้าคมยังหน้าเข้ามาใกล้อีก จนเราได้กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ที่เจือมากับลมหายใจ

               

เจดอาจจะเมาจริงๆ ก็ได้ สายตาถึงเปลี่ยนไป ไม่เหมือนหมีใจดีที่เรารู้จัก... เหมือนหมีที่กำลังจะขย้ำเหยื่อยังไงยังงั้น



“หึง... ให้เจดหึง” ตอบไม่เต็มเสียง พยายามก้มหน้าหนีแต่เจดไม่ยอมให้ทำแบบนั้น จรดหน้าผากลงมาดันหน้าผาก ปลายจมูกแตะกันลมหายใจร้อนๆ รดริมฝีปาก



เรายกมือขึ้นมาดันไหล่เจดไว้ ไม่ให้ใกล้ไปมากกว่านี้ แค่นี้หน้าเราก็ร้อนจะแย่ แถมสมองยังเบลอๆ จนรู้สึกว่าชักจะพูดไม่รู้เรื่องแล้ว

               

ไม่ใช่หึงสักหน่อย หวงต่างหาก หึงนั่นเอาไว้ใช่กับคนเป็นแฟนหรือเปล่า



...หรือเราเองนี่แหละที่เมา

               

“งั้นผู้ชายเมื่อกี้... เป็นแผนเหรอ” เจดจ้องตา อ่านไม่ออกว่าสายตาแบบนี้หมายความว่ายังไง รู้แต่ว่าหัวใจมันเต้นตึกตัก พานให้เสียงสั่นไปหมด

               

“ไม่ใช่” เราส่ายหัวพัลวัน “คนเมื่อกี้ไม่เกี่ยว เขาแค่...มาทักทาย”



ไม่รู้เหมือนกันว่าเจตนาคืออะไร แต่ผู้ชายคนนั้นไม่เกี่ยวกับแผนที่วางไว้

               

“แล้วให้หึงเจกับใคร”

               

เราสบตาเจด ลังเลนิดหน่อยก่อนจะตอบเสียงอ้อมแอ้ม “กับพิชญ์”

               

“หา?” เจดถึงกับหลุดหัวเราะ สีหน้าประหลาดใจมากๆ “จะหึงเจกับพิชญ์ทำไม แฟนมันก็นั่งอยู่นั่น”

               

“พิชญ์บอกว่าจะโสดให้หนึ่งวัน” เราอ้อมแอ้ม เอาเข้าจริงมันฟังดูไม่สมเหตุสมผลเลย “ให้เราเมา... แล้วจะจูบ”

               

พอเราสารภาพหมดเปลือก เจดชะงัก ขมวดคิ้วบ่นพึมพำ “ไอ้พิชญ์...”

               

“แต่ยังไม่ได้เมา ยังไม่ได้จูบด้วย” ท่าทางเจดกลับมาโกรธอีกแล้ว เราเลยรีบแก้ตัว เจดหรี่ตามองเรา ถอนใจอีกรอบแล้วคาดคั้นต่อ

               

“แล้วมีอะไรอีกไหม”

               

“...” เราเงียบ ไม่รู้จะบอกดีไหม อันสุดท้ายมัน... แปลกๆ ยังไงไม่รู้

               

ตอนน้องพิชญ์บอก ยังไม่แน่ใจเลยว่าเราจะทำได้

               

 “เจ” แต่เจดคาดคั้นหนักขึ้น เราเลยยอมสารภาพ

               

“ให้จ้องตา” พูดเหมือนไม่ยาก แต่ความจริงเราแทบไม่กล้าจ้องตาเจดตรงๆ นานๆ ด้วยซ้ำ ตาหมีสวยเกินไป ยิ่งสายตาตอนนี้...

               

ให้ตาย ถ้าตึงตังกว่านี้เจดต้องได้ยินแน่ หัวใจ



“แบบนี้เหรอ” ยิ่งเราพยายามจะก้มหน้าหนี เจดก็ยิ่งต่อต้าน คราวนี้ยกมือขึ้นมาก็ช้อนคางเราเพื่อบังคับให้สบตาตรงๆ

               

“อือ... แบบนี้” เมื่อหมดทางต่อต้าน เราเลยได้แต่จ้องตาเจดนิ่ง มือที่จับไหล่หนาเผลอกำเสื้อเจดแน่น

               

“แล้วยังไงอีก” เจดกระซิบ คงเพราะเราอยู่ใกล้ขนาดนี้เลยไม่จำเป็นต้องพูดดัง



แต่เสียงแบบนี้ของเจดมัน...เซ็กซี่เกินไป

               

“มะ...ไม่รู้” อันที่จริงน้องพิชญ์บอกขั้นตอนต่อไปไว้ แต่เราจำไม่ได้ สมองคงถูกแอลกอฮอล์ทำลายกะทันหัน

               

“มองตาแล้วเห็นอะไรบ้างล่ะ” เจดเลิกคิ้ว คลอเคลียปลายจมูกกับปลายจมูกเราคล้ายหยอกเย้า สีหน้าเจ้าเล่ห์อย่างที่เคยเห็นเป็นครั้งแรก

               

“เจด... น่ากลัว” เสียงเราเบามาก สายตาเห็นเจดยกยิ้มมุมปาก หัวเราะหึในลำคอ

               

“ใช่ เจควรกลัว” ปล่อยมือจากคางแล้วดึงมือเราออกจากไหล่ตัวเองแล้วเอามาทาบแก้ม



“ใครใช้ให้มายั่วกันขนาดนี้ แทบคลั่งแล้วรู้ไหม” ยังคงจ้องตากัน ขณะที่เลื่อนฝ่ามือมาที่ริมฝีปาก กดจูบแช่ไว้แล้วหลับตาลง

               

“เจด...” ท่าทางเจดเหมือนกำลังลำบากใจมากๆ คิ้วขมวดแน่นจนเราทนมองไม่ไหว ต้องยกมืออีกข้างขึ้นมาเกลี่ยนิ้วโป้งกับรอยยับย่นให้ผ่อนคลาย “ขอโทษ จะไม่ทำแล้ว”

               

เจดหัวเราะเบาๆ ลืมตามองเราอีกครั้ง แต่ดวงตายังเต็มไปด้วยความรู้สึกยุ่งยากเกินอธิบาย

               

“เจ รู้หรือเปล่าว่าทำแบบนี้แล้วจะเป็นยังไง”

               

“เจดจะทนไม่ไหว” น้องพิชญ์บอกไว้แบบนั้น ถ้าทำทั้งหมดตามที่บอก ป๊าไปไหนไม่รอดแน่ๆ



แต่เราว่าเรานี่แหละจะไม่รอด... แค่โดนเจดจ้องนิ่งๆ อยู่แบบนี้ก็เหมือนจะหายใจไม่ออกแล้ว

               

“อือ แทบจะทนไม่ไหวแล้วรู้ไหม” ยิ่งได้ยินเสียงกระซิบพร่า ขณะที่ฝ่ามืออีกข้างของเจดลอดผ่านชายเสื้อเข้ามาที่แผ่นหลัง ลูบขึ้นตามไขสันหลัง เหมือนทิ้งเชื้อไฟแล่นลามไปทั้งร่าง



สัมผัสร้อนจัดเหมือนถูกเผา

               

“เจด” เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรียกชื่อเขาทำไม สมองเหมือนถูกมอมเมาด้วยลมหายใจของเจดที่รินรดลงมาซ้ำๆ เจดยิ้มจางๆ ก่อนเคลื่อนใบหน้าขึ้นกดปลายจมูกกับหน้าผาก ก่อนเคลื่อนลงมาที่ข้างแก้ม

               

“เจ...” ขณะที่ยังมึนงง เจดเหมือนรวบรวมสติกลับมาสบตาเราอีกครั้ง คราวนี้สายตาจริงจัง “ปีใหม่... ขอเวลาถึงปีใหม่นี้...”

               

“...”

               

“หลังแสดงจบ มีอะไรจะให้ รอได้ไหม” เราไม่ได้ถามว่าอะไร อาจเพราะอยู่ในภาวะไร้สติเกินกว่าจะสงสัย ได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ

               

“อือ”

               

“ขอบคุณครับ” เจดยิ้มอย่างพอใจ กดจูบฝ่ามือเราอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นประสานนิ้วกัน



“แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น..." แต่สบายใจได้ไม่ทันไรสายตาของเจดก็กลับมาน่ากลัวอีกครั้ง... เป็นสายตาของนักล่าที่เราเคยเห็นในสารคดี "ขอทำโทษเจเรื่องคืนนี้หน่อยแล้วกัน”

               

“...!!” ไม่ต้องรอให้เราถามหรือคัดค้าน เจดลงมือให้เห็นด้วยการกระทำ

               

ริมฝีปากร้อนจัดทาบลงมาบนริมฝีปาก บดจูบรุนแรงอย่างที่ไม่เคยทำ ยิ่งไปกว่านั้น... ฝ่ามือที่ลูบไล้บนแผ่นหลังเริ่มซุกซนไต่ลงมาเบื้องล่าง ลอดผ่านขอบกางเกงเข้าไปถึงบั้นท้ายและบีบเค้นอย่างอุกอาจ

               

“อื้อ...! เจด...” พยายามทักท้วงแต่กลับกลายเป็นเปิดโอกาสให้อีกคนละลาบละล้วงหนัก ลิ้นที่สอดเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นรุกไล้ลึกซึ้งจนเราหมดแรงต้านทาน



กว่าเจดจะปล่อยให้พักหายใจเราก็เกือบจะหมดลมหายใจ หมีเจ้าเล่ห์แตะหน้าผากค้างไว้ยังคงสัมผัสไอร้อนจากลมหายใจ ดวงตาคมกวาดสายตามองหน้าเราแล้วยิ้มขำ



"ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ"



"..."



"แบบนี้ไม่ดีแน่" กว่าจะรู้ว่าเจดหมายความว่ายังไง ก็ถูกประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง



"อื้อ!" เราหลุดเสียงร้องในลำคอไม่เป็นศัพท์เมื่อคนตัวโตโถมตัวดันเรานอนราบกับกระโปรงรถพร้อมกับแทรกร่างเข้ามาบดเบียดระหว่างขา มือซุกซนยังทำหน้าที่ไม่หยุด เคลื่อนจากบั้นท้ายมาสู่หน้าท้องใต้เนื้อผ้า ลูบไล้ขึ้นมาจนถึงจุดอ่อนไหว



เราผวาสุดตัวคว้าลำคอแกร่งไว้ แทบหยุดหายใจตอนที่เจดปัดป่ายนิ้วลงบนยอดอกมอบความรู้สึกแปลกประหลาดแบบที่ไม่เคยมีใครทำ



"หึ" เจดหัวเราะในลำคอถูกใจปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายที่เราไม่อาจห้าม ก่อนจะหยุดแกล้งแล้วกอดเราไว้บ้า

               

เจดดึงเราขึ้นนั่งโดยที่ริมฝีปากยังไม่ผละออกจากกัน บังคับให้เกี่ยวขารอบเอวไว้ เราอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัวเพราะความรู้สึกแปลกประหลาด



เราถูกคนตัวโตขโมยอากาศหายใจซ้ำๆ อยู่ตรงนั้นหลายนาที กระทั่งมีคนอื่นมาเห็นเข้าเจดถึงได้หยุดทุกการกระทำ แต่ยังไม่วายยิ้มเยาะขณะที่อุ้มเราเข้าไปนั่งในรถอย่างกับเด็กอนุบาลเพราะสติหลุดไปกับจูบร้อนแรงและมีฤทธิ์มอมเมายิ่งกว่าเบียร์ทั้งลัง

               

นี่มัน... อันตรายมาก



"โทษแผนไอ้พิชญ์แล้วกันนะครับ" ไม่ต้องมาลูบหัวปลอบใจเลยนะหมี



จะจำไว้เลย... ต่อไปนี้เราจะไม่เชื่ออะไรพิชญ์อีกแล้ว



...เข็ดแล้วครับ

               

 



☉ -----------------------------Side Story 7 --------------------------- ☉

 

               

“กลับมายังไง”

               

“เจดมาส่งห้อง”

               

“แล้วไอ้หมีนอนไหน”

               

“กลับไปนอนหอ”

               

“แน่ใจนะว่าไม่ได้ค้าง?”

               

“แน่ใจ”

               

“แล้วไอ้กระต่ายกับโจ๊กร้อนๆ นี่มันอะไร”

               

“...”

               

“เจได...”

               

“ทำไงดีเพื่อน...”

               

“...”

               

“เราเมาอ่ะ จำไม่ได้”

               

“ไอ้เจ!”






☉ -----------------------------100% --------------------------- ☉



ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้กันนะคะ

อ่านทุกคอมเม้นต์แล้วชื่นใจมากๆ เลยค่ะ

ฝาก #หมีแต่รัก ด้วยน้า

เอ็นดูป๊ากับยัยเจกันเยอะๆ นะคะ



รัก

- Martian -

ออฟไลน์ Stmmltww

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แงงงง เจ้ากระต่ายน่ารักเกินไปแล้ว คุณหมีจะจับปั้นๆกลืนลงท้องแล้ว แงงงงง คุณกระต่ายของเรา55555ฮือ น่ารักมากๆ
ปล.ถ้าเพื่อนนกก็มาหาเราาาาาาาาา

ออฟไลน์ Zestful

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ปีใหม่นี่ได้กระต่ายครบเลยแน่ๆ แล้วได้หัวใจป๊าด้วยแน่ๆ เลยยยยยย นุ้งเจจจจจ เอ็นดูอ่าา

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ตายแล้วววว ลูกสาวช้านนนนนน เจได หนูไม่ควรเชื่อพิชญ์นะลูก นั่นพิชญ์นะ พิชญ์เชียวนะคะลูกกกก ตายๆๆๆๆๆ

สรุป นี่หนูรอดไหมคะลูกเจ? อะไรคือกระต่ายกับโจ๊กร้อนๆ /น้องเพื่อนรู้แล้วบอกแม่ด้วยลูก

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
 เอ็นดูน้องเจ อันนี้คือเมาจริง หรือเมาพี่หมีเจดเนี่ยกระต่ายเจ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด