ข้อที่ 7
ยั่วหมี (100%)
ข้อหนึ่ง ยิ้มให้มากๆ
‘เวลาเจยิ้มน่ารักมากนะรู้ตัวไหม’
ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องพิชญ์แค่พูดเอาใจหรือเปล่า แต่มันทำให้เรานึกได้ ว่าเจดก็เคยบอกว่าชอบให้เรายิ้มกว้างๆ
ต่อไปเราจะฝึกยิ้มบ่อยๆ
“เป็นบ้าอะไร”
โห่ เพื่อน
“เปล่า” เราย่นจมูกขัดใจ เบือนหน้าหนีเพื่อนที่ขมวดคิ้ว ไม่อินกับความพยายามของเรา
“แล้วตกลงทำข้อสอบได้ไหม” คงเพราะอดนอนอ่านหนังสือสอบไฟนอล แถมยังช่วยติวให้เรา เพื่อนเลยหงุดหงิดงุ่นง่าน
เราไม่อยากโดนด่าอีก เลยหุบยิ้ม พยักหน้าตอบ “ทำได้ครับ”
เพื่อนถอนใจ “แล้วนี่ไอ้หมีจะมาหรือยัง”
ไม่ทันขาดคำ โทรศัพท์เราก็เด้งข้อความจากเจดว่ามาถึงหอแล้ว
“เพื่อนไปด้วยกันไหม”
“ง่วงจะตาย” เพื่อนส่ายหน้า “แล้วจะกลับห้องไหม”
“กลับ” ทำไมถามแปลกๆ ไม่กลับจะนอนไหน
เพื่อนหรี่ตาไม่ไว้ใจ ทำหน้าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เงียบ โบกมือไล่ “ไปไหนก็ไป”
เราโบกมือบ๊ายบายแล้วออกจากห้อง เดินลงลิฟต์ไปที่รถเจด แต่ก่อนเปิดประตูก็เผลอชะงัก นึกถึงคำแนะนำของน้องพิชญ์
ต้องยิ้มเขาไว้ ยิ้มหวานๆ
“หวัดดี”
เมื่อก่อนเราคิดว่าการยิ้มเป็นเรื่องยาก
“วันนี้จะพาไปกินแซลม่อนฉลองสอบเสร็จนะ”
...แต่ความน่ารักของเจด ก็ทำให้เราเผลอยิ้มกว้างง่ายๆ โดยไม่ต้องพยายาม
☉ ------------------------------------------------------------ ☉
“ทำข้อสอบได้ป่ะ” เจดถามพลางคีบแซลม่อนให้
“อือ” เราคีบไข่หวานให้เจดบ้าง
“ขอบคุณครับ” คนน่ารักคีบไข่หวานใส่ปาก มองเราเคี้ยวแซลม่อนพลางอมยิ้มแปลกๆ
“วันนี้มีอะไรหรือเปล่า”
“หือ?”
“ยิ้มไม่หุบเชียว”
“เจดไม่ชอบเหรอ” หรือเรายิ้มกว้างไป เจดเลยสังเกตได้
น้องพิชญ์บอกว่า รอยยิ้มเล็กๆ จะดูลึกลับ ยั่วยวนใจกว่ารอยยิ้มกว้างๆ
พลาดแล้ว...
“ชอบ” แต่เจดก็เอ่ยแย้งเหมือนรู้ความคิดเรา เลยเอื้อมมือมาลูบหัวเบาๆ “แค่อยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรดีๆ”
เราอมยิ้ม คีบแซลม่อนเข้าปาก ส่ายหน้า
“บอกไม่ได้”
เป็นความลับนะ วันนี้เรามีแผนจะวางกับดักหมีล่ะ
☉ ------------------------------------------------------------ ☉
‘เจน่ารัก ป๊าต้องหวงแน่’
หลังสอบสถานบันเทิงอัดแน่นไปด้วยนักศึกษาที่มาละลายความเครียด เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เรากับเพื่อนไม่ได้ออกเที่ยวกลางคืนบ่อยนักเพราะไม่ค่อยว่าง ถึงว่างก็ชอบนอนขี้เกียจอยู่ห้องมากกว่า
แต่นัดน้องพิชญ์ไว้ก็เลยมา
“เจ” เราหันไปตามเสียงเรียกของพิชญ์ เจดหันมาเลิกคิ้วใส่นิดหน่อยที่เห็นน้องเรียกเราทั้งที่ปกติจะเรียกตัวเองก่อน แต่หมียักษ์ไม่ว่าอะไรรุนหลังให้เราเดินไปก่อนส่วนตัวเองเดินไปที่บาร์
เรายิ้มตอบนิดๆ ก่อนจะเดินไปนั่งโต๊ะที่พิชญ์กับเตวิชญ์นั่งอยู่ ตกใจที่ถูกน้องดึงไปนั่งข้างๆ แต่ถ้าอีกคนไม่ว่าก็คงไม่เป็นไร
“หึ จะเล่นอะไร” เตวิชญ์ที่นั่งขนาบอีกฝั่งขมวดคิ้วมองหน้าเราแล้วหันไปถามแฟนตัวเอง
เตวิชญ์ฉลาดมาก มองตาทีเดียวก็รู้แล้วว่าน้องพิชญ์กำลังมีแผนการบางอย่าง
“ความลับ” น้องแกล้งยียวนเลยถูกงับจมูกไปหนึ่งที สองคนหยอกเย้ากันขณะที่เจดที่เพิ่งไปสั่งเครื่องดื่มเพิ่มเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ว่าง ส่ายหน้าขำๆ
“เกรงใจคนโสดกันบ้าง”
เรียกให้พิชญ์หันมามอง น้องยกมือสองข้างแบออกยักไหล่
“วันนี้โสดทั้งโต๊ะครับ” หันไปส่งยิ้มร้ายให้เตวิชญ์ที่เลิกคิ้วเหมือนรอดูว่าเด็กซนจะทำอะไร
มือสวยเอื้อมมือมาจับแขนเราดึงให้ลุกจากที่นั่ง คว้าเบียร์ขวดเล็กมาใส่มือเราแล้วถือของตัวเองไว้อีกข้าง ยิ้มกว้างอย่างนึกสนุก “เจ ไปเต้นกัน”
เราปล่อยให้พิชญ์ลากออกไปหน้าเวที วงดนตรีสดกำลังเล่นเพลงฮิตอมตะที่ปรับเปลี่ยนซาวน์ให้เข้ากับสมัยปัจจุบัน น้องเปลี่ยนมายืข้างเราแล้วเริ่มโยกตามจังหวะกระดกเบียร์ไปพลาง
“เจเต้นเป็นไหม” เราส่ายหน้า จับขวดเบียร์แน่นด้วยอาการประหม่า
เวลาไปร้านเหล้าเรากับเพื่อนมักจะได้รับหน้าที่เฝ้าโต๊ะ ไม่เคยเหยียบฟลอร์เต้นหรือหน้าเวที คนแออัดเกินไป เราตัวเตี้ยด้วย หายใจลำบาก
“งั้นต้องเมาแล้วล่ะ” พิชญ์หัวเราะ ทำท่ายุให้เรากระดกแอลกอฮอล์ลงไปหลายอึกก่อนเอื้อมมือมาดึงแขนเราให้ขยับโยกตาม
พิชญ์พาเราเต้นพลางยุให้ดื่มจนเบียร์เราหมดขวดอย่างรวดเร็ว แล้วน้องก็แลกขวดเปล่าของเรากับขวดของตัวเองที่เหลือเบียร์มากกว่าครึ่ง ยั่วให้เราดื่มเข้าไปอีก
“เมาแล้วจะเต้นเก่งขึ้น”
“ไม่จริง” เราส่ายหน้า เชื่อไม่ได้หรอก “เรายังเต้นคร่อมจังหวะอยู่เลย”
“เจน่ารักจัง” พิชญ์หัวเราะ เปลี่ยนมาโอบคอเราจากด้านหลัง แล้วโยกเบาๆ ตามจังหวะเพลงที่ช้าลง
"เขายิ้มให้ด้วย" เรามองบนเวทีตามที่พิชญ์กระซิบบอก เห็นนักร้องกำลังส่งยิ้มให้อย่างไม่รู้สาเหตุ เราเลยยิ้มตอบไปงงๆ
รู้ตัวเลยว่าแก้มคงแดงมาก สมองเบลอด้วยดวงไฟวูบวาบ แอลกอฮอล์ที่หมดอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายเราเหมือนติดไฟ อากาศรอบๆ เหมือนจะร้อนขึ้นจนรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ไหลตามไรผม
"นี่ไง เจเต้นได้" คราวนี้น้องก็ปล่อยมือออก ให้เราเต้นเองบ้าง
เรายิ้มเก้อๆ พอไม่มีน้องช่วยก็เหมือนมือไม้เริ่มเกะกะ ขยับโยกตัวได้แป๊บนึงก็ขอยอมแพ้ดีกว่า ถอยออกมาก้าวหนึ่ง ดื่มเบียร์ยืนมองอีกคนเต้นเงียบๆ
น้องพิชญ์เซ็กซี่มาก ทั้งที่สวมเสื้อผ้ามิดชิด แค่ขยับนิดเดียวก็ดูดีจนเรานึกอิจฉา
“ป๊ามองล่ะ” วาดลวดลายอยู่สักพักน้องก็โน้มหน้าลงมากระซิบข้างหู เรากำลังจะหันไปมอง แต่พิชญ์ห้ามไว้
“ชู่ว อย่าหันไป” เรากะพริบตาปริบๆ อย่างตามไม่ทัน พิชญ์ยิ้มมุมปาก เอื้อมมือมาแตะแก้มเรา
“ค่อยๆ ...ใช้แค่สายตา” ใช้นิ้วชี้ดันแก้มเราให้เอียงหน้านิดหน่อย เราปรายตามองตรงตำแหน่งโต๊ะที่เคยนั่ง แล้วก็เห็นเจดกำลังจ้องมาจริงๆ
สายตาที่ทำให้เราต้องรีบหันหนี กะพริบตาปริบๆ เพื่อตั้งสติ ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร ...แต่ตอนนี้หน้าเราร้อนยิ่งกว่าก่อนหน้าเสียอีก
“เจหน้าแดงมากอ่ะ น่ารัก” พิชญ์หัวเราะอีกครั้งพลางลูบแก้มที่ร้อนจัดเบาๆ ก่อนจะผละออกไปหยิบขวดเบียร์ที่ตอนนี้ว่างเปล่าไปจากมือเรา
“เจอยู่นี่แหละ พิชญ์ไปเอามาเพิ่มให้”
“อือ” น้องเดินฝ่าฝูงชนออกไปในจังหวะที่วงดนตรีเล่นจบ คนส่งเสียงปรบมือ แต่เรายืนนิ่ง พยายามสงบจิตใจ อยากจะหันไปมองเจดอีกทีแต่ต้องห้ามใจไว้
ไม่ใช่เพราะแผนของพิชญ์... แต่เพราะสายตาเมื่อกี้... ทั้งที่อยู่หน้าเวทีแต่เรากลับได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังยิ่งกว่าเสียงใดๆ
เราไม่เคยเห็นเจดมองด้วยสายตาแบบนั้น มันดูเหมือน...กำลังจะติดไฟ
“เจไดใช่ป่ะ” ยืนอยู่สักพักก็มีใครสักคนมาสะกิดจากข้างๆ เราหันไปทำหน้างง ตั้งตัวไม่ทัน “เจไดที่อยู่เภสัช ใช่ไหมครับ?”
“อืม” เราผงกหัว งุนงงอยู่สักพักก็นึกได้ว่าเป็นนักร้องที่ยิ้มให้เราเมื่อกี้
ยิ้มให้เพราะรู้จักเรานี่เอง... แต่เราไม่เห็นคุ้นหน้าเลยอ่ะ
“ผมเป็นแฟนคลับ” เขายิ้มกว้าง ท่าทางดีใจ
แฟนคลับ...เราเนี่ยนะ?
“ผมตามไปทุกไลฟ์เลย เจไดเล่นเบสเก่งมาก” เราไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้เท่าไหร่ ถึงจะอยู่ในวงดนตรี แต่คนส่วนใหญ่จะรู้จักพี่ๆ คนอื่นมากกว่าเราที่เข้ามาทีหลัง
แถมตอนนี้วงก็ยุบไปแล้วด้วย เพราะพี่ๆ ยุ่งกัน ส่วนเราตั้งแต่มาเล่นกับเจดก็ยังไม่ได้ออกงาน
“ผมขอเลี้ยงเบียร์ได้ไหม” เราไม่ได้ขัดตอนที่อีกฝ่ายยื่นเบียร์มาให้ รับมากระดกอย่างไม่คิดอะไร เตรียมมาสองขวดตั้งแบบนี้แสดงว่าตั้งใจจะชวนเราดื่มแต่แรกแล้วสินะ
“จะกลับมาเล่นดนตรีอีกไหมครับ”
เราพยักหน้า “แต่ไม่ใช่วงเดิมแล้ว”
“อ้าว” เขาทำท่าประหลาดใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นหัวเราะ "เสียดาย ว่าจะมาทาบทามเข้าวงผมสักหน่อย"
"..."
“ผมล้อเล่นน่ะ อย่าไปบอกมือเบสวงผมนะไม่งั้นผมโดนฆ่าแน่" เขายื่นหน้าเข้ามากระซิบ แกล้งทำทีหวาดระแวง
"ครับ" เราไม่รู้จะตอบอะไร เลยได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกระดกเบียร์แก้เก้อ
"เจย้ายไปอยู่วงไหนเหรอ ผมรู้จักไหม”
“เป็นวงใหม่” เราบอกสั้นๆ รู้สึกแปลกๆ ที่ถูกเรียกสนิทสนมทั้งที่เพิ่งคุยกัน
แต่กับเจดไม่ยักจะเป็นแฮะ ทั้งที่เจดแทนตัวเองว่ากูกับเราตั้งแต่ครั้งแรกด้วยซ้ำ... สองมาตรฐานจังเลยเจได
“แล้วจะออกโชว์เมื่อไหร่อ่ะ ผมจะได้ตาม”
“จะเล่นที่นี่ ตอนปีใหม่” บอกข้อมูลที่ไม่ได้เป็นความลับอะไร อีกฝ่ายฟังแล้วทำท่าตื่นเต้นจนตาเป็นประกาย
“ดีจัง แล้วนี่เจไดมาคนเดียวเหรอครับ”
เรากำลังจะหันไปชี้ที่โต๊ะว่ามากับเพื่อน แต่ก็ต้องชะงัก เพราะเพื่อนที่ว่าดันวาร์ปมาอยู่ข้างหลัง
“เจ” ...มาตั้งแต่เมื่อไหร่ “คนนี้ใคร”
เจดถามหน้าบึ้ง เราเลยแนะนำ “คนนี้เป็น...แฟนคลับ”
แปลกๆ ยังไงไม่รู้อ่ะ
“หวัดดีครับ”
“คนนี้เพื่อนร่วมวงเรา เป็นมือกีตาร์ อีกคนอยู่ตรงนู้น เป็นมือกลอง” ชี้ไปทางเตวิชญ์ที่ตอนนี้กำลังนัวเนียกับน้องพิชญ์ที่ไม่รู้ว่ากลับโต๊ะไปตั้งแต่เมื่อไหร่
อ้าว ไหนน้องบอกว่าวันนี้จะโสดให้เราไง
“เฮ้ยผมรู้จัก เด็กถาปัตย์ใช่ไหมครับ”
“อืม” เราคิดว่าเจดคงไม่พอใจอะไรบางอย่าง คิ้วถึงขมวดขนาดนั้น มองเราสลับกับ...แฟนคลับ
เอ้อ เราควรถามใช่ไหมว่าเขาชื่ออะไร
...แต่ไม่ทัน
“ขอตัวก่อนนะ” เจดเอื้อมมือมาคว้าข้อมือเราแล้วพาเดินฝ่าฝูงชนออกมา แถมยังเดินผ่านโต๊ะไปที่หน้าร้านโดยไม่บอกลาใครสักคน
“เจด จะกลับเหรอ” เราพยายามสาวเท้าตาม แต่เจดเดินเร็วมาก แถมขายาวกว่าเราตั้งเยอะ
ไม่เห็นใจกันเลยอ่ะ
“อือ กลับแล้ว” ไม่ทันไรก็โดนลากมาถึงลานจอดรถ เราเลยไม่ต้องตะโกนคุยกันแล้ว แถมไม่มีคน เลยหายใจคล่องขึ้นมาก แต่คงเพราะแสงมันต่างกันเราเลยเวียนหัวนิดหน่อย
“แต่...เราเพิ่งมา...” เราอยู่หน้าเวทีเพลิน เลยไม่ได้ดูเวลา อันที่จริงเราอยู่ที่นี่มาเกือบสองชั่วโมงแล้ว
“เจเมาแล้ว” เราพยายามจะดึงมือออก ส่ายหน้า
“เปล่า” แค่สองขวดนิดๆ เอง เราไม่ได้คออ่อนขนาดนั้น
“งั้นกูนี่แหละเมา” เจดพึมพำน้ำเสียงงุ่นง่าน ก่อนถอนหายใจเสียงดัง หันมาตีหน้านิ่งมองเรา
“เจด... อ๊ะ!” เราผวาเสียงดังเมื่ออยู่ๆ คนตัวโตก็เอื้อมมือมาหิ้วปีกเรา อุ้มขึ้นไปนั่งบนกระโปรงรถของตัวเองที่จอดอยู่ด้านหลัง
“เจกับพิชญ์วางแผนอะไรกัน” มือใหญ่วางแขนขนาบตัวเราไว้ โน้มตัวลงมาให้หน้าอยู่ในระดับเดียวกัน แล้วขมวดคิ้วจ้องอย่างคาดคั้น
“ทะ... ทำไม”
เจดรู้ได้ไง น้องพิชญ์บอกเหรอ?
“วันนี้เจแปลก ตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว” เจดเหมือนอ่านใจได้ ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้อีก สายตาน่ากลัวมา “พิชญ์ให้เจทำใช่ไหม”
โดนจับได้อีกแล้ว หมีฉลาดจัง
“อือ” เรากัดปากลังเลสักพักก็ยอมรับ “แต่เราอยากทำ”
พิชญ์ไม่ผิดหรอก น้องไม่ได้บังคับ... แค่ล่อลวงนิดหน่อย
“ทำอะไรบ้าง” เจดยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก คราวนี้จมูกเฉียดกันจริงๆ แล้ว
“ก็...” เราอ้ำอึ้ง ลมหายใจร้อนๆ กับสายตาของเจดทำเอาพูดไม่ออกไปสักพัก “ยิ้ม”
“อะไรนะ” เจดขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
“พิชญ์บอกว่ายิ้มแล้วน่ารัก” เหมือนอวยตัวเองเลย น่าอายมาก
“อ๋อ งั้นที่เจยิ้มทั้งวันคือแกล้งทำเหรอ”
“ไม่ใช่” เราปฏิเสธเสียงดัง “เรายิ้มเพราะเจดน่ารัก”
จริงนะ เราไม่ได้แกล้งยิ้ม วันนี้เราทำข้อสอบได้ แถมเจดยังเลี้ยงแซลม่อนเอาใจ จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไง จริงไหม
“เชื่อได้เหรอ” เจดหรี่ตา
“เจดน่ารักจริงๆ เชื่อสิ” เรายืนยัน แวบหนึ่งเจดเหมือนจะขำ แต่ยังเก๊กดุทั้งที่มุมปากอมยิ้มอยู่
“อะไรอีก” ใบหน้าคมยังหน้าเข้ามาใกล้อีก จนเราได้กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ที่เจือมากับลมหายใจ
เจดอาจจะเมาจริงๆ ก็ได้ สายตาถึงเปลี่ยนไป ไม่เหมือนหมีใจดีที่เรารู้จัก... เหมือนหมีที่กำลังจะขย้ำเหยื่อยังไงยังงั้น
“หึง... ให้เจดหึง” ตอบไม่เต็มเสียง พยายามก้มหน้าหนีแต่เจดไม่ยอมให้ทำแบบนั้น จรดหน้าผากลงมาดันหน้าผาก ปลายจมูกแตะกันลมหายใจร้อนๆ รดริมฝีปาก
เรายกมือขึ้นมาดันไหล่เจดไว้ ไม่ให้ใกล้ไปมากกว่านี้ แค่นี้หน้าเราก็ร้อนจะแย่ แถมสมองยังเบลอๆ จนรู้สึกว่าชักจะพูดไม่รู้เรื่องแล้ว
ไม่ใช่หึงสักหน่อย หวงต่างหาก หึงนั่นเอาไว้ใช่กับคนเป็นแฟนหรือเปล่า
...หรือเราเองนี่แหละที่เมา
“งั้นผู้ชายเมื่อกี้... เป็นแผนเหรอ” เจดจ้องตา อ่านไม่ออกว่าสายตาแบบนี้หมายความว่ายังไง รู้แต่ว่าหัวใจมันเต้นตึกตัก พานให้เสียงสั่นไปหมด
“ไม่ใช่” เราส่ายหัวพัลวัน “คนเมื่อกี้ไม่เกี่ยว เขาแค่...มาทักทาย”
ไม่รู้เหมือนกันว่าเจตนาคืออะไร แต่ผู้ชายคนนั้นไม่เกี่ยวกับแผนที่วางไว้
“แล้วให้หึงเจกับใคร”
เราสบตาเจด ลังเลนิดหน่อยก่อนจะตอบเสียงอ้อมแอ้ม “กับพิชญ์”
“หา?” เจดถึงกับหลุดหัวเราะ สีหน้าประหลาดใจมากๆ “จะหึงเจกับพิชญ์ทำไม แฟนมันก็นั่งอยู่นั่น”
“พิชญ์บอกว่าจะโสดให้หนึ่งวัน” เราอ้อมแอ้ม เอาเข้าจริงมันฟังดูไม่สมเหตุสมผลเลย “ให้เราเมา... แล้วจะจูบ”
พอเราสารภาพหมดเปลือก เจดชะงัก ขมวดคิ้วบ่นพึมพำ “ไอ้พิชญ์...”
“แต่ยังไม่ได้เมา ยังไม่ได้จูบด้วย” ท่าทางเจดกลับมาโกรธอีกแล้ว เราเลยรีบแก้ตัว เจดหรี่ตามองเรา ถอนใจอีกรอบแล้วคาดคั้นต่อ
“แล้วมีอะไรอีกไหม”
“...” เราเงียบ ไม่รู้จะบอกดีไหม อันสุดท้ายมัน... แปลกๆ ยังไงไม่รู้
ตอนน้องพิชญ์บอก ยังไม่แน่ใจเลยว่าเราจะทำได้
“เจ” แต่เจดคาดคั้นหนักขึ้น เราเลยยอมสารภาพ
“ให้จ้องตา” พูดเหมือนไม่ยาก แต่ความจริงเราแทบไม่กล้าจ้องตาเจดตรงๆ นานๆ ด้วยซ้ำ ตาหมีสวยเกินไป ยิ่งสายตาตอนนี้...
ให้ตาย ถ้าตึงตังกว่านี้เจดต้องได้ยินแน่ หัวใจ
“แบบนี้เหรอ” ยิ่งเราพยายามจะก้มหน้าหนี เจดก็ยิ่งต่อต้าน คราวนี้ยกมือขึ้นมาก็ช้อนคางเราเพื่อบังคับให้สบตาตรงๆ
“อือ... แบบนี้” เมื่อหมดทางต่อต้าน เราเลยได้แต่จ้องตาเจดนิ่ง มือที่จับไหล่หนาเผลอกำเสื้อเจดแน่น
“แล้วยังไงอีก” เจดกระซิบ คงเพราะเราอยู่ใกล้ขนาดนี้เลยไม่จำเป็นต้องพูดดัง
แต่เสียงแบบนี้ของเจดมัน...เซ็กซี่เกินไป
“มะ...ไม่รู้” อันที่จริงน้องพิชญ์บอกขั้นตอนต่อไปไว้ แต่เราจำไม่ได้ สมองคงถูกแอลกอฮอล์ทำลายกะทันหัน
“มองตาแล้วเห็นอะไรบ้างล่ะ” เจดเลิกคิ้ว คลอเคลียปลายจมูกกับปลายจมูกเราคล้ายหยอกเย้า สีหน้าเจ้าเล่ห์อย่างที่เคยเห็นเป็นครั้งแรก
“เจด... น่ากลัว” เสียงเราเบามาก สายตาเห็นเจดยกยิ้มมุมปาก หัวเราะหึในลำคอ
“ใช่ เจควรกลัว” ปล่อยมือจากคางแล้วดึงมือเราออกจากไหล่ตัวเองแล้วเอามาทาบแก้ม
“ใครใช้ให้มายั่วกันขนาดนี้ แทบคลั่งแล้วรู้ไหม” ยังคงจ้องตากัน ขณะที่เลื่อนฝ่ามือมาที่ริมฝีปาก กดจูบแช่ไว้แล้วหลับตาลง
“เจด...” ท่าทางเจดเหมือนกำลังลำบากใจมากๆ คิ้วขมวดแน่นจนเราทนมองไม่ไหว ต้องยกมืออีกข้างขึ้นมาเกลี่ยนิ้วโป้งกับรอยยับย่นให้ผ่อนคลาย “ขอโทษ จะไม่ทำแล้ว”
เจดหัวเราะเบาๆ ลืมตามองเราอีกครั้ง แต่ดวงตายังเต็มไปด้วยความรู้สึกยุ่งยากเกินอธิบาย
“เจ รู้หรือเปล่าว่าทำแบบนี้แล้วจะเป็นยังไง”
“เจดจะทนไม่ไหว” น้องพิชญ์บอกไว้แบบนั้น ถ้าทำทั้งหมดตามที่บอก ป๊าไปไหนไม่รอดแน่ๆ
แต่เราว่าเรานี่แหละจะไม่รอด... แค่โดนเจดจ้องนิ่งๆ อยู่แบบนี้ก็เหมือนจะหายใจไม่ออกแล้ว
“อือ แทบจะทนไม่ไหวแล้วรู้ไหม” ยิ่งได้ยินเสียงกระซิบพร่า ขณะที่ฝ่ามืออีกข้างของเจดลอดผ่านชายเสื้อเข้ามาที่แผ่นหลัง ลูบขึ้นตามไขสันหลัง เหมือนทิ้งเชื้อไฟแล่นลามไปทั้งร่าง
สัมผัสร้อนจัดเหมือนถูกเผา
“เจด” เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรียกชื่อเขาทำไม สมองเหมือนถูกมอมเมาด้วยลมหายใจของเจดที่รินรดลงมาซ้ำๆ เจดยิ้มจางๆ ก่อนเคลื่อนใบหน้าขึ้นกดปลายจมูกกับหน้าผาก ก่อนเคลื่อนลงมาที่ข้างแก้ม
“เจ...” ขณะที่ยังมึนงง เจดเหมือนรวบรวมสติกลับมาสบตาเราอีกครั้ง คราวนี้สายตาจริงจัง “ปีใหม่... ขอเวลาถึงปีใหม่นี้...”
“...”
“หลังแสดงจบ มีอะไรจะให้ รอได้ไหม” เราไม่ได้ถามว่าอะไร อาจเพราะอยู่ในภาวะไร้สติเกินกว่าจะสงสัย ได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ
“อือ”
“ขอบคุณครับ” เจดยิ้มอย่างพอใจ กดจูบฝ่ามือเราอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นประสานนิ้วกัน
“แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น..." แต่สบายใจได้ไม่ทันไรสายตาของเจดก็กลับมาน่ากลัวอีกครั้ง... เป็นสายตาของนักล่าที่เราเคยเห็นในสารคดี "ขอทำโทษเจเรื่องคืนนี้หน่อยแล้วกัน”
“...!!” ไม่ต้องรอให้เราถามหรือคัดค้าน เจดลงมือให้เห็นด้วยการกระทำ
ริมฝีปากร้อนจัดทาบลงมาบนริมฝีปาก บดจูบรุนแรงอย่างที่ไม่เคยทำ ยิ่งไปกว่านั้น... ฝ่ามือที่ลูบไล้บนแผ่นหลังเริ่มซุกซนไต่ลงมาเบื้องล่าง ลอดผ่านขอบกางเกงเข้าไปถึงบั้นท้ายและบีบเค้นอย่างอุกอาจ
“อื้อ...! เจด...” พยายามทักท้วงแต่กลับกลายเป็นเปิดโอกาสให้อีกคนละลาบละล้วงหนัก ลิ้นที่สอดเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นรุกไล้ลึกซึ้งจนเราหมดแรงต้านทาน
กว่าเจดจะปล่อยให้พักหายใจเราก็เกือบจะหมดลมหายใจ หมีเจ้าเล่ห์แตะหน้าผากค้างไว้ยังคงสัมผัสไอร้อนจากลมหายใจ ดวงตาคมกวาดสายตามองหน้าเราแล้วยิ้มขำ
"ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ"
"..."
"แบบนี้ไม่ดีแน่" กว่าจะรู้ว่าเจดหมายความว่ายังไง ก็ถูกประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง
"อื้อ!" เราหลุดเสียงร้องในลำคอไม่เป็นศัพท์เมื่อคนตัวโตโถมตัวดันเรานอนราบกับกระโปรงรถพร้อมกับแทรกร่างเข้ามาบดเบียดระหว่างขา มือซุกซนยังทำหน้าที่ไม่หยุด เคลื่อนจากบั้นท้ายมาสู่หน้าท้องใต้เนื้อผ้า ลูบไล้ขึ้นมาจนถึงจุดอ่อนไหว
เราผวาสุดตัวคว้าลำคอแกร่งไว้ แทบหยุดหายใจตอนที่เจดปัดป่ายนิ้วลงบนยอดอกมอบความรู้สึกแปลกประหลาดแบบที่ไม่เคยมีใครทำ
"หึ" เจดหัวเราะในลำคอถูกใจปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายที่เราไม่อาจห้าม ก่อนจะหยุดแกล้งแล้วกอดเราไว้บ้า
เจดดึงเราขึ้นนั่งโดยที่ริมฝีปากยังไม่ผละออกจากกัน บังคับให้เกี่ยวขารอบเอวไว้ เราอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัวเพราะความรู้สึกแปลกประหลาด
เราถูกคนตัวโตขโมยอากาศหายใจซ้ำๆ อยู่ตรงนั้นหลายนาที กระทั่งมีคนอื่นมาเห็นเข้าเจดถึงได้หยุดทุกการกระทำ แต่ยังไม่วายยิ้มเยาะขณะที่อุ้มเราเข้าไปนั่งในรถอย่างกับเด็กอนุบาลเพราะสติหลุดไปกับจูบร้อนแรงและมีฤทธิ์มอมเมายิ่งกว่าเบียร์ทั้งลัง
นี่มัน... อันตรายมาก
"โทษแผนไอ้พิชญ์แล้วกันนะครับ" ไม่ต้องมาลูบหัวปลอบใจเลยนะหมี
จะจำไว้เลย... ต่อไปนี้เราจะไม่เชื่ออะไรพิชญ์อีกแล้ว
...เข็ดแล้วครับ
☉ -----------------------------Side Story 7 --------------------------- ☉
“กลับมายังไง”
“เจดมาส่งห้อง”
“แล้วไอ้หมีนอนไหน”
“กลับไปนอนหอ”
“แน่ใจนะว่าไม่ได้ค้าง?”
“แน่ใจ”
“แล้วไอ้กระต่ายกับโจ๊กร้อนๆ นี่มันอะไร”
“...”
“เจได...”
“ทำไงดีเพื่อน...”
“...”
“เราเมาอ่ะ จำไม่ได้”
“ไอ้เจ!”
☉ -----------------------------100% --------------------------- ☉
ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้กันนะคะ
อ่านทุกคอมเม้นต์แล้วชื่นใจมากๆ เลยค่ะ
ฝาก #หมีแต่รัก ด้วยน้า
เอ็นดูป๊ากับยัยเจกันเยอะๆ นะคะ
รัก
- Martian -