17
“มึงๆ นั่นใช่พี่เมฆหรือเปล่าวะ มากินข้าวกับใครก็ไม่รู้หล่อด้วย”
ขวับ!!!
คณินที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์เพื่อแชทหาคนในความคิดขณะที่รออาหารมาเสิร์ฟ แต่แล้วประโยคคำถามที่มาจากปากของเพื่อนสนิทตรงหน้าก็ทำให้เขาหันขวับไปยังด้านที่ศตคุณชี้
ถ้ามันมีแค่ชื่อของเมฆาบอกเลยว่าคณินก็ไม่รีบหันขนาดนี้หรอก แต่มันดันเป็นคำถามที่เหมือนกับว่าเมฆามาทานข้าวกับผู้ชายหน้าตาดี ทั้งๆ ที่เพื่อนของตัวเองนั่นก็คือชานนท์กลับต่างประเทศไปนานแล้ว ร่างสูงชักสีหน้าไม่พอใจ จ้องมองเมฆาที่ยิ้มให้คนที่นั่งตรงข้ามตัวเองนิดๆ โดยไม่รู้เลยว่าเขาเองก็อยู่ในร้านนี้ด้วย
พรึ่บ!!
ไม่รอช้าคณินก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังทั้งคู่ทันที สีหน้าของเมฆายามที่เห็นหน้ายักษ์ๆ ของคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟนก็ทำเอาหน้าเสียจนไม่รู้จะทำยังไง ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกันที่นี่
“สวัสดี”
“อ้าว? เขตนี่เอง มีอะไรถึงมาทักกันแบบนี้ล่ะ คุณคณิน ศักดินนท์” พอผู้ชายที่เมฆามาทานข้าวด้วยหันมาก็ทักทายเขาอย่างรู้จักสนิทสนมกัน
แต่ความเป็นจริงแล้วก็ไม่ถูกกันเท่าไหร่หรอก ไอ้ประโยคที่พูดนั่นก็ประชดประชันดูหาเรื่องซะมากกว่า
“ไม่ได้มีอะไรกับคุณหรอก แต่มีกับอีกคน”
“เอ่อ...ว่าไงเขต มีอะไรหรือเปล่า”
“ไอ้มีน่ะมีแน่ ลุก!”
“เฮ้ยๆ จะมาสั่งให้คุณเมฆลุกแบบนี้ได้ยังไง เขามากับฉันนะไอ้หนู” ศรันย์โวยวายใส่คนอายุน้อยกว่าที่ตัวเองไม่ชอบหน้าสักเท่าไหร่ เพราะเคยถูกคนอายุน้อยกว่าคนนี้หักหน้ากลางงานประชุมมาแล้ว
“จะมากับใครก็ช่างแต่ต้องกลับกับฉัน”
“นี่ ให้มันน้อยๆ หน่อย ทำตัวเสียมารยาทกับผู้ใหญ่จริงๆ แล้วสนิทสนมกันรึไงถึงได้มาสั่งให้เขาลุกไปกับแกเนี่ย” ศรันย์ชักสีหน้าไม่พอใจ
“เอ่อ...คุณศรันย์ครับ พอดีผมนัดคุยธุระกับน้องเขาเอาไว้แล้วน่ะครับ ผมลืมบอกไป” เมฆาเอ่ยขึ้นมาเพื่อขัดขวางการเถียงของทั้งสองคน
“ไม่ยักกะรู้ว่าสมรชัยติดต่อกับศักดินนท์ด้วย”
เป็นเรื่องแล้วไง!!!
“มันไม่ใช่เรื่องงานหรอกครับ เรื่องส่วนตัวนิดหน่อย ยังไงก็ต้องขอโทษนะครับ เอาไว้คราวหน้าผมจะเลี้ยงเป็นการขอโทษอีกทีนะครับ”
“ถ้าคุณเมฆว่าแบบนั้นผมก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ”
“ขอบคุณนะครับ”
เมฆาลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามคณินไป ไม่วายหันไปยิ้มแห้งๆ ให้กับศรันย์ซึ่งก็ยิ้มหวานกลับมาให้ คณินตวัดสายตาให้กับร่างโปร่งอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันไปสบตากับศรันย์แล้วยักคิ้วเยาะเย้ย อ้าปากพูดแบบไม่มีเสียงว่า ‘ของกู’
นั่นทำให้ศรันย์กำหมัดแน่นอย่างไม่พอใจ โกรธเคืองเด็กหนุ่มที่มักจะทำอะไรก็ได้ดีกว่าไปซะทุกเรื่อง แต่เรื่องของเมฆาเขาไม่ยอมแน่ ดูก็รู้ว่าคณินก็กำลังสนใจเมฆาแบบอื่นที่ไม่ใช่ศัตรู ในฐานะผู้ชายที่มีความรู้สึกแบบเดียวกันต่อเมฆา ศรันย์รับรู้ได้เลยว่าคณินคือคู่แข่ง
“คุณเมฆเขาเป็นของฉัน เด็กอย่างแกไม่มีทางที่คุณเมฆจะสนใจหรอก”
ศรันย์ไม่รู้เลยว่าระหว่างทั้งสองคนนั้นไปไกลเกินกว่าที่ตัวเองคิดแล้ว และคณินเองก็ไม่รู้เลยว่าการหึงหวงครั้งนี้ จะนำความเดือดร้อนมาสู่เมฆา...นำความยุ่งยากมาให้ความรักของพวกเขา
“เมื่อวานพาเขามากกที่บ้าน กว่าจะพาไปส่งคืนก็ดึกดื่น แล้วก็ไม่ยอมกลับมานอนที่บ้านอีก สรุปจะทำตัวลักกินขโมยกินใช่ไหมเขต” ผู้เป็นบิดาถามขึ้นมาระหว่างที่ทานอาหารเช้าอยู่
เมื่อคืนพ่อเลี้ยงอาทิตย์เพลียเกินกว่าจะรอว่าลูกชายกลับกี่โมง เลยถามคนรับใช้ในบ้านว่าคณินกลับมาถึงกี่โมงก็ได้ความว่าหกโมงเช้ากว่าๆ
ให้มันได้แบบนี้สิลูกกู
“สรุปว่ายังไง จริงจังหรือว่าแค่เล่นสนุก”
“นี่พ่อเห็นลูกพ่อเป็นคนยังไงเนี่ย” คณินถามอย่างเซ็งๆ
“ก็อยากได้ยินจากปาก อยากให้กล้าทำกล้ารับ อยากให้พูดความจริง อยากให้พูดที่มันตรงกับใจบ้าง ทำไม? มีปัญหากับพ่อแกหรือไง”
“ใครจะไปกล้ามีปัญหากับพ่อเลี้ยงอาทิตย์เล่า”
“ตอบ...อย่าทำเป็นเนียนเปลี่ยนเรื่อง”
“ก็...ก็อย่างที่คิดนั่นแหละ”
มองลูกชายที่จู่ๆ ก็เขินอาย ตอบแบบอ้อมแอ้มก็ชักจะรู้สึกคันเท้าตงิดๆ
เตะสักทีดีไหมเนี่ย!
“แกแค่เล่นๆ”
“โหพ่อ นี่มองว่าลูกตัวเองเป็นคนเลวขนาดนั้นเลยหรือไง” คณินโวยวาย ทำเอาคนเป็นพ่อหัวเราะออกมานิดๆ ที่ได้กวนลูกชายเล่นยามเช้า
“ก็ไม่รู้สิ...ไม่พูดออกมาใครจะไปรู้ว่าแกคิดอะไรอยู่”
“นี่พ่อจะให้พูดให้ได้เลยใช่ไหม”
“เออ!!”
คณินมีสีหน้าลำบากใจที่จู่ๆ ก็ต้องมาสารภาพรักเมฆากับพ่อทั้งๆ ที่เมฆายังไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของคณินเลยสักครั้ง แม้ว่าเขาจะพูดตอนที่เมฆาหลับทุกครั้งก็เถอะ
“ก็...คือแบบ...ก็จริงจังไงพ่อ แม่ของลูก จบนะ ฮึ่ย!!” พูดจบก็ทำเป็นโมโหกลบเกลื่อนความอาย ซึ่งก็สามารถเลี่ยงคำว่ารักได้ คำๆ นี้ เขาอยากจะให้เมฆาฟังเป็นคนแรก ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่จะกล้าพูดออกไปเสียที
“ก็แค่นี้...ไปบอกเขาด้วยล่ะ แต่เมฆเขาก็ผู้ใหญ่มากพอที่จะเข้าใจคนอย่างแกได้ล่ะนะ”
“คนอย่างผมทำไม?”
“ก็เอาแต่ใจ ขี้โมโห ที่สำคัญนะปากแข็งที่หนึ่งเลยล่ะ ระวังนะไม่ยอมพูดอะไรที่มันสำคัญๆ ไป เขาอาจจะไม่อยากรอฟังจากแกแล้วก็ได้” พ่อเลี้ยงอาทิตย์เตือนลูกชาย
“ทุกวันนี้ผมก็ชัดเจนนะพ่อ”
“เออ...ก็ดี ลองการกระทำแกไม่ชัดเจนสิ แล้วก็ได้ข่าวว่าไปเอาตัวเขามาจากคุณศรันย์เมื่อวานนี้” พอาทิตย์เลิกคิ้วถามบุตรชาย
“ครับ...ก็มัน…”
“หึง?”
คณินพยักหน้าแทนการพูดตอบ ทำเอาคนเป็นพ่อถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ข้อเสียของลูกชายมีอยู่ไม่กี่อย่างเท่านั้นแหละที่เป็นปัญหา หนึ่งในนั้นคือความใจร้อนวู่วาม ไม่ไตร่ตรองดีๆ ว่าทำแล้วดีหรือส่งผลอย่างไร่ต่อตัวเองหรือคนสำคัญ
“แกทำแบบนั้น ไม่รู้หรือไงว่าถ้าคุณศรันย์เอาไปบอกพ่อเลี้ยงมนัสขึ้นมาคนที่เดือดร้อนจะเป็นเมฆนะ”
“...”
“วันนี้ก็ตามด้วยก็แล้วกันว่าเมฆเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ครับ”
พอคณินได้ฟังแบบนั้นเขาก็เริ่มเป็นห่วงคนที่ตัวเองนอนกอดอยู่ตลอดทั้งคืนในห้องนอนของเจ้าตัวซึ่งเป็นบ้านของศัตรูที่การคุ้มกันไม่ค่อยจะหนาแน่นดีเท่าไหร่ จึงทำให้คณินแอบเข้าไปได้ทุกครั้ง
“วันนี้มีเรียนไหม”
“ตอนแรกก็มี แต่อาจารย์ยกคลาส นัดสอนพรุ่งนี้เย็น”
“ถ้าไม่มีอะไรก็ดีไป แต่ถ้ามี...ก็หาทางแก้ไขเองก็แล้วกัน”
“ครับ”
คณินไม่โกรธ ไม่น้อยใจหรอกที่พ่อเลี้ยงอาทิตย์พูดเหมือนไม่ใส่ใจคนเป็นลูก พูดตัดโอกาสลูกชายไม่ให้มาขอความช่วยเหลือ เพราะคณินโตมากับการช่วยเหลือตัวเอง แก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง แม้จะมีบ้างที่พ่อเลี้ยงอาทิตย์จะเข้ามาช่วย แต่ก็ช่วยชี้แนะแนวทางให้ ไม่ได้เป็นคนเดินนำทางให้
หวังว่าจะไม่เป็นไรนะ
เมฆารู้สึกแปลกใจที่เห็นเด็กในบ้านเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น อยากจะถามแต่ก็เหมือนว่าไม่มีใครเปิดโอกาสให้เขาเลยสักคน แล้วในขณะที่กำลังจะเดินผ่านห้องรับแขกไปเพื่อไปทำงานก็พบว่ามีแขกอยู่ในนั้นหลายคนมีคนที่เมฆาไม่รู้จัก แล้วก็มีคนที่รู้จักอย่างศรันย์ ที่สำคัญตรงนั้นมีน้องสาวของเขากำลังนั่งอยู่ข้างๆ กับชายหนุ่มคนหนึ่งที่อายุน่าจะราวๆ พ่อเลี้ยงอาทิตย์หรืออาจจะมากกว่า แต่ที่แปลกคือมลลดานั่งซบเขาไม่อายผู้หลักผู้ใหญ่เลย
เฮ้อ...ก็คงเป็นการจับคู่กันนั่นแหละ
“ตาเมฆ เข้ามานี่ซิ พ่อมีเรื่องจะบอก”
ยังไม่ทันที่เมฆาจะเดินอออกไป คนเป็นพ่อที่เห็นลูกชายคนโตของตัวเองก็เรียกลูกเข้าไปอย่างอารมณ์ดี ซึ่งเมฆาก็เดินเข้าไปหาทันที ก่อนจะยกมือไหว้ทุกคนในนั้นแล้วนั่งข้างๆ กับผู้เป็นพ่อทันที
“นี่เหรอลูกชายของพ่อเลี้ยง หน้าตาหล่อเชียว”
“ครับ นี่แหละลูกชายของผม ตอนนี้ก็กำลังคบหาดูใจกับคุณศรันย์อยู่” คำพูดของคนเป็นพ่อทำเอาร่างโปร่งหันขวับไปมองหน้าของคนพูดทันที ก่อนจะหันไปสบตากับศรันย์ที่ส่งยิ้มหวานให้ตั้งแต่เขาเดินมา
“พ่ะ…”
“วันนี้ผมก็เลยพาพ่อกับแม่มาเพราะคิดว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ก็จะมาขอหมั้นกับคุณเมฆ หวังว่าพ่อเลี้ยงคงจะไม่รังเกียจ”
ตอนแรกเมฆาก็นึกขอบใจที่ศรันย์ไม่เอาเรื่องที่เขากับคณินไปด้วยกันเมื่อวันก่อนไปบอกพ่อ แต่ตอนนี้ เมฆาชักจะรู้สึกรังเกียจวิธีของอีกคนเสียแล้ว
ไม่คิดว่าจะทำกับเขาแบบนี้ ทั้งศรันย์ ทั้งพ่อ...
“ไม่รังเกียจหรอกครับ ดีใจด้วยซ้ำ วันนี้มันเป็นวันที่ดีจริงๆ เลยนะครับ ใกล้ถึงวันเกิดก็ได้ของขวัญชิ้นใหญ่ถึงสองชิ้นเลย คุณเจนจบก็มาขอลูกสาวแต่งงาน ส่วนคุณ ศรันย์ก็มาขอหมั้นหมาย เป็นของขวัญครบรอบสี่สิบปีที่ดีจริงๆ”
“ผมก็ตั้งใจที่จะมาก่อนวันเกิดพ่อเลี้ยงนั่นแหละครับ หลังจากงานวันเกิด เราจะได้หาฤกษ์หมั้นกันเลย ดีไหมครับคุณเมฆ” ศรันย์หันมาถามความเห็นจากเมฆาด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจว่ายังไงก็ไม่มีทางที่เมฆาจะปฏิเสธ
เมฆาเกรงใจพ่อเลี้ยงมนัสแค่ไหน ศรันย์รู้เรื่องนี้ดีเลยล่ะ
“ผมคิดว่ามันเร็วเกินไปนะครับ เรายังไม่รู้จักกันดีเท่าไหร่เลย”
“หมั้นกันก่อนแล้วก็ศึกษาในฐานะคู่หมั้นก็ได้ครับ”
“แล้วถ้าเกิดว่าเราไปกันไม่ได้ก็ถอนหมั้นเหรอครับ นี่มันชีวิตจริงนะครับ ไม่ใช่การละเล่นแบบเด็กๆ ยังไงผมก็คิดว่ามันยังเร็วไปที่จะผูกมัดกัน เอาตรงๆ คือผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณศรันย์มากไปกว่าคำว่าเพื่อนเลยครับ ต้องขอโทษด้วยถ้าหากจะทำให้เข้าใจผิด”
ตอนนี้เมฆาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่สนด้วยว่าตัวเองกำลังหักหน้าผู้เป็นพ่ออย่างรุนแรง ผู้ใหญ่ของฝ่ายศรันย์เองก็มองเมฆากับลูกชายอย่างงงๆ
“เอ...ไหนลูกบอกว่าคุณเมฆกับลูกรักกันไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
“ขอโทษด้วยนะครับคุณนาย...ผมกับคุณศรันย์เราไม่ค่อยได้เจอกันนะครับ นับครั้งได้เลย คำว่ารักคงจะเร็วเกินไปสำหรับพวกผมทั้งสอง” เมฆาตอบผู้เป็นมารดาของศรันย์ไปอย่างตรงๆ
“แต่ยังไงเราก็จะดองกันอยู่แล้ว เมฆคงไม่ขัดใช่ไหมถ้าลุงจะหมั้นหมายเราให้พี่รันเขา”
“ใช่จ้ะ ยังไงก็ต้องศึกษากันไว้ เพราะทั้งสองก็ต้องหมั้นกันอยู่แล้ว ใช่ไหมคะพ่อเลี้ยง”
“ใช่ครับคุณวาด คุณศิน ยังไงเราทั้งสองก็ต้องเป็นทองแผ่นเดียวกัน คุณศรันย์ก็ได้เข้ามาช่วยบริหารสมรชัยในฐานะลูกเขย ส่วนเมฆก็เป็นผู้ช่วยให้กับคุณศรันย์ในฐานะภรรยาและทายาทของสมรชัย” พ่อเลี้ยงมนัสพูด แล้วเอามือวางบนต้นขาของเมฆาก่อนจะบีบมันแรงๆ เป็นการปรามลูกไม่ให้พูดมากไปกว่านี้
เมฆารู้สึกเหมือนผลักให้ลงเหว เขากำลังถูกบังคับให้หมั้น เขากำลังถูกคลุมถุงชน
“แบบนี้ก็ดีเลยครับ ผมก็อยากให้ลูกชายได้ภรรยาที่เก่งแบบเมฆเขา” ศินธรพูด ยิ้มออกมาอย่างยินดี
“ผมคงจะมีความสุขไปชั่วชีวิตเลยครับถ้าได้คุณเมฆเป็นภรรยา”
เมฆาไม่อยากจะมองหน้าศรันย์เลย เขาไม่ตอบรับรอยยิ้มนั่นจนทำให้ศรันย์หน้าเจื่อน ส่วนพ่อเลี้ยงมนัสเห็นแบบนั้นก็ออกแรงบีบเนื้อลูกชายจนต้องนิ่วหน้าเพราะเจ็บ
“เอาเป็นว่าตอนนี้ก็ตามนี้ก็แล้วกันนะครับ ส่วนเรื่องหมั้นหมายเราค่อยคุยกันอีกที เรามาคุยเรื่องการแต่งงานของลูกสาวผมกับคุณเจนจบกันบ้างดีกว่า”
“ผมให้คุณแม่หาฤกษ์มาแล้วครับเป็นอีกสามเดือนข้างหน้า พี่นัสเรียกสินสอดเท่าไหร่” หนุ่มใหญ่วัยสามสิบปลายๆ อายุห่างจากพ่อเลี้ยงมนัสไม่กี่ปีพูดขึ้น เมฆามองเจนจบกับน้องสาวแล้วเหนื่อยใจ
เจนจบไม่ใช่สเปคของน้องเลยสักนิด แต่คิดว่าน่าจะรวยน้องถึงได้ยอมผูกมัดตัวเองกับผู้ชายอายุใกล้เคียงพ่อแบบนี้ ทั้งรูปร่างที่อวบๆ หน้าก็ไม่ได้จัดว่าดูดี แต่ชุดที่ใส่ล้วนเป็นของแบรนด์เนมหรู
“ก็แล้วแต่ความเหมาะสมเลย พี่ไม่ซีเรียส”
“เจนขา ไม่เร็วไปหน่อยเหรอคะ มลยังไม่ทันได้เตรียมตัวเลย ไหนจะชุดแต่งงาน ไหนจะชุดปาร์ตี้อีก รองเท้า เครื่องประดับ เป็นเจ้าสาวทั้งทีให้มลได้อะไรดีๆ ไม่ได้เหรอคะ”
“โธ่...เดี๋ยวผมจะพามลไปหาตัดชุดเอง เลือกร้านได้เลย รับรองว่าผมต้องทำให้มันทันให้ได้”
“แต่ว่า มลอยากตัดที่ต่างประเทศนี่คะ สามเดือนจะไปทันอะไร”
“แค่บอกมาว่าที่ไหน เดี๋ยวผมจะจัดการให้ทุกอย่างเลยครับ”
“จริงนะคะ”
“จริงครับ”
“น่ารักจังเลย งั้นก็ได้ค่ะ มลจะแต่งอีกสามเดือนก็ได้”
ร่างโปร่งอยากจะออกไปจากห้องนี้จริงๆ เลย เจนจบคนนี้ไม่รู้พฤติกรรมของน้องสาวของเขาหรืออย่างไร ถึงได้รักมากมายจนยอมได้ขนาดนี้
“ถ้าอย่างนั้นผมกับคุณแก้วก็จะเตรียมจัดการเรื่องงานทันทีเลยนะครับพ่อเลี้ยง” ผู้ใหญ่ฝั่งของเจนจบก็พูดคุยตกลงกันต่อไป เมฆาก็ไม่ได้สนใจจะฟังอีกแล้ว ที่เขาต้องการตอนนี้คืออกไปจากที่นี่ แล้วหนีไปให้ไกลๆ ไม่ต้องเจอใคร ไม่ต้องหมั้นกับใคร
ทำไมชีวิตของเขาที่เลือกอะไรเองไม่ได้สักอย่าง…
เมฆามาเดินเล่นที่สวนสนามหญ้า มองคนงานกับเด็กรับใช้กำลังจัดเตรียมสถานที่กันใหญ่ เขารู้แล้วล่ะว่าที่ตรงนี้จะเป็นสถานที่จัดงานฉลองวันเกิดของพ่อเลี้ยงมนัสในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ร่างโปร่งเดินไปเรื่อยๆ อย่างเหม่อลอย จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เมฆารีบล้วงมันขึ้นมา พอเห็นชื่อคนที่โทรมาก็ยิ้มออกทันที แต่พอคิดว่าตัวเองต้องบอกเรื่องหมั้น ร่างโปร่งก็มีสีหน้าเครียดๆ เหมือนเดิม
“ว่าไงเขต”
(ทำอะไรอยู่)
“เดินเล่นอยู่ที่สวนเนี่ยแหละ แล้วนายล่ะ ไม่มีเรียนหรือไง”
(เบรกอยู่ เลยโทรไป อ้อ! พรุ่งนี้จะกลับไร่นะ จะไปหาด้วย ว่างกี่โมง) เมฆายิ้มออกมา หัวใจเต้นแรงอย่างมีความสุข หลังจากที่ไปบอกเลิกที่โรงพยาบาลวันนั้นก็เหมือนว่าคณินจะอ่อนโยนกับเขามากขึ้นจริงๆ ไม่ได้คิดไปเองด้วย สังเกตมาหลายครั้งแล้ว
ที่สำคัญแม้ว่าจะไม่ได้ยินคำว่ารัก แต่การที่คณินยอมรับว่าเราคบกันกับพ่อเลี้ยงอาทิตย์นั้น ก็ถือว่าเป็นคำบอกรักอย่างหนึ่งที่เมฆาคิดเองเออเองว่าใช่
“พรุ่งนี้ว่างนะ แต่ต้องไปหาชุดใส่ วันอาทิตย์จะมีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของพ่อน่ะ” เมฆาตอบไป หากแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะพูดบอกเรื่องนั้นออกไป
เมฆากลัวว่าคณินจะหนีเรียนแล้วบุกมาที่นี่ ความใจร้อนของคณินไม่ธรรมดา เรื่องนี้เมฆารู้ดีแก่ใจ จะบอกอะไรกับคณินต้องดูสถานการณ์ก่อนว่าเหมาะที่จะพูดหรือไม่
เอาไว้พูดบอกวันพรุ่งนี้ก็ได้
(เดี๋ยวพาไป)
“ไปกับพี่เจสได้ ไม่เป็นไร”
(ก็อยากพาไป ไม่ได้หรือไง)
“อื้อ...ก็ได้ ว่างตอนไหนก็โทรมาบอกแล้วกัน จะออกไปหา”
(ครับ…)
“เขต…” ยังไม่ทันที่เมฆาจะถามว่าเรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง เสียงของคนที่เขาไม่อยากจะได้ยินที่สุดก็ดังมาจากข้างหลัง พร้อมกับมือใหญ่ที่จับแขนเขาข้างที่ถือโทรศัพท์คุยอยู่
“คุณเมฆ!”
หมับ!!
“อ๊ะ…”
“คุณเมฆครับ คุยกันก่อนนะ” เป็นศรันย์ที่เดินตามหาร่างโปร่งมาตั้งนานพูดขึ้น ศรันย์ต้องการจะเคลียร์กับเมฆาให้รู้เรื่อง เพราะท่าทางไม่พอใจที่ต้องหมั้นกับเขา
“คุณ? ปล่อยนะครับ” เมฆาบอกเสียงแข็ง มืออีกข้างเอื้อมมาหยิบโทรศัพท์ออกไป ก่อนจะพยายามสะบัดแขนข้างที่ถูกจับอย่างแรง แต่คนที่ทำตัวเสียมารยาทก็ไม่ปล่อย
“คุยกันก่อนนะ สัญญานะว่าจะไม่เดินหนีผม”
“ปล่อยครับ อย่าทำให้ผมต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้เลย”
ศรันย์ปล่อยแขนเรียวทันทีอย่างเสียดาย แต่เขาก็ต้องทำเป็นสุภาพบุรุษไว้ก่อนเพื่อเอาชนะใจของเมฆา
แม้ว่าตอนนี้จะเป็นว่าที่คู่หมั้นของเขาแล้วก็ตาม แต่เขาก็ต้องการให้เมฆาเต็มใจด้วย
“วันนั้น เด็กนั่นได้ทำอะไรคุณเมฆหรือเปล่าครับ”
“เขตน่ะเหรอครับ ก็ไม่ได้ทำอะไร เราคุยกันดี สักครู่นะครับ...” เมฆาตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าราบเรียบ ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดกับคณินที่ตอนนี้กำลังฟังอย่างตั้งใจและเป็นห่วง “ฮัลโหล”
(ไอ้ศรันย์ใช่ไหม มันทำอะไรหรือเปล่า)
“ไม่มีอะไรหรอก แค่นี้ก่อนนะ เอาไว้ตอนเย็นๆ จะโทรหาใหม่”
(ไม่มีอะไรจริงๆ นะ อย่าให้ต้องรู้เอง)
“ครับ”
(อือ...งั้นเจอกันพรุ่งนี้ อ้อ! ที่เห็นไม่โวยวายนี่เพราะเชื่อใจนะ)
“ครับ” เมฆาเผลอยิ้มออกมาเพราะคำพูดที่แสนน่ารักของคนที่ชอบพูดจาห่ามๆ แข็งกร้าวของคนอายุน้อยกว่า ทำเอาศรันย์ที่ยืนมองอยู่ถึงกับกำหมัดแน่นด้วยความอิจฉา
ร่างโปร่งบางเก็บโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง แล้วก็เงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่สูงกว่า
“มีอะไรครับ”
“คุณคุยกับใครครับ”
“เรื่องนี้เหรอครับที่ต้องการจะคุยกับผม งั้นผมไม่ขอตอบนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ” เมฆาทำท่าจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่ก็โดนดักหน้าเอาไว้ก่อน
“คุณเมฆโกรธผมหรือครับ”
“ครับ” ร่างโปร่งตอบตรงๆ
“ผมขอโทษ”
“แล้วไงครับ เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นยกเลิกการหมั้นจะดีกว่านะครับ ผมไม่อยากหมั้นกับคุณ ผมไม่อยากแต่งกับคุณ ผมมีคนที่ผมรักแล้ว”
เมฆาเหนื่อยที่จะต้องมาเป็นหมากตัวหนึ่งให้พ่อใช้เดินไปสู่ความยิ่งใหญ่ แล้วการแต่งงานมันคือทั้งชีวิตของของเขา จะให้แต่งกับคนที่ไม่ได้รัก เขาทนอยู่ไม่ได้แน่ๆ
“มันเป็นใคร...มันเป็นใครคุณเมฆ ไอ้คนที่คุณคุยเมื่อกี้ใช่ไหม!” ศรันย์ชักสีหน้าหงุดหงิดใส่ ความหึงหวงทำให้เขาดีแตก เผลอขึ้นเสียงกับเมฆา ไม่พอยังจับไหล่เล็กแล้วเขย่าเพื่อเค้นเอาคำตอบด้วย
“คุณศรันย์!! โอ๊ย...คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับผมนะ!!”
“มันเป็นใคร คุณรักใคร ผมไม่ยอมหรอก คุณเป็นของผม ต้องเป็นของผมเท่านั้น ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์”
“นี่คุณ ปล่อยนะ!!”
“บอกผมว่าไอ้นั่นมันเป็นใคร”
“นี่คุณศรันย์ มันจะมากไปแล้วนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับผมนะ”
“ผมมี...คุณเป็นของผม เป็นคู่หมั้นของผม มันเป็นใคร!! บอกมาสิครับว่ามันเป็นใคร!!!”
ร่างโปร่งพยายามเอามือผลักที่อกศรันย์อย่างสุดแรง จนร่างสูงเซไปข้างหลังแล้วล้มลงกระแทกพื้นหญ้า เมฆามองศรันย์ด้วยสายตาแห่งความไม่พอใจ
“ผมไม่มีวันหมั้นกับคุณแน่ๆ คุณศรันย์”
ร่างโปร่งหันหลังกลับ แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักเพราะคำพูดของศรันย์
“ไอ้เขตใช่ไหม!”
“อย่าพาลได้ไหมคุณศรันย์”
“ผมไม่ได้พาล แต่มันจงใจแย่งคุณไปจากผม”
“ไม่มีใครแย่งผมไปจากคุณทั้งนั้น เพราะผมไม่ใช่ของคุณตั้งแต่แรก ช่วยเข้าใจใหม่ด้วยนะครับ ผมไม่อยากหมั้นกับคุณ เพราะผไม่อยากหมั้นกับคนที่ผมไม่ได้รัก เข้าใจนะครับ” ร่างสูงกัดฟันกรอด
“คุณไม่มีทางยกเลิกมันได้ คุณเป็นของผม ไอ้นั่นมันก็ได้แค่ความรัก แต่ผมได้ครอบครองคุณ และใครก็ตามที่มันมาแย่งคุณไปจากผม ผมฆ่ามันทุกตัวแน่!!!”
เมฆากัดฟัน กำหมัดแน่น แล้วเดินต่อเหมือนตัวเองไม่ได้กลัวอะไรกับคำพูดนั่นเลย ศรันย์มองตามคนที่เดินหนีไปด้วยความโกรธ
“ไอ้เขต...แกอยากจะลองดีมากใช่ไหม ไอ้เด็กเมื่อวานซืน คิดจะแข่งกับฉันทุกเรื่อง เรื่องอื่นแกชนะ ฉันยอมได้ แต่เรื่องของคุณเมฆ แกไม่มีทางชนะ!!!”
ศรันย์กัดฟันเคียดแค้นคณินที่เขาได้ยินเมฆาเรียกก่อนที่เขาจะเข้ามาหาเพื่อเคลียร์เรื่องหมั้น แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไร มาคิดตอนที่เมฆาคุยโทรศัพท์กับมันต่อหน้านั่นแหละ แล้วยิ่งอาการชะงักตอนที่ศรันย์ตะโกนถามว่าเป็นเพราะคณินใช่ไหม ศรันย์ก็ยิ่งมั่นใจว่าคนที่เมฆาคุยด้วยคือคณิน…
คนที่เมฆารักก็คือคณิน...
100%
อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^
ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/