ตอนพิเศษ
เมฆที่ลอยกลับมา
ร่างโปร่งบางที่ผอมลง ใบหน้าที่เคยเศร้าหมองเมื่อหลายเดือนก่อนก็กลับมาสดใสเหมือนเดิม แววตาความเศร้าไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ตอนนี้เขากลับมาเป็นเมฆาคนเข้มแข็งเหมือนเดิมแล้ว และกลับมาหาคนรักที่เขาหนีไปแบบไม่บอกไม่กล่าว
เมฆายิ้มเมื่อเห็นว่าร่างสูงอยู่ที่ที่ตัวเองคิดว่าใช่ แผ่นหลังกว้างที่เขาคิดถึง ร่างกายใหญ่ที่โอบกอดเขาเอาไว้ ใบหน้า และริมฝีปาก เขาคิดถึงมันหมด
“อยู่ที่นี่จริงๆ แล้วก็มองไปยังเขตไร่เราด้วย คงมารอเราทุกวันเลยล่ะสิ” ร่างบางพึมพำด้วยความปีติยินดี ที่เห็นคณินนั่งอยู่บนพื้นหญ้า หันหน้ามองผ่านรั้วกั้นอาณาเขตไปยังฝั่งสมรชัย
หลังจากที่เมฆากลับมาถึง เขาก็ตรงมาที่นี่จนได้คุยกับพ่อเลี้ยงอาทิตย์กับศตคุณก่อนแล้วจึงเดินตามหาคนรัก โดยที่แรกที่อยู่ในใจก็คือที่นี่ และมันก็ใช่ ร่างโปร่งเดินเข้าไปหา แม้ว่าจะเดินดังขนาดไหน คนที่นั่งอยู่ก็ไม่คิดจะหันกลับมามองเลย หนำซ้ำยังคิดว่าเขาเป็นคนอื่นอีก
“มาตามเหรอ เดี๋ยวผมตามไป ตอนนี้ขอนั่งพักก่อน”
สวบ!!
ร่างโปร่งบางทรุดกายยืนเข่ากับพื้นหญ้าก่อนจะโอบกอดร่างแกร่งจากข้างหลัง พร้อมกับกระซิบที่ข้างหูเบาๆ
“กลับมาแล้วครับ…”
มือใหญ่ที่กำลังดึงหญ้าเล่นถึงกับหยุดชะงัก ร่างกายนิ่ง ตาคมเบิกกว้างทอดมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่เมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสที่โอบรัดกัน คณินก็ใจเต้นรัว ยิ้มออกมาอย่างดีใจ กำลังจะหันมาโอบกอดให้แน่นแต่ด้วยความอยากจะแกล้งคนรักที่หนีหายไปหลายเดือนไม่ยอมติดต่อมาเลย เขาก็ตัดใจแล้วนั่งนิ่ง ทำหน้าราบเรียบเหมือนเดิม
“มาทำไม” ถามออกไปเสียงเรียบ เมฆาได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมากับความขี้งอนของแฟนหนุ่มอายุน้อย
“คิดถึงไง เลยมาหา”
“คิดถึงภาษาอะไร หายไปสามเดือนกว่า”
“ก็กลับมาแล้วนี่ไง ดีกันนะ ไม่โกรธนะ” คณินแอบยิ้มแต่ก็เก๊กขรึมเอาไว้
“ไม่รู้ ไม่สน ปล่อยเลย จะไปทำงานแล้ว” คณินสั่งหากแต่ก็ยังนิ่งให้เมฆากอด พอเจอคนขี้งอนเล่นใหญ่ขนาดนี้ เมฆาก็ยอมให้อีกคนเล่นก็แล้วกัน
ยังไงก็ผิดที่ไม่ติดต่อกลับมาบ้างล่ะนะ
“อ่ะๆ ปล่อยก็ได้ แล้วต้องทำไงถึงจะหายโกรธล่ะ” เมฆาลุกขึ้นยืน มองตามร่างใหญ่ที่ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากันแล้วยิ้มเอาใจ ส่วนคณินพอเห็นหน้าของเมฆาแล้วก็ยืนนิ่งเพราะความคิดถึง เผลอจ้องอีกคนไม่วางตา
เหมือนว่าเมฆาจะดูสดใสขึ้นมา เห็นแบบนี้คณินก็ดีใจ
“มองทำไม คิดถึงอ่ะดิ”
“บ้า! ใครคิดถึง มั่วแล้ว จริงๆ ไม่กลับมาก็ได้นะ นี่ก็ลืมไปแล้วด้วย” เด็กปากแข็งหลบตา เมฆาหัวเราะออกมาเบาๆ
ลืมอะไร...คิดถึงทุกลมหายใจเลยต่างหาก
“จริงเหรอ...งี้ฉันก็กลับมาสูญเปล่าน่ะสิ คิดว่าคนแถวนี้จะรอ ไอ้เราก็หักอกผู้ชายไปหลายคนก็เพราะว่าจะกลับมาหาเขา แต่ที่ไหนได้ เขาลืมเราไปแล้ว เฮ้อ...สงสัยต้องกลับไปพักใจใหม่เพราะอกหักแล้วล่ะมั้ง” เมฆาพูดออกมาน้ำเสียงเสแสร้ง เป็นเสียงที่ฟังแล้วดูกวนโมโหมากกว่าจะเศร้า
ได้ยินแบบนั้นคณินก็คิ้วกระตุก อาการขี้หวงเริ่มแสดงออกมาทางสีหน้า ดูจากคิ้วที่เริ่มขมวดแน่น
“แต่ถ้าคนแถวนี้ให้โอกาส จะง้อต่อก็ได้”
“ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้โอกาสสักหน่อย”
“หึหึ” เมฆาหัวเราะ “แล้วจะให้ง้อยังไงล่ะ”
“คิดเอาเองดิ ทำไมต้องให้บอก” คณินเดินหนีเพราะเหมือนตัวเองจะเสียรู้ให้กับร่างโปร่งบาง เมฆาส่ายหน้าไปมาแล้วเดินตามคณินไป พยายามเอาใจทุกอย่าง ทั้งช่วยงาน หยิบนั่นหยิบนี่ให้ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนงานในไร่ได้เป็นอย่างดี แต่เจ้านายน้อยของพวกเขาก็เล่นตัว ทำหน้างอนตุ๊บป่องไม่สนใจ หากแต่เมฆาก็ยิ้มรับตามง้อตลอดทั้งวัน เป็นภาพที่พ่อเลี้ยงอาทิตย์ถึงกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุขแบบเต็มร้อยได้เสียที ลูกชายตอนนี้คนรักก็กลับมาหาแล้ว จากนี้ไป ศักดินนท์ก็คงจะมีแต่ความสุข
พอตกเย็นเมฆาก็อยู่ทานข้าวเย็นที่ไร่ศักดินนท์ นั่งข้างๆ กับคนรักที่ตอนนี้ก็ยังปั้นหน้านิ่งๆ อยู่ ที่โต๊ะอาหารครึกครื้นกว่าทุกวันเพราะเมฆามีเรื่องเล่าให้ฟังเยอะแยะว่าตัวเองไปไหนมาบ้าง
“การผจญภัยในที่ที่ไม่เคยไปทำให้ผมสนุกและทำใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองคงหายไปเป็นปีเลย แต่พอเข้าไปปฏิบัติธรรมสองอาทิตย์ เที่ยวตามธรรมชาติ อยู่ในที่ห่างไกลจากเมือง ไม่ต้องใช้เงินเลยก็รู้สึกว่ามีความสุขไปอีกแบบ”
“เก่งนะเรา มาอยู่ไทยได้ไม่เท่าไหร่ก็ขึ้นเหนือล่องตายแบบไม่เกรงกลัวเลย” พ่อเลี้ยงอาทิตย์ชม
“ฮ่าๆ แค่มีปากครับ กล้าถามก็ไปไหนรอด”
“ทิ้งให้คนแถวนี้รอจนแกร่วเลยนะ ทำหน้าอมทุกข์อยู่ทุกวันเลย”
“ใครอมทุกข์ ไม่มีนะพ่อ”
“ก็ไม่ได้ระบุชื่อ ไม่ร้อนตัวสิลูกชาย” สิ้นเสียงของพ่อเลี้ยงอาทิตย์ ทุกคนก็หัวเราะร่วนกันใหญ่ ทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับหน้าแดงอย่างเขินอาย
“จริงสิ เมฆจะไปนอนที่ไหนล่ะ ไร่เหรอ” อาโปถามขึ้น
“เดี๋ยวนั่งรถไปนอนโรงแรมครับ”
คณินขมวดคิ้ว ใจก็อยากจะเอ่ยชวนให้นอนที่นี่ แต่เหมือนว่าพ่อจะรู้ใจเขาเหลือเกินเลยชวนให้
“นอนที่นี่แหละ อาให้คนเตรียมห้องเอาไว้ให้แล้ว”
“จะดีเหรอครับ ผมเกรงใจน่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ ยังไงก็คนกันเอง”
“ขอบคุณครับ” เมฆายิ้มให้ทุกคน
เมื่อถึงเวลาเข้านอน เมฆาที่นั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ กับคณินก็ลุกตามร่างสูงไป แม้ว่าจะรู้ว่าเด็กปากแข็งนี่จะแกล้งทำเป็นงอน เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ขนาดไหน เมฆาก็ไม่ปล่อยให้เวลาง้ออีกฝ่ายหายไปสักวินาทีเดียว ไม่ใช่ว่าคณินไม่รู้สึกอะไรนะ ก็แอบยิ้มทุกครั้งมีโอกาส อย่างตอนนี้ก็เดินยิ้มอยู่
“นี่ใจคอจะให้ง้อไปถึงไหนกันหนอ”
“อะไร...ทนไม่ได้หรือไง”
“เปล่า ถามเฉยๆ ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไม่ใช่เหรอ” เมฆาถามยิ้มๆ
“ตื่นเช้า? ตื่นไปทำไร”
“ดูพระอาทิตย์ขึ้นไง”
“ไม่เอา ไม่ดู จะตื่นสาย” คณินตอบแบบไม่ต้องคิด หันมามองหน้าของร่างโปร่งบางก็พบว่าคนตัวเล็กกว่ายังคงยิ้มให้กันอยู่
“แล้วเจอกันนะ ตีห้าครึ่ง จะรอหน้าห้อง ห้ามเลท ฝันดี”
จุ๊บ!!
เมื่อเมฆาจุ๊บเบาๆ ที่ปากหนาแล้วก็เดินร่าเข้าห้องนอนที่ถูกจัดให้ไป ปล่อยให้คณินมองตามด้วยความมันเขี้ยว แต่ก่อนที่เขาจะเข้าห้องนอนตัวเองไป ก็เจอกันเพื่อนสนิทที่กำลังยืนยิ้มให้กันเสียก่อน เลยถามเพื่อนเสียงห้วน
“มีอะไร”
“ระวังนะ เล่นตัวมากๆ เขาจะน้อยใจแล้วหนีไปอีก”
ไม่มีทางหรอก...คณินตอบเพื่อนในใจแล้วเดินเข้าห้องไปเลย ปล่อยให้เพื่อนได้แต่มองตามอย่างระอา
ตีห้าสี่สิบห้า
เมฆามองนาฬิกาในโทรศัพท์แล้วถอนหายใจเมื่อมันเลยไปสิบห้านาทีแล้ว คณินไม่มีทีท่าว่าจะออกมาจากห้องเลย
แอบเสียดายแต่ก็ไม่ได้น้อยใจ เข้าใจว่าคณินคงจะเหนื่อยเลยตื่นไม่ไหว
“คงไม่ได้จงใจหรอก” เมฆายิ้มแล้วเดินลงไป ตัดสินใจที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นคนเดียว เพราะยังไงก็เชื่อว่าคงมีเวลาอีกเยอะที่จะได้ดูมันพร้อมกับคนรัก หลังจากที่ง้อสำเร็จน่ะนะ
ทางด้านคณินที่เพิ่งตื่นก็ลุกขึ้นมองดูนาฬิกา เห็นว่าหกโมงกว่าๆ ก็ได้แต่สบถคำหยาบคาย ไม่สนใจที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างหน้าแปรงฟันเลยสักนิด เขาเดินไปเปิดประตูห้องของเมฆาก็ใจหายวาบเมื่อห้องมันเรียบร้อยราวกับว่าไม่เคยมีคนใช้มันมาก่อน
พระอาทิตย์ยามเช้าโผล่ขึ้นสู่ท้องฟ้า ตอกย้ำให้คณินรู้สึกผิด นาฬิกามันปลุกเขาหรือเปล่าเขาไม่รู้ เพราะไม่ได้ยิน มาสะดุ้งเอาตอนหกโมงกว่าๆ นี่แหละ ร่างสูงร้อนใจ วิ่งไปรอบๆ ถามใครก็ไม่มีใครเห็น จนอยากจะร้องไห้ ถ้าเขาไม่เล่นตัว ก็คงไม่ทำร้ายจิตใจคนรักแบบนี้
“อยู่ไหนวะ!!”
“หาอะไรอยู่เหรอ”
ขวับ!!
เสียงคุ้นหูถามขึ้นหลังจากที่คณินสบถอย่างหงุดหงิด ทำเอาใบหน้าคมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อตวัดไปมองทันที ไม่รอช้า ร่างสูงก็วิ่งเข้าไปสวมกอดคนรักทันที พร้อมกับกระซิบข้างหูซ้ำๆ ด้วยคำเดิม
“ขอโทษ...ขอโทษ พี่เมฆ เขตขอโทษ ตั้งนาฬิกาแล้ว แต่ไม่ได้ยิน ขอโทษนะ” มือเล็กลูบไปมาบนแผ่นหลังกว้างอย่างปลอบใจ เมฆายิ้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไร คณินผละออกมาแล้วจ้องใบหน้าขาวของเมฆาอย่างแสนรัก เขาจะไม่เล่นตัว ปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์อีกแล้ว เพราะมัวแต่เล่นตัวนั่นแหละ ถึงได้พลาดโอกาสมองพระอาทิตย์ขึ้นแรกของการกลับมาหากันไป
“เขตรักพี่เมฆ จะไม่หนีไปไหนแบบไม่บอกไม่กล่าวแล้วใช่ไหม” คำบอกรักกะทันหันทำเอาร่างบางที่ไม่ได้เตรียมใจฟังมาก่อนถึงกับหัวใจสั่นไหวรุนแรง แทบจะหมดแรงลงเสียดื้อๆ แต่ก็ยังมีแก่ใจกวนคนรักกลับ
“ถ้าบอกก่อนจะเรียกว่าหนีเหรอ” คณินจูบที่ปากบางหนักๆ ไม่รุกล้ำด้วยความมันเขี้ยว
“กวนว่ะ”
“ฮ่าๆ ไม่ไปแล้ว แม้จะไปอยู่ที่อื่น มันสงบก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีความสุขหรอกนะเขต เพราะฉันรู้ว่านายก็ทุกข์ไม่ต่างกัน ขอบคุณที่อดทนรอนะ ฉันกลับมาแล้ว ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งนะ”
“อื้อ...ยินดีต้อนรับกลับนะครับ”
ทั้งสองคนมองตากันหวานซึ้ง เมฆายกแขนคล้องคอแกร่งที่เลื่อนใบหน้าลงมาหากัน ปลายจมูกของเราแตะกันก่อนจะส่ายหน้า ถูจมูกกันไปมา หยอกล้อคนรักอย่างมีความสุข ก่อนที่คณินจะประกบริมฝีปากลงไปอย่างแผ่วเบา เม้มกลีบปากบางอ่อนโยนแล้วรุกล้ำเข้าไปหาความหวานอย่างแสนจะคิดถึง ไม่กลัวเลยว่าจะมีคนงานเดินมาเห็นภาพพลอดรักแสนหวานนี้
ตามที่คณินเคยสัญญาเอาไว้ หากเมฆากลับมาเมื่อไหร่ เขาจะโอบกอดร่างนี้เอาไว้ไม่ให้หายไปไหนอีก และตอนนี้เมฆาก็กลับมาแล้ว และเขาก็กำลังกอดรัดร่างนี้เอาไว้ด้วยความรักทั้งหมดที่มี…
พวกเขาจูบกันท่ามกลางแสงพระอาทิตย์ยามเช้าโดยมีต้นองุ่นนับพันต้นของไร่ศักดินนท์เป็นพยานแห่งความรักที่ทั้งสองมีต่อกัน...

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^
ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/