พิมพ์หน้านี้ - [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: SawachiYuki ที่ 01-05-2018 19:49:01

หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 01-05-2018 19:49:01
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



++++++++++++++++++++++++++++


อาณาเขตรัก

By Sawachi Yuki





คำเตือน

เรื่องนี้ MPREG (ผู้ชายท้องได้) เป็นการท้องได้แบบเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์หรือทางการแพทย์ให้ปวดหัว
เป็นเรื่องที่สนองความต้องการของคนแต่ง เป็นเพียงจินตนาการของคนเขียนเท่านั้น
ถ้าไม่ใช่แนวที่คุณชอบก็ขออภัยด้วยนะคะ ติได้แต่อย่าด่าค่ะ ใจไม่สตรองพอ ฮ่าๆ




แยกมาเปิดอาณาเขตรักอีกกระทู้หนึ่ง เพราะเวลาลงรู้สึกสับสนเหลือเกิน

ชุดครอบครัวศักดินนท์ ประกอบไปด้วย

พ่อเลี้ยงอาทิตย์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54899.msg3431657#msg3431657)

อาณาเขตรัก



อาณาเขตรัก
สารบัญ

:: 00 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3825390#msg3825390) ::
:: 01 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3825405#msg3825405) :: 02 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3825423#msg3825423) :: 03 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3826651#msg3826651) :: 04 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3828313#msg3828313) :: 05 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3831366#msg3831366) ::
:: 06 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3834313#msg3834313) :: 07 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3839452#msg3839452) :: 08 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3844888#msg3844888) :: 09 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3846471#msg3846471) :: 10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3849536#msg3849536) ::
:: 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3851804#msg3851804) :: 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3853135#msg3853135) :: 13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3854778#msg3854778) :: 14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3856143#msg3856143) :: 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3858089#msg3858089) ::
:: 16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3859321#msg3859321) :: 17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3861147#msg3861147) :: 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3862469#msg3862469) :: 19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3864495#msg3864495) :: 20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3865856#msg3865856) ::
:: Special 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67076.msg3868025#msg3868025) ::


ขอฝากเรื่องนี้เอาไว้ด้วยนะคะ
มีอะไรติชมกันได้ค่ะ คนเขียนจะนำไปปรับปรุงต่อไปค่ะ


 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {01/05/61} ➡ Ch.00
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 01-05-2018 20:03:38
00





สองเท้าเดินเข้าไปหาเจ้าของแผ่นหลังเล็กๆ ที่กำลังสั่นสะอื้นเพราะร้องไห้อยู่  ยิ่งเข้าไปใกล้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่กล้า ไม่กล้าสู้หน้า ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ผิดเลย

เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับสาเหตุที่ทำให้เด็กชายตรงหน้าต้องร้องไห้เสียใจ

แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับ ‘คน’ ที่เป็นสาเหตุ

“น้องเขต เป็นยังไงบ้างครับ” เสียงเล็กถามอย่างอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกครั้งที่พูดคุย ถามไถ่กัน หากแต่ครั้งนี้มันไม่ทำให้เด็กชายตัวน้อยอยากได้ยินเลยสักนิด

ขวับ!!!

เด็กชายที่ตัวเล็กกว่าตวัดหันไปมองคนที่ถามไถ่อย่างเป็นห่วงด้วยดวงตาที่แสนจะเกลียดชังและโกรธแค้น แม้ว่าจะเป็นเด็ก ไม่รู้ประสาอะไรมาก แต่ก็รู้ดีแก่ใจว่าใครเป็นคนทำให้ ‘พ่อ’ ของตัวเองต้องไปนอนอยู่ในโลงแบบนี้

“อย่ามายุ่ง!!! ออกไปเลย”

“เขต...ฟังพี่ก่อน”

“ไม่ใช่พี่ ไม่ใช่! ฮึก ออกไป เกลียด…”

คนเป็นพี่น้ำตาคลอด้วยความเจ็บปวดและสงสาร แม้ว่าสองครอบครัวไม่ถูกกัน แต่เราสองคนก็เป็นพี่น้องที่มักจะแอบมาเล่นด้วยกันอยู่เสมอ

คณินเป็นเหมือนน้องชาย…

แต่ตอนนี้คงไม่ใช่

“เขตครับ”

“เกลียด ฮึก ลูกฆาตกร ลูกฆาตกร!!! เอาพ่อตะวันคืนเขตมานะ ฮือ เอาพ่อคืนเขตมานะ!!!”

เมฆาผงะไปอย่างตกใจที่เห็นอาการคลุ้มคลั่งของเด็กชายคณิน อยากจะเข้าไปสวมกอด ปลอบประโลม แต่คำว่าลูก ‘ฆาตกร’ มันบาดลึกเข้าไปในจิตใจของผู้เป็นพี่ชายยิ่งนัก

กับเด็กชายคนหนึ่งที่เห็นพ่อตัวเองถูกยิงไปต่อหน้าต่อตา เจ็บปวดแค่ไหน เมฆาเข้าใจดีในฐานะที่อายุมากกว่า

“พี่...เสียใจ เสียใจจริงๆ”

“ฮือออ...ชั่ว!!! เลว!!! เกลียด ฮึก”

“เขต!!!”

ผู้เป็นพี่ชายวิ่งมารับร่างเด็กชายที่ตัวเล็กกว่าเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปที่พื้น ตรงนี้ไม่มีใคร เพราะผู้ใหญ่อยู่ในศาลาวัดกันหมดเพื่อฟังพระสวด เมฆาที่มากับพ่อก็เดินเลี่ยงมาเมื่อเห็นน้องนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว

“พี่ขอโทษ พี่เสียใจ” เมฆามองใบหน้าที่หมดสติไปของคณินแล้วได้แต่พูดอยู่สองประโยคไปมา ใบหน้าเศร้าเสียใจจนน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“พี่รักเขตนะครับ แต่ตอนนี้เขตคงเกลียดพี่แล้ว”

เข้มแข็งนะครับเขต...พี่เองก็จะเข้มแข็ง ต่อให้เราทั้งสองคนจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ในสายตาของเขตพี่อาจจะเป็นศัตรู แต่สำหรับพี่แล้ว…

“พี่สัญญา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่จะไม่ทำร้ายเขต จะดูแล จะปกป้องเขต แม้ว่าเขตจะรับรู้หรือไม่รับรู้ก็ตาม พี่จะเป็นอีกคนที่จะไม่ทำร้ายเขต”

เขาคงอยู่มองหน้าคณินที่จะเติบโตขึ้นด้วยความเกลียดชังต่อเขาไม่ได้

หากเราต้องพบเจอกันอีกในสักวันหนึ่ง ก็ขอให้โตกว่านี้ ลึกๆ แล้วเมฆาก็มีความหวัง ว่าคนตัวเล็กจะลืมเรื่องราวในวันนี้ไป

ในอนาคตข้างหน้าเราอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

“ลาก่อนนะครับ น้องชายของพี่…”

ก่อนจะมีเรื่องราวบาดหมางกัน

เมฆา เป็นพี่ชายที่แสนดีของคณิน เป็นพี่ชายที่คณินรักมาก แต่ทุกอย่างในวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว

ไม่มีพี่ชายที่แสนดี…

ไม่มีพี่ชายที่แสนรัก…

ไม่มีความทรงจำและความรู้สึกดีๆ ให้อีกแล้ว

มีเพียงฐานะ ‘ศัตรู’ ที่คณินจะให้อีกคนได้เท่านั้น...




พรึ่บ!!!

“เชี่ยเอ้ย...จะไปฝันถึงเรื่องพวกนั้นทำไมวะ ลืมๆ ไอ้เขต ลืมให้หมด”

ร่างสูงใหญ่ของเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปีลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงนุ่ม มือเสยผมขึ้นอย่างหัวเสียที่ฝันเห็นอดีต ‘พี่ชาย’ ที่เคยรักและเคารพ ใบหน้าหล่อคมสัน รูปร่างกำยำเกินเด็กรุ่นเดียวกันเพราะตัวเองต้องทำงานให้สมกับเป็นลูกของชาวสวนชาวไร่ เวลา          ปิดเทอมก็มาทำงานที่ไร่แลกเงินไว้ไปเที่ยว เพราะพ่อไม่ให้เงินตอนปิดเทอมถ้าไม่ทำงาน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“คุณเขตขา ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้เปิดเทอมวันแรกไม่ใช่เหรอคะ”

“ตื่นแล้วครับพี่มะขิ่น เดี๋ยวผมจะรีบอาบน้ำแต่งตัว”

“แปลกจังเลยน้า วันนี้คุณเขตตื่นเร็ว ตื่นเต้นกับชีวิตมหาลัยวันแรกเหรอคะ แหม…” เสียงสาวใช้ที่อายุมากกว่าเขายังคงแซวอย่างอารมณ์ดี เรียกรอยยิ้มจากคณินได้นิดๆ ลืมความหงุดหงิดไปเลย

“แซวจังเลยนะครับ ก็ต้องมีบ้างสิ ผมก็ไม่ได้เหลวไหลขนาดนั้นสักหน่อย”

“ฮ่าๆ เดี๋ยวพี่จะลงไปแจ้งพ่อเลี้ยงนะคะว่าคุณเขตตื่นแล้ว ท่านรอทานข้าวเช้าพร้อมกับคุณเขตนะคะ”

“อ่า...ครับ”

ร่างสูงลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาตัวใหม่ เพราะเพิ่งเข้าเรียนปีหนึ่ง จึงต้องทำตัวเองให้ดูดีเข้าไว้ก่อน รู้อยู่หรอกว่าเรียนไปสักพักเดี๋ยวก็ดีแตก

“อาบน้ำเร็วเหมือนเดิมนะไอ้ลูกชาย” คณินได้แต่กลอกตาขึ้นบนเพราะไม่รู้ว่ามันเป็นคำทักทายหรือแขวะเขากันแน่ ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับผู้เป็นพ่อ

“พ่อมาบ้านใหญ่ตั้งแต่ตอนไหน?”

“เมื่อคืน พอดีมีงานเลี้ยงนิดหน่อย เมา กลับไม่ไหว”

“อ้าว? แล้วอาพายัพล่ะ ไม่ได้ไปด้วยเหรอ”

“ไป...แต่เมียไปรับกลับ” ร่างสูงใหญ่ที่ตัวใหญ่กว่าคนเป็นลูกยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม มือก็เลื่อนแท็บเล็ตเช็คข่าวสารต่างๆ ไปด้วย

“อ้อ! พ่อเลยไม่มีคนขับรถให้สินะ”

“เออ ว่าจะโทรตามแก แต่นึกได้ว่ามีเรียนเช้าก็เลยไม่โทร”

“โห...ทีหลังก็โทรดิพ่อ แหกโค้งตายขึ้นมา ผมยังไม่อยากรับมรดกตอนนี้หรอกนะ เหนื่อยจะตายชัก”

“แช่ง?”

“เป็นห่วงคร้าบ”

“หึหึ ไอ้กะล่อน แล้วนี่จะไปเรียนยังไง?” คนเป็นพ่อถามลูกชาย

“เอาบีเอ็มไปได้ป่ะ รู้หรอกว่ามันไม่ไกลจากบ้านอ่ะ แต่อยากอวดสาวน่ะพ่อ” คณินเอ่ยขออย่างออดอ้อน ส่งสายตาน่าถีบให้ผู้เป็นพ่อหมั่นไส้

“อย่ามาทำตาแบบนี้ ฉันเห็นแล้วจะอ้วก”

“โวะ! ไม่เข้าใจวัยรุ่นเลยอ่ะ”

“เอาไว้แกเรียนไปสักพักก่อนค่อยเอารถไปเอง ช่วงรับน้อง ประชุมเชียร์ เดี๋ยวรุ่นพี่จะหมั่นไส้เอา ฉันไม่อยากจะไปพบอธิการบดีตั้งแต่เพิ่งเริ่มเรียน”

“โห...ผมโตแล้วน่า ไม่เลือดร้อนเป็นวัยรุ่นแล้ว เชื่อถือได้เลย”

“แล้วเพื่อนเนี่ย ก็เลือกเพื่อนที่มันดีๆ หน่อย เอาที่พาแกเรียนจบ ไม่ใช่พอแกออกไปเรียนรู้ชีวิตข้างนอกรั้วมหาลัย เพราะไม่งั้นฉันคงต้องส่งแกไปต่างประเทศ”

คำว่าต่างประเทศทำให้คณินเบ้ปากอย่างขยาด เขาค่อนข้างมีประสบการณ์กับการไปเยือนต่างประเทศที่ไม่ดีสุดๆ ไม่ได้เกลียดพวกรักร่วมเพศ หรือเพศที่สามแต่อย่างใด แต่เขาเกลียดพวกกระเทยควายที่จะเข้ามาข่มขืนเขาเนี่ยแหละ…

แรงเขาว่าเยอะแล้วนะ แต่พวกฝรั่งที่ตัวใหญ่กว่านี่แบบ เฮ้อ...ถ้าวันนั้นพ่อไม่ช่วยเอาไว้ มีหวังเสียประตูหลังให้กระเทยควายแน่ๆ

“รู้แล้วน่า จะจบให้ แต่ไม่เอาเกียรตินิยมให้นะ มันไม่มีประโยชน์อะไรกับผมเลย”

“ก็แล้วแต่ ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ยังไงแกก็ไม่ต้องสอบสัมภาษณ์ หรือสมัครงานอยู่แล้ว เพราะมันมีงานรอให้แกทำเยอะเลยเจ้าเขต”

“มาพูดเรื่องนี้อีกละ หล่อเซ็งจริงๆ นะเนี่ย” คณินตักเข้าต้มเข้าปากทันที

ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำงาน เพราะทำมาตลอดตั้งแต่มัธยม รู้ว่าตัวเองมีภาระ หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ แต่เขาก็ยังเด็ก อายุน้อย ยังเป็นวัยรุ่นที่อยากมีอิสระเที่ยวเล่นกับพวกเพื่อนๆ บ้าง

“เรื่องเที่ยว เรื่องเหล้า ฉันคงไม่ห้ามแกหรอก โตแล้ว คิดเองได้ แค่อย่ามีหลานมาให้อุ้มก่อนเวลาอันควรก็พอ”

“รู้แล้วน่า ผมยังไม่อยากมีแม่ของลูกตอนนี้หรอก”

ระหว่างที่นั่งกินไปสักพัก คณินเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก เลยถามผู้เป็นพ่อไปด้วยสีหน้าจริงจัง

“พ่อ...งานเลี้ยงเมื่อคืนนี่ มีหญิงป่ะ?”

“ฉันเลิกคั่วหญิงตั้งแต่แกอาละวาดคราวนั้นแล้ว สามสิบสองแล้วเนี่ย พ่อควรมีเมียได้หรือยังลูกชาย?”

คณินคิดไปสักพัก เพราะ ‘คราวนั้น’ ของพ่อนั่นมันก็เมื่อสองปีที่แล้วที่เขาอาละวาดบ้านแตกที่บิดาพาผู้หญิงเข้ามาที่บ้านในฐานะคู่ดูตัวที่ปู่กับย่าจัดหามาประเคนให้ พ่อก็มีหน้าที่ดูแลอย่างดีเพราะเป็นคนรู้จัก ไม่อาจหักหาญน้ำใจได้ แต่คนที่กล้าทำคือลูกชายตัวดีอย่างเขาเนี่ยแหละ

‘ไม่เอา!! เขตไม่เอาแม่เลี้ยง ไม่อยากได้แบบนี้ ดูแต่งตัวสิ จะเป็นแม่ใครเขาได้ กว่าลูกจะได้กินนม ไม่ต้องรอให้แม่ลงรองพื้น แต่งหน้า ทาปาก ทำผมเสร็จก่อนเหรอ ไม่ยอม ยังไงเขตก็ไม่ยอม ถ้าพ่อกับปู่ย่าจะเอาผู้หญิงคนนี้มาเป็นแม่เลี้ยงของเขต เขตก็จะไปอยู่ที่อื่น จะไม่ใช้นามสกุลร่วมด้วย’

แล้วยังไง สุดท้าย คณินก็คือคนที่ปู่กับย่าตามใจตลอดอยู่ดี จากนั้นเขาก็อาละวาดคู่นอนทุกคนของพ่อไปเรื่อยๆ จนพ่อเลี้ยงอาทิตย์ ยอมหยุดและสัญญาว่าจะ ไม่ทำอีก ถ้าจะมีคือคบไปเลย แต่ต้องมาถามลูกชายก่อนว่าอนุญาตหรือเปล่า…

“ว่าไงลูกชาย อยากให้น้องอายุห่างถึงสามสิบปีเลยไหม”

“อืม...ถ้าปล่อยให้นานกว่านี้กลัวพ่อจะหมดน้ำยาแล้วอ่ะดิ งั้น...อนุญาตก็ได้ แต่…”

“อะไรของแกเนี่ยเขต มีแต่อะไรอีก”

“ไม่อะไรหรอกคร้าบพ่อ แต่ ‘เขต’ จะเป็นคนหาให้พ่อเองนะ หึหึ ไปเรียนแล้วหวัดดีคร้าบบบบ” พูดจบก็ลุกขึ้นยกมือไหว้แล้ววิ่งออกไปทันทีอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้พ่อเลี้ยงอาทิตย์มองตามแล้วส่ายหน้าอย่างระอา

เอาเถอะ...ความสุขของลูกนี่นะ


มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

วันรายงานตัวกูก็อยู่คนเดียว ไม่สนใจใคร ไม่สนใจโลก วันปฐมนิเทศหรือแม้แต่วันลงทะเบียนเรียน กูก็มาอโลนๆ ของกู พูดแค่กับอาจารย์เจ้าหน้าที่ ไม่รู้จักใครเลย มีเพื่อนที่จบจากโรงเรียนเก่าแต่ก็ไม่ได้รู้จักอะไรกัน

“แค่นี้ไม่ทำให้คนอย่างไอ้เขตกังวลหรอกครับ อยู่ไปสักพักก็มีเพื่อนเองนั่นแหละ ว่าแต่วิชาแรกเรียนไร กูลืมเอาตารางเรียนมาเนี่ยแหละ ซวยฉิบหาย ถ้าโทรไปหาพ่อ แม่งหูชาแน่ๆ” ร่างสูงบ่นพึมพำกับตัวเอง มองไปรอบๆ ก็เห็นนักศึกษาเดินกันให้ควัก

คนอย่างคณิน ไม่มีทางทำความรู้จักกับใครก่อน และจะไม่ขอความช่วยเหลือจากใครก่อนเด็ดขาด!!

“มึง…”

ใคร? เรียกกูหรือเปล่าวะ

“มึง…”

แปะ!

คราวนี้ทั้งเรียกและจับที่ไหล่เลย ร่างสูงหันมามองคนที่ทักทายกันด้วยคำเรียกสุดแสนจะหยาบคายทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันก็ทำหน้าหงุดหงิด พอเห็นหน้าของคนที่ทักเขานั่นแหละ ทำเอามองอย่างตะลึง อ้าปากค้าง หัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง…

เชี่ย!!! สวยฉิบหายเลย หน้าขาวอมชมพู ปากก็แดง รูปร่างบอบบาง ผมยาวถูกรวบเอาไว้ลวกๆ ส่วนสูงก็แค่ไหล่ของเขาเอง เขาสูงร้อยแปดสิบสาม มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วย

“มีไร?”

แค่ตะลึงในความสวยครับ แต่ไม่ทำให้คนอย่างคณินชอบหรือตกหลุมรักได้ง่ายๆ หรอก

“กูเห็นมึงยืนอยู่ตรงนี้มาสักพักแล้วไม่เห็นขึ้นไปสักที ก็พอจะดูออกว่ามึงคงไม่รู้ว่าเรียนห้องไหนสินะ” เสียงหวานๆ แบบฉบับผู้ชายเปล่งประโยคยาวออกมา สีหน้าราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกอะไร ดวงตาก็เหมือนกัน นั่นมันทำให้ความคิดที่ว่าไอ้คน       ตัวเตี้ยนี่จะมาหัวเราะเยาะเขาถูกพับเก็บไป

“เออ! ลืมเอาตารางเรียนมา” ตอบไปตรงๆ

“แล้วทำไมมึงไม่ใช้ไอโฟนในมือเปิดดูในระบบ?” สิ้นเสียงของคนตรงหน้าคณินก็มองโทรศัพท์ในมือเหมือนพึ่งนึกออก…

“จะเข้ามาสอนกูว่างั้น” คณินถามเหมือนหาเรื่อง คนหน้าสวยตรงหน้าเลยถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย คนหวังดียังจะพูดแบบนี้อีก ช่างแม่งก็แล้วกัน…

“สองสี่ศูนย์หก” ร่างบางเดินขึ้นตึกไปทันที ไม่รอคณินที่มองตามอย่างสงสัย  เลยสักนิด

มันดูเป็นผู้ชายร่างบาง หน้าสวย อ้อนแอ้น จนเขากำหนดเพศของมันไปแล้วว่าไม่ใช่ผู้ชายแมนๆ ชัวร์

“อยู่ห่างๆ ดีกว่า เดี๋ยวมันจับทำผัว”



 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ปรับแก้บทนำ และเนื้อหาตอนที่ 1 ใหม่นะคะ เพราะตอนที่ทำเล่ม รู้สึกว่าบทนำเนื้อหายาวมากค่ะ
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {01/05/61} ➡ Ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 01-05-2018 20:18:20
01




ในห้องเรียนของวิชาแรกมีแต่ปีหนึ่งกับรุ่นพี่แค่บางส่วนที่ต้องมาตามเก็บวิชาที่ลงเรียนไม่ครบ คณินกวาดสายตาไปรอบๆ เพื่อหาที่นั่ง เห็นไอ้คนผมยาวที่ดูโดดเด่นกว่าใครนั่งอยู่เกือบหน้าห้อง เขาเลยเลือกนั่งท้ายห้องตามวิสัยของคนขี้เกียจ…

“เด็กเรียนชะมัด”

เลยเวลาแปดโมงไปสามสิบนาทีอาจารย์ประจำวิชาก็เข้ามา เขาได้แต่นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์อย่างเบื่อๆ เพราะรู้อยู่ว่าวันแรกคงไม่ได้เรียนอะไร กำลังคิดอยู่ว่าถ้าอาจารย์ปล่อยจะไปอยู่ไหนเพราะมีตอนบ่ายอีกหนึ่งวิชา ตอนเย็นก็มีประชุมเชียร์อีก”

“วันนี้คงจะยังไม่สอนอะไร แต่จะแจ้งเรื่องการเก็บคะแนนคร่าวๆ แล้วให้ทุกคนแนะนำตัวนะ ส่วนใหญ่ก็คงมีแต่ปีหนึ่ง ฉะนั้นรหัสเก่าๆ ช่วยขึ้นมานั่งข้างหน้าด้วยค่ะ จะได้จบง่ายๆ” รุ่นพี่พากันลุกไปนั่งข้างหน้าอย่างที่บ่นอะไรไม่ได้

“เฮอะ! น่าเบื่อ อะไรๆ ก็แนะนำตัว” คณินบ่น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาฟังเพื่อนร่วมรุ่นแนะนำตัวบ้าง ไม่ฟังบ้าง ตามลำดับเลขที่ที่อาจารย์เรียก

“เลขที่สิบสอง นายคณิน หืม…? เอ้า ลุกแนะนำตัวซิ!” คณินไม่ได้แปลกใจที่อาจารย์ชะงักตรงนามสกุลของตนเท่าไหร่นัก มันก็เป็นแบบนี้แหละ เขายังไม่ได้ทำงานส่วนบริหาร ไม่กว้างขวางพอที่จะมีใครรู้จัก คณินถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน เอาแขนยันโต๊ะไว้ ใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกเขิน อาย ตื่นเต้นเหมือนกับคนอื่นๆ ที่ผ่านมา

“ผมนายคณิน ศักดินนท์ ชื่อเล่น เขต จบจากโรงเรียนอัสสัมชันกรุงเทพ เกรดเฉลี่ยสามจุดหนึ่งแปด รหัสนักศึกษา 590810XX2 คณะเกษตรศาสต์ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรครับ” พูดจบก็นั่งลงทันที ไม่สนใจเสียงดังอื้ออึงที่พากันกระซิบกระซาบกันตั้งแต่นามสกุลของเขาแล้ว

“นายคณิน ทำไมถึงเลือกเรียนคณะนี้”

ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียวเมื่ออาจารย์ถาม

“เรียนเอาปริญญาเฉยๆ ครับ ไม่มีเหตุผลอะไร จบไปก็ทำงานที่อื่นไม่ได้อยู่ดี” ตอบให้ดูน่าหมั่นไส้ไปงั้นแหละ จริงๆ แล้วที่เลือกเรียนคณะนี้ก็ไม่ได้มีเหตุผลนั้นทั้งหมด ไหนๆ ก็จะต้องไปช่วยพ่อทำงาน ก็เรียนเกี่ยวกับธุรกิจของที่บ้านจะดีกว่า ส่วนตัวเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองชอบหรืออยากทำอะไร

รู้อย่างเดียว...คืออยากเป็นเหมือนพ่อ ทั้งพ่อเลี้ยงอาทิตย์ และพ่อเลี้ยงตะวัน…

“แม่ง...ตอบได้กวนตีนดีว่ะ” เจ้าของใบหน้าสวยหวานพึมพำเบาๆ

คนรวยก็แบบนี้แหละนะ…

“ถือว่าตอบใช้ได้ งั้นอีกคำถามก็แล้วกัน ทำไมถึงเลือกเรียนเชียงใหม่”

อาจารย์จะอะไรนักหนากับกูวะเนี่ย ซักอย่างกับกูเป็นดารา…

“บ้านเกิดผมอยู่นี่ ที่สำคัญอยู่กรุงเทพพ่อกลัวจะไปมีเรื่องกับมออื่น ขี้เกียจไปพบฝ่ายปกครองหรือไปโรงพักบ่อยๆ ด้วย เลยให้มาที่นี่แทน ใกล้กว่า สะดวกกว่าครับ”

โฮ...จ๊อกแจ๊ก

ซุบซิบ ซุบซิบ

ดูเหมือนคำตอบของคณินจะทำให้เจ้าตัวโด่งดังขึ้นมาได้ในทันที อาจารย์ยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ

“ต่อไปเลขที่สิบสาม นายศตคุณ”

ครืด…

เจ้าของร่างบอบบาง ใบหน้าสวยและผมยาวเกินผู้ชายลุกขึ้นด้วยท่าทางนิ่งๆ เสียงเซ็งแซ่เมื่อครู่เงียบลงราวกับโดนสะกด คณินยิ้มมุมปากนิดๆ

เลขที่ต่อกันด้วย บังเอิญหรืออะไร...

“ผมนายศตคุณ บุญรักษ์ ชื่อเล่น หมู จบจากอาชีวฯ เชียงใหม่ เกรดเฉลี่ยสี่จุดศูนย์ศูนย์ รหัสนักศึกษา 590810XX3 คณะเกษตรศาสต์ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรครับ”

ปฏิกิริยาต่อชายร่างบางเจ้าของนามศตคุณก็ไม่ใช่ธรรมดา ตั้งแต่จบจากสายอาชีพ และเกรดเฉลี่ยที่น่าทึ่งนั่นด้วย คณินคิดอย่างสงสัยว่าพ่อแม่ให้กินหนังสือเรียนเป็นอาหารแทนข้าวหรือไง อะไรจะเก่งปานนั้น

“ศิษย์เก่าอาจารย์เองแหละ ก่อนจะมาสอนมหาลัย อาจารย์เคยสอนมัธยมที่ ศตคุณเขาเคยเรียน นิสัยดี เก่ง และขยันมาก ตั้งแต่มัธยมจนปวช. รักษาเกรดได้ดีมาตลอดเลย แต่มหาลัยไม่ต้องเอา ‘ดี’ นะลูก เอา ‘เอ’ ให้ได้ทุกวิชานะ”

“ครับ” ร่างบางยิ้มน้อยๆ แล้วก้มหน้านิ่งๆ เหมือนเดิม เพราะหวั่นใจว่าตัวเองจะโดนหมั่นไส้หรือเปล่าน่ะสิ

จากนั้นก็แนะนำตัวกันต่อไปจนกว่าจะครบทุกคนที่มาเรียน อาจารย์ก็ปล่อย บางคนก็ลุกออกไปจากห้องเรียนไป บางคนก็ไม่รู้จะไปที่ไหนเลยยังนั่งอยู่บ้าง ทำความรู้จัก ขอเฟซบุ๊ก ขอเบอร์ ขอไลน์กันไป คณินเองที่ไม่รู้จะไปไหนก็นั่งเล่นเกมอยู่แบบนั้นแหละ

“เขตใช่ป่ะ เราฝนนะ ขอเบอร์ติดต่อหรือไม่ก็เฟซบุ๊กได้ป่ะ เราภาคเดียวกัน”

ใบหน้าหล่อเงยหน้ามองหญิงสาวรุ่นเดียวกันแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“อาณาเขตของคณิน ชื่อเฟซ ส่วนเบอร์อ่ะ ฉันไม่ค่อยชอบคุยโทรศัพท์เท่าไหร่น่ะ มีไว้เล่นเกมแล้วก็ทำงาน” เขาพูด หญิงสาวยิ้มแล้วกดยึกๆ กับโทรศัพท์ของตัวเอง

“เอ่อ...มันเพิ่มเพื่อนไม่ได้ ต้องติดตามสินะ แล้วแบบนี้ถ้าฝนส่งข้อความไปเขตจะเห็นป่ะ?” เธอยิ้มแห้งๆ คณินเองก็เพิ่งนึกได้ ตอนอยู่กรุงเทพนอกจากจะมีเรื่องกับคู่อริ ยังมีรับจ้างถ่ายแบบบ้าง เพราะโดนพ่อลงโทษด้วยการหักเงินที่ใช้จ่าย ระงับบัตรเครดิต ก็เลยใช้หน้าตาและหุ่นหาเงิน

“ฉันก็เช็คตลอดนั่นแหละ ข้อความเยอะอ่ะ ตอบไม่ไหว ทางที่ดีถ้าจะคุยงานอะไรอ่ะ ตั้งเป็นกรุ๊ปเลยดีกว่า เพราะฉันก็ไม่ค่อยจะจำด้วยว่าใครชื่อเฟซอะไร”

“งั้นไลน์ก็ได้นะ”

“ไลน์ไว้คุยงาน คุยกับพ่อ แล้วก็เพื่อนสนิทๆ อ่ะ โทษทีนะ”

“จ้า เราเข้าใจ ไม่เป็นไรหรอก” หญิงสาวยิ้มหวานให้ แม้จะผิดหวังลึกๆ แล้ว แต่ก็ยังไม่หมดหวังทีเดียว เราต้องเรียนด้วยกันไปอีกนานเลยล่ะ

ไม่รีบร้อน…

“หมูใช่มะ กูโอ๊ตนะเว้ย เราเคยเรียนห้องเดียวกันตอนมอสอง”

คณินหันไปมองด้วยความสนใจ

“อ้อ...จำแทบไม่ได้แหนะ ตอนนั้นมึงโคตรเนิร์ดไม่ใช่ไง?”

“เหอๆ กูค้นพบตัวเองใหม่แล้วว่ะ มึงก็...สวยกว่าเดิมอีก อย่าๆ อย่าเตะกู มึงนี่นะ เอะอะก็ยกขาจะถีบตลอดเลย ใช้เฟซเดิมป่ะ”

“อือ อันเดิม”

“โอเค งั้นเดี๋ยวกูจะทักขอลอกการบ้านบ่อยๆ นะ ไปแดกข้าวละ หิวข้าวมาก ฮ่าๆ”

“สัส!!!” เสียงคำด่าตามหลังเพื่อนสมัยมอต้นดังลั่นไปทั้งห้อง ทำเอาเพื่อนๆ ที่แลกเฟซอยู่ถึงกับเงียบแล้วหันไปมองคนสวยเป็นตาเดียว ทำเอาคณินหัวเราะขึ้นมาเบาๆ

“โทษที เราด่าเพื่อนน่ะ” พอเจ้าตัวรู้ว่าถูกมองก็รีบขอโทษ แล้วลุกขึ้นยืน…

“หมู...เอ่อ จะไปไหนเหรอ”

“เราจะไปหาที่นั่งข้างนอกน่ะ ทำไมเหรอ”

“ขอเฟซกับไลน์ได้ป่ะ”

“ได้...แต่เราไม่ค่อยออนหรอกนะ”

“ไม่เป็นไรๆ เอาไว้ติดต่อกันเฉยๆ”

ร่างบางพยักหน้า คว้าโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา แล้วพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ

“เราเป็นผู้ชาย เดี๋ยวเราแอดเองดีกว่านะ บอกชื่อเฟซมาสิ” เพื่อนสาวนิ่งอึ้งไป ไม่เคยเจอผู้ชายแบบศตคุณมาก่อนเลย ก็ได้แต่หน้าแดงด้วยความเขินๆ

“พ่ะ..พีเอที…” ศตคุณพิมพ์ตามที่เธอบอกอย่างตั้งใจ ซึ่งมันมีเสน่ห์มากกับคนที่มองอยู่

“แอดแล้วนะ ขอตัวก่อน”

“จ่ะ จ้ะ”

ศตคุณเดินสะพายกระเป๋าออกไป แม้ว่าสีหน้าจะนิ่งๆ แต่ก็มีแต่ความอ่อนโยน เป็นมิตรกับทุกคน ความสุภาพบุรุษเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำออกมาอย่างเป็นธรรมชาติทำเอาเพื่อนๆ หลายคนถึงกับประทับใจได้

“หึหึ คนแบบนั้น กับคนแบบกู จะเป็นเพื่อนกันได้ยังไงวะ” ร่างสูงพึมพำพลางหัวเราะอย่างขบขัน

ไม่มีทางหรอก…

โคตรจะต่างกันเลยอ่ะ





‘วิ่งจับพี่ให้ได้นะเขต ฮ่าๆ เจ้าหมูอ้วนเอ้ย’ เสียงหัวเราะใสๆ ของเด็กชายเมฆาดังขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องชายตัวน้อยกำลังวิ่งต้วมเตี้ยมตามจับผู้เป็นพี่ชายให้ทัน สีหน้าเต็มไปด้วยความพยายาม น้ำตาเอ่อคลอ เม้มปากแน่น ระงับไม่ให้ตัวเองน้ำตาไหล

‘พี่เมฆ อย่าหนีเขตสิ’

‘พี่เปล่าหนีนะ เขตขาสั้นต่างหาก’

ปัก!

‘อึก โอ้ย! เจ็บ เขตเจ็บ ฮือ’ เด็กชายคณินที่พยายามจะวิ่งให้ทันเมฆาก็สะดุดก้อนหินล้มหน้าคะมำไปกับพื้นหญ้าสีเขียว หยัดกายลุกขึ้นมาแล้วนั่งเบะปากอยู่อย่างนั้น ดวงตาเต็มไปด้วยม่านน้ำ จนมองไม่เห็นว่าพี่ชายอยู่ตรงไหน

‘พี่เมฆ ฮือ...อย่าทิ้งเขต’

หมับ!!!

ในขณะที่เด็กชายคณินกำลังรู้สึกหวาดกลัวและโดดเดี่ยว ก็มีอ้อมกอดอบอุ่นโอบรัดร่างเล็กจากด้านหลัง พร้อมกับกระซิบข้างหูอย่างอ่อนโยน

‘ไม่ร้องนะคนเก่ง ลูกชายของอาตะวันต้องเข้มแข็งสิ น้ำตาเนี่ย ให้ไหลตอนที่มันไม่ไหวจริงๆ อย่าปล่อยพร่ำเพรื่อรู้ไหมครับ’

‘ฮึก เขต ฮึก จะไม่ร้อง ต่ะ แต่ อึก พี่เมฆต้องให้เขตขี่คอ ไปส่งเขต ฮึก ด้วย’

‘ได้สิ เรื่องแค่นี้เอง ม่ะ กลับบ้านไปทำแผลดีกว่านะ’ พี่ชายที่ตัวโตกว่าผละอ้อมกอดแล้วมานั่งหันหลังอยู่ข้างหน้าเด็กชายคณิน เจ้าตัวกลมเลยขึ้นไปบนแผ่นหลังนั่นด้วยรอยยิ้ม

สองก้าวของเมฆาไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่เพราะตัวเองก็เป็นผู้ชายตัวเล็ก เพียงแค่สูงกว่าน้องเพราะอายุมากกว่าเท่านั้น แต่ถึงจะเหนื่อยและหนัก เมฆาก็ได้แต่เดินต่อไปไม่คิดที่จะบ่นหรือต่อว่าเลย

‘พี่เมฆเก่งจังเลย แบกเขตมาได้ตั้งไกล’

‘ก็เพราะว่าพี่ตัวโตกว่าไงครับ’

‘งั้น...ถ้าเขตโตแล้ว เขตจะตัวใหญ่ๆ เท่าพ่อกับอาอาทิตย์เลย ถ้าพี่เมฆป่วย เขตจะคอยอุ้มพี่เมฆเอง’ เด็กน้อยให้คำสัญญาอยู่บนหลังของพี่

‘หึหึ สัญญานะ’

‘สัญญาคับ’

เมื่อเดินมาถึงหน้าบ้าน เด็กชายเมฆาก็วางน้องลงบนพื้น

‘อ้าว? มากันแล้วเหรอ’

‘อาตะวัน...น้องล้มน่ะครับ เลยพากลับมาก่อน’ หันไปยิ้มให้กับพ่อเลี้ยงตะวัน พ่อเลี้ยงที่อายุน้อยที่สุด ผู้เป็นพ่อของเด็กชายคณิน

‘ขอบใจมากนะเมฆ ที่มาเล่นเป็นเพื่อนน้อง แล้วนี่พ่อเลี้ยงมนัสไม่รู้ใช่ไหม’

ตอนนั้นเด็กชายคณินก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมพ่อจะต้องทำเหมือนไม่อยากให้พ่อของเมฆารู้ว่ามาเล่นกับเขาที่นี่

‘ไม่รู้หรอกครับ วันนี้พ่อพาน้าพรไปห้าง’ เมฆาบอกด้วยสีหน้าเศร้าๆ

‘เฮ้อ...อย่าคิดมากไปเลยเมฆ ต้องเข้าใจว่าพ่อเราเป็นคนแบบนั้น’

‘พ่อไม่มีเวลาให้เมฆกับมลเลย เวลาผู้หญิงมาที่บ้าน ก็ชอบไล่เมฆกับน้องออกไป เมฆกับน้องโดนผู้หญิงพวกนั้นตีก็ไม่ยอมเชื่อ บอกว่าเราโกหก เมฆเป็นเด็กไม่ดีเหรอครับอาตะวัน’

หมับ!

มือใหญ่ที่แสนอบอุ่นของพ่อเลี้ยงตะวันลูบเบาๆ ที่เด็กชายตัวเล็กที่ทำหน้าเศร้า เหมือนร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เด็กคนนี้ อาจจะเจ็บจนชินและชาไปแล้วก็ได้

‘งั้นก็มาหาอา อาจะเป็นพ่อให้เมฆเอง โอเคไหมครับ’

‘จริงนะครับ’

‘จริงๆ พ่อตะวันเป็นพ่อให้พี่เมฆด้วยน้า เขตยอมให้คนเดียวด้วย’

‘ฮ่าๆ เจ้าอ้วน’

‘ขอบคุณนะตัวเล็ก’

รอยยิ้มของเด็กชายเมฆากว้างและสดใสที่สุดเท่าที่เด็กชายคณินเคยเห็น และเมื่อถึงเวลาล่ำลากัน เด็กชายที่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อเลี้ยงตะวันก็เรียกพี่ชายเอาไว้อย่างไม่ทราบสาเหตุ

‘พี่เมฆ…’

‘พรุ่งนี้เจอกันนะครับ’

เหมือนเป็นคำมั่นสัญญาที่ทำให้เด็กชายคณินยิ้มกว้างแล้วโบกมือลาพี่ชายที่ค่อยๆ หายไปจากสายตา และจู่ๆ ก็รู้สึกว่าพรุ่งนี้…มันจะไม่เหมือนเดิม

มือป้อมๆ เอื้อมไปข้างหน้า ราวกับจะจับพี่ชายไว้ แต่มันก็ว่างเปล่า และรอบตัวก็เริ่มมืด พ่อผู้เป็นที่รักเองก็โดนความมืดนั้นพรากไป จนเหลือเขาที่มองไปรอบๆ ความมืดด้วยความกลัวและหนาวเหน็บ

‘ไม่!! ฮือ อย่าทิ้งเขต...อย่าทิ้งเขตไป ฮือ’




“ไม่!!! อย่าไป!!!”

ร่างสูงสะดุ้งพรวดขึ้นมา ตื่นจากฝันร้ายที่เขาพยายามจะลืมเลือนมันไป ทุกความรู้สึกในฝันมีผลกระทบต่อความรู้สึกในปัจจุบันจนอยากจะร้องไห้ ดวงตาคมมองไปรอบๆ ห้องอย่างสังเกต ขมวดคิ้วเข้มอย่างสงสัย

ที่ไหน? จำได้ว่ามาเรียนนี่หว่า มานอนอยู่นี่ได้ไง?

“ตื่นแล้วเหรอ”

ขวับ!

ร่างสูงหันไปตามเสียงเห็นว่าเป็นใครก็ได้แต่ขมวดคิ้วสงสัยเข้าไปอีก

“ไอ้หมู…” เรียกชื่อคนหน้าสวยเบาๆ

“อ่ะ จะได้สดชื่น” ตาคมมองน้ำผลไม้ในมือแล้วเบะปากอย่างขยาด

ชีวิตเขาอยู่แต่กับองุ่น ส้ม สตรอเบอร์รี่ มันจะช่วยซื้อน้ำผลไม้ที่นอกเหนือจากสามอย่างนั่นไม่ได้หรือไงวะ คิดแบบนั้นแต่ก็รับมาเปิดดื่มอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเขารู้สึกเพลียๆ เหมือนยังไม่ตื่นดี

“ขอบใจ...ว่าแต่ ที่นี่ที่ไหนวะ แล้วกูเป็นอะไร”

“อะไร? นี่จำอะไรไม่ได้เลยเหรอวะ”

“จำได้จะถามหรือไง อย่าลีลา...ตอบมาสิ!” คณินขึ้นเสียงสั่งอย่างหงุดหงิด แต่เมื่อไม่ได้รับคำตอบก็หันไปมองหน้าเตรียมจะด่าเอาเรื่อง แล้วชะงักกึก ตัวแข็ง ปากหนัก พูดอะไรไม่ออก

ใบหน้าสวย ดวงตาที่สดใสตลอดเวลา กำลังยืนจ้องหน้าของคณินอย่างราบเรียบ ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ มันดูโกรธมากๆ จนแทบอยากจะซัดคนด้วยซ้ำ แต่ศตคุณยังคงนิ่ง จ้องหน้าของคณินอยู่อย่างนั้น

“กูเป็นอะไรกับมึงเหรอ?” น้ำเสียงของศตคุณทำให้รู้สึกเย็นวาบ ดวงตาคล้ายตะปูที่กำลังตอกยึดเขาไม่ให้ขยับ

“...”

“เพื่อนก็ไม่ใช่ ลูกน้องก็ไม่ใช่ คนใช้ก็ไม่ใช่ สถานะของเราตอนนี้คือคนที่เรียนที่เดียวกัน คณะเดียวกัน และภาคเดียวกันเท่านั้น มีสิทธิ์อะไรมาขึ้นเสียงใส่ ‘คนอื่น’ แบบนี้ กูใช้เงินของมึงไหม? กินข้าวของมึงหรือเปล่า? ก็ไม่...อย่าเอานิสัยคุณหนูที่มีแต่คนตามใจ ชี้นิ้ว ตะโกนสั่งอะไรแล้วก็ได้ตามที่ต้องการทั้งหมดมาใช้กับคนที่มึงไม่รู้จักอีก”

คณินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไม่เคยมีใครพูดสอนเขาได้ราบเรียบ เย็นชา จนรู้สึกหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจแบบนี้เลยสักคน

ศตคุณมีอำนาจอะไรบางอย่างที่ทำให้คณินเกรงใจ และเชื่อฟังได้…

“มึงหมดสติในห้องเรียน อาจารย์กับคนอื่นปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น อาจารย์เลยให้เพื่อนที่มีรถยนต์พามึงมาดูอาการที่คณะแพทย์ แต่มึงไม่ต้องห่วงหรอก ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่พักผ่อนไม่เพียงพอ กูไม่รู้หรอกว่ามึงนอนไม่พอเพราะอะไร ถ้าเที่ยวดึกหรือเล่นเกมก็หัดเตือนตัวเองบ้าง โตๆ แล้ว แต่ถ้ามีอะไรให้คิดจนนอนไม่หลับก็อย่าเอาใจไปผูกกับมันมาก ปล่อยวางไปซะ อย่ายึดติดกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว อย่าพะวงกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง สิ่งที่คนเราทำได้คือ ทำตอนนี้ เวลานี้ให้มีคุณค่ามากที่สุด ขอโทษด้วยก็แล้วกัน ถ้าพูดอะไรให้ไม่พอใจ ไม่ได้มีเจตนาจะสอน แค่เตือน อ่ะ อันนี้เป็นเลคเชอร์กับงานที่อาจารย์สั่ง กูซีร็อกซ์ของกูมาให้ แล้วก็ไม่ต้องเอาเงินมาจ่ายกูด้วย กูทำเพราะอยากทำ ไม่ได้หวังเงินจากใคร กูจนก็จริง แต่อย่าคิดว่าทุกคนจะหิวเงินกันหมด ช่วยมองเจตนาคนให้ออกด้วยนะคุณชาย ‘หวังผล’ กับ ‘น้ำใจ’ มันต่างกันมาก ส่วนงานมึงไม่เข้าใจอะไรก็ถามเพื่อนๆ มึงเอาก็แล้วกัน อ้อ! ประชุมเชียร์เย็น นี้กูจะเอาใบรับรองไปให้พวกรุ่นพี่เอง กลับไปพักที่บ้านเถอะ กูไปละ”

ศตคุณเดินออกไปจากตรงนั้นโดยไม่รอให้คณินได้พูดอะไรออกมาสักคำ ร่างสูงได้แต่มองน้ำผลไม้กับเอกสารที่ร่างบางให้สลับกันไปมา แล้วยิ้มกว้าง หัวใจมันสั่นระรัวไปหมด ความอบอุ่นแบบนี้…

ความอบอุ่นที่คุ้นเคยแบบนี้...นอกจากพ่อ ปู่กับย่าแล้ว เขาไม่เคยได้รับจากคนที่เป็น ‘เพื่อน’ มาก่อน และไม่คิดว่าตัวเองจะมีเพื่อนที่หวังดีได้ขนาดนี้ด้วย…





‘เกลียด...เกลียด เขตเกลียดพี่เมฆ!!!’

เฮือก!!!

“ฝัน...ฝันอีกแล้ว”

ร่างโปร่งลุกขึ้นนั่งบนเตียง ทำจิตใจของตัวเองให้เป็นปกติอย่างทุกครั้งที่ฝันถึงเด็กชายของเขา ในจังหวะที่กำลังลุกขึ้นยืน เขาก็วูบนิดๆ ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้ว

เมฆาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่หล่อเหลา อ่อนโยน ร่างโปร่งบาง ผิวขาวเนียน กล้ามเนื้อที่เคยมีก็หายไปหมด ตั้งแต่ตอนที่เกิดมาจนกระทั่งอายุสิบห้าปีเขาก็เป็นผู้ชายปกติที่แข็งแรง ตัวใหญ่ แต่สุดท้ายร่างกายก็เกิดความผิดปกติ จนผู้เป็นป้าต้องพาไปตรวจสุขภาพอย่างจริงจัง นั่นทำให้ทราบสาเหตุของความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

‘ร่างกายปรับเปลี่ยนฮอร์โมนครับ เราตรวจเลือดดูแล้วก็เป็นไปตามที่คิดเลย จริงๆ เลือดกรุ๊ปธรรมดาแต่เซลล์เม็ดเลือดพิเศษมันแฝงไปทั่วทั้งร่างกาย และเติบโตเรื่อยๆ ค่อยๆ ดูดซึมเลือดธรรมดาทำปฏิกิริยากับฮอร์โมนเพศหญิงในร่าง จนตอนนี้ร่างกายของคนไข้มีเลือดพิเศษไหลเวียนแทนเลือดเดิมอย่างสมบูรณ์แล้วครับ ช่วงนี้จะรู้สึกร่างกายอ่อนแอ หมดแรงหน่อยนะครับ เพราะคุณไม่ได้มีเลือดพิเศษแต่กำเกิด หมอจะจัดยาบำรุงให้ ไม่ต้องตกใจถ้ากล้ามเนื้อจะลดลงหรือหายไป มันเป็นเรื่องธรรมดาครับ ซึ่งต่อให้เราออกกำลังกายหนักแค่ไหน มันก็มีไม่เท่าเดิมครับ’

รู้สึกเหมือนว่าโลกทั้งใบพังทลายลงในวัยสิบห้าปี เขากำลังฮอร์โมนพลุ่งพล่าน อยู่ในวัยของการอยากรู้อยากลองเริ่มมีแฟน เริ่มเรียนรู้เรื่องเพศ ทุกอย่างก็กลับกลายมาเป็นแบบนี้ได้

ไม่อยากจะยอมรับ แต่มันก็เป็นความจริง…มันหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ใช่...ยังไงมันก็คือความจริง”

ดวงตาหวานมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอยยามคิดถึงใครบางคนที่ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานกี่ปี เขาก็ไม่เคยลืม และไม่สามารถลบออกไปจากใจได้

“ตอนนี้คงอายุสิบเก้า เป็นหนุ่มแล้วสินะ น้องเขตของพี่”

ยังคิดถึง ยังเป็นห่วง…ยังจำน้องชายตัวน้อยได้ดี…ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้จะหน้าตาเป็นยังไง แต่ก็พอเดาได้ว่าต้องหล่อ คมเข้มเหมือนผู้เป็นพ่อแน่ๆ

Rrrrr

“Hello, Mekha Speak.” ร่างโปร่งรับโทรศัพท์ที่อยู่ใกล้มือทันทีโดยไม่ดูว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา

(ฉันเอง…)

“คุณ...พ่อ?”

(ยังดีที่จำเสียงพ่อแกได้ ทั้งๆ ที่ไม่เจอกันตั้งสิบห้าปีกว่า)

เมฆาโทรหาพ่อตลอดด้วยความคิดถึง แต่คนเป็นพ่อไม่สนใจใยดีเขากับน้องเลย ไม่โทรหา ไม่รับสาย ไม่มาหา แล้วพวกเขาเองถ้าไม่ได้รับคำสั่งให้กลับไทยก็ไม่มีสิทธิ์กลับไปได้

น้องสาวเขากลายเป็นเด็กใจแตก เพราะปมในใจที่พ่อไม่รัก ก็หวังว่าถ้าทำตัวเหมือนเมียน้อยพ่อ ก็จะมีคนมารักเธอ...เขาพยายามช่วยน้องอย่างถึงที่สุด แต่ก็ทำได้เพียงประคับประคองให้เรียนจบ แต่ก็จบแค่ไฮสคูลเท่านั้น

“มีอะไรครับ”

(พาน้องแกกลับมาไทยได้แล้ว)

“ให้กลับ...กลับไปทำไมครับ”

(ก็มาช่วยงานสิ เรียนจบสูงนี่ การงานดี ไม่คิดจะมาตอบแทนพระคุณหรือไง)

บางทีเมฆาก็นึกรังเกียจความเห็นแก่ตัวของพ่อ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“ผมกำลังต่อเอก ขอเวลาปีหนึ่งนะครับ”

(ฉันก็อยากให้แกต่ออยู่หรอกนะ เป็นดอกเตอร์ตอนอายุยี่สิบสี่ก็ไม่ได้หาง่าย แต่แกทำประโยชน์ได้มากกว่านั้น!!)

หึ...สมเพชตัวเองจริงๆ

สำหรับพ่อ ถ้าเราไม่มีประโยชน์ ก็ไม่เคยต้องการอยู่แล้ว อยากทิ้งก็ทิ้ง อยากจะเก็บมาคืนก็เก็บ เป็นเหมือนของไร้ค่า ที่พอนึกได้ว่ามันยังใช้ได้ ก็คว้ามันมาจากกองขยะ

“แล้วบริษัทของคุณป้า พ่อจะให้ผมทิ้งไปหรือไงครับ”

(ป้าแกเป็นคนทำให้แกเกิดมาหรือไง!! บุญคุณใครมากกว่ากันก็ชั่งเอา แค่นี้แหละ กลับมาให้เร็วที่สุด) คนเป็นพ่อวางสายไปหลังจากที่สั่งเสร็จ

เฮ้อ…

“แม่ครับ...ผมควรทำยังไงดี”

ความผิดของพ่อที่เขารู้อยู่เต็มอก มันทำให้เขาเจ็บปวดมาก

พ่อทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูง ความเป็นจริงที่มีอยู่ก็น่าจะพอแต่พ่อกลับไม่พอ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมาย แต่มีองค์กรใหญ่หนุนหลังอยู่ สุดท้ายแล้วพอพ่อหมดประโยชน์ พ่อเลี้ยงมนัสจะไม่เหลืออะไรแม้แต่ชื่อ…





 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

อ่านแล้วเม้นท์ให้กำลังใจด้วยนะคะ ^^
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {01/05/61} ➡ Ch.02
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 01-05-2018 20:43:25
02





ร่างโปร่งเดินมานั่งที่โต๊ะรับประทานอาหาร หลังจากแต่งตัวเตรียมจะไปทำงาน

“ป้ารู้เรื่องที่เราจะกลับไทยแล้วนะ”

“ครับ” เมฆารับคำเบาๆ

“ไม่อยากกลับเหรอ”

“ผมก็อยากกลับ แต่ผมก็เป็นห่วงป้านี่ครับ”

“โอ้ย...ป้าดูแลตัวเองได้เมฆ ที่สำคัญเดี๋ยวน้องก็เรียนจบแล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วล่ะ”

“ผมอยู่กับป้ามาตลอด ป้าเหมือนแม่ของผม ถ้าผมกลับไป…”

“เมฆโทรหาป้าได้ตลอดเวลานะลูก ป้ารักเราเหมือนลูก รักเราเท่าๆ ที่รักน้อง ถ้าไม่มีเมฆ ป้าก็อยู่อย่างสบายๆ แบบนี้ไม่ได้หรอก หลังจากโทนี่เสีย ป้าก็มีเราเป็นเสาหลักคนเดียว”

“เพราะอย่างนี้ ผมถึงยังไม่อยากทิ้งป้าไปไงครับ”

“เราแค่แยกย้ายกันไปทำหน้าที่กันลูก ยังไงเราก็ต้องได้เจอกันอีก ความสัมพันธ์ทางสายเลือดยังไงก็ตัดไม่ขาด ความผูกพันทางใจก็เหมือนกัน มีอะไรค้างคาในใจก็ไปทำเถอะเมฆ หลานฝันร้ายมาสิบห้าปีแล้วนะ” ผู้เป็นป้าพูด

เมฆาเล่าทุกอย่างให้ป้าฟังทั้งหมด เพราะเธอเป็นที่พึ่งคนเดียวของเขาเป็นผู้ปกครอง เป็นคนดูแลและเลี้ยงดู ถึงแม้พ่อจะส่งเงินมาให้ทุกเดือนก็ตาม

“ผมกลัว…”

“เราไม่ได้ผิดอะไรเมฆ ถ้ามันจะผิดก็ผิดที่พ่อของเรา ผิดที่น้องชายของป้า”

“ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ถ้าหากว่าน้องเห็นหน้าผม แล้วส่งสายตาเกลียดชังมาให้”

“เราทำอะไรไม่ได้ลูก นอกจากความจริงใจ พ่อของเราทำจริง แต่มันไม่มีหลักฐานเอาผิดได้ คนที่ถูกกระทำก็ต้องโกรธและแค้นเป็นธรรมดา จริงๆ น้องอาจจะไม่ได้เกลียดเรา แต่เพราะว่าเราเป็นลูกของมนัสมันเลยทำให้เขาเหมารวมไปด้วย”

“ครับ…”

“หากทุกอย่างมันจบ ก็แค่กลับมา มาบ้านของ ‘เรา’ นะลูก”

คำพูดของป้าอบอุ่นเสมอ เมฆาขอบคุณเสียงเบา ทานข้าวเช้าเพื่อเข้าบริษัทไปจัดการงานของตนและเตรียมออกจากงาน ซึ่งจำเป็นต้องหาคนมาแทนให้ได้ก่อนถึงจะออกจากบริษัทได้ แม้ว่าคำสั่งของพ่อคือเร็วที่สุด แต่เขาก็ต้องจัดการทุกอย่างตามกฎระเบียบ ไม่งั้นทั้งบริษัทจะเดือดร้อนได้…

ดวงตาเหม่อมองไปยังท้องฟ้าของเมืองหลวงของอเมริกา สภาพแวดล้อมที่เขาเติบโตมาตลอดสิบห้าปีเต็ม

“พี่กลับไป...เราจะจำพี่ได้ไหม”

จะเกลียดพี่อยู่หรือเปล่า…
   …
   …
   …


 “วิชานี้ผมจะเน้นให้พวกคุณทำงานกันเป็นทีมมากกว่าทำงานเดี่ยว งานเดี่ยวจะมีแค่รายงานส่งก่อนสอบไฟนอลงานเดียว ส่วนหัวข้อผมจะแจ้งหลังสอบมิดเทอม หลังจากเรียนมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว ผมว่าพวกคุณคงจะรู้จักกันบ้างแล้วล่ะ ให้พวกคุณจับคู่กัน จะไม่จับสลากนะ โตๆ กันแล้ว กลุ่มละสองคนพอ มากกว่านี้ผมคิดว่างานคงไม่เดิน และจะยึดกลุ่มนี้ไปจนจบตลอดเทอมเลย ถ้ามีเศษหนึ่งคน อนุญาตให้มีสามได้กลุ่มหนึ่ง ให้เวลาสามสิบนาที ผมจะกลับมา ตอนนั้นคงจะนั่งกันเป็นคู่ๆ เรียบร้อยแล้วนะ”

“ครับ/ค่ะ!!!”

เหล่านักศึกษาต่างพากันขานรับ และเมื่ออาจารย์ออกไป คนร้อยกว่าชีวิตก็เริ่มเสียงดัง เดินจับคู่กันวุ่นวายไปหมด คณินที่มาเดี่ยวยังไม่มีเพื่อนสนิท ยังไม่มีกลุ่มเดิม มีแต่เพื่อนๆ ที่ทำความรู้จักเอาไว้ทั้งนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ

เหลือใครก็ค่อยจับคนนั้นนั่นแหละ

ดวงตาคมมองไปยังร่างบางของศตคุณที่อยู่เก้าอี้ตัวหน้าๆ ซึ่งเขาเพิ่งจะรู้วันนี้แหละว่าเพราะอะไรเจ้านั่นถึงได้นั่งหน้าดูเป็นเด็กเรียน วันนี้เขามาถึงก่อนศตคุณ ถึงได้เห็นว่าร่างบางเปิดประตูหลังห้อง พอเห็นว่าที่เต็มก็เดินไปนั่งหน้าอย่างช่วยไม่ได้

ไม่ได้อยากจะสังเกตหรอก แต่ศตคุณมักจะเข้าห้องในเวลาที่พอดีหรือว่าเลทไม่กี่นาที ในขณะที่เขาจะเข้าหลังอาจารย์เสมอ…ที่นั่งนี่ก็มีคนจองให้ตลอด เขาก็ไม่ขัดศรัทธานัก

“เขต คู่กับเราไหม”

“ทำไม เธอไม่มีคู่เหรอ” คณินถามเพื่อนสาว

“ก็มีแหละ แต่เราเห็นว่าเขตยังไม่มีคู่เลยมาถามดูน่ะ”

“อ่า ขอบใจนะที่หวังดี”

“อยู่กับเราเขตไม่ต้องทำอะไรเลย เดี๋ยวเราทำเอง เขตอยู่เฉยๆ ก็ได้ เราเข้าใจ”

ร่างสูงมองหน้าคนพูดแล้วขมวดคิ้ว

ถึงคณินจะขี้เกียจ ตื่นสาย ไม่ตั้งใจเรียน แต่ก็ไม่เคยคิดจะเอาเปรียบใคร และไม่คิดที่จะจบด้วยมือของคนอื่นแน่ๆ เขาต้องการเพื่อนที่ไม่สปอยตัวเขา แต่เห็นทีว่าจะไม่มี…

เอ๊ะ! มีอยู่นี่หว่า

“โทษทีฝน ฉันคิดว่าฉันมีคู่แล้วล่ะ ขอตัวนะ” คณินลุกขึ้นยืนทันทีแล้วเดินตรงไปยังศตคุณที่กำลังลำบากใจเพราะเพื่อนๆ กำลังรุมแย่งตัว

ตุบ!!

ครืด…

เสียงแรกคือเสียงวางกระเป๋าของคณินบนโต๊ะข้างๆ กับศตคุณ เสียงที่สองคือเลื่อนเก้าอี้นั่งข้างๆ ไม่สนใจเพื่อนๆ ที่กำลังมองตนอย่างสงสัยเลยสักนิด

“อะไรของมึง?” ศตคุณถาม

“กูจะคู่กับมึง”

“สั่ง?”

“ขอ…”

“นี่คือคำขอ?”

“เออ!” ศตคุณส่ายหน้าอย่างระอากับความเป็นเด็กของคณินที่ค่อนข้างจะเอาแต่ใจ

“ถ้าหมูจะอยู่กับเขตก็ได้นะ”

“อ่า ขอโทษนะทุกคน”

“เฮ้ย...อย่าคิดมากดิวะหมู คนตั้งเยอะแยะ เดี๋ยวก็จับกันลงตัว ไปๆ”

ศตคุณยิ้มแล้วยิ้มให้เพื่อนๆ อย่างขอโทษขอโพย ก่อนจะหันมามองหน้าไอ้คุณหนูเอาแต่ใจที่เล่นเกมไม่สนใจใครของมันอย่างหมั่นไส้

“มองไร?”

“มองหมามั้ง...ทำไมถึงอยากอยู่กับกู แบบมึงคงจะมีคนมาขอจับคู่เยอะอยู่นะ”คณินไหวไหล่ ไม่สนใจจะตอบคำถามนั้น

“กวนตีน...กูบอกไว้เลยนะ ว่ากูไม่มีทางให้มึงนั่งนอนอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรแน่ๆ เพราะถ้างานไหนมึงไม่ช่วยกู กูก็ไม่เขียนชื่อมึงลงไป เข้าใจใช่ไหม?”

“อือ...เข้าใจ”

“เข้าใจก็ดี” ศตคุณบอกแล้วหยิบการ์ตูนขึ้นมาอ่าน คณินเหล่ตามองก็ส่งเสียงหึออกมา “เป็นห่าอะไร”

“เปล่า...คิดว่าคนอย่างมึงนี่นะอ่านการ์ตูน”

“ทำไม คิดว่ากูจะอ่านแต่หนังสือเรียนหรือไง”

“เออ ถึงจะไม่ได้ดูเนิร์ด ดูเด็กเรียนก็เถอะ แต่มึงเรียนเก่งนี่”

ศตคุณส่งเสียงหึออกมาบ้าง “กูไม่เคยอ่านหนังสือเรียน ถ้าจะอ่านก็อ่านก่อนสอบแค่วันเดียว กูจะเน้นตั้งใจฟัง ตั้งใจเรียน ทำความเข้าใจในคาบไปเลย เพราะกูต้องเอาเวลาอื่นไปทำมาหากิน”

คณินชะงักกึก ออกจากเกมแล้ววางโทรศัพท์ไว้ตรงหน้า มองเสี้ยวหน้าของศตคุณอย่างไม่วางตา ใจเต้นแรง เหมือนคนมีความรักแต่มันไม่ใช่ เพราะเขาไม่มีความรู้สึกอยากสัมผัสหรืออะไรในทางชู้สาวเหมือนอย่างที่เคยๆ รู้สึกกับพวกแฟนเก่า

แปลก…

อยากได้...อยากได้คนนี้ แต่ไม่ได้อยากเอามาเป็นแฟนหรือคนรัก โอ้ย...มึงอยากได้ไอ้หมูมาทำไมวะ พี่ชาย? น้องชาย? ก็ไม่ใช่...เฮ้อ...ความรู้สึกอะไรวะเนี่ย

“มองกูทำไม ไม่ต้องมาตกหลุมรักกูเลย กูไม่ชอบผู้ชาย โอเค้?”

“ถุย! หลงตัวเองนะมึง” คณินตอบโต้ศตคุณแล้วยิ้ม

สบายใจ...แค่อยู่ข้างๆ มันก็รู้สึกสบายใจ เหมือนอยู่ใกล้พ่อเลย…

เหมือนอยู่ใกล้พ่องั้นเหรอ?

“มึงกรุ๊ปเลือดอะไร?”

กึก…

ท่าทางชะงักของศตคุณทำให้คณินได้คำตอบทันที โอเค ไม่ต้องถามซักไซ้แล้ว มันบ่งบอกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร…

“ถามเพื่อ? วุ่นวายละมึง เล่นเกมไป เสือกจริงๆ”

หึหึ...แบบนี้แหละ เขามั่นใจเลยว่าใช่...ใช่แน่ๆ

“จากนี้ไปเราเป็นเพื่อนสนิทกันนะ เอาเบอร์มึงมา เอาเฟซ ไลน์ ไอจี ที่อยู่ ช่องทางการติดต่อมีอะไรเอามาให้หมด ช้าว่ะ เอาโทรศัพท์มาดิ๊” ศตคุณยื่นโทรศัพท์ให้คณิน อย่างไม่เข้าใจ เพื่อนตัวโตคว้าไปแล้วก็เปิดนั่นนี่ แอดเฟซ แอดไลน์ บันทึกเบอร์ให้เสร็จสรรพ

ศตคุณมองตาปริบๆ “อะไรของมึง”

“เรียบร้อยละ แค่นี้เราก็เป็นเพื่อน ‘สนิท’ กันแล้วนะเว้ยหมู”

ศตคุณมองใบหน้าของคณินที่ยิ้มกว้างสดใส เหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นที่ถูกใจอย่างอึ้งๆ เพราะนี่เป็นรอยยิ้มจริงใจแรกที่เห็นจากคนทำหน้านิ่งวางมาดมาตลอดอย่างคณิน

“ใครสอนหลักสูตรการคบเพื่อนให้กับมึงวะเขต เพื่อนสนิทห่าอะไรวะ กว่ากูจะเรียกใครว่าเพื่อนสนิทได้นี่ต้องคบกันเทอมหนึ่งเลยนะ แต่นี่เรียนได้อาทิตย์เดียว คุยกันได้ไม่กี่ครั้ง มาบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทละ? เห็นอนาคตที่แสนวุ่นวายเลยเนี่ยถ้ามีมึงเป็นเพื่อนอ่ะ”

คณินหัวเราะ ยักไหล่อย่างไม่สนใจ

หึหึ...ถ้างั้นเดี๋ยวกูหา ‘ผัว’ ให้เป็นของปลอบใจที่ทำให้มึงวุ่นวายก็แล้วกัน





คณินเดินทางมาสนามบินตามคำสั่งของพ่อเพื่อรับลูกค้าที่จะมาดูผลไม้ของทางไร่ ซึ่งร่างสูงไม่ค่อยจะพอใจนัก เขามากับลุงคนขับรถสองคนเท่านั้น ไม่ได้มีพายัพหรือพนักงานที่มีหน้าที่โดยตรงมาด้วย ปล่อยให้ลูกชายโชว์เดี่ยว ส่วนตัวเองตามจีบ ‘เด็ก’ อยู่

เฮอะ! ถ้าไม่ติดว่าอยากได้ ‘หมู’ มาเป็นแม่เลี้ยงนะ จะไม่ยอมมาคนเดียวหรอกบอกเลย

ประเด็นคือมารับลูกค้าก็ไม่ได้กังวลอะไรหรอก ถ้าลูกค้าไม่เป็นชาวต่างชาติ!!

เรื่องภาษาเขาไม่กลัว ไม่มีปัญหา แต่ปัญหาคือจะมาเพศไหนนั่นแหละ บอกเลยว่ากลัว ขยาดกับกะเทยฝรั่งร่างถึกมากๆ มาแบบตัวเล็ก อ้อนแอ้น นี่จะไม่ว่าอะไรเลยเถอะ

“โอ้ย...เป็นเอามากว่ะเขต อย่ากลัวๆ อย่างน้อยเขาก็เป็นลูกค้า เป็นตัวแทนจากบริษัทใหญ่เลยนะเว้ย เขาคงไม่ทำอะไรให้ตัวเองมีปัญหาหรอก”

ขณะที่ยืนรอ เขาก็มองที่หน้าจอสมาร์ทโฟนของตัวเองไปด้วยเพื่อจะเทียบใบหน้ากับคนที่เดินผ่านไปมา จนกระทั่งชายร่างสูงใหญ่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านั่นแหละ คณินถึงกับกลืนน้ำลายเลย

ตัวจะสูงไปไหนวะ ขนาดกูสูงร้อยแปดสิบกว่าๆ นะเนี่ย คนมาใหม่นี่สูงกว่าอีก อายุประมาณสามสิบปลายๆ เล่นทำเอาคณินรู้สึกประหม่าเลย เพราะตัวแทนบริษัทคนนี้ทั้งมีอายุมากและน่าเกรงขามสุดๆ

ต้องพูดอะไรก่อนวะเนี่ย ความรู้เรื่องภาษาแม่งหายไปหมดเลย

“Excuse me, Are you Mr.Kanin? I’m Emerson from EM Company”

เสียมารยาทไปหรือเปล่าวะที่ให้ลูกค้ามาทักก่อนเนี่ย…

“Yes...Good afternoon Mr.Emerson. I'm must apologize for not greet you first.” เขารีบขอโทษขอโพยโดยการโค้งให้อย่างนอบน้อมและมีมารยาท

“Don’t  worry little boy” เขาพูดแบบไม่เป็นทางการ แสดงถึงความเอ็นดูคณินจนชายหนุ่มใจชื้น

“Thank you so much. Let me introduce myself again, I’m Kanin Sukdinon from Sukdinon farm, I represent my father and will take care of you for three days during your live in Chiang Mai. It’s my honor to meet you.”

แขกพิเศษของทางไร่มองลูกชายของพ่อเลี้ยงอาทิตย์อย่างประทับใจ ในความสุภาพ นอบน้อมและดูยังไงก็เก่งกาจไม่แพ้พ่อเลี้ยงเลย

“Me too, It’s my pleasure to meet you.”

“Okay, You would be tired from the trip. I’ll take you to rest at Kate-Tawan resort, Please follow me.”

“Okay.”

คณินผายมือบอกทิศทางให้แขกเดินมาเสมอกันก่อน เขาจึงเดินข้างๆ แล้วผายมือบอกทิศทางเป็นระยะๆ แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะขึ้นไปบนรถ ก็มีเสียงเรียกนุ่มทุ้มดดังมาจากด้านหลัง

“ขอโทษนะครับ”

คณินกับมิสเตอร์อีเมอร์สันหันกลับไปด้านหลัง

กึก!!

ดวงตาคมเข้มกับดวงตาอ่อนโยนมองสบกันทันทีแล้วชะงักกันทั้งคู่ หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ความรู้สึกวูบโหวงราวกับวิญญาณออกจากร่าง และก็ไม่อาจละสายตาออกจากกันได้เช่นกัน


ใคร? ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยนัก?

ทั้งคู่มีคำถามอยู่ในใจ แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากออกไปทั้งนั้น ทั้งสองยังคงมองตากันอยู่แบบนั้นเหมือนต้องการจะหาคำตอบจากดวงตาของฝ่ายตรงข้าม

คิดถึง…โหยหา...

“Mr.Kanin, Do you know him?” เสียงของมิสเตอร์อีเมอร์สันกระชากสติของทั้งคู่ในกลับมา ร่างโปร่งละส่ายตาจากคณินแล้วมองมิสเตอร์อีเมอร์สันแทน

“Excuse me, sir.”

“Yes? What do you have?” ฝรั่งหนุ่มใหญ่ถามอย่างสงสัยที่คนไม่รู้จักเข้ามาทักแบบนี้

“We travel the same flight and I sit behind you. When you get out I saw you drop this one” ร่างโปร่งพูดบอกไป แล้วยื่นสมุดบันทึกเล่มหนาที่ปกเป็นหนังอย่างดีทาตรงหน้ามิสเตอร์อีเมอร์สัน

“Oh! It’s my notebook. I don’t know, thank you very much”

“You’re welcome.” เมฆายิ้มให้ ก่อนจะดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองแล้วเบิกตากว้าง “อ่า...เลยเวลามานานแล้วสินะเนี่ย ยัยมลจะไม่หงุดหงิดแล้วกลับไปแล้วเหรอ” ใบหน้าหล่อเผยความกังวลออกมา ทำท่าจะขอตัว แต่คนที่เขาให้ความช่วยเหลือเอาของมาคืนก็พูดขึ้นมาก่อน

“Can I give anything to you for bring my notebook back?”

“Thank you, but I really don’t need anything. Well, I’m afraid I must go now. My sister’s waiting for me. Now she’s getting irritated” เมฆาพูดพลางหัวเราะนิดๆ เพื่อไม่ให้ใครต้องรู้สึกไม่ดี

“Good luck to you.”

“You too.” เมฆายิ้มให้มิสเตอร์อีเมอร์สันแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง ตอนที่ผ่านคณิน ทั้งสองก็สบตากันอีกครั้ง โดยที่ไม่มีใครยิ้มให้หรือพูดอะไรกันเลย

คุ้นเคยกัน...มานาน

“Ahh! I forgot to ask his name!”

คณินหันกลับมาสนใจลูกค้าคนสำคัญเมื่อแผ่นหลังบางหายลับไปจากสายตา เขาเชิญมิสเตอร์อีเมอร์สันขึ้นรถแล้วพาไปยัง ‘เขตตะวัน’ ทันที




ตั้งแต่คณินกลับมาจากสนามบินก็เอาแต่เหม่อลอย นึกถึงแต่ใบหน้าผู้ชายที่เขาได้สบสายตาอยู่นานที่สนามบินในวันนี้ หัวใจมันเต้นแรงจนปวดไปหมด ความรู้สึกคุ้นเคยแบบแปลกๆ ประดังประเดเข้ามาในความรู้สึก โหยหา คิดถึง แต่เพราะว่าจำไม่ได้นี่แหละ จึงไม่รู้ว่าจะทักทายไปดีหรือเปล่า

“ใครกันนะ ทำไมถึงรู้สึกว่าเคยรู้จักกันมาก่อน แล้วก็หน้าคุ้นมาก”

ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย ยิ่งสงสัยก็ยิ่งอยากจะหาคำตอบ...

“ต้องเป็นคนที่เคยรู้จักแน่ๆ”

แต่ทำไมถึงรู้สึกผูกพัน…

“ไม่ยักกะรู้ว่าตัวเองจะผูกพันกับใครนอกจากพ่อ ปู่กับย่าแล้วก็ญาติๆ แฮะ ช่างเถอะ คงจะเป็นความรู้สึกชั่ววูบล่ะมั้ง เลิกใส่ใจเถอะเขต ไร้สาระว่ะ มาคิดถึงคนที่ไม่เคยรู้จักเนี่ย”

พรึ่บ!!

“คิดถึงใครวะ”

“ไอ้เหี้ย!!” ร่างสูงสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจจนเผลออุทานออกมาเสียงดัง จนพนักงานในสำนักงานของเขตตะวันหันมามองเด็กหนุ่มเป็นตาเดียวก่อนจะสนใจงานของตนเองต่อแบบไม่ได้สนใจอะไรมาก

“ขวัญอ่อนนะมึง” คนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้คณินตกใจหัวเราะเบาๆ อย่างสะใจร่างสูงขมวดคิ้วแปลกใจ เพราะเพื่อนคนจะอยู่ที่ไร่ศักดินนท์ ไม่ใช่เขตตะวัน

“มาได้ไงวะ” คณินถามเพื่อนที่ตอนนี้เดินมานั่งตรงหน้าเขา

“นั่งรถมา” คณินอยากถีบเจ้าของคำตอบกวนๆ นี่จริงๆ ถ้าไม่ติดว่าต้องคีพลุคต่อหน้าพี่ๆ ในสำนักงานนะ เขายันมันไปทีหนึ่งให้หายหมั่นไส้แน่ๆ

“พ่อกูมาเหรอ”

“อือ...เห็นว่าไปคุยกับมิสเตอร์อีเมอร์สันที่มึงต้องดูแลอ่ะ”

คณินพยักหน้าเข้าใจ...เพราะพ่อเลี้ยงไม่มีเวลาที่จะมาคอยเทคแคร์แขกเองจึงมาทักทายในฐานะเจ้าของก็ยังดีอย่างน้อยก็ถือว่าเป็นแขกสำคัญคนหนึ่งที่จะกำหนดว่าสินค้าของไร่จะไปจำหน่ายต่างประเทศได้ไหม

“ว่าแต่มึงเข้ามาถูกได้ยังไงเนี่ย ใครให้เข้ามา”

“พ่อเลี้ยงมาส่งหน้าประตูเลย”

“อ้อ...เพราะปกติเขาไม่ให้คนนอกเข้ามาในสำนักงานน่ะ”

“เออ กูเห็นป้ายอยู่” ศตคุณพยักหน้า เพราะก่อนจะเข้ามาเขาก็อ่านป้ายแล้ว สายตาคนในสำนักงานก็มองเขาเป็นตาเดียวเหมือนกัน แต่ก็แปลกที่ไม่มีใครทักเลย

“แล้วเป็นไง งานมึงอ่ะ”

“รอมึงกลับไปช่วยถอนหญ้าอยู่”

“ฮ่าๆ เสียใจ จนกว่ามิสเตอร์อีเมอร์สันจะกลับ กูก็ไม่ได้ลงไร่ทำงานแบบมึงแน่ๆ”

“เบื่อ...แต่ก็ช่างเถอะ งานมึงหนักกว่าของกูเป็นไหนๆ ราบรื่นดีใช่มะ ก็คงใช่แหละ มึงมันเก่งนี่ ฉลาด อัจฉริยะ”

“มันไม่ใช่คำถามใช่มะ?” ร่างสูงถามขึ้น

“ทำไม?”

“ก็เห็นถามเอง ตอบเอง ไม่ยักจะมีคำตอบของกูเลยสักคำ”

คณินหัวเราะเบาๆ แล้วจ้องใบหน้าสวยของเพื่อนสนิทอย่างเพลินตา ถ้าหาก คนอื่น คงจะมองว่าคณินชอบศตคุณแน่ๆ เพราะสายตาของคณินมันอ่อนโยนมากยามที่ได้มองเพื่อนคนนี้ หากแต่คนที่จะรู้ความรู้สึกของเขาได้มีเพียงเขาเท่านั้น เขาไม่ได้ชอบศตคุณแบบเชิงชู้สาว แต่ชอบ...ชอบความสบายใจยามที่ได้ฟังเสียง เห็นหน้า และชอบที่จะให้คนเป็นเพื่อนว่า สอน เตือน…

ศตคุณมีความเป็นแม่แบบที่เขาต้องการ แม่ที่เป็นเพื่อนแท้…แน่นอนว่าไม่มีใครเข้าใจความหมายของมัน...นอกจากเขา

“พ่อกูเป็นไงบ้าง”

“เป็นไงอะไร ก็ปกตินี่ ไม่ป่วยไม่ไข้”

“กูหมายถึง สำหรับมึง พ่อกูโอเคหรือเปล่าที่จะเป็นผัวมึงอ่ะ”

“ไอ้เขต!! ตรงไปละ”

“ฮ่าๆ มึงหน้าแดงว่ะ ตลกชะมัด อีหรอบนี้คือหวั่นไหว แต่ปากแข็งแหงๆ”

“หวั่นไหวพ่อมึงสิ”

“เรียกหาพ่อกู เดี๋ยวพ่อกูก็มาหรอก หึหึ”

“ใครกลัววะ”

“เหรอ”

“เออ!! กูไม่กลัวหรอกเว้ย”

“อ้าวพ่อ? คุยเสร็จแล้วเหรอ” คณินเอ่ยขึ้น พลางมองเลยผ่านเพื่อนไปยังด้านหลัง

ศตคุณยืดตัวตรง นั่งแข็งทื่อจนคณินรู้สึกได้ ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างสะใจที่เอาคืนเพื่อนตัวเล็กของตนได้ ศตคุณหน้าแดงแต่ก็ชักสีหน้าหงุดหงิด

“แม่ง...นิสัยนะมึงอ่ะ”

ศตคุณอยากจะโกรธคณินอยู่หรอก แต่ไม่เคยที่จะโกรธจริงๆ จังๆ ได้สักครั้ง  อย่างเรื่องที่มันจงใจจับคู่เขากับพ่อเลี้ยงเหมือนกัน จริงๆ ก็สมควรจะโกรธและตัดเพื่อน  ไม่ต้องไปคบมันแล้วก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงไม่ได้โกรธขนาดนั้น...โกรธ...แต่ก็ยอมให้โอกาสพ่อเลี้ยง

“หึหึ แกล้งมึงสนุกดีนี่หว่า”

“ว่าแต่ว่า เมื่อกี้มึงบ่นว่าคิดถึง...คิดถึงใครวะ ฮั่นแน่...มีสาวแล้วไม่ยอมบอกเพื่อนเหรอวะ” ร่างบางหรี่ตาจับผิดเพื่อน แต่คณินก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมา

“ไม่มีอะไร…”

“ปิดบังซะด้วย”

“ไอ้หมู…” เรียกเพื่อนเสียงต่ำ

“ทำไม...มีความลับ?” นอกจากร่างบางจะไม่กลัวแล้ว ยังถามกลับอย่างหาเรื่องอีกด้วย

“เปล่า...แต่มันไม่มีอะไรจริงๆ ถ้ามีกูบอกมึงคนแรกอยู่แล้ว”

“แน่นะ?”

“เออ!!”

“ถ้ามึงโกหกกูล่ะ”

“โอย...มึงคร้าบ มึงก็รู้ว่าโกหกแม่มันบาป กูไม่ทำแบบนั้นหรอก”

“ก็ดี...ฮะ! แม่บ้านมึงสิไอ้เขต!!!”

“เสียงดังทำไมวะ ทำตัวให้สมกับเป็นกุลสตรีหน่อยดิ ฮ่าๆ”

“ไอ้ปากหมา...แบบนี้ใครจะอยากได้มึงเป็นผัววะ”

“ไม่อยากได้ก็จับปล้ำ ระดับนี้แล้ว”

“ไอ้ชั่ว!”

“ขอบคุณสำหรับคำชมนะ…”

“หน้าด้าน!”

คณินไม่อยากต่อปากต่อคำกับศตคุณต่อจึงได้แต่หัวเราะในลำคอแล้วหยิบใบสั่งของที่อยู่ตรงหน้ามาเช็กก่อนจะเรียกพนักงานมาเอาไป

“ผมเซ็นอนุมัติให้แล้วครับ สั่งได้เลย ถ้าของมาแล้วรบกวนเช็กจำนวนแล้วก็สภาพดีๆ นะครับ ถ้ามันชำรุดก็ขอเขาเปลี่ยนตัวใหม่มา มีตำหนินิดหน่อยได้ แต่ต้องไม่กระทบกับประสิทธิภาพในการทำงาน ได้มาก็ต้องทดสอบเลย ฝากบอกพวกพี่ๆ ช่างด้วยนะครับ”

“ค่ะน้องเขต พี่จะจัดการให้ตามนี้เลย”

“ขอบคุณครับ”

คณินมองตามพนักงานแล้วก็เปิดดูงานบนโต๊ะ เมื่อเห็นว่ามันไม่มีอะไร ก็เงยหน้ายิ้มให้เพื่อนอย่างเจ้าเล่ห์

“ยิ้มแบบนี้หมายความว่า?”

“หึหึ ขี่ม้ากันหน่อยเป็นไง”

“กูขี่ไม่เป็น”

“ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหมู มีครูสอนให้”

“เหรอ งั้นก็ดีเหมือนกัน อยากขี่ม้ามานานแล้ว”

“โอเค งั้นไปกัน”

คณินลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินนำเพื่อนตัวบางไปยังส่วนที่ให้ขี่ม้าได้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นมาแต่ศตคุณไม่ได้เห็นมันเพราะเดินตามหลัง

มาดู...พระอาทิตย์ ‘เดือด’ หน่อยเป็นไง







 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
   
   ทักทายอย่างเป็นทางการหลังจากที่แก้ไข บทนำกับตอนที่ 1 เสร็จเรียบร้อย ยูกิจะเริ่มอัพนิยายอาณาเขตรักแล้วนะคะ เพราะตอนนี้สิ้นภารกิจทุกอย่างแล้ว โดยที่เรื่องนี้จะลงอาทิตย์ละ 2 ตอน ค่ะ เป็นวันไหนบ้าง สามารถดูได้ที่ปกไทม์ไลน์ในแฟนเพจนะคะ ^_^
   ตอนนี้ ตรงภาษาอังกฤษ ยูกิปรับแก้จากแบบหนังสือนะคะ แบบในหนังสือคือยูกิพิมพ์ประโยคไทยไปให้เพื่อนแปลให้ (ซึ่งยูกิค่อนข้างโง่อิ๊ง เลยไม่กล้าทำด้วยตัวเอง ตอนที่เราอ่านก็รู้สึกแปลกๆ อยู่นะคะ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรกับมัน) ส่วนอันนี้แก้ไขจากที่นักอ่านท่านหนึ่งเข้ามาช่วยแก้ให้ค่ะ ถือโอกาสขอบคุณอีกครั้งนะคะ และขอโทษสำหรับคนที่มีหนังสือด้วยค่ะ
อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กันด้วยนะคะ ^_^
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {01/05/61} ➡ Ch.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-05-2018 00:03:44
 :pig4: :pig4: :pig4:

ดีครับที่มาโพสต์ในห้องนี้  เพราะห้องนิยายที่จบแล้วไม่ค่อยได้เปิดเข้าไป เนื่องจากว่าไม่ค่อยมีอัพเดตเท่าไร 

ป.ล. ประโยคภาษาอังกฤษที่ เมฆา บอกกับ Mr.Emerson ว่ามาไฟลท์เดียวกัน นั่งข้างกัน แล้วเจอสมุดโน้ตตก ควรใช้ past tense หรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {01/05/61} ➡ Ch.2
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-05-2018 02:01:06
หมูมาด้วย เรื่องที่แล้วรอดูลูกหมู มาที่นี่ต้องได้ดูแน่ ๆ เลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {01/05/61} ➡ Ch.2
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 02-05-2018 08:49:00
ของคนลูกมาแล้ว o13 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {01/05/61} ➡ Ch.2
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 02-05-2018 14:23:50
โง้ยยย คิดถึงพ่อเลี้ยง คิดถึงหมู คิดถึงเขต คิดถึงพี่เมฆ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {01/05/61} ➡ Ch.2
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-05-2018 11:45:43
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {04/05/61} ➡ Ch.3
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 04-05-2018 17:21:49

03





จากที่อยากเห็นพระอาทิตย์เดือด กลายเป็นว่าตัวคนแกล้งเองที่กำลังรู้สึกอารมณ์เสีย

ตอนแรกก็กะจะให้พ่อเลี้ยงหึงศตคุณกับคนสอนขี่ม้า แต่ที่ไหนได้ กลับถูกพ่อวางระเบิดใส่ ส่วนตัวเองก็เข้าไป ‘สอน’ ศตคุณขี่ม้าอย่างถึงเนื้อถึงตัว หายไปจากโซนพื้นที่สำหรับลูกค้า

คณินยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรต่อไป ไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปทางไหน สมองมันขาวโพลนไปเลย เหมือนถูกทำลาย คล้ายตัวเองกำลังเดินอยู่ในความฝัน

ไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนั้นนานไหม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่ากำลังรู้สึกยังไง

‘ฉันได้ข่าวมาเมื่อกี้ก่อนมาเขตตะวัน ไร่สมรชัยเหมือนจะมีแขกนะ เห็นรถขับเข้าไปหลายคันเลย ฉันเลยให้พายัพสืบให้…‘พี่เมฆ’ กลับจากเมืองนอกแล้วนะ อยากจะไปเยี่ยมไหมล่ะ’

แค่ประโยคนั้นของผู้เป็นพ่อก็ทำเอาคณินถึงกับอารมณ์เปลี่ยน

‘ลืมๆ บ้างเถอะ เมฆเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนั้น’

‘พ่อจะให้ผม…’

‘เพื่อตัวแกเองเขต’

‘แต่…’

‘คิดเอานะเขต โตแล้ว พ่อไม่อยากผิดหวังในตัวแกนะ’

‘ครับ’

‘ฉันไปสอนหมูขี่ม้าก็แล้วกัน เอาเรื่องนี้ไปคิดดีๆ’

พ่อเลี้ยงต้องการให้คณินเลิกยึดติดกับอดีตและเลิกอาฆาตคนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างเมฆา แม้ว่ามันจะทำยาก แต่คณินก็รักพ่อเลี้ยงมาเกินกว่าที่จะทำให้ผู้เป็นพ่อผิดหวังได้

“ไม่เคยลืม...ว่าเคยมีคนๆ นี้ในชีวิต แต่แค่ลืมไปแล้ว…ว่าอีกคนหน้าตาเป็นยังไง นาน...มันนานแล้วจริงๆ” เขาพึมพำออกมาเบาๆ กับตัวเอง

ขนาดพูด...ยังไม่ได้ยินเสียงของตัวเองเลย

“มันจะง่ายมากกว่านี้...ถ้า ‘พี่’ ไม่ได้เป็นลูกชายของคนๆ นั้น”

ลูกชายของ ‘ฆาตกร’ ที่อยู่เบื้องหลังการตายของพ่อแท้ๆ ของเขา ฆาตกรที่แม้ว่าใครต่างก็รู้ แต่ดันจับมือปืนมาซัดทอดไม่ได้

“เราไม่ต้องมาเจอกันอีกเลย ไม่ต้องสนิทกัน ไม่ต้องรู้จักกัน มันคงดีกว่า คนเป็นพ่อลูกกันยังไงซะ นิสัยก็ต้องเหมือนกัน ให้เราเป็นศัตรูกันต่อไปแบบนี้ก็ดีแล้ว”

ให้เป็นแบบนี้...มันดีแล้วจริงๆ

คณินได้แต่พูดเข้าข้างตัวเอง โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันก็เป็นแค่ความคิดที่ทำให้ตัวเองสบายใจแค่ตอนนี้เท่านั้น สุดท้ายมันก็คือคำพูดของคนที่ยังยึดติดและไม่ปล่อยวาง ยังแยกแยะไม่ออกเพราะเอาความรู้สึกในช่วงวัยเด็กมาตัดสินคนๆ หนึ่งที่เขาไม่ได้ผิด ที่เขารักและหวังดีกับตัวเองมาตลอด

เป็นคำพูดที่ในอนาคต คณินจะหวนกลับมารู้สึกผิดและเสียใจ

     


รถสีดำเคลื่อนตัวเข้าไปยังอาณาเขตของไร่สมรชัย คนที่ไม่เคยกลับมาเยือนเลยนับสิบห้าปีตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้

“ไร่เราเปลี่ยนแปลงไปเยอะเลยนะพี่เมฆ”

“อืม...ก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา”

“พ่อเก่งเนอะ ทำให้ไร่ของเราสู้ไร่ข้างๆ ได้”

“แต่ศักดินนท์ก็ยังเป็นที่หนึ่งของตลาดอยู่ดี”

“รู้หรอกน่า ไร่เราก็ไม่แพ้เขาหรอก พี่นี่นะ แทนที่จะเข้าข้างไร่ของตัวเอง กลับไปชื่นชมไร่ศัตรูอยู่ได้”

“พี่ไม่เคยคิดว่าพวกเขาเป็นศัตรูนี่”

“มลจะฟ้องพ่อ!”

“เฮ้อ…” ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาเมื่อน้องสาวแท้ๆ ของตนพูดออกมาแบบนั้น เธอนั่งกอดอกมองไปยังด้านนอกอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะมันเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง…

ทุกอย่างในความทรงจำอันเลือนลาง มันก็เปลี่ยนไปหมดจนทำให้เขาไม่สามารถจะรื้อฟื้นความเลือนลางเหล่านั้นให้ชัดเจนได้อีก...

“พรุ่งนี้ไปช็อปปิ้งดีกว่า พ่อบอกว่าจะให้บัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินใช้ด้วย”

มีเพียงแค่เขาเท่านั้น...ที่ไม่ได้สนิทกับพ่อเหมือนอย่างที่น้องสาว คงเป็นเพราะน้องเป็นผู้หญิงแล้วก็เชื่อฟังพ่อมาตลอด ก็เลยถูกตามใจ

แต่กับเขา...เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของพ่อ ซึ่งมีประโยคหนึ่งที่พ่อเลยพูดเอาไว้กับเขา

‘แกเหมือนแม่แกเกินไป ฉันไม่ชอบ’

เขาภูมิใจที่เหมือนกับแม่ แต่ก็เสียใจที่พ่อไม่ยอมรับ...พ่อไม่เคยรัก

“มาบ้านแล้วก็ทำตัวให้มันดีๆ หน่อย ที่นี่กับที่นั่นธรรมเนียมและวัฒนธรรมมันต่างกันนะ”

“ใครสนกันล่ะ ชีวิตของมล มลจะใช้มันยังไงก็เรื่องของมล ทำไมต้องสนใจคนอื่นด้วย”

“มันจะสะท้อนการสั่งสอนอบรมของพ่อแม่ หรือเธอไม่แคร์ว่าพ่อจะถูกมองไม่ดี?”

“ชิ...เบื่อ ทำไมต้องทำตัวเป็นคนดีด้วยวะ”

“ไม่ใช่ทำตัวเป็นคนดี แต่แค่ให้รู้จักมารยาทเท่านั้น ไอ้ที่จัดปาร์ตี้แบบที่อยู่ที่นั่นน่ะ ก็คงจะทำบ่อยๆ ไม่ได้”

“ได้ยังไง นี่มันความสุขของมลนะ พี่เมฆไม่เคยเข้าใจอะไรเลย”

“เธอควรทำงานได้แล้วนะมล เรียนก็ไม่จบ ผลาญเงินทุกๆ วันแบบนี้ สักวันจะไม่มีเงินให้เธอใช้ฟุ่มเฟือยเลยสักแดง คอยดูสิ”

“ไม่มีทาง พ่อไม่มีทางเงินหมดหรอก พี่ดูไร่ของเราสิ กว้างใหญ่ ผลผลิตก็เยอะ ไหนจะธุรกิจอื่นๆ ของพ่ออีก พี่นี่ก็มองโลกในแง่ร้ายตลอด คิดจะแช่งพ่อหรือไง”

“ไม่ได้แช่ง แต่กำลังสอนอยู่ นี่หวังดีนะ ถึงได้พูด”

“เก็บความหวังดีเอาไว้เถอะ มลเบื่อที่จะฟังพี่เมฆพูดแล้ว ต่างคนต่างอยู่เถอะ ชีวิตนี้ของมล มลจะใช้ของมลเอง ไม่ต้องมายุ่ง ไม่ต้องมาทำตัวเป็นพ่อเลยนะ มลไม่เชื่ออะไรพี่เมฆหรอก ต่อให้พ่อพูดมลก็จะไม่ฟัง สิ่งที่มลทำมันก็ไม่ได้จะเสียหายเลย”

เมฆาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ บางครั้งความดื้อรั้นของน้องสาวทำให้เขารู้สึกอยากจะบีบคอน้องให้ตายคามือ แต่นั่นมันก็ได้แค่คิด...

ถ้าจะฆ่าใคร...ฆ่าตัวเองให้ตายดีกว่าจะได้ไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก…

“ไม่เสียใจกับเธอ แต่เดือดร้อนคนอื่นเขา เดือดร้อนเงินฉัน เดือดร้อนป้า...ไม่เรียน ทำตัวเสเพล ผลาญเงินพี่กับป้าทุกวัน นี่เหรอที่บอกว่าไม่เสียหาย...เห็นแก่ตัวไปแล้วยัยมล นิสัยแบบนี้จะแก้หายไหมเนี่ย”

“โอ๊ย!!! เมื่อไหร่จะถึงบ้านเนี่ยลุง ฉันเบื่อที่ต้องฟังพี่บ่นแล้ว รำคาญ!!”

“ฉันก็เบื่อที่จะยัดจิตใต้สำนึกดีๆ ให้คนอย่างเธอเหมือนกัน”

“คนอย่างฉันมันทำไม!!”

“คิดเอาเอง…”

มลลดาทำท่าจะโวยวายแต่รถดันจอดที่หน้าบ้านก่อน ร่างสูงโปร่งรีบเปิดประตูรถออกไปแล้วหยิบกระเป๋าใบสำคัญของตัวเองเข้าไปในบ้านไม่รอคนเป็นน้องเลยสักนิด

ระหว่างทางก็เจอคนรับใช้หน้าตาไม่คุ้นมองตนอย่างสงสัย แต่เขาก็ไม่คิดจะทำความรู้จักอะไร ตรงไปยังห้องนอนของตนที่ไม่เคยมาเหยียบนับสิบปี

ที่นี่ไม่เหลือใครที่เขารู้จักแล้ว...ก็เลยไม่จำเป็นต้องไปทักทายใคร

“นี่ห้องของเราจริงๆ เหรอ”

ไม่มีข้าวของอะไรที่เขาทิ้งเอาไว้เลย มีแต่ของตกแต่งใหม่จากการทำบ้านใหม่ของพ่อเลี้ยงมนัส ห้องใหญ่กว่าเดิม สะดวกสบายกว่าเดิม

“แต่ทำไม...ถึงไม่รู้สึกว่ามีความสุขนะ”

“คุณเมฆใช่ไหมคะ สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นหัวหน้าแม่บ้านของที่นี่ชื่ออ้อยนะคะ ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ” เมฆาหันมามองหญิงสาวที่ถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องนอน เมฆาใช้สายตาสำรวจแม่บ้านตรงหน้าแล้วถอนหายใจ

“สวัสดีครับ”

“ต้องการอะไร เรียกใช้ได้ตลอดเลยนะคะ”

“ขอบคุณครับ”

“อยากทานอะไรไหมคะ อ้อยจะไปเตรียมให้ค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่หิว ขอบคุณนะครับ แต่ตอนนี้ผมอยากพักผ่อน…” หัวหน้าแม่บ้านหน้าเจื่อนลงแต่ก็ยังยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไป

เมฆามองตามแล้วกรอกตาอย่างเหนื่อยใจ

หัวหน้าแม่บ้าน...สาวขนาดนี้ก็คงจะไม่ใช่แม่บ้านอย่างเดียว จะว่าไป เด็กรับใช้ในบ้านก็มีแต่สาวๆ วัยประมาณนี้อยู่เยอะเลย จะเป็นอะไรไปได้ ถ้าไม่ใช่บรรดาเมียน้อย เมียเก็บของพ่อเขา

“รูปภาพแม่สักภาพก็ไม่มี...ที่นี่มันเรียกบ้านแน่เหรอ”

เมฆาทิ้งตัวบนที่นอนอย่างเหนื่อยกาย...และเหนื่อยใจ

     


ช่วงเช้าของวันใหม่ เมฆานั่งทานข้าวเช้าโดยไม่รอพ่อกับน้องสาวที่ตื่นสายเป็นปกติ แม้ว่าสิบนาทีแรกจะรออยู่ก็ตามแต่สาวใช้ก็บอกว่าพ่อเลี้ยงมนัสจะลงมาช่วงเก้าโมงเป็นปกติ ซึ่งเมฆาที่นอนไม่หลับก็มานั่งทานข้าวเช้าตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า หลังจากสูดอากาศช่วงเช้าเสร็จ

เมฆายังปรับสภาพเวลาของไทยไม่ได้ ก็เลยยังนอนไม่หลับ แต่น้องสาวของเขานั้น สามารถนอนได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว…

“เมื่อคืนพ่อกลับมากี่โมงเหรอครับ”

“ตีสองค่ะคุณเมฆ”

“ครับ…”

ตั้งแต่มาถึงที่นี่ เขาก็ยังไม่ได้เจอหน้าคนเป็นพ่อเลย...ขนาดตื่นแต่เช้าเพื่อมารอเจอก็ต้องผิดหวัง

“คุณเมฆจะรับอะไรเพิ่มไหมคะ”

“ผมทานข้าวเช้าน้อยอยู่แล้ว แต่ช่วงเก้าโมงขอชานมกับแซนวิชนะครับ ผมจะทำงานอยู่ที่สวน”

“ได้ค่ะ...แต่ว่า คุณเมฆมีงานที่ไทยแล้วหรือคะ เร็วจังเลย”

“ผมก็เป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทเดิมนั่นแหละครับ”

“ที่ต่างประเทศน่ะหรือคะ”

“ครับ” เมฆาตอบแบบขอไปที เพราะยังไม่คุ้นเคยกับคนในบ้านเท่าไหร่ ไม่สนิทด้วยเลยไม่กล้าที่จะพูดคุย แล้วก็กลัวว่าพ่อจะไม่พอใจด้วยหากเขายุ่งกับสาวใช้พวกนี้มากเกินไป

นิสัยของพ่อยังไงเขาก็รู้ดี แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม

“จริงสิ คุณเมฆคะ พ่อเลี้ยงฝากบอกคุณเมฆกับคุณมลว่าให้เตรียมตัวรอท่านช่วงสิบโมงกว่าๆ ด้วยนะคะ ท่านจะพาไปที่ไร่ศักดินนท์ค่ะ”

ช้อนส้อมในมือชะงักทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เมฆารู้ดีว่าถ้ามันคือคำสั่ง ไม่มีทางหลีกเลี่ยงหรือว่าปฏิเสธได้

“ครับ”

ศักดินนท์...พ่อจะพาไปที่นั่นทำไม แค่นี้เขาก็สู้หน้าคนในครอบครัวนั้นไม่ติดแล้ว…แค่นี้...เขาก็รู้สึกผิดกับครอบครัวศักดินนท์จะแย่อยู่แล้ว

รู้สึกผิด...ในความผิดที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อมัน


“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อต้องพาเราไปที่นั่นด้วย ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้เหรอครับ” เมฆาถามผู้เป็นพ่อที่นั่งเล่นโทรศัพท์รอผู้เป็นลูกสาวที่กำลังแต่งตัว

“แกมีหน้าที่ทำตามที่ฉันสั่ง นี่เรียกมาให้ช่วยงานไม่ได้ให้มาขัดใจฉัน”

“แต่พ่อเลี้ยงอาทิตย์เขาก็ไม่ได้อะไรกับเราเลยนะพ่อ มีแต่พ่อที่เป็นฝ่ายหาเรื่องเขาตลอด นี่จะเอาน้องไปถวายเขาอีก คิดว่าคนอย่างพ่อเลี้ยงอาทิตย์จะสนใจคนอย่างมลหรือไง ถึงสนก็ไม่ใช่ฐานะนายหญิงหรอกนะครับ”

“นี่แกกล้าดูถูกน้องตัวเองขนาดนี้เลยเหรอเมฆ”

“ผมพูดความจริง”

“ไอ้เมฆ!!!”

เมฆามองหน้าผู้เป็นพ่อที่ตะคอกใส่หน้าเขาเสียงดังลั่นบ้านด้วยความรู้สึกหวั่นๆ เพราะทั้งชีวิตไม่เคยกล้าขัดใจพ่อได้มากขนาดนี้

แต่เขาอยากจะลองดู เผื่อว่าจะหยุดพ่อได้

“พ่อเลี้ยงอาทิตย์ไม่ใช่คนโง่ ถ้าอยากถูกพวกเขาไล่ออกมาก็ตามใจพ่อเลยครับ”

เพี๊ยะ!!!

พ่อเลี้ยงมนัสตบหน้าเมฆาเข้าไปเต็มแรงจนใบหน้าของคนเป็นลูกหันไปตามแรงตบ ความเจ็บที่หน้ายังไม่เท่ากับความเจ็บที่ใจ…

เมฆากลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหล เดินไปนั่งเงียบๆ ที่โซฟา ส่วนพ่อเลี้ยงมนัสก็มองตามนิดๆ แล้วนั่งลงเหมือนเดิม ไม่นานร่างบางของมลลดาก็เดินเข้ามาหา เธออยู่ในชุดที่จัดว่าเซ็กซี่เลยทีเดียว เมฆาเห็นแล้วก็อยากจะตำหนิ แต่ก็รู้ว่าคงจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว

“ลูกสาวพ่อสวยจริงๆ เลยนะ แบบนี้พ่อเลี้ยงอาทิตย์มันต้องชอบแน่ๆ”

“นี่พ่อจะให้มลไปอ่อยคนแก่เหรอคะพ่อ มลว่าไม่ดีหรอกมั้งคะ”

“แต่เงินของศักดินนท์มีเยอะมาก ทรัพย์สมบัติอีกมหาศาล ถ้าเราดองกันได้มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อเรานะ ถึงแม้ว่าเราจะบาดหมางกันมา แต่พ่อคิดว่าเราคงจะกอบโกยมาได้ไม่มากก็น้อย ทำยังไงก็ได้ให้พ่อเลี้ยงอาทิตย์มันหลงลูก จากนั้นก็ปอกลอกเอาทุกอย่างของมันจนหมดตัวให้ได้”


“แล้วมันจะสำเร็จเหรอคะ มลได้ข่าวมาว่าพ่อเลี้ยงอาทิตย์เป็นคนฉลาด”

“ใครก็ตามที่เห็นลูก มันต้องหลง เชื่อพ่อสิ”

“พ่อก็...มลไม่สวยขนาดนั้นหรอกค่ะ”

เห็นท่าทางเชิดๆ ของหญิงสาวแล้ว เมฆาก็ได้แต่ถอนหายใจ ส่ายหน้าให้กับพ่อและน้องสาวที่คิดอะไรตื้นๆ

อย่างพ่อเลี้ยงมนัส...ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงไม่มีทางเสียรู้ใครง่ายๆ

เมฆาเชื่อว่าพ่อของตนคงไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นไปตามแผนหรอก มันก็แค่สงครามจิตวิทยา แต่ถ้ามันเป็นไปตามที่ต้องการอย่างแรก ไม่ต้องใช้แผนอื่น หากว่ามันเป็นแบบเดิมๆ เหมือนอย่างที่เคย คือระหว่าสองครอบครัวไม่มีทางที่จะญาติดีกันได้ ก็จะกลายเป็นการปประกาศสงครามกันครั้งใหญ่

คราวนี้เมฆาคิดว่า พ่อต้องทำการใหญ่ คือทำยังไงก็ได้ให้ ‘ศักดินนท์’ ออกไปให้พ้นทาง

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ คนของฉันบอกว่าพวกมันอยู่ในไร่กันวันนี้ ทั้งพ่อทั้งลูกเลย”

“มลสวยแล้วใช่ไหมคะ”

“สวยแล้วล่ะ”

“ตาเมฆ ลุกได้แล้ว”

“ครับ”

ร่างโปร่งก็ทำได้แค่เพียงลุกขึ้นเดินตามพ่อไปเท่านั้น ใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าน้องชายคนสำคัญของเขาเมื่อวัยเด็ก

ป่านนี้คงเป็นหนุ่มหล่อแล้ว...

ก็คงจะเข้าถึงได้ยากกว่าเดิมแล้วล่ะ

     


 “คุณเขต มีแขกมาขอพบพ่อเลี้ยงกับคุณเขตค่ะ”

คณินที่เดินลงมาจากบันไดเพื่อจะไปทำงาน เพราะวันนี้ตนเองตื่นสายเนื่องจากฝันร้าย ฝันถึงช่วงวัยแห่งการสูญเสียอีกแล้ว ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเป็นยังไงกับความทรงจำวัยเด็กที่อายุไม่น่าจะจำเหตุการณ์นั้นมาจนถึงทุกวันนี้ แต่สำหรับคณินแล้วมันยังคงฝังลึกอยู่ในสมอง และไม่อาจจะลืมได้ แม้ว่าความฝันมันจะเป็นเพียงภาพลางๆ ก็ตาม แต่เหมือนว่าฝันเมื่อเช้าจะเริ่มชัดขึ้นมานิดหนึ่งกับใบหน้า ‘พี่ชาย’ คนนั้นรู้สึกว่าคุ้นเหลือเกิน

เพราะฝันบ้าบอนั่นแหละ ที่ทำให้ตื่นสายขนาดนี้

“ใครครับ”

“พ่อเลี้ยงมนัสค่ะ”

“ห๊ะ!” คณินอุทานเสียงดังเมื่อได้ยินชื่อแขกที่มาหากันถึงบ้าน แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่

“ค่ะ...ตอนนี้รออยู่ที่ห้องรับแขก พร้อมกับคุณเมฆ คุณมล เธอทั้งสองกลับมาจากต่างประเทศแล้ว เลยพามาไหว้พ่อเลี้ยงอาทิตย์และขอฝากตัวเพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน เขาก็บอกย่ามาแบบนี้ล่ะนะ”

“ย่าจันทน์ตามพ่อหรือยังครับ”

“ตามแล้วค่ะ เดี๋ยวก็คงมา มาไม่แจ้งกันล่วงหน้าแบบนี้ไม่ได้มาดีแน่ๆ”

“งั้นผมคงต้องไปรับแขกรอพ่อก่อนใช่ไหมครับ”

“ต้องเป็นแบบนั้นค่ะ ให้แขกรอมันไม่ดี เขาจะเอาไปพูดเอาได้ว่ามาบ้านแต่เจ้าของบ้านไม่ยอมมาต้อนรับ”

“ใครแคร์ล่ะครับ”

“ถึงพ่อเขาจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่พี่เมฆยังเป็นคนน่ารักนะคุณเขต เขานอบน้อมมากเลย ผิดกับคนเป็นน้องสาวจะเหมือนพ่อ”

คณินชะงักไปเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลูกชายของพ่อเลี้ยงมนัสคือ ‘พี่เมฆ’ ของเขา พี่ชายที่เขาเคยเล่นด้วยในวัยเด็ก แม้ว่าตอนนี้จะรู้ว่าเมฆาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย แต่ก็ทำใจญาติดีกับลูกชายคนที่ฆ่าพ่อของเขาไม่ได้จริงๆ

“ช่างเถอะครับ จะดี จะน่ารัก ผมก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนครอบครัวนั้นอีก”

“ค่ะ ย่าก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ยังไงช่วยไปรับแขกแล้วก็ทำตัวดีๆ กับแขกด้วยนะคะ ย่าจะไปดูเด็กทำงานต่อ”

“ครับ”

“อย่าทำเสียชื่อศักดินนท์นะคะ”

“รู้แล้วครับ ย้ำอยู่ได้”

“ก็คุณเขตเป็นพวกอารมณ์ร้ายนี่คะ ย่าไม่ไว้ใจ” คณินเข้าไปสวมกอดคนสูงวัยแล้วหอมแก้มเหี่ยวดังฟอดอย่างเอาใจคนแก่ให้เชื่อใจว่าเขาไม่มีทางผิดคำพูดแน่นอน ถ้าหากว่ามันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้ร้ายน่ะนะ

“เขตไปละ”

“ให้ตายสิ เด็กคนนี้” ย่าจันทน์ผาส่ายหน้าไปมามองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินเลี้ยวไปยังห้องรับแขกแทนการออกไปทำงานอย่างที่เร่งรีบ…

“บ้านหลังนี้ใหญ่กว่าบ้านเราอีกนะคะ”

“บ้านหลังนี้เล็กกว่าบ้านที่อยู่ในตัวเมืองหลายเท่าเลยล่ะ” พ่อเลี้ยงมนัสบอกลูกสาวด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความริษยาอย่างปิดไม่มิด

เมฆาถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ แต่นั่นก็ทำให้เขาเลิกที่จะสนใจทั้งพ่อและน้องสาวตนโดยมองไปรอบๆ บ้านที่ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก หากแต่ตัวไร่กลับเปลี่ยนแปลงและกว้างใหญ่ไพศาลกว่าที่เคยนึกภาพเอาไว้

บรรยากาศที่นี่แค่เข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่าน อาจจะเป็นเพราะที่นี่มีดวงอาทิตย์อย่างพ่อเลี้ยงอาทิตย์เป็นประมุข พ่อเลี้ยงที่น่าเกรงขามแต่ก็มีคุณธรรม…

‘ทำไมบ้านเราไม่มีกลิ่นอายแบบนี้นะ’

“เมื่อไหร่เจ้าของบ้านจะมา ปล่อยให้แขกรอแบบนี้ได้ยังไง”

“เราไม่ได้นัดเขาเอาไว้ก่อนนะครับ ถ้าเขาจะไม่ได้อยู่ต้อนรับก็ไม่ผิดอะไร” เมฆาตอบผู้เป็นพ่อไป มันอดไม่ได้จริงๆ

“ยิ่งโตขึ้นยิ่งปากเก่งจริงๆ นะแก”

“ผมไม่ได้ปากเก่ง หรือแสดงกิริยาไม่เหมาะสมกับพ่อ แต่ผมแค่พูดในความเป็นจริง เพราะถ้าเกิดมีคนไปหาเขาที่บ้านโดยไม่นัดเอาไว้ พอไปไม่เจอก็เอาเราไปพูดเสียๆ หาย เป็นพ่อ พ่อจะยอมเหรอครับ” พ่อเลี้ยงมนัสได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่นั่งโมโหลูกชาย เพราะที่เมฆาพูดมันก็ถูกหมดทุกอย่าง

เมฆาเห็นว่าพ่อไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ตนเองก็เงียบ หันมาสนใจรอบๆ ห้องรับแขกต่อ ในนี้ไม่มีรูปเด็กชายคณินตอนโตเลย มีแค่ภาพตอนเด็กๆ ที่เขาจำหน้าได้อย่างดี ความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าน้องชายในรอบสิบปีกว่าก็ทำให้เมฆาเริ่มที่จะอยู่ไม่นิ่ง

ความเกลียดชังต่อพี่มันหายไปหรือยัง…





100%

 :hao6: :hao7: :hao7: :mew1:

   ลงไปอีกตอนแล้วนะคะ อ่านแล้วคอมเม้นท์ด้วยนะจ้ะ ^^ สอบถาม พูดคุยได้ที่แฟนเพจเด้อ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {04/05/61} ➡ Ch.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-05-2018 17:43:33
 :pig4: :pig4: :pig4:

รอคอยการปะทะเอ้ยการพบกันอีกครั้งของเขตเมฆหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างจำกันไม่ได้ที่สนามบิน
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {04/05/61} ➡ Ch.3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-05-2018 18:29:22
ถ้าเจอกันแล้ว คงรู้แล้วซินะว่าคุ้นหน้ากันมากแค่ไหน  :hao3:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {04/05/61} ➡ Ch.3
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 04-05-2018 23:08:44
งุ้ยยยยยยยยย
จะเจอกันแบบรู้แล้วว่าเป็นพี่เมฆกับน้องเขต
ตื่นเต้นแทนพี่เมฆมากๆ เลย
พี่เมฆใจแข็งๆ สตรองไว้นะครับ
น้องเขตจอมทิฐิคงไม่ยอมลงให้พี่เมฆง่ายๆ แน่
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {07/05/61} ➡ Ch.4
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 07-05-2018 23:22:32
04




“ขอโทษที่ให้รอครับ”

เสียงทุ้มของคนที่เข้ามาในห้องรับแขกเรียกสติของเมฆาให้รีบหันไปมองเพื่อทำความเคารพ แต่พอเห็นหน้าของคนนั้น เมฆาก็ถึงกับตัวแข็ง สติถูกฉุดกระชากออกไป

คนๆ นี้...ที่เจอกันที่สนามบิน

เมฆาอยากจะร้องไห้ โชคชะตาเล่นตลกอะไรกับเขา…

“นี่มัน…”

คณินเองก็ตกใจที่เห็นผู้ชายที่เจอที่สนามบิน คนที่ทำให้เขาคิดหนักเพราะความรู้สึกตอนที่เขาเจอหน้าของเมฆามันเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

โชคชะตาเล่นตลกอะไร…

ทำไมต้องเป็นคนๆ นี้…คนที่เขารู้สึกดีด้วยแม้จะเห็นหน้ากันครั้งแรกก็ตาม

“สวัสดี ‘เขต’ ลุงมาเยี่ยมน่ะ แล้วก็พาพี่ๆ มาทักทายด้วย” พ่อเลี้ยงมนัสลุกขึ้นพูดกับคณินที่ยกมือไหว้อย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่ออีกฝ่ายพูดดีๆ ด้วย เขาก็ต้องดีกลับไป

“นี่พี่มล ส่วนนี่ก็พี่เมฆ เขตคงจำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ก็ไม่เจอกันมาตั้งสิบกว่าปีนี่นะ พี่เมฆเขาจบโทมาเลยจะกลับมาช่วยงานลุง เราก็เพื่อนบ้านกัน ก็มาผูกมิตรกันไว้”

“เพื่ออะไรล่ะครับ เพื่อที่จะทำลายเราง่ายขึ้นเหรอ” ร่างสูงอดไม่ได้ที่จะตอกกลับไปจริงๆ ซึ่งมันทำให้พ่อเลี้ยงมนัสแทบจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้

ไอ้เด็กนี่ คนอุตส่าห์พูดดีๆ ด้วย ปากเก่งเหมือนพ่อมันไม่มีผิด

“ได้น้ำดื่มกับของว่างเรียบร้อยแล้วนะครับ ต้องการอะไรก็บอกได้ เดี๋ยวสักพักพ่อก็คงจะมา” คณินเปลี่ยนเรื่องทันที เขามองใบหน้าของเมฆานิดๆ ก่อนจะเดินมานั่งที่โซฟาเดี่ยว เพราะโซฟาตัวยาวสามพ่อลูกนั่งไปแล้ว

“เรียนอยู่ปีไหนแล้วล่ะเขต”

“ปีหนึ่งครับ” อาการถามคำตอบคำ และสีหน้าที่ดูยังไงก็ไม่อยากจะตอบ ไม่อยากจะคุยด้วยของคณินทำให้เมฆารู้สึกไม่พอใจนิดๆ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าน้องเกลียดพ่อของตนขนาดไหน

เกลียด…

“มีอะไรก็ปรึกษาพี่เมฆเขาได้ เรียนเก่ง จบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้วย”

คณินหันไปมองหน้าเมฆาเมื่อพ่อเลี้ยงมนัสอวดลูกชายของตน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่เมฆาหันมามองหน้าของคณินเพื่อสังเกตความรู้สึกยามที่พ่อของตนพูด สายตาของทั้งสองประสานกัน หัวใจของทั้งคู่เต้นแรงราวกับตื่นเต้น มันเป็นอีกครั้งอย่างกับตอนที่ได้สบกันที่สนามบิน หากตอนนั้นเราไม่รู้จักกัน แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า ‘เคย’ รู้จักดี

“ครับ...ขอบคุณมาก แต่คงไม่รบกวน เพราะผมเองก็ไม่ได้เรียนแย่เท่าไหร่” ประโยคนี้ของคณินทำให้เมฆารู้สึกหน้าเสีย ไม่กล้าสบสายตาจนต้องหลบไปเสียดื้อๆ

เมฆาเป็นคนไม่ยอมใคร...แม้จะเกรงใจเพราะพ่อตนทำเอาไว้มาก แต่ก็ไม่ชอบกิริยาที่คณินแสดงออกกับเขาอยู่ดี...เขาไม่ได้ผิด ทำไมถึงต้องแสดงสายตารังเกียจมาให้กันแบบนี้ด้วย

ไม่มีอีกแล้วสินะ น้องชายที่แสนจะน่ารักของเขา มีแต่ผู้ชาย...ที่มีแต่ความเกลียดชังให้กับเขา…

“ครับ...พี่เองก็คงไม่กล้าสอนหรือให้คำแนะนำอะไรคนอย่างน้องเขต คนอย่างน้องเขตคงเลือกคนที่ตัวเองจะฟัง แต่สำหรับพี่น้องคงไม่ฟัง เพราะใจคนมันไม่เปิดรับ”

คิ้วเข้มของคณินขมวดแน่นทันทีที่เมฆาพูดจบ ประโยคแรกหลังจากที่ได้รู้จักกัน กลับเป็นคำพูดประชดประชัน ใช่ว่าคณินไม่รู้ว่าตัวเองผิดที่ไม่แยกแยะ แต่ให้ทำยังไง ในเมื่อตัวเขาเองยังบังคับตัวเองไม่ได้เลย

“ผมเป็นลูกคนเดียว ไม่มี ‘พี่’ น้องที่ไหน ต้องขอเสียมารยาทนะครับ ถ้าจะบอกว่า ‘ไม่ชอบ’ ถ้าไม่ได้สนิทกัน”

และนี่ก็เป็นอีกประโยคที่ทำให้เมฆารู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนอ่อนแอ ร้องไห้ง่าย แต่เรื่องของคณิน มันกระทบกระเทือนใจของเขาเสมอ

“ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ไม่พอใจ เพราะผมก็ไม่ทราบว่าจะเรียกคุณแบบไหนดี โดยส่วนตัวก็คิดว่าเรียกน้องคงไม่เสียหายอะไร เพราะอายุเราห่างกันค่อนข้างเยอะเลย บวกๆ กับเป็นคน ‘เคย’ รู้จักกันด้วย โตแล้วก็น่าจะเข้าใจได้ว่ามันไม่ผิดที่ผมจะเผลอเรียกคุณว่าน้อง” เมฆาก็ทำเป็นใจดีสู้กับเสือ ทั้งๆ ที่กำลังกลัวแทบตาย

กลัวร้องไห้...ต่อหน้าผู้ชายคนนี้

คณินพูดไม่ออก...เพราะมันก็ถูกต้องทุกอย่างอย่างที่เมฆาพูด เขาหงุดหงิด ไม่ชอบใจ ในเรื่องที่ทางฝ่ายนั้นไม่ได้ผิดเลย เมฆาก็มาดี พูดดี มีแต่เขาที่หาเรื่อง แต่บอกแล้วไง...ว่าต่อให้รู้ตัวก็ห้ามตัวเองไม่ได้

“ขอโทษพี่เขาซะเขต…”

เสียงทุ้มฟังดูน่าเกรงขามดังขึ้นมา เรียกความสนใจจากเมฆา พ่อเลี้ยงมนัสกับมลลดาที่นั่งมองเมฆาปะทะกับคณินแบบไม่ได้ห้าม หันไปมองทันทีเป็นตาเดียว

“สวัสดี...พ่อเลี้ยงมนัส ขอโทษที่ให้คอยนะครับ” พ่อเลี้ยงอาทิตย์เดินเข้ามาในห้องรับแขก เอ่ยพูดกับพ่อเลี้ยงมนัสที่ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่ก็เจอกันตามงานหากก็มีพื้นที่ของกันและกัน ไม่ก้าวก่ายกัน แต่นี่คงเป็นครั้งแรกในหลายปีที่คุยกัน

“สวัสดีพ่อเลี้ยง พอดีลูกๆ กลับมาจากเมืองนอก เลยพามาทำความเคารพน่ะครับ นี่เมฆส่วนนี่ก็มล คุณคงจำไม่ได้”

“สวัสดีครับพ่อเลี้ยงอาทิตย์” เมฆาลุกขึ้นยืนแล้วไหว้เจ้าบ้าน มลลดาเองก็ทำตาม ดวงตาของเธอจ้องมองพ่อเลี้ยงอาทิตย์ตาไม่กระพริบ เพราะนึกภาพพ่อเลี้ยงอาทิตย์เป็นตาแก่มีพุงเหมือนพ่อของเธอ แต่ดูเหมือนว่าอายุของพ่อเลี้ยงอาทิตย์จะน้อยกว่าพ่อของเธอ

จากที่ไม่เห็นด้วยกับการยั่วยวนคนแก่ เห็นแบบนี้ก็ชักอยากได้…

ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่เจอพ่อเลี้ยงอาทิตย์แล้วจะไม่ชอบ มลลดาก็เป็นหนึ่ง  ในนั้น

“สวัสดีค่ะ”

“เชิญนั่งได้ตามสบายเลยครับ ยังไงผมขอรออีกคนก่อนนะครับ” พ่อเลี้ยงอาทิตย์บอกพลางนั่งลงโซฟาตัวที่ว่าง “เขต...เมื่อกี้เสียมารยาทกับพี่เมฆเขาใช่ไหม          ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้เลย” หันไปตำหนิลูกชายของตน

อาทิตย์เคยบอกเคยสอนมากี่ครั้งแล้วว่าเมฆาไม่ได้ผิดอะไร

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือสา”

“ไม่ได้...อาไม่อยากให้ใครมาว่าเขตได้ว่าถูกอบรมมาไม่ดี หรือว่าพ่ออบรมแก  ไม่ดีจริงๆ” คณินเม้มปากแน่นก่อนจะเอ่ยขอโทษเมฆาออกไปอย่างช่วยไม่ได้

“ขอโทษ…”

“หางเสียงหายไปไหน”

“ขอโทษครับ…”

“ครับ...ไม่เป็นไร” เมฆาตอบรับสั้นๆ

“ขอโทษด้วยที่ลูกอามันเสียมารยาท อย่าถือสามันเลยนะเมฆ มันยังเด็ก แยกแยะอะไรไม่ค่อยได้ ยังไงรบกวนทั้งสามรอคนอีกคนก่อนนะครับ”

“ใครหรือคะ? ภรรยาหรือเปล่า” มลลดาถามขึ้น พ่อเลี้ยงมนัสแอบยิ้มเมื่อเห็นว่าลูกสาวเริ่มแผนการแล้ว ลอบมองใบหน้าของพ่อเลี้ยงอาทิตย์ก็ทำให้ตัวเองคิดว่ามันเป็นไปได้สวย เพราะตอนนี้พ่อเลี้ยงอาทิตย์ก็เหมือนจะให้ความสนใจในตัวของลูกสาวตน

แน่ล่ะ...ไม่มีผู้ชายที่ไหนทนผู้หญิงสวย และเซ็กซี่ได้หรอก...

“คนสำคัญน่ะครับ”

อาทิตย์ตอบแค่นั้น แล้วหันไปยิ้มให้กับลูกชาย ซึ่งคณินก็ขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าพ่อให้ใครมา…หรือว่าพ่อจะเดาเกมของพ่อเลี้ยงมนัสออกว่าต้องการจะทำอะไร

ระหว่างที่นั่งรอ คณินก็สังเกตทั้งสามคนไปด้วย ก็คิดว่าตัวเองพอจะเข้าใจสิ่งที่พ่อเลี้ยงมนัสต้องการบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะคิดอย่างที่พ่อของตนคิดหรือไม่

ใครกันนะ พ่อให้เรารอใคร คนสำคัญที่ว่านี่...อย่าบอกนะ…

“ขออนุญาตครับ”

ไอ้หมู…
   ...
...
   ...

“ให้ตายเถอะ ต่อให้รวยขนาดนั้น แต่หนูก็ไม่ญาติดีด้วยนะคะ เป็นศัตรูกันต่อไปก็ดีอยู่แล้ว ปากพ่อเลี้ยงอาทิตย์กับลูกชายนั่นก็ทำให้มลหน้าชาจนจะร้องไห้ ทำไมพ่อต้องพามลไปเจอกับคนแบบนั้นด้วยคะ กรี๊ด!!! มลอยากจะบ้าตาย!!”

“พ่อก็คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ แต่ก็ลองเสี่ยงดู อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าไอ้อาทิตย์มันชอบตาเมฆขนาดไหน”

เมฆาถอนหายใจออกมา

“เขาชอบเพราะผมมีสัมมาคารวะ แล้วตอนเด็กๆ ผมก็เลยไปเล่นแถวๆ รั้วกั้นไร่ พ่อเลี้ยงอาทิตย์เคยให้ขนม ให้เงินก็เท่านั้น” เมฆาบอกออกไป แต่ก็บอกไม่หมดไม่มีใครรู้นอกจากเขาและทางศักดินนท์ว่าตอนเด็กๆ เขาชอบไปเล่นกับคณินที่ไร่

“จะหาว่าน้องแกไม่มีสัมมาคารวะล่ะสิ”

“ถ้าเอาความจริงมันก็ใช่ครับ มลทำตัวเสียมารยาทมาก มันน่าอาย เพราะเขาจะสะท้อนการเลี้ยงดูของพ่อแม่ก่อนเป็นอันดับแรก”

“ไอ้เมฆ!!! ฮึ่ย...จะไปไหนก็ไป ไปให้พ้นจากหน้าฉันกับน้องเลยไป น่าหงุดหงิดจริงๆ คอยดูเถอะไอ้อาทิตย์ ฉันไม่ปล่อยแกไว้นานแน่!!!”

เมฆาหน้าซีด ความรู้สึกหวาดกลัวที่ได้เห็นสีหน้าของผู้เป็นพ่อ…สีหน้าของพ่อเลี้ยงมนัสแสดงชัดถึงความโกรธ และเคียดแค้น ซึ่งมันสามารถนำไปสู่ความตายให้กับผู้ที่เป็นต้นเหตุได้…

“พ่อ…”

“ฉันบอกให้ไป!!!” ร่างโปร่งเดินขึ้นบันไดบ้านไป

เมฆาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมผู้เป็นพ่อได้…เขาตัดสินใจแล้ว...ว่าจะยอมให้พ่อมองว่าเป็นลูกอกตัญญู ดีกว่าปล่อยให้พ่อทำเรื่องเลวร้ายลงไปอีกครั้ง ถ้าพ่อเลี้ยงอาทิตย์เป็นอะไรไป

เขตจะเสียใจแค่ไหน...หัวใจจะบอบช้ำเท่าไหร่

“ทำไมชีวิตต้องมาเจออะไรแบบนี้”

เมฆาไม่อยากให้พ่อเกลียดตน และก็ไม่อยากให้คณินเกลียดเช่นกัน...พ่อไม่เข้าใจเขา...ทางกลับกัน คณินก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมฆาเลย

คนที่เจ็บปวดที่สุดคือคณินเหรอ...เปล่าเลย คนที่เจ็บปวดที่สุด คือคนที่ไม่มีใครอย่างเมฆาต่างหาก แม้ว่าเขาจะโตมาด้วยการเลี้ยงดูของป้า แต่นั่นแหละ ทั้งชีวิตของเมฆามีเพียงคนเดียว คนเดียวเท่านั้นจริงๆ

และที่นี่...เมฆาก็ไม่มีใครเลย แม้แต่เพื่อนสักคน…

“เมฆจะผ่านมันไปได้ใช่ไหมครับแม่”

แน่นอนว่าทุกอย่างมันต้องผ่านไป…แต่มันจะผ่านไปด้วยดี หรือผ่านไปด้วยการสูญเสีย ก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้

     


ร่างโปร่งเดินไปตามไร่ที่แสนจะกว้างขวางของตนไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย ตื่นมาตอนเช้าเมฆาก็ได้รับคำสั่งจากพ่อแบบกะทันหัน แบบไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิด

‘แกก็ทำงานเลยก็แล้วกัน ศึกษางานในไร่นี้ทั้งหมดภายในหนึ่งเดือน จากนั้นก็ศึกษางานที่โรงงานต่อ อ้อ...อาทิตย์หน้าฉันจะพาแกไปประชุมกับหุ้นส่วนของไร่ด้วย’

‘แล้วยัยมลล่ะครับ’

‘น้องมันจะทำอะไรเป็น ปล่อยมันไปเถอะ’

‘แต่น้องใช้เงินเยอะมากเลยนะครับ’

‘แล้วไง ฉันมีปัญญาจ่ายก็แล้วกัน ไม่ใช่เงินแกสักหน่อยจะไปเครียดทำไม แกทำงานแกก็ได้เงินเดือน คิดว่าคนเป็นพ่อจะไม่ให้อะไรลูกเลยหรือไง ฉันมีลูกชายคนเดียว ทุกอย่างของฉันเป็นของแกอยู่แล้ว’

‘แต่…’

‘เลิกขัดใจฉันสักทีจะได้ไหม อ้อ...ฉันจะไปเที่ยวที่ฮ่องกงอาทิตย์หนึ่ง กลับมาก่อนวันประชุมแน่นอน ถ้ามีอะไรก็ติดต่อผ่านเลขาฉัน เพราะฉันไม่สะดวกที่จะรับสายใครทั้งนั้น’

‘ครับ…’

 ก็รู้อยู่ว่าต้องมาทำงาน แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้ เขาเพิ่งจะมาอยู่ที่ไทยได้ไม่ถึงอาทิตย์เลยนะ ยังไม่ได้รู้จักใครเป็นพิเศษเลย เหมือนคนต่างถิ่นเดินทางมาอาศัยอยู่ในประเทศที่ตนไม่รู้จัก แต่ที่นี่คือบ้านเกิด…

“เฮ้อ…”

“ถอนหายใจดังแบบนี้ระวังอายุสั้นนะ”

ขวับ!!

ใบหน้าขาวรีบหันไปมองยังต้นเสียงทันที พอเห็นว่าเป็นใคร เมฆาก็ขมวดคิ้วใส่ทันที…ไม่พอยังเดินหนีด้วย ไม่ใช่ว่าเมฆาไม่อยากพูดด้วย แต่เมฆากลัวว่าคณินจะรู้สึกไม่ดี

อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ กำลังปกป้องตัวเองไม่ให้เห็นสายตาที่ไม่ชอบกันจากคนเป็นน้องชายที่เขายังคิดมาตลอดว่าเราคือพี่น้องกัน…แต่คณินก็ทำให้เขาแปลกใจ...

“ไม่ได้ยินหรือไง” คณินเดินตามร่างโปร่งที่จู่ๆ ก็เดินหนี จนอีกคนกระโดดข้ามรั้วตามเข้ามาในเขตของสมรชัย แบบไม่เกรงกลัวคนในไร่จะมาเห็นเลยสักนิด

“นี่!! คุยด้วยอยู่นะ”

“แต่ฉันไม่อยากคุย”

คณินยังเดินตามไม่มีลดละ จนเมฆาต้องหยุดเดินแล้วหันไปเผชิญหน้ากับคนที่อายุน้อยกว่าที่แต่ก่อนเป็นน้องชายที่แสนจะน่ารัก แต่ตอนนี้ไม่ใช่…เพราะคนตรงหน้านี้ไม่ได้นับถือเขาเป็นพี่อีกต่อไป แค่คนรู้จัก...คณินก็ไม่น่าจะให้ด้วยซ้ำ

แล้วแบบนี้จะมาอยากคุยกันทำไม

“อะไรวะ...หยิ่งหรือไง”

“มีอะไร”

“ก็ไม่ได้มีอะไร แค่เห็นก็เลยทักทายเท่านั้น”

“ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของนายนะ แล้วก็ไม่ได้ว่างด้วย”

“แล้วคิดว่าฉันว่างหรือไง? นี่ก็ทำงานนะ”

“ก็แล้วทำไมไม่ทำงาน จะมาตามทำไม”

เจอสวนกลับมาแบบนี้ คณินถึงกับไปไม่เป็น เนื่องจากตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาจะต้องเรียกเมฆา ทั้งๆ ที่ใจน่ะไม่อยากที่จะคุย หรือมอง หรือทำความรู้จักด้วยซ้ำ แต่ปากกับขา มันไม่ทำตาม…

ไม่รู้เหมือนกัน…มันแค่รู้สึกเคยชินที่จะเดินตาม

“ก็ทักทายตามประสาเพื่อนบ้าน”

“มีใครเคยบอกไหมว่าไอ้นิสัยชอบแถมันใช้ไม่ได้กับทุกคน ฉันไม่โง่ถึงขนาดเชื่อว่านายจะทักทายฉันตามประสาเพื่อนบ้าน เพราะถ้าให้เดา นายคงไม่ได้นับพวกฉันเป็นเพื่อนบ้านอยู่แล้วนี่”

“รู้ตัวก็ดี”

“งั้นขอตัว แล้วช่วยออกไปจากไร่ด้วย”

“ผมบอกคุณอีเมอร์สันว่าผมพบคุณ และคุณเมอร์สันต้องการจะเจอคุณเพื่อขอบคุณที่เก็บสมุดบันทึกให้” เมฆาหันมามองหน้าคณินทันที

คณินเอาแขกที่ตนดูแลมาอ้าง แต่เรื่องที่เมอร์สันต้องการขอบคุณน่ะเป็นเรื่องจริง

“ฝากบอกด้วยว่าไม่เป็นไร”

“ได้ยังไง ไม่เข้าใจเหรอ เวลาคนเราไม่ได้ตอบแทนใครมันจะทำให้คนๆ นั้นรู้สึกค้างคา”

“ก็บอกอยู่นี่ไงว่าไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อย”

“หรือว่ากลัว?” คณินเลิกคิ้วกวนๆ

“กลัวอะไร”

“กลัวผมไง…”

“อย่ามาหลงตัวเองเถอะ”

“งั้นก็ไปด้วยกันสิ”

“นี่!!!”

มันน่าหงุดหงิดจริงๆ ก็ไหนทำหน้าแบบไม่ชอบกัน แล้วจะมายืนคุยกันทำไม        ตั้งนานสองนาน เขาก็พยายามที่จะเลี่ยงแล้ว…

“แค่ครั้งเดียวเอง”

“ฉันต้องทำงาน ไม่ได้ว่างขนาดนั้น”

“ก็ไม่เห็นจะทำเลย”

“สำรวจไร่อยู่นี่ไง”

“ก็แค่สำรวจ สำรวจตอนไหนก็ได้”

“เขต…”

“อย่าทำเป็นเล่นตัวหน่อยเลย นี่อุตส่าห์มาคุยด้วย…”

เมฆาเม้มปากแน่น รู้สึกว่าตัวจะกลายเป็นคนอารมณ์ร้อนตั้งแต่ที่เจอปากของน้องชายที่เคยสนิทเมื่อตอนเด็กอีกครั้ง…ทำไมปากเสียได้ขนาดนี้กันนะ...เขาเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าไปต่อล้อต่อเถียงกับเด็กจะเสียภาพพจน์ตัวเองเปล่าๆ

“ถ้าลำบากใจนักก็ไม่ต้องคุยด้วยก็ได้ คุณเมอร์สันอะไรนั่นอยู่ที่ไหนล่ะ เดี๋ยวจะเข้าไปพบเอง ไม่รบกวนให้นายพาไปหรอกนะ”

“อยู่เขตตะวัน”

อะไรคือเขตตะวัน?

“ไม่รู้จักใช่ไหมล่ะ ก็เนี่ย เดี๋ยวจะยอมพาไป และพามาส่งอีก”

“นายทำแบบนี้กับคนที่ไม่ชอบงั้นเหรอ” เมฆาถามกลับไปอย่างสงสัย ในใจก็หวังว่าคณินจะตอบมาว่าไม่ได้ไม่ชอบตน หากแต่คำพูดของร่างสูงที่ตอบกลับมานั้น ยิ่งตอกย้ำให้เมฆารู้สึกเจ็บ...

“เพื่อลูกค้า...ทนได้”

เมฆาสบตากับคณิน แววตาสื่อถึงความเศร้าและเจ็บปวดจนคณินเองก็รับรู้และสัมผัสได้ ร่างสูงชะงักไป ใจก็รู้สึกผิด...เขาไม่ได้ตั้งใจ

ที่จริงเขาไม่อยากมาพูดคุยด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตัวเองถึงได้มาตามตอแยเมฆาอยู่แบบนี้

“อืม...กี่โมงล่ะ จะไปแต่งตัว”

“ไปชุดนี้ก็ได้” แววตาที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ชุดที่เมฆาใส่ เป็นชุดที่พร้อมออกไปข้างนอกอยู่แล้ว คงจะใส่แบบนี้เป็นปกติ

“งั้นไปเจอกันที่ด้านหน้าไร่”

“ไปพร้อมกันนี่แหละ”

“ทำไม? ไม่กลัวคนเห็นหรือไง”

“คนที่ไร่ผมไม่มีใครเขาเก็บมาคิดหรอก จะมีแต่ไร่ของคุณนั่นแหละที่คิดว่าเราเป็นศัตรู เหยียบเข้าไปที่นั่นก็มีแต่จะไปหาเรื่อง ทั้งๆ ที่นี่ก็อยู่เฉยๆ มาตลอด ใครกันแน่ที่หาเรื่อง”

เมฆาเม้มปาก กำหมัดแน่น ส่วนคนพูดก็พูดไปไม่คิดถึงจิตใจของคนฟังเลยสักนิด สงสัยอยากจะพูดให้เขาเจ็บใจ เจ็บช้ำเล่นๆ ซึ่งคณินเองก็ไม่รู้ตัวว่าคำพูดของตัวเองมันจะทำร้ายคนอายุมากกว่าแค่ไหน

“ตามมาสิ ข้ามไปยังฝั่งศักดินนท์ ถ้าไปทางนี้มีหวังผมโดนซ้อมตาย”

“คนของสมรชัยไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น”

“อยู่ที่นี่ได้กี่วันถึงทำเป็นรู้ดี แค่คนของศักดินนท์เข้ามาเก็บของที่ทำหลุดมือยังโดนเอาปืนจ่อเลย” ร่างโปร่งขมวดคิ้วอย่างแงน เพราะตัวเองก็เพิ่งจะรู้จากปากของคณินนี่แหละ มิน่าล่ะ คนที่อยู่ในไร่บางคนพกปืนด้วย ทำอย่างกับว่ามีโจรเข้ามาบ่อย

“ก็ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนั้นจะเข้ามายุ่งกับฉันทำไม”

“บอกแล้วไงว่าไม่ได้อยากยุ่ง เดี๋ยวจบงานนี้เราจะไม่เจอกันอีกเลย”

“นั่นสินะ…”

“ตามมาสิ”

“อือ”

ร่างโปร่งเดินตามคณินไปยังรั้วกั้นระหว่างสองไร่ เพื่อข้ามไปยังฝั่งของศักดินนท์ เพราะไม่รู้ว่าจะมองอะไร เมฆาเลยเลือกวางสายตาไว้ที่แผ่นหลังของคณินที่เดินนำอยู่

ตัวสูงกว่าเรา…ไหล่ก็กว้าง…ได้อาตะวันมาเต็มๆ เลยสินะ…







100%

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

อ่านแล้วเม้นท์ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ^_^
ขอบคุณที่ติดตามจ้า พูดคุย สอบถาม ทวงนิยาย
ได้ที่แฟนเพจ Sawachi Yuki นะคะ
ช่วงนี้สามารถตอบได้ไวเช่นเดิมแล้วจ้า

หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {07/05/61} ➡ Ch.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-05-2018 00:00:36
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทะเลาะกันบ่อยแบบนี้  เขาว่าลูกดก
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {07/05/61} ➡ Ch.4
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 08-05-2018 01:19:57
เรื่องนี้มาต่อแล้ว ดูท่าน่าจะดราม่าพอควรเลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {07/05/61} ➡ Ch.4
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-05-2018 03:52:59
ตอนทะเลาะกันไปอีกนานแน่ ๆ ลับฝีปากกันและกันให้ดีเด้อ  :katai3:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {07/05/61} ➡ Ch.4
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 08-05-2018 11:50:33
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {07/05/61} ➡ Ch.4
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 08-05-2018 12:59:04
ทะเลาะกัน ลูกดกนะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {07/05/61} ➡ Ch.4
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 09-05-2018 16:51:49
โอ๊ยยยย ชอบบบบ
ทำร้ายจิตใจกันเข้าไป เขต
เดี๋ยวรู้กัน 55+
รักพี่เมฆนะ นี่ตามมาจากพ่อเลี้ยงเลยนะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {07/05/61} ➡ Ch.4
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-05-2018 17:47:22
ตามน้องเขตกับเมฆมาจ้า เห็นน้องหมูแว้บๆ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {07/05/61} ➡ Ch.4
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 09-05-2018 18:39:24
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {07/05/61} ➡ Ch.4
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 09-05-2018 20:49:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {14/05/61} ➡ Ch.5
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 14-05-2018 22:10:58
05





เมฆาจำไม่ได้หรอกว่าหน้าตาของพ่อเลี้ยงตะวันเป็นยังไง แต่จำได้ว่าตัวใหญ่...อุ้มเขากับคณินพร้อมกันมาแล้ว คิดถึงตอนนั้นก็รู้สึกอยากจะร้องไห้...

“ไปอยู่นั่นเป็นยังไงบ้างล่ะ” คณินถามขึ้น

“จะอยากรู้ไปทำไม”

“ก็ถามตามประสาของคนเคยรู้จัก ใช่ไหมล่ะ เราเคยรู้จักกันนี่”

“งั้นก็ต้องตอบตามมารยาทสินะ สบายดี กินดีอยู่ดี หลับฝันดี มีความสุข ชีวิตดีงาม ไม่เดือดร้อนอะไร” ที่เมฆาพูดออกมาทั้งหมดล้วนตรงกันข้ามกับชีวิตที่ผ่านมาของเขาโดยสิ้นเชิง ใช่...เขาประชดแต่คณินก็ไม่ได้สงสัยหรือตะขิดตะขวงใจกับคำพูดใส่อารมณ์พวกนั้น

“อืม”

“แล้วนายล่ะ”

“อยากรู้ทำไม”

ทีตัวเองยังถามเลย...ให้ตายสิ เด็กคนนี้มันจริงๆ เลย

“เออ...ไม่ต้องตอบหรอก คิดว่าไม่ได้ถามอะไรไปก็แล้วกัน”

“หึ...ไม่รู้จริงๆ หรือถามตามมารยาท”

ฟึบ!!!

ร่างสูงหยุดเดินแล้วกลับหลังหันมาสบตากับร่างโปร่งที่เกือบจะหยุดขาตัวเอง  ไม่ทัน แววตาของคณินทำให้เมฆารู้สึกเย็นวาบและบีบคั้นหัวใจ ยิ่งประโยคคำถามถัดมาที่ถามเขา ทำเอาเมฆาพูดอะไรไม่ออก รับรู้ถึงความเจ็บปวดของคณิน...

เพราะน้องไม่เคยลืม

“ถามจริงๆ ถ้าตัวเองเห็นพ่อถูกยิงตายต่อหน้าต่อตา จะยังมีความสุขดีเหรอ”

“ขอโทษ…”

“ขอโทษอะไร ขอโทษที่ถาม หรือว่าขอโทษแทนพ่อตัวเอง?”

เมฆาตอบไม่ได้ เพราะมันก็หลายๆ อย่างรวมกัน

ขอโทษที่ถาม...ขอโทษแทนพ่อ...ขอโทษที่การอยู่ตรงนี้ของเขามันไปกระทบถึงความทรงจำที่แสนเจ็บปวดของคณินเข้า

“ช่างเถอะ...จะพยายามแยกแยะว่าพ่อลูกมันคนละคนกัน ถึงจะทำได้ยากก็เถอะ” คณินเลิกใส่ใจแล้วเดินต่อ

ร่างโปร่งเดินตามต่อไป คิดถึงอดีตตอนที่เราเล่นด้วยกัน ตอนนั้น คณินยังเดินตามหลังเขาต้อยๆ อยู่เลย แต่สิบกว่าปีผ่านไป จากเด็กที่ตัวเล็กกว่าเขาในวันนั้นเติบใหญ่อย่างมีคุณภาพ...

มือที่เขาเคยกุม ตอนนี้ก็ใหญ่กว่า….ร่างเล็กๆ ที่เคยกอดปลอบ ตอนนี้คงกอด ไม่รอบแล้ว...

แม้จะเป็นการคุยกันครั้งแรกในรอบหลายปี สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือความคุ้นเคย...แม้ว่าสถานการณ์และความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไป หากแต่ความผูกพันมันลบได้ยากจริงๆ

“นี่...ไม่ต้องเป็นเหมือนเดิมก็ได้ แต่อย่าเกลียดกันจะได้ไหม” เมฆาถามออกไปอย่างเหม่อลอย พอรู้ตัวว่าตัวเองกำลังพูดอย่างที่ใจคิดก็หยุดชะงักอยู่กับที่

คณินที่ได้ยินแบบนั้นก็หันมามองอย่างสงสัย…

“เพื่ออะไร?”

“สำหรับฉัน...นายคือน้องเขตเสมอ”

ร่างสูงถอนหายใจ

“ก็ไม่ได้เกลียด…”

“จริงนะ”

“อือ...ดีใจอะไรนักหนา”

“ลองมาเป็นคนกลางอย่างฉันดูสิ นายจะรู้สึก นั่นก็พ่อ นี่ก็น้องและผู้มีพระคุณ”

ได้ยินแบบนั้น คณินก็ลองคิดในมุมของเมฆาดูบ้าง หากแต่ก็ไม่ได้ยอมรับอะไรนัก แค่ที่เขาเจอมาก็แย่พอแล้ว ไม่เข้าใจความรู้สึกอะไรของใครทั้งนั้นแหละ

“อืม...แต่จะให้กลับไปสนิทคงไม่ได้ ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับสมรชัยอีกแล้ว”

“อา...ก็หวังแค่นี้แหละ”

ใช่...หวังแค่นี้ แค่นี้จริงๆ แค่คณินไม่เกลียดเขา ไม่เกลียดกัน แค่นั้นก็พอแล้ว ทั้งๆ ที่คิดแบบนี้มาตลอด แต่พอได้ยินจริงๆ กลับรู้สึกคันยุบยิบในใจ…




หลังจากที่เมฆาไปเขตตะวันกับคณินแล้ว ก็พบกับมิสเตอร์อีเมอร์สัน ซึ่งก็เลี้ยงข้าวเมฆาเป็นการตอบแทนน้ำใจ ด้านคณินเองก็ไม่ได้รับประทานด้วยเพราะต้องเคลียร์งาน ที่สำคัญมันเป็นเวลาพักของมิสเตอร์อีเมอร์สัน เขาก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเท่าไหร่ เพราะมันจะมีตารางเวลางานที่เราได้นัดแนะตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

แม้จะทำงานแต่ทั้งสองคนก็อยู่ในสายตาของคณินตลอด

“ผมเพิ่งจะกลับมาและคงอยู่ที่นี่ถาวรแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไร”

“เสียดายจริงๆ ผมคุยกับคุณเมฆาแล้วได้อะไรเยอะแยะเลยครับ ไม่คิดว่าหนุ่มรุ่นใหม่จะเก่งได้แบบนี้”

“ผมทำงานมาหลายด้านน่ะครับ ประสบการณ์เลยค่อนข้างเยอะ”

“ไม่ลองคิดใหม่อีกทีเหรอครับ ที่ผมเสนอไป”

“ผมมาช่วยพ่อทำงานน่ะครับ คงไม่ได้จริงๆ”

“ว้า...งั้นขอผมติดต่อคุณเมฆาทางอีเมล์นะครับ เห็นว่าเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดอยู่ ผมก็อยากจะได้ที่ปรึกษาดีๆ แบบคุณเมฆา รับงานผ่านเมล์แล้วจ่ายค่าตอบแทน แบบนี้พอได้ไหมครับ”

มิสเตอร์อีเมอร์สันพอรู้ว่าเมฆาเคยทำงานอะไร ด้านไหน จบอะไรมาก็ชักชวนให้มาทำงานด้วยกัน จนตอนนี้ก็พยายามที่จะคะยั้นคะยอให้เมฆามาทำงานกับตนให้ได้ ไม่ว่าทางไหน

“ผมเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทสองบริษัทได้แต่บริษัททั้งสองต้องไม่ทำธุรกิจอย่างเดียวกัน คือจะไม่มีทางแข่งขันกันทางธุรกิจ ซึ่งตอนนี้คุณกำลังจะร่วมลงทุนกับทางศักดินนท์และผมก็เป็นคนของสมรชัย เกรงว่าจะทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ ครับ” เมฆาพูดออกไปตามความจริง

ข้อเสนอที่ได้รับมันดีมาก แต่รับไม่ได้จริงๆ ปัญหาใหญ่อยู่ที่พ่อเลี้ยงมนัสพ่อของเขาเองนั่นแหละ

“งั้นเราเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหมครับ ถ้าลูกชายผมโตก็อยากจะให้เก่งแบบคุณเมฆา ที่จริงก็ไม่ค่อยได้เจอเด็กหนุ่มที่มีประสบการณ์เยอะแบบนี้เท่าไหร่”

“จะดีเหรอครับที่อยากมีเพื่อนรุ่นเด็กๆ อย่างผมน่ะ”

“หรือคุณเมฆาไม่อยากมีเพื่อนที่แก่ๆ ล่ะครับ” มิสเตอร์อีเมอร์สันถามกลับยิ้มๆ

“ผมยังไงก็ได้ครับ”

“งั้นตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะครับ เอาไว้ถ้าผมพาครอบครัวมาเที่ยวไทย จะมาแนะนำให้รู้จักนะครับ ผมอยากให้ลูกชายของผมรู้จักกับคุณเอาไว้ เผื่อโตขึ้นจะได้ช่วยเหลือกัน”

“ยินดีเลยครับ ผมเองก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าได้รู้จักคนเยอะๆ ไว้ ก็อาจจะเป็นเรื่องดี”

เมฆายิ้มและจับมือให้กับมิตรภาพ เขามีเพื่อนที่อายุสามสิบ สี่สิบเยอะ เพราะงานที่ตนเคยทำจะคลุกคลีอยู่กับผู้ที่มีประสบการณ์ทำงานมาหลายปีแล้วทั้งนั้น ข้อดีของการคบเพื่อนที่อายุมากกว่าจะทำให้เราเรียนรู้อะไรได้เยอะกว่า แต่ใช่ว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันเมฆาจะไม่มีนะ มีเยอะเลย ส่วนใหญ่ก็ชาวต่างชาติ


“จะไปไหน”

ยังไม่ทันที่เมฆาจะขึ้นรถของเขตตะวันเพื่อไปต่อโดยสารข้างนอก ก็มีเสียงคุ้นหูของคณินดังขึ้นมาก่อน

“ก็กลับไง เสร็จธุระแล้ว”

“เป็นคนพามา เดี๋ยวจะพากลับเอง”

“ไม่เป็นไร กลับเองได้” ร่างโปร่งปฏิเสธความหวังดีที่ดูไม่เต็มใจของคณิน

เขาไม่อยากอึดอัด…

“แล้วรู้เหรอว่าต้องนั่งยังไง”

เจอคำถามนี้เมฆาก็ตอบไม่ได้ เพราะตัวเองเพิ่งจะกลับมา นั่งรถโดยสาร หรือรถประจำทางไม่เป็นหรอก นั่งเป็นแค่เครื่องบินเท่านั้น แต่เขาก็เชื่อว่า มีปาก กล้าถาม ยังไงก็ไม่ตายหรอก

“ไม่รู้ล่ะสิ”

“ก็ไม่รู้ แต่มีปาก ถามเขาเอาก็ได้”

“เก่งจริง...เดี๋ยวไปส่ง”

“เฮ้อ...ไหนๆ ก็มาขนาดนี้แล้วล่ะนะ”

“ไปเดินเล่นรอก่อน อีกประมาณชั่วโมงก็มาที่นี่นะ ขอไปทำงานต่ออีกนิดนึง” คณินบอก ซึ่งเรียกสีหน้าที่ไม่พอใจจากเมฆาได้ทันที

มันเสียเวลาไหม...เขาก็มีงานที่ต้องจัดการอยู่นะ

“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย วันเดียวเอง ถือว่าพามาเที่ยวไง”

“อือ...ช่างมันเถอะ”

“ต้องการอะไรก็แจ้งพนักงานได้เลยนะ”

“ขอบคุณครับ”

คณินชะงักนิดๆ หลังได้ยินคำขอบคุณที่แสนไพเราะนั่นของเมฆา มันฟังดูลื่นหูยังไงก็ไม่รู้ เพราะคนพูดรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ด้วยล่ะมั้ง

ร่างสูงเดินกลับไปทำงานต่อโดยไม่พูดอะไรอีก ทิ้งให้เมฆายืนเคว้งอยู่ตรงนั้น จากที่จะขึ้นรถก็ได้แต่ยิ้มให้คนขับแห้งๆ แล้วขอโทษเบาๆ ก่อนจะเดินไปชมเขตตะวันที่มีพื้นที่ใหญ่โตกว่าไร่ศักดินนท์หลายเท่า

“ที่นี่คงเป็นของเขตที่อาตะวันทำไว้ให้สินะ”

ระหว่างที่เดินชมไปเรื่อยๆ เมฆาก็นึกถึงความทรงจำที่เขาพอจะจำได้เกี่ยวกับที่นี่ มันมีทั้งความสุข แต่ก็เจ็บปวดเพราะมันไม่สามารถแก้ไขอะไรได้…

“หลักฐานชิ้นเดียวที่บ่งบอกว่าพ่อเลี้ยงตะวันคือคนที่เก่งและฉลาดมากแค่ไหนที่ทำให้ที่นี่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้”

‘เขตตะวัน’ ชื่อนี้มีความหมายมาก แปลได้หลายความหมาย แต่ก็เข้าใจได้ว่าคนตั้งต้องการจะสื่ออะไร พ่อเลี้ยงตะวันต้องการสื่อว่า ที่นี่คือ ‘อาณาเขต’ ของเขา เท่าที่จำได้พ่อเลี้ยงตะวันเป็นคนที่โลกส่วนตัวสูง ไม่มีใครเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตได้ง่ายๆ มีเพียงครอบครัวเท่านั้น พอมีลูกชายแม้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ พ่อเลี้ยงตะวันก็รักลูกชายคนเดียวยิ่งกว่าชีวิตจึงตั้งชื่อลูกว่า ‘เขต’ เปรียบเสมือนปราการอันยิ่งใหญ่เพื่อไม่ให้ใครเข้ามาถึงเขาและหัวใจของเขาได้ นอกจากลูกชายและครอบครัว อีกความหมายก็คือ ที่นี่เปรียบเสมือนอาณาเขตแห่งแสงอาทิตย์ที่อบอุ่น มันมาจากความหมายของชื่อพ่อของเขา พ่อเลี้ยงสุริเยนทร์ พ่อเลี้ยงตะวันและประมุขของศักดินนท์คนปัจจุบัน พ่อเลี้ยงอาทิตย์ 

พ่อเลี้ยงตะวันสร้างเขตตะวันขึ้นมาให้ยิ่งใหญ่เท่ากับความรักที่มีให้กับลูกชาย แต่วัตถุก็ไม่สามารถแทนความรักที่เขามีต่อลูกได้ มันประสบความสำเร็จ แต่พ่อเลี้ยงตะวันคิดว่ามันยังไม่มากพอสำหรับลูกชายคนเดียวของตน ก็ทำการขยับขยาย พัฒนา จนประสบความสำเร็จรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบันนี้

เมฆาจำได้ว่าไม่กี่ปีที่พ่อเลี้ยงตะวันทำให้เขตตะวันประสบความสำเร็จคงเป็นเวลาที่เท่ากับอายุของคณินในช่วงที่ความสัมพันธ์เราแตกหัก สาเหตุของการเสียชีวิตของพ่อเลี้ยงตะวันนั้น เพราะความเก่งกาจ ความฉลาดของเจ้าตัวไปขัดแข้งขัดขากับพ่อเลี้ยงมนัสเข้า พ่อของเขา...เลยตัดแขน ตัดขาของศักดินนท์ไปซะ

สุดท้ายแล้วเป็นไง...ต่อให้กำจัดใครไป ‘ศักดินนท์’ ก็ยิ่งใหญ่และเป็นอันดับหนึ่งอยู่ดี

“เฮ้อ…”

“ถอนหายใจอะไรนักหนา มีเรื่องทุกข์มากเลยหรือไง” เสียงทุ้มที่ดังจากข้างหลังทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ข้างหลังตัวเอง

“คนเรามันก็ไม่ได้สุขตลอดนะเขต” เขาหันไปตอบคนอายุน้อยกว่าที่ตัวสูงกว่าหลังจากที่ตั้งสติได้

“นั่นสินะ แล้วนี่จะเดินไปไหน เดินทั้งวันก็เดินไม่รอบหรอกนะ”

“จะบอกว่าที่นี่ใหญ่มากงั้นสิ”

“พูดความจริง แต่ถ้าอยากลองเดินก็ได้” คณินยักไหล่

“ไม่เอาหรอก อยากกลับบ้าน ที่สำคัญนะ ฉันรู้ดีว่าที่นี่ใหญ่มากขนาดไหน  ไม่จำเป็นต้องบอกหรือเดินดูให้เหนื่อยหรอก คนอย่างฉันไม่บ้าตามคำท้าทายใครทั้งนั้น แล้วนี่จะส่งกลับบ้านได้หรือยัง”

“จะรีบกลับไปนอนแกร่วที่บ้านทำไม พ่อเลี้ยงมนัสไม่อยู่ไม่ใช่หรือไง แล้วน้องสาวคุณก็คงไม่กลับบ้านเร็วนักหรอกนะ”

คำพูดเหมือนรู้ดีของคณินทำเอาเมฆาขมวดคิ้วสงสัย

“รู้ได้ยังไง” แล้วความสงสัยก็ทำให้ตนถามออกไป

“ง่ายนิดเดียว คนอย่างพ่อเลี้ยงมนัสไปไหนมาไหนก็มีคนรู้ทั้งนั้นแหละ ส่วนน้องสาวของคุณน่ะเหรอ มาไม่กี่วันก็ดังจะตายไป”

“หึ...ดังในเรื่องเสียหายสินะ”

“รู้จักน้องตัวเองดีเหมือนกันนี่ แล้วก็รู้เห็นเป็นใจเรื่องที่ให้ไปอ่อยพ่อผมด้วย  หรือเปล่า แต่เสียใจนะ คนที่จะมาเป็นแม่เลี้ยงผมได้ต้องเพรียบพร้อมทั้งหน้าตา นิสัย และความรู้ความสามารถ ไม่เอาคนที่ทำได้แค่แต่งตัวและเที่ยวไปวันๆ มาสร้างความอับอายให้กับครอบครัวหรอก”

คำพูดคำจาที่ออกมาจากปากของคณินมันแรงมากสำหรับคนที่ไม่เคยพูดคำหยาบคายอย่างเมฆา แต่ก็ไม่สามารถจะตอกกลับไปได้ เพราะมันก็เหมือนแก้ตัวให้ดูดี ทั้งๆ ที่ทุกอย่างที่พูดออกมามันถูกทั้งหมด

“ยอมรับว่ารู้ แต่ไม่ได้เห็นด้วย ถ้าจะกรุณาช่วยส่งกลับบ้านด้วยนะครับ!!!”

“หึ…” คณินปรายตามองคนที่ส่งสายตาโกรธเกรี้ยวมาให้แล้วหัวเราะในลำคอนิดๆ ก่อนจะหมุนตัวเองกลับไป เดินนำร่างโปร่งที่ได้แต่เดินกำหมัดตามอย่างเจ็บใจ

ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายที่ต้องเสวนากับเด็กแบบนี้ทีเถอะ

“คนอะไร หาความสุภาพบุรุษไม่เจอเลย…”

สงสารคนที่จะมาเป็นภรรยาจริงๆ


“จอดตรงนี้แหละ”

“อย่าบ้าน่า เดินเข้าไปมันไกลไม่ใช่หรือไง” คณินขัดทันทีที่เมฆาบอกให้จอดหน้าทางเข้าไร่ที่ต้องเดินเข้าไปอีกไกลกว่าจะถึงตัวบ้าน

“เดี๋ยวให้คนงานมารับ”

“จะเข้าไปส่ง”

“เอ๊ะ! นี่เป็นคนยังไง ผู้ใหญ่บอกอะไรก็เชื่อฟังบ้างสิ”

คณินทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขับรถฝ่าทางเข้าไปโดยไม่เกรงกลัวเลยว่าตัวเองกำลังเข้าไปในดงของศัตรู ส่วนเมฆาก็นั่งทำหน้าเครียดอยู่ข้างๆ ไม่ได้กังวลว่าจะมีอันตรายกับคณินหรอก ยังไงตนก็ไม่เชื่อว่าคนของสมรชัยจะเลวร้ายขนาดนั้น ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของพ่อตน ก็ไม่น่าจะมีอะไรมาก แต่ที่เขาเครียดก็คือ...กลัวคนของสมรชัยรายงานพ่อนี่สิ แล้วไม่ใช่แค่คณินที่โดนหมายหัว แต่นั่นจะหมายถึงเขาด้วย

พ่อจะคิดว่าเขาชักศัตรูเข้าบ้านหรือเปล่า? หรือไม่ก็เข้าข้างศัตรู เป็นมิตรกับศัตรู ร้ายแรงที่สุดคือการสั่งให้เขาทำร้ายศักดินนท์ ซึ่งแน่นอนว่าเมฆาไม่มีวันทำมันได้

“นายกำลังหาเรื่องให้ฉัน”

“มันจะร้ายแรงขนาดไหนกันเชียว” ร่างสูงไม่สนใจ

“กว่าที่คิดก็แล้วกัน”

“พ่อเลี้ยงมนัสทำอะไรเราไม่ได้หรอก”

“แต่ทำฉันได้ หรือต้องการจะเห็นแบบนั้น?” ร่างโปร่งถามกลับ

“แล้วแต่สิ ผมไม่เกี่ยว ไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว พ่อลูกกันนี่ ยังไงก็ไม่ถึงกับฆ่าแกงกันหรอก ก็บอกไปว่าไม่รู้จักใครในไทยสักคนแล้วบังเอิญเจอกัน ผมเลยพามาส่ง”

“หึ...คิดง่าย พูดง่าย”

“ก็ทำให้มันง่ายด้วย ยากอะไร”

นี่คิดว่าพ่อจะรักฉันมากขนาดนั้นเลยหรือไง

คณินไม่รู้ความสัมพันธ์ในครอบครัวของสมรชัยหรอก เลยดึงดันจะเข้าไปส่ง ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นความหวังดีที่เขาไม่อยากพูดออกมาเท่าไหร่

ปากไม่ตรงกับใจ…

“รู้รึเปล่า ว่าถ้าพ่อเลี้ยงมนัสถูกจับด้วยข้อหาที่ทำธุรกิจสกปรกอยู่ทุกอย่างของสมรชัยจะต้องถูกยึด รวมถึงไร่นี้ด้วย” คณินเอ่ยถามขึ้นมา

ถ้าเป็นคนอื่นคงจะด่ากลับไปแล้ว มีอย่างที่ไหนมาถามแบบนี้กับลูกชายของคนที่ตัวเองพูดถึงอยู่ แต่ความจริงมันก็คือความจริง...ความจริงที่ว่าพ่อของเขาไม่ใช่คนดีอะไร ทำเรื่องที่ผิดกฎหมายก็เยอะ แต่ที่ไม่เป็นไรเพราะคนฝ่ายในก็หนุนหลังอยู่

“รู้…”

“แล้วตอนนั้นจะทำยังไง”

“ไปอยู่กับป้าหรือไม่ก็ไปอยู่แถบๆ ชนบทในไทย”

“ไม่ช่วยพ่อหรือไง”

“ช่วยสิ...ต้องช่วยอยู่แล้วล่ะ”

ช่วย...ทำให้มันถูกต้อง แม้ว่าตัวเองจะเจ็บปวดที่ต้องส่งพ่อตัวเองเข้าคุก ยอมเลว ยอมอกตัญญูหากจะชดใช้ให้กับทุกชีวิตที่พ่อของเขาเคยพราก

แน่นอนว่าเมฆารู้...ว่าพ่อเลี้ยงมนัสไม่ได้กำจัดแค่พ่อเลี้ยงตะวันคนเดียว มีอีกหลายชีวิตที่ตกเป็นเหยื่อของพ่อเขา และทางเดียวที่จะหยุดพ่อได้ ก็คือ...ดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ก็ต้องมีหลักฐาน

“หึ...ยังไงก็พ่อลูกกันนี่ ถ้าวันนั้นต้องไปนอนในคุกกับพ่อตัวเองก็อย่าโกรธก็  แล้วกัน” คณินเองก็เข้าใจผิดไปเพราะร่างโปร่งไม่พูด ไม่อธิบายต่อ เลยทำให้ร่างสูงโกรธ ไม่พอใจ แต่นั่นก็เป็นทางที่ดีแล้วล่ะ

เข้าใจผิดไปก็ดี จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับเขาอีก

“ถ้าต้องติดคุกกับพ่อ แน่นอนว่าก็ยอม”

มันเป็นเรื่องที่เขาคิดไม่ถึงมาก่อนเลย ได้แต่คิดว่าถ้าพ่อติดคุกตัวเองจะทำยังไง พอได้ยินคณินพูดแบบนั้นมันก็ทำให้เมฆาคิดออก

จริงด้วย...ถ้าจะให้รู้สึกผิดน้อยที่สุด ก็คือเราต้องรับผิดไปกับพ่อด้วย หากพ่อต้องไปรับความผิดในคุก เขาก็พร้อมที่จะไปกับท่าน บุพาการีที่เหลืออยู่คนเดียว ยังไงก็ต้องแทนคุณท่าน...

“ขอบคุณนะ”

“ขอบคุณอะไร”

“ขอบคุณที่มาส่งไง”

และก็ที่ให้คำแนะนำเรื่องพ่อ…

ร่างสูงไม่ตอบแต่ปรายตามองนิดๆ ก่อนจะกลับไปสนใจทางด้านหน้า พอถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ เขาก็จอดให้เมฆาลงไป โชคดีที่ไม่มีคนอยู่แถวนี้เลย อาจจะเป็นเพราะว่าเจ้านายตัวเองไม่อยู่กันหมด ก็เลยพากันตามสบายได้ โชคเลยเข้าข้างที่ไม่มีใครเห็นว่าคณินมาส่งเมฆาถึงในไร่

“กลับดีๆ ล่ะ” ร่างโปร่งพูดบอกขณะที่ปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว

“เป็นห่วงหรือไง” ไม่รู้ทำไมถึงถามออกไปแบบนั้น ซึ่งมันก็ทำให้เมฆาชะงักไปนิดๆ ก่อนจะหันหน้ามามองคนถามด้วยสีหน้าที่พยายามทำให้นิ่งที่สุด

“แล้วห่วงไม่ได้เหรอ”

ทั้งสองสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร จ้องอยู่นานจนเกิดปฏิกิริยาแปลกๆ ขึ้นที่หัวใจของทั้งสองคน มันเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้การหายใจของเมฆาเริ่มผิดปกติ ในขณะที่คณินก็พยายามที่จะทำให้มันเป็นปกติ

เมฆารู้ว่ามันเป็นยังไง เขามีประสบการณ์เรื่องแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว

“ขอบคุณอีกครั้งนะ ที่มาส่ง” เมฆายอมละสายตาออกมา ก่อนจะเปิดประตูรถออกไปทันที คณินยังคงนิ่งเหมือนเดิม มองร่างโปร่งที่ยืนอยู่ด้านนอกอย่างไม่มีสติ

เมฆาเห็นว่านานแล้วที่คณินไปออกรถสักทีก็เคาะกระจกรถเรียกคนด้านใน  รอบแรกยังนิ่ง รอบที่สองเพิ่มแรงเข้าไปอีกจนคนข้างในสะดุ้ง มองหน้าเมฆาที่ยื่นหน้ามาตรงกระจกนิดๆ ก่อนจะเข้าเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งออกมาจากตรงนั้น ทางด้านเมฆาเองก็ได้แต่มองตามอย่างโล่งใจ

“เฮ้อ...ถ้านานกว่านี้แย่แน่ๆ”

ไม่คิดว่าตนจะรู้สึกอะไรแบบนี้กับคนเป็นน้องชายได้…มันเป็นความหวั่นไหวที่น่ากลัวมาก เพราะพื้นฐานของเราสองคนคือความผูกพัน ถ้าความรู้สึกถลำลึกไปมากกว่านี้...แน่นอนว่าคงถอนตัวไม่ขึ้น

“ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะเจอกันแบบนี้เถอะนะ...แค่นี้ชีวิตก็ทรมานมากพออยู่แล้ว อย่าให้ต้องรัก คนที่เราไม่ควรรักเลย…”

มันไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่มีทางที่จะสมหวังเลยด้วยซ้ำ

ทางด้านของคณินที่กำลังขับรถกลับไร่ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์กับความรู้สึกของตัวเอง มือแกร่งเองก็จับที่หัวใจแน่น…

เขาไม่ได้ไร้เดียงสาที่ไม่รู้ว่านี่คือความรู้สึกอะไร...

“จะเต้นแรงทำไมวะ!!!”

นึกโมโหที่หัวใจของตนเองเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งทั้งๆ ที่ไม่ควรเลยสักนิด จะมาเต้นแรงกับคนๆ นี้ไม่ได้เด็ดขาดเลย...ทำไมต้องเป็นคนๆ นี้

จะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่คนนี้

“แม่งเอ้ย!! ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย”

จนตอนนี้ คณินมั่นใจ...ว่าได้ชอบคนที่ไม่ควรชอบไปแล้ว ความรู้สึกตอนที่เจอกันที่สนามบินไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ...ในเมื่อต้องการพิสูจน์ความรู้สึก ก็ต้องยอมรับกับผลให้ได้ ซึ่งเขาได้พิสูจน์มันไปแล้ว แต่ผลที่ได้คือเขาไม่อยากจะยอมรับเลยสักนิด…

ปากบอกไม่ชอบ แต่ก็อยากเจอ

ปากบอกว่าไม่อยากพูดคุยด้วย แต่ก็หาเรื่องมาอ้าง

ปากบอกว่าไม่อยากอยู่ใกล้ แต่ที่ทำทั้งหมดก็เพื่อให้เขาอยู่ในสายตา

ที่พร่ำบอกว่าไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์เป็นดังเดิม แต่ก็โหยหาความอบอุ่นที่ยังจำฝังใจไม่เคยลืม...

“หาเรื่องให้ตัวเองชัดๆ ช่างเถอะ...แค่ไม่ไปเจอก็พอ ท่องไว้...นั่นลูกของคนที่ฆ่าพ่อมึงนะเขต ลูกของฆาตกร มึงจะรู้สึกอะไรด้วยไม่ได้ อย่าให้ทั้งพ่อและลูก มาสร้างความเจ็บปวดให้มึงสิ”

ในตอนนี้เอง...ที่คณินเพิ่งจะเข้าใจว่าต่อให้พยายามเกลียดแค่ไหน มันก็ลบความผูกพันออกไปไม่ได้

หรือไม่...เขาก็ไม่ได้เกลียดเมฆาอย่างที่ปากว่าเลย






100%
/////////////////////////

ผ่านไปอีกตอนแล้วนะคะ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ หรือพูดคุยได้ที่แฟนเพจ Sawachi Yuki นะคะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {14/05/61} ➡ Ch.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-05-2018 23:28:33
 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {14/05/61} ➡ Ch.5
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-05-2018 00:44:02
ลึก ๆ แล้วก็ยังรู้สึกดี ๆ กับเมฆอยู่ใช่ไหม เขต  :katai3:

ปล. + เป็ดเหลืองกลับมาแล้ว กด + ได้เสียที  :katai2-1:
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/05/61} ➡ Ch.6
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 21-05-2018 14:59:42
06




สามวันแล้วหลังจากวันนั้น เมฆาไม่ได้มีเวลามากพอที่จะมาคิดถึงเรื่องที่มันผ่านไปแล้วมากนัก เพราะตั้งแต่ที่เริ่มศึกษางานในไร่มันก็ยุ่งและหนักหนาเอาการ เพราะเขาต้องเรียนรู้ระบบการจัดการตั้งแต่ต้น นอกจากเรียนรู้งานแล้วแล้ว เขาต้องเรียนรู้ด้านเกษตรของที่นี่และทั่วทั้งประเทศอีกด้วย เวลาว่างก็จะเสิร์ชศึกษา อ่านข่าวสารทั้งใหม่และเก่าไปด้วย แต่นั่นมันก็ไม่ได้ยากไปสำหรับเมฆาที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ได้ง่ายรวมทั้งความตั้งใจที่แน่วแน่เลยทำให้เรียนรู้ไว

แม้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากผู้จัดการไร่ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าคนอายุมากกว่าคนนี้ไม่ได้ชอบเขาเท่าไหร่นักหรอก มีอย่างที่ไหนยื่นแค่เอกสารมาให้อ่านเอง ถามอะไร ก็ไม่ตอบจนต้องไปสอบถามเอากับพวกคนงานแทน แล้วก็เอาข้อมูลที่ได้มาประติดประต่อเอง

มันเหนื่อย...

“ทำไมสามวันมันนานได้ขนาดนี้นะ”

เวลานี้เมฆาหนีออกมาพักจากกองเอกสารต่างๆ ที่ท้ายไร่ ซึ่งปราศจากคนมารบกวนเนื่องจากว่ามันเป็นพื้นที่ที่ปล่อยให้มันรกร้างไป เขากำลังคิดจะทำตรงนี้เป็นที่พักผ่อนส่วนตัว แต่ไม่มีเวลาพอก็เลยทำได้แค่เอาเสื่อมาปูนอนที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ โดยเลือกที่ที่ไม่น่าจะมีงูโผล่ออกมาด้วย

สายตาเหม่อมองออกไป จ้องมองก้อนเมฆที่ลอยอยู่เต็มผืนฟ้า

“เมฆา...เมฆ ทำไมถึงต่างกัน...เมฆบนฟ้าล่องลอยได้อย่างอิสระ ในขณะที่เมฆอย่างเราไม่สามารถทำเรื่องที่ตัวเองชอบได้เลยสักอย่าง ไปไหนก็ไม่ได้ ขนาดอยู่ไกลถึงเมืองนอก ก็ยังถูกควบคุมจากพ่อ...แม่ครับ บนนั้นมีความสุขหรือเปล่า เมื่อไหร่เมฆจะได้ไปอยู่กับแม่ เมื่อไหร่เราจะได้เจอกัน เมื่อไหร่เมฆถึงจะหลุดพ้นออกไปจากตรงนี้ได้”

เพราะคิดว่าไม่มีใคร เมฆาเลยสามารถที่จะระบายออกมาได้อย่างที่ใจต้องการ โดยลืมไปเลยว่าที่ตรงนี้มันติดกับเขตของไร่ศักดินนท์เพียงรั้วกั้นเท่านั้น แต่นั่นแหละ เมฆารู้ว่าไม่มีใครหรอก

“แม่ครับ...เมฆมีเรื่องอยากจะถาม ถ้าเมฆเป็นคนทำให้พ่อถูกจับ เมฆจะบาปไหมครับ แล้วถ้าเมฆยอมถูกจับไปกับพ่อด้วย เมฆจะบาปน้อยลงหรือเปล่า”

เมฆาไม่มีใครอยู่ข้างกาย ไม่มีใครที่เขาจะปรึกษา พูดคุยหรือระบายด้วยได้เลย

“ทำไมพ่อถึงไม่รักเมฆล่ะครับแม่...ฮึก…”

สุดท้ายแล้ว เมฆาก็ร้องไห้ออกมาด้วยความน้อยอกน้อยใจ ความเหนื่อย ความกดดัน ทุกอย่างมันมาสุมอยู่ที่เมฆาคนเดียว ไม่มีใครทนได้โดยไม่เสียน้ำตา ไม่มีใครไม่ร้องไห้…

“เมฆไม่มีใครเลย ฮึก...ไม่มีใครอยู่ข้างเมฆเลย คนที่เมฆรัก ก็ทิ้งเมฆไปกันหมด ทั้งพ่อ แม่ น้อง...แล้วก็เขต ทุกคนทิ้งเมฆ ไม่รักเมฆ...เกลียดเมฆ”

ปัญหาที่เขาเจอ เมฆาไม่รู้ว่าตัวเองจะผ่านมันไปได้หรือไม่ เขากลัวว่าตัวเองจะยอมแพ้แล้วทิ้งทุกอย่างเพราะทนกับความเจ็บปวด ความกดดันพวกนี้ไม่ไหว

ในขณะที่เมฆากำลังนอนร้องไห้ตัดพ้อชีวิตและโชคชะตาอยู่นั้น คณินที่มาเดินเล่นอยู่ก่อนหน้านี้ก็กำลังหลบหลังต้นไม้ที่ไม่ห่างไปจากต้นที่เมฆากำลังใช้ร่มเท่าไหร่ เขาเห็นตั้งแต่เจ้าตัวเดินมากางเสื่อปูแล้วก็ลงไปนอน และทุกคำพูดเขาก็ได้ยินทั้งหมด

มือแกร่งกำแน่น...ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆ ที่พร้อมจะทะลักลงมา เขาแค่หวังว่าจะเจออีกคนสักครั้ง เพราะมาทุกวันแต่ก็ไม่เจอเลย พอเจอเขาก็รีบแอบ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเขาเองจะได้รู้ความรู้สึกและปัญหาของเมฆาที่คณินเองก็ไม่เคยคิดว่าเจ้าตัวจะมี
เขาคิดมาตลอดว่าเมฆามีความสุขดี ในขณะที่ตัวเขาทุกข์ แต่ความเป็นจริงแล้ว คนที่เจ็บปวดและทนทุกข์ทรมานไม่ได้มีแค่เขา…

แล้วยังเป็นคนตอกย้ำบาดแผลของเมฆาให้ลึกไปอีก

‘พี่เมฆกับพ่อเลี้ยงมนัสคนละคนกัน ใช้ใจมอง อย่าใช้อคติมอง’ คำที่พ่อเคยพูดเอาไว้กลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง

‘พ่อไม่เคยมองคนผิด พี่เมฆเป็นคนดี’

ถ้าจะเชื่อพ่อตอนนี้มันสายไปไหม...

ถ้าเขาจะแก้ไขมันยังทันหรือเปล่า…


ร่างสูงเดินเหม่อลอยไปตามทางโดยไม่รู้ว่าตัวเองเดินเกือบรอบไร่แล้ว ขนาดคนงานทักและชวนคุย ร่างสูงยังไม่ได้ยินเลย จนคนงานต่างพากันมองตามด้วยความเป็นห่วง

สุดท้ายเขาก็ขี้ขลาด...อยากแก้ไข อยากขอโทษ แต่มันก็ไม่กล้า

ทำไงวะ ทำตัวไม่ดีใส่ พูดก็ไม่ดี ไม่ถนอมน้ำใจ ถ้าเขาไม่ยกโทษให้จะทำไง ที่สำคัญคือไม่เคยต้องขอโทษใครมาก่อน ปากมันหนักจนยกไม่ขึ้นแน่ๆ

“เขต!!! ได้ยินที่อาเรียกไหมเนี่ย!”

เฮือก!!

“อาพายัพ ตกใจหมดเลย”

“ทำเป็นขวัญอ่อน”

“ก็ผมตกใจ มาไม่ให้สุ้มให้เสียง”

“ทำไมจะไม่ให้ อาเดินเสียงดังแล้วก็ตะโกนเรียกตั้งหลายรอบ เราไม่ได้ยินเองต่างหาก”

“แหะๆ ผมคงเหม่อนิดหน่อยมั้งครับ”

“เหม่ออะไร แล้วนั่นไปท้ายไร่ทำไม แอบไปหาใคร?” เลิกคิ้วถามหลานชายด้วยสีหน้ารู้ทัน ส่วนคนถูกถามก็แสร้งทำหน้านิ่ง

“เปล่านี่ครับ ไปเดินเล่นเฉยๆ”

“แน่ใจ?”

“ครับ เดินเล่นเฉยๆ”

พายัพส่ายหน้า...

“เหรอ...นึกว่าไปหาพี่เมฆนะเนี่ย เมื่อกี้อาก็ไปท้ายไร่มา เจอเมฆกำลังนอนเล่นก็ได้คุยนิดหน่อย แล้วเราไม่ทักทายพี่เขาบ้าง ตอนเด็กเรากวนพี่เขาประจำเลย พี่เขาต้องแอบออกมาจากไร่เพื่อเล่นกับเมฆตลอด” พายัพพูดไปแล้วก็สังเกตสีหน้าของหลานชายไป

ไม่เห็นความไม่ชอบใจบนใบหน้าแล้ว มีแต่ความกังวลและสับสนแทน

ก็แสดงว่า ต้องเจอกันบ้างแล้วล่ะนะ ความผูกพันนี่ ทำงานได้ดีเสมอเลย

“ผมจำไม่ได้หรอก”

“แล้วทำไมเรื่องนั้นถึงจำได้ไม่ลืม”

“ก็นั่นมันฝังใจ”

“เขต...อาไม่อยากให้แกตัดสินคนสองคนด้วยความรู้สึกของตัวเอง บางทีนะ คนที่เจ็บปวดที่สุดอาจจะเป็นเมฆก็ได้ เขตคิดดูสิ รู้ทั้งรู้ว่าพ่อผิด แล้วยังจะมาโดนน้องชายที่รักมากเกลียดอีก เสียแม่ พ่อส่งไปเมืองนอก ถึงจะอยู่กับป้า แต่ป้าเขาก็มีลูก มีครอบครัว น้องก็ไม่เอาไหน คนๆ หนึ่งต้องแบกรับอะไรมากมาย อาก็เป็นเด็กกำพร้านะ ปู่ของเขตเก็บอามาเลี้ยง เข้าใจความรู้สึกของเมฆในตอนนี้ดี มีบ้านใหญ่โต...แต่ก็รู้สึกว่าไม่ใช่คนในครอบครัว อาโชคดีกว่าเมฆที่ได้รับความรัก คนอย่างพ่อเลี้ยงมนัสรักใคร ไม่เป็นหรอก…เมฆยังมีประโยชน์อยู่ ไม่งั้นก็ถูกทิ้งให้อยู่กับป้าไม่เรียกกลับมากะหัน            แบบนี้หรอก”

“ทำไมอาถึงรู้ล่ะ”

“เพราะอาติดต่อกับป้าของเมฆตลอดน่ะสิ แกเป็นพี่สาวของแม่พี่เมฆเขา แม่ของเมฆ ป้าของเมฆ เรารู้จักกันก่อนที่จะแต่งงานกับพ่อเลี้ยงมนัสอีก ช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอด นี่แกก็ยังฝากให้อาทิตย์ช่วยดูแลเมฆเลยนะ”

“พ่อก็รู้มาตลอดเลยเหรอครับ”

แล้วปล่อยให้เขาเกลียดเมฆามาตลอด...

“ไม่มีใครไม่รู้หรอกเขต ใครๆ เขาก็รู้และดูออกกันทั้งนั้น”

“แล้วไม่บอกผมแบบนี้ตั้งแต่แรก ให้ผมเข้าใจผิดทำไม”

“แกไม่ได้เข้าใจผิดหรอกเขต แกเข้าใจอย่างที่ใจแกอยากจะเข้าใจ บอกไปกี่ครั้งเคยเชื่อที่ไหน  ไม่ได้พยายามไตร่ตรอง อากับพ่อแกเลยไม่อยากพูดอีก อยากให้แกรับรู้ด้วยตัวเอง แก้ไขมันเอง”

“ไม่สงสารเหรอที่เห็นผมเจ็บปวดเพราะความแค้นแบบนี้”

“ไม่มีใครไม่แค้น อาแค้น อาทิตย์มันก็แค้น เราจะไม่เอาความแค้นมามีอิทธิพลในชีวิต คนผิดสักวันก็ต้องได้รับผลที่เขาก่อ เราต้องแยกแยะ ไม่ใช่แค้นเหมารวมไปทุกคน แกโตพอที่จะคิดอะไรเองได้แล้ว นั่นคือสิ่งที่อาและพ่อแกต้องการ ลูกผู้ชายของศักดินนท์ ต้องรู้จักเจ็บปวด ผิดหวัง แล้วเอามันมาเป็นแรงผลักดัน...ไม่ใช่จมกับอดีต ปล่อยให้มันทำลายตัวเราเอง”

คณินยืนฟังพายัพสอนนิ่งๆ เขาเคยน้อยใจในวิธีการสอนของพ่อมาก ตั้งแต่เด็กจนตอนนี้ ชีวิตของเขาไม่ได้สบายอย่างที่หลายคนคิด ทำงานตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งๆ ที่พ่อมีเงินเลี้ยงดูเขาได้สบายๆ ด้วยซ้ำ

‘ไม่ต้องให้สอนให้บอกทุกเรื่องได้ไหม บางเรื่องอะไรที่คิดเองได้ก็คิด ทำเองได้ก็ทำ ถ้าทำแล้วมันไม่ดีก็หยุด หาทางใหม่ มันมีทางออกของปัญหาเสมอเขต...พ่อเชื่อว่าแกแยกแยะได้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี’

“ถ้าผมรู้ตัวช้ากว่านี้ล่ะอา”

“มันก็จะเพิ่มบทเรียนให้แก”

“แล้วถ้าหากว่าผมทำเรื่องที่มันเลวร้ายลงไปล่ะครับ”

“แกก็ต้องยอมรับกับผลที่มันจะตามมา อากับพ่อสอนเท่าที่สอนได้ จากนี้ชีวิตของแก แกจะต้องดูแลมันเอง จะไปในทางที่ดีหรือทางไหน ตัวแกจะเป็นคนกำหนดเอง”

ที่ผ่านมาพ่อก็สอนคณินอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าเขาจะจำมันได้มากน้อยแค่ไหน

พ่อเลี้ยงอาทิตย์บอกกับลูกชาย ว่าจะไม่บ่งการชีวิตของลูกชาย แต่จะช่วยนำทางลูกไปในทางที่ดี ที่สวยงาม เพื่ออนาคตจะได้ไม่ต้องเจอกับความลำบากมาก

“พ่อกับอาใจร้ายมาก”

“หึหึ แล้วเป็นไง แกก็ไม่ได้รู้ตัวตอนที่มันสายไปนี่ เมื่อกี้ก็เหมือนจะรู้อะไรดีๆ มาด้วยไม่ใช่เหรอ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะแก้ไขมันยังไง หรือจะปล่อยให้มันเป็นแบบเดิม”

“ไม่รู้...ปล่อยไว้อย่างนี้แหละ” คณินบอกอย่างไม่ใส่ใจ

ทางที่ดี ก็ให้มันเป็นแบบนี้ไปก็ได้…ต่างคนต่างอยู่ ไม่วุ่นวายกัน เขาก็จะล้มเลิกความคิดที่เอาคืนแล้วปล่อยให้มันเป็นไปตามกรรม

แต่ว่า...จะทนได้เหรอ สามวันมานี่ยังหาเรื่องมาเดินท้ายไร่เลย หลอกตัวเองกับคนอื่นว่ามาเดินเล่น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็หวังว่าจะได้เจอพี่ชายสมัยเด็ก

“อาจะคอยดูก็แล้วกัน ไปทำงานต่อได้แล้ว อู้นานจริงๆ เลย หมูตั้งใจทำงาน ในขณะที่แกไปแอบดูชาวบ้านเขาแล้วก็มาเดินเหม่อเนี่ย”

คณินอ้าปากหวอ หน้าแดงอย่างเขินๆ ที่ถูกจับได้ เรียกเสียงหัวเราะจากผู้เป็นอาทันที

“ฮ่าๆ”

“นี่อาเห็นเหรอ?”

เห็นเขากำลังยืนแอบดูอยู่น่ะนะ...เวรแล้ว น่าอายชะมัด

“ก็ใช่น่ะสิ แต่ไม่ได้ยินหรอกว่าเมฆพูดอะไร อามองแกจากไกลๆ ท่าทางแกตลกชะมัด นี่ถ้าพ่อแกเห็นคงโดนล้อไปอีกนานเลยนะ”

“อา…”

“ทำไม อายหรือไง แล้วมาทำเป็นปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ”

“อย่าบอกพ่อนะครับ”

“แล้วคิดว่าอาไม่บอกแล้วพ่อของแกจะไม่รู้หรือไง อาทิตย์มันหูไว ตาไวจะตาย”

“แต่เรื่องนี้พ่อไม่รู้ ไม่เห็นนี่” เด็กหนุ่มเถียงกลับไป ยังไงก็แล้วแต่ ห้ามพ่อเลี้ยงอาทิตย์รู้เรื่องนี้เด็ดขาดเลย

“หึหึ เมฆนี่ก็น่ารักนะ อาอยากเห็นพี่น้องดีกัน อยากให้เล่นด้วยกันเหมือนตอนเด็กๆ อยากเห็นเขตอ้อนบ้าง ตอนนี้เขตก็เป็นพี่คนโตของศักดินนท์ เพราะอาอาโปกำลัง มีน้อง ในอนาคตก็มีลูกของอาทิตย์กับหมูอีก ถ้าเขตมีพี่ชายจะได้คอยช่วยเหลือกันไง”

พี่ชาย...เหมือนเดิม งั้นเหรอ?

“ไม่เอา!!!”

คณินปฏิเสธทันที คิ้วเข้มขมวดอย่างไม่พอใจ แค่ได้ยินคำว่าพี่น้องมันก็ชวนให้หงุดหงิดไปหมด ยังไงก็ไม่เป็นพี่น้องเด็ดขาด เขาโตแล้ว ไม่ต้องการที่จะมีพี่ชาย

ไม่ต้องการ…

“เขต…”

“ผมโตแล้วนะอา ไม่ใช่เด็กๆ ดูแลตัวเองได้ ช่วยเหลือตัวเองได้”

“มันไม่เกี่ยวกันนะเขต”

“ไม่รู้แหละ ยังไงก็ไม่เอาเด็ดขาด”

“เฮ้อ...ดื้อด้านจริงๆ เลยนะแก” พายัพได้แต่ถอนหายใจและส่ายหน้าอย่างระอาให้กับความดื้อของหลานชายที่ดูเหมือนจะอคติกับเมฆแบบไม่ลดลงเลยสักนิด

แล้วแต่โชคชะตาก็แล้วกัน…

“ใครจะอยากได้พี่ชายกัน” พึมพำเบาๆ กับตัวเองเมื่ออาของตนเดินออกไปจากตรงนี้

จะให้กลับไปเป็นพี่น้องน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ!!





“มีรถคันไหนที่ผมพอจะใช้ได้บ้างไหมครับ” เมฆาที่แต่งตัวพร้อมจะออกไปข้างนอกถามกับคนที่ดูแลโรงจอดรถที่อายุมากกว่าอย่างสุภาพ จนคนที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่สะดุ้งรีบกุลีกุจรมาหาลูกชายของเจ้านาย

“คุณเมฆจะไปข้างนอกหรือครับ”

“ครับ...ผมว่าจะไปซื้อของหน่อย พอดีว่าอยากได้ของใช้ที่จำเป็นน่ะครับ”

“ทุกคันที่จอดอยู่คุณเมฆสามารถใช้ได้เลยครับ แต่ผมคิดว่าคุณคงจะไม่รู้จักทาง ไม่ชินกับทาง แล้วรถในไทยพวงมาลัยอยู่ฝั่งขวานะครับ”

จริงด้วยสิ...เรื่องพวงมาลัยฝั่งขวาเขาไม่มีปัญหามันน่าจะใช้เวลาปรับตัวไม่นานหรอก แต่เรื่องทางนี่แหละ ถ้าอาศัยแผนที่ในสมาร์ทโฟนมันก็ได้อยู่ แต่มีไกด์ที่รู้ทางไปด้วยก็น่าจะดี

“อ่า...งั้นลุงขับให้หน่อยได้ไหมครับ ผมจะไปห้างในเมืองหน่อย ว่างหรือเปล่า”

“หน้าที่ผมอยู่แล้วล่ะครับ รอลุงสักครู่นะครับ”

ไม่นานเมฆาก็ได้เดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าสมใจ วันนี้เขาอยากพัก ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับงานใดๆ ทั้งสิ้น วิธีทำงานของเขาก็แบบนี้แหละ หาเวลาผ่อนคลาย แต่ตอนทำงานทำให้เต็มที่

“คุณเมฆจะให้ผมมารับกี่โมงดีครับ”

“ลุงทิ้งเบอร์ให้ผมก็แล้วกัน ถ้าผมจะกลับจะโทรบอก”

“ครับ…” เมฆารับกระดาษที่มีเบอร์โทรของคนขับรถมาแล้วเก็บใส่กระเป๋าเงินอย่างดี หยิบแบงค์สีเทามาหนึ่งใบแล้วส่งให้คนขับรถ

“ไว้ทานข้าวแล้วก็ซื้อของนะครับ”

“เอ่อ...ไม่เยอะไปเหรอครับ”

“ไม่หรอกครับ รับไปเถอะ”

“งั้นก็ขอบคุณคุณเมฆมากๆ เลยนะครับ”

เมฆายิ้มกว้างให้คนสูงวัยก่อนจะเปิดประตูออกจากรถไป ร่างโปร่งมีความสุขเสมอที่ทำให้คนสูงวัยมีความสุขและยิ้มได้ แม้จะเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าทำให้คนอื่นดีใจ เขาก็ยินดี

สองเท้าเดินเข้าไปในห้าง สายตากวาดมองไปรอบๆ เพื่อสังเกตว่าอะไรอยู่ไหน โซนไหนเป็นโซนอะไร เพราะเขาคิดมาแล้วว่าจะซื้ออะไรบ้าง ไม่อยากจะเสียเวลานาน จะได้เอาเวลาไปสำรวจที่อื่นๆ บ้าง ไม่งั้นจะต้องพึ่งคนขับรถตลอดแน่ๆ

“สวัสดีค่ะ สอบถามข้อมูลได้นะคะ”

และร้านแรกที่เมฆาเข้าก็คือร้านขายอุปกรณ์ไอที

เมฆาเดินเลือกและคุยกับพนักงานอยู่นานเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดเพราะเขาต้องการจะใช้หลายอย่างเลย ของที่ไร่มีไหมมันก็มีแต่เขาไม่รู้ว่าพ่อจะมีติดระบบตรวจเช็คอะไรไว้หรือเปล่า เขาไม่ขอเสี่ยงอะไรทั้งนั้น ส่วนเครื่องที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็เอามาด้วย แต่ไม่อยากใช้ร่วมกัน ในนั้นก็ข้อมูลสำคัญของลูกค้าทั้งนั้น

“รุ่นนี้เป็นไงคะ…” เมฆาฟังที่พนักงานอธิบายอย่างตั้งใจ

เขาเป็นคนที่เลือกของนาน อะไรที่มันเป็นของที่ต้องใช้ทำงานเขาต้องมั่นใจว่ารุ่นนี้ต้องดีที่สุด และเกิดปัญหาน้อยที่สุด ซึ่งมันนานมากแล้วที่เขาอยู่ในร้านนี้ อยู่จนกระทั่งคณินที่มาทำธุระเห็นขณะที่จะเดินผ่านร้านไป สองเท้าหยุดชะงัก ยืนลังเลว่าจะเอายังไงดี จะเข้าไปทักแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับ ไม่สนใจ เดินผ่านไป ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับตัวเองเลย

กลับบ้านดีกว่า…

“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ต้องการอะไรสอบถามได้นะคะ” พนักงานคนเดียวกับที่พูดคุยกับเมฆาก่อนจะปล่อยให้ลูกค้าหนุ่มได้ลองเครื่องจริงทักทายคณินที่เดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของเมฆา ซึ่งร่างโปร่งก็ไม่ได้สนใจอะไร หากแต่เสียงทุ้มที่เปล่งออกมาทำให้เขาถึงกับชะงัก

เราคุยกันไม่กี่ครั้งก็จริง แต่เป็นเสียงที่เมฆาจำได้ดี…

“ผมมากับคุณคนนี้น่ะครับ”

“อ๋อค่ะ”

 พนักงานสาวยิ้มแล้วเงียบ มองดูเมฆาว่าจะเลือกได้หรือยัง ส่วนร่างโปร่งก็คิดว่าคณินคงจะมากับคนอื่นเลยไม่คิดจะสนใจ ไม่ให้เห็นหน้าก็คงดีที่สุด ส่วนคณินก็ยืนล้วงกระเป๋ายืนมองเมฆาจากข้างหลังอยู่แบบนั้น

“ผมเลือกรุ่นนี้แล้วกันครับ” เมฆาบอกกับพนักงานเมื่อตัวเองลองเล่นโน้ตบุ๊คอยู่หลายเครื่อง ในเมื่อจะซื้อเครื่องใหม่ เขาก็จะไม่ซื้อแบบเดียวกับเครื่องเก่า จะได้ลองดูหลายๆ รุ่น หลายๆ ยี่ห้อไป

“ได้ค่ะ จะรับอะไรเพิ่มไหมคะ”

“นี่ครับรายการ ผมเขียนไว้” เขาส่งกระดาษที่เขียนรายการเอาไว้แล้วส่งให้กับพนักงาน เธอรับไปดูก่อนจะขอตัวไปเช็คของ

“รบกวนรอสักครู่นะคะ”

“ครับ” เมฆารับคำยิ้มๆ แล้วหันหลังมาเพื่อดูอย่างอื่นรอไปพลางแต่ก็ต้องตกใจจนเผลอถอยหลังไปชนกับโต๊ะที่ตั้งโชว์โน้ตบุ๊คเมื่อเห็นร่างสูงของน้องชายสมัยเด็กยืนล้วงกระเป๋ามองตนอยู่

“ซุ่มซ่าม!” คำตำหนิของอีกคนทำให้เมฆารู้สึกเลือดขึ้นหน้า

แทนที่จะทักทายผู้ใหญ่กลับด่าเป็นคำแรกที่เจอ เด็กนี่ถูกอบรมสั่งสอนมายังไง ทำไมทำตัวให้ครอบครัวเสียหายอยู่เรื่อยเลย

“นี่นาย...จะทำตัวให้สมกับเป็นลูกของอาอาทิตย์หน่อยจะได้ไหม แสร้งทักทายผู้ใหญ่ตามมารยาทก็ยังดีนะ” ร่างโปร่งกอดอกตำหนิกลับไปนิ่งๆ

“สวัสดี” สาบานได้ว่าคณินไม่ได้กวน...แค่อยากจะปั่นหัวคนที่ชอบย้ำคำว่าผู้ใหญ่กว่าเล่นก็เท่านั้น

“เหอะ…” เมฆาส่ายหน้า แล้วเดินหนีคณินทันที ไม่อยากเจอหน้า ขี้เกียจเถียงด้วย

“ทำไมเดินหนี...นี่!”

“จะตะโกนทำไมน่ะเด็กบ้า หัดอายเขาบ้าง” เมฆาจ้ำอ้าวเข้ามาหาร่างสูงกว่าแล้วกัดฟันพูดเสียงเบา พลางมองไปรอบๆ ร้าน โชคดีที่คนน้อย

“ก็เดินหนีทำไมล่ะ”

“แล้วทำไมจะหนีไม่ได้ ก็ไม่ได้มาด้วยกัน ไม่สนิทกัน หรือว่านายมีธุระกับฉัน?”

“เปล่า”

แล้วไงต่อวะเขต...ไม่น่าเดินมาเลย ไหนว่าจะกลับบ้าน

“ก็ถูกแล้วที่ฉันจะเดินหนี”

“คนเขาพูดดีๆ ด้วยนะ”

“ไอ้คำว่าซุ่มซ่ามคำแรกที่เจอกันแทนการทักทาย บ้านนายเรียกว่าพูดดี? แล้วนี่มีอะไร ต้องการจะคุยหรือแค่เข้ามากวนประสาทเล่น ฉันไม่ได้ว่างนะหนุ่มน้อย บอกต่างคนต่างอยู่ ก็ต่างคนต่างอยู่สิ จะมาวุ่นวายทำไม”

อย่าทำอะไรที่ตัวเองเป็นคนพูดเอาไว้เองจะได้ไหม…

ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะพูดคุยหรอกนะ สำหรับเมฆาแล้ว เขาอยากจะพูดคุยเป็นปกติกับอีกคนมาก อยากให้มันเป็นแบบเดิม ความทรงจำที่มีแค่เขาที่จำได้ แต่อีกคนเด็กเกินที่จดจำมัน...

“พ่อบอกว่าถ้าเจอกันก็ให้ทักทาย เพราะยังไงคุณก็เคยมีพระคุณคอยเล่นกับผมตอนเด็กๆ” คณินอ้างพ่อขึ้นมา เพราะตัวเองจนมุมไปต่อไม่ได้

“ขอบคุณก็แล้วกัน”

ไม่ชอบ...ทำไมต้องทำเป็นไม่สนใจ ทำไมต้องทำเย็นชา...นี่อุตส่าห์เป็นฝ่ายเข้ามาคุยก่อนนะ

“มีอะไรอีกไหม”

“ไม่...ไม่มีแล้ว”

“งั้นขอตัว”

ร่างโปร่งเดินไปอีกโซนหนึ่งในร้านเพื่อเลี้ยงคณิน ส่วนร่างสูงเองก็ยืนนิ่งอยู่กับที่แบบนั้น ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังทำหน้าหงอยๆ เหมือนหมาถูกเจ้าของทิ้งอยู่

คนที่ลอบมองดูอย่างเมฆาอดจะใจอ่อนและเห็นใจไม่ได้ เขารู้ว่าคณินกำลังรู้สึกเสียหน้าที่โดนเขาไม่สนใจแบบนี้ แต่เขาจำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องตัวเอง หากแต่คณินก็ไม่เดินออกจากร้านไปเสียที ยืนทำหน้าหงอยๆ แบบนั้น จนเมฆาถอนหายใจ

“คุณคะ...รายการที่คุณลูกค้าต้องการมีบางอย่างที่ของกำลังมาจากกรุงเทพค่ะ ไม่ทราบว่าจะรับด้วยเลยไหมคะ”

“ได้ครับ แต่ถ้าของมาเมื่อไหร่รบกวนส่งของทั้งหมดไปที่ไร่สมรชัยได้ไหมครับ ผมอยู่ที่นั่นน่ะ จะชาร์จค่าส่งไปเลยก็ได้ครับ ผมไม่มีปัญหา”

“ถ้าอย่างนั้นจะทำการออกใบเสร็จเลยนะคะ ลูกค้าต้องการชำระเลยหรือว่ารอชำระตอนได้รับของคะ”

“ผมขอจ่ายเลยก็แล้วกันครับ นี่ครับบัตร”

“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”

เมฆายืนรอเซ็นใบเสร็จและบัตรเครดิตสักพัก หางตาก็เหลือมองเห็นหมีตัวใหญ่กำลังยืนทำหน้าหงอยๆ อยู่ที่เดิม

เด็กปากแข็ง…

“เรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าสินค้าครบแล้วทางร้านจะจัดส่งให้ที่ไร่สมรชัยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ”

“ครับ…”

“โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ”

ร่างโปร่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของคณินที่ก้มหน้ามองพื้นอยู่ นิ่งอย่างกับตัวเองเป็นเสา คนปากเก่งหายไปไหน ทำไมเหลือแต่เด็กโข่งขี้น้อยใจ

ประจำเดือนมาไม่ปกติเหรอ?

“เขต...กินข้าวมายัง”

เด็กตัวโตเงยหน้าจากพื้นแล้วสบตาคนอายุมากกว่า เขาส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“งั้นไปกินกัน เดี๋ยวเลี้ยงข้าว”

คณินเดินตามร่างโปร่งไป เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร แค่กำลังน้อยใจอะไรบางอย่างจนควบคุมตัวเองไม่ได้ จะว่าไปนอกจากศตคุณเพื่อนสนิทแล้ว ก็ไม่เคยมีใครขัดใจเขา ไม่เคยมีใครหักหน้าเขา...และยิ่งเป็นคนที่ผูกพันกันมาด้วยแล้ว...ความรู้สึกลึกๆ มันก็แสดงด้านความเป็นเด็กออกมาให้เห็นจนได้…

จริงๆ แล้ว เขตก็ไม่ได้ไม่ชอบอะไรเราสินะ แค่ปากแข็งเพราะเราเป็นลูกของพ่อ แต่คำพูดของเขตที่พูดออกมาแม้จะไม่ได้ตรงตามที่ใจคิด เขาก็เจ็บอยู่ดีนั่นแหละ


มันก็จริงที่เขาบอกว่าจะเลี้ยงข้าว และตอนนี้ก็เหมือนว่าเขตคนเดิมจะกลับมาแล้วด้วย นั่งดูดน้ำแตงโมปั่นแล้วยักคิ้วกวนๆ ให้อีกหลังจากสั่งอาหารไปหลายอย่าง หลายอย่างที่ว่านี่เกือบทั้งหมดในเล่มเมนู ชนิดที่กินกันสองคนก็กินไม่หมดแน่ๆ

คือปริมาณมันเท่ากับสั่งเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน…เรื่องเงินไม่มีปัญหาหรอก เพราะที่ผ่านมาเขาทำงาน แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ไม่ได้อยากอวดหรอกนะ แต่ก็มีมากพอที่จะซื้อของทั้งห้างได้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เงินของสมรชัย…

“กินให้หมดนะ ก็น่าจะรู้ว่ากว่าจะได้ข้าวมาเม็ดหนึ่งลำบากขนาดไหน แล้วนี่  พ่อครัว แม่ครัวกว่าจะทำเสร็จหนึ่งเมนูก็ใช้เวลาตั้งเท่าไหร่ จะแกล้งกันก็ให้มันมีขอบเขตบ้าง”

“ไม่ต้องสอนได้ไหม ไม่หมดก็ห่อสิ”

“ตามใจ”

“ทำไม เสียดายเงินหรือไง?”

“เปล่า...บอกแล้วว่าจะเลี้ยงก็คือเลี้ยง”

“ก็ทำมาเป็นบ่น นี่ถ้าไม่หมดก็จะห่อกลับไปให้คนงานกิน ช่วยสร้างบุญให้ ไม่เอาหรือไง”

“เอาของเหลือไปให้เขากินนี่ได้บุญตรงไหนไม่ทราบ”

ร่างสูงชะงักกึก แต่ก็ทำลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้

เมฆาส่ายหน้า ก็รู้อยู่ว่าเจ้าตัวกินไม่กี่อย่างหรอก นอกนั้นก็จะไม่แตะแล้วให้พนักงานเอาไปห่อกลับบ้านเท่านั้น เด็กปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ…

“ใครได้เป็นแฟนนี่ปวดหัวตายเลย” เมฆาบ่นพึมพำ

“ว่าไงนะ”

“ไม่ได้พูดกับนาย เงียบๆ ไป”

“จิ๊!” เด็กหนุ่มจิ๊ปากไม่พอใจ แต่ก็ดูดน้ำแต่งโมปั่นต่อ พอหมดก็สั่งมาอีกแก้ว






100%

 o13 o13 o13 o13 o13

แล้วตอนที่ 6 ก็ผ่านไป เจอกันตอนหน้านะคะ
มีอะไร พูดคุยสอบถามได้ที่แฟนเพจ Sawachi Yuki น่อ
อ่านแล้วก็คอมเม้นท์ให้กันด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/05/61} ➡ Ch.6
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-05-2018 18:32:03
กินทิ้งกินขว้าง ถ้าเขตอยู่ใกล้ๆ. จะตีให้  :3125:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/05/61} ➡ Ch.6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-05-2018 01:23:43
 :pig4: :pig4: :pig4:

ลืมไทม์ไลน์เรื่องที่แล้วไปแล้วอ่ะ

แต่รู้สึกแปลกที่อาพายัพบอกว่ากำลังจะมีน้องและหมูก็จะมีน้อง

ในขณะที่เมฆาเพิ่งกลับมาเมืองไทยเอง  ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลาที่หมูมาทำงานที่ไร่ไม่นานและยังไม่ได้ตกลงแต่งงานกับพ่อเลี้ยงด้วย

เออ...ช่างมันเถอะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/05/61} ➡ Ch.6
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 22-05-2018 10:16:41
ทึ้งหัวอย่างบ้าคลั่ง  ไอ้น้องเขตพูดๆกับพี่เขาสิ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/05/61} ➡ Ch.6
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 22-05-2018 12:11:49
น้องเขตเด็กดื้อเอาแต่ใจ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/05/61} ➡ Ch.6
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 22-05-2018 17:13:05
อ้าวววว จบเห่ รอติดตามตอนต่อไป งื้ออออออ
อยากอ่านต่อออออ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/05/61} ➡ Ch.6
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 22-05-2018 18:54:41
 :pig4: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/05/61} ➡ Ch.6
เริ่มหัวข้อโดย: Sarujang ที่ 22-05-2018 20:08:31
รอลุ้นต่อจ้า ติดตามตั้งแต่รุ่นพ่อกับเพื่อนแล้ว
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {1/06/61} ➡ Ch.7
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 01-06-2018 10:46:14
07





กินเยอะชะมัด…

พออาหารทยอยมาเสิร์ฟก็ตามที่คาดเอาไว้ ร่างสูงไม่ยอมแตะจะรออาหารที่ตัวเองอยากกินจริงๆ มาถึงค่อยกิน ส่วนอาหารที่สั่งๆ มาก็วางไว้บนโต๊ะอย่างนั้นแหละ จนอาหารมาเรื่อยๆ ก็ไม่มีที่จะวาง เมฆาเลยให้พนักงานเอาไปห่อ แล้วบอกว่าที่เหลือที่กำลังทำอยู่ก็ให้ห่อเลย ไม่ต้องเอามาเสิร์ฟ

“แล้วก็สี่จานบนโต๊ะนี้ด้วยนะครับ ฝากขอโทษในครัวด้วยที่ทำให้เปลืองจาน”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะจัดการห่อรายการที่เหลือและสี่จานบนโต๊ะให้นะครับ คุณผู้ชายต้องการอะไรเพิ่มไหมครับ”

“ไม่แล้วล่ะครับ”

พนักงานเดินออกไปจัดการตามที่เขาสั่งทันที ส่วนคณินทำทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กินข้าวต่อไปไม่สนใจอะไรอีก แต่ในใจกลับยิ้มอย่างสนุก

“เอาอะไรอีกไหมครับคุณชาย”

“ถ้าไม่อยากหมดเงินไปมากกว่านี้อย่าถามประโยคนี้อีก”

“แล้วสรุป?”

“เอา...แต่จะเอาขนม”

“เหอะ!”

เมฆาทานข้าวต่อเพราะหิวจนไม่อยากจะเถียงกับเด็กต่อ รู้ว่าตัวเองกำลังโดนแกล้ง แต่ก็ยอมให้แกล้งล่ะนะ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาได้อยู่ใกล้ชิดกับน้องชายอีกครั้ง…

จะว่าบ้า...ก็ยอมล่ะ


เงินสดที่มีติดกระเป๋าตอนนี้เหลือแค่แบงค์สีแดงไม่กี่ใบเท่านั้น จากแบงค์เทาที่มีสิบกว่าใบ หายไปกับอาหารและขนมของคณินเกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเป็นของใช้ เสื้อผ้า เพราะเสื้อผ้าที่มีมันลงใส่ลุยในไร่ในสวนไม่สะดวกเท่าไหร่ ก็เลยหาเสื้อผ้าแบรนด์ธรรมดา เนื้อผ้าใส่สบาย มันก็ไม่น่าจะหมดเยอะ แต่เงินหายไปไหน?

“เมื่อไหร่นายจะกลับ ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วไม่ใช่หรือไง”

“แล้วจะกลับยังไง?”

“ถามฉัน?”

“อือ...จะกลับยังไง ให้ไปส่งไหม ตอบแทนที่เลี้ยงข้าว”

“ไม่เป็นไร คนขับรถมาส่ง จะกลับตอนไหนก็แค่เรียกแกมา รีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นก่อน นี่อุตส่าห์ช่วยถือไปเก็บที่รถให้แล้ว ทั้งๆ ที่จ่ายไปหลายพันเลย”

“บ่นๆ ก็จะไปส่งนี่ไง”

“ก็บอกว่าไม่เป็นไร”

“ทำไมดื้อ”

“ใครกันแน่ที่ดื้อ เด็กดื้อ!!”

“อย่ามาว่าคนอื่นเด็กนะ”

“ทำไมจะไม่ได้ ที่นายทำอยู่ตอนนี้น่ะ มันเด็กชัดๆ”

“นี่!! อยากเจอดีหรือไง”

“กลัวตายล่ะ” เมฆาไม่สนใจท่าทีนั่นของคณิน เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา แล้วก็หากระดาษเบอร์โทรของลุงคนขับรถมาเพื่อโทรตามให้มารับ หมดอารมณ์จะเดินแล้ว เบื่อหน้าคน!

“ลุงครับ ม่ะ…”

พรึ่บ!!

“ไม่ต้องมารับแล้ว เดี๋ยวกลับเอง ลุงกลับไปก่อนเลย ติ๊ด” คณินพูดแทนแล้วตัดสายทันที แต่เขาไม่คืนโทรศัพท์ให้เจ้าของเอาใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองหน้าตาเฉย

“ทำบ้าอะไรฮะเขต”

“ก็จะไปส่งดีๆ ไม่ยอมฟัง ก็ต้องใช้ไม้นี้ล่ะ”

“เด็กนิสัยเสีย ทำไมโตมาถึงได้ไม่น่ารักแบบนี้นะ”

“อ้าว? แล้วใครจะเป็นเหมือนตอนเด็กตลอดล่ะ”

“ถึงจะนิสัยไม่เหมือนตอนที่นายเด็กๆ แต่การกระทำของนายตอนนี้มันก็ยังเด็กอยู่ดี”

คณินชักจะมีน้ำโหจริงๆ แล้วล่ะนะ ที่ต้องทนฟังอีกคนพูดคำว่าเด็กอยู่ซ้ำๆ    แบบนี้ ปากบางที่พ่นคำไม่น่าฟังออกมานั่น มันน่าทำโทษจริงๆ

หมับ!!

“เฮ้ย! เอาของๆ ฉันคืนมานะเขต”

“อยากได้คืนก็ตามมาเอา”

มีทางเลือกที่ไหนกันล่ะ…


ปัง!!!

“ปิดให้มันเบาๆ ได้ไหม เดี๋ยวก็พังหรอก” คณินหันมาต่อว่าคนข้างๆ ที่ปิดประตูรถของเขาเสียงดังจนทั้งคันสั่นสะเทือน

“...”

“ทำมาเป็นเงียบ”

ไม่ได้งอนหรอกนะ เพราะไม่สนิทกันขนาดที่จะทำเป็นงอนได้ เพียงแค่เหนื่อยที่จะเถียงด้วยแล้วก็เท่านั้น วันนี้เราหมดแรง หมดเงินไปเยอะแล้วล่ะ ขอพักเถอะ

“โกรธเหรอ” ไม่รู้ว่าเมฆาคิดไปเองหรือเปล่าที่ได้ยินเสียงของคณินดูหงอยๆ ยังไงชอบกล แต่ก็ไม่ได้คิดจะใส่ใจ จนคนอายุน้อยกว่าเม้มปากแน่น

“คิดว่าสนหรือไง” คณินว่าแบบนั้นก็ขับรถออกจากที่จอดรถไปอย่างโมโหด้วยความเร็วที่เมฆาหวั่นใจว่ามันจะเกิดอันตรายอะไรขึ้นหรือเปล่า

ทำไมต้องเรียกร้องความสนใจแบบนี้นะ...ทำไมถึงเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้

“เขต ขับช้าๆ ได้ไหม ชนคนตายขึ้นมาทำยังไง”

“พูดได้แล้วเหรอ”

“เฮ้อ...โตแต่ตัวหรือเปล่า อย่าเรียกร้องความสนใจแบบนี้ มันได้ไม่คุ้มเสียนะ”

“ใครเรียกร้องความสนใจวะ”

“นายไง...เด็กเอาแต่ใจ เรียกร้องความสนใจ แล้วยังปากแข็งอีก อยากเล่นด้วย ก็บอกดีๆ สิ ไม่ได้จะว่าหรือล้อเลียนอะไรหรอกน่า” เมฆาตอบ ซึ่งก็พูดออกไปตามความรู้สึกที่ตัวเองพอจะมองการกระทำของคณินออก

เขามีน้องสาวที่ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองหนัก ชอบโกหก ปากแข็ง ทำไมถึงจะดูคนตัวโตคนนี้ไม่ออกล่ะ

“นี่! เลิกพูดเหมือนฉันเป็นเด็กสักที!!!”

โมโหขั้นสุดแล้วสินะ ถึงได้เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวจากผมเป็นฉันเนี่ย

“ก็นายยังเด็กจริงๆ ยอมรับเถอะ ยังไงนายก็เด็กกว่าฉัน อยู่กับคนอายุมากกว่ายังไงนายก็ดูเด็กอยู่แล้ว ถ้าไม่อยากดูเด็กก็ไปหาเพื่อนหรือรุ่นน้องนู่น”

“ทำไมต้องไล่ด้วยวะ!”

“อย่าใส่อารมณ์ตอนที่กำลังขับรถได้ไหม ฉันยังไม่อยากตายนะ”

“ช่างแม่ง…”

เมฆากัดฟันกรอด ชักจะเริ่มหมดความอดทน แต่ถ้าเขายิ่งร้อน พูดจาไม่ เข้าหูคณิน รับรองว่าคนชอบเอาชนะได้พาเขาไปเที่ยวยมโลกแน่ๆ โชคดีหน่อยก็อาจจะได้นอนเล่นที่โรงพยาบาล

ขอร้องล่ะ…แม่คุ้มครองเมฆด้วยนะ ยังมีอีกหลายอย่างที่เมฆต้องทำก่อน...แต่ถ้ามันถึงเวลาจริงๆ ก็คุ้มครองเขตด้วยนะครับ อย่าให้น้องเป็นอะไร ผมไม่อยากรู้สึกผิดอีกแล้ว…

“ร้องทำไม...กลัวเหรอ” คณินที่กำลังหงุดหงิดได้ที่ ลอบมองใบหน้าหล่อของเมฆาก็ต้องตกใจ หัวใจกระตุกวูบที่เห็นน้ำใสๆ ไหลลงมาจากดวงตาคู่สวย มือแกร่งตบไฟเลี้ยวแล้วจอดเลียบข้างทาง ดีที่ออกออกเมืองมาแล้วจึงไม่มีปัญหาเรื่องการจราจร

“ขอโทษ...จะไม่ขับเร็วแล้ว”

คนอายุน้อยกว่าที่ไม่ค่อยชอบเห็นน้ำตาใครก็ได้แต่ทำอะไรไม่ถูก ขยับไปมาอย่างลนลาน  อีกคนน้ำตาไหล แต่นิ่งไม่ขยับ ตาก็ไม่กะพริบ จนคณินกลัว

“นี่...เฮ้!...เมฆ...คุณ...พี่เมฆ” ร่างสูงเอื้อมมือจับไหล่ของเมฆาแล้วเขย่าเรียกสติ ซึ่งเรียกยังไงร่างโปร่งก็ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งเรียก ‘พี่’ ออกไป เมฆาหันมามองหน้าคณินทันที คราบน้ำตา ดวงตาที่สอดประสานกัน กับใบหน้าที่ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

สองร่างชะงัก มือแกร่งยังคงวางบนไหล่ของเมฆา ส่วนใบหน้าขาวใสของเมฆาก็เริ่มแดงซ่าน หัวใจเต้นแรงจนประหม่าไปหมด ไม่เคยสังเกตอย่างจริงๆ จังๆ เลยว่าคณินจะหล่อได้ขนาดนี้ และตอนนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กไปเลย อยากจะหันหน้าหนีแต่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ

น่ารัก…

คณินมีแต่คำๆ นี้ในหัว มองใบหน้าขาว ดวงตาที่ชิ้นน้ำ กับปากแดงๆ ที่เจ้าตัวเผลอเลียมันอย่างประหม่า ทั้งหมดที่เมฆาแสดงออกมามันมีอิทธิพลรุนแรงต่อหัวใจของคณินมาก มากจนเคลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของตนเข้าไปใกล้ จนดวงตาสวยเบิกกว้างรีบผงะไปข้างหลัง

“โทษที...ฉันนี่ขี้แยจริงๆ ว่าแต่นายเป็นเด็ก พอกลัวก็ร้องไห้เป็นเด็กไม่ต่างกัน” ใบหน้าที่คณินคิดว่าน่ารัก รีบหันไปยังด้านหน้ารถแล้วเอามือเช็ดน้ำตาแรงๆ ซึ่งมันแรงเกินไปจนคณินหงุดหงิด

ขวับ!

ออกแรงนิดเดียวใบหน้าของเมฆาก็หันกลับมาด้วยปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งของคณิน มือที่วางอยู่บนไหล่ก็เอาออกมาก่อนจะใช้หลังนิ้วเช็ดน้ำตาออกให้เบาๆ

การกระทำที่แสนจะอ่อนโยนของคณินทำให้เมฆายิ่งหายใจไม่ทั่วท้อง หน้าแดงเป็นลูกตำลึง หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าร่างสูงจะได้ยิน…

ทำแบบนี้ไม่ได้นะ มันไม่ดี ไม่ดีเลยสักนิด

“ข่ะ...เขต พ่ะ พอเถอะ เอ่อ เดี๋ยวทำเอง”

ตอนแรกคณินก็ทำไปเพราะรู้สึกผิดที่ทำให้กลัวจนร้องไห้ แต่ปฏิกิริยาของเมฆาตอนนี้มันทำให้เขาอยากที่จะ ‘แกล้ง’ ตัวสั่นๆ หน้าแดงๆ เลียปากแล้วเลียปากอีก

ถ้าเป็นคนอื่นคงพุ่งไปจูบแล้วล่ะ ยั่วกันอยู่ได้…

ไม่ใช่ว่าตัวของคณินไม่อยากจะสัมผัสริมฝีปากนั่น แต่เขามีสติพอที่ไตร่ตรงผลที่จะตามมา ถ้าเมฆาถามหาเหตุผลที่เขาจูบล่ะ ตอบไม่ได้แน่ๆ

“ทำเองก็แดงหมด”

“เอ่อ หน้าไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้มั้ง”

“หึ”

ใบหน้าหล่อที่มีเค้าของพ่อเลี้ยงอาทิตย์ขยับเข้าไปจนปลายจมูกแตะกัน เมฆารีบหลับตาปี๋เม้มปากแน่น เพราะคิดว่าตัวเองต้องโดนจูบแน่ๆ แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะที่ข้างหู กับประโยคที่ชวนหงุดหงิดจนอยากเข้าไปทึ้งหัวให้หายแค้น

“ฮ่าๆ หน้าของคุณตอนนี้ตลกมากเลยว่ะ โคตรจี้เลย ฮ่าๆ”

อับอาย ขายขี้หน้าที่สุด ไอ้เด็กนี่!!!

ร่างโปร่งลืมตาจ้องมองร่างสูงกว่าด้วยความโกรธแล้วสะบัดหน้าหนีไปยังข้างทาง เสียงหัวเราะของคณินก็ยิ่งดังเข้าไปใหญ่อย่างชอบใจที่เอาชนะเขาได้

“โอ๊ย!!! จี้ว่ะ ฮ่าๆ”

คณินขับรถต่อไปอย่างอารมณ์ดี แล้วก็ลอบมองคนข้างๆ เป็นระยะๆ เมฆาไม่รู้หรอกว่าคณินก็ใจเต้นแรงไม่ต่างกัน เมื่อกี้ก็ลังเลว่าจะจูบหรือแกล้งดี อยากจูบจริงๆ ก็อยากจูบ อยากแกล้งก็อยากแกล้ง

จนกระทั่งปากจะแนบลงไปแล้ว เขาก็ตัดสินใจผละมาที่หูอย่างจำใจ…

ถ้าจูบไป...แม่งก็ต้องหลบหน้าดิ ไอ้เราจะเข้าไปหาเรื่องในไร่กเขาก็ไม่ได้ป่ะวะ

เพราะโกรธอยู่เลยทำให้เมฆาไม่ได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคณิน...




 “ช่วงนี้เห็นว่าไปท้ายไร่บ่อยๆ ไปทำอะไรงั้นเหรอ?”

คนถูกถามชะงักช้อนในมือ ก่อนจะวางมันลงแล้วมองหน้าพ่อเลี้ยงอาทิตย์ผู้เป็นบิดา สีหน้าอัดอัดจนศตคุณที่มองอยู่แอบหัวเราะเยาะ จนเขาหันไปแยกเขี้ยวใส่

“เปล่านี่พ่อ ผมก็แค่ไปเดินเล่นตอนที่เบื่อๆ เซ็งๆ เท่านั้นเอง”

“เหรอ…”

“ทำไมเสียงเหมือนไม่เชื่อล่ะพ่อ”

“ก็เชื่อ...เชื่อว่าแกโกหกไง”

“พ่อ…”

“ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้นเลย”

“ไรอ่ะ”

“หึหึ”

“หัวเราะไรวะ?”

“จะไปหาเรื่องหมูทำไมเนี่ยเขต พอไม่ชนะก็พาลเขาไปทั่ว ทำตัวแบบนี้ระวังจะไม่มีใครรักนะ”

พ่อพูดเหมือนรู้เลยว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ รู้สึกอะไรอยู่ หรือว่าพ่อให้คนตามสืบเรื่องของเราวะ! ไหนว่าให้อิสระลูกไง ทำไมทำแบบนี้อ่ะ

“คิดอะไร คิ้วขมวดเชียวนะมึง”

“กูไม่ได้คิดถึงใครสักหน่อย!!”

ศตคุณกลอกตาไปมาอย่างเอือมๆ แล้วพูดอีกครั้ง

“ถามว่าคิดอะไร ไม่ใช่ถามว่าคิดถึงใคร ไอ้นี่ หูเพี้ยน ไม่สิ อาการแบบนี้เขาเรียกร้อนตัว แสดงว่ามีบุคคลที่สาม ใครวะ? มึงกำลังมีความรักเหรอ” นอกจากที่ศตคุณจะรู้ทันนิสัยของเพื่อนแล้ว ยังสามารถตีความได้ดีอีกด้วย

“เปล่า...ถ้ามีกูต้องบอกมึงสิ ไม่เก็บเป็นความลับหรอกน่า”

“ให้มันจริง”

“เออ”

“หึหึ กินข้าวแล้วรีบไปทำงานได้แล้วไป” พ่อเลี้ยงอาทิตย์หัวเราะเบาๆ สั่งให้ทั้งสองคนรีบกินข้าวเช้าเพื่อจะได้รีบไปทำงาน แต่ไม่วายส่งสายตาจับผิดลูกชาย ซึ่งคณินก็ได้แต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ให้ก็เท่านั้น

รู้ดีว่าปิดพ่อไม่ได้หรอก...แต่ใครมันจะไปยอมรับล่ะ


“เมื่อวานอาหารอร่อยมากเลยน้องเขต ขอบคุณมากๆ ที่เลี้ยงพวกเรา”

“ใช่ๆ ขนมก็อร่อย นานๆ ได้กินของจากในห้างที เป็นบุญปากจริงๆ”

“ดีแล้วพี่ วันๆ อย่ากินแต่เหล้า เป็นห่วงเมียพวกพี่น่ะ กลัวจะเป็นหม้าย” คณิน  ตอบกลับไปด้วยความสนิทสนม ซึ่งคนอายุมากกว่าก็ไม่ได้ถือ ยังไงคณินก็เป็นเจ้านาย เรียกคนงานว่าพี่แล้วให้คนงานเรียกตัวเองด้วยชื่อธรรมดาหรือไม่ก็น้องนำหน้าก็นับว่าเป็นเกียรติแล้ว

พ่อเลี้ยงกับคณินเหมือนกันตรงที่ไม่สนเรื่องตำแหน่ง ทำงานกันแบบครอบครัวจริงๆ

“พี่ก็ว่าจะเพลาๆ แล้วล่ะ ตายก่อนเดี๋ยวเมียมันจะดีใจ หาผัวใหม่มาเย้ยวิญญาณ ไม่เอาหรอก เดี๋ยวมันสมหวัง ฮ่าๆ”

“โอ้ย! นี่พี่รักเมียจริงๆ ไหมเนี่ย”

“พี่จะรักเฉพาะเมียตามใจ เวลาเมียเอาแต่ใจนี่ขอเกลียดเลย” คณินส่ายหน้าก็รู้ๆ อยู่ว่าพี่ๆ คนงานน่ะปากเสียแค่ไหน แต่ก็ทำปากเก่งไปแบบนั้นแหละ ในวงนี้น่ะ กลัวเมียกันทุกคน เวลาเมียมาตามตอนกินเหล้ากันอยู่นะ แทบจะก้มกราบขอขมากัน

“แล้วนี่น้องเขตไม่คิดจะมีเมียบ้างเหรอ เป็นหนุ่มแล้วนา”

“รีบทำไมล่ะพี่ เพิ่งผ่านรั้วมอปลายได้ไม่กี่เดือนเองเนี่ย”

“ก็นึกว่าจะมีเด็กมหาลัยสวยๆ มาติด น้องเขตหล่อจะตายไป”

“ไอ้มีมันก็มีตามประสาคนหน้าตาดีน่ะพี่ แต่ไม่เอา ไม่ชอบ ไม่ใช่ว่ะพี่” ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คนงานในไร่มีหวังคณินถูกกระทืบเพราะความหลงตัวเองไปแล้ว แต่นี่ได้รับเสียงโห่กลับมาแทน

พอทำงานในส่วนของตัวเองเสร็จแล้ว คณินก็ไปหาเรื่องเพื่อนอย่างศตคุณเล่น ก่อนจะเดินทางไปยังเขตตะวันเนื่องจากเขาต้องไปดูแลแขกสำคัญต่อ ทั้งๆ ที่ควรจะนอนอยู่ที่เขตตะวันแท้ๆ แต่กลับมีเรื่องให้ต้องมาไร่ตลอดเลย ไอ้จะกลับไปเขตตะวันตอนดึกๆ ดื่นๆ มันก็คงจะไม่ได้

อยากไปเจอเมฆาเหมือนกัน แต่งานก็ต้องมาก่อน…




สองอาทิตย์ผ่านไปแล้ว เมฆาก็ไม่ได้เจอเด็กขี้แกล้งอีกเลยนับตั้งแต่วันที่เจ้าตัวมาส่งเขาถึงในไร่อีก อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้พ่อของเขากลับมาจากต่างประเทศแล้วด้วย ส่วนเมฆาก็วุ่นวายกับงานที่พ่อยัดเยียดมาจนไม่มีเวลาพัก ก็เลยไม่ได้ไปนอนเล่นที่ท้ายไร่อีกเลย

แต่การที่เขาไม่ได้พักเลยมันก็มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง มันทำให้เขารู้ว่าพ่อมีห้องเอกสารลับๆ อยู่ในห้องนอนที่ประตูเป็นสมาร์ทล็อคต้องใส่รหัสเข้า แต่เขาก็ไม่ได้มีสิทธิ์เข้าไปเลย มายืนรอพ่อเอาเอกสารได้แค่ที่หน้าห้องเท่านั้น

หลักฐานสำคัญ แล้วเอกสารสัญญาที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายต้องอยู่ในนั้นแน่ๆ ทำยังไงถึงจะรู้รหัสเข้าไปได้ พ่อคงไม่ตั้งรหัสเป็นวันเดือนปีเกิดของตัวเองแน่ๆ

มันต้องเป็นหมายเลขที่สำคัญมากๆ แล้วอะไรล่ะที่สำคัญกับพ่อมากๆ

“แกกำลังคิดอะไร…”

“เอ่อ ป่ะ เปล่าครับ”

“มีสมาธิทำงานหน่อย งานฉันไม่ใช่งานราคาถูกนะ เอกสารแต่ละใบนั่นน่ะมีมูลค่าหลายล้านเลยนะ”

พ่อไม่ให้เขาแตะเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจที่ผิดกฎหมายเลยด้วย ที่ได้ทำก็มีแต่เอกสารของไร่ โรงงาน ก็แค่นั้น ตอนนี้อะไรก็มืดแปดด้านไปหมด

“ขอโทษครับ”

“ฉันใช้งานแกหนักหรือไง? แค่นี้ทำมาเป็นเหนื่อย”

“เปล่าครับ ผมไม่ได้เหนื่อย แค่คิดอะไรนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไร”

“สนใจงานฉันนี่ สำคัญกว่า ให้เงิน ให้ทุกอย่างกับแกได้”

ไม่จริง...เงินให้ความสุขได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานแล้วมันก็หมดไป  ทั้งความรู้สึกที่เคยสุข ก็ต้องคอยเอาเงินมาบำเรอตัวเองเพื่อให้มันมีความสุขต่อไปยามมันใกล้จะหมดอย่างนั้นน่ะหรือ

ความสุขของพ่อเป็นแบบนี้หรือไง…

“ฉันจะไปญี่ปุ่นสองอาทิตย์นะ น้องแกก็จะไปด้วย”

“ไปทำไมหรือครับ”

“ไม่ต้องอยากรู้จะได้ไหมเรื่องของฉันกับน้องแกเนี่ย ไม่ต้องรู้หรอกว่ายัยมลมันจะทำอะไร ที่ไหน ให้น้องมันเที่ยวเล่นตามประสาไป ยังไงฉันก็มีเงินมากพอที่จะจ่ายให้”

“แต่…”

“ฉันไปแล้ว ทำงานไป ถ้ามีคนรายงานว่าแกอู้ ฉันทำโทษแกแน่” พ่อเลี้ยงมนัสชี้หน้าคาดโทษลูกชายเอาไว้ก่อนจะเดินปึงปังจากไป

สองอาทิตย์งั้นเหรอ...คราวนี้พาคนไหนไปล่ะ เฮ้อ...สักวันผู้หญิงของพ่อจะนำปัญหามาให้แน่ๆ

“เฮ้อ...เวรกรรมของแกเมฆ ก้มหน้าชดใช้ไปเถอะ”

บางที...การพูดประชดชีวิตของตัวเองก็คงช่วยให้รู้สึกดีขึ้นนะ จะว่าไปแล้วก็รู้สึกเหงาๆ อยู่เหมือนกัน ไม่มีเพื่อนที่นี่เลย จะพูดกับใครได้นอกจากคุยกับตัวเอง

เมฆาหอบแฟ้มทั้งหมดไปที่ห้องนั่งเล่น เขายังไม่มีโซนที่ไว้ทำงานเลย ในสำนักงานก็คงจะใช้ไม่ได้เพราะผู้จัดการคงจะไม่ให้การต้อนรับเท่าไหร่นัก ที่นั่นโต๊ะก็เต็ม พนักงานก็ประจำที่ตัวเองอยู่แล้ว แล้วก็ค่อนข้างเล็กด้วย ไปเบียดก็ไม่สะดวกใจเปล่าๆ

มีแค่ที่บ้านนี่แหละที่เมฆาจะใช้ทำงานได้ พ่อก็ไม่ค่อยอยู่ น้องสาวก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง ถ้ากลับก็เป็นช่วงเช้ามืด ตื่นอีกทีเที่ยง กินข้าวกินอะไรเสร็จก็ไปต่อ บ้านนี้เลยเป็นพื้นที่ทำงานของเขาไปโดยปริยาย แม่บ้านหรือคนงานในบ้านก็ไม่ค่อยมายุ่งวุ่นวายกับเขาเท่าไหร่

แต่ที่ทำให้อึดอัดคือกล้องวงจรปิดที่อยู่ทุกมุมของบ้านนี่แหละ...เมฆาไม่รู้ว่าศักดินนท์มีแบบนี้หรือเปล่า หากเขาก็คิดเอาไว้แล้วว่าคงเป็นเพราะเอกสารสำคัญหรือของสำคัญของพ่อแน่ๆ เลยติดกล้องเอาไว้ตรวจเช็คยามที่ตนไม่อยู่บ้าน เวลาที่เมฆาจะทำอะไรก็ต้องระวังเอาไว้ด้วย

“นี่มันบ้านหรือที่คุมขังกันแน่นะ”

“ก็ไม่เห็นจะมีงานอะไรให้ทำนอกจากอ่านเอกสารสัญญาแล้วก็ดูบัญชีย้อนหลัง อ่านจนจะท่องได้หมดแล้ว บอกให้ทำงานก็จริงแต่ตัวเองก็ไม่ไว้ใจเรา…เฮ้อ” แม้จะบ่น แต่ตาก็ยังทำงานไป มือก็เปิดหน้าของเอกสารในแฟ้มในมือไปเรื่อยๆ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นจุดที่มันดูน่าสงสัยของบัญชี

หืม?

“ทำไมมันดูแปลกๆ” มือขาวรีบหยิบอีกแฟ้มขึ้นมาเทียบกันอย่างเคร่งเครียด เพราะเมื่อมองแล้วคำนวณตามคร่าวๆ ดูก็รู้สึกว่ามันแปลก

เมฆาเริ่มจริงจังกับการดูบัญชี บิล ใบเสร็จต่างๆ เพื่อหาคำตอบให้ตัวเองว่าไม่ได้คิดหรือเข้าใจผิดไปเอง จนกระทั่งผ่านไปหลายชั่วโมง เมฆาก็ได้คำตอบทุกอย่าง

“บัญชีกับบิลมันก็ตรงกัน แต่ทำไมใบสั่งซื้อมันถึงได้ดูน่าสงสัยยังไงชอบกล ยาฆ่าแมลงสั่งลงทีละเยอะมาก จำเป็นต้องใช้ขนาดนี้เลยเหรอ ดูๆ แล้วทั้งไร่ก็ไม่น่าใช้เยอะขนาดนี้ เพราะในหนึ่งปีก็สั่งบ่อยด้วย แล้วทำไมถึงต้องใช้ ไม่ปลูกแบบปลอดสารเคมีกันล่ะ เฮ้อ...ว่าแต่ โกดังเก็บยาฆ่าแมลงมันอยู่แถวไหนเนี่ย” เมฆาบ่นพึมพำกับตัวเอง เขาต้องการที่จะไปดูว่าในโกดังมียาฆ่าแมลงเก็บไว้เท่าไหร่ ถ้าได้เห็นการใบนับสต็อกของ เมฆาอาจจะได้คำตอบในความสงสัยของตัวเองก็ได้

คิดได้ดังนั้นร่างโปร่งก็ยืนขึ้น ปิดแฟ้มเอกสารแล้วจัดให้มันเรียบร้อยก่อนจะเดินออกไปยังนอกบ้าน กวาดสายตาหาคนงานเพื่อสอบถามทาง

“เดี๋ยวลุง!”

“ครับคุณเมฆ มีอะไรให้ลุงช่วยหรือเปล่าครับ”

“โกดังเก็บยาฆ่าแมลงอยู่ตรงไหน ใครเป็นคนดูแล ผมจะไปขอดูหน่อย”

“ไอ้จาครับ มันเป็นหัวหน้าคนงาน เป็นคนดูแลสต็อกของทั้งหมด โกดังอยู่ทางด้านไร่ส้มครับ”

“งั้นพาผมไปหน่อยได้ไหมครับ”

“ได้ครับคุณเมฆ เดี๋ยวผมขอตัวไปเอารถก่อนนะครับ”

“ครับ”

รอไม่นาน ร่างโปร่งก็ได้ขึ้นไปนั่งบนรถกระบะที่ใช้งานในไร่ได้สะดวกกว่ารถแบบอื่น แล้วเดินทางไปยังโกดังเก็บของในทันที ระหว่างทางเมฆาก็สำรวจพื้นที่ไปด้วย คนงานที่ตั้งใจทำงานก็มี แต่ส่วนใหญ่นั่งจับกลุ่มคุยกันเสียมากกว่า

ที่สำคัญมีการตั้งวงเหล้าในเวลาทำงาน

นี่คือพ่อปล่อยปะละเลยขนาดนี้เลยเหรอ…

“ถึงแล้วครับ”

“อ่า…”

ดงโจร?

นี่คือความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวหลังจากที่เมฆาเห็นสภาพของสถานที่ที่เรียกว่าโกดังเก็บของ มันไม่ได้ไกลเท่าไหร่ แต่เหมือนเป็นที่หลบซ่อนของโจรแบบในละครไม่มีผิด คนงานประมาณห้าหกคนนั่งกินเหล้าอยู่บนแคร่ไม้อันใหญ่ เหมือนไม่มีงานทำ

ร่างโปร่งเปิดประตูลงไปด้วยความกังวล

“ไอ้จา คุณเมฆอยากดูสต็อกเว้ย!” ลุงที่ขับรถให้เมฆาตะโกนเรียกหนึ่งในกลุ่มที่กำลังกินเหล้า ซึ่งเมฆาก็ได้จ้องมองไม่วางตา ทั้งหมดนั้นพอได้ยินก็หันพรึบมาที่พวกเขา ก่อนทุกสายตาจะจ้องที่เมฆาเป็นตาเดียว

“นี่คุณเมฆเหรอวะ”

“เออดิ!”






100%

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

   อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^
   ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {1/06/61} ➡ Ch.7
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 01-06-2018 10:49:51
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {1/06/61} ➡ Ch.7
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-06-2018 13:29:53
ดงโจรของพ่อตัวเอง ก็น่ากลัวสุดๆ  :ling3:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {1/06/61} ➡ Ch.7
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-06-2018 19:55:10
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {1/06/61} ➡ Ch.7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-06-2018 22:08:36
 :pig4: :pig4: :pig4:

เมฆจะโดนพวกนั้นทำอะไรเอาหรือเปล่าหว่า

เล่นไปยุ่งกับการทุจริตในองค์กรเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {1/06/61} ➡ Ch.7
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 03-06-2018 18:33:09
ดงโจร!!
ระวังนะเมฆ
น่ากลัว
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {11/06/61} ➡ Ch.8
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 11-06-2018 19:35:13
08




    “สวัสดีครับ ผมจา เป็นหัวหน้าคนงาน คุณเมฆอยากดูสต็อกใช่ไหมครับ เชิญเลยครับ เห้ย!! เดี๋ยวกูพาเจ้านายไปดูสต็อกก่อน พวกมึงก็กินไป อย่าเสียงดังนะเว้ย”

หนึ่งในนั้นลุกมาหลังจากสั่งลูกน้องเสร็จ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูโกดังที่ล็อกเอาไว้อย่างดี ประตูเปิดออกเมฆาก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปทันที

“ผมอยากได้ใบนับสต็อกกับใบเบิกของด้วยครับ”

“คุณเมฆจะเอาไปทำอะไรหรือครับ” จาถามอย่างไม่ไว้ใจ

ปฏิกิริยาของจาทำให้เมฆาเริ่มรู้สึกตงิดๆ ในใจ

“ผมต้องเรียนรู้งานทุกอย่างของไร่ ก็แค่จะเอามาดูว่าระบบการทำงานของที่นี่เป็นยังไงก็เท่านั้น จะได้มีการปรับเปลี่ยน รวมถึงตั้งกฏในการทำงานใหม่ด้วยน่ะครับ” เมฆาบอกออกไป แต่ไม่หมด ซึ่งจาก็อิดออดเหมือนจะปฏิเสธ แต่ในฐานะที่เมฆาเป็นเจ้านายคนหนึ่ง ก็เลยจำเป็นต้องไปขนมาให้อย่างช่วยไม่ได้

“รอสักครู่นะครับ ผมขอไปเอาที่ห้องทำงานก่อน”

“ครับ”

ระหว่างที่รอ เมฆาก็เดินสำรวจรอบๆ โกดัง เห็นปริมาณของยาฆ่าแมลงที่มีอยู่น้อยเกินไป ก็ชักจะไม่ชอบมาพากลเอาเสียแล้ว รอบล่าสุดเมื่อสองเดือนก่อน ยาฆ่าแมลงสองพันแกลลอน เหลือไม่น่าจะถึงสองร้อยแกลลอน เป็นไปได้ยังไง แล้วใช้ยาบ่อยขนาดนี้เลยหรือ...

มีการคอรัปชั่นจริงๆ สินะ ที่สำคัญ ยาฆ่าแมลงที่หายไป มันอยู่ที่ไหน…นอกจากยาฆ่าแมลงก็ต้องตรวจเช็คปุ๋ยด้วยสินะ...

“ให้ตายสิ ไร่นี้มันอะไรกันเนี่ย” เมฆาบ่นเบาๆ อย่างปวดหัว

มีแต่ปัญหา...เห็นหรือเปล่าล่ะ พ่อไปโกงเขามายังไง คนใกล้ตัวของพ่อ ลูกน้องของตัวเองก็มาโกงอยู่ภายใต้ความเชื่อใจ มันคือเวรกรรมจริงๆ…


เมฆาหอบเอกสารกลับมายังบ้าน แต่ก่อนที่เขาจะกลับมานั้น ก็ได้บอกกับหัวหน้าคนงานไปแค่ว่าจะเอามาศึกษาดู ถ้าเสร็จเมื่อไหร่ก็คืนเมื่อนั้น จำเป็นจะใช้ก็แค่ มาบอก

“เฮ้อ...ไม่มีห้องทำงานส่วนตัวไม่ได้แล้ว”

เมฆายืนมองกองเอกสารที่เขาเอามาวางรวมกัน สลับกับมองรอบๆ ห้อง

“ในบ้านไม่ได้ มีกล้อง คงต้องไปหาพื้นที่ว่างๆ ในไร่แล้วก็เอาแบบสำเร็จรูปมาลงก็คงได้ล่ะนะ ก่อนอื่นก็ต้องส่งข้อความไปขอพ่อก่อน”

ที่ไม่โทรเพราะรู้ว่าคงจะโดนด่า หรือไม่ก็กำลังไม่ว่างหลัวจะไปขัดจังหวะอะไรเข้า เมื่อส่งเสร็จแล้ว เขาก็คิดว่าจะพัก เพราะวันนี้ใช้สมองกับตามาทั้งวัน เริ่มจะล้าแล้ว ตอนนี้ก็เย็นแล้วด้วย อยากไปผ่อนคลายที่อื่นที่ไม่ใช่ในไร่ของตัวเองจริงๆ

Rrrrrr…

“สวัสดีครับ” เมฆารับโทรศัพท์อย่างแปลกใจเพราะมันเป็นเครื่องที่เขาเพิ่งจะซื้อเพื่อใช้ในไทยโดยเฉพาะ เบอร์ใหม่ มีเพียงลุงคนขับรถ ป้า และพ่อเท่านั้นที่รู้

(...)

“ฮัลโหล ใครครับ”

โทรผิดเหรอ? เมฆาคิดพลางยกโทรศัพท์ออกจากหูมาดูว่าสายตัดไปหรือเปล่า แต่ก็ไม่...มันยังนับนาทีอยู่ แต่คนโทรมาไม่พูด หรือว่าสัญญาณมันขัดข้องกัน

“อะไรเนี่ย…นั่นใครครับ ถ้าไม่พูดจะวางแล้วนะ”

(ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวเลี้ยง) เสียงที่ชวนไปกินข้าวดังออกมาทันทีที่เขาพูดจบ คิ้วสวยขมวดเล็กน้อย เพราะไม่รู้จักคนที่โทรมาเลยสักนิด

“โทรผิดหรือเปล่าครับ”

(ไม่ผิด...ก็โทรหาคนชื่อเมฆ ลูกพ่อเลี้ยงมนัส จะพาไปกินข้าว เดี๋ยวเลี้ยงตอบแทนที่เคยเลี้ยง)

ตอบแทนที่เคยเลี้ยง...หรือว่า…

“เขต...เหรอ”

(อือ...เขต ลูกชายพ่อเลี้ยงอาทิตย์)

ขนาดคุยผ่านโทรศัพท์ยังกวนกัน แล้วแบบนี้เขาอยากจะไปกินข้าวด้วยดีไหมเนี่ย...แต่ก็ยอมรับว่าดีใจที่คณินโทรมาหาตน จากที่รู้สึกไม่สดชื่นเพราะทำงานทั้งวัน ก็รู้สึกว่ามันสดชื่นขึ้นเมื่อรู้ว่าปลายสายเป็นใคร

“ได้เบอร์มาจากไหน”

(ขอซื้อมาจากลุงจง)

ลุงจง? คนขับรถที่เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขา แต่ไอ้ประโยคที่บอกว่าขอซื้อมานี่…

“ฉันควรหักเงินเดือนของลุงแกดีไหม”

(จะใจร้ายกับคนแก่เหรอ สรุปเอายังไง จะไปไหม เดี๋ยวไปรับหน้าไร่นะ ให้เวลาสิบนาที) แล้วก็วางสายไป ปล่อยให้ร่างโปร่งยืนถือโทรศัพท์ค้างเอาไว้อย่างนั้น แต่เมื่อตั้งสติได้ เมฆาก็ยิ้มแล้วส่ายหน้า

แบบนี้ไม่ได้จัดว่าประโยคคำถามนะเด็กบ้า…

“เขาเรียกว่าบังคับนะเขต”

แต่นั่นแหละ...ยังไงแล้วเมฆาก็อยากที่จะไป อยู่กับคณินแม้ว่าจะไม่ดีต่อตัวเองและหัวใจ แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยให้หายเหงาได้ มีเพียงแค่คณินเท่านั้นที่เมฆารู้จักในไทย

“บอกว่าจะเลี้ยง งั้นไม่เอากระเป๋าเงินไปก็แล้วกันนะ” ร่างโปร่งวางกระเป๋าเงินไว้ที่เดิม เดินไปเช็คหน้า ทรงผม เสื้อผ้าที่หน้ากระจกก่อนจะเดินลงไปข้างล่างคืน

เมฆาเรียกเด็กรับใช้คนหนึ่งมาบอกว่าตนจะไปเที่ยวข้างนอก ให้เฝ้าบ้านแล้วก็คอยเปิดประตูให้ด้วย แล้วก็เดินไปหาลุงจงให้แกพาไปส่งที่ด้านหน้าไร่ เมื่อไปถึงก็พบว่ามีรถคันหนึ่งจอดรออยู่แล้ว ร่างโปร่งเห็นแบบนั้นก็ยิ้ม หันไปบอกให้ลุงจงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่างบอกใคร ซึ่งลุงแกก็พยักหน้ารับ

“อย่าลืมนะครับลุง อย่าบอกใคร” กำชับอีกครั้งอย่างจริงจัง หากมีคนอื่นรู้ว่าเมฆาออกไปไหนมาไหนกับคณินล่ะก็ เรื่องต้องถึงหูพ่อเลี้ยงมนัสเร็วแน่นอน

เมฆาไว้ใจลุงจง เพราะถ้าหากว่าลุงจงไม่รู้จักกับคณินในระดับหนึ่งล่ะก็ ไม่มีทางที่ลุงจงจะพูดคุยกับคณินและให้เบอร์โทรศัพท์เขากับคณินเด็ดขาด

“ครับคุณเมฆ”

“แล้วจะโทรให้มารับที่นี่นะครับ”

“ครับ”

เมฆายิ้มให้แล้วเปิดประตูรถเดินลงไป ไม่ลืมที่จะวางสีหน้าเรียบๆ เพื่อไม่ให้คณินได้ใจคิดว่าเขาอยากจะมาจนแสดงความดีใจอย่างชัดเจน ร่างโปร่งเปิดประตูรถกระบะสีดำที่คราวก่อนก็เห็นว่าคณินก็ใช้คันนี้ ซึ่งเป็นรถที่เอาไว้ใช้งานสำหรับในไร่ คณินไม่ชอบขับรถเก๋งเท่าไหร่เพราะมันไม่เท่ ส่วนรถยุโรปคันหรูจอดอยู่ที่บ้านใหญ่ในเมืองไม่เคยเอามาใช้ในไร่อยู่แล้ว

“ช้า…”

“ช้าตรงไหน ฉันใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ”

“แต่เกินสิบนาที”

“ใครจะบ้าเตรียมตัวเสร็จทันกัน แล้วคิดยังไงถึงมาชวนเนี่ย”

“ก็จะเลี้ยงข้าว” คณินตอบแล้วขับรถออกไป โดยมีเสียงของเมฆาพึมพำเบาๆ

“ทำมาเป็นใจดี”

คณินลอบมองใบหน้าที่ตนไม่ได้เห็นมาตลอดสองอาทิตย์เต็ม ไม่ใช่ว่าเวลาไม่มี เขาก็แค่อยากทบทวนความรู้สึกของตัวเองก็เท่านั้น ว่าอยากจะปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปแบบนี้ หรือว่าจะแก้ไขให้มันเหมือนเดิม อาทิตย์ก่อนคณินถูกพ่อตำหนิเรื่องของเมฆาเพราะคำพูดที่มันรุนแรงของเขา เขาแค่พูดออกไปเพราะความปากไม่ตรงกับใจก็เท่านั้น

‘ผมไม่ได้อยากจะความสัมพันธ์มันกลับมาดีเหมือนเดิม ก็แค่ทำให้เหยื่อตายใจเท่านั้น’

‘อย่าใช้เมฆเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น อย่าเอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาสู่วงเวียนความแค้นของแกนะเขต เพราะคนที่จะเสียใจที่สุด ก็คือแก…’

เปล่าเลย...ไม่เคยคิดใช้ใครเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น ก็จริงที่เขาแค้นมากจนอยากจะเกลียดคนข้างๆ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ทำไม่ได้

‘อย่าทำให้ฉันผิดหวังที่มีแกเป็นลูก’

และพ่อก็ได้ฝากคำพูดทิ้งท้ายเอาไว้กับเขา ซึ่งมันเป็นคำพูดที่มีอิทธิพลกับความรู้สึกของคณินมากกว่าคำพูดอย่างอื่นของพ่อ คณินกำลังพยายามต่อสู้กับตัวเองอยู่

“เป็นอะไร หน้าเครียดๆ”

“เปล่า...ไม่ได้เป็นอะไร”

“แล้วนี่จะพาไปกินข้าวที่ไหนน่ะ”

“แถวๆ นี้แหละ บรรยากาศดีมาก คิดว่าน่าจะชอบเหมือนกันก็เลยลองพามา สงสารเห็นว่าไม่มีเพื่อนเลยสักคน ไม่รู้ว่าจะได้เที่ยวกับเขาหรือเปล่า”

ยิ่งได้พูดคุยกับคณินมากขึ้น เมฆาก็ยิ่งรู้จักนิสัยของเจ้าตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คณินมักจะชอบพูดอะไรที่มันไม่ตรงกับใจของตัวเอง และบางครั้งก็ตรงจนรับไม่ได้           

เป็นแค่เด็กปากเสียคนหนึ่งที่นิสัยแท้จริงก็อ่อนโยน…

“ฉันต้องขอบคุณสินะที่นายอุตส่าห์ลำบากพาฉันมาเนี่ย” เมฆาพูดยิ้มๆ ไม่ได้น้อยใจหรือรู้สึกเสียใจกับคำพูดของคณินเลยสักนิด

“ไม่ได้ลำบากขนาดนั้น”

“รู้รึเปล่า...ว่าตัวเองกำลังอยู่กับลูกชายของคนที่เกลียดนะ” ไม่ได้อยากจะทำลายบรรยากาศ เพียงแค่ต้องการเตือนคณินว่าเขาเป็นใคร

“แล้วไง...จำเป็นต้องเกลียดลูกชายด้วยเหรอ”

“พูดแบบนี้แสดงว่ามีโอกาสที่จะกลับไปเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมสินะ” ร่างโปร่งหันไปถามด้วยสีหน้าที่มีความหวัง รอยยิ้มหวานส่งไปให้กับคณินที่หันมามองด้วย          หน้ายุ่งๆ

“ใครบอก…”

“อะไรเนี่ย!” หุบยิ้มทันทีที่ได้ยินแบบนั้น “จะเอายังไง!”

“เอายังไง อะไร...บอกแล้วว่าไม่เหมือนเดิม ไม่เป็นพี่น้อง…”

“เออ!!! เรื่องของนายก็แล้วกัน เด็กนิสัยเสีย! ฉันก็ไม่อยากจะมีน้องปากหมา ปากจัดแบบนี้เหมือนกัน คนอะไรไม่มีความน่ารักเอาซะเลย” เมฆาสะบัดหน้าหนีหลังจากที่ต่อว่าชายหนุ่มเสร็จ มุมปากหยักกระตุกยิ้มมุมปากพึงพอใจที่ยั่วอารมณ์ของเมฆาได้

นิ้วแกร่งเคาะพวงมาลัยอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปในร้านอาหารที่ตนตั้งใจจะพามา มันอยู่ไม่ไกลจากไร่มากนัก บรรยากาศดี...เป็นร้านอาหารบรรยากาศธรรมชาติ สงบ และส่วนตัว

สายตาของเมฆาสอดส่องไปทั่วทุกมุมของร้านอาหาร คณินจองแบบส่วนตัวแบบกระโจมกลางน้ำ ล้อมรอบสระน้ำใหญ่ นั่งพื้น มีโต๊ะเตี้ยแบบโต๊ะญี่ปุ่นสำหรับวางอาหาร แม้ว่าจะมีลูกค้าเยอะ ก็ไม่มีการรบกวนอะไรกัน เพราะแต่ละกระโจมก็อยู่ห่างกัน หลังคามุงยาวไม่สามารถเห็นจากด้านข้างได้ แต่ถ้าใช้กล้องส่องทางไกลมองจากฝั่งตรงข้ามก็สามารถเห็นได้ ส่วนฝั่งที่ติดกับบกก็เป็นประตูปิดเอาไว้ หากพนักงานจะเข้าก็จะมีการส่งเสียงเรียกก่อน

“อากาศดีจัง ช่วงเย็นๆ พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า”

อารมณ์หงุดหงิดที่มีต่อคณินของเมฆาหายไปตั้งแต่ขับรถเข้ามาในบริเวณของร้านอาหาร เมฆานั่งมองบรรยากาศไม่สนใจคณินที่กำลังสั่งอาหารอยู่ เขาปล่อยให้เป็นหน้าที่ร่างสูงจัดการไป สั่งอะไรมาก็กินได้หมด ไม่ค่อยเลือกกินอยู่แล้ว ที่สำคัญเขาไม่รู้จักอาหารไทยเท่าไหร่ อยู่ต่างประเทศเขาก็เข้าร้านอาหารไทยบ้าง แต่ก็ไม่บ่อย เพราะร้านอาหารไทยไม่ได้มีเยอะเหมือนกับร้านสะดวกซื้อ เขาเน้นทานอะไรที่มันหาง่ายๆ มากกว่า

“ชอบล่ะสิ”

“อือ...ไม่ไกลด้วย จะมาบ่อยๆ”

“มากับใคร มีเพื่อนหรือไง”

“ไม่มีก็มาคนเดียวสิ คนเรามันก็ต้องหัดเรียนรู้นั่นแหละ แค่ศึกษาเส้นทางและทำความรู้จักกับพื้นที่ที่เรากำลังอาศัยอยู่น่ะ มันไม่ยากหรอก เพราะตอนที่ฉันไปต่างประเทศแรกๆ ลำบากกว่านี้เยอะ…” เมฆาเผลอหลุดปากบอกไป สีหน้าเริ่มเหม่อลอยเมื่อคิดถึงช่วงวัยเด็กที่ไปต่างแดนครั้งแรก

เรียนกับคนที่ไม่ใช่เชื้อชาติเดียวกัน ต่างภาษากัน ต่างศาสนากัน วัฒนธรรมก็ต่างกัน กว่าเขาจะปรับตัวได้ มันก็ต้องแลกด้วยน้ำตามากมายเช่นกัน กว่าจะมีเพื่อนมากมายอย่างตอนนี้ก็ถูกแกล้งอย่างรุนแรงเหมือนกัน แม้ว่าเพื่อที่จะแกล้งเขาในตอนนั้น ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว ความรู้สึกเจ็บปวดที่เคยได้รับมันไม่มีทางลืมแน่นอน

“ลำบากยังไง”

“ช่างมันเถอะ...นายสั่งอะไรมาบ้าง” เมฆาเปลี่ยนเรื่อง เขาไม่คิดจะเล่าอะไรให้กับคณินฟัง เพราะถ้าเล่าไป เขาก็ไม่รู้ว่าคณินจะเชื่อมากน้อยขนาดไหน ที่สำคัญ...มันก็ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องเล่าเลยสักนิด

“คอยดูตอนเขามาเสิร์ฟเอา ขี้เกียจพูด”

“อ้าว?”

นี่เอาคืนที่เขาไม่ยอมเล่าเรื่องตอนที่ไปเมืองนอกใหม่ๆ ให้ฟังใช่ไหม

“อ้าวอะไร”

“นี่ถามดีๆ นะ”

“ก็ตอบดีๆ เหมือนกัน ตอบไม่ดีตรงไหน ก็บอกให้รอดูตอนที่เขามาเสิร์ฟ ประโยคนี้มันไม่ดีตรงไหนเหรอครับ?”

“เป็นอะไรอีกล่ะ ถ้าจะมากวนกัน ทีหลังไม่ต้องชวนมานะ แค่ทำงานก็เหนื่อยพอแล้ว ต้องมารับอารมณ์ของนายอีก ถามจริงๆ นะ เราจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันไม่ได้หรือไง ก็รู้ดีนะว่าฉันไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะขออะไรแบบนี้ได้ แต่มันก็น่าจะเป็นเพื่อนมนุษย์กัน เพื่อนบ้านกันได้ไม่ใช่เหรอ”

“ไม่…”

ปฏิเสธไม่พอยังยักไหล่กวนๆ อีกด้วย เมฆาเลยรู้ได้ทันว่าคนอายุน้อยกว่ากำลังแกล้งเขา กวนประสาทและปั่นหัวเขาเล่นอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ

เมฆาหันหน้าไปมองบรรยากาศแทน เพราะเหนื่อยที่ต่อกรกับคณินแล้ว ร่างสูงกว่าหัวเราะนิดๆ กับชัยชนะที่ตนได้รับ

ปฏิกิริยาของเมฆามันถูกใจเขามาก...ยังไงดีล่ะ...ตรงๆ เลยก็ ‘น่ารัก’

คณินทบทวนมาหลายวันแล้ว ตัดความอคติตามที่พ่อได้บอกบ่อยๆ ถ้าเมฆาไม่ใช่ลูกชายของพ่อเลี้ยงมนัส แน่นอนว่าคำตอบที่ได้มันก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว แต่พยายามที่จะหนีมัน…หนีความจริงที่ว่า...เขาโหยหาเมฆา แต่ไม่ใช่ในแบบพี่น้องอย่าแน่นอน... ถ้าจะให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราดีกว่าเดิมก็ต้องไม่ใช่แบบเดิม

เขาไม่อยากเป็นพี่น้องกับเมฆา...ถ้าจะต้องมีเมฆาอยู่ในชีวิตก็ต้องงยืนข้างกาย

“ยิ้มอะไร แล้วมองหน้าทำไม”

“มองไม่ได้หรือไง”

“มองอย่างอื่นไปสิ”

“ก็อยากมองหน้า”

“ฉันไม่ให้มอง”

“ไม่ให้มองก็หันไปสิ”

“เออ!”

แล้วเมฆาก็หันหน้าหนีอีกครั้ง หากก็ยังรู้สึกว่าถูกจ้องอยู่ดี จากที่กำลังผ่อนคลายกลายเป็นอึดอัดหนักเข้าไปอีก ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องประหม่าทุกครั้งที่คณินมองด้วยสายตาแปลกๆ

นี่มันเด็กนะเมฆ…

“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารครับ”

เมฆารู้สึกขอบคุณที่พนักงานเข้ามาทำลายความอึดอัดนี้ให้กับเขา อย่างน้อยการเข้ามาของบุคคลที่สามมันก็ทำให้บรรยากาศมันเปลี่ยนไปได้ อาหารสองอย่างวางลงตรงหน้า พนักงานแจ้งว่าจะทยอยนำมาเสิร์ฟ ก่อนที่จะออกไปก็รินเครื่องดื่มที่คณินสั่งให้ก่อน

“รับอะไรเพิ่มเติมก็เรียกได้ตลอดนะครับ”

เมื่ออยู่กันสองคนอีกครั้ง เมฆาก็หยิบช้อนตักอาหารกินอย่างไม่สนใจใคร รสชาติแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อนก็ทำให้มือขาวตักกินเรื่อยๆ ปากยิ้มน้อยๆ กับความสุขจากการกิน คณินเองก็ยิ้มพอใจที่เห็นว่าคนตัวขาวชอบ

“อร่อยจัง…”

“ไม่ต้องรีบ มีอีกเยอะน่า”

“รู้หรอก แต่มันอร่อยจริงๆ นี่ กินอาหารไทยที่ต่างประเทศนะ มันไม่ค่อยจัดจ้านแบบนี้หรอก จริงๆ ฉันกินรสจัดไม่ได้หรอก เพราะลิ้นมันกินแต่ของอ่อนๆ จืดๆ อาหารไทยที่นั่นก็ไม่จัดจ้านเท่านี้ด้วย สั่งมาเผ็ดหรือเปล่า” เงยหน้าถามร่างสูงที่ก็เริ่มลงมือทานเหมือนกัน

ตาใสๆ ของเมฆาทำให้คณินรู้สึกว่าเจ้าตัวกำลังเผยมุมเด็กๆ ออกมา

“ก็ไม่ได้สั่งอะไรเลย เขาทำแบบมาตรฐานให้แหละ”

“งั้นเหรอ...จริงๆ อยากลองเผ็ดๆ ดูจัง แต่กลัวตาย”

“ไม่มีใครตายเพราะกินเผ็ดหรอกน่า”

“รู้ได้ยังไง?”

“ก็ไม่มีที่ไหนจะออกข่าวเลยนี่”

“ไม่มีหรือไม่เคยดูกันแน่...โลกนี้มันกว้างมาก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ คนกินข้าวเหนียวติดคอตายยังมีเลย”

“โอเคๆ คราวนี้ยอมแพ้ก็ได้ ทำไมต้องทำหน้าจริงจังด้วยวะ”

“ชอบพูดไม่เพราะ...นี่อายุมากกว่านะ เป็นพี่น่ะเข้าใจไหม” เมฆาพูดใส่อารมณ์ มือก็ชี้เข้ามาที่ตัวเองขณะที่พูดออกไป

“ไม่ใช่พี่…”

“ไม่ได้หมายความว่าพี่อย่างนั้น ก็คนอายุมากกว่า ไม่ใช่พี่แล้วมันเรียกว่าอะไร”

“ลุง ป้า น้า อา ก็อายุมากกว่านะ อ้อ…เมีย ก็อายุมากกว่าได้” คณินไม่พูดเฉยๆ แต่ใช้ตาคมๆ ของตัวเองมองเข้าไปในดวงตาใสของเมฆาด้วย

ใจของเมฆากระตุกวูบก่อนที่มันจะเต้นรัวเหมือนจังหวะกลอง หน้าเห่อร้อนขึ้นมาแบบที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ หลบสายตานั่นแล้วก็กินต่อไป พยายามบังคับตัวเองไม่ให้สั่น ไม่งั้นมีหวังอายหนักกว่านี้แน่ๆ

ท่าทางเจ้าชู้แบบนี้...มีแฟนเยอะล่ะสิท่า


พอทานอาหารเย็นเสร็จ คณินก็พาเมฆาออกมาจากร้านนั้นแล้วพาไปนั่งรถเล่นก่อนจะขับไปจอดที่ที่หนึ่งซึ่งเป็นที่โล่งๆ คล้ายสนามฟุตบอล แต่ถ้าตรงไปอีกหน่อยก็เป็นเหวลึก เมฆาแปลกใจแต่ไม่หวาดกลัวอะไร

เขาไว้ใจ…

“ส่วนใหญ่วัยรุ่นชอบมารวมตัวกันที่นี่ จับกลุ่มกินเหล้าบ้าง เตะบอลบ้าง           แต่กลางคืนก็จะเป็นจุดเอาไว้ดูดาว ช่วงปีใหม่เขาก็จะมาเคาท์ดาวน์กันที่นี่ ตลาดจะมาลงทุกวันจันทร์กับพฤหัส มันสงบดี แล้ววันนี้ดาวก็เต็มฟ้า เผื่อมันช่วยผ่อนคลายได้”

“เหรอ...แต่ทำไมวันนี้มันไม่ค่อยมีคนเลยล่ะ”

“ทำไมจะไม่มี แต่เขาไม่ใช้ไฟกันเท่าไหร่”

“ทำไมล่ะ?”

“เดี๋ยวก็รู้”

คณินจอดรถเมื่อถึงจุดที่ตัวเองต้องการ โดยหันท้ายไปยังฝั่งที่เป็นเหว ดับเครื่องแล้วลงจากรถไปเปิดตัวกระบะท้ายก่อนจะกระโดดขึ้นไปนั่ง เมฆาเองก็ทำตามอย่างช่วยไม่ได้ พอสายตาได้เห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวก็ร้องว้าวด้วยความตะลึง

“ว้าว...ดาวสวยจริงๆ แต่มืดมาก เดินทีนี่กลัวจะมีงูโผล่มาจริงๆ”

“ความสวยงามมักเต็มไปด้วยอันตราย”

“หึหึ...เจ้าบทเจ้ากลอนเหมือนกันนะ”

คณินยักไหล่ นั่งเอนไปข้างหลังโดยเอาแขนยันเอาไว้ ส่วนเมฆาก็สนใจภาพท้องฟ้าที่ไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่นักต่อ วันนี้คณินพาเขามาที่ที่ชอบทั้งนั้น

เมื่อเมฆาไม่พูด คณินไม่พูด ความมืดกับความเงียบก็ทำให้มีสมาธิมากยิ่งขึ้น มากจนได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ ดังขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะชัดเจนในที่สุด

“เขต!!”

“อะไร”

“เสียงอะไร”

“รู้อยู่แล้วจะถามทำไม”

“พาฉันกลับเลยนะ”

“ทำไมล่ะ ที่นี่สวยออก”

“สวย...แต่ไม่อยากอยู่แล้ว กลับเถอะ”

“อย่าไปสนใจน่า...ต่างคนต่างอยู่ ไม่เห็นกันอยู่แล้ว”

“แต่…”

“เงียบๆ น่า…”

เมฆาเม้มปากแน่น มือก็กำเพราะทำอะไรไม่ถูก ตัวเริ่มสั่น ยิ่งเงียบก็ได้ยินเสียงชัดเจน ถ้าหากว่าตอนนี้มันสว่างมากพอ คณินต้องเห็นว่าหน้าของเขาแดงซ่านมากแน่ๆ

การที่อยู่ต่างประเทศที่เปิดเผย เรื่อง ‘เซ็กส์’ เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ใช่ว่าเขาจะชินกับเสียงสักหน่อย ยิ่งเงียบแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งอันตรายสำหรับตัวเองจริงๆ

‘อ๊า...เบาๆ หน่อย มีคน อ๊า’

‘ช่างเถอะน่า อือ…’

‘เร็วๆ อ๊า อ๊ะ…’

นอกจากเป็นสนามบอล ดูดาว ตลาด นั่งกินเหล้าแล้ว มันยังเป็นสถานที่สำหรับพลอดรักของวัยรุ่นด้วย!!!







100%
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^
ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {11/06/61} ➡ Ch.8
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-06-2018 03:48:34
นั่งชมวิว แบบเสียงประกอบให้ฟังด้วย  :katai1:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {11/06/61} ➡ Ch.8
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-06-2018 09:09:35
หายจากเรื่องนี้ไปนานเลย ช่วงนี้เหมือนเป็นตอนที่เขตตัดสินใจว่าจะจีบเมฆรึเปล่านะ แต่พามาเดทในที่มีซาวด์ประกอบแบบนี้ไม่ได้คิดอะไรใช่ไหมเขต หืม
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {11/06/61} ➡ Ch.8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-06-2018 09:43:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

เหตุผลที่คนนิยมมาเที่ยว แต่ไม่ใช้แสงสว่างกัน  อิอิ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {11/06/61} ➡ Ch.8
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-06-2018 10:12:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {11/06/61} ➡ Ch.8
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 13-06-2018 14:53:35
ถ้าทำแบบเดียวกันก้อไม่ได้ยินเสียงแล้วนะ555
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {11/06/61} ➡ Ch.8
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 13-06-2018 21:04:45
 :z10: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {11/06/61} ➡ Ch.8
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 14-06-2018 00:13:46
เขิลหรอพี่เมฆ
โอ๊ย เขตมันก้อนะ
ดูมันพามา
พี่เมฆเสียเด็กหมด
65555+
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {14/06/61} ➡ Ch.9
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 14-06-2018 21:27:08
09





“เขต กลับเถอะนะ”

“ทำไม...มีอารมณ์หรือไง”

“ไอ้บ้า! ใครมันจะไปมี แค่ไม่อยากอยู่ก็เท่านั้น นะ แกล้งอะไรก็ได้ แต่อย่าแกล้งแบบนี้เลย ฉันขอร้อง...ฉันไม่อยากอยู่แล้ว” เมฆาจับแขนแกร่งแล้วเขย่าเบาๆ เผลอส่งเสียงอ้อนออกไปจนคณินยิ้มในความมืด

ถ้าเห็นหน้าในตอนนี้คงจะดีกว่านี้นะ…

“ใครแกล้งกัน ไม่ได้แกล้งสักหน่อย” ยังคงเฉไฉไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่รู้ดีว่าตรงนี้ตอนกลางคืนมักจะมีวัยรุ่นมาพลอดรักกัน ส่วนเขาก็มาดูดาวบ่อย แต่จะเสียบหูฟังฟังเพลงไปด้วย

“เขต...พากลับเถอะนะ ถ้าไม่พากลับ ฉันไปอยู่ในรถก็ได้” เมฆาขอร้อง รู้สึกเริ่มอายทั้งๆ คนที่ควรอายคือคนที่กำลังพรอดรักไม่อายฟ้าอายดินต่างหาก

ตอนอยู่ที่นั่นก็เห็นตามที่สาธารณะบ่อยๆ แต่ก็แค่เดินผ่านไปเท่านั้น ไม่ได้มา  นั่งฟังท่ามกลางบรรยากาศมืดๆ และเงียบสงบแบบนี้

“ไม่เปิดให้หรอกนะ”

คณินสนุกที่ได้แกล้งคนตัวเล็กกว่า ตอนนี้คงจะอายเต็มที่แล้วสินะ เพราะคนข้างๆ เขาดูกระสับกระส่าย นั่งไม่นิ่งเลย ดาวก็ไม่ดูแล้ว…

“เขต…”

“เรียกอะไรนักหนาเนี่ย”

“ต้องให้กราบอ้อนวอนไหม ทำไมต้องแกล้งกันขนาดนี้ด้วย”

เมฆาไม่ชอบ...ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยจริงๆ

“ถ้าวันนี้ผ่านไปได้นะ ฉันจะไม่มาเจอนายอีกเลย จะหลบ จะหนี จะเลี่ยงทุกอย่าง ไม่คุย ไม่รู้จักอย่างที่นายเคยต้องการเลย ไม่ให้นายได้เห็นหน้าของฉันอีกอย่างที่นายต้อ...อื้อ”

คณินทนฟังไม่ได้ที่อีกคนจะหนีหน้าเขา หลบหน้า ไม่ให้เห็น เลยปิดปากบางด้วยปากของเขา ร่างเล็กกว่านิ่งไปสักพักก่อนจะเริ่มดิ้น แต่ก็ถูกมือแกร่งควบคุมไว้จนแน่น นี่แค่บดปากปิดปากเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรยังรู้สึกดีขนาดนี้ ถ้าทำมากกว่านี้ล่ะ…

“นาย…ทำบ้าอะไรเนี่ย” เปิดปากด่าทันทีที่คณินผละออกไป

“เงียบน่า...มันรบกวนเขา”

พรึ่บ!!

“โอ๊ย!!!” ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อถูกผลักในนอนราบไปกับรถก่อนที่เจ้าของรถจะขึ้นคร่อมกักตัวของเมฆาเอาไว้ ร่างขาวไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเงาดำๆ มืดๆ ที่กำลังคร่อมตัวเขาอยู่ ความตัวใหญ่ของคณินยิ่งชัดขึ้นเมื่อมันเป็นเงาสีดำ

“จะ...จะทำอะไร”

แขนทั้งสองถูกขึงไว้เหนือหัวด้วยสองมือของคณิน มันแน่นมากจนดิ้นยังไงก็ไม่หลุด นั่นทำให้เมฆาตระหนักได้ทันทีว่าคณินมีแรงเยอะกว่าเขาหลายเท่า

“เขต...ย่ะ อย่านะ จะทำอะไร”

“อย่าอะไร” ถามเสียงแหบพร่า

ไม่เห็นสีหน้า ไม่เห็นแววตา แต่น้ำเสียงแบบนี้ เมฆารู้เลยว่าคณินกำลังรู้สึกยังไง แล้วไอ้ท่าทางแบบนี้ กับจูบเมื่อกี้อีก…ถ้าไม่แกล้งกันเล่นเหมือนตอนนั้น ก็ทำจริง…

“ลุกเถอะ...ไม่สนุกด้วยนะ” เมฆาพูดเสียงเบา

“ไม่ลุก อยากให้ลุกก็พยายามเอาเองสิ” ร่างโปร่งกัดปากตัวเอง พร้อมกับคิดไปด้วยว่าจะหลุดจากคณินได้ยังไง ทั้งมือก็โดนล็อก ตัวก็โดนเข่าของร่างสูงหนีบเอาไว้ แค่ขยับยังลำบากเลย

“อย่าแกล้งกันสิเขต ลุกเถอะ”

“ใครแกล้งกัน”

ใบหน้าคมโน้มลงไปจนปลายจมูกสัมผัสกัน เมฆาหลับตาปี๋ ใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าคณินแกล้งเล่นเหมือนตอนที่อยู่บนรถในวันนั้น แต่แล้วคณินก็ หยุดชะงักความคิดของเมฆา...ด้วยตัวเอง

สัมผัสอ่อนนุ่มที่ริมฝีปากของเมฆาทำให้เจ้าตัวลืมตาขึ้นมาอย่างตกใจ ดวงตาสบกัน แม้ว่ามันจะมืด แต่ก็มีแสงบ้างพอให้เห็นกันในระยะใกล้ ปากหนาเพิ่มแรงบดขยี้ ทั้งขบ เม้ม ร่างโปร่งเองก็หาได้หันหน้าหนีไม่ ไม่มีการต่อต้าน มีเพียงแต่อยู่นิ่งๆ ให้คณินเล่นปากของเขาไป

คณินเริ่มรุกล้ำไปอีกขั้นหนึ่งด้วยการสอดปลายลิ้นของตนเข้าไป เกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นของเมฆาที่ขยับหนีตามสัญชาตญาณ หากแต่การหลบเหมือนเป็นการตอบสนองในรสจูบ ความเร่าร้อนเริ่มเพิ่มขึ้น เมฆาเองก็เอียงหน้าตอบรับจังหวะด้วยการหันรับจูบด้วยความเต็มใจ ร้อนแรงสลับกับอ่อนโยน

ร่างสูงพึงพอใจที่คนอายุมากกว่าไม่ปฏิเสธแต่ยังให้ความร่วมมืออย่างดี เมฆาจูบเป็นก็ถือว่ามีประสบการณ์มาบ้าง ซึ่งมันทำให้คณินขัดใจเล็กน้อย แต่ก็เข้าใจได้เพราะตนเองก็ไม่ได้อ่อนประสบการณ์เหมือนกัน

“อืม…”

คณินผละออกมาเพื่อเว้นจังหวะให้เมฆาหายใจบ้าง รู้สึกเสียดายที่มันมืดไปเลยมองไม่เห็นสีแดงๆ บนใบหน้าหล่อของเมฆา

“อยากให้ความสัมพันธ์เราดีไม่ใช่เหรอ”

“...” เมฆาไม่พูดอะไร แต่ได้ยินเสียงหายใจชัดเจน ร่างโปร่งใจเต้นแรง ขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว รู้สึกอ่อนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

จูบกับแฟนเก่ามาหลายคน ไม่เคยจะรู้สึกเหมือนโดนสูบวิญญาณแบบนี้เลย แน่นอนว่ารสนิยมความชอบของเมฆาคือผู้หญิง ก็คบกับผู้หญิงมาตลอดแม้ว่าร่างกายจะมีความเปลี่ยนแปลง ถึงท้องได้ ไม่ได้แปลว่าตัวเองจะต้องชอบผู้ชายเสมอไป

“ก็ทำให้มันดีอยู่นี่ไง”

“ม่ะ...ไม่ใช่แบบนี้”

“แล้วต้องเป็นแบบไหน”

“พี่น้อง…” ตอบเสียงเบา

“ก็ไม่อยากเป็นพี่น้อง อยากเป็นอย่างอื่น”

“แต่…”

“ปฏิเสธฉันหรือกำลังปฏิเสธตัวเองกันแน่ อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ก็รู้ๆ กันอยู่นี่ นายชอบฉัน ชอบมากเสียด้วยนะ ‘พี่เมฆ’ หึหึ” คณินเป็นเด็กที่ร้ายกาจที่สุด มีอย่างที่ไหนพูดเองเออเอง เข้าข้างตัวเอง แล้วมากระซิบเรียกเราเสียงพร่าข้างหูแบบนั้น เสียงหัวเราะร้ายกาจนั่นอีก แต่ที่น่าเจ็บใจคือเด็กนี่มันรู้ความคิดเขา รู้ความรู้สึกที่เขาพยายามปฏิเสธมันอีกด้วย

ชอบเขต...ใช่ และไม่ได้ชอบอย่างพี่น้องด้วย ให้ตายสิเมฆ! ให้ความรู้สึกลึกๆ มันนำความคิดของแกอีกแล้วนะ

“ไม่ใช่…”

“จริงเหรอ” ไม่ถามเปล่าๆ ริมฝีปากของคณินก็จูบย้ำๆ ที่ปากบางของเมฆาด้วยความอ่อนโยนและหยอกล้อในทีด้วย เมฆากำลังรู้สึกถูกอ้อนมากกว่าถูกแกล้ง

“พ่ะ...พอ”

“คิดดีๆ นะ”

เมฆาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เลยเงียบ และพอเงียบ หัวสมองว่างเปล่า เสียงของคนที่กำลังมีอะไรกันอยู่ก็ดังเข้ามาในหูอีกครั้ง

‘อ๊ะ...อ๊ะ อ๊า เร็วๆ’

“เขต...ก่ะ กลับเถอะ นะ ขอร้อง” ร่างสูงยิ้มนิดๆ

รุกมากไปหรือเปล่า ตอนนี้คงกลัวจะแย่แล้วล่ะมั้ง

คณินปล่อยแขนของเมฆาให้เป็นอิสระ แล้วลงมายืนข้างล่าง ส่วนเมฆาที่มือและแขนเริ่มชาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง เจอเงาสูงใหญ่อยู่ข้างหน้าก็ตกใจ

“พากลับก็ได้”

“งั้น...อื้อ”

ริมฝีปากหนาประทับลงมาอีกครั้ง มือหยาบประคองที่ใบหน้าของเมฆาให้แหงนมารับจูบจากเขา ปลายลิ้นสอดเข้าไปชิมความหวาน เมฆาเองก็ตอบรับกลับอย่างเคลิบเคลิ้ม แขนเรียวโอบรอบคอแกร่ง ขยับกายแนบกับร่างใหญ่ของเด็กหนุ่ม ตอนนี้ไม่สนใจอะไรแล้ว…

ทำตามความรู้สึกของตัวเองดีกว่า

“อื้อ...อืม”

เสียงครางในลำคอของทั้งสองคนดังออกมาบ่งบอกถึงความพอใจ รู้ดีว่าในตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราได้เปลี่ยนไปอีกขั้นแล้ว

กลายเป็นฝ่ายคณินเองที่ตอนนี้เริ่มจะทนไม่ไหว เมฆาน่ารักเกินไป ร้อนแรงเกินไป เก่งเกินไป หากมากกว่านี้ได้มีอะไรกันกลางแจ้งแน่ๆ เขาได้จับอีกคนทำเมียตอนนี้แน่นอน

“อ๊ะ…”

จุ๊บ!!!

“แค่นี้ก่อน...เดี๋ยวจะไม่ได้กลับ” คณินจำใจผละออกมาจนเมฆาอุทานอย่างเสียดาย แต่ไม่วายจุ๊บที่ปากบางแรงๆ อีกทีอย่างมันเขี้ยว

“...”

“ไปขึ้นรถได้แล้วไป หรือต้องให้อุ้ม”

“ไปเอง…” ร่างโปร่งบางตอบทันทีแล้วรีบลงไปเปิดประตูขึ้นไปนั่งรอคณินที่ปิดกระบะท้ายเสร็จก็ตามเข้าไป สตาร์ทเครื่องแล้วขับรถออกไป

คณินลอบมองเมฆาตลอดแต่เจ้าตัวก็หันหน้าไปข้างทางตลอด เดาว่าคงจะเขิน อายจนไม่กล้ามองหน้าหรือสบตากับเขาแน่ๆ

ผู้ใหญ่อะไร น่ารักเป็นบ้า…


เพราะมัวแต่อายนั่นแหละ เลยลืมที่จะโทรให้ลุงจงออกมารับ พอคณินขับไปถึงเขาจะได้ลงจากรถได้เลย แต่ก็มัวแต่อายคิดนั่นนี่ เลยได้มาโทรเมื่อมาจอดแอบๆ อยู่ไม่ไกลจากทางเข้าไร่เท่าไหร่นัก ตอนนี้เลยต้องนั่งรอไป ท่ามกลางความเงียบของทั้งสองคน

“พรุ่งนี้ว่างไหม” คณินถามขึ้น

“ถามทำไม”

“ตอบก่อน”

“ไม่ว่าง!!!”

“พรุ่งนี้เจอกันที่นี่เวลาเดิม ถ้าไม่มาจะบุกถึงบ้านเลย อ้อ...ถ้าคิดว่าแค่ขู่จะลองก็ได้ได้นะ”

“จะไปไหนอีก”

“ไปที่เดิม...ดูดาว…” เมฆากำหมัดแน่น เม้มปาก หน้าแดง ไม่ยอมหันไปสบตากับคนอายุน้อยกว่า แต่ก็เอ่ยออกมาเสียงเบาๆ สั่นๆ

“ไม่...ไม่ดูดาวแล้วได้ไหม ป่ะ ไปที่อื่นแทน”

“งั้น...ไป ‘ขี่ม้า’ ที่เขตตะวันไหมล่ะ”

ให้ตายสิ! จะไม่เน้นคำว่าขี่จะได้ไหม ว่าจะไม่คิดอะไรแล้วนะ!!

“ตอนกลางคืนนี่นะ ขี่ม้า”

“เอ้า! ส่วนใหญ่เขาก็ ‘ขี่ม้า’ ตอนกลางคืนไม่ใช่เหรอ”

“ไอ้บ้าเขต! เด็กแก่แดด”

“หึหึ...แล้วใครกันที่กำลังเขินเด็กแก่แดดคนนี้วะ อยากมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไม่ใช่เหรอ ก็นี่ไง ทำให้อยู่ พี่น้องไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการหรอกน่า...ถามใจตัวเองเถอะ”

ทีตัวเองก็ปากไม่ตรงกับใจ ทำมาเป็นบอกคนอื่น

“แล้วนายล่ะ คิดยังไงกับฉัน?”
   …   




   “เฮ้อ…” 

เสียงถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ สาเหตุที่ทำให้เมฆาเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเมื่อคืนที่เขาถามคณินไปว่าคิดยังไงกับตน ก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา หันหน้าหนีกันด้วยทั้งๆ ที่เขาทำใจกล้าหันไปมอง จำความรู้สึกตอนนั้นได้ดีเลย...เมฆาหน้าเสีย หัวใจก็บีบรัดจนเจ็บ

สุดท้าย...ที่คณินทำ ก็เพราะแกล้งเขา เห็นเขาเป็นแค่ของเล่นคลายเครียด หรือไม่นี่ก็เป็นการแก้แค้นอย่างหนึ่ง ทำให้เขาเจ็บปวด ชดใช้กับความสูญเสียที่คณินเคยได้รับ

“ทำงานต่อเถอะ”

เมฆาพยายามที่จะเรียกสติของตัวเองกลับมา เพราะตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่นอนไม่หลับ ตื่นเช้ามาก็ไม่รู้สึกสดชื่นเลยมานั่งทำงานอ่านเอกสารที่ไปเอามาเมื่อวานก็ไม่รู้เรื่อง

อ่า...เป็นอย่างที่คิดเลย

“สั่งซื้อมาเยอะ เบิกก็เยอะ ถ้าใช้ทั้งหมด แกลลอนทำลายที่ไหน ทำลายยังไง เฮ้อ...ต้องไปถามเรื่องนี้อีกแล้วสินะ แต่ตอนนี้สงสัยไปแล้วว่าลักลอบไปขาย”

ตัวคนเดียวมันก็ลำบากแบบนี้แหละ ทำอะไรช้าไปหมด จะหาข้อมูล จะสืบเรื่องอะไรแต่ละเรื่องก็ทำคนเดียว มันยากนะที่จะพยายามจะทำเรื่องใหญ่ๆ เพียงคนเดียวในไร่นี้ไม่มีใครพอจะเป็นมิตรกับเขาได้เลย มีเพียงแค่ลุงจงคนเดียวเท่านั้นที่ยังพอจะคุยกันอย่างจริงใจได้ แต่มันก็ไม่ใช่ทุกเรื่อง

“ต้องการผู้ช่วยจัง”

จริงสิ...เขาควรมีเลขาหรือผู้ช่วย แต่ที่นี่หาไม่ได้แน่ๆ ก็ต้องหามาจากข้างนอกแล้วประเด็นคือจะหายังไง เขาไม่มีเครือข่ายกับใครเลย...นอกเสียจาก

“อาอาทิตย์”

คนที่สามารถจะช่วยเหลือเขาได้มีเพียงแค่พ่อเลี้ยงอาทิตย์คนเดียวเท่านั้น คิดได้ดังนั้นเมฆาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วหาเบอร์ที่บันทึกเอาไว้แต่ไม่เคยได้โทรเลยก่อนจะทำการโทรออก รอไม่นานปลายสายก็รับ

(สวัสดีครับ) เสียงทุ้มมีเสน่ห์ทักทาย

“สวัสดีครับอาอาทิตย์ ผมเมฆนะครับ”

(เมฆเหรอ...มีอะไรหรือเปล่า”

“ผมมีเรื่องอยากจะให้ช่วยน่ะครับ”

(ว่ามาสิ อายินดีอยู่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะ)

“คือว่า...ผมอยากได้คนมาเป็นผู้ช่วยหน่อยนะครับ ผมทำงานคนเดียวไม่ได้ คือที่ไร่นี้อาก็ทราบใช่ไหมครับว่าไม่มีใครจริงใจเลยสักคน”

(ใช่ อารู้ เอาเป็นว่าอาจะหาคนที่อาไว้ใจไปช่วยงานเมฆนะ คงใช้เวลาหลายวันหน่อยเพราะต้องจัดการเรื่องข้อมูลส่วนตัวไม่ให้คนของพ่อเลี้ยงมนัสตามสืบได้)

“ขอบคุณนะครับ ผมไม่รู้จะพึ่งใครจริงๆ”

(พึ่งอาได้ตลอดนะ แล้วเป็นไง ตาเขตมันไปตอแยอะไรเมฆบ้างหรือเปล่า)

“เอ่อ...ก็ไม่มีหรอกครับ”

(อารู้จักนิสัยมันดี อย่าพยายามปกป้องมันเลย มันไปกวนเรามาใช่ไหม เมื่อวานเห็นมันกลับบ้านดึก)

“อ่า...น้องพาไปกินข้าวครับ”

(แค่นั้นจริงๆ เหรอ) ที่จริงก็พาไปนั่งดูดาวด้วย แต่มันน่าอายเกินกว่าที่จะเล่าให้ใครฟังจริงๆ

“ครับ”

เมฆาคุยกับพ่อเลี้ยงอาทิตย์อีกไม่กี่เรื่อง ก็วางสายไปเนื่องจากพ่อเลี้ยงอาทิตย์มีงานต่อ ส่วนเขาเองก็สบายใจที่จะได้ผู้ช่วยมาช่วยทำงาน

ร่างโปร่งละจากเอกสารทั้งหมด ลุกขึ้นเพื่อไปสำรวจการทำงานของไร่ใหม่ แต่ยังไม่ทันได้ตรงไปที่โรงจอดรถก็มีรถเบนซ์คันหนึ่งมาจอดอยู่หน้าบ้าน ร่างโปร่งขมวดคิ้วทันทีแล้วกวักมือเรียกเด็กให้ไปต้อนรับ ถ้าไม่ใช่ผู้ชายของน้องสาวก็ต้องเป็นแขกของพ่อ แต่พ่อก็น่าจะแจ้งกับทุกคนไว้แล้วว่าตัวเองไม่อยู่ น้องสาวก็ไปด้วยนี่

ชายเจ้าของร่างสูงลงมาจากรถ ยิ้มให้กับสาวใช้ที่ไปต้อนรับ เมฆาที่มองดูอยู่ ในจุดที่แอบๆ ไม่ให้คนมาใหม่เห็น เห็นว่าเป็นใครก็ถอนหายใจยาว

‘ศรันย์’ หุ้นส่วนใหญ่ของสมรชัย ที่มีสิทธิในการบริหารจัดการไร่และธุรกิจของสมรชัยไม่ต่างกัน แต่ส่วนใหญ่เขาจะอยู่ในส่วนของโรงงานและธุรกิจอื่นๆ

วันที่พ่อเลี้ยงมนัสกลับจากต่างประเทศคราวก่อนก็พาเขาเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้น แนะนำเขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่จะมาดูแลไร่สมรชัย วันนั้นเขาก็ได้ทำความรู้จักกับผู้ถือหุ้นทุกคน และหนึ่งในนั้นก็มีศรันย์ แต่ก็ไม่ได้มีเวลาคุยกันมากเท่าไหร่นัก จะเรียกว่าไม่ได้คุยกันเลยก็ได้

“คุณเมฆอยู่หรือเปล่า”

“อยู่ค่ะ เมื่อสักครู่คุณจะออกไปข้างนอก แต่คุณศรันย์มาก่อน สงสัยจะอยู่ในบ้านค่ะ ยังไงคุณศรันย์นั่งรอที่ห้องรับแขกก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะไปแจ้งคุณเมฆให้”

“ครับ…”

เมฆาที่หลบอยู่รีบเดินไปยังห้องรับแขกเพื่อจัดการกองเอกสารที่มันรกไม่เหมาะแก่การรับแขกอย่างทันที ยังไม่ทันจะได้เก็บเสร็จ แขกประจำก็เดินเข้ามาอย่างคุ้นเคย

“อ้าว? คุณเมฆ อยู่นี่เองเหรอครับ”

“คุณศรันย์ สวัสดีครับ” เมฆายกมือไหว้เพราะถือว่าอีกคนอายุมากกว่าเขาถึงสามปี

“นี่ทำอะไรอยู่เหรอครับ ให้ผมช่วยไหม” ผู้เป็นแขกเดินมาเพื่อหวังจะช่วยเมฆาเก็บกองเอกสารบนโต๊ะ แต่ร่างโปร่งก็ยิ้มให้ก่อนจะพูดบอกอีกคนไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“ไม่เป็นไรครับ ผมเก็บเอกสารก่อน เชิญคุณศรันย์นั่งรอก่อนนะครับ”

“ได้ครับ” ศรันย์ยิ้มให้กับเมฆาก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างดี ไม่นานเด็กรับใช้ก็เอาน้ำดื่มกับขนมมาเสิร์ฟให้กับแขกและยังมีเพิ่มมีอีกชุดที่น่าจะเป็นของเมฆา

คนที่จะรับแขกได้ก็มีแค่เขาเท่านั้น น้องสาวตัวดีอย่าหวังว่าจะเข้าสังคมอะไรแบบนี้เป็น เข้าเป็นแต่สังคมนักเที่ยว ทำตัวไม่สมกับเป็นผู้หญิงที่ดี

“คุณเมฆกำลังทำงานอยู่หรือครับ ผมไม่ได้มากวนใช่ไหม”

“ไม่หรอกครับ ผมก็ศึกษางานจากเอกสารของไร่น่ะครับ เมื่อกี้ก็ว่าจะไปดูรอบๆ ไร่ แต่คุณศรันย์มาก่อนเลยรีบมาเก็บห้องรับแขกน่ะครับ”

เมฆาเดินมานั่งลงบนโซฟา ท่าทางสง่างามทำเอาศรันย์มองอย่างเผลอไผล เมฆายิ้มนิดๆ ไม่ได้โง่ที่จะมองไม่ออกว่าศรันย์คิดยังไง จะว่าไปก็สายตาเดียวกันกับ  คณินเลย แต่สายตาของคณินทำให้เมฆาไม่เป็นตัวของตัวเอง ในขณะที่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยเมื่อสบตากับศรันย์

สายตาอาจจะบอกได้ว่ารู้สึกยังไง แต่ไม่แน่ว่าเราก็จะมองผิด ในใจใครคิดยังไง เมฆาก็ไม่รู้ได้ อย่างคณินเองก็เหมือนกัน ท่าทาง สายตา การกระทำ มันแสดงชัดว่าเจ้าตัวรู้สึกอะไรกับเขา แต่ในใจล่ะ...คิดอะไร แค่ทำให้ตายใจหรือว่ามันคือความรู้สึกจริงๆ

“คุณเมฆครับ...คุณเมฆ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“อ๊ะ...เอ่อ ขอโทษด้วยครับ ผมเหม่อนิดหน่อย” ร่างโปร่งสะดุ้งเมื่อมือของศรันย์โบกขึ้นลงตรงหน้า

“ทำงานหนักไปหรือเปล่าครับ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ”

“งานไม่หนักหรอกครับ แล้วนี่คุณศรันย์มาหาพ่อเหรอครับ ท่านไปต่างประเทศนะครับ ไม่ได้แจ้งเอาไว้เหรอ?”

“ผมไม่ได้มาหาพ่อเลี้ยงหรอกครับ มาหาคุณเมฆนั่นแหละ”

ร่างโปร่งยิ้มให้ศรันย์ ตอบรับมิตรภาพที่เขาส่งมาให้ เมฆาคิดว่าคงไม่เป็นอะไร ถ้าเราไม่ได้ให้ความหวัง เราก็เป็นเพื่อนกันได้…

“มาทำความรู้จักกันไว้น่ะครับ ยังไงเราก็คนคุ้นเคยกัน”

“ขอบคุณนะครับ”

“เมื่อกี้ได้ยินว่าคุณเมฆจะไปสำรวจไร่ ยังไงขอผมไปด้วยได้ไหมครับ แล้วผมจะขออนุญาตชวนคุณเมฆไปทานข้าวข้างนอกด้วย”

“ได้สิครับ”

ศรันย์ยิ้มออกมาอย่างดีใจที่เมฆาไม่มีทีท่าปฏิเสธหรือลำบากใจเลย คิดเข้าข้างตัวเองว่าคงมีใจให้กับเขาเหมือนกัน ตอนที่เจอกันวันประชุมคราวนั้น เขาได้แต่นั่งจ้องอีกคนจนไม่รู้เลยว่าประชุมอะไรไปกันบ้าง เมฆาเป็นผู้ชายที่รูปหน้าสมบูรณ์แบบจัดอยู่จำพวกหล่อ ไม่ได้หน้าสวยหรือน่ารัก ความขาว รูปร่างสูงตามมารฐาน ผอมและบุคลิกภาพดี

ตกหลุมรักเมฆาตั้งแต่แรกเห็น และคนอย่างศรันย์ หากอยากได้อะไรแล้ว ก็ต้องได้ รวมทั้งเมฆาด้วย…



เมฆากับศรันย์นั่งรถชมไร่ไป คุยกันไป แต่ก็ไม่ลืมที่เมฆาจะทำงาน เมฆาลงไปถามไถ่เรื่องงานกับคนงานในส่วนที่ตัวเองยังไม่รู้และไม่เข้าใจ โดยมีร่างสูงมองตามอย่างชื่นชม ด้านคนงานที่เห็นเจ้านายทั้งสองคนเดินมาด้วยกันแบบนั้นก็ตั้งใจทำงานกันผิดปกติ วงเหล้าก็ไม่มีให้เห็น ทั้งๆ ที่เขารู้เรื่องและเห็นประจำ

“แปลกนะครับ วันนี้ไม่ยักกะมีวงเหล้าเลย”

“หือ...วงเหล้าเหรอครับ”

“ใช่ครับ คนงานของที่นี่ วันๆ ผมไม่เคยเห็นจะทำงานอะไรมากเลย มาทีไรก็นั่งกินเหล้ากันตลอด ไม่เห็นจะเกรงกลัวผมที่เป็นเจ้านายเลย พอคุณศรันย์มาทุกอย่างเรียบร้อยมาก” เมฆาเล่าไปตามความเป็นจริง เพราะอีกคนก็มีสิทธิในการที่จะรูเรื่องราวทั้งหมดของในไร่

“จริงเหรอครับ? ไม่ได้การแล้วล่ะ ผมต้องรีบจัดการด่วนเลย”

“ฝากคุณศรันย์ด้วยนะครับ ผมอยากให้ไร่มีระบบการทำงานที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ศักยภาพของผมคงไม่เพียงพอจะทำได้เลย คนงานไม่เชื่อในตัวผม” เมฆาไม่ได้พูดออกไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจอะไร เขาพูดตามความเป็นจริงที่ตนเองรู้สึกได้ หากแต่ศรันย์กลับคิดว่าเมฆากำลังเรียกร้องความสนใจ ซึ่งนั่นมันทำให้ศรันย์อยากจะทำอะไรเพื่อเมฆา อีกคนจะได้ประทับใจในตัวเขา

“ผมจะประสานงานกับผู้จัดการและเรียกประชุมให้เร็วที่สุดเลยครับ”

“ขอบคุณนะครับ” เมฆายิ้มกว้างให้อย่างดีใจ

“หิวหรือยังครับ?”

“อ่า...เลยเที่ยงแล้วสินะครับ งั้นเราไปทานข้าวเลยก็ได้ครับ วันนี้ขอรบกวนฝากท้องกับคุณศรันย์ด้วยนะครับ” ร่างโปร่งมองนาฬิการาคาแพงที่ข้อมือของตนแล้วเอ่ยกับศรันย์

เมฆารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่จะได้ทานข้าวกับคนอื่นที่ไม่ใช่คณินหรือนั่งทานคนเดียวอย่างที่ผ่านมา มันเป็นสัญญาณที่ดีเลย

“งั้นเราไปกันเลยนะครับ”

“ครับ”

แล้วทั้งคู่ก็วนรถกลับไปเพื่อเปลี่ยนรถก่อนจะออกไปข้างนอก โดยที่ครั้งนี้เมฆาเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้กับศรันย์เจ้าของเบนซ์คันงาม บ่งบอกฐานะของผู้ขับเป็นอย่างดี

เพราะฟิล์มกรองแสงไม่หนามาก เลยทำให้คนที่เพิ่งออกมาจากไร่ของตัวเองซึ่งได้ขับผ่านไปก่อนที่เบนซ์คันงามจะเลี้ยวตามคณินมา มองเห็นว่าเมฆากำลังนั่งรถกับใครบางคนออกไปจากไร่

“ผู้ชายด้วย...ไปไหนวะ”

คณินมองกระจกมองหลังหวังว่าจะเห็นคนในรถแต่ก็ไม่เห็น ความรู้สึกเริ่มกระสับกระส่าย กังวลขึ้นมาเมื่อได้เห็นว่าเมฆากำลังออกไปไหนมาไหนกับผู้ชาย ทั้งๆ ที่เจ้าตัวไม่รู้จักใครในประเทศไทยเลย

มือแกร่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกไปยังคนที่นั่งอยู่ในรถคันด้านหลังทันที

“รับสิวะ!!!”

ชายหนุ่มตะโกนอย่างหงุดหงิดเมื่อรอเมฆารับสายแต่ก็ไม่ยอมรับ ทำไมคณินจะไม่รู้ว่าเมฆารู้แล้วว่ารถคันข้างหน้าเป็นเขา เพราะรถคันนี้คณินใช้มันไปไหนมาไหนกับเมฆาทุกครั้ง

“คิดจะเล่นอะไรวะเนี่ย”

คณินหงุดหงิดจนไม่มีสมาธิที่จะขับรถ มือก็กดโทรออกเรื่อยๆ จนกว่าอีกคนจะรับนั่นแหละ และถ้าปิดเครื่องหนีล่ะก็ จะได้รู้ทันทีว่าไม่ควรทำให้คณินโมโห









100%

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^
ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {14/06/61} ➡ Ch.9
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-06-2018 02:32:10
ใครนะที่จะเข้ามาเป็นผู้ช่วยเมฆ  :hao4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {14/06/61} ➡ Ch.9
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 15-06-2018 04:22:13
แหม๋ จีบแบบลูกไฟลุกเลย
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {14/06/61} ➡ Ch.9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-06-2018 18:45:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {14/06/61} ➡ Ch.9
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-06-2018 19:01:39
 :L2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {14/06/61} ➡ Ch.9
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 16-06-2018 06:23:39
พี่... เค้า.. แค่ ไป ทานข้าว กับ เพื่อน... ใจเย็นๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {14/06/61} ➡ Ch.9
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 18-06-2018 20:23:23
เขต โตหน่อยได้ไหม ห๊าาาาา
เหนื่อยแทนพี่เมฆ
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/06/61} ➡ Ch.10
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 21-06-2018 12:34:54
10





เมฆามองชื่อที่โทรเข้ามาในมือถือแล้วก็กังวล สลับกับมองไปยังรถคันที่อยู่ข้างหน้า ร่างโปร่งไม่อยากรับสาย เพราะโกรธที่คณินไม่ตอบคำถามตัวเองเมื่อคืน เลยปิดเสียงโทรศัพท์ไม่ให้รบกวนศรันย์ เมฆากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เห็นสายที่ตัดไปแล้วโทรเข้ามาใหม่เป็นเบอร์เดิมๆ อยู่อย่างนั้น

ถ้าไม่ใช่เพราะความพยายามก็เพราะโมโหอยู่

“ไม่รับโทรศัพท์เหรอครับ อาจจะมีธุระสำคัญ”

“เอ่อ...ผมไว้ค่อยโทรกลับดีกว่าครับ”

“ไม่ต้องเกรงใจผมหรอกนะครับ รับสายได้เลย” ศรันย์รู้ว่าเมฆาเกรงใจตนเลยบอกให้ร่างโปร่งบางรับสายที่โทรเข้ามาไม่หยุดไป ปากสวยเม้มนิดๆ ก่อนจะทำใจกล้ารับโทรศัพท์

“ฮัลโหล”

(นึกว่าต้องดักหน้ารถแล้วฉุดแล้วซะอีก) น้ำเสียงแข็งๆ ของคณินพูดออกมาเมื่อเขากรอกเสียงทักทายไป หัวใจเต้นแรง มองรถคันข้างหน้าอย่างระแวง

“มีอะไรหรือเปล่า”

(จะไปไหน...ตอบ!) เด็กนี่มันเอาแต่ใจจริงๆ

“เอาไว้ค่อยคุยกันนะ ทำธุระอยู่”

(ก็ได้...เตรียมตัวเตรียมใจให้ดีเลยนะ) ปลายสายกัดฟันพูด ทำเอาร่างโปร่งขนลุกชันขึ้นมา

ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องกลัว ต้องเกรงใจ ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน ใช่...เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่คำถามเมื่อคืนยังตอบไม่ได้...แล้วมีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวของเมฆา ปากสวยยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

ถ้าไม่พูด...ฉันก็ขอคำตอบเป็นการกระทำก็แล้วกันนะเขต

(เฮ้ย!!!)

เอี๊ยด!!!

“โอ๊ย!!!” ร่างโปร่งร้องเสียงหลงเมื่อตัวเองเกือบกระแทกกับคอนโซลรถจากการเบรกกะทันหันของศรันย์ แต่นั่นมันไม่ได้ทำให้เขาคิดสนใจตัวเองเลย มือขาวทำท่าจะปลดเข็มขัดนิรภัยของตนเมื่อรู้ว่าสาเหตุมันมาจากรถคันข้างหน้า

เขตจะเป็นอะไรรึเปล่า?

แต่ยังไม่ทันที่ตัวเองจะปลดแล้วลงไปยังรถคันข้างหน้า ศรันย์ก็ถามไถ่ขึ้นมาอย่างเป็นห่วงก่อน

“คุณเมฆ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“ม่ะ ไม่เป็นไรครับ”

“ไอ้รถข้างหน้านั่น บ้าเอ๊ย!! ถ้ารถฉันเป็นอะไรขึ้นมานะ”

“มันคงเป็นอบัติเหตุน่ะครับ ใจเย็นๆ นะครับ” ดวงตาสวยสั่นไหวอย่างเป็นกังวล ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่ายังไม่วางสายไป...เชื่อว่าเจ้าตัวไม่เป็นอะไรเพราะข้างหน้าเริ่มออกตัวแล้ว เมฆาถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ครับ...ผมขอโทษ พอดีใจร้อนไปหน่อย เป็นห่วงคุณ กลัวคุณจะเป็นอันตรายน่ะครับ ไหนจะรถคันนี้ที่ผมเพิ่งจะซื้อด้วย มีหวังการทานข้าวของเราล่มแน่ๆ เลย”

ร่างโปร่งยิ้มแห้งๆ พลางคิดในใจว่า ถ้าหากว่ารถคันนี้เป็นอะไรไปจริงๆ เขาเชื่อเลยว่าคณินต้องจัดการออกคันใหม่ให้เลยโดยไม่เสียดายเงิน แน่ล่ะ...ทรัพย์สมบัติของศักดินนท์ไม่ใช่น้อยๆ นี่นะ แม้ว่าศักดินนท์กับสมรชัยจะแข่งขันกันมาตลอดอย่างสูสี แต่ศักดินนท์ก็เป็นราชาอยู่ดี

“ขอบคุณนะครับ แล้วคุณล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า” ถามกลับไปอย่างเป็นห่วงเช่นกัน โดยไม่รู้เลยว่าคณินกำลังฟังการสนทนาของทั้งคู่อยู่ด้วยความเดือดดาล

“ไม่ครับ ขอบคุณที่คุณเมฆเป็นห่วง”

เมฆาได้แต่ยิ้ม ก้มมองหน้าจอมือถือก็พบว่ายังไม่วางสายไป ร่างโปร่งส่ายหน้าน้อยๆ กับเด็กที่นิสัยไม่ดีชอบแอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน

“คุณเมฆกลับมาครั้งนี้ ไม่มีปัญหากับแฟนเหรอครับ”

“ผมไม่มีแฟนครับ มีแต่เพื่อน ฮะๆ ไม่มีใครอยากคบกับคนบ้างานแบบผมหรอกครับ มีทีไรเธอก็บอกเลิกผมหมด บอกว่าไม่มีเวลาให้ตลอดเลย” เมฆาตอบ แล้วก็นึกถึงเหตุผลที่พวกเธอบอกเลิกเขา จริงๆ ก็ไม่ใช่เหตุผลเพราะเขาบ้างานหรอก ผู้หญิงที่เขาเคยคบก็เป็นผู้หญิงบ้างานเหมือนกัน แต่เพียงเพราะเราเหมือนกันเกินไปนี่แหละ เลยเข้ากันไม่ได้

“แล้วมีใครที่กำลังคุยอยู่ไหมครับ” เมฆายิ้ม มองที่โทรศัพท์อีกทีแล้วก็ตอบกลับไป

“มีไหม...ไม่แน่ใจ ประมาณหมาหยอกไก่น่ะครับ ไม่ชัดเจนว่ามีจุดประสงค์อะไร บ้างก็แกล้ง บ้างก็เหมือนจะจีบ ผมก็เลยยังไม่คิดจะมีใคร”

อยากเห็นสีหน้าของคณินตอนนี้จริงๆ

“สเปคคุณเมฆเป็นแบบไหนครับ”

“ได้หมดครับ ถ้าเราคุยกันเข้าใจ แต่รู้สึกจะโอเคกับคนที่วุฒิภาวะสูงหน่อย”

“หมายถึงไม่ชอบคนที่เด็กกว่าหรือครับ”

“ฮะๆ จะหมายถึงแบบนั้นก็ได้นะครับ”

เมฆาจงใจไม่ขยายความ ทั้งที่ความหมายของเขาคือชอบคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผล ไม่จำเป็นต้องมากกว่าก็ได้ แต่ต้องมีวุฒิภาวะพอสมควร

ทั้งหมดเนี่ย...คณินไม่มีเลย แต่ใจของเมฆายกไปให้แล้วบางส่วน



(หมายถึงไม่ชอบคนที่เด็กกว่าหรือครับ...ฮะๆ จะหมายถึงแบบนั้นก็ได้นะครับ)

มือแกร่งกำพวงมาลัยแน่น หงุดหงิดกับการสนทนาแบบสนิทสนมของทั้งคู่ไม่พอ ยังจะมาหงุดหงิดกับคำถามและคำตอบน่าโมโหนั่นด้วย

ไม่ชอบเด็กเหรอ? เออดี!!! ลองมีสามีเด็กหน่อยเป็นไง

“ไอ้บ้านั่นมันเป็นใครวะ อย่าให้กูเห็นหน้ามึงนะ…”

อาการหวงรุนแรงของคณินแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วก็ยิ่งหุงดหงิดเมื่อถึงทางแยกแล้วพบว่าเราไปคนละทางกัน นี่ถ้าไม่มีธุระต้องไปทำให้พ่อนะ เขาคงจะขับตามทั้งสองคนไปแล้ว

เวรเอ้ย!!

(สมมติว่าผมอยากจะจีบคุณเมฆ ก็มีสิทธิใช่ไหมครับ) เสียงของผู้ชายที่คณินอยากจะจับมากระทืบถามต่ออีก ก่อนจะมีเสียงหัวเราะจากเมฆาที่เขาไม่เคยได้ยินเลย สักครั้ง

หัวเราะกับผู้ชายคนอื่น แต่อยู่กับเขาทำหน้าเซ็ง…

หงุดหงิดแบบไม่คิดเลยว่าตัวเองนั่นแหละที่ผิด เอาแต่กวนและแกล้งเขาตลอดเวลา มันจะไปทำให้เมฆาหัวเราะได้ยังไง…

(แค่เรื่องสมมติใช่ไหมครับ ฮะๆ ถ้าแค่เรื่องสมมติคุณเองก็บางอย่างตรงสเปคอยู่นะครับ อายุมากกว่า มีความเป็นผู้ใหญ่ แล้วก็ดูเป็นคนชัดเจนดี…)

ติ๊ด!!!

คณินตัดสินใจกดวางสายเพราะไม่อยากจะฟังอะไรที่ชวนให้โมโหไปมากกว่านี้ คอยจัดการตัวต้นเหตุทีเดียวเลยก็แล้วกัน วันนี้มีนัดกับเขา คอยดูสิว่าจะกลับมาทันนัดหรือเปล่า…

“ชัดเจนงั้นเหรอ หึ อยากได้ความชัดเจนนักใช่ไหม เออ! เดี๋ยวจัดให้ แล้วอย่ามาร้องอ้อนวอนทีหลังก็แล้วกัน พี่เมฆ!!!”


ทางด้านเมฆาที่เห็นว่าคณินตัดสายไปแล้วก็พูดต่อจากประโยคที่เขาได้ตอบ ศรันย์ไปจนเจ้าตัวยิ้มอย่างมีความหวัง เมฆาต้องรีบชี้แจงก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก

“แต่ทั้งนี้มันอยู่ที่ความรู้สึกครับ จะตรงสเปคหรือไม่ตรง ถ้าผมรัก...ผมก็เลือกคนที่รักมากกว่าคนที่ตรงสเปค”

“งั้นเหรอครับ”

ศรันย์ได้ยินแบบนั้นก็ไม่หมดหวัง กลับฮึกเหิมขึ้นมาอีกด้วยซ้ำ มั่นใจว่ายังไงก็ต้องทำให้เมฆารักตนให้ได้ แต่ถ้าไม่ได้ เขาก็มีวิธีที่จะครอบครองเมฆาอยู่ดี




สี่ทุ่มกว่าๆ เบนซ์คันงามที่พาลูกชายเจ้าของไร่ศักดินนท์ออกไปทานข้าวตั้งแต่เที่ยงก็พากลับมาส่งในช่วงเวลาที่ดึกมาก เพราะมันไม่ใช่แค่ทานข้าวอย่างเดียว เมฆานั่งนิ่งอย่างหมดแรง เขาไม่ได้สนุกเท่าไหร่กับการไปกับศรันย์ในวันนี้ เพราะหุ้นส่วนหนุ่มเหมือนจะถ่วงเวลาให้นานที่สุด ตั้งแต่ทานข้าว พาไปซื้อของ แล้วก็ดูหนัง จนจบที่มื้อเย็นเมื่อตอนสามทุ่ม เมฆาไม่กล้าที่จะปฏิเสธ เลยปล่อยตามเลย

ลืมไปเลยว่ามีนัดกับคณิน...ลืมเสียสนิท

“ขอบคุณนะครับที่เที่ยวเป็นเพื่อนผมในวันนี้” ศรันย์ที่รีบวิ่งมาเปิดประตูให้กับเมฆาเอ่ยขึ้นเมื่อร่างโปร่งของเมฆายืนอยู่นอกรถแล้ว

“ขอบคุณเหมือนกันนะครับที่เลี้ยงข้าว เลี้ยงหนัง ไหนจะซื้อของให้อีก”

“ผมยินดีอยู่แล้วครับ เป็นของขวัญต้อนรับการกลับมาของคุณเมฆไง” ริมฝีปากสวยฉีกยิ้มให้นิดๆ เพราะเหนื่อยเกินกว่าจะพูดอะไรต่อได้อีก

“ขอบคุณครับ”

“งั้นผมไม่กวนแล้วดีกว่า ให้คุณเมฆเข้าไปพักผ่อน แล้วเราไปเที่ยวกันอีกนะครับ”

“อ่า...ครับ”

“ฝันดีนะครับ แล้วอย่าลืมฝันถึงผมด้วย” แต่แล้วศรันย์ก็ทำในสิ่งที่เมฆาไม่คาดคิด ก็คือการคว้ามือของเขาไปแล้วจูบเบาๆ ที่หลังมือ สร้างความตกใจในความรุกเร็วจนน่ากลัวของหุ้นส่วนใหญ่

จุ๊บ!

เป็นการประกาศจีบอย่างเป็นทางการจนร่างโปร่งบางยืนนิ่งค้างไปเลย แต่ก็มีสติมากพอที่จะหันมามองส่ง เมฆาฝืนยิ้มให้ร่างสูงกว่า ก่อนที่หุ้นส่วนใหญ่จะขับรถออกไป

เมฆาไม่ได้หวงเนื้อหวงตัวถ้ามันคือธรรมเนียม แต่ที่ไทยมันไม่ใช่ และนั่นมันก็คือการคุกคาม

“เฮ้อ...ชีวิตวุ่นวายอีกแล้วสินะ”

ร่างโปร่งชะงักเท้าเมื่อเห็นหัวหน้าแม่บ้านยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน “กลับมาแล้วเหรอคะคุณเมฆ แหม...คงจะสนุกมากเลยใช่ไหมคะ กลับเสียดึกเลย”

“ยังไม่นอนอีกเหรอครับพี่อ้อย”

“ยังค่ะ รอปิดบ้าน จริงๆ ก็รอคุณเมฆนั่นแหละค่ะ”

“รอผม? รอทำไมครับ”

“ก็อ้อยเป็นห่วง กลัวคุณเมฆเป็นอะไร อ้อยไม่มีเบอร์คุณเมฆก็เลยไม่รู้ว่าจะติดต่อคุณเมฆยังไง แต่คุณศรันย์มาส่งคุณเมฆถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว อ้อยก็จะได้รายงานพ่อเลี้ยงอย่างสบายใจ” คำพูดของแม่บ้านสาวทำให้เมฆาสงสัย อย่าบอกนะว่า...เธอคอยส่งข่าวเรื่องเขาตลอด

จะจำไว้...ว่าหัวหน้าแม่บ้านคนนี้ไม่น่าไว้ใจ

“ครับ...งั้นผมขอตัวไปนอนเลยนะครับ”

“ค่ะ...ฝันดีนะคะคุณเมฆ”

รอยยิ้มเคลือบยาพิษชัดๆ ผู้หญิงคนนี้


มือขาวหมุนลูกบิดประตูห้องนอนตัวเองอย่างหมดแรง มือคลำหาสวิตช์ไฟเพื่อเปิดมัน ก่อนจะเดินเอาถุงนาฬิกาที่ศรันย์ซื้อให้ไปวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป

ปัง!

เมื่อประตูห้องน้ำปิด ร่างของใครบางคนก็ออกมาจากหลังม่านที่ใช้ซ่อนตัว เดินไปล็อกประตูห้องแล้วปิดไฟ แสงสว่างจากข้างนอกช่วยให้มองเห็นในห้องได้เพราะม่านที่เปิดเอาไว้ ร่างปริศนาไม่ลืมที่เปิดเครื่องปรับอากาศ หวังว่าจะดับอารมณ์ร้อนรุ่มของตนเองได้

จริงๆ อยากจะกระโจนใส่ตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว

“ใจเย็นๆ เขต...ใจเย็นๆ นะมึง”

คณินสะสมความหงุดหงิด ความโกรธ ความโมโหเอาไว้ ตั้งแต่เมื่อกลางวัน ช่วงเย็นมารอตามนัดสองชั่วโมงเต็มก็ไม่เห็นว่าเมฆาจะกลับมาสักที เลยตัดสินใจแอบเข้ามาในไร่และหลบเข้าจากด้านหลัง ใช้ความมืดหลบกล้องวงจรปิด จนเข้าไปในตัวบ้านได้ก็ยืนตัดสินใจอยู่ว่าห้องไหนคือห้องของเมฆา และโชคดีที่เดาถูก เขานอนรอบนเตียงจนได้เห็นแสงของรถสาดเข้ามาในห้อง เลยลุกพรวดไปยืนแอบหลังม่าน แอบดูทั้งคู่จากด้านบน ห้องของเมฆามันอยู่ฝั่งหน้าบ้าน นั่นจึงทำให้คณินเห็นว่าเมฆาถูกจูบมือ!!!

ความโกรธ ความโมโห ความหึงหวงยิ่งสุมในอกจนอยากจะกระทืบผู้ชายที่เห็นหน้ามันไม่ชัด ทำได้แค่อดทน กัดฟันรอเท่านั้น

สิบห้านาทีผ่านไป เมฆาในสภาพผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างก็เปิดประตูห้องน้ำ ขาชะงักอยู่กับที่ไม่กล้าก้าวออกมาจากประตูห้องน้ำ คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน มองความผิดปกติตรงหน้า สายตาสอดส่องไปรอบๆ ห้องอย่างระมัดระวัง ดวงตาสวยเบิกกว้างเมื่อเห็นเงาของผู้ชายร่างใหญ่นั่งอยู่บนเตียงของตัวเอง

“ใครน่ะ” ถามออกไปเสียงสั่น แต่พอปรับสายตาดีๆ จนเห็นหน้าเท่านั่นแหละ…

“เขต!!!”

“...”

“มาได้ยังไง? รีบกลับไปเลยนะ”

“ไม่มีสิทธิมาไล่ฉัน”

“ทำไมจะไม่มี นี่มันบ้านของฉันนะ นี่มันบุกรุกเลยนะเขต มีอะไรทำไมไม่รอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อน และฉันก็เหนื่อยเกินกว่าจะมาเถียงกับนายด้วย”

“เหนื่อย? ไปทำอะไรมาถึงเหนื่อย กินข้าว ดูหนัง เที่ยว หรือ ‘ทำ’ อะไรกันแน่”

ร่างโปร่งเข้าใจในความหมายที่คณินต้องการสื่อดี เมฆาถอนหายใจ เขาเหนื่อยเกินกว่าจะอธิบายอะไรอีกแล้ว

“กลับไปเขต”

“อะไรๆ ก็ไล่ นี่เห็นว่ามีความอดทนมากเหรอวะ”

“เขต...จะทำอะไร”

ร่างโปร่งถามเสียงสั่น ก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณเมื่อร่างสูงลุกจากเตียงแล้วย่างสามขุมมาหาเขา

แต่การถอยเข้าห้องน้ำนี่ก็ไม่มีทางรอดอยู่ดี มือหยาบคว้าแขนเรียวแล้วลากเมฆาที่พยายามยื้อตัวสุดแรงไปยังเตียงแล้วผลักเจ้าของของมันลงไป

ตุบ!!!

“โอ๊ย!!!”

คณินตามขึ้นไปกักตัวของเมฆาเอาไว้ด้วยท่าเดียวกับเมื่อวาน คือตรึงแขนเรียวเอาไว้เหนือศีรษะแต่ครั้งนี้เขาจัดการมันด้วยมือข้างเดียว ดวงตาคมมองคนใต้ร่างอย่างน่ากลัว ท่าทางและสภาพตอนนี้มันน่ากลัวมาก...ปมผ้าเช็ดตัวคลายออกแต่มันยังคงปกปิดส่วนสำคัญของเขาอยู่

“วันนี้ผิดนัด…” กัดฟันพูดบอกออกไป ซึ่งนั่นก็ทำให้ร่างโปร่งบางนึกได้ว่าวันนี้คณินจะพาไปทานข้าว ก็ว่าอยู่ว่าเหมือนลืมอะไรบางอย่าง

ตอนนี้เมฆารู้สึกผิดมากกว่ากลัวเสียอีก

“เอ่อ...ฉันลืมน่ะ”

“มีความสุขกับสเปคจนลืมนัดของเด็กที่ไม่ชอบสินะ”

ร่างเล็กกว่ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก จับความรู้สึกในน้ำเสียงของคณินได้ว่ามีความน้อยใจปนอยู่ในความโกรธ

“ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันไม่กล้าปฏิเสธเขา เขาเป็นหุ้นส่วนของสมรชัย”

“แต่ก็ลืมนัดจริงๆ”

“ก็ฉันมัวแต่หาทางกลับบ้าน เลยลืมนี่”

“เพราะฉันไม่ได้สำคัญอะไรใช่ไหม”

“มันไม่ใช่แบบนั้น”

“ขอบอกไว้เลยนะ ว่านายไม่มีวันหนีพ้นไปจากฉันได้ นายต้องใช้ทั้งชีวิตชดใช้ให้กับฉัน นายเป็นของฉัน!”

“คือว่า ขอโทษ ปล่อยฉันแล้วเรามาคุยกันดีๆ นะ” เมฆาขอร้องเสียงอ่อน แววตาของคณินมันน่ากลัวเกินไป เกินกว่าที่จะสบตรงๆ ได้

คาดไม่ถึงเลยสักนิดว่าเวลาที่คณินโมโหจะน่ากลัวได้ขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เมฆาสาบานเลยว่าจะระมัดระวังตัวเองไม่ให้อีกคนโกรธ…

“นะเขต...อย่าใช้อารมณ์เลย มีอะไรเรามาเคลียร์กันดีกว่า”

คณินไม่พูดอะไร ปล่อยแขนของร่างโปร่งให้เป็นอิสระ หากแต่ไม่ยอมลุกออกไป แม้ว่าจะเป็นอิสระแล้ว เมฆาก็ไม่สามารถลุกไปไหนได้ ไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวว่าผ้าจะหลุด

พรึ่บ!!!

“ข่ะ...เขต ถอดเสื้อทำไม”

คณินไม่ตอบ แต่โยนเสื้อที่ถอดออกไปข้างเตียงก่อนจะลุกมาถอดกางเกงของตน ส่วนเมฆาพอเป็นอิสระก็รีบขยับไปชิดหัวเตียงแล้วเอาผ้าห่มขึ้นคลุมกาย เมฆาเม้มปากหน้าแดง เสหน้าไปทางอื่นเมื่อเห็นหุ่นล่ำๆ ของคนอายุน้อยกว่า

ไอ้บ้า...แก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นไม่อายหรือไง

สวบ!

เตียงใหญ่ยวบลงเมื่อมีคนขึ้นมาบนเตียง ร่างโปร่งรู้ว่ายังไงตัวเองก็ไม่รอด แต่ก็คิดว่าเราน่าจะเคลียร์กันได้ หากคณินร้อน เขาจะเย็นเอง

ร่างหนาในสภาพเปลือยเปล่าขึ้นมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ยื่นมือไปบีบปากของเมฆาแล้วบังคับให้อีกคนหันมามองตน เมฆาหน้าแดง มองที่คางของร่างสูงแทนเพราะไม่กล้าสบตา ถ้าเป็นเวลาปกติ ปฏิกิริยาของเมฆามันน่ารัก น่าแกล้งมาสำหรับเขา แต่ตอนนี้มันยั่วยวนจนตบะใกล้แตกเต็มที ยิ่งคิดว่าเมฆาจะไม่ใช่ของเขา คณินก็ยิ่งบีบปากของเมฆาแรงขึ้น แล้วยื่นหน้าเข้าไป

“อยากได้ความชัดเจนไม่ใช่หรือไง”

“ห๊ะ?”

ริมฝีปากหยักหนาจู่โจมครอบครองปากบางอย่างรุนแรง บดขยี้เพื่อตอกย้ำว่าปากนี้เป็นของเขา เมฆาพยายามดิ้นแต่ก็ไม่เป็นผล ปลายลิ้นสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นเล็ก ดวงตาของเมฆาเริ่มปริ่มไปด้วยน้ำตา หัวใจเต้นแรง แม้หวาดกลัวแต่ก็ไม่ได้รังเกียจความจาบจ้วงรุนแรงนี้ ดวงตาแข็งกร้าวของคณินเองก็มองสบกับดวงตาสวยนิ่งๆ ปากก็ทำหน้าที่ไป สีหน้าไม่เปลี่ยน

“อื้อ...อื้ม”

พรึ่บ!!

“อ๊ะ...เขต”

คณินกระชากผ้าห่มออกไปจากร่างขาว ผละริมฝีปากออกมาแล้วปล่อยปากของเมฆาให้เป็นอิสระ ร่างแกร่งถอยหลังนิดๆ ก่อนจะจับที่ข้อเท้าของเจ้าของเตียงแล้วกระชากให้นอนราบไปกับที่นอน กายแกร่งแทรกไปตรงกลางหว่างขา บังคับให้เมฆากางขาออกจากกัน ท่าทางน่าอายที่เมฆาถูกบังคับจัดแจงจากคณิน ทำให้ใบหน้าหล่อที่บัดนี้แดงซ่านหันหนีไปด้านข้างพร้อมกับยกเอาหลังมือปิดปากตัวเอง

“อื้อ...อ๊ะ เขต จะทำอะไร ไม่นะ”

ร่างโปร่งบางร้องเสียงหลงเมื่อคณินเอาส่วนแข็งขืนของตัวเองแนบกับส่วนกลางลำตัวของเมฆา จากความวาบหวามกลายเป็นความกระสั่นจนตัวสั่น

“อยากได้ความชัดเจนใช่ไหม นี่ไง...ชัดเจนพอหรือยัง”

“อ๊ะ...เขต อื้อ อย่า” ร้องห้ามเสียงหลงเมื่อคณินเลื่อนตัวเองลงไป  จับต้นขาขาวของเมฆาให้แยกอยู่เหมือนเดิม ปลายลิ้นร้อนแตะเข้าที่ส่วนปลายความอ่อนไหวที่ลุกขึ้นสู้ตั้งแต่ตอนที่เราสัมผัสกัน เมฆายันตัวลุกขึ้น ใช้มือดึงผมของคณินอย่างแรงเพื่อให้ร่างสูงเอาปากออกจากส่วนอ่อนไหวของเขา แต่มันก็ไม่แรงมากพอ เพราะความเสียวซ่านที่ได้รับมันมากไป

“อ๊ะ อ๊า เขต อ๊า...มันจะ แล้ว อื้อ”

ใบหน้าหล่อเชิดขึ้นครางเสียงหลง มือข้างหนึ่งยันไปข้างหลังเพื่อพยุงไม่ให้ตัวเองลงไปนอน ส่วนอีกข้างก็วางอยู่บนกลุ่มผมนุ่มของคณิน จากที่ดึงทึ้งให้ออกมาก็กลายเป็นว่าช่วยกดศีรษะของชายหนุ่มให้แนบลงไปอีก

เมฆาไม่เคยมีประสบการณ์กับผู้ชายมาก่อน น่าแปลกที่ร่างกายตอบสนองสัมผัสจากคณินเป็นอย่างดี หรือนั่นอาจจะเป็นเพราะความรู้สึกของเขาด้วย

“เขต อ๊ะ...ออกไป อื้อ มันจะ อ๊า”

เมื่อใกล้ถึงฝั่งเมฆาก็บอกคณินให้เอาปากออก แต่การกระทำกลับสวนทางกับคำพูดเมื่อตัวเองเด้งสะโพกตอบรับปากที่ครอบครองของของเขาอยู่ จากนั้นร่างโปร่งก็กระตุกเกร็งปลดปล่อยน้ำรักออกมาใส่ปากของคณิน ร่างสูงผละออกมา ใช้หลังมือเช็ดปากตัวเองแรงๆ

ร่างโปร่งทิ้งตัวนอนลงไปอย่างหมดแรง หลับตาเพราะไม่อยากเห็นสีหน้าของคณิน ไม่อยากสบตา และก็อายกับการกระทำของตัวเอง เมฆาคิดเหตุผลของการกระทำนี้ว่าทำไมคณินจะต้องจาบจ้วง คุกคามทางเพศตนขนาดนี้ มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าไม่รู้สึกอะไร ก็คงไม่แตะต้องตัวเขา

หากแค่โกรธที่ไม่ได้รับความสนใจ ก็ไม่น่าจะมาลงที่ร่างกาย คนที่โมโหขาดสติถึงขั้นมารวบรัดครอบครองร่างกายของผู้อื่น ถ้าไม่ใช่เพราะ ‘หึงหวง’ แล้วมันเป็นเพราะอะไร...เมฆาแอบยิ้มมุมปากนิดๆ

แค่ชัดเจนว่าชอบเขา แน่นอนว่าเมฆาจะยอมคณินทุกอย่างเลย จากความสนิทสนมแบบพี่น้องในวัยเด็ก ห่างไกล จนพบเจออีกครั้ง...เมฆาคิดย้อนกลับไป หากไม่มีเรื่องบาดหมางกัน และเป็นพี่น้องกันจนถึงวันนี้ ความรู้สึกของเราก็ไม่ใช่พี่น้องอยู่ดี...

มันต้องเปลี่ยนในสักวัน

“อื้ม…” สัมผัสที่อ่อนโยนหยุดชะงักความคิดของเมฆา ปลายลิ้นสอดเข้ามาในโพรงปากของเขาได้ง่ายจากที่อ้าอยู่เพื่อช่วยหายใจ ลิ้นใหญ่ตวัดลิ้นเล็กด้วยความอ่อนโยน มีชั้นเชิง สลับกับดูด ขบ เม้มริมฝีปาก ร่างโปร่งทำใจกล้าเปิดเปลือกตา ดวงตาใสจึงสบเข้ากับตาคมของคณินที่จ้องกันอยู่ เรียกเลือดให้ไปรวมอยู่ที่ใบหน้าอีกครั้ง ดวงตาพร่ามัวเพราะเขินจนน้ำตารื้น

สายตาของคณินเปลี่ยนไป เปลี่ยนจากความแข็งกร้าว เป็นออดอ้อน แล้วเมฆาจะใจแข็งได้อย่างไร ในเมื่อคนที่กำลังรุกรานร่างกายคือคนๆ เดียวกันกับคนที่อยู่ในใจมาตลอด

ลิ้นของเมฆาเริ่มตอบสนองกลับ เรียกความพึงพอใจให้กับคณินได้เป็นอย่างดี อารมณ์ของคณินเริ่มเบาลงเมื่อได้ระบายกับร่างกายของเมฆา แต่นั่นมันยังไม่พอสำหรับเขา เขาจะมั่นใจก็ต่อเมื่อได้ครอบครองเมฆา ครอบครองทั้งตัวและก็หัวใจ…

เมฆาต้องรับผิดชอบที่ทำให้เขาคลั่ง เมฆาต้องรับผิดชอบที่ทำให้เขาโหยหาความอบอุ่นของเจ้าตัว เมฆาต้องให้ทั้งชีวิตกับเขา รักเขา อยู่กับเขา เป็นแค่ของเขาเท่านั้น

“อื้อ...อ๊ะ”

คณินซุกไซ้คอขาว กลิ่นหอมของน้ำหอมแบรนด์หรูที่เมฆาชอบ ยิ่งกระตุ้นคณิน ปากหนาทำรอยตีตราความเป็นเจ้าของไว้ทั่วคอขาวเนียน เมฆากัดปากกลั้นเสียงคราง   น่าอายของตน แต่ก็รู้สึกดีเกินกว่าที่จะทน นิ้วแข็งแรงสะกิดตุ่มไตเล็กๆ ของเมฆาเพื่อกระตุ้นให้ร่างโปร่งครางออกมา และมันก็เป็นแบบนั้นจนคนถูกกระทำได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ จากคณิน

“อ๊า…”

“หึหึ…”

ส่วนแข็งขืนของคณินแนบลงกับอวัยวะเดียวกันของเมฆา ขยับขึ้นลงช้าๆ ลิ้นร้อนไล่เลียเม็ดทับทิมตรงหน้าสลับไปมา ร่างของเมฆาเลื่อนขึ้นลงไปตามจังหวะการขยับตัว ความทรมานที่คณินมอบให้ส่งผลให้เมฆายกมือมาปิดปากเพื่อปิดเสียงคราง

เมฆาอายเกินกว่าที่จะพูดออกไปว่าเขาต้องการอะไรที่มันมากกว่านี้ แต่ก็กลัวว่ามันจะเจ็บ หากก็รู้ว่าตัวเองไม่มีทางรอดไปแน่ๆ คณินเม้มปาก หายใจแรง คำรามต่ำในลำคอ ขยับกายเร็วและแรงขึ้น

ไม่พอ...ไม่พอ

พรึ่บ!!

“อ๊ะ เขต”









100%
- :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^
ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/06/61} ➡ Ch.10
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-06-2018 16:38:13
ขออภัย เมนต์ไม่ออก  :m25:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/06/61} ➡ Ch.10
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 21-06-2018 18:09:14
ตัดจบได้เหี้ยมโหดมาก 5555 o22
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/06/61} ➡ Ch.10
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 21-06-2018 19:11:08
เขตตตต ทำไอะไรพี่เมฆ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/06/61} ➡ Ch.10
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 21-06-2018 19:43:46
จิตใจทำด้วยอะไรรรร จะทิ้งเราค้างอยู่แบบนี้ไม่ได้นะ ฮือออ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/06/61} ➡ Ch.10
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 21-06-2018 22:20:46
โอ้ววววววววววว
เค้ากำลังจะได้กัน
พิมไปก็มือสั่น
ได้กันเถอะหนา...
ข้ารออยู่
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/06/61} ➡ Ch.10
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-06-2018 22:22:34
 :pig4: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/06/61} ➡ Ch.10
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-06-2018 00:04:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอิ่ม......

ได้กัน ๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/06/61} ➡ Ch.10
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 22-06-2018 06:21:52
ไม่พอ ไม่พอ.,.. เขตไม่พอ พี่เมฆไม่พอ..... คนอื่น ก้อ ไม่พอ นะ... คนเขียนกลับมาต่อเลย
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {21/06/61} ➡ Ch.10
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 22-06-2018 12:01:40
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {25/06/61} ➡ Ch.11
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 25-06-2018 23:20:00
11




หมับ!!!

จู่ๆ ร่างสูงก็ผละออก จนเมฆาตกใจผวาตัวลุกขึ้นนั่งแล้วยกแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่งเอาไว้ไม่ให้ร่างสูงผละออกไปอย่างไม่รู้ตัว เบียดกายเข้าหาร่างใหญ่ของเด็กอายุน้อยกว่าที่ตอนนี้พยายามแกะมือออกจากคอเขา คณินกัดฟันอย่างอดทน

“เขต...อ๊ะ อย่าไปนะ อื้อ” เมฆาไม่รู้ว่าคณินลุกจากร่างกายเขาทำไม ความอายที่มีไม่สามารถเอาชนะความต้องการของตัวได้เลยเก็บยางอายทั้งหมดไว้ก่อน

“อืม...ซี้ด ปล่อยก่อน”

ไม่รู้ว่าเมฆาเอาแรงมาจากไหน ที่บังคับให้คณินนั่งลงไปก่อนที่ตัวของเขาจะขึ้นคร่อมทับหน้าขา คนอายุน้อยกว่ามองการกระทำที่ไม่คาดคิดจากเมฆาอย่างตกใจ มองสีหน้าปานจะร้องไห้แล้วยื่นหน้าไปหา ร่างโปร่งเห็นแบบนั้นก็เป็นคนประกบริมฝีปากเข้าหาเอง เลียกลีบปากหนาเหมือนหมาเลียปากเจ้าของ มือแกร่งจับที่เอวบางแล้วลูบมันเบาๆ ตอนแรกที่ลุกออกเพื่อจะจับอีกคนหันหลังแล้วเผด็จศึก แต่พอเห็นแบบนี้ คณินจะยอมกัดฟันอดทนเพื่อรอดูว่าเมฆาจะทำอะไร

สงสัยคิดว่าเขาจะไปแล้ว ไม่ต่อแล้ว หึหึ แบบนี้มันยิ่งทำให้มั่นใจ ว่าไม่มีทางที่เมฆาจะหยุดพ้นไปจากเขาได้ และเขานี่แหละ ที่จะทำให้เมฆาหลงเขาจนไปไหนไม่ได้

จุ๊บ จุ๊บ...จ๊วบ!

“อื้ม...เขต อ๊ะ จะไปไหน อึก ไม่ให้ไปนะ” ร่างโปร่งถอนปากออกมาแล้วพูด เสียงสั่น ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา แต่ร่างกายก็เบียดเข้าหาอีกแล้วนั่งทับส่วนที่มันแข็งจนปวดไปหมด ร่างสูงขมวดคิ้วแล้วครางเบาๆ

“อา...ทำไม...ตอนแรกก็ไล่นี่”

“ไม่ไล่แล้ว อ๊ะ อยู่ก่อนนะ อื้อ…”

ร้ายกาจ!!! เมฆาร้ายกาจเกินไป ทั้งสายตา ทั้งน้ำเสียงออดอ้อน แล้วการร่อนสะโพกนั่นอีก ร่างสูงกัดฟัน หายใจแรง

“ไม่ใช่สเปคนี่”

“ก็ใครบางคนมันไม่ชัดเจน อ๊ะ อื้อ…”

“แล้วที่เป็นบ้าแบบนี้เพราะอะไร ยังไม่ชัดเจนหรือไง?”

“เพราะอะไรล่ะ” ร่างโปร่งหยุดขยับแล้วนั่งเฉยๆ บนหน้าขาของเขา โอบรอบคอของคณินแน่นไปอีก เลื่อนใบหน้าเข้าไปหาใบหน้าหล่อเหลาของคณิน เมฆาไม่รู้ว่าตัวเองใจกล้าหน้าด้านแบบนี้ได้ยังไง แต่เขากลัว...กลัวว่าถ้าคณินไปแล้ว เขาจะไม่ได้เจออีก…

คณินไม่ตอบ แต่กระตุกยิ้มร้ายให้ จับร่างของเมฆาออกแล้วพลิกให้อีกคนหันหลัง เมฆาเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อคณินทาบทับลงมา มือหยาบไล้ไปตามเอว สะโพก บีบมันอย่างมันเขี้ยวนิดๆ แล้วกรีดนิ้วที่รอยทางเข้าของช่องทางหลัง ร่างขาวตัวสั่น ทั้งตื่นเต้น ทั้งหวาดกลัว

“ครั้งแรกรึเปล่า”

“อื้อ...อ๊ะ เขต ไม่”

“ถาม...ก็ตอบ”

“อึก”

“ตอบ!”

“ค่ะ ครั้งแรก อื้อ...ข้างหลัง เป็นครั้งแรก”

“ดี...เพราะฉันจะเป็นคนแรกของนาย และคนเดียวของนาย” นิ้วแกร่งค่อยๆ สอดเข้าไปในช่องทางคับแคบของเมฆา คิ้วเข้มขมวดแน่นกับความแน่นของมัน...

ถ้าเอาของตัวเองสอดเข้าไป ต้องรู้สึกดีแน่ๆ

“เจ็บ...เขต มันเจ็บ”

“แค่นิ้วเดียว เจอของจริงรับรองฉีก”

“ไม่เอาแล้ว อึก ไม่เอา ไม่พร้อม ขอร้องนะเขต”

“ชู่ว...ใจเย็นๆ จะพยายามอ่อนโยนนะ”

มือเล็กกำผ้าปูที่นอนแน่น พยายามผ่อนคลายให้ได้มากที่สุด เขาเคยมีประสบการณ์กับผู้หญิงที่ไม่เคยมาก่อน รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะสามารถเข้าไปได้ เมฆาก็ใช้วิธีนั้นแหละกับตัวเอง จนกระทั่งนิ้วที่สองของคณินเข้าไปได้ ร่างสูงหมุนวน กดย้ำเพื่อหาจุดกระสันของเมฆา มืออีกข้างก็ขยับแก่นกายของตัวเองไปด้วย เสียงครางอู้อี้กับหมอนจนได้ยินไม่ชัดใจคณินยิ่งนัก

พรึ่บ!!!

สวบ!!!

“อ๊า!!!!”

ร่างสูงดึงนิ้วออกแล้วจับร่างขาวพลิกหงาย ยากขาเรียวสวยพาดที่ไหล่ข้างหนึ่ง ก่อนจะจับแก่นกายของตัวสอดเข้าไปทีเดียว เรียกเสียงครางลั่นอย่างเจ็บปวดจากร่างเล็กกว่าทันที น้ำตาไหลจากตาสวยเพราะเจ็บและจุก

“ใจร้าย”

“ตอนนี้นายเป็นเมียฉันแล้วนะ อย่าคิดให้ท่าใครอีก เพราะบทลงโทษของนายจะหนักกว่านี้ร้อยเท่า!! ไม่ต้องกลัวนะที่รัก...มันจะไม่เกิดขึ้น ถ้าทำตัวดีๆ เชื่อฟังผัว ไม่ทำให้ผัวโกรธและหงุดหงิด”

เมฆาส่ายหน้าไปมาอย่างอึดอัด ความเจ็บมันหายไปแล้ว นึกแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเจ็บแค่แป๊บเดียว นี่คงเป็นความพิเศษของเลือดกรุ๊ปนี้ล่ะมั้ง

“ข่ะ...เขต”

“หืม? อืม...อย่าขยับ อา หายเจ็บแล้วเหรอ” ถามเสียงแหบพร่าพลางเริ่มขยับสะโพกนิดๆ เมื่อได้ยินเสียงครางเป็นคำตอบ ร่างสูงก็ยิ้มมุมปากแล้วเร่งความเร็วขึ้น

ไม่ทนมันแล้ว...ไม่ไหวแล้ว เชี่ย!! น่าเอาฉิบหาย

“อ๊ะ อ๊ะ โอ๊ว เขต เร็วไป อ๊า เร็วไป”

“ฮืม...อา ตอดแรงๆ พี่เมฆ แบบนั้น คนดี อา…”

“เสียว อ๊า เมฆ เมฆเสียว อ๊ะ อ๊ะ เขต...เขต โอ้ว! ดี แบบนั้น อือ อ้า”

“ครางดังๆ โอ้ว...สุดยอดเลยเมียกู อา…”

เมฆาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นนอกจากความสุขและความเสียวซ่านที่ได้รับจากคน ที่รัก เมฆาเด้งเอวสวนกลับไป เขาไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายก็จริง แต่ใช่ว่าจะเรียนรู้ไม่ได้ อะไรที่ผู้หญิงเคยทำให้กับเขา เขาก็จะลองใช้มันกับคณิน อย่างเช่นตอนนี้ที่รั้งคอแกร่งลงมาจูบ แลกสัมผัสหวานอย่างเมามัน ตอดรับท่อนแข็งแรงอย่างเป็นจังหวะเรียกเสียงครางจากคณิน

“ซี้ด...ครั้งแรกแน่เหรอวะ แม่ง! ลีลาดีฉิบหาย”

เมฆายกยิ้มได้ใจ ช้อนตามองอีกคนอย่างยั่วยวน จนเห็นได้ชัดเลยว่าคณินกำลังกัดปากอดทนแค่ไหน หากแต่ท่อนล่างก็สวนใส่กันไม่ยั้ง

ต้องไม่ใช่แค่เขาที่จะหลงคณิน แต่คณินต้องหลงเขาด้วย

“มัน อ๊า จะแล้ว เขต อ๊า มัน”

“พร้อมกัน อื้อ ไม่ไหวเหมือนกัน”

แล้วทั้งสองคนก็เร่งจังหวะรุนแรงขึ้นจนกระทั่งร่างเกร็ง ก่อนจะปลดปล่อยปล่อยออกมาโดยที่เมฆาเสร็จก่อน ส่วนคณินก็สวนเข้าออกอีกสองสามรอบก็แช่ค้างปล่อยน้ำรักเข้าไปเต็มๆ ช่องทาง ทำเอาเมฆาเบิกกว้างอย่างตกใจ

ปล่อยข้างใน!!!

พรึ่บ!!

ร่างสูงทิ้งตัวนอนทับร่างบาง เมฆาหอบหายใจหนักหน่วง คิ้วเริ่มขมวดแน่น... ไม่เคยคิดว่าจะมาเสียตัวให้ผู้ชาย เลยไม่มียาคุมฉุกเฉินป้องกัน…ทำไงดี?

“เขต…”

“อะไร!”

“พรุ่งนี้”

“พรุ่งนี้ทำไม”

“ป่ะ เปล่า”

“จะไล่เหรอ...ไม่ต้องห่วง ตีสี่ปลุกด้วยก็แล้วกัน”

“ห๊ะ! จะนอนนี่เหรอ รีบกลับไปเลยนะ ใครมาเห็นเข้าจะแย่เอา” เมฆาบอกเสียงเครียด ร่างสูงพลิกตัวไปนอนด้านข้าง แผ่หลาไม่สนใจว่าตัวเองจะเปลือยอยู่เลยสักนิด เมฆาเม้มปากแน่น ค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง มองคณินที่นอนหลับตาอยู่ แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกอายขึ้นมาอีกครั้ง

นี่เรา...ทำเรื่องน่าอายกับเขตจริงๆ สินะ

“เขต…”

“อะไร!”

“คือว่า...คำตอบล่ะ” ถามเบาๆ ไม่มองหน้า นั่งตัวตรงเอาผ้าห่มมาปกร่างกายให้มากที่สุด เพราะบางส่วนของผ้าคณินทับมันอยู่

“เฮ้อ…” คนที่หลับตาอยู่ถอนหายใจเสียงดัง

“ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ เอากันเสียงดังขนาดนี้น่ะ”

ไอ้เด็กปากเสีย!!!

“ก็แค่อยากหรือเปล่า” เมฆาพูดไปแบบนั้นแหละ แต่ก็รู้แล้วว่าไอ้คนปากแข็งมันคิดยังไง รู้สึกยังไง ต่อให้ไม่ตอบเป็นคำพูด การแสดงออก การกระทำของคณินมันก็ชัดเจนแล้วล่ะ แต่มันก็อยากได้ยิน แค่ครั้งเดียวก็ได้…

“ฮึ่ย!!! ถ้าแค่อยากนะ จะเอากับใครก็ได้ไหม จะแอบเข้าบ้านศัตรูทำไมให้เป็นอันตรายวะ แม่ง! คนจะนอนด้วยน่ะมีเยอะแยะ คนอยากให้เอาก็ต่อคิวเรียงยาว ทำไม หรือไม่อยากให้เอา ก็ดีจะได้ไปเอากับคนอื่น” ร่างสูงลุกพรวดขึ้นมาแล้วพูดอย่างหงุดหงิด
เมฆาที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่พอใจ

จะไปเอากับคนอื่นเหรอ...ไม่มีทางหรอก!

พรึ่บ!!

จุ๊บ!

ร่างโปร่งบางฝืนกายที่ปวดหน่วงๆ ของตัวเองขึ้นไปนั่งคร่อมหน้าขาของคณิน จุ๊บเบาๆ ที่ปากหนาอย่างเอาใจ ข่มความอายของตัวเองสบตากับคณิน ร่างสูงมองด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่สายตาวาววับพอใจ

“แค่เขตชัดเจน...ฉันยอมทุกอย่างเลย”

“หึ...จะเอาชัดแค่ไหนล่ะ?” นิ้วแกร่งเกลี่ยแก้มเนียนเล่น

“แล้วแต่เขตเลย ยังไงก็ได้”

“ยั่วแบบนี้ จะนอนไหม”

“เขตอยากให้นอนไหมล่ะ”

“อยาก…”

พรึ่บ!!!

เขาพลิกร่างของเมฆาลงไปนอนบนที่นอนอีกครั้งและตามขึ้นคร่อมทันที ปากหนาจูบหนักหน่วงอย่างมันเขี้ยว แล้วซุกไซ้คอขาวพร้อมกับกระซิบว่า…

“อยากให้นอนรับแรงกระแทก แล้วครางดังๆ จนถึงเช้าเลย”

และมันก็เป็นแบบนั้น จนกระทั่งพายุรักสงบลงตอนตีสี่ เมฆาสลบไปอย่างหมดแรง ส่วนคณินก็ลุกจากร่างหอมหวานอย่างเสียดาย คณินใส่เสื้อผ้าของตัวเองแล้วเดินมาจูบเบาๆ ที่ปากบวมเจ่อ บ่งบอกว่าผ่านสมรภูมิรักมาอย่างหนักหน่วงจริงๆ

“รัก...ชัดเจนพอไหม”

คณินยิ้มให้กับคนที่อยากได้ยินแต่ไม่มีโอกาสได้ยินเพราะหลับไป ก่อนที่ตัวเองจะแอบย่องกลับไร่ตัวเองไปแบบรอดปลอดภัยจากคนของสมรชัย...



คณินเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเข้าบ้านไป คนงานบางคนก็ตื่นบ้างแล้วพอเห็นเจ้านายอย่างคณินที่ตื่นสายเป็นนิจในเวลาเช้ามืดแบบนี้ก็ตกใจเหมือนเห็นผี ทั้งที่ความเป็นจริง เจ้าตัวยังไม่ได้นอนและเพิ่งจะหลับมาต่างหาก

“อารมณ์ดีจังนะ ทำไมเพิ่งกลับ”

มือที่กำลังจะเปิดประตูห้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงของบิดาที่ไม่คิดว่าจะตื่นแล้วถามตน

“พ่อ”

“เออ พ่อแกนั่นแหละ ตอบคำถามได้ยัง”

“ก็...ไปเที่ยวมา”

“เหรอ? สภาพแบบนี้ เที่ยวผู้หญิงงั้นสิ” พ่อเลี้ยงอาทิตย์ยังเค้นต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เอ่อ...โหยพ่อ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นซีเรียสเลยนี่ นิดๆ หน่อยๆ เอง”

“อย่าคิดว่าพ่อไม่รู้ว่าแกไปทำอะไรมา”

“อะไรพ่อ ผมก็ไปเที่ยวมาจริงๆ”

คณินไม่อยากจะโกหกพ่อหรอก แต่ยังไม่อยากจะพูดตอนนี้ ไม่อยากถูกล้อว่ากลืนน้ำลายตัวเอง รอให้มันผ่านไปมากกว่านี้อีกหน่อย แล้วจะบอกด้วยตัวเองเลย

ให้มันเป็นความลับไปก่อนเถอะ

“ระวังไปทำเขาท้องขึ้นมา ทำอะไรก็ให้ระวังหน่อย ฉันไม่อยากให้น้องของแกอายุน้อยกว่าหลานของตัวเอง เข้าใจใช่ไหมเขต”
คือว่าคนที่เขามีอะไรด้วยเนี่ยเป็นผู้ชาย แล้วใช่ว่าทุกคนจะท้องได้เสียหน่อย

“พ่อก็ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมไม่ทำให้น้องกับลูกผมสับสนหรอก ยังไงก็ต้องให้พ่อกับไอ้หมูแต่งงานกันก่อนอยู่แล้วน่า จำสัญญาได้อยู่ว่าผมจะสามารถมีลูกได้ก็ต่อเมื่อมีทุกอย่างพร้อมดูแลคนอื่น”

“ก็ดี...จำให้ดีนะเขต อ้อ! แล้วอย่าลืมสืบประวัติข้อมูลส่วนตัวของคนที่แกพัวพันอยู่ให้ดีๆ ด้วย จะได้ไม่ทำพลาด ไม่งั้นเรื่องใหญ่แน่”

คณินยืนนิ่ง พ่อพูดเหมือนพ่อรู้ทุกอย่าง แต่นั่นแหละ เขาไม่สามารถปกปิดอะไรพ่อได้หรอก ความรู้สึกที่มีต่อเมฆาเองก็เหมือนว่าพ่อจะดูออก

“ไปนอนไป ฉันอนุญาตให้เข้างานบ่ายได้ พ่อก็จะไปนอนต่อแล้ว ยังไงก็ต้องให้หมูไปปลุก นั่งรอแกเกือบชั่วโมงเนี่ย เบื่อจริง มีลูกชายแบบนี้” พ่อเลี้ยงอาทิตย์บ่นก่อนจะเดินเข้าห้องไป

ส่วนคณินเองก็ได้ยิ้มกับความเจ้าเล่ห์ของพ่อ ที่ตื่นแล้วแต่ไปนอนต่อเพื่อให้เพื่อนเขาเข้าไปปลุก

ร่างสูงเดินไปถอดเสื้อผ้าที่ใส่ข้ามวันข้ามคืนลงตะกร้า ก่อนจะไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทั้งสภาพเปลือยเปล่าแบบนั้นเพราะความเพลีย เขาเสียแรงกับการร่วมรักมาราธอนมาก แม้แต่รอบสุดท้ายที่ผ่านมาเขาก็ยังรู้สึกไม่พอ อยากจะนอนกอดร่างหอมๆ นั่นต่อ ตื่นขึ้นมาในอ้อมแขน จูบอรุณสวัสดิ์ แล้วก็นอนฟัดกัน หยอกล้อกันบนเตียง แค่คิดคณินก็ยิ้มอย่างมีความสุขอออกมา แต่มันเมื่อไหร่ล่ะ ที่เขาจะทำแบบนั้นได้…

นี่คือความทรมานในความรักของเรา มันจะต้องเป็นความลับ แอบคบกันไป ทางเขาไม่มีปัญหาอะไรหรอก
แต่มันจะมีปัญหาแน่ถ้าทางพ่อเลี้ยงมนัสรู้

คณินปัดความคิดยุ่งยากที่มันยังไม่มาถึงไปแล้วนึกถึงความสุขที่ได้ทำร่วมกันมาตลอดทั้งคืนแทน ก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อย…



เมฆาลืมตาขึ้นมาในยามสายของวัน เขายืดแขนขากายบิดขี้เกียจจนรู้สึกปวดแปลบที่เอวแล้วช่วงล่างที่มันเจ็บระบมไปหมด ร่างเปลือยเปล่าพยายามที่จะหยัดกายลุกขึ้นนั่ง มองน้ำเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ หัวเตียงแล้วขยับเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำมาดื่มเพราะเจ็บคอ โชคดีที่เขาเป็นพวกชอบดื่มน้ำตอนเช้า เลยให้เด็กเอามาเตรียมไว้ทุกๆ เย็น มองไปรอบๆ ห้องก็ไม่เห็นคณินอยู่ในห้องแล้ว

“ออกไปตอนไหน?”

ร่างโปร่งมองนาฬิกาก็เบิกตากว้างเพราะใกล้จะเที่ยงเต็มที ร่างขาวเลยพยายามลุกจากเตียงก่อนจะก้าวเท้าสั่นๆ เดินเข้าห้องน้ำไป แล้วเมื่อเห็นสภาพตัวเองในกระจกก็ต้องอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้าง ก่อนที่ใบหน้าจะแดงซ่านด้วยความอาย…

“จะทำรอยอะไรเยอะแยะเนี่ย”

รอยตรงคอ หน้าอก ท้อง หลังไม่รู้มีหรือเปล่า ก้มมองต้นขาก็เม้มปากแน่น มันมีทั้งตัวโดยเฉพาะบริเวณคอกับหน้าอกที่จะเยอะหน่อยและชัดด้วย ปากบวม ผมฟูไม่เป็นทรง เมฆากัดปากตัวเองแล้วลูบไล้ไปตามรอยที่ประทับไว้บนตัวก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา

อายก็อาย เขินก็เขิน

ทำอะไรลงไปบ้างก็พึ่งจะมารู้สึกเสียใจภายหลังเนี่ยแหละ ทำตัวร่านๆ แบบนั้นได้ยังไง ยิ่งคิดภาพตอนที่ตัวเองเบียดกายเข้าหาคณินด้วยตัวเองนั่นก็อีก

เอาความกล้าที่ไหนไปทำนะ

“แบบนี้จะกล้าสู้หน้าไหมนะ จริงสิ!” ร่างโปร่งบางนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมอะไรบางอย่าง ยืนชั่งใจอยู่นานก่อนจะเอามือไปด้านหลัง สอดนิ้วเข้าไปในช่องทางของตัวเองเพื่อเอาน้ำรักของคณินที่ยังคาอยู่ออกจากตัว เม้มปากแน่น กลั้นเสียงคราง มันเจ็บ มันแสบ แต่ว่าพอทำแบบนี้มันก็ทำให้นึกถึงคณินขึ้นมา

คิดถึงตอนที่ร่างสูงอยู่ในตัวของเขา มันทั้งสุขและเสียวซ่านไปหมด

“อ๊ะ...เขต” เมฆาครางออกมาเมื่อนิ้วตัวเองสะกิดโดนจุดความรู้สึกก่อนจะกดเน้นย้ำเข้าไปแรงๆ หมุนวนเอาน้ำรักออกมาแล้วก็สอดเข้าไปใหม่ คราวนี้เขาใช้น้ำทำด้วยจนกระทั่งรู้สึกถึงความคับแน่นฝืดเคือง เมฆายังไม่ถอนนิ้วออกมา แต่กระแทกเข้าไปจุดรับความรู้สึกแรงจนตัวสั่นสะท้านครางเสียงหลง

“อ๊า…”

มืออีกข้างลูบก็ลูบไล้ไปตามตัวของตัวเองแล้วจินตนาการถึงริมฝีปากร้อนที่ไล่จูบ ไล่เลียไปทั่วตัวของเขา เมฆารู้สึกเสียวซ่านจนอยากจะปลดปล่อย ก็เอานิ้วออกมาจากช่องทางแล้วรูดรั้งแก่นกายของตัวเอง ปากก็ครางชื่อของเด็กร้ายกาจอย่างคณินไม่หยุด ไม่นานก็ปลดปล่อยออกมาเต็มมือตัวเอง

เมฆาหอบลืมตามองตัวเองในกระจก หน้าที่แดงอยู่แล้วกลับแดงเข้าไปใหญ่

“นี่เรา...หมกมุ่นเกินไปแล้วนะ”

เพราะนายคนเดียวเลยเขต นายทำให้ฉันกลายเป็นคนหื่นกามไปแล้ว!!

เมฆาใช้เวลาจัดการตัวเองอีกร่วมชั่วโมงเพราะหาชุดที่สามารถปกปิดรอยที่คอได้ โชคดีที่เอาเสื้อคอเต่ามาทั้งที่ตอนแรกจะไม่เอากลับมาด้วยแล้วเพราะเชื่อว่าเมืองไทยไม่ได้หนาวเท่าไหร่ หากแต่คิดว่าอาจจะจำเป็นได้ใช้ สุดท้ายเขาก็ได้ใช้จริงๆ แม้ว่าจะถูกคนมองแปลกๆ ก็ตาม

ร่างโปร่งเดินอย่างยากลำบาก ท่าเดินเลยแปลกไปกว่าทุกที หากแต่เขาก็พยายามที่จะทำสีหน้าให้มันปกติ

“อ้าว...คุณเมฆ ตื่นแล้วหรือคะ วันนี้ตื่นสายจังเลย อ้อยก็คิดว่าถ้าคุณเมฆยัง   ไม่ตื่น อ้อยจะขึ้นไปปลุกแล้วนะคะเนี่ย หิวหรือยังคะ ให้เด็กตั้งโต๊ะเลยไหม”

“ตั้งเลยครับ”

“ค่ะ พวกเธอ จัดโต๊ะอาหารให้คุณเมฆไป ว่าแต่ว่า ทำไมถึงได้ตื่นสายล่ะคะเนี่ย นอนดึกหรือคะ” หลังจากสั่งลูกน้องเสร็จ อ้อยก็หันมาถามเมฆาต่อ

“ครับ นอนดึกไปหน่อย แล้วก็เหนื่อยๆ เพลียๆ ด้วยน่ะครับ”

“แล้วนี่ไม่สบายใช่ไหมคะถึงได้ใส่เสื้อผ้าหนาแน่นแบบนี้ เหงื่อก็ออกอีก ไปหาหมอไหมคะ เดี๋ยวอ้อยบอกลุงจงให้พาไป”

“ก็ดีเหมือนกันครับ” เมฆาพยักหน้าแล้วตอบรับ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้าห้องรับประทานอาหารไป ด้านหญิงสาวที่เป็นหัวหน้าแม่บ้านก็รีบไปบอกลุงจงคนขับรถว่าให้เตรียมตัวพาเจ้านายไปหาหมอ

เมื่อเมฆาทานข้าวเสร็จก็เดินทางไปยังโรงพยาบาลกับลุงจง พอถึงโรงพยาบาลแล้วเมฆาก็ตรงไปหาแผนกสูติ นรีเวชกรรมทันทีแบบไม่ต้องกังวลว่าใครจะมองแปลกๆ เขาชินแล้ว ชินตั้งแต่ที่ร่างกายของตัวเองเปลี่ยนแปลงนี่แหละ เมฆานั่งรอเรียกเข้าห้องตรวจ ผ่านไปหลายนาทีก็ถึงคิวของเขา ร่างโปร่งยกมือไหว้หมอผู้หญิงวัยกลางคนที่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะ คุณเมฆานะคะ เป็นเรื่องของการคุมกำเนิดสินะคะ”

“เอ่อ...ครับ” เมฆาตอบรับเขินๆ

“ไม่ต้องอายนะคะ มันเป็นเรื่องธรรมดา แล้วนี่แฟนไม่มาด้วยหรือคะ”

“ไม่มาครับ เขาติดงาน”

จริงๆ แล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวของเขาสามารถตั้งครรภ์ได้

“อ๋อ...งั้นหมอขอถามคำถามหน่อยนะคะ”

“ได้ครับ”

“ไม่ทราบว่าคุณเมฆามีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่คะ”

แค่คำถามแรกเมฆาก็อายจนไม่กล้ามองหน้าหมอแล้ว

“ม่ะ เมื่อคืนครับ”

“แล้วได้ป้องกันหรือเปล่าคะ”

“ไม่ได้ป้องกันครับ”

“คุณเมฆาได้ทานยาคุมฉุกเฉินหรือยังคะ”

“ย่ะ ยังครับ”

คุณหมอยิ้มให้เมฆาอย่างเข้าใจ ซึ่งมันก็ทำให้ร่างโปร่งลดอาการประหม่าของตัวเองลงไปได้

“คุณเมฆาต้องรีบทานยาคุมฉุกเฉินภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์นะคะ เดี๋ยวหมอจะจัดยาให้แล้วทานทันทีเลยนะคะ ส่วนการคุมกำเนิดทั่วไปนั้นหมอต้องขอทราบก่อนว่าคุณเมฆาต้องการมีบุตรในอนาคตหรือเปล่า”

“ครับ...ผมต้องการ”

แม้ว่าตอนที่อยู่ต่างประเทศเขาอยากจะทำหมันโดยการตัดช่องทางสร้างรังไข่ที่ทางต่างประเทศสามารถทำได้ แต่เขากลับมีความคิดหาไม่ได้แต่งงานกับผู้หญิง อย่างน้อยการมีลูกก็น่าจะเป็นทางเลือกอีกทางในชีวิตของเขา ก็เลยไม่ได้ทำอะไรกับมัน
และพอได้เจอกับคณิน เขาก็คิดว่ายังต้องการจะมีลูกอยู่

“ถ้าอย่างนั้นหมอแนะนำให้คุณเมฆาคุมกำเนิดแบบฉีดยาระงับการสร้างรังไข่ แม้อสุจิจะเข้าสู่ร่างกายก็ไม่สามารถปฏิสนธิได้ แต่มันจะมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง ก็ต้องตรวจร่างกายของคุณเมฆาอย่างละเอียดอีกทีว่าจะสามารถใช้ยาได้ไหม ถ้าใช้ไม่ได้ก็ต้องทาน แต่ยาทานเนี่ยเวลาหยุดทานแล้ว ต้องทานยาบำรุงต่ออีกเพื่อฟื้นฟูตัวสร้างรังไข่ จะมีบุตรยากหน่อยแต่ก็รับประกันว่ามีบุตรแน่นอนค่ะ”

“แล้วยาแบบฉีดล่ะครับ”

“เป็นเทคโนโลยีใหม่ค่ะ มีบุตรได้ง่ายขึ้นหลังจากหยุดให้ยา ไม่ต้องทานยาบำรุงก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละคนอีกทีนะคะ ยาฉีดเหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาค่ะ เดือนละหนึ่งเข็ม สามเดือนแรกให้มาตามนัดตลอด เปลี่ยนวันไม่ได้ โดยที่สัปดาห์แรกของการเริ่มคุมกำเนิดจะต้องทานยาด้วยเจ็ดวันค่ะ ต่อไปก็เว้นสองเดือนแล้วก็มาฉีดใหม่ครั้งละสองเข็มค่ะ เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงนะคะว่าจะลืมนัด ทางเราจะมีการโทรเตือนก่อนวันนัดสามวันค่ะ แล้วจะมีใบนัดให้กับคุณเมฆาด้วย สนใจจะคุมแบบไหนดีคะ”

“ขอแบบฉีดก็แล้วกันนะครับ รบกวนอย่าเปิดเผยเรื่องผมออกไปได้ไหมครับ”

“มันเป็นสิ่งที่เราปฏิบัติอยู่แล้วค่ะ”

“ขอบคุณนะครับ”

“วันนี้หมอจะสั่งยาคุมฉุกเฉินให้กับคุณเมฆาทานก่อน แล้วก็ไปตรวจสุขภาพนะคะ เมื่อได้ใบตรวจสุภาพเรียบร้อยแล้วจะออกใบนัดให้มาพบหมออีกครั้ง เพราะต้องเว้นระยะห่างจากการทานยาคุมฉุกเฉินด้วยสามวัน”

“ผมขอเร็วที่สุดได้ไหมครับ แล้วถ้าผมฉีดไปแล้ว เอ่อ...คือ”

“สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ปกติค่ะ ไม่ต้องงดใดๆ ทั้งสิ้น แต่ผลข้างเคียงของยาช่วงแรกๆ จะมีอาการหงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน ถ้าไม่เป็นก็ถือว่าดีค่ะ แต่ช่วงสามวันหลังจากทานยาคุมฉุกเฉินไป ช่วยงดก่อนให้ยาหรือไม่ก็ให้แฟนคุณเมฆาป้องกันโดยการสวมถุงยางอนามัยไปก่อนนะคะ”

ใบหน้าหล่อแดงซ่าน ทำเอาหมอมากประสบการณ์ยิ้มเอ็นดู

“ครับ”

“คุณเมฆาก็อยู่ในวัยที่พร้อมจะมีครอบครัวแล้ว ทำไมถึงต้องการคุมกำเนิดล่ะคะ”

“คนรักของผม...ยังเรียนไม่จบน่ะครับ แล้วเขาก็ทำงานหนักด้วย ทั้งทำงาน ทั้งเรียน ผมยังไม่อยากเพิ่มภาระให้กับเขาตอนนี้”

หญิงสาวยิ้มให้กำลังใจ เขียนอะไรลงไปในใบสั่งแล้วส่งต่อเขาให้กับพยาบาล ซึ่งเธอก็ช่วยเขาในทุกๆ อย่างจนเสร็จธุระไปได้ด้วยดี หากก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมงเหมือนกัน เมฆามองยาคุมฉุกเฉินอีกเม็ดที่ต้องกินอีกสิบสองชั่วโมงแล้วถอนหายใจ ลูบท้องตัวเองไปมา

ไม่รู้อีกกี่ปีที่เขาจะได้มีลูก แต่ถ้าลูกมาเกิดตอนนี้จะมีแต่จะมาเผชิญกับปัญหาวุ่นวายที่ไม่รู้จบ ทั้งคณินเองที่ยังเรียนไม่จบ แล้วก็เรื่องของพ่อเลี้ยงมนัสด้วย






100%
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^
ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {25/06/61} ➡ Ch.11
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-06-2018 01:36:19
 :pig4: :pig4: :pig4:

ได้กันแล้ว  ไวไฟจริง ๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {25/06/61} ➡ Ch.11
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-06-2018 03:16:09
ต้องผจญอะไรกันอีกละเนีย  :katai1:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {25/06/61} ➡ Ch.11
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 26-06-2018 10:36:24
ดีใจแทนเขตเนอะ
เมียดี!
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {25/06/61} ➡ Ch.11
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 26-06-2018 11:21:28
เขต... มัน ร้าย... 55555
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {25/06/61} ➡ Ch.11
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 26-06-2018 12:58:03
พี่เมฆผู้แสนดี เห็นเรียบร้อยแบบนี้ แอบร้อนแรงไม่ใช่เล่น แบบนี้คณินจะไปไหนได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {25/06/61} ➡ Ch.11
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 26-06-2018 22:36:08
//ปาดเลือดกำเดา :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {28/06/61} ➡ Ch.12
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 28-06-2018 23:20:04
12





“คุณเมฆเป็นอะไรหรือครับ ปวดท้องเหรอเห็นลูบท้องมาสักพักแล้ว”

“เปล่าครับลุงจง ผมแค่หิวนิดหน่อย”

“ให้ลุงจอดหาอะไรทานไหมครับ”

เมฆามองไปด้านนอกรถก็พบว่ายังอยู่ในเมือง นี่นั่งเหม่อจนไม่สังเกตอะไรเลยหรือไงกัน แต่ในเมื่ออยู่ในเมืองแล้วก็หาอะไรทานที่นี่ก็ดีเหมือนกัน

“ก็ดีครับ ลุงแนะนำเลย อยากกินก๋วยเตี๋ยว เจ้าไหนเด็ดพาไปเลยครับ”

“จัดให้เลยครับคุณเมฆ”

ร่างโปร่งนั่งทานก๋วยเตี๋ยวกับลุงจงแล้วชวนคุยเรื่องนั่นเรื่องนี้ ถามทุกอย่างที่เขาอยากจะรู้เพราะตอนอยู่ไร่ไม่มีเวลาได้พูดคุยด้วยสักเท่าไหร่ เพราะลุงแกก็ต้องไปทำงานในส่วนอื่นไม่ได้แค่ขับรถอย่างเดียว ส่วนเขาก็วุ่นอยู่กับการศึกษางานของไร่ที่ตอนนี้เพิ่มปัญหาการคอรัปชั่นเข้ามา

“ผมเห็นสั่งยาฆ่าแมลงมาเยอะมาก แล้วก็เบิกใช้เยอะมาก จริงๆ แล้วมันต้อง  ใช้เยอะขนาดนั้นเลยหรือครับลุง”

“ไม่เยอะหรอกครับ ลุงก็สงสัยเหมือนกันว่าสั่งมาทำไมกันเยอะแยะ แต่มันไม่ใช่งานในส่วนของลุง ลุงเลยไม่รู้ แต่ช่วงกลางคืนประมาณตีสองตีสามบางคืนจะมีเสียงรถขับอยู่ในไร่ พอถามไอ้จามัน มันก็บอกว่าขนของส่ง ลูกค้านัดช่วงนั้น ก็แค่นั้นแหละครับ คุณเมฆสงสัยอะไรมันเหรอ”

“เปล่าครับ ผมสงสัยเฉยๆ เพราะไม่เข้าใจว่าสั่งมาเยอะทำไม”

“เรื่องสั่งของมีแค่ไอ้จากับผู้จัดการเท่านั้นครับที่จะทราบรายละเอียดได้ คนอื่นๆ ก็ทำตามคำสั่งอย่างเดียวเลย”

“แบบนี้นี่เอง...รีบทานครับลุง จะได้รีบกลับ วันนี้ผมไม่ได้ทำงานเลย ยังไงก็ขอพักเต็มที่พรุ่งนี้ลุยงานต่อก็แล้วกันนะครับ”

“ครับ...พักบ้างก็ดี วันนี้คุณเมฆดูไม่สบายจริงๆ”

“แล้วไม่ต้องรายงานเขตล่ะครับ” เมฆาดักคนอายุมากกว่าอย่างรู้ทัน ทำเอาลุงจงหน้าซีดส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับเขา

“รู้ด้วยเหรอครับ”

“หึหึ จริงๆ สินะครับ เขตจ้างลุงให้ลุงส่งข่าวของผมใช่ไหม”

“ก็ประมาณนั้นแหละครับ แต่ลุงไม่ได้เห็นแก่เงินนะครับ ลุงก็เป็นคนหนึ่งที่เห็นพวกคุณตั้งแต่เด็ก เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่ได้เข้ามาทำงานที่ไร่สมรชัยเท่านั้น เห็นพวกคุณรักกันดี ก็อยากให้คืนดีกัน”

ปัญหาของเขากับเมฆาไม่มีใครที่ไม่รู้จริงๆ สินะ ก็เจ้าตัวเล่นไล่เขากลางวัดที่จัดงานศพเลยนี่นา ทำยังไงได้ล่ะ ก็กลายเป็นเรื่องที่ชาวบ้านเขาจะจำแล้วพูดต่อๆ กันไปอยู่แล้ว

“แต่ก็ได้เงินใช่ไหมครับ”

“ก็...ลุงขอโทษ คือว่า”

“ฮ่าๆ ผมไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ อย่าคิดมากเลย ผมก็แค่พูดเล่น แกล้งลุงเล่นเฉยๆ แต่ความจริงอยากรายงาน มันก็รายงานได้ แต่ไม่ต้องทุกเรื่องนะครับ ผมเองก็อยากจะมีความเป็นส่วนตัวบ้าง แล้วเรื่องคุณศรันย์ ถ้าเขามา รบกวนลุงอย่างส่งข่าวให้เขตรู้เด็ดขาด เข้าใจนะครับ”

“เอ่อ...ได้ครับ”

เมฆายิ้ม...เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขตไม่ได้ให้ลุงจงบอกแค่เบอร์โทรศัพท์แน่ๆ รู้ว่ากล้องวงจรปิดอยู่ตรงไหนบ้างไม่ใช่เรื่องที่จะใช้ความรู้สึกของตัวเองเท่านั้นที่จะทำได้

ต่อให้โชคดีมันก็ต้องมีพลาด แต่นี่ไม่มีเลย เอาเป็นว่ากลับไปเขาต้องหาทางเข้าไปทำลายไฟล์บันทึกภาพจากกล้องของเมื่อคืนดีกว่า ป้องกันไว้ก่อน...กันพลาด




ขณะที่รถแล่นเข้าไปในตัวไร่ โทรศัพท์ของเมฆาก็สั่นเตือนว่ามีข้อความเข้าเมื่อเปิดดูก็ยิ้มออกมา หน้าแดงซ่าน แล้วหันไปบอกลุงจงเพื่อเปลี่ยนเส้นทาง
เจอกันท้ายไร่

“ไปส่งผมที่ท้ายไร่หน่อยครับ แล้วเดี๋ยวผมจะเดินกลับเอง”

“จะดีเหรอครับ คุณเมฆไม่สบายอยู่ ยังไงลุงจะรออยู่ตรงสุดทางก็แล้วกันนะครับ ว่าแต่จะไปทำอะไรเหรอครับ”

“ผมชอบตรงนั้น บรรยากาศมันดี อยากจะไปพักผ่อนสักหน่อย”

พอมาถึงท้ายไร่ เมฆาก็เดินเข้าไปอีก เนื่องจากทางที่รถจะขับได้มันถึงแค่จุดที่ลุงจงจอดรออยู่ พื้นที่ข้างหลังไม่ใช้ทำอะไรเพราะมันติดกับไร่ศักดินนท์ พ่อเลี้ยงมนัสเลยปล่อยให้ข้างหลังมันรก ให้หญ้ามันขึ้น ไม่สนใจจะดูแล

ร่างโปร่งเดินมาหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ตัวเองชอบมานอนบ่อยๆ สายตามองหาคนที่ส่งข้อความมานัดแต่ก็ไม่เห็น มองถุงยาในมือแบบไม่รู้จะเอาเก็บที่ไหน ฝากไว้บนรถก็กลัวว่าลุงจงจะแอบดู เอามาด้วยอย่างน้อยก็คงถูกถามแค่นั้นล่ะมั้ง คงตอบได้ว่าไม่สบายเลยไม่ไปหาหมอมาแค่นั้น

สวบ!

ข้างหลัง…ร่างโปร่งค่อยๆ หันไปข้างหลัง ก็เห็นคณินยืนกอดอกหน้าเรียบนิ่งมองมายังตน คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจว่าทำไมร่างสูงถึงได้ดูอารมณ์ไม่ดี

“ไปไหนมา”

“ไปธุระในเมืองมา”

“กับใคร”

“ลุงจงไง” เขาเห็นสีหน้าโล่งใจของคณินแล้วหัวเราะเบาๆ

ปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ ใจร้อน ขี้โมโห ขี้หงุดหงิด แล้วยังจะขี้หวงอีกด้วย

“หัวเราะอะไร แล้วไปทำธุระอะไร”

“ถามจัง...ทำไมต้องตอบด้วยไม่ทราบ”

“พี่เมฆ…” อีกคนเรียกเขาเสียงเข้ม

ไม่บ่อยหรอกที่คณินจะเรียกเขาว่าพี่เมฆ ถามว่าชอบไหมมันก็ชอบ แต่มันก็รู้สึกแปลกๆ มากกว่า ถ้าถามว่าชอบแบบไหนก็คงแบบห่ามๆ ฉัน นาย ล่ะมั้ง…

“เรียกทำไม” เมฆากอดอกตาม สีหน้ายียวนอีกคนเล่น หากแต่สิ่งที่ทำให้คณิน  สนใจกลับเป็นถุงยาที่อยู่ในมือนั่นมากกว่า ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาประชิดตัวด้วยความเร็ว

“ถุงอะไร”

“อ๋อ...ถุงยาน่ะ ไปโรงพยาบาลมา พอดีถูกเด็กรังแกจนไม่สบายนิดหน่อย” เมฆาตอบด้วยน้ำเสียงปกติ แล้วยิ้มให้กับคนที่ดูเหมือนว่าเป็นห่วงแต่ไม่กล้าถาม

“รังแกอะไร ตัวเองเต็มใจทั้งนั้น”

ไม่น่าเริ่มเลยเมฆ...ให้ตายสิ ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ

“พอเลยๆ เรียกมามีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรแล้วเจอกันไม่ได้หรือไง หรือว่าต้องมีแบบไอ้บ้าเมื่อวาน”

“อย่าหาเรื่องน่าเขต...นี่เพลียมาก อยากพัก”

คณินเดินไปนั่งลงเอาหลังพิงต้นไม้ใหญ่ที่เมฆาใช้เป็นร่มนอนบ่อยๆ ก่อนจะกวักมือเรียกเมฆาให้ไปนั่งด้วยกัน ร่างโปร่งเดินไปแบบไม่อิดออดอะไร จะนั่งลงข้างๆ แต่คณินส่ายหน้า เหยียดขาไปข้างหน้าแล้วตบที่ตักตัวเอง สีหน้าก็ราบเรียบเหมือนเดิม ไม่อ่อนโยน ไม่โรแมนติก แต่การกระทำนี่มีผลต่อหัวใจมาก หวั่นไหวและก็เขิน

“ให้หนุน อยากพักไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ทำงานหรือไง”

“เคลียร์เสร็จหมดแล้ว ลูกเจ้าของไร่ ไม่ต้องทำอะไรมาก”

“เดี๋ยวคนมาเห็น”

“ไม่มีหรอกน่า”

“แต่…”

“เร็ว”

เมฆานั่งลงแล้วนอนหนุนไปบนตักแกร่ง มองสบตาคมที่ก้มมองกันอยู่แล้ว เมฆายิ้มหวานให้คณิน คนอายุน้อยกว่าชะงักแล้วหันหน้าหนี ใบหูแดงซ่าน เรียกเสียงหัวเราะจากคนอายุมากกว่าได้เป็นอย่างดี

“ฮะๆ เขินเหรอ” มือขาวเอื้อมไปจับที่ใบหน้าของคณินแล้วใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆ คณินส่งเสียงไม่พอให้ ก้มมองคนที่ยังคงส่งยิ้มประกายให้อย่างดุๆ มือแกร่งจับมือเนียนที่ซนกับหน้าของเขาอยู่ออกมาแล้วจูบที่หลังมือ จูบเน้นๆ อยู่หลายรอบ เมฆามองการกระทำนั่นอย่างเขินๆ แต่ก็ไม่ดึงมือกลับ

เปลือกตาบางปิดลงเมื่อความง่วงเข้าแทรกซึม ลมเย็นๆ ทำให้บรรยากาศมันเคลิบเคลิ้มน่านอน บวกกับได้หนุนตักของคณินแล้ว เมฆาก็หลับไปด้วยความสบายใจ

มือแกร่งวางมือของเมฆาลงเบาๆ ก่อนจะหยิบถุงยาออกมาจากมืออีกข้างเมื่อให้เมฆานอนสบายมากขึ้น เขาไม่คิดจะเปิดถุงยาเลยถ้ามันไม่ได้มีอยู่แค่แผงเดียวจนน่าสงสัย

“ไปหาหมอยังไง ทำไมให้น้อย”

ปกติไม่สบายยังไงก็ต้องมียามากกว่าหนึ่งชนิดแล้วก็น้อยสุดก็ทานได้เจ็ดวัน ร่างสูงเปิดดูแล้วหยิบซองยาที่ด้านในเป็นแผงยาที่เหมือนจะกินไปแล้วหนึ่งเม็ดออกมาดู ลายมือที่ตวัดๆ ที่ด้านหน้าซองเขียนเอาไว้ว่ามันคือยาอะไร ตาคมเบิกกว้างอย่างตกใจ ก่อนจะหัวใจเต้นแรง สั่นระรัวด้วยความตื่นเต้น

“ยาคุมฉุกเฉิน…”

หมายความว่าเมฆาท้องได้อย่างนั้นสินะ…

ตอนนี้ความรู้สึกของคณินตีกันไปหมด ทั้งดีใจ ทั้งโกรธ ดีใจที่เมฆาสามารถมีลูกได้ ทั้งที่เขาตัดสินใจแล้วถ้าจะใช้ชีวิตคู่กันแล้วไม่มีลูกเขาก็ยอมรับได้ ค่อยหาทางอื่นเอา แต่มารู้แบบนี้มันก็ดีใจที่อนาคตของเราจะสมบูรณ์

“ให้ตายสิ...ทำไมชอบทำให้โกรธวะ”

ที่โกรธคือเมฆาปิดบัง ไม่บอกเขา แล้วก็ยังกินยาคุมแบบนี้แสดงว่าไม่อยากมีลูกกับเขาอีก มันคิดได้อย่างเดียวเท่านั้นแหละ เรื่องสำคัญแบบนี้ก็ต้องบอกกันหรือเปล่า

แล้วเมฆาจะได้รู้ว่าเวลาที่คณิน ‘งอน’ น่ะเป็นยังไง

เวลาโกรธ จะอารมณ์ร้าย ซึ่งเมฆาได้เห็นมันมาแล้วเมื่อคืนนี้ แต่คราวนี้มันน้อยใจมากกว่า




“สวัสดีครับ อาอาทิตย์” เมฆารับสายของผู้มีพระคุณในขณะที่ตัวเองกำลังจัดสำนักงานอยู่

สำนักงานสำเร็จรูปที่เขาสั่งซื้อและมาลงเสร็จในวันนี้ เขาขนเอกสารมาไว้ในสำนักงานขนาดกะทัดรัดที่เข้าไปก็เป็นห้องทำงานเลย แล้วก็มีห้องน้ำ ห้องครัว โต๊ะทำงานสองโต๊ะ ตู้เอกสาร เท่าที่จำเป็นต้องใช้

(ผู้ช่วยที่อาหาให้ เป็นยังไงบ้าง ใช้ได้ใช่ไหม)

“ครับ พี่เจตเขาเป็นคนเก่ง คุยสนุกด้วย ขอบคุณมากๆ เลยนะครับอาอาทิตย์” เมฆาบอกปลายสายไปทำเอาคนที่ถูกพูดถึงอยู่รีบโพล่งขึ้น

“น้องเมฆคะ เจสค่ะ ไม่ใช่เจต ไม่น่ารักเลยนะคะ เดี๋ยวลงโทษด้วยจูบเลยนี่” เสียงดัดให้เล็กของชายร่างใหญ่แต่หัวใจเป็นหญิงดังขึ้นมาจากด้านหลัง เรียกเสียงหัวเราะทั้งจากเมฆาและพ่อเลี้ยงอาทิตย์ที่อยู่ในสายทันที

เขาได้ผู้ช่วยมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วหลังจากไปฉีดยาคุมเข็มแรกที่โรงพยาบาล เราเข้ากันได้ง่ายเพราะบุคลิกนิสัยของเจตเป็นทุนเดิม ที่สำคัญเก่งและรู้เรื่องเกี่ยวกับงานมาก เมฆาได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะจากเจตที่ไม่หวงวิชา อายุของเจตก็ปาไปสามสิบกว่าแล้ว เขาเลยขอเรียกพี่ เราเลยเป็นเพื่อนกันได้

(คนนี้ทำงานดี อาก็ไม่อยากให้ไปหรอก แต่ว่าเจ้าตัวบอกชอบความท้าทายขออาสาไป ที่จริงอาจะส่งอีกคนไปให้นะ แต่เขาค่อนข้างจริงจังกลัวเมฆจะเครียด)

“ขอบคุณอามากๆ นะครับ ผมทำงานได้ง่ายขึ้นเยอะเลย”

(เอ้อ! เมฆรู้จักคุณเชน ชานนท์ เจ้าของไร่ภูถึงดาวหรือเปล่า) คิ้วสวยขมวดเมื่อได้ยินแบบนั้น

“ครับ เราเป็นเพื่อนกัน ทำไมหรือครับ”

(ตอนนี้อากำลังทำเรื่องซื้อภูถึงดาวอยู่ แต่ก็เหมือนว่าเขาจะเอาเข้าประมูล พ่อเลี้ยงมนัสก็เหมือนจะอยากได้ ทางที่ดี เมฆอย่าให้พ่อรู้เด็ดขาดว่ารู้จักกับคุณเชน พรุ่งนี้คุณเชนจะเดินทางมาถึงที่นี่ แล้วอาก็มีนัดคุยกันในวันมะรืนนี้ด้วย คุณเชนเขาไม่ติดต่อหาเมฆบ้างเหรอ)

“ไม่มีนะครับ แต่จะว่าไปช่วงนี้ผมไม่ได้เล่นโซเชียลมีเดียเท่าไหร่ จะลองเปิดดูเผื่อว่าเชนติดต่อมานะครับ”

(เรามีปัญหาอะไรกับเจ้าเขตหรือเปล่า รู้สึกว่ามันจะหงุดหงิดมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว)

“ครับ...ไม่มีนะครับ ผมไม่ได้เจอเขตมาอาทิตย์หนึ่งแล้วเหมือนกันครับ”
ไม่มีข้อความ ไม่มีโทรมาหา จนช่วงแรกๆ ที่ต้องทานยาคุมเจ็ดวันเขาหงุดหงิดมากที่คณินไม่ยอมมาหากันเลย รู้สึกน้อยใจเหมือนว่าได้เขาแล้วทิ้ง แต่ก็หายไปเมื่อยาหมด อ่า...เพิ่งมารู้สึกผิดปกติก็เมื่อพ่อเลี้ยงอาทิตย์ถามนี่แหละ นึกว่ามีงานเยอะเสียอีก

(อาว่ามันต้องมีแหละ เอ้อ วันจันทร์มันก็เปิดเทอมแล้วนะ เวลาเปิดเทอมมันจะไม่ค่อยกลับไร่หรอก จะอยู่บ้านใหญ่ในเมืองกับปู่ย่าเขานั่นแหละ แต่ช่วงนี้ปู่กับย่าเจ้าเขตไปเที่ยวรอบโลก ถ้ามันอยู่คนเดียวมันเที่ยวกลางคืนหนักแน่)

เมฆาคิดตามแล้วก็เครียด

“ครับ…”

(อาก็ระบายให้เราฟังไปเยอะเลย ไม่รบกวนแล้ว แค่นี้นะเมฆ)

“ครับ สวัสดีครับ” ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาเสียงดัง ทำเอาผู้ช่วยถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง

“เป็นอะไรไปน้องเมฆ”

“เปล่าครับ”

ร่างโปร่งนั่งลงที่เก้าอี้ของตนแล้วคว้าโทรศัพท์มาส่งข้อความหาคณินด้วยประโยคสั้นๆ ว่า ทำอะไรอยู่ แต่แล้วก็ไม่ได้รับการตอบกลับ จนเมฆาเม้มปากแน่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเข้าทวิตเตอร์ว่ามีใครติดต่อมาบ้าง ก็มีเพื่อนหลายคนเลยที่ถามมาแนวเดียวกันว่าเป็นยังไงบ้าง เมื่อไหร่จะกลับ ส่วนหนึ่งในเพื่อนก็มีชานนท์ ที่รู้จักตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยเพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน แล้วก็เหมือนพรหมลิขิตที่เราก็อยู่จังหวัดเดียวกัน

ชานนท์เหมือนกับเมฆาตอนแรกๆ ที่เข้าเรียน เพียงแต่ไม่ได้โดนแกล้ง แต่หาเพื่อนยากมาก เราเรียนคนละคณะ แต่ก็เจอกันบ่อยเพราะชานนท์ชอบเพื่อนสนิทในกลุ่มของเขา ก็เลยช่วยจีบ ตอนนี้ก็ลูกสามแล้ว

‘ไอจะกลับไทยไปเคลียร์เรื่องสมบัติ ไอไม่เหลือใครในไทยแล้ว ไอจะอยู่ที่นี่กับลูกกับเมีย ถ้ายูเห็นข้อความไอ ยูช่วยตอบกลับไอหน่อยได้ไหม’

เมฆาตอบกลับทันที

‘ถึงไทยแล้วติดต่อไอที่เบอร์...นะ พอดีไอไม่ค่อยเข้ามาดูเท่าไหร่ ขอโทษด้วย นะเชน’
เมฆาวางโทรศัพท์บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นจัดห้องทำงานต่อ ไม่อยากคิดถึงคณินให้วุ่นวายใจ เพราะวันที่เขาหนุนตักใต้ต้นไม้ใหญ่วันนั้นคณินก็ปกติดีนี่ จะมาโกรธอะไรเขาได้ล่ะ

“ผมให้พี่เจสดูแลสำนักงานนี้นะครับ เวลางานแปดโมงเช้า เลิกงานห้าโมงเย็น ไม่มีตอกบัตร เพราะไม่ได้ขึ้นตรงกับไร่แต่ทำงานให้ผมโดยตรง”

“ได้จ้า แต่พี่ก็มีสิทธิ์ทราบระบบการทำงานของที่นี่ใช่ไหม คือพี่กังวลว่าจะทำงานกับคนไร่ไม่ได้ถ้าหากว่าพี่ไม่ใช่คนของที่นี่น่ะ”

“เป็นผู้ช่วยผมก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ยังไงก็คนของผม”

“แต่คนที่นี่ดูร้ายๆ นะคะน้องเมฆ พี่เพลียจิต ต้องรับมือกับพวกนี้สินะคะ”

“ผมยังเข้าไปยุ่งในการบริหารจัดการไม่ได้ แต่ในเรื่องของการตรวจสอบเราทำได้ครับ ตอนนี้ผมสงสัยเกี่ยวกับทุจริตอยู่ พี่ลองดูแฟ้มบนโต๊ะที่ผมเอาวางไว้ให้นะครับว่าคิดเหมือนผมหรือเปล่า”

“ได้ค่ะ งั้นพี่ขอทำงานเลยนะคะ มีอะไรก็สั่งพี่ได้เลย”

“ครับ...อ้อ พี่ไม่ต้องไปกินข้าวกับพวกคนงานนะครับ ผมจะให้เด็กในบ้านจัดอาหารกลางวันมาให้ทุกวัน ส่วนพวกกาแฟขนมจะให้เด็กมาเต็มให้ทุกเช้า”

“โห...มีหวังอ้วนเป็นหมู ผัวไม่รักแน่ๆ”

“ฮ่าๆ ไม่หรอกครับ”

เมฆากลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน มองหน้าจอโน้ตบุ๊คที่ไม่ได้เปิดอย่างเหม่อลอย ในหัวมีแต่เรื่องของคณินเต็มไปหมด ทั้งกลัว หวาดหวั่น

กลัวว่าที่ผ่านมาเป็นแค่การแสดง

กลัวว่ามันเป็นแค่การแก้แค้น…

Rrrrrrr

เมฆาสะดุ้งรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้น ใบหน้ายิ้มมีความหวัง แต่พอเห็นเบอร์แปลกก็หุบยิ้มทันทีแล้วรับสายด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ

“สวัสดีครับ”

(ฮัลโหล...เมฆ นี่ไอเอง เชนนะ)

“ห๊ะ! เชนเหรอ ตอนนี้ยูอยู่ไหน ไอเพิ่งตอบข้อความยูเมื่อกี้ๆ เองนะ” เมฆาอุทานอย่างตกใจที่คนโทรมาคือเพื่อนของเขาเอง

(ไออยู่กรุงเทพ พักโรงแรมคืนหนึ่ง ไอมาถึงเมื่อคืนน่ะ)

“ยูมากับใคร”

(ไอมาคนเดียว)

“ทำไมไม่พาคาร่ากับหลานมาด้วยล่ะ ไอคิดถึงนะ”

(ไอมาทำธุระ ไม่นานก็กลับไปทำงานต่อ ถึงไอจะไปอยู่นั่นถาวรเลย แต่ไอก็จะกลับมาที่นี่บ้างแหละน่า ไอเกิดที่นี่นะ อย่างน้อยๆ ทุกปีไอก็ต้องมาเยี่ยมพ่อแม่) ปลายสายเสียงหม่นๆ

“ยูโอเคไหม ให้ไอบินไปหาหรือเปล่า ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว”

(ยูเป็นเพื่อนที่ดีเสมอเลย ไอแค่เหนื่อยน่ะ ไม่ต้องมาหรอก พรุ่งนี้เช้าไอก็ไปหาแล้ว)

“ถึงกี่โมง ไอจะไปรับ”

(ไอถึงสิบโมง แล้ววันมะรืนไอต้องคุยกับพ่อเลี้ยงอาทิตย์ที่จะขอซื้อไร่ไอต่อน่ะ ทั้งๆ ที่ไอบอกไปแล้วแท้ๆ ว่าไอจะให้ประมูลเพราะมีคนที่ต้องการเยอะ อย่างสมรชัยของยูน่ะ พ่อเลี้ยงมนัสก็อยากได้ด้วย ไอเลยอยากให้มันยุติธรรมมากกว่า ยูคิดว่าไง)

“ไอไม่รู้เรื่องนี้เลย แต่ไอว่ายูลองคุยกับพ่อเลี้ยงอาทิตย์ดูก่อนนะ แล้วก็อย่าคิดถึงผลประโยชน์มาก ให้คิดถึงคุณค่าของไร่ยูเยอะๆ”

(อือ...ไอก็เลยให้ผู้จัดการไร่เขาจัดการนัดแล้วล่ะ วันนั้นยูไปหาไอด้วยนะ ยูรู้จักนี่)

“จะดีเหรอ”

(ดีสิ นะๆ)

“ได้ๆ งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ ไอมีเรื่องจะคุยกับยูด้วย”

(โอเค บาย)

“บาย”

เมฆายิ้มอย่างดีใจที่ได้คุยกับเพื่อน แล้วก็จะได้เจอเพื่อน หากแต่ความดีใจนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้เมฆาหยุดคิดเรื่องของคณินเลยสักนิด

ไอ้เด็กบ้านั่น ชอบทำให้ใจของเราวุ่นวายตลอดเลย



เมฆาไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้คณินปั้นปึ่งใส่กันเหมือนกับวันแรกๆ คำพูดกระแนะกระแหนไม่ได้ทำให้เมฆารู้สึกอะไร เพราะเขาคิดว่าอีกคนคงจะเล่นละคร ความสัมพันธ์ของเราเป็นความลับ

แต่สายตาของคณินไม่ใช่…เหมือนว่าอีกคนกำลังโกรธเขาจริงๆ อยู่เลย

ระหว่างที่ทานข้าวกันเขาก็พูดคุยกับทุกคนปกติ ทั้งกับชานนท์เพื่อนสนิทที่ เมื่อวานเราก็อยู่ด้วยกัน พ่อเลี้ยงอาทิตย์แล้วก็ศตคุณ จะมีแค่คณินที่ทำตัวมีปัญหาอยู่นั่น ร่างโปร่งมาไม่ทันตอนที่พวกเขากำลังคุยเจรจาการซื้อขาย เพราะตั้งใจมาให้ทันช่วงรับประทานอาหารเท่านั้น

ถ้าเขตจะเล่นแบบนี้ ก็ได้...อยากรู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร มีทางเดียวเท่านั้นแหละที่ล่อเหยื่อมาติดกับ...นั่นก็คือทำให้เหยื่อหึงซะ…

“ไอจำได้ว่ายูบ่นอยากกินตลอดตอนอยู่ที่นั่น” เมฆาตักอาหารให้กับเพื่อน ซึ่งชานนท์ก็ยิ้มหวานขอบคุณ

“ยูนี่ไม่เคยลืมจริงๆ รักที่สุดอ่ะ”

“อยู่ที่นั่นเมฆเขาเป็นยังไงบ้างเหรอครับคุณเชน” พ่อเลี้ยงอาทิตย์ถามขึ้น

“เป็นยังไงเหรอครับ ฮ่าๆ เป็นคนฮอตครับ เพื่อนเยอะมาก ทุกเพศ ทุกวัยเลย เป็นคนสาธารณะ ใครๆ ก็ต้องการตัว เดินห้างด้วยกันอยู่ดีๆ ก็มีคนมาทัก ผมนี่ทึ่งเลย”

“ยูพูดเวอร์แล้ว”

“ไอพูดความจริงนะ”

บรรยากาศก็สนุกสนานดี ยกเว้นใครคนหนึ่งที่มองเมฆาปานจะกินเลือดกินเนื้อ มือหนากำแน่น แล้วหันหนีจากภาพชวนหงุดหงิด สบตาเข้ากับพ่อและเพื่อนที่มองอย่างรู้ทัน ไม่พอยิ้มเยาะเย้ยให้อีกด้วย
โว้ย!! นี่จะไม่มีใครที่เข้าข้างเราเลยหรือไงวะ...

หลังจากทานข้าวเสร็จเมฆากับชานนท์ก็มาส่งพ่อเลี้ยงอาทิตย์ ศตคุณและคณินขึ้นรถ ก่อนที่จะขึ้นรถไป คณินมองเมฆาอย่างคาดโทษเอาไว้ซึ่งร่างโปร่งก็ยิ้มมุมปากยั่วโมโหกลับไป ทำเอาคนอายุน้อยกว่ากระฟัดกระเฟียดขึ้นรถไปทันที

“ไอว่ายูกับคุณเขตมีอะไรแปลกๆ นะ” เสียงของคนข้างๆ ถามขึ้นมา ซึ่งเมฆาก็หันมายิ้มให้เพื่อนสนิท

“แปลกยังไง”

“ไม่รู้สิ เหมือนมีอะไรกันสักอย่าง”

“เชน...ไออยากให้ยูคิดดีๆ นะว่ายูจะทำยังไงกับที่นี่ ถ้าเป็นไอ ไอจะรักษาสิ่งที่พ่อแม่สร้างมันมาเอาไว้ด้วยชีวิตเลย...ไอไม่อยากให้ยูเสียใจทีหลัง” ชานนท์มองหน้าเพื่อนก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ

“ยูพูดเหมือนคุณเขตเลย”

“หือ?”

“ข้อเสนอของศักดินนท์น่ะ ไม่ใช่เล่นเลยนะ คุณเขตก็เก่ง อายุก็ไม่เท่าไหร่เอง แต่กลับมีคำพูดน่าเชื่อถือ พึ่งพาได้ ยูกับเขา...รักกันใช่ไหม”

“ห๊ะ! เอาอะไรมาพูด”

“ยูไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าเอาแต่มองคุณเขตตลอดเลย ตอนที่ตักอาหารเอาใจไอ ยูก็มองแต่คุณเขต ใครๆ เขาก็เห็น พ่อเลี้ยงก็เห็น น้องหมูก็เห็น ไหนจะคุณเขตที่มองแต่ยูเหมือนกัน แม้เขาจะทำหน้าไม่สบอารมณ์ แต่สายตาแบบนั้นใครๆ ก็มองออก แถมยังมองไอแบบจะกินเลือดกินเนื้ออีก”

“ยูคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก”

ชานนท์ยิ้ม ก่อนจะหันมองไปรอบๆ ไร่ที่มีแต่ความทรงจำความอบอุ่นในครอบครัว สถานที่ที่เขาจำความได้ก็อยู่กับมันแล้ว รู้สึกเสียใจที่ไม่นึกถึงคุณค่าของมันมาก่อน

ลืมความยากลำบากของพ่อแม่แล้วคิดจะขายมันทิ้งไปโดยไม่สนเลยว่าที่ตรงนี้จะตกไปอยู่กับคนที่ดีหรือไม่ดี เกือบไปแล้ว เกือบทำลายจิตวิญญาณของพ่อแม่ ทำลายความทรงจำของครอบครัว ทำลายสถานที่ที่ทำให้เขามีทุกอย่างในวันนี้ได้

“ไอตัดสินใจได้แล้วล่ะ ว่าจะฝากที่นี่ให้กับใคร”





100%
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^
ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {28/06/61} ➡ Ch.12
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-06-2018 01:54:16
สงสัยขายให้พ่อเลี้ยงอาทิตย์แน่ๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {28/06/61} ➡ Ch.12
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-06-2018 08:24:30
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่.....นุ้งเขต   ถ้าพี่เมฆไม่คุมกำเนิด   เด๋วลูกพ่ออาทิตย์จะเกิดทีหลังลูกเขต  แล้วลำดับญาติมันจะรวน ๆ นาจา
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {28/06/61} ➡ Ch.12
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 29-06-2018 09:43:26
ช่ายๆ คุมน่ะดีแล้วเขตต ให้เรื่องมันคลี่คลายก่อนถึงค่อยมี ให้หมูมีไปก่อนน
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {28/06/61} ➡ Ch.12
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 30-06-2018 20:15:36
เขตอายุน้อย ร้อยงอน 5555 :hao7:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {28/06/61} ➡ Ch.12
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 30-06-2018 20:34:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {28/06/61} ➡ Ch.12
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 30-06-2018 20:36:40
 :hao7: :hao7: :hao7:
เขตขี้งอน เดี๋ยวบอกหมูน้อยตบเลย 5555
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {28/06/61} ➡ Ch.12
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-06-2018 22:51:08
เขตนี่ขี้หึง ขี้งอนเหลือเกิน แต่พี่เมฆก็ไปบอกน้องเรื่องท้องได้หน่อย เดี๋ยวจะงอนไปมากกว่านี้ 555555
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {28/06/61} ➡ Ch.12
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 01-07-2018 12:57:46
แย่ละพีืเมฆ... คืนนี้... น้องมันมาแน่ๆ
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {02/07/61} ➡ Ch.13
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 02-07-2018 15:39:45
13





เมฆามาที่ไร่ภูถึงดาวอีกครั้ง เพื่อช่วยเพื่อนในวันเซ็นสัญญา เขารู้สึกดีใจที่ชานนท์ตัดสินใจที่จะขายให้กับพ่อเลี้ยงอาทิตย์ เพราะไม่อย่างนั้น ที่สวยงามแบบนี้จะหายไป กลายเป็นสถานที่ที่เอาไว้ทำแต่เรื่องที่มันไม่ดี และเมฆาไม่รู้เลยว่าพ่อตนจะทำอะไรหรือเปล่า เนื่องจากข่าวการยกเลิกการประมูลถูกเผยแพร่ออกไปแล้วจากผู้รับมรดกอย่างชานนท์ที่มอบหมายให้ทนายความจัดการ

“ทำไมไอต้องมาด้วย ไอไม่อยากมาเลยจริงๆ”

“ยูจะหลบหน้าคุณเขตไปทำไม”

ก็ไองอน...โกรธไอ้เด็กบ้านั่น กลับมาพูดจาร้ายกาจ ไม่ไปหา แล้วชอบทำกระฟัดกระเฟียดใส่ ขนาดวันนั้นอุตส่าห์ยั่วโมโหแล้ว คณินก็ไม่เดือดพล่านอย่างที่ต้องการเลย ทีกับคุณศรันย์นี่โมโหจนจะฆ่าเขาให้ตาย หรือว่าจะรู้อยู่แล้วว่าชานนท์เป็นแค่เพื่อนของเขาจริงๆ และมีลูกมีมีเมียแล้ว ก็แน่ล่ะนะ ข้อมูลของคู่ค้า ใครๆ ก็ตรวจสอบ

“ไอไม่ได้หลบ”

“งั้นยูก็ช่วยไอเนี่ยแหละ ยูเก่งกฎหมายนี่”

“ไอเรียนกฎหมายระหว่างประเทศ”

“เออน่า กฎหมายนั่นแหละ”

“ไอด่ายูเป็นคำหยาบได้ไหม”

“หึหึ นั่นไง คุณเขตกับน้องหมูมาแล้ว วันนี้พ่อเลี้ยงจะมาช้าหน่อยนะ”

“อือๆ”

เบื่อหน้าเขต ไม่อยากเจอหน้า คราวที่แล้วก็ขึ้น ‘ไอ้’ คราวนี้ไม่ขึ้น ‘กู’ ‘มึง’ เลยเหรอ

“ทำหน้าดีๆ นะเมฆ” เมฆามองสบตากับคณินที่เดินลงมารถแต่เจ้าตัวก็ตีหน้ายักษ์ใส่ หันไปถามชานนท์ว่าทำไมถึงมีคนนอก

“เมฆเขาเก่งกฎหมายครับ ยังไงต้องขออนุญาตด้วยที่ต้องให้เมฆมาอยู่เป็นพยานในวันนี้”

จากนั้นทุกคนก็เข้าไปนั่งที่ห้องรับแขกเพื่อคุยเกี่ยวกับรายละเอียดสัญญากัน แล้วในระหว่างที่เมฆานั่งมองศตคุณกับคณินเถียงกันว่าชื่อที่ครอบครองภูถึงดาวเป็นของใครก็เล่นทำเอารู้สึกเบื่อๆ ไป โชคดีที่พ่อเลี้ยงอาทิตย์มาถึงก่อน และเฉลยทุกอย่างให้ศตคุณเข้าใจ

มันมีข้อจำกัดอยู่เยอะมากของสัญญา คนที่สามารถครอบครองในตอนนี้คือพ่อเลี้ยงอาทิตย์แต่เพียงผู้เดียวเพราะมีคุณสมบัติทุกประการ หากแต่มันคือแผนที่แกล้งศตคุณเล่น ถ่วงเวลารอพ่อเลี้ยงอาทิตย์เดินทางมาก็เท่านั้น

เมื่อทำสัญญากันเสร็จแล้ว พ่อเลี้ยงอาทิตย์ก็พาศตคุณกลับโดยไปรถตัวเอง ส่วนคณินเองก็กำลังจะกลับเช่นเดียวกัน…

“งั้นไอกลับเลยก็แล้วกัน เดี๋ยววันขึ้นเครื่องไอจะไปส่งนะ”

“ยูจะกลับยังไง คนขับรถมาแล้วเหรอ”

“เดี๋ยวไอโทรหานะ”

“เฮ้!!”

เมฆาไม่รอฟังอะไรเพื่อนทั้งเดิน เดินตรงไปยังรถกระบะสีดำของคณินที่ไม่ยอมขับออกไปสักทีเหมือนรออะไรสักอย่าง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งอย่างถือวิสาสะ

ปัง!!

ร่างโปร่งคาดเข็มขัดนิรภัยแบบที่ไม่มองหน้าของเจ้าของรถเลยว่ากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่

“ขึ้นมาทำไม”

“ก็เห็นเหมือนจอดรอ หรือไม่ใช่?”

“ไม่ได้รอ แค่กำลังคุยโทรศัพท์”

“เหรอ...ไหนล่ะ ไม่เห็นคุยเลย”

“วางไปแล้ว”

เมฆาไม่รู้จะทำยังให้เด็กตัวยักษ์นี่เลิกปากไม่ตรงกับใจสักที แล้วอาการกระฟัดกระเฟียด ทั้งๆ ที่วันนั้นยังดีๆ กันอยู่เลย ไม่ว่ายังไงวันนี้ต้องเคลีย

“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

“เรื่องอะไร”

“ไปที่อื่นได้ไหม” เมฆาหันมามองหน้าคณินที่จ้องเขาอยู่ด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ที่ไหนล่ะ ไร่ฉัน? หรือไร่นาย”

“จะบ้าหรือไง”

“งั้นไปดูดาว”

“ไม่!!!” เมฆาปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา คณินใช้ตาคมๆ ของตนมองสบกับคนที่ปฏิเสธเสียงแข็งก่อนจะขับรถออกจากภูถึงดาวไป

ร่างโปร่งกอดอกแต่ก็สังเกตท่าทางของคนข้างๆ ไปด้วย ไม่พูด ไม่คุย สีหน้าราบเรียบ แต่คิ้วก็ขมวดกันเหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่

รถแล่นไปตามทางที่เมฆาไม่ค่อยคุ้นเคยนัก แต่เมื่อเห็นว่ามีบางอย่างอยู่ไกลๆ ก็เริ่มที่จะจำได้แล้วว่าร่างสูงพาตนมาที่ไหน เขาไม่พูดอะไรทั้งนั้นยอมให้คณินพาไปตามที่ต้องการเลย ยังไงเขาก็เชื่อใจคณินว่าคณินไม่มีทางทำร้ายเขา และท่าทางแบบนี้มันก็เหมือนว่าคณินมีเรื่องไม่พอใจและน่าจะเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง แต่เมฆาก็นึกไม่ออกว่าไปทำอะไรไว้

คณินขับรถเข้าไปใน ‘เขตตะวัน’ ยังไม่ทันที่จะดูบรรยากาศของสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรของมันอย่างเต็มที่ ก็ถูกพาเข้าไปยังพื้นที่ส่วนตัวที่มีป้ายติดหน้าประตูว่าห้ามบุคคลภายนอกเข้า ตรงเข้าไปเรื่อยๆ ก็พบว่ามีบ้านไม้ทรงเรือนไทยขนาดใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนที่จัดขึ้นมาอย่างสวยงาม ถ้าให้เดานี่คงเป็นบ้านส่วนตัวของคณินในเขตตะวัน แม้ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีคนเดินทางมาท่องเที่ยวจำนวนมากในแต่ละวัน ทั้งแบบพักค้างคืนหรือจะไปกลับ ที่นี่กลับดูสงบและเป็นส่วนตัวมากๆ

“สวยจัง” เมฆาชมออกมาทันทีที่ลงจากรถ

“ชอบเหรอ”

“อือ...น่าอยู่แล้วก็เย็นสบาย”

“อืม…”

“ที่นี่ไม่มีคนอยู่เหรอ”

“บ้านของฉัน นานๆ ทีพ่อก็จะมาพัก ปู่กับย่าก็มาพักผ่อนบ้าง”

“แล้วเขตล่ะ?”

“ที่นี่ก็เป็นส่วนตัวดี นานๆ ทีก็พาผู้หญิงมานอนเล่น”

กึก…

เมฆาชะงักขาที่กำลังจะเดินไปดูดอกไม้ทันที ก่อนจะหันหลังกลับมามองคณิน อย่างเอาเรื่อง ซึ่งก็พบกับใบหน้ากวนๆ ที่กอดอกยักคิ้วให้กัน

“บรรยากาศมันน่านอนกับใครสักคนนี่นา ว่าไหมล่ะ”

“เป็นเด็กเป็นเล็กหยุดพูดอะไรที่มันแก่แดดเถอะ มันไม่ได้เท่” เอาตามความเป็นจริงเลยนะเมฆาไม่ได้รู้สึกหึงหวงหรือไม่ชอบใจอะไรหรอก เพราะคนอย่างคณินเป็นคนรักความเป็นส่วนตัว อะไรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นของส่วนตัว เขาไม่มีทางที่จะให้คนอื่นเข้ามาง่ายๆ แน่ ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว

เมฆาจำได้ และคิดว่ายังคงไม่เปลี่ยนไป แต่ที่เขาไม่ชอบใจก็คือการพูดเรื่องแบบนี้ออกมาโดยไม่ละอายเนี่ยสิ…

“ทำไมชอบพูดว่าเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลยวะ ไอ้เด็กคนนี้ไม่ใช่หรือไงที่เป็นผัวของนายน่ะ ไอ้เด็กคนนี้ไม่ใช่หรือไงที่กระแทกเข้าออกตัวนายจนครางลั่นห้องน่ะ!!!”

“เขต!!! เลิกหยาบคายสักทีได้ไหม หยุดทำตัวเป็นเด็กสักที มีเหตุผลบ้างโตๆ แล้ว” ร่างโปร่งเหลืออดจริงๆ โมโหอะไรกันก็บอกมาสิ ไม่พูดแล้วจะรู้ไหม ทำไมต้องหาเรื่องกัน

“ก็แล้วมันจะทำไมวะ!! ก็พูดถูกไม่ใช่ไง?”

“เริ่มจะคุยไม่รู้เรื่องแล้วนะ ถ้าอารมณ์ยังร้อนอยู่แบบนี้ ไม่ฟังใครแบบนี้แล้วมีอะไรก็ไม่พูดกันตรงๆ แบบนี้ คิดว่าเราคงไปด้วยกันยาก แล้วก็คงไม่มีใครอยากจะฝากชีวิตไว้ที่นายหรอก”

คณินได้ยินแบบนั้นอารมณ์น้อยใจที่มีอยู่ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง เขากำหมัดมองหน้าของเมฆาอย่างโมโห ก่อนจะตะโกนออกไปอย่างเหลืออดแล้วเดินกระแทกเท้าขึ้นบันไดบ้านไป

“ก็เหมือนที่นายไม่คิดที่จะฝากชีวิตไว้กับฉันใช่ไหมล่ะ!!! ถึงได้ไม่อยากมีลูกกับฉัน คงคิดจะคบไปงั้นๆ พอคนที่ตรงสเปคตัวเองมาก็จะไปงั้นสิ!!!”

เมฆาขมวดคิ้วยืนประมวลคำพูดแปลกๆ นั่นของคณิน

“ไม่อยากมีลูก…” เขาพึมพำ

หรือว่า...เขตจะเห็นยาคุมวันนั้น ให้ตายสินี่คิดว่าเขากินยาคุมเพราะไม่อยากมีลูกด้วยเหรอ? ไอ้เด็กนี่มันจะไร้เหตุผลมากไปแล้วนะ เป็นคนเดียวกันกับไอ้คนที่พูดเจรจากับชานนท์อย่างเก่งกาจจริงๆ น่ะหรือ?

ร่างโปร่งเดินขึ้นบันไดไปบนบ้าน เจอกับลานกว้างที่เอาไว้รับแขก ก็อยากจะซึมซับบรรยากาศของมันอยู่หรอก แต่ขอรีบเคลียกับเด็กขี้งอนและแสนจะคิดมากก่อนก็แล้วกัน

“เขต...อยู่ห้องไหนน่ะ” เขาถือวิสาสะเดินเข้าไปในตัวบ้านที่แสนจะใหญ่โตและสวยงาม หากก็ดูซับซ้อน เขามองหาห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นของคณิน แต่ยังไม่ทันทีที่เขาจะเดินต่อก็มีป้าคนหนึ่งถือไม้ถูพื้นกับกะละมังออกมาจากห้องๆ หนึ่ง

“สวัสดีครับป้า”

“อ้าวคุณ? มาที่นี่ได้ยังไง ที่นี่ห้ามคนนอกเข้านะคะ เป็นบ้านของเจ้าของที่นี่น่ะค่ะ”

“เอ่อ...ผมมากับเขตน่ะครับ เขาเดินขึ้นมาบนนี้เลยอยากจะถามว่าห้องของเขาห้องไหน”

“คุณเขตมาหรือคะ”

“ครับ”

“ห้องทางซ้ายมือสุดค่ะ ป้าขอโทษคุณผู้ชายด้วยที่เข้าใจผิด งั้นป้าขอตัวก่อนนะคะ ต้องการอะไรตะโกนเรียกป้าได้เลยค่ะ ป้าจะอยู่แถวๆ นี้”

“ขอบคุณนะครับ”

ร่างโปร่งเดินไปทางด้านที่ป้าแม่บ้านบอกว่าเป็นห้องของคณิน และเมื่อเปิดเข้าไปก็พบเจ้าของห้องกำลังยืนกอดอกพิงกับขอบหน้าต่างมองบรรยากาศข้างนอกอยู่เงียบๆ แต่ก็น่าจะได้ยินว่าเขาเข้ามาแล้ว

หมับ!!

เรียวแขนโอบกอดเอวหนาของคณินจากข้างหลัง เล่นทำเอาคณินตกใจไม่คาดคิดว่าเมฆาจะง้อด้วยวิธีแบบนี้ หากแต่เขาก็ไม่ขยับหนี แต่ก็ไม่ตอบสนอง

“เด็กขี้งอน…”

“...”

“ฉันท้องได้ แต่ที่กินยาคุมไม่ใช่เพราะไม่อยากมีลูกกับนายนะ แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา สถานการณ์ระหว่างครอบครัวเราก็ไม่ดี นายเองก็ยังเรียนไม่จบ ฉันไม่อยากทำลายอนาคตของนาย ไม่ใช่ว่าฉันต้องการจะเจอคนที่ดีกว่านี้ แต่เพราะว่าฉันต้องการให้โอกาสนาย นายยังเด็ก มีอนาคตที่ดี รุ่งเรือง มันไม่ยากนักหรอกที่จะมีคนที่ดีพร้อมทุกอย่าง เหมาะสมกับนายมากกว่าฉัน ในขณะที่ฉันเป็นเพียงลูกของคนที่ทำความผิด รอวันสูญสิ้นทุกๆ อย่าง ฉันไม่อยากให้ตัวของฉันผูกมัดนายเอาไว้ ถ้านายได้เจอคนที่ดีกว่าฉัน...ฉันก็ อ๊ะ!” ยังไม่ทันพูดจบก็โดนร่างสูงจับแขนแล้วกระชากเข้ามากอดแทน เมฆาเม้มปากแน่นแล้วกอดตอบ ใบหน้าแนบกับอกแกร่งในตำแหน่งหัวใจที่เขาได้ยินมันสั่นรัวอย่างชัดเจน

“ขอโทษ...ขอโทษที่งี่เง่า ขอโทษที่ประชดประชันทำตัวไม่ดีใส่ ก็แค่น้อยใจที่ไม่ยอมบอกว่าตัวเองท้องได้เลยคิดไปไกลว่าคงไม่อยากมีวันนั้นด้วยกัน”

เมฆาน้ำตาไหล พูดอู้อี้อยู่กับอกแกร่งหากแต่มันกลับชัดเจนในหูของคณิน

“พี่ไม่เคยทิ้งเขต...แต่พี่จะปล่อยมือจากเขตหากเขตไม่ต้องการแล้ว”

ร่างสูงกัดฟันแน่น กลั้นน้ำตาที่ไหลลงมาแต่ก็ห้ามมันไม่ได้ หัวใจเจ็บจนสะท้านที่ได้ยินแบบนั้น

เหมือนเมื่อสิบห้าปีก่อนที่เขาไม่ต้องการมีเมฆาในชีวิต เมฆาก็ปล่อยมือจากเขาจริงๆ และในวันที่เขาต้องการจะจับมือไปด้วยกันอีกครั้ง เมฆาก็ไม่ลังเลที่จะยื่นมือมาจับเอาไว้

พี่เมฆ...เขตจะไม่ปล่อยมือพี่เมฆอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ แม้ว่าในอนาคตเขตจะทำตัวแย่ นิสัยเสีย ไม่มีเหตุผลจนทำให้พี่เมฆเสียใจ แต่เขตก็สัญญาว่าจะไม่มีวันปล่อยมือคู่นี้อีก จะจับมันเอาไว้แน่นๆ

เขาไม่มีวันที่จะปล่อยให้มันพลาดอีกครั้งแน่นอน


เป็นเวลานานหลายชั่วโมงที่เราสองคนนอนกอดกันอยู่บนเตียงในห้องนอนของคณินที่บ้านเรือนไทยหลังงามหลังนี้ เมฆาใช้อกแกร่งเป็นหมอน แขนเรียวพาดที่หน้าท้องแข็งแรงของคณิน ส่วนร่างใหญ่ก็นอนลูบผมของเมฆาบ้าง จูบกันบ้าง หรือนอนเอานิ้วไล้ไปตามแขนเรียว โดยที่ไม่พูดอะไรกันเลย

เมฆารู้ว่าคณินเป็นพวกที่ไม่ชอบพูด เพราะพูดออกมาแล้วมันจะไม่ตรงกับใจ คำหวานหูอะไรไม่ต้องหวังว่าจะได้ยินหรอก...เขาเข้าใจ

“เดือนหน้าก็ไปฉีดยาอีกใช่ไหม”

“อื้อ…” ร่างโปร่งบางส่งเสียงตอบเบาๆ เขาเล่าให้คณินฟังหมดแล้วว่าตัวเองไปคุมกำเนิดมา คณินเลยแซวกลับว่า

‘ที่ไปคุมกำเนิดทันทีที่มีอะไรกันเนี่ยแสดงว่าคิดไว้แล้วว่ามันต้องมีอีก’

เมฆาไม่ตอบแต่หน้าแดงหันหน้าหนีอีกต่างหาก

“จะพาไป” เสียงทุ้มของชายหนุ่มกระซิบเบาๆ ที่หู ก่อนจะจูบเบาๆ จนขนกายของเมฆาลุกไปทั้งตัวอย่างวาบหวาม

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวคนรู้”

“เหมือนละครเลยว่ะ...ต้องมาแอบ หลบซ่อนกันเหมือนเล่นชู้เลย”

“หึหึ สีสันของชีวิต”

“จะเปิดเทอมละ ไม่ค่อยได้กลับไร่หรอกนะ” คณินบอกอีก

“อือ...รู้แล้ว”

“ถ้าไม่ไปคุมบอกเลยนะว่าเที่ยวหนัก”

“เที่ยวไปเถอะ มีความรับผิดชอบตัวเองได้ก็พอ จะเมาแค่ไหนก็ต้องเอาตัวเองไปเรียนให้ได้ถึงจะเรียกว่ามีความรับผิดชอบ”

“ไม่กลัวว่าจะมีคนมาอ่อย?” สบตาคนที่ลุกขึ้นนั่ง คณินเลยลุกขึ้นนั่งตาม

“มันขึ้นอยู่กับคนอ่อยที่ไหนกัน ถ้านายไม่เล่นด้วยก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้านายเล่นด้วยนั่นก็คงจะชัดเจนที่ว่านายเห็นฉันเป็นแค่ของเล่นระบายความแค้น” คณินขมวดคิ้วแน่น ไม่เคยนึกมากก่อนว่าเมฆาจะมีความคิดแบบนี้อยู่ในหัว

“...”

“ก็บอกแล้วว่าฉันต้องการความชัดเจน ไม่พูดก็ได้ไม่ว่า แต่การกระทำต้องชัดเจน” เมฆาเป็นคนที่เอาคณินอยู่จริงๆ  พูดแค่นี้ก็ทำให้คณินไม่กล้านอกลู่นอกทางแล้ว…

“นายต้องปรับตัวใหม่ ถ้าคิดอยากจะเป็นผู้นำ ฉันอายุมากกว่านาย ความคิด ความอ่าน ประสบการณ์ก็มีมากกว่า นายก็ต้องปรับปรุงตัวเองทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ ใช้เหตุผลอยู่เหนืออารมณ์ มีอะไรก็คุยกัน อย่าปั้นปึ่งใส่กัน...แค่นั้นแหละ รู้สึกอะไรก็บอก อย่าเก็บเอาไว้ เพราะถ้าไม่พูดออกมา อีกคนก็ไม่รู้”

“จริงเหรอ?”

“หืม?”

“ที่บอกว่ารู้สึกอะไรก็บอกน่ะ” คณินถามย้ำ

ร่างโปร่งพยักหน้าหงึกหงัก ทำเอาร่างสูงถึงกับยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์ แล้วมีหรือที่คนอายุมากกว่าจะไม่เข้าใจ เพราะเจ้าคนตัวใหญ่กว่ามันค่อยๆ คุกคามร่างโปร่งจนลงไปนอนแผ่นบนเตียงโดยหัวหันไปที่ปลายเตียง คณินขึ้นคร่อมร่างเล็กกว่าเอา แล้วยื่นหน้าเข้าไปหา

“อยาก เอา เมีย”

แล้วจะย้ำที่ละคำทำไมล่ะไอ้บ้า มันเขินนะเว้ยขอกันตรงๆ แบบนี้ บางทีมันก็ควรที่จะดูความเหมาะสมของคำถามด้วยนะ

“ด่ะ เดี๋ยวคนได้ยิน”

“ป้าแกไม่รู้หรอก”

“รอบเดียวนะ” เมฆาต่อรอง หากแต่คณินกลับไม่ยอม

“สอง...ห้ามต่อรอง เพราะถ้าต่อรองเพิ่มเป็นสาม ต่ออีกก็สี่ ถ้าต่อไม่หยุด ก็เอากันไม่หยุดเหมือนวันแรกนั่นแหละ เร้าใจดีนะ มาราธอน”

“บ่ะ บ้า!”

“หึหึ”

จากนั้นห้องก็กลายเป็นสมรภูมิรักที่มีเสียงครางอย่างมีความสุขของทั้งคู่ดังเคล้าไปกับเสียงของเตียงไม้ที่เคลื่อนตามแรงการกระแทกจนไม้ของขาเตียงเสียดสีกับพื้นไม้จนดังเอี๊ยดอาด ป้าแม่บ้านก็หลบลงไปข้างล่างอย่างรู้งาน เธอไม่เคยเห็นเจ้านายหนุ่มพาคนอื่นนอกจากคนในครอบครัวมาที่นี่ นั่นหมายความว่าคนนี้คือตัวจริง และเธอเองก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของเจ้านาย ปล่อยให้เจ้านายมีความสุขกับคนรักกันตามลำพัง…



หลังจากปรับความเข้าใจกันกับคณิน เราก็ห่างกันแต่ก็โทรคุยกันบ้างเพราะว่าคณินเปิดเทอมแล้ว กลับไปเรียน เขาก็อยากให้คณินตั้งใจเรียน ส่วนตัวเมฆาเองก็รวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่หัวหน้าคนงานกับผู้จัดการไร่ร่วมมือกันคอรัปชั่นสั่งยาฆ่าแมลงมาจำนวนมาก เบิกไปใช้มากทั้งที่จริงแล้วเอาไปขายต่อ เขาได้เจอกับตัวแทนที่ขายกับผู้จัดการไร่และหัวหน้าคนงานโดยบังเอิญ ก็เลยตามตัวไปยังบริษัทได้ถูก เจตผู้ช่วยของเขาทำหน้าที่ดีมาก เข้าไปกดดันจนพนักงานคนนั้นต้องเล่าความจริงเนื่องจากกลัวที่จะถูกตำรวจจับ

‘ผมได้แค่ค่าคอมตามปกติครับ ไม่ได้อะไรนอกเหนือจากนี้จริงๆ และไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณเอกกับคุณจาจะเอามันไปขายต่อ’

พนักงานขายคนนั้นโชคดีไปที่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็น เมฆากับเจตเลยรวบรวมหลักฐานทั้งหมดให้กับพ่อเลี้ยงมนัสดุทันทีที่กลับมาถึงที่บ้าน เมฆาจำได้ว่าพ่อของตนโกรธมากขนาดไหน และไม่รู้ด้วยว่าจากับเอกจะเป็นอย่างไร เพราะวันต่อมาเขาก็ไม่เห็นทั้งคู่อีกเลย แล้วพวกที่ให้ความร่วมมือ มีส่วนเกี่ยวข้องเองก็หายเงียบ ข่าวก็เงียบ ถามใครก็ไม่บอก ไม่รู้ เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เขาคิดไปแล้วว่าพ่อคงเก็บ อีกสามสิบก็คิดว่ายังมีชีวิตรอดแต่คงลำบาก

“เรื่องไอ้สองตัวนั่นแกทำดีมาก ลูกน้องของแกก็เหมือนกัน ฉันค่อยเบาใจที่จะฝากไร่ไว้กับแกหน่อย โง่อยู่ตั้งนานให้พวกมันมาหลอกเนี่ย ฝากจัดการเรื่องออเดอร์ยาด้วยก็แล้วกัน”

“ครับ”

“ส่วนคนที่จะมาทำหน้าที่แทนไอ้เอกฉันยังหาไม่ได้ ก็คงจะให้คุณศรันย์เขาเข้ามาช่วยบริหารไปก่อนแกคงไม่ขัดข้องอะไรใช่ไหม อ้อ! แล้วเขาก็จีบแกด้วยไม่ใช่หรือไง ถ้าเป็นไปได้ก็จับเอาไว้ให้อยู่”

“ผมไม่ได้ชอบคุณศรันย์”

“ก็ไม่จำเป็นต้องชอบ คิดถึงผลประโยชน์ คิดถึงเงินเข้าไว้ก็พอ”

“แต่…”

“ทำไม แกมีคนที่รักแล้วหรือไง มันเป็นใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ฉันว่ายังไงคงเป็นผู้ชาย ก็แกดันมีเลือดบ้าๆ นั่นนี่นะ ตอนแรกก็คิดว่าไม่มีประโยชน์อะไร แต่ตอนนี้ก็มีประโยชน์แล้วล่ะ ยังไงเราก็ต้องดองกับคุณศรันย์ นี่ถ้าคุณศรันย์ชอบน้องสาวแกมันจะง่ายกว่านี้ แต่ดันมาชอบคนดื้อด้านแบบแกเนี่ย”

ร่างโปร่งกำหมัดแน่น คิดเอาไว้ว่าชีวิตต้องวุ่นวายอีกแล้วแน่ๆ ศรันย์จะเข้ามาทำงานที่ไร่

“แล้วที่โรงงานล่ะครับ”

“คุณศรันย์จะดูแลอยู่นั่นแหละ ที่นี่ก็ประสานกับแกเอาไม่ได้มาบ่อยนัก แต่ก็มา ส่วนฉันจะก็ไปมุ่งธุรกิจอื่นอย่างจริงจังเสียที ยิ่งอารมณ์เสียอยู่ด้วยที่ไม่ได้ภูถึงดาว อะไรๆ ไอ้อาทิตย์มันก็ชนะกูไปหมดเลย บางทีควรกำจัดก้างชิ้นใหญ่ไม่ให้มันขวางคอต่อไปได้อีก”

“พ่อจะทำอะไร”

“เรื่องของฉันเถอะน่า”

“อย่าทำอะไรพ่อเลี้ยงอาทิตย์นะครับ”

“ทำไม? มันเป็นญาติฝ่ายไหนของแกเหรอถึงต้องเป็นห่วงมัน”

“ถึงไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่พ่อเลี้ยง พ่อก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำร้ายใคร”

“ฉันจะทำ มันเรื่องของฉัน!”

“งั้นผมจะแจ้งความ...หากพ่อเลี้ยงอาทิตย์เป็นอะไรไป ผมจะแจ้งความว่าพ่อเป็นคนอยู่เบื้องหลัง” พ่อเลี้ยงมนัสหันมามองลูกชายตัวเองตาขวาง ดวงตาเกรี้ยวกราด ก่อนจะเงื้อมือขึ้นแล้วตบที่ใบหน้าของเมฆาสุดแรง

เพี๊ยะ!!!

ใบหน้าขาวหันไปตามแรงตบ รู้สึกได้ถึงรสชาติเค็มปร่าในปาก แตะที่มุมปากนิดๆ เพราะรู้สึกเจ็บและนั่นถึงทำให้รู้ว่าปากของเขาแตก หน้าก็คงขึ้นรอยมือด้วย เมฆาก้มหน้ามองที่พื้นไม่เลยหน้าให้พ่อเห็นว่าตัวเองกำลังร้องไห้

เขาไม่ได้อ่อนแอ เพียงแต่ว่ากำลังน้อยใจ

“ไอ้ลูกอกตัญญู!!! ถ้าแกทำอะไรแบบนั้นฉันรับรองได้ว่าฉันจะเป็นคนฆ่าแกเองไอ้เมฆ”

“ผมยอมตาย ดีกว่าให้พ่อทำความผิดอีก”

“หึ...ก็ทำมาตลอด ฉันก็ยังได้เชิดหน้าชูคออยู่บนโลกนี้อย่างสุขสบายและมีความสุขด้วย ไอ้พวกที่เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วก็เป็นพวกโง่งมงายเท่านั้นแหละ”

เพราะคิดแบบนี้ไง...ถึงได้ทำแต่เรื่องเลวร้ายมาตลอด

“ผมจะไม่ปล่อยให้พ่อได้ทำ ไม่มีวัน!”

เพี๊ยะ!!!

เมฆาที่เงยหน้าพูดอีกครั้งก็โดนตบซ้ำที่เดิมจนมันชา ไม่มีความเจ็บปวดอะไรอีก

“กรี๊ด!! พ่อเลี้ยงคะ อย่าค่ะ แค่นี้เธอก็เจ็บพอแล้วนะคะ” หัวหน้าแม่บ้านอ้อยกรี๊ดแล้วรีบวิ่งเข้าไปกอดแขนใหญ่ไม่ให้ตบซ้ำลงไปอีกเพราะดูท่าทางพ่อเลี้ยงมนัสกำลังอารมณ์ขึ้น

“ปล่อยฉัน!! ฉันจะสั่งสอนไอ้ลูกอกตัญญูไม่ให้มันกล้าหืออีก”

“พอแล้วค่ะ พอนะคะ” อ้อยยื้อสุดแรงเพราะเหมือนเธอจะไหลไปตามแรงของพ่อเลี้ยงมนัสที่พยายามดึงแขนตัวเองออกมา

“ฉันบอกให้ปล่อยไง!!!”

“พ่อเลี้ยงขา...พอเถอะนะคะ อ้อยสงสารคุณเมฆ แค่นี้เธอก็เจ็บมากพอแล้วนะคะ” เธอขอร้องเสียงหวาน เรียกร้องความสนใจจากเจ้าของบ้านโดยการขยับกายเข้าหาอย่างแนบชิด

พ่อเลี้ยงมนัสที่กำลังอารมณ์คุกรุ่นอยู่ตวัดสายตามามองหญิงสาวอย่างไม่พอใจ แต่แล้วก็ค่อยๆ สงบลงเมื่อเจอสายตายั่วยวนของหัวหน้าแม่บ้านที่เป็นหนึ่งในบรรดาเมียของเขา

“สมควรที่มันจะโดน”

“โธ่...ไปค่ะ เดี๋ยวอ้อยจะพาไปสงบสติอารมณ์นะคะ ไม่เอา ไม่เครียด อย่าลงไม้ลงมือกับคุณเมฆเลยนะคะ”

“จะไปไหนก็ไปไอ้เมฆ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก!!” พ่อเลี้ยงมนัสไล่เมฆาที่มองพ่อด้วยสายตาเจ็บปวด ส่วนหญิงสาวก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจที่ตัวเองสามารถเกลี้ยกล่อมพ่อเลี้ยงมนัสสำเร็จ

เมฆาหันหลังแล้วค่อยๆ เดินออกไปด้วยสภาพที่หัวใจสลาย...เขาไม่อยากจะอยู่ที่นี่แล้ว เขาไม่ไหวแล้ว ใครก็ได้ ใครก็ได้มารับเขาออกไปที ในตอนนี้เมฆาคิดถึงอยู่เพียงแค่คนเดียว คือคณิน…

ร่างโปร่งเดินไปหาลุงจงด้วยสภาพที่มีแผลมุมปาก เลือดที่มันกบปากเขาก็กลืนมันลงคอไป ใบหน้าก็แดงด้วยรอยมือจนช้ำ ชายสูงวัยมองด้วยความเห็นใจ

“พาผมออกไปที…” เสียงของเมฆาสั่นเครือจนน่าใจหาย แกจึงไม่รอช้าที่จะพาเจ้านายออกไปจากที่นี่ เมฆาพยายามบังคับตัวเองไม่ให้น้ำตาไหลกับคนอื่น

โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาออกมา กระเป๋าเงินก็เหมือนกัน...แล้วจะไปไหนพ้น





100%
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^
ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {02/07/61} ➡ Ch.13
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-07-2018 16:00:15
อ่านแล้วอยากตืบคน  :z6:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {02/07/61} ➡ Ch.13
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 02-07-2018 16:10:08
โอยเมฆ สงสารจัง
เขตหื่นมากๆ หื่นกว่าพ่อเลี้ยงอีกมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {02/07/61} ➡ Ch.13
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-07-2018 17:44:49
สงสารเมฆจัง
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {02/07/61} ➡ Ch.13
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 02-07-2018 17:50:39
พ่อเลี้ยงมนัสนี่ เลวเกิ๊น
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {02/07/61} ➡ Ch.13
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-07-2018 18:55:36
โถ่ สงสารพี่เมฆ :katai1:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {02/07/61} ➡ Ch.13
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 03-07-2018 06:43:10
เมฆน่าสงสาร เมื่อไหร่จะมีความสุขกับเขาบ้าง
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {02/07/61} ➡ Ch.13
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-07-2018 21:57:38
  :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {02/07/61} ➡ Ch.13
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 04-07-2018 23:52:46
สงสารเมฆาจริงๆ มีพ่อเข้าขั้นบ้า :ling3:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {02/07/61} ➡ Ch.13
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 05-07-2018 00:38:32
สนุกมากกกกก
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {05/07/61} ➡ Ch.14
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 05-07-2018 19:40:50
14





“ลุง...โทรหาเขตให้หน่อยได้ไหมครับ”

“ได้ครับ” ลุงจงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์โทรของคณินแล้วยื่นให้เมฆา เมฆารับมันมาแนบที่หูรอให้ปลายสายรับ พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ร้องไห้

ไม่นานปลายสายก็รับ

(สวัสดีลุงจง มีเรื่องของพี่เมฆรายงานเหรอ โทรมาซะค่ำเลย) แต่เพียงได้ยินเสียงของคณินที่น้ำเสียงดูสนใจเรื่องของเขามากก็ทำให้น้ำตาของเมฆาไหลลงมาเป็นสาย

(ลุง...พูดสิ มีอะไรกับพี่เมฆเหรอ)

“ข่ะ...เขต ฮึก”

(...เมฆเหรอ) ปลายสายเงียบไปสักพักที่ได้ยินเสียงสั่นๆ เรียกชื่อของตน ก่อนจะถามกลับอย่างไม่แน่ใจเพราะตนฟังไม่ชัดเลยจำเสียงไม่ได้

“อื้อ...ช่ะ ฉันเอง”

(เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม เกิดอะไรขึ้น)

แค่น้ำเสียงกระวนกระวายร้อนอกร้อนใจของคณินก็ทำให้เมฆาพูดไม่ออกจนลุงจงต้องหยิบไปพูดเองไม่งั้นคงคุยกันไม่รู้เรื่อง

“คุณเขต ลุงเองนะ คุณเมฆทะเลาะกับพ่อเลี้ยง ได้ๆ เดี๋ยวลุงจะพาคุณเมฆไปหาคุณเขตนะ ตอนนี้ก็ออกมาได้สักพักแล้วล่ะ อีกไม่นานก็คงถึง”

เมฆาร้องไห้ เพียงแต่มีแค่น้ำตาที่ไหล เขาหันหน้าหนีลุงจงไปยังด้านข้าง ได้แต่นั่งไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกพาไปที่ไหน ยี่สิบนาทีผ่านไปลุงจงจอดรถที่หน้าบ้านของใครสักคนที่เมฆาไม่รู้จักและไม่ไม่คุ้นกับทางเลยแม้แต่น้อย หากแต่เพียงเห็นคนที่เดินมายังประตูฝั่งเขาเป็นใคร เมฆาก็ตาพร่า จนกระทั่งประตูถูกเปิด

“เมฆ…” เสียงเรียกของคณินดูตกใจที่ได้เห็นใบหน้าขาวใส ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น มือแกร่งช้อนร่างโปร่งบางขึ้นมาอุ้ม ซึ่งเมฆาก็ยอมให้อุ้มแต่โดยดี

ไม่มีแม้จะตกใจที่คณินอุ้มเขาไหว แม้เขาจะตัวเล็กกว่าแต่ยังไงเมฆาก็ยังตัวใหญ่อยู่ดี

“ขอบคุณครับลุง”

“ฝากคุณเมฆด้วยนะคุณเขต”

“ครับ…”

ร่างสูงอุ้มร่างของเมฆาที่ใบหน้าซุกกับซอกคอแกร่งของคณินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ของครอบไม่สนใจยามหน้าบ้าน ไม่สนใจคนงานหรือแม่บ้านที่กำลังมองด้วยความสนอกสนใจ ก่อนจะตรงไปยังชั้นสองเพื่อพาเมฆาไปยังห้องนอนของตนโดยไม่ลืมที่จะสั่งให้คนรับใช้เอายากับอุปกรณ์ทำแผลไปให้ด้วย

ร่างของเมฆาค่อยๆ ถูกวางบนเตียง ร่างโปร่งนั่งเงียบหยุดร้องไห้ไปแล้วแต่ยังมีคราบน้ำตาอยู่ คณินพยายามระงับอารมณ์เดือดดาลนั่งลงตรงปลายเท้าของร่างโปร่งแล้วทำการถอดรองเท้าให้กับเมฆา ร่างโปร่งตกใจมองการกระทำของคณินแต่ก็ไม่ได้ขยับเท้าหนี

“ขอบคุณนะ…”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“อุปกรณ์กับยาค่ะคุณหนู”

ร่างสูงเดินไปเอามาก่อนจะสั่งให้เตรียมอาหารอ่อนๆ ให้ด้วย ซึ่งคนรับคำสั่งก็แจ้งกลับว่าจะทำโจ๊กให้ซึ่งคณินก็พยักหน้ารับก่อนจะปิดประตูแล้วเดินมานั่งข้างกายของคนที่ถูกทำร้ายมา มือแกร่งเปิดกล่องอุปกรณ์ทำแผลแล้วหยิบยาหม่องขึ้นมาเพราะไม่รู้ว่าจะต้องใช้อะไร

“หันมา”

เมฆาหันหน้าไปหาคณินทันทีอย่างไม่อิดออด ดวงตามองที่ปลายคางของร่างสูงกว่านิ่งๆ นิ้วแกร่งลูบเบาๆ ที่มุมปากช้ำกับใบหน้าที่แดงมีรอยฝ่ามือ แล้วเปิดฝายาหม่องทาให้อย่างเบามือที่สุด

“เจ็บหรือเปล่า”

“เจ็บ...เจ็บ...เจ็บที่ใจ”

“ทำยังไงถึงจะหาย”

“...”

“พี่เมฆ...ให้ทำยังไงถึงจะหายเจ็บ” คณินถามอีกครั้ง

ร่างโปร่งไม่ตอบอะไร แต่เอี้ยวตัวกอดร่างสูงกว่าเอาไว้แน่น คณินเองก็ลูบผมนุ่มเบาๆ เป็นการปลอบโยน คณินพูดไม่เก่ง ทั้งให้กำลังใจหรือคำปลอบโยน เขาทำได้เพียงอยู่ใกล้ๆ แล้วก็สัมผัสกายอีกคนเท่านั้น

ดวงตาคมแข็งกร้าวโกรธแค้น เขาอยากจะฆ่าพ่อเลี้ยงมนัสให้ตายนัก...ทำให้พ่อของเขาต้องจากไปไม่มีวันกลับแล้วยังจะทำร้าย ‘หัวใจ’ ของเขาซ้ำอีก

สัมผัสเปียกชื้นที่ไหล่แกร่งกับร่างสั่นสะท้านของคนในอ้อมแขน ทำให้คณินรู้ว่าคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ดูเข้มแข็งตลอดเวลาแท้จริงแล้วก็เป็นคนอ่อนแอคนหนึ่งที่ต้องการใครสักคนเป็นที่พึ่งพิงยามทุกข์ใจแบบนี้

นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เมฆาร้องไห้...แล้วที่ผ่านมาเล่าใครคอยอยู่เคียงข้าง ทุกคนทิ้งเมฆา...แม้กระทั่งเขาเองก็เคยทิ้งเมฆาเพราะความไม่รู้ประสา แค่คิดว่าเมฆาต้องร้องไห้คนเดียวเหมือนกับวันที่เขาไปแอบเห็นและได้ยิน คณินก็รู้สึกว่าหัวใจตัวเองกำลังบีบรัดจนอึดอัดไปหมด

“เขตอยู่ตรงนี้...เขตไม่ทิ้งพี่เมฆแล้วนะ”



สามทุ่มกว่าๆ แล้วที่คณินนอนกอดเมฆาที่ร้องไห้จนหลับไป ความเป็นจริงอยากจะให้นอนต่อ แต่ก็อยากให้คนในอ้อมแขนได้ทานอะไรบ้างเลยปลุกให้ลงไปกินโจ๊กที่ด้านล่างหลังจากสั่งให้แม่บ้านอุ่นให้

“อร่อยไหม กินให้หมดนะ ถ้ากินหมดเมื่อไหร่จะพาไปนอน”

“อิ่มแล้ว…”

“ไม่ได้ ต้องกินให้หมด จะได้มีแรงไง”

“อือ...จะพยายาม”

คณินไม่รู้ว่าพ่อลูกทะเลาะอะไรกัน ทำไมถึงได้ทำรุนแรงแบบนี้ แต่เขาก็คิดเอาไว้ว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับศักดินนท์ และพ่อเลี้ยงมนัสก็คงจะโกรธมาก

แต่มันก็ทำให้คณินมั่นใจจริงๆ ว่าคนอย่างพ่อเลี้ยงมนัสไม่เคยรักใครและรักใครไม่เป็น เพราะขนาดลูกในไส้แท้ๆ ยังทำร้ายกันได้ลงคอ...เชื่อเลยว่าถ้าฆ่า พ่อเลี้ยงมนัสก็ฆ่าได้ ฆ่าได้ทุกคนที่ขวางทาง…

“หมดแล้ว”

“น้ำส้มหน่อยจะได้สดชื่น”

“อือ” คณินไม่ชอบแบบนี้เลย เมฆาไม่ร่าเริง พูดน้อย ตอบน้อย…เหมือนมีชีวิตแต่ไม่มีจิตใจอยู่ด้วย

“จะกลับบ้านไหม…”

“ไม่กลับ”

“ไม่ได้จะไล่ แค่ถามเฉยๆ”

“ถ้าลำบากใจ เดี๋ยวไปเปิดโรงแรมนอนก็ได้นะ ไม่อยากรบกวน”

“ไม่ได้รบวนอะไร อย่าคิดมากดิ” คณินรีบพูดบอก เดี๋ยวจะเข้าใจผิดคิดมากเข้าไปอีก แค่ถามเพราะตัวเองอยากจะให้เมฆาอยู่ที่นี่กับเขาแบบไม่ต้องกลับไปอยู่ที่นั่นแล้วต่างหาก

“ขอแค่พักสองสามวัน เดี๋ยวจะกลับไป”

“ทำไม?”

“ก็ต้องกลับไปทำงานสิ”

“ไม่ต้องกลับไปแล้ว” เมฆาส่ายหน้าให้กับคณินเล็กน้อยเป็นคำตอบ ซึ่งร่างสูงก็ได้แต่ส่งเสียงไม่พอใจเบาๆ แต่ก็เข้าใจได้ว่าเพราะอะไร

หากเป็นเขา ต่อให้ถูกไล่ ยังไงก็กลับไป…

“งั้นพักอยู่นี่แหละนะ พรุ่งนี้ฉันมีเรียนแค่เช้า จะรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อน”

“ไม่เป็นไร เขตอยากไปเที่ยวกับเพื่อนก็ไปได้ ฉันอยู่คนเดียวได้”

“ไม่มีใครเขาปล่อยให้ ‘แฟน’ อยู่คนเดียวในสถานการณ์แบบนี้หรอกนะ” ร่างโปร่งบางใจเต้นแรงไปกับคำว่าแฟนที่ออกมาจากปากของคนตรงหน้า ตอกย้ำความสัมพันธ์ของเราทั้งสองอย่างชัดเจน

ไม่มีการขอเป็นแฟน ไม่มีการบอกเริ่มต้นความสัมพันธ์ จะเรียกแฟนก็ได้ จะเรียกอะไรก็ได้ ขอแค่มีสถานะระหว่างเราก็พอ

“ไม่เป็นไรจริงๆ แต่มันจะไม่เป็นไรเหรอถ้าฉันจะมาอยู่ที่นี่”

“จะเป็นอะไรได้ล่ะ ที่นี่ฉันก็อยู่คนเดียว ปู่กับย่าก็ไปเที่ยว พ่อก็แวะมาบ้างแต่ท่านคงไม่ว่าอะไรหรอก”

“ไม่กลัวคนอื่นรู้เรื่องเราหรือไง”

“ไม่เคยกลัว แต่ไม่อยากเปิดเผย ถ้าจะมารู้มาเห็นก็ตามนั้น ไม่ได้ปิดอะไร ที่ไม่อยากให้คนรู้เพราะมันจะทำให้เรื่องวุ่นวาย คงไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ใช่ไหม?”

“บ้าเหรอเขต ใครจะคิดมาก ที่เราทำอยู่มันก็ถูกต้องแล้ว เราคบกันอย่างเปิดเผยไม่ได้”

และไม่รู้ด้วยว่าจะมีวันได้เปิดเผยหรือเปล่า…

“งั้นเราก็ต้องเป็นแบบนี้ไปก่อนนะ”

“อือ ที่นี่ไม่มีใครรู้จักฉันอยู่แล้วแหละ เรื่องนี้ก็คงไม่ยากเท่าไหร่” เมฆาพยักหน้า

เขาเริ่มจะรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยหลังจากได้ยินคณินพูดคำว่าแฟนออกมา มันมีพลังขึ้น มีกำลังใจขึ้น ที่ผ่านมาเขาก็ผ่านมันมาได้ ตอนอยู่ที่เมืองนอกคนเป็นพ่อไม่เคยติดต่อมาหา ไม่เคยถามไถ่ เขาเลยไม่ค่อยได้มีปากเสียกับท่าน แต่พอมาอยู่ด้วยกัน คราวมีปากเสียง คนที่ไม่เคยเผื่อใจว่าจะโดนทำร้ายหนักขนาดนี้ ก็ถึงกับอ่อนแอ

ที่ผ่านมาก็ตบแค่หนึ่งครั้ง แต่คราวนี้พ่อกะซ้อมให้เจ็บหนัก



คณินพาเมฆากลับขึ้นมาบนห้องนอนอีกครั้งหลังจากที่ทานอาหารมื้อค่ำเสร็จไป ร่างโปร่งรู้สึกเหนื่อยล้าจนอยากจะหลับเสียให้ได้

“ไปอาบน้ำก่อน”

“ไม่มีชุด”

“ใส่ชุดนี่ไปก่อนก็ได้ มีเยอะแยะ แล้วไม่ต้องห่วงว่าจะต้องใส่เสื้อชงเสื้อเชิ้ตแบบนิยายเพราะนี่ไม่มี มีแต่ชุดนักศึกษา”

“หาให้ด้วย จะให้ใส่ตัวไหน”

“ไปหยิบๆ เอาสักตัว อยากใส่ตัวไหนก็ใส่ อยู่ในตู้นั่นแหละ จะไปนั่งทำการบ้าน อาบน้ำเสร็จจะนอนเลยก็ได้ เห็นดูเหนื่อยๆ พักบ้างก็ดี ก่อนจะกลับไปทำงานต่อ” ร่างสูงพูดอออกมายาวเหยียด ทุกเรื่องปนกันไปหมด แต่เมฆาก็เข้าใจ เขาเดินไปเลือกชุดจากตู้เสื้อผ้าของเขต แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้เจ้าของห้องทำการบ้านอย่างที่ตนบอก

เมฆาออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าร่างสูงกำลังนั่งเขียนอะไรสักอย่างอยู่ที่โต๊ะทำงานอย่างตั้งใจ ร่างโปร่งยิ้มเอ็นดูก่อนจะเดินไปนอนเตียงกว้าง มองคณินไปสักพักก็ผล็อยหลับด้วยความเหน็ดเหนื่อย…

“อื้อ...ไม่ อย่า อย่าทิ้งเมฆ แม่ครับ...ฮึก” เสียงนอนละเมอร้องไห้ของเมฆาในช่วงเที่ยงคืนกว่าๆ ทำให้คณินที่กำลังตั้งใจเขียนงานที่ต้องส่งในคาบตอนเช้าถึงกับหยุดชะงักงานเอาไว้แล้วลุกขึ้นตรงปรี่มายังเตียงนอน

“เมฆ…”

“แม่...ฮึก แม่ทิ้งเมฆทำไม”

คณินทำอะไรไม่ถูกจึงนอนลงโอบกอดร่างเล็กกว่าเอาไว้อย่างแน่น ทั้งจูบที่หน้าผากแล้วกระซิบเบาๆ ว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่มีใครทิ้ง...มีเขาอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งเมฆาสงบไป ดวงตาคมก้มมองใบหน้าหล่อที่ตอนหลับน่ารัก มีเสน่ห์มากยิ่งกว่าตอนที่ยังมีสติ...ดูไร้พิษสง อ่อนแอและน่าปกป้องมาก…

“เราจะผ่านมันไปด้วยกัน”






100%
 :mew1: :mew1: :mew1:

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^

ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/  (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {05/07/61} ➡ Ch.14
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 05-07-2018 22:33:01
เอาใจช่วยทั้งคู่นะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {05/07/61} ➡ Ch.14
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-07-2018 22:41:27
สงสารเมฆจังเลย
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {05/07/61} ➡ Ch.14
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-07-2018 23:28:02
เขตดูแลพี่เมฆดีๆนะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {05/07/61} ➡ Ch.14
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 05-07-2018 23:28:33
สงสารเมฆ :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {05/07/61} ➡ Ch.14
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-07-2018 02:38:12
อย่าร้องนะเมฆ โอ้ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {05/07/61} ➡ Ch.14
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 06-07-2018 07:58:02
 :o12: :mew2: :mew1:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {05/07/61} ➡ Ch.14
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-07-2018 16:29:14
 :pig4: :pig4: :pig4:

มีพ่อแบบนี้ด้วยเหรอ?   พ่อที่ไม่เคยรักใคร  รักแต่ตัวเองเท่านั้น
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {05/07/61} ➡ Ch.14
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 08-07-2018 06:19:45
สงสารพี่เมฆ.... มีพ่อที่เห็นกับผลประโยชน์มากกว่าลูกนัวเอง
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {05/07/61} ➡ Ch.14
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 08-07-2018 20:41:34
ปกป้องพี่เค้าดีๆ
เข้าใจนะเขต
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {05/07/61} ➡ Ch.14
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-07-2018 23:10:54
พี่เมฆน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {05/07/61} ➡ Ch.14
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 09-07-2018 00:22:39
 :z6: :z6: :z6: ให้ไอ้พ่อเลี้ยงชั่ว
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 09-07-2018 20:59:52
15





เวลาผ่านไป จนคณินปิดเทอมแรก ซึ่งระยะเวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์ก่อนจะเริ่มภาคเรียนที่สอง จากเหตุการณ์ทะเลาะกันถึงขั้นลงมือของเมฆากับพ่อในวันนั้น เมฆากับคณินก็ลักลอบมาเจอกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะในเมืองบ้างหรือว่าคณินจะแอบเข้าไปในไร่และบุกถึงในห้องนอนของเมฆาอย่างไม่เกรงกลัวความตาย ทั้งๆ ที่พ่อเลี้ยงมนัสก็ยังอยู่บ้าน ส่วนเวลาที่เจอกันแบบมีคนอื่นอยู่ด้วย คณินก็ชอบพูดจาแขวะ จิกกัดให้คนอื่นเชื่อว่าเราไม่ถูกกันจริงๆ บางครั้งคำพูดก็แรงเกินไปจนเมฆาแอบน้อยใจจริงๆ เดือดร้อนคณินต้องคอยตามง้อทีหลัง

ซึ่งไม่กี่วันก่อนที่ผ่านมา คณินกับเมฆาเจอกันที่งานสัมมนาการเกษตรออนไลน์ที่เมฆาไปกับพ่อเลี้ยงมนัส ส่วนคณินเองก็ไปในฐานะที่รักษาการแทนพ่อเลี้ยงอาทิตย์โดยที่ศตคุณเองก็ไปด้วย ตลอดเวลาที่สัมมนา เราสองคนแอบสบตากันบ่อยๆ และพอเลิกแล้วเมฆาก็ภาวนาไม่ให้พ่อของตนเดินไปหาเรื่องคณิน แต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้น

พ่อเลี้ยงมนัสหาเรื่องคณินและมีแววตาสนใจศตคุณอย่างชัดเจนจนเมฆารู้สึกหวั่นใจ ตอนแรกที่เห็นตามสืบเรื่องของศตคุณก็คิดว่าจะเอามาเป็นหนึ่งในแผนกำจัดพ่อเลี้ยง แต่เปล่าเลย พ่อของเขาคงสนใจศตคุณจริงๆ เพราะสายตาและน้ำเสียงของพ่อมันไม่ได้มีความรังเกียจเหมือนที่ตัวเคยลั่นเอาไว้ว่ารังเกียจผู้ชายเลือดพิเศษ เหมือนที่เกลียดเขาที่เป็นลูก

เมียของพ่อไม่เคยมีเด็กผู้ชาย แต่ดูเหมือนว่าพ่อเขาจะละศตคุณไว้คนเดียว เขาอยากจะห้ามพ่อของตนไม่ให้มีเรื่องไปมากกว่านี้ เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นคนที่ตัวเองรักทั้งสองคนทะเลาะกัน

“แกไม่ต้องมายุ่งเลยไอ้เมฆ!!” เขากลับโดนพ่อต่อว่าเสียงดัง นั่นทำให้คณินทนไม่ไหวที่ต้องมาเห็นภาพแบบนี้ต่อหน้าต่อตา แล้วมันทำให้เขาคิดถึงใบหน้าที่ช้ำ ปากแตกของเมฆาที่เขาเจ็บปวดที่คิดถึงมัน

“พูดจาแบบนี้สักวันลูกจะทิ้งแกนะ”

เมฆาหันไปส่งสายตาอ้อนวอนคณินให้หยุด แต่แล้วคนที่อารมณ์ร้อนไม่เคยควบคุมตัวเองได้ก็เตรียมอ้าปากจะพูดต่ออีกหากแต่เมฆากลับตะโกนห้ามคณินเอาไว้

“นี่นาย!! หยุดพูดสักที”

แต่เหตุการณ์มันไม่จบง่ายๆ เพราะพ่อเลี้ยงมนัสเริ่มเปลี่ยนทิศทางมาเป็นศตคุณแทน นั่นจึงทำให้คนที่หวงเพื่อนอย่างคณินหมดความอดทนถึงขั้นลงไม้ลงมือ

ร่างโปร่งรู้ว่าพ่อตัวเองผิดและเขาก็พยายามเต็มที่ที่จะช่วยศตคุณ หลังจากที่เกลี้ยกล่อมพ่อจนออกไปจากตรงนี้ได้ เขาอยู่ขอโทษศตคุณก่อน แต่ไอ้เด็กเอาแต่ใจที่คงโกรธเขาที่เขาตะคอกเมื่อกี้แขวะขึ้น

“ไม่ตามพ่อไปหรือไงวะ”

“ฉันก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้เพราะนายหรอกน่า...” เมฆาตอบกลับคณินอย่างหงุดหงิด แต่โดยส่วนตัวแล้วเขาก็ไม่กล้าพูดแรงกว่านี้กับร่างสูงกว่าหรอก

ยังไงเขาก็แคร์คณินมากกว่าใครๆ

“จิ๊! ปากดี...” ร่างสูงจิ๊ปากอย่างโมโห อยากจะทำโทษคนทำตัวเก่งตรงหน้านี่จริงๆ

“น้องหมูครับ พี่ขอโทษแทนพ่อพี่ด้วยที่ไม่สุภาพ แต่ยังไงก็ขอให้ระวังตัวเอาไว้หน่อยนะครับ พ่อพี่คงจะสนใจน้องหมูจริงๆ” เมฆาเตือนอย่างจริงใจ

“ผมจะระวังตัวนะครับ แต่ว่านะครับ ก่อนหน้านี้ที่เคยเจอกันก็ดูเหมือนว่าพ่อเลี้ยงจะไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่ ทำไมตอนนี้ถึงมีท่าทีเปลี่ยนไปล่ะครับ”

“ไม่ว่าใครก็ต้องเปลี่ยนใจกันทั้งนั้นแหละถ้าได้เจอน้องหมูน่ะ แต่กับพ่อพี่ พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ...เหมือนกับว่าพ่อพยายามตามสืบเรื่องของน้องหมูอยู่ และตอนนี้ก็คงจะส่งให้คนตามดูหมูอยู่ห่างๆ น่ะ อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว นายก็เหมือนกัน...ระวังตัวเอาไว้บ้าง ถ้าไม่อยากเจอจุดจบเหมือนพ่อของนาย” เมฆาหันมาเตือนคณิน แม้ว่ารูปประโยคจะดูเหมือนขู่ แต่จริงๆ แล้วคือเป็นห่วง

“เฮอะ! ไม่ต้องมาขู่หรอก กูไม่กลัว”

อารมณ์ของคณินคงขึ้นไปสูงแล้วถึงได้หลุดคำหยาบคายออกมา เมฆาพยายามจะทำความเข้าใจแล้ว แต่มันก็อดน้อยใจไม่ได้จริงๆ

บางครั้งเมฆาก็อิจฉาศตคุณที่ไม่ว่าเจ้าตัวจะพูดจะห้ามจะปรามอะไรคณิน คณินก็ดูจะเชื่อฟังและทำตามไปหมด ในขณะที่เขานั้น แค่เตือน...คณินยังไม่อยากจะฟังเลย ไม่อยากแม้กระทั่งรับความหวังดีของเขา เราคบกันอยู่จริงๆ ใช่ไหมตอนนี้…

การที่จะต้องแสดงให้คนอื่นเห็นว่าเราไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน จำเป็นต้องทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ไหม สุดท้ายแล้วคณินก็มาขอโทษ มันเป็นแค่ละคร...แล้วความรู้สึกที่เขาเสียไปล่ะ ต้องให้พูดว่าไม่เป็นไรอีกกี่ครั้ง…
ชอบตบหัวแล้วลูบหลัง....บางทีเราสองคนคงจะไปกันไม่ได้จริงๆ



ช่วงเวลาดีๆ ของเรามีอยู่เยอะมาก แต่ช่วงเวลาที่เราทะเลาะกันก็มีอยู่เยอะมากเช่นกัน...พ่อเลี้ยงอาทิตย์ก็กลับมาจากต่างประเทศแล้วเมื่อวันก่อน คณินเองก็คงจะมีเวลาว่างจนต้องรีบมาเคลียร์กันแน่ๆ เพราะหลังจากวันที่มีปากเสียงในที่สาธารณะวันนั้น วันนี้เขากับคณินก็ยังไม่คุยกันเลย

เขาไม่รับสายโทรศัพท์ เขาไม่ตอบข้อความ

เมฆาจงใจที่จะไม่คุยอะไรกันช่วงนี้เพราะอยากให้เวลาคณินได้ทบทวน แล้วเขาก็จะทบทวน ก่อนจะหันหน้าคุยกันแล้วตกลงกันว่าจะทำยังไงกันต่อไปดี...การคบแบบหลบๆ ซ่อนๆ มันไม่ได้มีความสุข การที่ต้องมาทนฟังคนที่ตัวเองรักบอกว่าไม่รัก ไม่ชอบ ไม่รู้สึกด้วยต่อหน้าทุกคน แม้ว่าจะเป็นเพียงละคร แต่เมฆาก็ไม่เข้มแข็งพอจะทนมันได้  อีกแล้ว…

“ให้มันจบไปดีกว่าไหม...ดีกว่ามาทุกข์ทรมานแบบนี้”

ประมาณเดือนที่แล้วที่พ่อเลี้ยงอาทิตย์ถูกลอบยิงจากการไปเซ็นสัญญารับโอนที่ดินที่พ่อเลี้ยงมนัสต้องการ หากแต่โดนตัดหน้าไปก่อนอีกแล้ว พ่อเลี้ยงมนัสเลยจ้างมือปืนให้ไปลอบยิงแต่พ่อเลี้ยงอาทิตย์ก็ไม่เป็นไรเพราะเมฆาได้โทรไปเตือนเอาไว้แล้ว
ต่อไปเขาก็ไม่รู้ว่าพ่อจะทำอะไรอีก...แต่เขาจะปกป้องพ่อเลี้ยงอาทิตย์ให้เต็มที่ที่สุด คนสำคัญของคณิน เขาไม่อยากเห็นคณินต้องเจ็บปวดเสียใจอีกแล้ว

“นายควรเจอคนที่ดีกว่านี้ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ฉัน ลูกชายของคนที่ทำร้ายครอบครัวของนาย”

เมฆาที่กำลังเดินผ่านห้องรับแขกไปเพื่อขึ้นไปยังชั้นสองก็ต้องชะงักเท้าอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงของบิดากับใครสักคนกำลังคุยอะไรสักอย่างด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ถ้ามันไม่มีชื่อของพ่อเลี้ยงอาทิตย์ด้วย เมฆาจะไม่ยืนแอบฟังเลย

“เก็บมันซะ ฉันไม่ต้องการให้มันอยู่เป็นเสี้ยนหนามในชีวิตอีกแล้ว”

“ครับพ่อเลี้ยง ผมจะจัดการตามคำสั่งให้เร็วที่สุด”

“พรุ่งนี้มันมีนัดกับผู้รับเหมา มึงตามมันไป สบโอกาสก็จัดการ กูจะรอฟังข่าวดี ถ้างานนี้สำเร็จ มึงจะได้เงินไปตั้งตัวสิบล้าน”

“ครับพ่อเลี้ยง ผมต้องทำสำเร็จแน่นอน”

“เออ...จัดการเสร็จแล้วให้แกรีบหนีไปเลย เข้าใจนะ”

“ครับ”

เมฆารีบเดินออกจากหน้าห้องไปยังชั้นบนอย่างเบาเท้าที่สุด หัวใจเต้นแรง สั่นระรัวทำอะไรไม่ถูก ล็อกห้องแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าจะโทรหาใคร ถ้าโทรหาคณินแล้วบอก...เมฆากลัว กลัวที่จะต้องได้ยินอะไรที่มันทำร้ายจิตใจ กลัวว่าต้องฟังคนที่รักต่อว่า ด่าทอพ่อของตัวเอง

มันคือความจริง แต่เมฆาก็ไม่ต้องการให้ใครมาด่าพ่อของตัวเอง

“ส่ะ สวัสดีครับอา…”

(มีอะไรเหรอเมฆ...)

“คือว่า...เมื่อกี้ ผมได้ยินพ่อสั่งให้มือปืนไปลอบยิงอาในวันพรุ่งนี้ ยังไงอาก็ระวังตัวหน่อยนะครับ ทางที่ดีอาอย่าออกจากไร่เลยดีกว่า”

(ไม่ได้หรอกเมฆ พรุ่งนี้อาต้องไปทำธุระ นัดเขาเอาไว้แล้ว แต่อาขอบคุณมากที่โทรมาเตือนอา อาจะระวังตัวเอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะเมฆ ที่ผ่านมาอาก็รอดมาได้ ครั้งนี้มันก็ต้องรอด อาจะไม่ทิ้งเขตไปไหน แต่เราไม่ต้องบอกเขตนะ เดี๋ยวมันจะเป็นห่วง ตามอา   ไปด้วย เพราะบางทีมันอาจจะพลาดโดนเขต)

“ครับ...ครับ ผมจะไม่บอก ถ้าอาจะไป พาคนไปด้วยนะครับ”

(ได้ๆ อาจะพาไอ้วัฒน์ไปด้วย มันเป็นตำรวจ ไม่ต้องห่วงอานะเมฆ)

“แต่…”

(ไม่ต้องห่วง อาจะดูแลตัวเอง)

“ครับ ระวังตัวด้วยนะครับ”

เมฆาเม้มปากแน่น กระวนกระวายเป็นห่วงพ่อเลี้ยงอาทิตย์จนไม่สามารถที่จะนอนหลับได้ เขาอยากจะโทรไปบอกคณินอีกคน แต่ก็รับปากพ่อเลี้ยงอาทิตย์ไว้แล้ว…

ยิ่งกลับมาคิดถึงความสัมพันธ์ของเรา เมฆายิ่งมั่นใจว่าการจบกันของเราคือทางออกที่ดีที่สุด เขาเชื่อว่าคณินไม่มีทางลืมว่าพ่อของเขาทำอะไรไว้บ้าง ในอนาคตครอบครัวเราจะไม่มีความสุข เมฆาจะยอมปล่อยคณินไป ส่วนตัวเขาก็คงจะต้องร่วมรับใช้กรรมกับพ่อ…

“แม่ครับ...คุ้มครองอาอาทิตย์ด้วยนะครับ อย่าให้เขาเป็นอะไร เพราะถ้าอาอาทิตย์เป็นอะไรไป เขตต้องเสียใจมากแน่ๆ เมฆไม่อยากให้เขตเสียใจอีก”

เมฆาทำได้เพียงแค่ภาวนา...ทำได้เพียงเท่านี้



ตลอดทั้งวันเมฆาอยู่ไม่สุขจนเจตผู้ช่วยของเขาสังเกตเห็นอาการก็ถามด้วยความเป็นห่วงอยู่ตลอด แต่เมฆาก็บอกแค่ว่าไม่เป็นไรเท่านั้น กระทั่งเย็น ข่าวร้ายที่เมฆาไม่อยากจะได้ยินก็ถูกกระจายมาถึงจากความไวของโซเชียล เจตเป็นคนบอกเขาเองว่ามีข่าวลอบยิงพ่อเลี้ยงอาทิตย์เต็มเฟซบุ๊ก ยังไม่มีการยืนยันจากแพทย์ด้วยว่าถึงแก่ชีวิตหรือไม่
แต่คนที่เขาเป็นห่วงไม่แพ้กันคือคณิน คณินจะเป็นยังไง...

“พี่เจส พาผมไปโรงพยาบาลได้ไหมครับ ทราบใช่ไหมครับว่าโรงพยาบาลไหน”

“ได้ค่ะ งั้นเราไปกันเลยนะคะ”

“ครับ”

ทั้งสองคนรีบไปโรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วงพ่อเลี้ยงอาทิตย์ เมฆาตัวสั่น ใจสั่น หน้าซีดจนผู้ช่วยร่างใหญ่ต้องคอยพูดปลอบใจเป็นระยะๆ

เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้ว เมฆาก็ตรงดิ่งไปยังประชาสัมพันธ์ สอบถามว่าพ่อเลี้ยงอาทิตย์อยู่ห้องไหน คำตอบที่ได้ก็ทำเอาร่างโปร่งบางกับเจตถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะพ่อเลี้ยงตอนนี้นอนพักอยู่ในห้องพักพิเศษ อาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะกระสุนไม่ได้โดนจุดสำคัญอะไร

เมฆาหันไปเห็นคณินกำลังยืนคุยอะไรกับผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่งด้วยสีหน้าเครียดๆ ก่อนที่คณินจะสวมกอดผู้ชายคนนั้นที่อายุน่าจะราวๆ พ่อเลี้ยงอาทิตย์แล้วแยกกัน โดยที่ผู้ชายคนนั้นเดินออกจากโรงพยาบาลไป คณินหันมาเห็นเมฆาที่กำลังยืนมองตัวเองอยู่ก็ตกใจ คิ้วขมวดแน่น แววตาแปรเปลี่ยนเป็นโกรธจัด นั่นทำให้เมฆารู้สึกเจ็บ…

“เขต…” เมฆาครางชื่อของคนที่อยู่ข้างหน้าอย่างแผ่วเบา

ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาหา ดาวงตาวาววับอย่างน่ากลัว จนทำให้เมฆาก้าวถอยหลังไปนิดหนึ่งด้วยความตกใจ

“มาทำอะไร!”

“มา...มา”

“คุณเมฆเป็นห่วงพ่อเลี้ยงอาทิตย์น่ะค่ะ เลยมา” เจตตอบแทนเพราะเห็นว่าเจ้านายของตนตัวสั่นพูดอะไรไม่รู้เรื่อง เจตพอจะรู้มาบ้างว่าทั้งสองคนไม่ถูกกัน ก็เลยกลัวว่าคณินจะทำร้ายเมฆา

พ่อเลี้ยงอาทิตย์โดนยิงในวันนี้ ใครๆ เขาก็มองไปที่พ่อเลี้ยงมนัสกันทั้งนั้น เพียงแต่ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดอะไรกับคนอย่างพ่อเลี้ยงมนัสได้ เพราะพ่อเลี้ยงมนัสไม่มีทางที่จะให้ตัวเองเดือดร้อนแน่นอน ไม่งั้นไม่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้หรอก

“ไม่กลัวว่าพ่อเลี้ยงมนัสจะรู้หรือไงว่ามาที่นี่ คราวนี้ไม่โดนกระทืบเลยเหรอ อย่าทำให้ต้องเป็นห่วงอีกคนได้ไหม แค่นี้ก็จะบ้าตายอยู่แล้ว”

คำพูดที่ออกมาจากปากของคณินแม้จะมีความไม่พอใจในน้ำเสียง แต่รูปประโยคของเจ้าตัวทำให้เมฆาและเจตตกใจ เมฆาไม่คิดว่าคนตัวใหญ่จะเป็นห่วง คิดว่าจะโดนด่าที่พ่อของเขาเป็นต้นเหตุเสียอีก ส่วนเจตนั้นได้แต่อ้าปากค้างตกใจ ข่าวที่ได้ยินมาว่าทั้งสองคนไม่ถูกกัน เกลียดกันมันไม่เห็นจะเหมือนกับสิ่งที่เขาได้เห็นตอนนี้เลย

แต่แล้วก็เริ่มจะเข้าใจสถานการณ์ของทั้งคู่ทันทีเลยกระซิบบอกกับผู้เป็นเจ้านายว่าตนจะออกไปรอที่รถ ซึ่งเมฆาก็พยักหน้าให้ ส่วนตัวเองก็ถูกคณินลากออกไปยังสวนของโรงพยาบาลแล้วเลือกมุมที่มืดและไม่มีคนเพื่อคุยกัน

“ทำไมต้องมา เดี๋ยวจะโทรไปอยู่แล้ว”

“ไม่โกรธเหรอ” ถามเสียงเบา ไม่กล้าสบตากับคนที่สูงกว่า

เมฆาละอายใจเหลือเกิน…

“โกรธ แต่โกรธคนพ่อ ไม่ใช่คนลูก ก็นายไม่เกี่ยวไม่ใช่หรือไง ทำไมจะต้องโกรธด้วย”

“แต่ฉันรู้ว่าพ่อจะทำ”

“ก็โทรมาเตือนพ่อตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ทำไมรู้”

“อาวัฒน์บอก”

“คนเมื่อกี้น่ะหรือ”

“อือ...เพื่อนพ่อ เป็นตำรวจด้วย ตอนนี้ก็พยายามตามจับมือปืนอยู่ แต่คงไม่ได้ตัวหรอก หนีไปไกลแล้วล่ะมั้ง” คณินพูดอย่างปลงๆ

“ฉันจำหน้าได้ ให้ช่วยบอกรูปพรรณสันฐานไหม”

“ตำรวจเขาจะให้นายมาเป็นพยานเลยนะ อยากมีปัญหากับพ่อเลี้ยงมนัสหรือไง” ร่างสูงกอดอกขมวดคิ้วแน่น เมฆาได้แต่ส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ

ไม่อยากมีเรื่องกับพ่อ แต่ที่เขากลับมาที่นี่ก็เพื่อทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง

“อาอาทิตย์ปลอดภัยใช่ไหม”

“อือ...ปลอดภัย ไม่เป็นอะไร พรุ่งนี้คงฟื้น ตอนนี้หลับไปเพราะฤทธิ์ยาสลบ หมูก็เฝ้าอยู่ในห้องนั่นแหละ รีบกลับไปก่อนเถอะ ถ้าพ่อนายรู้เข้าจะเป็นเรื่อง” คณินพูด น้ำเสียงเหนื่อยๆ เหมือนจะหมดแรงเต็มที

เขาสงสาร เขาเห็นใจ…

และเขาก็รู้สึกผิดมากเหลือเกิน ไม่มีหน้าที่จะคบต่อไป ไม่มีหน้าที่มาให้เห็นหน้าอีกแล้ว

คณิน...ควรได้เจอคนที่ดีกว่านี้จริงๆ

 “เขต...ฉันมีเรื่องอยากจะคุย”

“เอาไว้วันหลังได้ไหม เดี๋ยวจะไปหา”

“วันนี้...ต้องวันนี้เท่านั้น” เมฆาตอบด้วยสีหน้าที่จริงจัง เขาพยายามทำให้ตัวเองเข้มแข็งไม่อ่อนแอ เมื่อพูดประโยคนั่นออกไปก็หวังว่าตนจะไม่ร้องไห้ออกมา

“งั้นก็ว่ามา มีอะไร?”

เมฆาสบตากับดวงตาคมที่มีแววความเศร้า ความเหนื่อยในดวงตาคู่นั้น ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาราวกับต้องการทำสมาธิ

“ฉันว่า...เราควรจบความสัมพันธ์ของเราเถอะ เลิกกันเถอะ ฉันไม่อยากคบกับนายต่อไปอีกแล้วเขต ฉันเหนื่อย ฉันกลัว แล้วฉันก็เจ็บด้วย...เราไปกันไม่ได้ และฉันก็ไม่ได้ดีพอที่จะเป็นคนๆ นั้นของนายเลย”

ร่างสูงที่กำลังตกอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักเพราะถูกบอกเลิกในตอนที่อารมณ์กำลังอ่อนไหว หวาดกลัวและเป็นห่วงพ่อ...เขามองหน้าคนพูดนิ่งๆ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เกิดอะไรขึ้น?

เขาทำอะไรผิด?

“เมฆ...เป็นอะไร ทำไมถึงบอกเลิก โกรธเหรอ โกรธอะไร ขอโทษนะ”

“เขต ฮึก เราไปกันไม่ได้จริงๆ ฉันเสียใจ”

“ไม่!! เราไปกันได้ ที่ผ่านมาถึงจะทะเลาะกันบ้างแต่เราก็ผ่านมันมาได้ นี่จะเลิกกันด้วยเหตุผลอะไร อย่ามาพูดบ้าๆ นะ ฉันไม่ยอมจริงๆ ด้วย” ร่างสูงจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของเมฆาเอาไว้อย่างแรง จนร่างโปร่งบางร้องออกมาด้วยความเจ็บเบาๆ

“โอ๊ย...เจ็บ”

“เจ็บสิดี จะได้มีสติ จะได้รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”

“ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร พูดอะไร ฉันคิดเรื่องนี้ดีแล้ว คิดมาหลายวันแล้ว ฉันทนไม่ได้แล้วเขต การคบกันหลบๆ ซ่อนๆ มันไม่ได้มีความสุขเลยสักนิด ฉันต้องมานั่งทนนายแขวะ นายกัด ทนฟังคำว่าไม่รัก ไม่ชอบและเกลียดจากปากนายตอนอยู่หน้าคนอื่น แรกๆ มันก็ทนได้เพราะมันคือละคร แต่ตอนนี้ฉันว่าฉันไม่ไหวแล้วเขต…” ร่างโปร่งบางระบายทุกอย่างออกมาด้วยเสียงสั้นเครือ

“ก็พูดสิ ก็บอกสิว่าไม่ชอบ จะไม่พูดไม่ทำอีก เวลาเจอกันข้างนอกจะได้ทำนิ่ง ทำเฉย ไม่พูดอะไร”

“ที่สำคัญนะเขต...ฉันว่านายยังสามารถเจอคนที่ดีกว่านี้นะ มีคนที่ดีกว่าฉันอีกเยอะ คนที่สามารถเปิดเผยได้ คนที่นายเห็นเขาแล้วจะไม่ต้องนึกถึงเรื่องเลวร้ายเหมือนกับเวลาที่นายเห็นฉันก็จะคิดถึงเรื่องที่พ่อของฉันทำกับครอบครัวของนาย ฉันทนไม่ได้ที่ตัวเองจะทำให้นายไม่มีความสุขในอนาคต”

“ใครบอก...ใครบอกว่าฉันไม่มีความสุข”

“ฮึก…”

“ถามฉันแล้วเหรอว่าฉันมีความสุขหรือไม่มี แล้วถ้าเลิกกันนายจะมีความสุขใช่ไหม” เมฆาไม่ตอบ ได้แต่ก้มหน้านิ่ง

“ฉันว่าไม่...ไม่มีความสุข”

“เชื่อฉันเถอะ แล้วในอนาคตนายจะขอบคุณที่เราเลิกกันในวันนี้”

“คำพูดของนายมันเห็นแก่ตัว”

เมฆาก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ แต่เราไปกันไม่ได้จริงๆ

“วันนี้เราคุยไม่รู้เรื่องหรอก กลับไปนอนพักไป แล้วค่อยมาคุยกันใหม่”

“ไม่เขต มันจบแล้ว จบตรงนี้แหละ ระหว่างเราจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ไม่ต้องมาเจอ ไม่ต้องมาหา ไม่ต้องโทรมา ไม่ต้องส่งข้อความ เจอกันข้างนอกนายจะได้แขวะฉัน กัดฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่รู้สึก อื้อ…”

คณินทนไม่ได้ที่จะต้องฟังคำว่าจบกันออกจากปากของเมฆา ไม่อยากฟังสิ่งที่เมฆาพูดอีกต่อไป เพราะยิ่งฟังเขายิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งฟังคณินยิ่งเจ็บ เลยจัดการปิดปากแดงๆ นั่นด้วยริมฝีปากของเขาเองอย่างแรง และไม่ปล่อยให้เมฆาได้มีสติทำอะไร ปลายลิ้นร้อนก็สอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของเมฆา เกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นเล็กอย่างรุนแรง มือแกร่งบีบไหล่ของเมฆาแน่นเมื่อคนตัวเล็กกว่าพยายามดิ้นหนี

ใบหน้าขาวพยายามที่จะหันหลบริมฝีปากที่จาบจ้วงรุนแรงแต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นแรงที่มากกว่า กับใจที่มันไม่รักดี ยอมอยู่นิ่งๆ แล้วตอบรับสัมผัสที่แสนจะคุ้นเคยอย่างจำยอม…

น้ำตาใสไหลลงจากหางตา มันทั้งเจ็บแต่มันอ่อนหวาน เขาเองก็ไม่อยากจะออกจากอ้อมกอดนี้ ไม่อยากให้คณินต้องไปกอดคนอื่น จูบคนอื่น ทุกอย่างของคณินตอนนี้เป็นของเขา เขาอยากจะเป็นเจ้าของ อยากจะครอบครองเพียงคนเดียว...แต่ถ้าความรักของเราฉุดอีกคนให้ต่ำลง ก็ควรจะหลีกออกมา

“มันไม่จบ แล้วก็ไม่มีวันจบ!!!” ร่างสูงกัดฟันบอกเสียงกร้าวหลังจากที่ถอนจูบออกมา เขามองตาแดงๆ หน้าแดงๆ ของเมฆาอย่างหงุดหงิด

“เราเลิกกันเถอะ...นะ ฮึก”

“ไม่เลิก หยุดพูดบ้าๆ แบบนี้สักที”

“เขต…”

“หุบปากไปเลยนะ ฉันไม่เลิก ไม่หยุด ไม่จบอะไรทั้งนั้น นายเป็นของฉัน เป็นเมียฉัน ฉันจะไม่ยอมปล่อยนายไปแน่ๆ และฉันก็ไม่ต้องการที่จะมีคนอื่นด้วย อย่ามาคิดแทนฉัน อย่ามาตัดสินใจแทนฉัน ชีวิตของฉัน ฉันคิดเองได้ ตัดสินใจเองได้”

“งั้นชีวิตของฉัน ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกและตัดสินใจเหมือนกัน”

“โว้ย!!! ทำไมพูดยากพูดเย็นแบบนี้วะ”

“นายนั่นแหละที่พูด อื้อ!!” ร่างบางถูกปิดปากอีกครั้งด้วยจูบที่ร้อนแรง ดุดันกว่าที่ผ่านมา มันเจ็บ มันไม่อ่อนโยน จนเมฆาร้องครางด้วยความเจ็บ มือพยายามดันไหล่กว้างให้ออกไป แต่ก็ไม่เป็นผล

“ถ้ายังไม่เลิกพูดแบบนี้ เอากันตรงนี้แน่!!” คณินกระซิบชิดคอขาวระหว่างที่พรมจูบไปทั่วทั้งคอแบบที่พยายามหนี พยายามหลบยังไงก็เหมือนเป็นการเปิดโอกาสมากกว่า

“ไม่...ไม่เอา อย่านะเขต”

“อย่าทำตัวเป็นผู้ใหญ่พูดไม่รู้เรื่อง” เขาพูดแล้วดูดเน้นๆ ที่คอขาวจนมันเป็นรอยชัดเจน

“อื้อ...เจ็บ อย่าทำรอยนะ เขต เดี๋ยวคนมาเห็น ไม่ อ๊ะ!”

“ก็คบแบบหลบๆ ซ่อนมันไม่มีความสุขไม่ใช่เหรอ นี่ไงจะเปิดเผยให้”

“ไม่...ไม่เอา”

“เลิกดื้อ แล้วก็กลับบ้านไปดีๆ ถ้าพ่อกลับบ้านเมื่อไหร่เราค่อยคุยกัน เข้าใจไหม” คณินถามเสียงเข้ม หากแต่เมฆาไม่ยอมตอบ ร่างสูงเลยจัดการล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อ เมฆาเลยรีบจับเอาไว้ก่อนแล้วตกลงอย่างช่วยไม่ได้

“โอเคๆ ยอมแล้ว ค่อยคุยกันก็ได้”

“ดีมาก...แล้วเลิกคิดไว้เลยว่าจะได้เลิกกัน”

“แต่…”

“ฉันมีความอดทนไม่มากพอหรอกนะเมฆ” กดเสียงต่ำพูดบอกไป ส่งผลให้เมฆาขนลุกซู่ไม่กล้าพูดอะไรที่เป็นการขัดใจของคณินอีก

“ขอโทษแทนพ่อด้วย”

“จะขอโทษแทนทำไม ยังไงคนแบบนั้นก็ไม่สำนึกผิดหรอก”

ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะตัดสินใจกลับบ้าน

“จะกลับแล้ว”

“อือ เดี๋ยวไปส่ง”

“เดินไปเองได้”

“ก็บอกว่าจะไปส่ง ทำไมดื้อจังวะ”

“ไปก็ไป”

ก่อนที่คณินจะโมโหหงุดหงิดไปมากกว่านี้ เมฆาเลยยอมให้ร่างสูงเดินไปส่งที่รถที่มีเจตนั่งคอยอยู่ด้านในที่สตาร์ทรถทันทีที่เห็นเจ้านายอยู่ในสายตา

“ฉันไปแล้วนะ พักผ่อนเยอะๆ ล่ะ อย่ากังวลจนไม่หลับไม่นอน”

“อืม...นายเองก็เหมือนกัน”

“เขต…” ร่างโปร่งช้อนตาขึ้นมอง ดวงตามันดูเหมือนกำลังจะขอร้องอะไรสักอย่างที่คณินจะไม่ยอมให้เมฆาพูดมันออกมาเป็นครั้งที่สองแน่

จุ๊บ!!!

“ขึ้นรถไปได้แล้วไป” คนตัวใหญ่ โน้มหน้าลงมาจูบแรงๆ ที่ปากบางแบบไม่ล่วงล้ำเพื่อปิดปากที่จะพล่ามคำพูดไม่น่าฟังออกมา ก่อนจะดันหลังให้ร่างเล็กกว่าขึ้นไปบนรถได้แล้ว ซึ่งเมฆาก็ต้องเป็นไปตามการบังคับของร่างสูงที่เปิดประตูแล้วจับยัดเมฆาเข้าไปในรถได้จนกระทั่งปิดประตูให้…มือแกร่งโบกมือด้วยสีหน้าราบเรียบเพื่อเป็นการสั่งให้คนที่ประจำตำแหน่งขับออกรถได้ ซึ่งเจตก็ทำตามคำสั่งนั้นทันที พาเจ้านายกลับไร่อย่างปลอดภัย

“พี่เจส คือว่า” ระหว่างที่จะลงจากรถไป เมฆาหันมาพูดกับเจตก่อนแต่มันก็อึกอักไม่รู้จะพูดยังไงก่อน

“พี่จะไม่บอกใครค่ะ เก็บเป็นความลับ มิดชิดแน่นอน”

“ขอบคุณนะครับ”

แล้วร่างโปร่งก็เดินเข้าบ้านไปด้วยสภาพที่อ่อนล้า...อารมณ์ในวันนี้มันมีมากจนเกินไป มากเกินจนพูดตามความคิดความรู้สึกของตัวเองไปหมดเลย…

พอได้สงบสติอารมณ์ก็เสียใจในคำพูดของตัวเองที่บอกเลิกคณิน ใจก็หวังว่าหากได้คุยกันอีกครั้ง คณินจะไม่เลิกกับเขาอย่างที่พูดไว้จริงๆ

อย่าเลิกกันเลยนะ...ขอโทษ




100%
 :ling3: :ling3: :ling3:

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^
ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 09-07-2018 21:19:09
ม่ายยยไม่เลิกสิๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-07-2018 21:28:06
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 10-07-2018 00:17:21
สั้นจางงสนุกมากกกกกก รอวันพฤหัสสส
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-07-2018 00:40:21
พี่เมฆคงเหนื่อยและสับสน
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-07-2018 02:57:45
สู้ ๆ นะ อย่าท้อใกล้จะสำเร็จแล้ว รอนิด  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-07-2018 08:56:41
 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 10-07-2018 10:27:19
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew6:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-07-2018 10:57:54
อุปสรรคมันเยอะ เขตกับเมฆสู้ๆนะ อย่าเพิ่งปล่อยมือจากกันนะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-07-2018 16:13:19
โธ่ สงสารพี่เมฆจัง
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 10-07-2018 18:22:18
พี้เมฆ.. พูดว่า จบ แน่ ตัวเอง ก้อ เจ็บ... ไม่เอานะไ่ม่เลิก
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 10-07-2018 21:56:52
รำคาญกับนายเอกมากเว่อ ย้อนแย้งนู้นนี่นั่นไม่หยุด ตอนแรกนึกว่าจะมาแบบราชินี อ้าวเป็นงี้ซะงั้นน่ะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 10-07-2018 22:56:09
เมฆอย่าคิดแทนใคร ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 11-07-2018 13:40:48
ปวดใจเนอะ
มันสับสน
มันเจ็บปวด
โครตเข้าใจเมฆ เข้าใจเขต
เข้าใจทั้งสองคนเลย
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-07-2018 20:40:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-07-2018 04:14:03
จะว่าน่ารักก็น่ารัก จะว่าเครียดก็เครียด
แต่ที่แน่ๆ สงสารเมฆ กว่าจะผ่านมาได้ เมฆพยายามได้ดี
แล้วตอนนี้ยังกลับมาเจอความเจ็บช้ำอีก พ่อก็ทำกันได้

เขตก็สวิงเหลือเกินนะอารมณ์ อยากให้พี่ง้อ อยากให้พี่อ้อน
ก็ทำปากแข็ง ทำตัวทื่อให้ได้เคือง แล้วอะไร ทำไมต้องไปเฝ้านะ
ทำเนียน อยากให้พี่ไปอยู่ด้วยก็บอกมา

เมฆยังมีอาอาทิตย์ มีเขตนะ ทุกคนคอยอยู่เคียงข้าง

หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 12-07-2018 05:04:30
สงสารเมฆมากๆอ่า
ทำไมพ่อกะลูกนิสัยถึงไม่เหมือรกันเลยนะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {09/07/61} ➡ Ch.15
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 12-07-2018 14:05:47
เมฆน่าสงสารมากเลยค่ะ
พ่อเลี้ยงมนัสนี่ก็ไม่เลิกยุ่งวุ่นวายกับศักดินนท์สักที
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {12/07/61} ➡ Ch.16
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 12-07-2018 22:48:03
16




แกร็ก กึก...กึกกัก

เสียงแปลกๆ ที่ประตูระเบียงทำให้ร่างโปร่งที่กำลังนอนหลับฝันหวานอยู่ถึงกับสะดุ้งแล้วลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความมืด เมฆานอนนิ่งไม่ขยับกาย เพราะกลัวว่าจะมีอันตรายกับตัวเอง หากเป็นโจรมันอยากได้อะไรก็ให้มันหยิบไป เขาไม่อยากสุ่มสี่สุ่มห้าทำอะไรทั้งที่ตัวคนเดียวแน่ๆ

หัวใจเต้นแรงระส่ำด้วยความหวาดหวั่น นึกโทษตัวเองในใจที่ไม่ยอมล็อกประตูระเบียงก่อนเข้านอน แต่นั่นแหละเขาประมาทเองไม่คิดว่าจะมีใครแอบลักลอบเข้ามายามวิกาลแบบนี้

ครืด…

เมฆากลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก เมื่อได้ยินเสียงเลื่อนเปิดแล้วก็ปิด แต่แอบด่าโจรว่ามันโง่หรือเปล่าที่ปิดประตูคืน...หากโดนจับได้นี่หนียากเลยนะ

สวบ!!

เฮือก!!! แย่แล้ว มันขึ้นมาบนเตียง มันอยู่ข้างหลังเขา

มือใหญ่ของคนที่เมฆาคิดว่าเป็นโจรกระชากผ้าห่มออกจากกายบางแล้วลูบไปตามแขนแขนต้นขา แล้วสะโพกกลมกลึงสลับกับบีบเบาๆ ทำเอาร่างกายของเมฆาสั่นขึ้นมาอย่างกลัวๆ คนที่บุกรุกยามวิกาลสัมผัสได้ถึงร่างกายที่สั่นระริกแล้วก็ยิ้มอย่างพอใจ
คนที่ลักลอบเข้ามาไม่รู้ว่าเจ้าของห้องหลับจริงหรือว่าแกล้งหลับ แต่ร่างสั่นระริกนี้บ่งบอกได้อย่างดีว่าคนบนเตียงมีสติดีทุกอย่าง ร่างสูงใหญ่ปิดม่านเลยทำให้ห้องยิ่งมืดไปอีก เมฆาเม้มปากแน่นไม่ให้หลุดเสียงร้องของตัวเองออกไปยามที่มือร้อนลากไปตามร่างกายของตน

อย่าบอกนะว่าจะทำอะไรเราน่ะ...ถ้าจะเอาของสำคัญก็เอาไปสิ จะมายุ่งกับเขาทำไม ไม่นะ…

“ฮือ…” เมฆาแสร้งส่งเสียงในลำคออย่างรำคาญเมื่อถูกชายปริศนาพลิกกายให้นอนหงาย ก่อนที่ชายตัวใหญ่จะขึ้นคร่อม นั่นทำให้เมฆาเบิกตาโพลงแต่ก็มองไม่เห็นหน้าของคนที่บุกรุกเข้ามาอยู่ดี

“ใคร…”

“หึ”

ร่างแกร่งไม่ตอบ ส่งเสียงในลำคอเบาๆ ยิ่งทำให้ร่างโปร่งบางขนลุกซู่

แควก!!!

มือใหญ่กระชากชุดนอนของเมฆาจนกระดุมหลุดออกหมด ร่าโปร่งอ้าปากจะตะโกนให้คนมาช่วย หากแต่เพียงว่าคนบุกรุกได้ยินเสียงที่เปล่งออกมาก็แนบประทับริมฝีปากปิดเอาไว้ทันทีพร้อมกับปลายลิ้นร้อนที่ชอนไชเข้าไปเกี่ยวกระหวัดความอ่อนหวานของคนใต้ร่างที่ตอนนี้แด้ดิ้นสุดชีวิต เพื่อให้หลุดจาดการคุกคามที่น่ากลัวนี้ได้

มือหยาบลูบไล้ไปตามแผ่นอกและหน้าท้องเรียบเนียน สร้างความรู้สึกแสนรังเกียจให้กับเมฆาที่เอามือทุบตี ดึงผมให้คนตัวใหญ่ออกไป ปากดูดดึงลิ้นเล็กและกลีบปากสลับกันรุนแรง คนใต้ร่างเหมือนจะไม่หมดแรงง่ายๆ เขาทั้งดิ้น ทั้งทุบ ทั้งต่อย ดึงผม   ก็แล้ว แต่ร่างใหญ่ไม่สะทกสะท้านเลย ความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจ คนที่เขาคิดถึงเป็นคนแรกคือคณิน น้ำตาไหลลงมาอย่างทรมานและเจ็บปวด

ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้…ทำไมต้องทำร้ายเขา…

“ฮึก...อื้อ” เสียงสะอื้นปนกับเสียงที่เปล่งออกมาเพื่อให้ดังพอที่คนจะเข้ามาช่วยได้ แต่มันก็ไม่เป็นผล คนที่กระทำการจาบจ้วงริมฝีปากของเมฆาอยู่ไม่ยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระได้เลย หันหน้าหนีไปทางไหนก็ไม่พ้น

เขาไม่รู้สึกร่วมไปด้วยเลยสักนิด มีแต่ความกลัวและรังเกียจกับสัมผัสนี้…

“ฮึก”

เมฆาหยุดดิ้น นอนนิ่งๆ รับชะตากรรม น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย ร่างกายสั่นสะท้านจนน่ากลัวทำเอาคนตัวโตหยุดการกระทำหยาบคายของตัวเอง ผละออกมาแล้วเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง ก่อนจะกลับมาคร่อมทับร่างโปร่งบางอีกครั้งที่นอนนี้นอนหลับตาร้องไห้อยู่อย่างน่าสงสาร

ร่างสูงยิ้มก่อนจะก้มลงซุกไซ้ซอกคอหอมที่เขาหลงไหลติดใจและคิดถึงมันมาก เพราะไม่ได้สัมผัสมันมาหลายเดือน ลิ้นร้อนไล่เลียไปรอบๆ คอขาว คนที่นอนร้องไห้ก็ยังนอนนิ่งตัวสั่นๆ แม้ว่ามันน่าสงสารแค่ไหนแต่คนตัวเล็กกว่าต้องโดนทำโทษเสียบ้าง จะได้รู้ว่าการที่อยากเลิกกับเขาแล้วเป็นของคนอื่นมันน่ากลัวแค่ไหน

“บทลงโทษของคนพูดไม่คิด”

เสียงกระซิบแหบพร่าที่ข้างหูพร้อมกับสัมผัสชวนขนลุกเมื่อปลายลิ้นของคนพูดไล่เลียไปทั่วหูขาวจนคนที่เบิกตากว้างเพราะเสียงที่คุ้นหูหลุดครางออกมา

แค่เสียงที่บ่งบอกตัวตนของคนที่บุกห้องเขายามวิกาลว่าเป็นใคร จากความรู้สึกที่ทรมาน อยากจะตายก็กลายเป็นโล่งใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นน้อยใจในที่สุด เมฆาร้องไห้ออกมาอย่างหนักแต่ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่มันเป็นเพราะความโล่งใจ ดีใจ และน้อยใจปนๆ กัน

“ฮือ...น่ะ นายมันบ้า ฮึก รู้ไหมว่าฉันจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายแล้วนะ ฮือ”

ร่างสูงผละออกมาจากซอกคอขาวมองสบกับดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาที่กลั่นออกมาตามอารมณ์ที่รู้สึก แต่คณินก็คือคณิน ไม่มีการปลอบใจ ไม่มีการขอโทษอะไรทั้งนั้น

คณินเงยหน้าให้เมฆาเห็นเพื่อตอกย้ำว่านี้เป็นเขาไม่ใช่ใคร ก่อนที่ร่างสูงจะจัดลอกคราบคนใต้ร่างที่อ่อนระทวยรวยแรงไปก่อนหน้านี้ให้เปลือยเปล่า จากที่ไม่มีอารมณ์และรังเกียจสัมผัสหยาบโลนก่อนหน้านี้ของเมฆา พอได้ยินเสียงที่คุ้นเคยร่างกายก็ตอบสนองอย่างอัตโนมัติ ความกลัวหายไป ความวาบหวามเข้ามาแทนที่

“อื้อ...มาได้ไง”

“ปีนหน้าต่างมาไงถามได้”

“อ๊ะ...เขต อื้อ แล้วอาอาทิตย์ เป็นไง อื้อ บ้าง”

“ออกจากโรงบาลแล้ว”

“ม่ะ มาทำไร อ๊ะ”

“ลงโทษคนพูดไม่คิด แล้วก็คุยให้รู้เรื่อง ก่อนอื่นต้องขอลงโทษก่อนสักสามสี่ยก แล้วค่อยพูดกัน ฉะนั้น หยุดพูดซะ แล้วครางอย่างเดียวพอ เพราะนี่จะเอาแบบไม่ปล่อยให้หยุดพักแน่”

“ต่ะ...แต่”

“จิ๊ พูดมากจังวะ ลุกขึ้น!” คณินจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด ลุกออกจากร่างกายขาวเนียนแล้วบังคับให้ร่างโปร่งบางลุกขึ้นมานั่ง ซึ่งเมฆาก็ทำตามอย่างเชื่อฟัง คณินถอดเสื้อผ้าออกจากกายไปให้หมด ก่อนจะไปนั่งพิงพนักเตียงเหยียดขายาว เอื้อมมือมารูดรั้งส่วนกลางลำตัวของตัวเอง สายตาก็สบกับดวงตาของเมฆาที่มองกันอย่างเอียงอาย

คณินปล่อยมือออกจากแก่นกายใหญ่ของตน

“ใช้ปาก”

“ห๊ะ!”

“มาอมมันเดี๋ยวนี้”

“เขต...แต่ว่า”

“มา! จะได้เลิกพูดมากเสียที”

“ไม่เอา!” เมฆาปฏิเสธเสียงแข็ง หันหน้าหนีร่างสูง คณินเห็นแบบนั้นก็ชักจะโมโห เห็นท่าทีพยศนั่นแล้วเริ่มหงุดหงิด ทำผิดแล้วยังจะมาเอาแต่ใจตัวเองอีก…

“จะทำไม่ทำ ถ้าไม่ทำจะไปให้คนอื่นทำให้”

ขวับ!!

ใบหน้าหล่อสะบัดมามองหน้าคนพูดอย่างไม่พอใจ เม้มปากแน่นอย่างระงับอารมณ์

“เออ! จะว่าไปก็อยากเลิกไม่ใช่เหรอวะ งั้นก็ดี ไปให้คนอื่นทำให้ก็ได้” คณินว่า พลางทำท่าจะลุกขึ้น แต่เมฆาไวกว่าคลานไปนั่งทับหน้าแข้งของคณินเอาไว้ เอื้อมมือนุ่มไปจับที่ส่วนลำตัวแข็งแรงที่ขยายสู้มือ คณินเอนหลังพิงกับพนักเตียงอีกครั้ง มองใบหน้าหล่อด้วยความพึงพอใจ

เมฆานั่งมองแก่นกายใหญ่ที่อยู่ในมือของตัวเอง คิ้วขมวดแน่น สีหน้าจริงจังจนคณินหลุดขำออกมา

“หึหึ”

หวงกันขนาดนี้แล้วมาทำปากเก่งบอกเลิก…

แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เมฆาสนใจ มือขาวค่อยๆ ขยับรูดรั้งขึ้นลงเหมือนกับที่เคยทำกับตัวเอง เงยหน้ามองสีหน้าของคณินเล็กน้อยก่อนจะยิ้มมุมปากได้ใจเพราะสีหน้าที่ดูทรมานของคณินทำให้เขาออกแรงขยับให้เร็วและแรงขึ้น เสียงครางต่ำดังออกมาจากคนตัวใหญ่ที่มองร่างกายเมฆาด้วยสายตาวาววับอย่างกับเสือจ้องเขมือบเหยื่อ

“ซี้ด...อ่า”

คณินขัดใจแต่ก็เสียวซ่านหากแต่ต้องการให้ปากของเมฆานั้นครอบครองมากกว่ามือ

“พี่เมฆ...อ่า ปาก”

“แค่มือได้ไหม” เมฆาเอ่ยขอร้องเสียงอ่อน

“พี่เมฆ...อา...พี่เมฆ”

คณินรู้จุดอ่อนของเมฆาดี หากเขาเรียกอีกคนว่า ‘พี่’ เมื่อไหร่ เมฆาจะใจอ่อน แล้วยอมเขาทุกอย่าง ซึ่งมันก็เป็นทุกกรณีไม่มียกเว้น เมฆาเม้มปากแน่น ก่อนจะข่มความอายค่อยๆ โน้มหน้าลงไปที่ส่วนกลางลำตัวที่ขนาดสมส่วนกับร่างกายที่ได้รับมาจากพ่อเลี้ยงตะวันเต็มๆ

แลบลิ้นออกมาแล้วค่อยๆ แตะที่ส่วนปลายอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่พอได้ยินเสียงครางด้วยอารมณ์เสียวซ่านของคณินแล้ว เมฆาก็เริ่มได้ใจและสนุกไปกับมัน ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าจะต้องทำแบบไหน เพราะตอนที่ถูกทำให้เขาก็มองอยู่ตลอดนั่นแหละ เพียงแต่ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเอามาใช้กับผู้ชายด้วยกันแล้วตัวเองต้องเป็นฝ่ายทำแบบนี้

“โอ้ว...ซี้ด ดี ดีมาก อา ทำไมเก่งจังวะ”

ยิ่งถูกชมเมฆายิ่งฮึกเหิม ไล่เลียสลับครอบครองด้วยโพรงปากอ่อนนุ่ม ความใหญ่ของมันทำให้เมฆาไม่สามารถที่จะเอามันเข้าปากไปได้หมด ร่างสูงจับศีรษะเล็กกดลงไป ก่อนจะกระทุ้งเอวสวนขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามันเสียวจนทนไม่ไหวแล้ว เขาอยากจะปลดปล่อยเต็มที

ตลอดเกือบสองเดือนที่เราไม่ได้สัมผัสกันเลย แม้แต่จูบก็ไม่มี ที่สำคัญล่าสุดที่เจอก็ดันมีเรื่องเสียก่อน ไหนจะถูกบอกเลิกทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

ความต้องการของเด็กหนุ่มยิ่งรุนแรงมากขึ้น

“อื้อ...อื้อ”

เมฆาร้องในลำคอเพราะคณินไม่ยอมให้ปากของเขาเป็นอิสระ ร่างโปร่งช้อนตามองคนที่กดศีรษะสวนกายขึ้นตอบรับจังหวะของเขา สีหน้าของคณินดูทรมานแบบเซ็กซี่ คนอายุน้อยกว่าหลับตาแต่คิ้วขมวดกัน ไม่นานร่างสูงก็ปลดปล่อยมันออกมาใส่ปากเล็กของเมฆาจนร่างโปร่งสำลัก

แคกๆ

“อึก…” ร่างโปร่งคายมันออกมา ก่อนจะใช้หลังมือเช็ดปากตัวเอง

คณินลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้าที่นั่งมองเขาด้วยสีหน้าอายๆ แก่นกายของเมฆาที่ขยายตัวเต็มที่เพราะแรงอารมณ์เสียดสีกับหน้าแข้งของเขา ร่างแกร่งหัวเราะเบาๆ

พรึ่บ!!!

“อ๊ะ...เขต เดี๋ยว จะทำอะไร อ๊ะ ใจเย็นๆ เขต”

เมฆาร้องอุทานอย่างตกใจเมื่อคณินผลักร่างโปร่งให้ออกจากขาของเขาจนเกือบจะตกเตียง หากแต่มือแกร่งก็คว้าแขนเล็กเอาไว้ได้ก่อนแล้วเหวี่ยงร่างของเมฆาให้ลงไปนอนที่เตียง เขาจัดการแยกขาของเมฆาออกจากกัน  เมฆาที่อยู่ในท่าน่าอายก็เอามือปิดปากเพราะสายตาของคณินตอนนี้บอกเลยว่าน่ากลัว เขากลัวว่าตัวเองจะร้องเสียงดังไป จนคนในบ้านตื่นขึ้นมา

โดยเฉพาะพ่อของเขาที่นอนอยู่…

“เก็บเสียงดีๆ ไม่งั้นคนแห่มาแน่”

ร่างสูงบอกเสียงพร่า สีหน้าทรมานสุดๆ เมฆารู้ว่าตัวเองจะเจออะไร...

สวบ!!!

“อ๊า...า….า” ร่างโปร่งบางร้องใส่มือตัวเองออกมาเสียงดังเมื่อร่างสูงสอดใส่แก่นกายใหญ่โตของตัวเองเข้ามาอย่างรุนแรง ทีเดียว มิดลำ และยังไม่ทันที่เมฆาจะหายเจ็บ คณินก็สวนกายเข้าออกขยับด้วยจังหวะรุนแรงจนร่างของเมฆาสั่นคลอนไปตามจังหวะการกระแทกกระทั้น

คณินกัดฟันกรอดจนเห็นเส้นเลือกที่ขมับ เขาเน้นย้ำเข้าไปอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน นี่เป็นการลงโทษ ส่วนที่เมฆาปรนนิบัติให้เข้าเมื่อกี้ถือว่าเป็นการง้อ แต่ตอนนี้คณินกำลังเริ่มบทลงโทษของค่ำคืนนี้ทันทีด้วยความรุนแรงหนักหน่วง เล่นทำเอาคนที่รองรับอารมณ์ถึงกับกลั้นเสียงจนแทบจะขาดใจตาย

“อื้อ...อ๊า อ๊า อ๊ะ อ๊ะ เขต อ๊า”

“ฮืม...อึก รัดโคตรแน่น อา…”

“ไม่ อ๊า มันแรงไป อ๊า มันเร็วไป ไม่ไหว อ๊า จะออกแล้ว” ร่างโปร่งเสียวซ่านเกินจะทนเลยปลดปล่อยน้ำรักออกมาทั้งๆ ที่คณินก็ยังสวนกายรุนแรงอยู่อย่างนั้น

เมฆาเริ่มมีอารมณ์กลับมาอีกครั้งเมื่อมือแกร่งยื่นมาสะกิดเม็ดทับทิมของเขาเล่น ก่อนจะดึงร่างขาวขึ้นมากลายเป็นว่าเมฆากำลังนั่งทับส่วนกลางลำตัวของคณินที่กำลังเด้งขึ้นหนักๆ เรียวขาเกี่ยวกันแน่นเป็นการรัดเอวสอบเอาไว้อย่างแน่นหนา เชิดหน้า กัดปาก เสียงที่ดังออกมาจะได้ไม่ดังเกินไป ปลายลิ้นร้อนของคณินเองก็ทั้งดูด ทั้งเลียที่เม็ดทับทิมของเขาจนรู้สึกเสียงซ่านทั้งส่วนข้างบน และข้างล่าง

เพราะมีเมฆานั่งทับ จังหวะในการกระแทกกายของเมฆาเลยช้าลง แต่ก็ยังคงหนักหน่วง หากแต่มันก็ไม่ทันใจเมฆาที่ตอนนี้อารมณ์พุ่งขึ้นสูงเลยสักนิด ร่างบางก้มหน้าลงจูบที่ริมฝีปากหนา ปลายลิ้นร้อนหยอกล้อกันทั้งข้างนอกแล้วก็วกเข้าไปข้างในโพรงปาก

“อื้อ...อ๊ะ เขต เร็วๆ อ๊า”

“อือ...อา ทำเองดิ”

พลัก!!

เมฆาทนไม่ไหวแล้ว เขาผลักร่างแกร่งให้นอนราบไปกับเตียง ก่อนที่ร่างโปร่งบางจะขย่มร่างแกร่งอย่างแรงและเร็วตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน

คณินเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหายที่ได้เห็นความเร่าร้อนของเมฆา  มือแกร่งจับเอวบางเอาไว้ บ้างก็สวนกายรับจนเมฆาครางออกมาอย่างเสียวซ่าน

“อา อย่างนั้น เมฆ โอ้ว พี่เมฆ อา…”

“เขต...อ๊า เขต อื้อ เสียว อ๊า เสียว”

“ซี้ด แบบนั้นแหละ อา…”

ทั้งคู่บรรเลงเพลงรักอย่างเร่าร้อนรุนแรง ไม่นานทั้งสองก็ถึงฝั่งฝัน เมื่อปลดปล่อยแล้ว ร่างโปร่งก็ทิ้งตัวนอนทับคณินทั้งๆ ที่แก่นกายใหญ่ยังคาอยู่ในช่องทางรัก

และมันก็กำลังขยายตัวอีกครั้ง

“เหนื่อยแล้วนะเขต”

“ไม่ได้...บทลงโทษนี้ยังอีกนาน”

“ม่ะ ไม่ อ๊า!!”

เมฆาร้องเสียงหลงเมื่อถูกจับให้อยู่ด้านล่าง ร่างสูงก็ไม่รอช้าที่จะขยับกายเข้าออกเพื่อเริ่มต้นเพลงรักอีกรอบ อีกรอบ และอีกหลายหลายรอบ…



เมฆานอนเปิดตาในความมืด เขานอนอยู่ในอ้อมแขนของคณินที่กำลังนอนหลับไปด้วยความเหนื่อย เราสองคนเพิ่งจะหยุดกิจกรรมเข้าจังหวะกันเมื่อกี้นี่เอง เขาโดนทำโทษ...เลยยังไม่ได้พูดอะไรกันเลย นี่ก็ตีสี่กว่าเกือบจะตีห้าแล้ว ร่างสูงควรที่จะกลับไปได้แล้วเพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงปลอดภัยที่จะเดินออกจากไร่ไปโดยไม่มีใครเห็น

แต่เขาอยากนอนอยู่ในอ้อมแขนของคณินแบบนี้...ซึ่งไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีโอกาสหรือเปล่า ที่เราจะได้นอนพร้อมกัน ตื่นขึ้นมาเจอหน้ากันโดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครรู้ จะมีใครเห็น

“ฉันมองไม่เห็นแสงสว่างในทางที่เรากำลังเดินอยู่เลย”

“แล้วจะกลัวอะไร ถ้าเราจับมือเดินไปด้วยกัน” คนที่เมฆาคิดว่าหลับไปแล้วพูดขึ้นมา ทำเอาร่างโปร่งสะดุ้งด้วยตกใจ…

“ไม่ได้หลับเหรอ”

“หลับแล้ว ตื่นแล้ว...มันถึงเวลาที่ต้องไปแล้วนี่”

คณินลุกขึ้นนั่งก่อนจะเดินลงไปเก็บเสื้อผ้ามาสวมใส่เตรียมตัวออกจากที่นี่ไป เมฆามองร่างสูงแล้วถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ

“ไหนว่าจะมาเคลียร์กันไง ไม่เห็นจะพูดอะไรเลย”

“แล้วจะให้พูดอะไร ที่เอากันตลอดทั้งคืนก็เป็นคำตอบดีอยู่แล้วนี่ว่านายไม่อยากเลิก และฉันก็ไม่เลิก”

“เมื่อไหร่จะเลิกพูดตรงๆ เลิกพูดหยาบๆ สักที”

“ก็คนมันเป็นแบบนี้” คนอายุน้อยกว่าตอบอย่างไม่ใส่ใจ แล้วสวมเสื้อผ้าของตัวเองไปด้วย ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของเมฆาทั้งหมด

ร่างกายของคณินเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรง และสามารถที่จะเติบโตได้มากกว่านี้อีก

“ฉันไม่ชิน ฟังแล้วไม่ชิน”

“ก็พูดกับนายแค่คนเดียวเปล่าวะ”

ลองพูดกับคนอื่นดูสิ….

“เฮ้อ...แล้วนี่จะไปแล้วเหรอ” คนตัวขาวเปลี่ยนเรื่อง

“อือ...เดี๋ยวคนเขาตื่นหมดจะหลบลูกปืนไม่ทัน”

“อย่าพูดอะไรเป็นเล่นแบบนี้สิ ฉันไม่ชอบ”
“หงุดหงิดอะไรวะ หรือว่าท้องแล้ว ก็ไม่นี่หว่า เห็นไปฉีดยาคุมทุกเดือน” ร่างสูงเดินมานั่งที่ปลายเตียง มองตากับเมฆาอย่างสื่อความหมายที่เขาไม่เคยได้เห็นมันมาก่อน

แค่นี้ก็เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปแล้วล่ะ

“บ้า!!”

“เอ้า! ก็ดูดิ๊ อารมณ์อย่างกับคนท้อง หรือว่าอยาก...งั้นมา เดี๋ยวช่วย”

“ไอ้บ้า!! ไม่ใช่สักหน่อย รีบกลับไปเลยไป” ร่างโปร่งเอ่ยปากไล่ ชันเข้าขึ้นมาแล้วเอาคางวางไว้บนเข่าที่มีผ้าห่มคลุมอยู่

“หึหึ ก็นึกว่าไม่พอ แรกๆ ชอบทำเป็นขัดขืนไม่ยอม แต่พอเครื่องติดก็เล่นทำเอาหมดแรง คนอะไรวะจะเร่าร้อนได้ขนาดนี้ แต่ก็ดี มีเมียแบบนี้จะได้ไม่ต้องหาคนอื่น ถึงใจ...คิดว่าเอากับคนอายุมากกว่าแล้วแม่งจะหมดแรงง่ายๆ ที่ไหนได้ หึหึ...อึดโคตร” ร่างสูงพูดออกมาอย่างไม่อายปาก ส่งสายตาให้กับเมฆาที่นั่งอายอยู่บนเตียง

“หยุดพูดเลยนะ…ไอ้เด็กบ้า หุบปากไปเลยไป”

“ทำมาเป็นอาย จำไม่ได้หรือไงว่าเมื่อกี้ขึ้นควบมากี่ครั้ง โดยเฉพาะรอบก่อนสุดท้าย ทั้งๆ ที่ฉันตั้งใจจะหยุดแท้ๆ อยู่ดีๆ ก็ลุกมาขี่กันซะงั้น หึหึ”

“นี่เขต...หยุดพูดเลยนะ ฮื่อ!!”

มันเป็นความจริงที่ไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ แต่มันควบคุมตัวเองไม่ได้ พอถูกไฟราคะครอบงำ เขาก็เหมือนทำทุกอย่างตามความต้องการส่วนลึกของจิตใจไปเลย มันออกไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจ มันเหมือนว่าอะไรที่เคยรู้สึกขาดหายมันได้ถูกเติมเต็ม ที่สำคัญมันทำให้เมฆารู้สึกว่าคณินอยู่กับเขาจริง

ยิ่งรุนแรงมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งตกย้ำว่าคณินอยู่กับเขา...อยู่ข้างๆ เขา และเวลาที่เขาอยู่ข้างบน เมฆารู้สึกว่า คณินเป็นของเขา...
คณินเงียบ หยุดล้อ หยุดแซวคนตัวเล็กกว่าเพราะเดี๋ยวมันจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ เขานั่งมองร่างโปร่งนิ่งๆ สังเกตใบหน้าหล่อใสที่อยากจะเห็นมันตลอดเวลา ก่อนจะพูดออกมาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจัง

“ห้ามพูดคำว่าเลิกออกมาอีก เข้าใจไหม ไม่งั้นจะลงโทษโดยการบุกเข้ามาฉุดตรงๆ แบบไม่ลักลอบเข้ามาแบบนี้ เอาให้รู้กันให้หมดเลย ให้มันวุ่นวายไปเลย”

“อือ...ขอโทษด้วยนะที่งี่เง่า” เมฆาสำนึกผิดตั้งแต่เมื่อวันนั้น ปากเก่งแต่จริงๆ แล้วก็ขาดคณินไม่ได้ เขาเสียน้องชายคนนี้มาสิบห้าปีกว่า จะไม่ยอมเสียคนที่รักไปอีกเด็ดขาด

เมฆาจะยอมคณิน ถ้าเราเลิกกัน...ไปกันไม่ได้ หรือถ้าคณินเจอคนที่ดีกว่า ก็ให้คณินเป็นคนบอกเลิกเอง เป็นคนตัดสินใจเรื่องระหว่างเรา...

“ไม่ชอบเลย มันเจ็บ เข้าใจใช่ไหม” คณินบอกออกไปตรงๆ ว่าตัวเองเจ็บที่ได้ยินคำว่าเลิก นั่นยิ่งตอกย้ำให้คนอายุมากกว่ารู้สึกผิด

“อื้อ...ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจให้เจ็บ แต่ฉันก็เจ็บไม่แพ้นายเลยนะเขต การที่จะต้องทิ้งคนที่ฉันอยากอยู่ข้างๆ มาโดยตลอด มันไม่ได้ง่ายเลยนะ”

“ทีหลังก็อย่าคิดตื้นๆ”

“อื้อ”

“แค่คิดจะปล่อยกันไปก็ไม่ได้ นายต้องรับผิดชอบฉัน ให้ทั้งชีวิตกับฉัน รักฉันแค่คนเดียว แล้วอนาคต ฉันสัญญา เราจะต้องได้อยู่ด้วยกัน”

เมฆาหลบสายตา…

เขารู้ความหมายในประโยคนั้น ถ้าพ่อของเขาได้รับผลกรรมที่ก่อ ไม่ว่าจะติดคุกหรืออะไร คณินจะดูแลเขาเอง แต่เมฆาทำแบบนั้นไม่ได้ เขาปล่อยให้พ่ออยู่คนเดียวไม่ได้

เมฆาไม่อยากมีความสุข ในขณะที่พ่อลำบากอยู่ในคุก

“ถ้าฉัน...คือ เปล่าหรอก”

ร่างโปร่งตัดสินใจไม่พูดมัน ทำเอาคณินขมวดคิ้วฉงน แต่ก็ไม่อยากซักไซ้ให้มากความ เขาก็ควรจะให้ความเป็นส่วนตัวเมฆาบ้าง ถ้าเมฆาพร้อมจะพูด ก็คงบอกเขาเอง

“ไม่มีอะไรแน่นะ จะได้ไป”

“เขต…”

“หือ?”

“เราจะเจอกันอีกเมื่อไหร่”

“ไม่รู้สิ ถ้าว่างจะโทรมาก็แล้วกัน ถ้าเจอได้เดี๋ยวนัด แต่ถ้ากลางวันไม่ว่าง กลางคืนจะมาหาที่นี่อีก”

เมฆาไม่อยากให้ร่างสูงเสี่ยงชีวิตเข้ามาหาเขาที่นี่เลย ถ้าคณินโดนเก็บ แน่นอนว่าพ่อของเขาต้องบอกว่าเป็นการป้องกันตัว คณินจะโดนข้อหาบุกรุกด้วย เขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น

“นายเลิกมาที่นี่ตอนกลางคืนจะได้ไหม”

“ทำไม?”

“เป็นห่วง แล้วก็กลัวด้วย”

“อย่ากังวลน่า ฉันมีวิธีที่จะเข้ามาอย่างปลอดภัยก็แล้วกัน”

“แต่ว่า…”

“สัญญา ว่าจะไม่มาบ่อย โอเคนะ”

“อือ”

“ไปแล้ว”

ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปหาเมฆา ร่างโปร่งเองก็ยื่นเข้าหาอย่างรู้งาน ปากของเราสัมผัสกันเบาๆ แต่ทำให้หัวใจเต้นแรงได้ไม่ต่างจากจูบที่ดูดดื่มเลย

ตาสบตา สื่อความรู้สึกที่ลึกซึ้งกันอย่างตรงไปตรงมา หัวใจของเมฆาเต้นแรง มือสั่นด้วยความตื่นเต้นที่ตัวเองถูกมองด้วยสายตาแบบนี้เป็นครั้งแรก

“เดินกลับดีๆ นะ”

“ครับ นอนได้แล้ว เช้าแล้ว เดี๋ยวต้องตื่นไปทำงานไม่ใช่เหรอ”

“อื้อ…”

“นอนไปเถอะ”

“อ่า...ครับ”

เมฆามองร่างสูงที่เดินไปยังระเบียง แล้วทำการปีนลงไปอย่างชำนาญ มือบางแนบที่หัวใจ มันรู้สึกอบอุ่น อิ่มเอม เขาไม่ได้คิดไปเองว่าคณินเปลี่ยนไปนิดหน่อย แม้ว่าตอนร่วมรักจะรุนแรงเพราะบอกว่าเป็นการลงโทษ แต่คำพูดเมื่อกี้นี้มันอ่อนโยนขึ้นหรือเปล่า
จะว่าไปแล้วการระเบิดลงในวันนั้น มันก็ทำให้คณินปฏิบัติกับเขาอ่อนโยนขึ้น  ล่ะนะ

“พี่รักเขตนะ…”





100%
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^

ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {12/07/61} ➡ Ch.16
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 12-07-2018 23:14:14
เขตพูเไม่เพราะเลย ไม่นึกถึงคนฟังเลย :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {12/07/61} ➡ Ch.16
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-07-2018 00:05:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

ร้อนแรงจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {12/07/61} ➡ Ch.16
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-07-2018 02:14:42
 :haun4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {12/07/61} ➡ Ch.16
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 13-07-2018 06:18:34
เขตลงโทษพี่เค้าแล้ว... หายโกรธแล้ว... พูด กับ พี่ เค้า ดี ดี นะ.. สงสารพี่เมฆ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {12/07/61} ➡ Ch.16
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 13-07-2018 08:57:56
ฮื่ออ เขตพูดไม่เพราะเลย ขัดใจ
สงสารพี่เมฆจัง เขตรุนแรงมาก แต่คู่นี้เค้าร้อนแรงกัน
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {12/07/61} ➡ Ch.16
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 13-07-2018 11:18:58
ในความปากร้ายยังมีความหวานแอบซ่อนอยู่สินะ
คู่นี้รักกันแบบฮาร์ดมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {12/07/61} ➡ Ch.16
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 13-07-2018 15:56:49
ไอ้เขต ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {12/07/61} ➡ Ch.16
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 13-07-2018 21:08:21
เขตก้อยังคงเป็นเขต
และเมฆก็ยังคงเป็นเมฆ
รักเขตเมฆนะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {12/07/61} ➡ Ch.16
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 14-07-2018 18:02:20
ติดตามจ้า
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {16/07/61} ➡ Ch.17
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 16-07-2018 22:10:10
17





“มึงๆ นั่นใช่พี่เมฆหรือเปล่าวะ มากินข้าวกับใครก็ไม่รู้หล่อด้วย”

ขวับ!!!

คณินที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์เพื่อแชทหาคนในความคิดขณะที่รออาหารมาเสิร์ฟ แต่แล้วประโยคคำถามที่มาจากปากของเพื่อนสนิทตรงหน้าก็ทำให้เขาหันขวับไปยังด้านที่ศตคุณชี้

ถ้ามันมีแค่ชื่อของเมฆาบอกเลยว่าคณินก็ไม่รีบหันขนาดนี้หรอก แต่มันดันเป็นคำถามที่เหมือนกับว่าเมฆามาทานข้าวกับผู้ชายหน้าตาดี ทั้งๆ ที่เพื่อนของตัวเองนั่นก็คือชานนท์กลับต่างประเทศไปนานแล้ว ร่างสูงชักสีหน้าไม่พอใจ จ้องมองเมฆาที่ยิ้มให้คนที่นั่งตรงข้ามตัวเองนิดๆ โดยไม่รู้เลยว่าเขาเองก็อยู่ในร้านนี้ด้วย

พรึ่บ!!

ไม่รอช้าคณินก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังทั้งคู่ทันที สีหน้าของเมฆายามที่เห็นหน้ายักษ์ๆ ของคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟนก็ทำเอาหน้าเสียจนไม่รู้จะทำยังไง ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกันที่นี่

“สวัสดี”

“อ้าว? เขตนี่เอง มีอะไรถึงมาทักกันแบบนี้ล่ะ คุณคณิน ศักดินนท์” พอผู้ชายที่เมฆามาทานข้าวด้วยหันมาก็ทักทายเขาอย่างรู้จักสนิทสนมกัน

แต่ความเป็นจริงแล้วก็ไม่ถูกกันเท่าไหร่หรอก ไอ้ประโยคที่พูดนั่นก็ประชดประชันดูหาเรื่องซะมากกว่า

“ไม่ได้มีอะไรกับคุณหรอก แต่มีกับอีกคน”

“เอ่อ...ว่าไงเขต มีอะไรหรือเปล่า”

“ไอ้มีน่ะมีแน่ ลุก!”

“เฮ้ยๆ จะมาสั่งให้คุณเมฆลุกแบบนี้ได้ยังไง เขามากับฉันนะไอ้หนู” ศรันย์โวยวายใส่คนอายุน้อยกว่าที่ตัวเองไม่ชอบหน้าสักเท่าไหร่ เพราะเคยถูกคนอายุน้อยกว่าคนนี้หักหน้ากลางงานประชุมมาแล้ว

“จะมากับใครก็ช่างแต่ต้องกลับกับฉัน”

“นี่ ให้มันน้อยๆ หน่อย ทำตัวเสียมารยาทกับผู้ใหญ่จริงๆ แล้วสนิทสนมกันรึไงถึงได้มาสั่งให้เขาลุกไปกับแกเนี่ย” ศรันย์ชักสีหน้าไม่พอใจ

“เอ่อ...คุณศรันย์ครับ พอดีผมนัดคุยธุระกับน้องเขาเอาไว้แล้วน่ะครับ ผมลืมบอกไป” เมฆาเอ่ยขึ้นมาเพื่อขัดขวางการเถียงของทั้งสองคน

“ไม่ยักกะรู้ว่าสมรชัยติดต่อกับศักดินนท์ด้วย”

เป็นเรื่องแล้วไง!!!

“มันไม่ใช่เรื่องงานหรอกครับ เรื่องส่วนตัวนิดหน่อย ยังไงก็ต้องขอโทษนะครับ เอาไว้คราวหน้าผมจะเลี้ยงเป็นการขอโทษอีกทีนะครับ”

“ถ้าคุณเมฆว่าแบบนั้นผมก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ”

“ขอบคุณนะครับ”

เมฆาลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามคณินไป ไม่วายหันไปยิ้มแห้งๆ ให้กับศรันย์ซึ่งก็ยิ้มหวานกลับมาให้ คณินตวัดสายตาให้กับร่างโปร่งอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันไปสบตากับศรันย์แล้วยักคิ้วเยาะเย้ย อ้าปากพูดแบบไม่มีเสียงว่า ‘ของกู’

นั่นทำให้ศรันย์กำหมัดแน่นอย่างไม่พอใจ โกรธเคืองเด็กหนุ่มที่มักจะทำอะไรก็ได้ดีกว่าไปซะทุกเรื่อง แต่เรื่องของเมฆาเขาไม่ยอมแน่ ดูก็รู้ว่าคณินก็กำลังสนใจเมฆาแบบอื่นที่ไม่ใช่ศัตรู ในฐานะผู้ชายที่มีความรู้สึกแบบเดียวกันต่อเมฆา ศรันย์รับรู้ได้เลยว่าคณินคือคู่แข่ง

“คุณเมฆเขาเป็นของฉัน เด็กอย่างแกไม่มีทางที่คุณเมฆจะสนใจหรอก”

ศรันย์ไม่รู้เลยว่าระหว่างทั้งสองคนนั้นไปไกลเกินกว่าที่ตัวเองคิดแล้ว และคณินเองก็ไม่รู้เลยว่าการหึงหวงครั้งนี้ จะนำความเดือดร้อนมาสู่เมฆา...นำความยุ่งยากมาให้ความรักของพวกเขา



“เมื่อวานพาเขามากกที่บ้าน กว่าจะพาไปส่งคืนก็ดึกดื่น แล้วก็ไม่ยอมกลับมานอนที่บ้านอีก สรุปจะทำตัวลักกินขโมยกินใช่ไหมเขต” ผู้เป็นบิดาถามขึ้นมาระหว่างที่ทานอาหารเช้าอยู่

เมื่อคืนพ่อเลี้ยงอาทิตย์เพลียเกินกว่าจะรอว่าลูกชายกลับกี่โมง เลยถามคนรับใช้ในบ้านว่าคณินกลับมาถึงกี่โมงก็ได้ความว่าหกโมงเช้ากว่าๆ

ให้มันได้แบบนี้สิลูกกู

“สรุปว่ายังไง จริงจังหรือว่าแค่เล่นสนุก”

“นี่พ่อเห็นลูกพ่อเป็นคนยังไงเนี่ย” คณินถามอย่างเซ็งๆ

“ก็อยากได้ยินจากปาก อยากให้กล้าทำกล้ารับ อยากให้พูดความจริง อยากให้พูดที่มันตรงกับใจบ้าง ทำไม? มีปัญหากับพ่อแกหรือไง”

“ใครจะไปกล้ามีปัญหากับพ่อเลี้ยงอาทิตย์เล่า”

“ตอบ...อย่าทำเป็นเนียนเปลี่ยนเรื่อง”

“ก็...ก็อย่างที่คิดนั่นแหละ”

มองลูกชายที่จู่ๆ ก็เขินอาย ตอบแบบอ้อมแอ้มก็ชักจะรู้สึกคันเท้าตงิดๆ

เตะสักทีดีไหมเนี่ย!

“แกแค่เล่นๆ”

“โหพ่อ นี่มองว่าลูกตัวเองเป็นคนเลวขนาดนั้นเลยหรือไง” คณินโวยวาย ทำเอาคนเป็นพ่อหัวเราะออกมานิดๆ ที่ได้กวนลูกชายเล่นยามเช้า

“ก็ไม่รู้สิ...ไม่พูดออกมาใครจะไปรู้ว่าแกคิดอะไรอยู่”

“นี่พ่อจะให้พูดให้ได้เลยใช่ไหม”

“เออ!!”

คณินมีสีหน้าลำบากใจที่จู่ๆ ก็ต้องมาสารภาพรักเมฆากับพ่อทั้งๆ ที่เมฆายังไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของคณินเลยสักครั้ง แม้ว่าเขาจะพูดตอนที่เมฆาหลับทุกครั้งก็เถอะ

“ก็...คือแบบ...ก็จริงจังไงพ่อ แม่ของลูก จบนะ ฮึ่ย!!” พูดจบก็ทำเป็นโมโหกลบเกลื่อนความอาย ซึ่งก็สามารถเลี่ยงคำว่ารักได้ คำๆ นี้ เขาอยากจะให้เมฆาฟังเป็นคนแรก ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่จะกล้าพูดออกไปเสียที

“ก็แค่นี้...ไปบอกเขาด้วยล่ะ แต่เมฆเขาก็ผู้ใหญ่มากพอที่จะเข้าใจคนอย่างแกได้ล่ะนะ”

“คนอย่างผมทำไม?”

“ก็เอาแต่ใจ ขี้โมโห ที่สำคัญนะปากแข็งที่หนึ่งเลยล่ะ ระวังนะไม่ยอมพูดอะไรที่มันสำคัญๆ ไป เขาอาจจะไม่อยากรอฟังจากแกแล้วก็ได้” พ่อเลี้ยงอาทิตย์เตือนลูกชาย

“ทุกวันนี้ผมก็ชัดเจนนะพ่อ”

“เออ...ก็ดี ลองการกระทำแกไม่ชัดเจนสิ แล้วก็ได้ข่าวว่าไปเอาตัวเขามาจากคุณศรันย์เมื่อวานนี้” พอาทิตย์เลิกคิ้วถามบุตรชาย

“ครับ...ก็มัน…”

“หึง?”

คณินพยักหน้าแทนการพูดตอบ ทำเอาคนเป็นพ่อถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ข้อเสียของลูกชายมีอยู่ไม่กี่อย่างเท่านั้นแหละที่เป็นปัญหา หนึ่งในนั้นคือความใจร้อนวู่วาม ไม่ไตร่ตรองดีๆ ว่าทำแล้วดีหรือส่งผลอย่างไร่ต่อตัวเองหรือคนสำคัญ

“แกทำแบบนั้น ไม่รู้หรือไงว่าถ้าคุณศรันย์เอาไปบอกพ่อเลี้ยงมนัสขึ้นมาคนที่เดือดร้อนจะเป็นเมฆนะ”

“...”

“วันนี้ก็ตามด้วยก็แล้วกันว่าเมฆเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ครับ”

พอคณินได้ฟังแบบนั้นเขาก็เริ่มเป็นห่วงคนที่ตัวเองนอนกอดอยู่ตลอดทั้งคืนในห้องนอนของเจ้าตัวซึ่งเป็นบ้านของศัตรูที่การคุ้มกันไม่ค่อยจะหนาแน่นดีเท่าไหร่ จึงทำให้คณินแอบเข้าไปได้ทุกครั้ง

“วันนี้มีเรียนไหม”

“ตอนแรกก็มี แต่อาจารย์ยกคลาส นัดสอนพรุ่งนี้เย็น”

“ถ้าไม่มีอะไรก็ดีไป แต่ถ้ามี...ก็หาทางแก้ไขเองก็แล้วกัน”

“ครับ”

คณินไม่โกรธ ไม่น้อยใจหรอกที่พ่อเลี้ยงอาทิตย์พูดเหมือนไม่ใส่ใจคนเป็นลูก พูดตัดโอกาสลูกชายไม่ให้มาขอความช่วยเหลือ เพราะคณินโตมากับการช่วยเหลือตัวเอง แก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง แม้จะมีบ้างที่พ่อเลี้ยงอาทิตย์จะเข้ามาช่วย แต่ก็ช่วยชี้แนะแนวทางให้ ไม่ได้เป็นคนเดินนำทางให้

หวังว่าจะไม่เป็นไรนะ



เมฆารู้สึกแปลกใจที่เห็นเด็กในบ้านเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น อยากจะถามแต่ก็เหมือนว่าไม่มีใครเปิดโอกาสให้เขาเลยสักคน แล้วในขณะที่กำลังจะเดินผ่านห้องรับแขกไปเพื่อไปทำงานก็พบว่ามีแขกอยู่ในนั้นหลายคนมีคนที่เมฆาไม่รู้จัก แล้วก็มีคนที่รู้จักอย่างศรันย์ ที่สำคัญตรงนั้นมีน้องสาวของเขากำลังนั่งอยู่ข้างๆ กับชายหนุ่มคนหนึ่งที่อายุน่าจะราวๆ พ่อเลี้ยงอาทิตย์หรืออาจจะมากกว่า แต่ที่แปลกคือมลลดานั่งซบเขาไม่อายผู้หลักผู้ใหญ่เลย

เฮ้อ...ก็คงเป็นการจับคู่กันนั่นแหละ

“ตาเมฆ เข้ามานี่ซิ พ่อมีเรื่องจะบอก”

ยังไม่ทันที่เมฆาจะเดินอออกไป คนเป็นพ่อที่เห็นลูกชายคนโตของตัวเองก็เรียกลูกเข้าไปอย่างอารมณ์ดี ซึ่งเมฆาก็เดินเข้าไปหาทันที ก่อนจะยกมือไหว้ทุกคนในนั้นแล้วนั่งข้างๆ กับผู้เป็นพ่อทันที

“นี่เหรอลูกชายของพ่อเลี้ยง หน้าตาหล่อเชียว”

“ครับ นี่แหละลูกชายของผม ตอนนี้ก็กำลังคบหาดูใจกับคุณศรันย์อยู่” คำพูดของคนเป็นพ่อทำเอาร่างโปร่งหันขวับไปมองหน้าของคนพูดทันที ก่อนจะหันไปสบตากับศรันย์ที่ส่งยิ้มหวานให้ตั้งแต่เขาเดินมา

“พ่ะ…”

“วันนี้ผมก็เลยพาพ่อกับแม่มาเพราะคิดว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ก็จะมาขอหมั้นกับคุณเมฆ หวังว่าพ่อเลี้ยงคงจะไม่รังเกียจ”
ตอนแรกเมฆาก็นึกขอบใจที่ศรันย์ไม่เอาเรื่องที่เขากับคณินไปด้วยกันเมื่อวันก่อนไปบอกพ่อ แต่ตอนนี้ เมฆาชักจะรู้สึกรังเกียจวิธีของอีกคนเสียแล้ว

ไม่คิดว่าจะทำกับเขาแบบนี้ ทั้งศรันย์ ทั้งพ่อ...

“ไม่รังเกียจหรอกครับ ดีใจด้วยซ้ำ วันนี้มันเป็นวันที่ดีจริงๆ เลยนะครับ ใกล้ถึงวันเกิดก็ได้ของขวัญชิ้นใหญ่ถึงสองชิ้นเลย คุณเจนจบก็มาขอลูกสาวแต่งงาน ส่วนคุณ    ศรันย์ก็มาขอหมั้นหมาย เป็นของขวัญครบรอบสี่สิบปีที่ดีจริงๆ”

“ผมก็ตั้งใจที่จะมาก่อนวันเกิดพ่อเลี้ยงนั่นแหละครับ หลังจากงานวันเกิด เราจะได้หาฤกษ์หมั้นกันเลย ดีไหมครับคุณเมฆ” ศรันย์หันมาถามความเห็นจากเมฆาด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจว่ายังไงก็ไม่มีทางที่เมฆาจะปฏิเสธ

เมฆาเกรงใจพ่อเลี้ยงมนัสแค่ไหน ศรันย์รู้เรื่องนี้ดีเลยล่ะ

“ผมคิดว่ามันเร็วเกินไปนะครับ เรายังไม่รู้จักกันดีเท่าไหร่เลย”

“หมั้นกันก่อนแล้วก็ศึกษาในฐานะคู่หมั้นก็ได้ครับ”

“แล้วถ้าเกิดว่าเราไปกันไม่ได้ก็ถอนหมั้นเหรอครับ นี่มันชีวิตจริงนะครับ ไม่ใช่การละเล่นแบบเด็กๆ ยังไงผมก็คิดว่ามันยังเร็วไปที่จะผูกมัดกัน เอาตรงๆ คือผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณศรันย์มากไปกว่าคำว่าเพื่อนเลยครับ ต้องขอโทษด้วยถ้าหากจะทำให้เข้าใจผิด”

ตอนนี้เมฆาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่สนด้วยว่าตัวเองกำลังหักหน้าผู้เป็นพ่ออย่างรุนแรง ผู้ใหญ่ของฝ่ายศรันย์เองก็มองเมฆากับลูกชายอย่างงงๆ

“เอ...ไหนลูกบอกว่าคุณเมฆกับลูกรักกันไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้”

“ขอโทษด้วยนะครับคุณนาย...ผมกับคุณศรันย์เราไม่ค่อยได้เจอกันนะครับ นับครั้งได้เลย คำว่ารักคงจะเร็วเกินไปสำหรับพวกผมทั้งสอง” เมฆาตอบผู้เป็นมารดาของศรันย์ไปอย่างตรงๆ

“แต่ยังไงเราก็จะดองกันอยู่แล้ว เมฆคงไม่ขัดใช่ไหมถ้าลุงจะหมั้นหมายเราให้พี่รันเขา”

“ใช่จ้ะ ยังไงก็ต้องศึกษากันไว้ เพราะทั้งสองก็ต้องหมั้นกันอยู่แล้ว ใช่ไหมคะพ่อเลี้ยง”

“ใช่ครับคุณวาด คุณศิน ยังไงเราทั้งสองก็ต้องเป็นทองแผ่นเดียวกัน คุณศรันย์ก็ได้เข้ามาช่วยบริหารสมรชัยในฐานะลูกเขย ส่วนเมฆก็เป็นผู้ช่วยให้กับคุณศรันย์ในฐานะภรรยาและทายาทของสมรชัย” พ่อเลี้ยงมนัสพูด แล้วเอามือวางบนต้นขาของเมฆาก่อนจะบีบมันแรงๆ เป็นการปรามลูกไม่ให้พูดมากไปกว่านี้

เมฆารู้สึกเหมือนผลักให้ลงเหว เขากำลังถูกบังคับให้หมั้น เขากำลังถูกคลุมถุงชน

“แบบนี้ก็ดีเลยครับ ผมก็อยากให้ลูกชายได้ภรรยาที่เก่งแบบเมฆเขา” ศินธรพูด ยิ้มออกมาอย่างยินดี

“ผมคงจะมีความสุขไปชั่วชีวิตเลยครับถ้าได้คุณเมฆเป็นภรรยา”

เมฆาไม่อยากจะมองหน้าศรันย์เลย เขาไม่ตอบรับรอยยิ้มนั่นจนทำให้ศรันย์หน้าเจื่อน ส่วนพ่อเลี้ยงมนัสเห็นแบบนั้นก็ออกแรงบีบเนื้อลูกชายจนต้องนิ่วหน้าเพราะเจ็บ

“เอาเป็นว่าตอนนี้ก็ตามนี้ก็แล้วกันนะครับ ส่วนเรื่องหมั้นหมายเราค่อยคุยกันอีกที เรามาคุยเรื่องการแต่งงานของลูกสาวผมกับคุณเจนจบกันบ้างดีกว่า”

“ผมให้คุณแม่หาฤกษ์มาแล้วครับเป็นอีกสามเดือนข้างหน้า พี่นัสเรียกสินสอดเท่าไหร่” หนุ่มใหญ่วัยสามสิบปลายๆ อายุห่างจากพ่อเลี้ยงมนัสไม่กี่ปีพูดขึ้น เมฆามองเจนจบกับน้องสาวแล้วเหนื่อยใจ

เจนจบไม่ใช่สเปคของน้องเลยสักนิด แต่คิดว่าน่าจะรวยน้องถึงได้ยอมผูกมัดตัวเองกับผู้ชายอายุใกล้เคียงพ่อแบบนี้ ทั้งรูปร่างที่อวบๆ หน้าก็ไม่ได้จัดว่าดูดี แต่ชุดที่ใส่ล้วนเป็นของแบรนด์เนมหรู

“ก็แล้วแต่ความเหมาะสมเลย พี่ไม่ซีเรียส”

“เจนขา ไม่เร็วไปหน่อยเหรอคะ มลยังไม่ทันได้เตรียมตัวเลย ไหนจะชุดแต่งงาน ไหนจะชุดปาร์ตี้อีก รองเท้า เครื่องประดับ เป็นเจ้าสาวทั้งทีให้มลได้อะไรดีๆ ไม่ได้เหรอคะ”

“โธ่...เดี๋ยวผมจะพามลไปหาตัดชุดเอง เลือกร้านได้เลย รับรองว่าผมต้องทำให้มันทันให้ได้”

“แต่ว่า มลอยากตัดที่ต่างประเทศนี่คะ สามเดือนจะไปทันอะไร”

“แค่บอกมาว่าที่ไหน เดี๋ยวผมจะจัดการให้ทุกอย่างเลยครับ”

“จริงนะคะ”

“จริงครับ”

“น่ารักจังเลย งั้นก็ได้ค่ะ มลจะแต่งอีกสามเดือนก็ได้”

ร่างโปร่งอยากจะออกไปจากห้องนี้จริงๆ เลย เจนจบคนนี้ไม่รู้พฤติกรรมของน้องสาวของเขาหรืออย่างไร ถึงได้รักมากมายจนยอมได้ขนาดนี้

“ถ้าอย่างนั้นผมกับคุณแก้วก็จะเตรียมจัดการเรื่องงานทันทีเลยนะครับพ่อเลี้ยง” ผู้ใหญ่ฝั่งของเจนจบก็พูดคุยตกลงกันต่อไป เมฆาก็ไม่ได้สนใจจะฟังอีกแล้ว ที่เขาต้องการตอนนี้คืออกไปจากที่นี่ แล้วหนีไปให้ไกลๆ ไม่ต้องเจอใคร ไม่ต้องหมั้นกับใคร
ทำไมชีวิตของเขาที่เลือกอะไรเองไม่ได้สักอย่าง…


เมฆามาเดินเล่นที่สวนสนามหญ้า มองคนงานกับเด็กรับใช้กำลังจัดเตรียมสถานที่กันใหญ่ เขารู้แล้วล่ะว่าที่ตรงนี้จะเป็นสถานที่จัดงานฉลองวันเกิดของพ่อเลี้ยงมนัสในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ร่างโปร่งเดินไปเรื่อยๆ อย่างเหม่อลอย จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เมฆารีบล้วงมันขึ้นมา พอเห็นชื่อคนที่โทรมาก็ยิ้มออกทันที แต่พอคิดว่าตัวเองต้องบอกเรื่องหมั้น ร่างโปร่งก็มีสีหน้าเครียดๆ เหมือนเดิม

“ว่าไงเขต”

(ทำอะไรอยู่)

“เดินเล่นอยู่ที่สวนเนี่ยแหละ แล้วนายล่ะ ไม่มีเรียนหรือไง”

(เบรกอยู่ เลยโทรไป อ้อ! พรุ่งนี้จะกลับไร่นะ จะไปหาด้วย ว่างกี่โมง) เมฆายิ้มออกมา หัวใจเต้นแรงอย่างมีความสุข หลังจากที่ไปบอกเลิกที่โรงพยาบาลวันนั้นก็เหมือนว่าคณินจะอ่อนโยนกับเขามากขึ้นจริงๆ ไม่ได้คิดไปเองด้วย สังเกตมาหลายครั้งแล้ว

ที่สำคัญแม้ว่าจะไม่ได้ยินคำว่ารัก แต่การที่คณินยอมรับว่าเราคบกันกับพ่อเลี้ยงอาทิตย์นั้น ก็ถือว่าเป็นคำบอกรักอย่างหนึ่งที่เมฆาคิดเองเออเองว่าใช่

“พรุ่งนี้ว่างนะ แต่ต้องไปหาชุดใส่ วันอาทิตย์จะมีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของพ่อน่ะ” เมฆาตอบไป หากแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะพูดบอกเรื่องนั้นออกไป

เมฆากลัวว่าคณินจะหนีเรียนแล้วบุกมาที่นี่ ความใจร้อนของคณินไม่ธรรมดา เรื่องนี้เมฆารู้ดีแก่ใจ จะบอกอะไรกับคณินต้องดูสถานการณ์ก่อนว่าเหมาะที่จะพูดหรือไม่

เอาไว้พูดบอกวันพรุ่งนี้ก็ได้

(เดี๋ยวพาไป)

“ไปกับพี่เจสได้ ไม่เป็นไร”

(ก็อยากพาไป ไม่ได้หรือไง)

“อื้อ...ก็ได้ ว่างตอนไหนก็โทรมาบอกแล้วกัน จะออกไปหา”

(ครับ…)

“เขต…” ยังไม่ทันที่เมฆาจะถามว่าเรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง เสียงของคนที่เขาไม่อยากจะได้ยินที่สุดก็ดังมาจากข้างหลัง พร้อมกับมือใหญ่ที่จับแขนเขาข้างที่ถือโทรศัพท์คุยอยู่

“คุณเมฆ!”

หมับ!!

“อ๊ะ…”

“คุณเมฆครับ คุยกันก่อนนะ” เป็นศรันย์ที่เดินตามหาร่างโปร่งมาตั้งนานพูดขึ้น ศรันย์ต้องการจะเคลียร์กับเมฆาให้รู้เรื่อง เพราะท่าทางไม่พอใจที่ต้องหมั้นกับเขา

“คุณ? ปล่อยนะครับ” เมฆาบอกเสียงแข็ง มืออีกข้างเอื้อมมาหยิบโทรศัพท์ออกไป ก่อนจะพยายามสะบัดแขนข้างที่ถูกจับอย่างแรง แต่คนที่ทำตัวเสียมารยาทก็ไม่ปล่อย

“คุยกันก่อนนะ สัญญานะว่าจะไม่เดินหนีผม”

“ปล่อยครับ อย่าทำให้ผมต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้เลย”

ศรันย์ปล่อยแขนเรียวทันทีอย่างเสียดาย แต่เขาก็ต้องทำเป็นสุภาพบุรุษไว้ก่อนเพื่อเอาชนะใจของเมฆา

แม้ว่าตอนนี้จะเป็นว่าที่คู่หมั้นของเขาแล้วก็ตาม แต่เขาก็ต้องการให้เมฆาเต็มใจด้วย

“วันนั้น เด็กนั่นได้ทำอะไรคุณเมฆหรือเปล่าครับ”

“เขตน่ะเหรอครับ ก็ไม่ได้ทำอะไร เราคุยกันดี สักครู่นะครับ...” เมฆาตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าราบเรียบ ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดกับคณินที่ตอนนี้กำลังฟังอย่างตั้งใจและเป็นห่วง “ฮัลโหล”

(ไอ้ศรันย์ใช่ไหม มันทำอะไรหรือเปล่า)

“ไม่มีอะไรหรอก แค่นี้ก่อนนะ เอาไว้ตอนเย็นๆ จะโทรหาใหม่”

(ไม่มีอะไรจริงๆ นะ อย่าให้ต้องรู้เอง)

“ครับ”

(อือ...งั้นเจอกันพรุ่งนี้ อ้อ! ที่เห็นไม่โวยวายนี่เพราะเชื่อใจนะ)

“ครับ” เมฆาเผลอยิ้มออกมาเพราะคำพูดที่แสนน่ารักของคนที่ชอบพูดจาห่ามๆ แข็งกร้าวของคนอายุน้อยกว่า ทำเอาศรันย์ที่ยืนมองอยู่ถึงกับกำหมัดแน่นด้วยความอิจฉา

ร่างโปร่งบางเก็บโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง แล้วก็เงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่สูงกว่า

“มีอะไรครับ”

“คุณคุยกับใครครับ”

“เรื่องนี้เหรอครับที่ต้องการจะคุยกับผม งั้นผมไม่ขอตอบนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ” เมฆาทำท่าจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่ก็โดนดักหน้าเอาไว้ก่อน

“คุณเมฆโกรธผมหรือครับ”

“ครับ” ร่างโปร่งตอบตรงๆ

“ผมขอโทษ”

“แล้วไงครับ เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นยกเลิกการหมั้นจะดีกว่านะครับ ผมไม่อยากหมั้นกับคุณ ผมไม่อยากแต่งกับคุณ ผมมีคนที่ผมรักแล้ว”

เมฆาเหนื่อยที่จะต้องมาเป็นหมากตัวหนึ่งให้พ่อใช้เดินไปสู่ความยิ่งใหญ่ แล้วการแต่งงานมันคือทั้งชีวิตของของเขา จะให้แต่งกับคนที่ไม่ได้รัก เขาทนอยู่ไม่ได้แน่ๆ

“มันเป็นใคร...มันเป็นใครคุณเมฆ ไอ้คนที่คุณคุยเมื่อกี้ใช่ไหม!” ศรันย์ชักสีหน้าหงุดหงิดใส่ ความหึงหวงทำให้เขาดีแตก เผลอขึ้นเสียงกับเมฆา ไม่พอยังจับไหล่เล็กแล้วเขย่าเพื่อเค้นเอาคำตอบด้วย

“คุณศรันย์!! โอ๊ย...คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับผมนะ!!”

“มันเป็นใคร คุณรักใคร ผมไม่ยอมหรอก คุณเป็นของผม ต้องเป็นของผมเท่านั้น ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์”

“นี่คุณ ปล่อยนะ!!”

“บอกผมว่าไอ้นั่นมันเป็นใคร”

“นี่คุณศรันย์ มันจะมากไปแล้วนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับผมนะ”

“ผมมี...คุณเป็นของผม เป็นคู่หมั้นของผม มันเป็นใคร!! บอกมาสิครับว่ามันเป็นใคร!!!”

ร่างโปร่งพยายามเอามือผลักที่อกศรันย์อย่างสุดแรง จนร่างสูงเซไปข้างหลังแล้วล้มลงกระแทกพื้นหญ้า เมฆามองศรันย์ด้วยสายตาแห่งความไม่พอใจ

“ผมไม่มีวันหมั้นกับคุณแน่ๆ คุณศรันย์”

ร่างโปร่งหันหลังกลับ แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักเพราะคำพูดของศรันย์

“ไอ้เขตใช่ไหม!”

“อย่าพาลได้ไหมคุณศรันย์”

“ผมไม่ได้พาล แต่มันจงใจแย่งคุณไปจากผม”

“ไม่มีใครแย่งผมไปจากคุณทั้งนั้น เพราะผมไม่ใช่ของคุณตั้งแต่แรก ช่วยเข้าใจใหม่ด้วยนะครับ ผมไม่อยากหมั้นกับคุณ เพราะผไม่อยากหมั้นกับคนที่ผมไม่ได้รัก เข้าใจนะครับ” ร่างสูงกัดฟันกรอด

“คุณไม่มีทางยกเลิกมันได้ คุณเป็นของผม ไอ้นั่นมันก็ได้แค่ความรัก แต่ผมได้ครอบครองคุณ และใครก็ตามที่มันมาแย่งคุณไปจากผม ผมฆ่ามันทุกตัวแน่!!!”

เมฆากัดฟัน กำหมัดแน่น แล้วเดินต่อเหมือนตัวเองไม่ได้กลัวอะไรกับคำพูดนั่นเลย ศรันย์มองตามคนที่เดินหนีไปด้วยความโกรธ

“ไอ้เขต...แกอยากจะลองดีมากใช่ไหม ไอ้เด็กเมื่อวานซืน คิดจะแข่งกับฉันทุกเรื่อง เรื่องอื่นแกชนะ ฉันยอมได้ แต่เรื่องของคุณเมฆ แกไม่มีทางชนะ!!!”

ศรันย์กัดฟันเคียดแค้นคณินที่เขาได้ยินเมฆาเรียกก่อนที่เขาจะเข้ามาหาเพื่อเคลียร์เรื่องหมั้น แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไร มาคิดตอนที่เมฆาคุยโทรศัพท์กับมันต่อหน้านั่นแหละ แล้วยิ่งอาการชะงักตอนที่ศรันย์ตะโกนถามว่าเป็นเพราะคณินใช่ไหม ศรันย์ก็ยิ่งมั่นใจว่าคนที่เมฆาคุยด้วยคือคณิน…

คนที่เมฆารักก็คือคณิน...





100%
 :hao6: :hao6: :hao6:

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^

ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)


หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {16/07/61} ➡ Ch.17
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 16-07-2018 23:10:16
โดนจับคลุมถุงชนอีก อะไรกันเนี่ยย  :z2:
สู้ๆค่า
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {16/07/61} ➡ Ch.17
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-07-2018 23:22:48
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไอ้ศรันย์นี่มัน....
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {16/07/61} ➡ Ch.17
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-07-2018 23:29:56
อยากตืบคน  :3125:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {16/07/61} ➡ Ch.17
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 16-07-2018 23:58:29
เกิดเป็นเมฆาสุดแสนจะลำบาก :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {16/07/61} ➡ Ch.17
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 17-07-2018 00:30:48
ศรันย์แนะนำนะ ฉุดเมฆาไปเลย ไม่งั้นไม่ได้กินแน่55555
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {16/07/61} ➡ Ch.17
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 19-07-2018 00:55:33
มารผจญล่ะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {16/07/61} ➡ Ch.17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-07-2018 01:11:12
สั่งเก็บศรันย์ได้หหมเนี่ย มารขัดขวางความรักของเขตเมฆจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {16/07/61} ➡ Ch.17
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 19-07-2018 02:45:17
ความวู่วามของเจ้าทำเอาเดือดร้อนกันเป็นทอดๆเลยเห็นไหมเขต?
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {16/07/61} ➡ Ch.17
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 19-07-2018 06:21:39
พาหนีเลยน้องเขย... เมียทั้งคน555
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {19/07/61} ➡ Ch.18
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 19-07-2018 22:34:57
18






เมฆาไม่เคยรู้อะไรเลยว่าพ่อกำลังทำอะไรอยู่ ไม่เคยรู้แผนการอะไรของพ่อเลี้ยงมนัสเลย นั่นมันทำให้เขาไม่สามารถที่จะช่วยศักดินนท์ได้เลย อย่างเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ไร่ศักดินนท์ที่ผ่านมา เขาก็ไม่เคยรู้มาก่อน นั่นเป็นคำตอบได้ดีว่าพ่อไม่เคยไว้ใจใคร แม้กระทั่งเขาที่เป็นลูกชายก็ตาม

ตอนนี้ยังถูกพ่อเลี้ยงมนัสกักบริเวณ ไม่ให้ออกไปไหนนอกจากที่ไร่ แม้จะให้อยู่แต่ในไร่ เมฆาก็ไม่สามารถไปไกลได้เกินสำนักงานของตัวเองและบ้านเพราะมีคนตาม คุมแจ รายงานพ่อเลี้ยงมนัสตลอด สาเหตุเป็นเพราะพ่อเลี้ยงมนัสรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคณินจากศรันย์แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาถูกพ่อเลี้ยงมนัสไม่ไว้ใจเพราะกลัวว่าจะเอาความลับไปบอกกับศัตรู
ศรันย์เองก็มาหาเขาทุกวัน เมฆาสามารถออกไปข้างนอกได้ถ้าไปกับศรันย์ ซึ่งเขาก็ยอมที่จะอยู่ในไร่ไม่ไปไหนดีกว่าต้องไปกับคนที่ไม่ชอบ

“ไปจับตัวเด็กนั่นมาให้กูให้ได้!!”

เสียงตะโกนลั่นของพ่อเลี้ยงมนัส ชะงักเท้าที่กำลังเดินของเมฆาทันที เมฆาที่กำลังจะเดินไปทำงานก็ต้องแอบฟัง ความที่ได้คือพ่อของเขาตองการจับตัวคนรักของพ่อเลี้ยงอาทิตย์มา เขายอมไม่ได้ เรื่องแบบนี้เมฆายอมไม่ได้จริงๆ พ่อกำลังเอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามา เมฆาก้าวเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัว

“พ่อจะทำอะไรน้องหมู”

“นี่แกกล้าแอบฟังฉันเหรอ!!!” คนเป็นพ่อถลึงตาใส่ลูกอย่าไม่พอใจ

“ถ้าไม่แอบฟังผมจะรู้เหรอว่าพ่อกำลังจะทำเรื่องน่ารังเกียจอีกแล้ว”

“ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน แกอย่ามายุ่ง!!”

“เรื่องอื่นผมไม่ยุ่ง แต่นี่พ่อกำลังเอาเด็กที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วยมายุ่งกับเรื่องแค้นๆ ของพ่อ ผมไม่ยอม”

“แกกล้าขัดฉันเหรอฮะไอ้เมฆ!!”

“พ่อก็บอกสิว่าจะพาน้องหมูมาทำอะไร”

“อยากรู้ใช่ไหม? ได้!! ฉันก็จะเอามาเป็นแม่เลี้ยงแกไง!!! ได้ยินชัดหรือยัง”

“พ่อคิดว่าน้องหมูจะยอมพ่อหรือไง แค่พ่อจับมือเขา เขาก็รังเกียจพ่อจะแย่อยู่แล้ว”

“ไอ้ลูกเวร!! กล้าว่าฉันเหรอห๊ะ...เฮอะ! แกไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ใครๆ ก็ชอบเงินกันทั้งนั้น ลองฉันให้ได้ทุกอย่างเหมือนที่อาทิตย์มันให้ ยังไงเด็กนั่นก็ต้องอยู่”

“พ่อคิดว่าน้องหมูเหมือนคนอื่นหรือไง ถ้าเหมือนพ่อเลี้ยงไม่จริงจังด้วยหรอกนะครับ”

“แล้วไง...ใครมันก็เป็นทาสของเงินกันทั้งนั้นแหละ”

“แต่กับน้องหมู...ไม่ใช่”

“เออ!!! แกคอยดูก็แล้วกัน...ว่าใช่หรือไม่ใช่” เขาชี้หน้าบอกลูกชายไปอย่างมั่นอกมั่นใจจบ ก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไป ทิ้งให้ลูกชายยืนนิ่งอยู่กลางบ้านเหมือนเดิม...เมฆาเม้มปากแน่น ไม่ได้โกรธพ่อที่พูดออกมาแบบนั้น แต่กำลังคิดหาทางช่วยศตคุณต่างหาก...เขาจะไม่ยอมให้พ่อตัวเองทำร้ายเพื่อนของคนรักตัวเองแน่ๆ

น้องหมูเป็นคนดีเกินกว่าจะมาแปดเปื้อนเพราะพ่อของเรา

ไม่รอช้าเมฆาก็ใช้โทรศัพท์บ้านต่อสายไปยังเบอร์ที่เขาจำมันได้ขึ้นใจเพราะมือถือถูกยึดไปแล้ว ต้องรีบบอกเรื่องนี้ให้คณินเอาไปบอกพ่อเลี้ยงอาทิตย์เตรียมรับมือ เขาเองก็ไม่รู้ว่าพ่อจะใช้แผนไหน

(ดูแลตัวเองด้วย แล้วอย่าไปไหนมาไหนกับไอ้ศรันย์ด้วย อืม...เดี๋ยวค่อยเจอกัน) ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า แต่ก็แฝงด้วยความเป็นห่วงจนเมฆาอยากจะเจออีกคนเสียเดี๋ยวนี้

ตั้งแต่งานวันเกิดพ่อ ก็มีการประกาศหมั้นของเขากับศรันย์ ไม่นานในวันเดียวกันพ่อเลี้ยงอาทิตย์ก็ต้องรีบกลับเพราะมีลอบวางเพลิง เมฆายังไม่ได้เจอหน้าคณินเลย

“อยากเจอ...อยากจะเจอเขต” ร่างโปร่งพูดกับโทรศัพท์บ้านที่เขาได้วางมันไปแล้วแต่ก็ยังไม่เดินออกไปที่ไหน ราวกับว่าถ้าเข้าไปในโทรศัพท์แล้วสามารถไปถึงตัวคณินได้ เมฆาก็จะทำ…




“คุณเมฆครับ ผมมารับไปทานข้าว”

“ไม่ไปครับ”

“แต่พ่อคุณกำชับมา จะขัดคำสั่งเหรอครับ” ศรันย์ยิ้มให้อย่างผู้ชนะ เมฆามองศรันย์แล้วก็เดินหนี ยังไงก็ไม่มีทางไปเด็ดขาด แค่หายใจร่วมโลกเขาก็รังเกียจพอแล้ว

หมับ!

“จะหนีผมไปไหนล่ะครับ”

“นี่คุณ”

ร่างโปร่งถูกคว้าเอาไว้ไม่ให้เดินหนี ศรันย์กระชากอีกคนเข้ามาแล้วกอดเอาไว้อย่างแน่นหนา เมฆาชักสีหน้าหงุดหงิด พยายามที่จะสลัดตัวให้หลุดจากอ้อมแขนของ  ศรันย์

“ผมเป็นสุภาพบุรุษแล้วคุณไม่ชอบ เห็นทีคงต้องแบบละครตบจูบล่ะมั้ง”

“คุณศรันย์ ปล่อยผมนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำรุ่มร่ามกับผมนะ”

“ทำไมผมจะไม่มี ผมมีสิทธิ์เต็มๆ เลยล่ะ”

“คุณ!!”

“ผมให้โอกาสคุณหลายครั้งแล้วนะ ถ้าขอดีๆ ไม่ได้ ก็ต้องบังคับกันแบบนี้แหละ อ้อ! แล้วคุณก็เลิกหวังได้เลยว่าจะได้พบกับไอ้เขตมันอีก ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยให้คู่หมั้นของผมไปเจอเด็กอวดดีแน่ๆ” ศรันย์ออกแรงรัดเมฆาอีก จนร่างโปร่งดิ้นไม่ได้

“ผมไม่ใช่คู่หมั้นของคุณ เลิกบ้าสักที!!” เมฆาขึ้นเสียงใส่ จะตะโกนให้คนมาช่วยก็ไม่มีประโยชน์ เพราะทุกคนในบ้านล้วนแต่ฟังคำสั่งของพ่อเลี้ยงมนัสทั้งนั้น

“คุณเป็น...ถ้ายังปฏิเสธอีก ผมจะเปลี่ยนงานหมั้นให้เป็นงานแต่งแน่”

เมฆากัดฟันกรอด มองหน้าของศรันย์ด้วยความโกรธ

“คุณเป็นของผม”

“ไม่ใช่!! ผมเป็นของเขต ทั้งตัวผม หัวใจของผม ผมยกมันให้เขตไปหมดแล้ว หรือคุณจะชอบใช้ของต่อคนอื่นโดยเฉพาะคนที่คุณไม่ชอบ”

“นี่คุณจะยั่วโมโหผมให้ได้เลยใช่ไหม!! ถ้าร่างกายคุณเป็นของมัน งั้นก็เป็นของผมด้วยอีกคนก็แล้วกัน ผมไม่ถือหรอก เพราะต่อจากนี้ คุณเป็นของผมคนเดียว!!!”

ศรันย์ประกาศกร้าว แต่ยังไม่ทันที่เมฆาจะโดนทำอะไร โทรศัพท์ของศรันย์ก็ดังขึ้น หากแต่ก็ยังไม่ปล่อยเมฆาให้เป็นอิสระเพราะแขนอีกข้างเขายังว่างอยู่

“มีอะไร!!”

เมฆาหยุดดิ้นเพราะคิดว่าอาจจะได้ข้อมูลที่มีประโยชน์จากการคุยโทรศัพท์ของศรันย์ เพราะเมฆาเชื่อว่าธุรกิจผิดกฎหมายทุกอย่าง ศรันย์ต้องรู้และร่วมด้วยแน่ๆ

“ของที่ส่งเมื่อคืนมีปัญหา มีปัญหายังไงวะ ก็ทำแบบเดิมไม่ใช่เหรอ แล้วสายก็บอกว่าไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรจากทางตำรวจ แล้วมึงปล่อยให้มันเข้ามาตรวจรถได้ยังไง!! เออ...เดี๋ยวกูไปจัดการเอง” ร่างสูงวางสายไปด้วยสีหน้าโมโห ก่อนจะตวัดมามองหน้าเมฆาอย่างเจ็บใจที่ต้องปล่อยคนในแขน

“คุณโชคดีไปนะ วันนี้ผมมีธุระด่วน อ้อ! ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ผมจะมาใหม่”

จุ๊บ!

ร่างโปร่งชะงักอย่างตกใจเมื่อถูกศรันย์จูบที่ปากบาง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโกรธจนสามารถที่จะผลักศรันย์ให้ล้มไปที่พื้นได้

พลัก!!!

“คุณมันน่ารังเกียจมากจริงๆ”

ร่างโปร่งใช้หลังมือเช็ดปากอย่างรังเกียจ แล้ววิ่งออกจากบ้านไป เขาไม่สนใจการ์ดที่กำลังวิ่งตามเลยสักนิด ตอนนี้คือเขาต้องการออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เขาไม่อยากอยู่แล้ว เขาอยากเจอคณิน

ขอแค่ได้กอด ขอแค่ลบสัมผัสน่ารังเกียจนี้ออกไป

ขอแค่นี้จริงๆ


เมฆานึกขอบคุณที่ตัวเองเคยเป็นนักกีฬาวิ่งมาก่อน ร่างโปร่งบางวิ่งทิ้งระยะห่างจากการ์ดมาได้หลายร้อยเมตร เลี่ยงทางที่มีคนงานอยู่เพราะอาจจะมาช่วยกันจับเขากลับไป จนกระทั่งเห็นรั้วสีขาวที่กั้นระหว่างไร่อยู่ตรงหน้า ไม่รอช้าก็รีบวิ่งไปแล้วจะกระโดดข้ามรั้วไปยังฝั่งศักดินนท์

“หยุด! ถ้าเข้ามา คนในไร่นี้เอาพวกนายตายแน่ กลับไปซะ!! เดี๋ยวฉันกลับไปเอง ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะไม่กลับ” เมฆาสั่งปนเสียงหอบ เมื่อเห็นว่าการ์ดไม่กล้าข้ามตามมา

“คุณเมฆกลับมาเถอะครับ ไม่งั้นผมรายงานเรื่องนี้ให้พ่อเลี้ยงทราบแน่”

“ตามสบาย ฉันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว กลับไป!!!”

เมฆาหันหลังแล้วก้าวเข้าไปในไร่ศักดินนท์ ความกลัวไม่มีอยู่แล้วตอนนี้ หากมัวแต่กลัว เมฆาไม่มีทางหนีพ้นแน่ๆ จนกระทั่งเข้ามาในเขตไร่ส้ม คนงานของศักดินนท์เห็นว่าเขาเป็นคนของสมรชัยก็รีบมาล้อมเอาไว้ทันที

“ลูกชายของพ่อเลี้ยงมนัส มีธุระอะไร”

“ผมต้องการเจอเขต เรียกเขตมาพบผมหน่อย” เอ่ยวัตถุประสงค์ออกไปเบาๆ   ส่งสายตาอ้อนวอนให้แต่ก็ไม่มีใครต้อนรับเขาเลยสักคน

“คุณจะมาทำร้ายคุณเขตของพวกเราใช่ไหม กลับไปไร่ของคุณเลย”

“เรียกเขตให้ผมหน่อย ขอร้องล่ะ” เมฆาแทบจะหมดแรงแล้ว

การจะเจอกับคนรักมันยากเย็นแสนเข็ญขนาดนี้เลยหรือ แน่ล่ะ เราสองครอบครัวเป็นศัตรูกันนี่ แล้วก็คบกันแบบไม่ได้เปิดเผยอีกด้วย ใครจะไปรู้...ว่าเราคบกัน

“กลับไปๆ”

คนงานก็พากันส่งเสียงไล่เมฆา ร่างโปร่งมองไปยังทุกคนก็เม้มปากทำอะไรไม่ถูก ดวงตาร้อนผ่าว แต่พยายามที่จะอดกลั้นไม่ให้น้ำตาไหล จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้นมา หัวใจของเมฆาถึงกับเต้นระส่ำด้วยความดีใจ

“ทำอะไรกัน!!!”

คนงานหลีกทางให้คนมาใหม่เดินเข้ามาหาเขา เมฆายิ้มอ่อนแล้วยกมือไหว้คนตรงหน้า รอยยิ้มของคนที่มาใหม่ทำให้เมฆามีความหวัง

“มีอะไรหรือเปล่าเมฆ”

“ผมอยากเจอเขตครับอาพายัพ”

พายัพเลิกคิ้วนิดๆ แต่เห็นสีหน้าของหลานแล้วก็เข้าใจได้ว่าคงจะเจออะไรที่มันเกินจะรับได้มา

“เดี๋ยวอาพาไป ไปรอที่รถคันนั้นไป ขอโทษแทนคนงานด้วยนะเมฆ”

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะครับอาพายัพ” เมฆาเดินออกมาแล้วตรงไปนั่งรอบนรถที่จอดอยู่ ระหว่างที่รอพายัพที่คุยอะไรกับคนงาน เมฆาก็เช็ดปากตัวเองไปด้วย แต่ทำยังไงความรู้สึกน่ารังเกียจมันก็ไม่หายไปสักที จูบจากคนที่ทำตัวน่ารังเกียจ

ไม่นานพายัพก็พาเมฆามาส่งถึงหน้าบ้าน ก็เจอกับคณินที่มายืนรออยู่แล้วด้วยสีหน้าเครียดๆ เมฆาไม่แปลกใจเลยที่เห็นคนที่อยากเจอมายืนรออยู่เพราะระหว่างทางพายัพโทรศัพท์ไปบอกคณินแล้วว่าเมฆามาหา

“ตามสบายนะ”

“ขอบคุณครับอาพายัพ”

ส่วนร่างโปร่งมองพายัพที่ขับรถออกไปจากหน้าบ้านเพื่อกลับไปทำงานต่อ ก่อนจะหันหน้ามามองคณิน น้ำตาที่กลั้นมานานก็หลั่งไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ โผเข้ากอดร่างแกร่งทันที

หมับ!!!

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เขต...ฮึก เขต” เมฆาร้องสะอึกสะอื้นเป็นเด็ก มือแกร่งก็ได้แต่ลูบหลังเล็กเบาๆ แต่แล้วร่างบางก็ได้ทำในสิ่งที่คณินไม่คาดคิดจนร้องห้ามแทบไม่ทัน

“เดี๋ยว...อื้อ”

มือเรียวคว้าคอร่างสูงลงมาจูบอย่างรุนแรงไม่สนใจเลยว่าตรงนี้จะเป็นหน้าบ้านของคณินที่มีคนเดินเพ่นพ่านอยู่ตลอด ซึ่งตอนนี้มีคนงานกับคนรับใช้ในบ้านบางคนเห็นเหตุการณ์ด้วย ร่างแกร่งเลยตัดสินใจที่ตวัดแขนยกร่างบางขึ้นมาอุ้ม ก่อนจะพาเดินเข้าไปในบ้านเพื่อตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง แต่ระหว่างที่เดินเมฆาก็ยังจูบเขาไม่หยุด แน่นอนว่าคณินไม่ใช่พระอิฐพระปูน การถูกคนรักที่ไม่ได้เจอกันเลยจู่โจมก่อนแบบนี้ก็เผลอตอบสนองไปบ้างจนเกือบก้าวขาขึ้นบันไดพลาด

ปัง!!

“อื้อ...อื้ม”

สิ้นเสียงปิดประตูห้อง ร่างโปร่งก็ถูกวางลงให้ยืนบนพื้นในห้องนอน ขยับกายเบียดเข้าหาคณินยกแขนคล้องคอแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบต่ออีก

“เดี๋ยวก่อน...อื้อ”

เมฆารู้เพียงแค่ว่ามันคิดถึง...คิดถึงกอด คิดถึงจูบ คิดถึงสัมผัส และอยากจะให้คนรักช่วยลบสัมผัสน่ารังเกียจที่ศรันย์ทำรุ่มร่ามกับเขาเมื่อกี้นี้

ร่างสูงจูบตอบด้วยความร้อนแรง ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างชำนาญ กลายเป็นผู้คุมเกมแทนร่างโปร่งบางทันที และเมื่อเมฆาเคลิบเคลิ้ม ปล่อยให้เขารุกส่วนตัวเองก็ตอบสนองแบบพอดีๆ คณินก็ถือโอกาสนี้ถอนปากออกมา แม้จะเสียดายมากขนาดไหนแต่เขาต้องการจะถามที่มาที่ไปของคนตรงหน้าก่อน

“เขต…”

“เดี๋ยวค่อยจูบ แต่ตอนนี้คุยกันก่อน โอเคนะ” ร่างโปร่งเม้มปากแน่น มองปากคนพูดอย่างเสียดาย ซึ่งสายตานั่นทำเอาคณินรู้สึกอยากจะ ‘รัก’ อีกคนใจจะขาด

“ก็ได้”

มือแกร่งจับมือเล็กแล้วจูงให้เดินไปนั่งข้างกันที่ปลายเตียงนุ่ม ก่อนที่คณินจะเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน…เมฆาเลยฟ้องเหมือนเด็กน้อยฟ้องพ่อแม่ยาม ถูกแกล้ง

“พ่อกับคุณศรันย์ บังคับให้ฉันหมั้น ฉันไม่ได้เต็มใจ แล้วเขาก็รู้แล้วด้วยว่าเราแอบคบกันเลยกักบริเวณฉัน ยึดมือถือ...เมื่อกี้ เมื่อกี้คุณศรันย์มา จะพาไปกินข้าว แต่ฉันไม่ไป ก็เลยทะเลาะกัน ฉันบอกว่าฉันเป็นของเขตแล้ว คุณศรันย์ก็เลย...เลยกอด ฮึก...เมื่อกี้ถ้าไม่มีคนโทรมาตาม ฉันต้องถูกข่มขืนแน่ๆ”

คณินที่นั่งฟังเงียบๆ ก็กัดฟันกำหมัดแน่น คว้าร่างโปร่งข้างๆ มากอดเอาไว้ในอ้อมแขน แต่แล้วประโยคต่อมาก็ทำเอาสติของคณินขาดผึง

“เขา ฮึก เขาจูบฉันด้วย ฮือ...ทั้งกอด ทั้งจูบ ฉันรังเกียจอ่ะเขต ฉันรังเกียจ”

พรึ่บ!!!

เมฆาถูกผลักให้นอนไปบนเตียง ดวงตาสวยมีแต่หยาดน้ำตา คณินปวดใจที่ต้องเห็นเมฆาเจ็บปวด นิ้วแกร่งเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ร่างใหญ่ขึ้นคร่อมทับร่างของเมฆา ส่วนเมฆาก็ยกแขนมาคล้องคอแกร่ง

“เดี๋ยวลบให้ จะลบ จะล้างให้สะอาดเลย อย่าร้อง...พี่เมฆเป็นของเขต เป็นของเขตคนเดียว จูบกับกอดนิดๆ หน่อยๆ ถือว่าทำทานให้หมามัน” แม้ว่าตัวเองจะโกรธจะโมโหแค่ไหนที่ศรันย์กล้าทำรุ่มร่ามกับคนของเขา แต่ถ้าแสดงความร้อนออกไป เมฆาจะยิ่งรู้สึกไม่ดี

“อื้อ...จะไม่ร้องแล้ว”

“ดีมาก…”

“พี่รักเขตนะ รักมากๆ ด้วย”

เมฆาช้อนตาขึ้นสบตาคมอย่างออดอ้อน บอกรักอย่างน่ารักจนคณินอดใจไม่ไหว ร่างสูงยิ้มให้กับคนใต้ร่าง แล้วก้มลงซุกไซ้ปากกับจมูกไปตามซอกคอขาวเนียนที่เจ้าของเปิดทางให้เมฆาสัมผัสมันอย่างยินยอม เต็มใจ ลากไล้มาที่ปากปาก ดูดเบาๆ เม้มกลีบปากบางเล่นอย่างหยอกล้อ เมฆาก็เผยอปากเชิญชวนส่งเสียงครางเบาๆ กระตุ้นอารมณ์คณิน

ปากหนาหยอกล้อเล่นกับปากบางไม่จูบจริงๆ จังๆ เสียที จนเมฆายกตัวขึ้นมาจะจูบแต่อีกคนก็หลบออก ส่งผลให้ใบหน้าสวยงอง้ำ เบะปากจนคณินงับมันเล่น ใบหน้าคมซุกที่คอสวยอีกครั้งคราวนี้ทำรอยแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้อย่างชัดเจนหลายๆ รอย แล้ววกขึ้นไปกระซิบที่ข้างหู

“เขตก็รักพี่เมฆ”

พรึ่บ!!!

หัวใจของเมฆาเต้นระส่ำอย่างดีใจ มือไม้อ่อนแรงไปหมดแต่ก็ตัดสินใจที่จะพลิกตัวขึ้นมาผลักร่างสูงให้ลงไปนอนแทน ก่อนที่จะย้ายตัวขึ้นมานั่งทับที่หน้าท้องแข็งแรง

“เขตพูดว่าอะไรนะ” ถามเสียงสั่น

“พูดครั้งเดียว”ร่างสูงก็ตอบกวนๆ

“พูดอีกทีนะ ขอร้อง”

โน้มหน้าไปหา มือยันที่อกแกร่งเลื่อนไปตำแหน่งหัวใจจังหวะเต้นรุนแรงทำให้เมฆารู้ว่าคณินตื่นเต้นแค่ไหน เมฆาเลยส่งสายตาออดอ้อนไปให้ แม้ว่าจะได้ยินมันอย่างชัดเจนแล้วแต่มันก็รู้สึกกึ่งความฝัน กึ่งความเป็นจริง

อยากฟังอีก อยากได้ยินอีก

“หึหึ”

“นะ...พูดอีกที ถ้าพูดอีกครั้งดังๆ เขตจะให้ฉันทำอะไร ฉันทำให้หมดทุกอย่างเลย”

ร่างสูงมองตาคนพูดอย่างเจ้าเล่ห์ แต่เมฆาก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้ว สนใจคำบอกรักอีกครั้งเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ ที่จะเป็นกำลังใจให้เมฆาสู้ต่อ

“พูดแล้วนะ”

“อื้อ…”

“ถ้าพูดอีกครั้ง ต้องออนท็อปนะ สามน้ำ”

เมฆาพยักหน้าหงึกๆ ถอยกายไปนั่งทับส่วนกลางลำตัวที่สงบนิ่ง ก่อนจะส่ายเอวร่อนไปมาเพื่อปลุกเสือให้ตื่นขึ้นมา...ความอาย ยางอายต่างๆ เมฆาทิ้งมันไปก่อน ยอมทุกอย่างเพื่อแลกกับคำว่ารัก

“อา...ซี้ด ยั่วว่ะ” คณินขมวดคิ้วครางออกมาอย่างเสียวซ่านที่โดนปลุกเร้าอารมณ์

คนขี้อายหายไปไหนวะ เหลือแต่นางแมวยั่วสวาทเนี่ย

“พูดสิ...นะ อ๊ะ” ร้องอุทานเสียงหลงเมื่อส่วนที่ตนนั่งทับมันพองโตคับกางเกงดุนดันช่องทางด้านหลังที่นั่งทับอยู่ เมฆาขยับขึ้นลงจนใบหน้าคมแหงนครางอย่างพึงพอใจ

“หึหึ...มีเมียร้อนแรงแบบนี้ ดีชะมัด อา...ทำขนาดนี้ จับมันสอดเข้าไปเลยไหม”

“พูดก่อน ให้ห้าน้ำเลย” เมฆาต่อรอง

“จริง?”

“อื้อ…” พยักหน้าแล้วขย่มขึ้นลงกระตุ้นอารมณ์ของคณิน ที่ตอนนี้ก็คงจะไม่ไหวแล้วเช่นกัน มือแกร่งจับที่เอวบางแล้วบังคับให้คนตัวเล็กกว่าหยุดโยก หยุดขย่ม...แต่เหมือนว่าจะห้ามไม่ได้

“อา...ซี้ด โอ้ว พี่เมฆ อา เขตรักพี่เมฆ รักตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตากันที่สนามบิน อา…รักมาก หึงมาก เลยบุกจับทำเมียตอนที่ อ๊า ลืมนัดแล้วไปกับไอ้ศรันย์ โอ้ว...ถอดเสื้อผ้า อึก เร็วๆ จะทำความสะอาด อื้อ ให้”

เมฆาได้ยินแบบนั้นก็เริ่มลงมือทำตามคำสั่งทันที เมื่อคณินทำความสะอาดลบสัมผัสน่ารังเกียจไปทั่วทั้งตัว เมฆาทำตามสัญญาต่อทันที แม้ว่าจะเหนื่อยและหมดแรงแค่ไหนก็ตาม...






100%

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^

ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {19/07/61} ➡ Ch.18
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-07-2018 23:02:22
 :pig4: :pig4: :pig4:

ที่เมฆาร้อนแรงขนาดนี้   เพราะเก็บกดใช่ไหม? 

เก็บกดจากครอบครัว  เลยมาปล่อยกับเรื่องบนเตียง  อิอิ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {19/07/61} ➡ Ch.18
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 19-07-2018 23:14:19
โอ๊ยยย ซี๊ดใจ
ขอบจิงๆนะพี่เมฆออนท๊อแ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {19/07/61} ➡ Ch.18
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 20-07-2018 00:02:48
คู่นี้เค้าร้อนแรงกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {19/07/61} ➡ Ch.18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-07-2018 01:36:48
 :hao6: :pighaun:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {19/07/61} ➡ Ch.18
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 20-07-2018 01:46:55
พ่อเลี้ยงมนัสนี่ ใจคออำมหิตเกินคนจริงๆ ลูกตัวเองก็ทำร้ายได้ลงคอ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {19/07/61} ➡ Ch.18
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-07-2018 02:11:15
ถึงใจเขตเขาเลยซินะงานนี้
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {19/07/61} ➡ Ch.18
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 20-07-2018 06:24:25
ห๊า... จะ ตัด จบ ตอนนี้ แบบนี้ ไม่ได้ นะ... กลับมาก่อนซิ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {19/07/61} ➡ Ch.18
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 20-07-2018 16:06:40
พี่เมฆร้อนแรงจัง :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {19/07/61} ➡ Ch.18
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 20-07-2018 17:41:49
 :m25:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {19/07/61} ➡ Ch.18
เริ่มหัวข้อโดย: irawin ที่ 20-07-2018 22:41:19
พ่อเลี้ยงมนัสนี้ไม่สงสารลูกตัวเองเลย ใจร้ายแท้ ดีที่เมฆ ยังมีเขต
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {19/07/61} ➡ Ch.18
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-07-2018 00:35:29
เย้ๆ ตามทันแล้ว~
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {19/07/61} ➡ Ch.18
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-07-2018 13:06:57
 :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {19/07/61} ➡ Ch.18
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 23-07-2018 17:28:15
พี่เมฆร้อนแรงมากค่ะ
อ่านไปฟินไป
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {23/07/61} ➡ Ch.19
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 23-07-2018 21:31:49
19





“อยู่เขตตะวันเหรอ”

(อือ มาทำงานน่ะ ว่าแต่ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม)

มีสิ...มีเยอะด้วย เมฆาไม่พูดออกไปเพราะกลัวว่าคณินจะเป็นห่วงจนงานการไม่เป็นอันทำ เขาถูกพักงานทุกอย่างในไร่ ไม่ให้แตะต้องอะไรที่เกี่ยวกับสมรชัยเลย วันๆ  ก็อยู่ในบ้าน ส่วนเจตผู้ช่วยที่พ่อเลี้ยงอาทิตย์หาให้ เขาก็จ่ายค่าตอบแทนไปตามสัญญา ซึ่งเจตก็กลับไปทำงานกับพ่อเลี้ยงอาทิตย์แล้ว

“ก็โดนกักบริเวณ การ์ดเฝ้าเพิ่มขึ้น เมื่อเช้าคุณศรันย์ก็มาทานข้าว จริงสิ! ก่อนที่คุณศรันย์จะกลับ ฉันแอบได้ยินคุณศรันย์กับพ่อคุยกันว่าคืนนี้จะมีการย้ายของไปเก็บที่อื่น ก่อนหน้าที่ฉันจะไปหานายวันนั้นก็พูดทำนองว่ามีสายในตำรวจด้วย น่าจะมียศสูงอยู่หลายคน แล้วก็...ชื่ออะไรนะ ที่ได้ยินเมื่อเช้า” เมฆาทำท่านึกเพราะดันลืมเนื่องจากรีบเดินออกมาก่อน กลัวว่าพ่อกับศรันย์จะจับได้

(ลองคิดซิ...ฉันจะได้บอกเบาะแสอาวัฒน์)

“ใจเย็นสิ คิดอยู่เนี่ย”

(คิดได้ยัง...น้องเขต พี่เอาเอกสารมาให้...ขอบคุณครับพี่ฝน...แหม คุยกับแฟนเหรอคะ นั่งยิ้มเชียว...เอ่อ ครับ) เมฆาหลุดหัวเราะออกมาทันที อยากเห็นสีหน้าของคณินตอนนี้จริงๆ ว่าเป็นแบบไหนหลังจากโดนแซว

“ฮะๆ”

(หัวเราะอะไร คิดได้หรือยังเนี่ย) ปลายสายน้ำเสียงหงุดหงิด

“ตอนนี้คงทำหน้ายักษ์อยู่ใช่ไหม ฮะๆ เอ๊ะ...ยักษ์เหรอ” เมฆาหยุดหัวเราะเมื่อสะดุดใจกับคำๆ หนึ่ง

(มีอะไร คิดออกแล้วเหรอ)

“ไม่แน่ใจ...แต่ว่าคับคล้ายคับคลาว่าชื่อยักษ์ หมวดยักษ์รึเปล่า ไม่รู้มีไหม”

(หมวดยักษ์...โอเค ขอบคุณมาก ว่าแต่ พ่อไม่อยู่ใช่ไหม)

“ไปกับคุณศรันย์แล้ว”

(ดูแลตัวเองดีๆ แค่นี้ก่อนนะ แล้วเดี๋ยวจะโทรไปใหม่)

“ครับ”

ได้แต่หวังว่าข้อมูลอันน้อยนิดที่เขามีจะสามารถช่วยให้ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ว่าจะจับได้แล้วและอาจสาวมาถึงตัวพ่อของเขาก็ตาม




ในแต่ละวันเมฆาจะมีอะไรทำอยู่ไม่กี่อย่าง นั่นคือตื่นช่วงสายๆ เพราะงานไม่ต้องทำจะตื่นเช้าก็ไม่มีอะไรจะทำเหมือนกัน แล้วก็กิน กินเสร็จก็เดินเล่น อ่านหนังสือ  ดูหนัง คุยโทรศัพท์กับคณิน ที่นึกแปลกใจอยู่ว่าทำไมพ่อถึงคืนโทรศัพท์ให้ แม้จะสงสัยแต่ก็หาคำตอบไม่ได้อยู่ดี เลยเลิกสนใจมัน

และสิ่งที่น่ารำคาญทุกๆ วันคือศรันย์ ผู้ชายคนนี้มาได้ทุกวันราวกับว่าไม่เบื่อที่จะมาเลยสักนิด ปฏิเสธที่จะไปไหนมาไหนด้วยก็แล้ว แต่มันก็ต้องมีบ้างที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่นวันนี้

“ขอบคุณที่มาส่งครับ”

เมฆาเปิดประตูรถคันหรูทันทีที่จอดเทียบอยู่หน้าประตูบ้าน กว่าศรันย์จะพามาส่งก็กินเวลาถึงสามทุ่ม ตั้งแต่เที่ยงยันตอนนี้เลย เขาถูกพ่อเลี้ยงมนัสบังคับให้ไปจัดการเรื่องงานหมั้น แล้วก็ดินเนอร์ต่ออีก

หากถามว่าตกลงที่จะหมั้นเหรอ เมฆาบอกเลยว่าไม่ ก็แค่ทำไปส่งๆ แล้วค่อยหาทางหนีงานหมั้นเอา ให้ทั้งสองคนตายใจก่อน คิดว่าเมฆายอมหมั้น ยอมทำตามอย่างว่าง่าย พ่อก็คงไว้ใจ คืนอิสระให้

“มาแล้วเหรอ”

ร่างโปร่งขมวดคิ้วที่เห็นพ่อเดินออกมารับด้วยสีหน้าที่มีแต่ความปิติยินดีราวกับว่ามีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ผ่านมาคนเป็นพ่อไม่เคยที่จะออกมารับเขาด้วยซ้ำ ถ้าไม่นอนกับบรรดาเมียๆ อยู่บนห้องก็ยังไม่กลับ

“ครับ ขอโทษด้วยที่พามาส่งซะดึกเลย” เป็นศรันย์ที่พูด

“ไม่เป็นไรๆ ไปกับคุณศรันย์ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก นี่ก็มืดค่ำแล้ว คุณศรันย์รีบกลับไปพักผ่อนเถอะนะ พรุ่งนี้เรามีประชุมสำคัญกัน” พ่อเลี้ยงมนัสพูดบอก

“งั้นขอตัวเลยนะครับ ผมไปก่อนนะครับคุณเมฆ แล้วเจอกันใหม่ครับ”

“ครับ” เขาตอบรับอย่างไม่เต็มใจนัก

พอศรันย์กลับไปแล้ว เมฆาก็เดินตามพ่อที่ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีเข้าไปในบ้าน แต่ด้วยความสงสัยก็อดที่จะถามออกไปไม่ได้

“พ่อดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะครับ”

“หึหึ ก็มีเรื่องดีๆ น่ะสิ”

“เรื่องดีๆ”

“ใช่…” คนเป็นพ่อหันกลับมามองหน้าลูกชาย เมฆามองสีหน้ามีความสุขของพ่ออย่างสงสัยว่าอะไรจะสามารถทำให้พ่อมีความสุขได้ขนาดนี้

“บอกได้ไหมครับ”

“แน่นอน...วันนี้หมูมาที่นี่”

“หมู...อย่าบอกนะครับว่า…”

“ใช่! เด็กไอ้อาทิตย์นั่นแหละ หึหึ เป็นไงล่ะ ฉันบอกแกแล้วว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เด็กนั่นยอมเป็นสายให้กับฉัน แล้วก็จะมาเป็นแม่เลี้ยงแกในอนาคตด้วย”

“ไม่จริง...หมูเนี่ยนะครับ”

“เรื่องจริง เชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของแก อ้อ! ฉันยกเลิกการกักบริเวณแกแล้ว ตั้งแต่พรุ่งนี้แกได้อิสระคืน อยากไปไหนก็ไป แต่ไม่มีสิทธิ์ทำงานในไร่อีก เข้าใจนะ”

“ครับ”

“ฉันจะไปนอนแล้ว วันนี้มีแต่เรื่องดี ฮ่าๆ กูจะได้เมียเด็กและสวย ที่สำคัญได้ทำลายหัวใจของไอ้อาทิตย์มัน ถ้ารู้ว่าโดนเมียสวมเขามันจะรู้สึกยังไงวะ แค่คิดก็สะใจแล้ว ฮ่าๆ”

ร่างโปร่งมองพ่อที่เดินหัวเราะขึ้นไปบนบ้านอย่างครุ่นคิดว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง ทำไมศตคุณถึงมาที่นี่ได้ สายตาก็กวาดมองไปรอบๆ เห็นหัวหน้าแม่บ้านกำลังเดินตรวจบ้านก่อนจะไปนอน

“พี่อ้อย”

“คะ คุณเมฆ”

“วันนี้มีแขกมาหาพ่อเหรอ”

“ค่ะ เป็นผู้ชายสวยๆ ผมยาว เห็นพ่อเลี้ยงเรียกชื่อว่าหมูนี่แหละค่ะ คุณเมฆถามทำไมเหรอคะ” เมฆาเห็นแววตาเจ็บปวดยามที่หญิงสาวพูดถึงศตคุณก็เห็นใจ

“เปล่าหรอก ขอบคุณครับ”

“งั้นอ้อยขอตัวนะคะ”

“ครับ”

เมฆาต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมศตคุณถึงได้เข้ามาที่นี่ แล้วทำไมถึงหักหลังพ่อเลี้ยงอาทิตย์ หรือว่าศตคุณจะไม่ใช่คนดีอย่างที่เขาคิด

Rrrrrr

เมฆาสะดุ้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขัดขวางการใช้ความคิดของเขา พอเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาก็รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเองทันที

“เขต…”

(ทำไมเพิ่งกลับ?)

“ห๊ะ! เห็นด้วยเหรอ”

(เดาเอา ตอนนี้อยู่เขตตะวันจะไปเห็นได้ยังไง)

“แล้วรู้ได้ยังไง อ๋อ ลุงจงสินะ”

(ทำไมไอ้ศรันย์มันมาส่งช้า มันทำอะไรหรือเปล่า) เสียงของคณินเริ่มแข็งกร้าวยามที่พูดถึงศรันย์

“ไม่ได้ทำอะไร พาไปจัดการเรื่องหมั้น แล้วก็ดินเนอร์ เฮ้อ...น่าเบื่อจัง เอ้อ! พ่อยกเลิกการกักบริเวณแล้วนะ ฉันจะไปไหนก็ได้แล้วล่ะ” เมฆาพูดบอกคนรักไป ทิ้งตัวนอนกลิ้งไปมาบนเตียงนุ่ม

อยากนอนกอดจัง

(งั้นตีห้าออกมาได้ไหม จะไปรับ)

“จะกลับไร่เหรอ ทำไมกลับเช้าจัง ไม่รอให้สายๆ หน่อยค่อยขับรถล่ะ แล้วทำไมต้องตีห้าด้วย”

(ตอนนั้นเป็นเวลาที่สะดวกที่สุดแล้วถ้านายจะมากับฉันน่ะ พ่อเลี้ยงมนัสจะได้คิดว่านายยังนอนอยู่ วันพรุ่งนี้จากที่สายรายงานมา พ่อเลี้ยงจะไปประชุมลับกับเอเย่น ค้ายา) แม้ว่าจะรู้ว่าพ่อตัวเองทำอะไร แต่ก็ทำใจไม่ได้สักทีเวลาที่ได้ยิน

“จะจับได้ไหม”

(ตอนนี้หลักฐานการค้าและส่งยา ที่ชุดสืบสวนของอาวัฒน์ก็มีบ้างแล้ว แต่คดีของพ่อหรือคดีการตายอื่นๆ ยังไม่มีเลย จับมือใครดมไม่ได้) เมฆาฟังอย่างตั้งใจ จนรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของปลายสายดูเศร้าๆ ยามพูดถึงผู้เป็นพ่อ

“เล่าให้ฉันฟังหมดแบบนี้ไม่กลัวว่าฉันจะเอาไปบอกพ่อเหรอ”

(ไม่กลัว...เชื่อใจว่าจะไม่ทำ)

“ฮะๆ ฉันไม่ทำหรอก เฮ้อ...ดูเป็นลูกอกตัญญูเนอะ” ร่างโปร่งถอนหายใจแล้วพูดออกมาอย่างท้อแท้ใจ เอาเข้าจริงเขาก็กลัวที่พ่อจะต้องติดคุกหรือไม่ก็อาจจะเจอโทษหนักกว่านั้น ถ้าช่วยได้ เมฆาก็อยากช่วย แต่ถ้าช่วย พ่อจะยิ่งแค้นเข้าไปอีก หากหลุดคดีคราวนี้ พ่อของเขาจะต้องทำร้ายผู้คนไม่หยุดแน่ๆ

(เสียใจเหรอ)

“เสียใจสิ พ่อทั้งคนนะ”

(ขอโทษนะ)

“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก นายทำเพื่อความถูกต้อง ส่วนฉันแม้ว่าจะต้องเห็นพ่อลำบาก พ่อทุกข์ แต่เพื่อหยุดไม่ให้พ่อทำผิดฉันก็พร้อมจะเป็นลูกอกตัญญูในสายตาท่าน”

(นอนเถอะ พรุ่งนี้จะไปรับตีห้า เข้าไปในไร่ได้ใช่ไหม)

“อื้อ ตอนตีห้าไม่มีใครมาตรวจหรอก ใกล้ถึงก็โทรมานะ จะลงไปรอ”

(ครับ ฝันดีนะพี่เมฆ)

“ฝันดีเช่นกันครับ”

เมฆายิ้มให้กับโทรศัพท์นิดๆ ก่อนจะไปจัดการอาบน้ำเข้านอน




ช่วงตีห้ากว่าๆ เมฆาก็เดินมารอคณินที่หน้าประตูบ้าน ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีคนงานหรือคนรับใช้ในบ้านตื่นมาทำงานกันเท่าไหร่ ก็จะมีแค่ไม่กี่คน ซึ่งก็ไม่ได้สนใจอะไรเขานักหรอก เพราะช่วงนี้ก็มีรถขับเข้ามาในไร่เพื่อส่งของ รับของ แล้วรถที่คณินใช้ก็กลมกลืน

“ไม่ง่วงเหรอ” เมฆาถาม ขณะที่สนใจกับการคาดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองอยู่  แต่พอเงยหน้าหันไปมองคณินที่ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ก็ถูกคนอายุน้อยกว่าโน้มหน้ามาประกบจูบอย่างอ่อนโยน เมฆาหลับตาพริ้มรับสัมผัสด้วยความเต็มใจ ก่อนที่คณินจะผละออกมาแล้วหอมแก้มเนียนเบาๆ

ฟอด!

“คิดถึงว่ะ”

“ออกไปจากที่นี่ก่อนไหม เดี๋ยวก็มีคนมาเห็น”

“ใครจะมาเห็น ฟิล์มก็ทึบขนาดนี้”

“ไปเถอะ แล้วนี่จะกลับไร่เลยรึเปล่า”

คณินไม่ตอบแต่เคลื่อนรถออกจากหน้าบ้านของเมฆาแล้วพาออกจากไร่สมรชัยไป เส้นทางที่พาไปไม่ใช่ทางไปไร่ศักดินนท์ หากเมฆาก็ไม่คิดจะถามเพราะเชื่อว่าคนรักคงไม่พาไปทิ้งหรือฆ่าแน่นอน

ไม่กี่นาทีต่อมาเมฆาก็ได้คำตอบ สถานที่ที่คณินเคยพามา สถานที่ที่เปลี่ยนความสัมพันธ์ของเรา ‘ที่ดูดาว’

“มาดูพระอาทิตย์ขึ้น จริงๆ อยากจะพาไปดูที่เขตตะวันเพราะที่นั่นสวยกว่า แต่เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน”

“จะไม่มีใครมาพลอดรักใช่ไหม” เมฆาถามหวั่นๆ เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนอายุน้อยกว่าทันที

“ฮ่าๆ ถ้ามีก็มีแค่เรานั่นแหละ”

“บ้า! ใครจะไปยอม ประเจิดประเจ้อจะตาย” ร่างโปร่งบ่น

ทั้งสองคนไปนั่งที่ท้ายกระบะ เพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน ระหว่างที่รอก็คุยกันบ้าง หยอกล้อกันบ้างเพราะความขี้แกล้งของคณิน เมฆาไม่ได้รู้สึกรำคาญเลย ก็เข้าใจว่าคนรักยังเด็ก ฉะนั้นการแกล้งเล่น การหยอกของคณินก็เป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่ง

มีแฟนเด็ก มันก็ดีนะ...คลายเครียดได้ดีเลย ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงเขาอาจจะรำคาญ ส่วนผู้ชายเขาจะมีความเป็นผู้ใหญ่อยู่บ้าง ไม่ได้งอแง เอาแต่ใจตลอดเวลา

สำหรับเมฆาแล้ว คณินเป็นคนที่พึ่งพาได้



หลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้น คณินก็พาเมฆาไปหาพ่อเลี้ยงอาทิตย์ที่โทรศัพท์มาตามให้ไปคุยกันอย่างเร่งด่วน ตอนแรกเมฆาก็กะว่าจะรออยู่ข้างล่าง แต่พ่อเลี้ยงอาทิตย์ก็บอกว่าไม่เป็นไร เข้าไปด้วยก็ได้ เมฆาเลยได้เข้ามาในห้องหนังสือร่วมประชุมลับเฉพาะ พอได้ฟังที่พ่อเลี้ยงอาทิตย์เล่า เมฆาก็มองไปยังร่างบางของศตคุณที่นั่งหน้าหดอยู่ข้างๆ

เมฆาเข้าใจแล้วว่าศตคุณเข้าไปหาพ่อของตนได้ยังไง ตอนแรกก็ถูกพ่อเขาเชิญตัวเข้าไปพูดคุยด้วย ถ้าไม่ไปดีๆ ก็ต้องถูกบังคับพาเข้าไป ศตคุณเลยตามน้ำเล่นบทคนรักหักหลังพ่อเลี้ยงอาทิตย์กับพ่อของเขา จนพ่อของเขาหลงเชื่อได้ง่ายๆ
จริงๆ แล้วพ่อของเมฆาฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องผู้หญิง ตัณหา ราคะพ่อเลี้ยงมนัสไม่เคยเอาชนะได้ สาเหตุที่แม่ทิ้งเขาไปก็เพราะความไม่รู้จักพอของพ่อ

“ทำแบบนี้มันอันตรายมากเลยนะหมู มึงโง่หรือเปล่าวะ” คณินว่าเพื่อนเสียงเครียด

“ใช่...น้องหมูอย่าประมาทพ่อพี่เลยดีกว่านะ”

“ขอโทษครับ”

แล้วอาโปก็เสนอว่าแผนที่ศตคุณคิดเป็นแผนที่ดี ถ้าจะเข้าหาพ่อเลี้ยงมนัสก็ต้องใช้ผู้หญิงหรืออะไรที่ยั่วตัณหาของคนบ้ากาม ที่ผ่านมาก็เคยคิดจะใช้แผนการนี้อยู่เหมือนกัน แต่พ่อเลี้ยงอาทิตย์กลัวพลาดกลับกลายเป็นว่าส่งผู้หญิงไปเป็นเหยื่อ เลยไม่คิดที่จะใช้วิธีนี้ แต่คราวนี้ดันเป็นคนรักของตัวเอง พ่อเลี้ยงอาทิตย์ย่อมไม่ยอมเช่นกัน

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับ เดี๋ยวผมจะคอยช่วยและดูแลน้องหมูเอง”

เมฆาพูดขึ้น ซึ่งก็ทำให้ทุกคนมองเขาเป็นตาเดียว เมฆายิ้มให้ทุกคนอย่างจริงใจ ไหนๆ ก็ช่วยให้ข้อมูลจนตำรวจรวบรวมหลักฐานเพิ่มมากขึ้นได้ เรื่องคดีของพ่อเลี้ยงตะวัน เมฆาก็อยากที่จะช่วย ถ้าเป็นศตคุณ จะต้องหาทางเอารหัสห้องลับของพ่อเลี้ยงมนัสมาได้แน่ๆ

แม้ว่าเมฆาจะยิ้มให้กับคนรักว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ในใจมันกลับกำลังร้องไห้…





ในที่สุดวันที่เริ่มทำตามแผนการก็มาถึง เมฆาทำเป็นขออนุญาตพ่อ ออกจากบ้าน ซึ่งพ่อเลี้ยงมนัสก็อนุญาตเนื่องจากศตคุณโทรมานัดก่อนหน้านี้แล้วว่าจะมา เมฆาทำเป็นนั่งรถออกไป แต่ก็กลับเข้ามาคืนแล้วแอบขึ้นไปซ่อนตัวบนห้องนอน จนศตคุณเข้ามาในบ้านแล้วเริ่มทำตามแผนการที่วางไว้

วันนี้ไม่มีคนรับใช้อยู่เท่าไหร่เพราะพ่อเลี้ยงมนัสสั่งเอาไว้ว่าให้มีคนอยู่ให้เรียกแค่คนเดียว นอกนั้นก็กลับบ้านพักคนงานไป เนื่องจากต้องการความส่วนตัว

พ่อเลี้ยงมนัสนั่งมอง นั่งคุยกับคนสวยที่วันนี้ดูจะสวยมากเป็นพิเศษเพราะแต่งหน้าแต่งตา จากที่เคยเกลียดพวกเลือดพิเศษก็ต้องมากลืนน้ำลายตัวเองเพราะเสน่ห์ของศตคุณมันยั่วยวนใจและดึงดูดต่อมรับกลิ่นด้านเพศที่รุนแรงของพ่อเลี้ยงวัยสี่สิบปี บวกกับร่างบางคนนี้เป็นคนรักของศัตรู ความคลั่งไคล้ ความหลงใหลเลยมีมากขึ้นเข้าไปอีก ที่สำคัญตัวเขาเจอแต่คนที่สามารถแลกมาได้ด้วยเงิน ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธก็เลยเชื่อศตคุณอย่างสนิทใจว่าตัวเองสามารถให้ศตคุณได้มากกว่า ศตคุณเลยเลือกเขา

“เป็นยังไงบ้างนะ” เมฆาพึมพำเบาๆ ด้วยความกังวล ตอบข้อความของคณิน ตลอดเวลา ซึ่งตัวเขาไม่ได้มีเครื่องดักฟังเหมือนกับศตคุณ และไม่สามารถฟังได้ว่าทั้งสองคนสนทนาอะไรกันอยู่เลยต้องอาศัยการคุยผ่านโทรศัพท์กับคนรัก

เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงค่ำ เมฆาเดินออกจากห้องนอนลงมาที่ด้านล่าง พบว่าไม่มีคนอยู่เลยก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมฆายืนรอศตคุณอยู่แบบนั้นจนกระทั่งร่างบางเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้ารีบร้อน

“ไม่เป็นไรนะหมู พ่อพี่ทำอะไรหรือเปล่า”

“ไม่ครับ...ผมได้รหัสแล้วนะครับ”

“จริงเหรอ งั้นไปเปิดกันเถอะ”

“ครับ...”

สุดท้ายเมฆาก็ไม่สามารถที่จะหลอกตัวเองได้ว่าตัวเองไม่เป็นไร เมื่อเห็นบันทึกการฆ่าของพ่อที่ตัวเขาเองได้เห็น เมฆาพยายามฝืน ฝืนหลอกตัวเองว่ารับได้ ก็รับได้มาตลอดทั้งชีวิต

ความเป็นจริงไม่ใช่เลย อีกใจหนึ่งเขาก็เชื่อว่าพ่อคงไม่ได้ฆ่าแกงใครเยอะเกินกว่าสองหรือสาม เมฆาอดทนพาศตคุณไปส่ง แต่พอเห็นคณิน ความพยายามเข้มแข็งทั้งหลายก็พังทลาย เขากอดแล้วร้องไห้กับคนรักอย่างเสียใจที่สุด เอ่ยถามถึงโทษที่พ่อจะได้รับแม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าคนเป็นพ่อจะถูกข้อหาอะไรบ้าง


ร่างโปร่งกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง เห็นพ่อกำลังนอนหลับสนิทด้วยสีหน้าที่มีความสุขก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ เขาจัดแจงให้พ่อนอนบนโซฟาดีๆ ก่อนจะกราบที่เท้าของผู้เป็นพ่อ แล้วขยับมาจับมือของพ่อที่ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยได้จับมือคู่นี้เลย

“ขอโทษครับ...ผมขอโทษ ฮึก แต่พ่อไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะอยู่กับพ่อ ผมจะไปกับพ่อเอง”

เมฆามองผ่านม่านน้ำตาไปยังใบหน้าของผู้เป็นพ่อ เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูของพ่อเลี้ยงมนัสดังขึ้นแล้วก็ดับไปหลายสิบสาย บ่งบอกถึงความร้อนใจของผู้ที่โทรมาเป็นอย่างดี

วันนี้ปริวัฒน์บอกว่าจะมีการเข้าจับกุมมือปืนที่เป็นผู้ต้องสงสัยในการลอบยิงพ่อเลี้ยงตะวัน หลังจากที่ก่อนหน้านั้นจับกุมเพื่อนของผู้ต้องหาได้ในข้อหาค้ายาที่ชายแดน สืบไปสืบมาก็ตรวจสอบได้ว่ามีเพื่อนที่เดินทางมาจากเชียงใหม่เมื่อสิบห้าปีก่อนมากบดานอยู่ที่นี่และก็ขายร่วมกัน ตำรวจเลยสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นมือปืนที่ลอบฆ่าพ่อเลี้ยงตะวันเลยจะจับกุมตัวเอาไว้ก่อน ยังไม่มีการสอบสวนอย่างจริงจัง

อีกอย่างหนึ่งคือ ในวันนี้มีการบุกจับการส่งยาล็อตสำคัญที่ทางศรันย์เองก็เป็นคนคุมการจัดส่งในครั้งนี้ โดยไม่รู้เลยว่าพ่อเลี้ยงมนัสกับหุ้นส่วนคนอื่นต้องการส่งให้ชายหนุ่มไปเป็นแพะรับบาป ซึ่งข่าวนี้ เมฆาเพิ่งจะได้รับรู้ก่อนจะกลับเข้ามาในบ้านเมื่อกี้นี้เอง
ถึงไม่มีเมฆาคอยช่วย ยังไงแล้วทางตำรวจก็สามารถที่จะหาหลักฐานจับกุมคนผิดได้อยู่ดี ตำรวจเก่งกาจอย่างปริวัฒน์และพลเมืองดีที่มีอิทธิพลมากมายอย่างพ่อเลี้ยงอาทิตย์ หากร่วมมือกันแล้ว ก็สามารถที่จะเอาความดีความถูกต้องมาชนะพวกสิ่งผิดกฎหมายได้ แม้ว่าจะไม่หมดไปแต่อย่างน้อยก็ทำให้ประเทศสะอาดขึ้นมานิดหนึ่งก็ยังดี

“มันจะเลวร้าย...แต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”

ใช่ไหมครับแม่...มันจะผ่านไปใช่ไหมครับ






100%

 :katai4: :ling3: :mew3: :mew4:

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^

ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {23/07/61} ➡ Ch.19
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-07-2018 21:41:01
เอาใจช่วยนะคะ อยากให้มีเบบี๋เมฆน้อย
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {23/07/61} ➡ Ch.19
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 23-07-2018 22:15:09
งืออ ขอให้ผ่านไปได้นะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {23/07/61} ➡ Ch.19
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-07-2018 00:14:07
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใกล้ถึงคราวอวสานของพ่อเลี้ยงมนัสแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {23/07/61} ➡ Ch.19
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 24-07-2018 00:31:52
มันเจ็บปวดมากๆที่ต้องเลือกระหว่างความถูกต้อง กับพ่อตัวเอง :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {23/07/61} ➡ Ch.19
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-07-2018 01:55:48
ความระทึกกำลังใกล้เข้ามาแล้ว  :ling3:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {23/07/61} ➡ Ch.19
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 24-07-2018 05:41:23
สงสารเมฆ ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {23/07/61} ➡ Ch.19
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 24-07-2018 06:16:05
พี่เมฆสู้สู้นะ... ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {23/07/61} ➡ Ch.19
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 24-07-2018 08:07:00
สงสารพี่เมฆสุดใจค่ะ
เอาใจช่วยพี่เมฆค่ะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {23/07/61} ➡ Ch.19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-07-2018 09:45:00
สู้ๆนะเมฆ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {23/07/61} ➡ Ch.19
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-07-2018 10:49:13
เป็นกำลังใจให้พี่เมฆนะ
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {26/07/61} ➡ Ch.20 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 26-07-2018 19:43:18
20





เมฆาดูแลพ่อไม่ห่าง จนถึงตอนนี้พ่อเลี้ยงมนัสก็ยังไม่รู้ว่าห้องเอกสารของตัวเองผิดปกติ พ่อเลี้ยงมนัสแม้จะรู้ว่าศรันย์ถูกตำรวจจับไปแล้วก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะคิดว่าศรันย์คงไม่ฉลาดพอที่จะสร้างหลักฐานมาหักหลังเขาได้ พ่อเลี้ยงมนัสยังมีตำรวจใหญ่ที่คอยหนุนหลังและยังมีผู้ทรงอิทธิพลคอยช่วยเหลืออยู่

ร่างโปร่งได้รับข้อความจากปริวัฒน์ว่าวันนี้จะเข้าไปเพราะได้หมายค้น หมายจับมาเรียบร้อยแล้ว

“พ่อเลี้ยงครับ!! ตำรวจมาครับ” ลูกน้องของพ่อเลี้ยงมนัสวิ่งเข้ามารายงานผู้เป็นเจ้านายอย่างแตกตื่นเพราะตำรวจมาค่อนข้างเยอะ ไม่แน่ว่าอาจจะล้อมทั้งไร่เอาไว้แล้วก็ได้

พ่อเลี้ยงมนัสที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่อย่างสะบายใจก็ขมวดคิ้วแน่น หากก็ยังไม่รู้สึกกังวลอะไรมาก ไม่มีทางทำอะไรเขาได้หรอก

“มีอะไรครับคุณสารวัตร” พ่อเลี้ยงมนัสกอดอกถามคนอายุน้อยกว่า

“ผมพันตำรวจโทปริวัฒน์ พิทักษ์คุณ ขอจับกุมนายมนัส สมรชัย ในข้อหาค้ายาเสพติด จ้างวานฆ่าผู้อื่น...”

“นี่มันอะไร!!” พ่อเลี้ยงมนัสตะโกนลั่น

“ผมมีหลักฐานในการจับกุมในครั้งนี้และเชื่อว่าพ่อเลี้ยงจะต้องดิ้นไม่หลุด คุณศรันย์มีคลิปเสียงซัดทอดมาถึงคุณ และผมก็ได้หลักฐานเป็นเสียงบันทึกการสนทนาของคุณตอนสารภาพ และมีสมุดบันทึกการฆ่าที่คาดว่าเป็นของพ่อเลี้ยง ซึ่งต้องทำการพิสูจน์ลายนิ้วมือ…” ยังไม่ทันที่ปริวัฒน์จะพูดจบ พ่อเลี้ยงมนัสก็เริ่มสติแตก ประติประต่อเรื่องราวได้

ศตคุณ...คือคนที่เข้ามาในบ้านเขา และเขาก็ไม่เคยบอกรหัสประตูห้องลับกับใคร แต่วันนั้นเขาเมา เพิ่งเข้าใจตอนนี้นี่เองว่าเป็นการมอมเหล้า และล้วงความลับ

“มึงมาจับกูเหรอ!!! พวกมึงวางแผนล้วงความลับจากกู”

ความโกรธแค้นของพ่อเลี้ยงมนัสเริ่มทวีความรุนแรง หากพ่อเลี้ยงอาทิตย์ คณินและศตคุณอยู่ตรงนี้ เขาจะลงมือฆ่ามันให้หายแค้น

โธ่เว้ย!!!

“หากขัดขืน โทษของพ่อเลี้ยงจะหนักกว่าเดิมนะครับ”

“กูไม่ยอม กูไม่ผิด!!!

ร่างของพ่อเลี้ยงมนัสเริ่มถอยเข้าไปในบ้านเรื่อยๆ ก่อนจะวิ่งหนีไปหาปืนที่ลิ้นชักแล้วยิงขู่ทุกคนที่จะเข้ามาใกล้ เมฆาที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ ก็ได้แต่มองด้วยความเสียใจ และวิ่งตามพ่อของตนไป

ปัง!!!

“อย่าเข้ามา กูยิงทุกคนแน่”

“มอบตัวเถอะพ่อเลี้ยง โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา”

“เบาห่าอะไร ไม่ต้องมาหลอกกู พวกมันก็เหมือนกัน หลอกใช้กู ใช้กูเป็นเครื่องมือให้ไอ้ศรันย์มันโดนจับแล้วก็หักหลังกูแบบนี้ กูจะบอกให้นะ คนที่อยู่เบื้องหลังการค้ายาน่ะเป็นเจ้านายของพวกมึงนั่นแหละ ไอ้ผู้กำกับเวรนั่น กูมีหลักฐานทั้งหมด ในเมื่อมันทรยศกู กูก็จะเอามันให้จมดินเหมือนกัน!”

ปริวัฒน์ยกมือห้ามไม่ให้มีการวิสามัญ ยังไงก็ต้องจับเป็นให้ได้ เพราะคำให้การยังมีประโยชน์สาวไปถึงตัวการใหญ่ได้

เมฆาไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไง แต่เขาเชื่อว่าพ่อจะไม่ยิงเขา หากพ่อยิงเขา เขาก็พร้อมที่จะรับผิดที่ทำให้พ่อตกอยู่ในสถานการณ์นี้

“พ่อครับ”

“หลบไปไอ้เมฆ!!!”

“มอบตัวนะครับ พ่อหนีไม่ได้แล้ว”

“มึงมันลูกเนรคุณ!!! มึงเห็นผัวดีกว่าพ่อตัวเอง มึงร่วมมือกับผัวจับกูเข้าคุก มึงมันอกตัญญู กูเกลียดมึงไอ้เมฆ อย่าเข้ามา กูยิงมึงแน่”

เมฆาเสียใจ เจ็บปวดยิ่งกว่าอะไรเสียอีกยามได้ยินผู้เป็นพ่อว่าแบบนั้น

“อาวัฒน์...ผมกับพ่อยอมมอบตัวครับ”

“เมฆพูดอะไร” ปริวัฒน์ทำหน้างง แต่ก็ไม่ละความความสนใจจากผู้ต้องหา

“ผมเองก็มีส่วนเกี่ยวข้อง หลักฐานอยู่ในห้องลับห้องนอนพ่อ มันชี้ว่าผมมีส่วนในการค้าและส่งยาเหมือนกัน” ปริวัฒน์หันมามองหน้าคนพูดทันที ส่วนพ่อเลี้ยงมนัสเองก็หันมามองหลังของลูกชายที่ตัวเองไม่เคยรัก

“เมฆ!”

“ผมร่วมมือกับพ่อ กับคุณศรันย์ค้ายานรกพวกนั้น” เมฆาพูดเสียงสั่น หลบตาทุกคน พ่อเลี้ยงมนัสอึ้งที่ลูกชายพูดแบบนั้น มันจะเกี่ยวได้ยังไง ในเมื่อเขาไม่เคยให้มันเข้ามายุ่มย่าม ไม่เคยให้มันรู้เรื่องพวกนี้เลย อย่าบอกนะว่าจะเอาตัวเองมารับโทษกับเขา
มนัสสับสน ยืนคิดอะไรต่างๆ นาๆ จนกระทั่งถูกรวบจากข้างหลังแบบไม่ทันตั้งตัว

“เฮ้ย!! ปล่อยกูนะ ไม่!!” เมฆาหันไปมองพ่อที่ถูกจับแล้วใส่กุญแจมือก็ถึงกับหันหน้าออก เดินไปหาปริวัฒน์แล้วยื่นมือทั้งสองข้างไปให้

“จับผมสิครับ”

“ทำไมทำแบบนี้”

“ผมแค่ทำหน้าที่ลูก”

“เมฆ…”

ปริวัฒน์หมดคำจะพูด ได้แต่พยักหน้าให้ลูกน้องมาคุมตัวเมฆาไปโดยใส่กุญแจมือเพราะเมฆามอบตัวเอง ตามหลักหากไม่มีพฤติกรรมที่จะหนี ก็ไม่จำเป็นต้องใส่กุญแจมือก็ได้

เมฆาถูกคุมตัวไปบนรถคันเดียวกับผู้เป็นพ่อ พ่อเลี้ยงมนัสนั่งหัวเสียงจ้องมองเมฆาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

“ทำแบบนี้ทำไม”

“ผมจะอยู่สุขสบายในขณะที่พ่อลำบากได้ยังไง”

มนัสชะงัก สีหน้าอ่อนลง

“ทั้งๆ ที่ฉันไม่เคยดูดำดูดีแกเลยน่ะเหรอ”

“ผมมีแค่พ่อที่เหลืออยู่ตอนนี้ครับ แม่บอกว่า ต่อให้พ่อจะดีจะเลวยังไง พ่อก็คือพ่อ พ่อเป็นคนที่ทำให้ผมเกิดมา ผมยังไม่ได้ตอบแทนอะไรพ่อเลย จะให้ทิ้งพ่อได้ยังไง”

เวลาที่เลวร้ายในที่สุดของชีวิตที่เคยเผชิญมาคือช่วงที่พ่อฆ่าตัวตาย แม่หนีไปกับชู้ เขาโตมากับคำว่าแค้น แม้มีเมียมีลูกก็ไม่คิดสนใจใยดี มีคำพูดหนึ่งที่เข้ามาในหัวคือคนอย่างเขาไม่เหมาะที่จะเป็นพ่อของเมฆาจริงๆ คนตรงหน้าดีเกินไปที่จะเป็นลูกคนอย่างเขา

มนัสไม่เคยรู้สึกผิดกับอะไร ฆ่าคนมากี่คนเขาก็ไม่เคยรู้สึกผิด แต่ตอนนี้เขากำลังรู้สึกเสียใจ เสียใจที่ทอดทิ้งลูกชาย ลูกสาวของตัวเอง ทอดทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขที่เขาไม่ได้ตั้งใจให้เกิดมา เมียที่ได้มาก็มาจากการแย่งชิง ถึงจะตบแต่งอย่างสมเกียรติและความดีของเธอก็ไม่สามารถเอาชนะใจแค้นได้ เขาทำร้ายเธอเพราะเข้าใจว่าเป็นคนที่ตะวันรัก แต่ไม่ใช่ แม่ของเมฆาแสดงออกอย่างชัดเจนว่ารักเขา

หนุ่มใหญ่หลับตาลงเมื่อความรู้สึกทุกอย่างมันประดังประเดเข้ามา มีหลายคนที่รักเขา รักในตัวตนของเขา พ่อ ภรรยา และลูกชายคนนี้

“หึหึ ฉันจะยอมรับคำพูดอย่างหนึ่งของไอ้อาทิตย์มันก็ได้” พ่อเลี้ยงมนัสลืมตามองสบกับลูกชายที่มองด้วยสายตาเศร้าสร้อย ปากของคนเป็นพ่อแสยะยิ้มสมเพชตัวเอง “คนอย่างฉัน...ไม่เหมาะจะเป็นพ่อของแกจริงๆ”

คนพูดหันหน้าหนีเมื่อเห็นน้ำตาของลูกชาย มนัสกำลังร้องไห้เหมือนกันเพียงแต่มันไม่มีน้ำตา น้ำตาของเขามันหมดไปตั้งแต่วันที่พ่อฆ่าตัวตายต่อหน้าแล้ว

“พ่อครับ”

“หยุดพูดเถอะ ฉันไม่อยากฟัง”



เมื่อถึงโรงพักแล้ว เมฆากับพ่อเลี้ยงมนัสก็ถูกคุมตัวไปสอบสวนคนละห้อง ลูกน้องที่ถูกจับได้ก็เหมือนกัน ตอนนี้ที่ไร่ก็คงจะมีตำรวจอยู่สอบปากคำคนงานทั้งหมดอยู่ เมฆานั่งนิ่งๆ

“อาไม่อยากเชื่อเลยว่าเมฆจะทำแบบนี้ คิดยังไงถึงทำให้ตัวเองเข้าไปพัวพัน ถ้าเขตมันรู้มันจะเสียใจขนาดไหน นี่คงคิดแบบนี้มานานแล้วใช่ไหม” ปริวัฒน์เปิดปากถาม

“ครับ…”

“เมฆ อนาคตของเมฆเลยนะ ทำไม…”

“ผมไม่อยากทิ้งพ่อ ในชีวิตนี้ผมเหลือแค่พ่อ ผมจะมีความสุขได้ยังไงถ้าตราบใดที่พ่อยังเป็นทุกข์ อย่างน้อยผมก็ได้อยู่ใกล้ๆ พ่อ อยู่ข้างๆ พ่อ เพราะที่ผ่านมา พ่อรู้สึกว่าตัวเองตัวคนเดียวมาโดยตลอด”

“เฮ้อ...อาจะไปสอบสวนพ่อของเมฆแล้ว นั่งพักอยู่ในห้องนี้เถอะ”
เมฆานั่งกุมมือตัวเองแล้วบีบไปมาอย่างประหม่า

ทางด้านพ่อเลี้ยงมนัสก็นั่งทำหน้านิ่งๆ ไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ไฟแค้นยังสุมเต็มอก หากรอดไปได้ แน่นอนว่าเขาต้องการคิดบัญชีกับพ่อเลี้ยงอาทิตย์แน่นอน

“ทุกคดีที่ว่ามาเนี่ย คุณยอมรับหรือเปล่า” ปริวัฒน์ถามหลังจากร่ายจำนวนคดีทั้งหมดให้ผู้ตังหาฟัง พ่อเลี้ยงมนัสนิ่งไปก่อนจะช้อนตามองอย่างแข็งกร้าว

“เออ!! กูทำทุกอย่าง ขายยา แล้วก็ฆ่าพวกมันที่มึงพูดมาทั้งหมดนั่นแหละ”

“แล้วเมฆล่ะ เขาเกี่ยวข้องกับการขายยาจริงไหม”

มนัสชะงักกึก คิดถึงใบหน้าที่แสนเศร้าของลูกชายแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่ามีอะไรมันบีบรัดที่หัวใจอย่างรุนแรง คนเลวๆ อย่างเขา ก็มีคนรักเหมือนกัน รักบริสุทธิ์ของลูกชายอย่างที่เขาเองก็มีต่อพ่อที่จากไป

“ไม่...มันไม่เกี่ยวข้องอะไร ฉันไม่เคยให้มันยุ่งเรื่องนี้ ไม่ให้มันแตะ ไม่เคยให้มันรู้ เอกสารที่มันอ้างเป็นของปลอมที่มันทำขึ้น ของจริงจะเป็นกระดาษปั๊มนูนตราสัญลักษณ์สมรชัยเท่านั้นซึ่งมันคนละอย่างกับที่ใช้ในสำนักงานปกติ”

ปริวัฒน์นึกชื่นชมพ่อเลี้ยงมนัสอยู่เล็กน้อยที่ยังมีความเป็นพ่อไม่เอาลูกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เขายิ้มกับคำสารภาพพวกนั้นก่อนจะทำการสรุปต่างๆ แล้วขังพ่อเลี้ยงรอนำตัวไปเรือนจำ ส่วนเมฆาถูกปล่อยตัวไม่มีความผิดอะไร พอทราบเหตุผลก็ตรงไปหาพ่อตัวเองทันที

“พ่อทำแบบนี้ทำไม”

“แกนั่นแหละทำบ้าอะไร คิดจะเอาชีวิตมาจบในคุกทำไม ไปซะ! ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีกแล้ว ปล่อยให้ฉันอยู่แบบนี้ไปเถอะ”

“พ่อ…”

“ฉันอยากอยู่คนเดียว ไปซะ!” หนุ่มใหญ่หันหลังให้ลูกชาย เมฆาเห็นแบบนั้นก็เดินร้องไห้ออกมานั่งที่ด้านนอก เขาฟังทุกอย่างจากปริวัฒน์หมดแล้ว และเขาก็อยากจะไปส่งพ่อให้ถึงสถานที่ที่พ่อจะอยู่จนกว่าจะขึ้นศาลฟังคำตัดสิน

พ่อเลี้ยงมนัสหันมามองตามหลังที่ลูกชายเดินไป ดวงตาสะท้อนถึงความรักที่มีให้กับลูกชายที่ตนทอดทิ้งเป็นครั้งแรกและเป็นครั้งสุดท้าย

เป็นสิ่งเดียวที่พ่อเลวๆ อย่างฉันจะทำเพื่อแกได้ จากนี้ไปฉันขอให้แกมีความสุข อยากจะทำอะไรก็ทำ ชีวิตแกเป็นอิสระแล้ว เจ้าเมฆ…



ร่างโปร่งนั่งมองรถที่พ่อของตัวเองนั่งอยู่ด้านหน้าอย่างเหม่อลอย แม้ว่ายังไม่มีคำตัดสินจากศาล แต่เมฆารู้ดีว่ายังไงพ่อก็ต้องโทษหนัก

เอี๊ยด!!!

“เกิดอะไรขึ้น!!” ปริวัฒน์ที่เป็นคนขับสบถออกมาเมื่อคนคันที่คุมตัวนักโทษเบรกกะทันหัน ก่อนจะเห็นว่ามีคนสองคนบุกชิงตัวพ่อเลี้ยงมนัสขึ้นรถไป แม้ว่าจะถูกเหล่าตำรวจยิงดักแต่ก็ไม่สามารถหยุดได้

(มีคนมาชิงตัวผู้ต้องหาครับสารวัตร)

“ตามไปจับให้ได้ จับให้หมด พยายามอย่าวิสามัญ”

(ครับผม)

ปริวัฒน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรบอกเพื่อนสนิททันทีเพราะกลัวว่าพ่อเลี้ยงมนัสจะไปแก้แค้นเพื่อน ส่วนเมฆาก็ได้แต่ร้อนใจ ว่าทำไมถึงมีคนมาช่วยพ่อได้

ปัง ปัง ปัง!!!

เสียงปืนดังสลั่นไปตลอดทาง เมฆานั่งตัวสั่นด้วยความกลัว เกือบยี่สิบนาทีที่ขับตามรถกระบะที่พาตัวของพ่อเลี้ยงมนัสไป ทางตำรวจก็สามารถที่จะยิงยางรถของพวกมันได้ สองคนในรถพยายามที่จะพาพ่อเลี้ยงมนัสลงจากรถเพื่อนหนีเข้าไปในป่า แต่สองคนนั้นก็ถูกวิสามัญด้วยความจำเป็น ส่วนพ่อเลี้ยงมนัสก็หยิบปืนขึ้นมา เมฆากับปริวัฒน์รีบลงไปทันทีที่พ่อเลี้ยงมนัสจนมุม ตำรวจพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมพ่อเลี้ยงมนัสอย่างเต็มที่ ส่วนเมฆาก็สบตากับ ผู้เป็นพ่อเสี้ยวหนึ่ง เขาอยากจะพูดให้พ่อหยุด แต่มันคงไม่มีประโยชน์

“พ่อเลี้ยง...วางปืนครับ” มนัสมองไปรอบๆ แล้วหลับตาลง นึกขอโทษผู้เป็นลูกชาย...หากต้องมาเห็นอะไรซ้ำรอยกับเขา แต่มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว…

“ถ้าจะต้องโดนประหาร สู้ตายด้วยน้ำมือตัวเองดีกว่า”

“พ่อเลี้ยง อย่า!!!

ปัง!!!

พ่อเลี้ยงมนัสวัยสี่สิบปีตัดสินใจจบชีวิตตัวเองต่อหน้าผู้เป็นบุตรชาย ถ้าเขายังอยู่ แน่นอนว่าความแค้นมันเต็มอก ทุกข์ทรมานใจ รอวันตัดสินโทษที่รู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องตาย สู้ไปด้วยน้ำมือของตัวเองดีกว่า ฆ่าคนอื่นมาก็เยอะ แค่ฆ่าตัวเองมันคงไม่ยากเท่าไหร่ ความทรนงตัวของพ่อเลี้ยงมนัสไม่หมดไปแม้จะเจอทางตัน ถ้าไม่สิ้นหวังแล้วจริงๆ พ่อเลี้ยงมนัสคงไม่คิดทำแบบนี้แน่นอน…

ขอโทษด้วยที่เป็นพ่อที่ไม่ดี

“พ่อ!!!!” เมฆาตะโกนสุดเสียง ร้องไห้ออกมากด้วยความเสียใจ ยังไม่ทันที่ขาจะก้าวไปยังผู้เป็นพ่อ เมฆาก็หมดสติเพราะความตกใจที่เห็นภาพกระชากหัวใจเขาอย่างรุนแรง (ไม่ได้เป็นการสนับสนุนการฆ่าตัวตาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)




ศักดินนท์เป็นเจ้าภาพจัดงานศพให้กับพ่อเลี้ยงมนัส เมฆากับมลลดาอยู่ทำงานในวัดตลอด ต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความเสียใจ หญิงสาวตอนที่รู้ข่าวก็กรีดร้องจนเป็นลมไป เมฆาเลยต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นที่พึ่งให้กับน้อง ด้านน้องสาวที่ไม่เคยเห็นใจพี่ชายเลยก็ได้แต่นึกเสียใจในการกระทำที่ผ่านมา เธอเห็นว่าชายต้องแบกรับอะไรมากมายก็อยากจะแบ่งเบาภาระ โชคดีที่ว่าที่สามีไม่รังเกียจเธอ ที่เป็นลูกของพ่อยังยืนยันใช้ชีวิตคู่ตามเดิม เธอเลยพยายามเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น จากที่เที่ยวประจำก็เลิก   มาหัดทำอาหาร ทำงานบ้านเพื่อเป็นศรีภรรยาที่ดี

“พี่เมฆ...พักหน่อยเถอะ” คณินเองก็อยู่ข้างๆ กายเขาตลอด ไม่เคยไปไหนยามที่แอบร้องไห้ก็มีคนรักเดินเข้ามาโอบกอดไว้เสมอ จนรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว

“ไม่เป็นไร เข้าไปในศาลาเถอะ”

“อย่าฝืนได้ไหม เป็นห่วงเนี่ย”

“ขอบคุณนะเขตที่เป็นห่วง แต่งานของพ่อ ฉันอยากทำทุกอย่างให้เต็มที่ที่สุด” เมฆาดื้อดึงที่จะไม่พักแม้ว่าจะวูบๆ ไปบ้างเพราะนอนไม่หลับเลยตั้งแต่วันที่เห็นพ่อจบชีวิตตัวเอง

“เฮ้อ…” คณินได้ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ แต่ก็คอยดูแลไม่ห่างกาย ถ้าเมฆาไม่นอน คณินเองก็ไม่นอนด้วย...

หลังจากงานศพของพ่อเลี้ยงมนัสเรียบร้อยแล้ว เมฆาก็เดินเข้าบ้านไปพร้อมกับน้องสาว เขามองสถานที่แห่งนี้อย่างเศร้าสร้อย ตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ ที่นี่ยังไม่เคยให้ความสุขกับเขาเลย

“พี่เมฆ...ไปนอนบ้างเถอะ ขอบตาคล้ำหมดแล้ว”

“อื้อ...มลก็เหมือนกัน” เมฆายิ้มบางๆ ให้กับน้องสาว มลลดาเห็นแบบนั้นก็น้ำตาไหล ร้องไห้ออกมาเป็นเด็กๆ จนพี่ชายต้องคว้ามากอดเอาไว้

“มล...มล คือว่า”

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ตอนนี้เรามีกันสองพี่น้องนะ แล้วมลก็แต่งงานแล้ว พี่คงหมดห่วง ไม่ต้องขอโทษพี่ แต่ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีให้คุณเจนจบเพื่อพี่นะ เขารักน้องมาก ตอนแรกพี่ก็คิดอยู่ว่าถ้าเขาทิ้งน้องพี่จะทำยังไง มลต้องเป็นภรรยาที่ดีพอไม่ให้คุณเจนจบต้องอับอาย ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ มลเป็นภรรยาเขาแล้ว พี่ก็คงเข้าไปยุ่งอะไรได้ไม่มากเท่าไหร่ ไม่ดื้อ ไม่เอาแต่ใจ แล้วก็ทำงานนะ”

ใบหน้าสวยพยักหน้ากับอกของพี่ชาย สัมผัสเปียกชื้นทำให้เมฆารู้ว่าน้องร้องไห้

“มลขอโทษ ฮึก มลเป็นน้องที่ไม่ดี ฮือ ทำให้พี่เมฆลำบากตลอด ทั้งๆ ฮึก ทั้งๆ ที่ผ่านมาพี่เมฆทำหน้าที่แทนพ่อให้มลเสมอ แต่มลก็ยังดื้อ ฮึก เอาแต่ใจ มลขอโทษ”

“มลคิดได้ พี่ก็หายโกรธแล้ว เราเริ่มกันใหม่นะ ไม่มีอะไรสายเกินกว่าที่จะเริ่มต้น” เมฆาโอบกอดน้องสาวตัวเองเอาไว้ด้วยความรักทั้งหมด  แหงนหน้าขึ้นไม่ให้น้ำตามันไหล แต่มันก็ไหลลงมาทางหางตาจนได้ กลไกธรรมชาติ หากไม่สามารถกลั้น มันได้ มันก็ต้องไหลรินเป็นธรรมดา ดวงตาเศร้ามองบ้านที่เงียบสงัดแล้วสะท้านในหัวใจ เขายังทำใจไม่ได้ ยังทำใจไม่ได้จริงๆ



ช่วงเช้าของวันใหม่

“พี่เมฆไม่อยู่ค่ะ” มลลดาตอบคำถามคณินด้วยใบหน้าที่แสนเศร้า มือเล็กยื่นจดหมายในมือให้กับร่างสูงที่มาหาเมฆาแต่เช้าตรู่

“ไปไหน ได้บอกไหม” คณินเห็นน้องสาวของคนรักส่ายหน้าแล้วก็ถอนหายใจ เปิดจดหมายอ่าน แต่แล้วข้อความในจดหมายก็กระชากใจของเขาอย่างรุนแรง


‘พี่จะไปตั้งหลักตัวเองสักระยะ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน พี่อยากอยู่คนเดียวเพื่อทำใจกับเรื่องเลวร้ายที่ผ่านมา แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ พี่ไม่คิดสั้นหรอก แล้วพี่จะกลับมา...เมฆ’


“เขียนไว้แค่นี้แหละค่ะ แต่พี่เมฆก็เป็นแบบนี้บ่อยๆ ชอบหนีไปเที่ยวคนเดียวตอนอยู่ที่เมืองนอก แต่ไม่นานเขาก็กลับค่ะ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน แต่อาจจะนานหน่อยเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันร้ายแรงมาก” คณินฟังมลลดาพูดแล้วก็ยืนนิ่ง ก่อนจะไหว้ขอบคุณคนอายุมากกว่าแล้วขอตัวกลับไร่ตัวเอง คณินแทบจะหมดแรงที่คนรักหนีไปแบบนี้ หากแต่เขาก็พยายามที่จะเข้าใจและรอ...รอวันที่เมฆาจะกลับมาหาเขา

“เขตจะรอพี่เมฆ...เหมือนที่พี่เมฆเคยรอเขต”

พอถึงวันนั้น เขาก็จะกอดเมฆาเอาไว้ให้แน่นๆ จนไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก...





The End

จบไปแล้วนะคะ สำหรับเรื่องอาณาเขตรัก ต่อจากนี้จะเป็นการลงตอนพิเศษน่อ ยูกิอยากเขียนตอนจบแบบนี้มานานแล้วค่ะ ฮ่าๆ  แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เจอกันตอนพิเศษค่ะ พี่เมฆกลับมาแน่นอน และครองรักอย่างมีความสุข เย้!

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^

ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/

หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {26/07/61} ➡ Ch.20 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 26-07-2018 21:58:01
หูยยย เล่นเอาน้ำตานองหน้า
เมฆต้องเข้มแข็งขนาดไหนถึงจะผ่านเรื่องราวพวกนี้มาได้
น้ำตาไหลเป็นทาง
พักใจซะเมฆ
แล้วกลับมานะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {26/07/61} ➡ Ch.20 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 26-07-2018 23:47:35
ฮื้อออจบแบบนี้  :hao5:
จะรอตอนพิเศษนะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {26/07/61} ➡ Ch.20 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 26-07-2018 23:55:44
 :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {26/07/61} ➡ Ch.20 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 27-07-2018 00:06:01
นู๋เมฆจะหนีใจตัวเองไปทำไม :ling1:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {26/07/61} ➡ Ch.20 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-07-2018 03:09:49
รีบ ๆ กลับมาล่ะ หรือจะมีตัวเล็กอยู่ในท้องแล้วก็ได้นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {26/07/61} ➡ Ch.20 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 27-07-2018 06:08:17
พี่เมฆ.. อย่าไปนาน.. นะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {26/07/61} ➡ Ch.20 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-07-2018 08:19:05
พี่เมฆอย่าไปนาน รีบกลับมานะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {26/07/61} ➡ Ch.20 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-07-2018 10:05:32
 :pig4: :pig4: :pig4:

ง่า...ทำไปจบแบบไม่ได้อยู่ด้วยกัน?

แต่ก็แอบรู้ว่าคงได้อยู่ด้วยกันในตอนพิเศษ  ชิมิ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {26/07/61} ➡ Ch.20 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 27-07-2018 11:06:54
รอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {26/07/61} ➡ Ch.20 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 27-07-2018 19:16:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {26/07/61} ➡ Ch.20 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 27-07-2018 20:39:57
 :L2:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {26/07/61} ➡ Ch.20 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-07-2018 22:11:14
ร้องไห้ สงสารเมฆ ถึงจะเตรียมใจมาแล้วก็เหอะ แต่พ่อทั้งคน
เมฆอดทนมาก และพยายามมาก ที่จะผ่านเรื่องราวเลวร้าย
รอเมฆกลับมานะ และเขตก็รออยู่

เขตเป็นกำลังใจที่ดี และรักเมฆมาก
และเมฆก็เป็นแรงใจของเขตด้วย

รอวันกลับมาเจอกันและมีความสุขอีกครั้งนะ
อยากได้ยินชื่อหลานด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {26/07/61} ➡ Ch.20 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-07-2018 00:02:07
จบแบบน้ำตาปริ่ม จะรอตอนพิเศษน้า~
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {26/07/61} ➡ Ch.20 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 30-07-2018 01:51:22
เวลาจะช่วยรักษานะ  :sad4: รอตอนพิเศษค่าาา
หัวข้อ: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: SawachiYuki ที่ 30-07-2018 23:46:34
ตอนพิเศษ
เมฆที่ลอยกลับมา




ร่างโปร่งบางที่ผอมลง ใบหน้าที่เคยเศร้าหมองเมื่อหลายเดือนก่อนก็กลับมาสดใสเหมือนเดิม แววตาความเศร้าไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ตอนนี้เขากลับมาเป็นเมฆาคนเข้มแข็งเหมือนเดิมแล้ว และกลับมาหาคนรักที่เขาหนีไปแบบไม่บอกไม่กล่าว

เมฆายิ้มเมื่อเห็นว่าร่างสูงอยู่ที่ที่ตัวเองคิดว่าใช่ แผ่นหลังกว้างที่เขาคิดถึง ร่างกายใหญ่ที่โอบกอดเขาเอาไว้ ใบหน้า และริมฝีปาก เขาคิดถึงมันหมด

“อยู่ที่นี่จริงๆ แล้วก็มองไปยังเขตไร่เราด้วย คงมารอเราทุกวันเลยล่ะสิ” ร่างบางพึมพำด้วยความปีติยินดี ที่เห็นคณินนั่งอยู่บนพื้นหญ้า หันหน้ามองผ่านรั้วกั้นอาณาเขตไปยังฝั่งสมรชัย

หลังจากที่เมฆากลับมาถึง เขาก็ตรงมาที่นี่จนได้คุยกับพ่อเลี้ยงอาทิตย์กับศตคุณก่อนแล้วจึงเดินตามหาคนรัก โดยที่แรกที่อยู่ในใจก็คือที่นี่ และมันก็ใช่ ร่างโปร่งเดินเข้าไปหา แม้ว่าจะเดินดังขนาดไหน คนที่นั่งอยู่ก็ไม่คิดจะหันกลับมามองเลย หนำซ้ำยังคิดว่าเขาเป็นคนอื่นอีก

“มาตามเหรอ เดี๋ยวผมตามไป ตอนนี้ขอนั่งพักก่อน”

สวบ!!

ร่างโปร่งบางทรุดกายยืนเข่ากับพื้นหญ้าก่อนจะโอบกอดร่างแกร่งจากข้างหลัง พร้อมกับกระซิบที่ข้างหูเบาๆ

“กลับมาแล้วครับ…”

มือใหญ่ที่กำลังดึงหญ้าเล่นถึงกับหยุดชะงัก ร่างกายนิ่ง ตาคมเบิกกว้างทอดมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่เมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสที่โอบรัดกัน คณินก็ใจเต้นรัว ยิ้มออกมาอย่างดีใจ กำลังจะหันมาโอบกอดให้แน่นแต่ด้วยความอยากจะแกล้งคนรักที่หนีหายไปหลายเดือนไม่ยอมติดต่อมาเลย เขาก็ตัดใจแล้วนั่งนิ่ง   ทำหน้าราบเรียบเหมือนเดิม

“มาทำไม” ถามออกไปเสียงเรียบ เมฆาได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมากับความขี้งอนของแฟนหนุ่มอายุน้อย

“คิดถึงไง เลยมาหา”

“คิดถึงภาษาอะไร หายไปสามเดือนกว่า”

“ก็กลับมาแล้วนี่ไง ดีกันนะ ไม่โกรธนะ” คณินแอบยิ้มแต่ก็เก๊กขรึมเอาไว้

“ไม่รู้ ไม่สน ปล่อยเลย จะไปทำงานแล้ว” คณินสั่งหากแต่ก็ยังนิ่งให้เมฆากอด พอเจอคนขี้งอนเล่นใหญ่ขนาดนี้ เมฆาก็ยอมให้อีกคนเล่นก็แล้วกัน

ยังไงก็ผิดที่ไม่ติดต่อกลับมาบ้างล่ะนะ

“อ่ะๆ ปล่อยก็ได้ แล้วต้องทำไงถึงจะหายโกรธล่ะ” เมฆาลุกขึ้นยืน มองตามร่างใหญ่ที่ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากันแล้วยิ้มเอาใจ ส่วนคณินพอเห็นหน้าของเมฆาแล้วก็ยืนนิ่งเพราะความคิดถึง เผลอจ้องอีกคนไม่วางตา

เหมือนว่าเมฆาจะดูสดใสขึ้นมา เห็นแบบนี้คณินก็ดีใจ

“มองทำไม คิดถึงอ่ะดิ”

“บ้า! ใครคิดถึง มั่วแล้ว จริงๆ ไม่กลับมาก็ได้นะ นี่ก็ลืมไปแล้วด้วย” เด็กปากแข็งหลบตา เมฆาหัวเราะออกมาเบาๆ

ลืมอะไร...คิดถึงทุกลมหายใจเลยต่างหาก

“จริงเหรอ...งี้ฉันก็กลับมาสูญเปล่าน่ะสิ คิดว่าคนแถวนี้จะรอ ไอ้เราก็หักอกผู้ชายไปหลายคนก็เพราะว่าจะกลับมาหาเขา แต่ที่ไหนได้ เขาลืมเราไปแล้ว เฮ้อ...สงสัยต้องกลับไปพักใจใหม่เพราะอกหักแล้วล่ะมั้ง” เมฆาพูดออกมาน้ำเสียงเสแสร้ง เป็นเสียงที่ฟังแล้วดูกวนโมโหมากกว่าจะเศร้า

ได้ยินแบบนั้นคณินก็คิ้วกระตุก อาการขี้หวงเริ่มแสดงออกมาทางสีหน้า ดูจากคิ้วที่เริ่มขมวดแน่น

“แต่ถ้าคนแถวนี้ให้โอกาส จะง้อต่อก็ได้”

“ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้โอกาสสักหน่อย”

“หึหึ” เมฆาหัวเราะ “แล้วจะให้ง้อยังไงล่ะ”

“คิดเอาเองดิ ทำไมต้องให้บอก” คณินเดินหนีเพราะเหมือนตัวเองจะเสียรู้ให้กับร่างโปร่งบาง เมฆาส่ายหน้าไปมาแล้วเดินตามคณินไป พยายามเอาใจทุกอย่าง ทั้งช่วยงาน หยิบนั่นหยิบนี่ให้ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนงานในไร่ได้เป็นอย่างดี แต่เจ้านายน้อยของพวกเขาก็เล่นตัว ทำหน้างอนตุ๊บป่องไม่สนใจ หากแต่เมฆาก็ยิ้มรับตามง้อตลอดทั้งวัน เป็นภาพที่พ่อเลี้ยงอาทิตย์ถึงกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุขแบบเต็มร้อยได้เสียที ลูกชายตอนนี้คนรักก็กลับมาหาแล้ว จากนี้ไป ศักดินนท์ก็คงจะมีแต่ความสุข

พอตกเย็นเมฆาก็อยู่ทานข้าวเย็นที่ไร่ศักดินนท์ นั่งข้างๆ กับคนรักที่ตอนนี้ก็ยังปั้นหน้านิ่งๆ อยู่ ที่โต๊ะอาหารครึกครื้นกว่าทุกวันเพราะเมฆามีเรื่องเล่าให้ฟังเยอะแยะว่าตัวเองไปไหนมาบ้าง

“การผจญภัยในที่ที่ไม่เคยไปทำให้ผมสนุกและทำใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองคงหายไปเป็นปีเลย แต่พอเข้าไปปฏิบัติธรรมสองอาทิตย์ เที่ยวตามธรรมชาติ อยู่ในที่ห่างไกลจากเมือง ไม่ต้องใช้เงินเลยก็รู้สึกว่ามีความสุขไปอีกแบบ”

“เก่งนะเรา มาอยู่ไทยได้ไม่เท่าไหร่ก็ขึ้นเหนือล่องตายแบบไม่เกรงกลัวเลย” พ่อเลี้ยงอาทิตย์ชม

“ฮ่าๆ แค่มีปากครับ กล้าถามก็ไปไหนรอด”

“ทิ้งให้คนแถวนี้รอจนแกร่วเลยนะ ทำหน้าอมทุกข์อยู่ทุกวันเลย”

“ใครอมทุกข์ ไม่มีนะพ่อ”

“ก็ไม่ได้ระบุชื่อ ไม่ร้อนตัวสิลูกชาย” สิ้นเสียงของพ่อเลี้ยงอาทิตย์ ทุกคนก็หัวเราะร่วนกันใหญ่ ทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับหน้าแดงอย่างเขินอาย

“จริงสิ เมฆจะไปนอนที่ไหนล่ะ ไร่เหรอ” อาโปถามขึ้น

“เดี๋ยวนั่งรถไปนอนโรงแรมครับ”

คณินขมวดคิ้ว ใจก็อยากจะเอ่ยชวนให้นอนที่นี่ แต่เหมือนว่าพ่อจะรู้ใจเขาเหลือเกินเลยชวนให้

“นอนที่นี่แหละ อาให้คนเตรียมห้องเอาไว้ให้แล้ว”

“จะดีเหรอครับ ผมเกรงใจน่ะ”

“ไม่ต้องเกรงใจ ยังไงก็คนกันเอง”

“ขอบคุณครับ” เมฆายิ้มให้ทุกคน

เมื่อถึงเวลาเข้านอน เมฆาที่นั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ กับคณินก็ลุกตามร่างสูงไป แม้ว่าจะรู้ว่าเด็กปากแข็งนี่จะแกล้งทำเป็นงอน เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ขนาดไหน เมฆาก็ไม่ปล่อยให้เวลาง้ออีกฝ่ายหายไปสักวินาทีเดียว ไม่ใช่ว่าคณินไม่รู้สึกอะไรนะ ก็แอบยิ้มทุกครั้งมีโอกาส อย่างตอนนี้ก็เดินยิ้มอยู่

“นี่ใจคอจะให้ง้อไปถึงไหนกันหนอ”

“อะไร...ทนไม่ได้หรือไง”

“เปล่า ถามเฉยๆ ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไม่ใช่เหรอ” เมฆาถามยิ้มๆ

“ตื่นเช้า? ตื่นไปทำไร”

“ดูพระอาทิตย์ขึ้นไง”

“ไม่เอา ไม่ดู จะตื่นสาย” คณินตอบแบบไม่ต้องคิด หันมามองหน้าของร่างโปร่งบางก็พบว่าคนตัวเล็กกว่ายังคงยิ้มให้กันอยู่

“แล้วเจอกันนะ ตีห้าครึ่ง จะรอหน้าห้อง ห้ามเลท ฝันดี”

จุ๊บ!!

เมื่อเมฆาจุ๊บเบาๆ ที่ปากหนาแล้วก็เดินร่าเข้าห้องนอนที่ถูกจัดให้ไป ปล่อยให้คณินมองตามด้วยความมันเขี้ยว แต่ก่อนที่เขาจะเข้าห้องนอนตัวเองไป ก็เจอกันเพื่อนสนิทที่กำลังยืนยิ้มให้กันเสียก่อน เลยถามเพื่อนเสียงห้วน

“มีอะไร”

“ระวังนะ เล่นตัวมากๆ เขาจะน้อยใจแล้วหนีไปอีก”

ไม่มีทางหรอก...คณินตอบเพื่อนในใจแล้วเดินเข้าห้องไปเลย ปล่อยให้เพื่อนได้แต่มองตามอย่างระอา




ตีห้าสี่สิบห้า

เมฆามองนาฬิกาในโทรศัพท์แล้วถอนหายใจเมื่อมันเลยไปสิบห้านาทีแล้ว คณินไม่มีทีท่าว่าจะออกมาจากห้องเลย
แอบเสียดายแต่ก็ไม่ได้น้อยใจ เข้าใจว่าคณินคงจะเหนื่อยเลยตื่นไม่ไหว

“คงไม่ได้จงใจหรอก” เมฆายิ้มแล้วเดินลงไป ตัดสินใจที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นคนเดียว เพราะยังไงก็เชื่อว่าคงมีเวลาอีกเยอะที่จะได้ดูมันพร้อมกับคนรัก หลังจากที่ง้อสำเร็จน่ะนะ

ทางด้านคณินที่เพิ่งตื่นก็ลุกขึ้นมองดูนาฬิกา เห็นว่าหกโมงกว่าๆ ก็ได้แต่สบถคำหยาบคาย ไม่สนใจที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างหน้าแปรงฟันเลยสักนิด เขาเดินไปเปิดประตูห้องของเมฆาก็ใจหายวาบเมื่อห้องมันเรียบร้อยราวกับว่าไม่เคยมีคนใช้มันมาก่อน

พระอาทิตย์ยามเช้าโผล่ขึ้นสู่ท้องฟ้า ตอกย้ำให้คณินรู้สึกผิด นาฬิกามันปลุกเขาหรือเปล่าเขาไม่รู้ เพราะไม่ได้ยิน มาสะดุ้งเอาตอนหกโมงกว่าๆ นี่แหละ ร่างสูงร้อนใจ วิ่งไปรอบๆ ถามใครก็ไม่มีใครเห็น จนอยากจะร้องไห้ ถ้าเขาไม่เล่นตัว ก็คงไม่ทำร้ายจิตใจคนรักแบบนี้

“อยู่ไหนวะ!!”

“หาอะไรอยู่เหรอ”

ขวับ!!

เสียงคุ้นหูถามขึ้นหลังจากที่คณินสบถอย่างหงุดหงิด ทำเอาใบหน้าคมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อตวัดไปมองทันที ไม่รอช้า ร่างสูงก็วิ่งเข้าไปสวมกอดคนรักทันที พร้อมกับกระซิบข้างหูซ้ำๆ ด้วยคำเดิม

“ขอโทษ...ขอโทษ พี่เมฆ เขตขอโทษ ตั้งนาฬิกาแล้ว แต่ไม่ได้ยิน ขอโทษนะ” มือเล็กลูบไปมาบนแผ่นหลังกว้างอย่างปลอบใจ เมฆายิ้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไร คณินผละออกมาแล้วจ้องใบหน้าขาวของเมฆาอย่างแสนรัก เขาจะไม่เล่นตัว ปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์อีกแล้ว เพราะมัวแต่เล่นตัวนั่นแหละ ถึงได้พลาดโอกาสมองพระอาทิตย์ขึ้นแรกของการกลับมาหากันไป

“เขตรักพี่เมฆ จะไม่หนีไปไหนแบบไม่บอกไม่กล่าวแล้วใช่ไหม” คำบอกรักกะทันหันทำเอาร่างบางที่ไม่ได้เตรียมใจฟังมาก่อนถึงกับหัวใจสั่นไหวรุนแรง แทบจะหมดแรงลงเสียดื้อๆ แต่ก็ยังมีแก่ใจกวนคนรักกลับ

“ถ้าบอกก่อนจะเรียกว่าหนีเหรอ” คณินจูบที่ปากบางหนักๆ ไม่รุกล้ำด้วยความมันเขี้ยว

“กวนว่ะ”

“ฮ่าๆ ไม่ไปแล้ว แม้จะไปอยู่ที่อื่น มันสงบก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีความสุขหรอกนะเขต เพราะฉันรู้ว่านายก็ทุกข์ไม่ต่างกัน ขอบคุณที่อดทนรอนะ ฉันกลับมาแล้ว ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งนะ”

“อื้อ...ยินดีต้อนรับกลับนะครับ”

ทั้งสองคนมองตากันหวานซึ้ง เมฆายกแขนคล้องคอแกร่งที่เลื่อนใบหน้าลงมาหากัน ปลายจมูกของเราแตะกันก่อนจะส่ายหน้า ถูจมูกกันไปมา หยอกล้อคนรักอย่างมีความสุข ก่อนที่คณินจะประกบริมฝีปากลงไปอย่างแผ่วเบา เม้มกลีบปากบางอ่อนโยนแล้วรุกล้ำเข้าไปหาความหวานอย่างแสนจะคิดถึง ไม่กลัวเลยว่าจะมีคนงานเดินมาเห็นภาพพลอดรักแสนหวานนี้

ตามที่คณินเคยสัญญาเอาไว้ หากเมฆากลับมาเมื่อไหร่ เขาจะโอบกอดร่างนี้เอาไว้ไม่ให้หายไปไหนอีก และตอนนี้เมฆาก็กลับมาแล้ว และเขาก็กำลังกอดรัดร่างนี้เอาไว้ด้วยความรักทั้งหมดที่มี…

พวกเขาจูบกันท่ามกลางแสงพระอาทิตย์ยามเช้าโดยมีต้นองุ่นนับพันต้นของไร่ศักดินนท์เป็นพยานแห่งความรักที่ทั้งสองมีต่อกัน...





 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^
ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ https://www.facebook.com/sawachiyuki/ (https://www.facebook.com/sawachiyuki/)

หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 31-07-2018 00:25:36
ฟินกันไปเบาๆ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-07-2018 00:35:23
อยากเห็นลูกของเมฆอ่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 31-07-2018 00:50:43
 :pig4: :pig4: :pig4:

คงมีอีกพิเศษแหละ  อิอิ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 31-07-2018 00:55:52
แฮปปี้~
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 31-07-2018 01:10:03
ขอเห็นหลานซะคนนะคะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 31-07-2018 05:40:44
เมื่อไหร่จะมีเด็กน้อยออกมาวิ่งเล่นน้าาาาา
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 31-07-2018 10:20:50
หวานมากๆเลยค่ะ
ชอบสุดๆ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 31-07-2018 23:18:03
อื้อออออ ดีงาม
กลับมาแล้ว
ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 01-08-2018 01:34:48
จะมีหลานๆมาวิ่งเล่นในไร่ไหมนะ :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 01-08-2018 11:36:40
น่ารัก .......... อยากอ่านตอนท้องและมีลูกคงจะน่ารักมาก ๆ



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 02-08-2018 22:39:36
Thanks.
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 15-08-2018 15:54:18
เจ้าเขต~

เจ้าเด็กเอาแต่ใจ

 :mew3:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 08-09-2018 01:44:18
ตามมาอ่านจากเรื่องพ่อเลี้ยง การันตีความแซ่บของทั้งพ่อเลี้ยงและน้องเขตค่า 555555
เมฆาหล่อนร้ายนักนะ ยั่วเก่งแบบนี้ทำน้องเขตเพ้อไปเลย  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 08-09-2018 12:05:44
 :impress2:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 12-09-2018 12:18:32
สนุกค่ะ พี่เมฆน่ารัก เป็นอมตะแล้วสินะ  :hao6:
 :pig4:         :pig4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 10-01-2019 09:27:15
ชอบพี่เมฆมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: powerpigy ที่ 31-08-2019 13:11:47
สนุกมากค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 04-09-2019 17:28:46
Happy หนุกหนานนนนนน :hao6:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 08-09-2019 19:54:19
 :man1:  :กอด1:  :L2:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 23-09-2019 11:39:49
คู่กันแล้ว ยังไงก็ตัดกันไม่ขาดหรอกเนอะ ^^
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 08:54:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 16-04-2020 09:30:54
 :impress2:
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {01/05/61} ➡ Ch.01
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 29-04-2021 23:02:34
  รหัสนักศึกษา 590810XX2 คณะเกษตรศาสต์ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรครับ” 
คนแต่งAggie ตัวจริงใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: [ครอบครัวศักดินนท์] ☁️ อาณาเขตรัก ☁️ [Mpreg] {30/07/61} ➡ ตอนพิเศษ 1 [จบแล้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 13-10-2023 21:15:09
เข้ามาอ่านรอบ 2 พี่เมฆน่าร๊ากกกก