06
สามวันแล้วหลังจากวันนั้น เมฆาไม่ได้มีเวลามากพอที่จะมาคิดถึงเรื่องที่มันผ่านไปแล้วมากนัก เพราะตั้งแต่ที่เริ่มศึกษางานในไร่มันก็ยุ่งและหนักหนาเอาการ เพราะเขาต้องเรียนรู้ระบบการจัดการตั้งแต่ต้น นอกจากเรียนรู้งานแล้วแล้ว เขาต้องเรียนรู้ด้านเกษตรของที่นี่และทั่วทั้งประเทศอีกด้วย เวลาว่างก็จะเสิร์ชศึกษา อ่านข่าวสารทั้งใหม่และเก่าไปด้วย แต่นั่นมันก็ไม่ได้ยากไปสำหรับเมฆาที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ได้ง่ายรวมทั้งความตั้งใจที่แน่วแน่เลยทำให้เรียนรู้ไว
แม้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากผู้จัดการไร่ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าคนอายุมากกว่าคนนี้ไม่ได้ชอบเขาเท่าไหร่นักหรอก มีอย่างที่ไหนยื่นแค่เอกสารมาให้อ่านเอง ถามอะไร ก็ไม่ตอบจนต้องไปสอบถามเอากับพวกคนงานแทน แล้วก็เอาข้อมูลที่ได้มาประติดประต่อเอง
มันเหนื่อย...
“ทำไมสามวันมันนานได้ขนาดนี้นะ”
เวลานี้เมฆาหนีออกมาพักจากกองเอกสารต่างๆ ที่ท้ายไร่ ซึ่งปราศจากคนมารบกวนเนื่องจากว่ามันเป็นพื้นที่ที่ปล่อยให้มันรกร้างไป เขากำลังคิดจะทำตรงนี้เป็นที่พักผ่อนส่วนตัว แต่ไม่มีเวลาพอก็เลยทำได้แค่เอาเสื่อมาปูนอนที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ โดยเลือกที่ที่ไม่น่าจะมีงูโผล่ออกมาด้วย
สายตาเหม่อมองออกไป จ้องมองก้อนเมฆที่ลอยอยู่เต็มผืนฟ้า
“เมฆา...เมฆ ทำไมถึงต่างกัน...เมฆบนฟ้าล่องลอยได้อย่างอิสระ ในขณะที่เมฆอย่างเราไม่สามารถทำเรื่องที่ตัวเองชอบได้เลยสักอย่าง ไปไหนก็ไม่ได้ ขนาดอยู่ไกลถึงเมืองนอก ก็ยังถูกควบคุมจากพ่อ...แม่ครับ บนนั้นมีความสุขหรือเปล่า เมื่อไหร่เมฆจะได้ไปอยู่กับแม่ เมื่อไหร่เราจะได้เจอกัน เมื่อไหร่เมฆถึงจะหลุดพ้นออกไปจากตรงนี้ได้”
เพราะคิดว่าไม่มีใคร เมฆาเลยสามารถที่จะระบายออกมาได้อย่างที่ใจต้องการ โดยลืมไปเลยว่าที่ตรงนี้มันติดกับเขตของไร่ศักดินนท์เพียงรั้วกั้นเท่านั้น แต่นั่นแหละ เมฆารู้ว่าไม่มีใครหรอก
“แม่ครับ...เมฆมีเรื่องอยากจะถาม ถ้าเมฆเป็นคนทำให้พ่อถูกจับ เมฆจะบาปไหมครับ แล้วถ้าเมฆยอมถูกจับไปกับพ่อด้วย เมฆจะบาปน้อยลงหรือเปล่า”
เมฆาไม่มีใครอยู่ข้างกาย ไม่มีใครที่เขาจะปรึกษา พูดคุยหรือระบายด้วยได้เลย
“ทำไมพ่อถึงไม่รักเมฆล่ะครับแม่...ฮึก…”
สุดท้ายแล้ว เมฆาก็ร้องไห้ออกมาด้วยความน้อยอกน้อยใจ ความเหนื่อย ความกดดัน ทุกอย่างมันมาสุมอยู่ที่เมฆาคนเดียว ไม่มีใครทนได้โดยไม่เสียน้ำตา ไม่มีใครไม่ร้องไห้…
“เมฆไม่มีใครเลย ฮึก...ไม่มีใครอยู่ข้างเมฆเลย คนที่เมฆรัก ก็ทิ้งเมฆไปกันหมด ทั้งพ่อ แม่ น้อง...แล้วก็เขต ทุกคนทิ้งเมฆ ไม่รักเมฆ...เกลียดเมฆ”
ปัญหาที่เขาเจอ เมฆาไม่รู้ว่าตัวเองจะผ่านมันไปได้หรือไม่ เขากลัวว่าตัวเองจะยอมแพ้แล้วทิ้งทุกอย่างเพราะทนกับความเจ็บปวด ความกดดันพวกนี้ไม่ไหว
ในขณะที่เมฆากำลังนอนร้องไห้ตัดพ้อชีวิตและโชคชะตาอยู่นั้น คณินที่มาเดินเล่นอยู่ก่อนหน้านี้ก็กำลังหลบหลังต้นไม้ที่ไม่ห่างไปจากต้นที่เมฆากำลังใช้ร่มเท่าไหร่ เขาเห็นตั้งแต่เจ้าตัวเดินมากางเสื่อปูแล้วก็ลงไปนอน และทุกคำพูดเขาก็ได้ยินทั้งหมด
มือแกร่งกำแน่น...ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆ ที่พร้อมจะทะลักลงมา เขาแค่หวังว่าจะเจออีกคนสักครั้ง เพราะมาทุกวันแต่ก็ไม่เจอเลย พอเจอเขาก็รีบแอบ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเขาเองจะได้รู้ความรู้สึกและปัญหาของเมฆาที่คณินเองก็ไม่เคยคิดว่าเจ้าตัวจะมี
เขาคิดมาตลอดว่าเมฆามีความสุขดี ในขณะที่ตัวเขาทุกข์ แต่ความเป็นจริงแล้ว คนที่เจ็บปวดและทนทุกข์ทรมานไม่ได้มีแค่เขา…
แล้วยังเป็นคนตอกย้ำบาดแผลของเมฆาให้ลึกไปอีก
‘พี่เมฆกับพ่อเลี้ยงมนัสคนละคนกัน ใช้ใจมอง อย่าใช้อคติมอง’ คำที่พ่อเคยพูดเอาไว้กลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง
‘พ่อไม่เคยมองคนผิด พี่เมฆเป็นคนดี’
ถ้าจะเชื่อพ่อตอนนี้มันสายไปไหม...
ถ้าเขาจะแก้ไขมันยังทันหรือเปล่า…
ร่างสูงเดินเหม่อลอยไปตามทางโดยไม่รู้ว่าตัวเองเดินเกือบรอบไร่แล้ว ขนาดคนงานทักและชวนคุย ร่างสูงยังไม่ได้ยินเลย จนคนงานต่างพากันมองตามด้วยความเป็นห่วง
สุดท้ายเขาก็ขี้ขลาด...อยากแก้ไข อยากขอโทษ แต่มันก็ไม่กล้า
ทำไงวะ ทำตัวไม่ดีใส่ พูดก็ไม่ดี ไม่ถนอมน้ำใจ ถ้าเขาไม่ยกโทษให้จะทำไง ที่สำคัญคือไม่เคยต้องขอโทษใครมาก่อน ปากมันหนักจนยกไม่ขึ้นแน่ๆ
“เขต!!! ได้ยินที่อาเรียกไหมเนี่ย!”
เฮือก!!
“อาพายัพ ตกใจหมดเลย”
“ทำเป็นขวัญอ่อน”
“ก็ผมตกใจ มาไม่ให้สุ้มให้เสียง”
“ทำไมจะไม่ให้ อาเดินเสียงดังแล้วก็ตะโกนเรียกตั้งหลายรอบ เราไม่ได้ยินเองต่างหาก”
“แหะๆ ผมคงเหม่อนิดหน่อยมั้งครับ”
“เหม่ออะไร แล้วนั่นไปท้ายไร่ทำไม แอบไปหาใคร?” เลิกคิ้วถามหลานชายด้วยสีหน้ารู้ทัน ส่วนคนถูกถามก็แสร้งทำหน้านิ่ง
“เปล่านี่ครับ ไปเดินเล่นเฉยๆ”
“แน่ใจ?”
“ครับ เดินเล่นเฉยๆ”
พายัพส่ายหน้า...
“เหรอ...นึกว่าไปหาพี่เมฆนะเนี่ย เมื่อกี้อาก็ไปท้ายไร่มา เจอเมฆกำลังนอนเล่นก็ได้คุยนิดหน่อย แล้วเราไม่ทักทายพี่เขาบ้าง ตอนเด็กเรากวนพี่เขาประจำเลย พี่เขาต้องแอบออกมาจากไร่เพื่อเล่นกับเมฆตลอด” พายัพพูดไปแล้วก็สังเกตสีหน้าของหลานชายไป
ไม่เห็นความไม่ชอบใจบนใบหน้าแล้ว มีแต่ความกังวลและสับสนแทน
ก็แสดงว่า ต้องเจอกันบ้างแล้วล่ะนะ ความผูกพันนี่ ทำงานได้ดีเสมอเลย
“ผมจำไม่ได้หรอก”
“แล้วทำไมเรื่องนั้นถึงจำได้ไม่ลืม”
“ก็นั่นมันฝังใจ”
“เขต...อาไม่อยากให้แกตัดสินคนสองคนด้วยความรู้สึกของตัวเอง บางทีนะ คนที่เจ็บปวดที่สุดอาจจะเป็นเมฆก็ได้ เขตคิดดูสิ รู้ทั้งรู้ว่าพ่อผิด แล้วยังจะมาโดนน้องชายที่รักมากเกลียดอีก เสียแม่ พ่อส่งไปเมืองนอก ถึงจะอยู่กับป้า แต่ป้าเขาก็มีลูก มีครอบครัว น้องก็ไม่เอาไหน คนๆ หนึ่งต้องแบกรับอะไรมากมาย อาก็เป็นเด็กกำพร้านะ ปู่ของเขตเก็บอามาเลี้ยง เข้าใจความรู้สึกของเมฆในตอนนี้ดี มีบ้านใหญ่โต...แต่ก็รู้สึกว่าไม่ใช่คนในครอบครัว อาโชคดีกว่าเมฆที่ได้รับความรัก คนอย่างพ่อเลี้ยงมนัสรักใคร ไม่เป็นหรอก…เมฆยังมีประโยชน์อยู่ ไม่งั้นก็ถูกทิ้งให้อยู่กับป้าไม่เรียกกลับมากะหัน แบบนี้หรอก”
“ทำไมอาถึงรู้ล่ะ”
“เพราะอาติดต่อกับป้าของเมฆตลอดน่ะสิ แกเป็นพี่สาวของแม่พี่เมฆเขา แม่ของเมฆ ป้าของเมฆ เรารู้จักกันก่อนที่จะแต่งงานกับพ่อเลี้ยงมนัสอีก ช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอด นี่แกก็ยังฝากให้อาทิตย์ช่วยดูแลเมฆเลยนะ”
“พ่อก็รู้มาตลอดเลยเหรอครับ”
แล้วปล่อยให้เขาเกลียดเมฆามาตลอด...
“ไม่มีใครไม่รู้หรอกเขต ใครๆ เขาก็รู้และดูออกกันทั้งนั้น”
“แล้วไม่บอกผมแบบนี้ตั้งแต่แรก ให้ผมเข้าใจผิดทำไม”
“แกไม่ได้เข้าใจผิดหรอกเขต แกเข้าใจอย่างที่ใจแกอยากจะเข้าใจ บอกไปกี่ครั้งเคยเชื่อที่ไหน ไม่ได้พยายามไตร่ตรอง อากับพ่อแกเลยไม่อยากพูดอีก อยากให้แกรับรู้ด้วยตัวเอง แก้ไขมันเอง”
“ไม่สงสารเหรอที่เห็นผมเจ็บปวดเพราะความแค้นแบบนี้”
“ไม่มีใครไม่แค้น อาแค้น อาทิตย์มันก็แค้น เราจะไม่เอาความแค้นมามีอิทธิพลในชีวิต คนผิดสักวันก็ต้องได้รับผลที่เขาก่อ เราต้องแยกแยะ ไม่ใช่แค้นเหมารวมไปทุกคน แกโตพอที่จะคิดอะไรเองได้แล้ว นั่นคือสิ่งที่อาและพ่อแกต้องการ ลูกผู้ชายของศักดินนท์ ต้องรู้จักเจ็บปวด ผิดหวัง แล้วเอามันมาเป็นแรงผลักดัน...ไม่ใช่จมกับอดีต ปล่อยให้มันทำลายตัวเราเอง”
คณินยืนฟังพายัพสอนนิ่งๆ เขาเคยน้อยใจในวิธีการสอนของพ่อมาก ตั้งแต่เด็กจนตอนนี้ ชีวิตของเขาไม่ได้สบายอย่างที่หลายคนคิด ทำงานตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งๆ ที่พ่อมีเงินเลี้ยงดูเขาได้สบายๆ ด้วยซ้ำ
‘ไม่ต้องให้สอนให้บอกทุกเรื่องได้ไหม บางเรื่องอะไรที่คิดเองได้ก็คิด ทำเองได้ก็ทำ ถ้าทำแล้วมันไม่ดีก็หยุด หาทางใหม่ มันมีทางออกของปัญหาเสมอเขต...พ่อเชื่อว่าแกแยกแยะได้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี’
“ถ้าผมรู้ตัวช้ากว่านี้ล่ะอา”
“มันก็จะเพิ่มบทเรียนให้แก”
“แล้วถ้าหากว่าผมทำเรื่องที่มันเลวร้ายลงไปล่ะครับ”
“แกก็ต้องยอมรับกับผลที่มันจะตามมา อากับพ่อสอนเท่าที่สอนได้ จากนี้ชีวิตของแก แกจะต้องดูแลมันเอง จะไปในทางที่ดีหรือทางไหน ตัวแกจะเป็นคนกำหนดเอง”
ที่ผ่านมาพ่อก็สอนคณินอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าเขาจะจำมันได้มากน้อยแค่ไหน
พ่อเลี้ยงอาทิตย์บอกกับลูกชาย ว่าจะไม่บ่งการชีวิตของลูกชาย แต่จะช่วยนำทางลูกไปในทางที่ดี ที่สวยงาม เพื่ออนาคตจะได้ไม่ต้องเจอกับความลำบากมาก
“พ่อกับอาใจร้ายมาก”
“หึหึ แล้วเป็นไง แกก็ไม่ได้รู้ตัวตอนที่มันสายไปนี่ เมื่อกี้ก็เหมือนจะรู้อะไรดีๆ มาด้วยไม่ใช่เหรอ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะแก้ไขมันยังไง หรือจะปล่อยให้มันเป็นแบบเดิม”
“ไม่รู้...ปล่อยไว้อย่างนี้แหละ” คณินบอกอย่างไม่ใส่ใจ
ทางที่ดี ก็ให้มันเป็นแบบนี้ไปก็ได้…ต่างคนต่างอยู่ ไม่วุ่นวายกัน เขาก็จะล้มเลิกความคิดที่เอาคืนแล้วปล่อยให้มันเป็นไปตามกรรม
แต่ว่า...จะทนได้เหรอ สามวันมานี่ยังหาเรื่องมาเดินท้ายไร่เลย หลอกตัวเองกับคนอื่นว่ามาเดินเล่น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็หวังว่าจะได้เจอพี่ชายสมัยเด็ก
“อาจะคอยดูก็แล้วกัน ไปทำงานต่อได้แล้ว อู้นานจริงๆ เลย หมูตั้งใจทำงาน ในขณะที่แกไปแอบดูชาวบ้านเขาแล้วก็มาเดินเหม่อเนี่ย”
คณินอ้าปากหวอ หน้าแดงอย่างเขินๆ ที่ถูกจับได้ เรียกเสียงหัวเราะจากผู้เป็นอาทันที
“ฮ่าๆ”
“นี่อาเห็นเหรอ?”
เห็นเขากำลังยืนแอบดูอยู่น่ะนะ...เวรแล้ว น่าอายชะมัด
“ก็ใช่น่ะสิ แต่ไม่ได้ยินหรอกว่าเมฆพูดอะไร อามองแกจากไกลๆ ท่าทางแกตลกชะมัด นี่ถ้าพ่อแกเห็นคงโดนล้อไปอีกนานเลยนะ”
“อา…”
“ทำไม อายหรือไง แล้วมาทำเป็นปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ”
“อย่าบอกพ่อนะครับ”
“แล้วคิดว่าอาไม่บอกแล้วพ่อของแกจะไม่รู้หรือไง อาทิตย์มันหูไว ตาไวจะตาย”
“แต่เรื่องนี้พ่อไม่รู้ ไม่เห็นนี่” เด็กหนุ่มเถียงกลับไป ยังไงก็แล้วแต่ ห้ามพ่อเลี้ยงอาทิตย์รู้เรื่องนี้เด็ดขาดเลย
“หึหึ เมฆนี่ก็น่ารักนะ อาอยากเห็นพี่น้องดีกัน อยากให้เล่นด้วยกันเหมือนตอนเด็กๆ อยากเห็นเขตอ้อนบ้าง ตอนนี้เขตก็เป็นพี่คนโตของศักดินนท์ เพราะอาอาโปกำลัง มีน้อง ในอนาคตก็มีลูกของอาทิตย์กับหมูอีก ถ้าเขตมีพี่ชายจะได้คอยช่วยเหลือกันไง”
พี่ชาย...เหมือนเดิม งั้นเหรอ?
“ไม่เอา!!!”
คณินปฏิเสธทันที คิ้วเข้มขมวดอย่างไม่พอใจ แค่ได้ยินคำว่าพี่น้องมันก็ชวนให้หงุดหงิดไปหมด ยังไงก็ไม่เป็นพี่น้องเด็ดขาด เขาโตแล้ว ไม่ต้องการที่จะมีพี่ชาย
ไม่ต้องการ…
“เขต…”
“ผมโตแล้วนะอา ไม่ใช่เด็กๆ ดูแลตัวเองได้ ช่วยเหลือตัวเองได้”
“มันไม่เกี่ยวกันนะเขต”
“ไม่รู้แหละ ยังไงก็ไม่เอาเด็ดขาด”
“เฮ้อ...ดื้อด้านจริงๆ เลยนะแก” พายัพได้แต่ถอนหายใจและส่ายหน้าอย่างระอาให้กับความดื้อของหลานชายที่ดูเหมือนจะอคติกับเมฆแบบไม่ลดลงเลยสักนิด
แล้วแต่โชคชะตาก็แล้วกัน…
“ใครจะอยากได้พี่ชายกัน” พึมพำเบาๆ กับตัวเองเมื่ออาของตนเดินออกไปจากตรงนี้
จะให้กลับไปเป็นพี่น้องน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ!!
“มีรถคันไหนที่ผมพอจะใช้ได้บ้างไหมครับ” เมฆาที่แต่งตัวพร้อมจะออกไปข้างนอกถามกับคนที่ดูแลโรงจอดรถที่อายุมากกว่าอย่างสุภาพ จนคนที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่สะดุ้งรีบกุลีกุจรมาหาลูกชายของเจ้านาย
“คุณเมฆจะไปข้างนอกหรือครับ”
“ครับ...ผมว่าจะไปซื้อของหน่อย พอดีว่าอยากได้ของใช้ที่จำเป็นน่ะครับ”
“ทุกคันที่จอดอยู่คุณเมฆสามารถใช้ได้เลยครับ แต่ผมคิดว่าคุณคงจะไม่รู้จักทาง ไม่ชินกับทาง แล้วรถในไทยพวงมาลัยอยู่ฝั่งขวานะครับ”
จริงด้วยสิ...เรื่องพวงมาลัยฝั่งขวาเขาไม่มีปัญหามันน่าจะใช้เวลาปรับตัวไม่นานหรอก แต่เรื่องทางนี่แหละ ถ้าอาศัยแผนที่ในสมาร์ทโฟนมันก็ได้อยู่ แต่มีไกด์ที่รู้ทางไปด้วยก็น่าจะดี
“อ่า...งั้นลุงขับให้หน่อยได้ไหมครับ ผมจะไปห้างในเมืองหน่อย ว่างหรือเปล่า”
“หน้าที่ผมอยู่แล้วล่ะครับ รอลุงสักครู่นะครับ”
ไม่นานเมฆาก็ได้เดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าสมใจ วันนี้เขาอยากพัก ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับงานใดๆ ทั้งสิ้น วิธีทำงานของเขาก็แบบนี้แหละ หาเวลาผ่อนคลาย แต่ตอนทำงานทำให้เต็มที่
“คุณเมฆจะให้ผมมารับกี่โมงดีครับ”
“ลุงทิ้งเบอร์ให้ผมก็แล้วกัน ถ้าผมจะกลับจะโทรบอก”
“ครับ…” เมฆารับกระดาษที่มีเบอร์โทรของคนขับรถมาแล้วเก็บใส่กระเป๋าเงินอย่างดี หยิบแบงค์สีเทามาหนึ่งใบแล้วส่งให้คนขับรถ
“ไว้ทานข้าวแล้วก็ซื้อของนะครับ”
“เอ่อ...ไม่เยอะไปเหรอครับ”
“ไม่หรอกครับ รับไปเถอะ”
“งั้นก็ขอบคุณคุณเมฆมากๆ เลยนะครับ”
เมฆายิ้มกว้างให้คนสูงวัยก่อนจะเปิดประตูออกจากรถไป ร่างโปร่งมีความสุขเสมอที่ทำให้คนสูงวัยมีความสุขและยิ้มได้ แม้จะเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าทำให้คนอื่นดีใจ เขาก็ยินดี
สองเท้าเดินเข้าไปในห้าง สายตากวาดมองไปรอบๆ เพื่อสังเกตว่าอะไรอยู่ไหน โซนไหนเป็นโซนอะไร เพราะเขาคิดมาแล้วว่าจะซื้ออะไรบ้าง ไม่อยากจะเสียเวลานาน จะได้เอาเวลาไปสำรวจที่อื่นๆ บ้าง ไม่งั้นจะต้องพึ่งคนขับรถตลอดแน่ๆ
“สวัสดีค่ะ สอบถามข้อมูลได้นะคะ”
และร้านแรกที่เมฆาเข้าก็คือร้านขายอุปกรณ์ไอที
เมฆาเดินเลือกและคุยกับพนักงานอยู่นานเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดเพราะเขาต้องการจะใช้หลายอย่างเลย ของที่ไร่มีไหมมันก็มีแต่เขาไม่รู้ว่าพ่อจะมีติดระบบตรวจเช็คอะไรไว้หรือเปล่า เขาไม่ขอเสี่ยงอะไรทั้งนั้น ส่วนเครื่องที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็เอามาด้วย แต่ไม่อยากใช้ร่วมกัน ในนั้นก็ข้อมูลสำคัญของลูกค้าทั้งนั้น
“รุ่นนี้เป็นไงคะ…” เมฆาฟังที่พนักงานอธิบายอย่างตั้งใจ
เขาเป็นคนที่เลือกของนาน อะไรที่มันเป็นของที่ต้องใช้ทำงานเขาต้องมั่นใจว่ารุ่นนี้ต้องดีที่สุด และเกิดปัญหาน้อยที่สุด ซึ่งมันนานมากแล้วที่เขาอยู่ในร้านนี้ อยู่จนกระทั่งคณินที่มาทำธุระเห็นขณะที่จะเดินผ่านร้านไป สองเท้าหยุดชะงัก ยืนลังเลว่าจะเอายังไงดี จะเข้าไปทักแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับ ไม่สนใจ เดินผ่านไป ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับตัวเองเลย
กลับบ้านดีกว่า…
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ต้องการอะไรสอบถามได้นะคะ” พนักงานคนเดียวกับที่พูดคุยกับเมฆาก่อนจะปล่อยให้ลูกค้าหนุ่มได้ลองเครื่องจริงทักทายคณินที่เดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของเมฆา ซึ่งร่างโปร่งก็ไม่ได้สนใจอะไร หากแต่เสียงทุ้มที่เปล่งออกมาทำให้เขาถึงกับชะงัก
เราคุยกันไม่กี่ครั้งก็จริง แต่เป็นเสียงที่เมฆาจำได้ดี…
“ผมมากับคุณคนนี้น่ะครับ”
“อ๋อค่ะ”
พนักงานสาวยิ้มแล้วเงียบ มองดูเมฆาว่าจะเลือกได้หรือยัง ส่วนร่างโปร่งก็คิดว่าคณินคงจะมากับคนอื่นเลยไม่คิดจะสนใจ ไม่ให้เห็นหน้าก็คงดีที่สุด ส่วนคณินก็ยืนล้วงกระเป๋ายืนมองเมฆาจากข้างหลังอยู่แบบนั้น
“ผมเลือกรุ่นนี้แล้วกันครับ” เมฆาบอกกับพนักงานเมื่อตัวเองลองเล่นโน้ตบุ๊คอยู่หลายเครื่อง ในเมื่อจะซื้อเครื่องใหม่ เขาก็จะไม่ซื้อแบบเดียวกับเครื่องเก่า จะได้ลองดูหลายๆ รุ่น หลายๆ ยี่ห้อไป
“ได้ค่ะ จะรับอะไรเพิ่มไหมคะ”
“นี่ครับรายการ ผมเขียนไว้” เขาส่งกระดาษที่เขียนรายการเอาไว้แล้วส่งให้กับพนักงาน เธอรับไปดูก่อนจะขอตัวไปเช็คของ
“รบกวนรอสักครู่นะคะ”
“ครับ” เมฆารับคำยิ้มๆ แล้วหันหลังมาเพื่อดูอย่างอื่นรอไปพลางแต่ก็ต้องตกใจจนเผลอถอยหลังไปชนกับโต๊ะที่ตั้งโชว์โน้ตบุ๊คเมื่อเห็นร่างสูงของน้องชายสมัยเด็กยืนล้วงกระเป๋ามองตนอยู่
“ซุ่มซ่าม!” คำตำหนิของอีกคนทำให้เมฆารู้สึกเลือดขึ้นหน้า
แทนที่จะทักทายผู้ใหญ่กลับด่าเป็นคำแรกที่เจอ เด็กนี่ถูกอบรมสั่งสอนมายังไง ทำไมทำตัวให้ครอบครัวเสียหายอยู่เรื่อยเลย
“นี่นาย...จะทำตัวให้สมกับเป็นลูกของอาอาทิตย์หน่อยจะได้ไหม แสร้งทักทายผู้ใหญ่ตามมารยาทก็ยังดีนะ” ร่างโปร่งกอดอกตำหนิกลับไปนิ่งๆ
“สวัสดี” สาบานได้ว่าคณินไม่ได้กวน...แค่อยากจะปั่นหัวคนที่ชอบย้ำคำว่าผู้ใหญ่กว่าเล่นก็เท่านั้น
“เหอะ…” เมฆาส่ายหน้า แล้วเดินหนีคณินทันที ไม่อยากเจอหน้า ขี้เกียจเถียงด้วย
“ทำไมเดินหนี...นี่!”
“จะตะโกนทำไมน่ะเด็กบ้า หัดอายเขาบ้าง” เมฆาจ้ำอ้าวเข้ามาหาร่างสูงกว่าแล้วกัดฟันพูดเสียงเบา พลางมองไปรอบๆ ร้าน โชคดีที่คนน้อย
“ก็เดินหนีทำไมล่ะ”
“แล้วทำไมจะหนีไม่ได้ ก็ไม่ได้มาด้วยกัน ไม่สนิทกัน หรือว่านายมีธุระกับฉัน?”
“เปล่า”
แล้วไงต่อวะเขต...ไม่น่าเดินมาเลย ไหนว่าจะกลับบ้าน
“ก็ถูกแล้วที่ฉันจะเดินหนี”
“คนเขาพูดดีๆ ด้วยนะ”
“ไอ้คำว่าซุ่มซ่ามคำแรกที่เจอกันแทนการทักทาย บ้านนายเรียกว่าพูดดี? แล้วนี่มีอะไร ต้องการจะคุยหรือแค่เข้ามากวนประสาทเล่น ฉันไม่ได้ว่างนะหนุ่มน้อย บอกต่างคนต่างอยู่ ก็ต่างคนต่างอยู่สิ จะมาวุ่นวายทำไม”
อย่าทำอะไรที่ตัวเองเป็นคนพูดเอาไว้เองจะได้ไหม…
ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะพูดคุยหรอกนะ สำหรับเมฆาแล้ว เขาอยากจะพูดคุยเป็นปกติกับอีกคนมาก อยากให้มันเป็นแบบเดิม ความทรงจำที่มีแค่เขาที่จำได้ แต่อีกคนเด็กเกินที่จดจำมัน...
“พ่อบอกว่าถ้าเจอกันก็ให้ทักทาย เพราะยังไงคุณก็เคยมีพระคุณคอยเล่นกับผมตอนเด็กๆ” คณินอ้างพ่อขึ้นมา เพราะตัวเองจนมุมไปต่อไม่ได้
“ขอบคุณก็แล้วกัน”
ไม่ชอบ...ทำไมต้องทำเป็นไม่สนใจ ทำไมต้องทำเย็นชา...นี่อุตส่าห์เป็นฝ่ายเข้ามาคุยก่อนนะ
“มีอะไรอีกไหม”
“ไม่...ไม่มีแล้ว”
“งั้นขอตัว”
ร่างโปร่งเดินไปอีกโซนหนึ่งในร้านเพื่อเลี้ยงคณิน ส่วนร่างสูงเองก็ยืนนิ่งอยู่กับที่แบบนั้น ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังทำหน้าหงอยๆ เหมือนหมาถูกเจ้าของทิ้งอยู่
คนที่ลอบมองดูอย่างเมฆาอดจะใจอ่อนและเห็นใจไม่ได้ เขารู้ว่าคณินกำลังรู้สึกเสียหน้าที่โดนเขาไม่สนใจแบบนี้ แต่เขาจำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องตัวเอง หากแต่คณินก็ไม่เดินออกจากร้านไปเสียที ยืนทำหน้าหงอยๆ แบบนั้น จนเมฆาถอนหายใจ
“คุณคะ...รายการที่คุณลูกค้าต้องการมีบางอย่างที่ของกำลังมาจากกรุงเทพค่ะ ไม่ทราบว่าจะรับด้วยเลยไหมคะ”
“ได้ครับ แต่ถ้าของมาเมื่อไหร่รบกวนส่งของทั้งหมดไปที่ไร่สมรชัยได้ไหมครับ ผมอยู่ที่นั่นน่ะ จะชาร์จค่าส่งไปเลยก็ได้ครับ ผมไม่มีปัญหา”
“ถ้าอย่างนั้นจะทำการออกใบเสร็จเลยนะคะ ลูกค้าต้องการชำระเลยหรือว่ารอชำระตอนได้รับของคะ”
“ผมขอจ่ายเลยก็แล้วกันครับ นี่ครับบัตร”
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
เมฆายืนรอเซ็นใบเสร็จและบัตรเครดิตสักพัก หางตาก็เหลือมองเห็นหมีตัวใหญ่กำลังยืนทำหน้าหงอยๆ อยู่ที่เดิม
เด็กปากแข็ง…
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าสินค้าครบแล้วทางร้านจะจัดส่งให้ที่ไร่สมรชัยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ”
“ครับ…”
“โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ”
ร่างโปร่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของคณินที่ก้มหน้ามองพื้นอยู่ นิ่งอย่างกับตัวเองเป็นเสา คนปากเก่งหายไปไหน ทำไมเหลือแต่เด็กโข่งขี้น้อยใจ
ประจำเดือนมาไม่ปกติเหรอ?
“เขต...กินข้าวมายัง”
เด็กตัวโตเงยหน้าจากพื้นแล้วสบตาคนอายุมากกว่า เขาส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“งั้นไปกินกัน เดี๋ยวเลี้ยงข้าว”
คณินเดินตามร่างโปร่งไป เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร แค่กำลังน้อยใจอะไรบางอย่างจนควบคุมตัวเองไม่ได้ จะว่าไปนอกจากศตคุณเพื่อนสนิทแล้ว ก็ไม่เคยมีใครขัดใจเขา ไม่เคยมีใครหักหน้าเขา...และยิ่งเป็นคนที่ผูกพันกันมาด้วยแล้ว...ความรู้สึกลึกๆ มันก็แสดงด้านความเป็นเด็กออกมาให้เห็นจนได้…
จริงๆ แล้ว เขตก็ไม่ได้ไม่ชอบอะไรเราสินะ แค่ปากแข็งเพราะเราเป็นลูกของพ่อ แต่คำพูดของเขตที่พูดออกมาแม้จะไม่ได้ตรงตามที่ใจคิด เขาก็เจ็บอยู่ดีนั่นแหละ
มันก็จริงที่เขาบอกว่าจะเลี้ยงข้าว และตอนนี้ก็เหมือนว่าเขตคนเดิมจะกลับมาแล้วด้วย นั่งดูดน้ำแตงโมปั่นแล้วยักคิ้วกวนๆ ให้อีกหลังจากสั่งอาหารไปหลายอย่าง หลายอย่างที่ว่านี่เกือบทั้งหมดในเล่มเมนู ชนิดที่กินกันสองคนก็กินไม่หมดแน่ๆ
คือปริมาณมันเท่ากับสั่งเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน…เรื่องเงินไม่มีปัญหาหรอก เพราะที่ผ่านมาเขาทำงาน แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ไม่ได้อยากอวดหรอกนะ แต่ก็มีมากพอที่จะซื้อของทั้งห้างได้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เงินของสมรชัย…
“กินให้หมดนะ ก็น่าจะรู้ว่ากว่าจะได้ข้าวมาเม็ดหนึ่งลำบากขนาดไหน แล้วนี่ พ่อครัว แม่ครัวกว่าจะทำเสร็จหนึ่งเมนูก็ใช้เวลาตั้งเท่าไหร่ จะแกล้งกันก็ให้มันมีขอบเขตบ้าง”
“ไม่ต้องสอนได้ไหม ไม่หมดก็ห่อสิ”
“ตามใจ”
“ทำไม เสียดายเงินหรือไง?”
“เปล่า...บอกแล้วว่าจะเลี้ยงก็คือเลี้ยง”
“ก็ทำมาเป็นบ่น นี่ถ้าไม่หมดก็จะห่อกลับไปให้คนงานกิน ช่วยสร้างบุญให้ ไม่เอาหรือไง”
“เอาของเหลือไปให้เขากินนี่ได้บุญตรงไหนไม่ทราบ”
ร่างสูงชะงักกึก แต่ก็ทำลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้
เมฆาส่ายหน้า ก็รู้อยู่ว่าเจ้าตัวกินไม่กี่อย่างหรอก นอกนั้นก็จะไม่แตะแล้วให้พนักงานเอาไปห่อกลับบ้านเท่านั้น เด็กปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ…
“ใครได้เป็นแฟนนี่ปวดหัวตายเลย” เมฆาบ่นพึมพำ
“ว่าไงนะ”
“ไม่ได้พูดกับนาย เงียบๆ ไป”
“จิ๊!” เด็กหนุ่มจิ๊ปากไม่พอใจ แต่ก็ดูดน้ำแต่งโมปั่นต่อ พอหมดก็สั่งมาอีกแก้ว
100%

แล้วตอนที่ 6 ก็ผ่านไป เจอกันตอนหน้านะคะ
มีอะไร พูดคุยสอบถามได้ที่แฟนเพจ Sawachi Yuki น่อ
อ่านแล้วก็คอมเม้นท์ให้กันด้วยนะคะ