12
“คุณเมฆเป็นอะไรหรือครับ ปวดท้องเหรอเห็นลูบท้องมาสักพักแล้ว”
“เปล่าครับลุงจง ผมแค่หิวนิดหน่อย”
“ให้ลุงจอดหาอะไรทานไหมครับ”
เมฆามองไปด้านนอกรถก็พบว่ายังอยู่ในเมือง นี่นั่งเหม่อจนไม่สังเกตอะไรเลยหรือไงกัน แต่ในเมื่ออยู่ในเมืองแล้วก็หาอะไรทานที่นี่ก็ดีเหมือนกัน
“ก็ดีครับ ลุงแนะนำเลย อยากกินก๋วยเตี๋ยว เจ้าไหนเด็ดพาไปเลยครับ”
“จัดให้เลยครับคุณเมฆ”
ร่างโปร่งนั่งทานก๋วยเตี๋ยวกับลุงจงแล้วชวนคุยเรื่องนั่นเรื่องนี้ ถามทุกอย่างที่เขาอยากจะรู้เพราะตอนอยู่ไร่ไม่มีเวลาได้พูดคุยด้วยสักเท่าไหร่ เพราะลุงแกก็ต้องไปทำงานในส่วนอื่นไม่ได้แค่ขับรถอย่างเดียว ส่วนเขาก็วุ่นอยู่กับการศึกษางานของไร่ที่ตอนนี้เพิ่มปัญหาการคอรัปชั่นเข้ามา
“ผมเห็นสั่งยาฆ่าแมลงมาเยอะมาก แล้วก็เบิกใช้เยอะมาก จริงๆ แล้วมันต้อง ใช้เยอะขนาดนั้นเลยหรือครับลุง”
“ไม่เยอะหรอกครับ ลุงก็สงสัยเหมือนกันว่าสั่งมาทำไมกันเยอะแยะ แต่มันไม่ใช่งานในส่วนของลุง ลุงเลยไม่รู้ แต่ช่วงกลางคืนประมาณตีสองตีสามบางคืนจะมีเสียงรถขับอยู่ในไร่ พอถามไอ้จามัน มันก็บอกว่าขนของส่ง ลูกค้านัดช่วงนั้น ก็แค่นั้นแหละครับ คุณเมฆสงสัยอะไรมันเหรอ”
“เปล่าครับ ผมสงสัยเฉยๆ เพราะไม่เข้าใจว่าสั่งมาเยอะทำไม”
“เรื่องสั่งของมีแค่ไอ้จากับผู้จัดการเท่านั้นครับที่จะทราบรายละเอียดได้ คนอื่นๆ ก็ทำตามคำสั่งอย่างเดียวเลย”
“แบบนี้นี่เอง...รีบทานครับลุง จะได้รีบกลับ วันนี้ผมไม่ได้ทำงานเลย ยังไงก็ขอพักเต็มที่พรุ่งนี้ลุยงานต่อก็แล้วกันนะครับ”
“ครับ...พักบ้างก็ดี วันนี้คุณเมฆดูไม่สบายจริงๆ”
“แล้วไม่ต้องรายงานเขตล่ะครับ” เมฆาดักคนอายุมากกว่าอย่างรู้ทัน ทำเอาลุงจงหน้าซีดส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับเขา
“รู้ด้วยเหรอครับ”
“หึหึ จริงๆ สินะครับ เขตจ้างลุงให้ลุงส่งข่าวของผมใช่ไหม”
“ก็ประมาณนั้นแหละครับ แต่ลุงไม่ได้เห็นแก่เงินนะครับ ลุงก็เป็นคนหนึ่งที่เห็นพวกคุณตั้งแต่เด็ก เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่ได้เข้ามาทำงานที่ไร่สมรชัยเท่านั้น เห็นพวกคุณรักกันดี ก็อยากให้คืนดีกัน”
ปัญหาของเขากับเมฆาไม่มีใครที่ไม่รู้จริงๆ สินะ ก็เจ้าตัวเล่นไล่เขากลางวัดที่จัดงานศพเลยนี่นา ทำยังไงได้ล่ะ ก็กลายเป็นเรื่องที่ชาวบ้านเขาจะจำแล้วพูดต่อๆ กันไปอยู่แล้ว
“แต่ก็ได้เงินใช่ไหมครับ”
“ก็...ลุงขอโทษ คือว่า”
“ฮ่าๆ ผมไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ อย่าคิดมากเลย ผมก็แค่พูดเล่น แกล้งลุงเล่นเฉยๆ แต่ความจริงอยากรายงาน มันก็รายงานได้ แต่ไม่ต้องทุกเรื่องนะครับ ผมเองก็อยากจะมีความเป็นส่วนตัวบ้าง แล้วเรื่องคุณศรันย์ ถ้าเขามา รบกวนลุงอย่างส่งข่าวให้เขตรู้เด็ดขาด เข้าใจนะครับ”
“เอ่อ...ได้ครับ”
เมฆายิ้ม...เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขตไม่ได้ให้ลุงจงบอกแค่เบอร์โทรศัพท์แน่ๆ รู้ว่ากล้องวงจรปิดอยู่ตรงไหนบ้างไม่ใช่เรื่องที่จะใช้ความรู้สึกของตัวเองเท่านั้นที่จะทำได้
ต่อให้โชคดีมันก็ต้องมีพลาด แต่นี่ไม่มีเลย เอาเป็นว่ากลับไปเขาต้องหาทางเข้าไปทำลายไฟล์บันทึกภาพจากกล้องของเมื่อคืนดีกว่า ป้องกันไว้ก่อน...กันพลาด
ขณะที่รถแล่นเข้าไปในตัวไร่ โทรศัพท์ของเมฆาก็สั่นเตือนว่ามีข้อความเข้าเมื่อเปิดดูก็ยิ้มออกมา หน้าแดงซ่าน แล้วหันไปบอกลุงจงเพื่อเปลี่ยนเส้นทาง
เจอกันท้ายไร่
“ไปส่งผมที่ท้ายไร่หน่อยครับ แล้วเดี๋ยวผมจะเดินกลับเอง”
“จะดีเหรอครับ คุณเมฆไม่สบายอยู่ ยังไงลุงจะรออยู่ตรงสุดทางก็แล้วกันนะครับ ว่าแต่จะไปทำอะไรเหรอครับ”
“ผมชอบตรงนั้น บรรยากาศมันดี อยากจะไปพักผ่อนสักหน่อย”
พอมาถึงท้ายไร่ เมฆาก็เดินเข้าไปอีก เนื่องจากทางที่รถจะขับได้มันถึงแค่จุดที่ลุงจงจอดรออยู่ พื้นที่ข้างหลังไม่ใช้ทำอะไรเพราะมันติดกับไร่ศักดินนท์ พ่อเลี้ยงมนัสเลยปล่อยให้ข้างหลังมันรก ให้หญ้ามันขึ้น ไม่สนใจจะดูแล
ร่างโปร่งเดินมาหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ตัวเองชอบมานอนบ่อยๆ สายตามองหาคนที่ส่งข้อความมานัดแต่ก็ไม่เห็น มองถุงยาในมือแบบไม่รู้จะเอาเก็บที่ไหน ฝากไว้บนรถก็กลัวว่าลุงจงจะแอบดู เอามาด้วยอย่างน้อยก็คงถูกถามแค่นั้นล่ะมั้ง คงตอบได้ว่าไม่สบายเลยไม่ไปหาหมอมาแค่นั้น
สวบ!
ข้างหลัง…ร่างโปร่งค่อยๆ หันไปข้างหลัง ก็เห็นคณินยืนกอดอกหน้าเรียบนิ่งมองมายังตน คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจว่าทำไมร่างสูงถึงได้ดูอารมณ์ไม่ดี
“ไปไหนมา”
“ไปธุระในเมืองมา”
“กับใคร”
“ลุงจงไง” เขาเห็นสีหน้าโล่งใจของคณินแล้วหัวเราะเบาๆ
ปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ ใจร้อน ขี้โมโห ขี้หงุดหงิด แล้วยังจะขี้หวงอีกด้วย
“หัวเราะอะไร แล้วไปทำธุระอะไร”
“ถามจัง...ทำไมต้องตอบด้วยไม่ทราบ”
“พี่เมฆ…” อีกคนเรียกเขาเสียงเข้ม
ไม่บ่อยหรอกที่คณินจะเรียกเขาว่าพี่เมฆ ถามว่าชอบไหมมันก็ชอบ แต่มันก็รู้สึกแปลกๆ มากกว่า ถ้าถามว่าชอบแบบไหนก็คงแบบห่ามๆ ฉัน นาย ล่ะมั้ง…
“เรียกทำไม” เมฆากอดอกตาม สีหน้ายียวนอีกคนเล่น หากแต่สิ่งที่ทำให้คณิน สนใจกลับเป็นถุงยาที่อยู่ในมือนั่นมากกว่า ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาประชิดตัวด้วยความเร็ว
“ถุงอะไร”
“อ๋อ...ถุงยาน่ะ ไปโรงพยาบาลมา พอดีถูกเด็กรังแกจนไม่สบายนิดหน่อย” เมฆาตอบด้วยน้ำเสียงปกติ แล้วยิ้มให้กับคนที่ดูเหมือนว่าเป็นห่วงแต่ไม่กล้าถาม
“รังแกอะไร ตัวเองเต็มใจทั้งนั้น”
ไม่น่าเริ่มเลยเมฆ...ให้ตายสิ ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ
“พอเลยๆ เรียกมามีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรแล้วเจอกันไม่ได้หรือไง หรือว่าต้องมีแบบไอ้บ้าเมื่อวาน”
“อย่าหาเรื่องน่าเขต...นี่เพลียมาก อยากพัก”
คณินเดินไปนั่งลงเอาหลังพิงต้นไม้ใหญ่ที่เมฆาใช้เป็นร่มนอนบ่อยๆ ก่อนจะกวักมือเรียกเมฆาให้ไปนั่งด้วยกัน ร่างโปร่งเดินไปแบบไม่อิดออดอะไร จะนั่งลงข้างๆ แต่คณินส่ายหน้า เหยียดขาไปข้างหน้าแล้วตบที่ตักตัวเอง สีหน้าก็ราบเรียบเหมือนเดิม ไม่อ่อนโยน ไม่โรแมนติก แต่การกระทำนี่มีผลต่อหัวใจมาก หวั่นไหวและก็เขิน
“ให้หนุน อยากพักไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ทำงานหรือไง”
“เคลียร์เสร็จหมดแล้ว ลูกเจ้าของไร่ ไม่ต้องทำอะไรมาก”
“เดี๋ยวคนมาเห็น”
“ไม่มีหรอกน่า”
“แต่…”
“เร็ว”
เมฆานั่งลงแล้วนอนหนุนไปบนตักแกร่ง มองสบตาคมที่ก้มมองกันอยู่แล้ว เมฆายิ้มหวานให้คณิน คนอายุน้อยกว่าชะงักแล้วหันหน้าหนี ใบหูแดงซ่าน เรียกเสียงหัวเราะจากคนอายุมากกว่าได้เป็นอย่างดี
“ฮะๆ เขินเหรอ” มือขาวเอื้อมไปจับที่ใบหน้าของคณินแล้วใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆ คณินส่งเสียงไม่พอให้ ก้มมองคนที่ยังคงส่งยิ้มประกายให้อย่างดุๆ มือแกร่งจับมือเนียนที่ซนกับหน้าของเขาอยู่ออกมาแล้วจูบที่หลังมือ จูบเน้นๆ อยู่หลายรอบ เมฆามองการกระทำนั่นอย่างเขินๆ แต่ก็ไม่ดึงมือกลับ
เปลือกตาบางปิดลงเมื่อความง่วงเข้าแทรกซึม ลมเย็นๆ ทำให้บรรยากาศมันเคลิบเคลิ้มน่านอน บวกกับได้หนุนตักของคณินแล้ว เมฆาก็หลับไปด้วยความสบายใจ
มือแกร่งวางมือของเมฆาลงเบาๆ ก่อนจะหยิบถุงยาออกมาจากมืออีกข้างเมื่อให้เมฆานอนสบายมากขึ้น เขาไม่คิดจะเปิดถุงยาเลยถ้ามันไม่ได้มีอยู่แค่แผงเดียวจนน่าสงสัย
“ไปหาหมอยังไง ทำไมให้น้อย”
ปกติไม่สบายยังไงก็ต้องมียามากกว่าหนึ่งชนิดแล้วก็น้อยสุดก็ทานได้เจ็ดวัน ร่างสูงเปิดดูแล้วหยิบซองยาที่ด้านในเป็นแผงยาที่เหมือนจะกินไปแล้วหนึ่งเม็ดออกมาดู ลายมือที่ตวัดๆ ที่ด้านหน้าซองเขียนเอาไว้ว่ามันคือยาอะไร ตาคมเบิกกว้างอย่างตกใจ ก่อนจะหัวใจเต้นแรง สั่นระรัวด้วยความตื่นเต้น
“ยาคุมฉุกเฉิน…”
หมายความว่าเมฆาท้องได้อย่างนั้นสินะ…
ตอนนี้ความรู้สึกของคณินตีกันไปหมด ทั้งดีใจ ทั้งโกรธ ดีใจที่เมฆาสามารถมีลูกได้ ทั้งที่เขาตัดสินใจแล้วถ้าจะใช้ชีวิตคู่กันแล้วไม่มีลูกเขาก็ยอมรับได้ ค่อยหาทางอื่นเอา แต่มารู้แบบนี้มันก็ดีใจที่อนาคตของเราจะสมบูรณ์
“ให้ตายสิ...ทำไมชอบทำให้โกรธวะ”
ที่โกรธคือเมฆาปิดบัง ไม่บอกเขา แล้วก็ยังกินยาคุมแบบนี้แสดงว่าไม่อยากมีลูกกับเขาอีก มันคิดได้อย่างเดียวเท่านั้นแหละ เรื่องสำคัญแบบนี้ก็ต้องบอกกันหรือเปล่า
แล้วเมฆาจะได้รู้ว่าเวลาที่คณิน ‘งอน’ น่ะเป็นยังไง
เวลาโกรธ จะอารมณ์ร้าย ซึ่งเมฆาได้เห็นมันมาแล้วเมื่อคืนนี้ แต่คราวนี้มันน้อยใจมากกว่า
“สวัสดีครับ อาอาทิตย์” เมฆารับสายของผู้มีพระคุณในขณะที่ตัวเองกำลังจัดสำนักงานอยู่
สำนักงานสำเร็จรูปที่เขาสั่งซื้อและมาลงเสร็จในวันนี้ เขาขนเอกสารมาไว้ในสำนักงานขนาดกะทัดรัดที่เข้าไปก็เป็นห้องทำงานเลย แล้วก็มีห้องน้ำ ห้องครัว โต๊ะทำงานสองโต๊ะ ตู้เอกสาร เท่าที่จำเป็นต้องใช้
(ผู้ช่วยที่อาหาให้ เป็นยังไงบ้าง ใช้ได้ใช่ไหม)
“ครับ พี่เจตเขาเป็นคนเก่ง คุยสนุกด้วย ขอบคุณมากๆ เลยนะครับอาอาทิตย์” เมฆาบอกปลายสายไปทำเอาคนที่ถูกพูดถึงอยู่รีบโพล่งขึ้น
“น้องเมฆคะ เจสค่ะ ไม่ใช่เจต ไม่น่ารักเลยนะคะ เดี๋ยวลงโทษด้วยจูบเลยนี่” เสียงดัดให้เล็กของชายร่างใหญ่แต่หัวใจเป็นหญิงดังขึ้นมาจากด้านหลัง เรียกเสียงหัวเราะทั้งจากเมฆาและพ่อเลี้ยงอาทิตย์ที่อยู่ในสายทันที
เขาได้ผู้ช่วยมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วหลังจากไปฉีดยาคุมเข็มแรกที่โรงพยาบาล เราเข้ากันได้ง่ายเพราะบุคลิกนิสัยของเจตเป็นทุนเดิม ที่สำคัญเก่งและรู้เรื่องเกี่ยวกับงานมาก เมฆาได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะจากเจตที่ไม่หวงวิชา อายุของเจตก็ปาไปสามสิบกว่าแล้ว เขาเลยขอเรียกพี่ เราเลยเป็นเพื่อนกันได้
(คนนี้ทำงานดี อาก็ไม่อยากให้ไปหรอก แต่ว่าเจ้าตัวบอกชอบความท้าทายขออาสาไป ที่จริงอาจะส่งอีกคนไปให้นะ แต่เขาค่อนข้างจริงจังกลัวเมฆจะเครียด)
“ขอบคุณอามากๆ นะครับ ผมทำงานได้ง่ายขึ้นเยอะเลย”
(เอ้อ! เมฆรู้จักคุณเชน ชานนท์ เจ้าของไร่ภูถึงดาวหรือเปล่า) คิ้วสวยขมวดเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ครับ เราเป็นเพื่อนกัน ทำไมหรือครับ”
(ตอนนี้อากำลังทำเรื่องซื้อภูถึงดาวอยู่ แต่ก็เหมือนว่าเขาจะเอาเข้าประมูล พ่อเลี้ยงมนัสก็เหมือนจะอยากได้ ทางที่ดี เมฆอย่าให้พ่อรู้เด็ดขาดว่ารู้จักกับคุณเชน พรุ่งนี้คุณเชนจะเดินทางมาถึงที่นี่ แล้วอาก็มีนัดคุยกันในวันมะรืนนี้ด้วย คุณเชนเขาไม่ติดต่อหาเมฆบ้างเหรอ)
“ไม่มีนะครับ แต่จะว่าไปช่วงนี้ผมไม่ได้เล่นโซเชียลมีเดียเท่าไหร่ จะลองเปิดดูเผื่อว่าเชนติดต่อมานะครับ”
(เรามีปัญหาอะไรกับเจ้าเขตหรือเปล่า รู้สึกว่ามันจะหงุดหงิดมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว)
“ครับ...ไม่มีนะครับ ผมไม่ได้เจอเขตมาอาทิตย์หนึ่งแล้วเหมือนกันครับ”
ไม่มีข้อความ ไม่มีโทรมาหา จนช่วงแรกๆ ที่ต้องทานยาคุมเจ็ดวันเขาหงุดหงิดมากที่คณินไม่ยอมมาหากันเลย รู้สึกน้อยใจเหมือนว่าได้เขาแล้วทิ้ง แต่ก็หายไปเมื่อยาหมด อ่า...เพิ่งมารู้สึกผิดปกติก็เมื่อพ่อเลี้ยงอาทิตย์ถามนี่แหละ นึกว่ามีงานเยอะเสียอีก
(อาว่ามันต้องมีแหละ เอ้อ วันจันทร์มันก็เปิดเทอมแล้วนะ เวลาเปิดเทอมมันจะไม่ค่อยกลับไร่หรอก จะอยู่บ้านใหญ่ในเมืองกับปู่ย่าเขานั่นแหละ แต่ช่วงนี้ปู่กับย่าเจ้าเขตไปเที่ยวรอบโลก ถ้ามันอยู่คนเดียวมันเที่ยวกลางคืนหนักแน่)
เมฆาคิดตามแล้วก็เครียด
“ครับ…”
(อาก็ระบายให้เราฟังไปเยอะเลย ไม่รบกวนแล้ว แค่นี้นะเมฆ)
“ครับ สวัสดีครับ” ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาเสียงดัง ทำเอาผู้ช่วยถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรไปน้องเมฆ”
“เปล่าครับ”
ร่างโปร่งนั่งลงที่เก้าอี้ของตนแล้วคว้าโทรศัพท์มาส่งข้อความหาคณินด้วยประโยคสั้นๆ ว่า ทำอะไรอยู่ แต่แล้วก็ไม่ได้รับการตอบกลับ จนเมฆาเม้มปากแน่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเข้าทวิตเตอร์ว่ามีใครติดต่อมาบ้าง ก็มีเพื่อนหลายคนเลยที่ถามมาแนวเดียวกันว่าเป็นยังไงบ้าง เมื่อไหร่จะกลับ ส่วนหนึ่งในเพื่อนก็มีชานนท์ ที่รู้จักตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยเพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน แล้วก็เหมือนพรหมลิขิตที่เราก็อยู่จังหวัดเดียวกัน
ชานนท์เหมือนกับเมฆาตอนแรกๆ ที่เข้าเรียน เพียงแต่ไม่ได้โดนแกล้ง แต่หาเพื่อนยากมาก เราเรียนคนละคณะ แต่ก็เจอกันบ่อยเพราะชานนท์ชอบเพื่อนสนิทในกลุ่มของเขา ก็เลยช่วยจีบ ตอนนี้ก็ลูกสามแล้ว
‘ไอจะกลับไทยไปเคลียร์เรื่องสมบัติ ไอไม่เหลือใครในไทยแล้ว ไอจะอยู่ที่นี่กับลูกกับเมีย ถ้ายูเห็นข้อความไอ ยูช่วยตอบกลับไอหน่อยได้ไหม’
เมฆาตอบกลับทันที
‘ถึงไทยแล้วติดต่อไอที่เบอร์...นะ พอดีไอไม่ค่อยเข้ามาดูเท่าไหร่ ขอโทษด้วย นะเชน’
เมฆาวางโทรศัพท์บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นจัดห้องทำงานต่อ ไม่อยากคิดถึงคณินให้วุ่นวายใจ เพราะวันที่เขาหนุนตักใต้ต้นไม้ใหญ่วันนั้นคณินก็ปกติดีนี่ จะมาโกรธอะไรเขาได้ล่ะ
“ผมให้พี่เจสดูแลสำนักงานนี้นะครับ เวลางานแปดโมงเช้า เลิกงานห้าโมงเย็น ไม่มีตอกบัตร เพราะไม่ได้ขึ้นตรงกับไร่แต่ทำงานให้ผมโดยตรง”
“ได้จ้า แต่พี่ก็มีสิทธิ์ทราบระบบการทำงานของที่นี่ใช่ไหม คือพี่กังวลว่าจะทำงานกับคนไร่ไม่ได้ถ้าหากว่าพี่ไม่ใช่คนของที่นี่น่ะ”
“เป็นผู้ช่วยผมก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ยังไงก็คนของผม”
“แต่คนที่นี่ดูร้ายๆ นะคะน้องเมฆ พี่เพลียจิต ต้องรับมือกับพวกนี้สินะคะ”
“ผมยังเข้าไปยุ่งในการบริหารจัดการไม่ได้ แต่ในเรื่องของการตรวจสอบเราทำได้ครับ ตอนนี้ผมสงสัยเกี่ยวกับทุจริตอยู่ พี่ลองดูแฟ้มบนโต๊ะที่ผมเอาวางไว้ให้นะครับว่าคิดเหมือนผมหรือเปล่า”
“ได้ค่ะ งั้นพี่ขอทำงานเลยนะคะ มีอะไรก็สั่งพี่ได้เลย”
“ครับ...อ้อ พี่ไม่ต้องไปกินข้าวกับพวกคนงานนะครับ ผมจะให้เด็กในบ้านจัดอาหารกลางวันมาให้ทุกวัน ส่วนพวกกาแฟขนมจะให้เด็กมาเต็มให้ทุกเช้า”
“โห...มีหวังอ้วนเป็นหมู ผัวไม่รักแน่ๆ”
“ฮ่าๆ ไม่หรอกครับ”
เมฆากลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน มองหน้าจอโน้ตบุ๊คที่ไม่ได้เปิดอย่างเหม่อลอย ในหัวมีแต่เรื่องของคณินเต็มไปหมด ทั้งกลัว หวาดหวั่น
กลัวว่าที่ผ่านมาเป็นแค่การแสดง
กลัวว่ามันเป็นแค่การแก้แค้น…
Rrrrrrr
เมฆาสะดุ้งรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้น ใบหน้ายิ้มมีความหวัง แต่พอเห็นเบอร์แปลกก็หุบยิ้มทันทีแล้วรับสายด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ
“สวัสดีครับ”
(ฮัลโหล...เมฆ นี่ไอเอง เชนนะ)
“ห๊ะ! เชนเหรอ ตอนนี้ยูอยู่ไหน ไอเพิ่งตอบข้อความยูเมื่อกี้ๆ เองนะ” เมฆาอุทานอย่างตกใจที่คนโทรมาคือเพื่อนของเขาเอง
(ไออยู่กรุงเทพ พักโรงแรมคืนหนึ่ง ไอมาถึงเมื่อคืนน่ะ)
“ยูมากับใคร”
(ไอมาคนเดียว)
“ทำไมไม่พาคาร่ากับหลานมาด้วยล่ะ ไอคิดถึงนะ”
(ไอมาทำธุระ ไม่นานก็กลับไปทำงานต่อ ถึงไอจะไปอยู่นั่นถาวรเลย แต่ไอก็จะกลับมาที่นี่บ้างแหละน่า ไอเกิดที่นี่นะ อย่างน้อยๆ ทุกปีไอก็ต้องมาเยี่ยมพ่อแม่) ปลายสายเสียงหม่นๆ
“ยูโอเคไหม ให้ไอบินไปหาหรือเปล่า ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว”
(ยูเป็นเพื่อนที่ดีเสมอเลย ไอแค่เหนื่อยน่ะ ไม่ต้องมาหรอก พรุ่งนี้เช้าไอก็ไปหาแล้ว)
“ถึงกี่โมง ไอจะไปรับ”
(ไอถึงสิบโมง แล้ววันมะรืนไอต้องคุยกับพ่อเลี้ยงอาทิตย์ที่จะขอซื้อไร่ไอต่อน่ะ ทั้งๆ ที่ไอบอกไปแล้วแท้ๆ ว่าไอจะให้ประมูลเพราะมีคนที่ต้องการเยอะ อย่างสมรชัยของยูน่ะ พ่อเลี้ยงมนัสก็อยากได้ด้วย ไอเลยอยากให้มันยุติธรรมมากกว่า ยูคิดว่าไง)
“ไอไม่รู้เรื่องนี้เลย แต่ไอว่ายูลองคุยกับพ่อเลี้ยงอาทิตย์ดูก่อนนะ แล้วก็อย่าคิดถึงผลประโยชน์มาก ให้คิดถึงคุณค่าของไร่ยูเยอะๆ”
(อือ...ไอก็เลยให้ผู้จัดการไร่เขาจัดการนัดแล้วล่ะ วันนั้นยูไปหาไอด้วยนะ ยูรู้จักนี่)
“จะดีเหรอ”
(ดีสิ นะๆ)
“ได้ๆ งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ ไอมีเรื่องจะคุยกับยูด้วย”
(โอเค บาย)
“บาย”
เมฆายิ้มอย่างดีใจที่ได้คุยกับเพื่อน แล้วก็จะได้เจอเพื่อน หากแต่ความดีใจนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้เมฆาหยุดคิดเรื่องของคณินเลยสักนิด
ไอ้เด็กบ้านั่น ชอบทำให้ใจของเราวุ่นวายตลอดเลย
เมฆาไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้คณินปั้นปึ่งใส่กันเหมือนกับวันแรกๆ คำพูดกระแนะกระแหนไม่ได้ทำให้เมฆารู้สึกอะไร เพราะเขาคิดว่าอีกคนคงจะเล่นละคร ความสัมพันธ์ของเราเป็นความลับ
แต่สายตาของคณินไม่ใช่…เหมือนว่าอีกคนกำลังโกรธเขาจริงๆ อยู่เลย
ระหว่างที่ทานข้าวกันเขาก็พูดคุยกับทุกคนปกติ ทั้งกับชานนท์เพื่อนสนิทที่ เมื่อวานเราก็อยู่ด้วยกัน พ่อเลี้ยงอาทิตย์แล้วก็ศตคุณ จะมีแค่คณินที่ทำตัวมีปัญหาอยู่นั่น ร่างโปร่งมาไม่ทันตอนที่พวกเขากำลังคุยเจรจาการซื้อขาย เพราะตั้งใจมาให้ทันช่วงรับประทานอาหารเท่านั้น
ถ้าเขตจะเล่นแบบนี้ ก็ได้...อยากรู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร มีทางเดียวเท่านั้นแหละที่ล่อเหยื่อมาติดกับ...นั่นก็คือทำให้เหยื่อหึงซะ…
“ไอจำได้ว่ายูบ่นอยากกินตลอดตอนอยู่ที่นั่น” เมฆาตักอาหารให้กับเพื่อน ซึ่งชานนท์ก็ยิ้มหวานขอบคุณ
“ยูนี่ไม่เคยลืมจริงๆ รักที่สุดอ่ะ”
“อยู่ที่นั่นเมฆเขาเป็นยังไงบ้างเหรอครับคุณเชน” พ่อเลี้ยงอาทิตย์ถามขึ้น
“เป็นยังไงเหรอครับ ฮ่าๆ เป็นคนฮอตครับ เพื่อนเยอะมาก ทุกเพศ ทุกวัยเลย เป็นคนสาธารณะ ใครๆ ก็ต้องการตัว เดินห้างด้วยกันอยู่ดีๆ ก็มีคนมาทัก ผมนี่ทึ่งเลย”
“ยูพูดเวอร์แล้ว”
“ไอพูดความจริงนะ”
บรรยากาศก็สนุกสนานดี ยกเว้นใครคนหนึ่งที่มองเมฆาปานจะกินเลือดกินเนื้อ มือหนากำแน่น แล้วหันหนีจากภาพชวนหงุดหงิด สบตาเข้ากับพ่อและเพื่อนที่มองอย่างรู้ทัน ไม่พอยิ้มเยาะเย้ยให้อีกด้วย
โว้ย!! นี่จะไม่มีใครที่เข้าข้างเราเลยหรือไงวะ...
หลังจากทานข้าวเสร็จเมฆากับชานนท์ก็มาส่งพ่อเลี้ยงอาทิตย์ ศตคุณและคณินขึ้นรถ ก่อนที่จะขึ้นรถไป คณินมองเมฆาอย่างคาดโทษเอาไว้ซึ่งร่างโปร่งก็ยิ้มมุมปากยั่วโมโหกลับไป ทำเอาคนอายุน้อยกว่ากระฟัดกระเฟียดขึ้นรถไปทันที
“ไอว่ายูกับคุณเขตมีอะไรแปลกๆ นะ” เสียงของคนข้างๆ ถามขึ้นมา ซึ่งเมฆาก็หันมายิ้มให้เพื่อนสนิท
“แปลกยังไง”
“ไม่รู้สิ เหมือนมีอะไรกันสักอย่าง”
“เชน...ไออยากให้ยูคิดดีๆ นะว่ายูจะทำยังไงกับที่นี่ ถ้าเป็นไอ ไอจะรักษาสิ่งที่พ่อแม่สร้างมันมาเอาไว้ด้วยชีวิตเลย...ไอไม่อยากให้ยูเสียใจทีหลัง” ชานนท์มองหน้าเพื่อนก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ
“ยูพูดเหมือนคุณเขตเลย”
“หือ?”
“ข้อเสนอของศักดินนท์น่ะ ไม่ใช่เล่นเลยนะ คุณเขตก็เก่ง อายุก็ไม่เท่าไหร่เอง แต่กลับมีคำพูดน่าเชื่อถือ พึ่งพาได้ ยูกับเขา...รักกันใช่ไหม”
“ห๊ะ! เอาอะไรมาพูด”
“ยูไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าเอาแต่มองคุณเขตตลอดเลย ตอนที่ตักอาหารเอาใจไอ ยูก็มองแต่คุณเขต ใครๆ เขาก็เห็น พ่อเลี้ยงก็เห็น น้องหมูก็เห็น ไหนจะคุณเขตที่มองแต่ยูเหมือนกัน แม้เขาจะทำหน้าไม่สบอารมณ์ แต่สายตาแบบนั้นใครๆ ก็มองออก แถมยังมองไอแบบจะกินเลือดกินเนื้ออีก”
“ยูคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก”
ชานนท์ยิ้ม ก่อนจะหันมองไปรอบๆ ไร่ที่มีแต่ความทรงจำความอบอุ่นในครอบครัว สถานที่ที่เขาจำความได้ก็อยู่กับมันแล้ว รู้สึกเสียใจที่ไม่นึกถึงคุณค่าของมันมาก่อน
ลืมความยากลำบากของพ่อแม่แล้วคิดจะขายมันทิ้งไปโดยไม่สนเลยว่าที่ตรงนี้จะตกไปอยู่กับคนที่ดีหรือไม่ดี เกือบไปแล้ว เกือบทำลายจิตวิญญาณของพ่อแม่ ทำลายความทรงจำของครอบครัว ทำลายสถานที่ที่ทำให้เขามีทุกอย่างในวันนี้ได้
“ไอตัดสินใจได้แล้วล่ะ ว่าจะฝากที่นี่ให้กับใคร”
100%

อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้กำลังใจ ยูกิด้วยนะคะ ^^
ติดตามข่าวสาร พูดคุย ทวงนิยาย ได้ทางแฟนเพจนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/