**แรมเดือนสิบสอง** ll แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๒ (๒) P.8 [25/08/65]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **แรมเดือนสิบสอง** ll แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๒ (๒) P.8 [25/08/65]  (อ่าน 54120 ครั้ง)

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

****************************************************************************************


ผลงานเรื่องอื่นนะคะ

ห า กั น จ น เ จ อ [END] http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58675.150

「โรคประจำใจ」[Underlying diseases.] [END] https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61653.0



------------------------------------------------------------------
แรมเดือนสิบสอง
.
.
.
ถึงเวลาที่คืนจันทร์แรมจะโคจรเข้าครอบครองเดือนสิบสองแล้ว


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2022 13:53:42 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
แรมเดือนสิบสอง


ก่อนคืนเดือนแรม









สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราญช์ยังรู้พลั้ง


ทุกคนต่างก็เคยพลาดกันทั้งนั้น


บางคนปิดซ่อนมันจากผู้คนได้ ขณะที่เรื่องของบางคนก็เป็นที่รู้กันในวงกว้าง เพียงแต่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าเจ้าตัวจัดมันให้อยู่ในหมวด ‘ความพลาด’ หรือไม่เท่านั้นเอง


ผมเองก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่หนีไม่พ้นกับเรื่องพลาด...ใหญ่หลวงมากทีเดียว พลาดครั้งเดียวแม่งมีผลกระทบกับกูไปจนตายเลยละมั้ง ในตอนนั้น ก่อนตัดสินใจทำลงไปก็คิดแล้วคิดอีก ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบอย่างคนไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่เพราะเชื่อมั่นเลยกล้ากระโดดลงไปในหลุมที่ใครบางคนขุดเอาไว้ กว่าจะรู้ตัวว่าคือความพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ผมก็พบว่าตัวเองปีนกลับขึ้นมายืนในจุดที่เคยยืนไม่ได้อีกแล้ว


ผมไม่เรียกมันว่า ‘ความผิดพลาด’ เพราะผมคิดว่ามันก็แค่พลาด...แต่ไม่ผิด



“ไม่เป็นไร ธันว์เข้าใจ”


เข้าใจก็เหี้ยละ !!


ผมก้มหน้ามองพื้น ผู้หญิงคนล่าสุดที่ผมตามจีบ หยอดเช้าหยอดเย็นมาสองสัปดาห์ถ้วนเพิ่งเซย์กู้ดบายอย่างไม่ใยดีเพราะเชื่อข่าวลือที่ว่าผมเคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน


โอเค ยอมรับว่าไม่ใช่ข่าวลือเสียทีเดียว ที่เขาพูดเขาเม้าท์กันนั่นเรื่องจริงล้วน ๆ


แต่แล้วไงวะ?


 

“เฮ้ย!!”


“เหี้ย!!”


ผัวะ!


เพราะมัวแต่เหม่อผมเลยโดนตบหัวคว่ำ เชี่ยเอ้ย หน้าเกือบทิ่มอาจารย์ใหญ่


“มึงเรียกรุ่นพี่แบบนี้เหรอวะ”


“ปะ เปล่าครับ”


“งั้นก็คำทักทาย?”


“ขอโทษครับพี่แรม ผมแค่ตกใจ”


“รู้จักกู?”


ผมมองหน้ารุ่นพี่ที่สูงกว่าผมประมาณคืบหนึ่งแต่ตัวหนากว่าด้วยความข้องใจ นี่ตั้งใจกวนกันรึเปล่าวะ มีรุ่นน้องแพทย์ปีสองคนไหนที่ผ่านการรับน้องตอนปีสองเพราะย้ายจากฝั่งมหา’ลัยมาเรียนฝั่งโรงพยาบาลอันเป็นธรรมเนียมเฉพาะของสถานศึกษานี้แล้วไม่รู้จักประธานรุ่นปีสามบ้างวะ ถ้าบอกว่าไม่รู้จักกูจะโดนอะไรไหมวะครับ


“ไม่รู้จักอ่ะ”


“เฮ้ย อย่า!” นั่นไง ถ้าผมร้องห้ามไม่ทัน มือที่ง้างขึ้นมาคงฟาดกบาลผมเข้าให้อีกครั้ง “มือพี่เลอะป่ะวะ” เพราะอยู่ในห้องกรอสส์หรือห้องเรียนแลปวิชากายวิภาค ผมจึงไม่มั่นใจว่าก่อนหน้านี้พี่แกจับอาจารย์ใหญ่มารึเปล่า แค่กลิ่นฟอร์มาลีนติดตัวนี่ก็ต้องฟอกสบู่สามสี่รอบแล้ว ถ้าผมติดเศษซากอารยธรรมมาด้วย กูจะทำยังไงวะ โดนตบมาแล้วรอบหนึ่งด้วยเนี่ย


“เลอะ”


“เฮ้ย!!”


ผมรีบยกมือขึ้นจับผมตัวเองด้วยท่าทางร้อนรน จับไปจับมาได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอจากอีกฝ่าย รอยยิ้มเยอะเย้ยนั่นก็สะดุดตาจนทำให้ผมได้ฉุกคิด


ไอ้เหี้ย!!


“พี่แม่งหลอกผม”


คราวนี้แหละ พี่แกระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเต็มที่เลย กูซวยเพราะมือกูเนี่ยแหละ เต็ม ๆ หัวเลยไอ้สัด มือพี่แรมสะอาดมาก ไอ้ธันวาจะร้องไห้


“มึงโง่เอง”


ผมจิ๊ปาก โคตรขัดใจแต่ทำอะไรพี่มันไม่ได้ ตอนงานรับน้อง แค่พี่มันเดินขึ้นเวที ยังไม่ทันได้อ้าปากพูด เด็กรุ่นผมก็เงียบปากเหมือนกลัวถูกแหกอกหมู่กันแล้ว


“แล้วมาทำอะไร”


“มาเก็บตกครับ วันนี้เรียนไม่ทัน” ผมตอบพลางถอดถุงมือออกทั้งสองข้าง ยอมรับว่าน้ำเสียงยังติดเหวี่ยงอยู่เล็กน้อย


“เก็บตกแล้วทำไมนั่งเหม่อ กูเห็นมึงนั่งนิ่ง ๆ มานานแล้วนะ ถ้าไม่เรียนก็อย่ามารบกวนท่านสิวะ” ท่านที่พี่แรมหมายถึงก็คือร่างอาจารย์ใหญ่ตรงหน้าผมนี่แหละครับ


ผมไม่ต่อความยาว เรื่องอะไรจะพูดว่าที่นั่งเหม่อเพราะมัวคิดถึงเรื่องที่โดนเทมาหมาด ๆ


“แล้วมาทวนอะไร”


“muscle”


“พูดไม่มีหางเสียง เดี๋ยวกูตบคว่ำ” ผมรีบโยกหัวหลบมือที่ตั้งท่าจะทำอย่างที่ปากพูด เอ่ยแก้คำใหม่แทบไม่ทัน ทีตัวเองล่ะขึ้นมึงขึ้นกูทั้งที่ไม่สนิทกัน แต่พอกูพูดห้วน ๆ บ้าง แม่งไม่ยอม บ้าอำนาจ


“ทวนเสร็จแล้ว?”


“ยังครับ”


“แล้วถอดถุงมือทำไม ไปหยิบมาใส่สิวะ” สั่งจังวะ อย่าคิดว่าคณะสอนให้เคารพความเป็นพี่เป็นน้องแล้วจะมีสิทธิมาสั่งไอ้ธันวาทำโน่นทำนี่ได้นะครับ


เออ กูยอม!


ห่า ไม่ยอมก็คิดสั้นแล้วครับ พี่แม่งหน้าดุอย่างกับหมา ในห้องกรอสส์ก็อยู่กันแค่สองคน ขืนลองดีตอนนี้ ผมได้กลายเป็นอีกหนึ่งร่างไร้วิญญาณแน่


“หยิบมาเผื่อกูด้วย ไซซ์แอลนะมึง อย่าเสือกหยิบเอส”


ใครจะบ้าหยิบไซซ์เอสวะ มือผมยังใส่ไม่ได้เลยเหอะไซซ์นั้นอ่ะ ไอ้พี่แรมก็สั่งไม่คิด


แต่เดี๋ยวนะ…


ในห้องมีกันสองคน พี่มันบอกว่ามองผมอยู่นานแล้ว แต่พี่แรมไม่ใส่ถุงมืออยู่เหรอ แล้วเข้ามาทำอะไรในนี้วะ


“เหม่ออะไรวะ รีบ ๆ เข้า”


ความคิดผมเป็นอันตกไปเมื่อโดนเร่งด้วยเสียงดุ แต่ใครจะรู้ เห็นเข้ามาก่อกวนกันแบบนี้ พอใส่ถุงมือเสร็จพี่แรมก็จัดการหยิบจับกล้ามเนื้อมัดนั้นมัดนี้แล้วถามทั้งชื่อ หน้าที่ และจุดเกาะต้นเกาะปลายทดสอบความรู้ของผมอย่างคล่องแคล่ว อันไหนตอบไม่ได้ก็บอก แต่หลังจากที่ด่ากูว่าโง่แล้วน่ะนะ


ด่าจนกูคิดว่ากูเกิดมาก็ชื่อ ‘โง่’ เลย


เอาเถอะ ถือว่ามีประโยชน์ ไม่ใช่เดินมาให้ผมกูเลอะซากอารยธรรมอย่างเดียว




ผมเก็บตกเนื้อหาที่เรียนไม่ทันในคาบจบเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ ประมาณหกโมงเย็นผมก็เดินออกจากห้องกรอสส์แล้ว ถึงแม้จะใช้เวลาน้อยไปหน่อย แต่ก็ไม่ฟุ้งซ่านเรื่องเดิม ๆ อีก ถือว่าดี


“ขอบคุณที่ช่วยนะครับ ถ้าไม่ได้พี่…”


“เลี้ยงข้าวกูด้วย”


พูดขอบคุณด้วยความซาบซึ้งยังไม่ทันจบ พี่แกก็สวนกลับมาหน้าตายแล้วเดินทิ้งห่างออกไปจนผมต้องรีบตามไปให้ทันลงลิฟต์ตัวเดียวกัน


ก็ยังดีที่ไม่คิดจะรีดไถผมด้วยการพาไปร้านแพง ๆ หน้าโรง’บาล แต่พามานั่งกินข้าวในโรงอาหารใกล้หอพักนักศึกษาแพทย์ชายแทน


ผมนั่งมองหน้าพี่แรม ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงมานั่งกินข้าวกับพี่แกได้ อย่าว่าแต่สนิทกันเลย เพิ่งได้คุยกันก็เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วนี่เอง


“ไหนว่าจะให้ผมเลี้ยงไงพี่”


“ไม่ได้บอกนี่ว่าให้เลี้ยงมื้อนี้” อ้าว! นี่หลอกกูมากินข้าวด้วยเหรอวะ


“มื้อหน้าก็อย่ากินแพงแล้วกัน ผมไม่มีตังค์เยอะนักหรอก” พูดแค่นั้นผมก็ก้มลงกินอาหารตัวเองเงียบ ๆ แต่เฉื่อยกว่าปกติ พอสมองไม่ถูกใช้งานแม่งก็กลับมาคิดมากเรื่องความพลาดในชีวิตตัวเองอีกแล้ว


“เป็นอะไร อกหัก?”


“อือ เพิ่งโดนสาวทิ้ง”


“ไม่แปลก ก็มึงเป็นเกย์ สาวที่ไหนจะมาชอบ”


ผมกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย คนทั้งคณะหรือบางทีอาจจะทั้งมหา’ลัยที่รู้จักผมคงตัดสินผมไปแบบนั้นแล้ว


“แล้วทำไมจีบผู้หญิง”


“ช่างเหอะพี่” ก็ไม่ได้สนิทอะไรกันนี่หว่า จะให้เล่าก็คงไม่ใช่เรื่อง


“เสียใจมากไหม”


“ก็เสียใจ” ไม่ได้เสียใจที่โดนสาวทิ้งไว้กลางทางนะครับ แต่เสียใจที่แม่งกลับไปจีบสาวเหมือนเดิมไม่ได้แล้วเนี่ยแหละ


กูกลายเป็นแบล็กลิสต์ของสาว ๆ ไปแล้ว


“แต่มึงเป็นเกย์”


ผมไม่ตอบ ก้มหน้าก้มตากินข้าวตัวเอง แต่ดูเหมือนพี่แรมจะไม่ยอม “หรือเป็นไบฯวะ มึงได้ทั้งชายทั้งหญิงเหรอ”


“แล้วพี่ไม่รังเกียจผมเหรอที่ผมเป็นแบบนี้” ผมไม่ตอบ เบี่ยงจากประเด็นที่เขาอยากรู้มาเป็นประเด็นที่ผมสงสัยเอง


“มึงโง่รึเปล่า ในคณะนี้มีตุ๊ด แต๋ว เกย์ตั้งกี่คน ถ้ากูรังเกียจแล้วจะมีเพื่อนแบบพวกมันรึไง”


“พี่ด่าผมโง่อีกแล้วนะ”


“ก็มึงถามไม่คิด”


“ถ้าผมโง่ ผมจะได้มาอยู่กับพี่ตรงนี้รึไง”


“หมายความว่าไง” พี่แรมวางช้อนส้อม มองหน้าผมด้วยแววตาจริงจังเหมือนตอนที่ยืนบนเวทีในฐานะประธานปีสามไม่มีผิด


“ก็ถ้าผมโง่ ผมคงสอบไม่ติดหมอที่นี่หรอก จริงไหมล่ะ”


พี่แรมหัวเราะ หน้ากูตลกนักรึไงวะ หัวเราะจนกูประสาทจะแดก ข้าวเข้อไม่กงไม่กินมันละ


“เออ มึงฉลาด”


กูไม่เชื่อ…


“แล้วพี่มาคุยกับผมแบบนี้ไม่กลัวผมชอบพี่รึไง” ไม่หรอก ผมแค่ถามไปงั้น ๆ เพราะที่ไม่นิยามรสนิยมทางเพศตัวเองว่าเกย์ หรือไบเซ็กชวลอย่างที่คนอื่นนิยามให้เพราะรู้ตัวเองดีว่าตั้งแต่เลิกกับแฟนผู้ชายคนแรก ผมก็ไม่เคยหวั่นไหวหรือแม้แต่มองผู้ชายคนไหนอีกเลย ผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มพวกนั้นต่างหากที่ทำให้ผมใจสั่น


หรือผมจะเป็นไบเซ็กชวลจริง ๆ


“ชอบก็ดี…”


ห๊ะ!?


“…กับผีสิ”


“ผมก็ไม่เอาพี่เหมือนกันแหละ เห็นผมเป็นอย่างนี้ผมก็เลือกนะพี่”


“มึงหยามกู”


“เฮ้ยเปล่า” ผมยกมือปัดพัลวัน “ผมหมายความว่าผมไม่ได้ใจง่ายชอบทุกคน ไม่ได้จะหยามว่าพี่ไม่ดี” เออ ยอมรับว่ากูคิดอย่างที่พี่แม่งเข้าใจนั่นแหละ แต่ถ้ายอมรับกูคงตายพร้อมอาหารมื้อสุดท้าย “เอาเถอะ ๆ เอาเป็นว่าพี่ไม่ต้องระแวงผมละกัน ผมไม่ทำอะไรพี่หรอก”


“หึ มึงมีอะไรให้กูต้องระแวงวะ”


ผมสบตาที่มักชอบขมึงดุคู่นั้น ทว่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความแพรวพราว รอยยิ้มมุมปากก็เจ้าเล่ห์ผิดกับมาดนิ่งขรึมซึ่งเป็นภาพแรกที่น้องปีสองทุกคนเห็น


เออว่ะ กูสินะที่ต้องเป็นฝ่ายระแวง…














------------------------------------------------------------------
เป็นการเล่าด้วยสรรพนามบุรุษที่ 1 แค่ตอนเดียวนะคะ
นี่เป็นเรื่องของพี่แรมกับธันวา ที่หลายคนรู้จักบ้างแล้วจาก 'หากันจนเจอ'
เราเอามาเล่าย้อนค่ะ
ฝากคู่นี้ด้วยนะคะ ใสๆค่ะ
#แรมเดือนสิบสอง

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
 :pig4: ปาดดดดดดด

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กล้าๆหน่อยพี่แรม  :o8:

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
แรมเดือนสิบสอง

แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒
(๑)







ธันวาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่จริงอย่างที่รุ่นพี่เดือนแรมว่าไว้


“เชี่ย!”


ธันวาลากเสียงยาวด้วยความหงุดหงิดท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนตัวดีที่นั่งข้างกัน


“เป็นไง” กรองเกียรติถามหน้านิ่ง


“เค็ม” ...มาก


ธันวาไม่อยากยอมรับว่าตัวเองโง่ที่หลงเชื่อตฤณว่าข้าวราดแกงร้านนี้อร่อยมาก แต่จะด่าว่าไปก็เท่านั้น เก็บพลังงานที่เหลือจากข้าวเช้าไว้เรียนช่วงบ่ายดีกว่า ที่ทำได้ตอนนี้คงมีแค่ส่งสายตาเคียดแค้นไปให้


“รู้ตัวว่าเป็นคนกินยากมากแล้วยังเชื่อใครง่าย ๆ อีกนะมึง” โดนกรองเกียรติเทศน์แล้วก็ยิ่งนอยด์ คนตัวขาวเจ้าของร่างสูงผอมนั่งมองผัดกะเพราราดข้าวด้วยสายตาอาวรณ์ นอกจากจะเค็มแล้วยังน้ำมันเยอะจนชุ่มข้าวไปหมด จะเจียดทานแต่ข้าวเปล่าก็ไม่ได้ ทำได้แต่ดูดน้ำเก็กฮวยอย่างเนือย ๆ


“ด่ากูโง่ก็ได้นะไอ้เก่ง” เพราะถ้าพี่แรมอยู่ตรงนี้ก็คงจะพูดแบบนี้เหมือนกัน


พอนึกถึงใครคนนั้น...


“เออไอ้เก่ง มึงว่ากูงะ…”


“มีคนนั่งเปล่าวะ”


ไม่ทันที่ธันวาจะถามเพื่อนจบประโยค รุ่นพี่ที่ธันวาไม่อยากเจอหน้ามากที่สุดก็นำทัพเพื่อนกลุ่มหนึ่งมายืนล้อมพวกเขาเอาไว้


...มึงว่ากูโง่ไหมวะ


ถ้าถามออกไปตอนนี้ก็คงได้คำตอบว่าโง่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ได้คำตอบจากไอ้รุ่นพี่ร่างยักษ์นี่นะ ไม่ใช่จากเพื่อนเขาหรอก


หลังจากยกมือไหว้ทักทายกันพอเป็นพิธีแล้วกรองเกียรติก็จัดแจงขยับที่ทางให้รุ่นพี่อีกสี่คนได้นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันได้


ธันวาได้แต่ทำหน้าเหม็นเบื่อ คนยิ่งเพิ่งเจอเรื่องที่ทำให้รู้สึกโง่มา ยิ่งได้เห็นหน้าเดือนแรมก็ยิ่งรู้สึกชอกช้ำระกำใจ แต่ก็ต้องจำใจนั่งเผชิญหน้ากันเมื่อกรองเกียรติปลาบปลื้มรุ่นพี่ประธานปีสามคนนี้มากจนถึงขั้นเรียกให้ไปนั่งข้างตัวเองจนตอนนี้ร่างสูงใหญ่นั่งโซ้ยก๋วยเตี๋ยวเยื้องกับเขาหนึ่งตำแหน่ง


“เป็นไร ทำไมไม่กินข้าว” เดือนแรมถามหนุ่มรุ่นน้องที่เอาแต่นั่งดูดน้ำโดยไม่มีท่าทีจะแตะข้าวที่ยังพูนจานอยู่เลยสักนิด ช้อนที่รวบกันไว้ก็บอกชัดว่าเจ้าตัวคงไม่ทานมันอีกแล้ว


“ไม่อยากกิน”


เดือนแรมขมวดคิ้วมุ่น อยากตีปากบาง ๆ ที่พูดไม่มีหางเสียงนั่นเสียจริง “ไม่อยากกินแล้วซื้อมาทำไม”


“มันโดนไอ้ตฤณหลอกว่าอร่อยอ่ะพี่” กรองเกียรติพูดแทรกขึ้นมา ธันวายิ่งหน้าบึ้งเพราะนอกจากเพื่อนรักจะสาธยายความโง่ของเขาให้แรมฟังแล้วไอ้ตัวต้นเรื่องยังระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้งด้วย


“หึ โง่”


...ว่าแล้วเชียว


“ผมชื่อธันวา” หนุ่มรุ่นน้องพูดเสียงเรียบแต่กลับเก็บความไม่พอใจเอาไว้ไม่มิด


“กูรู้”


“รู้แล้วก็กรุณาเรียกชื่อด้วยครับ ไม่ใช่เรียกแต่โง่”


เดือนแรมยิ้มมุมปากยักไหล่ไม่สนใจ มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ธันวาเกลียดเสียจริง ใครคนอื่นทำแล้วดูน่าหมั่นไส้เล็ก ๆ แต่พอเป็นรุ่นพี่คนนี้ทำแล้วกลับดูกวนตีนจนน่าโมโห


“ไม่อร่อยก็ไปซื้ออย่างอื่นมากินสิวะ”


“เรื่องของผม” ก็ว่าจะไม่หงุดหงิดแล้วถ้าไม่เป็นเพราะอีกฝ่ายทำเป็นไม่สนใจชื่อตน


คนเป็นรุ่นพี่วางตะเกียบ นัยน์ตาดุจ้องมองมาจนธันวาแอบหวั่นเพราะคล้ายกับตอนที่อีกฝ่ายขึ้นไปยืนพูดบนเวทีในวันรับน้องไม่มีผิด


“ไม่กินแล้วจะเอาสมองที่ไหนไปเรียน”


“สมองในกะโหลกดิพี่”


“ไอ้ธันวา!!”


“เชี่ยธันว์ใจเย็น...เอ่อ พี่แรม ปล่อยมันไปเถอะพี่ มันดูแลตัวเองได้” เป็นกรองเกียรติที่แก้สถานการณ์อย่างทันท่วงที แม้จะไม่ได้ผลนักแต่อย่างน้อยเดือนแรมก็ยอมไม่เอาเรื่องรุ่นน้องที่ลอยหน้าลอยตาดูดน้ำหวานอย่างไม่สะทกสะท้าน


“เก็บสีหน้าบ้างก็ได้นะ” ...ไม่ต้องแสดงออกว่าเกลียดกันขนาดนั้นก็ได้


“ขอโทษครับ แต่ผมไม่ใช่พวกลิงหลอกเจ้า”


“หลอกได้ เพราะกูไม่ใช่เจ้าของมึง”


หนุ่มรุ่นน้องเข่นเขี้ยวใส่


“แต่ถ้าเป็นเจ้าของเมื่อไหร่...มึงห้ามหลอก”


เหอะ! ต่อให้เป็นลิงจริงก็ไม่อยากมีเจ้าของแบบนี้หรอกวะ





คาบบ่ายกว่าสามชั่วโมงหมดไปกับการเรียนรู้เรื่องสารเคมีในร่างกาย คาบบรรยายที่ทำเอาหลายคนรวมถึงธันวาหลับแล้วหลับอีกก็ยังไม่หมดชั่วโมง ห้องสโลปสำหรับคลาสเรียนที่มีนักศึกษาเยอะถึงสามร้อยกว่าชีวิตอาจจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ เพราะศีรษะเด็กที่ฟุบต่ำลงไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ทำให้อาจารย์แพทย์สนใจเลยสักนิด


“ยังไม่เลิกคลาสอีกเหรอวะ” เจ้าของใบหน้าใสสะอาดมีรอยปื้นแดงตรงหน้าผากเป็นหลักฐานประจานการแอบหลับในห้องเรียนถามเพื่อนข้างกายเสียงงัวเงีย ธันวายังไม่ได้ยกศีรษะขึ้นมาตั้งตรง เด็กหนุ่มยังฟุบหน้ากับท่อนแขนบนโต๊ะเพียงแต่หันหน้าไปด้านตฤณ


“ตื่นมาเรียนบ้างไอ้สัด” ตฤณส่ายหน้าระอา ตั้งแต่รู้จักกันมายังไม่เคยเห็นมันถ่างตาเรียนได้ตั้งแต่ต้นจนจบคาบเลยสักครั้ง ทำควิซต้นคาบเสร็จจดยิก ๆ ได้ไม่ทันไรเปลือกตาก็ต้านแรงโน้มถ่วงไม่ไหวตามคำอ้างของอีกฝ่ายตลอด แต่เห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะนับถือเพราะธันวาสอบผ่านตลอดและตกผลึกความรู้ได้ไม่น้อยหน้ากรองเกียรติที่นั่งเรียนนั่งจดได้ทั้งคาบราวกับรับประทานสมาธิเข้าไป


“กูเรียนอยู่” คำตอบเดิม ๆ จากคนเดิม ๆ ทำให้ตฤณยอมแพ้ เห็นอีกฝ่ายลุกขึ้นยืนก้มศีรษะต่ำคล้ายขออนุญาตอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่หน้าห้องแล้วก็คิดเอาว่าคงไปเข้าห้องน้ำ




“ฮ้าว” เสียงหาวลากยาวคล้ายจะสื่ออารมณ์เกียจคร้านมากกว่าจะรู้สึกง่วงงุนจริง ๆ ธันวาตบหน้าตัวเองเบา ๆ เพื่อปลุกให้ตื่นอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต็มตากลับเป็นใบหน้าของใครบางคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังก่อนจะมายืนด้านข้างในระนาบเดียวกัน


รู้อยู่หรอกว่าเวลานี้ปีสามเรียนห้องบรรยายชั้นเดียวกัน แต่ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกันเป็นครั้งที่สองของวันแบบนี้


หนึ่งปีที่ผ่านมาไม่ยักเจอกันสักครั้ง แต่นั่นก็ไม่แปลกสักนิดสำหรับคณะที่มีนักศึกษามากถึงชั้นปีละสามร้อยคน ในรุ่นยังรู้จักกันไม่หมดเลย นับประสาอะไรกับรุ่นพี่ แต่ตอนนี้ต่างหากที่แปลก ตั้งแต่ได้เห็นหน้าชัด ๆ ครั้งนั้นก็ดูเหมือนว่าเราจะเจอกันบ่อยขึ้นราวกับมีชั้นปีละแค่สี่สิบ!


เดือนแรมส่งสายตาคมดุผ่านเงาบนกระจกบานใหญ่ไปให้หนุ่มรุ่นน้องเมื่อเห็นรอยปื้นแดงบนหน้าผากขาว


คนถูกจ้องมองเองก็มองตอบไม่ลดละ ถือคติมองมามองกลับไม่โกง ความดื้อเงียบทั้งหมดที่สะสมมาถูกแสดงออกใส่คน ๆ นี้ทั้งหมดโดยไม่ทันรู้ตัว


คนเป็นรุ่นพี่เป็นฝ่ายละสายตาไปก่อนจนคนน้องยกยิ้มมุมปากให้ชัยชนะตัวเองแบบเงียบ ๆ โดยไม่คาดคิดว่าแท้จริงแล้วตนกำลังพลาดให้อีกฝ่ายโจมตีด้วยการเอามือเปียก ๆ มาป้ายเสียเต็มหน้า


“เฮ้ย!”


“ตื่นมาเรียนบ้างนะมึง ปีสองไม่หมูเหมือนที่ผ่านมาหรอกนะ อย่าทำเป็นเล่น”


พูดจบก็เดินออกไปไม่เปิดโอกาสให้คนถูกรังแกได้ร้องหาความเป็นธรรม ธันวาได้แต่มองตามอย่างเคียดแค้นฟึดฟัดขัดใจอยู่ตามลำพัง






“ไปนานขนาดนี้กูนึกว่ามึงไปหลับต่อในส้วม” กรองเกียรติเอนตัวเข้ามาพูดเสียงเบาทั้งที่ตายังจ้องจอยักษ์และมือก็ยังจดตามสิ่งที่อาจารย์สอนอยู่


“เรียนไปเถอะมึงอ่ะ”


กรองเกียรติละสายตาจากสิ่งน่าสนใจตรงหน้ามาหรี่ตามองเพื่อนด้วยความสงสัย สองคนนี้มีนิสัยอย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือไม่ค่อยสนใจใครหรือสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวสักเท่าไหร่ แต่กับเพื่อนฝูงหรือคนที่สนใจสองคนนี้จะไวต่อความรู้สึกผิดแปลกที่เกิดขึ้นเสมอ และครั้งนี้กรองเกียรติก็รู้สึกว่าอารมณ์ธันวาไม่ปกติ “เป็นไรวะ”


“มึงเรียนไปก่อน” แม้จะอยากระบายให้เพื่อนรักได้รู้เต็มแก่แต่ก็ต้องคำนึงถึงอนาคตของเพื่อนด้วยเช่นกัน กรองเกียรติพยักหน้ารับก่อนหันไปให้ความสนใจกับเนื้อหาอีกครั้ง


‘ตื่นมาเรียนบ้างนะมึง...อย่าทำเป็นเล่น’


เพราะเสียงของใครบางคนดังเข้ามาในหัวอีกครั้งธันวาจึงยิ่งรู้สึกอยากต่อต้าน ช่วงเวลายี่สิบนาทีท้ายคาบเขาจึงไม่ได้ตั้งอกตั้งใจเรียนเหมือนหลายคนที่เพิ่งตื่นขึ้นมา เด็กหนุ่มเลือกจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาไถเล่น อ่านนั่นนี่ในสังคมออนไลน์จนเบื่อแล้วก็ตัดสินใจทักเพื่อนสนิทสมัยมัธยมไปในกลุ่มที่มีสมาชิกด้วยกันหกคนซึ่งรวมคนที่กำลังตั้งใจเรียนข้าง ๆ นี่ด้วย เพียงแค่สติ้กเกอร์ตัวเดียวที่ส่งนำทางไปก็ได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็วจากหนุ่มคณะอักษรศาสตร์ที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน


กลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมที่คบกันมานานกว่านั้นมีด้วยกันหกคน เรียนอยู่ที่เดียวกันนี้สามคน สองในคนที่เหลือเป็นคู่แฝดเรียนที่เดียวกัน ส่วนอีกคนก็แยกไปอีกที่หนึ่งแต่ยังคงอยู่ในพื้นที่เมืองหลวงทั้งสิ้น การนัดพบปะกันจึงเกิดขึ้นได้ไม่ยากนัก


แรงสั่นครืดของสมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงทั้งเยอะและถี่ขึ้นทำให้กรองเกียรติต้องหันมองเพื่อนข้างกาย เห็นไอ้ตัวดีกดพิมพ์ยิก ๆ แล้วนึกขุ่นเคืองเล็กน้อย แต่เพราะว่าใกล้หมดเวลาเต็มทีแล้วเขาจึงไม่ได้ตำหนิอะไรออกไป


“ไอ้ดีนชวนไปเล่นบาสเย็นนี้ ไปกันนะมึง” ธันวารีบรายงานกรองเกียรติทันทีที่อาจารย์เลิกคลาส คนถูกชวนตอบรับทันควันเพราะรู้สึกล้าสมองมาทั้งวันแล้วอยากผ่อนคลายบ้างเช่นกัน


“ไปเล่นบาสด้วยกันไหมมึง” ธันวาหันไปชวนตฤณด้วยเพราะดีนบอกว่าคณะตนไม่ค่อยมีเพื่อนผู้ชายนักแต่ตฤณตอบแบ่งรับแบ่งสู้กลับมาว่าไว้โอกาสหน้าจะไม่พลาด


สองหนุ่มรีบออกจากห้องเรียนด้วยสีหน้าระรื่น ธันวาที่หน้าตาสดใสมากจนลืมไปแล้วว่าเมื่อไม่เกินหนึ่งชั่วโมงก่อนเพิ่งมีเรื่องให้ขุ่นเคืองใจ


เนื่องจากจำนวนนักศึกษาแพทย์มีมากกว่าความพอดีของหอพัก นักศึกษาชั้นปีสองและสามจึงต้องคละห้องกัน แต่ละห้องจะมีผู้อาศัยมากถึงสี่คน เตียงสองชั้นรวมสี่เตียงและเฟอร์นิเจอร์อันประกอบไปด้วยโต๊ะอ่านหนังสือ ตู้หนังสือ และตู้เสื้อผ้าอีกสี่ชุดถูกอัดแน่นในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ จนเว้นเหลือทางเดินระหว่างเตียงกว้างเพียงแค่หนึ่งเมตรเห็นจะได้


ห้องของธันวาคละชั้นปีละสองคนขณะที่กรองเกียรติกลายเป็นปีสองเพียงคนเดียวในห้องข้างกัน


รองเท้าแปลกตาจอดวางหน้าห้องอยู่หนึ่งคู่ ธันวาทึกทักเอาว่ารุ่นพี่คนใดคนหนึ่งในห้องคงมีแขก เด็กหนุ่มเคาะประตูห้องบอกให้รู้ว่าตนอาจจะมาขัดจังหวะบางอย่างของคนข้างในก่อนจะส่งเสียงทักทายนำไปก่อนเปิดประตูอีกด้วย “ขออนุญาตครับ”


“อ้าวไอ้น้องธันว์ นายจะขออนุญาตเข้าห้องตัวเองทำไมวะ” รุ่นพี่โอ๊คที่ยืนล้างมือเตรียมจะล้างหน้าอยู่ตรงอ่างหน้ากระจกอันเป็นสมบัติส่วนรวมหันมาถามด้วยความแปลกใจ


“หวัดดีครับพี่โอ๊ค” เป็นปกติที่ธันวาจะทักทายรุ่นพี่ในห้องทั้งก่อนออกจากห้องและตอนกลับเข้ามาประหนึ่งอีกฝ่ายเป็นผู้ปกครอง “ก็ผมคิดว่าพวกพี่จะคุยหรือทำอะไรกันอยู่ กลัวพรวดพราดเข้ามาแล้วจะเสียมารยาทน่ะครับ...แล้วนี่ไม่มีใครหรอกหรือครับ”


“โน่น” โอ๊คโบ้ยปากไปยังเตียงตัวเองซึ่งเป็นเตียงล่างมุมทะแยงกับเตียงของเขาที่เป็นเตียงบน ที่เตียงล่างนั้นมีร่างสูงใหญ่ของใครบางคนยึดครองเตียงนั้นราวกับเป็นเจ้าของ


...ใครบางคนที่เหมือนเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเขาในช่วงนี้


“พี่แรม...หวัดดีครับ” แม้ไม่อยากจะทักทายแต่ก็จำต้องทักทายอย่างเสียไม่ได้ อีกฝ่ายก็แค่พยักหน้ารับส่ง ๆ ความขุ่นเคืองทั้งใหม่และเก่าเสริมน้ำหนักกันจนธันวาเริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่คิดเสียเวลาต่อความอะไรด้วยมาก เด็กหนุ่มเดินผ่านเตียงไปวางเป้ที่โต๊ะตัวเองแล้วเดินกลับไปยืนใกล้เตียงตัวเองอีกครั้ง


“รีบหน่อยเว้ยไอ้ธันว์” เสียงกรองเกียรติดังเร่งเข้ามาทำให้ธันวาต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า


ชายเสื้อนักศึกษาถูกดึงออกจากกางเกงเป็นอันดับแรก ก่อนกระดุมแต่ละเม็ดถูกปลดออกอย่างรวดเร็วจนไม่มีเวลามาสนใจว่ามันจะขาดหรือไม่ เสื้อบาสแบบไม่มีแขนถูกสวมลงแทนที่เสื้อนักศึกษาที่ถูกถอดออกก่อนที่จะปลดกางเกงเป็นลำดับถัดไปเพื่อเปลี่ยนมาใส่กางเกงกีฬาขาสั้นแทน


ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นปกติของธันวา ทว่าเด็กหนุ่มลืมไปเสียสนิทว่าวันนี้และตอนนี้มันไม่ปกติ และไม่มีเวลามากพอจะได้ฉุกคิดอะไร หากแต่ในตอนที่เขารวบชุดที่เพิ่งถอดออกหมายจะโยนใส่ตะกร้าผ้าของตน หางตาก็เหลือบเห็นใครบางคนที่ยังนอนอยู่ที่เดิม


“พี่หน้าแดงจังอ่ะ ร้อนเหรอ” ปกติห้องนี้จะมีมาตรการการเปิดเครื่องปรับอากาศคือเวลาสี่ทุ่มเป็นต้นไป ช่วงเวลาอื่นจะเปิดพัดลมตั้งพื้นที่มีอยู่ถึงสองตัวเท่านั้น “พี่โอ๊คเปิดแอร์ได้นะครับ ผมว่าพี่แรมน่าจะทนร้อนไม่ไหว”


โอ๊คเดินมามองหน้าเพื่อนแล้วหัวเราะน้อย ๆ “ปล่อยมันตายไปกับความร้อนของมันเถอะว่ะธันว์”


เด็กหนุ่มพยักหน้ารับงง ๆ ก่อนจะรีบออกจากห้องไปเพราะกรองเกียรติร้องเร่งอีกครั้ง




คล้อยหลังรุ่นน้องเจ้าของห้องออกไปแล้วโอ๊คก็ต้องเผชิญกับนัยน์ตาคมดุของเพื่อนที่จ้องมาอย่างเคียดแค้น


“มึงไม่เคยบอกกูว่าน้องมันถอดเสื้อผ้าในห้อง”


“อ้าว เรื่องแบบนี้ต้องบอกด้วยเหรอวะ มันเรื่องธรรมชาตินะเว้ย นี่กูต้องบอกมึงด้วยรึเปล่าว่าน้องมันนอนห่มผ้าอ่ะ” โอ๊คพูดติดตลกทั้งที่เข้าใจประเด็นของเพื่อนสนิทดี แต่เพราะอยากแกล้งพวกแผนเยอะสักหน่อยเท่านั้นเอง


“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิวะ แลกห้องนอนกันตอนนี้ไม่ทันแล้วนะเว้ย” โอ๊คหัวเราะลั่นท้ายประโยคแสนเยาะเย้ยของตัวเองก่อนจะต้องวิ่งหนีหมอนอิงที่ปลิวมาจากคนที่ยึดเตียงเขาไปแล้ว


เห็นไอ้ธันว์แก้ผ้าโชว์ความขาวจั๊วน่าเจี๊ยะเข้าหน่อยหวงจนหน้ามืดเชียวเพื่อนกู





“มึงจะกินอะไรหน่อยไหมวะ เมื่อเที่ยงก็ไม่ได้กินข้าว ไปออกกำลังกายเดี๋ยวก็วูบหรอก” กรองเกียรติพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงระหว่างที่กำลังนั่งรถโดยสารภายในจากฝั่งโรงพยาบาลไปฝั่งมหาวิทยาลัย


“ถ้ากินแล้วไปเล่นก็จุกกันพอดีดิวะ กูยังไหวหน่าไม่ต้องห่วง”


กรองเกียรติตั้งท่าจะแย้งอีกครั้งแต่ถูกเจ้าตัวเบรกเสียก่อน “กูรักตัวเองหน่ามึงก็รู้ กูไม่ปล่อยปะละเลยตัวเองหรอก ถ้าไม่ไหวก็รับว่าไม่ไหว แต่ถ้ารู้สึกว่าไหวก็คือไหวจริง ๆ”


กรองเกียรติพยักหน้ารับ


“เออมึง พี่แรมเขาอยู่กลุ่มเดียวกับพี่โอ๊คเหรอวะ ทำไมกูไม่เคยเห็นเขาอยู่ด้วยกัน วันนี้ที่โรงอาหารก็ไม่ได้กินข้าวด้วยกันนี่หว่า”


“ไอ้ธันว์ มึงพูดอย่างกับว่าถ้าเขาสนิทกันจริงแล้วมึงจะรู้อย่างนั้นแหละ คนอย่างมึงเคย ‘เห็น’ สิ่งที่ไม่สนใจด้วยเหรอ”


เออว่ะ


“อย่างน้อยกูก็รู้นะว่าพี่แรมไม่เคยมาหาพี่โอ๊คที่ห้องอ่ะแต่วันนี้มานอนอยู่บนเตียงเฉย” นอนบนเตียงกันได้หมายความว่าต้องสนิทกันมากสิวะ


เมื่อกรองเกียรติไม่มีคำตอบที่ช่วยไขข้อสงสัยให้ ธันวาจึงเลิกคิดเรื่องนี้ไปเสียเลย





“ไงมึง ยังหลับในห้องเรียนอยู่อีกไหมวะ” ดีน หนุ่มหน้าตี๋แต่ดูฝรั่งจ๋าเพราะมีเชื้อแคนาดาอยู่ในตัวครึ่งหนึ่งคือเพื่อนสนิทจากคณะอักษรศาสตร์ เจ้าของซองผ้าเย็นที่ฟาดลงบนไหล่ธันวาพร้อมคำทักทายที่แสดงออกถึงการรู้จักกันเป็นอย่างดี


“ไม่ใช่แค่หลับ แต่ยังเล่นโทรศัพท์ด้วย” กรองเกียรติถือโอกาสฟ้อง สมัยมัธยมใคร ๆ ก็บอกว่าดีนเป็นพ่อของธันวา นอกจากจะดูแลเรื่องทุกอย่างให้แล้วยังคอยปกป้องดูแลเหมือนไข่ในหิน


“ก็คนมันหงุดหงิดนี่หว่า” พอพูดถึงเรื่องนี้หน้าของใครบางคนก็ผุดขึ้นมาให้เห็นอีกแล้ว หน้าดุ ๆ ตาดุ ๆ ของคนที่เป็นสาเหตุของความหงุดหงิดในวันนี้


“เป็นอะไร” ดีนถาม


“โดนรุ่นพี่กวนตีนอ่ะ ไม่มีไรหรอก”


“นี่อย่าบอกนะว่ามึงเจอพี่แรมในห้องน้ำ” เห็นอารมณ์ไม่ปกติตั้งแต่ตอนนั้นกรองเกียรติก็พอจะเดาได้ว่าเพื่อนไปเจอรุ่นพี่ตอนไหน


“เออดิ”


“มึงบอกว่าชื่ออะไรนะ” ดีนถามย้ำ


สองหนุ่มนักศึกษาแพทย์ตีหน้าฉงนก่อนที่กรองเกียรติจะเป็นคนตอบ “พี่แรม รุ่นพี่คณะกู”


“เขาวอแวมึงเหรอธันวา”


“กวนตีนละสิไม่ว่า” ธันวาหน้างอ ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งหงุดหงิดจึงรีบบอกปัดเพื่อนให้เลิกคุยถึงเรื่องนี้แล้วเริ่มเล่นบาสเกตบอลกันเสียที ไม่ทันสังเกตว่าเพื่อนต่างคณะกำลังติดใจอะไรกับชื่อที่ได้ยิน




เย็นวันนั้นกว่าจะได้แยกย้ายกันก็หลังจากเสร็จมื้อเย็นที่ร้านโปรดฝั่งมหาวิทยาลัยของทั้งสามคน เพียงแต่วันนี้มีเพื่อนใหม่ต่างคณะที่ร่วมเล่นบาสฯ ด้วยกันไปด้วย


ก่อนจากกันสองหนุ่มจากคณะแพทย์ไม่ลืมที่จะบอกเพื่อนรักว่าพวกตนอาจไม่ว่างมาเจอกันได้บ่อย ๆ อีกแล้วเพราะตารางเรียนที่แน่นขึ้นและมีสอบถี่ทุกเดือน


“กูหลับเป็นตายแน่ ๆ” ธันวาบ่นเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพักด้วยความเมื่อยล้า


“เออ หวังว่าพรุ่งนี้จะไม่มีควิซนะ กูไม่มีแรงอ่านแล้วเนี่ย”


“เออไป ๆ ไปนอนเว้ย” ธันวาตบบ่าเพื่อนส่งท้ายเพราะเดินถึงห้องตนก่อน กำลังจะบิดประตูเพื่อเปิดออกแต่สายตากลับสบเข้ากับรองเท้าแปลกหน้าคู่เดิมที่ยังคงจอดอยู่หน้าห้องตั้งแต่ก่อนเขาออกไป


“เหี้ย!” ฝ่ายเจ้าของห้องร้องเสียงหลงเพราะมีคนเปิดประตูออกมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัวจนเกือบจะชนกัน


“มึงเรียกกูแบบนี้สองครั้งแล้วนะ” เดือนแรมมองดุพูดเสียงเรียบนิ่งใส่คนที่รีบถอยห่างออกไปหลายก้าว ความน่ารักน่าเอ็นดูของผมจุกไม่สามารถบดบังแววตาดื้อรั้นของรุ่นน้องคนนี้ได้เลยสักนิด


“ขอโทษครับ ผมแค่อุทาน”


ธันวายืนรอเพื่อให้รุ่นพี่หน้าดุใส่รองเท้าให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไปก่อนที่ตนจะเป็นฝ่ายเข้าห้องบ้าง


“อย่าเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอนอีก” เสียงทุ้มต่ำพึมพำในลำคอ


“ห๊ะ!”


เดือนแรมหันกลับไปจ้องหน้าหนุ่มรุ่นน้อง “อย่าให้กูรู้นะว่ามึงถอดเสื้อผ้าในห้องนอนอีก”


คนถูกขู่นิ่งอึ้ง จนอีกฝ่ายเดินจากไปแล้วก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยินนัก “อะไรของพี่วะ” เพราะมัวแต่หงุดหงิดงุ่นง่านจึงไม่ทันมองว่าอีกฝ่ายเดินเข้าห้องไหนไป


...ไม่ทันรู้ว่าอยู่ใกล้กันมากมาหลายเดือนแล้ว








(โปรดติดตามต่อในพาร์ท ๒)
-------------------------------------------------------------------
#แรมเดือนสิบสอง

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้ยยยยย พี่แรม หวงน้องแต่ก็ปากเสียใส่น้องเน้อออ  :ling1:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
อ้ากกกกกกกก  :hao7: เปิดผ่านมา ว่าทำไมชื่อเรื่องมันคุ้นๆจังแฮะ
พี่แรมนี่มันคู่ปรับคุณดีนของน้องรณณ์นี่นา  :o8: :-[
จะบอกว่านิยาย "ห า กั น จ น เ จ อ" เป็นเรื่องที่เราประทับใจมากๆ เรื่องนึงเลยน๊า  :กอด1: :L2: ดีใจในที่สุดคนเขียนก็มีพาร์ทของคู่พี่แรมกะธันวามาให้อ่านแล้ว  :pighaun: จะรออ่านทุกวันเลยยยย  :katai2-1: :pig2:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
แรมเดือนสิบสอง
ก่อนคืนเดือนแรม

เม้นครับเม้น  :hao6:
นิยายของคุณธัญญ์ ...ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริมๆ  o13 :กอด1:
มาตอนแรก (บทนำ?) ก็สนุกน่าติดตามแล้ว  :katai2-1:
อ่านตอนแรกนี้ มั่นใจว่าคนเล่าเรื่องต้องเป็นพี่แรมสายแข็งแน่ๆ แต่อ่านลงมาเรื่อยๆ เหยยย ...นี่เจ้าธันว์เป็นคนเล่าเรื่องหรอกเหรอ  :katai1: พออ่านจบบทนี้ แอบคิดเลยว่าเพราะสองคนนี้มีนิสัยคล้ายๆกันรึปล่าวเลยคบกันได้ยืนยาว จนไปถึงเรื่อง "ห า กั น จ น เ จ อ"  :hao6:
แอบชอบความคิดธันว์ แบบที่เป็นคนที่ไม่พูดทุกอย่างที่คิดออกมา ไม่งั้นน่ะเหรอ คงฉะกะพี่แรมตั้งแต่แรกเจอกันแล้วแน่ๆ เหอๆๆ  :pighaun: :m20:
ชอบความร้ายๆของพีแรมอ่ะ มันดูมีเสน่ห์ดี  :man1:
และเดาว่า พี่แรมต้องแอบชอบธันว์อยู่ก่อนแล้วแน่ๆ แต่เพิ่งมาแสดงตัวไรงี้ป่ะ  :hao3:
ส่วนอีกเรื่องที่อยากรู้ ข่าวว่าที่ลือไปทั่วว่าธันว์เคยคบผช. นี่อะไรยังไง  :ruready คุณธัญญ์อย่าลืมมาเฉลยน๊า  :hao5:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
แรมเดือนสิบสอง
แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒
(๑)
เม้นบทที่1นะครับ  :katai3:
ทำไมใครๆชอบแกล้งธันว์  :ling3: แกล้งให้กินของไม่อร่อยนี่น่าสงสารง่ะ แล้วยังไงเห็นไหมสรุปเลยไม่ได้กินต่อเลย  :ling2:
และแล้วพี่แรมก็ตามติดธันว์แทบจะเป็นเงาตามตัว เมื่อก่อนแอบชอบอยู่ห่างๆ เหมือนตอนนี้จะรู้ตัวว่าอยู่เฉยไม่ได้แล้ว เลยต้องรีบทำคะแนนรึปล่าวน้อ ต้องใช่แน่ๆ ฮะๆๆ  :z2:
ชอบประโยคนี้ของพี่แรม "แต่ถ้าเป็นเจ้าของเมื่อไหร่...มึงห้ามหลอก" มีความแอบบอกความนัย เหอๆ  :hao3:
"อย่าให้กูรู้นะว่ามึงถอดเสื้อผ้าในห้องนอนอีก" แถมยังมีความหึงและหวง ฮะๆๆ  :o8:
อ๊ากกก คุณดีนของเลาาปรากฏตัวแล้ว  :-[ มาเป็นแขกรับเชิญใช่มั้ย แต่น่าจะมีบทบาทแน่นอน ว่าแต่ทำไมถึงคุ้นหูชื่อพี่แรมอ่ะ อะไรยังไง
รอตอนต่อไปอยู่นะครับ  :katai4:
ขอบคุณครับ  :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
แรมเดือนสิบสอง

แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒
(๒)







“ไอ้ธันว์ ธันวาโว้ย!”


เหมือนวิญญาณถูกกระชากคือความรู้สึกในตอนที่ธันวาเด้งตัวตื่นจากที่นอนเพราะเสียงปลุกของอาร์ตเพื่อนร่วมห้องเดียวกัน


“จะสายแล้วไอ้สัด” อาร์ตในชุดนักศึกษาใส่เนคไทเรียบร้อยแล้วยืนอยู่ข้างเตียง คนถูกปลุกคว้าสมาร์ทโฟนมาดูเวลาแล้วอยากจะกร่นด่าอีกฝ่ายที่ปลุกช้าแต่ก็ไม่มีเวลาพอให้พิลี้พิไลสวมบทคนอกตัญญูมากนักเพราะอีกครึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลาเรียนแล้ว


ธันวากระโดดลงจากเตียงชั้นสองได้ก็ถอดเสื้อออกโยนทิ้งไว้บนเตียงจนเหลือเพียงบ็อกเซอร์ขาสั้นเหมือนทุกครั้ง คว้าผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์อาบน้ำได้ก็รีบแจ้นออกจากห้องก่อนจะต้องชะงักเท้าเบรกกะทันหันเพราะใครบางคนยืนขวางอยู่หน้าประตูห้อง ทันได้หยุดจ้องตาคมดุชั่ววินาทีก่อนใส่เกียร์หมาวิ่งไปทางห้องอาบน้ำรวมด้านขวามือสุดโดยไม่สนใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงต้องมองดุใส่ตนแบบนั้นตั้งแต่เจอหน้า


สิบนาทีคือเวลาที่ธันวาใช้ในการอาบน้ำแต่งตัวและอีกสิบนาทีคือการพาร่างตัวเองออกจากหอมานั่งอยู่ในห้องเรียนได้ในความเร็วที่ใกล้เคียงกับคำว่าวาร์ป


กรองเกียรติมองเพื่อนนั่งหอบแฮ่กด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม จะว่าสงสารก็สงสาร แต่สมน้ำหน้าคงมีมากกว่า โต ๆ กันแล้วยังตื่นสายก็ต้องรับผิดชอบตัวเองแบบนี้


“ขนมปังหน่อยไหม ยังพอมีเวลาเหลือ”


ธันวายิ้มแฉ่ง ดูก็รู้ว่ากรองเกียรติเพื่อนรักตั้งใจซื้อมาเตรียมไว้ให้ กำลังจะอ้าปากบอกรับน้ำใจอันงดงามแต่กลับถูกขัดด้วยแซนวิสชิ้นใหญ่ที่หล่นตุบลงบนโต๊ะเสียก่อน


“อ่ะ กูแวะไปดูมิลเลอร์มา เห็นวางอยู่ในกล่องมึง คงมีคนอยากให้มึงกินข้าวเช้าก่อนเข้าเรียน” รูมเมทผู้เมตตาปลุกธันวาให้ตื่นมาทันเข้าเรียนเช้านี้ได้พูดถึงกิจกรรมมิลเลอร์ที่ถูกจัดขึ้นตั้งแต่ก่อนรับน้องเมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อให้รุ่นพี่รุ่นน้องหรือเพื่อน ๆ ได้ส่งมอบกำลังใจให้แก่กันโดยการเอาขนมหรือโน้ตเล็ก ๆ ไปหย่อนใส่กล่องตามเลขรหัสและชั้นปี ซึ่งบางคนอาจฉวยโอกาสนี้ในการจีบกันได้เช่นกัน


“ใครให้วะ ไม่มีโน้ตเลยเหรอ” ธันวาถามด้วยความสงสัยทั้งที่มือแกะห่อออกเตรียมอ้าปากงับอาหารในมือแล้ว


“ไม่มีอะ” อาร์ตว่าแล้วเดินแยกไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนตัวเองที่ด้านหลัง แม้จะอยู่ร่วมห้องเดียวกันแต่พวกเขาก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ต่างคนต่างอยู่กับเพื่อนสนิทจากโรงเรียนเก่าที่ส่วนใหญ่แล้วยกโขยงกันมาเรียนที่เดียวกัน ธันวาเองก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น เพียงแต่เพื่อนที่สนิทด้วยมีเพียงกรองเกียรติเท่านั้น ส่วนตฤณเป็นเด็กต่างจังหวัด สนิทกันได้เพราะนั่งติดกันในวันมอบตัว


“ถ้าเขาใส่ยาพิษให้กินมึงคงตายไปแล้ว” กรองเกียรติว่าหน้านิ่งขณะที่เพื่อนกำลังเคี้ยวตุ้ย ๆ เต็มปาก “ของใครก็ไม่รู้กล้ากินได้ยังไง”


ธันวารีบเคี้ยวรีบกลืนลงคอก่อนโต้เถียง “กินเพื่ออยู่หน่า ขนาดคนให้กันต่อหน้ายังใส่ยาพิษได้เลย อย่ากลัวตายเลยเพื่อน”


กรองเกียรติส่ายหน้าระอา “ไม่ใช่เพราะมึงเชื่อคนง่ายรึไงถึงได้โดนทำร้ายอยู่ตลอด”


ธันวาชะงักการบดเคี้ยวของฟัน รู้สึกฝืดคอขึ้นมาเสียอย่างนั้น “มันใช่เรื่องเดียวกันเหรอวะ”


“กูแค่เตือน เผื่อช่วงนี้มีใครบางคนพยายามเข้าใกล้ มึงจะได้ระวังตัวไว้”


ธันวายิ้มอ่อน ซาบซึ้งในความห่วงใยที่กรองเกียรติมีให้เสมอ เพราะไม่ใช่แค่ดีนที่ดูแล แต่เพื่อนสนิททุกคนเป็นห่วงเขาและคอยดูแลมาโดยตลอด มีแต่ตนที่ดูแลตัวเองไม่เคยได้





ธันวารู้สึกดีใจที่วันนี้เป็นวันพุธ เพราะการมีตารางว่างในช่วงบ่ายนั้นเหมาะสมมากกับอาการง่วงงุนในวันนี้ ปกติเป็นคนง่วงบ่อยอยู่แล้ว ยิ่งวันนี้เด้งตัวตื่นขึ้นมาก็ยิ่งรู้สึกง่วง ถึงแม้ช่วงบ่ายต้องไปนั่งอ่านหนังสือในหอสมุดกับเพื่อนรักอย่างกรองเกียรติแต่ก็ยังพอของีบหลับได้สักหนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย


แต่ก่อนจะได้นอนอย่างสบายใจ ในท้ายคาบของช่วงเช้ามีการประชุมหารือกันถึงงาน Thanks ซึ่งเป็นงานที่น้องปีหนึ่งจัดขึ้นเพื่อขอบคุณพี่ทุกชั้นปี แต่ถึงอย่างนั้นปีสองอย่างพวกเขาก็ยังต้องมีการแสดงบนเวทีเช่นเดียวกัน หัวข้อที่กำลังถกเถียงกันอยู่ในตอนนี้จึงเป็นเรื่องของกลุ่มคนผู้เสียสละนั่นเอง


“เล่นดนตรีได้ไหม” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเสนอขึ้นมา


“เราว่าดีนะ เอนเตอร์เทนกำลังดี ไม่เยอะไม่น้อยไป เหมาะกับปีสอง” ประธานรุ่นซึ่งเป็นผู้หญิงรีบตอบรับ


“จริงด้วย ปีก่อนพี่ ๆ เขาแค่อัดคลิปเอง ปีนี้เราแสดงสดจะได้ดูลงทุนขึ้นมาหน่อย”


“ดี ต่อไปก็หาคนเล่น ใครเล่นดนตรีหรือฟอร์มวงได้บ้าง”


ธันวาและกรองเกียรติเผลอหันมองหน้ากัน ต่างคิดตรงกันว่ารอดูเพื่อนร่วมชั้นปีก่อนว่าจะมีใครอาสาทำไหม เพราะพวกเขาเองก็ไม่อยากเอาเวลาที่มีไปซ้อมดนตรีนัก


“เอ่อ...เราร้องเพลงได้นะ” หวานคือหนึ่งในเพื่อนผู้หญิงไม่กี่คนที่ธันวารู้จักเพราะเธอคือเพื่อนในกลุ่มกรอสส์เดียวกันหรือพูดง่าย ๆ ว่าถูกจับกลุ่มให้ศึกษาและดูแลรับผิดชอบอาจารย์ใหญ่ร่างเดียวกัน


หลายคนเริ่มออกตัวว่าเล่นเครื่องดนตรีกันได้และพร้อมจะฟอร์มวงกับสาวเจ้าจนธันวาคิดว่าช่างเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้เมื่อตำแหน่งที่เหลือคือเบส ตำแหน่งเดียวกับที่เขาเคยเล่นสมัยมัธยมและไม่ใช่ตำแหน่งที่คนส่วนใหญ่เล่นเป็นเสียด้วย


“เราพอจะเล่นเบสได้” ธันวาเสนอตัว


“ถ้าเพื่อนไม่คิดว่าตำแหน่งคีย์บอร์ดจะทำให้วงรกเกินไป เราก็อยากจะร่วมด้วย” กรองเกียรติเสนอตัวด้วยอีกคนจนธันวาหันมอง ไม่เข้าใจว่าเพื่อนจะหาเรื่องให้ยุ่งยิ่งกว่าเดิมทำไมในเมื่อตำแหน่งที่วงขาดมีเพียงแค่เขา เพราะเดิมทีที่เล่นด้วยกัน เพื่อนเขาคนนี้เล่นตำแหน่งกลองเป็นหลักเสียด้วยซ้ำ


“มึงน่าจะเอาเวลาไปอ่านหนังสือ” ธันวากระซิบบ่นในตอนที่เดินออกจากห้องบรรยายหลังประชุมกันเสร็จแล้ว


“เอาหน่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว หาอะไรทำให้สนุกกว่าอ่านหนังสือหน่อยเถอะ”


“ระวังจะสนุกจนคะแนนตกนะเพื่อน”


“มึงคิดว่าคนอื่น ๆ จะซ้อมกันจนไม่ได้อ่านหนังสือรึไงวะ ยังไงพวกนั้นก็ต้องห่วงเรื่องสอบมากกว่าอยู่แล้วป่ะไอ้ธันว์ ไม่มีใครอยากสอบตกแม้แต่บล็อกเดียวหรอก”


...โง่


ไม่รู้ทำไมธันวาถึงคิดถึงคำนี้ขึ้นมาอีกแล้ว ถ้ากรองเกียรติงับปากไม่ทันเขาก็คงถูกด่าด้วยคำนี้แน่ ๆ


ชั้นสามของหอสมุดคณะแพทย์แบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ ๆ ห้องกระจกสำหรับติวเป็นกลุ่มที่มีอุปกรณ์เหมาะกับกิจกรรมอย่างครบครันกับอีกโซนที่เป็นโต๊ะอ่านหนังสือตัวใหญ่มีฉากกั้นออกเป็นสี่ส่วนเท่า ๆ กัน ซึ่งธันวาคิดว่ามันเหมาะแก่การหลบงีบของตนมากทีเดียว


สองหนุ่มเหมาโต๊ะหนึ่งตัว เผื่อตฤณที่อาจจะตามมาอ่านด้วยกันในช่วงเย็นเพราะขอกลับไปนอนที่หอก่อน ใจจริงธันวาก็อยากจะทำอย่างนั้นบ้างแต่ก็กลัวจะโดนกรองเกียรติสวมวิญญาณพ่อดุเข้าให้อีก


ธันวาเลือกนั่งริมในสุด ตรงหน้าของโต๊ะเดียวกันยังว่างเพราะกรองเกียรติเลือกนั่งฝั่งตรงข้ามแต่เยื้องออกไปเพื่อความเป็นส่วนตัวในการอ่านหนังสือ ขณะที่โต๊ะตัวหน้าเหมือนจะมีคนจับจองไว้เพราะเห็นชีทเรียนวางอยู่กองพะเนิน อีกไม่นานคงมีคนมานั่งอยู่ตรงหน้าเขาเป็นแน่


ธันวาจัดการเอาตำรากายวิภาคที่หนาจนรองแทนหมอนนอนได้ไว้ตรงหน้าซ้อนด้วยชีทเรียนและสมุดจดอีกจำหนวนหนึ่งทำให้สูงพอที่จะบังสายตาคนตรงหน้าได้ในตอนที่เขาแอบหลับในหอสมุดแห่งนี้


หนึ่งชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก ธันวาตื่นขึ้นมาได้จากการปลุกของกรองเกียรติเพื่อนรักที่ปลุกได้ตรงเวลาแบบไม่ให้เกินไปแม้แต่วินาทีเดียว


ลุกออกจากโต๊ะไปล้างหน้าล้างตากลับมาได้ก็นั่งตั้งใจฟังเลคเชอร์ที่อัดเสียงมาจากในคาบเรียน ดูประกอบไปกับเอกสารที่อาจารย์แจกในคาบพร้อมกับทำสรุปย่อลงไปในสมุดของตนเอง เสียงที่อัดมาหนึ่งไฟล์ยาวถึงสามชั่วโมง ธันวาฟังไปได้หนึ่งชั่วโมงก็หาวหวอดรู้สึกง่วงขึ้นมาอีกครั้งจนต้องบิดขี้เกียจ ในตอนที่ละสายตาจากเอกสารนั่นเองที่ทำให้เขาได้สังเกตคนที่นั่งอยู่โต๊ะตัวหน้าและนั่งฝั่งตรงข้ามเขาได้เป็นครั้งแรก


...และบังเอิญว่าอีกฝ่ายก็มองมาทางนี้ด้วยเช่นกัน


ธันวาจ้องมองตอบอย่างไม่ลดละ แม้จะอ่านสายตาคู่นั้นของเดือนแรมไม่ออกแต่ก็ยังไม่อยากยอมแพ้ให้เสียหน้า มองอยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ไม่มีใครยอมละสายตาไปก่อนหรือแม้แต่เอ่ยทักขึ้นมาเลยสักนิด จนกระทั่งเพื่อนร่วมโต๊ะของธันวาไถลตัวมาบังใครอีกคนไว้พร้อมหน้าจอโทรศัพท์ที่ชูขึ้นให้เห็นรายชื่อของคนที่อยู่ในสาย ธันวาถึงได้ละสายตามาสนใจมันแทน


ปลายสายตั้งใจโทรหาเขาไม่ผิดแน่ แต่เพราะเขาเปิดโหมดแอร์เพลน ทุกการติดต่อจึงไม่ได้รับการสนใจจากเขา ธันวาส่งสัญญาณว่าตนจะโทรกลับไปหาปลายสายเอง ให้กรองเกียรติวางสายได้เลย


ธันวาเดินออกไปโทรศัพท์ข้างนอกจนพ้นเขตที่ต้องการความเงียบแล้วค่อยกดโทรออก


“สวัสดีครับลุงภาส”


[ลุงติดต่อลูกไม่ได้เลย รู้ไหมว่าเป็นห่วงมาก] น้ำเสียงร้อนรนของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องโกหก ธันวารู้ว่าถ้ากรองเกียรติไม่รับสายอีกคนหนึ่ง คนปลายทางคงได้บุกมาตามหาถึงที่นี่แน่


“ผมอ่านหนังสืออยู่ครับ เลยปิดการรบกวน”


[อ้อ ลุงแค่จะโทรมาบอกว่าวันศุกร์นี้กลับมานอนบ้านนะ ไปทานข้าวกับลุง]


“เอ่อ...”


“เถอะนะธันว์ ลุงคิดถึงนะ ธันว์ไม่กลับบ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว” ธันวาไม่อยากใจร้ายกับผู้มีพระคุณ ตั้งแต่พ่อเสียไปก็ได้ลุงประภาสช่วยดูแลตนกับแม่ จนกระทั่งแม่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุไปอีกคน เขาในวัยที่เพิ่งเปลี่ยนจากเด็กชายมาเป็นนายก็ได้มีชีวิตที่ดีเพราะลุงประภาสรักและดูแลเหมือนลูกคนหนึ่งเสมอมา


...เพียงแต่ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้น


[ชวนเจ้าเก่งมาด้วยก็ได้นะ นะลูก]


“ครับ” ธันวาจำต้องตอบรับอย่างเสียไม่ได้


“เย็นวันศุกร์ลุงไปรับนะ”




ธันวาเดินกลับมาหาเพื่อนรักด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก


“ไง โดนอ้อนให้กลับบ้านล่ะสิ”


ธันวายิ้มขื่นเมื่อเพื่อนทายถูก “ไปกับกูไหม ศุกร์นี้ลุงภาสชวนไปกินข้าวด้วย” ที่ชวนเพราะรู้ดีว่าเพื่อนรักไม่กลับบ้าน พ่อแม่ของกรองเกียรติจะเป็นฝ่ายมาหาเองในเย็นวันอาทิตย์เสียมากกว่า


“มึงไปเถอะ...ไม่เอาหน่า อย่าทำหน้าอย่างนั้น ลุงเขาคิดถึงมึงนะ ไม่สงสารเขารึไง”


“เออ ๆ เปลี่ยนใจจะไปด้วยก็บอกละกัน”


ตกลงกับเพื่อนเสร็จแล้วธันวาก็ไถลตัวกลับมาที่เดิม มองคนตรงข้ามที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสือแล้วอดไม่ได้ที่จะเบะปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ให้ก่อนจะให้ความสนใจกับกองชีทตรงหน้าตัวเองบ้าง




ก่อนกลับขึ้นห้องในตอนสองทุ่มหลังห้องสมุดปิดธันวายังมีใจแวะไปยังกล่องมิลเลอร์ของตัวเอง ตั้งใจจะเอาจดหมายขอบคุณผู้ใจดีสำหรับแซนวิสเมื่อเช้าไปหย่อนไว้เผื่อว่าใครคนนั้นจะมาเห็น แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นเขาเสียเองที่ได้รับโน้ตเล็ก ๆ ในกล่องมิลเลอร์นั่น


‘กูบอกว่าห้ามถอดเสื้อผ้าในห้องไง สมองทึบเหรอ!!’


อ่านจบแล้วถึงกับสะดุ้ง ไม่ต้องนั่งแกะลายมือหาคนเขียนให้เสียเวลาธันวาก็รู้ได้ว่าใครเป็นเจ้าของโน้ตแผ่นนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนที่อยู่ดี ๆ ก็สั่งห้ามเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเมื่อคืนก่อน และก็มีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ชอบย้ำถึงความโง่ของเขา


“บ้าไปแล้ว” ธันวาพึมพำด้วยความหงุดหงิดและไม่เข้าใจในการกระทำของอีกฝ่าย


“มีอะไรไอ้ธันว์”


“โดนก่อกวน อย่าสนใจเลย”


นอกจากจะไม่ทำตามแล้ว กรองเกียรติยังเอาแต่ยืนจ้องหน้าเพื่อนนิ่งเสียจนคนถูกจ้องทำตัวไม่ถูก “มองทำไมวะ”


“ช่วงนี้มีคนมาจีบมึงรึเปล่า”


“มีที่ไหนเล่า กูเพิ่งอกหักเพราะไม่มีสาวเอานะ มึงอย่าลืมดิ”


“แล้วผู้ชายอ่ะ”


“บ้าไปแล้ว!! ใครจะมาจีบกู”


“อย่าลืมว่าใคร ๆ เขาก็คิดว่ามึงเป็นเกย์ คณะเราก็เกย์ออกเยอะแยะ อาจจะมีคนชอบมึงก็ได้”


“คิดเยอะไปละห่า ไป ๆ ไปนอนนนนน” ธันวาใช้กายดันตัวเพื่อนให้เดินไปเพราะมือทั้งสองกำลังกอดกองหนังสือไว้แนบอก


ถ้ากรองเกียรติจะบอกว่าคนที่ก่อกวนเขาคือคนที่มาชอบเขาล่ะก็ไม่มีทางใช่แน่ เพราะรุ่นพี่ที่กรองเกียรติปลื้มหนักหนาอย่างเดือนแรมไม่ใช่เกย์แน่นอน!







สุดสัปดาห์ของใครหลายคนคือวันแห่งความสุขที่แท้จริง นักศึกษาแพทย์ปีสองและสามที่ยังมีอิสระในช่วงเสาร์อาทิตย์ต่างร่าเริงเกินหน้าเกินตารุ่นพี่ปีสูงที่พบเจอเป็นอย่างยิ่ง ตฤณเองก็กระปรี้กระเปร่าผิดจากตอนเรียนลิบลับ อีกฝ่ายวิ่งฉิวออกจากห้องเรียนไปตั้งแต่อาจารย์เดินออกจากห้องในคาบสุดท้ายพร้อมคำลาที่บอกว่าจะกลับไปนอนเล่นเกมที่บ้านให้หนำใจเสียหน่อย ขณะที่ธันวากลับเดินคอตกอยู่ข้างกรองเกียรติ วันศุกร์อื่น ๆ อาจจะสุขสันต์แต่ไม่ใช่วันนี้ วันที่เขาไม่อยากให้มาถึงมากที่สุดวันหนึ่ง


“ไปแปป ๆ แล้วขอกลับมานอนที่หอก็ได้นี่หว่า” กรองเกียรติออกความเห็น หน้าอีกฝ่ายมุ่ยตั้งแต่เช้า ดูไม่สดใสจนเขาเป็นห่วง แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้


“อือ ถ้าขอได้นะ” ทั้งคนถามและคนตอบต่างก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่ธันวาจะไม่ใจอ่อนต่อลูกอ้อนของลุงประภาส แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากพูดให้ดูเหมือนมีทางออกของความไม่สบายใจนี้อยู่บ้าง



เสียงกีตาร์โปร่งพร้อมเสียงร้องคลอกันอย่างสนุกสนานดึงดูดความสนใจของรุ่นน้องปีสองทุกคนที่กำลังย่างกรายเข้าโถงใต้หอพักนักศึกษาแพทย์ชายก่อนทันได้เห็นว่าที่มาของเสียงดังกล่าวมาจากกลุ่มรุ่นพี่ที่ขึ้นชื่อว่าโหดสุดในชั้นปีที่สามเพราะมีประธานชั้นปีอย่างเดือนแรมที่เคยฝากความโหดเอาไว้ในตอนรับน้องครั้งที่เพิ่งผ่านมานั่งร่วมวงอยู่ด้วย


ธันวาไม่อยากยอมรับนักหรอกว่ารุ่นพี่เดือนแรมเป็นผู้ชายที่โคตรเท่ การแสดงภาวะความเป็นผู้นำได้อย่างน่าเกรงขามในงานรับน้องยังคงเป็นภาพที่ประทับใจไม่รู้ลืม ตอนคุยกันครั้งแรกแล้วสอนให้แบบตัวต่อตัวก็เก่งเสียจนอยากปรบมือให้ ตอนมีสมาธินั่งอ่านหนังสือก็ดูฉลาดและเท่มากกว่าครั้งไหน ๆ แม้กระทั่งตอนนี้ที่แค่นั่งร้องเพลงไม่ได้เป็นคนเล่นกีตาร์หรือแม้แต่จับมันสักนิดก็ยังเท่เสียจนธันวาอยากพ่นคำหยาบออกมา เสียก็แต่อย่างเดียว...เรื่องที่ด่าเขาว่าโง่ในทุกครั้งที่เจอกันนั่น ทำให้มองอีกฝ่ายในแง่ดีต่อไปไม่ได้อีกเลยจริง ๆ


“เฮ้ยไอ้น้องธันว์ มาร้องเพลงด้วยกันสิวะ” โอ๊คตะโกนชวนมาแต่ไกลแต่ธันวากลับเลือกที่จะเดินเข้าไปใกล้ก่อนแล้วค่อยพูดตอบ “วันนี้จะกลับบ้าน ผมขอขึ้นไปเก็บของก่อนนะพี่”


“อ้าวเหรอวะ เออ ไปเก็บของก่อนไป...แล้วมึงกลับด้วยไหมไอ้น้องเก่ง”


“ไม่อ่ะพี่”


“ดี เก็บของแล้วลงมาร้องเพลงกับพวกพี่นะเว้ย”


กรองเกียรติรับปากก่อนเดินตีคู่กับธันวาเข้าโถงลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องพัก




‘เธอสวย…ทุกนาทีที่เคยสัมผัส’



ธันวาที่มีเป้ใบโตกับกรองเกียรติที่เปลี่ยนกางเกงสแล็คเป็นกางเกงขาสั้นเดินลงมาสมทบในตอนที่รุ่นพี่กำลังร้องเพลงจีบสาว ๆ ที่พากันมาทำงานกลุ่มใต้หอชาย


“นั่งตรงนี้เลยเว้ยธันว์ นั่งข้างไอ้แรมมันอ่ะ” โอ๊คที่นั่งบนขอบโต๊ะทำหน้าที่เล่นกีตาร์บอกจัดแจงให้ธันวานั่งข้างเดือนแรมซึ่งนั่งอยู่ด้านซ้ายมือตน


ธันวาหันมองคนถูกพาดพิงแวบหนึ่งก่อนหันหนี “ให้ไอ้เก่งนั่งเถอะพี่ มันเป็นเอฟซีพี่แรม” กล่าวติดตลกแล้วก็ย้ายตัวเองไปนั่งฝั่งตรงข้ามที่ยังพอว่างอยู่บ้างโดยมีสายตาเดือนแรมมองตามตลอด


“รู้เธอมีเหตุผลอะไรสักอย่าง...ที่ทำให้เธอไม่คิดจะอยู่กับฉัน”


เดือนแรมตวัดตาดุมองเพื่อนที่พร้อมใจกันเปลี่ยนเพลงฉับพลันเพื่อล้อตน ขณะที่คนมาใหม่สองคนไม่รู้เรื่องอะไรด้วยก็เริ่มร้องคลอตามไปด้วย


จากร้องเพลงคลอกันเบา ๆ กลายเป็นแหกปากร้องเอาสนุกสนานจนเริ่มสร้างความรำคาญให้คนอื่นที่ใช้พื้นที่โถงใต้หอร่วมกัน นอกจากพวกเขาจะไม่เกรงใจแล้วยังส่งเสียงดังขึ้นอีกด้วย


“ไอ้ธันว์”


กรองเกียรติยื่นมือข้ามเดือนแรมไปสะกิดแขนเพื่อนสนิทให้มองไปตรงทางเดินข้างหน้า ผู้ชายร่างสูงชะลูดใบหน้าหล่อเหลาแบบพิมพ์นิยมแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาดูเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้ากำลังเดินตรงมาทางพวกเขา


“เอ่อพี่ ๆ ผมไปก่อนนะ พี่โอ๊ค ผมไปนะครับ หวัดดีครับ” นอกจากจะยกมือกระพุ่มไหว้รุ่นพี่ร่วมห้องแล้ว ธันวายังเผื่อแผ่ความเคารพนับถือนี้ไปยังรุ่นพี่ทุกคนด้วย ไม่เว้นแม้แต่เดือนแรม


นัยน์ตาคมที่ชอบมองดุอยู่ตลอดมองตามหลังรุ่นน้องสองคนไปด้วยความสงสัย ผู้ชายที่มารับเป็นใครทำไมเด็กสองคนนั้นถึงหน้าซีดราวกับเห็นผี แล้วเจ้าเก่งนั่นเล่า ปากบอกว่าไม่ได้กลับบ้านด้วย แต่ทำไมถึงเดินตามไปราวกับจะไปนอนค้างกับเพื่อนทั้งที่ตนมีแค่เสื้อผ้าชุดที่ใส่อยู่ติดตัวไปแค่นั้น






“พี่ป้องมาคนเดียวเหรอครับ” ธันวาถามพลางชะโงกมองข้างหลังด้วยหวังว่าญาติผู้ใหญ่ที่นัดตนไว้จะมาด้วย


“คุณพ่อนัดคุยกับลูกค้าข้างนอก เดี๋ยวท่านจะตามไปที่ร้านเลย” ปกป้องเบนสายตาไปมองเพื่อนสนิทของญาติผู้น้องก่อนถามอย่างเป็นกันเอง “นายล่ะ ไปทานข้าวด้วยกันไหม”


“ขอฝากท้องมื้อนี้ด้วยนะครับ” ธันวาหันมองเพื่อน ไหนมันบอกเสียงแข็งว่าอย่างไรก็ไม่ไปด้วยเด็ดขาด ทำไมตอนนี้ถึงตอบรับคำชวนโดยไม่เสียเวลาคิดสักนิด


“แล้วก็ขอนอนค้างกับธันว์ด้วยนะครับ พอดีพวกเราต้องติวหนังสือกัน พี่ก็รู้ว่าคณะพวกผมสอบกันถี่ขนาดไหน”


ได้ยินเพื่อนร่ายยาวออกมาแล้วก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากไปร่วมโต๊ะด้วยอย่างที่บอกไว้ เพียงแต่ที่เปลี่ยนใจกะทันหันแบบนี้เพราะอยากจะช่วยเขา


“นอนค้าง?...แล้วไปแค่นี้เหรอ” ปกป้องไล่สายตามองหนุ่มรุ่นน้อง ทั้งเนื้อทั้งตัวเห็นจะมีแค่เสื้อผ้าติดตัวชุดเดียว ข้าวของหรือหนังสือที่อ้างว่าจะติวกันก็ไม่เห็นมี


“ครับ หนังสืออยู่ที่ไอ้ธันว์แล้ว ส่วนเสื้อผ้าก็ยืมมันใส่ แค่คืนเดียวเองครับ เพราะพรุ่งนี้เราต้องรีบกลับมาทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ๆ ต่อ” คำว่าเราที่เน้นหนักทำให้ปกป้องต้องหันมองหน้าลูกพี่ลูกน้องอย่างต้องการคำตอบ


“ครับ ชีวิตปีสอง เรียนก็หนัก กิจกรรมก็ยังต้องทำ”


ปกป้องถอนหายใจอย่างหมดคำพูด “บอกพ่อพี่เอาเองละกัน”





บรรรยากาศในรถค่อนข้างอึดอัด หากกรองเกียรติไม่มีกรุ๊ปไลน์เพื่อนเก่าที่กำลังเคลื่อนไหวกันอยู่ เขาก็อาจจะนั่งเกร็งไปตลอดทาง



ทีมพระเอก : วันศุกร์แล้วเว้ยเพื่อน นัดๆๆๆๆ
DEAN : เออ เอาดิ ไอ้ธันว์ไอ้เก่งมาได้ใช่ป่ะวะ พรุ่งนี้พวกมึงหยุดไหม
นโม_ตัสสะ : สาสสสสส ห่วงแต่พวกหมอ ดูพวกกูด้วยยยยย
โอมเพี้ยง : แฝดน้องกูพูดถูก
เก่งก็คือเก่ง : กูไม่ว่างว่ะ ต้องไปเป็นองครักษ์พิทักษ์ธันวา
DEAN : เกิดอะไรขึ้นไอ้เก่ง
เก่งก็คือเก่ง : ไอ้พี่ป้องมารับกลับบ้าน
ทีมพระเอก : เชี่ยยยยยยยยยยยยย
นโม_ตัสสะ : เชี่ยยยยยย
โอมเพี้ยง : เชี่ยยยยย
DEAN : fuck !!











TBC.
----------------------------------------------------------------
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ ติชมกันได้จ้าา
#แรมเดือนสิบสอง

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
พี่ป้องคือแฟนเก่าธันหรออ หรือยังไง

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่แรมเกรี้ยวกราดเว่อออออ ด่าน้องตลอดดดด

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
เดี๋ยวมาอ่าน/เม้นตอนที่2ให้พี่แรมนะครับ  :really2:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
กล้าๆหน่อยพี่แรม แสดงตัวจีบน้องไปเลยจ้า

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
แรมเดือนสิบสอง
แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒
(๒)
เม้นบทที่2นะครับ  :katai3:
ธันว์น่าจะเอะใจได้แล้วม้างว่าทำไมช่วงนี้พี่แรมถึงเข้ามาอยู่ในระยะสายตาบ่อยจัง ตื่นสายแล้วมาเจอพี่แกยืนตาดุอยู่หน้าห้อง นี่ก็น่าจะฉุกคิดได้แล้วมั้ว่าเอ...หรือพี่มันจะอยู่ห้องใกล้ๆกันนี่เอง เอ...หรือพี่แกตาค้างที่เห็นผิวขาวๆของน้องเป็นครั้งที่2กันวะครับ ฮ่าๆๆ  :m20:
รู้ว่าน้องไปเรียนสายก็ยังจะมีแซนวิสชิ้นใหญ่ไปหย่อนไว้ในกล่องมิลเลอร์ให้ซะด้วย มุมนี้พี่แกนารักดีนะ  :o8: มีแอบเป็นห่วงงง แต่ธันว์แกจะกินของที่ใครไม่รู้ว่าหย่อนไว้ให้ง่ายๆก็ไม่ควรเน้อ เกิดเขาใส่ยาอะไรลงไปแกไม่ตายเหรอ  :a5:
แต่เรื่องงาน Thanks พี่ นี่คิดว่าพี่แรมต้องมีบทบาทหรือมีเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้คู่นี้ยิ่งแนบแน่นแน่นอน (เดา ฮ่าๆๆ) เดาว่าอาจจะมีเหตการณ์ให้พี่แรมร้อง ส่วนคนน้องเล่นเบส ตามความชอบของทั้งคู่ รึปล่าว?  :hao5:
ว่าแต่ลุงภาสนี่เป็นใคร ทำไมดูน่ากลัว ไม่ใช่ว่าเคยหรือคิดจะมีอะไรกับธันว์นะ  o22
แล้วพี่ป้องคนหล่อนี่จะมีบทบาทยังไงอ่ะ ทำไมดูไม่น่าไว้ใจทั้งพ่อ+ลูกเลย  :m16:
ตอนแรกก็เครียดแทนธันว์ที่จะต้องไปเจอลุงภาสคนเดียว พอเก่งเปลี่ยนใจไปด้วยค่อยโล่ง เฮ้อออออ
ตอนนี้พี่แรมออกน้อยอ่ะ ตอนหน้าขอเยอะๆนะครับคุณธัญญ์  :m26: รอตอนต่อไปครับ
ขอบคุณครับ  :pig4:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ดูมีความลับนะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
กับพี่ป้องนี่คือเกิดอะไรขึ้น ใช่ที่มาของข่าวที่ธันว์คบกับผู้ชายไหม

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
แรมเดือนสิบสอง

แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๒
(๑)






“กูกลับดีไหมวะ”


กรองเกียรติพูดขณะก้มดูการแต่งกายของตัวเองในตอนที่กำลังจะเดินตามปกป้องเข้าร้านอาหารบนชั้นยี่สิบสองของโรงแรมชื่อดังซึ่งจัดอยู่ในประเภทภัตตาคารหรูเลยทีเดียว


“กูกราบ อยู่กับกู ถ้ามึงอาย เราสลับชุดกันก็ได้” ธันวาคว้าแขนเพื่อนไว้อย่างอ้อนวอน


“กูไม่ได้อาย กูเขิน กู...ดูเหมือนคนไม่รู้กาลเทศะ”


ชุดของเพื่อนรักดูไม่เหมาะกับสถานที่จริงอย่างที่เจ้าตัวว่า เสื้อนักศึกษากับกางเกงสีเข้มขาสั้นแค่เข่ากับรองเท้าแตะที่แม้จะมีราคาอยู่บ้างแต่ก็ยังไม่เหมาะสมกับที่แห่งนี้อยู่ดีเพราะไม่ได้เตรียมตัวจะมาด้วยตั้งแต่แรก ขณะที่ธันวายังสวมชุดนักศึกษาเต็มตัวอยู่เหมือนเดิมซึ่งเป็นเหมือนชุดโกงความตายที่ดูสุภาพเหมาะสมกับทุกโอกาสไปเสียหมด


“มัวคุยอะไรกัน รีบตามเข้ามาสิ”


ธันวากระตุกแขนเพื่อนให้เดินตามเข้าไปตามที่ปกป้องหันมาเร่ง กรองเกียรติที่แม้จะประหม่าเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินเข้าไปแต่โดยดี


“ทำไมครั้งนี้นัดหรูจังวะ” ธันวาบ่นพึมพำกับเพื่อนสนิทที่ต่างก็มองไปทั่วร้านด้วยความตื่นเต้น นอกจากความหรูหราของบรรยากาศภายในร้านแล้ววิวเมืองแบบสามร้อยหกสิบองศาก็ชวนให้สองหนุ่มตื่นตาได้มากทีเดียว


คำตอบของข้อสงสัยถูกเฉลยเมื่อธันวาเห็นลุงประภาสนั่งคุยกับชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นลูกค้าที่ปกป้องพูดถึง


สามนักศึกษาหนุ่มถูกนำทางไปยังโซนโอเพ่นแอร์ซึ่งเป็นระเบียงชั้นที่ต่ำกว่าเล็กน้อยเพื่อให้ลูกค้าทั้งสองโซนได้ชมวิวเมืองที่สวยงามเหมือนกัน


“เรียนหนักเหรอธันว์ ตั้งแต่ขึ้นปีสองก็ไม่ได้กลับบ้านเลยนะ” ปกป้องถามญาติผู้น้องที่นั่งเยื้องตนเองเพราะเขารู้ว่าพ่อตัวเองต้องอยากนั่งตรงข้ามหลานรักแน่อยู่แล้ว “คุณพ่อพี่บ่นคิดถึงอยู่ทุกวัน”


ธันวายิ้มแห้ง “หนักมากครับ กิจกรรมก็เยอะ”


“เย้อะ เยอะครับ” กรองเกียรติสำทับด้วยการเน้นเสียงเพิ่มน้ำหนักของความเยอะโดยไม่สนใจสีหน้าของปกป้องที่เริ่มเรียบตึงขึ้นมาอย่างไม่ค่อยจะพอใจ


“จริง ๆ แล้วธันว์ย้ายกลับมานอนบ้านก็ได้นะ ไปเช้ากลับดึกยังไงก็ให้นายเล็กไปรับไปส่ง” ปกป้องหมายถึงลูกชายคนขับรถเก่าแก่ของพ่อ


“กลัวจะเหนื่อยเกินกว่าจะตื่นเช้ามาก ๆ และนอนดึกเกินไปน่ะสิครับ” ธันวาเลือกจะรักษาน้ำใจแทนการตัดรอนความหวังดีนั้น


สามหนุ่มไม่ทันได้พูดคุยอะไรมากหรือจะให้ถูกคือธันวาไม่ทันได้ถูกญาติผู้พี่ซักไซ้มากนักผู้ใหญ่หนึ่งเดียวของวันนี้ก็เดินเข้ามาสมทบเสียก่อน


“รอลุงนานไหมธันว์” คนมาใหม่ยกมือรับไหว้ทั้งธันวาและกรองเกียรติก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่เว้นว่างไว้ “โทษทีนะ ลูกค้าเขาเรื่องเยอะ” ประโยคหลังลุงประภาสป้องปากพูดเสียงเบาด้วยสีหน้าขบขันจนรู้สึกว่าท่านไม่ได้รู้สึกแย่กับสถานการณ์นั้นเลยสักนิด


“ไม่นานครับ วิวสวย ผมมองเพลินเลย”


“วันหลังลุงพามาอีกนะลูก ที่นี่อาหารเขาก็อร่อย รับรองว่าถูกปากธันว์แน่ ๆ”


“ผมชวนน้องกลับมาอยู่บ้านด้วยกันแล้วครับ จะออกเช้ากลับดึกก็ให้นายเล็กขับรถให้” ปกป้องเอ่ยแทรกเมื่อเห็นว่าคนเป็นพ่อเอาแต่พูดกับหลานรักไม่หยุด


“ไม่ต้องถึงนายเล็กหรอก จะเช้าจะดึกแค่ไหนลุงจะขับไปรับไปส่งเองนะลูก”


“เอ่อ…”


“บริษัทกับมหา’ลัยน้องไกลกันมากนะครับ ผมเกรงว่าพ่อจะไปทำงานสาย”


“เป็นเจ้าของบริษัทไม่ต้องไปตอกบัตรหรอกตาป้อง” ประภาสกล่าวติดตลกขณะที่ลูกชายหน้านิ่งไม่ได้รู้สึกขำด้วยเลยสักนิด


“เอ่อ...” ธันวาอ้ำอึ้ง หันมองหน้าเพื่อนเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจพูดสิ่งที่คิดออกไป “ผมอยู่หอพักก็สะดวกดีครับ คุณลุงไม่ต้องห่วง”


“ธันว์ก็รู้ว่าลุงคิดถึง อยากให้อยู่ด้วยกันมากกว่า” คนสูงวัยยังยืนกราน


ธันวายิ้มแห้ง และเชื่อว่ากรองเกียรติก็คงอยากจะแสดงออกแบบเดียวกันให้กับสถานการณ์ชวนอึดอัดนี้ เพื่อนสนิทของเขาถึงได้จิบน้ำแก้เก้ออย่างนั้น “ไว้ธันว์จะกลับมาเยี่ยมบ่อย ๆ นะครับ”


“สามสัปดาห์ต่อครั้งน่ะหรือ”


“จะพยายามให้ถี่กว่านั้นครับ”


“สัปดาห์ละสามวัน” คนเป็นลุงต่อรอง


“คุณพ่อครับ” ปกป้องที่นิ่งฟังอยู่นานแทรกขึ้นมา สีหน้าเหมือนจะสุดทนกับความดื้อรั้นของพ่อตัวเอง “น้องเรียนหนักกิจกรรมก็เยอะแถมยังมีสอบเกือบทุกสัปดาห์ คุณพ่อต้องเข้าใจน้องด้วยนะครับ”


“ถ้าอย่างนั้นให้ลุงไปหานะ ไปทานข้าวเย็นด้วยกันบ้าง”


ธันวากลืนน้ำลายหนืดลงคอ


“สัปดาห์ละครั้งก็ยังดี...นะ...นะลูก”


ธันวายิ้มแห้งก่อนจะตอบรับอย่างเสียไม่ได้


ปกป้องร้องเหอะในลำคอ ขัดใจกับความรั้นสุดชีวิตของพ่อตัวเองแล้วยังหงุดหงิดกับการตอบรับของธันวาอีกด้วย ทว่าไม่มีใครเห็นกิริยานั้นของเขา นอกเสียจากกรองเกียรติ


กรองเกียรติไม่เคยร่วมโต๊ะอาหารกับสองพ่อลูกคู่นี้มาก่อน เขาจึงไม่แน่ใจว่าบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอึดอัดที่อธิบายไม่ถูกนี้เกิดขึ้นทุกครั้งเลยหรือไม่ ไม่รู้ว่าธันวาเพื่อนรักจะรับรู้ได้แบบเดียวกันหรือเคยชินกับมันไปเสียแล้ว


“อันนี้ของโปรดธันว์ กินเยอะ ๆ นะลูก ผอมลงไปเยอะเลย”


“นี่ก็ของชอบ”


“จานนี้เมนูแนะนำของร้าน อร่อยนะ ธันว์ลองชิมดู”


และอีกสารพัดการเอาใจที่เรียกได้ว่าไม่มีอาหารจานไหนที่ธันวาไม่ได้ชิม ลุงประภาศตักให้เองกับมือทุกจานบนโต๊ะ ซึ่งช่วยไม่ได้ที่ คนที่ไม่มีใครคอยบริการอย่างเขาจะรับประทานเสร็จก่อนเพื่อนรักไปนานจนเหมือนตอนนี้ทั้งโต๊ะมีแค่สองคนลุงกับหลานที่ยังเพลิดเพลินกับมื้อค่ำกันอยู่


ระหว่างรอของหวานที่จะนำมาเสิร์ฟให้เขากับปกป้องก่อน นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สองก็ขอเสียมารยาทเล็กน้อยด้วยการกดดูการแจ้งเตือนของสมาร์ทโฟนที่สั่นครืดอยู่เกือบตลอดเวลา หลายข้อความมาจากเพื่อนร่วมคณะ แต่มีเพียงห้องแชทเดียวเท่านั้นที่กรองเกียรติกดเข้าไปอ่าน
นั่นคือ ‘กรุ๊ปอนาคตของชาติ’



DEAN : รายงานสถานการณ์ด้วยไอ้เก่ง @เก่งก็คือเก่ง
ทีมพระเอก : อย่าช้าเว้ย พวกกูลุ้นจนตัวโก่งแล้ว
นโม_ตัสสะ : ไอ้พวกรอเสือก
โอมเพี้ยง : มึงไม่อยากรู้เลยสินะ กินข้าวไปจ้องโทรศัพท์ไปจนแม่ด่าหลายรอบแล้วเนี่ย
นโม_ตัสสะ : มึงมันคนไม่ห่วงเพื่อน
โอมเพี้ยง : กูแค่รู้กาลเทศะเว้ย
DEAN : อยากออกจากกลุ่มก่อนไหม?



เขาหลุดขำพรืดออกมาจนทั้งสามคนที่ร่วมโต๊ะอยู่ด้วยหันมามอง เด็กหนุ่มเอ่ยขอโทษผู้ใหญ่ก่อนหันมาให้คำตอบกับเพื่อนรักที่มองมาด้วยความสงสัยด้วยการชูหน้าจอให้อีกฝ่ายดู


ธันวาอ่านแล้วส่ายหน้าระอา เข้าใจว่ากรองเกียรติคงขำที่ดีนรำคาญคู่แฝดที่มาชวนทะเลาะกันในกลุ่ม เพราะตนเองก็เคยเป็นอยู่หลายครั้ง แต่เพราะประเด็นที่เพื่อนกำลังสนใจคือเรื่องของตนเอง เขาจึงไม่ได้ขำออกหน้าออกตาเท่ากรองเกียรตินัก


เขาเข้าใจดีว่าเพื่อนเป็นห่วง ถึงได้ยอมให้กรองเกียรติกดพิมพ์ยิก ๆ เพื่อรายงานสถานการณ์อย่างที่เพื่อนในกลุ่มต้องการ


เก่งก็คือเก่ง : ลีฟกรุ๊ปออกไปซะ!!
นโม_ตัสสะ : ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะมึง
นโม_ตัสสะ : เล่ามาเดี๋ยวนี้
เก่งก็คือเก่ง : สถานการณ์อึดอัดแปลก ๆ แต่กูก็พูดไม่ถูก คงต้องเรียนเชิญหมอผีทีมมาใช้จิตสัมผัส
ทีมพระเอก : ไอ้สัส
DEAN : อึดอัดยังไง
เก่งก็คือเก่ง : ไม่รู้จริง ๆ ว่ะ มันมาคุไปหมด ไอ้พี่ป้องท่าทางแปลก ๆ เหมือนจะไม่พอใจอะไรตลอดเวลา
โอมเพี้ยง : ช่างแม่งพี่มันก่อน แต่มันไม่ได้ทำอะไรไอ้ธันว์ใช่ไหมวะ
เก่งก็คือเก่ง : ไม่อ่ะ
DEAN : แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เก่งก็คือเก่ง : ลุงภาสกับพี่ป้องขอให้มันกลับไปนอนบ้าน แต่เพื่อนมึงปฏิเสธ สุดท้ายก็ยอมแพ้ลูกตื้อพบกันครึ่งทางคือต่อจากนี้ลุงภาสจะไปกินข้าวเย็นกับมันสัปดาห์ละครั้งและมันต้องกลับบ้านทุกสัปดาห์เหมือนกัน
DEAN : มันอึดอัดไหมวะ
เก่งก็คือเก่ง : จะเหลือเหรอ
ทีมพระเอก : กูว่าเราต้องผลัดกันไปหาไอ้ธันว์ให้ตรงกับวันที่ลุงมันมาหา ลำพังไอ้เก่งคงเป็นกาฝากติดสอยไปด้วยไม่ได้ทุกครั้งแน่
นโม_ตัสสะ : วางแผนเก่งงงงงง



กรองเกียรติอ่านแค่นั้นก็ต้องกดปิดหน้าจอเพราะของหวานถูกนำมาเสิร์ฟแล้วพร้อมกับที่สองคนลุงกับหลานรวบช้อนข้าวพอดี กว่ามื้อนั้นจะจบลงได้ก็ทำเอากรองเกียรติอึดอัดแทบแย่ และดูจากสีหน้าเพื่อนสนิทแล้วเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายก็ไม่ต่างกัน


มีปัญหาตั้งแต่บนโต๊ะอาหารยันการนั่งรถกลับบ้าน


คนพ่อจะให้หลานรักไปนั่งด้วย ขณะที่คนลูกก็ยื้อญาติผู้น้องไว้กับตัวแล้วผลักไสคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างกรองเกียรติไปนั่งด้วยแทน เถียงกันไปต่าง ๆ นานาจนสุดท้ายคนนอกอย่างกรองเกียรติก็เป็นคนตัดสินให้คือทั้งธันวาและตนเองจะกลับบ้านด้วยรถของลุงประภาส


“เห้อ” กรองเกียรติลากเสียงถอนหายใจยาวทันทีที่ล้มตัวลงนอนบนเตียงธันวาทั้งที่มือยังกดสมาร์ทโฟนไม่หยุด


“ไปอาบน้ำไป จะได้มาติวหนังสือ”


คนที่นอนอยู่ผงกหัวขึ้นมามอง “พูดจริงป่ะเนี่ย”


“ก็มึงบอกพี่ป้องอย่างนั้นเองนี่ จำไม่ได้?”


“กูโกหกไหมล่ะ” กรองเกียรติล้มตัวลงนอนดังเดิม บ่นพึมพำว่าอุตส่าห์ช่วยแท้ ๆ ก่อนจะเด้งตัวขึ้นนั่งเฉียบพลันจนเจ้าของห้องตกใจ “เชี่ยยยย”


“อะไรของมึง”


“พี่แรมแม่งไอดอลกูจริง ๆ ว่ะ คนอะไรวะโพสสเตตัสแค่คำเดียวคนกดไลก์เป็นร้อยในห้านาที เม้นอีกสามสิบ”


ธันวาฟังแล้วส่ายหน้า รู้สึกตัวเองเข้าไม่ถึงลัทธิ ‘เดือนแรม’ อย่างที่เพื่อนสนิทเป็น


“มึงเข้าไปไลก์ดิ๊”


“กูไม่มีเฟซฯพี่เขา”


“เฮ้ย! ไม่มีได้ไงวะ นั่นประธานปีสามนะเว้ย”


“แล้วไงวะ ไม่เห็นจำเป็นต้องมีนี่หว่า”


“ก็เอาไว้ติดต่อเรื่องงานหรือสัพเพเหระตามประสารุ่นพี่รุ่นน้องไง”


“ไม่สนิท”


กรองเกียรติส่ายหน้าระอา “มึงนี่ชักจะเหมือนไอ้ดีนพ่อมึงเข้าไปทุกที ไม่รู้จักผูกมิตรเลยไอ้บ้านี่”


ธันวาฟังแล้วก็ส่ายหน้าเดินหนีหมายจะไปอาบน้ำก่อนแต่ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อได้ยินเพื่อนพูดบางอย่าง


“โง่มันแปลว่าไรวะ”


“หือ?...ก็แปลว่าโง่ไง” ธันวาตอบหน้าซื่อเพราะคิดว่าเพื่อนถามตนจริง ๆ


“ไม่ใช่สิวะ เนี่ย ๆ” เจ้าตัวไม่พูดเปล่าแต่ยังยื่นหน้าจอมาให้ธันวาดูอีกด้วย ไม่ต้องเสียเวลาหาให้นานเพราะกรองเกียรติได้เลื่อนสเตตัสดังกล่าวไว้บนสุดเพื่อง่ายต่อการสะดุดตาแล้ว


‘โง่’


คำเดียวสั้น ๆ กับยอดไลก์และคอมเมนท์มหาศาลจริงอย่างที่เจ้าของเครื่องนี้เล่า หัวคิ้วเข้มเคลื่อนเข้าหากัน เห็นสเตตัสนี้แล้วรู้สึกคันยุบยิบในใจอย่างบอกไม่ถูก


“แล้วไงวะ”


“โว๊ะ! เนี่ย ๆ กูเข้าไปส่องคอมเมนท์มา แต่ละคนก็เดากันไปคนละเรื่อง แต่พวกเพื่อน ๆ พี่แกนี่น่าเชื่อถือสุด แต่แม่งก็ไม่รู้ความหมายอยู่ดีว่ะ” กรองเกียรติขยี้หัวจนผมยุ่ง ทำราวกับนี่คือข้อสอบที่ถ้าหาคำตอบไม่ได้แล้วจะสอบตกอย่างไรอย่างนั้น


“เรื่องเรียนเคยจริงจังเท่านี้ไหม”


กรองเกียรติตวัดตาขึ้นมอง “ถามตัวเอง?”


“ไอ้ฟาย!!!” ธันวาปาหมอนอิงอัดหน้าเพื่อนก่อนรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพราะกลัวจะถูกเอาคืน




‘โง่’

แปลก...ทั้งที่เป็นแค่คำ ๆ เดียวที่ถูกโพสเป็นสเตตัส สื่อความหมายในทางอื่นได้ตั้งมากมาย แต่ทำไมธันวาถึงอ่านแล้วรู้สึกเหมือนกำลังถูกเรียกด้วยเสียงทุ้มดุของอีกฝ่าย


เด็กหนุ่มส่ายหน้าไล่ความคิดที่ช่วงนี้ชักจะมีรุ่นพี่เดือนแรมอยู่ในนั้นมากเกินไปแล้ว


ธันวารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนอาบน้ำนาน แต่ก็ไม่คิดว่าผ่านมาเกือบสิบนาทีแล้วแต่กรองเกียรติก็ยังคงหมกมุ่นอยู่กับการถอดรหัสสเตตัสของเดือนแรม


“ชื่อคน!”


“ห๊ะ! อะไรของมึงไอ้เก่ง” มือที่จับผ้าเช็ดตัวซับผมอยู่หยุดชะงัก


“โง่ต้องเป็นชื่อคน” ธันวาถอนหายใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนรักถึงติดใจคำนั้นนักหนา


ว่าแต่...ใครมันจะชื่อโง่วะ


“ทำไมคิดงั้น”


“ไม่ใช่ดิ ต้องชื่อแทน พี่แรมต้องใช้คำว่าโง่เรียกใครสักคนแน่ ๆ” ดูเหมือนกรองเกียรติจะไม่ได้สนใจคำถามของธันวาเลย


“รู้แล้วจะได้อะไรวะ กูว่าบางทีมึงอาจจะคิดมากไป เขาอาจจะแค่อยากด่าตัวเองก็ได้”


“มึงโง่ป่ะ ถ้าหน้าอย่างพี่แรมเรียกโง่ คะแนนท็อปทุกบล็อกอนาโตมีปีที่แล้วคงไม่สูงจนเกือบเต็มหรอก นั่นน่ะยอดพีระมิดนะเว้ย”


“...”


“เดี๋ยวนะ…” ธันวาตาโต อยู่ ๆ ไอ้เพื่อนบ้าก็ชี้นิ้วมาที่เขาเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ “มึงโง่…”


“ไม่ต้องย้ำมากไอ้สัด”


“ไม่ ๆ ไม่ใช่โง่แบบนั้น แต่พี่แรมเคยเรียกมึงว่าโง่นี่ ใช่ไหม? กูเคยได้ยิน”


“เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว เลิกคิด ๆ ไปอาบน้ำ”


“กูว่าต้องใช่แน่ ๆ” กรองเกียรติสรุปได้แล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่คนเดียว “ว่าง ๆ มึงก็ลองไปส่องเฟซฯพี่เขาดูนะ อ่านคอมเมนท์สเตตัสนั้นด้วย เผื่อจะหายโง่” คนมาอาศัยนอนด้วยเน้นคำสุดท้ายจนหวิดโดนเตะให้ก้นช้ำหากไม่วิ่งหนีเข้าห้องน้ำเร็วพอ


“หายโง่บ้าอะไร!” ธันวากร่นด่าตามหลังเพื่อน ไม่ใช่ว่ามันคิดเองเออเองอยู่คนเดียวหรือ ทำมาเป็นรู้ดีราวกับนั่งอยู่ในใจรุ่นพี่เดือนแรม แน่จริงทักไปถามเลยสิว่าคำนั้นหมายถึงอะไรหรือใคร จะได้รู้กันไปเลยว่าใครกันแน่ที่ควรหายโง่เสียที!





เกือบลืมไปแล้วว่าเพื่อนเขาคนนี้อาบน้ำนานเพราะมัวแต่ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีจนเพลิดเพลินราวกับการอาบน้ำเป็นกิจกรรมสุดโปรดที่สุดในชีวิต ดังนั้นในตอนที่เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นธันวาจึงคิดว่ากรองเกียรติไม่น่าจะได้ยิน


คนที่ยืนอยู่หลังประตูคือญาติผู้พี่ ในมือเขามีจานใบเล็กใส่คุกกี้มาจำนวนหนึ่งที่น่าจะเพียงพอสำหรับผู้ชายสองคน “เห็นว่าจะติวหนังสือกัน พี่เลยเอาขนมมาให้ เผื่อหิว”


“ขอบคุณครับ” คนน้องรับจานคุกกี้มาถือไว้เอง


ปกป้องยืนจ้องหน้าน้องนิ่งก่อนจะยื่นมือไปลูบแก้มเนียนใสของอีกฝ่าย “ซูบไปเยอะเลยนะเรา กินเยอะ ๆ หน่อยสิ”


“อะ เอ่อ…” ธันวาเบี่ยงตัวหนีเล็กน้อย “คงเป็นเพราะนอนดึกมากกว่าครับ”


ปกป้องยิ้มเอ็นดู “แล้วนี่ใจคอจะยืนคุยกันตรงนี้เหรอ”


“เอ่อ...ไอ้เก่งกำลังจะออกมา เดี๋ยวเราก็จะอ่านหนังสือกันเลย คงไม่มีเวลาคุยเล่นกับพี่ป้อง ขอโทษด้วยนะครับ”


ปกป้องนิ่งเงียบ มองน้องชายอย่างวัดใจอีกครั้ง “โอเค งั้นพี่ไปนอนก่อน” คนพี่ยิ้มบาง ยื่นมือไปยีผมน้องจนอีกคนเผลอย่นคอหนีด้วยความตกใจ “ฝันดีนะ”


ก้นจานคุกกี้ไม่ทันถึงโต๊ะ ธันวาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งเสียก่อน ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่จากคนเดิม แต่เป็นลุงประภาสที่มาพร้อมนมอุ่นสองแก้วในมือ ธันวามองเลยไหล่คนเป็นลุงไปเห็นปกป้องยังยืนหันหลังกลับมามองอยู่ไม่ไกลนัก


“นมอุ่น ๆ ดื่มก่อนนอนจะได้หลับสบายนะลูก”


“ขอบคุณครับ” ธันวารับมาถือไว้แล้วยืนมองหน้าลุงนิ่งด้วยความสงสัยเพราะอีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าเขายิ้ม ๆ “เอ่อ...ลุงภาสมีอะไรอีกรึเปล่าครับ”


มือหนาสากตามวัยยื่นมาลูบผมคนเป็นหลานด้วยความเอ็นดู  นัยน์ตาคู่นั้นไม่โกหก ธันวารู้ว่ามันเต็มไปด้วยความรัก แต่บ่อยครั้งที่เขาไม่เข้าใจความหมายของมันและไม่แแน่ใจว่ามันจ้องมาที่เขาหรือมองทะลุไปถึงใครกันแน่ รวมถึงจุมพิตที่ประทับลงบนผมของเขาในตอนนี้ด้วย


“ฝันดีนะครับ”


“ครับ”




นานกว่าที่บอกปกป้องไว้มาก กว่าที่กรองเกียรติจะออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว คนมาขอนอนด้วยมองเจ้าของห้องที่นอนแผ่บนเตียงโดยมี Textbook กายวิภาคเล่มหนาวางอยู่ข้าง ๆ “เอาจริงดิ?”


“แล้วแต่มึงอ่ะ กูแค่หยิบมาเผื่อ”


กรองเกียรติรู้ว่าธันวาไม่ได้หยิบมาเผื่ออ่านเองแน่ ๆ แต่คงหยิบมาใช้เป็นข้ออ้างในการปลีกตัวจาก ‘บางคน’ มากกว่า


“แล้วนั่นอะไร” กรองเกียรติชี้นิ้วไปยังอาหารบนโต๊ะอ่านหนังสือของเพื่อนสนิท


“ลุงภาสกับพี่ป้องเอามาให้”


“อ่า...กินซะสิหลานรัก”


“ไอ้เหี้ย” ไม่ด่าอย่างเดียว ธันวายังส่งหมอนอิงไปจูบหน้ากรองเกียรติเต็ม ๆ อีกด้วย และยิ่งหงุดหงิดเมื่ออีกฝ่ายส่งเสียงหัวเราะกลับมาแทนที่จะเป็นคำด่า


“ของมึงด้วย ช่วยกูแดกเลย”


กรองเกียรติกอดหมอนอิงเดินเข้าไปคว้านมในส่วนของตัวเองมานั่งดื่มปลายเตียง เมื่อเพื่อนรักไม่ว่าอะไรที่ตนกินอาหารบนที่นอนจึงนั่งต่อด้วยความสบายใจ “แล้วนี่มึงตอบไลน์เพื่อนบ้างรึเปล่า พวกมันเป็นห่วงมึงมากนะ”


“พวกมึงก็เกินไป” ธันวาบ่นอุบ


“แหม แล้วใครวะที่รั้งกูไว้ไม่ให้หนีกลับก่อนอ่ะ” ได้ทีจึงปาหมอนอิงใส่เพื่อนกลับไปบ้าง “ไปตอบพวกมันด้วย”


“อือ” ธันวาครางรับเนือย ๆ ก่อนกดเข้าหน้าแชทกรุ๊ปอนาคตของชาติแล้วส่งสติ้กเกอร์ที่ดูร่าเริงที่สุดเท่าทีมีไปให้ ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็มีคนอ่านพร้อมข้อความที่เด้งพรึบพรับ


DEAN : กลบเกลื่อน
ทีมพระเอก : ช้าสัส
นโม_ตัสสะ : ขยายความด้วยเว้ย
โอมเพี้ยง : @นโม_ตัสสะ ปิดเสียงโทรศัพท์ไอ้สัส เดี๋ยวแม่ด่า
นโม_ตัสสะ : แล้วที่มึงปล่อยให้มันสั่นบนเตียงอ่ะ แม่จะไม่ตื่นมาด่าเลยดิ



“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”


กรองเกียรติสะดุ้ง หันมองเพื่อนที่หัวเราะร่วนแล้วกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง เขาให้มันส่งข้อความไปบอกเพื่อนที่รออยู่ มีเรื่องอะไรน่าขำอย่างนั้นหรือ


“เชี่ย ไอ้แฝดตลก กูเดาว่าเดี๋ยวไอ้ดีนต้องด่า”


ไม่ทันที่กรองเกียรติจะได้รับคำอธิบาย เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอีกครั้งจนเขาต้องรีบวางแก้วนมแล้วไปคว้าโทรศัพท์ตัวเองมาดูบ้าง


จริงอย่างที่ธันวาว่า ดีนกำลังด่าเพื่อนแฝดที่ใช้พื้นที่ในกรุ๊ปแชทเถียงกันอย่างน่ารำคาญอีกแล้ว ถ้าให้เดาคือวันนี้ฝาแฝดเองก็กลับบ้าน เพราะทุกครั้งที่เป็นอย่างนั้นแม่ของทั้งสองจะมานอนคั่นกลางลูกชายสองคนเสมอ


สุดท้ายคืนนั้นก็ไม่มีการติวหนังสืออย่างที่กล่าวอ้าง บทสนทนาในกลุ่มก็ไม่ได้เป็นเรื่องของธันวาอีกแล้ว มันกลายเป็นเรื่องสัพเพเหระที่ชวนให้สองหนุ่มที่นอนข้างกันหัวเราะขบขันกันไปจนหลับไปพร้อมกับการลืมปิดไฟ


….ลืมว่ายังมีนมอีกแก้วที่ยังไม่ได้ดื่ม


รวมถึงคุกกี้ในจานนั่นด้วย…

 



สองหนุ่มนักศึกษาแพทย์ตื่นตั้งแต่เช้ามานั่งงอแงที่โต๊ะอาหารขอกลับมหาวิทยาลัยหลังอาหารเช้าทันที ทำเอาคนเป็นลุงหน้าหงิกงอเพราะตั้งใจว่าจะชวนเล่นเกมกระดานกันเสียหน่อย


“ขอโทษที่ไม่ได้บอกตั้งแต่เมื่อวานครับ ผมลืมเอง” เพราะมัวแต่ยุ่ง ๆ และพูดคุยกันแต่เรื่องอื่น ธันวาจึงหาช่องทางที่จะพูดเรื่องนี้ไม่ได้


“ไม่น่ารีบกลับกันเลย” คนเป็นลุงซึ่งนั่งหัวโต๊ะว่าพลางเอนหลังพิงพนัก รู้สึกว่าอาหารเช้าวันนี้ไม่อร่อยเสียแล้ว ฝั่งขวามือเป็นลูกชายแต่เขากลับเอาแต่หันมาด้านซ้ายซึ่งมีธันวาและกรองเกียรตินั่งอยู่


“เพื่อนนัดทำงานครับ ไม่อยากให้รอกัน” ธันวาไม่ได้โกหก เพียงแต่ไม่ได้นัดกันวันนี้เท่านั้นเอง ซึ่งเขาเองก็รู้สึกผิดที่ทำตัวเหมือนคนอกตัญญู ที่หลุดออกจากอ้อมอกไปได้ก็ถอยห่างไม่ใยดี เพียงแต่ไม่อยากอยู่ที่นี่นานเพราะรู้สึกอึดอัดกับบางสิ่งบางอย่าง


“งั้นเดี๋ยวลุงไปส่ง”


“ผมไปส่งน้องให้เองครับพ่อ” ปกป้องเสนอตัว


“ไม่เป็นไร พ่ออยากไปส่ง”


สองหนุ่มนักศึกษาแพทย์ลอบกลืนน้ำลายอย่างอึดอัด สองพ่อลูกขัดแย้งเรื่องรับส่งพวกเขากันตั้งแต่เมื่อวานจวบจนวันนี้ แต่จนแล้วจนรอดลุงประภาสก็เป็นฝ่ายชนะและพาพวกเขาไปส่งถึงโซนหอพัก


กรองเกียรติยืนเคว้ง ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรในตอนที่ลุงประภาสวางมือบนผมธันวาแล้วลูบอยู่อย่างนั้นหลายนาที “ตั้งใจเรียนนะครับ แล้วอย่าลืมที่สัญญากันไว้”


ธันวายิ้มแห้งก่อนตอบรับแล้วบอกลา


“กูว่าพี่ป้องแปลก ๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างมากกว่าที่เราคิด” กรองเกียรติว่าด้วยสีหน้าครุ่นคิดในตอนที่เดินเข้าประตูหอพักนักศึกษาแพทย์ชาย


“อะไรวะ”


“ไม่รู้ว่ะ ถ้าอยากรู้ก็คงต้องเจอกันบ่อย ๆ ซะแล้ว”


“งั้นกูไม่อยากรู้”


คนเป็นลูกพี่ลูกน้องตัวจริงเดินหนีจนกรองเกียรติต้องรีบสาวเท้าตามไปให้ทัน





ธันวากำลังรู้สึกว่าการที่ตนกลับไปนอนบ้านหนึ่งคืนมันราวกับว่าเขาแค่เดินออกจากหอไปซื้อของที่ตลาดข้างโรงพยาบาลเพียงแค่สามสิบนาที เพราะทุกอย่างใต้หอชายยังเหมือนกับตอนจากไปไม่ผิดเพี้ยน เขาไม่ได้หมายถึงจำนวนหรือตำแหน่งโต๊ะเก้าอี้ แต่หมายถึงกลุ่มคนที่นั่งร้องเพลงดีดกีตาร์อยู่นั่นต่างหากที่ยังอยู่กันครบทุกคนและท่าทางเดิม เห็นจะต่างออกไปก็แค่เสื้อผ้าที่สวมใส่ที่เป็นคนละชุดกับเมื่อเย็นวันศุกร์เท่านั้นเอง


“อ้าวเห้ยไอ้น้องธันว์ กลับมาเร็วจังวะ” โอ๊คร้องทักหนุ่มรุ่นน้องร่วมห้องเสียงดังลั่นโถง พาให้เสียงดนตรีต้องลดระดับลงเหลือเพียงแค่เสียงคลอเบา ๆ


“กลับมาอ่านหนังสือครับพี่”


“ดี ๆ ขยัน”


“แล้วทำไมพวกพี่ตั้งวงกันแต่เช้าเลยอ่ะ”


“หาอะไรทำให้สมองรีแล็กซ์โว้ย จะได้อ่านหนังสือจำ”


“อ๋อ...ครับ” ธันวาพยักหน้าเข้าใจทั้งที่ไม่เข้าใจ ข้อกังขาคือทำแบบนี้จะจำเนื้อหาได้ดีขึ้นจริงหรือ เป็นเขาคงจำได้แต่เนื้อเพลงเสียมากกว่า แต่เอาเถอะ อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ คงจะทดลองมาเยอะและมันก็คงจะได้ผลดีจริงดังว่า


เดือนแรมมองตามหนุ่มรุ่นน้องที่เดินผ่านเข้าไปยืนตรงโถงลิฟต์แล้วโดยไร้การทักทาย เขาก็อดแค่นหัวเราะเยาะตัวเองออกมาไม่ได้ อย่าว่าแต่อีกฝ่ายจะทักทายกันเลย แค่มองหน้ากันสักนิดก็ไม่มี ทว่าสิ่งที่เขาไม่รู้คือหากธันวาไม่สังเกตเห็นเดือนแรมเป็นคนแรก อีกฝ่ายก็คงไม่รู้ว่าท่าทางทุกอย่างของพวกเขายังเหมือนเดิมยกเว้นเสื้อผ้าที่เปลี่ยนไป ทั้งที่วันนี้ยังมีสิ่งที่ต่างไปอีกมากอย่างเช่นว่าโอ๊คไม่ได้เล่นกีตาร์แต่ย้ายมานั่งข้างล่างเหมือนเขา






“เย็นพรุ่งนี้หลังซ้อมดนตรีเสร็จไปกินหมูกระทะกันมึง กูอยากกินเนื้อออออ” ธันวาเอ่ยชวนกรองเกียรติก่อนแยกย้ายกันเข้าห้องพักของตัวเอง เนื้อที่ว่าไม่ใช่เนื้อวัว แต่คือคำที่หมายรวมว่าเนื้อสัตว์ไม่ใช่พวกผักพวกหญ้า


“พ่อแม่กูมาหาว่ะ”


“เออว่ะกูลืม ไม่เป็นไร ๆ ไว้ไปกินกันวันหลัง” จะกินวันนี้เลยก็ไม่ได้ อาหารที่แม่บ้านจัดให้ตามคำสั่งของลุงประภาสมีอยู่เต็มสองมือ ถ้าไม่ได้กินก็เสียของแย่


“เห้ย อยากกินก็ต้องไปกินดิวะ ไปด้วยกันเนี่ยแหละ พ่อแม่กูก็คิดถึงมึง”


“มึงบ้าเหรอะ กูอยากกินหมูกระทะนะไม่ใช่ชาบู”


“เออหน่า พ่อแม่กูกินได้หน่า”


“ไม่เป็นไรหรอก ให้พวกท่านอยู่กับลูกชายสุดที่รักเถอะว่ะ เราไปกันวันอื่นก็ได้”


“เอางั้นเหรอวะ จะ pause ความอยากรอกูเหรอ”


“เออหน่า เดี๋ยวกูก็หาเนื้อนิด ๆ หน่อย ๆ กินก่อน ไว้ไปจัดหนักกับมึงทีหลังไง จะได้ชวนไอ้ตฤณกับไอ้ดีนไปด้วย”


“เออ ตามใจมึง”




สมาชิกห้องมีสี่คน โอ๊คเล่นดนตรีอยู่ใต้หอ อาร์ตกลับบ้าน ส่วนรุ่นพี่อีกคนที่ชื่อนันขาดการติดต่อตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ ธันวาจึงเดาว่าอีกฝ่ายก็น่าจะกลับบ้านเช่นกัน



ก่อนเริ่มอ่านหนังสือธันวาจัดการเคลียร์งานบ้านทั่วไปของตัวเองก่อน โดยเริ่มจากการนำเสื้อผ้าที่ใส่ตลอดทั้งสัปดาห์ลงไปใส่เครื่องซักผ้าใต้หอ ได้ยินเสียงร้องและเสียงกีตาร์ดังอยู่แว่ว ๆ ก่อนกลับขึ้นมาก็แวะดูกล่องมิลเลอร์ของตัวเอง แปลกใจเล็กน้อยที่วันหยุดแบบนี้ยังมีกระดาษโน้ตเล็ก ๆ อยู่ในนั้น



‘คิดถึง
เขียนแบบนี้ใช่ไหมวะ’




ธันวาร้องหืมทันทีที่อ่านจบ หัวคิ้วเคลื่อนเข้าหากัน นอกจากจะคุ้นลายมือว่าคล้ายกับโน้ตใบก่อนที่ได้รับแล้วก็ยังพอเดาได้อีกว่าน่าจะเป็นฝีมือใคร เพราะคงไม่มีใครอื่นอีกที่จะกวนประสาทเขาเล่นแบบนี้ นอกจากเดือนแรม


ธันวาถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย อยู่ดี ๆ มาถามว่าคำนี้เขียนแบบนี้หรือเปล่า แล้วเขาควรทำอย่างไร? เขียนตอบอย่างนั้นหรือ?


เด็กหนุ่มคว้าปากกาสาธารณะที่วางไว้ใกล้ ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กิจกรรมนี้มาบรรจงเขียนตอบกลับไปด้วยลายมือที่คิดว่าอ่านง่ายที่สุด





‘เขียนแบบนี้ครับ
กิ๊ดตึ๋ง’
















TBC.
-----------------------------------------------------------
เรื่องนี้พระเอกเราค่าตัวแพง แต่ตอนหน้าจะออกเยอะแบบมากๆแล้วค่ะ
#แรมเดือนสิบสอง

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่แรมจีบแบบน้องต้องร้องขอชีวิต  :ling1:
อิพี่ป้องกับลุงภาสนี่ยังไง มีลับลมคมใน

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
คิดถึง​    .....  รออยู่นะคะ5555

ออฟไลน์ uri uri

  • เป็ดกูรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
 o13 :katai5:

กิ๊ดตึ๋ง

ออฟไลน์ Tantalum

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตามมาจากเรื่อง หากันจนเจอ ค่าาาา กรี๊ดคู่นี้มาก มาต่อเร็วๆนะค้า ชอบๆ :mew1:

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
แรมเดือนสิบสอง

แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๒
(๒)









ห้องที่มีสมาชิกนอนอยู่ในห้องเพียงครึ่งหนึ่งของภาวะปกติทำเอาจิตนักศึกษาแพทย์ปีที่สองปรุงแต่งไปต่าง ๆ นานา มองไปทางซ้ายมือซึ่งเป็นเตียงของอาร์ตที่มีแต่ความว่างเปล่าและมืดสนิท เตียงใต้ตัวเองซึ่งเป็นของนันก็ว่างเช่นกัน มีเพียงแค่เตียงทะแยงกันของโอ๊คเท่านั้นที่ยังเปิดไฟหัวเตียงไว้เพราะเจ้าตัวยังจ้องหน้าจอสมาร์ทโฟนอยู่


“พี่โอ๊คครับ”


“ว่า?”


“พี่ไม่กลับบ้านช่วงสุดสัปดาห์บ้างเหรอครับ” ย้ายเข้าห้องนี้มาเกือบสองเดือนแล้ว แต่ธันวายังไม่เคยเห็นโอ๊คกลับบ้านสักครั้ง


“กลับไปไม่ได้อ่านหนังสือ เลยคิดว่านาน ๆ กลับทีดีกว่า อีกอย่างพ่อแม่ก็มาหาออกบ่อย”


“แล้ว...พี่กล้านอนคนเดียวในห้องนี้ได้ยังไงอ่ะ” ระดับเสียงลดลงจนคนเป็นรุ่นพี่ต้องละสายตาจากหน้าจอหันมามอง


“กูจะไม่กล้าก็ตอนที่มึงทักเนี่ยแหละไอ้น้องธันว์”


ธันวาหัวเราะแผ่ว “ขอโทษครับ” ในห้องมีสี่เตียง ถ้าให้เขานอนคนเดียวแล้วอีกสามเตียงว่าง จิตคงปรุงแต่งสารพัดจนขนลุกซู่แน่ ๆ


“ทำไม? มึงนอนคนเดียวไม่ได้เหรอวะ”


“ปกติก็นอนคนเดียวได้ครับ แต่ในห้องที่มีเตียงว่าง ยอมรับว่าป๊อดหน่อย ๆ”


“ไว้วันไหนกูกลับบ้านแล้วมึงต้องอยู่คนเดียวกูจะหาคนมานอนเป็นเพื่อนมึงแล้วกัน”


“เห้ยไม่ต้องพี่ ไม่เป็นไรครับ ผมนอนได้”


“เออหน่า ไม่ต้องเกรงใจ เพื่อนพี่มันมานอนได้อยู่แล้วแหละ มันเต็มใจ” โอ๊คยิ้มกว้างปิดท้าย


ธันวายิ้มแห้ง หลังจากนั้นก็ชวนรุ่นพี่ร่วมห้องคุยไปเรื่อยเพราะนอนไม่หลับ ตั้งแต่เรื่องการสอบกลางภาคที่กำลังจะถึงหลังงาน thanks รีวิวอาจารย์แต่ละท่านที่สอน ยันเรื่องอาหารร้านเด็ดแถวฝั่งโรงพยาบาล


“เออพี่ ข้างโรง’บาลมีร้านสเต๊กไหมครับ ผมขี้เกียจข้ามไปฝั่งมออ่ะ”


“มีดิ อยากกินเหรอ”


“ครับ ใจจริงอยากกินหมูกระทะมากกว่า แต่พรุ่งนี้ไอ้เก่งไม่ว่าง เลยว่าจะไปหาสเต๊กกินแก้หิวเนื้อก่อน”


นัยน์ตาจริงจังเปลี่ยนเป็นแพรวพราวฉับพลันเมื่อคิดบางอย่างได้ “พวกพี่จะไปกินสเต๊กกันพอดี ไปด้วยกันเลยไหมล่ะ”


“...”


“เนื้อไงเนื้อออออ” โอ๊คสำทับเมื่อเห็นรุ่นน้องทำหน้าลังเล


“เอ่อ พวกพี่ที่ว่านี่...มีใครบ้างเหรอครับ” อยากจะปฏิเสธอยู่เหมือนกันแต่คนอย่างธันวาเป็นประเภทตามใจปาก อยากกินอะไรต้องได้กิน


โอ๊คแค่ยิ้ม แต่ไม่ตอบ



กรุ๊ปไลน์ ‘บอยโดนแบน’ มีความเคลื่อนไหวในกลางดึกคืนนั้น



โอ๊คคึ : พวกมึงงงงง
โอ๊คคึ : พรุ่งนี้เย็นไปกินสเต๊กกันมึง
แรมโบ้ : กูไม่อยากกิน พวกมึงไปกันเถอะ
โอ๊คคึ : เอางั้นเหรอวะ พวกมึงที่เหลืออ่ะ
Knight : กูไป
Knight : ถ้าไปร้านหน้าม.กูไป
เด็กผู้ชายคนหนึ่ง : อยากไปส่องเด็กล่ะสิมึงน่ะ
โอ๊คคึ : เสียใจที่ต้องบอกว่าครั้งนี้ขอเป็นฝั่งโรงบาล
Knight : ขัดลาภกูนะมึง
Knight : ไปก็ไป สาว ๆ พยาบาลจิ้มลิ้มดี
โอ๊ค : โอเค ห้าโมงเจอกันใต้หอ
เด็กผู้ชายคนหนึ่ง : *สติกเกอร์หมีโอเค
โอ๊คคึ : เออ กูลืมบอก ไอ้น้องธันว์ไปด้วยนะเว้ย
แรมโบ้ : ฟัคเชี่ยโอ๊ค!!


โอ๊คยิ้มกริ่มใส่หน้าจอมือถือ ข้อความของเขาถูกส่งไปไม่กี่วินาทีเดือนแรมก็ตอบกลับทันทีทั้งที่พ้นประเด็นที่อยากจะคุยกันไปนานแล้ว



โอ๊คคึ : ว่าไงครับเพื่อนแรม มึงไม่ไปเพื่อนก็ไม่โกรธหรอกนะ ไม่ต้องห่วง พวกกูแมนพอ
แรมโบ้ : ไอ้สัส
แรมโบ้ : กูไปกินด้วย!
เด็กผู้ชายคนหนึ่ง : อ้าว ไหนบอกไม่อยากกิน พวกกูไม่งอนมึงหรอกหน่า ไม่บังคับ ๆ
แรมโบ้ : กูอยากไปกินกับน้อง พอใจไหม?
แรมโบ้ : ใครข้องใจตรงไหน ถาม!!
Knight : เคลียร์ชัดทุกประเด็นเลยครับผม







อีกสองสัปดาห์จะถึงงาน thanks และหลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สองและสามจะต้องสอบกลางภาค ช่วงนี้เวลาทุกนาทีจึงมีค่า เพราะไม่ใช่แค่รอสอบกลางภาค แต่การสอบย่อยที่เกิดขึ้นทุกวี่วันและทุกวิชาก็สำคัญไม่แพ้กัน คนที่ชอบหลับในห้องเรียนอย่างธันวาจึงต้องเร่งฟังเสียงที่บันทึกมาจากห้องเรียนแล้วทำสรุปย่อเป็นของตัวเองเพื่อให้ง่ายต่อการทบทวนในชั้นปีสูง ๆ ด้วย


“วิชาไหนอ่านเองไม่ทันก็จับกลุ่มกันติวสิวะ” โอ๊คแนะนำในตอนที่ตื่นนอนช่วงสายของวันแล้วเห็นรุ่นน้องร่วมห้องนั่งเคร่งเครียดกับตำราตั้งแต่เช้า


ธันวาถอดหูฟังออกก่อนหันไปหาคนพี่ “ตอนปีหนึ่งก็ทำแบบนั้นกันครับ แต่ถ้าตอนนี้จะทำ ผมว่าผมคงต้องมีความรู้ในหัวบ้าง” ธันวากล่าวติดตลก เสียงขำแหบแห้งนั่นชวนให้คนฟังเอ็นดูเสียเหลือเกิน


“งั้นก็ตั้งใจอ่านนะ” โอ๊คตบบ่าปุ ๆ ให้กำลังใจ ธันวายิ้มรับแล้วตั้งใจฟังเสียงบรรยายอีกครั้ง





“นี่อ่านหนังสือหรือหลับ”


“เห้ย!” ธันวาผงะสุดแรงด้วยความตกใจ ทั้งเสียงที่ทักทายในระยะใกล้และร่างกายสูงใหญ่ที่ค้ำยันระหว่างเก้าอี้กับโต๊ะจนเหมือนว่าตอนนี้เขาถูกอีกฝ่ายกักขังไว้ครึ่งหนึ่ง


“อะไรของพี่เนี่ย!”


“ไม่ตั้งใจเรียนในห้องแล้วยังมาหลับตอนทบทวนอีก มึงสอบตกแน่ ๆ” เดือนแรมยืดตัวตรง ปล่อยให้หนุ่มรุ่นน้องขยับตัวได้สบายขึ้น


“เรื่องของผมหน่า” ธันวามองหาคนที่อีกฝ่ายน่าจะมาหาแล้วก็ไม่เจอ “พี่โอ๊คไปไหน”


“กูจะรู้เหรอ”


“แล้วพี่เข้าห้องคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตได้ไงเนี่ย”


“ก็เจ้าของห้องหลับ ไม่ได้ยินเสียงเคาะของกู”


ธันวาหน้ามุ่ย หมดหนทางจะเถียงต่อ จึงออกแรงดันร่างหนา ๆ ของอีกฝ่ายให้พ้นทาง “ไปรอตรงโน้นเลยไป”


“มีชีทสรุปของรุ่นพี่บ้างรึเปล่า”


“ไม่มีครับ เคยได้ของพี่พิ้งค์มา แต่คิดว่าทำเองดีกว่าจะได้จำได้ด้วย” ธันวาหมายถึงพี่รหัสชั้นปีเดียวกับเดือนแรม อีกฝ่ายพยักหน้ารับก่อนเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก


ธันวากลับมาฟังเสียงที่อัดมาต่อได้ไม่ถึงสิบนาทีเดือนแรมก็กลับมาอีกครั้งพร้อมชีทปึกใหญ่ที่ถูกทำเป็นเล่มโดยการใส่สันห่วงกระดูกงู


“เอาไป ถ้าคิดว่ามีประโยชน์ก็เอาไปซีรอกซ์ซะ”


ธันวามองชีทเล่มหนาที่ถูกยัดใส่มือสลับกับหน้าเจ้าของอย่างงง ๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายพยักเพยิดให้ลองเปิดดูเขาถึงได้ทำการสำรวจมันอย่างรวดเร็ว


มันคือชีทสรุปทุกระบบในร่างกายที่เรียนชั้นปีที่สอง มีทั้งรูปกายวิภาคที่วาดเองทั้งหมดและฟังก์ชั่นการทำงาน เป็นสรุปย่อที่สะอาด เป็นระเบียบ ลายมืออ่านง่ายจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นลายมือผู้ชาย เมื่อหันไปดูสรุปย่อของตัวเองที่ชักไม่แน่ใจว่าในปีหรือสองปีข้างหน้าจะยังอ่านออกไหมแล้วก็รีบกอดมันไว้แนบอกราวกับกลัวว่าเจ้าของมันจะเปลี่ยนใจเอาคืน


เดือนแรมมองท่าทางหวงของจนน่าเอ็นดูที่มาพร้อมนัยน์ตาพราวระยับและรอยยิ้มพิมพ์ใจที่เจ้าตัวไม่เคยมอบให้เขาสักครั้งแล้วถึงกับใจเต้นระส่ำ ต้องเรียกสติกันอยู่หลายอึดใจกว่าจะส่งเสียงเข้มดุตามนิสัยออกไปได้ “ยิ้มอะไรนักหนา”


ธันวากระพริบตาปริบ ๆ ริมฝีปากค่อย ๆ หดลงมาจนปิดสนิท “ขอบคุณครับ แต่คงได้ซีรอกซ์พรุ่งนี้ วันนี้ร้านปิด”


“อืม”


“เดี๋ยวพี่” ธันวาเรียกรั้งไว้ เดือนแรมที่กำลังจะเดินออกจากห้องหันกลับมาเลิกคิ้วมองแทนคำถาม “พี่ได้ท็อปอนาโตมี่เพราะอ่านสรุปนี่น่ะเหรอ”


“กูตั้งใจเรียนในห้องด้วย”


ธันวาหน้าเจื่อน รู้สึกเหมือนถูกเสยหมัดเข้าเต็มคาง


“อยากได้ท็อปบ้างไหมล่ะ จะติวให้”


ธันวาส่ายหน้าวืด “ไม่ดีกว่าครับ เอาแค่พอผ่านก็พอ”


คนพี่ตีหน้ายุ่ง เดินกลับมาเขกมะเหงกลงบนหน้าผากน้องหนึ่งทีจนคนถูกประทุษร้ายแบบไม่ทันตั้งตัวร้องเสียงหลงออกมา “เป็นหมอจะสอบแค่พอผ่านได้ยังไง คนไข้เขาไม่ได้แค่อยากมีลมหายใจนะ เขาต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย แล้วนี่น่ะแค่พื้นฐาน ถ้ามึงไม่แม่นพื้นฐานก็เลิกคิดถึงตอนขึ้นชั้นคลินิกได้เลย ลาออกตั้งแต่ตอนนี้ง่ายกว่า”


ธันวาฟังแล้วกลืนน้ำลายหนืดอึกหนึ่ง รู้สึกผิดที่พูดแบบนั้นออกไปทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะหมายความอย่างนั้นเสียหน่อย แค่ไม่อยากรบกวนกันเท่านั้นเอง


“ครับ ผมจะทำให้เต็มที่”


“ดีมาก ไปอ่านให้เข้าใจ ถ้าอยากให้ติวให้ก็บอก”


“ผมชวนเพื่อนได้ใช่ไหมครับ”


“กูไม่ใช่คนใจแคบ แต่อย่าให้เยอะ กูดูแลได้ไม่ทั่วถึง ไว้พวกมึงไปสอนต่อกันเอง”


“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เดือนแรมได้ยินก่อนรีบเดินหนีออกจากห้องจนชนเพื่อนสนิทอย่างโอ๊คเข้าเพราะกลัวว่าถ้าอยู่นานกว่านั้นจะเผลอพุ่งเข้าไปกอดน้องด้วยความมันเขี้ยว


โอ๊คที่เพิ่งกลับมาจากอาบน้ำมองตามหลังเพื่อนด้วยความสงสัย แต่กลับยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นรุ่นน้องร่วมห้องเอาแต่มองชีทในมือด้วยแววตาเทิดทูนราวกับกำลังจะบูชามันเสียอย่างนั้น


“ไอ้แรมมาทำไมวะธันว์”


ธันวายิ้มกว้าง ชูชีทเล่มหนาในมือขึ้นอย่างอวด ๆ “เอาชีทสรุปมาให้ยืมครับ”


“อ้อเหรอ”


“จริง ๆ แล้วพี่แรมก็น่ารักเหมือนกันนะครับ”


“หะ ห๊ะ!”


“หมายถึงว่าเป็นรุ่นพี่ที่ดีน่ะครับ”


โอ๊คหลุดขำ “แล้วปกติมันไม่ดีเหรอ”


ธันวานิ่งคิดว่าจะนินทาเดือนแรมให้เพื่อนสนิทของฝ่ายนั้นฟังดีหรือไม่ก่อนจะยอมเอ่ยออกมาในที่สุด “ถ้าไม่ติดว่าชอบกวนประสาทก็จัดว่าดีอยู่นะครับ”


ได้ยินอย่างนั้นโอ๊คถึงกับหัวเราะลั่น เพื่อนเขาเป็นคนกวน ๆ เขารู้ดี แต่ที่กวนประสาทด้วยมากหน่อยเห็นจะมีแต่รุ่นน้องธันวาคนเดียวเท่านั้น “ลองศึกษามันดู จะได้รู้ว่ามันมีดีกว่าที่คิด”


ศึกษา?


ธันวาพยักหน้างง ๆ คิดเอาเองว่าอีกฝ่ายน่าจะหมายถึงการเปิดใจมองเดือนแรมอีกด้านหนึ่งเหมือนอย่างที่เหรียญย่อมมีสองด้าน ไม่ได้คิดถึงการ ‘ศึกษา’ ในแง่อื่นเลยสักนิด


ธันวาใช้เวลาสำรวจชีทสรุปที่เพิ่งได้มาอีกเล็กน้อย ในตอนนั้นเองที่เขาสังเกตเห็นรูปหัวใจที่ถูกวาดและระบายด้วยปากกาสีแดงตรงมุมบนขวาของปกหน้า แค่คิดว่ารุ่นพี่หน้าดุมีโมเม้นท์อินเลิฟตอนอ่านหนังสือเสียด้วย รอยยิ้มน้อย ๆ ก็จุดขึ้นบนใบหน้าโดยอัตโนมัติ






ก่อนออกไปซ้อมดนตรีที่ใต้หอพักชายในตึกถัดไปพร้อมเพื่อนร่วมรุ่นในช่วงบ่าย ธันวาแวะกล่องมิลเลอร์เพื่อเขียนโน้ตใบเล็ก ๆ ใจความมีเพียงคำว่าขอบคุณและอีโมติค่อนรูปยิ้ม ก่อนหย่อนลงในกล่องของเดือนแรม


ธันวานัดเจอกรองเกียรติใต้หอพักตัวเองก่อนพากันเดินไปพร้อมกัน เมื่อเล่าให้เพื่อนรักฟังถึงความดีงามของเดือนแรม กรองเกียรติก็ยิ่งเพ้อถึงไอดอลตัวเองแบบเข้าขั้นหนักจนธันวาถึงกับส่ายหน้าระอา


ธันวาเคยรู้ว่ามาก่อนว่าใต้หอชายตึกนี้มีห้องซ้อมดนตรีที่ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่สำหรับสมาชิกชมรมเสียมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นนักศึกษาคนอื่นในคณะแพทย์ฯ ก็สามารถใช้งานได้เหมือนกัน หวาน หญิงสาวหนึ่งเดียวของวงชั่วคราวในครั้งนี้ได้จองใช้ห้องไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยเธอบอกว่าจองไว้นานถึงสามชั่วโมง นับดูแล้วก็เสร็จประมาณห้าโมงเย็น ธันวาจึงส่งข้อความไปหาโอ๊คเพื่อนัดแนะเวลาสำหรับอาหารเย็นวันนี้


“เพื่อน ๆ ถนัดเล่นแนวไหนกันอ่ะ” หวานเป็นคนเริ่มเปิดประเด็นในตอนที่ทุกคนกำลังประจำที่เครื่องดนตรีของตัวเองและเช็คเสียงกันอยู่


“ส่วนใหญ่แล้วนักดนตรีก็เล่นได้หมดแหละ เราว่าเอาแนวที่หวานชอบร้องหรือถนัดดีกว่า จะได้เป็นธรรมชาติ” กรองเกียรติเสนอ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย


“ป็อปดีไหม เราไม่ถนัดร็อคอ่ะ”


“ก็ดีนะ ฟังสบาย ๆ ดี” ธันวาบอกพร้อมหันหน้าสบตาเพื่อนทุกคนคล้ายเป็นการขอความเห็นไปในตัว


เมื่อตกลงเรื่องแนวเพลงได้ก็ทำการเลือกเพลงที่จะเล่นด้วยกัน ใช้เวลาไม่นานก็ได้เพลงทั้งเก่าและใหม่มาถึงห้าเพลงด้วยกัน คำนวณเวลาคร่าว ๆ ประกอบกับการพูดคุยบนเวทีอีกก็ได้ตรงตามเวลาสามสิบนาทีที่กำหนดพอดี


ไม่บ่อยนักที่ธันวาจะได้เห็นเพื่อนสนิทเล่นตำแหน่งคีย์บอร์ด ปกติฟอร์มวงกันทีไรเจ้าตัวก็ตีแต่กลอง พอได้เห็นกรองเกียรติเล่นคีย์บอร์ดเต็ม ๆ เพลงแบบนี้ ยิ่งในตอนที่เล่นมือเดียวแล้วปล่อยให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวตามอารมณ์ของเพลงทำให้ธันวาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมทางสายตาว่า ‘โคตรเท่’ เมื่อจบเพลงก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปส่งไปอวดในกลุ่มอนาคตของชาติเสียหน่อยว่าวันนี้มีบุญตาได้เห็นกรองเกียรติในโหมดนี้อีกครั้ง


พวกเขาซ้อมดนตรีท่ามกลางแรงเชียร์ของสาว ๆ กลุ่มเดียวกับหวาน เจ้าตัวจึงไม่เคอะเขินนักที่อยู่ท่ามกลางชายหนุ่มแบบนี้


กว่าจะเลิกซ้อมก็ใช้เวลาเสียครบโควตาที่ขอจองห้อง ธันวาปลีกตัวออกมาอย่างรวดเร็วเพราะกลัวรุ่นพี่รอนาน โดยไม่ลืมฝากกรองเกียรติสวัสดีพ่อแม่ของเจ้าตัวด้วย





“พี่โอ๊ค”


เดือนแรมที่นั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนใต้หอมองไอ้เด็กรุ่นน้องยกมือโบกไปมาพร้อมร้องเรียกเพื่อนเขาเสียงดังมาตั้งแต่ทางเข้าหอแล้วขมวดคิ้วน้อย ๆ นึกอยากตำหนิว่าอีกฝ่ายจะรอให้เดินมาถึงที่ก่อนแล้วค่อยเรียกไม่ได้หรือ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องเปลืองน้ำลายพูดออกไป อีกฝ่ายก็ดูสงบนิ่งลดท่าทีกะโปโลเกินเหตุลงทันทีที่เห็นเขา


“ไปกันไอ้น้องธันว์”


“เอ่อ...ไปกันหมดนี่เลยเหรอครับ”


“เออ กูลืมแนะนำ นี่ไอ้แรม มึงคงรู้จักอยู่แล้ว ส่วนนี่ไอ้บอย” โอ๊คชี้นิ้วไปยังผู้ชายร่างเล็กที่สุดของกลุ่ม หน้าหวานอย่างกับผู้หญิง ใส่แว่นอย่างคนคงแก่เรียน แต่ธันวามองแล้วคิดว่าน่าจะเป็นเด็กติดเกมเสียมากกว่า “ส่วนนี่ไอ้ไนท์” เจ้าของชื่อเป็นหนุ่มหล่อ หน้าตาดีมาก มากจนธันวาเผลอคิดว่าคนแบบนี้ไม่สะดุดตาตนเลยได้อย่างไรตั้งปีกว่า ทั้งที่ส่วนสูงและความหนาของตัวก็พอ ๆ กับเดือนแรม แต่เขาก็ไม่ยักจะเคยพบเห็น ธันวาพยายามคิดไปตลอดทางว่าวันนั้นที่เจอเดือนแรมที่โรงอาหาร อีกฝ่ายไปกับใคร จะใช่หนึ่งในสองคนที่เพิ่งได้รู้จักหรือเปล่า จนแล้วจนรอดคนที่ไม่เคยสังเกตอะไรที่ไม่สนใจก็นึกไม่ออกอยู่ดี


“คิดอะไรอยู่ หน้ายับหมดแล้ว” เสียงทุ้มดุดังระยะใกล้ ธันวาจึงได้รู้ว่าตอนนี้ตนเดินทั้งท้ายอยู่กับเดือนแรมแค่สองคน


“เรื่องทั่วไปครับ...เอ้อ ให้ผมเลี้ยงพี่มื้อนี้เลยไหมครับ ที่ติดค้างกันไว้ครั้งนั้น” หนุ่มรุ่นน้องเอ่ยชวนแต่พอได้รับตาขวางจากคนข้าง ๆ ก็เริ่มทำตัวไม่ถูก ชักไม่แน่ใจว่าตนพูดอะไรผิดตรงไหน


“ไม่ใช่วันนี้”


คนชวนเกาหัวแกรก ๆ มองคนปฏิเสธเดินนำหน้าไปด้วยความไม่เข้าใจ จะปฏิเสธก็ไม่ว่าแต่ทำไมต้องมองกันแบบนั้นด้วย




โอ๊คคุยโวกับธันวาว่าร้านที่ตนพามาเป็นร้านดังที่สุดของย่านฝั่งโรงพยาบาลก่อนจะหน้าหงายเมื่อไนท์ขัดว่าเพราะตรงนี้มีแค่สเต๊กร้านเดียวเท่านั้น ทำเอารุ่นน้องคนเดียวในกลุ่มเริ่มไม่มั่นใจที่ตามมาด้วยเสียแล้ว


“อย่าทำหน้าอย่างนั้นไอ้น้อง ถึงจะมีร้านเดียวแต่ก็อร่อยสุด ๆ ไปเลยนะเว้ย” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังคล้องคอรุ่นน้องเดินนำเข้าไปในร้านโดยไม่สนใจสายตาไม่พอใจของเพื่อนสนิททางด้านหลังเลยสักนิด


“อ้าวธันว์!” เจ้าของชื่อหันมองก็พบหวานกับเพื่อนสาวกลุ่มเดียวกับที่ไปดูพวกเขาซ้อมดนตรีเมื่อไม่กี่นาทีมานี้เอง


สี่หนุ่มมองธันวาเดินเข้าไปหาโต๊ะที่มีหญิงสาวนั่งอยู่สี่คนก่อนจะยกมือรับไหว้อย่างงง ๆ แล้วเพิ่งกระจ่างแก่ใจว่าสี่สาวเป็นรุ่นน้องในคณะตนเช่นกันก็ตอนที่ธันวากลับมา


บอยและไนท์นั่งฝั่งเดียวกัน เดือนแรมอาสานั่งหัวโต๊ะเพื่อเว้นที่ว่างให้ธันวาได้นั่งข้างโอ๊ค คนที่อีกฝ่ายคุ้นเคยที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นฝั่งที่ติดกับเขาอยู่ดี


“จะกินอะไร” เดือนแรมถามเสียงเข้มขณะถือปากกาค้างรอจดแค่รายการของธันวาเป็นคนสุดท้าย


“เดี๋ยวผมเขียนเองครับ” ยื่นมือไปรับด้วยความเกรงใจในฐานะที่ตนเป็นน้องเล็กสุดก็อยากจะบริการพี่ ๆ มากกว่า แต่เดือนแรมกลับรีบปฏิเสธแล้วเร่งให้เขาเลือกเมนูเสียที


“เอาเซตคอมโบสเต๊กไก่พริกไทยดำกับปลาทอดครับ”


“โหไอ้น้อง กินเยอะว่ะ” บอยร้องแซว


“กินเยอะแบบนี้ใครจะเลี้ยงไหววะ” ไนท์พูดนิ่ง ๆ ปิดท้ายด้วยเสียงหึในลำคอ


“มีคนเลี้ยงไหวอยู่แล้วหน่า พวกมึงอย่ากังวลแทนมัน” โอ๊คสำทับ หัวเราะอย่างเปิดเผยจนธันวาได้แต่ทำหน้างง หันมองรุ่นพี่อีกคนด้วยเข้าใจว่าประเดี๋ยวจะพูดอะไรในทำนองเดียวกับพี่อีกสามคนหรือเปล่า แต่กลายเป็นว่าได้รับสายตายียวนกลับมาแทน


“มองไร?”


“ก็…” หันมองหน้ารุ่นพี่อีกสามคนที่จ้องมาด้วยความสนใจแล้วก็ถึงกับพูดไม่ออก “...ไม่มีอะไรครับ”


“มึงมี”


ธันวาฟึดฟัดที่ถูกไล่ต้อนด้วยสายตาจนจำต้องยอมพูดออกไป “ก็แค่คิดว่าพี่จะพูดอะไรต่อไหม…เหมือนพี่ ๆ คนอื่น ๆ”


เดือนแรมยิ้มมุมปากที่คนมองรู้สึกว่ามันยียวนไม่แพ้แววตาคู่นั้นเลย “อย่างเช่นว่า…มึงกินเยอะแค่ไหนกูก็เลี้ยงไหว...น่ะเหรอ”


“ง่อวววว” รุ่นพี่อีกสามคนพร้อมใจกันส่งเสียงแซวให้หนุ่มรุ่นน้องได้อายทั้งที่ยังงง ๆ ไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แต่ที่รู้คือตนกำลังโดนรุมแกล้งอย่างแน่นอน เพราะคิ้วเข้มที่เลิกขึ้นน้อย ๆ สองสามจึกคอยกวนประสาทคือหลักฐานชั้นดี


...ไม่ถึงทีเขาบ้างก็แล้วไป



ระหว่างรออาหาร บอยเอาแต่คุยเรื่องเกมกับไนท์โดยมีโอ๊คแจมบ้างในบางครั้ง ซึ่งทำให้ธันวายิ้มน้อย ๆ ที่เดาความชอบของรุ่นพี่ร่างเล็กได้ ก่อนที่ตัวเองจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดแก้เหงาบ้าง


กรุ๊ปแชทอนาคตของชาติมีการเคลื่อนไหวล่าสุดเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ล้วนแต่เป็นการโวยวายเรื่องความโชคดีของธันวาจากรูปที่ส่งไปวางระเบิดไว้ก่อนหน้านั้น และเมื่อเขาส่งสติ้กเกอร์ที่คิดว่ากวนที่สุดไป กรุ๊ปก็กลับมาคึกคักอีกครั้งได้แทบจะทันที





ขัดหูขัดตาชะมัด


ไอ้ท่าทียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะกดโทรศัพท์ยิก ๆ ไม่วางมือนั่นชวนให้ขัดหูขัดตาเสียจริง ธันวาเอาแต่สนใจมันตั้งแต่ตอนรออาหารจนกระทั่งลงมือกิน ยิ่งเห็น เดือนแรมก็ยิ่งหงุดหงิดที่ในนั้นมันมีอะไรน่าสนใจกว่าการกินข้าวกับเขา!


“กินข้าว” เอ่ยเสียงดุออกไปโดยไม่ระบุชื่อแต่เจ้าตัวก็รู้ได้ด้วยความคุ้นเคย นัยน์ตาที่เดือนแรมมองว่าแสนดื้อรั้นเงยขึ้นมอง ปากบาง ๆ นั่นเม้มกันเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจแต่ก็ยอมวางโทรศัพท์ลงแต่โดยดี


“เออ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว แอดเฟซฯ กันไว้ดิ” บอยเสนอขึ้นเมื่อรู้ว่าเพื่อนดุรุ่นน้องเรื่องอะไร


“งั้นพวกพี่แอดไปแล้วกัน ธันว์จะได้ไม่ต้องไล่แอดพวกพี่ทีละคน อ่ะหยิบมือถือขึ้นมาสิวะ ให้ว่อง ๆ” ไนท์เสริม ทุกคนจึงทำตามยกเว้นโอ๊คที่เป็นเฟรนด์กันอยู่แล้วกับเดือนแรม...ที่สนใจอาหารมากกว่าแอคเคาน์ของธันวา


“ไอ้แรม ไม่แอดตอนนี้ พวกกูไม่ให้ทีหลังนะเว้ย” โอ๊คว่า


เดือนแรมฟึดฟัดก่อนจะทำตามด้วยท่าทีที่เหมือนไม่เต็มใจนัก


“เซลฟี่กันหน่อยเว้ย” บอยเสนอพร้อมยกกล้องขึ้นเตรียมพร้อม ทุกคนยิ้มให้กล้องด้วยความสดใส มีเพียงคนเดียวอีกเช่นเคยที่ยังปั้นหน้าขรึมดุ


“ทำเป็นเข้ม ทำเป็นเข้ม” โอ๊คแซวเดือนแรมที่เริ่มกลับไปสนใจอาหารอีกครั้ง


“ขอแคปชั่นด้วยไอ้แรม กูจะโพสแล้ว” เจ้าของสมาร์ทโฟนอย่างบอยพูด


“ยุ่งอะไรกับกูนักวะ แดกกันได้แล้ว”


“แค่ประโยคเดียวก็ได้หน่า” ไนท์พูดนิ่ง ๆ ธันวาเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าไนท์นิ่งขรึมกว่าเดือนแรมเสียอีก ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยกให้รุ่นพี่เดือนแรมเป็นคนที่ดุที่สุดอยู่ดี


คนถูกเร่งถอนหายใจแรง “คิดอะไรให้ยาก หัวใจดวงเดียวก็พอแล้ว”


“เสี่ยวสัด”


ได้ยินบอยว่าอย่างนั้นธันวาถึงกับหลุดขำออกมาเพราะถ้าไม่นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยคงไม่มีทางเชื่อว่าเดือนแรมจะเป็นคนคิดแคปชั่นแบบนั้นได้


“มึงขำกู?”


“ป..เปล่าครับ”


“ดี ต่อไปนี้กูจะส่งรูปหัวใจให้มึงทุกวัน อยากขำดีนัก”


ธันวาอ้าปากค้าง งงกับการทำโทษบ้า ๆ บอ ๆ ของประธานชั้นปีสามที่เลื่องลือเรื่องมีเหตุผลเสียจริง


“เนียนเก่งงงงงง” เพราะโอ๊คหันไปพูดกับเพื่อนอีกสองคน ธันวาจึงไม่คิดว่าเกี่ยวกับตน


“แดกได้ละพวกมึงอ่ะ”






(มีต่อนะคะ)

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4

ห้าหนุ่มยังจัดการอาหารตรงหน้าไม่ทันเสร็จ สาว ๆ โต๊ะหลังก็ลุกออกจากร้านไปก่อนโดยไม่ลืมบอกลาพวกเขา จะมีที่อ้อยอิ่งคุยกับธันวาต่ออีกเล็กน้อยก็แค่หวาน รอจนกระทั่งเธอเดินตามเพื่อนออกไปและเดินไปไกลเกินรัศมีร้าน โอ๊คก็ใช้ข้อศอกสะกิดแขนรุ่นน้องที่นั่งข้างตัวเองพร้อมเปิดปากแซวขึ้นทันที


“น้องเขาชอบมึงเหรอวะ”


“บ้าเหรอพี่ ผู้หญิงที่ไหนจะชอบผม”


“จะไปรู้เหรอวะ ถ้าเธอชอบ มึงจะชอบป่ะล่ะ”


ธันวายิ้มเขิน “ให้เธอชอบจริง ๆ ก่อนเถอะพี่”


เพล้ง!


“โทษที มีดหลุดมือ”


“มือไม้อ่อนจังเลยนะเพื่อน” บอยเย้า


“แต่ถ้าให้ต่อยมึงตอนนี้ก็แข็งได้ทันทีนะ”


รุ่นพี่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มหดตัวจนเล็กยิ่งกว่าเดิมและยังไปเบียดคนข้าง ๆ อีกด้วย ทว่าไนท์ไม่ได้มีทีท่าว่าจะผลักออกแต่อย่างใด


“แล้วมึงไม่ได้เป็นเกย์เหรอวะ” ไนท์ถามด้วยความสงสัยก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนไม่ได้สนิทกับรุ่นน้องคนนี้มากเท่าโอ๊ค “โทษทีว่ะ กูไม่ได้ตั้งใจจะยุ่งเรื่องส่วนตัว”


“ไม่เป็นไรครับ” ธันวาส่งยิ้มให้รู้ว่าตนไม่เป็นไรจริงอย่างที่ปากว่า “ใคร ๆ ก็เข้าใจแบบนั้น แต่ผมยังชอบผู้หญิงอยู่นะครับ แต่อาจจะโชคร้ายหน่อยที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบผมได้สนิทใจ”


“ในขณะที่มึงทำให้คนอื่นกลายเป็นเกย์ มึงกลับบอกว่าตัวเองชอบผู้หญิง?”


“พี่แรมหมายความว่ายังไงครับ” ใบหน้าเนียนใสจริงจังขึ้นกว่าทุกครั้ง ทว่าไม่มีคำตอบจากปากรุ่นพี่หน้าดุนอกจากอวัจนภาษาที่แสดงว่าไม่อยากตอบคือการทำเป็นสนใจอาหารตรงหน้าหนักหนา


“ไอ้แรมมันหมายความว่าอาจจะมีผู้ชายหลายคนกลายเป็นเกย์เพราะชอบมึง” โอ๊คว่า และคงจะพูดมากเกินไป คนที่ควรเป็นคนตอบถึงได้ตวัดตามองราวกับจะฆ่าแกงกัน


“ไม่น่าจะมีนะครับ”


“ทำไมมั่นใจ” คราวนี้บอยถามบ้าง หนุ่มแว่นหน้าสวยปกปิดความอยากรู้เอาไว้ไม่มิดจนไนท์ต้องปราม


“ไม่เห็นมีใครเข้ามาจีบสักคน”


ได้ยินคำตอบซื่อ ๆ จากหนุ่มรุ่นน้อง บอยกับโอ๊คถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ขณะที่ไนท์แค่ยกยิ้มมุมปากเหล่มองเพื่อนที่นั่งหัวโต๊ะเงียบ ๆ


“มึงมันโง่ไง”


ธันวาขมวดคิ้วมุ่น อยากจะตอกกลับไปให้สาสมแต่ก็เกรงใจรุ่นพี่อีกสามคนจึงต้องสงบปากสงบคำไว้ เดี๋ยวจะลือกันได้ว่าธันวาปีสองก้าวร้าวรุ่นพี่


“คนจีบอาจจะกากเองก็ได้นี่ครับ ถ้าจีบจริงผมต้องรู้ตัวสิ” ใช่ว่าที่ผ่านมาจะไม่มีผู้ชายเข้ามาจีบ ยิ่งช่วงที่คบกับ..แฟนคนเก่า เขาฮอตในหมู่ผู้ชายเสียยิ่งกว่าอะไร ใครเข้ามาจีบไม่มีทางที่ธันวาคนนี้จะไม่รู้


ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่บอยและโอ๊คได้หัวเราะสุดเสียง มิหนำซ้ำคราวนี้ไนท์ยังร่วมผสมโรงไปด้วย ยิ่งทำให้ ‘คนกาก’ หงุดหงิดมากขึ้นไปอีก




บรรยากาศโดยรอบโรงพยาบาลในช่วงพลบค่ำเงียบเหมาะแก่การเดินเรื่อยเปื่อย ยิ่งเมื่อยามที่สายลมอ่อน ๆ พัดมาต้องผิวเนื้อ ธันวาถึงกับอยากเดินหลับตาให้ลมได้ไล้ผิวเปลือกตาเพื่อความผ่อนคลายเลยทีเดียว


เสียงโวยวายของบอยที่ถูกโอ๊คแกล้งดังมาจากด้านหน้า ธันวาคลี่ยิ้มเมื่อรุ่นพี่ร่างเล็กที่สุดเอาแต่ร้องขอให้พี่ไนท์ช่วยแต่อีกฝ่ายกลับเข้าผสมโรงกับโอ๊คแกล้งด้วยเสียอย่างนั้น บรรยากาศของสามคนข้างหน้าช่างสดใสต่างกับร่างสูงใหญ่ที่เดินอยู่ข้างเขาเสียจริง


“กระดาษโน้ตในมิลเลอร์ผมที่เขียนว่าคิดถึงนั่นเป็นของพี่ใช่ไหมครับ” หนุ่มรุ่นน้องเพียงต้องการหาเรื่องคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศระหว่างตนกับอีกฝ่ายตึงเครียดเกินไป


“มึงรู้?” เดือนแรมเหลือบมอง


ธันวายิ้มแฉ่ง “ผมฉลาด แกะลายมือออก”


เดือนแรมหัวเราะหึ แม้จะยียวนไปเสียหน่อยแต่อย่างน้อยธันวาก็คิดว่านี่ทำให้บรรยากาศระหว่างพวกเขาดีขึ้นบ้าง


“ผมรู้ ทั้งคณะก็มีแต่พี่คนเดียวแหละที่กวนประสาทผมอ่ะ จะมีใครที่ไหนมาถามว่าคำนี้เขียนแบบนี้รึเปล่า”


เดือนแรมฟังแล้วอยากจะตบหัวทุยนั่นสักฉาด เผื่อว่าโดนกระแทกเข้าให้แล้วจะฉลาดขึ้นบ้างอย่างที่ปากว่า


“โง่” พูดจบแล้วก็เดินทิ้งห่างออกไปจนแซงสามคนข้างหน้า


“อ้าวเห้ย! ที่ผมเขียนตอบไปก็แค่อยากกวนกลับหรอก ใครที่ไหนจะเขียนคำว่าคิดถึงไม่เป็นวะ”


แค่ได้ยินคำว่าคิดถึง บรรดาเพื่อนฝูงก็มองตรงไปที่เดือนแรมด้วยสายตาล้อเลียนแล้ว ก่อนจะเป็นโอ๊คที่ถามขึ้นมาพร้อมถอยฝีเท้ามาหารุ่นน้องร่วมห้อง “อะไรกันวะ”


“ไม่มีอะไร” เดือนแรมตอบเสียงเข้ม


“มีอะไรจะบอกพี่ไหมไอ้น้องธันว์” โอ๊คถามพลางยกแขนคล้องคอดึงคนน้องเข้ามาใกล้ ทว่าคนไกลอย่างเดือนแรมเห็นแล้วถึงกลับต้องมองดุจนเพื่อนเสียวสันหลังต้องรีบผละออกแบบเนียน ๆ


“ช่างพี่แรมเขาเถอะครับ” น้ำเสียงและถ้อยคำบอกปัดเหมือนตัดรำคาญทำเอาคนถูกพาดพิงยิ่งฉุนเฉียวรีบสาวเท้าเว้นระยะห่างออกไปไกล ทว่าความเป็นจริงแล้วธันวาแทบจะ ‘ช่างแม่ง’ ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ สมองเอาแต่คิดเรื่องของเดือนแรมจนชักจะหงุดหงิดตามคนพี่ไปด้วย


ซึ่งเดือนแรมไม่เห็น แต่โอ๊คเห็น หน้าน้องมันยู่จนเหมือนคนใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว








แม้คืนนี้ทุกเตียงจะมีเจ้าของนอนอยู่แต่ธันวาก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี เด็กหนุ่มกดเข้าไปดูแอปฯโซเชียลชื่อดังที่มีการแจ้งเตือนมหาศาลทีเดียวจากโพสของโอ๊คเมื่อตอนเย็น ยิ่งพอได้เห็นใบหน้านิ่งขรึมของคนที่นั่งใกล้กันในรูปและแคปชั่นที่มีเพียงอิโมติคอนรูปหัวใจสีแดงริมฝีปากก็เบะออกด้วยความขุ่นเคืองที่ยังค้างคา


ธันวาไม่สนใจคอมเมนท์เกือบร้อยในโพส เดาว่าคงมีแต่พวกรุ่นพี่มาคุยเล่นกัน นิ้วเรียวกดตรงชื่อของคนที่สร้างความหมองมัวในใจตัวเองอย่างไม่ลังเล เป้าหมายคือโพสของอีกฝ่ายที่กรองเกียรติสนใจจะถอดรหัสหนักหนาเมื่อคืนก่อน



‘ว่าง ๆ มึงก็ลองไปส่องเฟซฯพี่เขาดูนะ อ่านคอมเมนท์สเตตัสนั้นด้วย เผื่อจะหายโง่’



ธันวาเลืออกอ่านเอาแต่ในส่วนของโอ๊ค บอยและไนท์ที่มาคอมเม้นท์กันอย่างสนุกสนานราวกับต้องการจะถล่มเจ้าของโพสอย่างไรอย่างนั้น


‘ชื่อเขาไม่ได้พิมพ์อย่างนี้ป่ะวะ’

‘กากสัส’

‘คิดถึง พิมพ์งี๊’


‘มิติใหม่ของคำว่าที่รัก’

‘เพื่อนกูอาจจะหัวแตกเข้าสักวัน’



ตึง !!


ไม่ทันที่ธันวาจะอ่านจบหรือคิดวิเคราะห์แต่ละข้อความ เสียงตึงตังสองถึงสามครั้งที่ดังจากฝาผนังห้องทำเอาเขาสะดุ้งโหยง คนฝั่งนี้หงุดหงิดขึ้นทันที นึกตำหนิคนอีกฝั่งว่าไม่รู้หรืออย่างไรว่าผนังห้องบาง บางครั้งคุยกันเสียงดัง คนอีกห้องหนึ่งยังได้ยินเลย ซึ่งคนที่จะทำเสียงที่เขารู้สึกอยู่คนเดียวตอนนอนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนที่นอนเตียงติดกับเขาในห้องข้าง ๆ


“อาร์ต” ธันวาร้องเรียกเสียงเบาเมื่อเห็นว่าเตียงล่างที่เป็นรุ่นพี่ทั้งสองปิดไฟมืดหมดแล้ว เหลือแต่เตียงบนฝั่งตรงข้ามของเพื่อนที่ยังเปิดไฟหัวเตียงและเจ้าตัวก็กำลังเล่นเกมอยู่ “มีเพื่อนรุ่นเรานอนห้องข้าง ๆ ฝั่งนี้ไหมวะ”


อาร์ตเหลือบมามองแวบหนึ่งก่อนกลับไปสนใจหน้าจอตัวเองต่อ “ไอ้ปัทไง มีไรวะ”


“อยากรู้ว่าใครนอนติดกู แม่งกระแทกอยู่นั่นแหละ” ในตอนที่บ่นเขาก็ยังได้ยินเสียงตึงตังอีกระลอกหนึ่ง


“เดี๋ยวก็คงหยุดมั้ง นอน ๆ”


“อือ”





คืนนั้นกว่าธันวาจะได้นอนหลับสนิทก็เกือบเที่ยงคืนทั้งที่เข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่ม และตื่นในเช้าวันใหม่ด้วยการปลุกของสติกเกอร์รูปหัวใจจากแชทของรุ่นพี่เดือนแรม อดไม่ได้ที่จะขยี้ตาเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาดไปเอง คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะบ้าบิ่นทำจริงอย่างที่ขู่ไว้เมื่อวานนี้


“บ้าไปแล้ว” บ่นพึมพำแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นไม่ได้ส่งอะไรตอบกลับไปทั้งสิ้น





สงสัยเขาคงต้องไปทำบุญบ้างแล้ว


ธันวาอดไม่ได้ที่จะคิดอย่างนั้นในตอนที่เดินเข้าโรงอาหารแห่งที่ใกล้หอพักนักศึกษาแพทย์ชายที่สุดในตอนเช้า เพราะดูเหมือนว่าช่วงนี้เจ้ากรรมนายเวรจะออกตัวแรง ตามติดในทุก ๆ ที่เสียเหลือเกิน


เจ้ากรรมนายเวรที่มาในรูปแบบของรุ่นพี่


และตอนนี้ก็กำลังมองเขาพร้อมยักคิ้วข้างเดียวได้กวนประสาทเป็นที่สุด


คงเป็นเวรเป็นกรรมอย่างหนึ่งของธันวาที่มีเพื่อนสนิทคลั่งไคล้รุ่นพี่คนดังกล่าวและยกย่องให้เป็นไอดอล เจอที่ไหนเป็นต้องพาตัวเองเข้าไปอยู่ใกล้ตลอด และตอนนี้ก็กำลังนั่งร่วมโต๊ะด้วยกันเสียด้วย


“หยุดทำไมวะ” อาร์ตเดินมากอดคอ แล้วพาเดินเข้าไปยังโต๊ะนั้นด้วยกัน สองหนุ่มทักทายรุ่นพี่ที่เริ่มคุ้นหน้ากันดีก่อนแยกย้ายไปซื้ออาหาร


“เมื่อวานมึงไปกินสเต๊กกับพี่ ๆ มาเหรอวะ” กรองเกียรติถามขึ้นทันทีที่ธันวาวางจานข้าวลงฝั่งตรงข้าม คนถูกถามหย่อนก้นลงนั่ง เหล่มองรุ่นพี่หน้าดุข้างกายเพื่อนที่กำลังสนใจคุยกับคนอื่น ๆ เล็กน้อย


“อือ”


กรองเกียรติยิ้มกรุ้มกริ่ม


“อะไร”


“เปล๊า งั้นวันพุธนี้ไปกินหมูกระทะกัน เลิกเรียนครึ่งวัน จะได้ชวนไอ้ดีนไปด้วย”


“เออ เอาดิ มึงจะไปด้วยกันไหมวะอาร์ต” ธันวาหันไปถามเพื่อนที่นั่งข้างกัน


“ตามสบายเลยเพื่อน กูขอบาย”


“มึงไปชวนไอ้ตฤณด้วย เดี๋ยวกูชวนไอ้ดีนเอง” ธันวาสรุป โดยไม่ทันรู้ว่าคนที่เหมือนจะไม่ได้สนใจตนอยู่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาทุกคำ





เข้าห้องเรียนได้ธันวาก็รีบเดินพุ่งเข้าไปหาปัท คนที่อาร์ตบอกว่านอนอยู่ห้องข้าง ๆ ตนทันทีโดยมีกรองเกียรติตามไปด้วยความงงงวย


“ปัท มึงนอนห้องศูนย์หกใช่ไหม” 


“อือ มีไรวะ”


“กูนอนห้องศูนย์เจ็ด อยากรู้ว่าในห้องมึงอ่ะ ใครนอนเตียงบนฝั่งที่ติดกับห้องกูวะ”


“ฝั่งนั้นเหรอ เดี๋ยวนะ” ปัทหันรีหันขวางเทียบซ้ายขวาก่อนตอบ “พี่แรมว่ะ มีไรวะ”


แม่ง


“เมื่อคืนตอนสี่ทุ่มนิด ๆ พี่แรมเตะผนังป่ะ”


พอได้ยินชื่อรุ่นพี่ที่นับถือและกำลังสงสัยบางอย่าง กรองเกียรติก็หูผึ่งทันที


“เห้ย มึงได้ยินเหรอ”


“เออดิ ผนังบางขนาดนั้น”


“เตะ ๆ แต่เหมือนละเมออ่ะ คงฝันร้ายมั้ง”


แม่ง


ธันวานึกเจ็บใจ เพราะถ้าเดือนแรมเตะจากการละเมอหรือฝันร้าย เขาก็จะเอาผิดอีกฝ่ายไม่ได้...มันไม่ใช่การกลั่นแกล้งกันเหมือนทุกครั้ง


...ก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่ใช่การกลั่นแกล้งกันจริง ๆ











“เดี๋ยวกูจะประเคนแคลคาเนียส* ให้มึงแดกแทนข้าว”
*(calcaneus = กระดูกส้นเท้า)


ธันวาไม่ทันสนใจว่าตฤณทำอะไรให้กรองเกียรติโมโหถึงขั้นด่าด้วยศัพท์กายวิภาคตามประสานักศึกษาแพทย์ปีสองที่เห่อความรู้แล้ววิ่งไล่กันออกจากห้องเรียนในเวลาพักกลางวัน


คนเดินตามส่ายหน้าระอาพลางเร่งฝีเท้าให้ทันสองคนนั้นไปยังโรงอาหารแห่งที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ช่วงสิบโมง


โรงพยาบาลอันเป็นสถานศึกษาของนักศึกษาแพทย์ตั้งแต่ชั้นปีที่สองมีโรงอาหารประมาณห้าแห่ง แห่งที่มีนักศึกษามากเป็นพิเศษคือแห่งที่ตั้งอยู่ใกล้หอพักชาย ธันวาและใครหลายคนก็มักจะไปฝากท้องที่นั่นในช่วงกลางวัน นานทีเขาจะย้ายไปที่อื่นบ้าง...แต่ไม่คิดว่าใครบางคนจะย้ายมาที่เดียวกันในวันนี้ด้วย


ไม่ได้อยากจะยืนต่อหลังเดือนแรมในแถวร้านก๋วยเตี๋ยวสักนิด ถ้าไม่ติดว่าตั้งใจมาถึงที่นี่เพราะอยากกินบะหมี่หมูตุ๋นเจ้านี้ จ้างให้ธันวาก็ไม่พาตัวเองมาอยู่ใกล้คนหน้าดุแต่กวนประสาทแน่ ๆ


เดือนแรมมองหน้ามุ่ยของหนุ่มรุ่นน้อง รอยปื้นแดงบนผิวหน้าขาว ๆ ยังชัดเจนในแบบที่ประจานเจ้าตัวมาตั้งแต่ออกจากห้องเรียนจนถึงที่ตรงนี้ ใครมองก็รู้ว่าเจ้าตัวตั้งใจเรียนมากแค่ไหน “หลับเก่งจริง ๆ เลยนะมึงเนี่ย”


เมื่อโดนทักก็ตกใจ รีบยกมือขยี้หน้าหวังจะช่วยให้รอยแดงจางลงบ้าง นึกโทษเพื่อนที่ไม่เตือนกันสักนิดปล่อยให้เดินมาไกลถึงนี่ คนคงเห็นกันครึ่งโรงพยาบาลแล้วกระมัง


เดือนแรมมองแล้วก็ยิ้มขำ ทำเอาคนถูกมองนิ่งอึ้ง ถูกอีกฝ่ายขำใส่มาก็หลายครั้ง ทั้งเยอะเย้ย ทั้งมองเหมือนตัวตลก แต่ไม่ยักมีครั้งไหนเหมือนครั้งนี้


ทั้งแววขบขันในสายตาและรอยยิ้มนั่นดูแล้วเหมือนอีกฝ่ายกำลัง...เอ็นดู


“มันแดงตรงนี้ด้วย” เพราะทนดูอีกฝ่ายขยี้แต่หน้าผากไม่ไหว เขาจึงต้องยื่นมือออกไปช่วยเกลี่ยรอยแดงตรงแก้มซ้ายให้จางลงแทน


“ขายขี้หน้าจริง ๆ เลย”


อ่า...เมื่อกี๊ผีเข้ารุ่นพี่เดือนแรมแน่ ๆ


ธันวาไม่รู้ว่ารอยแดงตรงแก้มจางลงไปหรือยัง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านี้มันมีจริงหรือไม่ และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ความเห่อร้อนตรงหน้าส่งผลต่อสีผิวส่วนที่ถูกสัมผัสได้มากขนาดไหน เพราะประโยคเมื่อครู่ของเดือนแรมที่มาพร้อมแรงผลักตรงหน้าผากที่ทำเอาหน้าหงายมันทำให้เขามีแต่ความขัดเคืองในใจจนพาให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืนด้วย


“พี่นอนห้องข้างห้องผมใช่ไหม”


เดือนแรมไหวไหล่ รอยยิ้มยียวนจุดขึ้นมุมปาก “แล้วไง”


ธันวากำลังครุ่นคิดว่าหากตนอยากซื้อยิ้มยียวนของอีกฝ่ายไปทิ้งแล้วจ้างให้ยิ้มแบบก่อนหน้านี้ต้องใช้เงินมากเท่าไหร่กัน “เมื่อคืนพี่เตะผนังห้องจนผมนอนไม่หลับ”


“งั้นเหรอวะ โทษที”


“ผมอยากขอความกรุณา ผนังห้องมันบางพี่ก็น่าจะรู้”


“คนมันหลับ จะไปรู้ตัวได้ไงวะ”


ถ้าไม่เห็นสีหน้าไม่แยแสของอีกฝ่าย เขาก็คงตัดใจเชื่อและยอมรับไปแล้วว่าเป็นเรื่องจริง “พี่แกล้งผม”


“ทำไมคิดว่ากูแกล้ง”


“ก็พี่ชอบแกล้งอ่ะ กวนประสาท”


“เออ กูแกล้ง”


“แม่ง” ยั้งปากไม่ให้สบถคำหยาบออกมาไม่ทันจริง ๆ โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ติดใจมันนัก แต่ถ้าให้เลือก ธันวาคิดว่าให้เดือมแรมด่าตนเรื่องสบถด่ายังดีกว่ายืนยิ้มยียวนแบบที่ยากจะคาดเดาอย่างตอนนี้



“เตรียมรับมือไว้ให้ดีล่ะ เพราะต่อจากนี้ กูจะไม่ยอมถอยอีกแล้ว”



ไม่รู้ว่าเผลอคิดมากไปเองหรือเปล่า แต่ธันวารู้สึกได้ว่านัยน์ตาคมดุคู่นั้นกำลังบอกให้รู้ว่าไม่ใช่แค่เรื่องเตะผนังห้องที่เขาต้องเตรียมรับมือให้ดี



สงสัยคงต้องไปทำบุญจริง ๆ เสียแล้ว










TBC.
--------------------------------------------------------
ขอให้มีความสุขกับวันหยุดยาวนะคะ

#แรมเดือนสิบสอง

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :เฮ้อ:  อยู่บนดาวอังคารยังรู้เลยว่าพี่แรมจีบ​ แต่น้องธันทำไม่รู้​  เฮ้อ...... สงสารพี่แรม

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ง่อววววววววววว คนกากจะรุกน้องหนักแล้ว

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ง่อววววว พี่แรมจะเอาจริงแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด