incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 33
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 33  (อ่าน 12358 ครั้ง)

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 17 ยาใจ

ยูโดขออนุญาตมารดานอนห้องเดียวกับยูฟ่า นางเห็นคนพี่ทำหน้าอ้อนจึงยอมตามใจ
แต่ก็อดแย้งไปว่าเตียงเล็กเกินไปจะนอนเบียดกันให้อึดอัดทำไม

“คุณแม่ ยูตัวนิดเดียว นอนไม่กินที่หรอก เตียงที่โรงพยาบาลเล็กกว่านี้โดยังนอนมาแล้ว อุ๊บ”

“นั่นไงเรานี่นะ แสบจริงๆ ทั้งพี่ทั้งน้อง” มารดาชี้หน้าและโคลงศีรษะ

“มีคนกอดนอนทำให้หลับรวดเดียวเลยนะครับ” ยูฟ่ายังพยายามหาข้ออ้าง

“จ้ะตามใจ เจ้าตัวดี เจ้าเด็กขี้อ้อน” มารดาค้อนให้วงใหญ่ สองพี่น้องฉีกยิ้มเมื่อได้รับอนุญาต

เตียงนอนห้าฟุตไม่ใช่ปัญหา ยูฟ่าซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดอุ่นและวาดแขนไปกอดกระชับเอวของยูโด

“ตัวหอมจังเลยนะครับยู”
ยูโดพึมพำและพรมจูบมาบนเหม่งของยูฟ่า ไออุ่นจากลมหายใจที่พ่นบนศีรษะทำให้เจ้าตัวอมยิ้ม

“โดก็ตัวหอมเหมือนกันนั่นแหละ จุ๊บ”
 ยูฟ่าจุ๊บปลายคางของคนตัวโตกว่าอย่างเอาใจ และเลื่อนมือไปลูบไล้ที่แผ่นอกหนาแน่นเล่น
 แต่ถูกมือใหญ่รวบไว้เสียก่อน

“นอนนะคนดี พรุ่งนี้ไปดูเด็กๆ กัน รักยูนะ”
ยูโดประทับริมฝีปากลงที่หน้าผากมน ย้ายไปที่เปลือกตาทั้งสองข้างอย่างแผ่วเบา

“ฝันดีเช่นกันโดของยู”
ยูฟ่างึมงำและไม่นานก็หลับไป ยูโดดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้จนถึงหน้าอก
กระชับวงแขนและปิดเปลือกตาลง หลับตามกันไปอีกคน


ยูโดจอดรถหน้าเรือนนอนของเด็กๆ แต่รถที่จอดอยู่ก่อนทำให้ต้องยกยิ้ม เขาแต่งกายสบายๆ
ด้วยเสื้อยืดคอกลมสีครีมนวลตากับกางเกงยีนสีสนิมคู่กับรองเท้าผ้าใบ

ส่วนยูฟ่าสวมเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวตัวหลวมแขนยาวกับกางเกงผ้าลินินสีน้ำตาลขอบเป็นยางยืด
รองเท้าถักแบบเก๋ๆ สวมหมวกไหมพรมสีรุ้งสดใสมาด้วย ทั้งสองลงจากรถก้าวเท้าไปได้หน่อยเดียว
ก็พบกับเจ้าของรถที่เดินออกมาพอดี รวีกานต์และเด็กสาวผมยาวหน้าตาสวยหวานตามออกมาด้วย

“พี่ยู คิดถึงมากๆ อยากไปหาแต่พี่ตะวันก็งานยุ่งตลอดๆ พี่โดสวัสดีฮะ”
ยูโดยิ้มให้เด็กหนุ่มที่ออกอาการดีใจจนล้น และเขาส่งสายตาล้อๆ ไปให้พี่ชายที่ยิ้มเก้อๆ อยู่ไม่ห่างกันนัก

“เดย์สบายดีมั้ย พี่ตะวันนี่ก็น้องนุ่งไม่เข้าไปหาเลย แอบมาอยู่นี่เอง แล้วนี่ใครล่ะผู้ช่วยคนใหม่เหรอ”
 ยูฟ่าแสร้งตัดพ้อพี่ชาย

“ผมสบายดีครับพี่ยู นี่ใบตองครับเป็นอาสาสมัครคนใหม่มาทำแทนพี่ยูน่ะ ส่วนนี่พี่ยูโดกับพี่ยูฟ่าน่ะใบตอง”
รวีกานต์รีบแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน

“สวัสดีค่ะพี่ยูฟ่า พี่ยูโด ได้ยินแต่เดย์เล่าให้ฟัง ได้เจอตัวจริงแล้ว น่ารักจังค่ะตัวจริงของพี่ยู”
เด็กสาวยิ้มโชว์ฟันที่เรียงตัวสวย

“ไปนั่งก่อนเถอะยู ตรงแคร่ไม้นั่นก็ได้ อ้าว! นั่นลูกสาวกับลูกชายมาแล้วล่ะยู”
 ยูโดเตรียมจัดแจงหาที่นั่งให้ยูฟ่า แต่เด็กน้อยชายหญิงวิ่งเข้ามาหาเสียก่อน

“พี่ยู เอ๋…”
 น้องเนยมาดึงชายเสื้อของยูโดแล้วหันมองหน้ายูฟ่า แต่เพราะสวมทั้งหมวกและมีหน้ากากอนามัยปิดมาด้วย
เด็กน้อยจึงแค่คุ้นๆ ตาเท่านั้น แต่สุดท้ายก็เข้าไปหายูโดแทน

“พี่ยูอุ้มๆ”
น้องภูมิดึงเสื้อยูโดอีกคน ยูฟ่ายิ้มจนตาหยีเมื่อเห็นน้องชายทำหน้าพิกล
 แต่เพียงครู่เดียวก็โน้มตัวลงไปอุ้มทั้งสองคนมาไว้ในวงแขน ข้างละคน

“เรียกว่าพี่โดสิครับ พี่ยูคนนั้น” หนูน้อยจ้องมองตาแป๋วและส่ายหน้า

“ช่างเถอะโด ใส่ทั้งแมสทั้งหมวกเด็กๆ จำไม่ได้หรอก”

“พี่ยูตาสวยจัง” เด็กสาวมองหน้ายูฟ่าและยิ้มเขิน

“ไม่ต้องไปชมเลยใบตอง สองคนนี้น่ะมีแฟนกันแล้ว ไม่ได้โสดหรอกนะ”
ตะวันฉายรีบบอกด้วยเกรงว่าใบตองจะหลงเสน่ห์เจ้าแฝดเข้า

“แหมๆ พี่ตะวัน ใบตองก็มีแล้วเถอะแค่ชมเอง แต่พี่ยูตาสวยจริงๆ นี่คะ”
ใบตองหันไปค้อนตะวันฉาย ยูฟ่าได้แต่ยิ้มขำ เขาเดาว่าพี่ชายคงมาที่นี่บ่อยจนคุ้นเคยกับใบตองด้วยอีกคน
 
“พี่โดปล่อยเด็กๆ ลงเถอะฮะ เดี๋ยวจะปวดแขนเอานะ หลายกิโลอยู่นะสองคนนี้
 เอาละเด็กๆ เข้าไปเล่นข้างในไปเดี๋ยวพี่เดย์กับพี่ใบตองตามไปนะ”

“ไม่เอา ภูมิจะอยู่กับพี่ยู” น้องภูมิเริ่มงอแง

ไม่เอาจะหาพี่ยู”
 เด็กหญิงเบะปากบ้าง ทำเอายูฟ่าจำต้องปลดแมสออกและพูดขึ้น

“น้องเนย น้องภูมิ คนเก่งของพี่ยู หนูเป็นเด็กดีนะลูก พี่ยูไม่สบายฝากคนเก่งไปช่วยดูเพื่อนๆ
 ในนั้นให้พี่ยูหน่อยได้มั้ยเอ่ย พี่ยูหายป่วยสัญญาจะมาหาทุกวันเลย ตกลงมั้ย”

เด็กๆ มองหน้ายูฟ่าแล้วน้ำตาคลอๆ ก่อนจะผงกหัวและยอมลงจากวงแขนของคนที่คิดว่าเป็นพี่ยูในทีแรก

“จริงๆ นะพี่ยู”
น้องภูมิพูดกับยูฟ่าและหันมาโบกมือให้ น้ำเสียงที่ยูฟ่าเคยใช้กับเด็กๆ
 แม้ทิ้งช่วงห่างไปแต่ทั้งสองก็ยังจำได้ดี รวมถึงรอยยิ้มที่พวกเขาจำได้แม่นยำเลย

“ต้องมาสิครับน้องภูมิคนดี เป็นเด็กดีกันนะทั้งสองคนเลย”
 ยูฟ่าโบกมือให้ทั้งสองที่วิ่งกลับเข้าไปด้านใน

“ฝีมือไม่ตกเลยพี่ยู ลูกรักยอมจนได้สิ”
รวีกานต์ยกนิ้วให้ ยูฟ่ายิ้มๆ ก่อนจะใส่แมสกลับไปตามเดิม

“นี่พี่ชายงานการไม่ไปทำเหรอครับ แล้วของที่ฝากมาให้เด็กๆ ล่ะได้รับแล้วใช่มั้ยเดย์”
 ยูโดหันไปเหน็บพี่ชาย ก่อนจะคุยกับรวีกานต์

“ได้แล้วครับพี่ น้องๆ ชอบกันมากเลยทั้งของเล่นและหนังสือนิทาน”
 ยูฟ่ามองพี่ชายที่ไม่ได้ตอบคำถามที่ยูโดถามแต่ก็ทำเป็นเดินเตร็ดเตร่ไม่ห่างนัก

“พี่ตะวันอย่าลืมทานข้าวกลางวันด้วยนะ ถ้าโทรไปพี่ลืมอีก ผมก็จะไม่กินบ้างเหมือนกัน”
 ยูโดหูผึ่งที่ได้ยินแบบนั้น

“เดี๋ยวเถอะตัวแสบ พี่บอกว่ากินก็กินสิ งานพี่เริ่มลงตัวไม่ยุ่งแบบนั้นแล้ว มีเวลากินข้าวแล้วล่ะ
 งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ ยูไว้เย็นๆ พี่จะแวะเข้าไปหานะ”

ตะวันฉายพูดกับรวีกานต์แล้วหันบอกน้องชาย ก่อนจะผละไปขึ้นรถ ยูฟ่ายังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไร
 เขามองความสัมพันธ์ของพี่ชายกับเด็กหนุ่มตรงหน้าว่าพัฒนาไปเยอะกว่าแต่ก่อน

“พี่ตะวันแวะเอาขนมมาฝากน่ะค่ะ”
 ใบตองพูดยิ้มๆ ยูโดสบตากับยูฟ่าและพากันยกยิ้ม รวีกานต์มองหน้าพี่ๆ อย่างงงๆ

“พี่ๆ จะเข้าไปข้างในก่อนมั้ยครับ มีน้องมาใหม่ชื่อนิวเยียร์ สองขวบเองนะพี่ยู” รวีกานต์ถามคู่แฝด

“เข้าไม่ได้นะยู แต่ถ้าแค่มองเฉยๆ น่ะได้ ที่สำคัญต้องไม่อุ้มไม่คลุกคลี ทำได้มั้ยล่ะ” ยูโดรีบห้ามไว้ก่อน

“เอ่อ ยังไม่ต้องเข้าก็ได้พี่ ไว้หายดีก่อน”
รวีกานต์พูด พี่ยูโดดูจะเข้มงวดกับคนป่วยเอามากๆ ซึ่งเขามองสายตาละห้อยของพี่ยูแล้วก็อดสงสาร
 คงอยากเห็นบรรยากาศและเด็กๆ ด้วย

“ยูขอไปดูนิดนึงไม่ได้เหรอโด รับรองจะไม่ดื้อ จะเชื่อฟังโดทุกย่าง นะๆ”
ยูฟ่าหันไปอ้อน คนตัวใหญ่ที่ถูกอ้อนจำต้องพยักหน้า

 “อืม”
รวีกานต์เดินนำและมีใบตองเดินตาม ส่วนยูโดจูงมือยูฟ่าตามไปไม่ห่าง พอไปถึงประตู
 ยูฟ่าเดินเข้าไปแค่พอพ้นกรอบประตูไม่เกินหนึ่งเมตร กวาดสายตามองไปรอบๆ
 แผ่นรองนั่งผืนใหม่ถูกปูไว้เต็มพื้นที่ เด็กๆ นั่งเล่นของเล่นอยู่ห้าคน เด็กหญิงสามคนเปิดหนังสือนิทาน
ไปมาชี้ชวนกันดู และน้องภูมิกับน้องเนยนอนกลิ้งไปมาบนพื้นพากันหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
 มีเด็กหญิงที่มาใหม่ถือขวดนมเดินขาปัดไปมา
 
“เด็กๆ น้อยจังเลยเดย์วันนี้ หายไปไหนตั้งหลายคน”

“ลูกหว้า โลมา ไปต่างจังหวัด ส่วนจีน่ากับว่าน ป่วยครับ”
 รวีกานต์แจกแจงให้คนช่างสังเกตฟัง

“เนเน่ล่ะ ไม่เห็นเลย” นั่นไงจำลูกๆ ได้หมดทุกคน

“อ้อ น้องไม่ได้มาแล้วครับ ครอบครัวพากันย้ายไปทำงานที่อื่นแล้วฮะ”

“พี่ยูนี่จำเด็กๆ ได้ทุกคนเลยนะคะ มิน่าเด็กๆ ถึงได้รัก”
ใบตองก้มเก็บของเล่นที่กระเด็นมาส่งคืนให้กับเด็กชายแก้มแดงที่ตามมารับคืนไป

“พี่อยู่กับพวกเขาสองปีนะใบตอง ถึงจะมีเด็กๆ ผลัดเปลี่ยนคนเก่าไป
 คนใหม่มา ยังไงก็จำได้ไม่ลืมหรอก”

 ยูฟ่าพูดยิ้มๆ และใบตองก็ผงกหัวอย่างเข้าใจ เขามองจนทั่วและหายคิดถึงจึงเดินกลับไปหายูโด
ซึ่งเกาะขอบหน้าต่างและชะโงกหน้าเข้ามาฟังตลอด

“พี่กลับก่อนดีกว่า ไว้จะมาหาใหม่นะเดย์ ใบตอง”

“หายไวๆ นะพี่”
ยูฟ่ายิ้มให้ทั้งสองและก้าวออกมาจากห้อง ยูโดโอบบ่าพากลับไปที่รถแต่ก่อนจะขึ้นรถ
ยูฟ่ากระตุกชายเสื้อยูโดไว้เสียก่อน

“ยูอยากมีต้นไม้ของเราที่นี่บ้างจังโด”
 ยูฟ่าพูดขึ้น เมื่อมองไปที่ต้นไม้ที่พี่ชายกับรวีกานต์ช่วยกันปลูกที่กำลังยืนต้นโดดเด่นอยู่

“ได้สิ ไว้ไปหาซื้อ ค่อยมาปลูกคู่กับต้นนั้นเนอะ” ยูโดพูดเอาใจ

“ยูขอเป็นต้นพญาเสือโคร่งนะโด เหมือนกับดอกซากุระเลย สวยมากๆ ยูชอบ”

“ได้ๆ เราซื้อต้นที่ดตหน่อยสักสองต้น ปลูกให้เป็นคู่ๆ ฤดูที่ออกดอกลานนี้จะได้เต็มไป
ด้วยกลีบดอกตามที่ยูบอก”

 ยูฟ่าพยักหน้ารัวๆ แล้วสองหนุ่มก็พากันขึ้นรถ ตลอดทางยูฟ่าชี้ชวนให้ยูโดดูสองข้างทาง
ปากเรียวบางเจื้อยแจ้วไม่รู้เบื่อ ยูโดยิ้มกว้าง เขามีความสุขที่สุดที่ได้อยู่ด้วยกันตรงนี้
ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของยูฟ่า ได้เห็นดวงตาที่ทอประกายความสุข ตัวบางกับใจดวงเล็กที่แกร่งกล้า
และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค กล้าเผชิญทั้งเรื่องราวการพลัดพราก การรอคอย และโรคร้าย
ด้วยกำลังใจและความหวังว่าสักวันจะสุข สมหวังและหายจากโรคภัยนี้

“มัคคุเทศก์คนเก่งของโด รักที่สุดเลยครับ” ยูโดพูดไปตามที่ใจคิด

“อารมณ์ไหนล่ะเนี่ย…แต่ยูก็รักโดเหมือนกัน”
 ยูฟ่าส่งความรักผ่านสายตามาให้คนขับที่ยกยิ้มเมื่อได้ยิน

“ไม่มีอะไร แค่อยากบอกว่ารักที่สุดไง ยูอยากไปไหนอีกหรือเปล่า”
ยูฟ่ายิ้มเขิน แต่ไม่รอดพ้นจากสายตาของยูโดไปได้ เขาเห็นจากแววตายิบหยี
แม้ริมฝีปากจะถูกบดบังไว้ด้วยผ้าปิดปากก็ตาม

“กลับบ้านเลยก็ได้ เรายังมีวันอื่นๆ อีกตั้งมากมายที่ได้ใช้ ไว้ค่อยไป”

ยูโดยิ้มรับกับวาจาน่ารักของคนข้างตัว จึงพากลับบ้านตามที่คนตัวเล็กบอก
เมื่อถึงบ้านเป็นเวลาของอาหารว่างพอดี ยูฟ่าเคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มป่อง และส่งใส่ปาก
คนน้องด้วย มารดาเดินมาเมียงๆ มองๆ ท่านส่งยิ้มมาให้แล้วก็หายไปทางห้องคุณยาย
คงจะไปอ่านหนังสือให้คุณยายฟังอีกตามเคย

“ยูครับ เข้าไปนอนหน่อยดีมั้ย เขาว่าคนป่วยต้องหาเวลานอนสักสองชั่วโมงในตอนกลางวันนะ”

“ยูขอกินกลางวันก่อน สักบ่ายแก่ๆ ค่อยนอน ตอนนี้เราไปหาหนังดูกันดีกว่า
วันก่อนเดย์ฝากซีดีหนังกับพี่ตะวันมาให้ตั้งหลายสิบเรื่อง ยังไม่ได้ดูเลย ยูกะจะดูพร้อมกับโดเลยนะ”

“หนังอะไร ผีละซีถึงต้องหาเพื่อนดูน่ะ” ยูโดพูดอย่างรู้ทัน

“หือใครว่าล่ะ มีหลายแนวออก แค่บางเรื่องเท่านั้นที่แค่ปกก็น่ากลัวแล้ว น่านะ ดูเป็นเพื่อนยูหน่อย”
 ยูฟ่าไม่ยอมรับง่ายๆ ว่ากลัว

“กลัวผีแต่ยังจะอยากดูอีกนะเรานี่ หึหึ” ยูโดเอื้อมไปบิดปลายจมูกอย่างมันเขี้ยว

“เถอะน่ะ ดูเป็นเพื่อนหน่อย มันก็น่ากลัวหน่อยๆ ละมั้ง ยูกางนิ้วปิดๆ เปิดๆ ตา มันก็ไม่น่ากลัวแล้วเนาะ”
ยูฟ่ากางนิ้วออกทำเป็นตัวอย่าง

“ฮ่าฮ่า ดูก็ดู ลุยเลย! แต่เรื่องเดียวพอก่อนนะ หนังจบก็มื้อกลางวันพอดี”
ยูโดมองนาฬิกาแล้วลุกจากโซฟาโดยดึงอีกคนให้ลุกตาม

“ป้าอุ่นเรือน มาดูหนังผีกัน คิกคิก” ยูฟ่าโน้มหน้าไปชวนป้าอุ่นเรือนที่เดินผ่านมาพอดี

“คุณหนูยูดูไปเองเลย คนอะไรประเดี๋ยวก็กรี๊ด ประเดี๋ยวก็ผวา ทั้งเรื่องเลยก็ว่าได้
 ยิ่งตอนผีออกนะป้าจะหัวใจวายตามไปด้วย ป้าไม่ไปนั่งเป็นเพื่อนด้วยแล้วนะ”

ป้าอุ่นเรือนส่ายหน้าดิกแล้วรีบเดินหนีเข้าครัว ยูโดมองยูฟ่าที่ขมวดคิ้วยุ่งอย่างขำๆ

“ใครโดนดึงให้มานั่งเป็นเพื่อนยูบ้างแล้วล่ะคนบ้านนี้น่ะ ฮ่ะฮ่า” ยูโดอดที่จะหัวเราะไม่ได้

“บ้านนี้เหรอ ป้าอุ่นเรือนดูแล้ว คุณแม่ก็มาแล้ว เอ…เหลือคุณยายคนเดียวที่ยูยังไม่เคยชวน”
ยูฟ่าพาซื่อตอบออกไป โดยไม่รู้ว่าที่ยูโดถามน่ะเพราะล้อเลียนกลายๆ อยู่ แต่เจ้าตัวน่ะไม่รู้ตัว

“หืม จริงเหรอ พลาดไปได้ไงล่ะนู เอามั้ย เดี๋ยวโดไปชวนคุณยายมาให้” ยูโดนึกสนุกที่ได้เย้า

“บ้าน่ะซี คุณแม่รู้ได้ตียูตายพอดี คุณยายน่ะท่าจะขวัญอ่อนกว่ายูอีกนะ โดไม่รู้อะไร”
ยูฟ่าพูดอย่างออกรสชาติ ยูโดขำพรืดในคำตอบของยูฟ่า

กว่าหนังจะจบ ยูโดอยากจะบันทึกภาพไว้ให้ใครต่อใครได้ดูจริงๆ ในการโอเวอร์แอคติ้งของยูฟ่า
ที่ผวาทั้งเรื่องเดี๋ยวเข้ามากอด เอาหน้ามาซุก เดี๋ยวคว้าหมอนปิดหน้า ทั้งกรี๊ด สารพัดท่าทางที่ทำ
ตอนเผลอ นี่ถ้าไปดูกับคนอื่นที่โรงภาพยนตร์ยูโดมีเคืองแน่ๆ ถ้าเจ้าตัวจะทั้งซุกทั้งซบได้ขนาดนี้


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 18 ดูตัว

ค่ำนี้มารดาให้เด็กรับใช้ไปบอกคู่แฝดว่าจะมีแขกมาร่วมรับประทานอาหารเย็นที่บ้าน
ให้ทั้งสองรักษาเวลากันด้วย

เวลา 15.30 น. สองพี่น้องพากันไปที่ห้องรับประทานอาหาร ยูโดเดินนำโดยยูฟ่าเดินตาม
ที่โต๊ะอาหารมีคุณยายนั่งเป็นประธานหัวโต๊ะ ถัดมาเป็นลุงไผทกับหญิงวัยกลางคนที่แต่งกาย
ประณีต หน้าตาจัดว่าเคยสวยมากมาก่อนและข้างๆ กันมีสาวน้อยน่ารักนั่งอยู่ และตามด้วยพี่ตะวัน
ส่วนฝังซ้ายมีคุณแม่ของเขา ยูฟ่าก้าวไปนั่งถัดมาตามด้วยยูโดที่นั่งรั้งท้ายแถวเดียวกัน

“ยูฟ่า ยูโด นี่คุณอาอรดีกับหนูอรภัคลูกสาว รู้จักกันไว้อาอรดีเป็นน้องสาวของแม่พี่ตะวันเขาน่ะลูก”
มารดาของคู่แฝดแนะนำแขก

“สวัสดีครับ” สองแฝดยกมือไหว้คุณอาอรดี ส่วนลูกสาวของท่านก็ไหว้สองหนุ่มเช่นกัน

“แหมคุณพี่มีหลานแฝดโตเป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้เลยเหรอคะ เรียนจบหรือยังจ้ะ”

“ครับเพิ่งจบเมื่อไม่นานนี้เองครับ” ยูโดตอบคำถามคุณอาอรดี

“เหรอคะ นี่น้องอรเพิ่งปีสอง เทอมหน้าก็ขึ้นปีสามแล้วล่ะค่ะ”
 เมื่ออาหารมาเสิร์ฟทุกคนจึงหยุดคุยและทานอาหารกันไป ตะวันฉายคอยตักอาหารให้น้องสาว
 ส่วนยูโดก็คงทำหน้าที่ของตน และยังคงเลือกที่จะกินกับข้าวแบบเดียวกับของคนป่วยอย่างไม่มีอิดออด

ตลอดมื้ออาหารยูโดสังเกตว่าทุกครั้งที่เขาเงยหน้าจะเห็นดวงตายาวรีดำขลับของเด็กสาวมองมาที่ตนทุกครั้ง
เขาเริ่มไม่สบายใจเมื่อเห็นว่าคุณยายก็ยิ้มๆ และมองมาที่เขาเหมือนกัน ส่วนพี่ตะวันเหมือนมีอะไรจะคุยกับเขา

เมื่อทานอาหารกันเป็นที่เรียบร้อยยูโดฉวยมือยูฟ่าจะพากันไปเดินเล่นที่สนามหญ้าหน้าบ้าน
 ตามที่คุยกันไว้แต่ถูกคุณยายเรียกตัวไว้ก่อน

“ยูกับโด ตามไปคุยเป็นเพื่อนน้องที่ห้องนั่งเล่นนะลูก เผื่อน้องจะถามเรื่องเรียน”

“พี่ยู เรียนบัญชีใช่ไหมคะ แล้วพี่ยูโดล่ะคะ”

“พี่ดรอปไว้น่ะ พอดีย้ายมาอยู่ที่นี่ โดน่ะเรียนการตลาด”

“เหรอคะ อรเรียนบัญชีค่ะ”

“พี่ยูน่ะเก่งนะ เทพเลยล่ะ” ยูโดโยนไปให้อีกคนที่สะดุ้งทันทีที่ถูกพาดพิง

“แต่พี่เรียนไม่จบซะหน่อย คงช่วยน้องอรไม่ได้แล้วละ”

“แหม ไม่เป็นไรเลยค่ะ อรไม่รบกวนพี่ๆ หรอก” เด็กสาวแย้มยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ

“พี่ยูโดจะทำงานที่ไหนคะ วางเป้าหมายไว้หรือยังคะ”

“ต้องกลับไปช่วยงานคุณพ่อที่บริษัทน่ะครับ”

“ที่กรุงเทพฯ เหรอคะ งั้นก็อยู่ใกล้อรเลยสิ เพราะเปิดเทอมอรก็ต้องกลับไปเรียน”

“ยังไงอาฝากยูโดด้วยนะ อยู่ทางโน้นอาก็ห่วง มีลูกสาวคนเดียวด้วยสิ”
คุณอาอรดีหันมาฝากฝังกับเขา ยูโดรู้สึกว่าเรื่องยุ่งยากกำลังจะตามมา

“เจ้าโดมันจะดูยัยอรให้ได้ยังไงงานมันก็ยุ่ง ทั้งเจ้ายูนั่นก็ป่วยต้องดูแล”
ลุงไผทพูดขึ้นมา ทำให้ยูโดพลอยโล่งอก

“เอ่อ…ยูไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอคะคุณพี่” คุณอาอรดีย้อนถามกับพี่เขยทันที

“ไม่หรอกยัยวลัยเดี๋ยวก็พากันกลับกรุงเทพฯ แล้ว แค่รอให้เจ้ายูอาการดีกว่านี้อีกสักหน่อย”

“อะไรแม่วลัย นี่จะกลับกรุงเทพฯ เหรอ แม่ไม่เห็นรู้เรื่อง”
 คุณยายพูดขึ้น น้ำเสียงท่านดูจะไม่ชอบใจนัก

“เอ่อ ก็อีกหลายเดือน พี่ไผทก็พูดให้คุณแม่เคืองน้องจนได้สิคะ”

“อ้าว! พี่จะรู้มั้ยล่ะว่าเรายังไม่ได้เรียนให้คุณแม่ท่านทราบ”

“ขอโทษค่ะคุณแม่ ที่ยังไม่ได้เรียนให้ทราบก่อน แต่ไปแล้วก็กลับมาเยี่ยมได้บ่อยๆ
นี่คะ แค่นี้เอง เดินทางไม่ถึงสองชั่วโมง”

“ตามใจเธอเถอะ”
คุณยายพูด น้ำเสียงออกจะเคืองหน่อยๆ พี่น้องฝาแฝดมองหน้ากันที่เพิ่งได้รับรู้เรื่องที่น่ายินดี
คุณแม่ของเขาจะกลับกรุงเทพฯ ด้วย ช่างเป็นข่าวดีในรอบสองปีเลยก็ว่าได้

“เจ้าตะวัน นี่จะก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์อย่างเดียวเลยหรือไง เด็กสมัยนี้นี่เป็นกันไปหมด”
ตะวันฉายสะดุ้งที่หวยมาออกที่เขาจนได้ และนึกตงิดที่พ่อของเขาหลุดพูด จนผู้อาวุโสของบ้านอารมณ์เสีย

“คุณย่าที่รักครับ ผมตรวจงานของนิสิตครับ เด็กๆ เขาส่งงานมาทางเมลล์ ไม่ได้เล่นนะครับ นี่งานนะฮะ”
 ตะวันฉายละสายตาจากหน้าจอมือถือมาตอบคุณย่า

“จ้ะพ่อคุณ พ่อคนขยัน แล้วเรื่องที่แม่คุยไว้ล่ะเอายังไงกัน ไผทกับวลัย เธอคิดว่ายังไง”

“เอ่อ ยังไม่ได้ถามลูกเลยค่ะคุณแม่” สองแฝดมองไปที่มารดา ด้วยสงสัยว่าผู้ใหญ่คุยอะไรกันไว้

“ก็ถามกันเลยสิ ตรงนี้แหละจะได้รู้กันไปเลย”
 คุณยายออกปาก อย่างคนที่ไม่น่าที่จะเป็นคนใจร้อนไปได้ ต้องเป็นเรื่องที่สำคัญแน่ๆ
 ยูโดและยูฟ่าคิดเหมือนๆ กัน

“เจ้ายูโดน่ะ ไหนๆ ก็เรียนจบแล้ว คู่รักก็ไม่มี ผู้ใหญ่ก็เลยเห็นควรว่าจะให้หมั้นหมายกับหนูอร
พอยัยหนูเรียนจบแล้วค่อยแต่งงานกัน เห็นเป็นยังไง”
ลุงไผทพูดขึ้น ยูฟ่าหน้าเสียและยูโดก็ร้อนตัว เขาใจหายวาบ ทำไมจู่ๆ
เขาถึงกลายเป็นเป้าหมายของเรื่องในค่ำนี้ไปได้ ชีวิตจะสงบสุขเป็นไม่มี อยู่ดีๆ เรื่องก็วิ่งมาชนจนได้

“ไม่ครับ ผมไม่หมั้น ผมมีหน้าที่รับผิดชอบมากมาย ทั้งงานที่บริษัทคุณพ่อ ทั้งต้องดูแลยูฟ่าอีก
 ผมยังไม่คิดจะผูกพันกับใครครับ”

ยูโดปฏิเสธออกไปทันควัน

“นี่เล่นปิดประตูใส่หน้ากันเลยเหรอเจ้าเด็กคนนี้ ไม่ลองศึกษาดูใจกันก่อนล่ะ ไหนๆ ก็ไม่ได้คบใครไว้นี่นา”

“คุณลุงครับ ผมบอกตามตรงเลยนะครับ ชีวิตนี้ผมไม่คิดจะมีใครครับ”

“ชัดเจนจริงๆ เอาล่ะ ได้คำตอบกันแล้วนะ ลุงก็หมดหน้าที่แล้ว ยังไงเจ้าตะวันแกอย่ามามองตาใส
 แกก็อีกคนเดี๋ยวพ่อหาสาวให้”

“ไม่ครับพ่อ ผมมีคนรักแล้วครับ” ตะวันฉายออกปากบอกกลางวงสนทนา

“จริงเหรอคะพี่ตะวัน พามาให้น้องรู้จักบ้างสิ”
เด็กสาวปรับสีหน้าจากเศร้าๆ กลับมาสดใสได้ในทันทีเหมือนกัน

“จริงสิคะน้องอร” ตะวันฉายหันไปคุยกับน้องสาว

“นี่ยายจะให้หนูอรมาดองกับทางเรานะเนี่ย หลานเรานี่ก็ไม่เล่นด้วย เสียดายจริงๆ
เจ้ายูก็อีกคนคงจะอ้างนู่นนี่อีกละมั้ง”

“คุณยาย ยูจะอยู่กับคุณแม่กับน้องไปจนตายครับ ไม่แต่งงานฮะ”

“นั่นไง ให้มันได้อย่างนี้ เฮ้อ” ประมุขของบ้านทอดถอนใจเสียงดัง

การสนทนามีไปอีกพักใหญ่ๆ ก็ยุติแยกย้ายกันกลับ ยูโดรีบฉวยมือของยูฟ่าพาขึ้นห้องนอนในทันที
 มารดามองตามหลังของลูกชายทั้งสอง นางพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เกือบจะสร้างปัญหา
หนักอกให้ลูกอีกแล้ว ความรักของสองคนนี้ดูท่าจะมีอุปสรรคมาหาอยู่เรื่อย เห็นทีต้องพากลับกรุงเทพฯ
 ให้สองคนนั้นไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองเลือก เธอไม่อยากจะพรากความรักของทั้งสองคนอีก

 ที่ผ่านมาก็ชดใช้ให้ไม่ไหวแล้ว เพราะความหุนหันของเธอทำให้ลูกชายคนโตเรียนได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ
 คนน้องก็ต้องมาเหนื่อยเทียวไปเทียวมา สุดท้ายเรื่องคู่ชีวิตของเธอก็ยังคงคาราคาซัง ที่หนีมาเป็นเพียง
แค่หนีมาพักใจ…ได้แค่นั้นเอง

ยูโดปิดประตูห้องนอน เขารวบตัวยูฟ่าเข้ามากอดไว้แนบอก ยูฟ่าตกใจแต่ก็กอดตอบ
เมื่อนึกได้ว่าคงจะเพราะเรื่องที่คุยกันสักครู่นั่นเอง

“ไม่เป็นไรนะโด ยูรักโด เราไม่มีวันแยกจากกันอีกแน่ ตราบใดที่เรายังไม่ปล่อยมือจากกัน”

“โดไม่ไหวจริงๆ ทำไมนะ ใครๆ ถึงชอบขีดเส้นชีวิตพวกเรา จะมากำหนดทางเดินให้เรากันทำไม
 การที่เราเกิดมาเป็นพี่น้องกันก็ยากลำบากเกินพอแล้ว แถมยังเป็นผู้ชายด้วยกันอีก
 มีใครรู้มั้ยว่าเราต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง” ยูโดพูดอย่างอัดอั้นตันใจ

“ไม่เอาครับ โดรู้แค่ว่ายูรักโดก็พอ เชื่อมั่นในกันนะ”
ยูฟ่าลูบหลังให้ยูโดและตบเบาๆ เขาทำอยู่อย่างนี้จนคนตัวโตคลายความวิตกและโยกตัวเขาไปมา

“โดพี่ตะวันมีคนรักแล้วจริงเหรอ สองปีมานี่ยูไม่เคยเห็นพี่ตะวันจะมองใครเลยนะ”

“คนใกล้ตัวยูนั่นแหละ วันนี้เราก็เจอ”

“ใครล่ะ หือ ใบตองเหรอ ใช่มั้ยเพราะใบตองก็พูดว่ามีคนรักแล้ว”

“หึหึ ดูเองดีกว่ามั้ย”

“อ้าว ไม่ใช่เหรอ ถ้างั้น…เฮ้ย! พี่ตะวันกับเด็กนั่นจริงๆ เหรอ ยูก็รู้อยู่ แต่ทำไมถึงกล้าใช้คำว่าคนรักให้ทุกคนฟังล่ะ”

“หึหึ เขาก็คงปักใจ เลือกแล้วแหละน่ะ”

“ลุงไผทจะว่าไงนะ ไม่ได้อุ้มหลานเหมือนคุณแม่เราเลย”


ตลอดทางกลับบ้านไผทพยายามตะล่อมถามเรื่องที่ลูกชายพูดว่ามีคนรักแล้ว
 เขาพยายามถามว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน จะไปสู่ขอให้ ด้วยลูกชายเพียงคนเดียวตอนนี้ก็เลยวัยเบญจเพสไปแล้ว

“พ่ออยากอุ้มหลาน แกจะอมพะนำทำไมนัก เปิดปากพูดมาเลย
ไม่งั้นพ่อจะไม่เชื่อแก จะนัดดูตัวให้แกอีกรอบหน้า”

“ไม่นะพ่อ ผมมีคนที่ชอบแล้วจริงๆ ขอผมเคลียร์กับน้องก่อนนะ น้องยังเด็ก ยังไม่รู้ว่าผมชอบด้วยซ้ำ”

“นี่แกอย่าริอ่านพรากผู้เยาว์นะ ติดคุก พ่อช่วยไม่ได้เลยบอกไว้ก่อน
 ไม่ใช่ว่าไปสอนแล้วไปชอบพอกับลูกศิษย์นะ”

“พ่อครับ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ผมทำหลานให้พ่อไม่ได้หรอกครับ ผมเป็นหมัน”

 ตะวันฉายโกหกคำโต ด้วยไม่อยากให้พ่อของเขามีความหวัง

“พูดบ้าอะไรของแก ตระกูลเราไม่มีประวัติว่าใครจะเป็นหมัน
 แกพูดอย่างนี้ทำให้เราสิ้นตระกูลได้เลยนะ เจ้าบ้านี่”

“ก็ผมทำลูกให้ไม่ได้จริงๆ นี่ครับ อย่าเอาเลยเนอะ เด็กเล็กน่ารำคาญเลี้ยงกว่าจะโต
 สมัยนี้มียั่วยุ สิ่งเร้ามันเยอะ เลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะครับ”

“แกจะพูดทำไมเยอะแยะเจ้าตะวัน ถ้าแกไม่คิดจะหาเมีย ไม่มี ไม่เอา
 ไม่แต่ง อะไรร้อยแปดที่แกจะอ้างก็เรื่องของแก อย่าไปคว้าผู้ชายที่ไหนเข้าบ้านก็พอ
 ไม่งั้นพ่อคงอกแตกตาย ที่แกอยู่ดีๆ ไปเป็นเมียใครเขาเข้า เฮ้อ!”

 ตะวันฉายสะดุ้งเฮือก เขาจะเป็นเมียใครได้ ถึงเขาจะหน้าตาหล่อเหลาสำอางไม่ใช่ว่าจะต้องไปเป็นเมียใครนี่นา

“ผมเป็นสามีเท่านั้นครับ พ่อสบายใจได้ เพียงแต่มีลูกให้ไม่ได้ ก็แค่นั้น”

“เออ ค่อยยังชั่วหน่อย” ตะวันฉายจอดรถหน้าเรือนไทยที่เปิดไฟไว้สว่างไสว
 เพื่อรอการกลับมาของประมุขของบ้านและลูกชายโทน

~โฮ่ง ~ โฮ่ง ~ หงิง

“ผงฟู ว่าไง คิดถึงเหรอ เด็กดี พ่อกลับมาแล้วครับ”

เจ้าโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ สีครีมนวล ขนยาว ตัวแสบของบ้านที่ซนมากๆ
อายุสองปีแล้ว แสนรู้ ขี้เล่น และที่สำคัญขี้เหงาเหมือนกับเขาไม่มีผิด

 “มิน่าล่ะ บอกว่ามีลูกไม่ได้ ก็มีแล้วนี่ไง ลูกแกหึ่ม!
พรุ่งนี้พ่อจะเรียกทนายมาทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ลูกชายแกให้หมด”

บิดาหน้าตึงใส่แถมแขวะไม่เลิกอีกด้วย

“พ่อครับ ก็คนมันมีลูกสองขาไม่ได้พ่อก็บ่นจริง”

 ตะวันฉายนั่งยองๆ ลูบเจ้าผงฟูไปมาอย่างมันมือและขว้างลูกเทนนิสออกไป
 เจ้าผงฟูสไลด์ตัวออกไปจากจุดนี้ และไม่นานก็คาบลูกเทนนิสมาคืนให้

“เก่งที่สุดเลยลูก อีกรอบ เอ้า! ตามไป!”

พ่อลูกเล่นกันสักพักเจ้าตัวแสบก็อุ้ยอ้ายกลับมา และย้ายก้นพากันเดินเข้าบ้านไป
ตะวันฉายนั่งลงที่โซฟายาว เขามองไปรอบๆ บ้านที่หลังใหญ่แต่เหงาเกินไป

ความเงียบมันอยู่กับเขามานานจนเกินพอ

‘รวีกานต์มาอยู่ด้วย ช่วยเลี้ยงผงฟูให้หน่อย…มันเหงา พี่ก็ด้วย’




ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 19  โชกุน ~ ขนม (ขนมหวาน)

“อือ จะนอน ”
ขนมคว้ามือที่ยุ่มย่ามแถวหน้าท้องและขอบกางเกงนอนออก เมื่อคืนขนมกับเพื่อนมีสังสรรค์กัน
และโชกุนที่เมาจนขนมต้องขับรถพากลับบ้าน แต่รอบนี้แทนที่จะส่งโชกุนที่บ้านอย่างเคยเขา
จำต้องพาเพื่อนที่รั้งตำแหน่งแฟนมานอนที่บ้านของเขาเสียเอง

‘หนมเจ้าวาทิตจะแต่งงานพรุ่งนี้ พ่อกับแม่จะไปภูเก็ตเช้านี้ ห้ามทิ้งบ้านนะลูก’

‘พ่อครับ แม่ครับ หนมไปด้วย อย่าทิ้งลูก’

‘แม่กับพ่อจะสวีทกันต่ออีกสองวัน ไว้คราวหน้านะคะลูก’

‘อยากดำน้ำดูปะการัง นั่งเรือเฟอร์รี่ แงๆ หนมจะไปด้วย’

‘แม่วางตังค์ไว้ให้กินหนมหน้าโต๊ะแป้งแล้ว ไปก่อนนะคะ รักลูกนะ’

‘ก็ได้ๆ เฝ้าบ้านใช่มั้ย คอยดูหนมจะช็อปไม่ให้เหลือเลยเถอะ’

ขนมช็อปปิ้งจนข้าวของเต็มสองมือด้วยเงินค่าจ้างเฝ้าบ้าน พอจะกลับบ้านก็ถูกโชกุน
และผองเพื่อนโทรจิกให้ไปนั่งดื่มกัน พอเมามายเขาจึงต้องลากยักษ์ขี้เมากลับมาบ้านด้วย
ก่อนหน้าเขาบอกโชกุนไปแล้วว่าต้องเฝ้าบ้าน

‘หนมจะให้โชนอนไหนก็ได้ อย่าทิ้งไว้ข้างถังขยะเป็นพอ’ โชกุนบอกกับขนม

นี่คือที่มาของหนวดปลาหมึกที่ยุ่มย่ามบนเรือนร่างอันบอบบางของเขาไม่ได้หยุด รบกวนการนอนสุดๆ

“โช ถ้าไม่หยุด ถีบสองขาคู่แล้วนะ!”

“อย่าใจร้ายเลยนะ หนมตัวหอมผิวเนียน ขอพี่โชชื่นใจหน่อยครับ”

~ ตุ๊บ! ~ โอ๊ย! ~

“อูย..ที่รัก…ทำไมใจร้าย”

ขนมหันหลังและคว้าหมอนข้างมากอด ปิดเปลือกตาลง แอบยิ้มขำ
เขาไม่ใส่ใจกับเสียงกุกกักข้างเตียง สักพักที่นอนข้างๆ ก็ยวบลง
ขนมสะดุ้งเมื่อถูกรวบกอดไว้อย่างแน่นหนา

“ลงไม้ลงมือ ต้องถูกทำโทษ”

โชกุนยกยิ้มและรั้งใบหน้าของขนมไม่ให้หันหนีก่อนจะทาบทับริมฝีปากจูบแบบไม่เร่งรีบ
ขบเม้มริมฝีปากของขนมอย่างช้าๆ เหมือนกำลังชิมความหวานอย่างนั้น
ดูดดึงหยอกล้อกลายๆ ขนมเบี่ยงหน้าหนี

“โช! ไม่เล่น อ๊ะ”

ขนมหดคอหนีใช้มือดันแผ่นอกของโชกุน แต่กลับถูกโชกุนกดต้นคอให้รับสัมผัสหวาน
ที่เจ้าตัวส่งไปให้ ลมหายใจอุ่นถูกพ่นเบาๆ ที่ใบหูอย่างจงใจ และตามติดด้วยฟันคมที่งับ
ใบหูที่เป็นศูนย์รวมความอ่อนไหวในกายบางนี้

“โช ยะ อย่า”

ขนมพลิกตัวจากท่าตะแคงเพื่อเล่นงานคนที่คุกคามเขาแต่กลาย
เป็นเปิดซอกคอให้อีกคนจู่โจมได้ถนัด เขาเจ็บจี๊ดที่ถูกฟันคมๆ ฝังรอยไว้และตามมา
ด้วยความเปียกชื้นที่ลากผ่าน ขนมเปิดปากประท้วงแต่เป็นการเปิดทางให้ลิ้นแหลมสอด
แทรกเข้าสำรวจโพรงปากอันอ่อนนุ่ม ขนมหลีกหลบแต่ถูกรุกไล่และเกี่ยวกระหวัดรัดรึง
ไม่ปล่อย สร้างความหวามไหวประหลาด น้ำสีใสไหลลงมาทางมุมปากเป็นสาย
ฝ่ามืออุ่นลูบไล้ไปทั่วแผ่นอก หยอกล้อกับตุ่มไตทั้งสองข้าง โชกุนคร่อมช่วงกลางลำตัว
ไม่ให้ขยับหนี เก็บน้ำหวานจนหมด ไซ้จมูกดอมดมลงมาตามลำคอ สันกราม
แนวกระดูกไหปลาร้า เสื้อนอนหลุดลุ่ยจนค้างอยู่ที่ข้อแขน

“คนดี เป็นของโชนะ”

โชกุนอ้อนขอ คนมากประสบการณ์นำพาขนมล่องลอย เผลอไผล
ซวนซบและซุกใบหน้าไว้ที่บ่ากว้าง เคลื่อนนิ้วมือเรียวนุ่มไปตามบ่าไหล่
ข้างลำตัวและวกเข้ามาที่แผ่นอกที่แน่นไล้มือลงที่ลอนกล้ามอย่างหลงใหล
ลมหายใจร้อนที่เป่ารดทำเอาขนมวูบวาบและขนลุกชัน วูบไหวในช่องท้อง
อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ขนมหยัดกายขึ้นเมื่อตุ่มไตถูกริมฝีปากอุ่นร้อนครอบครองอย่างเต็มคำ
ความร้อนลามไปทั่วตัว เสื้อนอนถูกถอดออกไปจากกายจนช่วงบนเปล่าเปลือยอย่างไม่รู้ตัว
สัมผัสปลุกเร้าที่เพิ่มระดับขึ้น ยิ่งกระตุ้นให้เสียวซ่านหวามไหว เขาต้องการสัมผัสที่แนบแน่นกว่านี้
อยากรู้ว่าปลายทางจะเป็นอย่างไร

“อะ อ้า โช อื้อออ” ขนมหลุดครางเสียงหวานอย่างกลั้นไม่อยู่

“ขนมหวาน หวานไปทั้งตัวเลยครับ”

โชกุนไล้ฝ่ามือร้อนไต่ลงมาข้างลำตัว สำรวจเรือนกายขาว ไล้วนปลายนิ้วเบาๆ
ที่แผ่นหน้าท้องแบนราบ เขาได้ยินเสียงหอบหายใจหนักๆ และอาการเขม็งเกร็ง
ที่หน้าท้องของขนม เมื่อนิ้วมือลากผ่าน จึงย้ายไปปัดป่ายแถวสะโพกที่ยังมีกางเกงตัวจิ๋วอยู่
ก่อนจะฟอนเฟ้นหน้าท้องของคนใต้ล่างด้วยปลายจมูกและลิ้นสาก ลมหายใจอุ่นรวยรินผะผ่าว
ลงบนผิวหน้าท้อง ขบกัดเบาๆ อย่างทักทาย ลากลิ้นชื้นแฉะรอบๆ หลุมร่องสะดือ ขนมผวาตามติด

ขนมรอคอยอยากได้รับสัมผัสที่มากกว่านี้ โชกุนยกยิ้มเมื่อเห็นอาการเอาแต่ใจของคนตัวเล็ก
หัวคิ้วมุ่นอย่างขัดใจ เขาจึงส่งมือไปนวดเฟ้นและคลึงเคล้นหน้าท้องให้อีกครั้ง ก่อนจะรูดกางเกง
นอนให้พ้นไปจากร่างบาง โชกุนจงใจพ่นลมหายใจต้องผิว สร้างความซ่านใจจนขนมผวากายหลาย
ต่อหลายครั้งและยกก้นลอย โชกุนยกยิ้มมุมปากอีกครั้ง เขากอบกุมแท่งร้อนของขนมมาไว้ในอุ้งมือ
ก่อนขยับรูดรั้งไปเรื่อยๆ อย่างไม่เร่งร้อนทั้งที่ใจตอนนี้อยากจะโจนจ้วงเข้าหากายบางใจแทบขาด

ขนมแทรกนิ้วมือเรียวในกลุ่มผมดกดำของเขาดึงทึ้งอย่างซ่านใจ บิดกายเร่าเมื่อส่วนอ่อนไหวที่แข็ง
ขืนถูกปลายลิ้นร้อนของเขาแตะต้องชิมน้ำหวานมันวาวที่ไหลรินออกมาจากส่วนปลาย
โชกุนถอดชุดนอนของตัวเองออกอย่างรีบร้อนจนกายเปล่าเปลือย เขาครอบปากลงไปรองรับ
เอาความแข็งขืนขนาดพอดีมือไว้ในกระพุ้งแก้ม ขยับริมฝีปากดูดดุนชักรูดจนขนมส่ายก้นลอย
อย่างลืมตัวตน แสงสลัวเลือนจากโคมไฟดวงเล็กทำให้เห็นร่างขาวโพลนดูยวนตา
โชกุนรูดรั้งจับจังหวะหนักบ้างเบาบ้าง สัมผัสหยอกล้อที่ลูกบอลไปด้วยอย่างเบามือ

“โช อื้อ ไม่ไหว ปล่อยก่อน”

ขนมพยายามดันหน้าของโชกุนออกแต่ไม่เป็นผล เขาสุดที่จะกลั้นเมื่อความเสียววาบ
แล่นสู่ไขสันหลัง หน้าท้องเขม็งเกร็งและปลดปล่อยลาวาร้อนออกมาจนเต็มกระพุ้งแก้ม
ของคนตัวโตที่ดูดกลืนอย่างไม่รังเกียจ และมีเสียงสะอื้นตามมา

“คนดี เป็นอะไร หืม” โชกุนขยับกายและรวบกอดคนงอแงไว้

“มึงแกล้งกู ฮือออ”
โชกุนจูบปลอบและไล้ฝ่ามือไปที่กรอบหน้าและก้มลงขบเม้มเบาที่ใบหูเพื่อเบี่ยงเบน

“ไม่ร้องนะ รักหนมนะครับ”
โชกุนสุภาพอย่างที่ไม่เคยเป็น เขาทาบกายลงไปกอดก่าย
ความปวดหนึบของกึ่งกลางกายที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยทำเอาแทบจะทนไม่ไหว

“อ๊ะ อื้อออ”
โชกุนเคล้นฝ่ามือที่สะโพกกลมไม่หยุด ความร้อนจากผิวกายที่เสียดสีกัน
เร่งเร้าให้ความปรารถนาลุกโหมขึ้นมาอีก โชกุนกัดกรามแน่น กอบกุมส่วนอ่อนไหว
ของขนมมาไว้ในอุ้งมือขยับรูดรั้งอีกครั้งเพื่อปลุกเร้าให้ตื่นตัวและมันได้ผล

“เรามามีความสุขไปพร้อมๆ กันนะ”
 ขนมถูกปลุกเร้าอย่างหนักหน่วงกว่าเดิม ใจสั่นไหวและขนลุกเกรียวไปทั้งกาย
 จมูกและปากของโชกุนตะโบมจูบทั่วตัว ฝากรอยรักไว้ทุกจุดที่ริมฝีปากพาดผ่าน

‘ไม่ไหว มากไป น่ากลัว’

“โชอย่า กลัว กูกลัว อึ่ก” ขนมพยายามจะกระถดตัวหนี

“ผ่อนคลาย ไม่ต้องกลัว โชจะอ่อนโยนกับหนม นะครับ”

โชกุนใช้คราบคาวที่หลงเหลืออยู่มาเป็นตัวหล่อลื่น เขากดคลึงที่รอยจีบสีหวานก่อน
จะส่งนิ้วเข้าไปสำรวจภายในโพรงอ่อนนุ่ม ทีละนิ้วจนครบทั้งสามนิ้ว ขนมน้ำตาคลอ
และกัดปากแน่นเขาจึงค่อยๆ ขยับนิ้วเข้าออกอยู่สักพักเพื่อให้ช่องทางของขนมคุ้นชิน
และขยายอย่างที่เขาต้องการ ขนมถอนหายใจเฮือกเมื่อโชกุนถอนนิ้วออก ความวูบโหวง
เข้ามาแทนที่ โชกุนขยับส่วนที่ปวดหนึบของเขาให้บดเบียดเสียดสีกับของคนใต้ร่างสักพัก
และกอบกุมมันเข้าไว้ด้วยกันแล้วชักรูดช้าๆ ทำเอาขนมครางผะแผ่ว

“อะ อื้อ โช”
ขนมห่อปากและสูดปากอย่างเสียวซ่าน โชกุนจึงกดจูบที่ริมฝีปากบาง ซอกคอ
และไล่ลงที่แผ่นอก หยอกล้อกับตุ่มไต่ที่ชูชันรับสัมผัส ส่วนมือยังคงรูดรั้งอยู่อย่างนั้น
โชกุนอยากจะฝังกายในช่องทางสีสวยเต็มทีแต่เขาต้องให้ขนมตื่นตัวเต็มทีเสียก่อน
ทั้งสองหอบหายใจถี่ ความเสียวซ่านแล่นไปยังส่วนปลายจนแทบจะปลดปล่อยออกมา

“โช ทำเถอะ มันทรมาน อ๊ะ”
โชกุนได้ยินอย่างนั้นจึงนำแท่งร้อนที่กำลังเขม็งเกร็งมาจ่อกับปากทางเข้าที่คับแคบ

“อดทนนะหนม อย่าเกร็ง โชจะหยุดถ้าหนมไม่ไหว ไม่ต้องกลัวนะ”
 ขนมดันหน้าท้องของโชกุนไว้

“จูบก่อน มันจะดีจริงๆ ใช่มั้ย”
ขนมถามย้ำเพื่อให้แน่ใจ ดวงตาปรือปรอยและปากที่บวมเจ่อพาให้คนมองใจสั่นระรัว
โอกาสที่ขนมจะเป็นของเขามาถึงแล้ว

“ครับ เจ็บแค่ช่วงแรก ผ่านไปได้จะรู้สึกดี”

โชกุนปลอบเขารู้ว่าขนมกลัว เขาเองก็ไม่ต่างกัน เขากลัวว่าเซ็กส์ครั้งแรกของพวกเขา
จะออกมาไม่ดี และกลัวขนมจะเข็ดขยาดถ้าเขาไม่ใส่ใจพอ โชกุนจึงป้อนจูบจากแผ่วเบา
นำไปก่อนและเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนขนมเคลิบเคลิ้ม มัวเมา เขาจึงใช้จังหวะนี้กดส่วนหัว
เข้าไปมันผ่านไปได้กว่าครึ่ง

“อึ่ก เจ็บ อ่ะ อ่า”
ขนมตัวสั่นและทุบอกโชกุน เม็ดเหงื่อผุดออกมาจนไรผมเปียกทั้งที่แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ
จนได้สิ เขายอมเป็นฝ่ายเจ็บตัวเสียเองจนได้ โชกุนลูบแผ่นหลังของเขาเพื่อปลอบประโลม
นี่ขนาดมันยังเข้ามาไม่หมดเขายังจุกและเจ็บอย่างกับถูกใครฉีกร่าง

“ผ่อนคลายนะ อีกนิดเดียวเท่านั้น”
เสียงกระซิบแผ่วและแหบพร่าบ่งบอกว่าโชกุนอดกลั้นตัวเองมากเหมือนกัน
ขนมจึงยกมือขึ้นลูบไล้แผ่นหลังและหน้าอกของโชกุนและบอกให้ทำต่อ
และอาการจุกเสียดจนหายใจแทบไม่ออกก็ตามมา

“ขอโทษนะหนม โชนุ่มนวลที่สุดแล้ว ไม่เกร็ง ไม่ร้องนะ”

โชกุนบรรจงจูบซับน้ำตาให้และเริ่มขยับช้าๆ เมื่อขนมหยุดสะอื้น
และเป็นไปอย่างอ่อนโยนจนขนมคุ้นชินและเริ่มปัดปายมือไปยังลอนกล้ามท้อง
ของเขาอีกครั้งแล้ว ลูบไล้อย่างแผ่วเบาและเผลอจิกเล็บลงที่สีข้างเมื่อเขากระแทก
ถูกจุดที่เสียดเสียวเข้า

ขนมกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น ความเสียดเสียวเริ่มเข้ามาแทนที่ คนบนร่างเริ่มกระแทกกระทั้น
ถี่ระรัวจนร่างของเขาโยกคลอนไปตามแรงกระทั้น ขนมครางดังกว่าเดิมเมื่อโชกุนกระแทกถูก
จุดกระสันเข้าอย่างจัง เขาจึงขมิบตอดรัดแท่งร้อนของโชกุนแน่นจนได้รับคำชม และได้รับจูบ
แสนหวานและดูดดื่มเพิ่มอีกด้วย จนครางกระเส่า

“อื้อ ตรงนั้น อ้า โช”
โชกุนเน้นย้ำจนขนมร่อนก้นตาม โชกุนขบกรามจนขึ้นเป็นสันนูนเมื่อถูกขนมตอดรัด
ไว้แน่นจนปวดหนึบ ความรู้สึกอยากปลดปล่อยทะยานขึ้นสูง จนโถมกายกระแทกกระทั้น
อย่างไม่มีผ่อนปรน ยิ่งขนมรบเร้าขอแรงๆ เขายิ่งได้ใจจับสองขาของขนมพาดบ่าและฝังลึก
ตอกอัดเข้าไปอย่างไม่ออมแรง

“คนดี หนมน่ารักมาก รู้ตัวมั้ย เป็นของโชแล้วนะ อ่าห์”
โชกุนสอบสะโพกเข้าหาจนหน้าขากระทบกันเสียงดังหยาบโลน นาทีนี้แม้ฟ้าจะถล่ม
แผ่นดินจะแยกก็ไม่มีสิ่งใดจะแยกทั้งสองออกจากกันได้ ห้วงอารมณ์ที่ดำดิ่ง เวิ้งว้าง
ล่องลอย หฤหรรษ์ทุกอารมณ์ต่างโถมเข้าใส่ ทั้งสองเห็นแสงสว่างอยู่ปลายทาง

“โช แรงอีก อ๊ะ ยะ อย่าหยุด อื้ออออ”
ขนมเกร็งกระตุกและฉีดพ่นน้ำของเหลวขุ่นข้นรินรดหน้าท้อง 

“ไม่รอเลยนะครับ อ๊ะ อ่าห์”
โชกุนกระแทกแท่งร้อนในช่องทางที่เริ่มช้ำแดงอีกสามสี่ทีติดๆ ก่อนที่จะเกร็งเขม็ง
กระตุกกายแกร่งฉีดพ่นธารน้ำรักจนท่วมท้นช่องทางสีช้ำและมีบางส่วนที่ไหลล้น
ทะลักออกมาด้านนอก เหงื่อท่วมกายของทั้งสองคนจนผิวมันลื่น

“มันไม่แย่ใช่มั้ย ขอบคุณนะหนม”
โชกุนจูบซับน้ำตาที่หางตาให้และค่อยๆ ถอดถอนกายออก ภาพที่เห็นทำเอาใจสั่นระริก
ขนมตัวแดงและลายพร้อยไปทั้งตัว หลังและบ่าของเขาเองก็แสบไปหมดจากกรงเล็บที่
ทั้งจิกและครูดลงบนผิวกายจนเป็นทางยาว ยิ่งช่องทางของขนมที่มีน้ำรักของเขาเอ่อท้นแบบนี้
เขาอยากจะเข้าไปสำรวจอีกสักสองสามรอบ แต่เห็นร่างที่นอนตัวอ่อนปวกเปียกตาปรือปรอยใกล้ปิด
เขาจึงตัดใจ

โชกุนจัดการเช็ดตัวและทำความสะอาดให้คนที่หลับไม่รู้เรื่อง เขาเดินไปที่กระเป๋าหยิบยาออกมา
นำไปทารอบๆ รอยจีบและสอดยารักษาแผลฉีกขาดภายในให้คนรัก อยากปลุกให้กินยาแก้อักเสบ
และแก้ไข้แต่กลัวว่าจะงอแง เขาจึงได้แต่เฝ้าระวังไม่ให้คนรักมีไข้คอยคลำคอยจับเนื้อตัวไม่หยุด
จนผล็อยหลับในตอนใกล้สว่าง

ขนมตื่นขึ้นมาในตอนสาย เขาปวดเมื่อยตามร่างกาย ยิ่งช่องทางที่ถูกรุกล้ำด้วยแล้วยิ่งเจ็บระบบ
ทุกครั้งที่ขยับเท้าก้าวเดิน เขาใช้เวลาอาบน้ำชำระร่างกายนานกว่าทุกวัน เห็นตัวเองในกระจกอย่าง
กับคนเป็นโรคเลือด เนื้อตัวลายพร้อยแทบไม่มีที่ว่างเว้น ตั้งแต่ลำคอลงมาจนถึงโคนขา
ถ้าพ่อกับแม่มาเห็นเขาในตอนนี้คงได้พากันวิ่งวุ่นจับเขาส่งโรงพยาบาลเป็นแน่  ท่านจะรู้กันบ้างมั้ย
ว่าเพราะทิ้งลูกไปสวีท ลูกรักเพียงคนเดียวถึงได้พลาดท่าเสียตัว ส่วนคนทำก็ไม่เห็นจะมาดูดำดูดี

 นึกแล้วก็โมโห

~ ~ ก็อก ก็อก ~~

“หนมครับ เป็นอะไร ทำไมเข้าห้องน้ำนานจัง”
โชกุนเคาะเรียกอยู่หน้าห้องน้ำ เขายกมือจะเคาะซ้ำแต่ประตูก็เปิดออกเสียก่อน
คนตัวเล็กยืนหน้าบึ้งตึงมองอย่างกรุ่นโกรธ ตัวขาวๆ เต็มไปด้วยรอยรักบ่งบอกว่า
เมื่อคืนผ่านคืนอันเร่าร้อนมาขนาดไหน โชกุนทำเป็นมองผ่านเพราะเขาเห็นแล้วตอน
ที่เช็ดทำความสะอาดให้

“ไหนดูสิครับ ตัวร้อนมั้ย ตัวก็ไม่ร้อน เดี๋ยวไปหาข้าวกินกัน ขออาบน้ำแป๊บนึงนะ”
 พูดจบแล้วคนงอนก็ยังคงหน้างอง้ำไม่หาย ไม่ต่อปากต่อคำผิดไปจากปรกติ
 ทำเอาโชกุนใจเสียจึงรวบตัวมากอดและจูบที่เรือนผมนุ่ม

“รักหนมนะครับ อย่าโกรธโชเลย เอ้า! ให้ข่วนหรือจะกัดก็ได้ เยอะๆ เลยถ้าหนมจะหายโกรธ”
โชกุนพูดแล้วหันแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าให้ขนม ยืนรอไม่เห็นว่าขนมจะขยับหรือลงมือทุบตี
เขาจึงหันมองและเห็นเจ้าตัวก้มหน้านิ่งใบหูแดงเถือก

“ไม่ข่วนเหรอครับ งั้นเราดีกันแล้วนะ”

โชกุนหอมแก้มขนมไปฟอดใหญ่และเดินเข้าห้องน้ำ

‘หน้าด้าน ไม่เหลือที่ว่างให้ข่วนแล้ว รอยฟันที่หัวไหล่นั่นอีก บ้าที่สุด’
ขนมเม้มปากและคลายออกก่อนจะเดินไปหาเสื้อผ้าใส่ หวนนึกไปถึงเหตุการณ์
เมื่อคืนและคำพูดนั่นอีก ใบหน้ายิ่งเห่อร้อนจนแทบระเบิด

‘ขนมหวาน’
ขนมรีบสวมเสื้อผ้าและมองไปยังประตูห้องน้ำอย่างระแวง
สุดท้ายเขาก็หนีการตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ชายคนนี้ไปไม่ได้

ชีวิตแสนเศร้าของไอ้ขนมคนหล่อสุดเกรียนหมดท่าแล้ว

‘เพราะพ่อกับแม่นั่นแหละทิ้งหนม กลับมาได้ลูกเขยเลย งื้อ’
ขนมโถมตัวลงบนหมอนเกลือกกลิ้งใบหน้าไปมา กำมือและทุบบนที่นอนเพื่อระบายความอับอาย







ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 20  ฟีนิกซ์~ธาวิน (วิหคเพลิง 1)

ตั้งแต่เลี้ยงสังสรรค์กันคราวก่อนกับเพื่อนๆ ฟีนิกซ์ก็มัวยุ่งอยู่กับการจัดแต่งร้านกาแฟ ส่งพนักงานไปเทรนด์
รวมทั้งหาเชฟมาประจำร้านและอื่นๆ อีกหลายเรื่อง จนเขากับธาวินไม่มีเวลาเจอกันเลย
เขาแค่โทรถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันก่อนนอนเท่านั้น ธาวินทำงานกับบริษัทที่เคยไปฝึกงานด้วย
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเจ้าตัวนัก ชีวิตความเป็นอยู่ทางบ้านของธาวินดีขึ้นกว่าแต่ก่อน
บิดาเลิกได้เหล้า และมีงานประจำที่เงินเดือนมากพอใช้จ่ายในแต่ละเดือน

“คิดถึงธาม มีคนมาวอแวมั้ยเนี่ย หวงนะ”

(หวงอะไรเล่า ไม่มาให้เจอเองนะ หนิกนั่นแหละซ่อนใครไว้หรือเปล่า)

“จะมีใครได้ล่ะ รักแค่ธามคนเดียว”

(พูดเต็มปากเต็มคำ อย่าให้รู้ว่านอกใจ)

“ไม่มีแน่นอน เชื่อสิ อีกไม่นานครับ จะไปให้เห็น ทั้งก่อนเข้านอนและหลังตื่นนอนเลย”

(จะรอ อย่าหลอกล่ะ)

“ครับ รักธามนะ ฝันดี”

(รักเหมือนกัน ฝันดี)

“พ่อทูนหัว ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว คุยกับลูกสะใภ้ของแม่เหรอ แม่ไม่เจอนานแล้วนะ คิดถึงจัง”

“คุณนายครับ แค่ว่าที่สะใภ้เองครับ เฮ้อ! คิดถึงมากด้วย”

“คิดถึงก็ไปพามาสิคะ รวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวเลยค่ะคุณ รออะไรล่ะ”

“แม่อ่ะ ธามได้ฟาดผมหัวแบะสิ ถ้าทำแบบนั้นได้ไม่ปล่อยไว้จนตอนนี้หรอกครับ”

“ต๊าย! ลูกสะใภ้แม่ยังซิง พ่อสุภาพบุรุษของแม่ ไปบวชดีมั้ยคะ” มารดาแกล้งทำตกอกตกใจ

“คุณนาย อย่าล้อสิครับ ไม่ใช่ไม่มีน้ำยานะครับ รอทำร้านเสร็จก่อน นั่นสินสมรสเลยนะ”

“จ้ะ พ่อบุญทุ่ม ระวังลูกแกะให้ดี ยิ่งน่ารักแบบนั้น ทำงานเจอคนมากหน้าหลายตา
 เอวบางร่างน้อยคงมีคนอยากจะดูแล ไปดีกว่าคิกคิก” มารดาพูดทิ้งท้าย

“คุณแม่ ผมไม่หึง ผมเชื่อใจธาม”

“จ้ะ แม่จะรอดู อย่าน้ำตาเช็ดหัวเข่ามาล่ะ แม่ไม่ปลอบ”
 มารดากรีดนิ้วเดินผ่านหน้าไป ฟีนิกซ์นิ่วหน้าที่ท่านพูดก็มีเหตุผล เขาเชื่อใจธามแต่เขาลืม
ไปว่าผู้ชายคนอื่นล่ะจะเชื่อใจได้แค่ไหน ลองได้ร่วมงานกับคนน่ารักแถมใจดีแบบนั้น เป็นใครจะไม่ชอบธามของเขา

‘ไม่ได้การ พรุ่งนี้ต้องไปแสดงความเป็นเจ้าของเสียหน่อยแล้ว’

ธาวินออกจากลิฟต์ เดินตรงเข้าออฟฟิศ กำลังจะไปที่โต๊ะทำงานประจำแต่กลับถูกเรียกตัวไว้เสียก่อน

“ธาม บ่ายนี้ไปพบลูกค้ากับพี่ ทานกลางวันที่นั้นเลย ไม่ไกลจากที่นัดหมายเท่าไหร่”ภาสุพูด และยิ้มพราย

“ครับคุณภาสุ” ธาวินรับคำผู้บังคับบัญชาสายตรงของเขา และทำทีจะเดินเลี่ยงไป
 แต่บทสนทนาต่อมาก็ยังตามมาอีกจนต้องหยุดฟัง

“บอกให้เรียกว่าพี่ภาพไม่เคยจะทำ สงสัยต้องสั่งหักเงินเดือนแล้วล่ะ” ธาวินจับกระแสเย้าหยอกนั้นได้

“เอ่อ ก็มันไม่ชินนี่ครับพี่ภาพ”

“ก็แค่นั้น หึหึ” ภาสุหัวเราะแล้วเดินจากไป

ธาวินรู้ว่าอีกคนเข้าหา ทำเป็นเอ็นดูแต่เขาไม่อยากทำตัวให้สนิทจนเกินขอบเขต
คราวที่มาฝึกงานที่นี่เขาเคยได้ยินคำร่ำรือของผู้ชายคนนี้ รสนิยมที่ชื่นชอบเด็กผู้ชาย
เพื่อนที่มาฝึกงานด้วยกันเคยเล่าให้ฟังว่าถูกชักชวนบ่อยๆ แต่เพื่อนก็หลบเลี่ยงเสียทุกครั้ง
และครั้งนี้ธาวินต้องมาเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาของภาสุ ผู้ชายที่เป็นตัวอันตราย
ความหนักใจจึงแล่นลิ่วเมื่อมีคำสั่งให้ออกไปพบลูกค้าด้วยกันในครั้งนี้

“น้องธามจะไปกับพี่ภาพน่ะ ระวังตัวให้มากๆ นะ เสร็จงานแล้วให้กลับบ้านเลย ห้ามไปต่อล่ะ
 เข้าใจนะ พี่เป็นห่วงเรานะธาม”

“ครับพี่เจี๊ยบ ผมจะระวังตัวครับ”

ธาวินทำงานอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขามองแต่นาฬิกายิ่งใกล้เวลานัดเขาก็ยิ่งเครียด
 และยิ่งมีพี่เจี๊ยบเตือนมาแบบนั้นด้วย เขายิ่งกลัวมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

 
ฟีนิกซ์ตั้งใจจะรับธาวินไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน เขาจอดรถที่ลานจอดรถหน้าบริษัท
กำลังจะกดโทรศัพท์ไปหาแต่สายตาก็เหลือบไปเห็นธาวินที่กำลังเปิดประตูรถสปอร์ตสีขาว
และก้าวขึ้นรถไปเสียก่อน เขารีบเก็บโทรศัพท์และขับรถตามไป ใจของฟีนิกซ์ตอนนี้ร้อนรุ่มดั่งไฟสุม
ถ้อยคำที่มารดาพูดไว้เมื่อคืนก็พรั่งพรูเข้ามาในห้วงความคิด วนเวียนกลับไปมาอย่างกับการเล่นแผ่นซีดี
วนซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น

‘ระวังลูกแกะไว้ให้ดีล่ะ ยิ่งน่ารักแบบนั้น ทำงานเจอคนมากหน้าหลายตา
 เอวบางร่างน้อย มีแต่คนอยากจะดูแล’

 “ธามไม่มีทางเป็นอย่างนั้น…ไม่แน่นอน”
ฟีนิกซ์พึมพำ ดวงตาจับจ้องไปยังป้ายทะเบียนของรถคันหน้าอย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา
พอถูรถคนอื่นแทรกกลางทำให้ทิ้งระยะห่างจนเกือบคลาดกัน ฟีนิกซ์ตบไฟเปลี่ยนเลนส์และแซงกลับ
แต่ไม่นานรถคันหน้าก็เลี้ยวเข้าซอย เขาจึงเลี้ยวตามไปติดๆ และพากันไปโผล่อีกแยกหนึ่ง
และข้างหน้าเป็นจุดหมายปลายทาง

อาคารสูงกว่าห้าสิบชั้น โรงแรมหรูใจกลางเมืองซึ่งค่าห้องพักสนนราคาหนึ่งหมื่นสามพันบาท
 จนราคาเป็นแสนๆ บาทต่อคืน ฟีนิกซ์จอดรถห่างกันสามช่องคันจอดรถ เขาไลน์ไปหาธาวินทันทีที่รถจอดสนิท

Phoenix: คิดถึงธาม ทานข้าวหรือยัง

Thawin: มีนัดกับลูกค้าตอนบ่าย แต่จะทานข้าวก่อน คิดถึงเหมือนกัน

Phoenix: รักธามนะ

Thawin: รูปกระต่ายชูหัวใจ

Phoenix:  เปิดระบบติดตามตัวให้ด้วย จะไปรับกลับ

Thawin:  ok

“ธามมีอะไรดี ยิ้มไม่หุบ คุยกับใครน่ะ หืม” หนุ่มใหญ่ที่ภาพรวมดูดีหันไปถามลูกน้อง

“เอ่อ เพื่อนน่ะครับ” ธาวินเลี่ยงที่จะบอกว่าคุยกับแฟน ด้วยไม่อยากที่จะสนทนาให้มากความไปกว่านี้

“อ่อ เราเข้าไปข้างในกันเถอะ พี่สั่งอาหารไว้แล้ว”ภาสุเดินนำ

“ครับ แล้วเรานัดลูกค้าที่ไหนกันเหรอครับ”
 ธาวินถามด้วยเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ โรงแรมหรูระดับนี้ ต้องเป็นลูกค้าคนสำคัญมากแน่ๆ

“ที่นี่แหละ เดี๋ยวคงมา คุณพิธาน JSKL รู้จักใช่มั้ย”
 ธาวินได้รับคำตอบก็มุ่นหัวคิ้ว ลูกค้าท่านนี้ปกติจะเข้าออกบริษัทเขาประจำอยู่แล้ว
 แต่ทำไมคราวนี้ถึงนัดคุยงานนอกบริษัท

“อ่อ ครับ วันก่อนยังได้ทักทายกันอยู่เลยครับ” ธาวินพูด รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

ฟีนิกซ์ลงจากรถและเข้าไปนั่งร้านกาแฟ เขาสั่งกาแฟมาหนึ่งแก้ว แซนด์วิชหนึ่งชิ้น
สองอย่างเป็นราคาที่คนที่เป็นพนักงานประจำจ่ายค่อนข้างลำบากอยู่สักหน่อย แพงไม่ใช่เล่น
แต่เพื่อคนรักของเขาแล้วแค่นี้เขาพอจ่ายไหว

ชายหนุ่มจิบกาแฟที่เผลอสั่งเมนูปั่น ซึ่งเป็นเมนูที่คนโปรดของเขาชื่นชอบอีกด้วย
มองกาแฟตรงหน้าและยกยิ้มกับตัวเอง อาการหนักแต่ยังทำเป็นว่าไม่เป็นไร
คิดถึงมากขนาดนี้แต่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาเดือนกว่า หัวใจเรียกร้องหากันก็
คงไม่แปลก เท่าที่เห็นในแวบแรกธาวินดูผอมลงกว่าเดิม จนตัวเล็กลงอีก พอกันทีกับการจะเก็บ
เป็นเซอร์ไพรส์ เขาไม่อาจห่างได้อีกแล้ว มีไลน์แจ้งเข้ามาจนฟีนิกซ์สะดุ้ง

Thawin: ลูกค้ายกเลิกนัด ง่วงตาจะปิด อยากนอน

Phoenix: จะกลับหรือยัง

Thawin: กลับๆ

Phoenix: รอนะที่ลานจอด

Thawin: จริงๆ นะ

Thawin: ส่งรูปหัวใจ

ฟีนิกซ์ออกจากร้านกาแฟและเดินดุ่มๆ ไปที่รถ ติดเครื่องยนต์รอ เห็นธาวินแล้ว
แต่ทำไมโงนเงนแปลกๆ ผู้ชายอีกคนเปิดประตูรถให้ ฟีนิกซ์พุ่งออกไปคว้าแขนของธาวินไว้

“ธามกลับบ้าน! ทำไมเป็นแบบนี้”
 ฟีนิกซ์รวบร่างบางไว้ในวงแขน เห็นเพียงดวงตาที่ปรือปรอย

“กลับๆ ง่วงจัง” เสีงที่พูดก็อู้อี้จนฟังแทบไม่รู้เรื่อง

“เห้ย! อะไร ธามมากับผม นายเป็นใคร นี่ก็เวลางาน”

“จะนอน”
ธาวินซบลงที่แผ่นอกของเขาย่างไม่ผ่อนแรงจนเขาเซไปสองก้าว จึงช่วยประคองไม่ให้ล้ม

“ธามกลับกับพี่! ขึ้นรถ!” ภาสุเสียงดังและเข้าไปฉุดแขน

“ธามจะกลับกับผมเท่านั้น คุณทำอะไรธาม อย่าคิดว่าผมดูไม่ออก
 ง่วงจนยืนไม่ติดแบบนี้ มันปกติหรือไง”
 ฟีนิกซ์เสียงดังใส่เช่นกัน รูปร่างหน้าตาคนตรงหน้าก็ดี แต่กิริยาส่อว่ามีเจตนาไม่ดีกับคนของเขาแน่ๆ

“มันไม่ใช่เรื่องของนาย นี่คนของผม มากับผมก้ต้องกลับกับผมเท่านั้น”
 ภาสุยืนกราน และพยายามจะยัดธาวินเข้าไปในรถ

“คนของมึงเหรอ แต่นี่ธามเมียกู มึงรู้เอาไว้ด้วย ไอ้งานเฮงซวยนั่นน่ะไม่ให้ทำแล้ว
 ออกไปเลย เมียคนเดียวกูเลี้ยงได้ หลีกไปเลย ถ้ายังขวางอีกมึงเจอดีแน่”

“นี่แก ไอ้ๆ เมียบ้าบออะไร หึ้ย”
 ภาสุชี้หน้าคนที่อ้างตัวและคิดจะชุบมือเปิบด้วยมืออันสั่นเทา กระต่ายที่เขาเฝ้ามองมาหลายเดือน
กำลังจะถูกหมาป่าคาบไป

ฟีนิกซ์ยกเท้าถีบประตูรถดังโครมคนเจ้าของรถหน้าซีด เขาพยุงธาวินที่แทบจะรูดลงไปกองกับพื้นไปที่รถ
 วางลงกับเบาะและปรับเบาะให้นอน ก่อนจะออกรถ เขาโกรธตัวเองที่ปล่อยปละละเลยธาวินจนเกือบเสีย
ท่าพวกมากเล่ห์ ฟีนิกซ์ก่นด่าตัวเองไปตลอดทางจนถึงบ้าน

“ธามครับ ตื่นเถอะ” ฟีนิกซ์ตบแก้มนุ่มเบาๆ แต่คนหลับก็ไม่มีทีท่าจะรู้สึกตัว

“ลุงไม้เก็บรถให้ที บอกคุณแม่ให้ด้วยว่าธามไม่สบายนะครับ”
 ฟีนิกซ์ส่งกุญแจรถให้ลุงไม้ที่รับไปและมองคนหลับเลิ่กลั่ก ฟีนิกซ์อุ้มธาวินเข้าบ้านไป
 เปิดประตูห้องนอนเข้าไป ค่อยๆ วางธาวินลงบนเตียง จัดท่านอนให้ เอาหมอนข้างมาให้ก่ายเกย
 และหันไปเปิดแอร์ ก่อนจะกลับมานั่งลงข้างๆ ลูบกลุ่มผมนุ่มไปมา

“เจอแต่เรื่องแย่ๆ ตลอดเลยนะธาม ไม่ปล่อยให้พ้นสายตาแล้ว
 ไอ้หมอนั่นถ้ามันมายุ่งกับธามอีก มันไม่ตายดีแน่”

ฟีนิกซ์นั่งมองคนรักที่หลับลึก และดูท่าว่าจะหลับนานเสียด้วย เขาจึงปล่อยให้นอนและเดินลงไปชั้นล่าง
เพื่อคุยกับผู้เป็นมารดา ไปขอบคุณที่ท่านเตือนสติเขาเมื่อคืนทำให้เขาได้คิดและไปช่วยคนรักไว้ได้


ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 21  ฟีนิกซ์ ~ ธาวิน (วิหคเพลิง 2)

ธาวินลืมตาตื่นอย่างงงๆ เขามาอยู่บนเตียงนอนที่แสนจะคุ้นเคยนี้ได้ยังไง
ล่าสุดเขานั่งทานอาหารกับคุณภาสุก่อนที่ลูกค้าจะโทรมาเลื่อนนัด พอทานอาหารเสร็จ
ก็พากันกลับ เขารู้สึกง่วงนอนเอามากๆ เหมือนจะได้เจอกับฟีนิกซ์

“ธามครับ ตื่นแล้วเหรอ นอนไปหลายชั่วโมงเลยนะ ไปทานข้าวกันคุณแม่รอ
 โทรบอกพ่อธามด้วยนะว่านอนบ้านนี้น่ะคืนนี้”
ฟีนิกซ์ดึงคนที่ยังมีอาการง่วงอยู่หน่อยๆ ขึ้นนั่ง

“หนิกบอกพ่อให้ทีสิ นะๆ เรากลัวพ่อจะบ่นเอาน่ะ”
ธาวินช้อนตาขึ้น และกะพริบปริบๆ อย่างอ้อนๆ

“ได้สิเดี๋ยวโทรให้ ไปล้างหน้าหน่อยไป คุณแม่บ่นคิดถึงลูกสะใภ้”
ฟีนิกซ์จับแก้มคนรักยืดออกอย่างมันเขี้ยว

“อ๊ะ เจ็บนะ บ้าสิลูกสะใภ้อะไร” ธาวินพูดและเม้มปาก

“หึหึ จะฟ้องคุณแม่ ธามว่าท่านบ้า” ฟีนิกซ์ทำตาพราวแสง

“เราว่าหนิก ไม่ได้ว่าคุณแม่ซะหน่อย”
ธาวินลงจากเตียงด้วยไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนเจ้าเล่ห์ ออกอาการเซเล็กน้อย ฟีนิกซ์จึงช่วยพยุง

“เราก็นอนไม่ดึกนะเมื่อคืน ทำไมง่วงแบบนี้ล่ะ”
 ธาวินเปรยๆ ด้วยไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรกับตนในช่วงบ่าย

“ล้างหน้าก่อน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
ธาวินเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ สักพักก็ออกมาและรับผ้าขนหนูผืนเล็กไปซับน้ำที่ใบหน้าและลำคอ

“เรียบร้อยแล้ว เล่ามาสิ มีอะไรที่เรายังไม่รู้”
 ธาวินที่ใบหน้าดูสดชื่นขึ้นถามออกมาและทำท่าจะนั่งลงที่ขอบเตียง

“ไปข้างล่าง ทานข้าวก่อน กลางวันยังไม่ได้กินเลยหิวแล้วเนี่ย”

“อ้าว! ทำไมไม่กินล่ะ นิสัยไม่ดี ให้แต่เรากิน ตัวเองเป็นซะอย่างนี้”
 ธาวินทำปากคว่ำใส่อย่างขัดใจ เดินหน้ามุ่ยนำออกไป พอไปถึงห้องรับประทานอาหาร
 ก็พบว่ามารดาของคนรักนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“สวัสดีครับคุณแม่ สบายดีมั้ยครับ”

“จ้ะ สบายดี คิดถึงหนูธาม ตาหนิกไม่ยอมไปรับมาให้แม่ คนแก่ถามถึงทุกวัน ไม่ได้อย่างใจเลยลูกคนนี้”

“งานผมเยอะคุณแม่ก็รู้” ฟีนิกซ์นั่งลงฝั่งตรงข้ามท่าน

“ถ้าไม่พูดว่าป่านนี้หนูธามถูกหนุ่มๆ รุมจีบแล้ว แม่คงไม่ได้เจอหน้า”

“เอ่อ ผมไม่ได้มีใครครับคุณแม่ หนิกยุ่งเลยไม่อยากมากวนน่ะครับ”
ธาวินรีบปฏิเสธด้วยกลัวว่าท่านจะเข้าใจผิด

“ทำตัวเองทั้งนั้น พูดยังไม่ทันจะขาดคำ เกิดเรื่องจนได้”

“เอ่อ มีอะไรกันเหรอครับ” ธาวินหน้าเหวอ

“เราถูกวางยาในอาหาร หลับตรงลานจอดรถเลย นี่ขนาดเจ้าหนิกพามาถึงบ้านปลุกก็ไม่ตื่น อุ้มกันทุลักทุเล”

“แม่ครับ ผมอุ้มของผมได้ ตัวเบาจะตายไป”

“หนิก เราโดนยามาเหรอ ทำไมเป็นแบบนั้น?”
ธาวินถามออกไปเสียงเบา เรื่องที่กลัวเกิดขึ้นจนได้ ขนาดว่าระวังตัวแล้วเชียว ยังพลาดท่า

“อืม ตอนไปพาออกมา ไอ้นั่นมันยังบอกไม่ให้ยุ่งกับธาม มันว่าธามเป็นคนของมัน
 ตกลงธามเป็นคนของใครกันแน่ นี่เรางงไปหมดแล้วนะ”
 ฟีนิกซ์แสร้งทำเป็นน้อยเนื้อต่ำใจและตัดพ้อกลายๆ

“หนิกอย่าเสียงดังสิลูก ดูสิหนูธามหน้าซีดเลย พูดกันดีๆ ไหนลูกบอกว่าเชื่อใจธามไงคะ”
 มารดาปรามลูกชาย

“ขอโทษครับ อยู่ดีๆ ไอ้นั่นจะพาคนรักของผมไปทำปู้ยี่ปู้ยำ ผมไม่ซัดมันคว่ำก็ดีขนาดไหนแล้ว”
 ฟีนิกซ์ยังกรุ่นโกรธไม่เลิกเมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“เราไม่รู้เลย เค้ากล้าทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง จะมองหน้ากันติดได้ไงแบบนี้
 สายงานเราขึ้นตรงกับเขาด้วยสิ”

ธาวินมีสีหน้าลำบากใจและวิตกกังวล งานที่กำลังไปได้สวยต้องมาสะดุดด้วยคนเพียงคนเดียว

“ยังคิดจะกลับไปทำอีกเหรอ ไม่ให้ทำแล้ว ออกไปเลย”
ฟีนิกซ์ขึ้นเสียงอย่างเหลืออด ทำไมไม่รู้จักหลาบจำนะ

“หนิกอย่าใช้อารมณ์สิลูก ธามเป็นฝ่ายเสียหาย อันที่จริงเราฟ้องเอาเรื่องเขาได้นี่ลูก”
 มารดาออกความคิดเห็นและคอยปรามลูกที่ดูจะหัวร้อนมากขึ้นทุกที

“ไม่ฟ้อง ผมจะกลับไปกระทืบมัน คนแบบนั้นต้องสั่งสอนให้สำนึก เลวนัก”
 ฟีนิกซ์พูดด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น

“โหดไป อันที่จริงเรายังปลอดภัยดีอยู่” ธาวินพูดไม่เต็มเสียงนัก

“จะรอให้เสียหายก่อนเหรอถึงค่อยเอาเรื่องมัน เราไม่เข้าใจธามเลย คิดอะไรอยู่เนี่ย
 รู้บ้างมั้ยว่าเราน่ะอยากห่ามันซะด้วยถ้าทำได้ ทำไมธามไม่อะไรเลย”
 ฟีนิกซ์ขบกรามจนเป็นสันนูน

“แม่ว่าธามเลิกเป็นคนใจดีได้แล้ว เรื่องบางเรื่องถ้าเรายอม คนผิดก็จะได้ใจ
 และไปก่อเรื่องกับคนอื่นอีกเรื่อยไป”
 มารดาเตือนสติ คนรักของลูกดูจะอ่อนต่อโลกมากเกินไป

“นั่นสิครับคุณแม่” ลูกชายเห็นด้วยกับมารดา

“เราจะไม่ไปทำงานที่นั่นแล้ว ขอให้เลิกแล้วต่อกันเถอะ นะหนิก ธามขอ”

“ว่าไงลูก รับปากสิ ธามเครียดแล้ว อ้าว! น้ำตาร่วงเลย”

“ก็ได้ๆ อย่าร้องไห้เลย กินข้าวเถอะ เราหิวแล้ว” ฟีนิกซ์ใจอ่อนยวบที่เห็นน้ำตาของคนรัก

“ขอโทษที่ทำให้หนิกไม่ได้กินกลางวัน”

“ไม่เป็นไร กินแซนด์วิชกับกาแฟไปแล้วแหละ ระหว่างที่รอธาม”

“นี่หนิกตามเราไปถึงที่นั่นเหรอ ไม่เห็นรู้เลย” ดวงตายาวรีเบิกกว้าง

“ตามตั้งแต่หน้าบริษัท จะรับออกมากินมื้อเที่ยงด้วยกัน”

“แย่จัง ฮึก ขอโทษนะหนิก ลำบากหนิกเลย”

“ขี้แยจริงหนูธาม พากันกินข้าวเถอะ เดี๋ยวเจ้าลูกชายแม่จะโมโหหิวจับเรากินแทนข้าวเอานะ
 แม่ยิ่งอยากได้ลูกสะใภ้เร็วๆ อยู่ด้วยสิ”

มารดาเย้าจนธาวินต้องรีบเช็ดน้ำตา และเก้อเขินกับคำพูดของท่าน

“เอ่อ ทานข้าวกันครับ นี่น่าทานมากเลยฮะ”
 ธาวินหันมาสนใจมารดาของคนรัก เพื่อเปลี่ยนเรื่อง เพราะตอนนี้หน้าของเขาร้อนวูบวาบไปหมดแล้ว

“เข้าใจเลี่ยงนะ”
ฟีนิกซ์มองหน้าคนรักที่แก้มขึ้นสีระเรื่อ ขี้เขินอีกแล้ว จับกินซะคืนนี้เลยเป็นไง
จะไม่ให้เหลือซากเลยคอยดู ฟีนิกซ์หมายมาดภายในใจ

ฟีนิกซ์ชำเลืองดูคนรักที่ดูจะเก้ๆ กังๆ ตั้งแต่อาบน้ำเสร็จ ทำอย่างกับว่าไม่เคยมาค้างด้วยกัน
เขายกยิ้มคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาอาบน้ำนานพอควร อยากให้คนที่เข้านอนก่อน
ลดอาการตื่นตูมลง พอออกจาห้องน้ำมองไปบนเตียง คนที่นอนหงายอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนท่าหันหลังให้เขาฉับพลัน

“ยังไม่นอนเหรอ โกรธอะไรหรือเปล่า ดูแปลกๆ นะ”

“ไม่ๆ ง่วงแล้ว” ธาวินปิดปากหาวหวอด

“เราก็คบกันมานาน ธามรักเราบ้างมั้ย”

“รักสิ หนิกไม่มั่นใจอะไร เรื่องวันนี้เราไม่ได้อยากให้มันเกิด เราไม่ได้มีใครนะ”
ธาวินพลิกกลับมา พูดเสียงสั่นเครือ

“เราให้ครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่ได้ ไม่มีงานแต่ง มีลูกให้ก็ไม่ได้
 ธามคงอยากหาผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูก ในสักวันก็เป็นได้ใครจะรู้”

ฟีนิกซ์พูด น้ำเสียงไม่มั่นคงและหวั่นวิตกจนคนฟังรู้สึกได้

“ทำไมล่ะหนิก ทำไมถึงคิดแบบนั้น เราไม่ได้ต้องการแบบนั้น เราขอแค่คนที่รักเราจริงๆ
 ดูแลกันยามเจ็บไข้ ไม่ทิ้งกันในตอนที่เจอเรื่องร้ายๆ และไม่ปล่อยมือเมื่อเราทำตัวน่าเบื่อ
 แค่นี้เองที่เราต้องการ หนิกให้เราไม่ได้แล้วเหรอ ไหนบอกว่ารักเรา หนิกบอกรักเราก่อนนะเราจำได้
…พอเรารักตอบ ฮึก ทำไมล่ะ ทำไมเปลี่ยนใจไม่รักเราแล้ว ทำไมล่ะฮึก”

 ธาวินซบหน้ากับหมอนสะอื้นจนตัวโยน ฟีนิกซ์ตกใจรีบถลาเข้าไปรวบกอด

“ไม่ร้องนะธาม เรารักธาม รักมากขึ้นทุกวันไม่เคยเปลี่ยน ธามน่ารักใครเห็นใครก็รัก
 เรามีเวลาให้กันน้อยลง เจอกันยากขึ้น เราแค่กลัวใครจะมาพรากธามไปจากเรา”

“เราไม่ได้ใจง่ายรักใครไปทั่วนะ เราไม่ต้องการแต่งงาน เราไม่ได้อยากมีลูก
 ขอแค่มีลมหายใจและได้รักกันก็เพียงพอแล้วจริงๆ”

 ทั้งสองกอดกันอย่างแนบแน่น ธาวินพรมจูบไปทั่วใบหน้าของฟีนิกซ์อย่างขวัญเสีย
 ด้วยกลัวจะสูญเสียคนตรงหน้าไป  ธาวินช้อนตาขึ้นมองคนตัวโตกว่าที่ยกยิ้มพอใจกับคำพูดของเขา

นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ธาวินเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ธาวินผลักฟีนิกซ์ให้นอนราบลงกับเตียงก่อนที่จะตามขึ้นคร่อม

“……………” เกิดความเงียบงันไปชั่วครู่

ธาวินประคองใบหน้าของฟีนิกซ์ไว้ด้วยสองมือ ก่อนที่จะกดจูบลงบนริมฝีปากหนา
อย่างรวดเร็วและสอดลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากฉกชิมความหวานข้างใน
ฟีนิกซ์อ้าปากให้ร่างเล็กดูดลิ้นของเขาได้ถนัด ดวงตาปรือฉ่ำน้ำพริ้มปิดลง
เขาตื่นเต้นและไม่คิดว่าธาวินจะกล้าแสดงออกด้วยภาษากาย กล้าเข้าหาทั้งที่หัวค่ำ
ยังดูเก้อกระดากที่จะอยู่กันตามลำพัง และการกระทำนี้ธาวินหารู้ไม่ว่านับแต่วินาทีนี้
มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปสำหรับความสัมพันธ์ของพวกเขา

ตอนนี้ฟีนิกซ์เองก็ไม่สามารถที่จะจัดการกับอารมณ์ความต้องการที่กำลังปะทุอยู่ภายใน
มันเต้นเร่า สูบฉีด และกู่ร้องอยู่ภายในใจ อยาก ครอบครองเป็นเจ้าของ ฟีนิกซ์โอบมือ
ไปรั้งต้นคอของธาวิน เขาผละปากออกและตวัดร่างของคนรักลงมานอนราบ
สลับตำแหน่งอย่างที่ควรจะเป็น ดวงตาเรียวสีสวยมองสบมา ไม่มีอาการหวั่นหวาดให้เห็น

“รักธาม” ฟีนิกซ์ฝังใบหน้าลงที่ต้นคอหอมกรุ่น งับเบาๆ และทิ้งรอยแสดงความเป็นเจ้าของ

“อื้ออ อ๊ะ” ธาวินครางลอดลำคอออกมา รู้สึกขนลุกและเสียววาบไปยังไขสันหลังเมื่อถูกสัมผัสแนบชิด
และลมหายใจที่อีกคนรินรดต้นคอและหลังใบหู ทำให้ธาวินเกิดอารมณ์ร่วมและใคร่ที่จะเรียนรู้มากกว่านี้
เปิดประสบการณ์ใหม่และคนที่จะสอนก็อยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจึงเอื้อมมือไปสัมผัสแผ่นหลังเปลือย
และผ้าเช็ดตัวที่พันช่วงล่างไว้หมิ่นเหม่ก็หลุดร่วงไป ร่างกายกำยำ สมส่วนและกล้ามแขนบวกกับกล้ามท้อง
ที่เรียงตัวสวยนั้นทำให้ตาพร่าจนเผลอป่ายมือไปลูบไล้ เสียงหอบหายใจหนักและออกจะสั่นน้อยๆ ของฟีนิกซ์
ทำให้ธาวินย่ามใจ เขาไล้มือต่ำลงและยกยิ้มเมื่อคนบนร่างหลุดคราง

“อึ่ก อื้มม ไม่กลัวแล้วหรือไง อ่าห์”
เสียงพูดกระเส่าข้างใบหูและปากชื้นอุ่นก็ฉกมาที่ติ่งหูยิ่งทำให้ธาวินขนลุกและตัวสั่นสะท้าน

“มะ ไม่ ถ้าเป็นหนิก” เสียงที่พูดออกไปเบาหวิว

“เด็กดี น่ารัก”
ชุดนอนหลุดลุ่ยและพ้นไปจากตัวเมื่อยินยอมให้ฟีนิกซ์ปลดออก
ฟีนิกซ์คลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะประกบปากจูบกันต่อ

“อืม ดี อย่างงั้นแหละคนเก่ง”
ทั้งสองตวัดลิ้นรุกไล่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร และฟีนิกซ์ก็ผละริมฝีปากออก
พร้อมกับซุกไซ้ซอกคอขาว สูดดมความหอมเฉพาะตัว กลิ่นกายที่คุ้นเคยและตอนนี้
มันได้กระตุ้นความต้องการดิบเถื่อนภายในได้เป็นอย่างดี เขาสูดดมความหอมเข้าไป
จนสุดปอดและแลบปลายลิ้นเบาๆ ที่รอยรักที่เขาฝากไว้สองรอย ธาวินเจอเข้ากับลิ้นร้อน
และสัมผัสแนบชิดที่ดุนดันที่หน้าขาอดที่จะตัวสั่นไม่ได้

“อื้อ หนิก สะ เสียว อ๊ะ เจ็บ!”
ธาวินสะท้านกาย ไหวระริกด้วยความเสียวซ่านเมื่อถูกขบเม้มยอดอกพร้อมกับสร้างรอยรักไปด้วย
และสัมผัสบีบเคล้นหนักเบาที่ก้อนเนื้อสะโพกอย่างเต็มๆ มือพาให้หวามไหวในอก

“อื้อ หนิก” เสียงสั่นพร่าเรียกชื่อของเขาไม่หยุด ฟีนิกซ์จับมือของธาวินมากอบกุมที่แกนกายของเขา
 ทันทีที่ความแข็งขืนสัมผัสกับมืออุ่นนุ่มเขาก็สูดปากเมื่อธาวินแตะต้องลูบไล้ใช้นิ้ววนคลึงเบาๆ ส่วนหัวที่ปริ่มน้ำ

“อ่า คนดี เก่งมาก”
ฟีนิกซ์เอ่ยชมและเอื้อมจับส่วนอ่อนไหวของคนรักที่สงบนิ่ง ใช้มือรูดรั้งขึ้นลงช้าๆ ตามความยาว
จนมันขยายขนาดขึ้นมา คนตัวเล็กครางออกมาเสียงสั่นและหอบหายใจ กัดริมฝีปากด้วยความเสียดเสียว
และปล่อยมือจากแท่งร้อนของเขา ไต่มือมาลูบไล้เรือนกายของเขาจนเขาต้องก้มลงขบเม้มตุ่มไตเป็นรางวัล
มือของฟีนิกซ์ยังคงชักรูดไม่หยุดและเร่งจังหวะเร็วขึ้นเมื่อธาวินเกร็งหน้าท้องกระตุกและปลดปล่อยน้ำรัก
ออกมาเต็มฝ่ามือของเขา ธาวินอ่อนปวกเปียกหายใจหอบ ฟีนิกซ์ยิ้มหื่นและจับร่างของธาวินให้นอนคว่ำ
หยิบหมอนมารองใต้สะโพก ทำให้เห็นถึงความขาวเนียนที่ลอยเด่นยั่วสายตาจนลมหายใจสะดุด
ช่องทางสีชมพูที่ปิดสนิททำให้ความกระสันอยากพุ่งขึ้นสูง

“น่ารักเกินไปแล้วธาม” พูดเสร็จก็ละเลงน้ำรักจนชุ่มนิ้วเรียวก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางสีชมพูหนึ่งนิ้วก่อน
 ธาวินสะดุ้งส่ายหน้ากับหมอน เขาจึงลูบคลึงสะโพกปลอบขวัญก่อนจะสำรวจความลึกและแคบนั้นต่อไปอย่างช้าๆ
 และพานิ้วที่สองและสามตามไป เขาแช่ข้อนิ้วในโพรงอุ่นที่เต้นตุบโอบรัดนิ้วทั้งสามแน่นเข้า

“อย่าเกร็งสิธาม ผ่อนคลายนะ”
 ฟีนิกซ์กัดกรามด้วยความที่เห็นภาพตรงหน้าแล้วจินตนาการว่าหากเป็นแท่งร้อนที่เสียบคา
และถูกรัดแบบนี้คงดีไม่น้อย ตัวตนของเขาที่แข็งชันปวดหนึบขึ้นมาอีกระลอก เขาเริ่มขยับนิ้วเรื่อยๆ
 และถูกจุดเสียวกระสันเข้าทำเอาธาวินโก่งก้นเข้าหาจนสุดปลายนิ้ว

‘แม่ง เอ็กซ์ชิบ จะฆ่ากันหรือไงวะ’
ฟีนิกซ์ย้ำๆ ตรงศูนย์รวมความสุข ก้นขาวๆ ของธาวินลอยโด่งและส่ายไปมา
เขาหมดความอดกลั้นจึงถอนนิ้วออกจนหมดและรูดรั้งแท่งร้อนก่อนจะสอดเข้าไปที่รอยจีบที่ขมิบรอ
ฟีนิกซ์คืบตัวตนของเขาเข้าไป พอส่วนหัวผลุบเข้าไปได้จึงดันอีกหนึ่งจังหวะผ่านไปได้เพียงครึ่งลำ
ธาวินก็ผวาเฮือก มือกำผ้าปูที่นอนแน่นและช้อนตาที่คลอไปด้วยน้ำใสๆ มองมา ฟีนิกซ์จึงหยุดและนวดเฟ้น
หน้าท้องเนียนและลูบไล้สะโพกกลมอย่างปลอบขวัญ เขากำลังปวดหนึบจนต้องขบกรามและดันแท่งร้อน
เข้าไปในความอุ่นจัดของธาวินอีกครั้งจนสุดและแช่ตัวอยู่อย่างนั้น

“ขอโทษนะธาม เจ็บใช่มั้ย อย่าเกร็ง ผ่อนคลายนะ”

“อือ เจ็บ หนิกๆ อย่าเพิ่งขยับนะ”
 คนตัวเล็กร้องบอก และเมื่อคุ้นชินความรัดรึงก็คลายลง

“ขยับเถอะ อ้า ช้าๆ นะ อ๊ะ เบาๆ”
ร่างแกร่งค่อยๆ สาวสะโพกสอบจากช้าๆ เบาๆ กดย้ำซ้ำๆ ตรงจุดกระสันของธาวิน
เขาแหงนหน้าและจับเอวคอดดึงเข้าหาตัวเป็นจังหวะ ตีเบาๆ ที่ก้อนเนื้อกลมเพราะผิวขาวใส
ทำให้ขึ้นรอยง่าย แต่ยิ่งเห็นความใหญ่โตที่ถูกธาวินกลืนหายเข้าไปในช่องทางสีสวยด้วยแล้ว
อารมณ์ดิบเถื่อนยิ่งทวีขึ้นตามลำดับ เขาจับธาวินมาอุ้มไว้โดยแขนแกร่งรองใต้แก้มก้นไว้

 ธาวินหวีดร้องและคว้าคอเขาไว้กันตก เขาขยับโยกกดคนรักลง คนตัวเล็กฝังรอยฟันที่หัวไหล่ของเขา
ท่านี้ทำให้แนบชิดจนไม่มีช่องว่าง

“อื้อ หนิก ลึกไป สะ เสียว”

“คนดี เสียวก็ครางออกมา หนิกอยากได้ยิน ไม่ต้องกลั้น”

“อะ อื้อ หนิก เบาๆ อ้า”
เราร่วมรักกันในท่านี้จนเหงื่อผุด กลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นกายอบอวลไปทั้งห้อง

ฟีนิกซ์นั่งลงพิงหัวเตียงทั้งที่เรายังเชื่อมกันอยู่ เขายกก้นของธาวินขึ้นและดึงลงสามสี่ครั้ง

“ธามลองทำ เหนื่อยก็หยุดได้ครับ ให้ธามคุมเกมเองเลย”
 ฟีนิกซ์พูด ความแนบชิดและการเห็นตัวตนของกันมาขนาดนี้ ไม่หลงเหลือความอายอีกต่อไป
 ธาวินทำตามที่คนรักบอก ถึงจะไม่เคยมาก่อนแต่เมื่อคิดที่จะเรียนรู้แล้วเขาจึงไม่มีอิดออด

“อื้มม อย่างนั้น คนเก่ง อ่าห์”

“ซี๊ด หนิกๆ อ่า สะ เสียว อ๊ะ”
ธาวินขึ้นควบเองเสียวเอง ฝ่ามือนุ่มกดลงที่หน้าท้องของฟีนิกซ์และยกตัวขึ้นขยับเร็วขึ้น
หนักหน่วงขึ้น ใบหน้าแหงนเงยไปข้างหลัง หอบหายใจถี่กระชั้น ฟีนิกซ์เสียวจนแทบอดกลั้นไม่ไหว
 เขาจึงจับคนตัวเล็กลงนอนและเป็นคนควบคุมเกมนี้เสียเอง

~ พั่บ พั่บ พั่บ ~

“อื้อ หนิก แรงอีก อ๊ะ อย่าหยุด หนิก หนิก จะไปแล้ว อ๊ะ!!”
ธาวินเสียววาบในช่องท้องจนร้องขออย่างลืมอาย

“พร้อมกันนะที่รัก ซี๊ด อ่าห์”
ฟีนิกซ์กระหน่ำตอกอัดแท่งร้อนในร่องรักจนธาวินไถลไปตามจังหวะกระแทกกระทั้นนั้น
มือแกร่งดึงสะโพกของคนตัวเล็กเข้าหา เป็นการเมคเลิฟที่ดิบเถื่อนและเร้าอารมณ์อย่าง
ที่ไม่เคยพบเจอจากใครมาก่อน การได้ครอบครองในครั้งนี้จึงเป็นการปลดปล่อยที่ถึงพริกถึงขิง
ที่สุดและยาวนานที่สุด ก่อนที่สองร่างจะเกร็งกระตุกและฉีดพ่นน้ำรักออกมาท่วมท้นหน้าท้อง
และส่วนที่เชื่อมต่อกันก็เอ่อท้น เขาขยับอีกสามสี่ที มันอุ่นร้อนและไม่ฝืดอีก ฟีนิกซ์ทิ้งตัวลงซบที่อกของคนตัวเล็ก

“หยุด อย่าขยับ ธามง่วง เอาออกก่อน”

“ขออยู่แบบนี้สักพักนะ รักธามนะ”

“อื้ออ รักเหมือนกัน ไม่คิดมากแล้วนะหนิก”

“ครับ ไม่คิดแล้วเรื่องนั้น แต่กำลังคิดเรื่องนี้…”
ฟีนิกซ์ขยับแท่งร้อนที่ยังไม่สงบลงง่ายๆ

“อ๊ะ บอกว่าอย่าขยับไงหนิก อื้อออ”
ฟีนิกซ์ยกยิ้มเมื่อถูกฝ่ามือบางฟาดที่แผ่นหลังของเขา รอคอยมานานจะปล่อยให้นอนง่ายๆ
ได้ยังไง อีกอย่างปล่อยให้นอนมาเยอะแล้วตั้งแต่บ่าย แล้วนกผีก็จับธามน้อยกินจนแสงทอง
ของวันใหม่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง 




ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 22 มันคืออะไร?

หนึ่งปีผ่านไป ยูฟ่าหายจากโรคร้ายและยูโดกลับเข้ามาช่วยงานบริษัทของบิดาตามที่เคยรับปากไว้
ธุรกิจเติบโตขึ้น ยูโดเป็นที่รู้จักในวงการอสังหาริมทรัพย์ เขาก้าวขึ้นมาแทนที่บิดาได้อย่างภาคภูมิ
สองพี่น้องยังคงให้การดูแลใส่ใจกันเหมือนเดิม มารดาเดินทางขึ้นเหนือเป็นว่าเล่น

ยูฟ่ามองความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่อยู่ห่างๆ แม้ทั้งสองจะยังไม่หย่าร้างกันในทางกฎหมายด้วยบิดายื้อไว้
แต่สองคนพี่น้องก็หวังว่าในท้ายที่สุดมารดาของพวกเขาก็คงอภัยและยอมจับจูงมือกันไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต

“คุณแม่จะไปเชียงใหม่เหรอครับ ยูขับรถไปส่งที่สนามบินให้มั้ย”

“เดี๋ยวพ่อไปส่งเอง ยูอยู่บ้านก็ทบทวนบทเรียนเถอะ หาที่เรียนไปพลางๆ
 สนใจที่ไหนหรืออยากกลับไปเรียนที่เดิมก็บอกเดี๋ยวพ่อจัดการให้”

“ยูจะเรียนทางด้านอาหารครับคุณพ่อ”

“งั้นเหรอ ชอบที่ไหนก็บอกพ่อแล้วกัน”

“ครับคุณพ่อ แล้วนี่คุณพ่อให้โดไปดูงานกี่วันครับ นี่ก็สองวันแล้วยูติดต่อโดไม่ได้เลย”

“คงจะราวๆ ห้าวัน”

“อ่อ…ครับ” ยูฟ่าทำหน้ามุ่ย เห็นมารดายกกระเป๋าลงมาจึงรีบเข้าไปช่วย

“ยูช่วยครับ คุณแม่อย่าไปหลายวันนะ ยูเหงา” ยูฟ่าเอนศีรษะพิงไหล่มารดาอย่างอ้อนๆ

“จ้ะ สามวันก็กลับ อยากเลี้ยงขนฟูมั้ยพี่ตะวันฝากถามมา” อุไรลูบหัวลูกชายอย่างรักใคร่

“เอาๆ อยากได้ คราวหน้ายูไปด้วยดีกว่า แล้วชีวิตรักพี่ตะวันล่ะเป็นยังไงบ้างครับ”
 ยูฟ่ากระดกหัวมองมารดาและยิ้มประจบ

“เอ่อ ลุงเราน่ะยังไม่ยอมรับง่ายๆ หรอกเรื่องแบบนี้ แต่เท่าที่แม่ดูนะ ลุงไผทแค่ท่ามากไปอย่างนั้นเอง
 เด็กคนนั้นก็น่ารักดีนะ ใสซื่อเสียด้วย แต่ป่านนี้ยังเหมือนไม่รู้ตัวว่าพี่ชายเราน่ะขายขนมจีบให้นะ”

“เดย์น่ะเด็กดีจริงๆ นะครับ พี่ตะวันถึงหลงรักไงครับ พี่ตะวันงุ่มง่ามไปหน่อยมั้ย เฝ้าเป็นปีๆ ยังไม่ก้าวหน้า”

“จ้ะ เชียร์กันเข้าไป นี่พี่เราไปหาขนฟูตัวน้อยมาอีกสองตัวเพราะหนูเดย์รักสุนัข พี่เราน่ะเจ้าเล่ห์มั้ยล่ะใช้แผนนี้น่ะ”
 ริมฝีปากสีสวยที่เคลือบลิปสติกจนมันวาวขยับพูดไม่หยุด

“งั้นยูขอถอนคำพูด บอกพี่ตะวันเลี้ยงไว้เองเถอะถ้าจะลงทุนขนาดนั้น ยูให้โดพาไปเลือกซื้อเองดีกว่า
 จะส่งมาให้ยังไงหนทางไม่ใช่ใกล้ๆ”

“จ้ะ ตามใจเรา แม่ไปแล้วนะเดี๋ยวตกเครื่อง ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก”

“ครับคุณแม่” แม่ลูกกอดและหอมกันไปสักพักก่อนที่จะผละไปขึ้นรถที่ติดเครื่องยนต์รออยู่

‘อยู่คนเดียวอีกแล้ว คิดถึงโดจัง’

(ฮัลโหล ยูว่างมั้ย ไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อย ไปทานกลางวันด้วยเลย)

“ว่างมากๆ มาเลยนะแกม”

(อืม เจอกันนะ)

ยูฟ่าวางสาย วันเหงาๆ วันนี้ได้แกมม่าเพื่อนรักมาพาออกไปเปิดโลกอีกวัน ยูฟ่าขึ้นไปเปลี่ยนชุด
เปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตสลิมฟิตสีเทากับกางเกงยีนผ้ายืด เขามองตัวเองในกระจกที่ดูเพรียวบาง
ผมสีน้ำตาลที่ยาวประบ่า ดวงตาหวานสวยทำให้คนรอบข้างมักพูดให้ได้ยินบ่อยๆ ว่าน่ารัก
รองเท้าผ้าใบสีขาวมีลวดลายเล็กน้อยทำให้ดูคูลเข้าไปอีก คว้าเป้ใบย่อมขึ้นสะพายหลัง

รีบออกจากห้องนอนเมื่อได้ยินเสียงรถ

“เฮ้! แกม รอเดี๋ยว อ้าว!”

เท้าเป็นอันต้องหยุดกึก เมื่อเป็นรถของยูโดและยูโดกำลังเปิดประตูให้หญิงสาวที่มีใบหน้ารูปไข่สวยหวาน
 ปากที่ยกยิ้มหุบลงในทันที คิ้วขมวดมุ่นและเย็นวาบไปถึงไขสันหลังเมื่อยูโดประคองเด็กสาวคนนั้นพาเดินเข้าบ้าน
และนั่นเธออยู่ในชุดคลุมท้องด้วย

“อ้าว! ยูกำลังจะไปไหนน่ะ กนกรดานี่ไงพี่ยูคู่แฝดของพี่ ยูนี่น้องดาจะมาอยู่กับเราที่นี่”
เด็กสาวพนมมือไหว้ทักทายและส่งยิ้มมาให้ ยูฟ่าพยักหน้ารับ เด็กสาวคนนี้จะมาอยู่ที่นี่
เธอเป็นใครและมาอยู่ในฐานะอะไร คำถามผุดขึ้นมาในหัว

“พี่ให้คนจัดห้องไว้ให้แล้ว เข้าไปนั่งก่อนเถอะ”

“ยู นี่ยังไม่บอกเลยนะว่าจะไปไหนน่ะ” ยูโดหันมาทวงถามเอาคำตอบ

“ไปข้างนอก เดี๋ยวแกมจะมารับ นั่นไงมาพอดี ไปก่อนนะ”

“เดี๋ยวก่อนสิยู อย่าเพิ่งไป ยู” ยูโดตะโกนเรียกแต่ยูฟ่าเดินไม่เหลียวหลัง

“พี่โดคะ น้องดาปวดหลัง”

“เอ่อ งั้นเข้าบ้านกัน”

ยูฟ่าหันมองน้องชายที่ประคองคนท้องเข้าบ้าน เอาใจใส่อย่างกับตัวเองเป็นพ่อของเด็กในท้อง
ตกลงมันยังไงกันนะ ภาพที่เห็นคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยจริงๆ หรือตลอดเวลาที่เขาป่วย
และยูโดเดินทางเข้ากรุงเทพฯ บ่อยๆ และช่วงนี้ที่หายไปบ่อยครั้งและครั้งละหลายวัน

 จะให้คิดเป็นอย่างอื่นได้ยังไงกัน

“ยูฟ่า เห้ย! เป็นอะไร เรียกจนคอจะแตกแล้ว เหม่ออะไร มีเรื่องเครียด?”

“เอ่อ ไม่มีอะไร แค่กำลังหาร้านนั่งชิลด์และคิดหาที่เที่ยวก็เท่านั้นเอง”

“น่าเชื่อตายละ เราเป็นเพื่อนกันมากี่ปี ดวงตาคู่นี้ของยูน่ะเคยซ่อนอะไรได้บ้าง ไหนบอกมาซิว่าเป็นอะไร?”

“ฮึก ไม่มีอะไร จริงๆ นะแกม ฮึก”
ยูฟ่ากลั้นสะอื้น น้ำตาเริ่มรินไหลอย่างกักเก็บไว้ไม่อยู่อีกต่อไป

“อ้าว!” แกมม่าอุทานได้เพียงคำเดียวเมื่อหันไปมองคนนั่งข้างๆ ที่ตอนนี้เผยความอ่อนไหวออกมา
 คงต้องปล่อยไปก่อน เขาจึงเลี้ยวรถเข้าไปยังสวนสุขภาพข้างหน้า จอดรถใต้แนวต้นไม้ใหญ่
และปล่อยให้เพื่อนรักร้องไห้จนพอใจ สักพักจึงดึงเข้ามากอดลูบหลังไปเบาๆ

ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นเรื่องของคู่แฝดอีกตามเคย ยูฟ่าดันตัวออกจากบ่าของเขา

“ขอบคุณนะแกม ยูไม่เป็นไรแล้ว เราไปต่อกันเถอะ” ยูฟ่าพูดไปเช็ดน้ำตาไป ปลายจมูกแดงก่ำ

“ยูโดทำอะไรให้เสียใจอีกล่ะสิ เห็นก็รักกันดีนี่นา ดูแลใส่ใจยิ่งกว่าพี่น้องบ้านอื่นอีก
 แล้วยังไงตอนนี้ ไม่สนใจ ไม่มีเวลาให้หรือว่าติดหญิง เห้ย! ขอโทษ พูดอะไรผิดวะ
 ไม่ร้องแล้วนะยูตาช้ำหมดแล้วเนี่ย”

แกมม่าต้องดึงยูฟ่าเข้ามากอดปลอบอีกครั้ง คงมีสักคำที่ไปจี้โดนใจเข้าให้
 แกมม่ามองว่าครั้งนี้เขาคงต้องรับหน้าที่หนักแน่ๆ 

“แกม โดพาผู้หญิงท้องเข้ามาเมื่อตะกี้ ฮึก ขะ เข้ามาที่บ้าน บอกว่าเธอจะมาอยู่ด้วย
 มันหมายความว่าไง ฮึก สองคนนั้นเป็นอะไรกัน ฮือออ”

 แกมม่านิ่งอึ้ง อาการหวงน้องนี่เอง รูปการณ์ก็บอกอยู่แล้วตามที่เห็น
 หากจะให้แน่นอนก็คงต้องถาม แต่อาการขวัญเสียอย่างหนักขืนออกความเห็นอะไรออกไป
จะไม่ยิ่งไปกันใหญ่หรือไง แกมม่ากลุ้มใจรู้สึกหนักอึ้งในหัวสมองตอนนี้เหลือเกิน 

‘ถ้านั่นเป็นเมียของยูโด ทำไมยูฟ่าต้องเสียใจอย่างกับคนรักนอกใจ หึ้ย หรือว่า…สองพี่น้อง?
 ชักจะยังไงแล้วสิ ถ้ายูหลงรักน้องตัวเอง หรือว่าสองคนนี้มีอะไรที่คนนอกไม่รู้ โอ๊ย…’

“แกมบอกยูที สองคนนั้นเป็นอะไรกัน ฮือออ”
 เสียงคร่ำครวญอย่างกับเจ็บปวดเสียเต็มประดา คำถามที่ยากจะตอบนี่อีก

‘หากพูดไปแล้วมันไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่ขึ้นมาล่ะ’

“ยูเราเป็นเพื่อนรักกันมานาน ยังมีเรื่องที่แกมไม่รู้อีกใช่ไหมระหว่างยูกับโด
บอกได้มั้ย ขอถามนะ ยูรักโดเกินกว่าความเป็นพี่น้องหรือเปล่า?”

 แกมม่าถามสิ่งที่ค้างคาใจ ยูฟ่าผละตัวออกจากบ่าของเขาและมองมาทั้งน้ำตา

“อื้ม”
ยูฟ่าพยักหน้า คำตอบรับสั้นๆ ที่ได้ยินทำเอาแกมม่าใจหาย ยิ่งกว่าฟ้าถล่มลงมาตรงหน้าเสียอีก

‘นั่นไง คราวนี้จะทำไงต่อล่ะ ถ้ายูโดจะพาเมียเข้าบ้านจริงๆ ตายแน่ๆ
ไอ้เพื่อนบ้าสองตัวเวลาต้องการตัวช่วยมันหายหัวไปไหนกันหมดนะ
 ทำไงได้ตอนนี้ก็รับผิดชอบไปดิแกม ไปล่วงรู้ความลับเขาเข้าแล้วนี่’

“เอิ่ม…แล้วโดล่ะ มันรักยูแบบนั้นด้วยหรือเปล่า” แกมม่าถามคำถามต่อมา

“…อื้ม” เป็นคำตอบรับสั้นๆ อีกตามเคยที่คนฟังเข้าใจได้ไม่ยาก
ที่ยากในตอนนี้ก็คือ…ในเมื่อทั้งสองใจตรงกัน แล้วเรื่องผู้หญิงท้องตอนนี้ล่ะ คืออะไร?

“ยูต้องกลับไปถาม อย่าปล่อยให้คาใจ ถ้าว่ารักกัน…ก็ต้องพูดความจริงต่อกัน”

“ไม่นะแกม ยูไม่อยากรู้คำตอบ ถ้าเป็นอย่างที่ยูคิด ถ้านั่นเป็นคนของโด เด็กในท้องนั่นด้วย ไม่นะ ฮือออ”

“ยูใจเย็นๆ ก่อน ยูจะมาปวดใจคนเดียว หลบปัญหาแบบนี้ ไม่กล้าสู้ความจริง
อย่าเลย…อย่าปล่อยให้มันคาใจถ้าไม่รักกันแล้วก็ปล่อยกันไปไม่ดีกว่าเหรอ…ถึงมันจะยาก…ก็ต้องทำนะยู”

“ยูยังไม่พร้อม แกมอย่าบังคับ วันนี้ขออยู่กับแกมนะ คุณแม่ก็ไม่อยู่ ยูไม่รู้จะทำตัวยังไงกับสองคนนั้น
 สับสนไปหมด กลัวด้วย” ยูฟ่าส่ายหน้าและคว้ามือเขาไปบีบอย่างทำอะไรไม่ถูก ดูสับสน
และทั้งความเศร้าและความเสียใจต่างๆ ดูจะประดังประเดจนจัดการกับอารมณ์ตัวเองไม่ถูก
 เขาคงปล่อยให้กลับบ้านตอนนี้ไม่ได้จริงๆ

“ได้ๆ ยูยังไม่ต้องกลับบ้านก็ได้ จนกว่ายูจะพร้อม เราอยู่ตรงนี้นะข้างๆ ยู เลิกร้องได้แล้ว
 ไปหาข้าวกินกัน ไปไกลหน่อยก็ได้ ออกนอกเมืองไปเลยดีมั้ย?” แกมม่าหันมาเอาใจเพื่อน

“ขอบคุณนะแกม ขอบคุณจริงๆ” แกมม่าตบบ่ายูฟ่าไปเบาๆ เจ้าตัวผละไปนั่งหลับตานิ่ง
และตลอดการเดินทางยูฟ่าไม่ปริปากพูดอะไรออกมาอีกเลย แกมม่าเหลือบมอง
เขายังเห็นปลายหางตาของเพื่อนมีน้ำตาขัง นึกเห็นใจ รักที่เปิดเผยไม่ได้และยังหาความแน่นอน
ไม่ได้แบบนี้คงแย่เอาการ

‘เข้มแข็งนะยู ก้าวผ่านมันไปให้ได้ ขออย่างเดียวอย่าหนีปัญหา อย่าหายไปอีก’

แกมม่าพายูฟ่าออกมากินกุ้งแม่น้ำที่เจ้าตัวโปรดปราน ทุกทีจะกินคนเดียวหมดเป็นกิโล
แต่วันนี้กินนับตัวได้เลย สุดท้ายก็นั่งเขี่ยข้าวอย่างใจลอย

“ยูกินอีกหน่อยเถอะนะ เดี๋ยวเราพาไปดูพระอาทิตย์ตกที่ท้องทะเล ไปนอนเกาะสักคืน”

“แกมทำงานไม่ใช่เหรอ ยูไม่เป็นไร”

“เราฝากงานกับลูกน้องไว้แล้ว เถอะน่าเราพาไปได้ อย่าคิดมาก เสื้อผ้าใส่ของเราไปก่อน ท้ายรถมี”

“อื้ม…” ยูฟ่ารับคำอย่างล่องลอย

“ไม่กินแล้วก็ไปกันเถอะ จองที่พักไว้คืนนึงแล้ว ไปเหอะเดี๋ยวเรือข้ามฟากจะหมดซะก่อน”
แกมม่าฉุดแขนยูฟ่าให้ลุกจากเก้าอี้ เจ้าตัวทำตัวไร้กระดูกไม่พอ ยังทำซะไร้ชีวิตชีวาด้วย
เขาจะเติมสีสันให้ชีวิตเพื่อนยังไงดีนะ

‘จะดึงรั้งมันออกมาจากไอ้สีเทาๆ หม่นๆ นี่ยังไงได้บ้าง เฮ้อ…’

แกมม่าขนสัมภาระไปหนึ่งกระเป๋า ทั้งสองใช้เวลาอยู่ในเรือสี่สิบห้านาที
ท้องน้ำสีเขียว ฝูงนกที่บินว่อนและโฉบลงบนผิวน้ำเพื่อจับปลากินเป็นอาหารมีให้เห็นตลอดเส้นทางเดินเรือ
สายลมที่ปะทะใบหน้ามาพร้อมกับไอร้อนเพราะเป็นช่วงปลายของฤดูร้อน ฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล

ยูฟ่าทอดตามองไกลออกไปอย่างไม่มีจุดหมาย ดวงตาภายใต้กรอบแว่นกันแดดสีดำไม่สามารถบ่งบอก
ได้เลยว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกเช่นไร นอกจากอากัปกิริยาที่สิ้นหวังและเหนื่อยล้าที่แกมม่าพอจะดูออก
ไม่มีสายโทรเข้าจากยูโดเลยเท่าที่แกมม่าสังเกต นี่ก็ล่วงเข้าบ่ายจัดแล้ว

‘รักกันแบบไหนนะ ปล่อยให้คนที่ตัวเองรักพ้นจากสายตาไปได้เกือบเต็มวันแบบนี้’


ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 23 เติมพลังให้ชีวิต

เมื่อขึ้นจากเรือ ยูฟ่าจึงสะพายเป้ใบน้อยไว้ด้านหลัง แกมม่าเกรงว่าเกาะเล็กๆ
แห่งนี้สัญญาณโทรศัพท์อาจจะไม่มี จึงเอ่ยกับเพื่อนรัก

“ยูไม่โทรบอกคุณพ่อล่ะว่าไม่กลับบ้าน”

“บอกแล้วตอนเข้าห้องน้ำที่ท่าเรือ ก่อนลงเรือน่ะ อีกอย่างไม่มีใครห่วงยูแล้วนอกจากคุณพ่อ”
 น้ำเสียงเหงาๆ และริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นทำให้แกมม่าไม่กล้าเซ้าซี้อะไรต่ออีก

 ‘ยูไม่เหมาะกับความเศร้าเลย รู้ตัวมั้ย?’ แกมม่ามองอย่างเห็นใจ

“เช่ามอไซค์นะ เดี๋ยวเราให้ยูซ้อนท้าย พาไปหาที่ถ่ายภาพสวยๆ ที่นี่มีเยอะเลย” แกมม่าเปลี่ยนเรื่องคุย

“อื้อ…ขี่ได้แน่นะคุณหนูแกม อย่าพาตกเขาล่ะ ยูกลัวเจ็บ” ยูฟ่าตบบ่าแกมม่าเบาๆ อย่างหยอกเย้า

“เฮอะๆ ก็เคยมีคนเกาะท้ายเป็นสก๊อยมาก่อนหรอกน่าตอนมัธยมน่ะ ทำเป็นลืม”
แกมม่าค่อยคลายกังวลลงบ้าง เมื่อเพื่อนตัวเล็กกว่าเริ่มจะปรับอารมณ์

“เช่าเหมาสามร้อยแต่ถ้าไม่อยากขี่เอง นู่นเลยครับพี่ สองร้อยห้าสิบมีคนขับสามล้อน่ะฮะ
 แวะจุดสำคัญหลักๆ ก็สี่จุดฮะ สนใจแบบไหนบอกได้” เด็กหนุ่มผิวกร้านแดดนำเสนอ

“พี่ขอเช่าเหมาแล้วกัน สามร้อยใช่มั้ยคืนเดียว”

“ใช่ครับ นี่ฮะกุญแจ ถ้ายังไงพรุ่งนี้พี่จะกลับก็เอารถมาจอดบริเวณนี้ได้เลยนะ
กุญแจเสียบคาไว้ได้ไม่มีหายครับ” เด็กหนุ่มเจ้าของรถจักรยานยนต์ให้เช่าพูดอย่างเป็นกันเอง

“ดีเนอะที่เกาะนี้ไม่มีขโมย”

“ครับ เราชุมชนชาวเกาะอยู่แบบพี่แบบน้อง หากไม่ได้รับความสะดวกอะไรบอกได้นะครับ
โทรมาตามเบอร์นี้ได้เลยหลังแผ่นพับครับ เป็นแผนที่ท่องเที่ยวของเกาะเรา”
 เด็กหนุ่มยื่นแผ่นพับให้กับแกมม่า เจ้าตัวรับมาและยูฟ่าคว้าไปเปิดดู

“เจ๋ง! เราลุยกันเลยเถอะยู” แกมม่าทำท่ากระตือรือร้นจนออกนอกหน้า

“ที่พักจองไว้แล้วใช่ไหมฮะ เที่ยวให้สนุกนะ” เด็กหนุ่มยิ้มโชว์ฟันขาว

“อืม พักบนเขาโน้นแน่ะ” แกมม่าตอบก่อนหันไปขึ้นคร่อมและยูฟ่าซ้อนท้าย
 สองหนุ่มออกตัวไปตามเส้นทางของแผนที่ ยูฟ่าเคยใฝ่ฝันว่าจะไปเที่ยวเกาะทางใต้กับยูโด
 นึกอยากดำน้ำดูปะการังที่มีหลายๆ คนคิดว่าเป็นหินหรือพืชน้ำแต่จริงๆ พวกมันคือสัตว์ทะเล

 เขาอยากจะลองพายเรือคายัคผ่านช่องแคบของหุบเขา สำรวจทิวทัศน์ชายน้ำที่ไม่เคยเห็น
 แต่ความฝันมาพังทลายไม่เป็นท่า

‘ไม่เป็นไรการมาเกาะครั้งแรกกับเพื่อนรักก็คงไม่แย่เกินไป
 อีกอย่างทะเลภาคตะวันออกก็สวยเหมือนกัน ออกจะเงียบสงบดีด้วย’

‘เติมพลังสักหน่อย…จะมีอะไรแย่ไปกว่าที่เห็นก็ให้มันรู้ไป เอาชนะโรคร้ายมาได้
 ชีวิตที่เหลือก็ต้องใช้มันต่อไป เมื่อถึงเวลาทุกคนก็ต้องไปยังจุดที่ตนมา’
 เขาคิดอย่างทดท้อและปลงๆ ในเวลาเดียวกัน เขาคงใกล้จะเป็นไบโพลาร์เข้าไปทุกทีแล้ว

ยูฟ่าชี้ชวนให้ดูฝูงหมูป่าที่เดินตัดข้ามทางอย่างไม่ได้กลัวรถที่ผ่านไปมาเลยสักนิด
เนื้อตัวเจ้าพวกนี้ก็เปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน ตัวเล็กสุดก็เดินตามเจ้าตัวโตไม่ห่าง

“หมูป่า น่ารักเนอะยู”

“อื้อ น่ารัก นั่นๆ ลิง แกมขี่ช้าๆ สิ หูย…หน้าเหมือนๆ กันด้วย แฝดรึเปล่านะพวกนายน่ะ”
 ยูฟ่าร้องถามออกไปตามนิสัยแต่เดิมไม่มีผิด

“เออว่ะ ลงไปถามหน่อยมั้ยยู” แกมม่าพูดพร้อมกับกลั้วหัวเราะจึงถูกมือน้อยๆ โบกมาบนหัวดังป้าบ
 เขาอมยิ้ม พอสถานที่เปลี่ยนอารมณ์คนก็เปลี่ยนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“แกม แวะเลยจะไหว้พระขอพร แต่จะเดินไหวรึเปล่าต้องขึ้นไปบนนู่น
 ฮึ้บ…ไหวสิเนอะไหนๆ ก็มาถึงแล้ว” ยูฟ่าพูดเองเออเองเสร็จสรรพ

“ช้าๆ ค่อยๆ เดินสิยูจะรีบไปไหน เรามีเวลาอีกเยอะ เดี๋ยวไหว้พระเสร็จเรามาเสี่ยงเซียมซีกันนะ”

“ได้สิ นี่หวยใกล้ออกเหรอมีลอตเตอรี่ขายเยอะขนาดนี้”

“ก็แหล่งท่องเที่ยวไง ที่ไหนๆ ก็มีขาย ยูจะซื้อเหรอ”

“ไม่ๆ ยูไม่เคยมีโชคลาภหรอกซื้อไปก็ไม่ถูก สู้เอาเงินไปหยอดตู้บริจาคตรงนั้นดีกว่า”
 ยูฟ่าชี้ไปที่ตู้บริจาคที่วางเรียงราย

“ชู่วว พูดซะคนขายลอตเตอรี่ไม่กล้าเข้ามาตื้อเลย”
 ทั้งสองไหว้พระขอพรเสร็จก็พากันเสี่ยงใบเซียมซี แกมม่าชะโงกหน้าไปอ่านของเพื่อน

“แม้นเนื้อคู่ ก็แสนดี เป็นที่หนึ่ง อย่าพรั่นพรึง บอกตรง ไม่มีสอง จะสมรส สมรัก นักปกครอง
 ไร้จิตหมอง มีแต่สุข ทุกเวลา ดีมากๆ เลยนะยู เราว่านะอาจจะแค่เรื่องเข้าใจผิดก็เป็นได้นะ”

แกมม่าลูบตบบ่าเพื่อนที่ส่งยิ้มเนือยๆ มาให้

“ไหนของแกม ยูดูบ้างสิ” ยูฟ่าชะโงกไปขอดูของแกมม่าแต่เจ้าตัวเอาไปซ่อน

“ไม่มีอะไรมาก แค่ว่ายังไม่มีโชคลาภ…ให้รอไปก่อน”

“อ้าว! อะไร ทำไมสั้นนักล่ะ ทีของยูมายืนอ่านออกเสียง ขี้โกงนี่หว่า” ยูฟ่าเหลือบตามองบน

“หึหึ ไปกันต่อเถอะหนูยู เขางดใช้เสียงครับ คนมองกันใหญ่แล้ว”
 แกมม่าลากเพื่อนออกมาหลังจากที่แวะเติมน้ำมันตะเกียงแล้ว เพื่อชีวิตที่สว่างไสว
พ้นความมืดมน ความรักโชติช่วง พวกเขาจึงทำตามความเชื่อที่บอกต่อๆ กันมาอย่างไม่มีตกหล่น

“กลับไปความรักสมหวัง เปล่งประกาย โอม…เพี้ยง”

“เฮ้ย! มาเป่าใส่ยูทำไม เดี๋ยวเหอะ” ยูฟ่าเหลือบตาใส่แกมม่าที่ยักคิ้วและยิ้มกวนๆ

“ค่อยๆ ลงนะยูทางมันชัน จับราวด้วยกันพลาด เดี๋ยวแกมพาไปจุดชมวิวข้างหน้า
แดดกำลังอ่อนแสงหน่อยแล้ว” แกมม่าแวะตามที่บอกไว้ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดแรกที่พวกเขาจากมา

ทั้งสองถ่ายภาพด้วยกันไปหลายต่อหลายภาพ แกมม่ามองเพื่อนรักที่ดูผ่อนคลายลง

สองหนุ่มไปที่ชายหาดซึ่งมีคนต่างชาติพอประปราย แต่กลุ่มคนไทยที่พากันมาแบบยกครัวก็มีให้เห็น
มากเหมือนกัน ทั้งเด็กเล็กและคนชรา เพียงแค่สั่งอาหารเขาสองคนก็ได้นั่งเตียงผ้าใบแล้ว

ลมทะเลที่พัดเข้าหาฝั่งเย็นสบาย มีไอฝนปะปนมาด้วย

แกมม่าสั่งอาหารทะเลที่สดใหม่ เนื้อหวาน ราคาไม่แพงแถมรสชาติถูกปากอีก
 ยูฟ่าจ้วงยำคนเดียวเกือบหมดจาน

“แกมซื้อเสื้อมัดย้อมตรงหัวมุมนั้นหน่อยนะ สีสวยดี ได้ยินว่าเป็นผ้ามัดย้อมมาจากทางเหนือ”
นิ้วเรียวชี้ไปยังร้านค้าบนเนินสูง

“ได้ๆ เอามาซักน้ำเปล่า ปล่อยให้ลมโกรกไม่นานก็แห้ง เช้าใส่ได้เลย”
แกมม่าพูดนำ คนฟังตาวาวพยักหน้าเห็นด้วย ใครเห็นคงไม่ว่าเขาเห่อหรอกนะ

ยูฟ่าซื้อแบบคอกลมสีน้ำเงินสองตัว และสำหรับสตรีด้วยตัวหนึ่ง แต่เสื้อตัวที่ซื้อต่างไซส์ออกไปนั้น
แกมม่าเดาว่าคงไม่พ้นซื้อไปฝากยูโด แกมม่ามองความเคยชินที่เพื่อนรักมีให้กับคู่แฝด
ซื้ออย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ซื้อทั้งที่ยังคาใจ แกมม่าได้แต่มองและไม่ได้ทักท้วงอะไร
เขาซื้อด้วยเช่นกันตั้งใจใส่พรุ่งนี้เช้า

ทั้งสองแวะจุดชมวิวสุดท้ายเพื่อเก็บภาพ พวกเขาเจอคู่แต่งงานที่มาถ่ายพรีเวดดิ้งที่จุดนี้พอดี
 แนวต้นไม้ใหญ่ที่เรียงรายเป็นทิวแถวเป็นองค์ประกอบที่ทำให้จุดนี้ดูมีมนต์ขลัง
 แม้ว่าจะเหลือใบไม้คาต้นไม่มากเพราะเป็นช่วงที่ต้นไม้ผลัดใบแต่ความงามของฤดูกาลก็ไม่ได้
ลดน้อยลงมากนัก หากผลิใบใหม่ก็จะกลับมาให้ร่มเงากับหมู่นกกาและผู้คนเหมือนเดิม

เขาอดไม่ได้ที่จะทอดสายตาไกลออกไปทางโพ้นทะเล อดไม่ได้ที่จะย้อนคิดเรื่องของตนเอง

‘ดีแค่ไหนที่ชีวิตยังคงอยู่ ได้เห็นผู้คน ท้องฟ้า ท้องน้ำ รวมทั้งผืนดินที่หยัดยืน
 แล้วยังได้เห็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ กันแบบนี้’

“แกม…ขอกอดหน่อย” ยูฟ่าพูดเสียงแผ่ว
แกมม่าจึงสวมกอดตามคำขอพลางยกยิ้มและวางคางไว้บนบ่าของยูฟ่า
 เส้นผมอ่อนนุ่มปลิวไปตามกระแสลม ไม่มีคำพูดใดหลุดจากปากของพวกเขา
จนกระทั่งยูฟ่าเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

“ขอบคุณนะแกมที่เรายังได้พบเจอและอยู่ตรงนี้ด้วยกัน ขอบคุณ”

“ไม่เป็นไร” แกมม่ากระชับกอดและลูบแผ่นหลังเป็นจังหวะเบาๆ ถือว่าการมาครั้งนี้ไม่สูญเปล่าจนเกินไป

ที่พักของสองหนุ่มอยู่บนเนินเขาสูง ทางลาดชันมาก ทั้งสองต้องเดินเท้าไปตามขั้นบันได
 มีเด็กหนุ่มตัวผอมดำมานำทางไปยังที่พัก

“ยูเหมือนคนอายุสักแปดสิบเลยแกม  เหนื่อยมากๆ หายใจแทบไม่ทัน
 ไม่เคยเดินเยอะเหมือนวันนี้เลย แถมต้องขึ้นบันไดสูงนี่อีก ถ้ามีผู้สูงอายุมาด้วยคงต้องให้ขี่คอ
พากันกระย่องกระแย่งขึ้นมาแหงๆ เลย” ยูฟ่าพูดไปหอบหายใจไปด้วย

“มีรางเลื่อนให้ใช้ครับสำหรับคนชราและคนท้อง” หนุ่มน้อยพูด ทำเอาแกมม่าอุทานเสียงดัง

“อ้าว! เฮ้ย! ทำไมไม่ให้พวกเราขึ้นกันล่ะ อ้อ…เออก็เรายังไม่เข้าข่ายชรานี่เนอะ
 แต่ก็ใกล้เคียงแล้วล่ะ ฮะฮ่า” แกมม่าพูดเสร็จก็ลงท้ายด้วยเสียงหัวเราะ

ทั้งสองขึ้นบันไดกันมาอย่างทุลักทุเลพอควร

“เฮ้อ…ถึงซักที ยูขอดูวิวนอกระเบียงก่อนนะ” ยูฟ่ารีบเดินไปเปิดประตูระเบียง

“อู้ฮู!! แกมๆ สวยมาก มาดูๆ เห็นทั้งท้องฟ้า ท้องน้ำและแนวเขา นั่นๆ
 ตรงนู้นน่ะมีที่สำหรับตกหมึกด้วยนะ โอ้โห…ดีเลยแหละ ราคาก็ไม่แพง
แถมไม่ต้องเดินทางไกลเป็นวันๆ แต่มาหมดสภาพตรงขึ้นที่พักนี่แหละ”

 ยูฟ่าพูดไม่หยุดเมื่อได้เห็นทิวทัศน์ทะเลจากมุมห้องพัก

“ห้องพักก็พอใช้ได้แต่มีคนรีวิวไว้ว่าเอ่อ…ไฟตกเกือบทั้งคืนทำให้นอนไม่ค่อยหลับ
 เพิ่งอ่านเจอน่ะยู ขอโทษด้วยนะพามาลำบาก”

 แกมม่าพูดเสียงไม่ดังนัก เพราะว่ารีบร้อนมากันทำให้ไม่ได้ดูให้ดีก่อนจอง

“ช่างเหอะไหนๆ พวกเราก็มากันแล้ว ถ้าจะเอาสะดวกสบายเห็นทีต้องอยู่บ้านแล้วแหละ
ไม่ซีเรียสน่าแกม แค่พามาก็ขอบคุณมากแล้ว”

 ยูฟ่าเอ่ยปากเมื่อเห็นเพื่อนรักหงอยๆ เพื่อนยอมอุทิศเวลางานมาอยู่เป็นเพื่อนทั้งวันทั้งคืนถือว่าดีมากแล้ว
 เขาจะกล้าเอาความอะไรได้อีกล่ะ

“อืม บอกให้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนน่ะ ไปอาบน้ำได้แล้วหนูยู จะได้มานอนพัก”
แกมม่าจัดแจงให้ยูฟ่าอาบน้ำก่อนเพราะดูท่าทางล้าเต็มที

ยูฟ่าหยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวที่พับวางไว้ที่ปลายเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
ไม่นานก็ออกมาพร้อมเสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงขาสั้นตัวจิ๋วที่แกมม่าให้ยืม

สองเกลอนอนคุยเล่นพักเดียวก็เงียบเสียงกันไป แกมม่าห่มผ้าให้เพื่อนที่หลับไปแล้ว
 ใบหน้าดูอ่อนวัยน่าถนอม เขาแอบหวังว่าเรื่องที่ยูฟ่าปรับทุกข์ให้ฟังคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด
 พรุ่งนี้ยูโดคงมีคำอธิบายและคำตอบดีๆ ให้กับยูฟ่าก็อาจเป็นไปได้

‘ไม่ชอบเลย ไม่อยากให้ยูเศร้า’

ก่อนจะปิดเปลือกตาลงแกมม่าเหลือบไปเห็นข้อความในแชทไลน์ของยูฟ่า
 ข้อความมากมายไหลลื่นเข้ามา แม้ไม่ต้องกดเข้าไปอ่านก็อ่านจากหน้าจอนี้ได้เลย

Judo: ยูครับอยู่ไหน อย่าเป็นแบบนี้ โดเป็นห่วงยูมากที่สุดเลยนะ

Judo: กลับมาคุยกัน มันไม่ใช่อย่างที่ยูเห็น

Judo: ตอบหน่อยคนดี โดใจจะขาดแล้ว

Judo: กลับมานะ…โดจะเล่าให้ฟังทั้งหมด

Judo: อย่าเงียบแบบนี้ รักยูคนเดียว

แกมม่ามองแชทไลน์เหล่านั้น เขาได้แต่ทอดถอนใจ เรื่องของคนสองคนที่ไม่รู้ว่าทิศทาง
จะเป็นยังไงกันต่อไป คงช่วยได้แค่อยู่เป็นเพื่อนปลอบใจแค่นั้น ที่เหลือให้สองคนคุยกันเอาเอง






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 24 เชื่อได้ไหม

ในห้องรับประทานอาหาร ช่วงค่ำของบ้านโสภณวิชญ์ ยูโดนั่งหน้าบอกบุญไม่รับ
คอยแต่ชะเง้อคอมองออกไปตรงรั้วบ้าน ค่ำแล้วเขายังติดต่อยูฟ่าไม่ได้จนพาลให้กินอะไรไม่ลง

“พี่โดคะ น้องดาขอผัดผักเพิ่มอีกหน่อยค่ะ” หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ร่วมโต๊ะพูดขึ้น

“อ่อ..เอาสิ” ยูโดเลื่อนจานไปให้ตรงหน้า เขาไม่มีอารมณ์จะบริการใครแล้วตอนนี้

“พี่โดยังไม่เห็นทานเลยสักคำ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” กนกรดาถามขึ้น

“นั่นสิ กินๆ เข้าไปจะรออะไร เอ่อ! ถ้ารอเจ้ายูน่ะ ไม่ต้องรอเลย วันนี้บอกกับพ่อว่าไม่กลับบ้าน”

~ เคร้ง ~

ยูโดรวบช้อนและผลักจานข้าวออกห่างตัว ท่ามกลางสายตางงงวยของทั้งผู้สูงวัยและหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ยูโทรบอกพ่อตั้งแต่บ่าย ไม่ได้บอกแกไว้เหรอไง” บิดาเลิกคิ้วถาม

“เปล่าครับ โทรหาไม่ติด” ยูโดพูดเสียงออกจะตึงๆ

“พี่แกน่ะโตแล้วให้เขามีอิสระในการไปไหนมาไหนบ้าง อยู่แต่กับบ้านคงจะอุดอู้
 คงอยากจะออกไปเปิดหูเปิดตาละมั้ง ปล่อยๆ ไปบ้างเถอะ” พ่อพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“ยูไม่ค่อยระวังตัว เกิดเป็นอะไรขึ้นมาล่ะครับ” ยูโดพูดแถมสีหน้ายังเรียบตึงและน้ำเสียงก็กระด้างไปด้วย

“ไม่มีอะไรหรอกน่ะ แกก็ห่วงไม่เข้าเรื่อง กินข้าวไป” บิดาส่ายหน้าที่เห็นท่าทีของลูกชาย ห่วงกันไม่เข้าท่า

“ผมไม่หิว ขอไปเดินเล่นหน่อยครับ” ยูโดลุกพรวดแล้วเดินออกไปหน้าบ้าน

“หนูดากินเข้าไปเยอะๆ อย่าไปสนใจเจ้าโดเลย มันก็เป็นแบบนี้แหละ เข้าใจยากไม่เหมือนเจ้ายู
 รายนั้นน่ะอ่อนโยนไม่เคยจะมาทำฟึดฟัดใส่แบบนี้หรอก”

“คุณพ่อดูจะรักพี่ยูนะคะ” กนกรดาชวนคุย

“รักมันทั้งสองคนนั่นแหละ แต่เจ้ายูมันบอบบางน่าเป็นห่วงมากกว่าเจ้าโดก็เท่านั้นเอง”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง”เด็กสาวพยักหน้าและแย้มยิ้มก่อนจะลงมือรับประทานอาหารต่อ

“อีกสองวันแม่เจ้าพวกนี้ก็กลับแล้ว ตอนนั้นเราคงไม่เหงาแล้วล่ะ”

“อ่อ…ค่ะ ดีจัง” เด็กสาวพึมพำ

ยูโดเดินวนไปวนมาอยู่สนามหน้าบ้าน เขากดโทรหายูฟ่าก็ยังคงไม่มีสัญญาณตามเคย
ป่านนี้คงจะร้องไห้งอแง ร้องจนปวดหัวไปแล้ว แกมม่าจะเอาอยู่หรือเปล่า
ไม่ได้เจอกันสองวันพอมาเจอหน้ายังไม่ทันได้กอดให้หายคิดถึงก็หนีออกไป
มีเรื่องที่จะบอกให้รู้ก็ไม่อยู่ฟัง ถ้าให้เดาป่านนี้คงจะคิดอะไรไปเยอะแยะมากมายไปกันใหญ่
ยูโดเดินเข้าบ้านเพื่อไปดูแลคนท้องตามหน้าที่

“พี่โดไม่ทานข้าวหน่อยเหรอคะ เดี๋ยวปวดท้องนะคะ”

“เดี๋ยวพี่หาอะไรเบาๆ ทาน เราเถอะจะอ่านหนังสือหรือว่าจะดูหนัง”

“อ่านหนังสือก็ได้ค่ะ”

“งั้นไปที่ห้องนั่งเล่น อ่านหนังสือแนวไหนล่ะ” ทั้งสองพากันไปที่ห้องนั่งเล่นที่มีโซฟ่าชุดใหญ่ให้นั่ง

“การ์ตูนค่ะ น้องดาเห็นของพี่โดในห้องนอนหลายเล่มเลย นี่ไงคะ หยิบลงมาแล้ว”
กนกรดาหยิบการ์ตูนเล่มหนาชูให้ดู

“อ่านรู้เรื่องเหรอ มันเป็นแนวแฟนตาซีนะพวกนั้น” ยูโดพูดและนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามกัน

“อ่านได้ค่ะ ไม่ใช่แนวสยองขวัญเป็นใช้ได้” หน้าหวานๆ ตอบกลับ ยูโดชะงักเมื่อหวนนึก
ไปถึงอีกคนที่กลัวผีแต่ชอบที่จะดูแม้ว่าจะต้องดูไปผวาไปก็ตาม

“ไว้พี่จะหาหนังสืออ่านเล่นมาให้ แต่รอพี่ยูกลับมาก่อน รายนั้นชอบเข้าร้านหนังสือ”
อดไม่ได้ที่จะพูดถึงอีกคนอยู่ดี

“พี่ยูนี่น่ารักนะคะ ทั้งคุณพ่อและพี่โดพูดถึงตลอดเลย แต่ตอนเจอกันเมื่อเช้าไม่เห็นจะยิ้มให้น้องดา
 หน้าก็ออกจะดุๆ ด้วยสิคะ”

“คงเพราะรีบไปน่ะ ปกติยูเป็นคนคุยเก่ง ไม่ดุเลยสักนิด”
 ยูโดพูดและค้านในใจว่าถ้าเรื่องไม่ถึงที่สุดคนนั้นไม่มีทางดุใครแล้วก็ไม่มีใครได้เห็นแน่นอน
 ใจเย็นและใจดีกว่าเขาเยอะ

“ดีค่ะ น้องดาจะได้ไม่เหงาถ้าพี่ยูกลับมา”
 คนท้องพูดอย่างคาดหวัง ถ้าคู่แฝดอีกคนเป็นอย่างที่ได้ฟังคงจะดีไม่น้อย

“อ่อ…อืม” ยูโดปล่อยให้กนกรดาอ่านหนังสือในมือไปเงียบๆ
ส่วนเขาลุกขึ้นเดินไปยังห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำ และจะลงมาหานมอุ่นๆ ดื่ม
 ไม่เห็นหน้าคนที่คิดถึงแบบนี้คงหลับไม่ลง ที่สำคัญเขากำลังเป็นห่วงมากๆ เลยด้วย

ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องนอน กลิ่นหอมประจำตัวของเจ้าของห้องโชยมาปะทะจมูก
จนต้องสูดหายใจเข้าไปจนเต็มปอด สายตาพลันเหลือบไปเห็นเอกสารสมัครเรียน
 เขาพลิกดูอย่างสงสัย หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นเป็นครอสเกี่ยวกับอาหาร
 หลักสูตรต่างประเทศ สถาบันในเมืองไทยมีออกถมเถที่มีชื่อเสียง ทำไมถึงจะไปเรียนต่างประเทศ
 ใครจะยอมให้ไปไกลหูไกลตาขนาดนั้น เขาคนนึงไม่มีทางให้ไปเด็ดขาด!

ยูฟ่าเดินเข้ามาในบ้านเมื่อช่วงบ่ายจัด เขาเพลียทั้งแดดและง่วงมาก กลางดึกไฟที่เกาะติดๆ
 ดับๆ ตลอดทั้งคืน ทำให้เขานอนหลับๆ ตื่นๆ แทบจะทั้งคืนเหมือนกัน

“กลับมาแล้วเหรอคะคุณยู รับของว่างเลยมั้ยคะ”
 มดแดงเอ่ยทักเมื่อเห็นเจ้านายอีกคนเข้าบ้านมาด้วยท่าทีอิดโรย

“ไม่ล่ะ ขอนอนสักงีบ ง่วงมาก” ยูฟ่ายิ้มอ่อนให้สาวใช้

“ค่ะๆ คุณยูขึ้นไปพักเถอะ”

มดแดงยิ้มให้เจ้านายหนุ่มคนน่ารักของบ้าน ถ้าป้าวรรณรู้ว่ากลับบ้านแล้วคงดีใจ
 รายนั้นเป็นห่วงเป็นใยอย่างกับคุณยูเป็นคุณหนูเล็กๆ ของบ้านเลยทีเดียว
 มดแดงจึงเดินเข้าครัวไปรายงานป้าวรรณเพื่อที่แกจะได้ไม่กระวนกระวาย
คอยแต่จะชะเง้อคอมองออกไปนอกบ้าน

“ป้าวรรณขา คุณหนูยูของป้ากลับมาแล้วนะคะ หน้าตานี่นะอย่างกับไปอดนอนมาทั้งคืนเลยแหละ
 นี่ก็ขึ้นห้องไปแล้วค่ะ บ่นว่าง่วง” มดแดงจีบปากจีบคอรายงานคนเก่าแก่ของบ้าน

“ตายจริง! ที่หลับที่นอนคงไม่สบายตัวละซี คุณยูน่ะหลับง่ายจะตายไป เลี้ยงง่ายมาแต่เล็กๆ แล้ว
 ทำอะไรให้ทานตอนตื่นนอนดีนะ เมนูยำหรือข้าวต้มดีล่ะมดแดง คุณหนูดาอีกคน
 แกไปถามมาทีว่าคุณเขาอยากทานอะไร ถ้าหลับอยู่ก็อย่าไปกวนเธอล่ะ”

ป้าวรรณสาละวนรื้อค้นตู้เย็นไปด้วยและพูดไปด้วย

“งั้นรอแป๊บนะคะ เอ่อ..ป้าวรรณอย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะคะ
หนูยังสงสัยไม่หายเลยคุณโดของเราไปรักกับคุณหนูดาของป้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
 คุณสองคนพี่น้องเคยมีข่าวกับสาวๆ ซะที่ไหน หนูยังเดาว่าทั้งสองคงไม่คิดจะแต่งงานด้วยซ้ำ
 จู่ๆ ก็มีลูก สงสัยนะเนี่ย” มดแดงยังอ้อยส้อยชวนคุยไม่ไปไหน

“เรื่องของเจ้านายน่ะ แกจะรู้ไปทำไม ไปทำหน้าที่ของตัวเองก่อนไป๊
 อีกสามเดือนต้องช่วยเลี้ยงคุณหนูเล็กกันแล้ว” ป้าวรรณใช้มืออันอวบอ้วนของแกโบกไล่

“จ้ะๆ ไม่อยากรู้แล้วก็ได้” มดแดงถอยฉากออกไปก่อนที่ป้าวรรณจะหงุดหงิด
แล้วคว้าตะหลิวมาเคาะหัวแทน ความสงสัยของเธอสุดท้ายก็ยังไม่ได้รับความกระจ่าง


“คุณดาขา ป้าวรรณให้มาถามว่าเย็นนี้อยากจะทานอะไรคะ”

“อะไรก็ได้จ้ะมดแดง แค่พี่โดห้ามไม่ให้ทานรสจัดๆ นอกนั้นทานได้หมด”
คนท้องละสายตาจากหนังสือในมือมาตอบ

“งั้นมดแดงไปบอกป้าวรรณตามนี้นะคะ” มดแดงเดินกลับเข้าไปในครัว

 กนกรดาได้ยินว่าลูกชายคนโตของบ้านนี้กลับมาแล้ว แต่ว่าหนีขึ้นไปนอน
เธออยากจะทำความรู้จักให้มากกว่านี้แต่ยังไม่มีโอกาส มื้อเย็นคงจะได้คุยกัน

“อ้าว! พี่โดเลิกงานไวจังเลยวันนี้” กนกรดาทักขึ้นเมื่อเห็นคนหน้านิ่งของบ้านกลับเข้ามาแต่หัววัน

“อืม พี่เพลียๆ น่ะ ขอตัวไปพักสักหน่อย ค่ำๆ เจอกันนะ”
พูดแค่นั้นแล้วแผ่นหลังกว้างสมส่วนก็ผละขึ้นชั้นบน

ยูโดบิดลูกบิดประตู เท้าก้าวเข้าไปภายในห้องนอน แอร์เย็นฉ่ำสัมผัสผิวกาย
จึงเหลือบตาขึ้นมองตัวเลขแสดงอุณหภูมิ ขี้หนาวแต่ปรับแอร์เย็นขนาดนี้
 แล้วดูตอนนี้ห่มผ้าเกือบมิดเห็นเพียงเส้นผมสีน้ำตาลบางส่วนที่พ้นออกมาเท่านั้น

 สองเท้าก้าวไปหยิบรีโมทมาปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น และเดินไปยังร่างที่ขดเป็นก้อนกลมตรงกลางเตียง
 เขาคลายผ้าห่มออกจัดท่านอนให้ใหม่ สอดมือเข้าใต้ร่างและอุ้มร่างที่หลับลึกไม่มีทีท่าจะตื่นนอนวางบนหมอน
 ร่างนุ่มที่แสนจะคิดถึงตลอดทั้งวัน

 เสื้อนอนย้วยๆ กับกางเกงนอนขาสั้นจู๋ หลับตาพริ้ม มีตุ่มคันแดงๆ ตามแขนและขา
แพ้ยุงยังปล่อยให้กัดจนขาลาย ยูโดเลื่อนเปิดช่องเก็บของที่หัวเตียงหยิบตลับยาทาแก้คัน
จากแมลงสัตว์กัดต่อยและควักออกมาแตะแต้มบนตุ่มคันที่เห็นจนทั่วแต่คนขี้เซาก็ไม่มีทีท่าจะตื่น

 ยูโดถอดเสื้อเชิ้ตที่รัดรึงของตัวเองออกและทอดตัวลงนอนตาม ดึงร่างบางนุ่มนิ่มเข้ามากอด
 กดจมูกที่เรือนผมหอม ดึงผ้าห่มมาคลุมแค่ไหล่ก่อนจะปิดเปลือกตาและหลับตามกันไป


ยูฟ่าขยับเปลือกตาก่อนจะลืมตาขึ้น ท่อนแขนที่กอดกระชับและแผ่นอกเปลือยเปล่า
ที่แก้มของเขาแนบอยู่นี้เป็นใครไปไม่ได้เลย ยูฟ่าค่อยๆ คลายแขนที่โอบกระชับตัวเขาออกอย่างแผ่วเบา

‘ไม่ทำงานหรือไง มาทำเนียนกอดกันอยู่ได้ ยังโกรธอยู่นะ’
ยูฟ่ามองเสี้ยวหน้ายามหลับ แม้ว่าจะยังค้างคาใจกับเรื่องเมื่อวานก็ยังอดที่จะใช้มือลูบไล้ดวงหน้าหล่อคมไม่ได้
ชะโงกตัวขึ้นไปกดจูบที่เปลือกตาทั้งสองข้างอย่างคิดถึงและงับเบาๆ ที่ปลายจมูกอย่างเผลอไผล

“จะลักหลับกันหรือไง ตื่นนานหรือยัง หืม…” ดวงตาคมกล้ามองสบกับดวงตาคู่สวย

“อะ เอ่อ เพิ่งตื่น ทำไมกลับเร็วล่ะวันนี้” ยูฟ่าถามกลับแบบตะกุกตะกักด้วยไม่คิดว่าอีกคนจะรู้สึกตัวไว

“ทิ้งงานมา คิดถึงยูจะแย่” ยูโดดึงคนตัวนุ่มเข้าหาและประกบปากทาบทับกับเรียวปากบาง
 ขบเม้มดูดดึงกลีบปากทั้งบนและล่างอย่างโหยหาและแสนรัก

“อื้อ…หมาอ้วนพอก่อน” ยูฟ่าขยุ้มกลุ่มผมของคนตัวหนาอย่างเคยมือ

“ยังไม่หายคิดถึงเลย หนีไปเที่ยวไหนมา โกรธได้ไหมครับ หืม”

“ใครน่าจะโกรธมากกว่า อธิบายมาเลยนะ เดี๋ยวนี้!”
ยูฟ่าดันตัวออกจากแขนแกร่งทันทีและฉุดให้คนตัวโตลุกตาม
 ดวงตาวาววับอย่างกับมีลูกไฟ เมื่อเรื่องเมื่อวานผุดขึ้นมาในหัว

“ผู้หญิงของโด เธอกำลังอุ้มท้องลูกของโดด้วยใช่มั้ย บอกยูมานะ”
คำถามที่ยูฟ่าเตรียมมาตลอดทางกลับบ้าน คำตอบยังไม่ทันได้รับ
 หัวใจเจ้ากรรมกลับสั่นระรัวอย่างหวาดหวั่น ภายในอกเสียดแน่น
 อึดอัดราวกับจะหายใจไม่ออก

 ยูฟ่ากัดริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บจึงต้องคลายออก
ก้อนสะอื้นวิ่งขึ้นมาจุกลำคอ กระบอกตาร้อนผ่าวและน้ำตาแห่งความอ่อนแอก็ห้ามไม่อยู่อีกต่อไป
ยูโดกอบกุมแก้มนวลด้วยสองมืออันสั่นเทา กรีดปลายนิ้วปาดน้ำตาออกให้อย่างเบามือ
 เสมือนว่ายูฟ่าเป็นกระเบื้องเคลือบเนื้อบางหากสัมผัสหนักมือไปจะแตกร้าวไปเสียก่อน

“เธอไม่ใช่ผู้หญิงของโดแต่เด็กในท้องเป็นลูกของโด แล้วเด็กก็จะเป็นลูกของเราในอนาคตนะครับยู”
 ยูโดพูดอย่างระมัดระวังถ้อยคำที่สุด และรวบร่างบางเข้าสู่แผงอกอีกครั้ง

“วะ ว่าไงนะ! เด็กในท้องลูกโด ทำไม โดทำแบบนี้กับยู ไม่รักแล้วทำไมไม่บอก
ให้ยูกลับมาที่นี่อีกทำไม เกลียดอะไรยูนักถึงต้องทำกันขนาดนี้ ใจร้าย! ฮึก เลือดเย็น!
 อยากเห็นยูตายทั้งเป็น โดทำมันสำเร็จแล้ว เจ็บ เจ็บจนจะตายอยู่แล้ว ฮึก ฮือ”

ยูฟ่าสะบัดตัวออกจากกกกอดแต่ถูกรั้งไว้ด้วยกอดที่กระชับแน่นกว่าเดิม

“ปล่อย! เราไม่มีอะไรต้องพูดกัน เชิญนายอยู่กับคนของนายและเด็กคนนั้น
 ไม่ต้องทำอะไร นายชนะ ฮึก เรายอม พอแค่นี้…แค่นี้ก็เกินพอแล้ว ปล่อยสิ!
 ฮึก เจ็บเจียนตายเป็นแบบนี้เอง ฮือออ”

ยูฟ่าดิ้นหนี ภายในใจเจ็บปวดเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบเคล้นหัวใจจนแทบแหลกเหลว
 อยากหยุดหายใจตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ยิน ลูกของยูโดจริงอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด

“ยู ที่รัก อย่าเป็นแบบนี้ ฟังโดอธิบายก่อน ทั้งหมดเพราะคุณพ่ออยากได้ทายาท
คุณพ่อจะไม่ยุ่งกับเรา ขอเพียงแค่มีหลานให้ท่าน ไม่ใช่ว่าโดอยากจะมีลูก
โดไม่ได้อยากมี โดไม่ชอบเด็กยูก็รู้”

 ยูโดละล่ำละลักบอก เขาจะไม่ปล่อยคนในอ้อมกอดนี้ไปไหน หากยังไม่เข้าใจกัน

“หน้าไม่อาย นายนอนกับเธอจนมีลูกด้วยกัน เมื่อวานก็พาเธอเข้ามาอยู่ในบ้าน
นายทำได้ยังไงทั้งที่เรายังอยู่ทั้งคน นายยังจะโยนความผิดไปให้คุณพ่อ
 นายมันเลวเกินคนแล้ว เรามันโง่ที่หลงรักคนอย่างนาย พอเถอะไม่ต้องพูดแล้ว
 ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เคยบอกว่ารัก มันเรื่องโกหกสินะ ฮึก”

 ยูฟ่ากลั้นสะอื้นจนตัวโยนและพยายามใช้สองมือผลักยูโดออกจากการกอดรัด

“ที่บอกว่ารักหมดหัวใจและชีวิตนี้จะรักยูไปจนวันตาย มันคือเรื่องจริง เชื่อในรักและหัวใจของโดเถอะนะยู”

ยูโดร้องไห้ เขาเจ็บจนจะทนไม่ไหวเหมือนกันที่ยูฟ่าไม่เชื่อในความรักที่เขามีให้
 จากวันนั้นจนวันนี้ความรักนั้นไม่เคยน้อยลงเลย

“โดไม่ได้นอนกับเธอ ไม่เคยสักครั้ง เธอท้องเพราะวิธีทางการแพทย์ เชื่อโดนะ ถามคุณพ่อก็ได้
 เด็กคนนั้นเกิดจากการทำกิ๊ฟท์จริงๆ พอเธอคลอด เด็กในท้องจะเป็นสิทธิ์ของเรา
 เธอจะได้เงินแล้วไปจากที่นี่มันเป็นข้อสัญญา จริงๆ นะยู”

 ยูโดพูดพร้อมกับกอดรัดยูฟ่าแนบอก เขาปล่อยยูฟ่าตอนนี้ไม่ได้
 หากปล่อยให้หลุดออกไปได้ เขาคงต้องสูญเสียยูฟ่าไปตลอดกาล
 คนคนนี้ใจเด็ดและเกินจะคาดเดาทำไมเขาจะไม่รู้

“เชื่อโดเถอะคนดี คุณพ่อถามว่าเราสองคนใครจะเป็นคนให้น้ำเชื้อ
 ตอนนั้นโดตัดสินใจเป็นตัวเลือกให้คุณพ่อแทนยู ถ้าผิดก็แค่เรื่องนี้ที่ไม่ได้ถามยูก่อน
จริงนะยู เชื่อเถอะนะ” ยูโดพยายามเกลี้ยกล่อม

“หยุดซักที! เห็นยูโง่นักใช่ไหม ฮึกฮือ นายมันใจร้าย!”

“โดไม่อาจรักใครหรือมีใครได้ชีวิตนี้ นอกกายก็ไม่เคยสักครั้ง
 คนที่โดจะมีสัมพันธ์ด้วยแค่ยูเพียงคนเดียวจริงๆ”
ยูโดคลายวงแขนออก พรมจูบไปทั่วดวงหน้านวลที่มีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนไม่ต่างจากเขา

“จะให้เชื่อได้ยังไง อยู่ดีๆ ก็พาคนท้องเข้าบ้าน ถ้ายูเชื่อ ยูก็คงเป็นคนโง่เป็นตัวตลกให้โดหัวเราะ ฮือ”
ยูฟ่ามีท่าทีอ่อนลง ไม่บ่อยนักที่จะเห็นน้ำตาของยูโด อาจจะนับครั้งได้ตั้งแต่โตมาด้วยกันแต่เขาก็ยังเชื่อไม่ลง
 มันหวาดระแวงไปหมด ความเชื่อใจถูกบั่นทอนไปกว่าครึ่งแล้วตอนนี้

“คุณหมอบอกกับคุณพ่อว่าแม่เด็กอยู่ในสภาวะเครียดและมันจะส่งผลเสียกับเด็กในท้อง
เสี่ยงกับภาวะครรภ์เป็นพิษ คุณพ่อจึงให้รับเด็กคนนั้นมาอยู่ที่นี่ เพราะแม่ของกนกรดา
ป่วยเป็นมะเร็งที่ก้านสมอง คุณพ่อรู้จักครอบครัวนั้นและยื่นข้อเสนอให้ไป
 ช่วงนี้แม่เด็กเครียดจากคนป่วยในบ้านและท้องที่โตขึ้นทุกวัน ละแวกบ้านที่เธออยู่มีแต่คนสอดรู้สอดเห็น
 คุณพ่อถึงต้องให้แยกเธอออกมาอยู่ที่บ้านเรา”

ยูโดเล่าไป สายตาคู่คมไม่ละไปจากดวงหน้าคนฟังเลย

 “หลังคลอดทางเราก็จะปล่อยเธอกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ที่เล่าทั้งหมดคือเรื่องจริงนะยู”
 ยูโดจูบปิดปากบางที่มีท่าทีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาไม่อยากจะได้ยินคำตัดพ้อที่มันเชือดเฉือนบีบรัดหัวใจอีกแล้ว
ถ้อยคำที่ได้ฟังพาให้รู้สึกเจ็บปวดราวกับมีเข็มเป็นพันเป็นหมื่นเล่มมาทิ่มแทง

“ล้างหน้าแล้วลงไปข้างล่าง เรื่องนี้จริงหรือเท็จ เดี๋ยวได้รู้กัน”
ยูฟ่าพูดเสียงแข็งแล้วเบี่ยงตัวออก ลำคอเชิดตั้งตรง นี่สินะคนดื้อเงียบที่พยศขึ้นมาก็ยากที่ใครจะรับมือ
ยูโดเจอฤทธิ์เดชมาก็เยอะ แต่ครั้งนี้ดูจะสาหัสกว่าทุกที


ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 25 เพราะรัก

ทั้งสองล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าและลงไปที่โต๊ะอาหาร ผู้เป็นพ่อกลับจากทำงานพอดี
 ใบหน้าของท่านยิ้มแย้มเมื่อลูกชายอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา

“เที่ยวมาสนุกละสิ ปล่อยให้หมาบ้าที่นี่พล่านทั้งวัน ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน
คราวหน้าจะไปไหนมาไหนบอกมันหน่อยนะยู”
ยูฟ่าเหลือบมองคนที่ถูกเปรียบว่าเป็นหมาบ้า คนร้อนตัวก็ขยับยุกยิก

“โดเป็นห่วงยูนี่ครับ หากเป็นอะไรไปใครจะเห็น นี่ก็ถูกยุงกัดมาขาลายไปหมด ยาตลับเดียวเกือบไม่พอทา”
ยูฟ่าสะดุ้ง ยกแขนขึ้นมาสำรวจตุ่มคัน

“นั่นปะไร คราวหน้าบอกพ่อคนนั้นเขาด้วยล่ะ ห่วงยังกับยูเป็นลูกเล็กๆ ของมันไปแล้ว หึหึ”
พ่อพูดและหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขำขัน

ยูฟ่าชำเลืองมองลูกสะใภ้ของบ้านที่หลุดขำด้วยอีกคน ใบหน้านวลปากนิดจมูกหน่อยกลั้นขำจนหน้าแดง
 คุณพ่อของเขาก็ช่างเลือกแม่พันธุ์เพื่อให้หลานออกมาเบ้าหน้าดีเหลือเกิน

“อ้าว เจ้ายูรู้จักหนูดาหรือยังล่ะ”

“เจอกันเมื่อวานแล้วค่ะคุณพ่อ”
 เสียงเล็กตอบออกมา เรียกพ่อได้แบบไม่มีเคอะเขิน ยังจะให้เชื่ออะไรอีก ยูฟ่าทำเป็นไม่ใส่ใจ

“พี่โดคะน้องดาขอปลาเพิ่มอีกหน่อยสิคะ ลูกคงอยากทาน”
ยูฟ่าเผลอกัดโดนลิ้นตัวเองไปทีจนได้กลิ่นคาวเลือดในปาก ยูโดทำตามที่คนท้องร้องขออย่างว่าง่าย

“พี่ยูไม่เห็นพูดอะไรบ้างเลยคะ” กนกรดาถาม ตั้งแต่มานั่งยังไม่เห็นคนพี่จะปริปากพูดอะไรเลยสักคำ

“ยูคงติดมารยาทการทานอาหารมาจากบ้านคุณยาย ที่นั่นไม่อนุญาตให้พูดคุยในโต๊ะอาหารเว้นแต่จะเป็นเรื่องด่วนจริงๆ”
 ยูโดตอบแทน กนกรดาพยักหน้าเข้าใจและมองคนที่ยังคงทานอาหารไปเงียบๆ
 สีหน้าดูไม่สบอารมณ์และใต้ตาก็บวมช้ำเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างนั้น

“ไว้ค่อยคุยหลังมื้ออาหาร” ยูฟ่าหันไปพูดกับเด็กสาวที่มีสีหน้าดีขึ้นทันทีเมื่อเขาเอ่ยปาก

“แต่ยูบอกมีเรื่องจะถามคุณพ่อ งั้นเข้าไปคุยกับคุณพ่อก่อน ถามให้หายสงสัยไปเลย
 ไม่ควรปล่อยให้คาราคาซังจะคาใจกันเปล่าๆ เดี๋ยวจะเครียดพากันนอนไม่หลับไปด้วย”
ยูฟ่าสบตาคนพูดที่จงใจกระทบกระทั่งกันชัดๆ

‘ดีเหมือนกัน ถ้าไม่เป็นอย่างที่เล่ามา เราจะได้ตัดสินใจอะไรๆ ได้ง่ายขึ้น’
ยูฟ่าคิดคำนึงไปเงียบๆ อาหารก็รสชาติเดิม ของชอบด้วยแต่ฝืนกลืนไปได้แค่ครึ่งจานก็ต้องเลิกกิน


หลังอาหารค่ำจบลงกนกรดาเข้าไปดูทีวีที่ห้องนั่งเล่น ส่วนพ่อกับลูกๆ
 พากันเดินเข้าไปยังห้องทำงานที่อยู่อีกฟากของห้องกินข้าว ยูฟ่าเดินรั้งท้าย

“นั่งที่โซฟานั่นแหละ พ่อขอหาเอกสารหน่อยไม่รู้ว่าวางไว้ตรงไหน อ่อ…อยู่นี่เองหาเสียหัวหมุน
 เอ้า! ว่ามาใครมีอะไร ยูสินะแววตามันฟ้องตั้งแต่นั่งกินข้าวแล้ว อยากรู้อะไรล่ะ”
บิดาพูด ท่านมองอะไรมักจะไม่พลาดและครั้งนี้ก็เหมือนกัน

“ยูสงสัยเรื่องที่กนกรดาท้อง ผมพูดไปก็ไม่เชื่อ หาว่าผมโกหก”
น้ำเสียงเจือไปด้วยความน้อยใจ

“เจ้าโดมันว่ายังไงก็ยังงั้นแหละ อยากจะมีลูกขึ้นมาอีกคนรึไง เอามั้ยล่ะพ่อหาแม่พันธุ์ให้”
 คุณพ่อพูดด้วยน้ำเสียงเย้าหยอก อย่างกับเห็นเป็นเรื่องปรกติธรรมดาทั่วไปอย่างนั้น
 แต่กับยูฟ่ามองเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

“ยูเป็นพ่อได้โดยไม่ต้องไปนอนกับผู้หญิงเหรอฮะ”
ยูฟ่าหยั่งเชิงทั้งที่ใจก็ไม่อยากจะยอมรับ

“ใช่ไง อยากจะได้แบบขาว ผิวสีน้ำผึ้งหรือแบบไหนล่ะ แต่พ่อต้องดูไอคิวแม่พันธุ์ก่อนนะ
ค่าใช้จ่ายสูงมากบอกเลย ถ้าไม่ได้อาหมอพวกกันช่วยน่ะ พ่อก็หมดสิทธิ์มีหลานเหมือนกันแหละ”

“ไม่พูดเป็นเล่นสิครับคุณพ่อ ผมกำลังถูกยูโกรธอยู่นะ นี่เตรียมจะหนีไปต่างประเทศเลยนะ
 ถ้าไปไกลแบบนั้นผมจะตามเจอไหมล่ะ”

“ใครให้ไป พ่อไม่อนุญาต แม่แกได้มาฆ่าพ่อตายแน่ๆ ปล่อยลูกรักไปไกลตาแบบนั้น อย่าหาเรื่องน่ายู”
บิดาหน้าเจื่อนที่รู้ว่าลูกชายเตรียมไปไกลขนาดนั้น

“คุณพ่อให้ยูหาที่เรียนไง ตามที่คุยกัน ปีเดียวเอง คุณพ่อจะกลับคำไม่ให้นะ
ไหนบอกให้เลือกที่เรียนได้เลยแล้วทำไม…”
ยูฟ่าทวงข้อตกลงที่บิดาให้ไว้ เขาพูดยังไม่ทันจบก็ต้องสะดุ้งแรง

“ไม่ได้! ไม่ให้ไป! ยูต้องอยู่บ้านดูแลโดและลูก” ยูโดทุบโต๊ะดังปังไม่รอให้ยูฟ่าพูดจบ

“อะไร! ลูกใครก็ดูกันเอาเองสิ แม่เด็กก็อยู่ เกี่ยวอะไรกับยูล่ะ”
 ยูฟ่าหน้าบูดบึ้งขึ้นทันตา อยู่ดีๆ จะให้เขาต้องมาเลี้ยงเด็ก
 ลูกก็ไม่ใช่เขายังไม่หายโกรธเลยนะ ทำอะไรกันไม่มีจะบอกกล่าวให้รู้
ดังนั้นเรื่องที่เขาจะไปเรียนต่างประเทศก็ไม่ผิดที่ไม่ได้บอกเหมือนกันนั่นแหละ

“หนูดาคลอดก็ไม่อยู่แล้ว สิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกอยู่ที่บ้านเราตามข้อสัญญา”
บิดาขยายความ ยูฟ่าอึ้งเมื่อได้รู้ความจริงทั้งหมด เหมือนที่ยูโดเล่าไว้ก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ยังตงิดๆ ไม่หาย

“พ่อหาหลานให้ยูเลี้ยงจะได้ไม่เหงาไงลูก ไม่ต้องไปเรียนไกลขนาดนั้นหรอก
 เมืองไทยเราก็มีเยอะไปสถาบันดังๆ พ่อไม่ได้ให้ยูไปทำงานนอกบ้าน ยูเรียนเพิ่มพูนความรู้ก็พอ
 ถ้าอยากมีร้านอาหารเป็นของตัวเองก็จ้างเชฟเก่งๆ เอาสิ ยากอะไรล่ะ เงินทองก็มี”

ยูฟ่าเบ้ปากอย่างขัดใจ ให้เรียนได้แต่นอกราชอาณาจักรไม่อนุญาต แล้วก็ยังไม่ให้ไปทำงานนอกบ้านอีก
 เรื่องนี้เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าท่านคิดไว้แบบนี้

“คุณพ่อจะมาดับฝันกันง่ายๆ อย่างนี้ ยูไม่ยอมนะ ให้ลูกสะใภ้อยู่เลี้ยงไปสิหลานของคุณพ่อน่ะ
 เผื่อจะได้หลานขึ้นมาอีกคน”
ยูฟ่าส่ายหน้าไม่ยินยอมกับความคิดของท่าน ปรายตามองยูโดอย่างงอนๆ


“น้ำเชื้อของแกรึไงเจ้ายู ดีเลยจะได้ทำสัญญาต่ออีกปี มีลูกให้ทางเราอีกสักคน
 กลับไปนี่หนูดาก็กลายเป็นเศรษฐีย่อยๆ เลยสิ หึหึ”

“พ่อ! ผมไม่ขำนะ เรื่องอะไรจะให้หมอมาเห็นของๆ ยู ผมไม่ยอมเด็ดขาด!”
 ยูโดออกอาการหวงของจนยูฟ่าหน้าขึ้นสีระเรื่อ ความโกรธความเสียใจหายไปหมด

“หวงไม่เข้าเรื่อง ถ้าพ่อไม่จ้างคนมาท้อง ชาตินี้พ่อจะได้หลานสักคนมั้ย เฮ้อ…พวกแกนี่นะ”

“พ่อครับ มีแค่คนเดียวนี่แหละ ถ้าอยากได้อีกคนก็แค่ขอเด็กมาเลี้ยง ให้ยูเป็นพ่อก็แค่นั้น” ยูโดเริ่มหัวเสีย

‘น่าสนนะ ค่อยคุยกับคุณพ่อดีกว่า’ ยูฟ่าทำท่าสนอกสนใจ และเผลอยิ้มออกมา

“ยูไม่ต้องอยากจะทำอะไรแผลงๆ เลย โดไม่เห็นด้วยถ้าจะทำกริฟท์น่ะ แค่นี้ชีวิตก็ยุ่งมากแล้ว
พรุ่งนี้คุณแม่กลับมาคุณพ่อเตรียมคำตอบให้คุณแม่ด้วยก็แล้วกัน ผมไม่ยุ่งด้วยแล้ว
 แค่คนเดียวก็ง้อจนปวดใจ หาว่าผมโกหกหลอกลวงบ้างละ ใจร้ายบ้างละสารพัดจะต่อว่าต่อขาน”
ยูโดพูดน้ำเสียงขื่นๆ อย่างไม่ปิดบัง

“นั่นมันเรื่องของแก พ่อไม่เกี่ยวด้วยนะ ใครใช้ให้แกไม่เล่าให้กันฟังล่ะ พ่อถามแล้วว่าสองคนใครจะทำ
 แกรับจะทำเอง แกเล่นคิดเองตัดสินใจเอาเองไม่ปรึกษาคนของแก โทษพ่อไม่ได้
 ถ้าลองยูพาคนท้องเข้าบ้านมาบ้าง แกรู้ทีหลังก็บ้านแตกเหมือนกันแหละ เฮอะ! ช่วยไม่ได้”

 ยูโดคิ้วกระตุกเมื่อบิดาไม่ช่วยแบกรับความผิดไว้บ้างเลย เขาพลาดไปแล้วจริงๆ
 ที่ตัดสินใจเองไม่ปรึกษายูฟ่าก่อน สุดท้ายถูกพ่อลอยแพ

“พ่อบีบผม บอกจะพรากความรักของผมถ้าผมไม่ทำตามที่พ่อต้องการนะ นี่พ่อลืมหรือไง”
 ยูโดโวย นี่เขากลายเป็นคนผิดอยู่คนเดียว พ่อนะพ่อ ไม่คิดจะช่วยกันบ้างเลย
 เขาพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเองเลยจริงๆ

“มันก็แค่อุบายนิดๆ หน่อยๆ ใครจะไปแยกแกออกจากกันได้ล่ะ พ่อเนี่ยนะจะทำได้”
ยูโดมองหน้าพ่อตัวเองตาแทบถลน เขาตกหลุมที่พ่อขุดไว้ แถมตะกายขึ้นไม่ได้อีกต่างหาก
ถ้าพ่อจะกลบหลุมฝังกันขนาดนี้ก็ตายลูกเดียว

“จบนะยู ชัดเจนพอหรือยัง”
 ยูโดพูดใส่หน้ายูฟ่าอย่างพาลๆ ยูฟ่ามองน้องชายที่ตอนนี้มาทำให้คดีพลิก
เขากลายเป็นคนผิดที่ไปเหยียบย่ำหัวใจซะอย่างนั้น

‘นี่ต้องตามง้อเจ้าหมาอ้วนอีกหรือไงนะ’

สองแฝดเดินออกจากห้องทำงานและเดินไปยังห้องนั่งเล่น กนกรดามองมายิ้มๆ

“คุยกับคุณพ่อเสร็จแล้วเหรอคะ”

“อืม คุณพ่อดื้อ คุยด้วยแล้วปวดหัวชะมัด”
ยูโดตอบและนั่งลงที่โซฟาตัวถัดไป ส่วนยูฟ่าก็นั่งตรงข้ามกับคนท้อง

“พ่อลูกก็น่าจะถอดแบบกันมาหรือเปล่าคะ”

“เรานี่ท่าจะแสบนะ” ยูฟ่าพูดตามที่คิด เด็กสายห่อปากทำตาโตและพูดเสียงตื่นเต้น

“พี่ยูพูดแล้ว นี่น้องดาคิดว่าพี่ยูจะไม่คุยตลอดไปซะอีก ทำเอาเครียดเหมือนกัน”
กนกรดาปรับท่านั่งใหม่เมื่อบรรยากาศดูจะผ่อนคลายลง

“คนท้องเครียดได้หรือไง ไม่เพราะว่าชอบคิดมากเหรอถึงต้องมาอยู่ที่นี่น่ะ” ยูฟ่าย้อนถาม

“ก็จริงนั่นแหละค่ะ ไม่เครียดดีกว่าเดี๋ยวลูกเครียดตาม คงไม่ได้นอนกันทั้งคืน
 ถีบจนหน้าท้องนูนเลย โอ๊ย! ดูสิพูดว่านิดหน่อยเป็นไม่ได้ ท่าจะแสบนะคะหลานพี่ยู”

กนกรดาพูดด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม และลูบหน้าท้องตัวเองไปมา

 “แล้วนี่เราไม่แพ้เลยเหรอ” ยูฟ่าต่อบทสนทนาออกไป

“ไม่เลยค่ะ ถือว่าโชคดี” เด็กสาวแย้มยิ้มมุมปากอีกตามเคย ดูสดใสสมวัย
ยิ่งท้องผิวพรรณยิ่งผุดผ่อง ยูฟ่าว่าเด็กที่เกิดมาคงตัวขาวมากแน่ๆ

“ดีแล้ว ตัวยิ่งเล็กๆ ถ้าเกิดแพ้จนกินอะไรไม่ได้เลยจะผอมเอา เอ่อ! ว่าไงมดแดง”
มดแดงเดินถือแก้วนมเข้ามา

“ป้าวรรณให้นำนมอุ่นๆ มาให้คุณยูกับคุณดาค่ะ กำชับว่าคุณยูต้องดื่มให้ได้ด้วยนะคะ”
 มดแดงวางแก้วนมให้ทั้งสองคน และยังรีรอไม่ไปไหน

“อืม ฝากขอบคุณป้าวรรณให้ด้วย”
ยูฟ่าพูดและไม่มีทีท่าว่าจะหยิบขึ้นมาดื่ม ผิดกับคนท้องที่ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมดแก้ว

“คุณยูต้องดื่มให้มดแดงเห็นด้วยค่ะจะได้กลับไปบอกป้าวรรณได้ถูก”
มดแดงจ้องมองแก้วนมที่คุณหนูยูของป้าวรรณไม่แม้แต่จะแตะต้อง

“หึหึหึ” ยูโดหัวเราะในลำคอ คุณหนูยูของป้าวรรณจะไปไหนได้อีกล่ะ
 ใครๆ ต่างก็ตามรักตามห่วงแบบนี้

“มีบังคับกันด้วยเหรอคะ พี่ยูนี่มีแต่คนรักคนห่วงนะคะ”
กนกรดาพูด เธอนึกทึ่งในความใส่ใจที่คนบ้านนี้ปฏิบัติต่อพี่ชายฝาแฝดของบ้านมากกว่าใคร

“ก็เขาน่าทะนุถนอมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
ยูโดจงใจเน้นคำว่าน่าทะนุถนอมทำเอายูฟ่าแก้มร้อนฉ่า

“พี่ยูตัวเล็กนี่คะ น่ารักจริงๆ ด้วย พี่โดบอกว่าจะให้พี่ยูช่วยแนะนำหนังสืออ่านเล่นให้น้องดา
 บอกอีกว่าพี่ยูชอบเข้าร้านหนังสือ น้องดาฝากด้วยนะคะถ้าไปครั้งหน้า”

ปากบางๆ ช่างเจรจา ยูฟ่ามองความช่างพูดของเธอแล้วนึกเอ็นดูขึ้นมาหน่อย

“ได้สิ ไปด้วยกันมั้ยล่ะ” ยูฟ่าออกปากชวน

“ได้เหรอคะ น้องดาไปได้จริงๆ เหรอ” คนท้องออกอาการตื่นเต้นจนปิดไม่มิด

“ได้สิ ไว้พี่จะหาเวลาพาไป” ยูโดรับปาก ทำเอาคนท้องยิ้มจนตาแทบเป็นสระอิ

“หาของอร่อยๆ ทานกันด้วย ไว้ชวนคุณแม่ไปด้วยอีกคน น่าสนุก” ยูฟ่าพูดเสริม

ยูโดรู้สึกผ่อนคลาย การได้ไปคุยกับบิดาทำให้อาการหน้าตึงคอตั้งของคนตัวเล็กข้างๆ หายไป

ยูโดเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ยูฟ่ากำลังนั่งเช็ดผมอยู่หน้ากระจก
 ร่างแกร่งเห็นดังนั้นจึงสาวเท้าเข้าไปหาและฉวยผ้าเช็ดผมจากมือบางมาบรรจงเช็ดผมที่เริ่มหมาดๆ
 อย่างเบามือ ยูฟ่าช้อนตาขึ้นมองผ่านกระจกเงา

เหมือนมีแรงดึงดูดที่ยากจะต้านทาน ยูโดฉกริมฝีปากชิมความหวานละมุนบนกลีบปากที่เผยอรับ
ลิ้นเรียวสอดเข้าไปกวาดมวลน้ำหวานภายในโพรงปากอันอ่อนนุ่ม ละเลียดชิมอย่างอ้อยอิ่ง
ยูฟ่าตวัดลิ้นเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นที่รุกล้ำเข้ามา ยูโดประคองกอดและรั้งให้คนพี่ลุกขึ้น
ผ้าเช็ดผมผืนเล็กร่วงลงไปกองกับพื้น เรียวลิ้นทั้งสองต่างดูดดึงซึ่งกันและกันไม่ยอดปล่อย
เนื้อตัวแนบชิดจนแทบไม่เหลือช่องว่าง ยูฟ่าถอยหนีเมื่อคนตัวโตรุกไล่จนเขาล้มลงบนเตียงนอนกว้าง
ฝ่ามือร้อนของยูโดสอดเข้าไปในร่มผ้า ลูบไล้เคล้นคลึงผิวเนียนนุ่มจนร่างบางเตลิดเพริด
ไปตามความหอมหวานที่ยูโดชักนำ เผลอบิดกายเร่าเมื่อทั้งร่างก่อเกิดความอุ่นซ่านหวามไหว
จนต้องเบียดเนื้อตัวเข้าหาร่างหนาที่ทาบทับและแทรกตัวอยู่ระหว่างกลาง
ความร้อนและความแข็งขืนของพวกเขาต่างดุนดันซึ่งกัน

“หอม หวานไปทั้งตัวเลยครับยู อืม” ปากพูดแต่มือก็ปัดป่ายลูบไล้เรือนร่างบางไม่หยุด

“อื้อ โด สะ เสียว แปลกๆ อ๊ะ”
ยูโดใช้ปากงับเบาๆ ที่ลำคอขาวนวลและลากลิ้นร้อนไปที่ติ่งหูจนยูฟ่าขนลุกชูชันไปทั้งตัว
มือที่โอบอยู่หลังคอของยูโดก็ขยับลูบไล้สำรวจและแทรกปลายนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมดกดำอย่างซ่านใจ
ส่ายใบหน้าหนีเมื่อใบหูของเขาถูกดูดเม้มจนความอุ่นร้อนฉาบวาบจากใบหน้าวิ่งลงสู่ปลายเท้า

“รักยูนะ โดฝันว่าเราจะมีคืนหวานๆ ด้วยกัน โดรอนานแล้วนะครับ รู้ว่าผิดแต่ก็ห้ามใจไม่ได้ โดขอรักยูนะ”
เป็นอีกครั้งที่ยูโดอ้อนขอที่มากกว่าการกอดจูบลูบไล้เนื้อตัว

“คนดี ขอนะ โดอยากรู้ว่าหากโดได้อยู่ในตัวของยูมันจะเป็นยังไง
โดจะสำลักความสุขตายมั้ย นะยู นะครับ”
วอนขอแบบนี้ซ้ำๆ และก็ไม่เคยจะสำเร็จสักครั้งและครั้งนี้เขาก็คิดว่าต้องเป็นรูปแบบเดิมอีกตามเคย








CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 26 ความผิดบาปที่แสนหวาน

ร่างเปลือยยืนเต็มความสูงอยู่ปลายเตียง ยูโดมองสบกับดวงตาหวานเชื่อมที่ปราศจากเสื้อผ้าติดกาย
 กว่าเขาจะวอนขอและคนพี่ยินยอมไม่ใช่ง่าย ขายาวก้าวเข้าไปหาคนที่รู้ตัวแล้วว่ายังไงคืนนี้ก็ไม่พ้น
อุ้งมือของหมาป่าที่ห่มหนังแกะตัวนี้ไปได้ จ้องจะจับเขากินกว่าครึ่งปีมาแล้ว

“ขอบคุณที่ยูยอมสร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกัน ไม่ต้องจินตนาการอีกแล้วว่าภายใต้ผิวเนียนนุ่มจะน่ารัก
 หอมหวานและน่ากินขนาดไหน”
ยูโดทอดกายตระกองกอดร่างบางไว้แนบอก ผิวกายบดเบียดเข้าหากันสร้างความอุ่นซ่าน ยูฟ่ายิ้มทั้งปากและดวงตา

“โดจะไม่ทำยูเจ็บ ถะ ถ้าจะเจ็บก็อย่ามากจนเดินไม่ไหวนะ”
นิ้วมือนุ่มลากไล้ไปตามโครงหน้าอย่างบางเบา ดวงตาคู่คมมองมาอย่างจะกลืนกินเขาแทบทั้งตัว

“แน่นอนที่รัก โดจะอ่อนโยนกับยู เชื่อเถอะ”

ริมฝีปากชื้นแต้มสัมผัสแผ่วเบาบริเวณหน้าผากมนไล่เรื่อยมายังเปลือกตาทั้งสองข้าง
ขบเม้มปลายจมูกและจรดริมฝีปากกับกลีบปากอันนุ่มนวลเพื่อเรียกร้องให้อีกคนตอบรับสัมผัสจากเขา
 กายนุ่มเผยอกลีบปากรับเรียวลิ้นร้อนที่ขยับสอดแทรกหวังจะเข้าไปสำรวจภายในโพรงอุ่นนุ่ม
 ทั้งสองตวัดปลายลิ้นเกี่ยวกวัดรัดรึงและใช้ฟันขบปลายลิ้นเบาๆ อย่างทักทายหยอกล้อ
 ฝ่ามืออุ่นจัดของยูโดปัดป่ายไปฟอนเฟ้นหน้าอกชูชันสู้มือ หัวแม่มือคลึงเคล้าสลับกันไป
 มุมปากเกิดน้ำหวานเป็นสายเมื่อยูโดปล่อยกลีบปากให้เป็นอิสระ และก้มลงไปตวัดปลายลิ้น
เก็บกลืนน้ำหวานสายนั้นจนไม่มีหลงเหลือ

“อ๊ะ อื้อ โด ซี้ดด”

 ยูฟ่าห่อปากเมื่อถูกฟันคมขบเม้มดูดดึงยอดอกทั้งสองข้าง ขนอ่อนในกายชูชันพร้อมกับหายใจสะท้าน
วาบหวามอย่างบอกไม่ถูกจนเผลอแอ่นอกเมื่อตุ่มไตของเขาถูกครอบครองในอุ้งปากอุ่นจัด
 มือเรียวลูบไล้ไปตามโครงร่างหนาอย่างเผลอไผล เกิดความวูบไหวในช่องท้องทำให้ยูฟ่าเผลอกดเล็บ
ลงบนหลังคอของคนบนร่าง

“อ๊ะ เจ็บ ระวังเสือดุนะยู กินยูไม่เหลือซากแน่ถ้าเจ็บน่ะ อ่าห์”
ยูโดบอกคนใต้ล่างเสียงแตกพร่า เขาต้องอดกลั้นอย่างมากไม่ให้ทำอะไรตามใจ 

“ยะ อย่านะ ยูกลัว”
ยูโดคลี่ยิ้มเมื่อคนตัวเล็กดูจะตื่นกลัวตามคำขู่ อยากจะขย้ำเสียเดี๋ยวนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
 แต่เขาทำได้เพียงไล้ฝ่ามือลงต่ำที่หน้าท้องแบนราบ ละเลียดฉกชิมไปเรื่อยๆ
จนถึงหลุมร่องสะดือ ยูฟ่าส่งมือประคองใบหน้าของเขาเพื่อรั้งเอาไว้แต่ไม่เป็นผล
เมื่อยูโดฉกลิ้นและริมฝีปากจู่โจมในทันที ยูฟ่าหลุดครางเสียงหวานและยกสะโพก
เมื่อส่วนอ่อนไหวถูกแตะสัมผัสด้วยฝ่ามือเป็นการทักทาย

“อื้ออ ไม่นะโด สะ เสียว อืออ”
ยูโดแทรกกายระหว่างกลางลำตัว ดันหน้าขาของยูฟ่าออกกว้าง คว้าหมอนมารองใต้เอวคอด
เผยให้เห็นส่วนอ่อนไหวและรอยจีบสีหวานเด่นหราตรงหน้า เขาจะคลั่งให้ได้เลยนาทีนี้

ยูฟ่าไม่เคยเปิดเปลือยให้เห็นมากขนาดนี้มาก่อน เขาลดใบหน้าต่ำลงแลบเลียริมฝีปาก

“ไม่นะ โด อื้อ”
ยูฟ่าผวาเฮือกเมื่อถูกลิ้นร้อนสัมผัสตรงรอยจีบสีสวย และฝ่ามืออุ่นจัดก็เคลื่อนไล้แก้มก้นไม่หยุด
 ความฉ่ำวาวไหลริน ยูโดแลบเลียและครอบปากลงไปแสดงความเป็นเจ้าของ
 เขารูดรั้งเป็นจังหวะ ยูฟ่าส่ายก้นหนีด้วยไม่เคยพานพบสัมผัสปลุกเร้ามากมายขนาดนี้มาก่อน
 แต่ถูกมือแกร่งยึดไว้ไม่ให้หนี จังหวะที่เร่งเร้าทำให้ความเสียวซ่านมากมายจวนเจียนถึงขีดระเบิดอีกไม่นาน

“ซี้ดดด โด อย่าทรมานยู ปล่อยก่อน อ๊ะ”
ยูโดรูดรั้งดูดดุนหนักขึ้น เร็วขึ้น เพื่อส่งคนตัวเล็กไปยังฝั่งฝัน ไม่นานยูฟ่าก็ชันเข่าและจิกปลายเท้า
ลงบนที่นอนบิดกายเร่า กระตุกเกร็งหน้าท้องพร้อมทั้งฉีดพ่นความเหนียวข้นเต็มกระพุ้งแก้มของยูโด
ทุกหยาดหยดถูกกลืนหายไป ยูฟ่าหายใจหอบ ดวงตาพร่างพราว

ยูฟ่ามองตามร่างสูงที่ลุกไปเปิดลิ้นชักหยิบหลอดเจลออกมาบีบน้ำใสๆ วาวๆ ลงบนฝ่ามือ
ชโลมบนแท่งร้อนของตัวเองที่แข็งขืนตั้งตระหง่าน นำบางส่วนมาป้ายตรงช่องทางรักของเขา
 ความเย็นที่สัมผัสได้ทำเอาสะดุ้ง ความใหญ่โตแข็งขืนที่เห็นทำเอาใจสั่นไหวแทบลืมวิธีหายใจ
 นิ้วเรียวยาวสอดนำทางเข้ามาในร่องรักจนรู้สึกคับแน่น อึดอัดแต่กลไกร่างกายกลับบีบรัดต่อต้าน
สิ่งแปลกปลอมที่ล่วงล้ำเข้ามา

“อ้า อย่ารัดแน่นสิครับยู ผ่อนคลายไม่เกร็งนะครับ ดีมากคนเก่ง โดเพิ่มอีกนิ้วนะที่รัก”
 ยูโดขยับนิ้วสร้างความคุ้นชินภายในจนครบสามนิ้ว ขยับเข้าออกและหมุนวนอยู่อย่างนั้น
ดวงตาสีสวยสบมา ริมฝีปากบวมเจ่อ ทั้งใบหน้าและใบหูแดงซ่าน ก้นขาวๆ ลอยเด่นสร้าง
ความกระสันซ่านเสียวจนยูโดต้องถอนนิ้วออกและชักรูดแท่งร้อนของตนที่ปวดหนึบเต้นตุบ
จนเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป นำมาจดจ่อตรงทางเข้าที่พร้อมรับ เขาจับขาของยูฟ่าพาดบ่า
และดันแก่นกายเข้าไปยังโพรงสีสวย ฟาดฝ่ามือเบาๆ ที่สะโพกกลมจนเกิดรอย
 นวดคลึงที่หน้าท้องแบนเมื่อเห็นยูฟ่าส่ายหน้าน้ำตาปริ่ม

“ยูคนเก่ง อีกนิดเดียวเท่านั้น อืม”
ยูโดสวนแท่งร้อนอีกครึ่งเข้าไปจนสุดความยาว ยูฟ่าจิกเล็บลงบนที่นอน
 ยูโดเห็นอย่างนั้นจึงวางขาของยูฟ่าลงและรวบตัวมากอด แพขนตายาวชุ่มน้ำ
 เขารอคอยมานาน รักมานาน เซ็กส์ไม่ใช่สิ่งที่เป็นที่สุด แต่การได้หลอมรวม
เป็นหนึ่งเดียวของกันมันให้ความรู้สึกที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยในตอนนี้

“ขอโทษครับ เจ็บมากใช่ไหม”
 ยูโดกอดปลอบคนรักไว้แนบอก เขาหันไปนั่งพิงกับหัวเตียง ใครว่าเขาเป็นไก่อ่อนก็ยอม
เขาไม่สามารถไปต่อได้เมื่อคนตรงหน้าสะอื้นไม่หยุดจึงปาดน้ำตาออกให้อย่างเบามือ

“โดหยุดแค่นี้ก็ได้ สงสารยู” ยูโดมองเข้าไปในดวงตาคูสวยที่ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตา

“มะ ไม่เป็นไร ยูร้องเพราะไม่คิดว่าจะได้เป็นของโด อย่างตอนนี้ ฮึก”
ยูฟ่ามุดหน้ากับแผ่นอกด้วยความเขินอายที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้ ได้ฟังอย่างนั้นยูโดจึงเผยรอยยิ้มกว้าง

“โดให้ยูขยับเองนะ ถ้าไม่ไหวก็หยุดนะครับ อ่าห์”
ยูโดสอนจังหวะให้คนที่อยู่บนกายของเขา เขากัดกรามแน่นเมื่อคนตัวเล็กขยับขึ้นลงตามจังหวะที่เขาส่งให้
 นิ้วเรียวยังวางทาบบนหน้าท้องของเขาอีก ยูโดพบประสบการณ์ใหม่ที่เฝ้ารอมานาน ยูฟ่าทำได้ดี
 ยิ่งเห็นตัวตนของเขาที่ผลุบหายเข้าไปในช่องทางสีสวยด้วยแล้ว ความรู้สึกที่เคยคิดจินตนาการ
เทียบกันไม่ได้เลย เขาจับแท่งร้อนของยูฟ่าและรูดรั้งตามจังหวะที่คนบนร่างขยับขึ้นลง

“เก่งแบบนี้ ยูทำโดตายได้เลยนะ อื้ม”
 ยูโดครางแผ่ว คนตัวเล็กหน้าแดงและหอบหายใจถี่เมื่อถูกอุ้งมือร้อนรูดรั้งหนักมือขึ้น

“อือ โด ยู อ่า เสียวแต่มันหยุดไม่ได้ เหนื่อยด้วย อ๊ะ”
 ยูฟ่าพูดจบก็ถูกคนใต้ร่างสวนสะโพกเข้าใส่ ยูโดจับมือยูฟ่าให้จัดการกับแท่งร้อนของตัวเอง
 ส่วนเขาใช้สองมือประคองแก้มก้นของยูฟ่าขึ้นลงไม่หยุด ยูฟ่ากัดปากแน่นใบหน้าแหงนเงย
และรูดรั้งยูน้อยในมือถี่รัว ยูโดเห็นดังนั้นจึงจับคนเก่งของเขาเอนลงบนที่นอน และส่งความสุข
ให้ด้วยตัวเองอย่างเน้นๆ และหนักหน่วงจนคนใต้ร่างคว้าหมอนมากัด มือก็จิกที่ข้างเอวของเขา
ตามจังหวะที่ร่างหนาโถมเข้าใส่ เมื่อผิวกายเจ็บแสบยิ่งกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ดิบเถื่อนขึ้น
จึงกระทั้นกายเข้าใส่ไม่ยั้งแรง ยูฟ่าเสียววาบถึงขีดสุดเมื่อแท่งร้อนสัมผัสถูกจุดกระสันเข้าอย่างจัง
หลายๆ ครั้งติดจนแผ่นท้องเกร็งและปลดปล่อยน้ำรักออกมาจนเปรอะเปื้อนหน้าท้องของกันและกันอีกครั้ง
 ยูโดสาวสะโพกถี่รัวและกระตุกเกร็งปลดปล่อยจนตัวเบาโหวง เขาถอนตัวออกและนอนลงข้างๆ
หันมองคนตัวบางที่มองมาตาฉ่ำเยิ้ม

“ขอบคุณนะยู รักนะครับ”
ยูโดลูบผมนุ่มลื่นมือและกดจูบที่เปลือกตาทั้งสองข้างก่อนจะแตะเบาๆ ที่กลีบปากที่บวมเจ่อ

“อื้อ รักเหมือนกัน”
ยูฟ่างึมงำบอกรักและผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน เขากับยูฟ่าได้กระทำบาปที่แสนหวานร่วมกัน
หากจะตกนรกก็เป็นนรกที่เขาสองคนได้เลือกกันเอง

คนน้องจัดการเช็ดตัวและทำความสะอาดให้คนพี่จนสะอาด เขาสวมเสื้อผ้ากลับให้ตามเดิมและห่มผ้าให้ด้วย
 ยูฟ่าหลับไปพร้อมรอยยิ้มที่แต้มตรงมุมปาก เขาทอดตัวลงนอนกอดร่างนุ่มไว้แนบอก ยูโดหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน
ด้วยกังวลว่ายูฟ่าจะมีไข้ เพราะประสบการณ์จากกลุ่มเพื่อนที่เล่าให้ฟังว่าครั้งแรกของพวกมันทำเอาคนรักไข้ขึ้น
 เพราะส่วนนั้นอักเสบจนต้องวิ่งซื้อทั้งยากินแก้อักเสบและยาสำหรับสอดช่วยเรื่องแผลภายใน

เขาไม่คาดคิดว่าจะมีวันนี้เหมือนคนอื่นๆ แต่ก็แอบซื้อยาเตรียมพร้อมไว้แล้ว ถึงยังไงเขาก็ยังกลัวอยู่ดีว่ายูฟ่าจะป่วย
ยูฟ่าที่บอบบางอย่างนั้นต้องมารองรับตัวตนของเขา ถ้าไม่จับไข้ถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ

‘มึงได้กันยังวะ กูถามจริงเหอะ’ ฟีนิกซ์กระซิบถามแทบทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

‘ยัง ยูไม่ให้’

‘มึงมันอ่อน กูกับธามนะ ถ้ามีลูกก็ขวบกว่าๆ แล้วมั้ง’

‘………………….’ เขาได้แต่เงียบฟังเพื่อนคุยโว

‘ขนมหวานของกูนะมึง จากไม่เป็นเลยสักนิด เดี๋ยวนี้เด็ด ขึ้นให้กูตลอด’

‘สัส! แมร่งอวยเมีย’ ฟีนิกซ์ด่าโชกุนที่ยักคิ้วใส่ไม่มีอาย

‘มึงรอใครไปตัดริบบิ้นให้วะ ยูมันหายป่วยจะเป็นปีแล้วนะ’

‘มึงดูปากกูดีๆ นะไอ้โด มึงมันอ่อน’

‘………………...’ ความเงียบงันดีที่สุดสำหรับเขา



‘หนม กูถามอะไรหน่อยสิ’

‘อะไรของมึง’

‘เสียซิงครั้งแรกให้ไอ้โช…’

‘เฮ้ย! อย่าบอกนะ มึงจะยอมให้ยูกด โอ๊ย! ตบหัวกูทำไมวะ’

‘มึงคิดได้ไง ที่กูถามเพราะกูกลัวยูเจ็บ’

‘แล้วไม่บอกก่อน ไม่ตายหรอกมึง ตูดฉีก เจ็บ แสบ ระบบ เดินทีร้าวยันตับ ไต ม้าม’

‘แย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ’

‘อยู่ที่มึงจะอ่อนโยนหรือดุดันตอนทำ ตอนนั้นมันก็จะมีฟินๆ อยู่แหละ ไม่รู้ว่ะ กูจำไม่ได้แล้ว
 ที่มึงถามกู อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้?’

‘อืมมม’

‘มึงก็ถนอมมันดีเนอะ ก็ดีถ้ามึงจะสุภาพบุรุษขนาดนั้น’

‘…………….’ ยูโดพูดอะไรไม่ได้เลยจริงๆ
เขาก็อยากจะบอกพวกมันเหมือนกัน (ยูมันไม่ให้กูเว้ย!!! พวกมึง!) ได้แต่ตะโกนก้องภายในใจ
จะป่าวประกาศออกไปได้ยังไง ก็เขาน่ะมันอ่อนจริงๆ นั่นแหละ


โชคดีที่ยูฟ่าไม่มีไข้ ตื่นมามีทำหน้าตูมใส่เขานิดหน่อย หน้าเหยเกเวลาเดินและหย่อนก้นนั่งลง
อย่างนิ่มนวลและสง่างาม ไม่ค่อยจะสบตาด้วยเท่าไหร่นัก ตอนเขากลับจากทำงาน
ถ้าเป็นช่วงปรกติยูฟ่าจะถามไถ่เรื่องงาน แต่เย็นนี้กลับปิดปากเงียบ พอคุณแม่มาเท่านั้นแหละ
 เขากลายเป็นหมาหัวเน่าทันที ตอนทำก็ขอแล้วนะ นี่ไงที่กลัวนักหนาว่าจะไม่เหมือนเดิม
 กลัวการเปลี่ยนแปลงก็เจอเข้าจริงๆ คืนนี้จะกอดปลอบเสียหน่อยจะยอมให้เข้าใกล้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย

‘ไก่อ่อนอย่างเราก็อย่างนี้แหละ ง้อไปดิ’

ยูโดยิ่งคิ้วกระตุกหนักขึ้นที่เห็นยูฟ่าให้การดูแลคนท้องจนออกหน้าออกตา ไม่ว่าคนท้องจะเอ่ยปากอะไร
ยูฟ่าก็ถึงตัวก่อนเสมอ ตกลงเขากลายเป็นตัวอะไรไปแล้วใครช่วยบอกที



ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 27 เชื่อมสัมพันธ์

มารดาของเขาพอรู้เรื่องกนกรดา ท่านนั่งเงียบกริบ จนผ่านไปสักพักท่านจึงถอนใจและพูดขึ้น

“หลานน่ะ แม่ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ก็เลือดเนื้อเชื้อไข แต่ไม่คิดเลยว่าจะใช้วิธีแบบนี้กัน”

“มันไม่มีอะไรยุ่งยากนี่คุณ หนูดาได้เงิน เราก็ได้หลานไง”

“หนูดาอุ้มท้องตั้งเก้าเดือนก็ต้องรักต้องผูกพันสิคุณ จู่ๆ ต้องแยกแม่ไปทางแยกลูกไปทาง
คิดกันบ้างไหมเด็กเกิดมาจะไขว่คว้าหาความรักจากแม่ขนาดไหน เพื่อนคนอื่นๆ มีแม่แต่ตัวเองไม่มี
 หาคำตอบไว้ให้ลูกให้หลานกันหรือเปล่า ข่าวคราวฟ้องร้องกันก็มีให้เห็น ตอนเด็กคลอดมาก็ผิดข้อตกลง
กันน่ะ ยอมกันไม่ได้มีตั้งกี่คดีที่เป็นข่าวน่ะ” มารดาพูดหน้าเครียด

“เอ่อ…ยูเป็นอะไรร้องไห้ทำไมกันล่ะลูก”

“คุณแม่ ฮึก ก็คุณแม่พูดจนยูเห็นภาพเลย ตัวเล็กต้องโดดเดี่ยวและโหยหาความรักอย่างที่คุณแม่พูดแน่ๆ ฮือ”

“อ้าว! หนูดา โอ๊ย! ร้องไห้กันใหญ่เลยทีนี้ อ่อนไหวกันเข้าไปสิ” คนเป็นต้นคิดของเรื่องพลอยทำอะไรไม่ถูกไปด้วย

“เอาเป็นว่าหลานก็ให้แม่ลูกไปมาหาสู่กันบ้างได้ตามสมควร”
พงศกรเห็นบรรยากาศที่กรุ่นไปด้วยความเศร้าจึงพูดไปแบบนั้น

“จริงนะคะคุณพ่อ ขอบคุณค่ะ”
 กนกรดายิ้มทั้งน้ำตาเมื่อประมุขของบ้านให้สิทธิ์ในการไปมาหาสู่ลูกกับเธอ

“เอาล่ะ ค่อยแก้กันไปทีละเรื่อง แล้วเจ้าตัวเล็กเป็นชายหรือหญิงล่ะ”

“ผู้ชายครับคุณแม่” ยูโดตอบผู้เป็นมารดา

“อืมๆ เดี๋ยวแม่เลี้ยงให้เองแล้วกัน”

“ยูล่ะลูก อยากมีบ้างไหม ไปขอสักคนก็ได้ แม่รักทั้งนั้น”

“ได้จริงๆ เหรอครับ” ยูฟ่าดวงตาสุกสกาวอย่างมีความหวัง

“พี่ๆ ก็หาแฟนกันสิคะ หากอยากมีทายาทจริงๆ ไม่เห็นต้องใช้วิธีนี้เลย
 ทำอย่างกับชาตินี้จะไม่แต่งงานกันอย่างนั้นแหละ”
 กนกรดาออกความเห็น ซึ่งทางเลือกและคำพูดที่เธอบอกทำเอาฝาแฝดหน้าตึง

“ไม่ได้!!” สองหนุ่มเปล่งเสียงออกมาพร้อมๆ กัน ทำเอาทุกคนสะดุ้ง

“เอ่อ พวกพี่ไม่คิดจะผูกมัดกับใครน่ะ เราเป็นพวกไร้ใจกันดูแลใครไม่ได้หรอก” ยูฟ่าหาเหตุผลมาอ้าง

“เหรอคะ เสียดายหน้าตาดีๆ ทั้งสองคนเลย แบบเนี่ยเป็นผู้ชายในฝันของสาวๆ เลยนะคะ ยิ่งพี่ยูนะอย่างน่ารัก”

“เรานี่แก่แดดซะจริง เป็นผู้หญิงชมหนุ่มๆ ได้ไง” ยูฟ่าติงไม่จริงจังนัก ส่วนคนฟังหัวเราะคิกคัก

“พี่ยูนี่หัวโบราณจัง โลกเราก้าวล้ำจนสัญญาณโทรศัพท์ยังพุ่งไปกี่ G แล้วล่ะ”
กนกรดาพูดยิ้มๆ และสาวใช้ก็เดินมาหาเธอ พูดอะไรกันหงุงหงิง

 “กระซิบอะไรกันสองคนนี้” มารดาถาม

“ละครค่ะคุณผู้หญิง กำลังฟินเลย จิ้นกระจายทั้งในจอและนอกจอ บอกไปคุณผู้หญิงก็คงไม่ทราบหรอกค่ะ”

“ที่พระเอกเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันมา แล้วก็เจ้าตัวเล็กแอบรักอยู่ข้างเดียวมานาน
 กว่าพระเอกจะรู้ตัวคงอีกนาน ใช่เรื่องนั่นหรือเปล่า”

“ว๊าย! คุณดาขา คุณผู้หญิงทราบด้วย มดแดงกับคุณดาเป็น FC เลยนะคะนั่นน่ะ”

“เชิญเถอะแม่คุณ ค่อยๆ ลุกนะ นี่ถ้าเจอผู้ชายในชีวิตจริงมารักกันให้เห็นนี่ไม่ดิ้นตายเลยหรือไง เฮ้อ”

“จากคู่จิ้นกลายเป็นคู่จริงเหรอคะ ฟินจนตัวแตกเลยแหละค่ะ” มดแดงพูดไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วย

“หึหึหึ” เสียงของยูโดทำเอายูฟ่าหันมอง แล้วต้องหลบตาลงเมื่ออีกคนจ้องกลับมา

“คุณแม่ครับยูไปขอเด็กมาเลี้ยงได้จริงหรือเปล่า ยูจะได้เลี้ยงคู่กับลูกของโด”

“โดว่าไงล่ะ คุยกันดีๆ เพราะแม่ไม่รู้ว่าจะอยู่จนหลานโตหรือเปล่า ชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอน”

“คุณแม่น่ะอยู่จนหลานมีเหลนให้นู่น…เชื่อเถอะ” ยูฟ่าดักคอ

“ตามใจยู แต่แม่บอกไว้ก่อนห้ามรักลำเอียง จะให้อะไรก็ต้องให้เหมือนๆ กัน”

“ได้ๆ ยูจะเลี้ยงให้พี่น้องรักกัน ดูแลกันและไม่ทิ้งกันเลยคอยดู”

“เหมือนเราสองคนน่ะเหรอ เฮอะ!” บิดาแขวะจนได้

“ก็ๆ ไม่เห็นจะเสียหาย รักกันดีกว่าเกลียดกันนี่นา” ยูฟ่าทำปากยู่

“ไว้ว่างๆ ไปทำเรื่องไว้สิ กว่าเขาจะตรวจสอบมายังเรา กว่าจะอนุมัติไม่ใช่ว่าจะได้เด็กมาเลี้ยงง่ายๆ นะ”
คุณพ่อพูดกับลูกชาย

“เนี่ยเป็นวิธีที่ดี ไม่สร้างปัญหาสังคมเพิ่มด้วย ตอนแรกไม่เห็นจะคิดกันอย่างนี้เลยล่ะ เฮ้อ!”
มารดาถอนใจเสียงดัง

“ผมก็อยากมีหลานจริงๆ นี่คุณ” คุณพ่อพูดแบบไม่เต็มเสียงนัก

“นั่นไง ยังไม่ทันไรเลยพูดเรื่องหลานจริง หลานไม่จริงกันแล้ว คิดให้ดีก่อนตัดสินใจแล้วกัน
 แม่น่ะยังไงก็ได้ เลี้ยงเท่าที่ยังเลี้ยงให้ไหวนั่นแหละ”

“เอ่อ ผมเปรียบเปรยเฉยๆ จะทำยังไงกันก็เชิญ ไม่กล้าแล้ว”
คุณพ่อพูดไม่เต็มเสียงนัก สองแฝดมองหน้ากันและกลั้นยิ้ม คุณพ่อมาถึงจุดที่ภรรยาว่าอะไรก็ว่าตามกันไปได้ยังไง


สามวันต่อมายูโดว่างจากงาน เขาจึงเข้าไปรับคนที่บ้านอันประกอบด้วยคุณแม่
ยูฟ่าและกนกรดาออกมาที่ห้างสรรพสินค้า ทานมื้อกลางวันและแวะร้านหนังสือตามที่วางแผนไว้
ยูฟ่าให้การดูแลกนกรดาเป็นอย่างดี ถ้าคนนอกมองมาก็คงคิดว่าเป็นคู่สามีดูแลภรรยา


ล่วงเข้าสู่เวลานอน ยูโดยังคงนัวเนียทั้งกอดและหอมยูฟ่าไม่ห่าง จับฟัดพุงไปหลายที
จึงถูกยูฟ่ากัดแก้มจนร้องลั่น จากที่มีอะไรกันในคราวนั้นยูฟ่าก็ไม่ยอมอีกเลย ยูโดครุ่นคิดหาวิธีเผด็จศึก
อยู่ทุกคืนแต่ไม่เป็นผลครั้งนี้ก็เหมือนกัน

“ยูครับ ขอเถอะ คราวนี้ไม่เจ็บแล้ว”

“เฮอะ! ลองมาโดนบ้างมั้ยล่ะ”

“อย่าใจร้ายสิครับ นะๆ กระชับความสัมพันธ์กันหน่อย นะครับ” ยูโดตื้อและยูฟ่าก้เงียบไม่ได้โต้แย้ง

“ยูก็รู้ไม่ใช่เหรอผู้ชายเราน่ะ อยากปลดปล่อยแทบทุกวันนั่นแหละ
 ยิ่งพวกเรายังอยู่ในวัยนี้กันด้วย นะครับ เชื่อมสัมพันธ์กันให้แนบแน่นเนอะ”

ยูโดไต่มือขึ้นไปทางขากางเกง ยิ่งขาขาวๆ กับกางเกงขาสั้นจู๋ที่เห็นไปถึงโคนขา
และยิ่งเห็นอะไรวอมแวมด้วยยิ่งพาให้ใจกระเจิง

‘นี่ไม่ได้ยั่วกัน ใช่มั้ย ฮึ่ม’

ยูโดดึงผ้าเช็ดตัวที่ห่อหุ้มช่วงล่างออกและกระโจนเข้าใส่ยูฟ่าอย่างเหลืออด
 เป็นไงเป็นกัน กัดแก้มก็ให้กัดแล้วยังจะยากอีก

“อะ อื้ออออ”
 ยูโดประกบปากลงบดขยี้กับริมฝีปากบางอย่างกระหายอยากและจาบจ้วง
 เขาแทรกลิ้นพรวดเข้าไปเกี่ยวกระหวัดขบเม้มดูดดึงเรียวลิ้นและกลีบปากของคนตัวเล็ก
ที่ดูจะอ่อนระทวยเมื่อถูกสัมผัสที่ร้อนเร่ากว่าที่เคยทำกันมา เสียงแลกน้ำลายกันดังจ๊วบจ๊าบ
 ความแข็งขืนดุนดันถูไถที่หน้าขาของยูฟ่าไม่หยุด มือหนาตะโบมลูบไล้ไปทั่วเรือนกายหนักบ้าง
 เบาบ้าง คละเคล้ากันไป กางเกงนอนถูกร่นลงไปค้างเติ่งตรงเข่า กลางกายเสียดสีกันทันที
เมื่อยูโดทาบทับตัวเองลงตาม ยูโดเคลื่อนกายอย่างเจาะจงให้บดเบียด จงใจปลุกเร้าให้อารมณ์ตื่นเพริดขึ้น
 ยูฟ่าประท้วงเสียงอึงอล

“โด ช้าๆ ใจเย็นๆ ยูไม่หนี ยูยอม” ยูฟ่าจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของยูโดเพื่อให้รู้สึกตัว

“ยูดื้อ ต้องถูกลงโทษนะครับ”
ยูโดรวบส่วนขยายของพวกมาไว้ในอุ้งมือ บดเบียดกันไม่เบานักและ
เมื่อยูโดรูดรั้งทั้งสองพร้อมๆ กัน ทำเอายูฟ่าซี๊ดปาก

“ซี้ดดด อ่า โด อย่าแกล้ง”
ยูโดหยุดมือและจับยูฟ่านอนตะแคงเขาเข้าไปซ้อนหลังและยกขาของยูฟ่าขึ้นข้างนึง
และนำส่วนที่แข็งขืนไปถูตรงร่องก้น ปากก็ขบเม้มที่ใบหูขาวไปด้วย ลมหายใจที่รินรดต้นคอ
ทำให้ขนอ่อนลุกพรึบ มังกรที่งอแงจะเข้าสำรวจถ้ำทำเอายูฟ่าหน้าร้อน ยูโดดูเอาจริงเอาจัง
และร้อนแรงกว่าครั้งแรก ยูฟ่าเห็นดังนั้นจึงยินยอมให้ความร่วมมือ เขาโน้มคอของยูโดลงมา
มอบจูบหวานฉ่ำและอ้อยอิ่งให้โดยที่ไม่รู้ว่าส่วนล่างได้ชำแรกเข้ามาแล้วทีละนิดและจังหวะที่
เขาเผลอมันก็มุดหัวเข้ามาและฝังตัวนิ่งก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนตัวอย่างเนิบช้าและค่อยเพิ่มจังหวะ
ให้ร้อนแรงขึ้น ยูฟ่าถูกจับให้คู้เข่าและยกก้นลอยโด่ง มังกรไม่โผล่หัวออกมาอีกเลยจวบจนยูฟ่าต้องร้องขอ

“โด แรงอีก อ๊า ตรงนั้น อื้ออ”
ยูโดซอยสะโพกเข้าไปอย่างดิบเถื่อนกว่าเดิมเขาไล่ขบกัดไปบนผิวขาวๆ อย่างมันเขี้ยว
 เม็ดเหงื่อที่ผุดพรายยิ่งทำให้เรือนกายที่เปล่าเปลือยมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
 ยูฟ่าครางกระเส่าและงับนิ้วของยูโดไว้ในปาก ดูดดุนอย่างเผลอตัว ใบหน้าเห่อแดง
ตามอารมณ์ปรารถนาที่ไต่สูงขึ้น ก้นส่ายไปมาตามแรงกระแทก ช่องทางสีสวยกลืนกินมังกรไปทั้งตัว
 ช่างเป็นภาพที่ยูโดชอบและใฝ่ฝันถึงมาตลอด

“โด อื้อ กอดหน่อย”
 ยูโดยืนขึ้นและจับคนตัวเล็กหันเข้าหาอกแกร่งทั้งที่ส่วนนั้นของเขายังเชื่อมกันอยู่
ยูฟ่าผวากอดที่ถูกอุ้มขึ้นมาทั้งตัวแบบนี้ ยูโดเดินเครื่องเต็มกำลัง เขายกก้นยูฟ่าขยับขึ้นลง
บนแท่งร้อนของเขา เมื่อต้องการให้ลึกกว่าเดิมก็โน้มตัวลงและสวนสะโพกเข้าใส่
ยูฟ่ากัดลงบนเนื้อที่บ่าจนยูโดต้องซี้ดปาก

“คนเก่งของโด อืม รักที่สุด”
 ยูฟ่าใช้ขาโอบเอวของยูโดไว้กันตก มือก็ลูบไล้ไปที่หลังคอและงับเนื้อเนินหน้าอกของร่างหนาไว้เต็มปาก
 แลบลิ้นเลีย ยิ่งเห็นยูโดแหงนหน้าครางต่ำยิ่งได้ใจ ใช้ฟันขบกัดดูดดึงไม่หยุด

“ยูครับ จะทำให้หลงไปถึงไหนกัน หืม”

“โดเป็นของยู”

“แน่นอนครับ โดเป็นของยู เราเป็นของกัน อย่างนี้ต้องให้รางวัลเพิ่มเนอะ”

“อื้ออ โด ลึกไป อ้า”
 ยูโดพายูฟ่าไปที่โซฟาและจัดท่ายืนขาเดียวให้คนตัวเล็ก เขาซอยสะโพกเข้าหา
 เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องในความเงียบของรัตติกาล

“โด แรงอีก อื้อ ยูจะไปแล้ว อ่าห์”

“อย่าเพิ่งนะยู กลั้นไว้ก่อน รอพร้อมๆ กัน นะครับ”
ยูฟ่าหันมารับจูบเร่าร้อนอีกครั้ง มือก็ลูบไล้หน้าท้องตัวเองด้วยความซ่านเสียว

“โด ทำไมนาน ยูไม่รอแล้วนะ อ๊ะ”
ยูฟ่ากลั้นความเสียวไว้จนหน้าเห่อแดงไปหมด ความหวามไหวแทรกไปทุกรูขุมขน
จนขนอ่อนในกายลุกชัน เสียดเสียวในช่องท้องเป็นอย่างมาก

“งั้นไปที่เตียงกัน”
ยูฟ่าผวากอดเมื่อถูกคว้าตัวเข้ามาอุ้มอีกแล้ว การก้าวเดินทั้งที่ยังมีกันอยู่สร้างความปั่นป่วน
จนต้องเกร็งหน้าท้อง ยูฟ่าถูกวางลงที่ขอบเตียง ยูโดจัดท่าคลานเข่าให้แต่คราวนี้คนตัวโต
ยืนอยู่ที่พื้น และสาวสะโพกเข้าออกที่ช่องทางสีสวยไม่มีออมแรง เน้นย้ำตรงจุดกระสัน
ยูฟ่าขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่นและเอี้ยวตัวมามอง ดวงตาสีหวานฉ่ำน้ำ

“อื้ม รัดแน่นดีจริงๆ ยูน่ารักมาก รักยูนะ รักโดมั้ยครับ”

~ปึ่ก~ปึ่ก~ปึ่ก~

“ระ รัก อื้ออ”
 ยูโดกระหน่ำตอกอัดแท่งร้อนไม่หยุด ฟาดฝ่ามือลงที่แก้มก้นขาวจนเกิดรอยแดง
 ยูฟ่าหลุดเสียงครางหวาน ทั้งสองกระตุกเกร็งก่อนที่จะฉีดพ่นธารรักออกมาพร้อมๆ กัน
ยูฟ่าทิ้งตัวลงบนที่นอน คว่ำหน้ากับหมอน ยูโดเข้าไปรวบกอดคนตัวเล็ก

“รักยูนะ” ยูโดขยับส่วนที่ยังเชื่อมกันอยู่ไปมา

“โด ยังไม่พออีกเหรอ อ๊ะ”

“มันรักยู ดูสิ นะครับ อีกครั้งนะ”

“ยูเหนื่อย อ๊ะ ง่วง”

“ยูก็นอนไปสิครับ นะๆ โดทำเอง ยูครางเสียงหวานๆ ก็พอเนอะ”
ยูฟ่าช้อนตามองเจ้ายักษ์ที่คงยากจะปล่อยให้เขาได้พัก พอได้กินไปแล้วคงรูดเนื้อหนัง
จนเหลือแต่กระดูกขาวโพลนก็คราวนี้ และกว่าที่ยูโดจะปล่อยให้ยูฟ่าได้นอนก็ผ่านการรีดน้ำ
ไปถึงสามรอบจนคนตัวเล็กเสียงแหบเสียงแห้งและหลับไม่รู้เรื่อง

ยูโดพาไปล้างตัวสอดยาและสวมเสื้อผ้าให้ จัดท่านอนให้โดยที่อีกคนหลับคาอกและคืนนี้ยูโดก็หลับยาวไปจนกระทั่งรุ่งเช้า


ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 28 ทดสอบภูมิคุ้มกัน?

เช้านี้ยูฟ่าและยูโดไม่ได้ลงไปร่วมโต๊ะอาหารเนื่องจากคนตัวเล็กมีไข้ บ่นปวดหัวและเมื่อยตามเนื้อตัว
จนยูโดต้องลงมาสั่งข้าวต้มและยกขึ้นไปให้ที่ห้องนอน

“ปวดหัว ปวดตัว เมื่อคืนยูโดนสิบล้อทับมาแน่ๆ นี่ยูรอดมาได้ยังไงน่ะ”
ยูฟ่าตัดพ้อและน้ำตารื้นขึ้นมา พอป่วยแล้วก็อยากอ้อน อ่อนไหวจนบอกไม่ถูก

“โดเองที่ทับยูไม่ใช่สิบล้อ ขอโทษนะครับ เจ็บมากเลยสิ หืม”
ยูโดลูบหัวคนตัวเล็กและโน้มใบหน้าเข้าไปจูบที่ปากเรียวบางที่ขึ้นสีเพราะพิษไข้

“กินข้าวนิดนะครับ จะได้กินยา”
ยูโดประคองให้ขึ้นนั่งและเลื่อนถาดอาหารเข้ามา เจ้าตัวมองอาหารตรงหน้าเฉยและส่ายหน้า

“กินนิดนึงนะ โดป้อนครับ ถ้าอย่างงั้นก็สลับกันกินคนละคำแล้วกัน”
ยูฟ่าพยักหน้าและยอมกินไปเงียบๆ จนข้าวหมดชามและดื่มน้ำปิดท้าย

“กอดหน่อย” ยูฟ่าโผเข้าไปซบที่อกคนตัวโต

“ปวดหัวมั้ย เดี๋ยวค่อยกินยานะ โดต้องไปทำงาน ยูนอนพักเยอะๆ นะครับ”

“ไม่ให้ไปนะ อยู่กับยู โดจับยูกินจนเจ็บไปหมด ยังจะทิ้งไปอีก ฮึก ฮือ”

“โอ๋ ยูคนดี ไม่ทิ้งครับใครจะกันล่ะ งั้นโดบอกคุณพ่อก่อนนะว่าวันนี้ไม่เข้าบริษัท”

“ไม่ๆ โดจะหนีไปทำงานยูรู้นะ ยูไม่อยู่คนเดียว”
ยูโดลูบหลังคนป่วยที่ทั้งขี้อ้อนและงอแง ยูฟ่าไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย
ขนาดตอนเป็นมะเร็งก็ยังไม่ร้องไห้ให้เห็น ยูโดยกยิ้ม พอเปลี่ยนสถานะแล้วกลายเป็นอีกคนไปเลย
น่าจับกินตั้งนานแล้ว ชีวิตของเขาดูมีสีสันและรอยยิ้มเมื่อมียูฟ่าในอ้อมอกแบบนี้

~ ก๊อก ~ ก๊อก ~ ก๊อก ~
เสียงเคาะประตูและตามมาด้วยร่างผอมบางของมารดา

“ไม่ลงไปทานข้าวกันล่ะลูก ยูป่วยเหรอ แล้วนั่นร้องไห้ทำไม”

“เป็นไข้น่ะครับ” ยูโดตอบแทนคนป่วย มารดานั่งลงและยกหลังมืออังที่หน้าผากลูกรัก

“ตัวรุมๆ กินยาหรือยัง แล้วโดไม่ไปทำงานหรือไง ยูน่ะเดี๋ยวแม่ดูเอง”

“เพิ่งให้ทานข้าวต้มไปครับ อีกประเดี๋ยวจะให้ทานยาลดไข้”
ยูโดตอบมารดาและลูบหัวคนป่วยที่กอดเอวเขาไม่ปล่อยและช้อนตาที่มีน้ำตาคลอมองมารดา

“ยูป่วยอยู่ครับคุณแมแล้วก็ไม่ให้โดไปทำงานด้วย โดต้องอยู่กับยู”

“ทำไมอ้อนน้องล่ะ น้องต้องไปทำงานนะ ยูอยู่กับแม่ไงคะ”

“ไม่ๆ ยูจะอยู่กับโด ฮึก ฮือ คุณแม่ใจร้ายจะพรากโดไปจากยูอีกแล้ว”
มารดาอ้าปากเหวอ อยู่ๆ ก็ถูกกล่าวหา

“โดไม่ไปทำงานครับ ไม่งอแงนะ ไม่ว่าคุณแม่นะเด็กดี” ยูโดรีบปลอบ

“ทำไมดื้อจังป่วยรอบนี้ นี่น้องตามใจจนพี่เสียคนหรือเปล่า” มารดาพูดขึ้น ยูฟ่าเบะปากและส่ายหน้า

“ไม่ๆ ยูไม่ดื้อแล้ว คุณแม่อย่าให้โดไปไหนนะ ยูจะไม่ดื้อ”

“ตายจริงร้องใหญ่เลย ไม่ดื้อเลยค่ะ ยูไม่เคยดื้อกับแม่ กินยาแล้วนอนซะนะ
โดก็ดูแลพี่เราดีๆ แล้วกัน เดี๋ยวแม่ลงไปอยู่เป็นเพื่อนคนท้องก่อน เฮ้อ
เป็นอะไรของเขานะ ถ้ายูหลับลงไปคุยกับแม่หน่อยนะโด”

“ครับคุณแม่” ยูโดรับปากและมองตามร่างผอมบางไปจนพ้นประตู

“กินยาหน่อยนะ คนดี”
ยูโดเอี้ยวตัวไปหยิบยาแก้ปวดและแก้อักเสบมาให้ พร้อมทั้งรินน้ำใส่แก้วก่อนจะเรียกยูฟ่าอีกที
คนป่วยอิดออดแต่เมื่อคนตัวโตนำยามาจ่อให้ที่ริมฝีปากจึงอ้าปากงับเม็ดยาและรับแก้วน้ำไป
ดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะส่งแก้วคืนให้

“เอาละทีนี้ก็นอนได้แล้วนะ” ยูฟ่าไถลตัวลงไปนอนแต่ก็กอดเอวของยูโดไว้ไม่ยอมปล่อย

“อย่าทิ้งยูนะ”
คนป่วยงึมงำและปิดเปลือกตาลง ยูโดมองหน้าที่ออกสีระเรื่อเพราะพิษไข้
เดี๋ยวต้องเช็ดตัว แต่คงต้องให้หลับสนิทแล้วนั่นแหละ ป่วยคราวนี้ทำเอาคุณแม่รับมือ
ไม่ถูกและยูโดหวั่นๆ ว่าเรื่องที่ท่านจะคุยด้วยคงเป็นเรื่องคนป่วยนี่แหละ จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ๆ
ยูฟ่าก็หลับสนิท ยูโดเตรียมหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวพอไข้ลดแล้วจึงลงไปหามารดาตามที่ท่านสั่ง


ยูโดก้าวเข้าไปยังห้องทำงานพบว่าคุณแม่นั่งรออยู่ที่โซฟาตัวยาวมุมห้อง
 ใบหน้าของท่านเรียบนิ่ง แววตาที่มองมาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ยูโดเสียวสันหลังวาบ
รู้สึกว่าเรื่องที่จะคุยนี้เป็นเรื่องใหญ่

“มาแล้วสินะ ไหนบอกแม่ที พี่เราป่วยได้ยังไง”
 น้ำเสียงที่ถามออกจะแข็งๆ ต่างจากเดิมจนคนฟังสัมผัสได้

“เอ่อ ตื่นมาก็บ่นว่าปวดหัว จับดูก็มีไข้แล้วครับ”
 ยูโดตอบไม่ค่อยเต็มเสียงนักและไม่กล้าที่จะสบกับสายตาคนถาม

“จะพูดความจริงมั้ยอัครวินท์”
ยูโดสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกมารดาเรียกด้วยชื่อจริง ซึ่งจะโดนเรียกเมื่อตอนี่ท่านจะลงโทษเพราะทำผิดเท่านั้น

“คุณแม่ก็คงทราบสาเหตุที่ยูป่วยแล้ว ยังจะต้องให้โดพูดอะไรอีกล่ะครับ”

“แม่จะทำยังไงกับเราดียูโด พี่เราก็เพิ่งหายป่วย ร่างกายยังไม่ปรกติเหมือนอย่างเราๆ
ทำไมยังทำเรื่องแบบนั้น ถ้าคุณพ่อทราบจะให้แม่ทำยังไง ทำอย่างนี้คิดจะเปิดเผยแล้วใช่ไหม
 ที่ผ่านๆ มาแม่ไม่พูดและไม่ได้ห้ามปราม เพราะเห็นว่านานไปเราจะเปลี่ยนความคิดได้เอง
 ครั้งแรกที่รู้ว่าหนูดาอุ้มท้องลูกของโด แม่ยังหวังว่าหนูดาจะมาเป็นภรรยาที่ถูกต้องของลูกได้ในอนาคต
 แต่ดูสิว่าวันนี้มันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมาจนได้ เคยคิดถึงผลที่จะตามมาบ้างไหมยูโด”

“คุณแม่ครับ ผมจะพูดอีกแค่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะครับ ต่อให้คนทั้งโลกจะเกลียดชังพวกเรา
จะประณามหรือตราหน้ายังไงก็ได้ครับ แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมจะไม่ยอม คือการที่คุณแม่หรือใครๆ
 คิดจะพรากความรักของเรา ถ้าวันนั้นมาถึงคุณแม่คงได้เห็นเพียงร่างที่ไร้วิญญาณของผมเท่านั้น”

“อัครวินท์ พูดอะไรออกมา กล้าพูดจาแบบนี้กับแม่เชียวรึ แม่ไม่น่าปล่อยให้กลับมาเจอกันอีก ไม่น่าเลยจริงๆ”

“ผมมองคุณแม่ผิดไปจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมยังคิดว่าโชคดีที่มีคุณแม่ที่เข้าใจ แต่จริงๆ
 แล้วมันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ คุณแม่ที่ทำเหมือนว่ารักลูกคนนั้นน่ะ คุณแม่คนนั้นไม่ได้มีอยู่จริงๆ ใช่ไหม?
 บอกผมสิครับ ถ้าการที่ผมเป็นแบบนี้มันทำให้วงศ์ตระกูลและชื่อเสียงของคุณพ่อและคุณแม่ต้องเสื่อมเสีย
 ถ้าอย่างนั้นเชิญอยู่กับชื่อเสียงและเกียรติยศนั้นต่อไป ชีวิตนี้ผมขอแค่มียูเท่านั้น ปล่อยเราสองคนไป
ถ้ามันจะเลวร้ายไปกว่านี้ผมก็จะยอมรับมันครับ”

ยูโดพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ขบกรามจนขึ้นเป็นสันนูน

 เขาไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมาถึง วันที่คนในครอบครัวไม่ยอมรับในการกระทำของเขา
ยอมรับในความผิดบาปและความรักของพวกเขาไม่ได้

“กล้ามาก! กล้าที่จะร้องขอ ถ้าอย่างนั้นก็ไปเลยสิ แต่ไปคนเดียว…ห้ามพายูฟ่าไปลำบาก! ไปเลย!”
 อุไรตวาดออกมาเสียงกร้าวเมื่อเห็นลูกชายถือดีและแข็งกระด้างใส่ และก่อนที่เหตุการณ์จะเลวร้ายลงไปอีก
 ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมร่างที่บอบบางและอ่อนระโหย

 ยูฟ่าทรุดตัวลงนั่งที่พื้นต่อหน้ามารดาและกราบลงแทบเท้าของท่าน
 ก่อนที่จะเงยหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาขึ้นมองสบกับท่าน

“คุณแม่ครับพอเถอะนะครับ อย่าทำแบบนี้ เรื่องทั้งหมดยูผิดเอง ยูปล่อยให้มันเกิดขึ้นทั้งๆ
ที่คุณแม่ก็เคยร้องขอไว้ ยูผิดเอง คุณแม่จะเกลียดยูหรือลงโทษยูยังไงก็ได้ แต่ยูขอร้องนะครับ
คุณแม่อย่าเกลียดโด อย่าไล่ให้โดไปจากยู อย่าพรากความรักของเรา ยูอยู่ไม่ได้ เราสองคนเกิดมาคู่กัน
ได้โปรดอย่าแยกเรา ที่ผ่านมายูมีชีวิตมีลมหายใจก็เพื่อรอวันที่จะได้พบกับโด ยูอยู่ได้เพราะครั้งนั้นยูมีความหวัง
หากคุณแม่จะพรากเรา ครั้งนี้คุณแม่คงต้องได้เห็นร่างที่ไม่มีลมหายใจของยูแทน ฮึก”

ยูฟ่าสะอื้นไห้จนเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด ยูโดรวบตัวคนป่วยที่ฝืนตัวออกมาเพื่อปกป้องความรัก
ปกป้องเขาทั้งที่ความผิดทั้งหมดมันเกิดจากเขาที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน

“ยูคนดี ไม่ร้องนะ โดอยู่ตรงนี้ ยูไม่ผิดอย่าพูดแบบนั้น โดเป็นคนเริ่มเอง โดหักหาญน้ำใจ
โดรังแกยู ชีวิตยูที่เหลือโดจะรับผิดชอบและดูแลจนลมหายใจสุดท้าย จะไม่มีใครมาพรากความรักของเรา
จากกันเป็นครั้งที่สอง นอกจากความตาย ไม่ต้องกลัวนะคนดี โดจะไม่ทิ้งยู”

ยูโดพร่ำพูดและกอดร่างบางไว้แนบกับอก และเหมือนวันนี้มันจะเป็นวันสิ้นสุดของทุกปัญหา
และทุกเรื่องราวเมื่อจู่ๆ ร่างสูงใหญ่และภูมิฐานของประมุขของบ้านก็มาปรากฏตรงหน้า
ทุกคนต่างพากันมองเป็นตาเดียว

“ผมฟังมานานแล้ว เรื่องนี้ควรจะจบเสียที พวกเราปล่อยให้มันคาราคาซัง
ปล่อยให้เป็นแผลร้ายที่รอการเยียวยามานานเหลือเกินคงถึงเวลาแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าผมปิดหูปิดตา
ผมไม่ได้หูหนวกหรือตาบอด ผมรู้ผมเห็นมานาน รู้ตั้งแต่เจ้าโดมันเป็นเด็กเล็กๆ ด้วยซ้ำ
 คุณรู้มั้ยมันวิ่งมาบอกผมว่ามันรักยูและจะแต่งงานกับยู มันพูดตอนที่ฟันน้ำนมซี่แรกหลุดหรือยังเถอะ
ผมบอกมันว่าพี่น้องรักกันไม่ได้ มันย้อนถามว่าจะให้มันเกลียดยูหรือไง มันพูดว่าไงอีกคุณรู้มั้ย มันว่า
พ่อไม่น่ารัก โดเกลียดพ่อ ผมยังจำไม่เคยลืมจนตอนนี้”

“พ่อครับ ตอนนั้นโดยังเด็กถึงพูดไปอย่างนั้น โดไม่ได้จะเกลียดพ่อจริงๆ เสียหน่อย”

 ยูโดค้านขึ้นมา ตอนนี้เขาไม่ได้เกลียดท่านอย่างที่พูดในตอนเด็กเลย

“หลังจากนั้นมันก็เที่ยวต่อยตีผู้ชายทุกคนที่เข้าหาเจ้ายู ไม่ให้ยูเล่นกับใคร โตมาก็ไม่เลิกนิสัยขี้หวง
 มันยังตามไปทุกที่อย่างกับพวกโรคจิต ทำเป็นเกลียดกันทั้งที่รักกันแทบตายทั้งสองคน
 อีกคนก็ไปคบกับคนอื่นอุปโลกน์ขึ้นมาเป็นแฟน นี่ไงเรื่องที่ผมรู้มาตลอดแต่ไม่เคยพูดให้ใครฟังน่ะ”

“นี่คุณรู้ทุกเรื่อง รู้มาโดยตลอดเลยเหรอคุณพงศกร” ภรรยาหน้าเจื่อนจากขาวสลับแดงไปมา

“ใช่ผมรู้ แล้วยังไงล่ะ พอตอนนี้วันนี้ที่คุณเข้ามาจัดการ เพราะกลัวผมจะรู้ใช่มั้ย
เมื่อคืนถ้าหูไม่ได้หนวกใครๆ ผ่านไปหน้าห้องมันก็ต้องรู้ว่ามันสองคนทำอะไรกัน
แล้วเป็นไงเช้านี้เจ้ายูป่วย ให้พูดชัดๆ คือถูกเจ้าน้องจอมหื่นนั่นมันจับกินจนค่อนคืน”

 ยูฟ่าเงยหน้า สีแดงที่แก้มและใบหูก็บ่งบอกได้ดีว่าเขาอายมากแค่ไหน

“คุณพ่อ//คุณพงศกร”
ทั้งสามเรียกชื่อคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน ยูฟ่าอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
ยูโดรู้สึกเสียหน้าที่เรื่องลับของเขามันไม่เป็นความลับอีกต่อไป

“ตกใจอะไรกัน เฮอะ! ที่นี้ก็มาจบปัญหากันได้แล้ว”
 คุณพ่อพูดสีหน้าเรียบจนเดาอารมณ์และเจตนาไม่ออก

“คุณจะทำยังไงกับสองคนนี้” สามีหันไปถามความคิดเห็นภรรยา

“ก็ให้เลิกพฤติกรรมนี้ อยู่กันอย่างสงบ อย่าทำเรื่องน่าละอายแบบนั้นอีก”

“คนรักกันทำเรื่องอย่างว่ามันน่าละอายตรงไหนครับ ถ้าคุณแม่จะให้เราสองคนทำลืม
 ทั้งที่มันข้ามขั้นมาแล้ว ทำลืมว่าเราเป็นอะไรกัน ผมสองคนคงต้องขอออกไปจากบ้านนี้ครับ”
ยูโดสวนกลับ เขาทำอย่างที่ท่านพูดไม่ได้เด็ดขาด ยูฟ่าเป็นของเขาและเขาจะไม่ปล่อยไป

“ปากกล้าดีจริงๆ” มารดาพูดเสียงแข็ง

“พ่อตัดสินเอง แล้วให้ถือคำตัดสินนี้เป็นยุติ เราจะไม่มาพูดกันให้เสียเวลาอีก”

“ไม่ครับเราสองคนไม่รับคำตัดสินอะไรทั้งนั้น” ยูโดเสียงกร้าวและกอดยูฟ่าไว้แน่น

“อัครวิชญ์ อัครวินท์ จะไม่ฟังคำพูดสุดท้ายที่คนเป็นพ่อจะพูดหรือไง”

“คุณพ่ออย่าบีบบังคับเราสองคนเลยครับ ยูรักคุณพ่อและคุณแม่นะครับ”
 ยูฟ่าพูดโดยไม่มองหน้าท่านและส่ายหน้ากับแผ่นอกของยูโดอย่างเสียขวัญ

“ถือเป็นการฟังครั้งสุดท้ายก็แล้วกันนะยู ให้คุณพ่อท่านพูด ให้ท่านทำหน้าที่ของท่าน
เราก็ฟังในฐานะที่เราเป็นลูกก็เท่านั้น” ยูโดและยูฟ่าผละออกจากกันและนั่งตัวตรงที่พื้นเบื้องหน้า
บิดามารดาที่นั่งคู่กันบนโซฟาหนังสีดำ

“ที่พ่อจะพูดก็แค่ว่าจะรักก็รักกันไป แต่รักด้วยสติ อย่าเอาคำพูดว่าหากถูกแยกจากกันจะยอมตาย
 คำพูดนั้นมันไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะใช้พูดกับผู้ให้กำเนิดของตัวเอง โตๆ กันแล้วดูแลกันให้ดี
 อีกหน่อยก็ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูลูกที่กำลังจะเกิด พ่อพูดแค่นี้ล่ะแกจะเข้าใจหรือไม่ก็เรื่องของพวกแกแล้ว”

 ผู้เป็นพ่อพูดจบก็สร้างความตะลึงงันให้สองพี่น้องเป็นอย่างมาก ทั้งสองอ้าปากค้างและโผเข้ากอดกันแน่น
เมื่อเข้าใจถ้อยคำที่ผู้เป็นพ่อพูดและตามมาด้วยเสียงสะอื้นไห้

“ไม่ร้องนะยู เราได้รักกัน คุณพ่อเข้าใจเราไม่ห้ามเราแล้วนะ”
 
ทั้งสองผละออกจากกันและก้มลงกราบแทบเท้าของผู้ให้กำเนิดทั้งสองพร้อมๆ กัน

“โดขอโทษที่พูดจาก้าวร้าวคุณพ่อกับคุณแม่ครับ ขอบคุณที่เข้าใจเรา”

“คุณล่ะว่ายังไง” พงศกรหันไปพยักพเยิดถามภรรยาที่นั่งปั้นหน้าใส่ลูกไม่คลาย

“สองคนนี้ก็ลูกของคุณ บ้านนี้ก็ต้องฟังคุณสิ ขออย่างเดียวอย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบเมื่อคืนอีก
ทำเอาไม่ได้หลับได้นอนกันเลยไอ้ลูกบ้า ไม่รู้ได้เชื้อหื่นมาจากไหนสิ”

มารดาพูดและค้อนขวับๆ ใส่ลูกชายทั้งสอง

“นี่คุณแม่อภัยให้เราเหรอครับ คุณแม่ไม่โกรธเราสองคนใช่ไหมครับ ขอบคุณฮะ ขอบคุณ”
ยูโดละล่ำละลักถาม หน้าตาเหลอหลาจนผู้เป็นมารดาได้แต่ส่ายหน้าและขำพรืดออกมา
จบลงเสียทีละครฉากใหญ่ที่เธอต้องเหน็ดเหนื่อยเคี่ยวกรำกลัวว่าจะไม่สมบทบาท

“แม่บอกตั้งแต่คราวนั้นว่าถ้าทนคนรอบข้างได้ ก็รักกันไป และนี่ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่มีอะไร
มาพรากความรักของลูกสองคนได้ แม่จะโกรธอะไรได้ล่ะ แม่ก็แค่ตรวจดูภูมิต้านทานของเรา…ก็แค่นั้น”

พอมารดาพูดจบสองหนุ่มนั่งอ้าปากค้างกันอีกรอบ ก่อนที่ยูโดจะหลุดคำพูดออกมา

“โธ่…นี่คุณแม่ทำถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ ทำเอาคนของผมร้องไห้มากมาย ผมเองก็ใจสลายไปด้วยเลยเนี่ย”

“ไม่ทำอย่างนี้แม่จะรู้ได้ยังไงว่าวันหนึ่งถ้าลูกต้องอยู่กันเองสองคน ไม่มีทั้งคุณพ่อและแม่แล้ว
 ชีวิตเราจะเป็นยังไงกันต่อไป จะไปคนละทิศละทางหรือเปล่า แต่ยังไงวันนี้ก็ทำให้แม่รู้ว่าลูกจะไม่ทิ้งกัน
 แค่นี้แม่ก็พอใจแล้วล่ะ”

“คุณแม่…ยูกับโดไม่ทิ้งกันอยู่แล้วครับ เราไม่มีวันลืมว่าที่ผ่านมาน่ะ การต้องอยู่คนเดียวและใช้ชีวิต
โดยที่ปราศจากกันมันทรมานแค่ไหน เราไม่มีวันลืมได้หรอก”
ยูฟ่าพูดดวงตายังฉ่ำน้ำไม่หาย

“อืม แต่ยังไงแม่ก็ยังเสียใจไม่หายที่ลูกตัดพ้อ หาว่าแม่เห็นแก่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูล
 เห็นความรักของแม่ที่ผ่านมาเป็นเรื่องไม่จริง แม่ปวดใจ”
มารดาพูดเสียงเศร้า สองหนุ่มรีบผวาเข้าไปโอบกอดท่าน

“ไม่น้อยใจนะครับคุณแม่คนดี ลูกก็ปวดใจเหมือนกัน โอ๋ๆ” ยูโดหอมแก้มมารดา อย่างเอาใจ

“อุไรไปเข้าห้องกัน เดี๋ยวผมปลอบคุณเอง”
คุณพ่อพูดหน้าตายทำเอาลูกชายหันขวับมามองหน้ากัน แล้วคนเป็นแม่ก็เอื้อมมือไปบิดเนื้อคนเป็นพ่อ
จนท่านร้องโอดโอย

“นี่ไงเจอตัวแล้ว ที่เจ้าโดมันหื่นน่ะ มันได้คุณมานี่เอง”

“ยังไงก็อย่าปลอบกันหนักนักนะครับ หึหึ”
ยูโดแซวกลับเพราะบรรยากาศมัวหม่นได้อันตรธานไปแล้ว จนตอนนี้ทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยสีชมพูแทน

“นี่แน่ะ ตัวดี ตัวแสบพอกัน” ยูโดถูกมารดาบิดจนใบหูแดงร้องโอดโอยไปด้วยอีกคน

“ไปดูคนท้องเถอะป่านนี้นั่งเหงาแล้วมั้ง พวกเราหายเข้ามาจะครึ่งวันแล้ว คุณพงศกรงานการไม่ไปทำหรือไง”

“ไปจ้ะที่รัก ไปเดี๋ยวนี้แหละ พ่อไปทำงานก่อนนะ เย็นๆ เจอกันไอ้เสือ ยูไปนอนพักไป
หาหยูกยากินซะด้วยล่ะ แล้วช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งไปยอมให้ไอ้หื่นนี่มันจับกินอีกล่ะหรือถ้าจะให้ดี
รอให้พ่อหาช่างมาแก้ไขผนังห้องให้มันเก็บเสียงซะหน่อยก็จะเข้าท่ากว่านะ”

“คุณพ่ออ่ะ ชิ”
ยูฟ่าหน้ามุ่ยสลับกับแดงที่ถูกบิดากระเซ้า แล้วก็อดที่จะมองคนตัวโตที่เป็นต้นเหตุให้เขาถูกแซว
 มันน่าทุบให้ตายคามือนัก





ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 29 ก่อนเกิดเรื่อง

บ่ายวันเดียวกัน บ้านโสภณวิชญ์ก็ได้เปิดบ้านรับบรรดาหนุ่มๆ เพื่อนร่วมแก๊งที่ชักแถวกันเข้ามาพร้อมหน้าพร้อมตา

“ไงเสือ เฝ้าถ้ำได้เนอะ” โชกุนเปิดบทสนทนาก่อนเพื่อน

“ยูป่วยน่ะ ว่าแต่พวกมึงมาได้ไงร้อยวันพันปีไม่เคยจะโผล่หัวมา”

“มาดูว่ามึงยังอยู่ดีมั้ย เอ่อ…แล้วนั่นญาติเหรอ คนท้องนั่นน่ะ”
ฟีนิกซ์บุ้ยใบ้ไปทางกนกรดาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น

“เปล่าไม่ใช่ญาติ นั่นแม่ของลูกกูเอง น้องดา” ยูโดพูดหน้าตาเฉย

“ห๊ะ!!! นี่มันเรื่องบ้าอะไร แล้วยูของกูล่ะ มึงเอายูไปไว้ที่ไหน”
ขนมแหกปากลั่น ส่วนคนอื่นๆ พากันตกตะลึงไม่ต่างกัน มีแต่ธาวินที่ลุกพรวดจากที่นั่งก่อนใคร

“ทำไมทำกับยูแบบนั้น ใจร้าย ทำร้ายจิตใจยูได้ยังไง ไหนว่ารักกันมาก ทำไมเปลี่ยนใจง่ายๆ แบบนี้”
ธาวินตัดพ้อเสียงสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า ฟีนิกซ์รีบโอบคนรักให้นั่งลง

“เฮ้ย! ไม่ใช่ๆ พวกมึงฟังกูก่อน น้องดาเป็นแม่ของลูกกูพ่อใช่แต่ด้วยการทำกิ๊ฟท์
พอคลอดก็กลับไปใช้ชีวิตใบแบบของตัวเองแล้ว กูกับยูต้องช่วยกันเลี้ยงลูกต่อไง
 ที่นี้เข้าใจกันรึยัง ดีนะที่พวกมึงไม่มีใครต่อยปากกูซะก่อน”

 ยูโดพูดไปออกท่าออกทาง มือไม้ไปหมดกลัวเพื่อนๆ จะเข้าใจผิด

“เฮอะ! มึงนี่นะ แทนที่จะบอกกันก่อน กูน่ะปวดใจแทนยูไปเยอะเลย เพราะมึงเลยไอ้โด
เลี้ยงข้าวปลอบใจพวกกูเลย เอ่อ….ใครเห็นแกมม่าบ้าง มันก็เข้ามาพร้อมพวกกูนะ”

ขนมเหมือนกับยกภูเขาออกจากอกเมื่อได้ฟัง   

“มันขึ้นห้องไปหายูตั้งแต่มาแล้ว ไม่รู้สองคนนั้นแอบกิ๊กกันหรือเปล่า น่าสงสัยว่ะ”
 ยูโดตั้งข้อสงสัยขึ้นมาลอยๆ

“อืมๆ เหมือนจะมีเงื่อนงำนะ” โชกุนช่วยเติมเชื้อเพลิง

“นั่นสิ กูว่าเข้าเค้าว่ะ ตัวนี่ติดกันตลอด” ฟีนิกซ์เป็นลูกคู่ให้อีกแรง

“โว๊ะ! พวกนี้รับกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ระวังนั่งๆ อยู่หัวจะคะมำไม่รู้ตัว”
ขนมชะโงกหน้าเข้าไปในวงสนทนาและถลึงตาพวกลูกคู่ทั้งหลาย

“นั่นไงลงมากันแล้ว ฟ้องหน่อยน่าจะดี” ธาวินเปรยทำเอาฟีนิกซ์รีบตะครุบปากคนรักไว้และส่ายหน้า

“นินทาอะไรกันพวกมึง เดี๋ยวแม่งโดน” แกมม่าส่งเสียงมาแต่ไกล

“มีคนว่าแกมกิ๊กกับยูน่ะสิ” ธาวินรีบพูดเมื่อดิ้นหลุดจากฟีนิกซ์มาได้

“อ้อ…เป็นแฟนกันครับรุ่นนี้ทำอะไรต้องชัดเจนไม่มีคลุมเครือ ไม่แอบบางคนจับกินแบบไม่บันยะบันยัง”
 แกมม่าแสดงออกว่าเคือง เพื่อนตัวเล็กบอบบางน่าทะนุถนอมของเขาต้องตกอยู่ในสภาพตัวลายพร้อย
อย่างกับตุ๊กแกตอนที่ยูฟ่าเปลี่ยนชุด

“หูย…แรงเนอะมึงแอบตีท้ายครัวไอ้โดจนได้ แล้วใครจับใครกินวะ”
ขนมถามทั้งที่เดาว่าต้องเป็นยูฟ่าที่ถูกกินไม่อย่างนั้นคงไม่ป่วย ยูฟ่าวางหน้าไม่ถูกเมื่อกลายมาเป็น
เป้าสายตาของกลุ่มเพื่อน จึงบิดหมับที่พุงของแกมม่าที่พูดให้เขาได้อาย แกมม่าสะดุ้งโหยงและยกมือกุมท้อง

“หิวเหรอแกมหรือว่าปวดขี้” โชกุนแซวเขาทันเห็นสองคนที่เล่นพุงกัน

“เออ! ปวดขี้ งั้นตรงนี้เลยละกัน” เพื่อนๆ ต่างร้องเฮ้ย! พร้อมๆ กัน

ตลอดบ่ายเพื่อนๆ ตัวแสบก็ยังคงปักหลักในห้องรับแขกของบ้านไม่ย้ายไปไหน  ช่วงเย็นจึงมีปาร์ตี้เล็กๆ
 ในสนามหน้าบ้าน คนท้องถูกห้อมล้อมด้วยบรรดาหนุ่มๆ ความสดใส น่ารักและคุยเก่งของเธอเรียกเสียง
หัวเราะได้เป็นระยะๆ กว่าทุกคนจะพากันแยกย้ายกลับฟ้าก็มืดพอดี

“มดแดงเหนื่อยหน่อยนะวันนี้ มาช่วยกันเก็บจะได้ไปพัก”
 ยูโดเอ่ยปากช่วยเก็บข้าวของให้ ส่วนคนป่วยขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนแล้ว

เมื่อยูโดช่วยเก็บข้าวเป็นที่เรียบร้อย จึงถือแก้วที่บรรจุนมอุ่นๆ ที่มดแดงไปเอามาจากป้าวรรณ
ขึ้นไปให้ยูฟ่าบนห้องนอนด้วยตนเอง

“ยูดื่มนมก่อนนอนหน่อยนะจะได้หลับสบาย ตื่นเช้ามาวิ่งได้ปร๋อเลย” ยูโดพูดอย่างเอาใจ

“อะไรเล่า ยูไม่ใช่เด็กนะ”
 ยูฟ่าสะบัดหน้าใส่อย่างแสนงอน ยูโดยิ้มและอังหน้าผากคนบนเตียงที่รับแก้วนมไปดื่มจนหมดแก้ว

“ไม่มีไข้แล้ว ขอโทษนะครับยูวันนี้ทำให้ยูต้องขายหน้าเพื่อนๆ” ยูโดพูดอย่างสำนึกผิด

“ไม่เป็นไรหรอกโด แค่เพื่อนรู้ว่ายูกับโดมีอะไรกันเอง แค่นั้น”
 ยูฟ่าพูดแล้วเอาหน้ามุดลงไปกับหมอนซ่อนความอาย ยูโดเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะเข้าไปนัวเนียคลอเคลีย
 ยูฟ่าทำทีเป็นจะหอมแก้มแต่พอยูโดเอียงแก้มให้เจ้าตัวก็งับจนคนถูกกัดร้องลั่นห้อง เขาเดาว่าต้องขึ้นรอยฟันแน่ๆ

“อยากถูกจับกินอีกหรือไง เดี๋ยวเถอะนะ” ยูโดทำเป็นขู่

“ไม่มีทาง! อดไปเลย ยูน่ะขายหน้าให้ทั้งคุณพ่อทั้งกับคุณแม่ด้วย
จนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ไหนแล้ว ยังจะเพื่อนๆ อีก ฮึ้ย!”

“อย่านะ! ถ้างดเรื่องนั้นโดแห้งตายแน่ๆ ขอโทษครับ คราวหน้าโดจะไม่ให้ใครมาเห็นรอย
บนตัวยูเลย นะครับ ไม่งอนนะ” ยูโดลงไปดิ้นเร่าๆ จนยูฟ่าอดขำไม่ได้ กว่าสองหนุ่มจะพา
กันนอนก็ทั้งกอดและหอมกันอยู่อีกพักใหญ่

ยูฟ่าหลับไปแล้ว ยูโดยังคงลูบกลุ่มผมนุ่มไปมา มองใบหน้ายามหลับอย่างรักใคร่
ช่วงนี้คนตัวเล็กของเขามีแต่เรื่องให้เสียน้ำตา

‘จะดูแลและไม่ปล่อยให้ยูต้องเสียน้ำตาอีก โดสัญญา’


วันนี้สองแฝดพาคนท้องไปพบแพทย์ตามนัด การมาครั้งนี้มีการอัลตร้าซาวด์แบบ 4 มิติด้วย
 ยูฟ่าเข้าไปในห้องด้วยพอภาพปรากฏให้เห็นที่จอมอนิเตอร์ ยูฟ่าออกอาการกระตือรือร้นราวกับ
เป็นพ่อตัวจริงเสียอีกเพราะส่วนตัวแล้วรักเด็กเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว

พอได้เห็นหน้าหนูน้อยก่อนที่จะคลอดในอีกไม่ถึงสองเดือนทำให้ยูฟ่าตื่นเต้น
และให้การดูแลเอาใจใส่กนกรดามากขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว

“ยูเป็นพ่อเจ้าหนูไปเองเลยนะ โดยกให้” ยูโดบอกกับคนตัวเล็กข้างๆ

“จริงสิโด เอาๆ ยูชอบเด็ก รักเด็กคนนี้ตั้งแต่แรกเห็นแล้วเนี่ย โดให้ยูจริงๆ นะ อย่าคืนคำล่ะ”
ยูฟ่าทำตาโตเหมือนกับเด็กเล็กๆ ที่ได้รับของเล่นถูกใจยังไงยังงั้น ยูโดมองอย่างเอ็นดู

“อืม เราก็เป็นพ่อเจ้าหนูด้วยกันอยู่แล้ว เรื่องจะขอเด็กมาเลี้ยงน่ะ ยูอายุยังไม่ถึง 25 ปี
อีกเกือบๆ สองปีจะรอไหมล่ะ หรือจะไปเดินเรื่องไว้ก่อน จองตัวเด็กไว้ พอได้สิทธิ์ก็รับมาเลี้ยงเลย
 เดี๋ยวโดจะหาวันพาไปแล้วกัน”

“ไม่เอา ไม่ขอแล้วล่ะ ยูมีแต่เรื่องปวดใจอยู่เรื่อย ถ้าวันหนึ่งวันใดยูเป็นอะไรไป
หรือจำตัวเองไม่ได้ขึ้นมา ลูกจะอยู่ยังไง เลี้ยงเจ้าหนูคนนี้คนเดียวก็พอ”

จากอาการลิงโลดเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นหงอยเหงาขึ้นมาทันที ยูโดโอบบ่าคนคิดมาก

“โธ่ยูน่ะไม่เป็นอะไรแบบนั้นหรอก เราจะผ่านเรื่องทั้งดีและร้ายไปด้วยกัน อย่ากลัวไปเลยโดอยู่ทั้งคน
 ลูกคนเดียวก็ดีไปอย่าง เตรียมตั้งชื่อไว้ให้เจ้าหนูเลยนะ ต้องเรียกกันตั้งแต่ตอนนี้”

ยูโดปลอบใจและให้สิทธิ์ในการตั้งชื่อลูกกับยูฟ่า คนได้รับสิทธิ์กลับมามีใบหน้าแจ่มใสดังเดิม

“ให้ยูตั้งชื่อลูกเหรอ ดีจัง งั้นขอคิดดูก่อนคงไม่เกินสัปดาห์นี้ น่าจะหาชื่อที่เหมาะๆ ได้ ขอบคุณนะโด”
ยูฟ่าเขย่งปลายเท้าจูบปลายคางเป็นการขอบคุณ

 คำขอบคุณในความหมายของเขาคือ…ขอบคุณที่มารักกันและให้ความสำคัญกับเขา
 แค่นี้เขาก็มีความสุขที่สุดแล้ว สองหนุ่มสวมกอดกัน


ยูโดโทรบอกยูฟ่าว่าต้องไปพบลูกค้าต่างจังหวัด น่าจะกลับบ้านดึกหน่อยให้ยูฟ่านอนไปก่อนไม่ต้องรอ
 ยูฟ่ากับคนท้องพากันดูการ์ตูนตลอดบ่าย กนกรดานอนไปชั่วโมงกว่าๆ ตื่นมาก็ได้ของว่างที่ป้าวรรณทำ
เอาใจคุณหนูยูของแกเป็นพิเศษ


หลังมื้อเย็นยูฟ่าจึงหาหนังสือไปนั่งอ่านเป็นเพื่อนคนท้อง มารดาของเขาไปเชียงใหม่เยี่ยมคุณยาย
เหมือนเช่นเคย ส่วนบิดาติดงานเลี้ยง ยูฟ่ารู้สึกว่าช่วงเวลาที่ยูโดไม่อยู่ด้วยกันแบบนี้
เหมือนเข็มนาฬิกาจะเดินช้ากว่าทุกวัน เผลอทีไรก็หันมองแต่นาฬิกา

ก่อนขึ้นนอนมดแดงนำน้ำผลไม้มาวางให้ทั้งสองคนคนละแก้ว ยูฟ่านึกขึ้นได้ว่าชาร์จโทรศัพท์ทิ้ง
ไว้บนห้องนอนจึงกลับขึ้นไป เขาห่วงว่าจะพลาดการได้คุยกับยูโด โดยปล่อยให้คนท้องนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างตามลำพัง

ยูฟ่าอาบน้ำสระผมและนั่งเช็ดผมอยู่ที่ปลายเตียง อดที่จะนึกไปถึงคนที่ยังไม่กลับบ้านอีกไม่ได้
ยูโดจะเข้ามาช่วยเช็ดผมจนแห้งทุกครั้งหลังสระ เฝ้าวนเวียนทั้งกอดจูบและหอมหัวเขาอยู่นั่นจนบางที
เขาก็ต้องไล่ให้ออกไปให้ห่างๆ พอไม่มีคนมาวอแวเหมือนที่เคยก็เหมือนขาดสิ่งสำคัญไป

เขามองตัวเองในกระจกและส่ายหน้ากับความไม่พอดีของตัวเอง

~ก๊อก~ก๊อก~ เสียงเคาะประตูและตามมาด้วยร่างอุ้ยอ้ายที่เดินเข้ามาหน่อยหนึ่ง

“อ้าว! น้องดา ยังไม่เข้านอนอีกเหรอ อย่านอนดึกนักล่ะแล้วนี่มีอะไร เป็นอะไรหรือเปล่า”
 ยูฟ่าสาวเท้าเข้าไปหา

“พี่ยูลืมดื่มน้ำส้มน่ะ น้องดาขึ้นนอนพอดีจึงถือติดมือมาให้ แต่มันก็ไม่เย็นแล้วนะคะ”
กนกรดายื่นแก้วมาให้ ยูฟ่ารับมาถือไว้

“ขอบคุณนะ พี่ลืมจริงๆ ด้วยสิ ไม่เป็นไรพี่ดื่มได้” พูดแล้วยูฟ่าก็ยกแก้วน้ำส้มดื่มรวดเดียวหมดแก้ว

“โอ๊ย! อูย…” กนกรดาร้องและหน้านิ่ว ยกมือขึ้นกุมท้อง

“อะไร! ลูกดิ้นหรือว่าเจ็บท้อง เป็นอะไรน่ะ?” ยูฟ่าวางแก้วแล้วรีบเข้าประคองคนท้องอย่างร้อนใจ

“เสียดท้องค่ะพี่ยู ไม่เป็นไรมากหรอก งั้นน้องดากลับห้องก่อน ฝันดีค่ะ”
กนกรดาหมุนตัวจะออกไปจากห้องแต่ยูฟ่าคว้าข้อมือไว้เสียก่อน

“เอ่อ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่ห้องดีกว่า เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยทัน”
 ยูฟ่าเปิดประตูให้คนท้องและเดินไปส่งยังห้องนอนที่อยู่ข้างๆ กัน
 ห้องนี้เป็นห้องนอนเดิมของยูโด พอเข้ามาข้างในก็พบว่าห้องได้ถูกตกแต่งภายใน
จนออกแนวหวานขึ้นหน่อย เขายินคุณพ่อพูดว่าห้องนี้จะปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องนอนเด็กในอนาคตด้วย

 บนเตียงนอนเต็มไปด้วยตุ๊กตา ยูฟ่ายกยิ้มในนิสัยเด็กๆ ของคนที่อีกเพียงเดือนเศษๆ ก็จะกลายเป็นแม่คนแล้ว

“ขอบคุณนะคะพี่ยู น้องดาคิดแล้วว่าพี่ยูต้องใจดี แบบนี้เป็นหนุ่มในฝันของสาวๆ เลยจริงๆ นะคะ
 น่าเสียดายที่พี่ยูไม่คิดจะชอบผู้หญิงคนไหนเลยสักคน”

 เสียงเล็กๆ กับริมฝีปากที่เผยอเอื้อนเอ่ยวาจาแต่ยูฟ่ามองสีหน้าของเธอไม่ค่อยชัดแล้ว

“น้องดาอยากรู้จริงๆ เลยว่าพี่ยูเคยคิดชอบหรือมองผู้หญิงคนไหนบ้างหรือเปล่าที่แล้วๆ
มาน่ะ ผู้ชายด้วยกันมีอะไรดีถึงได้ชอบ ยิ่งคนอย่างพี่โดไม่เห็นจะน่ารัก ทำไมพี่ยูถึงยอมให้
พี่โดทำอะไรแบบนั้น ทำไมถึงยอม พี่ยูไม่คิดตะขิดตะขวงใจบ้างเลยหรือไง เป็นสายเลือดเดียวกันด้วย พี่ยู…”

ยูฟ่าฟังคำพูดยืดยาว สมองเขาเบลอจนฟังไม่รู้เรื่อง เขารู้สึกว่าเปลือกตาหนักราวกับมีใครเอาหินมาถ่วง
 จนไม่สามารถลืมตาขึ้นมาฟังคนท้องพูดจนจบได้ สติรับรู้ทั้งหมดของเขาก็ดับวูบลง


ยูฟ่าได้ยินเสียงทะเลาะกัน เป็นเสียงที่อยู่ไกลๆ เสียงที่คุ้นหู เขาได้ยินเสียงผู้หญิงร่ำไห้
ใครมาทะเลาะกันแถวนี้ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเขา คิดได้ดังนั้นคนง่วงก็หลับไปอีก


ยูฟ่าขยับกายและยืดแขนออกไปเพื่อขับไล่ความเกียจคร้าน เขานอนและฝันอะไรมากมาย
 ได้ยินเสียงเรียก เสียงคนทะเลาะกันและเสียงร้องไห้ผสมปนเปกันไปหมด เขาคงไม่ได้ถูกผีอำ
ทั้งคืนหรอกนะ ยูฟ่าเปิดเปลือกตาขึ้น สายตาของเขาสบเข้ากับดวงตาคม แววตาที่เขาชอบ
แต่ทำไมเช้านี้ถึงดูต่างออกไป

“กอดหน่อย”
ยูฟ่าชูแขนให้คนตัวโตสวมกอดอย่างทุกเช้าที่ตื่นนอน แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้รับอ้อมกอด
ที่ร้องขอเลย ดวงตาเปิดกว้างกว่าเดิมและหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเมื่อภายในห้องนอนมีคุณพ่อมายืนจ้องมองเขา
พอมองเลยออกไปเห็นกนกรดายืนอยู่ด้วยอีกคน

“แหะๆ ตื่นสายไปหน่อย มาปลุกถึงที่นอนเลยเหรอฮะ คุณพ่อไม่ไปทำงานเหรอ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าฮะ”
 ยูฟ่ายิ้มแบบเก้อๆ ใครจะไปรู้ว่าลืมตามาจะเจอใครต่อใครแบบนี้ ดีนะที่เขาไม่ทำอะไรน่าอายออกไป

“ทำเรื่องอะไรไว้ล่ะเจ้าตัวดี ล้างหน้าล้างตาแล้วลงไปคุยกันข้างล่าง รีบหน่อยนะ”

“ครับๆ แค่นี้ต้องทำเสียงแข็งใส่ด้วย คุณพ่อนี่ชักจะไม่น่ารักเหมือนที่โดพูดไว้ตอนเด็กๆ เลย”
 ยูฟ่าลุกขึ้นนั่งและก้าวเท้าลงจากเตียงซวนเซเล็กน้อยจนยูโดต้องคว้าตัวไว้ไม่ให้ล้ม

“มึนๆ แปลกๆ แฮะเช้านี้ ยูไม่ได้นอนดึกเลยนะ ทำไมยังง่วงๆ อยู่ก็ไม่รู้”
ยูฟ่าบอกคนตัวโตที่ขมวดคิ้วยุ่ง เป็นอะไรของเขาหน้าตาเหมือนโกรธคนทั้งโลกมาอย่างนั้น

ยูโดพาคนตัวเล็กไปส่งยังห้องน้ำเพราะเดินเป๋ไปเป๋มาจนเขานึกเป็นห่วงกลัวจะลื่นล้มในห้องน้ำเข้า

“ยูจะฉี่ โดจะคอยเหรอ ก็ได้ๆ อยากมองนักก็มองไปเลย”
คนตัวเล็กงึมงำและบึนปากใส่ เขาชะงักเมื่อเห็นว่าชุดนอนที่สวมอยู่กับตัวไม่ได้ชุดที่ใส่เมื่อคืน

“โดกลับมากี่โมงเมื่อคืน ทำไมไม่ปลุกยูล่ะ ยูนั่งรอตั้งแต่หัวค่ำเลยนะ พอโดไม่อยู่ยูเหงารู้ไหม”
ยูฟ่าพูดแล้วไปที่อ่างล้างหน้าหยิบแปรงสีฟันที่ยูโดบีบยาสีฟันไว้ให้ขึ้นมาแปรง

“ตีสองน่ะ เห็นหลับสบายจึงไม่ได้ปลุก” ยูฟ่าพยักหน้าหันไปทำกิจธุระของตนต่อ

“เมื่อคืนยูไม่ได้ใส่ชุดนอนสีนี้นะ เอ…มันต้องเป็นสีครีมสิ แต่นี่มันสีน้ำตาลชัดๆ หรือโดลักหลับยู
 แต่ยูก็…ปรกติดีนะ มันยังไงกันนะ…”

ยูฟ่ายังคงสงสัยกับชุดนอนที่เขาสวมอยู่ไม่หายและพึมพำตลอดทางที่ลงไปยังชั้นล่าง
โดยมียูโดประกบข้างคอยระวังไม่ให้ล้ม






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 30 เสียน้ำตา

ยูฟ่าและยูโดเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่บิดานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เบาะนั่งข้างๆ ท่านมีกนกรดานั่งก้มหน้านิ่ง
 เธอไม่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำทั้งที่รู้ว่ามีคนถึงสองคนเข้ามา

“เอ้อ! มากันแล้ว นั่งสิ”

“คุณพ่อจะคุยอะไรกับยูเหรอครับ” ยูฟ่าถามเมื่อนั่งลงตรงข้ามท่าน

“ก่อนอื่นพ่ออยากรู้ว่า ยูเข้านอนกี่โมงเมื่อคืน” คุณพ่อถาม ใบหน้าเรียบไม่บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน

“ประมาณสามทุ่มเห็นจะได้ ทำไมเหรอฮะ”
 ยูฟ่าเลิกคิ้ว เขายังเบลอๆ ง่วงๆ อยู่เลย ยิ่งเจอคำถามที่ธรรมดามากๆ ก็งงหนักเข้าไปใหญ่

“ก็ราวๆ ตีสองน่ะสิ เจ้าโดมาทุบประตูห้องนอนพ่อโวยวายว่ายูหายตัวไป โทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์ก็อยู่ครบ
 แล้วตกลงเราหายไปไหนมา ถ้าว่านอนสามทุ่มเจ้าโดก็ต้องเห็นแล้วสิ”
คุณพ่อพูดน้ำเสียงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม และย้อนถามเขาในท้ายประโยคทำเอายูฟ่าแทบหายง่วง

“ยูก็นอนที่ห้องนะครับ ตะกี้ก็ตื่นบนเตียงนอนตัวเอง คุณพ่อกับทุกคนก็เห็น
คุณพ่อจะหาเรื่องอะไรยูแต่เช้ากันล่ะ ยูยังง่วงๆ อยู่เลย ยูไม่ได้หนีเที่ยวซะหน่อย
ไม่ได้ไปไหนด้วย หลับรวดเดียวยันเช้า”

ยูฟ่าเริ่มออกอาการงอแงให้เห็น เขาไม่รู้เจตนาของผู้เป็นพ่อเลยว่าจะมาถามอะไรแปลกๆ
 เห็นกันอยู่ว่าเขานอนอยู่ที่ห้อง

“มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ พ่อกับเจ้าโดหาเราจนทั่วบ้าน สุดท้ายไปเคาะถามหนูดา
พบว่าเราน่ะหลับอยู่บนเตียงนอนเขา เนื้อตัวล่อนจ้อนไม่มีเสื้อผ้าติดกายสักชิ้น
 พอๆ กับหนูดานั่นแหละ ส่วนหนูดาก็เอาแต่ร้องไห้ ถามอะไรก็ไม่พูด
จากภาพที่เพวกเราเห็นมันจะเป็นอื่นไปไม่ได้ นั่นคนท้องใกล้จะคลอดนะยู
 เราหน้ามืดตามัวไปล่วงเกินเขาทำไม หากรักชอบกันน่ะ อดใจรอให้คลอดก่อนไม่ดีกว่าเหรอ”

 ยูฟ่าอ้าปากพะงาบจะค้านก็ไม่มีช่องว่างให้ค้าน ดูจากสีหน้าของคุณพ่อไม่ได้แสดงออกว่า
ท่านพูดเล่นแม้แต่น้อย คำพูดของท่านที่ว่าเขาล่วงเกินคนท้องน่ะพ่อคิดอะไรอยู่กัน
คนอย่างเขาเนี่ยนะจะล่วงเกินคนท้อง ผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ท้องเขายังไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลย

“คุณพ่อ!! ฟังยู ไม่มีอะไรทั้งนั้น มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ยูไม่เคยคิดเกินเลย คุณพ่ออย่าหาเรื่องมาให้ยูดีกว่า
 ยูไม่ได้ทำ ยูไม่ได้ทำแบบนั้นนะโด เชื่อยู”

ยูฟ่าปากคอสั่น หันมองทั้งพ่อและยูโดอย่างร้อนรน หวังให้ทั้งสองเชื่อ แต่ทั้งสองไม่มองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ

‘นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน หาเรื่องกันชัดๆ’

“สรุปว่าแกจะปฏิเสธ แล้วไอ้ที่พ่อกับเจ้าโดเห็นเต็มสองตาล่ะ จะว่ายังไง?” คุณพ่อถามย้ำ

“ยูแค่เดินไปส่งเธอที่ห้อง อืม…ก็เขาบ่นจุกเสียดแน่นท้อง ยูกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรขึ้นมาแล้วไม่มีใครเห็น
 ไม่มีอะไรมากกว่านั้นจริงๆ เธอเอาน้ำส้มที่ยูลืมขึ้นมาให้ พอยูดื่มเสร็จก็ไปส่งเธอเข้านอน แค่นั้นจริงๆ
 ยูไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คุณพ่อพูดนะ น้องดาช่วยพูดกับคุณพ่อให้พี่ทีสิ บอกท่านว่าพี่ไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นกับเธอ”

 ยูฟ่าลำดับเหตุการณ์ให้ทุกคนฟังอย่างช้าๆ เท่าที่เขาพอจะจำได้ เขามองหน้าคนท้องอย่างขอความช่วยเหลือ
แต่กนกรดากลับนั่งนิ่งไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง ความหวังที่จะให้เธอช่วยกลายเป็นศูนย์

“พ่อขอถามตรงๆ ทำไปเพื่ออะไร?”
บิดาเน้นย้ำแบบชัดถ้อยชัดคำ ยูฟ่านิ่วหน้าน้ำตารื้นขึ้นมาจนกระบอกตาร้อนผ่าว
เขาพยายามกลั้นมันเอาไว้ไม่ให้ไหล ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยพูดคำเท็จ

 ทำไมครั้งนี้ถึงไม่มีใครเชื่อเลยสักคน เขากลายเป็นจำเลยไปแล้วหรืออย่างไร

“คุณพ่อ! ยูน่ะนะ ยูทำอะไร ทำไมไม่เชื่อกันบ้าง”

 ยูฟ่าตกใจและงุนงงในเวลาเดียวกัน เขาหันมองคนข้างๆ ที่นั่งฟังเงียบๆ
 มีเพียงสันกรามที่ขึ้นนูนและมือที่กำแน่นเท่านั้นที่บ่งบอกว่าคนข้างๆ ยังมีความรู้สึก
 ที่แน่ๆ กำลังโกรธมากๆ ด้วย ก่อนที่ยูฟ่าจะได้พูดอะไรออกไป เขาก็ต้องสะดุ้งจนสุดตัว
เมื่อยูโดทุบโต๊ะเสียงดังปัง กระจกโต๊ะแทบจะแหลกคามือถ้ามันไม่หนามากพอแบบที่เป็นอยู่

‘น่ากลัว ดุดัน แววตาวาวโรจน์และสั่นระริก ผีเข้าแน่ๆ จะหันมาฆ่ากันหรือเปล่า
โดอย่าเป็นแบบนี้สิ เชื่อยูเถอะ ยูพูดความจริง ยูไม่ได้ทำ’ ยูฟ่าได้แต่ร่ำร้องอยู่ภายในใจ

“เพื่ออะไร พูด! บอกให้พูดไง! พูดสิโว้ย!”
ยูฟ่าตาเบิกกว้างกับน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดดุดัน เขาขบกัดริมฝีปากเข้าหากันแน่น
ไม่มีคำพูดใดๆ ที่จะบอกให้กับสองคนพ่อลูกที่คาดคั้นอย่างเอาเป็นเอาตายนี้อีกแล้ว
ถ้าหากจะปักใจเชื่ออย่างนั้นเขาก็จนใจที่จะพูดแล้ว

‘ยังต้องการความจริงอะไรอีก เกินไป ใจร้าย’

“โด ใจเย็นหน่อยลูก” พ่อปรามลูกชาย

“พี่โดลดเสียงลงหน่อย ดูสิ ลูกตกใจใหญ่แล้ว ถีบจนน้องดาเจ็บระบบท้องไปหมด”

 คนท้องพูดเสียงสั่นๆ คงจะกลัวจริงๆ ยูฟ่าจึงเงยหน้าขึ้นมองว่ายูโดจะว่ายังไง
 แต่แววตาแข็งกระด้างและดวงตาที่แดงก่ำที่เห็นทำให้รู้ว่าคำพูดนั้นไม่เป็นผลสักกี่มากน้อย
 แต่น้ำเสียงก็ลดระดับลงบ้างแต่ก็ยังถือว่าดังอยู่ดี

“งั้นก็ตอบให้ตรงคำถาม อย่าเอาเด็กมาอ้าง ก็ได้ใจเย็นก็ได้ งั้นพูดมา
 เธอ! ต้องการอะไรที่ทำลงไปทั้งหมดเมื่อคืน พูดว่าห่วงลูก กลัวลูกจะมีอันตราย
เธอคงไม่ทำเรื่องน่ารังเกียจลงไป อยากได้นักเหรอผู้ชายคนนี้ จนต้องใช้วิธีสกปรกน่ะ”
ยูโดจ้องหน้าคนท้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อถ้าทำได้

คำถามที่ทั้งพ่อและยูโดถามตั้งแต่ต้นนั้นเป็นการถามกนกรดาใช่ไหม?

ไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบจากเขาไหม?

“น้องดาชอบพี่ยู ไม่เข้าใจว่าพี่โดมีอะไรดีพี่ยูถึงยอมทำเรื่องผิดศีลธรรมและมองข้ามความสวยงาม
ของผู้หญิงไป น้องดาแค่ต้องการพิสูจน์ว่าจริงๆ พี่ยูก็ยังต้องการผู้หญิงอยู่ ไม่ได้เป็นเกย์อย่างที่พี่โดยัดเยียดให้เป็น”

 เนื้อความที่ตอบมา ทำเอาคนฟังอึ้งหนัก โดยเฉพาะยูฟ่า เขาถูกคนท้องบอกว่าชอบ
อยากพิสูจน์ความเป็นผู้ชายของเขาว่าแท้หรือไม่ บ้าไปแล้ว คิดวิธีบ้าๆ แบบนี้ได้ยังไง

“ทำไมพูดแบบนั้น จะพิสูจน์บ้าบออะไรของเธอ พี่ไม่มีทางทำอะไรอย่างนั้นไม่ว่ากับเธอ
หรือผู้หญิงคนไหน ที่บอกว่าชอบพี่น่ะมันเป็นไปไม่ได้หรอก คนเราจะชอบกันง่ายๆ
 ได้เลยหรือไง พี่กับโดจะทำเรื่องผิดศีลธรรมนั่นก็เรื่องของเราสองคน มันไปเกี่ยวกับเธอตรงไหน
 เธอบ้าไปแล้วหรือไง พี่จะเป็นเกย์จริงหรือเกย์เทียมมันไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องมาพิสูจน์”

ยูฟ่าโต้กลับปากคอสั่นอย่างพยายามอดกลั้นความโกรธ เขาหลงเชื่อใบหน้าน่ารัก
 ดวงตาใสซื่อนี้ไปได้ยังไง มันจอมปลอมชัดๆ

“นั่นสิ! เธอมันบ้า! ถึงขนาดวางยานอนหลับ เธอจัดฉากว่ายูล่วงเกินทั้งที่ใกล้คลอด
 มันไม่แนบเนียนเพราะอะไรรู้ไหม เพราะเธอใส่ยามากเกินไป แค่ปลุกแล้วยูไม่ตื่น
เด็กประถมยังดูออกว่าโดนวางยา แผนตื้นๆ อย่างนั้นใครจะไปเชื่อเธอ หน้าไม่อาย! ไร้สมอง!”

 ยูโดพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ จ้องมองหญิงสาวเพียงคนเดียวอย่างกรุ่นโกรธ
 วาจาที่เจ็บแสบก็ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรก คนอย่างเขาไม่เคยต้องต่อว่าต่อขานผู้หญิงมาก่อน
 แต่ผู้หญิงคนนี้จุ้นจ้านและกล้าวุ่นวายกับคนของเขา

ถ้าไม่ท้องคงได้เจอดีกว่านี้แน่!

“ยูไม่เคยทำไม่ว่ากับใคร โดเชื่อยูแล้วใช่ไหม”
ยูฟ่าน้ำตาคลอเต็มดวงตาคู่สวยและไม่นานก็ไหลลงมาเป็นทางตามร่องแก้ม

 ทุกอย่างถูกเปิดเผย เรื่องที่คลุมเครือก็ดูชัดเจนขึ้น เด็กสาวที่เขาหลงให้ความเอ็นดู
ทั้งยังเป็นแม่ของเจ้าตัวเล็กด้วยนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะกระทำเรื่องสิ้นคิดแบบนั้นได้

‘ร้องไห้ กี่ครั้งกี่หนแล้วที่ยูฟ่าต้องร้องไห้ เขาไม่สามารถปกป้องคนของตัวเอง
ไม่สามารถปกป้องให้รอดพ้นจากคนที่คิดจะครอบครอง ไม่สามารถห้ามน้ำตาไม่ให้รินไหล’

ยูโดดึงยูฟ่าเข้ามากอด จรดปลายจมูกลงบนกลุ่มผมอ่อนนุ่มสีสวยและลูบหลังปลอบประโลม

“โดเชื่อยู ไม่ร้องนะคนดี ขอโทษที่ทำให้ยูต้องเสียน้ำตาอีกแล้ว โดเชื่อยูเสมอ”
 ยูโดพร่ำพูดอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงแบบนี้มีไว้ใช้กับยูฟ่าเพียงคนเดียว

“ยูกลัวเหลือเกิน กลัวว่าโดจะไม่เชื่อ”
 ยูฟ่าข่มน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาอีก จึงทำให้สะอื้นจนตัวโยน

“เชื่อสิ โดเชื่อยู เชื่อโดยไม่ต้องถามด้วยซ้ำ เราผ่านเรื่องอะไรมานักต่อนักแล้ว
 เรื่องแค่นี้ทำไมโดจะดูไม่ออกล่ะ” ยูโดพูดย้ำเบาๆ

“พ่อขอให้เลิกแล้วต่อกันนะ ไม่กี่วันหนูดาก็จะคลอด รักใครชอบใครหลังคลอดค่อยมาคุยกัน
 ทั้งสองคนก็ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปนะ พ่อไม่อยากให้กระทบถึงเจ้าตัวเล็ก”

คุณพ่อพูดเพื่อยุติปัญหา ยูโดดูอ่อนลงบ้าง

“ยูไม่มีอะไรจะพูด ยูไม่ได้ชอบเธอ พ่อก็รู้ว่ายูรักใครไม่ได้อีก”
ยูฟ่าหันไปหาผู้เป็นพ่อเป็นการประกาศว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางที่จะชอบกนกรดาต่อให้หลังคลอดแล้วก็ตามที

“นี่สินะเหตุผลที่พวกพี่ไม่หาแม่ให้ลูก เพราะแบบนี้นี่ไง เป็นผู้ชายทั้งคู่แถมยังเป็นพี่น้องกันอีก”
กนกรดาอดไม่ได้ที่จะค่อนขอด คำพูดของเธอไปกระตุ้นให้ยูโดที่สงบลงแล้วขุ่นเคืองขึ้นมาอีกจนได้
 แต่ยูฟ่ารวบมือของยูโดมากุมไว้เสียก่อนและส่งสายตาแกมขอร้องไม่ให้เรื่องมันบานปลาย

“เธอไม่มีสิทธิ์มาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของพวกเรากนกรดา เงินเธอก็ได้สำหรับงานนี้ เ
ราต่างก็ได้ประโยชน์เหมือนๆ กัน เธออย่าได้คิดทำอะไรให้เรื่องมันยุ่งยาก อย่าลืมหน้าที่
และข้อตกลงสิ ที่เธอมาอยู่บ้านนี้และอุ้มท้องนั่นคืองาน ทำหน้าที่ของเธอให้ดีเถอะ”

ยูโดสวนกลับทันควัน

“ก็ได้ๆ ผิดเพศ ไม่อายฟ้าไม่อายดิน ไม่สนแล้วก็ได้ ช่างเรื่องของพวกพี่สิ”
กนกรดาพูดแล้วสะบัดหน้าพรืด ก่อนจะเดินลงส้นเท้าออกไป

ไม่มีท่าทีสำนึกผิดแม้แต่น้อย จนคนเป็นประมุขของบ้านได้แต่ส่ายหน้า

“อยู่ให้ห่างเธอจะเป็นการดี ตั้งแต่นี้ไปให้มดแดงมาดูแลจนกว่าเธอจะคลอด
แค่ไม่กี่วันทนเอาหน่อยทั้งสองคน พ่อต้องขอโทษด้วยสำหรับเรื่องนี้
พ่อไม่ตรวจสอบเธอให้ดีก่อนจะจ้างมารับงาน คิดไม่ถึงว่าเด็กที่ใสซื่อจนทำให้หลงเชื่อ
ว่าไม่มีพิษมีภัยจะกล้าทำเรื่องน่าละอายได้ พ่อดูคนผิดไปจริงๆ”

 ยูฟ่ามองบิดาที่ดูจะอ่อนล้าเต็มที

“คุณพ่อไม่ผิดครับ อย่าโทษตัวเองเลย กนกรดายังเด็ก คิดอะไรก็คงคิดแบบเด็กๆ
 วันหนึ่งเธอคงคิดได้เอง ดีแล้วที่พวกเราไม่เอาผิดเธอ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ ยูไม่เป็นไรฮะ
 คุณพ่อก็ไม่ต้องเครียดแล้วนะ”

ยูฟ่าพูดกับผู้เป็นพ่อเสียงอ่อน

“ไม่เป็นไรได้ยังไงโดนยาไปเยอะขนาดนั้น ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น เดี๋ยวพ่อกับเจ้าโดไปทำงาน
ก็หาข้าวหาปลากินแล้วก็ขึ้นไปนอนซะนะ เย็นๆ แม่แกคงจะกลับบ้าน เด็กนั่นคงไม่กล้ามายุ่ง
อะไรกับแกอีกแล้วล่ะ เจ้าของก็หวงมากมายเหลือเกิน ถ้ายังกล้าอีกคงได้ตายคามือมันแน่
 เมื่อคืนถ้าพ่อไม่ห้ามไว้คงตายไปแล้ว กล้ามากที่จับแกลอกคราบจนล่อนจ้อน
 เห็นหมดว่าขี้แมลงวันมีกี่เม็ดต่อกี่เม็ด ตัวยิ่งขาวๆ ยิ่งเห็นชัด ภาพยังติดตาไม่หายเลย”

 ผู้เป็นพ่อกระเซ้า ยูฟ่าหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกจนได้แต่ผิดกับยูโดที่เกิดอาการคอตั้งหน้าตึงเมื่อได้ฟังแบบนั้น

“โว๊ะ! คุณพ่อ! ใครใช้ให้จำ ลบภาพนั้นออกจากสมองไปเลย ไม่งั้นยัยนั่นได้ตายจริงๆ แน่”

ยูโดโวยวายอย่างเด็กหวงของ

“เฮ้ย! อย่านะเว้ยเจ้าโด พ่อล้อเล่น เออๆ พ่อจะลืมเดี๋ยวนี้แหละ คนแก่ลืมง่ายจะตายไป
ลุกออกไปจากห้องนี้ก็ลืมปุ๊บแล้ว ไอ้ขี้หวงเอ้ย! พ่อไปทำงานดีกว่าอยู่กันดีๆ
ถ้าปลอบกันเสร็จก็ตามไปทำงานด้วย มีงานมีการรอแกเคลียร์อีกเพียบ”

พงศกรพูดก่อนจะลุกออกไปจากห้องทิ้งให้สองหนุ่มอยู่กันตามลำพัง

“กอดกัน เมื่อเช้าโดเมินยูนะ”
 ยูฟ่าอ้อน พอคนตัวโตอ้าแขน ยูฟ่าก็โถมตัวเข้าหาอ้อมกอดอุ่น แผ่นอกกว้างที่เชื่อมั่นว่า
จะปลอดภัยทุกคราที่ได้แอบอิง เขาซบใบหน้าลงบนอกซ้ายที่มีเสียงเต้นของเลือดเนื้อก้อนหนึ่ง
ที่ดังในจังหวะที่คุ้นเคย

“ดีกัน ยูไม่เคยเหลวไหล โดก็รู้”

ไม่มีการพูดคุยใดๆ ระหว่างคนสองคน มีเพียงลมหายใจอุ่นๆ ที่สัมผัสเบาๆ ที่สองข้างแก้มของกันและกันเท่านั้น







ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 30
«ตอบ #45 เมื่อ25-10-2019 07:40:25 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 31 คู่รักคู่ใหม่ 1 (ตะวันฉาย ~ รวีกานต์)

วันต่อมา สิบโมงกว่าๆ มารดาก็เดินทางกลับมาบ้าน โดยมีสองหนุ่มจากเมืองเหนือตามมาด้วย เพราะไม่ได้เจอหน้ากันนาน

ยูฟ่ากับเด็กหนุ่มตัวเล็กจึงกอดกันกลม

“คิดถึงที่สุดเลยพี่ตะวัน เดย์ด้วยนะ ไม่เจอกันตั้งครึ่งปีแน่ะ”

“พี่ยูก็ดูจะอ้วนขึ้นด้วยนะ แบบนี้ก็ดีครับ น่ารักดี”
คนถูกทักว่าอ้วนหน้าตูมขึ้นมาทันที

“เราก็ใช่ย่อย เป็นหนุ่มหล่อ ตัวสูงขึ้นมาอีกแล้วสิ มีแฟนรึยังล่ะ”

“ไม่มีหรอกฮะ ใครจะมาชอบ คนแบบผม”
 รวีกานต์พูดโดยที่ไม่ทันสังเกตว่าอีกหนึ่งหนุ่มที่มาด้วยยืนปั้นหน้าตึงไม่ห่าง

“ยูให้สองคนนั้นพักดื่มน้ำเย็นๆ กันก่อน อย่าเพิ่งชวนคุยแม่เห็นเราพูดไม่ได้หยุดเลยนะ เก็บกดหรือไงอยู่บ้าน”

“คุณแม่อ่า…พวกเราไม่เจอกันนานนี่ฮะ” ยูฟ่าทำปากยู่เมื่อถูกเบรก

“พี่ตะวันอยู่ได้กี่วันฮะ ยูจะได้จัดโปรแกรมท่องเที่ยวให้ถูก”

“สามสี่วันมั้ง อยู่ได้ใช่ไหมเดย์” ตะวันฉายตอบและหันไปถามคนตัวเล็กข้างๆ ที่พยักหน้ารับ

 “ดีจัง เดี๋ยวยูจะถามโดว่าพอจะพาคนป่าไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง”

“เดี๋ยวเหอะเจ้ายู พี่เป็นคนดอยนะ มองยังไงว่าเป็นคนป่าน่ะ” พี่ชายพูดสีหน้ายิ้มๆ

“ถ้าพี่ตะวันพูดแบบนี้ผมก็คงเป็นคนภูเขาไปแล้วเหอะ”
ตะวันฉายยกมือขึ้นยีหัวคนพูดที่ทำแก้มป่องอมลม โดยไม่รู้ว่าการกระทำแบบนั้นของเขาทำเอาน้องชายตัวเองจ้องมองตาปริบๆ
และคิดไปไกล


เมื่อผู้มาเยือนทั้งสองได้พักดื่มทั้งน้ำและของว่างเป็นที่เรียบร้อย การพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบก็เริ่มขึ้น
และลากยาวไปจนกระทั่งตะวันฉายถามหากนกรดา

“ไหนล่ะยู แม่ของเจ้าตัวเล็กน่ะ” ตะวันฉายมองหาคนท้องตามที่ได้ฟังมา

“นั่นสิ คุณแม่พี่ยูบอกว่าน่ารักด้วยสิ ตัวเล็กเกิดมาต้องหล่อแน่ๆ เลย” รวีกานต์ชะเง้อมองอีกคน

“อื้ม เขาคงอยู่ในห้องนอนของเขานั่นแหละ ใกล้คลอดแล้วด้วย มื้อเที่ยงคงจะลงมาให้เห็นหน้า”

“อ้าว อยู่ยังไงคนเดียวบนนั้น”
ตะวันฉายถามด้วยรู้สึกว่าผิดแปลกไปหน่อย ยิ่งคนใกล้คลอดให้อยู่ในที่ลับตาคนเดียวได้ยังไง

“ไม่หรอกพี่ตะวัน มดแดงไปอยู่เป็นเพื่อนแล้ว อย่าพูดถึงเธอเลยครับ” ยูฟ่าตัดบทเสียดื้อๆ

“อ้าว ทำไมพูดงั้นล่ะ แม่ไม่อยู่สามวันมีเรื่องผิดใจอะไรกันหรือเปล่า ไม่ได้นะลูก เจ้าตัวเล็กจะพลอยเครียด
ตามไปด้วย คนท้องอารมณ์แปรปรวนยังไงก็หยวนๆ ให้เธอหน่อย อย่าได้ถือสาหาความเลยลูก”
มารดาปรามแต่ไม่จริงจังนัก

“เหอะ ยูไม่อะไรกับเธอหรอกครับ โดน่ะสิ แรงกว่ายูเป็นร้อยเท่า” ยูฟ่าหน้าง้ำเมื่อมารดาเข้าใจตนผิด

“มีเรื่องแน่ๆ  มีอะไรเล่ามาให้หมดเลยนะอัครวิชญ์ เดี๋ยวนี้!”

มารดาขยับนั่งหลังตรงจากที่กำลังนั่งเอนหลังสบายๆ บนโซฟานุ่ม

“คุณแม่อ่า..ยูไม่อยากจะพูดถึงเลย เรื่องมันก็จบไปแล้ว เอ่อ…อย่าทำตาดุสิฮะ นี่ลูกเองครับ”
ยูฟ่าบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ยอมเล่าเรื่องให้มารดาฟังทั้งหมด ท่านมีสีหน้าไม่สบายใจแถมยังส่ายหน้าไปมา
ปากก็งึมงำแต่ว่าไม่น่าเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อ เด็กคนนั้นเนี้ยนะทำเรื่องอย่างนี้ฃ

ส่วนแขกสองคนนั่งฟังกันเงียบๆ

“เฮ้อ แม่ล่ะไม่เข้าใจเลย เอาล่ะๆ ไหนๆ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้วอย่างที่ยูบอก อภัยได้ก็อภัยให้เธอนะลูก
ยังเด็กอยู่แท้ๆ ผ่านโลกได้ไม่เท่าไหร่ แม่ว่านะเธอคงจะอินกับละครมากไปหน่อยถึงทำอะไรแบบนั้นลงไป อุบายตื้นเขินเสียจริง”

“ก็ต้องปล่อยผ่านอย่างที่คุณแม่ว่าครับ ทำไงได้ล่ะ เธอกำลังท้องและยังเป็นแม่ของหลานเราทั้งคน”
 ยูฟ่าพูดอย่างจำยอม ด้วยเห็นแก่เจ้าตัวเล็กที่จะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า


มื้อกลางวัน กนกรดาดูจะพูดคุยกับแขกได้อย่างไม่เก้อเขินใดๆ ความสดใสที่เห็นตรงหน้าทำให้เผลอนึกถึงเรื่องที่เธอก่อ
ที่เหนือความคาดคิดของทุกคน ว่าเธอคนนี้จะกระทำเรื่องทำนองนั้นได้ลง

สำหรับเขาทำได้ดีที่สุดคือการระลึกถึงเจ้าตัวน้อยให้มาก เมื่อคิดมาถึงตรงนี้จึงพูดคุยกับเธอเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมี
เรื่องหมางใจกันมาก่อน

หลังมื้ออาหารผ่านไปทุกคนจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน


ยูฟ่าจัดห้องพักโดยให้สองหนุ่มจากเมืองเหนือพักห้องเดียวกัน พี่ชายของเขาให้ความเอ็นดูและใส่ใจเด็กหนุ่มที่พามาด้วย
อย่างออกนอกหน้าถึงกับพามากรุงเทพฯ ดูยังไงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เกินธรรมดาไปมากแล้วเป็นแน่

“พี่ตะวันไม่นอนเหรอฮะ ผมไม่นอนดิ้นหรอกน่า เตียงออกจะกว้าง” รวีกานต์ตบที่นอนข้างๆ ตัวดังปุๆ

“อ่อ เอ้อ นอนสิ นอน เตียงกว้างจริงๆ นั่นแหละ”

ตะวันฉายออกจะเลิ่กลั่กและเก้อกระดากอยู่มากที่จู่ๆ ก็มีหนุ่มน้อยหน้าใสที่เขาแอบชอบชวนขึ้นเตียง

เจ้าเด็กนี่ไม่ได้คิดอะไรน่ะใช่แต่ปีศาจร้ายในตัวเขานี่สิมันกู่ก้องในความคิดให้เตลิด คิดไปไกล...อยู่เรื่อย

“บ้านพี่ยูน่าอยู่มากๆ เลยนะฮะ ผมก็เพิ่งได้นอนที่นอนนุ่มๆ แบบนี้เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้”
รวีกานต์พูดอย่างพาซื่อ นี่แหละเสน่ห์ของเจ้าตัว

เจ้าเดวิลที่เกาะบนบ่ากระซิบเตือนให้เขาพูดตามบทของมัน

“เรือนไทยท่ามกลางธรรมชาติของพี่ สู้ที่นี่ไม่ได้เลยเหรอ ที่นอนหนานุ่มน่านอนกว่าเป็นไหนๆ
ไปทดสอบได้นะ พี่ยินดี”

“เอ่อ คิดอะไรกับผมหรือเปล่าชวนกันแบบนี้จะให้คิดเป็นอื่นได้ยังไง นอกเสียแต่ว่า…เอ่อ คือ..”

เด็กหนุ่มยั้งคำพูดไว้ได้ทัน


“พี่ชอบเดย์ จีบอยู่ เกือบเป็นปีแล้วรู้ตัวเสียทีครับ” บทพูดที่มาจากใจแบบที่ไม่ต้องมีใครบอก

“พี่ตะวันล้อกันแรงไปแล้วนะ ผมนอนดีกว่า”
รวีกานต์ตัดบทและหันหน้าหนีโดยคว้าหมอนข้างมากอดไว้แน่นปิดบังใบหน้าที่ร้อนผ่าว

คนที่นั่งคุยอยู่ข้างๆ เห็นดังนั้นจึงทอดตัวลงนอนตามและรั้งเจ้าก้อนกลมข้างๆ มากอด
รวีกานต์สะดุ้งแต่ก็ไม่ได้ขืนตัวไว้แต่อย่างใด

“พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะเดย์ พี่ชอบเดย์จริงๆ หันหน้ามาคุยกันก่อนครับ ว่าไง รังเกียจพี่เหรอครับ หืม”
ตะวันฉายทอดเสียงอ่อน การสารภาพความในใจออกไปผลลัพธ์จะเป็นยังไง เขาก็สุดจะคาดเดาแต่อย่างไรเสีย
เวลาก็ไม่อาจปล่อยให้ล่วงผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลย

รวีกานต์ขยับตัวห่างออกไปและหันมองคนพูด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไหวน้อยๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวรู้สึกสับสน

“พี่ตะวันครับ ผมเป็นผู้ชายนะฮะ แล้วก็ไม่เคยชอบผู้ชายด้วยครับ” เด็กหนุ่มตอบตามความรู้สึกตน

“พี่รู้ครับ พี่ไม่เคยชอบผู้ชายคนไหนมาก่อนเหมือนกัน พี่ซื่อตรงกับหัวใจของตัวเองครับ ใจพี่มันชอบเดย์ครับ รังเกียจพี่มั้ย”
ตะวันฉายถามย้ำคำถามเดิมที่ยังไม่ได้คำตอบ มือหนึ่งลูบศีรษะทุยอย่างแผ่วเบา อ่อนโยน ใส่ใจ
ส่วนอีกมือยังรั้งอยู่ที่เอวบางไม่คลาย

“เอ่อ ไม่ได้รังเกียจ แต่ว่า ผม เอ่อ…มองว่ามันออกจะแปลกๆ พี่ตะวันว่ามันไม่ผิดแปลกไปหน่อยเหรอฮะ
เอ่อ…จะต้องมีผู้ชายคนหนึ่งที่คอยดูแลใส่ใจอีกคนในฐานะแบบว่า แบบแม่บ้านอะไรทำนองนั้นน่ะ…พี่ตะวันว่ามันทะแม่งๆ มั้ยล่ะ
ไม่ใช่หญิงต้องคู่กับชายเหรอครับ”

คนฟังแอบยกยิ้มที่ได้ฟัง

“พี่ไม่คิดว่าจะแปลกที่ตรงไหน แค่คนสองคนที่ใจตรงกัน ดูแล ใส่ใจ และรักกัน ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นชายกับหญิงเสมอไป
ให้โอกาสพี่สิครับ แล้วพี่จะพิสูจน์ให้เดย์เห็นว่ามันเป็นเรื่องของคนที่รักกันเท่านั้น"

ตะวันฉายชักจูงให้คนอายุน้อยกว่าคล้อยตาม

“พี่ตะวันคิดแบบนั้นเหรอฮะ” รวีกานต์มีลังเล สองจิตสองใจอยู่บ้าง ใจหนึ่งนั้นก็กลัว อีกใจก็อยากจะทดสอบ

“ครับ สามวันที่นี่เรามาพิสูจน์กัน ให้โอกาสพี่ หากว่ามันไม่ใช่..พี่จะไม่ยื้อครับ”

ปากพูดออกไปอย่างนั้นแต่ภายในใจสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง


‘พี่ไม่มีปล่อยเดย์หลุดมือ’


“เอ่อ กะ ก็ได้ฮะ”

รวีกานต์ตอบรับไม่เต็มเสียงนัก เด็กหนุ่มผู้อ่อนต่อโลกหารู้ไม่ว่าการตอบรับในครั้งนี้
วันเวลาต่อมาเขาไม่สามารถหลุดจากวงโคจรของผู้ชายตรงหน้าได้อีกเลย


ตะวันฉายใจเต้นไม่เป็นส่ำ เดิมทีไม่คาดคิดว่าจะได้รับการตอบรับ เขาโน้มใบหน้าลงสบกับดวงตาใสซื่อ
บริสุทธิ์ืัี่ปราศจากเล่ห์เหลี่ยม ดวงตาที่เขาหลงใหลื ริมฝีปากแนบลงบนกลีบปากสีระเรื่อที่เฝ้ามองมานานวัน
ขยับบดเบียดและละเลียดชิม สัมผัสนุ่มหยุ่นทำให้อดที่จะดูดดึงอย่างย่ามใจจนเสียงหายใจของคนเด็กกว่าดังฟืดฟาด
เขาจำต้องหยุดตัวเองลงอย่างสุดแสนจะเสียดาย

เขาทำให้กวางน้อยตระหนกเสียแล้ว

“เอ่อ พี่ขอโทษครับเดย์ คือแบบว่า นี่ก็เป็นบทเรียนแรกเหมือนกันนะ นี่อย่ามองพี่แบบนั้นครับ เดี๋ยวจะไม่ได้นอนนะ”

“ผมก็มองเหมือนทุกที” รวีกานต์พูดเสียงอู้อี้ในลำคอ

“หึหึ”

ตะวันฉายทิ้งตัวนอนหงาย ใช้ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้สัมผัสเส้นผมนุ่มของคนข้างๆ ไปมาอยู่อย่างนี้ ไม่นานเจ้าเด็กกินง่ายนอนง่าย
ก็หลับไปก่อนแล้ว

‘น่ารักจริง’

ตะวันฉายปิดเปลือกตาลง พ้นวัยเบญจเพสแล้วแต่กลับต้องจำนนต่อหัวใจ หลงรักคนที่อายุห่างกันถึงหกปีคนนี้

ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้ที่ต้องมาสารภาพรักกับผู้ชายด้วยกัน



ยูฟ่าเป็นเจ้าบ้านที่ดีโดยรับหน้าที่พาคู่รักคู่ใหม่ไปเที่ยวไม่เว้นแต่ละวัน เดินห้างสรรพสินค้า ทานมื้อเที่ยงแล้วพากันไปชมภาพยนตร์

จบจากดูหนังก็ไปรับยูโดจากที่ทำงาน แล้วสรรหาอาหารเย็นต่ออีก ร้านอาหารเลียบฝั่งแม่น้ำบ้างหรือร้านอาหารชานเมืองบ้างแล้ว

แต่จะพากันไป จบทริปด้วยการยกโขยงไปดูพระอาทิตย์ตกที่ทะเลตะวันออก


รวีกานต์ดูจะดื่มด่ำกับบรรยากาศมากเป็นพิเศษเพราะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นทะเล


ยูฟ่าย้อนนึกถึงเมื่อครั้งที่รวีกานต์เกิดสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับยูโด ดวงตาจึงทอดมองออกไปสุดโพ้นทะเล

‘พี่สองคนเหมือนคู่รักกันเลยนะครับ เอ่อ…ขอโทษครับ ผมมองเป็นอย่างนั้น ยิ่งตอนพี่โดดูแลพี่ไม่ห่าง ห่วงใยสารพัด
ตอนพี่ป่วยมันทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น ขอโทษอีกครั้งครับหากพูดแล้วพี่รู้สึกไม่ดี’

‘ขอโทษอะไรกันล่ะเดย์ มันจริงนี่นะ พี่ก็ไม่ได้ปิดบัง เรื่องของพี่ไม่ใช่ความลับครับเราสองคนรักกัน เป็นแบบที่เดย์คิดเลยแหละ
ไม่ต้องตกใจถึงพี่จะรู้ว่ามันผิดแต่เรื่องหัวใจมันห้ามกันไม่ได้…’

‘พี่ว่าไม่แปลกเหรอ คนรอบข้างอีก พี่ไม่กลัวหรือครับ’

`พี่ว่าไม่นะ ไม่แปลก ใครจะคิดกันยังไงนั้นพี่ไม่กลัว สิ่งที่พี่กลัวมีเรื่องเดียวคือเราจะไม่ได้รัก
แล้วก็การที่ต้องแยกจากกันทั้งที่ยังมีลมหายใจมันทรมานมากนะ ความหวังแม้เพียงน้อยนิดว่าจะได้พบกันอีก
เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวและหล่อเลี้ยงให้ชีวิตยังคงอยู่ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ สำหรับพี่’

‘เหมือนที่พี่มาอยู่ที่นี่และรอคอยพี่ยูโด จนพี่ได้พบกันเหรอครับ’

‘ใช่และเพราะหวังว่าจะได้พบกัน จึงรออย่างมีความหวัง สุดท้ายเราก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน’

‘ไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่สองคนจะรักกันมากขนาดนี้’

‘หากนายเจออย่างพี่ นายจะรักโดยไม่ต้องการเหตุผลใดๆ มารองรับว่าเหตุใดจึงได้รักคนคนนั้น

ความรักถ้าลองเกิดขึ้นไม่ว่ากับใคร อานุภาพของมันยิ่งใหญ่จนเราไม่รู้ว่าเราน่ะสามารถทำอะไร

ต่อมิอะไรได้มากมาย …เพื่อความรัก นายอย่าได้มองข้ามสิ่งเล็กๆ ใกล้ตัว มองให้เห็นและหาให้เจอ

เมื่อวันนั้นมาถึงนายจะรู้ว่ารักมันดียังไง บอกไปตอนนี้นายก็ยังไม่รู้ซึ้งอยู่ดีเพราะนายยังสัมผัสมันไม่ได้ด้วยตัวเอง’


‘ขนาดนั้นเลยเหรอพี่ ผมว่านะ ผมคงไม่โชคดีที่จะเจอคนที่รักผมมากๆ และผมรักเขามากๆ เหมือนอย่างพี่หรอกครับ’

‘ไม่แน่นะนายอาจจะเจอคนๆ นั้นแล้วก็ได้’



“ยูครับ มีอะไรดีๆ ยิ้มไม่หุบเลย หืม” ยูฟ่าสะดุ้งพลันหลุดจากภวังค์ความคิด

“อ่อ ยูมองคู่พี่ตะวันน่ะ เด็กนั่นเพิ่งจะหายสงสัยในรักของเรา คราวนี้คงได้คำตอบให้ตัวเองเสียที

ว่าความรักในแบบของเราสองคนมันแปลกอย่างที่เจ้าตัวสงสัยหรือเปล่า ดูพี่ตะวันสิ นี่คงเป็นช่วงโปรโมชั่นล่ะจัดเต็มเหลือเกิน”

“อืม แววตาเด็กนั่นเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ พี่ชายเราก็ใช่ย่อย ตระกูลเรานักรักตัวยงเลย ยูว่ามั้ย”

“เหรอๆ ลองไปเจ้าชู้นอกบ้านกับคนอื่นสิ มีแหลกกันไปข้างแน่” ดวงตาวาวโรจน์อย่างกับแม่เสือ

“หึหึ คนนี้เด็ดสุดจะไปมีใครได้อีก รักมากขึ้นทุกวันครับ”

คนน้องใช้คารมสยบความร้ายกาจในแววตาของคนพี่สำเร็จจนได้เมื่อเจ้าตัวเบี่ยงหน้าหลบปลายจมูกที่โฉบผ่านข้างแก้ม

“อื้อออ นี่มันนอกบ้านนะ”

“ที่รักครับ อาทิตย์ลับฟ้าแถมตรงนี้ก็สลัวด้วย ยังจะมีใครมาเห็นอีกว่าเรากำลังรักกันน่ะ”

ยูโดป้อนจูบที่หวานละมุนให้คนตัวบางที่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดอุ่น


ห่างออกไปตะวันฉายก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าคู่น้องชาย ในวงแขนของเขามีร่างนุ่มนิ่มอ่อนระทวยซุกซบอยู่เช่นกัน
กลีบปากบางชุ่มฉ่ำวาวบวมเจ่อต่างจากขามา














« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-09-2022 16:40:54 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 32 คู่รักคู่ใหม่ 2 (ตะวันฉาย ~ รวีกานต์)

ท่วงทำนองแว่วหวานจากสายกีต้าร์ที่ดังคลอๆ กันไปกับเสียงขับขานอันไพเราะเสนาะหู
สองแฝดมารู้อีกทีตอนที่พี่ชายหลุดปากพูดว่าเคยเป็นมือกีตาร์ของวงดนตรีมหา’ลัย
และยังพาวงไปร้อง เล่น เต้น ตามงานต่างๆ เปิดหมวกตามถนนคนเดินหรือแหล่งชอปปิ้งต่างๆ
ก็ทำกันมาแล้วไม่ผิดจากคำบอกเล่าที่คู่แฝดได้รับ

พวกเขาปักหลักกันกลางสนามหญ้าหน้าบ้าน นักร้องนำตอนนี้ยังคงเป็นคนตัวขาวที่แอบร้องคลอเบาๆ มาก่อนหน้า
ร้องได้ทุกเพลงและน้ำเสียงก็มีกังวานใสจนมือกีตาร์หลุดโน๊ตไปบ้างด้วยมัวแต่ส่งสายตาลึกซึ้งเข้าถึงอารมณ์เพลงมากไปหน่อย

“เดย์เก่งจังเนอะ ร้องดีและไม่ผิดคีย์ด้วย สุดยอดอ่ะ พี่ตะวันมองตาเชื่อมขนาดนั้น นั่นพี่สะใภ้เราใช่มั้ยโด”
ยูฟ่ากระซิบกระซาบถามคนข้างกาย
 
“พี่ตะวันออกอาการขนาดนี้ ดิ้นไม่หลุดหรอกเจ้าหนูนั่นน่ะ ว่าแต่ดึกแล้วเราขึ้นห้องกันเถอะ” ยูโดพูดพร้อมกับปิดปากหาว

“บอกพี่ตะวันก่อนสิ เดี๋ยวจะหาว่าพวกเราทิ้ง”

“ไม่หรอก พวกนั้นกำลังสร้างโลกสีชมพูกัน เราแยกไปเป็นการดีเสียอีก เชื่อเหอะ” ยูฟ่าจึงหาจังหวะบอกพี่ชายเมื่อเพลงจบ

“พี่ตะวัน เดย์ ขอตัวก่อนนะ ง่วงแล้ว”

“ครับพี่ อีกสักพักเราก็จะเข้าเหมือนกัน” รวีกานต์พูดพร้อมกับส่งแก้วเครื่องดื่มให้ตะวันฉาย

“เข้านอนกันไวจริง” พี่ชายโบกมือและส่งแก้วเปล่าคืนให้คนตรงหน้า พร้อมขึ้นเพลงใหม่
รอบกายสองหนุ่มถูกปกคลุมไปด้วยสีชมพูอีกครั้ง จวบจนคนตัวเล็กตาปรอย ตะวันฉายจึงหยุดมือและลุกขึ้น
เก็บข้าวของกลับเข้าบ้าน

“ไปอาบน้ำเถอะ พี่เอากีตาร์ไปคืนเจ้าโดมันก่อน”

“ผมไปด้วย อยากบอกฝันดีพี่ๆ ด้วยอีกอย่างพรุ่งนี้เราก็กลับกันแล้ว”

“ตามใจครับแต่สองคนนั้นอาจจะหลับไปแล้วก็ได้นะ”

“ยังละมั้ง เมื่อวานคุยกันดึกกว่านี้อีกนะฮะ” รวีกานต์คาดเดา



สองหนุ่มเดินตามกันไปจนถึงหน้าห้องนอนของคู่แฝด ตะวันฉายทำท่าจะเคาะเรียกแต่เสียงที่ลอดออกมา
ทำเอาตะวันฉายยกมือค้างกลางอากาศ เด็กน้อยที่ตามมาด้วยพลันก้มหน้างุด แก้มใสขึ้นสีระเรื่อลามไปจนถึงใบหู

‘อื้ออ โด อ๊ะ อ่าห์ แรงอีก’

‘อื้ม ที่รัก รัดแน่นจังครับ อ่าห์’

ปึ่ก~ปึ่ก~พั่บ~พั่บ

ตะวันฉายคว้าหมับที่ข้อมือเด็กหนุ่มที่ยังยืนตัวแข็งค้าง เขาสับขาอย่างเร็วจนแทบจะเป็นวิ่งเพื่อพาคนน้องกลับเข้าห้อง
ที่อยู่อีกฟากหนึ่ง

‘นี่สินะ บอกว่าง่วงจะเล่นดนตรีเข้าจังหวะสองคนสิไม่ว่า ฮึ’ ตะวันฉายนึกค่อนขอดภายในใจ



เมื่อเปิดประตูห้องพักได้ตะวันฉายรีบคว้าผ้าขนหนูยัดใส่มือรวีกานต์ที่ยืนเคว้งอยู่กลางห้องอย่างคนสติหลุด

“อาบน้ำนะเด็กดี จะได้นอน พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกันแต่เช้า”
ตะวันฉายดุนหลังรวีกานต์จนแทบจะเป็นการจับยัดเข้าไปภายในห้องน้ำเสียด้วยซ้ำ



เมื่อประตูห้องน้ำปิดลงชายหนุ่มจึงพรูลมหายใจและใช้สองมือขึ้นลูบแรงๆ ที่ใบหน้าและแขนตน
เสียงที่ได้ยินเมื่อครู่ยังคงชัดเจน ไม่คิดว่าเจ้าพวกนั้นจะมีบทรักเร่าร้อนถึงเพียงนี้
ใครได้ยินก็ต้องมีร้อนรุ่มกันบ้างล่ะ ยิ่งตัวเขาเองด้วยแล้วไม่บ่อยครั้งนักจะได้ปลดปล่อย ลองกลางกาย
ได้ผงาดง้ำก็ยากนักที่จะให้มันสงบลงโดยง่าย
 
‘หึ้ย ไอ้แสบ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย! รอแขกกลับก่อนไม่ได้รึไง’
ตะวันฉายก่นด่าทั้งเด็กแสบและตัวเองที่ทะเล่อทะล่าไปได้ยินได้ฟังเข้า
ได้แต่ฮึดฮัดอยู่เพียงลำพังภายในใจเท่านั้น

“พี่ตะวันอาบต่อได้เลยครับ”

“อ้าว!  เร็วจัง” ตะวันฉายมุ่นหัวคิ้วด้วยความสงสัย เหลือบมองแก้มที่ยังคงขึ้นสีระเรื่อไม่หายของอีกคน

‘รึว่า ไม่หรอกมั้ง อาจจะมีแค่เราที่ความรู้สึกไว แต่เราก็ไม่ใช่คนลามกหมกมุ่นเสียหน่อย’
ตะวันฉายทะเลาะกับตัวเองในใจก่อนจ้ำอ้าวๆ เข้าห้องน้ำ


เขารีบพาดผ้าเช็ดตัวไว้ที่ราวแขวนก่อนจะเปลื้องผ้าออกจากกายก่อนจะโยนไปกองไว้บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า
เขาสาวเท้าไปยังฝักบัวใหญ่ กายเปลือยที่มีมัดกล้ามเรียงตัวสวยยืนเด่นใต้สายน้ำที่ถูกปรับระดับความแรงของน้ำ
ในระดับสุด สายน้ำราดรดตั้งแต่เส้นผมลงมา ความเย็นของสายน้ำช่วยดับความร้อนรุ่มที่สุมกายลงได้ในระดับหนึ่ง
แต่เสียงเริงรักที่ได้ยินก่อนหน้ายังคงวนเวียนในห้วงคำนึง แม้จะขับไล่ไม่ให้นึกคิดก็ไม่อาจลบออกไปจากจิต

ท้ายที่สุดท้ายจึงต้องลงมือปลอบประโลมลูกรักด้วยตนเอง ใบหน้าของแฟนหมาดๆ เด่นชัดในภวังค์ นาทีนี้จึงทำได้เพียง
ใช้อุ้งมือกอบกุมและรูดรั้งแท่งร้อนเป็นจังหวะหนักเบา

“เดย์ เด็กดี อื้ม” ตะวันฉายเรียกขานคนในภาพจำเสียงต่ำ เด็กหนุ่มบิดกายเร่าแถมส่ายก้นขาวถูไถส่วนแข็งขืนของเขาไปมา
มังกรตัวร้ายผงกหัวไปมาสอดส่ายหาทางเข้าไปสำรวจช่องทางคับแคบสัมผัสผนังอ่อนนุ่ม
ผิวกายเจ้ามังกรครูดถูกผนังมันเลื้อยตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนดำดิ่งไปสุดทาง พอส่วนหัวกระทบเข้ากับผนังถ้ำ มันจึงแช่ตัว
อยู่ในความร้อนชื้น ทำความคุ้นชินก่อนเคลื่อนลำตัวเร็วขึ้น

“อ้า เดย์  สุดยอด ตอดแน่นๆ เก่งมาก อ๊ะ เห้ย!!!  เดย์ คือพี่ เอ่อ..”
ตะวันฉายสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกรวบกอดจากด้านหลัง ภาพในจินตนาการของเขากระเด็นกระดอนออกมาจนแนบชิดขนาดนี้
 
“ช่วยที ผมร้อนไปทั้งกายในหัวมีแต่เสียงพี่ยูกับพี่โด ผมนอนไม่ได้ ฮึก”

ตะวันฉายหมุนกายอันเปลือยเปล่าและเปียกปอนเผชิญหน้ากับคนรักที่สะอื้นจนตัวโยน เจ้าก้อนนุ่มนิ่มอยู่ในสภาพเปลือยไม่ต่างกันเลย

สองมือของเขาจึงประคองดวงหน้าให้เงยสบกัน ดวงตาปริ่มน้ำ ความรู้สึกสงสารจึงจรดริมฝีปากซับหยาดน้ำตาให้ทางหางตา

หนุ่มน้อยเผยอเรียวปากตอบรับกลีบปากอุ่นที่แนบลงมาทักทายกัน ปลายลิ้นร้อนแทรกซอนหยอกเย้าไปมา

ต่างฝ่ายต่างสัมผัสดูดดึงอ่อนโยน นุ่มนวลแล้วค่อยทวีความเร่งเร้า รวีกานต์หัวไวจนคนสอนยกยิ้มพอใจ

ตลอดสามวันมานี้ไม่มีวันไหนที่จะไม่ถูกคนพี่จับจูบ


ตะวันฉายก้าวนำคนน้องไปยังเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าที่เขากองเสื้อผ้าไว้ ป่ายมือไปทีเดียวด้านบนก็ว่างเปล่าพอที่คนเด็กกว่า
จะแทนนี่ได้ เขาจูบซุกไซ้ไล่ตั้งแต่หน้าผาก เปลือกตา สันจมูก ผ่านริมฝีปากที่เริ่มบวมเจ่อจากการที่เขาขบดึงมาก่อนหน้า
สองข้างแก้มถูกฟอนเฟ้นและปลายจมูกโด่งยังกดย้ำดอมดมแถววอกคอระเรื่อยลงมาลาดไหล่จนพบจุกสีหวานที่ชูชัน
ฟันคมจึงงับเบาๆ อย่างหยอกเอิน
เดย์ยกมือขึ้นจับบ่าของคนตัวหนา จิกปลายเล็บด้วยความเสียวซ่าน

“พี่ตะวัน อื้อ” เสียงผะแผ่วหวานจนคนฟังยิ้มร้าย

“หวาน หอมทั้งตัวเลย เด็กดี”
ลมหายใจร้อนรินรดหน้าท้อง ลิ้นสากลากไล้ต่ำลงเรื่อยๆ ฟันคมขบกัดสร้างความสะท้านไหวไม่หยุดหย่อน
เสียงครางเครือหลุดเป็นระยะ ชายหนุ่มดันหน้าขาขาวนวล สิ่งที่น่าหลงใหลเปิดเปลือยต่อสายตา
ทุกความอดกลั้นใดๆ ในตอนนี้ของตะวันฉายหมดสิ้นลง ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงไปฟอนเฟ้นโคนขาด้านใน
วกวนรอบส่วนอ่อนไหวที่ขนาดพอดีมือ จงใจละเลยไม่สัมผัสแตะต้องมุ่งควาสนใจกับรอยจีบสีสวยที่ขมิบเกร็ง
ยามปลายลิ้นร้อนทักทายเพียงบางเบา เป็นการสัมผัสที่ทำเอาเด็กน้อยผวาเฮือกและหุบขา
ตะวันฉายลูบไล้เรียวขาเนียนฉกปลายลิ้นสากโจนจ้วงบนรอยจีบ มือน้อยขยุ้มบ่ากว้างอย่างประท้วง
ชายหนุ่มจึงปลอบโยนเจ้าลูกบอลสีสวยแทน คนตัวเล็กหวีดร้องเบาๆ เมื่อถูกรุกล้ำภายใน

“พี่ตะวัน อื้อ” ชายหนุ่มจึงเบนความสนใจโดยการกอบกุมชักรูดเจ้าตัวน้อยสีสวยไปพลาง
ตอนที่คนเด็กกว่าเผลอไผลเขาจึงนำอาวุธคู่กายที่พร้อมรบของตนจดจ่อที่ช่องทางเข้าและกดส่วนหัว
นำพามังกรไปยังที่พักพิง อันอุ่นร้อน ตะวันฉายกระชับกอดและขยับโยกส่งตัวตนไปจนสุดทาง

"ฮึก เจ็บ อ๊ะ”

"คนดี ผ่อนคลายนะครับ"

"แบบนั้น เก่งครับ รัดแน่นแบบนี้พี่จะตายเอานะ”

“สะ เสียว อื้อ อ๊ะ” ใบหน้าแดงซ่านส่ายไปมา

“ปลดปล่อยครับ อื้ม” ตะวันฉายกระแทกเข้าสุด ดึงแทบหลุดและกดกลับเข้าไปอย่างเร็ว
ไม่นานน้ำรักขาวขุ่นก็เปรอะเปื้อนหน้าท้องของทั้งสองคน คราบน้ำตายังคงไม่จางหาย

“ไม่เป็นไรนะคนดี อื้ม พี่จะถึง อ่าห์” ตะวันฉายซอยถี่ระรัวก่อนจะพ่นธารรักของตนจนเอ่อท้น
ชายหนุ่มถอดถอนตัวตน เปิดน้ำและล้างทำความสะอาดให้คนตัวเล็กที่ตาปรือปรอยยืนแทบไม่อยู่
ไม่ว่าจะจับหันไปทางไหนเจ้าตัวก็ยินยอม จนเนื้อตัวสะอาดคนพี่จึงเช็ดตัวและห่อหุ้มกายบาง
พาไปยังเตียงนอน ไม่นานก้อนนุ่มนิ่มก็หลับไปทั้งที่ยังไม่ทันสวมชุดนอน


เขาจัดท่านอนพร้อมห่มผ้าให้จนถึงคอ ยืนมองคนหลับก่อนหันไปจัดการกับตัวเอง

ตะวันฉายไลน์ไปขอยาทากับยากินอะไรต่างๆ จากยูโด เพราะครั้งแรกมันไม่ดีต่อฝ่ายรับ
เขาศึกษามาเป็นแนวทาง และมันก็ใช้ได้จริงจากบทรักเมื่อครู่ที่เขาไม่บุ่มบ่ามจนเกินไป

“รอบเดียวนะ ครั้งแรกน่ะ ไม่งั้นป่วยแน่ๆ  ยานี่ใช้สำหรับสอดรักษาแผลภายใน ลูกๆ ของพี่เอาออกหรือยัง
ถ้ายังไปจัดการเลย” ยูโดแนะนำด้วยมีประสบการณ์ตรงมาก่อน

“เออน่ะ รู้ แกเลยเจ้าตัวดี กินกันไม่สนโลก ร้อนแรงเกิ๊น เฮอะ!” ตะวันฉายทำเป็นฉุนกลบเกลื่อน
แต่ภายในใจมีเพียงเขาที่รู้ดีว่ายินดีปรีดาเสียเหลือเกินแล้ว

“ชู่วว อย่าดังไป พี่จะแอบฟังทำไมล่ะ” ยูโดป้องปากด้วยกลัวว่าคนในห้องจะได้ยินเข้า

“โวะ! แอบฟังบ้าสิ แค่เอากีตาร์มาคืนใครจะไปรู้ว่าพวกแกจะเล่นกิจกรรมเข้าจังหวะกันอยู่ล่ะ ถามจริงยูเด็ดมากเหรอวะ”
ตะวันวันฉายชะโงกหน้าเข้าใกล้แต่น้องชายกลับผละหนี

“วุ้ย! ของแบบนี้ใครจะบอก นู้นเลยไปเทรนด์เด็กของตัวโน่น สอนไม่น่าจะยากมั้ง”
ยูโดยัดยาใส่มือพี่ชายก่อนจะผลุบหัวอันยุ่งเหยิงกลับเข้าห้องไป ตะวัยฉายส่ายหน้ายิ้มๆ

`เด็กขี้หวง มองออกอยู่นะ'



ยูฟ่ามองคอของเด็กตรงหน้า ตะวันฉายถลึงตาและส่ายหน้าไม่ให้เขาพูดหรือถามอะไร

“ตะวันกลับไปบ้านก็พาน้องไปกราบพ่อเราด้วยล่ะ ทำอะไรก็ให้มันถูกต้องเสียหน่อยถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็เถอะ
แล้วก็เบามือหน่อย น้องยังเด็กอย่าโจ่งแจ้งนัก” ผู้เป็นอาปรามหลานชายที่ยิ้มเจื่อนๆ เขาเผลอทำรอยที่คอคนข้าง
กายจนเป็นที่สังเกตเห็นของคนทั้งบ้าน

“ครับคุณอา”
ตะวันฉายรับปากพลางเหลือบมองคนที่กินมื้อเช้าอย่างไม่รู้ตัวว่าตนเป็นจุดสนใจของสองแม่ลูก

“เจ้ายูอย่าเป็นเด็กขี้สงสัย เราเองก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาเหมือนกันไม่ใช่รึไง”
มารดาหันไปหาลูกชายที่สำลักข้าวและไอจนตัวโยน ยูโดรีบจ่อแก้วน้ำที่ริมฝีปากและลูบหลังให้อย่างใส่ใจ
เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วมารดาของเขาก็ยังจำจนกระทั่งวันนี้ เขาช้อนตามองคนเด็กกว่าที่มองยังไงก็ไม่ยักจะไข้ขึ้น
แบบเขา หรือว่าเจ้าเดย์มันจะถึกทนกันนะ


บ่ายวันเดียวกันสองหนุ่มก็ได้เวลาเดินทางกลับเชียงใหม่ ยูโดเป็นคนพาไปส่งขึ้นเครื่องโดยที่ยูฟ่าขอตามไปส่งด้วยอีกคน
จากกันคราวนี้คงอีกนานกว่าพวกเขาจะได้กลับมาพบกันอีก












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-09-2022 22:13:34 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 33
«ตอบ #48 เมื่อ03-09-2022 22:30:31 »

ตอนที่ 33   รัก -ไม่ลับ

   กนกรดาครบกำหนดผ่าคลอด ทุกคนพากันตื่นเต้นจนแทบเก็บอาการกันแทบไม่อยู่
การได้เห็นภาพอัลตร้าซาวด์เจ้าหนูในครั้งแรกยูฟ่าก็เตรียมตั้งชื่อรอแล้ว

‘แอลฟ่า - อติวิชญ์’

   นาทีที่ยูฟ่าได้เห็นหน้าเจ้าตัวน้อย เขาถึงกับหลั่งน้ำตา ความสุขมากมายจนยากเกินบรรยาย
หนูน้อยที่เลือดเนื้อในกายครึ่งหนึ่งเป็นของยูโด เขารักเจ้าก้อนน้อยๆ อย่างเต็มหัวใจโดยปราศจากเงื่อนไข

“แม่ต้องเก็บภาพวันนี้ให้เจ้าหนูแอลฟ่าดูตอนโตแล้วล่ะ”
มารดากระเซ้าลูกชายที่ซับน้ำตาออกจากหัวตาไม่หยุดหย่อน

“คุณแม่อ่ะ น่าอายออก ไม่ถ่ายนะครับ” ยูฟ่าบ่นอุบและพยายามแอบซ่อนใบหน้าจากผู้เป็นมารดา

“หึหึ” ยูโดหลุดขำ

   กนกรดาจุดรอยยิ้มมุมปาก เธอรู้สึกโล่งใจและเป็นสุขกับอิสรภาพที่รอคอย
แต่อีกใจก็อดใจหายไม่ได้ สายใยแม่ลูกอันเปราะบางและบางเบากำลังจะสิ้นสุดลง
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นเธอก็ไมาสามารถตีอกชกตัวหรือฟูมฟายอะไรได้อีก ชีวิตที่ปรกติสุขอยู่ข้างหน้า
หญิงสาวอายุยี่สิบเอ็ดปีเช่นเธอยังทำอะไรได้อีกมากมาย เธอวางแผนที่จะเรียนให้จบ จากนั้นหางาน
ทำและสร้างครอบครัวกับใครสักคนที่รักเธอ

“พี่สองคนต้องเลี้ยงลูกได้ดีแน่ๆ ฝากลูกด้วย”
กนกรดาแข็งแรงเร็ววันและกำลังจะกลับภูมิลำเนาของตนโดยมีรถจากทางนี้ไปส่ง

“ไม่ต้องห่วง พี่จะเลี้ยงเค้าให้เป็นคนดี อีกอย่างน้องแอลก็ถือว่าเป็นลูกของพี่เหมือนกัน”
ยูฟ่ายิ้มเต็มดวงหน้า ประกายความสุขเจิดจ้า

“ขอบคุณนะคะพี่ยู ขอบคุณจริงๆ”

“แล้วพี่จะพาลูกไปเยี่ยมเธอ เดินทางปลอดภัยนะ”

“ขอบคุณอีกครั้งค่ะพี่โด พี่สองคนเกิดมาเพื่อกันจริงๆ” กนกรดาส่งยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ
 
“พี่โดนี่ขี้หวงใช่เล่นเลยนะพี่ยู ดีนะที่น้องดารอดเงื้อมมือมาได้” หญิงสาวกระซิบบอก

“เด็กแสบ! ทะเล้นนะเรา” ยูฟ่าไม่วายต่อปากต่อคำกับหญิงสาวอีกหลายประโยค
หากไม่เกิดเรื่องซะก่อนเขาและเธอยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้

“อย่าลืมที่บอกจะพาลูกไปหา ห้ามลืมนะคะพี่โด”
 กนกรดาย้ำและโบกมือลาอีกครั้งตอนที่รถเคลื่อนตัวออกไปจากรั้วบ้าน สองหนุ่มมองส่งจนลับตา

“เออจริงสิ ยูตั้งชื่อลูกได้คล้ายทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นของยูเลยเหรอครับ กลัวใครไม่รู้ว่าเจ้าหนูเป็นลูกยูรึไง”

“แน่นอนอยู่แล้ว เด็กชายอติวิชญ์ต้องสอดคล้องกับนายอัครวิชญ์สิ
ส่วนคุณอัครวินท์ก็เป็นคุณอาไปนั่นแหละ เหมาะสม คิกคิก”
ยูโดได้ยิ้มเอ็นดูก่อนจะโอบบ่าพากันเดินเข้าบ้าน

“ลูกจะตื่นหรือยังนะ”
ยูฟ่ากำลังจะสาวเท้าไปยังห้องเป้าหมายแต่ก็ชะลอฝีเท้าลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ไม่ใช่วันหยุดของคนตัวสูง

“ไม่เข้าบริษัทเหรอ”

“ไม่ครับ ป่านนี้รถติดจะตาย ฝ่าการจราจรไปถึงคาดได้เวลาคนทางนั้นเก็บของกลับบ้านกันพอดีไม่สู้เอาเวลา
ไปทำอย่างอื่นดีกว่า ยูครับเข้าห้องกัน” แววตาคนพูดวิบวับทอประกาย หากมองมาจากดาวอังคารยังมองออก

“ลามก!”

“ความผิดของยูนะ ใครใช้ให้น่ารักน่ากินไปทั้งตัวขนาดนี้ล่ะ” จบคำแผ่นหลังของเขาก็ร้อนผ่าว

“โอ๊ย! เจ็บครับ เขินทีเป็นต้องลงไม้ลงมือทุกทีเลย หืม” ยูโดประกบมือที่สองข้างแก้มนุ่มและป้อนจูบแสนหวานให้
 
“อุ้ย! คุณยู คิกคิก”
มดแดงยิ้มเขินบิดมือไปมากับฉากรักตรงหน้า หากมีหมอนในมือสักใบเธอคงฉีกทึ้งกระจุยกระจายเป็นแน่

“คนบ้านนี้เป็นอะไรกันไปหมด เฮ้อ” ยูฟ่าส่ายหน้าเอือมและเลี่ยงเข้าบ้านโดยมีเจ้าหมาตัวโตตามติด

“เดย์ส่งภาพต้นไม้ของเราที่ปลูกไว้มาให้  ดูสิ มองยังไงก็ต้นเล็กกว่าของสองคนนั้นทั้งที่ปลูกลงดินพร้อมๆ กัน”
 ยูฟ่าเปรย

“คงจะโตไปพร้อมๆ กับเจ้าลูกชายของเรา ถึงตอนนั้นที่ดอกผลิบานเราก็พาลูกไปดูด้วยเลย”

“อืม เป็นความคิดที่ดี ถ้างั้นในระหว่างนี้ก็ให้สองคนนั้นช่วยรดน้ำพรวนดินให้เราไปก่อน” ยูฟ่ายิ้มพราย

“ป่านนี้ลุงไผทจะรู้รึยังนะว่าลูกชายหาสะใภ้ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
ยูโดชี้ที่ภาพของเดย์ที่ถ่ายพร้อมเจ้าก้อนขนที่ขนาดต่างๆ กัน

“รู้เร็วก็ดี ลุงไผทจะได้เลิกบังคับให้พี่ตะวันไปดูตัวซะที”

“อืม ง่วงมั้ย เรางีบกันสักหน่อยดีมั้ยค่อยไปเปลี่ยนคุณแม่” ยูโดรั้งให้ยูฟ่าลงมานอนหนุนหมอนใบเดียวกัน

“สามหนุ่มบอกจะมาเยี่ยมหลาน พวกเราย้ายไปรอที่ห้องนั่งเล่นกันเถอะ”
ยูฟ่าทำทีจะลุกแต่ถูกตรึงไว้กับที่นอนและกายหนาก็ตามไปทาบทับ

"อ๊ะ ไม่ได้นะโด เดี๋ยวเพื่อนๆ จะมา" ยูฟ่าขืนตัวไว้แต่เขาสู้แรงของอีกคนไม่ไหว
ฝ่ามืออุ่นร้อนที่สอดผ่านชายเสื้อเข้ามาลูบไล้สัมผัสปลุกเร้าผิวกายจากแผ่วเบา
แปรเปลี่ยนเป็นฟอนเฟ้นเคล้นคลึงหนักหน่วงขึ้นอย่างย่ามใจ ยูฟ่าใจสะท้าน ไหว
เนื้อตัวเปล่าเปลือยในเวลาต่อมา สองร่างแนบชิดเกาะเกี่ยวจนไม่มีช่องว่างให้อากาศแทรกผ่าน

“อื้อออ ช้าหน่อยโด จะแทงให้ถึงตับไตเลยหรือไง อะ อื้อ”
ยูฟ่าจำเสียงตัวเองแทบไม่ได้เมื่อส่วนอ่อนไหวตกไปอยู่ในกำมือของอีกคน

“อย่าถ่วงเวลาสิยู อืม นั่นแหละเด็กดี”
มือหนาเคล้นคลึงอย่างมีจังหวะและชั้นเชิง

“โดครับ อ๊ะ อื้อ” ยูฟ่าจิกทิ้งผ้าปูที่นอนไว้แน่น

“ฮึ่ม พร้อมกันนะ อ่าห์” ยูโดเร่งสาวสะโพก เสียงเนื้อกระทบกันดังหยาบโลน
ใบหน้าหล่อคมมีไรหนวดเขียวเสริมส่งให้คนผู้นี้มีเสน่ห์ชวนมองและน่าหลงใหล
บทรักดำเนินต่อไปตามครรลองจวบจนกายหนาสัมผัสถึงปลายเล็บที่ครูดลงบนแผ่นหลัง
จนแสบร้อน บ่งบอกว่าคนพี่เสียดเสียวและใกล้ฝั่งฝัน ชายหนุ่มกระทั้นกายติดๆ กันอีกหลายที
ก่อนจะทิ้งกายซบซุกซอกคอขาว

“รักยูที่สุดเลยครับ”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบคำรักให้ฟัง จู่ๆ ประตูห้องนอนก็ถูกเปิด
ยูโดคว้าผ้าห่มมาคลุมกายในทันทีทันใด เขาหันขวับไปมองผู้บุกรุกทั้งสาม
ยูฟ่าเบิกตากว้างและซุกดวงหน้าไว้ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา มีเพียงดวงตาที่กระพริบปริบๆ พ้นขอบผ้าเท่านั้น

แกมม่าหน้าเจื่อนเขาเผยอริมฝีปากจะกล่าวคำแต่คำพูดล้วนถูกเก็บลงลำคอไปเสียหมด จึงได้แต่ยืนนิ่งงัน

“นะ นาย สะ สองคน ทะ ทำ”
เจแปนหาเสียงของตนเจอก่อนใครๆ แต่แล้วก็ไม่สามารถเรียบเรียงออกมาเป็นประโยคที่สมบูรณ์ได้

“อืม เป็นแบบที่เห็น” ยูโดเอ่ยถ้อยคำที่เสมือนเป็นการดับฝันของใครบางคน
เขาซึ่งพยามกดข่มอารมณ์ความรู้สึกและพยายามหลอกตัวเองว่าสิ่งที่พบเห็นตรงหน้าเป็นเพียงเรื่อง
ที่เขาเข้าใจผิดกันไปเองแต่คำพูดไม่กี่คำจากปากของคนต้นเรื่องนั้นชัดเจนจนเขาบิดเบือนความจริง
ไปไม่ได้

“ได้ไงวะ นั่นๆ พี่แกนะเว้ย! แล้วๆ นายล่ะรับได้เหรอ”
เคมีเอ่ยวาจาร้อนรนออกไป และยิงคำถามกลับไปที่แกมม่า
หากเขาขาดความยับยั้งอีกสักนิดคงพุ่งไปอัดหน้าหล่อๆ แบบไม่ยั้งมือ
ความปวดหนึบรวดร้าวดั่งมีเหล็กแหลมทิ่มแทงอยู่ในอกเป็นเช่นนี้เอง
 
“ใจเย็นน่าเค มันสองคนรักกัน”
แกมม่าพูดได้เพียงเท่านั้น เขาเป็นเพียงคนเดียวในกลุ่มเพื่อนที่รับรู้เรื่องนี้
เพียงแต่เขาไม่คาดคิดว่าตนจำต้องมาเป็นสักขีพยานในคราวนี้

“ออกไปกันก่อน ดูสิ! ยูโกรธแล้ว”
ยูโดโบกมือไล่เพื่อนๆ ออกไป ไม่มีเรื่องใดสำคัญไปกว่าการทำให้คนข้างกายหายขุ่นเคืองโดยเร็ว

“เอ่อ…ตามมาล่ะ” แกมม่าเดินนำคนอื่นๆ 

“ยูครับ ไม่โกรธกันนะ ช่างพวกนั้นปะไรเราไม่ได้ทำไม่ดีกับเขาซะหน่อย
 ใครรับไม่ได้จะเลิกคบก็ช่าง นะครับนะ อย่าเครียดเลย” ยูโดฉุดรั้งคนตัวหอมเข้าสู่อ้อมกอด

“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น ยูอาย! ที่เราทำกันตะกี้ ไม่รู้ใครเห็นอะไรไปบ้าง งื้อ…ยูจะสู้หน้าเพื่อนได้ไง
 หื่นไม่เลือกเวลา ยูบอกแล้วใช่มั้ยว่าสามคนนั้นจะมา ฟังบ้างมั้ยล่ะ”
ยูฟ่าต่อว่าต่อขานคนที่พาเขาทำเรื่องขายหน้า
เขากระถดร่างห่างแต่อ้อมแขนยิ่งกระชับแน่นเข้า

“ขอโทษครับ ยกโทษให้โดนะ พวกนั้นไม่ทันได้เห็นยูหรอก จะเห็นก็คงเป็นก้นโดนี่แหละ”
ยูโดพูดและกลิ้งปลายคางสากลงบนกลุ่มผมนุ่มไปมา

“หึ้ย…นั่นแหละ ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ต้องไม่ใช่แบบนี้ ยูไม่ให้ใครมองโด งื้อ”
ยูฟ่ายังคงโอดครวญไม่หยุด ส่ายหัวดุกดิกไปมา คนฟังยกยิ้มพึงพอใจ จะมีอะไรสุขใจยิ่งไปกว่านี้ไม่มีแล้ว

“เขาแค่เห็นเท่านั้น เอาไปไม่ได้สักหน่อย โดเป็นของยูคนเดียว หายโกรธแล้วนะ
 เราไปล้างตัวกันดีกว่า ไปครับเดี๋ยวโดช่วย”

“ไม่ต้องเลย ยูจัดการตัวเองได้” น้ำเสียงอ่อนลงมาก คนฟังยกยิ้มวางใจ

“เถอะน่าอย่างอแง โดช่วยครับ”










 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด