**แรมเดือนสิบสอง** ll แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๒ (๒) P.8 [25/08/65]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **แรมเดือนสิบสอง** ll แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๒ (๒) P.8 [25/08/65]  (อ่าน 59433 ครั้ง)

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
แรมเดือนสิบสอง

แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๒





พี่แรมชมเขา


ธันวายังนั่งนิ่งอยู่ตรงโต๊ะอ่านหนังสืออย่างคนคิดไม่ตก ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่โดนดุก็โดนด่า คำที่ออกจากปากเดือนแรมมีแต่คำว่าโง่ โง่ โง่ และก็โง่ นี่แทบจะเป็นครั้งแรกเลยด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายชมกันตรง ๆ


จริง ๆ แล้วพี่แรมก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรอย่างนั้นหรือ


แต่ทำไมต้องชมให้รู้กันแค่สองคนด้วย


ชมต่อหน้าคนอื่นบ้างไม่ได้หรืออย่างไร


ความคิดของธันวาถูกขัดด้วยสายโทรเข้าของกรองเกียรติที่โทรมาโวยวายเหตุที่ตนชิงกลับมาก่อนโดยไม่ได้บอก เจ้าตัวจึงอ้างว่าง่วงและเบื่อ ๆ เลยออกมาก่อนเช่นเดียวกับที่บอกพี่รหัสที่โทรมาตามเพราะยังไม่ได้ถ่ายรูปรวมสายรหัสด้วยกัน


เสร็จสิ้นการแก้ตัวแล้วก็ยีผมตัวเองด้วยความรู้สึกงุ่นง่าน อยากไล่ใครคนนั้นออกไปจากความคิดแต่ก็ทำไม่ได้ สมองน้อย ๆ ของเขาเอาแต่คิดว่าทำไมเดือนแรมถึงทำอย่างนั้น ทำไมต้องอย่างนั้น ทำไมต้องอย่างนี้เต็มไปหมด


‘กูว่าพี่แรมชอบมึง’


ธันวาส่ายหน้าหวือตอนที่ความเห็นของเพื่อนสนิทดังขึ้นมาในหัวก่อนแย้งในใจว่าไม่มีทางเด็ดขาด เดือนแรมก็คงแค่ไม่อยากให้เขาเหลิงเลยไม่ชมต่อหน้าคนอื่นเท่านั้นเอง


ไม่มีเหตุผลที่มากไปกว่านั้นแน่นอน


“วุ้ย!!” ระบายออกมาเป็นเสียงแล้วก็เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวกับอุปกรณ์อาบน้ำเพื่อออกไปชะล้างตัวเตรียมนอนแต่ไม่คาดคิดว่าจะต้องออกมาปะหน้ากับคนที่ติดค้างอยู่ในความคิด


ธันวาทำหน้าเหรอหราไม่ต่างจากเดือนแรมนัก ทั้งสองต่างประดักประเดิดกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น คนหนึ่งขัดเขินเพราะเพิ่งเผยความในใจไปทีละน้อย ขณะที่อีกคนคิดหาสาเหตุของการกระทำจนวุ่นวายใจ ยิ่งเผลอคิดว่าที่อีกฝ่ายแสดงออกในวันนี้คืออาการของคน ‘ชอบกัน’ แล้ว ธันวาก็ยิ่งทำหน้าไม่ถูก ดวงแก้วใสหลุกหลิกไปมาพร้อมกับเสียงพูดที่ขาด ๆ หาย ๆ ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไรออกมาแล้วก็ได้


“เอ่อ...อะ เอ่อ…”


“ไหนชุดนอน”


“ห๊ะ…” ธันวาแทบสำลักอากาศเพราะเสียงดุของอีกฝ่ายทั้งที่เมื่อครู่ก็เหมือนจะทำตัวไม่ถูกเหมือนกันอยู่แท้ ๆ


“ไหนชุดนอนที่จะเอาไปใส่ในห้องน้ำ” เดือนแรมขมวดคิ้ว ดูอารมณ์เสียอย่างไร้สาเหตุขึ้นมาอีก


“จะมาใส่ในห้องครับ”


“ขี้อ่อยนะมึง เสื้อนี่ก็แหวกจะถึงสะดืออยู่แล้ว” เดือนแรมว่าหน้านิ่งขณะยื่นมือมาเกี่ยวร่องแหวกของเสื้อออกจนคนถูกกระทำร้องเสียงหลงพร้อมถอยห่างด้วยความตกใจ “ยังจะเดินล่อนจ้อนออกจากห้องน้ำอีกเหรอ”


“ล่อนจ้อนที่ไหน น่าเกลียด ผมพันผ้าขนหนูออกมาเหอะ ใคร ๆ เขาก็ทำกัน” ได้ทีธันวาก็มองสำรวจข้าวของในมืออีกฝ่ายไปด้วย เมื่อไม่เห็นสิ่งที่เรียกว่าชุดนอนได้ก็ยิ่งรู้สึกว่าตนไม่ควรยอมแพ้ในเรื่องนี้ ใบหน้าเนียนใสจึงเชิดขึ้นเล็กน้อยอย่างท้าทาย “พี่ก็ทำแบบนั้น อยู่ดี ๆ จะมาห้ามผมทำได้ยังไงอ่ะ”


“ก็อยากห้าม” เดือนแรมว่าหน้าตาย


“มีสิทธิ์อะไรมาห้ามเล่า” เป็นรุ่นพี่แล้วทำได้มากขนาดนี้เลยเหรอ


เดือนแรมจ้องรุ่นน้องนิ่ง นัยน์ตาคมดุทำเอาคนถูกมองเผลอหดคอด้วยความเกรง ไม่ทันตั้งตัวเตรียมรับหรือถอยหนีในตอนที่อีกฝ่ายก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นอีกนิด และด้วยส่วนสูงที่ต่างกันไม่มากนัก แค่องศาหน้าที่ก้มลงเพียงเล็กน้อยก็หายใจรดแก้มกันได้แล้ว


“แล้วต้องมีสิทธิ์อะไรถึงจะห้ามมึงได้”


กะ ใกล้เกินไปแล้ว


ธันวาเอนตัวออกห่าง อยากจะใช้มือดันอีกฝ่ายให้ถอยออกแต่ก็ทำไม่ได้เพราะหอบของเสียเต็มสองมือ ทำได้แค่ยกขึ้นกอดแนบอกเพื่อกันให้มีระยะห่าง เดือนแรมเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มน้อย ๆ กับท่าทางของน้อง ทั้งที่ข้างหลังไม่ได้มีอะไรกั้น ยังมีพื้นที่อีกมากมายให้น้องถอยห่างออกไปแต่น้องกลับยืนนิ่งที่เดิมแล้วเลือกจะปกป้องตัวเองด้วยการหาอะไรมาคั่นกลางระหว่างเราแทน


นัยน์ตาแพรวพราวซุกซนที่ดูอย่างไรก็แฝงไปด้วยแววขบขันตนทำเอาคนมองระยะใกล้เผลอใจสั่นจนต้องหลบสายตาด้วยความประหม่า “ตอบด้วย กูรออยู่”


“ถะ ถอยไปก่อนพี่”


“หลบตาทำไม” ปกติเห็นมีแต่จ้องตอบไม่ลดละ นัยน์ตาแสนดื้อนั้นอวดดีเสมอยามมองอย่างไม่ยอมลงให้กันง่าย ๆ


“กะ ก็พี่ใกล้ไปอ่ะ”


“ตอบคำถามกูก่อน” เดือนแรมไม่ยอมถอยห่าง ยังคงรบเร้าเอาคำตอบให้ได้ ช่วงเวลาแบบนี้เหมาะแก่การแกล้งอีกฝ่ายได้นาน ๆ เพราะยังไม่มีใครกลับมาจากงานสังสรรค์ “ต้องมีสิทธิ์อะไรถึงจะห้ามได้”


“จะหวงกันได้ก็ต้องเป็นแฟนสิวะ” ธันวาก้มหน้าก้มตาตอบรัวเร็ว “ถอยออกไปได้แล้ว” คราวนี้ธันวาใช้ลำตัวกระแทกอีกฝ่ายให้ออกห่างแล้วรีบวิ่งหนีไปห้องอาบน้ำก่อนโดยไม่ทันฟังอีกหนึ่งคำถามคาใจของเดือนแรม


“แล้วต้องทำยังไงถึงจะได้สิทธิ์นั้นวะ”





อาบน้ำก็แล้ว เครื่องปรับอากาศในห้องก็เปิดแล้ว แต่ทำไมหน้าเขายังร้อนอยู่ ร้อนตั้งแต่ตอนที่เดือนแรมขยับตัวเข้ามาใกล้พร้อมคำถามที่ไม่รู้ว่าถามไปเพื่ออะไรนั่นอีก ธันวานอนพลิกตัวไปมาบนเตียงตัวเอง ไม่เข้าใจว่าคนฉลาดอย่างเดือนแรมทำไมคิดเองไม่ได้ว่าต้องเป็นคนที่อยู่ในสถานะไหนถึงจะมีสิทธิ์หวงกันได้  ทำไมถึงยังต้องมาถามกันอีก แถมรบเร้ากันจนหน้าเห่อร้อนไปหมด หนักกว่านั้นคือเขาดันใจเต้นแรงและประหม่าถึงขั้นไม่กล้าสบตาเหมือนอย่างเคย


สมาชิกในห้องกลับมาจากงานกันหมดแล้วแต่พากันไปอาบน้ำ ซึ่งคงอีกพักใหญ่กว่าจะกลับเข้ามาเพราะมีคนรอใช้ห้องน้ำกันมากทีเดียว ธันวาที่นอนไม่หลับและไม่มีเพื่อนคุยด้วยจึงจำต้องไล่ดูรูปในงานที่ถูกแท็คมาอย่างมากมายมหาศาล เป็นปกติที่เมื่องานเลี้ยงเลิกราเป็นต้องมีบรรดารุ่นพี่รุ่นน้องที่เพิ่งมีโอกาสได้รู้จักกันแอดเฟซบุ๊คมาขอเป็นเพื่อน ไหนจะรูปที่แท็คกันมาอีก


การได้ดูรูปตัวเองและเพื่อน ๆ ที่เล่นดนตรีบนเวทีด้วยกันทำให้ธันวาลืมคิดเรื่องของเดือนแรมไปได้ งานนี้เรียกว่าสมาชิกวงได้รูปเท่ ๆ ไปเปลี่ยนรูปโปรไฟล์กันอย่างแน่นอน เขาเองก็หมายตาไว้หลายรูปแต่ยังไม่ได้เลือก เขาไล่ดูไปเรื่อยจนมาเจอรูปหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากคนในคณะเป็นพิเศษนั่นคือรูปของเขากับหวาน เป็นตอนที่เธอร้องเพลงด้วยสีหน้าของคนมีความสุข รอยยิ้มของเธอช่างหวานหยดสมชื่อและดูซุกซนยามจ้องมองเขาที่ก็มองสบเธออยู่เช่นกัน ธันวาจำได้ว่าตอนนั้นคือจังหวะที่ตนเงยหน้าจากเบสขึ้นมาแล้วปะกับสายตาของเธอเข้าพอดี จังหวะดนตรีที่สนุกและเนื้อเพลงแสนน่ารักทำให้เขายิ้มตามเธอไปด้วย ไม่นึกว่าจะมีคนถ่ายเอาไว้และได้รับความสนใจจนมีคนไลก์และคอมเมนต์กันเยอะมากขนาดนี้


ธันวากดเข้าไปอ่านด้วยความอยากรู้ มีทั้งรุ่นพี่และเพื่อน ๆ มาคอมเมนต์เชียร์ให้พวกเขาสองคนเป็นแฟนกันจริง ๆ ส่วนรุ่นน้องก็ได้แต่กรี๊ดกร๊าดเพราะส่วนตัวไม่ได้สนิทกันมากพอที่จะแซวอะไรได้ และดูเหมือนจะยิ่งกลายเป็นที่สนใจหลังจากที่เขากดไลก์รูปนี้ไปเมื่อสองนาทีที่แล้ว เห็นอย่างนั้นแล้วก็รีบกดออกไปไล่ดูรูปอื่นต่อไป แสร้งเพิกเฉยต่อการแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาจากภาพนั้นแบบระรัวราวกับกลัวว่าโทรศัพท์เขาจะไม่ค้าง


ธันวาไล่ดูไม่ทันหมดก็ละออกมาเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ของตัวเองเหมือนอย่างคนอื่น ๆ บ้าง เป็นรูปตอนที่เขากำลังก้มหน้าก้มตาเล่นโซโล่ในส่วนของตัวเองอย่างเมามันซึ่งดูเท่มากในสายตาตัวเองโดยไม่ลืมให้เครดิตเจ้าของรูปด้วย ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นก็มีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับรูปดังกล่าวขึ้นมาแทบจะในทันที ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่ธันวาต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อเอาออกไปจากหัวสมองเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เอง


นอกจากจะกดไลก์ให้เป็นคนแรกแล้ว เดือนแรมยังคอมเมนต์ด้วยการโพสรูปเขาอีกด้วย ธันวาเด้งตัวขึ้นเพ่งมองรูปนั้นดี ๆ เพราะเป็นรูปที่เขายังเคยไม่เห็น ถ้าจำไม่ผิดคิดว่าคงเป็นตอนที่เขาถูกเดือนแรมลากให้เดินตามตอนออกจากโต๊ะ หน้าตาเหรอหราเข้าขั้นเอ๋อของเขาบอกได้อย่างเดียวเลยว่าดูไม่จืด และข้อความกำกับต่อจากนั้นก็ทำเอาธันวาฉุนขึ้นมากับความกวนประสาทของคนเป็นรุ่นพี่


‘รูปนี้ดูเป็นมึงมากกว่า’


ธันวาทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งเป็นจังหวะเดียวกับที่โอ๊คเดินเข้ามาเพียงคนเดียวพอดี ทว่าธันวาก็สนใจเพียงแค่นั้นเพราะสมาธิทั้งหมดถูกนำมาจดจ่ออยู่กับเดือนแรมอีกครั้ง คนอะไรทำไมชอบขายคนอื่นในที่สาธารณะแต่เวลาชมไม่ยักทำแบบนั้นบ้าง

 
“พี่โอ๊คครับ”


“ว่าไงวะ” โอ๊คตอบพลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมด้วยแรงที่ค่อนข้างมาก


“พี่แรมเป็นคนยังไงเหรอครับ”


“หืม” โอ๊คชะงักมือ คิ้วขมวดมองรุ่นน้องร่วมห้องที่อยู่ดี ๆ ก็ถามถึงเพื่อนสนิทเขาขึ้นมา “หมายความว่าไง”


“ก็...ปกติพี่เขาขี้อายไหมครับ แบบว่า...ยังไงดี” ธันวาพลิกตัวนอนคว่ำมองหน้าโอ๊คที่เดินมาหยุดใกล้เตียงตนด้วยสายตาจริงจังทว่าสับสน “พี่แรมเขาอายที่จะชมใครต่อหน้าคนเยอะ ๆ ไหมครับ”


โอ๊คคลายสีหน้าสงสัย มุมปากยกยิ้มอย่างไม่ปิดบัง มือเริ่มทำหน้าที่เดิมอย่างเป็นธรรมชาติ “แรมมันชมมึงเหรอวะ”


ธันวาพยักหน้างึกงัก เมื่อโอ๊คทำหน้าทำตาเหมือนรอฟัง เขาจึงเล่าต่อ “พี่แรมชมว่าผมเล่นเบสเก่งครับ”


“อืม....ปกติมันก็ชมคนง่ายนะ แต่ก็อย่างที่มันบอกแหละ กับคนบางคน...คงอยากให้รู้กันแค่สองคนมากกว่า”


แทนที่จะหายคาใจ ธันวากลับเห็นแววว่าตนคงต้องคิดเรื่องของเดือนแรมวนเวียนไปทั้งคืนแน่ ๆ


“บอกแล้วว่าให้ลองศึกษามันดู”




งานรื่นเริงจบไปมีเวลาให้เหลวไหลกันต่ออีกหนึ่งวันก่อนจะเข้าสู่ช่วงเวลานรกที่แท้จริงของนักศึกษาแพทย์ อีกไม่กี่วันต่อจากนี้จะเป็นการสอบกลางภาคของเทอมแรกในชีวิตที่เข้าใกล้คำว่าหมอมากขึ้นกว่าการเรียนวิทย์ทั่วไปในปีหนึ่ง


พวกเขาถูกฝังหัวตั้งแต่ต้นว่าอย่าหวังพึ่งวันไนท์มิราเคิลในการสอบเด็ดขาด เพราะมันไม่มีวันเกิดขึ้นจริงในคณะนี้ต่อให้คน ๆ นั้นจะเก่งแค่ไหนก็ตาม และอันที่จริงพวกเขาควรเริ่มอ่านอย่างหนักหน่วงล่วงหน้าหนึ่งเดือนเลยด้วยซ้ำ (ไม่รวมควิซที่มีทุกวัน ทุกคาบ) ไม่ใช่มาเริ่มเอาตอนนี้


คล้ายจะเป็นการลองดี แต่ธันวาพบว่าเริ่มอ่านตอนนี้ก็ยังเร็วไปด้วยซ้ำสำหรับตัวเอง


อย่างไรก็ตาม วันพุธกลางสัปดาห์ที่ว่างช่วงบ่ายแบบนี้ก็คือช่วงเวลาที่ดีที่เดือนแรมรับปากว่าจะติวให้พวกเขา


หลายวันมานี้ธันวายังไม่เจอหน้าเดือนแรมเลย ถ้าไม่นับสติกเกอร์รูปหัวใจที่ส่งมาให้ทุกเช้าราวกับเป็นคำทักทายสวัสดี อีกฝ่ายก็แทบจะขาดการติดต่อไปเลย ในกล่องมิลเลอร์ก็ว่างเปล่า ไม่มีข้อความกวนประสาทหรือขนมอะไรจากคนเป็นรุ่นพี่เลยสักชิ้นเดียว


เพิ่งจะได้เจอกันก็วันนี้เอง


ยังไม่มีเวลาได้ ‘ศึกษา’ รุ่นพี่เดือนแรมอย่างที่โอ๊คแนะนำเลย


กรองเกียรติเดินนำเพื่อนสนิทไปขอนั่งร่วมโต๊ะกับกลุ่มของเดือนแรมในช่วงพักกลางวันเพราะที่นั่งในกลุ่มเพื่อนไม่พอและคิดว่าอย่างไรเสียเดี๋ยวก็ต้องไปหอสมุดพร้อมกัน นั่งร่วมโต๊ะกันตอนนี้ก็คงไม่เสียหายอะไร


เดือนแรมเงยหน้าขึ้นบอกตอบรับคำขอของรุ่นน้อง ขอบตาที่คล้ำขึ้นมากของอีกฝ่ายบอกได้เป็นอย่างดีถึงสาเหตุที่หายหน้าไปหลายวัน แต่ถึงอย่างนั้นธันวาก็ไม่ได้ทักทายอะไรมากไปกว่าเอ่ยขอบคุณแล้วสอดตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามเขา


“ผมถามจริงเหอะพี่แรม พี่ชอบไอ้ธันว์มันเหรอ” กรองเกียรติถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยบนโต๊ะอาหารจนธันวาแทบสำลักข้าวหันไปตีแขนเพื่อนก่อนเหลือบมองคนฝั่งตรงข้ามที่มองมาอยู่ก่อนแล้วด้วยความประหม่า


“ว่าไงพี่” กรองเกียรติเร่งเร้าเอาคำตอบ


“ไม่ได้ชอบ” เสียงทุ้มตอบราบเรียบ


“นั่นไง กูบอกมึงแล้วว่าพี่แรมไม่คิดอะไรกับกูหรอก ถ้าพี่เขาชอบกูจริงเขาจะมาแกล้งมากวนตีนกูทุกวี่วันเหรอวะ” ...แล้วช่วงนี้ก็ยังหายหน้าไปด้วย


“ก็ตามกฎชอบใครแกล้งคนนั้นไง”


“กฎเชี่ยไรของมึง ตอนนั้นพี่ภีมยังไม่เคยแกล้งกูเลย”


“แล้วเขาเป็นคนยังไง” เดือนแรมถามเสียงเรียบ


“หื้ม?”


“พี่ภีมของมึงน่ะ เขาเป็นยังไง”


“ก็…ใจดี พี่ภีมใจดีกับผมมาก” รอยยิ้มน้อย ๆ แต้มริมฝีปากยามเอ่ยตอบ


“แล้วที่เขาทำไม่ดีกับมึงอ่ะ จำได้บ้างไหมวะ” กรองเกียรติแย้งขึ้นทันควัน


“ทำไมต้องเลือกจำสิ่งที่ไม่ดีวะ ในเมื่อเรื่องดี ๆ น่าจำกว่าเยอะ”


“แล้วทำไมกับกู...มึงถึงจำได้แต่เรื่องแย่ ๆ วะ” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนพร้อมจานที่ยังเหลือข้าวอีกเกือบครึ่งจาน “รีบกินรีบตามไปห้องติว กูมีเวลาไม่มาก”


“เชี่ยเก่ง” ธันวาหันไปจ้องเพื่อนเมื่อเดือนแรมเดินออกไปแล้ว “พี่แรมโกรธแน่ ๆ”


กรองเกียรติเองก็หัวหด รู้สึกผิดขึ้นมาเพราะท่าทางเมื่อครู่ของรุ่นพี่ที่ตนยกให้เป็นไอดอลน่ากลัวมากจนน่าจะโกรธพวกเขาจริงอย่างที่ธันวาว่า


“เดี๋ยวมันก็หายไอ้น้อง มันไม่โกรธจริงจังหรอก” โอ๊คว่า


“แบบนี้ไม่เรียกว่าโกรธด้วยซ้ำ” ไนท์เปรยหน้านิ่ง ท่าทีสนใจอาหารมากกว่าจะเป็นการพูดเพื่อคุยกับใครทำให้ธันวาไม่กล้าถามต่อว่าหมายความว่าอย่างไร กลายเป็นว่าบอยเสียเองที่ทนเห็นสีหน้าหมางงของรุ่นน้องไม่ไหวจนต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วกระซิบบอกราวกับเป็นความลับขั้นสุดยอด


“เขาเรียกว่าน้อยใจไงล่ะ”





ทำไมเดือนแรมต้องน้อยใจ...ธันวาหาคำตอบไม่ได้


แต่ถ้าถามว่าทำไมเดือนแรมถึงโกรธ...เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน


ถึงอย่างนั้นเขากับกรองเกียรติก็มีขนมและเครื่องดื่มเต็มสองมือในตอนที่ถือเข้ามาในห้องติวเพื่อนำมาขอโทษรุ่นพี่ดีกรีประธานรุ่นชั้นปีที่สาม


ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะคิดว่าเดือนแรมเห็นแก่กิน แต่เพราะคิดว่านี่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้


เดือนแรมมองรุ่นน้องสองคนที่แทบจะมาถึงเป็นคนท้าย ๆ พร้อมของกินมากมาย ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นของสองคนนั้นนั่งหน้าสลอนกึ่งหลับกึ่งตื่นกันอยู่เกือบเต็มโต๊ะขนาดสิบที่นั่งแล้ว


นัยน์ตาคมดุมองสองเพื่อนซี้ยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงหน้าแทนที่จะรีบหาที่นั่ง กรองเกียรติที่ยืนลดหลั่นไปด้านหลังเพื่อนเล็กน้อยใช้ข้อศอกดันเพื่อนสองสามทีที่คงหมายถึงให้คนด้านหน้าทำอะไรบางอย่างที่ตกลงกันไว้สองคน


“มาแล้วก็หาที่นั่งสิวะ!”


สองเพื่อนซี้สะดุ้งโหยง ใบหน้าเนียนใสของคนด้านหน้าแตกตื่นหนักก่อนจะถลาเข้ามาหาเขาตามแรงดันของคนด้านหลัง เจ้าตัวดื้ออย่างที่เดือนแรมหมายมั่นในใจหันกลับไปทำปากขมุบขมิบว่าเพื่อนก่อนหันกลับมาส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้


“ผมกับเก่งซื้อมาให้พี่แรมครับ” ธันวายื่นถุงขนมมากมายไปตรงหน้าก่อนที่กรองเกียรติจะตามมายืนข้าง ๆ พร้อมยื่นขวดเครื่องดื่มอีกสองขวดออกมาข้างหน้าด้วยเช่นกัน


“ให้ทำไม”


“อยากขอโทษเรื่องที่โรงอาหารครับ”


เดือนแรมจ้องหน้ารุ่นน้องนิ่งท่ามกลางสายตาของคนอื่น ๆ ที่หันมองอย่างสนใจ “มึงทำอะไรผิด”


ธันวาพูดไม่ออก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนทำอะไรผิด รู้แค่ว่าเดือนแรมมีปฏิกิริยาที่ไม่ดีสักเท่าไหร่หลังจากที่เขาพูดออกไปแบบนั้น


“ผิดที่พวกผมรบเร้าให้พี่ตอบคำถามนั้นครับ” เป็นกรองเกียรติที่ตอบไม่เต็มเสียงนักด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ เคยแต่ชื่นชมตอนรุ่นพี่สีหน้าขึงขัง ไม่นึกเลยว่าเวลาโกรธจะน่ากลัวขนาดนี้


เดือนแรมถอนหายใจก่อนบอกปัดด้วยท่าทีรำคาญ นอกจากขนมนี่ก็ยังมีของกินอีกมากที่รุ่นน้องกลุ่มนี้นำมาให้เพื่อตอบแทนที่ติวให้ “เอาไปแบ่งให้เพื่อนมึงกินไป”


“พี่แรมหายโกรธพวกเรารึยังครับ” ธันวาถามเสียงอ้อมแอ้ม


“แคร์กูด้วยเหรอ”


ธันวากลืนน้ำลายหนืดลงคอ ถ้าให้ตอบตามความจริงก็แคร์เพราะอีกฝ่ายกำลังจะติวให้ ไม่อยากตกอยู่ในบรรยากาศอึมครึมนานกว่านี้ แต่เขาก็คิดว่าตัวเองไม่ได้เห็นถึงผลประโยชน์มากขนาดนั้น ลึก ๆ แล้วก็ไม่อยากให้เดือนแรมทำหน้าตึงใส่ด้วยเหมือนกัน มันชวนให้รู้สึกผิดทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนทำอะไรผิด


“แคร์สิครับพี่ พวกเราแคร์ความรู้สึกของพี่แรมมากเลยนะครับ” เป็นกรองเกียรติอีกครั้งที่ตอบแทน



เดือนแรมไม่ติดใจเอาความหรือว่าง่าย ๆ ก็คือคร้านจะต่อบทสนทนาด้วยจึงไล่ให้สองคนนั้นไปหาที่นั่งเพื่อจะได้เริ่มติวกันเสียที


แม้จะรู้สึกขุ่นเคืองใจเมื่อเห็นว่าธันวาเลือกนั่งข้างรุ่นน้องสาวที่ชื่อหวานแทนที่จะนั่งข้างตนที่ยืนหัวโต๊ะแต่เดือนแรมก็ตัดใจเปิด Textbook เล่มดังของรายวิชากายวิภาคอย่าง Atlas ขึ้นมา


เดือนแรมรับติวแค่ในส่วนที่เกี่ยวกับกายวิภาคเท่านั้น ทั้งระบบผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ ระบบไหลเวียน ระบบเลือดและน้ำเหลือง ส่วนวิชาที่เกี่ยวกับรากฐานของร่างกายมนุษย์อีกสามรายวิชาและวิชาชีวิตมนุษย์เขาให้น้อง ๆ ไปอ่านกันเอง เนื้อหาในวันนี้เริ่มต้นด้วยโครงสร้างของร่างกายส่วนล่างตามขอบเขตเนื้อหาของปีสองในครึ่งเทอมแรก เดือนแรมไล่ทุกชื่อทุกหน้าที่ทุกรายละเอียดของกล้ามเนื้อแต่ละมัดโดยชี้ไปตามรูปในหนังสือที่ฉายขึ้นจอใหญ่ให้เห็นโดยทั่วกัน


เนื้อหามีอยู่มากมาย ธันวาเบาใจไปเปราะหนึ่งที่เทอมแรกของชั้นปีที่สองยังไม่ได้เรียนผ่ากรอสส์จริงจังมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นแค่การชิมลางเท่านั้น การสอบในครึ่งเทอมแรกนี้จึงมีแต่ภาคทฤษฎีและแลปกริ๊ง แต่เพียงเท่านี้ก็ทำเอาสมองน้อย ๆ ของพวกเขาแทบบวมเสียแล้ว


เสียงของเดือนแรมทุ้มนุ่มน่าฟังและชวนเคลิ้มหลับในเวลาเดียวกัน แต่ถ้าธันวาเผลอหลับตอนนี้มีหวังคงโดนคนที่อาสามาติวให้โกรธเข้าให้อีกรอบแน่ ๆ หนุ่มรุ่นน้องที่ชอบหลับในห้องเรียนเลยได้แต่จ้องคนติวตาใส


เดือนแรมเสียงสะดุดไปช่วงหนึ่งเพราะเผลอสบตาเข้ากับธันวา นี่น่าจะเป็นการถูกธันวาจ้องหน้านานที่สุดในชีวิตเขาแล้วก็ว่าได้ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเพราะไม่อาจกลั้นยิ้มไว้ให้กับความสำเร็จนี้ได้ ตอนนี้น้องจำหน้าเขาได้แล้ว ทั้งจำได้และรู้ด้วยว่าหน้าอย่างนี้ชื่อว่าเดือนแรม


“ตรง Popliteal fossa มีสามเส้น จำไม่ยากแต่ต้องแยกให้ออกเวลาสอบแลป...” เดือนแรมกำลังจะวางรูปที่ตนถ่ายจากร่างอาจารย์ใหญ่ให้รุ่นน้องดูว่าเส้นไหนคือเส้นเลือดแดง เส้นเลือดดำ และเส้นประสาท แต่ในจังหวะนั้นเองที่สายตาดันสบเข้ากับธันวาที่เบี่ยงเบนความสนใจที่เคยมีให้ตนไปหาคนอื่นเสียแล้ว


“โอ๊ย!” ธันวาร้องเสียงหลงเมื่อถูกปาศีรษะด้วยยางลบจากคนที่ยืนอยู่หัวโต๊ะ เมื่อหันไปมองหมายจะเอาเรื่องแต่พอพบกับสายตาคมดุจนตาแทบถลนออกมา คนที่จ้องจะแรงใส่ก็หงอลงทันที


“ฟังกูอยู่รึเปล่า”


“ฟ...ฟังครับ”


“กูพูดถึงไหนแล้ว”


ธันวากลืนน้ำลายหนืดลงคอก่อนจะยอมรับความจริงออกมา “เอ่อ...ขอโทษครับ พอดีหวานตามไม่ทัน ผมเลยทวนให้เขาอยู่ครับ”


เดือนแรมจ้องหน้าธันวานิ่ง เด็กหนุ่มเริ่มคิดว่าวันนี้ตนโดนอีกฝ่ายจ้องหน้าด้วยสายตาแบบนี้กี่ครั้งแล้ว “มึงมานั่งนี่”


“แต่...”


“ถ้ายังไม่มาก็ไม่ต้องติวต่อ” เหมือนกดดันแทนเพื่อนทั้งกลุ่ม แม้จะอยากแข็งข้อด้วยมากขนาดไหนแต่ก็จำต้องเก็บของแล้วย้ายก้นออกจากที่เดิมอย่างจำยอม


“ครับ ๆ”


“ต่อไปใครไม่ทันตรงไหนให้ยกมือบอก” เดือนแรมว่าเสียงติดดุจนทุกคนพากันก้มหน้า “น้องหวานไม่ทันตั้งแต่ตรงไหนครับ พี่จะย้อนให้”


การติวเริ่มราบรื่นขึ้นอีกครั้งและยาวนานไปจนถึงห้าโมงเย็นโดยไม่มีใครรู้เลยว่าเดือนแรมต้องใช้สมาธิขนาดไหนในการสอน เพราะมีคนที่ทำให้ใจสั่นมานั่งจ้องตาใสอยู่ในระยะใกล้แล้วยังตกเป็นจุดสนใจของคน ๆ นั้นอยู่ตลอดอีกด้วย


เมื่อสิ้นสุดการติวตลอดสี่ชั่วโมง หลายคนโอดโอยอย่างเกียจคร้านหลังจากขอบคุณเดือนแรมเสร็จแล้ว ก่อนพากันกลับไปพักผ่อน เหลือแค่ธันวา กรองเกียรติ ตฤณและหวานที่ยังอยู่ในห้องนี้กับเดือนแรม


“หวานขอโทษพี่แรมจริง ๆ นะคะที่ชวนธันวาคุย” รุ่นน้องสาวยกมือไหว้ขอโทษขอโพยด้วยความรู้สึกผิดจริง ๆ


“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องคิดมาก” หวานยิ้มอย่างสบายใจก่อนหันไปชวนเพื่อนชายทั้งสามคนไปทานอาหารเย็นด้วยกันพร้อมบรรดาเพื่อนสาวของเธอที่ออกไปยืนรออยู่ข้างนอกแล้ว


“เราฝากสองคนนี้ด้วยแล้วกันนะหวาน แต่เราไปไม่ได้อ่ะ ขอโทษด้วย ลุงมาหาน่ะ” ธันวาบอก ลุงประภาสนัดไว้นานแล้ว ท่านบอกว่าจะอ่านหนังสือสอบอย่างไรก็ต้องมีเวลาทานอาหาร เพราะอย่างนั้นธันวาจึงบ่ายเบี่ยงไม่ได้อีก และปฏิเสธความหวังดีที่จะไปด้วยของเพื่อนสนิทเพราะไม่อยากรบกวนเวลาอ่านหนังสือของเพื่อนมากนัก จึงกลายเป็นว่าสองหนุ่มเดินตามหวานกับเพื่อนผู้หญิงลงไปก่อนเหลือเดือนแรมกับเขาเดินรั้งท้ายกันอยู่สองคน


“อนาโตมี่แม่งโคตรยากอ่ะ พี่แรมจำหมดนี่ได้ยังไง” นั่งฟังเดือนแรมพูดชื่อส่วนประกอบแต่ละชิ้นของร่างกายออกมาง่ายดายราวกับเป็นเพียงแค่ชื่อเพื่อนสนิทมาตลอดสี่ชั่วโมงแล้วก็ยังอึ้งไม่หาย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมด้วยความทึ่ง


“นี่ง่ายแล้ว”


“จ้าาาาา” อยากจะลากเสียงให้ยาวกว่านี้ด้วยความหมั่นไส้แต่ก็ยั้งไว้เพราะกลัวจะโดนเคืองเข้าให้อีกที่ไปแดกดันคุณเขา


“ถ้าเทียบกับเรื่องของมึง”


“...?...”


“แม่งยากฉิบหาย”


“เรื่องของผมคืออะไรวะพี่”


“นี่ไง...” เดือนแรมจิ้มนิ้วลงบนหน้าผากคนน้อง “...นี่แหละที่ยากกว่าอนาโตมี่” แล้วก็ผละออกไปอย่างไว แต่คราวนี้ธันวาไม่ปล่อยให้คาใจ รีบสาวเท้าตามไปรั้งอีกฝ่ายไว้ด้วยการดึงชายเสื้อที่หลุดออกมานอกกางเกงของเขา


“หมายความว่าไงพี่แรม


“โง่”


“พี่เลิกว่าผมโง่สักที!!”


“ถ้าอยากให้เลิกว่าก็ไปหาเหตุผลมาให้ได้ว่าทำไมกูถึงยังด่ามึงว่าโง่”


ธันวานิ่งค้าง โดนด่าว่าโง่อย่างไร้เหตุผลแล้วยังต้องไปหาเหตุผลที่ไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่ามารองรับความโง่ของตัวเองอีกหรือ ถ้าไม่เห็นว่ามีบุญคุณล้นเหลือช่วยติวกายวิภาคให้ เขาจะไม่ยอมหงอให้ขนาดนี้แน่!







(มีต่อนะคะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2018 21:44:59 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4

แม้นัดกันไว้แล้วว่าจะรับประทานอาหารเย็นด้วยกันที่หน้าโรงพยาบาลแต่ธันวาก็ยังเห็นคนเป็นลุงมารับถึงหน้าหอ หลานชายที่นำหนังสือมาเก็บที่ห้องก่อนแล้วยิ้มขื่น ไม่ได้ดีใจหรืออยากได้รับความรักที่เกินพอดีแบบนี้นักแต่ก็จำต้องเดินเข้าไปหาด้วยใบหน้าที่คิดว่าปั้นได้สดใสที่สุด


ประภาสวางมือบนศีรษะหลานรักแทนการรับไหว้ก่อนดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่นทั้งที่ยืนอยู่หน้าหอ


“คิดถึงจังเลยลูก” ประภาสโยกตัวไปมาช้า ๆ ทำให้คนในอ้อมกอดโยกตามไปด้วย


“คิดถึงคุณลุงเหมือนกันครับ” ธันวาขืนตัวออกก่อนถอยห่างหนึ่งก้าว “ไปกันเลยไหมครับ ผมมีเวลาไม่มากจริง ๆ”


ลุงประภาสระบายยิ้มอบอุ่นไปทั่วหน้ากอดคอหลานแล้วก้าวเดินไปพร้อมกัน “ธันว์ต้องทานให้เยอะ ๆ เลยนะ ช่วงอ่านหนังสือจะมาอดมื้อกินมื้อไม่ได้”


“ครับ ว่าแต่วันนี้คุณลุงว่างเหรอครับ”


“สำหรับธันว์ ลุงว่างเสมอแหละลูก” ลุงประภาสลูบผมธันวา มันเป็นสัมผัสอ่อนโยนที่ชวนให้เขารู้สึกขนลุกอย่างไรก็พูดไม่ถูก นับตั้งแต่ที่ชีวิตนี้ไม่เหลือใครเป็นที่พึ่ง ลุงประภาสก็ก้าวเข้ามามีบทบาทมากในแบบที่ ‘เกินไป’ จนบ่อยครั้งเขาก็รู้สึกอึดอัดกับความรักที่ได้รับ


“คุณลุงไม่ชวนพี่ป้องมาทานด้วยกันเหรอครับ” ธันวาถามถึงญาติผู้พี่ทั้งที่ไม่อยากเจอหน้าอีกฝ่ายนัก


“รายนั้นเขากลับบ้านไปแล้ว”


“อ้าว แล้วพี่ป้องรู้ล่วงหน้าไหมครับว่าคุณลุงจะมา”


“ไม่รู้หรอก ปล่อยพี่เขาไปเถอะ วันนี้ลุงมาหาธันว์ อยากใช้เวลากับธันว์”


ธันวายิ้มแห้ง ไม่ต่อความอะไรอีก


อาหารมื้อนั้นเป็นไปอย่างเรียบง่ายตามเวลาที่มีจำกัด บทสนทนาส่วนใหญ่หนีไม่พ้นเรื่องราวในแต่ละวันของธันวาที่คนเป็นลุงอยากรู้จนคะยั้นคะยอให้เล่าต่อเนื่องแม้ว่าเจ้าตัวจะหมดเรื่องเล่าแล้วก็ตาม


ธันวากลับเข้าห้องมาพร้อมขนมสองถุงใหญ่ในตอนหนึ่งทุ่ม จัดแจงแบ่งออกเป็นสี่ส่วน ให้สมาชิกห้องตัวเอง กรองเกียรติ ตฤณ และเดือนแรม แต่เมื่อไปหาเดือนแรมถึงห้อง เขากลับพบสมาชิกครบทุกคนยกเว้นคนที่อยากเจอ ถามไถ่จากปัท เพื่อนรุ่นเดียวกันได้ความว่าเดือนแรมลงไปอ่านหนังสือที่ห้องอ่านหนังสือรวมที่ชั้นหกตั้งแต่หลังอาหารมื้อเย็นแล้ว


จะว่าปีสามต้องอ่านหนังสือหนักมากกว่าพวกเขาก็คงไม่ใช่ เพราะตอนนี้โอ๊คยังอ้อยอิ่งกับการจัดโต๊ะอ่านหนังสือของตัวเองราวกับเป็นช่วงเวลาว่าง ๆ ที่ไม่มีอะไรทำ ส่วนนันก็นอนดูหนังอยู่บนเตียง


“พี่โอ๊คไม่อ่านหนังสือเหรอครับ” ธันวาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ตอนนี้อาร์ตไม่อยู่ นันก็ใส่หูฟัง ไม่มีใครสนใจบทสนทนานี้นอกจากสองคนที่กำลังคุยกัน


“รีบไปไหนวะ”


“อ้าว แล้วทำไมพี่แรมเขาต้องขยันขนาดนั้นล่ะครับ ไอ้ปัทบอกว่าพี่แรมลงไปอ่านหนังสือข้างล่างตั้งแต่กินข้าวเย็นเสร็จ” ธันวาจำได้ที่เดือนแรมเตือนเรื่องเป็นหมอไม่ควรสอบแค่พอผ่าน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เข้าใจว่าจะขยันเกินไปหรือเปล่า


“มันอยากได้เหรียญทอง”


“โห แค่เกียรติหนึ่งยังไม่พอเหรอพี่ ต้องเหรียญทองเลยเหรอ”


“เออ นั่นเป้ามัน”

 
ธันวานิ่วหน้า “แล้วพี่ไม่โกรธเหรอ”


โอ๊ควางงานในมือมามองหน้าคู่สนทนาเต็ม ๆ ตา “โกรธทำไมวะ”


“ไม่เชิงโกรธดิ แบบ...เพื่อนขยันเรียนเกินหน้าเกินตา มุ่งมั่นแต่จะโดดหลุดกลุ่มงี๊” เพราะตัดเกรดแบบอิงทั้งเกณฑ์และกลุ่ม คนอย่างเดือนแรมที่เกินเกณฑ์เอแน่ ๆ ก็คงหลุดโดดออกไปยืนบนยอดเดี่ยว ๆ แล้วสอยเอไปครองคนเดียวอย่างแน่นอน ซึ่งมันทำให้คนที่เกินเกณฑ์เอคนอื่น ๆ ต้องได้แค่บีบวกไปครองอย่างชอกช้ำ ธันวาคิดว่าถ้ามีคนแบบนี้ในรุ่น ตนก็คงจะรู้สึกเคืองขึ้นมาหน่อย ๆ ทั้งที่ตัวเองอ่อนเอง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเคืองคนที่เคร่งเรื่องเรียนมากจนทำให้เพื่อนต้องอ่านหนังสืออย่างหนักไปด้วยเพื่อตะกายขึ้นมาจากฐานให้ได้ และแม้ว่ากรองเกียรติเพื่อนรักจะขยันมากแต่ก็ยังไม่เท่าเดือนแรมอยู่ดี


“จะโกรธทำไม มึงโกรธเหรอ จริง ๆ แล้วพวกเราทุกคนในคณะนี้ควรขยันแบบมันด้วยซ้ำ ในอนาคตเราต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่นนะเว้ย จะมาทำเล่น ๆ ไม่ได้”


ธันวายิ้มแห้ง “ครับ”


โอ๊คหันไปจัดกองหนังสือบนโต๊ะต่อ “ไอ้น้องธันว์...คนเรามีเป้าหมายไม่เหมือนกันหรอกนะ และถึงจะมีหลายคนอยากได้เหรียญทองเหมือนมัน แต่ก็ใช่ว่าจะมีคนอยากได้ด้วยเหตุผลเดียวกับมันนะ”


ธันวาคิดตาม


“ที่มันต้องเร่งอ่านหนังสือหนักขนาดนี้ทั้งที่ยังพอเหลือเวลาเพราะว่ามันจะได้มีเวลาเหลือไปติวให้พวกมึงไง”


ได้ยินอย่างนั้นแล้วธันวาก็อยากจะซาบซึ้งความดีงามของเดือนแรมให้นาน ทว่าคนสมาธิสั้นอย่างธันวากลับเจอสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าขึ้นมานั่นก็คือสมุดบันทึกของโอ๊คที่มีหน้าปกอันบ่งบอกถึงสถาบันในระดับชั้นมัธยมปลายที่คุ้นเคย “พี่โอ๊คจบจากโรงเรียนนี้ด้วยเหรอครับ”


โอ๊คกระตุกยิ้มมุมปาก พูดบอกเพื่อนรักในใจว่า ‘กูไม่ได้ตั้งใจเลยจริง ๆ’ ก่อนตอบคำถามของรุ่นน้อง “อืม กูเป็นรุ่นพี่โรงเรียนมึง”


ธันวาเข้าไปเกาะขอบโต๊ะอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้น “ไม่เห็นเคยรู้เลย...เราเคยเจอกันมาก่อนไหมครับ พี่เคยเห็นผมไหม”


“เคยดิ แต่มึงไม่เคยเห็นกูหรอก”


ธันวายิ้มแห้ง เพราะตนไม่ค่อยสนใจใครอื่น ในสายตามีแต่เพื่อนสนิทและคนรู้จักไม่กี่คนเท่านั้น “เดี๋ยวนะครับ”


โอ๊คเลิกคิ้วมองอย่างรอคอยคำถามต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ


“พี่แรมก็ด้วยใช่ไหมครับ”


โอ๊คคลี่ยิ้มกว้าง พยักหน้าขึ้นลงช้า ๆ ก่อนเอ่ยคำตอบที่ทำให้ธันวาต้องยกมือกุมใจตัวเองด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก “ใช่...พวกกูทั้งสี่คนนั่นแหละ”


อ่า...เพราะอย่างนี้นี่เอง


เพราะว่าเป็นรุ่นพี่โรงเรียนเก่ากันมาก่อน เดือนแรมถึงได้ทั้งใจดีและกวนประสาทกันขนาดนี้






ค่ำคืนวันพุธยังคงยาวนานอย่างต่อเนื่อง ทั้งรุ่นพี่ปีสามและน้องปีสองในห้องต่างก็คร่ำเคร่งกับเนื้อหาของตัวเอง


สำหรับธันวา เมื่อได้อ่านชีทสรุปของเดือนแรมแล้วเหมือนจะมีแรงใจฮึกเหิมให้อ่านได้จำมากขึ้น ซึ่งคงเป็นเพราะเห็นคำว่าโง่ลอยออกมาจากชีทสรุปพร้อมเสียงและหน้าของคนเป็นต้นฉบับ เหมือนกับว่ามีตำราเทพอยู่ในมือทั้งทีถ้ายังสอบตกอีกก็คงโง่เกินไปแล้วไอ้ธันวาอย่างไรอย่างนั้น


“อยากย้ายกลับไปอยู่หอฝั่งมอ.ว่ะ” อาร์ตว่าในตอนที่ต่างก็พร้อมใจจะเข้านอนพร้อมกันในตอนตีสอง


“ทำไมวะ”


“อยากแหกปากร้องเวลาเครียด ๆ อย่างตอนนี้ไง”


โอ๊คกับนันหลุดขำ ธันวาเองก็ยิ้มตามไปด้วย คล้ายกับเป็นเรื่องเคยชินไปเสียแล้วในช่วงเทศกาลสอบเพราะบรรดานักศึกษาที่อ่านหนังสือจนใกล้ขีดที่เรียกว่า ‘บ้า’ หลายคนจะออกมาตะโกนหรือกรีดร้องนอกหอพักให้เสียงดังก้องไปทั่วทุกตึกในโซนหอในเพื่อระบายความเครียด แล้วเมื่อมีคนเริ่มก็มีคนตะโกนรับ แต่สำหรับพื้นที่ในรั้วโรงพยาบาลคงทำแบบนั้นไม่ได้ จะกลายเป็นรบกวนผู้ป่วยเอาได้


“ปีที่แล้วมึงทำเหรอ”


“จะเหลือเหรอ ทั้งแคลฯ เจนเคม สแตท ไบโอ กูออกไปว้ากหมดอ่ะ”


“เสียงโคตรหลอน รับส่งกันอย่างกับหมาเห็นผี”


“ไอ้สัด ด่ากู”


“อยากว้ากนักก็ไปในมอ.สิวะ ไม่เห็นยาก” โอ๊คแนะนำ


“ไม่ไหวครับพี่ มันดึกไป น่ากลัว”


“งั้นก็นอนโว้ยไอ้น้อง นอน ๆ” นันว่าขำ ๆ ยิ่งเห็นรุ่นน้องฟึดฟัดด้วยความอึดอัดใจอยากจะระบายความเครียดออกมาเป็นเสียงให้ได้ก็ยิ่งขำ โอ๊คกับธันวาที่ไม่มีข้อเสนออื่นให้อีกก็พร้อมใจกันส่ายหน้าหนีแล้วปีนขึ้นเตียงพร้อมนอน







แม้วันนี้จะเป็นวันสอบกลางภาควันแรกที่มีกำหนดการสอบวิชาแรกตอนเก้าโมง แต่เดือนแรมก็ยังตื่นตามเวลาปกติเช่นเดียวกับสมาชิกในห้อง ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาแทบสิงตัวอยู่มุมโปรดในห้องอ่านหนังสือรวมของหอ ไม่ได้โผล่ออกมาพบใครหรือแม้แต่หาเวลาโผล่ไปให้ธันวาเห็นหน้า เช้านี้เดือนแรมอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ยังนั่งรอเวลาเหมือนเช่นทุกวัน ในมือมีสมาร์ทโฟนที่เปิดหน้าต่างแชทของเฟซบุ๊คแอคเคาน์ที่เขาส่งสารหาในทุก ๆ เช้า ประธานรุ่นชั้นปีที่สามฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีเช่นทุกวันเป็นภาพที่คุ้นตาสมาชิกในห้องมาพักใหญ่แล้ว


เจ็ดนาฬิกาคือเวลาที่ธันวาตื่นนอน ข้อมูลส่วนนี้เขาได้มาจากโอ๊คตั้งนานแล้ว แต่ไม่เคยรอคอยเวลาเท่าช่วงเดือนนี้ที่ตนมีภารกิจประจำต้องทำทุกเจ็ดโมงเช้า


สติกเกอร์หัวใจสีแดงถูกส่งออกไปพร้อมใจคนส่งที่เต้นรัวแรงขึ้นทุกครั้งที่ทำแบบนี้ เดือนแรมกำลังจดจ่อราวกับลุ้นว่าอีกฝ่ายจะส่งสติกเกอร์หน้าตาแบบไหนกลับมาทั้งที่ได้รับแมวขู่ฟ่ออยู่ทุกวันจนบทสนทนาในหน้าแชทมีแต่รูปหัวใจสลับกับแมวยาวเป็นหางว่าวแบบที่ไม่มีสิ่งอื่นใดแปลกปลอมเข้ามาเลย รูปโปรไฟล์ของอีกฝ่ายเลื่อนลงล่างสุดบ่งบอกว่าเจ้าตัวเปิดอ่านแล้วยิ่งทำให้เดือนแรมลุ้นยิ่งขึ้น ทว่าสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดก็เกิดขึ้น เขาไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหยุดหายใจไปหรือเปล่าในตอนที่เห็นสติกเกอร์แบบเดียวกันถูกส่งกลับมา!!













TBC.
---------------------------------------------------------------
ทุกคนจะได้พบกับความเป็นคนดีของธันวา
ให้ใจมาก็ให้ใจกลับ ไม่โกงฮะ
๔ ค่ำ จะมีแค่พาร์ทเดียวนะคะ
#แรมเดือนสิบสอง

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สรุปน้องกดผิด พี่แรมนก 555555555555

ปล. รู้สึกกลัวคุณลุงแหลกๆค่ะ  :katai1:

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น้องกดผิดแน่เลย 555 สงสารพี่แรมล่วงหน้า

//แต่เรื่องลุงกับที่บ้าน โผล่มาทีไรก็น่ากลัว  :katai1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
พี่แรมสู้ๆๆๆ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่แรมช็อคไปรึยัง 55555

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไหวไหมคะพี่แรม ฮ่าๆๆๆๆ จะนกไม่นกนะ :hao6:

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
แรมเดือนสิบสอง

แรม ๕ ค่ำ เดือน ๑๒






เดือนแรมกำลังทำให้เพื่อนหมั่นไส้


วันนี้สอบเป็นวันแรก แล้วตัวเต็งอย่างเดือนแรมกำลังเดินเข้ามาหน้าห้องสอบด้วยสีหน้าสดใสเกินหน้าเกินตาเพื่อนร่วมรุ่นอย่างกับคนที่พร้อมสอบมากถึงมากที่สุด เรียกได้ว่าข่มขวัญเพื่อนตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าห้องสอบเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้กระทั่งกับกลุ่มเพื่อนสนิทที่โวยวายกับอาการ ‘ยิ้มหน้าแป้น’ ของคนหน้าดุ ยิ่งในตอนที่เดินออกจากห้องสอบ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกอยากกระชากยิ้มนั่นออกไปจากหน้าเดือนแรมเสียจริง


“รู้แล้วว่าทำข้อสอบได้ จะยิ้มอะไรนักหนา กูหมั่นไส้เว้ย” โอ๊คโวยวายทีเล่นทีจริง สำหรับเขาเช้าวันนี้ไม่ได้แย่นัก ถึงไม่มั่นใจว่าทำได้มากเท่าเดือนแรมแต่ก็คิดว่าไม่ตกจากกลุ่มยอดพีระมิดแน่


“เออ น่าหมั่นไส้” บอยเสริม


“ไม่เกี่ยวกับเรื่องสอบหน่า” เดือนแรมบอกปัด น้ำเสียงคล้ายจะรำคาญแต่รอยยิ้มยังไม่จางหายไปจากใบหน้า ไนท์ที่มองอยู่เงียบ ๆ จึงลองโยนหินถามทาง “เกี่ยวกับธันวาเหรอ”


“เชี่ย!” บอยกับโอ๊คประสานเสียงกันดังเมื่อเห็นรอยยิ้มของเพื่อนกว้างขึ้นแทนคำตอบจนไนท์ต้องมองดุเพราะตอนนี้พวกเขายังไม่ออกจากพื้นที่หน้าห้องสอบ


“เกิดอะไรขึ้นวะ เล่าซิ” โอ๊ครีบแทรกตัวเข้ามากอดคอเพื่อนรักแล้วกระซิบถาม บอยจะเข้ามาฟังด้วยแต่โดนไนท์ดันหน้าผากไว้ให้ออกห่าง


“พอเลยพวกมึง เพื่อนมองกันใหญ่ละ เก็บความเสือกไว้ก่อน” ไนท์ทำหน้าที่รุนหลังเพื่อนทั้งสามให้เคลื่อนออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด


ช่วงเวลาพักกลางวันที่ปกติจะมีเสียงจอแจมากอยู่แล้ว ยิ่งเป็นพักกลางวันหลังสอบด้วยแล้วยิ่งเสียงดังจนชวนปวดหัว สี่หนุ่มเร่งฝีเท้าออกมาไม่ทันไกลจากเพื่อนร่วมรุ่นนักก็เจอกับหนุ่มรุ่นน้องที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาเดินมาจากอีกห้องหนึ่งเสียก่อน มิหนำซ้ำฝ่ายนั้นยังยืนยิ้มแฉ่งส่งมาทางนี้อีกด้วย


“เฮ้ย ๆ” โอ๊คสะกิดคนข้าง ๆ “ทำไมวันนี้น้องยิ้มให้มึงวะ ฮั่นแหน่ แผนสำเร็จแล้วเหรอวะ”


“มีคนหน้าแดงด้วยว่ะ” บอยเสริม ขณะที่ไนท์เพียงแค่เหลือบมองยิ้ม ๆ เท่านั้น


“พูดมาก” เดือนแรมตวัดตามองดุ ทว่าเพราะกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ น้ำเสียงจึงไม่ดุตามสักเท่าไหร่


ทั้งสองกลุ่มเดินมาบรรจบกันก่อนลงบันได ธันวาตั้งใจเดินรั้งท้ายคู่กับเดือนแรม สังเกตเห็นสีหน้าสดใสของอีกฝ่ายก็เดาได้ในทันทีว่าผลพวงจากความขยันของเจ้าตัวคงไม่ทรยศให้เจ็บช้ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเอ่ยถามเพราะอยากชวนคุย


“พี่ทำข้อสอบได้ล่ะสิ/มึงทำได้รึเปล่า” ทั้งสองถามขึ้นมาพร้อมกัน ธันวาเห็นเดือนแรมเกาท้ายทอยแก้เขินด้วย รู้สึกว่าน่ารักกว่าทำหน้าดุเป็นไหน ๆ


“คิดว่าไม่น่าเกลียดอะไรนะครับ” ธันวายิ้มแหย “เพราะได้พี่ช่วยชีวิตไว้”


“จะดีกว่านี้ถ้ามึงไม่หลับในห้องเรียน” เดือนแรมจิ้มนิ้วชี้ลงบนหน้าผากน้องราวกับต้องการฝังคำพูดตัวเองลงไปให้น้องจำได้


“ครับ ครับ”


ลงมาถึงพื้นล่างได้ก็พบว่ากลุ่มเพื่อน ๆ ตนเดินนำหน้าไปหลายก้าวแล้ว เห็นอย่างนั้นแทนที่เดือนแรมจะรีบสาวเท้าตามไปกลับเดินทอดน่องให้ช้าลงเพื่อรั้งคนที่เดินคู่กันให้เดินช้าลงไปด้วยเพื่อจะได้อยู่กันตามลำพังได้นานขึ้น


ไม่ได้เห็นหน้าหลายวัน คิดถึงจะแย่


“เออพี่! ผมรู้แล้วนะ”


“รู้อะไร”


“พี่แรมเป็นรุ่นพี่โรงเรียนผมใช่ป่ะ”


เดือนแรมชะงักเท้า หันมามองหน้าน้อง ตรงนี้ยังโล่งเพราะคนส่วนใหญ่ยังออกันอยู่หน้าห้องสอบเพื่อคุยเรื่องคำตอบกันอยู่ “มึงรู้แล้ว?”


ธันวายิ้มกริ่ม “ผมฉลาดขึ้นนึดนึงแล้วใช่ไหมล่ะ”


“แค่จำได้ไม่ได้แปลว่าฉลาดขึ้น”


ธันวาหน้าเหวอ


“มึงก็ยังโง่เหมือนเดิม” ว่าแล้วก็ก้าวเดินต่อ ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้จึงหันกลับมาอีกครั้ง


บางอย่างที่ทำให้เขาอารมณ์ดีทั้งวันจนเพื่อนหมั่นไส้


“ทำไมเมื่อเช้าส่งหัวใจกลับมา”


ธันวายิ้มกว้าง “ก็อยากให้อ่ะ”


เดือนแรมดันลิ้นกับกระพุ้งแก้มแม้ว่าอยากจะยิ้มออกมาให้กว้างอย่างน้องแต่ก็ไม่กล้า “จะกวนตีนกู?”


“เปล่าซักหน่อย เห็นว่าพี่ให้ใจมา เลยอยากจะให้กลับบ้างเท่านั้นเอง”


เดือนแรมสะดุดลมหายใจตัวเอง บอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกอย่างไร “อะ อะไรนะ พ...พูดจริง ๆ เหรอ”


“ก็จริงสิครับ พี่ทุ่มเทให้พวกผมด้วยหัวใจของพี่ ผมเลยอยากให้ใจพี่คืนบ้าง” แล้ววันนี้ก็สอบวันแรก เลยอยากเป็นตัวแทนรุ่นน้องที่ได้รับเมตตาจากเดือนแรมส่งกำลังใจให้อีกฝ่ายบ้าง


จบคำอธิบายของน้อง คนหน้าดุก็ริบรอยยิ้มคืนจากใบหน้าเหลือทิ้งไว้แต่เค้าดุดังเดิมที่ออกจะมากขึ้นด้วยซ้ำในความคิดของธันวา “อยากตายไหมธันวา”


“เอ้า ผมผิดอะไรอ่ะ”


เดือนแรมถอนหายใจ “มึงส่งหัวใจให้ทุกคนที่มึงอยากให้ใจเขาเลยรึเปล่า”


หนุ่มรุ่นน้องส่ายหน้า “ส่งให้พี่คนเดียว”


เดือนแรมถอนหายใจอีกรอบ “จำไว้นะ อย่าทำแบบนี้กับใครอีก คนเขาจะคิดเอาได้ว่ามึงชอบ” เมื่อเช้าก็เผลอดีใจแทบแย่ ใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าจะมีสมาธิเพียงพอจะเข้าห้องสอบ


“แต่พี่ก็ส่งให้ผมนี่” ผมยังไม่คิดเลยว่าพี่ชอบ...ธันวาทดประโยคหลังในใจ


“ก็บอกไปแล้วไงว่าชอบ”


อีกฝ่ายนิ่งอึ้งไป นานทีเดียวกว่าจะเปล่งเสียงออกมา “ชะ ชอบผมเหรอ”


เดือนแรมเงียบเพราะคิดว่าน้องจะถามอะไรโง่ ๆ ออกมาอย่างทุกที ไม่คิดว่าจะถามตรงจุดแบบนี้ ทั้งที่รอให้น้องรู้ตัวมาตลอดแต่พออีกฝ่ายถามด้วยสีหน้าหวาดหวั่นแบบนั้นกลับทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้น้องยังไม่ชอบเขา ถ้าบอกออกไปก็กลัวว่าน้องจะถอยห่าง ความพยายามเข้าใกล้ที่ผ่านมาคงสูญเปล่า


แต่ถ้าไม่พูดตอนนี้...จะสายเกินไปไหม


“อืม”






มึงพูดถูก พี่แรมชอบกู


ธันวาอยากจะพูดออกไปอย่างนั้นในตอนที่กรองเกียรติถามว่าเป็นอะไรเพราะเห็นเขาเอาแต่นั่งเหม่อ จิ้มส้อมบนเนื้อไก่ทอดแล้วถอนหายใจก่อนจะจิ้มอีกครั้งและอีกครั้งจนใกล้กลายเป็นไก่ป่นเต็มที


ถึงเดือนแรมจะไม่ได้พูดออกมาชัด ๆ แต่เขาก็ไม่โง่เกินกว่าจะไม่เข้าใจคำว่า ‘อืม’ ที่แทบจะเป็นแค่เสียงครางในลำคอเท่านั้น


“ไม่อร่อยรึยังไง ปกติเห็นกินออกบ่อย”


ธันวาเงยหน้ามองกรองเกียรติ ตั้งใจจะส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่พอส่ายไปด้านซ้ายได้ไม่กี่องศาก็สบเข้ากับนัยน์ตาคมดุของคนที่จ้องมาก่อนอยู่แล้ว หนุ่มรุ่นน้องรีบหลบตาอย่างลุกลี้ลุกลน รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุเสียอย่างนั้น


“ไอ้ธันว์” กรองเกียรติเรียกซ้ำด้วยความเป็นห่วง


“กินแล้ว ๆ” ว่าแล้วก็จ้วงข้าวเข้าปากไปคำหนึ่งแล้วไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาใครอีกเลย อยากจะด่าว่าเพื่อนรักเสียจริงที่เลือกนั่งโต๊ะเดียวกับรุ่นพี่กลุ่มนี้ทั้งที่มีที่ว่างตั้งเยอะ เขาที่เดินตามมาทีหลังจึงจำต้องนั่งร่วมโต๊ะกับเดือนแรมให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างเสียไม่ได้


และธันวาก็อยากด่าพี่โอ๊คเหมือนกัน…


“เห้ยน้องธันว์ ทำอะไรเพื่อนพี่วะ ทำไมมันยิ้มทั้งครึ่งวันเช้าเลย”


ช่วยไม่ได้ที่ธันวาต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง และเพราะว่าไม่ได้สังเกตตั้งแต่แรกว่าโอ๊คนั่งตรงไหน จึงจำต้องไล่กวาดสายตาแล้วสบกับทุกคน ทุกคนจริง ๆ ไม่เว้นแม้แต่ไนท์ที่ไม่ค่อยสนใจวงสนทนา


“ไม่เกี่ยวกับผมหรอกครับ” ธันวาตอบอ้อมแอ้ม ดูอย่างไรก็มีพิรุธจนน่าแกล้งอีกหน่อย


“จริงเหรอ ไม่เกี่ยวจริงดิ?”


“มึงจะเซ้าซี้น้องไปทำไม น้องบอกว่าไม่เกี่ยวก็คือจบ” เดือนแรมว่าเสียงนิ่ง หน้ากลับมาดุผิดกับเมื่อเช้าลิบลับจนเพื่อนทำตัวไม่ถูก


เมื่อประเด็นตกไปธันวาตั้งใจหันกลับมาสนใจอาหารต่อ แต่ดันสะดุดตากับใบหน้าจับผิดของเพื่อนสนิท คนถูกมองยิ้มแหยก่อนรีบจัดการอาหารตรงหน้าเพื่อหลีกหนี


โชคดีที่ภาคบ่ายวันนี้ไม่มีสอบต่อ เขากับกรองเกียรติจึงพากันไปอ่านหนังสือในหอสมุด แต่คงมีแค่กรองเกียรติเพียงคนเดียวที่ได้อ่าน เพราะธันวามัวแต่คิดถึงเรื่องที่คุยกับเดือนแรมเมื่อตอนกลางวันจนไม่เป็นอันอ่านหนังสือ


หลังจากได้รับคำตอบว่า ‘อืม’ เขาก็แทบไม่รับรู้อะไรต่อจากนั้นอีกแล้ว แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่ามันจะเป็นความจริง เพราะถ้าเดือนแรมไม่พูดออกมาตรง ๆ เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าอีกฝ่าย ‘ชอบ’


‘พ...พี่ชอบผมจริง ๆ เหรอ’


เขาถามออกไปอย่างนั้น เดือนแรมไม่ตอบ รุ่นพี่หน้าดุเพียงแค่ใช้ความจริงใจในหน่วยตาทำหน้าที่นั้นแทน


ในตอนนั้นธันวารู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างจะระเบิดเสียให้ได้ และไม่รู้ว่าเผลอทำหน้าแบบไหนออกไปด้วย


กรองเกียรติละสายตาจากหนังสือขึ้นมามองเพื่อนที่นั่งเหม่อเอาแต่ถอนหายใจแล้วก็ฟุบหน้ากับโต๊ะก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเหม่อใหม่อีกรอบวนอยู่อย่างนั้นหลายนาทีแล้วจนเขาไม่เป็นอันอ่านหนังสือไปด้วย


“เป็นอะไร”


“ไม่มีอะไร” ธันวาตอบเสียงเอื่อย


กรองเกียรติจ้องหน้าคนที่กล้าบอกว่าไม่มีอะไรทั้งที่ทำตัวผิดปกติตั้งแต่ที่โรงอาหารแล้ว เขาใช้สายตากดดันจนอีกฝ่ายเริ่มนั่งไม่ติด นัยน์ตาหลุกหลิกเหมือนคนทำความผิดแต่ก็ยังไม่ยอมสารภาพออกมา


“เกี่ยวกับพี่แรมใช่ไหม”


ท่าทางเลิ่กลั่กยิ่งกว่าเดิมของเพื่อนคือคำตอบชัดเจนเพียงพอ ขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อมีหวังไม่ได้อ่านหนังสือกันทั้งคู่


“พี่เขาทำไม”


“ทำเสียงดุอย่างกับเป็นพ่อ”


“ตอบ ก่อนที่จะสอบตกกันหมดนี่”


ธันวานิ่งไป ทั้งรู้สึกผิดที่ทำให้เพื่อนไม่มีสมาธิอ่านหนังสือไปด้วยและไม่กล้าเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น


“หรือจะให้กูลากมึงไปถามพี่แรมด้วย”


“ก...กู คือ…”


กรองเกียรตินิ่งรออย่างใจเย็น มองเพื่อนที่หันซ้ายหันขวาเหมือนดูลาดเลาว่าตรงนี้ปลอดภัยพอจะพูดเรื่องสำคัญ


“พี่แรม...บอกว่าชอบกู”


กรองเกียรติไม่ได้ยิ้ม ทั้งที่เป็นอย่างที่เขาคาดเดาและเตือนเพื่อนไว้ตั้งแต่ทีแรกแต่นี่ไม่ใช่เวลามาข่มกันว่า ‘กูบอกมึงแล้ว’ เพราะสิ่งสำคัญที่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วนคือความรู้สึกเพื่อนเขาตอนนี้


“มึงรังเกียจเขาไหม”


“ไม่นะ” ธันวาตอบโดยไม่ต้องคิด


“เหมือนพี่ภีม?”


คราวนี้ธันวาหยุดคิด น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ชอบเดือนแรมนักจากการที่ถูกกวนประสาทอยู่บ่อย ๆ แต่ทำไมพอรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายแบบนี้แทนที่ความรู้สึกด้านลบจะยิ่งมีมากขึ้นกลับกลายเป็นว่าได้รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ผ่านมาเขาไม่ได้รู้สึกแย่กับเดือนแรมขนาดนั้น


“...ไม่เหมือน”


“แล้วยังไง อะไรที่ทำให้มึงคิดมากจนไม่เริ่มอ่านหนังสือสักทีวะ”


“ไม่รู้อะ…” ธันวากุมขมับตัวเอง “...กูรู้สึกว่าตัวเองทำตัวไม่ถูกเวลาเจอพี่เขาอ่ะ”


“อึดอัด?”


“ไม่ ๆ”


“กลัว?”


“ไม่อ่ะ”


“เขิน?”


“...”


“ว่าไง เขินเหรอ?”


“ไม่น่าใช่นะ”


กรองเกียรติจะถือว่าไม่ได้ยิน เพื่อนเขาบอกว่าไม่ได้เขินทั้งที่หน้าแดงและเผลอหลบสายตาทุกครั้งที่สบตากับเดือนแรม มิหนำซ้ำยังไม่รังเกียจอีกฝ่ายอีกด้วย ว่ากันตามตรงแล้วเขาอยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกับธันวามาตั้งนาน เห็นผู้ชายมาจีบเพื่อนคนนี้ก็เยอะ มีไม่กี่คนหรอกที่มันจะไม่กลัวเขา นอกจากพี่ภีมก็เห็นจะอีกมีแค่คนเดียวคือเดือนแรม


...หรือคราวนี้ธันวาจะเป็นเกย์จริง ๆ


แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะชี้ทางเพื่อนตอนนี้ให้คิดมากไปใหญ่


“งั้นก็อ่านหนังสือ ไม่มีอะไรต้องคิดมากแล้ว ในเมื่อไม่รังเกียจ ไม่กลัว ไม่อึดอัด ก็ทำตัวเหมือนเดิมแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง”


“อืม” ธันวาพยักหน้าเห็นด้วยก่อนถอนหายใจทิ้งหนึ่งทีแล้วเริ่มอ่านหนังสืออย่างจริงจัง




ตารางสอบที่ติดกันทุกวันไม่มีวันพักทำให้นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สองและสามต้องอ่านหนังสือให้เข้าใจและจำได้ตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านี้เพื่อที่ช่วงสอบจะได้อ่านแค่เนื้อหาย่อหรือท่องจำเพิ่มเติมในส่วนที่ยังจำไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเอาตัวรอดได้ด้วยวิธีนี้


...และถ้าไม่ได้เดือนแรมคอยช่วย ธันวาเองก็คงไม่รอดเช่นกัน


หลังอาหารมื้อเย็น ธันวาแวะไปยังกล่องมิลเลอร์เพราะรู้สึกผิดกับการตัดรอนความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยการหลบตา แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่าในกล่องของตัวเองมีกระดาษโน้ตจากอีกฝ่ายอยู่ในนั้นก่อนแล้ว


‘ไม่ต้องชอบกูก็ได้ แต่อย่าหายไปไหนอีกเลย’


ธันวากลืนน้ำลายหนืดลงคอ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร รู้แค่ว่าตอนนี้ตนคงทำให้อีกฝ่ายคิดมาก และถ้าหากเดือนแรมสอบตกหรือไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งใจไว้ เขาคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ ๆ


เด็กหนุ่มหยิบปากกาออกมาบรรจงเขียนข้อความตอบกลับไปตามความตั้งใจเดิมของตัวเอง พับสองทบแล้วหย่อนลงในกล่องของเดือนแรม


‘ตั้งใจทำข้อสอบนะครับ’




กว่าช่วงเวลาอิสระจะมาถึงก็ล่อเอาเกือบเป็นศพ การสอบในชั้นปีที่สองหนักหน่วงกว่าปีหนึ่งอยู่มาก ปีหนึ่งที่ยังมีความคล้ายมัธยมปลายเพราะเรียนเนื้อหาวิทย์ คณิตทั่วไป แต่ชั้นปีที่สองที่มีแต่รายวิชาเกี่ยวกับวิชาชีพล้วน ๆ นั้นหนักหน่วงจนต้องขอฉลองด้วยการเข้าร้านเหล้าซักครั้งในชีวิต!


แต่ต้องไม่ใช่คืนนี้!!


กรองเกียรติเตือนสติเพื่อนรักไว้อย่างนั้น เนื่องจากพวกเขาสอบเสร็จกันกลางสัปดาห์ที่วันต่อมาก็ต้องเรียนต่อทันทีไม่มีว่างเว้น เพราะอย่างนั้นจึงปล่อยตัวปล่อยใจให้เมาราวกับเป็นช่วงวันหยุดคงไม่ได้


วันนี้จึงต่างจากทุกวันก็แค่อาบน้ำแล้วเข้านอนก่อนตีสองอย่างหลายวันก่อนหน้านี้เท่านั้น


เสียงเกากีตาร์ดังให้ได้ยินทันทีที่ธันวาเปิดประตูเข้ามาหลังจากไปอาบน้ำ คนเป็นรุ่นน้องวางตะกร้าอาบน้ำในส่วนของตัวเองก่อนเดินไปบริเวณเตียงนอนพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดผมไปด้วย


พื้นที่แคบ ๆ ระหว่างเตียงสองชั้นที่หันด้านข้างเข้าหากันปรากฏร่างสูงโปร่งพันผ้าขนหนูท่อนล่างอวดผิวขาวใสช่วงอก มือชูขึ้นง่วนกับการเช็ดผม ริมฝีปากอิ่มแดงเผยอออกคล้ายจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลายเป็นอ้ำอึ้งพูดไม่ออกเมื่อเห็นว่าบนเตียงโอ๊คที่ตนยืนหันหน้าเข้าหาไม่ได้มีแค่เจ้าของเตียงแต่มีเพื่อนของเจ้าตัวอยู่กันครบแก๊งและกำลังมองมายังตนตาค้างไม่ต่างกัน!!


เสียงเกากีตาร์เงียบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ จากเดิมที่กลัวจะโดนเดือนแรมว่าเรื่องที่ไม่ยอมใส่เสื้อผ้ามาตั้งแต่ห้องอาบน้ำ กลายเป็นว่าตอนนี้กลัวสายตาของเดือนแรมที่จับจ้องร่างกายตนมากกว่าเพราะคำว่าชอบที่วิ่งวนอยู่ในหัว เท่าทันความคิดผ้าบนศีรษะถูกลดลงมาปิดร่างช่วงบนของตัวเองในทันที


“ขาวจังวะ” บอยพูดออกมาอย่างเหม่อลอยทั้งที่ตัวเองขาวกว่ารุ่นน้องตรงหน้าเสียอีก ธันวาไม่ทันตั้งตัวกับคำชมนั้นเพราะมีหมอนอิงลอยมาโดนตัวเสียก่อนจนต้องรีบคว้าไว้ด้วยความตกใจ


“จะยืนรอให้กูไปใส่เสื้อให้รึไง!!”


“อะไรเล่า!” ธันวาว่า ทั้งเคืองทั้งเขินพร้อมกับโยนหมอนกลับไปหาเจ้าของเสียงดุแล้ววิ่งหนีไปหน้าตู้เสื้อผ้าของตัวเอง


ใบหน้าเห่อร้อนจนไม่กล้าส่องกระจกให้ประจานตัวเองเลยว่าจะหน้าแดงขนาดไหน และเพราะไม่ได้ส่องจึงไม่ทันรู้ว่าเนื้อตัวก็แดงราวกับกุ้งสุกไปแล้ว ไหนจะหัวใจที่เต้นแรงจนเกือบจะทะลุหน้าอกออกมาอีกเล่า ธันวาอยากจะร้องโอยออกมาดัง ๆ เพื่อคุมทุกความผิดปกติของร่างกายให้เป็นปกติเสียจริง


“อะแฮ่ม” เสียงใครสักคนจากเตียงนั้นดังขึ้น ธันวามารู้ในประโยคต่อมานี้เองว่าเป็นโอ๊ค “วันนี้พวกพี่ขออนุญาตเล่นดนตรีในห้องนะน้องธันว์ โอเคเปล่าวะ”


จะไม่โอเคเพราะสายตาของเดือนแรมเมื่อครู่เนี่ยแหละ มองเหมือนดุแต่กลับทำให้รู้สึกร้อนไปทั้งหน้าและตัวชวนให้รู้สึกเหมือนโดนอีกฝ่ายจับเปลื้องผ้าทั้งที่ก็เปลือยท่อนบนอยู่แล้ว


“ไม่มีปัญหาครับ” สิ้นคำอนุญาตเสียงเสียงเพลงก็ดังขึ้นอีกครั้ง


ใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าธันวาจะใส่เสื้อผ้าเสร็จ เสียเวลาต่ออีกนิดเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อย เสื้อบาสฯแขนกุดที่มีช่องแขนกว้างกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่าที่ใส่อยู่ทุกคืนคงไม่โชว์เนื้อหนังมากเกินไปใช่ไหม หันซ้ายหันขวาอยู่พักหนึ่งแล้วก็ตัดสินใจรื้อหาเสื้อแขนยาวกับกางเกงวอร์มมาเปลี่ยนในตอนที่เพลงแรกจบลงพอดี ธันวาสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกความมั่นใจก่อนเดินเข้าไปปีนขึ้นเตียงตัวเองโดยไม่มองสบตาใครอีกแต่จังหวะที่กำลังปีนเตียงยังทันเห็นว่านันกับอาร์ตนั่งรวมกันอยู่ใต้เตียงตัวเอง


“คืนนี้หนาวเหรอวะธันว์ ใส่ซะมิดชิดเลย” โอ๊คถามติดตลก อยากจะขำออกมาดัง ๆ อยู่เหมือนกันแต่ก็กลัวว่าน้องมันจะเขิน สำคัญคือไอ้คนที่เอาร่างควาย ๆ มาเบียดเขาบนเตียงนี่จะถีบเอาได้


“นิดหน่อยครับ” ธันวายิ้มแห้ง ทิ้งตัวลงนอนแล้วห่มผ้าถึงแค่ช่วงเอวเพราะรู้สึกร้อนมากกว่าหนาวอย่างที่บอกไป


“จะนอนแล้วเหรอวะ พวกพี่ย้ายห้องกันก็ได้นะ” โอ๊คว่าอย่างเกรงใจ ไร้ท่าทีล้อเล่นอย่างเคย


“ยังครับ แค่นอนเล่นเฉย ๆ ยังไม่ได้จะหลับเลย พี่ ๆ เล่นกันในนี้แหละ ผมอยากฟังด้วย” ธันวาเสริมคำพูดตัวเองด้วยการตะแคงตัวหันไปหาเตียงฝั่งตรงข้ามซึ่งพบว่ามุมสายตาโฟกัสกับคนที่นั่งเตียงล่างแบบพอดิบพอดี


ออกจะเขินอยู่เล็กน้อยที่ถูกเดือนแรมจ้องมองมา ไม่ทันสังเกตรายละเอียดว่าเป็นสายตาแบบไหนเพราะมัวแต่ทำใจดีสู้เสือ ปั้นหน้าเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงและพยายามไม่มองไปยังเขาคนนั้น


เพลงแล้วเพลงเล่าที่ทั้งห้องร่วมกันร้องโดยมีบอย ชายหนุ่มที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเป็นคนเล่นกีตาร์ ธันวาเองนอกจากนอนมองแล้วก็ร่วมร้องคลอตามไปด้วยในพื้นที่ของตน มีบ้างที่เผลอไปสบตาเข้ากับนัยน์ตาคมดุที่หลบเลี่ยงมาโดยตลอด


“ปฏิเสธหัวใจอย่างไร ฉันทำไม่เป็น เมื่อได้เห็นเธอเข้ามาทักทาย...” ต้นเสียงอย่างไนท์ขึ้นต้นเพลงใหม่ก่อนที่คนที่เหลือจะร้องขึ้นพร้อมกัน
.
.
‘หลงรักเธออยู่’


“แอบหลงรักเธออยู่” คงเป็นเพราะเสียงพูดที่แทรกขึ้นมาตรงจังหวะที่กีตาร์เว้นไว้ให้ถึงได้ดึงสายตาคนที่นอนเตียงบนให้จ้องตอบเจ้าของท่อนพูดเหมือนในเพลงต้นฉบับได้


‘แอบหลงรักเธออยู่’


‘แต่เธอคงไม่รู้’


“แต่เธอคงไม่เคยจะรู้”


‘แต่เธอคงไม่รู้’


“ไม่ใช่ว่ารู้แล้วเหรอวะ” โอ๊คแทรกขึ้นมาราวกับเตี๊ยมกับบอยไว้แล้วว่าจะเว้นจังหวะเพลงไปอีกนิดเพื่อให้ตนได้ล้อเพื่อนที่เอาแต่มองรุ่นน้องเตียงบนไม่วางตา


“วู้วววววว”


ทั้งการแซวของโอ๊คทั้งเสียงโห่ร้องผิวปากของรุ่นพี่ยังไม่ทำให้ธันวาหน้าร้อนได้เท่ากับสายตาของเดือนแรมที่จ้องมองมาในตอนที่พูดประโยคพวกนั้นเลยสักนิด มันร้อนจนไม่อาจทนทำเป็นว่าไม่รู้สึกอะไรได้อีกต่อไปแล้ว เด็กหนุ่มพลิกตัวหันหน้าหนีเข้าผนังห้องหมุดซีกหนึ่งของใบหน้าเข้ากับหมอนหลบสายตาจากทุกคนด้วยความอาย ไม่วายโอ๊คยังส่งเสียงตามมาแซวอีกจนได้ว่า “นั่นมึงจะนอนแล้วเหรอวะ”


“ครับพี่!”






สุดสัปดาห์แรกหลังสอบเสร็จหอพักนักศึกษาแพทย์เกือบจะกลายเป็นหอร้างเพราะทุกคนต่างพร้อมใจกันกลับบ้าน หลายคนเลือกกลับตั้งแต่เย็นวันศุกร์ ขณะบางคนรอเช้าวันเสาร์ ซึ่งสองในนั้นคือธันวากับกรองเกียรติที่ตกลงกันแล้วว่าจะไปนั่งดื่มกันที่ร้านเหล้ากับดีน เพื่อนสนิทต่างคณะ


โอ๊คเป็นรุ่นพี่ที่ใส่ใจคำพูดตัวเองและเป็นห่วงรุ่นน้องอย่างเขามากเกินไป...ธันวาคิดอย่างนั้น เพราะตอนที่รู้ว่าทุกคนในห้องพร้อมใจกันกลับบ้านตั้งแต่เย็นวันศุกร์ โอ๊คก็รับปากเขาทันทีว่าจะหาคนมานอนเป็นเพื่อนตน จะได้ไม่รู้สึกกลัวเหมือนอย่างที่เคยคุยกันไว้


และถ้าธันวารู้ว่าโอ๊คจะให้เดือนแรมมานอนเป็นเพื่อน เขาคงเลือกกลับบ้านตั้งแต่วันศุกร์จะดีกว่า!!


ดูอย่างตอนที่เขากำลังแต่งตัวแต้มน้ำหอมที่ซอกคอในตอนหนึ่งทุ่มโดยมีเดือนแรมในชุดพร้อมนอนนั่งมองจากเตียงของโอ๊คนั่นสิ อย่างกับผู้ปกครองมานั่งคุมความประพฤติมากกว่าแค่มานอนเป็นเพื่อนเสียอีก


“จะไปไหน” เท่าทันความคิด เสียงดุ ๆ ของอีกฝ่ายดังขึ้นทันที


“ข้าวสารครับ” เขาตอบทั้งที่ยังง่วนอยู่กับการเซตผมหน้ากระจก


“ร้านเหล้า?”


“ครับ” ธันวาไม่อยากโกหก เห็นอีกฝ่ายอึ้งไปเล็กน้อยก่อนถามต่อด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม


“อายุถึงแล้วเหรอ”


“ตั้งแต่ต้นปีแล้วครับ”


“ไปกับใคร”


“เพื่อนครับ”


“…”


“พี่จะห้ามรึเปล่า” ธันวาหันไปเผชิญหน้า ไม่รู้ทำไมถึงถามออกไปแบบนั้นทั้งทีเคยย้ำอยู่ตลอดว่ารุ่นพี่ไม่มีสิทธิ์ แต่คงเพราะอย่างนั้นอีกเหมือนกันถึงได้ถามออกไป เพราะมักจะถูกเดือนแรมห้ามนั่นห้ามนี่อยู่เสมอด้วยความเคยชินถึงได้คิดว่าครั้งนี้ก็อาจจะโดนห้ามเหมือนกัน


“มีสิทธิ์อะไรไปห้าม” คนแอบชอบฝ่ายเดียวอย่างเขามีสิทธิ์สร้างความลำบากใจให้คนที่ชอบด้วยหรือ แค่ได้อยู่ใกล้ ๆ แบบไม่ให้ไปรกสายตาอีกฝ่ายก็ดีแค่ไหนแล้ว


คนแอบชอบก็มีสิทธิ์แค่นั้น ถูกต้องแล้ว


แต่ว่านะ…


...ในฐานะคนที่กำลังจีบ เขาก็ต้องหาโอกาสทำคะแนนด้วยไม่ใช่หรือ?


“แต่ขอสิทธิ์ตามไปดูแลได้ไหม”









TBC.
----------------------------------------------------------------
ตอนนี้มาเร็วมากกกกกกกกก เนอะ
อยากให้ลองไปฟังเพลงปฏิเสธอย่างไรกันดูนะคะ มันจะมีเสียงพูด
ฝากเชียร์พี่แรมของน้องด้วยนะคะ
#แรมเดือนสิบสอง

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โธ่ นึกว่าจะแน่ ไม่ห้ามแต่ขอตามไปเป็นไม้กันหมาก่อน  :m20:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เห็นอนาคตพี่แรมมาแต่ไกล ก็คือดุไปเหอะ พอเป็นแฟนแล้วไม่ใช่หงอนะคะ 555555555555555

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เขินนน พี่แรม มาติวให้เราบ้างงงง


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ไหนๆน้องมันก็รู้ว่าชอบแล้ว ที่นี้ก็รุกจีบให้เต็มที่ไปเลยสิพี่แรม

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :hao7: :ling1: พี่แรมของน้องงงงงงง รุกเลยค่ะ เดินหน้าจีบเต็มกำลังเลยไม่ต้องรอแล้ววววว

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ทำไมตอนกลุ่มพี่แรมเดินออกมาจากห้องสอบละเดินไปเจอน้องธัน ละไอ้น้องธันก็ยิ้มมาทางกลุ่ม พระ-นายต่างยิ้มให้กัน ทำไมเลาต้องเผลอยิ้มตามด้วยก็ไม่รู้  :-[
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เปิดทางให้พี่แรมเดินให้สะดวกด้วยเถอะ

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
แรมเดือนสิบสอง

แรม ๖ ค่ำ เดือน ๑๒





‘ขอสิทธิ์ตามไปดูแลได้ไหม’



ฟังดูเหมือนประโยคขอร้องแต่จริง ๆ แล้วคือบอกเล่า ต่อให้ธันวาร้องห้ามอีกฝ่ายก็คงรั้นตามมาอยู่ดี


และเพราะธันวาไม่พูดอะไร รุ่นพี่หน้าดุถึงได้มานั่งอยู่ในร้านเดียวกันโดยยึดครองโต๊ะเยื้องไปข้างหน้านี่เอง


“พี่แรมแม่งสุดว่ะ” แววตากรองเกียรติแสดงความขื่นชมอย่างเปิดเผยตอนที่พูดถึงคนที่ครองโต๊ะคนเดียวแล้วยังหันหน้ามาทางนี้ด้วย ดวงตาคมดุคู่นั้นก็เอาแต่จ้องมองเพื่อนเขาอย่างไม่ปิดบัง คนไม่รู้เรื่องอย่างดีนมองแวบแรกก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายตามจีบธันวาอยู่


“เขาซื้อมึงเท่าไหร่” ดีนเอ่ยเรียบ ๆ วันนี้มากันแค่สามคน สองนักศึกษาแพทย์กับหนึ่งนักศึกษาอักษรศาสตร์ สองคนแรกมาเพราะเครียดกับการสอบและอยากปลดปล่อย ส่วนอีกคนมาคอยดูแลหรือคุมความประพฤติของธันวาอย่างที่กรองเกียรติชอบแซว


โต๊ะของพวกเขาเป็นโต๊ะกลม ทั้งสามนั่งหันหน้าเข้าหากัน แต่มีเพียงแค่กรองเกียรติที่หันหลังให้เดือนแรม จึงทำให้ต้องคอยหันข้างเหลือบมองอยู่บ่อย ๆ


“ซื้อด้วยใจเว้ย คนมีพระคุณล้นหัวอย่างพี่แรมไม่ต้องใช้เงินซื้อกูหรอก”


“ถ้าเขาไม่จีบธันวาเขาจะมาเสียเวลาติวให้พวกมึงเหรอ”


“อะแค่ก อะแค่ก” คำว่า ‘จีบ’ จากปากเพื่อนทำเอาคนที่นั่งดื่มเงียบ ๆ สำลัก หลุดท่าทีไม่สนใจฟังบทสนทนาให้รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นเสียงเพลงต่างหากที่ไม่เข้าหูสักนิด


“รึไม่จริง” ดีนถาม หันหน้ามองเพื่อนทีละคน ธันวาหลบตาทำไม่รู้ไม่ชี้ขณะที่กรองเกียรติอ้ำอึ้ง


“มึงทั้งเก่งทั้งขยัน มีเหรอจะสอบไม่ผ่าน ไอ้ธันวาก็ใช่ว่าจะโง่ อย่ามองสิ่งที่เขาทำให้เป็นบุญคุณนักเลย ก็แค่เอามาอ้างเพื่อเข้าใกล้มันเท่านั้นแหละ”


“มึงดูถูกน้ำใจพี่เขาเกินไปป่ะวะ” คนที่เทิดทูนเเดือนแรมเหนือหัวโวยวาย


“อย่างน้อย...พี่เขาก็หวังดีกับพวกกูนะ” ธันวาปริปากเป็นครั้งแรกตั้งแต่ฟังเพื่อนเถียงกันเรื่องเดือนแรม


“ใจอ่อนให้เขาแล้วดิ” ดีนถาม มองเพื่อนด้วยสายตาปกติแต่แอบสังเกตอาการอีกฝ่ายไม่วางตา


“บ้าเหรอวะ กูชอบผู้หญิง”


เขาเห็น...บางอย่างที่สวนทางกับคำปฏิเสธ


“หรือต่อให้ไม่ชอบผู้หญิงก็ไม่อยากชอบผู้ชายแล้ว”


“อย่าเอาผู้ชายคนเดียวมาตัดสินผู้ชายทั้งโลก ไม่เคยได้ยินเหรอ” กรองเกียรติว่า


“อะไรวะ วันก่อนมึงยังว่าพี่ภีมไม่ดีอยู่เลย” ธันวาแย้ง


“มึงเองก็ยังบอกว่าเขาดีเหมือนกัน” อีกฝ่ายสวนกลับทันควัน


“พอ ๆ” คนกลางอย่างดีนห้ามทัพ “นี่มึงยังโกรธพี่ภีมอยู่เหรอ”


“ไม่ได้โกรธแล้ว” ธันวาตอบเสียงอ้อมแอ้ม เบนความสนใจไปเทเหล้าผสมมิกเซอร์ในแก้วจนสีเข้มแทน


“แล้วทำไมถึงไม่อยากชอบผู้ชายอีก”


“ก็ไม่อยากเจ็บแบบเดิม ๆ ป่ะวะ...ไม่เอา ๆ ไม่พูดเรื่องนี้ได้ป่ะ ขออนุญาตเมาเพราะเรื่องเรียนนะครับ” ธันวาไม่สนใจสีหน้าของเพื่อนหลังจากนั้น ยกเหล้าซดไปครึ่งแก้วทั้งที่ทำหน้าปุเลี่ยนจากรสชาติที่ไม่ถูกปากสักนิด


พวกเขาเคยดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้อยู่บ้างสมัยเรียนมัธยมปลาย หนักสุดก็ครั้งที่พากันไปเที่ยวเกาะพะงันตามประสาคนมีที่เรียนต่อกันแล้ว และเพราะรู้ว่าเมื่อธันวาเมามากจะเป็นอย่างไร ดีนจึงต้องตามมาดูแลในวันนี้


หนุ่มลูกเสี้ยวไม่แตะเหล้าที่เพื่อนสั่งมาสักนิด เขาสนใจแค่เหล้าปั่นรสหวานดีกรีอ่อนเท่านั้นเพราะนอกจากต้องคอยดูแลเพื่อนแล้วยังต้องขับรถกลับอีกด้วย


ร้านนี้เป็นร้านในย่านบางลำภู เป็นซอยถนนติดกับถนนข้าวสารที่แม้จะไม่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติมากเท่า แต่ก็ยังมีมาเดินให้เห็นกันพลุกพล่าน ร้านที่พวกเขาเลือกนั่งแทบจะเป็นร้านเดียวในย่านนี้ที่มีแต่คนไทยล้วน ด้วยเพราะแนวเพลงของดนตรีสดที่ฟังสบาย ๆ ถูกจริตคนไทยไม่ได้เป็นแนวที่มีท่วงทำนองสากลหรือมีคลาสอะไรนักอย่างเพลงแจ๊สจากร้านฝั่งตรงข้าม


ตัวร้านเล็ก ๆ ถูกแบ่งเป็นสองโซน โซนในร้านที่ค่อนข้างแคบเป็นพื้นที่ของวงดนตรีและโต๊ะสามสี่ตัวที่ทำให้ลูกค้าได้ใกล้ชิดกับนักดนตรีมากทีเดียว และโซนนอกร้านให้ลูกค้าได้พอพูดคุยอะไรกันได้บ้างจากเสียงที่ไม่อึกทึกนัก


โต๊ะของพวกเขาอยู่นอกร้าน แต่จัดว่าอยู่ตรงหน้าวงดนตรีและใกล้กันมากอยู่ดี โดยที่ธันวานั่งหันหน้าไปทางนั้นชนิดที่ว่านั่งจ้องตากับนักร้องได้เลยทีเดียว


ธันวาเมาง่าย เมื่อแอลกอฮอล์เข้าเส้นเลือดไม่กี่แก้วก็เริ่มตัวแดง เจ้าตัวเอาแต่บอกว่าต้องดื่มเข้าไปเยอะ ๆ และบ่อย ๆ ร่างกายจะได้สร้างเอนไซม์มาย่อยสารบางอย่างและหายแดงไปเองตามกลไกของร่างกายที่เด็กอักษรฯแต่จบสายวิทย์มาอย่างดีนยังฟังไม่เข้าใจ


แต่ไหนแต่ไรมาธันวาเป็นคนที่ดึงดูดคนทุกเพศทุกวัยอยู่แล้วแต่เจ้าตัวไม่เคยรู้สึกและไม่สนใจ มีแต่ดีนที่คอยกันท่าให้อย่างเงียบ ๆ ยิ่งพอเมากึ่ม ๆ ทั้งตัวแดงและตาเยิ้มหวานแบบนี้ก็ยิ่งเป็นที่สนใจของโต๊ะรอบข้าง ดีนจึงต้องเก็กหน้าขรึมทำตัวเป็นหมาหวงนายเป็นพิเศษ


ใบหน้าตี๋แต่ดูอินเตอร์ตามเชื้อชาติที่มีแต้มรอยยิ้มมุมปากยามที่เห็นแสงสว่างวาบจากหน้าจอโทรศัพท์ของธันวาที่วางไว้บนโต๊ะ แม้ไม่อยากสนใจแต่ดีนพบว่ายากเหลือเกินที่จะไม่สะดุดตากับการแจ้งเตือนจากแอปฯแชทที่ปรากฏชื่อเดือนแรม


‘หยุดกินได้แล้ว’


ดีนเหลือบมองเจ้าของเครื่อง ธันวายังเอาแต่มองวงดนตรีและเพลิดเพลินกับเสียงเพลงจนไม่ทันสังเกตเห็น เขาจึงหันไปมองคนที่นั่งอยู่อีกโต๊ะแต่ไม่เคยหลุดโฟกัสไปจากโต๊ะพวกเขาเลย เพียงได้สบนัยน์ตาคมดุคู่นั้น หนุ่มลูกเสี้ยวก็รู้สึกนึกสนุกขึ้นมา ดีนจัดการคว่ำหน้าจอของธันวาอย่างเงียบ ๆ โดยยังประสานตากับรุ่นพี่ต่างคณะให้รู้กันไปเลยว่าจงใจปิดกั้นความเป็นห่วงของอีกฝ่าย


เมื่อเห็นว่าเดือนแรมไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั่งจ้องด้วยความขุ่นเคืองและถ้านั่งใกล้ ๆ คงได้ยินเสียงสบถด่าดีนก็หันมาให้ความสนใจเพื่อนต่อ ธันวาตั้งใจมาเมาเพราะเรื่องเรียนจริงอย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้น เพราะเมื่อดื่มจนเริ่มได้ที่ก็เริ่มพูดกันถึงข้อสอบกลางภาคที่ผ่านมา


“แล็บกริ๊งแม่งโคตรสุดไอ้ดีน มึงต้องลองเจอสักครั้ง กรี๊งทีสติกูกระเจิงหมด ข้อแรกที่กูเจอแม่งง่ายฉิบหายแต่เสือกตอบผิด” ดีนฟังเพื่อนอย่างตั้งใจแม้จะไม่เข้าใจเรื่องของสองว่าที่หมอนัก แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินชื่อคนคนเดิมเป็นอีกครั้งของวันนี้ “ถ้าพี่แรมรู้กูต้องโดนด่าว่าโง่อีกแน่”


ดีนไม่ทันถามต่อว่าอีกฝ่ายด่าบ่อยหรืออย่างไรเพราะกรองเกียรติแทรกขึ้นเสียก่อน “เรื่องนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามึงตอบข้อที่พี่แรมเกร็งให้อย่างกับเป็นคนออกข้อสอบเองไม่ได้อ่ะกูว่าสมควร”


“เออใช่ ๆ ชื่อกล้ามเนื้อแม่งโคตรยาว แล้วดันถามออริจิ้นกับอินเซอร์ชั่น ถ้าพี่ีแรมไม่เกร็งให้กูไม่มีทางจำมัดนั้นไปสอบแน่ ๆ”


“มึงรู้ไหมดีนว่าพวกกูต้องเจอกับอะไรบ้าง” กรองเกียรติเริ่มเล่าด้วยอารมณ์อัดอั้น ไม่บ่อยนักที่ดีนจะเห็นคนคงแก่เรียนอย่างกรองเกียรติมีความรู้สึกแบบนี้ ครั้งล่าสุดน่าจะเป็นตอนที่อ่านหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัยจบเป็นรอบที่ห้า “กล้ามเนื้อแต่ละมัดชื่อก็โคตรจำยาก แล้วยังต้องรู้จุดเกาะต้นจุดเกาะปลาย ไหนจะแอคชั่นมันอีก นรกมาก ๆ แล้วกูต้องท่องจำแบบนี้เป็นร้อย ๆ มัดอ่ะมึงคิดดู ไหนจะชื่อกระดูกแต่ละชิ้นอีก ยิ่งชิ้นเล็กชิ้นน้อยยิ่งชื่อยาว สัด!”


ธันวาหัวเราะร่วน เรียนด้วยกันอยู่ด้วยกันตลอดแต่ไม่เคยได้ยินเพื่อนสนิทบ่นเท่านี้มาก่อน “โธ่ นึกว่าชอบ เห็นตั้งใจเรียนตลอด”


“เขาเรียกว่ารู้หน้าที่เว้ย” กรองเกียรติสวนจนธันวาหน้าง้ำไม่กล้าเถียงกลับ ก่อนจะหันไปเล่าให้ดีนฟังต่อ “รุ่นพี่เขาแซวกันขำ ๆ ว่าปีสองรู้อนาโตมีแต่ไม่ได้ใช้ ขึ้นปีสี่จำเป็นต้องใช้แต่จำไม่ได้”


“งั้นพวกมึงก็ท่องให้จำไว้ตลอดสิวะ”


“พี่แรมเขาแนะวิธีจำและทวนง่าย ๆ มาแล้ว”


พี่แรมอีกแล้ว...


ธันวาพูดเหมือนคุยโวราวกับปลาบปลื้มในตัวรุ่นพี่คนดังกล่าวเสียมากมาย ขณะที่ดีนเริ่มรู้สึกว่าชื่อนี้ออกจากปากเพื่อนรักบ่อยเกินไปแล้ว


เรื่องเรียนจบลงในตอนนั้นเพราะดีนไม่มีอะไรจะเล่าเกี่ยวกับตัวเอง แต่เมื่อถูกกรองเกียรติรบเร้าให้เล่าเรื่องผิง เพื่อนสาวร่วมคณะของดีนที่เจ้าตัวแอบชอบ ดีนก็รีบเบี่ยงประเด็นไปที่เรื่องวันวานแทน ซึ่งธันวารับส่งกับเขาได้เป็นอย่างดีจนตอนนี้หัวข้อสนทนาหนีไม่พ้นเรื่องเก่า ๆ ทั้งเรื่องเพื่อน เรื่องเรียน และเรื่องเล่น


“ไอ้คู่แฝดนรกนั่นทะเลาะกันทุกวันจนดีนปวดประสาท” ธันวาเล่าก่อนหัวเราะเอิ้กอ้าก


“จริง แม่งเรื่องหยุมหยิมทั้งนั้น” กรองเกียรติเสริม


“กวนตีน” ดีนว่า ราวกับจะฝากลมฝากฟ้าไปสรรเสริญเพื่อนที่อยู่ไกลกัน


สองนักศึกษาแพทย์ประสานเสียงหัวเราะกัน ก่อนที่กรองเกียรติจะพูดต่อ “กูยอมพวกแม่ง ยิ่งมึงประสาทแดก พวกมันยิ่งชอบ หลัง ๆ มาสารภาพกับกูว่าเห็นมึงโมโหแล้วสนุกดี”


“คนที่ไม่สนใจอะไรเลยต้องยกให้ไอ้ทีมเลยครับ กูนับถือในความใจเย็น แม่งไม่เคยหัวร้อนกับไอ้แฝดเลย”


“แต่กูว่าทีมมันแอบรำคาญว่ะ” กรองเกียรติแย้งธันวา “ไม่อย่างนั้นมันจะยืนกรานไม่ยอมไปเอ็นฯที่เดียวกับสองคนนั้นเหรอ ทั้งที่คณะที่มันอยากเรียนมอนั้นน่าสนใจกว่าเยอะ”


“เออจริงด้วยว่ะ”


ดีนยิ้มบาง พอเริ่มกึ่ม ๆ ก็เริ่มคุยเรื่องเก่า ๆ สนุกขึ้น  ธันวายิ้มแย้มเต็มหน้า กรองเกียรติเองก็หัวเราะจนตาที่ตี๋อยู่แล้วหยีเล็กเข้าไปใหญ่


“ตอนแรกกูนึกว่าติดสาว ตามเขาไปเรียนที่เดียวกัน”


“ติดบ้าอะไร มันเลิกกันก่อนแล้ว”


“ก็กูไม่รู้นี่หว่า” กว่าเขาจะรู้ก็เรียนปีหนึ่งไปเกือบครบเทอมแล้ว


“มึงมัวแต่ติดพี่ภีมไง เลยไม่รู้เรื่องคนอื่น ตอนนั้นไอ้ดีนเป็นหมาหัวเน่าไปเลย”
กรองเกียรติคงเริ่มเมาจนไม่ทันยั้งปาก เพราะเมื่อพูดถึงชีวิตมัธยม มันก็ยากที่จะเลี่ยงไม่ให้พูดถึงคนที่เป็นรักครั้งเก่าของธันวาได้


ธันวาสะอึกในตอนนั้น ดีนมองกรองเกียรติด้วยสายตาปรามให้อีกฝ่ายหยุดพูดถึงบุคคลต้องห้าม แต่กลายเป็นว่าธันวาพูดขึ้นมาเสียเองก่อนที่คนหลุดปากจะทันได้บอกขอโทษเสียอีก “คิดถึงว่ะ”


“ไอ้ธันว์...”


“ตอนนั้นถ้าไม่มีพี่ภีมกูก็คงแย่” ธันวาซดเหล้าอีกอึกหนึ่ง นัยน์ตาเลื่อนลอยคล้ายกำลังคิดไปถึงใบหน้าของคน ๆ นั้นอยู่ “แต่ก็เพราะว่ามีเขาเข้ามา กูถึงไม่ค่อยได้อยู่กับพวกมึงเลย ขอโทษจริง ๆ ว่ะ”


“ไม่เป็นไร” ดีนวางมือบนศีรษะเพื่อนแล้วโยกไปมาขณะที่กรองเกียรติโอบไหล่แล้วตบเบา ๆ เพื่อปลอบใจเพื่อน “มึงไม่ผิดหรอก พวกกูเข้าใจ วันนี้มึงอยากเจอหน้าพวกกูบ่อยหน่อยเพราะเรายังอยู่ด้วยกัน แต่วันนึงมึงอาจจะอยากเจอหน้าคนอื่นบ่อยกว่าก็ไม่เป็นไร รู้แค่ว่าอยากเจอกันเมื่อไหร่แค่หันกลับมา”


“พวกมึง…” อาจจะเป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่ทำให้ธันวาอ่อนไหวกับเรื่องนี้ได้มากจนเกือบร้องไห้ออกมาตรงนี้


“อย่าคิดมากดิ วันนึงพวกกูก็จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน เกิดอาการอยากเจอคนอื่นมากกว่าเพื่อน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีเพื่อนนี่ จริงไหมวะไอ้เก่ง”


“เออใช่ เหมือนอย่างที่ตอนนี้กูอยากเห็นหน้าผิงมากกว่าหน้ามึงอ่ะ”


“สัด” ธันวาสรรเสิญเข้าให้คำโต


รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเริ่มกลับเข้าสู่วงสนทนาอีกครั้ง มีบ้างที่ปล่อยให้โต๊ะเงียบปล่อยใจไปกับเสียงเพลงและเครื่องดื่มที่ยิ่งดื่มก็ยิ่งลื่นคอจนเกิดอาการหัวหนัก ธันวามักบอกอย่างนั้น มันหนักจนต้องหาที่พัก ซึ่งก็คือไหล่ของดีน ดีนจัดศีรษะเพื่อนให้เข้าที่เข้าทาง เอื้อมแขนไปด้านหลังโอบไหล่ไว้หลวม ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เพื่อนหงายหลังตกเก้าอี้ ดีนทำอย่างนั้นทั้งที่เห็นว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองมาด้วยความไม่พอใจ


มุมปากกระตุกยิ้มอย่างนึกสนุกก่อนพูดขึ้นลอย ๆ ทว่ากลับได้รับความสนใจจากเพื่อนทั้งสองคน “ใช้ได้เลย”


“อะไรใช้ได้” กรองเกียรติที่มีสติถามขณะช่วยดีนจัดร่างเพื่อนที่คอพับไปก่อนแล้วให้เข้าที่อีกนิด


ดีนโบ้ยปากไปทางคนที่นั่งอยู่โต๊ะเยื้องกันด้านหน้า “ไม่ก้าวก่าย ไม่คุกคาม ทำตัวเป็นคนจีบที่ดี”


สองหนุ่มมองตามสายตาดีนแล้วได้แต่คิดว่าไอ้สายตาจ้องเขม็งและท่าทางราวกับพร้อมจะลุกมากระชากธันวาจากอ้อมแขนดีนอยู่ตลอดเวลานั่นหรือคือ ‘คนจีบที่ดี’ อย่างที่เพื่อนว่า


“จ้องอย่างกับจะฆ่ามึงนั่นเรียกว่าดีเหรอวะ” กรองเกียรติกระซิบถามด้วยความหวาดกลัวทั้งที่นั่งพูดตรงนี้ด้วยระดับเสียงธรรมดาก็ไม่ดังจนคนโต๊ะนั้นได้ยินอยู่แล้ว


“อย่างน้อยก็ไม่ได้พยายามจะกีดกันคนอื่นหรือยัดเยียดตัวเองให้ธันวา ถึงจะตามจีบตามมาดูแลแต่เขายังเว้นสเปซให้มัน” ...เหมือนที่ทำมาโดยตลอด


ดีนหันมองคนที่ยกศีรษะออกจากไหล่ตนแล้ว ไม่รู้ว่าหายอาการหัวหนักแล้วหรือกลัวใครจะโมโหเข้าให้กันแน่ ถึงได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการตั้งศีรษะให้ตรง “แต่ถ้ามึงยอมเป็นแฟนเขาเมื่อไหร่ กูบอกได้เลยว่าขาดอิสระไปตลอดกาล”


“ใครจะยอมเป็น!” ธันวาแย้งเสียงดังเป็นจังหวะเดียวกับที่เพลงจบลงพอดี เป็นเหตุให้นักร้องที่น่าจะวัยไล่เลี่ยกันพูดแซวผ่านไมค์และรบเร้าให้ธันวาขอเพลงได้หนึ่งเพลง


คนถูกกดดันลุกลนด้วยเพราะไม่ทันตั้งตัว กอปรกับสติที่ยังไม่ครบถ้วนจึงรีบพูดชื่อเพลงที่ติดค้างอยู่ในหัวมาหลายวันออกไปโดยไม่ทันได้ไตร่ตรอง


“ปฏิเสธอย่างไรครับ”


แต่ที่ขาดสติยิ่งกว่าคือการหันไปมองคนที่เคยร้องเพลงนี้ให้ฟังเมื่อหลายวันก่อนทั้งที่พยายามหลบตามาตลอดตั้งแต่เข้ามาในร้าน จนกลายเป็นว่าตอนนี้ไม่อาจถอนสายตากลับมาได้อีกเลย ราวกับว่าถูกสายตาคมดุสะกดเอาไว้อยู่อย่างนั้น


“สาว ๆ ในร้านก็คงปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าคุณน่ามองมากแค่ไหน”


ทั้งดีนและเดือนแรมหันขวับไปมองนักร้องที่พูดแซวออกไมค์ อยากจะคิดว่าเขาแค่พูดแทนใจผู้หญิงอยู่เหมือนกัน หากไม่ติดว่าใช้น้ำเสียงเจ้าชู้ที่แม้ไม่เห็นสายตาที่กำลังมองธันวาในขณะนี้ก็รู้ได้ว่าแท้จริงแล้วกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ดีนบันทึกใบหน้านักร้องคนนั้นไว้ในความทรงจำ หากเจอกันอีกครั้งจะต้องกันออกห่างจากธันวาให้ได้!




วิธีสร่างเมาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนฟุบหลับไปครู่หนึ่งตื่นมาก็มีสติครบถ้วน บางคนต้องดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ บางคนต้องอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง ส่วนเดือนแรมแค่ปัสสาวะออกก็สร่างไปได้เยอะแล้ว ยิ่งวันนี้ไม่ได้ตั้งใจมาเมาด้วยแล้ว พอได้เข้าห้องน้ำก็สดชื่นขึ้นเยอะ


“เก่งจังเลยนะครับ…” เดือนแรมเหลือบมองผ่านกระจก เห็นว่าเป็นเพื่อนหน้าตี๋ออกฝรั่งของธันวาก็ก้มหน้าล้างมือต่อ “...ในที่สุดก็มีวันนี้ ดีใจด้วยจริง ๆ”


เดือนแรมแค่นหัวเราะ จะให้เชื่อว่าอีกฝ่ายยินดีด้วยความจริงใจอย่างนั้นหรือ “หมายถึงอะไร”


ดีนยิ้มคล้ายจะเป็นมิตรแต่กลับจงใจเผยให้เห็นความยียวนที่มุมปาก “ก็ที่พี่ป้วนเปี้ยนเป็นสัมภเวสี
รอบตัวธันวาอยู่ตั้งนาน สุดท้ายก็ได้อยู่ในสายตามันซักทีไงครับ...แต่ว่านะ คงเส้นคงวาไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ...” ดีนยิ้มเยาะปิดท้าย


เดือนแรมตีหน้านิ่ง ทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่หนุ่มรุ่นน้องกำลังพูดทั้งที่ในใจเริ่มอยู่ไม่สุข ยิ่งในตอนที่อีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกนิดเพื่อเน้นย้ำคำพูดต่อจากนั้น เขาก็ยิ่งต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการอดกลั้นไม่ให้กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายมาอัดปากนั่นด้วยกำปั้น


“...เคยป๊อดอย่างไรก็ยังป๊อดอย่างนั้น”


“เพื่อนมึงยังไม่ชอบกู” เดือนแรมว่าขึ้นก่อนที่ดีนจะสาวเท้าห่างออกไปไกล


“หรือว่าง่าย ๆ ก็คือมันชอบผู้หญิง”


แม้ไม่อยากยอมรับแต่ก็จำต้องยอมรับ “แล้วที่มันเคยคบผู้ชาย?”


“เรื่องนั้นไปถามมันเอง...ถ้าพี่สำคัญพอให้มันเล่าน่ะนะ”


เป็นนักศึกษาทะเลาะวิวาทกันในร้านเหล้าต้องโทษทางกฎหมายและติดทัณฑ์บนของมหา’ลัยร้ายแรงถึงขั้นไหน เดือนแรมกำลังคิดไตร่ตรองว่าคุ้มเสี่ยงกับการได้อัดหมัดดุ้น ๆ ใส่หน้าอีกฝ่ายหรือไม่ เพราะโดนแซะโดนย้ำบ่อย ๆ เข้าก็ชักทนไม่ไหวอยู่เหมือนกัน


“มึงจะว่ากูป๊อดก็ได้ แต่การชอบผู้ชายด้วยกันมันไม่ง่าย และการเข้าหาแบบที่เขาจะไม่หนีก็ไม่ง่ายหรอกนะ” ยิ่งครั้งนั้นที่สารภาพว่าชอบออกไปแล้วถูกเมินหลบหน้าหลบตากันไปยิ่งรู้สึกแย่


ดีนไหวไหล่ ทำเหมือนไม่ใช่ธุระกงการอะไรของตัวเองที่จะต้องมาคิดเรื่องนี้ทั้งที่แอบชื่นชมอยู่ในใจว่าไม่เสียแรงที่แอบมองธันวาอยู่ตั้งนาน


แต่ถ้าดูจากการที่เพื่อนเขาพูดถึง ‘พี่แรม’ บ่อยขึ้น ดีนคิดว่าเดือนแรมได้เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของธันวาเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็ต้องขึ้นกับความรู้สึกของธันวาว่าจะยอมก้าวข้ามแผลจากเรื่องรักเพศเดียวกันไปอีกครั้งหรือไม่


สามเพื่อนซี๊นั่งดื่มกันไม่ทันถึงเที่ยงคืนก็พากันกลับ ด้วยเพราะนักศึกษาแพทย์ไม่อยากแหกกฎหอพักให้เป็นเรื่องใหญ่ ดีนรับหน้าที่พยุงคนเมาอย่างธันวาที่ชิงหลับไปก่อนแล้ว ยกแขนพาดคอและโอบเอวไว้ก็พอให้เดินได้สะดวกขึ้นโดยมีกรองเกียรติที่มึนศีรษะไม่น้อยแต่ยังพอเดินให้ตรงได้ช่วยประคองอีกฝั่ง


“ธันวา!”


ชื่อคนเมาขาดสติดังมากจากด้านหลัง ดีนหันคอไปมอง ไม่สะดวกจะหันไปทั้งตัวเพราะต้องประคองธันวาไว้


“มากับพวกนายเองเหรอ” ปกป้องถามไถ่อย่างคนคุ้นเคย อีกฝ่ายมากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่แทบจะกลายเป็นยืนล้อมพวกเขาสามคนไว้อยู่แล้ว


“ส่งธันว์มาดิ เดี๋ยวพี่พากลับบ้านเอง ยังไงธันว์ก็ต้องกลับพรุ่งนี้อยู่แล้ว”


“อย่าดีกว่าครับ กลับไปสภาพนี้คุณลุงจะว่าเอาได้”


“พ่อพี่ไม่เห็นหรอก” ทั้งที่ไม่ชอบใจแต่ปกป้องก็ยังสุภาพกับหนุ่มรุ่นน้อง


“ไม่เห็นหรือไม่ถึงบ้านครับ” ดีนพูดหน้านิ่งอย่างตรงไปตรงมาตามนิสัยให้รู้ว่าไม่ไว้ใจจนกรองเกียรติต้องสะกิดแล้วออกโรงแทน “ผมพาธันว์กลับหอได้ครับ พรุ่งนี้จะปลุกให้มันตื่นทันลุงภาสมารับแน่นอน”


คิ้วปกป้องกระตุกตอนได้ยินว่าพ่อตัวเองจะไปรับธันวาเองทั้งที่ให้น้องกลับบ้านเองก็ยังได้ “กลับคืนนี้เลยดีกว่า พ่อพี่คงดีใจมากถ้าตื่นมาแล้วเจอหลานรักเลย”


“ผมว่าให้มันกลับไปสร่างเมาที่หอก่อนก็ดีนะครับ” ปล่อยไปทั้งอย่างนี้ไม่ปลอดภัยแน่


“นายดูแลคนเดียวไม่ไหวหรอกเก่ง”


“ไอ้เก่ง ไอ้ธันวา จะกลับหอเลยรึเปล่า กลับพร้อมกันเลยไหม” เหมือนเสียงสวรรค์ กรองเกียรติฉลาดพอที่จะตอบรับความช่วยเหลือนั้นในทันที เช่นเดียวกับดีนที่กระตุกมุมปากยิ้มเพราะเห็นว่าเดือนแรมรอดูสถานการณ์อยู่นานแล้ว


“พอดีเลยครับ พวกเราได้คนช่วยแล้ว เป็นรุ่นพี่ในคณะและก็รูมเมทไอ้ธันว์มันด้วย” กรองเกียรติโกหกคำโตแต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ปกป้องยอมหลีกทางให้ง่าย ๆ โดยไม่ลืมมองประเมินคนมาใหม่




เดือนแรมเก็บความสงสัยที่ว่าใครคนนั้นท่าทางมีความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรกันแต่ทำไมถึงไม่ได้รับความไว้วางใจจากรุ่นน้องทั้งสองคนไว้แล้วยอมนั่งกลับอย่างเงียบ ๆ ทั้งสี่คนกลับด้วยรถของดีน เจ้าของรถจัดแจงให้คนเมานอนเบาะหลังโดยมีกรองเกียรติคอยดูแลแล้วให้เดือนแรมนั่งเบาะหน้าคู่ตน จะว่ากีดกันก็ใช่ เพื่อนเขาทั้งคนนี่ จะหวงก็ไม่แปลก


เมื่อมาถึงหอพักนักศึกษาแพทย์ดีนส่งเดือนแรมไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ประจำหอขณะที่ตนกับกรองเกียรติช่วยกันพยุงร่างคนเมาออกจากรถ


“ส่งธันวามาให้กู” เดือนแรมว่าในตอนที่กลับมา


ดีนมองหน้าคนพูด ยังไม่ปล่อยเพื่อนให้อีกฝ่ายตามคำขอ


“คงไม่ได้คิดว่าหอพักนักศึกษาแพทย์จะต้อนรับคนนอกในเวลานี้หรอกใช่ไหม”


“...”


เดือนแรมยังรออย่างใจเย็น


“ให้แค่ตอนนี้เท่านั้นนะครับ”


สองคนจ้องหน้ากันจนกรองเกียรติต้องขัดทำลายบรรยากาศ นึกอยากจะด่าเพื่อนตัวเองเสียจริงที่พูดจากำกวมทั้งที่ความจริงแล้วไม่มีอะไรกับคนที่เข้ามาจีบเพื่อน


“หวงไม่เข้าเรื่อง” กรองเกียรติพึมพำตอนที่เดินผ่านดีน


“กูแค่ห่วง”
 





(มีต่อนะคะ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
เพราะกรองเกียรติไม่ใช่ดีน แม้เขาจะห่วงเพื่อนแต่เพราะปลาบปลื้มเดือนแรมเป็นทุนเดิมทำให้เขามั่นใจในตัวรุ่นพี่คนนี้มากว่าจะดูแลและให้เกียรติเพื่อนเขาอย่างดีที่สุด เขาจึงวางใจทิ้งเพื่อนไว้กับอีกฝ่ายทันทีหลังช่วยพาเข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้ว


“อาบน้ำก่อน” เดือนแรมบอกคนเมาที่ตื่นแล้วแต่ยังนั่งคอตกสะลึมสะลืออยู่บนเตียงของโอ๊คซึ่งจะเป็นที่นอนของเขาในคืนนี้


“อืออออ” ธันวาคราง “จะนอนแล้ว” เจ้าตัวดื้อลากเสียงยานขณะทรงตัวยืนเพื่อก้าวไปยังอีกฝั่งหนึ่ง คงหมายจะปีนขึ้นไปนอนเตียงตัวเอง แต่ตอนนี้แค่ยืนยังโงนเงนจะล้มจนคนพี่ต้องประคองไว้เต็มสองแขน


เดือนแรมกัดฟันทน ตัวหนักไม่เท่าไหร่ แต่เนื้อตัวนอกร่มผ้าที่แดงปลั่งกับกลิ่นน้ำหอมที่เมื่อผสมกับกลิ่นเหล้าอ่อน ๆ มันทำให้เขาต้องข่มอารมณ์บางอย่างมากกว่าทุกทีที่อยู่ใกล้น้อง


“เช็ดหน้าเช็ดตัวสักนิดนะ จะได้นอนสบาย”


ธันวาพลิกตัวเข้าหาที่พึ่งพิงหนึ่งเดียวของตนในตอนนี้ ทิ้งศีรษะหนัก ๆ ของตัวเองฝังลงกับลาดไหล่กว้าง ครางเสียงอือออกมาอย่างไม่ใส่ใจและอนุญาตให้อีกฝ่ายจัดการกับร่างกายตนตามที่บอกได้ ไม่ทันรู้ตัวว่าด้วยส่วนสูงที่ต่างกันไม่มากของตนทำให้จมูกของอีกฝ่ายซุกกับซอกคอตัวเองแบบพอดิบพอดี


“ธะ ธันวา” เดือนแรมเสียงสั่นเล็กน้อย พยายามหักห้ามใจไม่ให้หลงมัวเมาไปกับสิ่งที่เพิ่งได้สัมผัสและคอยย้ำเตือนตัวเองว่ายังไม่ถึงเวลา “กูเช็ดตัวให้นะ”


“ค้าบบบบ”


หนุ่มรุ่นพี่วางคนเมาลงบนเตียงโอ๊ค ส่ายหน้าให้กับความเมาขาดสติของอีกฝ่ายแล้วจัดการหาผ้าชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดดวงหน้าใสเป็นอย่างแรก


ธันวายิ้มบางทั้งที่ยังหลับตา คงเป็นเพราะว่ารู้สึกสดชื่นขึ้น คนดูแลเองก็ยิ้มตามไปด้วย เวลาเด็กนี่สิ้นฤทธิ์ไม่เถียงไม่กวนมันน่ารักน้อยเสียที่ไหน ไม่ต่างจากเด็กน้อยที่มักขโมยหัวใจคนพบเจอได้อย่างง่าย ๆ เลยสักนิด


แต่ว่านะ...จะเวลาไหนธันวาก็น่ารักทั้งนั้นแหละ


แม้จะเคยเห็นน้องเปลือยอกมาหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยต้องมาเป็นคนถอดเองแบบนี้ เดือนแรมรับรู้ได้ทันทีว่าใจเต้นแรงและหน้าก็เห่อร้อนราวกับตนลืมเปิดเครื่องปรับอากาศ กว่าจะปลดกระดุมได้แต่ละเม็ดก็ยากเย็น มือไม้มันสั่นจนกลัวว่าจะโดนผิวน้องให้เจ้าตัวตื่นขึ้นมาให้กระอักกระอ่วนใจกัน รุ่นพี่หลายคนพูดตรงกันว่าเมื่อเราเรียนกายวิภาคจบ เราจะมองร่างกายของทุกคนเแป็นเหมือนอาจารย์ใหญ่ที่ใช้ในการศึกษา ไม่มีความแตกต่างกัน ไม่มีความรู้สึกขัดเขินเวลาเห็นหรือสัมผัสกันและกัน แต่ตอนนี้เดือนแรมรู้แล้วว่ามันใช้ไม่ได้กับคนที่ทำให้เราใจสั่น ร่างกายตรงหน้ายังทำให้เลือดในกายเขาแล่นพล่านเพราะมีความแตกต่างจากร่างอื่น ๆ ที่เขาพบเจอ ยิ่งได้สัมผัสก็ยิ่งทำเป็นเฉยได้ยาก


เดือนแรมสูดหายใจเข้าลึก ใช้เวลาสองถึงสามลมหายใจทำสมาธิแล้วรีบเช็ดตัวให้ธันวาเสร็จโดยเร็ว คนที่รู้สึกสบายตัวก็ครางรับอย่างพอใจ บิดตัวไล่ความหนักเนื้อหนักตัวแล้วลืมตาขึ้นร้องหาแต่เสื้อผ้าที่จะใส่นอน


ธันวาก็ยังคงเป็นธันวา แม้จำได้ฝังหัวว่าเดือนแรมไม่ชอบให้เปลี่ยนเสื้อในห้องนอนและเพิ่งตระหนักได้อีกด้วยว่าอีกฝ่ายชอบตนอยู่ แต่เขาก็ยังเลือกจะเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างโจ่งแจ้งตรงนั้นแล้วปีนขึ้นเตียงนอนตัวเองโดยได้รับการช่วยดันตัวและกันตกจากเดือนแรมอีกด้วย


“ขอบคุณนะครับ” หนุ่มรุ่นน้องพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มในตอนที่ล้มตัวลงนอนตะแคงมาหาคนที่ยืนมองอยู่


“ปวดหัวรึเปล่า”


“หนักหัวมากกว่า”


“งั้นก็นอนได้แล้ว” เพราะยืนแล้วสายตาอยู่ในระดับสูงกว่าคนที่นอนอยู่เขาจึงเลือกนั่งลงบนเตียงโอ๊คเพื่อให้น้องมองลงมาดีกว่า ตั้งใจจะรอจนกว่าธันวาหลับแล้วค่อยไปจัดการกับร่างกายตัวเองบ้าง


“พี่แรมใจดีจัง”


“บอกให้นอนไงวะ” เดือนแรมขึ้นเสียงดุเล็กน้อยกลบเกลื่อนความเขินที่ถูกชมโดยไม่ทันตั้งตัว


“พี่ชอบผมจริง ๆ เหรอ”


เดือนแรมนิ่งอึ้ง นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ยอมหลับแล้วยังถามเรื่องที่ไม่คาดคิดออกมาด้วย “ไม่ตอบแล้ว”


“ตอบหน่อยยยย”


เดือนแรมมองหน้าคนเด็กกว่า ถ้าอีกฝ่ายไม่เมาคงไม่มีทางพูดแบบนี้ออกมาแน่ ๆ


“อย่าออกไปเมากับใครอีก” ทั้งหน้าทั้งเสียงยังดุเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ธันวากลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างเหมือนแมวขู่ฝ่อแสนน่ารักมากกว่า “ไม่ดิ...อย่าคิดว่ามึงจะได้ออกไปเมาโดยไม่มีกูอีก”


“พี่เรียกชื่อผมหน่อยสิ ไหนเรียกธันวาซิ”


“มึงฟังกูบ้างรึเปล่าเนี่ย”


“พี่แรมเรียกแต่โง่กับมึง เรียกผมว่าธันว์หรือธันวาบ้างสิ”


“ก็มึงโง่”


“ไม่น่ารักเลย”


“กูไม่ได้อยากน่ารัก”


“อืออออ” เสียงครางต่ำคล้ายระบายความง่วงงุนหรือหนักศีรษะมากกว่าจะตอบรับ


“ธันวา” อีกฝ่ายหลับตาไปครู่หนึ่งกว่าเดือนแรมจะร้องเรียกเพื่อเช็คสติคนน้องแต่อีกฝ่ายกลับรีบลืมตาโพลงมามองกัน มันทั้งหวานฉ่ำและซุกซนกว่าครั้งไหน ๆ รอยยิ้มนั่นก็ด้วย


“น่ารัก”


“นอนไปเลย” เดือนแรมว่ากลบเกลื่อน ไอ้เด็กนี่ทำเขาเขินอีกแล้ว


“ร้องเพลงให้ฟังหน่อย”


“บอกให้หลับไปได้แล้วไง เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นสายหรอก ตั้งปลุกไว้แล้วรึยัง”


ธันวาพยักหน้ารับ “กำลังจะหลับนี่ไงครับ ร้องกล่อมหน่อย”


“ไม่!”


“อะไรกัน เมื่อคืนก่อนพี่ยังร้องเพลงจีบผมอยู่เลย”


“พูดอะไรออกมารู้ตัวไหม”


“ไม่น่ารักเลยจริง ๆ” นิ้วเรียวยื่นออกมาจากราวกั้นเตียงส่ายไปมาช้า ๆ คล้ายตำหนิคนเตียงล่าง


เดือนแรมพึมพำบางอย่างที่คนเมาฟังไม่ได้ศัพท์


“ขอบคุณนะครับ”


“มึงพูดไปแล้ว” เดือนแรมว่ายิ้ม ๆ ทั้งเอ็นดูทั้งมันเขี้ยวคนเมาที่พูดจาวกวน แต่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วคนพูดไม่ได้ ‘ขอบคุณ’ ตนเรื่องคืนนี้อย่างที่เข้าใจ


คนเมาหลับตาพริ้ม ทิ้งหัวหนัก ๆ ให้จมหมอน ผ่อนลมหายใจช้าลงเพื่อหายใจสะดวกขึ้น ในตอนที่เริ่มรู้สึกเคลิ้มไปกับห้วงนิทราคล้ายกับว่าได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังแว่วมาจากที่ไหนซักแห่ง


“พยายามรู้จัก พยายามทักทายกับเธอ หวังให้เธอได้มองฉันหน่อย
พยายามพิสูจน์ พยายามพูดคุย ไม่เห็นว่าเธอจะมองบ้างเลย แต่ไม่เคย...ท้อใจ”





เสียงเตือนปลุกจากสมาร์ทโฟนทำเอาเจ้าของเด้งตัวตื่นมาลุกขึ้นนั่งจนศีรษะเกือบชนเพดาน หันซ้ายหันขวาควานหาที่มาของเสียงได้ก็กดปิด ยีผมตัวเองเสียยุ่งเหยิงแล้วทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งด้วยความงัวเงีย


“มึงเป็นแบบนี้ทุกเช้าเลยรึเปล่า”


ธันวาลืมตาโพลง เด้งตัวขึ้นนั่งอีกเป็นครั้งที่สอง ทว่าคราวนี้ตื่นเต็มตาเพราะเสียงทุ้มต่ำของใครบางคน “เห้ยพี่!”


“ตกใจอะไร อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้ว่ากูพากลับห้อง” เดือนแรมเปลี่ยนจากนอนตะแคงมองคนบนเตียงเป็นลุกขึ้นนั่งห้อยขาลงพื้นแทน


ธันวายิ้มแห้งก่อนปีนลงจากเตียง “จำได้ ๆ แต่ไม่คิดว่ายังอยู่”


“กลัวมึงตื่นมาไม่เจอแล้วจะตกใจ”


“อ่า…”


“แล้วจำเรื่องเมื่อคืนได้รึเปล่า”


“ห๊ะ...เอ๋ เรื่องอะไรครับ ที่พี่ช่วยพาผมปีนเตียงน่ะเหรอ”


เดือนแรมกระตุกยิ้ม มองคนเด็กกว่ายืนทำหน้าเอ๋ออยู่ตรงหน้า “เรื่องอื่น ๆ ด้วย”


“ผ...ผมไม่แน่ใจนะ กึ่งฝันกึ่งจริงว่ะพี่”


เดือนแรมลุกขึ้นยืนก่อนยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย “ในฝันกูจูบมึงด้วยรึเปล่าล่ะ”


“บ้าเหรอ! ยังไม่ได้จูบกันซักหน่อย” ธันวาโวยวายอย่างลืมตัวก่อนจะแก้ไขเมื่อเห็นสายตาจับผิดจากคนพี่ “มะ หมายถึงในฝันไง ไม่มีจูบซักหน่อย”


คนพี่ยิ้มมุมปาก ถอนใบหน้ากลับมา “ช่างเถอะ แล้วนี่ปวดหัวรึเปล่า”


“นิดหน่อยครับ มึน ๆ”


“ไปอาบน้ำได้แล้วไป เดี๋ยวสาย”


“ครับ ๆ” ธันวาลอบถอนหายใจเพราะอยากไปจากตรงนี้ตั้งนานแล้ว อยู่ใกล้รุ่นพี่เดือนแรมมาก ๆ แล้วใจจะวาย


“เดี๋ยว”


“ครับ?”


เดือนแรมเข้าประชิดตัว ก้มหน้าลงมาให้อยู่ในระดับเดียวกันจนคนน้องเบิกตาโตและก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ แต่เพราะเดือนแรมรั้งเอวเอาไว้ คนเด็กกว่าจึงไม่อาจหลุดไปไหนได้


“ทะ ทำอะไรวะพี่”


เพราะรู้วาขัดขืนไม่ได้จึงเผลอหลับตาปี๋ในตอนที่อีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม ใจเต้นรัวเร็วทั้งที่รู้สึกว่ากำลังหายใจติดขัดเสียด้วยซ้ำ ลมหายใจอีกฝ่ายรดลงบนใบหน้าอย่างจงใจ มารู้ตัวว่ากำลังโดนอะไรก็ตอนที่ได้รับสัมผัสนุ่มตรงแก้มขวา เมื่อคิดพิจารณาแล้วว่าไม่ได้เกิดริมฝีปากแน่ ๆ จึงทำใจกล้าค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมอง


ภาพแรกที่เห็นคือรอยยิ้มเจิดจ้าของเดือนแรมในระยะใกล้ คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้รับอยู่ครั้งหนึ่งตอนต่อแถวซื้อก๋วยเตี๋ยวที่โรงอาหารในวันที่เขาพกพารอยแดงที่หน้าประจานตัวเองไปเสียทั่วว่าแอบหลับในห้องเรียน


สิ่งต่อมาที่เริ่มแยกแยะได้จากอาการสมองขาวโพลนคือสัมผัสของนิ้วที่ลากคล้ายกำลังวาดบางอย่างบนแก้มของตน ธันวาจับความรู้สึกนั้นแล้วตามไปจนพบว่าในตอนที่นิ้วชี้ถูกดึงออกจากใบหน้าคือจุดจบของลายเส้นรูปหัวใจ


“เจอหน้ากันแบบนี้ เลยไม่อยากส่งสติกเกอร์ให้แล้ว”


“...”


“วันนี้เอาแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน” เดือนแรมทาบมือเข้ากับแก้มขวาของธันวาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เขากอบมันไว้แล้วใช้นิ้วโป้งลูบ ‘รูปหัวใจ’ ล่องหน ราวกับกำลังระบายสีบนนั้นอยู่


“...”


“แต่ถ้าพร้อมเมื่อไหร่บอกด้วยนะ…” ฝ่ามือข้างเดียวกันนั้นเลื่อนขึ้นไปวางแหมะลงบนศีรษะ “...กูอยากให้มึงรับใจกูไปจะแย่อยู่แล้ว”







TBC.
----------------------------------------------------------------
คุณดีนตอนวัยรุ่นเลือดร้อนโผงผาง พูดสิ่งที่คิด กล้าได้กล้าเสียตลอด
โตขึ้นจึงเหลือแค่ความปากเสียเท่านั้น ฮาาาา

ธัญญ์มีกำหนดการเดินทางคืนวันที่ 12 - เช้า 24 ต.ค. นะคะ

จะได้อัพอีกตอนรึเปล่า #ให้คุกกี้ทำนายกัน

#แรมเดือนสิบสอง

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

--------------------------
ฝากเรื่องสำคัญไว้อีกเรื่องค่ะ
สำหรับแฟนๆคุณดีน 'ห า กั น จ น เ จ อ'
พบกันงานหนังสือตุลาคมนี้นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2018 19:48:14 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
คุณดีนตอนวัยรุ่นนี่น่าหมันไส้จริงค่ะ ส่วนพี่แรมยังเขินน้องอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ก็น้องน่ารักนี่เนอะะ  :mew1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิพี่แรมแม่ง อดทนได้หว่ะ บรรยากาศแบบนั้น

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กรี๊ดดดดดด เขินพี่แรม  :mew3: :o8:
แต่ขำคุณดีนอ่ะ มีความแซะพี่แรมว่าเป็นสัมภเวสีด้วย  :really2:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

หากันจนเจอปกสวยดีครับ ผมเป็นแฟนคลับคุณดีน บอกเลยว่าซื้อแน่นอน  :hao6: อุตส่าห์ว่าจะไม่ไปงานสัปดาห์ฯ ปีนี้ละเชียว  :heaven

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ได้เล่มมาแล้วคราบบบ  :hao6:
ปล.น้องๆที่บูทเฮอร์มิทฮามาก มีการให้เลขเด็ดกันด้วย 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-10-2018 19:13:06 โดย กาแฟมั้ยฮะจ้าว »

ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกมากเลยค่ะ /มาปูเสื่อรอพี่แรม

ออฟไลน์ junlifelove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่แรมน่ารักมากอะ พี่เค้าดูอบอุ่นสุดๆ ชักอิจฉาน้องธันว์แล้วสิ  :-[

ออฟไลน์ Bambooyamy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ยย คิดถึง อิพี่แรมกับน้องจังค่ะ  :monkeysad:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด