“ มึง “ เสียงเรียกของคนที่แง้มประตูห้องแต่ตัวออกมาเรียกผม เมดโผล่มาแต่หน้าแววตาเรียวมองผมที่หันไปมองมัน หลุดยิ้มกับท่าทางที่เหมือนเด็กๆ ก่อนจะตีหน้านิ่งตามฉบับ
“ มีอะไร “
“ ยืมเสื้อผ้าใส่หน่อยสิ “
“ ก็เลือกเอาจากในตู้ จะใส่ตัวไหนก็ได้ “ ผมบอกมัน
“ ได้หมดเลยเหรอ “ เมดถามย้ำ ผมก็พยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองมัน
“ หรือจะต้องให้กูไปช่วยเลือก “
“ ไม่ต้อง! “ อีกคนตะโกนมา “ โป๊อยู่ กูแต่งตัวเสร็จแล้วค่อยเข้ามา “ แอบยิ้มกว้างออกมากับคำพูดนั้นของมัน ไม่อยากจะบอกมันเลยว่า ยิ่งพูดแบบนั้นก็ยิ่งน่าเปิดเข้าไป ผมหมุนมือถือตัวเองเล่นอยู่ในมือในตอนที่เอาแต่มองบานประตูห้องแต่งตัวอยู่แบบนั้น
‘ อยากให้พรุ่งนี้เป็นเหมือนวันนี้อีก ถ้าจะให้มาอยู่ด้วยกันทุกวันต้องทำไงวะ ‘ ตั้งคำถามกับตัวเองแล้วพยายามคิดหาคำตอบ แต่มันก็มีแต่ข้ออ้างงี่เง่าจนไม่กล้าแม้จะพูดออกไป
ผมกดเปิดมือถือตัวเองอีกครั้ง โปรแกรมแชทของกลุ่มที่รู้สึกว่าตั้งแต่วันที่รู้จักกับคนที่อยู่ในห้องแต่งตัวผมก็ใช้มันบ่อยขึ้นกว่าแต่ก่อน ชื่อที่เขียนว่า ‘ ชมรมคนรักพี่เมด ‘ ชวนให้ผมยิ้มก่อนจะกดเข้าไป
[ พวกมึง ทำยังไงให้คืนนี้มันนอนที่ห้องกูต่อวะ ] คำถามห้วนๆที่ถามออกไป ไม่มีชื่อของใครอีกคนที่เอ่ยถึง ผมเขินเกินกว่าจะพิมพ์มันออกไปตรงๆในความรู้สึก
[ ห๊ะ ? เฮียมึงหมายถึงใครวะ ]
[ ก็มันนั่นแหละ ] ผมย้ำ ไอ้สัดอัยย์รู้แต่ก็ยังเสือกทำเป็นไม่รู้
[ มันไหนอะ ] น้องชายผมถาม [ มันฝรั่ง มันม่วง มันสับปะหลัง มันไรดีจ๊ะ ]
[ ไอ้พวกเชี้ย รู้แล้วก็ยังกวนตีน เค้าก็หมายถึงไอ้เมดมั้ยละสัด ] ไอ้เจบอก
[ มึงแม่งอย่าพูดสิวะไอ้พี่เจ กูอยากจะให้เฮียมันพูดออกมาตรงๆว่า พวกมึงทำยังไงให้คืนนี้ไอ้เมดมันนอนที่ห้องกูต่อวะ ] ไอ้อัยย์บอก
[ เออ ไม่รู้เรื่องเลยยยย ]
[ กวนตีนส้นตีน ไอ้สัด ] ผมว่า
[ จีบใครไม่เป็นก็เงี้ย ลำบากหน่อยนะครับ ] เดย์บอก [ แต่ถ้าให้น้องเดย์แนะนำ ก็ขอแนะนำว่าให้บอกเค้าไปตรงๆ ]
[ บอกว่า ]
[ อยากให้นอนด้วย คืนนี้มานอนเป็นเพื่อนหน่อย พรุ่งนี้จะได้มานอนเป็นเมีย ]
[ แต่เมื่อคืนนอนเป็นเพื่อนแล้ว งั้นคืนนี้ก็นอนเป็นเมียเลยอะดิ ] สติกเกอร์ล้อเลียนที่ถูกส่งมา ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา ไอ้พวกเวรเอ้ยพึ่งพาเหี้ยไรไม่เคยได้
[ ไอ้สัด กูนี่คิดไม่ดีขึ้นมาเลย ] เพื่อนผมบอก [ แต่พี่อาฟบอก ห้ามพูดเรื่องแบบนี้เพราะงั้นน้องเจจะเงียบไว้ฮะ ]
[ เบื่อพวกมึงวะ ]
[ อะๆ ช่วยคิดละ อย่าเพิ่งงอนดิเฮีย หัวล้านอ๋อ ขี้น้อยใจจัง ] อัยย์บอก
[ ปกติมึงก็ไปรับไปส่งไอ้เมดมันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ ทำไมไม่ทำแบบนิ่งๆไว้ พอถึงตอนไปส่งก็พากลับมาคอนโดนี่แหละ บอกแบบสไตส์มึงว่า ขี้เกียจขับรถกลับ จบ ]
[ แต่ถ้าแบบนั้นมันจะไม่ใช่การนอนที่ยั่งยืนไง พรุ่งนี้ก็ต้องหาข้ออ้างอีก ] ไอ้เดย์บอก [ สารภาพรักไปเลยสัดพี่ พอได้เป็นแฟนแล้วก็ต้องมานอนด้วยกัน ]
[ มันไม่ง่ายขนาดนั้นเดย์ ] ผมบอกอีกคน
[ มันไม่ง่ายจริงๆ หรือมึงแค่คิดว่ามันไม่ง่ายวะสัดพี่ ]
[ ที่ไอ้อาฟมันคิดว่าไม่ง่ายเพราะไอ้เมดมันเพิ่งอกหักมา เข้าใจมั้ยพวกมึง มันเลยไม่ง่าย ]
[ ไอ้สัดเจ ก็บอกว่า อย่าบอกไอ้พวกสัดนี่ ]
[ ก็ถ้าไม่บอกมันก็ยังยัดเยียดให้มึงไปบอกชอบไอ้เมดซึ่งมันทำไม่ได้ไงสัด ]
[ ทำไมทำไม่ได้วะ ] ไอ้อัยย์ถาม [ เลิกกับแฟนแล้ว งั้นก็หมายความว่าพี่เมดโสด แล้วคำว่าโสดมันก็เริ่มต้นใช้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เลิกกับแฟนแล้วนะ เพราะงั้นจะมีใหม่เร็วแค่ไหน ก็ไม่เห็นจะแปลก ]
[ สำหรับฝ่ายที่ไม่ได้บอกเลิกมันไม่แปลก แต่ฝ่ายที่บอกเลิกมันแปลกไง มึงเข้าใจคำว่า รักกันมานาน เลิกกันก็ยังทำใจไม่ได้มั้ยละสัด] เจบอก
[ ไม่เข้าใจ พอดีไม่เคยอกหัก ] น้องผมบอกก่อนเสริมด้วยเพื่อนมัน
[ ใช่แล้ว ]
[ K คือมึงต้องเข้าใจว่า คนบางคนเค้าไม่ได้คบใครเล่นๆแบบที่พวกมึงทำ เค้าจริงจัง เค้าเลยคิดถึงความสัมพันธ์ใหม่ในแบบระยะยาว ไม่ได้คิดว่า ก็คบๆไปไม่ถูกใจก็เลิก ]
[ อย่าเอาสันดานตัวเองมาเป็นไม้บรรทัดให้คนอื่น ]
[ สัดเฮีย กูเจ็บนะ ] อัยย์บอก [ แล้วตอนนี้ยังไง ก็ทำได้แค่อยู่ข้างเธอไปแบบนี้เหรอ คอยดูแล คอยเอาใจใส่แบบนี้เหรอ ]
[ กูว่าเมดก็น่าจะพอรู้ว่าไอ้เชี้ยอาฟชอบมัน ถ้ามันไม่โง่อะนะ ]
[ กูไม่ได้แสดงออกขนาดนั้น ] ประโยคที่พิมพ์ออกไป ได้รับแต่สติกเกอร์หน้าเหี้ยแสดงอาการกลืนไม่เข้าคาบไม่ออกกับคำพูดของผมมาคนละตัว ก่อนจะไอ้เดย์จะพูดขึ้น
[ สาบานกับกูนะสัดพี่ ว่าที่มึงพูดออกมานี่ มึงคิดแล้ว ]
[ นี่กูทนคบไอ้เชี้ยนี่มาได้ยังไงตั้งแต่เด็กวะ งงเด้ออออ ] เจบอก [ สำหรับเมด มึงแสดงออกชัดมากกว่าใครๆแล้วเชี้ยอาฟ ทุกอย่างที่มึงทำทั้งต่อหน้าและลับหลังมัน คือมึงชอบมัน อย่างไม่ต้องสงสัย ]
[ กูมาถามว่าทำไงให้มันนอนที่คอนโดกูต่อ ไม่ได้มาถามให้พวกมึงวิเคราะห์ว่ากูชอบมันมั้ย ]
[ เปลี่ยนเรื่องเก่ง ] ไอ้อัยย์บอก [ กูว่าวิธีพี่เจเหมาะสุดในตอนนี้ คืนนี้ก็ไม่ต้องไปส่งบอกขี้เกียจขับรถ จบจ้า ]
[ แล้วทำไมไม่บอกไปเลยตรงๆ ก็อาจจะบอก ขี้เกียจขับรถไปส่งพี่เมดที่คอนโดเค้า ให้พี่เมดนอนที่คอนโดเราแล้วกัน ใกล้ที่ทำงานด้วย ใกล้มหาลัยเค้ามั้ย ถ้าใช่ก็บอกไป อ้างว่า เดี๋ยวรถเสร็จ สัดพี่คืนรถให้ก็ค่อยกลับไปนอนคอนโดตัวเอง แต่ในช่วงเวลาสิบกว่าวันนี้ ก็จีบๆเค้า แล้วจับทำเมียซะ เค้าจะได้อยู่ยาวเกินสิบห้าวัน จบ ]
[ รู้จักกันมาตั้งนาน พูดอะไรเข้าท่าแบบคนมีหัวคิดก็วันนี้ ] อัยย์แซวเพื่อนมัน [ อะ กูทีมเชี้ยเดย์ กูว่าเหมาะสมสุด ]
[ เออ เข้าท่าสุด กูเห็นด้วย]
[ แต่กูแม่งอยากรู้ทำไมพี่เมดถึงอกหักวะ ]
[ โดนนอกใจ ] เจบอกไอ้อัยย์คนสงสัย
[ ไอ้เหี้ยใครมันช่างกล้าทำแบบนั้น สงสารเลยอะ ]
[ บางทีแม่งพี่เมดอาจจะมีมุมที่เราไม่รู้ก็ได้ ] เดย์บอก [ คนเราถ้ามันดีจริงๆ เค้าก็ไม่หาคนมั้ยเปล่าวะ ]
[ ยกเว้นว่าจะมักมาก เป็นพวกไม่พอ มีหนึ่งก็อยากมีสอง ]
[ ทำไมกูรู้สึกเหมือนด่ากู ] เดย์บอก เพื่อนผมก็ตอบให้หายความสงสัย
[ เค้าไม่ได้ด่ามึง มึงเป็นวัวสันหลังแหวะเองสัดเดย์ ]
[ คนโดนนอกใจนี่น่าสงสารนะ พี่เมดต้องไปทำบุญถวายสังฆทานอะ ชีวิตจะได้ไม่ต้องเจออะไรแบบนี้อีก ]
[ ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ] ไอ้เดย์ว่า [ ถ้ามึงเจอผู้ชายสันดานเหี้ย ยังไงมันก็นอกใจมึงมั้ย ]
[ เพราะแบบนั้นไง มึงเลยต้องไปทำบุญ ถวายหลอดไฟ ชีวิตจะได้สว่างไสว เผื่อผลบุญของมึงจะส่งผลให้มึงไม่เจอเชี้ยอะไรแบบนั้นอีก ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นอีกอะไรแบบนี้ ]
[ ถ้าไปถวายสังฆทานมันจะได้บุญแล้วก็ไม่ต้องเจอคนแบบนั้นอีกเหรอวะ ]
[ อยู่ที่ความเชื่อส่วนบุคคลนะเฮีย แต่มันก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอวะ ความสบายใจอะ ] ก็จริงอย่างที่ไอ้อัยย์บอก ผมกดล็อคหน้าจอหลังจากที่อ่านข้อความนั้น พยักหน้ารับกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง พอดีกับคนที่เดินออกจากห้องแต่งตัวที่เอ่ยบอก
“ เข้าไปอาบน้ำได้แล้ว “ ผมยกยิ้มตอนที่มองมัน เสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้แปลก มันไม่ได้แต่งตัวเชยอย่างที่แฟนเก่ามันเคยว่าไว้ แต่กลับกันมันรสนิยมดี อย่างน้อยก็รู้ว่า แต่งออกมายังไงให้ตัวเองดูน่ารักกว่าเดิม “ มองไรวะ กูใส่ชุดนี้แล้วมัน แย่เหรอ “
“ เปล่า “ ตอบมันสั้นๆ แล้วในตอนที่ผมจะเดินผ่านมันไปก็เผลอยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะบอก “ ก็น่ารักดี “
ขับรถออกจากคอนโดหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ คนข้างผมคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยก้มหน้าก้มตากดยุกยิกอยู่ในมือถือตัวเอง เมดเงยหน้าขึ้นมามองทางเป็นระยะหลับตาลงก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วก้มลงไปดูใหม่
“ เลิกเล่นก่อน “ ผมบอกมันอีกคนก็หันมามอง โชคดีที่รถติดไฟแดงผมดึงเบรคมือขึ้นก่อนจะหันไปหามันที่ก็ยังไม่ยอมฟังคำพูดผม “ ปวดตาแล้วจะเล่นทำไม “
“ กูไม่ได้เล่นนะ “ อีกคนหันหน้ามาเถียง “ กำลังทำงานตังหาก “ มันว่าก่อนจะยื่นมือถือหน้าจอเล็กๆที่กำลังเปิดแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับงานให้ผมดู “ แต่หน้าจอมันเล็กอะ กูก็ต้องปวดตาสิวะจะรอไปทำในคอมก็เดี๋ยวสั่งของเข้าร้านไม่ทันอีก “
“ ก็ทำไมไม่ซื้อมือถือใหม่ “ ผมถาม “ มือถือมึงนี่ตั้งแต่ชาติไหนแล้ว “ แต่ดูจากความเก่าของมันก็พอเดาได้ว่าคงใช้มาไม่ต่ำกว่าสี่ปี
“ อย่ามาดูถูก เครื่องนี้กูเก็บตังค์ซื้อเองเลยนะ “ มันว่าอวดๆ ก่อนจะก้มหน้าลงทำงานต่อ “ หนี้มึงก็ยังไม่มีจ่าย จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อมือถือใหม่วะ “
“ วันนี้กินข้าวที่ห้างนะ กูจะเข้าไปเปิดบัญชีธนาคารด้วย แล้วก็ฝากเงิน “ ปลดเบรคมือข้างตัวลง รถที่ทยอยเคลื่อนไปข้างหน้า “ มึงเอาเงินมาแล้วใช่มั้ย “
“ อยู่ในกระเป๋าแล้ว “ ไม่ว่าเปล่า มันเอามือตบเบาๆที่กระเป๋าเป้ของตัวเองที่วางอยู่ข้างหน้า ผมเผลอยิ้มออกมาแม้จะมองออกไปบนท้องถนนเบื้องหน้า น่าแปลกทั้งๆที่มันไม่ใช่การกระทำที่น่ารักอะไร แต่กลับรู้สึกว่าพอเป็นอีกคนหันมาบอกด้วยแววตาเรียวที่เบิกขึ้นมามันกลับดูน่ารักเอามากๆ เพราะอะไรวะ แม่ง.. ไม่มีเหตุผลเลย “ มึง จะจอดรถเหรอวะ “
“ อื้ม “ ขานรับมันเบาๆ เมดมันคงเห็นตอนที่เห็นว่าผมตีไฟเลี้ยวเหมือนจะจอดลงข้างทาง “ ลงไปซื้อหลอดไฟให้หน่อย “
“ หลอดไฟ “ มันทวนคำ ผมก็เชิดหน้าไปที่ร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่ด้านนอกรถ “ หลอดอะไร แบบไหน มึงจะเอาไปทำอะไร “
“ ไปทำบุญ “
“ ทำบุญ “ มันย้ำเสียงหนัก ก่อนจะเบิกตามองผมแล้วเอียงตัวหนี “ อะไร..ที่ทำให้มึงคิดอะไรแบบนั้นวะ “
“ อย่ากวนตีน “
“ ก็มันน่าสงสัยมั้ยวะ คนแบบมึงนี่อะนะจะเข้าไปทำบุญ “ อีกคนบอกก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ นี่ไม่ได้แปลกนะ โคตรแปลก ทำไมวะ เกิดอะไรขึ้นมึงไม่สบายใจเรื่องอะไรเหรอ บอกกูได้นะ หรือว่าวันเกิดวันนี้วันเกิดเหรอ เลยจะทำบุญ “
“ ลงไปซื้อ “ ย้ำอีกคนยิ้มๆ เมดที่เหลือบมองผมแบบไม่ไว้ใจเท่าไหร่ แต่มันก็แค่เอ่ยถาม
“ แล้วจะให้ซื้อหลอดไฟไรอะ หลอดยาว หลอดสั้น หลอดตะเกียบ “
“ ไม่รู้วะ “ อยากจะบอกมันเหมือนกันว่า ตั้งแต่เข้ามหาลัยก็ไม่เคยไปเลยซึ่งสถานที่ที่ชื่อว่าวัด จนถึงตอนนี้ “ ปกติมึงไปทำบุญมึงซื้อยังไง ก็เอาอย่างงั้น “
“ โอเค “ เปิดประตูลงเดินเข้าไปในร้านขาย ก่อนจะออกมาพร้อมกับหลอดไฟสองหลอดทั้งแบบสั้นแล้วก็แบบยาว มันวางไว้ตรงที่นั่งด้านหลัง เมดกลับมานั่งที่เดิมของมัน “ ซื้อหลอดยาวกับสั้นมาอย่างละหลอดนะ “
“ อื้ม “
“ แล้วจะไปทำบุญพรุ่งนี้เหรอวะ “
“ ตอนนี้แหละ “ มันหันมามองหน้าผม “ บ่ายห้าโมงนี่อะนะ “
“ ทำไมปกติเค้าไม่ถวายสังฆทานกันแล้วเหรอ “
“ ไม่รู้วะ กูไม่เคยไปถวายสังฆทานเวลานี้ ปกติไปเช้าๆ “ เมดบอกก่อนจะก้มหน้าลงกดยุกยิกอยู่ในมือถือตัวเอง สงสัยว่ากำลังหาข้อมูลเรื่องการถวายสังฆทานช่วงเย็นว่าทำได้มั้ย “ เค้าบอกว่าถ้าไม่ใช่ของกินก็ถวายได้ แต่ต้องก่อนพระอาทิตย์ตกดินถึงจะดี ชีวิตสว่างไสว อะไรทำนองนั้น “
“ อื้ม “ พยักหน้ารับ ผมก็ขับตรงไปที่วัดที่ใกล้ที่สุด เท่าที่จำได้มันไม่ได้อยู่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ แล้วก็เป็นแบบนั้น
จอดรถที่ลานจอดผมเดินลงไปพร้อมกับอีกคนที่เดินกอดหลอดไฟที่ตัวเองซื้อมาเดินอยู่ข้างผม เรามองซ้ายดูขวาภายในวัดที่แทบจะถามใครไม่ได้ว่าต้องไปทำอะไรที่ไหน
“ ขอโทษนะครับ “ เมดเดินไปเอ่ยถามผู้ชายคนนึงที่กำลังเดินอยู่ไม่ไกลจากเรา “ ผมจะมาถวายสังฆทาน ไม่ทราบว่าไปถวายได้ที่ไหนได้ครับ “
“ หลวงพ่ออยู่ในกุฎิทางนู้นครับ “ ผู้ชายคนนั้นชี้ไปอีกฝั่ง เมดก็หันมาบอกผม
“ ไปกัน “
กุฎิที่ดูใหญ่ที่สุดในบรรดาหลายๆหลังที่เราเดินผ่านมา คิดว่าพระรูปนี้คงมีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัด ตามจริงผมไม่ค่อยคุ้นชินกับสถานที่ที่เรียกว่าวัดสักเท่าไหร่ ตั้งแต่เด็กมาก็ไปแค่เท่าที่จำเป็นยกตัวอย่างเช่น พ่อแม่บังคับ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่คนข้างหน้า มันดูเชี่ยวชาญกว่าผมอย่างน้อยก็น่าจะเข้าวัดบ่อยกว่า ก็ดูจากท่าเดินคลานเข่าของมันที่ค่อยๆเข้าไปหาพระท่านที่นั่งอยู่ก็พอรู้ได้
“ มาทำอะไรกันละโยม “ พระท่านถามอีกคนก็ยกมือขึ้นไหว้แนบอกก่อนจะบอก
“ มาทำบุญถวายสังฆทานครับ “ ตอบแค่นั้นท่านก็พยักหน้ารับ ส่วนเมดก็หันมามองหน้าผม “ มาตรงนี้สิ มาถวายหลอดไฟให้พระท่าน “
“ มึงทำ “ ผมบอกเสียงเรียบๆ “ มึงเป็นคนลงไปซื้อ “
“ อ้าว ก็ไหนมึงบอกจะทำบุญ “ เจ้าของดวงตาเรียวขมวดคิ้ว มันเอียงเข้ามาใกล้ผมก่อนจะพูดเสียงเบา “ มึงอยากจะมาทำบุญมึงก็ต้องถวายพระท่านเอง มึงจะได้ได้บุญไง “
“ ไม่ต้องเถียงกันหรอกโยม ก็เข้ามาถวายพร้อมกันนั่นแหละ “ หลวงพ่อบอก “ ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันเกิดมาชาติหน้าก็จะได้มาเจอกันอีก “
“ อยากเจอกูอีกมั้ย “ ผมถามมันตอนที่ขยับเข้าไปนั่งชิดกับอีกคน เมดก้มหน้าของตัวเองลงมันบอกเสียงเบาๆ
“ เจอก็ได้.. มึงก็ไม่ได้แย่นิ “ เอื้อมมือไปจับมือมันที่กำลังจับหลอดไฟยกขึ้นไปถวายให้พระท่าน ผมสัมผัสได้ถึงความเกร็งของอีกคนตอนที่กำลังยื่นมันก็หันมาถาม “ แล้วมึงจะมาจับมือกูทำไม หลอดไฟตั้งยาว จับตรงอื่นไปสิวะ “
“ พูดมาก “ ผมกระซิบบอกมัน “ กูสะดวกแบบนี้ “
“ รับศีลรับพรนะโยม “ หลวงพ่อเอ่ยบอกตอนที่เรายื่นหลอดไฟวางไว้ตรงหน้าท่านเรียบร้อย เมดมันยกมือขึ้นมาหลับตาลงเพื่อรับพรอย่างที่พระท่านบอก ผมไม่รู้ว่ามันขออะไร ถ้าทำได้ก็อยากจะบอกมัน ให้ขอว่าชีวิตนี้อย่างได้ต้องมาพบเจอกับความทุกข์อะไรอีก ขอให้ชีวิตมีแต่ความสว่างไสวเหมือนดวงไฟที่ซื้อมาถวาย แต่เพราะไม่รู้ว่ามันจะขออย่างงั้นมั้ย ผมก็เลยขอให้มันแทน
“ ขอให้ชีวิตของคนข้างๆผมมีความสุข ขอให้เค้าไม่มีความทุกข์ ขอให้เค้าลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นไปให้หมด แล้วขอให้ชีวิตของเค้ามีแต่ความสุขที่สว่างไหวเหมือนไฟที่สว่างอยู่เสมอ “
“ แล้วทำไมถึงมาทำบุญกันเอาป่านนี้ละ “
“ ทำงานดึกน่ะครับ เลยตื่นมาทำบุญช่วงเช้าไม่ไหว “ เมดตอบพระท่าน มันที่ยิ้มจางๆ “ ขอตัวกลับก่อนนะครับหลวงพ่อ ต้องรีบไปทำงานแล้ว “
“ โชคดีนะโยม “ หลวงพ่อท่านว่า เราสองคนก็ก้มลงกราบลาก่อนจะเดินออกมาจากุฎิ
“ สบายใจดีเหมือนกันนะ “ เมดบอกผมตอนที่เดินเข้ามานั่งในรถ มันที่สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะผ่อนออกมาแรงๆ “ วัดเนี้ย ให้ความรู้สึกพิเศษจริงๆ เข้ามาแล้ว ได้ทำบุญก็รู้สึกสบายใจ “
“ พรที่ขอ มันได้ผลแล้วเหรอวะ เร็วสัด “ หลุดพูดออกมาตอนที่อีกคนบอกแบบนั้น ผมแค่สงสัยว่าที่ผมขอไปตอนทำบุญเมื่อกี้ มันส่งผลเร็วขนาดนี้เลยเหรอวะ แต่ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็เลือกไม่ผิดตัดสินใจพามันมาที่นี่ สบายใจก็ดี ผมก็ตั้งใจว่าอยากจะให้มันเป็นอย่างงั้น
“ ห๊ะ ? “ เมดหันมาถาม ผมก็ส่ายหน้า
“ ไปห้างเถอะ ธุระอีกเยอะ “
“ โอเค “
จัดการธุระทั้งเรื่องเอาเงินเข้าบัญชี เปิดบัญชีใหม่เรียบร้อย รวมถึงซื้อไอแพตมินิพร้อมทั้งมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดให้อีกคนที่ตอนนี้ก็ยังเห่อของใหม่ไม่เลิก มันนั่งกด นั่งโหลด นั่งยิ้มมีความสุขอยู่ข้างๆผม ทั้งๆที่ตอนผมบอกว่าจะซื้อให้ มันกลับโวยวายเสียงดังซะลั่นร้าน
‘ ซื้อให้ทำไม ไม่เอา ไม่ต้อง ของกูยังใช้ได้ ‘ มันบอกแบบนั้นตอนที่ผมบอกให้มันเอามือถือของมันยื่นไปให้พนักงานเพื่อเปลี่ยนถ่ายข้อมูลรวมถึงซิมการ์ด
‘ ต้องพกแบตสำรองตลอดเวลานี่ถือว่ายังใช้ได้เหรอ เหมือนแม่งติดเครื่องช่วยหายใจตลอดเลย เอาออกก็ตาย มือถือดับ ‘
‘ สัด ‘ มันสถบใส่ผม ‘ แต่ยังไงก็ไม่ได้เกรงใจ ตั้งหลายหมื่น ไม่ต้องเท็นก็ได้มั้ง เอาหกเอสก็พอ มันก็ลดราคาอยู่ ‘
‘ ซื้อแล้วก็ซื้อใหม่ไปเลย จะซื้อของเก่าทำไม ‘ หันไปถามมันที่อีกคนก็ถอนหายใจออกมา
‘ เข้าใจคำว่า รู้จักประมาณตนตามฐานะตัวเองมั้ยอาฟ กูมีหนี้อยู่หลายหมื่น ไอแพตมินิกูยังพอเห็นสมควร ก็เอามาใช้กับงานของมึงให้รวดเร็วขึ้น แต่มือถือมันเป็นของส่วนตัวของกูไง มันไม่เกี่ยวอะไรกับงาน ‘
‘ แล้วถ้าบอกว่าอยากซื้อให้ได้มั้ย ‘ มันเงียบไปตอนที่ผมบอกทั้งๆที่ก็ไม่ได้หันไปมองหน้ามัน แต่ตอนที่เหลือบไปมองเมดเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจแล้วส่ายหน้า
‘ ไม่เอา ‘
‘ ทำไมเรื่องมากจังวะ ซื้อให้ฟรีๆ ก็ไม่เอา ‘ คราวนี้ผมหันไปจ้องอีกคนด้วยความไม่เข้าใจ คนเราก็แปลกได้ของฟรีแล้วไม่ชอบ
‘ กูรู้ว่ามึงรวย กับเงินแค่นี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่มึงให้กูในฐานะอะไร เพื่อนร่วมงานเหรอ กูทำงานให้มึงได้ไม่กี่วันเองนะ จะซื้อของแพงขนาดนี้ให้กูแล้วเหรอ ‘
‘ ก็อยากให้ ‘ ผมบอกมันออกไปด้วยเสียงเรียบๆตรงๆก่อนจะถอนหายใจออกมา ‘ ทำไมคนเราต้องมีเหตุผลในการกระทำทุกอย่างเลยเหรอวะ อยากให้ก็แค่ซื้อให้ไม่ได้เหรอ ส่วนคนรับไม่ได้เสียตังค์สักบาท ก็รับไปไม่ได้เหรอ หนักหนามากเหรอวะ ‘
‘ มันไม่ได้หนักหนาอะไร แต่กูเกรงใจไง มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่มึงต้องมาซื้อของแพงขนาดนี้ให้ ‘ เมดบอก มันก็ถอนหายใจออกมาตอนที่ผมตั้งท่าจะเถียงมันอีกครั้งว่าก็แค่อยากจะซื้อให้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเดาความคิดออกเสียก่อน ‘ งั้นเอางี้ กูรับไว้ก็ได้แต่ว่า ขอกูจ่ายเองนะ ‘
‘ ยังไง ‘ ขมวดคิ้วถามด้วยความไม่เข้าใจแบบสีหน้าหงุดหงิด แต่ถึงอย่างงั้นอีกคนก็แค่ยิ้มอย่างใจเย็น
‘ ก็เดี๋ยวมึงออกให้ก่อน แล้วกูก็ผ่อนไง ทำงานกับมึงอยู่แล้ว ก็เพิ่มหนี้ขึ้นไปจากเดิมของที่มีอยู่ ตกลงมั้ยละ ‘
‘ ไม่ ‘
‘ ไม่ตกลงก็ไม่เอา ‘ มันบอกผม ก่อนจะทำทีเป็นเดินออกไปหาพนักงาน ‘ กูไปบอกพนักงานก่อนว่าเอาแค่ไอแพตมินิ ‘
‘ เออ ตกลงก็ได้ ‘ ผมบอกมันที่ก็หันมายิ้มให้ ‘ โง่ อยากเป็นหนี้ก็ตามใจ ‘
‘ ก็แค่นั้น ‘
‘ แล้วทำไมกูต้องมาหัวเสียกับการที่ไม่ต้องจ่ายเงินด้วยวะ ไอ้สัด ‘ บ่นคนเดียวอยู่ในใจก่อนจะยิ้มออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ถึงการปฎิเสธแบบนี้จะดูสมกับการเป็นคนอย่างมันดี แต่ก็คงไม่รู้ว่ายิ่งมันปฎิเสธผมเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งอยากให้มันมากเท่านั้น ให้ในสิ่งที่ผมให้ได้ ผมอยากจะให้มันทั้งหมด
ขับรถมาที่ผับก่อนหมดเวลาเข้างานแค่ไม่กี่นาที คนข้างผมที่เป็นพวกตรงเวลาจัด วิ่งลงไปเปิดประตูด้านหลังของผับแล้วเอาคีย์การ์ดพนักงานแตะลงเครื่องจดเวลาเข้างานได้ทันอย่างเฉียดฉิว มันหายใจหอบอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะหันมาเหลือบมองผมที่ก็เหล่มองมันอยู่พลางยกยิ้ม
“ ยิ้มอะไรนัก มึงไม่ได้มีเวลาเข้าออกงาน แม่งก็รอดตัวไปสิวะ “ ยักไหล่ให้มันไม่สนใจ อีกคนก็แบะปากใส่ด้วยความรู้สึกที่หมั่นไส้ผมไม่น้อย
“ มาทำงานสายหักเงินเดือนนะบอกไว้ก่อน “
“ ไม่สายสักหน่อย “
“ ก็อย่าสายแล้วกัน บอกไว้ก่อนว่าหนี้มึงเยอะอยู่ “
“ มึงยัดเยียดให้กูเองทั้งนั้น “ เมดบอก “ ค่ารอยถลอกนั่น สามพันก็หรูแล้ว มือถือก็ไม่อยากได้สักหน่อย ถามจริงนี่เป็นแผนที่จะทำให้กูต้องทำงานอยู่ที่นี่นานๆรึเปล่าวะ “
“ ว้า แย่จัง “ ผมบอกพลางทำหน้าเสียดายแบบกวนตีนใส่มัน “ เหยื่อรู้ตัวแล้วเหรอ “
“ สัดอาฟ ชั่วจริงๆ “ เมดบอกผมยิ้มๆ มันที่เดินตรงเข้าไปด้านใน ผมก็ได้แต่มองแผ่นหลังนั่นเดินไปเรื่อยๆ
อยากบอกมันเหมือนกันว่าผมน่ะ มีแผนอีกเป็นร้อยที่จะผูกมัดให้มันอยู่กับผมไว้ชั่วชีวิตเลยยังได้ และเป็นแผนที่ถึงมันจะคิดหนีจากผมไปยังไง ก็จะไม่มีวันสำเร็จ
“ พี่เมดมาแล้วเหรอออ วันนี้แต่งตัวน่ารักจัง “ ไอ้อัยย์ที่กำลังเช็ดแก้วอยู่ที่บาร์เอ่ยทักอีกคนที่ก็ก้มหน้าลงดูชุดที่ตัวเองสวมอยู่
“ แต่สำหรับน้องเดย์ พี่เมดน่ารักทุกวันเลยนะ “ น้องชายผมก็ไม่พลาดมันชมอีกคน เมดที่ก็ยิ้มเขินออกมากับทั้งสายตาแล้วก็คำชมพวกนั้นก่อนจะส่ายหน้า
“ พูดเกินไป ก็ธรรมดา “
“ น่ารักอยู่แล้วเป็นธรรมดาอะไรแบบนี้มั้ย “ ไอ้เจที่กำลังเปิดโน็ตบุ๊คนั่งทำงานอยู่ที่บาร์ไม่พลาดเอ่ยแซวมันอีกคน เมดส่ายหน้าไปมาแรงขึ้น แก้มแดงๆของมันชวนให้ผมหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย แล้วตอนที่จะเดินเข้าไปเพื่อนผมก็ถามประโยคที่ผมไม่อยากจะให้มันตอบขึ้นมา“ แล้วนี่ทำไมมาสายกันจังวะ ไปไหนกันมา “
“ ไปวัดมา “ เมดตอบออกไปก่อนที่ผมจะเดินไปห้ามไว้ทัน “ อาฟบอกว่าอยากจะทำบุญเลยไปถวายสังฆทานกันมา “ เพื่อนทั้งสามคนที่ยืนอยู่ตรงบาร์หันมามองผม ที่ก็ได้แต่นิ่งไปแล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปทางอื่น
“ เยี่ยม “ ผมพูดกับตัวเอง ไอ้เจก็ก้มหน้าลงกลั้นยิ้มกับโน็ตบุ๊ค ส่วนไอ้เดย์อัยย์ก็เอาแต่เกาหัวยิ้มๆ
“ แล้วถ้าให้เดาต้องไปถวายหลอดไฟกันมาแน่เลย “ ไอ้เจว่าเสริม เมดก็หันไปบอกมันตาโต
“ ใช่ รู้ด้วยเหรอ “
“ ฮ่าๆ “ ทั้งสามตัวหลุดหัวเราะกันออกมาเสียงดัง ก่อนไอ้อัยย์จะพูดออกมาทั้งน้ำตาที่ยังหัวเราะอยู่
“ เชี้ยเฮีย กูพูดเล่น มึงก็แม่ง เสือกทำจริงๆด้วย ฮ่าๆ โอ๊ยยกูขำ “
“ นี่พวกมึงหลอกกู “ ผมถามออกไป มันก็ยิ่งหัวเราะกันเสียงดังขึ้นไปอีก ไอ้อัยย์ยกมือไหว้ผม
“ กูไม่คิดว่าเฮียมึงจะเชื่อไง “
“ โอ๊ยยย กูขำ เห็นนิ่งๆ กูว่าแล้วมันต้องไป แล้วเข้าวัดไม่ร้อนเหรอสัดพี่ถามจริง ฮ่าๆ “ น้องชายผมหัวเราะออกมาเสียงดัง “ แล้วบอกไม่รู้สึกอะไรกับเค้าทั้งนั้นแหละ ไม่เลย ไม่เล๊ยยยย อมพระทั้งวัดมาพูดก็ไม่เชื่อแล้วจ้าจุดนี้ “
“ เพื่อความสบายใจของคนที่เค้ารักไง ร้อนแค่ไหนเค้าก็อยากจะทำให้ แม้ว่าจะเป็นแค่ความเชื่อก็ตาม “ ไอ้เจบอก “ มึงไม่มีความรักจะไปเข้าใจอะไร “
“ ไอ้พวกหน้าเหี้ย ส้นตีน “ ผมว่าด้วยสีหน้าหงุดหงิด ก่อนจะหันไปมองคนที่ยังคงทำหน้างงๆด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม มึงนี่มันอันตรายจริงๆ อยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่วัน มึงฉีกกฎของชีวิตกูไปสักโหลข้อได้แล้วมั้ง “ รับผิดชอบด้วยนะ “
“ ห๊ะ ? “ เมดเบิกตาถามผมตอนที่มันได้ยินเสียงของผมพูดตอนที่เดินเข้ามายืนตรงหน้ามัน
“ ทำให้กูเป็นแบบนี้ รับผิดชอบกูด้วย “
“ กูไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย “ ก็ยังเป็นคนคนเดิมที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งนั้น
“ มึงทำ “ ทำให้กูรู้สึกพิเศษกับมึง อย่างไม่รู้ตัว ‘ ร้ายนักนะมึง คุณมินเมด ‘
.................................................................
คือขอยอมรับว่าอยากเป็นน้องเมด เราชอบความคิดของอาฟมาก
เป็นผู้ชายคนนึงที่รู้ตัวนะ ว่าตัวเองนิสัยไม่ดี รู้ทั้งหมดว่าตัวเองเป็นคนยังไง แต่ทุกอย่างที่ทำออกมาให้เมดมันกลับไม่ใช่อย่างที่เค้าบอกเลยว่านี่คือเค้า เป็นเหมือนความอบอุ่นที่มีไว้มอบให้คนที่เรารู้สึกพิเศษมากๆสักคน
บางการกระทำ เรารู้สึกว่าเราทำให้เค้าโดยไม่มีเหตุผล แต่ความจริงไม่ใช่ เหตุผลมันมี อย่างน้อยก็ตอนนี้สำหรับพี่อาฟ “ ชอบ “ คงเป็นเหตุผลที่ตรงใจที่สุด
เขินนนนนนนนนนนนนนนนน
และนี่คือทางไปนิยายแชทของจอยลดา
http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6ยังไงฝากแท็ก #ผับชั้นสามด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่า