พิมพ์หน้านี้ - ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: patwo ที่ 23-02-2018 20:02:47

หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 23-02-2018 20:02:47
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 

- - - -- - - - - -- - - - - - -

(https://www.picz.in.th/images/2018/02/23/83796.jpg)

※ นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง ตัวละครเป็นเพียงฉากสมมุติเพื่อความสมจริงเท่านั้น ※

►►   สารบัญ  ◄ ◄

 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3794866#msg3794866)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 2  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3795422#msg3795422)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 3  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3796044#msg3796044)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 4  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3796605#msg3796605)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 5  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3801899#msg3801899)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 6  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3805129#msg3805129)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 7  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3805133#msg3805133)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 8  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3805139#msg3805139)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 9  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3805846#msg3805846)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 10  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3808274#msg3808274)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 11  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3809198#msg3809198)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 12  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3811301#msg3811301)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 13  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3812187#msg3812187)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 14  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3814432#msg3814432)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 15  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3817410#msg3817410)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 16  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3820305#msg3820305)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 17  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3823403#msg3823403)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 18  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3826726#msg3826726)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 19  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3827738#msg3827738)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 20  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3829881#msg3829881)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 21  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3833066#msg3833066)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 22  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3836293#msg3836293)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 23  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3839632#msg3839632)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 24  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3843368#msg3843368)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 25  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3846917#msg3846917)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 26  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3850150#msg3850150)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 27  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3851182#msg3851182)

 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 28  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3851182#msg3851182)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 29  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3853461#msg3853461)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 30  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3859645#msg3859645)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 31  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3862797#msg3862797)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 32 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3866334#msg3866334)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 33 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3869610#msg3869610)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 34.1 SP.HBD'minmade  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3872579#msg3872579)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 34.2 SP.HBD'minmade  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3873447#msg3873447)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 35  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3875319#msg3875319)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 36  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3878076#msg3878076)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 37  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3881509#msg3881509)
 Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 38  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3887067#msg3887067)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 39 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3890135#msg3890135)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 40 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3896425#msg3896425)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 41 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3899183#msg3899183)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 42 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3902012#msg3902012)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 43 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3904947#msg3904947)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 44 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3907109#msg3907109)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 45 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3909491#msg3909491)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 46 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3912285#msg3912285)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 47 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3915228#msg3915228)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 48 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3918685#msg3918685)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 49.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3920594#msg3920594)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 49.2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3923289#msg3923289)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 50.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3925622#msg3925622)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3929015#msg3929015)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: เปิดจองนิยาย  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3930791#msg3930791)
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนพิเศษที่ 1  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3933206#msg3933206)[/color]
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนพิเศษที่ 2  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3938148#msg3938148)[/color]
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนพิเศษที่ 3  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3942968#msg3942968)[/color]
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนพิเศษที่ 4  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3947744#msg3947744)[/color]
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนพิเศษที่ 5  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3950286#msg3950286)[/color]
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนพิเศษที่ 6  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3955386#msg3955386)[/color]
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนพิเศษที่ 7  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg3959948#msg3959948)[/color]
Throw UP #ผับชั้นสาม :: ตอนพิเศษ ของพิเศษ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66288.msg4019840#msg4019840)[/color]

  o18  twitter : @realkanom  facebook : หนมมี่ผู้ใสซื่อ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 1 :: 23-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 23-02-2018 20:26:47
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า

ตอนที่ 1

' ขอโทษด้วยนะครับคุณเจ้าของรถ ผมถอยรถชนรถยนต์ของคุณจนเป็นรอย แต่เพราะผมรีบไปทำธุระเลยไม่สามารถรอคุณกลับมาที่รถได้ ผมยินดีจ่ายค่าเสียหายเพื่อรับผิดชอบ ติดต่อมาที่ line : minmade นะครับ ขอโทษด้วยนะครับ '

“ ไอ้สัด " ผมสถบออกมาตอนที่อ่านข้อความนั้นจบลง เกาหัวตัวเองแรงๆอย่างไม่รู้จะไประบายความหงุดหงิดนี้ลงกับอะไร มองดูรอยขีดยาวข้างประตูคนขับ ก็ได้แต่นิ่ง รถสปอร์ต GTR สีดำที่ถูกส่งไปขัดล้างมาอย่างดีเมื่อเช้าแต่ตอนนี้มันเสือกมีรอยน่ากวนใจประดับอยู่ทั้งๆที่ก็จอดอยู่ดีๆอย่างถูกระเบียบในลานจอดรถห้าง วิเคราะห์จากรอย คิดว่าน่าจะเป็นรอยจากรถอีกคันที่ขับเข้ามาจอดแบบเบียดชิดเกินไป กระจกก็เลยมาขูดรถผม

' สัดเอ้ย กูจอดรถกูอยู่ในที่ของตัวเองแท้ๆ ยังจะเสือกมีไอ้พวกหน้าโง่ ขับมาสร้างรอยให้ถึงที่ K ' บ่นกับตัวเองในใจตอนที่ถอนหายใจออกมา ผมก็ก้มลงมอง ไอดีไลน์ที่แนบมา " กูจะแอดไลน์ไปเรียกค่าเสียหายให้ยับเลยไอ้สัด "

[ เฮียอยู่ไหนแล้ววะ วันนี้จะไม่เข้าร้านเหรอ ] ไลน์กรุ๊ป ' Throw UP Staff ' ดังขึ้นมาตอนที่ผมแอดไลน์คนที่บังอาจมาฝากรอยไว้บนรถผมเสร็จพอดี คนทักก็ไม่ใช่ใคร เพื่อนของน้องชายที่ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ในร้าน

[ เข้า กำลังไป แต่รถกูโดนฝากรอยเนี้ยไอ้สัด ขนาดจอดไว้เฉยๆ ] ผมตอบไอ้อัยย์ไปแบบนั้น ก่อนไอ้เจเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่ม.ปลาย คนดูแลฝ่ายพีอาร์ของร้านจะถามขึ้นมาบ้าง

[ ไอ้เชี้ย ใครกล้ามาบังอาจฝากรอยไว้กับ GTR ไบรอัน ของเฮียกู ไม่รู้ซะแล้วว่าใครเป็นใคร ขนาดวันก่อนขนาดไอ้เชี้ยเดย์น้องเฮียแท้ๆ เอาแมวขึ้นไปบนรถ เฮียยังด่ายับเลย แล้วมึงเป็นคร๊ายยยยย ]

[ ชะตาขาดแน่ๆ ] ไอ้เดย์น้องชายผมที่ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ผู้ถูกพาดพิงถึงพูดขึ้น [ ขนาดแมวกูน่ารักขนาดนั้นมันยังรังเกียจ ]

[ เปล่า กูรังเกียจมึง ] ผมตอบมัน ก่อนจะยกยิ้มผ่านหน้าจอไป

[ ไอ้สัดพี่ ]

[ แล้วคนชนใครวะ ถ่ายหน้ามันมาให้กูดูเฮีย กูจะไปตบกระโลหกมัน ] ไอ้เจถาม

[ แล้วถ้าเป็นผู้หญิง ] ไอ้เดย์ถามมันกลับ

[ กูก็จะไปจุ๊บเหม่งเค้าสักทีสองทีแล้วบอก หนูทำดีที่สุดแล้วลูก ขวัญเอ้ยขวัญมานะคะ ]

[ สัด ถ่ายหน้าอะไร มันทำรถกูเป็นรอยแล้วฝากไว้แค่กระดาษ เขียนบอกว่าให้แอดไลน์ไปคิดค่าเสียหาย มันไม่ว่างรอกู ]

[ อ้าว แล้วเฮียแอดไปยังอะ กูว่าผู้หญิงแน่ๆ ขนาดจอดเฉยๆยังมาเบียดได้ ]ไอ้อัยย์เสริมขึ้นมา [ งั้นแล้วถ้าเป็นสาวสวยๆ นมตู้มๆ เฮียกูจะคิดจะค่าเสียหายเค้ายังไงอะ ]

[ คงไม่ให้จ่ายด้วยเงิน ]

[ ไอ้สัดพี่ มองมาจากดาวอังคารยังรู้ว่ามึงคิดอะไร ] น้องชายที่รู้ทันพิมพ์สวนขึ้นมา

[ ทำไม ? เสือกมาทำรอยไว้กับรถกู กูก็แค่ต้องทำรอยกลับไป มันก็เท่านั้น ]

[ สมเป็นเฮียอาฟ คลำดูไม่มีหางก็เอาหมด ]

[ สัดเจ นี่มึงด่ากู ? อยากโดนไล่ออก ]

[ ไม่บังอาจจ้า ]

[ แล้วนี่พี่มึงแอดยังอะ ] อัยย์ถาม

[ แอดแล้ว ]

[ งั้นก็ดูรูปดิสเค้าสิ จะได้รู้ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง ]

[ เออวะ แปปนึง ] กดออกจากไลน์กรุ๊ปร้าน แล้วก็เข้าไปดูเพื่อนใหม่ที่ผมแอดไปแต่ยังไม่การตอบรับกลับมา จ้องลงไปในภาพ กดขยายให้ใหญ่ขึ้น ขมวดคิ้วกับภาพที่เห็นเพราะไม่ใช่ภาพที่เห็นหน้าชัดสักเท่าไหร่ แต่กลับรู้สึกว่าเค้าเป็นใครสักคนที่ผมค่อนข้างคุ้นตา

[ ว่าไงเฮีย ตกลงชายหรือหญิง ] อัยย์ถามเข้ามาในกรุ๊ปไลน์หลังจากที่ผมเงียบไปอยู่นาน

[ น่าจะผู้ชายวะ ]

[ อ้าว มึงก็ไปซะนานสัดเฮีย กูนี่ก็คิดไปแล้วว่าแจ๋ม แบบ นมๆเนื้อๆ ]

[ งั้นเก็บมันมาเยอะๆเลยเฮีย สามแสน!! ] ไอ้เจบอก ผมถอนหายใจออกมาตอนที่เห็นแชทที่เอาแต่เล่นของพวกมัน
[ รอยขูดมันจะขนาดให้มึงเรียกเก็บได้สามแสนเปล่าเถอะ ไหนสัดพี่ มึงถ่ายรูปมาหน่อย ]

[ เออ กูต้องถ่ายเก็บหลักฐานไว้ก่อน แปปนึง ] กดมือถือถ่ายรอยขูดนั่นไว้ ยิ่งเห็นก็ยิ่งเสียอารมณ์แม้มันจะไม่ใช่รอยใหญ่อะไรมากมาย แต่รถกูขับทุกวันไม่เคยทำเป็นรอย มาจอดนิ่งๆที่ลานจอดในห้างเสือกเป็นรอยได้ [ สัดเอ้ย รับแชทกูเมื่อไหร่มึงเจอดีแน่ กูจะเอาให้ยับเลย ]

ส่งภาพประกอบไปในคนในห้องแชท ก่อนที่ผมจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่งด้านใน สตาร์ทรถเตรียมตัวออกไปทำงาน แต่ตอนนั้นมือที่หยิบมือถือขึ้นมาดูอีกครั้ง แชทของคนที่ผมแอดไปเค้ายังไม่ตอบรับมันอยู่ดี ภาพของเจ้าของแชททำให้ผมคิดไม่ตก เสี้ยวหน้าแบบนี้เคยเห็นที่ไหนวะ คุ้นจริงๆวะ แต่เสือกคิดไม่ออก

[ ห้าพัน ] ไลน์กลุ่มเด้งขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เป็นไอ้เดย์ที่พิมพ์ขึ้นมาหลังจากประเมินสภาพความสียหายของรถผม

[ ห้าพันพ่อง นี่ GTR ไม่ใช่ฮอนด้าซิตี้ ไอ้สัด ]

[ เชี้ยเฮีย อย่ามาว่าซิตี้ลูกกู ยังผ่อนไม่หมดเลยนะมึง ] ไอ้เจโวย [ งั้นมึงจะเก็บเท่าไหร่ ]

[ แสนนึง ]

[ ไอ้สัดเฮีย มากไปเปล่าวะ ] ไอ้อัยย์ถาม

[ นี่ก็เก็บถูกแล้วนะสัด กูไม่นิยมทำสีแค่ที่รอยถลอก กูนิยมทำทั้งคัน แล้วนี่ GTR รถกูเกือบเจ็ดล้าน ]

[ แล้วรถเจ็ดล้านไม่ทำประกันชั้นหนึ่งรึยังวะ ถึงจะไปเก็บเค้าขนาดนั้น ]

[ แล้วทำไมกูต้องส่งเคลมให้ประกันจ่าย เพื่อให้งวดหน้ากูต้องไม่ได้ส่วนลด ทั้งๆที่กูไม่ใช่คนทำ ]

[ เนี้ย ความเรียนบริหารของเฮียกู เข้าใจแล้วว่าทำไม throw up แม่ง ไปรอด ]

[ ความเลีย ] ไอ้เจส่งข้อความตามมา ไอ้เดย์ก็เช่นกัน

[ ความเลีย ]

[ ไม่ต้องเรียนบริหารหรอกไอ้สัด ไม่ว่าใครแม่งก็ไม่ควรเสียเงินเรื่องที่ตัวเองไม่ผิดอยู่แล้ว ]

[ อะจ้า แต่ยังไงก็รีบเข้ามาทำงานเนอะ วันนี้ดีเจสาวเข้าแหละ ตู้มมาก ยังกับดีเจโซดา ]

[ เออได้อยู่ ] ไอ้เดย์เสริมอีกคน [ แต่คนนี้กูว่าน่าจะดีเจเหล้า ]

[ ทำไมวะ ] ผมถาม

[ เพราะดีกรีน่าจะแรงกว่านั้นมาก กรี๊ดดดดดด เดย์ขอตัวเกาะขอบเวทีนะฮะ ]

[ สัดเดย์ กลับมาดูแลลูกค้า!! อีบาร์เทนเดอร์ !! ] ไอ้อัยย์ที่พิมพ์ขึ้นมาคนสุดท้าย ผมส่ายหน้าไปมากับความบ้าบอของพนักงานในร้านตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมา

[ อัยย์ฝากบอก พี่ซองว่าเดี๋ยวกูเข้าไปจัดการเรื่องเอกสาร ]

[ ได้ครับ ว่าแต่นะเฮีย ทำไมเฮียไม่ลากพี่ซองเข้ามาในกลุ่มสต๊าฟอะ ]

[ กูไม่สนิทกับเค้าขนาดนั้นมั้ย ไม่ชอบเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง ]

[ โงยยยย พวกกูดูแลสำคัญเลยอะ มีความเชิดคอได้อะไรได้ เมื่อสนิทกับเฮียอาฟแห่ง throw up ]

[ แต่ในความคิดกูนะอาฟ ] ไอ้เจพิมพ์ขัดขึ้นมา

[ โหมดจริงจังวะ 555555555 ] ผมแซวมัน

[ เออ จริงจัง กูว่ามึงควรสร้างไลน์กรุ๊ปของสต๊าฟใน throw up ไว้รวมกันสักกรุ๊ปนึงนะ คือมีอะไร จะสั่งงานอะไร มึงก็ไปส่งเอากับตรงนั้น ใครรายงานอะไรกับมึง ก็รายงานมาจากตรงนั้น เอาไว้แบบทำงานจริงจัง ประกาศอะไรก็จะได้ประกาศจากตรงนั้น ไม่ต้องพิมพ์แล้วเอาไปก๊อปวางให้แชทแยกแต่ละคน ]

[ อีกอย่างจะได้สนิทกันด้วย เนี้ย ไม่มีใครกล้าสนิทกับเฮียก็เพราะแบบนี้แหละ ]

[ กูก็ไม่ได้อยากจะได้เพื่อนสนิทเพิ่มนี่ ] ผมบอก

[ มึงยังจำวันที่มึงได้เงินสามล้านจากป๊ามึงมาได้มั้ย วันนั้นมึงบอกกูว่าอะไร ตอนปีสองที่เราเรียนคาบบริหารด้วยกัน ]

[ บอกว่าจะเอาเงินสามล้านไปทำให้เป็นสิบล้านภายในหนึ่งปี เพราะกูจะเอาไปซื้อ GTR ]

[ สัด! ไม่ใช่สิ มึงบอกว่า จะทำผับที่มีแต่คนที่สนิทๆทำด้วยกันเอง ทำงานเหมือนครอบครัว ]

[ เฮีย มึง กูฟังพี่เจแล้วกูจะร้องTTTT เฮียเห็นว่ากูเป็นคนในครอบครัวอะ ] ไอ้อัยย์พิมพ์แทรกขึ้นมาในโหมดดราม่า
[ มึงลากไอ้อัยย์มา เพราะมันชงเหล้าถูกใจมึง ส่งไอ้เดย์ไอ้อัยย์ไปเรียนบาร์เทนเดอร์ แล้วก็ให้กูลงเรียนพีอาร์คอร์สสั้นๆ ส่วนมึงก็ไปขอป๊าให้เค้าหาเส้นสายกับตำรวจ เพื่อเปิดผับ throw up ]

[ ที่ตอนแรกเงียบแข่งกับเสียงหมาเห่า แต่ตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก throw up ของเฮียอาฟนะฮับ!! ]

[ เออ นั่นแหละ แล้วพอมันดังขึ้นมา อะไรมันก็เปลี่ยนไปนะเว้ย มึงจะคิดว่าเริ่มแค่นี้ก็เอาแค่นี้ไม่ได้ ทุกฝ่ายแม่งก็ทำให้งานเดินเหมือนกันทั้งนั้นอะ พี่ซองมึงก็เลือกเค้ามาทำงานเอง ส่วนพี่แบล็คป๊ามึงหามาให้แล้วไงวะ เค้าก็ทำงานดี เป็นการ์ดที่โคตรดี มีเค้าไม่ต้องกลัวเรื่องเด็กอายุไม่ถึงเข้ามาเลย ]

[ เพราะแม่งเซ็นส์ดียิ่งกว่าต.ม. มองปาดเดียวรู้หมดใครอายุเท่าไหร่ ] ไอ้อัยย์เสริมซึ่งผมก็เห็นด้วยกับพวกมันนั่นแหละ สองคนนั้นก็ทำงานดีจริงๆ

[ จริงๆนะอาฟ ถ้ามึงอยากจะทำให้มันเป็นครอบครัวอย่างที่มึงคิดตอนแรกจริงๆ มึงควรเริ่มจากจุดนี้ก่อน แค่ไลน์กลุ่มเล็กๆนี่แหละ ]

[ งั้นมึงทำ ] ผมบอกปัด

[ สัด ]

[ ขอท้าเลยว่าเฮียแม่งต้องเข้าไปคุยในกรุ๊ปนั้น แค่สามครั้งในหนึ่งปี เพราะขนาดกรุ๊ปนี้นานๆทีถึงจะมาตอบ นี่บางทีกูต้องแชทไปในไลน์ส่วนตัว แล้วบอก ' เฮียๆ ตอบกรุ๊ปด้วย ' ความเฮียกู ]

[ แล้วนี่มึงว่างกันรึไง วันนี้ดีเจเหล้าอะไรของพวกมึงขึ้น บาร์แม่งไม่หัวหมุนเหรอวะ ] เปลี่ยนเรื่องน่าเบื่อของเพื่อน ผมไม่อยากจะใส่ใจเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ พวกมันบ่นไปก็เท่านั้น สำหรับผมไม่อยากทำก็คือไม่อยากทำ

[ หน้าที่กูมันคือดูแลดีเจไงสัด บาร์อะไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก แต่เด็กเสิร์ฟแม่งจะแยกร่างแล้ว มีแต่คนสั่งเบียร์ไปยืนเต้นกันหน้าโซนดีเจเปิดแผ่น ]

[ รวมถึงน้องมึงด้วยเฮีย ] ไอ้อัยย์บอก [ บาร์เบออะไร ไม่สนใจ มึงเข้ามาลากมันได้แล้ว บอกให้มันมาทำงานช่วยกู ]

[ เออ ไปเดี๋ยวนี้ กูก็มัวแต่คุยกับพวกมึง ความผิดพวกมึงแหละสัด ตัดเงินเดือน! ]

[ K ]

[ olo ]

กดปิดหน้าจอมือถือ ผมก็ขับรถออกไป ในระหว่างทางไลน์มือถือของผมก็ดัง สายตาที่หันไปมองหน้าจอตอนแรกคิดว่าจะเป็นคนที่มาทำให้รถเป็นรอย แต่ก็เปล่า เป็นแค่การสร้างกรุ๊ปใหม่ที่ไอ้เจบอกไว้ว่าผมควรทำ เอากันตามความจริง ผมก็ไม่ได้คิดเลยว่า throw up มันจะมาถึงจุดนี้ ผมเองยังจำวันนั้นได้เลย วันที่เดินเข้าไปขอเงินป๊า

" ป๊าขอเงินสักแปดล้านสิ " พูดด้วยเสียงเรียบๆในห้องทำงานของคนเป็นพ่อที่ยังจดจ่อกับเอกสาร เค้าเงยหน้าขึ้นมา ขมวดคิ้วแล้วมองผมลอดผ่านแว่นมา

" แปดล้าน ? มึงเอาไปทำไมตั้งแปดล้าน "

" อยากได้ GTR "

" รถ ? "

" อื้ม คันนึงเกือบเจ็ดล้าน แต่คิดว่าพอตกแต่งนู้นนี่นั่นคงตกราวๆ แปดล้าน "

“ กูให้มึงได้แค่สามล้าน " เค้าบอกแค่นั้นก่อนจะเริ่มทำงานต่อ " แต่กูไม่ได้ให้มึงไปซื้อรถนะ ให้มึงไปทำธุรกิจอะไรสักอย่าง เพื่อไปซื้อ GTR ของมึง "

“ แล้วจะให้ทำอะไรวะ "

“ เรื่องของมึง คิดจะให้เงินขนาดนั้นก็ไปวางแผนว่าจะทำยังไงให้สามล้านเป็นสิบล้าน จะซื้ออะไรก็ไปเอามาจากตรงนั้น กูให้มึงได้เท่านี้ "

“ ไม่ใจ "

“ มึงว่าไงนะ " เค้าหันมามองผม ที่ก็ยักคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“ โอเค จะทำอะไรก็ได้ใช่มั้ย แค่ทำให้มันเป็นสิบล้านก็พอ "

“ ต้องไม่ผิดกฏหมาย "

“ โอเค " พยักหน้ารับส่งๆ ตอนที่เดินออกมาจากห้องทำงานป๊า จะว่าขัดใจก็ขัดใจอยู่ แต่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ ป๊าผมเป็นนักธุรกิจ ก็คิดอยู่แล้วว่ามันต้องออกมาเป็นแบบนี้ ป๊าไม่มีทางให้เงินมาแบบง่ายๆหรอก เพราะเค้ารู้ว่าผมต้องไม่เห็นค่าของเงิน " ประเด็นคือ แล้วกูจะเอาเงินสามล้านนี่ ไปทำอะไรวะ "

ตอนนั้นในสมองมันว่างเปล่าไปหมด ผมที่ยังเรียนอยู่แค่ปีสอง มีแค่ไม่กี่อย่างที่ชอบทำ และหนึ่งในนั้นก็คือการกินเหล้า แล้วพอคิดได้แบบนั้นก็วางแผนทำร้านเหล้าขึ้นมาแทบจะทันที ที่ดินก็ขอซื้อจากป๊า รูปแบบร้านก็ไปหาไอเดียจากเมืองนอกมา ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับคนไทยลงทุนจ้างสถาปนิคมาทำ หนำซ้ำยังส่งพวกคนที่สนิทอย่างไอ้เจ ไอ้เดย์ ไอ้อัยย์ ไปเรียนในสิ่งที่จำเป็นต้องมีในผับ ส่วนเรื่องผู้มีอิทธิพลก็เป็นเรื่องที่ป๊าจัดการให้เพราะยังไงเค้าก็สนิทกับพวกตำรวจแล้วก็ทหารอยู่แล้ว เส้นสายเยอะแยะ และเมื่อทุกอย่างเข้าที่ throw up คลับบาร์ของผมก็ถูกเปิดอย่างเป็นทางการ

ตอนนั้นคิดแค่ว่าอยากจะได้ GTR เฉยๆ คิดแค่ว่ายังไงกูก็ต้องได้รถคันนี้มาให้ได้ แต่ไม่มีความคิดเลย ว่ามันจะมาได้ถึงจุดนี้ จุดที่ throw up ติดหนึ่งในห้าผับดังย่านทองหล่อยอดนิยม

“ คุณอาฟ สวัสดีครับ "

“ สวัสดีครับ " ผมก้มลงทักทายพี่แบล็คหัวหน้าการ์ดร่างหนาหน้าโหดแต่นิสัยจริงๆโคตรใจดี ไอ้เจบอกมาแบบนั้นเพราะมันสนิทด้วย พ่อแนะนำเค้ามาให้ผมเห็นว่าเป็นลูกชายของคนในบริษัทพ่ออีกที เพิ่งเรียนจบแถมยังพ่วงด้วยนักกีฬาต่อสู้มหาลัยดัง

" พี่อาฟ " เสียงของสาวคนนึงที่เอ่ยเรียกผม เธอที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนึงที่อยู่ใกล้ประตูเข้าร้าน ผมหันไปยกยิ้มให้ก่อนจะเดินผ่านไปคนทั้งโต๊ะนั้นก็กรี๊ดกร๊าดขึ้นมา " มึงพี่อาฟยิ้ม อีเหี้ยยยยยย หล่อ สัด แต้มบุญกูถึงขีดสุดแล้ว มา throw up แล้วเจอพี่อาฟ "

“ มาถึงก็เรียกเสียงกรี๊ดเชียวน้าาา " ไอ้อัยย์ทักตอนที่ผมนั่งลงที่ส่วนบาร์ตรงหน้ามัน ก่อนแก้วเหล้าสีทองที่บรรจุน้ำแข็งก้อนใหญ่ก้อนเดียวจะถูกส่งมาให้ผม

“ นี่ครับ On the rock ของเฮีย "

“ ขอบใจ " หยิบแก้วขึ้นมาชิมพลางมองไปที่ดีเจสาวคนที่เล่นแผ่นอยู่ " นั่นเหรอวะ ดีเจเหล้าอะไรของพวกมึง "

“ ช่ายยยยยย สวยแซ่บไปเลยถูกมั้ย แล้วก็นั่นน้องชายเฮียอะ " นิ้วที่ชี้ไปที่คนด้านหน้าสุดของโซนผมส่ายหน้าไปมาให้กับภาพไอ้เดย์น้องชายตัวเองที่กำลังสุดเหวี่ยงอยู่กับเพลงแล้วก็ผู้หญิงข้างกาย

“ ปล่อยมันไปเถอะ "

“ อะ ตามใจไปอี๊ก "

“ เอามาอีกแก้วดิ๊ " เขย่าแก้วเหล้าที่มีแต่น้ำแข็งยื่นไปให้ไอ้อัยย์ มันที่ขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจยิ้มๆ

“ สัดเฮีย กูยังไม่ทันปิดฝาขวด มึงเล่นเพิ่มแล้วเหรอ "

“ เอามาน่า กูอยากกิน "

“ อะครับ นี่ครับ " รินให้มาอีกแก้วผมเขย่าแก้วไปมาก่อนจะบอกอีกคน

“ อัยย์ เรียกพี่ซองให้กูหน่อย " บาร์เทนเดอร์คนสนิทเงยหน้าขึ้นจากขวดเหล้าที่กำลังผสมอยู่ มันส่ายหน้าไปมาก่อนจะพยักหน้ารับแบบยิ้มๆ จนเห็นฟันเขี้ยวที่โคตรกวนตีนของมัน " ยิ้มเหี้ยอะไร "

“ หัดสนิทๆ กับคนอื่นไว้บ้างเถอะ นี่เจ้าของนะเว้ย ปล่อยให้พนักงานสนิทกันเอง สักวันไอ้เดย์จะเทคโอเว่อร์ร้านเข้าให้ "

“ หึ ถ้าไอ้เหี้ยนั่น บอกมันหัดนับเลขให้ครบร้อยก่อนเถอะ แล้วค่อยคิดจะเทคโอเว่อร์ร้านกู "

“ แรงไปอี๊ก " มันพูดประโยคสุดท้ายก่อนจะหันหลังไป " พี่ซองครับ พี่อาฟเรียกน่ะ "

“ ครับ คุณอาฟ " พี่ซองที่เป็นผู้จัดการร้านกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามา เค้าหอบหายใจน้อยๆแล้วยิ้มใจดีให้ผม จะว่าไปในบรรดาสต๊าฟคนที่แก่ที่สุดในร้านเราก็คือพี่ซองนี่แหละ เรียนจบบริหารแต่ก็ดันมาทำงานในผับที่เจ้าของยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ ตอนนั้นเค้าหางานไม่ได้ผมเองก็โคตรยุ่งกับเอกสารที่ก็ไม่อยากจะทำเท่าไหร่ พอได้ลองคุยก็ดูเหมือนเค้าจะไม่แคร์กับการที่คนอายุน้อยจะมาเป็นหัวหน้างาน ผมเลยจ้างเค้ามาทำงาน ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า พี่ซองก็ทำงานแทบจะทุกอย่างมีฉายาที่ไอ้เดย์ตั้งว่า ' พี่ซองเป็นทุกอย่างให้ throw up แล้ว '

" วันนี้เป็นยังไงบ้าง "

" ก็ดีครับ ลูกค้าเยอะ ส่วนใหญ่วันนี้เบียร์เป็นขวดจะขายดีกว่าเหล้า แล้วก็พวกวอดก้าแต่งกลิ่น ส่วนเอกสารที่คุณอาฟต้องเซ็นพี่เอาไปวางไว้ที่ห้องแล้วนะครับ เรื่องเกี่ยวกับการจัดซื้อ ซ่อม แล้วก็รายจ่ายทั่วไป "

" โอเค เดี๋ยวขึ้นไปจัดการให้ พี่ไปทำงานเถอะ "

" ครับ " เค้าเดินออกไปตอนที่ผมเองก็หันกลับมาจับแก้วเหล้าเหมือนเดิม ทุกคนในที่นี่ก็ดูเหมือนกลัวผมไปหมดจริงๆนั่นแหละ เพราะแค่มองไปรอบๆพนักงานเสิร์ฟก็หลบตากันไปทางอื่นหมด ยกเว้นแต่ไอ้สามตัวที่อยู่ในกลุ่มไลน์ที่อีกนิดก็จะเล่นหัวกูแล้ว ก็นะ อย่างที่ไอ้เจเคยบอก ทำตัวเป็นเจ้านาย หน้าตาขึงขังทั้งวันใครมันจะไม่กลัว แต่นิสัยกูแม่งก็เป็นแบบนี้จะให้ทำยังไงวะ อีกอย่างกูก็เป็นเจ้านายรึเปล่า ขืนเล่นๆ มีหวังลูกน้องก็ได้มาเล่นหัวสิวะ

“ เออ เฮีย แล้วตกลงคนทำรอยรถเฮียเค้าติดต่อเฮียมายังอะ "

“ ยัง " ผมบอกคนตรงหน้าก่อนจะดึงแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม " มึงอย่าพูดเรื่องที่ชวนให้กูเสียอารมณ์ได้มั้ยสัด "

“ อะเค งั้นหันไปที่เวทีเนอะ นู้นๆ เนื้อนมไข่แบบที่เฮียชอบไง " ผมหันไปมองตามที่มันบอก ดีเจสาวที่ตอนนี้กำลังก้มๆเงยๆจัดการแผ่นเสียง พลางโยกไปตามจังหวะ มือที่เอื้อมขึ้นทัดผมไปข้างใบหูโชว์ช่วงใบหน้าสวย ในตอนที่สายตาของเราสบกันผมยกแก้วเหล้าขึ้นทักเธอที่ก็ก้มหน้าลงทักด้วยรอยยิ้ม

" ยังไงก็อย่าลืมทำเอกสารน้า " ไอ้อัยย์แซวผมก็ได้แต่หัวเราะออกมายิ้มๆ

" น่า ไว้ก่อน หงุดหงิดเรื่องรถเป็นรอย ขอไปฝากรอยไว้แปปนึง "

เสียงเพลงสุดท้ายที่จบลงดีเจที่เดินลงมาจากเวที ผมเองก็ลุกขึ้นจากที่นั่งไม่ต้องมีคำพูดหรือแนะนำตัวอะไรมากมาย ผมรู้ว่าเค้ารู้อยู่แล้วว่าผมเป็นใคร เราเดินขึ้นไปที่ชั้นสามของ throw up บนห้องที่เอาไว้ใช้เป็นออฟฟิศและแน่นอนสำหรับคนอย่างผมบนนั้นมีทั้งเตียงกว้างที่จัดไว้อยู่ในมุมนึงของห้องเช่นกัน ห้องที่มีแต่ผมและคนที่ผมเลือกจะให้ขึ้นไปเท่านั้น

ร่างสองที่ผลัดกับรับและรุกด้วยริมฝีปาก เสื้อผ้าของคนตรงหน้าถูกผมปลดเปลื้องออกไปตั้งแต่ที่ก้าวขาเข้ามาในห้อง หน้าอกกลมถูกคลึงเคล้นด้วยทั้งมือและริมฝีปากของผม จูบไปบนเรือนร่างขาวผ่องที่ผอมไปหน่อยในความรู้สึกแต่ทุกอย่างก็เหมือนถูกลบล้างไปหมด ในยามที่เธอดึงตัวเองขึ้นมาอยู่บนร่างผม จับส่วนกลางที่ตั้งชันนั้นใส่เข้าไปในร่างเธอพลางกัดริมฝีปากล่างเบาๆแล้วขยับตัวเองขึ้นลง

กริ๊ก กริ๊ก กริ๊ก

เสียงไลน์ดังน่ารำคาญที่ดังอยู่ข้างตัว ผมถอนหายใจออกมาตอนที่ผละมือออกจากหน้าอกสวยนั่น หันไปมองมันแล้วพบว่าเป็นไลน์กลุ่มที่ทักเข้ามา ข้อความที่ดูเกรี้ยวกราดของคนพวกนั้นแต่นั่นกับทำให้ผมแค่ยกยิ้ม

[ ไอ้สัดพี่ นั่นมันของกู ไอ้เควี่ยยยยย มึงเคลมน้องดีเจกู!! ] น้องชายตัวดีของผมบอก

[ ถอดเสื้อผ้าแล้ว ไม่เห็นมีป้ายติดจอง ]

[ K กูไปเฝ้าตั้งแต่น้องมันมา แต่สุดท้ายมึงคว้าไปแดกเฉ๊ย คือได้เหรอ ได้เหรอสัด ]

[ ได้สิ ก็กูจะเอาอะ ]

[ กูเห็นมึงคั่วอยู่กับน้องอีกคน กูคิดว่ามึงจะเอากับคนนั้น " ไอ้เจถามไอ้เดย์กลับ " ส่วนมึงไอ้สัดอาฟ ไวนัก กูดิวติดต่อมารับงานยังไม่ได้แม้จับมือ K ]

[ คนนั้นเสร็จตั้งแต่ห้องน้ำแล้วสัด กูรีบเอาที่ห้องน้ำ เพราะจะเอาดีเจหิ้วขึ้นห้องที่ชั้นสามไง แต่พี่มึงกลับ... โอ๊ยยยยยย กูหงุดหงิด ]

[ นี่มึงจะหิ้วดีเจไปกินที่ห้องทำงานเฮียเลยเรอะ ] ไอ้อัยย์ถามเพื่อนมัน

[ กูทำออกบ่อยไป ] ไอ้เดย์ว่า [ ไล่สัดพี่แม่งไปทำเอกสารที่อื่นแล้วกูก็วิ่งไปขึ้นสวรรค์ในห้องนั้น ]

[ เลวทั้งพี่ทั้งน้อง เลวไม่มีใครเกิน ชาติชั่ว ] ไอ้เจว่า

[ มึงว่ากูเหรอเจ คิดดีแล้วนะ ] ผมถาม

[ คิดมาทั้งชีวิต มึงก็มีแต่คำนี้ ไอ้เฮีย กูเห็นเค้าลางตั้งแต่มึงแม่งสร้างให้ชั้นสามเป็นออฟฟิศทั้งชั้นแล้วไอ้สัด แล้วพอเอาเตียงมาแต่ง เอาห้องน้ำมาลง กูก็ไม่เคยคิดว่ามึงจะลากตัวเองมานอนที่ throw up หรือทำงานหามรุ่งหามค่ำหรอก ไอ้ควาย ]

[ 5555555555555 ]

[ ยังจะหัวเราะไอ้สัด แค้นนัก! สัดพี่ สักวันกูจะไปฟ้องป๊าว่ามึงทำ throw up ไว้เคลมสาวที่สนใจในผับ ]

[ โดยเฉพาะดีเจพริตตี้ที่จ้างมา ] ไอ้อัยย์เสริม [ เสร็จเฮียกูหมดทุกคนจ้า ]

[ มีกูด้วย ] ไอ้เจยอมรับ

[ กูก็มี ]

[ ในกลุ่มนี้กูดีสุด ] ไอ้อัยย์บอก

[ มึงก็มีไอ้สัด! ] ไอ้เดย์พิมพ์ตอบ

[ อ๋อเหรอออออออออ ฮิฮิ ]

[ โสมมชิปห้องนี้ ] ผมว่า

[ แล้วนี่มึงพิมพ์ได้ไง เสร็จแล้ว ? ] ไอ้เจถาม

[ น้องอยู่บน ]

[ สัด กูรู้อย่างงี้พาน้องคนนั้นไปต่อดีกว่า Kเอ้ย ]

[ เดย์ ] ผมพิมพ์ไปในไลน์ [ กูว่ามันค่อนข้างดีเลยวะ นมก็ดี แน่นดีด้วย ]

[ K สัดพี่ กูจะสาปมึง ]

[ K ]

[ K ]

[ 5555555555555 ] พิมพ์ตอบไปแค่นั้น ผมยกยิ้มก่อนจะกดล็อคมือถือแล้ววางลงข้างตัวเหมือนเดิม หันไปสบสายตาสาวเจ้าที่อยู่ด้านบนที่ตอนนี้เธอกำลังมองผมด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

" พี่อาฟคุยกับใครอยู่น่ะ "

" ไม่มีอะไรหรอก เรื่องงานน่ะ มาสิ เดี๋ยวง้อ " ดึงตัวเองขึ้นไปเป็นคนควบคุมจังหวะ ผมเร่งมันให้ถี่ขึ้นจนสาวใต้ร่างร้องครางขึ้นมาด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี้ถูกดึงรั้งด้วยมือของเธอ คืนนี้ยังมีเวลาอีกมาก และผมคิดว่าคงต้องสนุกกับมันให้สุดเหวี่ยง


กริ๊ก

' minmade ' แอดคุณเป็นเพื่อน

กริ๊ก

[ ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าคุณคือเจ้าของรถนิสสันคันที่ผมทำเป็นรอยรึเปล่า ]

.............................................................

มาแล้ววว นิยายเรื่องใหม่แกะกล่องของหนมมี่
เรื่องนี้เป้นนิยายแนวใหม่ ถึงขั้นต้องทำฮาวทูการอ่านเพื่อทำความเข้าใจกันก่อน
ได้ไอเดียมาจากการติดจอยลดา มีความคิดว่า อยากมีนิยายแชทสักเรื่องวะ แล้วก็เลยลงมือเขียน
แต่พอเขียนลงไปใน word มันก็กลายเป็นนิยายซะเฉยๆเลย พอเป็นงี้เลยคิดว่า เอาวะ ก็คิดว่าเป็นนิยายเรื่องใหม่เลยแล้วกัน ไหนๆ ก็เขียนแล้ว นิยายเรื่องนี้เราได้อิมเมจจากหนุ่มๆ wannaone ที่เราติ่งอยู่มาแสดง'เกือบ'ทั้งหมดเลยนะคะ ภาพโปสที่เห็น จะเป็นตัวละครหลัก ส่วนคนอื่นๆ จะเห็นได้ในแชทจากทางจอยลดาที่เราไปลงไว้ค่ะ
ลิงค์ไปจอยลดา :: http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6
#คิดว่าอ่านแล้วได้คนละฟิวลิ่งเลยนะ ยังไงอ่านซ้ำสองรอบ ไม่เหมือนกันแน่นอน เชื่อน้อง

สุดท้ายนี้ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ไว้ในอ้อมใจ
ฝากแท็กกันเยอะๆนะคะ เดี่ยวจะเข้าไปรี เข้าไปชม
ส่วนใครที่เม้นท์ใต้นี้ หนมตามอ่านทุกคนเด้ออออ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์นะคะ
ป.ล. นิยายจะลง 4 ตอนรวดนะคะ เรียงวันเป็น ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ เพื่อให้ถึงจุดที่เนื้อหาเข้มข้นค่ะ
ขอสัญญาว่าจะไม่ใช่นิยายยาวๆ #เกี่ยวก้อย
แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่ขอบอกว่า จะไม่ผิดสัญญา กรี๊ดดดดดดด

หนมมี่ค่า   :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 1 :: 23-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: MiewnuoA ที่ 23-02-2018 20:53:08
ชอบแนวนี้ที่สุดดดดด เดาเลยว่าพระเอกแบดบอยแบบนี้ พอได้รักนายเอกเท่านั้นแหละ ทั้งหลงทั้งหึงทั้งหวงเลยจ้าาาาาา สู้วววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 1 :: 23-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 23-02-2018 23:34:01
น่าติดตามมากๆเลยค่ะ
หวังว่าจะไม่มีดราม่านะค้าาา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 1 :: 23-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-02-2018 23:48:56
ที่ว่าดูคุ้น ๆ นี่ มิตร หรือ ศัตรู ฮึ.... :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 1 :: 23-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 24-02-2018 10:01:25
 :hao3: ถ้าเฮียเจอหน้าน้องจะเรียกร้องค่าเสียหายแบบไหนกัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 1 :: 23-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-02-2018 10:55:31
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 2 :: 24-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 24-02-2018 20:19:04

# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า

 
ตอนที่ 2

   ลืมตาตื่นตอนเช้ามาในช่วงที่เกือบจะค่อนไปเที่ยง แสงที่ลอดเข้ามาผ่านม่านในห้องนอน ผมหันคอไปทางขวาทีซ้ายทีก่อนจะมองไปยังข้างตัวแล้วพบว่า ดีเจสาวคนที่หิ้วขึ้นมาเมื่อคืนกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาดูหน้าจอที่ก็มีข้อความตอบรับขอเป็นเพื่อนของคนที่รอมานาน

“ มาได้สักทีนะสัด " ผมบ่นกับตัวเอง ตอนที่กดเข้าไปในแชทแล้วพบกับข้อความที่ขึ้นมา

[ ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าคุณคือเจ้าของรถนิสสันคันที่ผมทำเป็นรอยรึเปล่า ] นิสสัน พ่องมึง นี่ GTR! ไอ้เหี้ย มือที่กำลังกดพิมพ์แต่ทว่ากลับได้ยินเสียงดีเจที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จดังขัดขึ้นมาก่อน

“ พี่อาฟ กลับบ้านแล้วนะ "

“ อ่าห๊ะ " ผมพยักหน้ารับ เธอก็นั่งลงบนเตียงก่อนจะเอียงตัวเข้ามาจูบลงบนริมฝีปากของผมที่ก็มอบกลับไปให้เธอด้วยความดูดดื่มเช่นกัน สายตาอ้อยอิ่งของสาวตรงหน้าที่มองมาทางผม ยกยิ้มให้เธออีกครั้งแล้วในตอนนั้นการดาษแผ่นเล็กๆก็ถูกส่งมาให้ในมือ เธอจูบลงที่ข้างแก้มของผม

“ กลับแล้วนะ  อย่าลืมติดต่อมาละ ถ้าเป็นพี่อาฟว่างเสมอเลยนะ "

“ อื้ม " ผมขานรับในลำคอ ก่อนที่เธอจะลุกออกไป เสียงประตูที่ปิดลงผมหันกลับมามองในกระดาษนั่นอีกครั้ง กระดาษที่เขียนทั้งชื่อ ไอดีไลน์ และเบอร์โทรศัพท์  " ชื่อพิงค์เหรอวะ " เลิกคิ้วขึ้นมาก่อนจะโยนนามบัตรนั่นในลงไปในถังขยะใกล้ตัวเหมือนอย่างทุกทีที่ทำ  ผมหันมาสนใจหน้าจอโทรศัพท์ที่ตอนนี้มีแชทใหม่ขึ้นมา

   กริ๊ก

[ คุณครับ ผมขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้รถคุณเป็นรอยจริงๆ เรื่องค่าเสียหาย ]

[ แสนนึง ] ผมพิมพ์ตอบกลับคนที่คงยังพิมพ์ข้อความมาไม่จบ ยกยิ้มมองข้อความที่ตัวเองพิมพ์แล้วคิดถึงสีหน้าของคนที่ได้รับข้อความนั้น

[ ห๊ะ ? เดี๋ยวนะครับ อะไรแสนนึง ]

[ ค่าเสียหายรถผม แสนนึง ]

[  หื้อออ แสนนึงอะไร ไหนเพื่อนผมบอก นิสสันจ่ายแค่สามพัน ] มองดูข้อความนั้น ก่อนจะหลับตาลงแล้วกำหมัดตัวเองไว้แน่น ผมพยักหน้ารับกับตัวเองด้วยความข่มใจ  ' เย็นไว้อาฟ คนมันไม่รู้ เย็นไว้นะมึง เย็นไว้ '

[ นิสสันอะไรคุณ นี่ GTR รู้จักมั้ย GTR น่ะ ] 

[ GTR ? ]

[ รู้จักรถของไบรอันใน fast มั้ย นั่นน่ะ GTR ]

[ ขอโทษครับ ผมไม่ค่อยชอบดูหนังอะไรแบบนั้นน่ะ ]

[ งั้นก็รู้ไว้ รถที่คุณทำมันเป็นรอย คือรถผม รถผมคือรถ GTR คันนึง เจ็ดล้าน ]

[ นิสสันคันละ 7 ล้านเลยเหรอครับ ]

[ ก็บอกว่า GTR ! ไม่มีใครเค้าเรียกนิสสันหรอกคุณ แล้วจ่ายมาด้วยนะ ค่าเสียหายรถผมน่ะ เดี๋ยวจะส่งเลขบัญชีไปให้ ]

[ เดี๋ยวก่อนสิครับ คือผมยังเรียนอยู่เลย ผมหาเงินแสนนึงมาให้คุณไม่ได้หรอก เอาแบบนี้ได้มั้ย ผมว่าพิมพ์ไลน์คงไม่สะดวก เราออกมาเจอกันมั้ยครับ ถ้าคุณสะดวกนัดเวลามาเลยก็ได้ครับ ]

[ ทำไมผมต้องคุย  ก็เนี้ย ค่าเสียหาย คุณก็แค่จ่ายมานั่นก็จบแล้ว ]

[ แต่ว่าผมไม่มีเงินจริงๆ คือผมยังเพิ่งเรียนปีสี่เอง ยังขอเงินพ่อแม่อยู่ด้วยน่ะครับ ขอคุยเป็นการส่วนตัวได้มั้ย เผื่อเราจะเจรจาให้ทุกอย่างมันลงตัวกว่านี้ เพราะถ้าให้จ่ายแสนนึงจริงๆ ผมว่า ผมคงต้องชิ่งคุณแล้วละ แต่ผมก็ไม่อยากจะทำอย่างงั้น ผมไม่สบายใจ ]

[ ก็ลองชิ่งดิคุณ คุณได้ดังไปทั้งโชเซี่ยลแน่ๆ เพราะผมจะไปเอาภาพกล้องวงจรปิดที่ห้าง แล้วกระจายข่าวลงไปในโซเชี่ยลให้ตามล่าคุณยังกับฤดูล่าแม่มดเลยละ ] ผมยกยิ้มตอนที่พิมพ์ประโยคนี้ลงไปในมือถือ [ คุณคงไม่รู้ว่าผมเป็นใคร แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ถ้าคุณชิ่ง ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่ ]

[ งั้นมาเจอกันมั้ยครับ เราจะได้คุยกัน คุณสะดวกที่ไหน ] เหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ในห้อง ผมถอนหายใจออกมา

[ เอกมัย 12 วนิลาการ์เด้น บ่ายสองโมง ฝั่งคาเฟ่ ]

[ อ่า โอเคครับ ]

[ ตรงเวลาด้วยนะครับ ผมไม่ชอบคนไม่รับผิดชอบต่อเวลา ]

[ ครับ ]

   โยนมือถือลงข้างเตียงด้วยความหงุดหงิด จะชิ่งคนอย่างกูเหรอ ? ผมทวนคำพูดที่เห็นพวกนั้นก่อนจะส่ายหน้าไปมา เด็กน้อยมึงไม่รู้ตัวซะแล้วว่ากำลังเล่นกับใคร หันไปมองหน้าจอมือถือตัวเองอีกครั้ง ตอนนี้ 11.30 เหลือเวลาอีกเยอะให้พอจัดการเอกสารเมื่อวานที่ยังไม่ได้ทำ อาบน้ำแล้วก็ออกไปจัดการค่าเสียหายเรื่องรถต่อ

   ผมดึงตัวเองขึ้นจากที่นอน คว้ากางเกงขายาวสีดำที่ตั้งอยู่บนพื้นขึ้นใส่ก่อนจะหยิบม้วนบุหรี่ขึ้นสูบ เดินตรงไปที่โต๊ะที่มีแต่เอกสารกองอยู่มากมาย

   ความเบื่อเดียวในโลกนี้ของผม ก็คือการจัดการกับไอ้พวกกองเอกสารพวกนี้ ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะมันคือเอกสารสั่งจ่าย ไม่ว่าจะเป็นของเข้าร้าน เงินเดือนลูกน้อง ครั้นจะให้พี่ซองผู้จัดการทำทั้งหมด ก็ไม่ได้ไว้ใจขนาดนั้น ส่วนคนที่ไว้ใจได้และทำเอกสารได้อย่างไอ้เจก็งานเยอะท่วมหัว ถ้าให้มันทำอีก ไอ้สัดนั่นคงชิ่งลาออกพอดี ส่วนไอ้อัยย์ไอ้เดย์ ปล่อยให้แม่งเป็นบาร์เทนเดอร์อย่างเดียวก็พอ ถ้าให้มาทำสั่งจ่าย throw up คงขาดทุนยับ ไม่ได้เขียนรายจ่ายเกินหรือแอบซุกเงินเข้าเป๋าตัวเองหรอก แต่คิดว่าคงขาดทุนเพราะบวกเลขผิดมากกว่า

   กริ๊ก

[ ไข่ลวกมั้ยครับเช้านี้ ] ไอ้อัยย์เอ่ยทักผมมาเป็นคนแรก มันที่ส่งข้อความมาพร้อมอีโมค่อนใส่แว่นดำ [ น้องดีเจออกไปแล้วหรือว่ายังแซ่บกันต่ออะ ]

[ ออกไปแล้ว ]

[ มึงไม่มาเรียนเหรอ สัดเฮีย กูมาถึงมหาลัยแล้วแต่ว่างเปล่าไม่เห็นแม้เงามึง  ] ไอ้เจทักขึ้นมาในไลน์กลุ่ม

[ ฝากเช็คชื่อด้วย กูจะทำเอกสารอยู่ที่ร้าน ]

[ ดูไว้นะครับน้องๆ ความชิบหายของการเห็นผู้หญิงดีกว่า การเรียน และการทำงาน ]

[ แล้วถ้าเมื่อคืนน้องไปกับมึง ]

[ กูก็ไปกับน้องจ้า ]

[ สัด ]

[ แล้วตกลงน้องเค้าชื่อไรอะเฮีย ยังไม่รู้ชื่อเลย ] ไอ้อัยย์ถาม

[ พลอยมั้ง ]

[ พิงค์มั้ยละสัด สักแต่จะเอา ชื่อไม่ถามเลยนะไอ้ห่า แล้วนี่คาบบ่ายมึงเข้ามั้ย ]

[ ไม่เข้า ]

[ มาเถอะจ้า ก่อนที่อาจารย์จะแดกหัวมึง ทำเอกสารสั่งจ่ายไม่ได้นานขนาดนั้นกูรู้ เดี๋ยวบ่ายๆพี่ซองเค้าก็ไปจัดการต่อจากมึง มึงก็แค่อ่าน รับรู้ แล้วเซ็นมั้ย ]

[ ไม่ว่างมีนัด ]

[ กับน้องพิงค์ ? ] ไอ้เดย์ที่เหมือนจะอ่านอยู่นานถามขึ้น

[ กับคนที่มันทำรถกูเป็นรอยเนี้ย ไอ้สัด ]

[ อูย องค์พ่อลง อย่าเก็บเค้าแพงมากน้า ใจดีกับเค้าหน่อย ]

[ ถึงขั้นต้องนัดเลยเหรอวะ ] ไอ้อัยย์ว่า [ ทำไมอะ เค้าไม่ยอมจ่ายเฮีย ]

[ เออ อะดิ ]

[ แล้วสัดพี่เก็บเค้าเท่าไหร่ ]

[ แสนนึง ]

[ โอเค จบ แยก ] ไอ้เจว่า [ ไอ้สัด! เก็บขนาดนี้ เป็นกู กูก็ไม่ยอมจ่ายหรอก แล้วรอยมึงไม่ได้แรงมากขนาดแสนนึงเลยสัดเฮีย ]

[ ไม่ให้ประกันมาตีราคาอะ ว่าเท่าไหร่ แล้วก็เอาหลักฐานไปเก็บเงินเค้า ] อัยย์เสริมขึ้นมา

[ กูว่าถ้าประกันมาประเมินมากสุดก็ 10000 น้อยสุด 2000 เชื่อกู ] น้องชายผมบอก

[ สัดเดย์ ]

[ จริงนะสัดพี่ คือกูตามรอยกูว่ามันไม่ได้มากมายจนเค้าต้องจ่ายตั้งแสนนึงอะ เหมือนแค่จะเลี้ยวจอดแล้วเบียดมากไปหน่อยเฉยๆเอง ]

[ งั้นกูจะไม่ให้ประกันมาตีราคา เอาตามที่กูอยากจะให้มันจ่าย แล้วถ้ามันเบี้ยว กูเล่นแม่งในโซเซี่ยลแน่ ]

[ เลว ] ไอ้เจบอก

[ ชาติชั่ว ] ไอ้อัยย์เสริมตบท้ายด้วยไอ้เดย์

[ ต่ำ ไร้การศึกษา สถุน ไม่เห็นแก่เพื่อนมนุษย์ ]

[ ไล่ออก ] ผมพิมพ์ตอบกลับไปสั้นๆ แล้ววินาทีที่ขึ้นอ่านครบทั้งสามคำ มันก็รีบพิมพ์แทรกกันขึ้นมา

[ ทำดีแล้วเฮีย ] ไอ้อัยย์ว่า

[ เออ ดีแล้วมึง ] ไอ้เจเสริมก่อนจะเป็นเดย์คนสุดท้าย

[ ประเสริฐที่สุด ]

[ แล้วมึงคิดว่าเค้าจะยอมเหรอเฮีย ถ้าเค้าเป็นทนายเก่งเรื่องข้อกฏหมาย หรือไม่ก็แบบ เป็นคนมีความรู้สักนิด เค้าจะไม่ปล่อยให้มึงเล่นนะ ]

[ คนอย่างกู เล่นกับอะไร ก็ต้องรู้สิวะ กูไม่ใช่พวกเล่นไม่ดูนี่ ] ผมตอบกลับไอ้เจ [ คนทำรอยเป็นนักศึกษาเรียนปีสี่ จากที่กูฟังนะ มันไม่น่าจะตามทันกูหรอก ]

[ งั้นเหรออออออ อะจ๊ะ พ่อคนเก่ง กูจะรอฟังบทสรุปแล้วกันนะ ]

[ เดย์อัยย์ เดี๋ยวมึงเลิกเรียนแล้วเข้าร้านมาด้วยนะ วันนี้จะมีเหล้ามาลง แล้วก็พวกของที่ขาดในร้าน พี่ซองจะคอยเช็คอยู่ แต่กูอยากจะให้พวกมึงสองคนมาดูด้วย ขาดเหลืออะไรในบาร์จะได้สั่ง ]

[ โอเค ]

[ รับทราบครับผม ] ไอ้เดย์กับไอ้อัยย์ตอบรับ

[ ส่วนไอ้เจ วันนี้มึงให้ใครมาร้องในร้าน ]

[ ไม่มีจ้า วันนี้เปิดแผ่นที่ซื้อลิขสิทธิ์มาเรียบร้อยแล้วจ้า วันนี้ throw up จะกลายร่างจากเสือหนุ่มเลือดร้อน เป็นเสือหนุ่มนั่งชิวจีบสาวใสๆ "     

“ อะจ้า พี่มึงไม่รู้จะเชิญใคร แล้วก็คิดโปรโมชั่นไม่ออกแล้วก็บอกมาจ้า " ไอ้อัยย์ว่าแบบรู้ทัน

“ สัด อย่าพูด เดี๋ยวไอ้อาฟตื่น "

“ กูไปละ มีอะไรส่งข้อความมาละกัน จะรีบเคลียร์งานแล้วไปจัดการไอ้ตัวทำรอยนั่น "

“ จ้า บายเด้อ "

“ เฮียอาฟ ไฟท์ติ้ง "

“ สัดพี่สู้น้า "

   นั่งทำงานจนเวลาล่วงเลยเข้าไปในช่วงบ่าย ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังจากจัดการงานแผ่นสุดท้ายเสร็จ ปิดแฟ้มเอกสารก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำแล้วก็แต่งตัว เลือกใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงสีดำแบบง่ายๆ คว้ากุญแจรถก่อนจะเดินออกไป

   กริ๊ก

[ ผมถึงแล้วนะ ไม่ทราบว่า คุณอยู่ไหน ] ไลน์ของคนที่ทำให้รถผมเป็นรอยเด้งขึ้นมา

[ กำลังขับรถไป ]

[ โอเคครับ งั้นผมนั่งรออยู่ในร้านนะครับ ]

[ อื้ม ]

[ แล้วจะสั่งอะไรมั้ย ผมจะได้สั่งให้เลย ] ขมวดคิ้วกับข้อความที่ได้อ่าน [ พอคุณมาถึงจะได้กินเลยไง ]

   ก็เพิ่งเคยเจอเหมือนกันสำหรับคนที่ไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับการจะจ่ายเงินแสน นี่ถ้าเป็นคนอื่น คงถูกด่าตั้งแต่ที่ป่านนี้ยังเพิ่งขับรถมาทั้งๆที่เสือกบอกกันไว้ว่าให้ตรงต่อเวลา ไม่มีใครมีจิตใจจะมาสั่งอาหารให้หรอก  หรือว่าจะเจอเรื่องอะไรที่หนักหนากว่าจ่ายเงินแสนมาแล้ว แต่ไม่หรอก อย่างมันคงเตรียมหลักฐานที่ทำให้ตัวเองไม่ต้องจ่ายเงินแสนมาแล้วแน่ๆ

[ ไม่ลดค่าเสียหายให้หรอกนะคุณ ]

[ เห็นคนเยอะตังหาก คิดว่ากว่าจะได้กินคงอีกนาน เผลอๆคุณมา ยังไม่ได้เลยมั้ง ]

[ สปาเก็ตตี้คาโบ  น้ำเปล่า แล้วก็ คาราเมลมัคคิอาโต้ ]

[ โอเค ]

   จอดรถที่ลานจอดรถของร้าน ผมเดินลึกเข้าไปด้านในที่แบ่งออกเป็นสามฝั่งชัดเจน ทั้งฝั่งเค้ก ฝั่งคาเฟ่แล้วก็ฝั่งอาหารจีน เปิดประตูเข้าไปด้านในส่วนคาเฟ่ที่นัดอีกคนไว้ ผมมองไปรอบๆร้านที่วันนี้คนค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ

[ อยู่ตรงไหน ผมถึงแล้ว ] ผมส่งข้อความไปหาเค้า จังหวะนั้นก็คอยมองคนที่อ่านข้อความ ก่อนจะสบสายตาเข้ากับคนคนนึงที่ก็ยกมือขึ้นสูงตอนที่เห็นผม
 
   ความรู้สึกในตอนนั้นทุกอย่างมันชะงัก อย่าเข้าใจผิด เค้าไม่ใช่ผู้ชายหน้าสวยในสเป็คอะไร หนำซ้ำยังตรงกันข้ามกับแบบที่ชอบอีก แต่แค่ที่นิ่งไปเพราะเสือกดันเป็นคนที่เคยอยู่โรงเรียนตรงกันข้าม
' ก็ว่าทำไมคุ้น ' แต่ก็โชคยังดีที่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวอะไร ไม่งั้นค่าฝากรอยบนรถกู มีหวังได้ชวดแน่ๆ

“ สวัสดีครับ ผมเมดครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณ..”

“ อาฟ "

“ คุณอาฟ " เค้าเรียกชื่อผมก่อนจะยิ้มแล้วก็นั่งลง ผมนั่งลงตรงกันข้าม แต่ยังไม่พูดอะไร อาหารที่สั่งไว้ก็ถูกยกมาเสิร์ฟ คนตรงหน้าเลือกกินสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศแบบง่ายๆ กับช็อคโกเล็ตเย็น " เอ่อ เรื่องรถของคุณ "

“ กินก่อนแล้วกัน ค่อยพูด " ผมบอกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับแบบจำยอม เราก้มหน้าลงกินอาหารตรงหน้าแบบที่ไม่มีใครพูดอะไรกัน ในช่วงเวลาที่ค่อนข้างอึดอัด ทั้งผมทั้งเค้าเลยเอาแต่หยิบมือถือขึ้นมาเล่น ผมกดเข้าไปในไลน์เพื่อนสนิท

[ เจ ]

[ มีเรื่องแน่นอน กูสัมผัสได้ ] เพื่อนสนิทตอบรับมาอย่างรวดเร็ว และแน่นอนมันจับทางผมถูก

[ ยังจำตอนม.ปลายได้มั้ยวะ เรื่องโรงเรียนเรากับโรงเรียนตรงกันข้าม ]

[ สัดอาฟ มีประมานสามล้านห้าแสนเรื่อง ตั้งแต่แม่งร้องเพลงด่า งานกีฬาสี ยันมีเรื่องทะเลาะกันหน้าโรงเรียน มึงจะเอาเรื่องไหน ]

[ เรื่องของคนที่บ๊อปๆ ที่โรงเรียนนั้น มาเป็นแฟนไอ้บินนักบาสเด็กโรงเรียนเรา ]

[ อ๋ออออออ ที่เป็นผู้ชายทั้งคู่ จำได้ว่าอีกคนที่อยู่อีกโรงเรียนโคตรน่ารัก ]

[ อื้ม ]

[ แล้วไอ้บิน ก็คือคนที่ชอบมาอ้างว่าเป็นเพื่อนกูกับมึง ทั้งๆที่ก็ ไม่ได้สนิทเลยสักนิ๊ดดดด ทำพี่เท่ห์กับสาวเวลามาผับเราตลอดๆ บอกรู้จักกับเจ้าของผับ ตามสบายเลย เส้นใหญ่จังครับผม แต่ความจริงทั้งชีวิตคุยไม่ถึงสิบครั้ง ]
[ เออ ไอ้สัดนั่นแหละ ]

[ ทำไม ]

[ คนทำรถกูเป็นรอย คือ แฟนมัน ]

[ สัด ใกล้ตัวไปอีก ไอ้เหี้ย แล้วเค้าชื่ออะไรแล้วนะ ]

[ เมด ] ผมบอกก่อนจะเหลือบมองหน้าอีกคนที่ก็กำลังตั้งใจกินอาหารตรงหน้า

[ เออ จำได้ละ ว่าชื่อเมด ]

[ กูบอกไงเลยจำได้ ]

[ ก็ไม่ได้น่าจดจำมั้ยละสัด เมียกูรึก็ไม่ใช่ แค่เด็กโรงเรียนตรงข้ามที่มีข่าวว่าคบกับผู้ชายโรงเรียนเรา แล้วแค่สมัยนั้นใครชอบผู้ชายด้วยกันเอง แม่งไม่กล้าพูดหรอก แต่พอแม่งกล้า  แม่งก็เลยดัง นี่ถ้ามาเป็นสมัยนี้นะ มันก็ไม่ดังหรอก ผู้ชายคบกับผู้ชายเยอะแยะ ]

[ อื้ม ]

[ แล้วนี่มันรู้จักมึงมั้ย ]

[ น่าจะไม่รู้จัก ]

[ ลืมไป เมื่อก่อนเฮียอาฟกู เป็นแค่ไอ้อาฟห้องสี่ศิลป์คำนวนเฉยๆ แต่ไม่รู้จักก็ดีจะได้เรียกมาเยอะๆ ]

[ อื้ม ]

[ แล้วมึงแชทมาหากูเพื่อบอกแค่นี้ ]

[ ไม่มีไรทำ นั่งกินสปาเก็ตตี้เฉยๆแล้วมันอึดอัด ]

[ ชวนเค้าคุยดิ ] มันพิมพ์ขึ้นมาก่อนจะเสริมต่อ [ อ้อ ลืมไปเฮียอาฟของกูไม่ใช่ พวกช่างเจรจาและเฟรนลี่กับคนทั่วไปที่ไม่คิดจะเอา ขึ้นเตียง ]

[ สัด ]

[ ว่าแต่มึงก็ยังจำมันได้นะ ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว แต่ก็อย่างว่า เมื่อก่อนกูเห็นมึงชอบมองมัน เวลาไปเรียนพิเศษ ]

[ กูอะนะ ]

[ เออ มึงชอบมองเค้า เมื่อก่อนกูยังแซวเลย ]

[ ไม่เห็นจำได้ มึงมั่วแล้วไอ้สัดเจ ชื่อเค้ายังจำไม่ได้มาจำได้อะไรเรื่องเหี้ยนี่ กูไม่เห็นจำได้ ] เหลือบมองคนตรงหน้าอีกครั้ง พอจะจำได้เลือนลางว่าชีวิตเคยมีช่วงเวลาแบบนั้นกับเค้าเหมือนกัน  แต่จะใช่ไอ้คนตรงหน้านี้เหรอวะ อาจจะเจอกันบ่อยเพราะเรียนโรงเรียนตรงข้ามกันมากกว่าละมั้ง ก็อย่างที่บอกตอนนั้นมันดังเรื่องแบบนั้น ก็คงมีแต่คนมองโดยปกติ

[ เอ้า ไม่เชื่ออีก ก็แล้วแต่ ] มันว่าก่อนจะพิมพ์กลับมาอีกหลังเห็นผมเงียบไปนาน [ หรือว่ากูจำสลับกับ น้องผู้หญิงดาวโรงเรียนคนนั้นว่ะ ]

[ นั่นไงไอ้สัด ]

[ เออๆ ช่างเถอะ แต่สรุปเรื่องเป็นไงบอกกูด้วยนะ อยากรู้ว่าระหว่างธรรมะกับอธรรมใครแม่งจะชนะ ]

[ กู ]

[ อธรรมสินะครับ ]

[ สัด ]

   วางมือถือลงตอนที่กินสปาเก็ตตี้คำสุดท้ายเข้าไป หยิบน้ำเปล่าขึ้นมากินก่อนจะหยิบเอาคาราเมลมัคคิอาโต้มากินต่อ พิงร่างลงกับเก้าอี้ที่นั่งก่อนจะมองหน้าอีกคนที่ก็หยิบเอาช็อคโกเล็ตเย็นขึ้นมากินเหมือนกัน

“ ตกลงว่า ค่าเสียหายรถของผม คุณจ่ายมาแสนนึงนะ " ผมเริ่มประโยคนั่นออกไปอีกคนก็ชะงักก่อนจะเม้มริมฝีปากก่อนจะกลืนน้ำลายของความประหม่าลงไป

“ คิดว่าคงไม่มีเงินจ่ายขนาดนั้นหรอกครับ แล้วทางคุณให้ประกันมาเช็คดูแล้วเหรอ ว่าต้องจ่ายถึงแสนเลยน่ะ ผมว่า ไม่น่าจะถึงนะ "

“ แล้วทำไม ผมต้องทำอะไรแบบนั้นละ ผมจอดรถในที่ของผม ตรงเส้น ไม่มีล้ำ จอดอยู่เฉยๆนิ่งๆ แล้วรถคุณมาจากไหนก็ไม่รู้ อยู่ๆก็ขับมาแล้วก็สร้างรอยไว้บนรถผม ทั้งๆที่ผมเองเป็นเจ้าของรถ ยังไม่เคยทำเลย "

“ ขอโทษครับ " คนตรงหน้าก้มหน้าลงบอก “ ขอโทษจริงๆนะครับ แต่ว่าถึงอย่างงั้น นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่คุณจะมาเก็บผมตั้งแสนนึงนะ มันแพงเกินไป นี่มันเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์แล้วนะครับ "

“ งั้นเหรอ แล้วคุณนี่เข้าข่ายอะไรดีละ ทำลายทรัพย์สินมั้ย "

“ ยังไงก็ไม่มีเงินจ่ายถึง แสนนึงหรอกครับ " เค้าส่ายหน้าไปมาตรงหน้าผม " ลดให้หน่อยได้มั้ยครับ เหลือสัก 3000 ได้มั้ย "

“ เป็นมุขใช่มั้ยครับ "  รอยยิ้มแห้งๆนั่นส่งมาให้ผมก็ได้แต่เหลือบมองไปทางอื่น

“ คือผมยังเรียนอยู่ คงหาเงินให้คุณไม่ได้ถึงแสนแน่ๆ ถ้าคุณจะกรุณาช่วยลดราคาให้ผมหน่อยได้มั้ย เป็นราคาที่ผมสามารถจ่ายได้ ตอนนี้เลย เราจะได้ไม่ต้องมีเรื่องติดใจกันไงครับ จะได้เคลียร์ให้จบๆไปในวันนี้เลย "

“ พูดง่ายเนอะคุณ เหมือนพูดว่าลดให้เหลือสามพันได้มั้ย แล้วจบแยกย้าย "

“ ก็ผมมีเงินจ่ายแค่เท่านี้ "

“ ห้าหมื่น "

“ ก็ยังแพงไป ผมว่าเราควรไปเรียกให้ประกันมาคิดค่าเสียหายนะครับว่าผมควรจ่ายเท่าไหร่ ”

“ รถฉัน ทำไมต้องให้คนอื่นเค้ามาคิด ฉันอยากจะให้จ่ายเท่าไหร่นั่นก็เป็นสิทธิ์ของฉันเพราะนี่มันรถฉัน ถ้าประกันมาแล้วบอกว่านายต้องจ่ายเจ็ดพัน แล้วนายจ่ายฉันมา เรื่องของนายจบลงตรงนี้แล้วถูกมั้ย แล้วถ้าฉันเอารถเข้าไปทำสีใหม่ ค่าทำสีห้าหมื่น แบบนั้นฉันต้องทำยังไงกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นละ แบกรับเองงั้นเหรอ ? ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนทำมันนี่น่ะนะ แล้วคนที่ทำมันละ จ่ายแค่เจ็ดพัน แล้วจบ เหรอ ? แค่นั้นเหรอ ? "

“ แต่ว่าผมไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นที่จะจ่ายได้ตอนนี้ "

“ ฉันใจดีให้ได้แค่นี้ ถ้านายไม่โอเค เห็นทีว่าฉันต้องทำตามแบบที่ฉันจะทำแล้วละ แน่นอนว่าไม่ส่งเข้าตำรวจไม่ต้องกลัว แต่เอาเป็นว่า ไปไหนมาไหน คนจะมองนายแล้วพูดถึงนายว่าทันทีเลย ว่าเป็นพวกไม่มีความรับผิดชอบ "

“ งั้นผมขอเวลาหาเงินได้มั้ยครับ ผมจะเอามาจ่ายให้ แต่ขอเวลาผมหาเงิน ผมไม่มีมาจ่ายคุณตอนนี้หรอกครับ "

“ แล้วจะจ่ายได้เมื่อไหร่ "

“ คงไม่ใช่เร็วๆนี้ แต่ว่าผมไม่เบี้ยวแน่นอนครับ ผมจะให้เบอร์ติดต่อคุณไว้ "

“ จะให้ฉันเชื่อคนที่เคยบอกว่าจะชิ่งฉันน่ะเหรอ " คนตรงหน้าเงียบไป ผมก็เลิกคิ้วมองเค้า มือขาวกำเข้าหากันเบาๆ ปากที่กำลังเม้มเหมือนกำลังหาเหตุผลอะไรสักอย่างมาพูดกับผม " งั้นมาทำงานที่ร้านฉัน "

“ ห๊า ? “

“ ฉันเปิดผับ มาทำงานที่ร้านฉัน ห้าเดือน เพื่อจ่ายหนี้ พอครบห้าเดือน ก็แยกย้าย "

“ แล้ว จะให้ผมทำอะไรละครับ "

“ พนักงานเสิร์ฟละมั้ง ท่าทางก็ไม่น่าจะใช่คนซุ่มซ่ามนี่ ทำได้มั้ยละ  "

" คือ "

" นี่ไงทางออก เพราะกว่าจะรอให้นายหาเงินมาใช้คืน ฉันก็คงต้องเอาเงินไปทำสีใหม่เองแล้วละมั้ง ไม่ก็ นายชิ่งไปก่อน "

“ ไม่ชิ่งหรอกครับ ผมไปทำงานที่ร้านคุณก็ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว "

“ งั้นก็รับเงินตามเงินเดือน  เงินเดือนหมื่นบาท ทำงาน หกโมงเย็นถึงตีสาม มีวันหยุดอาทิตย์ละสองวัน ทิปนอกไม่เกี่ยวกับเงินเดือน "

“ ครับ " สีหน้าไม่พอใจปรากฏออกมาตอนที่เอ่ยคำนั้นออกมา คนตรงหน้าคงสุดจะทนแล้ว ถ้าพูดออกมาได้ก็คงอยากจะด่าผมออกมาเป็นคำที่หยาบคายที่สุดในชีวิต เช่นพวกที่ว่า ' ไอ้เหี้ยเอ้ย ' ' สัด ไอ้ส้นตีน ' อะไรทำนองนั้น

“ เงินเดือนนายจะไม่ได้นะ ทิปก็เอาไปแล้วกัน แต่ถ้าอยากจะหลุดหนี้เร็วๆ ได้ทิปแล้วสะสมเป็นก้อนค่อยเอามาให้ฉันก็ได้ ถ้าได้เยอะละก็นะ " มองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มกวนตีนตามฉบับ " แน่ใจนะ ว่าจะทำ "

“ แน่ใจสิ ยังไงผมก็ไม่อยากโดนใครมาพูดว่าเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบอยู่แล้ว " เค้าเว้นเสียงไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นมาอีก "  แค่ห้าเดือนใช่มั้ยละ "

“ อื้ม "

“ งั้นก็ตกลงทำครับ จะให้ผมเริ่มงานวันไหนละ "

“ วันนี้เลย "

.......................................................

จ่ายค่าตัวนายเอกแล้ว หลังจากเมื่อวานมีคนแซวว่า ค่าตัวนายเอกแพงไปเปล่า ออกมาท่อนเดียว ฮา
ตอนที่สองนี้จ่ายแล้วเด้ออออ มีคนถามว่า ตกลงพี่อาฟนี่รู้จักเมดมาก่อนเปล่า คงได้รู้คำตอบแล้วเนอะ
แต่เรื่องที่ว่า รู้สึกยังไงกับอีกฝ่ายนั้น ขอให้เป็นปริศนาธรรมต่อไปก่อน
และตามเดิม นิยายเรื่องนี้มีความเป็นนิยายแชท เราจึงต้องมี ลิงค์แชท
ทางไปจอยลดาฮ่ะ :: http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6

# ยังคงยืนยันคำเดิมว่า อ่านสองรอบ สองที่ให้ฟิลที่ต่างกัน อ่านได้สองที่เลยนะคะ
สุดท้ายนี้ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิต ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ เจอกันตอนที่สาม จะพาน้องเมดเข้า throw up ละ
ป.ล. พี่อาฟจะพาขึ้นชั้นสามเลยมั้ยคะ #เหล่

หนมมี่ค่า   :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 2 :: 24-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 25-02-2018 00:34:12
ตามมมม
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 2 :: 24-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-02-2018 01:35:13
แผลเดียว จ่ายแสน มันน่าจะไปเจิมให้อีกเก้าแผลนะ จะได้คุ้มแสน  :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 2 :: 24-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-02-2018 16:48:49
อาฟมองเค้าขนาดนั้น แต่ยังไม่รู้ตัว
แค่บอกว่าหน้าคุ้น ก็คือต้องมองบ่อยไหม

แล้วทำไมเมดพาซวยแบบนี้ล่ะ งานเข้าไปเต็มๆ
รอย gtr เป็นเหตุ

สามทหารเสือในแชทคือฮามาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 2 :: 24-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 25-02-2018 17:22:14
ตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 3 :: 25-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 25-02-2018 20:28:23
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า

 

ตอนที่ 3

   กริ๊ก

[ สัดพี่ กูลงเหล้าเสร็จแล้วนะ เซ็นแล้วเรียบร้อย ของครบ โอนเงินให้เค้าด้วย ] ไอ้เดย์ทักเข้ามาในไลน์กลุ่ม ตามด้วยไอ้อัยย์เพื่อนของมัน

[ แต่เหมือนเค้าบอกจะมีเซลล์เข้ามาหาเฮียอะ คงจะเอาเหล้าตัวใหม่มาเสนอ วันนี้จะเข้าร้านกี่โมงจะได้บอกเค้าถูก ]

[ หก ] ผมตอบ

[ สัด มาเร็วเกินคาด ] ไอ้เดย์ว่า [ throw up แม่งจะเจ๊งแล้วเหรอวะ สัดพี่กูเข้าร้านตั้งแต่หัววัน ]

[ ปากมึงเหรอเดย์ เอาตีนกูนาบสักทีดีมั้ย ]

[ ขอโทษจ้า ] น้องชายตัวดีบอก [ พอดีกูตกใจ เห็นปกติมานู้น อีกสี่ชั่วโมงร้านปิด เพราะมาตีหญิงอย่างเดียว ]

[ วันนี้มีธุระจะเข้าไปทำก่อน ]

[ งั้นกูนัดเซลล์ให้เจอเฮียมึง ช่วงทุ่มนึงนะ ] ไอ้อัยย์พูดขึ้นมาผมก็ตอบรับ

[ เออ ]

[ แล้วทำไมวันนี้เฮียเข้าเร็วจังวะ มีธุระไรอะ ใส่ใจได้มั้ย ]

[ จะพาเด็กเสิร์ฟคนใหม่เข้าไปให้พี่ซองเค้าจัดการให้ ]

[ เดี๋ยวๆ เด็กเสิร์ฟอะไร ปกติสัดเฮียไม่เคยยุ่งเรื่องนี้ ] ไอ้เจที่เข้ามาแชทกลุ่มคนสุดท้ายทักขึ้นมา [ เรื่องนี้ต้องมีเงี่ยนงำ ]

[ เงี่ยนกับผีสิ คนที่มันทำรถกูเป็นรอยมันไม่มีตังค์จ่ายค่าทำสีให้กู กูเลยต้องพาแม่งมาเป็นเด็กเสิร์ฟใช้หนี้ ]

[ แล้วสัดพี่มึงเก็บเค้าแสนนึงจริงดิ ] ไอ้เดย์ถาม

[ ห้าหมื่น แต่แม่งบอกมีแค่สามพัน สัด ]

[ 55555555555 ขออนุญาติขำนะครับเฮีย 5555555555555 ]

[ มากไปละสัดอัยย์ ]

[ ก็เฮียแม่งเล่นจะไปเก็บเค้าตั้งแสนอะ ใครมันจะมีจ่ายวะ แล้วนั่นเค้าก็ยอมมาทำงานให้เนอะ ]

[ ทำไมจะไม่ยอม ]

[ เป็นกู กูจะทำเรื่องไปแจ้งตำรวจ บีบบังคับให้แม่งเรียกประกันมาตรวจราคาแล้วจ่ายตามประกันบอกสัด ] ไอ้เจเสริม [ หน้าเนื้อใจเสือจริงๆ จะให้เค้ามาทำงานฟรีละไม่ว่า ค่าทำสีใหม่ตรงรอยนั่นไม่รู้จะสักเท่าไหร่เถอะ ]
[ รถกูมั้ย กูจะคิดเท่าไหร่มันก็เรื่องของกู ]

[ เนี้ย กฏหมายมีไว้ ปกป้องคนดีๆ ที่จะโดนคนแบบมึงไปทำร้ายนั่นแหละสัดพี่ ]

[ แล้วเค้าจะทำได้เหรอวะเฮีย  ] เจถามผมก็ตอบมัน

[ ต้องได้ ]

[ ความเอาแต่ใจของคุณอารยะนี้ ]

[ ได้แต่สวดมนต์และช่วยกันส่งผลบุญผลกุศลให้กับคนคนนั้น ] ไอ้เดย์เสริม

[ สวดมนต์เป็นเหรอเดย์มึงอะ เห็นปกติเข้าวัดแล้วร้อน ทำบุญไม่ค่อยขึ้นนี่ ]

[ เหมือนมึงอะสัดพี่ ]

[ เบื่อไอ้พี่น้องคู่นี้ทะเลาะกันวะ ] ไอ้อัยย์พูดขึ้น [ งั้นเดี๋ยวเฮียจะพาเค้ามาที่ร้านอะดิ ]

[ อื้ม ]

[ แล้วเค้าชื่อไรอะ ]

[ เมด ]

[ กูว่าต้องสวย เฮียถึงรับเข้ามา ] คำพูดของเพื่อนทำให้ผมถอนหายใจออกมาตอนที่คิดถึงหน้าอีกคน ในสมองมันตั้งคำถาม แบบนั้นแม่งเรียกสวยเหรอวะ ไม่น่าจะใช่  [ ความรู้สึกกูมันบอกอย่างงั้น แบบสเป็คมัน ไม่งั้นมันไม่ให้เข้ามาทำงานหรอก ]

[ แหม ไม่อยากจะบอกว่าคิดเหมือนกู ] ไอ้อัยย์เสริม

[ แต่สัดพี่มันบอกว่าเป็นผู้ชายนะ ]

[ งั้นก็ต้องเป็นผู้ชายที่ตัวเล็กๆ ขาวๆ สูงสัก ๅ165 ถึง 167 ราวๆนั้น ร่างบางๆ หน้าต้องสวยเหมือนผู้หญิง สเป็คเฮียอาฟเค้า ]

[ ตรงข้ามกับที่มึงพูดมาทั้งหมด ] ผมบอกสิ่งที่คิดให้พวกมันฟัง [ เค้าสูงกว่ากู แต่ก็ไม่มากหรอก หน้าตาก็งั้นๆ พอพาไปวัดไปวาได้ แต่ไม่ใช่สเป็คกู ถ้าไอ้เหี้ยนี่เป็นสเป็คกู มาตรฐานกูคงต่ำลง ]

[ อ๋อเหรออออออออ ] ไอ้เจว่า [ แหมมมมมมมม นี่ก็ว่าจะเงียบแล้ว แต่จะให้กูบอกมั้ย ความจริงที่มึงทักมาในไลน์ส่วนตัวกูอะ ]

[ สัด เรื่องนี้มีเงี่ยนงำจริงๆ ]

[ เงี่ยนเหี้ยอะไร เอาไม่ลง ]

[ ไอ้สัดพี่เจมึงเล่า ] ไอ้เดย์ถาม [ อะไรยังไง กูจะไม่นอกเรื่อง เล่ากูมา ]


AFTER  ลบ J is J ออกจากกลุ่ม

[ สัดพี่มึง ไอ้เชี้ยยย กูจะไปลากไอ้พี่เจกลับมา ]

[ ถ้ามึงลากมา กูจะไม่จ่ายเงินเดือน ]

[ เงี่ยนงำ ]

[ เงี่ยนงำ ] ไอ้อัยย์นี่แม่งก็ร่วมด้วยทุกอย่าง   

[ กูไม่เงี่ยนกับแม่งหรอก ไม่ได้ดูน่าเอาเลย อีกอย่างคือเค้าไม่ใช่สเป็คแบบที่กูชอบ แล้วที่กูให้แม่งมาทำงาน ก็เพราะคนเราแม่งต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำผิด มันก็เท่านั้น แล้วการรับผิดชอบของกู พวกมึงก็รู้ว่ามันต้องทำให้กูพอใจ อย่างที่มันมาทำรถกูเป็นรอย มันก็ต้องจ่ายในจำนวนเงินที่กูพอใจ เพราะกูไม่ผิด ]

[ แต่บางทีนะเฮีย คนบางคนอะ อาจจะเข้ามาเพื่อฉีกกฏทุกข้อที่เราตั้งไว้ก็ได้นะเว้ย ]

AFTER ลบ Ai ออกจากกลุ่ม


[ ไอ้เดย์ ]

[ สัดพี่ มึงไม่ต้อง กูจะไปเอง ]

D.DAY ออกจากกรุ๊ป

....................................................................


   ขับรถมาที่ผับตอนช่วงเวลาใกล้หกโมงเย็น ตรงลานจอดรถที่ด้านหลังร้าน ผมจอดเทียบข้างกับรถ Civic สีขาวคันคุ้นตาที่ก็เพิ่งเจอเมื่อช่วงบ่ายสองที่ผ่านมา มองเข้าไปในรถที่ไม่ได้ติดฟิล์มดำมากแตกต่างจากรถผมที่มืดสนิท เจ้าของรถคันข้างๆกำลังนั่งก้มหน้าก้มตา ทำอะไรสักอย่างกับมือถือตัวเอง สีหน้ายุ่งเหยิงที่ถอนหายใจออกมา ชวนให้ผมมองอยู่แบบนั้นจนกระทั้ง

   กริ๊ก

[ ถึงแล้วนะครับ จะให้ผมไปรอที่ตรงไหนเหรอ ] อ่านข้อความเข้าใหม่ของคนที่กำลังมองไปรอบๆ ผมเผลอยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะส่ายหน้า มึงจำไม่ได้แม้แต่รถที่มึงไปสร้างรอยไว้เหรอวะ เชื่อเลยคนเรา

[ อยู่ไหนแล้วละ ]

[ อยู่ที่ผับแล้ว ผมต้องเข้าไปทางหลังร้านมั้ย หรือว่าจะให้ผมคอยคุณ ]

[ อื้ม คอยก่อน ] หันไปมองคนที่นั่งอยู่ในรถคันข้างๆอยู่แบบนั้น สีหน้าที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยนั้น เหมือนกำลังหงุดหงิดอะไรสักอย่าง ริมฝีปากเป็นกระจับที่แหลมออกมายามที่มือพิมพ์ไปบนเครื่องสื่อสารของตัวเอง

   มันน่าแปลกอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน ในตอนที่ผมเห็นเค้าหลับตาลงสักพัก ก้มหน้าลงต่ำลงกับพวงมาลัยรถ เหมือนคนกำลังทุกข์ใจอะไรอยู่มากๆ สำหรับเรื่องราวที่ได้อ่านจากข้อความในหน้าจอมือถือ ความรู้สึกไม่อยากจะให้มันเป็นแบบนั้นนาน ผมหยิบมือถือของผมขึ้นมา [ ออกมาจากรถได้ละ ผมถึงแล้ว ]

[ ครับ ]

    เปิดประตูรถแล้วเดินออกมาพร้อมกัน สายตาเรียวที่มองมาทางผม เค้าขมวดคิ้วน้อยๆก่อนจะเอามือชี้มาทางผม " รถคันนี้ มาจอดอยู่ข้างผมตั้งนานแล้วนะ "

“ แล้วจะทำไม ตรงนี้ห้ามจอดเหรอ "

“ ก็เปล่า " เค้าส่ายหน้าไปมา ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปในปอด " เข้าไปข้างในกันเถอะครับ "

“ อื้ม " ยักคิ้วเป็นคำตอบให้อีกคน ผมที่เดินนำเข้าไปทางหลังร้าน พนักงานหลายคนที่หันมามองตามเสียงประตู ต่างชะงักไปสักพักตอนที่เห็นผม ก็อย่างว่าเจ้านายไม่เคยมาเวลานี้ใครจะไม่ตกใจ มือที่ยกขึ้นมาไหว้กันแบบเงอะงะของแต่ละคน ผมพยักหน้ารับมัน ก่อนที่พวกเค้าจะหันกลับไปทยอยเอาเก้าอี้ลงจากโต๊ะแล้วเก็บกวาดทำความสะอาดกันต่อ

“ คุณอาฟ สวัสดีครับ " พี่ซองที่เดินตรงมาทางผม เค้าที่ก้มหน้ายิ้มให้ก่อนจะหันไปเอียงยิ้มให้คนด้านหลัง

“ คนนี้เด็กเสิร์ฟใหม่นะ ฝากงานให้ทำด้วย จะมาทำห้าเดือน "

“ ได้ครับ "

“ ส่วนนาย " ผมหันไปด้านหลัง " นี่ผู้จัดการร้าน ชื่อพี่ซอง "

“ สวัสดีครับพี่ซอง  ผมชื่อเมดครับ " มองคนสองคนที่ยิ้มให้กัน ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปมองฝั่งบาร์ที่แน่นอนว่าตอนนี้ ก็อยู่กันครบทีมทั้งสามตัว เห็นปากไอ้เจที่พูดไม่ออกเสียงด้วยความกระตือรือร้นอยู่ตรงนั้นว่า ' แนะนำพวกกู แนะนำเค้ากับพวกกู!! '

“ งั้นผมพาน้องเมดไปเลือกเสื้อผ้านะครับ "

“ อื้ม "

   กริ๊ก

   ไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร วินาทีที่เสียงไลน์ดังขึ้นแบบนี้ก็คงมีแต่ไอ้พวกนั้นในกลุ่ม  ' Throw UP  Staff '

[ สัด! ไม่แนะนำคนมาใหม่กับพวกกูเลยไอ้สัดเฮีย!! ] ไอ้เจเป็นคนแรกที่ทักเข้ามาในกลุ่มร้าน ที่ก็ตั้งใหม่เป็นครั้งที่ล้านแล้วในความรู้สึกผม [ นี่ กูยังไม่ได้เคลียร์เรื่องที่มึงถีบกูออกจากกรุ๊ปเลยนะสัด ]

[ ไม่จำเป็น ]

[ กูว่าเค้าน่ารักนะสัดพี่ แทบดูไม่ออกว่าสูงกว่าสัดพี่ เหมือนตัวเท่าๆกัน บางทีมองดีๆเค้าเหมือนตัวเล็กกว่า ]

[ ใช้ตีนมึงมองเหรอเดย์ ]

[ ทำไมต้องเกรี้ยวกราดวะเฮีย ]

[ รำคาญพวกมึง ]

[ พวกกูก็แค่ชมไปตามเนื้อผ้า เนื้อผ้ามันดี เราก็ชมว่ามันดี เค้าก็น่ารักดี แต่พอมาเห็นแบบนี้กูคุ้นหน้าขึ้นมาเลยอะ จำได้เลยว่าเคยอยู่โรงเรียนตรงกันข้าม แต่ตอนนี้มันน่ารักกว่าตอนนั้นอีกนะ ]

[ ถ้าไม่น่ารัก สัดพี่เค้าจะแอบมองต้งแต่ยังเกรียนเหรอ นั่นๆ ตอนนี้ก็ยังแอบมองเค้าเดินไปเลย ตามไปเลยไป๊!  ]

[ สัดเจ นี่มึงเล่าพวกมัน ? ]

[ ช่ายยยยย แบ่งบุญไง เห็นเด็กมันอยากรู้ ]

[ ไม่รู้กูมองใครรึเปล่าตอนนั้น มึงแม่ง โคตรอยากจะเอาส้นตีนเหยียบหน้า ]

[ เฮียโคตรเกรี้ยวกราดอะ 555555555555555 ] ไอ้อัยย์บอก [ ชมว่าเค้าน่ารักนี่ไม่ได้เลย ของมันขึ้นอ๋อ ]

[ กูไม่ได้เกรี้ยวกราด กูรำคาญ! ]

[ เค้าน่ารัก ] ไอ้เดย์ว่า

[ เค้าน่ารัก ] เสริมด้วยไอ้ไอ้เจ

[ เค้าน่ารัก ] ตามด้วยไอ้อัยย์ [ หน้าอะ สเป็คเฮียเลยจะบอกให้ ผิวก็ขาวด้วย แต่ในส่วนของหุ่น มันต้องมินิกว่านี้ ]

[ แต่ก็อย่างที่มึงบอกสัดพี่ไงไอ้อัย บางทีเค้าอาจจะมาเป็นคนที่ฉีกกฏทุกอย่างของสัดพี่ก็ได้ จากที่ไม่ชอบก็กลายเป็นชอบอะไรแบบนี้ ]

[ มนต์รักฝากรอยไว้บนรถเธอเหรอสัด ] ไอ้เจถาม 

[ นาย GTR ตัวร้ายกับยัยเจี๋ยมเจี้ยม ] ไอ้อัยย์เสริม [ 555555555555 ]

[ บันเทิงมากมั้ยพวกมึง ] ผมถามก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วส่ายหน้าไปมากับข้อความที่ได้อ่าน [ ไม่มีอะไรที่ไอ้เหี้ยนั่นเป็นสเป็คกูสักอย่าง กูชอบคนตาโต ขาว จมูกโด่ง ปากสวย ตัวเล็ก นมใหญ่ มีทรวดทรง ]

[ เอาวะ อย่างน้อยก็มีความขาว ความจมูกโด่ง และความปากสวยติดรอดมานะครับท่าน ]

[ ไม่ชอบขาวเป็นแป้งแบบนี้ไอ้สัด ไม่ชอบจมูกโด่งแบบนั้นด้วย ปากแบบนี้ก็แหลมไป ]

[ เรื่องมากไอ้เหี้ย ถามเค้ายัง เค้าเอามึงเปล่าสัดเฮีย ]ไอ้เจถาม [ นู้นก็ไม่เอานี่ก็ไม่เอา นิสัยเหี้ยๆอย่างมึง เค้าไม่เอาหรอก ใครจะมาทนความปากหมา กับนิสัยเอาแต่ใจของมึงได้ ]

[ เชี้ยๆ สองนาฬิกาๆ ] ไอ้อัยย์พิมพ์แทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะตอบกลับไป เงยหน้าขึ้นไปที่ตำแหน่งสองนาฬิกา ผมเจอเข้ากับพนักงานเสิร์ฟคนใหม่ของผับ ที่เดินก้มหน้าออกมาด้วยท่าทางเขินๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีดำ เสื้อกั๊กสีดำแบบคล้องคอด้านนอกกับผ้ากั้นเปื้อนที่ใส่อยู่ทุกอย่างดูเข้ากันไปหมด

[ ตาค้างไปเลยครับท่าน แหมมมม ไม่ชอบแบบขาวเป็นแป้งเนอะ ] ไอ้เจว่า

[ ปากแบบนี้ก็ไม่ชอบ จมูกแบบนี้ก็ไม่โอเค ] ไอ้เดย์ย้ำ [ แต่พอเค้าใส่ฟอร์มชุดเด็กเสิร์ฟออกมา ตานี่มองเค้าไม่กระพริบเลย บ้าจริงๆ ]

[ กูบอกแล้วเรื่องนี้ต้องมีเงี่ยนงำ ไม่งั้นเฮียไม่เอาเค้าเข้ามาหรอก ]

[ บอกเค้าไปสัดพี่ ขอปี้รอบละ 25000 สองรอบ หลุดหนี้ไปเลย ]

[ กูไม่เอา ]

[ แต่พี่เมดใส่ชุดนี้แล้วได้วะ แจ๋มแมว ให้ฟิวแบบชุดคอสเพลย์อะ ] ไอ้อัยย์บอก

[ ก้มลงคุกเข่าตรงหน้าแล้วถาม ให้ผมเลียมั้ยครับ ]  ไอ้เดย์ว่า [ โอยยย ตัวกู ใจกู เย็นไว้ลูกเอ้ย ไม่กล้าหันไปมองพี่เค้าแล้วจ้า คิดดีไม่ได้เลย ]

[ มึงไม่เคยคิดกับใครดีๆอยู่แล้วไอ้สัดเดย์ ]

[ มาเสิร์ฟโต๊ะกู ติปแม่งห้าร้อยเลย ] ไอ้เจพิมพ์ขึ้นมา

[ ชงเหล้าเป็นมั้ยเถอะ ไม่ใช่ชงแล้วแดกไม่ได้ ] ผมบอก

[ ขัดอีกละ ชมไม่ได้เลยเว้ย ] ไอ้เดย์ว่า

[ ไปทำงานได้แล้วพวกมึง ผับจะเปิดแล้ว เตรียมของอะไรรึยัง มั่วแต่เล่นโทรศัพท์ หักตังค์พวกมึงดีมั้ย ]

[ แล้วเฮียไม่ขึ้นไปชั้นสามอะ ] ไอ้อัยย์ถาม [ ปกติมานี่ก็อยู่แต่ชั้นสามไม่ใช่อ๋อออ ]

[ ทำงานอ๋อวะ ] ไอ้เจถามเปิดประเด็นให้ตบมุข

[ เปล่า เอาเด็กถูกใจขึ้นไปปี้ กร้ากกกกกก ]

[ สัด ] ผมบอกก่อนจะเดินตรงไปที่บาร์ [ วันนี้ไม่มีเอกสาร กูเลยจะเฝ้าการทำงานของพวกมึงข้างล่าง ]

[ โอ๊ยแหมมมมมมมมมม ตอแหลกันเหมือนเพิ่งรู้จักกันเมื่อวาน เฝ้าเด็กเสิร์ฟใหม่ก็พรูดดดดดดดดดด ] อ่านคำพูดของไอ้เจ ผมถอนหายใจออกมาก่อนที่มันจะพิมพ์ต่อ [ พี่ซองพามาแนะนำว่ะ แปปๆ ขอไปตั้งใจฟังเสียง ]

[ พวกมึงนี่โคตรเหี้ย ] ผมพิมพ์เข้าไปในไลน์ ตอนที่ได้ยินพวกมันแนะนำตัวกับอีกคนด้วยเสียงดัดแบบหล่อๆ อย่างที่ชอบเอาไปม่อสาวสวยๆ [ นั่นผู้ชายนะสัด  ]

[ ถ้าผู้ชายน่ารักก็กูโอเคนะ มึงอย่ามาทำเป็นพูดสัดพี่ มึงก็ชอบเอากับผู้ชาย มึงยังบอกเลยว่าคับแล้วก็แน่นกว่า มึงเองก็ได้หมดถ้าสดชื่นเหมือนกันอะ ] ไอ้เดย์พิมพ์ตอบกลับมา

[ เค้าสูงกว่าพวกมึงทุกคนนะ ไม่เหมาะสมกันสัดๆ ]

[ ความสูงไม่มีผลต่อแนวราบ ]

[ ความสูงไม่มีผลต่อแนวราบ ]

[ ความสูงไม่มีผลต่อแนวราบ ]

[ สัด ขอไปตบกระโหลกพวกมึงคนละที ]  ปิดโทรศัพท์มือถือ ผมเดินไปนั่งตรงบาร์ยื่นมือตบไอ้พวกกวนตีนที่ร้องโอดโอยขึ้นทั้งกลุ่ม ก่อนจะหย่อนตัวเองลงนั่งที่มุมนึงของบาร์ เหลือบมองไปที่เด็กเสิร์ฟใหม่ที่กำลังเรียนรู้งานจากผู้จัดการ รอยยิ้มที่เอาแต่พยักหน้ารับคำสอนพวกนั้น

“ ไม่ได้มานั่งมองเค้าจริงๆด้วย " ไอ้เดย์ว่าก่อนจะยื่นถาดแก้วใส่ขี้บุหรี่มาให้

“ เอามาให้ทำไม กูไม่ได้จะสูบ "

“ ก็ปกติแขกเข้ามานั่งก็ตั้งไว้ให้อยู่แล้ว ไหนบอกมาเฝ้าการทำงานของพวกกู นี่กูก็ตั้งใจทำงานตามระเบียบ "

“ สร้างภาพ "

“ คล้ายๆสัดพี่มึงที่มานั่งอยู่ที่บาร์ เพราะบอกว่าจะมาประเมินพวกกูนั่นแหละ สร้างภาพ! “

“ แล้วถึงกูจะมานั่งดูเค้ามันผิดยังไง กูเจ้าของผับ รับเด็กมาทำงานวันแรก กูก็ต้องมาดูสิวะ ว่าเค้าทำงานได้ดีรึเปล่า "

“ ไม่ใช่หน้าที่มึงจัดการมั้ย ปกติมึงไม่เห็นสน" ไอ้เจที่เดินมานั่งข้างๆพูดขึ้น มันที่หันไปมองเด็กเสิร์ฟคนนั้นตามผม

“ แปลกยังไง กูพามา กูก็แค่มาดู ว่าเค้าทำได้มั้ย"

“ เหนื่อยเถียงกับสัดพี่มึง ไปชงเหล้าดีกว่า  " ไอ้เดย์ว่าก่อนจะเดินออกไปจัดขวดเหล้าข้างๆ ไอ้อัยย์เพื่อนของมัน

“ จะว่าไป ไม่รู้มันเลิกกับไอ้บินยังนะ " ผมหันไปมองไอ้เจที่อยู่ๆก็พูดขึ้นตอนที่หันไปมองอีกคน " แต่เวลาไอ้บินมาผับเรา ไม่เคยเห็นมันหิ้วมาเลย พาสาวมาตลอด สงสัยมันเลิกแล้วมั้ง "

“ อื้ม "

“ ตอนนั้นกูจำได้ว่าเรื่องนี้ดังสัดๆ เด็กชมรมบาสคนดังเป็นแฟนกับผู้ชาย แต่ตอนนั้นกูยังคิดเลยว่าบ้าเปล่าวะ เปิดเผยคบกันแบบนี้ ใครๆที่ชอบผู้ชายด้วยกันสมัยนั้นกูเห็นแอบกันหมด ไม่กล้าบอก กลัวเพื่อนล้อ มีแต่แม่งละ ที่กล้าบอก ดีนะตอนนั้นใกล้จะจบแล้ว เหลือมาเรียนไม่กี่อาทิตย์ก็จบม.6 ละ ถ้าบอกตั้งแต่ต้นเทอมนะมึง "

" ทำไม "

" อ้าว ไอ้บินก็คงโดนล้อเรื่องเป็นเกย์ เผลอๆ แม่งอาจจะไม่มีเพื่อนคบก็ได้ มึงก็รู้สมัยนั้นเรื่องแบบนี้มันแปลกใหม่ "

" ก็จริง "

" แต่ไม่รู้ว่าฝั่งเมดจะเป็นแบบโรงเรียนเรามั้ยนะ ยิ่งเป็นฝ่ายรับแล้วด้วย "

" มึงรู้ได้ไงว่าเค้ารับ " ผมถามยิ้มๆ อีกคนก็หันมาขมวดคิ้วมองมาแบบไม่สบอารมณ์

" ไอ้บินสูงขนาดนั้นมึงจะให้มันเป็นรับรึไง "

" ไหนบอกว่า ส่วนสูงไม่มีผลต่อแนวราบ "

" มันไม่มีผลเฉพาะตอนที่มึงจะจับคนสูงๆทำเมียเว้ย สัด "

" งั้นเหรอ " ผมยักไหล่ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา " อย่ามากก็โดนล้อว่าเป็นตุ๊ดมั้ง โดนแกล้งเหมือนเวลาพวกตุ๊ดโดนไง พวกบีบตูด ไม่ก็กอดคอ อะไรทำนองนั้น "

" โคตรเหี้ย กูโคตรเกลียดไอ้พวกเกรียนๆ ที่ทำอะไรแบบนั้นเลย "

" แต่กูคิดว่าเค้าคงไม่เจอหรอก "

" ทำไม "

" กลุ่มเพื่อนที่อยู่กับเค้าตอนนั้นโคตรโหด ใครมันจะไปกล้า "

" เอ๊ะ ? " ไอ้เจหันมามองผมยิ้มๆ มันที่เอามือปิดปาก " ทำไมสัดเฮียมึงรู้อะ มึงมองเค้าอย่างที่กูรู้ ถูกมั้ย เอ๊ะ ? อะไรยังไง  "

" รำคาญมึง " ผมมาก่อนจะยกมือขึ้นเรียกไอ้อัยย์ " เหมือนเดิมมาแก้วนึง "

“ อะ แดกเหล้ากลบเกลื่อนอีก " อีกคนว่าก่อนจะชี้หน้าผม " สารภาพมาไอ้สัดเฮีย ที่มึงใจดียอมให้เค้ามาเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้าน คือวางแผนจะจีบเค้าถูกมั้ย "

“ คำตอบคือ ไม่ใช่ " ผมปัดมือมันออกมา " ฟังกู กูแค่กลัวมันไม่จ่ายเงิน ก็เลยเอามาทำงานแทน เพราะกูรู้ว่ามันคงไปหาเงินห้าหมื่นมาให้กูไม่ได้แน่ๆ แล้วถ้าเป็นแบบนั้น คือกูจะไม่ได้เหี้ยอะไรเลย เหมือนรถต้องเป็นรอยฟรีๆ กูก็เลยเอามันมาทำงานกับกู จบ แค่นั้น "

“ อ๋ออเหรอ " มันแบะปากก่อนจะพยักหน้ารับ " โอเค กูจะยอมเชื่อมึงก็ได้ เพราะเหลือเวลาอีกตั้งห้าเดือน อะไรๆ ก็อาจจะชัดขึ้นจนมึงปฎิเสธไม่ได้เลยก็ได้ "

“ รำคาญมึง " ผมบอกก่อนจะยกแก้วเหล้าที่เอามาเสิร์ฟตรงหน้าขึ้นกิน ตอนที่หันไปมองเด็กเสิร์ฟคนใหม่ที่มีท่าทีเงอะงะอย่างงั้น " แม่งอาจจะอยู่ไม่ถึงวันก็ได้ ใครจะไปรู้ "

...............................................................

หรือว่าเรื่องนี้จะมีเงี่ยนงำ #โดนตบปลิว
พี่เมดดูบ๊อปในสายตาหนุ่มๆของผับนี้นะคะ ทุกคนดูคุกคามทางสายตา
ประดุจส่งนายเอกเข้ากรงเสือกรงจระเข้ แต่เอาเถอะ มันไม่แย่ไปกว่านี้แล้วเมด เชื่อพี่
เอ๊ะ หรือยังไง โอเค เจอกันตอนหน้านะคะ ตอนที่ 4 วันพรุ่งนี้
และนี่คือทางไปแชทจอยลดาค่าา :: http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6

#อย่าลืมอ่านทั้งบทบรรยายและแชทนะคะ
สุดท้ายนี้ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้าา
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 2 :: 24-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-02-2018 20:45:06
55555 ฮาตอนแชทกันนี่แหละ จะรั่วกันไปไหน
แล้วลบเพื่อนออกจากกลุ่มได้ไวมาก และแอดใหม่ได้ไวมาก จริงๆ
แต่ละคน มีความไม่ซื่อทางสายตา และคำพูดนะ

เมดจะต้องเจอไปอีกนานไหมล่ะ
แล้วเมดดูอึกอัก ดูไม่ค่อยปลื้ม เหมือนมีอะไรในใจ

พี่อาฟไม่มีอะไรในกอไผ่หรอกเนาะ
ก็แค่มานั่งดูผลงานเด็กงานเฉยๆ

ตอนนี้หาทางไปจอยไม่เจอค่ะ มันไม่โชว์อะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 3 :: 25-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: MiewnuoA ที่ 25-02-2018 22:40:41
เรื่องนี้ต้องมีเงี่ยนงำ เอ๊ยย เงื่อนงำ พี่อาฟต้องแอบซ่อนอะไรไว้แน่ๆ น้องเมดลูกที่หนูทำรถพี่เค้าเป็นรอยเพราะมาตามอีพี่บินกับกิ๊กมันใช่ไหมลูก โอ๊ยยยยยยย รอค่ะรอ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 3 :: 25-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 26-02-2018 00:04:50
[ นาย GTR ตัวร้ายกับยัยเจี๋ยมเจี้ยม ] 5555555 ขำหนักมากค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 3 :: 25-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 26-02-2018 00:22:29
ติดตามนะครับ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 3 :: 25-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-02-2018 01:06:48
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 3 :: 25-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-02-2018 01:27:13
รอดูตอนหน้าว่าเมดมีหน้าที่ทำอะไรในร้านบ้าง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 26-02-2018 20:32:54

# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า


ตอนที่ 4

   เพล้ง!

   เสียงแก้วตกแตกเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของคืนนี้ ผมผละแก้วเหล้าที่กำลังกินอยู่หันไปมองต้นเสียงก็พบว่ามันก็ยังเป็นคนเดิม พนักงานเสิร์ฟคนใหม่ที่กำลังก้มขอโทษลูกค้า พร้อมด้วยผู้จัดการอย่างพี่ซองที่ก็รีบหยิบผ้ามาเช็ด ก่อนจะให้เด็กเสิร์ฟอีกคนเอาไม้กวาดมากวาด

“ ใบที่ 10 “ ไอ้เดย์ว่าก่อนจะหันไปหาไอ้อัยย์เพื่อนของตัวเองที่ยืนเช็ดแก้วอยู่ใกล้ๆ " เป็นไงมึง ห่างจากที่มึงทายไปเรื่อยๆแล้วนะครับ "

“ สัด เมื่อกี้มึงทายเท่าไหร่นะ "

“ 12 ใบ ส่วนมึงทาย 8 ใบ " ไอ้สองคนนี้กำลังพนันกันว่าตัวเลขของใครจะใกล้เคียงจำนวนรวมของแก้วที่อีกคนทำแตกประจำคืนนี้

“ มันอาจจะหยุดที่ใบนี้ก็ได้สัด "

“ ราตรีนี้ยังอีกยาวไกลนัก " ไอ้เดย์ยักคิ้วให้เพื่อนมัน " กูว่าแทนที่จะเอามาทำงานจ่ายหนี้ กลายเป็นสร้างหนี้แล้ววะ สัด แก้วแตกยับขนาดนี้ หรือว่าเค้าจะแกล้งสัดพี่ แบบว่าทำงานไม่ดี สัดพี่จะได้เลิกยุ่ง " ประโยคสุดท้ายน้องชายตัวดีหันมามองผม ที่ก็เลิกคิ้วให้มัน แต่ผมยังไม่ตอบอะไร ไอ้อัยย์ที่ยืนอยู่ข้างๆมันก็พูดขึ้น

" แต่กูว่า ไม่น่าจะเป็นอย่างงั้น เค้าก็ดูพยายามแหละ แต่เหมือนไม่มีสมาธิมากกว่า "

" โคตรรรร ไม่มีสมาธิ กูบอกเลย " ไอ้เดย์ย้ำ " เมื่อกี้พี่ซองบอกเค้าว่าให้เอาเหล้าไปให้โต๊ะที่มีผู้ชายใส่เสื้อสีน้ำเงิน แต่แม่งดันเอาไปให้ผู้ชายใส่เสื้อสีเหลือง คือมึง แบบ น้ำเงินกับเหลือง.. สัด "

" หรือเค้าตาบอดสี " อัยย์หันมาถามก่อนจะเหล่มองผม " ขาดทุนชิบหายแล้วเฮีย แค่วันแรกแก้วก็สิบใบแล้ว นี่ทำห้าเดือน ไม่ต้องดีลกับโรงงานแก้วเลยรึไงวะ "

   เพล้ง !

“ สัด! เหี้ยมึง ขวดแบล็คตกแตก " ผมหันขวับไปยังต้นเสียงตามที่ไอ้เจที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยบอก ทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์ตอนนั้นช็อคไปหมด ทั้งไอ้เดย์ ไอ้อัยย์ หรือแม้แต่ไอ้เจก็หันมามองผม ที่ก็มองไปยังภาพนั้นนิ่งๆ ก่อนจะหลับตาลงควบคุมสติของตัวเองให้สงบจิตสงบใจเอาไว้

   ขวดเหล้าราคาแพงนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น คอขวดที่แตกออกกลิ่นเหล้าคลุ้งขึ้นมา คนที่ทำตกแตกเบิกตากว้างก่อนจะก้มหน้าลงขอโทษแขกซ้ำแล้วซ้ำเล่า พี่ซองผู้จัดการวิ่งไปที่โต๊ะเค้าก้มหัวลงขอโทษแขกคนนั้น ก่อนจะบอกว่า เดี๋ยวจะนำเหล้าขวดใหม่มาให้ ตั้งแต่เปิดผับมา ผมไม่เคยเห็นพี่ซองทำงานหนักเท่าวันนี้ เค้าที่หันไปบอกเด็กเสิร์ฟคนนั้นว่าให้จัดการพื้นกับขวดเหล้าที่แตกให้เรียบร้อย ด้วยสายตาเรียบเฉยแฝงด้วยความรำคาญ ทำให้ผมรู้สึกว่า ความอดทนต่อการทำงานพลาดของไอ้เหี้ยนั่น คงทำให้พี่ซองมาถึงขีดสุดแล้ว

" สัดอาฟ..” ไอ้เจเอ่ยเรียกผม ตอนที่หันไปมองพี่ซองที่กำลังเดินผ่านหลังผมไปด้วยท่าทางหงุดหงิด เค้าเดินไปเอาเหล้าขวดใหม่ให้กับลูกค้า ก่อนจะก้มลงจัดการขวดเหล้าที่แตกเพราะท่าทีเงอะงะของคนมาใหม่ที่ยังทำอะไรไม่ค่อยเป็น

" ตั้งแต่เปิด throw up มา แล้วตั้งแต่ที่มีพี่ซองเข้ามาทำงาน วันนี้กูเพิ่งเห็นสีหน้าหงุดหงิดของพี่แก " ไอ้เดย์พูดขึ้นก่อนจะหัวเราะในคอ " ท่าทางจะถึงขีดสุดแล้วแน่ พี่ซองจะไม่ยกขวดเหล้า ตบหน้าเด็กสัดพี่ถูกมั้ย "

“ ใครเด็กกู "

" คุณอาฟ " พี่ซองเดินเข้ามาหาผม ขัดประโยคที่ไอ้เดย์กำลังพูดตอบกลับมาพอดี ผมที่หันไปหาเค้าในตอนนั้นยกมือขึ้นบอกห้ามสิ่งที่เค้าจะพูด เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะพูดอะไร 

" ไปเรียกเค้ามา ผมจัดการเอง "

" ครับ " ตอบรับด้วยคำสั้นๆง่ายๆ ร่างที่เดินไปด้วยความไม่สบอารมณ์ เอ่ยบอกเด็กเสิร์ฟคนนั้นที่ก็ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเศร้า มันถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินตรงมาทางผม ที่ก็ลุกขึ้นจากที่นั่งหลังจากยกเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแก้ว

“ ใจเย็นเด้อ สัดอาฟ " ไอ้เจบอกไล่หลังผมที่ก็เดินไปรออีกฝ่ายตรงส่วนสต๊าฟด้านหลังร้าน ไล่พนักงานที่ยืนอยู่ออกไปจากบริเวณโดยรอบทั้งหมด ในการทำงานคนที่ทำผิดต้องถูกลงโทษ แต่ไม่ใช่การด่าเพื่อให้รู้สึกเสียหน้าต่อหน้าคนอื่น

“ คุณอาฟ "

“ วันนี้ทำแก้วแตกไปแล้วกี่ใบ เสิร์ฟผิดไปกี่โต๊ะ แล้วทำขวดเหล้าแตกไปกี่ขวด "  ผมถามอีกคนเสียงนิ่งๆ เค้าที่เงยหน้าขึ้นมาสบสายตาผมเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าลงแล้วยกมือไหว้

“ ขอโทษครับ "

“ ฉันถาม ก็ตอบ "

“ ไม่ทราบครับ แต่รู้ว่าเยอะ "

“ มึงทำงานภาษาอะไรวะ ขนาดของง่ายๆอย่างเสิร์ฟโต๊ะก็ทำไม่ได้ หรือมึงกำลังป่วนประสาทกู แกล้งทำเป็นทำงานไม่ได้เพื่อให้กูบอกว่า อ้อ ไม่ต้องทำแล้วนะ จ่ายมาแค่สามพันเท่าที่มีแล้วจะไปตายไหนก็ไปเถอะ อย่างงั้นเหรอ ? " ผมเอียงหน้าถามอีกคนที่ก็ส่ายหน้าไปมา

“ เปล่าครับ ไม่ใช่อย่างงั้น "

“ แล้วทำไมถึงทำอะไรไม่ได้เลยวะ งานเสิร์ฟโต๊ะง่ายๆที่เค้าไม่ได้บอกหมายเลขโต๊ะเลยเพราะมึงยังจำไม่ได้ เค้าบอกเสื้อของคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะด้วยซ้ำ มึงยังผิด คือสมองมีปัญหาหรือว่าอะไร  ทำงานแบบนี้อย่าหวังจะปลดหนี้เลยสัด วันนี้มึงสร้างเพิ่มขึ้นแล้วด้วยกูจะบอกให้ ค่าเหล้า ค่าแก้ว ทุกอย่างมึงทำแม่งพังหมดในวันเดียว ลูกค้าคอมเพลนว่ามึงใจลอย ผู้จัดการสติแทบแตกก็เพราะมึง " ตะโกนใส่หน้าอีกคนที่ก็ยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้า เวลาด่าคนไม่เถียงมันรู้สึกหงุดหงิดแล้วยิ่งกว่าหงุดหงิดเมื่อเป้นคนตรงหน้าที่กำลังทำท่าทางจำยอมทุกอย่าง

   "  นี่มึงเรียนอยู่ปีสี่หรือเด็กป.สอง ทำไมสติปัญญาถึงมีปัญหาขนาดนี้ แล้วแบบนี้จะให้กูทำยังไงกับมึงดี ไปหาเงินมาจ่ายหนี้กูห้าหมื่นภายในวันนี้มึงจะทำได้มั้ย จะได้เลิกเข้ามาทำร้านกูวายวอดอย่างวันนี้ "

" คือ คุณอาฟ ขอโทษ ขอโทษจริงๆครับ " เค้าเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับผม แววตาที่กำลังคลอไปด้วยน้ำตาทำให้ผมหยุดปากที่กำลังจะด่าออกไป " คือว่า ผมไม่ได้ตั้งใจ จริงๆผมเป็นคนที่มีสติมากกว่านี้แต่ว่าช่วงนี้ " อีกคนเว้นเสียงไปก่อนจะถอนหายใจออกมา " คือผมเพิ่งอกหักมา คือ ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเอามาพูด แต่ว่า เรื่องที่ผมเจอมามันหนักหนาจริงๆ  " มือที่กำกันแน่นพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลลงลงมา " คือ..ผมเห็นแฟนผมที่คบกันมาตั้งแต่ม.ปลาย มีอะไรกับเพื่อนสนิทผม บนเตียงในห้องนอนของผม คือ ผมเห็นมันกับตามันกำลังเอากันอยู่ แล้วคือ ภาพพวกนั้น มัน คือ มัน ยังอยู่ในตาของผมอยู่ ทำยังไงก็ไม่หายไปสักที ผมก็พยายามที่จะลืมแล้ว แต่มันก็ยังทำไม่ได้สักที วันที่ขับรถชนรถคุณจนเป็นรอยก็เหมือนกัน วันนั้นเพราะผมเอาแต่ร้องไห้ ก็เลยไม่ได้ทันมอง ผม ผมขอโทษครับ อึก ผมขอโทษจริงๆ ขอโทษครับ ผมขอโทษนะ อึก ฮือๆ " มือที่ยกขึ้นไหว้ผม แววตาที่ก้มลงร้องไห้สะอึกสะอื้น ชวนให้ผมยืนนิ่งอยู่แบบนั้น อยากจะด่าออกไปอีกสำหรับเรื่องทำของเสียหาย มีหลายอย่างที่ยังอยากจะด่า แต่ว่าตอนนี้ ด่าอะไรออกไปไม่ออกแล้ว

   ผมค้นพบความจริงเข้าให้แล้วว่า ทำไมคนคนนี้ถึงดูไม่ใส่ใจกับปัญหาเรื่องรถเป็นรอยสักเท่าไหร่ นั่นก็คงเพราะ เค้าคงคิดว่า  ปัญหาอื่นที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรน่าเสียใจเท่าปัญหาที่เจอตอนนี้แล้ว  " คุณอาฟ "

" จะไปไหนก็ไป ไป " ผมบอกปัดอีกคน ที่ก็มีท่าทางเงอะงะเหมือนไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของผม " ไปยืนเฉยๆ ดูแลแขก ไม่ต้องเสิร์ฟ แขกจะเอาอะไร ก็ไปบอกผู้จัดการ แล้วเค้าจะใช้คนอื่นเอง นายแค่ดูไปรอบๆ แค่นั้น "

" ครับ "

" แล้วยืนนิ่งๆ อย่าสร้างปัญหาอีก "

" ครับ " เค้าก้มหน้าลง ตอนที่จะเดินออกไปผมก็คว้าแขนนั่นไว้

" เช็ดน้ำตาก่อน เดี๋ยวใครเค้าจะหาว่ากูรังแกมึง "

" ครับ " ฝ่ามือขาวยกขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ คราบน้ำตาบางส่วนหายไปแต่บางส่วนกลับติดอยู่บนแก้มขาวๆนั่น ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะดึงอีกคนเข้ามาใกล้

" มึงนี่นะ " ยื่นมือขึ้นไปเช็ดน้ำตาให้เค้าบนผิวแก้มนิ่ม สบสายตาของที่กำลังเศร้าอย่างที่สุด ตอนนั้นผมเกิดคำถามในใจที่ว่า ' ใครคนนั้นมันทนเห็นมึงร้องไห้ได้ยังไงวะ '

" คุณอาฟ "

" ออกไปได้ละ เช็ดหมดแล้ว "

" ครับ " ก้มหน้าลงอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปจากหลังร้านที่เรายืนคุยกัน ผมเดินกลับมานั่งที่บาร์เหมือนเดิม แต่ยังไม่ทันหย่อนตัวลงนั่งให้ดี คนที่นั่งข้างๆอยู่ก่อนหน้านี้อย่างไอ้เจก็หันมาถามเรื่องที่เกิดขึ้นทันที

" เป็นไง จัดการไล่ออกแล้ว ? “

" กูว่าที่เค้ายังยืนอยู่แบบนี้เพราะเฮียแม่งเสนอ ทีละ 25000 สองทีหลุดหนี้มากกว่า " ไอ้เดย์เสริมก่อนจะเหลือบมองผม

" พี่ซอง " ผมเอ่ยเรียกผู้จัดการร้านที่กำลังจะเดินเข้ามาหา เค้าหยุดชะงักกึกเพราะนี่อาจจะเป็นครั้งแรกก็ได้ที่ผมเรียกเค้าด้วยตัวเอง อยากจะตัดเสียงน่ารำคาญของไอ้พวกช่างจินตนาการที่ก็คิดอะไรไปต่างๆนานาแบบไร้สาระ

" ครับ คุณอาฟ "

" ไอ้เด็กเสิร์ฟใหม่นั่นน่ะ อย่าเพิ่งให้ทำอะไรก่อนนะ ให้มันยืนดูเฉยๆไปก่อน เดี๋ยวถ้าแขกเรียกใช้ มันจะมาบอกพี่ พี่ก็ไปจัดการแทนให้ก่อนแล้วกัน เพราะถ้าขืนให้ทำต่อ คิดว่าคงไม่หยุดอยู่ที่โหลนึง "

" ได้ครับคุณอาฟ "  พยักหน้ารับให้อีกคนที่เดินออกไป  ผมพลิกตัวกลับมาก่อนจะยกนิ้วบอกให้ไอ้เดย์รินเหล้ามาให้อีกแก้ว On the rock วางลงตรงหน้าตามคำสั่ง ผมหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเขย่าไปมาก่อนจะชิมมันเข้าไป  วางแก้วลงช้าๆตอนที่หันไปเหลือบมองใครบางคนที่กำลังยืนพิงร่างเข้ากับกำแพง มือที่กอดถาดเสิร์ฟไว้แน่น สายตาก็เหม่อออกไป ท่าทางเศร้าๆแบบนั้นช่างเข้ากันกับเพลงในร้านที่กำลังเปิดขึ้น มันเป็นเพลงยุค 90 ที่ผมไม่ได้คุ้นสักเท่าไหร่ แต่เนื้อหาของเพลงกลับทำให้คนที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ร้องไห้ออกมาไม่หยุด


   ' อาจมีเหตุผลเป็นร้อยพัน
   ที่เธอคิดจะพูดให้ฉันได้ฟัง
   ที่ในวันนี้ ต้องเลิกรักกัน
   ฉันก็เคยอยากรู้ อยากถามว่าทำไม
   แต่เอาเข้าจริงก็เปลี่ยนใจ ไม่อยากได้ยินถ้อยคำใด
   ไม่จำเป็นแล้ว
   ก็ไม่สำคัญอะไรกับฉันแล้ว ไม่ว่ายังไงก็คงจบลงเหมือนกัน
   ก็ไม่ต้องพูดหรอก เพราะไม่สำคัญ
   จบแบบไหน จากตอนไหน ก็เหมือนกัน

   ให้กี่เหตุผล กี่ร้อยคำ ก็ไม่ทำให้ความเจ็บซ้ำเจือจาง
   และนาทีนี้ ไม่ขอรับฟัง ไม่ว่าเคยอยากรู้ อยากถามสักเพียงใด
   แต่เอาเข้าจริงก็เปลี่ยนใจ ไม่อยากได้ยินถ้อยคำใด ไม่จำเป็นแล้ว
   ก็ไม่สำคัญอะไรกับฉันแล้ว ไม่ว่ายังไงก็คงจบลงเหมือนกัน
   ก็ไม่ต้องพูดหรอก เพราะไม่สำคัญ
   จบแบบไหน จากตอนไหน ก็เหมือนกัน

   ก็ไม่สำคัญอะไรกับฉันแล้ว ไม่ว่ายังไงก็คงจบลงเหมือนกัน
   ก็ไม่ต้องพูดหรอก เพราะไม่สำคัญ
   จบตอนนี้ จากตรงนี้ เลยแล้วกัน '

   เพลงที่จบลงมาพร้อมกับมือที่ยกขึ้นปาดน้ำตาตัวเองแบบลวกๆอีกครั้ง เค้าที่ถอนหายใจออกมา ผมเผลอจินตนาการถึงถ้าเป็นตัวเองในช่วงเวลานั้น ' จะทำยังไงวะ ถ้าเห็นคนที่ตัวเองรักกำลังมีอะไรกับเพื่อนสนิทตัวเอง ' กูจะชักปืนยิงมัน พุ่งเข้าไปต่อยมัน หรือทำยังไงกับช่วงเวลาสั้นๆนั้นที่ทั้งสติและหัวใจขาดไปพร้อมๆกัน

“ วันนี้มึงเปิดเพลงเหี้ยอะไรของมึงวะ สัดเจ " ผมหันไปบอกเพื่อนตัวเอง ที่ตอนนี้กำลังเข้าสู่เพลงมือที่สามที่เข้ามาแย่งผัวชาวบ้าน แต่ยังไม่รู้สึกอะไร ด้วยเหตุผลที่บอกว่ารัก

“ อะไร ออกจากเพราะ นี่เพลงต่อไปก็เพลงตัวสำรองของพี่อ๊อฟปองเลยนะเว้ย " มันหันมาเถียงผมที่ก็ถอนหายใจออกมา ผมเหลือบมองอีกคนที่มีทีท่าว่าจะร้องไห้อีกครั้ง

" เพลงเหี้ย " ดึงแก้วเหล้าขึ้นมากินจนหมดในคราวเดียว วางแก้วลงเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งในที่สุด

" อ้าว แล้วนี่สัดอาฟมึงจะไปไหน "

“ สัดพี่มันรับไม่ได้  ที่มึงเปิดเพลงสนับสนุนมือที่สามเปล่า " ไอ้เดย์ว่ายิ้มๆ

“ กูว่าไม่น่าใช่ ปกติพี่มึงก็วันไนท์สแตนกับเมียชาวบ้านอยู่บ่อยครั้ง ณ ชั้นสาม " ไอ้เจว่าก่อนจะเหลือบมองตามผมที่เดินออกมา " แต่กูว่าเพราะคนนู้นที่ยืนหลบมุมร้องไห้อยู่มากกว่า "

" น้องเดย์จะได้พี่สะใภ้แล้วเหรอฮะ "

" สัดเดย์ ความแบ๋วไม่เข้ากับหน้ามึง "

   เสียงที่ได้ยินไล่หลัง ผมไม่ได้สนใจหันไปต่อล้อต่อเถียงอะไรกับพวกมัน ขาที่เดินตรงเข้าไปหาอีกคนที่มีสีหน้าสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่เห็น ก่อนมือนึงจะรีบยกขึ้นปาดน้ำตาลวกๆพลางก้มหน้าลง

" มานี่ " ผมบอก ก่อนจะดึงมือมันให้เดินออกมาจากมุมตรงนั้นที่ยืน ยึดถาดเสิร์ฟที่อีกคนถือวางไว้บนเค้าเตอร์ใกล้ๆ ผมเดินผ่านสายตาล้อเลียนของไอ้พนักงานคนสนิททั้งสาม แล้วเดินทะลุเข้าไปในห้องสต๊าฟที่เป็นบันไดนำตรงขึ้นไปถึงชั้นสามของร้านที่จะไม่ได้ยินเสียงอะไรใดๆจากชั้นล่างเพราะเป็นห้องเก็บเสียง

" คุณอาฟ "

" มายืนร้องไห้อยู่แบบนั้น เห็นแล้วมันน่ารำคาญ นี่ผับ ไม่ใช่งานศพ "

" ขอโทษครับ " อีกคนบอก ผมก็ถอนหายใจออกมาตอนที่เห็นใบหน้านั้นก้มหน้าลง

“ อยู่ในนี่แหละ วันนี้ข้างล่างมีแต่เพลงไร้สาระ " เค้าเงยหน้าขึ้นมามองผม ในสายตาที่เหมือนตั้งคำถามว่า ตัวผมเห็นด้วยเหรอว่าเค้าร้องไห้กับเพลงที่ได้ฟังพวกนั้น ปากที่กำลังจะเอ่ยถาม ผมก็ขัดขึ้น " อยู่ข้างล่างก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว งั้นก็ขึ้นมาอยู่ข้างบนนี่แหละ แกะกะคนอื่นเค้า "

“ แล้ว จะให้ผมทำอะไรครับ "

“ ตัวภาระ ก็ควรนั่งเฉยๆ จนกว่าจะเลิกงาน "

“ อ่า.. ครับ " ดึงเก้าอี้สำนักงานที่อยู่ตรงโต๊ะออกมาก่อนจะหย่อนตัวลงนั่ง ผมที่เดินไปนั่งที่เก้าอี้อีกฝั่งนึงมือที่กำลังเปิดแฟ้มเอกสารที่ยังมีงานสรุปบัญชีค้างอยู่แต่เสียงไลน์จากกลุ่มพวกขี้เสือก ก็ดังขึ้นมาไม่หยุดจนต้องดึงขึ้นมาอ่านก่อน


' Throw UP  Staff '

[ พาไปไหนกันเอ๊าะ ชั้นสามใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่ ] ไอ้เจพิมพ์ทักขึ้นมาคนแรก ก่อนไอ้อัยย์จะพิมพ์เสริมขึ้นมา

[ เห็นเค้าร้องไห้ ยื่นทิชชู่ให้ไม่ได้ไง๊ ถึงขั้นต้องพาขึ้นไปถอดเสื้อแล้วเช็ดให้เลยหรา ]

[ เช็ดธรรมดาโลกไม่จำ  อย่างพี่อาฟแห่ง throw up เช็ดให้ต้องท่าพิเศษ ] ไอ้เดย์ว่า  [ 25000 ต่อคืน มาสองคืน ปลดหนี้ไปเลยจ้า สวยๆรวยๆ ]

[ แล้ว 25000 ให้ทำไรบ้างอะ ] อีโมแว่นตาดำที่ไอ้อัยย์แนบติดมาชวนให้ผมส่ายหน้า [อม เลีย  ยอมให้ดูด ยอมใช้เครื่อง ]

[ สัด ! คิดดีไม่ได้แล้ว ] ไอ้เจว่า

[ พวกมึงแม่ง ว่างกันนักเหรอวะ ] ผมถามเข้าไปในกลุ่มไลน์ [ กูไม่ได้พามาทำเหี้ยอะไรทั้งนั้นแหละสัด คิดว่ากูเป็นคนยังไง ]

[ สารเลว ]

[ ชาติชั่ว ]

[ ต่ำช้า ]

[ K ] ผมพิมพ์ตอบกลับไปในไลน์ ก่อนจะถอนหายใจออกมา ปิดล็อคหน้าจอมือถือตอนที่วางลงข้างตัว เสียงเบาๆที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกันก็พูดขึ้นมา

“ เอ่อ คุณอาฟ "

“ มีอะไร "

“ คือ บัญชีตรงนี้ มันผิดอยู่ " นิ้วขาวๆชี้มาที่หน้ากระดาษ ผมก็เงยหน้ามองอีกคน " มันเป็นรายจ่ายใช่มั้ย แต่มันไม่มีช่อง vat มันต้องมีนะ มันสำคัญ เพราะ vat ก็คือค่าใช่จ่ายเหมือนกัน "

“ ทำไมรู้ "

“ ผมเรียนบัญชี " ผมเอียงหน้ามองอีกคนที่ก็เม้มปากตัวเองเบาๆ ตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ผมรู้สึกว่าคนตรงหน้าเป็นพวกประเภทเวลาประหม่าจะเม้มปากตัวเองทันที

“ งั้นนายก็ทำบัญชีได้สินะ "

“ ก็คิดว่า น่าจะได้ครับ " เค้าตอบรับ ผมก็เชิดหน้าไปที่แม็คบุ๊คแอร์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล

“ งั้นก็ไปหยิบแม็คบุ๊คนั่นมา "

“ ครับ "

“ มานั่งทำบัญชีรายจ่ายให้ฉัน แฟ้มรายจ่ายทั้งหมดอยู่นี่ " ผมยื่นแฟ้มให้เค้าอีกคนก็ลุกไปเอาโน๊ตบุ๊คนั่นด้วยความว่าง่าย มือที่เปิดหน้าจอขึ้น ผมก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปช้อนหลังอีกคนก่อนจะก้มลงใส่รหัสปลดล๊อคและล็อคอิน อีเมล์ของร้านที่พ่วงบัญชีงานทั้งหมดไว้

“ คุณล็อคอินให้ใช้งานสองเครื่องแบบนี้เหรอ " อีกคนถามผมก็พยักหน้ารับ

“ ใช่ เพราะบางทีผู้จัดการก็ขึ้นมาช่วยทำเอกสาร ถ้ามันเสร็จไม่ทัน ทำไม มีปัญหาอะไร "

“ ก็เปล่า " เค้าส่ายหน้า " แค่คิดว่ารายรับรายจ่ายของร้าน ควรเป็นความลับรึเปล่าเท่านั้นเอง เพราะมันคืนต้นทุน ที่เกี่ยวกับเงินก็เท่านั้น "

" งั้นต่อไปนี้นายก็ทำ คนเดียว "

" ห๊ะ ? ผมเหรอ “

“ เลิกเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วก็มานั่งทำงานที่ออฟฟิศแทน " ยกคิ้วถามอีกคน " หรือว่าอยากจะไปเสิร์ฟ ? “

" คุณไว้ใจผมเหรอ " เค้าถามคำถามนั้นออกมาด้วยสีหน้าซื่อๆ ผมก็ยกยิ้มแล้วก้มหน้าลงสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบสายตาของอีกคนด้วยแววตาจริงจัง

" แล้วคิดว่าถ้านายโกง ฉันจะปล่อยนายไว้รึไง "
 
" คิดว่าคงไม่ " เค้าตอบก่อนจะถอนหายใจออกมา " ผมจะทำให้ดีครับ ให้คุ้มเงินเดือนที่ต้องจ่ายหนี้คุณ "

" ก็ดี  ทำตัวมีประโยชน์ซะบ้าง ไม่ใช่ถนัดแต่เรื่องล้างผลาญแล้วก็สร้างปัญหาให้ฉัน " สายตาที่กำลังด่าทอผมสักล้านคำอยู่ในแววตานั้นที่ส่งมาให้ผม เค้าถอนหายใจก่อนจะก้มหน้าลงทำงานในคอมพร้อมกับเปิดแฟ้มรายจ่ายของอาทิตย์นี้ที่ผู้จัดการร้านเป็นคนรวบรวมมาให้


' J is J ' 

[ เจ ]

[ เมดอยู่บนถูกมั้ย มึงเลยพิมพ์มาได้ ] อีกคนที่ตอบกลับมาทำให้ผมถอนหายใจออกมา

[ สัด ]

[ อะ จริงจังถูกมั้ย ว่ามา ทำไม แต่ก่อนหน้านี้ กูขอถามนี่ทำอะไรกันอยู่ ]

[ กูให้มันทำบัญชีร้าน มันเรียนบัญชี ]

[ เออ เรียกว่าใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ ดีกว่ามาทำแก้วแตกยกโหล พร้อมเหล้าเบียร์อีกสิบเช็ต ]

[ มึง ไอ้บินมันนอกใจเมดด้วยการเอากับเพื่อนเมดวะ ]

[ ห๊ะ ? ซีเรียส ]

[ อื้ม ]

[ ไอ้เชี้ยยยยย แล้วนี่มึงรู้ได้ไง ]

[ ตอนที่กูเรียกมันมาคุยเรื่องทำร้านกูชิบหาย กูก็ด่ามัน แล้วมันก็บอกกับกูว่า มันไม่มีสมาธิเพราะเพิ่งเลิกกับแฟนที่คบกันตั้งแต่สมัยม.ปลายมา มันเห็นแฟนมันเอากับเพื่อนสนิทมันอยู่บนเตียงในห้องมัน ]

[ โอยยยยยยย พีคไปอีกไอ้สัด แล้วนี่ที่มันร้องไห้เมื่อกี้ก็เพราะเรื่องนี้ ? ]

[ เพราะเพลงมึงนั่นแหละ บิ๊วมันไอ้เหี้ย ]

[ อุ้ย แล้วน้องจะรู้มั้ยละคะ ว่าเค้าอกหักมาอะ น้องขอโทษษษษ ว่าแต่มันต้องเจ็บแค่ไหนวะ คนที่คบกันมาตั้งหลายปี ทำถึงขนาดนั้น ]

[ อื้ม ]

[ ไอ้เหี้ยนั่นก็เลวเนอะ คนมีเป็นร้อยเสือกไปเอาเพื่อนเค้า ไม่เหี้ยจริงทำไม่ได้ ]

[ อยากรู้ว่าเพื่อนมันที่ไอ้บินไปเอา เป็นใคร ]

[ ถาม แล้วมาบอกกูด้วย กูอยากเสือก ]

[ ไม่ ] ผมบอก [ อยากรู้ก็ถามเอง ]

[ มึงอะตัวอยากรู้เลยไอ้สัดอาฟ ] อีกคนว่า [ ถามจริง นี่ที่ลากเค้าขึ้นไปข้างบน เพราะเป็นห่วงเค้าใช่มั้ย กลัวเค้าฟังเพลงแล้วเอาแต่ร้องไห้ถูกมั้ย ]

[ ไม่ถูก เพราะนี่ผับ ไม่ใช่งานศพ จะมายืนร้องไห้เหี้ยอะไร ]

[ เหรอออออออออออออออออออ มองมาจากดาวเสาร์ยังรู้ว่าตอแหลจ้า กูบอกเลย ] ไอ้เจว่า [ กูคบกับมึงมากี่ปีไอ้สัดอาฟ คนอย่างมึงถ้าใครทำอะไรไม่พอใจ มึงไม่ทนหรอก ถ้าเป็นคนปกติ โดนมึงไล่ไปนอกร้าน แล้วบอกว่าให้หาเงินห้าหมื่นมาจ่ายแล้วสัด แต่นี่เหี้ยอะไร พอรู้เรื่องเค้าก็สงสาร พอเห็นเค้าร้องไห้ก็พาไปหลบ แล้วยังให้นั่งทำบัญชีร้านกับมึงแค่สองคนอีก ใจดีผิดสันดานแบบนี้ ถูกใจแน่ๆ ]

[ กูรำคาญมึงวะ ] ผมบอกก่อนจะปิดแชท แต่ถึงอย่างงั้นไอ้เชี้ยเจก็ยังส่งมา

[ โดนใจทุกคำก็พรูดดดดดดดดดด ] โดนใจเหี้ยอะไร ผมเงยหน้ามองคนที่ก้มหน้าก้มตาทำบัญชีรายรับรายจ่ายด้วยท่าทางขยันขันแข็ง  ก็แค่เห็นหน้าตาตอนร้องไห้แล้วมันน่ารำคาญตาก็เท่านั้น  อย่างที่บอก นี่ผับไม่ใช่งานศพ จะมาร้องไห้ให้กูเห็นทำไม
.......................................................

“ ก็ไม่ต้องพูดหรอก เพราะไม่สำคัญ จบแบบไหน จากตอนไหน ก็เหมือนกัน "
สงสารเมด อยากจะดึงน้องเข้ามากอด ขนาดพี่อาฟยังนิ่งไม่ด่าต่อ เมดต้องสภาพน่าสงสารขนาดไหนวะ
ลองคิดดูเล่นๆว่า เหตุการณ์ของเมดมาเกิดขึ้นกับตัวเรา แม่งจะเป็นยังไงวะ น้องเมดดดดดดด #กรีดร้องสงสารน้อง
นี่แต่งไปก็สงสารอะ อินสุด ยิ่งฟังเพลง ' ไม่สำคัญ ของ ซาร่าผุงประเสิร์ฐ ' แต่งไปด้วยฟังไปด้วยนะ คือแบบ ม่ายยยยยย
เราจะมีพาสน้องเมด ย้อนความตอนไปเห็นแฟนตัวเองกับเพื่อนเอากันแน่นอนค่ะ แต่ขอให้ผ่าน พาสหน้าไปก่อนนะคะ
เพราะงั้นพาสหน้าจะมายาวๆ แบบจุใจไปเลย จะได้เห็นความรู้สึกของตัวละครชัดขึ้นด้วย
และนี่คือลิงค์ สำหรับไป จอยลดาค่าา :: http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6

เจอกันตอนหน้านะคะ
บายยยยยย
อ้อออ ใครมีทวิตฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่าาาา

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 26-02-2018 20:57:01
ติดเรืองนี้เข้าแล้วว อาฟปากร้ายใจดี สงสารเมดจัง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-02-2018 21:37:34
สงสารเมดมาก เจ็บหนักมา แล้วยังมาเจอเรื่องอีก

อาฟก็ถึงกับไปต่อไม่เป็น และเกิดอาการอยากรู้ขึ้นมาทันที
ว่าทำไมคนนั้นช่างกล้าทำเมดเสียใจ

ทีมสัดพี่คือป่วนตลอด เสื่อมตลอด แต่น่ารักดี 55555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 26-02-2018 22:56:37
สงสารเมด ที่แฟนกับเพื่อนสนิทหักหลัง
เลวจริง พี่อาฟนี่ปากร้ายใจดีซินะ
ติดตามค่ะชอบเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-02-2018 23:30:50
รอๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 27-02-2018 00:07:44
พี่อาฟผู้ปากหนัก จงรักน้องหลงน้องให้หัวปักหัวปำกันไปเล้ยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 27-02-2018 01:05:32
ขอบคุณมากค่ะ อ่านแบบไหนก็สนุก แต่ตอนล่าสุดสงสารน้องเมด ดึงน้องมากอด  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-02-2018 01:38:37
ถ้าถามน้องเขาตั้งแต่แรกว่าเรียนอะไร คงไม่ต้องสังเวยแก้วและขวดเหล้าให้กับเรื่องเลว ๆ พันธ์นั้นหรอก  :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 27-02-2018 05:14:54
 :hao7:  :hao7:  :hao7: อยากจะกรีดร้องให้คอแตก...  :hao7:  :hao7:  :hao7: แบบว่ามันดีอะ...ชอบอะ...มาลงบ่อยๆนะค่ะ รอ....รอ...ค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 5 :: 2-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 09-03-2018 16:45:46
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า

ตอนที่ 5
   ช่วงเวลาจากทุ่มย้ายเข้าสู่ตีหนึ่ง ภายในห้องเงียบเชียบที่ได้ยินแม้กระทั้งเสียงแอร์ที่เปิดอยู่ เสียงกดแป้นคีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์ดังขึ้นมาเป็นจังหวะ ติดต่อกันยาวๆบ้างขาดช่วงบ้างสลับไปมากับเสียงกระดาษที่เปิดไปมาเช่นกัน

    ท่าทางที่ดูยุ่งเหยิงและวุ่นวายของคนตรงหน้า สวนทางกับผมที่นอกจากจะไม่ได้ตั้งใจทำงานอะไรแล้ว สมองก็ยังตั้งคำถามขึ้นมากมาย เป็นคำถามที่ในความเป็นจริงก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาใส่ใจอะไร เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองเลยสักนิด  แต่ว่ามันก็ยังวนเวียนเป็นความอยากรู้อยู่อย่างงั้น

' ใครวะ คนที่ไอ้บินไปนอนด้วย '
' เป็นเพื่อนมาตั้งแต่ม.ปลายเหรอ หรือว่ามหาลัย '
' เหตุการณ์ตอนนั้นมันเป็นยังไง '
' แล้วตอนนี้ละ รู้สึกยังไงกับเรื่องนั้น ไหวรึเปล่า '

“ คุณอาฟ " เสียงที่ดังขึ้นตรงหน้า ชวนให้ผมที่ก้มหน้าอยู่กับกระดาษตรงหน้าเงยหน้าขึ้นไปมอง " อันนี้เป็นรายจ่ายค่าอะไรเหรอครับ มันไม่มีบิลน่ะ " มองดูนิ้วขาวที่ชี้ไปบนหน้าจอมือถือที่เป็นรายจ่ายของวันนี้ สลับกับเอกสารในแฟ้ม

“ อื้ม " ผมที่กำลังคิด อีกคนก็พูดขึ้นอีก

“ เหมือนจะเป็นรายจ่ายล่าสุด "

“ รายจ่ายล่าสุด อื้ม ค่าเหล้า "

“ แล้วบิล ? “

“ คงอยู่กับไอ้เดย์ "

“ งั้นคุณก็ช่วยติดต่อคุณเดย์ว่าให้เอาบิลมาให้ผมได้มั้ย "

“ จำเป็น ? “ ผมถามอีกคนก็ขมวดคิ้ว

“ จำเป็นสิ คุณต้องเก็บบิลทั้งหมดที่เป็นรายจ่ายไว้นะ ไม่งั้นสิ้นเดือนจะทำงบได้ยังไงละ หายไปสักใบก็ไม่ได้หรอก "

“ งั้นก็ไปเอากับไอ้เดย์ ไม่อยู่ที่ไอ้เดย์ ก็อยู่กับไอ้อัยย์ " พอบอกไปแบบนั้นคนตรงหน้าก็ถอนหายใจออกมาช้าๆ เบาๆ เค้าที่หันไปมองขวาทีซ้ายทีก่อนจะเม้มริมฝีปาก " ทำไม "

“ เปล่า แค่กำลังคิดว่าคุณไม่มีไลน์กรุ๊ปของผับรึไง ทำไมไม่ถามไปก่อนว่าอยู่ที่ใคร แล้วเค้าอยู่ตรงไหน ผมจะได้ไปเอาถูก "

“ ก็มี " ผมบอก อีกคนก็นิ่ง

“ งั้นก็ถามสิครับ "

“ นี่ใช้ฉัน ? " ผมจ้องหน้าอีกคน ที่ก็ยื่นมือมาตรงหน้า

“ งั้นก็เอามือถือมา ผมถามเอง "

“ เรื่องอะไร ของส่วนตัว "

“ งั้นก็ลากผมเข้าไปในกลุ่มสต๊าฟ ผมไปถามเองก็ได้ "

“ นายเป็นสต๊าฟเหรอ ? “

“ อ้าว ก็ไหนบอกให้ทำบัญชี พนักงานบัญชีก็เป็นหนึ่งในสต๊าฟไม่ใช่เหรอ " เสียงที่เถียงออกมาด้วยหน้าตาจริงจัง ผมที่หลุดยกยิ้มขึ้นมาอีกคนก็ขมวดคิ้ว " อะไรของคุณอยู่ๆก็ยิ้ม "

“ แค่คิดว่าไอ้คนที่ทำแก้วแตกยกโหลแล้วร้องไห้เพราะผัวไปเอาคนอื่น มันหายไปไหนแล้ววะ " ทุกอย่างนิ่งมือที่ยื่นมาหดกลับไปที่เดิม สีหน้าที่เปลี่ยนไปกะทันหัน ผมเผลอนิ่งไปเหมือนกัน เพราะรู้สึกเหมือนไปสะกิดแผลนั่นเข้าให้ " เดี๋ยวลากเข้ากลุ่มสต๊าฟให้ "

“ คุณรู้ได้ไง ว่าแฟนผมเป็นผู้ชาย " ไอ้ชิบหาย.. ผมคิดอยู่ในใจตอนที่อีกคนถามแบบนั้น หยิบมือถือขึ้นมากดเข้าไปในโปรแกรมแชททำทีเป้นไม่สนใจก่อนจะหันไปมองอีกคน

“ เดา ถูกเหรอ แค่คิดว่า อย่างนาย ไม่น่าจะเป็นผู้หญิง " อีกฝ่ายไปตอบไม่อะไร แล้วนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกขึ้นมาว่า หรือว่าแฟนของอีกคนจะเป็นผู้หญิงจริงๆ  บางทีก็อาจจะเลิกกับไอ้บินตั้งแต่อาทิตย์แรกที่คบ แล้วคบผู้หญิงต่ออะไรอย่างงั้น " เออ กฏของการทำงาน ข้อแรก ฉันถามอะไรนายก็ต้องตอบ "

“ ครับ "

“ งั้นก็ตอบ "

“ ตอบ ? ตอบอะไรครับ "

“ ตกลงแฟนนายเป็นผู้ชาย "

“ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องงาน จำเป็นต้องตอบด้วยเหรอครับ " เค้าเลิกคิ้วถาม ผมก็หันไปมองเค้าด้วยสายตานิ่งๆ และแน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้กลัวหรอก เค้าก็แค่จ้องกลับมา จนกลายเป็นผมเองก็พยักหน้ารับ

“ ต้องตอบ " ยืนยันแบบนั้นอีกคนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพยักหน้ารับอย่างจำยอม

“ ครับ เค้าเป็นผู้ชาย " งั้นก็แสดงว่าเป็นไอ้บินแน่นอน  ความคิดของผมพูดประโยคนี้ขึ้นมาทันทีตอนที่อีกคนบอกแบบนั้น

“ ฉันลากนายเข้ากลุ่มสต๊าฟแล้ว ไปดูแล้วกัน "

“ ครับ "

   ' Throw UP  Staff Serious Ver. '

   AFTER เข้าร่วมกลุ่ม Throw UP ' Staff Serious Ver.
   AFTER เชิญ minmade เข้าร่วมกลุ่ม Throw UP ' Staff Serious Ver.
   minmade เข้าร่วมกลุ่ม Throw UP ' Staff Serious Ver.

[ อะ สร้างมาครบวัน พี่แกเพิ่งเข้า ] ไอ้เจทักขึ้นมาคนแรก [ แต่เอ๊ะ ? ว่าแต่ นั่นลากใครมาอะ ]

[ สวัสดีครับ ] คนที่อยู่ตรงหน้าผม พิมพ์ทักเข้าไป

[ พนักงานบัญชี ] ผมบอก [ ต่อไปนี้ เมดจะมาเป็นพนักงานบัญชีของผับนะ นั่นแหละ รายจ่ายอะไรก็บอกเค้า ]

[ โอเคครับ พี่ พี่ซองนะเป็นผู้จัดการ ]

[ ครับพี่ซอง ]

[ พี่ พี่แบล็คนะ เป็นหัวหน้าการ์ด ]

[ อ่า กูต้องแนะนำตัวใหม่มั้ย ] ไอ้เจว่า [ แนะแล้วกัน  เผื่อภาพโปรไม่ตรงกับตัวจริง เจนะครับ ผมเป็นฝ่าย PR มาร์เก็ตติ้ง ยินดีที่ได้ร่วมงานกับเมดนะ ]

[ หล่อเลยครับผม ] ไอ้อัยย์ทักขึ้นมา [ผมอัยย์ครับ พิมพ์ยากพิมพ์ อัย ก็ได้พี่เมด เป็นบาร์เทนเดอร์ครับ @dday มาแนะนำตัวเร็ว ]

[ ผมเดย์ครับ เป็นบาร์เทนเดอร์ เป็นน้องชายเจ้าของผับ และเป็นอีกหลายอย่างตามที่สัดพี่อาฟจะใช้ ]

[ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ แล้วก็ขอโทษด้วยครับสำหรับเรื่องวุ่นวายที่ผมทำในคืนนี้ ]

[ ไม่เป็นไรหรอก ครั้งแรกก็เข้าใจได้ ] ไอ้เจพิมพ์เข้ามา ตามด้วยไอ้อัยย์

[ เด็กเสิร์ฟมาเสิร์ฟครั้งแรก เป็นแบบนี้หมด ? ]

[ เมดอะ คนแรกที่ทำแบบนี้ ไม่เป็นไรเข้าใจได้ ] คนที่อยู่ตรงหน้าผมยิ้มขึ้นมาก่อนจะเกาหัวตัวเอง พลางพิมพ์ลงไป

[ ขอโทษด้วยครับ ]

[ เข้าเรื่องสักที มัวแต่คุยอะไรไร้สาระ ] ผมพิมพ์ลงไป อีกคนก็เงยหน้าขึ้นมามองผม

[ น้องเดย์ น้องอัย บิลค่าเหล้าที่ลงวันนี้อยู่ที่ใครครับ พอดีมันไม่อยู่ในแฟ้มน่ะ ]


' Throw UP ' Staff

[ ไอ้สัดดดดดดด น้องเดย์ น้องเดย์ น้องเดย์ ไอ้เหี้ยยยยยยยยย กุมใจ ชื่อนี้แม่เลิกเรียกไปแล้วตั้งแต่อยู่ป.สอง ]

[ แม่งเอ้ยยยยยยยย ใจกู อ่อนยวบไปหมด ชงเหล้าไม่ได้แล้ว ทำไงดี ทำไมเค้าอ่อนหวาน คือพอคิดภาพหน้าเค้ายิ้มๆ แล้วเรียกกูว่า น้องอัย พ่องตาย!! ]

[ ไปตอบ ] ผมพิมพ์เข้าไปในไลน์กรุ๊ปสี่คนที่พวกมันกำลังโวยวายไม่ได้สติ เหมือนคนบ้าที่กำลังไร้สาระ

 ' Throw UP ' Staff Serious Ver. '

[ อยู่ที่เดย์ครับพี่เมด ]

[ งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปเอานะ น้องเดย์อยู่ที่บาร์ใช่มั้ย ]

[ ใช่ครับ ]

[ โอเคครับ ]

 ' Throw UP ' Staff

[ โอ๊ยยยยยยย เย็นไว้ตัวกู พี่เมดจะมาหากู พี่เมดจะมาหากู พี่เมดจะมาหากู ]

[ ไอ้เชี้ยเดย์แม่งไหวเปล่าวะ 555555555555 ] ไอ้เจว่า ผมก็พิมพ์ถามไป

[ ทำไม ]

[ พอพี่เมดบอกจะมาเอาบิลที่มัน แม่งจัดผมใหญ่เลยเฮีย 5555555 ถามกูด้วยว่าหล่อยัง ]

[ ไร้สาระพวกมึง ] ผมบอก [ ดี๊ด๊าเหี้ยอะไรกับผู้ชายหน้าตาเหมือนไอ้ตี๋ขายโจ๊กคนนึง ]

[ อย่าว่าพี่เมด ] ไอ้เดย์บอกก่อนจะตามมาด้วยพวกที่เหลือ

[ อย่าว่าพี่เมด ]

[ อย่าว่าพี่เมด ]

[ สัดเจ มึงอายุเท่ากับไอ้เมด ] ผมว่า

[ กูก๊อปพวกมันมา ขี้เกียจพิมพ์ ]

[ สัดพี่อย่ามาว่าพี่เมดนะ น้องเดย์จะปกป้องพี่เมด ]

[ น้องอัยย์ก็จะปกป้องพี่เมด ]

[ น้องเจก็จะปกป้องพี่เมดฮ่ะ ]

[ ส้นตีน ] ผมบอก [ มีเหี้ยอะไรดีว่ะ เจอกันยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง เลียสัด ]

[ ความอ่อนโยนที่มึงไม่มี ]

[ ความอ่อนโยนที่มึงไม่มี ]

[ ความอ่อนโยนที่มึงไม่มี ]

[ รำคาญพวกมึง ] ผมกดปิดหน้าจอมือถือตอนที่วางมันลงบนโต๊ะ คนที่อยู่ตรงข้ามก็ลุกขึ้นจากที่นั่งพอดี " ไปไหน "

“ ไปเอาบิลค่าลงเหล้าจากน้องเดย์ "

“ ทำไมต้องเรียกมันว่า น้องเดย์ " ผมถามอีกคนก็ทำหน้างงๆ

“ ก็..เค้าอายุน้อยกว่า ก็เลยเรียกน้อง ตามมารยาทสังคมที่ควรปฎิบัติต่อคนที่รู้จักกัน "

“ อะ กวนตีน "

“ รูปประโยคตรงไหนที่บอกว่ากวนตีนเหรอ " อีกคนหันมาถาม " คุณอาฟเป็นเจ้าของผับ น้องเดย์เป็นน้องคุณ ผมว่าก็เรียกให้เกียรติก็ถูกแล้วนะ "

“ ฉันว่า ทุกประโยคที่พูดออกมานั่นแหละที่กวนตีน ทั้งกวนตีนแล้วก็ยอกย้อน " ผมว่าอีกคนก็ยกยิ้ม

“ คิดไปเองแล้วครับ ผมไม่กล้าพูดอะไรแบบนั้นกับคุณอาฟหรอก " จบประโยคไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ผมยกยิ้มขึ้นมาก่อนที่ประตูนั้นถูกปิดลง

“ ก็ใช่ย่อยนี่หว่า โดยเฉพาะปาก "

 ' Throw UP ' Staff

[ ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มาฟังกูเร็ว ไอ้สัด มาฟังกู มาเดี๋ยวนี้ ] ไอ้เดย์รัวแชทเข้ามาในกลุ่ม ตามด้วยไอ้อัยย์แล้วก็เจตามลำดับ แล้วผมก็ก็รู้ตั้งแต่มันยังไม่พูดแล้ว ว่าเรื่องอะไร ก็คงไม่พ้นเรื่องใครคนนั้นที่บอกว่าจะลงเอาไปบิล

[ ไอ้เหี้ยเอ้ยยยยยยยย ]

[ แม่ง ใจกู ]

[ อะไรของพวกมึง ] ผมถาม

[ คือพวกมึงมาฟังกู ฟังกูนะไอ้สัดพี่ คือเมื่อกี้พี่เมดบอกว่าจะมาเอาบิลจากกูใช่มั้ย เค้าก็ลงมาเว้ย แล้วคือกูอะ หันหลังอยู่เค้าก็เรียกกูว่า น้องเดย์ คือไอ้สัดดดด เสียงตอนนั้นคืออ่อนโยนมาก อีเหี้ย ถ้อยเสียงนี้แม่กูพูดกับกูครั้งล่าสุดคือตอนกูขวบนึงอะ แล้วพอกูหันไปอะ เค้าก็ยิ้มเว้ย เค้ายิ้ม! ยิ้มแบบ ไอ้เหี้ยยยย พี่เมดจะอ่อนหวานกับเดย์ขนาดนี้ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป!! เดย์อยากปล้ำพี่เมดแล้วอะ ทำไงดี ]

[ ไอ้สัด ] ผมสบถกลับไปก่อนจะส่ายหน้ากับความบ้าของน้องชายตัวเอง

[ ต่อๆ แล้วคราวนี้กูก็แบบ เบลออะ เลยยิ้มแบบเหวอๆให้เค้าเว้ย แล้วก็ยื่นบิลไปให้ เค้าก็รับแล้วก็ก้มลงอ่าน ก่อนจะหันมายิ้มให้กูอีกครั้งแล้วก็บอกว่า ขอบคุณนะน้องเดย์ แล้วก็ยิ้มกว้างให้กูอีกทีนึง โอเคกูตายได้แล้ว ]

[ ยังไม่พอ เค้าหันมายิ้มให้กูด้วยจ้า วินาทีนั้นนี่แบบ ยิ้มตามครับ รุนแรงกับใจเหลือเกิน ]

[ แล้วก็หันมาก้มหน้าทักกูและยิ้มให้กูด้วย กูก็ยิ้มกลับไปหล่อๆเลยครัช ] ไอ้เจบอกเสริมประโยคของไอ้อัยย์

[ น่ารำคาญพวกมึง ] ผมบอก [ โคตรไร้สาระ ]

[ ทีมอยากปล้ำพี่เมด ] ไอ้เดย์ว่าและแน่นอนว่าทุกคนก็เอาด้วยกันมัน

[ ทีมอยากปล้ำพี่เมด ]

[ ทีมอยากปล้ำพี่เมด ]

[ ส้นตีน แล้วนี่มันขึ้นมายัง ]

[ อะหวง ] ไอ้เจว่า [ ยัง เมื่อกี้เห็นเดินไปหาพี่ซอง ยกมือไหว้แล้วก็ก้มหัวให้อยู่ คงขอโทษกับเรื่องที่ทำอะ ]

[ เค้านิสัยดีวะ ] ไอ้อัยย์ว่า [ แบบ จะหาว่ากูอวยก็ได้ แต่แบบเค้าก็ขอโทษพี่ซองไปหลายครั้งแล้ว ไม่ต้องทำแล้วก็ได้ แต่ก็ยังเดินไปหาขอโทษดีๆเป็นเรื่องเป็นราวอะ หลงรักนะครับ ซารางเฮโย ]

[ ทำไมกูไม่เห็นรู้สึก อยู่กับกูแล้วโคตรยอกย้อน ปากนี่ยังกับกรรไกรทำคลอด พูดอะไรออกมาทีเหมือนพวกฉลาดที่ชอบหลอกด่าคนอื่น ]

[ สัดพี่ไปทำนิสัยเหี้ยๆใส่เค้าก่อนรึเปล่าละ #ทีมอยากปล้ำพี่เมด ]

[ ใช่ กูว่าถ้ามึงพูดกับมันดีๆ มันก็อาจจะพูดกับมึงดีๆก็ได้นะ ดูไม่ใช่คนแบบนั้นเลยอะ ] ไอ้เจว่า [ #ทีมอยากปล้ำพี่เมด ]

[ ร่วมด้วย #ทีมอยากปล้ำพี่เมด ]

[ พวกมึงนี่รับเงินเดือนจากใคร ]

[ เมื่อก่อนอะ จากเฮียมึง แต่ตอนนี้มีพนักงานบัญชีแล้ว ก็ต้องไปรับจากพี่เมดเค้าแล้วอะเนอะ คิคิ ]

[ กูไม่จ่ายให้ไอ้เมดพวกมึงก็อย่าหวังได้  ]

[ กูจะฟ้องกรมแรงงาน!! ] น้องชายผมบอก

[ งั้นกูจะบอกเค้าว่า พวกมึงมัวแต่จะเคลมพนักงานบัญชีไม่ทำงานตามที่กูจ้าง กูเลยไม่จ่าย ]

[ อะ หวง ถูกมั้ย ] ไอ้เจว่า [ นั่น เดินขึ้นไปละ อีกไม่ถึงสามนาทีคงถึงห้องมึง ]

[ อื้ม ] กดล๊อคมือถือตอนที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนบานประตูนั้นจะถูกเปิดออกมา กระดาษที่เค้าหยิบติดมาด้วยถูกจัดใส่ไว้ในแฟ้ม ก่อนจะหันมาเปิดคอมแล้วลงมือพิมพ์ข้อมูลที่ได้มาด้วยความตั้งใจ " อยู่กับกูไม่เห็นยิ้มสักนิด "

“ ว่าไงนะครับ " อีกคนที่ถามขึ้น ผมก็เลิกคิ้ว

“ ฉันพูดอะไร "

“ อะไรสักอย่าง เหมือนบ่นๆ "

“ เปล่า ไม่มีอะไร รีบทำงานเถอะ จะเสร็จรึยัง "

“ ใกล้แล้วครับ อีกห้านาทีมั้ง เหลือสรุปยอด "

“ อื้ม " ผมตอบรับเค้า ก่อนที่เราจะเงียบกันไปอีกครั้ง แล้วในตอนนั้นไลน์ของคนตรงหน้าผมก็ดังขึ้นมา สายตาที่หันไปมองกดปิดเสียงทันทีก่อนจะถอนหายใจออกมาเค้าคว่ำมือถือนั่นลงทั้งๆที่มีสายเข้ามาแล้วมันกำลังสั่นอยู่บนโต๊ะ

“ ถ้าไม่รับก็ช่วยปิดสั่นด้วย มันน่ารำคาญ " ผมบอกอีกคนก็เหลือบมามองก่อนจะพยักหน้ารับลง

“ ขอโทษครับ " พอบอกแบบนั้น อีกคนก็ปิดเครื่องของตัวเองไปทันที ถ้าให้สันนิฐานคิดว่าคงเป็นไอ้บินนั่นแหละที่โทรเข้ามา ถ้าไม่ ก็คงเป็นเพื่อน หรือใครสักคนที่อยู่ในเหตุการณ์น่าเศร้าพวกนั้น ขอบตาที่รื้นน้ำตาขึ้นมาอีกคนเม้มริมฝีปาก่อนจะก้มลง สูดลมหายใจแรงๆก่อนจะจ้องหน้าไปที่คอมพิวเตอร์ตรงหน้า ราวกับจะละความสนใจทั้งหมดนั่นออกไป  ท่าทางที่ยิ่งทำให้ผมอยากจะรู้ ให้มากขึ้น ว่าทำไม เพราะอะไร มันถึงเป็นแบบนี้


   ' D.DAY '

[ เดย์ ]

[ ว่า ] อีกฝ่ายตอบ [ มีอะไรสัดพี่ กูยุ่งอยู่ ]

[ บาร์ คนเยอะ ? ]

[ มาก ]

[ ว่างแล้วทักมา ] ผมบอก ก่อนจะผ่านไปสิบนาทีมันก็ทักกลับมา

[ ตอนนี้แหละ ว่ามาเลย เริ่มสงบแล้ว มีอะไร ]

[ กูมีงานให้มึงทำ ]

[ งานไร ]

[ ไปปล่อยยางรถ Civic  สีขาวที่จอดอยู่ข้างๆรถกูที ]

[ ห๊ะ ? เพื่อ ? ]

[ ใช้ ก็ไปทำ 5000 เดี๋ยวกูโอนให้ ]

[ แล้วรถใครกูยังไม่รู้เลย แล้วถ้าเค้ามาขอดูกล้องวงจรปิดมึงจะทำไง หาเรื่องให้กูอีกแล้วสัดพี่ ] คำถามโง่ๆของมันทำให้ผมถอนหายใจออกมาตอนที่อ่าน มันชอบคิดว่าผมเหมือนมัน ที่เป็นพวกชอบวางแผนแต่ทำอะไรไม่เคยรอบคอบ

[ นี่ผับกู กูปิดกลองวงจรปิดให้แล้ว มึงแค่ไปทำ ถ้าไม่กล้าก็ชวนไอ้อัยย์ไป แล้วก็แบ่งเงินให้มัน ]

[ งั้นกูขอถามคำถามเดียว Civic  นั่น รถใคร ]

[ เมด ]

[ โอเค๊ เข้าใจทุกอย่าง ไอ้ตี๋ขายโจ๊กเนอะ ไม่ชอบขาวแป้งๆแบบนั้นเนอะ ปาก จมูก อะไรก็ไม่ชอบสักอย่างเนอะ กูจะมีพี่สะใภ้แล้วถูกมั้ย ]

[ ไม่ถูก ] ผมบอก [ กูแค่มีเรื่องอะไรจะสืบนิดหน่อย เลยต้องให้มันไปกับกู ]

[ไปไหนกันน้าาาาา ไหนบอกคอนโดอย่าพามากินเรี่ยราดสัดพี่ไม่ชอบไง ]

[ กูไม่ได้พาไปกิน ] ผมบอก [ ใช้อะไรก็ทำไอ้สัดเดย์ เสร็จแล้วก็บอกจะได้โอนเงินให้ ]

[ สัดพี่มึงปิดกล้องวงจรปิดด้วยนะ อย่าลืม! อีกห้านาทีกูออกไป ]

[ ปิดแล้ว ]

[ โอเค " มันว่าก่อนจะพิมพ์มาอีกครั้ง " แต่เดี๋ยวนะ สัดพี่ พี่เมดของกูนะ!! ]

[ รำคาญมึง ไปทำ !! เงินจะเอามั้ย ไม่งั้นกูไปจ้างไอ้อัยย์ ]

[ เอาจ้าสัดพี่ ]

[ แล้วเดย์ เรื่องนี้เป็นความลับ ]

[ รับทราบ ]

   นาฬิกาบอกเวลาเลิกงาน ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างก็เสร็จพอดี ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่นั่ง คนตรงหน้าก็เงยหน้าจากคอมพิวเตอร์ขึ้นมามอง เหลียวมองนาฬิกาที่บอกเวลา ก่อนจะหันมาพิมพ์อะไรสักอย่างในคอมพิวเตอร์ต่อ ลากนิ้วไปบนแผ่นเม้าส์กดอยู่สองสามครั้งก่อนจะปิดคอม

“ งานวันนี้เสร็จแล้วครับ รวมบัญชีรายจ่ายหมดแล้ว "

“ อื้ม " ยักคิ้วบอก " งั้นก็กลับ ร้านปิดแล้ว "

“ ปกติแล้วใครเป็นคนปิดร้านเหรอคุณอาฟ แบบคนสุดท้ายที่อยู่ "

“ พี่ซองจะกลับคนสุดท้าย แล้วก็จะมาคนแรก " อีกคนพยักหน้ารับตอนที่เราเดินออกมาจากห้อง ผมกดล็อคประตูก่อนจะเดินนำอีกคนลงมา เราแยกย้ายกันไปคนละทาง คนข้างหลังผมเดินไปที่ตู้ล็อคเกอร์ฝั่งพนักงานเสิร์ฟ คงไปเปลี่ยนชุดที่ตัวเองกำลังใส่อยู่เป็นชุดปกติที่ใส่มา  ในตอนนั้นผมหันไปที่บาร์ สบตากับไอ้เดย์ที่ก็ยักคิ้วให้ผม มันคงจัดการเรื่องที่สั่งเรียบร้อยแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
   เดินออกไปตรงลานจอดรถด้านหลัง ผมที่เดินไปถึงรถตัวเองหยุดชะงักมองคนที่เดินออกมาทางหลังร้านเหมือนกัน
 ใบหน้าขาวหยุดนิ่งอยู่สักพัก ขมวดคิ้วก่อนจะเดินตรงไปที่รถตัวเอง มองดูล้อรถทั้งสี่ด้วยสายตาค้างๆ ก่อนจะหลับตาลงแล้วถอนหายใจออกมา

“ ไอ้สัด "

“ เป็นอะไร เหนื่อยกับงานขนาดนั้นเลย " ผมเอ่ยทักคนคนนั้นก็หันกลับมามอง

“ เปล่าสักหน่อย แค่คิดว่าชีวิตแม่งจะเฮงซวยไปถึงไหนวะ แค่นี้ยังไม่พออีกรึไง "

“ ทำไม " เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายที่ก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะเชิดหน้าไปที่ล้อรถของตัวเอง

“ ถูกปล่อยลมยาง สี่ล้อด้วย "

“ อริเยอะนะมึงน่ะ ไปเหยียบหางใครรึเปล่า "

“ ใคร ? ผมไม่มีอริที่นี่หรอก "

“ อาจจะเป็นแขกคนที่มึงทำเหล้าหกใส่กางเกงเค้าก็ได้ "

“ คนนั้นเค้าบอกว่า ไม่เป็นอะไร "

“ แล้วมึงก็เชื่อ ? “ ผมถามอีกคนก็หันมามองแบะปากนิดๆก่อนจะหันไปอีกทางแล้วก็ถอนหายใจออกมา

“ เห้ออ หรือต้องไปทำบุญเก้าวัดเพื่อล้างซวยจริงๆว่ะ " 

“ บ่นงุ้งงิ้งอยู่นั่น " ผมว่า " ขึ้นรถ เดี๋ยวไปส่ง "

“ นิสสันนี่นะเหรอ " อีกคนว่ายิ้มๆ แล้วนั่นก็เป็นรอยยิ้มแรกของเค้าที่ผมได้เห็น วินาทีที่จะหันไปหาเรื่อง รอยยิ้มนั่นผุดขึ้นกว้างขึ้น กว่าเดิม " อ้อ ลืมไปว่า GTR “ สาบานว่าในตอนนั้นผมรู้สึกเหมือน จะเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนสามคนในกลุ่มไลน์ถึงได้ขนาดสติแตกขนาดนั้น

“ กวนตีน จะไปมั้ย " ผมว่ายิ้มๆ

“ แล้วรถผมละ จะจอดไว้อย่างงั้นน่ะเหรอ ไม่ได้หรอก "

“ แล้วจะให้หาช่างที่ไหนมาเอาไปตอนนี้ " ผมถาม " ตีสามแล้วนะคุณ "

“ นั่นก็จริง "

“ ไว้ที่นี่แหละ ที่นี่มียามตลอด พรุ่งนี้ก็ค่อยเอาเข้าอู่ เดี๋ยวบอกพี่แบล็คหัวหน้าการ์ดให้ "

“ งั้น เอางั้น ก็ได้ครับ "

    ' Throw UP ' Staff Serious Ver. '

[ พี่แบล็ค บอกยามวันนี้ด้วยว่า ให้ดูแลรถ Civic สีขาวที่จอดอยู่ข้างหลังด้วยนะ ยางแบนขับกลับไม่ได้ ] ผมพิมพ์บอกไป ไอ้เจก็ถามขึ้นมา

[ รถใครวะ Civic ]

[ รถเมดเองครับ ] เมดพิมพ์ตอบกลับไปเอง ตอนที่หันไปมองคนข้างๆก็กำลังก้มหน้าก้มตาพิมพ์อยู่

[ อ้าว แล้วไหงรถพี่เมดยางแบนได้ละครับ ] ไอ้เดย์ถาม [ แล้วนั่นพี่เมดกลับไง ]

[ เจไปส่งมั้ย ]

[ ให้เดย์ไปส่งมั้ย ]

[ ให้อัยย์ไปส่งมั้ยครับ ] 

[ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมโดนปล่อยยาง แต่ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะทุกคน คุณอาฟจะไปส่งน่ะ ]  ประโยคที่ถูกส่งไปจากอีกคน ทำให้ไอ้สามตัวที่เสนอหน้า ตอบกลับมาด้วยความสงสัยอย่างพร้อมเพียงพร้อมด้วยภาพเหี้ยๆกันคนละแบบ

[ เอ๊ะ ? ]

[ เอ๊ะ ? ]

[ เอ๊ะ ? ]

[ แล้วนี่จะจัดการเรื่องรถยังไงอะน้องเมด ] พี่ซองถามขึ้นมา [ มีเบอร์ช่างมั้ย ไม่มีบอกพี่ได้นะ ]

[ คิดว่าพรุ่งนี้จะติดต่อช่างน่ะครับ ส่วนเบอร์ช่างเดี๋ยวเมดลองถามพ่ออีกที แต่ยังไงเดี๋ยวถ้าไม่ได้ เมดทักพี่ซองส่วนตัวไปก็ได้ ขอบคุณนะครับ ]

[ โอเค ยังไงทักมานะ ]

[ ครับ ] เมดตอบรับ

[ คุณอาฟ ผมรับเรื่องและสั่งงานรปภ.ที่จะเข้างานเช้านี้ไว้แล้วครับ น้องเมดไม่ต้องเป็นห่วงรถนะ ส่วนเรื่องที่ใครเป็นคนปล่อยยางรถ ยังไงพรุ่งนี้พี่เช็คกล้องวงจรปิดให้ จะได้เอาไปแจ้งความฐานทำให้เสียทรัพย์ ]

[ ขอบคุณมากครับพี่แบล็ค ]

[ ใครกันวะ โคตรชั่วช้ามาปล่อยยางรถพี่เมดได้ไงอะ ] ไอ้เดย์พิมพ์ขึ้นมา

[ พี่เมดมีอริรึเปล่า ] ไอ้อัยย์เสริม

[ อริไม่น่าจะมีนะ แต่คุณอาฟบอกว่า เป็นแขกที่พี่ทำเหล้าหกใส่อะ ]

[ จะใช่เหรอ ? แล้วเค้ารู้ได้ไงอะ ว่าคันไหนรถของเมด ] ไอ้เจถาม

[ นั่นนะสิ ]  ไอ้อัยย์ว่า

[ ผมก็ว่าอย่างงั้น ]

“ จะกลับได้ยัง หรือจะพิมพ์คุยกันอยู่ตรงนี้ " ผมเอ่ยถามอีกคนที่ก็ยังยืนตอบไลน์ในกรุ๊ปไม่เลิก เมดเงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะก้มหน้าลงขอโทษ

“ ขอโทษครับ "

“ ไปเช็ครถให้ดีว่าข้างในมีของสำคัญอะไรมั้ย เอาออกมาให้หมด " บอกอีกคนที่ก็หันไปมองในรถก่อนจะส่ายหน้าพลางชูกระเป๋าขึ้นมาให้ดู

“ มีแค่กระเป๋าใบนี้แหละ อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว "

“ งั้นก็ขึ้นรถมา " ปลดล็อครถอีกคนก็เดินไปนั่งอีกฝั่งในวินาที่อีกคนหย่อนตัวลงนั่งเค้าถอนหายใจออกมาก่อนจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ พิงร่างลงกับเบาะราวกับเหนื่อยมากมาย แต่ก็นะ..สมควรจะเหนื่อยอยู่  " ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วรึไง "

" อื้ม " เค้าตอบสั้นๆ ผมก็หันไปมอง อีกฝ่ายก็หันมามองหน้าผม ใบหน้านั่นยิ้มให้ ยิ้มที่ดูเหนื่อยหน่าย " จริงๆนะ บางทีก็คิดเหมือนกันแบบในวินาทีสั้นๆ ว่าแบบ ไม่อยากจะอยู่แล้ว "

" ชีวิตมันขนาดนั้นเลย " ผมสตาร์ทรถ ถอยหลังออกจากที่จอดก่อนจะขับออกไปยังถนนใหญ่ที่ตอนนี้ถนนดูโล่งต่างจากช่วงเวลากลางวัน คนข้างๆของผมหันไปมองนอกหน้าต่างรถสายตาที่เหมือนจะทอดยาวไปไกล ดูเศร้าจนไม่ว่าเพลงไหนๆก็ไม่สามารถเทียบเทียมความเศร้านี้ได้

" โดนแฟนที่คบมาตั้งแต่ม.ปลาย นอกใจไปเอากับเพื่อนที่ก็คบมาตั้งแต่ม.ต้น เข้าไปเห็นคาตาตอนที่มันเอากันอยู่บนเตียงแถมเตียงนั่นก็เป็นเตียงที่เราก็นอนอยู่ด้วยกันทุกวัน หนำซ้ำเพื่อนในกลุ่มก็รู้ดีอยู่แล้ว ว่ามันแอบคบกัน แต่มันกลับไม่กล้าบอกผม เหี้ยหนักขึ้นไปอีก ก็ตอนที่รู้ว่ามันแอบมาเกือบสี่ปี คบซ้อนมาพร้อมๆกับผม วันที่รู้เพื่อนสนิทที่เหลืออยู่คนเดียวก็เอาแต่เงียบ  ไม่ได้ตกใจอะไร พูดแค่ว่า ให้ใจเย็นๆ ฟังเหตุผลก่อน ตอนนั้นก็รู้สึกแค่ว่า ยังต้องฟังอะไรอีกเหรอ ยังมีเหตุผลอะไรอีกเหรอ แค่ที่เห็นแม่งก็อธิบายทุกอย่างชันเจนแล้วไม่ใช่เหรอวะ  คือ ชีวิตมันต้องเหี้ยขนาดไหน ถึงต้องมาโดนทั้งเพื่อนทั้งแฟนทรยศในเวลาเดียวกัน " อีกคนเม้มริมฝีปากก่อนจะถอนหายใจออกมา " แล้วพอตั้งสติได้ พยายามใช้ชีวิตปกติ ก็ดันมาถอยรถฝากรอยไว้กับรถสุดแพงนี่ เจ้าของแม่งก็เก็บค่าทำสีซะแพงหูฉี่อีก "

" มึงพูดเหมือน มันไม่ใช่กูเลยนะ " อีกคนยิ้มออกมา เมดหันมามองผมก่อนจะถอนหายใจ

" แล้วสุดท้ายก็ต้องมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟใช้หนี้เค้า "

" ต่อจากนั้นก็จัดการแก้วในร้านเค้าแตกไปเกือบโหล ไม่รวมเหล้าอีกชุด " ผมเสริมขึ้นไป

" แล้วหลังจากนั้น รถแม่งก็ถูกปล่อยยาง นอนก็ยังไม่ได้นอน แถมพรุ่งนี้ก็มีเรียนเช้าอีก หนำซ้ำอีกนิดคือ ต้องเสียค่าช่างซอมเอง และก็ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ บัดซบ " ถอนหายใจออกมาปิดท้าย ผมก็ได้ยกยิ้ม

" เรื่องช่างซ่อม เดี๋ยวจัดการให้ ค่าเสียหายด้วย " อีกคนหันมามองผมตาโต ผมก็หันไปมอง " มองทำไม กูไม่ได้ใจดีหรอก แต่เรื่องมันเกิดขึ้นในพื้นที่ของ throw up เจ้าของอย่างกูก็ต้องดูแล มันก็เท่านั้น "

" กับรถทุกคันใน throw up ก็มีบริการดูแลแบบนี้เหรอ "

" แล้วแต่กรณี " ผมบอกปัดๆ แต่เหมือนอีกคนจะไม่ได้สนใจอะไร เมดที่แค่พยักหน้ารับไปตามเรื่องตามราว

" พรุ่งนี้ไม่รู้จะมีเรื่องแย่อีกมั้ย แต่ คงไม่มีอะไรแย่กว่านี้อีกแล้วมั้ง "

" เดี๋ยวพรุ่งนี้มารับ " ผมบอกอีกคนออกไปโดยไม่ทันคิดให้ดี คนข้างๆหันมามองหน้าด้วยท่าทางงุนงง

" รับไปไหน "

" ไปเรียนไง ไม่มีรถ ไม่ใช่เหรอรึไง " ทุกอย่างเงียบ ก่อนอีกคนก็ยิ้มออกมาแห้งๆด้วยท่าทางงงๆ

" แล้ว นี่มันเป็นบริการดูแลจาก throw up ด้วยเหรอ "

" คงงั้น "
.................................................

แน่จริงก็บอกเค้าไป ว่าดูแลพิเศษจากเจ้าของผับเองแหละ  ชอบก็บอกว่าชอบ.. ร้ายนัก ฟอร์มก็จัด คีพลุคอยู่นั่น หมั่นไส้เว้ยยยย ไม่ได้ชอบเค้าจริงเด่ะ แต่หาแผนอยากไปส่งเค้าที่บ้าน อยากจะอยู่กับเค้าสองต่อสอง เชื่อไม่ค่อยลงเลยอะพี่อาฟ...

จะว่าไปเมดก็น่าสงสารเนอะ โคตรเคราะห์ซ้ำกรรมซัด พี่ว่าเก้าวัดยังลังเลว่าจะพอมั้ย อ่านฉากนี้แล้วรู้สึกมั้ย ว่าเมดก็ไม่ได้อ่อนวานนะคะ จริงๆเราชอบคนไม่อ่อนหวานด้วยละ ชอบคนสู้คน แต่ฉากแรกน้องก็แค่พูดดี เพราะมันเป็นมารยาทของคนที่ได้พบเจอกันครั้งแรกเท่านั้นแหละ ส่วนระหว่างน้องกับพี่อาฟ ต่อจากนี้นั้น......

ไว้เจอกันตอนหน้าเนอะ
ทางไปอ่านฝั่งนิยายแชท  http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ ขอบคุณมากคะ
ป.ล. อาฟเตอร์เดย์นี่ สมแล้วที่เกิดมาเป็นพี่น้องกัน ในความหวงพี่เมดของน้องเดย์เงินก็สำคัญเนอะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-03-2018 04:28:15
เริ่มชอบน้องเข้าแล้วละซิ เฮียอาฟ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 10-03-2018 04:40:26
เมกหน้าสงสาร ควรไห้คนพวกนั้ยรู้สึกแย่เหมือนเมดบ้างทั้ง ไอพีช เพื่อนสนิทที่แย่งไป แลัะพวกเพื่อที่ช่วยกันปิด นี้ไไม่ไช่เพื่อที่ดีเลยสักนิด

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 10-03-2018 11:24:21
สนุกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 10-03-2018 11:29:39
หนุกมากค่ะ ติดตามตอนต่อไปนะคะ เมดน่าสงสาร สัดพี่ซึนสุดๆ ชาวแก๊งฮามาก 5555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 10-03-2018 12:24:46
มาแอบติดตามพระเอกซึนเดเระ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-03-2018 21:36:04
อ่าน 2 ที่เลยเดี๋ยวไม่คลู
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-03-2018 22:40:13
คนไม่คิดอะไร ไม่ได้ชอบเค้าไม่ทำขนาดนี้นะเว้ยพี่ฮาฟ :hao3: น้องเดย์จ๊ะถ้าเรียกสัดทุกคำก็ไม่ต้องต่อท้ายว่าพี่หรอก55555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 17-03-2018 10:32:45
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า


ตอนที่ 6

 

" แล้ว นี่มันเป็นบริการดูแลจาก throw up ด้วยเหรอ "

 

" คงงั้น "

 

' นี่กู กำลังทำอะไรอยู่วะ " ผมถามตัวเองออกไปตอนที่ตอบคนนั่งอยู่ข้างๆกันไปแบบนั้น ไอ้คำพูดที่เหมือนจะห่วงใยหรือจีบอะไรพวกนั้น กูพูดออกไปทำไมวะ ทั้งๆที่แค่ก็อยากจะรู้เฉยๆว่าเรื่องจริงๆที่อีกฝ่ายถูกนอกใจนั่นเป็นยังไงก็เท่านั้น

 

   ใบหน้าขาวเม้มริมฝีปากตัวเอง เมดที่เหลือบมองผมนิดหน่อย ในสถานการณ์ที่ไม่รู้จะพูดอะไรแบบนั้น เสียงหัวเราะที่ฟังให้ดีก็รู้ว่าแกล้งทำก็ดังขึ้น

 

“ ฮ่าๆ ไม่เป็นไรหรอกคุณอาฟ พรุ่งนี้ผมไปเองก็ได้ ไม่ได้ลำบากอะไรหรอก "

 

“ พูดอะไรก็ทำตาม " ผมหันไปบอก " จะคุยเรื่องการทำงานใน throw up ให้ฟังด้วย "

 

“ แต่มันเช้ามากเลยนะ ผมเรียนแปดโมงครึ่ง แล้วตอนนี้มันก็ .. “ อีกคนหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเปิดหน้าจอ " จะตีสี่แล้วอะ กว่าจะถึงคอนโดผม แล้วคุณก็กลับที่พักคุณ ตีแบบเลทๆ ก็อาจจะเกือบ ตีห้าหรือหกโมงเช้าแล้วนะ "

 

“ แล้วยังไง ฉันเองก็มีเรียนเช้าเหมือนกัน อีกอย่างจะเอาเวลาไหนคุย เรียนเช้าเรียนบ่าย เย็นก็ต้องไปทำงาน "

 

“ อ่า นั่นสินะครับ งั้นทางมือถือ "

 

“ ขี้เกียจพิมพ์ " ผมบอกอีกคนสั้นๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าที่เหมือนกำลังพยายามจะบอกปฎิเสธ " ทำไมต้องปฎิเสธวะ คือที่มาเพราะมีธุระ ไม่มีธุระก็ไม่มาหรอก ไม่ได้อยากจะมาเลยด้วย ฉันก็อยากจะนอนเหมือนกัน ถ้าไม่คุยเรื่องงานช่วงกลางวันจะเอาเวลาที่ไหนมาคุย ตอนทำงานเหรอ ? “

 

“ ก็ ไม่ใช่อย่างงั้น ผมแค่อยากจะให้คุณได้นอนพักผ่อนต่างหาก นี่ทางไปคอนโดผมก็โคตรไกล "

 

“ แล้วเสือกไปอยู่ไกลอะไรขนาดนั้น นายเรียนแถวนี้ไม่ใช่เหรอแล้วทำไมไปอยู่คอนโดแถวฝั่งธน บ้ารึเปล่า "

 

“ ก็ใช่ผมเรียนแถวสามย่าน จริงๆ ก็อยู่ใกล้มหาลัยนั่นแหละ แต่ว่า..”

 

“ แต่อะไร "

 

“ ก็คอนโดที่อยู่นั่นแหละ ที่แฟนผมพาเพื่อนผมไปแอบกกเวลาผมไม่อยู่มาเกือบสี่ปี เตียงนั่นก็ด้วย ผมเลยย้ายออกมาตั้งแต่วันเกิดเรื่องแล้ว ย้ายไปอยู่ห้องน้องชายที่เรียนม.ปลายอยู่แถวนั้น "

 

“ แล้วทำไมไม่หาใหม่ " ผมถามอีกคนก็ถอนหายใจออกมา

 

“ ช่วงนี้มีอะไรหลายๆเรื่องน่ะ มันเลยไม่ได้ไปหาใหม่ "

 

    ต่างคนต่างก็เงียบไปตอนที่ผมได้รับคำตอบนั้น บนถนนที่รถไม่ติดอย่างช่วงกลางวันช่วยให้ผมขับรถมาถึงที่หมายเร็วกว่าที่คิด คอนโดของอีกคนไม่ได้ไกลจากรถไฟฟ้าเท่าไหร่แค่ต้องเดินออกมาจากซอยสักหน่อย ผมจอดรถใต้คอนโดตอนที่หันไปหาคนข้างๆ เมดขยับตัวตอนที่ปลดเอาเข็มขัดนิรภัยออก อีกฝ่ายก็ก้มหน้าลงมาให้ก่อนจะยิ้ม

 

" ขอบคุณนะครับคุณอาฟที่มาส่ง "

 

" อื้ม แล้ว..”

 

" แล้ว ? “ อีกฝ่ายเอียงหน้าถาม

 

" หมายถึงเรื่องพรุ่งนี้ "

 

“ ผมเรียนแปดโมงครึ่งน่ะ ถ้าไปด้วยรถยนต์คงเดินทางจากนี่เข้าไปในเมืองเป็นชั่วโมงแน่ ยิ่งเช้าๆอีก เอาแบบนี้มั้ย เดี๋ยวผมนั่งรถไฟฟ้าไปเจอคุณแล้วเราก็.. "

 

“ เรื่องนั้นฉันจะตัดสินใจเอง ลงไปได้แล้ว "

 

“ อ่า โอเคครับ งั้นเจอกันวันพรุ่งนี้ "

 

“ อื้ม "

........................................................................

 

 

   มองรถที่ขับมาส่งแล่นออกไปจากพื้นที่จอดรถใต้คอนโดด้วยความเร็ว ผมถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยกับการต้องรับมือนิสัยเสียๆของคนตรงหน้า แต่เอาเถอะมันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว พลิกหน้าจอมือถือขึ้นมาดูเวลาที่ตอนนี้ก็บอกเวลาตีห้ากว่าๆแล้ว

 

" เยี่ยม ไม่ต้องนอนมัน " กว่าจะขึ้นไปบนห้องอาบน้ำเสร็จ ก็คงหกโมงเช้าแล้ว และเดี๋ยวพอเจ็ดโมงก็ต้องเตรียมตัวไปเรียน 

" เมื่อไหร่แม่งจะผ่านอะไรแย่ๆ แบบนี้ไปสักทีวะ น่าเบื่อ " เงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าที่ไม่ได้มืดมาก ผมสงสัยเหมือนกันนะ ว่าท่านคนที่ขีดโชคชะตาให้มนุษย์อยู่บนนั้น สนุกมากนักรึไงที่ได้แกล้งคนอย่างผม

 

 

' BIN '

[ เมด บินขอโทษ กลับมาคุยกับบินก่อนได้มั้ย นะครับ นะ  ]

[ รับโทรศัพท์บินหน่อยนะเมด บินอยากคุยกับเมดนะ ]

[ เมดครับ เมด บินขอโทษ ]

 

   เปิดแชทเข้าไปอ่านข้อความพวกนั้น ก่อนจะกดลบแชททิ้งไป สายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาต่อเนื่องแบบน่ารำคาญจนคุณอาฟยังสั่งให้ปิดสั่นตลอดทั้งวันนี้ ก็เป็นของผู้ชายคนนั้นแล้วก็เพื่อนรักที่พร้อมใจกันหักหลังผมทั้งสิ้น

 

   หัวใจที่แสนว่างเปล่าของผม ในวันที่เปิดประตูเข้าไปในคอนโดของตัวเองด้วยความรีบร้อน หลังจากรู้ว่าหนังสือที่ต้องใช้ในคาบเย็นของวันนี้ถูกลืมไว้ในห้อง มันนานนับนาทีได้มั้ง ในตอนที่ผมหยุดชะงักอยู่กับกองเสื้อผ้าที่วางไว้เรี่ยราดในห้อง มันเป็นชุดของคนสองคนอย่างไม่ต้องสงสัย ผมไม่ได้สนใจหนังสือที่ลืมไว้อีกต่อไป ขาที่ค่อยๆเดินไปตามทางเสื้อผ้าพวกนั้นในใจของผมภาวนาว่าอย่าให้เป็นอย่างที่คิด

 

แต่พระเจ้ากลับไม่ได้ฟังขอร้องของผมเลย

 

   ปลายทางที่เห็นคือประตูห้องที่เปิดแง้มเอาไว้ วินาทีที่เอื้อมมือผลักมันเปิดออกกว้าง  ภาพที่เห็นก็เหมือนกับสองคนตรงหน้าเหนี่ยวไกลปืนยิงอัดเข้ามาใส่หัวใจผมอย่างจัง

 

   ทุกอย่างมันนิ่งค้าง ฉากจูบที่ออกรสกับการสอดใส่ที่กำลังมีความสุข คนนึงเป็นผู้ชายคนแรกที่ผมรัก และอีกคนคือเพื่อนรักที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก

 

' พวกมึง ' เสียงเบาๆที่แทบจะไม่ได้ยิน น้ำตาที่ไหลอาบแก้มของผมช็อคจนทำได้แต่นิ่งไปแบบนั้น สายตาของเพื่อนรักหันมาเห็นผมก่อน มันผลักแฟนผมออกด้วยแรงทั้งหมดที่มีแล้วพอร่างสูงหันมาเห็นผม ความตกใจนั้นก็ทำให้ร่างทั้งสองผละออกจากกัน

 

   ส่วนกลางที่ตั้งชันของเค้าถูกดึงออกจากช่องหลังของเพื่อนผม แฟนของผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เค้าดึงตัวเองขึ้นจากที่นอนทั้งร่างเปลือยเปล่าที่มีเพียงถุงยางอนามัยติดอยู่ที่ปลายส่วนกลางนั้น มือที่กำลังจะเอื้อมมาจับมือผม เอ่ยเสียงที่ก็ยังเหมือนเดิม เสียงของคนที่ผมคิดมาตลอด ว่าเรารักกันมากและจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

 

' เมด.. มันไม่ได้เป็นอย่างที่เมดเห็นนะ ' ผมไม่ได้ตอบอะไร น้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาด ถอยหลังเดินออกไปจากห้องนั้นด้วยความช็อคจนไม่รู้ว่าจะพูดออกมาเป็นคำพูดไหน มือมันสั่น ขาก็สั่น มองดูหน้าของคนที่พยายามจะเดินเข้ามาหา ฟังคำพูดที่บอกซ้ำๆว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น สลับกับส่วนกลางของเค้าที่ตั้งชัน เพื่อนของเราที่ร่างกายเปลือยเปล่านั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าตกใจ และเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายเต็มห้อง

 

   สะบัดมือที่กำลังเอื้อมมือมาจับ ผมรังเกียจสัมผัสพวกนั้นจนอยากจะอ้วกออกมา ในวินาทีนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้า ผมเอื้อมมือไปจิกผมตัวเองกำมันแน่นราวกับจะถามว่า ‘ นี่ใช่ความฝันรึเปล่า ’ แต่ความเจ็บปวดที่กำลังได้รับมันบอกกับผมแค่ว่า ' ไม่ใช่ นี่คือความจริง '

 

    ผมหันหลังวิ่งออกมาไม่ได้สนเลยว่าอะไรคือของสำคัญที่ตั้งใจจะไปเอา ทุกอย่างตอนนั้นมันไม่มีอะไรที่สำคัญอีกแล้ว ทุกอย่างมันว่างเปล่า ชีวิตของผมมันก็ว่างเปล่า ในตอนที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงทางหนีไฟอย่างไม่รู้จะไปไหน มือถือที่สั่นขึ้นมาเป็นสายโทรเข้าจากเพื่อนร่วมกลุ่มที่ก็สนิทกันมาตั้งแต่ม.ต้น สนิทพอๆกับคนที่กำลังเอาอยู่กับแฟนผม เราทั้งสามคนเรียนคณะเดียวกัน

 

' มึง ก่อนจะเข้ามาซื้อชาไข่มุกให้กูด้วยสิแก้วนึง '

 

' มึง..' ผมพูดออกไปสั้นๆ พร้อมกับเสียงสะอื้นที่แทบจะพูดออกเป็นภาษาไม่ได้

 

' เมด มึงเป็นอะไรวะ '

 

' บิน บิน มึงไอ้บินมัน '

 

' เมด มึงเกิดอะไรขึ้น ใจเย็นๆ  เมด มึงอยู่ไหน เกิดอะไรขึ้น ไอ้บินมันทำไม เมด เมด ' เสียงที่เอ่ยเรียกผมซ้ำๆในตอนที่เอาแต่ร้องไห้อยู่แบบนั้น ผมกำลังพูดไม่ออก ปากที่แข็งไปหมดทำได้แค่เพียงก้มหน้าร้องไห้อยู่แบบนั้น ' เมด เชี้ยมึงเป็นอะไรวะ มึงอยู่ไหน กูจะไปหา '

 

' มึง บินมันเอากับไอ้ยีนส์อยู่ในห้องกู '

 

' เชี้ย ' อีกฝ่ายหลุดสถบออกมา ' แล้วนี่มึงอยู่ไหน มึงอยู่ไหนตอนนี้ '

 

' อยู่ที่คอนโด อึก ฮือๆ ตรงบันไดหนีไฟ จิง กู อึก กูไม่รู้จะทำยังไง มึง อึก กู..'

 

' ใจเย็นๆ ใจเย็นๆนะมึง ค่อยๆตั้งสติ กูเข้าใจว่ามันทำใจได้ยาก แต่มันเกิดขึ้นแล้วก็ตั้งสติก่อน ก็ดีที่รู้ตอนนี้ ดีกว่ารู้ช้ากว่านี้นะ '

 

' เดี๋ยว ' ผมขมวดคิ้วกับคำพูดของเพื่อนจนต้องเอ่ยตัดประโยคของมันไป ' จิง..มึงรู้เรื่องนี้อยู่แล้วเหรอ ' ปลายสายที่เงียบไป หัวใจของผมตอนนั้นเหมือนถูกกระชากให้หลุดออกไปอีกครั้ง เพราะเห็นว่าอีกคนไม่ได้ตกใจอะไรมากมายเลยสงสัย ทั้งๆที่มันควรเป็นคำกร่อนด่าตามนิสัย แต่เปล่าเลย อีกฝ่ายตั้งสติได้เร็วเหมือนรู้อยู่แล้ว ก็เลยบอกให้ใจเย็นๆ   ' จิง..มึงรู้ มึงรู้อยู่แล้วเหรอ '

 

' เมด คือ .. กูขอโทษ ' อีกคนบอกผมก็ได้แต่นิ่ง น้ำตาที่ไหลออกมาผมไม่รู้ต้องรู้สึกอะไรแล้วในตอนนี้ เสียใจจนไม่รู้จะเสียใจยังไงแล้ว แฟนหักหลัง เพื่อนหักหลัง ส่วนเพื่อนอีกคนก็รู้มาตลอดแต่ไม่เคยบอกความจริงเลย ' กูอยากจะบอกมึงนะ แต่ยีนส์มันขอกูไว้ว่ามันจะพยายามเลิกกับไอ้บิน จริงๆมันพยายามเลิกมาตั้งแต่ม.6 แล้ว แต่ว่า.. '

 

' ตั้งแต่ม.6 ' ผมทวนคำพูดของอีกคน ' มันเอากันลับหลังกูมาตั้งแต่ม.6 ตั้งแต่ที่กูเริ่มคบกับบิน '

 

' อื้ม '

 

' แล้วมึงก็รู้มาตลอดใช่มั้ยจิง แต่มึงไม่เคยบอกกูเลย ' ผมเอ่ยถามอีกคนทั้งน้ำตา มันก็เจ็บมากอยู่แล้วที่เห็นแฟนนอกใจ แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือคนที่มันไปเอาเป็นเพื่อนที่ผมรักมากที่สุด เจ็บที่ตลอดมาผมเป็นแค่คนโง่ๆคนนึงที่ถูกทุกคนหลอกมาตลอด 

' พวกมึงเห็นกูเป็นเพื่อนเปล่าวะ กูยังเพื่อนพวกมึงเปล่าวะ "

 

' เมด '

 

' ทำไมมึงทำกับกูแบบนี้วะ กูทำอะไรให้พวกมึงเหรอ กูไม่ใช่เพื่อนที่ดีเหรอ ตลอดเวลาพวกมึงเกลียดอะไรกูรึเปล่า ทำไมถึงทำกับกูแบบนี้ อึก ทำไม อึก ทำกับกูแบบนี้วะมึง กูผิดอะไรอะ กูผิดอะไรอะมึง '

 

' เมด กูขอโทษมึง กูขอโทษจริงๆ ก็กูไม่อยากจะให้มึงเสียใจไง แล้วไอ้ยีนส์ก็บอกว่ามันจะเลิกให้มึง กูเลยไม่ได้บอก เมด.. ' ได้แต่ร้องไห้ออกมาตอนที่ฟังคำพูดของคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อน เพิ่งรู้ว่าตัวเองไม่เคยมีใครเลย เพิ่งรู้วันนี้เองว่าตัวผมมีแค่ตัวผมเท่านั้น แฟนก็ใช้ร่วมกับเพื่อนมาตลอด ส่วนเพื่อนที่คิดว่าน่าไว้ใจที่สุด ก็ไม่ใช่อย่างที่คิด เหมือนสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปพร้อมกันหมดในวันเดียว ทั้งแฟนแล้วก็เพื่อน ' เมด มึงจะโกรธพวกกูก็ได้ แต่ช่วยฟังเหตุผลของพวกกูก่อนได้มั้ย ช่วยฟังพวกกูก่อน '

 

   ผมกดวางสายโทรศัพท์ ไม่มีอะไรต้องฟังอีกแล้ว ทุกอย่างมันชัดยิ่งกว่าคำอธิบายใดๆ ผมพาตัวเองเดินออกไปจากตึกคอนโด ไม่ได้สนใจสายตาหลายสายตาที่หันมามองตัวผมที่กำลังร้องไห้

 

น้ำตาที่ไหลออกมา น่าแปลกที่ต่อให้มันไหลออกมามากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถลบความเสียใจที่กำลังรู้สึกได้ และดูเหมือนว่าไม่ว่าจะทำยังไง มันก็คงไม่มีวันลบออก

 

“ พี่เมด นั่งร้องไห้คนเดียวอีกแล้ว " เสียงทักที่ทำให้สติของผมที่กำลังคิดถึงเรื่องเจ็บปวดพวกนั้นกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ยกมือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ก่อนจะหันไปมองต้นเสียงที่ดังออกมาจากห้องนอน เป็นเสียงของน้องชายตัวดีที่ก็คงเพิ่งตื่นนอน ร่างเล็กที่ค่อนไปทางผอม ใบหน้าน่ารักยิ้มตาหยีเดินตรงเข้ามาก่อนจะก้มลงกอดผมจากด้านหลังโซฟา " ไหนมาให้วิวกอดหน่อย กอดๆ "

 

   ผมเผลอยิ้มออกมากับท่าทางอ้อนๆของน้องชาย ' วิว ' เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงผม ตอนที่พ่อแต่งงานใหม่ผมอายุได้หกขวบ มันไม่ใช่งานแต่งที่ยิ่งใหญ่อะไร เป็นงานแต่งเล็กๆที่บอกถึงความสัมพันธ์ของคนสองคน ในตอนนั้นผมที่ตอนนั้นเป็นลูกคนเดียวก็ได้น้องชายต่างพ่อต่างแม่ที่อายุเพียงแค่สามขวบมาเป็นเพื่อนเล่น ด้วยความที่ต่างเป็นเด็กอยากมีเพื่อนเล่นแล้วก็ลูกคนเดียวด้วยกันทั้งคู่ เราก็เลยเข้ากันได้ง่ายมากๆ เรียกว่าสนิทเหมือนเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาเลยด้วยซ้ำ

 

   แล้วในวันที่ผมเสียใจที่สุดในชีวิต คนแรกที่ผมคิดถึงก็คือมัน น้ำตาที่ไหลออกมามากมายในตอนนั้น หลังจากที่ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง  วิวไม่ได้พูดอะไรแต่กลับเอื้อมมือมากอดผมไว้แน่น น้ำตาที่ไหลออกมาของมันผมมีน้องชายคนนี้ที่ยังอยู่ข้างๆเป็นเพื่อนแล้วคอยยกมือขึ้นเช็ดให้ตลอด ในตอนนั้นผมเอง ก็คิดแค่ว่า ' ขอบคุณที่ยังมีครอบครัวดีๆอยู่ข้างๆ '

 

“ แล้วนี่ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอวะ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนไม่ทันหรอก "

 

“ ม.6 แล้ว จะเข้าสายแค่ไหนก็ได้เฟ้ย " อีกคนว่าก่อนจะยักคิ้วให้ผมแล้วก็เดินไปในห้องครัว " แล้วเป็นไงบ้างอะ ไปทำงานที่ผับ โอเคมั้ย "

 

“ อื้ม ไม่รู้วะ " ผมบอกอีกคนก็กำลังกินน้ำชะงักไปทันที

 

" อะไรวะ ทำไมไม่รู้อะ นี่ไปทำงานมาจริงๆดิ "

 

“ ก็ไปทำงานมาจริงๆ "

 

“ นี่ถ้าเป็นวิวนะ อย่างหวังว่าจะไปทำงานให้ คนแบบไอ้เจ้าของรถนิสสันนั่น มันต้องได้ขึ้นโรงขึ้นศาล แต่ยังโชคดีที่เจอพี่เมด " ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่อีกคนพูดขึ้นมาแบบนั้น

 

“ นิสสันอะไร นั่น GTR นะเว้ย "

 

“ เหมือนกันนั่นแหละ ผลิตภายใต้บริษัทนิสสัน แม่งก็คือนิสสัน " มันว่าด้วยสีหน้าหงุดหงิด " คิดแล้วแค้น นี่ก็ไม่รู้จะไปยอมมันทำไม "

 

“ ไม่อยากจะไปมีเรื่องไง ไม่มีแรงจะไปสู้รบอะไรกับใครแล้ว แค่พอคิดว่าต้องไปนั่งอธิบาย พ่อกับแม่ให้เข้าใจอีก คือมันแบบ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ววะ เลย เออ ไปทำๆมันเถอะ แค่เด็กเสิร์ฟ ห้าเดือนเอง “

 

“ พี่นี่แม่งก็ซวยเนอะ เป็นคนที่ซวยซ้ำซวยซ่้อน ซอยซ่อนเงื่อนสุดๆ "

 

“ อื้ม นี่เจ้าของผับแม่งก็ต้องมาส่ง เพราะล้อรถโดนปล่อยยางสี่ล้อเลย ต้องฝากไว้กับยามที่ผับ "

 

“ ห๊ะ ? เอาจริงดิ " ผมพยักหน้ารับ อีกคนก็ถอนหายใจออกมาพลางเกาหัวเซ็งๆ " ต้องเสียเงินค่าช่างอีกอะดิ "

 

“ โชคดีหน่อยที่เจ้าของผับจะจ่ายให้ เหมือนว่ามันอยู่ในความดูแลของเค้า เพราะเกิดขึ้นในพื้นที่ผับของเค้า "

 

“ เหรอวะ " ยักคิ้วให้อีกฝ่ายที่ก็พยักหน้ารับ " ถึงจะแปลกๆไปหน่อยแต่ว่าก็ช่างเถอะ ไม่ต้องเสียเงินก็ดีแล้ว "

 

“ เออ แต่ว่ากูก็ไม่ได้ไปเป็นเด็กเสิร์ฟหรอกนะ ไปเป็นพนักงานบัญชีแทนอะ "

 

“ อ้าว ทำไมอะ "

 

“ ไปทำแก้วเหล้าเค้าแตกเหยียบโหล ทำผู้จัดการร้านหงุดหงิด แถมยังทำขวดเหล้าแพงๆแตกอีก ก็เลยโดนย้ายไปทำบัญชีเพราะเรียนมา "

 

“ โอ๊ย พี่กู " มันถอนหายใจออกมายิ้มๆ " แต่ก็ดีอะพี่เมดเก่งเรื่องตัวเลขอยู่แล้ว  อีกอย่างถ้าขืนให้ทำเสิร์ฟต่อไป ผับนั่นแม่งต้องล้มละลายแน่ๆ "

 

“ ว่าไป "

 

" พูดความจริงเลยเถอะ " น้องชายตัวดีบอก “ เออนี่ วิวเอาเรื่องผับนั่นไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่าเป็นผับที่ดังมากเลยนะ เจ้าของอะ อายุยังน้อยอยู่เลย แถมยังหล่อด้วย จริงเหรอวะ "

 

“ ก็.. หล่อมั้ง "

 

" ทำไมต้องมีมั้งวะ "

 

" คือมันอาจจะหล่อสำหรับคนอื่นไง  แต่พี่ว่าเค้าก็หล่อแบบธรรมดา ไม่ได้หล่อมากๆแบบที่ใครๆเค้าว่ากันหรอก "

" ไม่เป็กงี้เหรอ "

 

" คงงั้น " ผมว่ายิ้มๆ ตอนที่คิดถึงหน้าคนที่มาส่งกันเมื่อเช้า จะว่าไงดีวะ ก็หล่อมั้ง แต่บางทีกูก็อยากจะซัดหมัดใส่สักทีเพราะปากเหี้ยๆของมัน เลยรู้สึกว่า ขี้เก็กไม่เห็นจะหล่อ

 

" ตัวเองหล่อกว่าว่างั้น " ทำมือเก็กเท่ห์ที่ปลายคางก่อนจะยักคิ้วให้อีกฝ่าย  " มั่นหน้ามากพี่กู แต่ว่าพี่เมดก็หล่อละนะ พี่ชายวิวหล่อสุดอะ "

 

" ไม่มีตังค์จะให้ ทำงานจ่ายหนี้ไม่มีเงินเดือน " ผมแซวอีกคนก็ทำหน้าฟึดฟัดใส่

 

" ชมจากใจเว้ย " วิวว่าก่อนจะถอนหายใจ " นี่ก็อยากจะเห็นตัวจริงเค้าสักครั้งนะ คือพี่เมดรู้มั้ยว่า ตอนที่วิวไปเล่าเพื่อนอะ คือเพื่อนแบบ เฮ้ย!จริงดิๆ กูอยากไปผับนั่นมากเลย ถ้าอายุกูถึง ผับนั่นจะเป็นที่แรกที่กูจะไป แล้วพวกมันก็คุยกับถึงเจ้าของผับกันเยอะแยะ ชื่ออะไรแล้วนะ "

 

“ อาฟ "

 

“ ทำไมชื่ออาฟวะ แปลกๆ "

 

“ น่าจะมาจากคำว่า AFTER ชื่อไลน์เค้ามันเขียนว่างั้น "

 

“ อ๋อออออออ อยากเห็นวะ มีรูปมั้ย หน้าไลน์ไง เอามาดูหน่อย " วิวเอื้อมมือมาเขย่าตัวผม ที่ก็หยิบมือถือขึ้นมาแล้วส่งภาพหน้าจอของอีกคนไปให้ดู " หล่อสัด นี่ตัวจริงเหมือนในรูปนี่มั้ย "

 

" ก็เหมือน แต่ยกเว้นปากนะ ปากแม่งโคตรไม่ดีเลย เป็นพวกชอบพูดแบบไม่มีหูรูด " วิวหัวเราะก่อนจะยิ้มกว้าง

 

" คนแบบที่พี่เกลียดเลยเนอะ " ผมยกยิ้มก่อนจะยักคิ้วให้มัน " วิวว่าเค้าก็หล่อนะ แบบ เท่ๆคลูๆ ส่วนพี่เมดก็หล่อแบบน่ารักๆ " เอื้อมมือมาจับแก้มผมก่อนจะดึงขึ้นลง " ไปอาบน้ำละ เดี๋ยวพี่เมดจะได้อาบอีก แล้วจะได้นอนพักผ่อน "

 

" เออวิว วันนี้กูจะไปเรียนแล้วนะ " คนที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องหยุดชะงัก วิวหันมามองผมด้วยสายตาเป็นห่วง

 

“ พี่เมด จะโอเคเหรอ ให้วิวไปเป็นเพื่อนมั้ย "

 

“ กูโอเค มึงไปเรียนเถอะ "

 

“ วิวไม่อยากให้พี่เจอหน้าพวกแม่งอีก ไม่ว่าจะใครทั้งนั้น ตอนนี้ไอ้เหี้ยนั่นก็คงไปรอจะเจอพี่อยู่ทุกวันเพื่อจะขอคืนดีด้วยคำพูดงี่เง่าให้พี่ใจอ่อน ส่วนเพื่อนเหี้ยๆของพี่ก็เหมือนกัน " มันบอกด้วยสายตาหงุดหงิดก่อนจะถอนหายใจออกมา

 

" แต่ยังไงกูก็ต้องไปเรียน ใกล้จบแล้ว เดี๋ยวเรียนไม่ทันเพื่อน "

 

" แล้วทำไมแม่งต้องมาอยู่มหาลัยเดียวกันกับพี่ด้วยวะ เพื่อนเหี้ยๆพวกนั้นแม่งก็เสือกคณะเดียวกันอีก  "

 

“ เอาน่า เราหนีมันไม่ได้ตลอดหรอก อีกอย่างตอนนี้พี่ก็พอทำใจได้แล้ว "

 

“ ทำใจได้กับผีอะไรละ เมื่อกี้ยังนั่งร้องไห้อยู่เลย " ผมถอนหายใจออกมา เราต่างก็เงียบให้กัน " เออ วิวไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน พี่จะได้เข้าไปอาบแล้วไปเรียนอีก "

 

“ อื้ม "

 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 17-03-2018 10:36:37
จัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองเรียบร้อย ตอนที่นั่งไดร์ทผมอยู่ที่หน้ากระจก ผมมองตัวเองที่หน้าตาจัดเข้าขั้นว่าโทรม ตั้งแต่วันนั้นผมก็นอนไม่หลับอีกเลย กลายเป็นคนที่ต้องกินยานอนหลับมันถึงจะหลับ เมื่อคืนก็ไปทำงานจนไม่ได้นอน สภาพร่างกายตอนนี้ เอาจริงๆ ไม่อยากจะพาไปให้ใครเห็นเลย โดยเฉพาะคนพวกนั้น

 

   ไม่อยากจะให้เค้าเห็นว่า สิ่งที่พวกเค้าทำมันทำให้ผมกลายเป็นแบบนี้ ไม่อยากจะให้เค้าเข้าใจว่าเค้านั่นสำคัญสำหรับผม ไม่อยากดูน่าสงสาร หรือน่าสมเพช แต่อยากจะให้เข้าใจว่า ผมไม่ได้แคร์ ต่อใจแตกสลายไปแล้ว แต่นั่นก็ไม่เป็นไร ถึงในโลกของผมจะไม่เหลือใคร ผมก็ยังมีตัวผม

 

" ทาแป้งสักหน่อยดีกว่าวะ " อย่างน้อยก็ปิดรอยคล้ำใต้ตาสักนิด ทาแป้งให้หอมๆ แล้วฉีดน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ

 

' AFTER '

 

[ อยู่ไหน ] ข้อความสั้นๆจากเจ้านายที่ส่งมา ผมมองดูมันก่อนจะดูเวลาที่ตอนนี้บอกเวลาใกล้จะเจ็ดโมงเช้า

 

[ อยู่ที่ห้อง นัดเจอกันที่ไหนดีครับ ]

 

[ ลงมาข้างล่าง ] เค้าบอกผมก็ขมวดคิ้ว

 

[ คุณอยู่ข้างล่างคอนโดผมแล้วเหรอ ]

 

[ อื้ม ให้เวลาอีก 5 นาที ]

 

[ อ่าา ครับ โอเค ] ส่งข้อความตอบไปตามมารยาทแต่ทว่าในใจกลับสถบออกมาด้วยความตกใจว่า 'ไอ้เชี้ยยยยยยยย' ผมรีบคว้าเอากุญแจห้อง มือถือ หนังสือและทุกอย่างที่คิดว่าสำคัญกวาดใส่ลงไปในกระเป๋าเป้ของตัวเอง

 

   วิ่งออกมาจากห้องด้วยความรวดเร็ว แน่นอนว่าถ้าไปสายกว่าสิบนาทีที่อีกคนบอกไว้ นอกจากจะไม่คอยแล้ว บางทีคนแบบนั้นอาจจะเอามาคิดเป็นเงินด้วยซ้ำ แค่รถรอยขูดแค่นั้นยังเหยียบแสน ค่าน้ำมันที่ต้องมานั่งคอยกันก็คงไม่ให้ฟรีแน่ๆ

 

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

   เคาะกระจกรถที่มาคอยกันตั้งแต่เช้า ยิ้มแห้งๆให้คนขับที่หันมามองด้วยใบหน้าเรียบเฉย เอาจริงๆ ที่อยากจะบอกคือ ให้กูนั่งบีทีเอสไปเองยังสบายใจกว่ามานั่งในรถที่คนขับเดาไม่ออกมาอยู่ในอารมณ์ไหน มันอยากจะมารับกันจริงๆมั้ย หรืออะไรยังไง มองหน้าตาหล่อเหลาที่ไม่ได้นอน ก็อดเผลอยิ้มแห้งๆออกมาไม่ได้

 

“ ดูท่าทางว่ายังไม่ได้นอนเลยใช่มั้ย "

 

“ รู้ได้ไง " อีกคนถามก่อนจะขับรถออกไปจากใต้คอนโดของผม

 

" ทำไมจะไม่รู้ ขนาดผมยังไม่ได้นอนเลย

 

" แล้วทำไมยังไม่นอน " สีหน้าหงุดหงิดที่หันมาถามก่อนจะคลายคิ้วที่ขมวดกัน ตอนที่นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรแสดงสีเป็นห่วงอะไรผมขนาดนั้น " โดดงานไม่ได้นะบอกไว้ก่อน "

 

" ไม่กล้าโดดหรอก ขืนโดดคุณก็มากระชากหัวผมจากคอนโดพอดี "

 

" ฉันใจร้ายขนาดนั้นเลย " ไม่อยากจะบอกว่า มาก มึงใจร้ายตั้งแต่เก็บค่าซ่อมสีรถที่กูทำรถมึงรอยเหยียบแสนแล้วจะบอกให้ " แล้วทำไมยังไม่นอน "

 

“ มันนอนได้ที่ไหนละ เรียนเช้าขนาดนี้ ขืนหลับไปก็ต้องตื่นขึ้นมาภายในสามสิบนาทีอยู่ดี แบบนั้นก็ขี้เกียจจะหลับแล้วละ ค่อยนอนทีเดียวแล้วกัน พรุ่งนี้ไม่มีเรียน กลับมาจากทำงานก็ค่อยนอนยาวๆไปเลย "  ผมบอกอีกคนก็พยักหน้ารับ " ว่าแต่ผม คุณเถอะ ยังไม่ได้นอนใช่มั้ย "

 

“ ทำไมถึงคิดว่าฉันยังไม่ได้นอน "

 

“ แล้วคุณจะเอาเวลาไหนไปนอนละ มาส่งผมถึงที่นี่ก็เกือบจะตีห้าอยู่แล้ว กว่าจะกลับไปถึงคอนโดคุณอีกละ ตีเวลาง่ายๆ ก็แบบ อาจจะถึงคอนโดสักหกโมงเช้า แล้วตอนนี้คุณก็มาอยู่ตรงนี้ตอนเจ็ดโมง แค่กลับไปอาบน้ำแล้วออกมายังไม่รู้จะทันรึเปล่าเลย "

 

" รู้ดี " เค้าบอกสั้นๆ ก่อนภายในรถนั่นจะเงียบไปแล้วหลงเหลือไว้แค่ความอึดอัดของคนสองคนกับเสียงเพลงเบาๆที่เปิดคลอเพื่อไม่ให้เงียบเกิน

 

 

' jing '

 

[ เมด วันนี้จะมาเรียนรึเปล่า อาจารย์เริ่มถามหามึงแล้วนะ ] ผมพลิกหน้าจอมือถือที่วางอยู่บนตักขึ้นมาดู ตัวอย่างข้อความที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอทำให้ผมนิ่งไป [ กูรู้ ว่ามึงโกรธกูที่ไม่ยอมบอกมึงเรื่องนั้น กูเองก็ขอโทษที่ไม่ได้บอกมึง แต่ที่กูไม่บอกกูก็มีเหตุผลของกูนะเมด ]

 

“ เสียงไลน์มึงนี่ ดังน่ารำคาญตลอดเลยนะ " ผมหันไปมองคนขับรถที่เอ่ยขึ้นมา ความตกใจที่ทำให้ผมเผลอไปเปิดอ่านก่อนจะกดปิดเสียงแชทของเพื่อนตัวเองไป

 

 [อ่านแล้วก็ตอบกูหน่อยเมด กูเสียใจจริงๆ มึงอย่าเป็นแบบนี้เลย เราคบกันมาตั้งนาน อย่ามาเลิกคบกันเพราะเรื่องแค่นี้สิวะ ]

 

" นี่ คุณอาฟ "

 

" อะไร "

 

" ผมถามอะไรหน่อยสิ " สายตาที่กำลังมองข้อความของเพื่อนที่อยู่บนหน้าจอก่อนจะหันไปหาอีกคน  “ การที่เพื่อนผมแอบมาคบ มาเอากับแฟนผม ตลอดสี่ปี ส่วนเพื่อนอีกคนก็กุมความลับไว้ไม่ยอมบอกกัน เป็นเรื่องแค่นี้เองเหรอ "

 

" ถามทำไม "

 

" ก็แค่เพื่อนที่เป็นคนกลาง คนที่รู้เรื่องมาตลอดแต่ไม่ยอมบอกผม เค้าส่งไลน์มาบอกว่า ให้คุยกับเค้าหน่อย เค้าบอกให้ผมอย่าเลิกคบเค้าเพราะเรื่องแค่นี้ เลยงงนิดหน่อยว่า การที่เพื่อนแอบปิดบังให้เพื่อนอีกคนแอบมาเอากับแฟนเราตลอดสี่ปี เป็นเรื่องที่บอกว่าเรื่องแค่นี้ได้อย่างงั้นเหรอ "

 

" เรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของเขา ก็มักเป็นเรื่องแค่นี้ " ผมถอนหายใจออกมา ตอนที่ได้รับคำตอบ ยิ้มให้อีกคนที่ก็เหลือบมามองกันพอดี

 

“ นั่นสินะ ก็มันไม่ใช่เรื่องของเค้า มันเลยเป็นเรื่องแค่นี้ แต่เพราะมันเป็นเรื่องของเรา สำหรับเราก็เลยไม่ใช่เรื่องแค่นี้ "

 

[ กูรู้ว่ามึงอ่านอยู่เมด ] ข้อความที่หน้าจอเด้งขึ้นมา [ จริงๆ กูอยากจะบอก อยากจะอธิบายมึงต่อหน้า แต่ในเมื่อมึงไม่เปิดโอกาสให้กู กูก็จะบอกมึงในไลน์เลยแล้วกัน ไอ้บินกับไอ้ยีนส์มันเริ่มแอบมีอะไรกันตั้งแต่ตอนเรียนจบม.หกแล้ว ตอนแรกมีอะไรเพราะพวกมันเมากันทั้งคู่ มึงยังจำวันเรียนจบที่เราไปเลี้ยงกันที่บ้านไอ้ยีนส์ได้ใช่มั้ยละ ตอนนั้นกูกับมึงกลับก่อน แล้วก็นั่นแหละมันสองคนก็มีอะไรกัน แต่หลังๆก็เริ่มไม่ใช่ ยีนส์มันเองก็เสียใจ มันพยายามจะเลิกยุ่งกับบินแล้วมึง พยายามไม่ยุ่ง แต่บินมันก็.. ]

 

[ พูดตรงๆเลยแล้วกัน เออนั่นแหละ มันก็คงติดใจไอ้ยีนส์มันเลยไม่pv,ปล่อย ไอ้ยีนส์ก็ด้วยมันก็ชอบไอ้บิน กูเองก็เตือน ก็บอกมันตลอด กูอยากจะบอกมึงนะ ไม่ใช่ไม่อยากจะบอกแต่กลัวมึงเสียใจ กูไม่อยากจะให้มึงเสียใจ เลยพยายามจะดึงไอ้ยีนส์ออกมาจากไอ้บิน แต่ว่า กูดึงมันออกมาไม่ได้ ยีนส์มันถลำลึกเกินไปแล้ว มันสองคนไม่ได้ตั้งใจจะทำมึงเสียใจเลยเว้ย แต่ความรู้สึกอะมึง มันห้ามยากไง จนสุดท้ายมึงก็รู้ กูขอโทษ ขอโทษจริงๆ นี่ไอ้ยีนส์เอง มันก็บอกว่ามันจะไม่ยุ่งกับไอ้บินอีก ขอให้มึงกลับมารักกับไอ้บินเหมือนเดิมถ้าทำได้ มันก็ไม่อยากจะทำลายชีวิตมึง มันก็รู้ว่ามึงรักบินมาก เพราะบินแม่งเป็นรักแรกของมึง ส่วนมันเองหลังจบปีสี่จะไม่มาให้มึงเห็นหน้าอีก เมด อ่านอยู่ตลอด ก็ตอบหน่อยสิวะ ]

 

[ ก็เหี้ยดี ] ผมตัดสินใจพิมพ์ตอบกลับไป

 

[ บนเตียงในห้องนอนที่กูคิดว่า กูใช้อยู่กับไอ้บินสองคน แต่เปล่าเลยตลอดสี่ปีบนเตียงนั่นมีไอ้เชี้ยยีนส์ด้วย ยีนส์เพื่อนรักของกู มีอะไรกับแฟนกูในห้องนอนของกู มันทำได้ไงวะ ทั้งๆที่บนหัวเตียงกู ก็มีภาพกู เพื่อนของมันกับผู้ชายที่มันกำลังเอาอยู่วางไว้ด้วยซ้ำ ] ผมยกยิ้มสมเพชตัวเองตอนที่พิมพ์ออกมา

 

 [ จิง มึงบอกกับกูว่า มึงไม่อยากจะให้กูเสียใจกับเรื่องนี้ งั้นกูขอถาม แล้วกูรู้ตอนนี้กูไม่เสียใจเหรอ กูรู้ตอนนี้กูก็ยิ่งเสียใจ เพราะมันสี่ปี สี่ปีเลยนะมึง ที่กูยอมเป็นควายให้พวกมึงจูงอะ ถามจริงเถอะ ตอนที่กูเสียใจร้องไห้เรื่องบินเหมือนจะมีคนอื่นแต่ไม่รู้ว่าใคร ตอนที่พวกมึงปลอบกู มึงคิดอะไรในใจกันอยู่เหรอวะ คิดว่า เออ อีโง่ กูนี่แหละที่เอากับผัวมึงอยู่ คิดสมเพชกูอยู่รึเปล่า พวกมึงที่บอกกูว่าไม่มีอะไรบินมันก็เป็นคนบ๊อปๆคนนึงที่มีคนเข้ามาเยอะแยะ อย่าคิดมาก ตอนนั้นไม่ได้พูดให้กูสบายใจหรอกใช่มั้ย แค่พูดเพื่อให้กูเลิกสนใจเพราะไม่งั้นความลับของไอ้ยีนส์กับไอ้บินมันจะแตกถูกมั้ย ]

 

[ เมด กูเป็นคนกลางมันก็ยาก กูก็พยายามแล้วที่จะเป็นเพื่อนที่ดีกับมึงทั้งคู่ ]

 

[ มึงไม่เคยเป็นเพื่อนกูจิง มึงเป็นแค่เพื่อนของไอ้ยีนส์ เพราะเพื่อนกันจริงๆ เค้าจะไม่ทำร้ายกันหรอกมึง แต่วันนี้มึงสองคนรุมกันทำร้ายกู กูเจ็บมากนะ เจ็บกว่าเรื่องของบินอีก นั่นก็เพราะตลอดมา พวกมึงเป็นคนที่กูไว้ใจแล้วคิดว่าเป็นเพื่อนตายของกู ]

 

[ เมด กูขอโทษ ]

 

[ พอแล้วมึง เลิกยุ่งกับกู กูไม่มีเพื่อนแบบพวกมึง แล้วกูก็ไม่มีไอ้บินเป็นแฟนด้วย ]

 

[ เมด ]

 

[ ถ้าต่อจากนี้กูต้องมีเพื่อนแบบพวกมึงหรือมีไอ้บินเป็นแฟน กูขออยู่คนเดียวดีกว่า แม้ว่าจะมีแค่พวกมึงอยู่แค่นี้ในโลก กูก็ขอไม่มีเพื่อนเลยตลอดชีวิตดีกว่า กูไม่เสียดายหรอก เพื่อนแบบพวกมึงน่ะ เพราะถ้ามีแล้วเหี้ยขนาดนี้ กูว่าไม่มีดีกว่า ]

 

[ เมด พวกกูขอโทษ ]

 

[ เก็บไว้เถอะ  คำขอโทษแม่งไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น เพราะพวกมึงฆ่ากูให้ตายไปแล้วทั้งเป็น ]

 

   ผมกดปิดมือถือ ตอนที่หันออกไปนอกหน้าต่างแล้วน้ำตามันไหลออกมา ผมเองก็เคยคิดว่าเมื่อไหร่จะหยุดร้องไห้กับเรื่องนี้ได้สักที ทุกครั้งที่หลับตาลงภาพเหตุการณ์ที่ไม่อยากจะจำพวกนั้นจะฉายซ้ำไปซ้ำมา สลับกับภาพความสุข ทั้งตอนที่หัวเราะเสียงดังมากๆกับเพื่อนในตอนที่ทำเรื่องบ้าๆที่โรงเรียน แม้แต่ตอนที่โดนสารภาพรักครั้งแรกแล้วมีพวกมันยืนยินดีอยู่ข้างหลัง ครบรอบปีแรกของเราที่จัดกันเรียบๆในห้องนอนเพราะอีกฝ่ายดันลืม วาเลนไทน์ที่ถูกเซอร์ไฟส์ด้วยดอกไม้ช่อใหญ่ ความสุขเหล่านั้น เพิ่งรู้วันนี้ว่าแฝงไปด้วยความหลอกลวงทั้งสิ้น เบื้องหลังของความสุขพวกนั้น คือเพื่อนกับแฟนที่หักหลังผมอยู่ตลอด

 

" ไม่เบื่อตัวเองรึไง ที่เอาแต่นั่งร้องไห้อยู่แบบนั้น " เสียงทุ้มที่ทักขึ้น ทำให้ผมที่กำลังคิดอะไรไร้สาระดึงสติกลับมา เอื้อมมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆ

 

" เออ คุณอาฟ ผมจะถามเรื่องรถน่ะ รถของผม ตกลงว่า.. " ฝ่ามือที่กำลังจับพวงมาลัยรถผละออกมาเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มให้

 

" มาเรียน ไม่ได้มางานศพ " เค้าบอกก่อนจะหันกลับไปมองข้างหน้า ผมรู้ว่าอีกคนกำลังจะให้กำลังใจกันและบอกเป็นนัยว่า ' อย่าร้องไห้ ' มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ทำกันง่ายๆ ผมรู้ทั้งหมดว่าควรทำอะไร ต้องเข็มแข็ง ต้องทำเป็นไม่แคร์ แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างงั้น

 

   ไฟเขียวฉายขึ้นมาแล้ว อีกไม่กี่นาทีรถก็จะเลี้ยวเข้าไปในมหาลัย ร่างสูงที่ขับรถเข้าไปด้านใน ระหว่างทางที่กำลังจะถึงนั้น อาฟหันมาบอกผม  " อย่าให้ใครมามองว่ามึงน่าสมเพช เรื่องมันเหี้ยจนทำให้มึงอยากตายก็จริง แต่จำไว้ ต่อหน้าพวกมัน มึงต้องไม่ตายและมึง ต้องไม่แคร์ "

 

..............................................................

 

เช็ดน้ำตาให้เค้ากี่ครั้งแล้ว ไหนบอกสิ #เหล่คนขับรถที่ยังไม่ได้นอน

ในส่วนของพาสเมด ที่มีแต่ความดราม่าของชีวิตที่โคตรจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอย่างหนักหน่วง

เนื้อหาเรื่องนี้ หนมอยากจะเขียนให้พื้นฐานของเรื่องมันแน่นหน่อย ไม่รู้ว่าแน่นไปจนมีแต่น้ำมั้ย

ตอนนี้เลยจะเป็นเรื่องราวคนในชีวิตน้องเมดบ้าง ซึ่งก็มีพี่อาฟ ที่ปากหนักมากเหมือนเดิม ส่วน เจเดย์อัยย์ ไม่ได้จ่ายค่าตัวค่ะ เลยไม่ได้ออก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ รอก่อนนะคะ ใจเย็นๆ เรื่อยๆ มาเรียงๆ

นิยายรายละเอียดทางความรู้สึกเยอะมาก เลยต้องค่อยๆเขียนทีละตัวอย่างใจเย็น

ส่วนนี้ ก็ทางไปนิยายแชท จอยลดา : http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6

เจอกันตอนหน้า ค่าาาาาา

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 7 :: 17-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 17-03-2018 10:39:12
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า

 

ตอนที่ 7

 

“ ถึงละ " เสียงทุ้มพูดขึ้น ตอนจอดรถลงที่หน้าคณะบัญชีของผม เหลือบมองเค้าที่ก็หันมามองกัน ท่าทางที่ดูไม่ได้อยากจะลงไปของผม ชวนให้อีกคนถอนหายใจออกมา " ที่พูดไปเมื่อกี้ไม่ได้เข้าหูเลยรึไง "

 

" ก็เข้า " ผมบอก แต่ก็อยากจะเถียงไปเหมือนกันว่ามันไม่ได้ทำได้ง่ายขนาดนั้นไง แต่ก็เหมือนอีกคนบอกผมเองก็อยากจะทำแบบนั้น ตอนนี้เหมือนจะตายยังไง แต่ต่อหน้าคนพวกนั้น ผมต้องไม่ตายและต้องไม่แคร์  " นี่ คุณอาฟเรียนกี่โมง "

 

" ถามทำไม "

 

" เข้าไปกินอะไรกันก่อนมั้ย อาหารที่โรงอาหารผม อร่อยมากเลยนะ "

 

" ไม่อยากจะลงไปคนเดียว " เค้าถาม ผมก็ส่ายหน้า

 

" เปล่าเลย แค่อยากจะเลี้ยงข้าวคุณน่ะ แบบว่าก็อุตส่าห์มาส่ง แถมเมื่อคืนก็ยังไปส่งที่คอนโดอีกไง "

 

" ตอแหลไม่เนียน " เค้าบอกผมก็เม้มริมฝีปากก่อนจะถอนหายใจออกมา พยักหน้ารับจำยอมอีกคน

 

" คุณไปเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ นะ ผมกลัวว่าเพื่อนจะดักรออยู่น่ะ "

 

" ถ้ามันดักรอ ก็เดินผ่านมันไปไม่ต้องสนใจ ทำเหมือนไม่มีใครอยู่ตรงนั้น " เค้าบอกผมก็พยักหน้ารับเข้าใจ สูดลมหายใจเข้าไปในปอด ท่าทางว่าอีกคนจะไม่ลงไปหรอก ก็แน่ละ ไม่ใช่กงการอะไรของเค้าเลยสักนิดนี่หว่า เอาวะ! ยังไงก็ต้องเผชิญหน้ากับมันนั่นละ มีอยู่ทางเดียวแล้ว ผมนั่งทำใจอยู่ประมานห้านาที สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วผ่อนมันออกมาเบาๆ มือที่กำลังจะเอื้อมไปปลดเข็มขัดนิรภัย เครื่องยนต์ของรถก็ดับลง พร้อมคนข้างๆที่ก็ปลดเข็มขัดนิรภัยเช่นกัน " หวังว่าจะมีโจ๊กให้กินนะ "

 

" มีนะ อร่อยด้วย ผมก็ชอบกินโจ๊กร้านนี้ เดี๋ยวผมเลี้ยงคุณอาฟเอง "  เผลอยิ้มออกมาให้อีกคนด้วยความดีใจที่จะมีเพื่อนเดินลงไปด้วยกัน ใบหน้าคมที่ยกยิ้มขึ้นมา ในช่วงเวลาสั้นๆนั้นผมรู้สึกว่า ' แม่งก็..ไม่ได้แย่นี่หว่า มีความใจดีอยู่กับเค้าเหมือนกัน '

 

            ก้าวขาเดินผ่านหน้าคณะ สายตาของผมมองไปรอบๆก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่ไม่เจอใครที่ไม่อยากเจอ เราเดินตรงเข้าไปในโรงอาหาร แวะที่ร้านขายโจ๊กก่อนที่ผมเอ่ยสั่งโจ๊กหมูพิเศษหมูสองถ้วย  หันไปมองไปรอบๆระหว่างรออาหารที่สั่งก่อนจะพบว่ามีหลายสายตาหันมองมาทางผม แต่คิดว่าไม่น่าจะใช่  คงเป็นคนข้างๆมากกว่า

 

" คุณอาฟนี่ก็ดังเหมือนกันนะ "

 

" ยังไง " เงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมาถามผม สายตาคมที่มองกันผมยกยิ้มก่อนจะมองไปรอบๆ เพื่อบอกคำตอบ

 

" มีแต่คนมองคุณเต็มไปหมดเลย "  เค้ากวาดสายตาไปมองตามที่ผมบอก การกระทำที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนยิ้มกว้างโปรยเสน่ห์ให้แบบไม่ขาดสาย  ไหล่ที่ยกขึ้นเหมือนจะบอกว่า นี่ก็เรื่องธรรมดา ทำให้ผมถอนหายใจก่อนจะหันไปมองทางอื่นแล้วแบะปากน้อยๆกับความมั่นหน้าของอีกคน

 

" แล้วนี่เรียนกี่โมง "

 

" แปดโมงครึ่งอะ " ผมบอกก่อนจะดึงมือถือขึ้นมาดูเวลา " ก็อีกครึ่งชั่วโมง เวลาเหลือๆ "

 

" โจ๊กสองถ้วยได้แล้วค่ะ " คนขายยื่นโจ๊กมาให้แล้วตอนที่กำลังยื่นเงินไปจ่าย คนข้างๆก็จ่ายตัดหน้าไปก่อน

 

" เฮ้ย คุณอาฟไม่ต้องผมจ่ายเอง "

 

" จะแลกแบงค์ "

 

" แลกแบงค์อะไรยื่นใบร้อย " ผมบอกอีกคนก็เลิกคิ้ว ก่อนจะรับเงินทอนจากแม่ค้า

 

" งั้นเหรอ " เค้าว่าก่อนจะเดินถือโจ๊กไปนั่งลงที่โต๊ะที่ว่าง

 

“ กวนส้นตีน " พูดเบาๆกับตัวเองก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินตามอีกคนไปนั่งลงตรงกันข้าม “ แล้วคุณอาฟจะกินน้ำอะไร เดี๋ยวผมไปซื้อให้ " สายตาที่กวาดไปมองรอบโรงอาหาร ก่อนจะหันมาบอก

 

“ ไม่มีกาแฟร้านแบบในคาเฟ่เหรอวะ "

 

“ อื้ม ถ้าในโรงอาหารก็ไม่มีหรอก มีแต่กาแฟชงสำเร็จแก้วยี่สิบบาท " ผมบอกอีกคนก็พยักหน้ารับ

 

“ งั้นเอาน้ำเปล่า "

 

“ โอเค " เดินไปซื้อน้ำเปล่ามาให้อีกคน ตอนที่นั่งลงตรงหน้าอีกคนก็กำลังตักโจ๊กขึ้นกินพอดี  " เป็นไง อร่อยมั้ย พอกินได้เปล่า "

 

“ ยังไม่ทันจะเคี้ยว "

 

“ โอเค " ผมพยักหน้ารับขึ้นลง ถ้าไม่ติดว่าเป็นเจ้านายแถมมันเป็นเค้าเองที่อยากจะให้อีกคนมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อน แน่นอนว่าเอ่ยปากด่าไปแล้ว ส้นตีน กูถามดีๆ กวนตีนชิบหาย แถมมารยาททางการพูดโคตรไม่มี หย่นตัวลงนั่งตรงกันข้าม เปิดฝาขวดน้ำก่อนจะใส่หลอดดูดลงไป นั่งมองอีกคนเคี้ยวไปเรื่อยๆ

 

“ อร่อยดี "

 

“ ใช่มั้ย " ผมตักข้าวขึ้นกินบ้าง รสชาติไม่ได้ดีมากหรอกก็รสชาติอาหารตามมหาลัยทั่วไป แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าคงจะกินแต่อาหารหรูๆ ดูจากการสั่งกาแฟเมื่อกี้ก็พอรู้ ' ไม่มีกาแฟแบบในคาเฟ่เหรอวะ ' ผมแบะปากน้อยๆตอนที่คิดถึงประโยคเมื่อกี้ของอีกคน ท่าทางจะไม่เคยกินกาแฟเก้วยี่สิบบาท " เออนี่คุณอาฟ "

 

" ไม่ได้อยู่ในเวลางาน จะเรียกทำไมคุณอาฟ รำคาญ เรียกอาฟเฉยๆ ไม่ได้ไง "

 

" อ้าว เรียกให้เกียรติก็ไม่ชอบนะคนเรา เออแปลกดี "

 

" มันน่ารำคาญ " เค้าเงยหน้าขึ้นมาย้ำ " เรียกอาฟเฉยๆพอ อายุเราเท่ากัน "

 

" เหรอ ? คุณเรียนปีสี่เหรอ " ตาโตตกใจทำทีเป็นไม่รู้ " ผมคิดว่าคุณทำงานแล้วซะอีก หน้าตาคุณบอกอย่างงั้น "

 

" กำลังกวนตีนกูใช่มั้ย "

 

" ขอโทษครับ " ผมก้มหน้าลงก่อนจะยิ้มให้เค้า " งั้น อาฟแล้วรถผมจะเอายังไง " เว้นเสียงไปตอนที่พูดกับอีกคนตรงหน้าแบบนั้น " แปลกๆอะ อาฟแล้วรถเมดจะเอายังไง ยังแปลกมั้ย คิดว่าไง "

 

" คิดว่ามึงกำลังกวนตีนกูอยู่รึเปล่า " มันบอกก่อนจะส่ายหน้า " สะดวกจะพูดมึงกูมากกว่า ก็พูดออกมา "

 

" ได้เหรอไอ้สัดอาฟ "

 

" หึ " มือที่กำลังจะโจ๊กขึ้นกินชะงักสายตาที่เอาแต่มองผมด้วยแววตายิ้มๆ " ไอ้เหี้ยนี่ "

 

“ แล้วตกลงรถกูจะทำยังไงอะ "

 

“ เดี๋ยวจัดการเรียกช่างไปทำให้ " คนตรงหน้าบอก ผมก็พยักหน้ารับเข้าใจ ดีเหมือนกันไม่ต้องเสียเงินเอง แล้วก็ไม่ต้องทำเองด้วย สบายใจ

 

" ว่าแต่ใน throw up น่ะ มีสต๊าฟแค่นั้นเองเหรอ แบบว่า แค่พี่ซองผู้จัดการ พี่แบล็คหัวหน้าการ์ด น้องเดย์น้องอัยย์ทำบาร์ เจทำ PR แล้วก็ผมทำบัญชี มีแค่นี้เองเหรอ "

 

" แล้วจะให้มีอะไรเยอะแยะ ผับก็แค่นั้น "

 

" ทำไมไม่คิดว่าแค่นั้นเลยวะ " ผมขมวดคิ้วมองอีกคน มันเป็นผับขนาดกลางที่ดูเหมือนต้องมีหน่วยงานที่ทำอะไรเป็นจริงเป็นจังมากกว่านั้นรึเปล่าวะ " แล้วใครทำฝ่ายสต๊อกละ "

 

" ต้องมีเหรอ ? ขาดอะไรก็ไปเอาดิ "

 

" ห๊ะ ? “ หลุดปากสถบออกมาอีกคนก็ยกคิ้ว " อย่างงั้นก็ได้เหรอ ไม่กลัวเหล้าหายรึไง "

 

" แค่ขวดสองขวดไม่ใช่รึไง อีกอย่างทำงานกันเป็นครอบครัวอยู่แล้ว จะกลัวอะไร "

 

" รายได้ของผับเดือนนึงเท่าไหร่ "

 

" ก็คงสัก..”

 

" เอาเดือนที่แล้วก็ได้ ขอตัวเลขที่มันเป็นตัวเลขตรงๆ ตามจริง "

 

" จำไม่ได้ "

 

" จำไม่ได้ได้ไง นี่รายได้นะ "

 

" เข้าเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้นนั่นแหละ ถามทำไมเยอะแยะ น่ารำคาญ "

 

" น่ารำคาญอะไรวะ นี่มันสิ่งที่มึงต้องรู้นะ รายได้เท่าไหร่ก็ไม่รู้ งั้นรายรับรายจ่าย แม่งก็มั่วกันหมดอะดิ ถามจริงๆเถอะ นี่ทำให้มันอยู่รอดมาได้ยังไง ไม่เป็นระบบขนาดนี้ " งุนงงกับท่านเจ้าของผับตรงหน้า ตามที่รู้มาผับนั่นติดอันดับ ผับ top 5 ในย่านนั้นด้วยซ้ำ แต่ทำไมเหมือนแม่งไม่มีระบบอะไรทั้งนั้น แค่ทำไปวันๆ พอครบเดือนนึงก็จ่ายเงินลูกน้อง เหลือเท่าไหร่เป็นของเจ้าของ รายจ่ายรายรับในร้านวุ่นวายไปหมด เมื่อวานตอนทำบัญชีให้ก็เหมือนกัน อ้างอิงจากเดือนเก่าๆแทบไม่ได้ ต้องมานั่งทำใหม่ทุกอย่าง ตั้งแต่ทำตารางไฟล์งานบัญชีของร้าน ค่าใช้จ่ายอะไรก็มั่วซั่ว ค่าเหล้ายี่ห้อเดียวกัน จำนวนซื้อเท่ากันแต่ราคาไม่เคยตรงกันเลย เป็นการทำเอกสารที่โคตรขอไปทีเหมือนจำได้คร่าวๆ ก็ใส่ๆลงไป  " นี่ถามจริง ว่าเรียนคณะอะไร "

 

" บริหาร "

 

" แล้วทำไมไม่จัดระบบให้มันดีกว่านี้ มึงน่าจะรู้ดีที่สุดนะ ว่าระบบในการทำงาน มันสำคัญ "

 

" เป็นเมียรึไง บ่นจัง " อีกคนที่เงยหน้าขึ้นมาจากถ้วยโจ๊กที่กำลังกินอยู่ คำพูดที่ชวนให้ผมนิ่งไป ก่อนที่คนตรงหน้าจะถอนหายใจออกมา " ก็กำลังทำอยู่ แต่มันยังไม่เข้าที่ throw up มันโตเร็วเกินไป กูยังตั้งตัวไม่ทัน "

 

" ไม่ได้ตั้งใจจะ ทำตั้งแต่ทีแรกเหรอวะ "

 

" อื้ม " เค้ายักคิ้วให้ผม " ตอนแรกทำเพราะแค่อยากจะได้รถแล้วเลิก แต่มันดังขึ้นมาแล้วไง เลิกก็เสียดาย เงินทั้งนั้น "

 

" แต่ถ้ายังไม่วางระบบให้ดี ได้เลิกเร็วๆนี้แน่ เพราะแม่งคงเจ๊ง "

 

“ เอาตีนกูนาบปากมึงสักทีดีมั้ยเมด "  เค้าถาม ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ ก้มหน้ากินอาหารตรงหน้า ไม่อยากจะบอกว่าดวงมึงดีเท่านั้นแหละที่มันยังอยู่ได้มาถึงทุกวันนี้โดยไม่เจ๊งไปก่อน " งั้นมึงจัดระบบด้วยสิ "

 

“ กูน่ะเหรอ " ผมชี้มือเข้าหาตัวอง " มึงจ้างกูกี่ตำแหน่งวะ บัญชีก็ให้ทำ นี่ก็ให้ทำระบบอีก "

 

“ ติดหนี้กู มีสิทธิ์พูดเหี้ยอะไรด้วยเหรอ ใช้ให้ทำอะไรก็ทำ ทำให้สมกับที่สร้างหนี้ไว้ให้กู ค่าเหล้า ค่าแก้วเมื่อวานกูยังไม่ได้คิดเลยนะ "

 

" กูทำดีอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก สมกับที่มึงจ้างกูด้วยเงินเดือน หมื่นนึงนั่นแหละ " อีกฝ่ายยกยิ้มกับคำพูดประชดของผม

 

" ทำระบบด้วย เริ่มทำวันนี้เลย "

 

" เออ ส้นตีน ใช้กูเหมือนให้เงินกูสองหมื่นสามหมื่น "

 

" ติดหนี้ ก็ไม่ต้องบ่น ใช้อะไรก็ทำไป " คนตรงหน้าว่ายิ้มๆ อาฟมันเป็นคนประเภทที่ถ้าทำให้คนพูดด้วยอารมณ์เสียได้ แล้วจะมีความสุขรึไงวะ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็คิดว่าเข้าท่าอยู่ ก็ตอนนี้โคตรหมั่นไส้หน้ามันจนไม่อยากจะมองแล้ว กลัวอดใจไม่ไหวยกโจ๊กราดหัว แต่ยังไงก็ต้องทนทำงานกับมันอีกหลายเดือน ผมก็เลยเลือกจะนั่งกินโจ๊กตรงหน้าไปเรื่อยๆจนหมดแล้วยกน้ำในขวดขึ้นกินก่อนจะหยิบลูกอมในกระเป๋าออกมา แล้วตามมารยาทนั้น

 

" เอามั้ย " ยื่นไปให้อีกคนที่ก็เอื้อมมือมารับไปเม็ดนึง ส่วนผมก็กินเม็ดนึง เป็นลูกอมรสมะนาวสอดไส้เกลือที่ผมชอบ

 

" ลูกอมเหี้ยไรวะ โคตรเปรี้ยว เชี้ย เสือกเค็มอีก "

 

" ไม่อร่อยเหรอวะ อร่อยออก " ผมบอก อีกคนก็ทำหน้าแย่ใส่

 

" รสชาติส้นตีน "

 

" เคยกิน ? “ ผมยกคิ้วถามอีกคนก็ทำหน้านิ่งใส่ ส่งยิ้มหวานๆไปให้เค้าก่อนจะมองเหลือบไปทางอื่น แล้วก้มลงมองเวลาที่ฉายอยู่ที่หน้าจอมือถือ ผมลุกขึ้นเอาจานตัวเองกับอีกคนไปเก็บก่อนจะเดินกลับมาหาอาฟก็ลุกขึ้นพอดี  เราเดินออกไปจากโรงอาหารคุยไปตามทางที่ก็ไม่ได้สนใจใครที่มองมา

 

" แล้วมึงเลิกเรียนกี่โมง "

 

" ประมานสิบเอ็ดโมงครึ่งก็เลิกแล้ว แต่มีเรียนคาบบ่ายต่อ "

 

“ อื้ม "

 

“ แล้วมึงอะ " ผมที่หันไปถามคนข้างๆ แต่ยังไม่ทันจะได้รับคำตอบอะไร เสียงที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินก็ดังขึ้น

 

“ เมด ..” ผมหันไปตามเสียงที่คุ้นเคยนั้น ผู้ชายที่ทรยศผมไปเอากับเพื่อนสนิทยืนอยู่ข้างหน้า ใบหน้าหล่อเหลาของมันยังคงเหมือนเดิม หุ่นสูงที่สมเป็นนักบาสมหาวิทยาลัยเดินตรงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

 

ในแววตาดีใจและเสียใจของอีกคนที่มองมาทางผม ขาที่อยากจะถอยหลังวิ่งหนีออกไป แต่ผมก็แค่สูดลมหายใจเข้าไปแล้วบอกตัวเองในตอนนั้นว่า ' อย่าหนีเมด เผชิญกับมันซะ เพราะถ้ามึงหนี มึงก็ต้องหนีไปตลอด '

 

“ หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ มีอะไร " ถามออกไปด้วยถ้อยเสียงที่พยายามทำให้ธรรมดามากที่สุด ก็อย่างที่คนข้างๆเคยบอก ถึงข้างในมันอาจจะเจ็บจนอยากจะตายจริงๆ แต่ต่อหน้าคนพวกนี้ก็ต้องไม่ตายและต้องไม่แคร์

 

“ อยากคุยด้วย บินอยากจะคุยเรื่องของเรากับเมดนะ "

 

“ กูไม่มีอะไรจะคุย กูต้องรีบไปเรียนแล้ว " บอกเค้าแค่นั้น แต่อีกคนก็เดินเข้ามาแล้วคว้ามือผมไว้

 

“ แต่บินมี แล้วเมดต้องคุยกับบิน " หันไปสบสายตาเรียวที่เปลี่ยนเป็นเว้าวอนผม ครั้งนึงผมเคยแพ้สายตาแบบนี้ไม่ว่าจะมองมากี่ทีใจก็อ่อนยวบไปหมด แล้วผมก็แพ้เสมอกับคำพูดหวานๆติดอ้อนของเค้า " นะครับเมด ไปคุยกับบินก่อนนะ นะครับนะ บินอยากจะคุยกับเมดนะ อยากคุยเรื่องของเรา บินไม่อยากจะให้มันจบลงแบบนี้ บินรักเมดนะ รักมากๆ มองตาบินสิ เมดรู้นี่ ว่าสายตาบินมันไม่เคยโกหกเมด "

 

            สบสายตาอีกคนเหมือนอย่างวันเดิมที่เคยทำ ทุกอย่างที่เคยทำให้แพ้พ่ายแล้วยอมหลงอยู่ในคำว่ารักแต่ปากของเค้ามาตลอดหลายปี ผมมองมันลึกลงไป คิดถึงคำว่ารักที่อีกคนพูดออกมา สลับสับเปลี่ยนกับการกระทำในวันนั้นของตัวเค้า มันอาจจะจริงที่ผมเคยแพ้  แต่ครั้งนี้มันจะไม่ใช่อย่างงั้น ผมจะไม่แพ้อีก จะไม่แพ้ผู้ชายคนนี้อีก

 

“ พอแล้ว ไม่ต้องมอง " มือหนาของอาฟ เอื้อมมากอดคอก่อนจะปิดตาผมไว้ แรงดันที่ดึงให้ตัวผมซบลงที่ตัวมัน

 

" ไอ้อาฟ " บินเอ่ยเรียกอีกคน ผมที่ตอนนั้นถูกปิดตาอยู่แบบนั้น " มึงมายุ่งอะไรกับแฟนกู "

 

" แฟนเก่า " เค้าบอกสั้นๆ อีกฝ่ายก็ขมวดคิ้ว

 

" กูยังไม่ได้เลิกกับเมด "

 

" เราเลิกกันแล้ว " ผมเถียงพลางดึงมือที่ปิดตาผมอยู่ลง แล้วข่มใจแข็งสบสายตาคนตรงหน้าอีกครั้ง " เราเลิกกันแล้วบิน กูเลิกกับมึงแล้ว เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน "

 

" เมด แต่.. “ อีกฝ่ายเว้นเสียงด้วยสายตาเว้าวอนเช่นเดิม “ เมดยังไม่ได้ฟังคำอธิบายอะไรจากบินเลยนะ เมด.."

 

" ไม่ต้องฟังหรอก ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้ว อย่าพยายามโกหก หรือ หลอกลวงอะไรกูอีกเลย พอได้แล้ว สงสารกูเถอะบิน ปล่อยกูไปได้แล้ว เพราะกูปล่อยมึงแล้ว ปล่อยให้มึงไปเอากับไอ้ยีนส์เพื่อนกูแบบไม่ต้องแอบคบแอบเอากันอีก "

 

" นี่ ฟังนะ กูเลิกกับยีนส์แล้ว กูตัดขาดกับยีนส์แล้วจริงๆ เพราะกูรักมึงเมด กูเสียใครก็ได้แต่กูเสียมึงไม่ได้เมด "

 

" ถ้ารู้ว่าเสียไม่ได้ทำไมตอนแรกไม่รักษาไว้ให้ดี " ผมถามอีกคนก็นิ่ง " มึงเลือกให้มันเป็นแบบนี้เอง แล้ววันนี้จะมาพูดอะไรอีก ไม่ใช่มึงแอบเอากันครั้งแรก แต่มึงหลอกกูมาตลอดสี่ปี สี่ปีเลยนะบิน มึงหลอกกูมาตลอดสี่ปีเลยนะ แล้วถ้าวันนั้นกูไม่ไปเห็นเองกับตา มึงก็ยังหลอกกูแล้วยังเอากับมันแบบนั้นเหมือนเดิมใช่มั้ย งั้นมึงจะหลอกกูไปกี่ปีละ จะถึงสิบปี หรือจะหลอกกูตลอดไปเลย "

 

" เมด..”

 

" พอเถอะ กูไม่อยากจะพูดอะไรแล้ว " ผมบอกก่อนจะหันมาบอกอีกคน " ไปเถอะอาฟ "

 

" มึงเป็นอะไรกับไอ้อาฟวะ " ขาที่กำลังเดินออกไปชวนให้เราทั้งคู่นิ่งไป คนข้างๆผมหันไปมองอีกฝ่ายก่อนจะส่งยกยิ้มมุมปากไปให้ ความหมายที่แปลไปได้สองแง่สามง่ามแบบนั้น ผมก็เลยออกตัวเพราะไม่อยากจะให้อีกคนถูกลากเข้ามาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้

 

“ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมึง "

 

“ เพราะแบบนี้สินะ มึงถึงไม่ฟังอะไรกูเลย ใช่สิ กูไม่ใช่ไอ้อาฟเจ้าของ throw up นี่นะ จะเอาอะไรไปสู้มัน " อีกฝ่ายยกยิ้มมองเราด้วยสายตาเหยียดๆ " แต่มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอเมด นี่ทะเลาะกันไม่ถึงสองอาทิตย์เลยนะ หรือว่าแอบคบกันมาก่อนหน้านี้แล้ว "

 

“ กูไม่ใช่มึง! “ ผมตะโกนบอกกลับไปด้วยความโกรธ " นอกใจกูแล้ว! ไปเอาเพื่อนกูมาทำเมียแล้ว! หลอกกูแล้ว! ยังมากล่าวหา คิดว่ากูเป็นแบบเดียวกับมึงอีกเหรอ ทำไมมึงถึงเหี้ยได้ถึงขนาดนี้วะ " ผมถามมัน " คนอย่างกู ถ้ากูรัก ต่อให้มึงไม่มีอะไรกูก็รัก แล้วต่อให้คนที่รวยมากๆหรือดีกว่ามึงล้านเท่ามารัก กูก็จะรักแค่มึง ก็ลองคิดดูว่าก่อนหน้านี้มึงเป็นแฟนที่เหี้ย กูยังรักมึงเลยบิน กูยังทน ยังพยายามปรับตัวเพื่ออยู่กับมึงเลย “

 

“ เมด “

 

“ อย่าเอาตัวกูไปเปรียบเทียบกับคนอย่างมึง ที่แอบเอากับเพื่อนกูลับหลังกูมาตลอดสี่ปี "

 

" เมด ฟังบินก่อน " มือหนาที่เอื้อมมือจับมือผมที่ก็สะบัดออกทันทีเหมือนโดนของร้อน บินชะงักไปสักพักก่อนจะสบตาผม " ถามจริง กูหวงมึงนะ อาฟไม่ใช่แฟนมึงใช่มั้ย "

 

“ ถ้าใช่ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับมึง เราเลิกกันแล้ว กูจะคบกับใครใหม่ มันก็เรื่องของกู " ผมบอกอีกคนแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่าบินจะไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรง่ายๆ

 

“ กูไม่เชื่อ มึงรักกูมากเมด มึงจะตัดใจจากกูได้ไง มึง.."

 

" รำคาญวะ " อาฟพูดขึ้น ก่อนจะดึงมือผมที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้เข้ามาใกล้ ร่างที่เอียงเข้าไปหาเค้าตามแรงดึงนั้น ใบหน้าคมก้มลงมาจูบริมฝีปากผมที่ก็เบิกตาขึ้นด้วยความตกใจ ลิ้นที่กำลังแทรกเข้ามาเป็นลำดับ ผมเม้มริมฝีปากไว้แน่นแล้วหลับตาลงด้วยความกลัวว่ามันจะเข้ามาจริงๆ แต่ทว่าอาฟกลับผละจูบนั่นออก ก่อนจะหันไปมองแฟนเก่าของผมที่กำลังยืนมองอยู่ด้วยสายตาที่ตกใจไม่ต่างกัน " มึงยังสงสัยอะไรอีกมั้ย ถ้ายังสงสัยอยู่ กูจะได้จูบแบบดูดดื่มกว่านี้ให้มึงดูอีกที "

 

            ทุกอย่างเงียบแม้แต่ผมก็ยังได้แต่ยืนอึ้งอยู่แบบนั้นไม่ขยับตัวไปไหน ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันสนิท หัวใจเต้นแรงราวกับมันแทบจะหลุดออกมา ในตอนนั้นเองมือหนาของคนที่จูบผมกลับคว้าข้อมือผมให้เดินออกมาจากตรงนั้น เค้าปลดล็อครถของตัวเองก่อนจะดันผมให้เข้าไปนั่งในรถ แล้วตัวเค้าก็เดินกลับไปนั่งตรงที่คนขับ วินาทีที่ยังพูดอะไรออกมาไม่ได้สักคำ รถที่ผมนั่งอยู่ก็ถูกขับออกไป

 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 17-03-2018 10:39:30


' VView '

 

[ พี่เมด เป็นยังไงบ้าง เจอไอ้พวกเหี้ยนั่นมั้ย] ผมพลิกหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมาดูในขณะที่ตอนนี้ภายในรถกำลังเต็มไปด้วยความเงียบ ปิดเสียงโทรศัพท์เป็นอย่างแรกเพราะคิดว่าการแจ้งเตือนคงทำให้คนขับเดือดอีกแน่นอน แล้วตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ผมอยากจะให้เค้าหันหน้ามาคุยกับผมสักเท่าไหร่ น้องชายตัวดีเป็นคนส่งแชทเข้ามา วิวมันคงคอยถามอยู่นานแล้วเพราะมันก็คงอยากจะรู้ว่าวันนี้ผมจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

 

[ เจอบิน]

 

[ ว่าละ แล้วเป็นไง นี่อยู่ไหน อย่าบอกนะว่าไปกับมัน ]

 

[ เปล่าไป แต่ก็ไม่ได้ไปเรียน ]

 

[ อ้าว ยังไงวะ ]

 

[ แล้วนี่ทำไมไม่ตั้งใจเรียนวะ ] ผมแกล้งถามน้องชายตัวเองออกนอกเรื่อง เอาจริงๆ ก็ไม่อยากจะคุยเรื่องนี้สักเท่าไหร่ หน้ายังไม่หายร้อนเลย ในรถนี้แม่งก็โคตรจะอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

 

[ โอ๊ยยยยยย ช่างมันก่อนเถอะน่า วิวเป็นห่วงพี่เนี้ย ไม่มีอารมณ์จะเรียนหรอก เล่ามาก่อน  ]

 

[ ก็มามหาลัยกับอาฟ เจ้านายที่ผับ ]

 

[ เค้ามารับที่คอนโดเราเหรอ ]

 

[ อื้ม แล้วเมื่อเช้ากูไม่ได้บอกมึงเหรอ ]

 

[ ไม่อะ ] อีกคนบอกผมก็ขมวดคิ้วตัวเอง [ แล้วไงต่อ ]

 

[ เออ ก็มามหาลัยแล้วก่อนจะแยกกับไอ้อาฟ บินก็เข้ามาหา เหมือนก็คงมารออยู่แล้วอะ ]

 

[ แล้วมันว่าไง ]

 

[ ก็ขอคืนดี บินมันบอกว่ามันรักกู มันผิดไปแล้ว ตอนนี้มันเลิกกับยีนส์แล้ว อยากจะให้กูกลับไปคบกับมันเหมือนเดิม ]

 

[ แล้วแม่งก็มองพี่ด้วยสายตาอ้อนๆ พูดหวานๆด้วยใช่มั้ย ตามสันดาน ]

 

[ อื้ม ]

 

[ แล้วยังไงต่อ ]

 

[ กูก็บอกปฎิเสธไป ]

 

[ ดี นี่ไม่ได้ใจอ่อนเหมือนอย่างทุกทีใช่มั้ย ]

 

[ ไม่ ] ผมบอก [ กูจะใจอ่อนได้ไงวิว มันไม่ใช่เรื่องที่จะให้อภัยกันได้เปล่าวะ คือมันไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น ไม่ใช่ครั้งแรก คือต่อให้ครั้งแรกก็ก็รับไม่ได้ แล้วนี่คือมันหลอกกูมาสี่ปี สี่ปีเลยนะเว้ยที่มันแอบเอากันอะ มันเอากันไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้  นี่ไม่รู้ว่า ที่บอกกูว่าจะกลับบ้านไปหาแม่บ่อยๆ คือไปหาแม่จริงๆ หรือแอบไปเที่ยวกับไอ้ยีนส์กันแน่ ]

 

[ เยี่ยม ]

 

[ กูอาจจะเคยโง่วิว แต่กูโง่นั่นเพราะกูรัก แล้วกูก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่กูให้อภัยมันได้ หลายๆเรื่องที่เราเข้ากันไม่ได้ กูเคยคิดว่าเราปรับกันได้ถ้าเรารักกัน มันอาจจะชอบกินเหล้า เมาหัวราน้ำแล้วอ้วกใส่กู หรือนิสัยที่ชอบเอาแต่ใจกับกูบังคับกู ตอนนั้นกูทนได้เพราะกูคิดว่า เออ ความรักมันก็ต้องปรับแล้วมันก็รักกูไม่ใช่ไม่รัก มันมีข้อเสียก็จริง แต่มันก็มีข้อดี ]

 

[ นั่นคือเลียเก่ง ] วิวบอก [ พูดหวานสุดๆ ขี้อ้อนสัดๆ เลียจนหน้าแข้งพี่อะเนียนไปหมดละ ความเลีย ความอวย แต่จริงๆแม่งพอโมโหนะ ก็ด่ากราดไปหมด ทำลายข้าวของอีก ดีแค่ไหนมันไม่ถีบพี่อะยังแค่ผลัก พี่นี่ก็ทนจัง รัก รัก อยู่นั่น กูละรำคาญ เอาจริงๆ วิวเคยคิดว่าพี่โง่อะพี่เมด ]

 

[ เออ แต่กูก็โง่จริงๆ ]

 

[ พี่ทำตัวเหมือนเป็นคนใช้มันอะ พอมันไปค่ายกีฬา ก็จัดเสื้อผ้าให้ พี่ทำกับข้าวไม่เป็น ก็ยังตื่นมาหาของให้กินให้มันทุกเช้า ไอ้สัดนั่นก็โคตรเรื่องมาก มีนี่จะกินนู้น นี่ก็คอยเอาใจหาให้สิ พอเมากลับมาอ้วกใส่ห้องพี่แม่งก็เช็ด หงุดหงิดกับใครทำลายข้าวของสุดท้ายพี่ก็เก็บ ถามจริงๆเถอะ มันมีอะไรดีวะ ]

 

[ ก็มันเป็นรักครั้งแรกไง ] ผมบอกอีกคนไปสั้นๆ [ บินพูดกับกูเสมอว่า มันจะเปลี่ยนเพื่อกู มันจะทำให้รักของเราดีขึ้น มันเป็นคนช่างพูด ช่างเอาใจ แล้วมึงก็รู้ว่ากูชอบคนขี้อ้อนแล้วบินที่เป็นแบบนั้น กูจะไปไหนรอดวะ ก็เชื่อไปตามลมปากมันนั่นแหละ สัญญาว่าจะทำกับกูให้ดี แต่สุดท้ายพอโมโหแม่งก็เหมือนเดิม ลืมไปหมดในสิ่งที่พูด ที่สัญญา ]

 

[ ไม่รู้วะ ไม่เคยมีความรัก ฟังไปแม่งก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมพี่ถึงรักมันขนาดนั้น ทั้งๆที่มันไม่มีข้อดีอะไรเลย แต่สำหรับวิวนะพี่เมด  ความรักอะมันคือเรื่องของคนสองคนที่แม่งต้องปรับเข้าหากันทั้งสองฝ่ายเพื่อให้รักมันเดินต่อไปรึเปล่าวะ มันคือการประคับประคองกันไม่ใช่เหรอ แต่ความรักของพี่กับไอ้เหี้ยนั่นอะ มันแค่เหมือนพี่เปิดประตูบ้านออกไปข้างนอกครั้งแรก แล้วพี่เจอมันอะ มันหลอกทำดีกับพี่ พี่ก็เลยคิดว่า เนี้ยอะ ดีแล้ว ทั้งๆที่มันอาจจะมีคนที่ดีกว่านี้เว้ย แต่พี่กลับไม่มองอะ ยึดติดอยู่แต่กับมันด้วยคำว่ารัก พยายามเปลี่ยนตัวเองให้ยอมรับในตัวมันได้ แล้วมันอะ เคยพยายามจริงๆแบบไม่ใช่แค่ลมปากเปลี่ยนตัวเองเพื่อพี่บ้างมั้ยวะ ]

 

[ เฉียบสัด น้องกู ]

 

[ ไม่รู้อะ ตลอดเวลาที่พี่คบกับมันมา พี่อาจจะมองเห็นข้อดีของมัน มันที่ชอบเข้ามาอ้อนพี่ ตอนพี่กลับมาจากมหาลัยเหนื่อยๆป้อนนู้นป้อนนี่ให้พี่กิน เล่นมุกกากๆ ทำตัวเหมือนลูกหมาลูกแมว แต่วิวไม่เห็นว่าแม่งจะเป็นข้อดีอะไรเลย มันก็แค่คนเลียเก่งคนนึงเท่านั้นเอง ]

 

[ อื้ม ]

 

[ เพราะนิสัยจริงๆที่เหี้ยมากๆ อย่างปลิ้นเก่ง บอกมีซ้อมแต่จริงๆไปแดกเหล้า พาหญิงไปเลี้ยง แต่พออยู่กับพี่กูแค่ค่าข้าวเกินร้อยนึงแม่งก็ต้องแชร์แล้ว บางทีก็ให้พี่ออกให้ก่อน ถามจริงเคยได้คืนปะ เกาะพี่กินยังกับปลิง ทุเรศ!  อย่างเรื่องเอาแต่ใจก็ด้วย หงุดหงิดแล้วอารมณ์ร้อนนั่นก็ด้วย ยังจำตอนที่มันบอกให้พี่รอกินข้าวกับมันแล้วพี่หิวเลยไปกินก่อนได้มั้ย สุดท้ายแม่งก็โกรธเป็นฝืนเป็นไฟ ที่มันผลักพี่ชนประตูอะ วิวยังจำได้นะ แขนเขียวเลย สุดท้ายแม่งก็มาอ้อนๆเลียๆแล้วบอกว่าแพ้เกมส์หงุดหงิดเลยเผลอไป ส้นตีน มึงเผลอได้รุนแรงมาก แล้วหนักสุดก็เรื่องนี้ วิวไม่พูดแล้วกัน พูดไปพี่เมดก็ร้องไห้อีก ]

 

[ ไม่ร้องแล้วเว้ย ]

 

[ ไม่ต้องมาตอแหล นี่วิวน้องชายพี่ วิวรู้หมดแหละ ไม่เห็นก็รู้ ว่าตอนที่มันเข้ามาหา ใจพี่แม่งก็คงสั่นไปหมด ยิ่งตอนมันอ้อนๆ พี่ก็คงบอกตัวเองให้ใจแข็งเข้าไว้ มีความรักอะมีได้นะพี่เมด แต่อย่าลืมรักตัวเองด้วย อย่าปล่อยให้ใครเข้ามาทำร้ายใจตัวเองซ้ำๆ พ่ออะ เกิดพี่เมดมา เค้ายังไม่เคยตีพี่เมดเลยนะ พ่อไม่เคยด่าพี่เมดแรงๆด้วยซ้ำ แม่ก็ด้วย วิวก็ด้วย แล้วมันเป็นใครอะพี่ พี่ถึงปล่อยให้มันมาทำร้ายพี่ซ้ำๆอะ พอได้แล้ว เริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะ อย่ากลับไปหามันนะ ]

 

            ผมยิ้มออกมากับข้อความนั้นของน้องชายต่างพ่อต่างแม่ของตัวเอง ความเป็นห่วงและความเจ็บแทนกันที่สื่อออกมาผ่านตัวอักษรพวกนั้น เรื่องราวที่เตือนสติให้ผมรู้ว่า ' เลิกโง่ได้แล้วเมด มึงโง่มานานเกินไปแล้ว ' สิ่งที่น้องชายของผมพูดมันจริงทุกคำ มันเป็นอย่างงั้น ผมที่ยึดติดกับคำว่า ' รักครั้งแรก ไม่อยากจะเปลี่ยนแฟนอยากจะรักใครคนเดียวไปตลอด ' เหมือนในนิยายที่เคยได้อ่าน

 

            ผมเลยเลือกที่จะอดทนและพยายามเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนให้ตัวเองเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น แต่ก็ลืมไปว่า ความรักไม่ใช่การทนอยู่หรือเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว มันคือคนทั้งคู่ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองไปพร้อมๆกัน เปลี่ยนในส่วนที่พอทำได้ เปลี่ยนเพื่อให้เข้ากันกับอีกคนไม่ใช่การเปลี่ยนทั้งหมดจนไม่เหลือความเป็นตัวเองอยู่เลย เพราะคนเรายังไงก็ต้องมีอีกส่วนที่เป็นตัวตนหลงเหลือไว้อยู่ และความเป็นตัวตนตรงนั้น สำหรับความรัก มันคือเรื่องที่ ต่อให้เราจะไม่ชอบส่วนนั้นของเค้ายังไง เราก็ยังรัก และ ชอบเค้าในแบบนั้นอยู่ดี

 

            แต่สำหรับบินมันไม่ใช่ บินไม่เคยเปลี่ยนแปลงเพื่อผม แม้จะมีหลายครั้งที่ผมเคยขอให้มันเปลี่ยนก็ตาม ‘ ใจเย็นลงกว่านี้ได้มั้ย ? ‘ ‘ ลดความเอาแต่ใจลงหน่อยเถอะ ?’  ‘กินเหล้าให้มันน้อยหน่อยนะ ‘ หรือแม้แต่ ‘ ผู้หญิงคนนั้นเค้าชอบมึง ไม่ยุ่งกับเค้าได้มั้ย ‘ แต่บินไม่เคยฟังเลย ไม่เคยทำได้จริงอย่างที่ขอ แม้จะพูดออกมาว่า ‘ ได้ บินจะทำให้เมดนะ ‘ แต่นั่นมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง จนสุดท้ายก็เป็นฝ่ายผมเองที่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อยอมรับเรื่องเหล่านั้น ด้วยความรู้สึกว่า ‘ ก็รักมาตั้งนานแล้วนี่ ไม่อยากจะเลิก‘ แล้ววันนี้ผมก็รู้สึก ว่าการกระทำนั้น  ช่างเป็นความคิดที่สิ้นคิดสิ้นดี

 

[ วิว กูไม่กลับไปหรอก ไม่กลับไปจริงๆ สัญญาเลย ]

 

[ เออ ทำให้ได้อย่างที่พูดด้วย แล้วนี่ตกลงอยู่ไหน เล่าจบยังวะ ทำไมเราออกนอกเรื่องไปเยอะมากขนาดนี้ ]

 

[ เค้าเรียกซีนน้ำตา ]

 

[ อย่ามาทำเป็นเล่น เล่ามา แล้วไงต่อ มันเข้ามาหาพี่เมด พูดอ้อนๆขอคืนดีด้วยปากห้อยๆกับหน้าส้นตีนของมันแล้วยังไงต่อ ] หลุดหัวเราะคำพูดของน้องชายตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาตอนที่คิดถึงเรื่องราวหลังจากนั้น รู้สึกไม่ค่อยอยากจะเล่าเลยวะไม่รู้ทำไม

 

[ คือ ก็พูดกันอยู่นานอะ มันไม่ยอมเข้าใจสักที แล้วคราวนี้มันก็ใช้ไม้ตายของมัน บอกให้กูสบตามัน แล้วจะรู้ว่ามันรักกูแค่ไหน ]

 

[ สัด ขออนุญาติแบะปากแล้วมองบน ]

 

[ แล้วคราวนี้อาฟมันก็เอามือมาปิดตากูแล้วก็บอกว่า พอแล้วไม่ต้องมอง ]

 

[ เดี๋ยวววววววววว ทำไมมันดูแปลกๆ ฟิวหนังเกาหลีอย่างงั้นอะ เค้าปิดตาพี่เหรอ เชี้ย เพื่ออะไรอะ หรือเค้าชอบพี่เมด ]

 

[ มึงจะบ้า เพิ่งเจอกันแค่วันเดียว ] ผมพิมพ์เถียงอีกคน [ แต่ที่กูสงสัย อาฟแม่งรู้จักบินได้ไงวะ เพราะอยู่ๆพอมันเห็นอาฟ มันก็ทักขึ้นมาเลยว่า อาฟ ]

 

[ โหย พี่เมดสายเมาสายผับเค้าก็รู้จักพี่อาฟกันทั้งนั้นอะ นั่นมันเจ้าของ throw up นะเว้ย ]

 

[ ก็อาจจะอย่างงั้นมั้ง ]

 

[ ถ้าอยากจะให้ชัวร์พี่ก็ถามเค้าสิ แล้วไงต่อเล่าๆ  เหมือนกำลังจะถึงไคลแม็กซ์ ] แม่นยังกับตาเห็นน้องกู ผมคิดขึ้นตอนที่เห็นข้อความของมัน

 

[ เออ มันก็ถามอาฟว่ามายุ่งไรกับกูแฟนมัน แล้วอาฟก็เถียงไปว่าแฟนเก่า ]

 

[ สัด พี่เค้าได้  ]

 

[ บินก็เถียงว่ายังไม่ได้เลิก กูตอนนั้นก็เถียงออกไปเหมือนกันว่าเลิกกันแล้ว คราวนี้แม่งก็เถียงกันอีก คือมึงก็รู้ว่า บินมันเป็นคนวอแวเข้าใจยาก แล้วยิ่งกูไม่ฟังแบบนี้ก็ยิ่งสลัดหลุดยาก กูเลยบอกปัดๆไป แล้วหันไปชวนไอ้อาฟ ไปที่อื่น คราวนี้มันก็พูดแบบดูถูกกูเลยนะ ว่ากูจะไปกับไอ้อาฟแล้วนิ รายนั้นมันเจ้าของผับ ไม่เหมือนมัน เท่านั้นแหละ กูก็หันไปด่ามันเลย แล้วแม่งก็วนกลับมาถามกูแบบจริงจังว่า กูไม่ได้เป็นแฟนอาฟใช่มั้ย กูก็เลยตอบว่า ไม่เกี่ยวอะไรกับมัน เราเลิกกันแล้ว คราวนี้มันก็ยังเถียงต่อว่ามันหวงกู ]

 

[ โอ๊ยยยยย อีเหี้ยนี่ก็วอแวเนอะ สัด กูอยากจะเอาน้ำซุปกระดูกหมูที่ร้านป้าขายข้าวมันไก่ที่โรงอาหารไปสาดหน้ามัน ไอ้เหี้ย ]

 

[ อื้ม แล้วอาฟแม่งที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็บอกว่า รำคาญวะ จากนั้น มันก็ดึงกูไปจูบ ]

 

[ ห๊ะ ? เดี๋ยวนะ จูบ จุ๊บๆ kiss อะนะ ]

 

[ อื้ม " ผมตอบสั้นๆ " จูบเสร็จก็หันไปบอกไอ้บินด้วยว่า ยังสงสัยอะไรอีกมั้ย ถ้ายังสงสัยอยู่ กูจะได้จูบแบบดูดดื่มกว่านี้ให้มึงดูอีกที ]

 

[ ไอ้เหี้ยยยยยยยยย พีคสัดๆ ]  คนอ่านพิมพ์มาแบบนั้น ผมก็ถอนหายใจออกมาตอนที่นึกถึง อื้ม พีคสัดๆจริงๆ [ กูไม่รู้จะพิมพ์อะไรเลยพี่เมด คือในใจมันก็แบบ รู้สึกสะใจสัดที่พี่เค้าตอบแบบนั้น แต่อีกใจคือ งง ทำไมต้องมาจูบอะ เค้าชอบพี่เปล่าวะ ]

 

[ คงไม่หรอก คงจะตัดความรำคาญไอ้บินมันมั้ง ก็แม่งโคตรวอแวอะ ]

 

[ นี่กำลังคิดแง่บวกกับตัวเองอยู่เปล่าวะ ] น้องชายผมบอก [ แบบพี่ไม่ได้คิดอะไรกับเค้า ไม่ชอบเค้า เลยพยายามบอกตัวเองว่า เค้าไม่ได้ชอบเราหรอก ]

 

[ ไม่ๆ กูคิดว่าแบบนั้นจริงๆ อาฟมันเป็นพวกขี้รำคาญอะ มารยาทไม่มีด้วย มันคงจูบกูตัดรำคาญไปมากกว่า ]

 

[ แล้วตอนนั้นรู้สึกยังไง ]

 

[ ช็อคดิ ทำอะไรไม่ถูกเลย คือทั้งขาทั้งแขนเกร็งไปหมด มาได้สติก็ตอนที่มันจะเอาลิ้นสอดเข้ามานี่แหละ กูนี่เม้มปากแน่นสัด โคตรเหี้ย ]

 

[ เฮ้ย ทำไมเค้าจะจูบแบบเอาลิ้นเข้ามาด้วยวะ ถ้าไม่คิดอะไร ]

 

[ ไม่รู้มัน แล้วนี่มันก็ลากกูขึ้นรถมากับมันอีกเนี้ย เลยไม่ได้เข้าเรียนตอนเช้าเลย ] หันไปเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างกัน อาฟยังคงขับรถตรงไปยังทางข้างหน้าแบบที่ไม่ได้หันมาสนใจผมเลยสักนิด

 

[ เอ้า แล้วนี่นั่งอยู่ในรถกับเค้าเหรอ ]

 

[ เออ ไปไหนก็ไม่รู้ด้วย ขับตรงไปอย่างเดียวเลย ]

 

[ ถามสิวะ จะพาไปไหน ] วิวบอก

 

[ ใครจะไปกล้าคุยกับมัน มันเพิ่งจูบกูนะ ]

 

[ โอ๊ยยยยย แล้วถ้ามันเอามึงไปขายจะทำยังไง อีพี่บ้า ]

 

[ มันไม่พากูไปขายหรอก อย่างกูขายไปก็ไม่ได้ราคา แต่ไม่อยู่ตรงนั้นก็ดี ขี้เกียจเถียงต่อ รำคาญมัน ]

 

[ แต่คิดในแง่ดี วิวว่าแบบนี้ก็ดีแล้วนะ คนอย่างไอ้เชี้ยนั่นมันต้องให้เห็นเป็นภาพถึงจะเข้าใจ อย่างน้อยตอนนี้ก็ทำให้ไอ้เชี้ยบินมันคิดไปแล้วว่าพี่เป็นแฟนพี่อาฟ แล้วมันก็จะไม่มายุ่งกับพี่อีก ]

 

[ ขอให้เป็นอย่างงั้น แม้กูจะไม่คิดอย่างงั้น ] ผมรู้จักบินดี คนอย่างมันไม่จบลงแค่นี้หรอก [ กูเสียจูบไปแล้วมันต้องได้อะไรกลับมาบ้าง ไม่ใช่เสียไปฟรีๆ ]

 

[ นี่เป็นจูบของคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนครั้งแรกเลยใช่มั้ย ]

 

[ อื้ม ] ถอนหายใจออกมาตอนที่สมองคิดอะไรหยุมหยิมพวกนั้น คือแค่จูบนิดหน่อย คนบางคนก็คงไม่ใส่ใจ แต่สำหรับผมบางทีมันก็รู้สึกว่า ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกันก็ไม่ควรจูบมั้ยวะ เป็นเหตุการณ์ที่โคตรไม่ทันตั้งตัว

 

            พยายามจะคิดในแง่ดีอย่างที่คิดที่บอกไอ้วิวไป แล้วก็พยายามคิดว่าเสียไปแล้วเอาคืนกลับมาไม่ได้ อย่าเอามาเป็นประเด็น แต่แม่งก็อดไม่ได้เลยที่จะหงุดหงิด  ถึงจะรำคาญไอ้เชี้ยบินยังไงแม่งก็ไม่มีสิทธิ์มาจูบกันเปล่าวะ โคตรเหี้ยเลยสัด แล้วกูต้องมานั่งเกร็งด้วยอีก ทั้งๆที่กูเป็นคนเสียหายแท้ๆ ส้นตีน

 

[ พี่เมด วิวว่าอยู่กับพี่อาฟระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะ เพื่อนวิวบอกว่า เค้าแม่งก็เชี่ยวใช่เล่น พริตตี้กับดีเจสวยๆ เวลาไปทำงานที่ throw up ถ้าเค้าถูกใจ เค้าก็พาไปนอนด้วยเลยนะ ดูจากที่เค้าจูบพี่แล้วจะแลกลิ้นกันเลยทีเดียว แม่งคงเซียนมาก นี่ถ้าพี่ตั้งสติไม่ได้ ต้องโดนจูบแบบดีสคิสแน่ ]

 

[ เออ จะระวังตัว แต่เค้าคงไม่มาชอบกูหรอก อีกอย่างกูไม่ชอบคนแบบนี้ด้วย มึงก็รู้ กูแพ้คนพูดหวานแล้วก็ช่างเอาใจ ให้ดีไม่รำคาญเวลากูอยากจะกอด อยากจะวอแว ]

 

[ พูดแบบนี้ ร้อยทั้งร้อย สุดท้ายก็ไปเป็นเมียเค้า ]

 

[ งั้นกูคงเป็นคนที่กรรมหนามาก ชีวิตเจอเรื่องหนักขนาดนี้พระเจ้ายังไม่พอใจอีก พระเจ้าคงเกลียดกูมาก ]

 

[ ทำบุญ 9 วัดเอาไม่อยู่แล้ว ไป 99 วัดเลย ]

 

[ กูก็ว่างั้น แต่ฟิวไอ้สัดอาฟ เหมาะกับผู้หญิงแซ่บๆไฮโซๆ อะไรแบบนี้มากกว่า คนที่จะปลอกลอกแต่เงินของมันอะ หวังแค่สมบัติอะไรแบบนั้น ]

 

[ ดูเหมือนพี่กูจะเกลียดเค้ามาก ]

 

[ เออ ชอบทำหน้านิ่งใส่กู คำพูดก็เหี้ยไม่มีหูรูดใดๆ ยังไม่นับความกวนส้นตีนของมันที่ทำให้กูต้องแอบด่าแบบผู้ดีไปหลายที นี่ก็ยังใช้งานกูหนักอีก ทำเหมือนกูไปชนรถมันจนซ่อมไม่ได้แล้วอะ รอยเท่าแมวข่วน ]

 

[ แมวแม่งข่วนแรงม๊ากกกก ] ไอ้วิวบอก [ แต่ไม่ชอบมากๆแบบนี้ ระวังไว้นะ ไม่เคยได้ยินเหรอพี่เมด คนบางคนอาจจะเข้ามาเพื่อแหกกฏทุกข้อของเราก็ได้ ]

 

[ ไม่เคยอะ ] แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าจะมี ตอนนี้อยากจะหยุดเรื่องรักๆใคร่ๆ อะไรแบบนี้สักพัก ไม่อยากจะไว้ใจใครอีกแล้ว

 

[ งั้นก็ฟังไว้แล้วกัน วิวไปเรียนก่อนละ ตกลงเค้าพาพี่ไปไหน บอกวิวด้วยนะ ]

 

[ อื้ม ถ้ามันพากูออกไป แม่สายเมื่อไหร่ เดี๋ยวโทรไป ]

 

[ อะ กวนส้นตีนกูละอีพี่เมด ] ผมยิ้มผ่านหน้าจอโทรศัพท์ [ งั้นแสดงว่าตอนนี้โอเคแล้ว งั้นวิวไปเรียนก่อน แล้วก็ มีอีกอย่างที่อยากจะบอก คือ.. วิวรักพี่เมดนะ  รักมากๆเลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่เมดมีวิวอยู่นะ ]

 

[ อื้ม เหมือนกัน พี่ก็รักวิว ขอบคุณนะ ที่อยู่ข้างๆกันมาตลอด ]

 

[ ก็เราเป็นพี่น้องกันนิ ]

 

[ ใช่ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ] รอยยิ้มกว้างของผมที่ส่งผ่านหน้าจอไป คงไม่ต่างอะไรจากอีกคน ครอบครัวเราอาจจะไม่เหมือนคนอื่น คนที่ต่างพ่อ ต่างแม่ มาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน หลายคนเคยพูดว่า เวลาเรามีปัญหาเราจะมองเห็นคนข้างตัวเราได้ชัดขึ้น แล้วผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนี้ผมเห็นคนข้างตัวชัดขึ้น อย่างน้อยก็เห็นว่า ใครที่ดีแล้วก็ใครที่ร้าย

 

 

..........................................................................

ในช่วงเวลาแย่ๆ เจอคนแย่ๆ แต่ว่า มันก็ยังมีคนที่ดีๆอยู่ อยากจะให้มองรอบข้างตัวเรานั้นให้ดี

นั่นคือใจความสำคัญที่อยากจะสื่อออกไป และที่อยากจะสื่อก็คือ มันไม่มีใครที่โง่เพราะรักหรอก เมดก็แค่คนคนนึงที่ก็แค่เคยรักใครสักอย่างสุดหัวใจ แต่มันคนที่เค้าให้ใจไป มันไม่เห็นค่าความรู้สึกของเค้าเท่านั้นเอง

ไม่เป็นไรนะลูก #หอมหัวหนูเมด

ตอนหน้าเจอกับพี่อาฟ และ เดอะแก้งค์ของเค้าที่ตอนนี้จ่ายค่าตัวแล้วเรียบร้อย

ปอลอ อยากให้พี่อาฟกระชากมาจูบมาก นี่ชอบตั้งแต่ปิดตาเค้าไว้ แล้วบอกไม่ต้องมองแล้ว ไม่อยากจะให้เค้าเสียใจชั่ยมั่ยชั่ย

ตรงนี้คือทางไป จอยลดา :  http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6

รักนะ เลิฟยู

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 8 :: 17-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 17-03-2018 10:44:20
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า

 

ตอนที่ 8


“ จะนั่งยิ้มบ้ากับมือถืออีกนานมั้ย " ผมเอ่ยถามอีกคนในรถที่เงียบแทบไม่มีเสียงใด รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้านั้นบอกกับผมว่าความอึดอัด หรือแม้แต่ความเศร้าคงหายไปจากความรู้สึกของคนที่แทบจะร้องไห้อยู่แล้วตอนที่เห็นไอ้บิน แฟนเก่ามันเดินเข้ามาหา

 

            ความเข้มแข็งที่เอ่ยคำพูดจาแข็งกระด้างนั่นออกไป ผมรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่อีกคนกำลังพยายาม พยายามทำเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไร แล้วในวินาทีที่เหมือนว่าอีกฝ่ายยังคงตามตื้อไม่เลิก แล้วอีกคนก็ดูท่าทางจะทนไม่ไหว ความรู้สึกนึกคิดที่แยกเรื่องที่ควรทำไม่ควรทำของผมมันก็ขาดลงไป มือที่ดึงเค้าเข้ามาจูบ วินาทีที่สัมผัสริมฝีปากที่นุ่มนวลนั้น ผมอยากจะกดลงไปให้แรงกว่านั้นและผมก็อยากจะสัมผัสให้มันลึกซึ้งกว่านี้

 

            ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร กับการทำให้ใครเข้าใจผิด เรื่องที่เราเป็นแฟนกันหรืออาจจะมีความสัมพันธ์อะไรสักอย่างที่ลึกซึ้ง ในทางกลับกันผมคิดว่านั่นดีแล้ว เราจะได้มีเรื่องอะไรสักอย่างไว้คุยกันต่อ

 

“ แล้วนี่เราจะไปไหนกัน "

 

“ ไม่รู้ "

 

“ อ้าว..” อีกฝ่ายสบถก่อนจะหันมามองผม ตอนที่หันไปมองกลับอีกคนก็นิ่งไป ริมฝีปากนั้นที่เม้มเข้าหากันเบาๆ เมดหันไปมองข้างหน้าต่างก่อนจะกลืนน้ำลายลงไปในคอด้วยท่าทีที่ดูเหมือนคนทำตัวไม่ถูก แก้มแดงๆที่ทำให้ผมหลุดยิ้มเพราะรู้เหตุผลดีว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น

 

" หรือจะกลับไปเรียน ให้ไอ้เหี้ยนั่นมันมาวอแวอีก "

 

" ตอนนี้คงไม่ละ แต่คิดว่าคาบเย็นน่าจะเข้าไป " อีกคนบอกก่อนจะหันมามองผม " มึง.. รู้จักกับบินด้วยเหรอ "

“ ถามทำไม "

 

“ ก็กูแค่เห็นว่ามันทักมึง ตอนที่หันมาเห็นมึง ก็เลยคิดว่าน่าจะรู้จักกัน "

 

" เคยอยู่โรงเรียนเรียนกันมาก่อน "

 

" ห๊ะ ? “ แววตาที่เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ท่าทางที่ดูสนใจแบบนั้นทำให้ผมหันออกไปมองถนนตรงทางข้างหน้าแม้กำลังติดไฟแดง " มึงเคยอยู่โรงเรียนเดียวกับบินเหรอ ? “

 

" อื้ม "

 

" กูก็อยู่โรงเรียนตรงกันข้ามมันนะ "

 

" กูไม่รู้จักมึง "

 

" สัด " เมดบอกก่อนจะทำขมวดคิ้วแล้วมองผมด้วยสายตาหงุดหงิด " กูออกจะดัง "

 

" ดังยังไง ? ในทางไหน ? แต่หน้าตาเหมือนไอ้ตี๋ขายโจ๊กแบบนี้ คงไม่น่าจะดังเรื่องหน้าตาหรอกมั้ง "

 

" มึงว่าอะไรนะ มึงบอกว่ากูหน้าเหมือนไอ้ตี๋ขายโจ๊กเหรอสัด " มันชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง แววตาที่เอาเรื่องของมัน ดูไปดูมาเหมือนแมวตัวเล็กๆที่กำลังฉีกเขี้ยวแล้วเอามือกวักไปกวักมาอยู่แถวหน้าร้านอาหารญี่ปุ่น ไม่ได้รู้สึกว่าน่ากลัวอะไรสักนิด

 

" ลองส่องกระจกดูสิ " ดึงที่บังแดดลงมาให้อีกคนดู มือนั่นก็ดึงมันขึ้นไปทันที

 

" กูไม่เหมือนไอ้สัด! ส้นตีน ปากมึงนี่ "

 

" พูดถูก ก็ยั๊วะอีก "

 

" แม่ง..” มันดันหลังตัวเองนั่งพิงเบาะด้วยความไม่สบอารมณ์อยู่หลายนาที " แต่มึงอยู่โรงเรียนเดียวกับบิน มึงจะไม่รู้จักกูได้ไงอะ ก็ตอนนั้นอะ..” มันที่เม้มริมฝีปากตัวเองไปเพราะไม่อยากจะพูดอะไรที่มากกว่านั้น ถ้าให้เดาคงจะบอกว่า ก็ตอนนั้นเรื่องของมันที่คบกับไอ้บินดังไปทั่ว ผมจะไม่รู้ได้ยังไง

 

" กูไม่ใช่คนขี้เสือก "

 

" ยังไม่ทันจะบอกเลยว่าเรื่องอะไร " อีกคนหันมาเหล่ เมดที่ถอนหายใจออกมา ผมรู้ว่ามันคงรู้ ว่าผมรู้เรื่องราวรักในอดีตที่สุดแสนจะโรแมนติกของมันดี เรื่องดังขนาดนั้นต่อให้เป็นคนไม่สนใจอะไรก็คงรู้ " รู้แล้วก็น่าจะล้อออกมาตามสันดานมึงนะ ทำไมไม่ทำวะ "

 

" รู้เหรอ ว่ากูสันดานยังไง "

 

“ ดูจากฝีปากไร้หูรูดของมึงก็พอจะเดาได้ " เมดเงียบไปตอนที่หันไปมองนอกหน้าต่างรถ มันถอนหายใจออกมา " แต่ยังไงก็ขอบคุณที่ไม่พูดถึงมันให้กูรู้สึกเจ็บนะมึง "

 

            ทุกอย่างเงียบไป  มันผ่านมาหลายนาทีแล้วที่ไม่มีเสียงสนทนาระหว่างเรา มีเพียงแค่เสียงรถรอบข้างที่ดังทะลุเข้ามาในรถของเราที่มีแต่ความเงียบ ผมนั่งมองใบหน้าที่กำลังร้องไห้นั่นผ่านกระจกที่สะท้อน มันไม่ใช่การร้องไห้ที่สะอึกสะอื้นอะไร มีเพียงแค่น้ำตาที่ไหลออกมาจากตาช้าๆ น่าแปลก ปกติผมคงรู้สึกว่า คนแบบนี้มันน่ารำคาญ ก็แค่คนคนเดียวจะมาร้องไห้ทำไมนักหนาวะ เสียดายน้ำตา เรื่องที่มึงถูกทั้งเพื่อนทั้งแฟนหักหลัง ก็คิดให้มันแง่ดีสิวะ ว่าก็ดีแค่ไหนแล้วที่มึงยังรู้ตัวไม่โง่จมปรักไปนานกว่านี้

 

            แต่เพราะความเสียใจนั่นมันไม่ใช่ของผม ผมไม่เคยถูกหักหลัง ไม่เคยมีแฟนที่แอบไปเอากับเพื่อนสนิทร่วมสี่ปี ผมไม่เคยมีประสบการณ์เหี้ยๆอะไรแบบนั้น เพราะงั้นบางทีการที่มันร้องไห้ออกมาแบบนี้ อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วก็ได้

 

            ก็คนเราไม่ได้ร้องไห้เพราะแค่เสียใจอย่างเดียว บางทีน้ำตาที่ไหลออกมาพวกนั้น คือเพราะมันกำลังพยายามลืม พยายามลบ และพยายามเข้มแข็งให้ได้มากที่สุด  ซึ่งตัวผมที่มองมันอยู่จากมุมนี้ คงทำได้แค่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วปล่อยให้มันร้องไห้เงียบๆไปอย่างงั้น แต่ก็ยังมีสิ่งที่ผมอยากรู้ ในตอนที่นั่งมองมันอยู่ตอนนี้ก็คือ ' ไอ้บินมันทนเห็นมึงร้องไห้ได้ยังไงกันวะ แม่ง โคตรเก่งเลย '

 

 

 ' Throw UP ' Staff  ได้เปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น o- o group

 

 

[ สัด ใครเปลี่ยนชื่อกรุ๊ปวะ ส้นตีนนน ขอยาวกว่านี้ไม่ได้เหรอไง ] ไอ้เจทักเข้ามาในกลุ่ม ตอนที่ผมติดไฟแดงอยู่ที่แยกหนึ่งแล้วดูท่าทางว่าอีกนานกว่าสัญญาณไฟเขียวจะปรากฏขึ้น

 

[ กูเองพี่เจ อยากจะได้ยาวใหญ่กว่านี้เหมือนกันจะได้เหมาะกับพวกเรา แต่แม่งกูหาไม่ได้วะ ใช้ๆไปก่อนนะ คิดว่าตอนยังไม่แข็ง ] ไอ้อัยย์ว่า

 

[ แล้วทำไมต้องเป็นอะไรเหี้ยๆแบบนี้ด้วยวะ  ]

 

[ มันดูเหมือนเป็นเรื่องที่เราสนใจที่สุดอะผมว่า ]

 

[ จริงๆ กูอยากจะตั้งว่า พอนดอริง ]

 

[ ทำไมวะ ]

 

[ ไม่น่าถาม ก็ชีวิตพวกเราแม่งเหมือนมีแต่เรื่อง porn porn ]

 

[ เออพูดถึงเรื่องนี้ วันก่อนครับ เพื่อนไปญี่ปุ่นครับ เพื่อนซื้อหนัง AV มาฝากครับ ]

 

[ ยังไงครับ ]

 

[ ดีครับ จะแบ่งบุญ ไอ้เชี้ยเดย์ยังไม่มามึงเอาไปก่อนเลยครับสัดพี่เจ ]

 

[ ขอรีวิวเรื่องด้วยครับ เห็นแบบนี้กูเลือกครับ กูไม่ดูทุกเรื่อง ]

 

[ มีสองเรื่องอะ เท่าที่กูจับใจความได้ เรื่องนึงแม่งลูกสะใภ้เอากับพ่อตา แล้วพ่อตาก็ไปนัดเพื่อนมาเอาด้วย รุมๆกัน แต่ไม่ปล้ำนะมึง ผู้หญิงสมยอม เล่นดีมากกูนี่แบบ ขึ้นไปหลายรอบ ]

 

[ เออ น่าสนใจ อีกเรื่องๆ ]

 

[ อีกเรื่องนวดน้ำมัน มึงเอ้ยย พี่เจ กูนี่แม่ง อยากลองแบบนั้นสักที เด็ดทั้งสอง ]

 

[ เอาทั้งสอง อีกสองวันกูหยุด กูจะนอนดูยาวๆ ]

 

[ พวกมึง ] ผมพิมพ์เข้าไปในไลน์กลุ่ม ท่ามกลางสองคนนั่นที่กำลังถกเถียงกันเรื่องไร้สาระ ถ้าเดาไม่ผิดคนที่อ่านคงกำลังขมวดคิ้วงงๆกับคำพูดจริงจังของผมที่ทักพวกมันไปก่อน

 

[ อะ พอตั้งใจจะอ่าน ก็หายเงียบเลยไอ้เฮีย ] ไอ้เจว่า [ มีไรครับ ]

 

[ สัด โคตรตกใจ เฮียทักว่าพวกมึง กูนี่ใจหล่นเลยอะ มือไม้สั่นไปหมด เรื่องสำคัญแน่ๆ ] ไอ้อัยย์เสริม

 

[ เออ กูเข้าใจอยู่  ไอ้สัดอาฟไม่ค่อยเข้ามาไลน์กรุ๊ปแล้วบอก พวกมึง ด้วยไง ตอบก็ตอบเลย ]

 

[ ใช่ไง คือรู้สึกเลยอะ ว่ามีเรื่องแล้ว มีเรื่องแล้ว น้องสั่นกลัวไปหมด ]

 

[ พวกมึงพล่ามจบยัง ] ผมถามพวกมันที่ชักชวนกันออกนอกเรื่อง

 

[ อะๆ จบแล้วครับ ว่าไงครับ เชิญเฮียอาฟว่ามาได้เลยครับ ]

 

[ ทำยังไงให้คนหายเศร้าวะ ]

 

[ ห๊ะ ? ] ไอ้เจพิมพ์ตอบกลับมา

 

[ งงเลยกู ] ไอ้อัยย์เสริมตาม [ แล้วใครเศร้าอะ เฮียอ๋อ เศร้าเรื่องไรอะ ถ้าเฮียเศร้าก็ไปตีหญิงดิวะ แค่นั้นก็หายแล้ว ]

 

[ ไม่ใช่กู ]

 

[ อ้าว งั้นใครอะ ]

 

[ เสือก ถามก็แค่ตอบ ] ผมว่า

 

[ ตอบแบบนี้ หญิงแน่ๆ ทำไมอะ เฮียมึงไปทำหญิงที่ไหนเศร้าวะ แต่ปกติเฮียไม่แคร์ไม่ใช่เหรอ ว่าเค้าจะรู้สึกยังไง ]

[ กูไม่ได้ทำ แล้วนี่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงด้วย ]

 

[ อ้าว อะไรวะ กูชักงงละมึงไอ้สัดอาฟ ] ไอ้เจว่า [ ไม่ใช่ผู้หญิง งั้นก็ผู้ชาย ]

 

[ อื้ม ]

 

[ ผู้ชายที่ว่า คือผู้ชายที่สัดพี่ไปยืนจูบเค้าหน้าคณะบัญชีที่มหาลัยแห่งหนึ่งเปล่าน้าาาา ] ไอ้เดย์น้องชายผมทักขึ้นมาในไลน์ ก่อนจะส่งสติกเกอร์กวนตีนมาให้

 

[ เดี๋ยวๆ เกิดเหี้ยไรขึ้นวะ กูงง สัดอาฟนี่มึงไปจูบผู้ชายหน้าคณะบัญชีมาเหรอวะ แล้วไอ้เชี้ยเดย์ นี่มึงอยู่กับมันเหรอวะ ทำไมรู้ ]

 

[ คนที่ไปจูบกับเค้ามันพี่อาฟแห่ง throw up เลยนะเว้ย พวกมึงอย่าลืมไปดิ เพราะงั้นกูอยู่ไหน กูก็ต้องรู้มั้ย ]

 

[ อย่าลีลา บอกมาไอ้สัด ] ไอ้อัยย์บอกเพื่อนมัน

 

[ อะๆ จะบอกบุญพวกมึงแล้วกันนะ วันนี้น้องดรีมน้องคณะบัญชีที่กูเคยคุยด้วย ทักกูมาว่า เห็นเฮียอาฟของเราที่โรงอาหารคณะบัญชี มากับผู้ชายคนนึงเลยถามกูว่า พี่อาฟมีแฟนแล้วเหรอ กูก็งงเว้ย แต่ก็บอกไปตามที่เคยนัดกันว่า ถ้าใครถามว่าแฟนยังให้ตอบไปว่า ยัง ต่อให้มีแล้วก็ให้ตอบว่า ยัง กูก็ตอบไปว่า ยัง น้องก็แบบส่งมาหากูรัวๆเลยว่า พี่อาฟหล่อขึ้นอีกแล้วไม่เจอกันแปปเดียว เนี้ยๆ เย็นนี้จะมาหากูที่ผับ กูก็อะ คืนนี้มีอะไรทำละ เลยคุยต่อ สักพักแม่งมาบอกว่า ไม่มาละ มันบอกกูโกหกมัน ทางนี้ก็งงครับ ไปโกหกไรวะ น้องก็บอกว่า กูโกหกที่บอกว่าพี่อาฟยังไม่มีแฟน เนี้ย พี่อาฟจูบกับผู้ชายที่มาด้วยหน้าตึกมัน แล้วจูงกันขึ้นรถไปแล้ว ]

 

[ เฮ้ยย เดี๋ยวนะ .. ]

 

[ พีคมั้ยละไอ้สัด พี่กู จูบธรรมดาโลกไม่จำ ต้องจูบโชว์ พี่ผมครับ พี่ผม ]

 

[ อะ คราวนี้ก็ตาเฮียอาฟละครับ แถลงการณ์มาเลย ตกลงอะไรยังไง ] ไอ้อัยย์ว่า แต่ไอ้เจดันพูดขึ้นมาก่อน

 

[ แต่เดี๋ยวนะ คณะบัญชีเหรอวะ ]

 

[ พี่เจแม่งเหมือนจะรู้จักวะ ] ไอ้เดย์ว่า [ ใครวะ พี่เจ นี่กูถามน้องดรีมแม่งบอก แม่งไม่รู้จัก เห็นบอกว่า คนขาวๆ ]

 

[ เมด ] ไอ้เจตอบ [ รู้จักอยู่คนเดียวอะ ถ้าผู้ชายแล้วอยู่คณะบัญชีตอนนี้ กูรู้จักแค่เมด ]

 

[ อื้ม เมด ] ผมตอบออกไป ข้อความนั่นถูกอ่านจากทุกคนในกรุ๊ปแต่ที่ไม่มีอะไรตอบกลับมา เหมือนว่าพวกมันกำลังตั้งสติกับข้อความของผมมากกว่า

 

[ ไอ้เหี้ยเอ้ยยย นั่นเมดดด เมดของกูเลยนะไอ้เหี้ยยยย ]  ผ่านไปเกือบนาทีไอ้เจถึงพูดขึ้นมาคนแรก [ ไอ้สัด ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้างวะ ]

 

[ ไอ้พี่เลว นั่นพี่เมดของกู โอ๊ยยยยยยยยอะไรกันวะเนี้ย มึงจะแย่งคนที่กูหมายตาทุกคนไม่ได้สัดพี่!!! ]

 

[ เชี้ย กูโคตรช็อค อยากจะด่าสัดเฮียสักสามล้านคำ ว่านั่นคือพี่เมดของกู แต่แม่ง พูดเหี้ยไรไม่ออกเลยวะ กูงงอะ อะไรวะ ทำไมเป็นพี่เมดอะ เฮียมึงชอบพี่เมดเหรอ เอาจริงๆ นี่กูอยากรู้ ]

 

[ เปล่า กูไม่ได้ชอบ ] ผมบอก [ แค่มีเรื่องนิดหน่อย กูเลยต้องจูบมัน ไม่ได้ตั้งใจจะจูบ ]

 

[ อย่ามาตอแหลกูไอ้สัดพี่ เหี้ยเรื่องอะไร ทำไมต้องจูบเค้า มึงอยากจะจูบเองมากกว่า สัด ] ไอ้เดย์พูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด แต่นั่นก็ทำให้ผมแค่หลุดยกยิ้ม

 

[ แล้วนี่มึงถามมาตอนแรกว่า ทำยังไงให้คนหายเศร้า มึงหมายถึง เมด ] เจว่า

 

[ อื้ม ]

 

[ เชรดโด้ เค้ามีความแคร์ แม้ปากจะบอกว่าไม่คิดอะไร ] ไอ้อัยย์ว่า [ แล้วทำไมพี่เมดของอัยย์ถึงเศร้าวะ ]

 

[ แล้วนี่พี่มึงอยู่ไหน กูจะไปหา กูจะไปกอดปลอบพี่เมดของกูเองจ้า ] ไอ้เดย์ถาม [ สงสารพี่เมดสัด นอกจากเจอเรื่องเหี้ยๆอย่างมาทำรอยบนรถสัดพี่ที่นิสัยเหี้ยมโหดแล้ว ยังเจอคนเหี้ยๆแบบสัดพี่กู จูบอีก อีเหี้ยยยยย พี่เมดของกู ]

 

[ อัยย์จะไปทำอะไรตลกๆให้พี่เมดยิ้ม เฮียมึงอยู่ไหน กูจะไปหา ]

 

[ เรื่องมันยาว ] ผมบอกปัด

 

[ ตอนนี้พวกกูว่าง ]

 

[ ตอนนี้พวกกูว่าง ]

 

[ ตอนนี้พวกกูว่าง และจะว่างเสมอและตลอดไปสำหรับพี่เมด ] แต่เหมือนไอ้เดย์จะฉีกประโยคของคนแรกออกไปแบบหน้าด้านๆ

 

[ สัดเดย์แม่งไม่ใช่วะ ไม่ทีมเดียวกันกับพวกกูเลย ] ไอ้อัยย์ว่า ผมที่กำลังจะพิมพ์ตอบแต่ตอนนั้นคนที่นั่งข้างๆผมก็บอก

 

“ ไฟเขียวแล้วมึง "

 

[ แต่ตอนนี้กูไม่ว่าง ไฟเขียว ] วางมือถือลงข้างตัวก่อนที่เสียงโวยวายในแชทกรุ๊ปจะเตือนออกมาไม่มีหยุด

 

[ ไม่!!! จอดรถ ไอ้สัดพี่ แล้วคุยกับพวกกูให้รู้เรื่อง ]

 

[ พี่เมดของอัยย์ กูอยากจะรู้ว่าพี่เมดเศร้าเรื่องไรอะ พี่เจมึงไม่รู้เหรอวะ เฮียไม่ได้เล่ามึงเหรอ ]

 

[ ให้มันมาเล่าเอง ] ไอ้เจว่า [ กูไม่อยากจะพูด แต่คิดว่าคงเป็นเรื่องนั้นแหละ คิคิ ]

 

[ ไม่บอกบุญพวกกูหน่อยเหรอวะ ]

 

[ สัด กูอยากรู้ ] ไอ้เดย์ว่า [ จอดรถ สัดพี่ ! แล้วเล่ากู ]

 

            ผมปิดหน้าจอมือถือของตัวเอง ตอนนี้ก็ทำได้แค่ขับรถไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะไปไหนหรอก ก็มันไม่มีที่ให้ไปในเวลาเช้าๆแบบนี้ แล้วถ้าให้เลือกที่ที่อยากจะไปจริงๆ คงเป็นคอนโด เพราะตอนนี้โคตรอยากจะนอน ง่วงชิบหายเมื่อคืนก็ไม่ได้นอน พอส่งอีกคนเสร็จ ผมก็กลับไปอาบน้ำแล้วก็รีบออกมาเลย เพราะกลัวรถติดแล้วจะทำให้มันเข้าเรียนสาย แต่สุดท้าย แม่งก็ไม่ได้ไปเรียน โคตรส้นตีน

 

“ แล้วมึงไม่ไปเรียนเหรอ " หันไปมองคนข้างๆที่ตั้งคำถามนั่นขึ้นมา คำถามที่ผมเคยโกหกไว้ว่ามีเรียนแต่ความจริงไม่มีอะไรทั้งนั้น  " ไหนบอกมีเรียนเช้า "

 

“ อาจารย์ยกเลิกคลาส  " ผมหันไปบอกอีกคน " ไอ้เจเพิ่งส่งข้อความมาบอก "

 

“ แล้วนี่มึงจะไปไหน "

 

“ ไม่รู้ " ผมบอก " มึงอยากจะไปไหนละ "

 

“ ไม่มีที่ที่อยากไปวะ " เมดบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " รู้แค่ว่าไม่อยากจะกลับไปเรียน แต่ให้กลับไปที่คอนโด กูก็คงนอนไม่หลับอยู่ดี แล้วมึงอยากจะกลับบ้านไปนอนมั้ย ไปทิ้งกูไว้คาเฟ่ไว้ก็ได้นะ แล้วเดี๋ยวถึงเวลากูไปที่ผับเองได้ "

 

" แหกตาดู อีกกี่ชั่วโมงกว่าผับจะเปิด แล้วเวลานี้คาเฟ่ที่ไหนเปิด ส่วนใหญ่มันก็เปิด 10 โมง "

 

" มันก็ต้องมีบ้างที่เปิดเก้าโมงเช้า " อีกคนเถียง  ผมก็ถอนหายใจออกมา ตอนที่มองไปยังทางข้างหน้าอีกนิดก็ถึงคอนโดของผม ความคิดดีๆโผล่ขึ้นมา ผมยกยิ้ม

 

" งั้นไปคอนโดกู "

 

" ห๊ะ ? ไปทำไม "

 

" กูกลับไปนอน ส่วนมึง ถ้าไม่หลับก็ดูทีวีไป มีหนังให้ดูเยอะแยะ หิวก็โทรไปสั่งของมากิน "

 

" แล้วที่คอนโดมึง.. มีใคร อยู่ บ้างวะ " มันถามด้วยท่าทางที่บอกกับผมว่าไม่ค่อยอยากจะไปเท่าไหร่ แต่มันคงลืมไปว่าตัวมันไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรอยู่แล้ว

 

" ปกติกูอยู่กับไอ้เดย์ แต่คิดว่ามันไม่น่าจะอยู่ " เมื่อเช้าหลังจากส่งคนข้างๆแล้วขับรถกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมไม่เห็นมันอยู่ที่ห้อง เลยคิดว่าคงไปนอนคอนโดกิ๊กสักคนของมันเหมือนอย่างทุกที

 

" อ้าว แล้วน้องเดย์ไปไหน " หันไปมองหน้ามันที่เอ่ยเรียกน้องชายผมแบบนั้น ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมต้องไม่ชอบสรรพนามอะไรพวกนั้นที่อีกคนเอ่ยเรียกด้วย รู้แค่ว่า ฟังทีไรก็หงุดหงิดทุกที จริงๆเรียกไอ้เชี้ยเดย์ก็หรูแล้ว

 

" คงไปนอนกกกิ๊กของมันอยู่ที่ไหนสักที่แหละมั้ง "

 

" อื้ม " อีกคนพยักหน้ารับ

 

" ไม่ต้องกลัวหรอก กูไม่คิดจะปล้ำมึงอยู่แล้ว "

 

" หึ กูมากกว่ามั้ง ที่ต้องกลัว " อีกคนบอกก่อนจะบ่นงึมงำ " จริงๆ กูก็ควรกลัวมึง ตั้งแต่โดนมึงลากไปจูบเมื่อกี้แล้วจะบอกให้ นี่ยังลากกูออกมาแล้วจะพาไปคอนโดมึงอีก แล้วหน้าตามึงแม่งไว้ใจไม่ได้ ไม่รู้ว่ากูจะโดนทำอะไรบ้าง  "

 

" กูได้ยินนะ "

 

" ก็ทำเป็นไม่ได้ยินไปดิวะ "  มันที่หันออกไปนอกหน้าต่าง ทำได้อยากจะเอื้อมมือไปทำอะไรสักอย่างกับมัน หมั่นไส้ไอ้ท่าทางน่ารักแบบนั้นชะมัด กวนส้นตีน

 

            เสี้ยวรถเข้าคอนโด ตรงที่จอดประจำที่ไม่มีรถของไอ้เดย์จอดอยู่ ก็ตามคาดว่าคงเจอมันอีกทีคือช่วงเวลาเข้าผับ ตอนนี้ถ้าไม่เรียนก็คงกำลังนอนอยู่บนเตียงสาวสักคนในสต๊อกของมัน  เดย์กับผมมีสไตส์การใช้ชีวิตเซ็กส์และผู้หญิงต่างกัน มันชอบคบไปเรื่อยๆ มีอะไรกัน ถูกใจก็สานต่อ ใช้กันยาวๆ อาทิตย์นึงคั่วสาวแบบผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตลอด ส่วนผม ถ้าถูกใจก็มีเซ็กส์ด้วย แล้วจากนั้นก็แยกกัน เป็นแค่ความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตน  ผมไม่ชอบผูกมัดกับใคร

 

“ มึงอยู่คอนโดนี้หรอกเหรอ " อีกคนพูดขึ้นมาตอนที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ

 

“ แล้วมึงเห็นกูจอดรถมั้ย "

 

“ กวนตีน กูก็แค่ถาม มึงแม่งจะตอบเป็นคนสักครั้งได้มั้ยวะ "

 

" แล้วมึงเสือกตั้งคำถามโง่ๆทำไม " ผมหันไปถาม " กูจอดรถใต้คอนโดนี้ทำไม ถ้ากูไม่อยู่คอนโดนี้ เค้าจะให้เข้ามามั้ย แล้วอีกอย่าง กูจะเข้ามาจอดถึงข้างในทำไมถ้าไม่อยู่ที่นี่ คิดว่าจะเข้ามาจอดรถแล้วเดินออกไปเที่ยวที่ห้างข้างๆรึไง "

 

“ อาฟ " อีกคนหันมามองผมก่อนจะยิ้มจางๆ " แค่ตอบว่า อื้ม ไปตามมารยาทของคนชวนคุยมันยากนักเหรอวะ แต่ก็นะ กูลืมไป..ว่ามึงคงไม่มี "

 

“ งั้นลองชวนคุยอีกทีสิ " หันไปยกยิ้มให้อีกคนที่ก็นิ่งไปผมขยับตัวเข้าไปใกล้ ใบหน้าหงุดหงิดกับปากแหลมๆก็เม้มเข้าหากัน

 

“ ไม่ ไอ้สัด "

 

            ประตูของคนข้างๆถูกเปิดแล้วปิดลงด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ผมที่นั่งยกยิ้มอยู่ในรถหลายนาที ก่อนจะเดินนำอีกคนเข้าไปในคอนโด กดลิฟต์ขึ้นไปบนชั้นห้องของตัวเอง วินาทีที่ปลดล็อคห้องแล้วเปิดประตูให้กว้างออก คนที่เดินตามมาข้างหลังก็ชะงักนิดหน่อย แน่นอนว่า ไม่ได้ตกใจเรื่องความหรูหราของมันหรอก แต่คงเพราะมีกองเสื้อผ้ากับของที่ไม่ได้ใช้วางกระจัดกระจายไปทั่วห้องต่างหาก

 

“ นี่ห้องหรือว่าที่ทิ้งขยะวะ "

 

“ มากไป " ผมหันไปบอกมัน " เข้ามา " สายตาที่มองไปรอบๆเหมือนพิจารณา " ห้องผู้ชายทั่วไปมันก็เป็นแบบนี้ "

 

" ไม่นะ ผู้ชายบางคนไม่ได้ซกมกแบบนี้ อย่าเอาตัวเองไปเป็นไม้บรรทัดของคนอื่นสิวะ " ทุกอย่างเงียบไป ผมที่มองหน้าอีกคนที่ก็หันมาสบตากันพอดี

 

" ปากมึงนี่นะ ”

 

“ หรือว่าไม่จริงวะ กูเป็นผู้ชายเหมือนมึง ห้องกูยังสะอาดกว่านี้เลย " มันมองไปรอบๆอีกครั้ง " สะอาดกว่านี้มากอะ "

 

“ กูจะเข้าไปนอนหน่อย มึงจะเข้าไปนอนด้วยกันมั้ย " คนโดนถามขมวดคิ้วกับคำพูดของผม ยักคิ้วให้มันพร้อมกับยกยิ้มอีกคนก็พึมพำ

 

“ กวนส้นตีน " เมดส่ายหน้าไปมา “ ไม่อะ กูจะนั่งดูหนังอยู่ตรงนั้นแล้วกัน คงนอนไม่หลับหรอก "

 

“ อื้ม "

 

            เดินตรงไปที่ทีวี จัดการหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนหน้าโต๊ะแล้วก็โซฟาไปตั้งไว้อีกที หลงเหลือไว้แค่โซฟากับหมอนเข้าชุดของมัน ผมจัดการเปิดทีวี แล้วก็ยื่นรีโมตให้อีกคน

 

" กูจะเข้าไปนอนละ "

 

" อื้ม ฝันดี " หยุดนิ่งมองอีกคนแบบนั้นสักพัก ก็ยอมรับ มันรู้สึกดีกับคำนั้นอย่างประหลาด จนคนที่ถูกมองถามผมด้วยท่าทางงงๆ " มีอะไรรึเปล่า "

 

" เปล่า " พูดตัดจบเรียบร้อย ผมพาตัวเองเดินเข้าห้องนอนก่อนจะส่ายหน้าไปมา

 

            ก็นึกขำตัวเองเหมือนกัน กับแค่คำว่าฝันดีจะอะไรนักหนาวะ คนพูดแม่งก็พูดไปตามมารยาท ส่วนคนฟังทำไมแม่งต้องรู้สึกดีด้วยวะ หรือเพราะว่าไม่ได้ฟังคำพูดนั้นมานานแล้ว อาจจะเป็นอย่างหลัง ผมบอกตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมา นั่นสิ คำว่าฝันดีจากใครสักคน ได้ฟังครั้งล่าสุดตอนไหนกันวะ

 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 8 :: 17-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 17-03-2018 10:51:09


' J is J '

 

[ เจ ] ผมพิมพ์เข้าไปในไลน์ส่วนตัวของเพื่อนสนิท ในวินาทีที่ยังไม่ทันจะพิมพ์คำถามอะไรออกไปมันก็พิมพ์ตัดหน้าขึ้นมาก่อน

 

[ อะ ก่อนที่มึงจะพิมพ์เหี้ยอะไรใดๆออกมา กูขอถามก่อนว่า มึงไปจูบเมดได้ยังไง ]

 

[ เรื่องมันยาว ]

 

[ กูว่างสัด เล่ามา ]  ถอนหายใจออกมากับความดื้อด้านของเพื่อนตัวเอง ลืมไปว่าไอ้เจเป็นพวกกัดไม่ปล่อย ถ้าแม่งอยากรู้แต่ผมไม่ยอมบอกแม่งก็กัดอยู่อย่างงั้น ไม่ยอมปล่อยจนกว่าจะได้รู้

 

[ กูแค่พาเมดไปส่งที่มหาลัยเมื่อเช้า เพราะรถมันเสีย ]

 

[ คนดีนะสัด ให้เดาว่านี่คงยังไม่ได้นอน ] มันพิมพ์แซวขึ้นมา [ ปกติเฮียอาฟของกู คนที่กูรู้จักเป็นคนใจดีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอวะ ]

 

[ จะฟังมั้ย ]

 

[ ฟังครับ ]

 

[ กูก็พามันไปส่ง แล้วเจอไอ้บิน ไอ้บินก็เข้ามาหามัน ขอมันคืนดี พูดวอแวอยู่นั่น กูก็เลยดึงไอ้เมดมาจูบ มันจะได้เลิกพูดวอแวไอ้เมด จบ ]

 

[ สัดอาฟ มึงเป็นคนเล่าเรื่องได้เหี้ยมาก แล้วเสือกจั่วหัวว่าเรื่องยาว ]

 

[ ขี้เกียจเล่า คนเสือกอย่างมึง ]

 

[ แต่ไอ้เชี้ยบินแม่งก็กล้าว่ะ ด้านดี มันคิดได้ไงวะ แม่งไปแอบเอากับเพื่อนเค้าตั้งนาน พอเค้าจับได้ ยังมีหน้ามาขอโทษ ขอคืนดี แล้วเมดมันเป็นยังไงบ้างวะ ]

 

[ ไม่รู้ ตอนนี้ ไม่ดูทีวีก็คงร้องไห้มั้ง ]

 

[ กูถามถึงตอนนั้นดิ แต่เอ๊ะ ? .. นี่มึงอยู่ไหนกัน ]

 

[ คอนโดกู แล้วก็ไม่ต้องคิดเหี้ยๆ ] ผมดักความคิดของคนอย่างมัน [ มันนั่งดูทีวีอยู่ข้างนอก กูอยู่ในห้อง น่ารำคาญ เอาแต่ร้องไห้ ]

 

[ สงสารก็พูดมา ] อีกคนแซว [ แต่โดนผัวนอกใจไปเอากับเพื่อนนะมึง หนำซ้ำยังหลอกกันมาตั้งนาน มันคงไม่เอากันครั้งเดียวหรอกในสี่ปีนั่นอะ มึงจะให้มันไม่เสียใจ ไม่ร้องไห้ ยืดอกเข้มแข็งไม่รู้สึกอะไรเลย คงเป็นไปไม่ได้เปล่าวะ  ไม่ใช่โดนแซงคิวร้านข้าวป้าโรงอาหารสักหน่อย  เมดแม่งใช้ชีวิตปกติได้ก็เก่งแล้ว บางคนโดนแบบนั้นช็อคจนทำเหี้ยไรไม่ถูกแล้วมั้ง ]

 

[ เข้าข้างกันจริงวะ ]

 

[ กูไม่ได้เข้าข้าง กูพูดจริง วันนึงที่มึงรักใครมากๆ แล้วโดนแบบที่เมดโดน กูว่ามึงคงเป่าแม่งทั้งคู่ด้วยปืนลูกซองด้วยซ้ำ ] ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำแบบที่ไอ้เจว่ามั้ย เพราะไม่เคยรู้สึกรักใครมากๆ ก็เลยเดาไม่ออก ว่าจะเป็นยังไง [ ว่าแต่มึงเถอะ บอกกูเข้าข้าง อย่าคิดว่ากูไม่รู้สัดอาฟ ]

 

[ ทำไม ]

 

[ ที่มึงจูบไอ้เมด เพราะมึงไม่อยากจะให้มันฟังไอ้เหี้ยบินพูดเหี้ยอะไรที่ทำให้เสียใจไปยิ่งกว่านี้แล้วมากกว่า มึงสงสารมัน สารภาพกูมา  สัด ]

 

[ กูไม่ได้คิดอย่างที่มึงพูด ] ผมบอก [ ก็เหมือนที่กูบอก กูรำคาญ พูดเหี้ยอะไรวนไปวนมาอยู่นั่น ]

 

[ เออ ปากแข็งไปเถอะไอ้เหี้ย เอาที่มึงสบายใจ แต่ที่กูจะบอกมึงก็คือ การที่มึงไปจูบเมดแบบนั้น มันทำให้ไอ้บินมันคิดไปได้นะ ว่ามึงกับเมดเป็นแฟนกัน ]

 

[ อยากจะคิดอะไรก็คิด กูไม่ได้สนใจ ]

 

[ ก็มีแต่ได้กับได้สินะ ไอ้สัด เลยไม่สนใจ กั้นคนที่เข้ามาจีบเมดได้เยอะแยะเพราะเค้าคิดว่าเป็นแฟนมึง แต่มึงจะทำเหี้ยอะไรก็ได้จะยังเอากับคนอื่นก็ยังได้ เพราะไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ  ] ไอ้เจพูดผมก็ยกยิ้มตอนที่อ่าน " แต่ขอเตือนมึงไว้อย่าง มึงกำลังเอาตัวเองเข้าไปปกป้องไอ้เมดนะรู้มั้ย ]

 

[ กูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น ก็บอกมึงอยู่ว่าแค่รำคาญ ]

 

[ เออ กูรู้ว่ามึงต้องพิมพ์แบบนี้แหละ ไอ้สัดอาฟ แต่กูก็แค่อยากจะบอกมึงไว้ ว่าถ้าเค้ากลับไปรักกัน คนที่หมาคือมึงนะ อย่าปล่อยให้ไอ้เชี้ยบินมาเหยียบหน้ามึงได้  ]

 

[ ก็ถ้ามันโง่ ]

 

[ ในความรักไม่มีใครฉลาดหรอกมึง ถ้าแค่อยากจะรัก คนเรามันยอมโง่กันทั้งนั้น ] เจว่าผมก็ถอนหายใจออกมา จริงอย่างที่มันพูดไม่มีผิด ผมก็รู้ดีว่ามันเป็นยังไง คนเรามันทำได้ทุกอย่างเพราะรู้สึกรัก รู้สึกชอบ ตอนนี้ผมเข้าใจมันดี [ แล้วตอนนั้นเมดมันเป็นไง ตอนที่ไอ้บินเข้ามาง้อ ท่าทางจะกลับไปคืนดีมั้ย ]

 

[ มันปฎิเสธ  ทำเป็นเข้มแข็งไม่สนใจแต่กูว่าเหมือนพยายามมากกว่า เวลานั่งคนเดียวเผลอๆ แม่งก็ร้องไห้ ]

 

[ ก็ดีแล้วสัด อย่าไปแสดงความอ่อนแอต่อหน้าคนแบบนั้น ถ้ากูเป็นเมด กูจะต่อยแม่งสักที แฟนเหี้ยอะไรโคตรส้นตีน ]

 

[ เออมึง ช่วยจัดการเรียกช่างไปซ่อมรถเมดที่ผับด้วยนะ ]

 

[ โอเคได้ไม่มีปัญหา สำหรับน้องเมดพี่เจได้ทั้งนั้นจ้า ] อีกฝ่ายตอบตกลงก่อนที่ผมจะพิมพ์คำถามที่ผมตั้งใจจะพิมพ์ไปถามตั้งแต่แรก

 

[ แล้วตกลงมันมีวิธีไหนที่ทำให้คนอารมณ์ดีขึ้นบ้างวะ ] ข้อความที่เด้งขึ้นว่าอ่าน แต่กลับไม่มีข้อความตอบกลับมา ถ้าให้เดาจากความเป็นเพื่อนที่คบกันมานาน ไอ้เจแม่งคงกำลังยกยิ้มกับข้อความของผมที่มันได้อ่าน และมันคงกำลังคิดคำพูดกวนตีนอะไรสักอย่างส่งมาให้ผม

 

[ ไอ้อาฟ กูว่าเมดนี่โคตรน่ารำคาญเลยวะ มันน่ารำคาญสุดๆสำหรับมึงเลย ] ประโยคประชดของมันที่พิมพ์ขึ้นมาก่อนจะตบด้วยประโยคคำถาม [  แต่กูสงสัยอยู่อย่าง คนเราแม่ง จะใส่ใจความรู้สึกของคนที่เรารำคาญด้วยเหรอวะ  ]

 

[ สัด กวนส้นตีน ]                         

                                                              ........................................................

 

ว่าไงคุณ.. ปกติ คนเค้าใส่ใจเรื่องของคนที่ตัวเองรำคาญแล้วเหรออออออ

ถ้าเราไม่รักไม่ชอบเค้า เราจะสนใจเค้ามั้ย... ก็อยากจะให้พี่อาฟเก็บคำพูดนี้ไปครุ่นคีสสส สักนิดนึง

 

จริงๆ มีคนแอบมาถามด้วยว่าทำไมเมดยังเสียใจทั้งๆที่ บินทำกับตัวเองแบบนั้น ทำไมยังร้องไห้

คือในมุมมองของเรา เราแค่คิดว่า คบกันมาสี่ปี เหี้ยยังไงก็รักมาตลอด วันนี้มันเหี้ยมากๆ จนเราทนไม่ไหว ตัดใจจากมันออกมา ด้วยเหตุการณ์ที่แม้แต่ตัวเรายังไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น

เมดที่ร้องไห้อยู่แบบนี้ มันไม่ได้เสียใจแค่ตัวบินไง มันมีเรื่องเพื่อนด้วยที่คบกับมาตั้งแต่เด็กด้วย  อยากให้เข้าใจตัวน้องนิดนึง ยังไงน้องก็ต้องใช้เวลา แผลยังใหม่เนอะ

แต่เมดก็ไมได้จมหรอก ดูตอนเถียงกับอาฟสิ  แค่เวลาเหงาๆ อยู่คนเดียวเงียบๆ ก็คิดขึ้นมาตามประสาคนมีเรื่องเสียใจไง ทุกคนเคยเป็นน่า เรารู้ จริงมั้ยละ

 

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ

เจอกันตอนหน้า จะเขียนให้ยาวกว่าเดิม ..  :katai2-1: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 4 :: 26-2-61}
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 17-03-2018 11:56:31
ขำตอนอาฟกับเมดเถียงกัน กวนมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 6 - 8 :: 17-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: villevia ที่ 17-03-2018 12:11:03
เมดกับอาฟคือคนที่ไม่ใช่สเป็คของกันและกัน ตรงข้ามกันแต่เราคิดว่าเหมาะสมกันแน่ๆ สงสารเมดมาก เพื่อนกับแฟนโคตรเชี่ย เข้าใจเลยเป็นเราเราก็เลิกคบทุกคน โคตรแค้นแทน 4ปีมันเกินไปจริงๆ คนรักกันคงไม่ทำแบบนี้

เกลียดความซึนของอาฟ5555 อยากให้เค้ารักกันเร็วๆ~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 6 - 8 :: 17-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-03-2018 22:55:52
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 6 - 8 :: 17-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 18-03-2018 00:03:52
 o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 6 - 8 :: 17-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-03-2018 00:50:00
อาฟช่วยหาวิธีปลอบใจเมดด้วยนะ  :z3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 6 - 8 :: 17-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 18-03-2018 03:20:13
พี่อาฟ เอาพี่เมดมาเป็นเมียให้ได้นะ
#พี่อาฟคนซึน2018   :mew1:

ไรท์ มาต่อไวๆ ขอ 10 ตอน รวด!!!  o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 6 - 8 :: 17-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-03-2018 07:31:57
เมดนี่คือน่ารำคาญสำหรับอาฟมากกกกกก ถ้ารักเมื่อไหร่คืออุ้มไว้แนบอกตลอดใช่มะ :hao3: จะซึนเพื่อใคร?
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 6 - 8 :: 17-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: veevee ที่ 18-03-2018 08:36:27
คนไม่คิดอะไร เค้าไม่สนใจ กันขนาดนั้นนะอาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 6 - 8 :: 17-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-03-2018 09:21:53
สงสารเมด แฟนเลว ไม่เจ็บเท่าเพื่อนแม่งเชี่ยกับเราทั้ง ๆ ที่คิดว่ามันคือเพื่อนสนิท

เป็นเรานี้ฟิวขาดกระทืบเลยมั้ง ดีแล้วเมดเลิกคบพวกแม่งไป
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 6 - 8 :: 17-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 18-03-2018 12:35:01
พี่อาฟคนซึนน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 6 - 8 :: 17-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 18-03-2018 14:49:00
ชอบแก็งค์นีจังมีความฮาความจริงใจในกลุ่มเพื่อน
ฮาฟ - นิสัยขวานผ่าซากกวนส้นมาก
บิน - ปากหวานก้นเปรี้ยว
เมด - มองอาฟใหม่เถอะอาจดูเจ้าชู้
          แต่รักเดียวใจเดียวน้า

สนุกมากติดตามค่ะ o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 18-03-2018 20:29:19
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า
 

ตอนที่ 9

[ แล้วตกลงว่ามันมีวิธีไหนที่ทำให้คนอารมณ์ดีขึ้นบ้างวะ ]

[ ทำยังไงให้เมดอารมณ์ดีขึ้นวะ พิมพ์แบบนี้ ] ถอนหายใจออกมาตอนที่นอนลงเตียงของตัวเอง กับประโยคของเพื่อนที่ก็เหมือนยังจะแซวอยู่แต่เรื่องไร้สาระพวกนั้น [ มึงชอบเมดแล้วไอ้สัดอาฟ ]

[ อย่ามาไร้สาระ ] ผมบอก [ กูแค่..]

[ รำคาญญญญญญญญญญ ] ไอ้เจบอกขัดขึ้นมา [ เออ โอเค กูเก็ต กูเข้าใจมากๆ ]

[ สัด ]

[ งั้นกูจะถามอะไรมึงหน่อย แต่นี่ไม่ใช่เรื่องของกูนะ เรื่องเพื่อนกู มึงว่า คนเราแม่ง จะพยายามทำให้คนอื่นมีความสุขทำไมวะ ถ้าไม่ได้รู้สึกพิเศษกับคนคนนั้น คนเรามันแคร์ความรู้สึกของคนที่มาทำรถตัวเองเป็นรอยขนาดนั้นเลยเหรอวะ แต่อันนี้กูถามความเห็นมึงเฉยๆนะ ไม่ได้พูดว่าเป็นมึงเลยสักนิดเดียว เป็นเรื่องของเพื่อนกูน่ะ ]

[ กวนตีน ]

[ ด่าแล้วก็ตอบให้กูเข้าใจที กูอยากรู้ มึงว่าเพื่อนกูคิดยังไง ]

[ ทำไมต้องหาคำตอบวะว่ารู้สึกอะไร มึงอยากจะทำอะไรให้เค้า มึงก็แค่ทำ ]

[ สัด อะ ยอม ]

[ แล้วมึงจะตอบคำถามกูได้ยัง ] ผมถามมันก่อนจะถอนหายใจออกมา ปรึกษาเหี้ยไรไม่ได้เคยได้ความ ไอ้เพื่อนเวร

[ อื้ม คนอกหัก ยังไงแม่งก็เศร้าอยู่แล้วเปล่าวะ ถึงมึงจะทำยังไง เมดมันก็ลืมความเศร้าไปได้แค่แปปเดียวเท่านั้นแหละ สุดท้ายมันก็กลับมาเสียใจเหมือนเดิม ]

[ แค่แปปเดียวก็ได้ ]

[ สัดอาฟ ] ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้เจกำลังรู้สึกยังไงกับเรื่องของผม ไม่รู้ว่ามันกำลังทำหน้าแบบไหนตอนที่ได้อ่านข้อความนั้น จะกำลังยกยิ้มกับความน่าสมเพชของความรู้สึกผม หรือกำลังรู้สึกสงสารที่ตัวผมมาทำอะไรแบบนี้อยู่กันแน่

[ กูพิมพ์ผิดแชท ]

[ ไม่เนียน ] มันว่า [ รำคาญเนอะ แหมมมม กูนี่อยากเป็นคนที่มึงรำคาญบ้างจุงเบยอ่า โดนใส่ใจกว่าคนที่มึงไม่รำคาญไปอี๊กกก ]

[ เข้าเรื่อง ]

[ เบื่อมึงวะ แซวเหี้ยอะไรไม่เคยยอมรับ ปากนี่ถ่วงหินทั้งโลกไว้เหรอวะ หักสัด ] ผมถามหายใจกับข้อความของมัน [ ซึนเดเระเกิ๊น พ่อพระเอกตูนปุ่น อีทาเคชิของกู ]

[ เจ ]

[ โอเคๆ เข้าเรื่องเนอะ เดี๋ยวตีนโผล่ทางสาย น้องกลัว ]

[ อื้ม ] กว่าจะได้เข้าเรื่อง ผมคิด

[ กูว่า แค่ชวนทำอะไรให้มันไม่ว่างก็พอได้มั้ง กวนตีนมันดิ เรื่องถนัดมึงนิ ]

[ กูไม่ใช่คนกวนตีน ]

[ กล้าที่พูดนะสัด ] อ่านคำพูดของไอ้เจ ผมยกยิ้มขึ้นมา อาจจะกวนตีนนิดหน่อยมั้ง คนนอกห้องแม่งก็ชอบบอกว่างั้น [ ไม่งั้นมึงก็ชวนเค้าคุยสิ แต่ก็ยากอีกสำหรับมึง เอางี้ จับมันปล้ำมั้ย มึงคุยด้วยร่างกายเก่งนิ ]

[ สัด แล้วมีอะไรอีก ]

[ ที่กูเคยทำกับกิ๊กกู ก็พาไปดูหนัง กินเค้ก ก็ทำในสิ่งที่เค้าชอบ สิ่งที่เค้ามีความสุข แต่ถ้ามึงไม่รู้ มึงก็ลองถามเค้าดู ว่าเค้าชอบอะไร]

[ ถามให้หน่อย ]

[ Kละ มึงจะให้กูเข้าไลน์กลุ่ม แอดไลน์เค้าแล้วถาม เมด เมดชอบทำอะไรเหรอ ไลฟ์สไตส์มีอะไรบ้าง เมดมันจะงงมั้ยว่าทำไมอยู่ๆ กูไปถาม ]

[ ก็จริง ]

[ เออ เอานี่ไปอ่าน กูเห็นคนแชร์ในเฟส เผื่อช่วยมึงได้ ] ภาพที่ถูกส่งมา เป็นภาพที่มีข้อความเขียนเป็นหัวข้ออยู่ด้านบนว่า ' 10 กิจกรรมทำเพื่อรับมือ เมื่อรู้สึกแย่ '  [ กูว่านะ อย่างเมดแม่งต้อง แดก ไม่ก็ดูหนังคลายเครียดอะ อย่างอื่นแม่ง ดูทำยากไป อย่างเพลงคลายเครียดเงี้ย วันก่อนยังร้องไห้เพราะเพลงอยู่เลย ไม่น่าจะเวิร์ค ]

[ อื้ม ]

[ ก็ไปลองดูนะจ๊ะ ว่ามีวิธีไหนช่วยได้บ้าง ]

[ กูไม่ได้ช่วย ทำไมกูต้องช่วยมัน ]

[ เออๆ ก็แล้วแต่มึงจะหลอกตัวเองเถอะ ไม่ช่วยก็ไม่ช่วย ไอ้ที่รบเร้าถามหาวิธีจากกูนี่ ถามไปงั้นๆ รำคาญลูกกระตาเวลาเค้าร้องไห้ เออ กูรู้มึงจะพูดงี้ กูจะไม่เถียงมึงแล้ว เถียงไปก็เสียดายเวลาชีวิตวะ สัด ]

[ ดี ] ผมบอกก่อนจะคิดเรื่องอะไรขึ้นมาได้ [แล้วเจ กูจะบอกอะไรอย่าง ห้ามเอาเรื่องของเมด ไปบอกไอ้เดย์ไอ้อัยย์ ไม่ต้องไปเล่า เรื่องที่มันโดนแฟนกับเพื่อนสนิทหักหลังนะ ลืมๆมันไป ทำเป็นไม่รู้ไปเลยก็ได้ ]

[ ขอเหตุผล ? ]

[ เพื่อ ? ]

[ เพื่อที่กูต้องไปรบรากับไอ้พวกขี้เสือกสองตัวนั้นที่ยังคงรบเร้าให้กูบอกอยู่ตลอดไง ไอ้สัด ]

[ เรื่องน่าสมเพชแบบนั้น ไม่มีความจำเป็นอะไรที่พวกมันต้องรู้หรอก อีกอย่าง เมดไม่จำเป็นต้องดูน่าสมเพชในสายตาใคร ]

[ อื้ม  เข้าใจละ ]

   วางมือถือลงข้างตัว ผมหลับตาลงก่อนจะถอนหายใจออกมา สีดำมืดยามหลับตาปรากฏภาพโซฟาหน้าทีวีที่สมองสั่งการให้คิด ให้จินตนการถึงใครบางคนที่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอยู่ อาจจะดูหนังสักเรื่องที่อยู่ในช่องโปรแกรมที่ผมซื้อไว้ดูตอนเบื่อๆ ไม่ก็อาจจะแค่เปิดมันทิ้งไว้แล้วตัวเองก็เอาแต่ร้องไห้

   ความเสียใจนั่น แม่ง มีมากเท่าไหร่กันวะ มันถึงได้ล้นออกมาอยู่ตลอด ทั้งๆที่ไม่ใช่คนขี้แงที่ดูเหมือนจะร้องไห้ง่ายๆ ขนาดนั้น แต่ตอนนี้แค่สภาวะรอบข้างเงียบเมื่อไหร่ คนคนนั้นก็พร้อมจะจมลงไปสู่ความเศร้าเสมอ จมลงทั้งๆที่พยายามดึงตัวเองให้อยู่เหนือความรู้สึกพวกนั้น

" คิดเหี้ยอะไรอยู่วะกู " ลืมตาขึ้นมาบ่นกับตัวเอง ภาพฉายขึ้นเป็นฉากๆตั้งแต่ที่เค้าเคยยิ้ม จนถึงตอนที่เจอไอ้เหี้ยนั่น ท่าทางเฉยเมยที่ดูเข้มแข็ง แต่ตาเรียวกลับสั่นไปมา ไม่ได้เข้มแข็งอะไรมากนักหรอก ยังรักอยู่เต็มหัวใจนั่นแหละ ก็เลยทำได้แค่ร้องไห้เงียบๆ ตอนที่แค่คิดถึงเรื่องบัดซบพวกนั้น

" น่ารำคาญ "  ผมถอนหายใจออกมา ไม่ใช่คนข้างนอกนั่นหรอก .. ความรู้สึกของผมที่เอาแต่คิดถึงมันนี่แหละ ที่น่ารำคาญ

.....................................................

   เผลอหลับไปราวชั่วโมง ตอนที่ลืมตาขึ้นมาผมเอียงคอปลุกตัวเองซ้ายทีขวาทีแบบที่ทำอยู่ประจำ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดประตูห้อง สอดส่องสายตาไปที่โซฟาหน้าทีวี แล้วพบว่าคนที่บอกกับผมก่อนหน้านี้ว่า ' กูคงนอนไม่หลับหรอก ' กลับหลับสนิทอยู่บนโซฟาตัวใหญ่

   ปล่อยมือจากกลอนประตูเบาๆ ก้าวขาออกมาจากหน้าห้องนอนที่ตัวเองยืนจนต้องใช้คำว่า ย่อง ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าโซฟาตัวนั้น ก้มลงมองใบหน้าที่เหมือนไอ้ตี๋ขายโจ๊ก แพขนตายาว ริมฝีปากแหลมๆสีชมพูปิดสนิท รวมถึงจมูกโด่งที่เสริมให้ทุกอย่างบนนั้นดูดี แต่ที่ชวนให้ยกยิ้มคงจะเป็นแก้มกลมๆที่บี้อยู่กับหมอน

“ น่ารัก " เผลอพูดออกมาแบบไม่ตั้งใจ ตอนที่รู้สึกแบบนั้นผมรีบดึงตัวเองขึ้นยืนเหมือนเดิม หุบยิ้มที่กำลังมีความสุขด้วยเรื่องแปลกๆ นั่นลง " กูแม่ง ต้องบ้าไปแล้วแน่ "

   เฮือก!!

   เสียงลมหายใจที่ดังหลุดออกมาเพราะฝันร้าย ผมสะดุ้งนิดหน่อยตอนร่างที่นอนอยู่ตรงหน้า อยู่ๆก็ลุกขึ้นมาแบบรวดเร็ว ลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกเร็วๆ แววตาหวาดกลัวหันมามองผมที่ยืนอยู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกับเอามือลูบหน้าลูบตาตัวเอง

" เจอผีในฝันรึไง "

" ในความจริง แม่งก็เจอ " เค้าหันมามองผมก็เลิกคิ้ว

" เผื่อมึงลืม กูเป็นเจ้านายมึงนะ "

" นี่มันนอกเวลางาน " มันตอบกลับก่อนจะเลียริมฝีปากตัวเองแล้วปรับท่านอนให้กลายเป็นนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาแทน แผ่นหลังบางพิงลงไปก่อนจะหลับตาลงสักพัก " ขนาดในฝันมันก็ยังตามมาหลอกหลอนกูเลย "

" พูดกับกู ? "

" พูดคนเดียว " มันตอบก่อนจะลืมตาขึ้นมามองหน้าผม ด้วยสายตากวนส้นตีนของคนที่จะไม่มีวันยอมแพ้

“ แล้วฝันถึงอะไร " หลุดถามออกไปด้วยความอยากรู้ เมดมองหน้าผมอยู่สักพักมันก็ตอบ

“ ฝันเห็นไอ้เหี้ยสองตัวนั้นมีอะไรกัน " มันพูดเสียงเบาๆ " ฝันเห็นภาพตอนที่กูเข้าไปเห็นพวกมัน มึงรู้อะไรมั้ย ตั้งแต่วันนั้นกูฝันเห็นมันมาตลอดเลย "

“ ลุกขึ้น กูจะออกไปหาอะไรกิน " สายตาที่กำลังมองตาม มันที่ถอนหายใจออกมาก่อนจะบ่นเบาๆตามประสา

“ นี่ไม่ได้ฟังกูพูดเลยรึไงวะ "

“ จะไปมั้ยไม่งั้นกูจะไปคนเดียว ลุกขึ้นมา "

“ ไปสิ แปปนึงขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย " เมดว่า มันที่ลุกขึ้นจากที่นั่งวิ่งไปใช้ห้องน้ำที่อยู่ในห้องผม แผ่นหลังที่หายลับไปในห้อง ผมถอนหายใจออกมา

' หยุดคิดเรื่องไอ้เหี้ยนั่นสักทีเถอะน่า '

   ขับรถออกจากคอนโด ผมแวะเข้าไปในร้านอาหารที่คนข้างๆรีเควสออกมาเองว่าอยากจะไป หลังจากที่ผมถามว่าจะกินอะไร เมดก็เลือกร้านอาหารที่เรานัดเจอกันครั้งแรก ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ แค่บอกว่าอยากจะกิน ผมขับตรงไปที่ร้าน แล้วเลี้ยวเข้าไปจอดที่ลานจอดรถตรงหน้าร้าน ไม่ได้ตามใจเพราะเห็นว่ามันกำลังเศร้า แค่ไม่รู้จะกินอะไรก็เท่านั้น

" มึงจะกินอะไร " เราที่เปิดเมนูอาหารดูกันแบบเงียบๆ ก่อนอีกฝ่ายจะถามขึ้น ผมเหลือบตาจากเมนูอาหารขึ้นมองก่อนจะยกยิ้ม

" จะเสือก หรือ จะชวนคุย จะได้ตอบถูก "

“ กวนตีน " มันว่ายิ้มๆ " กูชวนคุย "

“ สปาเก็ตตี้คาโบนาร่ามั้ง แล้วก็ คาราเมลมัคคิอาโต้ "

“ กินเหมือนครั้งที่แล้วเลย "

" จำได้ด้วย " ผมถามอีกคนที่ก็ยักคิ้วตอบรับ แต่ตาก็ยังมองเมนูตรงหน้าไม่ละสายตาไปไหน

" ใครแม่งจะจำไม่ได้วะ ตอนนั้นกูโคตรตื่นเต้น เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่กูขับรถไปทำรอยไว้บนรถคนอื่น แถมถูกเรียกเงินตั้งเยอะ ตอนนั้นนะกูเตรียมคำจะพูดอ้อนวอนมึงไว้เป็นร้อยล้านคำ แต่แม่งก็ไม่ได้ผล "

" หึ แล้วใครจะปล่อยให้มันได้ผลว่ะ " ผมเผลอยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะพูดเบาๆ ตอนที่มองปากแหลมๆที่ก็พูดบ่นออกมาเรื่อยๆ
" อาฟ มึงกินไก่คาราเกะมั้ย เครปก็น่ากินวะ "

" จะกินก็สั่งมา สั่งคาโบกับน้ำให้กูด้วย "

" โอเค " มันที่พยักหน้ารับหงึกหงักเข้าใจ ยกมือเรียกพนักงานมาก่อนจะสั่งอาหาร นิ้วที่จิ้มไปบนเมนู ผมเห็นมันสั่งสเต็กอกไก่ เครปคาราเมลอะไรสักอย่างที่ชื่อโคตรยาว ไก่คาราเกะที่ชวนผมกิน ก่อนจะสั่งเมนูของผมเป็นอันเสร็จ เราเงียบกันอยู่สักพักก่อนเมดจะเป็นฝ่ายชวนผมคุย " มาคุยกันเรื่องงานใน throw up มั้ย "

" งานอะไร " ผมถามมันในตอนที่พนักงานเอาน้ำที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ เมดหยิบช็อคโกเล็ตเย็นขึ้นกิน

" ก็งานใน throw up ตอนไงนี้ มึงบอกจะให้กูทำระบบใหม่ แต่กูยังไม่รู้เลยว่าต้องเริ่มจากจุดไหน ปกติในผับแม่งต้องมีตำแหน่งอะไรบ้างวะ " มันที่ทำท่านึก " เจ้าของก็มึง บาร์ก็น้องเดย์น้องอัยย์ การ์ดก็พี่แบล็ค คุณเจเป็นพีอาร์แล้วก็ฝ่ายดนตรี พี่ซองเป็นผู้จัดการ แล้วใครเป็น รองผู้จัดการละ "

“ ไม่มี "

“ ฝ่ายจัดซื้อละ "

“ ไม่มี "

“ ที่นี่มีหัวหน้าครัวมั้ย แบบว่าในครัว ใครทำวะ "

“ มีอยู่สามคน จำชื่อไม่ได้ มึงต้องไปถามไอ้เจ " คำตอบของผมทำให้อีกฝ่ายกรอกตามองขึ้นไปด้านบนก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ โทษนะ.. นี่เจ้าของจริงๆเหรอวะ "

“ กวนตีนนะมึงอะ "

“ มึงไม่รู้อะไรสักอย่าง นู้นก็ไม่มี นี่ก็ไม่มี ตำแหน่งสำคัญๆทั้งนั้นอะ ที่หายไป โคตรไม่เป็นระบบ แม่ง ติดท๊อปห้าผับดังได้ไงวะ กูงง " เหลือบมองมันที่มองผมกลับแบบไม่กลัว " แล้วปกติใครเป็นคนลงของอะ แบบ เหล้ามาส่งใครเป็นคนลง แล้วรู้ได้ไง ว่าเหล้าตัวไหนขาด วันนี้ขายไปเท่าไหร่ อะไรเสียหายบ้าง "

“ ใครว่างคนนั้นก็ไปลง เหล้าแพงๆหน่อยก็ ไอ้เดย์ไอ้อัยย์ ส่วนพี่ซองก็เช็คของก่อนร้านเปิดปกติ กูดีลพวกร้านสำคัญๆไว้หมดแล้ว ขาดอะไร โทรไปเค้าก็มาส่ง "

“ แล้วจ่ายเงินยังไง "

“ จ่ายเป็นเดือนสำหรับบางร้าน จ่ายเป็นบิลสำหรับบางอย่าง ถ้าต้องจ่ายเลยพอมันลงของเสร็จ มันจะโทรมาหากู กูก็โอนเงินไป "

“ แล้วบิล "

“ มันก็เอามาให้ตอนเจอกู " คนตรงหน้าทำหน้านิ่งตอนที่ฟัง มันที่พยักหน้ารับคำตอบของผม

“ แล้วบัญชีที่โอนค่าสินค้า กับรายจ่ายส่วนตัวของมึง มันรวมกันใช่มั้ย "

“ ใช่ "

“ นี่ทำผับมากี่ปีแล้ววะ "

“ กำลังเข้าปีที่สาม "

“ อื้ม กำลังจะเจ๊งตอนปีที่สามนี่แหละ "

“ เอาตีนกูแนบปากสักทีดีมั้ย " ผมบอกมันก่อนจะยกน้ำขึ้นมาดูดแบบไม่ใส่ใจ ในระหว่างนั้นอาหารที่เราสั่งก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ " เท่าที่กูจำได้ มึงพูดมาสองครั้งแล้วนะ "

“ กูพูดความจริง throw up โคตรไม่เป็นระบบ อย่างพี่ซองแม่งก็พ่วงโคตรหลายตำแหน่ง ถามจริงๆ ถ้ามีปัญหาอะ ใครมันจะรับผิดชอบวะ สมมุติของหาย โดยยักยอก มึงจะจับมือใครดมไม่ได้เลยนะ "

“ มันไม่โดนหรอก “

“ อาฟ มึงไว้ใจใครไม่ได้หรอก “ เมดที่บอกผมด้วยสีหน้าจริงจัง " ต่อให้เป็นเพื่อน คนรัก ไม่ว่าใครก็ไม่น่าไว้ใจทั้งนั้น "
" ประสบการณ์ของมึงสอนมึงแบบนั้น .. แต่ของกูมันไม่ใช่ "

" หรือมึงจะรอให้มันสอนมึงก่อนรึไง กูไม่ได้บอกว่า พี่ซอง พี่แบล็ค เจ น้องเดย์ น้องอัยย์ ไม่ดีไม่น่าไว้ใจ แต่มึง.." คนตรงหน้าเงียบไปสักพัก มันที่ถอนหายใจออกมา " ครั้งนึงกูก็เคยคิดว่า เพื่อนคนที่นอนกับแฟนกูมาตลอดสี่ปี คือเพื่อนแท้ เพื่อนที่จะคอยอยู่ข้างๆกูตลอดไป แล้วครั้งนึงกูก็เคยคิดว่าแฟนกูรักกูคนเดียว แต่มึง.. ทั้งหมดนั่นมันไม่ใช่ การที่ทำให้ผับมันเป็นระบบ มันคือสิ่งที่มึงต้องทำนะ ก่อนที่ผับมึงจะเจ๊งไม่เป็นท่า "

   ในช่วงเวลาที่แววตานั้นคิดเรื่องแสนเศร้านั้นขึ้นมา ก็จริงอย่างที่มันบอก ผมไม่เคยคิดถึงความไม่ไว้ใจ ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเหล้าที่ลงมีกี่ขวด ผมใช้ความไว้ใจ คิดว่า คนที่ทำงานด้วยกันคือคนสนิท ที่ไม่น่าจะโกงกัน แต่ก็อย่างที่อีกคนบอก เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้น ก็ใช่ว่ามันจะไม่เกิด ยกตัวอย่างก็เรื่องของตัวมันเอง

“ แล้วยังไง " ผมถามก่อนจะก้มลงกินอาหารตรงหน้า " จะให้เริ่มจากตรงไหน "

“ กูว่ามึงควรแบ่งหน้าที่ให้เรียบร้อยเปล่าวะ แบบหน้าที่ใครหน้าที่มัน ไม่ปนกันแบบนี้ เวลามีปัญหามึงจะได้ถามถูกคน "

" อื้ม "

" อย่างกูก็ทำบัญชี " เมดบอกพลางกินอาหารตรงหน้าไปด้วย " พี่ซอง มึงก็ให้เค้าทำแค่ในร้าน หาผู้ช่วยให้เค้าสักคน ตั้งเป็นรองผู้จัดการ "

“ แล้วมึงจะเอาใคร "

“ มึงก็ลองถามในกรุ๊ปดูสิวะ กูเพิ่งมาทำงานจะไปรู้ได้ไง ว่าใครดี  ถามพี่ซองอะ ว่าเค้าเห็นใครน่าสนใจ ถ้าทุกคนเห็นด้วย มึงก็ตั้งขึ้นมา " ปากที่เคี้ยวอาหารไปพูดไปมันจิ้มไก่คาราเกะมาให้ผม " มึงกินอันนี้โคตรอร่อย "

“ กินไม่หมดใช่มั้ยเลยเอามาให้กู "

“ ไม่ใช่เว้ย อร่อยจริงๆ มึงกิน " จัดการเอามาใส่ในจานให้แบบไม่ได้ร้องขอ มันที่มีความกระตือรือร้นอยู่ในแววตารู้สึกเหมือนไก่เหี้ยนี่อร่อยที่สุดแล้วตั้งแต่เคยได้กินมา ผมจิ้มมันขึ้นมาชิม ก็อร่อยดี แต่ก็ไม่ได้อร่อยขนาดนั้นแม่งก็ไก่ทอดธรรมดา " เป็นไง อร่อยมั้ย "

“ ก็ดี " ผมพูดยิ้มๆเพราะคนถามทำท่าทางน่ารัก

“ แค่ก็ดีเหรอวะ กูว่าโคตรอร่อย " กินเข้าไปอีกชิ้นด้วยท่าทางถูกใจ มันที่ก้มหน้าก้มตากินอยู่แบบนั้นชวนให้ผมยิ้มกว้างออกมาจนได้ " ยิ้มเหี้ยไรวะ "

“ เปล่า " หลบตามันแล้วก้มกินอาหารต่อ " แค่รู้สึกว่า ไอ้คนที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างรถกูแล้วเอาแต่ร้องไห้ แม่งหายหัวไปไหนแล้ววะ "

   ทุกอย่างเงียบ คนตรงหน้าที่กำลังยิ้มหุบยิ้มลงทันที แล้วนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมา.. ทั้งๆที่ทำให้ยิ้มได้แล้วแท้ๆแต่เสือกทำให้วนกลับไปคิดเรื่องอีก กูนี่มัน... ส้นตีน

“ ถ้าเลือกได้กูก็ไม่ได้อยากจะคิดถึงมันหรอก แต่บางทีก็แม่งก็หยุดคิดไม่ได้ " อีกคนบอกทั้งๆที่มือกำลังหั่นสเต็กตรงหน้าขึ้นกิน " กูก็ไม่ได้อยากจะร้องไห้ให้คนพรรค์นั้นเหมือนกัน “

“ ง้อ.. “ ขอโทษที่ทำให้รู้สึกไม่ดี ผมคิดแบบนั้น ถึงอย่างงั้นปากมันก็ไม่พูดออกไป “  ไก่นี่ ถ้าอร่อยก็กินเข้าไปให้หมด " จิ้มไก่ไปวางให้มันในจานชิ้นนึง มันที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาผม “ ถ้ากินแล้วจะลืม ก็กินเข้าไปให้หมด มึงสั่งมาแล้วกินไม่หมด มึงเจอดีแน่ “

“ กินไม่หมดก็เรื่องของกู ยังไงกูกินกูก็จ่าย “

“ ใครบอกให้มึงจ่าย “ ผมถามคนที่เอาไก่ไปจิ้มซอสแล้วเอาเข้าปาก " ไถ่โทษที่พูดไม่คิด กูจะเลี้ยงเอง "

" รู้งี้สั่งอีกสักสิบอย่างให้หายแค้นที่มึงแม่งพูดหมาๆ "

" สั่งมาอีก กูให้จ่ายเองนะ " ยักคิ้วให้มันอีกคนก็แค่ยิ้มก่อนจะก้มหน้าลงกินข้าวต่อ

เรากินกันไปแบบเงียบๆสักพัก ผมที่กินเสร็จก็แค่นั่งมองไปรอบๆสลับกับคนที่หลังจากกินสเต๊กตรงหน้าพร้อมไก่ทอดเสร็จ ตอนนี้ก็กำลังจัดการเครปคาราเมลที่สั่งด้วยท่าทางอร่อยหลังจากที่ถ่ายภาพสวยๆไปเกือบสิบภาพ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 6 - 8 :: 17-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 18-03-2018 20:30:52

J is J

[ มึง ข้อที่สี่ได้ผลวะ ] ผมส่งข้อความไปหาไอ้เจระหว่างนั่งรออีกคน ปากที่เคี้ยวไม่หยุดมีบ้างที่มันหันมาสบตากับผมแล้วก้มลงมองอาหารตรงหน้า ก่อนจะเบิกตาชวนกิน แต่ผมก็แค่ส่ายหน้า

[ อะไรข้อสี่ได้ผล ]

[ อันนี้ ] ส่งภาพที่มันเคยส่งมาให้ก่อนหน้านี้กลับไป

[ อ้อ ข้อสี่  อาหารจะช่วยเยียวยาอารมณ์ ]

[ อื้ม ]

[ เค้าชอบกินเหรอวะ ]

[ กูว่ามาก ] ผมยิ้มกว้างก่อนจะพิมพ์ [ แดกคนเดียวสามจาน ]

[ บอกเค้านะ ถึงหนูจะแดกดุยังไงพี่ก็เลี้ยงไหว พี่ทำบัตรเครดิตแล้ว พร้อมเป็นหนี้เพื่อเธอ ]

[ ส้นตีน ]

[ อะ หวง ] ไอ้เจแซว [ แต่ไม่หรอก อย่างพี่อาฟกูต้องพูดว่า รำคาญ ]

[ รำคาญมึงอะสัด ] กดออกจากไลน์ของเพื่อน ผมเข้าไปในไลน์ของสต๊าฟผับที่ทำไว้คุยเรื่องงานโดยเฉพาะ

 ' Throw UP ' Staff Serious Ver. '

[ จะตั้งรองหัวหน้าผู้จัดการร้านนะ คิดว่าใครเหมาะสม ] ผมส่งข้อความเข้าไปในไลน์กรุ๊ป เสียงเตือนจากมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะของอีกคนดังก็ขึ้น มันเงยหน้ามองหน้าผมก่อนจะปลดล็อคแล้วเข้าไปอ่าน

[ @Song ] เมดที่พิมพ์เข้าไป คนที่เราต้องการให้ตอบก็มาตอบ

[ คุณอาฟจะตั้งรองผู้จัดการเหรอครับ ]

[ อื้ม จะได้เข้ามาช่วยพี่ เมดมันเสนอมาอย่างงั้น ] คนที่ผมพูดถึงเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอก่อนจะขมวดคิ้วมองหน้าผม มันที่พูดขึ้นมา

“ แล้วมึงจะไปบอกเค้าทำไมวะ "

[ พี่เมดคงเห็นว่าพี่ซองทำงานหนักเยี่ยงทาส เลยอยากจะหาคนมาแบ่งเบาให้ ความนางฟ้า @minmade รักนะครับ นางฟ้าของน้องเดย์ ] ไอ้เดย์ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเหี้ยอะไรกับเรื่องนี้เข้ามาตอบ  คนที่ถูกพูดถึงนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ ยิ้มเหี้ยอะไรกับข้อความน้องกู "

“ แล้วทำไมจะยิ้มไม่ได้วะ " เมดเงยหน้าขึ้นถามด้วยหน้างงๆ “ หวงน้องชายเหรอไง “

“ ชอบน้องกูรึไง เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นั่น น่ารำคาญ "

“ มึงคิดเหี้ยอะไรของมึงวะ " ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไร เราที่ได้แต่จ้องหน้ากันแบบไม่มีใครยอมใคร " กูไม่ใช่คนหลงตัวเองที่จะคิดว่าคนอื่นเค้าชอบกูไปหมดหรอก แล้วที่กูยิ้มก็เพราะเค้าไม่ได้ด่ากู กูก็แค่ยิ้มเอ็นดูน้องมัน ก็มันตลก กูไม่ได้ชอบน้องมึงในแง่เหี้ยๆที่มึงคิดสักนิด "

“ ก็ดี "

“ ใครจะไปอยากเกี่ยวดองกับคนอย่างมึง " ทำทีเป็นพูดเสียงเบาๆแต่ถึงอย่างงั้น ผมก็รู้ว่ามันตั้งใจให้ผมได้ยิน " ประสาทได้แดกเข้าสักวันแน่ "

“ เยอะแยะไป "

“ เพราะคนพวกนั้นไม่ได้มารู้สันดานของคนแบบมึงมากกว่ามั้ง " เมดยักคิ้วให้ผมที่ก็ยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่ง เดินไปโน้มตัวเข้าหามันที่ก็นั่งนิ่งไม่ได้ขยับไปไหน แววตาท้าทายเมื่อครู่ฉายความกลัวออกมา เอื้อมมือไปจับพนักพิงหลังของโซฟาตัวที่มันนั่ง กั้นร่างนั้นไว้ให้อยู่ในวงแขนของผม

" ยังไง สันดานกูมันเป็นยังไง " ผมถามย้ำมันตอนที่สบตา อีกคนก็หลบไปมองทางอื่น

" ใกล้ไปแล้วมั้งสัด คนมองเยอะแยะ ออกไป " เอามือมาดันอกผมไว้แต่ก็ไม่ได้ดันแรงนักหรอก คนเยอะมันคงไม่กล้าทำอะไรเสียงดัง แต่นั่นไม่ใช่ผม

" เผื่อมึงไม่รู้.. สันดานกูเสียกว่าที่มึงคิด อย่าลองดีให้มาก ปากอะ . “ เอื้อมมือไปจับคางของอีกฝ่ายตอนที่พูดแบบนั้น ผมเอานิ้วโป้งไปลูบปากมัน ก่อนจะยกยิ้มแล้วก้มลงไปกระซิบข้างหู " ระวังไว้หน่อยก็ดี เห็นกูไม่ตอบโต้ ก็อย่าคิดว่าจะพูดอะไรก็ได้ "

กริ๊ก กริ๊ก

" เสียงไลน์ ! “ เมดพูดขึ้นก่อนจะคว้าเอามือถือของตัวเองที่ตั้งอยู่ข้างตัวยกขึ้นให้ผมดู " คน คนในกลุ่มร้านคงตอบมาแล้ว มึงไปอ่านสิ "

" หึ " หัวเราะในลำคอเบาๆ อีกฝ่ายที่กลืนน้ำลายลงไป มันมองผมสลับกับซ้ายขวาเพราะตอนนี้มีแต่คนมองมาทางเรา
" ออกไปได้แล้วไอ้สัด คนมองใหญ่แล้ว เดี๋ยวเค้าก็คิดว่ามึงจะทำอะไรเหี้ยๆ กับกูหรอก "

" หมายถึงอะไร ท่านี้มันเป็นยังไง " ก้มลงมองตัวเอง ทั้งๆที่รู้แต่ผมก็ยังตั้งคำถามกวนตีนอีกคน

" ท่าที่เหมือนจะปล้ำกูกลางร้านไง ไอ้เหี้ยอาฟ ออกไปเว้ย! จะมาค่อมกูไว้ทำไม คนเข้าใจผิดหมดแล้ว "

" ซีเรียสอะไร คนเค้าก็เข้าใจถูกแล้ว " ยกยิ้มบอกมันอีกคนก็ขมวดคิ้วก่อนจะผลักผมให้ออกมานั่งข้างๆมัน เสียงที่พูดรอดไรฟันออกมา

" ไม่ถูกเว้ย ไอ้สัด! “

“ หึ "

“ กลับไปนั่งที่เดิมสิวะ จะมานั่งข้างกูทำไม " คนข้างๆถามพลางขยับตัวเองไปออกห่างจากผม มันที่เหลือบมองมา " มึงแม่งไม่น่าไว้ใจเลยวะ "

“ งั้นเหรอ " ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบเอามือถือที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดหน้าจออีกครั้ง " แต่กูว่ากูน่าไว้ใจกว่าไอ้เชี้ยบินนะ "

“  ทำไมมึงต้องพูดถึงมันอีกแล้ววะ " ลดมือถือที่กำลังถือ เมดหันมาหาเรื่องกัน ผมก็มองกลับ

“ ฟังให้มันชินๆไว้ ยังไงไปมหาลัยก็ต้องโดนถาม ว่าผัวเก่าหายไปไหนแล้ว ไม่ใช่รึไง "

“ มึงแม่ง " มันพิงหลังกับโซฟาด้วยท่าทางหงุดหงิด " เบื่อจะคุยกับคนไร้มารยาทกับมึง พูดเหี้ยอะไร ไม่เคยเข้าหู จัดสรรคำพูดไม่เป็นรึไงวะ ถนอมน้ำใจกันไม่มีเลย สัด "

“ ถนอมทำไม มึงเป็นอะไรกับกู "

“ ลูกหนี้ เพื่อนร่วมงาน ลูกจ้างที่มึงกำลังใช้เหมือนทาสไง " มันหันมามอง ผมก็ยกยิ้มให้มันก่อนจะพยักหน้ารับ " มึงไม่เคยได้ยินรึไงคำที่เค้าพูดว่า งานหนักแต่สภาพแวดล้อมดีมันก็ยังดีกว่างานสบายแต่สภาพแวดล้อมเหี้ยน่ะ ใครมาทำงานก็ให้ใจกับเค้าบ้าง เค้าจะได้อยากจะทำงานแล้วก็อยู่กับเราไปนานๆไง "

" งั้นเหรอ ต้องให้ใจสินะ "  ผมหันไปบอกมันพลางสบสายตาคนที่กำลังพูดด้วย “ เข้าใจละ เดี๋ยวจะให้ใจไปแล้วกัน “

“ แล้วมามองหน้ากูทำไมวะ “

“ ก็กูกำลังพูดอยู่กับมึง “ สายตาที่กำลังสับสนมันเหล่มองผมที่ก็ทำทีเป็นอ่านข้อความในมือถือยิ้มๆ แชทที่ตอนนี้ขึ้นว่าอ่านครบทุกคนแล้ว

 ' Throw UP ' Staff Serious Ver. '

[ พี่เมดคงตกใจคำพูดของไอ้เดย์จนช็อคไปเลยสินะครับ ] ไอ้อัยย์พิมพ์ขึ้นมาก่อนจะหัวเราะต่อท้ายประโยคของตัวเองตอกน้ำเพื่อนสนิทด้วยความสะใจ [ 55555555555555555 พี่เมดไม่เล่นกับมึงนะ เสียใจด้วย ]

[ พี่แค่คุยกับพี่อาฟ แล้วคิดกันขึ้นมาว่า พี่ซองทำงานหนักเกินไปมั้ย ควรมีผู้ช่วยสักคนมั้ย ]

[ นอกจากจะไม่ตบมุขมึงแล้ว เค้ายังพูดเรื่องอื่นด้วยวะ ] ไอ้เจมันพิมพ์ขึ้นไปในแชท [ 555555555555 พี่สงสารเดย์นะลูก ]
[ พวกมึงแม่ง.. ] ไอ้เดย์ว่าด้วยคำพูดงอนๆ [ พี่เมด น้องเดย์โดนรังแก @minmade ]

[ อย่าแกล้งน้องเดย์ เข้าเรื่องๆ @Song พี่ซองสนใจอยากจะตั้งใครมั้ยครับ ]

[ งื้ออออ พี่เมดปกป้องน้องเดย์ พวกมึงอย่าแกล้งกูนะ ]

[ ทำงาน ] ผมพิมพ์ขัดขึ้นไป ตอนที่เหลือบมองคนข้างๆ มันก็เอาแต่ยิ้มมีความสุข สงสัยแม่งจะชอบ เวลาถูกจีบ ส้นตีนอยู่กับกูไม่เห็นยิ้มแบบนี้บ้าง

[ อื้ม พี่สนใจใครบ้างเหรอ ] พี่ซองพิมพ์ขึ้นมา [ ถ้าตามที่ดูตอนนี้ มันก็พอมีคนที่จะเป็นรองผู้จัดการได้อยู่นะ พี่ว่า อินก็โอเคอยู่ มีความรับผิดชอบดี ทำงานเก่งด้วย ส่วนอีกคนก็ซีน มันเข้ากับคนอื่นได้ง่าย งานก็ทำออกมาดีเลยนะ ]

[ เออ ซีนมันเข้ากับคนอื่นได้ง่ายจริง ] ไอ้เจเสริม เอาจริงๆ ผมไม่รู้จักหรอกว่าพวกมันกำลังคุยถึงใคร ผมไม่เคยสนใจเกี่ยวกับพนักงาน สนใจมากที่สุดก็แค่เรื่องบัญชี เอกสารสั่งจ่าย แล้วก็รายรับมากกว่า จะว่าง่ายๆก็สนใจแต่แค่เม็ดเงินของมันก็เท่านั้น

[ แต่ว่าถ้าเอาไอ้ซีนมา คนอื่นจะคิดไงอะ ] พี่แบล็คที่เหมือนซุ่มอ่านอยู่นานทักขึ้นมา [ ไอ้ซีนเพิ่งมาทำงาน แต่ไอ้อินทำมาตั้งแต่ร้านเปิด คือ อันนี้พี่ก็ไม่รู้นะ แต่พูดตามที่เห็น ถ้ามันดีทั้งคู่ทำไมไม่เอาคนมาก่อนละ ประสบการณ์งานมันเยอะกว่า น่าจะจัดการอะไรได้มากกว่ามั้ย ]

[ กูเห็นด้วยกับพี่แบล็ค ] ไอ้เดย์ว่า

[ กูเหมือนกัน ] ไอ้อัยย์เสริม

[ อื้ม พี่ก็เห็นด้วยกับทุกคนนะ คุณอาฟว่ายังไงครับ ]

[ ไม่ต้องไปถามมันหรอกพี่ซอง อย่างมากไอ้สัดอาฟก็คงตอบแค่ว่า แล้วแต่ ] ไอ้เจบอก [ มันไม่รู้จักไอ้อินกับไอ้ซีนหรอก เชื่อกู ]

[ เออ ใช่ ] น้องชายผมเสริม

[ งั้นก็ตั้งเลยนะครับ ผมจะไปบอกน้อง ]

[ อื้ม ] ตอบกลับไปสั้นๆ เป็นการจบบทสนทนาในกลุ่ม เราปิดหน้าจอมือถือพร้อมกันก่อนที่คนนั่งข้างๆผมจะถามขึ้น

“ มึงไม่รู้จักคนชื่ออิน ที่พี่ซองจะตั้งเป็นรองผู้จัดการเหรอวะ " คนนั่งข้างๆ ถามขึ้นมาผมก็แค่ตอบด้วยเสียงเบาๆในคอ

“ อื้ม "

“ วันนี้ลองเข้าร้านเร็ว ไปทำความรู้จักกับทุกคนดูมั้ย " หันไปมองใบหน้าหวานที่หันมามองผมยิ้มๆ

“ ไม่จำเป็น "

“ แต่วันนี้กูต้องเข้าร้านเร็ว กูต้องไปนับสต๊อกเหล้าแล้วเอามาลงบัญชีร้านเป็นฐานข้อมูลไว้ เพราะมันไม่มี " รอยยิ้มกวนส้นตีนที่ส่งมาให้ " เพราะงั้นคุณอาฟก็ช่วยพาไปหน่อยนะ "

“ แล้วนี่มึงจะไปเรียนตอนเย็นมั้ย "

“ คิดว่าคงไป " มันว่าก่อนจะถอนหายใจออกมา " คลาสนี้อาจารย์ดุ กูหยุดไปสองครั้งแล้ว  คงต้องไปแล้ว "

“ อื้ม "

“ แล้วมึงอะ ตอนเย็นมีเรียนมั้ย "

“ มี คิดว่าจะเข้าไปหลังจากส่งมึง "

“ อื้ม " เมดหยิบมือถือที่ตั้งอยู่ที่ตักขึ้นมาดูเวลา มันหันมามองหน้าผม " งั้นไปเลยมั้ย ช่วงเที่ยงๆถนนแถวหน้ามหาลัยกูรถมันจะติด ยังไงเดี๋ยวมึงส่งกูที่รถไฟฟ้าก็ได้ กูเดินต่อเข้าไปเอง  "

“ คิดดูก่อน " ผมบอกมันอีกคนก็ยิ้มกว้าง

“ พูดแบบนี้ แสดงว่าเข้าไปส่งข้างในแน่ๆ "

“ มึงอยากเดิน ? “

“ ไม่อะ " มันส่ายหน้าไปมา " แค่เกรงใจ เพราะความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี " เมดเว้นเสียงไปสักพักก่อนจะเอียงหน้ามาถามผม " ว่าแต่ มึงเข้าใจรึเปล่า ว่าผู้ดีเค้าเป็นกันยังไง "

“ กวนตีน เดี๋ยวกูก็ให้ไปเอง "

   ขับรถออกจากร้านหลังจากเช็คบิลเสร็จ แล้วก็อย่างที่บอกค่าอาหารมื้อนี้ผมเป็นคนเลี้ยงมัน หน้าตาของคนถูกเลี้ยงมีความเกรงใจฉายอยู่บนหน้า มันที่รบเร้าพยายามอยากจะแชร์ด้วยการยัดเงินใส่กระเป๋าเสื้อผม

" เอาออกไป " ผมบอกมัน ตอนที่เหล่มองเงินที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อตัวเอง

" ไม่เอา เกรงใจ มันแพงมึง หารกันเถอะ " เมดบอก ผมก็ดึงเงินออกจากกระเป๋าแล้ววางไว้บนตักคนข้างๆที่ก็พยายามจะเอามาให้อีก

" ถ้าจะจ่าย จ่ายห้าหมื่นค่าซ่อมสีรถกูมาก่อน ถ้ามึงจ่ายได้ กูจะรับเงินมึง "

" สัด " สบถออกมาแค่นั้น และแน่นอนว่าคนที่พยายามยัดเงินก็หยุดทุกอย่างไว้ทันที เมดเก็บเงินใส่กระเป๋าก่อนจะบ่นอยู่กับตัวเอง " ทีหลังแม่งจะกินสักสี่พันเลยสัด อยากจ่ายดีนัก "

   จอดรถลงที่ลานจอดรถหน้าคณะของอีกคนเหมือนเมื่อเช้าแล้วคนข้างๆ ก็ยังคงถอนหายใจเหมือนอย่างเมื่อเช้าเช่นกัน มันที่หันมาเหลือบมองผม ภายในรถที่เงียบเชียบถ้าให้เดามันคงคิดอยากจะชวนผมลงไปด้วยกัน แต่ที่ไม่พูดออกมา บางทีคงคิดว่า ตัวเองก็ควรเป็นที่พึ่งของตัวเองได้แล้ว เมดสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด มันที่ผ่อนออกมาเบาๆ

" กูไปนะ เจอกันตอนเย็น ก่อนจะเข้ามารับ มึงส่งไลน์มาก่อนก็ได้ กูจะออกมารอที่หน้าคณะ มึงมาถึงจะได้ไม่ต้องหาที่จอดรถ เราจะได้ไปที่ร้านกันเลย "

" อื้ม " ผมพยักหน้ารับมัน ตอนที่อีกคนเดินออกไป ผมก็ดับเครื่องเครื่องยนต์แล้วเปิดประตูรถเดินออกไปเช่นกัน คนที่เตรียมจะเดินไปก่อนทำหน้างงหันมามองผมที่ก็กดล็อครถ " ไม่ได้จะไปส่ง กูแค่หิวน้ำ เลยจะเข้าไปซื้อ พาไปหน่อย "

" อื้ม " รอยยิ้มที่พยักหน้ารับให้ผม ก็รู้ว่ามันคงรู้ ว่าผมลงมาจากรถทำไม แต่ไม่พูดไม่แซวอะไรออกมานั่นแหละดีแล้ว ผมไม่รู้จะตอบอะไรมัน คำว่า เป็นห่วง หรือแคร์อะไรนั่น ผมไม่อยากยอมรับ  " จะกินอะไร เดี๋ยวพาไปกินที่คาเฟ่ "

" เหมือนเดิม "

" คาราเมลมัคคิอาโต้ " ผมพยักหน้ารับ อีกคนก็ยิ้มกว้าง " เดี๋ยวเลี้ยง ไปกัน "

   คนตรงหน้าเดินนำผมไปที่ร้านคาเฟ่ที่อยู่ไม่ไกลจากคณะของมัน รสชาติกาแฟพอถูไถไม่ได้อร่อยแบบที่ชอบกิน แต่ก็ไม่ได้จัดว่าแย่ เราเดินกลับมาที่คณะของมัน ตอนที่เดินขึ้นไปบนตึกเมดก็หันมาบอก

“ มึงส่งกูแค่นี้แหละ เดี๋ยวกูจะขึ้นลิฟต์ไปเอง "

“ ใครบอกกูมาส่งมึง " ผมบอกก่อนจะดึงกาแฟขึ้นมา " กูมาซื้อกาแฟ "

“ งั้นก็เอาที่มึงสบายใจเถอะ " เมดว่าแบบนั้นมันที่ยิ้มออกมา ก่อนจะมองไปรอบๆแล้วชะงักไปกับบางสิ่งที่เห็น รอยยิ้มนั่นหุบลงเหลือเพียงใบหน้าเฉยชาที่แววตากำลังฉายความเศร้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด ความรวดเร็วของความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของร่างบาง ไม่ต้องเดาก็คงไม่พ้นไอ้เหี้ยแฟนเก่า ที่ก็คงมาคอยดักเจออยู่ ผมที่คิดแบบนั้นตอนมองตามสายตาอีกคนไป แต่ทว่า มันไม่ใช่อย่างงั้น

   ภาพของผู้ชายร่างสูงอดีตคนรัก กำลังนั่งอยู่ข้างๆเพื่อนสนิทของมัน ผมมั่นใจว่าใช่ เพราะพอจำหน้าเพื่อนของมันที่เคยเห็นสมัยเรียนม.ปลายได้บ้าง หันมองเมดที่มองภาพนั้นด้วยแววตาสั่นไหว มือของคนที่บอกว่ารักมันเมื่อเช้า คนที่พยายามอ้อนวอนขอให้มันกลับไป กำลังกอดคอเพื่อนสนิทของมันที่กำลังนั่งซึมๆนั่นไว้แน่น เพื่อนอีกคนตรงหน้าของมันไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร ราวกับว่าภาพที่เห็นคือเรื่องปกติที่เกิดขึ้น

   รอยยิ้มผุดขึ้นจากใบหน้าของเพื่อนที่หักหลังเมดในเวลาถัดมา ถ้าให้เดาก็คงเป็นฝีมือของคนข้างๆนั่น ที่คงเล่ามุกตลกอะไรสักอย่าง ให้อีกฝ่ายยิ้มได้ แล้ววินาทีต่อมาแขนยาวก็ดึงคนที่ยิ้มจางๆนั้นเข้ามากอดไว้ มันที่ฝังจมูกลงไปบนเรือนผมของคนในอ้อมกอดนั้น

" พอแล้ว ไม่ต้องมอง " ผมเอื้อมมือไปปิดตาอีกคนไว้หลังจากที่ภาพนั้นปรากฏ เลื่อนตัวไปยืนบังภาพพวกนั้นตรงหน้ามัน แล้วในวินาทีต่อมานั้นน้ำตาหยดใสก็ไหลผ่านมือของผม เมดที่กำลังร้องไห้มันเบือนหน้าหนีก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตานั่นทันทีเพราะคงไม่อยากจะให้มาเห็นความอ่อนแอที่แม้ตัวมันเองก็คงคิดว่าน่าสมเพชเต็มทน

" กูไม่เป็นไร กูโอเค มึงไปเถอะ กูจะขึ้นเรียนแล้ว " เมดหันมาบอกผมแค่นั้น ใบหน้าที่หันมายิ้มให้ผม

   อยากจะบอกมันเหมือนกัน ว่าไม่เป็นไร เชิญอ่อนแอต่อหน้ากูได้ตามสบายเลย เพราะคนเราต่อให้เข้มแข็งแค่ไหน แต่สุดท้ายถ้าเสียใจ ยังไงก็ต้องร้องไห้อยู่แล้ว

" ถ้าโอเค ก็หันไปมองพวกมัน " แววตาสั่นๆที่หันมามองผมที่พูดออกมาแบบนั้น " ถ้ามึงยังไม่กล้ามอง งั้นแสดงว่ามึงยังไม่โอเค "

" กู โอเค " มันยังคงยืนยันแบบนั้น ผมก็เหลือบตาไปมองคนพวกนั้นราวกับท้าชวนให้มันหันไปมองถ้าแน่จริง เมดถอนหายใจออกมามันที่หันไปมอง ภาพที่ทั้งเพื่อนและแฟนเก่าของมันกำลังแสดงความรักกันอย่างมีความสุข

" มองพวกมันไว้ ถ้ามึงยังลืมความเหี้ยที่ไอ้สองคนนั้นทำกับมึงไม่ได้ ก็มองแล้วจำไว้ ว่าตอนนี้มันเจ็บแค่ไหน แล้วต่อไปอย่าให้ใจกับคนแบบนี้อีก  "

“ อาฟ " เมดเอื้อมมือมาจับมือของผมไว้ ฝ่ามือที่กุมมือของผมไว้แน่นราวกับจะระบายความเจ็บปวดทั้งหมดที่มี เจ็บอยู่เหมือนกันกับแรงบีบที่อัดลงมานั้น แต่ผมจะไม่ดึงออก อย่างน้อยมันก็ควรรู้ ว่ายังมีผมยืนอยู่ตรงนี้

" มึงไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตอนที่อยู่กับกู " บอกอีกคนที่ก็หันมาสบตากันอีกครั้ง ในแววตาที่สั่นไหวของมัน " กูจะถามใหม่ มึงโอเคมั้ย "

" อยู่กับกูนะ กูไม่โอเค "

...................................................


พี่อาฟฟฟฟฟ น้องอยากจะเป็นของพี่อาฟจังเลยคะ อยากเป็นคนที่พี่อาฟรำคาญเหมือนน้องเมด
การกระทำที่บอกว่า รัก โดยไม่มีคำว่ารัก ของพี่ #นั่งกรี๊ดคนเดียวที่มุมเสา
ในช่วงเวลาที่เมดเจ็บปวด มันมีผู้ชายนึงที่ปากว่ารำคาญเค้า แต่ก็ยืนอยู่ข้างเค้าอะ ดูแลเค้า ใส่ใจเค้า
อยากมีพี่อาฟเป็นของตัวเองงงง ชอบจนไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว
สุดท้ายนี้ ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม  ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
และนี่ คือทางไปนิยายแชทจอยลดา : http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6
เจอกันตอนหน้าค่ะ

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 18-03-2018 20:51:19
อัยยะ ชอบเรื่องแนวนี้จัง
เมดลองเรียกพี่อาฟซิคะเพื่อคนขี้รำคาญจะปากตรงกับใจสักที 555
สู้เมด อย่ากลับไปเจ็บกับผู้ชายเชี้ยๆ เพื่อนเลวๆ เลย เพื่อนกันจริงคงไม่ทำแบบนี้

ติดตามเด้อ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 18-03-2018 21:29:16
คือดีอ่ะ ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดี ที่ได้จบความสัมพันธ์กับเพื่อนกับแฟนแย่ๆ แล้วเจอกลุ่มคนใหม่ๆ เจอคนที่สนใจความรู้สึกเรามากกว่าคนเก่าๆ
รู้สึกโชคดีมากขึ้นที่คนมาใหม่...หล่อด้วยและรวยมาก 555

คนซึนจะปากแข็งไปอีกนานแค่ไหนหนอ อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 18-03-2018 23:09:13
อาฟฟฟฟฟฟฟ
แอบชอบเมดมานานแล้วใช่ไม๊
ตอบบบบบบ
แต่อาฟน่ารักอะ ชอบมากก ฮือออออ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-03-2018 00:19:39
อื้อหือ อิคนที่บอกรักเมดตอนเช้า กะอิคนที่นั่งกอดคอหอมหัว

กันตอนบ่าย มันคนเดียวกันนิหว่า โอโห คือมุงตอแห-มากค่ะ

โอ้ยยยอยากกระทืบอิ 3 คนนั้น
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 19-03-2018 00:28:59
พี่อาฟ จัดพวกแม่งซักทีดิ๊ ทำน้องเมดเจ็บ
อิพวกเชี่ยยยยยยยยยยยย
เพื่อนเหี้ยๆแบบนี้ หนูเมดลืมๆไปเหอะ เสนียดชีวิตมาก
เหมือนผีเน่ากะโลงผุ อิดอกกกกกกกก :z6:  :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 19-03-2018 00:53:58
อยากได้พี่อาฟฟฟ ช่วยมารำคาญน้องที  :o8:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 19-03-2018 01:46:25
สนุกมากเลยค่ะ ติดตามนะคะ
เจ็บแทนเมดอะ ถ้าเจอแบบนี้คงไปไม่เป็นเหมือนกัน
เมดต้องสู้นะ ฮืออ ตอกพวกมันให้หน้าหงายเลย  :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-03-2018 02:36:56
ถ้าปวดใจทนไม่ไหว หันไปมองหน้าอาฟแทนแล้วกันนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-03-2018 03:41:57
เพื่อนและแฟนเหี้ยๆแบบนั้น
เลิกสนใจเลิกคบไปเลยเมด
หนุ่มในผับน่าสนใจน่าคบกว่าเยอะ
โดยเฉพาะเจ้าของผับ
อยากให้น้องชายเมดคู่กับใครสักคนจัง
น้องน่ารักมาก เป็นห่วงและรักพี่ชายจริงๆ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-03-2018 03:58:02
ขอไม่เอ่ยถึงตัวมารทั้งหลายที่พรากน้ำตาเมดค่ะ

มาฟินกับความรำคาญของอาฟดีกว่า
คนอะไร ทำไมแข็งกระด้าง แต่อ่อนโยน
อบอุ่นนะอาฟนะ เกรี้ยวกราดแต่ห่วงใย

ชอบบบบ อาฟอยู่ตรงนี้นะเมด
จะอยู่ตรงนี้ที่เธอต้องการ .. เพลงมาเลยค่ะ

เมดน่ารักมาก ไม่ได้เป็นคนดีที่สุด
เป็นคนธรรมดา ที่รักเป็นเจ็บเป็น
สงสารเมด ทั้งเพื่อนรักทั้งแฟน
ตอนนี้คำพูดอะไรก็ไม่มีความหมาย
การกระทำมันชัดเจน

เจ ทำไมรู้จักอาฟดีขนาดนั้น 5555
เดย์อัยย์คือความรั่วที่แท้จริง

นี่แค่วันเดียวนะ ยังห่วงขนาดนี้
มีชมด้วยว่าน่ารัก คนซึนแห่งปี คือ อาฟเตอร์
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-03-2018 09:15:33
อ่านรวดเดียวเลย อาฟปากแข็งมาก!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-03-2018 09:45:23
เรื่องเมดทำให้นึกถึงเพลงนี้เลย
" เหมือนหัวใจจะขาดรอนๆ ตอนเห็นเธอกอดเขา
โอ้ย มันเจ็บไม่เบา อยากดิ้นตาย  ไม่คิดว่าคนที่อยู่ใกล้ตัว
จะร่วมมือกันลอบทำร้ายและพร้อมใจ เอาเขาควายมาเสียบหัว "


บินนี่ลิ้นสองแฉกซินะ เช้าบอกเลือกเมด บ่ายมานั่งยิ้มนั่งกอดคอยีนส์
อยากรู้จังว่าบินและยีนส์จะรับผลจากการร่วมมือกันหลอกเมดยังไง
ถ้าจะให้ได้สมหวังกันแล้วเมดก็ให้อภัยนี่ไม่โอเคอย่างแรง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 19-03-2018 12:52:07
อาฟฟฟ เราอยากได้เธออออ :mew3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 19-03-2018 20:58:08
นี่คือคนที่บอกว่า"รำคาญ"เค้านะเนี้ย :hao3: :mew3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 19-03-2018 21:15:28
พี่อาฟ พาน้องเมดมาไวๆ รออ่านอยู่~~~~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 20-03-2018 01:00:07
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-03-2018 06:16:12
อะไรใครห่วง ใครชอบ ใครรัก ไม่มี้ๆๆๆๆ อาฟแค่รำคาญ :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 20-03-2018 14:01:29
ฉันรอพี่อาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 20-03-2018 20:10:09
สนุกมากเลยค่าาาาา พี่อาฟ โคตรน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 21-03-2018 15:30:50
อยากกอดเมดแน่นๆจังเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 21-03-2018 18:54:29
อหหหหห ดอกมากบักส้นตีนหมาเช้าอย่างเย็นอย่างเปลี่ยนสีไวอย่างกับเหี้ย ด่าเหี้ยก็สงสารเหี้ยเลยบักบินบักเวร ขอกรรมติดจรวดหนักๆ :katai1:
ส่วนพ่ออาฟเตอร์ช็อก นี่ก็ซึนไปอีกกกกกก รำคาญตัวเองบ้างไหมหรรม แต่ตอนจูบนี่ถึงกับดีดดิ้นบนเตียง พีคกับน้องวิวด้วย
สงสารเมดมากต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่ต่อจากนี้เมดคงจะยุ่งจนไม่มีเวลาคิดถึงบักบินหรอก เพราะมีคนคอยกวนใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 23-03-2018 21:20:54
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า
 

ตอนที่ 10

" กูจะถามใหม่ มึงโอเคมั้ย "

" อยู่กับกูนะ กูไม่โอเค "

“ แต่มึงต้องขึ้นเรียน มึงบอกกูแบบนั้น " คนที่ยืนข้างกันพยักหน้ารับ สีหน้าที่กำลังลำบากใจของมัน คงกำลังคิดว่ามันจะทำยังไงดี ระหว่างโดดเรียนคลาสสำคัญเพราะไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมคลาสที่แน่นอนว่าต้องเข้ามาคุยเรื่องไร้สาระพวกนั้นให้มันเจ็บปวด ตอแหลบอกว่าขอโทษ แต่สุดท้ายก็ยังทำกันเหมือนเดิม " หรือมึงจะโดด "

“ กู..” สายตาที่ยังหาคำตอบไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผม " มึงว่าเอาไงดี "

“ มึงควรเผชิญหน้ากับมัน ไม่เริ่มวันนี้ ยังไงพรุ่งนี้มึงก็ต้องเริ่มอยู่ดี "

“ อื้ม " มันพยักหน้ารับเข้าใจ " กูก็คิดเหมือนมึง แต่ว่าตอนนี้กูว่า กูยังไม่พร้อมวะ "

“ มึงเรียนกี่โมง "

“ บ่ายโมง " ผมหยิบมือถือที่อยู่กระเป๋าหลังออกมาดู มันบอกเวลาเที่ยงพอดี

“ ไปหาที่นั่ง แล้วนั่งนิ่งๆสักพัก พร้อมแล้วค่อยขึ้นไป " พยักหน้ารับแบบว่าง่าย มันที่ทำทีจะเดินนำผมไป แต่ก็ถูกฉุดให้นิ่งไว้ก่อน ผมถอนหายใจออกมาตอนที่เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้มันอีกคนก็นิ่งไป " ไม่เคยเช็ดออกหมดเลยรึไง อยากให้พวกมันเห็นเหรอว่ามึงสภาพเหี้ยขนาดนี้ "

“ ไม่ " มันหันมาบอกผมก็เอาแก้วกาแฟที่กำลังถืออยู่ไปชนแก้มมันที่โวยวายขึ้นมา " เชี้ย ไอ้สัดอาฟ กูเย็นนะ " ยกยิ้มกับท่าทางหงุดหงิดนั่น ผมก้มลงกระซิบ

“ ทำหน้ายิ้มๆเข้าไว้ เผื่อเพื่อนกับผัวเก่าหันมาเห็นจะได้รู้ว่ามึงมีความสุขกับผัวใหม่อย่างกูแค่ไหน "

“ มึงไม่ใช่ผัวใหม่กูสักหน่อย ไอ้เหี้ย " มันพูดเสียงลอดไรฟัน สายตาที่กำลังหันไปมองเพื่อนกับแฟนเก่าของมัน

“ อย่าหันไป ทำเป็นไม่รู้ว่ามันนั่งอยู่ตรงนั้น ให้มันแค่มองเราก็พอ " เอื้อมมือไปกอดคออีกคนไว้ ผมก้าวขาเดินนำมันออกมาจากตรงนั้น เมดที่ดึงกาแฟในมือผมไปถือ มันก้มลงดูดแบบไม่ได้ขอ

“ นี่เหรอวะ รสชาติของคาราเมลมัคคิอาโต้อะไรนั่นที่มึงชอบ " เมดถามก่อนจะวิจารณ์ " ไม่เห็นอร่อยเลย "

“ แล้วมึงจะทำไม กูชอบของกู " ดึงแก้วที่มันถือกลับมากินเอง อีกคนก็เม้มริมฝีปากมองผมที่กินต่อจากมัน  " มึงเถอะ กินของต่อจากกู อยากจะจูบกูทางอ้อมเหรอ "

“ คิดเหี้ยอะไรอย่างงั้นวะ " มันเถียงก่อนจะดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดของผมตอนที่เราเดินพ้นออกมาจากสายตาของกลุ่มเพื่อนของมัน หย่นตัวลงนั่งที่เก้าอี้ที่ว่างระหว่างทางเดินไปอีกคณะ ผมนั่งลงข้างๆเมดที่ก็ถอนหายใจออกมา " กูแค่เห็นมันมองมาทางกู กูก็เลยทำแบบนั้น "

“ แบบไหน "

“ กูเป็นพวกค่อนข้างถือเรื่องหลอดดูดน้ำน่ะ กูไม่กินน้ำต่อจากใครถ้าไม่ใช่แฟนกู อย่างใช้หลอดเดียวกัน กูจะไม่ทำถ้าแก้วนั้นไม่ใช่แก้วของแฟนกู " ก้มลงมองกาแฟในตอนที่มันกำลังอธิบาย " ตอนนั้นพอเห็นมันหันมามอง กูก็เลยหยิบกาแฟของมึงมากิน มันจะได้รู้ ว่ากูกับมึงเป็นอะไรกัน "

“ อื้ม "

“ อาฟ โทษทีวะ " เมดเม้มปากก่อนจะหันมามองผมด้วยสีหน้าจริงจัง " กูรู้ว่ากูไม่ควรทำ แต่ตอนนั้นกูรู้สึกเจ็บมากจนอยากจะทำอะไรสักอย่างให้มันรู้สึกว่า ' กูไม่ได้แคร์ อยากจะทำอะไรก็ทำ ต่อจากนี้ไปกูจะมีชีวิตที่มีความสุข ชีวิตที่ดีกว่าพวกมึง ' " เสียงถอนหายใจที่ค่อนข้างขัดกับความเข็มแข็งนั้นดังออกมาหลังจากประโยคนั้นจบลง " หึ ตอแหลสัด ทำตัวให้มีความสุขทั้งๆที่ก็ทุกข์จะตายห่าอยู่แล้ว โคตรส้นตีน "

“ งั้นก็ทำให้มันมีความสุขจริงๆสิ "

“ ยังไง " มันยกยิ้มก่อนจะก้มหน้าลง " กูพยายามแล้วนะที่จะไม่คิด ไม่สนใจ ไม่รู้สึก ตอนแรกกูคิดว่ากูโอเคขึ้นมากแล้ว แต่พอเมื่อกี้กูเห็นพวกมัน กูก็รู้สึกเลยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา กูแค่ยุ่งจนไม่ได้คิดถึงเรื่องเหี้ยๆของพวกนั้นก็เท่านั้น กูแม่งก็แค่หลอกตัวเองว่ากูโอเค กูเลยรู้สึกไม่เจ็บ แต่จริงๆ แม่งก็ยังเจ็บอยู่ กูยังคงรู้สึกอยู่ดี "

" ก็ไม่เห็นแปลก " ผมพูดเสียงเบาๆ มันไม่เห็นจะแปลกเลยที่มันจะรู้สึกแย่ขนาดนั้น เรื่องมันไม่ได้เล็กๆ ที่จะทำใจลืมได้ภายในวันสองวัน เรื่องมันเหี้ยถึงขนาดที่ว่าสามารถเปลี่ยนนิสัยคนได้ หรือแม้แต่จะเกลียดกันไปชั่วชีวิตก็ยังทำได้ ก็ไม่แปลกที่อีกคนจะยังรู้สึก

" แต่กูก็ไม่ควรทำแบบนี้เปล่าวะ กูควรเข้มแข็งด้วยตัวเอง ให้มันเห็นว่ากูไม่แคร์ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เอามึงมาแสร้งทำเป็น..คนรักกันแบบนั้น " มันพูดเบาๆ ตรงท้ายประโยค " ผู้หญิงของมึงจะคิดยังไงวะ มันไม่ค่อยโอเคว่ะกูว่า "

“ กูบอกเหรอ ว่ากูไม่โอเค " ผมหันไปมองมัน " ก็แค่ช่วงนี้ "

" แต่ว่า.. "

" งั้นมึงจะบอกมันยังไง ตอนมันเข้ามาขอคืนดี  "

" ก็ปฎิเสธ "

" ถ้ามันไม่ยอมเหมือนวันนั้น ตื้อมึง คุกเข่าลงต่อหน้ามึง แล้วบอกแบบว่า รักมึงมาก เอาดอกไม้มาให้มึง เอาฝูงชนมากดดันมึง "

" มัน.. มันคงไม่ใช่คนที่ทำอะไรแบบนั้นหรอกมั้ง ยังไงมันต้องแคร์ไอ้ยีนส์ดิ " อีกคนบอกก่อนจะยิ้มจางๆในท่าทางที่ก็กังวลเหมือนกันว่ามันจะเกิดขึ้น " มึงก็พูดซะ " 

" ตอบ  ตอบกูว่าถ้ามันทำแบบนั้นมึงจะทำยังไง "

" ก็.. "

" ตอบรับคำขอโทษแล้วกลับไปเป็นควาย ที่ใช้ชีวิตรักแบบมีผัวเดียวกับเพื่อนสนิท "

" สัด ทำไมต้องไล่ให้จนมุมด้วยว่ะ " มันสถบออกมาก่อนจะถอนหายใจ  " เออ งั้นก็แล้วแต่มึง กูแม่งไม่เสียหายอยู่แล้ว มีแต่มึงทั้งนั้นที่เสียหาย ถ้าเสียสาวสวยๆไป บอกไว้เลยแล้วอย่างมาโวยวายกูทีหลังแล้วกัน  "

" หึ  “ ก็แค่นั้น  ผมต่อประโยคหลังนั้นในใจ " แล้วคราวนี้ถ้ามันเข้ามาง้อ ก็บอกมันไปว่าอย่ามายุ่ง กูขี้หวง ขี้หึงด้วย มึงไม่อยากจะทะเลาะกับกู ไม่อยากให้กูเข้าใจผิด ไม่อยากจะให้กูหึง  "

" อื้ม " พยักหน้ารับหงึกหงักทั้งๆที่ก็ยังคิดกังวลไม่เลิก กับการดึงผมเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องวุ่นวายของมัน " ทำไมมึงแม่งถึงต้องยอมเอาตัวเองเข้ามาพัวพันในเรื่องนี้ด้วยวะ ทั้งๆที่มึงน่าจะเป็นพวก ขี้รำคาญแล้วก็ไม่สนใจอะไรพวกนี้ อย่างวันก่อนยังบอกกูอยู่เลยว่า รำคาญ "

นั่นสิ.. ทำไมกูถึงกลายเป็นคนแบบนั้นไปแล้ววะ

" อย่ารู้คำตอบเลย " เพราะกูว่า...มันคงไม่ใช่คำตอบที่น่าฟังเท่าไหร่
...........................................................

   เดินขึ้นตึกมาพร้อมคนที่นั่งอยู่ข้างๆกันมาตลอดเกือบชั่วโมงแต่กลับไม่ได้มีอะไรที่มากมายไปกว่า การนั่งเงียบๆ ส่วนผมก็ฆ่าเวลาเบื่อๆด้วยการนั่งเล่นเกมส์อย่างไม่รู้จะทำอะไร เป็นเกมส์ไร้สาระพวกยิงลูกแก้วสีเหมือนกันอะไรทำนองนั้น  แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันทำให้ช่วงเวลาแย่ๆแบบนี้ ผ่านไปได้เร็วดีเหมือนกัน

" เลิกเรียนแล้วรอแถวหน้าตึก กูไม่จอดนะ พอรถกูชะลอหน้าตึก มึงต้องขึ้นเลย "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับกับอีกคนที่ก็ยักคิ้วกลับมาให้ มันที่ยืนนิ่ง ผมเองก็ยืนนิ่ง ราวกับว่าต่างฝ่ายก็ต่างรอให้อีกฝ่ายเดินแยกออกไปก่อน " มึงไปสิ "

“ มึงก็ไปสิ "

“ งั้นกูนับหนึ่งสองสาม พอสามมึงก็หันหลังไป กูก็จะหันหลังไป "

“ ปัญญาอ่อน " อีกคนบอกแบบนั้น ก่อนจะเดินออกไปทันที ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่มองตามแผ่นหลังที่ไม่ถึงกับหนามากเดินออกไปจากตึก  ผมยืนมองอีกคนอยู่แบบนั้น จนได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถหรูถูกสตาร์ทขึ้น

' AFTER '

[ ขึ้นไปเรียนได้แล้ว จะยืนอยู่อีกนานมั้ย ] พลิกมือถือที่ถูกอยู่เพราะเสียงเตือนที่ดังขึ้น ผมไม่ได้อ่านแต่เห็นจากข้อความเตือนของหน้าจอ ยิ้มออกมากับสิ่งที่เห็นอีกครั้งก่อนจะเดินไปกดลิฟต์ที่อีกสักพักก็คงลงมา [ ไหนบอกนับหนึ่งสองสามแล้วจะไป ]

[ ไหนใครบอกปัญญาอ่อน ] หลุดยิ้มออกมาตอนที่ตอบข้อความอีกคนกลับไปแบบนั้น บางทีมันจะรู้มั้ย ว่าตัวมันเป็นผู้ชายคูลๆที่แม่งมีมุมเด๋อๆกับเค้าเหมือนกัน  [ ขับรถดีๆ ] ผมส่งข้อความตอบกลับไปอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองที่หน้าคณะแล้วพบว่าเจ้าของรถคันที่มาส่งขับออกไปจากลานจอดแล้ว หลังจากที่มันขึ้นในหน้าจอของผมว่าอ่าน [ ถึงแล้วบอกด้วยนะ ตั้งใจเรียนละ ]

[ บอกตัวเอง ? ]

[ ขับรถ ก็อย่าเล่นมือถือสิวะ ]

[ แล้วมึงทักมาทำไม ]

[ ก็ไม่ได้จะให้ตอบตอนนี้ ถึงแล้วแล้วค่อยทักมา วางมือถือไอ้สัด อันตราย ] ขมวดคิ้วบอกอีกคนที่ก็ยังเล่นมือถือแบบไม่รู้จักเวลา ผมเห็นมันขึ้นว่าอ่าน ตอนนั้นก็เผลอส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา " กูก็ลืมไปว่ามึงแม่ง ดื้อด้าน "

   น่าแปลกที่ในช่วงเวลาแย่ๆแบบนั้น คนอย่างผมจะกลับรู้สึกอุ่นใจที่ได้อยู่ใกล้ๆกับคนอย่างมัน  คนแบบที่ปากไม่มีหูรูดบางทีก็สุดจะทนจนอยากจะเอาเข็มกับด้ายมาเย็บปิดไว้ แต่ในช่วงเวลาที่โหดร้ายแบบนั้น คนอย่างมันกลับยืนอยู่ข้างๆ ทั้งๆที่ควรพูดว่าน่ารำคาญ แต่เปล่า มันกลับพูดคำพูดตรงๆที่ให้กำลังใจออกมา มือที่ยืนนิ่งให้ผมกุมไว้เพื่อระบายความเจ็บปวดในใจ คนที่ไม่ได้พูดอะไรแต่กลับอยู่ข้างๆเพื่อแค่ให้รู้สึกว่า ผมยังมีมันอยู่ตรงนี้ โดยไม่มีคำปลอบเป็นคำพูดใดๆ  คงเพราะไม่อยากจะให้ผมรู้สึกว่า ตัวเองน่าสมเพชละมั้ง ..

“ อบอุ่น อ่อนโยน แบบไม่ได้เข้ากับหน้าตามึงเลยสักนิด ไอ้สัดอาฟ " ถอนหายใจออกมายิ้มๆ ประตูลิฟต์ที่เปิดออกมาผมเดินเข้าไปด้านในก่อนจะกดไปที่ชั้นเรียนของตัวเอง สูดลมหายใจเข้าปอดไปลึกๆ ก็อย่างที่อาฟบอกเอาไว้ ' มึงควรเผชิญหน้ากับมัน ไม่เริ่มวันนี้ ยังไงพรุ่งนี้มึงก็ต้องเริ่มอยู่ดี '

   เปิดประตูเข้าไปในห้องเรียนที่ตอนนี้มีนิสิตเข้ามารอเรียนกันไม่เยอะเท่าไหร่ ผมเลือกที่นั่งริมทางเดินที่เห็นกระดานชัดที่สุดอย่างทุกที หยิบมือถือขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา ไลน์ของคนที่บอกให้ขับรถดีๆ ยังไม่มีการตอบกลับมา
แต่ก็แน่ละ กว่าจะถึงมหาลัยคงใช้เวลาไม่น้อย จะว่าไปไม่เคยถามเลยว่ามันเรียนที่ไหน แต่ถ้าให้เดาต้องเรียนมหาลัยเอกชนคณะบริหารภาคอินเตอร์แน่นอน ลุคมันได้

" เมด มาเรียนแล้วเหรอมึง " เสียงคุ้นที่ทักขึ้นไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร  ผมถอนหายใจออกมาในตอนที่เพื่อนทั้งสองคนนั้นนั่งลงข้างๆอย่างไม่เอ่ยขออนุญาติใดๆ คนนึงคือคนที่รู้เรื่องราวเหี้ยๆทุกอย่างแบบ ' ไอ้จิง ' มันนั่งลงข้างผม ถัดไปก็คือเพื่อนที่ใช้แฟนร่วมกับผม ' ไอ้ยีนส์ '
 
   ครั้งนึงผมเคยคิดเหมือนกันว่าทำไม ไอ้ยีนส์ถึงไม่มีแฟนสักที ทั้งๆที่มีคนดีๆมาจีบมันตั้งเยอะแยะ คนหน้าดีแบบมันที่ยังโสดสนิท ตอนนั้นอีกคนก็บอกกับผมแค่ว่าไม่ได้ชอบคนที่จีบ แล้วตัวเองก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ตอนฟังผมแซวมันว่าใคร ทำไมไม่ยอมบอกกัน มันก็เอาแต่ยิ้มเขินบ่ายเบี่ยง บอกแค่ว่า ไม่อยากจะบอกใคร อยากเก็บไว้คนเดียวกลัวความลับรั่วไหล แล้วความผิดมหันต์ในวันนั้นของผมก็คือ ผมไม่ยอมเซ้าซี้ว่าเป็นใคร จนสุดท้ายวันนี้ก็ได้รู้ ว่าคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน .. แฟนของผมนั่นเอง

" เมด " ไอ้จิงที่นั่งข้างๆกัน เรียกผมอีกครั้ง ตอนนั้นผมก็ดึงโต๊ะเลคเชอร์ขึ้นพลางถอนหายใจเสียงดังที่บอกถึงความรู้สึกของตัวเองว่ารำคาญพวกมันมากแค่ไหน ลุกเดินไปนั่งให้ไกลจากตรงนั้น ผมเลือกนั่งที่ที่มีคนนั่งอยู่แล้ว และมันก็มีที่ว่างเหลืออยู่แค่ที่นั่งเดียว

" ฟาง นั่งด้วยได้มั้ย ตรงนี้มีคนนั่งรึเปล่า " ผมเอ่ยถามเพื่อนร่วมห้องที่ก็หันมามองก่อนจะยิ้มให้แล้วก็ส่ายหน้า

" ไม่มีๆ นั่งเลยเมด "

" ขอบใจนะ " หย่อนตัวลงนั่งข้างเธอ อีกคนก็ยิ้มให้

" หายไปไหนหลายวัน ไม่มาเรียนเลยนะ "

" พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ " ผมบอก " ว่าแต่ ขอชีสที่อาจารย์แจกเมื่อสองอาทิตย์ก่อนได้มั้ยฟาง ขอไปซีร็อกหน่อย "

" ได้สิ " เธอเปิดแฟ้มของตัวเองก่อนจะยื่นเอกสารให้ผม ก่อนจะชะงักไป " แต่ฟางสแกนใส่มือถือไว้ เอามั้ย จะส่งให้ เมดจะได้ไปปริ้นเลย ไม่ต้องเอามาคืนฟางอีก "

" ได้ๆ ยังไงก็ได้ "

" โอเค งั้นขอเมล์หน่อย “ เธอยื่นมือถือมาให้ผมพิมพ์ชื่ออีเมล์ของตัวเองลงไป กดอยู่สองสามครั้งมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะของผมก็ดังขึ้น หันไปกดเช็คดูว่าเอกสารพวกนั้นครบมั้ย ผมก็หันไปยิ้มให้เธอ

“ ได้ละ ขอบคุณนะฟาง “

“ ไม่มีปัญหา เดี๋ยวเอาวิชาอื่นให้ด้วยก็ได้ ฟางชอบสแกนไว้อะ บางทีแบบต้องอ่านเร่งด่วนจะได้มีอ่าน " เธอว่าก่อนจะกดส่งเอกสารต่างๆในช่วงที่ผมขาดเรียนมาให้ " ครบละ "

“ ขอบคุณนะ "

“ ไม่มีปัญหา " เธอว่าก่อนจะหันกลับไปสนใจเกมส์บนหน้าจอมือถือของตัวเองต่อ  ส่วนผมก็ก้มลงมองมือถือตัวเองเหมือนกัน กดปุ่มปิดเสียงเหลือไว้แค่สั่น คว่ำหน้าจอลงเพราะอาจารย์เข้ามาในห้องแล้วได้เวลาต้องเริ่มเรียนแล้ว  ผมอ่านเอกสารที่ถูกแจกใหม่พลิกมันไปมาทำความเข้าใจคร่าวๆ ก่อนมือถือมันก็สั่นขึ้นมา คิดไว้ว่าน่าจะเป็นคนที่มาส่งกัน คงไลน์มาบอกว่าถึงมหาลัยแล้ว แต่ก็เปล่า .. ไม่ใช่อาฟ แต่กลับเป็นคนที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนรักผม

' Jeans '

[ เมด กูขอโทษ ] อ่านข้อความนั้นผ่านแจ้งเตือนที่อยู่บนหน้าจอ [ กูจะไม่บอกว่ากูไม่ได้ตั้งใจ แต่กูอยากจะขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมา กูขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น กูขอโทษที่พยายามไม่พอ พยายามใจแข็งออกห่างจากบินไม่ได้อย่างที่ควรทำ ขอโทษนะเมด มึงไม่ต้องให้อภัยกูก็ได้ กูรู้ว่ามันยาก แต่เรื่องนี้ไอ้จิงไม่เกี่ยวอะไรด้วย จิงมันไม่สบายใจเหมือนกันที่เป็นแบบนี้ มันแค่อยากจะเป็นเพื่อนทั้งมึงทั้งกู อยากจะรับฟังเรื่องของมึงและกู มันไม่เกี่ยวนะมึง ให้อภัยมันได้มั้ย  เราคบกันมาก็นาน อย่าให้เรื่องของกูคนเดียวทำให้ มันต้องเป็นแบบนี้เลยนะเมด ถือว่ากูขอร้อง ] ผมอ่านประโยคที่พิมพ์มาทีละวรรคผ่านหน้าจอที่ค่อยๆ เลื่อนขึ้นไป ก่อนจะกดลบออกจากหน้าจอ แล้วกดเข้าไปในแชทลบออกไปโดยที่ไม่ได้เข้าไปอ่านมันอีกครั้ง หรือตอบอะไรทั้งสิ้น

   เพิ่งรู้เหมือนกันว่าคำว่าขอโทษ สำหรับบางเรื่อง แม่งใช้ไม่ได้ผลเลย ทั้งๆที่มันเป็นคำเดียวที่พูดได้แท้ๆ แต่ตอนนี้คำว่าขอโทษไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีกับมัน ไม่ได้ทำให้ผมหายเจ็บปวด แต่กลับกัน ยิ่งฟัง ก็ยิ่งรู้สึกว่าคนพวกนั้นทำไมมันถึงเห็นแก่ตัวกับผมแบบนี้ อยากจะถามมันเหมือนกันว่า ' พวกมึงทำร้ายกูขนาดนี้ ยังกล้ามาขอเหี้ยอะไรแบบนั้นจากกูอีกได้ไงวะ ยังมาขอโทษ ยังกล้า ยังหน้าด้าน เข้ามาคุยกับกูอีกเหรอวะ พวกมึงทำเหมือนเรื่องนี้มันเล็กน้อยได้ยังไงกัน พวกมึงคิดว่ากูยังอยากจะกลับไปคบพวกมึงที่เห็นแก่ตัวแล้วรุมหัวกันหลอกกูน่ะเหรอ สติยังดีกันอยู่รึเปล่าวะ ’

[ เมด กูรู้ว่ามึงอ่านอยู่ ] ผมถอนหายใจออกมา ตอนที่ข้อความของยีนส์เด้งขึ้นมาอีกครั้ง ผมกดลบมันออกไปอีกครั้ง ก่อนที่ไลน์อีกคนจะแจ้งเตือนขึ้นมา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 9 :: 18-3-61}
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 23-03-2018 21:21:39

' AFTER '

[ ถึงแล้ว ] ข้อความสั้นๆที่ผมกดเข้าไปอ่าน ก่อนจะตอบ

[ อื้ม ] อีกฝ่ายนึงอ่าน แล้วทุกอย่างก็เงียบไป ก็อย่างที่รู้อาฟไม่ใช่คนชอบชวนคุยอะไร ผมเงยหน้าขึ้นไปบนกระดานที่กำลังฉายสไลด์ของเนื้อหาที่ก็มีอยู่ในเอกสารที่แจก มือที่ถือปากกาขีดๆเขียนๆไปเรื่อย จนในที่สุดก็จำใจยกมือถือขึ้นชวนอีกคนคุย [ มึงทำไรวะ ]

[ ตั้งใจเรียน ]

[ กูไม่เชื่อได้มั้ย ]

[ กวนตีน ] อีกคนบอกผมก็หลุดยิ้มออกมา นึกหน้ามันออกเลยว่าตอนที่พิมพ์ข้อความนี้จะทำหน้าแบบไหนอยู่ [ ไปตั้งใจเรียน ]

[ อาจารย์สอนเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ กูไม่รู้เรื่องเลย ตามไม่ทันวะ ขาดไปสองอาทิตย์ โง่เลยกู ]

[ อย่าโง่หลายเรื่อง ] มันบอก [ จอดรถก็โง่ ให้เค้าสวมเขาก็โง่ นี่มึงยังจะเรียนโง่อีกเหรอ ]

[ K ]

[ ไม่มีเหรอ ] มันถามกลับมา ผมก็ได้แต่กัดฟันอยู่ในใจ เหี้ยเอ้ยยย ถ้าทำได้อยากจะตะโกนออกไปตอนนี้เลยว่า ' ไอ้สัด! กวนตีนกูอีกแล้วนะ '

[ มีเว้ย ใหญ่กว่ามึงอะ ]

[ ไม่น่าเชื่อ ต้องพิสูจน์ ]

[ กวนตีน ] ผมพิมพ์ตอบกลับไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไร อยู่ๆจะหื่นก็หื่นไอ้สัด ตามอารมณ์ไม่ทัน [ มึง เย็นนี้กินไรดี ]
[ ตอนเที่ยงที่กินไป ย่อยแล้วเหรอ ]

[ เออ เริ่มละ ] กัดฟันในใจตอนที่พิมพ์ คล้ายๆจะโดนด่าเป็นนัยๆว่าแดกเยอะ ยังไงอย่างงั้น  [ อยากกินบะหมี่กระดูกอ่อนหมูตุ๋น ]

[ ไปหาร้านมา ]

[ จะพาไป ? ]

[ หรือมึงจะไปเอง ]

[ แล้วรถกูเสร็จรึยัง กูไปเองก็ได้ ]

[ มันอาจจะได้ตอนมึงเข้างานแล้ว ] อีกคนบอกผมก็ขมวดคิ้ว

[ หลังหกโมงเหรอ ตอนนั้นช่างเค้าไม่เลิกงานไปแล้วเหรอวะ ] 

[ ไม่รู้ ช่างมันว่ามาแบบนั้น ] พยักหน้ารับกับข้อความที่ถูกส่งมา คิดปลงๆว่า จะยังไงก็ช่างเถอะ  ไม่ต้องเสียค่าช่าง ไม่ต้องจัดการเอง ยังไงก็ได้อยู่แล้ว  อีกอย่างมีคนมารับมาส่ง ถึงจะปากหมาหน่อยๆก็เถอะวะ แต่ก็ไม่แย่มากหรอก พอทนได้ [ บะหมี่หมูตุ๋นอะไรของมึง ไปหาร้านมา ]

[ มึงจะพาไป ? ]

[ ถามอีกที ไปเอง ] มันบอกผมก็หลุดยิ้มออกมากับคนขี้ยั๊วะ [ เอาร้านไม่ไกลจากผับ เย็นๆรถติด ]

[ โอเค กลัวแล้วจ้า เดี๋ยวกูหาไว้ ] ข้อความที่ขึ้นว่าอ่าน บทสนทนาจบลงตรงนั้นผมเหลือบมองกระดานดำอีกครั้งก่อนจะก้มหน้าลงมองหน้าจอมือถือตัวเอง [ มึง เลิกเรียนกี่โมงวะ ]

[ นี่มึงไม่มีเรียนรึไง ถึงส่งข้อความมากวนกูไม่หยุด ไปตั้งใจเรียน ]

[ อื้ม ] ท่าทางจะรำคาญแล้วว่ะ ผมคิดแบบนั้นตอนที่ตอบมันออกไปสั้นๆ ถอนหายใจออกมาก่อนจะเปิดเมล์อ่านชีสที่สองอาทิตย์ก่อนไม่ได้มาเรียนเพื่อฆ่าเวลา แต่ยังไม่ทันจะโหลดขึ้นมาอ่าน ข้อความจากคนที่ดูเหมือนรำคาญเมื่อครู่ก็ส่งเข้ามา

[ เป็นอะไร ]

[ เปล่า ]

[ ให้ตอบอีกที ] 

[ ก็.. ตอนเข้ามานั่งเรียน ไอ้จิงกับไอ้ยีนส์มันเข้ามานั่งด้วย พอกูย้ายไปนั่งตรงอื่น ไอ้ยีนส์ก็ส่งข้อความมาหา มันบอกว่าขอโทษ ]

[ งั้นเหรอ ]

[ อื้ม ] ถอนหายใจออกมา [ กูเซ็งนิดหน่อยอะมึง แต่ช่างมัน มึงเรียนเถอะ ]

[ ไอ้เด็กขี้ฟ้อง เอาเรื่องมาฟ้องก็ฟ้องให้จบ ] อาฟส่งข้อความตอบกลับมา

[ สัด กูไม่ได้ฟ้องสักหน่อยเล่าให้ฟังเฉยๆ แล้วนี่มึงจะไม่เรียนแล้วรึไง เลียนแบบกูเหรอวะ หรืออยากจะเสือกเรื่องกู เดี๋ยวโง่นะถ้าไม่เรียนน่ะ ]

[ ขอให้มึงรู้สึกเหี้ยแบบนี้ไปทั้งวัน ]

[ มึงแม่ง ทำไมต้องแช่งวะ ] ผมพิมพ์บอกมัน  [ แล้วมึงรู้ได้ไง ว่ากูกำลังรู้สึกเหี้ยอยู่ ]

[ ถ้าไม่โง่ ก็พอรู้  อย่าลีลา  จะฟ้องอะไร ก็ฟ้องมา ขี้ฟ้อง ]

[ กูเซ็งวะ มันกล้าส่งข้อความมาขอโทษกูได้ไงวะมึง คือกูก็เข้าใจว่าทำผิดต้องขอโทษ แต่เรื่องที่มันทำกับกู เป็นเรื่องที่ ถ้าเป็นกู กูคงไม่กล้าจะพูดอะไรหรอก บางทีกูดรอปเรียนไปแล้วไม่กล้าสู้หน้า แต่มันแม่ง..ไม่ละอายบ้างเหรอวะ  ที่ยังกล้ามาขอโทษกู ขอให้กูยกโทษให้เพื่อนอีกคนที่ก็รุมหัวกันหลอกกู งงวะ งงความหน้าด้านของมัน มันคิดว่ากูจะให้อภัยพวกมันกับเรื่องนี้ได้จริงๆเหรอวะ มันทำเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้น กูแค่ถูกแย่งดินสอกดไปใช้แบบไม่ขออะ ]

[ อื้ม ] คำตอบสั้นๆของคนที่อ่านข้อความผมอยู่ คิดผิดจริงๆ ที่บอกมัน รู้งี้ส่งข้อความไปหาไอ้วิวน่าจะดีกว่า เพราะรายนั้นไม่น่าจะมาส่งแค่คำว่า ' อื้ม '  แต่ต้องได้รวมหัวกันด่าแบบเมามันส์แน่นอน  [ ตกลงบะหมี่หมูตุ๋นจะกินร้านไหน ]

[ มึงแม่ง.. เหี้ยว่ะ ] ถอนหายใจออกมากับการเปลื่ยนเรื่องที่โคตรรวดเร็วของมัน แล้วจะให้เล่าทำไมวะสัด ถ้าไม่มีความเห็นเหี้ยตอบกลับมา [ กูยังไม่ได้หา ]

[ ถ้ามีเวลาว่างมา มานั่งเซ็ง ก็ไปหา ] อาฟบอก [ จะได้เลิกคิดเรื่องเหี้ยๆนี่ ตอนกูไม่อยู่ด้วยสักที ] คนแบบนี้นี่มัน.. ผมเผลอยิ้มออกมาตอนที่อ่านข้อความนั้น บางทีคนอย่างมันคงอยากจะให้เล่าเพื่อให้ผมปลดความรู้สึกเหี้ยๆนั่นออกไปก็แค่นั้น ก่อนจะหาเรื่องอื่นมาให้คิด ก็อย่างที่มันบอก จะได้เลิกคิดเรื่องเหี้ยๆ นั่นสักที

[ อื้ม งั้นกูไปหาก่อนนะ ] ตอบมันไปสั้นๆ ก่อนจะกดออกจากหน้าจอแล้วหันไปพิมพ์ค้นหาของที่อยากจะกินในช่วงเย็นนี้  ' บะหมี่หมูตุ๋นอร่อยๆ ' [ มึง มันไม่มีร้านที่กูอยากจะกินเลยวะ แต่ค้นไปค้นมา เจอร้านข้าวหน้าปลาไหล ]

[ อื้ม จะกินข้าวหน้าปลาไหลแทน ]

[ มึงกินมั้ย ]

[ กิน ] มันตอบสั้นๆ ผมก็ส่งลิงค์ไปให้มันดู แต่อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาแค่ [ มึงเลือก ]

[ มันมีหลายร้านมาก น่ากินทุกร้านเลย มึงช่วยกันเลือกหน่อย ]

[ ไม่ ขี้เกียจ มึงเลือกกูเลี้ยง ] ขมวดคิ้วมองข้อความของมันอยู่สักพัก ยังไม่ทันจะพูดอะไรอีกคนก็ส่งข้อความขยายประโยคแรกมา [ กูจ่ายเพราะมึงเป็นคนเลือกแล้ว ไม่มีอะไร ]

[ อื้ม ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร ] ผมบอก [ เอาจริงๆ นี่ถ้าไม่ติดว่า มึงชอบบอกว่ารำคาญกูบ่อยๆ กูคงคิดว่า มึงพยายามหาเรื่องมาเลี้ยงข้าวกูแบบพวกคนกำลังขอจีบ ]

[ อื้ม ] อีกคนตอบมาสั้นๆ ตอนนั้นผมก็นิ่งเหลือบมองซ้ายขวาทั้งๆที่ไม่มีอะไร เดาอะไรไม่ออกกับความหมายของข้อความนั้น คือปกติมันควรจะพูดว่า ' กวนตีน ไม่ก็ มึงบ้าเหรอ ' อะไรทำนองนั้นรึเปล่า แต่ทำไมแม่งมาแค่นั้นวะ ทำไมแม่งมาเหมือนคำตอบรับ

 ผมเม้มริมฝีปากตัวเองดูคำพูดของอีกคนผ่านหน้าจออยู่นาน มันขึ้นมาอ่านแล้วและผมต้องตอบ แต่ก็ไม่รู้จะตอบอะไรออกไปดี ข้อความนั่นชวนให้ใบ้กินไปเลย ‘ ไอ้สัดอาฟ มึงนะมึง แกล้งแน่ๆ ’  สมองที่กำลังคิด ผมออกจากหน้าจอก่อนจะเห็นหน้าเน็ตร้านอาหารที่เปิดค้างอยู่

[ แล้วตกลงจะกินร้านไหน ร้านใกล้ผับมันแพง แต่ไกลออกไปหน่อย ก็ถูกกว่า ] ผมเปลี่ยนเรื่องกลับเข้ามาคุยเรื่องอาหารต่อ

[ เอาร้านใกล้ผับ ]

[ กูจะแชร์โลเคชั่นไปนะ ] ผมพิมพ์บอกมันแต่อีกฝ่ายกลับพิมพ์สวนขึ้นมาก่อน

[ ไม่ต้อง ยังไงก็ต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว ]

[ อ่า ก็จริง ] พยักหน้ารับมันทั้งๆที่อีกฝ่ายก็คงไม่ได้เห็น อยู่ๆก็กลายเป็นว่าไม่รู้จะตอบหรือชวนคุยอะไรออกไปอีก

   ผมดึงหน้าจอแชทของตัวเองลงมา อ่านข้อความที่ตัวเองพิมพ์แซวอีกคนไปขำๆ เรื่องที่มันเลี้ยงข้าวบ่อยๆ จนเหมือนคนมาจีบกัน มองคำตอบ ' อื้ม ' สั้นๆนั้นอยู่สักพัก ท้องที่ปั่นป่วนไปหมดเพราะรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมากะทันหัน ในส่วนลึกมากๆมันบอกกับผมว่า ' หรือมันจะชอบมึง ' แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยิ้มเยาะตัวเองก่อนจะส่ายหน้า

“ ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ คนอย่างไอ้สัดอาฟ มากสุดก็แค่แกล้งเท่านั้นแหละ กวนส้นตีน " กดปิดหน้าจอมือถือตัวเอง แต่ยังไม่ทันจะคว่ำหน้าจอลงบนโต๊ะ เสียงไลน์ของคนที่กำลังคุยกันอยู่ก็ทักขึ้นมาอีก

[ วันนี้เลิกกี่โมง ]

[ บ่ายสามครึ่ง มึงอะ ] 

[ เสือก ]

[ อ้าว ไอ้สัดถามดีๆ เดี๋ยวโดนต่อย ]

[ กูจะไปรับไม่เกินสี่โมง เตรียมตัวไว้ ถึงแล้วจะไลน์ไป ]

[ โอเค แต่ไลน์มาตอนติดไฟแดงหน้ามหาลัยนะ เดี๋ยวกูออกไปยืนรอ ไม่ต้องพิมพ์ไปขับไป อันตราย ]

[ อื้ม ]

[ รีบมานะอาฟ กูไม่อยากอยู่นาน ]

[ ครับ รู้อยู่แล้ว ]

      ยิ้มให้กับข้อความที่เห็น ผมปิดหน้าจอมือถือลงอีกครั้งก่อนจะหันไปมองกระดานที่ตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาจารย์พูดอะไรไปถึงไหน แต่ช่างมันแล้วกัน เพราะถ้าจะแค่มานั่งอ่านสไลด์ให้ฟังก็ค่อยกลับไปอ่านเองก็ได้ ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ตอนที่อาจารย์ปล่อยเลิก หันหลังเดินออกไปจากห้องในตอนที่เพื่อนสองคนก็ยืนขึ้นพอดี ไอ้จิงที่ทำทีจะเดินมาหาผม แต่ทว่าผมก็เบี่ยงหลบมันออกไปก่อน

' AFTER '

[ เลิกแล้วนะ กำลังเดินลงไป ]

[ กำลังไป รอก่อน รถติด ]

[ โอเค เดี๋ยวไปรอนั่งหน้าคณะนะ ] ผมพิมพ์ตอบมันก่อนจะใช้บันไดเดินลงแทนการรอลิฟต์ เพราะถ้าขืนรอมีหวังต้องคุยกับไอ้สองคนนั้นแบบเลี่ยงไม่ได้แน่

   มองหาที่นั่งหน้าคณะที่ว่างแต่ยังไม่ทันจะเจอก็เจอเข้ากับคนที่ไม่อยากจะเจอเสียก่อน บิน แฟนเก่าผมเดินตรงเข้ามาหา สีหน้าเว้าวอนของมันแตกต่างจากเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่มันนั่งยิ้มมีความสุขอยู่กับเพื่อนผม

" เมด " ผมถอนหายใจออกมาตอนที่มันเอ่ยเรียกชื่อ มองไปทางอื่นอย่างไม่อยากจะสนใจแต่อีกฝ่ายก็เอื้อมมือมาจับมือของผม

" ปล่อย " สะบัดมือนั้นให้หลุดออก ผมจ้องหน้ามันด้วยสายตาไม่ชอบใจ " อย่ามายุ่งกับกู "

" เมด บินแค่อยากจะคุยเรื่องของเรา เปิดโอกาสให้บินหน่อยไม่ได้เหรอวะ โทรไปก็ไม่รับ ไลน์ก็ไม่ตอบ เจอหน้าก็ไม่พูด แล้วแบบนี้บินจะอธิบายให้เมดฟังได้ไง ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง "

" มึงจะอธิบายอะไรวะ พูดมาเลยว่าจะตอแหลอะไรให้กูฟัง " ผมบอก " ทำไมมึงนอนกับเพื่อนกูมาตลอดสี่ปี ถ้ามึงจะอธิบายเรื่องนี้แล้วบอกว่า มึงแค่เผลอไป งั้นก็ไม่ต้อง คนเราไม่เผลอนานถึงสี่ปีหรอก แล้วอีกอย่างเมื่อตอนเที่ยงที่ผ่านมา มึงก็คงไม่ได้เผลอ "

" ไม่ใช่แบบนั้น ไม่ได้จะอธิบายแบบนั้น ขอโทษ " มันที่จับมือผมอีกครั้งแต่คราวนี้กลับจับไว้แน่นกว่าเดิม " ขอโทษจริงๆ แต่บินรู้แล้วว่าบินรักเมดมากแค่ไหน อย่าทำแบบนี้เลย ฟังกันก่อนสิ เราคบกันมาตั้งนาน เมดจะไม่ฟังอะไรบินเลยเหรอวะ "

" มันไม่มีอะไรต้องฟัง ทุกอย่างชัดเจนแล้ว มันอธิบายทุกอย่างแล้วด้วยซ้ำ " ผมบอกก่อนจะถอนหายใจรำคาญออกมา " มึงพอเถอะบิน กลับไปอยู่กับไอ้ยีนส์ หรือจะไปตายที่ไหนก็ไป  แล้วไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก กูปล่อยมึงแล้ว มึงก็ควรปล่อยกู "

" เมด..” สายตาอ้อนวอนที่ส่งมา เจ็บขนาดนั้นแต่ทำไมหัวใจมันยังสั่นกับสายตานั่นอยู่ได้วะ ทำไมวะ ทำไมไม่จำ ว่ากี่ครั้งแล้วที่ไอ้เหี้ยนี่มันทำให้เจ็บปวด อย่าอ่อนแอทุกทีสิว่ะ จำไว้สิมึง ไอ้เหี้ยนี่ไงที่มันทำให้มึงเจ็บจนเจียนตายอยู่แล้ว

" อย่ามายุ่งกับกู กูไม่อยากจะให้ใครเข้าใจผิด เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว " สะบัดมือออกจากมือของมันแต่เหมือนอีกฝ่ายจะยังดึงดันไม่เลิก เหมือนที่ไอ้อาฟบอกไม่มีผิดเลย ทำไมมันถึงเดาเก่งได้ถึงขนาดนั้น

“ ไอ้อาฟใช่มั้ย คนที่มึงไม่อยากจะให้เข้าใจผิด มึงคบกับไอ้อาฟใช่มั้ยเมด "

“ ใช่ " ผมบอกมัน " กูคบกับอาฟ แล้วเลิกยุ่งกับกู กูไม่อยากจะให้อาฟเข้าใจผิด "

“ เมด..” ท่าทางที่ดูตกใจของมัน ก็จริงอยู่ที่ตลอดมาผมเคยรักแค่มันคนเดียว อดทนมาตลอดไม่ว่าคนตรงหน้านี้จะเป็นยังไง ต่อให้เรื่องที่ขัดใจร้อยล้านพันเรื่องผมก็ทนได้ นั่นเพราะผมคิดมาตลอดว่า ผมรักมัน และอยากจะรักมันเป็นคนสุดท้าย แล้วนั่นก็เป็นความคิดที่โง่ที่สุดในชีวิตของผมแล้ว  " ฟังนะ คนอย่างไอ้อาฟรักใครไม่เป็นหรอก คนอย่างมันหวังแค่จะหลอกฟันมึงก็เท่านั้น "

“ งั้นถ้าเป็นอย่างงั้นก็ไม่เป็นไร ยังไงก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่กูโดนหลอก " ผมจ้องหน้ามันก่อนจะยกยิ้ม " ไม่มีอะไรเหี้ยไปกว่าการโดนสวมเขาจากมึงแล้วก็ยีนส์ มาตลอดสี่ปีหรอกบิน "

 ปี๊น!  เสียงแตรรถที่ทำให้เราสองคนหันไปมอง รถคันหรูของอาฟ ที่เห็นแล้วก็รู้สึกว่ามันเป็นรถที่เท่ห์มากๆก็วันนี้แหละ

“ เมด “ ผมสะบัดมือมันออกอีกครั้ง ก่อนจะยกยิ้มให้

" ไปนะ แฟนกูมารับแล้ว "

...........................................................

ก็มีความห่วงใยกันเบาๆ จากประโยคธรรมดาทั่วไป ที่มองไม่ธรรมดา
พี่อาฟก็หยอดหน้านิ่งเหลือเกิน น้องละยอมใจ ตอนนี้ดูเหมือนไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่
เพราตอนเขียนหนมเขียนรวมกับตอนที่ 11 แล้วเอามาแบ่งเป็นสองตอนเอานะคะ ซึ่งตอนที่ 10 มันตัดตรงนี้ดีสุด
ฮ่าๆๆๆๆ เห็นใจน้องด้วยนะคะ น้องขออภัยนิดนึงงง
ส่วนนี้คือ ทางไปนิยายแชท เจ้าค่ะ http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6

เจอกันตอนหน้า ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 23-03-2018 22:31:07
เกลียดยีนส์ บิน จิง หน้าด้าน ทำเป็นน่าสงสาร โถ่ววววววว ตอแหล ฮึ  :z6:  :z6:

น้องเมด ดึงสติไปอยู่กับพี่อาฟนะคะลูกกกด
ท่องไว้ พี่อาฟปากมอม พี่อาฟปากมอมคนซึน ~~~
#น้องเมดขี้แยvsพี่อาฟคนซึน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 23-03-2018 22:43:05
คนขี้รำคาญคนนี้ช่างอบอุ่นอ่อนโยนถึงปากไม่หวานตีเนียนจีบขนาดนี้ให้โอกาส
รับรักเถอะ :mew3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 23-03-2018 23:20:27
ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง จนตอนนี้ยังไม่รู้ตัวอีก   นิสัย!!!ทั้งคู่จริงๆ#บินยีนส์ :angry2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 23-03-2018 23:52:45
เกลัภอีพวกทั่ทำผิดกะคนอื่นแล้วพูดขอโทษเค้าหวังให้เค้ายกโทษเรื่องเลวๆที่มันทำเพื่อความสบายใจของตัวเอง เห็นแก่ตัวไม่สิ้นสุด เมดทำดีมาก อาฟก็ทำดีมากเช่นกัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 23-03-2018 23:59:18
แซบเว่อออน้องเมดดดด ฮือออ แอบคิดลึกๆ จะพีคมากถ้าจิงไม่ยอมบอกเมดเพราะจิงชอบเมด 555555555555555555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 24-03-2018 01:57:07
  :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 24-03-2018 03:13:31
อธิบายเชี่ยไรอีกวะ เดี๋ยวกระโดดต่อยให้หน้ามึนโอ้โหด้านแม่งหมด  สารเลวทั้งแฟนเก่าทั้งชู้ทั่งเพื่อน คอยแต่แทงข้างหลัง
เฮียอาฟเตอร์ช็อคตอนนี้หล่อนำความซึนไปอีก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-03-2018 03:35:30
ตัดให้ขาดเลย ฉับ ฉับ ฉับ อย่าไปเสียจายยยยยยยยยยยยย ร้องไห้อยู่เลยยยยยยยยยยยยยยยย  :m12:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-03-2018 03:38:39
คนปากเสียจะดูแลใจเมดเองนะ
อย่าคิดเรื่องแย่ตอนอาฟไม่รู้
แค่นี้ก็รู้แล้วว่า อื้ม คือจีบนะเมด

เมดน่าสงสารนะ มันจริงว่า คำขอโทษ ใช้ไม่ได้กับทุกเรื่อง
ว้าววว เมดอยู่กับอาฟแล้วสบายใจ คือมีหวังนะคนเรา

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 24-03-2018 06:02:23
อาฟขี้รำคาญมากเบย //มองบน 555556
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 24-03-2018 07:47:33
สนุกสุดยอด นิยายวายที่มีพล๊อตถูกแฟนสวมเขามีหลายเรื่องก็จริง แต่เรื่องนี้กลมกล่อมมากๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 24-03-2018 07:54:09
เกลียดอีสามตัวหน้าด้านนั่นจริงๆ
อาฟจีบได้นิ่งมาก
555555555


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-03-2018 08:20:04
เมดสู้ๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 24-03-2018 09:07:32
โอ้ยยยย ยิ่งอ่านยิ่งเกลียด พวกแม่งงงงง

ว่าแต่ ๆ คำว่า อื้ม ของอาฟ มีความจีบจริงกี่เปอร์ ??? อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 24-03-2018 09:13:33
อย่าใจอ่อนเด็ดขาดนะเมด   สี่ปีที่โง่มาอย่ากลับไปโง่อีก


อาฟจ๊ะฝากเมดด้วย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 24-03-2018 09:42:08
อะไรจะด้านขนาดนั้น อยากรู้ว่าหนังหน้าก่อด้วยอะไร คืออยากให้เมดกลับมารับใช้เหมือนเดิมใช่มะ หรือยังไงก็ต้องเป็นของมัน ต้องรักมันคนเดียวหรอ :m31:
คนนะคุณ มีหัวจิตหัวใจเหมือนกัน สงสารเมดนะ หนูทนมาได้ไง แต่ก็ดีที่เข้มเเข็ง ถึงจะยังเขว้ๆ บ้างแต่เดี๋ยวเฮียอาฟจะดามใจให้เองจ๊ะ 555 เนียนเลยนะคุณเฮีย เหตุผลอะไรดีนะ บอกเมดให้เคลียหน่อยค่า

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-03-2018 09:42:50
จิง เข้าใจนะว่าเมดก็เพื่อนยีนส์ก็เพื่อน แต่ 4 ปีเลยนะที่ยอมปิดปากเงียบมองเมดถูกหลอกไปวันๆอ่ะ
ยีนส์ ถึงจะบอกว่าครั้งแรกมีอะไรกับบินเพราะเมาต่อจากนั้นคือควรเลิกยุ่งกับบินอ่ะ ไม่ใช่แอบแดกบินมาตลอด
เขาเรียกสมยอมและพร้อมใจจะหักหลังเพื่อนมากกว่า
บิน บอกได้คำเดียวว่า เหี้ย ดีนะ หาแดกไกลๆตัวก็ไม่ได้ดันแดกเพื่อนสนิทแฟนตัวเองซะงั้น
 :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 24-03-2018 15:13:52
นี่เพื่อนกันมานานจริงๆหรา หลอกกันขนาดนี้แล้วยังมาขอให้ยกโทษให้ โดนแฟนหลอกไม่เจ็บเท่าโดนเพื่อนรุมกันหลอกเลยนะ :angry2: :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 24-03-2018 21:31:56
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-03-2018 22:43:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: monalism ที่ 25-03-2018 05:03:15
อยากจะโดนถีบทั้งอดีตเพื่อนและอดีตผัว หน้าทนเหลือเกิน  :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 25-03-2018 11:20:52
ถ้ามีการประกวดนายเอกที่เรียกน้ำตาได้มากสุดแห่งปี รับรองจะโหวตให้เมดอันดับแรกเลย อ่านไปก็ร้องไห้กับเมดไป ขออภัยมันอินมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 25-03-2018 20:22:50
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า
 

ตอนที่ 11

' J is J '

[ อาจารย์ยังไม่ปล่อย มึงหายไปไหนของมึง ไอ้สัดอาฟ เข้าห้องน้ำ ? ] ข้อความที่ถูกส่งเข้ามาผมชายตาอ่านก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองถนนตรงหน้าเพราะกำลังขับถนนและอยู่ในทางตรงที่กำลังเบียดเสียดจนไม่สามารถหยิบมือถือขึ้นมาตอบได้

“ กูตอบให้มั้ย " คนที่นั่งข้างๆบอก ตอนที่เห็นท่าทางที่อยากจะหยิบมือถือขึ้นมาตอบของผม เราที่หันมาสบตากัน ผมยกยิ้ม

“ เสือก คิดเรื่องแฟนเก่ามึงไปเถอะ ยืนจับมือกันแน่น ถ้ากูไม่กดแตร คงไม่ปล่อยหรอกมั้ง " สายตาเรียวหันมามองผมด้วยหางตา มันที่ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันกลับไปมองถนนข้างหน้า

ไม่รู้ว่าเป็นผมมากกว่ารึเปล่าที่ต้องรู้สึกหงุดหงิด กับการขับรถมารับอีกคนแล้วเห็นภาพที่ไม่อยากจะเห็นพวกนั้น เมดที่กำลังยืนจับมือกับแฟนเก่าที่กำลังส่งสายตาเว้าวอนให้มันเต็มที่ มือที่จับกันไว้แน่น ผมเกลียดช่วงเวลาที่ตัวผมไม่รู้อะไรเลยแบบนี้ เกลียดที่ใจตัวเองมันต้องคาดเดาทุกอย่างไปมั่วซั่ว แล้วก็เป็นตัวเองที่หงุดหงิดซะเอง แต่ถึงอย่างงั้นก็ต้องทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ไม่ได้หึง ไม่ได้คิดมาก ทั้งๆที่ไม่ใช่เลย  " มันเข้ามาพูดว่าอะไร "

“ เสือก " ทำทีเป็นยกยิ้มขำท่าทางหงุดหงิดของมัน อีกคนก็หันมามอง " ขำเหี้ยอะไรของมึง ไม่มีเหี้ยอะไรตลก ไอ้สัด "

“ แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไร กูพูดความจริงแค่นี้ยั๊วะเหรอ "

“ ไม่มั้งไอ้เหี้ย  " อีกคนหันมาเถียงสีหน้าโกรธๆ แต่ยิ่งดูก็ยิ่งตลก มันเหมือนลูกแมว ไม่ก็พวกลูกหมาพันธุ์จิ้งจอกที่กำลังหันมาขู่ผมด้วยท่าทางที่คิดว่าจะทำให้กลัว แต่เปล่าเลย กลับกัน มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า ' น่ารักวะ มึงแม่งน่าแกล้ง '

" พูดตรงใจแค่นี้ต้องยั๊วะด้วย " บอกมันแบบนั้นก่อนจะหันกลับไปมองถนนตรงหน้าตามเดิม ผมถามคำถามที่อยากจะรู้ " แล้วไง จะคืนดีกันเมื่อไหร่ "

“ ตรงใจเหี้ยอะไร ปากมึงอะหูรูดมีซะบ้างนะอาฟ พูดอะไรแคร์ใจกูด้วยไอ้สัด กูโง่ก็จริง แต่กูไม่ได้โง่ขนาดจะกลับไปรักกับคนแบบนั้น เออ ยังรักอยู่แล้วไงวะ ก็มันเคยรักมาก ถ้ากูตัดรักมันได้ง่ายๆ เหมือนตัดกระดาษ กูคงตัดมันไปนานแล้วสัด! ไม่ต้องมาร้องไห้ ไม่ต้องเจ็บปวดกับมันเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้หรอก กูก็อยากจะมีความสุขเหมือนกัน " เสียงตะโกนที่ดังออกมาจากอีกคนที่เหมือนอัดอั้นอยู่นาน " มึงไม่รู้หรอก ว่าก่อนมึงมากูปฎิเสธมันไปกี่ครั้ง กูบอกมันตั้งกี่ทีว่าให้เลิกยุ่งกับกู แต่ไอ้เหี้ยนั่นมันไม่ฟังเลย กูอยากให้มันเลิกยุ่งกับกูเหมือนกัน กูเกลียดมัน กูไม่อยากจะให้มันมาแตะต้องตัวกูด้วยซ้ำไป "

" แล้วร้องไห้ทำไม " ผมหันไปบอกอีกคนก็นิ่งไป มันพิงหลังกับแบะรถแล้วหันไปทางอื่น เมดเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มของมันด้วยท่าทางหงุดหงิด  " ขี้แง "

" กูร้องไห้เพราะแค้นคำพูดมึงนั่นแหละไอ้สัด! " เมดบอก " มึงแม่ง ปากเหี้ย กูไม่ได้อยากจะกลับไปรักกับมันสักหน่อย แล้วกูจะไม่กลับไปด้วย ต่อให้ตายก็ไม่ไป " สีหน้าจริงจังที่หันมามองผมด้วยตาขวางๆ ริมฝีปากสีสวยนั่นเม้มเข้าหากัน " ถามจริงๆเถอะ มึงเห็นกูเป็นคนแบบนั้นเหรอวะ "

" แบบไหน "

" แบบที่เห็นแฟนตัวเองมีอะไรกับเพื่อนตัวเองต่อหน้าต่อตาก็ยังให้อภัยแฟน แล้วกลับไปคบกันอย่างมีความสุขได้โดยไม่คิดอะไร "

" ไม่รู้สิ "

" กูไม่ได้โง่ขนาดนั้น " มันหันมาบอกผม แววตาโกรธๆที่หันมาจ้องกันไม่วางตา ถึงจะไม่ใช่ความรู้สึกที่เข้ากันกับอีกฝ่ายเท่าไหร่ แต่ยอมรับว่าสบายใจขึ้นมาเยอะที่ได้ฟังมันพูดอะไรแบบนั้นด้วยความหนักแน่นว่า... ‘ ยังไงก็ไม่กลับไป ’

" ก็ดีที่ไม่ได้โง่ "  ผมบอก " แล้วไงต่อ มันมาง้อมึงเหมือนเดิม แล้วมึงปฎิเสธมันยังไง "

" เสือก " พิงหลังรถด้วยท่าทางที่ยังหงุดหงิดไม่หาย มันที่ถอนหายใจออกมาก่อนจะอ่อนข้อเล่าให้ฟัง ตอนที่เห็นว่าผมเองก็เงียบไป " ก็บอกไปอย่างที่มึงให้บอก "

“ บอกว่า "

“ กูคบกับมึงแล้ว กูไม่อยากจะให้มึงเข้าใจผิด " ประโยคสั้นๆที่ทำให้ผมรู้สึกอยากจะยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทำทีหันไปอีกฝั่งของรถ ผมยิ้มออกมาแล้วก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเมื่อมันพูดต่อ " แล้วตอนนั้นมึงก็ขับรถมาถึงพอดี มึงกดแตร บินมันตกใจมือที่จับกูอยู่เลยแบบหลวมขึ้นมาหน่อย กูแม่งได้จังหวะก็สะบัดออกมาเลย แล้วก็บอกมันไปด้วยนะว่า กูไปนะ แฟนมารับแล้ว "

" อื้ม " พยักหน้ารับมันอีกคนก็เหล่มอง

" เป็นไรอะมึง หันไปมองนอกหน้าต่างตั้งนานแล้ว "

" เสือก " ปั้นหน้านิ่งหันไปบอกมัน อีกคนก็ทำหน้าไม่ชอบใจใส่ เมดถอนหายใจออกมาก่อนจะพิจารณาหน้าตาของผม " มองอะไร "

" ไอ้บินมันบอกกูด้วยนะ ตอนที่กูบอกว่าคบกับมึงอะ มันบอกกูว่า มึงคงแค่เอากูแล้วทิ้ง คนอย่างมึงไม่รักใครจริง "

“ เหรอ.. มันรู้จักกูดีกว่าตัวกูเองซะอีก กูยังไม่คิดว่ากูเป็นแบบนั้นเลย  " ผมหันไปบอกอีกคนก่อนจะยกยิ้ม

“ กูก็ไม่คิดว่ามึงเป็นแบบนั้นเหมือนกัน " เมดบอกผมก็หันไปมองมันนิ่งๆ “ คนปากแบบมึง น่าจะโดนทิ้งมากกว่าทิ้งเค้า "

" แต่กูไม่คิดว่าปากแบบกูผู้หญิงจะไม่ชอบ เห็นเรียกร้องขอต่อทุกคน" ผมหันไปส่ายหน้าให้มันยิ้มๆเชิงอวด ก่อนจะเอียงหน้าถาม " แล้วมึงคิดว่าไงละ เคยโดนแล้วไม่ใช่เหรอปากกูน่ะ "

" โดนอะไร "

" จูบไง " ผมถาม คนที่ปั้นหน้าโกรธก็แก้มแดงขึ้นมาทันที " เป็นไงตอนนั้น "

" โคตรเหี้ย "

" งั้นเหรอ แต่กูว่าดีออกนะ "  สายตาขวางๆหันมามองผม ที่ตอนนี้ก็หันกลับไปมองถนนข้างหน้า " โดยเฉพาะเวลามันจูบลงบนปากของมึง "

" สัด " สถบออกมาแค่นั้นก่อนจะนั่งเงียบไปตลอดทางด้วยใบหน้าที่แดงไปหมด ปากที่บ่นงุบงิบแต่ผมก็ยังได้ยิน " เดี๋ยวกูแม่งจะแดกให้ยับเลย กวนตีนกูนัก "

   ขับรถเข้ามาในร้านตามแผนที่ที่คนนั่งข้างหาเอาไว้ ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ไม่ได้อยู่ไกลจากผับของเราเท่าไหร่ บรรยากาศโดยรอบที่จัดว่าดูดี ผมเดินลงจากรถพร้อมกับอีกคนที่ก็หันมองไปรอบๆ

" บรรยากาศดีวะ " มันพูดแบบนั้นก่อนจะเดินนำผมเข้าไป หลุดยิ้มอีกครั้งกับท่าทางของมันที่พอเป็นเรื่องกินแล้วจะเปลี่ยนไปทันทีเหมือนความเศร้าก่อนหน้านี้หรือความหงุดหงิดอะไร ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ' แต่ก็ดีเหมือนกัน รับมือง่ายดี '

    เดินเข้ามาในร้านที่จัดตกแต่งแบบสบายตาในโทนเรียบๆ เราเลือกที่นั่งเป็นโต๊ะติดหน้าต่าง ก่อนพนักงานจะเอาเมนูมาให้เรา เมนูที่ถูกเปิดไปหน้าแล้วหน้าเล่า เมดก็เงยหน้าขึ้นมองผม " น่ากินไปหมดเลยว่ะ " มันว่าแบบนั้นก่อนจะยิ้มหวานให้ แค่ดูก็รู้ว่ามีแผนชั่ว " อยากกินซูซิกุ้งทอดนี่ "

“ อื้ม "

" ซูซิโรลก็น่าสนใจ " มันพูดลอยๆ " นี่มึงกินซูซิปลาไหลยาวๆ นี่กัน "

“ ไหนบอกจะกินข้าวหน้าปลาไหล "

“ ก็กินซูซิปลาไหลด้วย ข้าวหน้าปลาไหลด้วย ซูซิอย่างอื่นด้วย "

“ อ้วน " ผมพูดดัก อีกคนก็มองหน้านิ่งๆก่อนจะก้มลงดูเมนูแบบไม่ใส่ใจ เหมือนในใจมันพูดว่า ' ฝากไว้ก่อนเถอะมึง เดี๋ยวก่อน ' แต่ผมว่าแผนมันคงไม่พ้นสั่งของแพงๆมาแดกเยอะๆ แล้วสุดท้ายผมจ่าย เพราะผมก็บอกมันไปแล้วว่าจะเลี้ยง

“ กูสั่งละนะ "

“ อื้ม " ตอบรับอีกคน มันก็ยกมือขึ้นเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์

“ ข้าวหน้าปลาไหลสองครับ ซูซิปลาไหลแบบนี้สอง ซูซิกุ้งทอด ยำแซลม่อน ไข่หวาน แล้วก็ซูซิรวมเช็ตนี้อีกหนึ่ง " ยิ้มให้พนักงานก่อนจะเปิดหน้าเมนูต่อไป " แล้วก็ ชาเขียวเย็นหนึ่ง " เมดหันไปมามองผมตอนที่ตัวเองสั่งเสร็จ " มึงเอาน้ำอะไร "

“ เหมือนมึงแต่เอาร้อน "

“ ชาเขียวร้อนอีกหนึ่งครับ แค่นี้ "

“ ค่ะ " พนักงานเก็บเมนูไป ผมที่นั่งจ้องหน้ามันที่ยิ้มกวนตีนให้ผม

“ เออ ลืมถามว่ามึงจะเพิ่มอะไรอีกมั้ย " ผมยิ้มกลับให้มัน อยากจะขำออกมากับความคิดเด็กๆของมัน อายุสมองแค่ไหนวะถึงคิดวิธีการแก้แค้นแบบนี้ได้วะ น่าเอ็นดูซะจริง " แต่มึงคงไม่อยากจะเอาอะไรแล้วละเนอะ "

“ หึ " หัวเราะในคอ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดดู ข้อความไอ้เจเป็นข้อความที่ผมยังไม่ได้ตอบ

' J is J '

[ ออกมาแล้ว ]

[ เชี้ย กว่าจะตอบไอ้สัด ถ้ามึงไปเข้าห้องน้ำกูคงคิดว่ามึงโดนดูดไปพร้อมขี้แล้ว ] อีกฝ่ายว่า [ แล้วนี่รีบออกไปไหนของมึง อีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะเลิกเรียน ]

[ มากินซูซิ ]

[ ไม่เชื่อได้มั้ยสัด เอาคำตอบที่เป็นคำตอบจริงๆ ] ผมเงียบไม่อยากจะตอบมัน [ อะ สัด เงียบ ให้เดามึงไปรับเมด เพราะเมดเลิกเรียนก่อน ]

[ เสือกว่ะ ]

[ งั้นกูส่งข้อความไปถามเมด กูบอกความจริงด้วยเป็นไง ว่ามึงแอบออกไปก่อนเพราะไม่อยากจะให้เมดรอนาน เผื่อเค้าจะประทับใจในตัวมึง ]

[ เสือก ]

[ อะ ด่าอีกทีกูแอดไปบอกเลยนะ ]

[ สัด อย่า ]

[ สรุปว่าจริง ]

[ เออ ไปรับที่มหาลัยแล้วพามากินซูซิอยู่ เดี๋ยวกินเสร็จจะเข้า  throw up เลย แล้วมึงอยู่ไหนจะเข้ามาเมื่อไหร่ ]

[ เปลี่ยนเรื่องเก่ง คิดว่าทำดีแล้วเค้าจะชอบรึไง บอกไว้ความดีไม่เข้ากับหน้ามึงสัด ดักปล้ำซะ จะเข้ากันกับหน้าเหี้ยๆของมึง ] ไอ้เจบอกผมก็ยกยิ้ม [ แล้วเมดเป็นไง เจอไอ้เหี้ยบินมั้ยวันนี้ ]

[ เจอ ตอนกูไปรับก็เห็นมายืนง้อกันอยู่ ]

[ หน้าด้านสัด  แต่กูว่าแม่งไม่จบแค่นี้แน่ ความรู้สึกกูบอกว่า ไอ้เชี้ยบินไม่น่าจะปล่อยเมดง่ายๆ คนอย่างมันเหมือนพวกเสียหน้าไม่ได้ จำตอนมันทำทีเป็นสนิทกับกูตอนมาผับเราได้มั้ย ขนาดกูทำหน้างงๆ มันยังหน้าด้านเข้ามาตีสนิทเลยสัด กลัวอายสาว แต่ก็นะช่างเถอะ มันไม่ใช่เรื่องของกู ] เผลอนิ่งคิดไปตอนที่อ่านข้อความนั้นก็จริงอย่างที่ไอ้เจพูด ไอ้บินดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่สำหรับเรื่องเมด ไม่รู้มันจะเอายังไง จะไปในทิศทางไหน แต่ถ้าให้เดา คงอยากจะกลับมาคบด้วยอีก แล้วก็แอบคบเพื่อนไอ้เมดไปด้วยเหมือนอย่างเดิมที่เคยทำ ดูจากการที่มันเหมือนประคับประคองง้อขอคืนดีทั้งคู่แล้วรู้สึกได้ว่า คงเป็นงั้น [ เออที่ทักมานี่จะบอกเรื่องรถของเมด  รถไอ้เมดที่มึงให้กูเรียกช่างให้ โอเคแล้วนะเสร็จแล้ว จะให้ช่างเค้าขับไปไว้ที่ผับเลยมั้ย ]

[ ไว้ที่คอนโดมึงก่อน ]

[ ห๊ะ ? เพื่อออ ไอ้สัด เดี๋ยวๆ กูงง รถเค้ามั้ย แล้วทำไมมึงไม่ให้เค้าไป มันก็ซ่อมเสร็จแล้ว ]

[ กูยังมีเรื่องที่อยากรู้อยู่ ต้องไปส่งเมดอีกวัน ]

[ ไม่ใช่ละไอ้สัดอาฟ กูว่าไม่ใช่จะสืบหรอก มึงแค่อยากจะไปรับไปส่งเค้าก็บอก ]

[ ไม่ใช่ กูแค่ยังมีเรื่องที่จะรู้อยู่ก็แค่นั้น ]

[ อยากรู้เรื่องอะไร กูไปถามให้เอง จะถามมาให้หมดเลยสัด แล้วมึงก็เอารถไปคืนเค้าซะ ]

[ เสือก ]

[ มึงมีอะไรที่ต้องอยากจะรู้อีกสัดอาฟ ไม่มีแล้ว มึงรู้แล้วนี่ว่าไอ้บินเป็นแฟนเมด เรื่องที่อยากรู้ก่อนหน้านั้นว่าเพื่อนคนที่หักหลังมันเป็นใคร มึงเองก็รู้แล้ว คือมันไม่มีเรื่องเหี้ยไรที่มึงต้องรู้แล้วเว้ย ยกเว้น.. มึงอยากจะอยู่กับเค้า ไปรับไปส่งเค้า กินข้าวกับเค้า ดูแลเค้า ] ผมนั่งอ่านข้อความนั้นเงียบๆ ตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอาหารที่สั่งก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ คนตรงหน้าผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางถ่ายภาพอาหารน่ากินพวกนั้น บางทีผมคงคิดอย่างที่ไอ้เจบอก .. ไม่มีอะไรที่อยากรู้แล้ว ตอนนี้ก็แค่อยากอยู่ด้วย [ ยอมรับความจริงกับกูมาสัดอาฟ แล้วกูจะช่วยมึง ]

[ ไม่มีความจริงจะยอมรับอะไรกับมึงทั้งนั้น ไอ้สัด ] ผมบอก [ บอกให้เค้าเอารถมาไว้ที่ผับก็ได้ แล้วค่าใช้จ่ายมึงออกไปก่อน แล้วกูจะโอนให้ทีหลัง ]

[ คิดดีแล้วเหรอครับ คิดใหม่ได้นะไอ้เหี้ยอาฟ ] ไอ้เจถามพร้อมด้วยอิโมจิยกยิ้มกวนตีน [ มึงจะไปอ้างเมดว่าอะไรเรื่องอยากจะไปรับไปส่งเค้าทั้งๆที่เค้ามีรถอยู่แล้ว คนอย่างมึงบอกเค้าตรงๆได้รึไง ว่าอยากจะไปรับไปส่งเค้าน่ะ ]

[ ก็ไม่เห็นยาก ตั้งแต่วันพรุ่งนี้กูจะเอารถเข้าไปทำสีรอบคัน สักสิบห้าวัน แล้วมันต้องรับผิดชอบที่ทำให้กูไม่มีรถขับด้วยการเอารถมันมาให้กูขับ ]

[ แผนเลวสมเป็นสัดอาฟเพื่อนกู ] อีกคนว่า [ แต่ขอขัดนิดนึงนะ ถ้าเอารถไปทำสี แล้วบิลแม่งออกมาว่า ห้าพัน ทุกอย่างก็จบนะ มึงอย่าลืม เมดเป็นคนทำบัญชีของร้าน แล้วมึงก็ใช้บัญชีส่วนตัวร่วมกับบัญชีร้าน ]

[ ยากเหี้ยอะไร เขียนศูนย์เพิ่มเข้าไปสิ มึงจะเอาสักกี่ตัวละ ]

[ ชาติชั่ว ]

[ เจ ] ผมเอ่ยเรียกอีกคนพลางยกยิ้มมองผ่านหน้าจอมือถือไป [ มึงเล่นผิดคนแล้ว ]

[ สัด ] อีกฝ่ายสถบ [ ก็โชคยังดีที่ไอ้เมดเป็นแค่คนธรรมดา นี่ถ้าเป็นหมอหมาหมอแมว แล้วมึงอยากจะเจอเค้า มึงไม่จับแมวไอ้เดย์มาหักขาหักแขนแล้วพาไปหาหมอเพื่อจะได้เจอเค้าเหรอวะ ]

[ กูดูเป็นคนอย่างงั้นเหรอวะ ]

[ เอาเป็นว่า ถ้าเมดเป็นหมอคน มึงคงเอามีดแทงกูเพื่อให้มึงได้พบไอ้เมดแหละกูว่า ]

[ อื้ม คิดได้เองก็ดี ]

[ สัด! กูเพื่อนมึงไอ้เชี้ยอาฟ ว่าแต่นะ.. ยอมรับแล้วเหรอ ว่ากำลังหาเรื่องไปรับไปส่งเค้าน่ะ จีบเค้าอยู่สินะ จีบแบบสไตส์เหี้ยๆของพี่อาฟ ]

[ ประโยคไหนที่กูบอกว่าอย่างงั้น ]

[ ตั้งแต่ให้กูเอารถไปไว้ที่คอนโดกูก่อน แล้วบอกเติมศูนย์ลงไปในบิลแล้วจ้า สัด ]

[ รำคาญมึง ] กดปิดมือถือแล้ววางลงบนโต๊ะ ผมดึงตะเกียบออกจากกันตอนที่กำลังลังเลว่าหยิบกินอะไรเป็นอย่างแรก เมดก็เงยหน้าขึ้นมาบอกผมตอนที่เคี้ยวซูซิเข้าไปคำโต

“ อร่อย " มันว่าแบบนั้นพร้อมกับยิ้มตาหยี เป็นครั้งแรกที่ผมยิ้มออกมาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัว  แล้วพอได้สติก็ต้องทำทีเป็นเลียปาก กลืนน้ำลายก่อนจะปรับสีหน้าทำเป็นไม่สนใจเหมือนปกติ โชคดีที่อีกฝ่ายไม่เห็นเพราะมัวเอาแต่ก้มหน้ากิน  หันไปมองซูซิหน้าตาน่ากินตรงหน้าที่เชื้อเชิญชวนให้ผมสนใจ แต่แปลกอย่าง วันนี้ของน่ากินพวกนั้น มันกลับแพ้ราบคาบให้คนตรงหน้าของผม

    คีบซูซิปลาไหลตัวยาวขึ้นมากิน รสชาติถือว่ายอดเยี่ยมตามราคาของมัน ผมตัดเลี่ยนด้วยการชิมยำแซลม่อนสลับกับเมนูอื่นบนโต๊ะไปเรื่อยๆ

“ เมด รถมึงเสร็จแล้วนะ ช่างจะขับเอามาไว้ให้ที่ผับเย็นนี้ "

“ เหรอ อื้ม ขอบคุณมากนะ " คนที่กินข้าวปลาไหลอยู่ตรงหน้าพยักหน้ารับ ท่าทางที่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรปากก็เอาแต่เคี้ยวมีความสุขกับอาหารตรงหน้า ผมก็ได้แต่จ้องหน้ามัน " มีไรวะ รถกูมีปัญหาเหรอ "

“ ไม่ทุกข์ร้อนกับอะไรเลยนะ "

“ อ้าว แล้วจะให้ทุกข์ร้อนอะไรวะ ก็มึงบอกมันเสร็จแล้วอะ ที่ผับก็มียามเฝ้าอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องมีอะไรน่าหวงมั้ย " อีกคนเอียงหน้าถาม " หรือมึงไม่ไว้ใจยามใน throw up  “ ผมยกยิ้มกับคำถามกวนตีนของมัน   

“ แล้วอีกอย่างที่จะบอกก็คือ พรุ่งนี้กูจะเอารถเข้าศูนย์ซ่อมนะ "

“ แล้วบอกกูทำไมอะ " ปากที่คีบอาหารเข้าไป นัยย์แววตาก็ยังไม่รับรู้และไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น ยกเว้นความอร่อยของอาหารตรงหน้า ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง เมดพูดออกมาเสียงเบาๆด้วยรอยยิ้มแห้งๆ " เอาเข้าไปทำสีใหม่สินะ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับมันก่อนจะคีบไข่หวานขึ้นมากิน " เพราะงั้นมึงต้องเอารถมึงมาให้กูขับก่อน เพราะกูไม่มีรถขับ "

“ ห๊ะ ? “ อีกคนอ้าปากค้างไปสักพักตอนที่ผมบอก มันที่หุบปากตัวเองพลางขมวดคิ้วมองผม “ แล้ว กูใช้ไรอะ "

“ ไม่เห็นยาก เดี๋ยวกูไปรับ "

“ คือ เดี๋ยวนะกูขออธิบายตัวเองเพื่อความเข้าใจ มึงจะเอารถเข้าไปทำสี แล้วมึงไม่มีรถขับเลยจะเอารถกูไปขับ ซึ่งในระหว่างนี้ มึงก็จะไปรับไปส่งกูอย่างงั้นเหรอ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับมัน ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวหน้าปลาไหลกินบ้าง " ทำไม " ผมถามตอนที่เห็นอีกฝ่ายเงียบไป

“ แค่สงสัยว่ากูต้องรับผิดชอบอะไรแบบนั้นด้วยเหรอวะ "

“ ทำรถกูเป็นรอย เงินก็ไม่มีจ่าย แถมยังติดหนี้กูค่าทำสีรถ ไหนจะทำแก้วร้านกูแตก ทำเหล้าร้านกูแตก "

“ สัด " มันสถบออกมาด้วยท่าทางขัดใจ

“ ยังสงสัยอะไรอีกมั้ย “

" เออๆ ไม่ต้องย้ำหรอก แม่ง จะเอาไปก็เอาไปสิ ขับให้ดีๆแล้วกัน "

“ นี่มึงกำลังบอกใคร บอกตัวเอง ? “ ผมเอียงหน้าถามยิ้มๆ อีกคนก็แค่จิ๊ปาก คนที่แม่งแค่จะจอดรถยังไปฝากรอยไว้กับรถคันข้างๆ มีสิทธิ์มาพูดให้คนอื่นขับดีๆเหรอวะ มึงมากกว่ามั้ยที่ต้องบอกตัวเองว่าให้ขับดีๆ 

“ แต่ก็ดีเหมือนกัน กูก็ขี้เกียจขับ เช้าๆรถโคตรติด ขับแล้วโคตรปวดประสาท ปวดขาด้วย “

“ อื้ม  ดีเหมือนกัน “ กูก็อยากจะขับไปรับมึงพอดี


' D.DAY '

[ เดย์ ] ผมพิมพ์ลงไปในไลน์ส่วนตัวของน้องชายตัวเอง ที่มันก็เงียบอยู่นานกว่าจะตอบ

[ ว่าไงสัดพี่ ]

[ วันนี้มึงไม่ต้องเอารถมาผับนะ ให้ใครก็ได้ไปรับมึง หรือให้ใครที่บ้านมาส่ง ]

[ เพื่อ ? ] อีกฝ่ายถาม [ แล้วเย็นนี้กูขับรถไรกลับอะ เลิกงานตีสามไม่มีใครไปส่งกูหรอกนะ กูนัดเด็กไว้ด้วยจะไปนอนกับเค้า ]

[ พรุ่งนี้เอา GTR ของกูไปทำสีที่ร้านประจำให้ที กูไม่ว่างไป ] ร้านประจำที่พูด คือร้านของเพื่อนสนิทพ่อ ที่เราใช้บริการกันอยู่ประจำ เป็นคนคุ้นเคยที่ไว้ใจได้ ไปทิ้งไว้เป็นเดือนก็ไม่มีการเปลี่ยนอะไหล่ใดๆ อยากได้สีแบบไหน หรือตกแต่งอะไร กลับออกมาจากร้านก็ถูกใจทุกคัน ตามแบบที่ต้องการ

[ อ้าว จะทำแล้วเหรอวะ ไม่รอให้รอยมันเยอะกว่านี้ละ จะได้ทำทีเดียวคุ้มๆไปเลย ]

[ กูจะทำเลย พอดีมันมีรอยตอนกูไปแข่งรถที่พัทยากับพวกไอ้ซีน อยู่อีกฝั่งนึง ]

[ งั้นก็โอเค แล้วแต่สัดพี่จ้า ]

[ อื้ม จัดการให้ด้วย ] ผมบอกมันแค่นั้น แต่ตอนที่กำลังจะปิดหน้าจอมือถืออีกคนก็ส่งข้อความกลับมา

[ แล้วสัดพี่จะใช้รถอะไรระหว่างนี้ละ ให้กูเอารถจากที่บ้านไปให้มั้ย มึงจะเอาคันไหน กูขับออกไปให้วันนี้เลยแล้วเดี๋ยวขากลับกูขับรถสัดพี่กลับ ]

[ ไม่เอา ]

[ อ้าว แล้วมึงจะใช้อะไร เดินเหรอไอ้สัดพี่ ]

[ ทำไมมึงต้องถามมาก ใช้เหี้ยอะไรก็ทำแค่นั้น ]

[ เรื่องนี้ต้องมีเงี่ยนงำ ] อีกคนพิมพ์มาพร้อมส่งสติกเกอร์เหี้ยๆมาให้ผม [ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว บอกกูมาว่ามึงจะใช้รถใครไม่งั้นกูจะเข้าบ้านไปเอา benz e class เปิดประทุนของป๊า ขับไปไว้ที่ผับให้มึงแบบหล่อๆเลยครับ ]

[ เสือกนะสัดเดย์ ]

[ ตอบกูครับสัดพี่ ] มันถามย้ำแล้วก็ดูจากท่าทางแล้ว ไอ้เหี้ยนี้ต้องทำจริงแน่นอน ไอ้เชี้ยเดย์นิสัยคล้ายผมอยู่อย่าง คือชอบเอาชนะ [ ทำสีไม่ใช่สองวันเสร็จ เป็นสิบวัน คนอย่างมึงไม่นั่งเเท็กซี่อยู่แล้ว ไม่เดิน ไม่นั่งรถเมล์ แล้วมึงจะใช้รถอะไร มึงต้องมีรถขับอะ มึงถึงจะไม่เอารถที่บ้านไปใช้ก่อน ]

[ อื้ม กูมี ]

[ แล้วรถใคร ]

[ เมด ]

[ สัด ] น้องชายตัวดีสถบ [ มึงจะไปเอารถพี่เมดมาใช้ทำไมวะ มึงลืมไปเหรอว่าบ้านเรา ป๊าสะสมรถ มึงรถให้เลือกตั้งเยอะจะขับคันไหน ไปลำบากพี่เมดของกูทำไม ส้นตีน ]

[ เมดไม่ใช่ของมึง ] ผมบอกอีกคนก็ส่งสติเกอร์หน้าเศร้ามาให้ ก่อนจะย้ำแสดงความเป็นเจ้าของอีกคนกับมันแบบสั้นๆ [ ของกู ]

[ อูยยยยยยย แคปให้พี่เมดดูแปป ] สติกเกอร์หน้าเหี้ยยังคงถูกส่งอย่างต่อเนื่อง ผมถอนหายใจกับการป่วนประสาทของมัน

[ เลิกกูตีนกู ไอ้น้องเวร ]

[ จีบแบบนี้เมื่อไหร่จะได้เอาเค้าวะสัดพี่ มึงบอกไปเลยแมนๆ ชอบอะ อยากได้ ขอนะ จับปี้แม่ง ถูกใจก็สานต่อ ไม่โอเคก็แยกไป อย่าทำอะไรให้ยากดิวะ ]

[ กูไม่ได้อยากจะแค่เอามัน กูไม่ได้ต้องการแค่นั้น ] ผมบอกมันตามที่คิด แต่ดูเหมือนน้องชายที่แสนฉลาดของผมจะไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่

[ มึงยังต้องการอะไรอีก นี่ก็เหลือแค่เอาเค้าแล้ว ที่ยังไม่ได้อะ]

[ รำคาญมึงว่ะเดย์ พูดกับมึงก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง สมองมึงมีแต่เรื่องเหี้ยๆ ] ที่ไม่เคยคิดเลยว่ากูจะคิดกับอีกคนแบบคนธรรมดาคนนึง ใช่ว่าผมจะเป็นคนที่เห็นใครชอบ แล้วอยากจะเอาเค้าไปหมด มันก็จริงที่ผมชอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแบบคืนเดียวจบ มันก็พึ่งพอใจกันทั้งคู่ แล้วยอมรับการมีอะไรกันแบบคืนเดียวที่ไม่ผูกมัดกันด้วยกันทั้งคู่ แล้วใช่ว่ามันจะเป็นเหมือนกันทุกคน คนบางคนก็ไม่อยากจะให้มันผ่านไป แค่คืนเดียว

[ โหหห มึงดีมากเลยดิสัดพี่ เดือนที่แล้วยังคืนเดียวจบ คืนเดียวจากกับสาวไม่ซ้ำหน้าอยู่เลย พระอรหันต์มากมั้ยมึง อารยะ  ]

[ รำคาญมึงว่ะ ]

[ รำคาญมึงเหมือนกันอะสัดพี่ อยากได้เค้าก็บอกเค้าไปเลยตรงๆ ชอบก็บอกว่าชอบ อยากก็บอกว่าอยาก ]

[ มึงคิดว่ากูคิดยังไงกับเมด ] ผมย้ำถามความคิดเห็นของอีกคน [ มึงคิดว่ากูอยากจะเอากับมันอย่างเดียวเลย ]

[ ปกติของสัดพี่มึงมั้ยละ มึงก็เป็นของมึงแบบนี้มาตั้งแต่เข้ามหาลัยละนะ กูเลยบอกไง ว่าขอเค้าไปเลย จะได้เอาๆแล้วจบๆไป]

[ กูแค่ไม่อยากให้มันหยุดลงเหมือนทุกที ]

[ แปลกๆ ปกติมึงเป็นคนแบบนี้เหรอวะ ]

[ คงไม่ เอาเป็นว่าตอนนี้กูยังไม่อยากเอามันอย่างที่มึงคิด ]

[ เบื่อจะเถียงคนแบบมึงสัดพี่ พูดตรงๆเหี้ยอะไรไม่เคยได้ อ้อมเขาพระสุเมรุอยู่นั่น ไอ้สัด ปากบอกไม่เอา ไม่ชอบ  แน่จริงอย่าให้พี่สะใภ้กูชื่อมินเมดแล้วกัน ]

[ เสือก เรื่องกู มึงอะควาย ไม่เข้าใจกู โง่ ]

[ แล้วทำไมมึงไม่หัดพูดตรงๆวะ แบบนี้ชาตินี้จะจีบเค้าติดมั้ย มึงนั่นแหละควาย ไอ้สัดพี่ ]

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 10 :: up! 23-3-61} #หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 25-03-2018 20:23:27
กดปิดมือถือตัวเอง ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่นั่งกินอยู่ตรงหน้าที่ก็เริ่มจะเชื่องช้าลงกว่าตอนแรก เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้จะเริ่มอิ่มขึ้นมาแล้ว เมดที่ขยับตัวอยู่ไม่นิ่ง มันมองผมบ้าง ก้มลงดูมือถือตัวเองบ้าง บางทีก็มองออกไปนอกร้าน แล้วในตอนที่เราสบตากันพอดีมันก็พูด

“ อิ่ม "

“ กินให้หมด ไม่หมดมึงจ่าย " ผมว่ามันก็เบิกตาขึ้นน้อยๆ

" เชี้ย เดี๋ยวๆ "  มันสถบก่อนจะมองอาหารตรงหน้าที่ก็บอกเลยว่า เหลืออีกเยอะ ..

' หึ สมน้ำหน้า อยากจะเล่นกับกูก่อนดีนัก ' พูดอยู่ในใจตอนที่ยกยิ้มมองอีกคนที่ทำหน้าแย่กับอาหารตรงหน้า ผมตักข้าวในจานกินไปเรื่อยๆจนหมด ก่อนจะยกชาเขียวขึ้นดื่มตบท้ายมื้ออาหาร

“ อาฟ นี่กูก็สั่งมาเผื่อมึง " อีกฝ่ายว่าเสียงอ่อน

“ งั้นเหรอ " ผมว่า " แต่ไม่เห็นถามว่ากูอยากจะกินรึเปล่า "

“ ก็ปกติมึงไม่เคยพูดอะไร แค่บอกว่าอยากจะกินอะไร ส่วนอย่างอื่นกูก็สั่ง "

“ เราเพิ่งมากินข้าวกันครั้งนี้ครั้งที่สามมั้ย " อีกฝ่ายที่พยักหน้ารับ " ครั้งแรกกูสั่งแค่ไหน มึงสั่งมาแค่นั้น ครั้งที่สองมึงสั่งมาเผื่อกูรึเปล่าไม่แน่ใจ แต่จำได้ว่าได้กินไก่ชิ้นเดียว ส่วนครั้งนี้..จะแกล้งให้กูจ่ายเยอะๆ ”

“ ไม่ใช่นะเว้ย " มันโบกมือไปมาเหมือนเด็กเล็กๆที่กำลังหลอกพ่อแม่ตัวเอง " กูก็เห็นว่าเรามาสองคนเลยสั่งมากินเยอะหน่อย ก็มันน่ากินไปหมดเลย "

“ กินให้หมด " ผมบอกมัน อีกคนก็ถอนหายใจออกมา " ไม่งั้นก็จ่ายเอง "

“ มึงแม่ง " จำใจยัดซูซิเข้าไปอีกคำ จริงๆแล้วจะไม่กินก็ได้ แต่พอนึกถึงหน้าตาตอนสั่งอาหารของมันแล้วหมั่นไส้ ตอนนั้นคงคิดจะให้ผมจ่ายหนักๆ เป็นบทเรียนสำหรับการพูดไม่คิดในรถ แต่มึงคิดผิดแล้วที่จะมาเล่นกับคนอย่างกู 
" ช่วยกินหน่อยสิวะ "

" อะไร "

" ช่วยกูกินหน่อย " มันย้ำ ก่อนจะคีบไข่หวานมาไว้ในจานผม

" ไม่ "

" สักคำ " คีบไข่หวานในจานขึ้นมาจ่อปากผม ไม่รู้ว่าไปเอาแผนนี้มาจากไหน บางทีอาจจะทำปล่อยๆกับแฟนมัน แต่ก็นะ มันใช้ไม่ได้สำหรับคนอย่างผมหรอก " อ้าาา " มันที่พูดยิ้มๆเหมือนจะหลุดหัวเราะ ปากที่อ้าออกเหมือนสั่งเด็กเล็กๆให้ทำตาม ก่อนจะเพิ่มเลเวลความน่ารักด้วยรอยยิ้มกับแววตาที่จ้องมา " นะอาฟนะ ช่วยกินหน่อย " แล้วสุดท้ายคนอย่างผมนี่แหละ ที่กินเข้าไป   
       
“ รำคาญ " ผมบอกตอนที่ปากก็เคี้ยวไข่หวานของมันไปเรื่อยๆ เมดคีบซูซิขึ้นมาจ่อผมอีก ผมรับไปกินแบบไม่ต้องให้มันพูดอะไรมาก น่าแปลก เมื่อกี้ก็รู้สึกว่าอิ่มนะ แต่ตอนนี้ทำไมมันหิวขึ้นมาอีกแล้ววะ เพราะอะไรวะ คนป้อนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยมั้ย ต้องเกี่ยวแน่

“ อะ ยำแซลม่อน " มันคีบมาใส่ปากผม " กูเห็นมึงกินซูซิคำยำแซลม่อนคำเมื่อกี้ มึงชอบกินแบบนี้เหรอ "

“ ประมานนั้น " ช่างสังเกต ผมแอบชมมัน เมดรู้แม้กระทั้งว่าผมจิ้มโซยุเท่าไหร่ด้วยซ้ำ คนใส่ใจแบบนี้โดนแฟนทิ้งได้ไงวะ โคตรโง่

“ อะ ซูซิโรลกุ้ง " ป้อนมาให้อีกชิ้น ผมนั่งเคี้ยวไปเรื่อยๆพลางมองหน้ามันที่ก็นั่งมองผมเคี้ยวไปยิ้มๆ บรรยากาศที่ดูแปลกไปของเรา อยากจะบอกกับมันเหมือนกันว่าเหมือนผัวเมียมานั่งป้อนข้าว แต่เก็บไว้ดีกว่า ถ้าพูดต้องเสียบรรยากาศแน่

" นั่น " เชิดหน้าไปที่ไข่หวานชิ้นสุดท้าย อีกคนก็มองก่อนจะคีบขึ้นมาให้ เมดคีบซูซิชิ้นสุดท้ายมาให้ผมกิน ตอนที่ผมเคี้ยวแล้วก็กลืนลงท้อง มันก็ยิ้มก่อนจะวางตะเกียบลงบนจานตัวเอง

" แค่นี้ก็ไม่ต้องจ่ายเงินเองแล้ว " มันว่าก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมากิน " ขอบคุณนะคุณอาฟ ที่เลี้ยง "

                                                               โอเคกูแพ้ .. แผนนี้ของมึงมันได้ผลว่ะ

...........................................................

   ขับรถมาถึงผับในช่วงใกล้หกโมง ผมจอดรถข้างๆรถ civicสีขาวของอีกคน เมดมองไปที่รถของตัวเองก่อนจะเปิดประตูรถออกไปแล้วดูไปที่ยางรถ ผมเดินตามลงไปหลังจากกดล็อครถตัวเองเรียบร้อย เช็คยางรถที่เพิ่งอัดลมเข้าไปใหม่ให้อีกคนว่าแน่นพอดีแล้วรึยัง

" ขอบคุณนะมึง "

" เรื่อง " เงยหน้าถามอีกคนก็ส่งยิ้มมาให้

" ก็ที่จัดการเรื่องรถให้ไง "

" ยังไงก็เป็นหน้าที่ดูแลของ throw up " บอกมันแค่นั้นอีกคนก็พยักหน้ารับ

" เออ นั่นแหละ ยังไงก็ขอบคุณ " เมดบอกก่อนจะหันไปมองที่รถผม มันมองที่รอยขูดข้างรถที่ตัวเองเป็นคนทำไว้ " แล้วนี่ใครจะเป็นคนเอารถมึงไปทำ หรือมึงจะขับไปเอง ยังไงเดี๋ยวกูไปรับก็ได้ มึงก็ขับของมึงไป กูก็ขับตามหลังมึงไปรับมึงกลับมา ดีมั้ย"

" ไม่กล้าเสี่ยง กลัวตาย " ผมบอกอีกคนก็ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ

" มึงแม่งโคตรดูถูก จริงๆกูขับรถเก่งนะจะบอกให้ แค่วันนั้นสติมันไม่ค่อยมี แบบว่าคำนวนผิดพลาดเฉยๆ "

“ เบื่อฟังคนแถ "

“ ไอ้สัด " มันสถบ

“ เดี๋ยวไอ้เดย์มันจะเป็นคนจัดการเรื่องรถให้กูเอง " ผมบอกก่อนมันก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านใน เปิดประตูด้านหลังที่เข้าได้เฉพาะพนักงาน เดินผ่านเหล่าพนักงานที่แต่งตัวเสร็จแล้วและกำลังกวาดขยะ จัดโต๊ะให้เรียบร้อยเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดร้านในคืนนี้ " พี่ซอง สวัสดีครับ " คนที่เดินตามหลังผมมาเอ่ยทักผู้จัดการของร้าน

" สวัสดีครับน้องเมด " อีกฝ่ายก็ตอบผมก็หันไปมอง " สวัสดีครับคุณอาฟ " พยักหน้ารับให้อีกคนที่ก็ส่งยิ้มมาให้ แต่ผมก็ไม่ได้ยิ้มอะไรกลับไปแบบทุกที ก็ไม่ใช่คนที่มนุษย์สัมพันธ์ดีเท่าไหร่หรอก ผมรู้ตัว

" ยิ้มให้พี่ซองหน่อยสิวะ " เมดกระซิบกับผมเบาๆ ที่ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปมองมันด้วยหางตา แปลออกความหมายไปตรงๆว่า ' เสือก '  " ขี้เก็กจังนะบอส " อีกคนบ่นก่อนจะหันกลับไปยิ้มให้พี่ซองแทน " พี่ซองแล้วตกลงรองผู้จัดการคนไหนเหรอครับ พอดี คุณอาฟยังไม่เคยเห็นน่ะ เค้าอยากเห็น "

" อ๋อ เดี๋ยวพี่ไปเรียกให้นะ " อีกคนที่ฟังแบบนั้นเดินออกไป ผมก็หันไปถามคนเจ้ากี้เจ้าการข้างๆ

" ใครบอกมึงว่ากูอยากจะเห็น "

" อ้าว มึงไม่ได้บอกเหรอ " หันมาถามหน้าตางงๆ เมดที่เกาหน้าตัวเองทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ " แล้วกูไปได้ยินมาจากไหนวะ ว่ามึงอยากจะเห็น สงสัยเบลอๆ "

" รำคาญ " ผมเดินออกไปจากที่ที่ตัวเองยืน แต่ทว่ากับโดนมือนุ่มมาดึงไว้ก่อน เมดที่ยิ้มให้ผม

" เค้ามานู้นแล้ว ทักทายเค้าหน่อยนะ " จ้องหน้ามันที่ยังยิ้มกวนตีนไม่เลิก มันจะรู้มั้ยว่าผมเป็นพวกไม่ชอบสุงสิงกับใครแล้วอีกอย่างผมไม่ใช่เจ้านายที่ชอบทำตัวสนิทสนมกับลูกน้องด้วย

" กูไม่ชอบทำอะไรแบบนี้ "

" คิดซะว่ายืนเป็นเพื่อนกู กูต้องรู้จักสต๊าฟคนสำคัญๆเอาไว้ เพราะกูเป็นสต๊าฟเหมือนกัน มีอะไรจะได้คุยกับเค้าถูก นะ ยืนเป็นเพื่อนหน่อย  " ท้ายประโยคที่เอียงหน้าน้อยๆก่อนจะยิ้มให้ ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปมองทางอื่น วันนี้ต้องแพ้มึงถึงสองครั้งเลยเหรอวะ มองดูมือที่จับข้อมือของผมไม่ปล่อย เผลอยกยิ้มออกมาเล็กๆ ' เออ กูแพ้ก็ได้ '

" สวัสดีครับ อิน ครับ " ผู้ช่วยผู้จัดการคนใหม่เอ่ยทักเรา ก็เป็นคนที่คุ้นหน้าอยู่จำได้ว่าสมัครเข้ามาเป็นพนักงานเสิร์ฟตั้งแต่เปิดผับแรกๆเลยละนะ

" สวัสดีครับ ผมเมดนะ เป็นพนักงานบัญชี " คนที่จับมือผมอยู่บอกก่อนจะหันมามองหน้าผม ที่ก็มองมันกลับไป ในแววตาที่ชักชวนให้มองอีกคนแล้วพูดอะไรสักอย่าง ผมก็ถามมันตรงๆ

" อะไร "

" พูดยินดีกับเค้าหน่อยสิมึง พูดอะไรก็ได้ " เมดกระซิบผมก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดบ่นเบาๆ

" เรื่องมาก "

“ อาฟ " คนข้างๆยิ้มให้ผมที่ก็กรอกตามองบนด้วยความรำคาญ มองดูพนักงานเสิร์ฟที่ยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้ามือที่จับกันไว้แน่นบอกถึงความกดดันที่ต้องมายืนอยู่ตรงหน้าผม เหมือนอย่างที่ไอ้เจบอกไม่มีผิด คนที่นี่ถ้าไม่ใช่พวกหัวหน้าสต๊าฟที่ต้องคุยกับผมแบบเลี่ยงไม่ได้แล้ว ก็ไม่มีใครอยากจะคุยด้วยหรอก เพราะนิสัยชอบทำหน้านิ่งๆของผมมันน่ากลัวเกินไป เลยไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ไอ้เจเลยชอบบอกให้ผมยิ้มบ้าง แต่นั่นแหละ ที่ยาก

“ อื้ม ยินดีด้วย ตั้งใจทำงานแล้วกัน เดี๋ยวจะเพิ่มเงินเดือนให้ " ผมพูดแค่นั้นเมดที่ยืนข้างกันก็ยิ้มแห้งให้อีกคนก่อนจะหันมามองผมก่อนจะถอนหายใจออกมา

หันไปมองประตูผับที่ถูกเปิดออก คนที่เข้ามาใหม่เป็นเพื่อนสนิทผมที่ชะงักไปตอนที่เห็นผมก่อนจะแบะปากเมื่อมองลงต่ำแล้วเห็นเมดจับมือผมอยู่ ดึงมือตัวเองออกจากมือของอีกคนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงไอ้เจก็เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะกอดคอแล้วกระซิบเป็นเพลง

“ เอ๊ะๆ แอบกุมมืออยู่นะจ๊ะ อย่าตอแหลกันเลย "

“ กวนส้นตีน " ผมบอกมันไอ้เจก็หัวเราะก่อนจะหันไปพูดกับพนักงานที่ได้เลื่อนขั้นเป็นรองผู้จัดการ

“ ยินดีด้วยนะเว้ยไอ้อิน ได้เป็นรองผู้จัดการ throw up แล้ว เงินเดือนก็อัพเงินขึ้นแล้ว ต้องเลี้ยงเหล้ากูด้วยนะ  "

“ โหห คุณเจ เลี้ยงเหล้าคุณเจ ผมจนพอดี " เมดที่ยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะของคนสองสามคนที่อยู่ตรงนั้น ก่อนผู้จัดการกับรองผู้จัดการจะขอตัวแยกย้ายกันไปทำงานเหลือแค่ผม เมด แล้วก็ไอ้เจ

“ เจ เมดถามอะไรหน่อยสิ "

“ ครับผม " เอาจริงๆ กูโคตรเกลียดการดัดเสียงหล่อของมึงเลยวะ เหลือบมองมันที่กำลังยิ้มให้คนถาม ผมส่ายหน้า อยากจะเอาตีนเหยียบหน้าแม่งสักที สัด

" สต๊าฟในผับนี้มีหน้าที่หลักๆอะไรบ้างเหรอ แบบแต่ละตำแหน่งทำอะไร คือพอดี.." เมดเหลือบมองผม " ถามเจ้าของ แล้วเจ้าของตอบไม่ได้อะ  เลยคิดว่า ถามเจน่าจะโอเคกว่า "

" ได้สิ งั้นไปนั่งมั้ย คิดว่าน่าจะคุยกันยาว " เพื่อนผมบอกก่อนจะเชิดหน้าไปที่โต๊ะโซฟาที่อยู่ตรงชั้นสองของผับ เจเดินนำขึ้นไปตอนที่ผมกำลังจะเดินตามอีกคนก็พูดขึ้น

" เจกับอาฟขึ้นไปก่อน เมดจะขึ้นไปเอาปากกากับกระดาษที่ห้องมาจด เดี๋ยวมา "

" โอเค คอยตรงนั้นนะ " ชี้ไปที่โต๊ะอีกคนก็ยิ้มให้ก่อนจะเดินไปอีกทาง ที่เป็นทางขึ้นไปชั้นสามของผับ ไอ้เจยิ้มมองตามเมดไปจนถึงสุดทางก่อนจะพูดลอยๆ " น่ารักจุง เก็บเธอไว้ในใจแล้วนะ อยากได้นะครับ ซารางเฮ " ทำนิ้วเหมือนจะบี้หัวนมยื่นออกไป เหมือนมันเคยบอกว่า เป็นท่ามินิฮาร์ท แต่ไม่เห็นเข้าใจ มองยังไงก็แค่ท่านิ้วบี้หัวนม

" เป็นเหี้ยอะไร " ผมบอกก่อนจะเดินตามขึ้นไปนั่งที่โซฟาตัวที่ติดกับทางขึ้น ไอ้เจแบะปากก่อนจะนั่งข้างๆผม มันที่เอื้อมมือมากอดคอไว้

" เกรี้ยวกราดกับเพื่อน " มันว่าก่อนจะเอาคางมาตั้งไว้บนไหล่ " กูเห็นนะ เมื่อกี้อะ เมดจับมือมึง อะไรยังไง ไหนบอกกู ไปถึงไหนกันแล้วทำไมมีถึงเนื้อถึงตัว ได้กันแล้วเหรอ "

“ สมองพวกมึงมีแต่เรื่องแบบนี้เหรอวะ " ดันตัวเองให้ออกห่างจากอีกคน ไอ้เจยกยิ้ม

“ แหม พูดเหมือนในสมองมึงไม่เคยคิดเรื่องจะเคลมไอ้เมดไว้ " ผมหันมองไปทางอื่น เอาจริงๆไม่อยากจะให้เพื่อนสนิทอย่างมันจับทางเหี้ยอะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว เพราะถ้ามันรู้ว่าวันนี้คนอย่างผมแพ้แค่กับรอยยิ้มหวานๆนั่น มันต้องเอาไปล้อไม่หยุดแน่ " ตอนนี้อยากไปรับไปส่งก็ได้แล้วทำแล้ว  อยากให้ทำงานอยู่ด้วยกันนานๆก็เติมศูนย์ลงไปในบิลค่าซ่อมแล้ว คราวนี้แผนพาขึ้นห้องนี้จะยังไงดี "

" อะไร "

" ทำเป็นใสซื่อ พ่อคนบริสุทธิ์ดุจน้ำเกลือ กูรู้มึงต้องคิดไว้บ้าง เรื่องจะพาไอ้เมดขึ้นคอนโด ว่าไง "

" ไม่เคยคิด " ผมบอก

" มองมาจากดาวอังคารยังรู้ว่าตอแหล " ไอ้เจว่า " กูเสนอให้มั้ย แกล้งป่วยมั้ย จะตายแล้วงี้ ให้เมดมันไปดูแล แล้วจากนั้นก็จับนางพยาบาลปล้ำไปเลย เหมาะกับวิถีคนอย่างมึง "

“ ทำไมมึงไม่คิดบ้างว่ามันเพิ่งอกหักมา แล้วกูก็แค่อยากจะ ช่วยเหลือมัน ในแบบของกู "

“ เป็นอะไรถึงต้องไปช่วยเหลือเค้า พ่อพระเอกขี่ม้าดำ อย่างมึงขาวไม่ได้เพราะเจตตาไม่บริสุทธิ์ ต้องม้าดำเท่านั้น “ มันถามยิ้มๆก่อนจะมองมาด้วยสายตาล้อเลียนจนผมอยากจะยกตีนขึ้นถีบให้ตกโซฟาสักที “ อ๊ะๆ แล้วอย่าบอกว่ารำคาญ มุกนี้ใช้ไม่ได้ มันไม่เข้ากัน มันไม่รองรับมูลเหตุเลย “

“ เสือก “ ผมบอกปัด

“ ว่าแต่กูเสือก มึงอะตัวเสือกเลย เพราะเค้าคงไม่ได้ร้องขอให้คนอย่างมึง ช่วยแน่ๆ " เจว่า " แต่มึงคงเสนอให้เค้าเองทุกอย่าง แบบไม่ถามเค้าสักคำ ยัดเยียดความเป็นผัวให้มากเว่อร์ ถามจริงเถอะ จริงจังเหรอวะ "

“ ไม่รู้ ตอบไม่ได้ เพราะไม่เคยจริงจังกับใคร "

   ทั้งชีวิตนี้ผมไม่เคยคบกับใครจริงจัง เคยลองมีแฟนแต่สุดท้ายก็เลิกรากันไปเพราะอีกฝ่ายทนรับนิสัยของผมไม่ไหว ทั้งปากร้ายๆแถมยังไม่ใช่คนใส่ใจด้วยคำพูด ไม่หวาน สุดท้ายก็คิดมาตลอดว่ามีเซ็กส์แบบวันไนท์สแตนแบบไม่ผูกมัดกับใคร ก็คงเหมาะกับตัวเองมากที่สุด ตั้งแต่นั้นก็เลยเลิกความคิดจะรักใครแบบจริงจังไป จนกระทั้งตอนนี้ที่เหมือน ใจมันจะค่อยๆเปลี่ยนไป

" มาแล้วว ขอโทษที่ให้รอ " คนที่หายไปเอาไปปากกากับกระดาษซะนาน เดินเข้ามาก่อนจะยิ้มแห้งๆ

" คิดว่าไปนั่งผลิตกระดาษอยู่ "

" พอดี ขึ้นไปแล้วปวดฉี่อะ ก็เลยเข้าไปฉี่มา " เมดว่าเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะยิ้มให้ไอ้เจที่ก็ยิ้มเอ็นดูมัน เห็นแล้วน่าหมั่นไส้ เกลียดชะมัดเวลามันยิ้มให้คนอื่น

" มาๆ มาคุยเรื่องงานกัน เมดอยากจะรู้เรื่องอะไรละ "

" คือพอดีอาฟให้เมดวางแผนระบบงานของผับด้วยอะ แต่เมดเริ่มต้นไม่ถูกเพราะไม่รู้ว่า ตำแหน่งงานใน throw up ตอนนี้มันมีอะไรบ้าง "

" อ่า โอเคเข้าใจละ นี่ก็อยากจะทำมานานเหมือนกัน โคตรไม่เป็นระบบโดยเฉพาะบาร์ “ เพื่อนผมบอก “  ก็ อาฟเป็นเจ้าของ เจจะทำเกี่ยวกับมาเก็ตติ้ง เพลง จัดโปรโมตในเพจของผับ เจจะเป็นคนทำทั้งหมด รวมทั้งหานักร้อง พริตตี้ ดีเจมาโชว์ด้วย ซึ่งปกติแล้วจะวางแผนคร่าวๆก่อน แล้วมาปรึกษาไอ้อาฟ ว่าโอเคมั้ย เรื่องเรทค่าจ้าง คุ้มทุนมั้ยถ้าเอาคนนี้มา เรื่องโปรโมชั่น ถ้าไอ้อาฟโอเค ก็จ้างเลย แต่ตอนนี้มีเมดเป็นบัญชีแล้ว ถ้ามีจัดโปรโมชั่นเมดก็ต้องเข้าร่วมด้วย เพราะเมดเป็นคนควบคุมค่าใช้จ่ายของผับ "

“ อื้ม ก็จริง งั้นปกติ อาฟก็เป็นคนทำบัญชี "

“ อื้ม " ผมตอบ อีกคนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะบ่นเสียงเบาๆ

“ ก็ว่า ทำไมทำไม่รู้เรื่องสักเดือน "

“ ว่าไงนะ " ถามมันอีกคนที่ก้มหน้าก้มตาจดอะไรสักอย่างก็เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะยิ้ม

“ ได้ยินเหรอ "

“ ได้ยิน "

“ งั้นคงไม่ต้องพูดซ้ำ “ ผมที่กำลังพูดต่อแต่ไอ้เจมันก็ขัดการโต้เถียงนั้นขึ้นมาก่อน เมดก็เลยได้แต่ยิ้มแล้วยักคิ้วให้ผมแทน..กวนตีน

“ อะต่อๆ ส่วนไอ้เดย์ไอ้อัยย์ เป็นบาร์เทนเดอร์หน้าที่ของมันก็คือ ชงเหล้าดูแลลูกค้าที่มานั่งบาร์อะนะ พูดง่ายๆ แต่อีกหน้าที่หลักๆของมันอีกอย่างก็คือ เช็คสต๊อกเหล้า แต่แค่ในส่วนของบาร์เท่านั้นนะ เพราะเหล้าที่ใช้ในบาร์ มันต่างจากเหล้าที่ใช้ในร้าน "

“ อื้ม ซึ่งมันไม่มีสต๊อกตรงนี้แบบแน่ชัดเลยอะ " เมดบอก " คือสต๊อกที่แน่ชัดจริงๆ ดูเหมือนจะเป็นสต๊อกของพวกเหล้าเบียร์ที่อยู่ในร้าน ตรงที่พี่ซองทำเท่านั้นอะ "

“ ใช่ เพราะว่าสต๊อกตรงนั้น มันต้องพ่วงกับแคชเชียร์ มันเลยเป็นอะไรที่ควบคุมง่ายเพราะมันมีฐานข้อมูลที่ทำกันไว้ตั้งแต่เปิดร้านแล้ว แต่ว่าตรงส่วนของบาร์ มันจะเป็นแบบ ..” เจมันนิ่งไปเหมือนพยายามจะอธิบายอีกคนให้ชัดเจนที่สุด

“ เหมือนเวลาสั่งค๊อกเทลชนิดนึง มันก็ไม่ได้จ่ายออกเป็นขวด เราแค่คีย์รายรับว่าลูกค้าสั่งค๊อกเทลตัวนี้ราคาเท่านี้ แต่พอตอนทำเราจะเหล้าตัวนึงผสมกับอีกตัวนึง ซึ่งมันไม่ได้ใช้ทั้งขวด บางตัวก็ใช้ทีละนิด “ ผมอธิบายเสริม เมดก็พยักหน้ารับ ก่อนที่เจจะอธิบายต่อ

“ เพราะแบบนั้นส่วนของบาร์เลยไม่มีสต๊อกที่แน่ชัดอะไรเลย ซึ่งหลายครั้งของหมดโดยที่เราไม่รู้ เหล้าบางตัวนำเข้าจากเมืองนอก เคยไม่มีให้ลูกค้าเป็นเดือนก็มี “

“ แล้วน้องเดย์น้องอัยย์ไม่ได้เช็คสต๊อกเหล้าทุกวันหรอกเหรอ ว่าขาดอะไรบ้าง “

 “ คิดว่าไม่ทุกวันหรอก " ไอ้เจตอบอีกคน ก่อนจะเกาหัวตัวเองแบบไม่อยากจะตอบเท่าไหร่

“ มันสองคนไม่ได้ขยันขนาดนั้น " ผมเสริมเมดก็พยักหน้ารับ

“ แล้วอาฟก็ไม่ได้ด่าน้อง ไม่ได้ดุ “

“ ทำจนเบื่อจะทำ “ เจเสริม “ ก็นะ มันคือข้อเสียของการทำงานแบบพี่น้องไง “

“ แล้วส่วนพี่ซองละ "

“ พี่ซองหลักๆ ก็ตามมาตรฐานของผู้จัดการร้านทั่วไป ดูแลความเรียบร้อยของพนักงานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเสิร์ฟ แม่บ้าน ครัว เช็คสต๊อกของ สั่งของ ทำบัญชีประจำวัน ดูแลความมีระเบียบในร้านทั้งหมด วันเข้างานวันหยุดพนักงงานก็ทำ  "

" งานหนักจริงๆด้วยวะ " เมดบ่นออกมาเบาๆ " งั้นตอนนี้มีผู้ช่วยแล้ว เราแบ่งงานออกเป็นหลักๆเลยมั้ย แบบว่า ผู้จัดการก็ทำไปอย่างนึง รองก็ทำไปอย่างนึง พี่ซองจะได้ไม่หนักมากเกินไป "

" อื้ม ก็ได้นะ "

" อาฟว่าไง " เมดหันมาถามผม ที่ก็ยกยิ้มมองมันอยู่ " ยิ้มอะไรของมึง "

" เห็นมึงเรียกกูว่าอาฟเฉยๆแล้วมันตลก "

" จะให้พูดมึงกูรึไงวะ มึงนี่ก็แปลกพูดดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้กูหยาบคาย "

" แค่รู้สึกว่า นั่นมันคือตัวของมึงเวลาสนิทกับใคร " คำพูดที่ทำให้ไอ้เจหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะพิงหลังกับโซฟาตัวที่นั่ง มันเอียงตัวมาหาผม

" คีพคูลไว้เพื่อน ตอนนี้ทั้งสายตาและคำพูดแสดงออกมาก ว่าอยากสนิทด้วย "

" เสือก " มันแบะปากให้ผมก่อนจะพูดงุบงิบอยู่คนเดียว

' ตรงใจก็พูดดด ' เราทุกคนในโต๊ะเงียบไปผมก็เลยต้องตอบคำถามที่มันถามไปก่อนหน้านี้

" จะเอายังไงก็แล้วแต่พวกมึง แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน "

“ โอเคงั้นจะสรุปนะ ว่า ต่อไปนี้พี่ซองจะเป็นคนดูแลเกี่ยวกับของในร้านความเรียบร้อยทั้งหมด รวมถึงในครัว สต๊อกเหล้าในร้าน แคชเชียร์ ส่วนรองผู้จัดการอิน ก็ให้ดูแลความเรียบร้อยพนักงานทุกคน จัดแบ่งโซนทำงานของพนักงาน แบบนี้ก็แล้วกันนะ "

“ โอเค " เจตอบ ส่วนผมก็แค่พยักหน้ารับ

“ แล้วต่อไปนี้เวลาจะสั่งเหล้าก็มาบอกมึง " เชิดหน้าไปทางเมดอีกคนก็เบิกตาตาขึ้นน้อยๆ " มึงจะต้องทำหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อด้วย เพราะมันพ่วงกับบัญชี กูไม่อยากจะให้ใครทำหลายมือ "

“ งั้นต่อไปนี้ ทุกวันที่พี่ซองทำแคชเชียร์เสร็จเค้าจะเอาเงินมาให้เมด แล้วจะสั่งของอะไร ก็เขียนใส่ลงไปในเอกสารแนบไปให้เมดด้วยเลย เมดก็จะเป็นคนสั่งของเข้าร้าน "

" งั้นเดี๋ยววันนี้เมดจะทำแบบฟอร์มง่ายๆ ไว้ในพี่ซองกรอก รายละเอียดทั้งหมด ทั้งเรื่องเงินทอน บัญชีรวมประจำวัน ของที่ต้องสั่ง ทั้งฝั่งครัวแล้วก็ฝั่งร้าน แล้วก็ทำให้น้องเดย์น้องอัยย์ฝั่งบาร์ด้วยเพราะต่อไปนี้น้องต้องเช็คทุกวัน แต่วันนี้คงต้องเช็คสต๊อกเหล้าของน้องก่อน "

" โอเค " มือที่จดยุกยิกอยู่แบบนั้น ผมนั่งมองมันเพลินๆรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้เจมันขยับตัวมาสะกิด " ยิ้มอะไรวะ "
" ยิ้มเชี้ยอะไรของมึง " ผมถอนหายใจก่อนจะหันไปทางอื่น แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังแอบมองอีกคนเป็นระยะ
" อะๆ แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย "

" รำคาญมึงว่ะ "

" งั้นวันนี้อย่างแรก เดี๋ยวต้องนับสต๊อกของฝั่งบาร์ก่อน " เมดเงยหน้าขึ้นมาบอก " แล้วปกติเราดีลร้านที่มาส่งเหล้ายังไงอะ แล้วฝ่ายจัดซื้อต้องสั่งยังไงบ้าง "

" อันนี้ไอ้อาฟเป็นคนทำ ให้ไอ้อาฟสอนแล้วกันนะ " เจว่า อีกคนก็หันมามองผม

" อื้ม เดี๋ยวขึ้นไปสอน "

" สอนการจัดซื้อนะ อย่าสอนอย่างอื่นนะจ๊ะ  " เจบอกผมก็ถอนหายใจ

" เออ! " กูไม่ได้คิดเรื่องอะไรแบบนั้นสักหน่อยไอ้สัด ผมสถบเถียงมันอยู่ในใจตอนที่มองไปที่คนตรงกันข้ามที่ก้มลงจดอะไรสักอย่าง  มองผ่านไปที่เสื้อนักศึกษาที่อีกคนใส่ ผิวขาวที่ตรงต้นคอของเสื้อคอกว้างนั้นผมทำให้สูดลมหายใจก่อนจะกลืนน้ำลายแล้วหันไปทางอื่น ตอนนั้นไอ้เจที่หันมาเห็นท่าทางผมมันก็กระซิบ

“คีพคูลไว้เพื่อน สงบจิตสงบใจไว้ เดี๋ยวงูตื่น "

“ สัดเอ้ย "  รู้ทันไปหมดทุกเรื่องเลยว่ะ ไอ้เชี้ยนี่

.........................................................

พี่อาฟ ต้องสู้นะคะ วันนี้โดนน้องเมดยิ้มหวานใส่ไปสองที ก็แทบตายแล้ว
นี่ยังต้องมาสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เพราะเห็นคอน้องอีก พี่อาฟต้องตั้งสติเข้าไว้นะคะ
คีพคลูไว้ ส่วนตัวชอบความสัมพันธ์ของพี่น้องอาฟเตอร์เดย์อะ น่ารักกก ชอบความเถียงกัน
น้องเดย์มันก็คิดง่ายๆไง พี่มันชอบคนแบบวันไนท์สแตนมานาน อยู่เหมือนจะมาชอบใครจริงจัง แต่พูดไม่เคลียร์ น้องเดย์ก็ไม่ค่อยเข้าใจ พี่เอ็นดูเดย์นะลูก
มีคนถามว่า ทำไมพี่เจสนิทกับพี่อาฟจัง พี่เจเป็นเพื่อนกับพี่อาฟมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมนะคะ เคยเขียนไว้ในตอนที่สอง
และนี่คือทางไปนิยายแชท : http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม
เลิฟๆๆ เจอกันตอนหน้านะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 25-03-2018 21:23:07
อยากจิขวนหน้า3คนนั้นเหลือเกิน :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 25-03-2018 21:57:01
อาฟแพ้รอยยิ้มของเมดตลอด เป็นพระเอกที่ปากหนักมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 25-03-2018 22:10:30
555 หมดท่าเลยนะเสี่ยอาฟ อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 25-03-2018 22:13:54
คีพคลูเข้าไว้นะคะ พี่อาฟ เดี๋ยวลูกแกะรู้ตัว  :o8:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 25-03-2018 22:34:11
กรีดร้องงง มาแล้ว ตอนนี้อาฟเตอร์โดนแอคแทคเต็มๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 25-03-2018 22:39:59
อาฟพูดแต่ล่ะคำ มีความกวน แต่ชอบมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 25-03-2018 22:41:49
อาฟคะ เมดตอนนี้เหมือนเมียเจ้าของร้านเข้าไปทุกทีเลยค่ะ สงสัยเมดได้ช่วยคุมร้านยาวๆแน่เลย ค่อยๆจีบเมดนะคะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 25-03-2018 23:12:29
 o13 ชอบเรื่องนี้มากค่ะ.... อยากให้มาลงทุกวันเลย...
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 26-03-2018 00:16:04
ชอบเขาก็บอกตรงๆไปซิพี่อาฟ
เก๊กท่าอยู่ได้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 26-03-2018 00:23:27
พี่อาฟแพ้ไป2ยกแล้วนะคะ 555555555555555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-03-2018 01:22:54
อาฟไม่น่าจะคีพคูลไหวล่ะเจ
หลุดมาหลายรอบละ หนักสุดก็สองรอบ
แอบยิ้มเองอีก แอบมองอีก เยอะแยะไปหมด
อาฟ ที่ขาวเนียนอะ ให้เป็นอาหารตาไปก่อนนะ

เมดน่ารักนะ น่ารักมากเลยด้วย
จะว่าซื่อก็ไม่ใช่ แต่ก็ซื่อน่ะ
แล้วดูแกล้งอาฟจนได้เรื่อง
อาฟได้กำไรเลย ฟินลื้มมมม

เจร้ายนัก รู้ทันไปทุกสิ่ง

เดย์คะ พี่อาฟไม่อยากวันไนท์แล้วนะ
อย่ารู้ใจพี่อาฟขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 26-03-2018 01:24:56
 :pig4:รอตอนต่อไปจร้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-03-2018 01:55:41
ให้ฝ่ายบัญชีคุมทุกเม็ดทุกหน่วย ต่อไปต้องคุมเงินในเป๋าตังเจ้าของร้านด้วยนะ การเงินจะได้ไม่รั่วไหล  :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-03-2018 02:33:15
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 26-03-2018 03:04:11
 o13 ชอบเรื่องนี้มากค่ะ.... อยากให้มาลงทุกวันเลย...
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-03-2018 08:44:12
ปากแข็งตลอด!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 26-03-2018 10:23:17
คีพคูลไม่ไหวแล้วจ๊ะ งูมันอยากจะตื่นแล้ว 555

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-03-2018 10:31:33
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 26-03-2018 10:54:45
คีพคลู ไม่รอดและแก เผลอยิ้มไปหลายรอบล่ะจ้าาาา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 26-03-2018 12:17:58
โอ้ยยยยยยย
ตายแล้ว
อาฟฟฟฟฟฟ
คือดีย์ๆๆๆๆๆๆๆ
อย่าแพ้ง่ายๆนะ
แต่จิงๆ แค่เมดยิ้มก้แพ้แล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 26-03-2018 13:40:31
พี่อาฟโดนทุกคนปรามาสหมดเลย
ต้องแก้ตัวนะคะ ยุบหนอพองหนอ 5555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 26-03-2018 15:56:08
กลัวพี่ซองอยู่อย่าง ด้วยความที่เป็นคนดูแลเกือบจะทุกส่วนของร้าน คงไม่มีบทโกงหรอกเนอะ

อาฟ จีบเมทตรงๆ เลยดิ ใจๆ หน่อย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 26-03-2018 18:31:27
เมดก็ขยันน่ารัก   อาฟจะคีปคูลไหวไหมเนีย :hao6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 30-03-2018 20:10:45
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า
 

 ตอนที่ 12

' Throw UP ' Staff Serious Ver. '

[ น้องเดย์ น้องอัยย์ ยังไม่เข้ามาอีกเหรอ วันนี้พี่เมดจะลงไปทำสต๊อกเหล้าของบาร์มาไว้เป็นข้อมูล มาช่วยนับเหล้ากันนะ ] เมดพิมพ์ข้อความนั้นลงไปในไลน์ของกรุ๊ปสต๊าฟ ไอ้บาร์เทนเดอร์สองคนนั้นก็รีบกุลีจุจอออกมาตอบกันแบบรวดเร็ว

[ น้องเดย์กับน้องอัยย์ อีกห้านาทีถึงครับ พี่เมดรอน้องก่อนนะ ] ไอ้เดย์ที่เป็นพิมพ์ตอบกลับมา อีกคนก็ส่งสติกเกอร์โอเคกลับไปให้

[ โอเค ]

[ พี่ซอง มีไลน์ไอ้อินมั้ย ลากมันเข้ามาในกลุ่มสต๊าฟด้วยนะ พอดีไอ้อาฟมีเรื่องจะประกาศ @song ]

[ โอเคครับ ] 


Song เชิญ in.inspire เข้าร่วมกลุ่ม Throw UP ' Staff Serious Ver.
in.inspire เข้าร่วมกลุ่ม Throw UP ' Staff Serious Ver.

“ อะ ไอ้อินเข้ามาละ ไอ้อาฟ ไปพูดเลย " ไอ้เจที่นั่งก้มหน้าอยู่กับหน้าจอมือถือเงยหน้าขึ้นมาบอกผมที่ก็มองดูหน้าจอไลน์ของตัวเองอยู่เหมือนกันก่อนจะหันไปมองเพื่อน

“ พูดอะไรวะ "

“ ขอบเขตงานของผู้จัดการแล้วก็รองผู้จัดการที่เราคุยกันเมื่อกี้ไง "

“ มึงประกาศก็ได้ " ผมบอกปัดอีกคนอย่างทุกที เจมันก็หันไปมองเมดที่ก็ถอนหายใจออกมาเหมือนกัน ใบหน้าหวานนั้นยิ้มจางๆ

“ มึงเหมาะมากกว่า " เมดบอกผม " มึงเป็นเจ้าของ มึงพูดแล้วมันจะดูดีกว่าให้เจเป็นคนพูด มึงพูดนั่นแหละถูกแล้ว "

“ มึงพูดแล้วกัน "

“ จะให้กูพูดได้ไง กูเป็นแค่ฝ่ายบัญชีกับฝ่ายจัดซื้อนะเว้ย มันไม่เกี่ยวกัน "  คนสองคนที่ถอนหายใจออกมา ผมก็ก้มหน้าลงมองหน้าจอมือถือตัวเอง ก่อนจะพิมพ์ข้อความลงไปในโปรแกรมแชทแต่ก็ไม่ใช่ข้อความที่ต้องพูดอย่างที่ทั้งสองคนบอกหรอก


[ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมดจะมาเป็นเลขาของฉันนะ จะบอกอะไรฉันก็บอกเมดเค้าแล้วกัน เมดจะเป็นคนจัดการให้ ส่วนฉันมีอะไรจะพูดถ้าไม่ว่างก็จะฝากเมดมาบอกแล้วกัน ]


" โอ้โห ไอ้เชี้ยนี่มันร้าย " ไอ้เจสถบ ก่อนคนที่นั่งตรงข้ามผมจะเงยหน้าขึ้นมามองผมตาเขม็ง แววตาที่ดูไม่ชอบใจนั่น

“ มีอะไร "

“ มึงแม่ง ใจคอจะให้กูทำกี่ตำแหน่งวะสัด "

“ ไม่รู้สิ รู้แค่มึงติดหนี้กูอยู่ ก็ต้องใช้ให้คุ้ม  " ผมบอกมันแค่นั้น อีกคนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะยกมือขึ้นค้ำหน้าตัวเองมองดูหน้าจอมือถือตัวเองเซ็งๆ

“ ถามจริงนี่มึงให้เงินเดือนเมดเท่าไหร่วะ "

“ หมื่นเดียว " เมดเงยหน้าขึ้นบอกเจ ท่าทางนั้นน่ารักจนอีกคนก็หัวเราะ แล้วหันมาบอกผม

“ มึงใช้มันเหมือนเงินเดือนสองหมื่น "

“ นั่นนะสิ "

“ เอาสิ เป็นเลขาด้วย เดี๋ยวให้สองหมื่น " บอกแบบนั้นเมดที่นั่งหน้าเซ็งๆก็เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยแววตาสนใจ

“ เอาจริงๆเหรอ "

“ พอเพิ่มเงินแล้ว หน้าตาดูมีความสุขจังนะ "

“ แน่นอน กูจะได้รีบปลดหนี้ให้หมดๆ แล้วไปไกล ๆ จากมึงสักทีไง " ยกยิ้มตอนที่อีกคนบอก จ้องแววตาเรียวที่ก็จ้องกลับแบบไม่มีกลัว ผมเอ่ยถามมัน

“ อยากรู้จังว่า ถ้าค่าทำสีรถมันเหยียบแสน คนที่เคยบอกว่าจะมีความรับผิดชอบ จะยังทำงานต่อไปมั้ยนะ หรือว่าจะทำเป็นไม่สนใจ แล้วจ่ายแค่ห้าหมื่น "

“ ให้บิลมันออกมาก่อนเถอะ ถ้ามันแค่สามพัน มึงก็เตรียมตัวจ่ายเงินเดือนกูด้วยแล้วกัน " หลุดหัวเราะออกมากับคำพูดขู่นั่น ผมยิ้มกว้างก่อนจะก้มหน้าขำอยู่สักพัก แม้แต่ไอ้เจเองยังเม้มริมฝีปากแน่นเพราะอยากจะหัวเราะเต็มทน

“ นี่ .. กูจะย้ำอะไรให้ฟังอีกที นั่นมัน gtr ไม่มีทางสามพันหรอก แล้วที่จะบอกก็คือ ฉันทำสีทั้งคัน ห่วงว่ามันจะมากกว่แสนนึงเถอะ “ แววตาเรียวเหลือบไปทางอื่นผมก็เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ ค้ำศอกลงบนโต๊ะประสานมือมองอีกก่อนจะยกยิ้ม " ถ้ามากกว่าห้าหมื่นแบบที่ตกลงกันไว้ ก็หวังว่าคนทำรอยบนรถผมจะมีความรับผิดชอบมากพอนะครับ "

“ ไม่กลัว กูไม่หนีอยู่แล้ว จะจ่ายตามบิลมึงทุกบาทเลย "

“ ก็ดี " กระต่ายน้อยที่น่าสงสารของผม  กระโดดลงหลุมที่วางเอาไว้ซะแล้วสิ  " แล้วตกลงเรื่องเลขา..”

“ ถ้าให้สองหมื่นก็ตกลง "   

“ ตกลง “ ผมบอกมันอีกคนก็ยิ้มพอใจ “ ประกาศเรื่องนั้นด้วย “

“ รับทราบครับบอส “

  ' Throw UP ' Staff Serious Ver. '

[ ประกาศจากคุณอาฟนะครับ ต่อไปนี้ผู้จัดการพี่ซอง @song พี่ซองจะเป็นคนดูแลเกี่ยวกับของในร้านความเรียบร้อยทั้งหมดในร้าน รวมถึงของที่ต้องใช้ในครัว สต๊อกเหล้า และบัญชีแคชเชียร์นะครับ ]

[ รับทราบครับผม ]

[ ส่วนอิน @in.inspire  ก็ให้ดูแลความเรียบร้อยพนักงาน จัดแบ่งโซนทำงานของพนักงานแต่ละวัน แล้วก็ดูแลเรื่องวันหยุด วันลา ด้วยนะครับ ]

[ รับทราบครับเมด ]

[ เดี๋ยววันนี้เมดจะทำสมุดไว้ให้พี่ซองนะครับ เป็นสมุดที่ให้พี่ซองไว้กรอกข้อมูล พวกรายได้แต่ละวันของผับ รายละเอียดของสินค้าที่ขาด เมดจะได้สั่งสินค้าเข้ามาให้ถูกเพราะคุณอาฟบอกว่าจะให้ ฝ่ายบัญชีกับจัดซื้อทำคนเดียวไม่อยากจะให้ทำแยกกัน ส่วนอิน เดี๋ยวทำเอกสารเกี่ยวกับพนักงานในผับให้นะ จะได้วางแผนวันมาทำงาน วันลาได้ ]

[ โอเคครับน้องเมด ] พี่ซองตอบอีกคน ก่อนที่รองผู้จัดการจะเข้ามาตอบบ้าง

[ รับทราบครับผม ]

[ เดี๋ยวเมดจะทำแบบฟอร์มส่งมาให้ดูก่อน ถ้าพี่ซองกับอินอยากจะให้เพิ่มเติมตรงช่องไหน ก็บอกได้นะครับ ]

[ โอเคเลย ]

[ ได้เลยครับน้องเมด ] คนตรงหน้าผมยิ้มให้กับข้อความที่ตอบกลับมานั้น มันถอนหายใจโล่งๆ ก่อนจะก้มหน้าลงจดอะไรบางอย่างลงบนกระดาษ ในตอนนั้นไลน์ของกลุ่มทำงานก็ดังขึ้นมาอีก แต่คราวนี้เป็นของไอ้เดย์

[ ทำไมพี่เมดดูมีตำแหน่งอะไรเยอะแยะเลยอะ พี่เมดของน้องเดย์จะเหนื่อยมั้ย มาม่ะ ให้น้องเดย์กอด โอ๋ๆ ] รำคาญผมพูดอยู่ในใจตอนที่อ่านข้อความนั้นแล้ว คนตรงหน้าก็เอาแต่ยิ้มมองมันอยู่ ‘ หมั่นไส้ ‘

[ ตอนนี้เท่าที่กูรู้คือ สามตำแหน่งจ้า ] ไอ้เจเป็นคนตอบ [ บัญชี จัดซื้อ เลขาเจ้าของผับ แต่ในอนาคตนั้น...]

[ จะพ่วงตำแหน่งแฟนน้องเดย์เข้าไปใช่มั้ยครับ ]

[ มึงตบผิดมุขมั้ย สัดเดย์ มีคนขยับตีนรอมึงแน่แล้ว ] ไอ้อัยย์บอกเพื่อนมัน

[ ฮ่าๆ ] เมดตอบเข้าไปในไลน์

[ แต่พี่เมดขำนะครับ เค้าบอกว่าหัวเราะแสดงมีใจ ]

[ งั้นไม่หัวเราะละ ]

[ แค่อ่านก็เจ็บแทน โธ่น้องเดย์ ลู๊กกก ] ไอ้เจเหลือบมองผมตอนที่อ่านข้อความของไอ้เดย์สลับกับท่าทีของไอ้เมดที่นั่งยิ้มอยู่ตรงหน้า ผมที่ก็ทำทีเป็นไม่สนใจก่อนจะพิมพ์แทรกเข้าไปในบทสนทนา

[ นี่ไม่ใช่ไลน์ส่วนตัว กลุ่มนี้มีไว้ทำงาน จะไร้สาระก็ไปคุยกันที่อื่น ]  เมดที่ก้มอ่านข้อความเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะก้มหน้าลงขอโทษ

[ ขอโทษครับ ] เมดพิมพ์ขึ้นมา ตามด้วยไอ้เดย์น้องชายตัวดีของผม ที่ตอนนี้ทำให้ตีนผมคันยิบๆ อยากจะถีบมันสักที

[ ขอโทษครับ น้องเดย์ลืมไปว่า คนนี้ เจ้าที่แรง ]

[ รีบเข้ามา อย่าให้พวกกูต้องรอ มึงสองตัวนานกว่านี้ ]

[ อีกห้านาทีจริงๆแล้วจ้าพี่จ๋า รอน้องเดย์น้องอัยย์ แปปปปปปป ] น้องชายที่ตอบเข้ามา ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะวางมือถือลง ในโต๊ะตอนนั้นที่เงียบไปหมดไอ้เจมันก็พูดขึ้น

“ คีพคูลไม่ไหวแล้ว ไฟหึงมันร้อนไปหมด “ ผมไม่ตอบอะไร ตอนนั้นมีแค่เมดที่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยสีหน้างงๆ มันยิ้มให้ไอ้เจเหมือนจะถามว่ามีอะไร แต่ไอ้เจที่ส่ายหน้าให้มัน อีกคนก็แค่ก้มหน้าลงเขียนงานตรงหน้าต่อ มันเหมือนกำลังออกแบบตารางสำหรับทั้งผู้จัดการแล้วก็รองผู้จัดการตามที่บอกกับทั้งสองคนไว้ 
 
[ น้องเมด @minmade พี่อยากจะคุยกับคุณอาฟเรื่องกล้องวงจรปิดด้านหลังร้านที่เสีย ช่วยนัดให้หน่อยนะครับ ]  พี่แบล็คหัวหน้าการ์ดของร้านพิมพ์เข้ามากรุ๊ปไลน์ของสต๊าฟ ผมแอบตกใจนิดหน่อยตอนที่เห็น ก็ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้เปิดกล้องวงจรปิดตัวนั้นเลย ตัวที่ปิดไปเพราะให้ไอ้เดย์ไปทำภารกิจปล่อยยางรถของอีกคน ‘ ชิบหาย ‘
“ อาฟ “ คนโดนสั่งเงยหน้าขึ้นมาบอกผมที่พยักหน้ารับ

“ ทำงานของมึงไปกูตอบเอง “ ผมบอกก่อนจะพิมพ์ข้อความลงไปในกลุ่ม [ เข้ามาข้างในเลยครับ ผมรออยู่ที่ชั้นสอง ] ลุกขึ้นจากที่นั่งหลังจากบอกหัวหน้าการ์ดไป “ มึงไปกับกูไอ้เจ “

“ รับทราบ “

   พี่แบล็ค หัวหน้าการ์ดเดินเข้ามาที่ชั้นสองของร้านในภายในสิบนาทีหลังจากที่ผมตอบข้อความของเค้า หนุ่มร่างสูงที่นั่งลงตรงหน้าเรา หลังก้มหน้าทักทายกันอีกคนก็ประสานมือเข้าหากันบนโต๊ะด้วยสีหน้าเรียบๆ

“ คุณอาฟครับ กล้องวงจรปิด ด้านหลังร้านมันถูกปิดนะครับ ไม่ทราบว่า คุณอาฟเผลอปิดมันรึเปล่า “ คำถามแรกที่ถามขึ้นมาทำเอาไอ้เจขมวดคิ้วก่อนจะหันมองหน้าผมสลับกับคนตรงหน้าเรา “ ผมแค่อยากจะถามว่า แล้วจะให้ผมบอกน้องเมดยังไง เราไม่มีหลักฐานจับตัวคนปล่อยยางรถให้น้องเค้า “

“ กล้องคงเสีย “ ผมตอบ “ ผมจ่ายค่าเสียหายให้เมดแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร “

“ งั้นเหรอครับ “ สายตาคมสบผมก่อนจะยิ้มจางๆ ผมเองก็ยิ้มตอบกลับไปให้เค้า ก็คงรู้กันโดยไม่ต้องพูดอะไรให้มาก พี่แบล็คไม่ใช่คนโง่เค้าคงรู้ว่าผมเป็นคนปิด แต่อาจจะไม่รู้เหตุผลว่าทำไมก็แค่นั้น หรืออาจจะรู้ก็ได้ ผมก็ไม่แน่ใจ “ มันก็ช่างเสียจริงๆ เลยนะครับ เสียตั้งแต่ส่วนบาร์ออกมาจนถึงลานจอดรถด้านหลังเลย “

“ อื้ม “

“ ประลองปัญญาอะไรกันเหรอครับ ทำไมดูเหมือนมีผมคนเดียวที่ไม่รู้เรื่อง นี่พูดอะไรกัน งง “ ไอ้เจถามพลางมองผมสลับกับพี่แบล็ค

“ แล้วจะให้แจ้งน้องเมดว่ายังไงดีครับ กล้องเสีย ? “

“ คงเป็นแบบนั้น “

“ แต่ถ้าบอกว่ากล้องเสีย ก็คงต้องสั่งซ่อม แล้วน้องเมดก็คงต้องเป็นคนจัดการ รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้วย แล้วแบบนั้น.. น้องจะไม่รู้ความจริงเอาเหรอครับ ว่าจริงๆ มันไม่ได้เสียน่ะ “ เหลือบตามองอีกคนที่ยกเหตุผลชวนให้ผมคิดขึ้นมา ข้อเสียแรกของการให้อีกคนเข้ามาใกล้มากๆ คงเป็นแบบนี้สินะ จะอ้างอะไรก็เสี่ยงที่อีกคนจะรู้ไปหมด “ เอาไงดีครับ “ พี่แบล็คย้ำถามผมที่เงียบไป

“ กำลังใช้ความคิด “ บอกอีกคนแบบนั้น ก่อนเหตุผลใช้อ้างที่โคตรสิ้นคิดจะถูกเอ่ยออกไป “ ลืมเปิดกล้องวงจรปิด บอกไปแค่นี้ ไฟฟ้าตัดวันก่อน ระบบกล้องมันเลยตัด แล้วก็ไม่ได้เปิดใหม่ “

“ เอาง่ายๆ อย่างงั้นเหรอครับ “

“ อื้ม “ คำตอบของผมทำให้อีกฝ่ายยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับลง พี่แบล็คหันไปมองเลขาของผมที่กำลังนั่งจดงานอยู่คนเดียวด้วยท่าทางยุ่งๆ “ จีบแบบนี้ เมื่อไหร่จะติดละครับคุณอาฟ “

“ ยุ่งน่า “ ผมบอกคนรู้ทัน ก่อนจะหันไปมองทางอื่น

“ งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ “ พยักหน้ารับคนที่ลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินออกไป แล้ววินาทีถัดมาไอ้เจที่นั่งข้างๆก็ถามขึ้น

“ นี่มึงปิดกล้องวงจรปิดแล้วใช้ให้ไอ้เดย์หรือไอ้อัยย์ไปปล่อยยางรถเมดใช่มั้ยสัด “ มันจะรู้มั้ยว่าผม เบื่อความรู้ทันของมันชิบหาย “ ไอ้สัดอาฟ “ มันเรียกตอนที่เห็นยังเงียบ

“ อื้ม “ ยอมรับเพื่อนสนิทแต่โดยดี โกหกยังไงก็ต้องรู้ ไอ้เจรู้สันดานผมดีกว่าใคร

“ โง่ ไอ้สัด “ มันว่า “ ถ้าพูดออกไปตรงๆ ว่า ชอบ อยากจีบ มึงคงไม่ต้องเสียค่าช่างมาลากรถ  ค่าจ้างไอ้เดย์ไอ้อัยย์ เผลอๆตอนนี้ได้เอากับมันไปแล้วมั้ง “

“ ทำไมกูไม่เคยคิดแบบนั้นเลยวะ “ มองไปที่คนที่นั่งไกลออกไป มันไม่มีสถานะที่ชัดเจนในความต้องการว่าอยากจะให้อีกคนเป็นอะไร ตอนนี้มันเป็นแค่ความรู้สึกที่อยากจะมีคนคนนั้นอยู่ใกล้ๆก็เท่านั้น

เป็นคนที่ผมอยากจะตื่นเช้าไปรับที่คอนโด แล้วก็หลังเลิกเรียน ไปนั่งกินข้าวด้วยกัน อยากเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นอีกคนนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันตรงหน้า ได้เห็นมันยิ้มตอนที่กินของอร่อยๆ ผมอยากให้มันเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างๆตอนที่ผมขับรถ เวลาติดไฟแดงแล้วเบื่อๆ ก็หันไปมองหน้ามันแก้เซ็ง  ในอนาคตก็ไม่รู้ว่าอยากจะครอบครองมากกว่านี้มั้ย แต่ตอนนี้ ก็รู้สึกอยู่แค่นี้

“ แล้วมึงคิดอะไร “ ไอ้เจถาม

“ เสือก “

“ ทำอะไรก็ให้มันเก่งเหมือนปาก หาคำตอบให้ได้ว่าอยากจะจริงจังกับเค้ามั้ย ถ้าจะจริงจังก็ลุย ตอนนี้ทางมันกำลังปลอด แม้จะไม่ค่อยสะดวก “

“ ยังไง “ หันไปถามอีกคนไอ้เจก็ถอนหายใจ

“ ก็มันเพิ่งเลิกกับแฟน มันที่กำลังเสียใจ ถ้ามึงทำดีกับมันมากๆ มันก็อาจจะสนใจมึงได้ง่าย แต่ว่าจะเหี้ยหน่อย ก็ตรงที่มึงคงจะได้เป็นแค่ตัวแทนคนเก่าละนะ แบบว่าคบมึงเพื่อลืมใครอีกคน “ ไอ้เจยักคิ้วให้ผม “ จากที่มึงเล่ากู เมดแม่งก็ดูยังรักไอ้บินมากนะ ถึงมันจะทำเรื่องที่โคตรเหี้ยมากก็ตาม “

“ คนเรามันจะโง่รักคนที่ทำให้เราเสียใจไปทำไมวะ ไม่รักตัวเองรึไง “

“ วันไหนที่มึงมีความรักจริงๆ มึงจะเข้าเองละ ว่าทำไม “ ไอ้เจยิ้ม “ แต่คนอย่างมึงจะได้โอกาสเข้าใจอะไรแบบนั้นรึเปล่าวะ หาคนที่เหี้ยกับมึงนี่ยากนะ กูเห็นแค่หนทางที่มีแต่มึงจะเหี้ยกับเค้า “

“ ไอ้สัด กวนตีน “

“ คนเรามีเวลารักใครสักคนมากๆ แล้วยังทนอยู่ได้ หรือว่ายังรักอยู่ กูว่ามันไม่ได้เรียกว่าโง่หรอก คนแค่ยังรักทำไมต้องโง่วะ “ อีกฝ่ายเว้นเสียงก่อนจะถอนหายใจ “ ก็ตอนที่มึงรักกันแม่งมีความสุขมากเลยไม่ใช่เหรอวะ เพราะงั้นตอนนี้ต่อให้มึงทุกข์แค่ไหนแต่ไอ้ความสุขที่เคยเกิดขึ้นตอนนั้นแหละ ที่แม่งยังรั้งให้มึงยังรัก ยังคิดถึงมันอยู่ แม้ต่อให้ต่อไปนี้แม่งจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วก็เถอะ “

“ มึงกำลังพูดถึงตัวเองอยู่เหรอวะ “ ผมหันไปยกยิ้มแซวมัน อีกคนก็ถอนหายใจ

“ ไอ้สัด “ คนข้างๆถอนหายใจออกมาก่อนจะพิงหลังลงกับโซฟา “ เรื่องมันก็นานมาแล้ว จะให้กูคิดถึงเหี้ยอะไรอีก ตอนนี้มันก็ไปได้ดีแล้ว ก็คงดีกว่ามาจมกับคนไม่เอาไหนอย่างกูมั้ย “

“ ปากเก่ง “ ผมบอกมัน “ ตอนเค้าทิ้งมึงไป ใครมันร้องไห้เป็นหมาอยู่ร่วมเดือน “

“ เอาเรื่องของตัวเองให้รอด “ เจหันมาบอกผมสั้นๆ มันที่ลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนจะหยุดนิ่งไปสักพักแล้วหันมาบอก “ ตอนนี้มึงยังไม่ได้ มึงยังไม่รู้หรอก แต่พอมึงได้แล้ว มึงจะรู้ว่ารักษาไว้ยากกว่าได้มามาก คนถนัดทำลายแบบมึง อย่าดีแต่ปากก็แล้วกัน “

    มองดูแผ่นหลังของเพื่อนที่เดินออกไป ก่อนจะหันกลับมามองอีกคนที่ก็เงยหน้าขึ้นมาจากหน้ากระดาษพอดี เราที่สบตากันแววตาเรียวนั่นก็เบิกขึ้นน้อยๆ ราวกับจะถามว่า ‘ มีอะไรรึเปล่า ‘ ผมเผลอส่งยกยิ้มไปให้ เมดก็แค่ขมวดคิ้วก่อนจะบ่นงึมงำกับตัวเอง

“ บ้าเปล่าวะ “ จับปากมันได้ว่าอีกคนพูดแบบนั้น ผมที่หันไปมองอีกทาง คนที่สบตากันก็ก้มหน้าลงทำงานต่อ เสี้ยวใบหน้าที่กำลังจริงจังชวนให้ผมนั่งมองมันอยู่แบบนั้นด้วยรอยยิ้มแบบเงียบๆคนเดียว วันนี้เผลอยิ้มให้คนที่ไม่ชอบไปกี่ครั้งแล้ววะ ไม่ได้นับเลย

“ พี่เมดดดดดดดดดดดดดดด น้องเดย์มาแล้วววว “ เสียงที่ดังมาจากหน้าประตูของผับ ชวนให้ผมที่นั่งมองอีกฝ่ายเพลินๆ หันไปมองตรงชั้นล่าง น้องชายตัวดีที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู พร้อมกับเพื่อนสนิทตัวเองที่ก็เป็นคู่หูบาร์เทนเดอร์ก็ยืนอยู่ข้างกัน

“ น้องอัยย์ก็มาแล้วววววววจ้า พี่เมดจ๋าา “

“ อยู่นี่ อย่าเสียงดัง “ คนโดนเรียกลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ผมหุบยิ้มลงทันทีตอนที่เห็นท่าทางแบบนั้นเผลอยกคิ้วหมั่นไส้ทั้งคนโดนเรียกทั้งน้องชายตัวเอง

“ ตอบเสียงหวานชวนอ้วกซะจริง “ ผมพูดกับตัวเองเบาๆ

“ พี่เมดลงมาเร็ว มานับเหล้ากัน มาม่ะ “ ไอ้อัยย์กวักมือเรียกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับก่อนจะรวมเอกสารที่ทำอยู่รวบเข้าด้วยกันแล้วเดินลงไปข้างล่าง 

   ผมที่ได้แต่มองลงไปยังบาร์ด้านล่างที่ตอนนี้มีทั้งบาร์เทนเดอร์สองคนที่ยืนยิ้มระรื่นจนหน้าหมั่นไส้ มันทำตัวเหมือนทั้งชีวิตไม่เคยพบพานความสุขมาก่อน แล้วตอนนี้คนตรงหน้าก็เหมือนเป็นความสุขของมัน

“ น่ารักตรงไหน หน้าตายังกับไอ้หมวยขายซาลาเปาเยาวราช “

“ พี่เมดจะให้น้องเดย์เริ่มจากตรงไหนครับ “ น้องชายผมถามอีกคน ที่ก็ยังยืนงงๆ กับของภายในของเค้าเตอร์บาร์ตรงหน้า เหล้าในส่วนของบาร์เยอะกว่าในส่วนของเหล้าหลายเท่า ถ้าเปรียบง่ายๆมันก็เหมือนห้องครัวห้องนึง ที่มีอุปกรณ์เครื่องปรุงเยอะแยะไปหมด ผมไม่รู้ว่าอีกคนมีความรู้พื้นฐานแค่ไหน แต่ดูจากสีหน้าที่ยิ้มแห้งๆให้คนถาม ก็พอจะรู้ได้ว่า น่าจะเป็นศูนย์

“ อื้ม พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน “ คนโดนถามเกาหัวตัวเองเหมือนอายๆ “  คือแค่คิดว่าต้องทำสต๊อกเหล้าเอาไว้น่ะ จะได้รู้ว่า ที่บาร์ใช้เหล้าตัวไหนบ้าง ซื้อที่ไหน จะได้รู้ค่าใช้จ่ายของส่วนบาร์ด้วย ก็เท่านั้นเอง “

“ แล้วพี่เมดจะจดทุกตัวเลยเหรอ “

“ ใช่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี “ เมดหันไปตอบไอ้อัยย์ที่ก็พยักหน้ารับ บาร์เทนเดอร์สองคนมองหน้ากัน มันก็คงเริ่มต้นไม่ถูกเหมือนกัน การทำสต๊อกของที่ไม่หมดไปในแต่ละวันมันค่อนข้างยากอยู่แล้ว ยิ่งคนรับผิดชอบไม่ได้ขยันเช็คทุกวันมันก็ยิ่งยาก

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 11 :: up! 25-3-61} #หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 30-03-2018 20:11:28

 ‘ o- o group ‘

[ จัดสต๊อกแบ่งพวกเครื่องดื่มแบบมีแอลกฮอล์ส่วนนึง แล้วแบบไม่มีแอลกฮอล์ก็ส่วนนึงแยกเป็นหมวดไว้ ส่วนของอย่างอื่น แบบ น้ำแข็ง ผลไม้สด ผลไม้กระป๋อง สมุนไพรอะไรของพวกมึง ก็แยกออกเป็นอีกส่วนนึง ทำออกมาเป็นสักสามส่วนใหญ่ๆ จะได้นับง่ายๆ ] พิมพ์ข้อความส่งเข้าไปในกลุ่มส่วนตัวที่มีไอ้บาร์เทนเดอร์สองคนนั้น ไอ้เดย์ไอ้อัยย์จับมือถือพร้อมกัน ตอนที่มันก้มหน้าลงอ่าน สักพักก็เงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ก่อนจะเจอเข้ากับผมที่มองพวกมันอยู่

[ คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกมากมั้ยวะเฮีย ] ไอ้อัยย์พิมพ์เข้ามาแซว [ ขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยเค้าอะไรแบบนี้หรา ]

[ แน่จริงลงมาบอกเค้าเองสิวะ ] น้องชายผมพิมพ์เสริมแต่ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำได้แค่ปิดหน้าจอมือถือตัวเองลงแล้วมองไปที่บาร์ตามเดิม ไอ้เดย์หันมายกคิ้วใส่ล้อเลียนผมก่อนจะหันไปยิ้มกับอีกคน

“ พี่เมดครับ สัดพี่อาฟบอกว่า ให้พี่เมดแบ่งสต๊อกในบาร์ออกเป็นสามส่วน คือพวกเครื่องดื่มไม่มีแอลกฮอล์  พวกมีแอลกฮอล์ แล้วก็พวกสมุนไพร น้ำแข็ง ผลไม้ อุปกรณ์ก็ไว้อีกส่วนนึง “

“ โอเค “ เมดเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผมก่อนจะก้มลงจดลงไปในกระดาษ มันขีดๆลากๆเหมือนตีตาราง ไอ้เดย์ไอ้อัยย์ก็ยักคิ้วล้อเลียน

“ กูไม่ได้บอก “ ผมพูดขัดออกไปคนที่ล้อเลียนก็ปั้นหน้าตาโตแล้วแบะปาก คล้ายกำลังด่าออกมาว่า กล้ามากที่พูดอะไรแบบนั้น เมดเหลือบมองผมเล็กน้อยตอนที่มันได้ยินคำพูดนั้นทั้งๆที่มือก็กำลังเขียนไปเรื่อย

“ เอาไลน์ไปให้พี่เมดดูแปป “ ไอ้อัยย์ว่า

“ เสือก “

“ อูยยยยยยย เกรี้ยวกราดเว่ออออ “ น้องชายผมเสริมก่อนจะหันไปกอดคอเพื่อนมัน ตอนที่ไอ้เจเพื่อนผมเดินผ่านมาพอดี “ พี่เจๆ วันนี้ใครมาร้องเพลงที่ผับวะ “

“ ไม่มี ช่วงนี้ไอ้อาฟให้เมดปรับระบบในผับ กูเลยว่าจะหยุดไปก่อน แต่คิดว่าน่าจะเริ่มมีอีกที อาทิตย์หน้าปลายๆอาทิตย์นู้นแหละ ทำไม มึงอยากจะให้กูชวนใครมา “

“ เปล๊า “ ไอ้อัยย์ว่า “ งั้นถ้าไม่มีใครมาก็เปิดเพลงอะดิ “

“ อื้ม ทำไมพวกมึงอยากจะฟังเพลงอะไร “ เจถาม พวกมันก็หันมาเหล่ผมที่นั่งมองอีกคนอยู่ ผละสายตาตอนที่เมดมองไปทางอื่น เพื่อนสนิทที่มองตามมาก็ยิ้มกว้าง “ หรือพวกมึงจะขอเพลงให้ใครวะ “

“ คนที่เมื่อกี้แอบมองเค้าอยู่อะพี่เจ “ ไอ้เดย์พูดแบบตบมุก “ แบบว่า ขอเพลงนี้ให้กับคนคนนึงที่เค้าคงอยากจะมอบให้กับคนอีกคนนึงไรงี้ “

“ คนที่นั่งอยู่ชั้นสองมอบให้คนที่ยืนอยู่ตรงชั้นล่างแถวๆบาร์อะไรแบบนี้เปล่าวะ “ อัยย์หันไปบอกเพื่อนมัน
 
“ อูยยยยยยยยยยย เจาะจงไปอี๊ก “

“ ก็ถ้าคนนั้นกูว่า มีเพลงนึงเหมาะกับเค้า “

“ เพลงไรวะ “

“ เพลงมุม “

“ มุมไหน “ ไอ้เจถามพวกมัน “ มุมที่ร้องว่า ได้แต่แอบมองเธออยู่ข้างเดียวที่มุมนี้ ก็พอแล้วไม่มีเงื่อนไขใดๆในความหวังดี แค่ได้ชอบเธออยู่ตอนนี้ ก็ถือเป็นโชคชะตาดีๆที่คนอย่างฉันได้เกิดมาพบกับเธอ “

“ ว๊ายยยยยยย  “ สองเสียงของบาร์เทนเดอร์ของโห่ขึ้นมา ก่อนไอ้อัยย์จะพูดแซวผมที่ลุกขึ้นเดินออกไปจากโซฟาที่นั่ง

“ เค้าลุกแล้วอะ เค้าเขินใช่หรือไม่ “

“ แต่ แต่กูว่ามาท่านี้ไม่น่าเขิน “ ไอ้เจพูดขึ้นตอนที่มองตามผมที่เดินมาใกล้พวกมัน และไม่ทันให้พวกมันได้แซวอะไรมากมายกว่านั้น  เท้าข้างนึงของผมก็ยกขึ้นถีบไอ้เดย์น้องชายตัวเองที่ยืนอยู่หน้าสุดจนพวกมันทั้งหมดล้มลงพร้อมกันเพราะไอ้เดยล้มลงไปทับ

“ โอ๊ย! เชี้ยยย “ เสียงโวยวายของพวกมันทั้งสามคนร้องดังขึ้นมา ผมยกยิ้มก่อนจะหันไปมองเมดที่ก็ยืนตาโตอยู่ใกล้ๆ ด้วยความงุนงง มันมองไอ้สามตัวนั่นที่พยายามลุกขึ้นยืนแบบทุลักทุเลสลับกับผม

“ มึงทำเหี้ยอะไรวะไอ้อาฟ อยู่ๆมาถีบน้องมันทำไม “ ผมไม่ตอบอะไร แต่ไอ้เดย์ที่ตั้งสติได้มันทำหน้างอแงเหมือนจะร้องไห้ก่อนจะดึงตัวเองทำทีเหมือนไม่ไหว ใกล้จะตายคลานเข่ามาจับขาไอ้เมดก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ
 
“ พี่เมด น้องเดย์เจ็บ ดูความรุนแรงของสัดพี่อาฟสิ “

“ น้องอัยย์ก็เจ็บครับพี่เมด เจ็บเหลือเกิน “ ไอ้อัยย์เพื่อนมันก็เอาด้วย หันมองไปทางอื่นก่อนจะถอนหายใจออกมาไอ้เจที่ลุกขึ้นมาคนสุดท้ายมันปัดกางเกงตัวเองก่อนจะบ่นเบาๆ

“ อานุภาพของความหึงหวง แม่งซัดพวกกูซะเต็มตีนเลยนะสัด “

“ อีกสักทีมั้ย “ ผมถามมันอีกคนก็ส่ายหน้า

“ กลัวแล้วจ้า “ หันไปมองไอ้บาร์เทนเดอร์สองคนที่ยืนทำหน้าเหมือนจะตายอยู่ข้างอีกคนที่ก็ยิ้มขำๆ มือขาวยื่นมาปัดกางเกงที่เลอะรอยเท้าของผมให้ไอ้เดย์ที่ก็ยักคิ้วให้ผม ส่วนไอ้อัยย์อีกคนก็เอาแต่ดูว่ามีร่องรอยเปื้อนตรงไหนรึเปล่า

“ น่ารำคาญ “ ผมพูดกับตัวเองตอนที่เห็นภาพพวกนั้น  เผลอหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เท่าที่รู้สึก ผมเกลียดมัน เกลียดรอยยิ้มนั่นเวลาที่มันถูกส่งไปให้คนอื่น เกลียดท่าทางเอาใจใส่พวกนั้น ที่มันไม่ได้มีให้ผม “ รีบทำงานให้เสร็จก่อนที่ร้านจะเปิด ถ้าพวกมึงทำไม่เสร็จแล้วก็ไม่เรียบร้อย กูจะหักเงินเดือน คนละ 5000 โทษฐานที่ทำงานไม่ได้อย่างที่สั่ง “

“ เชี้ย สัดเฮีย “ ไอ้อัยย์บ่นออกมาเบาๆก่อนจะกลืนน้ำลายแล้วมองหน้าเพื่อนตัวเอง พร้อมกับร่างบางอีกคนที่ก็ยังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันเงยหน้าดูเวลาก่อนจะหันมาบอกผม

“ มึงจะให้พวกกูทำให้เสร็จภายในชั่วโมงครึ่งนี่อะนะ “

“ ใช่ “

“ มึงจะบ้า ใครมันจะทำทัน “

“ ก็น่าจะทัน ถ้าไม่มัวคิดกันว่า คืนนี้จะขอเพลงอะไรดี “ บอกแค่นั้น ผมพาตัวเองไปนั่งอยู่ที่โซฟาอีกฝั่งของร้าน หยิบมือถือขึ้นมาดูทำเป็นไม่สนใจสายตาของคนอีกสี่คนที่มองมา ตอนนั้นไอ้เจที่หันมามองผมมันยกยิ้มแล้วเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ ส่วนอีกสามคนก็ย้ายตัวเองเข้าไปด้านในของส่วนบาร์แล้วเริ่มเช็คขวดเหล้าทั้งหมดที่มีแบบแบ่งๆกันทำตามที่ผมบอก

“ เกรี้ยวกราดเชียวน้า โดยแซวนิดๆหน่อยๆน่า อย่าเอาเป็นอารมณ์สิวะ  “ ไอ้เจบอก “ มึงหงุดหงิดอะไรไร้สาระ “

“ กูไม่ได้หงุดหงิด “ ผมเถียงมันอีกคนก็แบะปากก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูง “ แล้วนี่มึงไปบอกไอ้สองตัวนั่นเหรอวะ ว่ากูชอบไอ้เมด กูไม่ได้ชอบ ไอ้สัด “

“ กูไม่ได้บอกเลยยยย แต่การกระทำของมึงนั่นแหละ ที่มันบอกทุกคนว่ามึงรู้สึกยังไงกับไอ้เมดมัน “ ไอ้เจเถียงกลับก่อนจะบ่นๆ “ แล้วก็ยังจะกล้าปฎิเสธอีกไอ้หน้าเหี้ย “

“ การกระทำกูมันเป็นแบบไหน กับใครกูก็ทำแบบนี้ “ มันหันมามองผมตาโตก่อนจะเอามือทาบอก

“ กล้าที่จะพูด “ ไอ้เจส่ายหน้าไปมา “ ใจดีพาเค้ามาทำงานผ่อนหนี้ในผับ ทำแก้วแตกขวดเหล้าแตกก็ไม่เก็บสักบาท พอเค้าร้องไห้เพราะเพลงเศร้าก็พาไปหลบไม่ให้ได้ยิน หาเรื่องจะให้เค้าอยู่ใกล้เลยจับไปทำบัญชี สั่งซื้อ นี่ล่าสุดสั่งให้เป็นเลขา จะเติมศูนย์โกงบิลให้เค้าทำงานอยู่ด้วยกันนานๆ หาวิธีทำให้เค้าหายเศร้าแบบสารพัดทาง นี่ยังไม่นับว่า อดนอนไปรับเค้าตั้งแต่เช้าทั้งๆที่ไม่มีเรียน แถมยังออกจากห้องเรียนไปก่อนเวลาเพราะไม่อยากจะให้เค้าคอยนาน “ ผมถอนหายใจออกมาอีกคนก็เอื้อมมือมากอดคอไว้หมายจะพูดล้อ“ มองมาจากวงแหวนดาวเสาร์ยังรู้ ว่ามึงรู้สึกยังไงกับเมด “

“ รำคาญ “

“ แหมมมมมม อยากจะให้พี่อาฟรำคาญกูบ้างจังเลยอะ รำคาญแล้วได้เป็นคนสำคัญ กูละ อยากโดนรำค๊าญญ รำคาญอะ “

“ รำคาญมึงอะสัด พูดมาก “

“ นี่ถ้ามึงจริงจังกูจะช่วยมึงเอง ช่วยพูด ช่วยแซว มันต้องมีหวั่นไหวกันบ้างละวะ น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน แล้วหัวใจของน้องเมดที่อ่อนๆ มันจะไม่กร่อนบ้างก็ให้รู้ไป “

“ ไม่ต้องเสือก “ ผมหันไปบอกมันก่อนจะมองไปที่ส่วนบาร์ที่ตอนนี้ มีคนคนนึงกำลังก้มๆเงยๆจดนู้นจดนี่อยุ่ด้วยท่าทางเครียดๆ ริมฝีปากแหลมๆที่ชวนให้ผมยิ้ม “ กูอยากจะให้มันเป็นแบบนี้ อยากจะให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถ้ามันจะเพิ่ม หรือจะเปลี่ยน ก็ขอให้มันเปลี่ยนไปเพราะกู หรือเพราะมัน ไม่ใช่เพราะคนอื่น “

“ นะครับโผมมม “ เสียงแซวของเพื่อนที่ตบท้ายผมถอนหายใจออกมาก่อนจะนั่งมองใครอีกคนไปเงียบๆ

มันก็น่าแปลกเหมือนกัน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สายตาของผมเอาแต่มองมัน มองแล้วยิ้ม จนรู้สึกว่า คนเราแม่งจะมีความสุขเพียงเพราะได้เห็นหน้าใครอีกคนเท่านั้นเองจริงๆเหรอวะ ความสุขของคนเรามันเกิดได้ง่ายแค่นี้เองจริงๆเหรอวะ ทำไมมองหน้าใครไม่เห็นเป็น แล้วทำไมพอมองหน้าไอ้ก้อนแป้งนี่ แล้วถึงเป็นขึ้นมาวะ


‘ o- o group ‘

[ ช่วยด้วยครับ ไม่ไหวแล้วครับ อาการคนทางบาร์ค่อนข้างย้ำแย่ เรียกรถพยาบาลทีครับ ] พลิกมือถือที่สั่นอยู่ในมือขึ้นมาดู ผมแอบถอนหายใจกับข้อความของน้องชายตัวเอง ก่อนคนข้างๆอย่างไอ้เจจะพิมพ์ถามออกไป

[อาการเป็นยังไงครับ บอกหมอมา รถพยาบาลหรือปอเต็กตึ่งจะได้เรียกถูก ]

[ กูว่ากูไม่ไหว ] ไอ้อัยย์ส่งข้อความมาพร้อมกับภาพเลขาของผม ที่กำลังก้มหน้าทำอะไรสักอย่าง ภาพแอบถ่ายที่เห็นคอขาวๆจากคือเสื้อนักศึกษาที่ผ่าลงไปลึก [ หืดหาดมาก อีกนิดคือหัวนม นี่ไอ้เดย์กับกูก็ลุ้นกันมาก ว่าดำหรือชมพู  ]

[ วางชมพู ร้อยนึง ] ไอ้เจพิมพ์ตอบ [ ขาวเนียนขนาดนี้ต้องสีชมพูเท่านั้น ]

[ แล้วดูปากนั่นสิ  เหี้ยเอ้ย คือตอนที่เค้าพูดชื่อเหล้าไปพลางจดไปพลางอะพี่มึง ปากแหลมๆ เล็กๆ มันงุงิ น่ารักมากๆอะ สัดเอ้ยยย เค้าน่ารักขนาดนี้ได้ไงวะ ] ไอ้เดย์เสริม [ แล้วคือกูไม่อยากจะให้พวกมึงรู้เลย ว่าตอนนี้กูคิดอะไร ]

[ เดย์ กูว่ามึงขึ้นอยู่ตอนนี้ ]

[ สัดพี่เจ รู้ดี ]

[ กูรู้ด้วยซ้ำว่ามึงคิดอะไรกับปากไอ้เมดตอนนี้ ไอ้สัด และกูขอเตือนพวกมึงว่า เฮียพวกมึงกระดิกตีนนั่งอ่านอยู่ข้างกู ]

[ แล้วไง ใครแคร์ ]

[ ไอ้อัยย์ทำไมเงียบไปวะ @Ai ]

[ กำลังดูอยู่ว่าหัวนมพี่เมดสีอะไร มึงว่าสีชมพู ร้อยนึงนะพี่เจ ]

[ ไอ้สัดอัยย์นี่มึงจริงจังมากอะ ไอ้เหี้ย กูไปนั่งด้วยได้มั้ย กูเข้าไปทำไรดี เข้าไปช่วยนี่เนียนมั้ย กูเข้าไปนับก้อนน้ำแข็งก็ได้นะ ] ไอ้เจว่ามันขยับตัวเหมือนจะเตรียมลุกจริงๆ แต่ก็แค่เปลี่ยนท่านั่งในการเล่นมือถือก็เท่านั้น

[ วิวที่กูนั่งนับเหล้า โคตรดี คือเห็นตอนพี่เมดก้มเต็มๆแต่เสื้อมันไม่กว้างพอจะเห็นหัวนมวะ กูควรวางแผนให้พี่เค้าแม่ง ก้มลงต่ำกว่านี้อีก เปล่าวะ มึงคิดกันดิวะ ยังไงดี ]

[ เมื่อกี้ทำทีเป็นจัดขวดโซดาวางไว้กับพื้นพี่เมดก็ใจดีก้มลงมาช่วยจัด ตอนเค้าหยิบแล้วก้มลงมาวางอะพี่มึง ขาวมาก ได้เห็นลึกกว่าปกตินิดนึง “ ไอ้เดย์เสริม “ แต่ก็ยังไม่เห็นหัวนมอะ เชี้ยเอ้ยยย หัวนมเค้าอยู่ไหนวะ มันจะน่ารัก แบบเล็กๆ ใช่มั้ย น่าสะกิด น่าเอาปากขบเบาๆ ]

[ โอ๊ยยยยยย พอแล้วววว เดี๋ยวกูก็ไปกระชากเสื้อไอ้เมดซะนี่ ไอ้สัด ]

[ กูว่าต้องจัดของแบนๆ เล็กๆ เค้าจะก้มมากขึ้น ของแบนๆ เล็กๆ กูว่าได้ละ แก้วเป็กๆ ไปหาก่อนแล้วเดี๋ยวจะมารายงานเรื่องหัวนมนะ ] อ่านข้อความของไอ้อัยย์จบผมก็ลุกขึ้นจากที่นั่งทันที ขาที่เดินตรงไปที่บาร์ไอ้เจก็ก้มหน้าลงพิมพ์ข้อความในกลุ่มด้วยความร้อนรน ผมยกยิ้มท่าทางนั้นของมัน ตอนที่ก้าวเท้าเดินตรงไปข้างหน้าช้าๆ 

[ เดี๋ยว! เชี้ย หยุด ไอ้อาฟมันเดินไปว่ะ พวกมึง หยุด ไอ้สัด @Ai @d.day หยุด พวกมึงหยุด ]

กริ๊ก

มันเป็นเสียงเตือนเบาๆ จากมือถือตอนที่ผมเดินเข้าไปถึงด้านในบาร์พอดี มือที่คว้าทั้งสองคนให้ลุกขึ้นยืน เมดที่เบิกตางงๆแต่ยังไม่ทันจะอ้าปากถามอะไร ผมที่จับพวกมันก็ปล่อยแล้วเปลี่ยนไปเป็นตบหัวทั้งไอ้เดย์ไอ้อัยย์คนละที แบบหนักๆ จนพวกมันได้แต่ร้องออกมาเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บ

“ โอ๊ย!! เชี้ย สัดพี่กูเจ็บนะ “ ไอ้เดย์ว่าก่อนจะเอาสองมือยกขึ้นกุมหัวตัวเอง ไอ้อัยย์ที่โดนตบที่หลังเองก็ด้วย

“ โอ๊ย! เฮียยยย กูเจ็บนะ ตบมาได้ไง สมองไหลแล้วมั้ง “

“ สมน้ำหน้า “ ผมพูดเบาๆ ก่อนจะหันไปมองอีกคนตาขวาง เมดมันก็ยกมือขึ้นปิดหัวตัวเองอัตโนมัติ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ อย่าตีกูนะ กูยังไม่ได้ทำอะไรผิดนะ “

“ มึงน่ะ ตัวผิดเลย “ บอกมันแบบนั้นอีกคนก็ขมวดคิ้วงงไปกันใหญ่  มันน่าหงุดหงิดก็ตรงอีกคนไม่รู้เรื่องอะไรเลยนี่แหละ หงุดหงิดที่แม่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำให้ผมหวงแค่ไหน

“ ผิดอะไรวะ “

“ ใครใช้ให้มึงใส่เสื้อแบบนี้มาทำงานที่ผับ “

“ ห๊ะ ? “ มันอ้าปากค้างก่อนจะก้มหน้าลงมองตัวเอง “ แล้วมันไม่เรียบร้อยยังไงวะ ก็เสื้อนักศึกษา..” เมดมองไปรอบๆ “ เด็กเสิร์ฟยังใส่เสื้อเชิ้ตขาวเลย แล้วทำไม..”

“ กับมึงไม่ได้ “ ผมบอก เมดก็ยิ่งงงหนักขึ้นไปอีก

“ พี่เมดเหมือนไม่เข้าใจ งั้นน้องเดย์จะอธิบายให้ฟังนะครับ แปลไทยของสัดพี่อาฟเป็นไทยของคนทั่วไป “ ไอ้เดย์บอก “ กับมึงไม่ได้ที่สัดพี่พูดนี่ น่าจะไม่หมายถึง..”

“ เสือก “ ผมหันไปบอกมันด้วยสายตาไม่ชอบใจ ก่อนจะมองเหลือบไอ้อัยย์ที่กำลังเม้มปากแล้วก้มหน้า ส่วนไอ้เดย์ก็ได้แต่เงียบ ผมขยับตัวเข้าไปใกล้พวกมันสองคนที่ขยับมายืนข้างกันก่อนจะกระซิบ “ อย่ามายุ่งกับของของกู กูไม่ชอบ “

“ มึง.” เมดเอ่ยเรียกผมเบาๆ ในตอนที่เห็นไอ้บาร์เทนเดอร์สองตัวพยักหน้ารับแล้วเอาแต่ยืนนิ่ง ผมหันไปมองมัน

“ ติดกระดุมเสื้อ “

“ เสื้อกูน่ะเหรอ “ มันชี้ที่คอเสื้อตัวเองด้วยท่าทางที่กำลังงง

“ เสื้อกูมั้ง “

“ เดี๋ยวนะกูงง มึงหงุดหงิดน้องเดย์น้องอัยย์ทำไมอะ น้องทำอะไรผิด ทำไมมึงไม่บอกน้องก่อนว่าน้องผิดอะไร แล้วค่อยด่าค่อยว่า ทำไมถึงไปตบน้องเลยวะ “ เมดถามผมด้วยสีหน้าจริงจัง มันที่มองไปทางไอ้บาร์เทนเดอร์สองตัวข้างหลังผมที่ก็ยืนเอามือปิดปากตัวเองไว้แน่น แสดงทีท่าประทับใจแบบน่าหมั่นไส้

“ พี่เมดปกป้องน้องเดย์ แต่ถ้าพี่เมดรู้ว่าน้องเดย์คิดอะไร พี่เมดจะไม่ปกป้องน้องเดย์อย่างงี้ จำไว้นะครับ “ ไอ้เดย์ว่าไอ้อัยย์ที่ก็พยักหน้ารับตามเพื่อนมัน มีก็แต่ไอ้เมดที่ยิ่งทำหน้างงหนักไปอีก มันไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นในสิ่งที่ไอ้สองตัวนี้พูด

“ พี่เมดอย่าปกป้องคนเลวอย่างเราเลย พี่เมดบริสุทธิ์เกินไปครับ  “

“ พี่เมดของน้องเดย์ช่างแสนน่ารัก และ บริสุทธิ์ “

“ มึงสองตัวแม่ง โคตรวอนตีน “ ผมหันไปบอกพวกมันที่ดูเหมือนกำลังแสดงละครมากกว่าจะเรียกว่า สำนึกผิด “ สิ่งที่พวกมึงกำลังทำ มันคือการคุกคามทางเพศ อย่าให้กูรู้อีกว่าทำ “

“ โอเค ไปสร้างอีกแชท “ ไอ้เดย์ว่ามันที่จ้องหน้าผมก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่นแล้วยกมือขึ้นปิดปากทันที ในตอนที่ผมหันไปมองมันด้วยสีหน้าจริงจัง เดย์รู้ดีว่าเวลาไหนที่มันควรเล่นและไม่ควรเล่นกับผม “ น้องเดย์ไม่ได้พูดอะไร น้องเดย์ไม่ได้พูด สัดพี่อาฟหูฟาดไปเมื่อกี้ “

“ เดย์ อย่าทำ กูไม่ชอบ แล้วอย่าให้ต้องพูดซ้ำ “ ผมพูดเสียงเรียบๆ อีกสองคนก็พยักหน้ารับ ผมหันไปมองอีกคนที่ก็ยังอยู่ในอาการของคนงงไม่คลายสงสัย ก่อนจะเอื้อมมือไปติดกระดุมเสื้อให้มันจนถึงคอ

“ เดี๋ยวๆ มึงจะใส่ให้กูถึงคอเลยเหรอ กูหายใจไม่ออก “ มันดึงตัวเองให้มือผมออกห่างจากเสื้อของมัน เมดจับเสื้อของตัวเองไว้หลวมๆ ผมก็ย้ำความต้องการของตัวเอง

“ ใส่กระดุมให้หมด “

“ เพื่อ ? อึดอัดจะตาย ไอ้เหี้ย ไม่เอาอะ “ เมดบอกแค่นั้นก่อนจะปล่อยมือตัวเองลง มันเหลือกระดุมเม็ดบนสุดเอาไว้ แต่มองจากตรงนี้ก็ยังเห็นคอขาวๆของมันอยู่ดี ซึ่งนั่นก็ยังไม่โอเค ผมไม่ต้องการให้ใครได้เห็นทั้งนั้น

“ มันดูไม่เรียบร้อย มึงจะมาก้มๆเงยๆ ให้ไอ้สองตัวนี่เห็นทำไม อยากโชว์เหรอ หรือยังไง จะยั่วมัน  “

“ อะไรของมึงเนี้ย “ เมดถามกลับ “ ยั๊วะเหี้ยอะไรเรื่องแค่นี้ เรียบร้อยกว่านี้ให้กูใส่คอเต่าเลยมั้ยละ “

“ ใส่มาตั้งแต่วันพรุ่งนี้ “

“ ไอ้สัด! ไม่เอา ร้อน มึงดูอากาศประเทศไทย จะให้คนอื่นมองว่ากูบ้าเหรอ “

“ เออ “ ผมตอบย้ำมัน อีกคนก็ได้แต่ทำหน้าหงุดหงิด ตอนนั้นเมดที่กำลังจะเอ่ยปากเถียง ไอ้เจก็เดินเข้ามามันพูดขัดขึ้นก่อน

“ ก็บอกไปว่าเป็นห่วง พูดง่ายกว่า หรือ หวง ดี มันสั้นกว่า “ ใบหน้าหวานเหลือบมองผม เมดที่จับคอเสื้อตัวเองถูไปถูกมาไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ มันทำทีเป็นมองไปทางอื่น

“ กูจะจัดเหล้าต่อ “

“ ไม่ต้องแล้ว “ ผมคว้ามือมันไว้ “ ขึ้นไปข้างบน เดี๋ยวงานตรงนี้ให้ไอ้เดย์กับไอ้อัยย์มันทำห น้าที่มันเช็คสต๊อกอยู่แล้ว “

“ แต่นี่มันทำฐานข้อมูล แล้วมันก็เป็นงานกู.. “

“ เจ มึงคุมพวกมัน ให้ทำให้ละเอียด “ หันไปบอกไอ้เจอีกคนก็พยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงตรงเค้าเตอร์บาร์ตรงหน้าไอ้เดย์กับไอ้อัยย์ มือที่เอื้อมมือหยิบเอกสารของไอ้เมดที่เขียนไว้

“ เดี๋ยวทำต่อให้ เมดขึ้นไปทำงานของเมดเถอะ ยังมีอีกเยอะไม่ใช่เหรอ ไหนจะต้องเรียนสั่งของจากไอ้อาฟอีกละ “

“ ก็ ใช่..” อีกคนตอบเสียงเบา

“ อยู่ตรงนี้นานเดี๋ยวมีใครหัวร้อนกว่านี้ใช่มั้ยครับ สัดอาฟ “

“ แต่ว่า.. “

“ อย่าให้ต้องพูดซ้ำ มานี่ กูไม่อยากจะให้มึงอยู่ตรงนี้แล้ว “ ผมดึงมันเดินตามมา เมดที่ทำหน้าหงุดหงิดคิ้วของมันขมวดเป็นปมแบบคนที่โคตรสงสัยแล้วอยากจะรู้สุดๆว่าทำไม เกิดอะไรขึ้น มันที่เหมือนไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของผม ของไอ้เจ หรือแม้แต่คำสารภาพผิดของไอ้สองตัวบาร์เทนเดอร์นั่น

   อยากจะพูดความจริงไปเหมือนกันว่ามันกำลังโดนคุกคามทางเพศ แต่คิดว่าพูดไปก็ไม่ได้ทำให้อีกคนรู้สึกดี ก็เลยคิดว่าเงียบไว้น่าจะดีกว่า แต่คนไม่เข้าใจและอยากจะเข้าใจ ยังไงก็ ยังไม่หายสงสัยอยู่ดี

“ อะไรของมึงวะ กูละงงไปหมด กูจัดเหล้าอยู่ดีๆ มึงแม่งก็เข้ามาตบหัวน้องเฉยๆเลยไม่พูดอะไรสักคำ แล้วน้องก็หันมาพูดว่า อย่าปกป้องคนเลวเลย อะไรวะ งง แล้วมึงก็ยังให้กูใส่เสื้อถึงคออีก นี่แม่งก็บ้าไป แต่ประเด็นคือทำไมถึงต้องทำอะไรแบบนี้ แล้วนี่..“

“ หวง “ ผมหันไปบอกอีกคนที่เดินตามหลังมาด้วยสายตาจริงจัง ความจริงข้อเดียวที่สามารถบอกได้ในตอนนี้  “ อย่าให้ต้องพูดยาว “

....................................................................

เป็นแค่ความรู้สึกของที่คนบอกว่า อยากจะแค่ไปกินข้าว แล้วมีเค้านั่งข้างๆ ตอนขับรถ
แล้วตอนหน้า เมดจะทำหน้ายังไง กับคำพูดของอาฟ โปรดติดตามอ่าน
ตอนหน้า คิดน่าจะน่ารักกว่านี้ ...
และนี้คือทางไป นิยายแชทจอยลดา http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่ะ

 :katai4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 30-03-2018 20:30:55
อูว์ ชัดเจนเลยหละค่ะคุณสัดพี่  :z1:
ร้อนค่ะร้อน ตอนนี้ร้อนมากเลย ไฟหึง,หวงหรือห่วงเนี่ยมันลามออกมานอกจอเลย 555
ติดตามค่า

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 30-03-2018 20:44:38
 :hao7: หวง... สั้นๆแต่กระแทกใจสุดไอะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 30-03-2018 21:18:49
ไม่ได้ชอบแต่หวงมาก หัวร้อนไปหมดแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 30-03-2018 21:32:25
มันตลกตรงที่มายืนเถียงกันด่ากันอยู่สามสี่คน ส่วนตัวต้นเหตุ งงแดก  :m20:

ถถถ พี่อาฟ  :pigha2: เดินหน้าจีบน้องเมทตรงๆ เล้ยยยย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 30-03-2018 22:18:44
ถถถ ความหวง ทำใหคีพคลูไม่ได้ 555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 30-03-2018 22:24:20
คำว่าหวงของพี่อาฟสั้นๆทำให้อิชั้นตายได้เลยย :pighaun:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 30-03-2018 22:29:13
แค่หวงมาคำเดียว ทุกอย่างจบ เราอ่ะจบเลย เขินนนนนน เด๋วสักวันนะ ได้มีการทักแชทผิดกลุ่มกันบ้างอ่ะ  แก๊งพี่อาฟน่ารักทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-03-2018 23:41:16
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 31-03-2018 00:22:36
สัดพี่อาฟหัวร้อนหรือเจ้าคะ  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 31-03-2018 01:27:51
นอกจากจะขี้รำคาญแล้วยังขี้หวงหนักมากเดี๋ยวขี้หึงจะตามมาแน่นอน :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-03-2018 02:42:01
หวงมากนัก คุณพี่อาฟก็ซื้อพลาสเตอร์ปิดหัวนมให้น้องเมดซิคะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 31-03-2018 04:23:55
ก็เค้าหวงของเค้า :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 31-03-2018 07:43:12
หวง คำเดียวจบนะ

อาฟเป็นบ้าได้แต่วิเดียว ไบโพล่ามาเอง
เมดก็งงไปเหอะ แถมไปตกหลุมเค้าเฉย

เจคือรู้จริง รู้ทันมาก
แบล็คแบบน่ากลัว พูดมาทีคือรู้

เดย์อัยย์คือความฮาที่แท้จริง
ยั่วจนพี่ของขึ้น ต้องลุกมาแสดงตัว



หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 31-03-2018 09:10:33
พี่อาฟจะซึนทำไม่คะ ก็บอกน้องไปตรงๆ เลยว่ารักน้องงงงงง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 31-03-2018 10:08:50
หวงจนหัวร้อนหนักขนาดนี้ก็เลิกปากแข็งได้แล้วมั้งอาฟ :hao3: :hao3: :hao3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 31-03-2018 15:59:03
น่อวววว ปากไม่แข็งนี่หว่าพี่อาฟฟฟฟฟฟฟฟฟ  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 31-03-2018 16:48:33
อยากจะแหมไปถึงดาวอังคาร
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 31-03-2018 23:06:01
เรื่องนี้คือโคตรชอบน้องเดย์และผองเพื่อน คือเหมือนเป็นความบันเทิงของเรื่องนี้อ่ะ

สัดพี่อาฟเกรี้ยวกราดๆๆๆ หวง พิมพ์งี้ พิมพ์ให้แล้ว เอาไปพิมพ์บอกในไลน์กลุ่มได้จ้าาา

คนอะไรทำไมปากแข็ง ข่นบ้าๆๆๆ

พี่หนม รอน้าาา อิอ๊ะๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 01-04-2018 00:02:06
ยอมรับแบบนี้ซิ่ หวงก็บอกว่าหวง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 01-04-2018 07:54:44
สัสพี่อาฟทั้งขี้หวงขี้หึง

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-04-2018 12:47:04
หัวร้อนสุดๆ หวงขั้นแอดวานซ์ ตบหัวน้องสมองแทบไหล มีการบอกอย่ายุ่งกับของของกู :katai2-1: แต่ไม่ได้ชอบเมดนะ :hao3: จ๊ะเชื่อทุกคำของพี่อาฟเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 01-04-2018 20:28:37
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า
 


ตอนที่ 13
   ‘  อึดอัด ‘ สถานการณ์ตอนนี้นี่มัน.. โคตรอึดอัด

   ภายในห้องทำงานบนชั้นสามที่มีแต่ความเงียบ เสียงนิ้วที่พิมพ์งานไปบนคีย์บอร์ด สลับสับเปลี่ยนกับเสียงคลิกเม้าส์ ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรตั้งแต่ที่มันพูดคำนั้นออกมา

‘ หวง อย่าให้ต้องพูดยาว ’  มันหมายความว่าไงกันวะ โคตรอยากให้มันแปลความหมายของคำพูดนี้ให้ฟังชิบหาย ผมที่เอาแต่ยืนนิ่งไปในตอนนั้นรู้สึกอีกทีก็ตอนมือหนาที่จับกันอยู่กระชับแน่นขึ้นแล้วเดินจูงขึ้นมาบนห้อง เอาจริงๆนี่ถ้าไม่ใช่คนแบบไอ้สัดอาฟ ผมคงคิดไปว่า อีกฝ่ายมีใจให้ แต่ถึงจะให้คิดว่าอีกคนชอบบอกว่า น่ารำคาญผมยังไง มันก็ไม่เข้ากันกับการกระทำของมันเลยสักนิด หรือว่าจริงๆ .. มันจะชอบผม .. บ้าน่า มีเหตุผลอะไรที่มันจะมาชอบคนที่ตัวเองบอกว่าหน้าเหมือนไอ้ตี๋ขายโจ๊กวะ

“ อันนี้จะเป็น..” ใบหน้าคมที่หันมามองกัน ผมที่คิดอะไรอยู่เพลินๆก็ได้สติขึ้นมาทันที ยิ้มแห้งๆให้มันก่อนจะดึงตัวเองไปสนใจสิ่งที่มันกำลังจะพูด

“ ว่าต่อสิ “

“ มึงเหม่ออะไร “

“ เปล่าสักหน่อย คิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็แค่นั้น “

“ ว่างนักเหรอ “ มันถามผมด้วยสายตากวนตีนแบบที่รอยยิ้มตรงมุมปากจะยกขึ้นนิดๆ ถอนหายใจออกมาใส่มันเป็นการตอบทางกายภาพว่าเหนื่อยหน่ายกับความกวนตีนของมันเหลือเกิน ก่อนจะยิ้มสู้

“ เปล่าหรอกครับ ไม่ว่างเลย งานจะท่วมหัวอยู่แล้ว แต่แค่ความคิดบางทีมันโผล่ขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจน่ะ คุณอาฟมีอะไรเหรอ “

“ กวนตีน “

“ มึงสิกวน “ ผมตอบกลับเสียงเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่ายที่ก็ยกยิ้มมองผม

“ คิดว่ากำลังคิดเรื่องของเราอยู่ซะอีก “

“ เรื่องอะไร ไม่มีเรื่องของเราเว้ย “ ผมบอกปัดแบบร้อนรน อีกคนที่เห็นท่าทางแบบนั้นมันก็นิ่งไป ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างที่กว้างขึ้น อาฟก้มหน้าลง “ ก้มหน้ายิ้มทำไมวะ กูไม่ได้คิดเรื่องของเรานะ เพราะมันไม่มีเรื่องของเรา ไม่ได้คิดถึงคำพูดอะไรของมึงเมื่อกี้เลยด้วยซ้ำ คำว่าหวงอย่าให้ต้องพูดยาวอะไรนั่น กูไม่ได้คิดถึงมันเลยนะ “ เม้มริมฝีปากตัวเองตอนที่หลุดพูดคำพูดนั้นออกมา และแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ใครอีกคนเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วย สายตาเจ้าเล่ห์

“ อื้ม ไม่ได้คิดจริงๆด้วย “

“ สัด “ สถบออกมาเบาๆ ตอนที่เอาหลังพิงกับเก้าอี้ที่นั่ง ผมเหลือบมองมันที่เอาแต่ยิ้ม “ ไม่ต้องมายิ้ม “

“ เสือก เรื่องของกู “

“ แม่ง “ ทั้งๆที่โง่เอง ที่เผลอพูดอกไปให้อีกคนรู้ แต่แม่งก็อดหงุดหงิดไม่ได้ “ แล้วมึงมีอะไร “

“ เปลี่ยนเรื่องเก่ง “ มันที่ยังไม่หยุดแซว

“ ไม่ได้เปลี่ยนเรื่อง กำลังเข้าเรื่อง เมื่อกี้มึงมีอะไร “ ผมเถียงอีกคนก็ยักไหล่ก่อนจะเชิดหน้ามาที่คอมของผม

“ กูแชร์รายละเอียดของฝ่ายจัดซื้อไปให้มึง  เปิดขึ้นมา จะได้อธิบาย “

“ โอเค “ กดเปิดไฟล์งานที่ถูกแชร์ไว้ อาฟก็ดึงตัวเองขึ้นมายืนข้างผมก่อนจะก้มลงมาอธิบาย

“ ตรงนี้จะเป็นรายชื่อของร้านทั้งหมด “ มันชี้ที่ตารางแรกที่เขียนรายชื่อร้านทั้งหมดไว้ “ ถัดมาจะเป็นรายละเอียดของสินค้าของแต่ละร้าน ว่าเราสั่งอะไรจะร้านไหนบ้าง พอคืนนี้พี่ซองสรุปยอดทุกอย่างเสร็จมึงก็เอามาเช็คดูว่าต้องสั่งของร้านไหนบ้าง ของทั้งหมดจะต้องเอามาส่งก่อนร้านเปิดสองชั่วโมง เพื่อเช็คสินค้า แล้วก็จัดให้เรียบร้อย ก่อนจะเปิดร้าน “

“ โอเค “ ผมพยักหน้ารับ “ ส่วนช่องสุดท้ายก็เบอร์กับชื่อของคนที่กูจะต้องโทรไปสั่งเนอะ “ ถามออกไปแต่คนตอบกลับเงียบ เอียงหน้ามองใบหน้าคมช้าๆแล้วผมก็พบว่ามันกำลังมองผมอยู่ อาฟสะดุ้งนิดหน่อยตอนที่ผมจับได้ มันทำทีเฉไฉพูดเรื่องอื่น

“ ศึกษาดูแล้วกัน ยังไงเดี๋ยวเอกสารสั่งสต๊อกมาเมื่อไหร่ กูจะลองทำให้ดูก่อน ไม่เข้าใจยังไงจะได้ถาม  “

“ ครับผม “ ผมพยักหน้ารับอีกคนที่ก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง เหล่มองมันยิ้มๆอีกคนก็ถาม

“ มีอะไร “

“ เปลี่ยนเรื่องเก่ง “ พูดแค่นั้น ทั้งผมทั้งอาฟก็เอาแต่ยิ้มกับหน้าจอคอมของตัวเอง แบบที่ไม่ได้หันมามองหน้ากันอีก แต่คิดว่าเราก็คงอยู่ในอารมณ์และเหตุผลเดียวกันนั่นแหละ  ‘ มันเขินๆไงก็ไม่รู้ ‘

นั่งทำเอกสารของฝ่ายผู้จัดการร้านที่ต้องใช้กรอกรายรับประจำวันรวมทั้งสต๊อกสินค้าที่ขาดจนเสร็จ แล้วถึงเริ่มทำเอกสารของฝ่ายพนักงานเสิร์ฟให้กับรองผู้จัดการก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้

“ เออมึง ไปเปิดบัญชีใหม่ได้แล้วนะ “

“ บัญชีใหม่ “ อีกฝ่ายที่กำลังนั่งพิมพ์ นั่งอ่านอะไรสักอย่างที่หน้าจอคอมของตัวเองเอ่ยตอบกลับทั้งๆที่ก็ไม่ได้หันมามองหน้าผม “ เปิดทำไม “

“ ก็เปิดเอาไว้ไง มึงต้องแยกรายจ่ายออกเป็นสามส่วนใหญ่ๆนะรู้มั้ย นั่นคือ เงินส่วนตัว เงินเก็บ แล้วก็บัญชีร้าน “

“ อื้ม เข้าใจละ “ อาฟพยักหน้ารับกับผม “ พรุ่งนี้จะไปเปิดสักสามบัญชี มึงไปกับกูแล้วกัน “

“ เปิดทำไมตั้งสามบัญชี เปิดแค่สองบัญชีก็พอมีอยู่แล้วอันนึง อีกบัญชีจะเอาไปทำอะไร “

“ เสือกจัง “ มันหันมาบอกแบบยิ้มๆ ผมก็ยิ้มตอบกลับ

“ อยากซื้อจังคำว่าเสือกของมึง ขายเท่าไหร่เหรอ จะได้เลิกพูดสักที “

“ ถ้าอวดรวยมาก จ่ายค่าทำสีรถกูก่อนมั้ย “ คิ้วหนาที่ยกขึ้นกวนๆหลังคำถามนั้น ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ก็แน่นอนไม่มีอะไรจะเอาไปตอบโต้มันสักอย่าง จะบอกว่า  ‘ได้! เอาไป’ แต่ก็ไม่มีเงินที่จะทำอะไรแบบนั้นไง ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่อยากจะทำมากที่สุดในตอนนี้ก็เถอะ

“ ก็ได้แต่ฝันละวะ ยังไงความจริงก็ต้องทำงานใช้หนี้อยู่ดี “ ผมพูดกับตัวเองในใจ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาทวงงานจากทางบาร์ที่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเช็คกันเสร็จรึยัง ร้านก็เปิดมาจะเกือบห้าชั่วโมงแล้วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะส่งไลน์มาบอกกันเลยว่าเสร็จแล้ว หรืออะไร ตอนนี้เลยไม่รู้ด้วยว่ามันจะวุ่นวายแค่ไหนแล้ว สำหรับเอกสารแผ่นนั้นที่เจมันรับไปทำต่อ

   ส่วนตัวผมไม่ค่อยไว้ใจคนอื่นให้ทำงานแทนเท่าไหร่ ส่วนนึงคือกลัวทำไม่ละเอียด เรียบร้อย และอีกส่วนคือ กลัวอ่านลายมือคนทำให้ไม่ออก แต่ก็ช่างเถอะ อะไรจะเกินมันคงต้องเกิด
   
  ' Throw UP ' Staff Serious Ver. '

[ ทางบาร์เช็คสต๊อกกันเสร็จรึงยังครับ @jisj @Ai @d.day ] ผมพิมพ์ข้อความเข้าไปในไลน์กลุ่มสต๊าฟ รออยู่นานกว่าคนที่ควรตอบอย่างเจจะมาตอบทั้งที่มันก็ขึ้นว่าอ่านแล้วอยู่นาน ยังไม่เสร็จแน่ๆ ผมมั่นใจ

[ อีกห้านาทีนะเมด ครบห้านาทีก็ลงมาเอาได้เลย ]

[ โอเคครับผม ] ส่งข้อความตอบกลับอีกคนไป ตอนที่กำลังจะปิดหน้าจอมือถือข้อความนึงก็ถูกพิมพ์ขึ้นมา

[ พี่เมดจะพักยัง ไปกินข้าวมื้อดึกอร่อยๆกับน้องเดย์มั้ย ]

[ พวกเรามีเวลาพักกันด้วยเหรอ ] ผมถามกลับน้อง จะว่าไปก็ไม่ได้คิดถึงเวลาพักเลย เพราะปกติหลังหกโมงเย็น ถ้าไม่มีรายงานหรือการบ้านอะไร ผมก็ชอบจัดห้อง ดูหนัง ไม่ก็อ่านหนังสือ อยู่บนเตียงเปิดแอร์เย็นฉ่ำเตรียมตัวนอนแล้ว

[ มีสิพี่เมด หนึ่งชั่วโมงครับ ] น้องอัยย์เป็นคนตอบผมที่ก็พยักหน้ารับผ่านหน้าจอ

[ ทุกคนจะได้พักกันสินะ แล้วปกติพนักงานพักกันช่วงนี้หมดเลยเหรอ ] เงยหน้าขึ้นดูเวลาที่ติดอยู่ในห้อง มันบอกเวลาสี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว

[ แล้วแต่นะ ถ้าเป็นเด็กเสิร์ฟพี่ซอง ซึ่งตอนนี้ก็ไอ้อินจะเป็นกำหนดว่าใครพักตอนไหน ก็หมุนๆวนๆ กันไปพัก แต่ถ้าเป็นส่วนบาร์ ไอ้เดย์ ไอ้อัยย์ มันก็ตกลงกันเองว่าใครจะไปกินข้าวก่อน ขึ้นอยู่กับแผนกของตัวเองอะ ซึ่ง..ในจุดนี้นั้น เมดก็ลองถาม สัดคุณอาฟดูแล้วกันนะ @after ว่ามันจะให้พักเมื่อไหร่ ] เจเป็นคนอธิบายผม ตอนที่หันไปมองคนที่ถูกพูดถึง อาฟมันก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดอ่านพอดี

[ พี่เมดไปกับน้องเดย์นะ ไปกินข้าวกัน เนี้ย ถัดไปอีกซอยนึงเป็นซอยที่มีแต่ของกินเลย อร่อยๆทั้งนั้น ไปกันนะครับพี่เมดของน้องเดย์ ] หลุดยิ้มกับความขี้อ้อนของเจ้าของข้อความนั้น

จะว่าไปตั้งแต่มาทำงานที่ throw up ผมก็ค้นพบว่าอีกเหตุผลที่ทำให้ผับนี้ดัง นอกเหนือจากทำเล และโปรโมชั่นเด็ดๆที่ขยันออกกันมาบ่อยๆ ก็คงเป็นคนที่ทำงานภายในร้าน คือตั้งแต่หัวหน้าการ์ดอย่างพี่แบล็ค ผู้จัดการอย่างพี่ซอง หรือแม่แต่บาร์เทนเดอร์ หรือฝ่าย PR ก็มีแต่คนหน้าตาดีทั้งนั้น หล่อแบบมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง.. เหมือนกับเลือกคนที่หน้าตามาทำงานยังไงอย่างงั้น

 อย่างน้องเดย์เอง ตอนแรกที่ผมเห็น น้องเป็นผู้ชายไหล่กว้าง ที่เวลาตั้งใจทำงานก็ดูเท่ห์ หล่อ แบบมีเสน่ห์สมเป็นผู้ชาย แต่พอยิ้ม หรือเริ่มชวนคุย น้องก็จะกลายเป็นคนน่ารัก เป็นคนที่มีทั้งความหล่อ น่ารัก แล้วก็ความเท่ห์ในแบบของตัวเอง ส่วนน้องอัยย์เป็นความหล่อแบบเด็กผู้ชาย ที่มีฟันเขี้ยวเวลาที่น้องยิ้มกว้างเลยยิ่งมีเสน่ห์เอามากๆ

ก็สมแล้วที่ส่วนบาร์ของ throw up จะยุ่งอยู่แทบตลอดทั้งคืน อย่างเมื่อคืนขนาดดึกมากแล้วยังมีสาวๆอยู่นั่งที่บาร์จนแทบไม่มีที่ว่างเลย แล้ววันไหนที่ดูเหมือนว่ามีเจ้าของผับลงไปนั่งด้วยแล้ว วันนั้นบาร์ก็จะคนเยอะเป็นพิเศษ คล้ายๆกับการเล่นเก้าอี้ดนตรี แต่ก็นะ.. ไม่เถียงหรอก เจ้าของผับ throw up แม่งก็หน้าตาดีมากเหมือนกัน แม้ปากจะหมาไปหน่อยก็เถอะ

[ พี่เมดไปกับน้องอัยย์ น้องอัยย์หิวข้าว น้องอยากไปกินข้าวกับพี่เมด ]

[ ไม่ กูชวนก่อน พี่เมดต้องไปกับกู มึงเฝ้าบาร์ไปไอ้สัด ] น้องเดย์สวนเพื่อนตัวเองขึ้นมา ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆผ่านหน้าจอนั่นไป เหลือบมองคนที่อ่านไปนิ่งๆโดยไม่คิดที่จะตอบอะไรสักคำ ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไรดี คือกูจะได้พักมั้ยยังไม่รู้เลย แต่ก็อยากจะลองไปเดินซอยข้างๆดูนะ อยากรู้ว่าจะมีอะไรบ้าง ยังไงก็ต้องทำงานอยู่หลายเดือน รู้จักทำเลที่ตั้งโดยรอบไว้ท่าจะดี หิวขึ้นมาจะได้ไม่อดตาย

[ มึงสิครับ ต้องเฝ้าบาร์ไป ติดพันคุยกับสาวไม่ใช่อ๋อวะ เมื่อกี้นับเหล้าอยู่ ทิ้งกูไปม่อสาวเฉย ไอ้สัด ]

[ บ้า ใครทำแบบนั้น น้องเดย์เป็นเด็กใสๆ อะไรแบบนั้น ไม่มี๊ พี่เมดอย่าไปเชื่อไอ้อัยย์นะ มันใส่ร้ายน้องเดย์ ]

[ ใสพ่อง พี่เมดไม่เชื่อก็เพราะสันดานมึงนั่นแหละ ไม่ใช่กูหรอก มองมาจากดาวอังคารยังอยู่ว่ามึงเป็นคนยังไง สัดเดย์ ]

[ เอ่อ.. เผื่อพวกมึงลืม นี่ไลน์กลุ่มทำงาน ไม่ใช่ไลน์ส่วนตัวให้มึงมาทะเลาะกันเรื่องไร้สาระ ] เออ ขอบใจนะเจ กูกำลังจะพิมพ์ขึ้นไปพอดีเลย [ ทะเลาะกันเป็นเด็กๆ พวกมึง รำคาญชิบหาย เมดมันไม่เชื่อมึงทั้งสองตัวนั่นแหละ ]

[ ขอบคุณนะเจ พูดตรงใจเลย ]

[ นี่ ดูคนหล่ออย่างกูเป็นตัวอย่าง มึงต้องคูลอย่างมีระดับ ทำตัวให้อบอุ่นสมเป็นผู้ใหญ่ ใช่มั้ยครับเมด ]

[ ไม่ขออกความเห็นนะ ]

[ ว๊ายยยยยยยยยยยย หน้าแตกยับ ] น้องเดย์พิมพ์เข้ามาล้อ ตามด้วยน้องอัยย์

[ น้องเห็นใจสัดพี่เจนะครับ แต่ขอสักที ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ  เดี๋ยวน้องจะออกไปเซเว่นแล้วซื้อกาวมาปะเศษหน้าให้นะครับพี่มึง ]

[ พวกมึงแม่ง แล้วตกลงใครจะไป เร็ว กูหิวข้าวไอ้สัด เสียสละอยู่เฝ้าบาร์คนนึง เร็วๆ ]

[ เค้าไม่เล่นด้วยก็เกรี้ยวกราดเว่อร์ๆ ] เดย์บอก ก่อนอัยย์จะพูดขึ้น

[ ให้พี่เมดเลือก ] ชิบหาย.. ผมเผลอสบถในใจตอนที่น้องเดย์มันพิมพ์ออกมาแบบนั้น ไม่อยากจะเลือกใครเลย เอาจริงๆไปคนเดียวก็ได้ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว แต่พูดไปแบบนั้นก็ไม่ได้อีก เสียน้ำใจคนอุตส่าห์มาชวน

[ น้องเดย์น้องอัยย์เป่ายิ้งฉุบกันก็แล้วกัน ใครชนะก็ไปกับพี่เมดแล้วก็พี่เจ ] ผมบอก [ @jisj ฝากเป็นกรรมการด้วยนะ ]

[ รับทราบครับคนน่ารัก ] แถมหัวใจให้กูอีก นอกจากเจ้านายจะปากหมา พนักงานก็ยังหน้าม่ออีก เชื่อเค้าเลย ผับนี้ ผมส่ายหน้าไปมายิ้มๆ ก่อนจะคว่ำมือถือลงแล้วเอ่ยพูดเสียงเรียบๆ กับคนที่นั่งอ่านข้อความในหน้าจออยู่แล้ว แต่กลับไม่เห็นจะตอบกลับไปสักอัน

“ มึง ..ไปพักกันเถอะ “ อาฟหันมามองหน้าผม ตอนที่พูดเอ่ยขึ้นแบบนั้น ไม่รู้ทำไมแต่กลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายเหมือนจะยกยิ้มขึ้นมานิดๆ

“ มึงชวนกู “

“ ก็ใช่น่ะสิ “ พยักหน้ารับมันก่อนจะขมวดคิ้ว ผมทำทีเป็นมองไปรอบๆ “ เราก็นั่งกันอยู่สองคนรึเปล่าวะ หรือ หรือมึงเห็นใคร “

“ กวนตีน “

“ ก็มึงแม่งถามแปลก นั่งกันอยู่สองคน กูคงชวนคนอื่นมั้ง “ อีกคนยกยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ผมเองที่ลุกตามมัน ไม่ลืมปิดหน้าจอโน๊คบุ๊คของตัวเองที่ทำงานค้างเอาไว้อยู่ลง แล้วคว้าเอาเอกสารที่ทำให้ผู้จัดการกับรองผู้จัดการหยิบติดมือไปด้วยจะได้ไม่ต้องเดินขึ้นลงหลายๆรอบ “ ไปกัน “

“ อื้ม “

   เดินลงมาชั้นล่างของผับที่วันนี้คนก็ยังเยอะอยู่เหมือนเดิม แนวเพลงที่ฟังสบายๆ ผมค่อนข้างชอบอะไรแบบนี้เลย ในชีวิตนี้เคยไปผับไม่ถึงสามครั้ง และทุกครั้งคือโดนลากไปด้วยความไม่สมยอมทั้งสิ้น ครั้งแรกไปผับแบบร้านนั่งชิวฟังเพลงธรรมดา ก็รู้สึกยังประทับใจอยู่ ครั้งต่อมาคือผับแนวเต้นกันหัวหลุด และตั้งแต่นั้นความรู้สึกของผมที่มีต่อผับแม่งก็เปลี่ยนไป ทั้งร้อน ทั้งเบียด กูไม่เข้าใจว่าเอาอะไรมาสนุก

แต่ก็นะถ้ามีแต่คนคิดแบบผมไอ้อาฟคงไม่รวย จะมาอะไรกับคนไม่กินเหล้าวะ อีกอย่างผมชอบดูหนังอยู่กับบ้านมากกว่าด้วย

“ ไปกัน ตกลงใครเป่าฉิ้งฉุบชนะ “ ผมถามบาร์เทนเดอร์สองคนที่คนนึงทำหน้ายิ้มมีความสุขแบบชนิดที่ว่า ยิ้มตาปิดเลยทีเดียว ส่วนอีกคนก็ตามสถานการณ์ หน้านิ่งคิ้วขมวดไม่พอใจเลยสักนิด

“ น้องเดย์เอง “ คนที่กำลังยิ้มยกมือ ก่อนจะหันไปยักไหล่ใส่เพื่อนแล้วก็พูดข่มๆ “ อ่อนแอก็แพ้ไปนะจ๊ะสัด “

“ ส้นตีน ไปเลยไปไอ้สัด “ โดนคนหงุดหงิดถีบส่งท้ายอีกนึงก่อนจะวิ่งออกมา

“ เดี๋ยวซื้อขนมมาฝากนะ น้องอัยย์จะกินอะไร “ ผมถามอีกคนก็ส่ายหน้า

“ ไม่เป็นไรครับพี่เมด เดี๋ยวไอ้เดย์มันซื้อมาให้น้องอัยย์เอง พี่เมดกินเยอะเลยนะ ร้านเครปอะ อร่อยมากๆ ไส้โคตรเยอะ “

“ มีเครปด้วยเหรอ “ แววตาที่โคตรสนใจส่งไปหาน้อง อีกคนก็ยิ้มกว้างออกมา

“ เนี้ยย ชอบทำตัวน่ารักในเวลาที่เค้าไม่ได้อยู่ข้างๆ ได้ยังไง พี่เมดใจร้ายกับน้องอัยย์อะ “ หลุดหัวเราะเขินๆให้อีกคนก่อนที่ผมจะเดินไปหาพี่ซองผู้จัดการที่กำลังเดินผ่านมาพอดีเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว เอาจริงๆ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองน่ารักอะไรมากมายแต่ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ โดนแซวบ่อยๆ ก็เริ่มคิดขึ้นมาในใจ ‘ หรือว่าเราจะน่ารัก ‘ คิดขำๆกับตัวเองแต่นั่นก็ไม่สำคัญหรอก  จะหน้าตาดีแค่ไหน น่ารักมากเท่าไหร่ แต่ถ้าโดนนอกใจโดนทิ้งมันก็เท่านั้น

“ พี่ซองครับ นี่เป็นเอกสารที่ทำเสร็จแล้วนะ “ เอ่ยบอกอีกคนที่ก็ยิ้มให้ก่อนจะหยิบมันไปดู พี่ซองเปิดมันผ่านๆก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“ ขอบคุณนะน้องเมด ช่วยได้เยอะเลย คราวนี้จะได้ไม่มั่ว มีรายละเอียดแล้วเป็นสัดเป้นส่วนสักที “

“ ครับผม แล้วอันนี้ของอินนะ ฝากให้อินด้วยนะครับ “

“ ได้เลยไม่มีปัญหา “ ยื่นเอกสารอีกชุดไปให้ พี่ซองที่กำลังเปิดดูตอนนั้น ผมก็ได้ยินเสียงหนุ่มๆที่อยู่ส่วนบาร์พูดขึ้นมา   

“ พี่เมดตอนกินต้องน่ารักแน่ พวกพี่มึงอย่าลืมถ่ายคลิป ถ่ายภาพ ส่งแบ่งปันมาเผื่อกูด้วยนะ “ เสียงน้องอัยย์บอก แต่ถึงอย่างงั้นทั้งสามที่รอไปกินข้าวกับผมก็พูดออกมาพร้อมกันแค่สั้นๆ

“ เรื่องอะไร “

“ พวกข่นใจร้ายยย “

...............................................................................
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 01-04-2018 20:29:58

“ กูคิดว่ามึงจะไม่ลงมา “ ไอ้เจหันมาถามผม ที่กำลังมองคุณเลขาคุยอะไรสักอย่างกับผู้จัดการ เอกสารสีขาวที่ถืออยู่ในมือถูกเย็บไว้เป็นเล่ม มันส่งให้พี่ซองเล่มนึง คิดว่าน่าจะเป็นสมุดบันทึกรายรับและของขาดในสต๊อกที่เมื่อห้าชั่วโมงก่อนมันนั่งจดจ่อทำด้วยความขยัน ส่วนอีกเล่มที่ยื่นให้ คิดว่าน่าจะเป็นสมุดเกี่ยวกับวันหยุดวันลาของพนักงานที่รองผู้จัดการต้องจดรายละเอียดให้มันเพื่อทำรายจ่ายเกี่ยวกับเงินเดือนในแต่ละเดือน

“ เมดชวนกูลงมา “ ผมบอกอีกคนแบบนั้นก่อนจะยกยิ้มพร้อมกับยกคิ้วอวดอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนเพื่อนสนิทจะไม่เข้าใจ “ พวกมึงชวนเมด แต่เมดชวนกู “

“ อ๋อ คือนี่กำลังอวดกู ว่ามึงน่ะถูกเมดชวน แต่พวกกูเนี้ยต้องชวนเมดถูกมั้ย จะอวดว่าตัวเองเหนือกว่าว่างั้น “ ยักคิ้วให้เพื่อนตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองใบหน้าหวานที่กำลังเดินออกมาหลังจากเสร็จธุระของตัวเอง  เมดเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเราก่อนจะเอ่ยชวน

“ ไปกัน “

“ ไปกันครับพี่เมด น้องเดย์หิ๊วหิว “ ก็คงมีแค่ไอ้เดย์ที่ตอบออกไปด้วยความร่าเริง แต่ไม่ได้มาแค่เสียงเท่านั้น ท่าทางมันก็ด้วย ผมเผลอถอนหายใจออกมา ตอนที่ต้องเดินตามหลังไปพร้อมๆกับไอ้เจสองคน แต่จะว่าไปมองมันจาดมุมนี้ก็ดีอยู่ไม่ได้แย่ เป็นมุมที่จะเห็นรอยยิ้มนั่นจากด้านข้าง แต่ที่ไม่ดีมันก็มีอยู่เหมือนกัน “ พี่เมด พี่เมดอยากจะกินอะไร “

“ แล้วตรงซอยข้างๆที่จะไป อะไรอร่อย “

“ เยอะแยะ “ แล้วนั่นก็คือน้องชายของผมที่กำลังชวนคนข้างตัวคุยกันแบบสนิทสนม รอยยิ้มของเมดที่หันมามองมันก่อนจะเอ่ยตอบ ทุกคำถามที่มันพูดขึ้น

 นี่เป็นนิสัยที่ต่างกันสุดขั้วระหว่างผมกับเดย์  ผมเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยช่างพูด เวลาพูดออกไปสักครั้งบางทีก็ชอบมีคนบอกว่าเงียบไว้น่าจะดีกว่า ไม่ใช่คนขี้เล่น ไม่ใช่คนชอบเอาใจ ผมไม่ขี้อ้อน หลายคุณสมบัติเบื้องต้นที่จะทำให้ใครสักคนหันมาสนใจ ผมไม่มี มันแตกต่างจากไอ้เดย์ที่มีทุกอย่างนั้น มันช่างพูด ช่างเอาใจ มันรู้แม้กระทั้งว่าจะต้องทำตัวแบบไหนเวลาจีบผู้หญิงสักคน มันสามารถเปลี่ยนจากคนน่ารักๆ เป็นผู้ชายมีเสน่ห์ได้ง่ายๆ เพียงแค่รู้ว่าอีกฝ่ายชอบยังไง มันก็แค่ทำ แล้วตอนนี้มันเองก็คงรู้ว่า คนข้างๆมัน ชอบมากที่สุด ก็ผู้ชายช่างพูดและช่างเอาใจ และสิ่งนั้น มันไม่มีอยู่ในตัวผม

“ เอาเป็นว่า เมดชอบกินอะไรละ เจว่ามันก็อร่อยหมดนะ “ ไอ้เจชวนอีกคนคุย เมดก็หันมาก่อนจะพยักหน้ารับ

“ งั้นมีกระดูกอ่อนหมูตุ๋นมั้ย “

“ พี่เมดชอบกินอะไรแบบนั้นเหรอ “ เดย์ถามอีกคนก็พยักหน้ารับ เจก็พูดเสริม

“ ไม่แน่ใจ เดี๋ยวต้องไปดู “

“ แล้วปกติเวลาที่มากินอะไรกัน “

“ ปกติก็ไม่ค่อยมากันหรอกพี่เมด สายเฮลตี้อย่างเรางดมื้อค่ำครับ เพราะจัดเต็มมาตั้งแต่เย็นแล้ว  “ เดย์มันว่า “ แต่บางทีก็เดินออกมาเวลาหิวอยากหาอะไรกระแทกปากนะ พวกขนมนี่อร่อยมาก โตเกียวงี้ เครปงี้ ไอติมไข่แข็งงี้ อร่อยสุดๆ “

“ ดูเมดยิ้ม ฮ่าๆๆๆ “ ไอ้เจมันชี้หน้าอีกคนพร้อมแซว ก็พอพูดถึงของหวาน สีหน้านั่นก็เปลี่ยนไปทันทีเมดยู่หน้าก่อนจะเม้มปากเข้าหากันมันที่กลืนน้ำลายก่อนจะยิ้มกว้างออกมา “ อยากกินอะเด้ “ หันมาพยักหน้ารับเป็นคำตอบให้ไอ้เจ พวกมันสองคนที่หัวเราะออกมากับท่าทางนั้น แต่ไม่ใช่ผมที่กำลังยิ้มแล้วก็พูดขึ้นมาท่ามกลางทุกคนที่เงียบลงไปพอดี

“ น่ารัก “

   ราวกับทุกอย่างหยุดไปชั่วขณะ เมดเงยหน้ามองผม ไอ้เจไอ้เดย์ก็แต่เม้มริมฝีปากแล้วกลั้นยิ้มกันไว้แน่นราวกับคนเสียสติ  มือไอ้เจคว้ามือไอ้เดย์ให้มายืนใกล้ๆกัน ท่าทางที่ยิ่งทำให้คนตรงหน้าผมมันรู้สึกแน่ใจขึ้นไปอีก ว่าคำพูดนั้นมันหลุดออกจากปากผม

“ เป็นเหี้ยอะไรกัน “ ผมทำทีหันไปถามไอ้คนสองคนที่ยืนจับมือกันแน่นอยู่ข้างๆ มันสองคนส่ายหน้าไปมา แล้วตอนนั้นผมก็หันไปเห็นหมาขี้เรื้อนจรจัดตัวนึงพอดี “ กูชมหมา “

“ สัด “ ตอนที่ไอ้เจไอ้เดย์หันไปมองหมาตัวนั้นมันก็ถอนหายใจออกมาพลางคลายท่าทางที่เหมือนกำลังจะกรี๊ดนั่นลง  เมดที่หันไปมองหมาตัวนั้นเหมือนกัน มันทำท่าทีงงๆ ก่อนจะหันมามองผม ที่ก็รอจะพูดย้ำกับมันอยู่

“ กูชมหมา “

“ กูก็ไม่เคยคิดว่ามึงจะชมกู “

“ ก็ดี “ ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะก้าวขึ้นไปจับมืออีกคนให้เดินออกไปจากตรงนั้น “ ยืนขวางทางคนอื่นอยู่ได้ เดินออกมาได้แล้ว “

“ เอาอีกแล้วสัดพี่ กูยืนคุยกับพี่เมดมาตั้งนาน แค่ปลายนิ้วยังไม่เฉียดกัน นี่อะไรวะ คว้ามือเค้าไปจับเฉยเลยสัด “ น้องชายผมเอ่ยพูดไล่หลังพร้อมด้วยเพื่อนสนิทที่ก็ไม่มียอมกัน

“ ทางเท้าก็ว่างจนจะยิมนาสติกลีลาได้ละ แม่งบอกยืนขวางคน “

“ สัดพี่อ้างเก่ง “

“ แต่จีบไม่เก่งว่ะ ว๊ายยยยยยยยยย “  ผมทำทีเป็นไม่ได้ยิน แต่ก็ไม่รู้ว่าคนข้างกันจะไม่ได้ยินด้วยรึเปล่า แต่ท่าทางนิ่งๆของอีกคนไม่มีทีท่าจะดึงมือตัวเองที่ผมจับอยู่ให้หลุดออกแต่อย่างใด เมดแค่เดินยืนอยู่ข้างผมนิ่งๆ ก่อนจะหันมาถาม

“ จะจับมือกูอีกนานมั้ย กูว่าคนก็ไม่ได้เยอะ จนกูจะหลงหายไปกับฝูงคนหรอกนะ  “ มันเหลือบมองมือผมที่จับข้อมือของมันอยู่ ก่อนจะเอียงหน้าถามยิ้มๆ

“ แค่ลืมตัว “

“ งั้นก็ปล่อยสิว่ะ “ อีกคนบอกย้ำก่อนจะยักคิ้วให้ ผมจำใจปล่อยมืออีกคนอย่างไม่รู้จะอ้างอะไรให้ได้จับมือต่อ สอดมือตัวเองข้างนั้นใส่ลงไปในกระเป๋าก่อนจะออกเดินไปพร้อมกันกับคนข้างๆกัน

   ใบหน้าหวานที่หันมองดูซ้ายขวาตลอดเวลา ราวกับกำลังจดจำว่ารอบข้างระหว่างทางจากผับเพื่อไปย่านของกินที่อยู่ถัดไปอีกซอยจะมีอะไรบ้าง มันชี้ไปที่เซเว่นตอนที่เห็น

“ อ้อ ตรงนี้มีเซเว่นใหญ่ “

“ ไม่เคยเห็นเซเว่นเหรอ “ เมดหันมามองหน้าผม มันถอนหายใจออกมาก่อนจะหันหลังไปมองคนสองคนที่เดินตามเรามา มันยิ้มให้ทั้งไอ้เจไอ้เดย์

“ ตรงนี้มีเซเว่นใหญ่ด้วยเนอะ “

“ อื้มใช่ “ ไอ้เจบอก ก่อนจะเดย์จะชวนอีกคนพูดต่อ

“ เวลามีอะไรที่เค้าฮิตกันนะพี่เมด เซเว่นนี้มีตลอดเลย วันก่อนไอ้โกโก้ครั้นเป็นแท่ง หาโคตรยาก เดย์ก็มาได้ตรงนี้แหละ “

“ เหรอ “ อีกคนพยักหน้ารับก่อนจะหันกลับมามองหน้าผม

“ คนดีๆ เค้าพูดกันแบบนี้ “ หน้านิ่งๆของมันตอนที่หันมาบอกผม เผลอยิ้มกับท่าทางไม่ชอบใจนั่น ไม่รู้ความผิดใครเหมือนกันระหว่างผมที่ชอบกวนตีนมัน หรือมันที่ทำหน้านิ่งได้น่ารักจนผมรู้สึกอยากจะกวนตีน

“ งั้นเหรอ “

“ ไม่ใช่คนจะเข้าใจรึเปล่านะ “ เมดพูดออกมาเบาๆ แต่ในตอนที่เรากำลังเดินเลี้ยวเข้าไปในซอยคนที่ทำหน้านิ่งๆก็เปลี่ยนเป็นตื่นตาตื่นใจอีกครั้งเมื่อเห็นของกินที่เรียงรายตั้งแต่ต้นซอย “ มึงของกินโคตรเยอะเลย “

“ อื้ม “

“ ไปกันอาฟ “ มือขาวคว้าเอามือผมไว้ มันเขย่าไปมาเหมือนเด็ก เมดจับนิ้วนางกับนิ้วก้อยของผมไว้แน่นก่อนจะลากให้เดินเข้าไปข้างในพร้อมมัน 

“ พี่เมดแม่ง รู้ตัวบ้างเปล่าวะ ว่าตัวเองอะ น่ารัก “ .. ก็อย่างที่ไอ้เดย์บอกครับ ผมเห็นด้วย

   ร้านอาหารเรียงราย มีอาหารหลากหลายแบบทั้งอาหารคาว รวมไปถึงอาหารของหวาน ของกินเล่น หรือแม้แต่น้ำปั่นก็มี สายตาที่ดูน่าสนใจไปหมดทุกอย่าง มันเริ่มต้นจากร้านข้าวเหนียวมะม่วง เกาเหลา ข้าวมันไก่ทอด ร้านบะหมี่หลายร้านทั้งแบบต้มยำรสเด็ด และทั้งเฟรนไชส์ แต่ที่สะดุดตาคนข้างๆผมที่สุดก็คงหนีไม่พ้น

“ บะหมี่หมูตุ๋น “ มันพูดออกมาตอนที่กำมือที่จับมือผมไว้แน่นก่อนจะเขย่า “ มึง กินบะหมี่หมูตุ๋นกัน “

“ อื้ม “ ผมตอบรับมันแบบว่าง่าย ก่อนที่เมดจะหันไปมองคนสองคนที่อยู่ข้างหลัง

“ น้องเดย์ เจ กินบะหมี่หมูตุ๋นกัน “ คนสองคนที่กำลังทอดสายตาดูอย่างอื่นหันมาชะงักกับท่าทางมีความสุขของมัน เมดที่เหมือนรู้สึกว่าคนสองคนนั้นอาจจะไม่ได้รู้สึกชอบหมูตุ๋นเหมือนมันก็ทำได้แค่ยิ้มแห้ง “ โทษที ไม่อยากกินรึเปล่า อยากกินอย่างอื่นมั้ย “

“ ไม่ๆ กินบะหมี่หมูตุ๋นก็ได้ “ ไอ้เจบอกยิ้มๆ “ ที่ทำหน้าเหวอนี่ ตกใจในความน่ารักของเมดเฉยๆอะ “

“ ใช่พี่เมด “ ยิ้มกว้างจากไอ้เดย์ที่ส่งมา เมดก็ยิ้มกลับไปให้แก้มขาวซับสีแดงขึ้นมามันก้มหน้าลงแต่ตอนนั้นผมกลับเหลือบมองไอ้เดย์ตาขวาง ไม่รู้ทำไมแต่แค่รู้สึกว่า ไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่มันจะมาหน้าแดงกับใครคนอื่นที่ไม่ใช่ผม

“ น้องไม่ได้ตั้งใจ อย่าฆ่าน้องนะสัดพี่ กลัวแล้ว ไหว้แล้วจ้า “ เดย์พูดแบบไม่ออกเสียง มันยกมือไหว้ผมไอ้เจก็เอาแต่หัวเราะก่อนจะพูดขึ้น

“ ไปๆ ไปกินบะหมี่หมูตุ๋นกันดีกว่า ก่อนที่จะมีใครตายก่อนจะได้แดก “ มือไอ้เดย์หันไปกอดแขนไอ้เจแน่น มันที่เดินตามอีกคนออกไปหาโต๊ะนั่งที่ว่างในร้าน เมดที่มองตาม ผมก็พูด

“ อย่าหน้าแดงกับคนอื่นง่ายๆสิวะ “

“ ห๊ะ ? “ อีกคนหันมามองหน้าผมที่ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา “ หมายความว่าไงวะ “

“ อย่าหน้าแดงกับคนอื่นให้มันมากนัก เดี๋ยวใครเค้าจะหาว่ามึงมันแรด “

“ สัด “ มันสถบด่าผมด้วยหางตา “ กูก็แค่เขินที่มีคนชมว่าน่ารัก มึงจะให้กูทำหน้าไม่รู้สึกอะไรรึไงวะ กูมีความรู้สึกนะเว้ย “

“ น่ารัก “ ผมพูดออกมาเสียงเบาๆ ตอนที่จ้องมันอยู่แบบนี้ เมดก็เอาแต่นิ่งก่อนจะก้มหน้าแดงๆที่เห็นสีได้ชัดกว่าเมื่อครู่

“ อะไรของมึง ชมหมาอีกรึไง “

“ ชมมึง “ ผมบอกตรงๆ อีกคนก็ยิ้มออกมาก่อนจะเอียงหน้าไปทางอื่น เมดแก้มแดงมากขึ้นแล้วนั่นก็ทำให้ผมยิ้มกว้างที่แค่รู้สึกว่าตัวเองทำให้อีกคนแก้มแดงได้ชัดกว่าใคร

“ ไปกินบะหมี่หมูตุ๋นดีกว่า “ มือที่จับกันอยู่ถูกปล่อยลง เมดที่ก้มหน้างุดไปนั่งที่โต๊ะ ผมก็ได้แต่ยกยิ้มแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆมัน กลิ่นหมูตุ๋นในหม้อร้อนๆโชยขึ้นมา ชวนให้คนที่ชื่นชอบเมนูนี้อย่างที่สุดสูดกลิ่นมันเข้าไปเต็มปอด “ ได้กลิ่นก็รู้สึกแล้วว่าต้องอร่อย “

“ เว่อร์ “ ผมบอกอีกคนก็หันมาเหลือบมองด้วยสายตาไม่พอใจเท่านั้น แต่นั่นก็แค่ไม่นาน พอผมหันไปยักคิ้วให้ยิ้มๆ มันก็หันไปมองทางอื่น เหมือนว่ายังเขินเรื่องเมื่อครู่อยู่

“ มึงกินอะไร “ เมดถามผม

“ เหมือนมึง “

“ กูจะกินบะหมี่เหลืองแห้งพิเศษหมูตุ๋นเพราะกูอยากจะกินหมูตุ๋นเยอะๆเลย มึงจะเอาแบบนั้นด้วยเหรอ “

“ อื้ม แต่ไม่พิเศษ “

“ โอเค “ อีกคนพยักหน้ารับก่อนจะหันไปถามอีกคนสองคนข้างหน้า “ น้องเดย์กับเจ จะกินอะไร “

“ เหมือนกันก็ได้ แต่ไม่พิเศษ “ เจบอก ก่อนไอ้เดย์จะพยักหน้ารับ

“ น้องเดย์ด้วย “

“ โอเค งั้นไปสั่งให้ เดี๋ยวมานะ “ คนอาสาเดินออกไปจากโต๊ะ ผมก็มองสองคนตรงหน้าที่ก็เอาแต่มองผมไม่วางตา

“ มีอะไร “

“ สัดพี่มึงทำอะไรพี่เมด กูเห็นนะ พี่เมดเดินกลับมาหน้าแดงสัด สารภาพรักเหรอ “ ไอ้เจหลุดหัวเราะตอนที่น้องชายผมถาม มันหันไปมองอีกคนก่อนจะถอนหายใจ

“ ที่ถามนี่หนูใช้ความคิดแล้วเหรอเดย์ “

“ อ้าว สัดพี่มึงสองตัว ใครจะไปรู้ ก็คิดว่าสัดพี่มันอยากจะรวบหัวรวบหางแล้วอะไรแบบนี้ “

“ คนนี้เค้าจริงจัง “ ไอ้เจหันไปบอกไอ้เดย์ ผมก็ได้แต่มองพวกมันแล้วถอนหายใจเพราะดูท่าทางน้องชายผมจะไม่ค่อยเชื่อกันสักเท่าไหร่

“ เหมือนที่บอกกูวันนี้เลย “ เดย์บอก “ ว่าแต่สัดพี่มึง จริงจังกับใครเป็นด้วยเหรอวะ “

“ เสือก “

ร่างบางกลับมานั่งที่โต๊ะหลังจากไปสั่งอาหารทั้งหมด มือที่ถือแก้วน้ำมาให้ทุกคน มันใส่หลอดมาคนสีก่อนจะยื่นให้ เรานั่งรออาหารกันอยู่ไม่นานสักพัก อาหารทั้งสี่ชามก็ถูกยกมาเสิร์ฟหน้าตาที่ดูน่ากินของมัน คนที่ดูตื่นเต้นกับมันมากที่สุดก็เห็นจะหนีไม่พ้นคนเลือกร้าน เมดหยิบเอาทิชชูสองสามแผ่น ก่อนจะตะเกียบกับช้อนขึ้นมาจำนวนนึงมันเช็ดช้อนวางลงในถ้วยของผม ของไอ้เดย์ ของไอ้เจ แล้วก็วางให้ตัวเองเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะเช็ดตะเกียบแล้ววางเหมือนผมก่อนเหมือนเดิมและตัวเองเป็นคนสุดท้าย

“ ดูแลทุกระดับประทับใจ “ ไอ้เจพูดขึ้นยิ้มๆ ส่วนคนข้างๆผมก็ไม่ได้สนใจในคำพูดของใครแล้วตอนนี้ เมดที่ก้มหน้าลงหมุนบะหมี่ในมือก่อนจะเคี้ยวมันเข้าไปพร้อมกับหมูตุ๋นกระดูกอ่อนชิ้นนึง เคี้ยวอยู่สักพักก่อนจะยิ้มขึ้นมาแล้วเอ่ยบอก แบบคนมีความสุข

“ อร่อยจัง “ เราทั้งสามคนที่หลุดยิ้มออกมา มองดูอีกคนที่ก้มหน้าก้มตากินด้วยความสุข ก่อนจะเริ่มกินอาหารในถ้วยของตัวเองบ้าง อร่อยดีครับสำหรับผม รสชาติเข้มข้น เนื้อหมูกระดูกอ่อนก็นุ่มกำลังดี ไม่แปลกเลยที่คนข้างๆผมจะฟินกับมันมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 12 :: up! 30-3-61} #หน้า 5
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 01-04-2018 20:31:52

‘ o- o group ‘

[ มึงพลาดมากอัยย์ที่ไม่ได้มาวันนี้ กูขอบอกมาแค่นี้ พร้อมกับส่งบุญให้มึง ] ไอ้เจพิมพ์ข้อความนี้เข้ามาในกรุ๊ปไลน์ ผมที่กำลังนั่งดูอะไรเรื่อยเปื่อยชะงักมือของตัวเองกดเข้าไปดู ก็เห็นว่ามันส่งภาพคนข้างๆผมเข้าไปในกลุ่มด้วย ภาพที่อีกคนกำลังยิ้มมีความสุขกับของกินที่ตัวเองชอบ

[ ไอ้เหี้ยยยยย น่ารัก ] คนไม่ได้มาพิมพ์ตอบกลับมาในไลน์ [ กินอะไรกัน ทำไมพี่เมดดูมีความสุข บอกกูสิ กูจะไปเหมาอาหารที่เค้าชอบทั้งโลกมาให้เค้า ]

[ บะหมี่แห้งกระดูกอ่อนหมูตุ๋น ] เดย์บอก ก่อนจะส่งสติกเกอร์หน้าฟินไปให้อีกคน [ อยากให้มึงมาเห็นตอนที่เค้ากินเข้าไปคำแรก พูดได้คำเดียว น่ากินกว่าอาหารตรงหน้าคือเธอ และ น่ารักกว่าคนทั้งโลก ก็คือเธออีกนั่นแหละ ]

[ กูไปตอนนี้ทันมั้ย สัด บาร์ไม่มีคน ]

[ ไม่ได้สัด ห้ามมาแบ่งสายตาของพี่เมดที่มองกูอยู่ตอนนี้ไปเด็ดขาด ทำงานของมึงไป เดี๋ยวซื้อไปฝาก คิคิ ]

[ แบ่งบุญอย่างต่อเนื่องครับ ] เจส่งภาพคนตรงหน้าที่มันแอบถ่ายไปแบบต่อเนื่อง

[ นี่สัดพี่เจที่มึงยกมือถือขึ้นมานี่ แอบถ่ายพี่เมดหมดเลยเหรอวะ ]

[ ครับ ] คนโดนถามตอบรับง่ายๆ [ ว่าแต่นะ ขึ้นว่าอ่านครบ แต่ทำไมไอ้สัดอาฟไม่พูดอะไร ]

[ กูวางสิบบาทเฮียแม่งเซฟรูปอยู่ ] ไอ้อัยย์บอก ผมก็ได้แต่ยกยิ้มกับความแม่นราวกับตาเห็นของมัน ใช่ครับ ผมกำลังเซฟรูปพวกนั้นอยู่

[ สัดพี่ยิ้มวะ เซฟแน่ๆ ] ไอ้เดย์เสริม [ เออๆ กูลืมอวด ก่อนจะกินเมื่อกี้ พี่เมดเช็ดช้อนกับตะเกียบให้กูด้วย ]

[ ของกูมันก็เช็ดให้ครับ ได้รับความห่วงใยจากน้องเมดแหละ คิคิ ]

[ เช็ดให้กูก่อน ] ผมพิมพ์ออกไป ทุกคนก็เงียบไปสักพัก มันขึ้นอ่านแต่กลับไม่มีใครตอบ ก่อนสติกเกอร์ไลน์หน้าเหี้ยๆของพวกมันจะถูกส่งกันมาคนละตัว

[ นี่เค้ากำลังอวดเราถูกมั้ย กำลังขิงเราว่า เค้าเหนือกว่าเราถูกมั้ย ] ไอ้เจถาม อัยย์มันก็พิมพ์ขึ้นมา

[ นี่กูถามจริงๆนะเฮีย อยากจะได้คำตอบจากเฮียมึงจริงๆ ขอคำตอบชัดๆ  มึงชอบพี่เมดใช่มั้ย ]

[ คิดไปในแบบที่มึงรู้สึกเถอะสัดอัยย์ ] เจบอกอีกคน [ ถ้ามึงจะเอาคำตอบตรงๆจากไอ้อาฟ กูว่ามึงงมเข็มในมหาสมุทรน่าจะเจอก่อนมันพูด ]

[ เบื่อจะคุยเรื่องสัดพี่ มาดูสิ่งดีๆกันดีกว่า แอร๊ยยยยยย พี่เมดของน้องเดย์  ]  เดย์ส่งภาพไอ้เมดเข้ามาอีก มีทั้งภาพที่ก้มหน้ากินแล้วก็ตอนที่หันมามองผม ตอนที่หันออกไปมองถนนข้างๆตัวก็มี [ ฮุกๆ อยากจะเข้าไปนอนฮุกบนตัวเธอ ]

[ น่ารักจัง แต่ว่านะครับ .. ทุกท่าน งานนี้กระผมว่า กระผมวินสุดว่ะ ] อัยย์ส่งภาพนึงเข้ามาเป็นภาพแคปหน้าจอแชทของมันกับคนที่นั่งข้างๆผม เมดส่งข้อความเข้าไปถามมันว่า จะกินอะไรรึเปล่า จะซื้อเข้าไปให้ อยากจะกินเครปมั้ยพี่เมดจะไปซื้อให้

[ น่ารักกกก ] ไอ้เจบอก

[ พี่เมดใส่ใจน้องอัยย์ พี่เมดรักน้องอัยย์ ]

Ai เปลี่ยนชื่อกลุ่ม ‘ ชมรมคนรักพี่เมด ‘

[ สัดอัยย์ใจมึงได้ ชื่อนี้โอเค พี่เจให้ผ่าน ]

[ ขอบคุณครับพี่เจ ฮิฮิ ]

[ ตอนนี้พี่เมดยังเป็นนัมเบอร์วัน แต่พอมีคนใหม่เข้ามา แล้วน่ารักกว่า... ] ไอ้เดย์ถามเข้าไปในกลุ่ม ไอ้เจก็ตอบ

[ แน่นอนว่า ไม่.. ]

[ ไม่เปลี่ยนใจเธอคนเดียว ] ไอ้อัยย์ว่า

[ ไม่รอช้า เปลี่ยนชื่อสิครับ ไม่มีคำว่าตลอดไปสำหรับชายหนุ่มโสดนะครับ ]

[ เลวมากครับ ]

[ แล้วนี่มึงตอบเมดยัง มีมึงจะกินเครปไส้อะไร ]

[ ตอบแย้ววว ไม่ได้อ่านอ๋อที่ส่งไป  ตอบว่า ขอเครปสอดไส้ความรักของพี่เมดแบบพิเศษครับ คิคิ ]

[ ไอ้สัด สงสารเมด ว่าทำไมเมื่อกี้ทำท่าเหมือนจะอ้วกบะหมี่ ]

[ แหมไอ้สัดพี่เจ มึงเต๊าะเค้าแต่ละทีกูเห็นพี่เมดมองฟ้ามองฝน กูสั่งแบบ ไข่ไก่ หมูหยอง น้ำพริกเผา ปูอัดไป แง่มๆ ] อัยย์ตอบ [ กูชอบพี่เมดนะ กูชอบความใส่ใจของเค้า น่ารักดี มันธรรมชาติ ]

[ เออ เมดมันน่ารัก ]

[ ทำตัวสมชื่อกลุ่มสัด ชมรมคนรักพี่เมด ใครไม่รักพี่เมด ขาดคุณสมบัติ เชิญออกไป @after ] ไลน์ของผมที่ดังขึ้นมา แอบยกยิ้มกับคำพูดของน้างชายที่พิมพ์มาแบบนั้น

[ มึงไม่มีทางไล่กูออกจากกลุ่มได้หรอกเดย์ คุณสมบัติกูครบ ] ข้อความที่ถูกส่งทุกคนเงียบกันอยู่สักพักก่อนสติกเกอร์หน้าเหี้ยของพวกมันจะถูกส่งกันมากวนตีนผมกันคนละตัว [ รำคาญพวกมึง ]

   ปิดหน้าจอมือถือผมที่ก้มลงกินบะหมี่ตรงหน้าต่อหันไปมองคนข้างตัวที่ก็นั่งกินคนเดียวเงียบๆ เมดมองไปยังสองคนข้างหน้าที่ยกมือถือขึ้นบังหน้าไม่คุยอะไรกับมันสักคำ ก่อนจะหันมามองผมแล้วยิ้มแห้งๆ

“ โคตรสังคมก้มหน้ากันเลยพวกมึง “

“ อื้ม “ ผมพยักหน้ารับมันอีกคนก็คีบหมูตุ๋นชิ้นสุดท้ายในจานขึ้นกิน

“ อร่อย อยากกินอีกอะ แต่ไว้พรุ่งนี้แล้วกัน “ มันพูดกับตัวเองก่อนจะหันมาถามผม “ ปกติซอยนี้เค้าเริ่มขายกันกี่โมงวะ “

“ หกโมงเย็นก็น่าจะเริ่มตั้งร้านแล้วมั้ง “ ผมตอบอีกคนี่ก็พยักหน้ารับแบบเซ็งๆ

“ อยากจะให้เค้าเปิดเร็วกว่านี้ ถ้าเปิดก่อนเข้างาน มึงกับกูจะได้มาหาอะไรกินอร่อยๆด้วยกันก่อนไปทำงานไง
“  รอยยิ้มที่หันมายิ้มให้ผม คนบางคนเปลี่ยนคำว่า มึงกับกู ให้ฟังดูมีความหมายได้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ

“ ไว้พรุ่งนี้มาดู “ กลั้นยิ้มบอกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับก่อนจะก้มลงกินบะหมี่ในจานตัวเองต่อ มันกินหมูตุ๋นของโปรดตัวเองหมดแล้ว เป็นคนที่ชอบกินของโปรดก่อนเป็นอย่างแรก

“ ถ้าพรุ่งนี้ได้กินเป็นมื้อเย็นนะ กูจะสั่งบะหมี่แบบนี้อีก แล้วก็จะสั่งหมูตุ๋นแยกมาอีกถ้วยด้วย จะกินให้เยอะๆเลย “

“ ชอบมากเลยนะมึงน่ะ ไอ้หมูตุ๋นเนี้ย “ ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับทั้งๆที่ปากกำลังเคี้ยวอยู่ เผลอยิ้มออกมาอีกแล้วครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะคีบหมูตุ๋นในจานตัวเองแล้วส่งไปให้มันทั้งหมด “ กินให้หน่อย ขี้เกียจกิน “

“ มึงไม่ชอบเหรอ “ แววตาที่โตขึ้นมาความดีใจที่ได้กินของโปรดเพิ่มขึ้น แต่คนอย่างเมดความเกรงใจมันมีสูงเลยพูดถามออกมาแบบนั้น

“ ขี้เกียจกิน กินแทนหน่อย “

“ ขอบใจนะมึง “ ยักคิ้วให้มันเราต่างคนต่างก้มหน้าลงกินของในจาน ไปเงียบๆ แต่ก็ไม่วายโดนแซวจากไอ้สองตัวที่ก็นั่งจ้องกันอยู่นาน มันที่พยายามหาช่องว่างในการล้อเลียนการกระทำของผม

“ อยู่ๆบะหมี่ก็หวานขึ้นมาเฉยๆเลยวะสัดเดย์ “ ไอ้เจว่า อีกคนที่เคี้ยวอาหารอยู่ตรงหน้าก็พูดยิ้มๆ “ ไหนเอาหมูตุ๋นแบ่งให้กูคนที่มึงรำคาญสิ เดย์ “

“ เรื่องอะไร มันเป็นเรื่องของคนที่ชอบกันทำให้กันเท่านั้นแหละ “

“ เสือก “ ผมพูดออกไปแบบไม่ออกเสียง คนสองคนตรงหน้าก็ได้แต่แบะปากทำหน้าล้อเลียน แตกต่างจากคนข้างผมที่ตอนนี้แก้มแดแถมยังเอาแต่ก้มหน้างุดโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ

เราสี่คนกินบะหมี่กันจนเสร็จ ผมจ่ายเงินค่าอาหารของทุกคนก่อนจะเดินนำออกมาจากร้าน ไอ้เดย์ลูบพุงตัวเองพร้อมกับไอ้เจ ก่อนจะพูดแค่ว่า ‘ อิ่มจังตังค์อยู่ครบ ‘

“ พี่เมดอยากจะกินอะไรอีกมั้ย “  คนโดนถามมองไปรอบๆ ก่อนจะชี้ไปด้านใน

“ อยากกินไอติม เครป แล้วก็ขนมโตเกียว “

“ อ้วน “ ผมพูดแค่นั้นอีกคนก็หันมาทำตาขวางใส่

“ กินนิดนึงไง อย่างละนิด อย่างละหน่อย “

“ ไม่อ้วนหรอกน่า กินอีกทีนึงก็เย็นของอีกวันแล้ว ไปๆ กินๆ “ ไอ้เดย์ดันหลังเมดให้เดินออกไป เราแวะกันที่ร้านไอติม ได้ยินเมดสั่งไอติมไข่แข็งที่ท๊อปปิ้งด้วยของเชื่อมทั้งหมด ก่อนจะเดินวนออกมาที่ร้านโตเกียว คนที่บอกจะกินอย่างละนิด อย่างละหน่อย ก็ฟาดโตเกียวไปอย่างละห้าชิ้น สำหรับไส้หวาน ไส้ไข่แล้วก็ ไส้กรอก

“ อย่างละนิด อย่างละหน่อย “ ไอ้เจพูดขึ้นตอนที่เรากำลังยืนดูเมดกับน้องชายผมซื้อของกินแล้วชวนพ่อค้าที่กำลังทำอยู่พูดจ้อไม่หยุด

“ สัดพี่กูต้องกลับก่อนแล้ว ไอ้อัยย์ไลน์มาบอกว่าคนบุกบาร์ มันทำไม่ทันละ “ เดย์เดินมาบอกผม ท่าทางจริงจังของมันหันไปบอกไอ้เจที่ยืนข้างกัน “ กลับกันไอ้สัดพี่เจ “

“ อ้าว แล้วกูเกี่ยวไร ทำไมที่บาร์มีปัญหาอะไร “

“ ไม่มี แต่กูไม่อยากเดินกลับคนเดียว “ มันทำหน้าเซ็งตอนทีไอ้เดย์พูดออกมาแบบนั้นเสียงถอนหายใจที่ดังออกมาของมัน มาพร้อมกับอีกคนที่ก็ยื่นขนมโตเกียวในถุงมาตรงหน้าเรา ไอ้เดย์ไอ้เจหยิบขึ้นกินคนละอัน ก่อนที่เมดจะยื่นมาหาผม

“ กินสิ อร่อยนะ “

“ ขอชิมก่อน “ ผมบอก มันก็ยื่นอันมันกำลังกินอยู่มาป้อนผมที่ก็ก้มลงชิมไปคำนึง มันเป็นโตเกียวไส้หวานที่ผมไม่ชอบ แต่วันนี้กลับรู้สึกว่ารสชาติอร่อยดี หรือจะเป็นเพราะมีคนป้อน

“ อร่อยมั้ย “ ยักคิ้วให้มันเป็นคำตอบเมดก็ล้วงเอาโตเกียวไส้หวานในถุงมาให้ผม “ อะ ไส้หวาน “

“ บอกกูทีนี่มันเรื่องธรรมดา “ ไอ้เจกระซิบไอ้เดย์ “ คือเค้าก็แค่ป้อนเพื่อนเราธรรมดา ไม่ได้คิดอะไร แต่บังเอิญว่ากูเชียร์มันสองคนให้คบกันอยู่ กูเลยมองว่ามันไม่ธรรมดา นี่กูเข้าใจตัวเองถูกต้องมั้ย หรืออะไรยังไง หรือมันไม่ธรรมดา มึงมองเป็นยังไงสัดเดย์ “

“ มองว่า เร็วๆนี้ กูจะได้พี่สะใภ้ชื่อมินเมด “ มันยักคิ้วให้ไอ้เจที่ก็ก้มหน้าลงยิ้มเจ้าเล่ห์ให้มัน ก่อนเดย์จะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งแล้วบอก “ แต่ เอ๊ะ?  พี่เมดของกูนะสัดพี่ “

“ ห๊ะ ? “ เจ้าของชื่อที่เหมือนจะได้ยินชื่อตัวแว่วๆ เบิกตาขึ้นมองน้องชายผมที่ก็ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“ พี่เมดจะกินเครปอีกมั้ย “

“ กิน เพราะว่าน้องอัยย์ฝากซื้อด้วย “ อีกคนบอกก่อนที่เราทั้งสี่คนจะหันไปมองที่ร้านเครป คนจำนวนนึงที่ยืนคอยคิวอยู่ตรงนั้นคิดว่าคงใช้เวลามากกว่า สามสิบนาทีด้วยซ้ำในการรอ เมดมันยิ้มแห้งๆ

“ พี่เมดสู้เนอะ “ คนโดนถามยักคิ้วเป็นคำตอบไปให้ กำหมัดแน่นบอกกับคนถามว่าสู้แน่นอน “ งั้นน้องเดย์ฝากของน้องเดย์ด้วยนะ เอานูเทล่าฝอยทองกล้วยหอม “

“ ฝากของเจด้วยนะ เอา ไข่ น้ำพริกเผา แฮม เดี๋ยวต้องกลับก่อน ที่บาร์คนเยอะ “
 
“ โอเค “ คนโดนสั่งพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมามองผม “ แล้วมึงเอาอะไร “

“ ไม่กิน “ อิ่มจะตายอยู่แล้วจะให้กูยัดอะไรลงไปอีก พวกมึงแม่งกระเพาะเท่าส่วนสูงรึไงวะ

“ โอเค เดี๋ยวหิ้วเข้าไปให้นะ กลับไปก่อนทั้งสามคนเลยก็ได้ “ เมดบอกแบบนั้นก่อนจะเดินตรงไปที่ร้านแบบไม่รอใคร ผมมองมันหยิบกระดาษขึ้นมาจดเมนูที่มันต้องการจะสั่งอยู่ตรงหน้าร้าน

“ กลับกันมึง ไอ้เดย์รีบ “  เจบอกมันที่เดินนำไป ผมก็ถาม

“ ใครบอกว่ากูจะกลับ “

 “ อ้าว..”

“ อยากกินเครป “  บอกแบบนั้นตอนที่เดินตรงไปหาอีกคนที่กำลังยืนคอยเครปแบบตั้งใจ คนข้างหลังที่ยืนอยู่ก็แซวขึ้นมา

“ อยากกินเครปหรืออยากจะอยู่ใกล้ๆคนซื้อเครปกันแน่วะ! “

ถ้าในตอนนี้ คิดว่าน่าจะอย่างหลัง

   เดินมายืนข้างอีกคนที่หันมามองด้วยสีหน้าสงสัย เมดเอียงมองดูคนสองคนที่หันหลังเดินไปแล้วก่อนจะหันมาถามผม “ มึง แล้วมึงไม่ไปกับน้องเดย์แล้วก็เจเหรอ “

“ ขี้เกียจเดิน “ ผมตอบอีกคนก็ขมวดคิ้ว แล้วพูดเสียงเบาๆ

“ ยังไงเดี๋ยวแม่งก็ต้องเดินกลับปะวะ ขี้เกียจอะไรของมัน “ เหลือบมองคนที่ยืนรอของที่อยากจะกินด้วยความใจเย็น แววตาที่มีความสนใจในทุกอย่างของแม่ค้าสองคนที่กำลังทำ มันหันมาบอกผมด้วยการเอามือมาจับที่ไหล่
 “ มึงไส้ที่เค้ากำลังทำอยู่นี่ก็น่ากินนะ “

“ เหรอ “

“ แต่กูสั่งแบบน้องเดย์ไป อยากกินนูเทล่า “

“ อื้ม “ พยักหน้ารับมันอีกครั้ง เพราะไม่ใช่การสนทนาที่ต่อเนื่องอะไร คนที่ชวนพูดก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา  เมดคงเบื่อ ผมไม่ใช่คนที่ช่างคุยเหมือนไอ้เดย์ สำหรับอีกคนมันคงชอบคนที่จะชวนมันคุยในช่วงเวลาเบื่อๆที่ต้องรอแบบนี้ แต่สำหรับผม แค่ยืนข้างกัน ได้อยู่ใกล้กัน มันก็โอเคแล้ว

   หยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมส์ฆ่าเวลากันเพลินๆ ตอนที่ถึงคิวมันไอ้เมดถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มกว้างให้แม่ค้า ยื่นเงินจ่ายค่าเครปทั้งหมดได้กลับกันสักทีมันคงคิดในใจแบบนั้น

“ น่ากินนนน “ มันลากเสียงก่อนจะดึงเครปของตัวเองขึ้นมาจากถุง ก้มปากกัดเข้าไปคำโต มันยิ้มตาปิดให้ผมก่อนจะเคี้ยวแล้วบอกทั้งๆที่ยังเคี้ยวอยู่อย่างงั้น “ อร่อยย “

“ หึ “ เอื้อมมือไปเช็ดเศษแป้งเครปที่มุมปาก “ ซกมก “

“ เสือก กูเลียได้น่า “ มันเลียปากให้ผมดูเหมือนกำลังเช็ดคราบช็อคโกเล็ตที่ติดอยู่นั่นทั้งหมด โชคดีที่ช็อคโกเล็ตเป็นสีดำ ถ้าเป็นสีขาวขุ่นๆ คงแย่แน่

“ สกปรก “

“ ไม่เป็นไร ปากกูเอง กูไม่ถือ “

“ คนอย่างมึงถ้าจะกิน ก็ไม่ถือเหี้ยอะไรหรอก “ ใบหน้าหวานปั้นหน้าไม่ใส่ใจ ก่อนจะกัดเข้าไปอีกคำ แล้วยื่นมาทางผม

“ มึงกิน อร่อยมากๆ แป้งโคตรกรอบ “

“ มึงชวนกูเองนะ กูไม่ได้ขอ “

“ ไหนบอกไม่แฟน ไม่ชอบให้กินต่อกันไง “ อีกคนชะงักไปตอนที่ผมพูด มันคงลืมตัวไป ผมรู้สึกแบบนั้นได้จากแววตาของมัน ราวกับว่าอยู่ด้วยกัน อย่างสบายใจจนลืมในสิ่งที่ตัวเองตั้งกฎเอาไว้เสียแล้ว

“ เอาน่า ถามมาก อยากป้อน กินๆเข้าไปเถอะ “ ก้มลงกัดเข้าไปคำนึงเคี้ยวอยู่สักพัก “ เป็นไง “

“ อร่อยดี “ ช่วงนี้ทำไมอะไร มันก็อร่อยไปหมดเลยวะ ตั้งแต่ซูซิที่ร้าน โตเกียวเมื่อกี้ แล้วนี่ก็เครปอีก เพราะคนป้อนเหรอวะ

“ อร่อย “ ยักคิ้วให้ผมอีกทีนึงเหมือนว่า ตัวมันน่ะเก่งสุดๆแล้วที่มีของกินอร่อยๆอยู่ในมือ

“ รีบกลับได้แล้ว ฝนดูเหมือนจะตก “

“ เออจริง รีบกลับ เดี๋ยวเครปเปียกฝนมันจะไม่อร่อย “ ท้องฟ้ามันครึ้มมาได้สักพักแล้วและผมคิดว่าอีกไม่นานมันคงตก ถ้าไม่รีบเร่งฝีเท้าต้องกลับไปถึงผับไม่ทันแน่ “ เหมือนฝนมันจะตกลงปรอยๆแล้ววะ “

“ มาตรงนี้ “ คว้าแขนอีกคนให้เดินมาหลบอยู่ที่ใต้ชายคาของเซเว่นที่เรากำลังจะเดินผ่าน

“ มึงไม่ต้องแวะหรอก รีบวิ่งไปแปปนึงก็ถึงผับแล้ว “

“ ไม่ได้ “ ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินเข้าไปในเซเว่นแต่ถึงอย่างงั้นก็ยังหันมากำชับอีกครั้ง “ อย่าดื้อ แล้วอย่าไปไหน “
เดินเข้ามาในเซเว่นมือที่เดินไปหยิบร่มเพื่อจะเอามาจ่ายเงิน หยุดชะงักไปสักพักตอนที่คิดว่าบางทีใครที่คอยอยู่อาจจะรู้สึกว่าผมเป็นห่วงเค้ามากเกินไปกับแค่ฝนตกปรอยๆก็คงไม่ถึงต้องขนาดนั้น ตัดสินใจวางร่มในตอนที่คิดเปลี่ยนเป็นเสื้อกันฝนแทนแต่ก็คิดขึ้นมาได้อีกว่ามันก็คงไม่ได้ต่างอะไรกัน ตอนที่สมองกำลังคิดหาวิธีอะไรสักอย่าง ผมหันไปเห็นทิชชูแบบแพ็คพอดี แล้วตอนนั้น ผมก็ตัดสินใจซื้อมัน

ถือทิชชูแพ็คใหญ่ออกมาให้พนักงานที่คิดเงินให้พร้อมกับใส่ลงในถุงใบใหญ่ ผมหิ้วมันออกมาจากเซเว่น ตอนที่เมดเห็นมันก็หันหน้ามาถาม

“ มึงเข้าไปซื้อทิชชูนี่นะเหรอ “

“ อื้ม “

“ ซื้อทำไมวะ “

“ เอาไปใช้ในผับ “

“ ที่ผับก็มี จะซื้อให้เปลืองทำไมวะ “

“ เสือก “  บอกมันแค่นั้นก่อนจะดึงทิชชูออกจากถุง แล้วเอาถุงเซเว่นนั้นมาใส่เป็นหมวกครอบหัวให้มันไว้ เมดนิ่งไปตอนที่ผมทำแบบนั้นมันเอามือขึ้นมาจับหัวตัวเองพยายามจะดึงถึงนั่นออกมา

“ เดี๋ยวๆ ไม่ใส่ เอาออกไป เอาถุงเซเว่นมาครอบหัวกูทำไม ไม่เอา “

“ เดี๋ยวเป็นหวัด ใส่ไว้ “ มันนิ่ง ผมเองก็นิ่ง ตอนที่มองหน้าใบหน้าขาว แก้มสีขมพูของมัน รวมถึงริมฝีปากสีส้มอ่อนๆ มันขาวไปหมดจนผมรู้สึกถึง.. “ ใครแม่งเอาซาลาเปามาใส่ในถุงเซเว่นว่ะ “

“ ไอ้สัด “ หลุดหัวเราะลั่นออกมาหน้าเซเว่น คนที่โดนผมขำทำหน้างอก่อนจะทำทีเป็นถึงถุงออกแต่ผมจับไว้แน่น  “ เอาออกไปเลยไอ้เชี้ยอาฟ กูไม่ใส่ “

“ ใส่ไว้ ฝนมันตก “

“ ฝนแค่นี้ทำอะไรกูไม่ได้หรอกน่า ไปเถอะ “ เมดที่กำลังอายพยายามที่จะเอาหัวออกจากถุงที่ผมครอบหัวมันไว้

“ นิ่งๆ แล้วใส่ไว้เดี๋ยวไม่สบาย มึงอย่าดื้อ นี่กูอุตส่าห์ไปซื้อทิชชูเพื่อเอาถุง..” คนที่ได้ฟังนิ่งไป ผมเองตอนนั้นก็ได้แต่ทำหน้านิ่งแล้วได้แต่เหลือบมองไปทางอื่น “ จะเอาออกก็เรื่องของมึง “  ผมเอามือออกจากหัวมัน มือขาวก็เลื่อนขึ้นไปจับถุงนั่นผมคิดว่ามันจะเอาออก แต่เปล่าเมดแค่ขยับมันให้ดี

“ เข้าใจเหตุผลที่ไปซื้อทิชชูละ ขอบใจนะ “ มันพูดแค่นั้นก่อนจะเดินนำผมออกไป

ใช่.. ก็แค่นี้แหละเหตุผลที่เข้าไปซื้อทิชชู

แล้วตอนนั้นผมก็ได้แค่หาข้ออ้างกับตัวเองไปว่า ‘ ไม่ได้ห่วงอะไรอีกคนขนาดนั้น แค่คิดว่า ถ้าเกิดมาทำงานไม่ไหวเพราะป่วยก็ขาดทุนเรื่องค่าซ่อมรถเพราะทำงานไม่คุ้มพอดี ‘

...........................................................................

หน้าร้อนที่ไม่ใช่ฤดู น้องไม่เชื่อในสิ่งที่อาฟคิดได้มั้ยคะ
ห่วงเค้า ดูแลเค้า อยากอยู่ใกล้เค้า จีบในจีบ จีบด้วยการกระทำ แต่ชมหน้าว่าน่ารักทั้งๆที่ชมเธอ เค้าก็ไมได้พูดอะไรมากมายให้เขินนะ
แต่ทำไมเราอยากเป็นเมดว่ะ อย่างที่น้องวิวเคยบอกพี่เมดเลย ผู้ชายคนนี้อันตรายยยยยย
และนี่คือทางไปนิยายแชท http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6
สามารถดูภาพแอบถ่ายของน้องเมด และสตกต่างๆได้จากตรงนั้น
รักกกกกกกก
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตเตอร์ ด้วยนะคะ เจอกันตอนหน้าเด้อ
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-04-2018 20:55:28
หิววววววววววว เครป ติม เตี้ยว  อยากหม่ำ  :hao6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-04-2018 22:04:17
อื้อหือ แค่คำว่า มึงกับกู กินข้าวด้วยกัน หลุดจากปากเมด
อาฟก็ถึงกับเพ้อ ถึงกับมโนไปอีก

คนที่แย่น่าจะเป็นอาฟนะ หวงเหลือเกิน
แก้มแดงให้ชาวบ้านก็ไม่ได้
แถมกินอะไรก็อร่อย แต่คนป้อนอะต้องรอไปก่อนนะ งดชิม

เจเดย์อัยย์คือความป่วงที่แท้จริง รั่วมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 01-04-2018 23:00:51
คนซึนก็ยังคงเป็นคนซึนล่ะหนาาา แต่อัพเลเวลขึ้นมาหน่อยยย เริ่มพูดความจริงแล้ววววววว  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 01-04-2018 23:02:43
อะโหววว มาอ่านเวลานี้ แล้วบะหมี่หมูตุ๋น  :ling1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 01-04-2018 23:34:42
พี่อาฟเริ่มพัฒนา
เนี่ย มันต้องแบบนี้ อ่อยแบบยอมรับบ้างอะไรบ้าง
เลยได้ของดีเป็นความเขินของคนน่ารักเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-04-2018 00:07:59
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: ปากแข็งจริงๆอีอาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: thejaoil ที่ 02-04-2018 00:18:48
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 02-04-2018 00:22:32
ขำความซึนความจีบของพี่อาฟมาก

        น่ารัก  คือ ชมหมา
   หน้าแดง. คือ แรดง่ายๆ
   ถุงเซเว่น  คือ หมวกกันฝน

โอ๊ยพี่อาฟแล้วเมื่อไหร่
จะได้น้องเป็นแฟนหัดเอาใจ
ออดอ้อนหน่อยในเมื่อรู้ว่าน้องชอบ

ชอบเรื่องนี้รออัพตลอด :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 02-04-2018 01:52:21
 :hao7:  อาฟนี่ ...มึนจีบได้น่าหมั่นไส้มากกกก  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 02-04-2018 07:46:45
พี่อาฟฟฟ  :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 02-04-2018 08:51:01
อยากน้วยเมด  :hao6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 02-04-2018 09:14:40
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย เขินวุ้ย   :katai3:
ไอ้น้ำสีขาวขุ่นนี่อะไรคะสัดพี่อาฟ อยากให้เปื้อนแค่ของตัวเองอะดิ เรารู้นะ :z1:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 02-04-2018 11:14:58
เมดเหมือนเริ่มมีใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-04-2018 11:22:43
แหมมมมมมมมมมมม พี่อาฟ ซื้อร่มมาก็จบแล้ว เพราะยังไงก็หลุดปากออกไปอยู่ดีว่าพี่เข้าไปซื้อทิชชู่เพื่อเอาถุงน่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-04-2018 19:20:16
งุ้ย เขินนน~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 02-04-2018 22:38:39
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-04-2018 02:55:00
ชมหมาขี้เรื้อนว่าน่ารัก :hao3: สีข้างพี่มันถลอกมากมั๊ย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-04-2018 10:41:18
อยากจะเปิดเสื้อนางดู เลือดไหลชุ่มรึยัง แถซะ ฮ่า ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 03-04-2018 16:25:56
โถ่ๆ พ่อคุณ เจ็บมั้ย ถลอกหมดแล้วมั้ง  :z2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 03-04-2018 19:36:08
พี่เมดน่ารักจังว๊อยยยยยยยยยยยยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 03-04-2018 23:54:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 06-04-2018 20:29:25
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า
 

 
ตอนที่ 14
   ปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ลงหลังจากผ่านช่วงเวลาเลิกงานไปแล้วเกือบสามสิบนาที ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนฟุบกับโต๊ะอย่างหมดแรง พักสายตาด้วยการหลับตาลงสักพัก  ไอร้อนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งปิดไป บอกถึงการทำงานอย่างหนักหน่วงของเราที่ลากยาวตั้งแต่หลังกลับมาจากพักแบบไม่ได้หยุด

งานสุมหัวที่แทบจะสูงกว่าส่วนของผมถูกเคลียร์ไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่งานที่เพิ่งถูกส่งมาใหม่ ผมลืมตาขึ้นก่อนจะดึงตัวเองขึ้นมาพิงร่างกับพนักพิงของเก้าอี้ บิดเอวไปมาคลายความเมื่อยล้าก่อนจะหันไปเหล่กองเอกสารที่พี่ซองผู้จัดการร้านเพิ่งเอามาส่งก่อนหน้านี้ 15 นาที แล้วถอนหายใจออกมาใส่พวกมันทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มีความผิดอะไร

“ งานเยอะชิบ “ บ่นออกมาเบาๆ ตอนที่หยิบเอกสารนั่นมาดูคร่าวๆ ทุกอย่างถูกจดสรุปลงไปในกระดาษแผ่นนี้ ทั้งรายการของขาดที่ต้องสั่งเข้าร้านในทันเวลาเปิด รวมถึงรายรับประจำวัน เงินจำนวนนึงที่ถูกระบุอยู่ในช่องรายรับ แบ่งออกเป็นทั้งเงินสดและจ่ายผ่านบัตร

ผมหยิบเครื่องคิดเลข ลองเอาจำนวนเงินที่ได้รับของวันนี้ตั้งแล้วลองคิดเป็นเดือน เป็นปี เพื่อสมมุติรายได้ที่อีกฝ่ายจะได้รับว่าเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ ตัวเลขที่อยู่ในหลักเจ็ดหลักแถมยังขึ้นต้นหลักด้วยตัวเลขปลายๆสำหรับรายได้หนึ่งปี ทำให้ผมตาโตขึ้นมาด้วยความตกใจพอตัว ก็พอรู้ว่ารายได้มันดี แต่ไม่คิดว่าจะดีขนาดนี้

เปลี่ยนว่าเรียกจาก เชี้ยอาฟ เป็น เสี่ยอาฟ ยังทันมั้ยวะ

“ คนเราแม่งกินเหล้าทำไมวะ “ มันเป็นคำถามที่ผมเคยตั้งคำถาม ถามตัวเองอยู่บ่อยๆ เพราะตัวเองไม่ใช่สายดื่ม สายผับ ผมกินแอลกฮอล์นิดเดียวก็เมาไม่ได้สติแล้ว เป็นพวกคออ่อนอย่างที่สุด เลยไม่ค่อยเข้าใจว่า คนเราจะเสียเงินไปกับของไร้สาระพวกนี้ทำไม กินไปก็ไม่ได้สติ เมาหนักๆบางทีก็อ้วกออกมา ไม่ได้ทำให้ร่างกายมีสุขภาพดีขึ้นเลย ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากมันเลยสักอย่าง แต่ก็นะ คิดอย่างผมทั้งโลกไอ้อาฟคงไม่รวย

   ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่ง ผมถ่ายภาพเอกสารสั่งของวันนี้ใส่ลงไปในมือถือเก่าๆของตัวเอง ปิดคอมที่เมื่อครู่ผมกดแชร์ข้อมูลกับอีเมล์ตัวเองเรียบร้อย เผื่อว่าจะได้เอาเวลาว่างๆอย่างตอนนั่งในรถมาทำงาน เพราะยังไงก็ไม่รู้จะสนทนาอะไรกับไอ้คนปากหมานั่นอยู่แล้ว ผมเผลอนึกถึงมันตอนที่หันไปเหล่ถุงเซเว่นที่ใช้ปิดหัวผมมาจากข้างนอกตอนฝนตกพร่ำก็ได้แต่ยิ้ม

“ พับเก็บไว้ดีกว่า “ หยิบถุงเซเว่นนั่นมาพับเก็บไว้เป็นสามเหลี่ยม ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับความห่วงใยนั่นหรอก แม้ว่าตอนนี้จะพับไปยิ้มไปก็เถอะ ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่เหมือนถูกใส่ใจแบบพิเศษอยู่ยังไงก็ไม่รู้

ผมเองก็พยายามเถียงตัวเองว่าอย่าคิดอะไรเข้าข้างตัวเองให้มันมาก พยายามคิดเอาเหตุผลมารองรับว่าสิ่งที่อีกคนมันก็แค่ทั่วไป แม้มันจะไม่ทั่วไปก็เถอะ ไม่มีใครเดินเข้าไปซื้อทิชชูให้คนที่ไม่รู้สึกอะไรเพียงแค่จะเอาถุงมาคลุมหัวให้เพราะไม่อยากจะให้โดนฝนหรอกมั้ง

“ พอๆ เลิกคิดน่า ไร้สาระ “ บอกตัวเองก่อนจะสูดลมหายใจแล้วเก็บเอาถุงพลาสติกนั่นหย่นลงไปในกล่องใสใบเล็กๆที่วางอยู่ตรงหน้า

 จ้องมองมันอยู่สักพักสลับกับไอ้ม้วนทิชชูแพ็คหกชิ้นที่ก็ยังตั้งอยู่บนโต๊ะ ตอนที่ขึ้นมาถึงชั้นสามหลังจากแวะแจกจ่ายเครปให้กับคนที่สั่งจนครบ อาฟก็ยื่นทิชชูมาให้ก่อนจะบอกแค่ว่า ‘ ให้ ’ แล้วมันก็เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของมัน นั่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไร ตั้งใจทำงานของตัวเองไปแบบเงียบๆ ด้วยสายตาเคร่งเครียด แต่หูกลับแดงจนไม่กล้าเอ่ยแซวอะไร เพราะตัวผมตอนนั้นก็ไม่ต่าง ก่อนสายโทรศัพท์มือถือของมันจะดังขึ้น ร่างสูงโต้ตอบกับปลายสายอยู่สักพักก่อนจะกดวางแล้วหันมาบอกผม

“ เซลล์บริษัทเหล้ามา เค้าเอาเหล้ามาเสนอ เดี๋ยวกูมา “ มันที่บอกกันแค่นั้น ผมก็ทำทีเป็นจะลุก เพราะคิดว่าเป็นเลขายังไงก็ต้องตามลงไปจดนู้นจดนี่ให้อยู่แล้ว  แต่อีกคนกลับห้ามไว้ “ มึงไม่ต้องมา ทำงานไปเถอะ เดี๋ยวเสร็จไม่ทัน จัดสต๊อกบาร์ได้ไม่ถึงครึ่งเลยไม่ใช่รึไง “ ก็จริงอย่างที่อีกคนพูดผมพยักหน้ารับ “ งั้นมึงก็ทำไปก่อน เดี๋ยวกูไปจัดการเอง จะสั่งไม่สั่งเอายังไงจะมาบอกมึงอีกที “

“ อื้ม โอเค “ พยักหน้ารับมันอีกครั้ง อาฟลุกขึ้นจากโต๊ะตอนที่มันจะเดินออกไปมือหนาก็ยื่นมาขยี้หัวผม

“ ตั้งใจทำงานไป “ หัวใจที่อยู่ๆก็เต้นแรงขึ้นมานั้น ผมเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ ก่อนจะผ่อนออกมาในตอนที่อีกคนเดินออกจากห้องไปแล้ว เอื้อมมือไปจับหัวของตัวเองตรงที่ที่อีกคนจับเมื่อครู่

“ อย่าทำแบบนี้สิวะ กูแพ้คนอบอุ่นมึงไม่รู้รึไง “

   สลัดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองออก ผมหันไปมองรอบห้องเช็คดูความเรียบร้อย ว่าไม่ได้ลืมอะไรสำคัญเอาไว้ ก่อนจะหันไปเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลที่ในนั้นมีเงินอยู่จำนวนนึง เงินรายรับที่เป็นเงินสดทั้งหมดของวันนี้อยู่ในนี้ ผมหยิบมือถือขึ้นมาคิดจะส่งข้อความเข้าไปถามเจ้าของเงินว่า เงินนี้จะได้จัดเก็บยังไง  แต่ทว่า อีกฝ่ายกลับเป็นฝ่ายทักขึ้นมาก่อน

   ‘ AFTER ‘

[ จะกลับมั้ย บ้านน่ะ หรือว่าจะนอนที่นี่ ] ก็ยังเป็นคนเดิมที่ไม่เคยพูดจาดีๆเลยสักครั้ง ผมถอนหายใจก่อนจะกดปลดล็อคแล้วพิมพ์ตอบอีกคนกลับไป

[ กำลังจะลงไปแล้ว ว่าแต่มึง ซองสีน้ำตาลที่เป็นรายรับของวันนี้จะให้เอาไปเก็บไว้ไหน ]

[ เอาลงมาด้วย จะเอาไปฝากธนาคารพรุ่งนี้ ]

[ โอเค รับทราบ ] ตอบรับอีกฝ่ายไปแบบนั้น อาฟก็ส่งข้อความเร่งผมอีกครั้ง

[ ลงมาเร็วๆ นับหนึ่งถึงสาม ถ้ากูยังไม่เห็นหน้ามึง กูจะทิ้งมึงไว้ที่นี่ ]

[ เชี้ยยยย กูวิ่งลงไปแล้ว ]

[ อย่าวิ่ง..เดี๋ยวล้ม ]

[ อะไรของมึง ไหนบอกนับหนึ่งถึงสามต้องถึง ถ้านับหนึ่งสามยังไงก็ต้องวิ่งมั้ย เดี๋ยวไม่ทัน ]

[ เปลี่ยนเป็นนับหนึ่งถึงยี่สิบ อย่าวิ่งเดี๋ยวล้ม แล้วรีบลงมา ] แอบยิ้มใส่ข้อความที่ดูห่วงใยนั่น ผมส่งสติกเกอร์ไลน์ไปให้มันเป็นการตอบรับว่าโอเค ก่อนจะหยิบเอาซองสีน้ำตาลใส่เงินสดนั้นขึ้นมาถือ หยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมาสะพายไหล่ เช็คไปรอบๆห้องว่าตัวเองไม่ได้ลืมของสำคัญอะไรไว้ ผมเดินออกไปจากห้องหลังจากที่ล็อคเรียบร้อย

แต่จะว่าไป มาอยู่ห้องนี้ได้สักพักแล้ว ก็ยังมีเรื่องที่อยากจะถามเจ้าของห้องอยู่อย่าง ในเมื่อชั้นสามของผับมันเป็นออฟฟิศ แล้วทำไมหลังม่านมู่ลี่คริสตัลนั่น ถึงมีเตียงขนาดใหญ่วะ มันมีไว้ทำไม 

“ ก็ไม่น่าจะขยันขนาดทำงานหามรุ่งหามค่ำนะ คนอย่างงั้นอะ “

   เดินลงมาจากชั้นสามของผับ ตอนนี้เหลืออยู่แค่พนักงานเสิร์ฟบางคน ผู้จัดการแบบพี่ซองที่ยังคงเช็คความเรียบร้อย แล้วก็บาร์อย่างน้องเดย์น้องอัยย์ที่ยังคงเช็ดล้างทำความสะอาดกันอยู่

“ พี่ซอง เมดกลับแล้วนะ “ ผมบอกก่อนจะยกมือไหว้เค้า อีกคนก็ก้มหน้าลงยิ้มกว้างให้

“ กลับบ้านดีๆนะน้องเมด “

“ พี่ซองด้วยนะ “ ยิ้มให้อีกคนก่อนจะหันไปบอกเจ้าเด็กขี้เล่นสุดหล่อสองคนที่บาร์ “ น้องเดย์ น้องอัยย์ พี่เมดกลับบ้านแล้วนะ “

“ ครับผม อย่าลืมฝันถึงน้องเดย์นะครับ เพราะคืนนี้น้องเดย์จะเข้าไปหาพี่เมดในฝัน “ น้องชายเจ้าของผับบอกผมก็ยิ้มกว้างออกมากับความขี้เล่นนั้น พยักหน้ารับอีกคนอย่างจำยอมน้องอัยย์ก็บอก

“ งั้นคืนนี้น้องอัยย์จะเข้าไปปกป้องพี่เมดให้ฝันเองครับ จะเข้าไปฆ่าไอ้เดย์ให้เอง “

“ โอเค งั้นเจอกันในฝันนะ “ ผมว่า น้องสองคนก็เบิกตาขึ้นก่อนจะหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มกว้างออกมา

“ พี่เมดอ่า เจอกันพรุ่งนี้น้า “

“ เจอกันนะครับพี่เมดของน้องเดย์ บอกให้สัดพี่ขับรถดีๆนะ “

“ เราสองคนก็ขับรถกลับบ้านกันดีๆนะ “

“ ครับผม “ พยักหน้ารับพร้อมกันสองคน ผมก็หันไปบอกพนักงานเสิร์ฟที่เหลือ

“ เจอกันนะครับทุกคน กลับบ้านดีๆนะ “ ผมตะโกนบอกคนที่อยู่ ก่อนจะโบกมือไปให้ทุกคนที่ก็พยักหน้ารับก่อนจะโบกมือกลับ

เดินออกมาจากทางหลังร้าน ผมที่กำลังเดินตรงไปที่รถ ชะงักตัวเองนิดหน่อยตอนที่เห็นร่างสูงเจ้าของผับที่บอกให้ผมรีบลงมาแต่ตัวเองกลับยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับผู้หญิงสวยคนนึง

เสียงพูดคุยที่ผมไม่ได้ยิน เห็นแค่เพียงรอยยิ้มของสาวสวยในชุดเดรสรัดรูปสีดำที่สั้นมากจนรู้สึกสงสัยว่า เธอลุกนั่งได้อย่างสะดวกได้ยังไง โครงใบหน้าสวยแต่งอย่างพอดีให้รับกับลิปสติกสีแดงที่เจ้าตัวทามา มือเรียวคู่นั้นเอื้อมไปจับอกชายหนุ่มตรงหน้า จัดเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายด้วยความยั่วยวน ทั้งๆที่ก็ไม่มีให้จัดทั้งนั้น ไทด์ก็ไม่ใส่ สูทก็ไม่มี เดี๋ยวก็ต้องไปอาบน้ำนอนแล้วจะจัดทำไมวะ

ผมเผลอแบะปากออกมาอย่างไม่รู้ตัว ไม่ชอบใจยังไงก็ไม่รู้ ผมไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้ แล้วก็ไม่ชอบผู้ชายแบบนั้นด้วย ผู้ชายที่ยืนนิ่งไม่ได้ห้ามปรามอะไรอีกคนสักคำทั้งๆที่กำลังโดนเชื้อเชิญทั้งด้วยสายตาแล้วก็ท่าทาง ก็น่าจะบอกให้ออกไปห่างๆ อย่าเข้ามาใกล้ อะไรแบบนี้ แต่ไม่เห็นมันจะทำอะไรเลย

ก็นะ..มันเป็นผู้ชายที่ท่าทางก็ดูชอบคนสไตส์นั้นอยู่แล้วด้วย แล้วพอหวนกลับไปคิดถึงความใส่ใจ แล้วเผลอเข้าข้างตัวเองว่ามันอาจจะชอบกัน ผมก็ได้แต่ส่ายหน้า ‘ แม่งคงไม่มาชอบคนจืดๆแบบนี้หรอก ‘

“ สัด หงุดหงิด “  พูดกับตัวเองคนเดียวในใจ ผมไม่รู้ตัวเองทำหน้างอหนักขนาดไหนแล้วในตอนนี้  หัวใจมันคันยิบๆไปหมด แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ผมหันซ้ายดูขวา ไม่มีอะไรมาสะดุดให้เกิดเสียงบ้างรึไงวะ มันจะได้ห่างๆออกจากกันสักที หน้าด้าน แม่งมาอ่อยกันถึงลานจอดรถเลยเหรอวะ ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัว เหอะ แต่ผู้ชายก็เล่นด้วยละนะ ยืนนิ่งเชียว ก็น่าจะปฎิเสธสักหน่อย

ในระหว่างที่ยืนมองอยู่ ผมถอนหายใจออกมาตอนที่เห็นว่าอีกสักครู่ อาฟคงหันมาเห็นผมแล้วขอชวนให้สาวคนนี้ขึ้นรถไปด้วยกันกับเราแน่ มันคงไปต่อกับเธอที่ไหนสักที่

แล้วถ้าเป็นแบบนั้น.. จะรั้งไม่ให้ไป ยังไงดีวะ

“ นี่คุณอาฟ..” เสียงที่ดังขึ้นของเธอ ชวนให้ผมที่กำลังคิดอะไรหลายอย่างอยู่ในสมองหันไปมอง แววตาที่กำลังออดอ้อนคนที่เธอเอ่ยชื่อเรียก แววตาคมนั้นก็หันไปมองก่อนจะยกยิ้มให้อีกฝ่าย ผมไม่ได้ยินประโยคยาวๆที่เธอพูด เห็นก็แค่อาฟที่ส่ายหน้าไปมาปฎิเสธเธอไป

ใบหน้าสวยงอง้ำลงเธอถอนหายใจก่อนจะพยักหน้ายอมรับ ราวกับว่ามันนานแล้วที่เธออ้อนอีกฝ่าย แล้วก็ควรยอมแพ้สักที ในเมื่อมันไม่มีสำเร็จ ร่างสวยดึงตัวเองออกห่างชายหนุ่มก่อนจะก้มลงมาหมายจะใช้ริมฝีปากเคลือบสีแดงนั่นประทับลงบนแก้มของอีกคน ตัวผมที่ยืนมองดูภาพนั้นด้วยสีหน้าเลิกลั่ก ก่อนจะส่งเสียงจามออกไปดังๆด้วยความสิ้นคิด

“ ฮัดชิ้ว!! “ เสียงจามของผม มองมาจากดาวอังคารก็ยังรู้ว่าแกล้งทำ ท่าทีที่ทำเป็นก้มหน้าเอามือปิดปากเงยหน้าขึ้นมองคนสองคนที่ก็หันมามองผมเช่นกัน ร่างสูงที่หันมา อาฟยกยิ้ม ผิดกับสาวเจ้าที่ทำหน้าหงุดหงิดใส่

“ มาได้สักทีนะมึง กูนับหนึ่งถึงยี่สิบ รอบที่สามสิบแล้ว “ มันบอกยิ้มๆ ผมก็ปั้นหน้าหงุดหงิดใส่ อยากจะตะโกนไปมากว่า ไม่ต้องมายิ้มมึงนับเหี้ยอะไร กูเห็นยืนออเซาะกับคนตรงหน้าจนแทบจะแดกกันเข้าไปอยู่แล้ว

“ เปิดล็อคประตูให้หน่อย จะกลับบ้านแล้ว ง่วง “ ผมบอกมัน ด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องหน้างอด้วย ตอนที่เดินไปยืนข้างรถของตัวเอง ตรงฝั่งข้างคนขับแต่ร่างสูงก็เอ่ยบอก

“ มานี่ก่อน “ อาฟขยับหน้าบอกตำแหน่งให้ผมมายืนข้างมัน แอบถอนหายใจออกมานิดๆไม่ค่อยอยากจะเดินไปเท่าไหร่ แต่ก็ขัดแม่งที่เป็นเจ้านายไม่ได้อยู่ดี “ นี่คุณฮารุ เป็นเซลล์ขายเหล้าของบริษัทที่เราดีลอยู่ “ ยกมือไหว้เธอ อีกคนก็ก้มหน้ารับไหว้ผม “ ส่วนคุณฮารุครับ นี่เมดเลขาของผม “

“ เดี๋ยวนี้มีเลขาแล้วเหรอคะคุณอาฟ “ เธอยิ้มแซวอีกฝ่ายก็ที่ก็ยกยิ้ม “ เมื่อก่อนฮารุขอมาสมัครเป็นเลขาแล้วไม่ให้นะ แสดงว่าตอนนี้งานเยอะมากเลยละสิ “

“ ก็คงงั้น “ อีกฝ่ายตอบ

“ แบบนี้ผับชั้นสามก็ไม่ว่างแล้วสินะคะ “ แววตามีเสน่ห์มองอีกฝ่ายที่ก็ไม่ตอบอะไร อาฟแค่ยิ้มให้เธอก่อนจะหันมาบอกผม

“ กลับกันเถอะ “ พยักหน้ารับอีกคนผมเดินกลับมายืนที่ประตูฝั่งคนนั่งข้างเหมือนเดิม แล้วตอนนั้นคุณฮารุก็ได้โอกาสเข้ามาใกล้มันอีกครั้ง

“ ขับรถดีๆนะคะคุณอาฟ ไว้ว่างๆเจอกัน “ เธอบอกว่าแบบนั้นก่อนจะเอียงหน้ายิ้มให้ “ ยังไงถ้าอยากจะเปลี่ยนเลขาเมื่อไหร่โทรบอกกันได้ตลอดเลยนะ ถ้าเป็นคุณอาฟจะลาออกจากงานเซลล์มาเป็นให้เลย “

“ มันไม่ใช่ตำแหน่งที่ใครก็ได้จะเป็นได้หรอกครับ “ อาฟยิ้มให้เธออีกครั้ง “ มันมีไว้ให้เฉพาะบางคนที่พิเศษเท่านั้น “

รถถูกปลดล็อค ผมที่ยืนนิ่งประมวลผลคำพูดของที่ได้ฟังอยู่นาน อยากจะเข้าข้างตัวเองนะ แต่ตอนรับตำแหน่งเป็นเลขาจากมัน ตอนนั้นอาฟมันก็แค่ไม่อยากจะประกาศเรื่องงานด้วยตัวเองลงในกรุ๊ปสต๊าฟก็แค่นั้น ก็เลยเอาเงินมาฟาดหัวผมแล้วยัดตำแหน่งนี้ให้ ไม่มีอะไรพิเศษอย่างที่บอกสาวคนนั้นสักนิด แล้วก็มาบอกเค้าว่า ตำแหน่งพิเศษมีไว้ให้แค่เฉพาะบางคนเท่านั้น

‘ เหอะ.. ไอ้หน้าม่อ ’

“ จะขึ้นมั้ยรถน่ะ บ้านอะ จะกลับมั้ย “ หันมามองหน้าคนพูดด้วยสายตาหงุดหงิดอีกครั้ง ผมเข้าไปนั่งในรถเงียบๆ ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดก่อนจะกดเปิดเพลงที่ใส่เอาไว้ แต่ทว่าคนขับกลับกดปิดมันเสียอย่างงั้น

“ มึง “

“ เป็นอะไร หงุดหงิดอะไร “

“ ใครหงุดหงิด “ ผมหันไปถามมัน อีกคนก็ยกยิ้ม เอาจริงๆผมเริ่มจะโคตรเกลียดไอ้รอยยิ้มแบบนี้ของมันขึ้นมาแล้ว รอยยิ้มที่ดูฉลาดเหมือนรู้เท่าทันคนทั้งโลก

“ พูดอยู่กับมึง กูคงหมายถึงคนอื่นมั้ง “

“ กูไม่ได้หงุดหงิด มีเหตุผลอะไรที่กูต้องหงุดหงิดวะ “ ผมถามมัน “ มึงคิดว่ากูหงุดหงิดเรื่องที่เห็นมึงยือออเซาะกับผู้หญิงคนนั้นเหรอ มึงคิดผิดแล้ว กูไม่ได้สนอยู่แล้วว่ามึงจะทำอะไรกับเธอ ไม่ได้แคร์ด้วยว่าเธอจะเอานมมาหนีบหน้ามึงอยู่แล้ว แถมยังเอามือมาจัดเสื้อมึงทั้งๆที่ไม่มีเหี้ยอะไรให้ต้องจัดสักนิดเดียว แล้วตอนที่เธอจะหอมแก้มมึง กูแค่คันจมูกขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้อยากจะขัดให้ออกห่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว “ หันไปมองหน้ามันที่ก็มองหน้าผมก่อนจะหลุดหัวเราะ  “ หัวเราะเหี้ยอะไรของมึง “

“ เปล่า “ มันบอกก่อนจะหันไปสนใจด้านหน้าของตัวเอง อาฟสตาร์ทเครื่องยนต์ของรถ มันที่ถอยหลังรถก่อนจะเลี้ยวออกจากเส้นจอดแล้วขับออกไปจากผับ

ทุกอย่างในรถนั่นเงียบ ผมอยากจะเปิดเพลงนะ แต่ว่าก็มีสิ่งที่อยากจะรู้อยู่ อยากจะถามมันเกี่ยวกับเรื่องหญิงคนนั้น แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอะไร ถอนหายใจออกดังๆผมหันไปมองนอกหน้าต่าง ก่อนจะบ่นกับตัวเองเบาๆ

“ ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยวะ “ สันดานแม่งเป็นไงดูภายนอกก็น่าจะรู้อยู่แล้ว วิวน้องชายของผมมันก็บอกกรอกหูอยู่เมื่อเช้าว่าอีกคนเป็นยังไง คนทำงานผับแบบนั้นมันก็ไม่แปลกหรอกจะมีสาวสวยอยู่ล้อมรอบตัวเอง ไม่แปลกเลยด้วยซ้ำที่จะมีคนมาเสนอตัวให้ แล้วก็ไม่แปลกด้วยที่อีกคนจะเจ้าชู้ แต่ที่กำลังอยากรู้ ที่กำลังหงุดหงิด มันเพราะอะไรวะ เพราะการกระทำใส่ใจที่เค้าทำกับเราเหรอ คำพูดที่พูดกับเราเหรอ หรือเพราะเรากำลังรู้สึกว่า อยากให้ทุกอย่างนั้นมันเกิดขึ้นกับเราแค่คนเดียว

‘ ก็แค่คำพูดของคนเจ้าชู้ทั่วไปนั่นแหละ ใส่ใจอะไรวะเมด เพื่อนในกลุ่มเค้าก็ยังเต๊าะเราเล่นๆตามประสาคนมาทำงานใหม่เลย แล้วทำไมเค้าจะไม่เป็นวะ ’

“ หน้าบูดอะไรขนาดนั้น ปวดขี้เหรอ “

“ ไอ้สัด ไม่ใช่สักหน่อย “ หันไปเถียงมัน อีกคนก็เงียบ ผมเหลือบมองอาฟ “ นี่.. ถามอะไรหน่อยสิ “

“ ว่า “

“ มึงกับผู้หญิงคนนั้นมันยังไงกันวะ “

“ อะไรยังไง “ มันถามกลับ

“ กูหมายถึงความสัมพันธ์ แบบว่าเป็นอะไรกัน “

“ กูเป็นคนซื้อเหล้า มันเป็นเซลล์ “

“ ไม่ใช่แบบนั้น แบบ.. แบบว่าเคยนอนด้วยกันเหรอวะ “ ผมถามออกไปในที่สุด อาฟก็หันมามองก่อนจะพยักหน้ารับง่ายๆแบบไม่ได้คิดอะไรมากมายทั้งนั้น เหมือนถามว่ากินข้าวยัง อีกคนก็พยักหน้ารับว่ากินแล้ว

“ ทำไม ? “

“ เปล่า งั้นเมื่อกี้เธอก็ชวนมึงสินะ แบบว่า...ไปทำเรื่องอย่างงั้น “

“ อื้ม “

“ แล้ว แล้วทำไมไม่ไปวะ “ คำถามที่ทำให้คนที่กำลังขับรถหันมามองหน้าผม แต่เป็นผมเองที่กลับเอาแต่มองไปบนถนนข้างหน้า

อยู่ๆก็รู้สึกว่าไม่อยากจะมองหน้ามันขึ้นมา ก็ยอมรับว่ากลัวคำตอบ คำตอบที่อีกอาจจะพูดว่า

‘ ก็เดี๋ยวส่งมึงเสร็จกูถึงจะไป’ 
ไม่ก็
 ‘ ก็เดี๋ยวไป ‘
อะไรทำนองนั้น

ผมแค่รู้สึกว่าไม่อยากจะฟังอะไรแบบนั้น จะบอกว่าหวงรถไม่อยากจะให้อีกคนเอาไปรับคนอื่นก็ไม่น่าใช่.. ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า หวงอะไรอยู่..

“ ไม่ไป ตอนนี้มีอะไรที่อยากจะทำมากกว่าเรื่องแบบนั้นแล้ว “

“ เรื่องอะไรวะ “ หันไปถามมัน อีกคนก็หันมาบอกแบบย้ำคำ

“ เสือก “

“ สัด กูถามดีๆ ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก ไม่ได้อยากจะรู้สักหน่อย “ หันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ผมพ่นคำด่าตัวเองในใจ ตอแหล มึงน่ะตัวอยากรู้เลยเมด แต่ถึงอย่างงั้นผมถอนหายใจโล่งอกออกมา อย่างน้อยมันก็ไม่ไป ดีเหมือนกัน.. ยังคิดคำพูดรั้งไว้ไม่ออกเลย

เราสองคนนั่งรถกันไปเงียบๆ ผมที่เอื้อมมือไปเปิดเพลงก่อนจะกดเสียงให้เบาลง หันไปมองนอกหน้าต่างที่วิวทิวทัศน์ที่วุ่นวายใจเมื่อกี้เปลี่ยนไปฉับพลันหลังจากที่ถามคำถามพวกนั้นออกไป ก่อนที่ผมจะคิดขึ้นมาได้ ว่ามีอีกหนึ่งคำถามที่ตัวเองก็ยังอยากรู้

“ อาฟ ถามอะไรหน่อย “

“ ว่า “

“ ทั้งๆที่ชั้นสามของผับเรามันเป็นออฟฟิศ แล้วทำไมมันถึงมีเตียงละ มึงชอบทำงานหามรุ่งหามค่ำเหรอ หรือว่าชอบมานอนที่ throw up “ คำถามที่ทำให้คนฟังยกยิ้ม อาฟหันมามองหน้าผม น่าแปลกที่ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันมองผมด้วยสายตากรุ่มกริ่มเหลือเกิน ลิ้นที่เลียเข้ากับริมฝีปาก ใบหน้าคมยกยิ้ม

“ มึงอยากรู้เหรอ ? ไว้อีกไม่นานกูจะพาไปหาคำตอบ “

“ ไม่อยากรู้แล้ว “ ผมบอกมันแค่นั้นเพราะรับรู้ถึงภัยที่จะเข้ามาใกล้ตัวยังไงก็ไม่รู้

ผู้ชายคนนี้อันตรายไม่ต่างกับเอามือไปเล่นไฟหรอก ประคับประคองให้ดีมันก็อบอุ่น และแน่นอนถ้าไม่ระวังหรือเผลอตัวเข้า มันอาจจะเผาไหม้ตัวเราไปทั้งหมด  อาฟที่หัวเราะขึ้นมาเบาๆ มันหันไปมองตรงถนนข้างหน้าอีกครั้ง

“ อยากรู้เถอะ เพราะถึงไม่อยากรู้ยังไง ก็ต้องได้รู้อยู่แล้ว “

.......................................................................

ขับรถถึงหน้าคอนโดในช่วงเวลาเกือบตีห้า โชคดีที่พรุ่งนี้ไม่มีเรียน ไม่งั้นคงต้องแบกสภาพชีวิตที่ใต้ตาดำคล้ำไปเรียนแน่นอน วันนี้เป็นวันแรกที่ผมรู้สึกง่วงหลังจากที่ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนี้มาสักพัก

บางทีการที่เกิดเรื่องวุ่นวายในชีวิตตอนนี้ก็เหมือนไม่ได้แย่ไปทั้งหมดหรอก คิดดูดีๆ ก็รู้สึกว่า ถ้าตอนนี้ไม่ต้องมาใช้หนี้อยู่ในผับ ตัวผมคงเอาแต่นั่งซึมอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน อาจจะดรอปเรียนไปแล้วเพราะทนรับสภาพที่ต้องเห็นทั้งอดีตเพื่อนและอดีตคนรักไม่ไหว แต่เพราะเป็นหนี้ ชีวิตก็เลยได้มาเจอกับสภาพแวดล้อมอื่น ได้เจอคนใหม่ๆที่ทำให้ยิ้มได้ แล้วบางคนก็ทำให้เข้มแข็งขึ้นทั้งๆที่ไม่คาดคิดเลยว่า คนอย่างมันจะทำให้รู้สึกแบบนั้น

กลั้นยิ้มก่อนจะถอนหายใจออกมาตอนที่คิดถึงคนข้างๆที่กำลังชะลอรถลงหน้าคอนโดของผม ถึงสักทีตอนนี้ใจขึ้นไปอยู่ในห้องแล้ว จะอาบน้ำทาแป้งให้หอมๆ นอนตาแอร์ให้ฉ่ำปอดแล้วค่อยตื่นมาตอนใกล้เวลางาน

“ ถึงสักที “ บิดขี้เกียจแรงๆ ผมก้มลงเปิดกระเป๋าเป้เพื่อหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาเตรียมเปิดประตู อาฟขับรถรถเข้าไปใกล้ทางเข้าของคอนโดมากขึ้น

“ เมด “ เสียงทุ้มของคนขับที่เอ่ยเรียกผม

“ ว่า “ ขานรับมันพร้อมกับยื่นซองสีน้ำตาลที่ใส่เงินไปให้มัน  ผมชะงักไปตอนที่อาฟเชิดหน้าไปข้างหน้า มองตามสายตานั้นของมันไปก่อนจะเจอเข้ากับคนที่ไม่อยากจะเจออีกครั้ง

“ บิน “

“ กัดไม่ปล่อยจริงๆนะ ผัวเก่ามึงน่ะ.. ด้านดี “ อาฟหันมาบอกผมที่ตอนนั้นก็ทำได้แค่ถอนหายใจออกมายาวๆ

ร่างสูงดีกรีนักบาสมหาลัยอยู่ในชุดหล่อเหลาที่ผมเคยซื้อให้แต่มันโคตรเกลียดเพราะเคยบอกว่าไม่เข้ากับสไตส์ของมันเลยสักนิด รองเท้านั้นก็ด้วย ครั้งนึงมันก็เคยบอกว่าเชยซะจนไม่กล้าใส่ บินไม่เคยหยิบพวกมันมาใส่เลย ไม่เคยเลยสักครั้งจนกระทั้งวันนี้ ในมือของมันถือช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ เดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตูทางเข้าคอนโด

เป็นเหมือนอย่างที่คิดไม่มีผิด ผมรู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์นี้มันต้องเกิดขึ้นสักวัน มันก็เหมือนทุกครั้งที่เราโกรธกัน มันจะเริ่มจากการพูดขอคืนดีก่อน ออดอ้อน ถ้าไม่ได้ผล บินจะจะขอให้ผมมองตามัน รำพันคำสัญญามากมายว่าตัวมันเองจะปรับตัว จะไม่ทำเรื่องที่อะไรทำให้ผมเสียใจอีก และถ้าแผนนี้ไม่ได้ผล มันก็จะซื้อดอกไม้มาง้อ ดอกไม้สีแดงช่อใหญ่ และตัวผมเองตลอดมา ก็ไม่เคย ชนะ แผนสุดท้ายนี้ได้สักที

“ อาฟ เอาไงดีวะ “  ผมเอ่ยถามคนข้างๆเสียงเบา ทั้งๆที่ก็มีคำตอบอยู่ในใจตัวเองอยู่แล้ว นั่นคือการลงไปเผชิญหน้ากับมันแล้วคุยกันให้รู้เรื่อง แต่ว่ามันก็ดูเป็นการกระทำที่เด็ดเดี่ยวจนต้องเอ่ยถามคนที่เข้มแข็งกว่า ว่าควรหรือไม่ควรสำหรับความคิดนี้ “ ลงไปคุยกับมันดีมั้ยวะ คุยกันให้รู้เรื่องไปเลย มันอยากจะพูดอะไรก็ให้มันพูด บอกเลิกกันให้ชัดๆ ไปเลย “

“ แน่ใจว่าจะบอกเลิก ? “ ผมหันไปมองมันที่ถามขึ้นมาแบบนั้น อาฟถอนหายใจออกมาสายตาของมันไม่ได้มองผม แต่กลับหันไปทางอื่น เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่ามันมีคำบางคำอยากจะพูดออกมา แต่ไม่กล้าพูด “ แน่ใจเหรอ ว่าทำได้ “

“ กูอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว “ บอกมันแค่นั้นก่อนจะหันไปมองที่ผู้ชายคนนั้นเหมือนเดิม “ ไม่อยากจะหนีแล้ว ไม่อยากจะหลบ ไม่อยากจะอ้าง อยากจะพูดตรงๆกับมันสักครั้ง พูดเรื่องของเรา แล้วก็พูดถึงเรื่องของเพื่อนกูกับมัน มึงว่าดีมั้ย “

“ ไม่รู้ “ อีกคนตอบนิ่งๆ “ ถ้ามึงมั่นใจว่าตัวเองจะไม่กลับไป คำตอบของกูคือดี แต่ถ้ามึงคิดจะกลับไป คำตอบของกูคือไม่ดีและไม่ต้องลงไป “ ทุกอย่างเงียบไปหลังจากที่อีกคนพูดแบบนั้น มันเงียบจนภายในรถรู้สึกอึดอัด “ ทำไมถึงคิดจะลงไปคุยกับมัน “

“ กูคิดว่า กูรู้จักคนแบบบินอยู่นะ มันเป็นคนไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ แล้วอีกอย่างคือ กูคิดว่า มันคงคิดว่ากูยังรักมันอยู่ แล้วพร้อมจะให้อภัยมันทุกอย่างเหมือนที่ผ่านมา แค่อ้อน แค่ขอร้องทำตัวเหมือนหมาเหมือนแมวแบบที่กูชอบ มันรู้จักกูดี มันรู้จุดอ่อนของกูว่ากูแพ้ทุกทีเวลามันง้อ และเพราะมันรู้ ก็เลยยังหน้าด้านมาง้อกู ทั้งๆที่ทำเรื่องเหี้ยๆนั่นไง  เพราะมันยังคิดอยู่ตลอดว่า กูรักมันมากและให้อภัยมันได้ทุกอย่าง “

“ ไม่จริงหรอก “ อาฟหันมาบอกผม “ มึงเป็นคนที่จะยอมให้ผัวไปเอากับเพื่อน แล้วก็กลับมาเอาตัวเองในวันที่ผัวมึงอยากงั้นเหรอ เป็นของตายของมันอยู่แต่ในห้องเชื่อฟัง ทำดีกับมันสารพัดเหมือนเป็นคนใช้มัน เค้าใช้ให้ทำอะไรมึงก็ทำตาม จะทำให้เสียใจแค่ไหนก็ไม่แคร์งั้นเหรอ มึงรับมันได้ทุกอย่างเพราะรักมากๆให้อภัยได้หมด มึงเป็นแบบนั้นเหรอ มึงเป็นแบบนั้นเหรอเมด “ ผมส่ายหน้าตอนที่มองอีกคนที่พูดออกมาแบบนั้น “ ถ้าไม่ใช่ งั้นก็แสดงให้มันเห็น ว่ามันไม่ได้รู้จักมึงดี จำคำกูไว้นะ มึงรู้จักตัวมึงดีที่สุด อย่าให้ใครมาคิดว่าเค้ารู้จักตัวมึงดี แล้วจะทำอะไรกับมึงก็ได้ ถ้าจะลงไป ก็ลงไปเพื่อบอกให้มันรู้ว่า คนอย่างมันไม่เคยรู้จักคนอย่างมึงเลยสักนิด “

“ อื้ม “ พยักหน้ารับให้อีกคน มันจริงอย่างที่อาฟพูดทั้งหมด เพราะบินคิดแบบนั้น คิดว่าจะทำอะไรก็ได้ สุดท้ายผมก็ยังรักและยังกลับไปหามันอยู่ แล้ววันนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ผมจะทำให้มันรู้ว่า ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกต่อไป ผมรักมันก็จริงอยู่ แต่ก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น
 
ขยับตัวเตรียมลงจากรถ ผมที่กำลังเอื้อมมือไปเปิดประตูแต่มือหนาของอีกคนที่นั่งข้างกันกลับเอื้อมมาจับไว้ก่อน ผมหันไปมองอาฟ มันที่เหมือนจะพูดอะไรออกมาสักอย่างแต่กลับนิ่งไป มือที่จับมือผมอยู่นั้น มันใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆที่หลังฝ่ามือ เอ่ยถามมันผ่านทางสายตาอีกคนก็เอาแต่เม้มริมฝีปากก่อนจะถอนหายใจออกมาหลังจากกลืนน้ำลายลงไป

“ กลับมานะ กูจะคอยมึงอยู่ตรงนี้ “ เผลอยิ้มออกมากับคำพูดสั้นๆ แต่กลับพูดยากเย็นเหลือเกินสำหรับบางคน ผมพยักหน้ารับให้มัน

“ อื้ม “ หันไปมองนอกหน้าต่างรถอีกครั้ง เผลอคิดว่าเป็นโชคดีของผมที่รถติดฟิล์มดำแบบที่คนข้างนอกจะมองเข้ามาไม่เห็น แต่ที่โชคดียิ่งกว่าคือ คนที่ยืนอยู่ข้างนอก ไม่ใส่ใจกันจนแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าทะเบียนรถผม มันเลขอะไร
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 13 :: up! 1-4-61} #หน้า 5,6
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 06-04-2018 20:30:55
   

“ ลงไปได้แล้ว หรือจะให้กูถีบมึงลงไป “

“ สัด “ หันไปด่ามัน ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้งกับการพูดดีได้ไม่ถึงห้านาที ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเดินลงไป วินาทีที่บินหันมาเห็นผม มันยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้ามาหา แล้วในตอนนั้นคนที่ผมคิดว่าจะคอยอยู่ในรถก็ดับเครื่องยนต์ลง อาฟเดินออกมาจากรถบินก็หันไปมองมันด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ

“ ทำไมมาด้วยกัน “ บินถามผม ก่อนจะหันไปมองไอ้อาฟที่อีกคนก็แค่เหลือบตากลับมามองโดยไม่พูดอะไร มันพาตัวเองไปยืนพิงเสาตรงลานจอดรถใต้คอนโดแล้วมองมาทางเรา

“ มีอะไร “ ผมถามอีกคนที่เหมือนจะพยายามหาเรื่องอาฟมากกว่าจะมาคุยกับผมแล้วในตอนนี้

“ ทำไมกลับดึกจัง แล้วทำไมกลับมากับไอ้อาฟ ไปไหนกันมา “

“ ไม่จำเป็นต้องสนเรื่องนั้น มึงมีอะไร “ ถามย้ำกับมันอีกครั้ง ถอนหายใจออกมาบอกกับอีกฝ่ายว่าผมเบื่อหน่ายกับการออกนอกเรื่องของมันแล้ว “ อยากพูดเรื่องของเราเหรอ “

“ อื้ม “ อีกคนบอกก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ บินคุกเข่าลงมันยื่นช่อดอกไม้ให้ผมก็รับ “ เมด บินขอโทษ ขอบินคุยกับเมดหน่อยได้มั้ย บินอยากจะอธิบายเรื่องของเรา ให้โอกาสบินพูดเรื่องของเราหน่อยได้มั้ยครับ “

“ ได้สิ “ ผมตอบสั้นๆ อีกคนก็ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง พลางถอนหายใจแล้วหันไปมองอาฟที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก สายตาของมันเหมือนกำลังอวดอีกฝ่าย ที่แน่นอนว่าคนโดนอวดก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก อาฟมันแค่ยกยิ้มแล้วก็มองมานิ่งๆเหมือนเดิม

“ บินอยากคุยกับเราแค่สองคน ไปกับบินนะ ไปที่ห้องของเรา “

“ ตรงนี้แหละ ถ้าจะคุยก็คุยกันตรงนี้ เมดก็อยากคุยกับบินเหมือนกัน “ ผมยิ้มให้อีกคน บินก็นิ่งไปในแววตาที่กำลังปฎิเสธคำพูดของผม แต่เหมือนจะคิดขึ้นมาได้ว่า ตัวเองไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะเอาแต่ใจอะไรได้มากกว่านี้ “ ถ้าบินไม่คุยตรงนี้ ก็ไม่ต้องคุยนะ จะคุยมั้ย “

“ คุย “ เค้าตอบสั้นๆ ผมก็พยักหน้ารับก่อนจะยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเค้า ที่ก็จับมือกันไว้แน่น “ เมด บินขอโทษนะ ขอโทษจริงๆที่เรื่องนี้เกิดขึ้น บินขอโทษที่ทำให้เมดเสียใจทั้งๆที่เมดรักบินขนาดนี้ ขอโทษที่ทำลายความรักของเรา ด้วยมือของบินเอง ขอโทษที่ยับยั้งความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ บินขอโทษนะเมด “

“ อื้ม “ ผมพยักหน้ารับอีกคนที่นิ่งไปตอนที่ผมตอบ

“ เมด ให้อภัยบินได้มั้ย บินสัญญาว่าต่อจากนี้ไป บินจะไม่ทำให้เมดเสียใจอีก บินสัญญาว่าบินจะมีเมดคนเดียว จะไม่มีใครคนอื่นนอกจากเมด สัญญาว่าจะดูแลเมดให้ดี สัญญาจะเป็นแฟนที่ดี บินจะ..“

“ ทำไมถึงไปเอากับยีนส์เหรอ “  ขัดคำอ้อนวอนนั้นด้วยคำถามสั้นๆ “ ทำไมถึงเป็นยีนส์ละ บินชอบยีนส์เหรอ “

“ เปล่า ไม่ได้ชอบ “

“ แล้วทำไมถึงไปเอากับยีนส์ได้มาตั้งสี่ปีละ “ ร่างสูงนิ่งไป มือที่กระชับมือผมให้แน่นขึ้น บินส่ายหน้าไปมาก่อนจะถอนหายใจ

“ อย่าพูดเรื่องของคนอื่นเลย พูดเรื่องของเราเถอะ เมดให้อภัยบินนะ กลับมารักกันเหมือนเดิมนะ บินขาดเมดไม่ได้ บินอยู่ไม่ได้หรอก รู้มั้ยบินนอนไม่หลับเลยตลอดเวลาที่ไม่มีเมดให้กอด ห้องของเรามันเงียบมากเลยนะ เตียงก็กว้างมากเลย เมด บินน่ะ.. “

“ นี่แหละเรื่องของเรา “ ผมย้ำ “ บินไปเอากับยีนส์หลับหลังเมดมาตั้งสี่ปี แล้วตอนนี้เมดจับได้แล้ว เพราะงั้นมันจะไม่ใช่เรื่องของเราได้ไง ก็เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอที่ทำให้เราต้องเป็นแบบนี้ เพราะบินไปเอายีนส์ไงเราเลยต้องมากันยืนอยู่ตรงนี้ แล้วมันจะไม่ใช่เรื่องของเรายังไง  “

“ เมด “ อีกคนเรียกชื่อผมก่อนจะถอนหายใจ บินพยักหน้ารับ “ ถ้าฟังแล้ว ขอร้องอย่างนึงนะ เมดอย่าคิดว่าบินนอกใจเมดนะ บินไม่ได้นอกใจเมด แค่นอกกาย “

หลุดยิ้มออกมากับคำพูดเห็นแก่ตัวนั้น ในใจที่เหมือนโดนต่อยอัดเข้าเต็มแรง ไม่รู้จะบรรยายความเหี้ยของมึงออกมายังไงดี ให้เท่ากับที่กำลังรู้สึก ไม่รู้จะด่าตัวเองว่าโง่กี่ครั้งดีที่ทนรักกับคนแบบนี้มาทำไมนานขนาดนี้

“ แล้วยังไงต่อ “

“ เมดฟังนะไม่ว่ายังไงบินก็ไม่ได้วันรักยีนส์หรอก ยังไงบินก็รักเมดคนเดียว บินกับยีนส์มีอะไรกันเพราะเมาในครั้งแรก  วันนั้นบินไม่ได้สติ ยีนส์ก็ไม่ได้สติ “

“ ไม่ได้สติทั้งคู่ ใส่ลงรูได้ไงวะ เก่งนะ ไม่ได้สติยังเอากันได้เลย “

“ เมด ..” อีกคนถอนหายใจออกมาตอนที่ผมพูดแบบนั้น

“ แล้วครั้งที่สองละ “

“ ครั้งที่สองยีนส์มันมาเสนอตัวให้บินเอง มันเข้ามายั่วบิน คือ ผู้ชายอะเมด เข้าใจมั้ย เสนอมาก็ต้องสนองกลับ มันธรรมดาทุกคนก็เป็น “

ไม่เห็นจะจริงแบบนั้น  ผมอยากจะเถียงมันกลับ เมื่อกี้ก่อนหน้าจะมาที่นี่ ไอ้อาฟก็มีผู้หญิงมาเสนอตัวให้ ไม่เห็นมันจะไป แต่พูดก็เหมือนเอาอีกคนเข้ามาเกี่ยว ผมเองก็ไม่รู้จักร่างสูงดีขนาดนั้น ไม่อยากจะให้บินหยิบเรื่องอื่นที่ผมไม่รู้เอามาพูดด่าอีกคนด้วยมันไม่ใช่เรื่องที่อาฟต้องมาโดนคนอื่นพาดพิงแล้วด่าว่า

“ แล้วครั้งที่สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ ถึงห้าสิบครั้งมั้ย ไม่รู้นะ.. แต่เหตุผลของครั้งหลังๆนี่ยังไงเหรอ โดนยั่วทุกครั้งเลยเหรอบิน ความอดทนมึงต่ำจังนะ ไม่สิ.. หรือจริงๆ ต้องเรียกว่า ความเป็นคนต่ำ “

“ เมด “

“ ทำไมไม่ลองโทษตัวเองดูบ้างวะ ว่ามักมาก อยากเอากับไอ้ยีนส์ ชอบเอากับไอ้ยีนส์ ทำไมไม่ลองด่าตัวเองดูบ้างวะ ว่าตัวมึงน่ะ เหี้ยขนาดไหน ทำไมไม่ลองส่องกระจกดูบ้างว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น มึงเป็นคนทำมันทั้งหมด ที่วันนี้กูต้องเสียใจ กูต้องเสียเพื่อน ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเพราะมึง มึงที่ยังกล้า ยังหน้าด้านมาขอคืนดีกูอยู่ตรงนี้ “

“ เมด “

“ เลิกเรียกชื่อกูได้แล้ว!” ผมตะโกนออกไปแบบสุดจะทน เสียงที่เหมือนดังขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์ที่เย็นมันก็ค่อยๆร้อนขึ้น ผมมองหน้าคนตรงหน้า คนที่ผมเคยรัก รักอย่างไม่เคยมีเงื่อนไขใดๆ รักจนกลายเป็นคนที่โง่เง่าคนนึง

“ กูรักมึงมากบิน รัก รักมาก หลายครั้งที่เรามีปัญหากูเฝ้าถามตัวเองว่านี่กูกำลังทำอะไรอยู่วะ ทำไมกูถึงรักคนคนนี้วะ แล้วทุกครั้ง กูก็เลิกหาคำตอบและพยายามปรับตัวที่จะอยู่กับคนอย่างมึงให้ได้ มึงที่ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของกู ไม่เคยที่จะเป็นห่วงกู สิ่งเดียวที่มึงมีคือความตอแหล ที่มึงใช้พูดหลอกกูมาตลอด
 มึงบอกว่ามึงจะปรับตัวให้ดีขึ้น แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลย ที่มึงจะทำอย่างที่พูด มึงยังคงเหมือนเดิม ทุกครั้งที่โกรธ มึงโยนของในห้องให้กูตามเก็บ มึงผลักกูแค่เพราะกูไม่ตามใจมึง เวลาที่อยาก มึงแค่ผลักกูลงเตียง มึงไม่เคยถามกูสักครั้งด้วยซ้ำว่ากูอยากมั้ย กูรู้สึกยังไงบ้าง มึงเจ้าชู้ มีผู้หญิงที่มึงติดต่ออยู่ในมือถือเป็นร้อยคน มึงพาพวกเธอไปเลี้ยงเหล้า แต่กลับกูมึงไม่เคยเลี้ยงข้าวเลยสักครั้ง แต่ทุกครั้งที่มึงเมา มึงก็กลับมาอ้วกที่ห้องให้กูเช็ดทุกครั้ง
แล้วยังมีอีกหลายเรื่อง ที่คนอย่างมึงทำกับกู มึงเคยโยนเสื้อผ้าใส่กูเพียงเพราะแค่กูไม่ได้ใส่เสื้อตัวโปรดของมึงลงไปในกระเป๋าเข้าค่าย แต่กลับเอาเสื้อที่กูซื้อให้เป็นของขวัญใส่ลงไปแทน มึงเอามามันมาโยนใส่หน้ากู มึงด่ากูว่า กูโง่ที่ใส่เสื้อเหี้ยๆตัวนั้นลงไปในกระเป๋ามึง “

“ เมด บินไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นก็บอกแล้วไงว่า ขอโทษ “

“ แล้วก็เรื่องล่าสุด ที่ไม่ใช่เรื่องล่าสุดเพราะมึงก็คงแอบเอากับเพื่อนรักกูมาตลอด กูไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้ว ที่มึงมาเอากันที่ห้องของกู บนเตียงกูและใช้ผ้าปูเตียงของกูสุขสมกัน มึงทำได้ยังวะ มึงพามันที่เป็นเพื่อนกู มาเอาบนเตียงกู ทั้งๆที่บนเตียงนั่น มีภาพมึงกับกูอยู่ ตอนที่มึงเอาอยู่บนตัวมัน มึงหันมาเห็นภาพกู แล้วรู้สึกผิดอะไรบ้างรึเปล่าวะ รู้สึกบ้างรึเปล่าวะบิน ว่ามึงกำลังทำให้กูคนนี้เสียใจมากแค่ไหน
 กู...คนที่รักมึงมาก แล้วทุกๆอย่างให้มึง ทนมึง เหมือนคนโง่ๆคนนึงที่ไม่เคยฉลาดเลยในสายตาคนอื่น มึงนึกถึงกูคนนี้บ้างมั้ยวะ คนที่มึงบอกว่ารัก คนที่มึงกำลังพูดว่าขอโทษ อึก มึงเคยคิดที่จะรักกู อย่างที่กูรักมึงบ้างมั้ยวะ เคยที่จะรักกูบ้างมั้ย ฮือๆ “

“ เมด ฟังนะ บินรักเมด รักมากจริงๆ บินให้เมดเป็นที่หนึ่ง เป็นตัวจริง คนอื่นมันก็แค่ความสนุกชั่วคราวเท่านั้น “ มือหนาที่จับแขนของผมไว้แน่น บินที่พยายามอธิบาย

“ พอแล้วไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น พอสักที! “ ผมตะโกนออกไปทั้งๆที่น้ำตานองหน้า “ กูไม่เคยอยากจะเป็นที่หนึ่ง กูแค่อยากจะเป็นคนคนเดียวที่มึงจะรัก แต่มึงไม่เคยรักกู มึงไม่เคยรักกูเลย ไม่เคยรัก อึก ฮือๆ เพราะถ้ามึงรัก มึงจะไม่ทำแบบนี้ คนที่เค้ารักกันอะ เค้าไม่ทำแบบที่มึงทำกับกูหรอก เค้าจะดูแล เค้าจะพยายามปรับตัว แล้วที่สำคัญเค้าจะไม่มีวันยอมให้ใครหน้าไหนเข้ามาในชีวิตรักของเค้า เค้าจะไม่ไปแอบเอากับคนอื่น  และทั้งหมดนั่น มันไม่มีในตัวมึง เข้าใจมั้ย มึงไม่ได้รักกู มึงไม่ได้รักกู “

กุหลาบที่ถืออยู่ผมฟาดลงไปอกของอีกคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลีบดอกของมันกระจัดกระจายไปทั่ว หลงเหลือไว้แค่ก้านดอกไว้เปล่าๆในช่อสีน้ำตาลสวย

   ทุกอย่างมันก็คล้ายความรักของเรา ที่ตอนนี้ไม่มีเหลืออะไรแล้ว เราที่มีแค่อดีต แต่ไร้ซึ่งปัจจุบันและอนาคต ทุกอย่างมันน่าเคว้งคว้างนั่นก็จริงอยู่ แรกเริ่มมันน่าเศร้าจนทำได้แค่คอยถามว่าทำไม เพราะอะไร แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ทุกเหตุผลรองรับด้วยคำพูดที่ผมบอกอีกคนซ้ำๆ ‘ เพราะเค้าไม่เคยรัก ทุกอย่างก็เลยเป็นแบบนี้ แต่ที่ยังรู้สึกเจ็บเจียนตายขนาดนี้ ก็คงเพราะมีแค่ตัวเรา ที่รักเค้าข้างเดียวมาตลอด ‘

“ เราเลิกกันนะบิน “ ผมพูดออกมาตอนที่ลดช่อกุหลาบในมือลง ก่อนที่ปล่อยมันให้ตกลงบนพื้นแหมือนกันกับกลีบดอกที่ร่วงหล่น
“ อย่ามายุ่งกับชีวิตกูอีก กูจะอโหสิกรรมในสิ่งที่มึงทำกับกู เพราะกูอยากจะให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่กูจะได้เจอมึง กูจะถือว่าเราหมดกรรมที่มีต่อกันนะ “

“ ไม่ เมด บินไม่ยอมเลิก “

“ ทำไมถึงไม่ยอม ยังจะต้องการอะไรอีก “ ผมเงยหน้าขึ้นถาม “ มึงได้ไปไม่พอเหรอ มึงให้ความรักกูได้ไม่ถึงหนึ่งในร้อยที่มึงทำให้กูเสียใจเลยนะ หรือมึงยังหลอกกูไม่พอ มึงยังเหี้ยกับกูไม่พออีกเหรอ ปล่อยกูไปได้แล้ว กูอยากมีชีวิตใหม่ ชีวิตที่ไม่มีมึง ไม่มีเพื่อนเหี้ยๆแบบมันสองคนนั้น ส่วนมึงจะกลับไปเอากับยีนส์หรือจะคบกันยังไง มันเป็นเรื่องของมึง ต่อจากนี้เราไม่มีชีวิตเกี่ยวข้องกันอีก “

“ เมด..”

“ ลองคิดดูนะ ถ้าเรื่องนี้เป็นของมึง มึงจะทำยังไง ถ้ามึงมาเป็นกู มึงที่รักกูมาก ยอมกูทุกอย่าง แต่สุดท้ายกูก็ไปเอากับเพื่อนมึง กูเอากับเพื่อนมึงหลับหลังมึงมาตลอดสี่ปี ถามหน่อยเถอะ ถ้ากูขอโทษมึง ขอคืนดี มึงยังจะคืนดีกับกูอีกเหรอ “ ผมส่ายหน้าไปก่อนจะยกยิ้มแล้วบอก “ ถ้าเป็นมึงแล้วกูทำแบบนั้น ตอนนี้กูคงไม่ได้หายใจอยู่ตรงนี้แล้วมั้ง คงตายคาตีนมึงไปแล้ว “ เว้นเสียงพลางถอนหายใจออกมา “ บิน.. ไม่มีใครที่ไหนเค้าทนได้หรอก มึงคิดว่ากูโง่มากขนาดไหน มึงถึงยังกล้ามายืนอยู่ตรงนี้วะ “

“ เมด บินไม่อยากเลิกกับเมด เมดคือคนที่ดีที่สุดในชีวิตบินนะ “

“ รู้ว่าดี แล้วทำไมไม่รักษาไว้ให้ดี “  สบสายตาอีกคนที่ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา น้ำตาของร่างสูงที่ไหลออกมามันเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นผู้ชายคนนี้ร้องไห้  “ กูถือว่ากูพูดชัดแล้ว เราเลิกกันแล้ว ถ้ามึงรักกูจริงๆอย่างที่ปากมึงพูด ถือว่าเป็นการแสดงความรักครั้งสุดท้าย เลิกกับกู ปล่อยกูไปซะ ถือว่ากูขอร้อง อย่ามายุ่งกับกูอีก “

เราที่เงียบให้กัน แล้วหน้ามองหน้ากันและกัน โดยไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรออกมา บินทำได้แค่มองหน้าผม มันไม่บอกว่าจะยอมเลิก แต่ผมก็คิดว่าตัวเองได้พูดทุกอย่างที่ควรพูดออกไปหมดแล้ว คำพูดที่บอกกับอีกฝ่ายว่า ตัวผมจะไม่มีวันกลับไปรักกับคนอย่างมันอีก

   จบลงแล้วความรักที่เคยคิดว่าจะมีอยู่ตลอดไป แต่มันก็ไม่เคยมีอยู่เลย เท่าที่มีก็มีแค่ตัวผมที่มอบให้อีกคนไปฝ่ายเดียวอย่างไม่เคยได้รับกลับ แต่วันนี้ทุกอย่างมันจบลงแล้ว ต่อไปนี้ก็เหลือเพียงแค่ตัวผม ที่จะรักตัวเองมากขึ้นกว่าที่เคย ผมก้าวขาเดินออกห่างจากมัน จะไม่มีวันเดินกลับไปอีกแล้ว

“ กูรักมึงนะเมด “ บินพูดเสียงเบาๆในตอนที่ผมกำลังจะเดินผ่านมันไป ขาที่หยุดชะงักผมเหลือบไปมองมัน “ กูรักมึงแต่รักษาไว้ไม่ได้ไม่ใช่ไม่เคยรักอย่างที่มึงเข้าใจ แต่กูมันมักมากไม่รู้จักพอ มีของดีอยู่แล้วก็ยังอยากได้อย่างอื่น ขอโทษที่เป็นแฟนที่เหี้ยขนาดนั้น ขอโทษที่ทำให้มึงเสียใจมาตลอด ขอโทษที่ไม่เคยรักมึงได้อย่างที่มึงรักกูเลย “ ผมเงียบไม่พูดอะไรออกไปทั้งนั้น บินดึงตัวเองหันมาเผชิญหน้ากับผมอีกครั้ง มันเหลือบมองอาฟ ก่อนจะหันกลับมามองผม “ คบกับไอ้อาฟก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน แต่ถ้าไม่อยากจะเสียใจแบบนี้อีก ก็รีบเลิกแล้วไปหาคนดีๆคนอื่นเถอะ เพราะการที่เมดคบมัน ก็ไม่ต่างกับการที่เมดเล่นกับไฟหรอก อยากจะเตือนเอาไว้ “

   ไม่ได้ตอบอะไร คำพูดเตือนนั้น

ผมไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับตัวตนของคนที่มันพูดถึง แต่ถึงอย่างงั้นผมก็รู้สึกว่า คนเราไม่ควรตัดสินคนคนนึงจากคำพูดของใคร  ผมเดินเข้าไปใกล้อาฟ มันที่เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะยกยิ้มให้ผม มือหนาเอื้อมมือมาจับมือผมมันเองก็ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ ผมเดินตามแรงจูงของอีกคนไปที่รถ เสียงปลดล็อครถที่ดังขึ้นอาฟเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ

ผมนั่งมองอีกคนเดินกลับไปอีกฝั่ง อาฟหันไปมองบินที่ยืนอยู่เพียงเสี้ยววินาที ผมเห็นมันยกยิ้มให้อีกคนก่อนจะเปิดประตูฝั่งคนขับเข้ามานั่ง มองบินที่มองเข้ามาในรถ ผมรู้ว่าอีกคนคงไม่เห็นผม เสียงติดเครื่องยนต์ของรถดังขึ้น ผมที่ยังมองอีกคนอยู่แบบนั้นจนกระทั่งอาฟขับรถออกไปจากคอนโด

“ ลาก่อน “  ความรักที่เคยคิดว่าดีของผม .. ลาก่อน บิน..

........................................................................................


   เส้นถนนที่เงียบเชียบ ไม่ต่างอะไรกับความเงียบภายในรถ เราขับรถออกมาจากคอนโด ได้สักพักหนึ่งแล้ว ผมไม่ทราบจุดหมายปลายทางของมันว่าคนขับรถที่เอาแต่เงียบจะขับพาผมไปไหน แต่ถึงอย่างงั้นผมก็มีบางอย่างที่อยากจะเอ่ยถามมัน
“ แล้วนี่เราจะขับรถออกมาจากคอนโดอีกทำไมวะ “

“ กูก็ไม่รู้ “ อีกคนตอบสั้นๆ  ก่อนที่ผมจะหลุดยิ้มออกมา ก็งงอยู่แล้วเหมือนกัน ว่าอยู่ๆ เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉุกคิดขึ้นได้ก็ตอนที่ขับรถออกมาจากคอนโดได้ครึ่งทางแล้ว

มองออกไปนอกหน้าต่างนั้นเงียบๆ ผมคิดถึงใบหน้าของคนที่ผมเพิ่งบอกเลิกเค้าไป มันคงดีนะ ถ้าบินเป็นคนดี ไม่ต้องดีมากก็ได้แต่เป็นคนที่รู้จักคิด และรู้จักใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นบ้าง แต่คิดไปมันก็เท่านั้น อดีตก็คืออดีต มันคงไม่หวนกลับมา
“ ถ้าจะมานั่งเศร้าแล้วจะบอกเลิกมันทำไม “

“ ไม่ได้เศร้า “ ผมตอบกลับอีกคนก่อนจะชี้ไปนอกหน้าต่างรถ “ มึงไม่เห็นเหรอ บรรยากาศชวนเหงาขนาดนี้ จะไม่ให้เหงาตามได้ไงวะ “

“ อย่าโทษบรรยากาศ “ อาฟบอก “ ถ้ามึงเศร้ามองเหี้ยอะไรมันก็เศร้าไปหมดนั่นแหละ “

“ เหรอ .. “ ตอบอีกคนเสียงเบาๆก่อนจะถอนหายใจ “ คงงั้นมั้ง “

“ จะไปเสียใจให้ผู้ชายแบบนั้นทำไมวะ “ รถจอดลงข้างทางตอนที่อีกคนบอกแบบนั้น อาฟไม่ได้หันมามองผม มันแค่มองไปยังถนนข้างหน้า เสี้ยวใบหน้าคมที่กำลังหงุดหงิดผมเห็นมันกำมือกับพวงมาลัยรถไว้แน่น ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากัน ถอนหายใจที่ผ่อนออกมามันหันออกไปนอกหน้าต่าง “ มันไม่เคยดีกับมึงเลยไม่ใช่เหรอ มันทำร้ายมึง มันหลอกมึง มันไปเอาเพื่อนของมึง แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังรักคนแบบนั้นอยู่เหรอวะ ทำไมไม่เอาความรักที่มึงให้มันสักครึ่งก็ยังดี รักตัวเองบ้างวะ “

“ อาฟ..”

“ รักตัวเองให้สมกับที่คนที่เค้ารักมึง รักหน่อยสิว่ะ “ หันไปเหลือบมองมันที่ก็เหลือบหันมามองผมพอดี “ กู... หมายถึงครอบครัวมึงพ่อแม่มึง ..แล้วก็คนอื่นๆที่เค้ารักมึง “

“ กูรู้ “ ผมบอกก่อนจะก้มหน้าลง “ กูรู้ว่ากูไม่ควรเสียใจให้คนแบบนั้น มันเหี้ยกับกูมากๆ สารพัดความเลวที่มันทำกับกูแต่กูก็ยังอดทน เพราะกูเคยคิดมาตลอดว่าถึงมันจะเหี้ยยังไง มันก็ยังรักกู เรารักกัน แล้วมันจะเปลี่ยนได้ อึก แต่กูไม่เคยคิด ว่าทั้งหมดที่กูคิด ที่กูพยายาม กูทำอยู่คนเดียวมาตลอด มันไม่ได้คิดจะเปลี่ยน หรือคิดจะทำอะไรเพื่อกูสักอย่าง
มันที่ไปเอาเพื่อนกู ตอนที่กูเห็นตอนที่รู้ความจริงทุกอย่างมันมาพร้อมกันหมด มันเร็วเกินไปอะมึง อึก ฮือๆ กูไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น ไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนรักกับคนที่รักจะมาได้กัน ไม่เคยคิดว่าจะถูกหลอกมาตลอดสี่ปี กูก็ไม่อยากร้องไห้ แต่มันเสียใจอะมึง อึก ฮือๆ ไม่คิดเลยว่าจะโดนทำแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าชีวิตต้องมาเป็นแบบนี้ มันโหดร้ายกับกูมากๆเลยมึง เสียใจขนาดที่ว่าถ้ามันตายจากกูไป กูยังไม่เสียใจเท่านี้เลย อึก ฮือๆ “


มือหนาดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่นในอ้อมกอดของมัน ฝ่ามือที่ตั้งอยู่บนหลังลูบเบาๆอยู่แบบนั้นผมก็ยิ่งร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

“ แบ่งมันมา “ อีกคนพูดแค่นั้น “ ถ้าความเสียใจมันมีมากนัก ก็แบ่งมันมาให้กูได้มั้ย “ มือที่ลูบอยู่ที่หลัง ผมรู้สึกถึงใบหน้าคมที่ซบลงที่ช่วงไหล่ เสียงถอนหายใจที่ดังออกมาของอีกคน “ กูอยากรับมันไว้เอง “

“ อาฟ..”

“ สัญญากับกูเมด ว่าจะร้องไห้ให้ไอ้เชี้ยนั่นแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แล้วต่อจากนี้อย่างร้องไห้ให้คนคนนั้นอีก ตอบตกลงกับกู แล้วกูจะให้มึงร้องไห้ให้พอใจเลย “

“ อื้ม “ พยักหน้ารับกับอีกคนทั้งๆที่ยังกอดมันไว้ ผมพูดเสียงอู้อี้ “ กูจะร้องไห้ให้มันแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แล้วต่อจากนี้ไปกูจะไม่ร้องไห้ให้กับคนแบบนั้นอีก “

“ อื้ม “ อาฟตอบเสียงเบาก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น “ งั้นกูจะกอดมึงไว้ ร้องไห้บนไหล่กูได้ตามสบายเลย “  มือที่ค่อยๆลูบชวนให้น้ำตาของผมไหลออกมา เสียงร้องไห้ที่ดังไปทั่วทั้งรถ 

มือหนาที่ลูบอยู่ที่หลังไม่รู้ทำไมแต่ผมคิดถึงพ่อของผมขึ้นมา มันเป็นคำพูดที่ไม่กี่คำที่พ่อเคยพูด ‘ ไหวมั้ยเมด โอเคมั้ยลูก ‘ แล้วคำนั้นก็เรียกน้ำตามากมายจากผมได้ตลอด

ไม่เคยได้รับความอบอุ่นแบบนี้มานานแล้ว ครั้งล่าสุดมันนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ผมไม่ใช่คนขี้แย มีอะไรก็ไม่ค่อยชอบพูด ผมไม่ชอบทำให้พ่อไม่สบายใจ ท่านทำงานหนัก อายุก็มากขึ้นแล้วด้วย ไม่อยากจะให้มาคิดมากกับเรื่องไร้สาระแบบนี้ ก็เลยไม่ค่อยพูดอะไร

เจ็บแค่ไหนก็แค่ทนไว้ กลับบ้านไปก็ไม่เคยแบกเอาความทุกข์กลับไป คิดแค่ว่านานๆทีกลับ ก็ต้องเอายิ้มกว้างๆกลับไปให้เค้า และเพราะคิดแบบนี้มาตลอดไม่ว่าเรื่องอะไรมันก็ถูกเก็บเอาไว้ จนตอนนี้ ตอนที่อาฟกอดผมไว้ ผมก็รู้สึกว่า ทุกเรื่องที่เคยเสียใจ มันล้นทะลักออกมาหมด ไม่ใช่แค่เรื่องของบินแล้ว แต่มันคือทุกเรื่องเลย


มันก็น่าแปลกดี ทำไมอ้อมกอดนี้ ถึงเป็นอ้อมกอดที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจได้ขนาดนี้กันนะ..


   นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่ผมร้องไห้ ตอนที่ดึงตัวเองออกมาจากไหล่อีกคนผมเห็นว่าเสื้อมันเปียกชุ่ม มือที่กำเสื้อของอีกคนไว้แน่นตอนร้องไห้ยับยู่ยี่ไปหมด แต่ถึงอย่างงั้นตอนที่มองสายตาคมของอีกฝ่ายที่มองกลับมา ผมเห็นอาฟมือสั่น มันที่เหมือนจะเอื้อมมือขึ้นมาแต่ชะงักไป ราวกับคิดแล้วคิดอีกว่าจะทำดีหรือไม่ดี

“ อาฟ “ พอเอ่ยเรียกอีกคนก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ผม ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยลงที่แก้มเบาๆ มันอุ่นจนชวนให้ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง มันไม่น่ากอดผมไว้เลย มันจะรู้รึเปล่าว่ากำลังทำให้ตัวเอง กลายเป็นคนที่ผมอยากจะงอแงใส่ทุกเรื่องแล้วในตอนนี้ เป็นคนที่ถ้าเศร้าก็อยากจะร้องไห้ให้มันดู ให้มันปลอบ

“ กูเช็ดไปงั้นๆ รำคาญตา “ มันบอก ผมก็หลุดยิ้มออกมา

“ อ้างว่า ไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดว่ามึงแกล้งกูอย่างเมื่อวันก่อนที่ทำก็ได้ “

“ อื้ม “ บอกแบบนั้นอีกคนก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ผมอีกครั้ง อาฟมองตาผมมันมองอยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจหันไปมองนอกหน้าต่าง “ เดี๋ยวกูมา “

   ร่างสูงเดินลงไปจากรถ ผมที่มองตามมันไป อาฟเดินเข้าไปในเซเว่นที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้น มันเข้าไปไม่นานก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับของในถุง เปิดประตูเข้ามาในรถ มันยื่นทิชชูเปียกให้ผม

“ เช็ดซะ หน้าตาดูไม่ได้ “

“ อื้ม “ แกะทิชชูนั่นขึ้นมาเช็ดหน้า ก่อนอีกคนจะยื่นทั้งถุงมาวางไว้บนตัก ในนั้นมีทั้งน้ำเปล่าขวดเล็ก แล้วก็มีนมช็อคโกเล็ตอยู่ขวดนึง ผมหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความคุ้นตา เผลอถอนหายใจอกอมาตอนที่เห็นผมยกยิ้มขึ้นมา ก็ช่างหยิบมานะมึง .. เสือกไปหยิบนมที่ไอ้เชี้ยบินมันใช้จีบกูตอนม.หกมาให้กูแดกอีก “ มึง.. นี่ตั้งใจหยิบมารึเปล่า หรือว่าไม่ตั้งใจ “ ผมหันไปถามอีกคนที่ก็คาดเข็มขัดนิรภัยเตรียมตัวขับรถออกไป ผมรู้สึกว่ามันหูแดง ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าแต่อาฟก็ตอบ

“ อื้ม ตั้งใจ “

“ มึงช่างหยิบมากอะ มึงหยิบนมที่ไอ้บินใช้จีบกูตอนม.หกมาให้ “

“ งั้นเหรอ “ อีกคนถอนหายใจก่อนจะตอบเซ็งๆ

“ อื้ม มันฝากเพื่อนในชมรมบาสมาให้กูทุกเย็นเลย แต่รู้อะไรมั้ย ตอนที่ตกลงคบกันแล้วย้ายมาอยู่คอนโดด้วยกัน วันนึงกูบอกให้มันซื้อนมนี่มาให้หน่อย แม่งเสือกจำไม่ได้ กูตอนนั้นก็เลือกจำยี่ห้อมันไม่ได้ด้วย เลยบอกว่า ก็นมที่มึงเคยซื้อมาให้กูตอนม.หกไง แต่ไอ้เชี้ยนั่นกลับไม่รู้ แล้วหงุดหงิดใส่กูใหญ่ สุดท้ายก็ซื้อผิด “

“ ก็ไม่เห็นแปลก ที่มันผิด “ อาฟว่าเสียงเบาๆก่อนจะยกยิ้ม ผมหันไปเหลือบมองมัน

“ มึงว่าอะไรนะ อะไรไม่เห็นแปลก “

“ กินนมนั่นเข้าไปซะ แต่ถ้าไม่อยากกินเพราะคิดว่าไอ้เหี้ยนั่นเคยซื้อให้ ก็ลืมๆมันไปซะ แล้วคิดใหม่ คิดว่ากูซื้อให้ ไม่ใช่มัน “

“ กินนั่นแหละ มึงซื้อให้ทำไมจะไม่กิน “ ผมบอกมันอีกคนก็ถอนหายใจออกมา รถเคลื่อนตัวออกไปจากที่จอดอีกครั้ง ผมที่เจาะนมนมในมือขึ้นกินก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วคิดขึ้นมาได้ “ แล้วนี่มึงจะพากูไปไหนวะ “

“ คอนโดกู “

“ ห๊ะ ? “

...................................................................

ถ้าถามว่า ทำไมบินที่ทำไม่ดีกับเมดตั้งมากมายทำไมเมดยังรัก
ดูสิ่งที่เมดหยิบยกมาด่าแต่ละคำสิ หมดรักคนแบบนี้ไปมันก็ดีแล้วจะเสียใจทำไม
ทำไมยังรัก
คำตอบคือ ในช่วงเวลาที่เราเสียใจจากการกระทำของอีกฝ่าย ความดีที่เค้าทำมันไม่โผล่มาให้เห็นหรอก คนเราจดจำเรื่องที่เราเสียใจมากกว่าเรื่องที่เราดีใจ เรื่องเสียใจนิดหน่อยก็จำได้ แต่เรื่องดีใจต้องมากมายจริงๆถึงจะจำได้ดี

เราชอบตอนนี้เป็นพิเศษเลย มันมีหลายมุมมองของตัวละครดี  แม้จะเป็นตอนที่เขียนเหนื่อยมากเพราะหลายความรู้สึกเกิน ทั้งความรู้สึกที่อัดแน่นของเมด ของบิน แม้แต่ของอาฟ เป็นความรู้สึกคนละอย่างกันเลย

ตอนนี้ไม่มีนิยายแชท ยังไงฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่ะ 
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 06-04-2018 21:04:09
ตอนนีเนื้อเรื่องดีมากอะ...เราชอบบบ  o13 ขอให้อาฟชอบเมคจริงๆไม่ทำให้เสียใจนะ..สงสารเมค...เห็นภาพอะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 06-04-2018 21:09:23
อาฟเป็นคนส่งนมให้เมดตอน ม.ปลาย แน่เลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 06-04-2018 22:05:07
ไม่อยากให้เมดเสียใจอีก สัดพี่ตามน้องเดย์
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 06-04-2018 22:23:43
เอ้า สัดพี่อาฟของน้องเดย์ใช้นมจีบเขามาตั้งแต่ม.ปลาย แล้วเนียนแฝงตัวในเงามืดเนี่ยนะ โห~~~~~~ @#$%^&:''&^%
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 06-04-2018 23:05:33
นี่รู้สึกว่านมที่ใช้จีบเมดก็มาจากอาฟอะ 555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-04-2018 23:15:35
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 06-04-2018 23:44:34
อาฟเป็นคนซื้อนมไปจีบบบบชัวร์ๆๆๆๆๆๆๆ
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 06-04-2018 23:51:08
น่ากลัวนมที่เมดได้ทุกเย็นจะไม่ใช่ของบินละมั้งเนี่ย


หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 07-04-2018 00:29:54
ดีแล้วที่เมดตัดใจจากบินได้เด็ดขาด

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 07-04-2018 00:38:15
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 07-04-2018 01:29:43
สัดพี่จีบพี่เมดตั้งแต่ม.ปลาย??!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-04-2018 02:11:32
อาฟซื้อนมยี่ห้ออะไรอ่ะ เนียนดีแท้  :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 07-04-2018 06:01:37
อาฟต้องแิบรัยเมดมาตั้งแต่เด็กแน่ๆเรยยย :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-04-2018 08:55:51
ไอ้บินคงไม่ตามมารังควานอีกนะ! หน้าด้านเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 07-04-2018 10:29:16
จีบแบบนี้ เมื่อไหร่จะจีบติดคะอาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 07-04-2018 11:11:02
สรุปชอบนมที่อาฟซื้อให้มาตลอดนั่นแหละ ติดไปละ เมดเอ้ยยย  :impress2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 07-04-2018 11:27:55
พ่ออาฟคนซึน ชอบเค้าตั้งแต่ม.ปลาย แหม่ ช่างน่ารักเสียจริง มีส่งนมไปจีบด้วย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 07-04-2018 11:31:19
อาฟ แกมีความลับใช่มะ คายออกมาาาา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 07-04-2018 12:36:12
แหมมมมมม แอบจีบเค้าตั้งแต่ม.ปลายทำเป็นเงียบนะสัดพี่ :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 08-04-2018 00:18:02
เพิ่งมาอ่าน ชอบอาฟ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-04-2018 10:10:24
ร้องไห้ค่ะ น้ำตาไหลพราก สงสารเมด
เมดต้องเจอเรื่องแบบนี้มานาน แต่เพราะรักและเชื่อคำพูดคนที่คิดว่าเค้ารักเรา
ทั้งที่ก็รู้ว่า ทำไม่ได้ และไม่รู้จะทำได้ตอนไหน หรือตลอดไป
มันไม่ใช่ว่าเมดต้องอดทนแต่เมดพยายามปรับตัวให้เข้ากันมากไป
ถ้าเรื่องนี้ไม่เกิดและไม่เห็นกับตา เมดก็ยังเป็นคนไม่รู้อะไรต่อไป
และเมดคงไม่เจออาฟ ผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่มีใคร เลยใช้ชีวิตสนุก
แต่ตอนนี้พร้อมจะพาเมดตะลุยชั้นสามละนะ
รอเวลาแค่เมื่อไหร่จะเอ่ยปากว่าจริงจัง

อาฟเอ้ยย อบอุ่นเวอร์ แค่นี้เมดก็ปันใจจะแย่แล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Prionear ที่ 08-04-2018 15:31:17
เข้ามาอ่านรวดเดียวเลย ชอบความซึนเบาๆของคุณอาฟ เขาน่ารักละเกิน มีแอบด่าความโง่ให้รักบังตาของเมดบ้าง แต่ก็เข้าใจอยู่นะ แต่พออ่านตอนบอกว่าเมดต้องเจออะไรมาบ้างก็หงุดหงิดอยู่ดี พี่เมดทำไมต้องไปทนกับคนแบบนั้นด้วยน้าาาาา น่าจะมาเจอกับพี่อาฟให้ไวกว่านี้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-04-2018 21:19:33
นี่อาฟจีบเมดก่อนบินหรอเนี่ย อะเมซิ่ง~
ที่กลับมาวนเวียนรอบเมดนี่คือ
รักครั้งเก่าใช้แม้ะอิพี่~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 08-04-2018 23:21:04
งั้นก็คงไม่ใช่บินแล้วล่ะ 5555555555555555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 09-04-2018 10:23:58
รึว่า อาฟจะจีบเมดตั้งแต่ม.ปลายแต่เมดคิดว่าเป็นยินเลยคบกับบินแทน สัดพี่อาฟมีความแอบโรแมนติกนะเนี่ย :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 09-04-2018 11:09:16
ชอบตอนนี้อ่ะ  อิอาฟทำตัวมีประโยชน์เชียว  ชอบๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 13-04-2018 20:38:21

ตอนที่ 15

“ แล้วนี่มึงจะพากูไปไหนวะ “

“ คอนโดกู “

“ ห๊ะ ? “

   ก็อย่างที่อีกคนบอก ไม่ได้ฟังผิดแต่อย่างใด รถที่ขับรถตรงไปเรื่อยๆ ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปตรงทางเข้าของคอนโดที่ผมเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง จอดรถลงที่ข้างรถ GTR คันคุ้นตา คนขับขยับเปลี่ยนเกียร์เพื่อหยุดรถ อาฟดึงเบรกมือขึ้นก่อนจะพูดเสียงเบาๆ

“ ไอ้เดย์นอนคอนโดเหรอวะ “

“ มึง..” ผมเรียกด้วยเสียงเบาๆ ตอนที่หันไปเหลือบมอง อาฟก็หันมามอง

“ มีอะไร “

“ คือ กูเกรงใจอะ กูไม่นอนดีกว่า ยังไงเดี๋ยวนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองก็ได้ “

“ อย่าเรื่องมาก มึงจะหาแท็กซี่อะไรเอาตอนนี้ “ อีกคนหันมาบอก ท่าทางจริงจังของมันถาม “ กลัวกู ? “

“ เปล่า “ ส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบ อาฟไม่ใช่คนน่ากลัว หลายวันที่อยู่กับมันมา สำหรับผมผู้ชายคนนี้ อบอุ่นและใจดีมากกว่าที่คิดไว้เยอะมากๆ แต่เหตุผลที่ทำให้ไม่อยากนอน คือ กลัวว่าตัวเองจะทำตัวไม่ถูกมากกว่า ผมไม่ได้เตรียมกับใจกับการจะมานอนค้างอ้างแรมกับมัน  จะใส่ชุดไหนนอน จะนอนกันยังไง เราต้องนอนข้างกันเหรอ แน่นอนละ มันคงไม่ออกไปนอนโซฟาหน้าห้องแน่นอน หรือมันจะมีฟูกเล็กๆ ปูให้ผมนอนผมพื้น แต่ก็คิดว่าไม่น่ามีอีกนั่นแหละ

“ แล้วมึงคิดมากอะไร กลัวกูปล้ำมึง “ ประโยคที่ทำให้ผมสะดุ้งขึ้นมาน้อยๆ เบิกตามองมันก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ ไอ้เชี้ย กูจะไปคิดอะไรแบบนั้นได้ยังไง “

“ ก็ดี งั้นก็ลงมา เพราะคงเป็นกูมากกว่าที่กลัวว่ามึงจะเข้ามาปล้ำกลางดึก “ อาฟบอกก่อนจะเปิดประตูออกไปจากรถ แต่เพราะผมเอาแต่นั่งนิ่งอยู่ในรถ อีกคนที่ยืนอยู่นอกรถก็เลยจำใจต้องก้มลงมาถาม อาฟยกยิ้ม “ ไม่กล้าลงมาแบบนี้ กลัวกูปล้ำจริงๆรึไง หรือว่าเขินที่จะได้นอนกับกู “

“ ไม่ใช่ทั้งสองอย่างนั่นแหละไอ้สัด อย่าหลงตัวเอง “ จำใจเดินลงจากรถแบบเสียหน้าไม่ได้ ผมจ้องหน้ามัน อีกคนก็ยักคิ้วก่อนที่เราจะปิดประตูรถพร้อมกันทั้งสองคน อาฟกดล็อครถแต่ก่อนที่มันจะเดินนำไปแต่ผมก็เอ่ยบอก “ ก่อนขึ้นไปขอไปแวะเซเว่นก่อนสิ “

“ มึงจะซื้ออะไร “

“ ของใช้ส่วนตัวสิวะ แปรงสีฟัน ครีมอาบน้ำ โฟมหน้าล้าง “

“ ใช้ของกู “ มันบอกปัดแบบง่ายๆ

“ ไม่ได้ กูแพ้ง่าย กูต้องใช้แบบที่กูใช้ประจำเท่านั้น ไม่งั้นผื่นมันจะขึ้น “ อธิบายอีกคนไปอาฟที่ยืนนิ่งฟัง มันก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินนำไปอีกทาง ผมเร่งฝีเท้าไปเดินข้างๆมันที่ก็หันมามอง “ มองอะไร จะแซวกูรึไง “

“ เรื่องอะไร “ มันถามก่อนจะขมวดคิ้ว

“ ก็เรื่องกูแพ้ง่าย “

“ ไร้สาระ “ อาฟบอก “ เห็นกูอยู่ประถมรึไง ถึงต้องมาล้ออะไรมึงแบบนั้น “

“ เมื่อก่อนตอนเด็กๆ กูโดนเพื่อนล้อว่าเป็นตุ๊ดด้วย เพราะใช้โฟมล้างหน้าของผู้หญิง “ มันยิ้มตอนที่ผมเล่า “ แล้วตอนนั้นกูก็หงุดหงิดมากเลยนะ แบบกูไม่ตุ๊ดเว้ย กูก็เอาโฟมผู้ชายมาล้างหน้า เท่านั้นแหละมึง หน้านี่ขึ้นผื่นเป็นแผ่นเลย สุดท้ายพ่อต้องเสียค่ารักษาผิวให้กูอีก โคตรบ้าไม่น่าลองดี “

“ สมน้ำหน้า ซ่าส์นัก “ อาฟก้มหน้าลงยิ้มกับสิ่งที่ผมเล่า เอาจริงๆแม้อาฟจะไม่ใช่คนคุยเก่งอะไร ติดจะเงียบไปด้วยซ้ำ แต่ที่น่าแปลกคือ ผมไม่เคยรู้สึกอึดอัดเวลาอยู่กับมันเลย เหมือนจะเข้าใจว่าอีกคนเป็นแบบนี้อยู่แล้วรึเปล่าก็ไม่รู้ และบางทีก็รู้สึกว่า อุ่นใจที่มีมันอยู่ด้วยกัน แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรมากก็ได้

“ แล้วมึงไม่แพ้อะไรบ้างเหรอ “

“ ไม่ “ มันบอกพลางส่ายหน้าแต่ตอนที่หันมามองผม อาฟก็เงียบไปก่อนจะพูดขึ้นตอนที่ผมหันไปมองมันยิ้มเจ้าเล่ห์ “ ก็มีแพ้บ้างนะ ช่วงนี้ก็แพ้หลายอย่างอยู่ “

“ แพ้ไรวะ “

“ เสือกจัง “ เอียงหน้าบอกกันยิ้มๆก่อนจะเดินนำเข้าไปในเซเว่นขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับคอนโดของมัน ถอนหายใจออกมากับความกวนตีน ทำได้อยากจะถีบส่งท้ายสักที แต่ก็ทำไม่ได้สุดท้ายเลยได้แต่ด่าว่า ‘ ไอ้สัด ‘ ไล่หลังไปแบบไม่ออกเสียง 

ผมหยิบตะกร้าที่อยู่ตรงหน้าประตูขึ้นมา ก่อนจะเดินตรงไปที่ล็อคของใช้ หยิบเอาสบู่อาบน้ำเด็ก ยาสระผมของเด็ก โฟมล้างหน้าสำหรับผิวบอบบาง แปรงสีฟันอันใหม่ ไม่ลืมหยิบแป้งเด็กกลิ่นที่ชอบทาขึ้นมาด้วย  ก้มลงเช็คของในตะกร้าอีกครั้งของใช้ส่วนตัวไม่มีอะไรแล้ว ผมเดินออกไปจากล็อควนหาร่างสูงที่มาด้วยกันและตอนนี้กำลังยืนจดจ่ออยู่กับของกินที่อยู่หน้าตู้เย็น

“ มึงจะซื้อไรอะ “

“ เปล่า “ อีกคนบอกก่อนจะหันมามองผม “ มึงซื้อเสร็จแล้วเหรอ “

“ อื้ม “ พยักหน้ารับมัน อาฟก็หันมองในตะกร้าที่ผมถือ มันหลุดยิ้มกว้างออกมา “ ยิ้มอะไร “

“ เปล๊า “ มันว่าเสียงสูง

“ จะแซวอะไรกู “

“ วอแวอยากจะให้กูแซวจังนะ “ มันว่าก่อนจะมองเข้าไปในตะกร้าที่ผมถืออีกครั้ง “ ไม่เห็นน่าแซวตรงไหน ของมันก็เหมาะกับมึงดี “

“ ตรงไหนวะ มีแต่ของเด็กๆทั้งนั้น น่ารักฟรุ้งฟริ้งไม่เห็นจะเข้ากับกูเลย “  อาฟหัวเราะตอนที่ผมพูดแบบนั้น มันเชิดหน้าไปทางเค้าเตอร์คิดเงิน

“ ไปจ่ายเงิน ได้แล้ว ไม่ง่วงรึไง ตากูจะปิดอยู่แล้ว “

“ มึงไม่เอาอะไรนะ “ ผมถามย้ำอีกคนก็ส่ายหน้า เดินเอาของที่ซื้อไปคิดเงินเรียบร้อย ผมก็เดินหิ้วถุงเซเว่นกลับไปทางเดิมที่เราเดินมา

ผ่านระบบความรักษาความปลอดภัยเข้ามาด้านในอาคาร อาฟกดลิฟต์ขึ้นไปตรงชั้นที่มันอยู่  ปลดล็อคประตูห้องด้วยรหัสแล้วตอนที่เปิดเข้าไป สมาชิกอีกคนที่เป็นเจ้าของห้องก็ยืนอยู่ น้องเดย์ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผมดูจากชุดกางเกงตัวเดียวที่อีกคนใส่ ผ้าขนหนูที่ถูกฟาดไว้บนไหล่กว้างๆ ผมที่เปียกชื้นเหมือนเพิ่งเช็ดเสร็จหมาดๆ และวินาทีที่น้องหันมามือที่ถือแก้วน้ำและกำลังกินก็แทบพุ่งของเหลวนั่นออกมาจากปากตอนที่เห็นผม

“ พี่เมด “ น้องเรียกผมเหมือนยังไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่  ยิ้มแห้งๆส่งไปให้น้องเดย์ก็ยิ้มกรุ่มกริ่มก่อนจะหันไปมองพี่ชายตัวเอง

“ เสือกอยู่อีกนะมึง “ ไอ้อาฟพูดเสียงเบาๆ ตอนที่หันไปเห็นน้องชายตัวเอง ร่างสูงโยนกุญแจรถลงบนโต๊ะกินข้าว มันเดินตรงไปที่ตู้เย็นหยิบเอาแก้วน้ำใบใหม่ขึ้นมาก่อนจะกดน้ำจากบานตู้เย็นแล้วกิน

“ ไหงพี่เมดของกูมาอยู่ที่นี่ได้วะสัดพี่ “ พูดกับพี่ชายตัวเองด้วยเสียงเบาๆ แต่ว่าห้องคอนโดก็แค่นี้ แน่นอนว่าผมได้ยินชัด

“ มีปัญหานิดหน่อย “ อาฟบอกปัดก่อนจะหันมามองผม “ ไปอาบน้ำ “

“ อาบ ? อาบที่ไหน “ หันซ้ายดูขวา น้องเดย์ก็ยิ้มให้ผม

“ ห้องน้องเดย์ก็ได้พี่เมด แต่ว่าอาบเสร็จแล้ว ต้องนอนห้องน้องเดย์นะ “ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่บอกผม พลางยกคิ้วให้ เผลอหลุดยิ้มออกมาให้กับความขี้เล่นของน้อง แล้วตอนนั้นไอ้อาฟก็พูดเสียงนิ่งใส่น้องชายทันที

“ เสือก “ คนโดนว่าตาโตใส่พี่ชายของตัวเองก่อนจะพูด

“ มึงก็ไปจัดการให้พี่เมดสิสัดพี่ พี่เมดเค้าจะรู้มั้ยว่า จะไปอาบน้ำที่ไหน ผ้าเช็ดตัวอยู่ไหน บริการพี่เมดหน่อยสิวะ “ แทบอยากจะหันไปขอบคุณน้องมันสักสามพันครั้ง ที่ชี้แนะสิ่งที่ควรทำให้พี่ชายตัวเอง อาฟวางแก้วที่กินน้ำเสร็จไว้บนเค้าเตอร์ในครัวก่อนจะเดินออกมาหาผม

จะว่าไปห้องที่เห็นตอนนี้เหมือนจะสะอาดกว่าตอนที่มาครั้งแรกอยู่มาก ผมมองไปรอบๆเสื้อผ้าที่เคยกระจัดกระจายไม่มีอยู่แล้ว แม้ขนาดหมอนก็ยังถูกจัดไว้แบบเข้าที่เข้าทาง ถ้าให้เดาแน่นอนว่าแม่บ้านต้องเพิ่งเข้ามาทำความสะอาดให้วันนี้แน่ๆ มันเลยสะอาดขนาดนี้

“ ห้องมึงสะอาดมากเลยอะ ต่างจากครั้งก่อนที่กูมาสุดๆ “ บอกมันแบบนั้น ไอ้อาฟที่นิ่งไป แต่น้องเดย์กลับพูดขึ้นมาแทนเหมือนแปลกใจอยู่มากที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น

“ เดี๋ยวนะครับ พี่เมดเคยมาที่นี่แล้วเหรอ “

“ อื้ม เมื่อเช้าน่ะ “ น้องเบิกตาใส่พี่ชายตัวเองก่อนจะกลั้นยิ้ม ท่าทางที่ดูแปลกๆของเดย์ “ มีอะไรรึเปล่า “

“ เปล๊า ก็แค่ สัดพี่ไม่เคยพาใครขึ้นคอนโดน่ะครับ เห็นบอกว่าพื้นที่ส่วนตัวไม่ชอบให้ใครบุกรุก แถมยังสร้างกฎกับเดย์ด้วยว่า ถ้าไม่ใช่คนสำคัญก็ห้ามพาขึ้นมา สัดพี่เค้าไม่ชอบ “ เหลือบมองร่างสูงข้างๆที่ก็ยืนนิ่งไม่พูดอะไร แก้มของผมเริ่มร้อนทั้งๆที่ในห้องก็โคตรจะเย็น

“ มานี่มา อาบน้ำได้แล้ว “ อาฟตัดบทขึ้นมา มันเดินนำผมไปที่ห้องของตัวเอง กดเปิดไฟให้ทั้งห้องสว่างขึ้น

อดชื่นชมความสวยของห้องมันไม่ได้เลย ห้องสีขาวตกแต่งด้วยโทนดำแต่ไม่ได้ดูมืด กลับกันมันดูเท่ห์และแอบผสมความดิบแบบผู้ชายเข้าไป เป็นห้องที่แบ่งสัดส่วนของห้องนอนไว้ทางฝั่งขวา ส่วนฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำและห้องแต่งตัว

“ โคตรหรู “ ผมพูดกับตัวเองในใจ ตอนที่เดินตามร่างสูงเข้าไปตรงฝั่งซ้ายที่เป็นห้องแต่งตัว มันหยุดอยู่ที่ห้องเล็กๆที่ทั้งสองฝั่งของกำแพงมีแต่ตู้เสื้อผ้ายาวเข้าไปเป็นซอยแคบ อาฟเปิดตู้แรกก่อนจะหยิบผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่และผืนเล็กมาให้ผมอย่างละผืน ก่อนจะเดินถัดไปอีกตู้

“ ชุดนอนอยู่ตรงนี้ อยากจะใส่ตัวไหนก็หยิบเอา “

“ อ่าห๊ะ “ พยักหน้ารับมัน “ แล้วกางเกงในอะ “

“ ต้องใส่เหรอ “ มันเลิกคิ้วถาม ผมก็ขมวดคิ้ว

“ ใส่สิไอ้สัด “

“ อยู่ในตู้นี้ “ มันชี้ก่อนจะดึงตู้ล่างสุดออกมา เป็นกางเกงในที่ยังอยู่ในแพ็ค ไม่ได้มีการแกะใช้แต่อย่างใด “ นั่นก็ห้องน้ำ ต้องเข้าไปสอนวิธีอาบน้ำให้สะอาดมั้ยครับ “

“ ไม่ต้อง กวนตีน “ บ่นคำสุดท้ายนั่นเบาๆ ผมที่กำลังก้มลงไปหยิบกางเกงในเหลือบมองมันที่ยังยืนอยู่ “ ออกไปสิวะ ยืนอยู่ทำไมอะ อยากรู้ว่ากูใส่กางเกงในสีอะไรเหรอ “

“ ปัญญาอ่อน “ อาฟบอกแค่นั้น ก่อนจะส่ายหน้าแล้วเดินออกไปจากห้องแต่งตัว ที่ก็ไม่ลืมเลื่อนประตูปิดห้องแต่งตัวให้ ผมหันกลับมาสนใจกางเกงในที่อยู่ในแพ็คที่เป็นสีขาวแทบทั้งหมด จัดการหยิบมันขึ้นมาตัวนึงก่อนจะเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำที่ก็ดูดีไม่ต่างจากภายนอก

ผมถอดเสื้อผ้าตัวที่สวมใส่ออกมา ก่อนจะเข้าไปในอ่างน้ำแล้วเปิดฝักบัวปล่อยน้ำให้ไหลชโลมกาย ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ไม่ได้รู้สึกดีกับการอาบน้ำมานานแล้ว น้ำที่เหมือนชำระล้างทั้งความเหนื่อยกายเหนื่อยใจของตัวเอง ผมหยิบสบู่ที่ซื้อมาถูไปตามร่างกายของตัวเอง กลิ่นหอมอ่อนๆของมัน ทำให้ผมสดชื่นขึ้นมาอย่างประหลาด จัดการสระผม และแปรงฟันเป็นอย่างสุดท้าย ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดตัวเองให้แห้ง ไม่ลืมทาแป้งเด็กกลิ่นที่ชอบจนกลิ่นฟุ้งไปหมด ก่อนจะเดินออกไปหยิบชุดนอนแบบเข้าชุดสีฟ้าอ่อนของอีกคนมาใส่ เช็คดูว่าภายในห้องน้ำและห้องแต่งตัวยังคงเรียบร้อยเหมือนเดิม ของที่ซื้อมาเพิ่มจัดอยู่ในโซนปลอดภัยดี ผมก็เลื่อนประตูออกไปข้างนอก

“ เย็นสัด “ สถบออกมาตอนที่แอร์ภายในห้องปะทะเข้าใบหน้า เจ้าของห้องที่นอนอยู่บนเตียงพร้อมกับทีวีที่เปิดอยู่ แต่ทว่าเหมือนจะเป็นทีวีมากกว่าที่กำลังดูร่างสูงเพราะคนที่เปิดมันทิ้งไว้ตอนนี้หลับคอพับไปบนเตียงเรียบร้อยแล้ว

 เผลอยิ้มกับท่าทางนั้นของอีกคน อาฟมันคงเหนื่อยมาก แน่นอนว่าต้องเป็นอย่างงั้นก็มันเล่นไม่ได้นอนเลยทั้งคืน แถมยังต้องขับรถไปมา ไหนจะไปทำงานที่ผับ ตอนนี้ถ้าชีวิตเป็นมือถือคงจะแบตแดงใกล้หมดแล้ว

“ อาฟ อาฟ มึง ตื่นไปอาบน้ำ “ เอื้อมมือไปจับไหล่มันก่อนจะเอ่ยเรียกแล้วเขย่า เจ้าของใบหน้าคมลืมตาขึ้นมาแบบสะดุ้งน้อยๆราวกับตัวเองเหมือนแค่เผลอหลับไป “ มึงอาบเสร็จแล้วเหรอ “

“ อื้ม “ พยักหน้ารับกับอีกคน “ มึงไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้มานอน “

“ อื้ม “ ลุกขึ้นจากเตียงมานั่ง ใบหน้าง่วงงุนหรี่ตาไม่สู้แสงในห้องนอนอยู่สักพัก ก่อนมือหนาจะเอื้อมมือมาจับคอ แล้วขยับไปมาราวกับปลุกตัวเองให้ตื่นอยู่สองสามครั้ง อาฟลุกขึ้นจากเตียงมันเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วเดินออกมาพร้อมไดร์ทเป่าผมที่ยื่นให้ผม
“ ผมเปียกขนาดนั้นจะนอนลงไปได้ไง เป่าผมก่อนนอนซะ เดี๋ยวไม่สบาย “  เงยหน้ามองมันที่ยื่นของนั้นมาให้ ผมที่เผลอยิ้มแล้วตอนนั้นคนขี้เก็กก็แค่บอก “ ยิ้มอะไร กูแค่คิดว่าถ้ามึงเกิดป่วยขึ้นมาไม่มีแรงมาทำงานให้ กูก็ขาดทุนพอดี “

“ ครับๆ ทราบแล้ว “ ตอบรับไปอย่างว่าง่ายกับคำอ้างของมันแบบไม่ล้อเลียน อาฟเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวอีกครั้งแล้วตอนที่ประตูเลื่อนถูกปิดลง ผมก็ได้แต่ก้มมองไดร์ทเป่าผมในมืออยู่แบบนั้น “ เป็นห่วงก็บอก ขี้เก็ก “

   เสียบไดร์ทกับปลั๊กที่อยู่ตรงหัวเตียง ผมเป่ามาด้วยลมเย็นตอนที่เอามือลูบผมตัวเองไปพลางสมองมันก็แอบคิดถึงเจ้าของไดร์ทเป่าผม

 คนเราก็แปลก แค่รู้สึกเป็นห่วงคนอื่น แต่นิสัยลึกๆเป็นคนที่อบอุ่น ทำไมต้องหาข้ออ้างให้มากมายด้วยวะ  ‘ หรือว่าไอ้อาฟมันจะเขิน ‘ 

แต่มันจะเขินอะไรวะ

เขินผมน่ะเหรอ ..

บ้าน่ามันจะเขินทำไม

“ แล้วนี่กูจะยิ้มทำไมวะ “ ผมส่ายหน้าไปมากับตัวเอง ตั้งจิตตั้งใจเป่าผมให้แห้ง แต่จะว่าไป ตอนที่น้องเดย์บอกว่า อาฟจะพาแค่คนสำคัญขึ้นมาบนห้องเท่านั้น อีกคนก็ไม่ได้พูดด่าอะไรน้องนะ ทั้งๆที่ปกติมันเป็นคนที่ถ้าคนอื่นเข้าใจผิดจะเถียงออกไปทันที แต่นี่มันกลับเงียบไปเฉยๆ “ แต่นี่มันแค่สองสามวันเองนะเว้ย คนเพิ่งเจอกันมันจะชอบกันได้ไงแค่ไม่กี่วัน ประสาทไอ้เมด เป็นไปไม่ได้ “ ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะพยักหน้ารับกับตัวเอง ไม่อยากจะคิดให้มันไปไกล

เพราะบางทีคนบางคนอาจจะแค่ทำอะไรบางอย่างให้คนอื่นอยู่แล้วด้วยนิสัยของเค้าที่เป็นแบบนั้น  และเราเองก็ดันบังเอิญเข้ามาอยู่ในช่วงชีวิตของเค้าพอดี ก็เลยได้รับการกระทำดีๆเหล่านั้นด้วย

“ ฟุ้งซ่านๆ นอนๆ “ ผมบอกตัวเองตอนที่ส่ายหน้าไปมาสะบัดความคิดพวกนั้น ที่กำลังขัดแย้งว่าคนแบบมันไม่น่าใส่ใจใครขนาดนั้น

“ เป็นบ้าอะไรนั่งส่ายหน้า ผีเข้าเหรอ “ เสียงทุ้มที่ดังขึ้นมาจากห้องน้ำ ผมหันไปมองร่างสูงที่มายืนอยู่ข้างเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อาฟใส่ชุดนอนสีดำ หัวเปียกๆมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่บนหัว มันล้มตัวลงนอนทั้งๆที่หัวยังเปียกก่อนจะทำจมูกฟุตฟิต “ กลิ่นอะไรวะ ทำไมหอมๆ “

“ กลิ่นอะไร “ ผมถามมันก่อนจะสูดกลิ่นรอบตัวเข้าไป และก็พบว่ากลิ่นที่อีกคนสงสัยน่าจะมาแป้งเด็กที่ผมทา “ แป้งเด็กที่กูทามั้ง “ บอกแบบนั้นคนที่กำลังสงสัยก็เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ตัวผม มันสูดลมหายใจเข้าไปก่อนจะพยักหน้าเหมือนกับหาคำตอบที่ตัวเองสงสัยได้แล้ว

“ คงใช่ “

“ หอมดีใช่มั้ย มึงไม่ลองทาละ มันหอมมากเลยนะ คนเราได้ทาอะไรหอมๆแล้ว จะหลับสบายนะ “

“ นอนใกล้ๆ ก็หลับสบายได้ “ เราสองคนที่นิ่งไปตอนที่อีกฝ่ายพูดคำนั้น อาฟเหลือบมองข้างตัวเองนิดหน่อยถ้าเดาจากแววตามันคงเผลอสถบในใจว่า ‘ ชิบหายละ พูดเชี้ยอะไรแบบนั้นวะกู ‘  “ คือ..กูหมายถึงกลิ่นหอม ไม่ต้องทาลงบนตัวก็ได้ แค่วางไว้ใกล้ๆ ก็หลับสบายได้เหมือนกัน “

“ อื้ม “ อยู่ๆแก้มก็ร้อนขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล ทำไมยิ่งฟังคำอธิบายแล้วยิ่งรู้สึกแปลกๆว่ะ ผมหันไปอีกทางทำทีเป็นเก็บไดร์ทเป่าผมไม่ได้หันไปมองหน้าอีกคน ตอนนั้นแรงยวบของเตียงที่เหมือนมีคนขยับก็ทำให้ผมหันไปมอง

“ แค่มึงทาคนเดียว กลิ่นแม่งก็หอมคุ้งทั้งห้องแล้ว กูคงไม่ต้องแล้วละ “

‘ หยุดพูดเถอะไอ้สัด ‘ ผมอยากจะหันไปบอกมัน ยิ่งพูดแก้ตัวก็เหมือนมึงจะบอกว่า ‘ แค่มีกูนอนข้างๆก็หอมแล้ว ไม่ต้องทาแป้งหรอก ‘  หมุนสายไดร์ทเตรียมเก็บแต่ตอนที่หันมามองมองอีกคน ผมพบว่าคนที่เพิ่งบอกให้ไดร์ทผมให้แห้งก่อนจะนอน กลับนอนลงไปบนเตียงแบบนั้นทั้งๆที่หัวยังไม่แห้งเลย “ อาฟ เป่าผมให้แห้งก่อนนอนสิวะ “

“ ช่างมัน “ อีกคนบอกปัด ด้วยเสียงอู้อี้ “ กูง่วงนอน เดี๋ยวแม่งก็แห้งเองละ “

“ แล้วก็มาบอกให้กูเป่าให้แห้งก่อนนอนเดี๋ยวจะป่วย มึงไม่คิดว่าตัวเองจะป่วยรึไง “

“ ป่วยก็ไม่เป็นไร กูเป็นเจ้าของผับให้ลูกน้องมันทำงานไป “

“ ไม่เป็นไรได้ไง เป็นสิวะ “ ผมเถียงอีกคนที่เหมือนจะหงุดหงิดกับความเซ้าซี้นั่น มันพลิกหน้ากลับมามองหน้ากัน “ ถ้ามึงป่วยใครจะเป็นคนขับรถไปกินข้าวกับกูอะ “ ผมแอบเห็นมันยิ้มก่อนจะหันหน้ากลับไปที่เดิมแล้วแนบหน้าลงกับหมอน หูของมันแดงจัด “ มึงก็ป่วยไม่ได้นะ มึงต้องไปส่งกูเรียน ไปส่งกูที่ผับ ต้องไปกินข้าวกับกูนะ “

“ พอทีเถอะว่ะ “ มันพูดเสียงอู้อี้ “ ผมรู้แล้วครับ “ ถอนหายใจออกมาก่อนจะพลิกหน้ามาบอกผม “ ไดร์ทให้หน่อย “

“ เรื่องอะไร ไดร์ทเองสิว่ะ กูจะนอน “

“ ค่าที่พัก “  มันพูดก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้ผม “ ไดร์ทให้หน่อยเมด กูง่วงแล้ว “

“ สัด “ นี่ถ้าไม่ติดว่า คำพูดมันติดอ้อนหน่อยๆ ก็จะไม่ให้ทำหรอก อีกอย่างวันนี้อาฟมันคงเหนื่อยมากจริงๆ นอนก็ไม่ได้นอน ขับรถพาผมไปนู้นนี่ตลอด แถมยังช่วยปลอบตอนเจอเรื่องแย่ๆอีก “ ก็ได้ว่ะ ตอบแทนความใจดีของมึงหรอก “

ผมเสียบปลั๊กไดร์ทเป่าผมอีกครั้ง เปิดลมเย็นเบอร์เบาที่สุดเพราะไม่อยากจะรบกวนการนอนของอีกคน เอื้อมมือไปลูบผมของอีกฝ่าย เป่าเบาๆลงไปบนเรือนผมสีน้ำตาลดำนั่นอยู่นานจนอีกฝ่ายหลับสนิทไป ผมรู้สึกได้เพราะการหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอของมัน

“ เรียบร้อย “ บอกกับตัวเองตอนที่ลูบผมของอีกคนเพื่อเช็คดูว่า มันแห้งสนิทเท่ากันหมดแล้ว เก็บไดร์ทให้เรียบร้อยก่อนนอน ผมถอนหายใจออกมา ตอนที่ดึงตัวเองสอดเข้าไปใต้ผ้าห่มอย่างระวัง อาฟก็พลิกตัวเองหันกลับไปมองหน้าผมพอดี

 แอบสะดุ้งตัวนิดหน่อยตอนที่เห็นแบบนั้น แต่ทว่าผมกลับนอนนิ่งมองใบหน้านั่นอยู่นาน พระเจ้าแม่งไม่ยุติธรรมเลย ทำไมต้องสร้างให้คนคนนึงหล่อแม้กระทั้งตอนหลับด้วยว่ะ

“ แต่ก็ไม่หรอก ก็ยุติธรรมดีแล้ว สร้างมาให้หล่อก็จริง แต่ก็ไม่ลืมใส่ความปากหมามาให้ด้วย “ ผมยิ้มออกมาตอนที่มองหน้ามันอยู่แบบนั้น “ ฝันดีนะ ไอ้คนปากหมา “ ดึงผ้าห่ม ห่มให้คนข้างๆก่อนจะดึงมันขึ้นมาห่มให้ตัวเอง ผมพลิกตัวไปปิดไฟที่หัวเตียง ก่อนจะหลับไปในที่สุด

.............................................................
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 14 :: up! 6-4-61} #หน้า 6
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 13-04-2018 20:39:10

   ลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่กันไปแล้ว ผมถอนหายใจออกมาตอนที่หลับตาลงอีกสักพักเพื่อหวังให้มันหลับอีกครั้งแต่ก็ไม่รู้สึกว่าง่วงอีกแล้ว หยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาที่ตอนนี้ก็บอกว่ามันเข้าสู่ช่วงบ่ายสามโมงเข้าไปแล้ว แต่ที่ชวนให้เบิกตากว้างตื่นเต็มตาตอนนี้กลับไม่ใช่แค่เวลา มันกลับเป็นข้อความไลน์มากมายที่ถูกส่งมาให้ผม รวมทั้งสายโทรเข้าที่ก็ไม่ได้รับอีกเป็นสิบสายจากน้องชายตัวเอง

[ พี่เมด ไม่กลับห้องเหรอ อยู่ไหนตอนนี้ ] นี่เป็นข้อความแรกที่วิวมันส่งมาหาผม ก่อนจะตามมาด้วยข้อความยาวๆ ที่ส่งเรียงกันมาแบบไม่ขาดสาย สลับไปมากับการโทรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง 

[ พี่เมดติดต่อกลับมาหน่อยนะ นี่พี่มึงอยู่ไหน กูลงมาถามยามว่าเห็นมึงมั้ย เค้าบอกเห็นผู้ชายตัวสูงๆหน้าขาวๆ เอาดอกไม้มาให้มึง คุยกันสักพัก แล้วมึงก็นั่งรถออกไปเลย ]

[ พี่เมดทำไมไม่รับสายว่ะ นี่วิวเป็นห่วงนะ คืนดีกับมันแล้วจริงๆเหรอ ไอ้เชี้ยนั่นน่ะ ]

[ รับสายหน่อย นี่จะโทรไปแจ้งตำรวจแล้วนะ มันลักพาตัวมึงไปใช่มั้ย อะไรยังไง ]

[ พี่เมดเว้ยยยยย นี่เที่ยงแล้วนะ ยังไม่รับสายวิวอีกเหรอ มันทำอะไรมึงอะไร ทำไมมึงเงียบไป ]

[ พี่เมดนี่จะบ่ายสองแล้วนะ วิวเป็นห่วงนะ วิวต้องโทรบอกพ่อมั้ย ]

[ พี่เมดถ้าบ่ายสี่ พี่เมดยังไม่ติดต่อมา วิวจะโทรหาพ่อแล้วนะ ใจไม่ดีเลย พี่เมดมึง ]

[ พี่เมดอยู่ไหน วิวคิดถึงพี่เมดแล้วนะ พี่เมด ]

[ อีพี่เมด กูโทรไปหามึงจะร้อยสายแล้วนะ มึงรับหน่อยเถอะ กูไหว้แล้ว พี่เมด พี่เมดจ๋า ]

[ วิว กูขอโทษ ] ผมกดส่งข้อความตอบกลับมันไปคนที่รอข้อความตอบกลับอยู่นานแล้วก็ส่งกลับมาด้วยความรวดเร็ว

[ ไอ้พี่เมดดดด มึงอยู่ไหน ไอ้เหี้ยยยยย มือสั่นไปหมดแล้วกู ฮือ ทำไมมึงไม่กลับห้อง แล้วนี่มึงอยู่ไหน ขอโทษกูทำไม ไม่เอา อย่าเพิ่งพูดนะ จะพูดอะไร ] น้องชายผมเริ่มโวยวาย ให้เดามันต้องคิดแน่ๆว่าผมกลับไปคืนดีกับไอ้บินแล้ว ก็ฟังจากยามเล่ามันก็เดาได้อยู่ทางเดียว [ ให้กูทำใจก่อน แต่ไม่อะ กูทำใจไม่ได้หรอก พี่เมดมึงไม่เอาแบบนี้ดิ ไหนบอกว่าจะไม่กลับไปไง อย่าโง่ดิ มึงบอกกูไว้แล้วนะ สัญญากับกูแล้วไง ]

[ อะไรของมึงเนี้ย คิดอะไรของมึงอยู่ ฟังกู ]

[ ไม่เอา ไม่ฟังได้มั้ย บอกก่อนว่าเป็นเรื่องที่กูจะรับได้ ถ้าเป็นเรื่องที่กูไม่อยากจะฟัง ก็ไม่ต้องบอก กูไม่อยากรับรู้ ] สติกเกอร์ปิดหูที่ถูกแนบมา  ผมถอนหายใจกับความตื่นตระหนกของน้องชายตัวเอง พลิกตัวเองจัดท่านอนให้พิมพ์สบายๆ

[ มึงคิดอะไรของมึงวะวิว กูไม่ได้จะกลับไปคืนดีกับไอ้บินนะ ]

[ อ้าว แล้วนี่พี่เมดอยู่ไหน ไม่ได้กลับไปคืนดีกับมัน แล้วเมื่อคืนไปนอนไหนวะ ]

[ ใจเย็นๆ ขอกูเล่าก่อน ให้กูโทรมั้ย ]

[ กูเรียนอะ แต่มึงพิมพ์มาเถอะ กูไม่ไหวแล้ว ใจจะขาด อยากรู้มาก เล่ากูเลย ] ผมถอนหายใจอกมากับคำขอร้องของน้อง พร้อมด้วยสติกเกอร์ออดอ้อนของมัน [ นี่กูแบบ คิดไปต่างๆนานาแล้วว่า มึงกลับไปคบกับไอ้เชี้ยบิน จากที่ยามเล่าอะนะ ]

[ ไม่ คือเมื่อคืนอาฟก็ไปส่งกูที่คอนโดตามปกตินั่นแหละ ]

[ อ้าว รถมึงอะ ยังซ่อมไม่เสร็จเหรอ ]

[ คือว่ากูต้องให้ไอ้อาฟยืมรถไปขับ เพราะมันจะเอารถมันเข้าไปซ่อมรอยที่กูไปทำไว้บนรถมันอะ นั่นแหละมึง ไอ้อาฟมันก็มาส่งกู คราวนี้ก็เจอไอ้บินมายืนง้อกูที่หน้าคอนโด มันเอาดอกไม้มาง้อ ]

[ สัด แค่คิดสภาพก็อยากจะวิ่งลงไปตบ มึงก็น่าจะโทรเรียกกูนะพี่เมด แล้วไงต่อ ]

[ ตอนนั้นกูคิดว่า เออ ลงไปคุยกันให้จบๆไปเลยดีกว่า คือถ้ากูยังหนี ยังพูดปัด แม่งก็ยังง้อกูอยู่แบบนี้ ซึ่งกูรู้สึกว่าพอแล้วว่ะ กูอยากเริ่มต้นใหม่แล้ว ไม่อยากมานั่งหงุดหงิดทุกวันที่เห็นมันอะมึง ]

[ ความคิดเยี่ยมมาพี่กู เจอแล้วจะหอมหัวสักสิบที ]

[ กูเลยลงไปคุยกับมัน บินมันก็ง้อกู ก็อธิบายกูแหละ กูก็ฟังนะ ฟังจนจบแล้วก็บอกเลิกมันเลย เขวี้ยงดอกไม้ใส่มันด้วย ]

[ เยี่ยม ละไง แล้วทำไมไม่กลับห้องวะ ไปกับพี่อาฟต่อทำไม ]

[ กูก็กำลังงงอยู่ว่าทำไม คือพอกูบอกเลิกบินเสร็จ กูก็เดินไปหาไอ้อาฟที่ยืนอยู่ คือจริงๆ กูคงจะเดินไปเอากระเป๋าในรถ แต่ว่าพอไอ้อาฟมันเห็นกูเดินไปหา มันก็จูงมือกูเข้าไปนั่งในรถเลย  บรรยากาศตอนนั้นมันชวนให้กูนิ่ง แล้วรถก็ขับออกมาเลย รู้ตัวอีกที ก็ตอนที่แม่งขับกลับมาที่คอนโดมันได้ครึ่งทางแล้ว ก็เลย เลยตามเลยแล้วกัน ตีห้ากว่าๆแล้วด้วยตอนนั้น ]

[ สรุปมึงบอกเลิกไอ้เชี้ยนั่นเป็นทางการแล้ว และตอนนี้มึงกำลังนอนอยู่ที่คอนโดพี่อาฟเจ้าของ throw up เจ้านายมึง ]

[ อื้ม โทษทีไม่ได้รับสายโทรศัพท์มึง ไม่ได้ติดต่อไปบอก คือกูก็ง่วงมากเลยตอนนั้น จัดการอาบน้ำสระผม ปิดเสียงมือถือแล้วหลับไปเลยลืมโทรบอกมึงด้วย โทษทีนะวิว ]

[ ไม่เป็นไรหรอก มึงปลอดภัยก็ดีแล้ว โล่งอกไปที รู้มั้ยกูนี่แทบจะโทรไปแจ้งตำรวจ โทรไปบอกพ่อ กลัวมึงโดนไอ้เชี้ยนั่นลักพาตัว คือฟังจากยามกูนี่ใจสั่นไปหมด คิดไปถึงว่าที่มึงไม่ติดต่อมา มึงอาจจะโดนมันยึดโทรศัพท์ ไม่ก็โดนปล้ำไปแล้ว จริงๆนะ กูนี่แทบจะร้องไห้แล้ว เพื่อนกูแต่ละคนก็บอกให้โทรไปบอกพ่อ คือกูกลัวโทรไปบอกพ่อแล้วมันจะเรื่องใหญ่ไง มันต้องเล่าเรื่องพี่บินด้วย ซึ่งกูไม่อยากเล่า เดี๋ยวพ่อก็เป็นห่วงพี่เมดอีก ]

[ เออดีแล้ว ไม่ต้องบอกหรอก แต่มึงแม่งดูหนังเยอะเกินไปแล้วนะ ]

[ ความผิดมึงนั่นแหละอีพี่เลว ]

[ กูขอโทษนะวิว ขอโทษจริงๆ กูสะเพร่าเอง ซอรี่ๆ ]

[ เออ มึงปลอดภัย แล้วก็ไม่กลับไปรักกับคนเหี้ยๆแบบนั้นกูก็พอใจแล้ว ]

[ อื้ม ]

[ แล้วนี่พี่เมดเพิ่งตื่นเหรอ ]

[ เออ เมื่อคืนกว่าจะได้นอน เกือบเช้าแล้ว หลับเป็นตายเลย โคตรเหนื่อย ]

[ นอนเยอะๆก็ดี ช่วงนี้พี่เมดไม่ค่อยได้นอนเลย ] วิวบอกผมก็ยิ้มผ่าหน้าจอนั้น [ แล้วนี่เรื่องงานเป็นอะไรยังไงบ้างอะพี่เมด โอเคมั้ย ]

[ โอเคกว่าที่คิด นี่กูได้เงินเดือนสองหมื่นเลยนะ เพราะทำอยู่หลายตำแหน่ง อาฟมันเลยขึ้นเงินเดือนให้กู ]

[ เออดีว่ะ จะได้ปลดหนี้แล้วออกมาใช้ชีวิตตัวเองเร็วๆ คิดถึงพี่เมดคนที่นอนเร็วๆ ชอบดูหนัง อ่านหนังสือ  ไม่ชินเลยนี่พี่ผู้แสนน่ารักเรียบร้อยของกู คนที่เหล้ายังไม่แดก แต่กลับไปทำงานผับ แล้วตื่นสายขนาดนี้ ]

[ อื้ม ] ผมตอบอีกคนสั้นๆ ยังจำตอนที่อาฟบอกว่าจะขึ้นเงินเดือนให้ได้ ตอนนั้นจะว่าดีใจมันก็ดีใจนะที่จะได้เงินเยอะขึ้น แต่อีกใจมันก็คิดขึ้นมาเหมือนกันว่า เสียดาย

ส่วนตัวการทำงานที่ผับนั่นสำหรับผมมันก็ไม่ได้แย่ แม้จะเข้ามาทำงานเพราะแค่ต้องจ่ายหนี้ แต่เอาเข้าจริง คนที่ทำงานในนั้นทุกคนก็นิสัยดีกันทั้งนั้น แม้จะโดนม่อแต่ก็ดูเหมือนเรื่องขำๆกันมากกว่าจะจริงจัง

รู้สึกตัวเลยว่าตัวผมสำหรับสองสามวันที่ผ่านมาชีวิตสนุกขึ้นมาก สนุกจนเผลอลืมเรื่องทุกอย่าง สนุกจนคิดว่าถ้าได้ทำงานต่อไปเรื่อยๆก็คงดี ได้เงินเดือนตั้งสองหมื่น สำหรับเด็กจบใหม่แบบผมได้เงินเดือนเท่านี้ก็นับว่าสูงอยู่ แต่ไม่รู้เพราะยังไม่มีปัญหาน่าปวดหัวเข้ามาแถมยังได้อยู่กับคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจรึเปล่า มันถึงรู้สึก ไม่อยากจะจากไปไหนแบบนี้

[ ตอบสั้นแปลกๆเว้ย อย่าบอกนะว่า เปลี่ยนใจชอบทำงานที่ผับนั่นไปแล้ว ]

[ มันก็ไม่ได้แย่ ] ตอบอีกคนไปตามตรง [ เงินเดือนตั้งสองหมื่น ]

[ ความคิดเปลี่ยนไปขนาดนี้ เพราะเงินอย่างเดียวจริงๆเหรอ ตัวบุคคลด้วยเปล่า ] รู้สึกถึงคำแซวที่ออกมาจากประโยคนั้นของน้องชาย ผมเผลอยิ้มออกมาก่อนจะส่ายหน้า

[ คิดว่าน่าจะเงินอย่างเดียว ตัวบุคคลไม่น่าเกี่ยวเพราะไอ้เชี้ยอาฟกวนตีนกูเหลือเกิน ]

[ ยังทันบอกเลยว่าคนไหน ร้อนตัวจังว่ะคนเรา ] วิวบอก [ น้องหมายถึง เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ สังคมโดยรวม ไม่ได้หมายถึงพี่อาฟเลยสักนิด ]

[ เริ่มไม่ค่อยอยากจะคุยกับมึงแล้ววิว ]

[ คุยกันก่อนไม่แซวก็ได้ วิวแค่เห็นพี่เมดไปไหนมาไหนกับพี่อาฟบ่อยๆไง คุยกันทีไรก็บอกอยู่กับพี่อาฟตลอด พี่อาฟมารับ พี่อาฟพาไปเรียน กินข้าวก็กินกับพี่อาฟ แถมยังไปนอนคอนโดเค้าอีก ]

[ แค่สองสามวันเองมั้ยมึง ไปไหนมาไหนด้วยกันแค่สองสามวัน มันจะแปลกอะไรวะ ]

[ มันแปลกนะ ที่แค่สองสามวันแต่พี่ก็ไปนอนคอนโดเค้าแล้ว ปกติพี่เมดไม่เป็นแบบนี้ไง ] ก็จริงอยู่ที่ปกติผมไม่เป็นแบบนี้ ผมสนิทกับคนยากเพราะงั้นกับอาฟอะไรๆก็เลยดูเร็วไปหมด ถ้าเทียบกับนิสัยที่เคยเป็น [ พี่เมดเป็นพวกไม่สนิทกับใครจะไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับชีวิต อย่างเรื่องไปนอนบ้านคนอื่น ไม่สนิทก็ไม่เคยไปนอนปะ แต่ตอนนี้ที่ไปนอนคอนโดพี่อาฟได้ก็ต้องรู้สึกสบายใจที่จะอยู่กับเค้าในระดับแล้วรึเปล่าวะ ]

[ อื้ม กูก็สบายใจที่ได้อยู่กับมันนะ ] ผมตอบรับน้องชายตัวเองออกไปตรงๆ มันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ถึงมันจะปากไม่มีหูรูด พูดจาอะไรไม่เคยเข้าหู แต่ตอนนี้มันคือคนที่ทำให้ผมรู้สึกอยากจะอยู่ด้วยมากที่สุดแล้ว เป็นคนที่ผมรู้สึกไว้ใจที่จะเล่าเรื่องราวทุกอย่างในใจที่รู้สึกให้ฟัง แม้มันจะไม่ค่อยอยากฟังเท่าไหร่ก็เถอะ

[ ฝนตกแน่ๆ พี่เมดยอมรับออกมาตรงๆขนาดนี้ ]

[ ก็พูดให้มึงฟังคนเดียวไง เลยพูดออกมาตรงๆได้ อยู่กับอาฟกูไม่ต้องคิดอะไรเยอะ เรื่องหนักสุดก็มีแค่เรื่องงาน กลางๆก็เรื่องของกิน เรื่องนิดๆหน่อยๆก็คงอยากตีปากเจ้านาย แต่ก็มองดูรวมๆแล้วก็ไม่ได้แย่อะไร ถ้าเทียบจากคนที่ปากแบบมัน อาฟก็ดูเป็นห่วงกูด้วยซ้ำ ]

[ เป็นห่วงเหรอ ? อะไรที่ทำให้พี่เมดคิดว่าเค้าเป็นห่วงพี่เมดเหรอ ] ชิบหาย เหมือนจะพูดอะไรที่ควรพูดออกไปแล้ว

[ ก็อย่างเมื่อวานยีนส์กับจิงมันเข้ามาคุยกับกู ยีนส์ส่งข้อความมาขอโทษกูบอกให้กูคืนดีกับไอ้จิง มันบอกไอ้จิงไม่เกี่ยว ]

[ เดี๋ยวนะ อีเชี้ยนั่นหน้าด้านขนาดนั้นเลย ]

[ เออ ช่างมันกูก็ไม่ตอบอะไรหรอก แต่ตอนนั้นกูเฟลไงมึงเลยแบบเซ็งสุดๆ ไอ้อาฟก็ส่งข้อความมาพอดี กูเลยงอแงให้มันฟัง มันก็ฟังกูนะแล้วพอกูพูดจบมันก็ไม่พูดอะไร บอกแค่ให้กูไปค้นร้านข้าวอร่อยๆ จะได้เลิกคิดเรื่องเหี้ยๆ คือกูก็มองว่า เออ มันก็จริงนะ เราควรเลิกคิดอะไรแบบนั้นควรเอาเวลาไปทำอย่างอื่น ปกติถ้าเล่ามึงคงด่ากันมันส์ แต่เล่ามัน..ก็ดีไปอีกแบบ ]

[ เหมือนบอกว่า เลิกคิดเรื่องนี้ไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า เหมือนเค้าให้กำลังใจมึงว่าอย่าใส่ใจเรื่องนั้น ]

[ อื้ม ใช่ แล้วคราวนี้พอจะปิดมือถือกูก็บอกมันว่า เออรีบมารับไม่อยากอยู่คนเดียว มันก็บอกว่า ครับ รู้แล้ว คือตอนนั้นแบบ เอาตรงๆนะมึง โคตรอุ่นใจ กูรู้เลยอาฟไม่ปล่อยให้กูรอนานแน่ๆอะ ]

[ เชี้ย ชักแปลกๆ แล้วไงต่อ ]

[ เออจะเล่าเรื่องตลกให้มึงฟัง เมื่อวานกูไปทำงานที่ผับ แล้วช่วงพักก็ออกไปกินข้าวกับอาฟแล้วก็พวกคนที่ผับนี่แหละ แต่ว่าขากลับอะ กูต้องกลับกับไอ้อาฟสองคน คนอื่นเค้ากลับก่อน แล้วตอนนั้นฝนมันก็ตกแบบโปรยๆเม็ดเล็กๆ อาฟมันก็ลากกูไปยืนหน้าเซเว่นแล้วมันก็เข้าไปเซเว่นเว้ย ก่อนจะออกมาพร้อมกับทิชชูแพ็คหกม้วน ]

[ เพื่ออออ ]

[ กูถามว่าเอาไปทำอะไรมันก็บอกเอาไปใช้ ทั้งๆที่ในผับก็มี ]

[ อ่าห๊ะ แล้วไงต่อ ] น้องชายผมตอบรับ

[ คราวนี้พอจะเดินต่อมันก็ถุงเซเว่นที่ใส่ของนั่นมาครอบหัวกู กูก็บอกไม่ครอบ พูดไปพูดมา เถียงกันไปเถียงกันมา มันก็หลุดความจริงออกมาว่า มันไปซื้อทิชชูมาเพื่อเอาถุงมาครอบหัวให้กูเลยนะ ใส่ซะ ฝนตกกลัวกูเปียกแล้วไม่สบาย มึงดูความบ้าของมัน ตลก ฮ่าๆๆ คือถ้าจะซื้อ ก็ซื้อร่มไปเลยดีกว่ามั้ย เก็กสัด ]

[ พี่อาฟชอบมึงรึเปล่าพี่เมด ] คำถามของคนที่ไม่ได้ตลกไปกับเรื่องเล่าของผมเอ่ยถามขึ้นมา

[ บ้า ไม่หรอกมึงอย่าคิดอะไรอย่างงั้น ]

[ มึงอะ ถามตัวเองก่อนมั้ยว่าอย่าคิดอย่างงั้น กูรู้ว่ามึงก็แอบคิดเหมือนกัน ว่าพี่อาฟจะชอบมึงรึเปล่า มึงถึงมาเล่ากูให้กูทักว่าพี่อาฟชอบมึงรึเปล่า เป็นแบบที่มึงคิดมั้ย ]

[ มึงแม่ง ]

[ การกระทำชัดขนาดนี้ มึงดูไม่ออกจริงๆเหรอวะ อย่าหลอกตัวเองพี่เมด นี่วิวแค่ฟังไม่ได้เห็นท่าทางยังรู้สึกเลย เค้าดูห่วงพี่เมดมากอะ เกินที่คนรู้จักกันแค่ไม่กี่วันจะทำให้กันอะ ]

[ วิว ]

[ มึงก็แอบคิดใช่มั้ยพี่เมด ว่าเค้าคงจะชอบมึง ]

[ เออก็คิด ] ผมสารภาพมันไปตามตรง ก็อย่างที่มันเดาถูก ผมเล่าเพื่อให้มันย้ำความคิดของผมว่าตัวเองไม่ได้คิดไปเองคนเดียวกับการกระทำแปลกๆที่อีกฝ่ายมอบให้ [ กูสับสน แต่กูก็ไม่อยากจะคิดไปไกลไง ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองด้วย ก็อย่างที่มึงบอก เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่วัน แต่การกระทำของอาฟที่ทำให้กูมันแบบ เออ ก็พอคิดได้แหละ ว่ามันคงชอบ ]

[ นั่นไง แล้วมาตอแหลทำเป็นไม่รู้ให้กูทัก ]

[ มึง คือกูก็ไม่อยากหลงตัวเองเปล่าวะ แต่มันเล่นเลี้ยงข้าวกูทุกวัน เลี้ยงแบบคนหาเรื่องเลี้ยง ขับรถพากูไปนู้นนี่ทั้งๆที่จะส่งแค่บีทีเอสก็ได้ แต่มันจะเลือกมาส่งกูให้ถึงที่ด้วยตัวเอง ซึ่งเอาจริงๆอาฟไม่ใช่คนที่นิสัยแบบนั้น มันเลยทำให้กูคิด ]

[ แต่ละเรื่องที่มึงเล่าให้ฟัง เป็นใครใครก็คิด กูยังคิด ] วิวมันย้ำ [ แล้วเค้าเคยพูด หรือสื่ออะไรว่าเค้าชอบมึงมั้ยละ ]

[ ก็มีบ้างมั้ง อย่างกูก็เคยถามนะว่าแบบ เลี้ยงข้าวกูแบบนี้ เหมือนคนมาจีบเลย แล้วมันก็ตอบว่า อื้ม  ]

[ สัด กูว่าใช่ละ ]

[ แล้วอย่างเมื่อวาน มันมีปัญหาที่ผับนิดหน่อย กูก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าเรื่องอะไร แต่อาฟมันก็แค่ดึงกูออกมาจากตรงนั้น มันพูดกับกูตอนที่กูกำลังเถียงว่าแบบ มันหวงกู อย่าให้ตรงพูดยาว คือมึงมันแบบ คำนี้คนไม่ชอบกันเค้าไม่พูดเปล่าวะ ] ผมถามน้องชายตัวเองรู้สึกหน้าร้อนยังไงก็ไม่รู้ ผมที่เม้มปากตัวเองไว้แน่นด้วยความเขิน ยิ่งคิดถึงเรื่องที่ทำให้ทุกเรื่องก็ยิ่งเขิน ผมถามย้ำน้องชายตัวเองอีกทีเพื่อความมั่นใจ [ มึงว่ามันชอบกูเหรอวะ ]

[ ชัวร์ พี่อาฟชอบพี่เมดแน่ๆ ร้อยล้านเปอร์เซ็น ก็มันไม่มีเหตุผลอะไรที่คนคนนึงต้องหวงกัน ถ้าไม่รู้สึกดีต่อกันมั้ยจริงมั้ย ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงข้าวลูกน้องทุกวันปะ แล้วก็ไม่ต้องไปรับไปส่งมั้ย คือสิ่งที่เค้าทำให้พี่เมดแต่ละเรื่องมันไม่ใช่ที่คนทั่วไปเค้าทำกันไง มันเป็นเรื่องที่คนเค้าชอบกันเค้าทำให้กัน ]

   ผมถอนหายใจออกมาตอนที่อ่านประโยคนั้น มันก็จริงอย่างที่วิวพูด ผมก็รู้สึกได้แต่ตอนนี้เหมือนตัวเองกำลังพยายามไม่ยอมรับความคิดพวกนั้นมากกว่า ไม่ยอมรับว่ากำลังโดนอีกฝ่ายค่อยๆจีบ ทั้งๆการกระทำทุกอย่างมันก็โคตรจะชัดเจน

[ ว่าแต่พี่เมดเถอะ คิดยังไงกับเค้าวะ ]

[ หมายถึง ? ]

[ พี่ชอบเค้ามั้ย ]

[ กูไม่รู้ว่ะ ตอนนี้กูรู้สึกแค่ว่า อาฟมันเป็นคนที่กูอยู่ด้วยแล้วสบายใจ มันทำให้กูลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นแล้วก็ให้กำลังใจกู อยู่กับมัน แม้จะหงุดหงิดกับปากเสียๆไปบ้างแต่กูก็ยิ้มได้ ถ้าถามว่ารู้สึกยังไง คงต้องบอกว่า กูสบายใจที่มีมันอยู่กับกูละมั้ง แล้วกูก็อยากจะให้ความรู้สึกตอนนี้มันหยุดอยู่แค่ตรงนี้ก่อน ให้มันเป็นแค่ความสบายใจของกันและกันไปก่อน ]

[ ทำไมวะ ทำไมต้องหยุดความรู้สึกไว้แค่นั้นวะ จากที่ฟังมึงก็ดูชอบพี่เค้านะ ]

[ กูเพิ่งอกหักมานะวิว ] ผมสารภาพออกไปตามที่คิด [ เพิ่งเลิกกับแฟนมายังไม่ถึงเดือนนึงเลย กูรู้สึกดีกับอาฟนะ แต่ว่ากูก็ไม่รู้ว่าไอ้ความความรู้สึกดี สบายใจ ที่กูเป็นอยู่ตอนนี้มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ไง เพราะกูชอบมันจริงๆ หรือมันเพราะหัวใจกูอ่อนแอแล้วก็กำลังต้องการใครสักคนมาอยู่ข้างๆรึเปล่า อาฟอาจจะแค่เข้ามาในเวลาที่ประจวบเหมาะ กูกำลังต้องการที่พึ่ง กูเลยชอบมัน ซึ่งกูไม่อยากจะให้มันเป็นแบบนั้น ไม่อยากจะให้อาฟมาเป็นตัวแทนของใคร กูว่ามันไม่แฟร์กับอาฟเท่าไหร่ ]

[ ก็คิดดูดีๆ แต่พี่เมด การที่พี่เมดแคร์ความรู้สึกของพี่อาฟขนาดนี้ นั่นมันก็บอกแล้วนะ ว่าพี่อาฟก็สำคัญกับพี่เมดเหมือนกัน ก็คนเรามันจะแคร์คนที่เราไม่รู้สึกชอบไปทำไมวะ จริงมั้ย ]

[ อื้ม คงงั้น ] ก็คงจริงอย่างที่อีกคนพูด ผมคงชอบมันนั่นแหละ แต่แค่ไม่รู้ว่าความชอบตอนนี้ มันชอบเพราะอะไร จะเพราะอยากได้ที่พึ่งพิงจากใครสักคน หรือชอบเพราะชอบมันจริงๆกันแน่

[ เอาเถอะ อย่าคิดอะไรให้มันมากเลย ปล่อยๆมันไปเถอะ ] วิวบอกปัดให้ผมเลิกคิดมาก [ แต่ที่วิวอยากจะบอกพี่เมดก็คือ ไม่ต้องไปคิดว่า กูเพิ่งเลิกกับแฟนจะมาคบกับคนใหม่ได้ไง แล้วก็ไม่ต้องคิดด้วยว่าที่ตัวเองรู้สึกดีตอนนี้มันแย่ มันเหมือนว่าเอาเค้ามาดามใจในตอนที่ตัวเองอกหัก เพราะวิวว่าคนเรา ถ้ามันจะรัก มันก็รักอยู่ดี เข้ามาตอนไหนช่วงเวลาไหน มันก็รัก แต่ถ้าคนมันไม่รัก เข้ามาตอนไหนยังไงมันก็ไม่รัก พยายามยังไงก็ไปกันไม่ได้อยู่ดี ]

[ อื้ม ] ผมถอนหายใจออกมา ตอนที่อ่านข้อความนั้น [ ก็จริงของมึงว่ะ ]

[ อย่าคิดมากนะ ถ้าเค้าใช่เค้าก็แค่ใช่ สุดท้ายพอถึงเวลาที่เหมาะสมมันก็คงหาคำตอบได้เอง ]

[ กูก็คงปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปก่อน  กูไม่อยากจะคิดว่ามันชอบหรือไม่ชอบ ถึงแม้ความคิดกูจะเทไปทางหลงตัวเองว่าเค้าชอบมากกว่าก็เถอะนะ ] ยิ้มแห้งๆผ่านหน้าจอ [ แต่ว่ากูก็สบายใจกับการที่ทั้งกูทั้งมันอยู่ในจุดนี้ สบายใจที่มีอาฟอยู่ด้วย แล้วกูก็เชื่อว่าถ้ามันจะเปลี่ยน เวลาจะบอกเราเองว่าตอนไหน ]

[ อื้ม คิดแบบนั้นก็ดี สบายใจอะไรก็ทำแต่ถ้าฝ่ายนั้นรุกก็อีกเรื่องนะ ]

[ คงไม่หรอก มั้ง ] ผมก็ไม่มั่นใจหรอก ไม่สามารถคาดคะเนนอะไรกับผู้ชายคนนี้ได้ทั้งนั้น เหมือนคลื่นในทะเลนั่นแหละ ไม่รู้ลูกไหนจะใหญ่ ลูกไหนจะเล็ก

[ ท่องไว้เราโสดแล้ว อย่าปิดกั้นตัวเองเพราะแค่เพิ่งเลิกกับแฟน แล้วมันจะดูไม่ดีถ้ามีแฟนใหม่เร็วไป ไอ้เชี้ยนั่นมันไม่ได้มีค่าอะไรให้พี่ต้องแคร์ ถ้ามันตายก็ว่าไปอย่าง ]

 ผมยิ้มกับข้อความของมัน ก่อนจะส่งสติกเกอร์เป็นการปิดข้อความสนทนากับน้องชายของตัวเองไป มันมีอีกหลายเรื่องที่ผมไม่กล้าเล่าวิว มันน่ากลัวอยู่สำหรับความรู้สึกของคนที่เพิ่งเจอกันแค่สองสามวันแต่กลับทำให้เป็นได้ถึงขนาดนี้

เรื่องที่เมื่อคืนผมหึงอาฟกับผู้หญิงคนนั้น หรือแม้แต่ตอนที่ใจเต้นโครมครามตอนที่ได้อยู่ใกล้มัน ‘ พี่เมด พี่อาฟน่ะ น่ากลัวนะ ระวังตัวด้วย ‘ ก็อย่างที่วิวบอก มันเป็นแบบนั้นจริงๆ แม้จะลืมบอกว่าน่ากลัวที่ตรงไหนก็เถอะ แต่ผมว่าตอนนี้ก็รู้บ้างแล้ว
 
มันน่ากลัวตรงการกระทำที่อบอุ่นของมันทั้งๆที่เป็นคนที่ดูเหมือนเจ้าชู้แล้วก็ไม่สนใจโลก คนที่ใช้สายตาทั้งหมดจับจ้องมาที่เราคนเดียวราวกับคนสำคัญที่สุดของเค้า นั่นแหละ ..ความน่ากลัวของมัน

 “ อื้ออ “ เสียงครางเบาๆดังขึ้นมาจากคนที่นอนอยู่ข้างกัน ฟูกที่นอนบอกถึงการเคลื่อนไหวของใครอีกคน

ผมล็อคหน้าจอมือถือวางลงข้างตัว หลับตาลงอีกครั้งทำทีเป็นว่ายังไม่ไม่ตื่น ก็ยอมรับว่าไม่รู้จะพูดอะไร หรือแสดงสีหน้าแบบไหนในช่วงเวลาที่เราลืมตาขึ้นมาแล้วเจอกันและกันเป็นคนแรก  ผมเลยคิดว่าจะรอให้อีกคนตื่นก่อน แล้วพออาฟออกไปจากห้องผมก็ค่อยตื่นตาม แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ง่ายแบบนั้น

มือหนาเอื้อมมากอดที่เอวก่อนจะดึงให้ร่างทั้งร่างของผมถอยลงไปอยู่ในอ้อมกอดของมัน อาฟที่เหมือนจะนอนอยู่ในระดับที่สูงกว่ามันก้มหน้าหายใจเข้าออกอยู่ใกล้ใบหน้าของผม  เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอที่เป่ารดแก้มและใบหู ผมที่กำลังนอนนิ่งพร้อมพยายามสงบจิตสงบใจให้เข้มแข็งไว้ ก่อนเสียงทุ้มของคนที่คิดว่าหลับก็ดังขึ้น

“ ตื่นแล้วแต่ยังนอนให้กูกอด คิดอะไรกับกูอยู่ปะ “

“ คิด “ ตอบออกไปสั้นๆ มือที่กำลังกอดอยู่นั้นก็คลาย ผมพลิกตัวหันไปหามัน ใบหน้าคมที่ลืมตามองกันอยู่ สายตาคมดูอึ้งไปเล็กน้อยที่เห็นผมจู่โจมมันแบบนั้น “ คิดว่ามึงกวนตีนกูไง ไอ้สัด “


เอาจริงๆ มันก็ไม่ใช่ในแบบที่ชอบ แต่ทำไม ตอนนี้ใจมันถึงได้เต้นแรงนักว่ะ

.................................................................................
 

ทุกคนเข้าใจความรู้สึกของเมดมั้ย เรามองคนทุกคนถ้าเริ่มรักใหม่ในเวลาที่เพิ่งเลิกกับแฟนมาใหม่ ๆมันต้องมีความรู้สึกอะไรแบบนี้ เลยหยิบยกมาเขียน อยากให้คนอ่านได้เห็นถึงมุมมองจริงๆของน้องเมดที่มีต่อพี่อาฟบ้าง
 
สวัสดีปีใหม่ไทย สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ
ขอให้เป็นปีที่ดีกันถ้วนหน้านะคะ
แล้วก็เรื่องที่อยากจะประกาศทิ้งท้ายคือ
นิยายเรื่องนี้ ขอเปลี่ยนจากอัพทุกวันศุกร์ อาทิตย์ เป็น วัน ศุกร์ วันเดียวนะคะ
ด้วยเหตุผลที่ว่า หนมเขียนไม่ทันแล้วค่า คือความยาวปกติของนิยายที่เคยเขียน มันคือ สองตอน ต่อ หนึ่งตอนของเรื่องนี้
เรื่องนี้ตอนนึงค่อนข้างยาวมากกกก จนเราเขียนไม่ทันแล้วค่ะ เลยอัพได้แค่อาทิตย์ละตอน
แต่สัญญาว่า เขียนทันเมื่อไหร่ จะอัพให้อาทิตย์ละสองตอนเหมือนเดิมค่ะ
สำหรับใครที่ลุ้นว่า เมื่อไหร่จะรักกันสักที #กรีดหน้า
อีกไม่นานเธอ รวมทั้งปริศนาธรรมของนมช็อก ได้รู้เร็วๆนี้ ติดตามกันต่อไปยาวๆนะคะ
และนี้ก็ทางไปนิยายแชทจอยลดา :: http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่า
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 13-04-2018 21:01:18
งื้ออออออ เมื่อไหร่สัดอาฟจะรุกพี่เมดฮับบบบ
กูก็ลุ้นไปดิ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-04-2018 21:08:18
อยากให้น้องเดย์มานอนรวมกันจังเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 13-04-2018 21:20:56
สัดพี่อาฟ คิดจะบุก เริ่มเลยยยย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 13-04-2018 21:27:32
พี่อาฟอบอุ่นมากเนียนกอดน้องเมด :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 13-04-2018 21:30:17
คนเขียนสู้ๆนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 13-04-2018 22:32:58
รออาฟรุกเมด สักทีสิ อย่าฟอร์มจัด 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 13-04-2018 22:47:48
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-04-2018 22:53:25
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 13-04-2018 23:50:33
งู้ยยยยยยยย นอนด้วยกันด้วยยยย  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 14-04-2018 00:21:19
อาฟเริ่มจีบแบบเปิดเผยได้แล้ว

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 14-04-2018 00:34:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 14-04-2018 01:23:55
ถัดจากฉากนี้อยากให้น้องเดย์เปิดประตูเข้ามาจังเลยลูกกกก 555

เข้าใจเมดนะกับความรู้สึกแบบนี้ เมดโชคดีที่มีวิวเป็นน้องที่รักและคอยซัพพอร์ตตลอด
รักตัวเองให้มากขึ้นนะเมด ให้โอกาสดีๆเข้าหาตัวเองได้แล้ว
ถึงแม้ว่าโอกาสดีๆที่ว่านั่นจะปากหมาไปหน่อยก็ตาม  :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-04-2018 04:34:31
คือคิดว่าอาฟได้ยินหมดแล้วแหละ555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-04-2018 08:43:45
ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-04-2018 09:10:29
55555 อาฟมีตกใจ สงสารคนเก้อ เอ๋อไปเลย
ถ้าเมดตอบคิดจริง อาฟอาจจะปิดร้านฉลองเลยก็ได้นะ
หรือจะจัดเต็มฉลองเตียงก็ไม่รู้

เมดน่ารัก ไม่ซื่อนะแต่อยู่ที่ว่าจะทำตัวยังไง
แล้วเมดคิดแบบนี้ก็ไม่แปลก
คนพึ่งช้ำมาจะมาชอบอีกคนทันทีก็ดูใจะไม่โอเค

วิวก็คิดดี และตลกมาก ป่วนและกวนประสาท
ถ้ามาเจอเดย์จะเป็นไงนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 14-04-2018 09:16:47
เขินแรง  :z1: :z1:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 14-04-2018 09:43:35
ฮาฟแอบอ่านอยู่ใช่ม่ะ :mew3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 14-04-2018 10:58:35
น้องวิวนี่น่ารักจริงๆ แต่ดูท่าจะแสบไม่เบานะ อยากให้มาเจอนังน้องเดย์จริงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 16-04-2018 08:59:02
อยากอ่านเรื่องนี้ทุกวันเลย สนุกที่สุดดดดดดดดดดดดดด ลุ้นตลอด  o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-04-2018 18:38:10
เรามารอเฮียที่หน้าผับทุกวันเลย555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: thejaoil ที่ 20-04-2018 19:52:11
 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 20-04-2018 20:18:04
ตอนที่ 16

‘ ชมรมคนรักพี่เมด ‘  ผมถอนหายใจกับชื่อไลน์ที่ปรากฏการแจ้งเตือนว่าไม่ได้อ่าน ในช่วงเย็นที่ต้องหรี่ตามองหน้าจอมือถือ ผมหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะนึกถึงเมื่อเช้าที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นคนข้างๆกำลังนอนพิมพ์มือถือยุกยิกด้วยหน้าตาเคร่งเครียด ผมที่ฝืนนอนนิ่งอยู่นาน ก่อนจะทำทีเป็นขยับตัวส่งเสียงบอกอีกคนว่าตื่นแล้ว และก็เป็นอย่างที่คิด คนข้างๆแกล้งหลับ ผมเผลอยกยิ้มออกมาตอนเห็นมันเป็นอย่างงั้น

‘ มึงก็เป็นซะแบบนี้ น่าแกล้ง ‘  คิดอยู่ในใจตอนที่เอื้อมมือไปกอดมันไว้ก่อนจะดึงอีกคนเข้ามาในอ้อมกอด ความคิดแรกในตอนนั้น ที่บอกว่ากลิ่นหอมจะทำให้หลับสบายท่าทางจะจริง ก็ตอนนี้แม้ว่ามันจะเช้าแล้วแต่กลิ่นแป้งเด็กนั่นมันยังไม่หายไปเลย ก็ยังคงหอมอยู่แล้วก็โคตรอยากจะทำให้นอนต่อชะมัดในตอนที่ได้กอดมันไว้แบบนี้ ส่วนอย่างที่สองที่คิดถัดมาคือ ‘ เอวบางกว่าที่คิดนี่หว่า ‘

“ ตื่นแล้วแต่ยังนอนให้กอด คิดอะไรกับกูอยู่ปะ “ เอ่ยพูดออกไปหลังจากที่เห็นอีกคนนอนตัวเกร็งให้กอดอยู่นาน ไม่รู้แกล้งแรงไปรึเปล่ากับการนอนเป่าลมหายใจใส่หูมันจนแดงขึ้นมาแบบนั้น ทีแรกผมคิดว่ามันจะตื่นขึ้นมาโวยวาย แต่ทุกอย่างกลับกัน เมดเอาแต่นอนนิ่งแข็งอย่างผิดคาด 

“ คิด “ คำตอบที่ตอบออกมาทำให้ผมนิ่งไปสักพัก ใบหน้าที่หันมามองกัน เช้าวันนี้เหมือนมันจะดีกว่าทุกวันในความคิดผม  “ คิดว่ามึงกวนตีนกูไง ไอ้สัด “ หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังตอนที่โดนผลักให้ออกห่าง เมดเดินลงไปจากเตียง อย่างไม่พูดอะไรให้มาก มันตรงเข้าไปในห้องน้ำ แต่ถึงอย่างงั้น ผมก็ยังมองว่า มันก็เป็นวันที่ดีอยู่ ยกเว้นก็เสียแต่ว่า

[ พวกมึง พวกมึง รวมพลๆ ] ข้อความแรกที่ผมเลื่อนขึ้นไปอ่าน มันบอกเวลาส่งคือช่วงเวลาตีห้ากว่าๆ เวลาเดียวกันกับที่ผมพาเมดเข้ามาเจอไอ้เดย์เจ้าของข้อความนี้ในบ้าน

[ มีไร ] ไอ้เจส่งข้อความตอบกลับมา [ กูเตรียมตัวนอนละ โคตรง่วง ]

[ มึง @Ai ]

[ เพิ่งอาบน้ำเสร็จจ้าเมีย มีไร ]

[ พวกมึง สัดพี่พาพี่เมดมานอนที่คอนโดจ้า ] สติกเกอร์หลากหลายแบบถูกส่งตอบกลับมาแทนความรู้สึกของคนอ่าน ก่อนไอ้เจจะถามขึ้น

[ แต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกมั้ย มันก็เคยพาขึ้นไปแล้วนะรอบนึง ]

[ เออ พี่เมดก็บอกเมื่อกี้ กูยังตกใจเลย แต่ เดี๋ยววววว ทำไมกูไม่รู้ ]

[ มันก็ไม่แปลกที่เดย์จะไม่รู้อะลูก เพราะปกติเดย์ก็ไม่กลับคอนโดไง เดย์ไปนอนกกกับสาว ]

[ แต่มันผิดปกติที่พี่เจมึงรู้ ทั้งๆที่พี่มึงไม่ได้อยู่คอนโดนี้ไง หรือมึงแอบติดกล้องวงจรปิดไว้ในคอนโดกู!! ]

[ มึงอ่านการ์ตูนเยอะไปนะ ] ไอ้เจบอกน้องชายผม [ นี่ใคร ? กู เจ หนึ่งในผู้ชายแสนดีที่ยอมคบกับไอ้เหี้ยอาฟพี่มึงทั้งๆที่ไม่มีใครทนคบได้ตั้งแต่ประถม กูรู้ทุกเรื่องของพี่มึงนั่นแหละ มองตาก็รู้ใจแล้ว แค่ไม่ได้เป็นเมียมันเท่านั้น ]

[ อี๋ ] เดย์พิมพ์ขึ้นมา [ ไม่อยากได้มึงเป็นพี่สะใภ้อะพี่เจ ]

[ ทำไม กูมันทำไม กูออกจะน่ารัก ] เสือกส่งภาพตัวเองแอ๊บแบ๋วมาอีกไอ้สัด ผมถอนหายใจออกมายาวๆตอนที่เห็น สาบานว่าผมไม่เคยมองมันว่าน่ารักตั้งแต่เด็กๆแล้ว มองว่า น่าตบตลอด และมีบางทีที่มันก็กวนตีนจนอยากจะเหยียบหน้า [ กูมีแต่สิ่งดีๆ ถ้ามึงได้กูเป็นพี่สะใภ้นะเดย์ สิ่งที่มึงจะได้รับเป็นของแถมหลังจากการซื้อขายก็คือ กูจะเป็นทั้งเมียของพี่มึงและเพื่อนของพี่มึง กูจะรู้ใจพี่มึงสุดๆ และกูก็จะเป็นเพื่อนพวกมึงที่รู้ใจพวกมึงสุดๆเช่นกัน คบกับกูไม่ใช่ 2 in 1 นะ ระดับกูนี่ 10 in 1 เป็นได้ทั้งเมีย ทั้งเพื่อนผัว เพื่อนน้องผัว เพื่อนของเพื่อนน้องผัว ไหนจะมาเก็ตติ้งผับอีก สนใจกดเลือก เจนะครับพี่อาฟ @after ]

[ ขนลุก ไอ้สัด ] ไอ้อัยย์ว่า และผมก็เห็นด้วยกันมัน

[ พี่อาฟไม่อ่านข้อความมึงหรอก ] ไอ้เดย์บอก [ เค้าอยู่กับพี่เมด เค้าไม่สนใจมึงหรอกจ้า ]

[ เชอะ จริงๆมองดีๆ กูน่ารักกว่าเมดอีก ขอบอก แต่เพื่อน้องเมดแสนน่ารัก กูจะยอมยกให้เค้าน่ารักที่สุดแล้วกัน ]

[ กูขอขีดคำว่ามองดีๆ ด้วยเส้นสีแดงสิบครั้ง ปรับเป็นตัวหนาและเอียง  เพื่อบอกว่ามึงต้องมองดีๆ จริงๆ แต่เอาจริงๆนะที่ยกให้เค้าน่ารักกว่าไม่ใช่เพราะว่าอยากจะได้พี่เมดเป็นเมียเหรอวะ ]

[ สัด พวกมึงเอาความจริงอะไรมาพูดดดดดดดดดด ] ไอ้เจว่าก่อนจะส่งสติกเกอร์หัวเราะออกมา

[ คนที่เฮียอาฟควรกลัวว่าจะงาบพี่เมด อันดับหนึ่งคือมึงอะ พี่เจ ] อัยย์ว่าก่อนจะถาม [ แต่กูถามพวกมึงจริงๆดิ เอาแบบจริงจังนะ ในความคิดพวกมึง มึงว่าพี่เมดน่ารักมั้ย ]

[ กูว่ามันแล้วแต่คนมอง ถ้ากูไม่รู้จักพี่เมดมาก่อน กูคงมองว่าเค้าเป็นคนหล่อแบบน่ารักอะ ยังไงว่ะ แบบจิ้มลิ้มอะ แต่พอได้คุยด้วย กูว่าเค้าน่ารักมากๆเลย เค้าไม่ได้น่ารักแค่หน้าตาอะ นิสัยเค้าก็น่ารัก เวลาคุยกับกูเค้าจะแบบ น้องเดย์ พี่เมดว่านะ อะไรแบบนี้ ซึ่งกูชอบคนพูดแบบนี้ กูเลยว่าเค้าน่ารักมากๆสำหรับกู เอาไปสิบดาวเต็มเลยครับพี่เมดของน้องเดย์ ] ไอ้เดย์ว่า [ พูดสมกับชื่อกรุ๊ปมากกู ควรตั้งตัวเองเป็นประธานไลน์กรุ๊ปนี้ ]

 [ เออ กูเห็นสม ] ไอ้อัยย์เพื่อนมันบอก

[ กูว่าเค้าก็น่ารักอะ เป็นผู้ชายน่ารักที่จิตใจดี  ดีจนแบบสงสารที่มันต้องมาเกลือกกลั๊วกับคนอย่างไอ้เชี้ยอาฟเลย ]  เจตอบก่อนจะถามกลับคนตั้งคำถาม [ มึงถามทำไมอะอัยย์ มึงคิดว่าเค้าไม่น่ารักเหรอ แบบว่า เห็นพวกกูชมว่าน่ารักเลยชมตาม ตามน้ำกันไป ]

[ เปล่า กูว่าเค้าน่ารักมากๆ เลยอยากมั่นใจว่าพวกมึงคิดว่าเค้าน่ารักอย่างที่กูคิดมั้ย กูคิดแค่ว่าพวกมึงเล่นๆไง ชมไปงั้นเด็กมาใหม่ ]

[ แล้วทางนั้นเป็นไง ไอ้เดย์มึงคิดเห็นเป็นประการใด พี่มึงจะเผด็จศึกไอ้เมดมั้ย ] เจถาม

[ กูเอาหูมาแนบกำแพงไม่ได้ยินเสียงอะไรนะ ต้องรอชมครับ แต่วันนี้สัดพี่ต้องให้รางวัลกูอะ ]

[ ยังไง ] ไอ้อัยย์ถามเพื่อนมัน

[ ตอนที่พี่เมดเข้ามา กูบอกพี่เมดว่าสัดพี่ไม่เคยพาใครขึ้นมาคอนโดนะ มันตั้งกฎกับกูถ้าไม่ใช่คนสำคัญห้ามพาขึ้น ]

[ ซึ่งถามว่าความจริงมีกฎเหี้ยอะไรนี่มั้ย คำตอบคือ.. ]

[ ไม่มีจ้า แต่พี่เมดยิ้มหน้าแดงด้วยกูบอกไว้เลย เพราะงั้นโอนมาให้กูเลยหมื่นนึงสัดพี่  @after ]

[ เฮียแม่งไม่ตอบเลยว่ะ พี่เมดของกูจะเสร็จเฮียง่ายๆแบบนี้เหรอวะ ]

[ ปกติไอ้เชี้ยอาฟก็เคยบอกกูว่า มันก็ไม่ใช่คนเสร็จยากอะไรนะ ] ไอ้เจว่าก่อนจะส่งสติกเกอร์หัวเราะพ่วงมาด้วย

[ ไอ้เชี้ยพี่เจมึง คนละเสร็จกันละ ]

[ อ๋อเหรอออออ แต่อยากรู้ก็ให้ไอ้เดย์เอาแก้วไปแนบประตูแล้วฟังสิไอ้สัด โง่อีกละ พวกมึง ]

[ @dday มึงไป ]

[ ไม่ได้ยินอะไรวะ ] น้องชายผมบอกหลังจากหายไปกลุ่มอยู่หลายนาที [ มีสิทธิ์มั้ยที่มันจะทำกันเงียบๆ ]

[ ก็ไม่น่าจะเงียบขนาดเอาแก้วไปฟังแล้วยังไม่ได้ยินหรอกมั้ง มันต้องมีเสียงเล็ดรอดบ้างสิ มันต้องซี๊ดซ๊าดกันบ้าง ] ไอ้เจบอก

[ งั้นกูขอสรุปว่าคืนนี้พี่เมดรอด เพราะกูง่วงแล้วไอ้สัด กูจะไม่รออีกต่อไป ] ไอ้อัยย์บอกทุกคน ที่ก็ส่งสติกเกอร์บอกฝันดีมากันคนละตัวเป็นการจบบทสนทนาของเมื่อคืน  ก่อนจะเริ่มเช้าวันใหม่

[ ตื่นครับ @after ] ไอ้เจส่งมาคนแรกก่อนที่ทุกคนจะก๊อปปี้ข้อความนั้นแล้วส่งต่อๆกันมาทั้งไอ้เดย์ทั้งไอ้อัยย์ [ เมื่อคืนเป็นไงครับ เล่ามาครับ @after ]

[ เสือก ] ผมตอบ

[ เกรี้ยวกราดกับเพื่อน ]

[ เกรี้ยวกราดกับน้อง ] ไอ้เดย์บอกไอ้อัยย์ก็ก๊อปปี้ข้อความของมันแล้วส่งเข้ามา

[ เป็นไงเมื่อคืน มึงทำอะไรเค้ามั้ย ]

[ ไม่ได้ทำ ก็นอนกันปกติ พวกมึงจะให้กูทำอะไรมัน ] ผมถามกลับไอ้เจที่ถามคำถามก่อนหน้านี้

[ ทำแบบที่มึงชอบทำไง ]

[ เออ อยู่กันครบก็ดี กูอยากจะขอคุยอะไรกับพวกมึงหน่อย ] ผมพิมพ์ประโยคจริงจังขึ้นไปในกรุ๊ป [ พวกมึงช่วยเลิกพูดเรื่องเหี้ยๆแบบเรื่องใต้หว่างขาของกูกับไอ้เมดสักทีได้มั้ย กูรำคาญ ] มันไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษแค่อยากจะพูดเรื่องนี้อยู่นานแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมเริ่มไม่ชอบที่พวกมันเอาแต่พูดเรื่องผมจ้องแต่จะเอาไอ้เมด มันก็จริงที่ผมคิดบ้างตามประสาผู้ชายคนนึงที่รู้สึกว่าอีกคน ‘ มันก็น่ารักดี ‘

แต่ก็ไม่ได้คิดจริงจังถึงแต่เรื่องนั้น และทุกสิ่งที่ทำให้ก็ไม่ได้หวังแต่เรื่องแบบนั้นด้วย ผมแค่หวังให้มันยิ้ม มีความสุข แล้วเลิกคิดเรื่องเหี้ยๆที่มันเจอ ผมคิดแค่นั้น ผมไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับมัน ผมไม่ได้อยากหาคำตอบ  เพราะผมเชื่อว่าถ้ามันใช่ เวลาจะบอกผมให้แน่ใจเอง ผมไม่ได้คิดเลยด้วยว่าทำไมตัวเองถึงไม่ใช่ตัวเองแบบนี้ในตอนที่อยู่กับมัน ทั้งเรื่องขี้หึง ทั้งเรื่องห่วงแบบไร้สาระนั่น ตอนนี้ในสมองไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับอนาคตทั้งนั้น ผมคิดถึงแค่วันนี้ คิดแค่ว่า เมดที่อยู่กับผมวันนี้ จะทำให้ผมยิ้มได้กี่ครั้ง แล้วผมละจะทำให้มันยิ้มได้กี่ครั้ง ผมคิดแค่เท่านี้ 

[ แหมมมม ทำมาเป็นรำคาญ ตัวเองก็คิดมั้ยละสัดพี่ ] ไอ้เดย์บอก ผมก็ถอนหายใจ

[ เดย์ กูจริงจัง ]

[ ขอโทษครับ ]

[ กูไม่อยากให้พวกมึงมองเมดมันแบบนั้น ไม่อยากให้พวกมึงมองแค่ว่ากูต้องการเมดเพราะเรื่องแค่นั้น เพราะมันไม่ใช่ กูเลยไม่ชอบ กับคนอื่นกูไม่สนก็จริง ตลอดมากูไม่สนก็จริง แต่คนนี้กูขอ อย่าพูดถึงเมดแบบนั้นอีก ]

[ โอเค ]

[ ครับเฮีย ]

[ น้องเดย์ก็โอเคครับ ]

[ ถือว่ากูพูดแล้ว และกูจะไม่พูดซ้ำ อย่าให้กูได้ยินอีก ถึงจะพูดเล่นๆก็ไม่ได้ เมดไม่ใช่คนที่พวกมึงจะมองแล้วบอกว่าอยากเอา แล้วก็ไม่ใช่คนที่พวกมึงจะมาพูดได้ว่ากูจ้องแต่จะเอา เรื่องที่พวกมึงจ้องแต่จะมองนมมันเมื่อคืนก็เหมือนกัน อย่าทำอีก เมดไม่ใช่คนที่พวกมึงจะมาทำแบบนั้นได้ เพราะเมดเป็นของกู กูหวง ] สติกเกอร์หน้าเหี้ยส่งกันมาคนละตัวแทนความรู้สึกว่าพวกมันเขินมากมายแค่ไหนกับคำพูดของผม  ก่อนไอ้เจจะส่งเป็นข้อความมาให้

[ สรุปใจความสำคัญของสิ่งที่พูดอยู่ประโยคสุดท้ายนะครับเด็กๆ ไม่ต้องอ่านทั้งหมดก็ได้ ]

[ ประโยคไหนอะครับ ] ไอ้อัยย์

[ ประโยคนี้ไงครับ เพราะเมดเป็นของกู กูหวง ] ภาพข้อความที่ผมพิมพ์ถูกส่งแบบเน้นข้อความเข้ามาในแชท

[ ส่งไปพี่เมดดีมั้ยครับหัวหน้าพี่เจ ]

[ อยากตายก็ส่งไปครับ ] ไอ้เจตอบไอ้อัยย์ก่อนไอ้เดย์จะพิมพ์ขึ้น

[ กูขอถอนตัวออกจากตำแหน่งประธานชมรมคนรักพี่เมด แล้วยกให้สัดพี่เลยจ้า ยอมแล้ววววววว ]

[ เฮียจริงจังกับพี่เมดจริงๆเหรอวะ ] อัยย์มันถาม

[ กูไม่รู้ ]

[ ยังจะมาไม่รู้ ปกป้องเค้าขนาดนี้ ดูแลเค้าขนาดนี้ มึงยังจะบอกว่าไม่รู้อีก ไอ้สัดพี่ ]

[ พวกมึงถามเหมือนไม่รู้นิสัยไอ้สัดอาฟ ] ไอ้เจบอก [ ถ้ามันตอบตรงๆว่า อื้ม กูจริงจัง รูปปั้นพระในวิหารคงออกมาเดินทั่วกรุงเทพแล้วสัด ]

[ กูไม่รู้ กูแค่ทำ ในสิ่งที่กูอยากทำ เหตุผลมันก็มีอยู่แค่นั้น ]

[ แต่พี่เมดก็ดี น่ารักดี แต่ไม่เหมือนสาวคนเก่าๆของเฮียเลย ] อัยย์มันบอก [ คนก่อนๆนี่ รูปร่างแบบตัวเอส นมเป็นนมเอวเป็นเอว หน้าต้องสวย แต่งตัวต้องดี พี่เมดนี่คนละเรื่องเลย ]

[ มึงว่าพี่เมดเหรอวะ ออกจากกรุ๊ปไลน์ไป ] ไอ้เดย์ไล่เพื่อนมัน

[ ไอ้สัด ไม่ใช่เว้ยยย ที่กูจะหมายถึงคือ พี่เมดดูเป็นงานเป็นการ คือดูเหมือนอาซ้อร้านเหล้าอะ ]

[ เค้าเรียกว่าความแตกต่างของคนที่เอามาทำแฟน กับ เอามาทำแม่ของลูก ]
 
[ แต่พี่เมดไม่มีมดลูกนะ เค้าเป็นผู้ชาย ] ผมหัวเราะออกมากับมุกซื่อๆของน้องชายตัวเอง

[ แกล้งโง่ยังไงให้รู้สึกว่าโง่จริงๆบายเชี้ยเดย์ ] อัยย์ด่าเพื่อนมัน [ แต่พูดแบบพี่เจก็ถูก พี่เมดดูเป็นคนที่ควรคบไว้ทำเมียอะ ไม่ใช่แฟน เรียกว่าคบไว้สร้างอนาคต ]

[ รองประธานชมรมคนรักพี่เมดไปเลยครับ ] ไอ้เจว่า

[ เอาจริงๆ เค้าใส่ใจคนในผับ มากกว่าเฮียอีก เฮียเวลาเลิกงานก็เดินออกไปเลย แต่พี่เมดจะแบบ กลับแล้วนะ กลับบ้านกันดีๆนะ คือถ้าเป็นแฟนกันกูว่าโคตรดี พี่เมดจะมาทำในส่วนที่เฮียไม่ทำไง กูเชียร์คนนี้นะเฮีย ]

[ แต่สงสารพี่เมดไงไม่รู้วะ ] น้องชายผมบอก [ กลัวสัดพี่ทำพี่เมดเสียใจ สงสารเค้า มึงดูหน้าเค้าสิ พี่เมดนุ่มนิ่มเกินกว่าจะมาคบกับคนเหี้ยๆ แบบสัดพี่เปล่าวะ ]

[ เดย์ กูพี่มึง ] ผมย้ำมัน ด่าเหมือนไม่ใช่พี่น้องกันไอ้น้องเวร

[ ก็เพราะกูเป็นน้องมึงนี่แหละ เลยรู้สันดานมึงดี ]

[ ขึ้นชื่อว่าความรักแม่งก็ต้องเจ็บอยู่แล้วเปล่าวะ ] เจบอก [ คือมันไม่มีความรักเหี้ยอะไรที่มีความสุขไปตลอดไง ยกเว้นว่ามึงจะไม่มีความรัก มึงก็จะไม่เจ็บปวดกับมัน ]

[ คมสัด ]

[ พวกมึงเพ้อเจ้ออะไรกันวะ ] ผมถาม [ กูยังไม่ได้เริ่มเลย ให้กูเริ่มก่อน ให้มันเกิดขึ้นก่อน แล้วค่อยมาว่ากู ]

[ ฮั่นน่ออออ ยอมรับมาจะจีบเค้าแล้วดิ ] อัยย์บอก [ จีบเป็นเหรอวะถามหน่อย ]

[ ไม่น่าจะเป็น ] เจมันเสริม [ ปกติหันไปมองตาแล้วปิ๊งกัน สาวจะเดินเข้ามาคุยด้วยก่อน คุยไปคุยมา เดินขึ้นไปชั้นสาม แล้ววันต่อมาก็จบความสัมพันธ์ ]

[ วันก่อนใครแม่งบอกว่า ไม่ชอบขาวเป็นแป้ง ปากแหลมไป หน้าตาเหมือนตี๋ขายโจ๊ก ]

[ กูพูดแบบนั้นเหรอ ] ผมถาม [ ไม่เห็นจำได้ ]

[ หมั่นไส้มึงชิบหายสัดพี่ ขอให้พี่เมดไม่รับรักมึง ] อ่านข้อความนั้นของน้องชายก่อนที่ผมจะส่งตัวแทนความรู้สึกคืนไปให้และนั่น คือ อีโมชั่นนิ้วกลาง ที่ใช้สื่อความรู้สึกตอนนี้เป็นอย่างดี

‘ J is J ‘ ไลน์ส่วนตัวของไอ้เจดังขึ้นทักผม ตอนที่ออกจากกลุ่มแชท ผมเปิดเข้าไปในไลน์ของมันที่ทักขึ้นมาด้วยชื่อผมแค่สั้นๆ แต่นั่นก็บอกถึงความจริงจังของเรื่องราวที่มันกำลังจะพูดได้เป็นอย่างดี

[ อาฟ ]

[ ว่า ]

[ มึงชอบเมดจริงๆเหรอวะ ]

[ ถามทำไม ไหนบอกว่ามองตากูก็รู้ใจทุกเรื่องไม่ใช่รึไง ]

[ ก็เพราะแบบนี้ไงสัด กูเลยมาถามมึงไอ้เหี้ย ]

[ เพื่อ ? ] ผมถามมันกลับ ก่อนจะขมวดคิ้วกับข้อความที่ได้อ่าน

[ กูชอบเมดนะ มันเป็นคนน่ารัก ถ้ามึงรักมันจริงๆ กูโคตรยินดีมากๆที่จะได้มันมาเป็นแฟนของมึง เพราะกูรู้สึกเลยว่าเมดแม่งต้องดูแลมึงได้ดีแน่นอน ]

[ อวยสัด ] ผมแซวอีกคนก็เถียงกลับ

[ ไม่เว้ย ไม่ได้อวย กูคิดงั้นจริงๆ ก็ดูจากความเรียบร้อยของงานที่มันทำ ความใส่ใจของมันที่มีให้คนอื่นๆในผับ อย่างตอนไปกินข้าวก็ด้วย คือไม่มีใครขอให้ออกไปสั่ง มันก็จัดการให้ เรื่องช้อนเรื่องตะเกียบ คือดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มันก็ทำให้ ]

[ อื้ม ] ก็จริงอย่างที่ไอ้เจบอก ผมก็รู้สึกแบบนั้น เมดเป็นคนใส่ใจคนอื่น ไม่ใช่แค่กับคนที่มันสนิท แต่มันใส่ใจคนทุกคน นั่นคือเสน่ห์ของมันที่ทำให้ใครๆก็หลงรัก และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบใจที่เป็นแบบนี้สักเท่าไหร่ รู้สึกแค่อยากได้รับทุกอย่างนั่นไว้แค่คนเดียว

[ ขนาดไม่ได้เป็นอะไรมันยังทำให้เลย แล้วลองคิดดูว่า ถ้าได้เป็นผัวมัน มันจะทำให้มากขนาดไหน ]

[ ถ้าไม่พอดี ก็มากจนน่ารำคาญอะสัด มีสองอย่าง ]

[ เหี้ย  แต่ก็จริงของมึงว่ะ 5555555555 ] ส่งเลขห้าแทนเสียงหัวเราะมาผมก็ได้แต่ยกยิ้มตาม [ หรือว่าที่ไอ้บินนอกใจไอ้เมด เพราะเมดมันดูแลดีเกินไปวะ แบบรำคาญว่ะ มึงดูแลกู แล้วก็ใส่ใจกูมากเกินไป กูไม่ชอบ ]

[ กูว่าน่าจะเรื่องอื่น ]

[ ทำไมคิดงั้นวะ ]

[ เมื่อคืนเจอกัน ]

[ อีกแล้ว ? ]

[ อื้ม ]

[ โอยยยยยยยย กูจะพูดยังไงกับไอ้เหี้ยนี่ดีวะ ]

[ ไม่ต้องพูดอะไร มันเลิกกับเมดแล้ว เลิกแบบจริงจัง เมดบอกเลิกมันแล้ว ]

[ อ๋ออออ เพราะแบบนี้สินะ เลยออกตัวปกป้องเค้าแบบเต็มที่ ]

ผมไม่ได้ตอบอะไรอีกคนกลับไป ก็ไม่เชิงว่าจะเป็นอย่างที่อีกคนพูด ต่อให้ไม่เกิดเรื่องนี้ผมก็จะพูดอยู่แล้วเพราะผมไม่อยากจะให้เพื่อนผมมองมันในแง่มุมนั้น  เรื่องที่เมดเลิกกับบิน ส่วนตัวเรียกว่าความสบายใจมากกว่าอย่างอื่น เหมือนรู้สึกว่า ‘ เลิกได้จริงๆสักทีก็ดี ‘  แม้จะยังหงุดหงิดที่รู้ว่าคนบอกเลิกก็ยังเสียใจอยู่กับเรื่องนั้น และรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าเสียใจทั้งนั้นสำหรับผู้ชายเหี้ยๆคนนั้นที่หักหลังมัน 

นึกถึงหวนกลับไปในช่วงเวลาเมื่อคืนก็ได้แต่เกลียดตัวเองในช่วงเวลาที่ทำได้แค่มองมัน ตอนที่ทำได้แค่ยืนมองมันรำพันถึงความรักที่มีต่ออีกคน น้ำตาที่ไหลออกมามันเหมือนกับเชือกที่รัดตัวผมไว้จนแน่น ผมอยากจะเดินเข้าไปต่อยคนที่ทำมันเสียใจ แล้วถามว่ามึงทำคนคนนี้เสียใจได้ยังไงวะ เค้ารักมึงขนาดนี้ มึงทำเค้าให้เสียใจได้ยังไง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผมก็ทำได้แต่มองแล้วก็ให้ทุกอย่างมันเป็นไปแบบนั้น อย่างที่ควรจะเป็น

 วินาทีที่เห็นมันเอาแต่นั่งเหม่ออยู่ในรถก็เหมือนกัน ผมหงุดหงิดจนอยากจะด่ามันด้วยคำพูดแรงๆ มีคนที่เค้าอยากจะได้ความรักของมึงจะตาย ทำไมไม่หันมามองบ้าง ทำไมยังเสียใจอยู่ จะลดตัวทำไม มันไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ยังไงคนเสียใจก็คือคนที่เสียใจอยู่ดี ก็มันรักเค้ามาก ตอนนั้นก็เลยทำได้แค่กอดเอาไว้ ทั้งๆที่ความจริงอยากทำมากกว่านั้น

ผมอยากจูบ อยากพูดปลอบด้วยคำหวานๆ ให้มันรู้สึกว่า มันไม่ใช่เรื่องแย่ ยังมีเรื่องดีๆรอมึงอยู่ ยังมีผมที่อยู่ตรงนี้ แต่ทุกอย่างนั่นก็เป็นแค่ความคิด ผมทำอะไรแบบนั้นไม่ได้

มันเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกกับใครแบบนั้น ความรู้สึกที่ว่าถ้าทำได้ก็อยากจะให้อีกคนแบ่งมา ความทุกข์ที่อยู่ในใจของมัน  อยากจะให้แบ่งมาให้ผม แบ่งมันมาให้หมด จนมันจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรกับเรื่องราวพวกนั้นอีกเลยยิ่งดี

[ แต่ก็นะคนเราอะ ถ้าความรักตรงนั้นมันดี ทำไมถึงคิดนอกใจวะ ]

[ คนมันไม่พอ ก็คือไม่พอ ] ผมเชื่อว่าความรักมันเป็นอย่างงั้น คนเรานอกใจเพราะหลายสาเหตุ  บางทีเพราะความรักที่มีอยู่มันไม่ดี แล้วเราไปเจอที่ดีกว่า กับอีกเหตุผลคือ ความมักมากที่ไม่ว่าให้ไปเท่าไหร่ก็ไม่พอ แล้วไอ้บินก็เป็นอย่างหลัง

[ กูพนันเลยว่า ไอ้เชี้ยบิน ไม่ได้มีแค่เพื่อนเมดหรอก ]

[ มึงทักกูเพื่อพูดเรื่องอะไรกันแน่ไอ้สัดเจ จะมาพูดเรื่องไอ้บินรึไง ]

[ เปล่า กูจะมาบอกว่าเรื่องเมดถ้ามึงจริงจัง กูก็เห็นด้วยนะ กูอยากให้มึงมีความรักดีๆ ทั้งๆที่ไม่รู้หรอกว่าเมดแม่งนิสัยจริงๆตอนคบจะเป็นยังไง แต่ถ้ามึงคิดแบบที่ผ่านมา คบไปแบบไม่จริงจังพอถึงตอนที่ทะเลาะกัน มึงก็เลิก  ไม่สนใจความรู้สึกของใคร เอาความสบายใจตัวเองเป็นที่ตั้ง โรคขี้เบื่อขี้รำคาญของมึง ถ้าจะคบกับเมดเลิกได้แล้วนะ กูไม่อยากให้เมดเสียใจ สงสารมัน เจ็บมาเยอะแล้ว ]

[ จะมาบอกกูแค่นี้ ]

[ เออ แค่นี้แหละสัด ] เจย้ำกับผม

[ หวงไอ้เมดจังนะมึง ออกโรงมาเตือนกูขนาดนี้ ชอบมันรึไง ]

[ ในฐานะมนุษย์คนนึงที่เห็นคนคนนึง ขยันทำงาน นิสัยดี ใส่ใจคนอื่น แต่กลับโดนหลอกมาจากทั้งเพื่อน ทั้งแฟน กูมันสงสารมันว่ะ คือมันแย่พอแล้วเปล่าวะ พอคิดว่าอาจจะมาเจอมึงเหี้ยใส่อีก ]

[ ก็แค่อาจจะ ]  ผมเข้าใจในความรู้สึกของแต่ละคนที่พูดห่วงใยใครคนนั้นดี และไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ที่ใครๆต่างก็รู้สึกเป็นห่วงมัน โดยเฉพาะไอ้เจที่รู้เรื่องเกี่ยวกับมันทุกอย่าง เมดมันเป็นอย่างที่ใครๆว่า มันเป็นคนน่ารัก นิสัยดี ก็คล้ายกับตุ๊กตาสีขาวที่ตอนนี้มันมีรอยเปื้อนมากพออยู่แล้วจากคนรักเก่าที่ทำให้มันเสียใจ และมันก็ไม่ควรจะมาเปื้อนอีกครั้งด้วยฝีมือของผม

 [ จริงๆนะอาฟ ถ้ามึงจริงจังกับมัน มึงต้องเลิกทำลายความรู้สึกของคนอื่นได้แล้ว กี่คนที่เค้าเข้ามาจริงจังกับมึง แล้วมึงก็เทเค้าทิ้งเหมือนเค้าแม่งไม่มีความรู้สึก ฟังแล้วอาจจะดูเหี้ย แต่พอคิดว่าเมดที่แม่งเจอเรื่องขนาดนั้นมาแล้ว ต้องมาเจอมึงอีก กูนี่แบบ สงสารมันว่ะ มันจะรับไหวเหรอวะ ]

[ อย่ามาคาดหวังอะไรกับตัวกู มึงก็รู้ มึงเป็นเพื่อนกับกูมานานเจ มึงรู้ว่าสำหรับกูไม่ว่าใครจะพูดยังไง ถ้ากูไม่เอา คือไม่เอา ]

[ ก็มึงมันเหี้ยอย่างงี้ กูเลยเชียร์ให้เอากับไอ้เมดไม่ลง ] เจบอก [ สนับสนุนมึงกับเมดไปก็เหมือนผลักอีกคนให้ลงนรก ]

[ กูแม่งชั่วร้ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ ]

[ เอาเป็นว่า ถ้ายมทูตมันมีจริง แล้วเค้ามาเอาตัวใครสักคนใน throw up ไม่มึงก็ไอ้เดย์แหละ ที่ต้องไป ]

[ สัด ] ผมยกยิ้มกับข้อความนั้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเพื่อนพูดเกินไปแต่อย่างใด

เจรู้จักผมดี มันรู้ว่าผมเป็นคนแบบไหน ก็ถูกทุกคำที่มันกล่าวมา ผมเป็นคนแบบนี้ ผมไม่ใช่คนที่ใส่ใจความรู้สึกใคร เวลาคบใครแล้วอีกฝ่ายนึงเริ่มงี่เง่าผมจะปล่อยเธอทิ้งไว้อย่างงั้นเหมือนเราไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดที่ลึกซึ้งกันมาก่อน ผมไม่ชอบง้อใคร ผมรู้สึกว่านั่นคือการอ่อนข้อ เบื่อการที่ต้องพูดจาซ้ำซากอธิบายยืดยาว และเพราะเป็นแบบนั้น ผมเลยปฎิเสธการจริงจังในความสัมพันธ์ที่เรียกว่า คนรัก มาตลอด

[ กูแค่อยากจะเตือนมึงเรื่องเมดก็เท่านั้นแหละ มันเป็นคนทำงานดี ถ้าได้มันมาทำงานใน throw up ได้ตลอดก็ไม่เลวเลย กูเลยคิดว่าถ้าไม่จริงจังก็อย่าไปจีบเค้า อย่าไปทำให้เค้ารู้สึกชอบ  ปล่อยให้เค้าไปเจอคนดีๆดีกว่า ]

[ มึงไม่รู้อะไร สำหรับเมด กูนี่แหละ ดีที่สุดแล้ว ] ไม่มีคำพูดใดตอบกลับมา มีแต่สติกเกอร์หน้าเหี้ยตัวนึงที่ส่งมาเพื่อแทนความรู้สึกของเพื่อนที่บอกว่า ผมกล้ามากที่จะพูดคำนั้น

กดปิดหน้าจอมือถือหลับตาลงอีกครั้ง ผมรู้ว่าผมไม่ใช่คนดีอะไรที่ทำให้ใครๆต่างอยากจะมารัก เป็นคนปากเก่งที่เคยใช้ชีวิตแบบไม่แคร์ใครบนโลก เป็นคนที่คิดว่าตัวเองจัดการทุกอย่างได้ อะไรที่อยากได้ก็ไม่เคยที่จะไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังภาวนาอะไรบางอย่าง ไอ้อัยย์เคยบอกผมไว้อย่างนึงว่า คนบางคนอาจจะเข้ามาฉีกกฏทุกข้อเรา เค้าจะเปลี่ยนให้เราให้กลายเป็นอีกคน เราที่ไม่เคยง้อใคร แต่เราจะง้อเค้าได้ และเพราะแบบนั้นผมเลยภาวนา..

 ภาวนาของให้เมดเป็นใครคนนั้น คนที่จะมาฉีกฏทุกข้อของผม

............................................................

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 15 :: up! 13-4-61} #หน้า 7
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 20-04-2018 20:18:45

“ มึง “ เสียงเรียกของคนที่แง้มประตูห้องแต่ตัวออกมาเรียกผม เมดโผล่มาแต่หน้าแววตาเรียวมองผมที่หันไปมองมัน หลุดยิ้มกับท่าทางที่เหมือนเด็กๆ ก่อนจะตีหน้านิ่งตามฉบับ

“ มีอะไร “

“ ยืมเสื้อผ้าใส่หน่อยสิ “

“ ก็เลือกเอาจากในตู้ จะใส่ตัวไหนก็ได้ “ ผมบอกมัน

“ ได้หมดเลยเหรอ “ เมดถามย้ำ ผมก็พยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองมัน

“ หรือจะต้องให้กูไปช่วยเลือก “

“ ไม่ต้อง! “ อีกคนตะโกนมา “ โป๊อยู่ กูแต่งตัวเสร็จแล้วค่อยเข้ามา “  แอบยิ้มกว้างออกมากับคำพูดนั้นของมัน ไม่อยากจะบอกมันเลยว่า ยิ่งพูดแบบนั้นก็ยิ่งน่าเปิดเข้าไป ผมหมุนมือถือตัวเองเล่นอยู่ในมือในตอนที่เอาแต่มองบานประตูห้องแต่งตัวอยู่แบบนั้น

‘ อยากให้พรุ่งนี้เป็นเหมือนวันนี้อีก ถ้าจะให้มาอยู่ด้วยกันทุกวันต้องทำไงวะ ‘ ตั้งคำถามกับตัวเองแล้วพยายามคิดหาคำตอบ แต่มันก็มีแต่ข้ออ้างงี่เง่าจนไม่กล้าแม้จะพูดออกไป

   ผมกดเปิดมือถือตัวเองอีกครั้ง โปรแกรมแชทของกลุ่มที่รู้สึกว่าตั้งแต่วันที่รู้จักกับคนที่อยู่ในห้องแต่งตัวผมก็ใช้มันบ่อยขึ้นกว่าแต่ก่อน ชื่อที่เขียนว่า ‘ ชมรมคนรักพี่เมด ‘ ชวนให้ผมยิ้มก่อนจะกดเข้าไป

[ พวกมึง ทำยังไงให้คืนนี้มันนอนที่ห้องกูต่อวะ ] คำถามห้วนๆที่ถามออกไป ไม่มีชื่อของใครอีกคนที่เอ่ยถึง ผมเขินเกินกว่าจะพิมพ์มันออกไปตรงๆในความรู้สึก

[ ห๊ะ ? เฮียมึงหมายถึงใครวะ ]

[ ก็มันนั่นแหละ ] ผมย้ำ ไอ้สัดอัยย์รู้แต่ก็ยังเสือกทำเป็นไม่รู้

[ มันไหนอะ ] น้องชายผมถาม [ มันฝรั่ง มันม่วง มันสับปะหลัง มันไรดีจ๊ะ ]

[ ไอ้พวกเชี้ย รู้แล้วก็ยังกวนตีน เค้าก็หมายถึงไอ้เมดมั้ยละสัด ] ไอ้เจบอก

[ มึงแม่งอย่าพูดสิวะไอ้พี่เจ กูอยากจะให้เฮียมันพูดออกมาตรงๆว่า พวกมึงทำยังไงให้คืนนี้ไอ้เมดมันนอนที่ห้องกูต่อวะ ] ไอ้อัยย์บอก

[ เออ ไม่รู้เรื่องเลยยยย ]

[ กวนตีนส้นตีน ไอ้สัด ] ผมว่า

[ จีบใครไม่เป็นก็เงี้ย ลำบากหน่อยนะครับ ] เดย์บอก [ แต่ถ้าให้น้องเดย์แนะนำ ก็ขอแนะนำว่าให้บอกเค้าไปตรงๆ ]

[ บอกว่า ]

[ อยากให้นอนด้วย คืนนี้มานอนเป็นเพื่อนหน่อย พรุ่งนี้จะได้มานอนเป็นเมีย ]

[ แต่เมื่อคืนนอนเป็นเพื่อนแล้ว งั้นคืนนี้ก็นอนเป็นเมียเลยอะดิ ] สติกเกอร์ล้อเลียนที่ถูกส่งมา ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา ไอ้พวกเวรเอ้ยพึ่งพาเหี้ยไรไม่เคยได้ 

[ ไอ้สัด กูนี่คิดไม่ดีขึ้นมาเลย ] เพื่อนผมบอก [ แต่พี่อาฟบอก ห้ามพูดเรื่องแบบนี้เพราะงั้นน้องเจจะเงียบไว้ฮะ ]

[ เบื่อพวกมึงวะ ]

[ อะๆ ช่วยคิดละ อย่าเพิ่งงอนดิเฮีย หัวล้านอ๋อ ขี้น้อยใจจัง ] อัยย์บอก

[ ปกติมึงก็ไปรับไปส่งไอ้เมดมันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ ทำไมไม่ทำแบบนิ่งๆไว้ พอถึงตอนไปส่งก็พากลับมาคอนโดนี่แหละ บอกแบบสไตส์มึงว่า ขี้เกียจขับรถกลับ จบ ]

[ แต่ถ้าแบบนั้นมันจะไม่ใช่การนอนที่ยั่งยืนไง พรุ่งนี้ก็ต้องหาข้ออ้างอีก ] ไอ้เดย์บอก [ สารภาพรักไปเลยสัดพี่ พอได้เป็นแฟนแล้วก็ต้องมานอนด้วยกัน ]

[ มันไม่ง่ายขนาดนั้นเดย์ ] ผมบอกอีกคน

[ มันไม่ง่ายจริงๆ หรือมึงแค่คิดว่ามันไม่ง่ายวะสัดพี่ ]

[ ที่ไอ้อาฟมันคิดว่าไม่ง่ายเพราะไอ้เมดมันเพิ่งอกหักมา เข้าใจมั้ยพวกมึง มันเลยไม่ง่าย ]

[ ไอ้สัดเจ ก็บอกว่า อย่าบอกไอ้พวกสัดนี่ ]

[ ก็ถ้าไม่บอกมันก็ยังยัดเยียดให้มึงไปบอกชอบไอ้เมดซึ่งมันทำไม่ได้ไงสัด ]

[ ทำไมทำไม่ได้วะ ] ไอ้อัยย์ถาม [ เลิกกับแฟนแล้ว งั้นก็หมายความว่าพี่เมดโสด แล้วคำว่าโสดมันก็เริ่มต้นใช้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เลิกกับแฟนแล้วนะ  เพราะงั้นจะมีใหม่เร็วแค่ไหน ก็ไม่เห็นจะแปลก ]

[ สำหรับฝ่ายที่ไม่ได้บอกเลิกมันไม่แปลก แต่ฝ่ายที่บอกเลิกมันแปลกไง มึงเข้าใจคำว่า รักกันมานาน เลิกกันก็ยังทำใจไม่ได้มั้ยละสัด] เจบอก

[ ไม่เข้าใจ พอดีไม่เคยอกหัก ] น้องผมบอกก่อนเสริมด้วยเพื่อนมัน

[ ใช่แล้ว ]

[ K คือมึงต้องเข้าใจว่า คนบางคนเค้าไม่ได้คบใครเล่นๆแบบที่พวกมึงทำ เค้าจริงจัง เค้าเลยคิดถึงความสัมพันธ์ใหม่ในแบบระยะยาว ไม่ได้คิดว่า ก็คบๆไปไม่ถูกใจก็เลิก ]

[ อย่าเอาสันดานตัวเองมาเป็นไม้บรรทัดให้คนอื่น ]

[ สัดเฮีย กูเจ็บนะ ] อัยย์บอก [ แล้วตอนนี้ยังไง ก็ทำได้แค่อยู่ข้างเธอไปแบบนี้เหรอ คอยดูแล คอยเอาใจใส่แบบนี้เหรอ ]

[ กูว่าเมดก็น่าจะพอรู้ว่าไอ้เชี้ยอาฟชอบมัน ถ้ามันไม่โง่อะนะ ]

[ กูไม่ได้แสดงออกขนาดนั้น ] ประโยคที่พิมพ์ออกไป ได้รับแต่สติกเกอร์หน้าเหี้ยแสดงอาการกลืนไม่เข้าคาบไม่ออกกับคำพูดของผมมาคนละตัว ก่อนจะไอ้เดย์จะพูดขึ้น

[ สาบานกับกูนะสัดพี่ ว่าที่มึงพูดออกมานี่ มึงคิดแล้ว ]

[ นี่กูทนคบไอ้เชี้ยนี่มาได้ยังไงตั้งแต่เด็กวะ งงเด้ออออ ] เจบอก [ สำหรับเมด มึงแสดงออกชัดมากกว่าใครๆแล้วเชี้ยอาฟ ทุกอย่างที่มึงทำทั้งต่อหน้าและลับหลังมัน คือมึงชอบมัน อย่างไม่ต้องสงสัย ]

[ กูมาถามว่าทำไงให้มันนอนที่คอนโดกูต่อ ไม่ได้มาถามให้พวกมึงวิเคราะห์ว่ากูชอบมันมั้ย ]

[ เปลี่ยนเรื่องเก่ง ] ไอ้อัยย์บอก [ กูว่าวิธีพี่เจเหมาะสุดในตอนนี้ คืนนี้ก็ไม่ต้องไปส่งบอกขี้เกียจขับรถ จบจ้า ]

[ แล้วทำไมไม่บอกไปเลยตรงๆ ก็อาจจะบอก ขี้เกียจขับรถไปส่งพี่เมดที่คอนโดเค้า ให้พี่เมดนอนที่คอนโดเราแล้วกัน ใกล้ที่ทำงานด้วย ใกล้มหาลัยเค้ามั้ย ถ้าใช่ก็บอกไป อ้างว่า เดี๋ยวรถเสร็จ สัดพี่คืนรถให้ก็ค่อยกลับไปนอนคอนโดตัวเอง แต่ในช่วงเวลาสิบกว่าวันนี้ ก็จีบๆเค้า แล้วจับทำเมียซะ เค้าจะได้อยู่ยาวเกินสิบห้าวัน จบ ]

[ รู้จักกันมาตั้งนาน พูดอะไรเข้าท่าแบบคนมีหัวคิดก็วันนี้ ] อัยย์แซวเพื่อนมัน [ อะ กูทีมเชี้ยเดย์ กูว่าเหมาะสมสุด ]

[ เออ เข้าท่าสุด กูเห็นด้วย]

[ แต่กูแม่งอยากรู้ทำไมพี่เมดถึงอกหักวะ ]

[ โดนนอกใจ ] เจบอกไอ้อัยย์คนสงสัย

[ ไอ้เหี้ยใครมันช่างกล้าทำแบบนั้น สงสารเลยอะ ]

[ บางทีแม่งพี่เมดอาจจะมีมุมที่เราไม่รู้ก็ได้ ] เดย์บอก [ คนเราถ้ามันดีจริงๆ เค้าก็ไม่หาคนมั้ยเปล่าวะ ]

[ ยกเว้นว่าจะมักมาก เป็นพวกไม่พอ มีหนึ่งก็อยากมีสอง ]

[ ทำไมกูรู้สึกเหมือนด่ากู ] เดย์บอก เพื่อนผมก็ตอบให้หายความสงสัย

[ เค้าไม่ได้ด่ามึง มึงเป็นวัวสันหลังแหวะเองสัดเดย์ ]

[ คนโดนนอกใจนี่น่าสงสารนะ พี่เมดต้องไปทำบุญถวายสังฆทานอะ ชีวิตจะได้ไม่ต้องเจออะไรแบบนี้อีก ]

[ ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ] ไอ้เดย์ว่า [ ถ้ามึงเจอผู้ชายสันดานเหี้ย ยังไงมันก็นอกใจมึงมั้ย ]

[ เพราะแบบนั้นไง มึงเลยต้องไปทำบุญ ถวายหลอดไฟ ชีวิตจะได้สว่างไสว เผื่อผลบุญของมึงจะส่งผลให้มึงไม่เจอเชี้ยอะไรแบบนั้นอีก ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นอีกอะไรแบบนี้ ]

[ ถ้าไปถวายสังฆทานมันจะได้บุญแล้วก็ไม่ต้องเจอคนแบบนั้นอีกเหรอวะ ]

[ อยู่ที่ความเชื่อส่วนบุคคลนะเฮีย แต่มันก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอวะ ความสบายใจอะ ] ก็จริงอย่างที่ไอ้อัยย์บอก ผมกดล็อคหน้าจอหลังจากที่อ่านข้อความนั้น พยักหน้ารับกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง พอดีกับคนที่เดินออกจากห้องแต่งตัวที่เอ่ยบอก

“ เข้าไปอาบน้ำได้แล้ว “ ผมยกยิ้มตอนที่มองมัน เสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้แปลก มันไม่ได้แต่งตัวเชยอย่างที่แฟนเก่ามันเคยว่าไว้ แต่กลับกันมันรสนิยมดี อย่างน้อยก็รู้ว่า แต่งออกมายังไงให้ตัวเองดูน่ารักกว่าเดิม “ มองไรวะ กูใส่ชุดนี้แล้วมัน แย่เหรอ “

“ เปล่า “ ตอบมันสั้นๆ แล้วในตอนที่ผมจะเดินผ่านมันไปก็เผลอยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะบอก “ ก็น่ารักดี “

ขับรถออกจากคอนโดหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ คนข้างผมคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยก้มหน้าก้มตากดยุกยิกอยู่ในมือถือตัวเอง  เมดเงยหน้าขึ้นมามองทางเป็นระยะหลับตาลงก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วก้มลงไปดูใหม่

“ เลิกเล่นก่อน “ ผมบอกมันอีกคนก็หันมามอง โชคดีที่รถติดไฟแดงผมดึงเบรคมือขึ้นก่อนจะหันไปหามันที่ก็ยังไม่ยอมฟังคำพูดผม “ ปวดตาแล้วจะเล่นทำไม “

“ กูไม่ได้เล่นนะ “ อีกคนหันหน้ามาเถียง “ กำลังทำงานตังหาก “ มันว่าก่อนจะยื่นมือถือหน้าจอเล็กๆที่กำลังเปิดแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับงานให้ผมดู “ แต่หน้าจอมันเล็กอะ กูก็ต้องปวดตาสิวะจะรอไปทำในคอมก็เดี๋ยวสั่งของเข้าร้านไม่ทันอีก “

“ ก็ทำไมไม่ซื้อมือถือใหม่ “ ผมถาม “ มือถือมึงนี่ตั้งแต่ชาติไหนแล้ว “ แต่ดูจากความเก่าของมันก็พอเดาได้ว่าคงใช้มาไม่ต่ำกว่าสี่ปี

“ อย่ามาดูถูก เครื่องนี้กูเก็บตังค์ซื้อเองเลยนะ “ มันว่าอวดๆ ก่อนจะก้มหน้าลงทำงานต่อ “ หนี้มึงก็ยังไม่มีจ่าย จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อมือถือใหม่วะ “

“ วันนี้กินข้าวที่ห้างนะ กูจะเข้าไปเปิดบัญชีธนาคารด้วย แล้วก็ฝากเงิน “ ปลดเบรคมือข้างตัวลง รถที่ทยอยเคลื่อนไปข้างหน้า “ มึงเอาเงินมาแล้วใช่มั้ย “

“ อยู่ในกระเป๋าแล้ว “ ไม่ว่าเปล่า มันเอามือตบเบาๆที่กระเป๋าเป้ของตัวเองที่วางอยู่ข้างหน้า ผมเผลอยิ้มออกมาแม้จะมองออกไปบนท้องถนนเบื้องหน้า น่าแปลกทั้งๆที่มันไม่ใช่การกระทำที่น่ารักอะไร แต่กลับรู้สึกว่าพอเป็นอีกคนหันมาบอกด้วยแววตาเรียวที่เบิกขึ้นมามันกลับดูน่ารักเอามากๆ เพราะอะไรวะ แม่ง.. ไม่มีเหตุผลเลย “ มึง จะจอดรถเหรอวะ “

“ อื้ม “ ขานรับมันเบาๆ เมดมันคงเห็นตอนที่เห็นว่าผมตีไฟเลี้ยวเหมือนจะจอดลงข้างทาง “ ลงไปซื้อหลอดไฟให้หน่อย “

“ หลอดไฟ “ มันทวนคำ ผมก็เชิดหน้าไปที่ร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่ด้านนอกรถ  “ หลอดอะไร แบบไหน มึงจะเอาไปทำอะไร “

“ ไปทำบุญ “

“ ทำบุญ “ มันย้ำเสียงหนัก ก่อนจะเบิกตามองผมแล้วเอียงตัวหนี “ อะไร..ที่ทำให้มึงคิดอะไรแบบนั้นวะ “

“ อย่ากวนตีน “

“ ก็มันน่าสงสัยมั้ยวะ คนแบบมึงนี่อะนะจะเข้าไปทำบุญ “ อีกคนบอกก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ นี่ไม่ได้แปลกนะ โคตรแปลก ทำไมวะ เกิดอะไรขึ้นมึงไม่สบายใจเรื่องอะไรเหรอ บอกกูได้นะ หรือว่าวันเกิดวันนี้วันเกิดเหรอ เลยจะทำบุญ “

“ ลงไปซื้อ “ ย้ำอีกคนยิ้มๆ เมดที่เหลือบมองผมแบบไม่ไว้ใจเท่าไหร่ แต่มันก็แค่เอ่ยถาม

“ แล้วจะให้ซื้อหลอดไฟไรอะ หลอดยาว หลอดสั้น หลอดตะเกียบ “

“ ไม่รู้วะ “ อยากจะบอกมันเหมือนกันว่า ตั้งแต่เข้ามหาลัยก็ไม่เคยไปเลยซึ่งสถานที่ที่ชื่อว่าวัด จนถึงตอนนี้ “ ปกติมึงไปทำบุญมึงซื้อยังไง ก็เอาอย่างงั้น “

“ โอเค “ เปิดประตูลงเดินเข้าไปในร้านขาย ก่อนจะออกมาพร้อมกับหลอดไฟสองหลอดทั้งแบบสั้นแล้วก็แบบยาว มันวางไว้ตรงที่นั่งด้านหลัง เมดกลับมานั่งที่เดิมของมัน “ ซื้อหลอดยาวกับสั้นมาอย่างละหลอดนะ “

“ อื้ม “

“ แล้วจะไปทำบุญพรุ่งนี้เหรอวะ “

“ ตอนนี้แหละ “ มันหันมามองหน้าผม “ บ่ายห้าโมงนี่อะนะ “

“ ทำไมปกติเค้าไม่ถวายสังฆทานกันแล้วเหรอ “

“ ไม่รู้วะ กูไม่เคยไปถวายสังฆทานเวลานี้ ปกติไปเช้าๆ “ เมดบอกก่อนจะก้มหน้าลงกดยุกยิกอยู่ในมือถือตัวเอง สงสัยว่ากำลังหาข้อมูลเรื่องการถวายสังฆทานช่วงเย็นว่าทำได้มั้ย “ เค้าบอกว่าถ้าไม่ใช่ของกินก็ถวายได้ แต่ต้องก่อนพระอาทิตย์ตกดินถึงจะดี ชีวิตสว่างไสว อะไรทำนองนั้น “

“ อื้ม “ พยักหน้ารับ ผมก็ขับตรงไปที่วัดที่ใกล้ที่สุด  เท่าที่จำได้มันไม่ได้อยู่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ แล้วก็เป็นแบบนั้น

จอดรถที่ลานจอดผมเดินลงไปพร้อมกับอีกคนที่เดินกอดหลอดไฟที่ตัวเองซื้อมาเดินอยู่ข้างผม เรามองซ้ายดูขวาภายในวัดที่แทบจะถามใครไม่ได้ว่าต้องไปทำอะไรที่ไหน

“ ขอโทษนะครับ “ เมดเดินไปเอ่ยถามผู้ชายคนนึงที่กำลังเดินอยู่ไม่ไกลจากเรา “ ผมจะมาถวายสังฆทาน ไม่ทราบว่าไปถวายได้ที่ไหนได้ครับ “

“ หลวงพ่ออยู่ในกุฎิทางนู้นครับ “ ผู้ชายคนนั้นชี้ไปอีกฝั่ง เมดก็หันมาบอกผม

“ ไปกัน “

   กุฎิที่ดูใหญ่ที่สุดในบรรดาหลายๆหลังที่เราเดินผ่านมา คิดว่าพระรูปนี้คงมีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัด ตามจริงผมไม่ค่อยคุ้นชินกับสถานที่ที่เรียกว่าวัดสักเท่าไหร่ ตั้งแต่เด็กมาก็ไปแค่เท่าที่จำเป็นยกตัวอย่างเช่น พ่อแม่บังคับ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่คนข้างหน้า มันดูเชี่ยวชาญกว่าผมอย่างน้อยก็น่าจะเข้าวัดบ่อยกว่า ก็ดูจากท่าเดินคลานเข่าของมันที่ค่อยๆเข้าไปหาพระท่านที่นั่งอยู่ก็พอรู้ได้

“ มาทำอะไรกันละโยม “ พระท่านถามอีกคนก็ยกมือขึ้นไหว้แนบอกก่อนจะบอก

“ มาทำบุญถวายสังฆทานครับ “ ตอบแค่นั้นท่านก็พยักหน้ารับ ส่วนเมดก็หันมามองหน้าผม “ มาตรงนี้สิ มาถวายหลอดไฟให้พระท่าน “

“ มึงทำ “ ผมบอกเสียงเรียบๆ “ มึงเป็นคนลงไปซื้อ “

“ อ้าว ก็ไหนมึงบอกจะทำบุญ “ เจ้าของดวงตาเรียวขมวดคิ้ว มันเอียงเข้ามาใกล้ผมก่อนจะพูดเสียงเบา “ มึงอยากจะมาทำบุญมึงก็ต้องถวายพระท่านเอง มึงจะได้ได้บุญไง “

 “ ไม่ต้องเถียงกันหรอกโยม ก็เข้ามาถวายพร้อมกันนั่นแหละ “  หลวงพ่อบอก “ ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันเกิดมาชาติหน้าก็จะได้มาเจอกันอีก “

“ อยากเจอกูอีกมั้ย “ ผมถามมันตอนที่ขยับเข้าไปนั่งชิดกับอีกคน เมดก้มหน้าของตัวเองลงมันบอกเสียงเบาๆ

“ เจอก็ได้.. มึงก็ไม่ได้แย่นิ “ เอื้อมมือไปจับมือมันที่กำลังจับหลอดไฟยกขึ้นไปถวายให้พระท่าน ผมสัมผัสได้ถึงความเกร็งของอีกคนตอนที่กำลังยื่นมันก็หันมาถาม “ แล้วมึงจะมาจับมือกูทำไม หลอดไฟตั้งยาว จับตรงอื่นไปสิวะ “

“ พูดมาก “ ผมกระซิบบอกมัน “ กูสะดวกแบบนี้ “

“ รับศีลรับพรนะโยม “ หลวงพ่อเอ่ยบอกตอนที่เรายื่นหลอดไฟวางไว้ตรงหน้าท่านเรียบร้อย เมดมันยกมือขึ้นมาหลับตาลงเพื่อรับพรอย่างที่พระท่านบอก ผมไม่รู้ว่ามันขออะไร ถ้าทำได้ก็อยากจะบอกมัน ให้ขอว่าชีวิตนี้อย่างได้ต้องมาพบเจอกับความทุกข์อะไรอีก ขอให้ชีวิตมีแต่ความสว่างไสวเหมือนดวงไฟที่ซื้อมาถวาย แต่เพราะไม่รู้ว่ามันจะขออย่างงั้นมั้ย ผมก็เลยขอให้มันแทน

“ ขอให้ชีวิตของคนข้างๆผมมีความสุข ขอให้เค้าไม่มีความทุกข์ ขอให้เค้าลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นไปให้หมด แล้วขอให้ชีวิตของเค้ามีแต่ความสุขที่สว่างไหวเหมือนไฟที่สว่างอยู่เสมอ “

“ แล้วทำไมถึงมาทำบุญกันเอาป่านนี้ละ “

“ ทำงานดึกน่ะครับ เลยตื่นมาทำบุญช่วงเช้าไม่ไหว “ เมดตอบพระท่าน มันที่ยิ้มจางๆ “ ขอตัวกลับก่อนนะครับหลวงพ่อ ต้องรีบไปทำงานแล้ว “

“ โชคดีนะโยม “ หลวงพ่อท่านว่า เราสองคนก็ก้มลงกราบลาก่อนจะเดินออกมาจากุฎิ

“ สบายใจดีเหมือนกันนะ “ เมดบอกผมตอนที่เดินเข้ามานั่งในรถ มันที่สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะผ่อนออกมาแรงๆ “ วัดเนี้ย ให้ความรู้สึกพิเศษจริงๆ เข้ามาแล้ว ได้ทำบุญก็รู้สึกสบายใจ “

“ พรที่ขอ มันได้ผลแล้วเหรอวะ เร็วสัด “ หลุดพูดออกมาตอนที่อีกคนบอกแบบนั้น ผมแค่สงสัยว่าที่ผมขอไปตอนทำบุญเมื่อกี้ มันส่งผลเร็วขนาดนี้เลยเหรอวะ แต่ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็เลือกไม่ผิดตัดสินใจพามันมาที่นี่ สบายใจก็ดี ผมก็ตั้งใจว่าอยากจะให้มันเป็นอย่างงั้น

“ ห๊ะ ? “ เมดหันมาถาม ผมก็ส่ายหน้า

“ ไปห้างเถอะ ธุระอีกเยอะ “

“ โอเค “

จัดการธุระทั้งเรื่องเอาเงินเข้าบัญชี เปิดบัญชีใหม่เรียบร้อย รวมถึงซื้อไอแพตมินิพร้อมทั้งมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดให้อีกคนที่ตอนนี้ก็ยังเห่อของใหม่ไม่เลิก มันนั่งกด นั่งโหลด นั่งยิ้มมีความสุขอยู่ข้างๆผม ทั้งๆที่ตอนผมบอกว่าจะซื้อให้ มันกลับโวยวายเสียงดังซะลั่นร้าน

‘ ซื้อให้ทำไม ไม่เอา ไม่ต้อง ของกูยังใช้ได้ ‘ มันบอกแบบนั้นตอนที่ผมบอกให้มันเอามือถือของมันยื่นไปให้พนักงานเพื่อเปลี่ยนถ่ายข้อมูลรวมถึงซิมการ์ด

‘ ต้องพกแบตสำรองตลอดเวลานี่ถือว่ายังใช้ได้เหรอ เหมือนแม่งติดเครื่องช่วยหายใจตลอดเลย เอาออกก็ตาย มือถือดับ ‘
‘ สัด ‘ มันสถบใส่ผม ‘ แต่ยังไงก็ไม่ได้เกรงใจ ตั้งหลายหมื่น ไม่ต้องเท็นก็ได้มั้ง เอาหกเอสก็พอ มันก็ลดราคาอยู่ ‘

‘ ซื้อแล้วก็ซื้อใหม่ไปเลย จะซื้อของเก่าทำไม ‘ หันไปถามมันที่อีกคนก็ถอนหายใจออกมา

‘ เข้าใจคำว่า รู้จักประมาณตนตามฐานะตัวเองมั้ยอาฟ กูมีหนี้อยู่หลายหมื่น ไอแพตมินิกูยังพอเห็นสมควร ก็เอามาใช้กับงานของมึงให้รวดเร็วขึ้น แต่มือถือมันเป็นของส่วนตัวของกูไง มันไม่เกี่ยวอะไรกับงาน ‘

‘ แล้วถ้าบอกว่าอยากซื้อให้ได้มั้ย ‘ มันเงียบไปตอนที่ผมบอกทั้งๆที่ก็ไม่ได้หันไปมองหน้ามัน  แต่ตอนที่เหลือบไปมองเมดเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจแล้วส่ายหน้า

‘ ไม่เอา ‘

‘ ทำไมเรื่องมากจังวะ ซื้อให้ฟรีๆ ก็ไม่เอา ‘ คราวนี้ผมหันไปจ้องอีกคนด้วยความไม่เข้าใจ คนเราก็แปลกได้ของฟรีแล้วไม่ชอบ

‘ กูรู้ว่ามึงรวย กับเงินแค่นี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่มึงให้กูในฐานะอะไร เพื่อนร่วมงานเหรอ กูทำงานให้มึงได้ไม่กี่วันเองนะ จะซื้อของแพงขนาดนี้ให้กูแล้วเหรอ ‘

‘ ก็อยากให้ ‘ ผมบอกมันออกไปด้วยเสียงเรียบๆตรงๆก่อนจะถอนหายใจออกมา ‘ ทำไมคนเราต้องมีเหตุผลในการกระทำทุกอย่างเลยเหรอวะ อยากให้ก็แค่ซื้อให้ไม่ได้เหรอ ส่วนคนรับไม่ได้เสียตังค์สักบาท ก็รับไปไม่ได้เหรอ หนักหนามากเหรอวะ ‘

‘ มันไม่ได้หนักหนาอะไร แต่กูเกรงใจไง มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่มึงต้องมาซื้อของแพงขนาดนี้ให้ ‘ เมดบอก มันก็ถอนหายใจออกมาตอนที่ผมตั้งท่าจะเถียงมันอีกครั้งว่าก็แค่อยากจะซื้อให้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเดาความคิดออกเสียก่อน ‘ งั้นเอางี้ กูรับไว้ก็ได้แต่ว่า ขอกูจ่ายเองนะ ‘

‘ ยังไง ‘ ขมวดคิ้วถามด้วยความไม่เข้าใจแบบสีหน้าหงุดหงิด แต่ถึงอย่างงั้นอีกคนก็แค่ยิ้มอย่างใจเย็น

‘ ก็เดี๋ยวมึงออกให้ก่อน แล้วกูก็ผ่อนไง ทำงานกับมึงอยู่แล้ว ก็เพิ่มหนี้ขึ้นไปจากเดิมของที่มีอยู่ ตกลงมั้ยละ ‘

‘ ไม่ ‘

‘ ไม่ตกลงก็ไม่เอา ‘ มันบอกผม ก่อนจะทำทีเป็นเดินออกไปหาพนักงาน ‘ กูไปบอกพนักงานก่อนว่าเอาแค่ไอแพตมินิ ‘

‘ เออ ตกลงก็ได้ ‘ ผมบอกมันที่ก็หันมายิ้มให้ ‘ โง่ อยากเป็นหนี้ก็ตามใจ ‘

‘ ก็แค่นั้น ‘

‘ แล้วทำไมกูต้องมาหัวเสียกับการที่ไม่ต้องจ่ายเงินด้วยวะ ไอ้สัด ‘ บ่นคนเดียวอยู่ในใจก่อนจะยิ้มออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ถึงการปฎิเสธแบบนี้จะดูสมกับการเป็นคนอย่างมันดี แต่ก็คงไม่รู้ว่ายิ่งมันปฎิเสธผมเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งอยากให้มันมากเท่านั้น ให้ในสิ่งที่ผมให้ได้ ผมอยากจะให้มันทั้งหมด

   ขับรถมาที่ผับก่อนหมดเวลาเข้างานแค่ไม่กี่นาที คนข้างผมที่เป็นพวกตรงเวลาจัด วิ่งลงไปเปิดประตูด้านหลังของผับแล้วเอาคีย์การ์ดพนักงานแตะลงเครื่องจดเวลาเข้างานได้ทันอย่างเฉียดฉิว มันหายใจหอบอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะหันมาเหลือบมองผมที่ก็เหล่มองมันอยู่พลางยกยิ้ม

“ ยิ้มอะไรนัก มึงไม่ได้มีเวลาเข้าออกงาน แม่งก็รอดตัวไปสิวะ “ ยักไหล่ให้มันไม่สนใจ อีกคนก็แบะปากใส่ด้วยความรู้สึกที่หมั่นไส้ผมไม่น้อย

“ มาทำงานสายหักเงินเดือนนะบอกไว้ก่อน “

“ ไม่สายสักหน่อย “

“ ก็อย่าสายแล้วกัน บอกไว้ก่อนว่าหนี้มึงเยอะอยู่ “

“ มึงยัดเยียดให้กูเองทั้งนั้น “ เมดบอก “ ค่ารอยถลอกนั่น สามพันก็หรูแล้ว มือถือก็ไม่อยากได้สักหน่อย ถามจริงนี่เป็นแผนที่จะทำให้กูต้องทำงานอยู่ที่นี่นานๆรึเปล่าวะ “

“ ว้า แย่จัง  “ ผมบอกพลางทำหน้าเสียดายแบบกวนตีนใส่มัน “ เหยื่อรู้ตัวแล้วเหรอ “

“ สัดอาฟ ชั่วจริงๆ “ เมดบอกผมยิ้มๆ มันที่เดินตรงเข้าไปด้านใน ผมก็ได้แต่มองแผ่นหลังนั่นเดินไปเรื่อยๆ

อยากบอกมันเหมือนกันว่าผมน่ะ มีแผนอีกเป็นร้อยที่จะผูกมัดให้มันอยู่กับผมไว้ชั่วชีวิตเลยยังได้ และเป็นแผนที่ถึงมันจะคิดหนีจากผมไปยังไง ก็จะไม่มีวันสำเร็จ

“ พี่เมดมาแล้วเหรอออ วันนี้แต่งตัวน่ารักจัง “ ไอ้อัยย์ที่กำลังเช็ดแก้วอยู่ที่บาร์เอ่ยทักอีกคนที่ก็ก้มหน้าลงดูชุดที่ตัวเองสวมอยู่

“ แต่สำหรับน้องเดย์ พี่เมดน่ารักทุกวันเลยนะ “ น้องชายผมก็ไม่พลาดมันชมอีกคน เมดที่ก็ยิ้มเขินออกมากับทั้งสายตาแล้วก็คำชมพวกนั้นก่อนจะส่ายหน้า

“ พูดเกินไป ก็ธรรมดา “

“ น่ารักอยู่แล้วเป็นธรรมดาอะไรแบบนี้มั้ย “ ไอ้เจที่กำลังเปิดโน็ตบุ๊คนั่งทำงานอยู่ที่บาร์ไม่พลาดเอ่ยแซวมันอีกคน เมดส่ายหน้าไปมาแรงขึ้น แก้มแดงๆของมันชวนให้ผมหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย แล้วตอนที่จะเดินเข้าไปเพื่อนผมก็ถามประโยคที่ผมไม่อยากจะให้มันตอบขึ้นมา“ แล้วนี่ทำไมมาสายกันจังวะ ไปไหนกันมา “

“ ไปวัดมา “ เมดตอบออกไปก่อนที่ผมจะเดินไปห้ามไว้ทัน “ อาฟบอกว่าอยากจะทำบุญเลยไปถวายสังฆทานกันมา “ เพื่อนทั้งสามคนที่ยืนอยู่ตรงบาร์หันมามองผม ที่ก็ได้แต่นิ่งไปแล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปทางอื่น

“ เยี่ยม “ ผมพูดกับตัวเอง ไอ้เจก็ก้มหน้าลงกลั้นยิ้มกับโน็ตบุ๊ค ส่วนไอ้เดย์อัยย์ก็เอาแต่เกาหัวยิ้มๆ

“ แล้วถ้าให้เดาต้องไปถวายหลอดไฟกันมาแน่เลย “ ไอ้เจว่าเสริม เมดก็หันไปบอกมันตาโต

“ ใช่ รู้ด้วยเหรอ “

“ ฮ่าๆ “ ทั้งสามตัวหลุดหัวเราะกันออกมาเสียงดัง ก่อนไอ้อัยย์จะพูดออกมาทั้งน้ำตาที่ยังหัวเราะอยู่

“ เชี้ยเฮีย กูพูดเล่น มึงก็แม่ง เสือกทำจริงๆด้วย ฮ่าๆ โอ๊ยยกูขำ  “

“ นี่พวกมึงหลอกกู “ ผมถามออกไป มันก็ยิ่งหัวเราะกันเสียงดังขึ้นไปอีก ไอ้อัยย์ยกมือไหว้ผม

“ กูไม่คิดว่าเฮียมึงจะเชื่อไง “

“ โอ๊ยยย กูขำ เห็นนิ่งๆ กูว่าแล้วมันต้องไป แล้วเข้าวัดไม่ร้อนเหรอสัดพี่ถามจริง ฮ่าๆ “ น้องชายผมหัวเราะออกมาเสียงดัง “ แล้วบอกไม่รู้สึกอะไรกับเค้าทั้งนั้นแหละ ไม่เลย ไม่เล๊ยยยย อมพระทั้งวัดมาพูดก็ไม่เชื่อแล้วจ้าจุดนี้ “

“ เพื่อความสบายใจของคนที่เค้ารักไง ร้อนแค่ไหนเค้าก็อยากจะทำให้ แม้ว่าจะเป็นแค่ความเชื่อก็ตาม “ ไอ้เจบอก “ มึงไม่มีความรักจะไปเข้าใจอะไร “

“ ไอ้พวกหน้าเหี้ย ส้นตีน “ ผมว่าด้วยสีหน้าหงุดหงิด ก่อนจะหันไปมองคนที่ยังคงทำหน้างงๆด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม มึงนี่มันอันตรายจริงๆ อยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่วัน มึงฉีกกฎของชีวิตกูไปสักโหลข้อได้แล้วมั้ง “ รับผิดชอบด้วยนะ “

“ ห๊ะ ? “ เมดเบิกตาถามผมตอนที่มันได้ยินเสียงของผมพูดตอนที่เดินเข้ามายืนตรงหน้ามัน

“ ทำให้กูเป็นแบบนี้ รับผิดชอบกูด้วย “

“ กูไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย “ ก็ยังเป็นคนคนเดิมที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งนั้น

“ มึงทำ “ ทำให้กูรู้สึกพิเศษกับมึง อย่างไม่รู้ตัว ‘ ร้ายนักนะมึง คุณมินเมด ‘

.................................................................

คือขอยอมรับว่าอยากเป็นน้องเมด เราชอบความคิดของอาฟมาก
เป็นผู้ชายคนนึงที่รู้ตัวนะ ว่าตัวเองนิสัยไม่ดี รู้ทั้งหมดว่าตัวเองเป็นคนยังไง แต่ทุกอย่างที่ทำออกมาให้เมดมันกลับไม่ใช่อย่างที่เค้าบอกเลยว่านี่คือเค้า เป็นเหมือนความอบอุ่นที่มีไว้มอบให้คนที่เรารู้สึกพิเศษมากๆสักคน
บางการกระทำ เรารู้สึกว่าเราทำให้เค้าโดยไม่มีเหตุผล แต่ความจริงไม่ใช่ เหตุผลมันมี อย่างน้อยก็ตอนนี้สำหรับพี่อาฟ “ ชอบ “ คงเป็นเหตุผลที่ตรงใจที่สุด

เขินนนนนนนนนนนนนนนนน
และนี่คือทางไปนิยายแชทของจอยลดา   http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6

ยังไงฝากแท็ก #ผับชั้นสามด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่า   :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 20-04-2018 20:47:07
 o13 ชอบมากกกกก... อยากให้มี moment ของ อาฟกับเมดเยอะๆ ค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-04-2018 20:50:16
เฮียดูซึนดีอ่ะ555 ยอมรับแล้วสิว่าชอบเมด555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 20-04-2018 20:52:47
อาฟมีมุมน่ารักๆ   :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 20-04-2018 20:56:48
เอาน่าอาฟ ยังไงก็ได้ทำบุญราวมชาติกับเมดแล้วนะ
ถึงจะโดนหลอกให้ทำก็ตาม

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 20-04-2018 21:29:06
น้องเมดพร้อมฉีกกฏอีกหลายข้อเลยจ้ะพี่อาฟจ๋าาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 20-04-2018 22:01:26
ความตะมุตะมิคืออาร๊ายยยยยยยยย
เขาจีบกันแล้วววว
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-04-2018 22:18:13
 :impress2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 20-04-2018 22:45:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 20-04-2018 22:48:29
ขำแก็งค์สามช่าจริงๆหลอกพี่อาฟให้เข้าวัดได้ เรามาเฝ้าหน้าผับรออ่านตลอดค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-04-2018 22:53:10
หวงมากกกกกกกกกกก เลยนะอาฟ.  :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 20-04-2018 23:45:08
 :m20:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 21-04-2018 00:35:56
มีคำว่าหนี้เมื่อไหร่ แผนการเติมเลขศูนย์จะผุดขึ้นมาในหัวเราทันทีเลยค่ะ ><
ปากบอกไม่ๆ แต่ค่อยๆรุกคืบเข้าไปในหัวใจเขาแบบนี้ก็ร้ายไม่เบานะเฮีย
ยังไงสะใภ้คนนี้ทุกคนก็ไฟเขียวแล้ว ก็บอกเขาไปตรงๆด้วยเลยเถอะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 21-04-2018 01:00:24
มันมีความน่ารักทั้งคู่ ทั้งอาฟ ทั้งเมตเลย  :o8:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 21-04-2018 01:07:30
คนซึนเริ่มจะไม่ค่อยซึนแล้วน้าาา  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 21-04-2018 02:39:31
งู้ยยยยยยยยยยยยย เขินจังค่ะ 5555555 :z1: :z1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 21-04-2018 06:35:18
อยากเป็นน้องเมดเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 21-04-2018 07:09:24
แหมมมมมม มีความอยากให้เค้าอยู่ด้วย :hao3:
ตอนนี้สัดพี่ฮาฟน่ารัก o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-04-2018 10:07:46
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: janny_j ที่ 21-04-2018 10:12:23
 :jul3: ชอบๆ อีพี่อาฟ มึงเสียฟอร์มทุกเรื่องแล้วนะ ยอมๆไปเถอ 5555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-04-2018 16:06:30
ค่ะ พ่อคนปากแข็ง แต่ใจไม่แข็งพอ
ยังไม่ได้รักนะ แต่หวงมาก ห้ามใครยุ่ง
และเรียกร้องให้เมดมารับผิดชอบด้วย
ถามว่าเมดรู้ตัวไหม ก็พอเดาได้ แต่มาแบบนี้มีงงเด้อ

เมดน่ารัก ทุกคนยินดีต้อนรับมากเลยนะ ว่าที่สะใภ้ทีม
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 21-04-2018 21:46:00
ชอบมากกกกกเรื่องนี้ อาฟคือที่สุด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 22-04-2018 10:12:54
 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-04-2018 11:17:48
น่ารักมากเลยอาฟ o13 จีบเลยๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 23-04-2018 00:06:56
สนุกมากๆค่า :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 23-04-2018 00:29:09
ฮ่า ๆๆๆๆ สัดพี่ แม่งน่ารัก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-04-2018 08:22:11
ทำเพื่อเขาขนาดนี้~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 23-04-2018 11:36:35
รักเค้าขนาดนี้ ยังไม่พูดอีก แต่ก็ยังชอบพี่อาฟอยู่ดี :oo1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-04-2018 00:41:00
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-04-2018 18:07:33
ปูเสื่อรอจ้ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 27-04-2018 20:22:21
ตอนที่ 17

เสียงแก้วกระทบน้ำแข็งที่ยกขึ้นดื่ม เหล้าสีอำพันไหลลงไปในคอ บทเพลงที่ถูกเปิดมันเพราะจนทำให้คนหลายคนนั่งนิ่งเงียบแล้วก็ฟังมันอยู่แบบนั้นราวกับไร้คนรอบข้างเหมือนกำลังจมลึกลงไปกับเนื้อหาของเพลงที่อาจจะตรงกับชีวิตจริงไม่บทใดก็บทหนึ่ง แต่กลับกันกับคนบางกลุ่มที่ไม่ได้สนใจในบทเพลงอะไรนั่นเลยอาจเพราะเนื้อหาของบทสนทนาในกลุ่มเพื่อนนั้น มันน่าสนใจกว่า

 สำหรับผมเสน่ห์ของผับอยู่ที่ตรงนี้ ภายในพื้นที่เดียวกันแต่ความรู้สึกของทุกคนกลับแตกต่างกัน แตกต่างแต่ทว่าก็อยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว

ผมลดแก้วเหล้าลงบนที่รองแก้วตรงหน้าหลังจากดื่มหมด สบสายตากับใบหน้าน่ารักที่กำลังยืนมองแก้วเหล้าที่เหลือแต่น้ำแข็งของผมอยู่ด้วยความสนใจ

“ เอาอีกมั้ย “ เมดเอ่ยถามด้วยเสียงที่ถ้าตอบว่า ไม่ คงดูใจร้ายกับมันเอามากๆ ท้าวคางมองมันที่กำลังจ้องหน้าผม

เผลอคิดว่าตัวเองเมาเหล้ารึเปล่า แต่ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นเพราะก็เพิ่งกินไปแค่สองแก้วเท่านั้น ปกติเป็นคนคอแข็งอยู่แล้ว เหล้าปริมานแค่นั้นไม่น่าทำอะไรผมได้ แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าวันนี้คนตรงหน้า มันดูน่ารักจังวะ

สายตาคงพิกลพิการไปแล้วแน่ๆ ถึงได้มองใครคนนี้น่ารักขึ้นทุกวันอย่างไร้สาเหตุและเหตุผล

วันนี้เลขาของผมลงมาจัดการเรื่องสต๊อกเหล้าของบาร์ มันบอกว่าอยากถ่ายภาพขวดเหล้าในบาร์เอาไว้ด้วย จะได้ทำงานได้ง่ายขึ้น แล้วผมก็คิดว่ามันควรเป็นแบบนั้น คนที่แม้แต่ว๊อดก้ากับคอลเทลแบบสำเร็จยังแยกกันไม่ออกว่าต่างกันยังไง ก็น่าจะต้องทำอยู่ แต่ดูเหมือนตอนนี้การถ่ายรูปขวดเหล้าจะไม่ใช่สิ่งที่มันตั้งใจทำอีกต่อไปแล้ว เพราะการทดลองเป็นบาร์เทนเดอร์ต่างหากที่มันกำลังสนใจ

“ เอามาอีกแก้ว “ ผมบอก อีกคนก็ยิ้มกว้างก่อนจะเปิดขวด เมดยกแก้วเหล้าของผมลงไปตั้งที่เค้าเตอร์ในบาร์ รินเหล้าขวดที่ไอ้อัยย์เปิดให้ผมเมื่อครู่ใส่ลงไป เหมือนเด็กเล็กๆที่สนใจเวลาเห็นพ่อแม่ทำอะไรก็อยากจะลองทำบ้าง เป็นอีกมุมของมันที่ชวนให้ยิ้มได้ไม่ยาก แต่เอาจริง ตอนนี้ไม่ว่าจะมุมก็ยิ้มไปหมดนั่นแหละ ยิ้มจนเริ่มรำคาญตัวเองแล้วว่าจะยิ้มอะไรหนักหนา

“ นี่ครับ “ ยื่นแก้วมาให้ผม ไอ้เจที่เดินเข้ามานั่งข้างๆ มันยิ้มก่อนจะแซว

“ บาร์เทนเดอร์ผับนี้น่ารักจังเลยอะ “

“ กูอ๋อออออ “ ไอ้เดย์ที่ยืนอยู่อีกฝั่งเอานิ้วจิ้มแก้มตัวเองก่อนจะหันมาหาเราที่ก็ได้แต่ทำหน้านิ่งบอกบุญไม่รับ แต่เมดกลับหัวเราะก่อนจะยิ้มกว้างออกมา

“ รับอะไรดีครับ “

“ สเมอร์นอฟขวดนึง “

“ คือไรอะ “ ถามเสียงเบาๆ ทั้งผมทั้งไอ้เจก็ได้แต่ก้มหน้ายิ้มก่อนจะหัวเราะออกมา “ หัวเราะอะไรกันวะ กูก็ไม่รู้จักอะ “ เมดว่าติดงอน

“ ว๊อคก้าแต่งกลิ่นสำเร็จรูป “ ผมบอกมันก่อนจะเชิดหน้าไปข้างหน้าตรงตู้เหล้าด้านหลัง “ ไอ้อัยย์เอาสเมอร์นอฟให้ไอ้เจมันขวด “

“ ครับเฮีย “  อัยย์หยิบขวดเครื่องดื่มที่สั่ง มันยื่นให้ไอ้เมด “ เชิญเปิดแล้วยื่นให้แขกด้วยนะครับ คุณบาร์เทนเดอร์ฝึกหัดของผม “

“ โหหห ใจมึงได้ “ ไอ้เจบอก “ ก็ไม่ได้หวั่นหัวจะหลุดออกจากบ่าเลยสักนิด “

“ อะ นี่ครับ “ ยื่นขวดเหล้าให้ไอ้เจเรียบร้อย อีกคนก็ยกขึ้นดื่ม “ ทำไมไม่คิดสั่งค๊อกเทลกันบ้างวะ สั่งสักแก้วสิ กูอยากทำ “

“ ไม่ได้ให้มาเล่น มาทำงาน “ คนโดนดุหน้างอเพิ่มขึ้นอีกหน่อย มันที่ถอนหายใจออกมา เพื่อนผมก็บอก

“ มาๆ กูสั่งเอง “

“ นี่ครับเมนู “ แผ่นพลาสติกดีไซน์สวยที่เขียนเมนูไว้ถูกยื่นมาให้จากอีกคนที่อยากลองทำอย่างกระตือรือร้น เมดยิ้มกว้างก่อนจะหันมายักคิ้วให้ผมที่หลุดยิ้มออกมาทันที

“ นี่บาร์กูเป็นที่เล่นของเด็กไปแล้วรึไง “

“ เอาน่า บาร์คนยังไม่เยอะ “ ไอ้เจบอก “ เรานั่งอยู่มุมนี้ ไม่มีใครมาสังเกตหรอก มืดจะตายห่ากูบอกให้ติดไฟเพิ่มก็ไม่เชื่อ “

“ มุมนี้มันมุมกู กูชอบนั่งเงียบๆมืดๆ “ บอกแบบนั้นเมดก็ขมวดคิ้วไอ้อัยย์ที่เห็นท่าสงสัยมันก็อาสาอธิบาย

“ เฮียเค้าชอบนั่งกินเหล้าคนเดียวเปิดไฟสลัวๆ แล้วฟังเพลงชิวๆอะพี่เมด เค้าไม่ชอบให้สาวหันมามองหันมาสนใจเค้าเยอะ เพราะว่าถ้าเค้าสนใจเดี๋ยวเค้าหันไปมองเอง แต่เหมือนจะไม่ค่อยได้ผลหรอก ยังไงสาวก็เข้ามาจีบอยู่ดี คิคิ “

“ เสือกนะมึง “ ผมบอกเพื่อนน้องชายตัวเอง แต่อีกคนก็แค่ยกมือปิดปากไว้ทำทีเหมือนผิดไปแล้วที่พูดอะไรแบบนั้นออกมา
“ ขอสั่ง mojito แล้วกัน “  สิ้นเสียงคำสั่ง บาร์เทนเดอร์ฝึกหัดก็หันไปหาไอ้อัยย์ที่หลุดยิ้มออกมา

“ มาๆ เดี๋ยวสอน “ ส่ายหน้าไปมาพวกมัน แต่ถึงอย่างงั้นก็ได้แต่บ่นเบาๆ

“ ตามใจกันเข้าไป “

“ อันดับแรก “ เมดเอ่ยบอกเสียงเบาๆคนสอนก็เอาแต่ยิ้ม

“ อันดับแรกก็เอาแก้วทรง hi ball ขึ้นมา ซึ่งนั่นก็คืออันนี้ “ อัยย์หยิบแก้วก่อนจะหันไปเปิดตู้เย็นที่อยู่ด้านล่างหยิบมะนาวขึ้นมาหนึ่งลูก

“ พี่เมดทำเองนะ น้องอัยย์แค่บอก พี่เมดอยากทำ “ ว่าแบบนั้นอีกคนก็ตามใจ มันส่งมะนาวให้

“ ก็หั่นมะนาวครึ่งนึง “

“ ก่อนหั่นต้องคลึงมันก่อนมั้ย เห็นแม่ชอบทำ “

“ ก็ได้นะ “ คลึงมะนาวอยู่บนโต๊ะสักพัก เขียงกับมีดก็ถูกส่งมาให้ “ ตัดแบ่งครึ่งครับ “

“ ตัดแบ่งครึ่ง “ พูดไปมือก็ทำไปอย่างคนไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ แค่ดูการจับมีดก็พอรู้ว่าไม่น่าเก่งงานครัวเท่าไหร่ ถ้าลองให้ทอดไข่ให้กินตอนเช้า ต้องได้ไข่ไหม้ๆแน่นอน “ แล้วไงต่อ “

“ แล้วก็ตัดแบ่งเป็นสี่ชิ้น “

“ สี่ชิ้น โอเค “

“ เอามะนาวที่หั่นแล้วใส่แก้วครับ “ ทำตามที่บอกอย่างว่าง่าย เมดหันไปยิ้มให้คนข้างๆที่ก็ยิ้มตอบกลับก่อนจะยื่นใบมินท์ให้ “ เด็ดใบมินท์ครับ เอาสัก สิบใบ “

“ ต้องเลือกใบสวยๆมั้ย “

“ กับแขกคนอื่นต้องเลือกใบสวยๆ แต่ของพี่เจใบเน่าๆก็ใส่ได้พี่เมด “

“ เอ้า! ไอ้สัด กูก็แขกไง ถึงจะจ่ายค่าเหล้าแบบลงบิลค่อยหักจากเงินเดือนแล้วยังไงวะ  ก็จ่ายมั้ยอะครับ“ เพื่อนผมเอานิ้วชี้เข้าหาตัวเอง “ อัยย์ นี่พี่เจไงลูก นี่พี่เจเอง “

“ เดี๋ยวเมดเลือกใบสวยๆให้ “

“ นี่ไง น่ารักทั้งหน้าตาและการกระทำที่แท้จริง “ ผมเหลือบมองเพื่อนตัวเองที่ยิ้มกริ่มให้บาร์เทนเดอร์ฝึกหัดตรงหน้า ก่อนที่มันจะหันมาหาผมแล้วเปลี่ยนสีหน้าทันที “ กูไม่ได้อะไร แค่ชมเฉยๆ “

“ รำคาญพวกมึง “ ผมว่า แม่งก็ชอบแสดงเว่อร์ คิดว่ากูจะทำอะไรพวกมึงแค่เพราะไอ้เมดยิ้มให้รึไง ประสาท

ถึงแม้จะยอมรับว่าหงุดหงิดก็จริงอยู่ที่อยากจะให้รอยยิ้มนั้นเป็นของผมคนเดียว แต่มันก็คงไม่ถึงขั้นที่เพื่อนผมแสดง ไอ้ท่าทางที่จะกลัวผมต่อยหรือทำอะไรที่มันรุนแรงมันแสดงกันเว่อร์เกินไป

“ เด็ดเสร็จแล้วก็ตบ “

“ ตบ ? “ เมดเอียงหน้าถาม ไอ้อัยย์ก็สาธิตให้ดูโดยการเอามืออีกมือนึงมาตบอีกมือนึงคล้ายกับการตีสเลท “ โอเค เข้าใจละ “
“ ตบเสร็จใส่ลงไปในแก้ว แล้วก็ใส่น้ำตาลสองช้อนชา “

“ น้ำตาลสองช้อนชา “ อีกคนว่าก่อนจะตักน้ำตาลจากขวดที่น้องเลื่อนมาให้ “ พูนๆมั้ย หรือพอดีๆ “

“ พูนๆก็ได้ “

“ น้ำตาลสองช้อนชาพูนๆ “

“ แล้วก็รับอันนี้ไป “ ไม้บดถูกยื่นมาให้ “ กดๆ บดๆ ไม่ต้องแรงนะ กดแล้วบี้มันใช้แรงแบบพอประมานไม่ต้องเครียดแค้นใคร “

“ โอเค “ พยักหน้ารับยิ้มๆ อีกคนก็ทำตามก่อนจะหันไปบอก “ แบบนี้มั้ยครับคุณครู “

“ แบบนั้นแหละครับนักเรียนที่แสนจะน่ารักของผม “

“ หยอดเก่งจริงคนผับนี้ “ เมดบอกพลางส่ายหน้าไปมา

“ ด๋อยสุดก็เจ้าของอะ จีบคนยังไม่เป็นเล๊ย “ เพื่อนผมว่าก่อนอีกคนจะแค่ยิ้มแล้วพูดออกมาด้วยเสียงที่เจ้าตัวคิดว่าเบาคล้ายกับบ่นๆ แต่เปล่า มันกลับดังจนเรียกได้ว่าเป็นเสียงปกติ

“ แต่เค้าก็เป็นคนอบอุ่นออกนะ “

เงยหน้ามองมันที่พูดคำนั้น ผมเผลอยิ้มกว้างออกมาท่ามกลาง เพื่อนและน้องที่ทำตาโตก่อนจะเม้มปากกันไว้แน่นคล้ายอาการของคนอยากกรี๊ดแต่ทำอะไรไม่ได้ไอ้เจไอ้อัยย์สบตากันก่อนจะเอื้อมมือมาจับกันไว้แน่นคล้ายกับบอกกันและกันว่า ‘ มึงรู้สึกเหมือนกูใช่มั้ย ‘ 

เมดเงยหน้าขึ้นจากสิ่งที่กำลังทำตอนที่เห็นทุกคนเงียบ มันมองผมที่กำลังยิ้ม ก่อนจะหันมองอีกสองคนที่เหลือที่กำลังอยู่ในท่าทางแปลกๆ

“ เป็นอะไรกัน “ ถามออกมาก่อนจะเม้มริมฝีปากตัวเองทันที แววตาเรียวดูเลิกลั่กขึ้นมามันคงเผลอคิดขึ้นมาได้ว่าคำพูดเมื่อกี้คงถูกได้ยินเข้าเสียแล้ว และเพื่อย้ำว่าสิ่งที่มันคิดนั้นถูกต้อง เมดก็หันถามคนที่ยืนข้างกันเสียงเบา “ น้องอัยย์ได้ยินเหรอ “

“ ชัดๆเลย “ พออีกคนบอกแบบนั้น มันก็ขมวดคิ้วแล้วเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นก่อนจะหันมาหาผม ที่ก็นั่งมองท้าวคางมองมันอยู่

“ มึงก็ได้ยินเหรอ “

“ ไม่ได้หูหนวก “ ตอบมันสั้นๆ อีกคนก็ปล่อยมือจากสิ่งที่ทำทันที มันหันซ้ายดูขวาหมายจะพาแก้มแดงของตัวเองไปทำอย่างอื่นแทนที่จะมายืนอยู่แบบนี้ให้ผมล้อผ่านสายตา

“ ต้อง ต้องไปถ่ายภาพทำสต๊อกเหล้าแล้วสินะ “ คนที่กำลังอายว่าแบบนั้นก่อนจะหันมาบอกคนสอนทำค๊อกเทล “ น้องอัยย์ช่วยทำต่อให้พี่เมดหน่อยสิ “

“ ไม่ได้ “ ผมบอกมัน “ ทำให้เสร็จ มีความรับผิดชอบด้วย “ ร่างที่หยุดนิ่งก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงหน้าผม มันไม่ร่าเริงเหมือนเก่าแล้ว นั่นเพราะอีกคนเขินเกินกว่าจะหันไปมองใคร เมดเอื้อมมือมาจับแก้วเหมือนเดิม มันบ่นเสียงงุบงิบ

“ ชอบแกล้งกูอยู่เรื่อยเลยสัด “ 

ถ้ามันรู้ความจริงว่าเหตุผลที่อ้างเรื่อง ความรับผิดชอบ เป็นเรื่องโกหกมันจะไม่พูดแบบนี้อยู่วะ เพราะความจริง ที่สั่งให้มันยังยืนอยู่ก็มีแค่เหตุผลเดียว คือ ‘ ผมชอบนั่งมองแก้มแดงๆนั่น ‘ มันก็แค่เท่านั้น

“ ทำต่อดีกว่าเนอะ แก้มแดงไปหมดแย้วววว “

“ น้องอัยย์ “ มันเรียกอีกคนเสียงนิ่งก่อนจะหันไปทำหน้าหงุดหงิดใส่

“ ไม่กลัว เพราะน่ารัก “ อีกคนว่าก่อนจะยื่นเหล้ารัมให้พร้อมกับแก้วตวงมาให้ “ รินเหล้าใส่ในนี้เลยครับ ครึ่งออนซ์ คือแค่นี้ “ ชี้จุดที่ต้องรินบอกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับก่อนจะรินใส่ลงไปในถ้วยตวงก่อนจะเทลงแก้ว

“ เสร็จแล้ว “

“ จากนั้นก็ใส่น้ำแข็งบด “

“ ไม่ต้องเขย่าเช็คๆเหรอ “ เมดถาม อีกคนก็ส่ายหน้า มันคงผิดหวังเพราะอยากจะทำอะไรแบบนั้นมากกว่า

“ คราวนี้ก็ใส่โซดา เอาให้พอเกือบเต็มแก้ว แบบสวยงามนะครับ “

“ เท่านี้ได้มั้ย “ คนเพิ่งหัดทำหันไปถามอีกคนก็พยักหน้ารับ

“ โอเคเลย เท่านี้แหละครับ “ อัยย์พยักหน้ารับ “ แล้วจากนั้นก็เอาช้อนคนๆ ผสมๆ มันหน่อย “

“ ผสมกัน “

“ ไม่ต้องคนแรงนะพี่เมด เอาพอเข้ากัน “ ยืนมองอีกฝ่ายคนอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้าเพื่อบอกให้หยุด “ โอเค พอแล้วครับ “

“ ไงต่อ “

“ ตกแต่งให้สวยงามด้วยใบมินท์ด้านบน แค่นั้นก็เสร็จแล้วครับ “ อีกคนว่าก่อนจะยื่นถาดรองที่เป็นไม้ให้ “ อันนี้ถาดรองนะครับ ใส่ใต้แก้วแล้วก็ยกขึ้นเสิร์ฟเลย ตอนที่วางแก้วเสร็จก็ วางทิชชูแผ่นนึง วางช้อนแล้วก็หลอด ตามลงไปแบบนี้ “ สอนอีกคนอยู่ตรงที่เค้าเตอร์บาร์ด้านล่าง เมดพยักหน้ารับก่อนจะหยิบแก้วค๊อกเทลที่ตัวเองทำเสร็จยกขึ้นมาบนเค้าเตอร์

“ เสร็จแล้วครับคุณลูกค้า “

“ พี่เมดต้องพูดว่า นี่ครับ mojito “

“ นี่ครับ mojito “ พูดเสร็จก็ยิ้มให้ก่อนจะวางทิชชูลงบนโต๊ะแล้ววางช้อนยาวกับหลอดลงตามตำแหน่งที่อีกคนสอนมา

“ ขอบคุณครับ ชิมแล้วนะ “

“ อื้อ “ แววตาเรียวจ้องมองอีกคนที่ดูดค๊อกเทลแก้วแรกในชีวิตของมันเข้าไป “ เป็นไงบ้าง อร่อยมั้ย “

“ อร่อย “ เจบอก “ รสชาติอร่อยกว่าทุกครั้งเลย คงเป็นเพราะคนทำแน่ๆ “ ทุกคนตรงนั้นเงียบ แม้แต่คนโดนแซวยังแค่ถอนหายใจออกมาแล้วหันไปยิ้มทางอื่นอย่างเหนื่อยใจ

“ ไม่ต้องหยอดทุกมุขก็ได้มั้ง กูจะอ้วกแทนพี่เมด “ ไอ้อัยย์ว่ามันส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันไปรับแขกคนอื่นที่ตอนนี้ก็เริ่มทยอยเข้ามานั่งที่บาร์ เมดเองหลังจากเล่นซนในสิ่งที่อยากรู้เสร็จก็เดินไปทำงานต่อ ไอ้เจนั่งหน้าเซ็งอยู่สักพักมันหันมาหาผมที่นั่งปิดปากหัวเราะ
“ หัวเราะเชี้ยไรมึงไอ้สัดอาฟ “

“ ก็ไม่แปลกที่โสด “ ผมพูดสั้นๆ อีกคนก็เอามือท้าวคางตัวเองพลางมองไปที่ร่างเพรียวเช่นเดียวกันกับผม เมดกำลังเริ่มทำงานของมันนั่นคือการถ่ายภาพขวดเหล้าแล้วก็กดพิมพ์ลงไปในไอแพตที่ผมซื้อให้มันเอาไว้ใช้ทำงาน

“ ว่าแต่กู มึงก็ได้มอง ก็ไม่แปลกที่จะยังไม่ได้เค้าเป็นแฟน “

“ สัด “ ผมยกยิ้มก่อนจะดึงแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอีกครั้ง

“ ได้ข่าวมึงซื้อไอแพตกับมือถือให้เมด “

“ แสนรู้ “

“ เท่าที่สังเกต เมดไม่ได้ใช้มือถือรุ่นนี้แต่อยู่ๆก็ใช้ จะบอกว่าซื้อเองก็ไม่น่าจะใช่ ถ้ามีเงินไปซื้อมือถือ เอามาจ่ายหนี้มึงน่าจะดีกว่า เพราะงั้นก็สรุปได้ว่าต้องมีเสี่ยเจ้าของผับ throw up ที่อยู่ด้วยกันตลอดในช่วงนี้ใจดีช่วยอุปถัมภ์แน่นอน “

“ กูแค่เห็นว่ามือถือมันเก่าแล้ว พ่วงที่ชาร์ตแบตสำรองเกือบตลอดเวลาเลยซื้อให้ “ ผมบอกก่อนจะวางแก้วลงที่เดิม แต่ก็คิดขึ้นมาได้ “ ไม่สิ ไม่ได้ซื้อให้ ออกให้ก่อน แล้วมันก็ผ่อนกู “

“ ทั้งๆที่ตอนแรกก็คงซื้อให้แต่อีกคนไม่เอา “ ผมหันไปมองมันอีกคนก็ยกแก้วตรงหน้าขึ้นดื่ม ผมแค่อยากรู้ว่ามันรู้เรื่องนี้ได้ยังไง “ กูเป็นเพื่อนมึงเชี้ยอาฟ คนแบบมึงชอบซื้อคนด้วยเงินจะตายไป ทำไมกูจะดูไม่ออก “ พยักหน้ารับมันไป “ แล้วเป็นไง รู้สึกยังไงตอนใช้เงินซื้อไม่ได้ “

“ โคตรโง่ ซื้อให้ฟรีๆเสือกอยากผ่อน “

“ มึงคิดว่ามันโง่จริงๆเหรอ “ ไอ้เจหันมาเหล่ผม “ ไม่ได้คิดว่าถูกใจเค้ามากขึ้นเหรอวะ “

“ เบื่อมึง ทำไมต้องรู้ใจกูทุกอย่าง “

“ ไม่ได้เริ่มคบกันเมื่อวานนี่หว่า “ ก็จริงของมัน เราคบกันมานานจนควรจะเรียกว่าพี่น้อง หรือไม่ก็ครอบครัว ไม่ใช่แค่เพื่อนสนิท “ แต่ก็ไม่แปลกที่มึงจะถูกใจมากขึ้น เมดก็เป็นอะไรแบบที่มึงชอบ ท้าทายแบบที่ไม่เหมือนคนอื่นที่มึงเคยเจอ มันซื้อไม่ได้ด้วยเงิน แถมยังเป็นคนที่มึงต้องคอยวิ่งตาม คอยดึงให้เข้ามาหา ทั้งๆที่คนอื่นๆ ต่างพากับวิ่งเข้าหามึง “

“ คงจริงอย่างงั้น “

มันมีอะไรหลายอย่างในตัวเองที่ผมเริ่มรู้สึกว่า ยิ่งรู้จักมันเท่าไหร่ ก็ยิ่งชอบ อย่างที่เพื่อนสนิทผมบอกมันไม่เหมือนใครที่ผมเคยเจอ เมดไม่ใช่คนที่วิ่งเข้าหาผม กลับกันเป็นผมต่างหากที่กำลังจะวิ่งเข้าไปหามัน

“ มึงคิดแผนจะจีบเมดยังไงวะ “ เจเอ่ยถามผม ตอนที่มองไปเห็นอีกฝ่ายที่กำลังทำงานด้วยความขยันแบบที่ทำไปยิ้มไปก็ชวนให้ถอนหายใจออกมา “ หนักใจเลยเหรอวะ “ เพื่อนผมแซว “ แต่ก็ไม่แปลก มีแต่คนวิ่งเข้าหามาทั้งชีวิต อยากมีแฟนก็แค่เลือกๆเอาจากคนที่วิ่งเข้ามาหานั่นแหละ แต่พอคนนี้ต้องวิ่งเข้าไปหาแทนมันก็ยากหน่อยนะที่จะเริ่มจีบใคร “

ความจริงผมก็เป็นอย่างงั้น มันยากกับการจะเริ่มจีบใครสักคน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการจีบต้องทำแบบไหน มันไม่ใช่สมัยเด็กที่ฝากเพื่อนให้เอานมไปส่งให้คนที่ชอบ ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่คิดถึงประโยคนี้ในใจ จะว่าไป เรียกว่าจีบ..ได้มั้ยวะ ตอนนั้นน่ะ
“ เออมึง เมื่อวานไอ้เอมมันโทรมาหากูด้วย “

ชื่อที่กำลังถูกกล่าวถึงคือ เอม เพื่อนสนิทอีกคนนึงของเราที่ตอนนี้ย้ายไปเรียนมหาลัยที่ เมลเบิร์น ออสเตเรีย เพราะครอบครัวต้องย้ายไปอยู่ที่นั่น มันเป็นเพื่อนร่วมม.ต้นของผมที่นอกเหนือจากไอ้เจที่คบมาตั้งแต่ประถมก็มีมันอีกคนที่ผมยกให้เป็นเพื่อนสนิท

“ เหรอ “ ผมเขย่าแก้วเหล้าเรียกบาร์เทนเดอร์อย่างไอ้อัยย์ให้มาเติมเหล้าเพิ่ม ฝาขวดที่ถูกเปิดออกมารินเหล้าที่ผมชอบลงไปให้ก่อนจะเดินกลับไปทำงานที่เดิมต่อ ผมเอ่ยถามไอ้เจ “ แล้วมันว่าไง “

“ ก็บอกว่าคิดถึงกูเหลือเกิน คิดถึงมึงด้วย “

“ เหรอ “ ยักคิ้วให้มัน “ คิดถึงแต่ไม่เคยทักกู “

“ มันพูดเหมือนมึงเลย ฮ่าๆ “ ไอ้เจหัวเราะเสียงดังด้วยความถูกใจ “  ไอ้เอมบอกว่า นี่ถ้าโทรมาหามึง มึงคงสาปแช่งโทษฐานที่ไม่ค่อยติดต่อมา แต่มันก็บอกนะ ว่ามันไม่ผิด มึงไม่ทักมันเหมือนกัน มันเลยบอกว่า งั้นก็หายกัน “

“ สัด “ ผมสถบ “ ทำเหมือนไม่รู้จักกู ปกติกูช่างพูดชอบแชทมากเลยสินะ “

“ เออ กูเล่าเรื่องเมดให้มันฟังด้วยนะ “ ชะงักแก้วที่กำลังจะยกขึ้นดื่ม ผมหันไปมองหน้าเพื่อนที่กำลังเล่า “ กูเล่าว่าตอนนี้มึงกำลังสนใจเด็กบัญชีในผับที่ได้เข้ามาทำงานเพราะถอยรถฝากรอยไว้บนรถมึง ไอ้สัดเอมหัวเราะใหญ่บอกว่า แม่งบอกคงชอบอยู่แล้วเลยลากเข้ามาทำงานรึเปล่า “

“ เล่ารึเปล่าว่าเป็นแฟนเก่าเชี้ยบิน “

“ เพื่อ ? เรื่องเหี้ยๆ ไม่อยากจะเล่าให้มันสยองขวัญ “ เจว่ามันที่ยกแก้วตรงหน้าขึ้น แต่กลับชะงักไปเหมือนคิดขึ้นมาได้ “ กูลืมไปเลยว่าไอ้เอมแม่ง เคยอยู่ชมรมบาสเดียวกันกับไอ้บินตอนสมัยม.ปลายนี่หว่า “

“ อื้ม ฉลาดเหมือนกันนิ แต่เสียดายที่แค่ลืมเล่า ไม่ได้คิดว่าไม่ควรเล่า “

“ ไอ้สัด “

“ แล้วมันรู้มันว่าไง “

“ ก็ขำ แล้วก็บอกว่า ไอ้เชี้ยอาฟแม่งลืมน้องนมช็อกโกเล็ตคนนั้นไปแล้วเหรอวะ “ ผมยกยิ้มกว้างตอนที่ไอ้เจพูดขึ้น มันเป็นรอยยิ้มที่กว้างจนไอ้เจยังหันมาถาม

“ ทำไมวะ พวกมึงแม่งมีเหี้ยอะไรที่ไม่บอกกู “

“ ก็ไม่ต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้มั้งสัด “ ผมว่าก่อนจะถอนหายใจ “ แต่ความลับมันไม่มีในโลกหรอก สักวันมึงก็ต้องรู้ “ แต่ความลับน่าอายแบบนั้น ไม่ค่อยอยากจะให้รู้เลยวะ 

ถ้ามันได้รู้ว่าเพื่อนของมันคนนี้เคยแอบชอบรอยยิ้มของเด็กโรงเรียนข้างๆจนต้องซื้อนมรสที่เค้าชอบไปให้เค้าทุกวันหลังเลิกเรียน มันต้องล้อไม่หยุดแน่ แม้ตอนจบของเรื่องนี้มันจะโคตรเหี้ยก็เถอะ แต่ว่ามันก็ทำให้ผมรู้อย่างนึง ‘ ของที่เป็นของเรา ยังไงสักวันมันก็ต้องกลับมาเป็นของเราอยู่ดี ‘ 

“ น้อง นั่นเด็กบาร์คนใหม่เหรอ “ ผมกับไอ้เจเงยหน้าจากแก้วเหล้าตรงหน้า หันไปมองต้นเสียงที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ห่างกันแค่เก้าอี้สองตัว หนุ่มร่างสูงที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตคล้ายจะเป็นชุดทำงานเอ่ยถามไอ้อัยย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วก็กำลังทำค๊อกเทลอะไรสักอย่างที่ผมคิดว่าคนที่เอ่ยถามน่าจะเป็นคนสั่ง

“ ครับ “ มันที่กำลังงง เอ่ยถามลูกค้าคนนั้นอีกครั้ง 

“ พี่ถามว่า คนนั้นน่ะเด็กบาร์ใหม่เหรอ คนที่อยู่ข้างในน่ะ “ เชิดหน้าเข้าไปด้านในเราที่มองตามกันไป ก็เป็นอย่างที่คิด ผู้ชายคนนั้นกำลังหมายถึงไอ้เมดไม่ผิดแน่

“ อ๋อ ไม่ใช่หรอกครับ “ อัยย์ตอบ มันที่พยายามตัดคำตอบด้วยการตอบสั้นๆ แต่ขึ้นชื่อว่าคนถูกใจ ก็คือคนถูกใจ ผู้ชายคนั้นก็ยังพยายามถามไถ่ข้อมูลจากมันด้วยความอยากรู้จัก

“ แล้วเป็นใครอะ เจ้าของเหรอ “

“ ว่าที่เมียเจ้าของ “ ไอ้เจที่นั่งข้างผมพูดเสียงเบาๆให้ได้ยินกันสองคน ผมก็แค่ยกยิ้ม

“ เอ่อ..” อัยย์หันมาหาเราเหมือนกำลังจะขอคำตอบว่ามันควรตอบว่าอีกคนเป็นใครดี แต่เมื่อไม่มีใครพูดอะไรมันก็แค่ตอบตามที่ควรตอบ “ ฝ่ายสต๊าฟน่ะครับ เค้ามาเช็คสต๊อกเหล้าเฉยๆ “

“ งั้นเหรอ น่ารักจัง “ ลูกค้าบอกก่อนที่ไอ้อัยย์จะยื่นค๊อกเทลที่สั่งไปให้อีกฝ่ายที่ยกขึ้นกินแต่สายตาก็เอาแต่มองคนที่ตัวเองสนใจอย่างไม่วางตา “ น้องพี่ขอกระดาษกับปากกาหน่อยสิ “

“ ได้ครับ “ เพื่อนของน้องชายผมยื่นกระดาษกับปากกาไปให้อีกคน ตอนนั้นไอ้เจก็หันมากระซิบผม

“ เอาเรื่องว่ะสัด ท่าทางจะชอบจริงๆ “ ก็เห็นอยู่ว่าเป็นแบบนั้น แล้วดูจากท่าทางของผู้ชายคนนั้นก็น่าจะเป็นแบบที่อีกคนชอบซะด้วย พวกหน้าตาแบบหนุ่มหน้าตี๋ดูเป็นคนดี แต่ข้างในเจ้าเล่ห์แบบปากหวานก้นเปรี้ยว   

“ น้อง “ ผู้ชายคนนั้นเรียกไอ้อัยย์อีกครั้ง “ พี่ฝากกระดาษให้น้องคนนั้นหน่อยสิ “ บาร์เทนเดอร์เหลือบมองมาทางผม อัยย์แสดงสีหน้าลำบากใจก่อนจะเอื้อมมือไปรับกระดาษแผ่นนั้น 

มันก็เป็นธรรมดาของผับบาร์ที่เวลาถูกใจใครกระดาษแผ่นเล็กๆนั่นจะถูกเสียบมากับน้ำค๊อกเทลที่ดูน่าจะเหมาะกับอีกคนสักแก้ว ไม่ก็ฝากไปกับพนักงานแบบผู้ชายคนนี้เพื่อเป็นการเริ่มต้นทำความรู้จัก ในแบบที่ดูไม่โจ่งแจ้งจนเกินไปจนอีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดต่างกันกับการเข้าไปคุยด้วยแบบซึ่งๆหน้า แต่สำหรับผม มองแค่ว่ามันเป็นวิธีการกันหน้าแตกของคนที่ไม่กล้าเดินเข้าไปถามตรงๆก็แค่นั้น

“ พี่เมด “ อัยย์เรียกอีกคนก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นนึงให้ “ ผู้ชายคนนั้นฝากมาให้ “ เชิดหน้าไปเจ้าของกระดาษที่ก็ยกแก้วค๊อกเทลตรงหน้าขึ้นเป็นการทักทายมัน เมดพยักหน้ารับก่อนจะหันไปถามคนที่ยื่นกระดาษนั่นมาให้

“ อะไรเหรอ “

“ เปิดอ่านสิ เค้าเขียนว่าอะไร “ เพื่อนของน้องชายผมบอก “ แต่ก็คงจีบแหละนะ “

“ เค้าบอกว่าเค้าชื่อนัท อยากรู้จักเลย ขอเบอร์ “ เมดอ่านอยู่สักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกคนราวกับจะขอความคิดเห็นว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี แต่อัยย์มันก็ทำได้แค่ยักไหล่ไม่ได้มีความเห็นอะไรที่จะพอบอกได้

“ ทำอะไรกันวะ “ น้องชายผมเดินมาถามทั้งสองคนที่กำลังยืนอยู่นิ่งๆตรงด้านหลัง

“ มีคนมาขอเบอร์พี่เมด “

“ อ๋อออออ “ เดย์หันมามองผมตอนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ ไหนคนไหน “ มันว่าพลางหันมองไปที่ลูกค้าที่ก็กำลังมองการตัดสินใจของอีกฝ่ายอยู่ ไอ้เดย์พิจารณาผู้ชายคนนั้นอยู่สักพักรก่อนจะหันมาบอกอีกคนแบบยิ้มๆ “ ถ้าสเป็คก็ให้เบอร์ไปเลย พี่เมดก็โสดไม่ใช่เหรอ “

“ อื้ม “ อีกคนพยักหน้ารับก่อนจะเหลือบมองผมก็กำลังมองมันอยู่ใน แววตาที่เหมือนกำลังลังเลว่าจะตอบว่าอะไรดีเมดถอนหายใจออกมา ก่อนจะใช้ปากกาที่เหน็บอยู่ตรงป้ายห้อยพนักงานเขียนอะไรสักอย่างลงไป  มันพับเป็นสี่เหลี่ยมตอนที่ยื่นคืนไปให้ไอ้อัยย์

“ เมด ให้เบอร์ไปจริงๆเหรอวะ “ สิ้นเสียงคำพูดของไอ้เจ ผมก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินตรงเข้าไปด้านหลังของบาร์ทันที

อย่างไม่ทันที่ใครจะได้ตกใจหรือสถบอะไรออกมา ผมคว้าเอากระดาษแผ่นนั้นของมันมากำไว้ก่อนจะหันไปตีสีหน้าหงุดหงิดใส่คนเขียน เมดก็ไม่ได้ผิดอะไรที่จะมีคนมาชอบ แต่ผมกลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกในตอนที่รู้สึกว่าในกระดาษแผ่นนั้นอาจจะมีเบอร์ของมันเขียนอยู่ด้านใน

“ มานี่เลยมึง “ บอกมันแค่นั้น ก่อนจะดึงให้อีกคนเดินตามกันออกมา ปลดล็อคประตูทางขึ้นชั้นสามผมลากมันขึ้นมาด้านบนแต่อีกคนกลับพยายามดึงข้อมือตัวเองให้หลุดออกจากการจับกุมอยู่แบบนั้น

“ อาฟ “

“ อยากจะไปให้เบอร์มันจนตัวสั่นเลยนะมึง “ หันไปตะคอกอีกคนก็หยุดนิ่งไปทุกการกระทำที่จะเอ่ยอะไรออกมา ผมเองก็ได้แต่ถอนหายใจสั้นๆก่อนจะส่งยิ้มราวกับดูถูกมันอยู่ “ แรดชิบหาย “

เราที่ยืนอยู่ตรงขั้นบันไดเมดเงยหน้าจ้องผมจากขั้นบันไดที่ต่ำกว่า มันมองมานิ่งๆก่อนจะผ่อนมือตัวเองที่ตอนแรกพยายามดึงออกให้หลุด ทุกอย่างเงียบไปไม่มีแม้ท่าทางใดที่เคลื่อนไหวแม้แต่มือของผมที่กุมมันอยู่ยังคลายความโกรธและความหงุดหงิดนั่นลง เหลือเพียงแค่กุมกันไว้หลวมๆ

“ มึงรู้เหรอว่ากูเขียนอะไรลงไป ถึงมาบอกว่ากูอยากจะให้เบอร์เค้าไปจนตัวสั่น “

ทุกอย่างเงียบผมได้แต่จ้องมองตาเรียวที่เอ่ยถามคำถามนั้นออกมา ใช่ ผมไม่รู้อะไรเลย  ไม่รู้ แต่กลับตัดสินออกไปว่าคนตรงหน้าเป็นคนยังไงจากสิ่งที่ตัวเองแค่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้น มืออีกข้างของผมที่กำกระดาษแผ่นนั้นไว้อยู่ ถอนหายใจออกมาก่อนจะก้มลงเปิดแล้วอ่านมัน

‘ สวัสดีครับผมชื่อนัท คุณน่ารักจังเลย ผมอยากรู้จัก ขอเบอร์ติดต่อได้มั้ยครับ ‘ คำถามที่ถูกเขียนอยู่บนสุดของกระดาษ ถูกตอบด้วยคำตอบที่ไม่ยาวเท่าไหร่แต่ก็สุภาพตามที่อีกคนเป็น ‘ ขอโทษครับ แต่ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ‘

“ มึงชอบใครอยู่เหรอ “ เงยหน้าถามอีกคนออกไป เมดที่กำลังโกรธก็แค่จ้องผมด้วยสายตาผิดหวังกับคำพูดของผมที่เอ่ยพูดกับมันเมื่อครู่

“ ไม่ใช่มึงก็แล้วกัน “ สะบัดมือที่ผมกำลังจับอยู่นั่นออกแล้วตะคอกผมกลับมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด ก่อนจะเดินผ่านขึ้นไปชั้นบนตรงห้องทำงาน เมดเปิดประตูออกแล้วปิดลงเสียงดัง

......................................................................
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 16 :: up! 20-4-61} #หน้า 8
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 27-04-2018 20:23:32
‘ โดนโกรธเข้าให้แล้ว ’   ผมพูดกับตัวเองในใจตอนที่มองไปยังเลขาที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะข้างกัน เมดที่กำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่พอใจอะไรทั้งนั้น ในตอนนี้ริมฝีปากแหลมๆของมันเชิดขึ้น มองในอีกมุมนึงมันก็น่ารักดีอยู่หรอก ปกติผมก็ค่อนข้างชอบใจที่มันเป็นแบบนี้ แต่นั่นก็แค่การหงุดหงิดเล็กๆ ซึ่งเท่าที่ดูตอนนี้เหมือนว่ามันไม่น่าใช่

“ สรุปรายจ่ายของเมื่อวานทำรึยัง “ ตั้งคำถามชวนอีกคนคุย เพราะไม่รู้จะพูดอะไรเลยคิดว่าถามเรื่องงานน่าจะดีที่สุด

“ ส่งไปให้ในอีเมล์แล้วครับ “ เสียงเรียบๆที่เอ่ยตอบ ไม่ได้หันมาสนใจเสียงที่ผมพูดด้วยซ้ำ มือที่กดพิมพ์งานอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทุกอย่างเงียบไปสักพัก

“ จะพักเลยรึเปล่า “

“ วันนี้ไม่พักครับ “ ก็ยังคงเป็นคำตอบที่เรียบเฉยเหมือนเดิม

“ แล้วไม่กินหมูตุ๋นรึไง “ มือที่พิมพ์งานอยู่ชะงักไป มันส่ายหน้าไปมาก่อนจะพิมพ์งานต่อ

“ ไม่กินครับ “

‘ เอาไงดีวะ ถามเหี้ยอะไรอีกดี ’  หมดคำถามที่จะชวนคุยแล้ว ชวนกินของโปรดยังไม่ไปทั้งๆที่เป็นเรื่องที่อีกคนให้ความสนใจที่สุดแล้ว ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาจากกระเป๋าในเมื่อมันสิ้นหนทางที่ตัวเองจะคิดได้แล้ว ก็ควรพึ่งพาคนอื่น ผมยอมรับว่าไม่เก่งอะไรแบบนี้ ไม่เก่งทั้งเรื่องง้อคนและเรื่องชวนคุยอะไรทั้งนั้น

กดเข้าไปในไลน์กลุ่มคนสนิทที่เขียนว่า ‘ ชมรมคนรักพี่เมด ‘  มันเป็นข้อความสั้นๆที่ผมส่งไป [ พวกมึง...ทำไงให้คนหายโกรธวะ ]

[ กูว่าละ ว่ามันต้องถามคำถามนี้สัดพี่ ] เดย์น้องชายผมพิมพ์ตอบเข้ามาคนแรก [ ตั้งแต่เห็นมึงลากพี่เมดออกไป กูก็รู้เลยว่า มึงต้องปากเสียใส่พี่เค้าแน่ๆ ]

[ สันดานพี่ชายมึงอะเดย์ ] เพื่อนผมบอก

[ กูว่ามันไม่เห็นจะแรงตรงไหน ] พิมพ์ตอบออกไปก่อนจะเหลือบมองคนที่กำลังทำงานด้วยใบหน้าเรียบเฉยหรือว่าจะแรงไปวะ

[ งั้นไม่ต้องสน ก็ไม่แรงไม่ใช่เหรอวะ ] ไอ้อัยย์เพื่อนน้องชายบอก [ สนใจไรอะ ชอบเค้าอ๋อ ]

[ เออใช่ ชอบเค้าอ๋ออออออ สนใจเค้าอะ ] น้องผมเสริมก่อนจะตามมาด้วยสติกเกอร์หัวเราะ

[ ถ้าบอกว่าชอบ แล้วจะช่วย บอกมาสิ บอกมา ]

[ แล้วมึงพูดว่าอะไรที่คิดว่าไม่แรง ] เพื่อนผมถามเข้าเรื่อง

[ อยากให้เบอร์มันไปจนตัวลั่นเลยนะมึง แรดชิบหาย ] ข้อความที่ขึ้นอ่านอยู่สักพักก่อนจะมีสติกเกอร์ส่งแทนความรู้สึกจากคนทีได้อ่านมาคนละอัน เป็นท่าทางที่คล้ายจะเหยียดกันอยู่หน่อย แปลได้ว่า ไม่มีใครที่คิดเหมือนผม

[ ก็สมควรโดนโกรธ ] ไอ้เจบอก [ เหมือนมึงด่าเค้าร่าน เค้าแรด ไม่แรงได้ไงวะ ]

[ มึงกล้าว่าพี่เมดแบบนั้นได้ไงวะ จิตใจมึงทำด้วยอะไรไอ้เฮียยยยย ]

[ พี่เมดของน้องเดย์ กูจะฆ่ามึงสัดพี่ มึงกล้ามาว่าพี่เมดของกูได้ไง ]

[ กูรำคาญพวกมึงวะ ] ผมพิมพ์ไปตามตรง [ ตอบคำถามที่กูถาม ]

[ ตอบไปมึงก็เท่านั้น มึงยังไม่รู้สึกเลยว่ามึงผิด ]  เจบอก [ มันไม่มีความหมายที่ต้องช่วย ถ้ามึงยังไม่รู้สึกสำนึกในสิ่งที่มึงทำ ]

[ ช่วยไปครั้งต่อไปก็ทำร้ายพี่เมดของกูอีก สู้ไม่ช่วยตั้งแต่ตอนนี้ พี่เมดก็จะได้ไม่ต้องมาเป็นของมึง ไอ้สัดพี่ ]

[ เบื่อพวกมึง ] ผมบอกก่อนจะปิดมือถือตัวเองไป หันมองคนที่กำลังนั่งพิมพ์อยู่แบบนั้น

“ จะไม่ลงไปกินจริงๆเหรอ “ ผมไม่รู้น้ำเสียงผมเป็นแบบไหน แต่มันทำให้อีกคนมียิ้มเล็กๆที่มุมปากเพียงช่วงวินาที ก่อนจะปั้นหน้านิ่งเหมือนเดิมแล้วพูดออกมา

“ ถ้าหิวก็ลงไปเลย กูไม่หิว “

“ ไม่หิวจริงๆเหรอวะ หมูตุ๋นรอมึงอยู่นะ เดี๋ยวเลี้ยง “ ถามย้ำอีกคนแต่คราวนี้ไม่ตอบอะไรแล้ว เมดแค่ส่ายหน้าก่อนจะนึกขึ้นได้

“ มึงอยากจะให้กูลงไปกินทำไม เดี๋ยวใครเข้ามาขอเบอร์กู มึงก็หาว่ากูร่านว่ากูแรดอยากจะให้เบอร์เค้าจนตัวสั่นอีก ให้กูอยู่ข้างบนนี่แหละ ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องไปอ่อยใคร “

“ ก็ไม่ใช่แบบนั้น “ พูดออกไปอีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมามอง แววตาเรียวที่กำลังจ้องกันอย่างหาเรื่อง

“ แล้วมันแบบไหน มึงจะบอกว่าตัวเองไม่ได้หมายถึงแบบนั้นเหรอ “  ผมเงียบไม่มีคำตอบอะไรออกจากปากผม
จะบอกยังไงดีให้หายโกรธ ก็ตอนนั้นกำลังหงุดหงิดที่มีคนมาชอบมัน แล้วมันเองก็เขียนข้อความตอบกลับไปให้เค้าถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขียนว่าอะไร แต่ความหงุดหงิดทั้งหมดก็เลยทำให้พูดไปโดยไม่ทันคิด ก็รู้ว่าสันดานเสีย เป็นนิสัยเดิมๆที่แก้ไม่เคยหาย อารมณ์ร้อนยังไงก็ยังเป็นอย่างงั้น

หยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้งผมถอนหายใจออกมาก่อนจะสแกนหน้าตัวเองปลดล๊อคมือถือ พิมพ์เข้าไปในไลน์กลุ่มอีกครั้ง อย่าสิ้นหนทางที่จะทำให้อีกฝ่ายหายโกรธด้วยตัวเอง

[ พวกมึง ] ผมเลือกจะทักคำพูดที่ดูไม่เป็นตัวเองลงไป [ คือยอมรับแล้วว่าผิด  ช่วยหน่อย ]

[ ผิดเรื่อง ? ]

[ ไอ้สัดเจ ]

[ อ้าว มึงยอมรับว่าผิด มึงก็บอกมาสิ ว่าเรื่องอะไร ] ถอนหายใจออกมา ผมนิ่งกับตัวเองอยู่สักพักก่อนจะพิมพ์ลงไปอย่างจำยอมเพราะอยากให้อีกฝ่ายให้โกรธ

[ กูพูดไม่ดีกับไอ้เมด กูพูดด่ามันแบบไม่คิดให้ดี ]

[ ทีหลังจะพูดอีกมั้ย ] น้องชายผมถาม [ มาเลยนะน้องอาฟเตอร์ มาให้คุณแม่ตีสามที แล้วทีหลังหนูต้องไม่พูดแบบนั้นอีกนะคะ มันไม่ดี ]

[ ไอ้สัด กวนส้นตีนไอ้เชี้ยเดย์ ] เพื่อนมันบอก [ 55555555555555555 กูนี่คิดถึงเฮียตอนเด็กๆเลยสัด ]

[ กวนตีนนะพวกมึง ] ผมว่า

[ กูตอบให้ ว่าพูดอีก ] เจบอก [ สงสารเมดจนไม่อยากจะช่วยไอ้สัด พอคิดว่าคำพูดมึงอาจจะแรงกว่านี้ กูแม่งอยากหยุดความช่วยเหลือไว้แค่นี้ ไม่รักกันก็ดี เมดมันจะได้ไม่ต้องเสียใจ ]

[ นี่ก็หวงพี่เมดจังเลยยยย พูดวนจนกูจะท่องตามได้แล้วเนี้ยยย ] ไอ้เดย์บอก [ คราวก่อนไหนที่กูห่วงพี่เมดใครมันบอกกูว่า ที่ไหนมีรักย่อมีทุกข์อยู่แล้วเหี้ยอะไรนั่น แล้วนี่คืออะไร ทำไมมาพูดเรื่องนี้อีก ต้องให้กูสอนเหรออออ ]

[ เอาเลยๆ ] ไอ้อัยย์ยุเพื่อนมัน

[ ฟังกูนะพี่เจ มึงอะรู้จักสัดพี่มากเกินไปก็คล้ายๆกูนั่นแหละที่รู้จักสันดานมัน  แต่นี่มึงก็สงสารพี่เมดด้วยไงเพรามึงรู้เรื่องพี่เมดเยอะ แต่คือมึงต้องลดนะ มึงควรให้มันได้ลองกันทั้งคู่ มันอาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้ ]

[ ช่ายยยยย ไม่ลองไม่รู้หรอก จะสดจะถุงก็เด็ดทั้งนั้น ] อัยย์เสริมเพื่อนมัน

[ คนละเรื่องแล้วไอ้หน้าเหี้ย ]

[ เหรอจ้า โทษน้าพี่เจ ]

[ กูเข้าใจมึงนะพี่เจ มึงเห็นผู้หญิงหลายคนเข้ามาชีวิตสัดพี่ ผู้หญิงพวกนั้นเคยมาระบายกับมึงว่าสัดพี่เป็นแบบนั้นแบบนี้ ถึงกูจะไม่เข้าใจว่า พี่เมดเจอเรื่องอะไรมา หนักหนาสาหัสเท่าไหร่กับแฟนเก่า มึงถึงพยายามให้สัดพี่เป็นคนดีเข้าไว้ทั้งๆที่ไม่เข้ากับหนังหน้ามัน เพราะมึงสงสารพี่เมด แต่ที่กูอยากจะบอกมึงเลยนะพี่เจ คือถ้าคนจะรักกันไม่ว่าเจอเรื่องอะไรมันก็รักกันอยู่ดีนั่นแหละ ]

[ อีกอย่างเลย คือ สันดานยังไงก็คือสันดาน มันอยู่ที่ว่าตอนคบกันแล้ว รักกันจนพยายามปรับตัวเข้าหากันได้มั้ย ประคับประคองความรักไปได้มั้ย อย่างบางทีเรามองว่าคู่รักคู่นี้ไม่เหมาะกันเลยวะ แฟนเหี้ยขนาดนี้ทนได้ไง คำตอบคือแฟนเค้ารับได้ไง เราไม่ใช่ เค้า เราก็ไม่เสือกสิค่ะ เก็ตมั้ยจ๊ะเธอว์ ] ไอ้อัยย์เสริม

[ ด่ากูกันเพลินเลยนะพวกมึง ] ไอ้เจบอกน้องชายผมก็สวนคำพูดของมัน

[ โนด่า ไร้คำหยาบใดๆเลยนะคะคุณเจ แต่แค่อยากให้มึงคิดดู มันก็เรื่องของเค้า มึงไปห้ามให้พี่เมดเสียใจไม่ได้หรอก ความรักไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆอยู่แล้ว ไม่ว่าเรื่องใดมันก็ต้องเรื่องนึงแหละที่ต้องเสียใจ มึงเองก็เคยบอกแบบนั้นไม่ใช่เหรอ  ไม่งั้นโลกนี้มันจะมีเพลงอกหักไปทำไมวะ ]

[ เหมือนมึงจะมีสาระที่สุดตั้งแต่เป็นเพื่อนกูมาเลยเดย์ ]

[ มึงก็เช่นกันเพื่อนอัยย์ ]

[ แล้วเมื่อไหนพวกมึงจะเข้าเรื่องกู ] ผมเอ่ยถามพวกมันก่อนจะถอนหายใจออกมา คือมันจะเข้าใจมั้ยว่าผมกำลังกลุ้ม กำลังหนักใจมากแค่ไหนที่ต้องนั่งเงียบๆ อยู่ในห้องกับอีกคนที่กำลังโกรธผมจนเอาแต่ปั้นหน้านิ่งมันอึดอัดแค่ไหน

[ ก็ขอโทษเค้าสิวะ ] ไอ้เจตอบสั้นๆ [ ขอโทษที่พูดไม่ดี ก็แค่นั้น ]

[ ยากสุดๆ สำหรับสัดพี่กูเลย ]

[ มีวิธีอื่นมั้ย ]

[ ไม่มี พูดออกไปตรงๆเลย ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ  พูดด้วยว่า ต่อไปคงมีอีก อย่าพูดนะมึงว่าครั้งต่อไปจะไม่มี เพราะมันต้องมีแน่ๆ มึงเชื่อกู ]

[ ไอ้สัดพี่เจโคตรจี้ กูชอบบบบบ ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจอะเมด แต่ครั้งต่อไปจะทำอีกนะ ไม่ต้องกลัว ฮ่าๆๆๆๆ ] อัยย์มันพิมพ์เข้ามา ผมก็ถอนหายใจ

‘ จะต้องพูดตรงๆเหรอวะ ‘ คิดอยู่ในใจตอนที่เหลือบมองมัน ผมก็ได้แต่ยกยิ้ม ‘ แทบจะหาความเป็นไปได้ ไม่ได้เลยวะ ‘ เพราะถึงจะอยากทำแค่ไหน คนแบบผม ก็คงไม่กล้าจะทำอะไรแบบนั้น จะเริ่มยังไงยังคิดไม่ออกเลย อยู่ๆพูดออกไปว่าขอโทษเหรอวะ ถอนหายใจออกมา ผมที่พยายามจะพูด แต่มันก็ทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคอไปเปล่าๆแบบนั้น ‘ พูดไม่ออกวะ ’

ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งในที่สุดคิดว่าจะลงไปชั้นล่าง อยากหาอะไรสักอย่างมาเป็นตัวช่วยให้การพูดครั้งนี้มันง่ายขึ้น คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันก็เหลือบขึ้นมามอง ผมคว้ามือถือจับที่กระเป๋าหลังของตัวเองว่ามีกระเป๋าตังค์อยู่มั้ย ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำที่ควรพูด

“ มึง “ เอ่ยเรียกไอ้เจที่กำลังนั่งพิมพ์งานกับโน๊ตบุ๊คตัวเล็กของมันอยู่ตรงบาร์ที่เดิมของมัน เพื่อนสนิทหันมามองผมก่อนจะหันกลับไปพิมพ์งานเหมือนเดิมเท่าที่เห็นเหมือนมันกำลังทำเอกสารติดต่อซื้อขายลิขสิทธิ์เพลงอยู่

“ มีไรวะ จะพูดก็พูดมาเลย กูกำลังยุ่ง “

“ เหรอวะ “

“ เออดิ กูต้องทำเรื่องซื้อลิขสิทธิ์เพลง “ มันว่าก่อนจะหันมาหาผม “ มึงมีไร “

“ จะชวนไปหาไรแดก “

“ พี่เมดอะ “ ไอ้อัยย์บาร์เทนเดอร์ที่อยู่ตรงหน้าเอ่ยถาม ผมเหลือบมองมัน “ อ้ออ ยังไม่ดีกันสินะ “

“ เมดบอกไม่หิว “

“ เค้างอนไง ก็เฮียมึงไปว่าเค้าอะ “

“ ไปเป็นเพื่อนหน่อย “ ผมย้ำกับเพื่อนตัวเอง อีกคนก็พยักหน้ารับ

“ สามนาที “ มันว่าก่อนจะกดพิมพ์อะไรสักอย่างอยู่แบบนั้น  ผมถอนหายใจออกมาตอนที่เอามือเท้าสะเอวแล้วมองกดดันเพื่อนอยู่แบบนั้น

“ กูให้สองวิ “

“ รีบร้อนนนนนนนนนน จะไปหาของกินมาง้อไอ้เมดสินะไอ้สัด “

“ เร็วๆ “

“ ปิดก็ได้ ไปเดี๋ยวนี้แหละจ้า “ มันปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ลง ยื่นให้ไอ้อัยย์ก่อนจะบอก “ ฝากไว้ที่มึงก่อน “

“ เคพี่ “ 

“ พี่อาฟค่ะ “ เสียงของสาวคนนึงเอ่ยทัก ผมที่ก็หันไปมอง เด็กผู้หญิงผมยาวตัวเล็กๆที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางเขินๆ เธอมากับเพื่อนในมือที่ถือโทรศัพท์กำไว้แน่น แต่ปากกลับไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาสักที ผมก็แค่ถอนหายใจเซ็งๆอย่างไร้มารยาท ในช่วงเวลาที่กำลังหงุดหงิด เพราะใจก็เอาแต่ไปคิดเรื่องว่าจะทำให้ใครอีกคนหายหงุดหงิดในตัวผม

“ ขอโทษนะครับ ไม่ว่าง “ เดินนำไอ้เจออกไปจากทางหน้าผับ ผมได้ยินเสียงมันขอโทษสาวคนนั้นแว่วๆ ก่อนจะบอกว่า ผมหงุดหงิดกับเรื่องงานอย่าไปถือสาอะไร ก่อนจะวิ่งตามออกมา

“ มึงแม่ง พอไม่สนใจก็ตอบสาวได้ไร้มารยาทสุดๆไปเลยนะสัด “ เจบอกก่อนจะหันกลับเข้าไปข้างใน “ ป่านนี้ร้องไห้แล้วมั้ง ท่าทางจะยังใสๆ หน้าตาน่ารักด้วย ไม่สนรึไงวะ ชั้นสามว่างมานานไปแล้วมั้ง “

“ ไม่สน “  ผมตอบเพื่อนตัวเองสั้นๆ “ มึงว่าโตเกียว ไอติมไข่แข็ง เครป อะไรน่ากินกว่ากัน “

“ เพราะว่ามีคนที่สนใจกว่านี้เอง “ มันแซว ผมก็หันไปชักสีหน้าใส่มัน “ ไม่เกรี้ยวกราดกับเพื่อนสิครับ “

“ ตอบ “

“ มึงจะกินเองมึงก็เลือกสิวะ อยากแดกอะไรก็ซื้อ “

“ ทำไมมึงแม่งโคตรกวนตีนกูเลยวะ รู้ก็เสือกทำเป็นไม่รู้ หน้าส้นตีน “

“ ฮ่าๆ เกรี้ยวกราดเว่อร์ๆเลยยยย “ มันว่าล้อๆ “ แล้วมึงอะเป็นเหี้ยอะไร พูดดีๆตรงๆไม่ได้เหรอวะ ต้องมาซื้อของไปทำพร๊อบ ไอ้สัด “

“ เออ ไม่ได้ “ ผมบอกก่อนจะก้าวให้เร็วขึ้น อยากให้อีกคนหายโกรธแล้ว เร็วกว่านี้สักวินาทีนึงก็ยังดี
 
“ จะไปแข่งเดินเร็วรึไงไอ้ควายยยยย กูเดินไม่ทันแล้ว “

“ ซื้ออะไรดีวะ “ ผมพูดออกมาตอนที่ยืนอยู่หน้าปากซอย ข้างเพื่อนสนิทที่ยืนหอบๆมันเท้าสะเอวสองข้างมองกันด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ผมมองไปที่บะหมี่หมูตุ๋นเมนูที่อีกคนชอบที่สุด โตเกียววันนั้นที่มันบอกว่าอร่อย แล้วก็เครปที่ต้องต่อคิวนานเป็นชาติ แต่มันกลับยิ้มกว้างออกมาตอนที่ได้กิน

“ กูว่าบะหมี่หมูตุ๋นไอ้เมดชอบ “

“ เครปแล้วกัน “ ผมบอกมัน เพื่อนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะเบิกตาใส่

“ คนเยอะนะไอ้สัด กูขี้เกียจรอเป็นเพื่อนนะ โตเกียวมั้ย คล้ายๆกันอยู่ ไม่มีคน “

“ ไม่ กูจะเอาเครป “

“ แล้วมึงจะถามความเห็นกูเพื่อ ไอ้เพื่อนเหี้ย “

เดินตรงไปที่หน้าร้านเครป ผมยืนงงอยู่ตรงนั้นคนที่ยืนรอกันอยู่ก็หันมามอง จำได้ว่าวันนั้นไอ้เมดหยิบกระดาษกับปากกาในกล่องข้างหน้ามาจดตอนที่สั่ง  ผมก้มอ่านเมนูมากมายที่อยู่ในนั้นก่อนจะหันไปถามเพื่อน

“ มึงว่าเมดจะชอบอะไรวะ “

“ ฮันน่ออออ “ มันแซวแต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลามาเล่นกับมันแล้ว “ ได้ยินมึงพูดตรงๆแล้วอยากจะอัดเสียงไปให้ไอ้สองตัวที่บาร์ฟังรวมถึงน้องเมดด้วย “

“ สัดเจ “

“ โอยยยยยย บันเทิงไม่ได้เลย ก็เอาแบบเดิมที่มันแดกดิ  วันนั้นมันแดกอะไร “

“ กล้วย นูเทล่า ฝอยทอง “ ผมบอกก่อนจะขีดลงไปสิ่งที่คิดออกลงไปในกระดาษ ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าวันก่อนมันอยากจะกินอีกอันแต่ว่าไม่ได้สั่ง “ วันนั้นแม่งอยากจะกินอะไรวะ “

“ มึงรีบสั่งหน่อย คนเยอะแล้วไอ้สัด “

“ กูกำลังคิดว่าวันนั้นไอ้เมดมันอยากจะกินอะไรแล้ววะ “

“ กูเลือกให้เองไอ้สัด ชักช้า เอาอันนี้มันต้องชอบ “ ผมไม่รู้ว่าไอ้เจเขียนอะไรลงไปในกระดาษ แต่มันเขียนเร็วมากก่อนจะยื่นให้คนขายที่รับไปก่อนจะยื่นใบคิวมาให้เรา ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ครับ แค่สิบห้าคิวเท่านั้น

“ กูควรลาออกจากผับ แล้วมาเปิดร้านขายเครป จะขายดีอะไรเบอร์นี้ “ ไอ้เจบอกตอนที่ยืนรออยู่ข้างผม

“ มึงทอดไข่ให้ได้ก่อนมั้ย “

“ โอ้โห ดูถูก กูไม่ใช่มึงไงไอ้คุณชาย “ ผมแค่ยกยิ้มกับคำตอบของเพื่อน เรายืนข้างกันเงียบๆ ก่อนไอ้เจจะเป็นคนชวนผมคุย “ มึง กูขอโทษนะ “

“ เรื่อง ? “

“ เรื่องเมื่อกี้ในแชทที่มึงปรึกษาเรื่องไอ้เมดแล้วกูบอกว่า ไม่อยากจะให้คำปรึกษามึงเพราะยังไงคบกันเมดมันต้องเสียใจเพราะมึงอยู่ดี “

“ ไร้สาระ “ บอกมันแค่นั้นก่อนจะหันไปยกยิ้มให้เพื่อนสนิท

ผมรู้ดีว่าไอ้เจเป็นคนแบบไหน เป็นคนที่ดูเหมือนไม่จริงจังกับอะไร แต่เอาเข้าจริงมันก็เป็นจริงจัง แถมยังอ่อนไหวได้ง่ายไม่ว่าจะเรื่องอะไร มันเป็นคนแคร์เพื่อน มันเป็นห่วงผมเสมอเพราะรู้ว่านิสัยผมจริงๆเป็นยังไง เราเป็นเพื่อนรักกันที่อยู่ด้วยกันมานาน และเพราะเป็นแบบนั้นทุกครั้งที่ทำผมใครเสียใจ คนพวกนั้นก็เข้าไปหามัน บอกเล่าเรื่องราวที่ตัวเองเจ็บซ้ำจากการกระทำของผม

ผู้หญิงบางคนดีจนมันแอบเสียดายเพราะอยากจะให้ผมคบเธอไปนานๆ แต่ผมก็คือผม ไม่ใช่ก็แค่เลิก ผมไม่ใช่มนุษย์ประเภทง้อใครอยู่แล้ว แล้วพอมันมาเจอเมด คนที่ในความรู้สึกของมันคิดว่าเป็นคนที่ทั้งน่ารักและใจดี แต่กลับเจอเรื่องราวที่โหดร้ายแบบนั้นมันก็ยิ่งสงสาร และยิ่งสงสารมากขึ้นเมื่อรู้ว่าผมสนใจในตัวอีกคน

มันกลัวว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับคนที่ผมเคยคุยด้วย จะมาเกิดขึ้นกับเมด และมันก็รู้สึกว่าอีกคนคงรับไม่ไหวแล้วที่จะเสียใจกับเรื่องอะไรอีก และมันก็คงทนฟังเมดมาพูดอะไรแบบนั้นกับมันไม่ได้

“ ให้กูลองก่อนได้มั้ยวะ “ ผมพูดขึ้นไปเสียงเบา “ มันอาจจะไม่เป็นเหมือนเดิมก็ได้ “

“ เรื่องไอ้เมดอะนะ “

“ อื้ม “

“ รู้ใช่มั้ยว่ากูอยากให้มึงกับมันคบกันไปได้นานๆ กูอยากให้มึงเจอคนดีๆ แล้วถ้ามึงเจอ กูอยากให้มึงรักษาเค้าไว้ให้ได้  “ มันหันมาหาผม “ จริงๆมึงเป็นคนดีเชี้ยอาฟ มึงคิดถึงความรู้สึกของเพื่อนเสมอ มึงไม่เคยดูถูกกู ทั้งๆที่กูเป็นแค่เด็กจนๆคนนึงที่ได้ทุนมาเรียนโรงเรียนเดียวกับมึง  มึงที่มีเพื่อนอยากจะเข้าหาเยอะแยะแต่มึงกลับเลือกเป็นเพื่อนกู คนที่มันมีจิตใจเหี้ยจริงๆ มันไม่มาคบกับคนอย่างกูที่ไม่มีใครคบแถมยังยกให้เป็นเพื่อนสนิทหรอก “

“ มึงแค่เป็นเพื่อนที่หวังดีกับกูมาตลอด มันก็แค่นั้น “

“ แต่ก็แปลกนะที่มึงมาชอบไอ้เมด “ เพื่อนผมบอก “ จะพูดยังไงดีวะ จะบอกว่าไม่ใช่สเป็กคงไม่น่าใช่มันก็มีบางส่วนที่มึงน่าจะชอบอยู่บ้าง แค่ปกติมึงชอบพวกคนเข้าหา มากกว่าต้องเข้าไปหาเค้าไง “

“ ไม่รู้ว่ะ กูก็หาคำตอบให้ตัวเองมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว “

“ ตอนนั้น ? มึงพูดเหมือนนาน มึงเพิ่งเจอไอ้เมดนะ “ มันหันมาถามพลางขมวดคิ้ว ก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา “ อย่าบอกนะ ว่าชอบตั้งแต่ม.ปลาย ที่มึงมองมัน มึงยอมรับแล้วใช่มั้ย “

“ เรื่องเมด ให้กูได้ลองด้วยตัวเองก่อน เพราะตอนนั้นกูยังไม่ทันได้ลองทำอะไรด้วยตัวเองเลย “

“ หมายความว่าไงวะ “

“ อย่ารู้เลย “ ผมยกยิ้มตอบอีกคน “ กูไม่อยากโดนล้อว่ะ “

เดินหิ้วถุงเครปกลับมาที่ผับ แต่ผมกลับชะงักอยู่ที่ประตูห้องตรงชั้นสามอยู่แบบนั้น ผมกำลังคิดว่าผมจะพูดอะไรออกไปดีเป็นประโยคแรก หลังจากยื่นถุงเครปนี้ไปให้มัน คำพูดที่ทำให้คนหน้าบึ้งกลับมายิ้มให้ผมเหมือนเดิม

ผมไม่ใช่คนขาดความมั่นใจ แต่ตอนนี้ผมกำลังหยุดนิ่งอย่างไม่มั่นใจราวกับไม่ใช่ตัวผม หลังบานประตูนี้ผมไม่เคยลังเลจะเปิดมันเข้าไป แม้ว่าจะกำลังกอดจูบอย่างอยู่ดูดดื่มอยู่กับผู้หญิงที่แม้แต่ชื่อก็ยังไม่รู้จัก แต่วันนี้ทุกอย่างมันค่อยๆเปลี่ยนไป ผมรู้สึกตัวผมเปลี่ยนไป เปลี่ยนเพราะใครบางคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้

“ อ้าว “ มือที่กำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูชะงักไปตอนที่คนด้านในเปิดออกมาก่อน เมดเองก็ชะงักตอนที่เห็นผม

“ ไปไหน “

“ จะไปถ่ายรูปเหล้าตัวนึง ลืมถ่ายมา “

“ ทำไมไม่บอกให้ไอ้เดย์ไอ้อัยย์ถ่ายมาให้ ลงไปทำไมเสียเวลา “

“ ยังไงก็ต้องใช้ไอแพตถ่ายไง เลยจะไปถ่ายเอง “ อีกคนว่าก่อนจะเหลือบมองผม “ กูไม่ไปเที่ยวแจกเบอร์ใครจนตัวลั่นหรอก ไม่ได้แรดแบบนั้น ไม่ต้องกลัว “

“ ให้ “ ผมยื่นถุงเครปให้มันอีกคนก็นิ่งมอง ผมรู้สึกหน้าตัวเองร้อน ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไรต่อไปดี “ ต่อคิวนานมากเลย กว่าจะได้มา “

“ เหรอ ? “ เมดตอบรับด้วยหน้านิ่งๆก่อนจะรับมันไว้ “ แล้วยังไง ”

“ กูสั่งมาให้สองอัน อันนึงมึงเคยบอกว่าอร่อย อีกอันไอ้เจแนะนำว่ามาอร่อย “

“ แล้ว ? “

“ แล้ว..” แล้วไงวะ ผมเลียปากตัวเองรู้สึกเหมือนมีลมร้อนๆวนไปมาอยู่ในท้อง ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี เมดเอียงหน้ามองผมด้วยท่าทางสงสัย

“ แล้ว ยังไง “

“ ก็นั่นแหละ “ ผมจ้องแววตาเรียวที่กำลังมองผม กลืนน้ำลายลงไปในคอด้วยความตื่นเต้นผมถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดเสียงเบา “ ง้อ ”

“ ห๊ะ ? “ มันทำเป็นไม่ได้ยิน

“ กูบอกว่า ง้อ “

“ เรื่อง ? “ มาถึงตอนนี้ก็แอบคิดว่าอีกคนคงไม่ได้โกรธอะไรแล้ว แต่กำลังแกล้งผมมากกว่า ทำไมถึงรู้สึกว่าเขี้ยวเล็บที่เคยมีมันหายไปหมดว่ะ หรือเอาจริงๆ ผมจะไม่ได้เก่งอะไรเลยอย่างที่เคยรู้สึก ทำไมคนตรงหน้านี้ถึงทำให้ผมแพ้ราบคาบได้อย่างงี้
“ เรื่องที่พูดไม่คิด ไม่ได้ตั้งใจจะว่าแบบนั้น กูขอโทษ ที่กูหงุดหงิดไปหน่อย “

“ แล้วทีหลังจะทำอีกมั้ย “

“ คงทำอีก “ มันหลุดยิ้มกับคำตอบของผม ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ เหี้ยอะไรของมึง ไอ้สัด “ ถอนหายใจออกมาก่อนจะมองหน้าผมด้วยความเหนื่อยใจ “ เค้ามีแต่บอกกันว่าจะไม่ทำอีกแล้วกันทั้งนั้น “

“ ถ้าบอกว่าไม่ทำอีก แต่สุดท้ายกูทำ มึงก็มาเสียใจว่าทำไมพูดแล้วกูทำไม่ได้ แบบนั้นก็บอกไปเลย ว่าคงทำอีก มึงจะได้ไม่คาดหวังว่ากูจะไม่ทำอีก ไม่ดีเหรอ “ ยกยิ้มบอกมันอีกคนก็ขมวดคิ้วยิ้มๆแล้วเถียงกลับ

“ ไม่ดีเว้ย “ เมดบอก “ แล้วนี่กูต้องทนฟังคำพูดจากปากเหี้ยๆของมึงไปถึงเมื่อไหร่ “

“ ตลอดไปได้มั้ย “

ทุกอย่างเงียบ แม้แต่มันที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่เมื่อครู่ยังเปลี่ยนสีหน้ากะทันหัน แก้มขาวของเมดซับสีแดงจางๆ มันเหลือบไปมองทางอื่น อย่างไม่รู้จะพูดอะไรมันที่ก้มหน้าลง ก่อนจะเหลือบขึ้นมองผมแล้วพูดเบาๆ

“ แล้วมึงจะขยันง้อไปตลอดมั้ยละสัด “

ผมเผลอยกยิ้มกับคำถามกลับของมัน ประโยคที่คล้ายกับจะถามว่า มันพร้อมจะคบกับผมที่เป็นแบบนี้มั้ย ส่วนเมดก็ถามกลับมาด้วยคำถามที่มีความหมายเดียวกัน แล้วผมละพร้อมจะคบกับมันที่เป็นแบบนี้รึเปล่า

“ ว่าไงนะ “ ปั้นหน้าทำเป็นไม่ได้ยิน ผมไม่อยากจะตอบอะไรที่ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้มั้ย

“ เปล่า “ มันส่ายหน้าไปมาก่อนจะถอนหายใจ

“ หายโกรธกูได้ยัง “

“ ถ้ามึงรู้ว่าตัวเองผิดเรื่องอะไร กูหายโกรธก็ได้ “ มันพยักหน้ารับเบาๆ เหมือนพอใจแล้ว ที่ได้ยินคำว่าขอโทษจากปากผม คล้ายกับว่าที่มันโกรธก็เป็นแค่การดัดสันดานเด็กดื้ออย่างผมที่พูดไม่คิดในความคิดมันก็เท่านั้น เมดดึงเครปในมือขึ้นมากิน แต่ทว่าผมยังมีคำถามนึงที่ยังสงสัยอยู่

“ แล้ว.. ที่บอกว่ามีคนชอบอยู่แล้ว จริงเหรอวะ “ เมดเงยหน้าขึ้นมามองผม มันเอียงหน้าเหมือนไม่เข้าใจที่ถาม “ ที่มึงเขียนตอบไอ้ผู้ชายคนนั้นไป “

“ ถามทำไม “

“ แค่อยากรู้  ว่าคนอย่างกู พอจะเป็นอะไรแบบนั้นสำหรับมึงได้มั้ย “ แก้มขาวซับสีแดงจัดกับคำถามของผม ริมฝีปากนั่นเม้มเข้าหากันก่อนจะก้มหน้าลงจนปากชนเครปที่ตัวเองถืออยู่ในมืออย่างไม่รู้จะทำอะไร เมดพยักหน้ารับน้อยๆ

“ อื้ม ก็คงพอไหวอยู่ “ 

...............................................................................
ก็ยอมรับว่าอยากเป็นเมด แม้จะโดนปากเสียๆด่า แต่ก็โดนง้อด้วยความใส่ใจ
คือพี่ก็รู้ว่าพี่ไม่ใช่คนที่ดีไง แต่พี่ก็พยายามแล้วที่จะเป็นคนที่ดีพอของเธอ .. มันให้ความรู้สึกอย่างงั้น
ตอนนี้อาจจะดูไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ มีแค่ความรู้สึกของทั้งสองคนที่เริ่มจะชัดขึ้น
พี่อาฟก็หยอดหนักขึ้น เมดก็เริ่มแสดงว่ามีใจด้วยความคำพูดเล็กๆน้อย ตามประสา
อ่อยกันเบาๆ ไม่ออกอาการมากมาย เพราะฉะนั้น ตอนต่อไปนั้น เราจะคลายปริศนาธรรมที่ทุกคนอยากรู้ทั้งหมด
เจอกันตอนหน้า อาทิตย์หน้า ที่จะลงให้สองตอนเลยยยย ลงวันศุกร์ตอนนึงเนอะ วันอาทิตย์ตอนนึงเงี้ย
อย่าลืมเข้ามาอ่านกันนะจ๊ะ จุ๊บๆ

ส่วนนี้ก็ทางไปจอยลดาแชท http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่ะ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 27-04-2018 20:52:30
 o13 ดีงามค่ะ...ดีงาม...อาฟลุยเลยยย  :o8:  :-[  :impress2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 27-04-2018 20:57:30
อยากกินเครป
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-04-2018 21:14:47
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 27-04-2018 21:26:50
ูครูขาา มีคนแอบจีบกันตรงบันไดค่า :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-04-2018 21:27:43
ปากเสียไปหน่อย แต่ให้เต็มร้อยเรื่องความใส่ใจ

ถถถถ..พี่อาฟ ตั้งแต่นมจนมาถึงเครป คือแบบใส่ใจทุกรายละเอียด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 27-04-2018 22:13:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-04-2018 22:45:39
 :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 27-04-2018 22:52:13
ชอบสัดพี่อ่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 27-04-2018 22:53:04
 o13  อาฟทำดีทำผิดต้องขอโทษ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 28-04-2018 00:04:38
เค้าเริ่มหวานกันแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-04-2018 00:37:58
อาฟใส่ใจเมดมากขนาดยืนรอเครปเพื่อเอามาง้อเมด





หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 28-04-2018 00:46:56
อยากจะกรี๊ดด เขินนน เขินแทนเมด  อยากเป็นเมดดดด  :impress2:
นี่ขำทุกครั้งที่พี่อาฟตอบแก๊งค์ว่า เบื่อพวกมึง , รำคาญพวกมึงว่ะ   มันฮา อาฟนี่มันอาฟจริงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-04-2018 01:03:27
งื้อ ฟินน~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 28-04-2018 01:32:04
 :hao3: :hao3: :hao3:
อาฟฟฟฟทำดีมากลูกกกกก
เมดก้อ่อยได้ดี พี่ให้คะแนน
แต่อย่าพึ่งไปยอมอาฟง่ายๆ
เล่นตัวไปก่อนนน อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-04-2018 03:02:19
อาฟ นิสัยไม่ดีอีกแล้วนะ มาให้คนแก่สั่งสอนหน่อยซิ หันหลังมา.......  :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 28-04-2018 10:47:18
อาฟชอบเมดมาตั้งนานแล้ว นี่ถ้าจีบจริงจังตั้งแต่ม.ปลาย คงดีเนอะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 28-04-2018 11:36:58
 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-04-2018 13:57:57
ปากเสียจริงๆ แต่ก็เป็นคนตรงๆ ดี

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-04-2018 14:24:09
เฮียอาฟ~ยอมรับแล้วหรอ แอร้ยย เขิน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-04-2018 15:29:56
โอ๊ยยยย น่ารัก ตอนนี้น่ารักมาก ฟินมาก
อาฟจะได้ชัดเจนสักที หลังจากที่แอบรักแอบชอบมานาน
อาฟปิดเจมาได้ไงตั้งนาน ตอนนี้เจเริ่มอยากรู้แล้ว

เมดน่ารัก ขนาดโกรธยังน่ารัก คือไม่สุดและก็ดีใจที่เค้าง้อ
เมดออกอาการแบบนี้ ก็ตอบรับคำถามอาฟได้แล้วนะว่าพอได้

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 28-04-2018 15:50:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 28-04-2018 16:23:16
 :ling2:อ่อยกันไปมา ขำสัดพี่ตอนหาวิธีง้อ :mew3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-04-2018 19:27:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 28-04-2018 19:37:59
อยากเป็นพี่เมดๆๆๆๆๆๆๆ ฮือออออ พี่อาฟบับบบ เอาแล้วๆๆๆๆ พี่เค้าเริ่มมาแล้วนะคะะะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-04-2018 19:13:06
อาฟ เริ่มดี ๆ สู้ต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 30-04-2018 11:00:52
เขาง้องอนกัน ดีต่อใจเหลือเกินค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 30-04-2018 15:02:04
ตายเพราะปากนะเฮียอาฟ พูดไม่คิดให้ง้อเยอะๆเลยเมด :hao3: แต่เมดเริ่มเปิดโอกาสให้อาฟแล้ว ไม่หวานมากพอให้กร๊าววใจ o18
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 30-04-2018 15:24:26
แต่อิชั้นไม่หวาย :-[ :impress2: :ling3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: HPG ที่ 01-05-2018 14:55:24
 :-[ :-[ :-[ :o8: น่ารักมากเว่อร์ งือ~อยากเป็นหมูตุ๋น 555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: นมชมพู ที่ 01-05-2018 22:53:18
นุ้งอ่านละตายไปเรยจ้าาาสส :heaven
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 04-05-2018 20:32:14
ตอนที่ 18

“ แล้วทำไมเสือกมานั่งอยู่ตรงนี้วะ “ เพื่อนสนิทเอ่ยถามผม ที่เดินมาหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ในส่วนของบาร์ข้างๆมัน ผมเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงเดินลงมานั่งอยู่ตรงนี้ หลังจากฟังคำตอบของคำถามที่ว่า ผมพอจะเป็นคนที่มันชอบได้มั้ย คำตอบที่บอกว่า ก็คงพอไหวอยู่ ของมันนั้นก็ทำให้คนอย่างผมนิ่งไป

ความจริงเราก็นิ่งไปทั้งคู่ เมดเองในตอนนั้นมันก็ก้มหน้าลงต่ำจนปากชนกับเครปที่ถืออยู่ หัวใจของผมเต้นแรงจนรู้สึกเจ็บไม่รู้อีกคนจะเป็นเหมือนกันมั้ย แต่ความเงียบในตอนนั้น บรรยากาศแบบนี้ถ้าเข้าไปนั่งในห้องด้วยกันมันต้องอึดอัดกว่าตอนเราโกรธกันหลายเท่าแน่ๆ และคงเพราะแบบนั้นขาของผมก็เลือกที่จะหันหลับแล้วเดินลงมาชั้นล่าง พูดได้อีกอย่างคือจะบอกว่าเดินมาทำใจให้เลิกเต้นแรงก็ไม่คงผิดนัก

“ มึงง้อไอ้เมดไม่สำเร็จเหรอวะ “

“ เปล่า “ บอกสั้นๆแล้วถอนหายใจออกมา ผมหันไปมองน้องชายตัวเองที่กำลังทำทีเป็นยืนบริการแขกอยู่ไม่ไกล
“ เดย์ โฮการ์เด้นมาขวด “

“ ครับ “ อีกคนตอบก่อนจะเปิดขวดเบียร์ที่สั่งวางลงตรงหน้า ยกขวดเบียร์ขึ้นกินก่อนจะเหลือบไปมองใครบางคนที่มองผมอยู่ ผมลดขวดเบียร์ที่กำลังดื่มนั่นลงแล้วส่งยกยิ้มไปให้ตอนที่เห็นว่ามันเป็นผู้ชายคนที่เข้ามาขอเบอร์ไอ้เมดแต่ผมกลับชิงตัดหน้าเอาจดหมายนั่นของมันไปก่อน

“ นี่มันยังอยู่อีกเหรอวะ “

“ ท่าทางอาฆาตมึงเอาเรื่อง “ ไอ้เจบอก “ แต่ก็ไม่แปลก มึงเล่นดึงเบอร์ไอ้เมดที่จะให้มันไปต่อหน้าต่อตามันแบบนั้น เป็นกูจะต่อยสักที สันดานส้นตีนแบบนี้ “

“ กูเห็นด้วยกับพี่เจ ความจริงสัดพี่ไม่ควรทำงั้นนะ “ ไอ้เดย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมพูดขึ้น เงยมองหน้ามันอีกคนก็จ้องกันด้วยสายตากวนส้นตีน “ มึงไม่ได้เป็นไรกับพี่เมดสักหน่อย เค้าจะมีใครมาชอบก็เรื่องของเค้าสิวะ มึงทำเป็นหวงเค้าเหมือนเป็นผัวเค้าอย่างงั้นอะ “

“ กูเห็นด้วยกับไอ้เดย์ “ เจยกแก้วเหล้าขึ้นกินก่อนจะหันมายักคิ้วให้ผม “ เค้ามีสิทธิ์เลือกเพราะเค้าโสด  “

“ ไม่มีสิทธิ์ นี่เวลางานไม่ใช่เวลามาหาผัว “

“ ปากมึงนี่แบบ..” ส่ายหน้าไปมาแทนคำพูดที่จะพูดออกมา มันคงไม่รู้จะเอาคำด่าไหนมาด่าให้ผมรู้สึกสำนึกแล้ว

ผมก็รู้ตัวเองดีว่าไม่มีสิทธิ์ ก็อย่างที่พวกมันสองคนบอกนั่นก็ถูกแล้ว เมดไม่ใช่แฟนผม เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันไม่ใช่เพื่อนด้วยซ้ำเป็นแค่เพื่อนร่วมงานชั่วคราวที่มาทำงานจ่ายหนี้ก็แค่นั้น แต่ที่พิเศษอยู่หน่อยก็ตรงที่อดีตของผมมีมันคาบเกี่ยวอยู่ซึ่งเจ้าตัวไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

ถ้าถามว่าผมอยากจะมีสิทธิ์ในตัวมันมากกว่านี้มั้ย เมื่อวานอาจจะตอบว่าอยากจะให้ค่อยเป็นค่อยไป แต่วันนี้ผมอยากจะตอบใหม่ว่า มาก  อยากเป็นคนที่มีสิทธิ์หึงหวงได้ตามใจชอบ

อยากจะเก็บเอามันมาไว้กับตัวคนเดียวไม่ให้คนอื่นมีสิทธิ์ทั้งนั้น อยากจะเป็นคนที่ได้เอาใจ แล้วก็อยากจะถูกเอาใจกลับมาเช่นกัน แล้วก็อยากจะให้ทุกวันต่อจากนี้มันพิเศษมากกว่านี้

 แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะยังไม่พร้อมขนาดนั้น แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร

ใจผมที่ยังไม่กล้า หรืออีกฝ่ายที่ผมคิดว่า คงยังไม่พร้อม

“ หวงก้างสัด แดกก็ไม่แดก แต่ก็ไม่ให้คนอื่นแดกเหมือนกัน “ น้องชายบอก ผมก็มองมัน

“ เรื่องของกู “

“ ไม่อยากจะมีสิทธิ์ในตัวไอ้เมดมากกว่านี้จริงๆเหรอวะ “ ไอ้เจที่อยู่ๆถามขึ้นมันหันมามองหน้าผม “ ไม่อยากจะเป็นคนที่หึงหวงเค้าได้เหรอ “

“ มึงจะให้กูขอมันเป็นแฟน “

“ ถูกต้องนะครับ “ อีกคนบอก ผมก็เหลือบมองไอ้เดย์ที่เม้มปากตัวเองแน่น ถ้าให้เดาคำพูดที่ดูมีสมองของไอ้เดย์เมื่อครู่คงเป็นแผนของพวกมันสองคนที่วางคำพูดไว้พูดกับผม เพราะอยากจะให้ขอไอ้เมดเป็นแฟนสักที “ จะรออะไรอยู่วะ ความรู้สึกมึงชัดขนาดนี้แล้ว จะรอให้มีใครมาจีบไอ้เมดก่อนรึไง นิสัยเหี้ยๆแบบมึง คว้าเค้าไว้ก่อนน่าจะดีกว่านะ “

“ แต่ถึงมาทีหลังถ้านิสัยดีกว่าก็โดนทิ้งได้นะ “

“ สัดเดย์ “ ไอ้เจสถบด่าน้องชายผมด้วยสายตาเอาเรื่อง มันถลึงตาใส่อีกคนที่ก็เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะยกมือขึ้นปิดปาก

“ กูไปดูแลแขกละ “

“ ไปเลยสัด จะช่วยก็เสือกช่วยให้แย่ลง “ ส่ายหน้าไปมาเซ็งๆ ผมแอบยกยิ้มกับท่าทางของพวกมันที่อยากจะให้ผมสารภาพรักและขออีกคนมาเป็นแฟนเหลือเกิน  ในความคิดพวกมันคงรอให้ผมทำเองไม่ไหวแล้วเลยต้องวางแผนพูดปลุกใจกันหน่อย

นึกถึงใบหน้าหวานที่ยิ้มเขินมากมายกับคำพูดของผม คนที่เริ่มทำให้ตัวผมเริ่มไม่เป็นตัวผมไปทีละนิด จากที่ไม่เคยง้อใคร ผมง้อมัน ไม่เคยใส่ใจใคร ผมใส่ใจมัน ผมให้ทุกอย่างกับมันอย่างที่ไม่เคยให้ใคร ผมมั่นใจว่าผมรู้สึกมากกว่าคำว่า ชอบหรือถูกใจไปแล้ว แต่ว่า..

“ บอกตอนนี้มันจะดีเหรอวะ เมดคงยังไม่พร้อม “

“ ทำไมมึงถึงคิดแบบนั้น “

“ มันเพิ่งเลิกกับแฟน มึงจะให้กูไปบอกเค้ายังไง “ ภายในใจนั้นยังคงเสียใจอยู่มันไม่ได้ตัดขาดได้ภายในไม่กี่วัน ต่อให้พูดชัดขนาดไหนว่า เลิกกันแล้ว แต่ความรู้สึกมันอยู่ข้างใน ยังไงเค้าก็ยังรู้สึกแค่ไม่แสดงออกมาก็เท่านั้น อีกคนที่กำลังอยู่ในระยะทำใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนั้นแล้ว

“ ไม่เกี่ยวหรอก “ ไอ้เจบอก “ มึงเป็นคนคิดมากเรื่องเล็กๆแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไอ้อาฟเพื่อนกูถ้าอยากได้อะไรมันจะคว้าไว้เลยแบบไม่ลังเล มึงไม่รู้จักคำว่ารอ เพราะมันจะคิดเสมอว่า มันเจ๋งพอที่จะทำให้เค้ารักมันได้ “ ผมยกยิ้มกับคำพูดของพูดที่บรรยายถึงตัวผม แม้มันจะไม่ถูกต้องไปทั้งหมดก็ตาม “ มึงเป็นคนแบบนั้นไม่ใช่เหรอวะ แล้วมึงจะกลัวอะไร มั่นใจหน่อยสิวะ ก็อย่างที่มึงเป็น “

“ คงเพราะคนนี้ กูไม่ได้คิดว่า ถ้าไม่รักก็คงไม่เป็นไร “ ผมยกยิ้มจางๆตอนที่ยกขวดเบียร์ขึ้นมาดื่ม “ กูว่า กูคงเป็น ถ้าเมดมันปฎิเสธ “

“ งั้นเหรอวะ “ เพื่อนผมยิ้มก่อนจะดึงแก้วตรงหน้าขึ้นดื่ม

“ ที่กูเคยกล้าได้กล้าขนาดนั้น เพราะกูมันก็แค่คนคนนึงที่เคยรอแล้วผลลัพธ์มันเหี้ย กูเลยไม่คิดรออะไรอีกถ้าถูกใจใคร อีกอย่างคนพวกนั้นกูกล้าได้กล้าเสียเพราะไม่ได้เสียใจอยู่แล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นยังไง “

“ พอเข้าใจอยู่ “

“ แบบนี้รึเปล่าวะ “ ผมเอ่ยถามอีกคน “ อาการที่เค้าเรียกว่า เรากำลังจริงจังกับใครสักคน “

“ คงจะใช่ “

“ ถ้าเป็นมึงจะทำยังไง ถ้ามึงเป็นกู “

“ ก็คงทำไปตามที่อยากจะทำแบบไม่ลังเล เพราะกูก็ไม่รู้จะรอเหี้ยอะไร “ เจว่า “ ถึงเมดจะไม่รู้ว่ามึงคือคนที่แอบส่งนมช็อคโกเล็ตให้มันทุกวันสมัยม.ปลาย แต่ใช่ว่าตอนนี้มันจะไม่ชอบมึง กูว่ามันก็ดูชอบๆมึงอยู่ ถ้าเป็นเวทีมวยก็คงผลัดกันออกหมัดลองเชิงกันอยู่ก็เท่านั้น “

“ ไอ้สัดเอม “ ผมสถบออกมาตอนที่หันไปหาไอ้เจมันก็ยิ้มกว้างพลางโบกมือถือไปมาราวกับจะบอกว่าคนที่กุมความลับครั้งนั้นได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มันฟังผ่านมือถือเครื่องนี้แล้วเรียบร้อย

“ ไล๊น์ “

“ ไอ้สัด “

“ กูไม่ล้อมึงหรอก พี่นมช็อกโกเล็ต “

“ ไอ้พวกหน้าเหี้ย กูบอกแล้วให้เก็บเป็นความลับ “ ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ผมยกขวดเบียร์ขึ้นกินก่อนจะเหลือบไปมองบาร์เทนเดอร์สองคนที่ยืนอยู่ไกลออกไป “ ไอ้สองตัวนั่นรู้มั้ย “

“ ไม่รู้ กูไม่ได้บอก “

“ อย่าเสือกไปบอก “

“ ไม่บอกหรอก กลัวมันเรียกมึงว่าพี่นมช็อกโกเล็ต ฟังแล้วแสลงดูจะตายไปสัด “

“ ไอ้สัด เงียบปาก “ ไอ้เจหัวเราะถูกใจตอนที่ผมด่ามัน มือที่ยกแก้วเหล้าตรงหน้าตัวเองขึ้นกินก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ เป็นกู กูบอกเมดไปแล้วว่าชอบมาตั้งแต่ตอนนั้น แฉความเลวของไอ้เชี้ยบินให้ถึงที่สุด “

“ แล้วจะได้อะไรวะ “ ผมถามมันกลับ “ คนฟังมันรู้สึกดีเหรอวะที่ตัวเองถูกหลอกแล้วเข้าใจผิดมาตลอด หรือมันกลับไปแก้ไขอะไรได้ถึงต้องไปบอกมันว่าเคยเกิดอะไรขึ้น “

“ บทจะพระเอก เพื่อนกูก็โคตรของโคตรพระเอกเลยสัด “

“ กูแค่ไม่เห็นว่าบอกไปแล้วจะมีอะไรดีก็แค่นั้น “

เราเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่ได้ เวลามันไม่ได้ย้อนกลับหลัง ทุกอย่างตอนนั้นหลงเหลือไว้เพียงแค่ความทรงจำ ผมไม่ได้เจ็บปวดอะไรแล้ว แต่กลับกันผมคิดว่าถ้าบอกอีกคนไปมันอาจจะเจ็บปวดที่ยินอะไรแบบนั้นก็ได้ ‘ นี่กูโดนหลอกมาตลอดเลยเหรอ ‘ เมดคงคิดแบบนั้นถ้ามันได้ฟัง และถ้าเป็นแบบนั้นก็อย่าเอาอดีตที่เคยเห็บปวดมาเสียใจกับปัจจุบันเลย

เอาจริงๆตอนนั้นจะเรียกว่าอกหักก็คงไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียง คล้ายกับว่าผมเล่นบอลและครองบอลอยู่ในสนามมาตลอด แต่สุดท้ายเพื่อนร่วมทีมที่มีจุดหมายเดียวกันคือการทำลูก ก็มาแย่งบอลลูกนั้นก่อนจะยิงเข้าประตูไป ความดีใจที่ทุกคนโห่ร้องต่างให้ความสนใจแต่ผลลัพธ์ว่าใครเป็นคนยิงเข้า แต่ไม่เคยมีใครเอ่ยถามเลยว่า ก่อนจะยิงเข้าใครมันเลี้ยงบอลลูกนี้มา

                                                                            แล้วนั่นก็คือผม ในตอนนั้น

จำได้ว่าช่วงนั้นเป็นเวลาหลังเลิกเรียนตอนอยู่ ม.6 เทอมสอง โรงเรียนของผมไม่ได้อยู่ใกล้กับโรงเรียนของอีกคนมากถึงขนาดจะเรียกได้ว่าตรงกันข้ามถ้ามองในมุมของแผนที่ เรียกว่าเป็นโรงเรียนที่อยู่ใกล้กันมากกว่า แต่พวกเรามักเรียกโรงเรียนนั้นว่า โรงเรียนตรงกันข้าม เหมือนเรียกๆต่อกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

“ มายเฟรนนนนนนนนน วันนี้กูไม่มีซ้อมบาส ไปหาไรแดกกัน “ เอม เพื่อนตัวสูงนักกีฬาชมรมบาสของโรงเรียนวิ่งพุ่งเข้ามากอดคอผมกับไอ้เจที่เดินอยู่ข้างกันบนตึกและกำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้าน

“ ทำไมกูต้องไปวะ “ เจถามเซ็งๆก่อนจะยกมือขึ้นเกาหัวตัวเอง “ แล้วที่มึงเชื่องช้าอยู่ในห้อง คือทำเชี้ยไรอยู่ “

“ ก็เอมมี่กำลังถามเพื่อนๆในชมรมไงคะพี่เจ ว่าเอมมี่ต้องไปซ้อมบาสอะเปล่า “

“ กูขอตัวไปอ้วกนะ “ ผมที่ทำทีจะเดินออกไปแต่ก็โดนไอ้เชี้ยเอมมี่ลากกลับมายืนที่เดิม

“ อย่าเฉยเมยกับช่วงเวลาว่างของเพื่อนที่แสนจะน่ารักคนนี้จะได้มั้ยละสัด “

“ ขี้เกียจ “ ผมบอก อยากจะกลับบ้านจะตายห่าอยู่แล้ว ลงเกมส์ไว้เมื่อคืนไม่รู้ตอนนี้มันไปถึงไหนแล้ว คิดว่าจะพนันเล่มเกมส์กับไอ้เดย์น้องชายที่อยู่ม.4 สักหน่อย

“ กูก็ขี้เกียจจะกลับไปนอน “ ไอ้เจบอกเสริม ก่อนเสียงถอนหายใจจะดังขึ้นมาถ้าให้เดาเนื้อหาดราม่าคงเริ่มจากตรงนี้

“ ทั้งๆที่กูว่างแท้ๆ แต่ไม่มีเพื่อนรักคนไหนของกูที่จะอยากอยู่กับกูเลยเหรอ  กูกำลังจะย้ายไปเรียนอยู่ออสแล้วแท้ๆ เราจะไม่ได้เจอกันอีกนานเลยนะ จะไม่ได้นั่งกินข้าวเที่ยงด้วยกัน จะไม่ได้กลับบ้านด้วยกันเหมือนสมัยม.ต้น แต่พวกมึงก็ยังเลือกที่จะกลับบ้านและทอดทิ้งเพื่อนอย่างกูที่นานๆทีจะมีเวลาว่าง ”

“ ไว้จะไปตายเมื่อไหร่มึงก็มาบอกอีกทีแล้วกัน “

“ ฮ่าๆๆๆ “ ไอ้เจหัวเราะถูกใจเสียงดังกับคำพูดของผม

“ ไม่เอา พี่อาฟไม่เช่งเอมมี่สิค่ะ เอมมี่จะอยู่! ”

“ รำคาญสัด “ ดึงมือมันออกผมเร่งฝีเท้าเดินลงไปจากตึก แต่ทว่าก็โดนคนที่อยากจะไปกินขนมหลังเลิกเรียนให้ได้อย่างไอ้เอมกอดคอรั้งไว้อีกครั้งอยู่ดี

“ มึงจะไปไหน ต้องไปกินขนมกับกู “

“ ไปหาไรกินที่โรงเรียนฝั่งตรงข้ามกันดีกว่า “

“ เออไปๆ “ พอไอ้เจเสนอไอ้เอมมันก็พยักหน้ารับทันที ส่วนผมก็แค่โดนลากมาอีกทีไม่ได้อยากจะมาเลยสักนิด

ถนนหลังโรงเรียนตรงกันข้าม เหมือนสถานที่รวมของเด็กสองโรงเรียนที่จะมาหาขนมกินกันหลังโรงเรียนเลิก บ้างก็มีเรียนพิเศษต่อที่ตึกสูงฝั่งข้างๆเลยต้องมาหาอะไรรอท้องก่อน ที่ตรงนี้ก็เลยเหมือนจะเป็นศูนย์รวมของเด็กสองโรงเรียนขนาดย่อมก็ว่าได้ แล้วส่วนใหญ่ที่พบรักกันก็ตรงนี้แหละ รวมถึงผมด้วย

 สองฝั่งถนนที่ผมกำลังยืน มีรถมาขายขนมเต็มไปหมด สารพัดของที่เด็กๆชอบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ขนม แม้แต่คาเฟ่เล็กๆก็เปิดกันอยู่แถวนี้ อยากจะกินแบบร้านหรือยืนกินแบบรถเข็นก็เลือกได้ตามใจชอบ

“ อยากกินโตเกียววะ คนน้อยพอดี เดี๋ยวกูมา “ ไอ้เจมันพูดขึ้นก่อนจะวิ่งไปแบบไม่รอใคร ตรงหน้าร้านโตเกียวเจ้าอร่อยที่มีไส้ให้เลือกเป็นสิบ

“ แม่งดูอยากกินกว่ากูคนชวนมาอีก สัดเจ “ ไอ้เอมว่าผมก็ยกยิ้มกับคำพูดมัน ก็จริงอย่างที่อีกคนพูด “ รอมันตรงนี้ก่อนแล้วกันนะมึงแล้วค่อยไปคาเฟ่ตรงนู้น “

“ อื้ม “ ขานรับสั้นๆ ผมก็มองอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะหยุดสายตากับคนกลุ่มนึงที่ยืนอยู่อีกฝั่งนึงของถนน
 
กลุ่มเด็กผู้ชายสามคนที่ดูจากชุดคงจะเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนฝั่งตรงข้าม หนึ่งในคนที่กำลังหัวเราะสนุกสนานนั้นมีคนคนนึงที่ผมรู้สึกสะดุดตา คนตัวขาวกับแก้มกลมที่ระเรื่อด้วยสีแดงอ่อนๆเพราะอากาศข้างนอกที่ค่อนข้างร้อน แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังยิ้มตาปิดจนแทบจะเป็นขีดแบบมีความสุขเหลือเกิน

 มองคนคนนั้นอยู่สักพัก มันนานจะลืมไปแล้วเป็นเวลาเท่าไหร่กันที่ผมมองเค้า เผลอยิ้มไปกับท่าทางน่ารักพวกนั้น ก่อนจะมองแบบสังเกตเค้าไปทั้งตัว จดจำยี่ห้อกระเป๋าเป้ที่เค้าสะพายอยู่ทั้งสองข้างบนไหล่ สังเกตไปถึงมือที่กำลังหิ้วถุงเซเว่นแล้วถามกับตัวเองในใจว่า ในนั้นจะมีอะไรอยู่

“ มึงมองอะไรวะอาฟ “ เสียงทุ้มของคนที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ยถาม ผมปรับสีหน้าที่กำลังยิ้มให้กลับมาเรียบเฉยเหมือนเดิม “ ไรวะ ? มึงมองไร ? เมื่อกี้กูเห็นมึงมอง มองเด็กกลุ่มนั้นอ๋อออออออ “ รอยยิ้มกว้างแซวกันผมก็หันไปด่ามันยิ้มๆ

“ สายตาดีนักนะมึงไอ้สัดเอม “

“ สนใจเหรอวะ “ มันถามย้ำก่อนจะยักคิ้วให้

“ ไม่ได้สน “

“ ตอแหลลลล “ มันลากเสียงก่อนที่ผมจะหันไปมองทางอื่น แล้วตอนที่คิดว่าเพื่อนข้างๆไม่ได้มองตามแล้วนั้น สายตาของผมก็หันไปมองเค้าอีกครั้ง ผมว่าผมชอบคนยิ้มแบบนั้นนะ ‘ มันน่ารักดี ’  “ กูว่ามึงมองวะอาฟ “

“ ไอ้สัดเอม “

“ มึงมองคนที่อยู่ตรงกลางใช่มั้ย คนตรงกลาง ที่ขาวๆหน้าตี๋ๆหน่อย “  ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไร เผลอคิดไปว่าวิธีนี้จะทำให้เพื่อนหยุดถามหยุดสนใจ แต่ก็เปล่า “ กูไปถามชื่อให้ เดี๋ยวกูมา “ ไม่ต้องฟังเสียงตอบตกลงของผม คนเจ้ากี้เจ้าการอย่างไอ้เชี้ยเอมก็เดินข้ามถนนตรงไปหาคนกลุ่มนั้นทันที แล้วเท่าที่นึกออกตอนนั้นผมก็รีบเดินหนีจากจุดที่ยืนเข้าไปหาไอ้เจที่ร้านขายขนมโตเกียวทันที

แอบยืนเอียงตัวเหลือบมองเพื่อนมาจากหน้าร้านขายโตเกียวที่มีคนกลุ่มนึงต่อแซวซื้ออยู่  คนที่ยังคงยิ้มแย้มคุยกับคนกลุ่มนั้นที่มีท่าทางจะหวงเพื่อนแบบเอาเรื่อง แต่ทว่าก็ไม่มีใครสู้ความหน้าด้านของเพื่อนผมได้หรอก อะไรที่สัดเอมอยากรู้ สัดเอมก็ต้องได้รู้อยู่แล้ว

ผมเห็นคนที่ผมสนใจเอ่ยอะไรออกไปนิดหน่อย ด้วยรอยยิ้มเขินๆ คิดว่าคงเป็นชื่อของเจ้าตัวเองที่ไอ้เอมเอ่ยถาม มันยิ้มกว้างก่อนจะโบกมือลาคนกลุ่มนั้นที่ก็มีแค่คนเดียวที่ดูใจดียิ้มตอบกลับมัน ต่างจากอีกสองคนที่ทำหน้าหงุดหงิดแบบไม่ชอบใจเท่าไหร่

เพื่อนผมเดินข้ามถนนกลับมาก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยทักเพื่อนร่วมชมรมตัวเองที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอ แล้วมันคนนั้นในวันนั้นก็คือ ไอ้บิน ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไร เอมมันก็คงไม่ได้คิด มันยืนคุยกับไอ้บินสักพักก่อนจะโบกมือลาแล้วมองซ้ายดูขวามองหาผม ที่พอเห็นว่ายืนอยู่หน้าร้านขายโตเกียว มันก็เดินตรงเข้ามาทันทีด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ อย่าเสียงดัง “ ผมบอกมันก่อนที่อีกคนจะพูด มันหุบปากก่อนจะเอียงตัวมากระซิบ

“ ชื่อเมด อยู่ม.หก เรียนศิลป์คำนวณเหมือนเราเลย “
 
“ เหรอ “ พยักหน้ารับเพื่อนที่หันไปสนใจขนมโตเกียวที่เพิ่งเสร็จใหม่ๆจากเตาในถุงของไอ้เจที่ยืนคอยอยู่นาน

เอมไม่ได้สนใจผมแล้ว มันหันความสนใจไปเถียงกับเพื่อนอีกคนเพื่อแย่งขนมกิน ผมก็เอาแต่มองคนคนนั้นที่กำลังโดนเพื่อนล้อจนหน้าแดงไปหมด คนตัวขาวที่ทำทีไม่สนใจดึงถุงที่ถืออยู่ในมือขึ้นมาก่อนนมช็อกโกเล็ตที่อยู่ในถุงนั้นจะถูกเจาะแล้วอีกคนจะก้มลงดูดมันเข้าไป ผมยิ้มตอนที่เห็นท่าทางนั้นอยู่นาน ในสมองก็มีแต่คำว่า เมด เต็มไปหมด ‘  คนอะไรวะแค่ชื่อยังน่ารักเลย ‘ 

“ มองไรวะไอ้เชี้ยอาฟ “ ไอ้เจเอ่ยถามผมที่ก็หันไปมองพวกมันแบบยิ้มๆเพราะมีความสุข เอื้อมมือไปหยิบโตเกียวในถุงขึ้นมากินก่อนจะเดินนำออกไป

“ เสือก “

“ เอ้า ไอ้สัดขนมกูมั้ยละ ไอ้เหี้ยยยยยยย “

“ ขี้เหนียวจริงๆเลยยยย “ ก็อย่างที่ไอ้เอมบอกไอ้เจ ขี้เหนียวจริงๆไอ้เชี้ยนี่ แต่ว่าขนมที่ได้กินวันนี้ก็อร่อยดีวะ เหมือนจะอร่อยกว่าทุกครั้ง

“ พรุ่งนี้มากินกันอีกมั้ย กูเลี้ยงเอง “
 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 17 :: up! 27-4-61} #หน้า 9
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 04-05-2018 20:32:32

   พาตัวเองมายืนอยู่หน้าร้านขายขนมโตเกียวเป็นวันที่สามแล้วหลังจากวันนั้น แต่ก็ยังไม่เห็นแม้เงาของคนที่อยากเจอ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าต้องเสียค่าขนมให้เพื่อนสองตัวเป็นข้ออ้างไปวันละหลายสิบบาทอย่างไร้ความหมาย แล้ววันนี้ผมก็รู้สึกว่าตัวเองคงต้องแห้วอีกเหมือนวันก่อนๆ

“ จะไม่ออกมาหน่อยเหรอวะ “ ผมบ่นกับตัวเองอยู่ในใจ อยากเห็นรอยยิ้มนั่นจะตายอยู่แล้ว ทุกวันนี้หลับตาลงก็เห็นแค่หน้าเค้า ไม่รู้จะถูกใจอะไรนักหนา แต่ความจำในสมองก็ไม่ลบออกไปสักที

ถอนหายใจออกมาเซ็งๆตอนที่หันไปมองเพื่อนสองคนที่กำลังยืนคุยกับลุงคนขายอย่างออกรสโดยเฉพาะไอ้เอมที่พูดจอไม่หยุดปาก หันกลับไปมองที่เดิมอีกครั้งด้วยอารมณ์เซ็งๆ แต่แล้วครั้งนี้ ผมก็ต้องเบิกตาขึ้นและยิ้มกว้างออกมาทันทีตอนที่เห็นใครคนที่อยากเจอ

วันนี้ก็ยังถือนมช็อกโกเล็ตขวดนั้นเหมือนเดิม  มือข้างนึงถือขวด อีกข้างก็ก้มหน้าลงเจาะขวดนมแต่ยังไม่ทันจะเอาขึ้นปาก เด็กเหี้ยกลุ่มนึงที่กำลังวิ่งเล่นกันก็ชนมันเข้าอย่างจัง ผมชะงักตอนที่เห็นแต่ก็ทำได้แค่ยืนมองอยู่ตรงนั้น อีกคนไม่ได้ล้มแต่แค่นมมันโดนชนกระเด็นไป ใบหน้างอเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนชนที่ก็ก้มหน้าลงขอโทษมันอยู่หลายครั้งด้วยความตกใจ วันนี้ไม่มีเพื่อนมันมาด้วยถ้ามีคิดว่าคงจัดการด่าไอ้คนพวกนั้นจนสำนึกผิดไม่ทันแน่ๆ

“ ไม่เป็นไร “ ผมจับใจความสำคัญของอีกคนที่พูดได้แค่นั้น มันส่ายหน้าไปมาทั้งๆที่ใบหน้าน่ารักฉายความหงุดหงิดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดแต่อีกคนคงแค่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

เด็กคนที่ชนเดินออกมาส่วนอีกคนก็ทำได้แค่ก้มเก็บขวดนมที่ตกอยู่เดินเอาไปทิ้ง แล้ววินาทีนั้นผมก็คว้ามือไอ้เอมที่กำลังยืนคุยกับคนขายไม่หยุดให้วิ่งออกมาจากร้านขายโตเกียว

“ เดี๋ยวๆ ไปไหนของมึงเชี้ยอาฟ “ ลากมันวิ่งข้ามถนนแบบรีบเร่ง ผมแทบจะไม่ได้ดูรถให้ดีด้วยซ้ำ พุ่งตรงเข้าไปในเซเว่นก่อนจะหยิบนมช็อกโกเล็ตที่มันเหมือนกันกับที่อีกคนทำตกเดินมาจ่ายเงินที่เค้าเตอร์แล้วยัดใส่มือไอ้เอม
“ อะไร ? ให้กูเหรอ “

“ เอาไปให้เค้า “ บอกมันสั้นๆ ตอนที่เดินออกมาจากเซเว่นผมเชิดหน้าไปหาใครบางคนที่กำลังจะเดินออกไปจากบริเวณนั้นด้วยท่าทางที่ยังเซ็งไม่หาย

“ ให้ใคร “ คนโดนสั่งมองซ้ายดูขวา

“ เมด “ บอกเพื่อนตัวเองอีกคนก็ทำตาโตล้อเลียนผมนิดหน่อย แต่ก็พยักหน้ารับเข้าใจ “ ไปเร็ว “

“ กูต้องบอกอะไรเค้าด้วยมั้ย แล้วกูต้องบอกอะไรดี บอกว่า อาฟเตอร์ห้องสี่เพื่อนเราฝากมาให้ “

“ บอกแค่ว่าเพื่อนฝากมาให้ “

“ ไรวะ “ ผลักมันออกไปจากหน้าเซเว่น ก่อนจะถีบส่งท้ายไปอีกที ไอ้เอมวิ่งออกไปส่วนผมก็แอบมองมันมาจากหน้าเซเว่น

“ เธอ “ อีกคนเอ่ยเรียกแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน ไอ้เอมเรียกดังขึ้น “ เมด “ แล้วตอนนั้นเจ้าของชื่อก็หันมา ท่าทางที่ดูตกใจนิดหน่อยแต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มให้ ผมรู้สึกว่าเมดคงจำมันได้ “ จำเอมได้มั้ยที่เมื่อวานมาถามชื่อน่ะ “

“ จำได้ “ เค้าตอบ แล้วนั้นก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเสียงของเค้าชัดขนาดนั้น “ มีอะไรเหรอ “

“ คือเพื่อนเราชอบเมดอะ เพื่อนเราก็เลยฝากมาให้ “  หัวใจของผมเต้นแรงตอนที่เห็นอีกฝ่ายเขินจนหน้าแดงไปหมด เมดยิ้มกว้างก่อนจะเม้มริมฝีปากของตัวเองตอนที่เอื้อมมือมารับนมที่เพื่อนผมยื่นให้ ไอ้เอมมันก็ย้ำ “ กินด้วยนะอย่าทิ้งละ “

“ อื้อ “ พยักหน้ารับแบบว่าง่าย ก่อนจะตั้งคำถามกลับ “ แล้วเพื่อนเอมชื่ออะไรละ “

“ มันไม่ให้บอกอะ เดี๋ยววันไหนมันให้บอก เราจะมาบอกเมดนะ “

“ โอเค ได้ “

“ งั้นเราไปนะ อย่าลืมกินละ เพื่อนเราที่ชอบเมดฝากให้นะ “ ย้ำอีกครั้งนึงก่อนจะวิ่งดี๊ด๊ากลับมาหาผมที่ก็เดินกลับเข้าไปในเซเว่นเพราะกลัวว่าใครคนนั้นจะเดินตามมามองแล้วรู้ว่าเป็นใคร

ผ่อนลมหายใจออกมาโล่งๆ ยืนยิ้มกับชั้นวางของในร้านเหมือนคนบ้าคนนึง คิดถึงใบหน้านั้นที่กำลังยิ้ม แก้มแดงๆที่กำลังเขิน เข้าใจความหมายของคำว่ามีความสุขจนหัวใจมันพองโตก็วันนี้

“ เชี้ยอาฟ กูก็หามึงไปเถอะ ไอ้สัด “ ไอ้เอมเข้ามาหาผมก่อนจะถอนหายใจแล้วยิ้มกว้างออกมา “ กูเอานมไปให้เมดเรียบร้อย มันยิ้มด้วยมึง ยิ้มกว้างน่ารักมากๆ แก้มนี่แดงไปหมด สงสัยจะเขิน กูย้ำด้วยนะว่า เพื่อนกูที่ชอบเค้าฝากมาให้ เค้าถามชื่อมึงด้วย บอกเลยมั้ย บอกเลยมั้ย พี่อาฟเตอร์ห้องสี่ศิลป์คำนวณ “

“ ไม่ต้องบอกหรอกไอ้สัด “

“ ทำไมวะ บอกๆไปเลย “

“ ค่อยบอก “ อยากจะเห็นรอยยิ้มแบบนี้ไปเรื่อยๆก่อน ผมแค่รู้สึกว่าถ้าบางทีเค้ารู้ว่าผมเป็นใคร อาจจะไม่ชอบก็ได้ เพราะงั้นให้ไปเรื่อยๆไปแบบนี้ก่อน แล้วค่อยบอกตอนที่ใกล้เรียนจบแล้วน่าจะดีกว่า
 
“ ก็ตามใจมึง “

“ เออมึง พรุ่งนี้เอานมไปส่งให้กูอีกนะ “

“ จัดไป “ ไอ้เอมดีดนิ้วแล้วชี้หน้าผมก่อนจะพยักหน้ารับ ผมยิ้มออกมาตอนที่นึกถึงใบหน้านั้นอีกครั้ง อยากจะให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆจังเลยว่ะ อยากเห็นรอยยิ้มน่ารักนั่นอีกครั้งแล้ว

นมช็อกโกเล็ตถูกส่งไปให้อีกคนทุกวันหลังเลิกเรียน จนเหมือนว่าวันไหนที่ไอ้เอมมาสาย คนรอรับก็มักเป็นฝ่ายยืนรออยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน ทำทีเป็นชะเง้อหา บ้างก็เดินไปซื้อขนมตรงร้านใกล้ๆแต่ก็พยายามยืนให้ตัวเองเด่นๆเพื่อให้คนส่งนมสังเกตได้ชัดๆ ผมแอบยิ้มกับท่าทางแบบนั้นได้ทุกวันอย่างไม่มีเบื่อตรงอีกฝากหนึ่งของถนน และมันก็เหมือนกับวันนี้ที่อีกคนกำลังเดินวนไปวนมาตรงที่เดิม มือสองข้างกำสายเป้สะพายไหล่ มันเป็นท่าทางน่ารักที่ชวนให้ผมยิ้มเหมือนอย่างเคย

แล้วก็คล้ายกับจะเป็นกิจวัตรของผมไปแล้วเหมือนกัน ที่ทุกวันจะเดินมายืนดูใครอีกคนเดินวนไปวนมาคอยคนส่งนมอยู่ที่อีกฝากนึงของถนน ผมชอบมองแววตาที่ชะเง้อหากับปากแหลมๆที่ทำท่าเซ็งๆเพราะมาคอยอยู่นานแล้วแต่ถึงอย่างงั้นก็ยังมารอทุกวัน

ครืน ครืน

เสียงมือถือที่สั่นอยู่ในกระเป๋าผมเอามันออกมาดูก่อนจะพบว่ามันเป็นโปรแกรมแชทจากเพื่อนสนิทที่ส่งมา เอมส่งข้อความมาให้ผม ‘ ไปรอที่เซเว่นได้เลย ‘

“ เจเดี๋ยวกูมา “ ผมหันบอกอีกคนที่ยืนรอขนมโตเกียวอยู่ ก่อนจะเดินข้ามถนนไปที่เซเว่นฝั่งตรงข้าม ซื้อนมที่แม้แต่พนักงานยังจำได้เธอยิ้มให้ผม ก่อนที่ผมจะส่งต่อให้ไอ้เอมที่เดินเข้ามาพอดี “ เอาไป “

“ โอเค “  นมอยู่ในมือเพื่อนสนิทที่เดินออกไป ส่วนผมก็ออกมายืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิมมองดูมันที่กำลังจะเดินเอานมขวดเดิมไปให้อีกคน แต่วันนี้มันกลับไม่เหมือนทุกวัน

กลุ่มเด็กชมรมบาสสองสามคนเดินข้ามถนนตรงเข้ามาด้วยท่าทีคึกคัก คนที่อยู่ด้านหน้าคือไอ้บินที่กำลังโดนเพื่อนผลักๆดันๆให้เดินออกไปตรงหน้ามันที่อยู่ในท่าทางเขินๆ ไอ้เอมที่ยืนอยู่แถวนั้นก็เอ่ยทักมัน

“ อ้าว พวกมึงจะไปไหนกัน “

“ ยืมไปทำพล๊อบหน่อย “ บินพูดกับเพื่อนผม ก่อนจะคว้าเอานมขวดที่อยู่ในมือไป มันเดินตรงไปที่อีกคนที่ตอนนี้ทำได้แค่ยืนหน้าแดงแล้วมองไอ้บินที่กำลังเดินตรงเข้าไปหา มาถึงตรงนี้เมดคงเข้าใจไปแล้วครึ่งนึงว่า บินเป็นคนฝากนมมาให้มันเพราะไอ้เอมก็เป็นเพื่อนของอีกคน

“ ไอ้บินมันจะไปสารภาพรักกับเด็กผู้ชายคนนั้นเว้ย “ หนึ่งในเพื่อนที่ดันหลังคนที่เอานมไอ้เอมไปบอกพลางชี้ไปที่เมด และตอนที่ได้ยินแบบนั้นอีกฝ่ายก็แค่กำสายกระเป๋าของตัวเองแน่นขึ้น

“ เดี๋ยวๆ ไอ้สัด “ เสียงโวยวายที่ขัดกับเสียงที่กำลังจะพูดห้ามของไอ้เอม ทุกอย่างอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างวุ่นวายพอดู 

ฉากสารภาพรักหวานๆนั่นเริ่มต้นด้วยการที่หนุ่มร่างสูงดีกรีเด็กชมรมบาสยื่นนมขวดนั้นที่ผมซื้อส่งไปให้เจ้าของแววตาเรียวที่อยู่ตรงหน้า เมดเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนจะเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่น แก้มแดงจัดนั่นไม่ได้ทำให้ผมมีความสุขเหมือนเดิมอีก แล้ววินาทีต่อมานมขวดนั้นก็ถูกยื่นไปให้

“ ฉันชอบนาย เป็นแฟนกันมั้ย “ คำพูดสารภาพรักที่ไม่ได้ยืดยาวถูกพูดออกไป แววตาเรียวที่เบิกกว้างขึ้นในตอนที่มันเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย แก้มที่แดงอยู่แล้วก็แดงจัดมากขึ้นไป ก่อนเสียงอ้อมแอ้มจะถามออกไปด้วยความเขิน

“ งั้นนายคือคนที่ฝากนมนี่มากับเอมทุกวันใช่มั้ย “ คำถามที่ไม่คิดว่าอีกคนจะเอ่ยถามออกมา บินชะงักไปครู่นึงในความคิดของมันคงคิดอยู่ว่า ถ้าพูดว่าไม่ใช่คงโดนปฎิเสธ และแน่นอนว่ามันไม่อยากจะเป็นแบบนั้น ด้วยนิสัยไม่อยากจะเสียหน้าของมันทำให้อีกฝ่ายแค่ยกยิ้มก่อนจะตอบออกมาได้หน้าตาเฉย

“ ใช่ ฉันเอง “ พูดแค่นั้นก่อนจะส่งยิ้มกว้างไปให้ มันถามย้ำ “ เป็นแฟนกันนะ “

“ อื้ม  ลองคบกันก็ได้ “ อีกฝ่ายตอบรับแค่นั้นก่อนเสียงโห่ดีใจของเพื่อนในชมรมบาสของคนสารภาพจะร้องดังขึ้นมาด้วยความดีใจ

ผมยืนมองดูคนที่กำลังแก้มแดงจัดกว่าครั้งไหนๆที่ได้รับนมของผม ร่างทั้งร่างของผมมันชาไปหมด หัวใจที่มองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกราวกับถูกบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก ผมไม่รู้จะพูดอะไรทุกอย่างที่เห็นทำให้เจ็บปวดจนแทบจะพูดออกไปเป็นคำไม่ได้

 รอยยิ้มกว้างที่เคยเป็นความสุขของผม กำลังยิ้มออกมาเหมือนทุกครั้ง มันยังคงน่ารักเหมือนเดิม แต่กลับไม่ได้ทำให้ผมมีความสุขเหมือนเดิมอีก

“ อาฟ กูขอโทษ กูห้ามพวกมันไม่ทัน “ เอมเดินหน้าเศร้าเข้ามาหาผม มันคงรู้สึกผิดที่ไม่สามารถห้ามอะไรคนพวกนั้นได้เลย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผมไม่โทษมันหรอก เพราะถ้าจะมีใครสักคนที่ผิด ก็คงเป็นผมที่ทำอะไรเชื่องช้า

“ ไม่ใช่ความผิดของมึงหรอก “ ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง ไอ้เจที่กำลังยืนกินโตเกียวไปด้วยแล้วยืนมองเหตุการณ์สารภาพรักนั่นไปด้วย ผมเอ่ยเรียกมัน “ เจ ไปเถอะ “

“ เมื่อกี้พวกมึงเห็นมั้ย ไอ้บินเพื่อนไอ้เชี้ยเอมมันไปสารภาพรักกับเด็กโรงเรียนตรงกันข้ามด้วย “ อีกคนว่าไอ้เอมก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะตะโกนออกไปด้วยความหงุดหงิด

“ ไอ้เชี้ยบินไม่ใช่เพื่อนกู! “ มันว่าก่อนจะกอดคอผมด้วยแววตาเศร้าๆ เสียงพูดที่เหมือนจะร้องไห้ของมัน “ ไอ้อาฟตังหากเพื่อนกู “

“ อะ เมื่อกี้แฟนไอ้บินหันมามองทางเราด้วย “ เจว่าก่อนจะยืนนิ่งอยู่นาน “ หน้าตาน่ารักดีนี่หว่า ขาวๆ ตี๋ๆ ดี “

“ ไปเถอะมึง “ ผมพูดย้ำพวกมันอีกครั้ง ก่อนที่เราจะเดินออกไปจากตรงนั้น

   ทุกอย่างสำหรับผมมันดูเทาไปหมดในช่วงเวลานั้น ผมที่เงียบไปต่างจากทุกครั้งจนเพื่อนที่นั่งเรียนข้างกันอย่างไอ้เจยังถามด้วยความสงสัยว่าเป็นอะไรรึเปล่า ในสมองมันว่างเปล่า มีแค่คำไม่กี่คำที่ผมถามย้ำตัวเองแต่ก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อวานเป็นเรื่องจริงเหรอวะ ไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย แล้วนี่กำลังเจ็บปวดอยู่แบบนี้ ไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย

   กริ้ง กริ้ง

เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกเรียน ผมดึงตัวเองออกจากภวังค์ของความเศร้าโศกนั่น ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่นั่งในห้องเรียนคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายเตรียมเดินออกไปแบบไม่คอยใคร มันต่างเมื่อหลายวันก่อนที่ผมจะรอเพื่อนสนิทตัวเอง เพราะเรามีนัดไปกินขนมโตเกียวที่หลังโรงเรียน แต่หลังจากวันนี้คงไม่ต้องแล้ว

“ วันนี้ไม่ไปกินโตเกียวเหรอวะ “ เจถาม ผมก็หันไปส่ายหน้าให้มัน

“ กูกลับละ จะรีบไปเล่นเกมส์กับไอ้เดย์มัน “ โกหกเพื่อนไปแค่นั้นอีกฝ่ายก็ไม่คิดจะเซ้าซี้อะไรอีก มันแค่พยักหน้ารับก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผม

“ มีอะไรก็บอกกูได้ “

“ อื้ม “ ยักคิ้วให้มันแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรทั้งนั้น มันเจ็บจนพูดไม่ออกเหมือนโดนต่อยอัดจนจุกแล้วลุกขึ้นไม่ไหว

 ผมเข้าใจถึงความเศร้าที่เจ็บปวดอยู่ในใจได้อย่างดีก็วันนี้ คำพูดที่บอกว่ามันเป็นแผลที่มองไม่เห็น เจ็บปวดยังไงก็ทายาไม่ได้ ได้แต่อดทนมันอยู่แบบนั้น แม้จะอธิบายเป็นคำพูดออกไปไม่ได้ดีนักว่าเป็นยังไง คงต่างกันไปในแต่ละคนที่รู้สึก แต่สำหรับผมในตอนนี้ มันรู้สึกหนัก หนักอยู่ในใจของผม คล้ายกับมีอะไรสักอย่างถ่วงมันไว้จนหน่วงไปหมด

“ เชี้ยอาฟ จะกลับบ้านแล้วเหรอวะ “ เสียงของไอ้เอมที่เอ่ยทักผมตอนที่กำลังเดินผ่านสนามบาส อีกคนที่อยู่ในชุดซ้อมผมพยักหน้ารับ ก่อนจะโกหกไปแบบเดียวกันกับที่ทำกับไอ้เจ

“ จะกลับไปเล่นเกมส์กับไอ้เดย์ “

“ เจอกันพรุ่งนี้มึง “

“ อื้ม “ ขานรับแค่นั้นผมเดินออกมาจากตรงนั้น

ก้าวขาเดินออกมาช้าๆ มันไม่รู้จะเร่งรีบไปเพื่ออะไร มันไม่มีอะไรให้ต้องรีบร้อนอีกแล้ว ไม่มีคนจะมายืนคอยนมช็อกโกเล็ตของผม ไม่มีรอยยิ้มที่อยากเจอ ไม่มีท่าทางดีใจที่ทำให้ผมมีความสุข

เงยหน้าขึ้นมาตอนที่ได้ยินเสียงพูดคุยคุ้นเคยที่ดังเข้ามาใกล้ ราวกับถูกต่อยอัดแรงๆอีกครั้ง ตอนที่เห็นคู่รักที่เพิ่งสารภาพรักกันเมื่อวานนี้เดินเคียงข้างกันมาด้วยรอยยิ้มที่กำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุข มองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่บรรยายออกมาเป็นความเจ็บปวดไม่ถูก

แก้มสีชมพูที่ผมชอบ รอยยิ้มกว้าง เสียงที่กำลังเอื้อยเอ่ยมันถูกมอบให้ใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆเค้าทั้งหมด

ตุบ ตุบ ตุบ

เสียงลูกบาสที่กำลังเดาะลงกับพื้นในโรงยิมได้ยินที่ผมได้ยิน คล้ายกับเสียงหัวใจของผมตอนที่เห็นภาพนั้น หัวใจที่กำลังถูกบีบรัดไว้แน่นจนแทบหายใจไม่ออก  ‘ ถ้าคนที่ยืนข้างเค้าเป็นเรามันก็คงดี ‘

ผมพูดกับตัวเองแบบนั้นตอนที่คนทั้งคู่เดินผ่านตัวผมไปเพราะเราไม่ใช่คนรู้จักกัน ผมไม่ใช่คนซื้อนมขวดนั้นให้เค้า ไม่ได้มีตัวตนเลยในความทรงจำของอีกคน

ก้าวขาเดินออกมาที่ถนนเส้นเดิม ผมไม่ได้ตรงกลับบ้านอย่างที่บอกใครๆ ร้านโตเกียวที่คนก็ยังเยอะเหมือนเดิม ผมหยุดอยู่ที่เดิมมองไปอีกฝั่งถนนที่วันนี้ไม่มีใครคนเดิมมาคอยยืนชะเง้อหาคนส่งนมของผมอีกต่อไปแล้ว มันเป็นแค่พื้นที่ฟุตบาทว่างเปล่าที่ไร้ผู้คน

‘ ถ้าวันนั้นกล้าที่จะหยุดยืนอยู่ตรงนี้ก็คงดี วันทีไอ้เอมไปถามชื่อของอีกคนแล้วผมก็หยุดยืนรอฟังคำตอบอยู่ตรงนี้ ก็คงดี อย่างน้อยถึงอีกคนจะไม่ชอบแต่ก็ยังรู้ว่าเป็นผมที่สนใจมัน ’

ข้ามถนนไปอีกฝั่งนึง ผมเดินเข้าไปในเซเว่นหยิบนมขวดเดิมที่เคยหยิบ เอามาคิดเงินเหมือนเมื่อวานที่ทำ แต่วันนี้ผมแค่ถือมันออกมาแล้วหยุดยืนอยู่ที่ที่เคยแอบมองปฏิกิริยาตอบรับของอีกคนอยู่ทุกวัน แอบมองรอยยิ้ม แอบมองท่าทางเขินๆ

‘ ถ้าวันนั้นให้ไอ้เอมบอกชื่อไปก็คงดี ‘

‘ ถ้าวันนั้น ผมกล้าที่จะเดินออกไปสารภาพว่าชอบต่อหน้าเค้า นั่นคงดี อย่างน้อยบางทีพื้นที่ข้างๆกัน อาจจะไม่ว่างเปล่าแบบนี้’ 

แต่คงพูดได้แค่ว่า ‘ ถ้า ’  ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ย้อนอะไรกลับมาไม่ได้อีก  ‘ เค้าก็แค่ไม่ใช่ของเรา ’ ผมพูดกับตัวเองก่อนจะก้มหน้าลงมองขวดนมที่ถืออยู่ในมือ ได้เวลาบอกลากันแล้ว พรุ่งนี้คงไม่ได้ซื้อให้อีก และก็คงเป็นเช่นนั้นตลอดไป ถอนหายใจออกมาอีกครั้งผมโยนมันลงไปในถังขยะ

ทุกอย่างมันน่าเศร้า

เศร้าอยู่ในความรู้สึกที่ว่า แม้แต่ในความทรงจำของเค้าก็ยังไม่มีผมอยู่
นมทุกขวดของผมกลายเป็นของคนอื่นในความทรงจำของเค้า
ไม่เหลืออะไรสักอย่างเลยที่เป็นของผม แม้แต่ในความทรงจำก็ยังไม่มีตัวตน
.
.
.
“ อาฟ ถามจริง มึงไม่กลัวว่ามันจะเหมือนเดิมอีกเหรอวะ “ ไอ้เจที่นั่งอยู่ข้างๆในผับตอนนี้เอ่ยถามผม “ เมดเข้ามาใกล้มึงขนาดนี้แล้ว จะไม่ทำตามหัวใจตัวเองหน่อยเหรอวะ “

“ ไม่ต้องกลัว “ ผมบอกหันไปยกยิ้มให้อีกคน “ คราวนี้กูจะไม่ปล่อยให้มันหนีไปไหนอีกแล้ว “
...............................................................................
สงสารพี่อาฟ #กัดผ้าเช็ดหน้า
ถามว่าพี่อาฟผิดอะไร คือมันไม่ผิด แล้วถามว่าเมดผิดมั้ย ก็ไม่ผิดอีก นั่นแหละ เหมือนแค่ว่า เส้นที่เราเดินในตอนนั้นมันเป็นเส้นที่ขนานกัน เราเลยมาเจอกันไม่ได้ สงสารพี่อาฟ แม้ขณะนี้ ความทรงจำตอนนั้นเมดยังไม่รู้เลยว่าเป็นพี่ #น้ำตา แต่ไม่เป็นไรนะคะ เมดก็มีความทรงจำของพี่ในตอนนี้ บางทีการที่พี่เจอกับเมดตอนนี้มันอาจจะดีแล้วก็ได้
เศร้าวะ อินมากเลย ตอนแต่งนี่แบบ ร่ำร้องคำว่าพี่อาฟสามสิบครั้งต่อเนื่องด้วยความสงสาร
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
เจอกันอีกครั้งในวันอาทิตย์นี้ค่ะ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-05-2018 20:57:07
รอบนี้เฮียห้ามช้านะ เดี๋ยวโดนคาบไป
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 04-05-2018 21:10:00
นับถือน้ำใจอาฟนะ  คือแบบพระเอกมากจ้า ยอมถอยออกมาทั้งที่ตัวเองเจ็บ  โดนปาดหน้าขนาดนั้นยังทนได้  คราวนี้อย่ายอมนะอาฟสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดตั้งเป็นผล


สงสารเมดนะ  ความประทับใจจนยอมเป็นแฟนกับบินน่าจะเริ่มจากการที่เอมไปถามชื่อ เอมส่งนมให้ คงเข้าใจไปว่าคนที่ตกลงใจคบคงเป็นคนที่หวัง แต่มันดันผิดพลาดไปหมด ถ้ารู้ความจริงคงเจ็บชิปหาย พอคิดถึงจุดนี้ยิ่งรู้สึกว่าอาฟโคตรพระเอกอะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 04-05-2018 21:36:29
อาฟ นายแมนอ่ะ
พี่นมช็อกโกแลตตัวจริง
แล้วเมดจะรู้เรื่องนี้อีกไม่นาน
บินต่างหากที่ฉวยโอกาส

ครั้งนี้อาฟอย่าช้า และอย่าชะล่าใจนะ

อยากอ่านต่ออ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-05-2018 22:21:35
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 04-05-2018 22:35:05
นี่แหละที่ว่าคนเราถ้าเจอสิ่งใดทีถูกใจแล้วให้รีบคว้าไว้มาเก็บกับตัวอย่ารีรอผลัดวันประกันพรุ่งคอยมาเอาก็ได้ไม่หายไปไหนหรอกเพราะคิดแบบนี้ไงถึงพลาดมาเสียใจทำไมไม่คว้าไว้ก่อนอย่าลืมอาจมีคนถูกใจเหมือนกันรอโอกาสสอยแย่งมา ตอนนั่นอาฟพลาดแต่ตอนนี้มีโอกาสรีบคว้าซะพ่อพระเอก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 04-05-2018 22:49:31
 :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 04-05-2018 23:02:46
ครั้งนี้อย่าให้พลาดนะอาฟ  เมดควรรู้เรื่องบินนะจะได้ตัดใจแบบไม่เหลือเยื่อใย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: akashita ที่ 04-05-2018 23:23:12
โอ๊ยย สงสารพี่อาฟจังเลยค่าาาา พี่นมช็อกโกแลตของน้องเมด
ตอนนั้นพี่อาจจะพลาด ตอนนี่พี่อย่ารอนะคะ ลุยค่ะเดี๋ยวเมดหนีไปอีก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-05-2018 23:27:10
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 04-05-2018 23:27:52
สงสารพี่อาฟ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 04-05-2018 23:39:13


 :m15:    :m15:    :m15:   :m15:   :m15:

อาฟ……พ่อพระเอกเอ๊ยยยยย

อย่าท่าเยอะละ. จับให้มั่นยึดให้แน่นนะคราวนี้



 :z10:   :z10:   :z10:   :z10:   :z10:   :z10:

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: t152_rakjai ที่ 04-05-2018 23:49:17
ตอนนี้แบบ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 05-05-2018 00:29:05
โอ้ยพี่อาฟฟฟฟ  :sad4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 05-05-2018 01:05:59
ฮืออ พี่อาฟฟฟฟ
ตอนนี้อาจจะเป็นเวลาที่ใช่มากกว่าก็ได้นะ คนที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-05-2018 01:22:14
คงคิดว่าเมดเป็นของตาย ไม่มีใครมาจีบ สุดท้ายก็มีตาบินคว้าเมดไป รอบนี้เอาให้รวดเร็ว ม้วนเดียวจบเลยนะ  :m12:

ปอลอ  จากเดิมที่ + เป็ด ได้ กลายเป็น + เป็ดแล้วคะแนนไม่ขึ้น  แต่วันนี้  + เป็ด หายยยยยยยย ใครเอา + เป็ด ไป ช่วยเอามาคืนด้วย  :m5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 05-05-2018 01:30:30
โอ๊ยยย สงสารอาฟ
อ่านแล้วหมันไส้บินหนีกกว่าเดิม เพราะได้มาโดยไม่พยายาม เลยไม่รักษา ไม่แคร์สินะ แถมเอาความดีของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง
แต่ก็รู้สึกว่าดีแล้ว ถ้าเมดมารู้ทีหลัง ได้รู้สึกดีกับอาฟมากขึ้น ถ้าคบกันมาตั้งแต่ม.ปลาย อาจมีเรื่องให้เลิกลา มาคบกันตอนนี้ โตกันทั้งคู่ ผ่านอะไรมาเยอะ จะได้ช่วยกันประคับประคองความสัมพันธ์กันไป
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 05-05-2018 08:51:51
อ่านตอนนี้แล้วโอ้โหเลย ไอ้เชี่ยบินสารเลว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 05-05-2018 09:08:09
รอน้องเอมมี่กลับมาบอกความจริงของน้องอาฟเตอร์ให้เมดรู้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-05-2018 09:14:19
บักบินนนนนนนนน โอ้โห  :z6: ไม่ว่าจะก่อนเป็นแฟนหรือหลังเป็นแฟนแล้วก็น่ากระโดดถีบขาคู่ใส่จริงๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 05-05-2018 13:30:49
อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยนะอาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 05-05-2018 14:32:45
สงสารรรรร
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-05-2018 23:17:26
โธ่ พี่อาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-05-2018 10:47:45
บินแม่ง  :m16:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 06-05-2018 11:36:33
สัดพี่ฮาฟรอบนี้ห้ามช้านะ ใครแย้ง :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-05-2018 14:52:18
ตอนนั้นมันยังไม่ถึงเวลาของพี่อาฟน่ะเนอะ อดีตผ่านไปแล้วแต่ตอนนี้พี่อาฟไม่ยอมปล่อยเมดไปแน่เลิกปากหมา เอ้ยปากแข็งซักทีเถอะ ขอคบไปเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 06-05-2018 20:39:40
 
ตอนที่ 19

“ อ้าว พี่เมด “ เงยหน้ามองน้องชายตัวเองที่มายืนอยู่ตรงหน้า ผมหันหลังไปก่อนจะเจอเข้ากับเจ้าของชื่อที่ถูกเอ่ยเรียก เมดชะงักไปนิดหน่อยตอนที่เห็นผมนั่งอยู่ตรงนี้ แล้ววินาทีถัดมานั้นมันก็ก้มหน้าลงตอนที่เผลอสบตากับผมเข้า เผลอยิ้มออกมาตอนที่เห็นว่าแก้มนั่นถ้าอยู่ในที่สว่างสักหน่อยคงได้เห็นแน่ๆว่ากำลังแดงขนาดไหน

“ ทำไมบรรยากาศมันดูชวนให้เปิดเพลงรักขนาดนี้วะ “ ไอ้เจพูดกระซิบกับผม “ มึงไปทำอะไรไอ้เมดมา บอกกูมาเดี๋ยวนี้ “

“ ทำเชี้ยอะไร ก็แค่ง้อ ตามที่พวกมึงสั่ง “

“ ใช้คำว่าง้อด้วย เป็นไรกับเค้าอะ “ มันแซวผมที่ก็แค่ถอนหายใจออกมาก่อนจะยกขวดเบียร์ขึ้นกิน

“ กูก็แค่ถาม “

“ ถามว่า “ ไอ้เจเอียงตัวมาหาผมด้วยความอยากรู้

“ ที่บอกว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว พอจะเป็นกูได้มั้ย “ คนได้ฟังกลั้นยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แววตามีความสุขของมันฉายขึ้นมาอย่างฉับพลันรวมถึงสมองที่สั่งการให้ถามคำถามที่อยากจะรู้นั่นก็ด้วย

“ แล้วมันตอบว่าไง “

“ ก็พอไหวอยู่ “ พยักหน้ารับขึ้นลงตอนที่ได้ฟังคำตอบ

“ มีความเล่นตัวนิดๆ “ อีกคนว่า “ ก็ไม่ได้ปฎิเสธแต่ก็ไม่ได้บอกว่าใช่ “ 

“ น้องเดย์ พี่เมดจะมาถ่ายเหล้าตัวนึงที่ลืมถ่ายไป “ คนข้างหลังผมบอกก่อนจะเดินเข้าไปตรงทางข้างของบาร์ หยิบไอแพตที่ถือมาให้อีกคนดู น้องชายผมก้มลงมองดูก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเดินไปหยิบมาให้
 
“ พี่อาฟค่ะ “ เสียงของสาวคนนึงเอ่ยทักผม ตอนที่หันไปก็พบว่าเป็นเธอคนเดิมที่เคยเข้ามาทักกันแล้วก่อนหน้านี้ แต่ตอนนั้นผมบอกปัดเธอไปเพราะรีบจะออกไปซื้อของมาง้ออีกคน แล้วตอนนี้ก็เหมือนว่าเมดจะเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอเครื่องสื่อสารที่กำลังใช้อยู่มองดูเธอเช่นกัน

“ ครับ “ ขานรับอีกฝ่ายก็สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด สายตาที่กำลังตื่นเต้นมองโดยรวมเธอก็น่ารักดี แต่ถ้าให้พูดอธิบายก็คงเป็นผู้หญิงทั่วไปที่ไม่ได้มีสไตส์ชัดเจน ไม่ใช่สาวปรี้ยวที่มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่คนที่ดูเรียบร้อยที่ดูเคอะเขินกับทุกอย่าง

“ ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยคะ “ ผมเหลือบมองเจ มันที่ยักคิ้วพลางยกไหล่ขึ้นเหมือนจะบอกว่าแล้วแต่เลย มันยังไงก็ได้
“ เชิญครับ “ ผมบอกเธอก็ยิ้มก่อนจะเดินเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ว่างข้างผม

“ ชื่อแพรวนะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก “

“ ครับ “ พยักหน้ารับเธอก่อนจะดึงเบียร์ที่ถืออยู่ขึ้นมากิน

“ แพรวเคยเจอพี่อาฟที่มหาลัยอยู่บ่อยๆเลย แต่เพิ่งเคยมาที่ผับของพี่ครั้งแรก “ เธอว่าพลางมองไปรอบๆ
“ บรรยากาศดีจังเลยนะคะเพลงก็เพราะ เจ้าของก็หล่อ “ หลุดยิ้มออกมาในประโยคสุดท้ายที่เธอพูด แต่ผมไม่ได้ยิ้มเพราะคำพูดของเธอหรอก ยิ้มเพราะคนตรงหน้าที่กำลังยืนถ่ายภาพเหล้าอยู่แต่กลับแบะปากขึ้นน้อยๆตอนที่ได้ยินคำพูดชมนั่น

“ แต่เหมือนมีคนไม่ค่อยเห็นด้วยเลย “ ผมบอกก่อนจะมองคนที่กล่าวถึง เมดถลึงตาใส่ผมเหมือนอยากจะถามว่ามองมันทำไม

“ ใครกันเหรอคะ ไม่มีหรอก พี่อาฟหล่อออกนะ มีแต่สาวๆมองมาทั้งนั้นไม่เชื่อก็ลองมองไปรอบๆสิค่ะ “

“ งั้นเหรอ “ แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เลขาของผมเงยหน้าจากหน้าจอไอแพตในมือขึ้นไปมองรอบตัวอย่างที่เธอคนนั้นบอก มันที่ทำท่าทีไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่เพราะรู้สึกว่ามันก็เป็นอย่างที่เธอพูด เมดหลุดถอนหายใจออกมาเสียงดังก่อนจะหันมาหยุดสายตาสบกับผมพอดี แต่ก็เหมือนทุกที มันที่มองไปทางอื่นในช่วงเวลาแบบนั้นแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรพลางก้มหน้าลงดูหน้าจอที่ถืออยู่ในมือ “ ขอบคุณนะครับ “

เอ่ยตอบสาวที่นั่งข้างกันเธอยิ้มรับ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เมด มันแบะปากนิดหน่อย ท่าทางหงุดหงิดของมันที่เหมือนจะเถียงคำพูดของคนที่ชมผมแทบจะทุกคำที่เอ่ยพูดออกมา ถ้าให้เดาคงจะเป็นคำพูดในเชิงที่ว่า

‘ หล่อตรงไหนไม่เห็นจะหล่อเลย ‘
‘ พูดขอบคุณครับซะเสียงหล่อเลยนะมึง หมั่นไส้ชะมัด ’   

ปากงุบงิบที่บ่นอะไรอยู่คนเดียวของมันเป็นท่าทางที่ทำออกมาแล้วกลับดูน่ารักจนชวนให้ผมแอบยิ้มอยู่แบบนั้นอย่างห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่

“ พี่อาฟมีแฟนรึยังคะ “ คำถามที่ตั้งใจมาถามถูกเอ่ยออกมา ผมหันไปหาเธอที่มองมาด้วยท่าทางยิ้มๆ ก่อนจะเหลือบมองอีกคนที่กำลังมองมาทางเราเพื่อฟังคำตอบ ผมหันกลับมาสบสายตากับเมด เพราะคำตอบนี้ผมอยากจะบอกให้มันได้รู้

“ มีคนที่ชอบอยู่แล้วครับ “

ราวกับว่าทุกอย่างตอนนั้นเงียบงันลงไปในช่วงขณะหนึ่ง ทั้งๆที่ความเป็นจริงทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม เสียงเพลงยังคงดังเหมือนเดิมแม้แต่เสียงสนทนาของผู้คนก็ยังคงเป็นแบบนั้นแต่ทว่าในความรู้สึกของผมทุกอย่างมันกลับเงียบไป อาจเพราะตอนนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจไปมากกว่าคนตรงหน้านี้อีกแล้ว สายตาของผมเหมือนหยุดอยู่ตรงนั้น ตรงที่สายตาเรียวคู่นั้น ผมจ้องมันอยู่นานจนอีกฝ่ายต้องเป็นคนที่หลบสายตาไปก่อน

เมดก้มหน้าลงมันที่เม้มริมฝีปากตัวเองแน่น แก้มแดงๆที่เมื่อก่อนผมเคยเอาแต่แอบมองแต่วันนี้มันกลับมายืนอยู่ตรงหน้าผม ในมุมมองที่ชัดที่สุดและที่สำคัญ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะผม
 
ท่าทางเขินอายที่ปรับเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย อีกคนคงรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรแสดงความรู้สึกอะไรให้ผมเห็นและไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่ผมรู้ว่ามันรู้ว่าคำพูดเมื่อครู่ที่ผมพูด ผมหมายถึงมัน

 “ จะถ่ายภาพเหล้าขวดนี้อีกสักกี่ร้อยภาพเหรอครับคุณเลขา “ เอ่ยถามมันที่ยังคงทำทีเป็นยกไอแพตขึ้นถ่ายภาพขวดเหล้าใบเดิมอยู่แบบนั้นตั้งแต่เข้ามายืนอยู่ในโซนบาร์ จนผู้หญิงคนที่นั่งข้างๆผมเข้ามานั่ง ถามคำถาม และแม้แต่ตอนนี้มันก็ยังถ่ายอยู่ ถ่ายไปเรื่อยๆแบบนั้นอย่างไม่รู้จะเอาวิธีไหนมาหลบความเขินอายที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

“ ก็.. เมื่อกี้มันถ่ายไม่สวย “ อีกคนว่าแบบนั้นก่อนจะปิดหน้าจอไอแพต เมดเงยหน้าขึ้นมามองผมมันที่เหมือนจะเถียงอะไรต่อแต่ก็หยุดไว้แค่นั้น สายตาที่ถูกเบนออกไปมองอย่างอื่นกะทันหันเพราะอยู่ๆคงเกิดเขินขึ้นมา

 “ แล้วตอนนี้สวยรึยัง “

“ สวยแล้ว “ มันบอกก่อนจะยื่นเหล้าคืนให้น้องชายของผมที่ก็ยืนยิ้มล้อมันอยู่ “ ขอบคุณนะน้องเดย์ “

“ ด้วยความยินดีครับ ว่าที่พี่สะใภ้ “

“ พูดอะไรแบบนั้นเล่า “ ชะงักอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยพูดออกไปเสียงไม่เบานัก มันเหลือบมองผมนิดหน่อยเหมือนจะหันมาดูว่าได้คำพูดไร้สาระที่ชวนให้มันเขินแบบสุดๆนั่นมั้ย ก่อนจะหันไปเถียงแบบไม่เป็นคำ “ ไม่ ไม่ต้องมาแกล้งเลย “

   ร่างเพรียวหันหลังเดินออกไปจากส่วนบาร์ ผมหันมองตามอีกคนไปไหล่ที่ค่อนข้างตกแต่ก็ไม่ได้ดูเสียบุคลิคแต่อย่างใด ถ้ามองในมุมมองของผู้ชายด้วยกัน มันก็จัดเป็นผู้ชายหล่อเหลาที่อาจจะเป็นสเป็คของผู้หญิงหลายๆคน แต่มันก็คงแล้วแต่มุมมอง เพราะในมุมมองของผมมันไม่ได้หล่ออะไร ออกจะไปทางน่ารักซะมากกว่า

“ ขอโทษนะครับ “ เสียงที่เอ่ยเรียกอีกคนทำให้คนที่กำลังเดินขึ้นไปบนชั้นสามหันไปมอง เมดก้มหน้าลงยิ้มให้อีกฝ่ายที่พอดูดีๆมันก็คือผู้ชายคนเดิมที่เคยนั่งอยู่ที่บาร์และขอเบอร์อีกคนออกไปด้วยความสนใจ

“ ครับ “ อีกฝ่ายตอบออกไปตามมารยาท

“ ผมยังไม่ได้คำตอบของคำถามที่ถามคุณเลย “

เหตุการณ์ที่ผมมองดูคล้ายกับหลายปีก่อนไม่มีผิด ผมที่ได้แค่ยืนมองดูโดยไม่ทำอะไรเลยสักอย่างในวันนั้นแล้วสุดท้ายคนตรงหน้าก็หายไปจากการมองเห็นในที่สุด ไม่เหลืออะไรไว้เลยสักอย่างที่เคยเป็นของผม แม้แต่ความทรงจำ

“ อาฟ “ เสียงของเจที่เอ่ยเรียกผมแต่ในความรู้สึกตอนนั้นมันกลับคล้ายกับเสียงของไอ้เอมที่เคยเรียกผมในวันนั้น ขาของผมดึงตัวเองให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยไม่ได้ตอบอะไรคนที่เอ่ยเรียกสักอย่าง ไม่ได้สนใจผู้หญิงที่เข้ามานั่งข้างกัน แม้แต่ผู้คนรอบข้างผมก็ไม่ได้สนใจ ผมแค่เดินตรงไปหาคนคนนั้น คนที่หลายปีก่อนผมไม่กล้าแม้จะเดินเข้าไปหา

“ ผมสนใจคุณ ถ้าคุณยังไม่มีแฟน ขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ติดต่อกันได้มั้ยครับ ไม่ก็ ไอดีไลน์ก็ได้ “ เสียงของผู้ชายคนนั้นพูดกับอีกคนตอนที่ผมเดินเข้าไปถึงพอดี ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนั้นทำหน้ายังไง จะรู้สึกหงุดหงิดใจแค่ไหนที่โดนผมขวางทางไว้อีกแล้ว คงเพราะสายตาของผมไม่ได้มองใครเลยนอกจากคนที่ต้องตอบคำถาม เมดหันมามองผมที่เอื้อมมือไปจับมือมันไว้และกุมไว้แน่น

“ อย่าตอบ “

มันเป็นคำเดียวกันกับวันนั้นที่ผมอยากพูด อย่าตอบ อย่าตอบตกลงกับเค้าได้มั้ย ย้อนเวลากลับไปได้มั้ย ห้านาทีก่อนหน้านี้ถ้าทำได้จะวิ่งเข้าไปหา จะซื้อนมที่เคยฝากเพื่อนไปให้ทุกวัน เอาไปให้ด้วยตัวเอง แล้วบอกคำพูดที่อยากจะบอกมาตลอดหลายอาทิตย์ที่ได้แต่เฝ้ามองจากอีกฝากนึงของถนน ‘ ชอบมากเลยว่ะ เป็นแฟนกันมั้ย ‘

“ อาฟ เอ่อ..” อีกคนมองผมสลับกับอีกฝ่าย มันที่ดูท่าทางลังเล เมดไม่ได้คิดอะไรกับอีกฝ่ายตัวผมรู้ดีแต่คงคิดแค่ว่า มันคงจะเสียมารยาทกับคนที่มาใช้บริการที่ผับถ้าไม่ตอบอะไรออกไปสักอย่าง แต่ผมก็อยากจะบอกมันเหมือนกันว่า ผมไม่ได้สนใจ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ผมสนใจอีกแล้ว

“ ไม่อยากให้ตอบ “ เมดหันมามองผม ในแววตาที่มีคำขอร้องมากมายผมไม่รู้ว่ามันส่งไปถึงอีกคนรึเปล่า แต่วินาทีต่อมามือที่ผมจับอยู่นั้นก็ผ่อนลง ไม่มีคำตอบอะไรหลุดออกมาจากปากของอีกคน

ผมกระชับมือที่กุมอยู่ให้แน่นขึ้น ดึงให้เดินออกจากตรงนั้น ผ่านหน้าผู้ชายคนที่ตั้งคำถามไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เหมือนกับหลายสายตาที่มองมาทางเรา ผมไม่ได้หันไปสนใจอะไรแค่เดินตรงไปที่ทางขึ้นของผับชั้นสามก็เท่านั้น

ภายในห้องที่เงียบเชียบจนได้ยินแม้แต่เสียงเครื่องปรับอากาศ เรายืนนิ่งอยู่ในห้องนั้นเมดก้มลงมองมือตัวเองที่ผมกุมอยู่ก่อนจะเหลือบมองผมเหมือนจะบอกใบ้ว่าให้ปล่อยลงได้แล้ว ผมทำทีเป็นไม่สนใจยืนจับมันอยู่แบบนั้นจนคนข้างถอนหายใจออกยิ้มๆ

“ อาฟ “ พูดแค่นั้นผมก็ปล่อยมือของอีกคนลง เราที่ต่างฝ่ายก็ได้แต่หันไปคนละทาง ราวกับต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าอีกคนอยากจะสื่ออะไรออกมา ผมกลืนน้ำลายลงไปในคอระงับความตื่นเต้นของตัวเองก่อนจะหันมองอีกคนที่ก็หันมามองเหมือนกัน

“ ออกไปคุยกันหน่อยมั้ย “ เชิดหน้าไปที่ระเบียงด้านหลังห้อง เมดที่หันไปมองมันพิจารณาอยู่นานเหมือนพยายามหาสถานที่ที่ผมชวนมันไปคุยแต่เพราะมองไปก็เห็นแค่เตียงขาวเลยทำให้อีกฝ่ายแค่ขมวดคิ้วแล้วเหล่มองแบบไม่ไว้ใจกัน

 ตัดสินใจเดินนำออกไป ผมเดินผ่านส่วนของเตียงออกไปเปิดม่านสีทึบนั่นออก เปิดประตูกระจกที่เห็นวิวของระเบียงที่เห็นบรรยากาศข้างนอก ผมหันไปมองอีกคนที่พอรู้ว่ามันไม่มีแค่เตียงก็ตัดสินใจเดินตามเข้ามา

   ร่างที่หยุดยืนอยู่ข้างๆ สองมือที่เอื้อมเกาะราวระเบียงกว้างที่เรายืน  เมดมองไปยังบรรยากาศรอบๆ ด้วยสีหน้าแปลกใจไม่น้อยคงเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้เห็นอะไรแบบนี้ผ่านห้องนี้ที่ปิดทึบมาตลอด

ตึกของผับเป็นตึกที่สูงกว่าตึกที่อยู่ในละแวกเดียวกันเลยทำให้เห็นบรรยากาศโดยรอบได้ชัด แสงไฟของบ้านเรือนและอาคารที่อยู่ไกลออกไป มีเสียงดนตรีจากด้านล่างดังคลออยู่ไม่ขาดช่วง เพลงที่ไม่ใช่เพลงรัก เลยไม่ได้ส่งเสริมให้เป็นบรรยากาศที่โรแมนติกอะไรทั้งนั้น ออกจะเสียงดังไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผม

 “ กูไม่คิดว่ามันจะมีระเบียง ตอนแรกคิดว่ามันจะติดกับบ้านคน “

“ มึงไม่รู้เหรอไง ผับเค้าไม่ให้สร้างใกล้ที่อยู่อาศัย “ ผมบอกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะตั้งคำถามกับผมแต่กลับไม่มองหน้ากันเลยสักนิด

“ แล้วมึงจะคุยอะไรกับกูวะ “ เมดมองตรงไปข้างหน้าส่วนมือก็กำระเบียงไว้แน่น ท่าทางที่ดูตื่นเต้นของมัน คงกำลังคิดจินตนาการถึงคำพูดหวานๆ ไม่ก็คำสารภาพรักอะไรสักอย่างที่คงแล้วดูน่าประทับใจ

“ ไม่มีหรอก “

“ อ้าว “ หันมามองกันด้วยท่าทางไม่เข้าใจที่ติดจะเซ็งอยู่หน่อยๆ คิ้วที่ขมวดเข้าหากันของมัน มือนั่นก็คลายออกราวกับว่าหมดกันสิ่งที่กำลังลุ้นอยู่ ผมหลุดยกยิ้มออกมากับท่าทางนั้นก่อนจะหันหลังพิงตัวเองเข้ากับระเบียงสูงแล้วมองหน้าอีกคน

“ มึงคิดว่ากูจะพูดอะไรละ “

“ กูจะไปรู้มึงเหรอไง “ ทำเป็นไม่ใส่ใจ เหมือนไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น อย่างที่ชอบทำเวลาผมจับได้

“ มึงชื่อจริงชื่ออะไรวะ “

“ กู ? “ มันเอามือชี้เข้าหาตัวเอง “ ถามทำไม อย่าบอกนะว่าเรียกกูมาถามแค่นี้ “

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 18 :: up! 4-5-61} #หน้า 10
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 06-05-2018 20:41:59


“ ถามก็ตอบเปล่า “

“ ชื่อ มิณทร์ “ หันไปมองหน้ามันพลางขมวดคิ้ว เมดก็ยิ้ม “ มอม้าสระอิ นอเณร ทอทะหาร รอเรือ การันต์ อ่านว่า มิณทร์ “

“ แล้วทำไมไม่ชื่อเล่นชื่อ มินไปเลย จะมาชื่อเมดทำไมวะ “

“ ฮ่าๆ คิดไว้แล้วว่าต้องถาม “ อีกคนหัวเราะ “ ใครๆก็ถามกูแบบนี้ ถามตั้งแต่กูเด็กจนกูโตเลย “

“ แล้วคำตอบคือ “

“ พ่อกูอยากจะให้กูชื่อมิณทร์ ทั้งชื่อจริงแล้วชื่อเล่นเลย จะได้เท่ๆ แต่แม่อยากจะให้ชื่อเมด ที่เขียนว่า made เหมือนพวกของที่เขียนว่า made in  อะไรแบบนั้น อารมณ์กูที่ทำมาจากความรักของพ่อแม่ แบบนั้น “

“ อย่างงั้น “ ยิ้มพลางพยักหน้ารับคำอธิบายของอีกคน

“ สุดท้ายพอเถียงกันไปเถียงกันมา ก็เลยสรุปว่า ก็ใช้ชื่อ มิณทร์ของพ่อเป็นชื่อจริง ชื่อ เมดของแม่เป็นชื่อเล่น ไอดีไลน์กูก็เลยเป็นคำว่า minmade ไง ทั้งพ่อทั้งแม่จะได้ไม่น้อยใจ กูก็ใช้มันทั้งคู่เลย “ อีกคนว่ายิ้มๆเหมือนอวดความหมายของชื่อตัวเอง แค่ดูก็รู้ว่ามันคงรู้สึกว่าชื่อตัวเองก็ดูเท่ห์ไม่เบา “ แล้วมึงอะ “

“ อารยะ “ ผมบอก “ ที่แปลว่า คนที่น่านับถือ “

“ แล้วทำไมถึงชื่อ อาฟอะ กูเห็นมึงเขียนชื่อไลน์ว่า อาฟเตอร์ คือจริงๆชื่ออาฟเตอร์ถูกมั้ย “

“ อื้ม “ พยักหน้ารับมันอีกคนก็ถามด้วยความสนใจ

“ แล้วทำไมถึงชื่ออาฟเตอร์อะ “

“ พ่อกูชอบคำว่า afterday เค้าให้ความหมายคำนี้ด้วยตัวเองว่า หลังจากนี้เราจะไม่มีพรุ่งนี้ถ้าเรายังไม่มีวันนี้ เหมือนคำ afterday ที่ถ้า day ไม่มีคำว่า after มันก็จะกลายเป็นแค่วันนี้ที่ไม่มีพรุ่งนี้  และ after ก็เหมือนกัน มันเป็นคำที่ต้องเติม day เข้าไป เพื่อให้ตัวเองได้เป็นความหมายของวันพรุ่งนี้ “ ผมเว้นเสียงไป สีหน้าเบื่อหน่ายที่ต้องถอนหายใจออกมาตอนอธิบายความหมายสุดเลี่ยนนั่น “ เหมือนพี่น้องที่ต้องรักกันตลอดไป ขาดใครไปก็ไม่ได้ เพราะเป็นความหมายของกันและกัน “

“ โคตรรรรรรร ลึกซึ้ง “ อีกคนว่าอึ้งๆ “ ไม่คิดเลยว่าชื่อมึงกับน้องเดย์จะมีความหมายขนาดนี้ แบบนี้แสดงว่าพ่อแม่ก็ตั้งใจจะมีลูกสองคนอยู่แล้วอะดิ “

“ อื้ม “ พยักหน้ารับคำตอบของอีกคน “ เห็นบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาว ยังไงน้องกูก็ต้องชื่อเดย์ “

“ เพราะจะได้เป็น afterday สินะ “ เมดว่ายิ้มๆ “ พ่อมึงท่าทางจะเป็นคนโรแมนติกนะ “

“ ทำไมคิดงั้น “ หลุดยิ้มนึกถึงพ่อตัวเองในตอนที่เมดถาม ผมไม่คิดว่าเค้าจะเป็นแบบนั้นเลย หรืออาจจะเป็นอยู่ลึกๆ แต่ผมไม่รู้

“ ก็คนที่ตั้งชื่อได้ออกมามีความหมายขนาดนั้น มันต้องใช้ความลึกซึ้งมากๆเลยไง คือชื่อมึงสองคนพี่น้องมันไม่ได้มีความหมายแค่ว่า หลังจากวันนี้เท่านั้นไง มันมีความหมายที่เค้าคิดให้มันลึกซึ้งกว่าสิ่งที่มันเป็น “

“ ไม่รู้สิ คงงั้นมั้ง “ ยกไหล่ไม่สนใจ ผมหันไปถามมันบ้าง “ แล้วน้องมึงละ น้องมึงชื่ออะไร “

“ ชื่อวิว “ อีกคนบอกก่อนจะยิ้มจางๆ เมดยกมือขึ้นลูบให้ผม จัดทรงผมตอนที่ลมพัดเข้ามา “ แต่วิวไม่ใช่น้องแท้ๆของกูหรอกนะ กูเป็นลูกคนเดียว พ่อกูแต่งงานใหม่น่ะ กับแม่หม้ายลูกติด วิวก็เลยต้องมาเป็นน้องกู “

“ ไม่มีดราม่าครอบครัวใช่มั้ย “ ก้มลงถามมันยิ้มๆ ตอนที่เห็นอีกคนเงียบไป มันยกมือโบกไหวๆแล้วยิ้มกว้างขึ้น
“ ไม่มีเลย ครอบครัวกูอบอุ่นมากๆ มากกว่าบางครอบครัวที่เค้ามีกันครบๆอีก “

“ ก็ดีแล้ว “ ผมดีใจที่ได้ยินอย่างงั้น แต่ก็ยังมีเรื่องที่อยากจะรู้อยู่ เมดมองตาผมมันยิ้มเหมือนรู้อยู่แล้วว่าผมอยากจะรู้อะไร

“ แม่แท้ๆกูเสียแล้วน่ะ เสียตั้งแต่กูสามขวบได้มั้ง แล้วพอกูสักหกขวบพ่อกูก็แต่งงานใหม่กับแม่ของวิว ตอนนั้นวิวมันก็แค่สามสี่ขวบเอง เลยกลายเป็นว่าเราสนิทกันมากเพราะต่างคนต่างก็ไม่มีเพื่อนเล่น สนิทกันเหมือนพี่น้องแท้ๆเลยนะ “

“ อื้ม “ ผมพยักหน้ารับรอยยิ้มของอีกคนที่เล่าเรื่องครอบครัวตัวเองให้ผมฟัง

“ สมัยเด็กๆตอนตรุษจีนเด็กบางคนจะต้องให้ซองอั่งเปาใช่มั้ย แต่เพราะบ้านกูไม่ใช่ลูกคนจีน “

“ เอาจริงดิ “ ผมขัดมัน คือถ้าดูจากหน้าก็คิดว่าน่าจะลูกคนจีนไง เหมือนพื้นเพอยู่เยาวราชอะไรทำนองนั้น
“ มึงจะบอกว่ากูไม่มีตาใช่มั้ยไอ้สัด “ ถามแบบหาเรื่องผมก็หลุดขำ

“ ขี้ยั๊วะซะจริง  แล้วยังไงต่อ “

“ ก็บ้านกูไม่มีตรุษจีน ก็เลยไม่มีอั่งเปาให้เด็กๆ วิวมันก็อยากได้มากเลยนะอยากเหมือนเพื่อน กูเลยมีหน้าที่ใส่อั่งเอาให้มันทุกปีเลย “

“ ใส่ให้เท่าไหร่ “

“ 20 บาท “ ชู้สองนิ้วประกอบคำตอบของตัวเองด้วยท่าทางภูมิใจ  ผมที่กลั้นยิ้มไว้ เหมือนจะไม่ค่อยไหวเลย.. มึงน่ารักเกินแล้วรึเปล่าวะเมด

“ ตั้ง 20 บาท “ ผมแซว

“ เยอะแล้วนะสัด สมัยก่อนกูมีตังค์ที่ไหนละ “

“ สมัยนี้ก็ยังติดหนี้กูอยู่ “

“ เออนั่นแหละ “ มันว่าติดงอนๆ แต่ก็ยังเล่าต่อ “ แล้วก็นะตอนเด็กๆ กูกับวิวจะมีของทุกอย่างเหมือนกันหมดเลย จานแบบเดียวกัน ช้อนแบบเดียวกันขนาดเวลาไปซื้อของปั่นของข้างนอก ยังบอกให้พี่คนขายใส่หลอดสีเดียวกันเลย “ พยักหน้ารับยิ้มๆ “ แล้วมึงอะ มีความทรงจำอะไรกับน้องเดย์บ้าง “

“ ไม่มี “ ผมตอบสั้นๆ “ กูไม่มีความทรงจำอะไรดีๆ กับไอ้เหี้ยนั่นทั้งนั้น “

“ ตอแหละ น้องเดย์ออกจะน่ารัก “

“ คงกับแค่มึง กับสาวๆที่มันจะเอาด้วย “

“ ก็ว่าน้อง “ เมดขมวดคิ้วเหมือนดุผมผ่านสีหน้าของมัน

“ กูกับเดย์เหรอวะ “ ผมทำท่าคิด “ เดย์มันเป็นลูกรักของแม่กู มันเป็นเด็กขี้อ้อน ช่างพูด ไม่เหมือนกูที่ออกจะเงียบไปหน่อย แม่รักไอ้เดย์มาก เมื่อก่อนไอ้เชี้ยนั่นทำเหี้ยอะไรก็ไม่เคยผิด กูผิดตลอด จำได้ว่าเคยจับมันนั่งจักรยานตอนนั้นมันเพิ่งสามขวบมั้ง กูก็ห้าขวบ ตอนปั่นๆอยู่ไอ้สัดเสือกยกมือขึ้นดีใจแฮปปี้ได้นั่งท้ายจักรยานกู ทั้งๆที่กูบอกให้จับเสื้อกูดีๆ สุดท้ายแม่งล้มกลิ้ง แม่ตีกูตั้งหลายทีเพราะมันเสือกหัวแตก “

“ ฮ่าๆ “  อีกคนหลุดหัวเราะ “ โคตรสมเป็นพวกมึงเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ “

“ ยังมีอีกนะ เมื่อก่อนแม่งมองกูเป็นฮีโร่ ซ่อมเหี้ยอะไรก็ได้ เล่นเกมส์โคตรเก่ง แถมยังใจดียกของเล่นให้มันประจำทั้งๆที่มันไม่รู้หรอกว่าแม่บังคับกูทั้งนั้น ไม่ได้อยากให้เลยสัด แม่ชอบบอกอาฟให้น้องเล่นด้วยสิ สุดท้ายของเล่นกูพังที่มือมันทุกทีไอ้สัด “ ผมยกยิ้มตอนที่คิดถึงช่วงเวลานั้น “ ไอ้เดย์ตอนนั้น ชอบพูดว่า พี่อาฟสุดยอด พี่อาฟของน้องเดย์เจ๋งที่สุด “

“ ตอนนี้อะ “

“ กูก็เป็นไอ้สัดพี่ของมันไง “

“ ฮ่าๆ “ เมดหัวเราะออกมาเสียงดัง “ กูว่ามึงสองคนเป็นพี่น้องที่รักกันจะตาย แค่เพราะมึงทั้งคู่ไม่ใช่คนหวานไง เลยไมได้แสดงออกอะไรกันเหมือนตอนเด็กๆ “

“ คงงั้น “ ผมคิดอย่างที่อีกคนบอกอยู่เหมือนกัน ทุกวันนี้ไม่มีผมใช้อะไรก็มีแค่ไอ้เดย์คนเดียวที่สั่งแล้วไว้ใจได้ที่สุด เป็นคำสั่งที่ไม่ว่าจะสั่งอะไรไปจะได้ออกมาตามสเป็กที่คิดทุกอย่าง เหมือนมันรู้อยู่แล้วว่าผมชอบอะไรแล้วทำออกมาให้เป็นแบบไหนจะถูกใจสัดพี่ของมันอย่างผมที่สุด   “ แล้วพ่อมึงทำอาชีพอะไร “

“ รับราชการเป็นคุณครู ตอนนี้เป็นผ.อ แต่ก็ใกล้เกษียณแล้วละ แม่เล็กก็ด้วย “ มันบอกก่อนจะอธิบายเพิ่ม “ กูเรียกแม่ของวิวว่าแม่เล็ก เพราะกูเรียกแม่แท้ๆกูว่า แม่ใหญ่ ฮ่าๆ “ เมดหัวเราะ “ แล้วมึงละ พ่อแม่มึงทำอะไร “

“ พ่อเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหา ส่วนแม่ก็ทำบัญชีให้พ่ออีกที “ หลุดยิ้มออกมาตอนที่พูดถึงคุณนายของบ้านตัวเองที่วันๆนอกจากจะส่งอรุณสวัสดิ์ตอนเช้ามาให้ผมด้วยรูปดอกไม้สีสวยๆ ที่เหลือก็ไม่พ้นนั่งทำบัญชี ดูทีวีแล้วก็ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง เหงามากหน่อยก็โทรตามให้ผมกับไอ้เดย์กลับไปบ้าน

“ แล้วพ่อมึงทำธุรกิจอสังหาแบบไหนวะ “

“ มีคอนโด  บ้าน ที่ดิน แล้วก็ตึกทั้งแบบให้เช่าแล้วก็ขาย อะไรทำนองนั้น “ พยักหน้ารับเข้าใจ ผมก็ถามต่อ “ แล้วมึงเรียนคณะอะไร “

“ บัญชีไง “ เมดตอบยิ้มๆ “ มึงถามเหมือนไม่รู้ ก็ไปส่งกูอยู่ทุกวันไอ้บ้า “

“ แล้วเกิดวันที่เท่าไหร่ “

“ วันที่เก้า เดือนสิงหา มึงอะ “ อีกคนว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมา

“ เดือนสิงหา วันที่ยี่สิบห้า “

“ เอาจริงดิ เราเกิดเดือนเดียวกันเลย “ รอยยิ้มกว้างที่ยิ้มให้ผมมันดูตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยที่ได้ยินแบบนั้น เมดก้มหน้าลงกับหน้าจอมือถือมันกดยุกยิกอยู่นาน

“ ทำอะไร “

“ บันทึกไว้ไงว่ามึงเกิดวันที่เท่าไหร่ จะได้อวยพรวันเกิดแล้วก็ซื้อของขวัญให้ถูกวัน “

“ พูดไว้แล้วนะว่าจะซื้อให้ “ ผมย้ำ มันก็มองหน้าเหมือนจะล้อ

“ มึงเป็นคนประเภทอยากได้ของขวัญเหรอวะ “

“ เปล่า “ ผมตอบไปตามความจริง “ กูอยากได้จากบางคนที่คิดว่าเค้าสำคัญเท่านั้น “

“ งั้นเหรอ “ ยกยิ้มให้คนแก้มแดงที่ทำทีเป็นหันไปมองทางอื่น ผมย้ำ

“ มึงซื้อให้ด้วยนะ “

“ รู้แล้วน่า ให้มันถึงก่อนเถอะ มึงเองก็อย่าลืมวันเกิดกูก็แล้วกัน “

“ เป็นคนอยากได้ของขวัญเหมือนกันเหรอไง “

“ เปล่า “ เมดส่ายหน้าไปมา ตอนนั้นมันสบตาผม “ เหตุผลเดียวกับมึงอะ “

“ ร้าย “ ผมบอกอีกคนตอนที่ตัวเองยิ้มกว้างออกมา ส่วนอีกฝ่ายที่กลั้นยิ้มอยู่นั้นเมดยักคิ้วให้ผมที่ก็คิดอยู่ในใจ ‘ ฝากไว้ก่อนเถอะมึง‘

คำถามที่ขาดช่วงลงทุกอย่างมันเงียบไปสักพัก แต่กลับไม่ใช่ความเงียบที่น่าอึดอัดอะไร ในสมองของผมที่กำลังคิดถึงคำถามในตัวอีกคน มันมีหลายอย่างที่ผมยังอยากรู้ แต่ไม่รู้ว่าจะเรียงลำดับคำถามไหนขึ้นมาก่อนจนอีกฝ่ายที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้นมา

“ แล้วมึงมีเพื่อนสนิทกี่คน “

“ สอง “ ผมตอบ “ ไอ้เจคนนึง รู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล “

“ นานขนาดนั้นเลย “ อีกคนว่าอึ้งๆก่อนจะคิดตาม “ แต่ก็ไม่แปลก เจก็ดูรู้ใจมึงทุกอย่างจริงๆนั่นแหละ แล้วอีกคนอะ “

“ อีกคน.. “ อยากจะตอบออกไปว่าไอ้เอมแต่ถ้าบอก อีกคนก็ต้องรู้แน่นอนสำหรับเรื่องราวในอดีตของผมที่ไม่อยากจะให้มันรู้ “ ไว้เจอหน้าแล้วจะแนะนำให้รู้จักทีเดียว “

“ อื้ม “ ยกคิ้วขึ้นเหมือนสงสัยว่าทำไมไม่บอกกันเลยแต่อีกคนก็หยุดความสงสัยนั่นไว้ เมดพยักหน้ารับ

“ แล้วมึง ? “

“ ก็จิงกับยีนส์นั่นแหละ “ อีกคนว่ายิ้มๆ “ แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้วละ ตอนนี้กูมีวิวเป็นเพื่อน ก็เป็นทั้งน้องทั้งเพื่อนเลย มีมึงด้วยนะ “

“ ถามกูยังว่าอยากจะเป็นเพื่อนกับมึงรึเปล่า “ ผมถามอีกคนก็แบะปากใส่ มันหันไปอีกทางก่อนถามเรื่องที่ตัวเองเหมือนคิดขึ้นมาได้ว่าอยากรู้อยู่มาก

 “ แล้วรักครั้งแรกของมึงเป็นยังไงเหรอ “

“ รักครั้งแรก “ หันไปขมวดคิ้วกับคำถามของมัน ผมก็นึก

“ อะไรคือความหมายของรักครั้งแรกวะ “

“ ก็..” อีกคนนิ่งไปเพื่อคิดคำอธิบาย “ มันคงประมานว่า เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกดีกับใครอีกคนแบบพิเศษละมั้ง “

“ มึงมองว่ารักครั้งแรกเป็นแบบนั้นเหรอ “

“ แล้วมึงมองว่าเป็นยังไง “ อีกคนถามผมก็หันไปมองหน้ามัน มันมีคำตอบที่ผมอยากจะตอบออกไปอยู่ ตอนที่ได้แต่จ้องมองสายตาเรียวคู่นั้น ‘ กูมองว่ารักครั้งแรกของกูคือมึง คนที่ทำให้กูรู้สึกมีความสุขยิ่งกว่าใครตอนที่ได้เจอเป็นครั้งแรก และเช่นกันมึงคือคนที่ทำให้กูเจ็บปวดยิ่งกว่าใครเป็นครั้งแรก ’

“ มองว่ามันคือ ใครสักคนที่ทำให้เรารู้จักความรัก ที่เป็นทั้งความสุขแล้วก็ความเจ็บปวด นั่นแหละรักครั้งแรก “

“ มึงพูดเหมือนรักครั้งแรกของมึง มึงโดนหักอกอย่างงั้นอะ “

“ คงทำนองนั้น แต่ก็ไม่ถึงขนาดนั้นทีเดียว “ ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าจะเรียกได้แบบนั้น อาการอกหักเกิดจากการคบกันแล้วและทิ้งกันไปในความรู้สึกผม แต่คนที่ยังไม่คบ แค่ชอบแล้วส่งนมให้เพื่อจีบแถมยังไม่บอกว่าเป็นใครและสุดท้ายก็โดนตัดหน้าไป ไม่น่าเรียกได้ว่า อกหักหรอก อาจจะแค่เรียกว่า โดนหมามันคาบไปแดก

“ หมายความว่าไงวะ “ อีกคนเอียงหน้าถามด้วยใบหน้ายิ้มๆที่เหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจ

“ เป็นแค่การแอบรักที่ไม่สมหวัง “

“ เชี้ย โคตรน่าเหลือเชื่อเลย คนอย่างมึงนี่อะนะ เคยแอบรักใครด้วยเหรอวะ “ เมดพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่ดูน่าเหลือเชื่อจริงๆ แววตาของมันดูตกใจแล้วตอนที่ผมหันไปเหล่มองอีกคนก็แค่ยิ้มแห้งๆออกมา “ ก็มันจริงนี่หว่า ปกติเห็นแต่ผู้หญิงวิ่งเข้ามาหามึง ขอมานั่งใกล้มึง ขอมานอนกับมึง ใครจะไปรู้ว่าคนฮอตๆที่ใครๆหมายปองจะเคยมีโมเม้นท์แอบรักกับเค้าด้วย “

“ ขนาดนั้นเลย “ คนโดนถามพยักหน้ารับแบบจริงจัง

“ แล้วหน้าตาเค้าเป็นยังไงคนที่มึงเคยแอบชอบ “ สายตาจริงจังที่หันมาถามผมก็หันไปมอง พิจารณารูปหน้าของอีกคนเพื่อตอบคำถามนั้นแต่ก็ต้องหลุดยิ้มออกมาก่อนตอนที่สมองได้คำจำกัดความสั้นๆ

“ น่ารัก “

“ มึงหมายถึงคนที่มึงเคยแอบชอบสินะ “ ผมพยักหน้ารับกับอีกคนที่อยู่ๆใบหน้านั่นก็ซับสีแดงขึ้นมากะทันหัน แต่ทว่าสายตาของผมกลับไม่ได้ผละออกไปไหนจากใบหน้านั่นเลย ก็ยังคงจ้องมองอยู่แบบนั้น เหมือนอย่างที่บอกผมกำลังมองใบหน้าของคนที่เป็นรักครั้งแรกของตัวเองอยู่ และมองเพื่อตอบคำถามนี้กับเค้าคนนั้น “ แล้วยังไง น่ารักแล้วยังไงต่อ “

“ ก็..ตาเค้าเรียวๆ แต่เวลาเค้ายิ้มมันจะเป็นขีดจนเหมือนว่าเค้ากำลังหลับตา แล้วก็ตรงนี้ “ ผมชี้ที่โหนกแก้มตัวเองเพื่อบอกตำแหน่งให้คนฟังเข้าใจ “ แก้มตรงนี้มันจะแดงแล้วก็กลมเป็นก้อนเวลาที่เค้ายิ้มกว้าง เป็นคนตัวขาว แล้วก็สูง นิสัยก็เหมือนเด็กๆ “

“ ท่าทางเค้าจะดูหมวยๆนะ “ ผมพิจารณาใบหน้าของคนตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะยิ้มแล้วพยักหน้ารับ

“ ก็หมวยอยู่นะ “

“ ส่วนของกูมึงก็คงรู้อยู่แล้วละเนอะ “ ยักคิ้วให้มัน เมดก็เงียบไปอีกครั้ง จริงๆมันก็เราทั้งคู่นั่นแหละที่เงียบไป ผมที่เอาแต่มองอีกคน ส่วนเมดก็หันไปมองอีกฝั่งมันที่ยิ้มจางๆอยู่แบบนั้น

“ เมด มึงว่าเรารู้จักกันดีพอรึยังวะ “ เอ่ยถามอีกคนที่หันมามอง เราที่สบตานั้น “ กูจะได้ขอมึงเป็นแฟนสักที “

“ หมายถึงกูเหรอ “ มันชี้นิ้วเข้าหาตัวเองก่อนจะชะงักแล้วเงียบไป เมดเหลือบไปมองทางอื่นมันคงลืมไปแล้วสำหรับเรื่องพวกนี้ ความตื่นเต้นที่เหมือนคลื่นโหมซัดมันแบบไม่ทันตั้งตัว ตกประหม่าถึงขั้นแลบลิ้นตัวเองออกมาเลียริมฝีปากที่รู้สึกแห้งขึ้นมากะทันหัน มือที่จับอยู่ที่ระเบียงมันกำมือของตัวเองแน่นราวกับระบายความรู้สึกที่จู่ๆก็ปั่นป่วนขึ้นมาของตัวเอง

“ ก็ยืนอยู่กับมึงสองคน “ ถึงจะเป็นคำพูดนิ่งๆแต่ในใจของผมมันกับสั่น ลำคอที่แห้งจนต้องกลืนน้ำลายซ้ำกันหลายๆครั้ง สีหน้าที่ไม่ได้แสดงอาการเคอะเขินอะไรแต่ข้างในมันร้อนไปหมดราวกับเลือดทั่วร่างมันกำลังแล่นไปมาด้วยความเร็วอยู่ภายในแบบไม่มีหยุด

“ ทำไมถึงเป็นกูวะ “ เมดเม้มริมฝีปากแน่นตอนที่ถามออกมา มันที่ยังคงมองไปที่อื่น “ ก็..ก็ไหนตอนแรกบอกกูน่ารำคาญ “

“ ตอนนี้ก็ยังน่ารำคาญนะ “ มันหันมามองหน้าผมตอนที่พูดแบบนั้นอีกฝ่ายขมวดคิ้ว แต่ผมกลับยกยิ้ม “ เป็นเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ พอนั่งนิ่งๆก็เอาแต่คิดถึงแฟนเก่าแล้วก็ร้องไห้ ปลอบยังไง หาวิธีให้หายเศร้ายังไง สุดท้ายก็ร้องไห้อยู่ดี น่ารำคาญชิบหาย. “ เว้นเสียงไปตอนที่ยักคิ้วให้อีกคน “ แต่รู้มั้ย ถึงเป็นแบบนั้นกูก็ยังอยากจะให้มึงมานั่งน่ารำคาญอยู่ข้างๆกูในรถนะ กูอยากให้เป็นมึง คนที่จะได้ไปกินข้าวด้วยกันกับกูทุกวัน กูที่แค่อยากหันมาเห็นหน้ามึงคนที่กูบอกว่าน่ารำคาญสัดๆตอนที่รถมันติดไฟแดง อยากเงยหน้าขึ้นมามองมึงที่นั่งกินข้าวอยู่ตรงข้ามกันเวลากูกินข้าว กูอยากเป็นคนที่อยู่ข้างๆมึง แล้วก็อยากจะให้มึงเป็นคนที่อยู่ข้างกู  ก็แค่ไม่อยากให้มึงหายไปไหนอีก กูรู้สึกแบบนี้ มันพอจะเป็นเหตุผลได้เปล่าวะ “ 

“ ก็ได้อยู่ แต่จะไม่เร็วไปหน่อยเหรอวะ “ อีกคนพูดก่อนจะก้มหน้าลง เมดแก้มแดงจัดแต่ถึงอย่างงั้นผมก็เห็นสายตาที่แอบกังวลของมัน

“ แต่สำหรับกูมันช้าไปนะ “ ผมบอกอีกคนที่หันมามองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ

“ กูเพิ่งเลิกกับแฟนนะอาฟ อีกอย่างเรายังไม่รู้จักกันดีพอเลย “

 “ มึงชื่อ มิณทร์  มิณทร์ที่สะกดด้วย มอม้า สระอิ นอเณร ทอทะหาร รอเรือ การันต์ เกิดวันที่เก้าสิงหาคม พ่อเป็นคุณครูตำแหน่งผ.อ.ที่กำลังเกษียณ แม่แท้ๆตายแล้ว มีแต่แม่เลี้ยงที่มึงเรียกว่าแม่เล็กมีน้องต่างแม่คนนึง ชื่อวิว ตอนเด็กๆให้อั่งเปาน้องยี่สิบบาท ใช้ของเหมือนน้องแม้แต่หลอดดูดในน้ำปั่นก็ต้องสีเดียวกัน

ตอนนี้มึงเรียนอยู่คณะบัญชีปีสี่ ไม่มีเพื่อนสนิท ทำงานอยู่ผับ throw up ตำแหน่งบัญชี  จัดซื้อ แล้วก็เป็นเลขาของกู ก่อนนอนจะชอบทาแป้งเด็ก มึงชอบกลิ่น ของมันเพราะจะทำให้หลับสบาย มึงแพ้ง่าย ใช้ได้แต่ของเด็ก เป็นคนรักษาความสะอาด ขับรถ civic สีขาว ป้ายทะเบียน กข 8723 “

“ มึงแม่ง.. “ อีกคนว่ายิ้มๆเพราะคิดไม่ถึงว่าผมจะพูดอะไรแบบนั้นออกมา “ นี่ที่เรียกกูมาคุยเพราะจะเอามาตอบคำถามนี้ของกูโดยเฉพาะเลยถูกมั้ย “

“ ทำความรู้จักกันไง “ เมดถอนหายใจออกมา มันที่เม้มริมฝีปากตัวเองตอนที่มองใบหน้าของผม ในแววตานั้นผมรู้สึกถึงความไม่มั่นใจของอีกคน

ผมก็เหมือนคนที่นั่งรอมันอยู่ในเรือ เรือที่ไม่ได้สวยงาม ออกจะเป็นเรือเก่าเพราะเราก็ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบด้วยกันทั้งคู่ ตัวผมที่กำลังยื่นมือไปหาไป เชิญชวนมันลงเรือลำนี้เพื่อท่องออกไปในมหาสมุทรที่ชื่อว่าความรัก เมดที่เคยเปียกปอนเพราะเพิ่งผ่านการลอยคอในน้ำจากเรือลำเก่าที่อับปางลง เสื้อของมันกำลังแห้ง และตอนนี้ก็ลังเลเหลือเกินเพราะไม่อยากจะเปียกอีกครั้ง 

“ มันจะโอเคเหรอวะอาฟ “

“ อะไรที่มึงคิดว่ามันจะไม่โอเค “

“ มึงเตี้ยกว่ากูนะ บางทีก็ดูตัวเล็กกว่ากูด้วย เราที่เดินข้างกัน มันจะดูเหมาะสมกันเหรอวะ “

“ ความรักของมึงคืออะไรวะ “ ผมเอ่ยถามมันตอนที่รู้ถึงความลังเลที่อีกคนคิด

น่าเสียใจอยู่เหมือนกันที่มันไม่ใช่ความลังเลที่มาจากการกระทำที่สามารถบอก หรือแสดงออกให้มั่นใจได้ แต่มันกลับเป็นรูปร่าง ที่ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้

“ ความรักของกู..”

“ คือความเหมาะสมของรูปร่างภายนอกเหรอ ? ความรักของมึงคือสายตาของคนอื่นที่ไม่รู้จักมึง ไม่รู้จักกู ตอนที่มองมาที่เรา ตัดสินเราว่าเป็นยังไงทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักเรา หรือว่าความรักของมึงคือความเหมาะสมในความคิดของคนอื่นก็แค่นั้น ความรักของมึงเป็นอย่างงั้นเหรอ “

“ ก็ไม่ใช่อย่างงั้น “ มันส่ายหน้าก่อนจะโบกมือด้วยท่าทางตกใจ “ กูแค่รู้สึกว่ามึงน่าจะแคร์เรื่องแบบนั้น หมายถึงรูปร่างหน้าตา มึงอาจจะอยากได้คนที่เหมาะสมกับมึง “ 

“ มึงคิดผิดแล้ว “ ผมบอกด้วยสายตาจริงจัง “ สำหรับกูความรักไม่ใช่เรื่องรูปร่างภายนอก แต่มันคือการที่กูจะยอมใส่เสื้อตัวใหญ่เพื่อให้ตัวเองดูตัวใหญ่เท่าๆกับมึง ถ้ามึงซีเรียสเรื่องรูปร่างเวลาเดินกับกู  และมันก็คือการที่กูจะยอมใส่รองเท้าผ้าใบที่มันมีส้นหนาๆไปตลอดเพื่อให้สูงได้เท่ามึงถ้ามึงอยากได้แฟนที่สูงเท่ามึง “

“ อาฟ..”

“ แล้วตอนนี้มันก็เหลือแค่มึงแล้วเมด มึงจะยอมทิ้งรองเท้าผ้าใบแบบส้นหนาๆมาใส่แค่รองเท้าผ้าใบส้นเตี้ยเพื่อให้เราทั้งคู่สูงเท่ากัน แล้วเดินจับมือไปกับกูรึเปล่า “  ทุกอย่างเงียบไปนาน ในแววตาเรียวของเมดที่กำลังมองผม “ ความรักของกูมันเป็นแบบนั้น ”

   เป็นแบบที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองในสิ่งที่อีกคนไม่ชอบ เปลี่ยนเพื่อให้ตัวเองได้เดินอยู่ใกล้ๆกันไปตลอด ความรักของผมเป็นแบบที่ เราอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบก็จริงอยู่ แต่เราจะเติมเต็มให้ได้มากที่สุดในแบบของเรา

ลมหายใจที่ผ่อนออกมาช้าๆยอมรับว่าตื่นเต้นกับคำตอบของคนตรงหน้าผมก้มหน้าลงต่ำ เมดเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่นมันนิ่งไปอยู่นาน ผมไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไร แต่ทว่าในตอนที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วสบสายตากับผมนั้น ทุกอย่างก็ได้บอกคำตอบกับผมทั้งหมดแล้ว

มันก็เหมือนกับหลายปีก่อนตอนที่อีกคนได้รับนมช็อกโกเล็ตที่ผมฝากไป รอยยิ้มกว้างที่ชวนให้แววตาเรียวนั้นกลายเป็นขีด แก้มแดงๆที่กำลังบอกถึงความรู้สึกเขินอายเสียมากมาย ต่างกันก็ตรงที่ว่าวันนี้ผมไม่ได้แอบมองมันอีกแล้ว แต่กลับจ้องมองอีกคนตรงๆ ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่ไม่ปิดบัง

“ อื้ม ตกลง “ อีกคนว่า “ กูจะยอมใส่รองเท้าผ้าใบส้นเตี้ยเพื่อเดินไปกับมึง “

ยิ้มกว้างของผมห้ามไว้ไม่อยู่ ทั้งๆที่คิดไว้ว่าจะปั้นหน้านิ่งเท่ห์ๆสำหรับความทรงจำครั้งนี้ของเรา แต่ทุกอย่างกลับพังไม่เป็นท่าเพราะความสุขที่ทะลักอกออกมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ ผมยิ้มแบบที่ไม่เคยยิ้ม

ดึงตัวเองที่กำลังยืนพิงระเบียงอยู่นั้นขึ้นเต็มความสูง ขยับตัวไปยืนใกล้อีกคนที่กำลังจ้องมองผมด้วยสายตาสั่นไหวเพราะความตื่นเต้น แต่ผมก็ไม่ต่างกัน ราวกับกลองใบใหญ่ๆถูกตีอย่างบ้าคลั่งในอก ตีจนรู้สึกเจ็บไปหมด

“ เมด “

ผมก้มหน้าเอียงองศาเข้าไปใกล้อีกคนที่เบิกตาเรียวขึ้นเล็กน้อยตอนที่เห็นผมชัดขึ้นในระยะประชิด เมดชะงักไปด้านหลัง เหมือนจะขัดขืนผมที่กำลังจะจูบมันในช่วงเวลาที่แสนวิเศษแบบนี้

“ ไม่เร็วไปหน่อยเหรอวะ “ มันถามแต่ตอนนั้นผมก็แค่ยกยิ้ม

“ อดใจไม่ไหวแล้ว “

จูบลงบบริมฝีปากนิ่มอย่างเบาแรง เป็นครั้งแรกที่เราจูบกันจากความตั้งใจของกันและกันไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นจากความต้องการของผมเพียงฝ่ายเดียว เผลอยิ้มออกมาตอนที่จูบย้ำลงไปบนริมฝีปากนั้น ดูดดึงเบาๆอยู่กับความนุ่มนวลที่ไร้การเชื้อเชิญใดแต่กลับให้หยุดทำแค่นี้ไม่ได้

ออกแรงเม้มมันแรงขึ้นอีกสักนิด ผมไม่อยากทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี จูบแรกก็เหมือนกับเซ็กส์ครั้งแรก เป็นอะไรที่ต้องทำให้พึงพอใจได้ทั้งสองฝ่าย เผยอปากส่งลิ้นชื้นเข้ามาสอดเกี่ยวกอดกับสิ่งเดียวกันของอีกคน เมดตอบรับมันอย่างดีเป็นจังหวะไม่ได้ดูเร่งเร้าเชี่ยวชาญอะไรแต่ก็ไม่ได้เชื่องช้าจนไร้เดียงสา

เสียงหยาดน้ำลายของจูบที่กำลังดูดดื่มก้องไปทั้งโสตประสาทของเรา ดังยิ่งกว่าเพลงข้างล่างที่ถูกเปิดอยู่ในผับ หรือบางทีอาจเพราะผมกำลังจดจ้องกับคนตรงหน้าที่มีความสุขก็ไม่ทราบได้

สองแขนเอื้อมไปกอดเอวของอีกคนไว้ ไม่ต่างอะไรกับร่างเพรียวที่ปล่อยมือตัวเองจากขอบระเบียงมาจับไว้ที่อกของผมเช่นกัน เราผละออกจากกันเพียงครู่เพราะรู้สึกถึงลมหายใจที่กำลังหมดลง เผลอกัดปากตัวเองตอนที่เห็นริมฝีปากของอีกฝ่ายนั่นเจ่อขึ้นเล็กน้อย ยกยิ้มเล็กๆกับผลงานตัวเองก่อนจะก้มลงไปจูบมันอีกครั้ง และคราวนี้จังหวะของเราก็เริ่มเปลี่ยนไป จูบที่ดูดดื่มมากขึ้นกว่าเมื่อครู่ราวกับแนวเพลงที่เปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ

เมื่อก่อนผมเคยคิดว่ารสจูบนั่นหวาน เหมือนกับในหนังสือที่เคยอ่าน แต่พอได้ลองของจริงทุกอย่างมันกลับต่างกันไปหมด จูบไม่ได้มีรสหวาน มันไร้รสชาติและออกจะเปล่งๆด้วยซ้ำไป แต่ถึงอย่างงั้นไม่ว่าใครก็ยังคงบอกว่าจูบนั้นมีรสหวาน และตัวผมก็ไม่เคยเข้าใจเลยจนกระทั่งตอนนี้  ตอนที่กำลังจูบกับคนที่อยู่ในอ้อมกอด

มันก็ยังเป็นจูบที่ไม่ได้มีรสหวานนั่นแหละ แต่ทว่าในความรู้สึกตอนนี้มันกลับหวานล้ำยิ่งกว่ารสหวานใดๆที่เคยชิม กลิ่นแป้งที่ชวนให้สูดลมและหลงใหล ทุกอย่างมันรู้สึกหวานไปหมด หวานอยู่ในหัวใจที่พองโตและเต้นแรงอยู่ในอกของผม

“ อื้อ..” ผละริมฝีปากออกมาตอนที่ได้ยินเสียงเบาๆของอีกฝ่ายร้องประท้วง เพลิดเพลินกับจูบแรกนานไปแล้วถ้าพูดได้เจ้าริมฝีปากแหลมๆที่กำลังเจ่อเล็กน้อยของอีกคนคงพูดกับผมแบบนั้น แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนเมดที่เม้มริมฝีปากพลางมองมาทางผมด้วยสายตาคาดโทษกำลังทำแบบนั้นอยู่

ยิ้มกว้างก่อนจะยักคิ้วตอบรับมันไปแบบไม่รู้สึกผิดอะไรทั้งสิ้น ถ้าย้อนกลับไปได้เมื่อหลายนาทีก่อน แน่นอนว่าจะยังทำเหมือนเดิม แต่ถ้าบอกคงยิ่งทำให้อีกคนหน้าตางอง้ำยิ่งหว่าเก่า

“ มึงแม่ง “ มันว่าแค่นั้นก่อนจะขยับตัวเองออกห่างไปจากตัวผม คลายอ้อมกอดที่กอดเอวมันอยู่ในขณะนี้ลง เราทั้งคู่ต่างมองไปทางอื่นโดยที่ไม่ได้หันมามองกันเลยสักนิด ตอนนี้คงมีเพียงแค่แก้มแดงๆที่บอกถึงความรู้สึกของอีกคน ส่วนผมก็มีแค่หูที่ไม่ว่าจะดึงยังไงก็ไม่ทำให้หยุดแดงเสียที

“ วันนี้มันวันที่เท่าไหร่วะ “  เอ่ยถามมันออกไปสั้นๆ เมดก็ถามกลับ

“ ถามทำไม “

“ ก็วันนี้ในปีหน้า มันจะได้เป็นวันพิเศษไง “ ต่างฝ่ายที่ต่างก็ยิ้มให้กันกับวิวทิวทัศน์ที่ไม่มีอะไรเลยตรงหน้า แต่ทว่ามันกลับสวยกว่าทุกวัน

“ ก็จริงของมึง “

.....................................................................

ยิ้มหวาน...ในที่สุดเนอะคะ ในที่สุดดดดดดดดด
ต้องมีคนแซวแน่เลยว่าพี่อาฟจูบเมดเร็วไปมั้ย
คำตอบจากใจคนเขียนคือ ..ไม่เร็วนะคะ ถ้าอ่านจากตอนที่แล้วเรียงลำดับลงมา ตามนิสัยพี่แกด้วย.. นี่แหละ พี่อาฟเลย #หน้าร้อนที่ไม่ใช่ฤดู
เรื่องราวความรักของทั้งคู่จะเป็นยังไง ชิ้นส่วนชีวิตที่ค่อนข้างเว้าแหว่งจะเติมกันให้เต็มได้อย่างไร ตอนหน้าเป็นต้นไปนะคะ
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ 
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 06-05-2018 21:00:56
เขาเป็นแฟนกันแล้ว เขาจูบกันแล้ว  :mc4: :impress2:

อ่านซ้ำวนไปมา ชอบอาฟมากกกกกกกกกกกกกก   รอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ

เป็นแฟนกันแล้วจะเป็นยังไงต่อ  :3123:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-05-2018 21:25:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 06-05-2018 21:36:13
อย่างนี้ต้องฉลองงงงเค้าเป็นแฟนกันแล้วววว :L1: o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-05-2018 21:42:01
 :man1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 06-05-2018 21:42:51
ในที่เขาสองคนก็เป็นแฟนกันแล้ว ฟิน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 06-05-2018 22:01:21
Yes!!! ในที่สุด!!!
พวกเขาเป็นแฟนกันแล้วไม่พอ
พวกเขายังจูบกันอีก ปากเจ่อเลย 555
ขอให้ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกันนะ
เอาใจช่วย มาม่าไม่เอาด้วยบอกเลยค่ะ
#AfterMade
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 06-05-2018 22:08:06
เป็นแฟนกันแล้ววว อ๊ากกกกกก เขินนนน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 06-05-2018 22:23:51
ไวไฟทั้งคู่ 5555 เป็นแฟนกันแล้วจูบกันไปแล้ว  :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 06-05-2018 23:02:46
เมื่อไหร่เมดจะได้รู้ว่านมที่เคยได้มาจากอาฟน้อ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-05-2018 00:12:34
เป็นแฟนกันแล้ว แต่แอบงงนิด ๆ ตกลงเมดสูงกว่าอาฟเหรอ สูงกว่าเท่าไหร่ รูปร่างใกล้เคียงกัน หลงคิดว่าอาฟสูงกว่า รูปร่างหนากว่าเสียอีก  :hao4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-05-2018 00:25:32
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-05-2018 01:08:28
อิจฉาตาร้อนกับคู่นี้มาก ลงเอยกันแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 07-05-2018 01:17:43
ีพี่อาฟของน้องงง /จุดพลุฉลอง

ว่าแต่เมื่อไหร่เอมจะกลับมาน้าาา เมดจะได้รู้จักตัวจริงเจ้าของนมช็อคโกแลตสักที :impress2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 07-05-2018 02:00:44
คิดมาตลอดว่าอาฟสูงใหญ่กว่าเมด  เงิบเบาๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 07-05-2018 02:17:34
น้ำตาจะไหลล โอ้ยย อิแม่ยกคนนี้ปริ่มมากค่ะ รอวันที่เอมมี่กลับเฉลย แฉมันให้หมด ไอ้บิน ยังไม่สะใจกับมันเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 07-05-2018 02:42:28
เพิ่งรู้ว่าสัดพี่เตี้ยกว่าเมด 55555555 คิดมาตลอดว่าสูงยาวเข่าดี 5555
แอบชอบโมเม้นพี่น้องอาฟเตอร์เดย์ จังงง แสดงออกไม่เก่งแต่รู้ว่ารัก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 07-05-2018 03:13:39
 :hao7: อ๊ายยยยยดีใจมากกก.....อาฟไม่กากแล้ววววว  o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 07-05-2018 08:15:08
อาฟฟฟฟ นายโคตรพระเอก  :mew4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 07-05-2018 08:37:15
 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-05-2018 09:47:33
งื้อ เป็นแฟนกันแล้ว!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 07-05-2018 10:50:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-05-2018 12:51:19
เป็นแฟนกันแล้ว  :-[ รอวันเมดรู้ความจริงเรื่องนม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 07-05-2018 13:08:03
เค้าจูบกันแล้วจ้าาาาาาาาา


 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: kampootsm ที่ 07-05-2018 13:15:12
มีความเขิน แค่จูบพี่ก็เขินแล้วอร๊ายยยยยยยยย
 :mew1: :mew1: :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 07-05-2018 15:19:02
เขินอ่าาา คบกันแล้วววว ฮืออ แต่แอบสงสารพี่อาฟตอนก่อนหน้า
ทุกอย่างมันน่าเศร้า
เศร้าอยู่ในความรู้สึกที่ว่า แม้แต่ในความทรงจำของเค้าก็ยังไม่มีผมอยู่
นมทุกขวดของผมกลายเป็นของคนอื่นในความทรงจำของเค้า
ไม่เหลืออะไรสักอย่างเลยที่เป็นของผม แม้แต่ในความทรงจำก็ยังไม่มีตัวตน
อันนี้คือเจ็บมากเลยอะ ฮือ ถ้าเป็นเราโดนเราร้องไห้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 07-05-2018 15:25:56
จุดพลุฉลอง เค้าเป็นแฟนกันแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-05-2018 21:43:43
น่ารักอ่ะ อาฟยอมใส่เสื้อตัวใหญ่เพื่อดูตัวใหญ่ ยอมใส่รองเท้ามีส้นเพื่อให้สูงเท่ากัน เมดก็ยอมใส่รองเท้าส้นเตี้ยเพื่อให้ตัวเท่ากัน :-[ เป็นแฟนกันแล้ว จูบกันแล้วด้วย :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 07-05-2018 22:05:12
ทำไมน่ารักกันขนาดนี้ ทั้งอาฟทั้งเมดแหละ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 08-05-2018 11:11:57
รอวันที่เมดจะได้รู้ความจริงทั้งหมดค่า่าา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-05-2018 19:40:05
โอ๊ยยยย ในที่สุด ก็สมหวังแล้วนะอาฟ
ไม่น่าเชื่อว่าอาฟจะฝังใจ และรักยาวนานแบบนี้
พรหมลิขิตไม่เข้าใครออกใคร จังหวะมันใช่มาก
รถทำให้คนมาเจอกัน และสานต่อ

เมดน่ารักมากเลยค่ะ โดนหยอดจนพรุนแล้ว
อาฟก็ชัดเจนสักทีนะ ลุ้นจนใจเต้นทะลุแล้วมั้ง

ต่อไป ทีมเชียร์ไม่ต้องเชียร์จีบแล้วนะคะ
รอดูว่าชั้นสามจะเปิดบริการอีกตอนไหน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 11-05-2018 21:04:46
ตอนที่ 20               

[ วิว คืนนี้พี่ไม่กลับคอนโดนะ นอนคอนโดพี่อาฟ ]

[ แล้วก็นะ.. คือ...พี่เป็นแฟนพี่อาฟแล้วนะ ]

                ผมส่งข้อความเข้าไปหาน้องชายตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจเอาความรู้สึกสับสนออกมา โดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่า ที่ตัวเองกำลังรู้สึกสับสน ใบหน้าแดงกล่ำคล้ายจะเป็นไข้ หัวใจเต้นเร็ว แต่บางทีก็ว่างเปล่าราวกลับมันกลวงโบ๋อยู่ในขณะนี้ มันเป็นเพราะอะไร 

        ผมนอนฟุบลงกับหน้าโต๊ะเครื่องแป้งว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรภายในคอนโดของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนกันหมาดๆ
[ กูดูใจง่ายเกินไปเปล่าวะ ] จับมือถือส่งข้อความไปน้องชายตัวเองที่ตอนนี้ก็คงนอนหลับสนิทอยู่กับฝันดี เพราะตอนนี้มันก็ยังคงเป็นเพียงแค่เวลาตีสี่ก็เท่านั้น [ แต่ว่าตอนนั้นมันก็พูดได้แค่ประโยคนั้นจริงๆอะมึง เหมือนใจกูมันอยากให้ตอบแบบนั้น ไม่มีคำตอบอื่นให้เลือกเลย ]

“ ความรักสำหรับมึงคืออะไรวะ สำหรับกูความรักไม่ใช่เรื่องรูปร่างภายนอก แต่มันคือการที่กูจะยอมใส่เสื้อตัวใหญ่เพื่อให้ตัวเองดูตัวใหญ่เท่าๆกับมึง ถ้ามึงซีเรียสเรื่องรูปร่างเวลาเดินกับกู  และมันก็คือการที่กูจะยอมใส่รองเท้าผ้าใบที่มันมีส้นหนาๆไปตลอดเพื่อให้สูงได้เท่ามึงถ้ามึงอยากได้แฟนที่สูงเท่ามึง “

                ผมไม่ใช่คนยึดติดกับเรื่องรูปลักษณ์หน้าตาอะไรนั่นหรอก แต่ที่ถามอีกคนไปแบบนั้นเพราะกลัวว่าจะเป็นมันมากกว่าที่แคร์เรื่องอะไรแบบนั้น  ส่วนตัวจริงๆก็แค่รู้สึกว่า ตัวเองอยู่ไกลจากสิ่งที่อีกชอบมันก็เท่านั้น

อาฟเป็นคนดังคนนึง มันเป็นที่รู้จักในเหล่าพวกคนเข้าผับเข้าบาร์ ดูจากสาวๆที่เอ่ยทักมันก็พอจะรู้ได้ว่ามันก็ค่อนข้างดังแค่ไหน อีกอย่างทุกคนที่เข้ามาหาคนแบบอาฟก็สำรวจตัวเองมาแล้วทั้งนั้นก่อนที่จะกล้าเข้ามาหา ถึงมันจะไม่ใช่หนุ่มรูปร่างมาดแมนแบบอกผายไหล่ผึ่งแต่ว่า มันก็จัดเป็นคนที่หล่อเหลาคนนึง เป็นคนหล่อที่เหมาะกับสาวตัวเล็กๆที่เตี้ยกว่ามันสักหน่อย พวกคนน่ารักที่ช่างพูด ช่างเอาใจ ซึ่งแน่นอน ว่ามันต่างจากผมที่ไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลย

ตอนที่ถูกอีกคนจูงขึ้นไปที่ชั้นสาม ตอนที่ยืนอยู่ริมระเบียงด้วยกัน ผมรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร ตัวเองไม่ใช่คนไร้เดียงสาขนาดนั้นที่จะเอ่ยออกไปว่าไม่รู้ เพราะตอนนั้นก็เตรียมคำตอบไว้เป็นอย่างดี  ‘ ขอดูกันไปก่อนได้มั้ย อย่าเพิ่งรีบร้อนเป็นแฟนเลย เรามาทำความรู้จักกันมากกว่านี้ก่อน บางทีมึงอาจจะมีอะไรที่ไม่ชอบในตัวกูก็ได้นะ ’

แต่เหมือนจะทำได้แค่คิด เพราะพอเอาเข้าจริงแล้วทุกอย่างมันเหนือการควบคุมของสมองไปหมด ราวกับว่าตอนนั้นหัวใจของผมเป็นคนสั่งการทุกอย่าง ความรู้สึกควรหรือไม่ควรถูกโยนทิ้งไปไหนก็ไม่ทราบได้ ผมก้าวลงเรือที่เคยคิดว่าจะไม่ขอลงไปอีกถ้ายังไม่มั่นใจว่าคนคนนี้ใช่จริงๆ

ผมถามตัวเองนะ ในวินาทีนึง ‘ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมทุกอย่างมันพังจากที่ตั้งใจไว้ขนาดนั้น ’ แต่พอได้ลองคิดถึงคนที่ยืนข้างหน้า ช่วงเวลาที่แววตานั้นจ้องมองมา ผมที่สบสายตาคู่นั้น ความรักมันอาจจะน่ากลัวก็จริงอยู่ ความเจ็บปวดมันทรมานนั่นก็คงใช่ แต่ใจกลับตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงว่า ‘ ไม่ต้องกลัว’ เหมือนว่า ถ้าเป็นคนตรงหน้า ถ้าเป็นอาฟแล้วละก็…อยากจะลองมันอีกสักครั้ง 

‘ ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย อยากรักก็แค่รัก เอื้อมมือแล้วคว้ามันไว้สิ  ไม่มีอะไรทำให้เราเจ็บได้เท่ารักครั้งแรกหรอก เคยเจ็บมาสุดๆแล้วนี่ จะกลัวอะไรกับอีแค่จะอกหักอีกครั้งละ ไปเลยเมด อยากรักก็แค่คว้ามันไว้ ‘

เดิมทีผมไม่ใช่คนมั่นใจอะไรแบบนี้ ออกจะขี้คลาดด้วยซ้ำไป แต่ในวินาทีนั้นผมเลือกคว้ามันไว้ สำหรับความรักครั้งใหม่ที่ไม่รู้เรื่องว่าปลายทางจะเป็นยังไง

..........................................
 
 
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
 
ผมดึงตัวเองขึ้นจากโต๊ะเครื่องแป้งวางมือถือลงบนโต๊ะก่อนจะหันไปมองประตูที่ปิดสนิท เม้มริมฝีปากตัวเองแน่นตอนที่กำลังจะเอ่ยถามออกมาไป แต่อีกฝั่งนึงของประตู เสียงทุ้มกลับถามมาก่อน

“ ตายรึยัง “

“ ไอ้สัด “ สถบออกมาเบาๆก่อนจะถอนหายใจ กูจะหมดความเขินเพราะความพูดคำจาของมึงนั่นแหละไอ้เหี้ยอาฟ “ ยังเว้ย “

“ นานชิบหายกูจะอาบน้ำต่อ มึงเข้าไปขัดห้องน้ำรึไง “
 
“ งั้นมึงเข้ามาอาบก่อน “ บอกแบบนั้นอีกคนก็เปิดประตูเลื่อนเข้ามา อาฟเลิกคิ้วตัวเองขึ้นมองผมที่ยังคงใส่ชุดเดิมที่กลับมาจากผับไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ผมหันกลับมามองมือถือของตัวเองทำเป็นไม่ใส่ใจทั้งๆที่แก้มก็ร้อนไปหมด

“ นี่มึงยังไม่อาบน้ำ “

“ ขี้เกียจ “ โกหกอีกคนไป แน่นอนว่าใครจะพูดความจริงออกไปวะ

ความจริงที่เขินจนไม่รู้จะเริ่มต้นทำอะไรไม่กล้าเจอหน้าไม่กล้าสบตา คิดแค่ว่าถ้าอาบน้ำเสร็จเร็วออกไปก็ต้องเจอมึง พอมึงอาบน้ำเสร็จก็ต้องมานอนเตียงเดียวกันอีก พอคิดแค่นั้นกูก็แทบอยากจะหยุดความคิดทุกอย่างไว้ตรงนั้น แค่นั่งรถกลับมาด้วยกันก็เขินจนใบ้แดกแล้ว นี่ต้องนอนเตียงเดียวกันอีก ทั้งคืนนี้ยังคิดเลยว่าจะหลับลงมั้ย และความจริงอะไรแบบนั้นกลืนลงท้องไปได้เลย ยังไงก็ไม่มีทางพูดให้มันรู้แน่นอนว่าผมคิดอะไร

ฟุบลงบนโต๊ะเครื่องแป้งอีกครั้ง ไม่ได้สนใจอีกคนที่เดินเข้ามาใกล้ อาฟที่เอื้อมมือมาจับหน้าผากของผมที่ชะงักนิ่งไป ก่อนจะดึงตัวเองขึ้นมานั่งแล้วหันไปบอกมันตอนที่ตั้งสติได้ “ กูไม่ได้ป่วย กูแค่ขี้เกียจ “

“ ก็แค่จับๆไปงั้น ไม่ได้เป็นห่วง “ ข้ออ้างที่ดูสิ้นคิดของคนที่เอาแต่ทำหน้าตายแต่หูกลับแดงจัด เหลือบมองมันก่อนจะพยักหน้ารับ ก็ถ้าคิดว่าข้ออ้างนั่นจะทำให้กูเชื่อก็ตามใจมึงก็แล้วกัน

“ เอาที่คุณอาฟสบายใจเถอะครับ “

“ กวนตีน .. แล้วพรุ่งนี้มีเรียนรึเปล่า “ คำถามที่ทำให้ผมนิ่งไป ไม่อยากจะบอกด้วยซ้ำว่าตัวผมเหมือนจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองยังคงดำรงสถานะของการเป็นนักศึกษาอยู่ พลิกมือถือในมือขึ้นมาดู วันเวลาที่บอกอยู่ตรงหน้าจอทำให้ผมต้องเบิกตาขึ้นแล้วค้นดูเพื่อความแน่ใจว่า ไมได้มองผิดแต่อย่างใด และใช่ ไม่ผิดแน่ๆ พรุ่งนี้ผมมีเรียนแล้วต้องเข้าให้ทันแปดโมงเช้า

“ มึง “ เงยหน้าเรียกอีกคนที่ก้มลงมามองผม อาฟถอนหายใจผมคิดว่ามันคงเดาได้จากสีหน้าของผม

“ แปดโมง “

“ อื้อ “

“ ไอ้สัด “ แม้แต่คนไปส่งยังต้องขอสถบออกมา “หลังจากวันนี้มึงเอาตารางสอนมาดูแล้วเช้าวันไหนที่มีเรียนเช้า คืนนั้นก็ทำให้เป็นวันหยุดของมึงซะไม่ต้องไปทำงาน อดนอนไปเรียนแม่งคงรู้เรื่องหรอก “ ท้ายประโยคเบาๆที่อีกคนพูดเชิงบ่น ความเป็นห่วงเล็กๆของมันทำให้ผมยิ้ม ‘ มึงแม่งก็เป็นแบบนี้ตลอด ใส่ใจแม่แต่เรื่องเล็กๆ จะให้ไม่รู้สึกดีด้วยได้ไงวะ ’ 

“ เดี๋ยวกูไปเอง มึงไม่ต้องไปส่งหรอก “ คำพูดของผมที่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่ได้สนใจฟัง ผมมองอาฟที่เดินเข้าไปเปิดตู้เสื้อผ้าผ่านกระจก ผ้าขนหนูสีขาวถูกหยิบออกมาจากชั้นวางของมันก่อนจะถูกโยนมาคลุมหัวผมไว้

“ ไปอาบน้ำ แล้วจะได้ไปนอน “

“ แค่สองชั่วโมงนี่น่ะเหรอวะ “

“ เออ “ มันย้ำแบบนั้น แต่ผมกลับรู้สึกว่าไม่อยากจะนอนเท่าไหร่แล้ว เป็นคนที่ถ้านอนได้นิดเดียวแล้วต้องรีบตื่นก็จะคิดเสมอว่างั้นก็ไม่ต้องนอน ไปเรียนให้เสร็จเรียบร้อยกลับมาค่อยนอนยาวทีเดียวน่าจะดีกว่า ผมเกลียดความงัวเงียของการนอนไม่พออย่างที่สุด

“ ไม่ต้องนอนก็ได้มั้งมึง กลับมาค่อยนอนยังไงกูก็เลิกสิบเอ็ดโมงอยู่แล้ว ค่อยนอนตอนนั้น “

“ ดื้อ “ มันพูดสั้นๆ ตอนที่ยืนอยู่ข้างหลังผม เราที่สบตากันผ่านกระจก แล้วในวินาทีที่ผมยังไม่ตัดสินใจจะทำอะไรเป็นลำดับต่อมา อาฟที่ยืนนิ่งอยู่ก็ดึงตัวเองลงต่ำ ใบหน้าคมโน้มลงมาแนบอยู่กับแก้มผม ผิวแก้มของเราแนบชิดกันเป็นอีกครั้งที่หัวใจของผมเต้นแรงและเร็วในคืนนี้ ก่อนจะอีกฝ่ายจะกระซิบ “ จะไปอาบดีๆ หรือจะให้ไปอาบให้ดีครับ “

ไม่พูดเปล่า มือที่เอื้อมมาจับอยู่บนไหล่เคลื่อนตัวลูบลงมาจนถึงข้อมือ สอดนิ้วเข้ากับนิ้วมือของผมที่วางนิ่งอยู่กุมไว้แบบนั้นภายในช่วงวินาทีที่ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นทุกขณะ น่าแปลกที่ผมกลับนิ่งพอเป็นมัน ร่างกายที่ไม่ออกอาการปัดป้องใดๆ แต่กลับนิ่งให้มันกระทำแบบนั้นแล้วตัวเองก็เอาแต่เขินอาย ผมสบสายตากับอีกคนผ่านกะจกตรงหน้า แก้มแดงๆของผมบอกความรู้สึกในใจของตัวเองอย่าปิดบังไว้ไม่อยู่แล้วตอนนั้นอาฟก็กระซิบ “ กูเหม็น ไปอาบน้ำ “

“ ไอ้เชี้ย “ สถบออกมาอีกฝ่ายก็แค่ยักคิ้วแล้วยิ้ม ก่อนจะดึงตัวเองให้ยืนเต็มความสูงเหมือนเดิม สายตาขุ่นเคืองของผมถูกส่งไปมองมันแต่อย่าได้คิดว่าผู้ชายคนนี้จะรู้สึกแย่หรือรู้สึกผิดอะไรกับการกระทำเย้าแหย่นั่น กลับกันนอกจากไม่รู้สึกอะไรแล้ว ยังทำมันมากขึ้น

“ หงุดหงิด ? “ อาฟพูดสั้นๆก่อนจะยิ้มจางๆ มันที่กอดอกตัวเองทำหน้าตาเหมือนกำลังคิดวิเคาระห์ “หรือว่าอยากจะให้อาบให้จริงๆ “ ไม่พูดเปล่า มือข้างนึงของมันยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อของตัวเอง “กูพร้อมนะ แต่บอกไว้ก่อนว่าไม่แค่อาบน้ำนะ นับหนึ่ง.. ถึงสามแล้วยังไม่ไป จากแฟนจะเลื่อนเป็นเมียเลยนะ “

“ ไอ้ห่า ไปเดี๋ยวแหละ หยุดนับเลย เชี้ย! “ สถบทิ้งท้ายแค่นั้นด้วยความหัวเสียที่โดนเย้าแหย่แต่ถึงอย่างงั้นหน้าของผมก็ยังแดงจัดกับคำพูดของอีกคนอยู่ดี

ปิดประตูห้องน้ำเสียงดัง ผ่อนลมหายใจออกมาพลางมองตัวเองอยู่ที่หน้ากระจก เผลอคิดถึงมือที่เอื้อมขึ้นปลดกระดุมเมื่อครู่ ร่างทั้งร่างก็ดูเหมือนจะร้อนไปหมด แก้มที่กำลังแดงจัดตอนนี้ ก็ยอมรับว่าคิดถึงเรื่องอะไรแบบนั้นที่อีกคนสื่อถึง

“ แกล้งกูไอ้สัดอาฟ คอยดู กูแม่งจะไม่ยอมจนกว่าจะคบกันครบสามปี “ ยิ้มเยาะตัวกับกระจกในตอนที่คิดอะไรแบบนั้น คือเอาจริงๆใช้ชีวิตมาจนถึงตอนนี้ก็พอรู้ว่ามันเป็นอะไรแบบนั้นไม่ได้ ก็ถ้าไม่โดนไอ้คนข้างนอกจับปล้ำก่อน ก็คงเป็นผมนี่แหละที่จะควบคุมไม่ไหวแล้วเผลอไผลไปกับมัน

จัดการอาบน้ำแล้วทาแป้งหอมๆ ออกมารับลมแอร์เย็นๆที่นอกห้อง เสียงทีวีที่กำลังเปิดอยู่ชวนให้ผมหันไปมองแล้วพบว่ามันเป็นยูทูปที่เปิดวิดีโอรวมเพลงฟังสบายๆชวนให้หลับที่ตอนนี้คนที่เปิดมันไว้ก็กำลังหลับสนิทสมกับชื่ออัลบั้มเพลงที่เปิดอยู่

“ อาฟ “ เอื้อมมือไปเขย่าตัวมันอีกคนก็ลืมตาขึ้นแบบรวดเร็วคล้ายกับสะดุ้ง ราวกับว่ามันไม่ได้ตั้งใจจะหลับแต่เผลอหลับไปก็เท่านั้น

“ อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ “ พยักหน้ารับอีกคนก็ลุกขึ้นมาจากเตียง มันสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะยิ้มกว้าง “ กูชอบกลิ่นนี้หว่ะ “ 

ผมไม่รู้ว่ามันหลายความว่ายังไง อะไรที่ทำให้มันดูอารมณ์ดีอย่างงั้น อาฟเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่พูดหรืออธิบายอะไรต่อ ส่วนผมก็ได้แต่ขมวดคิ้วกับท่าทางของมัน 

สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดอย่างที่อีกคนทำ ผมไม่ได้กลิ่นอะไรทั้งนั้น ยกเว้นกลิ่นแป้งที่ติดอยู่บนตัวผม จะบอกว่าชอบกลิ่นแป้งนี้น่ะเหรอ

“ สงสัยจะเป็นงั้นมั้ง ” หยุดความคิดของตัวเองว่าทำไมไว้แค่นั้น ผมเดินขึ้นเตียงไปนอนฝั่งเดียวกับเมื่อวาน ดึงผ้าห่มสีขาวขึ้นมาคลุมตัวเอง ก่อนจะตั้งนาฬิกาปลุกจากมือถือตั้งไว้ที่หัวเตียง แล้วทำทีเป็นหลับไปทันทีในวินาทีสั้นๆนั้น ผมคิดว่าถ้าผมหลับอาฟก็คงไม่มายุ่งอะไรด้วย.. แต่ผมคงลืมไป ว่านั่นมันก็แค่เป็นสิ่งที่คนปกติเค้าทำกันแต่ไม่ใช่คุณอาฟเตอร์

                เสียงประตูห้องแต่งตัวที่ปิดลงหลังจากที่ผมหลับตาไปไม่นาน แรงยุบตัวของเตียงตอนที่ร่างของคนข้างๆนอนลงข้างกัน หัวใจของผมเต้นแรงแต่ก็ยังข่มตาทำทีเป็นหลับสนิท แต่เหมือนอีกคนจะรู้ดีว่าผมไม่ได้หลับ แล้วตามนิสัยของมันอาฟก็เอื้อมมือมากอดเอวผมไว้และไม่หยุดแค่นั้นมันที่ขยับตัวเข้ามาใกล้หนุนหมอนใบเดียวกันกับผมก่อนจะหัวเราะเบาๆถูกใจอยู่ในคอ

“ หลับแล้วจริงๆเหรอวะ “ มันถาม แต่ผมก็ยังนิ่งทำทีเป็นหลับสนิททั้งๆที่ก็น่าจะรู้ว่าถ้าหลับตาปี๋แบบนั้น เป็นใครก็ต้องรู้ว่าแกล้งหลับ  “ เชื่อได้มั้ยวะ หรือว่าต้องลองหอมแก้มดู “

“ อื้อ “ ทำทีเป็นขยับตัวออกห่างคล้ายอาการคนสะลึมสะลือแบบไม่เนียน ผมดึงมือมันออก “ ไปนอนดีๆเลยมึง จะมานอนเบียดกูทำไมวะ “

“ ทำไมมึงเป็นเหาเหรอไง กูนอนใกล้ไม่ได้ “

“ สัด เหาเหี้ยอะไรอายุปูนนี้ ออกไปเว้ยกูอึดอัด “ขยับตัวหนีมันแต่เหมือนอ้อมกอดนั้นจะยิ่งรัดแน่นไม่ไปไหน อาฟดึงตัวผมให้จมลงไปในอ้อมกอดของมัน มือที่พยายามแกะมือของอีกคนออก

“ อยู่นิ่งๆน่า “

“ ก็มันอึดอัด มึงจะมานอนกอดกูทำไมวะ ที่นอนก็ตั้งกว้างขยับออกไป “

“ ก็กูชอบ “ อีกคนพูดสั้นๆพร้อมกับกระชับมือที่กอดเอวผมให้แน่นขึ้น ทุกอย่างชะงักนิ่งไปรวมถึงตัวผมเองในตอนนั้น ลมหายใจที่สูดเข้าไปเต็มปอดของอีกคน “ ชอบกลิ่นแป้งของมึง “

“ ไอ้สัด “ ผมสถบได้เพียงเท่านั้น ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ คงจะคาดหวังสูงไป สำหรับคำพูดที่ว่า ‘ ก็กูชอบมึง ‘

“ หึ … คิดว่ากูจะพูดว่าอะไร “

“ ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นเว้ย ขยับออกไปสิวะอาฟมึงกอดกูไว้แบบนี้กูจะหลับได้ไงวะ “

“ ขี้เกียจขยับตัวแล้ว “

“ มันไม่ไกลสามกิโลแค่พลิกตัวมั้ยละ “ ผมสวนกลับกับความช่างอ้างของมัน

“ นอนไกลไม่ได้กลิ่นแป้งมึง “

“ งั้นก็ยิ่งต้องปล่อยเพราะกูจะได้ลุกไปเอาแป้งมาทาให้ทั้งกระปุกเลย “

“ ไม่เอา “ ผมถอนหายใจออกมากับความเรื่องมากของอีกคน อาฟขยับตัวกอดผมไว้แน่นอีกครั้ง “ชอบเวลาที่ได้กลิ่นแป้งจากตัวมึงมากกว่า รู้สึกหอมกว่าทาเอง “

“ มึงแม่ง “ เผลอยิ้มออกมากับคำพูดของอีกคน และแม้จะพยายามฝืนให้หุบยิ้มมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งยิ้มมากขึ้นเท่านั้น ผมเอื้อมมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง ตอนนี้แม้ขณะฝ่ามือยังรู้สึกได้ถึงความร้อนของใบหน้า 

           ใจของผมเต้นแรงแต่คงสวนทางกับคนที่ทำให้มันเป็นเช่นนั้น ลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอที่อยู่ตรงหลังคอบ่งบอกกับผมว่าคนที่กอดกันอยู่ตอนนี้ได้หลับสนิทไปแล้ว เหลือไว้แค่ผมที่ยังคงนอนหน้าแดงอยู่แบบนี้
 
 “ แล้วแบบนี้ มึงจะให้กูหลับภายในสองชั่วโมงได้ยังไง มันยากนะไอ้สัดอาฟ “

...........................................................................

กริ้ง กริ้ง กริ้ง

สุดท้ายก็นอนไม่หลับ ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่เอื้อมมือไปหยิบมือถือมากดปิดนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ ตอนนี้หกโมงกว่าแล้ว ผมพลิกตัวเองหันมามองอีกคนที่ก็ยังหลับสนิท อาฟยังคงนอนกอดผมอยู่แบบนั้น แต่มือที่กอดรัดไว้แน่นเมื่อคืนคลายออกไปแล้ว เหลือแค่มือของผู้ชายคนที่ไร้สติแถมยังยกออกจากเอวได้ง่ายๆ

“ อื้ม “ ส่งเสียงงัวเงียออกมานิดหน่อยตอนที่พลิกตัวไปอีกทาง จะว่าไปมันก็เป็นคนขี้เซาเหมือนกันนะ บางทีพอเป็นแฟนกันแล้วได้มาเห็นมุมมองอีกมุมนึงที่ใครคนอื่นจะไม่เห็นมันก็มีความสุขอยู่เหมือนกัน ใครจะรู้ว่าหนุ่มฮอตเจ้าของผับดังอย่าง Throw Up จะเป็นแค่ผู้ชายคนนึงที่นอนขี้เซาแถมยังมีท่าทางนอนแบบเด็กๆ

ลุกขึ้นจากเตียงบิดขี้เกียจก่อนจะเดินไปอาบน้ำทั้งๆที่ความจริงจะไม่อาบก็ได้เพราะเพิ่งอาบไปแค่สองชั่วโมงก่อนหน้านี้เอง แต่คิดว่าควรจะอาบสักหน่อย ผมควรไปเรียนแบบสดชื่น

“ วันนี้ท่าทางจะต้องกลับบ้านแล้ววะ “ ผมพูดกับตัวเองตอนที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าของอีกคน คว้าเอากางเกงสีดำขาเดฟมาตัวนึงก่อนจะหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ดูทรงว่าท่าทางจะเป็นชุดนักศึกษาของอีกคนมาใส่ จัดการแต่งตัวเรียบร้อยตอนที่เปิดประตูเลื่อนออกไปก็เจอเข้ากับคนเพิ่งตื่นนั่งหัวฟูด้วยใบหน้าง่วงงุนอยู่บนเตียง ผมเผลอยิ้ม  “ ไม่นอนต่ออีกหน่อยละ “

“ เดี๋ยวมึงสาย “ อาฟพูดแค่นั้นมันก็หยิบรีโมตทีวีขึ้นมาเปิดช่องเมื่อคืนที่มันเปิดไว้ สิ่งที่ทำให้รู้ในตัวอีกคนเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างคือ อาฟเป็นคนชอบฟังเพลง และแนวเพลงที่ชอบคือพวกดนตรีฟังสบายไม่ใช่พวกสายร็อคแบบที่คิดเลยสักนิด

“ เอาจริงๆ มึงไม่ต้องไปส่งกูก็ได้นะ กูไปเองได้ บีทีเอสก็เชื่อมกับหน้าคอนโดอยู่แล้ว มหาลัยกูเองก็ใกล้บีทีเอสเพราะงั้นกูไปเองได้ “

“ ใครบอกกูจะไปส่ง “ มันถาม “ กูก็มีเรียนของกูเหมือนกัน ก็แค่แวะไปส่งมึงก่อน “
 
“ เหรอวะ “ เหล่อมันแบบไม่เชื่ออีกคนก็ไม่ตอบอะไรก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ เหมือนไม่อยากจะตอบคำถามอะไรของผมแล้ว

   ความจริงก็ไม่เชื่ออย่างที่คิดนั่นแหละ มันดูเป็นไปไม่ได้ที่อีกคนจะมีเรียนตอนเช้า เพราะเมื่อคืนอาฟมันก็เพิ่งบอกกับผมเองว่า วันไหนมีเรียนเช้าก็ให้เลื่อนคืนก่อนหน้านั้นมาเป็นวันหยุดไม่งั้นเดี๋ยวจะเรียนไม่รู้เรื่อง และถ้ามันคิดแบบนี้ได้ แสดงว่ามันต้องไม่มีเรียนตอนเช้าแน่นอน แล้วเหมือนทุกคนในผับที่ยังเรียนก็คงต้องเป็นแบบนั้น ไม่มีใครทำงานตีสี่แล้วไปเรียนเช้าไหวหรอก นานๆครั้งก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าทุกวันก็คงไม่ไหวอยู่แล้ว

                เดินออกมานอกห้องนอน ตรงเข้าไปในห้องครัวเพื่อเปิดตู้เย็นหาอะไรลงท้องเสียหน่อย แต่ก็ต้องยิ้มแห้งกับความว่างเปล่าที่ได้พบ คือนอกจากน้ำเปล่า ถุงเยลลี่ และเบียร์ ก็ไม่มีอะไรอีกเลยที่สามารถนำมาทำเป็นอาหารได้ในตอนเช้า
“ สมกับที่เป็นมึงสองคนพี่น้องอยู่ด้วยกัน “ พูดกับตัวเองแบบนั้นผมจำใจหยิบน้ำเปล่าขึ้นมากิน ก่อนจะหันไปอีกฝั่งที่เป็นอีกห้อง ป้ายหน้าห้องที่เขียนว่า ‘กรุณาเคาะประตู ’ บอกกับผมเป็นนัยว่าคนเป็นพี่ต้องมีนิสัยไม่ชอบเคาะประตูคนน้องอย่างแน่นอน

“ เมื่อคืนไอ้เดย์ไม่ได้กลับ คงไปนอนกับสาวสักคนของมัน  “ เสียงทุ้มของอีกคนพูดขึ้นตอนที่ผมมองอะไรเพลินๆ หันไปมองต้นเสียงที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู

อาฟที่กำลังใส่เข็มขัด มันไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาแต่อย่างใดทั้งๆที่บอกว่ามีเรียน มันแค่ใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสีดำขายาวก็แค่นั้น แต่นั่นแหละในความธรรมดาของมันก็ขอบอกตรงๆเลยว่าโคตรเท่ห์ บางทีอาจเพราะใบหน้าและรูปร่างที่ดีอยู่แล้วก็เป็นได้

“ บอกทำไม “

“ ก็เห็นมึงมองไปที่ห้องมัน “

“ อ่านป้ายหน้าห้องอยู่ แล้วยืนคิดว่าที่มันถูกติดไว้แบบนั้นเพราะคนที่อยู่ร่วมด้วยคงไม่เคยเคาะประตูจนต้องเอาป้ายมาติดแน่ๆ “ วางแก้วลงในอ่าง ผมเปิดน้ำล้างก่อนจะวางไว้ตรงที่ของมัน

“ หึ “ อาฟยกยิ้มตอนที่หันไปมองป้ายหน้าห้องของน้องชายตัวเอง “ จริงๆไอ้ป้ายเชี้ยนั่นมันเคยอยู่ที่หน้าห้องกูเพราะไอ้น้องเวรมันไม่เคยเคาะประตูห้องกูเลย แต่พอกูด่ามันมากๆว่ามันอ่านหนังสือไม่ออก มันเลยเอาไปติดที่ห้องมัน จะได้ไม่โดนกูด่า “

“ ฮ่าๆ แสบสมเป็นน้องเดย์ “

“ น้องเหี้ย “

“ ก็ว่าน้อง “ ผมบอกมันอีกคนก็ก้มลงคว้าเอากระเป๋าสตางค์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมาใส่ไว้ในกระเป๋าหลัง หยิบกุญแจรถของผมที่ตั้งอยู่ข้างกันขึ้นมาถือ  “ อาฟ เดี๋ยวลงไปหาอะไรกินที่เซเว่นก่อนไปเรียนกัน คงยังทันอยู่ “

“ อื้ม แต่กูไม่กินนะ “

“ ไม่ได้ ต้องกิน อาหารเช้าสำคัญนะ “

“ ปกติกว่าจะตื่นจากนอนแม่งก็ไม่ได้แดกมื้อเช้าอยู่แล้ว แดกเที่ยงไม่ก็เย็นตลอด “

“ ตอนนั้นมันก็ได้ แต่ตอนนี้มันไม่ได้แล้วไง อีกอย่างมึงตื่นแล้วก็กินอะไรเข้าไปสักหน่อย  “ ผมบอกอีกคนตอนที่เดินเข้าไปในลิฟต์กดลงไปที่ชั้นล่าสุด อาฟก็หันมาถาม

“ ทำไมไม่ได้ “

“ ตอนนั้นมึงยังไม่มีคนดูแลจะไม่กินก็ได้ แต่ตอนนี้มึงมีกูคอยดูแลอยู่ เพราะงั้นมึงต้องกิน อาหารเช้ามันสำคัญนะ “ คนที่ยืนข้างๆนิ่งไปตอนที่ผมพูดจบ เผลอคิดขึ้นได้ว่านั่นเป็นคำพูดที่แสดงความห่วงใยออกไปตรงๆเท่าที่เคยพูดกับคนตรงหน้ามาเลยก็ว่าได้.. ก็นะ เราเพิ่งเป็นแฟนกันวันแรกนี่หว่า

ใบหน้าคมที่ค่อยๆยิ้มกับคำตอบของผม อาฟหันกลับไปมองด้านหน้า แต่ผมเองก็ด้วยที่ทำแบบนั้น ไม่รู้มันจะเป็นเหมือนกันรึเปล่า หัวใจที่เต้นแรงจะแทบจะทะลุอกออกมา ทั้งๆที่คนที่ยืนข้างกันก็คนเดิมกับเมื่อวาน แต่วันนี้ทำไมทุกอย่างมันกลับเปลี่ยนไปหมด คำพูดที่เคยฟังแล้วธรรมดา แต่วันนี้ดูเหมือนจะมีความหมายมากขึ้น คงจริงอย่างที่ใครบอก พอสถานะเปลี่ยนทุกอย่างก็จะเปลี่ยน อย่างน้อยตอนนี้อาฟไม่ใช่แค่เจ้านาย เจ้าหนี้ แต่มันขยับเข้ามาเป็นแฟน เป็นแฟนของผม

“ ที่มึงพูด แปลความหมายสั้นๆว่า เป็นห่วง ถูกมั้ย “

“ ไม่รู้ มึงคิดเอาเอง “ ผมบอกปัดอีกคนก็ยิ่งยิ้มกว้าง อาฟเอื้อมมือมาจับมือผม แล้วกุมไว้อยู่แบบนั้น

“ กูไม่เคยตื่นมาทันกินข้าวเช้าเลย ตั้งแต่เรียนมหาลัยมา “

“ งั้นเหรอ “

“ ก็เพิ่งจะวันนี้แหละ “ อาฟเงียบไปก่อนจะยิ้มขึ้นมาเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ “ ไม่สิ เคยกินข้าวต้มตอนเช้าหนนึงเมื่อหลายวันก่อน “

“ ตอนที่ไปกินกับกูใช่มั้ย “

“ ใช่ กูได้กินข้าวเช้าเหมือนคนทั่วไปกับเค้าก็เพราะอยู่กับมึงนั่นแหละ “

“ จะว่าไปนี่ก็มื้อแรกเลยนะ ที่เรากินข้าวเป็นแฟนกัน “ คำพูดที่ทำให้คนข้างๆหันมามองผมอีกครั้ง ผมเองก็หันไปมองมัน หูของอาฟแดงจัดคล้ายๆกับแก้มของผมที่มันก็เป็นแบบนั้น “ หมายถึงก่อนหน้านี้เคยกินแต่เป็นเพื่อนไง “

“ ร้ายว่ะ “ มันพูดสั้นๆคล้ายกับคำสบถ ก่อนจะกระชับมือที่กุมกันไว้ให้แน่นขึ้นไปอีก ผมในตอนนั้นก็เช่นกัน ผมเองก็กระชับมือของอีกคนไว้   “อาหารเช้าในเซเว่นจะมีอะไรอร่อยบ้างวะ “

ทุกอย่างในตอนนั้นเงียบไป แต่อยู่ๆในใจของผมมันก็ตั้งคำถาม การมีแฟนคืออะไรวะ ผมไม่รู้คำตอบที่แน่ชัดหรอก  บางทีความหมายอาจจะเปลี่ยนไปตามความรู้สึกก็ได้ แต่ถ้าถามตอนนี้ว่ามันคืออะไร คงตอบได้ว่า การมีแฟนคือการที่เรามีใครสักคนอยู่ข้างๆเรา คอยดูแลเราแล้วเราก็คอยดูแลเค้าละมั้ง .. ก็รู้สึกว่าตัวผมกับอาฟเป็นอะไรแบบนั้นให้กันและกันอยู่
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 19 :: up! 6-5-61} #หน้า 11
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 11-05-2018 21:05:12

“ กินขนมจีบอะไรดี “ เอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆและเหมือนจะไม่มีความเห็นอะไรทั้งนั้น อาฟเดินไปที่ตู้แช่แข็งมันที่ไล่สายตามองไปรอบๆ

“ จะกินแซนวิชเหรอ “ ผมเดินเข้าไปยืนใกล้ๆก่อนจะเอ่ยถามมัน แต่อาฟกลับไม่ได้ตอบอะไร มันแค่เอื้อมมือข้างนึงมากอดคอผมก่อนจะใช้มืออีกข้างหยิบถุงซาลาเปาหมูแดงเป็นถุงขึ้นมาเทียบหน้าผม

“ หน้าเหมือนมึงเลย “

“ ไอ้สัด “ ดึงซาลาเปาลูกนั้นออกจากมือมันแต่อีกคนกลับหลบทัน อาฟที่ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะหัวเราะกับใบหน้างอง้ำของผม “ ตลกมากรึไง “

“ ก็ขำอยู่นะ ดูดิ “ มันชูซาลาเปาถุงนั้นขึ้นมา “ขาวๆกลมๆ ปากแดงๆเหมือนไส้หมูแดงตรงนี้เลย “

“ มึงว่ากูหน้ากลมเหรอ กูมีคางนะ “ จับคางตัวเองให้อีกคนดู อาฟก็หันมามองผมด้วยสายตาที่แปลความรู้สึกไม่ค่อยออก จะว่ายังไงดีเข้าข้างตัวเองไปมั้ยถ้าจะบอกว่า มันกำลังเอ็นดูท่าทางของผมที่กำลังเถียงมัน

“ แก้มเยอะ “ มันพูดสั้นๆผมก็รีบดูดแก้มเข้าไปก่อนจะพูดทั้งที่ทำหน้าแบบนั้น

“ ม่ายมีเว้ย “ แล้วนั่นก็ทำให้อีกคนหลุดยิ้มกว้างออกมา มันทำทีเป็นหันไปทางอื่นเหมือนพยายามจะกลั้นยิ้มของตัวเองไว้ ไม่อยากจะยิ้มให้ผมเห็นมากเท่าไหร่ แล้วตอนที่มันหันกลับมาอาฟก็พูดแค่สั้นๆด้วยรอยยิ้มมุมปากของมัน

“ มึงแม่ง น่ารักว่ะไอ้สัด “ แก้มที่ถูกดูดไว้คลายออกทันทีตอนได้ฟัง เป็นครั้งแรกที่ถูกชมเหมือนโดนด่าแต่กลับเขินซะอย่างงั้น 

        ผมหันกลับเข้าไปมองที่ตู้ คนที่เดินเข้ามาในเซเว่นต้องหาบ้าแน่ๆที่ผมกำลังยิ้มให้แซนวิชที่ยังไม่ได้อบกับซาลาเปาแบบถุงพวกนั้น

“ แล้วตกลงมึงจะกินอะไร “ ทำทีเป็นเปลี่ยนเรื่อง อาฟก็เอาซาลาเปาหมูแดงที่ถือวางไว้ที่เดิม

“ มึงว่าอะไรอร่อยก็เอาอันนั้น กูกินได้ทั้งนั้น “  ผมเผลอถอนหายใจออกมาเบาๆตอนที่ได้ยินอีกคนพูดแบบนั้น
 
              ในชีวิตนี้สิ่งที่ผมเบื่ออย่างนึงเลยคือ การซื้ออาหารให้คนอื่นแล้วพอถามว่ากินอะไร อีกฝ่ายจะตอบแค่ว่า อะไรก็ได้ ...และหนึ่งในคนที่ทำให้ผมรู้สึกเกลียดคำนี้มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นแฟนเก่า 

          ในสารบัญของผู้ชายคนนั้น คำว่ากินอะไรก็ได้ก็คืออาหารที่เค้าอยากจะกินให้วันนั้นแล้วผมก็ต้องเดาให้ถูก ครั้งนึงจำได้ว่าผมก็ถามแบบนี้ ว่าอยากกินอะไร อีกคนที่ตอบว่าอะไรก็ได้ ผมเลยซื้อแซนวิชไปให้สุดท้ายทะเลาะกันเพราะอีกคนบอกว่าไม่อยากกิน แล้วจะบอกว่า กินอะไรก็ได้ เพื่อ..

“ เลือกมาสักอย่าง แซนวิช ซาลาเปา ขนมจีบ จะเอาอะไร “

“ มึงกินอะไร “

“ จะกินขนมจีบสองไม้แล้วก็ซาลาเปาหมูแดงสักลูก “

“ งั้นเอาเหมือนกัน “ อาฟบอกแค่นั้นก่อนจะเดินไปที่ชั้นขายนมที่มีอยู่หลายรส แต่เหมือนสายตาคมจะสนใจนมรสช็อกโกเล็ตขวดนึงเป็นพิเศษ

“ เช้าๆกินนมดีกว่ากาแฟนะ “ เอื้อมมือไปหยิบขวดนมช็อกโกเล็ตที่อยู่ข้างๆอีกคนก็หันมามอง “ มีอะไร จะกินแบบเดียวกับกูเหรอ “

“ ปกติชอบกินยี่ห้อนี้ไม่เหรอ “ มันชี้ไปที่ขวดที่มันมองอยู่ก่อนหน้านี้ จะบอกยังไงดีว่ะ ว่าตั้งแต่เลิกกับไอ้บินมา ผมไม่คิดจะแตะต้องมันอีกเลย คล้ายกับนมนี่มันก็เป็นส่วนนึงของความทรงจำแย่ๆไปแล้ว จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่ได้กินอาฟก็เป็นคนซื้อให้วันที่บอกเลิกกับบินจริงจัง แต่ตอนนั้นกินเพราะอีกคนซื้อให้ แต่เดี๋ยวนะ..

“ มึงรู้ได้ยังไงว่ากูชอบกินนมยี่ห้อนี้ “ อาฟชะงักไปตอนที่ผมถาม มันหันไปมองทางอื่นทำทีเป็นก้มอ่านนมรสอื่น แบบไม่สนใจคำถามของผม “ อาฟ กูถามว่ารู้ได้ยังไง “

“ เดา “

“ ตอแหล “ ผมสวนกลับอย่างที่ตัวเองรู้สึก ตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว ตอนนั้นคิดว่าแค่บังเอิญที่อีกคนซื้อมาให้ แต่วันนี้มันที่ถามออกมาแบบนั้นแสดงว่าต้องรู้  “มึงรู้เหรอ รู้ใช่มั้ย “

“ รู้ “  อีกคนบอกก่อนจะทำท่าคิด  “ ก็ครั้งที่แล้วกูซื้อให้แล้วมึงเคยบอกว่า เมื่อก่อนกินทุกวัน คนเรากินทุกวันก็ต้องชอบ ถูกมั้ย “  พยักหน้ารับคำอธิบายของอีกคนที่คว้าเอากาแฟแบบพร้อมดื่มขึ้นมา อาฟเดินนำไปที่เค้าเตอร์คิดเงินก่อนจะหันมาบอกผม “ จ่ายเงินได้แล้ว อยากไปเรียนสายรึไง “

“ แต่ว่า..”  หยุดคำถามที่จะถามอีกคนไว้แค่นั้นเพราะเห็นมันกำลังคุยกับพนักงานที่กำลังคิดเงิน ทำไมถึงรู้สึกว่าไม่ใช่แค่นั้นแม้เหตุผลมันจะดูน่าเชื่อ แต่ก็รู้สึกว่าไม่ได้มีอะไรแค่นั้น

“ ซาลาเปาเวฟมั้ยคะ “

“ เวฟครับ “ ผมบอกพนักงานก็พยักหน้ารับ

“ รับซาลาเปาไส้ครีมเพิ่มมั้ยคะ เพิ่งออกใหม่ลดราคาด้วยค่ะ ปกติราคา 18 บาท ตอนนี้ลดเหลือ15 บาท “

“ ไม่ครับ มีแล้ว “ อาฟปฎิเสธก่อนจะชี้นิ้วมาทางผม ที่ก็หันไปกัดนิ้วมันแต่อีกคนหลบทัน

“ ส้นตีน แกล้งกูอยู่ได้ ไอ้สัดอาฟ “

เดินหิ้วถุงเซเว่นกลับมาที่ลานจอดรถใต้คอนโด ประตูรถที่ถูกปลดล็อคผมเดินเข้าไปนั่งด้านใน ลืมความสงสัยทุกอย่างก่อนหน้านี้ไปเมื่อได้กลิ่นหอมๆของซาลาเปาที่อุ่นเสร็จใหม่ๆ ขนมจีบลูกโตๆผมดึงไม้เสียบออกมา ผมเป็นคนไม่กินขนมจีบกับซอสเปรี้ยวหรือที่เค้าเรียกกันว่าจิ๊กโฉ่วอะไรนั้น ผมชอบกินขนมจีบแบบไม่จิ้มอะไรรู้สึกว่ามันได้รสชาติมากกว่า

“  นี่จะกินในรถ “ คนขับสตาร์ทรถแล้วเคลื่อนตัวออกไปจากช่องจอดเอ่ยถาม ผมที่จิ้มขนมจีบเข้าปากก็พยักหน้ารับพลางเคี้ยว

“ แล้วมึงจะให้กูไปกินที่ไหนอะ รอให้ถึงมหาลัยมันก็เย็นแล้วก็ไม่อร่อยอะดิ “

“ รู้อะไรมั้ยเค้าไม่ได้กินอาหารบนรถนะ “

“ ทำไมอะ “ ถามออกไปแต่มือก็จิ้มขนมจีบแล้วเอายัดใส่ปากอีกคน ที่ถึงแม้จะบ่นแต่ก็ยังเคี้ยวไม่หยุดปาก

“ เออ อร่อยดีวะ “

“ ใช่มั้ย ขนมจีบกุ้งกับปูของเซเว่นอร่อยสุดเลย กูชอบ “

“ ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง “ อาฟบอก ผมก็ได้แต่ถอนหายใจอยากจะเถียงมันเหมือนกันแต่ก็ได้แค่พูดออกไปเบาๆในตอนนั้น

“ ใครกันแน่วะ ที่เปลี่ยนเรื่อง “

“ ใครเค้ากินอาหารในรถกัน รู้มั้ยถ้ามันเศษอาหารตกลงไปมดมันจะมาทำรังอยู่ในรถมึงนะ ทำรังอยู่ใต้เครื่อง กัดสายไฟ ต้องดึงบนเบาะขึ้นมาล้างเสียค่าล้างหลายตังค์นะกูบอกไว้ก่อน ไหนจะค่าสายไฟอะไรอีกต้องเช็คว่าอะไรเสียหายบ้าง “

“ ขนาดนั้นเลย “ รู้สึกไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่อีกคนก็หันมายกยิ้ม

“ จะลองดูก็ได้ เดี๋ยวกูพามดมาปล่อยให้สักห้าสิบตัวเป็นไง เผื่อมึงจะอยากมีหนี้เพิ่ม “

“ ไม่ต้องเสือกเลย “ ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันส่ายหน้าไปมาก่อนจะยื่นขนมจีบชิ้นไปให้กินอีก “ แต่ถ้ากินระวังๆ มันก็ไม่มีใช่มั้ย กูกลัวอะ กูไม่ชอบมด“

“ อย่าให้หก “

“ โอเค อย่าให้หก “ พยักหน้ารับก่อนจะกินขนมจีบไปเรื่อย สลับสับเปลี่ยนกับการป้อนคนข้างๆที่ไม่ว่าจะยื่นอะไรให้กิน ก็กินมันทั้งหมดแบบไม่เรื่องมากให้ต้องรำคาญ แต่จะว่าไปตั้งแต่รู้จักกันมาอาฟเป็นคนที่กินง่ายที่สุดตั้งแต่ในชีวิตนี้เคยรู้จักใครมาเลย เป็นคนที่บอกว่ากินอะไรก็ได้ ก็คืออะไรก็ได้จริงๆ

“ กินซาลาเปาเลยนะ “ แกะซาลาเปาออกจะถุง เป่าเบาให้มันหายร้อนก่อนจะยื่นไปให้อีกคนที่ขับรถอยู่ ผมเอาถุงมารองไว้ด้วยเพราะกลัวหก นั่งกินอาหารเช้าในรถที่ค่อนข้างติด ผมมองออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วตอนที่ติดไฟแดงก็เลยยื่นซาลาเปาลูกนั้นให้มันกินเอง “ อะ กินเอง “

“ ขับรถอยู่ “

“ ติดไฟแดงอยู่กินเองได้ เอา “ อาฟยังนิ่งตอนที่ผมยื่นซาลาเปาไปให้ “ อาฟ “ พอโดนเรียกซ้ำอีกคนก็หันมาแต่อย่าคิดว่าจะเอาไปกินง่ายๆ มันแค่ก้มลงมากัดซาลาเปาที่ผมถืออยู่ก่อนจะหันไปมองข้างหน้าแล้วเคี้ยวแบบสบายใจ

“ เจาะกาแฟให้หน่อย “

“ กินเองไม่ได้รึไง “

“ มือจับพวกมาลัยอยู่ไม่ว่าง “ อ้างออกมาแบบนั้น ผมก็ได้แต่ถอนหายใจหน่ายๆกับความปากแข็งของมัน คือก็คงอยากจะให้ป้อน แต่ถ้าพูดออกมาตรงๆ พี่เค้าก็คงกลัวจะเสียฟอร์ม

“ เรื่องเยอะ “ ผมบ่นแต่ก็ทำตามที่อีกคนสั่ง แต่คิดในแง่ดี แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมคิดว่าตัวเองคงเอาแต่หน้าแดงถ้ามันพูดออกมาตรงๆด้วยสีหน้าอ้อนๆว่า ‘ ป้อนหน่อย ‘

                เจาะกาแฟส่งให้อีกคนแต่ก็ยังคงคอนเซ็ปเป็นง่อยและไม่ยอมถืออะไรเองทั้งนั้น อาฟผละริมฝีปากออกจากหลอด ผมก็วางแก้วกาแฟของมันลงตรงที่วางแก้ว สลับมาเจาะนมของตัวเองขึ้นกินบ้าง อาฟหันมามองผมกินนมช็อกโกเล็ตของตัวเองตอนที่ผละหลอดออกจากปากแล้วยื่นให้มันไป ผมคิดว่ามันอยากจะกินแต่เปล่า อีกคนแค่ส่ายหน้าไปมาเท่านั้น

“ เห็นมอง คิดว่าอยากกิน “

“ ทำไมไม่กินนมยี่ห้อเดิมที่ชอบ “ เอียงหน้ามองดูนมยี่ห้อใหม่ที่ถืออยู่ในมือ

“ นมยี่ห้อนั้นไอ้บินเคยซื้อให้กูตอนจีบกัน มันซื้อฝากเพื่อนในชมรมมาให้กูทุกวัน ตอนแรกกูคิดว่ามันเป็นนมที่อร่อยที่สุดเลย ยึดติดว่าไม่กินยี่ห้ออื่นเด็ดขาดจะกินแค่ยี่ห้อนี้ต่อให้ยี่ห้ออื่นอร่อยกว่า กูก็จะกินแค่อันนี้เพราะว่ามันมีความทรงจำที่ดีอยู่ “ ก้มลงมองดูขวดนมที่ไม่ใช่ยี่ห้อที่กินประจำในมือ “แต่ว่ากูว่ากูยึดติดเกินไปชีวิตกูเลยต้องเป็นแบบนี้ บางทีถ้าไม่อร่อยก็ไม่จำเป็นต้องทนแดกหรอก ยี่ห้อใหม่อันนี้อร่อยกว่าตั้งเยอะ “ ชูขวดนมที่ถืออยู่ให้คนข้างๆดู ผมที่สบตาอีกคนไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า แต่เหมือนความเจ็บปวดฉายออกมาจากแววตานั้น “ อาฟ..”

“ ถามอะไรอย่าง “

“ ว่า “

“ ที่ตอนนั้นอดทนรักไอ้บินมาตลอด เพราะคิดว่ายังไงมันก็เคยรักมึงถึงขนาดขั้นส่งนมให้มึงทุกวันรึเปล่า “

“ ก็แค่เป็นหนึ่งในเหตุผล ที่มีอีกหลายๆเหตุผล “

“ เช่น “

“ ทำไมเราต้องมาคุยกันเรื่องนี้ด้วยวะ “ ผมหันไปอีกทาง รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่ต้องเรื่องแฟนเก่าให้แฟนใหม่อย่างมันได้รู้ ผมไม่ได้ปิดบังแค่กลัวว่ามันจะรู้สึกไม่ดี

“ ถามก็แค่ตอบ “ คำเดิมๆที่มันชอบพูดตอนที่ถามอะไรแล้วผมไม่อยากตอบ

“ กูไม่อยากตอบ ยังไงตอนนี้เหตุผลพวกนั้นก็ไม่สำคัญอะไรแล้วไม่ใช่เหรอ ถึงตอนนั้นมันจะมีเหตุผลอะไรมากกว่านมยี่ห้อนั้น แต่ไม่ว่าอะไรตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรสำคัญแล้ว กูเลิกกับมันแล้ว และกูก็มีแฟนใหม่แล้ว “ หันไปมองมันอีกคนก็หันมามองตาม ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปจัดทรงผมให้อีกคนที่เหมือนว่าทรงที่เซ็ตไว้จะมีผมบางเส้นหลุดออกมานอกแถวอยู่หน่อยๆ “ เรื่องในอดีตที่รู้แล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ แถมยังทำให้รู้สึกไม่ดี มึงจะอยากฟังไปทำไม สิ่งสำคัญมันอยู่ที่วันนี้ไม่ใช่เหรอวะ “ มองหน้าอีกคนที่ค่อยๆระบายยิ้มจางๆออกมา แววตาที่ดูสดใสขึ้นนั้น อาฟคงเข้าใจในสิ่งที่ผมอยากจะบอกมัน “ ตอนนี้กูเป็นแฟนมึง เรารักกัน แล้วนี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด “ 

“ อยากจูบมึงเลยว่ะ “ อีกคนพูดสั้นๆ ตอนนั้นผมก็ได้แต่นิ่งแล้วเอาแต่กัดริมฝีปากด้านในของตัวเองอยู่เบาๆ มีคำถามนึงที่ผมคิด ขึ้นมาได้ในตอนนี้ คือถ้าพูดออกไปว่า ‘ แล้วใครห้าม ‘  มันจะดูว่าผมอ่อยอีกฝ่ายเกินไปมั้ย

หันไปมองสัญญาณจราจรที่อยู่นอกรถตอนนี้มันกำลังนับถอยหลังเข้าสู่ช่วงเจ็ดสิบวินาทีสุดท้าย หันกลับมามองอาฟอีกครั้งสลับกับไฟจราจรอีกหน

“ เหลืออีกหกสิบวิแล้วจะทันเหรอ “

“ ถมเถไป “ อีกฝ่ายตอบก่อนจะดึงตัวเข้ามาใกล้

จูบครั้งที่สองของเราเกิดขึ้นที่ในรถ ริมฝีปากที่แนบสนิทลงมา ผมชอบเวลาที่อีกคนจูบลงไปหนึ่งครั้งแล้วผละออกก่อนจะเริ่มจูบจริงๆในครั้งที่สอง ราวกับว่าถูกขออนุญาต อาฟเป็นคนนุ่มนวลในช่วงเวลาแบบนี้จนผมรู้สึกว่าถ้าตัวเองเป็นน้ำแข็งก็คงไม่พ้นละลายกลายเป็นน้ำได้ภายในไม่กี่วินาที

ความรู้สึกอบอุ่นของลิ้นและริมฝีปากที่กำลังกอดเกี่ยวสิ่งเดียวกันชวนให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ถ้าให้เปรียบเทียบจูบของอาฟเป็นของหวานที่ผมชอบ คงหนีไม่พ้นบราวนี่ร้อนๆที่ออกมาจากเตา รสชาติเข้มข้นแบบผู้ใหญ่แต่ถึงอย่างงั้นเวลาตักเข้าไปตรงกลางก็ยังมีความลาวาของซอสช็อกโกเล็ตหวานๆเอาไว้เหมือนเป็นความเอาแต่ใจแบบไม่มีที่สิ้นสุดแบบเด็กๆชอบ แล้วตอนที่ผละออกจากกัน อาฟจะจูบผมอีกครั้ง ราวกับแสดงความขอบคุณที่ให้จูบนี้กับมัน


ก็หวังว่าคำตอบตกลงของผมที่เชิญให้มันจูบ จะดูไม่แรงเกินไป

...................................................................................


เนื้อหาที่ดูไม่ค่อยได้สาระอะไรนั้น..มีแต่ความหวานเบาๆ 
ของคนเป็นแฟนกันหมาดๆ เมดก็ไม่แบ๋ว มีความแอบเปรี้ยวนิดๆหน่อยๆ 
แอบชอบความคิดของเมดที่บอกว่า ไม่ว่าตอนนั้นเป็นยังไงก็ไม่สำคัญแล้ว  น้องเป็นแฟนพี่อาฟ และนี่ก็สำคัญที่สุด มันเป็นคำพูดของคนที่พูดออกมาจากใจ โดยไม่รู้ว่า คำพูดนั้นมีพลังมหาศาลกับใจที่บอบซ้ำของพี่อาฟ ช่วยให้มีความสุขขึ้นมาฉับพลับ แต่ว่าถ้าเกิดรู้ความจริง คนที่บอกว่า ปัจจุบันสำคัญสุดจะเป็นยังไงหนอ... 
เจอกันตอนหน้า ตอนหน้าที่มีสาระกว่านี้ 
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่า 

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 11-05-2018 21:55:38
 :pig4:  :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 11-05-2018 21:56:18
อาฟกวนตีนแต่น่ารัก  :mew1:

เขิลลลตอนเค้าหยอกกัน  :-[

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 11-05-2018 21:59:27
น่ารักมาก
สวีทหวานมดขึ้นรถ
ชอบขั้นตอนการจูบมาก
สุดสุด

ถ้ารู้เรื่องนม ไม่น่าเข้าใจยาก
เชียร์ต่อไป รักกันๆ
 :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 11-05-2018 23:21:34
ถึงตอนนั้นเมดจะเสียใจหรือโทษตัวเองหรือโกรธตัวเองมั้ยนะ
ที่เสียเวลาเข้าใจผิดรักคนผิดจนต้องช้ำใจมาตั้งนาน

ความป้อนขนมจีบมุ้งมิ้ง จูบหวานๆปิดท้ายมื้อเช้านี่มันอัลไล~
/มดขึ้นที่ไม่ได้มาจากเศษอาหารหล่นบนรถแต่อย่างใด  :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 11-05-2018 23:42:48
ชอบอาฟ กับความใส่ใจของทั้งคู่  หวานๆแต่ไม่เลี่ยนชอบ  :mew1:

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-05-2018 23:59:46
พอเป็นแฟนกันก็อ้อยเรี่ยราดเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-05-2018 02:52:55
สงสารนมช็อคฯ ยี่ห้อนั้นจังเลย อยู่ดี ๆ ก็ถูกยกเลิกการกินซะงั้น นี่ถ้ารู้ความจริงจะกลับมากินใหม่ไหมนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 12-05-2018 07:01:17
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 12-05-2018 07:34:58
 :-[ เขินแทนนนนนน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 12-05-2018 09:35:30
 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 12-05-2018 10:07:29
มดมันขึ้นไม่ใช่เพราะขนมแต่เป็นเพราะคนเขาหวานกันจ้างานนี้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-05-2018 10:20:41
 :-[ :-[ :-[ :-[

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-05-2018 11:31:13
อ่อยได้ไม่เป็นไรแฟนเราเอง หวานๆๆ :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 12-05-2018 17:10:00
 :-[ เขินมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-05-2018 18:37:04
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 12-05-2018 22:40:20
แต่แอบอยากให้เมดรู้อ่ะ ว่าใครเป็นคนให้นมจริงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 13-05-2018 00:09:33
 :really2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-05-2018 08:17:06
ฟินอ่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 13-05-2018 16:55:38
ผู้ชายห่ามๆ บทจะหวานก็น่ารักนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 13-05-2018 20:25:10
โอ้ยยย มด มันขึ้นแล้วไม่ต้องเอามาปล่อยหรอกจ้าาา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 18-05-2018 20:29:59
ตอนที่ 21

   เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องเรียนหลังจากที่ย้ำกับคนมาส่งประมานสามรอบว่า ไม่ว่าจะไปไหนแต่ขับรถถึงที่หมายเมื่อไหร่ให้ไลน์มาบอกด้วย แล้วก็ห้ามอ่านข้อความที่ไม่ว่าใครก็ตามส่งมาในตอนที่กำลังขับรถ ให้ติดไฟแดงค่อยอ่าน มันที่พยักหน้ารับแต่ในความรู้สึกของผม ก็คงจะไม่ฟังกันเท่าไหร่หรอก อาฟก็คืออาฟเป็นคนที่แปลความห่วงใยของผมไม่ค่อยออก

หย่อนตัวเองลงนั่งที่เก้าอี้เล็คเชอร์ ผมนั่งติดขอบริมทางเดินตรงแถวที่ว่าง หยิบมือถือในกระเป๋าขึ้นมาปิดเสียง ก่อนจะเปิดดูแอปต่างๆที่ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งเตือนอะไร แม้แต่น้องชายตัวเองที่เวลานี้ควรตื่นมาอาบน้ำไปเรียนได้แล้วแต่ก็ยังคงเงียบสนิท

“ โดดเรียนอีกแน่ๆ ไอ้วิว “ พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าโหลดโปรแกรมใหม่ๆมาใส่ไว้ในหน้าจอของมือถือ

“ นี่ๆ เมื่อกี้เห็นมั้ย ผู้ชายคนนั้นอะ หล่อมากเลย ไม่รู้คณะไหน “ เสียงของผู้หญิงที่เดินเข้ามาแล้วนั่งอยู่ที่แถวหลังผมพูดขึ้น ก่อนที่เสียงตอบรับอีกเสียงจะทำให้ผมรู้ว่า ตอนนี้มีผู้หญิงสองคนแล้วที่นั่งอยู่ข้างหลัง

“ คงไม่ใช่คณะเรา จะเด็กมหาลัยเรารึเปล่าก็ไม่รู้เลย ”

“ คงไม่ใช่ เพราะถ้าเด็กมหาลัยเราคงดังแล้วละ หน้าตาอย่างงั้นอะ “

“ ต้องมาคอยแฟนแน่เลยวะ “

“ มีความเป็นไปได้สูง “ ประโยคสนทนาที่ผมสนใจจบลง คำถามแรกที่ผุดขึ้นในสมองผมคือ ‘ ใครวะ ’ และคำตอบของคำถามที่ผมถามตัวเองก็มีหน้าของคนที่มาส่งลอยเข้ามา ผมเผลอยิ้ม คงไม่ใช่ไอ้อาฟหรอก ผมส่ายหน้าไปมา ก็รายนั้นตอนนี้คงขับรถไปหากาแฟกินสักแก้ว ไม่ก็คงขับรถกลับคอนโดไปนอนแล้ว

กดเข้าโปรแกรมแชทที่อยู่ตรงหน้าจอ แชทแรกที่ผมปักไว้บนสุดอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ห้าตัว AFTER เขียนไว้ว่าอย่างงั้น

[ ถึงไหนแล้ว ] ข้อความที่ถูกส่งไปขึ้นมาอ่านทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบกลับมา

[ หน้าคณะมึง ] นิ่งไปสักพักตอนได้อ่าน สรุปว่าคนที่สองสาวด้านหลังผมชมไม่ขาดปากก็คือไอ้อาฟเหรอวะ ผมเผลอยิ้มมีความภูมิใจขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังเถียงกับตัวเองในใจแบบไม่ยอมแพ้ หน้าตาแบบนั้นหล่อตรงไหนวะ กูยังหล่อกว่า

[ แล้วทำไมกลับมานั่งหน้าคณะกูได้ ตอนแรกคิดว่าจะกลับห้อง ]

[ รถติด เสียเวลา ค่อยกลับพร้อมมึง ]

[ แล้วนั่นก็นั่งอยู่เฉยๆ ]

[ มึงจะให้กูทำอะไร ]

[ ก็เปล่า ] ตอบไปแบบนั้น ผมมองหน้าจอที่ขึ้นว่าอ่านแต่อีกคนไม่ได้ตอบกลับอะไรมาอีก  อยากจะบอกให้มันกลับไปนั่งในรถนู้นไม่ต้องมานั่งโชว์สาวหน้าคณะผมหรอก หมั่นไส้ ป่านนี้คงนั่งแจกยิ้มแบบเท่ห์ๆให้สาวที่เดินผ่านไปมามาไปทั่วแล้วมั้ง แต่แค่ก็คิดก็หงุดหงิดละ ไม่ชอบเลยอะไรแบบนี้

[ เป็นอะไร ] ข้อความถูกส่งมาหลังจากผ่านไปสักพัก คิดว่ามันคงมองอยู่ตลอดก่อนจะตัดสินใจส่งข้อความนี้มาถาม

[ เปล่า ] ผมโกหกอีกคนไป บอกไม่ได้หรอกว่ากำลังรู้สึกหงุดหงิดเพราะแค่ไม่ชอบให้สาวคนไหนมามองมัน เดี๋ยวแม่งจะหาว่างี่เง่า [ แล้วไม่ง่วงเหรอวะ กลับไปนอนที่รถสิ ]

[ ยังไม่อยากตาย ]

[ ก็ไม่ต้องเปิดเครื่อง เปิดหน้าต่างแทน ]

[ ร้อน ]

[ เรื่องมาก ] ผมเถียงกลับ

[ แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไร ดูวุ่นวายกับชีวิตกูจัง ] ส่งสติกเกอร์ไม่สบอารมณ์ไปให้มันแทนความรู้สึกสำหรับคำถามนั่น อาฟก็ถามกลับมา [ ทำไม มีอะไร ไม่อยากให้คนมามองกู ? ]

[ คนมองมึงเยอะเหรอ ]

[ หึง พิมพ์แบบนี้ ]

[ กูไม่ได้หึง! อย่าหลงตัวเอง ไอ้สัด ] แอบยิ้มอยู่กับหน้าจอในตอนที่พิมพ์ตอบอีกคนไป เดาได้ว่าอาฟก็คงจะเป็นอย่างงั้น คงกำลังยิ้มอยู่เหมือนกันแน่ๆ แต่อาฟก็ยังคงเป็นอาฟ เป็นคนที่โคตรกวนตีนแล้วชอบแกล้งกันอยู่ตลอด แล้วยิ่งรู้ว่าผมไม่สบอารมณ์กับคนอื่นที่มามองมันแล้ว ก็ยิ่งเข้าทาง

[ เหรอ แต่คนก็มองเยอะอยู่ สาวๆคณะมึงก็หน้าตาดีเหมือนกันนะ ]

[ สวัสดีอารยะ นี่มิณทร์เอง แฟนมึง ] ก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนขี้หวงนิดหน่อย มองให้มันเป็นเรื่องน่ารักก็คงน่ารัก แต่คงไม่ใช่กับไอ้สัดอาฟ รายนั้นเหมือนมีความสามารถพิเศษที่ทำให้ผมหัวเสียได้ตลอดทุกสิบวินาที แม้จะไม่เห็นหน้ากันก็ตาม

[ ไม่รู้จักครับ ]

[ สัด เกลียดมึง ไอ้เลวววว ] ผ่อนลมหายใจออกมาผมกดส่งสติกเกอร์ร้องไห้ไปให้มันอีกคนก็แซว

[ คิดว่าน่ารักมากมั้ย สำหรับสติกเกอร์มึง ]

[ น่ารักสิ ได้มาตอนลดราคาสิบเหรียญ ] บอกมันอวดๆแต่คนปากหมาก็คือคนปากหมา

[ ดูมึงจนๆ ]

[ เรียกว่าใช้เงินเป็น มันคือนิสัยของคนจะรวยในอนาคต ] ผมเถียง

[ เพ้อเจ้อ ไปตั้งใจเรียน ]

[ บอกก่อน คนมองเยอะมั้ย ] ก็ยังวอแวกับเรื่องที่อยากรู้ไม่มีที่สิ้นสุด จนรู้สึกลึกๆแล้วว่าตัวเองก็เริ่มน่ารำคาญหน่อยๆ แต่จะไม่ถามก็ไม่ได้ จะให้นั่งไม่รู้สึกอะไรก็ไม่ได้ เพราะมันกำลังรู้สึก รู้สึกว่าไม่อยากจะให้ใครมองมัน กลัวมีคนสวยๆเข้ามาคุยกับมัน คนในแบบที่มันชอบ อย่างที่เคยเป็นมาตลอด

[ เยอะ ]

[ ขอความจริง ]

[ เยอะ ]

[ กูไม่โอเคว่ะ ] บอกอีกคนไปตามความจริงแบบไม่อ้อมค้อม อยากจะเสนอหนทางให้มันขับรถออกไปนอกมหาลัยผมเสียเดี๋ยวนี้แต่อีกคนเหมือนจะไม่เข้าใจ แต่ไม่หรอก คิดว่าอาฟมันคงเข้าใจแหละพูดออกมาตรงๆขนาดนั้น แต่คงคิดแค่ว่าไร้สาระเกินไป

[ เรื่อง ]

[ คนมองมึง ]

[ ไร้สาระ ] นั่นไง..เดาผิดที่ไหน

[ หวง ] ไม่รู้อะไรดลใจให้พิมพ์ออกไปตรงขนาดนั้น ผมอยากจะลบแต่เหมือนจะไม่ทัน มันขึ้นมาอ่านแล้ว

[ ปัญญาอ่อน มึงมีแฟนหล่อต้องทำใจ ]

[ ทำใจมาแค่เรื่องมีแฟนเหี้ย ] หลุดหัวเราะกับประโยคที่พิมพ์ ให้เดาว่าคนอ่านคงกำลังหน้าเหวอแน่นอนตอนที่อ่าน

[ มึงเรียนอยู่ห้องไหน ]

[ ถามทำไม ]

[ กูจะขึ้นไปต่อยสักที ]  ยิ้มกว้างกับความโกรธของมันผมแซว

[ อย่าทำตัวไร้การศึกษาสิอารยะ ไม่น่ารักเลยนะ ]

[ ไว้ให้แฟนกูทำ เรื่องน่ารักเก่งมันไม่ใช่หน้าที่กู ] 

[ คือจะบอกว่าแฟนน่ารักงั้นสิ ]

[ หน้าตาแบบ พาเข้าวัดแล้วหมาไม่เห่า มากสุดคือหมาวิ่งเข้าหาเพราะคิดว่าเป็นซาลาเปา หมาอยากกิน ]

[ สัด กวนตีนนักนะมึง ] หมดกันความเขินใดๆที่กำลังรู้สึก ผมผ่อนลมหายใจออกมาทำได้อยากจะบีบคอให้ผ่านข้อความไป คนเหี้ยอะไรชอบพูดให้กูเขินแต่สุดท้ายแม่งก็กวนตีนกลับ

[ ไปตั้งใจเรียน ] อาฟส่งข้อความเหมือนจะปิดท้ายการสนทนามา ผมก็ส่งสติกเกอร์งอแงไปให้มัน

‘ ขี้เกียจเรียนเว้ยอยากจะกลับบ้านไปนอน ’  ยิ้มผ่านหน้าจอตัวเองไปเริ่มปลงๆและไม่ได้คิดมากกับเรื่องอะไรพวกนั้นแล้วแต่แค่อยากงอแงกับมันเฉยๆ ตามประสาคนขี้เกียจจะเรียน  แต่เหมือนอีกคนจะเข้าใจเป็นอย่างอื่น

[ ใครจะมองก็มองไป กูมองแค่คนนี้ @minmade พอใจยัง ]

หลุดยิ้มกว้างออกมา ผมฟุบลงกับโต๊ะที่นั่งมองดูข้อความนั้นก่อนจะส่งหัวใจสีแดงดวงนึงไปให้มันเป็นการตอบกลับข้อความที่ก็ไม่ต้องพูดอะไรมากแต่อีกฝ่ายก็คงจะรู้ดี อาฟส่งหัวใจกลับมาให้ผมเหมือนกัน หัวใจสีฟ้าพร้อมด้วยข้อความแบบที่มันชอบทำ

[ หัวใจสีฟ้าสวยดีเลยกดผิด ] ก็ไม่เคยจะทำอะไรที่มันตรงใจหรอก ไม่รู้จะเก็กไปถึงไหน

[ เบื่อมุกมึงไอ้สัดอาฟ ] ผมบอกก่อนจะส่งอีโมจิแลบลิ้นไปให้อีกตัว  ก็ชอบนั่นแหละ ถึงจะบวกกับความหมั่นไส้ในตัวมันนิดๆหน่อยๆก็ตาม 

“ พวกมึง คือกูเจอพี่อาฟเจ้าของผับ throw up นั่งอยู่ที่หน้าคณะเรา “ เสียงตะโกนบอกเพื่อนของสาวคนนึงที่เดินตรงเข้ามาหาเพื่อนกลุ่มด้วยสายตาตกใจผสมดีใจอยู่ไม่น้อย “ คือหล่อมากอีเหี้ยย แล้วประเด็นคือใส่แค่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสีดำอะ แต่หล่อแล้ว คือไรวะ “ ผมยกยิ้มกับคำพูดนั้น หน้าแก่ขนาดไหนก็ลองถามใจตัวเองดูนะอาฟ .. ใครๆเห็นหน้าก็เรียกมึงพี่ทั้งนั้น

“ เหรอวะ อยากเห็นอะ กูลงไปจะทันมั้ย “ เพื่อนคนที่นั่งฟังทำทีจะลุกขึ้นแต่เพื่อนคนที่เข้ามาใหม่ก็ยกมือห้ามไว้

“ มึงไม่ต้อง ฟังกูพูดก่อน คือตอนที่กูกำลังยืนมองพี่เค้าด้วยการทำทีเป็นซื้อน้ำอยู่นั่น มันมีชะนีนางนึงเดินไปหานางจ้า “

“ มั่นมาก “

“ ใช่มั้ย แต่ไม่หมดเท่านั้น จุดพีคคือ นางจีบพี่อาฟค่า นางถามพี่เค้าว่าพี่อาฟมาทำอะไรที่นี่ นางนั่งด้วยได้มั้ย อ่อยมากจ้า กูกลัว “ มือที่ยกขึ้นทาบอกพร้อมด้วยสีหน้าที่เล่าอย่างออกรส ผมเผลอถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ตอนที่มองแชทที่อยู่ตรงหน้าอยากจะพิมพ์เข้าไปเดี๋ยวนี้เลยว่า ‘ เออ หึง เพราะงั้นก็ช่วยกลับไปนั่งในรถที่เถอะ มานั่งให้สาวจีบอยู่ได้ไอ้สัด ’

“ แรงมาก แล้วพี่อาฟเค้าว่าไง “ คำถามที่ทำให้คนตอบนิ่งไป เธอหันมองซ้ายขวาแต่ผมไม่คิดว่าเธอจะมองดูจนทั่ว

“ พี่อาฟบอกว่ามีแฟนแล้ว ชื่อเมด เรียนบัญชี ปีสี่ “ หลังประโยคนั้นจบ คนฟังก็หันมามองผมทันทีรวมถึงคนที่นั่งอยู่แถวๆนั้นด้วย สีหน้านิ่งๆของผมตอนที่สบตากับคนที่เอ่ยถึงตัวผมอยู่ เธอเบิกตาตกใจเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวนั่งลงข้างเพื่อนแล้วหันไปตีเพื่อนตัวเองหลายๆที “ แล้วมึงก็ไม่บอกกูว่าไอ้เมดมันนั่งอยู่ตรงนั้น “

“ แล้วกูจะรู้มั้ยละ ว่ามึงจะหมายถึงไอ้เมดมัน “

“ ไอ้เชี้ยยย แล้วกูจะมองหน้ามันติดยังไงวะ “ เผลอยิ้มออกมาแห้งๆตอนที่ได้ยินอีกคนพูดแบบนั้น

“ แต่จะว่าไปผู้นางก็แซ่บทุกคนเลยนะ ไอ้บินวิทย์กีฬาเงี้ย พี่อาฟเจ้าของผับอีก ชาติที่แล้วไปช่วยกู้ชาติรึไงพ่อคุณ ถึงได้อะไรดีๆแบบนั้น “

“ เอ่อ..พี่อาฟนี่กูยังพอมองว่าของดีนะ รวย หน้าตาดี แต่ไอ้บินนี่กูคิดว่าไม่ “ คำพูดที่มามองพร้อมกับการแบะปากและส่ายหน้า เธอดึงตัวเองให้เข้าไปใกล้เพื่อนเพื่อลดเสียงการพูดคุยลงหน่อย แต่นั่นแหละ ห้องเรียนก็แค่นี้ ผมก็ไม่ได้นั่งไกลกันเป็นกิโลทำไมจะไม่ได้ยิน “ ได้ข่าวว่าไอ้บินนอกใจไอ้เมดไปเอาไอ้ยีนส์ “

“ เชี้ย เรื่องจริง นั่นเพื่อนสนิทไอ้เมดมันเลยนะ “

“ เค้าว่ากันอย่างงั้น “ ยักคิ้วให้เพื่อนอีกที “ แต่จริงๆไอ้บินก็ขี้ม่ออยู่แล้ว ก็ไม่แปลกเปล่าวะ “

“ ขี้ม่อยังไงมันก็ควรคิดเปล่าวะ ว่านั่นมันเพื่อนสนิทของแฟน  “

“ แล้วที่พีคสุดคือ นางขึ้นไปเอากันบนคอนโดไอ้เมดเลย แล้วไอ้เมดจับได้จ้า อีด๊อกกกก เป็นกูฆ่าหั่นศพเอาเกลือทาแล้ว “

“ สงสารมันว่ะ “ เพื่อนคนที่ฟังหันมามองหน้าผม แม้แต่คนอื่นๆที่ได้ยินก็หันมามองด้วย

เอาจริงๆผมไม่ได้ต้องการรับความสงสารจากใคร เรื่องมันแย่ก็จริงอยู่ อาจจะฟังดูแล้วทั้งหดหู่และน่าเศร้า ตอนนั้นมันเจ็บจนเจียนตายนั่นก็ใช่ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นแล้ว มันก็คงเป็นแค่แผลที่เกิดขึ้นหลังจากหกล้ม หลงเหลือแค่รอยแผลเป็นไว้เตือนสติว่า อย่าได้พาตัวเองไปเสียใจให้กับเรื่องแบบนั้นอีก

“ นั่งด้วยคนสิ “ เงยหน้าขึ้นมองคนที่ขอผมนั่งด้วย เสียงเดิมคุ้นๆที่ทำให้ผมหันไปมองด้วยสายตาที่ตั้งคำถามทุกครั้ง ‘ ทำไมถึงยังหน้าด้านจังวะ ’

“ โห โคตรด้านจังเลยวะ “ เสียงของผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่ข้างหลังพูดขึ้นเสียงไม่เบานัก ตอนที่เห็นทั้งจิงทั้งยีนส์เดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้เล็คเซอร์แถวเดียวกับผม

ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเหมือนกับวันนั้น ผมหาที่นั่งว่างสักตัวที่จะพาตัวเองไปนั่งแต่ยังไม่ทันจะเดินออกไปไหน อาจารย์ประจำคาบวิชาก็เดินเข้ามาเสียก่อน เธอที่หันมาสบตากับผมราวกับจะถามว่า ‘ ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว จะไปไหนอีก นั่งลง ’ จำใจนั่งลงแบบนั้น ท่ามกลางทุกสายตาที่หันมามองด้วยสายตาติเตียน แต่ผมคิดว่าเค้าคงไม่ได้มองผมหรอก คงมองคนข้างๆผมที่เจาะจงมานั่งใกล้กันทั้งๆที่ทำเรื่องแบบนั้นไว้

“ ก่อนจะเข้าเรียน อาจารย์มีอะไรจะประกาศนะ “ เสียงผ่านไมค์ที่ดังอยู่หน้าห้องผมมองเธอที่ก็ก้มลงจัดสื่อการสอน “ จับกลุ่มสามคน ทำรายงานมาส่ง กำหนดส่งจะเป็นสองอาทิตย์ก่อนสอบ ส่วนหัวข้อส่งรายชื่อมาก่อนแล้วเดี๋ยวอาจารย์จะจัดให้นะ  “ เธอว่าก่อนจะก้มลงดูเอกสารที่อยู่ข้างกาย ผมคิดว่าคงเป็นรายชื่อของนักศึกษาทั้งหมด “ จากเท่าที่ดูห้องเราแบ่งออกเป็นกลุ่มละสามคนได้ลงตัวพอดีเลย ถ้ายังไม่มีใครกดดร๊อปล่ะนะ “ เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาของเพื่อนร่วมชั้นแต่ผมกลับไม่รู้สึกตลกด้วยเลยสักนิด

“ โทษนะ มีกลุ่มกันรึยัง “ ผมหันไปถามสาวด้านหลังที่ทำหน้าเสียนิดหน่อยเหมือนจะเสียดายที่จะต้องพูดแบบนั้น

“ โทษทีนะเมดแต่กลุ่มเราสามคนพอดีน่ะ “
 
“ อ่า ไม่เป็นไร “ ผมบอก เธอก็ยิ้มแห้งๆก่อนจะหันไปถามข้างหลังให้

“ กลุ่มใครยังไม่ครบสามคนบ้าง ให้ไอ้เมดมันอยู่ด้วยสิ “

“ กลุ่มกูไง ยังไม่ครบ “ จิงที่นั่งอยู่ข้างผมหันไปพูดกับสาวข้างหลังที่กำลังช่วยผมถามเพื่อนคนอื่นๆเรื่องกลุ่ม เธอหันมาชักสายตาให้มัน รวมถึงเพื่อนที่นั่งอยู่แถวเดียวกัน ทุกคนตรงนั้นยิ้มจางๆ

“ มึงนี่ ก็หน้าด้านดีนะจิง ว่างๆก็ลองชวนยีนส์ไปขูดเศษหน้าทำถนนบ้างสิ ช่วงยางมะตอยขาดแคลนอะ ท่าทางจะอย่างหนาเลย “ สายตาของคนถูกว่าหันไปมองด้วยความไม่พอใจ จิงใช้แค่สายตาตอบโต้อีกฝ่ายแต่กลับไม่พูดอะไร ไม่เหมือนแต่ก่อนที่มันจะพูดออกไปทันทีถ้าใครเผลอมาทำให้ไม่พอใจ มันดูนิ่งก็จริง แต่เวลาโกรธก็น่ากลัว อีกฝ่ายที่โดนจ้องก็ไม่ยอมแพ้ เธอแค่ยกยิ้มก่อนจะยักคิ้วให้อีกคนแบบไม่กลัว เธอเรียกผม “ เมด “

“ ว่าไง “ หันไปหาอีกคนที่ก็ยิ้มใจดีให้ แตกต่างจากการยิ้มให้คนข้างๆอย่างสิ้นเชิง

“ ยังไงพอหมดคาบลองไปถามอาจารย์ดูสิ ขออาจารย์ทำคนเดียว ถ้าพูดเหตุผลออกไป อาจารย์น่าจะเข้าใจนะ ก็บอกไปว่าไม่สะดวกทำงานกลุ่ม “

“ อื้ม ขอบคุณมากนะ “

“ ไม่เป็นไร “

หันกลับมาสนใจสื่อการสอนที่สอนอยู่ตรงหน้า ผมไม่มีเอกสารด้วยซ้ำเพราะวิชานี้ไม่ได้เข้ามาสองอาทิตย์แล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าเข้าใจในเนื้อหาที่กำลังสอนอยู่หรือไม่ คำตอบคือไม่มีอะไรเลยที่ผมเข้าใจและคิดว่าก่อนอื่นก็ต้องเปิดไฟล์ที่เพื่อนเคยส่งมาให้ก่อน ทบทวนเนื้อหาที่เรียนไปด้วยตัวเองให้เข้าใจ จะได้เรียนทันเพื่อน

“ เมด “ เสียงคนๆคนข้างๆที่เอ่ยเรียกแต่ผมก็ทำเป็นไม่ได้ยินอะไร ทำเหมือนพวกมันไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น “ ยังโกรธพวกกูอยู่อีกเหรอวะ “

   โกรธเหรอวะ ? .. ทำไมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรอย่างงั้นเลย ความรู้สึกมันไม่ได้โกรธ .. แต่มันเกลียดต่างหาก เกลียดแบบขยะแขยงด้วยซ้ำ

“ มึงเป็นแฟนกับคนชื่ออาฟที่เป็นเจ้าของผับเหรอวะเมด กูเห็นคนในห้องเค้าลือกัน “ จิงเอ่ยชวนผมคุยอีกครั้ง “ คนที่นั่งอยู่ข้างล่างรึเปล่า หล่อดีนะ “

“ ถามทำไม “ ผมหันไปถามอดีตเพื่อนรักของตัวเอง “ มึงจะแย่งเหรอ หรือว่าไอ้ยีนส์สนใจอีก “

“ เมด กูถามดีๆ “

“ กูไม่ได้อยากจะพูดดีๆกับพวกมึง แล้วก็ช่วยเงียบปากสักที กูรำคาญ “ ผมบอกก่อนจะหันไปมองกระดานตรงหน้า “  แล้วอีกอย่างกูมาเรียน ไม่ได้มาเพื่อคุยกับเพื่อนเหี้ยๆแบบพวกมึง “

ทุกอย่างเงียบไปผมที่จ้องกระดานอยู่ด้วยใบหน้าที่กำลังหงุดหงิด ก้มหน้าลงดูมือถือตัวเองที่ไร้การเคลื่อนไหวใด นาฬิกาที่ฉายคงอีกนานกว่าจะเวลาเลิก ทั้งๆที่ในใจผมอยากจะออกไปจากตรงนี้ ไม่อยากอยู่แล้ว ผมเบื่อ เบื่อที่ตัวเองต้องมารู้สึกแย่เพราะคนพวกนั้นที่ไม่มีค่าสำคัญอะไรในชีวิตอีกแล้ว

[ อยากกลับคอนโดแล้ว ] ส่งข้อความพร้อมสติกเกอร์ไลน์น่ารักๆไปอ้อนคนที่นั่งคอยกันอยู่ข้างล่าง [ ทำอะไรอยู่วะ หลับรึเปล่า อย่าเผลอหลับนะเดี๋ยวโดนลักหลับไม่รู้ด้วย ]

[ เล่นเกมส์ ] อีกคนตอบกลับมา [ แล้วกูก็แพ้เพราะมึงทักมา ]

[ อาฟ ]

[ เป็นเหี้ยอะไร ]

[ ทำไมต้องเป็นเหี้ยอะไรวะ ตอบว่าเป็นอะไรครับ ได้มั้ย ]

[ เรื่องมาก ]

[ อาฟ ] ผมส่งข้อความไปหามันอีกครั้งเพื่อลองดูว่าอีกคนจะทำตามที่บอกมั้ย

[ เป็นอะไรครับ ] ข้อความที่ชวนให้ผมยิ้มก่อนจะยิ้มกว้างขึ้นไปอีกตอนที่มันใส่ข้ออ้างที่ต้องพิมพ์คำนั้นมาด้วย [ กูก๊อปมาจากที่มึงพิมพ์ ไม่ได้พิมพ์เอง ]

[ เหรอออ กูไม่เชื่อได้มั้ย ]

[ เป็นเหี้ยอะไร ]

[ มีเรื่องจะฟ้อง ]

[ ขี้ฟ้อง จะฟ้องว่าอะไรอีก ] เห็นถึงความเอ้นดูในประโยคตอบนั่นผมยิ้ม

[ ไอ้จิงไอ้ยีนส์มานั่งข้างๆอีกแล้ว ] ส่งสติกเกอร์หน้าหงอยๆไปให้มันอาฟก็ถาม

[ แล้วทำไมไม่ย้ายไปนั่งที่อื่น ]

[ จะย้ายแล้วแต่อาจารย์เข้ามาพอดีย้ายที่นั่งไม่ทัน ]

[ สมน้ำหน้า ]

[ ไอ้หน้าเหี้ย กูกำลังเศร้ามั้ย ปลอบกูสิวะ ] ไอ้แฟนเฮงซวย ผมได้แต่บ่นอยู่ในใจก่อนจะถอนหายใจใส่ข้อความที่มันส่งเข้ามาพร้อมกับส่งสติกเกอร์แพนด้าบี้แก้มไปให้มัน

[ เราทำสติกเกอร์จากหน้าตัวเองได้ด้วยเหรอวะ ]

[ สัดอารยะ คือกูกำลังเศร้า ปลอบกูก่อนมั้ย ยังไงดี ]

[ รำคาญมึง ปลอบยังไงทำไม่เป็น ] อีกคนถามกลับ ผมก็คิดตาม ถ้าถามว่าอยากได้ข้อความตอบกลับแบบไหน ก็คงประมานว่า ‘ ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวก็หมดคาบแล้ว อดทนนะครับ ‘ แต่ผมไม่คิดว่าคำพูดพวกนี้จะหลุดออกมาจากปากคนอย่างไอ้อาฟได้  [ เที่ยงนี้กินอะไร มึงเลือก ] เพราะอย่างอาฟคงต้องเป็นอะไรแบบนี้ ผมเผลอยิ้มออกมากับข้อความของมันได้แต่อ่านแต่ไม่ได้ตอบกลับไป จนอีกฝ่ายคล้ายจะกังวล [ บะหมี่หมูตุ๋นอยากกินมั้ย หรือจะกินอะไรอย่างอื่น ]

[ ถามหน่อย มึงคิดว่าเวลากูได้คิดถึงของกิน แล้วก็ได้กิน มันจะทำให้กูอารมณ์ดีเหรอวะ ]

[ คงงั้น ] อีกคนบอกตรงๆ ผมก็หลุดยิ้มออกมาอีกครั้ง [ แล้วมันได้ผลมั้ย อารมณ์ดีขึ้นรึเปล่า ]

[ ถ้าตอนนี้ ก็ค่อนข้างดีเลย ] บอกมันแบบนั้นก่อนจะคิดถึงเมนูอาหารที่สนใจก็นับว่าเป็นการดึงดูดความสนใจที่ดี แต่ทว่าตอนนี้ก็ไม่อะไรที่อยากจะกินเป็นพิเศษเลยจริงๆ ความรู้สึกมันแบบแค่อยากจะกินอะไรง่ายๆ แล้วกลับบ้านไปอาบน้ำนอน ตื่นขึ้นจะได้ไปทำงานที่ผับต่อ [ เราออกไปหาอะไรกินกันที่อื่นดีกว่านะ อย่ากินแถวนี้เลย กูเลิกเกือบเที่ยงอะ รถมันติด ไปกินแถวคอนโดกันดีกว่า มึงอยากกินอะไร ]

[ มึงเลือก ]

[ อยากกินแค่หนมปังสักชิ้นไม่ให้ท้องร้องแล้วนอน เก็บท้องไปกินเครป หมี่หมูตุ๋นแล้วก็โตเกียวคืนนี้ ]

[ หวังว่าเช้าวันถัดมาคนที่นอนข้างกู จะยังเป็นมึงนะ ไม่ใช่หมูที่ไหน ]

[ ไอ้สัด ] สถบด่ามันแต่ก็รู้สึกว่าพักหลังๆจะกินเยอะไปจริงๆนั่นแหละ เมื่อเช้าส่องกระจกแก้มก็เหมือนเริ่มออกมาแล้วนิดนึง [ คืนนี้เลิกงานไปส่งกูที่คอนโดกูนะ กูจะกลับไปหาวิว ]

[ ไม่ให้ไป ]

[ อารยะ อย่างอแง ]

[ งอแงเหี้ยไร ไม่ให้ไปเป็นคำสั่ง ไม่ได้งอแง ]

[ แล้วจะให้กูนอนกับมึงไปแบบนี้ตลอดเลยรึไง บ้านกูก็มีมั้ยละ กูก็ต้องกลับไปนอนบ้านสิครับ ] บอกไปแบบนั้นอีกคนก็แค่อ่านก่อนจะตอบคำเดิมมาอีกครั้ง

[ ไม่ให้ไป ] ถอนหายใจออกมากับความเอาแต่ใจของมัน

[ เบื่อเถียงกับมึงอารยะ ]

[ ไม่ให้ไป ]

[ โวยยยยยยยยยย ] ส่งข้อความบอกความรำคาญใจพร้อมด้วยสติกเกอร์น่ารักแบบมีเสียงไปให้ด้วย แต่เหมือนทางแห่งความน่ารักจะไม่ใช่สิ่งที่อีกคนเข้าใจสักเท่าไหร่

[ รำคาญชิบ เสือกมีเสียงอีกสติกเกอร์มึง ]

[ น่ารักออกมึง ] ผมเถียง

[ รำคาญ คนเราส่งสติกเกอร์กันไปทำไมวะ ]

[ เพื่อบอกความรู้สึกตอนนั้นไง ]

[ แค่ที่พิมพ์ไม่พอ ? ] มันถามกลับแบบคนไม่ยอมเข้าใจอะไรทั้งนั้น

[ ก็พอ แต่มันเพื่ออรรถรสไง  แล้วมันก็ดูมุ้งมิ้งเวลาคุยกันนะ น่ารักจะตาย แต่จะว่าไปมึงก็ไม่เคยส่งเลยนะ ]  ข้อความที่ขึ้นมาอ่านแล้ว ไม่มีการตอบมาสักพักเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังคิดเถียงอยู่ในใจแต่อาฟไม่ใช่คนที่พูดอะไรยืดยาวเลยมาแค่ประโยคสั้นๆ
[ กูไม่มี ]

[ พวกนี้ก็ไม่มีเหรอ ] ส่งสติกเกอร์รูปหมีบราวที่แถมในทุกเครื่องตอนเราโหลดโปรแกรมไปให้มัน [ ที่มันแถมมาให้อะ ]

[ ปัญญาอ่อน ]

[ น่ารักจะตาย กูซื้อให้มั้ย เอาที่เหมาะกับมึง ] ผมเสนอตัวเพราะมีเหรียญติดอยู่ในโปรแกรมอยู่เยอะพอตัว แต่ถึงอย่างงั้นคุณอารยะก็แค่ปฎิเสธความไม่เป็นตัวตนของเค้า

[ ไม่เอา ]

[ แปปนะ ขอเลือกก่อน ]

[ กูบอกไม่เอา อ่านไม่ออกรึไง ] อยากจะซื้อให้เว้ย ยังไงก็จะซื้อ ผมอยากจะพิมพ์เถียงมันแต่ขี้เกียจจะพิมพ์ กดออกจากหน้าจอแชท เข้าไปเลือกสติกเกอร์ไลน์น่ารักๆที่มีให้ซื้อ เลือกอันที่เป็นสติกเกอร์ที่มีคนซื้อเยอะๆ ก่อนจะเจอเข้ากับสติกเกอร์แมวน้ำสุดแสนน่ารักที่ไม่เข้ากับมันเลยสักนิด ผมกดซื้อและส่งของขวัญไปให้มัน

[ กดรับ ]

[ กูบอกไม่เอา ]

[ กดรับอารยะ เหมาะกับมึง ] ข้อความขึ้นว่าอ่านแล้ว อาฟหายไปสักพักก่อนจะกลับมาพร้อมข้อความสั้นๆ และสติกเกอร์เจ้าแมวแมวน้ำกลมดิ๊กที่ผมซื้อให้หนึ่งตัว

[ พ่อมึง ตัวเชี้ยอะไร ]

[ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น่าร๊ากกกกกกกกกก ] ผมกลั้นขำอยู่ในห้องคนเดียว ยกมือปิดปากไม่ให้ส่งเสียงอะไรออกไป คือมันไม่มีอะไรเข้ากันทั้งตัวนิสัยของคนส่งและตัวสติกเกอร์ที่โคตรจะน่ารัก แต่เพราะมันไม่เข้ากันเลยนี่แหละที่ทำให้คนส่งดูโคตรจะน่ารัก

[ ส้นตีน ใครจะใช้ ]

[ มึงไง เอาไว้ใช้คุยกับกู  น่ารักจะตายมึงไม่คิดงั้นเหรอ ] ผมบอกมัน [ เวลาโกรธก็ส่งตัวโกรธ รักก็ส่งตัวรัก ไหนลองส่งมา ] ข้อความขึ้นมาว่าอ่านและอีกฝั่งก็ยังคงเงียบ [ อารยะส่งมาสิ ตอนนี้รู้สึกยังไง ] แมวน้ำตัวกลมหน้าโกรธถูกส่งเข้ามา ผมหลุดยิ้มกว้างกลั้นขำจนเริ่มจะปวดท้อง [ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น่ารัก ทุกอย่างดูซอฟไปหมดเลยเมื่อสติกเกอร์เราน่ารัก ขนาดอารยะยังดูซอฟเลยอะคิดดู ] ผมแซวแต่เหมือนอีกคนจะยังโกรธอยู่ก็เลยส่งมาแต่สติกเกอร์ตัวโกรธนั้น [ ซื้อให้อีกดีกว่า มีอีกตัวที่เหมาะกับมึง ]

[ รวยมากก็เอาเงินมาจ่ายหนี้กู ] ไม่ได้สนข้อความข้อความของมัน ผมกดเข้าไปซื้อสติกเกอร์อีกครั้งยังคงคิดว่าถ้าเป็นตัวแมวน้ำแล้วมันดูน่าเอ็นดู น่าเอ็นดูตรงที่ไม่ค่อยเข้ากับมันสักเท่าไหร่ สุดท้ายก็ตัดสินใจซื้อแมวน้ำเกรียนๆตัวนึงก่อนจะส่งเป็นของขวัญไปให้ [ ฟังกูหน่อยเมด ]

[ กดรับๆ ]

[ รำคาญ ]

[ อารยะกดรับ ] ข้อความที่ขึ้นว่าอ่านสักพักมันก็ส่งสติกเกอร์ที่ผมซื้อให้ล่าสุดมา แล้วนั่นก็ทำให้ผมหลุดขำออกมา

[ ตัวเชี้ยอะไรอีก ]

[ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แมวน้ำไง น่ารักออกมีแบบน่ารักแล้วก็ต้องมีแบบกวนๆด้วยไง ]

[ รำคาญมึง ] อีกคนบอกผมก็ได้ยิ้ม [ ไปเรียนไป กูขับรถพามึงมาเรียนช่วยตั้งใจให้คุ้มค่าน้ำมันหน่อย ]

[ ไปก็ได้ ] ส่งสติกเกอร์มีเสียงที่พูดว่า ‘ รักน๊าตะเอง ‘ เผลอยิ้มออกมาตอนที่ขึ้นว่าอ่านแล้วแต่ยังไม่มีอะไรตอบกลับมาจากอีกคน 
[ ส่งผิด ] ทำเหมือนที่อีกคนเคยทำ แต่ทว่าอาฟกลับแค่ส่งสติกเกอร์แมวน้ำที่ผมซื้อถือหัวใจที่เขียนว่าเลิฟมาให้ ผมเผลอยิ้มก่อนที่มันจะส่งข้อความตามสไตส์เข้ามา

[ ส่งผิดเหมือนกัน ]

[ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ อารยะแม่ง น่ารัก แบบนี้ต้องให้รางวัล ] ผมบอกก่อนจะส่งสติกเกอร์ ‘ รักน๊าตะเอง ’ ไปให้มันอีกครั้งพร้อมกับหัวใจดวงเล็กๆด้วยนึง [ คราวนี้ตั้งใจละ ]  อาฟส่งหัวใจสีแดงมาให้ผมดวงนึงผมนั่งมองมันอยู่สักพักก็ไม่เห็นมีข้อความปฎิเสธว่าส่งผิดอะไรพวกนั้นแบบที่มันชอบทำส่งกลับมา [ ไม่ตั้งใจเปล่า ] ถามมันออกไป แต่อีกคนก็ตอบแบบให้ยิ้มแบบสั้นๆ


[ ตั้งใจ ]

     
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 20 :: up! 11-5-61} #หน้า 12
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 18-05-2018 20:30:23
กดปิดหน้าจอมือถือของตัวเอง จะว่าไปการนอนคอนโดของไอ้อาฟก็ไม่ได้แย่อะไรออกจะสะดวกด้วยซ้ำไป มาเรียนก็ง่าย ไปทำงานก็ง่ายเป็นคอนโดในเมืองที่ไม่ต้องตื่นเช้ามากนัก แต่ผมก็อยากจะกลับบ้านบ้าง ก่อนที่น้องชายตัวดีจะตั้งข้อครหาผมว่า ‘ เห่อแฟนจนลืมน้อง ’

[ พี่เมด มึงพูดจริงเหรอ ] ข้อความของคนที่ถูกคิดถึงแจ้งเตือนขึ้นบนหน้าจอของผม กดเข้าไปอ่านน้องชายของผมก็ส่งสติกเกอร์ตกใจเข้าใจพอดี [ พี่เมดเป็นแฟนกับพี่อาฟแล้วจริงๆเหรอ ]

[ อื้ม ] ส่งสติกเกอร์เขินๆไปให้มันตัวนึงก่อนที่อีกคนจะส่งข้อความที่ชวนให้คิดกลับมา

[ แล้วพี่เมดลืมไอ้เหี้ยบินได้แล้วเหรอ ] ขึ้นว่าอ่านไปแล้ว แต่ผมกลับหาคำตอบอะไรไปตอบไม่ได้ ถ้าพูดว่าลืมไปแล้วก็คงโกหก มันไม่ได้ลืมแค่ไม่ได้เอามาเป็นสิ่งสำคัญอะไรอีกแล้ว เหมือนก็ยังรู้สึกอยู่ว่ามีแผล ถ้าเอานิ้วไปกดก็คงเจ็บอยู่ เหมือนแค่แผลตกสะเก็ดที่กำลังหาย แต่ก็ต้องเข้าใจทุกอย่างมันใช้เวลาในการรักษา และ ลืม ทั้งนั้น [ พี่เมดขอโทษนะ กูพูดไม่คิด รู้สึกไม่ดีรึเปล่าวะ เงียบไปเลย ]

[ เปล่าๆ กูแค่ไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดบอกมึงยังไง ] ผมบอกน้องชายตัวเองไปแบบนั้น อีกคนก็ส่งสติกเกอร์กอดกันมาให้ [ถ้ากูบอกว่าลืมไปแล้วมึงจะเชื่อมั้ย ]

[ จะเชื่อว่าพี่มึงตอแหล ]

[ ฮ่าๆ ก็ยังไม่ลืม แต่ก็ไม่ได้จำ ไม่ได้เอามาสำคัญอะไร มันเป็นอดีตแล้ว ตอนนี้กูก็อยู่กับปัจจุบัน ]

[ คิดได้แบบนั้นจริงๆมันก็ดี ] ผมอ่านข้อความนั้นยิ้มๆ [ แต่วิวว่าก็ดีนะพี่เมด ที่พี่เมดคบพี่อาฟน่ะ ]

[ มึงคิดงั้นเหรอ ]

[ อื้ม ก็บางทีอะไรๆที่มันแย่อยู่มันอาจจะดีขึ้น วิวหมายถึงความรู้สึกแย่ๆที่เกิดจากไอ้เชี้ยนั่น ]

[ วิว กูดูเหมือนคนที่คบกับอาฟแค่จะหาคนดามใจเปล่าวะ ]

[ ถ้าดูจากภายนอกใครๆก็คงคิด พี่เมดเพิ่งเลิกกับไอ้เหี้ยนั่นไม่นานก็มามีคนใหม่แล้ว มันก็ธรรมดาเปล่าวะ ]

[ ก็จริง ]

[ แต่วิวว่าไม่เห็นต้องคิดมากเลย มันอยู่ที่การกระทำของเราปะ พี่เมดรู้ใจตัวเองดีที่สุดไม่ใช่เหรอวะว่าพี่เมดคบเค้าทำไม เหมือนที่วิวเคยบอกไง ถึงเวลามันจะมี มันก็มี อย่าไปสนใจคนอื่นให้มากเลย คนถ้ามันจะคิดมันก็คิด เราห้ามความคิดแล้วก็ไปอธิบายให้ใครๆฟังทั้งหมดไม่ได้หรอก ]

[ คนจะรักมันก็แค่รัก ] ผมบอกน้องชายตัวเอง [ มึงเคยพูดไว้ ]

[ อื้ม บางทีวิวก็คิดนะว่าทุกอย่างเหมือนมันถูกกำหนดไว้แล้วละ ว่าต้องเป็นแบบนี้ ต่อให้เราพยายามจะหนียังไง ถ้ามันจะเกิดมันก็แค่เกิด ]

[ อื้ม ] ผมก็คิดว่าจริงอย่างงั้น ขนาดพยายามหนียังไง เตรียมคำพูดปฎิเสธไว้ยังไง แต่ถ้ามันจะต้องรัก ถึงจุดนั้นก็ต้องห้ามใจให้รักไม่ได้อยู่ดี [ จริงของมึง ]

[ งั้นตอนนี้พี่เมดก็เป็นอาซ้อเจ้าของผับดังแล้วอะดิ ส่วนกูก็น้องอาซ้อแฟนเจ้าของผับดัง เดี๋ยวกูต้องเอาไปอวดเพื่อน เหล้าฟรีมั้ยยังไงดี ]

[ แค่แฟนเว้ย เมีย เมอ อะไรไอ้เด็กนี่ ]

[ เดี๋ยวสถานะมันก็ต้องถูกเลื่อนขั้นขึ้นไปเรื่อยๆเชื่อสิ ] สติกเกอร์ล้อเลียนถูกส่งมาพร้อมกับเสียงหัวเราะตบท้าย [ แล้วเป็นไงวะ เค้าขอพี่เมดยังไง พี่เมดถึงใจอ่อนเร็วแบบนี้ ]

[ มันก็หลายๆอย่างวะ เอาจริงๆกูก็หวั่นไหวมาสักพักละ ตั้งแต่กูโกรธมันที่พูดปากหมาใส่แล้วมันก็ง้อกูด้วยเครป คือ ก่อนหน้านั้นมีลูกค้าในผับมาขอเบอร์กู แล้วกูเขียนไปว่า กูมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ]

[ ที่เขียนว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้วนี่ เขียนเพราะตอนนั้นก็มีจริงๆใช่มั้ย ]

[ เออ ก็ไอ้อาฟนั่นแหละ ] สารภาพออกไปน้องชายก็ส่งมาแค่สติกเกอร์มาล้อ ก็หวั่นไหวกับมันมีสักพักแล้ว ตอนนั้นคิดแค่ว่าไม่อยากจะคบใครทั้งนั้น ผู้ชายที่เข้ามาขอเบอร์ดูเป็นสเป็คก็จริงอยู่ หล่อ สูง แล้วก็หน้าตาดี แต่ว่าตอนนั้นในใจลึกๆมันก็พูดแค่ว่า ตอนนี้ถ้าจะคบใครสักคน คงมีแค่ไอ้อาฟคนเดียวเพราะคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด

[ ยังไงต่อ ]

[ ตอนที่มันได้อ่านมันถามกูว่า มันพอเป็นคนที่กูจะชอบได้มั้ย ]

[ เดี๋ยววววว อีพี่เมดดดดดดดดดด แล้วมึงตอบว่ายังไง แต่เดี๋ยวนะทำไมกูต้องใจเต้นวะ แต่นี่ก็ไม่ใช่พี่เมดไง แต่ทำไมเขิน ]

[ ตอนนั้นกูกัดฟันเขินจนปวดกรามอะ หน้านี่แดงสัดๆ แดงจนกูยังรู้สึกเลยว่ามันร้อน ร้อนแบบ ร้อนไปหมดทั้งตัวกูเลย แต่กูก็ตอบไปนะว่าแบบ อื้ม ก็พอได้อยู่ ]

[ อ่อยเว่อร์เบอร์แรงไปอีกจ้า ]

[ ดูอ่อยเหรอวะ ] ผมถามความเห็นน้องชายตัวเอง

[ มันก็นิดๆอะ แต่ว่ามันก็ต้องแบบนั้นแหละ เพราะถ้าพูดว่าไม่ใช่ ก็ไม่ได้ เพราะมันก็ใช่ มึงหมายถึงเค้า แต่ถ้าให้พูดออกไปตรงๆว่า ใช่ ก็ไม่ได้ มันก็มันอ่อยแรงเกินไป ก็ต้องพูดแบบนี่แหละ อ่อยเบาๆ ]

[ อื้ม นั่นแหละสิ่งที่กูคิด ไม่อยากให้มันดูว่ากูแบบมีใจให้มันออกนอกหน้านอกตามากเกินไป แบบอยากได้ๆ คือกูก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น อยากให้มันรู้แค่ว่า เออ ก็ไม่ได้ปฎิเสธมันหรอก แต่ก็ไม่ได้เปิดประตูใจออกให้กว้างขนาดนั้น แล้วถ้ามึงอยากเข้ามาก็ต้องออกแรงผลักประตูนั่นเข้ามาด้วย ]

[ ชั้นเชิงและคำพูดคำจาของพี่กูนั้น อ่อยยังไงให้ดูแพง by มินเมด ]

[ กูแค่ต้องให้ค่าหัวใจตัวเองอะ ถึงมันจะยับเยินแค่ไหนกูก็ต้องเห็นค่าของมัน ไม่ใช่ว่าช่างมันจะทำอะไรก็ได้ ยังไงก็พังไปหมดแล้วจะโดนหลอกอีกก็ไม่สนละ ]

ผมแค่รู้สึกว่าเมื่อก่อนก็เคยคิดอะไรง่ายๆ สำหรับความรักถ้ายอมได้ จะยอมให้ทุกอย่าง จนยอมลดคุณค่าของตัวเองทนอยู่กับสิ่งที่ตัวเองเรียกว่ารัก แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แล้วผมก็ได้บทเรียนมาข้อนึงว่า คนเราต้องเห็นคุณค่าของตัวเองก่อน ถึงจะให้คนอื่นมาเห็นคุณค่าของเราได้ เพราะถ้าเราทำตัวเองไม่มีค่า คนอื่นก็จะเห็นเราไม่มีค่าเช่นกัน เหมือนที่บินไม่เคยเห็นผมมีค่าเลย เพราะผมยอมลดคุณค่ากลายเป็นคนที่อะไรก็ได้กับมันก่อน

[ ดีว่ะ พี่เมดดูรักตัวเองมากขึ้นมากๆ น้องประทับใจ ]

[ อื้ม  ]

[ แล้วยังไงต่อ สารภาพรักเลยมั้ย ]

[ ยังเว้ย ตอนสารภาพมันเรียกกูไปที่ระเบียงถามประวัติกู แล้วให้กูถามประวัติมัน ถามไปถามมาสุดท้ายบอก รู้จักกันดีรึยังจะได้ขอเป็นแฟน ]

[โรแมนติกไปอีก เขินแล้วจ้า ] เออ ก็ยอมรับว่าเป็นแบบนั้นอยู่ เป็นความโรแมนติกแบบเท่ๆคลูๆ ที่โคตรทำให้ใจสั่น เหมือนอ่านการ์ตูนสักเล่มที่เราเป็นตัวละครสองตัวที่กำลังผลัดรับผลัดสู้กันอยู่ แล้วสุดท้ายตัวผมก็โดนใช้ท่าไม้ตายทำให้จนมุมแบบไปไหนไม่รอด จนมุมมันไปในท้ายที่สุด

[ ตอนแรกกูบอกมันไปว่าเร็วไปรึเปล่า กูเพิ่งเลิกกับแฟน ]

[ โอยยยยยย อีพี่ ยังจะเล่นตัว  ]

[ กูไม่ได้เล่นตัว แต่กูคิดแบบนั้นจริงๆ กูแค่อยากจะรักมันจริงๆ ไม่ใช่รักแบบครึ่งๆกลางๆ เหมือนไม่รู้ว่า รักจริงๆ หรือแค่อยากได้คนมาดามใจ ]

[ แล้วเค้าว่าไง ]

[ อาฟบอกสำหรับมันช้าไป กูเลยบอกว่า มันยังรู้จักกูไม่ดีพอเลย เท่านั้นแหละ แม่งร่ายยาวเลยที่ก่อนหน้านี้มันถามกูไว้ กูชื่ออะไร เรียนที่ไหน บลาๆ ไอ้สัด โคตรแค้น เหมือนวางแผนเอาไว้มาหมดแล้ว ตามแทบไม่ทัน ]

[ พี่เค้าร้ายวะ มีชั้นเชิงโคตรๆ ]

[ เออมันร้าย ร้ายสัดๆ แล้วพอกูบอกว่า มันเตี้ยกว่ากูนะ โอเคเหรอ เดินด้วยกันไม่กลัวกูดูเป็นผัวมันนะ ]

[ ฮ่าๆ อีเชี้ยพี่เมด มึงพูดงี้จริงดิ อีพี่บ้า ]

[ เปล่ากูไม่ได้พูด แค่พูดว่ามันดูไม่ค่อยเหมาะกัน ]

[ แรงว่ะ หักหามน้ำใจสุด คำแรกดูซอฟไปเลย ]

[ เหรอวะ แต่ตอนนั้นกูก็แอบเห็นมันหน้าเสียเหมือนกัน ] ส่งสติกเกอร์หน้าเศร้าไปให้น้องชายตัวเอง จะว่าไปตอนนั้นก็แอบนึกถึงหน้ามันขึ้นมา อาฟเหมือนไม่คิดมาก่อนเลยว่าผมจะพูดอะไรแบบนั้น อยากจะตบปากตัวเองแท้ๆที่พูดแบบนั้น โคตรทำลาย
บรรยากาศ [ นึกแล้วสงสารอาฟเลยวะ กูก็ไม่น่าพูด ]

[ พี่อาฟเตี้ยกว่าพี่เมดมากเหรอ ]

[ คงสักสองสามเซ็น กูใส่รองเท้าแตะ มันใส่ผ้าใบ มันก็สูงกว่ากูแล้ว ]

[ โอยยยยยยย ทำเป็นซีเรียส แบบนั้นมองผ่านๆ ยังไม่รู้เลยใครสูงกว่าใครเตี้ยกว่า พี่มึงแม่งคิดมากกับเรื่องแค่นี้ด้วยเหรอวะ ]

[ ก็ไอ้อาฟมันดูเหมือนเป็นคนคิดเรื่องแบบนั้นนี่หว่า ]

[ มึงก็น่าจะใช้สมองหน่อย คือถ้าเค้าคิดว่าเรื่องรูปร่างมันสำคัญ ความสูงมันสำคัญ เค้าก็ไม่จีบพี่เมดแล้วมั้ย ]

[ มึงด่ากูแรงจังวิว ]

[ จะได้สำนึก ]

[ แล้วอาฟถามกูด้วยนะว่าความรักของกูคืออะไร คือรูปร่างหน้าตาเหรอ แล้วมันก็บอกว่าสำหรับมันคือไม่ใช่ สำหรับมันคือถ้ากูแคร์เรื่องส่วนสูงมันจะใส่รองเท้าที่ส้นสูงหว่า ถ้าชอบคนตัวใหญ่ๆจะใส่เสื้อตัวใหญ่ๆให้ ความรักของมันเป็นอะไรแบบนั้น ]

[ เฉียบ เหมือนจะพูดว่า เค้าจะยอมเปลี่ยนแปลงเพื่อพี่เมดถ้ามีอะไรในตัวเค้าที่พี่เมดไม่ชอบ เพื่อที่จะให้ตัวเองได้รักกับพี่เมด ]

[ อื้ม ]

[ แล้วเป็นไง พอได้ฟังแล้ว ]

[ ตอนนั้นมันพูดต่อว่า เหลือแค่กูแล้ว ว่ากูจะยอมใส่รองเท้าส้นเตี้ยแล้วเดินไปพร้อมกับมันมั้ย เหมือนว่า แล้วกูละยอมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อมันมั้ย ]

[ โอ้ยยยย อีเหี้ย ผัวขา พูดออกไปสิ ปฎิเสธอะไรอีกละมาถึงขนาดนี้แล้ว ]

[ ฮ่าๆ ]

[ เอาจริงๆกูบอกปฎิเสธไม่ได้อะ ถ้าโดนพูดใส่แบบนี้ พี่อาฟชวนหลงมากเด้อ ยอมใจ ]

[ อื้ม จริงของมึง ตอนนั้นในใจกูมันแบบเหมือนพูดแค่ว่า ใช่เลยวะ ปฎิเสธไม่ได้เลยต่อให้พรุ่งนี้กูจะเสียใจอีกเท่าไหร่ กูก็ไม่สนแล้ว ยังไงก็ต้องคนนี้  เหมือนความกลัว ความไม่พร้อม หรือเหี้ยอะไรทั้งหมดที่กังวลมันหายไปหมด ]

[ แล้วไอ้คนที่วางท่าบอกว่าอยากจะเข้ามามาหาก็ต้องเปิดประตูเข้ามาเองอะ ] น้องชายผมแซว

[ ตอนนั้นไอ้นั้นก็อยากจะเปิดประตูให้แล้วกระชากเข้ามาในห้องเลย ]

[ ฮ่าๆๆๆ อีพี่เมดดดดด แรดเลยพี่กู ]

[ เหมือนอยู่ๆกูกล้าขึ้นมาเหมือนคนเอาแต่ใจตัวเอง ยังไงก็จะคบ ยังไงก็ต้องคนนี้ กูเลยตอบตกลงมัน ]

[ กูเข้าใจ ก็คำพูดแม่งโดนใจขนาดนั้นอะ มันลืมไปหมดแหละ จะพร้อมไม่พร้อมหรือใครบอกมันเหี้ยก็ตาม แต่เราก็จะแบบ กูจะลองเอง กูจะลองรักเค้าเอง คือพอถึงเวลาจะรักช้างทั้งโคลงมาฉุดก็ไม่อยู่หรอก ยังไงมันก็รักอยู่ดี ]

[ อื้ม ]

[ แต่กูชอบคำพูดของพี่อาฟนะ มันฟังแล้วแบบ ไม่ใช่แค่ชอบ แต่มันคือ กูชอบและพร้อมจะเปลี่ยนแปลงเพื่อมึง ประทับใจ แต่ไว้เจอตัวจริงแล้วบอกอีกที พี่เมดจะพามาเจอวิววันไหน ]

[ วันนี้มั้ง พี่ว่าจะกลับไปนอนที่ห้อง ]

[ แต่น้องไม่คิดว่าพี่เมดจะได้นอนนี่ ]

[ ทำไมวะ ] พิมพ์ถามมันไปยิ้มๆ เพราะก็คิดไม่ต่างอะไรกับคนเป็นน้องสักเท่าไหร่

[ คนเป็นแฟนกันมันก็ต้องอยากจะอยู่ด้วยกัน ยิ่งมีคอนโดไม่ต้องนอนบ้านพ่อแม่แบบนี้ก็ยิ่งอยากจะพาไปนอนด้วย คือข้าวใหม่ปลามันอะพี่มึง ใครมันจะอยากห่างกับแฟน ]

[ ก็จริงของมึง ] ผมพยักหน้ารับกับข้อความที่ได้อ่าน

[ แล้วดูนิสัยพี่อาฟจากที่เค้าชอบพาพี่เมดไปไหนมาไหนด้วยตลอด เค้าก็น่าจะเป็นคนติดแฟนนะ คือพวกชอบอยู่กับแฟน ]

[ ให้กูได้พักหายใจบ้างเถอะ เมื่อคืนก็นอนไม่หลับแม่งเล่นกอดกูทั้งคืน ]

[ เหม็นความรัก ]

[ คืนนี้กลับไปนอนกอดน้องชายตัวเองบ้าง ]

[ เดี๋ยวพอเค้าอ้อนๆก็ใจอ่อน สุดท้ายก็ต้องมาขนเสื้อผ้าไปนอนนู้นตลอด เชื่อสิ เชื่ออออออออ ]

[ เบื่อมึง ]

[ ที่รู้ทัน ] น้องชายผมต่อประโยค [ วิวว่าถ้าเราสบายใจกับการอยู่กับเค้า มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ดีซะอีกจะได้รู้จักกันมากขึ้น คนอยู่ด้วยกันรู้จักกันเร็วกว่าคนอยู่ห่างกันนะ พี่มึงไม่คิดงั้นเหรอ ]

[ คิด ] เพราะแฟนเก่าผมก็เป็นแบบนี้ ตอนคบกันแรกๆ เราแค่ไลน์หากัน นัดออกไปเที่ยวเวลาว่างๆเพราะต่างคนก็ต่างอยู่บ้าน ตอนนั้นมันทั้งเทคแคร์ แล้วก็เอาใจ จนสุดท้ายพอสอบได้มหาลัยเดียวกันก็เลยตัดสินใจมาอยู่ด้วยกัน แรกๆก็ยังโอเค แต่เพียงแค่ห้าเดือนแรกผ่านไป หายนะก็ค่อยๆคืบคลาน สำหรับนิสัยจริงๆของมันที่ซ่อนอยู่

[ เห็นมั้ย ได้ลองอยู่ด้วยกันมันก็ดีออก แรกๆมันก็เขินหลังๆเดี๋ยวมันก็ชิน ตอนนี้ไม่อยากจะให้กอดตื่นเต้น หลังๆพี่เมดนั่นแหละที่จะกลิ้งเข้าไปซุกเค้าเวลานอน ]

[ เชียร์กูให้นอนคอนโดไอ้อาฟจังนะวิว ไม่ใช่เพราะว่าพี่นอนคอนโดพี่อาฟแล้วตัวเองจะได้โดดเรียนง่ายๆ กลับบ้านเย็นแค่ไหนก็ได้เหรอ ]

[ บ้า พี่เมดอะคิดมาก ] สติกเกอร์ของน้องที่ส่งมาหลังข้อความบอกกับผมว่ามันก็เป็นแบบที่ผมคิดนั่นแหละ

[ ไว้เจอกัน ]

[ เดี๋ยวน้องจะจับพี่เมดหอมแก้มซ้ายขวาข้างละสิบทีเพราะน้องคิดถึง ]

[ ขี้อ้อน เดี๋ยวเจอกัน ]

[ เจอกันครับ ] กดปิดหน้าจอของตัวเองผมเงยหน้าขึ้นมองกระดานที่ไม่เข้าใจอะไรเลยที่อาจารย์สอนอีกครั้ง ผมกำลังเตรียมคำพูดที่จะเอาไปพูดกับอาจารย์ ไม่รู้จะเริ่มพูดคำไหนดีให้เค้าเข้าใจว่าไม่อยากจะทำงานร่วมกลุ่มกับคนสองคนที่เหลือจริงๆ แต่หนทางที่เค้าจะเข้าใจและช่วยเหลือ สำหรับผมรู้สึกว่ามันริบหรี่เหลือเกิน

AFTER  กดเข้าไปในไลน์นี้อีกครั้ง ผมส่งข้อความสั้นๆไปหาอีกคนหลังจากที่กริ้งหมดเวลาเรียนดังขึ้น [ เลิกเรียนแล้วนะ แต่ขอคุยกับอาจารย์ก่อน รออีกแปปนึงนะ ]

[ ครับผม ] ข้อความสั้นๆที่ตอบมาชวนให้ยิ้ม  ลุกขึ้นจากที่นั่งเดินตรงเข้าไปหาอาจารย์ที่กำลังเก็บของอยู่ที่หน้าห้อง

“ อาจารย์ครับ ผมอยากจะถามเรื่องงานกลุ่มหน่อยครับ “ อาจารย์มองผมลอดแว่นสายตาที่ใส่ตอนที่ผมนั่งย่อตัวลงตรงหน้าแล้วบอก “ คือว่าตอนนี้ผมยังไม่มีกลุ่ม “

“ ก็ลองไปหาถามเพื่อนในห้องสิ มันต้องเหลืออยู่สองคนนะอาจารย์ประกาศเรียกให้มั้ย “ เธอทำทีเป็นจับไมค์ของตัวเองอีกครั้ง แต่ผมก็เอ่ยห้ามไว้

“ คือผมรู้แล้วครับว่าใครยังไม่มีกลุ่ม แต่คือว่า อาจารย์ครับ ผมไม่สะดวกที่จะร่วมกลุ่มกับทั้งสองคน ขอผมทำรายงานคนเดียวได้มั้ย “

“ ทำไมละ “ สีหน้างุนงงฉายขึ้นพร้อมกับคำพูดของเธอที่เอ่ยขึ้นมา “ เธอมีปัญหาอะไรกับเพื่อน “

“ ทะเลาะกันรุนแรงน่ะครับ “

“ เรื่องอะไรละ ถ้าไม่บอกกัน อาจารย์ไม่รู้ว่าหรอกนะว่ามันจะรุนแรงพอให้เข้าใจได้มั้ย “ ผมก้มหน้าถอนหายใจออกมา สื่อความลำบากใจในการพูดในเธอรู้ “ มันเป็นเรื่องใหญ่มากเลยเหรอ “

“ ครับ มันแย่มากๆ เป็นเรื่องหักหลังกัน แล้วผมก็ไม่อยากจะร่วมงานกับเค้า ไม่อยากถูกหักหลังอีก “

“ อาจารย์ก็พอเข้าใจนะในสิ่งที่จะสื่อนะ แต่ว่าก็อยากจะให้มองอีกมุมนึงก็คือถ้าเธอออกไปทำงาน เธอก็ต้องเจอเพื่อนร่วมงานที่ไม่ถูกใจ แต่ก็ยังต้องทำงานร่วมกันกับเค้าแบบนั้นก็จะหนีความรับผิดชอบไม่ทำเพราะเรื่องส่วนตัวเหรอ มันก็ไม่ได้ใช่มั้ยละ ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำงานให้สำเร็จ “ ผมเงียบไปเธอก็ยิ้มให้ “ อาจารย์อยากให้เธอลองใช้ความอดทนแล้วทำรายงานกลุ่มนี้ให้สำเร็จ คิดซะว่าถ้ามันคือการทำงานเธอไม่สามารถไปบอกกับหัวหน้างานได้ว่า อยากจะเปลี่ยนกลุ่ม เพราะในชีวิตจริงของการทำงานมันเป็นแบบนี้เราเลือกเพื่อนร่วมงานที่ชอบทั้งหมดไว้ในที่ทำงานไม่ได้หรอก เข้าใจใช่มั้ย “

“ เข้าใจครับ “ ผมตอบเธอเสียงเรียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง ความต้องการล้มเหลว ผมยิ้มก่อนจะยกมือไหว้เธอ “ ขอบคุณครับอาจารย์ “

เดินออกมาจากห้องด้วยความรู้สึกเซ็งๆแต่ก็เป็นอย่างที่คิด ผมรู้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ในมุมมองของผู้ใหญ่เรื่องนี้มันดูค่อนข้างไร้สาระไป  ผมถอนหายใจออกมาอยากจะบอกอาจารย์เหมือนกันว่าชีวิตจริงที่ทำงานอยู่ตอนนี้ สังคมมันน่าทำมากกว่ารายงานกลุ่มนี่ซะอีก แต่ก็นะ ถ้ามองสังคมของการทำงานโดยรวมสิ่งที่อาจารย์พูดมันก็จริง

“ เมด สรุปมึงอยู่กลุ่มกับพวกกูนะ “ จิงที่เดินเข้ามาหา ผมหันไปมองมันตัดสินใจไม่ได้พูดอะไร ได้แค่ตั้งคำถามกับตัวเองในตอนนั้น ผมทำอะไรได้บ้างสำหรับพวกมัน ถ้าเป็นแฟนบอกเลิกไปแล้วก็คือจบ โชคดีที่บินไม่ได้มาเรียนคณะเดียวกันแต่เป็นวิทย์กีฬา ก็เลยไม่ได้เจอกัน แต่เพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันมาตลอด และกำลังจะจบไปในปีเดียวกัน ผมทำอะไรกับพวกมันได้บ้าง

“ พวกมึงสองคนเลิกยุ่งกับกูได้มั้ย “ ผมถามออกไปสั้นๆ อีกฝ่ายก็นิ่ง ผมมองไปข้างหลังของอีกคนไอ้ยีนส์ยืนอยู่ไม่ไกล “ พวกมึงเลิกเข้ามานั่งข้างกู เข้ามาคุยกับกูได้มั้ย กูไม่อยากคุยกับพวกมึง กูไม่อยากเห็นหน้า พวกมึงคิดอะไรอยู่ กำลังคิดว่ากูจะให้อภัยกับการกระทำของพวกมึงได้อย่างงั้นเหรอ “

“ เมด..”

“ ถ้าเป็นมึง มึงจะให้อภัยเพื่อนที่แอบนอนกับแฟนมึงจริงๆเหรอวะ มึงจะให้อภัยเพื่อนที่โกหกมึงมาตลอดจริงๆเหรอวะ “

“ กูไม่ได้ตั้งใจ กูไม่ได้อยากจะโกหกมึงนะ “

“ มึงเข้าใจความหมายของคำว่า ไม่ตั้งใจรึเปล่า “ ผมถามจิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า มันที่มีท่าทางว่าจะร้องไห้แล้วกำลังจะอธิบายความรู้สึกของตัวเองออกมาเป็นคำพูดแต่ผมก็พูดขึ้นมาก่อน “ ไม่ตั้งใจคือการที่มึงทำมันแค่ครั้งเดียว แต่นี่มันไม่ใช่ มึงตั้งใจ ตั้งใจจะปิดแล้วก็ตั้งใจที่จะมีอะไรกับไอ้เหี้ยนั้น “ มองผ่านไปข้างหลังยีนส์ถอนหายใจออกมา “ กูขอพูดเรื่องนี้กับพวกมึงทั้งสองคนเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ต้องขอโทษ พอแล้ว ยังไงก็ไม่ให้อภัย เรากลับมาเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอกว่ะ คบกันไปก็มีแต่ความหวาดระแวง ไม่รู้พวกมึงจะตอแหลกูตอนไหน ไม่รู้จะหักหลังกูตอนไหน “

“ เมด อย่างน้อยก็ให้พวกกูยังคุยกับมึงได้มั้ย แค่คุย แค่ทัก ได้มั้ยวะ “

“ อย่าเลย “ ผมส่ายหน้าปฎิเสธ “ พวกมึงไม่ต้องมาเสียดายความสัมพันธ์ระหว่างเราที่มีมาตั้งแต่เด็กๆหรอก ก็พวกมึงสองคนเลือกที่จะทำลายมันเอง จะมาเสียใจทำไม จริงมั้ย “

“ แล้วเรื่องรายงาน “ ยีนส์ที่อยู่ไกลออกไปเอ่ยถาม “ มึงจะเอายังไงละ จะทำมั้ย หรือให้พวกกูทำแล้วใส่ชื่อมึง “

“ ให้กูเชื่อคนที่หักหลังกูน่ะเหรอ “ ผมถามก่อนจะยิ้ม “ กูทำเองคนเดียวก็ได้ เดี๋ยวจะใส่ชื่อพวกมึงด้วย “

“ แต่เมด “

“ ไม่ต้องกลัว กูไม่มีนิสัยหักหลังใคร  ส่วนใหญ่จะโดนเพื่อนหักหลังมากกว่า “

“ แต่พวกกูจะทำมันเป็นคะแนนของพวกกู “ ยีนส์มันพูดก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ไอ้จิงที่ยืนอยู่ “ เราก็นัดกันมาทำที่ไหนสักที่แล้วกัน มันเป็นรายงานกลุ่มก็เหมือนที่อาจารย์พูดนั่นแหละ ในชีวิตจริงถ้าเราต้องอดทนทำงานกับคนที่เราไม่ชอบ เราก็ต้องทำ เพราะเราหนีไม่ได้ “

“ เหมือนอย่างมึงแล้วก็กูเป็นอยู่ตอนนี้ “ ผมมองหน้ามัน อีกคนก็มองหน้าผม สายตาที่ไม่มีใครยอมใครของเรา

“ ใช่ “

“ ไอ้ยีนส์ “ จิงเอ่ยเรียกเพื่อนมันที่อยู่ข้างกัน

“ ถ้าเค้าไม่อยากจะเป็นเพื่อนเราเหมือนเดิมก็อย่าพยายามเลยมึง “ ยีนส์มองผมสลับกับเพื่อนตัวเอง

“ บางทีเมดมันคงสะดวกที่จะเกลียดเรามากกว่า “

สบสายตาของอีกคนที่มองผมอยู่แบบนั้นแบบไม่ชอบใจ ยีนส์ไม่ใช่คนแบบนั้น มันไม่ใช่คนชอบหาเรื่องใคร เป็นแค่คนคนนึงที่เงียบออกไปทางไม่ค่อยแสดงความรู้สึก แต่หลังจากวันนั้น วันที่เห็นมันนอนกับแฟนผม ตัวเองกลับคิดขึ้นมาได้ว่า บางทีผมอาจจะไม่เคยรู้จักตัวจริงของเพื่อนคนนี้เลยก็ได้

“ รู้ตัวเองก็ดี “

“ ก็ไม่ได้มีแค่มึงหรอก ที่รู้สึกแบบนั้น “ 

“ แสดงออกแบบนี้ก็ดี ค่อยสมกับการที่แย่งผัวเพื่อนหน่อย “ ผมยิ้มให้ “ เพราะประโยคขอโทษไม่เหมาะกับคนสันดานแบบมึงหรอก “ 

   เดินผ่านมันสองคนออกไปโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก เคยมีบางคนบอกกับผมว่า ความสัมพันธ์ของคนเรากับคนบางคน อาจจะมีแค่สองอย่าง นั่นคือถ้าไม่รักก็เกลียดกันเลย แล้วระหว่างเราสามคนตอนนี้.. มันก็เป็นแบบนั้น คงได้แต่เกลียดกันไปจนตาย

......................................................................

   เดินลงมาด้านล่างของตึกด้วยความไม่พอใจ ผมไม่รู้ตัวเองทำสีหน้าหงุดหงิดอยู่ในระดับไหนแต่คิดว่ามันคงมากพอที่จะทำให้คนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะพร้อมกับน้ำที่หมดไปแล้วหนึ่งแก้ว เลิกคิ้วขึ้นมาก่อนจะยกยิ้มให้

“ หน้าเป็นตูดมาเลย “ อาฟพูดคำแรกก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวขาออกจากเก้าอี้ที่นั่ง ผมหันไปมองรอบๆวันนี้รู้สึกมีสาวๆทั้งในคณะและต่างคณะมานั่งกันแถวนี้เยอะกว่าปกติ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกระดับเจ้าของผับดังมานั่งอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่มานั่งกันสิจะแปลกใจมากกว่า

ถอนหายใจออกมากับสภาพแวดล้อมที่ยิ่งชวนให้หงุดหงิดมากกว่าเก่า สีหน้าที่คงแสดงออกชัดเจนแบบปิดไม่มิดและในตอนนั้นคนที่ทำให้สบายใจเสมอก็แค่ยื่นมือมาจับมือผมไว้ก่อนจะออกแรงดึงให้เราเดินออกไปด้วยกัน ท่ามกลางคนมากมายที่นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่ได้มีคำพูดอะไร เป็นแค่การกระทำที่อธิบายว่าเราเป็นอะไรกันได้ดียิ่งกว่า ‘ โอเค  ผมคิดว่า ผมรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยแล้ว ’

เปิดประตูรถเข้าไปนั่งด้านใน ผ่อนลมหายใจออกมาอีกคนก็สตาร์ทรถเปิดแอร์ก่อนจะหันมาถามอีกครั้ง “ เป็นอะไร “
“ กูต้องทำรายงานกลุ่มกับไอ้จิงไอ้ยีนส์ “ หันไปทำหน้าเซ็งๆใส่อาฟที่มองผมอยู่แบบนั้น “ มึงปลอบหน่อย “

“ ทำยังไง “ พิงตัวเองกับเบาะรถที่นั่ง ก่อนจะเอียงตัวไปหามัน

“ มากูสอนให้ “ บอกแบบนั้นก่อนจะดึงตัวเองขึ้นนั่งให้ดีด้วยการจ้องหน้ามันที่ก็แค่เหลือบตามามองกัน “ เวลาที่เราเห็นแฟนเราเซ็งๆ มึงก็ต้องดึงแฟนมึงเข้ามากอดแบบนี้ “ ผมดึงอาฟเข้ามากอดก่อนจะลูบหลัง “ แล้วก็ลูบหลังเบาๆ เข้าใจมั้ย พูดหวานๆด้วยก็ดี “ ผละตัวเองออกจากมันที่หูแดงจัดแต่ก็สถบคำตรงข้ามออกมาเหมือนอย่างทุกที

“ ปัญญาอ่อน “ ผมหันไปดึงเข็มขัดนิรภัยตอนที่อีกคนพูด แต่ยังไม่ทันจะดึงมารัดให้เสร็จคนที่ไม่คิดว่าจะทำอย่างที่บอก ก็ดึงตัวเองมากอดผมไว้จากด้านหลัง มือข้างนึงของมันกอดเอวส่วนมืออีกข้างก็ลูบหัวผมเบาๆ “ แบบนี้ได้มั้ย “

“ ก็ได้อยู่ แต่ไม่เหมือนที่สอน “

“ อย่าเรื่องมาก “ มันบอกผมก็หลุดยิ้มกว้าง

“ พูดด้วยสิ “

“ พูดอะไร “

“ ทำนองว่า ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปอาฟอยู่ข้างๆเมดนะอะไรแบบนั้น “

“ รำคาญ “ อีกคนบ่นก่อนจะเงียบไปสักพัก ในตอนที่ผมกำลังดึงตัวเองออกมาเพราะคิดว่ามันนานไปแล้ว อีกอย่างเราควรออกรถเพื่อเดินทางกลับ แต่ทว่ามือที่กอดผมไว้กลับกอดกันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย “ ไม่เป็นไร..นะ..ครับ เดี๋ยว จะอยู่ข้างๆเอง “

“ ขอบคุณนะครับ “

“ กูแค่พูดตามที่มึงบอก “ หลุดหัวเราะออกมาผมที่ดึงตัวเองหันไปมองหน้ามันแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับกอดกันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ อาฟ ปล่อยก่อน.. กอดแน่นไปแล้วมึง ”

“ อย่าเพิ่ง “ มันห้ามผมไว้ “ หูกูยังแดงอยู่ หน้าก็ด้วย “

“ ก็เหมือนกันนั่นแหละ “ ผมหลุดยิ้มกว้างออกมาก่อนจะทำได้แค่นั่งนิ่งๆอยู่แบบนั้น ภายในรถเงียบเชียบผมได้ยินแค่เสียงแอร์กับเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นออกมาแทบจะทะลุอก

“ หัวใจเต้นแรงมากเลยว่ะ “ อาฟบอกผมก็ทำทีเป็นจะดึงตัวเองออกมาจากตัวมันที่กอดกันไว้ ปากเตรียมตัวจะเถียงว่าหัวใจผมไม่ได้เต้นแรงเพราะมันสักหน่อย แต่ทว่าอาฟกลับกอดผมไว้แน่นกว่าเก่า “ หมายถึงหัวใจกูเต้นแรงมากเลย “

“ เพราะกูเหรอ “

“ ไม่มั้ง “

“ ไอ้สัด..มึงนี่มัน “ ถอนหายใจออกมาอีกฝ่ายก็ตอบกลับ

“ อื้ม เพราะมึง.. รู้ตัวแล้วยังจะถามอีก“ หัวใจที่เต้นแรงอยู่ในอกผมปล่อยให้มันเต้นอยู่แบบนั้น แล้ววินาทีต่อมาอาฟก็แนบแก้มของตัวเองเข้ามาแนบกับแก้มของผม เรานิ่งอยู่แบบนั้นสักพัก ไม่ได้พูดอะไรอีก

น่าแปลก .. ความขุ่นเคืองใจของผมมันหายไปอย่างฉับพลันเหลือไว้แต่ความสุข และแก้มแดงๆที่กำลังเขินการกระทำที่แสนใกล้ชิดของอีกคนเสียมากมาย ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆมือที่ว่างของผมจับลงที่แขนของอาฟที่กอดเอวกันไว้  สมแล้วที่ยกให้เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด .. แม้จะปากหมาปากแข็งไปหน่อยก็เถอะ

แต่นั่น..ก็สมกับที่เป็นคุณอารยะเค้าละ
...................................................................................

เธอเชื่อไหม รักแท้ยังมี อยู่ตรงนี้ แค่ยื่นมือมา
อยากมีพี่อาฟเป็นของตัวเอง ในนามของความเป็นผู้หญิงคนนึง และถ้าเป็นผู้ชายก็อยากได้น้องเมดเป็นแฟน
วันนี้นั่งเพลง รักเหอะ ของ bigass เรารู้สึกสึกมันเป็นเพลงที่เหมาะกับพี่อาฟน้องเมดมากเลย
คือชีวิตตอนนี้มันไมได้ร้อยเปอร์เซ็นอะ แต่แบบ เออ ไม่ต้องกลัวอะไรหรอก เรามีกันไง เป็นความสบายใจของกันและกัน และจะทำอะไรๆเพื่อกันและกัน
อินมาก เกินเบอร์ไปเลย
ยังไงฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ
และนี่คือทางไปนิยายแชทจอยลดา :: http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 18-05-2018 21:09:11
 o13 o13 o13


เยี่ยมจริงๆ เมดด่าได้เจ็บมาก  เพื่อนที่คิดว่าเป็นเพื่อนแท้ หักหลังกันหน้าด้านๆแล้วยังจะมาทำเฉยได้ขนาดนี้ คือแบบ...เกินทน

ในส่วนของการทำหน้าที่แฟนของอาฟนั้น คือแบบดีงาม ตามใจแฟนทุกสิ่งอย่างมาก!!!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 18-05-2018 21:15:54
ดีที่เมทเด็ดขาดกับเพื่อนแบบนั้น

แต่ยังงใจที่ยีนส์ออกแนวโกรธเมท เรื่องรัย มีสิทธิ์รัยมาโกรธ

อาฟน่ารัก  :o8:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 18-05-2018 21:19:28
ตัวก็ร่าน ใจก็โง่   มอบให้แด่ยีนส์เลยค่ะ อู้ยย ประโยคนั้นแซ่บมาก  "ค่อยสมกับที่ เป็นคนแย่งผัวเพื่อนหน่อย ! "  กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด  เป็นเราเราจะพูดยาวกว่านี้ จะตบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 18-05-2018 21:20:58
ขอซื้อ  "รำคาญ" จากอาฟได้ไหมบ่นจังคำนี้ :z1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-05-2018 21:23:34
คือไม่เข้าใจ จิง กับยีนส์ ทำแบบนี้กับเพื่อนแล้วกล้ามาคุยกับเพื่อนเหรอ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 18-05-2018 21:29:16
ความสัมพันธ์ระหว่าง จิง ยีนส์ เมด - เรื่องลักกินขโมยกินแบบนี้ แล้วเราเลือกที่จะช่วยอีกคนปกปิด มันก็เท่ากับว่าเราเลือกข้างแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าจิงไมไ่ด้เลือกเมด จะมาอ้างว่าตัวเองเป็นคนกลาง นู่นก็เพื่อนนี่ก็เพื่อนมันไม่ได้ คำว่า "คนกลาง" มันไม่มีอยู่จริงหรอก ท้ายที่สุดคนเราก็ต้องเลือกข้างอยู่ดี ซึ่งจิงก็ได้เลือกยีนส์ไปแล้วด้วยการช่วยปกปิดเรื่องราวทั้งหมดมานานถึง 4 ปี การจะมาคาดหวังให้เมดยังคงมิตรภาพกับตัวเองเอาไว้เหมือนเดิม เป็นอะไรที่เห็นแก่ตัวมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-05-2018 21:49:44
พวกจิงนี่ต้องการอะไร
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 18-05-2018 22:33:02
โอ้ยย อยากเป็นแฟนพี่อาฟบ้างงง 555 อยากเป็นคนที่พี่อาฟรำคาญบ้างง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 18-05-2018 22:56:00
เหม็นความรักโว้ยยยย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 19-05-2018 00:01:23
อิสัสส สันดานหมา โอ๊ยยย บวกเลยไหม บวกเลยไหมอิเหี้ยนนนน ไม่ไหวแล้ว มือนี่กำแน่นเลยเว้ย อยากทะลุจอเข้าไปต่อย อุ่ย! มีความหัวรุนแรง นี่เรียกว่าเพื่อนเหรอวะ หื้มมมม คือแบบชีวิตจริงไม่ต่างเลยนะ แต่นี่ไม่โดนเรื่องแย่งแฟน แต่โดนเรื่องรายงาน ดอกทองมาก ขอให้มันกับเพื่อนมันได้รับกรรมอย่างสาสม แต่ในรถนี่คนละอารมณ์เลย ขิวความฮักหลายจ้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 19-05-2018 00:10:51
เรื่องโดนเพื่อนหักหลัง สงสารเมดมาก แต่ยังไม่รู้สึกเกลียดยีนส์มากเท่าไหร่ เพราะแอบคิดว่าอาจไม่ได้ตั้งใจ
(แนวใสๆ) คิดว่า เชี้ยบินมันเลวมากกก ลืมนึกไปว่า เพื่อนกัน แอบเอาผัวเพื่อนมา 4 ปี ลับหลังขนาดนี้ คงไม่ใส
จนมาตอนนี้ นักเขียนทำให้เราเกลียด เหี้ยยีนส์มาก
ใจสั่นกับตอนนี้จริงๆ สันดานแย่งผัวเพื่อน เมดด่าได้โดนใจมาก หวังไว้เลยว่า อยากเห็นเชี้ยบิน แม่งทิ้ง อิยีนส์ ไปเอากับคนอื่น ให้อิยีนส์อกแตกตายไปเลย จะสมน้ำหน้ามัน แถมกระทืบซ้ำด้วย อิสารเลว คงแอบรักผัวเพื่อนมานาน
ความแตกแล้ว คงคิดว่าจะมีความสุขสมหวัง อิเหี้ยย ขอให้โดนเขี่ยทิ้งเร็วๆ นี้ ส่วนอิเพื่อนที่ช่วยปกปิด ไม่สนใจดีแล้วเมด เพื่อนกันมันไม่ทำแบบนี้หรอก มันก็แนวเดียวกันกะคนที่มันเข้าข้างนั้นแร่ะ สันดานหมาๆ บอกคนกลางๆ อิเหี้ยย อยากให้โดนแบบที่เมิงทำกับเมดบ้าง จะได้รู้สึก (ไม่เคยเม้นด่าตัวละครในนิยายเรื่องไหน รุนแรงแบบนี้ค่ะ มันอินมาก หยาบคายต้องขออภัยนะคะ)

ส่วนตัวนี้พี่อาฟ พระเอ๊ก พระเอก กวนตีน แต่ น่าย๊ากกก
รักเมดมากๆ นะคะ ให้สมกับที่รอมานาน

อยากให้เมดรู้เรื่อง นม จังเลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 19-05-2018 00:15:43
เรียกกันน่ารักอะ อารยะ กับ มิณทร์ นี่ชอบตอนเมดซื้อสติกเกอร์ให้มากเลยค่ะ น่ารักอ่าคุณอารยะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 19-05-2018 00:33:42
งงใจกับจิง โกหกก็คือโกหก ต่อให้เป็นwhite lieก็คือโกหกอยู่ดี แถมมากกว่า1ครั้งไม่มีคำว่าให้อภัยแล้วนะสำหรับเรา
ทำไมถึงคิดว่าเมดควรต้องหายโกรธ? /โมโหๆ

ส่วนคุณอารยะนั้น... มีแฟนมุ้งมิ้งก็จะฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งเพิ่มขึ้นอีก40%  ヽ(○´∀`)ノ♪
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 19-05-2018 00:41:42
โอ้โห หัวร้อนกับจิงและยีนส์แทนเมดมากเด้อ  :m31:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-05-2018 01:16:52
ขำอีพี่อาฟ ห้าวมาตลอด อยู่ ๆ จะให้มาหวานแหวว ขอเวลาอีพี่อาฟทำใจหน่อยนะเมด  :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 19-05-2018 03:10:29
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

โอ้ยย น่ารักจิงงง
น้องเมดของพี่อาฟฟฟฟ

นั้นซิ ถ้าเมดรู้ เรื่องนม จะเปนไงนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-05-2018 06:41:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 19-05-2018 07:12:10
 :z10:เอาใจช่วย เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง
มีแฟนเป็นอาฟ ก็ไม่เหลือเวลานอยส์
ที่เหลือนี่หึงล้วนๆ สาวเยอะเกิ๊น
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 19-05-2018 07:20:33
พี่อาฟน่ารักที่สุดดดด  :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-05-2018 09:00:28
ไม่อ่อยหรอกเมด หกสิบวิยังไงก็ทัน

วั้ยยย เป็นแฟนกันวันแรก ได้จูบสองแล้ว ฟินไปถึงปีหน้า
เมดน่ารักดี เขินจนทำอะไรไม่ถูก ถึงขั้นไม่อยากอาบน้ำนอนเลย
อาฟคะ ทำเข้มทำแซวคือเขินเหมือนกัน แต่ทำเนียนใช่ไหม

น่ารักดี เค้าหยอดกัน หยอกกัน มัดรวมเลยค่ะทีนี้
ความสูงไม่มีผลกับแนวราบเนาะอาฟเนาะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 19-05-2018 09:49:28
 :hao7:  o13  o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-05-2018 09:50:38
เขาดูแลกันดีเนอะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-05-2018 12:32:47
เขาหยอกกันได้น่ารักจัง รำยีนส์อ่ะ

 :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 19-05-2018 13:37:44
ตอนนี้มีความสะใจ กับอดีตเพื่อนรักของเมดมาก ทำตัวน่ารังเกียจมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 19-05-2018 17:24:06
 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 19-05-2018 23:11:32
หึ ก็เห็นนิสัยจริงๆของยีนส์แล้วก็คิดว่า เออ เลิกแอ๊บว่าใสซื่อ คนดีได้แล้วเนาะ นอนกะผ.เพื่อนก็ไม่มีทางนิสัยอยู่แล้วอ่ะจ้า
ดีใจที่เมดตอกหน้าได้สะใจดี จบงานนี้แล้วก็ขอให้เมดหลุดพ้นจากพวกเลวๆนี่นะ

พิอาฟคนซึนของน้องงงงงงงง น่ารักเหลือเกิน
อยากขอแบบนี้อีกสักคนมาให้เรา งื้อ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 19-05-2018 23:12:24
หึ ก็เห็นนิสัยจริงๆของยีนส์แล้วก็คิดว่า เออ เลิกแอ๊บว่าใสซื่อ คนดีได้แล้วเนาะ นอนกะผ.เพื่อนก็ไม่มีทางนิสัยดีอยู่แล้วอ่ะจ้า
ดีใจที่เมดตอกหน้าได้สะใจดี จบงานนี้แล้วก็ขอให้เมดหลุดพ้นจากพวกเลวๆนี่นะ

พิอาฟคนซึนของน้องงงงงงงง น่ารักเหลือเกิน
อยากขอแบบนี้อีกสักคนมาให้เรา งื้อ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: Ampaiem33 ที่ 20-05-2018 01:58:59
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-05-2018 07:04:46
สรุปวันนี้ไม่ได้เรียนเลยจ้า :laugh: :laugh: ชอบตอนเมดคุยกับวิวเม้าส์เมามันมาก พี่อาฟคือผัวแห่งชาติที่ปากหมาไปหน่อยแต่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 20-05-2018 09:08:03
ทำไมด้านจังวะ ทั้งยีนส์ กะ จิง ต้องทำมาขนาดไหนถึงได้

มีความหนาระดับนี้ กราบเทอจิง ๆ คอนกรีตราดทับด้วยยางมะตอย

ว่าหนาแล้ว ยังไม่ด้านเท่าหน้า 2 คนนี้

ส่วนด้านข้าวใหม่ นั้น โนคอมจ้าาาา เหม็นกลิ่นความรัก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 25-05-2018 20:26:24

ตอนที่ 22

ตัดสินใจวนรถกลับเข้ามาจอดที่หน้าคณะของอีกคน หลังจากได้รับคำสั่งก่อนจะลงไปว่า ‘ จะไปไหนต่อกได้ แต่ถึงแล้วก็ส่งข้อความมาบอกด้วยนะ อ้อ แล้วก็อย่าตอบข้อความใครตอนขับรถละ ’ ผมไม่ได้พยักหน้ารับตอบกลับอีกคนนี่สั่งแบบยิ้มๆก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเดินลงไป แต่ทำทีเป็นขับรถออกไปจากหน้าคณะของมันแล้วสุดท้ายก็วนกลับมาจอดที่ลานจอดเหมือนเดิม ‘ ก็แค่เบื่อกับรถติด ก็เลยนั่งรอ ไม่ได้มีเหตุผลอะไรมากมายกว่านั้น ’ แล้วนี่มันก็เป็นข้ออ้างที่ผมบอกกับตัวเองในตอนที่เดินลงมาจากรถ

ช่วงนี้การขับรถแล้วต้องเผชิญกับปัญหารถติดไม่ได้ดูแย่เท่าไหร่แล้ว อย่างน้อยก็ยังมีคนที่คอยบ่นงุ้งงิ้งกับเรื่องต่างๆรอบตัวอยู่ข้างกัน อย่างพวกมอเตอร์ไซต์ที่ขับเบียดเพราะพยายามจะขึ้นไปข้างหน้า หรือไม่ก็รถติดแบบไม่ขยับไปไหน

เดินไปซื้อกาแฟตรงร้านที่อีกคนเคยพาไป แล้วกลับมาหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าคณะ ผมหยิบมือถือขึ้นมากดเล่นเกมส์ฆ่าเวลาสลับกันการคุยกับคนที่เข้าเรียนไปแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมสนใจเรียน แอบคุยกับผมอยู่แบบนั้น

เผลอยิ้มออกมาในตอนที่อ่านประโยคพวกนั้น มันไม่ใช่บทสนทนาที่ยืดยาวอะไร ก็แค่คุณมินเมดที่ก็ยังคงเป็นคุณมินเมดเสมอ คนที่มีความงอแงกับเรื่องเล็กๆ แล้วก็มักแสดงออกอะไรแบบตรงไปตรงมาแต่เจ้าตัวกลับไม่รู้ตัว

ก็ค่อนข้างเป็นคนขี้หึง ผมรู้ก็ตอนที่มันถามว่า ตอนนี้ผมอยู่ไหน สัมผัสถึงความหึงหวงออกจากอักษรไม่กี่ประโยคนั่นของมันได้อย่างดี  เผลอยิ้มออกมาตอนที่รู้สึกว่ามันก็..น่ารักไปอีกแบบ

เชื่อแล้วว่าคนเราพอรู้สึกดีกับใคร อะไรที่เคยไม่ชอบ มันกลายเป็นเรื่องที่ดูน่ารักไปหมด ผมเคยรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนเห่อแฟน แต่หลังจากเป็นมีแฟนเป็นเมด ผมไม่รู้ว่าตัวเองยังเป็นแบบนั้นอยู่มั้ย

‘ ขมรมคนรักพี่เมด ’  ตัวเลขแจ้งเตือนของจำนวนข้อความที่อยู่ในแชทกลุ่มนี้ มีอยู่จำนวนไม่มากนัก จะว่าไปตั้งแต่เมื่อคืนผมก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรไปเลย เอาเข้าจริงก็ไม่ได้จับมือถือเลยด้วยซ้ำเหมือนชีวิตมันมีอะไรให้น่าสนใจมากกว่า

[ ข่าวคาวเงียบหายไปสองสามปี ] ข้อความแรกเป็นของเพื่อนผมที่ส่งเข้ามา ก่อนจะเป็นสติกเกอร์แบบตัวน่ารักที่แอบอยู่กับกำแพงและไม่เข้าหนังหน้าคนส่งเลยสักนิดถูกส่งเข้ามา จะว่าไปสติกเกอร์ที่กูมีก็ไม่ได้เข้ากับหนังหน้ากูไหร่เหมือนกัน ติดแค่ว่าคนซื้อให้ น่ารักดี เลยต้องใช้  [ @after ตายรึยัง ]

[ ไอ้เดย์มึงอยู่คอนโดมั้ย @dday ] ไอ้อัยย์ที่เหมือนจะตื่นแล้วเหมือนกัน มันส่งข้อความไปหาน้องชายผม คงอยากจะอัพเดทชีวิตของผมที่พวกมันก็คงอยากรู้ใจจะขาด นั่นคือความสัมพันธ์ของผมกับเมด

[ นอนห้องน้องแพมจ้า ไม่ได้กลับห้องจ้าพวกมึง ]

[ แรดจังจ้า ] ไอ้เจเพื่อนผมว่า [ แต่ขึ้นว่าอ่านครบ มีไอ้สัดตัวนึงก็คงแอบซุ่มอยู่แน่นอน ]

[ รำคาญพวกมึง ] ผมส่งข้อความไปให้พวกมันที่ก็ส่งสติกเกอร์แบบล้อเลียนกันมาคนละตัว ไม่เข้าใจอยู่อย่างทำไมเวลาส่งสติกเกอร์พวกมันต้องส่งพร้อมกันด้วยวะ คือกลัวกูไม่รู้เหรอ ว่าพวกมึงแม่งเหี้ยเหมือนๆกัน ผมกดเข้าไปในส่วนของสติกเกอร์ตัวเองที่มีคนซื้อให้สดๆร้อนๆ เลือกตัวหน้าโกรธส่งไปตัวนึง

[ … ] และก็เป็นอย่างที่คิด สำหรับคนที่ไม่คิดจะซื้อของปัญญาอ่อนแบบนี้เลย ทุกคนส่งมาแค่จุดนั้นตอนที่เห็นสติกเกอร์ของผม
[ อย่าเข้ามานะ กูมีพระ ] ไอ้เจบอกก่อนที่น้องชายผมจะเสริม

[ สัดพี่มึงเชี้ยไรเนี้ย ]

[ พี่เมดเหรอครับ ] อัยย์มันส่งข้อความเข้ามาให้เดามันคงคิดว่าคนที่เล่นมือถือผมอยู่ไม่ใช่ผม แต่เป็นพี่เมดสุดน่ารักของพวกมัน

[ ทำไมคิดงั้น ] ผมถามทุกคนก็เงียบไปสักพัก

[ ก็ปกติเฮียไม่มีสติกเกอร์อะ เฮียไม่ใช้ เฮียบอกปัญญาอ่อน งั้นแสดงว่าพี่เมดก็ต้องเล่นมือถือเฮียแล้วซื้อให้เฮีย ]

[ ไอ้อาฟไม่ให้ไอ้เมดเล่นมือถือหรอกสัด ] เพื่อนสนิทผมบอกแบบรู้ใจ [ เรื่องเหี้ยๆมีตั้งเท่าไหร่ สาวๆที่แอบคุยด้วยอีกละ ในเฟส ในไลน์ มันคงไม่โง่เปล่าวะ ขนาดพวกมึงยังไม่ให้สาวที่คุยด้วยจับมือถือเลย ]

[ นั่นก็จริง ] ไอ้อัยย์บอกก่อนจะส่งสติกเกอร์เพื่อแทนความรู้สึกของตัวเองขึ้นมา

[ แล้วคิดไงซื้อสติกเกอร์มาใช้วะสัดพี่ น่ารักมุ้งมิ้งไม่เข้ากับหนังหน้ามึงเลย ] ผมส่งสติกเกอร์โกรธไปให้น้องชายอีกที เพื่อนผมก็บอก

[ กูขอ อย่าใช้ จะอ้วกไอ้สัด รับไม่ได้ ]

[ พวกมึงซื้อสติกเกอร์กันยังไงวะ ] ผมถามพวกมัน

[ ก็ตัดจากบัตร ] น้องชายผมบอก [ ผูกบัตรไว้กับแอคเค้าท์ซื้อแอปในมือถือถามทำไมวะ ]

[ งั้นสติกเกอร์พวกมึง พวกมึงก็ซื้อเอง ]

[ ก็ใช่นะสิวะใครมันจะมาซื้อให้กู ] ไอ้เจบอก

[ แต่ของกูเมดซื้อให้วะ ] พูดแบบนั้นก่อนจะส่งสติกเกอร์ไปอวดพวกมันทั้งสองแบบ [ เมดซื้อให้กูทั้งสองแบบเลย ]

[ นี่คือเฮียแม่งอวดถูกมั้ย ] ไอ้อัยย์ถาม

[ ไม่ได้อวดแค่บอก ] ส่งสติกเกอร์ไปอีกครั้ง ก่อนคนที่อ่านจะส่งสติกเกอร์คล้ายอยู่ในอาการหมั่นไส้มาคนละตัว แล้วตอนนั้นไอ้เจก็ถามเรื่องที่มันอยากรู้ขึ้นมา

[ บอกมาซะดีๆ ว่ากับคนที่ซื้อสติกเกอร์ให้มึงอะ ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว ]

[ สดหรือถุงเอาให้เคลียร์ ]   ไอ้อัยย์เสริม

[ อะไรของพวกมึง ]

[ มึงกับเมดเป็นยังไง เมื่อคืนพาขึ้นไปชั้นสามแล้วเงียบไปเลย ]

[ เค้าอาจจะไม่เงียบแต่พวกเราแค่ไม่ได้ยิน ] น้องชายผมบอก [ เพราะมันคงดังแค่ว่า อ๊า อ๊ะๆ แรงอีก แรงอีก ]

[ กูเคยบอกพวกมึงว่าไง ] ผมถามพวกมันเพราะเหมือนจะลืมสิ่งที่ผมเคยบอกไปแล้ว ว่าอย่าพูดอะไรถึงไอ้เมดในเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องแบบนั้นอีก

[ อุ้ยยยย น้องลืม ก้มกราบ สัดพี่น้องเดย์คนนี้ไม่ได้ตั้งใจ คือแมวมันพิมพ์ง่ะ ]   

[ ง่ะ ที่หน้ามึง ] ผมบอก

[ เฮียไอ้เดย์มันโกหกเฮียอะ น้องอัยย์เห็น น้องอัยย์ว่าเดย์เป็นเด็กไม่ดีเลยครับ ]

[ ให้กูแคปไอ้ใส่สดกับถุงมาให้สัดพี่มันอ่านอีกทีมั้ย ยังไงดี ]

[ อุ้ย ]

[ โอยยยยย กูไม่ได้ตื่นมาฟังพวกมึงทะเลาะกันเด้อ กูตื่นมาฟังไอ้สัดอาฟเล่าเรื่องไอ้เมด ว่าตกลงมันยังไงกันแล้ว ไอ้พวกน้องเหี้ย ] ไอ้เจโวยวายผมก็หลุดยิ้ม [ มึงได้กันยังไอ้อาฟ กับไอ้เมด ]

[ ยัง ]

[ ไรวะ] ไอ้เดย์พิมพ์ราวกับสถบออกมาตอนที่ผมตอบแบบนั้น [ จริงอะ ไม่อยากจะเชื่อคนอย่างสัดพี่มึงปล่อยให้รอดไปได้เหรอวะ กูคิดว่าได้กันแล้ว เห็นเงียบไปเลย แถมออกไปตั้งแต่ก่อนผับจะปิดอีก ]

[ ปกติพี่เมดจะทักพวกกูก่อนกลับ แต่นี่เงียบมากไม่มาทักเลย หรือว่ายังไงทะเลาะกันเหรอ ? ] อัยย์เสริมขึ้น [ ไม่ใช่ว่าพี่เมดบอกเฮียว่า เราคบกับอาฟไม่ได้หรอกอาฟเหี้ยเกินไป เราคิดว่าคนดีๆแบบเราไม่ควรมาคบกับคนแบบอาฟได้ ]

[  ไอ้สัดอัย ไอ้เหี้ยยยยยยยย ] น้องชายผมพิมพ์เข้ามารู้สึกเหมือนมันจะถูกใจเอามากสำหรับประโยคนั้น

   ผมนั่งอ่านข้อความพวกนั้นพลางกำลังคิดว่าจะทำยังไงดี ถ้าส่งภาพตอนไอ้เมดโป้ครึ่งบนไปได้ก็จะส่งไปให้ จะได้บอกสถานะของอีกคนโดยไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ ให้ดีเป็นมุมสูงตอนทำเรื่องอย่างว่ากันอยู่ท่าทางจะเด็ด แต่เพราะผมไม่มีภาพแบบนั้น ส่วนใหญ่ก็แค่ภาพแอบถ่ายไม่รู้ตัว ตอนที่อีกคนนั่งอยู่ตรงกันข้ามเวลาเรากินข้าวกันก็เท่านั้น

[ มึง ] กดเข้าไลน์ manmade ผมส่งข้อความไปหาคนที่กำลังเรียนอยู่ในตึก คนที่ตอบเข้ามาเร็วมากจนทำให้ผมรู้ว่า ค่าน้ำมันที่ขับพามันมาเรียนคงไม่ค่อยจะคุ้มเท่าไหร่

[ ว่า ] ข้อความสั้นๆที่อีกคนตอบกลับมาพร้อมกับสติกเกอร์น่ารักตามฉบับ เมดบอกว่าคนเราส่งสติกเกอร์กันเพราะบอกความรู้สึกในตอนนั้น แต่ในความคิดผมมันเหมือนจะไม่ใช่ สำหรับเมดก็แค่ภาพที่แสดงให้เห็นถึงความน่ารักของคนส่งแบบชัดเจนขึ้น

[ แฟนมึงชื่ออะไรวะ ]

[ ถามอะไรของมึง ] ข้อความที่ตอบกลับนั้นถ้าเดาไม่ผิดมันคงกำลังยิ้มอยู่แน่นอน ก็ดี.. จะได้เป็นเสี้ยววินาทีที่มันมีความสุขบ้าง
แม้จะแค่สั้นๆ สำหรับช่วงเวลาหงุดหงิดเกี่ยวกับเรื่องเพื่อนของมันในตอนนี้

[ ก็แค่บอกเปล่าวะ ]

[ ไม่ลองเปิดกล้องแล้วถ่ายดูละ ] แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นผมที่ต้องยิ้มออกมาบ้างตอนที่อ่านข้อความนั้นของมัน ผมยกมือถือขึ้นแล้วตอนที่เปิดกล้องของตัวเอง ก่อนจะพบว่ามันเป็นแค่วิวหน้าคณะของอีกคน ที่มีโต๊ะม้าหินอ่อนแล้วก็ต้นไม้ที่ค่อนข้างร่มรื่น ผมกดถ่ายรูปก่อนจะส่งไปให้มันแบบซื่อๆ

[ ไหนแฟนมึง ]

[ กวนตีนกูละอารยะ ] อีกคนบอกผมก็ยิ้มกว้าง [ กล้องหน้าสิวะ ] กดเปลี่ยนเป็นกล้องหน้า ผมเห็นตัวเองอยู่ในนั้น ตัวเองที่กำลังยิ้ม ยิ้มอย่างไม่ใช่ตัวผมที่ชอบยิ้ม ผมพยายามกลั้นมันเก็กหน้านิ่งแบบที่ตัวเองชอบทำ แต่มันก็ไม่ได้ผล หูของผมเริ่มแดง ก่อนจะสถบออกมาเบาๆ

“ มึงแม่งร้ายจริงๆไอ้เมด “

[ ไหน ถ่ายแล้วส่งมาให้ดู ]

[ เสือก ] ผมตอบมันแบบกวนตีน ตอนที่กดเข้าไปในคลังภาพผมลังเลกับการจะส่งภาพตัวเองไป มันเป็นภาพหน้าเต็มที่เห็นทั้งหูทั้งหน้าแดงไปหมดแถมยังกำลังเก็กนิ่งแบบไม่เป็นธรรมชาติ

[ ส่งมาให้ดูหน่อย จะได้แน่ใจว่าใช่แฟนกูเปล่า ] ตัดสินใจส่งภาพแบบครึ่งหน้าไปให้มัน อีกคนก็แซว [ หูแดงแบบนี้ แฟนกูแน่ๆ ]

[ แฟนมึงชื่ออะไรนะ ]

[ อาฟเตอร์ อารยะ ] เมดบอกผมก็ถอนหายใจ เริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองเป็นบ้ารึเปล่าถึงมานั่งยิ้มไม่หุบกับข้อความพวกนั้น [ แฟนกูชื่อเท่นะบอกไว้ก่อน ]

[ แต่แฟนกูน่ารักกว่า ] ผมบอกมันแบบนั้นเพราะอยากจะให้มันเขินดูบ้าง

[ แฟนมึงชื่อไร ถ้าให้เดาต้องชื่อจริงชื่อ มิณทร์ ชื่อเล่นเมด ชื่อไลน์ว่า มินเมดแน่นอน ]

[ หลงคนแล้วมั้ง ]

[ ไอ้สัด ] อีกฝ่ายสบถก่อนจะส่งสติกเกอร์หน้าโกรธมาให้แต่กลับดูน่ารักมากกว่า ผมส่งสติกเกอร์กลับไปหามันอีกคนก็แค่หัวเราะ [ 55555555555555 ชอบๆ ]

[ ชอบกู ? ]

[ หลงคนแล้วมั้ง ] ผมหลุดยิ้มตอนที่อ่านเหมือนหมายจะเอาคืนที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้

[ อยากให้แน่ใจ ส่งภาพมาให้ดูหน่อยจะได้บอกว่าใช่คนเดียวกันรึเปล่า ]

[ หน้าตาแบบนี้แน่นอน ] ภาพน่ารักของอีกคนถูกส่งมา .. ผมกดเซฟรูปนั้น แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า รู้สึกตัวเองเหมือนแพ้น็อคแล้วเอาแต่ยิ้มกว้างไปแล้วในตอนนี้ และไม่ว่าจะพยายามฝืนกลับมาปั้นหน้านิ่งเท่าไหร่ยังไงมันก็ไม่สามารถทำได้

[ เออ หน้ากลมเหมือนซาลาเปาแบบนี้แหละ ]

[ เชี้ย ]  แม้แต่คำสถบที่ส่งมาพร้อมอิโมจิโกรธก็ยังทำให้ยิ้มได้

ไม่ลืมแคปหน้าจอ ตัดข้อความสำคัญที่เมดเขียนว่าแฟนมันชื่ออะไร ก่อนจะส่งเข้าไปในไลน์กลุ่มของ ‘ ชมรมคนรักพี่เมด ’ อีกครั้ง

[ ของจริงไม่ต้องพูดเยอะ ]

[ เอ่อ...] ไอ้อัยย์ส่งข้อความเข้ามาคนแรก [ พวกมึง @dday @jisj ] ไอ้เดย์เข้ามาอ่านคนที่สองมันที่พิมพ์เสียงกรีดร้องขึ้นมา

[ กรี๊ดดดดดดดดดดด ม่ายยยยยย พี่เมดของกู ]

[ หมายความว่ามึงเป็นแฟนกับไอ้เมดแล้ว ] เจถามผมขึ้นมาหลังจากที่มันเข้ามาอ่านข้อความในภาพนั้น

[ โง่กันจังว่ะ ] พูดแค่นั้นก่อนจะกดเข้าไปในกลุ่มไลน์ ผมเปลี่ยนชื่อจาก ‘ ชมรมคนรักพี่เมด เป็น ‘ ชมรมคนรักแฟนพี่อาฟ ’ [ ถ้ายังโง่อีกเดี๋ยวจะส่งภาพตอนเอากันให้ดู ]

[ ไม่เข้าใจ ] ไอ้เจบอกก่อนจะพวกลูกหมาหน้าเหี้ยจะเล่นตามเกมส์มันเหมือนนัดกันมา

[ อุ้ยงง ]

[ เออไรวะเฮีย งงจัง ]

[ พวกหน้าเหี้ย ]

[ 55555555555555555555 ] ไอ้อัยย์ส่งเข้ามาก่อนไอ้เดย์จะถามเพื่อความมั่นใจ

[ แต่เดี๋ยวนะ กูขอเข้าเรื่องคือพี่มึงเป็นแฟนพี่เมดแล้ว พี่เมดของกู คุณมินเมดเจ้าหน้าที่บัญชีของผับ throw up คนในหัวใจของกูน้องเดย์ผู้เป็นบาร์เทนเดอร์ที่หล่อที่สุดในผับแห่งนี้ ถูกต้องมั้ย ]

[ เล่นใหญ่เพื่อใครไอ้สัดเดย์ ] ไอ้เจด่าน้องชายผมแต่ผมเองก็แค่ตอบกลับพวกมันสั้นๆ

[ อื้ม เมดเป็นแฟนกูแล้ว ]

[ ไม่ชอบขาวเป็นแป้งเนอะ ] เดย์บอก [ ปากก็บางไปเนอะ อะไรอีกอะ พวกมึงมารุมมัน ]

[ หน้าเหมือนไอ้ตี๋ขายซาลาเปา ไม่ชอบ ] เจบอกเดย์

[ ไม่ช๊อบบบบบบบบบบบบบบ เนอะ อยากแหมไปถึงดาวพุธ ]

[ รู้เหรอ อยู่ไหน ]

[ รู้ เพราะคงอยู่ไม่ไกล แค่ถัดไปจากดาวอังคาร ]

[ พ่อแม่ต้องภูมิใจในตัวมึงอะเดย์ ]

[ คือกูกำลังคิดว่ากูต้องรู้สึกยังไง ] ไอ้อัยย์บอกสวนไอ้เจกับไอ้เดย์ที่กำลังเล่นมุกที่ไม่ขำสักเท่าไหร่ขึ้นมา [ คือกูดีใจนะที่เฮียได้เป็นแฟนพี่เมดเพราะพี่เมดน่ารัก แต่คือกูก็ไม่คิดว่าเฮียจะเอาพี่เมดจริงๆ แบบว่า ก็เห็นว่าเฮียชอบๆ แต่ไม่คิดว่าเฮียจะกล้าเข้าไปขอเค้าเป็นแฟน เฮียแม่งชอบให้คนอื่นเข้ามาหามากกว่าอะ กูยังคิดว่านี่ฮียจะมองพี่เมดทั้งชาติเลยมั้ย ]

[ กับคนบางคน มันก็มีต้องมีข้อยกเว้น ] ไอ้เจบอกไอ้อัยย์พร้อมกับอีโมแว่นดำที่ส่งมาให้ [ และกูขอพูดสั้นๆว่า ในที่สุดก็ได้มาสักที ยินดีด้วยนะครับ สำหรับความสำเร็จนี้รักษาไว้ในดีนะครับ @after เลี้ยงเหล้ากูด้วยไอ้สัด ]

[ เออ ]

[ สั่งเสียเหมือนวันแต่งงานเลย กลัวตายก่อนสัดพี่แต่งงานเหรอพี่เจ ] น้องชายผมถามอีกคน

[ อยากเอาตีนไปเหยียบขี้หมาแล้วมาเหยียบหน้ามึงอะเดย์ ]

[ รุนแรงกับน้องงงงง ] มันว่าก่อนจะหันมาสนใจผม เดย์ถามในสิ่งที่ทุกคนคงอยากรู้ [ แล้วไปขอกันท่าไหนวะ ]

[ ท่ายืน ]

[ ครั้งแรกก็ท่ายืนเลย ] ขมวดคิ้วกับข้อความที่ถูกถามกลับรู้สึกว่า ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเราไม่ได้คุยถึงเรื่องเดียวกันอยู่ แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ตอบมันไปตามตรง

[ อื้ม ที่ระเบียง ]

[ นี่สัดพี่มึงเล่นแบบ full view เลยเหรอวะ ใจสัดพี่แม่งได้วะ ]

[ อื้ม กูอยากให้เมดมันประทับใจ ตอนนั้นเมดมันตื่นเต้นด้วยนะ มือกำขอบระเบียงไว้แน่นเลย ]

[ เป็นไงๆ ความรู้สึก ]

[ ก็ดี ]

[ แค่ก็ดีเหรอวะ  ] เดย์ยังคงถามต่อ ผมก็เองก็ยังตอบเหมือนปกติ อยากรู้ว่าความโง่ของมันขีดสุดจะอยู่ที่ตรงไหน และอยากรู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันจะพูดว่า นี่เราพูดเรื่องเดียวกันเปล่าวะสัดพี่ แต่ผมคิดว่าเดย์ก็คือเดย์ ชีวิตน้องชายผมไม่เคยคิดอะไรซับซ้อนขนาดนั้น

[ แล้วมึงจะให้กูรู้สึกอะไรมากกว่านั้น ]

[ ก็แบบว่า... เสียว กลัวคนเห็น] มันขยายความ [ ขาสั่นเลยมั้ยทั้งเค้าทั้งสัดพี่มึง ]

[ กูไม่สั่น แต่เมดสั่นอยู่ ]

[ อูยยยยยยยยย เสียวว่ะ อยากลองบ้าง ตรงระเบียงยังไม่เคยเลย ]

[ เอาดิ แต่ต้องเอาระเบียงสูงๆหน่อยนะ วิวดี ส่วนตัวด้วย คนไม่ค่อยเห็น ]

[ เออๆ ได้ๆ กูต้องไปหาสถานที่ดีๆก่อน แต่ที่ผับโอเคเหรอวะ กูว่าตึกมันไม่ได้สูงเท่าไหร่ ]

[ ก็ดีนะ ข้างหลังตรงระเบียงนั้นมันไม่มีอะไร แต่พูดอะไรไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่ เสียงในผับมันดังแล้วทะลุขึ้นมาชัดอยู่ ]

[ ดีแล้ว เวลาร้องจะได้ไม่มีใครได้ยินไงสัดพี่ ] น้องชายบอก ผมก็พยักหน้ารับกับคำพูดของมันที่เรากำลังคุยคนละเรื่อง

[ อื้ม จริงของมึง ]

[ ไว้กูไปลองที่ผับชั้นสามบ้าง ]

[ ตามสบาย ]

[ นี่เรื่องจริงเหรอวะ ] ไอ้เจพูดขึ้น [ ตอนแรกคิดว่าพูดคนละเรื่องเดียวกัน แต่นี่คือพูดเรื่องเดียวกันถูกมั้ย ]

[ ก็กำลังพูดถึงฉากสารภาพรักในท่ายืน ระหว่างสัดพี่กับพี่เมด คนละเรื่องไงวะ ใช่มั้ยสัดพี่ ]

[ อื้ม ] ตอบรับมัน ไอ้เจเพื่อนผมก็ส่งสติกเกอร์งงๆเข้ามาพร้อมกับไอ้อัยย์ที่ส่งข้อความเข้ามาเพราะยังไม่ค่อยเข้าใจบทสนทนานี้สักเท่าไหร่

[ งงนิดหน่อยแต่ไม่ค่อยเข้าใจมากๆ ]

[ เบื่อคุยกับพวกโง่ๆ ]

[ เออ เบื่อๆ ] น้องชายผมบอก [ เนอะสัดพี่เนอะ ]

[ กินปลาสิเดย์ จะได้ฉลาดๆ ]

[ กินทำไมอะ ฉลาดอยู่แล้ว ]

[ อื้ม เอาที่มึงสบายใจเลย ]

กดปิดหน้าจอก่อนจะหันไปรอบๆ แล้วเห็นข้อความใหม่ที่เตือนขึ้นมาที่หน้าจอ มันเป็นข้อความของคนที่ขึ้นไปเรียนแล้วตอนนี้มันก็ส่งข้อความมาบอกผมสั้นๆแค่ว่า ‘ เลิกเรียนแล้วนะ แต่ขอคุยกับอาจารย์ก่อน รออีกแปปนึงนะ ’ เป็นแปปที่ค่อนข้างนานกว่าคนที่ส่งข้อความจะเดินลงมาพร้อมกับใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

ผมเผลอยิ้มตอนที่ลุกขึ้นยืน ตอนนั้นเมดก็มองไปรอบๆ แล้วสีหน้าของมันจะหงุดหงิดยิ่งกว่าเก่า ในตอนนั้นผมเอื้อมมือไปดึงมือมันมาจับไว้แล้วจูงให้เดินออกไปพร้อมกัน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษแค่อยากให้มันรู้สึกว่า ‘ ไม่มีอะไรที่น่ากังวล ผมยังมองแค่มันอยู่เหมือนเดิมตรงนี้ ’

“ เป็นอะไร “ เอ่ยถามอีกคนที่ยังคงหงุดหงิดแม้จะขึ้นมานั่งบนรถแล้ว เมดถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมามองผมแบบเซ็งๆ ราวกับมันก็เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ทำใจให้หายหงุดหงิดไม่ได้

“ กูต้องทำรายงานกลุ่มกับไอ้จิงไอ้ยีนส์ “ มันบอกก่อนจะเอียงหน้าเพียงเบาะรถที่นั่ง “ มึงปลอบหน่อย “

“ ทำยังไง “ หันไปถามมันอีกคนก็หันมามองอย่างสนใจ

“ มากูสอนให้ “

เรียนรู้การปลอบคนรัก เป็นชั่วโมงเรียนสั้นๆในรถที่อีกคนสอนให้ ผมรู้สึกว่ามันวุ่นวายพอตัว ที่ต้องคอยสังเกตว่าคนข้างๆเป็นยังไง ผมไม่ชอบความรู้สึกวุ่นวายแบบนั้น ทั้งในแง่ของการกระทำและหัวใจที่เต้นแรง ไม่ชอบตอนที่หูแล้วหน้าของตัวเองแดงจัด ผมไม่ชอบอะไรที่ควบคุมไม่ได้ แต่คงไม่ใช่เมด รายนั้นดูชอบเหลือเกิน เดาจากที่มันขยันทำให้อาการเขินพวกนั้นเกิดขึ้นกับผมบ่อยๆ 


หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 21 :: up! 18-5-61} #หน้า 13
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 25-05-2018 20:27:16
“ ไปกินโรตีกันดีกว่า “ คำพูดสั้นๆของคนที่นั่งข้างๆก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดค้นหาอะไรสักอย่างตรงหน้าจอ ผมคิดว่าคงจะเป็นร้านโรตีอร่อยๆที่อีกคนอยากจะกิน “ กินแค่โรตีพอนะมึง กินอะไรเบาๆ แล้วค่อยไปกินมื้อเย็นอีกทีที่ซอยข้างผับ ”

   พยักหน้ารับไปแบบนั้น แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจคำว่า ‘ เบาๆ ’ ของอีกคนสักเท่าไหร่ เพราะทั้ง โรตีฝอยทอง โรตีไม่ใส่ไข่ โรตีใส่ไข่ ที่ถูกสั่งออกไปจากปากคนตรงหน้า สามจานนี่จัดว่าเบาเหรอวะ  เครื่องดื่มมีกาแฟเย็นที่คงเป็นของผม ส่วนโกโก้เย็นคงเป็นของมัน

“ มึง กินกาแฟเย็นได้มั้ย แต่มันไม่มีคาราเมลมัคคิอาโต้วะ กูก็ลืมถาม  “  แววตาเรียวที่จ้องหน้าผม เหมือนรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ทำอะไรพละการแบบนั้นโดยไม่ได้ถามกันเสียก่อน

“ กูกินได้ทั้งนั้น “

“ คราวหลังเดี๋ยวสั่งชามะนาวมาให้ “ มันพูดแหย่ผมก่อนจะยักคิ้วให้ แต่ถึงอย่างงั้นสายตาที่เอาแต่มองไปรอบๆก็เอ่ยพูดกับตัวเองขึ้นมา “ ไม่รู้เค้าจะชงกาแฟเย็นให้มึงเข้มเกินไปรึเปล่า กูไปบอกให้เค้าชงไม่เข้มหน่อยดีกว่า ปกติมึงกินไม่ค่อยเข้ม “ เผลอยิ้มออกมาตอนที่อีกคนเดินออกไป ด้วยท่าทางยิ้มๆที่เอ่ยพูดกับพนักงานร้าน ผมว่า ผมชอบความใส่ใจเล็กๆนี่มากเลยว่ะ

มื้อกลางวันแบบเบาๆ ในความคิดของอีกคนจบลง แล้วตอนนี้เราก็กลับมาที่คอนโดเรียบร้อย เมดเดินเข้าไปกินน้ำในครัวเป็นอย่างแรกก่อนจะล้างแก้วแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องนอน ผมเองก็นั่งลงบนเตียงไม่เคยรู้สึกอยากจะนอนมากขนาดนี้ จัดการหยิบมือถือกับกระเป๋ามาตั้งไว้บนโต๊ะลิ้นชักข้างๆ ก่อนจะเอนตัวนอนลงตักของอีกคนที่นั่งเล่นมือถืออยู่

“ ไปนอนดีๆ “ เมดบอกตอนที่ผละหน้าออกจากมือถือแล้วก้มลงมองผมที่ก็หลับตาลงแล้วกอดอกตัวเองนอนแบบนิ่งๆ “ อาฟ กูรู้ว่ามึงยังไม่หลับ อย่ามาทำเงียบกลบเกลื่อน “

โดนเจ้าของตักจิ้มแก้มไปทีนึง ก่อนที่นิ้วนั้นจะเลื่อนมาจิ้มนิ้วลงไปอีกสามครั้งในจุดที่ใกล้กัน ถ้าให้เดาคงกำลังเอานิ้วจิ้มไฝสามจุดของผมที่อยู่บนหน้า

“ มึงมีไฝบนหน้าตรงนี้เหมือนกลุ่มดาวเลย “ อีกคนที่พูดขึ้นแต่ผมก็ยังเงียบ “ แปลกดี แต่ก็เท่ห์เหมือนกันนะ “
 
“ ยังไงกันแน่ “ ผมเอ่ยถามมันตอนที่ลืมตาขึ้นมองก็เห็นใบหน้าอีกคนในระยะประชิด เมดดึงตัวเองขึ้น มันชะงักนิดหน่อยก่อนจะดันผมให้ลงไปจากตักของมัน “ ตกลงยังไงกันแน่ “

“ อะไรยังไง “ อีกคนถามพลางทำทีเป็นล้มตัวลงนอนเพื่อที่จะหลบเลี่ยงการตอบคำถามของผม
 
“ ไฝสามจุดบนหน้ากู มันเป็นยังไง “ เอ่ยถามมันตรงๆ ตอนที่พลิกตัวเองหันไปสบสายตากับมัน เมดก็หลับตาลงมันพลิกตัวไปอีกทางแต่ผมก็แค่เอื้อมมือไปดึงเอวมันมากอดประชิดตัวไว้

“ ถ้ากอดไว้แบบนี้กูจะไม่บอกนะสัดอาฟ “

“ คิดว่าจะกลัว “ ถามมันแบบนั้นก่อนจะเอียงหน้าใช้ริมฝีปากขบใบหูของมันเบาๆ อีกคนก็หดตัวเกร็ง

“ ไอ้เชี้ยย ทำเหี้ยอะไรวะ “

“ มาดูกันว่ามึงกับกูใครจะแน่กว่ากัน “

“ ไอ้สัด มึงแม่ง “ มันสถบเหมือนรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าต้องแพ้ เมดนอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของผมเงียบๆ ศีรษะของเราหนุนอยู่บนหมอนใบเดียวกัน ผมก้มลงสูดกลิ่นแชมพูเด็กตรงเรือนผมของอีกคนเข้าไปเต็มปอด รู้สึกว่าบางทีกลิ่นแชมพูเด็กก็หอมดีเหมือนกันแต่ไม่รู้เพราะมันอยู่บนร่างขงคนในอ้อมกอดด้วยรึเปล่า  “ ก็ดูแปลกดีแต่ก็เท่ห์ ไม่เหมือนใคร “

“ ชอบมั้ย “ ถามมันออกไปสั้นๆเหมือนไม่ใช่ตัวผมที่ตั้งคำถามพวกนั้น ก็รู้ว่าเมดคงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร แต่มันก็ยังทำเป็นไม่รู้เรื่องเพื่อบ่ายเบี่ยงสิ่งที่ผมถามอยู่ดี

“ หมายถึงอะไร “

“ ไฝสามจุดบนหน้ากู “ ผมขยายความก่อนย้ำ “ มึงชอบมั้ย “

“ นิดหน่อย “

“ แล้วเมื่อไหร่จะมาก “

“ ก็ต้องดูจากการกระทำก่อน “ อีกคนบอกแค่นั้นผมก็กอดมันไว้แน่นขึ้น “ ถ้าทำดีก็มากขึ้น ถ้าทำเหี้ยก็ลดลง “

“ ท่าทางว่าน่าจะลด “ ผมบ่นกับตัวเองเบาๆอีกฝ่ายก็หัวเราะ

“ ทำไมมึงชอบบอกว่าตัวเองไม่ดีนักวะ “ เมดถาม “ เอาจริงๆนะ มึงคิดว่าตัวเองนิสัยไม่ดีจริงๆ หรือว่า มึงฟังจากคนอื่นมา คนอื่นที่บอกว่ามึงนิสัยไม่ดี มึงเลยคิดว่าตัวมึงเองนิสัยไม่ดี “

“ คงอย่างหลัง “

“ แล้วใครบอก “

“ สาวคนก่อน “ ได้ยินเสียงถอนหายใจเซ็งๆของคนที่ฟังคำตอบ ผมเผลอยิ้มกับท่าทางหงุดหงิดแบบฉับพลันของมันไอ้เด็กขี้หึง “ ไอ้เจ ไอ้เดย์ ไอ้อัยย์ก็บอกแบบนั้น “

“ กูมองว่านิสัยเหี้ยๆของคนคนนึง มันอาจจะไม่แย่ขนาดนั้น เพราะคนบางคนเค้ารับได้แต่บางคนเค้าก็รับไม่ได้มันก็แค่นั้น กูไม่ค่อยชอบตัดสินว่าคนคนนึงเหี้ยหรือไม่เหี้ยจากคำพูดของคนอื่น “

“ งั้นเหรอ “

“ ก็บางทีที่เค้าว่าเหี้ย กูอาจจะมองว่ากูรับได้แล้วมันก็ดีกับกูก็ได้นะ “

“ ยกตัวอย่างเช่น “

“ ก็อาจจะเช่น กูเป็นพวกเจ้ากี้เจ้าการชอบทำอะไรให้แฟนเยอะแยะไปหมด แบบกูชอบดูแลเค้า ทำเหมือนรู้ดีไปหมดว่าแฟนต้องการอะไร  จัดแจงให้แบบไม่ต้องบอกให้ทำ แต่สำหรับบางคนมันก็มากเกินไปจนกลายเป็นว่า เสือก จุ้นจ้าน แล้วก็น่ารำคาญ “

“ กูชอบให้คนดูแล “

“ หึ “ เมดหลุดหัวเราะ “ ลองดูก่อน บางทีมึงอาจจะไม่ชอบก็ได้ กูเยอะจริงนะ มีคนเคยเกลียดมันมากเลยที่กูเป็นแบบนี้ “ ท้ายประโยคที่ดูเศร้าของมัน ผมเผลอกอดอีกคนไว้แน่นขึ้นตามความรู้สึก ผมรู้ดีว่าเมดหมายถึงใคร ก็มีอยู่แค่คนเดียวไม่ต้องไปคิดถึงใครอื่น เหมือนกับว่าในหัวใจของมันก็มีแค่เค้าคนนั้น คนที่เคยเป็นทั้งความรักและความเสียใจ

เริ่มเข้าใจคำพูดของไอ้เจที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ‘ ก็มันเพิ่งเลิกกับแฟน มันที่กำลังเสียใจ ถ้ามึงทำดีกับมันมากๆ มันก็อาจจะสนใจมึงได้ง่าย แต่ว่าจะเหี้ยหน่อย ก็ตรงที่มึงคงจะได้เป็นแค่ตัวแทนคนเก่าละนะ แบบว่าคบมึงเพื่อลืมใครอีกคน ’

“ หันมานี่มา “ ดึงคนที่นอนหันหลังให้ผมเข้ามาเผชิญหน้ากัน เมดก้มหน้าลงมันพลิกตัวมากอดผมแบบว่าง่าย ซุกตัวเข้ามาในอกเหมือนเด็กเล็กๆที่มักจะกอดแน่นเวลาโดนโอ๋ แขนข้างนึงของมันกอดผมไว้

“ ขอโทษ “ อีกคนพูดเสียงเบาๆ

“ เรื่อง “

“ ไม่รู้คำพูดกูเมื่อกี้จะทำให้มึงคิดมากรึเปล่า “ เมดกอดผมแน่นขึ้น “ กลัวมึงคิดว่ากูเอาคนเก่ามาเป็นบรรทัดฐานให้มึง “

“ กูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น “ โกหกอีกคนไปเพื่อความสบายใจ ยอมรับว่าผมก็คิดแบบที่คนในอ้อมกอดบอก ผมรู้สึกว่าเมดกำลังเอารักครั้งเก่าที่เคยเหี้ยของมัน มาเป็นบรรทัดฐานให้กับรักของเรา “ สำหรับกู มึงแค่เป็นตัวเอง ถ้ามีอะไรที่มากเกินไป กูจะบอก ว่ากูไม่ชอบ เพราะกูไม่ใช่คนที่ทนอยู่กับอะไรที่ไม่ชอบ “

“ เหรอ “

“ อื้ม “

ทุกอย่างเงียบไปคล้ายกับต่างฝ่ายต่างจมลงไปในความคิดของตัวเอง ผมไม่รู้ว่าเมดคิดอะไรอยู่ ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าต่อจากนี้อะไรจะเกิดขึ้น บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ดี บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ร้าย แต่ไม่ว่าอะไรก็ช่างมันเถอะ อยู่กับวันนี้ก็พอ บอกตัวเองแบบนั้น   ก่อนหลับตาลงแล้วผ่อนลมหายใจออกมาช้า ในช่วงเวลาที่สมองกำลังปล่อยวางความง่วงงุนก็เข้ามาแทนที่ ผมหลับไปหลังจากนั้น
 
................................................................


ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วสิ่งแรกที่รู้สึกหลังจากได้สติทั้งหมดกลับมานั่นคือ ‘ ปวดแขน ’ เมดยังคงอยู่ในอ้อมกอดผม และตอนนี้ก็กำลังเอาแก้มกลมๆของมันมานอนบี้กับท่อนแขนของผมอยู่

“ พบเจ้าตัวการที่ทำให้ปวดแขนแล้ว “ ผมบอกกับตัวเองตอนที่ก้มลงมองหน้าอีกคนที่ยังหลับอยู่แบบนั้น แก้มขาวตัดกับสีแขนของผมแบบชัดเจนเป็นภาพน่ารักที่ชวนให้หลุดยิ้มออกมาจนลืมความรู้สึกปวดแขนไปเลย ก้มลงจูบเบาๆที่แก้ม อยากจะฝังจมูกให้แรงกว่านี้สักหน่อยเพราะรู้สึกหมั่นเขี้ยวเหลือเกิน แต่ก็กลัวว่าใครอีกคนจะตื่น ผมผละออกจากแก้มก่อนจะจูบที่ริมฝีปากนุ่มนั่นเบาๆ

“ อื้อ “ เสียงครางเบาๆที่อีกคนประท้วงขึ้น เมดขยับตัวเข้ามากอดผมไว้แน่นขึ้น ใช้จังหวะนั้นค่อยๆดึงแขนที่อีกคนหนุนอยู่ออก ผมใช้เวลาหลายนาทีเพื่อรอให้มันหายจากอาการเหน็บชา สะบัดมือไปมาแล้วดึงตัวเองขึ้นพิงกับหัวเตียงช้าๆเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ก่อนจะหยิบมือถือที่วางไว้ข้างเตียงขึ้นมาดูเวลา ที่กำลังเข้าสู่ช่วงห้าโมงเย็น

‘ ค่อยปลุกตอนหกโมงแล้วกัน ’ สงสารเด็กไม่ได้นอนมาทั้งวัน พูดกับตัวเองแบบนั้นก่อนจะกึ่งนั่งกึ่งนอนมองคนที่หลับอยู่แบบนั้น เผลอคิดถึงคำพูดของไอ้เจที่เคยพูดไว้ขึ้นมาอีกครั้ง สลับกับคำพูดของคนที่นอนอยู่

รู้สึกแย่ว่ะ .. รู้สึกแย่ที่ต้องเห็นคนที่เรารัก รักคนอื่นและเจ็บปวดเพราะคนอื่นอยู่แบบนี้ ทั้งๆที่ตัวผมเองก็รู้ดีว่าทุกอย่างที่เป็น มันก็สมควรแล้วที่เป็นแบบนั้น ไม่แปลกที่เมดจะยังรู้สึก ไม่รู้สึกสิแปลก แต่ถึงจะรู้อย่างงั้นผมก็ห้ามความรู้สึกหงุดหงิดใจนั่นไว้ไม่ได้

ถ้าทำได้ ตอนนี้กูอยากจะครอบครองมึงไว้ทั้งหมด ทั้งร่างกายและความรู้สึกนึกคิดนั่น อยากเป็นคนที่อยู่ภายในหัวใจของมึงทั้งหมด คนที่จะควบคุมความรู้สึกของมึงได้ เป็นทั้งคนที่ทำให้มึงมีความสุขแม้แต่เรื่องเล็กๆและเช่นกันกูอยากจะเป็นคนที่ทำให้มึงเสียใจแม้แต่เรื่องเล็กๆด้วย  มันน่าหงุดหงิดที่ตอนนี้ตัวผมไม่ใช่คนที่ควบคุมทุกพื้นที่อยู่ในนั้น เป็นแค่คนคนนึงที่อาจจะอยู่ในนั้นก็จริง แต่อีกเสี้ยวนึงเล็กๆ ก็ยังมีใครอีกคนอยู่ และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะหายไป

[ ทำอะไรอยู่วะ ] ผมส่งข้อความไปหาเพื่อนสนิทอย่างไอ้เจ ไม่ลืมปิดเสียงเพื่อกันการรบกวนคนที่นอนอยู่ข้างๆ หน้าจอตรงข้อความที่ขึ้นว่าอ่าน ไม่นานไอ้เจก็ส่งข้อความกลับมา

[ เดี๋ยวนี้ใช้ไลน์บ่อยจังเลยนะครับ ] ผมไม่รู้จะเริ่มพูดคำไหนกับเพื่อน การที่บอกออกไปตรงๆว่าจะมาปรึกษาปัญหาหัวใจดูไม่ใช่ทางสักเท่าไหร่ [ แล้วก็เงียบไป ... มีอะไรไอ้สัด อย่าลีลา ]

[ ถ้าแฟนมึงยังคิดถึงแฟนเก่าอยู่จะทำยังไง ]

[ เมดคิดถึงไอ้บินอยู่ทำไงดี ] เพื่อนผมถามกลับ [ หรือจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องของมึงอีก แบบเรื่องของเพื่อน แล้วมึงชื่อ เพื่อนงี้ ]

[ ไม่ใช่เวลาที่มึงจะมากวนตีน ]

[ ฮ่าๆๆ ] ไอ้เจหัวเราะ มันเงียบไปสักพักก่อนจะส่งข้อความตอบกลับมา [ มันก็ปกติเปล่าวะ ไม่รู้สึกเหี้ยไรสิแปลก ]

[ เหรอวะ ]

[ เข้าไปจีบเค้า มึงก็รู้อยู่แล้วว่าเค้ายังเจ็บกับเรื่องแฟนเก่า มึงอยู่กับไอ้เมดตลอดเวลาตั้งแต่เจอมัน มึงจะบอกกูว่าไม่รู้เหรอวะ ] ผมเถียงไม่ออก ก็เป็นอย่างที่เพื่อนพูดผมรู้อยู่เต็มอกว่ามันรู้สึกยังไงกับรักครั้งเก่า รู้ด้วยซ้ำว่าแม้แต่ตอนนี้มันก็ยังเจ็บปวดอยู่ แค่เลือกที่จะไม่พูดและแสดงออกมาให้เห็น [ เลือกแล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ มึงก็ต้องยอมรับ ]

[ อื้ม ] ไม่รู้จะตอบอะไรก็เลยตอบออกไปแค่สั้นๆ

[ กูเข้าใจมึงนะ มึงคงอยากจะให้ไอ้เมดไม่คิดถึงไอ้บินอีก อยากจะให้ไอ้เมดมันมองมึงคนเดียว เป็นของมึงคนเดียว แต่ทุกอย่างมันก็ต้องใช้เวลาเปล่าวะสัดอาฟ มึงเลือกที่จะรักเค้าในตอนนี้เอง มึงก็ต้องทำใจว่ะ ]

[ มีทางลัดมั้ย ] ผมถอนหายใจออกมา อยากจะบอกเพื่อนออกไปตรงๆในสิ่งที่รู้สึกว่า กูไม่ชอบความรู้สึกที่เหมือนเป็นรองตอนนี้เลย มันเหมือนกูได้ครอบครองเค้าแค่ตัว กูมีตำแหน่งเป็นแฟน แต่นอกจากนั้นกูไม่มีอะไรเลย เค้าอาจจะหึงกูบ้าง เค้าอาจจะมีความสุขเพราะกู แต่ถ้าไอ้เหี้ยนั่นโผล่หน้าขึ้นมาเมื่อไหร่ แม้แต่ในความคิด  ตัวกูก็จะหายไปทันที ต่อให้กูทำให้เค้ามีความสุขแค่ไหน มันก็หายไป นั่นเพราะไอ้เหี้ยนั่น ยังเป็นคนที่สำคัญ คนที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ กูจะได้เข้าไปแทนที่สักที

[ มึงอย่าใจร้อน มันไม่มีทางลัดอะไรทั้งนั้นแหละ ]

[ แล้วกูต้องทำไง ]

[ ช่างหัวแม่ง ] เจบอกผมก็ถอนหายใจออกมาตอนที่อ่านข้อความนั้น [ มึงต้องเข้าใจก่อนนะว่าไอ้บินอยู่กับไอ้เมดมาสี่ปี มันมีทั้งเรื่องดีๆ เรื่องเหี้ยๆ กันเยอะแยะ มันพิ่งเลิกกันไม่นาน มึงจะให้เมดลืมไอ้บินหมดใจแล้วมีแต่มึงที่สารภาพรักมันเมื่อวานแถมยังรู้จักกันไม่ถึงสองอาทิตย์ในใจทั้งดวงมันก็ไม่ใช่ไงสัด ]

[ อื้ม ]

[ กูถามจริง มึงอื้มนี่เข้าใจเปล่าวะ ]

[ เข้าใจ แต่ไม่อยากจะเข้าใจ ]

[ มึงต้องให้เวลาไอ้เมดมัน เสือกอยากจะจีบตอนเค้าเพิ่งอกหักมาก็แบบนี้แหละ มันหวั่นไหวง่ายก็จริง แต่มันจะเหี้ยหน่อยก็ตรงที่มันจะคาบกึ่งระหว่างคนใหม่กับคนเก่า ] เจบอก [ แต่มึงจะไปแคร์อะไรวะ เมดมันยังเจ็บกับไอ้เชี้ยบินก็เรื่องของมันดิวะ ถ้ามึงดีกับมันมากๆ มันก็ลืมไอ้เชี้ยนั่นไปได้เองนั่นแหละ คบกันไปเรื่อยๆ เดี๋ยวอะไรมันก็เปลื่ยนไป ]

[ มันมีมั้ยวะ ที่จะไม่เปลี่ยน ] ข้อความที่ขึ้นว่าอ่านและอีกฝ่ายกลับเงียบ [ กูหมายถึงเมดที่ยังรักไอ้เชี้ยนั่นไปตลอด แล้วไม่ว่ากูจะทำยังไงก็ไม่มีวันที่มันจะรักกูได้เท่าไอ้บิน ยังไงก็ยังรักไอ้บินอยู่ ]

[ มันก็คงมี ] เพื่อนผมบอก [ แต่มึงจะไปคิดถึงผลลัพธ์แย่ๆทำไมวะ ทำไมไม่คิดถึงอะไรดีๆ มั่นใจในตัวเองหน่อยสัด ว่าตัวเองจะดีจนชนะใจเค้าได้ในสักวัน  ]

[ ช่วยพูดให้สมกับที่รู้จักกูมานานหน่อย ]

[ ถูกแล้ว นั่นแหละคำพูดของเพื่อนอย่างกูที่รู้จักมึงมานาน แต่ถ้ามึงทนไม่ไหวมึงก็แค่พูดออกไปอย่างที่มึงเป็นนั่นแหละ อย่าฝืนความเป็นตัวเองมาก เดี๋ยวพอคบกันไปนานๆ มึงเผยความเป็นตัวเองขึ้นมาเมดมันจะรับไม่ได้ ]

[ เรื่องเยอะชิบหาย ] ความรักแม่งละเอียดอ่อนจนรู้สึกน่าเบื่อ ราวกับแก้วบางที่ถ้าบีบแรงก็แตกและถ้าถือเบาไปก็คงไหลหลุดมือ
[ เป็นคนดี แต่ก็ดีในแบบที่มึงเป็นตัวเอง เข้าใจมั้ย ]

[ ไม่เข้าใจ ]

[ ฮ่าๆ เพราะความรักมึงตอนนี้มันคือการยอมเว้ยอาฟ ]

[ ยอมอะไร ]

[ ยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น ทั้งมึงแล้วก็เมดนั่นแหละ ]

กดปิดหน้าจอมือถือผมวางมันลงข้างตัว ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าบุหรี่ในลิ้นชักตรงหัวเตียงมาจุดสูบ ไม่ลืมเปิดเครื่องดูดกลิ่น ได้เวลาปลุกคนขี้เซาให้ตื่นขึ้นไปทำงานแล้ว ผมบอกตัวเองแบบนั้นตอนที่สูดควันจากก้นบุหรี่เข้าไปในปอดก่อนจะพ่นควันออกมาจากทางปากและจมูก นั่งมองดูควันที่ลอยสูงขึ้นไปพลางนึกทบทวนในสิ่งที่เพื่อนพูด

ก็เป็นอย่างที่อีกคนบอก ไม่มีอะไรผิดแปลกไปมากกว่านั้น หัวใจของเมดต้องใช้เวลาในการรักษา ส่วนผมเองต้องยอมรับกับจุดนั้นให้ได้ ก็ตัดสินใจเลือกเองว่าจะไม่ขอรออะไรอีก เพราะงั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับมัน ไม่มีทางเลือกอื่น

“ อื้มมม “ เสียงของคนที่ตื่นขึ้นจากที่นอน ผมก้มลงมองแววตาเรียวที่ขมวดคิ้วก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองเอาไว้คับคล้ายว่าจะหนีกลิ่นไม่พึงประสงค์นั่น

“ ตื่นได้แล้ว “ ผมบอกมัน อีกคนก็พูดอู้อี้ผ่านออกจากใต้ผ้าห่มผืนนั้น

“ กูเหม็น ไอ้เชี้ยอาฟ สูบทำไมไม่มีมารยาทเลย คนนอนอยู่แท้ๆไอ้สัด “ ผมบ่นยาวๆที่ทำให้ผมหลุดหัวเราะ ก่อนที่คนหัวเสียจะแค่โผล่ตาออกมาจากใต้ผ้าห่มผืนนั้น “ กลิ่นติดตัว ติดหมอนไปอีก “

“ เปิดเครื่องดูดกลิ่นแล้ว “

“ มันไม่หายไปหมดหรอกสัด ยังไงก็ต้องติด “ ใบหน้างอง้ำของมัน รู้สึกหงุดหงิดจริงๆที่เห็นผมถือบุหรี่มวนนี้อยู่ในมือ มันจ้องผมส่วนผมเองก็จ้องมัน “ ยังอีก “ เมดบอกเสียงนิ่งก่อนจะลุกขึ้นนั่ง “ ยังไม่เลิกสูบอีก “

“ บ่นเหมือนแม่เลยวะ “ ว่าแบบนั้นผมก็สูดควันจากมวนบุหรี่เข้าไปครั้งสุดท้ายก่อนจะดับ แต่เหมือนเมดมันจะไม่เข้าใจ มือเล็กเลื่อนมาหมายจะจับบุหรี่ แต่ผมก็เบี่ยงหลบ

“ อาฟ “

“ อย่าเอามือมาจับ เดี๋ยวมือโดนขี้บุหรี่แล้วจะเจ็บ “ ใช้มือข้างนึงจับมือมันไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ดับบุหรี่เข้ากับกล่องเก็บของมัน หันมามองมันที่ถอนหายใจออกมาเซ็งๆกับกลิ่นที่ตัวเองไม่ชอบ

“ คืนนี้กูจะไปนอนห้องตัวเอง “

“ ใครให้ไป “

“ กูนี่แหละอนุญาตตัวเอง ขืนให้กลับมานอนห้องมึงกูนอนไม่หลับพอดี กลิ่นมันคงคลุ้งติดผ้าไปหมด “

“ เดี๋ยวเรียกแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ เปลี่ยนหมดตั้งแต่ผ้าปูเตียงยันผ้าม่านยังได้ “ ยักคิ้วให้อีกคน เมดที่ถอนหายใจออกมา มันไม่ได้พูดอะไรมีเพียงสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่านั้นที่มองผมก่อนจะพลิกตัวเองไปหยิบมือถือที่ตั้งไว้ตรงหัวเตียงอีกฝั่งก่อนจะบ่นๆเบาๆ

“ ทำไมชีวิตแม่งหนีคนชอบสูบบุหรี่ในห้องนอนไม่พ้นสักทีวะ “ มันว่าแบบนั้นแบบไม่คิดอะไรคล้ายกับบ่น แต่ก็คงไม่ใช่กับคนที่ฟังอยู่แบบผม “ ไอ้เชี้ยบินก็คนนึงละ มาเจอไอ้เชี้ยอาฟอีก แล้วนี่ก็...“

ประโยคที่เหลือถูกกลืนหายไปในตอนที่ผมดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบ สองแขนของผมกอดเอวมันไว้ ตอนที่บดเบียดริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย มันไม่ใช่จูบที่อบอุ่นแบบที่ผมเคยทำ เป็นจูบที่ยังคงหลงเหลือกลิ่นแรงๆของบุหรี่ที่ก็คลุ้งอยู่ในปากของเรา ริมฝีปากแห้งที่สัมผัสกันทุกอย่างมันแตกต่างจากครั้งแรก แถมยังดูห่างจากความโรแมนติกไปไกล

เมดจะรู้รึเปล่าว่าทำให้ผมหงุดหงิดแค่ไหน แต่คงไม่..มันคงไม่ตั้งใจจะพูดชื่อของใครคนนั้นออกมาตั้งแต่แรกหรอก และก็คงไม่คิดว่านี่คือการเปรียบเทียบอะไร มันก็แค่บ่นไปเซ็งๆตามประสาเท่านั้น ผมเข้าใจมันอยู่แต่เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะความไม่ตั้งใจ และถูกพูดออกมาจากใจจริงๆที่ไม่ผ่านการไต่ตรองนั่นก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บ...เจ็บแม้แต่ตอนนี้ที่กำลังกดคางของอีกฝ่ายให้เปิดริมฝีปากออกเพื่อต้อนรับลิ้นชื้นของผมที่ต้องการจะเข้าไปกวาดทุกความรู้สึกภายในนั้น และถ้าทำได้ก็จะกวาดเอาความรู้สึกที่มันมีต่อใครอีกคนออกไปให้หมด

“ อยู่กับกูก็พูดแค่ชื่อกู “ ผละริมฝีปากออกเพื่อบอกมัน ก่อนจะจูบลงไปอีกครั้งโดยไม่รับฟังคำตอบใด เมดควรเรียนรู้ว่าผมไม่ใช่คนใจดี แต่เป็นแค่คนนึงที่จะดีกับมันอย่างที่สุด และเช่นกันถ้ามันทำให้ผมเจ็บผมก็ร้ายกับมันได้เหมือนกัน เพราะทุกอารมณ์ของผมขึ้นอยู่กับการทำตัวของมันแทบทั้งสิ้น

“ อะ อาฟ พะ พอก่อน “ เมดดึงตัวเองออกมันหอบใจน้อยๆ แต่ผมก็ไมได้ฟังอะไรทั้งนั้น จูบมันอีกครั้ง จูบแบบดูดดื่มที่แทบไม่มีช่วงเวลาเว้นว่างให้มันได้หายใจ

อารมณ์ของผมเริ่มคลายตัวลงเรื่อยๆ เมื่อผ่านเวลาไปหลายนาที  มือที่วางไว้นิ่งเริ่มเลื่อนตัวเองเข้าไปลูบภายในเสื้อของอีกคน ผิวขาวนุ่มลื่นมือยามที่ได้สัมผัส ผมลูบมันสูงขึ้นไปเรื่อยจนถึงยอดอกของอีกฝ่าย ก่อนจะใช้ปลายนิ้วสะกิดมันเบาๆ เมดก็งอตัวหลบพลางออกแรงผลักผมเสียเต็มแรง

“ ไอ้เชี้ย!”

“ ไรวะ “ ผมเผลอสบถออกมาด้วยความเสียดาย ก่อนจะหันไปอีกทางตอนที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายขมวดคิ้วมองด้วยความไม่ชอบใจอยู่แบบนั้น มือมันเลื่อนมาจับคอเสื้อตัวเองแล้วกำไว้ เป็นท่าทางน่ารักที่ชวนให้อารมณ์ผมดีขึ้นอย่างฉับพลัน

“ มึงแม่ง คิดจะทำอะไร “

“ คิดว่าถ้ามึงยอมวันนี้ก็ไม่ต้องไปผับ “

“ ไม่ยอมเว้ย!” เมดตะโกนออกมาจนผมต้องเขย่าหูตัวเองเพราะกลัวว่ามันจะอื้อไปเสียก่อน หันไปจ้องใบหน้าน่ารักที่กำลังมองผมอยู่ด้วยสายตาไม่ชอบใจอยู่แบบนั้น

“ โทษทีคร๊าบ คราวหลังจะไม่ทำแล้วคร๊าบ “ ยกมือขึ้นสองข้างเหนือหัว เหมือนพวกผู้ร้ายในทีวีตอนโดนคุณตำรวจจับกุมได้ “ ก็มันเพลินไปหน่อย “

“ มึงควรรู้ไว้ว่ากูไม่ชอบให้จูบตอนที่ปากมึงมีกลิ่นบุหรี่ กูไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ กูหายใจไม่ออกเวลาได้กลิ่น แล้วกูก็ไม่ชอบที่มีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่ในห้อง เพราะแค่มีติดมากับเสื้อผ้ามึงใส่ตอนสูบแม่งก็เต็มกลืนแล้ว แล้วก็ถ้าอยากจะให้กูมานอนด้วย มึงก็ต้องห้ามสูบในห้องเด็ดขาด จะไปสูบที่ริมระเบียงหรืออะไรก็ได้แล้วแต่เรื่องของมึง เพราะมะเร็งปอดมันจะเป็นกับมึงไม่ได้เป็นกับกู “

“ คร๊าบบ “ ลากเสียงยานๆบอกอีกคนเหมือนไม่ค่อยสนใจในสิ่งที่สั่งเท่าไหร่ เป็นท่าทางกวนตีนที่อีกฝ่ายทำได้แค่ถอดหายใจ

“ แล้วก็ขอโทษ “ สบสายตาคนที่เอ่ยพูดคำนั้นออกมา แววที่รู้สึกเศร้าของมันเมดเม้มริมปากตัวเอง “ ขอโทษที่พูดชื่อที่มึงไม่อยากได้ยินขึ้นมา ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มึงรู้สึกไม่ดีนะ “ ลดมือที่อยู่เหนือตัวตัวเองลง เมดก้มหน้าลงก่อนจะดึงตัวเองมากอดผมไว้ “ ขอโทษนะมึง “ มันว่าแบบนั้นก่อนจะซบลงที่ไหล่

สองมือที่กอดเอวผมไว้แน่นนั้น มีหลายความรู้สึกแล่นเข้ามาอยู่ในสมอง ก็ยังคงหงุดหงิดอยู่แต่เบาบางจนแทบจะหายไป แต่ความรู้สึกหนึ่งที่แจ่มชัดอยู่ในขณะนี้ ตอนที่สองมือของผมเอื้อมไปกอดอีกคนไว้แน่นเช่นเดียวกัน

‘ ทุกอย่างต้องใช้เวลา แล้วตอนนี้เมดก็กำลังพยายามอย่างที่สุด เพื่อลืมมัน ’

“ คืนนี้นอนนี้นะ “ ผมบอกอีกคนสั้นๆ ตอนที่เรายังกอดกันไว้อยู่แบบนั้น เมดเงียบไปสักพักก่อนจะถามผมเสียงอู้อี้มาจากไหล่

“ ขอเหตุผล “

“ ขี้เกียจขับรถ “

“ ส่งที่บีทีเอสเดี๋ยวกลับเอง “ มันตอบกลับ ผมก็ถอนหายใจ ได้ยินเสียงหัวเราะถูกใจเบาๆผมก็ยกยิ้มในความช่างแกล้งของมัน “ ขอเหตุผลที่มากกว่านี้ “

“ อยากให้ในห้องมีกลิ่นแป้งเด็ก “

“ ก็เอามาทาที่ตัวหลังอาบน้ำ “

“ ไม่ชอบทาเอง อยากให้มึงเป็นคนทาแล้วมานอนข้างๆกัน “ เมดมันเงียบไปก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น

“ มีเหตุผลที่ดีกว่านี้มั้ย “

“ ไม่มี “

“ เหตุผลนี้ดีที่สุดแล้ว “

“ คงไม่ “ ผมบอกมันไปตามตรง “ แค่เป็นความจริง “

“ แต่ยังไงกูก็ต้องกลับคอนโดกู “ เมดย้ำแบบนั้นผมก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะดึงตัวเองออกมาจากมัน ใบหน้าน่ารักที่กำลังยิ้มกว้าง

“ มึงนี่เหมือนจะวอนตีนกูนะเมด“

“ มึงก็อย่าเกรี้ยวกราดไปสิวะอารยะ ฟังกูให้จบก่อน “ อีกคนว่า “ กูหมายถึงว่ายังไงก็ต้องพากูกลับคอนโด กูต้องไปเอาเสื้อผ้า หนังสือเรียนอะไรอีก กูไม่มีใส่แล้วเว้ย “

“ อื้ม “ ยักคิ้วให้มันอีกคนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะแบะปากแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม มันยิ้มล้อๆ

“ จะยิ้มดีใจก็ยิ้ม ขี้เก็ก “

“ รำคาญ “ บอกแบบนั้นก่อนจะดึงอีกคนมากอดไว้แบบไม่ทันได้ตั้งตัว ‘ อยากเป็นคนเดียวที่อยู่ในใจมึงว่ะ เมื่อไหร่จะถึงวันนั้นสักทีวะ ช่วงเร่งเวลาหน่อยได้มั้ย ’ แล้วนี่ก็คือความต้องการที่ออกมาจากใจของผม ในตอนที่กำลังกอดมันไว้ครับ


..................................................................

พี่อารยะของน้อง มันหม่นนิดหน่อยก็ตรงที่ว่า คือมันไม่มีใครผิด เมดก็ไม่ผิดที่ยังติดค้าง ยังรักลึกๆ เพราะเพิ่งเลิกกับแฟนมา แผลยังไม่หายดี มันก็ไม่แปลกที่น้องยังรู้สึก และพี่อาฟก็ไม่ผิดที่คิดครอบครองหัวใจคนที่ตัวเองรักทั้งดวง
สุดท้ายนี้ ... พี่ว่าน้องเดย์ควรมาเป็นของพี่นะคะ #กดจองน้องเดย เอ็นดูความซื่อใส
และนี่คือทางไปนิยายแชท จอยลดา http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
เจอกันตอนหน้าจ้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 25-05-2018 20:59:21
ครั้งแรกของอารยะกับการเหวี่ยงแฟน 555  บทจะยอมก็ยอมทุกอย่าง บทจะงอแงก็น่ารักอะ 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-05-2018 21:17:36
ลงชื่อ ให้อาฟเลิกบุหรี่  :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 25-05-2018 21:25:30
ขอบวกเม้นบนค่ะ เลิกได้แล้ว :katai5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-05-2018 21:48:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 25-05-2018 21:54:12
ต้องใช้เวลานิดนึงน้าาา เมื่อไหร่เมดจะรู้ว่าอาฟเป็นคนเอานมให้  :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 25-05-2018 21:59:16
ลงด้วย ฮาฟเลิกบุหรี่ได้แล้ว น้องไม่ชอบ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 25-05-2018 23:07:52
ต่ออีกสิ งื้อออออ อยากอ่านฟินๆอีกกกก
อยากเห็นใครสักคนเอาคืน เพื่อนจอมปลอม อิเลววว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 25-05-2018 23:18:49
ความใจร้อนของคนเพิ่งมีแฟนอย่างคุณอารยะ แก้ได้ด้วยการอ้อนแฟนมากๆนะคะ
แฟนจะได้รักเราหลงเราไวๆ /ตัดภาพไปพี่อาฟทำหน้าเอือมแต่หูแดง 55

ปล.อยากซื้อปลาฝากน้องเดย์~  :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 25-05-2018 23:55:29
เข้าใจเมดนะ เมดคบกับบินมานาน มันต้องใช้เวลาลบคนเก่าออกจากใจ
 แต่ก็เข้าใจอาฟเหมือนกัน เวลาเมดเผลอพูดชื่อแฟนเก่าออกมา คนฟังมันก็นอยนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 26-05-2018 00:21:34
ชอบอะไรก้บอก ไม่ชอบก้บอก
เป็นตัวของตัวเอง จะได้ปรับตัว รักกันยืดๆ
ตีกันก้จบบนเตียง รับรอง ลูกดก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 26-05-2018 04:48:51
อาฟได้เลิกบุหรี่ก็คราวนี้ ในห้องจะได้มีแต่กลิ่นแป้งเด็กอ่ะเนอะ

เอาใจช่วย แผลมันยังใหม่ ยังต้องใช้เวลา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-05-2018 06:58:03
 :serius2: โอ้ย เกลียดคนอวดสติ๊กเกอร์ หมั่นไส้ เหม็นความรักไปหมดค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-05-2018 08:29:58
อาฟเนียน ไหนว่าทำตามที่บอกไง
บอกให้ปล่อย ทำไมยังกอด แหนะ เนียนนะ
มีเขิน มีอาย คนบ้า

เมดน่ารักดี มีงอแง มีฟ้องด้วย 5555
เมดดูตรงดี ชัดเจนได้แล้ว ชอบ

ตลกวิว ยิ่งกว่าเอฟซีพี่อาฟไปอีก

อาฟต้องเข้าใจนะ มันยังตกค้างอยู่
ลืมไม่ได้แต่หรอก แต่ก็ไม่ได้คิดถึงน่ะ
เมดก็เผลอบ่อยนะ อาฟนอยด์เลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-05-2018 08:36:03
สู้ๆอารยะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-05-2018 08:54:36
เข้าใจทั้งอาฟทั้งเมด เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 26-05-2018 08:56:09
คุณอารยะมีความเกรี้ยวกราดเบา ๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-05-2018 09:28:36
มีความแสดงความเป็นเจ้าของ :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-05-2018 11:18:01
ทุกอย่างต้องใช้เวลา รอได้อยู่แล้วเนอะอาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 28-05-2018 13:18:38
 :o8: อ่านไปนั่งยิ้้มไป ตอนไหนที่เมดคุยกับอดีตเพื่อนก็หัวร้อนแทน  :m16: อยากรู้ถ้าจินรู้นิสัยจริงๆของเพื่อนที่ตัวเองช่วยปิดจะรู้สึกยังไงดี(รึรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนชอบแย่งของคนอื่น) แล้วที่เมดออกมาจากตรงนัันได้ถึงจะเจ็บ ผิดหวังแต่สู้ๆนะเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง
สนุกค่ะชอบแก้งพระเอกอยากให้วิวมาร่วมแก้งด้วยจัง
 :mew1:  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 28-05-2018 15:57:16
 :mew6: เลิกบุหรี่เหอะอาฟ ไม่เห็นจะเท่ตรงไหน เหม็นก็เหม็นรำคาญก็รำคาญ เชื่อเมดเหอะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 31-05-2018 00:22:39
เมดน่ารัก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 01-06-2018 20:38:38
ตอนที่ 23

   ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วสำหรับความสัมพันธ์ของผมกับเมด ทุกอย่างที่เคยคิด เคยกังวล ว่ามันอาจจะแย่ อาจจะไม่โอเคเพราะนิสัยส่วนตัวของผม และหลายๆเรื่องที่มันดูไม่เข้ารูปเข้ารอย แต่ตอนนี้เท่าที่อยู่ด้วยกัน มันก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดนั้น แต่ไม่รู้เพราะเพิ่งเริ่มต้นด้วยรึเปล่า ปัญหายังไม่เกิด เรายังไม่เคยทะเลาะกันแรงๆ นิสัยเสียๆก็ยังไม่ออก คงมั่นใจพูดว่า ‘ ดี ‘ ออกไปไม่ได้ ก็ยังไม่รู้เลยว่าทิศทางความรักจะไปทางไหน

ผมเชื่อแล้วว่าความรักก็เหมือนเกมส์ เกมส์ที่ต้องเล่นด้วยกันสองคนและเป็นเกมส์ไม่มีวันจบ แรกเริ่มของเกมส์นี้ไม่มีอะไรยากเลย มันเป็นแค่การแสดงทักษะง่ายๆ เพื่อบอกให้รู้ว่าผู้ร่วมเล่นของเราเป็นแบบไหนก็เท่านั้น และตอนนี้ผมกับเมดก็กำลังอยู่ในระยะแรกเริ่มของเกมส์นี้ 

ขยับตัวเองพลิกมากอดคนขี้เซาที่นอนอยู่ข้างกันตอนที่ได้สติ สูดกลิ่นจางๆของแป้งเด็กที่ติดตัวของอีกคนเข้าไปเต็มปอด ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆด้วยรอยยิ้มแบบไม่ให้อีกคนรู้ ก่อนจะเริ่มกิจวัตรที่ชอบทำทุกเช้า

“ อื้อ “ เสียงครางของคนนอนขี้เซาครางออกมาจากคอ ผมก้มลงไปหอมแก้มกลมนิ่มๆนั่นแบบเต็มแรง ชอบตอนที่ได้ฝังจมูกลงไปแบบแนบชิด

เข้าใจถึงความรู้สึกที่เค้าพูดกันว่า หมั่นเขี้ยว อยากหอมเวลาเห็นแก้มกลมๆของเด็กเล็ก ก็ตอนมีคนข้างๆมานอนอยู่ด้วยกัน ไม่รู้เพราะมันขยันกินมื้อดึกที่ปรุงด้วยโซเดียมเยอะเกินไปหรือยังไง แต่ไม่มีเช้าไหนที่ตื่นขึ้นมาแล้วแก้มมันจะไม่กลมและน่าหอม

“ หมวย ตื่นไปช่วยป๊าขายซาลาเปาได้แล้วมึง “ ฝังจมูกลงไปอีกครั้งแม้เจ้าของแก้มกลมจะพลิกตัวหลบ เมดเป็นคนที่นอนขี้เซาอย่างที่สุด เหมือนชีวิตนี้เกิดมาต้องได้รับการหลับนอนอย่างเพียงพอเท่านั้น ไม่งั้นจะไม่ตื่น “ หมวย ตื่นไปขายซาลาเปา ป๊าเรียกแล้ว “

“ ไม่เรียก วันนี้ป๊าปิดร้าน “ หลุดหัวเราะออกมาตอนที่อีกฝ่ายปฎิเสธ ผมหอมแก้มมันไปอีกเต็มฟอด เอาเข้าจริงเกิดมายังไม่เคยเอ็นดูใครได้ถึงขนาดนี้ ไม่เคยแม้จะแสดงความรู้สึกด้วยการหอมและกอดใครแบบนี้ด้วยซ้ำ

ถ้าเป็นในช่วงเวลาที่ปกติผมต้องหาข้ออ้างในการกอดมัน แต่ทุกอย่างตอนนี้มันกลืนความรู้สึกไม่ตรงกับใจอะไรแบบนั้นไปหมด เหมือนเหลือไว้แค่ว่า ‘ ก็มันน่ารักขนาดนั้นจะไม่ให้กอดไม่ให้หอมได้ยังไงวะ ’

“ หมวยตื่นไปขายซาลาเปา “ ดึงคนที่กำลังงัวเงียให้เข้ามาใกล้ เมดที่พลิกตัวเข้ามาซุกกับอกผม เอื้อมมือมากอดกันไว้ มันนิ่งอยู่แบบนั้นสักพักเป็นอาการที่บอกกันว่า คนน่ารักที่กำลังขี้เซากำลังจะตื่นนอนแล้ว

“ กี่โมงแล้ววะ “ คำถามแรกที่เอ่ยขึ้นมาผมก็นิ่งไป แปลกดีเหมือนกัน ทำไมพออีกฝ่ายมีสติไอ้ความรู้สึกที่จะกล้ากอดกล้าหอมมันก็ค่อยๆลดลง เหลือไว้แต่ไอ้ขี้เก็กที่ทำเหมือนไม่รู้อะไรในแต่ในใจกลับมีความสุขราวกับลิงโลดในตอนที่เราได้ใกล้ชิดกัน

“ ตื่นแล้วก็หยิบนาฬิกาขึ้นมาดูเอง “ ผมบอกอีกคนที่ก็ถอนหายใจกับความกวนตีนของผมที่ชอบแกล้งมันในทุกเช้า “ สิบโมงกว่า “

“ สิบโมงกว่าแล้วเหรอวะ หิวยังอะ “ คำถามที่สองชวนให้ผมยกยิ้มก่อนจะกอดมันไว้แน่นขึ้น เมดเคยบอกว่ามันเป็นคนที่ชอบดูแลคนอื่นจนดูเหมือนกับว่าจะเยอะเกินไป แต่ผมกลับชอบนะ ในทุกความดูแลที่มันมอบให้นั่นแหละ แม้ว่าสิ่งที่มันทำจะดูห่างไกลจากคำว่าแฟนทำให้ไปแล้ว เพราะมันคล้ายกับคำว่าเมียทำให้มากกว่า

“ นิดนึง แต่กินซาลาเปาไปก่อนก็ได้ “ หันไปงับแก้มมันอีกคนที่ก็ดึงตัวเองออกห่าง เมดเอามือแนบแก้มตัวเองไว้ มันเหลือบมองผมด้วยสายตาขุ่นเคือง

“ ยุ่งอะไรกับแก้มกูทุกเช้า “

“ ไม่บอก “ บอกมันแค่นั้น อีกคนก็จ้องมองมาเหมือนจะจับผิด

“ แอบหอมแก้มกู กูรู้นะอารยะ “

“ แล้วมึงจะยุ่งอะไรด้วย กูหอมแก้มแฟนกู “

“ แฟนมึงก็คือกูนั่นแหละ “ อีกคนว่ายิ้มๆก่อนจะพลิกตัวเองมากอดไว้ก่อนจะถอนหายใจออกมาเหมือนเด็กงอแง “ ขี้เกียจ “

“ ไปอาบน้ำ มึงนัดทำรายงานกับเพื่อนมึงกี่โมง “

“ พวกมันไม่ใช่เพื่อนกู “ ดึงตัวเองขึ้นมาจ้องหน้าผมแบบเอาเรื่อง แต่เหมือนแมวขู่ฟ่อมากกว่า ผมยกยิ้มนิ่งๆไม่ได้ตอบอะไรมัน เมดก็ล้มตัวลงมากอดไว้อีกครั้ง มันจะรู้ตัวมั้ยว่าบางทีมันก็ขี้อ้อนแล้วก็วอแวติดอันดับจัดว่าน่ารำคาญเหมือนกัน “ ไม่อยากจะไปเลย ทำไมอาจารย์ต้องให้กูทำรายงานกับพวกแม่งด้วยวะ “

“ กูก็บอกอยู่ว่าจะไปเป็นเพื่อน “

“ ไปเป็นแฟนได้มั้ย “ ผมหลุดยิ้ม แม่ง.. ร้ายจริงๆ

“ ตามนั้น “

“ แต่ก็ยังไม่อยากไปอยู่ดีนั่นแหละ “

“ หรือจะให้ไอ้เดย์ไป ไอ้เจหรือไอ้อัยย์ก็ได้เลือกเอา  “ ผมถามย้ำมันอีกคนก็ส่ายหน้าไป เมดดึงตัวเองขึ้นนั่งผมยุ่งๆของมัน ผมเองก็เผลอยกมือขึ้นจัดให้แบบไม่ได้ตั้งใจ

พอรู้อยู่ว่าอีกคนรู้สึกยังไง ในใจของมันลึกๆคงไม่อยากจะให้ผมไปด้วยเพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์เพื่อนแย่งแฟนอีก ถึงจะบอกไปแล้วว่าเรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง แต่แผลยังไงก็คือแผล มองดูในแง่มุมไหนใช้เหตุผลมากมายยังไง เจ็บก็คือเจ็บ

“ ถ้าเกิดน้องเดย์น้องอัยย์แล้วก็เจ ชอบหนึ่งในมันสองคนกูก็คงทนไม่ได้หรอก ญาติดีกันไม่ลง “

“ เกลียดอะไรระวังจะได้อย่างงั้น “

“ งั้นไม่เกลียดก็ได้ “ มันโบกมือไปมาปฎิเสธหน้าตกใจเหมือนเด็กๆที่กำลังโกหก “ กูรักพวกมันม๊ากกมากก “ ผมหลุดยิ้ม

“ นี่ก็ดูตอแหลไป “ บอกอีกคนก็ถอนหายใจ “ ไปอาบน้ำ จะได้รีบไปแล้วก็รีบทำให้เสร็จ คืนนี้ต้องไปทำงานที่ผับอีก “

“ อื้ม ก็ได้ “  เมดพยักหน้ารับ มันถอนหายใจก่อนจะขยับตัวลงไปจากเตียง “ มึงนอนต่อไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูค่อยปลุก “

“ อื้ม “ ยักคิ้วให้มันผมย้ำเรื่องที่พูดกับมันเมื่อคืน “ แล้วอย่าลืมที่บอก “

“ อะไร “

“ ไปทำงานกลุ่มก็เก็บไว้กับตัวด้วยชุดนึง อย่าไว้ใจให้อดีตเพื่อนมึงเก็บไว้แค่คนเดียว เข้าใจมั้ย เซฟเก็บกลับมาด้วย “

“ อื้ม เข้าใจละ “ พยักหน้ารับยิ้มๆ เมดเดินเข้าไปในห้องน้ำส่วนผมก็นอนต่ออีกสักพัก

หลับหลับสนิทไปอีกครั้งก่อนจะตื่นขึ้นมาพบกับภายในห้องที่ค่อนข้างเงียบ เอื้อมมือไปจับที่นอนข้างๆที่ตอนนี้ไม่เหลือไว้แม้แต่ไออุ่น ดึงตัวเองลุกขึ้นจากเตียงเดินออกไปข้างนอกห้องทั้งๆที่ยังไม่อาบน้ำ

เสียงกระทบกันของจานชามดังมาจากในครัว ภาพที่ผมเห็นคือแฟนตัวเองที่อยู่ในชุดเตรียมออกไปข้างนอก เสื้อแขนยาวแบบพ้นมือสีขาวของมัน หันไปมองที่เก้าอี้ก็มีเสื้อนอกสีน้ำเงินวางอยู่ กางเกงขาดเข่าสีดำแบบเดฟแนบตัว ไหนใครบอกว่าแต่งตัวไม่เก่งว่ะ แต่ทำไมแต่งออกมาแล้วดูน่ารักทุกวันเลย

“ ยังไม่อาบน้ำอีก “ เมดหันมามองผมก่อนจะพูดแบบนั้น ถอนหายใจออกมาตอนที่ฟังเผลอยกมือขึ้นขยี้หัวยุ่งๆของตัวเอง แล้วอ้าปากหาวออกมาก่อนจะเดินเข้าไปในครัว

หยิบแก้วน้ำมากดน้ำกินพลางมองเมนูที่อีกคนทำใกล้ๆ ตั้งแต่มีมันเข้ามาในชีวิตอาหารมื้อแรกก็จัดเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ของเรา เมดไม่ใช่คนทำอาหารเก่งอย่างที่มันบอกไว้นั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดปิ้งขนมปังยังไหม้แล้วก็ทาแยมไม่เป็น

เพราะงั้นเมนูง่ายๆของเราตอนเช้าเลยไม่มีมากเลย แค่หนมปังปิ้งคนละสามแผ่น กับแยมแบบต่างๆ แต่ที่สำคัญกว่าอะไรพวกนั้นคือ กาแฟคาราเมลมัคคิอาโต้หอมๆที่อีกคนชงให้จากเครื่องทำกาแฟ ที่รบเร้าให้ผมซื้อให้เมื่อสองวันก่อน ความลับอีกอย่างที่ผมเพิ่งรู้ในตัวอีกคนคือ เมดเป็นคนมีฝีมือในการชงกาแฟ “ วันนี้จะกินหนมปังอะไร นูเทล่า หรือว่าแยมส้ม “

“ แล้วแต่มึง“ บอกแบบนั้นก่อนจะคว้าเอากาแฟร้อนของผมที่ตั้งอยู่บนเค้าเตอร์ข้างตัวอีกคนขึ้นมาดื่ม

“ เดี๋ยวๆ ยังไม่อาบน้ำแปรงฟัน ก็จะกินเลยรึไง “

“ หิว “ บอกมันแค่นั้นอีกคนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เมดรู้ว่าบ่นไปก็เท่านั้น ไม่ว่ายังไงผมก็ทำอยู่ดี

เดินถือแก้วกาแฟมาเปิดทีวีฟังเพลงเหมือนปกติ ก่อนจานขนมปังจะถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมกับคนร่วมโต๊ะที่ก็นั่งลงเช่นกัน เมดกินโกโก้ร้อนเหมือนปกติเรากินขนมปังสามแผ่นที่ทาแยมสองแผ่นและนูเทล่าอีกหนึ่งแผ่นเหมือนกันทุกวัน  นั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกัน ก่อนที่เมดจะยื่นแก้วมากับชนแก้วของผมเบาๆ เสียงกระทบดังขึ้น

“ อรุณสวัสดิ์ “ มันบอกแบบนั้นทุกเช้าก่อนจะยกโกโก้ขึ้นกิน เป็นคนชอบสร้างบรรยากาศดีๆให้กันเสมอ ส่วนผมก็รับหน้าที่ทำลายบรรยากาศนั้น

“ อรุณสวัสดิ์อะไรของมึงจะสิบเอ็ดโมงอยู่แล้ว “ คนฟังถอนหายใจออกมาเซ็งๆ มันยกมือขึ้นค้ำแก้มของตัวเองส่วนอีกข้างก็ยกโกโก้ขึ้นกิน แล้วตอนที่เอื้อมมือมาหยิบขนมปังในจานตัวเองขึ้นไปกินมันก็บ่นเบาๆ

“ มึงแม่งชอบทำให้เสียอารมณ์จริงๆ “

“ หึ “ ผมหลุดยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดคราบช็อกโกเล็ตที่ติดอยู่ที่มุมปากของมันแบบไม่ได้พูดอะไร เมดเองก็นิ่งไปเหมือนกันก่อนจะเลียเริมฝีปากแล้วยกแก้วขึ้นมาบังหน้าแดงๆของตัวเอง

“ เป็นไง อารมณ์ดีขึ้นยัง “ ผมถามตอนที่ก้มลงกินขนมปังของตัวเองต่อไปแบบไม่สนใจ

“ นิสัยเสีย ชอบมาทำตัวอบอุ่นง้อกูทุกทีเลย ส้นตีน “ คำด่าแก้เขินของมัน ตั้งแต่ที่มีมันเข้ามาอยู่ด้วยกัน ก็ได้ฟังทุกวันพร้อมอาหารเช้าในทุกเช้าเลย

“ แล้วตกลงนัดเพื่อนไว้กี่โมง “


“ ก็บอกว่าไม่ใช่เพื่อน เรียกว่า อีสองตัวนั้น “

“ นัดสองคนนั้นกี่โมง “

“ สองตัว “ มันเถียงผมที่ถอนหายใจออกมา “ มึงควรเกลียดมันอะ มันทำกูเจ็บนะ “

“ อย่ามางี่เง่า มันทำมึงไม่ได้ทำกู จะเกลียดก็เกลียดไปไว้มันมาทำกูเมื่อไหร่ กูค่อยเกลียดมัน “

“ ไม่มีฟิลลิ่งแบบ มึงทำคนที่กูรัก กูจะเกลียดมึงงี้เหรอ “ เมดวางแก้วโกโก้ที่กำลังกินพลางเอียงหน้าถามผม “ อยากได้ความรู้สึกงั้น บ้างอารยะจัดให้หน่อย “

“ ไร้สาระ “

“ อะไรวะ เซ็ง “ อีกคนถอนหายใจตอนได้ฟัง เมดหยิบขนมปังขึ้นมากิน

“ ตอนนั้นมันเป็นอดีตกูไม่เกี่ยวด้วยจะไปเกลียดทำไม ไว้ให้มันมาทำอะไรมึงตอนนี้ก่อนก็แล้วกัน กูจะเกลียดให้ “ ผมบอกก่อนจะก้มลงหยิบกาแฟขึ้นมากินก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ “ ไม่สิ คงไม่แค่เกลียด แต่กูคงไม่ปล่อยมันไว้ “ 

“ ดุจัง “ เมดแซวยิ้มๆ ผมก็ลุกขึ้นเต็มความสูงหลังจากกินอาหารเช้าของตัวเองเสร็จ “ บีบยาสีฟันไว้ในแล้วนะ โอเครึเปล่า “

“ ทำไมจะไม่โอเค “ ผมถามอีกคนก็นิ่งไปก่อนจะส่ายหน้า ผมจ้องหน้ามันเมดก็เลิกคิ้ว

“ อะไร “

“ ไอ้บินเคยไม่โอเคอีกละสิ “ ถามออกไปเพราะรู้สึกได้จากแววตาของมัน เมดนิ่งไปพลางเหลือบมองซ้ายขวาราวกับกำลังคิดว่าจะให้เหตุผลว่าอะไรที่จะไม่ทำให้ผมเสียใจ แต่พราะมันไม่เหตุผลอื่นอีกคนเลยแค่ยิ้มจางๆ

“ ก็ประมานนั้น “

   ผมไม่ได้ตอบอะไร ก็รู้อยู่แล้วโดยไม่ต้องถามอะไรด้วยซ้ำ มันเป็นแบบนี้อยู่ตลอดทุกอย่างรอบตัวเรา ทุกอย่างที่เมดทำให้ผม มันทำเพราะอยากจะทำให้นั่นแหละผมรู้ แต่แค่ทุกครั้งมันยังกังวล ยังกลัว ว่าจะทำให้ดีมั้ย เหมือนในสมองของมันมีแค่คำว่า ‘ ทำให้แบบนี้อาฟจะชอบมั้ยวะ ตอนนั้นไอ้บินยังไม่ชอบเลย อาฟก็ต้องไม่ชอบแน่ๆ ’

   อดีตสอนให้ระวังตัวในปัจจุบันนั่นก็จริงอยู่ แต่คงใช้ได้แค่เฉพาะบางเรื่องเท่านั้น เพราะถ้าเป็นเรื่องของความรัก ไม่มีคนในปัจจุบันคนไหนอยากจะให้คนในอดีตเข้ามาอยู่ในชีวิตรักของตัวเองหรอก

“ อาฟ “

“ จัดชุดให้หน่อยสิ “ ผมบอกขัดมันเพราะรู้ว่าเมดจะพูดว่าอะไร คำว่าขอโทษ ได้ยินมาเป็นอาทิตย์แล้วในตอนที่มันคิดถึงใครคนนั้น
“ เบื่อจะฟังมึงพูดว่าขอโทษ ให้ดีช่วยเลิกพูดอะไรที่ทำให้ต้องพูดว่าขอโทษน่าจะดีกว่า เพราะกูรำคาญมันเต็มทนแล้ว “

“ อื้ม “ เสียงตอบรับสั้นๆที่ได้ยิน ผมเดินเข้าไปในห้องไม่ได้หันไปสนใจคนที่ยืนอยู่

เจ็บปวดเหมือนกันเพราะถ้ามันสังเกตสักนิด เมดจะรู้ว่าไม่มีอะไรที่มันทำให้แล้วผมไม่ชอบ ก็ชอบทุกอย่างที่เป็นมัน แม้แต่กาแฟเย็นที่มันสั่งให้โดยไม่ถาม พร้อมบอกกับพนักงานว่าขอแบบไม่เข้มเกินไป เพราะรู้ดีว่าผมชอบกินกาแฟรสชาติไหน

   ยิ้มให้แปรงสีฟันของตัวเองที่ถูกบีบยาสีฟันเตรียมไว้ ผมหยิบมันขึ้นมาแปรง ถอนหายใจเลิกขึ้นเรื่องต่างๆ แล้วทำใจด้วยคำพูดที่บอกกับตัวเองบ่อยๆ ‘ มันเพิ่งเลิกกับแฟนก็ไม่แปลที่มันยังรู้สึก ‘ 

   เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูที่ห่อตัวเองอยู่ตรงท่อนล่าง เมดหันมามองผมตอนที่เดินออกมาก่อนจะหันไปที่ตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง ท่าทางลังเลของมันเหมือนยังตัดสินใจเลือกชุดให้ผมใส่ไม่ได้

“ อยากใส่เสื้อยืดสีขาวหรือว่าเสื้อสีดำวะ “

“ เอาที่มึงชอบ “ บอกมันแค่นั้นอีกคนก็ถอนหายใจออกมาพลางทำเม้มปากแบบขบคิด ผมหยิบกางเกงในมาใส่ เซ็ตผมทรงที่ชอบทำ ฉีดน้ำหอมก่อนจะหันมามองคนที่เลือกเสื้อผ้าให้อีกครั้ง “ มึงจะให้กูไปเดินแฟชั่นวีครึยังไง เอาที่มึงชอบก็แค่หยิบๆมา “

“ มันยากนะมึง มันเป็นแบบที่กูคิดว่ามันดูดีนั่นแหละ แต่กลัวมึงใส่แล้วไม่ชอบไง “ เมดบอกก่อนจะหันมามองผมจริงจัง “ เลือกเองมั้ย จะได้ใส่แบบที่ชอบไง กูเลือกเสื้อผ้าไม่เก่งอะ ไม่มีความมั่นใจด้วย “

“ มึงเก่ง “ ผมย้ำความมั่นใจกับมัน ก็แค่เคยโดนใครคนนึงด่าว่าจนเสียความมั่นใจไปก็เท่านั้น แล้วผมก็อยากจะทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม

ไม่มีอะไรสักอย่างที่เมดผิด ผมรู้สึกแบบนั้น มันแค่ชอบดูแลคนอื่น วอแวบ้างถามประสาของคนที่มีนิสัยขี้อ้อน เอาใจใส่คนที่ตัวเองรัก จัดแจงทุกอย่างให้เพราะอยากให้เค้ามีความสุขกับการถูกดูแลเอาใจ แต่เพราะทุกอย่างมันเคยมีผลตอบรับที่น่าเศร้า พอมาเริ่มใหม่เมดเลยกลายเป็นคนที่ไม่กล้าทำอะไรสักอย่างที่ตัวเองเคยดูด่าว่า โดยเฉพาะเรื่องการเลือกเสื้อผ้าให้คนที่ได้ชื่อว่าแฟน “ เลือกมา “ ผมย้ำอีกคนก็ถอนหายใจ

“ เดฟดำนะ “ มันพูดแบบนั้นก่อนจะยื่นให้ “ ส่วนเสื้อ..” ถอนหายใจออกมาก่อนจะเลือกเสื้อทีละตัวจากในตู้ ผมรู้ว่ามันคงเลื่อนเสื้อพวกนั้นไปมามากกว่าสิบรอบแล้ว เมดหันมองผม สลับกับกางเกงที่ผมเอาไปสวมก่อนจะหันมามองเสื้อในตู้

“ เมด “

“ หื้ม ? “ อีกคนหันมามองผมด้วยสีหน้าหนักใจ มันคงกำลังคิดมาก

ใจนึงก็ไม่อยากจะแสดงออกว่าตัวเองกังวลแค่ไหนกับแค่เรื่องเลือกเสื้อผ้า เพราะเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีจากแฟนเก่า มันรู้ว่ายิ่งมันกังวลเท่าไหร่ ผมจะยิ่งเสียใจที่มันเอาแต่คิดถึงคนคนนั้นที่ทำเรื่องแย่ๆกับมัน แต่อีกใจก็กลัวว่าถ้าเลือกไปตามใจตัวเอง มันจะเป็นแบบเดิมอีก แบบไอ้บินที่เคยทำมันเสียใจมาก่อน

“ กูไม่ใช่ไอ้บินนะ “ ผมบอกมันอีกคนนิ่งไป “ เลือกมาเถอะ อยากมีแฟนแต่งตัวแบบไหนก็แค่เลือกมา “

“ อื้ม “ ตอบออกมาแค่นั้นตอนที่เงียบไปอยู่นาน เมดหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวแต่งลายปักยี่ห้อที่อกมาให้ผม “ ไม่ต้องใส่ชายเสื้อไว้ข้างในนะ “

“ ก็แค่นั้น “ คว้าเสื้อตัวที่มันยื่นมาใส่ ผมยกยิ้มก่อนจะขยี้หัวมันจนยุ่ง มันมีบางคำที่เมดคงอยากจะพูด “ ถ้าจะพูดว่าขอโทษ ไม่ต้องพูดแล้ว “

“ ทำไมวะ “

“ มึงไม่ได้ผิดอะไรที่รู้สึกแบบนั้น “ ผมบอกมัน

“ มึงเข้าใจอะไรง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมกูรู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้นเลยวะ “ ปิดประตูเสื้อผ้าเมดที่ยืนอยู่ตรงนั้นมองมาทางผมที่นั่งพิงลงที่โต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะกางมือออก “ นี่กูต้องเดินข้าไปให้กอดเหรอวะ “

“ ถ้าอยากให้กูกอดก็เดินเข้ามา “ คนฟังยกยิ้ม เมดถอนหายใจก่อนจะเดินเข้ามาให้ผมกอด “ กูไม่ได้เข้าใจง่าย กูแค่ต้องเข้าใจ ว่ามันต้องเป็นแบบนั้น “

“ ขอบคุณนะมึงที่เข้าใจ “

“ ไม่ต้องขอบคุณ “ เมดดึงตัวเองออกมามองหน้าผมที่พูดแบบนั้น “ เพราะแค่ต้องเข้าใจ กูไม่ได้เข้าใจจริงๆ “

   ผมไม่ได้แสนดีขนาดนั้น ไม่ได้ใจกว้าง เป็นแค่คนนึงที่เห็นแก่ตัวและหวงของ และนี่คือสิ่งผมรู้สึก ผมจะไม่พูดให้เมดรู้สึกดีแต่ผมต้องทนทรมานกับสิ่งที่มันทำ ผมจะพูดในสิ่งที่ผมรู้สึก ผมคิดว่ามันแฟร์กับทั้งผมและก็มัน เมดก็ต้องคิดถึงความรู้สึกผม เหมือนที่ผมกำลังคิดถึงความรู้สึกมัน

...............................................................

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 22 :: up! 25-5-61} #หน้า 14
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 01-06-2018 20:40:02

แวะกินข้าวก่อนจะเข้ามาที่มหาวิทยาลัยของอีกคน เมดนัดเพื่อนไว้ช่วงบ่าย เห็นบอกว่าเป็นรายงานที่ทำไม่ยากแค่ห้าชั่วโมงแบบไม่คุยอะไรกันเลยก็น่าจะเสร็จ แล้วมันเองก็ไม่อยากจะอยู่นานหลายวัน เลยตัดสินใจขอผมเลิกงานเร็วตั้งแต่เมื่อคืน กลับมานอนให้เต็มอิ่มแล้วตื่นมาทำรายงานนี้ให้เสร็จไปเสียที

เรานั่งลงที่โต๊ะตัวที่ว่างตรงหน้าคณะ เมดเปิดคอมตัวเอง ผมก็นั่งลงข้างๆมัน เพื่อนมันยังไม่มา ผมมองไปรอบๆที่วันนี้ดูมีนักศึกษามาน้อยกว่าหลายๆครั้งที่มานั่งรอรับมัน

“ วันนี้คนมันน้อยเพราะส่วนใหญ่คลาสวันเสาร์จะไม่ค่อยมีอะไร “ เมดบอกผมก็หันไปมองหน้ามัน

“ ฉลาดจัง กินแพคดีกรีหรือวิสกัสวะ “ เอื้อมมือไปเกาคางมันอีกคนก็ปัดหลบพร้อมด้วยหน้าตาหงุดหงิดตามฉบับ

“ กูเป็นคนไอ้สัด “

“ เห็นขนนุ่มคิดว่าใช่ “

“ ชมกูอ๋ออารยะ “ อีกคนหันมายกยิ้มมองผมก่อนจะยักคิ้วให้ “ ชมว่าผมกูนิ่มนี่ ชอบดมอะดิ ตอนกลางคืนรู้นะว่าชอบมาแอบหอม “

“ กวนตีนกูจังมิณทร์ จากหมาแมว อยากจะลองเปลี่ยนเป็นเหี้ยมั้ย ยังไงดีครับ “

“ สัด “ มันสถบก่อนจะส่ายหน้าแล้วหันมาทำหน้าจริงจังกับผมเพื่อสอนวิธีเป็นแฟนที่ดีให้กันเหมือนทุกครั้ง “ จริงๆมึงควรพูดว่า ใช่ครับ อารยะชมมิณทร์ไง แบบนี้ “

“ รำคาญ “ ผมบอกมันอีกคนก็จ้องตากลับมาเหมือนกำลังรอให้ผมพูดจาหวานๆกับมันแบบทุกทีที่ชอบทำ แต่ทว่าตอนนี้เพื่อนมันที่นัดไว้กลับเดินเข้ามาก่อน

“ มานานแล้วเหรอวะ “ ถ้าจำไม่ผิดคนที่ชื่อจิงจะเป็นคนเอ่ยทักมันขึ้นมาก่อน ใบหน้าน่ารักที่ยิ้มอย่างใจดีนั่นหันมาทางผมก่อนจะก้มหน้าทักทาย “ สวัสดีครับ “

“ สวัสดีครับ “ ตอบรับกลับไปตามมารยาทแต่พอหันไปข้างๆผมก็เห็นคนข้างตัวปั้นหน้าหงุดหงิดแบบไม่ชอบใจอยู่ แปลจากสายตาคงจะบอกกันว่า ‘ มึงไม่ต้องไปทักมัน ’

“ สวัสดีครับ “ เพื่อนอีกคนมันเอ่ยทัก ผมหันไปมองคนมาใหม่ที่หย่อนตัวลงที่เก้าอี้ตรงกันข้าม คนนี้คงชื่อยีนส์ โจกย์เก่าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนคนที่แย่งแฟนไปจากมัน หน้าตาก็จัดว่าน่ารักดีแต่คนละสไตส์กับคนข้างๆผม เมดออกแนวน่ารัก มีเสน่ห์ในแบบเด็กๆ ที่ดูหวาน น่ารัก น่าเอ็นดู ชวนให้หมั่นเขี้ยว แต่คนตรงหน้าจะดูน่ารักแบบมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่มากกว่า ถ้าพูดง่ายๆก็คงบอกว่า ‘ ดูร้ายกว่า ’ ก็คงจะไม่ผิดนัก “ ชื่อยีนส์นะ เมื่อก่อนเป็นเพื่อนเมดแต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วละ “

“ ไอ้ยีนส์ “ เมื่อคนที่มาด้วยออกปากเตือนแต่อีกคนที่กำลังมองหน้าผมก็แค่ยิ้มแบบไม่สนใจ

“ ส่วนคนที่กำลังบ่นอยู่นี่ ชื่อจิง เป็นอดีตเพื่อนเมดแต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้วเหมือนกัน “ ผมยกยิ้มกับการแนะนำตัวนั้นอีกคนที่ก็ยิ้มกว้างมาให้ “ แล้วชื่ออะไรเหรอ “

“ เสือก “ ไม่ใช่ผมหรอกครับ แต่เป็นคุณมิณทร์ที่กำลังจ้องเพื่อนมันอย่างไม่พอใจ มือขาวของมันยกขึ้นมาปิดตาผมไว้ ท่าทางที่ชวนให้ยิ้มกว้างกับความหึงหวงแบบน่ารักของมัน เมดพูดกับผมเบาๆ “ กูไม่ให้มอง มึงไม่ต้องไปพูดกับมันนะ “

“ ขี้หวง “ ผมตอบกลับก่อนจะดึงมือมันลง แล้วตอบคนตรงหน้า “ ชื่ออาฟ “

“ เจ้าของผับ throw up “

“ รู้แล้วถามทำไมวะ “ ผมถามกลับคนที่ถามก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม

“ ตามมารยาทไง “  เลิกคิ้วกับคำพูดนั้นผมยิ้มตอบกลับไปให้ก่อนจะเลิกคิ้วไม่ค่อยเข้าใจที่อีกคนพูดเท่าไหร่

“ งั้นเหรอ แต่เท่าที่รู้มา ดูเหมือนไม่ใช่คนมีมารยาทอย่างงั้นเลยวะ “

“ จริงของมึง “ เมดพูดขึ้นก่อนจะหันมายิ้มให้ผมแล้วหันไปมองเพื่อนมันด้วยสีหน้านิ่งๆ

แววตาที่ดูไม่ชอบใจของมัน จะว่าไปนี่ก็อาจจะเป็นครั้งแรกของมันที่ผมได้เห็นอีกมุมมองนึงที่ไม่เคยเห็น มุมที่ไม่ใช่เด็กขี้หึงขี้หวง มุมที่ไม่ใช่คนน่ารักแสนใจดีที่ใครๆชอบยกให้มันเป็น คนใจดีของ throw up แต่เป็นคนคนนึงที่มีเขี้ยวเล็บ และพร้อมจะร้ายกับสองคนตรงหน้าได้ทุกเมื่อ

“ ไม่รู้ว่าอาฟจะได้ฟังอะไรมา แต่บางทีนะมันอาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้นะ ทุกอย่างก็ต้องมีหตุผลของมัน “ ยีนส์ยิ้มให้ผมในแววตาที่กำลังเชิญชวนกันนั้น “ ของแบบนี้ บางทีมันต้องลองด้วยตัวเองถึงจะรู้ “

“ พอเถอะไอ้ยีนส์ “ จิงพูดขึ้นก่อนจะคว้าแขนเพื่อนตัวเองไว้ ส่งแววตาห้ามปรามไปให้คนที่กำลังพูดกับผม ยีนส์ถอนหายใจออกมาแล้วหัวไปทางอื่น “ เรามาเริ่มทำงานกันดีกว่า จะได้เสร็จๆแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน “

ไม่มีเสียงตอบรับอะไร ผมหันไปมองเมดที่กำลังมองเพื่อนมันด้วยสายตาไม่ชอบใจเอามากๆ มือที่วางอยู่บนตักของมันกำกันแน่นเหมือนกำลังอดทนอย่างถึงที่สุด กับคำพูดที่อีกฝ่ายพูดออกมา ทั้งๆที่ปกติถ้าเป็นคนอื่นคงสวนกลับคำพูดนั้นแบบเผ็ดร้อน แต่กลับไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ข้างผม เมดคงอยากจะพูดผมรู้ แต่มันแค่ไม่รู้ว่าคำพูดไหนที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ

เพราะเมดไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร เป็นแค่มือใหม่ที่เพิ่งหัดทำตัวให้ร้าย เพราะอีกฝ่ายร้ายกับมันก่อน เหมือนแมวบ้านที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี แต่สุดท้ายเจ้าของเอามาปล่อยทิ้ง มันที่ต้องหัดฉีกเล็บที่เคยถูกตัดอย่างดีเพื่อสู้กลับเพราะแค่ไม่อยากจะให้ใครมาทำร้ายมันอีก และผมเชื่อว่าเมดจะทำงานของมันนิ่งๆ ถ้าอีกฝ่ายนิ่ง แต่ดูเหมือนว่า มันจะไม่ใช่ คนบางคนต่ำตมทางความคิดมากเกินกว่าจะเข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำอะไรแบบนั้น

เอื้อมมือไปจับมือที่กำลังกำแน่นอยู่นั้น สอดมือเข้าไปจับมันไว้แน่น เมดหันมามองผมก่อนจะออกแรงบีบมือผมกลับเช่นกัน แค่อยากจะบอกให้มันรู้ว่าไม่ต้องหงุดหงิดอะไรขนาดนั้น ผมยังอยู่กับมันตรงนี้ ไม่ได้อยากจะไปไหน คว้ามือถือขึ้นมาสแกนหน้าจอปลดล็อค ก่อนจะพิมพ์เข้าไปในไลน์มัน

[ อย่าทำหน้าเหี้ยอย่างงั้น อยากจะให้เพื่อนสมเพชมึงรึไง อยากให้เพื่อนรู้เหรอว่ามึงเป็นคนปั่นหัวได้ง่ายเพราะเรื่องกลัวใครจะแย่งผัว ]

[ แฟนพอมั้ง ] มันพิมพ์กลับมายิ้มๆ ก่อนจะบีบมือผมไว้แน่นกว่าเดิมแทนความรู้สึกที่ปกติมันจะส่งสติกเกอร์ให้กัน

[ แล้วอย่าลืมเซฟงานที่ทำกันไว้ด้วย เซฟมาให้ครบ เข้าใจมั้ย ]

[ ครับพ่อ ]

   กดล็อคมือถือตัวเองแล้วฝากไว้บนมือของคนที่นั่งข้างๆ ผมหยิบไอแพตตัวเองขึ้นมาก่อนจะกดเข้าเกมส์ออนไลน์ที่เล่นอยู่ประจำ ผมได้ยินเสียงการแบ่งงานแบบนิ่งๆ ไม่มีการถกเถียงอะไรมากมาย ก่อนที่ต่างฝ่ายจะทำงานของตัวเองไป

“ กินน้ำอะไรหน่อยมั้ย หิวยัง “ เมดหันมาถามผมที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองมันเลย เวลาผ่านไปสักพักใหญ่แล้วแต่มือกับตาของผมก็ยังโฟกัสอยู่กับการเล่นเกมส์ ผมส่ายหน้าก่อนจะได้ยินเสียงคนข้างๆยิ้ม เมดยกมือขึ้นจับที่แก้มผมเหมือนแกล้ง แต่คงทำให้เพื่อนรู้มากกว่า ว่าเราสวีทกันมากเหมือนกัน ทั้งๆที่ความจริงคือถ้ามันหวานมาผมก็แค่กวนตีนกลับ ไร้ความโรแมนติกใดๆ แต่หนนี้คิดว่าควรจะนิ่งไปแล้วกัน ไว้หน้ามันสักหน่อย

“ พูดถึงก็หิวน้ำ ใครเอาอะไรบ้างกูไปซื้อให้ “ จิงผละหน้าออกจากจอคอมของตัวเอง ก่อนจะหันมาถามทุกคน

“ กูเอาโกโก้แก้วนึง “ ยีนส์บอกเพื่อนตัวเอง คนที่กำลังจะลุกก็พยักหน้ารับก่อนจะหันมาหาเมด

“ มึงเอาน้ำอะไรมั้ยเมด “  คนโดนถามส่ายหน้าแบบไม่สนใจอะไรก่อนจะพูดในขณะที่มือก็พิมพ์งานของตัวเองไปเรื่อย

“ ไม่เอาอะ กลัวตาย “

“ งั้นเดี๋ยวกูมา “ พูดออกมาแค่นั้น คนที่เดินไปทิ้งท้ายไว้ด้วยการถอนหายใจเซ็งๆ ผมก้มลงเล่นเกมส์ต่อจนชนะก่อนจะเงยขึ้นมาขยับคอไปมาเพราะความปวดกับการที่ต้องก้มนานเกินไป

“ ปวดคอเหรอ “ ไม่พูดเปล่า เมดเอื้อมมือมานวดเบาๆที่คอให้ มันถามย้ำอีกครั้ง “ มึงจะกินอะไรหน่อยมั้ย คาราเมลมัคคิอาโต้สักแก้วเป็นไง ขนมสักชิ้น “

“ มึงนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยเนอะ “ เสียงของยีนส์ที่คงมองดูผมกับเมดอยู่นานแล้วเอ่ยถามขึ้น “ ชอบดูแลคนอื่นยังไงก็ชอบดูแลแบบนั้น “

“ แล้วเสือกอะไรมึงด้วยวะ “

“ มึงจะขี้ยั๊วะ ขี้หวงไปถึงไหนวะ กูก็แค่ชวนคุย “ อีกคนย้ำเหมือนว่าคนฟังเป็นคนปัญญาอ่อน ไม่ก็พวกแยกแยะไม่ออกสิ่งที่อีกคนพูดเป็นเพียงคำถามหรือการปั่นหัวให้เสียอารมณ์

“ กูไม่ได้อยากจะคุยกับมึง “ อีกฝ่ายยกยิ้ม

“ เหมือนกันนั่นแหละ แต่ก็แค่อยากจะเตือน “ ยีนส์บอกก่อนยกยิ้ม “ มึงรู้มั้ยบางทีการดูแลของมึงมันก็มากไปนะ เคยมีคนคนนึงมาบ่นให้กูฟังว่า มึงแม่งเป็นคนเยอะ เยอะจนเค้ารู้สึกรำคาญอะเมด “ สองสายตาที่สบกันถ้าเป็นการ์ตูนสักเรื่องที่ผมเคยอ่านตอนม.ปลาย เหตุการณ์ตอนนี้คงถูกวาดให้มีสายฟ้าฟาดลงมาระหว่างคนทั้งสองคน

“ กูไม่ได้อยากรู้ “

“ แค่เตือน “ ยีนส์ย้ำจุดประสงค์ไม่จริงของตัวเอง “ ถามจริงไม่กลัวแฟนใหม่รำคาญบ้างเหรอวะ ปรับปรุงตัวเองได้แล้วมั้ง เดี๋ยวก็ซ้ำรอยเดิมหรอก “

“ กูไม่รำคาญนะ “ ผมพูดตอบอีกคน ตอนที่หันไปมองเมดที่กำลังโกรธจนตาแดง ผมยิ้มให้มันก่อนจะหันไปยิ้มให้คนที่อยู่ตรงหน้า

สายตาที่ดูมั่นใจของยีนส์ มันคงคิดว่าตัวเองสามารถทำอะไรกับไอ้เมดก็ได้ จะปล่อยนิ่งเฉยไม่ทำอะไรก็ได้ หรือจะทำให้อีกคนแค้นแบบสุดๆ หรือเสียใจแบบสุดๆ มันก็ทำได้ และนั่นก็ไม่ผิดหรอก เมดกำลังเป็นแบบนั้น กำลังแค้นแบบสุดๆ เพราะมันยังคงหวั่นไหวและเจ็บปวดกับเรื่องพวกนั้นอยู่ แล้วเพื่อนที่รู้จักกันมานานแบบยีนส์ก็คงรู้ว่าสิ่งที่เมดเป็นก็แค่คนที่พยายามจะเข้มแข็งก็เท่านั้น

การทำศึก ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ถ้าคู่ต่อสีรู้จุดอ่อน ก็มีแค่แพ้กับแพ้

“ ไม่รำคาญจริงอะ “ อีกฝ่ายถามย้ำ ผมก็พยักหน้ารับแล้วหันไปมองคนข้างๆอีกครั้ง

“ กูชอบกาแฟที่มึงชงให้กินทุกเช้าเลยนะ “ ผมยิ้มบอกมัน “ ขนมปังที่มึงปิ้งแล้วทาแยมก็อร่อยทุกแผ่น กูชอบเวลามึงเช็ดตะเกียบกับช้อนให้ ชอบวันที่มึงยืนเลือกแก้วใส่กาแฟของเราที่ต้องมีลายคู่กันเป็นชั่วโมงเพราะไม่รู้ว่ากูชอบสีโทนไหน ชอบแปรงสีฟันที่มึงบีบยาสีฟันทิ้งเอาไว้ให้ในห้องน้ำ ชอบเวลามึงคิดหนักกับเสื้อผ้าของกูที่เวลาต้องเลือกให้  “  เอื้อมมือขึ้นลูบหัวมัน

คนที่กำลังพูดความจริงออกมาตรงๆแบบนี้ดูไม่เหมือนคนอย่างผมสักเท่าไหร่เลย การกระทำที่แสดงอยู่ตอนนี้ก็ด้วย เพราะถนัดมากกว่ากับการกวนตีนมัน แต่ที่ต้องเป็นแบบนี้คงเพราผมแค่อยากจะปกป้องมันเอาไว้ ปกป้องความรู้สึกของมันที่กำลังโดยทำร้ายโดยคนที่รู้จักจุดอ่อนของมันดี ว่าเมดอ่อนไหวกับเรื่องไหน “ กูไม่รู้ว่าคนอื่นมองยังไง แต่สำหรับกู กูชอบนะ มึงแคร์แค่คนที่มึงทำให้แบบกูก็พอ ถ้ากูชอบ ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน “

“ โคตรเท่ห์เลยวะ “ ยีนส์บอกก่อนจะยิ้มกว้างแล้วจ้องผมอยู่แบบนั้น ผมที่จ้องมันกลับอีกฝ่ายก็พูดออกมาสั้นๆตอนที่เราสบตากัน  “ ชอบ “

“ คุยอะไรกันอยู่วะ “ จิงที่เดินออกไปซื้อน้ำเดินมาถึงพอดี มันที่ยังไม่ทันได้คำตอบอะไรและยังไม่ทันนั่งด้วยซ้ำ แต่โกโก้เย็นแก้วที่ถือมากลับถูกแย่งไปด้วยฝีมือเมดที่ยืนขึ้นด้วยความโกรธแบบทนไม่ไหวและด้วยความรวดเร็วแบบที่ไม่มีใครคาดคิด แก้วนั้นถูกเปิดฝาออกก่อนจะสาดใส่ยีนส์แบบเต็มๆหน้า

   ทั้งน้ำแข็งทั้งน้ำปะทะใบหน้าของอีกคนอย่างจัง ไม่มีเสียงโวยวาย เงียบอยู่สักพักด้วยซ้ำก่อนที่ยีนส์จะได้สติมันลุกขึ้นยืนมองหน้าอดีตเพื่อนตัวองที่ก็คงไม่คิดว่าจะกล้าทำอะไรแบบนั้น เมดยืนมองเพื่อนมันนิ่งๆ หายใจเข้าออกเร็วๆแบบคนไม่เคยคิดเหมือนกันว่าชีวิตนึงต้องมาทำอะไรแบบนี้ มือที่กำแก้วจนบิดงอไร้รูปร่าง ก่อนจะถามเสียงนิ่ง

“ ได้สติขึ้นมาบ้างมั้ย “

“ มึงเกินไปแล้วนะไอ้เมด “ ยีนส์พูดแบบนั้นก่อนจะปัดมือไปตามเสื้อของตัวเอง

“ มึงจะเอายังไงกับกูว่ามาเลยดีกว่า กูนิ่งแล้วนะยีนส์ เงียบแล้วด้วย แต่มึงพยายามจะหาเรื่องกูเองนะ “

“ คิดไปเองรึเปล่า มึงดูร้อนๆนะกูวะ “

“ อะไรกันวะเนี้ย “ จิงถามเพื่อนทั้งสองคน มันมองทั้งคู่สลับกันไปมา เมดหายใจเร็วขึ้นมันมองยีนส์ไม่วางตาด้วยความโกรธ และอีกฝ่ายก็เหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่แค่ชั่วโมงบินของยีนส์กับเรื่องแบบนี้คงสูงกว่าก็เลยตั้งสติได้เร็วกว่า

“ มึงร้อนตัวมากไปมั้ย คิดว่ากูต้องอยากจะได้ผัวมึงทุกคนจนตัวสั่นเลยรึไง “ ยีนส์ถามก่อนจะยกยิ้ม “ จะบอกอะไรให้มึงรู้ไว้นะ ผัวมึงตังหากที่อยากได้กูเพราะว่ามึงมันจืดชืดแล้วก็ไร้อารมณ์ไง มึงแม่งน่าเบื่ออะเมดจำไว้ “ คำสุดท้ายที่ถูกย้ำทำให้แววตาของเมดเปลี่ยนไปเหมือนความเสียใจวิ่งเข้ามาแทนที่ความโกรธสำหรับสิ่งที่ได้ยินจากปากเพื่อน

“ ไอ้เชี้ยยีนส์! หยุด!”

“ กูไม่หยุด! กูจะพูดให้หมดเลยวันนี้ “ คนที่โดนสาดน้ำหันไปบอกเพื่อนตัวเองก่อนจะหันมามองเมดที่ยืนอยู่นิ่งๆอีกครั้ง “ มึงจำคำกูไว้นะเมด บางทีความแสนดีมันก็น่าเบื่อ บินทิ้งมึงมาหากูก็เพราะเรื่องนี้แหละ มึงมันน่าเบื่อเกินไป ตอนแรกกูก็จะไม่พูดแล้ว ไม่อยากจะทำร้ายมึง ไอ้จิงเองก็ขอไว้เหมือนกัน ก็เลยไม่อยากซ้ำเติมมึง “

“ ยีนส์..” จิงส่ายหน้า มันที่พยายามหยุดเพื่อนแต่ทว่าคนที่จะพูดก็แค่สะบัดตัวออกห่าง

“ มึงแม่งน่าหมั่นไส้มากอะเมด รู้ตัวบ้างมั้ย ยิ่งตอนที่รู้ว่ากูนอนกับไอ้บิน มึงหายหัวไปก่อนจะกลับมาด้วยท่าทางแบบทำหน้าเชิดไม่สนใจอะไร ควงผัวใหม่ที่ภาษีดีกว่า แสร้งทำเป็นรักกันมาก ทั้งๆที่ในใจก็เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว มึงเห็นพวกกูเหมือนอากาศ คิดว่าตัวเองอยู่สูงมากนักรึไงวะ คิดว่าชนะแล้วงั้นสิ “ อีกคนเอียงหน้าถาม “ ตอนคบบิน มึงรู้ว่ามันมีเล็กมีน้อยแต่ก็ยังทำเริ่ดทำเชิด หน้าชื่นอกตม มึงคิดว่าตัวเองดีเฟอเฟ็ค หน้าตาก็ดี เรียนก็เก่ง นิสัยดี ชอบดูแลแฟน มึงคงสินะว่าตัวเองดีขนาดนี้แฟนจะทิ้งไปเลือกคนอื่นได้ยังไง แต่จำไว้นะ มึงแม่งได้ชูคออยู่แค่นั้นแหละ แล้วก็เป็นได้แค่นั้นด้วย ไม่มีวันจะได้มากกว่านั้น “

“ ไอ้ยีนส์พอเถอะ มึงจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมาวะ “

“ ให้มันตาสว่างไง ให้มันได้รู้ว่าที่มันต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวมันนั่นแหละ ไม่ใช่เพราะคนอื่นเลย มันที่เป็นคนน่าเบื่อ มันที่เหมือนของใช้การไม่ได้ ดูเหมือนมีค่านะ แต่ก็ไร้ค่า บินมองมึงเป็นแค่ของน่าเบื่อไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้นจำไว้ “ ยักคิ้วให้อีกคนที่ยืนฟังแบบไม่โต้เถียงอะไร ผมหันไปมองเมด คิดว่ามันคงพูดออะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ ราวกับว่าตัวมันก็ยอมรับว่าตัวเองก็เป็นแบบนั้น แบบที่เพื่อนมันพูด
 “ แล้วกูถามจริงเถอะ ที่มึงหวงกูกับไอ้อาฟแฟนใหม่มึงเนี้ย มันเพราะอะไรกันแน่วะ  หรือเพราะว่ามึงก็รู้ตัวดีว่ามึงน่ะมันน่าเบื่อ เจ้ากี้เจ้าการ  มึงเองก็คงคิดสินะว่าสักวันไอ้อาฟแม่งก็ต้องเหมือนไอ้บินที่ทิ้งมึงไปนั่นแหละ ทิ้งไปไปเจอใครสักคนที่ดีกว่า คนที่ไม่ทำให้มันเบื่อเหมือนมึง ให้กูเดาตอนนี้มึงก็คงไม่กล้าทำอะไรที่เคยทำกับไอ้บินให้ไอ้อาฟ เพราะกลัวว่ามันจะซ้ำรอยเดิม ”

“ ไปกินบะหมี่หมูตุ๋นมั้ย “ ผมยืนขึ้นก่อนบิดขี้เกียจ หันไปถามเมดที่หันมามองผมด้วยสายตางงๆ  “ โตเกียว เครป หรืออยากจะกินโรตี “ ไม่มีเสียงตอบรับของคนที่หันมามองกัน หันไปมองยีนส์ที่ขมวดคิ้วกับสิ่งที่ผมพูดเหมือนอยู่ๆก็เปลี่ยนไปแบบฉับพลัน ผมยกยิ้มให้มันก่อนจะดึงตัวเองไปกระซิบข้างหูของอีกคน “ ยังไงก็ต้องขอบคุณที่เอาไอ้เหี้ยนั่นออกไปจากชีวิตไอ้เมดนะ แต่ว่ากูอยากเตือนอะไรมึงสักอย่าง ตัวเหี้ยเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง มึงครอบครองไว้คนเดียวไม่ได้นะ จำไว้ “

“ คิดว่าไอ้เมดมันรักมึงรึไง “ ยีนส์ถามผมตอนที่ดึงตัวเองออกห่างมัน สายตาที่กำลังโกรธของมัน ผมยกยิ้ม “ แต่ก็คงไม่ได้รักหรอก เพราะถ้ารัก เมดก็คงมั่นใจในตัวแฟนตัวเองมากกว่านี้ แต่นี่ดูไม่มั่นใจอะไรเลย “ อีกฝ่ายยกยิ้มให้ผมกลับ ก่อนจะหันไปมองเมดอีกครั้ง “ ได้ข่าวว่าแค่คบกันดามใจไม่ใช่เหรอ ยังไงตอนนี้มึงก็รักไอ้บินอยู่ดีนั่นแหละ เพราะแม้แต่ วินาทีนี้มึงก็ยังเจ็บปวดกับเรื่องของมัน มึงก็ยังคิดถึงมันอยู่ ในหัวใจมึงก็มีแค่มัน แค่ไอ้บินเท่านั้น ไม่มีไอ้อาฟสักนิด แต่ว่าเสียใจด้วยนะเมด บินมันรักกูว่ะ “

“ ถ้ามึงคิดว่าขี้มีค่า ก็เอาไปเถอะยีนส์ กูยกให้ “

   ก้มลงปิดหน้าจอคอมของตัวเองมันดึงเอาทุกอย่างขึ้นมาถือก่อนจะคว้าข้อมือผมแล้วเดินออกไปจากตรงนั้น หัวใจของเมดคงแตกยับ ถ้าเป็นแผลตอนนี้ก็คงโดนเพื่อนสนิทคนเดิมขูดย้ำซ้ำแผลนั้นจนเลือดซิบอีกครั้ง

ผมเปิดประตูออก เอาของที่ถือมาใส่ไว้เบาะหลังคนขับเมดเองก็ด้วย เราเข้าไปนั่งในรถพร้อมกันแบบเงียบๆ ไม่ได้มีใครพูดอะไรออกมา ราวกับว่าคนข้างผมกำลังจมอยู่กับคำพูดของเพื่อนที่ตะโกนด่ามันเมื่อครู่

เมดคงรู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนั้น แบบที่เพื่อนของมันพูดทั้งหมด ทั้งน่าเบื่อและใช้การอะไรไม่ได้เป็นของไร้ค่าสักชิ้น ที่มีไว้แค่ประดับแต่ไม่ได้มีไว้ให้ความรัก

ขับรถออกมาจากมหาลัยของมัน บรรยากาศเงียบเชียบภายในรถแต่ผมกลับไม่ได้อยากจะเปิดเพลง พยายามหันไปมองมันเป็นระยะ แต่อีกฝ่ายกลับแค่มองออกไปนอกหน้าต่างเพียงท่านั้น เมดกำลังเศร้า เศร้าในเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับผม ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรักของเรา มันเศร้าเพราะเรื่องในอดีต อดีตที่มันยังรักและยังเสียใจ

“ กูว่ามันก็จริงนะที่ยีนส์พูด “ เมดพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบในตอนที่เรากำลังติดไฟแดงอยู่ที่แยกหนึ่ง “ กูเป็นคนน่าเบื่อ ไม่ชอบออกไปไหน เมื่อก่อนเวลาบินชวนกูไปไหนกูจะแค่ปล่อยให้มันไปแล้วตัวกูก็กลับมาที่ห้อง กลับมาดูหนังลาโรงบ้าง ทำความสะอาดบ้าง สิ่งที่กูชอบคือกูชอบดูแลแฟน มันมีหลายๆคำพูดที่กูชอบบอกกับบิน ผมยาวแล้วนะไปตัดผมสิ เสื้อตัวนี้สวยนะใส่แล้วคงเท่ห์มึงลองใส่สิ อาหารอันนี้น่าจะอร่อยนะไปลองกินกันมั้ย “ เมดเว้นเสียงไปมันร้องไห้ออกมาทั้งๆที่ตัวเองก็พยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะกลั้นมันไว้

“  ทุกเช้ากูชอบตื่นนอนก่อน ชอบตื่นขึ้นมาทำนู้นทำนี่เตรียมไว้ให้มัน เหมือนในหนังรักที่กูชอบดู หนังรักที่คนมีความรักดีๆเค้าทำให้กัน ..กูคิด  คิดว่าตัวกูดีแล้ว แต่ก็อย่างที่ยีนส์บอก กูมันน่าเบื่อ บินไม่ชอบอยู่บ้านแบบกู มันชอบออกไปสังสรรค์แล้วก็มีเพื่อนเยอะๆ เราไม่เหมือนกันก็จริง แต่กูคิดมาตลอดว่า ถ้ากูเป็นคนดี บินก็ต้องไม่ไปไหน แต่มันไม่ใช่เลย “ เมดยิ้มทั้งน้ำตา “ ทั้งๆที่กูเป็นห่วงแต่มันกลับกลายเป็นว่ากูจุ้นจ้านมากเกินไป มันคงน่าเบื่อเนอะมึง ที่พอตื่นขึ้นมาก็จะเห็นอาหารที่กูจัดไว้ให้ แบบไม่ได้ถาม คงรู้สึกแย่น่าดูที่ทั้งๆอยากจะใส่เสื้อสีขาวแต่กูกลับจัดเสื้อสีดำไว้ให้ มันคงหงุดหงิดมากๆเลยในตอนนั้น จะว่าไปกูแม่งไม่มีอะไรดีเลยว่ะ เป็นแค่คนที่ทั้งน่ารำคาญแล้วก็น่าเบื่อเลยมึงว่ามั้ย “
 
“ ไม่รู้สิ “ ผมตอบอีกคนเบาๆในตอนที่บีบพวงมาลัยรถที่ขับไว้แน่น มันเจ็บที่เห็นเค้าร้องไห้เพราะคนในอดีต ทั้งๆที่ก็มีเราเป็นปัจจุบัน และมันก็ยิ่งเจ็บที่ไม่ว่าเราจะพยายามแค่ไหนเค้าก็ยังเสียใจกับเรื่องนั้น

ถ้าหัวใจของเมดเป็นแก้ว ก็คงมีน้ำหลงเหลืออยู่เกือบเต็มแก้วนั้น และไม่ว่าผมจะพยายามใส่อะไรลงไปเท่าไหร่ ทำดีแค่ไหน น้ำที่มีอยู่เดิม ความเสียใจที่มีอยู่เดิมในแก้วนั้น มันก็หลอมละลายสิ่งที่ตัวผมเติมไปให้หายไปอยู่ดี และไม่ว่าจะพยายามใส่เท่าไหร่ก็เป็นแบบนั้น ตราบใดที่ยังมีน้ำเก่าอยู่เกือบเต็มแก้ว ทุกอย่างที่เติมไปมันก็เท่ากับศูนย์อยู่ดี
 
ถอนหายใจออกมา ผมหันไปเอื้อมมือเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมานั้นไว้  ก่อนจะหันกลับไปมองถนนตรงหน้าอีกครั้ง บนเส้นถนนในช่วงบ่ายที่รถติด

มันไม่มีรถคันไหนได้เคลื่อนตัวไปหรอก เราทุกคนก็ติดอยู่ด้วยกันตรงนี้ เหมือนกับเมดที่ติดอยู่ในความรู้สึกเสียใจของอดีตที่เคยทั้งรักทุ่มเท ส่วนผมเองไม่ว่าจะพยายามดึงมันออกมาจากตรงนั้นสักเท่าไหร่ เมดก็ยังติดอยู่กับมันไม่ยอมไปไหน จนบางทีผมก็คิดว่า ไม่รู้ที่บอกว่าจะพยายามลืม.. อีกฝ่ายพยายามแต่ปากรึเปล่า

“ กูรู้แค่ว่า กูยิ้มทุกเช้าตอนที่หันมาเห็นหน้ามึงนอนอยู่ข้างๆ แล้วกูจะยิ้มกว้างขึ้นไปอีกก็ตอนที่เห็นมึงยืนอยู่ในครัวแล้วกำลังชงกาแฟกับทำขนมปังให้กูกิน กูหยุดยิ้มไม่ได้กับยาสีฟันที่ถูกบีบไว้บนแปรงสีฟันของกู แล้วกูก็ชอบชุดทุกชุดที่มึงเลือกให้กูใส่ กูอยากจะให้มึงจัดให้กูทุกวันเหมือนกับชุดนี้ที่กูใส่อยู่ตอนนี้ กูชอบเวลาที่มึงสั่งกาแฟให้กูโดยไม่ต้องถาม ชอบเวลาที่มึงเช็ดตะเกียบกับช้อนมาให้เวลาที่เราไปกินบะหมี่หมูตุ๋นด้วยกัน กูชอบเวลาที่มึงหันมามองกูแล้วคิดอยู่ตลอดว่ามีอะไรบ้างที่มึงต้องทำให้กู มีอะไรบ้างที่กูชอบ แล้วก็มีอะไรบ้างที่กูไม่ชอบ กูชอบที่มึงจดจำทุกอย่างของกูได้ ชอบทุกวินาทีที่มึงคิดถึงแค่กู “

‘ ทุกอย่างต้องใช้เวลา เค้าเพิ่งเลิกกับแฟนมาเราต้องเข้าใจ ’  คำพูดที่กรอกหูผมอยู่ตลอดเวลา ผมพูดกับตัวเองด้วยคำนี้ซ้ำไปมาราวกับกดเครื่องเล่นเพลงให้เล่นมาซ้ำๆ

แต่บางที

ใครจะรู้บ้างว่าผมไม่ได้อยากจะเข้าใจมันหรอก .. คนเราแม่งต้องยอมรับและเข้าใจในสิ่งที่ทำให้เราต้องเจ็บปวดด้วยเหรอวะ

 “ อาฟ “

“ กูก็ไม่รู้ว่าทำไมเค้าถึงไม่ชอบมึง กูไม่รู้ว่าทำไมเค้าเบื่อมึง เพราะกูมีความสุขกับสิ่งที่มึงทำให้ทุกวัน และไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนั้น “
ผมถอนหายใจออกมา ก้มหน้าลงกับพวงมาลัยรถยนต์ที่อยู่เบื้องหน้า

 ผมเจ็บ  แต่ก็ทำได้แค่กัดฟันตัวเองทนเอาไว้ แล้วพูดสิ่งที่ทำให้รู้สึกเจ็บยิ่งกว่า นั่นความจริงที่ทั้งผมทั้งเมดก็รู้ดี “ แต่ว่ามึงคงไม่ได้สนใจหรอกมั้ง ว่ากูชอบในสิ่งที่มึงทำให้กูมากแค่ไหน เพราะว่าไม่ว่ายังไงในหัวใจมึงก็ยังสนใจแค่เค้าคนนั้น เค้าที่ไม่ได้ชอบอะไรในสิ่งที่มึงทำให้เลยสักอย่าง แต่มึงก็ยังคิดถึงเค้า “ ผมยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจ

“ มึงยังเจ็บอยู่กับอดีตเมด กูเข้าใจ แต่กูก็เจ็บอยู่กับปัจจุบันเหมือนกัน ปัจจุบันที่กูรู้สึกว่า มึงไม่ได้มีกูอยู่ในหัวใจเลย แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะมี  “


มันน่าเจ็บปวด ที่กูไม่ได้เป็นแม้แต่คนที่ควบคุมความรู้สึกของมึง
ไม่ว่าจะทั้งความสุขหรือความทุกข์ .. กูที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับความรู้สึกของมึงเลยสักอย่างเดียว


..........................................................

เป็นตอนที่เขียนยากมากกกกกกก ยากแบบ คือ ต้องเขียนอาฟที่เข้าใจว่าตัวเองต้องเจ็บปวด ทั้งๆที่ไม่อยากจะเข้าใจ ขัดกับนิสัยของตัวพี่อาฟมาก ปากบอกกูจะไม่ทนนะ แต่ตัดพ้อเมดเต็มที่มากด้วยความเจ็บปวดที่ตัวเองยังรักอีกคน เป็นความรักที่ทำอะไรไม่เลย ยกเว้นจะต้องเข้าใจ มันเท่านั้น #เอามือจับอกสงสารพี่อาฟ แต่ก็สงสารเมดด้วย คือเมดก็ไม่ผิดไง มันต้องเจ็บปวดอะ โดนซ้ำแผลไปอีก  แต่นั่นแหละ ความรู้สึกที่ยังเจ็บกับอดีต บางทีก็ทำร้ายปัจจุบันไง

เจอกันตอนหน้า ขอไปตั้งสติต่อสู้กับตอนต่อไป
และสำหรับตอนนี้ ฝากเม้นท์และ แท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า

 :katai2-1: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 01-06-2018 21:14:18
 :mew4: :mew4:

สงสารเมดนะกับทุกเรื่องที่เจอมา เพื่อนแย่ๆ ผัวเหี้ยๆ  แต่เมดคงลืมคืดถึงแฟนปัจจุบัน คนที่คอยมองดูเมดอยู่ใกล้ๆแบบอาฟ


 :hao5: :hao5: :hao5:   

งื้ออออ..สงสารอาฟสุดใจ  นี่ถ้าไม่ติดว่าเอ็นดูเมดนะจะขอดามใจพี่แกเอง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-06-2018 21:23:22
โหหห อยากวิ่งไปตบยีนส์ซักฉาด นี่เคยเป็นเพื่อนกันแน่หรา แสดงว่าอิจฉาเมดมาตลอดเลยป่ะไม่งั้นมีเหตุผลอะไรต้องทำกับเพื่อนขนาดนี้วะ :fire:

เห็นใจทั้งเมดและอาฟนะ คนเคยเจ็บก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา อดทนอีกนิดนะอาฟ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 01-06-2018 21:28:21
อยากตบยีนส์ให้ตายคามือ  :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 01-06-2018 21:29:51
……


อาฟคุยอย่างเปิดอกกันเลย.

เมดจะได้เข้าใจและคิดใหม่ทำใหม่

ให้ปัจจุบันและอนาคตได้สิ่งที่ดีและสวยงามนะ


……

 :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:



หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 01-06-2018 21:30:11
ยังไงคนลักกินขโมยกินมันก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิดอยู่ดี เอาอกเอาใจเป็นคนแสนดี=น่าเบื่อ เจ้าชู้ ลักกินขโมยกินไปทั่ว=น่าค้นหา?
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-06-2018 21:57:36
สงสารเมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-06-2018 21:59:08
ทุกคนเจ็บปวดหมดแหละ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 01-06-2018 22:10:14
สงสารเมดนะ อาฟอาจจะผิดที่เร่งรัดขอเป็นแฟนมากเกินไป
แต่เมดก็อ่อนแอเกินไป ยึดติดอดีตแต่ก็ห่วงอนาคต มันจะไม่เหลือสักทางนะ  (=TェT=)

ปล.อยากตบยีนส์ ก็ไม่น่าเชื่อจะเป็นเพื่อนกันมานานขนาดนี้ แต่อีกทีก็ไม่แปลกใจก็เอาแฟนเพื่อนลับหลังมาได้ตั้งหลายปี   :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 01-06-2018 22:11:52
เอาจริงๆนะ เราเริ่มรำคาญเมดอะ ดูโง่มากจริงๆ อ่านแล้วขัดใจมาก ไม่แปลกที่เพื่อนจะเกลียดขนาดนี้ หรือแฟนจะนอกใจ แต่เอาเข้าจริง นิยายส่วนใหญ่หาตัวเอกฉลาดๆแบบทันกันทั้งคู่ไม่ค่อยมี มีแต่โง่มาก โง่น้อย ตอนนี้ให้เป็นตอนของยีนส์เลย เอาง่ายๆ คิดว่ายีนส์มันก็คงเก็บกดแหละ แล้วก็เกลียดมานาน เลยเป็นซะอย่างนี้ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 01-06-2018 22:56:18
สงสาร ก็ สงสาร แต่ก็รำคาญ เมด ทำไงดีว้า

คบกันมานาน พอเลิก ก็ลืมไม่ได้ อ่ะก็จริง แต่เอทตัวเองยึดติด

กับอดีตที่มันกลับไปทำอะไรไม่ได้ป่ะวะ ขึ้นอยู่กับ อาฟ และ ก็เมดและจะเอาไงต่อ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 01-06-2018 23:03:47
คนแบบยีนส์ไม่มีทางรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ เพราะสันดานฝ่ายต่ำจะย้ำอยู่เสมอว่าตัวมีเสน่ห์กว่าใครตามคำป้อยอคำรักที่ก็ยึดเหมือนกันกับเมด เพียงแต่เมดเชื่อในความรักดีๆ เชื่อว่าความดีจะชนะใจ แต่ยีนส์เชื่อในเสน่ห์ ในความหลงใหล และเซ็กซ์ ซึ่งคนไม่รู้จักพอยังไงเขาก็ไม่พอและมีข้ออ้างเสมอ
คนแบบจิงเป็นคนไหลตามน้ำ อะไรได้หมด ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรมากมาย แค่ตัวเองได้ประโยชน์เป็นพอ...ก็ศีลเสมอกันกับฝั่งที่เขาเลือกมาตั้งแต่ต้นดีนะ

ชอบที่อาฟไม่ได้อดทนจนไม่พูดว่าเราไม่โอเค อธิบายตามจริง หวังว่าเมดจะคิดได้ว่าจะปรับยังไง...ทุกคนเข้าใจเรื่องเปรียบเทียบ ทั้งพี่-น้อง เพื่อน กระทั่งคนงานเก่า-ใหม่ ยังไงก็โดน เพียงแค่เปิดใจคุยและปรับตัว เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 01-06-2018 23:05:18
คนจะเหี้ย ยังไงก็ฉุดไม่อยู่
เมดควรจะตอกกลับไปเลย
และปล่อยอดีตได้แล้ว มันไร้ค่ามากนะ ถ้าเราเอาความรู้สึกต่างๆของเรา ไปให้ตัวเหี้ยมันย่ำยีอ่ะ อารมณ์โกรธ เกลียด แค้น ไม่ชอบใจ เราต้องจะไม่ยกให้มัน
 :katai4: :katai4:

แคร์คนที่อยู่กับเราในปัจจุบันดีกว่านะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 02-06-2018 00:06:13
เอาใจช่วยอาฟ เอาใจช่วยเมด
ต้องผ่านไปได้แน่ๆ ช่วยกันนะ
ความจริงที่ทั้งสองต้องยอมรับ
แล้วสร้างอะไรก็ตามที่เป็นเฉพาะของอาฟเมด
ไม่นาน เราเชื่อแบบนั้น ...
#รัก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-06-2018 00:28:10
ภาวนาให้เมดกับอาฟ ก้าวข้ามเรื่องดราม่าไปได้ด้วยดีเถอะ พลีสสส~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 02-06-2018 00:57:48
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-06-2018 01:07:57
รู้สึกตัวซักทีนะ เมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-06-2018 01:41:29
คนอย่างยีนส์ มันน่าเอาไปฝังเนอะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 02-06-2018 02:40:59
เฮียอาฟผู้น่าสงสาร ถ้าเมดรู้ว่าเจ้าของนมช็อคฯ ตัวจริงเป็นใคร จะเจ็บน้อยลงหรือว่ามากขึ้นนะ เพราะคนที่ตกหลุมรักคือคนที่ให้นมช็อคตัวเองมาตลอด แค่มีโจรมาแอบอ้างแล้วขโมยความรู้สึกไปหน้าด้านๆ เท่านั้นเอง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 02-06-2018 03:07:07
ไม่เคยเกลียดตัวร้ายเรื่องไหน เท่าเรื่องนี้เลยจริงๆ
สารเลวมากอิยีนส์ รีบๆ โดนไอ้เหี้ยบินเขี่ยทิ้งเหอะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 02-06-2018 06:38:33
แอบสงสารอาฟ ทำไมเปนคนดีอย่างนี้ สู้ๆนะ
ขอเวลาให้เมดนิดนึง ฮือออออ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 02-06-2018 07:01:18
รู้สึกว่าตอนนี้คนที่น่าสงสารที่สุดคืออาฟนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-06-2018 08:12:10
ดราม่า..
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-06-2018 09:21:16
สงสารทั้ง 2 คน เมดเองก็เพิ่งเลิกกับบินแล้วยังต้องมาเจอยีนส์พูดปั่น จะให้ลืมเร็วๆ หรือเลิกคิดเลิกเจ็บเพราะบินทันทีคงไม่ได้
อาฟเองก็อยากให้เมดเลิกเจ็บเลิกคิดเรื่องบินเร็วๆ  แต่ความคิดมันห้ามยากนะ  :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 02-06-2018 10:26:55
4 ปีนะ มันนาน
อดทน เท่าที่ทำได้เถอะ ถ้าไม่ไหวก็คือไม่ไหว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 02-06-2018 13:02:53
เริ่มรำคาญเมดล่ะ เพราะไม่ชอบเท่าไรที่นายเอกดูโง่ ไม่ทันคน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 02-06-2018 13:41:03
แย่งผัวเค้า ยังกล้ามีหน้ามาว่าเค้า
คนเราบางคนนี่ก็ ต่ำตม ทางความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 02-06-2018 14:54:16
สงสารเมด สงสารอาฟ ต่างคนต่างเจ็บเมดมั่นใจตัวเองได้แล้วนะอย่าเอาคนเหี้ยๆมากดดันตัวเองสนใจอาฟเป็นพอ อาฟสู้ๆ อยากเอานังยันส์ไปทิ้งทะเล คือนางเป็นไรมากป่ะนางอิจเมดเหรอที่เมดมีแต่คนสนใจ เก่งกว่า ดีกว่าตัวนาง ชอบใครเขาก็ไม่สนจนต้องไปเสนอตัวเอาแบบนี้สงสัยนางกลัวเมดได้ดีกว่า ชอบประโยคของเมด“ ถ้ามึงคิดว่าขี้มีค่า ก็เอาไปเถอะยีนส์ กูยกให้ “(อยากให้น้องวิวมาอยู่ด้วยจังคงดุเด็ดเผ็ดมันน่ดู)เมดถ้าคิดแบบนั้นจริงๆเลิกจมปรักได้แล้วนะมองคนข้างๆได้แล้ว
คนเขียนสู้ๆ :ped149: :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-06-2018 20:43:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 03-06-2018 00:08:05
พี่อาฟได้ใจสุดๆเลยตอนนี้    :กอด1:

ชอบที่พูดกับเมดตรงๆแบบนี้ อยู่ที่เมดแล้วจะคิดจะทำยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-06-2018 00:55:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 03-06-2018 11:57:15
 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-06-2018 13:48:19
อื้อหืออ :z6: ฝากกระโดดถีบยีนส์ จิงก็ทนได้เนาะ

สงสารอาฟ ก็ทำใจยากเนาะ เข้าไปในช่วงเวลาที่เค้าเจ็บมา
เมดก็ยังเศร้าไม่เลิก เพราะยังเจอและยังเจ็บกับคำพูด
แถมเมดก็เป็นคนย้ำคิดเพราะเจอมาเยอะ เจ็บมาหนัก
การเริ่มต้นใหม่มันยากนะ กับเวลาที่เจอมา

อาฟเอ้ยย เคลียร์กันก่อนนะ อย่าพึ่งปล่อยมือกัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Mamieweiei ที่ 04-06-2018 00:41:01
สงสารเฮียอาฟเยยยยยยงื้อออ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 04-06-2018 05:44:21
ยีนส์นี่แบบ โอ้โหมากอ่ะ  :z6:  :beat: ร้าย ร้ายมากๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 06-06-2018 22:55:44
อยากอ่านแล้วค่ะ
คิดถึงอาฟ คิดถึงเมด
เอาใจช่วยให้ฝ่าฟันไปให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 07-06-2018 21:32:44
อีพี่อาฟมันน่าสงสารจริงๆนะเว้ยย
เฮ้อเมดทเราเข้าใจนะแต่ก็ฮือสงสารสัดพี่อาฟอเ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-06-2018 15:56:25
โอ๊ยยย พึ่งตามมาอ่านค่ะ

รู้สึกตัวเองมาช้าไป


เรื่องนี้ดีงามมากค่ะ

ตอนยิ้มก็ยิ้มแก้มบาน ตอนดาม่า ก็เครียดตามไปด้วย


เรารู้สึกได้เลยว่า ปูเนื้อเรื่องมาดีมากเลย


รักแรกมันลืมยากจริงๆอ่ะแหละ


ทั้งในส่วนของ อาฟ และในส่วนของ เมด


แม้แมดอาจจะไปรู้เลยว่า รักแรกของเมด ก็อาจจะเป็นอาฟเหมือนกัน แค่โดนอีกคนคว้าตัดหน้าไป


เฮ้อออ เข้าใจทั้งสองคนเลย 


ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 08-06-2018 20:28:36
ตอนที่ 24


   ความเงียบปกคลุมไปทั้งรถความอึดอัดที่แทรกซึมเข้ามาทำให้รถคันเล็กที่เคยมีแต่ความสุขในตอนขามา หายไปหมดในตอนขากลับ ผมแอบผ่อนลมหายใจแล้วหลับตาลงช้าๆอย่างรู้สึกผิด ก็เคยคิดเอาไว้แล้วว่าสักวันแผลในใจต้องทำให้คนข้างๆเจ็บปวด และนี่คือสิ่งที่ผมกลัวมาตลอดตั้งแต่ตอบรับความสัมพันธ์กับอาฟ ‘ มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ เราเพิ่งรู้จักกันเองนะ ’  แล้วเหตุการณ์ภายในวันนี้ก็ตอกย้ำความรู้สึกนั้นให้ชัดลงไปอีกว่า  บางทีรักของเรามันอาจจะเร็วไป

“ มึงยังเจ็บอยู่กับอดีตเมด กูเข้าใจ แต่กูก็เจ็บอยู่กับปัจจุบันเหมือนกัน ปัจจุบันที่กูรู้สึกว่า มึงไม่ได้มีกูอยู่ในหัวใจเลย แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะมี  “


สีหน้าเจ็บปวดของอีกคนยังคงฉายชัดอยู่ในแววตาของผม แม้ขณะนี้มันจะมองออกไปนอกรถเพื่อขับรถไปบนถนนเส้นตรงหน้าก็ตาม

ผมมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เอ่ยถามกับตัวเองว่า แท้จริงแล้วตัวเองกำลังเจ็บปวดอยู่กับอะไร เจ็ดปวดอยู่กับความรักที่ไม่วันหวนกลับมา เจ็บปวดกับการที่ตัวเองเคยทุ่มเทกับความเชื่ออย่างสุดตัว หรือกำลังเจ็บปวดเพราะเพิ่งมาได้รู้ว่า จริงๆ ตัวเองก็เป็นแค่คนดีคนนึง ที่น่าหมั่นไส้ในสายตาคนอื่น แถมยังน่าเบื่อและน่ารำคาญเพราะความดีนั้นก็เท่านั้น

มันก็คล้ายกับคลื่นที่ซัดเข้ามาอย่างจัง และไม่ทันได้ตั้งตัว คิดไว้แล้วว่าต้องเจ็บแน่ สำหรับการที่เราไปเจอกันวันนี้แต่ไม่คิดว่าจะเจ็บขนาดนี้ ตั้งรับไม่ทันเลยตอนเห็นสีหน้าของยีนส์ที่เอ่ยพูดออกมา อาจเพราะมันไม่ใช่แค่พูดเพื่อให้สะใจ แต่เหมือนมันเก็บ เก็บทุกความรู้สึกนั่นไว้มานานแล้วและวันนี้มันก็เลือกที่จะพูดทุกอย่างที่มันรู้สึกออกมา และก็เป็นตัวผมเองที่ตลอดมาไม่เคยได้รับรู้

‘ การที่เป็นคนดีแล้วใครสักคนจะรักเราอย่างที่สุดนั้นไม่จริง บางทีความดีนั้นมันอาจจะทำให้เรากลายเป็นคนที่น่าเบื่อ และน่ารำคาญ ทั้งในฐานะเพื่อนและแฟน เช่นกัน การที่คุณเป็นคนดีไม่ได้หมายความว่าจะไม่ถูกทำร้าย เหมือนที่ใครเคยบอกว่า การที่คุณไม่กินเนื้อเสือ นั่นไม่ได้หมายความว่า เสือมันจะไม่กินเนื้อคุณ ’ และนี่คือสิ่งที่ยีนส์พูดให้ผมฟังในวันนี้

   หันไปมองหน้าคนที่อยู่ข้างกันอีกครั้ง มีคำขอโทษร้อยพันคำที่อยากจะเอ่ยบอกกับมัน ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่พูดอะไรออกมาให้มันต้องเจ็บปวดเลยสักคำ คำพูดที่เหมือนหัวใจของผมยังผูกไว้ตรงนั้น ผูกไว้กับใครสักคนตรงนั้น

มันก็จริงอยู่ที่ผมยังรู้สึกเสียใจแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายเลยสักนิด มันก็เหมือนแค่ พอเราหวนกลับไปคิดถึงช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่าเราดีมากๆ แต่มันกลับไม่ใช่อย่างที่เราคิด ช่วงเวลาที่คิดว่า เค้าคงรักเรามากและสักวันเค้าจะกลับมาเป็นของเราคนเดียวถ้าเราดีพอ แต่มันไม่ใช่.. ความดีที่ทำให้ด้วยรัก กลายเป็นแค่คนที่น่าเบื่อ น่ารำคาญเท่านั้น

 บางทีถ้าความเสียใจถูกลบล้างได้หมดด้วยความสุขมันคงดี แต่น่าเสียหายที่มันไม่ใช่แบบนั้น ทุกความรู้สึกแยกส่วนกันและทางเดียวที่ทำให้มันหายไป ก็คือลืม .. แต่มันก็ไม่ง่ายเลย

“ แวะกินอะไรกันหน่อยมั้ย “

“ จะกินอะไร “

“ ไม่รู้เหมือนกันวะ “ หันไปยิ้มให้คนข้างๆ ผมไม่ได้รู้สึกหิวหรอกแต่ก็แค่อยากจะชวนมันคุย ไม่อยากจะให้บรรยากาศมันเงียบไปมากกว่านี้แล้ว ผมคิดว่าเราต้องคุยกันให้ชัดเจนสำหรับความรู้สึกที่กำลังรู้สึก

รถชะลอลงช้าๆ ผมหันไปมองเบื้องหน้าก่อนจะพบว่ามันคือไฟแดงที่ฉายขึ้นพอดี ตัวเลขสามหลักที่กำลังนับถอยหลัง มือหนาตั้งไว้บนเกียร์ไม่ได้ผละมันไปไหน ก่อนจะปรับขึ้นไปที่ตัวบนสุดเพื่อสั่งให้รถหยุดนิ่ง ตอนที่เห็นว่ามันผ่อนเท้าออกจากเบรค ผมเอื้อมมือไปจับมือนั้นไว้

สอดมือเข้าไปกุมมือนั้นแบบเงียบๆ ใจของผมสั่น รู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนอยากจะร้องไห้ออกมา ในตอนที่เห็นว่ามันเจ็บปวด  ‘ ทำไมต้องเอาอดีตมาทำร้ายคนที่รักกันขนาดนี้ด้วยวะเมด’ ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่บีบมือนั่นแน่นขึ้น

ตั้งแต่ที่เราเจอกัน อาฟเป็นคนที่คอยอยู่ข้างๆผมมาตลอด ต่อให้วันนั้นจะเกิดอะไรขึ้น มันจะแค่ยืนอยู่ข้างกัน เป็นคนง่ายๆที่เหมือนแค่อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับผม ไม่ใช่คนกินยาก ไม่ใช่คนเรื่องมาก เป็นคนที่กินอะไรก็ได้ ก็คืออะไรก็ได้จริงๆ เป็นคนที่ยิ้มให้กับทุกการกระทำของผม และแคร์กันในทุกความรู้สึก แม้ว่าตัวมันจะไม่ใช่คนแบบนั้น และเพราะมันเป็นแบบนั้น ก็เลยทำให้ผมรู้สึกอยากจะรักษามันไว้ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้รู้สึกแย่หรอก แต่ผมเองก็ไม่ต่างจากมันเท่าไหร่ ผมเองก็ไม่รู้ว่าการรักษาให้ใครสักคนรักเราไปตลอดมันต้องทำกันยังไงเหมือนกัน

“ อาฟ กูขอโทษ “ ใบหน้าคมที่ไม่ได้หันมามองผม อาฟแค่จ้องไปยังทางข้างหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ กูไม่ได้ตั้งใจพูดให้มึงรู้สึกไม่ดี กูแค่รู้สึกว่ายีนส์แม่งพูดถูกทั้งหมดเลย กูรู้สึกเสียใจ ทั้งที่กูพยายามขนาดนั้น แต่กลับเป็นได้แค่คนที่น่าเบื่อน่ารำคาญในสายตาของคนพวกนั้น กูขอโทษที่กูคิดถึงมันจนพูดอะไรแบบนั้นออกมา ทั้งๆที่กูไม่น่าคิดแบบนั้น ไม่น่าโง่ไปเอาคำพวกนั้นเก็บมาเสียใจ เพราะมันไม่มีอะไรจริงเลย แต่ตอนนั้นมันเหมือน กูควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ” ผมบีบมือมันให้แน่นขึ้น “ ขอโทษนะมึง “

“ กูไม่ได้โกรธ ไม่ต้องห่วง “ พูดเสียงเรียบมันถอนหายใจออกมา “ ถึงกูจะไม่อยากจะเข้าใจยังไง กูก็เข้าใจมันอยู่ บางทีกูก็ผิดเองที่เข้ามาหามึงเร็วเกินไป “

“ อาฟ..”

“ เลิกพูดเรื่องเหี้ยนี้เถอะ มึงอยากจะแดกอะไรก็ว่ามา “ อาฟบอกปัดเหมือนไม่อยากจะใส่ใจกับเรื่องนั้นแล้ว ผมได้แต่ถอนหายใจ ก็พอรู้ว่าตอนนี้อารมณ์มันไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาเจรจาปรับความเข้าใจ แต่ผมก็ไม่อยากจะปล่อยให้เราโกรธกันไปแบบนี้

“ พูดเรื่องนี้ก่อน กูอยากพูดให้รู้เรื่อง ไม่อยากให้เรารู้สึกไม่ดีต่อกัน “ ผมอธิบาย “ ทำไมเราไม่เคลียร์ให้มันจบๆไปเลยวะ ทำไมต้องพักไว้ก่อน ถ้าต้องทะเลาะกันก็ทะเลาะกันให้จบๆไปเลยไม่ดีกว่าเหรอมึง จะได้ไม่เอาไปติดค้างในอนาคตไง ถ้าดีกันแบบยังมีอะไรค้างคา มึงไม่เข้าใจกู กูไม่เข้าใจมึง เดี๋ยวเราก็ต้องเอามาทะเลาะกันในอนาคตอีกหรอก กูไม่อยากจะทะเลาะกับมึงนะอาฟ มึงไม่อยากให้เรามีความสุขด้วยกันทุกวันรึไง “

“ แล้วมึงจะให้กูพูดอะไร “ อาฟหันมามองผม มันถอนหายใจ “ มึงทำเหมือนว่าถ้าพูดออกไป เราเคลียร์กันแล้ว มึงจะเลิกคิดถึงมัน เลิกเจ็บเพราะมัน ก็ไม่ใช่เปล่าวะ สุดท้ายมันก็มีแค่กูที่ต้องเข้าใจว่ามึงยังต้องคิดถึงมัน ยังเจ็บปวดกับมัน เพราะเพิ่งเลิกกับมันได้ไม่นาน แล้วแบบนั้นมึงจะให้กูเคลียร์อะไรวะ คือมันไม่มีอะไรให้เคลียร์ไงเมด มันมีแค่ต้องเข้าใจ กูที่ต้องเข้าใจ แล้วมึงละเข้าใจกูมั้ย “

“ เข้าใจ “

“ เข้าใจว่า “

“ เข้าใจว่าไม่มีใครอยากให้แฟนตัวเองคิดถึงแฟนเก่า ใครๆก็อยากจะเป็นคนเดียวของแฟนทั้งนั้น “ อีกคนถอนหายใจออกมาตอนที่ผมพูดแบบนั้น อาฟหันออกไปมองนอกรถอีกครั้ง “ ขอโทษนะมึง ที่กูยังเป็นอะไรแบบนั้นให้มึงไม่ได้ “

ทุกอย่างมันคือสิ่งที่เราต้องยอมรับ ผมต้องยอมรับว่าตัวเองยังเจ็บปวด แล้วอาฟก็ต้องยอมรับว่าตัวเองต้องเจ็บปวด ราวกับเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เหมือนไม่ว่ายังไงก็ต้องเสียใจกับเรื่องนี้อยู่ดี

ผมก้มหน้าลงทุกอย่างมันจุกอยู่ในอก ไม่อยากจะทำให้อีกคนเสียใจเลย ไม่อยากจะให้อาฟที่ไม่ผิดอะไรต้องมาเสียใจกับเรื่องในอดีตของผม แต่ผมที่ยังเจ็บแบบนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะหาย

อยากหายเร็วๆเหมือนกัน อยากลืมทุกอย่างเหมือนกัน เหนื่อยกับการเจ็บปวดเหมือนกัน เลือกได้ก็อยากจะรักมันคนเดียวเหมือนกัน แต่เพราะมันเร่งรัดไม่ได้  ทุกอย่างต้องใช้เวลา

“ กินชาบูแล้วกัน “ อาฟพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบนั้น ผมสบสายตาของมันก่อนจะพูดความต้องการของตัวเองอีกครั้ง

“ อาฟ กูอยากคุยเรื่องนี้ให้มันจบๆไป จริงๆนะ ไม่อยากให้เราค้างคาเลย “

“ มันจบไม่ได้หรอกเมด ถ้ามึงยังคิดถึงไอ้เชี้ยนั่นอยู่ ทุกอย่างมันจบไม่ได้ “ เสียงที่เถียงกลับมา อาฟถอนหายใจออกมาก่อนจะหลับตาลง แล้วหันมามองผมอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือตัวเองมาลูบหัวกันเบาๆ “ เชื่อเถอะว่ากูเข้าใจจริงๆ ว่ามึงมีสิทธิ์ที่จะคิดถึงรักครั้งเก่าของมึง  และยังเสียใจกับเรื่องพวกนั้น มึงเพิ่งเลิกกับมันมาเพิ่งผ่านช่วงเวลาเหี้ยๆพวกนั้นมา เวลาผ่านไปไม่นานจะให้มึงลืมทั้งหมด กูเข้าใจว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เมด มึงก็ต้องเข้าใจด้วยว่ากูเองก็มีสิทธิ์เสียใจ แล้วกูก็มีสิทธิ์รู้สึกแย่ ก็เหมือนที่มึงบอกว่ามึงเข้าใจกู “

“ อื้ม “

“ กูไม่ได้ใจดี ไม่ได้รู้สึกว่าไม่เป็นไร สบายๆ ในตอนที่มึงกำลังเสียใจ เสียงของมึงตอนที่พูดถึงมัน กูรู้สึกว่าเหมือนมึงกำลังเสียดายมันเลยต้องนึกถึงมันตลอด “

“ กูไม่เคยเสียดายมันนะ “ ผมเถียงมันกลับ “ กูแค่รู้สึกว่าทั้งๆที่กูทำดีขนาดนั้น ทุ่มเทขนาดนั้น แต่ทำไมมันถึงออกมาเป็นแบบนี้ กูไม่ได้เสียดายมัน มันเหมือนทั้งๆที่ตอนนั้นกูรักมันมากขนาดนั้น รักมากจนทำให้ได้ทุกอย่างแต่สุดท้ายกูเป็นแค่คนน่าเบื่อคนนึง แล้วกูก็ไม่คิดว่ากูจะมาได้ยินอะไรแบบนั้น ไม่คิดว่าเพื่อนที่กูไว้ใจจะเกลียดกูมาตลอด ทั้งๆที่กูคิดมาตลอดว่า มันดีแล้ว”

“ มึงดีแล้ว “ อาฟย้ำบอกผม “ สำหรับคนอย่างพวกมัน มึงดีเกินไปด้วยซ้ำ อย่าให้พวกมันจูงจมูกมึงง่ายๆ อย่าให้พวกมันโยนความผิดให้มึง มึงไม่ได้ผิด เพราะต่อให้มึงน่าเบื่อน่ารำคาญยังไง มันก็ไม่สิทธิ์นอกใจมึงไปเอาเพื่อนมึง แล้วเพื่อนมึงก็ไม่มีสิทธิ์จะแอบนอนกับแฟนมึง ถ้ามันเบื่อ มันรำคาญ มันแค่ต้องเลิกกับมึง ไม่ใช่มาทำเหี้ยกับมึงแบบนี้ “

“ อื้ม “ ผมพยักหน้ารับ ก็จริงของอาฟ ผมอ่อนไหวเกินไป อ่อนไหวไปกับคำพูดพวกนั้น ทุกอย่างมันเลยเป็นแบบนี้ “ แล้วเราจะทำยังไงกันดี กูไม่อยากจะให้มึงอยู่ในความรู้สึกแบบนี้เลย กูไม่อยากจะให้มึงเสียใจ “

“ ไม่เห็นยาก “ อาฟบอกผมมันยกยิ้ม “ มึงเลิกคิดถึงไอ้เชี้ยบินเมื่อไหร่ กูก็เลิกเสียใจเมื่อนั้นแหละ ” คำที่เอ่ยออกมาตรงๆนั้นทำให้ผมนิ่ง มันเป็นความจริงที่เถียงออกไปไม่ได้เลย จริงอย่างที่อีกคนบอกผมไม่มีข้อโต้แย้งอะไรทั้งนั้น

“ งั้นก็..รอหน่อยนะมึง “ ผมพูดได้แค่นั้น บอกไม่ได้ด้วยว่าเมื่อไหร่ แต่สัญญาว่าสักวันมันจะมาถึง วันที่ผมจะไม่คิดถึงใครคนอื่นเลยยกเว้นมัน

“ ก็รอมาตลอด “ คำตอบสั้นๆที่เอ่ยออกมา แววตาที่มองสบกันของเรา อาฟนิ่งไปสักพักก่อนจะหันกลับไปมองสัญญาณไฟจราจรข้างหน้าที่ตอนนี้ขึ้นเป็นสีเขียวแล้ว

น่าแปลกที่ผมรู้สึกว่า คำพูดของมันไม่ได้หมายถึงแค่ว่า มันรอผมเลิกรู้สึกเจ็บกับอดีตอยู่ แต่เหมือนมันกับรอมานานแล้ว นานกว่าที่ผมรู้

.........................................................

ขับรถมาที่ผับเราไม่ได้แวะกินอะไรทั้งนั้นเหมือนอย่างปกติ แม้แต่ชาบูที่อีกฝ่ายบอกว่าอยากจะกิน สุดท้ายก็ไม่ได้กินเพราะหลังจากนั้นกลับไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ ผมที่ได้แต่นั่งนิ่งอยู่ในรถ อาฟเองก็ขับรถตรงมาที่ผับอย่างเดียว บรรยากาศอึมครึมในตอนนั้น เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าการนั่งรถจากมหาลัยตัวเองไปถึงผับใช้เวลานานกว่าทุกวัน

“ วันนี้มากันเร็วจังวะ “ เสียงของน้องเดย์ที่เอ่ยทักเราจากส่วนของบาร์ “ ยังไม่ได้กินอะไรกันมาแน่ๆ “ ผมยิ้มให้น้องที่ก็มองผมสลับกับคนเป็นพี่ชายตัวเอง “ ทะเลาะกันมาเหรอวะ “ อาฟไม่ได้ตอบอะไร มันแค่เดินขึ้นไปที่ห้องตรงชั้นสามแบบเงียบๆ ผมที่ก็ได้แต่มองตามเผลอถอนหายใจออกมากับท่าทีนั่นของมัน

“ โกรธอยู่แท้ๆ แล้วก็บอกว่าไม่โกรธนะไอ้สัด “ บ่นออกมาเบาๆกับตัวเอง แต่ก็ทำได้แค่นั้น ความจริงก็เป็นผมเองที่ผิด ก็ถ้าไม่เผลอพูดเรื่องนั้นออกไปด้วยอารมณ์อีกฝ่ายก็คงไม่ต้องรู้สึกแย่ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น อาฟมันก็ปกป้องผมจากไอ้ยีนส์ด้วยซ้ำ แต่เหมือนว่าผมจะไม่ได้ใส่ใจอะไรมันเลยสักนิดเดียว มัวแต่เสียใจกับเรื่องเก่าๆอยู่อย่างงั้น

“ นี่โกรธกันเหรอพี่สะใภ้ “ น้องเดย์ถามผมที่ก็ชะงักไปนิดหน่อยกับสรรพนามตัวที่ถูกเปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่คบกับไอ้อาฟ

เอาเข้าจริงด้วยเหตุผลนี้แหละที่ทำให้ผมไม่อยากลงมาชั้นหนึ่งเลย ทุกครั้งที่มาก็เลยพุ่งตรงขึ้นชั้นสามอย่างเดียวอยากจะสั่งงานอะไรกับใครก็ไลน์กรุ๊ปสต๊าฟเอา ทำใจไม่ได้จริงๆกับคำว่า ‘ พี่สะใภ้ ’ แล้วฝืนใจให้ชินไม่ได้ด้วย

“ อย่าเรียกแบบนั้นสิวะน้องเดย์  “ ผมบอกน้องอีกคนก็หัวเราะขำ ถอนหายใจเดินเข้าไปใกล้ที่บาร์เซ็งๆ น้องอัยย์ที่กำลังเช็คแก้วก็พูดขึ้น

“ ตกลงซ้อทะเลาะกับเฮียเหรอ “ นี่ก็อีกคน ผมถอนหายใจออกมาแรงๆ กับความช่างแกล้งของคนในบาร์ ที่ถ้าทำได้ก็อยากจะเอื้อมมือไปบีบคอให้หยุดพูดแบบรู้แล้วรู้รอด แต่เสียดายที่มีเค้าเตอร์กั้นกลางอยู่แบบนั้นเลยทำได้แต่ทำหน้าดุส่งไปอย่างงั้น “ โอ๋ๆ เก๊าสองคนก็ล้อเล่น อย่าตะบบเค้าน้า “

“ ตะบบอะไร ไม่ใช่แมวสักหน่อย “

“ เหมือนอยู่นะแต่ว่า ไหนร้องสิ เมี๊ยว “ น้องเดย์เอียงหัวแซวผมก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วบ่นเบาๆ

“ ไม่เห็นตลกเลย “

“ ทะเลาะกันหนักแน่ๆ “

“ อาฟบอกไม่โกรธนะ อาฟบอกเข้าใจ แต่อาฟไม่คุยอะไรกับพี่เมดเลยสักคำเดียวหลังพูดเสร็จ “ ยกยิ้มแห้งๆให้น้องก่อนนั่งลงที่เก้าอี้ตัวที่ตั้งอยู่ข้างหน้า

“ ปากไม่ตรงกับใจไง “ น้องอัยย์บอกก่อนจะยักคิ้วให้ “ เค้าฟอร์ม เพราะอยากให้พี่เมดง้อเปล่า “

“ แล้วจะง้อยังไงอะ “

“ เรื่องนี้ต้องถามพี่เจ พี่เจเชี่ยวชาญ เรียกได้ว่า เป็นปรมาจารย์เลยก็ว่าได้สำหรับการรับมือสัดพี่ “ เดย์บอกก่อนจะยักคิ้วให้ผมที่ก็ยิ้มก่อนจะหันไปมองรอบๆ แต่กลับไม่เห็นคนที่อยากจะคุยด้วย

“ แล้วนี่เจไปไหน “

“ วันนี้พี่เจหยุดอะพี่เมด “

“ อ้าว “ เผอลสบถออกมาเซ็งๆ แต่เหมือนน้องสองคนจะแค่หัวเราะกับท่าทางนั้น

“ เป็นเหมือนกันหมดเลยจริงๆ “ น้องอัยย์ว่าก่อนจะเหลือบมองผมที่ก็จ้องมองหน้าอยู่ สายตาของผมคงมีคำถามสำหรับคำพูดนั้นที่น้องพูด “ หมายถึงว่าสาวๆของเฮียทุกคน หรือไม่ว่าใครเวลามีปัญหาอะไรกับเฮียก็ชอบมาปรึกษาพี่เจทั้งนั้น ขนาดพี่ซองผู้จัดการร้านจะคุยกับเฮียทีนึงยังมาปรึกษาพี่เจเลยว่าต้องพูดขึ้นต้นว่าอะไร “

“ แต่สัดพี่นี่ก็ปรมาจารย์เหมือนกัน “ น้องเดย์เสริม “ แต่เป็นด้านของความน่ากลัวน่ะ ฮ่าๆ “

“ จริงๆ อาฟก็ไม่ใช่คนน่ากลัวสักหน่อย มันก็แค่ไม่ยิ้มก็เท่านั้น “

“ นั่นมันในมุมมองของแฟนอย่างพี่เมด ของน้องอย่างเราสองคน แล้วก็ของเพื่อนอย่างไอ้พี่เจ แต่ไม่ใช่ในมุมมองของคนอื่นไง สัดพี่ไม่ว่ายังมันก็น่ากลัวสำหรับคนอื่นอยู่ดีอะ “

“ เพราะเวลาเฮียไม่ยิ้ม เฮียหน้าดุม๊ากกก เหมือนพร้อมต่อยตลอดเวลา “ อัยย์เสริมเพื่อนตัวเองที่ก็พยักหน้ารับ แต่ผมกลับมีเรื่องนึงที่ยังสงสัยอยู่

“ แล้วที่บอกว่า สาวๆชอบมาปรึกษาพี่เจด้วยละ “

“ หึงอ๋อออออออ “ น้องเดย์แซวผมก็เบิกตาพลางยกมือขึ้นปฎิเสธแบบที่ชอบทำ แต่นั่นแหละมันคงเป็นท่าทางที่เชื่อไม่ได้เท่าไหร่

“ ไม่ใช่สักหน่อย “

“ โกหกไม่เนียนไปเรียนใหม่นะจ้า “

“ คนผับนี้ขี้แกล้งวะ “ ผมบ่นกับน้องสองคนที่ก็หัวเราะขึ้นมา

“ อะ โอ๋ๆ ล้อเล่นครับ “

จะว่าไปคนเราก็มีอดีตกันทั้งนั้น แต่มันอยู่ที่ว่าอดีตนั้นอยู่ในรูปแบบไหนของหัวใจก็เท่านั้น อาฟอาจจะมีเรื่องผู้หญิงเยอะ แต่ตอนนี้มันไม่มี เหมือนกับว่ามันไม่มีใครที่ตัวมันผูกพันเลยในอดีต ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้าคิดอีกแง่คือ เพราะมันไม่เคยจริงจังกับใครมาก่อน แล้วการที่เรามาคบกัน อีกคนจะจริงจังด้วยมากแค่ไหน

“ ถามอะไรหน่อยสิ อาฟเคยมีแฟนแบบคบกันจริงจังมั้ย “ เอ่ยถามสิ่งที่อยากจะรู้ออกไป สองคนตรงหน้าก็ทำท่าคิดก่อนที่น้องเดย์จะตอบ

“ ก็มีอยู่นะ จำได้ว่าเดือนนึงที่คบกัน “

“ ไม่มีไม่ใช่เหรอวะ “ น้องอัยย์ว่าขัด “ คนนั้นก็แบบวันไนท์แต่เค้าจะจับเฮียเลยตามมาวอแวจะเป็นตัวจริงอยู่พักใหญ่ “

“ เหรอวะ “

“ เออ เฮียมันไม่เคยจริงจังกับใครสักหน่อย ถึงมีแต่สุดท้ายก็ไม่ค่อยรอดอะ มึงถามกูนี่ กูคือคนที่ยืนเสิร์ฟเหล้าให้พี่เจตอนผู้หญิงพวกนั้นมาคุยเรื่องเฮียให้ฟังบ่อยๆ “

“ ไม่เคยจริงจังกับใครสินะ “ ผมพูดออกมาเบาๆ

“ มันก็แค่ไม่มีคนถูกใจอะพี่เมด “ เดย์บอก “ แบบว่าสัดพี่มันเป็นพวกไม่ชอบให้ใครมาผูกมัด ไม่ชอบให้ใครมาวอแว ไอ้พวกที่ต้องไปรับไปส่งกินข้าวกันทุกวัน เทคแคร์กัน ส่งข้อความหากันบ่อยๆ คือมันไม่ชอบอะไรแบบนั้น ก็เลยชอบคบแบบวันไนท์มากกว่า แต่ว่าตอนนั้นคงเพราะไม่เจอคนที่ถูกใจด้วยแหละ “

“ อย่างงั้น “ ผมพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มแห้งให้น้อง ไม่รู้ทำไมแต่กลับรู้สึกว่า อาฟเตอร์ อารยะ ที่ผมรู้จักจะไม่ได้เป็นเหมือนที่เด็กสองคนตรงหน้าพูดเลยสักนิด

ก็ตั้งแต่ที่เรารู้จักกันมา อาฟเป็นคนไปรับไปส่งผมตลอด ต่อให้บอกว่าไม่ต้องยังไงมันก็ยังยืนยันว่าจะไปส่ง เรื่องกินข้าวก็ดูจะเป็นฝ่ายมันอีกนั่นแหละ ที่คอยแต่ชวนผมไปกินนู้นกินนี่ แต่ก็แค่ให้ผมเลือกว่าตัวผมจะกินอะไร ส่วนเรื่องส่งข้อความอันนี้พอเห็นด้วยอยู่ว่ามันเป็นคนที่ไม่ค่อยส่งข้อความจริงๆ แต่นั่นก็เพราะว่าส่วนใหญ่เราก็อยู่ด้วยกัน เลยไม่รู้จะส่งหากันทำไม ก็คุยด้วยกันต่อหน้าดีกว่า

“ ซ้อกำลังคิดว่าทำไมเฮียไม่เห็นเป็นแบบนั้นเลย “

“ ก็นะ “ ผมบอกยิ้มๆก่อนจะหุบยิ้มลงตอนที่ได้สติว่าอีกคนเรียกว่าอะไร “ ก็บอกว่าอย่าเรียกซ้อไงว่ะ ไอ้เด็กนี่ “

“ ฮ่าๆ “ น้องอัยย์หัวเราะ ก่อนที่น้องเดย์จะพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ มือที่เช็ดแก้วไปทำเหมือนไม่สนใจแต่ก็มองกันเป็นระยะ

“ ที่สัดพี่มันดูไม่เหมือนตัวเอง นั่นก็เพราะว่ามันอยู่กับพี่เมดไง “

“ ยังไง “

“ พี่เมดก็แค่เป็นคนที่มันอยากอยู่ด้วย คำถามที่ว่าทำไมมันถึงไม่เหมือนอย่างที่น้องเดย์เล่า คำตอบมันก็มีอยู่แค่นั้น เพราะนั่นคือพี่เมดไง “

“ ฮั่นน้ออออออออ “ อัยย์เอ่ยแซวผมที่ก็เม้มริมฝีปากไว้จนหน้าแดง

“ งานนี้สัดพี่ต้องให้โบนัสกู กูต้องไม่พลาด “ น้องเดย์ว่าขำก่อนจะกำมือแน่นแบบมุ่งมั่น “ ฮ่าๆ “

“ อย่าที่ใครเค้าบอกไว้จริงๆ ที่ว่า วันนึงเราจะได้เจอคนที่มาฉีกกฎทุกข้อของเรา คนที่อยู่เหนือเหตุผลทุกอย่าง แต่เรากลับรู้สึกว่ารักเค้ามาก อย่างไม่เคยเป็น “

“ คนที่มาฉีกกฎทุกข้อของเราเหรอ “ ผมถามน้องอัยย์ที่กำลังยักคิ้วให้ก็อธิบายต่อ

“ ก็เหมือนกับว่าเฮียไม่ชอบไปรับไปส่งใคร ไม่ชอบต้องคอยเทคแคร์ใคร แต่ตอนนี้ทุกอย่างที่เคยไม่ชอบ เฮียทำให้พี่เมด นั่นก็เพราะว่า พี่เมดคือคนที่เฮียอยากทำให้ พี่เมดคือคนที่มาฉีกกฎทุกข้อของเฮียไง “

“ แล้วพี่เมดละ “ เดย์ถามผมบ้าง “ สัดพี่มันฉีกกฎข้อไหนของพี่เมดบ้างยัง “

   เงียบไปกับคำถามนั้น จะว่าไปมันก็มีอยู่บ้างละมั้ง

ผมไม่ชอบคนปากหมา ไม่ชอบคนกวนตีน ไม่ชอบคนที่พอถามอะไรก็เอาแต่บอกว่า เสือก แล้วพอเวลาเขินก็ตัดบทด้วยคำว่า รำคาญ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้สิ่งที่ไม่ชอบทั้งหมด มันดันรวมอยู่ในตัวของคนคนเดียว แล้วนั่นก็คือ อาฟ และน่าแปลกที่ว่า พอเป็นอาฟทุกอย่างที่เคยคิดว่าไม่ชอบ ตอนนี้กลับรู้สึกแค่ว่าก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นอะไร

ถ้ามันจริงอย่างที่น้องอัยย์บอกว่า คนเราจะมีใครบางคนที่เข้ามาฉีกกฎทุกข้อของชีวิต สำหรับผม ตอนนี้ก็คงเป็นอาฟ
“ จะว่าไปก็รู้สึกอยู่นิดหน่อยนะ “

“ สัดพี่น่ะไม่เคยจริงจังกับใครเลยนะพี่เมด “ น้องเดย์พูดเสียงเรียบก่อนจะหันมายิ้มให้ผม แววตาของเด็กขี้เล่นที่ชอบแซวกันหายไปเหลือไว้แค่ผู้ชายคนนึงที่เป็นน้องชายของแฟนผม “ พูดไปก็เหมือนกดดัน แต่พี่เมดน่ะ เป็นคนแรกเลยนะพี่สัดพี่มันจริงจังด้วย พี่เมดเป็นเหมือนโลกใบใหม่ของสัดพี่เลย สัดพี่ดูมีความสุขขึ้นมาตั้งแต่เจอพี่เมด จริงๆนะ “

“ รักพี่ชายเหมือนกันนี่น่า เป็นห่วงพี่อาฟเหรอน้องเดย์ “ ผมแซวอีกคนที่ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที

“ พูดอะไรแบบนั้น น้องเดย์แค่พูดเรื่องที่น้องเดย์รู้สึกเว้ย แล้วก็ ไม่ใช่น้องเดย์แค่คนเดียวนะ ทุกคนก็รู้สึก ไอ้อัยย์ พี่เจอะไรแบบนี้ก็รู้สึกอะ “ ผมเผลอยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับกับคนที่เถียงออกมาแบบพัลวัน “ น้องเดย์นี่อะนะจะรักสัดพี่ พี่เมดเอาอะไรมาพูด ไม่เลยยยยยยยย โหหห ใครจะรักมันลงชอบใช้น้องเดย์จะตาย เดย์เอารถกูไปซ่อม เดย์ไปลงเหล้า เดย์กลับบ้านไปรับแม่ไปทำเล็บแทนกู เดย์นั่น เดย์นู้น เดย์นี่ ไม่รู้เกิดเป็นน้องหรือเกิดเป็นทาสอะเอาจริง “

“ รู้สึกเหมือนมีคนเขินวะน้องอัยย์ “

“ ฮ่าๆ “ คนที่ถามหัวเราะออกมาก่อนจะยักไหล่ “ มันฟอร์มเยอะ “

“ แต่น้องเดย์ พี่เมดก็จริงจังกับพี่อาฟนะ ไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าจะคบกับพี่อาฟเล่นๆ แค่ตอนนี้มัน.. “ ผมเว้นเสียงไปก่อนจถอนหายใจออกมา “ เรียกว่าไงดี ไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นดีก็เท่านั้น พี่เมดอยากจะให้มันมีทางออกสำหรับเราสองคน ถึงอาฟบอกว่ามันไม่มีก็ตามเถอะ “
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 08-06-2018 20:30:51
ผมก็แค่อยากจะคุย ถ้าทำได้ตอนนี้ก็อยากจะขึ้นไปชั้นสามจับมันมัดแล้วคุยกันให้รู้เรื่อง แต่ไม่รู้ว่าอารมณ์ของมันจะหายขุ่นมัวพร้อมจะคุยกันแล้วหรือยัง มันอาจจะจริงอยู่ที่มันมีทางออกเดียวคือการที่ผมต้องลืม แต่ในเมื่อมันลืมมันลบไปในตอนนี้ไม่ได้ เราก็ต้องมาคุยกันเพื่อที่จะหาทางอยู่กับมันให้ได้ แต่เหมือนอาฟจะไม่อยากจะคุยเรื่องนี้แล้ว

“ ถามจริง ทะเลาะกันเรื่องอะไรวะ “ อัยย์เป็นคนเอ่ยถามผมขึ้นมา “ เรื่องใหญ่มากเลยเหรอ พี่เมดไม่สดใสเลยวันนี้คุยกันไปตั้งเยอะแต่พี่เมดก็ไม่ค่อยคุยเล่นเหมือนปกติ “

“ ก็ไม่ใหญ่หรอกมั้ง “ บอกน้องยิ้มๆแต่เหมือนอีกสองคนจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่

ก็อยากจะระบายความรู้สึกที่อัดอยู่ในใจให้ฟังเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่จุดไหน ไม่ได้อยากจะเล่าเรื่องอะไรพวกนั้นที่ดูน่าสมเพชให้ใครฟัง เพราะถ้าทำได้ตอนนี้ก็อยากจะลืมๆมันไปซะ แล้วเสกให้สี่ปีที่มา เป็นแค่คนโสดธรรมดาที่ดันถอยรถชนรถเจ้าของผับนี้จนป็นรอย

“ ไม่สบายใจก็ไม่ต้องเล่าหรอก เข้าใจได้อยู่พี่เมด “

“ ทะเลาะกันเรื่องที่พี่พูดถึงแฟนเก่าน่ะ “ ผมบอก “ คือพี่เมดไม่ได้ตั้งใจจะพูดพอดีวันนี้ไปทำรายงานกับเพื่อน แล้วโดนเพื่อนพูดประมานว่าจริงๆพี่เมดเป็นคนยังไง คือก่อนหน้านี้พี่เมดคิดว่าตัวเองดีแต่เพิ่งมารู้ว่าเพื่อหมั่นไส้มาตลอดน่ะ ฮ่าๆ “ ผมหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง “ แล้วก็โดนปั่นหัวเรื่องแฟนเก่าด้วย สุดท้ายตอนนั่งรถกลับมาก็เลยเผลอพูดเรื่องแฟนเก่ากับไอ้อาฟไปแบบไม่ทันคิด ก็นั่นแหละ เราเลยทะเลาะกัน “

“ แต่ก็พอเข้าใจได้นะ “ เดย์บอก ก่อนจะยกไหล่ให้ผม “ ก็พี่เมดเพิ่งเลิกกับแฟนมามันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอวะ ที่พี่เมดยังเจ็บกับเรื่องนั้นแล้วเสือกมาโดนปั่นอีก ใครมันจะทนไม่เสียใจได้ ถ้าเป็นแบบนั้นน้องเดย์ก็ยอมพูดออกมาดีกว่า ทนอยู่ก็เจ็บปวดตายพอดี “

“ แต่พี่ก็ไม่สมควรพูดอะไรแบบนั้นกับอาฟรึเปล่า มันมีแฟนคนปัจจุบันคนไหนอยากจะให้แฟนเราคิดถึงแฟนเก่าวะ ก็ไม่มีใช่มั้ยละ “ มันก็จริงอยู่ที่เรามีสิทธิ์เสียใจกับคนเก่า ในเหตุผลที่ว่าก็แค่เสียใจแต่เราไม่ได้เดินกลับไปหา ต่อให้โอกาสจะมีหรือไม่มี แต่แบบนั้นเราก็ไม่ควรให้คนมาใหม่ มาเจ็บปวดกับเรื่องเก่าๆของเรามั้ยวะ อาฟมันก็ไม่เกี่ยวอะไร มากสุดก็แค่รู้สึกชอบผมก็เท่านั้น เลยต้องมาเจ็บปวดกับเรื่องพวกนี้ด้วย “ รู้สึกแย่ชิบหายเลยวะ ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย บอกว่าไม่โกรธแต่ก็ไม่คุยกัน นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องทำยังไงต่อไป ”

“ ก็แค่เพิ่งเคยทะเลาะกันครั้งแรก ก็ไม่แปลกมั้ยวะที่ยังรับมือไม่ได้ อีกอย่างให้สัดพี่มันอารมณ์เย็นลงก่อนแล้วค่อยคุยก็น่าจะดี “  ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะพยักหน้ารับน้องไปก่อนจะก้มหน้าลงบ่นกับตัวเอง

“ ไม่น่าพูดเลย น่าจะเก็บความรู้สึกได้เก่งกว่านี้ ตอนนั้นแม่งคิดอะไรอยู่วะ ทำไมต้องพูดอะไรแบบนั้นออกไปด้วย “

 “ มันไม่มีใครผิดหรอกพี่เมด ไม่ต้องโทษตัวเอง ทุกอย่างมันก็ปกติที่ต้องเกิดขึ้น พี่เมดไม่ได้จะเดินกลับไปหาเค้าสักหน่อย แต่แค่ก้าวเดินต่อไปกับสัดพี่แบบเต็มกำลังไม่ได้ เรื่องมันก็มีเท่านั้นอะ แล้วน้องเดย์ก็คิดว่าสัดพี่มันเข้าใจเรื่องนี้แหละ แต่เพราะมันไม่เคยต้องยอมใครขนาดนี้ไง พี่เมดก็ให้เวลามันปรับตัวเองหน่อย เดี๋ยวก็ดีขึ้น “

“ อื้ม “

“ แต่น้องเดย์ก็อยากให้พี่เมดเข้าใจด้วยนะว่า ถ้าเป็นพี่เมดมาได้ยินสัดพี่มันพูดถึงแฟนเก่าว่าดีแบบนั้นแบบนี้ พี่เมดก็คงเสียใจเหมือนกัน แม้จะเข้าใจยังไง ก็ยังเสียใจอยู่ดี ก็เราเป็นแฟนใหม่อะ แต่เค้าเอาแต่พูดถึงแฟนเก่า ยังไงแม่งก็รู้สึกแย่อะ ไม่ใครมันแบบ พูดถึงแฟนเก่าเหรอ ดีจังเลย พูดอีกๆ หรอก จริงมั้ย “

“ คบกับมึงมาก็นานนะเดย์ แต่วันนี้มึงแม่งโคตรมีสาระอะ ดูฉลาดผิดกับปกติที่มึงจะดูโง่ “ อัยย์ชมพูดตัวเองก่อนที่ทั้งสองคนจะหันมาจับมือกันก่อนที่หันมาบอกผมให้สบายใจ “ พี่เมดไม่ต้องกังวลหรอก เฮียไม่ได้โกรธพี่เมดหรอก เพราะท่าทางนี้มันไม่ใช่ท่าทางตอนเฮียโกรธ “

“ ใช่ๆ เพราะตอนสัดพี่โกรธนะพี่เมด น่ากลัวมากๆ แต่ว่ามันมีหลายระดับอะสำหรับความโกรธของสัดพี่ “

“ เหรอ “

“ อย่างงี้ก็คงแค่งอนๆ เพราะถ้าโกรธจริงคงไม่พาพี่เมดมาด้วยอะ พี่เมดพูดเรื่องแฟนเก่าตรงไหนคงเปิดประตูปล่อยพี่เมดทิ้งไว้ตรงนั้นแล้ว “ น้องอัยย์เสริม “ แล้วก็จะไม่มองพี่เมดด้วยเหมือนพี่เมดเป็นธาตุอากาศไปเลย “

“ แต่สัดพี่มันไม่โกรธใครง่ายๆหรอกพี่เมด ใจร้อนก็จริงแต่รายนั้นก็โกรธคนยากอยู่ แต่ว่าถ้าต่อยก็ต่อยเลยนะไม่รอให้พูดมากเหมือนกัน ฮ่าๆ “ น้องชายของคนที่งอนผมอยู่บอก “ แต่น้องเดย์ไม่เคยเห็นสัดพี่โกรธใครสักครั้งเลยนะ แต่พี่เจคงเคยอะ รายนั้นสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ “ 

“ อ้อๆ มีอีกคนที่ถามได้นะพี่เมด แต่พี่เมดคงไม่รู้จักอะ เฮียมีเพื่อนสนิทอีกคนนึงแต่ตอนนี้อยู่เมืองนอก ชื่อ.. “

“ ไอ้อัยย์! “ เสียงดังที่ทักขึ้นมาทำเอาเราสามคนสะดุ้งด้วยความตกใจ ไม่เว้นแม้แต่พนักงานที่กำลังจัดร้านก็หันมามองกันเป็นตาเดียว ก่อนจะหันกลับไปทำงานของตัวเอง ในตอนที่อาฟเดินเข้ามาใกล้พวกเรา สายตาคมที่กำลังมองหงุดหงิดมองเด็กสองคนในบาร์ก่อนจะหันมามองผม “ ว่างมากนักเหรอพวกมึง ถึงมานั่งจับกลุ่มคุยเรื่องไร้สาระกันอยู่แบบนี้ “ 

“ มึงมานานแล้วเหรอ “ ผมเอ่ยถามมันยิ้มๆ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะยังนิ่ง

“ กูถามว่างานเสร็จแล้วเหรอ “

“ กูทำงานเสร็จหมดแล้วนะ “ ยิ้มให้มันแบบใจดีสู้เสือแต่ข้างในกลับสั่นไปหมด “ สต๊อกเหล้าก็ทำแล้วเรียบร้อย บัญชีของเมื่อวานก็เสร็จแล้วด้วย “

“ ก็เลยมานั่งจับกลุ่มคุยกับคนที่ต้องจัดบาร์รับลูกค้าทั้งๆที่ผับกำลังจะเปิดอีกยี่สิบนาที “

“ ก็..” เหลือบมองเด็กๆที่ก็เม้มริมฝีปากไว้ไม่ได้พูดอะไร ทุกอย่างเงียบไปหมดแม้แต่เสียงจัดแก้วที่ดังอยู่เมื่อครู่ก็แทบจะไม่ได้ยินราวกับทุกคนกำลังทำทุกอย่างให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้โดนหางเลขจากสายตาคมของคนที่กำลังพูดกับผม “ งั้นกูขึ้นไปทำงานข้างบนก็ได้ จริงๆ ก็เหลืองานอีกนิดหน่อย “

“ อื้ม ดี “ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งผมเดินขึ้นไปที่ชั้นสามทันทีโดยที่ไม่พูดอะไรมากกว่านั้น 

ผมผ่อนลมหายใจออกมากับความอึดอัดตอนที่อยู่ด้วยกันเมื่อครู่ สายตาของอาฟไม่ได้โกรธหรอกผมรู้ แต่ก็เป็นผมนี่แหละที่กล้าจะเข้าไปคุยอะไรกับมันก่อนอยู่ดี

หย่อนตัวลงนั่งลงที่โต๊ะหน้าคอมพิวเตอร์ประจำตำแหน่งของตัวเอง งานทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว เสร็จตั้งแต่ตอนที่อยู่บนรถด้วยซ้ำ เพราะไม่รู้จะคุยอะไรกับคนข้างๆเหมือนปกติ ผมเลยตัดสินใจทำงาน ทำบัญชี แล้วก็สั่งของจนเสร็จ น่าแปลกที่เสร็จเร็วกว่าตอนที่อยู่ผับหลายเท่า คงเพราะไม่ต้องเอาเวลาไปนั่งเม้าส์กับเจ้าของผับที่ชอบมากวนตีนใกล้ๆ ไม่ก็ตัวผมเองที่ชอบเอาสมาธิออกจากงานไปดูรีวิวของกินที่ชอบบ่อยๆ

[ วิว พี่มีเรื่องจะปรึกษา ] หยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ลงไปในโปรแกรมแชท แต่อีกฝั่งก็เงียบสนิท [ เงียบไปเลย ทำไงดี คือพี่เผลอไปพูดเรื่องไอ้บินกับอาฟว่ะ ทำไงดีวะ ง้อยังไงดีอะมึง ]

ผ่อนลมหายใจออกมากลับคำถามที่ไม่มีคำตอบ ผมออกจากแชทของน้องชายตัวเอง มีแจ้งเตือนจากอดีตเพื่อนสนิทอย่างไอ้จิงที่ส่งเข้ามาด้วยอีกหนึ่งแชท จริงๆผมเห็นมันตั้งแต่เย็นแล้วแต่เพราะไม่อยากจะอ่านเลยทิ้งมันไว้แบบนั้น

[ เมด กูขอโทษแทนยีนส์ด้วยนะ ขอโทษจริงๆที่ทำให้มึงรู้สึกไม่ดีอีกแล้ว กูจะไม่มาขออะไรมึงอีก กูเข้าใจแล้วว่าพวกเราก็คงเป็นได้แค่นี้แหละ แต่ที่กูอยากบอกคือ มึงเป็นเพื่อนที่ดีนะ มึงเป็นคนดี เป็นคนน่ารัก กูไม่ได้มองว่ามึงเชิดหรือหยิ่งอะไรแบบที่ไอ้ยีนส์มันพูดหรอก  ส่วนเรื่องที่จะทักมาคือกูจะมาพูดเรื่องรายงาน รายงานส่วนของกูกับยีนส์ พวกกูทำเสร็จแล้วนะ ส่งไฟล์มาให้มึงในเมล์แล้ว ยังไงก็ฝากทำส่วนของมึงให้เสร็จ รวมเล่มแล้วก็ส่งกลับมาที่เมล์กูนะ ไอ้ยีนส์มันจะเป็นคนปริ้นท์แล้วเอาไปส่งคาบหน้านี้ โอเคมั้ย ถ้ายังไงอ่านแล้วก็ส่งข้อความกลับมายืนยันด้วยนะ ขอบคุณมากๆ แล้วก็ขอโทษด้วย ]

[ อื้ม เข้าใจแล้ว ] ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่ส่งข้อความไป ข้อความที่ขึ้นมาว่าอ่านแล้วแต่หลังจากนั้นจิงก็ไม่ส่งอะไรมารบกวนผมอีก 

เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาไฟล์รายงานที่ถูกทำค้างไว้ ก่อนอื่นก็ต้องทำมันให้เสร็จจะได้เลิกสนใจเรื่องอะไรที่ทำในใจขุ่นเคืองนั่นสักที  ผมนั่งทำงานทั้งหมดเสร็จภายในสามชั่วโมง แล้วตอนที่เปิดไฟล์ของเพื่อนร่วมกลุ่มที่ส่งมาเพื่อรวมงาน ผมกลับพบว่า ไฟล์ของจิงเรียบร้อยดี แต่ที่เหี้ยสุดคือไฟล์ของไอ้ยีนส์ที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจทำเท่าไหร่ จัดหน้าไม่ได้ระเบียบแถมยังวางสลับกันไปมา อักษรบางตัวก็เหมือนพยายามตั้งใจทำออกมาให้เป็นภาษาต่างดาวแถมยังมีคำสะกดผิด

“ ส้นตีน “ พิงหลังตัวเองกับเก้าอี้ที่นั่ง ทำรายงานก็ว่าเพลียแล้วแต่มาเจอแบบนี้มันยิ่งรู้สึกเพลียยิ่งกว่า

มันเหมือนพอเรามีความคิดที่จะหยุด เลิกสนใจ แต่ฝั่งตรงข้ามเรากลับไม่คิดอะไรแบบนั้น ยีนส์คงไม่หยุดแค่นั้นผมรู้สึกได้ ทำไมวะ ผมอยากรู้ว่ามันจะเอาอะไรจากผมอีก ที่ได้ไปมันยังไม่พอรึไง 

“ บ่นอะไร “ อาฟที่เปิดประตูเข้ามา มันถามผมที่หันไปมองหน้ามันพอดี ส่ายหน้าไปมาให้มัน ผมเริ่มแก้งานที่ไม่ใช่ของผมเพราะไม่อยากจะส่งกลับไปให้มันแก้แบบวุ่นวาย เพราะดูทรงแล้วคงต้องเจรจากันอีกนาน ไม่ก็คงโดนอีกฝ่ายพูดกลับมาว่า ตัวเองอยู่กับบิน ไม่ว่างจะทำ จากจะนิสัยของมันในตอนนี้ ก็พอเดาได้ว่าคำตอบจะเป็นยังไง

“ เปล่า “

“ ตอแหล “ มันว่าแค่นั้นก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง ผมมองตามมันที่เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาแล้วก็เป็นเหมือนทุกครั้งในช่วงนี้ที่มันจะเปิดเกมส์เล่นตามปกติ จริงๆเวลาที่มันว่างไม่มีอะไรทำ อาฟก็ชอบเล่นเกมส์อยู่แล้ว แต่ที่น่าแปลกคือ ช่วงนี้ผมรู้สึกมันเริ่มติดเพราะเล่นทุกวัน “ มีอะไรจะพูดก็พูด เครียดเรื่องอะไรอีก “

“ พูดได้เหรอ “

“ เรื่องเกี่ยวกับไอ้เหี้ยนั่น ? “

“ ก็ไม่เชิง เพราะมันเกี่ยวกับไอ้ยีนส์ “

“ อยากพูดก็พูดมา “

“ เหมือนไอ้ยีนส์จะแกล้งกู ด้วยการทำรายงานแบบส่งๆมาให้ ทั้งหน้าของมัน เนื้อหารายงานสลับกันไปหมด บางอันเป็นตัวอักษรเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ สะกดก็ผิด “  ถอนหายใจออกมาผมดึงตัวเองเข้าไปใกล้จอคอมพิวเตอร์มากขึ้น “ เกลียดมันชะมัดเลยไอ้สัดเอ้ย ทำไมกูต้องมานั่งแก้รายงานในส่วนของมันที่ก็พยายามทำให้ผิดเพื่อแกล้งกูด้วยวะ “

“ เพื่อคะแนนของมึง “ อีกคนบอกสั้น ๆ “ ก็ลองคิดดูง่ายๆว่า ถ้ามึงโทรไปหามัน บอกให้มันจัดการรายงานของมันให้เรียบร้อย มึงจะหัวเสียกว่านั่งทำเองตอนนี้รึเปล่า “

“ คิดว่าคงหัวเสียกว่า และกูก็ไม่อยากจะเสวนากับมันด้วย “

“ งั้นก็ทำเอง คิดซะว่าทำเพื่อคะแนนตัวเอง “ ผมพยักหน้ารับก่อนจะเหลือบมองอีกคน “ มองอะไร “

“ ก็คิดว่าปกติมึงไม่น่าจะใช่คนยอมคนอะไรแบบนี้ แต่หนนี้แปลกที่มึงมาสั่งให้กูยอม “

“ กูแค่ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรดี ถ้ามึงไม่ยอม “  ก็คงจริงอย่างที่อาฟพูด แค่คิดว่าต้องไปนั่งเถียงกับคนแบบมันก็หงุดหงิดแล้ว “ ฤทธิ์อย่างเพื่อนมึง เดี๋ยวก็พูดอวดอีกว่าอยู่กับผัวเก่ามึง  แล้วมึงก็เศร้าอีก “

“ กูไม่ได้เศร้าแล้ว “ เถียงบอกอีกคน อาฟที่หันมามองหน้าผมที่ก็สบตามัน

“ งั้นเหรอ “ เป็นคำตอบสั้นๆของอีกคนที่ดูก็รู้ว่าไม่ได้เชื่อในสิ่งที่ผมพูดกันสักเท่าไหร่

อาฟหันไปเล่นเกมส์ของตัวเองในตอนที่ผมจะพูดอะไรต่อออกไป มันไม่ได้กำลังจะหนีหรอกผมรู้ แต่อาฟแค่รู้สึกว่ามันไม่รู้จะพูดอะไร เพราะพูดไปก็คงรู้สึกว่าทุกอย่างมันเหมือนเดิม

ผมที่ยังคิดเหมือนเดิม อาฟก็คิดเหมือนเดิม นั่นคือ ผมต้องเสียใจอยู่และมันก็ต้องเข้าใจ

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 08-06-2018 20:32:23
นั่งทำรายงานเงียบๆจนเสร็จ ผมใช้เวลาแก้และรวมเล่มเกือบสองชั่วโมง จัดการเซฟงานไว้ในไฟล์และส่งไปให้เพื่อนร่วมกลุ่มตามคำสั่ง ไม่ลืมปริ้นท์ออกมาหนึ่งชุดตามไอ้อาฟเคยบอกกันเอาไว้ว่าทำอะไรก็ต้องเก็บไว้หนึ่งชุดเพื่อกันอีกฝ่ายตุกติก

“ อาฟไปหาอะไรกินกันมั้ย “ เอ่ยถามคนที่กำลังนั่งเล่นเกมส์อยู่ด้วยความเมามันส์ สายตาของมันไม่ได้ออกจากหน้าจอเลย ผมเผลอยิ้มออกมากับอีกมุมนึงของมันที่ภายนอกดูเคร่งขรึม แต่จริงๆก็แค่เด็กติดเกมส์คนนึงในบางที

“ หิวเหรอ “ มันถามทั้งๆที่ตาก็เอาแต่มองเกมส์ ความจริงก็เปล่าหรอกผมไม่ได้หิวอะไรก็แค่อยากจะคุยกับมันเท่านั้น เพราะรู้สึกว่ายิ่งปล่อยให้ทั้งผมทั้งมันเงียบใส่กันแบบนี้ก็ยิ่งอึดอัด

“ ก็ไม่เท่าไหร่หรอก แค่อยากกิน “

“ งั้นรอแปป กูขอเล่นเกมส์นี้ก่อน เกมส์นี้พอมันเข้าแล้วมันออกไม่ได้ “

“ งั้นกูลงไปรอข้างล่างนะ “  อาฟพยักหน้ารับกับหน้าจอคอมเพราะไม่สามารถผละสายตาออกจากเกมส์ของมันได้

   เดินลงไปชั้นล่างของผับที่วันนี้ก็มีคนเยอะเหมือนทุกวัน พนักงานทุกคนที่กำลังหัวหมุน แม้แต่พี่ผู้จัดการที่ก็กำลังช่วยพนักงานเสิร์ฟแบบมือไม่ว่าง ผมพาตัวเองมานั่งที่บาร์ เพราะคิดว่าอีกนานกว่าคนที่ติดเกมส์จะเล่นจบ

“ น้องอัยย์ “ เอ่ยทักบาร์เทนเดอร์ที่กำลังดูอะไรบางอย่างอยู่บนไอแพตที่ติดไว้เค้าเตอร์ ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นพวกวิธีทำเครื่องดื่มต่างๆ อาฟเคยบอกว่ามันติดไว้ให้เผื่อเวลา บาร์เทนเดอร์ของผับเกิดจำสูตรขึ้นมาไม่ได้กะทันหัน  “ ทำอะไรอยู่ “

“ กำลังดูสูตรค๊อกเทลอันนึงอยู่อะพี่เมด ว่าจะลองทำดู ฝึกไว้ระหว่างไม่มีคนเข้าบาร์เท่าไหร่ “

“ ขยันจัง “

“ ขอโบนัสด้วยครับ “ แบบมือมาตรงหน้าผม ที่ก็มีแต่จะยื่นทิชชูที่อยู่แถวนั้นให้

“ ไปขอจากเจ้าของผับสิวะ มาขอพี่เมดทำไม “

“ อ้าว ขอพี่เมดก็เหมือนขอเฮียนั่นแหละ แค่พี่เมดพูดว่า อาฟเพิ่มโบนัสให้น้องอัยย์หน่อย เฮียคงโอนให้เลยตอนนั้นสองหมื่น “

“ จะเอาสองหมื่นเลย “ ทำสีหน้าตกใจใส่คนน้องที่ก็หัวเราะออกมาจนเห็นฟันเขี้ยว

“ ได้ก็ดี “

“ ฝันเหรอ ปลุกมั้ย “ เอื้อมมือไปเขย่าไหนอีกคนน้องอัยย์ก็หัวเราะลั่น

“ ทำมาเป็นตลก ดีกับเฮียแล้วเหรอ “

“ เรียกว่าไม่โกรธ แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะพูดคุยได้เหมือนเดิม “ ยิ้มแห้งๆให้น้องอีกคนก็ขมวดคิ้วงงๆ ผมก็อธิบายเพิ่ม “ มันก็เหมือนกับว่าอาฟมันก็เข้าใจพี่เมดนั่นแหละ แต่ว่าเข้าใจแบบไหนไม่รู้ แต่พี่เมดคิดว่ามันเข้าใจแบบ ต้องเข้าใจอะ ไม่ใช่เข้าใจแบบเข้าใจจริงๆ “

“ งงนิดนึง “ น้องบอกผมก็ยิ้ม “ คือเฮียพูดปัดว่าเข้าใจ คือพี่เมดรู้สึกว่าเค้าแค่ปลงๆ ว่าเค้าต้องเข้าใจ แต่ทำใจให้เข้าใจไม่ได้จริงๆแบบนั้นถูกมั้ย “

“ อื้ม พี่เมดคิดว่าอาฟก็คงเป็นแบบนั้นแต่พี่เมดก็อยากจะให้เราเข้าใจกันจริงๆอะ คุยกันจริงจัง แต่เหมือนว่า อาฟมันจะไม่ค่อยอยากจะคุยเท่าไหร่ “

“ คงคิดว่า มันแก้อะไรไม่ได้ และต้องเข้าใจแหละ พูดไปก็เสียอารมณ์ไม่มีอะไรเปลี่ยน เฮียเค้าเลยไม่พูดแล้ว “

“ อื้ม แบบนั้นแหละ “ ผมพยักหน้ารับอีกคน น้องก็ยิ้ม

“ เอาน่าๆ อย่าเครียด เดี๋ยวก็ได้เคลียร์กันเองนั่นแหละ แล้วนี่พี่เมดลงมาทำอะไร “

“ ว่าจะชวนอาฟไปกินข้าวซอยข้างๆ แต่พี่เค้าติดเกมส์เลยเบื่อจะนั่งรอที่ห้อง พี่เมดก็เลยขอลงมาก่อน เดี๋ยวมันเล่นเสร็จมันก็คงลงมา “ บอกแบบนั้นน้องก็พยักหน้ารับ 

“ พี่เมดอยากจะคุยกับเฮียจริงๆเปล่า น้องอัยย์มีวิธีนะ “

“ ยังไง มีแผนเด็ดเหรอ “ ถามน้องด้วยความสนใจอีกคนก็ยักคิ้วให้

“ พี่เมดรู้เปล่า มันมีอย่างนึงนะที่ทำให้คนเราพูดในสิ่งที่อยากจะพูดแบบไม่ต้องคิดอะไรให้เยอะ ไม่ต้องสนใจอะไรด้วย รู้มั้ยสิ่งนั้นคืออะไร “

“ ไม่รู้อะ “ ผมส่ายหน้า “ คืออะไรเหรอ “ ถามอีกคนกลับน้องอัยย์ที่ก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ยื่นแก้วใบนึงขึ้นมาก่อนจะรินอะไรบางอย่างสีขาวใสลงไปในแก้วใบนั้น ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรแล้วในตอนนั้นคนที่รินให้ก็บอกให้เข้าใจ

“ เหล้าไง “

“ ไม่เอาอะ “ ผมบอกปัดก่อนจะดึงตัวเองออกห่างจากโต๊ะพลางโบกมือไปมา “ พี่เมดไม่กินเหล้า “

“ เอาจริงดิ “ สายตาที่มองมาแบบไม่เชื่อผมพยักหน้ารับ “ ไม่เคยกินเลยเหรอ “

“ ก็เคยกิน แต่ว่าเวลากินแล้วเมาง่ายเลยไม่ค่อยกิน ไม่ชอบด้วย รู้สึกว่ามันไม่อร่อยน่ะ “

“ ฮ่าๆ น่ารักจังว่ะ “ อีกคนบอกก่อนจะหยิบแก้วที่ตั้งอยู่ตรงหน้าผมกินเข้าแทน “ งั้นเดี๋ยวทำแบบน้ำผลไม้อร่อยๆให้เอามั้ย “

“ เหรอ มีด้วยเหรอ “

“ มีสิครับ มันต้องมีอยู่แล้ว บางคนมาผับก็ไม่ได้อยากจะเมาสักหน่อยเค้ามาเอาบรรยากาศ ที่บางทีก็ได้ผู้ชายถูกใจกลับไปด้วยเป็นผลพลอยได้ “ น้องว่าขำๆก่อนจะก้มลงทำอะไรสักอย่างแบบขะมักเขม้นและไม่กี่วินาทีต่อมาแก้วสีชมพูดูน่ารักก็ถูกยื่นมาตรงหน้าผม “ อันนี้อร่อยแน่นอน พี่เมดต้องชอบ “

“ เหรอ “ ขยับตัวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ผมชิมแก้วที่น้องอัยย์ทำให้กิน รสชาติมันก็แปลกอยู่ กินแล้วแยกไม่ออกว่าเป็นผลไม้อะไรโดยรวมก็อร่อยดีถึงจะขมอยู่หน่อยๆแต่ก็มีรสเปรี้ยวๆหวานๆที่นำขึ้นมามากกว่า “ อร่อยจัง “

“ ใช่มั้ย “

“ มันเรียกว่าอะไรเหรอ “

“ ไม่บอก ความลับผับฝั่งบาร์ “ น้องบอกแบบนั้นก่อนจะเชิดเหมือนบอกให้ผมกินให้หมด “ กินเข้าไปให้หมดเดี๋ยวจะให้ลองอีก มีอีกหลายรสเลย “

“ เหรอ ไม่เมาแน่นะ “ ผมถามย้ำอีกคนก็พยักหน้ารับแบบจริงจัง

“ ผสมนิดเดียวไม่เมาหรอก เหมือนหยดน้ำหยดนึงลงไปในโอ่งอะ เมาได้ไง “

“ หน้าตาดูไม่น่าเชื่อถือ รสชาติก็ด้วย ถ้านิดนึงจริงๆมันจะมีรสขมได้ไง “ 

“ นิดๆหน่อยๆ ไม่เมาหรอกเชื่อน้องอัยย์ “ เขยิบตาให้อีกครั้ง ผมก็ก้มลงกินต่อจนหมดจะว่าไปก็อร่อยดีเหมือนกัน “ คราวนี้เอาสีอะไรดี เหลืองมั้ย พี่เมดชอบสีอะไร “

“ ขาว “

“ แรงไป “ น้องอัยย์ว่ายิ้มๆ “ เอาสีเหลืองสีกว่า ปกติมันมีแต่แก้วใหญ่แต่คราวนี้จะทำแก้วเล็กให้พี่เมดนะ “

“ ขออร่อยๆนะ “

“ ระดับบาร์เทนเดอร์ผับ throw up มันต้องไม่ให้เสียชื่อ “

“ รอๆ “

ผมนั่งดูอีกคนทำเครื่องดื่มสีต่างๆมาให้ผมชิมแบบไม่ขาดสาย รสชาติอร่อยๆของมันที่ค่อนข้างหวานๆเปรี้ยวๆไม่ต่างอะไรจากน้ำเกรปฟรุ๊ตที่ผมชอบเลยสักนิด แม้จะผสมความขมลงไปนิดหน่อย แต่หลังจากที่กินหลายแก้วเข้าผมกลับไม่รู้สึกอะไรถึงความขมนั่นเท่าไหร่แล้ว เหมือนหลงเหลือไว้เพียงแค่รสชาติหวานๆของผลไม้ก็เท่านั้น

“ น้องอัยย์หมดยัง “ ผมถามน้องก็เงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะยื่นแก้วสีฟ้ามาให้ “ คราวนี้สีฟ้าด้วย สวยจัง “

“ ใช่ ตัวนี้แรงขึ้นมาหน่อย แต่พี่เมดคงกินได้แล้วแหละ “

“ งั้นเหรอ โอเค เชื่อใจน้องอัยย์เสมอ “ พยักหน้ารับอีกคนยิ้มๆ ไม่ต่างอะไรกับคนตรงหน้าที่ก็ยิ้มมาให้เช่นกัน ผมหยิบแก้วที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาดูใกล้ๆก่อนจะยิ้มให้มันแล้วพูดอยู่คนเดียว “ แก้วเหล้าสวยจังเลย มีเชอรี่ด้วย “ หยิบเชอรี่ขึ้นมากินเป็นอย่างแรกรสชาติของเชอรี่สดแต่ก็ไม่ใช่แบบที่ชอบซะทีเดียว แต่ผมว่าอย่างน้อยมันก็ดีกว่าเชอรี่ในสเวนเซ่นละ “ อร่อยจังเลย เชอรี่นี่ก็อร่อยนะ อร่อยกว่าในสเวนเซ่นอีก น้องอัยย์ น้องอัยย์ชอบกินเชอรี่ในสเวนเซ่นมั้ย พี่เมดนะไม่ชอบเลย ยกให้น้องชายกินประจำ “

“ พี่เมดมีน้องชายด้วยเหรอ “

“ มีสิ น่ารักด้วยน้า จะจีบเปล่า “

“ จีบได้อ๋อออออ “

“ ม่ายด้ายยยยย “  โบกมือให้น้องไปมาผมหัวเราะ ก่อนจะวางแก้วที่กินหมดขึ้นไปบนเค้าเตอร์ “ เอามาอีกๆ ขออีกแก้ว “ 

“ มึง..พี่เมดเมาเปล่าวะ “ น้องเดย์ขยับมายืนข้างๆเพื่อนตัวเองพลางมองมาที่ผม แววตาห่วงใยของน้อง ผมยิ้มจนตาปิดก่อนจะ โบกมือไปมาปฎิเสธ

“ ไม่เมาๆ ไม่ต้องห่วง สติยังดีอยู่ครบทุกประการ “

“ น้องเดย์ว่าน่าจะครบที่ 70 นะครับ ไม่ใช่ 100 “

“ ลดลงไปให้เหลือ 40 เป็นไงมึง “ น้องอัยย์บอกก่อนจะยื่นแก้วใบนึงมาให้ผม เหล้าสีขาวใสที่ข้างในมีอะไรก็ไม่รู้สองอันสีเขียว ผมยิ้มน้องเดย์ก็บอก

“ นี่มึงเล่นให้พี่สะใภ้กูแดกมาตินี่เลย ไอ้เชี้ย “

“ ได้ไม่ได้ไม่รู้ แต่ที่รู้งานนี้เฮียต้องตบรางวัลกูอย่างงาม “

 “ ตบอะไรกัน ไม่เอา ไม่ทะเลาะ “ โบกไปตรงหน้าคนสองคน สีหน้าที่ดูขึงขังนั้นผมยื่นมือไปตรงกลางแต่ก็ไม่ถึงตัวของบาร์เทนเดอร์ที่อยู่ข้างในหรอก เลยใช้วิธีปัดทางขวาทีซ้ายทีรู้สึกว่าต้องห้ามจะมาตบตีกันในนี้ไม่ได้ มันไม่เหมาะสม “ อย่าตบกัน แยกๆ ไม่น่ารักนะ “

“ ไม่ตบหรอก พี่เมดกินเถอะ แก้วสุดท้ายละ “

“ กินอีกก็ได้นะ เอามาอีกก็ได้ อาฟยังไม่มาหรอก วันนี้อาจจะไม่มาแล้วก็ได้ “ ผมรู้สึกแบบนั้นก่อนจะฟุบลงที่โต๊ะ รู้สึกแน่นๆอยู่ในอก มันร้อนที่ขอบตายังไงก็ไม่รู้ ผมรู้สึกเหนื่อย มันแย่ไปหมด เหมือนอยู่ๆก็อยากจะร้องไห้ออกมาในตอนนั้น ทั้งๆที่แค่นั่งมองแก้วค๊อกเทลสีใสที่อยู่ตรงหน้า “ อาฟคงไม่อยากจะคุยกับพี่เมดแล้ว อาฟโกรธพี่เมด “

“ ไม่โกรธหรอกน่า ไม่ได้มีเรื่องอะไรน่าโกรธเลย “

“ ไม่โกรธแต่ก็ไม่เหมือนเดิม ไม่คุยด้วยเหมือนเดิมด้วยนะ “ ผมดึงตัวเองขึ้นจากโต๊ะมาเถียงน้องสองคนที่ก็ไม่รู้แล้วว่าเมื่อครู่ใครเป็นคนพูด

“ กินดีกว่านะ กินๆ “ น้องเดย์ยื่นแก้วให้ผม ที่ก็ซัดไปรวดเดียวแบบไม่ต้องจิบชิมให้เสียเวลา “ เชี้ยๆ กินรวดเดียวได้ไง น้ำเปล่าๆ “

“ พี่เมด น้ำเปล่าๆ “ ในสถานการณ์ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ ผมโบกมือปัดความห่วงใยของน้องสองคนที่ยื่นแก้วน้ำมาให้

“ ไม่เอา ไม่อยากกินน้ำเปล่าสักหน่อย “ หมุนตัวเองไปทางฝั่งประตูสต๊าฟที่ยังไม่มีแม้เงาของคนที่บอกว่าจะมาหาสักที “ ไปหาอาฟดีกว่า อยากไปหาอาฟอะ “ ผมดึงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน แต่ทว่าวินาทีที่เท้าแตะพื้นร่างทั้งร่างมันก็ไร้เรี่ยวแรงลงเสียอย่างงั้น
 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 23 :: up! 1-6-61} #หน้า 15
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 08-06-2018 20:32:52

ผมล้มลงไปกองที่พื้นท่ามกลางเสียงตกใจของคนแถวนั้นที่ดังขึ้นมา ผมไม่รู้ว่าใครตกใจบ้าง แต่เท่าที่รู้มีมือเย็นๆมาจับที่แขนผม ตอนที่เงยหน้าขึ้นไปดูก็พบว่าเป็นพี่ซองผู้จัดการร้าน

“ น้องเมด ไหวมั้ย “

“ ไหว “ ผมพยักหน้ารับบอกยิ้มๆ “ พี่ซองอย่าทำหน้าอย่างงั้น เมดไม่ได้เป็นอะไร แค่เข่าอ่อนนิดนึง “

“ อัยย์กับเดย์ มอมเหล้าน้องเมดเหรอวะ “ เสียงนิ่งดุๆหันไปถามคนสองคนข้างหลังที่ก็แค่ยิ้มน่ารักออกมา ผมบอกพี่ซอง

“ พี่ซองน้องไม่ได้มอมเหล้าเมด เมดกินเอง “ ตบอกตัวเองย้ำกับอีกคนก่อนจะลุกขึ้นจากพื้นด้วยตัวเอง “ แล้วเมดก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วยเห็นมั้ย ปล่อยๆ เมดจะไปหาอาฟก่อน “ ผมพยายามเดินตรงๆไปที่ประตูทางขึ้นไปชั้นสามแต่ไม่ว่าจะเดินตรงยังไงก็รู้สึกเหมือนมันจะโซเซไปเรื่อยเสียแบบนั้น หยุดยืนแล้วถอดหายใจออกมาอยู่ที่หน้าประตูสักพักใหญ่ ผมพยายามหาป้ายคีย์การ์ดเปิดประตูที่แขวนอยู่ที่คอ ก่อนจะดึงมันขึ้นมาจากด้านในของเสื้อพยายามเอามันไปแตะที่เครื่องเพื่อปลดแต่ทว่า ประตูนั้นก็ถูกเปิดออกมาก่อนจากด้านใน

“ อ๊ะ อาฟมาแล้ว รอตั้งนาน ทำไมเพิ่งมาวะ คิดถึงนะรู้เปล่า “ ดึงตัวเองเข้าไปกอดอีกคนไว้แน่นก่อนจะซบลงที่ไหล่ไม่มีเหตุผลอะไรเลย รู้แค่ว่าอยากจะทำก็เลยทำแบบนั้น แต่เหมือนคนที่ผมกอดไว้จะนิ่งไปแล้ว อาฟพยายามดึงผมให้ออกห่างตัว แต่ผมเองก็ยังดันตัวเองกอดมันไว้แบบนั้นไม่ปล่อย รู้สึกเหมือนว่าถ้าไม่กอดอาฟไว้แบบนี้ อาฟต้องไม่หายโกรธแน่ๆ แล้วผมก็ไม่อยากจะให้เป็นแบบนั้นเลย “ กอดกันหน่อยสิ มึงยังไม่หายโกรธกูเหรอ ไหนอาฟบอกว่าไม่โกรธไง ตอแหลเมดเหรอ “

“ นี่มึงเมา “ คำถามเดียวกันกับที่ทุกคนถาม ผมทำหน้างอก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ ก็บอกแล้วไง ว่าไม่เมา!” ย้ำท้ายประโยคกับอีกคนที่ก็ยกยิ้มขึ้นมา

“ งั้นนี่เลขอะไร “ นิ้วที่ยื่นขึ้นมาตรงหน้า คำถามเด็กๆเพื่อทดสอบคนเมา ทำไมจะไม่รู้

“ สองไง “

“ อื้ม กลับบ้านเถอะ “ อ้าว...  ไม่ถูกเหรอวะ

ไม่มีคำเฉลยจากคำตอบที่ผิดพลาด ผมโดนลากมาที่รถ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ประตูรถถูกปิดลง คนขับเข้ามานั่งประจำรู้สึกเสียใจนิดหน่อยเหมือนกันที่ไม่ได้ไปกินบะหมี่หมูตุ๋นที่ตั้งใจไว้ เครปก็ด้วย โตเกียวอีก ผมพิงกับเบาะที่นั่งก่อนจะถามอาฟด้วยความมั่นใจ

“ อาฟ วันนี้เราจะไม่ได้ไปกินบะหมี่หมูตุ๋นเหรอ เครปอะ โตเกียวด้วย อุตส่าห์รอตั้งนานสรุปว่าไม่ได้กินเหรอ “

“ อยู่ในสภาพนี้ยังจะกินอีกเหรอไง “ อาฟหันมาถามผมก็เอียงหน้าใส่

“ สภาพไหน นี่ก็ปกตินะ ทำไมอะ ทำไมไม่พาไปกินหมูตุ๋นตอบก่อน ไม่ตอบไม่ให้ขับรถนะ “ เอื้อมมือไปจับมืออีกคนไว้แน่นทั้งสองข้าง แต่ผมไม่เข้าใจทำไมอาฟยิ้มกว้างอย่างงั้น “ มึงยิ้มทำไมอะ ตอบก่อนเร็ว ทำไมไม่พาเมดไปกินบะหมี่หมูตุ๋นอะอาฟ เพราะเมดตอบเลขผิดเหรอ “

“ อื้ม “

“ งั้นถามใหม่ได้มั้ย ในนั้นมันมืดอะเมดเลยตอบผิด ขอตอบใหม่ได้มั้ย นะ น้า ขออีกข้อนึง “

“ งั้นนี่เลขอะไร “ ผมมองดูเลขนั้นอยู่นาน แค่สงสัยว่าทำไมมันมีเยอะอย่างงั้น พยายามเอื้อมมือไปจับแต่อีกคนกลับหลบทัน “ ตอบมา “

“ ห้า “

“ หนึ่ง แค่มันส่ายไปมา “ อีกคนบอกแบบนั้นก่อนจะดึงผมให้กลับมานั่งพิงเบาะของรถ โคตรเซ็งเลยทำไมต้องตอบผิดด้วยวะอดไปกินของอร่อยๆเลย

“ อาฟคาดเข็มขัดให้เมดด้วยนะ เดี๋ยวเมดจะเป็นอันตราย เข้าใจมั้ย “

“ โอเคครับ “

“ งื้อออ “ ส่งเสียงออกจากในคอ คนที่เอื้อมมือมาหยิบเข็มขัดนิรภัยให้ก็ขมวดคิ้ว

“ เป็นอะไรของมึง “

“ อาฟพูดว่าครับ เมดชอบอะ ขอให้รางวัลได้มั้ย “ ไม่ต้องรอให้อีกคนอนุญาติ ผมดึงหน้าคนที่กำลังจะดึงตัวเองกลับไปที่เดิมมาจูบที่ริมฝีปากก่อนจะส่งยิ้มกว้างไปให้ “ ทำดีต้องมีรางวัลแม่เคยบอกไว้ “

“ อื้ม “ตอบแค่นั้นก่อนจะดึงตัวเองไปนั่งนิ่งๆสักพัก ผมเห็นอาฟยิ้มก่อนจะถอนหายใจออกมา
 
“ อาฟเป็นอะไรอะ หันมายิ้มกับเมดก็ได้นะ หันมายิ้มให้เมดดูก็ได้นะ “ สะกิดบอกมันอีกคนก็หันมายิ้มให้ตามที่บอก “ พอยิ้มดูหล่อเหลาใจดีสุดๆไปเลย ยิ้มบ่อยๆนะ “

“ นั่งนิ่งๆ จะพากลับบ้าน “

“ ถ้าไม่ดื้อจะได้อะไรอะ เพราะว่าเด็กดีต้องได้รางวัลนะ “

“ อื้ม เดี๋ยวกูให้รางวัล นั่งนิ่งๆแล้วกัน “

“ โอเคเลย “ บอกมันแบบนั้นอาฟก็หันไปคาดเข็มขัดให้ตัวเองเรียบร้อย ผมเอื้อมมือหันไปเช็คเข็มขัดของอีกคน ดึงมันอยู่สักพักเพื่อดูว่าแน่นดีเหมือนกับของผมมั้ย ก่อนที่อาฟขับรถออกจากผับ เสียใจอยู่หน่อยๆที่ไม่ได้กินบะหมี่หมูตุ๋น เครป แล้วก็โตเกียว แต่ก็ต้องทำใจ วันนี้ทำอาฟเสียใจ อาฟก็เลยไม่ตามใจเหมือนปกติ

   รถที่ขับมาเรื่อยๆ วิวที่ผ่านไปตลอดทางผมมองมันจะต้องหลับตาลงเพราะความปวดหัว ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกทีตอนที่รถจอดลงสนิทที่ใต้คอนโดเดิมที่คุ้นตา เข็มขัดของผมถูกปลดล็อคให้จากคนขับ ดึงตัวเองขึ้นมานั่งอยู่สักพัก ทำไมรู้สึกหัวมันหนักๆยังไงก็ไม่รู้ เอื้อมมือไปเปิดประตูรถผมเดินออกไปก่อนจะปิดประตูแล้วยืนพิงมันอยู่แบบนั้น จนคนขับที่ล็อครถเสร็จก็เดินมายืนอยู่ข้างกัน

“ เป็นไง แวะซื้ออะไรที่เซเว่นให้สร่างเมาหน่อยมั้ย “

“ กูไม่เมาสักหน่อย “ ผมย้ำกับอีกคนก่อนจะเอียงหน้าซบไหล่คนที่ยืนข้างกัน “ อาฟ..ขี่หลังหน่อย “

“ กลัวหลังหัก “

“ ไม่หักหรอก กูตัวเล็กนิดเดียว “ หันไปเถียงอีกคนที่ก็หลุดหัวเราะออกมา

“ อีกนิดเดียวก็เหมือนช้างน่ะเหรอ “

“ ไม่เอาอาฟ ไม่ว่าเมด “ ผมส่ายหน้าไปมาให้กับอีกคนก็เอาแต่ยิ้ม “ แล้วอาฟจะให้อะไรเมด “

“ อะไรให้อะไร “

“ ก็อาฟบอกว่าถ้าเมดนั่งนิ่งๆ  อาฟจะให้รางวัลที่เมดไม่ดื้อ “

“ ลืมไปเลย “ อีกคนพูดแบบนั้นก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงความเย็นที่แนบลงบนริมฝีปาก แล้วก็แก้มทั้งสองข้าง “ เรียบร้อย “

“ รางวัลคือจูบเหรอ “ ถามออกไปออกจะถอนหายใจ “ คิดว่าจะพาไปกินบะหมี่หมูตุ๋นซะอีก เซ็งเลยเนี้ย “ 

เสียงหัวเราะของคนข้างๆก่อนที่มือของอาฟจะเอื้อมมาจับมือผมไว้ ถูกดึงเข้าไปในตึกตอนที่เดินเข้าไปในลิฟต์ ผมแย่งมันกดปุ่มลิฟต์ แต่อีกคนกลับไปกดอีปุ่มก่อนจะหันมาจับมือทั้งสองข้างของผมไว้

“ วุ่นวายจริงมึง ”

“ ดุกันอีก “

   ไขประตูเข้ามาในห้องผมเดินตรงไปในห้องน้ำทันที ปวดฉี่เหลือเกินตั้งแต่อยู่ข้างล่างแล้ว กดล้างน้ำเรียบร้อยผมพาตัวเองมาที่เตียงหนุนตัวลงนอนบนเตียงกว้างแบบกางแข้งกางขา ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะถอดเสื้อนอกทั้งๆที่นอนอยู่แบบนั้น วางมันไว้ข้างตัวแบบไม่ใส่ใจ

“ ร้อนจังเลย อาฟเปิดแอร์ให้หน่อย “

“ อยู่ดีๆ ทำไมถึงเมาขึ้นมาวะ “

“ บอกว่าไม่ได้เมา กูไม่ได้เมานะจริงๆ “ ลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียง เถียงคนที่เดินเข้ามาเปิดแอร์ก็นั่งลงบนเตียงข้างกัน อาฟมองหน้าผมจดจ้องอยู่นานก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วหันไปทางอื่น

“ เมาแบบนี้กูจะคุยกับมึงรู้เรื่องมั้ยวะ “

“ อาฟจะคุยกับเมดเหรอ “ ผมดึงตัวเองเข้าไปใกล้มันอีกคนก็พยักหน้ารับก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัว

“ แต่มึงเมา กูไม่คิดว่าพูดแล้วมึงจะรู้เรื่อง กลัวพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาแล้วมึงลืม แบบนั้นพูดไปก็กลัวจะเปลืองน้ำลาย “

“ ไม่เปลืองๆ เมดจะจดจำไว้ว่าพูดอะไรกับอาฟไป จะจดจำไว้ในนี้เลย “ ชี้ที่อกข้างขวาของตัวเองคนที่มองอยู่ก็หลุดหัวเราะก่อนจะเลื่อนนิ้วผมไปไว้ที่อกข้างซ้าย

“ หัวใจมึงอยู่ตรงนี้ “

“ อ้าว ไม่ได้อยู่กับอาฟเหรอ ฮ่าๆ “ ดึงตัวเองไปกอดมันไว้ผมหัวเราะออกมาเสียงดังที่ทำให้มันยิ้มได้ ชอบเวลาที่อาฟยิ้มที่สุดเลย ผมซบลงที่ไหล่นั้นหลับตาลงแล้วนิ่งอยู่แบบนั้น อาฟไม่ได้กอดผม เราแค่นั่งแบบนั้นนิ่งๆ นิ่งจนผมรู้สึกกลัว มือที่กอดมันไว้ให้แน่นขึ้น “ มึงจะไม่หายไปใช่มั้ย จะไม่หายไปไหนใช่มั้ย “

“ อยากให้อยู่ตรงไหนละ “ อาฟถามก่อนจะก้มลงมามองผมที่ก็เงยหน้าขึ้นมามองมันเช่นกัน

“ อยากให้อยู่ด้วยกันตรงนี้ ข้างๆกัน  “

“ อื้ม งั้นก็จะอยู่ตรงนี้ “ ใบหน้าที่พยักหน้ารับกันผมยิ้มออกมา แต่ต่างจากอีกคนที่มองผมด้วยสายตานิ่งๆมองไม่ออกว่ากำลังรู้สึกอะไร


“ ขอโทษ ขอโทษนะอาฟ “ ผมกอดมันไว้แน่นไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ราวกับว่าความรู้สึกของผมมันล้น ล้นออกมาจากใจที่อยากจะพูดทุกอย่างออกมา “ ขอโทษที่กูพูดถึงบินออกมาแบบนั้น กูไม่ได้ตั้งใจจะพูด ก็ตอนนั้นกูกำลังเสียใจมาก เสียใจที่ยีนส์มันพูดกับกูแบบนั้น กูคบกับมันมานานกูไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกลียดกู  กูขอโทษที่พูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง ขอโทษที่ทำให้มึงต้องเจ็บปวด กูขอโทษนะมึง ขอโทษจริงๆ กูรู้ว่าพูดออกไปเป็นร้อยครั้งมึงก็ไม่หายเจ็บ แต่กูอยากให้มึงรู้ไว้ว่า กูไม่ได้คิดจะกลับไปหาบิน กูไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลย มันก็แค่เสียใจกับสิ่งที่เคยทำ แล้วมันยังรู้สึกแย่ในตอนที่กูยังคิดถึงในสิ่งที่กูทำมาตลอด คือมันเหนื่อยมากๆเลยเว้ยตอนนั้นอะ กูเหนื่อยแต่กูไม่ได้อะไรกลับมาเลย เหมือนกูวิ่งมาตลอดแล้วสุดท้ายมันไม่มีอะไร แถมยังมาถามกูอีกว่า วิ่งมาทำไม กูพยายามทำไม กูแค่รู้สึกอะไรแบบนั้น “


“ อื้ม กูรู้ กูเข้าใจแล้วสำหรับเรื่องนี้ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว “ อาฟบอกผมมันที่ยื่นมือมาลูบหัวกันและผมกลับร้องไห้ออกมา

“ แต่มึงยังเหมือนไม่เข้าใจ มึงยังโกรธ มึงไม่คุยกับกูเหมือนเดิม กูอยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม กูต้องทำยังไงวะ ต้องทำยังไงมึงถึงจะเชื่อว่ากูไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะกลับไปหาไอ้บินเลย ไม่เลยสักนิด “ น้ำตาที่ไหลออกมาผมดึงตัวเองเข้าไปใกล้มันอีกสองแขนที่กอดมันไว้ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกล้าทำอะไรแบบนั้น เหมือนมันเป็นส่วนลึกในจิตใจที่บอกกันแค่ว่า ถ้าทำให้อีกฝ่ายเชื่อได้ไม่ว่าอะไรก็จะทำ “ มีอะไรกันมั้ย เรามามีอะไรกันเถอะ มึงจะได้เชื่อไง ว่ากูไม่ได้คิดจะกลับไปหาไอ้บินจริงๆ “

“ เมด “ แววตาที่ดูตกใจหันมาเรียกผม แล้วในวินาทีนั้นผมก็แค่ดึงตัวเองเข้าไปใกล้อีกคนมาขึ้น จูบลงไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย พยายามลุกล้ำเข้าไปด้านใน อยากจะมอบจูบแบบที่มันชอบทำให้ แต่เพราะทำไม่เป็นก็เลยทำได้แค่จูบอีกคนซ้ำๆอยู่แบบนั้น

ก่อนที่ร่างสูงจะดึงตัวเองผมให้นอนราบลงกับเตียง อาฟที่ขึ้นมาค่อมทับกับไว้ ผมเอาแต่มองมันในตอนที่เอื้อมมือไปจับที่คอเสื้อแล้วพยายามจะปลดกระดุมนั้นแต่อีกคนแค่เอื้อมมือมาจับมือผมห้ามไว้

“ อย่าทำแบบนี้ ไม่เอา “

“ ทำไมวะ มึงโกรธกูขนาดนี้เลยเหรอ งั้นกูจะทำยังไงดี บอกกูสิ กูจะทำทุกอย่างเลย กูไม่อยากให้เราเงียบกันแบบนี้ กูไม่อยากให้มึงเสียใจ กูอยากให้มึงเชื่อกู ว่ากูจะไม่กลับไปหามัน กูอาจจะเสียใจอยู่ก็จริง แต่มันไม่ใช่เสียใจเพราะเสียดายที่อยากจะกลับไปมันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ ทำไงดี ต้องทำยังไงให้มึงเชื่อกูอะอาฟ “

ผมรู้สึกหมดแรงสองมือที่กำเสื้อมันไว้แน่น ไม่รู้แล้ว ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรแล้ว รู้แค่ว่า ไม่อยากจะเสียไปเลย ถึงใครจะบอกว่าโง่ ไร้ค่า ผมก็ไม่อยากจะสนใจแล้ว

“  กูทำให้มั้ย ตรงนั้น ถ้ามึงชอบ จะทำให้เลยก็ได้ แต่เชื่อกูเถอะ หายโกรธกูนะ อาฟ “

ดึงตัวเองขึ้นพยายามจะทำตามที่พูดด้วยการเอามือจับที่ส่วนกลางแต่อีกคนก็แค่ยึดสองมือของผมไว้เหนือหัว ขามันที่ค่อมร่างของผมไว้ กดลงที่ส่วนล่างแบบไม่ได้ผมสามารถเคลื่อนตัวไปไหนได้

“ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น มึงนิ่งแล้วฟังที่กูจะพูดเมด “ อีกคนบอกพลางสบสายตาของผมที่ตอนนี้มันแดงไปหมด น้ำตาหยดใสไหลออกมาจากตา อาฟในตอนนั้นก้มลงมาจูบที่บริเวนหางตาของผม ก่อนจะดึงตัวเองขึ้นมาพูด “ กูไม่ได้โกรธ กูเข้าใจมึงว่ามึงเสียใจมากแค่ไหนในสิ่งที่เพื่อนมึงพูด กูเข้าใจว่ามึงยังเจ็บ ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไร กูเข้าใจมันดี แล้วก็ต้องขอโทษด้วย ตอนนั้นกูพูดให้มึงรู้สึกไม่ดีเหมือนกัน “

“ ไม่เป็นไร “ ผมบอก “ กูเข้าใจว่ามึงเจ็บที่ได้ยินอะไรแบบนั้น มันก็สมควรแล้วที่มึงจะโกรธกู “

“ ตอนที่มึงพูดกับกูในรถ ว่าให้เราเคลียร์กัน อยากจะให้มันจบเรื่องนี้ ตอนนั้นที่กูไม่พูดเพราะกูรู้ว่าถ้าพูดไปก็คงพูดด้วยอารมณ์โกรธมึง กูเลยไม่พูดก่อน แต่ไม่ใช่ว่ากูไม่เห็นด้วย เรื่องที่เราควรเคลียร์จบ คือกูเห็นด้วยนะ กูเห็นด้วยกับมึง “

“ งั้นเรามาเคลียร์กันตอนนี้เลยนะ “

“ กูเข้าใจว่ามึงยังเสียใจ เข้าใจว่ามึงยังกลัว แต่ขออะไรอย่างหนึ่งได้มั้ยเมด “

“ อื้ม “

“ เป็นตัวเองที่อยากเป็น ให้กูได้มั้ย “ ผมเงียบไปตอนที่สบสายตานั้นผมรู้สึกว่าอาฟกำลังเจ็บปวด เจ็บปวดเพราะผมเอาแต่กลัวและเอาอดีตมาตัดสินปัจจุบันจนไม่กล้าที่จะทำอะไรให้มันสักอย่าง “ ถ้ามึงอยากจะทำอะไรให้กูมึงก็แค่ทำ อยากจะบีบยาสีฟันให้ก็แค่บีบ อยากจะใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็แค่จัด ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวลว่ากูจะไม่ชอบ เพราะถ้ากูไม่ชอบ กูสัญญาว่ากูจะบอกมึงเอง จะบอกมึงว่ากูไม่ชอบ แต่ตอนนี้กูชอบทุกอย่างที่มึงทำให้ เพราะงั้นช่วยเป็นตัวเองที่อยากจะเป็นให้กูได้มั้ย “

“ ได้ “ ผมพยักหน้ารับ “ แต่ต้องบอกนะ ถ้ามึงไม่ชอบแม้แต่นิดเดียวมึงต้องบอกนะ ถ้าอดทน ห้ามรักษาน้ำใจของกู บอกมาเลยว่าไม่ชอบ ไม่ชอบที่กูเป็นแบบนี้ เพราะกูจะได้เปลี่ยนทันที กูไม่อยากจะเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว กูไม่อยากให้เราต้องจบแบบที่กูเคยจบ กูอยากให้มึงเป็นคนสุดท้ายของกู กูไม่อยากเริ่มใหม่แล้ว “

“ เหมือนกัน “ อาฟที่กอดลงมากอดผมได้ยินเสียงถอนหายใจออกมามันที่ดังออกมา “ กูก็ไม่อยากจะเริ่มใหม่แล้ว กูอยากจะจบอยู่ตรงนี้ที่มีมึงอยู่ข้างกัน ”

“ อาฟ “

“ ส่วนเรื่องที่เพื่อนมึงพูด อย่าไปให้ราคาคนแบบนั้น ตอนนี้ชีวิตมันเลวร้ายกว่ามึงมาก ไอ้บินก็ไม่รู้จะนอกใจอีกเมื่อไหร่ เผลอๆคงกลัวด้วยซ้ำว่ามันจะมาเอาไอ้จิงเพื่อนรักคนเดียวที่มี ไหนจะโดนทุกสายตาด่าว่าแย่งแฟนเพื่อนอย่างมึงที่เป็นคนดีในสายตาคนอื่นอีก แล้วเพราะเป็นแบบนั้น มันเลยพยายามจะโยนความผิดทั้งหมดให้มึง มันอยากจะให้มึงรู้สึกผิดไปกับมัน แต่มึงไม่ผิดเมด มึงไมได้แย่เลย อย่าคล้อยตามมันสิวะ จำที่กูบอกในรถได้มั้ย “ 

“ ได้ “ ผมพยักหน้ารับมัน

“ กูพูดว่าอะไร “

“ มึงพูดว่า ถึงกูจะเบื่อจะน่ารำคาญยังไง ไอ้บินก็ไม่สิทธิ์ทิ้งกูไปเอาเพื่อนกู มันไม่ใช่ข้ออ้าง แล้วเพื่อนกูก็ไม่สิทธิ์มานอนกับไอ้บินเพราะเหตุผลนั่นเหมือนกัน เพราะถ้าเบื่อที่กูน่ารำคาญ ก็ต้องบอกเลิกกูไม่ใช่ทำแบบนี้ “

“ ใช่ เพราะงั้นไม่ผิด ไม่มีอะไรที่มึงผิดทั้งนั้น แต่ถ้าจะมีอะไรที่มึงผิดสักข้อ กูว่าเพราะมึงเลือกไอ้ยีนส์เป็นเพื่อนและเลือกไอ้บินเป็นแฟนมากกว่า นี่แหละความผิดเดียวของมึง แล้วตอนนี่มันก็จบแล้วเข้าใจมั้ย “

“ เข้าใจแล้ว “ ผมพยักหน้ารับอีกคน “ อาฟไม่โกรธกูแล้วนะ ขอโทษนะมึง “ เอื้อมมือไปกอดอาฟไว้ เรากอดกันอยู่แบบนั้นสักพักก่อนที่ร่างสูงจะดึงตัวเองขึ้นมามองผมอีกครั้ง

“ แล้วก็มีอีกอย่างที่มึงควรรู้ไว้ ทีหลังอย่าง้อกูด้วยเซ็กส์อีก เข้าใจมั้ย “ สายตาคมที่จ้องมามันชวนให้ผมนิ่ง “ ครั้งแรกของเรามันต้องไม่เป็นแบบนี้เมด กูอยากให้เรามีอะไรกันในตอนที่เราพร้อม อยากมีตอนที่เรารักกันมากพอจนอยากจะทำเรื่องแบบนั้น กูอยากให้มึงจดจำครั้งแรกของเราเอาไว้ กูอยากให้มันเป็นความทรงจำที่ดีระหว่างเรา  เพราะกูจะถนอมมึงอย่างที่สุดในตอนนั้น แล้วจะบอกรักมึงหลายสิบครั้งผ่านทุกการกระทำของกู “

“ อาฟ “

ผมเอ่ยเรียกอีกคนตอนที่ได้ฟังคำพูดนั้น ดวงตาของผมมันสั่น  น้ำตาหยดใสที่ไหลออกมา หัวใจที่กำลังบีบรัดจนเจ็บปวด ผมถามตัวเองว่า คนตรงนี้มีอยู่จริงๆเหรอ  ก็ไม่เคยคิดเลยว่าตัวผมที่ถูกโยนทิ้งจะมีใครทะนุถนอมได้ถึงขนาดนี้  ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาเจอคนที่แคร์กันในทุกความรู้สึก คนที่อยู่ข้างๆกันไม่ไปไหนตั้งแต่วันแรกที่เราได้เจอกันจนถึงวินาทีนี้ 

สองมือเอื้อมขึ้นจับที่แก้มตอบ โครงใบหน้าคมที่ผมลูบเบาๆ อาฟในตอนนั้นเอียงหน้าลงซบที่ฝ่ามือของผม ไม่มีคำพูดอะไร นอกเสียจากรอยจูบของอีกคนที่จูบลงบนฝากมือของผมในตอนที่น้ำตามันไหลออกมาไม่หยุด

“ มึงไปอยู่ไหนมาวะอาฟ มึงหายไปไหนมา ทำไมเราเพิ่งมาเจอกันตอนนี้ ทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้วะมึง  “

“ บางทีอาจจะอยู่อีกฝากถนนนึง แต่กูไม่ได้ข้ามไป “

“ งั้นเหรอ “ อาฟเงียบไปตอนที่ผมตอบ รอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้ใบหน้าคมนั้นก้มลงมาจูบที่หน้าผากของผม แก้มสองข้างก่อนจะจบลงตรงที่ริมฝีปาก

“ บางทีมันอาจจะดีที่สุดแล้วก็ได้ ที่เราเจอกันตอนนี้  “

“ ก็อาจจะจริงของมึง “

เคยมีคนบอกผมว่า คนที่เข้ามาหาเราตามลำดับเวลาต่างๆ ย่อมเข้ามาในช่วงเวลาที่เหมาะสมทั้งนั้น เพราะเหมือนทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วจากใครสักคน คนที่ขีดเส้นให้วันนี้ผมกับอาฟได้เจอกันในตอนนี้ เพราะเค้าก็คงคิดมาแล้วว่า ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเรา

....................................................

ยาวมากจริงๆ  หนมชอบตอนนี้นะ ไม่รู้คนอ่านบางคนจะตะขิดตะขวดกับบางฉากรึเปล่า
เราพยายามลบและเขียนอยู่หลายครั้ง ไม่ค่อยแน่ใจ ยังไงฝากด้วยนะคะ
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 08-06-2018 21:27:41
อิยีนส์นี่เหมือนจะไม่จบใช่มะ
ตบบบบบเลยย
 :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 08-06-2018 21:41:12
รอวันรู้ความจริง ...
อาฟ คนส่งนมที่อยู่อีกฟากของถนน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 08-06-2018 22:07:10
เมดต้องรักอาฟมากๆนะ แคร์คนที่รักเรา อย่าทำร้ายความรู้สึกคนที่อยู่ข้างเรา
.
ถ้าใครไม่เห็นความรู้สึก เราต้องปล่อยมันไป มันไม่มีค่าให้เราคิดถึงหรอก เชื่อสิ แล้ววันนึงเมื่อเราผ่านไปได้ แล้วย้อนกลับมาดู จะรู้ว่า มันไม่ยากถ้าเราจะปล่อย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 08-06-2018 22:58:57
เมดเมาแล้วพูดมากกว่าเดิมอีก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-06-2018 23:23:15
 :sad4:ซึ้ง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 09-06-2018 00:05:51
ทุกอย่างต้องใช้เวลา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 09-06-2018 00:16:44
ขอให้นังย่นส์โดนดักตบ :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 09-06-2018 00:19:58
ชอบทีมมอมเหล้า  :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-06-2018 00:23:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 09-06-2018 00:27:10
เวลา+การปรับตัวเข้าหากันเท่านั้นจริงๆ กฎข้อแรกๆ สำหรับการอยู่ร่วมกัน ตัวเองไม่ชอบอะไร ก็ทำอย่าทำกับอีกฝ่าย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-06-2018 01:30:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-06-2018 01:49:25
้เขาดีกันแล้ว ส่วนคนชงเหล้าจะได้โบนัสหรือป่าวน่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 09-06-2018 03:03:27
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

สงสารพี่อาฟฟฟฟ
ฮือออออ
สู้ๆนะน้องเมดดด
ลืมคนเหี้ยได้เร็วๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-06-2018 04:22:26
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-06-2018 08:15:17
จะรอวันที่เมดรู้ว่าเจ้าของนมคืออาฟไม่ใช่บินนะ

วันนั้นคงจะเป็นอะไรที่ดีใจมากๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-06-2018 09:04:35
รอวันเมดรู้ความจริงว่าอาฟเป็นเจ้าของนมไม่ใช่ไอ้บิน
รอวันไอ้ยีนส์รับผลจากการหักหลังเพื่อนตัวเอง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 09-06-2018 10:37:09
ชอบตอนนี้จ้าฮ่าๆๆเมดเมาแล้วพูดทุกอย่างเลย อัยย์ทำดีมากปรบมือ o13 หวังว่าเมดจะหายเจ็บไวๆนะอยากเห็นฉากหวานๆอ่า ตอนนี้ไม่อยากพูดถึงอดีตเพื่อนเหี้ย  :beat:  :beat:  :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 09-06-2018 11:07:08
 o13 อาฟเยี่ยมมากค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-06-2018 11:23:36
โอ๊ยยย ละมุนมากค่ะ พอเคลียร์กันแล้ว มีความหวานอบอวล
อาฟไม่ต้องข้ามไปอีกฟากถนนแล้วนะ ตอนนี้ได้อยู่ข้างกันแล้ว

อาฟพูดถูกและไม่แปลกเลยที่อาฟจะรู้สึกแบบนั้น
แต่ก็ต้องเข้าใจว่า แผลมันยังใหม่และยังเจ็บ
เสียใจที่ต้องเจอคนแบบนั้น เสียดายเวลา แต่ไม่เสียดายคนน่ะ

เมดก็พอเดาอารมณ์ได้ ที่อาฟจะทำเป็นเข้าใจแต่ไม่เข้าใจจริงๆ
แล้วความอยากง้อ อยากทำให้ก็มีเยอะ อยากให้เข้าใจก็มีมาก
โดนน้องอัยย์มอมเหล้ายังไม่รู้ตัว อัยย์ก็แผนสูง เนียนมาก ตะล่อมพี่ซะ
ตอนนี้ถึงใครจะว่าอัยย์ผิด แต่เชื่อว่าเมดไม่ว่าน้องผิดแน่นอน
เมดบอกแล้ว เมดอยากกินเอง 55555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 09-06-2018 12:16:11
สงสารเมดอ่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 09-06-2018 12:16:38
แอบซึ้งอ่ะ​น้ำตาซึมตอนจบตอน​
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 09-06-2018 13:49:02
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 09-06-2018 16:48:40
อยากได้พี่อาฟฟฟฟ  :ling1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: AmPnie ที่ 09-06-2018 18:18:19
อิยีนส์ นี่มันน่าไปดักตบจริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-06-2018 22:38:46
โบนัสน้องอัยย์ด้วยจ๊ะพี่อาฟ ผู้อยู่เบื้องหลังการเปิดใจครั้งนี้ หวังว่าเช้ามาเมดจะไม่ลืมนะ แล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 09-06-2018 22:52:13
ลืมไว ๆ เด้อ สัดพี่ของชาวเรา หงอยมาหลายซีนและ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Blackbone ที่ 09-06-2018 23:17:19
อิยีนส์คนพาล! อย่างนี้มันต้องตบ ตบๆๆๆๆ

:angry2: :m31: :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 10-06-2018 08:04:06
แอบห่วงจิง หน่อยๆ คิดว่า ืั้งสองคนเป็นเพื่อน เรื่องจริงที่ รู้แล้วไม่บอกเมด แต่เชื่อเถอะ ลมปากยีนส์เพื่อนเหี้ยๆหลอกมาได้ตั้งนาน ต้องหลอก ซะไม่อยากพูดออกไปให้ผิดใจกัน   แนะนำจิง อแกมาจาก ไอ้นั้นเหอะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 10-06-2018 09:28:27
ซึ้งใจในความรักของทั้งคู่ โดยเฉพาะอาฟขอบคุณที่กล้าเข้ามาหาเมดซักทีนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 10-06-2018 23:14:47
ตอนนี้ดีสุด
เหมือนทุกอย่างถูกปลดล็อก
มีความเข้าใจกันทั้งคู่
แต่ก็ยังอยากที่จะให้ทั่งคู่ได้เจออุปสรรคอีกสักเล็กน้อย เพื่อความไม่ระแวงกันและกัน ตลอดไป
เป็นกำลังใจให้ทั้งคนเขียน และตัวละครทั้งคู่
 :mew3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 11-06-2018 01:39:10
พอจะรู้ก็มีเรื่องมาแทรก รอคนกลับจากนอกมาเล่า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 11-06-2018 09:07:55
ถ้าน้องเมดรู้ความจริงจะเสียดายหรือเสียใจมากกว่านี้ป่าวอ่ะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-06-2018 10:48:19
ดีจริง........... :katai2-1:
อาฟ เมด เข้าใจกันแล้ว    :z3: :z3: :z3:

พอถึงตอนที่ชื่อเอม จะออกจากปาก
เป็นต้องมีเหตุให้ไม่ได้พูดซะเรื่อย   :really2: :really2: :really2:
ชื่อเอม เป็นชื่อต้องห้าม  อันตราย   :serius2:

ยีนส์ เลววววววว หมดคำบรรยาย  :fire: :fire: :fire:
ส่งไฟล์ที่ทำแย่ๆมาให้เมด
ถ้าเป็นเมดนะ ก็อปมาแก้งาน
แล้วปรินท์อันที่แก้แล้วเก็บไว้
ส่งไฟล์ของยีนส์อันเดิม  ส่งกลับไปให้จิง ก๊ากกกกกก  :katai2-1:
จิง จะได้เห็นความดี(ที่ไม่มี)ของยีนส์เพื่อนรัก ชัดกว่าเดิม
แล้วจะกล้าส่งอาจารย์แบบไม่แก้มั้ย  :m20: :laugh:

อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 13-06-2018 16:23:03
ไม่รู้ทำไมอ่านแล้วร้องไห้ตามเลย คนที่ใช่ในเวลาที่ใช่จริงๆ
รอวันที่เพื่อนอาฟมาเฉลยความจริง

ส่วนนังยีนส์ จะไม่จบใช่มั้ยยย :angry2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 15-06-2018 20:16:44
ตอนที่ 25

‘ ปวดหัว ’ ความรู้สึกแรกหลังจากตื่นนอนของผมเป็นแบบนั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาพลางขยับตัวเองจะพลิกไปอีกทาง แต่ทว่าแรงของอ้อมกอดที่ขยับกอดกันไว้แน่นของอีกคนชวนให้ผมดึงตัวเองกลับไปซุกในอ้อมกอดของมันในช่วงเวลาเช้าของวันนี้ มันก็รู้สึกแปลกอยู่ ทั้งๆที่มันก็ยังเป็นอ้อมกอดเดิมของคนเดิม แต่วันนี้มันกลับรู้สึกอบอุ่นมากกว่าทุกวัน ไม่รู้เพราะว่าเราเพิ่งผ่านเรื่องที่ไม่สบายใจมาด้วยกันรึเปล่า ถึงได้รู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆของเรามันดีขึ้นแบบนี้

ผมหลับตาเผลอคิดถึงทุกคำพูดและทุกการกระทำที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ก็รู้สึกว่าตัวเองเมาแต่ไม่ได้รู้สึกว่าจะเมาจนจำอะไรไม่ได้เลยขนาดนั้น แค่สมองมันตื้อๆ เหมือนขาดความคิดบางส่วนไป บางส่วนที่อาจจะเรียกว่า มารยาท ไม่ก็ ความรู้สึกผิดชอบในเรื่องที่สมควรทำและไม่สมควรทำ ‘ ก็จำได้ว่าเมื่อคืนขอไอ้อาฟมีเซ็กส์ด้วย  แถมยังจะเอามือไปจับตรงนั้นแล้วเสนอตัวจะทำให้อีก ’ แค่เพราะตอนนั้นผมคิดว่าแม้เราจะพูดเคลียร์กันแล้วแต่ดูเหมือนอาฟจะยังรู้สึกแย่อยู่ ผมรู้สึกว่ามันยังไม่เข้าใจ

ถอนหายใจออกมา ผมรู้สึกหน้าซีดเหมือนจะเป็นลมตอนที่คิดถึงตัวเองที่ไร้สติขนาดนั้น อยากจะฉีกพื้นคอนโดหนีไปให้ไกล ไม่รู้คิดอะไรถึงพูดออกไปแบบนั้น ราวกับว่า จะไม่ยอมเสียไปไม่ว่ายังไงก็จะรั้ง แต่พอมาคิดตอนนี้รู้สึกว่ามันช่างเป็นความคิดที่สิ้นคิดสิ้นดี นอกจากลดคุณค่าตัวเองแล้ว ยังดูใจง่ายอีก ขอสาบานเลยว่าต่อไปนี้จะไม่กินเหล้าอีก ให้ตายยังไงก็ไม่แตะต้องมันอีกเลย

“ หมวย ตื่นยัง “ ผมนอนนิ่งตอนได้ยินเสียงถามเบาๆจากคนที่กำลังกอดกันไว้ ขมวดคิ้วพลางทวนประโยคของมันแล้วคิดในใจ

‘ ใครแม่งหมวยวะ กูเหรอ หรือมันกำลังละเมอ ถึงกิ๊กสักคนแล้วคนคนนั้นชื่อหมวย ’  ทำทีเป็นหลับต่อไม่สนใจอะไรในตอนที่อาฟขยับตัวขึ้นมาแล้วหอมแก้มของผมไปแบบเต็มฟอด เรียกได้ว่าเหมือนกดจมูกเข้ามาบี้กับแก้มผมแบบสุดแรงเลยก็ว่าได้ กูพบตัวการที่ทำให้กูตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกเจ็บแก้มในทุกเช้าแล้ว

“ หมวยตื่นได้แล้ว ป๊าเรียกให้ไปขายซาลาเปา “

‘ อ๋อ มันเรียกกูนี่เอง ’ ผมยิ้มอยู่ในใจ แต่ว่าทำไมต้องขายซาลาเปาด้วยวะ นี่คือ แอบด่ากูถูกมั้ย ?

“ หมวย ตื่นไปขายซาลาได้แล้ว ป๊าเรียก “ ย้ำกันอีกครั้งก่อนจะหอมแก้มอีกข้างไปแบบรุนแรงเหมือนเดิม ก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันมีมุมนี้ มุมที่ฟัดแก้มแฟนตอนเช้าแบบไม่ให้รู้ตัว ‘ น่ารักว่ะ ’ ผมเผลอยิ้มออกมาก่อนจะกอดอีกคนไว้แน่นด้วยความสุข แล้วตอนนั้นอาฟก็ถามด้วยเสียงเข้มที่เปลี่ยนไป “ ตื่นแล้วเหรอวะ “

“ อื้ม “ เผลอกลั้นขำกับท่าทางของมัน ก่อนจะหลุดยิ้มกว้างเพราะฝืนไว้ไม่ไหว อะไรจะขี้เก็กได้ขนาดนั้นว่ะคนเรา ผมไม่ต้องลืมตาด้วยซ้ำแต่ก็พอรู้ว่าคนขี้เก็กคงกำลังปั้นหน้านิ่งแบบไม่เคลื่อนไหวใดๆ หูแดงๆของอาฟตอนนี้คงใกล้ระเบิด บางทีอาจจะลามมาถึงหน้า

“ ตั้งแต่เมื่อไหร่ “

“ ตั้งแต่ หมวย ตื่นยัง “

“ ส้นตีน “ มันสถบ ผมก็ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะกระชับอ้อมกอดที่กอดอีกคนไว้ ดึงตัวเองขึ้นจูบที่ปลายคางของอีกฝ่ายแล้วเลื่อนขึ้นไปจูบที่ริมฝีปาก

“ กูทำบ้างละกัน มึงจะได้ไม่เขิน ตกลงมั้ย “ มันเลิกคิ้วมองผมที่พูดขึ้นมาแบบนั้นอย่างไม่เข้าใจ “ มึงปลุกกูด้วยการฟัดแก้มกูทุกเช้าเลยใช่มั้ยละ “

“ เพิ่งครั้งแรก “

“ ตอแหล “ ผมเถียง “ ถ้าครั้งแรกทำไมกูต้องเจ็บแก้มทุกเช้าวะ “ มันเงียบไปผมก็ยกยิ้มเพราะรู้ว่านี่คือท่าทีแห่งการจำยอมของอีกคน “ มึงปลุกกูด้วยการหอมแก้มกูทุกเช้า ต่อไปนี้กูจะจูบมึงแบบจุ๊บๆตอนตื่นนอน ดีมั้ย “

“ เอาที่มึงสบายใจแล้วกัน “ หูแดงๆของมันบอก อาฟหันไปอีกทางผมก็ยิ้มก่อนจะดึงตัวเองลงมานอนเหมือนเดิม เรากอดกันอยู่แบบนั้นในเวลาเช้าที่ไม่ยอมมีใครลุกไปไหน ความเงียบที่ปกคลุมอยู่ภายในห้องแต่กลับรู้สึกอบอุ่นราวกับมีเสียงพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา

บางทีอาจจะมาจากอ้อมกอดของผมที่กอดอีกคนไว้หรือไม่ก็อาจจะเป็นมือของอาฟที่ลูบหัวผมไม่หยุดเลยทำให้บรรยากาศของเราในเช้านี้มันดีแบบนี้

“ เมื่อคืนจำได้มั้ยว่าทำอะไรลงไปบ้าง “

“ ทำอะไร ? “ เงยหน้าถามมันงงๆ ผมเปิดผ้าห่มออกดูแต่ก็ไม่ได้มีอะไรโป๊เปลือยทั้งนั้น มากสุดก็คือยังอยู่ในชุดเดิมตอนเย็นและยังไม่อาบน้ำ ดมไปตามเนื้อตัวก็ไม่ได้อ้วกแต่อย่างใด จัดว่ายังหอมอยู่ด้วยซ้ำไม่ได้มีกลิ่นเหม็นเหงื่อ “ ก็ไม่มีอะไรนะ ”

“ แล้วใครให้มึงกินเหล้า ” เสียงเรียบๆที่เอ่ยถามผมเหลือบมองมัน ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดีถ้าตอบออกไปตรงๆ น้องอัยย์จะโดนอะไรมั้ย ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกโอเค หรือไม่โอเคกับการที่น้องมาหลอกล่อให้ผมเมาแบบนี้ “ ว่าไง ใครเป็นคนเอาเหล้าให้มึงกิน ไอ้เดย์หรือไอ้อัยย์ “

“ กูกินเอง คืออยากลอง ”

“ งั้นเหรอ “

“ อื้อๆ น้องไม่เกี่ยวหรอก กูอยากลองเองแหละ น้องก็เลยทำให้กิน “ อีกคนพยักหน้ารับยิ้มๆก่อนจะถอนหายใจออกมาเซ็งๆ

“ ว่าจะให้รางวัลมันสักหน่อยที่ทำให้มึงกับกูคืนดีกัน แบบนี้คงไม่ต้องให้แล้วมั้ง เพราะมึงอยากจะกินเอง “

“ มึงจะให้อะไรอะ “ ผมถามอาฟก็ทำท่าคิด

“ เงินมั้ง เป็นของที่พวกมันอยากจะได้ที่สุดนี่จริงมั้ย “

“ งั้นให้น้องอัยย์นะ “ คนตรงหน้าผมยิ้มตอนที่เอ่ยบอกความจริงไป แต่ในแววตาผมรู้สึกว่าผมพลาดยังไงก็ไม่รู้ที่เผลอพูดอะไรแบบนั้น

“ ไอ้อัยย์สินะ “

“ มึงอย่าไปทำอะไรน้องมันนะ ห้ามว่าด้วย “ ดักความคิดที่จะทำร้ายน้องของมันไว้ อีกคนก็ยกคิ้วงงก่อนจะก้มลงมามอง

“ ทำไม ? “

“ ก็น้องไม่ได้ผิดอะไร ก็แค่ชงเหล้าให้กูกินเท่านั้นเอง อีกอย่างกูว่ามันก็โอเค อย่างน้อยเราก็ได้พูดกันตรงๆ ”

“ มึงคิดง่ายไปนะ ” อาฟบอก “ รู้รึเปล่าว่ามันมอมเหล้ามึงทำไม “

“ ให้กูเคลียร์กับมึง ”

“ ให้กูเอากับมึงด้วย “ ผมขมวดคิ้วก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ ไม่มีทาง น้องจะมาคิดอะไรแบบนั้นได้ไง “

“ หึ “ คนฟังยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ มึงคิดว่าไอ้เหี้ยพวกนั้นมันใสซื่อบริสุทธิ์หรือไง ตอนนี้มันคงคิดกันไปว่ากูกับมึงได้กันไปแล้ว แล้วเดี๋ยวเย็นนี้กูจะโอนเงินโบนัสไปให้มัน เพื่อตอบแทน ”

“ กูไม่ได้คิดว่าน้องใสซื่อบริสุทธิ์หรอก แต่ก็แค่ไม่คิดว่าน้องจะคิดเรื่องอะไรแบบนั้น กูคิดแค่ว่าน้องหวังดีอยากจะให้กูเคลียร์กันมึงเฉยๆ “

“ มันก็หวังดีนั่นแหละ แต่ความหวังดีของพวกมันผสมความเหี้ยเข้าไปด้วย เหมือนเหล้าที่มันเอาให้มึงกินน่ะ ตอนแรกคงบอกว่าน้ำผลไม้ใช่มั้ย แต่ในนั่นแหละที่เหล้าดีกรีแรงผสมอยู่ แล้วนั่นก็คือพวกมัน “

“ ถามจริงนี่มึงโกรธน้องเหรอ “ เอียงหน้ามองคนตรงหน้าที่ก็แค่ส่ายหน้าไปมา

“ กูไม่โกรธมันหรอก กูก็แค่อยากจะรู้ว่าใครมอมเหล้ามึง แล้วอีกอย่างกูอยากจะให้มึงรู้ว่า น้องเดย์น้องอัยย์ของมึงเป็นแบบไหนก็เท่านั้น “ อาฟพูดเสียงเรียบ “ ไม่ได้จะทำอะไรมันหรอก ไม่ต้องกังวลว่ากูจะทำอะไรน้องๆของมึง เพราะกูรู้ว่าไอ้สองคนนั้นมันไม่คิดร้ายกับมึงแน่นอน แถมยังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนอีกมั้ง ถ้ากูเกิดทำอะไรมึงขึ้นมา “

“ อื้ม “ ผมพยักหน้ารับก่อนจะดึงตัวเองลงไปกอดอีกคนไว้ “ กูรู้แค่ว่าคนรอบตัวกูตอนนี้ มีแต่คนที่ดีกับกูทั้งนั้น เมื่อคืนตอนกูทะเลาะกับมึงแล้วก็น้องเดย์น้องอัยย์นั่นแหละที่มาปลอบกู บอกว่า ไม่เป็นไรๆ มึงแค่งอนไม่ได้โกรธ ”

“ แล้วรู้มั้ยทำไมพวกมึงถึงดีกับมึงขนาดนี้ “ อาฟถามผมก็แค่ส่ายหน้าไปมาก่อนจะลองเดาเหตุผลดู

“ คงเพราะกูเป็นแฟนมึงมั้ง “

“ ไม่เกี่ยว “ คนตอบส่ายหน้า “ มึงเป็นคนแรกที่พวกมันใส่ใจขนาดนี้ แล้วที่เป็นแบบนั้น นั่นก็เพราะ มึงเป็นคนดีที่ใจดีกับพวกมันไง ไม่กี่ยวอะไรกับกูหรอก ต่อให้ไม่เป็นแฟนกู พวกมันก็รักมึงอยู่ดี “

“ อื้ม “ พยักหน้ารับอีกคน เหมือนอาฟจะอยากแค่บอกว่า เพราะผมเป็นตัวผมที่เป็นคนใจดีแบบนี้ก็เลยทำให้เป็นที่รักของทุกคนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องอื่น

“ แล้วนี่มึงจำเรื่องเมื่อคืนได้มั้ย “ คำถามที่ชวนให้ผมดึงตัวเองขึ้นจากอ้อมกอดของมัน ขัดสมาธิมองอาฟที่ก็เหล่มองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

“ เรื่องอะไรวะ “

“ เรื่องที่เราเคลียร์ “

“ จำได้ “ ผมพยักหน้ารับ ก็ใช่ว่าจะลืมจำได้ทั้งหมดตั้งแต่ออกมาจากผับจนถึงตอนก่อนจะนอนที่อาฟบอกให้ไปอาบน้ำแล้วผมก็บอกว่าไม่ จะนอน แถมยังดึงมันลงมานอนด้วยกัน จนหลับไปแล้วก็มาตื่นเอาตอนนี้

“ กูพูดว่าอะไรบ้าง “ คนพูดดึงตัวเองขึ้นมาพิงกับหัวเตียง ท่าทางที่ดูไปมาก็เหมือนคุณพ่อที่กำลังดุลูกชายตัวเองในตอนที่กำลังทำผิด ผมทำท่าคิดอาฟก็อธิบายเพิ่ม “ เมื่อคืนกูบอกมึงว่ากูต้องการอะไร “

“ ต้องการให้กูเป็นตัวเอง “ ผมตอบ “ มึงบอกว่าถ้ากูอยากจะทำอะไรให้มึง กูก็แค่ทำ แล้วถ้ามึงไม่ชอบมึงจะเป็นคนบอกกูเอง “
 
“ แสดงว่าจำได้ “ อาฟพยักหน้ารับก่อนจะยื่นมือมาดึงปลายคางของผมให้เชิดขึ้น “ แล้วเรื่องขอให้กูเอามึงนี่ ยังจำได้มั้ย “

“ จำไม่ได้แล้ว “ ดึงตัวเองออกห่างจากมัน ผมส่ายหน้าไปมาก่อนจะทำทีเป็นเอียงมอง “ กูทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ บ้าน่า กูไม่ทำหรอก มึงจำผิดแล้ว “

“ คิดไว้แล้วว่ามึงต้องพูดแบบนี้ “ รอยยิ้มจางๆที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมจะบอกว่าน่ากลัวก็ดูน่ากลัวอยู่ แต่ว่ามันดูเจ้าเล่ห์มากกว่าเหมือนว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่  อะไรสักอย่างในตอนที่ดึงตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วดึงผมให้นอนราบลงด้วยการค่อมทับกันเอาไว้

“ เชี้ยอาฟ “  สองแขนถูกจับกุมไว้เหนือหัวตอนที่เอ่ยสถบออกไป ทุกอย่างดูรวดเร็ว เอาเข้าจริงก็แทบไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ “ เดี๋ยวๆ จะทำอะไรของมึง “

“ ทำอะไรเหรอวะ “ มันมองผมตอนที่พูดรอยยิ้มที่ค่อยๆยกขึ้น “ ทำแบบที่มึงอยากจะให้ทำเมื่อคืนดีมั้ย “

“ เอ่อ..”

“ เริ่มจากตรงไหนก่อนดีละ “ มันถามก่อนจะจูบย้ำลงที่ริมฝีปาก แล้วก็ไล่ไปที่แก้มข้างซ้ายก่อนจะไล่ขึ้นไปงับที่ติ่งหูเบาๆ ผมที่ก็ได้แต่ตัวสั่น ในตอนที่มันดึงตัวเองขึ้นมามองหน้ากันอีกครั้ง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นก็ปรากฏให้เห็นกันแบบชัดๆ ว่าตอนนี้คุณอารยะกำลังมีแผนปั่นหัวผมอยู่ “ ต่อไปเป็นอะไรอีก ฝั่งซ้ายมั้ย หรือว่าซอกคอดี “

“ ไหนบอกกันว่าจะทำให้กูรู้สึกอบอุ่นที่สุดไง อยากจะให้ครั้งแรกของเราเป็นอะไรที่กูจะจดจำมันได้ตลอดไปไง “

“ ไหนบอกว่าจำไม่ได้ ” อาฟถามกลับผมก็เม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่น

“ ก็... จำได้ แบบนิดๆ หน่อยๆ “

“ งั้นต้องทวนความจำให้ได้ทั้งหมดซะแล้วมั้ง “ ใบหน้าคมที่จูบลงที่คอผมสะบัดตัวหนีทันที ก่อนจะตะโกนบอกเสียงหลงด้วยความตกใจ

“ จำได้แล้ว! จำได้แล้ว อย่าทำรอยนะ อย่าทำนะมึง ไอ้เชี้ย! “

“ จำได้สักทีนะ “ มันพูดเสียงเรียบๆพลางใช้สายตามองผมที่พยักหน้ายอมรับอยู่แบบนั้น อาฟก้มลงมาจูบเบาๆอีกครั้งที่ริมฝีปาก ก่อนจะดึงตัวเองเข้ามากอดกันไว้ สองแขนที่กอดรัดตรงช่วงเอว ใบหน้าซบเข้าไปที่ซอกคอ “ กูแค่อยากจะพูดอีกครั้งตอนที่มึงมีสติครบถ้วน ว่าทีหลังอย่าทำแบบนั้นอีก อย่าคิดเอาตัวเข้ามาแลกกับความรู้สึกของกูอีกเข้าใจมั้ย “

“ อาฟ..”

“ ต่อให้กูโกรธมึงแค่ไหนก็อย่าทำ กูไม่ชอบที่มึงมองตัวเองไม่มีค่าแบบนั้น กูมองมึงมีค่ามากนะเมด เพราะงั้นมึงต้องเห็นตัวมึงมีค่าให้มากกว่านี้ “

“ เข้าใจแล้ว “

“ ไม่คิดเลยว่าคำพูดนั้นจะหลุดออกจากปากมึง “ อาฟบอกก่อนจะดึงตัวเองที่กอดผมอยู่ขึ้นมามองกัน “ ถามจริงทำไมถึงเลือกที่จะพูดมันออกมา “

“ ไม่รู้ “ ผมส่ายหน้าให้มัน ไม่รู้จริงๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพูด ปกติผมเป็นคนที่รักตัวเองมากกว่านี้ แต่เมื่อคืนราวกับความรู้สึกพวกนั้นมันจะขาดหายไปหมด ไม่มีความคิดอะไรซับซ้อนทั้งนั้น เหมือนแค่รู้สึกยังไงก็พูดออกไปแบบนั้น “ แค่รู้สึกว่าไม่อยากจะเสียมึงไป โทษที กูทำให้มึงรู้สึกแย่ใช่มั้ยวะ “

“ เปล่า “ อาฟส่ายหน้า “ ยังไงมึงก็แฟนกู กูไม่รู้สึกแย่หรอก แต่กูแค่ไม่อยากจะให้มึงคิดอะไรแบบนั้นก็เท่านั้น กลัวมึงคิดว่าตัวเองไม่มีค่าอยู่แล้ว เลยจะมาง้อกูด้วยเซ็กส์ “ 

“ โนวววว ไม่เถอะ ไม่มีทาง กูเกลียดเซ็กส์จะตายห่า แล้วกูก็ไม่ง่ายขนาดนั้นด้วย “ ปฎิเสธเสียงหลง ผมเว้นเสียงไปก่อนจะถอนหายใจออกมา “ กูว่ากูคงเมาแหละเลยกล้าจะทำอะไรแบบนั้น ตอนนั้นกูอาจจะคิดว่าเราเป็นแฟนกัน ยังไงสักวันเรื่องแบบนั้น ก็คงต้องมีอยู่แล้ว จะมีตอนไหนก็คงไม่สำคัญ... ” ท้ายประโยคที่ค่อนข้างเบาๆของผม ชวนให้เลือดทั่วร่างสูบฉีดขึ้นมากองรวมกันที่หน้า “ แต่มันจะไม่มีอีก เชื่อกูนะ มันจะไม่มีอะไรแบบนั้นอีกแล้ว เพราะกูจะไม่เมาอีกแล้ว เด็ดขาดเลย “

“ มึงไม่ชอบมีเซ็กส์เหรอ “ คำถามที่เปลี่ยนไปของคนที่ค่อมทับผมไว้ หันไปมองมันอีกคนก็ดึงตัวเองขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียง ส่วนผมเองก็ลุกขึ้นมานั่งอยู่ตรงหน้าตามก่อนจะตอบ

“ ก็ไม่ชอบหรอก ใครชอบบ้างวะ “

“ กูไง “ ขมวดคิ้วกับคำตอบของอีกคนพลางถอนหายใจ อาฟก็ยกยิ้ม “ แล้วทำไมไม่ชอบ “

“ กูไม่รู้อะ มันเจ็บ แล้วกูก็ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมด้วย “ สารภาพมันไปตามตรงก่อนจะขยี้หัวตัวเองแก้เขินที่ต้องพูดเรื่องแบบนั้น “ ไอ้ความรู้สึกที่อยากจะให้เอานี่ ไม่มีเคยมีเลยนะ มากสุดของกูคือก็แค่จูบกอดก็พอแล้ว มากกว่านั้นกูก็ไม่ได้แฮปปี้เท่าไหร่หรอก อีกอย่างกูไม่เคยสัมผัสอะไรที่เค้าเรียกว่า เซ็กส์ดีๆเลยสักครั้งด้วยละมั้ง  “

“ อื้ม “ คนฟังพยักหน้ารับแบบเงียบๆ ผมก็เหล่มองมัน

ก็เข้าใจอาฟอยู่เหมือนกัน ถึงเซ็กส์จะไม่ใช่ชีวิตประจำวันของคนเรา แต่มันก็ต้องมีกันบ้างอยู่แล้วเพื่อเพิ่มความสุขในชีวิตรัก ผมรู้ดีว่าสักวันต้องมาถึง วันที่ทั้งผมทั้งมันอยากจะแสดงความรักต่อกันด้วยการกระทำที่มากกว่าแค่คำพูดที่บอกว่ารัก

“ แต่กูอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้นะ “ อาฟเหลือบมองผม “ มึงบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าถึงวันนั้นมึงจะทำให้กูมีความสุขมากที่สุด ตอนนั้นมึงอาจจะทำให้กูเปลี่ยนความคิดไปก็ได้ กูอาจจะรู้สึกแฮปปี้กับมันมากๆเลยก็ได้นะ “

“ รู้มั้ยว่ามึงกำลังอ่อยกู “ อาฟถามก่อนจะดึงตัวเองเข้ามาจูบที่ริมฝีปากของผมที่ก็ยิ้มให้มัน

“ ไม่รู้สิ เพราะคิดว่าคนอย่างคุณอารยะไม่น่าจะอ่อนถึงขนาดแพ้แม้แค่คำพูดพวกนั้น “

“ ใครว่ากูแพ้คำพูดพวกนั้น “ อีกคนถามพลางยักคิ้วแล้วขยับตัวเอามาใกล้ผม มือข้างนึงกอดเอวกันไว้ก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มไปเต็มฟอด จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกเลยรึเปล่าที่อาฟคลอเคลียผมแบบต่อหน้าขนาดนี้ เงยมองหน้ามันที่ดึงตัวเองออกจากแก้มผมแล้ววนมาจูบที่ริมฝีปากอีกครั้ง แววตาคมที่มีความหมายเอ่ยบอกกัน “ ผมแพ้คุณต่างหากครับ “

“ อารยะแม่ง “ เผลอสถบออกมาตอนที่มองหน้ามันอยู่แบบนั้น อาฟยักคิ้วให้ผม

“ ไม่คิดเลยเหมือนกันว่ามึงจะแพ้ ท่าทางคลอเคลียกับคำพูดหวานๆขนาดนี้ ” กูว่าแล้ว.. ว่าต้องแก้แค้นกู เพราะนี่ไม่ใช่สันดานที่แท้จริงที่มันจะทำต่อกันเด็ดขาด

“ นี่เอาคืนกันเหรอวะ “

“ แล้วแต่จะคิดครับ “ ผมบอกก่อนจะยักไหล่ แล้วดึงตัวเองขึ้นมากระซิบข้างหูผมตอนที่เห็นว่า สีหน้าผมเริ่มหงุดหงิด “ แต่ที่พูดแพ้มึงน่ะ เรื่องจริงนะ “

“ ไม่รับรู้ “ ผมบอก “ กูไม่คุยกับมึงแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า “ พาตัวเองลงจากที่นอนเพราะถ้าอยู่นานกว่านี้คงถูกแกล้งปั่นหัวมากกว่านี้แน่ ดูท่าทางมันจะไม่ยอมกันเลย เหมือนถ้าผมทำให้มันเขิน มันก็จะทำให้ผมเขินกลับมากกว่ามันหลายเท่าตัวนัก

 เข้ามาจัดการอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ไม่ลืมแขวนเสื้อกับกางเกงแบบที่อยากจะให้คนที่อยู่นอกห้องใส่ไว้ที่ตู้เสื้อผ้าด้านหน้า วันนี้เลือกเป็นกางเกงขาเดฟสีดำเหมือนเดิม แต่ให้ใส่กับเสื้อยืดแล้วก็มีเสื้อคลุมอีกด้วย วันนี้ผมไม่มีเรียนอาฟเองก็ด้วย ออกไปข้างนอกอีกทีก็คงจะเป็นตอนเย็นก่อนเข้าผับทีเดียว

ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู ตอนนี้มันฉายเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้ว ข้อความแจ้งเตือนต่างๆที่ดังขึ้นมาในเครื่อง เฟสบุ๊คที่เตือนความทรงจำของผม ตอนที่กดเข้าไปดูก็พบว่าวันนี้เมื่อสองปีก่อนผมไปกินข้าวกับไอ้บินที่ร้านนึง ผมจำความรู้สึกในวันนั้นไม่ได้แล้ว เราอาจจะเพิ่งคืนดีกัน หรือไม่ก็เป็นมื้ออาหารปกติที่นานๆครั้งเราจะออกมากินด้วยกัน

ลากนิ้วขึ้นไปบนหน้าจอกดลบภาพนั้นออกจากความทรงจำเพราะรู้สึกว่ามันไม่มีค่าอะไรเลยที่จะต้องคงอยู่ ออกจากโปรแกรมนั้นก่อนจะเปิดไลน์ของตัวเองแล้วพบว่ามันไม่มีข้อความตอบกลับของน้องชายผมเลย ทั้งๆที่ผมก็ส่งข้อความไปหามันตั้งแต่เมื่อคืน ตอนแรกคิดว่ามันคงหลับแล้วเพราะต้องออกไปเรียนตอนเช้าแต่ที่ยังเงียบแบบนี้ก็ไม่น่าจะใช่แล้ว

“ ไปไหนของมัน “ บ่นกับตัวเองอยู่คนเดียวก่อนจะกดโทรออกไปหาแล้วเดินออกมาจากห้องแต่งตัว “ ทำไมไม่รับเลยวะ “

“ บ่นอะไร “

“ กูติดต่อไอ้วิวไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ส่งข้อความไปมันก็ไม่ตอบ “

“ ยังไม่ตื่นรึเปล่า “

“ จะสิบเอ็ดโมงแล้วนี่อะนะ  วันนี้มันมีเรียนนะเว้ย มันต้องไปเรียนดิ ” เถียงอีกคนไปแบบนั้นผมดึงมือถือที่แนบหูออก ก่อนจะพิพม์เข้าไปในไลน์น้องชาย [ ทำอะไรอยู่ รับสายพี่เมดหน่อยวิว ไม่สบายรึเปล่า ] กดส่งข้อความก่อนจะโทรออกไปหามันอีกครั้งแต่ทว่าก็ยังไม่มีปลายสายตอบกลับมาอยู่ดี ผมถอนหายใจออกมา “ มึง  กูว่าจะกลับคอนโดหน่อย คืนนี้เจอกันที่ผับเลยได้มั้ย “

“ ไม่ได้ “ อาฟบอกสั้นๆ ผมก็อ้าปากเตรียมเถียงมันก็บอก “ เดี๋ยวกูไปส่ง จะไปหาน้องใช่มั้ย “

“ อื้ม กูเป็นห่วง กลัวมันไม่สบายจะไปดูมันสักหน่อย “

“ อื้ม อาบน้ำแปป “ อาฟบอกก่อนจะเดินลงจากเตียง “ ระหว่างนี้ก็ลองโทรไปหาก่อนเผื่อติด “

“ โอเค “ พยักหน้ารับกับมัน ผมก็กดโทรออกอีกครั้ง แต่ทว่ารอบนี้รอไม่นานปลายสายก็รับ

“ ฮัลโหล “ เสียงงัวเงียของคนเป็นน้องเอ่ยผ่านสายออกมา ผมที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะตอบรับมัน

“ วิวทำอะไรอยู่กูโทรไปตั้งหลายสายทำไมมึงไม่รับ แล้วนี่ไม่ไปโรงเรียนเหรอ ไม่สบายรึเปล่า “

“ สบายดีๆ แต่ที่ไม่ได้ไปเพราะว่าวันนี้ไม่มีค่อยมีวิชาหลักๆอะ เพื่อนกับวิวเลยนัดโดดกัน “

“ นี่กูกับอาฟจะเข้าไปหามึง กลัวมึงไม่สบาย “

“ ไม่ต้องๆๆๆ “ เสียงโวยวายของมันดังขึ้นจนผมต้องดึงมือถือออกจากหูตัวเอง “ ไม่ต้องมานะ ไม่ได้เป็นอะไร วิวนอนดึกเฉยๆอะพี่เมด นี่เดี๋ยวบ่ายโมงวิวจะออกไปข้างนอกด้วย “

“ ไปไหนอีก นี่มึงไม่เตรียมตัวสอบรึยังไง เข้าที่ไหนเตรียมตัวไว้ยัง “

“ จะเข้าเอกชนอะ ขี้เกียจสอบ “ ผมถอนหายใจออกมาตอนได้ยินอย่างงั้น จริงๆก็อยากจะให้มันลองสอบดูสักหน่อย วิวไม่ใช่คนเรียนไม่เก่งมันก็เรียนดีค่อนไปทางกลางถ้าพยายามสักหน่อยก็คงสอบติดอยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่อยากจะเซ้าซี้มันจนอีกฝ่ายรำคาญไปอีกคน เพราะเชื่อว่าแม่เล็กก็คงพูดจนมันรำคาญมามากพออยู่แล้ว “ พี่เมดไม่ต้องมาหรอก เกรงใจพี่อาฟด้วยมันไกลอะ เพราะถ้ามาเดี๋ยวต้องคราดกันอยู่ดีอะ “

“ วิวไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ “

“ ไม่ได้เป็นอะไร รักพี่เมดนะ แค่นี้ก่อนวิวง่วงอะ เมื่อคืนนอนดึกมัวแต่ดูหนังเกาหลี “
 
“ โอเค ไว้เดี๋ยวว่างๆพี่ไปหานะ “

“ อื้ม “ น้องชายผมตอบ “ โทรมาก่อนนะ เดี๋ยวไม่เจอกัน “

“ โอเค ดูแลตัวเองด้วยนะวิว “

“ พี่เมดก็ด้วยนะ “

“ ครับผม “ ดึงมือถือออกจากหูตัวเองผมกดวางสายก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รับรู้ถึงความแปลกใจยังไงก็ไม่รู้ตอนที่มองหน้าจอมือถือของตัวเอง เป็นห่วงมันอยู่หน่อยๆแต่ถ้ามันบอกว่าไม่เป็นไรก็คงไม่เป็นไร วิวเป็นคนไม่ชอบให้ใครเซ้าซี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว

“ วิวยังไม่รับสายมึงอีกเหรอ แต่เมื่อกี้กูได้ยินเสียงเหมือนมึงคุยกับใครนะ “ ผมหันไปหาต้นเสียงของอาฟที่เอ่ยถามกัน ส่ายหน้าปฎิเสธให้มันก่อนจะเอ่ยบอก

“ เปล่า วิวรับสายกูแล้วนั่นแหละ แต่กูแค่รู้สึกห่วงมันแปลกๆ “

“ ทำไม “ อาฟถามผมก็ทำท่าคิด

“ เซ็นส์น่ะ แค่รู้สึกว่ามันจะเป็นแบบนั้น เหมือนมันกำลังมีอะไรที่ไม่สบายใจ “ ยิ้มแห้งๆให้อีกคนอาฟก็ถาม

“ จะไปหาน้องมันหน่อยมั้ยละ “

“ กูก็อยากจะไปเหมือนกัน แต่วิวบอกว่าเดี๋ยวมันต้องออกไปเที่ยวกับเพื่อน งั้นก็ไม่ไปดีกว่า ไปเราก็คงไม่ได้เจอมันอะมึง “ อาฟพยักหน้ารับผมก็กดล๊อคมือถือแล้วหันไปหยิบไอแพตขึ้นมา คิดว่าจะทำงานสักหน่อยกลับไปคืนนี้จะได้ไม่ต้องยุ่งมาก “ เดี๋ยวออกไปชงกาแฟให้กิน วันนี้กินขนมปังกับนูเทล่าแล้วกันนะ แยมหมดแล้ว “

“ อื้ม “

“ แล้วกูขอทำงานให้เสร็จก่อน แล้วเราค่อยออกไปหาอะไรกินหนักๆกันนะ เมื่อวานมึงบอกอยากกินชาบู เดี๋ยววันนี้เราไปกินกันนะ “ คนตรงหน้าผมยิ้มน้อยๆก่อนจะหันไปทางอื่นแบบเก็กๆอาฟตอบเสียงในคอ

“ อื้ม “ ว่าแค่นั้นก่อนจะหันมาเหล่ผม “ นี่..จะว่าไป  เรา ก็ไม่เคยไปเดินห้างด้วยกันเลยนะ “

“ วันก่อนไปเลือกแก้วมา นั่นก็ห้างนะ ถึงจะเดินเพราะว่าเลี่ยงเวลารถติดก็เถอะ “ หันไปเอียงหน้ายิ้มๆให้กับอีกคน อาฟก็เหลือบมองไปทางอื่นมันเหมือนพยายามจะหาข้ออ้างอะไรสักอย่าง เป็นผู้ชายปากแข็งที่ไม่เคยพูดอะไรออกมาตรงๆได้อย่างที่ใจอยากพูดเลยสักครั้ง “ แค่จะชวนกูไปเดินห้างต้องฟอร์มขนาดนั้นเลยเหรอวะ “

“ ไม่ใช่เดินห้างธรรมดา “ อาฟบอก “ กำลังจะชวนมึงไปเดท “ พูดออกมาแบบหันมาเหล่มองกันเป็นระยะ หูแดงๆของมัน อาฟหายใจติดขัดก่อนจะหาข้ออ้างตอนที่ผมหันไปเอียงหน้ามอง “ ก็ตั้งแต่คบกันยังไม่เคยไปเดทกันเลย ไม่สิ กูไม่ได้หมายถึงเดท คือ ก็ห้างก็น่าสนใจดี ฆ่าเวลาไม่รู้จะไปไหน แล้วกูก็มีเสื้อที่อยากจะซื้อพอดี อื้ม  ใช่ จะไปซื้อเสื้อ คือก็ถ้ามึงอยากไป กูหมายถึงว่าถ้ามึงจะไป แต่ถ้ามึงไม่ไปก็ไม่ต้องไป “

“ อยากไป “ ผมบอกมันก่อนจะยิ้ม

“ มึงคง .. มีของที่จะซื้อเหมือนกัน “

“ เปล่า “ ผมส่ายหน้า “ กูอยากไปตั้งแต่มึงบอกว่า จะพากูไปเดทแล้วต่างหาก “
 
“ อื้ม “

“ งั้นเดี๋ยวกูออกไปทำกาแฟแล้วก็ขนมปังให้มึง พอกูทำงานเสร็จสั่งของเข้าผับเรียบร้อย เราก็ออกไปกินชาบูกัน แล้วก็ไปเดทกันที่ห้าง พอดึกก็ค่อยเข้าผับ โอเคมั้ย “

“ ตามใจมึง “ อีกคนว่าผมก็ก้มหน้าลงมองดูเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ มันเป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นแบบผ้าซาตินสีชมพูกับกางเกงเดฟสีดำ แต่เหมือนจะธรรมดาไปหน่อย

“ กูต้องเปลี่ยนชุดมั้ย ไปเดททั้งที “

“ น่ารักแล้ว “ คนที่ยืนข้างกันบอก ตอนที่เงยหน้าขึ้นไปมองอาฟที่มองผมอยู่ก็หันกลับไปทันทีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ มึงบอกว่ากูน่ารักแล้วเหรอ ? “

“ กูหมายถึงเสื้อ คือมันก็เหมาะกับมึงแล้ว “

“ อ๋ออ แบบนั้นนี่เอง “ ผมพยักหน้ารับก็รู้แบบใสซื่อ ทั้งๆที่ก็รู้ว่ามันชอบอ้าง แต่อาฟที่ก็ยังไม่เดินเข้าไปในห้องแล้วแต่งตัวสักที เหมือนกับว่ามันยังอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่กล้าพูดออกมาตามประสาคนฟอร์มจัด “ มีอะไร “

“ คือ.. ไม่รู้ว่ามึงจะเข้าใจที่พูดมั้ย แต่เมื่อกี้คือจะบอกว่า  ชอบ “ มันพูดย้ำคำสุดท้ายแบบสั้นๆ หูของมันแดงจัดแดงจนลามลงมาถึงคอ

“ จะบอกว่าเสื้ออีกสินะ “

“ มึง “ คำพูดที่หลุดออกมาทำให้ผมเป็นฝ่ายนิ่งไปบ้าง แล้วตอนนั้นอาฟก็แค่ย้ำเพื่อให้ผมมั่นใจ “ ตั้งใจจะพูดว่า กูชอบที่เป็นมึงทั้งหมด “ ทำได้แค่พยักหน้ารับกับคำพูดตรงๆของมัน

“ เหมือนกัน “ 

ชอบที่เป็นคนติดขัดในการจะพูดอะไรหวานๆ ออกมาสักครั้ง ชอบที่เวลาชมจะอ้างนู้นอ้างนี่ไปเรื่อย ชอบท่าทางเก้งๆกังๆนั่น แล้วก็ชอบความอบอุ่นทั้งหมดที่มอบให้กันในช่วงเวลาที่ผมอ่อนแอ ‘ ชอบที่เป็นมึงทั้งหมด เหมือนกันอาฟ ’
 
...........................................................
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 24 :: up! 8-6-61} #หน้า 16
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 15-06-2018 20:17:44


   ครืน ครืน

เสียงดนตรีดังผสานกับเสียงสั่นของมือถือที่ตั้งไว้บนโต๊ะข้างเตียง ภายในห้องที่หนาวเย็น ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนจะขยับตัวหนีเสียงนั้น เอื้อมมือดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างที่เปลือยเปล่าพลางกระชับอ้อมกอดคนในอ้อมแขนไว้ให้แน่นขึ้น

หลับตาลงอีกครั้งตอนที่เสียงนั้นเงียบไปกลายเป็นเสียงข้อความที่ส่งเข้ามาแทน แต่ทว่ายังไม่ทันจะหลับสนิทอีกครั้ง เสียงรบกวนนั้นก็ดังขึ้นอีก

“ จะโทรมาทำไมนักหนาว่ะ ” เสียงคนที่อยู่ในอ้อมกอดผมพูดขึ้นก่อนจะขยับตัวไปหยิบมือถือนั้นขึ้นมาดู กดปุ่มปิดเสียงรบกวนก่อนจะขยับตัวขึ้นนั่งด้วยท่าทางที่ดูจริงจัง แล้วนั่นก็บอกกับผมว่าสายที่โทรเข้ามาคงสำคัญกับเจ้าของเครื่องไม่น้อย “ ฮัลโหล “ คนที่รับกรอกเสียงไปตามสายก่อนจะดึงตัวเองขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปนอกห้อง ไม่รู้ว่าเพราะมันกลัวจะรบกวนผมหรือเพราะว่ากลัวว่าผมจะได้ยินบทสนทนานั่นกันแน่

ผ่อนลมหายใจออกมา ผมลืมตาหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาดูบ้าง มือถือไม่ปรากฏสายโทรเข้า มีแค่ไลน์จากเพื่อนสนิทอย่างไอ้อาฟ เจ้าของผับดังอย่าง throw up ที่ส่งมาตั้งแต่เมื่อคืน เท่าที่อ่านก็คงทะเลาะกับแฟนหมาดๆของมันกับเรื่องในอดีตของอีกคน  แต่พออ่านมาเรื่อยๆ ข้อความล่าสุดของวันนี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน มันกลับเขียนมาสั้นๆแค่ว่า ‘ โอเคกันแล้ว ’

“ ง่ายดีไอ้สัด ไม่ให้โอกาสกูทำหน้าที่เพื่อนที่ดีเลย ” ผมบ่นเบาๆก่อนจะยิ้มแล้วส่งสติกเกอร์รับทราบตัวนึงไปให้มัน

ก็คิดไว้อยู่แล้วว่ามันต้องกลายเป็นปัญหา เมดคบกับแฟนเก่ามาตั้งสี่ปี ยังเลิกกันไม่ถึงสองเดือนไม่แปลกหรอกที่ยังไม่ลืม แถมเรื่องที่เลิกยิ่งชวนให้อาฆาตแค้นขนาดนั้น ส่วนตัวผมยังมองไม่เห็นทางความรักของมันสองคนว่าจะออกมาในรูปแบบไหน แต่ก็เชียร์อัพมันอยู่แบบนี้ด้วยเหตุผลเดียวที่ไม่มีอะไรมากกว่านี้คือ ‘ ก็ชอบมาตั้งนาน โอกาสมาใกล้แค่นี้ก็ควรคว้าเอาไว้ ’

แล้วตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าเพื่อนสนิทของผม กำลังได้เรียนรู้ถึงความรักแบบจริงจัง ที่มีอะไรมากกว่าความสุข และ ความทุกข์ ที่เป็นอยู่ในชีวิตประจำวันที่แสนจะเรียบง่ายของมัน

“ ตื่นแล้วก็กลับไปได้แล้วมั้ง “ เสียงที่ดังขึ้นจากหน้าประตู ชวนให้ผมเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง ก่อนจะพบว่าเป็นเสียงของเจ้าของห้องที่เดินออกไปเมื่อครู่พูดขึ้นมา กดล็อคมือถือมองดูคนที่เดินเข้ามาใกล้ เด็กผู้ชายร่างผอมบางอยู่ในเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นเรียบร้อย ต่างจากผมที่เปลือยเปล่า

“ ถึงกับต้องไล่กันเลย “ เอ่ยแซวอีกคนที่ถอนหายใจออกมาด้วยใบหน้าเซ็งๆ ผมเองก็ยกยิ้ม

เราเจอกันเมื่อคืนในผับเล็กๆที่เพื่อนในกลุ่มมหาลัยชวนผมไปนั่งชิลเอาบรรยากาศ ปกติเวลาวันหยุดที่ไม่ต้องออกไปทำงาน throw up ผมก็ชอบมานั่งหาอะไรกินอร่อยๆ ไม่ก็แวะตามผับพวกนี้อยู่แล้ว

ชอบออกมานั่งดูว่าตามผับเกิดใหม่มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เพราะ throw up เองก็ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆให้ติดลมบนแบบนี้ไปนานๆเหมือนกัน แล้วเมื่อวานผมกับคนตรงหน้าก็เจอกันที่ผับนั้น

เด็กกลุ่มนึงที่เดินเข้ามาหลังจากที่เรานั่งกันอยู่สักพักใหญ่ ทุกคนในนั้นล้วนดูน่ารักแบบสะดุดตา ผมเห็นมันครั้งแรกตอนที่เดินเข้ามากับกลุ่มเพื่อนและผ่านโต๊ะผมไป ท่าทางเชี่ยวชาญของการสั่งเหล้าคิดว่าน่าจะอยู่สักปีหนึ่งไม่ก็ปีสองเพราะหน้าตายังเด็กกันอยู่

“ เด็กกลุ่มนั้นแม่งน่ารักวะ “ ไอ้สิงเพื่อนในกลุ่มผมพูดขึ้น ก่อนที่เราทั้งหมดจะหันไปมองกันไปตาเดียว แล้วตอนนั้นผมก็เผลอสบตากับเด็กคนนึงที่มันก็เงยหน้าขึ้นมามองผมพอดี “ คนที่เงยหน้าขึ้นมาน่ารักวะ มึงว่างั้นมั้ยไอ้เจ “

“ ก็น่ารักดี “ ผมหันไปพยักหน้ารับกับมัน ไม่ถึงกับว่าโดดเด่นมากแต่ก็ดูน่ารัก ภายนอกก็ดูเป็นคนช่างพูดช่างคุย แต่เหมือนว่าตัวจริงจะตรงกันข้ามอยู่หน่อยๆ เพราะตั้งแต่หย่อนตัวลงนั่งนอกจากจะหันไปยิ้มกับเพื่อนที่นั่งข้างๆ แล้วคุยกันไม่กี่ประโยค มันก็เลือกที่จะนั่งเงียบๆอยู่คนเดียว

“ กูจีบดีกว่า มึงว่าน้องเค้าจะชอบกินค๊อกเทลแบบไหน สั่งไปจีบกันหน่อย “

“ ต้องถามเด็ก throw up ไอ้เจมันเชี่ยว “ เพื่อนอีกคนอย่างไอ้ภาพเอ่ยบอก ผมก็ยกยิ้มก่อนจะยกเหล้าขึ้นกิน พยายามคิดถึงค๊อกเทลแบบต่างๆที่ดูเหมือนจะเหมาะกับอีกคน

“ clover club ”

“ กูว่าคงสั่งได้แต่ใน throw up ”  เพื่อนคนที่จะสั่งหัวเราะ “ มึงไม่มีอะไรที่มันง่ายๆกว่านี้เหรอวะไอ้สัด ผับแม่งเล็กแค่นี้เองเชี้ยเจ “

“ โฮการ์เด้นราสเบอรี่ไปไอ้เหี้ย ถ้าไม่มีอีกปิดผับไปเลยมึงไปบอกมัน “ เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นของกลุ่มเรา ก่อนไอ้สิงจะยกมือขึ้นสั่งเครื่องดื่มแบบที่ผมบอกให้กับน้องคนนั้น โดยไม่ลืมแนบข้อความผ่านกระดาษแผ่นเล็กไปด้วย ผมไม่รู้ว่ามันเขียนว่าอะไรแต่คิดว่าคงเป็นข้อความทั่วไปอย่างพวกขอไลน์ ไม่ก็ทำความรู้จักกันอย่างลึกซึ้งในคืนนี้

เครื่องดื่มที่สั่งถูกเอาไปเสิร์ฟให้กับคนที่เพื่อนผมสนใจ แต่ดูเหมือนท่าทางของคนรับจะไม่ได้พึงพอใจเท่าไหร่ คนรับแค่ยิ้มก่อนจะก้มหน้าขอบคุณสำหรับเครื่องดื่มที่ฝากไปให้เท่านั้น แตกต่างจากเพื่อนๆที่ต่างก็โห่แซวกันออกมา

“ มึงเขียนไปว่าไรวะ “

“ ขอไลน์ “ สิงตอบผม “ โฮการ์เด้นขวดเดียวมึงจะให้กูไปขออะไรเค้าเยอะแยะไอ้สัด “

“ แต่เหมือนน้องเค้าไม่ได้สนใจมึงวะ “ ไอ้ภาพบอกเพื่อนตัวเองที่ก็ยกยิ้มขึ้นพลางพยักหน้ารับ

“ เออ กูรู้ แม่งไม่ยิ้มเลย “

“ มีผัวแล้วเปล่าวะ “

“ กูว่าน้องดูไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่มากกว่า “ สิงพูดขึ้นผมก็มองไปที่คนที่มันเอ่ยถึงกันอยู่ “ เหมือนไม่ได้อยากมาแต่ก็ต้องมา เบื่อๆเซ็งๆ มึงเห็นมั้ยเพื่อนมันนั่งคุยกันเฮฮา แต่น้องแม่งแค่ยิ้มบ้างคุยบ้างเท่านั้นเอง “

“ สภาพแบบนี้โดนลากให้มาด้วยแน่ๆ “

“ ไม่ก็ต้องมาในฐานะสัตว์สังคม “ ผมบอกก่อนจะยกเหล้าขึ้นกิน

   สัตว์สังคม สำหรับผม คือคนบางคนที่ยอมทำตามเพื่อนในกลุ่มโดยไม่แคร์ความรู้สึกจริงๆของตัวเอง บางทีไม่ได้ชอบมาผับ ไม่ชอบกินเหล้า แต่ก็เลือกที่จะไม่ปฎิเสธ ยอมตามเพื่อนมาเพราะคิดว่าถ้าไม่เข้าสังคม ก็จะไม่มีเพื่อนคบ แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กตรงหน้าคนนั้นจะเป็นแบบนั้นมั้ย มันนิ่งบ้าง สนุกบ้าง จนดูไม่ออกเลยว่า แท้จริงแล้ว กำลังรู้สึกอะไรอยู่ในใจ

“ ช่างมัน ไปจีบคนอื่นดีกว่าไอ้สัด “ ไอ้สิงบอกก่อนจะมองไปที่กลุ่มคนเต้นอีกฝั่ง “ กูลงไปหาแถวโซนคนเต้นดีกว่า เดี๋ยวมานะครับ “

“ เงี่ยนจริงไอ้เชี้ย “ ไอ้ภาพว่าเพื่อนมันผมก็ยกยิ้ม ก่อนที่เราจะชวนเริ่มชวนคุยกันเรื่องอื่น

เวลาผ่านไปเรื่อยๆตามบทสนทนาที่ค่อนข้างสนุก ไอ้ภาพเป็นคนช่างพูด มันชอบเอาเรื่องเหี้ยๆมาเล่าให้ผมกับไอ้อาฟฟังประจำ ขนาดไอ้อาฟที่ใครๆเรียกว่าเสือยิ้มยากมันยังหัวเราะกับมุกเหี้ยๆของไอ้ภาพได้ แล้วผมตอนนี้ก็กำลังหัวเราะจนต้องกุมท้องกับเรื่องราวของมัน

“ เหนื่อยไอ้สัด ฮ่าๆ แต่ละเรื่องของมึงไอ้เชี้ย “ กุมท้องตัวเองก่อนจะกินเหล้าที่อยู่ตรงหน้าเข้าไปจนหมดแก้ว

“ ไอ้สิงแม่งยังไม่กลับมาอีกเหรอวะไอ้เชี้ย สีจนแขนสาวขึ้นแลขแล้วมั้ง จะเอาไปแทงหวยงวดต่อไปรึไงวะ “

“ กูก็ว่า แต่อยากสูบบุหรี่ว่ะ “ ผมพูดขึ้นก่อนจะลุกขึ้นยืน “ เดี๋ยวกูมา ออกไปสูบบุหรี่ข้างนอกแปปนึง “

“ เออ เดี๋ยวถ้าไอ้สิงกลับมากูออกตามไป “ พยักหน้ารับเพื่อนร่วมโต๊ะ ผมลุกเดินออกไปทางฝั่งด้านข้างของร้านที่เหมือนเป็นทางออกที่จัดไว้ให้สำหรับคนที่อยากจะออกไปสูบบุหรี่

หยิบบุหรี่ขึ้นมาจากในกล่องตอนที่จุดไฟแล้วสูดเข้าไปในปอดผมมองไปรอบๆเพื่อหาที่นั่ง ก่อนจะเจอเข้ากับราวเหล็กที่ไม่สูงนักแต่ทว่ากลับมีคนนั่งอยู่ก่อน ผมเอียงหน้ามองคนนั้นเพราะรู้สึกคุ้นตาเสียเหลือเกินและไม่ต้องสงสัยนาน ตอนที่ก้าวเท้าเข้าไปจะขอนั่งด้วย คนที่นั่งนิ่งๆก็หันมามองผมพอดี เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่มองมาเหมือนเบื่อเหลือเกินที่ต้องเห็นหน้ากัน

“ อะไรกัน เห็นหน้ากูก็ถึงขั้นต้องถอนหายใจเลยเหรอวะ “

“ กูออกมาเพราะไม่อยากจะเจอหน้าพวกมึง แต่สุดท้ายต้องมาเจออีกคือเหี้ยอะไรวะ “ คนตรงหน้าตอบด้วยท่าทางที่เหมือนจะเซ็งหนักเข้าไปอีก ผมไม่รู้ว่าทางบ้านมันไม่สอนมารยาทหรือว่าอะไร เพราะรู้สึกว่านี่ไม่น่าจะใช่ประโยคแรกที่คนไม่รู้จักกันจะพูดคุยกันสักเท่าไหร่ แต่จะยกโทษให้เพราะเห็นว่ามันกำลังเซ็งแบบสุดๆก็แล้วกัน

“ ขนาดนั้นเลย “

“ เพื่อนมึงทำให้กูเสียหน้ามากนะรู้มั้ย “

“ ยังไง “ ผมขมวดคิ้วมองมันแบบไม่เข้าใจ อีกคนก็ถอนหายใจออกมา

“ ที่ส่งโฮการ์เด้นขวดนั้นมาจีบกูไง “ แววตาไม่พอใจหันมามองหน้าผม “ แทนที่จะส่งของแพงๆมาให้ ส่งมาให้แค่นั้น คิดว่ากูมีค่าแค่นั้นเหรอ กูโดนเพื่อนแซวเพราะไลน์กูมีค่าแค่โฮการ์เด้นแค่ขวดเดียว “

“ นั่นเพราะในผับมันไม่มีเหี้ยอะไรให้สั่งตังหาก มึงเสือกมาผับเล็กๆนี่ทำไมละ ทำไมไม่ไป throw up อะไรอย่างงั้น “

“ ไกลไปมั้งผับนั้นน่ะ  แล้วกูก็ไม่อยากไปด้วย “ พูดแบบนั้นก่อนจะกอดอกแล้วเชิดหน้าไปทางอื่นเหมือนพวกลูกคุณหนูเอาแต่ใจ มันใช้เท้าเขี่ยหินที่อยู่ตรงพื้นไปมาเหมือนไม่รู้จะทำอะไร

“ สักหน่อยมั้ย “ ยื่นบุหรี่ให้มันอีกคนก็ส่ายหน้า

“ กูไม่สูบ “

“ งั้นเหรอ “ พยักหน้ารับกับอีกคนผมเก็บของที่โดนปฎิเสธใส่กระเป๋า “ แล้วทำไมออกมานั่งหน้าเซ็ง มาผับกับเพื่อน สดใสหน่อยสิวะ “

“ กูเบื่อ ไม่อยากจะเข้าไปละ คุยกันแต่เรื่องไร้สาระ “

“ กลับบ้านสิ “

“ กลับไปเดี๋ยวก็โดนโกรธอีก “

“ ไปแคร์มันทำไม “ ผมถามอีกคนก็หันมามองหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ แต่ว่ากลับไปก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดีนั่นแหละ อยู่ที่ไหนก็เบื่อเหมือนกัน “ สายตาเบื่อๆที่เงยมองขึ้นฟ้า ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะบอก
 
“ นั่งด้วยคนสิ “ ขยับตัวออกห่างผมตอนที่อีกคนได้ยินแบบนั้น ผมสูบบุหรี่ไปเงียบๆข้างกายอีกคนที่ก็นั่งเบื่อแบบเงียบๆเช่นกัน

“ ไม่เคยเห็นมึงมาที่นี่เลย เพิ่งมาหนแรกใช่มั้ย “

“ แสดงว่ามึงมาบ่อย “

“ ก็จัดว่าบ่อย “ อีกคนบอกก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ใช่ กูเพิ่งมาครั้งแรก ปกติไม่ค่อยมาที่นี่ “

“ แล้วปกติไปที่ไหน “

“ throw up “


“ ผับนั่นอีกแล้ว “ อีกคนบอกก่อนจะยิ้มกว้างออกมา “ ทำไมรู้สึกว่าช่วงนี้กูได้ยินแต่ชื่อผับนั่นวะ เพื่อนกูพูดทุกวันว่าอยากจะไป “

“ แล้วทำไมไม่ไป “

“ ก็กูบอกอยู่ว่ามันไกล “

“ สำหรับสายเมา ถ้าอยากไป  ต่อให้ไกลแค่ไหนมันก็ไปถึงไม่ใช่เหรอวะ แต่ที่มึงไม่ไปเพราะไม่อยากจะไปรึเปล่า “ คนฟังยิ้มให้กับคำพูดของผมก่อนจะพยักหน้ารับ

“ คงจะอย่างงั้น “

“ ไว้ไป throw up เมื่อไหร่แล้วถ้าเราเจอกัน กูจะเลี้ยงเหล้ามึง “

“ ไม่เอาโฮกาเด้นนะ “ คำพูดที่ทำให้ผมหลุดหัวเราะก่อนจะพยักหน้ารับ

“ เดี๋ยวจะเลี้ยง clover club “

“ มันคืออะไรวะ “

“ ไม่บอก “ ผมส่ายหน้า “ เอาไว้มึงไปเดี๋ยวก็ได้รู้เอง แต่แน่นอนว่าไม่เสียหน้าแบบที่เจอวันนี้แน่ “

“ น่าสนใจ “ คนข้างๆผมบอกก่อนจะเงียบไปแล้วผุดรอยยิ้มขี้เล่นขึ้นมา “ แต่ว่าไปที่ผับนั่นกูคงไม่ต้องการคนเลี้ยงหรอก เพราะมีคนเลี้ยงกูอยู่แล้ว “

“ ใครวะ “

“ เจ้าของผับไง “

“ เจ้าของผับ “ ผมทวนคำพูดกับอีกคนที่ก็พยักหน้ารับ

“ กูรู้จักกับเจ้าของผับน่ะ “

“ งั้นเหรอ “ ผมว่ายิ้มๆก่อนจะสูดบุหรี่เข้าไปในปอด พนันได้เลยว่าไอ้เด็กนี่ต้องตอแหลแน่นอน ไม่มีทางที่เพื่อนผมจะมารู้จักกับเด็กกระโปโลอย่างมันแน่นอน อีกอย่างมีที่ไหนวะคนในชีวิตอาฟที่ผมไม่รู้จัก ก็ใช่ว่ามันจะมีคนที่รู้จักเยอะนักหนา “ งั้นไว้เจอกู ก็ทักกูด้วยนะ แล้วจะเลี้ยงแก้วนึง “

“ ท่าทางมึงจะไปบ่อยนะ “

“ ก็เรียกได้ว่าทุกวัน แต่วันนี้เบื่อๆ เลยมาเปลี่ยนบรรยากาศ “ หันไปสบตากับคนที่หันมามองผมพอดี ในแววตาที่กำลังตั้งคำถามของคนตรงหน้าผม เผลอยกยิ้มให้กับอีกคนที่ก็ก้มลงมองบุหรี่ที่คีบอยู่ในมือผม

“ นี่กูอยากลองบุหรี่บ้างว่ะ พอดีเบื่อๆ ขอลองหน่อยได้มั้ย “ คำถามที่ทำให้ผมก้มลงไปมองบุหรี่ที่ถืออยู่ในมือ คนพูดก็เผลอหัวเราะ “ ไม่ใช่แบบนั้น แบบนี้ต่างหาก “

   ใบหน้าน่ารักก้มลงมาจูบที่ริมฝีปากของผม จูบนิ่งอยู่เนิ่นนานก่อนจะค่อยๆขยับปรับเปลี่ยนจนกลายเป็นความดูดดื่มในท้ายที่สุด กลิ่นบุหรี่ที่กำลังคละคลุ้งนี่อาจจะเป็นสิ่งที่อีกคนสื่อถึง ‘ อยากลองบุหรี่บ้าง ’  มันไม่ใช่การสูบแต่เป็นการจูบที่มีรสและกลิ่นของบุหรี่นั่นคือคำตอบที่ถูกต้อง

ผมเอื้อมมือไปจับเอวบางดึงให้เข้ามาใกล้ตัวเองให้มากขึ้น แล้วเริ่มเปลื่ยนเป็นคนนำเกมส์นี้ด้วยตัวเอง เกลียวลิ้นแทรกเข้าไปกอดรัดลิ้นชื้นของอีกฝ่ายเพิ่มความดูดดื่มของรสจูบมากยิ่งขึ้น น่าแปลกที่กลิ่นบุหรี่ทำให้เรามัวเมาขนาดนี้  ปกติผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่กับความสัมพันธ์แบบวันไนท์ แต่หนนี้ทุกอย่างมันแปลกไป ไม่รู้ทำไม แต่เหมือนในใจมันบอก ‘ ถูกชะตาว่ะ อยากได้ ’

   ผละริมฝีปากออกจากกัน แววตาของคนที่จูบผมก่อนเงยหน้าขึ้นมามองพลางกัดปากตัวเองไว้เบาๆ ท่าทางที่ไม่ได้ประสีประสาเหมือนเด็กทั่วไปที่ควรเป็น แววตาที่จ้องมองมาก่อนจะเอื้อมมือที่วางไว้ข้างตัวขึ้นมาจับที่อกผม

“ ถ้ากำลังเบื่ออยู่เหมือนกัน ไปที่คอนโดกูกันมั้ย “ ผมยกยิ้มกับคำพูดนั้น ตอนที่ดึงตัวเองจูบมันที่ริมฝีปากอีกครั้ง

“ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฎิเสธนี่ จริงมั้ย “

    ไม่รู้จักแม้ชื่อ แต่ทว่าริมฝีปากของเรากลับไม่แยกออกจากกันเลยตั้งที่เข้ามาในห้อง ประตูถูกล็อคด้วยความเชี่ยวชาญของผม มือของอีกฝ่ายกอดคอกันไว้ก่อนจะไล่ลงมาปลดกระดุมเสื้อไม่ต่างอะไรกับผมที่ก็เอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อของอีกคนเช่นเดียวกัน 

เสื้อผ้าถูกโยนทิ้งเรี่ยราดตั้งแต่หน้าห้องจนเข้ามาถึงส่วนของในห้อง ผมไม่ได้สนใจแม้แต่สิ่งแวดล้อมข้างตัว ตอนนี้ความสนใจของผมถูกดึงดูดโดยคนตรงหน้าไปเสียหมดสิ้น

ดันอีกคนให้นอนลงไปบนเตียง ผมถอดกางเกงไม่ลืมหยิบถุงยางที่อยู่ในกระเป๋าเงินขึ้นมาสวม ก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นไปตามจังหวะของมัน จังหวะที่ดูเร่งเร้า แต่ก็เร้าร้อน ผมไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปเท่าไหร่ อากาศภายในห้องที่ร้อนระอุทั้งๆที่แอร์ก็กำลังเปิดบ่งบอกถึงร่างกายที่กำลังดื่มด่ำความสุขที่เรียกว่าเซ็กส์อย่างออกรสกับคนที่ผมไม่รู้จักแม้ชื่อ

“ กลับไปได้แล้ว “ ดึงตัวเองกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้งหลังจากที่เสียงของเจ้าของห้องเอ่ยย้ำบอกกัน

“ อะไรกันวะ นี่กูยังไม่รู้ชื่อมึงเลย “

“ วันไนท์จำเป็นต้องบอกชื่อด้วยเหรอวะ กูว่าไม่จำเป็นอะไรนะ “ อีกฝ่ายบอกก่อนจะพิงร่างกับผนังห้องมันยกยิ้ม “ กลับไปได้แล้วก่อนที่กูจะเรียกตำรวจมาจับมึง “

“ ในข้อหา ? “ ผมเอียงหน้าถามมันยิ้มๆ จะมาจับกันในข้อหาอะไรวะถามหน่อยเถอะ

“ พรากผู้เยาว์มั้ง “

“ พรากผู้เยาว์ใครครับ มึงน่ะเหรอ ? “

“ คิดว่าไงละ ตอนนี้กูก็กำลังเรียนอยู่ม.หกนะ “ สาบานได้ว่าในตอนนั้นผมนิ่งไปแล้วเอาแต่มองคนตรงหน้าด้วยคำถามนับพัน รอยยิ้มที่ยกยิ้มขึ้นมองกัน

“ เดี๋ยวนะ ถ้ามึงอยู่ม.หก แล้วมึงเข้าผับได้ไง “

“ ผับกระจอกๆแบบนั้นแค่จ่ายเงินกับยามหน้าผับแม่งก็ได้เข้าได้มั้ย “ คำพูดถอนหายใจออกมา “ มันเริ่มขยับตัวไปหยิบมือถือตัวเองที่อยู่ในกระเป๋า “ ไม่เชื่อกูก็ตามใจแต่กูให้โอกาสมึงหนีแล้วนะ งั้นไว้ตำรวจมาถึงห้องมึงก็เคลียร์กับเค้าก่อนก็แล้วกัน แต่คิดให้ดีก่อนนะ ผู้เยาว์อะ ต่อให้สมยอมหรือไม่สมยอม ยังไงมึงก็ผิดอยู่ดีนะ “

“ เฮ้ยๆ เดี๋ยว จะทำอะไร “

“ โทรหาตำรวจ “

“ ไม่ต้อง กูไปเดี๋ยวนี้แหละ “ ผมดึงตัวเองขึ้นจากเตียงทั้งๆที่ยังไม่ได้ใส่อะไร จนคนที่ยืนอยู่โวยวายออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ

“ แล้วทำไมไม่ใส่อะไรเลยวะ ไอ้เชี้ย อุบาทตา !”

“ เอ้า ก็กูรีบอะ โทษทีน้า “ ผมเดินออกไปหยิบเสื้อผ้าตัวเองมาใส่เรียบร้อย แต่ตอนที่ดึงกระเป๋าเงินตัวเองขึ้นมาดู ผมพบว่าเงินห้าพันของผมหายไปเกลี้ยงกระเป๋าไม่มีเหลือสักบาท “ ไอ้เด็กเวรตังค์กู มึงเอาไปใช่มั้ย ”

“ ใช่แล้วลุง “

“ ลุง พ่อมึงไอ้สัด เอาเงินกูคืนมา “

“ ไม่คืน “ มันว่าเสียงเรียบๆ “ คิดว่าเป็นค่าที่พักแล้วกัน แบบว่า Airbnb น่ะ “

“ ทำตัวเหมือนเด็กขายตัว พ่อแม่รู้คงภูมิใจในตัวมึงมาก “ ผมบอกสั้นๆ มันที่แค่ก็ยิ้มไม่ได้สนใจอะไร

“ พ่อแม่ไม่ว่ากูหรอก เพราะเค้าไม่รู้ กลับไปได้แล้ว อย่าให้กูต้องย้ำเยอะ มึงเสียเปรียบอยู่นะตอนนี้น่ะ “ อีกฝ่ายบอกก่อนจะยักคิ้วให้ผมแบบท้าทาย “ หรือว่ากูต้องโทรหาตำรวจจริงๆ กูจะนับหนึ่งถึงสิบ ถ้ามึงยังไม่ออกไป กูจะล็อคห้องแล้วโทรหาตำรวจให้มาจัดการมึง หนึ่ง..“

“ กูไม่ซีเรื่องเงินห้าพันหรอก แต่กูอยากจะบอกมึงไว้ว่า ทำแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากการที่มึงขายตัว เพราะวันไนท์ มันไม่ได้มีเงินเข้ามาเกี่ยว “ ผมถอนหายใจออกมาตอนที่มองหน้าอีกคนแล้วส่ายหน้า “ ตอนแรกกูก็ว่าตื่นมาจะจีบมึงเป็นแฟนสักหน่อยเพราะมึงก็น่ารักดี แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจละ มึงไม่มีค่าอะไรเลย เอาแค่หนเดียวก็พอสำหรับเด็กขายตัวอย่างมึง ”

“ คิดจะจีบกู ถามกูรึยังลุง ว่ากูอยากให้มึงจีบรึเปล่า ”

“ หน้าตาก็น่ารัก ไม่น่าทำตัวแบบนี้ ”

“ เสือก เรื่องกู “ คนตรงหน้าบอกกับผมด้วยสีหน้าเรียบๆ “ ออกไปได้ละ “

“ อย่าให้กูเจอตัวมึงข้างนอกแล้วกัน กูเอาคืนมึงแน่ “

“ อย่างมึงคงไม่มีวันวนกลับมาเจอกูอีกแน่ ทฤษฎีโลกกลมมันไม่มีจริงสำหรับกู “ ผมพยักหน้ารับกับมันแบบยิ้มๆ เจ็บใจชิบหาย เงินก็หาย แถมยังต้องมาเสียความรู้สึกอีก 

ใช้สายตามองไปรอบห้องเป็นครั้งสุดท้ายพยายามหาอะไรสักอย่างเพื่อเอาคืนกับมันแต่ก็ไม่มีอะไรสักอย่างจนในตอนที่กำลังจะหันหลังเดินกลับออกไปแบบคนแพ้ ผมก็สะดุดเข้ากับภาพนึงในกรอบรูปที่ตกแต่งอยู่ในห้อง

มันเป็นทั้งภาพเดี่ยวแล้วก็ภาพคู่ แต่ที่ทำให้หยุดจ้องดูอาจเพราะคนในภาพนั้นเป็นคนที่ผมคุ้นตาเสียเหลือเกิน น่าแปลกที่ คุณมินเมด แฟนของเพื่อนผม มามีภาพอยู่ในห้องนี้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ผมรู้สึกว่าทฤษฎีโลกกลมนั้นมันมีอยู่จริง และท่าทางว่าเรื่องที่อีกคนบอกกันว่า รู้จักกับเจ้าของผับ throw up จะไม่ใช่เรื่องโม้เหม็นซะแล้ว

“ แล้วมึงจะรู้ว่า โลกมันกลมมากกว่าที่มึงคิด “ ผมบอกทิ้งท้ายไว้แค่นั้น “ ไว้เจอกัน “

...................................................................................

อินเนอร์ความอีโมแว่นดำต้องมา ยกยิ้มเบาๆแบบพี่อาฟพี่เจ
ไม่รู้ว่าเรียกคู่รองได้มั้ย แต่เหมือนเรื่องราวของคู่นี้ เหมือนเป็นเรื่องราวที่ซับพอร์ตเรื่องราวส่วนนึงของอาฟเมด
ต้องมีคนสงสัยแน่ว่า ทำไมวิวตอนอยู่กับเมด กับตอนอยู่กับเจ ดูต่างกัน
เรามองว่าวิวไม่ใสตั้งแต่แรกอยู่แล้ว น้องมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ดูเจนโลกในจุดนึงเลยนะ จากที่ให้คำปรึกษาพี่เมดในทุกเรื่อง  ตอนหน้ารอลุ้นว่าเจจะจัดการน้องวิวยังไง ส่วนน้องวิวตัวจริงเป็นไงเราจะค่อยๆ แง้มมันออกดูค่ะ

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆค่า
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 15-06-2018 21:39:48


คู่หลักเขายังจดๆจ้องๆ  แต่คู่รองเขาได้กันแล้วอ่ะ


และอาจเพราะเป็นเรื่องบนเตียง ที่ทำให้บินต้องไปหาคนอื่น


แบบนี้อาฟต้องช่วยเมดนะ. ทำให้เมดได้รู้สึกดีๆกับเรื่องบนเตียง


……

 :z13:  :z13:  :z13:  :z13:  :z13:  :z13:





หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-06-2018 21:41:19
อ้าว คู่เจกะวิว แซงหน้าไปแล้ว เจอกันครั้งเดียวก็ไดักันละ  อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 15-06-2018 22:07:17
วิวเป็นน้องชายที่เราเผลอคิดว่าเป็นน้องสาวทุกทีเลย 5555 คือเวลาคุยกับเมด สำนวนการพูดจา การใช้คำ เหมือนผู้หญิงมากเลย เหมือนเพือนสาว เหมือนชะนีเม้ามอยกัน 555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 15-06-2018 22:29:31
เขาได้กันแล้วววววววว  :katai2-1: เหลือคู่หลักเมื่อไหร่จะได้กันนนนนนน  :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-06-2018 22:53:31
 :a5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 15-06-2018 23:06:47
อุ้ยยยย​คู่เจนี่ถ้าจะสนุก​
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 15-06-2018 23:14:40
วินเจเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 15-06-2018 23:29:03
น้องวิวแซงพี่เมดแล้วนะคะ 5555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 16-06-2018 00:29:43
ไม่นะ น้องวิวไม่ใช่และไม่ได้แบบที่คุณว่า น้องมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ดูเจนโลก ไม่ใช่จากการกระทำและความคิดที่บอก แต่คำที่ใช้ได้ของคุณคือ มันเหี้ย นั่นน่ะสรุปรวบเลย ออกมาตอนเดียว หมดกันภาพลักษณ์ที่เกริ่นมา สงสารเมดเลย มีความโดนหลอก ปิดบัง แม้แต่น้องตัวเอง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-06-2018 01:05:02
หนูวิว ใจแตกตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย  :a5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-06-2018 01:05:31
น้องวิวหนูไม่ไร้เดีัยงสาเหรอเนี่ยแซงหน้าเมดไปแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 16-06-2018 02:29:09
น้องวิวดูร้ายมากง่าา พี่เจจัดการน้องเบาๆนะ อย่ารุนแรงงงง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 16-06-2018 07:55:55
วิวเล่นของหนักเลยน้า
โลกมันกลมกว่าที่คิดนะน้อง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-06-2018 08:25:38
น้องวิวหนูก็แสบใช่ย่อยนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-06-2018 08:29:25
 :mc4:  เป็นคู่รองที่คาดไม่ถึงมาก 25 ตอนเพิ่งได้เจอกัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-06-2018 09:26:32
อ้าวววววววววว ทำไมน้องวิวเป็นคนแบบนี้ล่ะลูกกกกก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-06-2018 09:29:23
เข้าใจกันก็ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 16-06-2018 10:01:46
 :a5: o22 ก็คิดว่าวิวน่าจะเป็นคู่รองแต่ไม่นึกว่าเป็นพี่เจนี่สิ ตอนแรกคิดว่าไม่เดย์ก็อัยย์  แต่นี่แหละดูสมเนื้อสมน้ำ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-06-2018 21:28:59
บางทีโลกมันก็กลมเกินไปปปปปป คู่หลักยังไม่บ่ะล่ะเห้ยกันเลยคู่รองจัดกันล่ะ พี่อาฟช้าตลอดอ่ะ แต่คู่พี่เจน้องวิวน่าจะแซ่บอยู่นะ เจอกันอีกทีมันส์แน่
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 17-06-2018 01:09:58
โอ้ยยยยยยย น้องไปเรวกว่าพี่ชายอีกจ้าาาาาาาา
เมื่อไหร่ตะถึงตาพี่บ้างๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-06-2018 01:43:13
เด็กเค้าร้ายนะพี่เจเจ ถึงขั้นเจของขึ้นกันเลย 5555
ก็ต้องมาดูว่าน้องวิวของพี่เมดจะร้ายเหมือนที่จัดเต็มพี่เจไหม

เมดน่ารัก อาฟก็แสดงออกเยอะขึ้น เปรี้ยวใจมากค่ะ
เจเจอคนถูกใจทั้งที เจอคนเด็ดเข้าให้ เจ็บแสบเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-06-2018 02:55:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 17-06-2018 12:44:30
วิว แอบแซ่บ แต่ระวังนะความลับไม่มีในโลก

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 17-06-2018 22:42:12
แอบขำอาฟเขินจนพูดติดๆขัดๆวกไปวนมานะอาฟ :-[
การเจอกันของวิวกับสมาชิกเดอะแก็งของอาฟเป็นอะไรที่ :pighaun:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 18-06-2018 10:02:31
พี่เจเจอของดีเข้าแล้ว :z2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 18-06-2018 11:50:04
ว้าย! น้องวิวคะ พี่ก็นึกแล้วเชียวว่าทำไมให้คำปรึกษาเมดได้เชี่ยว

จังวะ 555  เมด~~ น้องแซงหน้าแล้วเด้อ อย่ายอมแพ้ล่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 18-06-2018 14:37:50
โอ๊ยยย น้องวิวของเจ้


หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-06-2018 15:24:12
ขำ ตอน หมวยตื่นๆไปช่วยป๊าขายซาละเปา  :katai2-1:
แล้วอาฟขโมยหอมแก้มแบบรุนแรง  :z3:
จนเมดรู้สาเหตุที่เจ็บแก้มทุกเช้า   :o8: :impress2: :-[

เพราะเมดไม่ชอบเซ็กซ์ เลยไม่ค่อยมีอะไรกับบิน
นี่คงเป็นสาเหตุให้บิน กับยีนส์มีเซ็กซ์ลับหลังเมดมาอย่างยาวนานถึงสี่ปี   :hao3:
แต่ก็คงบอกได้อีกอย่างว่าบิน โลมเล้าให้เมดมีอารมณ์ไม่เก่ง  :a5:
และก็คงมีแต่ความรุนแรงด้วย เมดถึงขยาดที่จะมีเซ็กซ์กับบิน   :mew2:

อ่านตอนที่เมดโทรหาน้อง
ก็ให้รู้สึกว่าวิวมีคนนอนอยู่ในห้องด้วย
แล้วก็แจ็คพอต  เจ วิว อะจ๊ากกกกกกก 
โลกกลมจริงๆ  :z3: :z3: :z3:

อาฟ  เมด    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 20-06-2018 00:44:29
รอน้องวิววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: akashita ที่ 21-06-2018 14:04:33
ถ้าพี่เมดรู้ว่าวิวน้องรักเป็นคนไม่ใสขนาดนั้น
คุณมินเมดจะรู้สึกยังไงกันหนอ? กลัวนางจะไม่โอเคกะน้องและมาโทษตัวเองว่าดูแลน้องไม่ดีอีกมั้ย เหอ ๆ

แต่เราก็พอรู้นะ ว่าวิวดูไม่ใส แต่การที่น้องเอาเงินไปด้วยเราว่ามันก็เยอะไปหน่อย แต่นอนก็พอมั้ย วินวินกันทั้งคู่อยู่และ
แบบนี้ต้องให้พี่เจจัดการสั่งสอนให้เข็ด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 22-06-2018 17:41:20
โอ้วว ผิดคาดด น้องวิว แรงงงง
รอติดตามตอนต่อไป  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 22-06-2018 20:12:11
ตอนที่ 26

   ผับ throw up ในช่วงดึก ผมเดินเข้ามาทางด้านหลังร้านเหมือนอย่างทุกที ติดแค่ที่ว่าวันนี้ผมมาสายมากกว่าปกติเพราะในสมองที่ยังคิดถึงไอ้เด็กนรกที่เจอกันเมื่อคืน แถมคำพูดที่มันพูดกับผมเมื่อเช้าก็ยังจำได้ทุกประโยคไม่มีลืม

“ อย่างมึงคงไม่มีวันวนกลับมาเจอกูอีกแน่ ทฤษฎีโลกกลมมันไม่มีจริงสำหรับกู “  ผมยกยิ้มกับประโยคนั้นของมันตอนที่มองตรงไปที่โซนของบาร์แล้วพบว่า คนที่ทำให้ทฤษฎีโลกกลมของผมเป็นจริงกำลังยืนอยู่ด้านในและกำลังพูดคุยกับบาร์เทนเดอร์อย่างไอ้เดย์ด้วยรอยยิ้ม

“ อ้าว มาแล้วเหรอพี่เจ ” ไอ้อัยย์ทักผมเป็นคนแรก ตอนที่หย่อนตัวเองลงนั่งตรงที่นั่งตัวเดิมเหมือนทุกที ยักคิ้วให้มัน ผมหันไปยิ้มให้เมดที่ก็ยิ้มกลับมาให้ผมเช่นกัน ในมือของคนตัวขาวถือเอกสารฉบับนึง ถ้าให้เดาก็คงมาเช็คสต๊อกเหล้าที่ไอ้บาร์เทนเดอร์สองตัวคงทำไว้ไม่เรียบร้อยเหมือนทุกที “ วันนี้มาสายนะพี่เจ “

“ กูเซ็ง เอาบรั่นดีมาแก้ว ”

“ บรั่นดีเลย ปกติพี่มึงกินอะไรฟรุ้งฟริ้งไม่ใช่เหรอ ” ไอ้เดย์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลเสริมก่อนที่เมดจะถามผม

“ เครียดอะไรรึเปล่าวะเจ “

“ นิดหน่อย “

“ ชีวิตพี่มึงมีอะไรให้เครียดด้วยเหรอวะ ” ไอ้อัยย์ว่าก่อนจะวางบรั่นดีแก้วนึงลงตรงหน้าผม

“ กูไม่ได้เครียด กูบอกว่า กูเซ็ง มึงฟังกันมั้ยวะเนี้ย “ ผมบอกทุกคนแบบนั้น ก่อนจะดึงแก้วบรั่นดีขึ้นมาชิมพลางมองไปที่แฟนของเพื่อนตัวเอง กำลังคิดว่าจะถามเมดไปตรงๆเลย มันจะดีหรือไม่ดี แต่เอาจริงๆผมคิดภาพไม่ออกเลยว่า มันสองคนจะเป็นคนที่รู้จักกันได้ยังไง เมดดูสะอาดและบริสุทธิ์ต่างกับเด็กเวรนั่นที่มีแต่เขี้ยวเล็บ เปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือน ขาวกับดำ เทวดากับซาตานเลยก็ว่าได้ 

“ เจ “ เสียงของคนที่จ้องผมอยู่เอ่ยเรียกกัน ดึงสติกลับมาก่อนจะยิ้มให้แล้วเอ่ยตอบ

“ ครับผม “

“ มึงมีอะไรรึเปล่า “

“ อะไรมีอะไร “ ทำเป็นซื่อถามอีกคนแบบไม่รู้เรื่อง แต่เมดก็แค่ยิ้มตอบกลับมา

“ ก็เห็นมองกูเลยคิดว่ามีอะไรจะคุยกับกูรึเปล่า ”

“ มองคนน่ารักไม่ได้เหรอวะ มีแฟนแล้วหวงตัวเหรอเมด “ คนฟังถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้าแล้วหันไปทำงานต่อ แต่ก็ไม่ลืมบ่นอุบอิบตามประสา

“ กูละเหนื่อยกับพวกมึงจริงๆ ”   

“ พี่เจๆ” ไอ้อัยย์ดึงตัวเองเข้ามาใกล้ผมก่อนจะพูดออกมาเสียงเบาๆ “ เมื่อวานพี่เจมึงไม่มา เฮียทะเลาะกับพี่เมดเว้ย พี่เมดแม่งเมาด้วย ตอนเดินไปคลอเคลียเฮียนะ เค้ามองกันทั้งผับเลย “

“ ไอ้เมดนี่อะนะเมา “ หันไปมองคนที่ถูกพูดถึงครู่นึงก่อนจะก่อนจะหันกลับมาน้องคนที่สนิทที่ก็พยักหน้ารับแบบมั่นใจ “ มึงมอมเหล้ามัน ? “

“ พี่มึงรู้ได้ไง เฮียเล่าเหรอ” ท่าทางตกใจของไอ้อัยย์ชวนให้ผมยกยิ้ม พวกมันจะรู้มั้ยว่า คนอย่างผมแค่มองตาก็รู้ไปถึงสันดานแล้ว แบบชนิดที่แค่เกริ่นไม่ต้องเล่าอะไรออกมาด้วยซ้ำ อีกอย่างคือเมดมันไม่กินเหล้าอยู่แล้วตัดไปได้เลยถ้ามันจะขอกิน ไอ้อาฟเองก็หวงเมียมันจะตายห่า คงไม่ให้มานั่งกินเหล้าจนเมาอยู่ที่บาร์แน่ ก็เหลือแค่พวกมันสองตัวที่ดูท่าว่าก็คงหลอกล่ออีกคนด้วยคำที่ว่า ‘ พี่เมดกินสิไม่ผสมเหล้าหรอก น้ำผลไม้ธรรมดา ’

“ ไม่ต้องให้ไอ้สัดอาฟเล่าหรอก กูเห็นหน้ามึง กูก็รู้แล้วว่าสันดานเหี้ยแค่ไหน ”

“ รุนแรงกับใจน้องเหลือเกิน “ มือที่ยกขึ้นทาบอกของคนพูด ผมส่ายหน้าไปมากับมันก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นกิน “ เมื่อวานพี่มึงไม่มา พี่เมดนะน่าสงสารมากทะเลาะกับเฮียอะ เฮียแม่งก็งอนยังกับตุ๊ด มีความไม่พูดไม่คุยกับเค้า แต่ปากบอกไม่โกรธ สุดท้ายเจอกูมอมเหล้าพี่เมดไป เป็นไง เรียบร้อย คืนดี “

“ นี่มึงเจอไอ้อาฟยัง “ ผมถามมันที่ยกมือขึ้นห้ามคำพูดนั้น

“ ถามว่าหัวกูเป็นไงหลังโดนเฮียตบกะโหลกดีกว่า “

“ กูว่าละ ว่าต้องโดน “

“ คือหัวกูเกือบหลุดออกจากบ่า เฮียตบทีสมองเกือบไหลออกทางหู ทีหลังอย่างให้กูรู้ว่ามึงมอมเหล้าแฟนกูอีก เฮียว่างั้นก่อนจะเดินไปจากกูไปแบบหล่อๆ เหลือไว้แค่พี่เมดที่ถามกูว่า เป็นอะไรมั้ยน้องอัยย์ แต่พอพี่เมดจะเดินเข้ามาหากู ก็โดนเฮียลากขึ้นชั้นสามไปเลยจ้า นี่ก็เพิ่งได้ลงมา สงสัยจะขึ้นไปจู๋จี๋กันแบบว่า โดนจับฟัดด้วยจูบอย่างออกรส เค้าเป็นห่วงเธอนะรู้มั้ย หูยยยยยยย เขินอะ “  ผมหลุดยิ้มกับท่าทางการเล่าที่ผสมจินตนาการแสนโอเว่อร์ของมัน “ แทนที่จะขอบคุณกู ให้โบนัสกู ที่ทำให้ดีกันได้ อะไรวะเซ็ง “

“ มันหวงไอ้เมดจะตายมึงก็รู้ เสือกไปยุ่งเองสมน้ำหน้า ”

“ เอาจริง ถ้าไม่ได้กูก็ไม่ดีกันมั้ย “

“ ยังไม่สำนึก “ ส่ายหน้าให้มันก่อนจะถอนหายใจ “ มึงพูดเหมือนไม่รู้จักเฮียมึง ไอ้อาฟมันไม่ปล่อยให้ตัวเองทะเลาะกับไอ้เมดนานหรอก กูว่ามันคงเคลียร์เอง แต่ที่ทำเป็นห่างคงเพราะแค่ทำอารมณ์ให้มันเย็นก่อน แล้วค่อยคุยด้วยเหตุผล “

“ งั้นเหรอวะ “ ไอ้อัยย์เอียงหน้ารับ “ แต่ก็คงจริงอย่างที่พี่เจมึงพูดมั้ง คือพี่มึงต้องเห็นตอนเฮียรู้ว่าพี่เมดเมา ตานี่เขียวปั๊ดหันมามองทางบาร์จนกูกับไอ้เดย์นี่ถอยหลังไปยืนสงบนิ่งเลยจ้า แล้วกูว่าพี่เมดคงขอมาแหละว่าอย่าทำอะไรกู เฮียเลยเบาลงให้เหลือแค่ตบหัวกับสั่งนิดหน่อยว่า อย่าให้พี่เมดเมาอีก “

“ ดีนะ ไอ้เมดยังใจดีรู้ว่าไอ้อาฟเป็นยังไง มันรู้ว่ามึงโดนแน่ๆถ้ารู้ว่าเป็นคนมอม นี่ถ้าไอ้เมดไม่พูดอะไรนะมึงตายไอ้อัยย์  อย่างแรกเลยคือ หักเงินเดือน ไอ้สัด มึงเกลี้ยงแน่เดือนนี้ อย่าหวังจะมีแม้เงินผ่อนรถ ”

“ กลัวแล้วจ้า อย่าถึงขั้นนั้นเลย น้องก็หวังดีเนอะ แบบอยากให้พี่สองคนได้ดีกันไง ด้วยรัก “ ทำท่าซารางเฮโยส่งมาให้ผม ที่ก็ยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ แต่มึงว่าแปลกๆมั้ยพี่เจ “

“ ยังไงอีก “

“ ทำไมเฮียต้องไม่โอเคกับการที่กูมอมเหล้าพี่เมดด้วยอะพี่เจ คือ พี่เมดเมาเฮียมันมีแต่ได้กับได้เลยนะ ได้ปรับความเข้าใจ ไหนจะได้เรื่องอย่างว่าอีก “

“ อาจจะมีเรื่องที่มันไม่ชอบใจอยู่มั้ง  “ ผมบอกอีกคนก็พยักหน้ารับ

“ เหรอ “

“ คือมึงก็ต้องเข้าใจว่า เมด ไม่เหมือนคนอื่น คนนี้ไอ้อาฟมันจริงจัง มันถนอมของมัน มึงก็ลองหันไปดูหน้าซ้อมึงก่อน “

“ ขาวดีนะครับ ณ จุดนี้ เสื้อเชิ้ตสีแดงคอกว้างตัวนี้ก็ตัดกับผิวมาก ดีงามมากจริงๆเลย สมเป็นแฟนเจ้าของผับ throw up  “

“ ไอ้สัด “ สถบออกไป ไอ้อัยย์ก็ยิ้มกว้างถูกใจ

“ เอาจริงๆ กูว่าพี่เมดไม่ได้ใสซื่อขนาดที่เฮียหวงเลย เมื่อวานเค้าก็รู้ว่ากูใส่เหล้าลงไปผสมในน้ำผลไม้  แต่กูก็เข้าใจแหละ ถ้าเทียบกับพวกเรา ก็ยังนับว่าแสนดีอยู่ดี “

“ ไม่ใช่หรอก มันรักของมัน มันก็เลยอยากจะดูแลไอ้เมดให้ดีที่สุด เหตุผลก็เท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่นเลยมึง “ 

“ สมที่เป็นเพื่อนเฮียมาเกือบทั้งชีวิต ” ไอ้อัยย์ปรบมือให้ผม ดังจนไอ้เมดไอ้เดย์ที่ยืนอยู่ไกลออกไปยังหันมามอง “ แล้วนี่ทำไมพี่มึงมาสาย ปกติมาก่อนผับเปิด “

“ นอน เพิ่งตื่น “ ตอบมันไปแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจ คำถามนั้นชวนให้ผมคิดถึงหน้าไอ้เด็กเวรนั่นขึ้นมาอีกแล้ว ทั้งๆที่ไม่อยากจะไปคิดถึงเรื่องเหี้ยอะไรพวกนั้นเลยสักนิด ในใจที่อยากจะทำเป็นลืมแต่ก็แค้นชิบหายที่ต้องเสียเงินให้มัน ผมคิดอยากจะเอาคืน แต่ตอนนี้ยังคิดแผนไม่ออก  รู้แค่ว่าต้องทำให้สาสมกับที่โดนหลายเท่าตัวหน่อย และตอนนี้เห็นทีว่าต้องสืบข้อมูลให้แน่นก่อน อย่างน้อยก็ควรรู้ว่า มันเป็นอะไรกับไอ้เมด “ นี่ ไอ้อาฟอยู่ไหน “

“ ชั้นสามมั้ง เฮียแม่งไม่นั่งบาร์ก็ชั้นสามอะพี่มึงก็รู้  ”

“ เมด ไอ้อาฟอยู่ชั้นสามใช่มั้ย ” ถามเลขาที่ก็พยักหน้ารับให้ ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหยิบแก้วขึ้นมาดื่มจนหมดก่อนจะวางลง “ กูขึ้นไปหาไอ้อาฟหน่อยนะ ฝากดูข้างล่างด้วย “

“ โอเคครับผม “

กดรหัสปลดล็อคประตูสต๊าฟ ผมเดินขึ้นไปบันไดไปที่ชั้นสามก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป ความเย็นที่ปะทะใบหน้ามาพร้อมกับเสียงของเกมส์ดุเดือดที่เจ้าของผับกำลังเล่นอย่างเมามันส์ ผมเอ่ยทักมันก่อนจะนั่งตรงที่นั่งของเลขาที่ตอนนี้มันว่างอยู่

“ เฮ้ย! ” ไม่มีเสียงตอบรับกลับ ไอ้อาฟแค่ปรายตามามอง และพอรู้ว่าเป็นใครก็หันกลับไปสนใจเกมส์ในหน้าจอต่อ “ โคตรเย็นชากับกูเลยไอ้สัด “

“ ทำไมมึงเพิ่งมา “ อีกคนถามทั้งๆที่สายตาก็ยังจ้องอยู่ที่หน้าจอ ผมขยับตัวเองเปลี่ยนท่าเป็นกึ่งนอนบนเก้าอี้ออฟฟิศก่อนจะยกเท้าไปฟาดอีกฝั่งนึงของโต๊ะ พลางมองจอที่ทีวีขนาดใหญ่ที่ฉายภาพจากกล้องวงจรปิดในผับทั้งหมดที่ติดอยู่ด้านหลัง

“ มึงเคยไปคอนโด AC ที่อยู่แถวฝั่งธนมั้ย “

“ คอนโดไอ้เมด “ อีกคนตอบแต่สายตาก็ยังไม่ผละออกจากเกมส์ที่เล่น “ ถามทำไม จะซื้อ ? “

“ เหมือนเมื่อวานกูไปนอนกับน้องชายมันมา “ เสียงของคีย์บอร์ดที่กำลังกดอย่างเมามันส์หยุดชะงักไป ใบหน้าคมของเพื่อนสนิทหันมามองผมอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนจะเอ่ยถามกันเสียงเรียบ

“ มึงรู้จักไอ้วิว “

“ มันชื่อวิว  ? ” ผมถามกลับอีกคนก็พยักหน้ารับด้วยสายตาที่ยังไม่เข้าใจ “ เมื่อวานกูไปเจอเด็กคนนึงที่ผับใหม่ฝั่งนั้น กูกับมันมีวันไนท์กัน แล้วเมื่อเช้าตอนกูตื่นแม่งก็ขโมยเงินกูไปห้าพัน ก่อนจะไล่ออกจากห้องพร้อมขู่ว่าจะแจ้งตำรวจเพราะมันยังไม่บรรลุนิภาวะ แต่ก่อนกูจะออก กูดันหันไปเห็นภาพไอ้เมดในกรอบรูป เลยคิดว่ามันน่าจะรู้จักไอ้เมด ”

“ โง่ “ ไอ้อาฟพูดสั้นๆก่อนจะกดออกจากเกมส์แล้วหันไปมองที่ทีวีที่ฉายกล้องวงจรปิด มันคงดูเหมือนกันว่าตอนนี้ไอ้เมดอยู่ส่วนไหนของผับ เพราะแน่นอนว่า ไอ้เมดจะยังรู้เรื่องนี้ไม่ได้ “ ไม่ดูหน่อยเหรอวะ ว่านั่นมันเด็ก “

“ ผับที่ไหนแม่งให้เด็กเข้าไปไอ้สัด กูก็คิดว่าเคี้ยวได้ ” อาฟส่ายหน้าไปมาให้กับผม

“ โง่จนไม่อยากจะนับมึงเป็นเพื่อน ผับโลวหน่อยแค่จ่ายยามแม่งก็เข้าไปได้แล้วมั้ย “ ถอนหายใจกับความซ้ำเติมของมัน อีกฝ่ายก็ยิ้ม “ แล้วมึงจะเอายังไง จะเอาคืนมัน ? “

“ มึงให้ทำมั้ยละ นั่นน้องแฟนมึง “

“ เรื่องของมึงไม่เกี่ยวอะไรกับกูอยู่แล้ว ถ้าไม่รุนแรง “ เรามองตากันมีรอยยิ้มเล็กๆปรากฏที่หน้าคนเจ้าเล่ห์อย่างเพื่อนผม มันคงรู้ว่าผมก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไร แล้วมันก็น่าเบื่อมาก เวลาที่ผมอยากจะคีพลุคเป็นเสือร้ายแต่มันก็ไม่สำเร็จเท่าไหร่เพราะเพื่อนรู้ทัน

 “ กูอยากรู้ประวัติมันก่อน นี่มันเป็นน้องไอ้เมดจริงๆเหรอวะ ”

“ คอนโด AC ย่านฝั่งธน ” อีกคนถามย้ำเหมือนจะช่วยหาคำตอบให้ผมมั่นใจ

“ อื้ม “

“ คอนโดแบบสองห้องนอน “

“ อื้ม “

“ แต่งห้องโทน loft “

“ ประมานนั้น “

“ โซฟาในห้องกลางสีน้ำตาล ข้างหลังแต่งเป็นตู้ลิ้นชักไม้เยอะๆสีน้ำตาลอ่อน ”

“ ถูกเลย “

“ ตรงทีวีมีตู้โชว์ ชั้นบนสุดเป็นพระ ถัดลงมาเป็นหนังสือ ของตกแต่ง แล้วก็มีภาพไอ้เมดใส่กรอบตั้งอยู่ในนั้น เมดใส่เสื้อลายขวางกำลังยิ้มกอดกับไอ้เด็กนั่นที่มีเรื่องกับมึง ถัดไปเป็นภาพเดี่ยวไอ้เมดที่กำลังยิ้มมองกล้อง “

“ อื้ม “ ผมพยักหน้ารับกับมันอีกคนก็พยักหน้ารับ

“ งั้นก็ไอ้วิวน้องไอ้เมด “

“ นี่กูควรตกใจว่ามันคือน้องไอ้เมดจริงๆก่อน ทั้งๆที่กูคิดมาว่าแบบ อาจจะแค่ญาติ ลูกพี่ลูกน้อง หรือควรตกใจที่เพื่อนกูแม่งเก็บรายละเอียดทุกอย่างในชีวิตเมียได้หมด ทั้งๆที่แม่งจำรายละเอียดอะไรในชีวิตตัวเองไม่ค่อยได้ก่อนดีวะ “

“ สัด “ คนตรงหน้าสบถผมก็ยิ้มแล้วส่ายหน้า

“ โลกมันกลมดีจริงๆ “  ว่าแบบนั้นก่อนจะหันกลับไปมองที่ทีวีอีกครั้ง บนนั้นเมดที่กำลังยิ้มกว้างแล้วก็หัวเราะอยู่กับไอ้เดย์แล้วก็ไอ้อัยย์ ท่าทางที่กำลังสนุกกับมือที่จดนู้นนี่ไปเรื่อย “ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะเป็นน้องไอ้เมด นิสัยกับความเหี้ยดูต่างจากพี่มันสุด เหมือนไม่ได้เติบโตมาจากพ่อแม่เดียวกัน “

“ มันก็เป็นแบบนั้น “ อีกคนบอกผมก็หันไปมองมัน “ เท่าที่กูรู้ พ่อแม่ไอ้เมดก็คนนึง พ่อแม่ไอ้วิวก็คนนึง แม่ไอ้เมดเสีย พ่อไอ้วิวเสีย พ่อแม่มันก็เลยมาได้กัน แล้วก็มาเป็นครอบครัวเดียวกัน “

“ แบบนั้นนี่เอง “ ผมพยักหน้ารับ “ แล้วนี่เมดมันรู้มั้ยว่าน้องมันมีปัญหา “

“ ทำไมมึงถึงคิดว่ามันมีปัญหา ”

“ เด็กที่ไหนจะชวนคนอื่นไปนอนได้ง่ายๆแบบมัน แถมยังจิ๊กเงินกูอีก ไม่พอแม่งยังขู่จะฟ้องตำรวจ กูพนันเลยว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก ท่าทางมันต้องเซียนแถมยังดูไม่กลัวอะไรด้วย “

“ มันอาจจะแค่แรด “  อาฟบอกผมก็ได้แต่หลุดยิ้ม

“ แต่มันดูไม่แรดขนาดนั้นนะ จะพูดไงดีวะ กูมันดูมีชั้นเชิง ไม่ใช่แบบพวกเข้ามานั่งคุยแล้วใช้สายตามองบอกตั้งแต่วินาทีแรกเลยว่าอยากได้ เหมือนมันคิดก่อนว่าโอเคมั้ย แล้วมันก็ค่อยรุกแบบตรงๆ เหมือนแค่อยาก ก็เอาเลย เซ็กส์คือธรรมชาติ เรื่องธรรมดาทั่วไป “ คนฟังยกยิ้มหัวเราะ “ แล้วนี่มึงเคยเจอมันรึยัง “

“ ครั้งนึง ตอนพาไอ้เมดไปเอาเสื้อผ้าที่ห้อง “

“ แล้วตอนนั้นมันเป็นยังไงในความคิดมึง ”

“ เด็กแรด “ อาฟบอกสั้นๆ “ วันที่กูไปเจอมัน เมดก็แนะนำว่ากูเป็นใคร มันก็พยักหน้ารับยกมือไหว้กูด้วยสีหน้าแบบต้องทำ ก่อนจะหันไปหอมแก้มแฟนกูข้างละสิบกว่าที “ มันยกยิ้มแล้วส่ายหน้าให้ผมตอนทีคิดถึงภาพเหตุการณ์วันนั้น “ ไม่ถูกกูถีบก็บุญละ เสือกมาหอมแก้มแฟนกู ”

“ อันนั้นมึงก็มากไป มันพี่น้องกันมั้ย หอมแก้มกันมันก็ปกติ “

“ กูกับไอ้เดย์ไม่ทำ “ ถอนหายใจออกมากับคำพูดของเพื่อน ผมปรายตามองมัน

“ ช่วยเลิกเอาชีวิตตัวเองไปเป็นบรรทัดฐานให้คนอื่นเถอะไอ้สัด มึงสองตัวมันไม่ใช่พี่น้องทั่วไป พวกปากไม่สนใจแต่ห่วงใยกันเก่ง ”

“ แล้วมึงจะเอายังไงเรื่องไอ้วิว “ อาฟถามเข้าเรื่องผมที่นิ่งไป

“ มึงว่าเมดมองน้องชายมัน เป็นยังไงในความรู้สึกมึง “

“ เป็นเด็กดี ” มันยกยิ้มก่อนจะมองแฟนตัวเองผ่านจอทีวี “ มันมองน้องชายตัวเองเป็นเด็กดี น่ารัก อาจจะไม่ได้มองว่าเรียบร้อยเพราะน้องมันแค่ดูท่าทางออกว่า น้องมันก็แรงในระดับนึง “

“ แต่คงไม่คิดว่าจะแรงขนาดพาผู้ชายขึ้นห้อง แล้วไถตังได้ “

“ ผู้ชายมันโง่ด้วยละที่ให้เด็กมัธยมไถตังค์ได้ “

“ ไอ้สัด “

“ หรือมึงว่าไม่จริง ” เพื่อนสนิทยิ้มถาม ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ จะบอกว่าจริงมันก็จริงเสือกโง่เองที่ตอนนั้นยอมง่ายๆ เพราะไปคิดถึงแค่คำขู่เรื่องฟ้องตำรวจของไอ้เด็กเวรนั่น ทั้งๆที่ความเป็นจริงตัวมันก็เท่านั้นผมเดินไปจับข้อมือแรงๆเงินพวกนั้นก็คงหลุดออกมาจากมือมันแล้ว ต่อยสักทีคงสลบตัวเล็กจิ๊ดเดียว “ กูถามจริงๆ มึงชอบเหรอวะ ”

“ ชอบอะไร “ ผมถามอีกคนที่อยู่ๆถามขึ้นมา “ มึงหมายถึงเด็กนั่น “

“ อื้ม “

“ ทำไมคิดงั้น “

“ ปกติมึงไม่ใช่คนแบบนี้ “ อาฟบอกผมก็ยกยิ้ม “ มึงไม่ค่อยชอบวันไนท์กับใคร ตั้งแต่เลิกกับไอ้เบล มึงมีอะไรวันไนท์กับใครนับครั้งได้ มึงบอกกูว่ามึงไม่ชอบ มึงชอบคบใครแบบจริงจังไปเป็นคนๆมากกว่า “

“ ประทับใจจังว่ะเพื่อนอาฟจำเรื่องราวของกูได้ ไม่เสียแรงที่คบกันมาตั้งแต่สมัยยังเล่นเบย์เบลด ” ว่ามันขำๆแต่อีกคนก็แค่จ้องหน้าผมเหมือนจะตอบคำถามที่มันเองก็ยังคงสงสัย ก็ยอมรับว่าก็เป็นแบบที่อาฟว่านั่นแหละ มันพูดถึงผมได้ถูกต้องแล้ว และผมก็รู้ว่าตอนนี้มันดูออกว่าผมรู้สึกยังไงกับน้องของไอ้เมดเพราะงั้นสิ่งเดียวที่ทำได้ ก็แค่ต้องยอมรับ “ เออ กูถูกใจมัน “

“ ในแง่ไหน จริงจัง ไม่จริงจัง “

“ ไม่รู้วะ กูแค่รู้สึกว่ามันน่าสนใจ ทั้งคำพูดของมัน ท่าทางของมันตอนที่กูได้คุยด้วย กูว่ามันก็โอเค “ ผมเว้นเสียงไปตอนที่นึกถึงบรรยากาศช่วงที่เรานั่งคุยกันอยู่ตรงด้านข้างของผับ “ ตอนแรกที่ตื่นขึ้นมา กูอยากจะแลกไลน์กับมัน เพราะกูคิดอยากจะคุยต่อ “

“ แต่สุดท้ายก็โดนไถเงินไปก่อน “

“ ไอ้เด็กเวร “ ผมสถบออกมาก่อนจะหันไปมองอีกคน “ มึงรู้มั้ย มันบอกกูด้วยนะ ว่ามันกับกูคงไม่มีทางได้เจอกัน แล้วตอนนั้นกูก็หันไปเห็นภาพไอ้เมดในกรอบรูปพอดี จากที่กูหงุดหงิดเพราะต้องเสียตังค์ ตอนนั้นกูนี่ยิ้มเลย ในใจกูมันบอก ได้ เดี๋ยวมึงได้เจอกูไอ้สัด “

“ ตกใจมึงถูกใจหรือไม่ถูกใจกันแน่วะ “

“ ถูกใจก็ส่วนถูกใจ แต่ส่วนที่มันเอาเงินกูไป ยังไงก็ต้องทำให้เข็ดหลาบ “ ไอ้อาฟยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ ดีแค่ไหนที่เป็นกู แล้วก็โชคดีแค่ไหนที่ตลอดมามันไม่เคยเจอพวกเหี้ยๆ ที่จับมันปล้ำ ถ่ายคลิปแก้แค้นมัน ไม่ก็ลากเพื่อนมารุม แล้วดีไม่ดีไอ้เมดเผลอกลับบ้านอาจจะพลอยโดนหางเลขไปด้วยก็ได้  ไอ้เด็กเวรนี่มันยังไม่เจอคนจริงกูจะบอกไว้ มันคิดว่ากฏหมายคุ้มครองมันได้เหรอกูบอกไว้เลยว่ามึงเจอคนเหนือกฏหมายมึงตายแน่ๆ “

“ อย่างพวกที่พอได้มันแล้ว มันไถเงิน จากนั้นก็จับมันปล้ำต่อ เพราะแรงแค่นั้นผลักก็คงกระเด็น “

“ ใช่ “ ผมตอบรับความคิดไอ้อาฟ

“ จากนั้นก็ถ่ายคลิปตอนเอากันไว้แบล็คเมล์ แล้วก็ขู่ไปสิ จะให้ทำอะไร จะให้มาเอาอีก จะให้เพื่อนมารุมเอา “

“ แล้วพอรู้ว่ามีพี่หน้าตาดีแบบไอ้เมด “

“ มึงหยุด “ ไอ้อาฟบอกเสียงเข้มพลางชี้หน้าผม ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา

“ ทุกอย่างมันเป็นไปได้ทั้งนั้น ถ้าน้องของมันยังเป็นแบบนี้ ทางที่ดี มึงควรบอกให้ไอ้เมดหยุดมันซะ  “ ผมบอกก่อนจะถอนหายใจ
“ เสียดายของชิบหายไอ้สัด หน้าตาก็น่ารักแต่เสือกทำตัวสิ้นคิดกูแม่งไม่เข้าใจ “ อาฟยกยิ้มขึ้นมาตอนที่ผมพูดออกไปแบบนั้น “ ยิ้มเหี้ยอะไรของมึง “

“ วิวมันทำให้มึงถูกใจขนาดนี้เลยเหรอวะ ”

“ พูดอะไรของมึง “

“ พูดแบบที่คิด เพราะที่มึงพูดออกมา เหมือนมึงไม่ได้โกรธที่มันไถตังค์มึงเท่าไหร่ เหมือนไม่ใช่ประเด็น อาจจะแค้นที่เสียรู้เด็ก แต่ที่แน่ๆเหมือนมึงแค่เสียดายมากกว่าที่ไม่ได้จีบต่อเพราะมันไม่ได้เป็นแบบที่มึงคิด “ ก็อาจจะจริงที่มันพูดผมถอนหายใจออกมาไม่ได้พูดอะไร “ ตอนนี้มึงก็เลยเหมือนทั้งแค้นและก็ทั้งกำลังเป็นห่วงมันไปด้วย มึงคิดว่าถ้ามันเจอคนเหี้ยจริงๆขึ้นมาจะทำยังไง และเพราะแบบนั้นเลยคิดว่าเอามาไว้ใกล้ตัวดีกว่า เลยจะใช้ไอ้เมดมาอ้างเพื่อจะให้กูจัดการไปบอกให้ น้องมันจะได้หยุดทำแบบนั้น เพราะถ้าเมดรู้มันคงไม่ปล่อยให้น้องมันไปไหน “

“ มึงก็คิดไปไกล บางทีกูก็กลัวแฟนมึงจะเป็นอันตรายด้วยมั้ย “

“ งั้นถ้าเรื่องนั้นมึงก็ไม่ต้องห่วง เพราะเมดมันไม่ไปไหนไกลจากระยะที่กูมองเห็นอยู่แล้ว “ เพื่อนสนิทยักคิ้วให้มันที่ยกยิ้มมองผม เบื่อความสนิทที่ไม่ต้องพูดอะไรกันมากก็เข้าใจกันของเราชิบหาย

“ แล้วมึงคิดว่าถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมากับน้องมัน ไอ้เมดมันจะไม่เสียใจเหรอวะ “

“ เจมึงแม่ง “ อีกคนสถบยิ้ม “  คือ จากเด็กเหี้ยไถตังค์ที่มึงแค้น ทำไมมากลายเป็นเรื่องที่ไอ้เมดได้ว่ะ “

“ ก็กูเป็นห่วง “ ผมตอบไอ้อาฟที่จ้องผมอยู่ “ ห่วงไอ้เมดไง คือหมายถึงเป็นห่วงไอ้เมดแล้วก็มึงด้วย มึงลองคิดดูว่าถ้าไอ้เมดรู้ความจริงจะเป็นยังไง มันจะเสียใจมากมั้ย มันจะทำยังไง มึงจะปลอบมันยังไงให้มันปลงว่าน้องมันแรดนอนกับผู้ชาย ไถตังค์คนอื่น กูถามหน่อย “

“ มึงจะเอายังไง ว่ามาเลยดีกว่า กูฟังแล้วไม่มีอะไรมากกว่า การที่มึงไปนอนกับน้องมันแล้วมึงก็ติดใจ สุดท้ายอยากจะต่อแต่ต่อไม่ได้ แล้วพอมานั่งคิดๆก็เสือกเป็นห่วงน้องมันขึ้นมา เลยมาถามกูเพื่อสืบให้แน่ว่าตกลงน้องมันเป็นใคร แต่พูดไปพูดมามึงเริ่มโยงออกเรื่องไอ้เมด เออ มันอาจจะเครียดถ้ามันรู้แต่ก็ชีวิตน้องมันมั้ยสูงต่ำอยู่ที่ทำตัว “ ไอ้อาฟว่าก่อนจะมองหน้าผม “ จุดประสงค์จริงๆ ตอนนี้ที่คิด จะเอาอะไรพูดมาเลย “

“ แนะนำกูให้มันรู้จัก “

“ เพื่อ ? “

“ เพื่อให้ไอ้เด็กเวรนั่นรู้ว่า โลกมันกลมกว่าที่มันคิด  “ อีกคนถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้าไปมา มันหันไปมองคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง

“ อ้าง “ อาฟบอกก่อนจะส่ายหน้า “ จริงๆ มึงก็แค่อยากจะเจอมันอีกครั้งเพื่อให้มันรู้สึกว่า มึงอยู่เหนือกว่ามันเพราะมึงกุมความลับของมันไว้  ซึ่งแผนต่อไปก็คือทำให้มันอยู่ในกำมือมึงคนเดียว เพื่อความปลอดภัยว่ามันจะไม่โดนคนเหี้ยๆแบบที่มึงคิดจัดการ  หึ.. แล้วก็เอาเมียกูมาอ้างไอ้สัด “

“ เหมือนมึงตอนยังไม่ได้ไอ้เมดอะ “ ผมบอกอีกคนก็ปรายตามามอง “ เจาะยางรถเค้า เอารถเข้าอู่ อาสาไปรับไปส่ง “

“ ไอ้สัด “

“ สมกับที่เป็นเพื่อนรักกันว่ามั้ย “

“ ใครเพื่อนมึง “ ผมลุกจากที่นั่งตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น

“ ไปหาคุณมินเมดดีกว่า ไปสืบสักหน่อยว่าเค้ารู้สึกยังไงกับน้องเค้า “

“ อย่าเพิ่งบอกให้ไอ้เมดรู้ “ อาฟบอกผมเสียงจริงจัง มันที่เหลือบตาขึ้นมาจากหน้าจอคอมเพื่อจ้องหน้าผม “ อย่าให้เมดรู้เรื่องวิว เดี๋ยวกูจะจัดการบอกมันเอง เรื่องที่จะให้ไอ้วิวมาเจอมึงก็ด้วย แต่ต้องใช้เวลาหน่อย “

“ สุดท้ายก็ห่วงความรู้สึกเมียแหละวะ “ ผมแซวมันก่อนจะถามสิ่งที่อยากรู้ “ ได้กันยัง มึงกับไอ้เมด “

“ ยัง “

“ ช้า “

“ เสือก “ มันตอบออกมาผมก็ได้แต่ยิ้มแซว

“ ไม่สมกับการเป็นคุณอารยะเจ้าของ throw up เลยว่ะ เขี้ยวเล็บไปไหนหมด นั่นมันก็แค่ลูกแมวตัวเล็กๆมั้ย “

“ ไว้มึงรักใครจริงจังขึ้นมาสักคน มึงจะเข้าใจเอง ”

“ ไม่อยากจะเชื่อว่าคำนี้จะหลุดออกมาจากปากมึง “ ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้า “ เมดแม่ง เปลี่ยนมึงไปมากเลยว่ะ “

“ กูแค่อยากให้มันรู้สึกดีกับกูที่สุด รู้สึกดีจนลืมไอ้เชี้ยนั่นไปเลย “

“ กูไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ไอ้บินจะสู้มึงได้สักอย่าง จะไปซีเรียสทำไม “

“ สู้ได้ทุกอย่าง แต่เมดก็ยังไม่ลืมมันอยู่ดี “ อาฟยกยิ้มก่อนจะสะบัดมือไล่ผมออกไปจากห้อง “ มึงไปเถอะ กูจะเล่นเกมส์ “

“ มันอยู่ไม่ตลอดหรอกสัดอาฟ อย่างน้อยตอนนี้มันก็ค่อยๆหายไป เพราะมีมึงเข้าไปแทนที่ “ อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรผมก็ส่ายหน้า
“ อย่ารีบร้อนเกินไป อยากได้อะไรก็ได้มาง่ายจนชินก็แบบแหละสัด ทีหลังไปหัดนั่งตกปลาบ้างนะมึง จะได้รู้ว่า กว่าปลาจะกินเหยื่อแม่งต้องใช้เวลานานแค่ไหน “

“ สอนกูจัง เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อน คิดให้ดี ว่าแค่ห่วงเด็ก หรือชอบเด็ก ไอ้สัด “

“ เบื่อมึงชิบหาย ไปหาเมดดีกว่า “

“ แล้วอย่าลืม “

“ เออๆ กูไม่ลืม ไม่บอกหรอกน่า ห่วงเมียมึงจังเว้ย “ บ่นเบาๆก่อนจะเดินออกไปแต่ก็ไม่ลืมล้อมัน “ อ้อ ลืมไปยังไม่ใช่เมีย เพราะ ยังไม่ได้กัน “

“ K “ โดนแจกนิ้วกลางมาให้อันนึง ก่อนจะปิดประตูห้องนั้นลง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 25 :: up! 15-6-61} #หน้า 17
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 22-06-2018 20:16:01
ผมเดินลงมาชั้นล่างมองไปที่บาร์ที่ตอนนี้คนที่อยากเจอกำลังนั่งเขียนอะไรยุกยิกอยู่ที่เค้าเตอร์บาร์ด้วยความตั้งใจตรงหน้าของเมดมีขวดเหล้าวางเรียงอยู่สองสามขวด

“ เดย์ โฮการ์เด้นมาให้กูขวด ”

“ นี่ครับผม “ ขวดเบียร์ที่สั่งวางลงตรงหน้าผมหันไปหาคนข้างๆก่อนจะเริ่มชวนคุย

“ จดอะไรอยู่ครับคุณเลขา “

“ รายชื่อเหล้าออกใหม่ ที่จะเริ่มขายวันศุกร์หน้าน่ะ “ คนจดเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ก่อนจะก้มลงไปจดต่อ ผมหยิบเหล้านั้นขึ้นมาดู มันเป็นเหล้ายี่ห้อนำเข้าที่กำลังดังในต่างประเทศ ตอนนี้วัยรุ่นกำลังฮิตและเหมือนผับเราจะเป็นผับแรกที่นำเข้ามา “ เห็นอาฟบอกว่า เจจะให้เปิดตัวเหล้าตัวนี้แบบโปรโมชั่น คือยังไงวะ “

“ คือศุกร์หน้าจะมีนักร้องดังมา คนมันจะเข้ามาจองโต๊ะกันก่อนอยู่แล้วถูกมั้ยครับ คราวนี้เราก็เลยจะโปรโมตเหล้าตัวนี้ที่เราเอามาขายในวันนั้นเลย คือ พอแขกจองโต๊ะกับเรา ในโต๊ะเราก็จะให้เหล้าตัวนี้พร้อมกับมิคเซอร์ พวกโซดา น้ำแข็ง น้ำเปล่า อะไรแบบนี้ คือจะเป็นเซ็ตตายตัวเลยให้เลือก สามแบบ สามราคา ก็เลือกเอาราคาไหน “

“ เข้าใจละ “ เมดพยักหน้ารับ “ คนจองเต็มรึยัง “

“ เปิดจองจันทร์ครับ แต่คิดว่าน่าจะเต็มตั้งแต่วันจันทร์นั่นแหละ เหล้าตัวนี้สายผับเค้าต้องการกันอยู่ อีกอย่างนักร้องที่มาก็ดังในกระแสด้วย “

“ แบบนั้นนี่เอง “ เมดพยักหน้ารับก่อนจะถามต่อ “ แล้วนี่เมื่อวานหยุดงานไปไหนมา “ ชะงักกับคำถามของอีกคนตอนที่กำลังจะยกเบียร์ขึ้นดื่ม ผมเผลอยิ้มตอนที่คิดว่าจะตั้งคำถามเข้าเรื่องน้องมันยังไงดี แต่กลับไม่ต้องเสียเวลาเลยเพราะอีกคนถามขึ้นมาก่อน

“ ก็ไปเที่ยวตามประสาชายโสดที่ไม่ได้มีแฟนเหมือนเจ้าของผับ throw up นั่นแหละครับ “

“ แซวเก่งว่ะ “

“เมื่อก่อนก็ไปเที่ยวกับเจ้าของผับนั้นแหละ แต่เดี๋ยวนี้เค้าติดแฟน ท่าทางแฟนจะน่ารัก “

“ ไม่หรอก กูว่าเจ้าของผับติดเกมส์มากกว่า “ เมดว่าเอือมๆก่อนจะถอนหายใจออกมา ผมก็ได้แต่หัวเราะเพราะช่วงนี้ไอ้อาฟติดเกมส์จริง เรียกได้ว่า ถ้ามันมีเวลาว่างสิ่งแรกที่มันจะทำเลยคือ ยกไอแพตขึ้นมาเปิดและเล่นเกมส์

“ แล้วนี่ได้ข่าวว่าเมื่อวานทะเลาะกัน “

“ ข่าวเร็วจริง “

“ ผมรู้ตั้งแต่เริ่มทะเลาะกันแล้วครับคุณ เค้าไลน์ไปหาผมว่าทำไงดีด้วยซ้ำ “

“ แล้วเจตอบว่าไง “ เมดหันมาถามแบบสนใจผมก็ยิ้ม

“ ไม่ได้ตอบว่ะ เที่ยวอยู่เลยไม่ได้จับมือถือ “คนฟังถอนหายใจเซ็งๆ ผมก็หยุดยิ้มออกมา ตอนที่เมดหันไปตั้งใจเขียนงานต่อผมก็เริ่มถามเรื่องที่อยากถาม

“ น่ารักว่ะ “ ทำทีเป็นเผลอสถบออกไปเบาๆให้อีกคนรู้ “ เมด มึงแม่งน่ารักว่ะ ถามจริง นี่มีน้องเปล่าวะ “

“ ถามทำไมวะ “ อีกคนหันมาเหล่

“ อยากมีแฟนน่ารักแบบมึงบ้างไง ดีเอ็นเอความน่ารักมันต้องถ่ายทอดถึงกันบ้างแหละวะ “

“ ไม่มีน้องสาวอะ มีแต่น้องชาย “

“ พี่เมดมีน้องชายด้วยเหรอวะ “ ไอ้เดย์ที่ยืนอยู่ตรงเค้าเตอร์แล้วกำลังเช็ดแก้วเอ่ยถามขึ้นมาแบบได้จังหวะ

“ มีคนนึง แต่ไม่หล่อเหมือนน้องเดย์หรอก “

“ ไม่มีใครหล่อสู้น้องเดย์หรอก อันนั้นรู้ดีอยู่แล้ว “ เดย์มันว่าก่อนที่ผมกับเมดจะหันมามองหน้ากันแล้วแสดงอาการที่เรียกว่า มึงก็ช่างกล้าพูดแบบพร้อมเพียงกัน “ แต่อยากเห็นอะ มีรูปมั้ย “ เมดชะงักไปนิดหน่อยตอนที่น้องถาม ผมเผลอยิ้มเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ต้องถาม แต่อะไรๆก็ดูเข้าทางเข้าจังหวะไปหมด

“ รูปเหรอ “ มือถือถูกดึงขึ้นมาสแกนหน้า ส่วนของการเก็บรูปภาพในมือถือถูกเปิดขึ้นมา นิ้วขาวไล่ไปตามรูปต่างๆ มันเลื่อนเร็วๆ ก่อนจะเปิดรูปถ่ายคู่กันยื่นไปให้ไอ้เดย์ดู

“ น่ารักดีอะ “

“ ไหนมาดู “ ผมยื่นมือไปรับมือถือต่อจากอีกคนมาดู ยกยิ้มให้กับคนในหน้าจอ ผมนึกถึงคำพูดของมันที่บอกว่า เจ้าตัวไม่เชื่อในทฤษฎีโลกกลมอะไรนั่น

“ พี่เจยิ้มใหญ่ พี่เมดสนใจมีน้องเขยเป็นเด็ก throw up เปล่า ถามกันก่อน “

“ ไม่สนเว้ย “ เมดดึงมือถือกลับไป ผมก็ทำทีเป็นยกเบียร์ตรงหน้าขึ้นกิน

“ น่ารักดีแต่เมดน่ารักกว่า “ ผมหันไปเหล่อีกคน “ แต่สำหรับกู หน้าตามันก็เท่านั้น ขอโฟกัสที่นิสัยดีกว่า นิสัยน้องมันน่ารักเหมือนมึงมั้ยละเมด “

“ วิวเหรอวะ “

“ ชื่อวิวเหรอ “ ไอ้เดย์ถาม เมดก็พยักหน้ารับ

“ คิดว่าชื่อม.ม้าแบบ พี่เมดซะอีก แบบว่า เมดกับมิว อะไรแบบนั้น “

“ ทำไมต้องชื่อเหมือนกันว่ะ “ ผมถาม “ ขนาดมึงกับไอ้อาฟพี่น้องคลานตามกันว่า คนนึงยังชื่ออาฟเตอร์ คนนึงยังชื่อเดย์เลย มันเหมือนกันตรงไหนไม่ทราบครับ “

“ ชื่อคล้องกันไง อาฟเตอร์เดย์ ไม่มีน้องเดย์ก็ไม่พี่อาฟ ไม่มีพี่อาฟก็ไม่มีน้องเดย์ เพราะงั้นชาตินี้ น้องเดย์ก็จะเกาะสัดพี่แดกตลอดไป กูวางแพลนไว้แล้วด้วยว่า อนาคตของกู กูจะแค่เลี้ยงหลานของสัดพี่อาฟกับพี่เมดอะ เป็นพ่อบุญธรรม พี่เมดมีลูกสักสี่ห้าคนเลยนะ เดี๋ยวน้องเดย์จะช่วยเลี้ยงเอง “

“ น้องเดย์ สตินะ.. คือพี่เมดไม่ไม่มีมดลูก “ เมดว่ายิ้มๆ ไอ้เดย์ก็ยิ้มเขินขึ้นมาเหมือนมันเองก็ลืมเพศของว่าที่พี่สะใภ้ไปชั่วขณะ  ไม่ก็พูดอะไรออกมาแบบไม่คิดเลย

“ เออ งั้นน้องเดย์เป็นลูกให้ก็ได้ “

“ ไม่เอาอะ พี่เมดไม่อยากเลี้ยงเด็กโข่ง “ คนพูดส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูดล้อๆด้วยท่าทางจริงจัง แต่คนฟังแบบไอ้เดย์กลับช็อคตาค้างไปแล้วในตอนนั้น

“ ทำไมพี่เมดพูดแบบนี้ ไม่สมกับเป็นพี่เมดเลย มึงเป็นใคร คายพี่สะใภ้ของกูออกมา “ เราที่หลุดหัวเราะกับท่าทางจริงจังของมันก่อนคนข้างผมจะถามกลับ

“ แล้วพี่เมดตัวจริงต้องพูดว่าอะไร “

“ พูดว่า ได้เลยน้องเดย์ แล้วก็ยิ้มหวานให้น้องเดย์แบบใจดีหนึ่งครั้งถ้วน “

“ ใครว่า นี่แหละพี่เมด แค่บังเอิญคนที่ throw up หล่อหลอมให้พี่เมดต้องเป็นคนแบบนี้ “

“ เอ๊ะ ? “ ผมเอียงหน้าทำหน้างงๆพร้อมจ้องตากับไอ้เดย์  “ นี่เค้าว่าเราเปล่าวะ แบบเราเป็นคนเหี้ยๆ ชอบตอบอะไรเหี้ยๆกับเค้า เค้าเลยต้องเรียนรู้ที่จะตอบแบบเหี้ยๆบ้างถูกมั้ย “

“ ถูกต้อง อย่างงั้นอะ “

“ โหหห มึงคายพี่สะใภ้กูออกมาไอ้เวร “ ไอ้เดย์บอกย้ำกับเมด เราที่หัวเราะกันอยู่แบบนั้นผมก็พูดขึ้น

“ แต่ไอ้เมดแม่งไม่มีมดลูกก็ดีแล้ว คิดสภาพมีลูกที่มีไอ้สัดอาฟเป็นพ่อ แล้วก็มีไอ้เชี้ยเดย์เป็นอา พูดได้คำเดียวเลยว่า อย่าเพิ่มภาระให้สังคม สงสารสังคมเถอะไอ้สัด “

“ มึงด่าว่ากูกับสัดพี่เป็นภาระสังคมเหรอสัดพี่เจ “

“ เออ พวกมึงสองตัวคือภาระสังคม ต่อให้แม่มันดีแค่ไหน เจอทั้งพ่อทั้งอาสปอยเด็กมันก็ไม่ไหวหรอกไอ้เชี้ย “

“ ไรว่ะ กูอาจจะเป็นคุณอาที่ทั้งหล่อและน่ารักกับหลานตัวน้อยๆก็ได้ เวลาน้องบอก อาเดย์ๆ งี้ โหยยยย รักตาย แล้วให้ดีเป็นหลานสาวหน้าตาเหมือนพี่เมดนะ จะฟัดแก้มทั้งวัน หอมซ้ายหอมขวาไม่ให้หยุดเลย “

“ ถ้าเป็นแบบนั้น ข่าวหน้าหนึ่งของทุกเช้าคือ มึงสองตัวที่วิ่งไล่ยิงลูกชายคนอื่นเค้าโทษฐานมาจีบหลานสาวกับลูกสาวอะ “

“ หลานสาวกูจะไม่มีผัว เกิดมาเป็นโสดและตายไป ไม่มีใครแตะต้องได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เหนือกว่าความหวงของกู คือความหวงของพ่อมันอะ ”

“ อยากเห็นเลยวะ “ ผมว่ายิ้มๆ “ ไอ้อาฟที่แบบ พอลูกบอกว่า ป๊าขา ใส่มงกุฎเจ้าหญิงเป็นเพื่อนหนูนะคะ ขนลุกจ้ากูบอกเลย แต่ประเด้นคือพ่อมันจะแดกหัวลูกสาวตัวเองก่อนมั้ย “

“ ไม่แดกแต่ป๊าจะทำหน้านิ่งเว้ย “ ไอ้เดย์เสริม “ แต่พอลูกทำหน้างอน แบะปากจะร้องก็บอกว่า โอเค ป๊าใส่ก็ได้ โหยยย มันต้องแพ้ มันต้องแพ้แน่ๆ คิดสภาพสัดพี่ที่จะแพ้ให้กับทุกอย่างของลูกสาวตัวเอง กูก็รู้สึกสนุกละ “
 
“ เห้อออ มโนไรกันวะพวกมึง “  หลุดหัวเราะกับหน้าเซงๆของคนข้างตัว “ หรือให้ไอ้อาฟไปหาเมียสักคนมั้ยยังไงดี “

“ ถ้าแม่เด็กไม่ใช่พี่เมด สำหรับสัดพี่มันก็คงไม่อยากได้หรอก เผลอๆ ต่อให้พี่เมดเป็นผู้หญิงจริงๆ มันอาจจะให้พี่เมดไปทำหมันก็ได้ “ ไอ้เดย์หัวเราะผมก็หลุดหัวเราะตามเพราะรู้ว่ามันจะสื่ออะไร

“ ทำไมวะ “

“ สัดพี่หวงพี่เมดจะตาย มันคงไม่อยากมีลูกอะ ไม่อยากให้ใครแย่งความรักของพี่เมดที่มีให้มันไป “

“ กูวางข้างไอ้เดย์ห้าพัน “ ผมบอก เมดก็ได้แต่ส่ายหน้า

“ พอๆ พวกมึงคือเพ้อเจ้อทำไมคุยเรื่องน้องกูอยู่ดีๆ มาออกเรื่องลูกกูได้วะ “ เมดว่าแบบนั้นผมก็ย้ำเรื่องที่เราคุยค้างไว้ขึ้นมา
 
“ แล้วตกลงน้องชายเมดเป็นคนยังไง น่ารักเหมือนเมดมั้ย ”

“ ให้ความสนใจ..“  ไอ้เดย์แซวผมก็หันไปทำตาขวางใส่มัน

“ วิวนิสัยดี เรียบร้อย น่ารัก ตามประสาเด็กๆนั่นแหละ มันขี้อ้อนด้วย “ คำตอบที่ทำให้ผมชะงักขวดเบียร์ที่กำลังยกขึ้นกินกระทันหันทำไมรู้สึกต่างที่กูรู้จักเลยวะ “ แต่วิวมันก็ไม่ได้เรียบร้อย แบบ เรียบร้อยมากๆนะ มันก็แรดเหมือนกัน ก็เด็กทั่วไป ที่แบบยังไงดีว่ะ ก็พูดมึงกู ชอบไปเที่ยวห้างแล้วกลับดึก แต่มันก็ไม่ขนาดออกนอกลู่นนอกทางจนควบคุมไม่ได้ หรือทำอะไรน่ากลัวเหมือนเด็กสมัยนี้นะ อย่างกินเหล้าอะไรก็ไม่มี “

“ ยังเด็กเหรอพี่เมด น้องพี่เมดอะ “

“ ม.หกอยู่เลย “

“ งั้นเหรอ “ ทำทีหันไปถามอีกคนที่ก็พยักหน้ารับ มองหน้าคนข้างๆที่ไม่รู้ความจริงอะไรแล้วได้แต่ยิ้มแห้ง คือถ้ามึงรู้ว่าน้องมึง ทั้งกินเหล้า แอบให้สินบนยามเพื่อเข้าผับ ชวนผู้ชายที่รู้จักกันไม่กี่นาทีขึ้นห้องไปวันไนท์ด้วย แถมยังไถตังค์เค้า หนำซ้ำเมื่อคืนมันยังเป็นกู มึงจะรู้สึกยังไงวะเมด กูแม่งอยากรู้

“ สัดพี่เจเงียบไปเลย สนใจเหรอวะ ” ไอ้เดย์ถาม เมดที่หันมามองหน้าผมแบบจ้องมองเหมือนจับผิด ตอนนั้นผมยกยิ้มให้มันก่อนจะส่ายหน้า

“ กูไม่ชอบกินเด็ก แต่ถ้าเด็กมาให้กิน อันนั้นอีกเรื่องนะ “

“ ร้าย “ เมดแซวผมก่อนจะก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อไป

อดใจที่จะได้เจอมึงอีกครั้งไม่ไหวแล้ววะ ทำไงถึงจะได้เจอวะกูละอยากจะเห็นจริงๆ ว่าตอนที่มึงรู้ว่า กูรู้จักกับพี่ชายของมึง คนที่มึงแสดงว่าตัวเองเป็นคนเรียบร้อยน่ารักมาตลอด  มึงจะทำหน้ายังไง แล้วจะพูดยังไงกับคนที่กุมความลับของมึงอย่างกู

........................................................

[ วันนี้ไอ้เมดจะพาไอ้วิวไปที่ผับ ] ข้อความสั้นๆในโปรแกรมแชทถูกส่งเข้ามาในช่วงบ่ายของวันที่ผมกำลังนอนอยู่บนเตียง เผลอยกยิ้มกับข้อความนั้นของเพื่อนสนิท หลังจากรอมาเป็นอาทิตย์ก็ได้เจอผมคนที่อยากจะเจอสักที

[ ถามจริง มึงหรือไอ้เมดที่จะพามาวะ ]

[ กู เพราะคิดว่าน่าจะมีคนอยากเจอ ] ไอ้อาฟตอบสั้นๆ

[ สมเป็นเพื่อนกู ]

[ เห็นไอ้เมดบอกว่า ที่บ้านมันบังคับให้ไอ้วิวมาสอบตรงที่มหาลัยไอ้เมด แต่ก่อนที่กูจะไปส่งมันที่คอนโดกูเลยอยากจะพามันมาสงเคราะห์คนอย่างมึงก่อน ] 

[ ถึงขั้นใช้คำว่าสงเคาระห์ แต่ให้อภัย เพราะมึงทำดีว่ะ กูรอวันนี้มานานละ ]

[ จัดการเหยื่อของมึงไปเงียบๆ แล้วอย่าให้ไอ้เมดรู้ ]

[ รับทราบครับ เมดจะไม่มีทางรู้ เมดจะรู้ตอนที่สมควรเท่านั้น ]

[ อื้ม ] ข้อความสั้นๆที่ส่งมาก่อนจะส่งมาอีกครั้ง [ มึงก็เข้าผับมาเร็ว   ๆ เพราะกูจะพามันออกไปก่อนผับเปิด ]

[ ครับผม ]

กดปิดหน้าจอมือถือของตัวเอง ผมเงยหน้าดูเวลาที่ตอนนี้บอกเวลาอยู่ที่บ่ายสาม และทันทีที่เห็นแบบนั้นผมลุกขึ้นจากเตียงเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ จัดการแต่งตัวเรียบร้อยแล้วออกจากคอนโดมาทันที และคิดว่าวันนี้คงเป็นวันที่ผมเข้าผับเร็วกว่าวันไหนๆตั้งแต่ที่เปิดผับมาเลยก็ว่าได้

“ โอ้โห วันนี้พี่เจมาเปิดผับเหรอวะ เร็วชิบหาย “ เสียงไอ้อัยย์ดังขึ้นมาตอนที่มันเปิดประตูเข้ามาพร้อมไอ้เดย์แล้วเจอผมนั่งเปิดโน๊ตบุ๊คทำงานอยู่ที่ส่วนของบาร์

“ กูมีงานที่ต้องทำเลยมาเร็ว “ บอกไปแบบนั้นไอ้สองตัวนั่นก็เหล่มองมาแปลกๆ มันคงไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด “ อะไรของพวกมึง “

“ เปล๊า “ ไอ้เดย์พูดเสียงสูงก่อนจะเดินเข้าไปในส่วนของที่ทำงานตัวเอง แล้วเริ่มจัดการเช็คทุกอย่าง เตรียมตัวสำหรับผับที่จะเปิดในไม่กี่ชั่วโมง

“ โอ๊ะ วันนี้เจ้าของผับก็มาเร็ววะ “ ไอ้อัยย์ที่กำลังยืนเช็ดแก้วพูดขึ้นมาตอนที่เห็นไอ้อาฟเดินเข้ามา “ ทำไมวันนี้มีแต่คนมาเร็ววะ  เราโปรโมตเหล้าตัวใหม่กันวันนี้เหรอวะพี่เจ “

“ พรุ่งนี้ “ ผมบอกมันอีกคนก็พยักหน้ารับก่อนไอ้เดย์จะพูดขึ้นด้วยเสียงเชิงล้อ

“ แล้วนั่นพี่เมดพาใครมาด้วยอะ “ ไม่ได้หันไปมอง ผมก็รู้ว่าคนพูดหมายถึงอะไร เป้าหมายของผมคงเดินเข้ามาแล้วและตอนนี้ผมก็ควรนิ่งเข้าไว้

“ ทำไมเข้าผับเร็วจังอะเฮีย “ ไอ้อัยย์ถามไอ้อาฟ

“ กูมาเอาสายชาร์จในรถ แบตมือถือกูจะหมด เดี๋ยวจะไปส่งน้องไอ้เมดที่บ้าน “ ผมเหลือบมองคนพูดที่เดินเข้ามาให้เห็นในรัศมีสายตาที่เหลือบไปมองกันได้ เรายกยิ้มให้กัน ไอ้อาฟก็เดินเข้าไปตรงทางขึ้นชั้นสาม ส่วนผมก็ยังนั่งอยู่แบบนั้นไม่ได้หันไปมองอะไร เรื่องแบบนี้มันต้องรอเวลาเหมาะๆสักหน่อย

“ เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักก่อนแล้วกัน “ เสียงของเมดที่ผมกำลังรอคอยพูดขึ้น “ นี่วิวนะ น้องชายของพี่เมดเอง ส่วนวิวนั่นพี่เดย์น้องชายพี่อาฟ แล้วก็คนข้างๆก็พี่อัยย์เพื่อนพี่เดย์ ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ของที่นี่ “

“ สวัสดีครับ “ เสียงที่ยังจำได้เอ่ยทัก  ผมก็ได้แต่ยิ้มอยู่กับตัวเอง

“ สวัสดีครับ “ สองหนุ่มตอบรับก่อนไอ้เดย์จะพูดขึ้น “ น่ารักกว่ารูปที่พี่เมดให้ดูวันก่อนอีกนะ “

“ ขอบคุณครับพี่เดย์ “

“ ส่วนคนที่นั่งหันหลังอยู่นั่นชื่อพี่เจ เป็นเพื่อนพี่อาฟ “ สิ้นเสียงเมดที่แนะนำตัวผมก็ได้เวลาอันสมควรที่จะเปิดตัวกับอีกฝ่ายแล้ว

ผมขยับหมุนเก้าอี้ตัวที่นั่ง หันไปมองหน้าอีกคนที่กำลังยกมือขึ้นไหว้อยู่พอดี แต่ทว่ามือนั้นกลับชะงักไปพร้อมทั้งแววตาที่เบิกขึ้นด้วยความตกใจของคนที่เห็นผม มันที่ยังจำกันได้ชวนให้ยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเก่า

ดูเหมือนแผนที่วางไว้มันจะเริ่มต้นไปได้ด้วยดี

“ สวัสดีครับน้องวิว แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับ “

...............................................................
หลังจากเขียนตอนนี้เสร็จเรามีความคิดแรกเลยคือ.. นี่กูมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงวะ แล้วเราก็หันมองซ้ายหันมองขวา
แล้วเราก็ลองเดินต่อไป จนเขียนตอนที่  27 เสร็จแล้วเราก็เกิดนึกขึ้นมาได้ว่า เอ๊ะ ? นี่กูเขียนอะไรอยู่วะ มันต้องยาวขนาดนี้เลยเหรอไหนที่คิดคือมันสั้นๆไง
คืออยู่ๆเราก็รู้สึกว่า เนื้อหาส่วนที่เขียนอยู่ไม่ต้องเขียนก็ได้มั้ย หรือต้อง แบบอีกใจก็อยากจะรู้จักตัวละครจริงๆมากขึ้น
สองจิตสองใจมากแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เขียนแบบสองตอนรวดยาวเลยจ้า ติดพันมากมาย


ไม่รู้คนอ่านแล้วคิดไง ยังไงฝากเม้นท์ให้ความเห็นกับพาสของพี่เจน้องวิวด้วยนะคะ จะได้เอามาปรับปรุง
คือเรากลัวทุกคนไม่สนุกแบบ เอื่อยเฉื่อยเกินไป โอยย พูดวนสุดหนมมี่
เพราะงั้นเดี๋ยววันอาทิตย์นี้หนมจะลงให้อ่านอีกตอนนะคะ อย่าลืมเข้ามาอ่านกันนะ คิดซะว่า อ่านไปเรื่อยๆ
เพราะให้เราแต่งใหม่มันแบบคิดไม่ออกแล้วอะ เลยจะเขียนยาวไปเลย เรียกได้ว่า ไปให้สุดเลยมึง
และทั้งนี้ทั้งนั้น หนมฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆค่า
 
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 22-06-2018 21:29:25
 :katai4: :katai4: อดใจรอตอนต่อไปไม่ไหวแล้วค่ะ ดูซิว่าเจจะสั่งสอน วิวจะตอบโต้กันยังไง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 22-06-2018 22:11:37
น้องวิวเจอคนจริงนะคะะะ 555555555555555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-06-2018 22:21:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-06-2018 22:46:17
คาดว่าวิวคงต้องขอคุยกับพี่เจแน่ๆ เป็นเด็กดีในสายตาพี่เมดแต่ลับหลังน่าดูชม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-06-2018 23:21:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 22-06-2018 23:22:14
วิวในสายตาเมดนี่ตอนแรกหลงเชื่อว่าน้องดูไม่มีอะไร
 พอมาวันไนท์กับเจแล้วยังเอาเงินไปอีกนี่แบบ แรงกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ฮาตรงอาฟบอกว่า วิวเป็นเด็กแรด 555555
พูดตรงๆเราก็ไม่ค่อยโอเคกับนิสัยของวิวเหมือนกันนะ แต่ก็ต้องดูๆไปก่อน เพราะยังไม่รู้ว่าจริงๆแล้วชีวิตน้องเป็นยังไงบ้าง มีปมอะไรรึเปล่า ถ้าได้เห็นมุมของวิวมากขึ้นอาจจะพอเข้าใจก็ได้

ชอบน้องเดย์จัง น้องเดย์กวนตีนด้วยฮาด้วย อยากให้มีคู่กับเขาบ้าง 5555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-06-2018 23:23:29
พี่อาฟกับพี่เจสมเป็นเพื่อนกันมาก เข้าขากันมองตาก็รู้ใจ น้องวิวจะทำไงจ๊ะเจอคู่กรณีจังๆขนาดนี้ ความลับจะแตกกับพี่เมดมั๊ย? รอตอนต่อไปค่ะกำลังสนุกเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 22-06-2018 23:43:50
รอค่ะ ขำมาก  :katai3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-06-2018 00:05:52
เจมันร้าย~555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 23-06-2018 00:14:07
เซียนปราบเซียน   เจ วิว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 23-06-2018 01:10:12
หูวววว พี่เจ ร้ายยยย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 23-06-2018 01:25:57
โอ้ยยยยยย แซ่บบบบบ พี่เจจัดการน้องวิวหนักๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 23-06-2018 01:31:25
สงสารน้อง เจอเล่นแท็กทีมอาฟ-เจ 5555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 23-06-2018 01:48:16
พี่เจคนจริงค่ะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 23-06-2018 01:50:51
ชอบความเพื่อนของอาฟกับเจ ชอบที่เค้าคุยกันแบบทันกัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-06-2018 02:49:14
ปะกันแย้ววววว  o18
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-06-2018 03:27:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 23-06-2018 05:08:04
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว ดูซิพี่เจจะจัดการกับน้องวิวยังไง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 23-06-2018 06:02:40
สมใจแล้วสินะเจ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-06-2018 07:59:28
นิสัยของวิวตอนเจอพี่เจก็ทำเอาคนอ่านเงิบไปทีนึงละ  มาดูกันว่าจะเจอพี่เจดัดนิสัยยังไง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 23-06-2018 09:54:22
น่ารักกก พี่เจจจ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 23-06-2018 09:55:24
พี่เจโดยพื้นฐานเป็นคนขี้ห่วงเหรอเนี่ย
เอ...หรือเฉพาะบุคคลเอ่ย

เมดน่ารักกกก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-06-2018 10:05:39
วิว โดนเอาคืนหนักแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 23-06-2018 10:09:17
น้องวิวโดนพี่เจกำราบแน่นอน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 23-06-2018 11:27:59
กรี้ดดดดดดน้องวิวโดนพี่เจปราบแน่ๆเลยย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 23-06-2018 14:02:49
อิน้องเดย์มันฮา ฮ่า ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 23-06-2018 15:15:25
ทำไมพี่อาฟไม่สอนพี่เจไปละคะ 'หวง' สะกดแบบนี้ !!555
อ้อ... ลืมไป ปากหนักสมเป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่สมัยเล่นเบย์เบลด  :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-06-2018 17:54:28
ชอบบบบบบบบบบบบบ   :mew1:
ไรท์ เขียนแบบให้มันสุดๆไปเล้ย   :z3:

วิว คงค้างชะงักงัน ที่เห็นเจ อะจ๊ากกกกก  o22 o22 o22
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: เพื่อนที่ร้ายทั้งคู่แท็คทีมกันแล้ว  :katai2-1:

อาฟ เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 24-06-2018 01:36:16
สนุกน่าติดตาม อ่านแล้ววางไม่ลงเลย
รอตอนต่อไปๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 24-06-2018 12:13:17
 :pig4: :pig4: :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 24-06-2018 13:03:53
สนุกค่าาาาาา รอติดตาม ยาวๆเลยก็ได้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 24-06-2018 17:48:25
พี่อาฟกับพี่เจเค้าเป็นพยาธิในช่องท้องของกันและกันรึป่าวคะ 555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 24-06-2018 20:34:38
 

ตอนที่ 27

 

“ สวัสดีครับน้องวิว แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับ “  เสียงของผมที่เอ่ยทัก ชวนให้ทุกคนเงียบไป อาจเพราะรูปประโยคนั้นดูเหมือนว่าผมเคยรู้จักกับอีกฝ่ายมาก่อน เลยทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจโดยเฉพาะพี่ชายของคนที่ผมเอ่ยทัก

 

“ เจทักเหมือน เคยรู้จักวิวเลย “ เมดพูดขึ้นแต่ผมที่ยังไม่ทันจะตอบ น้องชายของคนถามก็ตะโกนปฎิเสธออกมาจนมีพิรุธ

 

“ ไม่ร้จัก! ” มันทำหน้าตึงใส่ผมตอนที่พูดออกมา ฉายแววความก้าวร้าวจนคนเป็นพี่ต้องปราม

 

“ วิว ทำไมพูดแบบนั้นว่ะ นั่นพี่เจนะ เค้าเป็นผู้ใหญ่กว่ามึงให้เกียรติเค้าหน่อย “ วิวมองหน้าพี่ชายตัวเองที่เอ่ยติมัน พลางหันมองผมด้วยท่าทางตกประหม่า แววตาที่เคยใช้ขู่ผมด้วยสายตาไม่สนใจ มาบัดนี้มันกลับมองผมด้วยสายตาที่กำลังรู้สึกกลัวอย่างที่สุด

 

แววตาเรียวนั่นสั่นไหว มีคำขอร้องเป็นร้อยเป็นพันหลั่งไหลออกมาจากแววตานั้น ผมยกยิ้มให้มันตอนที่สบสายตานั้น ก่อนจะหมุนเก้าอี้กลับมาหาบาร์เทนเดอร์สองคนที่ยืนอยู่ หยิบมือถือที่อยู่ข้างตัว ผมกดส่งข้อความเข้าไปในกลุ่ม ‘ ชมรมคนรักแฟนพี่อาฟ ’ 

 

[ @dday @ai มึงสองคนช่วยพาไปเมดออกไปหน่อย กูมีธุระจะคุยกับไอ้เด็กวิวนี่ ]

 

[ พี่มึงรู้จักเด็กนี่มาก่อนเหรอวะ ] ไอ้อัยย์ถามกลับ ผมก็ตอบ

 

[ เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง ตอนนี้จัดการเอาไปเมดออกไปก่อน กูมีเรื่องจะคุยกับเด็กนี่ ]

 

“ พี่เมด ไอ้หมูตุ๋นมันจะคลอดรึยังอะ “ ไอ้เดย์พูดขึ้นหลังจากที่เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอมือถือ

 

หมูตุ๋น เป็นแมวจรจัดสีเทาแซมดำที่เข้ามาอยู่ในบริเวณผับเมื่อสองวันก่อน มันเป็นแมวท้องแก่ใกล้คลอดที่แอบเข้ามาอยู่หลังตู้ยามเพื่อหาที่พักพิงในการคลอดลูก เวลานั้นเราเลิกงานพอดีเมดหันไปเห็นยามพยายามไล่มันไปเพราะกลัวว่าไอ้อาฟจะดุที่มีแมวมาอยู่ในเขตผับ แต่ไอ้เมดก็ออกตัวช่วยไว้ก่อน

 

‘ ไม่เป็นอะไรหรอกลุงยอด ให้มันอยู่ตรงนั้นแหละ อาฟไม่ว่าอะไรหรอก สงสารมัน ’ พูดกับลุงยามออกไปแบบนั้นโดยไม่ถามแฟนตัวเองสักคำ เมดหันมายิ้มให้ไอ้อาฟก่อนจะพูดสั้นๆแค่ว่า ‘ เนอะ มึงให้อยู่แหละ อาฟใจดีจะตาย ’ พูดรวบหัวรวบหางแฟนตัวเองเรียบร้อย  พลางยื่นมือมาจับมือไอ้อาฟไว้ แกว่งเบาๆ ใช้สายตายิ้มมองอ้อนหน่อยๆ สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอดต้องอนุญาติทำตามความต้องการของอีกคนไป

 

ผมที่ตอนนั้นได้แต่ยิ้มแซวกับความใจอ่อนจนไอ้อาฟได้แต่หันไปทางอื่น แต่มาตอนนี้ผมก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่า เรากำลังให้ที่พักพิงกับแมวท้องแก่หรือเลี้ยงแมวท้องแก่กันแน่

 

เพราะหลังจากวันนั้น เมดก็ตั้งชื่อให้มันว่าหมูตุ๋น จัดการอาบน้ำให้เรียบร้อย ส่วนไอ้เดย์ทาสแมวอยู่แล้วก็จัดการซื้อปลอกคอให้ ไอ้อัยย์ก็ซื้อชามใส่อาหารอย่างดี ส่วนพนักงานเสิร์ฟทุกคนก็ช่วยกันออกค่าอาหารแมว จนตอนนี้จากหลังตู้ยาม มันก็ย้ายตัวเองไปอยู่ให้ห้องสต๊าฟผับแล้ว

 

โดยมีเงื่อนไขเดียวคือจากไอ้อาฟคือ ทุกคนต้องช่วยกันดูแล และห้ามสร้างความเดือดร้อน เพราะถ้าเกิดขึ้นเมื่อไหร่มันจะเตะแมวท้องกลมนี่ออกไปจากผับทันทีและไม่สนด้วยว่าจะท้องแก่แค่ไหน

 

“ ยังเลยมั้ง แต่อีกไม่นานแล้วละพี่เมดว่า ท้องมันใหญ่จนเดินจะไม่ไหวแล้วอะ “

 

“ อ้วนด้วยแหละ “ ไอ้อัยย์เสริม “ กินวันละห้ามื้อได้ “

 

“ พวกพี่ยามมื้อแรก พี่ซองมื้อสอง เด็กเสิร์ฟมื้อสาม กูสี่ พี่เมดก่อนกลับห้า ไม่รู้อ้วนเพราะท้องหรือเพราะแดกแล้วตอนนี้ “

 

“ หมูตุ๋นมันน่ารักไง รู้จักฝากตัว ขี้อ้อนด้วย จับอาบน้ำยังนิ่งเลยโคตรผิดวิสัยแมว ”

 

“ จริง โคตรเชื่อง  น่าจะถูกทิ้งมาอะกูว่า “ เดย์บอก “ แต่ก็ยกเว้นสัดพี่นะ เจียมตัวมากเหมือนรู้ว่าไอ้นี่แหละ ตัวอันตรายถ้าเผลอไปยุ่งมันต้องเตะกูออกจากผับแน่นอน “

 

“ เมื่อวานตอนพี่เมดเข้าไปหามันก็กระโดดมานั่งตักนะ “ ไอ้อัยย์เสริม “ อ้อนกันตั้งนาน แต่พอเฮียเดินเข้ามาตามพี่เมดไอ้หมูตุ๋นมันก็เดินลงไปแล้วก็ไปนั่งเบียดมุมห้องตรงที่นอนเลย น่าเอ็นดู “

 

“ สมกับฉายา ผู้ชายที่น่ากลัวที่สุดใน throw up กลัวกันตั้งแต่พนักงานทุกระดับ ยันแมวตัวเล็กๆที่เลี้ยงไว้ “

 

“ ก็ไม่ได้ดุขนาดนั้น ขี้เว่อร์กันไปเอง “ เมดมันเถียงแทนไอ้อาฟ “ คนมันแค่ไม่ชอบยิ้ม “

 

“ ส่วนคนนี้ก็ใจดีที่สุดใน throw up แล้ว “ ไอ้เดย์เดินออกจากส่วนบาร์ไปกอดแขนแฟนพี่ชายตัวเองไว้ “ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นนางฟ้า throw up .ต้นแบบนางเอกของดิสนีย์ทุกตัวบนโลก เป็นที่รักของทุกคน ยันสัตว์ทุกชนิดในผับ “

 

“ ก็มากไปละ ก็ไม่ขนาดนั้นมั้งน้อง วันก่อนพี่เมดยังด่าพี่แม่บ้านที่ทำความสะอาดโถส้วมไม่สะอาดอยู่เลยมั้ยละ “

 

“ เป็นการด่าที่หยาบมากอะบอกเลย“ อัยย์เสริมขึ้นมา “ พี่แม่บ้านทำไมทำแบบนี้ครับ ยังเป็นคราบเหลืองอยู่เลยมันดูไม่น่าเข้านะครับ เราต้องให้ห้องน้ำสะอาดตลอดเวลา พร้อมใช้งานสำหรับแขกนะ เพราะถ้ามันไม่สะอาดแขกก็ไม่อยากจะมาอีก ห้องน้ำเป็นภาพลักษณ์สำคัญนะครับ ถ้ามันไม่น่าเข้าก็จะไม่มีใครมา มาครับพี่ แล้วพี่เมดใส่ถุงมือยาง ข้างนึงจับที่ขัดส้อม อีกข้างน้ำยาล้าง ก่อนจะหันไปพูดกับพี่แม่บ้าน เมดจะทำให้ดูเอง!  แล้วซ้อกูก็ลงมือขัดส้วมเลยจ้า ” ทุกคนหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังแม้แต่คนหน้าเครียดอย่างไอ้วิว ก็ยังหลุดยิ้มกับเรื่องที่ถูกเล่าขึ้นมาก่อนยิ้มนั้นจะหุบลงในตอนที่ผมพูดเสริม

 

“ แต่วันนั้นได้ใจพี่แม่บ้านกันมากเลยนะ ถึงขั้นมาชมกับพี่ซองว่า น้องเมดน่ารักมากลงมาช่วยขัดส้วมให้ดูเป็นตัวอย่างด้วย แถมยังบอกอีกว่า พี่แม่บ้านคือคนสำคัญนะ ถ้าขาดไปสักคนผับก็จะไม่สะอาดเพราะความสะอาดมันคือหน้าตาของสถานที่และที่พักผ่อนทุกที่ แถมพอขัดส้อมเสร็จก็ออกไปซื้อขนมมาฝากพี่ๆอีก  สุดที่เลิฟของทุกทีม ทุกวันนี้แม่บ้านขัดส้วมกันลืมตาย กลัวน้องเมดรู้สึกไม่ดีที่ส้วมไม่สะอาด “ ผมหันไปแซวอีกคนก็ส่ายหน้าไปมาเหมือนจะปฎิเสธแบบทุกที่

 

“ ก็ทำไปตามหน้าที่ อยากให้มันออกมาดีไง “

 

“ งั้นพี่เมดไปดูไอ้หมูตุ๋นกับน้องเดย์หน่อย น้องเดย์คิดว่าจะเอามันไปหาหมอดูว่า มันคลอดเองได้มั้ย ถ้าไม่ได้จะได้เอาไปไว้ที่โรงพยาบาลสัตว์ “

 

“ เอางั้นก็ได้ “ เมดตอบรับก่อนจะหันไปหาน้องชายตัวเอง “ ไปด้วยกันวิว ไปดูแมวกัน ไอ้หมูตุ๋นน่ารักมากๆ “

 

“ ไม่เอาอะพี่เมด วิวแพ้ขนแมว “ คนที่ยืนนิ่งอยู่นานเอ่ยพูดขึ้น คนเป็นพี่ก็พยักหน้ารับ

 

“ อ่า จริงด้วยนะ งั้น.. “

 

“ เดี๋ยววิวอยู่ตรงนี้แหละ จะนั่งคุยกับพี่เจสักหน่อย ”

 

“ สองคนนี้เหมือนรู้จักกันมาก่อนเลย ตอนแรกทักกันก็เหมือนรู้จักกันมาก่อน “

 

“ ก็รู้จักกันมาก่อนนะ “ ผมบอกออกไปเสียงเรียบๆ ก่อนที่เด็กคนที่ยืนข้างไอ้เมดจะตะโกนตัดคำนั้นออกมาอีกครั้ง

 

“ ไม่รู้จัก! ” มันเถียงผมก่อนจะหันไปบอกพี่ชายตัวเอง “ ไม่รู้จักนะพี่เมด “ ผมยกยิ้มกับท่าทางที่มีพิรุธของมัน ถ้าพี่มันจะรู้เรื่องของเรา ผมไม่คิดว่าเมดมันจะรู้จากผมหรอก แต่รู้จากท่าทางมีพิรุธของน้องชายตัวเองมากกว่า และถ้าเป็นแบบนั้นแผนที่วางไว้ก็คงจะพังไม่เป็นท่า

 

“ ก็รู้จักกันตอนที่เมดแนะนำให้รู้จักผ่านรูปเมื่อวันก่อนไง “ ผมบอกเมดออกไปแบบนั้นก่อนจะยิ้มให้อีกคน “ ที่บอกว่า ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งก็เพราะว่า ตอนนั้นเมดแนะนำให้รู้จักแล้ว ตอนนี้ก็เหมือนได้รู้จักอีกครั้งแต่เป็นตัวจริงไง “

 

“ งั้นเหรอ “ เมดถามแบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ก่อนไอ้เดย์ไอ้อัยย์จะพามันเดินลากออกไปเพื่อไม่ให้ถามต่อ

 

“ ไปๆ ไปหาไอ้หมูตุ๋นกันดีกว่า เดี๋ยวสัดพี่มาไม่ทันได้ทำอะไรกันพอดี  “

 

เหลือทิ้งไว้แค่ผมกับอีกคนที่ยังยืนนิ่งไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เรามองหน้ากันนิ่งๆจนสุดท้ายเป็นผมที่หลุดยกยิ้มขึ้นมาก่อน

 

“ เป็นไง เชื่อในทฤษฎีโลกกลมขึ้นมาบ้างมั้ย “

 

“ มึงมันเหี้ย “ นั่นคือประโยคแรกที่อีกคนเอ่ยออกมา “ กูแม่งน่าจะเอะใจตั้งแต่ที่มึงบอกว่ามาที่ผับนี้ทุกวันแล้ว น่าจะคิดได้ว่า คนบ้าอะไรจะไปผับทุกวัน ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ต้องพวกที่ทำงานที่ผับแล้ว ”

 

“ ฉลาดช้าไปหน่อยก็ช่วยไม่ได้นะครับ “

 

“ โชคแค่เข้าข้างมึงมากกว่าก็เท่านั้น “ อีกฝ่ายว่าเสียงเรียบผมก็พยักหน้ารับยิ้มๆกับคำพูดนั้น

 

“ ก็ตามนั้น กูก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน “

 

“ กูรู้นะว่ามึงกำลังคิดจะทำอะไร “

 

“ ทำอะไรดีละ “ ผมถามมันกลับ “ แบบว่าบอกเรื่องของเรากับพี่ชายมึงดีมั้ย “

 

“ อย่านะไอ้สัด “

 

“ ทำไมละ น่าตื่นเต้นดีออก “ ยักคิ้วให้มันที่นิ่งไป ใบหน้าที่กำลังโกรธมือเล็กนั่นกำมือตัวเองไว้แน่น “ เจอกันมาก่อนที่ผับแห่งนึง แล้วก็ได้กันที่คอนโดของเมดด้วยนะ แถมคนที่ชวนยังเป็นน้องชายที่สุดแสนจะน่ารัก หนำซ้ำยังขโมยเงินกูไปอีกห้าพัน ..อ้อ ไม่สิ มึงขายตัวให้กูห้าพัน “

 

“ กูไมได้ขาย! ”

 

“ จุ๊ๆ เสียงดัง เมดได้ยินขึ้นมากูไม่รับผิดชอบนะ “

 

“ มึงจะเอายังไงก็ว่ามาเลยดีกว่า จะเอาคืนใช่มั้ย ส่งเลขบัญชีมาสิกูจะโอนเงินคืนให้ “ มือล้วงเข้าไปในกางเกงที่ใส่ หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาก่อนจะมองหน้าผม “ บอกเลขบัญชีมึงมาสิ กูจะโอนให้เดี๋ยวนี้เลย “

 

“ ใครบอกว่ากูอยากจะได้เงินคืน “

 

“ แล้วมึงต้องการอะไร “ อีกคนถามด้วยแววตาหาเรื่อง

 

“ ไม่รู้สิ อะไรก็ได้สักอย่างที่ทำให้กูมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะปิดความลับนี้ละมั้ง “

 

 “ มึงแม่งเหี้ยวะ มึงทำแบบนี้เพื่ออะไรวะ กูแม่งก็ยังเด็กมั้ย ทำไมถึงต้องคิดถึงขั้นจะเอาเรื่องนี้มาแบล็คเมล์กู “

 

“ เด็ก เหรอวะ ? “ ผมถามย้ำ “ ตอนมึงทำ คิดมั้ยว่าเป็นเด็ก มึงกล้าขโมยเงินกู กล้าเรียนตำรวจ กล้าทำทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้กูจนตรอก แต่พอมึงจนตรอกบ้างมึงก็เอาคำว่า มึงเป็นเด็กมาอ้างกับกู หนูน้อยมึงไม่เด็กตั้งแต่ขายตัวให้กูแล้ว “

 

“ กูบอกว่ากูไม่ได้ขาย แล้วเงินพวกนั้นมันก็แค่ค่าที่พักมันก็เท่านั้น “ อีกฝ่ายเถียงออกมาแบบไม่ยอมกัน “ มึงไม่มีทางเอาเรื่องนี้มาขู่กูได้หรอก จำไว้ “

 

“ งั้นเหรอ “ ผมพยักหน้ารับยิ้มๆกับอีกคนที่จ้องมองแบบไม่วางตา มือของมันกำกันแน่น รวมทั้งริมฝีปากที่ก็เม้มเข้าหากันด้วยความโกรธ มันรู้ว่ามันกำลังแพ้และกำลังดิ้นพล่านอย่างสุดตัวเพื่อที่จะไม่ต้องยอมจำนนให้ผม “ ไม่กลัว งั้นก็ไปหาไอ้เมดกัน “ ทำทีเป็นจะลุกจากเก้าอี้ที่นั่งแต่ทว่าอีกคนกลับมาขวางไว้

 

“ มึงจะไปไหน “

 

“ ไปหาไอ้เมดไง ก็มึงบอกมึงไม่กลัว กูจะไปบอกมันด้วยว่าน้องมันขายตัวให้กูเมื่ออาทิตย์ก่อน “

 

“ อย่าเสือก “

 

“ คิดให้ดีก่อนจะพูดไอ้หนู “ ผมย้ำมัน “ กูไมได้เสือกแต่กูเป็นผู้เสียหายที่โดนเด็กอย่างมึงขโมยเงินไปตั้งห้าพัน มึงบอกว่ามึงยังไม่บรรลุนิติภาวะเพราะงั้นกูต้องบอกผู้ปกครองมึงนั่นมันก็ถูกแล้ว ไอ้เมดมันดูแลน้องชายตัวเองยังไงถึงปล่อยให้มาขโมยเงินคนอื่นได้ แล้วปล่อยเข้าผับไปได้ยังไงตั้งแต่อายุแค่นี้ “

 

“ พี่เมดไม่เกี่ยวอะไรด้วย แล้วเรื่องนี้มันก็เรื่องของกู ชีวิตกูไม่เกี่ยวอะไรกับพี่เมด “ อีกฝ่ายเสียงสั่นมันคงกลัวอยู่มาก ในแววตาของมันบอกกับผมว่า สิ่งที่มันกลัวที่สุดตอนนี้ก็คือ กลัวที่พี่ชายมันต้องเสียใจ มันมีคำถามอีกหลายข้อที่ผมอยากจะถามมัน คือถ้าเค้าสำคัญกับมึงขนาดนี้ทำไมมึงไม่ทำตัวเองให้ดี พ่อแม่ก็เลี้ยงดูอย่างดีมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำอะไรแบบนั้น “ มึงจะเอายังไงก็ว่ามาเลยดีกว่า “

 

“ เอางั้นเลย “ ผมถามย้ำ

 

“ มึงไม่ต้องเอาพี่เมดมาขู่กู พูดมาเลยดีกว่า มึงมีแผนอะไร จะให้กูทำอะไรก็ว่ามา “ อีกฝ่ายบอกก่อนจะจ้องตาผม

 

“  ฉลาดดีจังเลย “ เอื้อมมือไปจับคางมันอีกคนก็สะบัดออก ผมยกยิ้มให้มันที่อีกคนมองตาผมด้วยความโกรธที่เหมือนจะมากขึ้น

 

“ อย่ามาแตะต้องตัวกู ”

 

“ สายไปแล้วมั้ง คำนั้นน่ะ เพราะกูแตะต้องมึงมาลึกซึ้งกว่าที่มึงจะพูดอะไรแบบนั้นได้แล้วนะ แล้วอีกอย่างคือมึงไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต่อรองอะไรกับกูได้นะวิว แล้วที่กูอยากจะให้มึงจำไว้อย่างนึงก็คือ มึงควรทำตัวเป็นเด็กดีอย่างที่กูบอกให้ทำ ไม่อย่างงั้นกูอาจจะพลั้งปากบอกไอ้เมดก็ได้ “

 

“ หมายความว่ายังไง มึงคิดจะทำอะไรกู “  ผมยกยิ้มให้กับคำพูดของอีกคน พลางทำท่าคิด “ ตอนนี้กูยังคิดไม่ออกหรอก ว่าจะให้มึงทำอะไร เอาเป็นว่า เอาไลน์มึงมาดีกว่า “ หยิบมือถือขึ้นมาอีกคนก็ถาม

 

“ ทำไมกูต้องให้ “

 

“ เพราะมึงไม่มีสิทธิ์ปฎิเสธกูไง เอาไลน์มึงมา “ ยื่นมือถือไปให้มันอีกคนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะกดจิ้มอยู่สองสามครั้งแล้วส่งกลับมาให้ผม ภาพดิสขึ้นโชว์เป็นรูปของอีกคน “ แล้วถ้าเกิดว่ากูทักไป มึงตอบกูช้า บล็อก หรือว่าไม่ทำตามคำสั่ง คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น “ อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรในตอนนั้นมันทำได้แค่มองหน้าผมด้วยสายตาโกรธเคืองอย่างที่สุด แววตาเรียวที่จ้องมาสาบานเลยว่าถ้าตอนนี้มันมีมีดก็คงจ้วงแทงผมไม่ยั้งมือแน่นอน  “ มึงเล่นผิดคนแล้ว รู้ไว้ซะ “

 

“ ถ้ากูทำตามมึง มึงจะไม่บอกพี่เมดใช่มั้ย “

 

“ ใช่ “

 

“ แล้วกูเชื่อมึงได้แค่ไหน ว่ามึงจะไม่หักหลังกู “

 

“ มากกว่าตัวมึง ที่หลอกกูขึ้นไปนอนด้วยแล้วสุดท้ายขโมยเงินกู “ ผมตอบมันอีกคนก็ถอนหายใจออกมา

 

“ กูจะบอกให้นะ ว่ากูไม่ได้หลอกมึงขึ้นไปที่คอนโด เรื่องเซ็กส์มันก็วันไนท์ “

 

“ แล้วเรื่องเงินห้าพันของกูที่มึงเอาออกจากกระเป๋าไปมันหมายความว่าไง “ มันที่กำลังจะเอ่ยเถียงผมก็พูดดักขึ้นก่อน “ ไม่ใช่ค่าโรงแรม กูรู้ ขอเหตุผลอื่น ทำไมมึงร้อนเงิน หรือมีอะไรที่มึงอยากจะได้ “

 

“ กูแค่เห็นเงินในกระเป๋าแล้วก็อยากได้ ก็เลยขโมย “ มันตอบออกมาสั้นๆ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย รู้สึกเหมือนแค่พื้นฐานจิตใจมันไม่ใช่คนร้ายกาจ มันยังรู้สึกแคร์ครอบครัว และที่สำคัญคือมันรักพี่ชายอย่างไอ้เมดมาก แต่เหตุผลที่มาทำตัวแบบนี้ มันเพราะอะไรวะ

 

เรามองหน้ากันอยู่แบบนั้นสักพัก ผมมีคำถามที่อยากจะถามมันอีกเยอะ ถ้าเป็นไปได้อยากจะจับมันมานั่งคุยให้รู้เรื่องในสิ่งที่มันคิด ที่มันทำ แต่ทว่าทุกอย่างกลับถูกริดรอนออกไปจากความคิดอย่างฉับพลันเมื่อเสียงเอะอะที่หายไปนานจะดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทั้งสามคนที่ไปดูไอ้หมูตุ๋นคงกลับออกมาแล้ว ตอนนั้นผมเลยทำได้แค่ทิ้งท้ายด้วยการยกยิ้มให้มัน ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ พลางกระซิบที่ข้างหูนั้น

 

“ แต่จะว่าไป โลกเรามันกลมกว่าที่คิดนะ มึงว่ามั้ย “

 

“ คุยอะไรกันอยู่ “ คนที่เดินเข้ามาเอ่ยถาม เมดหันมองผมทีมองน้องชายตัวเองอีกที มันที่ยิ้มกว้างด้วยความสุข ตอนนั้นวิวก็หันไปมองพี่ชายตัวเองก่อนจะเอ่ยถามเรื่องอื่น

 

“ หมูตุ๋นเป็นยังไงบ้างอะพี่เมด ตกลงจะคลอดยัง “

 

“ ยังหรอกมั้ง ยังแข็งแรงเลย แต่พรุ่งนี้คิดว่าพี่เมดกับน้องเดย์จะพาไปหาหมอน่ะ จะได้รู้ว่ามันท้องลูกกี่ตัวด้วย “

 

“ อื้ม อย่างงั้นเหรอ “ มันยิ้มให้พี่ชายตัวเอง เมดก็เอื้อมมือมากอดคอน้องชายไว้ แววตาเรียวที่มองไปทางอีกคนด้วยความรู้สึกรัก มองจากมุมนี้ผมก็พอเข้าใจว่า มันไม่แปลกหรอกที่เด็กคนนั้นจะยอมทำตามผมโดยที่ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น แทนการบอกความจริงกับพี่ชายตัวเอง

 

            ขนาดเป็นคนนอกที่ไม่ใช่ครอบครัว อย่างผมยังรู้สึกเลยว่า เมดมันเป็นคนที่ทั้งใจดี แล้วก็ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น และเพราะแบบนั้นผมเลยรู้สึกว่า ไม่อยากทำให้มันรู้สึกไม่ดี เลยออกปากเตือนไอ้อาฟเรื่องความปากหมาอยู่บ่อยๆ ขนาดตัวผมยังรู้สึกแบบนี้ แล้วน้องชายมันที่เป็นถึงคนในครอบครัวที่ถูกเมดเอาใจใส่มาตั้งแต่เด็ก ทำไมจะรู้สึกไม่เหมือนกัน บางทีอาจจะยิ่งกว่าด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละ ไม่ว่ายังไงก็หาเหตุผลไม่ได้เลยว่า ทำไมมันถึงมาทำอะไรแบบนี้

 

“ หิวยัง เดี๋ยวเราไปกินอะไรอร่อยๆกันมั้ย ก่อนกลับคอนโด “ เมดถามน้องชายตัวเอง มือที่ลูบหัวอีกคนไม่หยุด แต่อีกฝ่ายก็แค่ส่ายหน้า

 

“ ยังไม่ค่อยหิว แต่ถ้าพี่เมดพี่อาฟอยากกิน ก็ได้เลย “

 

“ แล้วเราจะกินอะไร “

 

“ อะไรก็ได้ “

 

“ มาแปลก “ เมดแซวน้องชายตัวเอง “ ปกติเรื่องเมนูมึงชอบเลือก แล้วทุกคนต้องตามใจมึงไม่ใช่เหรอ “

 

“ นั่นมันพ่อกับแม่มั้ยละพี่เมด “

 

“ ไปกัน “ เสียงที่ดังมาจากฝั่งประตูสต๊าฟที่ปิดลง ไอ้อาฟเดินออกมาพร้อมสายชาร์จมือถือที่มันบอกจะมาเอาแต่ทว่าของแค่นั้นกับเวลาใช้ไปก็ดูไม่ค่อยสมดุลกันสักเท่าไหร่ น้องชายมันก็เลยเอ่ยแซว

 

“ กูคิดว่าสัดพี่มึงไปนั่งผลิตสายชาร์จอยู่ซะอีก โคตรนาน “

 

“ กูขี้อยู่ “ มันตอบสั้นๆก่อนจะหันไปหาน้องมัน “ มึงมีปัญหามั้ย “

 

“ อ๋อ ไม่มีจ้ะ “ ยกไหว้พี่ชายตัวเองหลังจากตอบเสร็จ ทั้งไอ้เดย์ไอ้อัยย์วิ่งเข้าไปในส่วนของบาร์เหมือนกำลังหาที่กำบัง ก่อนที่อาฟจะหันหันมาหาผมที่ยักคิ้วให้มันแค่ครั้งเดียว เป็นการตอบรับว่าสิ่งที่ตั้งใจจะทำก็ได้ทำเรียบร้อยแล้ว

 

“ ไป “ หันไปบอกไอ้เมดที่ก็พยักหน้ารับ แล้วตอนนั้นวิวก็หันมาทางเรามันยกมือไหว้ตามมารยาทของคนอายุน้อยกว่า

 

“ วิวไปแล้วนะพี่เดย์ พี่อัยย์ แล้วก็ พี่เจ “

 

“ เจอกันครับ “ ผมตอบมันยิ้มๆ แต่อีกคนก็แค่มอง ไม่ได้ตอบอะไร ก็แน่นอนว่ามันไม่สิทธิ์ที่จะปฎิเสธอะไรอยู่แล้ว เพราะความลับของมันตอนนี้อยู่ในกำมือผม

 

..............................................................
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 24-06-2018 20:37:55


ภายในรถเสียงเพลงเบาๆดังคลอไประหว่างทางทำให้ทุกอย่างไม่เงียบจนเกินไป ผมมองออกไปนอกหน้าต่างรถที่กำลังจอดนิ่งเพราะรถติด เหลือบมองคนขับกับคนนั่งข้างที่ไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย พี่ชายผมนั่งก้มหน้าก้มทำอะไรบางอย่างอยู่กับไอแพตเครื่องนึง ส่วนพี่อาฟก็แค่มองอยู่แบบนั้นจนกระทั่งชี้ชวนให้อีกคนเงยหน้าขึ้นมา

“ เมด มึงดูอะไรนั่นสิ “

“ อะไร “ พี่เมดเงยหน้าขึ้นมองไปตามมืออีกคนที่ชี้ผ่านกระจกรถฝั่งคนขับไป ผมที่มองตามไม่เห็นอะไรสักอย่างก็มีแค่ฟ้าโปร่งๆของช่วงเย็นเท่านั้น “ ไหน “

“ นั่นไง มึงมองไม่เห็นเหรอ “ คว้ามืออีกคนมาจับก่อนจะทำทีเป็นชี้ให้ดูจุดที่ต้องดู แต่คนมองก็แค่หรี่ตามองงงๆเหมือนเดิมก็เท่านั้น

“ ไม่เห็นจะมีอะไรเลยมึง “

“ งั้นเหรอ คงไปแล้วมั้ง “ พูดตัดจบแบบง่ายแต่มือคู่นั้นกลับก็ไม่ยอมปล่อยกันไปไหน พี่อาฟจับมือพี่เมดไว้แบบนั้นแล้วนั่นมันก็ทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาก่อนจะแบะปากหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ ‘ ก็แค่อยากจะจับมือแฟนระหว่างรถติด คนเรามันต้องฟอร์มขนาดนี้เลยเหรอวะ ’ บ่นกับตัวเองในใจแต่ตอนที่มองผ่านกระจกข้างไปก็เห็นว่าพี่ชายตัวเองจะแค่ยิ้มอย่างมีความสุขออยู่

“ งั้นก็ปล่อยมือกู “

“ ขี้เกียจ “ พูดแค่นั้นสั้นๆมือของพี่เมดก็ถูกกำแน่นขึ้นอยู่บนตักของพี่อาฟ จะว่าหวานก็หวาน จะบอกว่าไม่หวานก็ไม่หวาน เพราะทั้งตลกและน่ารักไปในเวลาเดียวกัน

ผมไม่รู้ว่าคนอย่างพี่อาฟเป็นยังไง แต่เท่าที่รู้คือ เค้าไม่ใช่คนช่างพูดอะไร ก็เอาเป็นว่าตั้งแต่เจอกัน ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ผมก็ได้พูดกับเค้าแค่คำว่า ‘ สวัสดีครับ ’ เท่านั้น แต่พี่เมดก็เคยบอกเหมือนกันว่า พี่อาฟใจดีแค่หน้าดุแล้วก็ไม่ค่อยพูดเท่านั้น ก็คงจริงอย่างงั้น อย่างน้อยก็ยังใจมากกว่าไอ้เหี้ยบินแฟนเก่าอยู่มาก เพราะอย่างน้อยเค้าก็ไม่ทำหน้ารำคาญผม ไม่เคยใช้ท่าทางรังเกียจมองกันเหมือนผมเป็นส่วนเกินอะไร หนำซ้ำยังตามใจ

“ ตกลงเราแวะกินอะไรกันดี “

“ ตามใจมึงกับน้องแล้วกัน “ พี่อาฟบอกสั้นๆ พี่เมดก็หันมามองผม

“ วิวกินอะไรกันดี “

“ พี่เมดอยากจะกินอะไรละ “ ผมถามกลับอีกคนก็คิดก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ ไม่รู้เหมือนกัน กินได้ทั้งนั้นแหละ “

“ กลัวเลือกไปแล้วพี่อาฟกับพี่เมดจะไม่อยากกิน “

“ เลือกมาเลย “ พี่เมดย้ำ “ อาฟมันกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นนั่นแหละ เอาที่มึงอยากกินน่ะ “

“ ของแพงได้มั้ย “ ผมแซวคนขับที่ก็แค่ยิ้มก่อนจะพูดสั้นๆ

“ ตามใจมึง “

“ อยากกินเอ็มเคไลฟ์ “ ทุกอย่างในรถเงียบไปตอนที่ผมบอก ไม่ใช่ว่าไม่อยากกินหรอกแต่หน้าตาพี่เมดมันบอกกับผมว่า ‘ คืออะไรวะ ’ “ พี่เมดไม่รู้จักเอ็มเคไลฟ์เหรอ คือมันดังมาสักพักแล้วนะ เอ็มเคเพื่อสุขภาพไง ที่มันมีสวนผักในร้านแล้วมันก็มีหมูแบบนึ่งด้วยอะ วิวอ่านรีวิวมาโคตรรรรน่ากิน  “

“ พึ่งเคยได้ยินครั้งแรกจากมึงนี่แหละ  ”

“ ไปๆ วิวอยากกิน ไปกันนะพี่อาฟ “ หันไปบอกแฟนพี่ชายตัวเองผมเห็นอีกคนยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ “ เย้ๆ ไปๆ พี่เมดหาร้านดิ มีสาขาไหนบ้าง “

“ แพงเปล่าวะ “

“ ไม่แพงเท่าเอ็มเคโกลด์อะ เคยอ่านรีวิวมา “

“ ท่าทางจะอยากกินมากนะมึง “ พี่ชายผมบอกก่อนจะหันไปหยิบมือถือแล้วกดยุกยิกอยู่สองสามครั้งแล้วยื่นให้พี่อาฟดู ผมสังเกตเห็นว่ามันเป็นแผนที่ พี่อาฟมองมันอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้ารับลง

“ เอาสาขาในห้างแล้วกัน ใกล้ถึงพอดี “

“ โอเค “

“ ถ้าห้างข้างหน้าตรงชั้นล่างมันมีไอติมรังผึ้งด้วยนะพี่เมด แล้วก็มีไก่ทอดที่ดังๆอะ ที่มันอันใหญ่ๆอะ “
 
“ คือมึงจะกินกี่อย่างวะวิว “

“ กินทุกอย่างที่อยากจะกิน “ หมายมั่นไว้แบบนั้นด้วยรอยยิ้มกว้างที่ส่งไปหาคนตรงหน้า “ พี่เมดเลี้ยงด้วยนะ “

“ เออ ได้ กินให้หมดแล้วกับ “

“ รับทราบ  “ตอบรับเสียงมั่นใจก่อนที่ผมจะกลับมานั่งนิ่งเหมือนเดิมตอนที่มันหมดเรื่องคุย มองไปที่คนตรงหน้าอีกครั้ง มือที่ยังจับกันไว้แน่นไม่มีปล่อย จะว่าไปผมก็ชอบเวลาที่พี่อาฟจับมือพี่เมดอยู่เหมือนกัน มันไม่ใช่แค่จับเฉยๆ เพราะเค้าจับแล้วใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆที่หลังฝ่ามือ อะไรแบบนั้นสำหรับผม มันดูน่ารักดี

   หันไปมองนอกหน้าต่างรถที่ยังติด เผลอถอนหายใจออกมาตอนที่คิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน คิดถึงหน้าของผู้ชายคนนั้น ผมกำลังคิดว่าตัวเองจะโทษใครดี โทษตัวเองที่โง่ โทษไอ้เชี้ยนั่นที่มันจะเอาคืนผมด้วยวิธีเลวๆ หรือว่าโทษตัวเองที่คิดจะทำอะไรแบบนั้นตั้งแต่แรกดี

ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันเริ่มต้นขึ้นเมื่อไหร่กันสำหรับความรู้สึกที่ทำอะไรแบบนั้น ไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นของมันคือตอนไหน อาจจะเป็นช่วงที่ผมอยู่ม.สองแล้วก็พี่เมดอยู่ม.หกก็ได้มั้ง ช่วงที่พี่เมดมีแฟนคนแรก ตอนนั้นผมเป็นแค่เด็กผู้ชายคนนึงที่ติดพี่ชายตัวเองมากๆเพราะโตมาด้วยกันอยู่มาด้วยกันตลอด  แต่พอพี่เมดเริ่มมีแฟน จากที่เราเคยอยู่ด้วยกันตลอดช่วงปิดเทอมก็กลายเป็นว่าพี่เมดก็เริ่มที่จะไปเที่ยวกับแฟนบ้าง

ตอนนั้นผมก็เกิดอาหารน้อยใจเหมือนเด็กทั่วไป แต่แม่ก็พูดแค่ว่า พี่เมดรักใครก็อยากจะให้ผมรักด้วย เพราะว่าถ้าเป็นแบบนั้นก็จะทำให้พี่เมดมีความสุข และเพราะพี่เมดใจดีแล้วก็ตามใจกันมาตลอดเลยคิดว่า ตัวเองคงต้องเปิดใจให้กว้างแล้วรับ ผู้ชายคนนั้นที่เป็นแฟนพี่เมดเข้ามาในชีวิตด้วยเหมือนกัน แต่ทว่ามันก็ไม่ง่ายอย่างงั้น

เพราะความจริง ไอ้เชี้ยนั่น อยากได้แค่พี่เมดไม่ใช่ผม ต่อให้พยายามทำดีมากแค่ไหน ทำตัวน่ารักยังไง ทุกอย่างมันก็ยังเหมือนเดิม ‘ ไปกินข้าวด้วยกันนะเมด แต่ไม่เอาวิวไปนะ บินอยากอยู่กับเมดแค่สองคน ’ มันเป็นคำพูดสั้นๆที่ผู้ชายคนนั้นพูดกับพี่ชายผม ตอนที่มารับกันที่คอนโด ตอนนั้นผมที่แต่งตัวแล้วทำทีเป็นไม่ได้ยินอะไร แล้วก็ขอตัวไปนอนแบบเงียบๆ และบอกเหตุผลแค่ว่า ปวดท้องกะทันหัน

ก็เคยคิดว่าอาจจะแค่ครั้งเดียวที่เป็นอย่างงี้ แต่สุดท้ายมันกลับเป็นแบบนั้นเสียทุกครั้ง มันเหมือนผมเป็นคนที่เค้าไม่ต้อนรับจะให้เข้ามาอยู่ในความสัมพันธ์ ไม่ได้นับเป็นน้องชายของแฟน ออกจะรังเกียจด้วยซ้ำ และคำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกเกลียดผู้ชายคนนั้นที่สุดก็คงตอนที่มันพูดว่า ‘ วิวมันก็แค่ลูกติดแม่เลี้ยงเปล่าวะเมด จะไปสนใจความรู้สึกอะไรมากมายวะ เป็นน้องแท้ๆก็ว่าไปอย่าง ’

 ตอนนั้นจำได้ว่าพี่เมดโกรธมันไปเลย แต่สุดท้ายเพราะรักมากง้อนิดหน่อยสัญญาจะไม่พูดอีกก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่นั่นก็ไม่ใช่ผมที่ยังเกลียดมันแบบไม่เผาผี เคยพยายามจะดึงพี่เมดออกมาแต่เหมือนจะสู้แรงแห่งรักไม่ได้ เพราะหลังจากนั้นพี่เมดก็ถูกดึงออกไปให้ห่างจากชีวิตผมเรื่อยๆ

จากนอนคอนโดเดียวกันบ้าง กลายเป็นนานๆครั้งพี่เมดถึงกลับ จนสุดท้ายพอผมขึ้นม.สี่ พี่เมดก็ย้ายไปอยู่กับพี่บินจนแทบจะเรียกว่าถาวรเลยก็ว่าได้ เค้ากลับมาแค่ตอนที่ทะเลาะกันแรงๆเท่านั้น  ส่วนผมที่กำลังเหงาก็เริ่มหาอะไรทำด้วยการ มีแฟนคนแรก แต่มันก็ดูมันจะไม่เวิร์คเท่าไหร่ สุดท้ายก็เลยเลิกกันตอนอยู่ม.ห้า จากนั้นผมก็เริ่มเข้าผับตามคำชวนของกลุ่มเพื่อนทั้งๆที่อายุไม่ถึง ลองมีอะไรกับผู้ชายที่ถูกใจแบบไม่ผูกมัดคนแรก  แล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนก็ไปถูกใจผู้ชายคนนึงมีวันไนท์เป็นครั้งที่สอง

แล้วนั่นก็เป็นเหมือนความผิดพลาดของชีวิตที่ดันไปถูกใจคนแบบนั้นเข้า

“ ถึงละ ลงมาได้แล้ว “ เสียงของพี่เมดเรียกให้ผมได้สติจากที่เหม่ออยู่นาน ก้าวขาลงไปจากรถผมเอื้อมมือไปจับมือพี่ชายตัวเองอย่างที่ทำทุกที เราชอบเดินจับมือกันเป็นแบบนี้มาตั้งเด็กจนโต  ส่วนพี่อาฟก็แค่เดินนิ่งๆอยู่ที่อีกข้างของพี่เมด

   แวะเข้าไปกินร้านทีผมเลือก บรรยากาศเหมือนนั่งในซุ้มสวนผักยังไงอย่างงั้น ร้านตกแต่งโทนสีสุภาพดูอุ่นตา เราเลือกนั่งตรงที่นั่งด้านในสุดของร้านและแน่นอนว่าพี่เมดก็เลือกนั่งข้างผม เมนูที่ถูกยื่นให้แต่เหมือนมีแค่พี่เมดกับผมเท่านั้นที่สั่ง

“ พี่อาฟไม่สั่งเหรอ “ ผมถามอีกคนที่จับมือถือแล้วดูอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น

“ เดี๋ยวเมดก็สั่งให้เองละ “ คำตอบที่ทำให้ผมหันไปมองพี่ชายตัวเอง เออ ก็แปลกดีเหมือนกัน เพิ่งเคยเห็นคนกินง่ายขนาดนี้

“ พี่เมด ปกติพี่อาฟก็ทำแบบนี้เหรอวะ “ ถามอีกคนเสียงเบาๆอีกคนก็ขมวดคิ้ว

“ แบบนี้คือ “ พี่ชายผมถามกลับแบบงงๆ “ หมายถึงให้พี่เมดสั่งอาหารคนเดียวอะนะ “

“ อื้ม “

“ อื้ม มันไม่ค่อยชอบสั่ง อีกอย่างมันกินได้ทั้งนั้น ไม่มีของที่ไม่ชอบกินเท่าไหร่ “

“ ง่ายดีนะ “ พยักหน้ารับอีกคน

“ ชีวิตแบบขี้เกียจแม้จะคิดว่าจะแดกอะไรก็แบบนี้แหละมึง “ คนเป็นพี่ว่าก่อนจะหันไปถามแฟนตัวเอง “ มึงจะกินเป็ดย่างกับหมูกรอบมั้ย ถ้าไม่กูจะสั่งจานเล็ก “

“ กิน “

“ โอเค หมี่หยกก็กินเนอะ “

“ อื้ม “

“ ประหยัดคำดีจัง กิน อื้ม จบละ “ ผมล้อคนตรงหน้า พี่เมดก็หลุดหัวเราะตอนที่พี่อาฟเงยหน้าขึ้นมาเหลือบมองผม แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร  ผมยกมือขึ้นเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์ที่จะสั่ง  เอาจริงๆมันก็เหมือนกับเอ็มเคทั่วไปแต่ก็แค่มีเมนูนึ่งให้กินด้วยก็เท่านั้น และที่พิเศษเลยทุกเมนูทำสดใหม่ “ พี่เมดอยากกินเนื้อวากิวญี่ปุ่น “

“ ไว้มากินกับพ่อนะ “ อีกคนหันมาบอกผมก็หลุดหัวเราะแล้วก็พยักหน้ารับ    

เข้าใจอยู่ว่าเพราะพี่อาฟคงเป็นเจ้ามื้อเลี้ยงอีกมื้อแน่นอน และถึงเค้าจะมีฐานะยังไงแต่ก็น่าเกรงใจอยู่เพราะเมนูที่อยากจะกินก็แพงเหลือเกิน ราคาแบบชนิดที่ว่า ถึงมากับพ่อก็ยังเกรงใจอยู่ดี

เราเลือกน้ำซุปเป็นแบบต้มยำกับน้ำดำ พร้อมด้วยเมนูลงหม้อต่างๆ และที่ขาดไมได้คือ ข้าวสวย หมี่หยก แล้วก็หมูกรอบเป็ดย่างจานใหญ่ สั่งน้ำผักผลไม้คนละขวด ส่วนพี่อาฟ พี่เมดสั่งกาแฟเย็นให้พร้อมทั้งกำชับไปว่าอย่างให้เข้มมากจนเกินไป

“ แค่นี้ครับ “ พับเมนูยื่นคืนพนักงานและตอนที่พนักงานจะเดินไปพี่อาฟก็ขอเมนูมาอีกครั้ง

“ เอาสุกี้นึ่งเนื้อวากิวญี่ปุ่นด้วยครับ “ คำพูดที่ทำให้ผมกับพี่เมดมองหน้ากัน ก่อนที่พี่อาฟจะเอ่ยถามผม “ จะเอาอะไรอีกมั้ยวิว ที่มึงอยากกิน สั่งได้เลย “

“ เอ่อ “ หันมองหน้าพี่เมดเพื่อขออนุญาตแต่คนถามก็แค่ย้ำกับผม

“ ไม่ต้องหันไปมองพี่มึง กูถาม อยากกินก็สั่ง “

“ อยากกินสุกี้ยากี้หมูคุโรบุตะด้วย แล้วก็เผือกทอดหอยเซลล์ “

“ สั่งตามที่น้องบอกครับ “ พี่อาฟหันไปบอกพนักงานที่ก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป

“ ดีจังเลยวะ มีพี่เขยรวยเนี้ย จะกินอะไรก็ได้ พี่อาฟใจดี๊ใจดี“

“ อาการมึงออกไปมั้งวิว “ พี่เมดเอ่ยเรียกผมเหมือนจะปรามไม่ได้พูดอะไรอย่างงั้น แต่เอาจริงก็แค่เขินหรอกผมรู้

“ ก็พี่เมดสั่งแต่อะไรไม่รู้เหมือนไปกินเอ็มเคธรรมดาเลย มากินเอ็มเคไลฟ์มันต้องสั่งของนึ่ง สุกี้ยากี้ อะไรแบบนี้ตังหาก “

“ มันแพง เดี๋ยวไอ้อาฟมันก็ชิงเลี้ยงอีกให้หารก็ไม่เอา “ พี่ชายผมบ่นก่อนจะหันมามองหน้าผม มือที่ยกขึ้นบีบแก้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ ถ้ารู้ว่าเค้าเลี้ยงเราก็ควรมีความเกรงใจด้วยเข้าใจมั้ยไอ้เด็ก “

“ เมื่อกี้พี่อาฟถามนะ วิวไม่ได้สั่งไปโดยพลการเลย “

“ครับๆ  แล้วเป็นไงที่ไปสอบวันนี้ “ คำถามที่ชวนให้ผมเซ็งถูกถามขึ้นมา คนถามหลุดหัวเราะ “ มึงจะเรียนจะเรียนเอกชนก็ไม่มีใครว่ามึงหรอกวิว แต่ว่าความต้องการของแม่เล็กมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ก็สอบไปแม่เล็กจะได้สบายใจด้วย “

“ วิวไม่ได้เก่งเหมือนพี่เมดที่สอบตรงได้สักหน่อย แม่คาดหวังว่าวิวจะเป็นแบบพี่เมดเกินไปรึเปล่าเถอะ “ เบือนหน้าหนีพี่ชายตัวเอง ตอนที่น้ำถูกเอามาเสิร์ฟ ผมรินน้ำผลไม้ใส่แก้วตัวเองทำทีเป็นไม่สนใจ

“ แม่เล็กเค้าแค่อยากจะให้มึงได้ลองทำมั้ย มึงดูเหมือนไม่อยากแม้จะลองทำ คือพี่ไม่ได้เข้าข้างแม่เล็กนะแต่มึงเหมือนไม่อยากจะทำอะไรเลย ตอนนี้มึงอยากจะทำอะไรมึงต้องคิดได้แล้วมั้ยวะ “

“ คนเราสามารถรู้ความฝันตัวเองได้ภายในไม่กี่เดือนเลยเหรอวะ  เรียนพื้นฐานมาสิบสองปี บวกกับอนุบาลอีกสามปี เรียนแบบตั้งหน้าตั้งตาเรียนในวิชาที่เค้าให้เรียน แต่ไม่เคยสอนเลยว่าอาชีพอะไรเป็นแบบไหนมีข้อเสียอะไรข้อดีอะไร ก็น่าจะให้หยุดค้นหาตัวเองก่อนว่าชอบอะไร ค่อยไปสอบ ค่อยไปเรียนต่อ “ ผมถอนหายใจออกมาเซ็งๆ “ คือวิวไม่เก่งอะไรอะพี่เมด ไม่มีวิชาไหนที่รู้สึกเรียนแล้วมีความสุขเลย แล้วก็ไม่มีงานอดิเรกด้วย “

“ ก็ค่อยๆคิด เดี๋ยวมึงก็คิดออกเองแหละ ลองเขียนเป็นข้อๆในกระดาษก็ได้ว่าชอบทำอะไรบ้าง “ มือขาวเอื้อมขึ้นมาลูบหัว ผมยิ้มให้พี่ชายตัวเองก่อนจะเอียงลงไปซบไหล่ ก่อนจะเหลือบมองพี่อาฟที่กำลังจ้องอยู่ด้วยสายตาที่ดูไม่ค่อยชอบใจเท่านั้น แล้วตอนนั้นผมก็เลยดึงตัวเองขึ้นหอมแก้มพี่เมดไปเต็มฟอด

“ อะไรของมึง “ พี่เมดบอกก่อนจะยิ้มให้แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แฟนเจ้าตัว

“ วิว มึงยังจะกินมั้ยของที่กูสั่งให้ “ พี่อาฟถามผมก็รีบเด้งตัวเองขึ้นนั่งตัวตรงก่อนจะยิ้มกว้างให้

“ กินครับ แหมมม แค่หอมแก้มพี่ชายตัวเอง ถึงกับต้องยั๊วะเลยอะพี่อาฟ ขี้หวงสุด “ คนโดนแซวไม่ได้ตอบอะไรพี่อาฟแค่ก้มหน้าลงเล่นมือถือตัวเองต่อ ผมก็หันไปคุยกับพี่เมดอีกครั้ง “ แล้วตอนนั้นทำไมพี่เมดถึงเลือกบัญชีอะ “

“ ก็ชอบเรียนเลข ” คำตอบสั้นๆของอีกคนชวนให้ผมถอนหายใจออกมา

“ แล้วพี่อาฟละ ทำไมถึงเลือกเรียนคณะที่เรียน แล้วพี่อาฟเรียนคณะอะไร “

“ เรียนบริหาร “ อีกคนตอบสั้นๆ “ ที่เรียนเพราะพ่อกูมีธุรกิจ กูเลยเรียนจะได้ช่วยพ่อกูทำงาน “

“ ทุกคนดูมีเป้าหมายกันไปหมดเลยเนอะ “ ตอบคนตรงหน้าสั้นๆก่อนจะหันไปมองทางอื่น “ นี่ถ้าวิวเป็นเหมือนพี่เมดก็ดีสิ แค่เก่งหรือชอบอะไรสักอย่างแบบพี่เมดก็ได้ แต่นี่เหมือนไม่มีอะไรที่วิวชอบเลย ทำไมวิวไม่เหมือนพี่เมดบ้างน้า “

   เผลอสบสายตากับพี่อาฟที่จ้องผมตอนที่พูดแบบนั้น ในแววตาที่แปลความรู้สึกอะไรไม่ออก แต่ทว่าผมก็ไม่ได้ถามอะไรกลับอีกคนไป เพราะเมนูที่สั่งดันถูกยกเข้ามาเสิร์ฟเสียก่อน

“ น่ากินจังว่ะ โดยเฉพาะไอ้เนื้อนึ่งนี่ “ พี่เมดเผลอพูดออกมาตอนที่เห็นเนื้อที่พี่อาฟสั่งไปให้ ผมกดถ่ายสตอรี่ตอนที่มันถูกเปิดออกมาหลังครบเจ็ดนาทีที่นึ่งไป แล้วตอนที่กำลังจะเอาตะเกียบไปคีบ พี่เมดก็ชิงเอาชิ้นแรกไปก่อนใคร

“ ไม่ให้พี่เมดกินเนื้อนึ่งนะ เพราะพี่เมดไม่ให้สั่งตั้งแต่ทีแรก อันนี้ของพี่อาฟกับน้องวิวไง “ พูดแซวอีกคนที่กินเข้าไปเต็มปากก่อนจะเคี้ยวด้วยสายตาที่บอกกันว่า อร่อยมากมาย

“ เรื่องอะไรที่จะมาห้ามให้กูไม่กิน แฟนกูจ่ายตังค์มั้ย “

“ หูย กล้าขึ้นเยอะ นี่ทำงานในผับจนเป็นคนแบบนี้ไปแล้วเหรอ “ ผมแซวพี่ชายตัวเองที่ก็ยิ้มกว้างก่อนจะเชิดหน้าไปที่แฟนตัวเอง “ ไอ้เชี้ยนั่นอะ หล่อหลอมกูให้ต้องเป็นคนแบบนี้ ต้องร้าย “

“ เออ งั้นไม่ต้องแดก “ พี่อาฟบอกอีกคนก็ส่ายหน้าไปมาก่อนจะหยิบกินไปอีกชิ้น

“ เรื่องอะไร แฟนกูจ่ายเงินไง ” พี่ชายบอกก่อนจะหันมาพูดเสียงจริงจังกับผม “ มัวช้าอดแดกนะมึง ไอ้อาฟกินทีสองชิ้นนะเห็นมั้ย “

“ รอวิวด้วยเว้ย อีพวกพี่แม่ง แดกไม่คอยเลย “

“ ก็มึงมัวช้าเอง กูไม่สั่งให้เพิ่มนะบอกไว้ก่อน  “ พี่อาฟบอกก่อนเสียงหัวเราะเบาๆของพี่ทั้งสองคนจะดังขึ้นมา

จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่มากินข้าวกับแฟนพี่ชายแล้วรู้สึกไม่เป็นส่วนเกิน รู้สึกว่าถ้าหนหน้าชวนมาอีกก็อยากจะมา เพราะรู้สึกว่าเรามากินข้าวกันสามคนจริงๆ พี่เมดที่ดูแลทั้งผมแล้วก็พี่อาฟให้ความรู้สึกดีเป็นที่สุด ต่างกับเมื่อก่อนลิบลับ ตอนนั้นในโต๊ะโคตรเงียบ เวลาคุยก็ชวนคุยแค่พี่เมดเหมือนไม่เห็นอยู่ในสายตาเลยสักนิด

เราลงมือกินอาหารตรงหน้าที่ก็ขอบอกเลยว่า อร่อยมาก พรีเมี่ยมสมกับที่อยากจะกินมานาน ผมจัดการอัพเฟสบุ๊คด้วยภาพอาหารหน้าตาน่ากิน เพื่อนสองสามคนที่เข้ามาเม้นท์แบบอยากกินบ้างแต่ตอนนี้ก็ได้แต่ส่งอีโมมีความสุขตอบกลับไปไม่ได้ตอบอะไรยืดยาวเท่าไหร่  ก่อนที่ไลน์ของกลุ่มของเพื่อน ‘ นิดหน่อยไม่เมาหรอก ’ ที่ชวนกันไปเที่ยวบ่อยๆจะดังขึ้นมา

[ พวกมึงเที่ยวกันปะ คืนนี้ที่เลโก้ ] บี้ เพื่อนของผมคนนึงทักขึ้นมาในกลุ่มนั้น จริงๆเพื่อนกลุ่มนี้ไม่ใช่เพื่อนที่เรียนด้วยกันในห้อง แต่เราก็สนิทเพราะเที่ยวด้วยกันแล้วก็เคยเรียนห้องเดียวกันสมัยอยู่ประถมปลาย

[ เลโก้ผับใหญ่นะเว้ยเข้าได้เหรอ ] คลู เพื่อนอีกคนเสริมผมก็คิดตามมันเหมือนกัน อายุยังไม่ถึงส่วนใหญ่ผับที่ไปก็เลยไปได้แค่ผับเล็กๆเพิ่งเปิดไม่ก็ผับกลางแต่ก็ต้องหาเส้นสายกันวุ่นวายทุกที

[ กูได้เส้นมา เค้าพาเข้าได้ ทางหลังร้าน ไปมั้ยสนใจเปล่าถ้าสนกูจะได้บอกพี่เค้าว่าไป ] บี้ย้ำ ผมก็ตอบออกไปบ้าง

[ กูไม่ไปนะ ขี้เกียจ ] ว่าแบบนั้นเพื่อนสนิทในกลุ่มเที่ยวของผมอย่างไอ้ชิวก็ส่งข้อความเข้ามาทันที

[ ทำไมมึงไม่ไปอะวิว ไปเถอะ กูอยากไป ]

[ กูจะตั้งใจอ่านหนังสือแล้ว ] ผมเลือกที่จะตอแหลพวกมัน ไม่อยากจะบอกความจริงเลยว่า ช่วงนี้รู้สึกโลกมันกลมแปลกๆ

[ ไหนมึงบอกจะเข้าเอกชนไง ] ไอ้คลูถามขึ้นมาผมก็ได้แต่กัดฟันกับความเซ้าซี้ของพวกมัน จะถอนหายใจเซ็งๆก็ไม่ได้ เดี๋ยวพี่เมดก็หันมาสนใจพอดีว่ากำลังคุยกับใคร

[ แม่กูบังคับให้สอบ เลยจะอ่านหนังสือไปสอบหน่อย ]

[ ไม่ใช่ว่ามึงไปสอบวันนี้แล้วเหรอ ]

[ วันนี้กูไปสอบบัญชีเพราะแม่กูอยากจะให้สอบ แต่กูก็สมัครอักษรไปด้วย พี่กูให้สมัคร ]

[ แล้วเป็นไงทำได้มั้ย ]

[ ได้กับผีสิไอ้เหี้ย ] ผมตอบไอ้คลูที่ยังคงถามผมเรื่องของผมอยู่ไม่หยุดด้วยความอยากรู้ [ ยากจะตายห่า ]

[ มึงเรียนเก่งถ้าขยันอ่านหนังสือก็คงได้นะกูว่า ] ไอ้ชิวเพื่อนอีกคนเสริม ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ผมไม่ใช่คนเรียนดีหรอกถ้าเทียบกับพี่เมดที่ก็เรียนเก่งมากก็คงจะเป็นพวกเรียนกลางซะมากกว่า

[ แล้วตกลงไปกันมั้ยไอ้สัด นอกเรื่องเก่งพวกมึง ]  คนชวนอย่างไอ้บี้ถามย้ำเข้ามาก่อนที่ทั้งไอ้คลูและไอ้ชิวจะส่งข้อความตกลงไปจนเหลือแค่ผม [ ไม่ไปเหรอไอ้วิวมึง ]

[ ไม่อะ ]

[ ไปเถอะคิดว่าครั้งสุดท้ายแล้วพวกกูจะปล่อยให้มึงไปอ่านหนังสือเลย ] ไอ้ชิวพิมพ์ขึ้นมาอ้อนผม [ นะๆมึงไปนะ ไม่มีมึงมันไม่สนุกอะ กูอยากให้มึงไปด้วย ] ตรงไหนวะ ผมแอบคิดในใจ ไปทีไรกูไม่คุยอะไรมึงก็สนุกกับคนอื่นทุกทีแล้วเอากูมาอ้าง ส้นตีนจริง

[ เออๆ ไปก็ไป แต่ครั้งสุดท้ายแล้วนะ ไม่มีครั้งหน้าแล้ว กูจะขยันอ่านหนังสือแล้ว ]

[ โอเค งั้นก็ไปกันครบ กูไปรับสักสองทุ่มแล้วกันนะ ละเจอกัน ] ส่งสติกเกอร์ง่ายๆเข้าไปในกลุ่มก่อนจะปิดหน้าจอลง ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปมองพี่เมดที่คีบบะหมี่หยกกับหมูกรอบมาไว้บนจานให้ผม

“ ของชอบมึง กินซะ มัวแต่เล่นโทรศัพท์ “

“ จ้า แม่ “ ผมแซวอีกคนก่อนจะก้มหน้าลงกินของตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม อยู่ๆก็รู้สึกอยากจะหยุดเรื่องไร้สาระที่กำลังทำนั่นแล้ว เพราะตอนนี้ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะจัดการกับไอ้เจหน้าเหี้ยนั่นยังไง ไม่รู้ด้วยว่ามันจะเอายังไงกับผม ขืนยังมัวเที่ยวอยู่แบบนั้นแล้วเผลอไปเจอคนรู้จักพี่เมดอีก ก็คงตายซ้ำซ้อนยิ่งตอนนี้พี่เมดเป็นแฟนพี่อาฟที่สายผับต่างรู้จักก็ยิ่งไม่ปลอดภัย อีกอย่างอยากจะลองสอบตรงเข้ามหาลัยพี่เมดดูด้วยเผื่อว่า ชีวิตที่เป็นอยู่มันจะดีขึ้น

จัดการกินของหวานตบท้ายมื้ออาหารก่อนจะเดินออกจากร้านด้วยความรู้สึกที่ว่า ถ้ากลิ้งได้ก็กลิ้งไปขึ้นรถ และมื้อนี้ก็ตามที่คิดไว้ไม่มีผิดพี่อาฟเป็นคนเลี้ยงทั้งหมดเหมือนเดิม ส่วนพี่ชายผมก็อยู่ในอาการเกรงใจสุดๆเพราะราคาที่เห็นในบิลก็สูงแบบชนิดที่ว่าถึงมากับครอบครัวก็ยังเกรงใจพ่ออยู่ดี

“ ให้พี่ขึ้นไปส่งมั้ย “ พี่เมดหันมาเอ่ยถามผมที่อยู่ด้านหลังตอนที่รถจอดสนิทลงที่ใต้คอนโด

“ ไม่ต้องอะ ขึ้นไปเองได้พี่เมดกับพี่อาฟไปทำงานเถอะ สายแล้วมั้ง “ ก้มหน้าลงดูนาฬิกาตอนที่ยิ้มให้อีกคนพี่เมดก็เอื้อมมือมาลูบหัวผม

“ อ้อนพี่บ้างก็ได้ “ เค้าพูดแค่นั้นผมก็ยิ้มออกมา

“ ไม่อ้อนหรอก อ้อนได้ตายอะเดี๋ยวพี่อาฟเตะวิวปลิว ไปละ “ บอกพี่ชายตัวเองแบบนั้นก่อนจะหันไปหาคนขับรถที่ก็หันมาตอนที่ผมเรียก “ พี่อาฟ ขอบคุณนะครับที่มาส่ง ที่เลี้ยงข้าวด้วย วิวฝากดูแลพี่เมดด้วยนะ “

“ อื้ม “ เค้าตอบสั้นๆเหมือนอย่างเคยผมก็แซว

“ ก็ยังคงขอยืนยันคำเดิมนะครับ มีพี่เขยรวยนี่มันสุดยอดจริงๆ “ เปิดประตูออกไปนอกรถ แต่ไม่พี่ชายผมก็เหมือนยังมีอะไรให้พูดอีกเยอะ กระจกรถถูกเปิดลงก่อนจะพูดสั่งด้วยความเป็นห่วง

“ พรุ่งนี้ไปโรงเรียนด้วยนะ แล้วก็ตั้งใจอ่านหนังสือด้วยสมัครสอบไปแล้วน่ะ “

“ รู้แล้วครับ รู้แล้ว บ่นจังเว้ย “ ว่าแบบนั้นก่อนจะดึงตัวเองเข้าไปกอดอีกคนไว้ “ รักพี่เมด ดูแลตัวเองดีๆนะ เดี๋ยวเจอกัน “

“ อื้ม “ หอมแก้มนุ่มแบบที่ชอบทำประจำตั้งแต่เด็กสองครั้งซ้ายขวาก่อนที่ผมจะดึงตัวเองออกมาแล้วก็ต้องพบว่าคนขับรถจ้องผมแบบไม่วางตา

“ พี่อาฟหน้าพร้อมต่อยวิวมากอะ หอมนิดหอมหน่อยน่าพี่น้องกัน หวงไปได้ เค้าก็หอมกันมาตั้งแต่เด็กแล้วมั้ย “ ผมแซวอีกคนที่ก็หันไปอีกทางทันที “ ไปดีกว่า ขับรถกันดีๆนะครับ “

“ ขึ้นห้องไปเลยไป “  พยักหน้ารับพี่ชายตัวเองแล้วโบกมือบ๊ายบาย จนกว่ารถคันที่ขับมาส่งจะขับออกไป ผมมองรถคันนั้นขับไปจนสุดสายตาก่อนจะหันหลังไปพยักหน้าให้กับรถอีกคันที่ก็เหมือนมาคอยอยู่สักพักแล้ว ขับเข้ามาใกล้ เปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างคนขับแบบทุกที ก่อนที่ไอ้บี้เพื่อนผมที่มารับจะมาถามขึ้นมา

“ มึงคนขับรถคันที่มึงลงมาใช่พี่อาฟเจ้าของผับ throw up มั้ยวะ “

“ ใช่ “ ผมพยักหน้ารับ

“ เรื่องจริงดิ ที่มึงบอกว่าเค้าเป็นแฟนพี่ชายมึง “

“ มึงคิดว่ากูจ้อจี้เหรอวะ “

“ แล้วเมื่อไหร่พวกกูจะได้ไป throw up ละ มึงเล่นเส้นพี่มึงให้หน่อยสิ “

“ รออายุครบแล้วกูพาเข้าไปแบบสวยๆเลย “ ผมบอกปัดมันแต่เหมือนอีกคนจะทำหน้าเสียดายแบบไม่พอใจเท่าไหร่ “ กูไม่อยากมีเรื่องกับพี่กู เอาน่า ไปที่ที่สบายใจกันดีกว่า “

“ คืนนี้อย่าหิ้วผู้ชายแล้วหนีกลับไปก่อนเหมือนเมื่ออาทิตย์ก่อนก็แล้วกัน “ ผมหลุดยกยิ้มแต่ยังไม่ทันจะตอบอะไร ข้อความในหน้าจอนั้นก็ฉายขึ้นมา เป็นข้อความจากผู้ชายคนที่กุมความลับของผมไว้อย่างไอ้พี่เจ ผู้ชายเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ไอ้บี้พูดถึง [ อยู่ไหน ทำอะไรอยู่ ]   

“ ถ้าน่าสนใจก็ไม่แน่หรอก แต่หนนี้ต้องดูในดีหน่อย คนสมัยนี้แม่งร้าย  “ ผมบอกก่อนจะหันไปมองเพื่อนตัวเอง “ บี้ มึงว่าโลกเรามันกลมมั้ย “

“ กลมสิวะ มึงตกความรู้ทั่วไปเหรอ “

“ ไม่ใช่สิ กูหมายถึงโลกกลมแบบพวกที่เหวี่ยงให้คนที่คิดว่าไม่น่าจะเจอให้มาเจอเรา อะไรแบบนั้น “

“ อ๋อ อันนั้นกูว่าโคตรกลมเลย ก็อย่างวันก่อนกูยังเจอไอ้ไนท์แฟนเก่ากูที่ผับเลยทั้งๆที่ว่ามันเป็นเด็กเรียนแบบไม่เข้าผับอะ โคตรช็อคอีเหี้ย เสือกโคจรมาเจอกูอีก “

“ ที่วันนั้นมึงกลับกับมันเพื่อไปย้ำความหลังกันอะนะ “

“ สัดวิวไม่ต้องย้ำได้มั้ย “ หลุดยิ้มออกมา บี้มันก็ถามผมต่อ “ แล้วมึงถามทำไมวะ “

“ ก็แค่กูไม่เชื่อเรื่องโลกกลมเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เหมือนจะเชื่อหน่อยๆแล้ววะ ว่ามันกลม “

“ อะไรของมึง “

“ ว่าแต่มันกลมแค่ไหนวะมึง จะกลมเหมือนวงกลมมั้ย “

“ ไม่รู้สิ เรื่องแบบนี้มันก็แล้วแต่ประสบการณ์คน แต่กูว่ามันกลมอยู่นะ กลมแบบเหี้ยๆอะ “ ไอ้บี้หลุดหัวเราะ “ มึงลองสังเกตสิ คนเราอะเวลาอยากจะเจอใครมันไม่ค่อยเจอหรอก มันชอบเจอคนที่เราไม่อยากเจอทั้งนั้น นั่นแหละ ความโลกกลมแบบเหี้ยๆที่กูบอก “

“ ก็คงจะจริงอย่างงั้น “


.......................................................................

สรุปแล้วเหมือนเขียนตอนที่ 26 27 มาเกริ่นเพื่อเข้าตอนหลังที่เมามันส์ในตอนที่ 28 #ปลอบใจตัวเองอย่างที่สุด
ฮือออออ ตอนที่ 28 ขอให้สัญญาว่าจะสนุกสนานกว่านี้ ทุกคนอ่านแล้วรู้จักยังไงบอกหนมด้วยเน้อ ตื่นเต้นน
รอความเห็นของทุกคนสุดๆ
ยังไงฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
สุดท้ายนี้ อยากกินเอ็มเคไลฟ์ ใครก็ได้เลี้ยงหน่อย ไม่มีพี่เขยรวยแบบพี่อาฟ ก็เศร้าหน่อย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 26 :: up! 22-6-61} #หน้า 18
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 24-06-2018 21:52:20
สาเหตุนึงที่วิวเป็นแบบก็มาจากบินสินะ  :z6: คดีเยอะนะบินนะ

แล้วเรากลัวจังว่าการไปผับครั้งนี้ของวิวมันจะไม่ราบรื่น

กลัวมันจะมีเรื่องวุ่นวายเข้ามาจาได้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-06-2018 21:59:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 24-06-2018 22:26:19
มันต้องมีเหตุ มันต้องเกิดเหตุ แหงๆ
แล้วใครล่ะจะมาช่วย
พ่อแม่หรือพี่ชายก็คงไม่ได้ ไม่อยากให้รู้ให้เสียใจ
คงเป็นเจ (ที่อาจจะพกอาฟมาด้วย) ...
เดาล้วนๆ
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 24-06-2018 22:41:13
สนุกกกกกกกกกกกก วิวนี่น่ารักนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-06-2018 23:27:06
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 24-06-2018 23:48:03
กลับมาอ่านหนังสือไหมน้องวิว เดี๋ยวพี่เจจับเชือดนะ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 25-06-2018 00:28:44
มีเรื่องแน่ๆวิวววว พี่เจตามไปอารักขาเร็วค่า :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-06-2018 01:15:39
เอาเหงาซินะ อยู่ตัวคนเดียว พี่ก็หนีไปอยู่กับแฟน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-06-2018 01:43:41
สรุปแล้ว วิวเอาเงินห้าพันไปทำอะไร? :hao4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-06-2018 02:08:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-06-2018 07:10:45
รอๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-06-2018 08:50:43
อีบินนิสัย :beat: :beat: :beat: :beat:
อาฟสายเปย์

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 25-06-2018 10:17:25
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 25-06-2018 10:27:17
บินเอ้ยย นี่คิดว่าจะมีความดีบ้าง

ไม่มีเลยสินะ

สักนิดก็ไม่เจอ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 25-06-2018 13:53:26
ดูซิว่าจะโลกกลมอีกไหม
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 25-06-2018 14:42:03
รอตอนหน้าถ้าจะมันส์ :z2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 25-06-2018 18:12:39
น้องน่ารักอ่ะ โอ๋ๆนะวิว
ตั้งใจรับมือกับอิพี่เจนะลูก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-06-2018 19:43:19
ขนาดเอ็มเคธรรมดาเรายังเข้านับครั้งได้ ปีนึงกินไม่เกิน 2 ครั้ง

เราชอบจิ้มจุ่มมากกว่าเอ็มเคนะ บ้านๆ สบายกระเป๋าด้วย  o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-06-2018 22:21:49
แล้วพี่เจถามวิวไม่ตอบเดี๋ยวก็เจอพี่เจอีกหรอก ไม่รอดแน่
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 25-06-2018 23:56:51
สงสารเจหน่อยๆ อุส่ารู้สึกดีกับวิว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 26-06-2018 00:05:19
 :katai2-1: รอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 26-06-2018 06:27:06
 o18  o18  o18 แอบหนีเที่ยว แกโดนแน่ วิว เอ๊ยยยยย เจออิพี่เจมาดโหดแน่ ๆ :z10:  o18  o18  o18  :heaven
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-06-2018 06:32:39
วิวเอ้ยยย พลาดแล้ว ทำไมต้องกดดันตัวเอง
ก็เข้าใจว่าโดนดูถูก แต่ทำไมเราต้องทำตัวแย่
ทั้งที่ก็ไม่ต้องพยายามอะไร ก็มีความสุข
แต่ก็นั่นแหละ น้องอาจเคว้งตอนที่พี่เหมือนทิ้ง
ดูวิวยึดติดกับความรวยจนนะ หรือแค่พยายามให้เป็นนะ

อาฟยังไงล่ะ เจอแบบนี้แล้วจะช่วยน้องไหม
เมดก็รู้จักน้องนะ แต่ไม่ทั้งหมด เพราะพลาดตอนห่างกัน

ไปครั้งนี้จะไปเจออะไรไหมนะ กลัวใจจริงเลย

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 26-06-2018 10:14:36
ยังดีที่วิวยังคิดจะหยุดพฤติกรรมแบบนั้น อย่างน้อยน้องมันก็นิสัยไม่ได้แย่อะไรแต่ตั้งใจแล้วทำให้ได้นะวิวอย่าทำให้เมดเสียใจล่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 28-06-2018 19:30:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 29-06-2018 20:23:20
ตอนที่ 28


[ อยู่ไหน ทำอะไรอยู่ ]   ข้อความที่ถูกส่งไปไม่มีคนอ่านและไม่มีคนตอบมาร่วมสิบนาทีแล้ว ผมเลิกคิ้วกับตัวเองก่อนจะยกยิ้มอยู่เงียบๆ กับหน้าจอมือถือตรงเก้าอี้ตัวโปรดส่วนบาร์ที่ก็นั่งอยู่เป็นประจำทุกวัน

“ ท่าทางจะอยากมีคนลองดี “ พูดกับตัวเองก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งเข้าไปหาอีกครั้ง [ ถ้ามึงยังไม่ตอบกูภายในห้านาทีนี้แล้วละก็.. ]

[ อยู่ห้อง พึ่งถึงพี่อาฟพี่เมดเพิ่งมาส่งไอ้สัด แล้วถ้ารีบมากทำไมไม่ถามมาตั้งแต่เมื่อวานวะ ]

[ เมื่อวานกูยังไม่มีไลน์มึง แล้วพูดกับกูให้มันสุภาพหน่อยน้อง ]

[ อยู่ห้องครับลุง ]

[ กูอายุเท่าพี่เขยมึงมั้ย ไอ้เด็กเวร ] ผมเผลอยิ้มกับความดื้อของมันในตอนที่อ่านข้อความที่ส่งเข้ามานั้น [ หน้าพี่เขยมึงแก่กว่ากูอีกมั้ง ]

[ เออ กูไม่เถียงมึงเหมือนกันลุง หน้าพี่อาฟแก่จริง ] หลุดหัวเราะออกกับคำพูดตรงๆของมัน [ แต่กูเรียกพี่เขยกูว่าลุงไม่ได้ไง แต่กูจะเรียกมึงได้ เพราะมึงบอกเองว่าอยากจะให้กูสุภาพกับมึง แล้วนี่กูก็สุภาพกับมึงอย่างที่สุดแล้วนะ ไม่ชอบเหรอ ]

[ กวนตีนไอ้สัด ]

[ แล้วส่งข้อความมามีอะไร ว่างมากเหรอสัดลุง ]

[ กูแค่อยากรู้ว่ามึงอยู่ไหน แล้วอย่าโกนะเพราะถ้าโกหก มึงคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น ]

[ ขู่จังน้า แล้วทำไมกูต้องโกหก มึงเถอะ เก็บความลับกูไว้ให้ดีแล้วกัน ]

[ ยังคิดไม่ออกเลยน้า ว่าจะทำยังไงกับมึงดีเพื่อแลกกับการเก็บความลับ ]

[ กูไม่รู้ แต่ถ้าเงี่ยนก็เอาไปสอดกับซอกโซฟาแล้วกัน ] 

[ เอาจริงๆ ตอนแรกกูไม่ได้คิดเรื่องอะไรแบบนี้เลยนะ แต่มึงพูดมาขนาดนี้ก็เหมือนเชิญชวน บางทีนะกูว่า..]

[ หยุดความคิดเหี้ยๆของมึงไว้ตรงนั้น ] ข้อความของคนปากร้ายที่ส่งกลับมาแบบไม่มีที่สิ้นสุด แต่ก่อนที่ผมจะชวนอะไรคุยกับมันมากกว่านั้นอีกฝ่ายก็บอกปัดออกมาก่อนจนผมต้องลบข้อความตัวเองทิ้งไป [ กูจะไปอ่านหนังสือละ พรุ่งนี้มีสอบ บายนะลุงมึง ]

[ อ่านให้จริงแล้วกันสัด ]

 [ เสือก ]

[ พูดเสือกมากๆระวังความจริงจะลอยเข้าหูพี่ชายมึง ]

[ เบื่อเถียง บายลุง ] ผมกดปิดมือถือตัวเอง ตอนที่ยกเบียร์ที่อยู่ตรงหน้าขึ้นกิน คนที่ยืนเช็ดแก้วอยู่ตรงบาร์อย่างไอ้อัยย์ก็ถามขึ้น

“ ถามจริงดิ มึงได้กับน้องพี่เมดแล้วจริงๆเหรอ.. คือกูยังช็อค ยังรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องจริง “

“ เออ “ ผมตอบย้ำอีกคนที่ถอนหายใจออกมา วันนี้หลังจากที่ไอ้อาฟไอ้เมดหันหลังออกไปจากผับ ผมก็โดนรุ่นน้องขี้เสือกสองคนซักจนซีด สุดท้ายเลยต้องยอมเล่าความลับทั้งหมดไป ก่อนจะกำชับไว้ว่า ห้ามเล่าใครเด็ดขาดเพราะมีแค่ พวกเราสี่คนที่รู้ แล้วถ้ามันรั่วไหลเมื่อไหร่ ก็เตรียมตัวตายกันได้เลย “ จะช็อคทำเหี้ยไรวะ “

“ ช็อคเรื่องแรกคือ ไม่คิดว่าน้องพี่เมดจะเป็นคนแบบนั้น เพราะพี่เมดก็ดูเรียบร้อย น้องมันก็ต้องไม่ต่างกันเปล่าวะ ถูกเลี้ยงมาด้วยกันอะ ”

“ ถูกเลี้ยงมาด้วยกัน ไม่ได้จะมีนิสัยเหมือนกันนะมึง “ อธิบายคนตรงหน้าก่อนจะเชิดหน้าไปที่ไอ้เดย์ที่ยืนอยู่อีกฝั่ง “ ไอ้อาฟกับไอ้เดย์ยังไม่เหมือนกันเลย “

“ เออ ก็จริงวะ คนนึงเงียบเกิน อีกคนก็พูดมากเกินไปอีก ไม่รู้ใครแม่งได้สารอาหารไม่ครบ “  ผมหลุดยิ้มกับคำพูดของไอ้อัยย์ก่อนจะหยิบเบียร์ขึ้นมากินอีก “ แล้วพี่มึงจะเอาไงอะ เก็บความลับเค้าไว้แบบนั้นไม่บอกพี่เมดจริงๆเหรอวะ น่าห่วงนะกูว่า “

“ น่าห่วงตรงไหนวะ “ วางแก้วลงกับที่วางพลางขมวดคิ้วถามอีกคนที่ก็ยกยิ้ม

“ มึงคิดเหรอพี่เจว่ามันจะทำอย่างที่มึงสั่งทุกอย่าง มึงไม่ได้เห็นมันอยู่ในสายตาตลอดเวลาสักหน่อย ต่อให้ตอนนี้มันบอกมึงว่ามันอยู่บ้าน แต่จริงๆมันอาจจะนั่งแดกเหล้ากับเพื่อนในห้องแล้วมั่วสุ่มกันก็ได้ พี่เมดก็ไม่อยู่ห้องจะทำอะไรก็ได้จริงมั้ยละ คือเอาจริงๆ กูมองว่าคนเราถ้ามันอยากจะทำอะไร มันหาวิธีได้ทั้งนั้น กูกับไอ้เดย์เมื่อก่อนยังจ้างยามไปซื้อเหล้ามาให้เลย ให้ค่าจ้างพันนึงแม่งก็ไปละ สมัยก่อนพี่มึงก็เคยทำกูรู้ “

“ อย่าเอากูไปเปรียบเทียบกับเด็กเหี้ยแบบพวกมึง “

“ กล้าพูดเนอะ พี่มึงเด็กดีมากเลยสินะ กูเห็นแดกเหล้าเมากับเฮียตั้งแต่กูอยู่ประถม อ้ายยยอัยย์ “ มันว่าเสียงยานเลียนแบบผมสมัยม.ต้น ตอนที่เมาครั้งแรก

“ ไอ้สัด ก็ยังจำได้ “

“ กูจำได้หมดอะ ตอนไอ้เดย์เมาครั้งแรกก็ยังจำได้ ตอนนั้นอยู่ม.สี่ ที่มันเดินโซซัดโซเซไปหาเฮีย แล้วหอมแก้มเฮียอะ “

“ แล้วมันก็วอแวให้ไอ้อาฟหอมแก้มมันกลับ “

“ และสุดท้ายเฮียก็หอมไปฟอดนึง “ ไอ้อัยย์บอก “ กูแทบอ้วก สงสารเฮียสุดๆ เป็นภาพตราตรึงในหัวใจกูที่สุด เป็นความทรงจำที่ตายไปแล้ว ชาติหน้าถ้าระลึกชาติได้เหตุการณ์นี้ก็คงเข้ามาในหัวกูเป็นเหตุการณ์แรก “

“ ฮ่าๆ “ ผมหลุดหัวเราะเสียงดังตอนที่คิดถึงเรื่องราววันนั้น เอาจริงๆผมมองว่ามันสองคนเป็นพี่น้องที่รักกันมาก แม้ภายนอกใครๆจะมองว่ามันดูไม่ค่อยสนใจกันเท่าไหร่ แต่จริงๆก็แค่เป็นคนไม่หวานทั้งคู่ เลยออกแนวเหมือนไม่ใส่ใจกัน แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ดูแลกันและกันมาตั้งแต่เด็กๆ

“ หัวเราะอะไรกัน “ เสียงคุ้นทักผมจากด้านหลัง ตอนที่หันไปก็พบเข้ากับคุณมินเมดที่เดินยิ้มเข้ามาหา ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างกัน

“ กว่าจะมานะพวกมึง “

“ ก็กว่าจะกินข้าวเสร็จ ไปส่งอีก นี่กลับมาเร็วแล้วนะ ขากลับรถไม่ติดเลย ไฟเขียวผ่านตลอด “ อีกคนบอกแบบอวดๆ  แต่ก็จัดว่าเป็นเรื่องน่าอวดอยู่สำหรับการขับรถในกรุงเทพแล้วไม่ต้องหยุดรอรถเลยสักแยก ความรู้สึกที่เห็นไฟเขียวผ่านตลอดนั้น เป็นความรู้สึกที่คล้ายกับถูกหวยใต้ดินยังไงอย่างงั้น  ผมหลุดยิ้มให้ท่าทางนั้นของเมดก่อนจะหันไปมองเพื่อนตัวเองที่ก็เดินตามเข้ามา

“ มึงไปเลโก้มั้ย “ ไอ้อาฟเอ่ยถามผมที่ก็ขมวดคิ้วมองมัน

“ วันนี้มาไง ชวนกูไปผับอื่นวะ “

“ เฮียจะไปเลโก้เหรอ “ ไอ้อัยย์ถาม คนที่เอ่ยชวนผมก็ยักคิ้ว “ throw up มีให้แดกฟรีก็ไม่แดกเนอะ ชอบแดกแบบเสียเงิน “

“ เสียเงินเหี้ยไร วันนี้วันเกิดพี่โก้ มันชวนกู กูเลยจะไป “ อาฟบอกก่อนจะก้มลงมองผม “ ไปกันมึง “

“ โอเค ไปก็ไป ”

“ ไป “ เมดลุกขึ้นจากที่นั่งเตรียมตัวจะเดินออกไปพร้อมพวกเราไอ้อาฟก็ถาม

“ ใครชวนมึง “

“ อ้าว ไม่มึงจะให้กูไปด้วยเหรอ “

“ ไม่ให้ไป “ ย้ำคำเดิมคนฟังก็ได้แต่ขมวดคิ้วงง ที่ก็ไม่แปลกที่จะรู้สึกแบบนั้น ก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด อยู่ๆไม่โดนพาไป คุณมินเมดก็คงจะงงอยู่เล็กน้อยว่าทำไม

“ ให้กูไปด้วยสิ กูอยากไปด้วย “

“ ไม่ให้ไป “ อาฟบอกคนฟังที่กำลังรบเร้าอยู่ก็ได้ถอนหายใจออกมา 

“ ทำไมวะ กูอยากไปด้วย ไม่วุ่นวายหรอก สัญญา กูอยากไปดูผับอื่นว่าเป็นไง ไปด้วยสิวะอาฟมึงแม่ง “ ใบหน้างอง้ำที่พูดชวนให้ทั้งผมทั้งไอ้อัยย์ยิ้มแต่ผิดจากไอ้อาฟที่ก็ทำได้แค่ถอนหายใจแล้วหันไปทางอื่น มันคงรู้ตัวว่ามันแพ้ท่าทางอ้อนๆของแฟนตัวเองมากแค่ไหนเลยพยายามไม่มอง ไม่ใส่ใจ

“ ไปทำไม เจ้าภาพเค้าชวนมึงเหรอ “

“ เค้าก็ไม่ได้ชวนเจ มึงยังพาเจไปเลย ก็หนีบกูไปด้วยอีกคนจะเป็นไรไปวะ “

“ มันรู้จักไอ้เจ กูเลยจะพาไอ้เจไปด้วย “

“ งั้นก็เดี๋ยว ตอนไปถึงมึงก็แนะนำกู เค้าก็รู้จักกูละ “

“ ดื้อ “ อาฟมันบ่นเบาๆก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วหันมาย้ำ “ อยู่นี่แหละ กูไม่อยากพามึงไป เกะกะ“

“ เกะกะเหี้ยอะไรพูดให้ดีๆเดี๋ยวกูต่อย “ กำปั้นขาวยกขึ้นมาขู่ก่อนที่มันจะเหล่มองคนตรงหน้าแบบจับผิดด้วยสายตาที่ดูก็รู้ว่ามันเองก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับคำพูดนั้น “  ทำไม ? มีผู้หญิงอ๋อออ กลัวกูไปแล้วมึงนัวเนียไม่หนำใจว่างั้นเถอะ “

“ เพ้อเจ้ออะไรของมึง “ ไอ้อาฟบอกปัดผมก็แซว

“ รู้ทันวะ บ้าจริง “

“ มึงอย่ามาหาเรื่องให้กูไอ้สัดเจ “

“ ก็บอกแฟนไปตรงๆ เมดมันก็เข้าใจได้ มึงก็มัวบอกแต่ ไม่ให้ไป ไม่ให้ไป คนมันอยากไปก็มีแต่จะวอแวขอไปด้วยเพราะที่มึงพูดมันไม่ใช่เหตุผลอะสัด “ ผมบอกมันเมดก็พยักหน้ารับเห็นด้วย “ ก็บอกไปเลยว่า หวง “

“ หวงอะไรวะ “ ชะงักหน้าที่พยักขึ้นลง เมดหันมาถามผม “  กลัวกูไปม่อสาวเหรอ ไม่ต้องกลัวนะ กูไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก จะไม่ทำเด็ดขาดเลย  กูสัญญาด้วยว่าต่อให้เป็นสเป็กกูก็จะแค่นั่งมองเค้านิ่งๆ “

“ ถามจริงคิดนานมั้ยถึงบอกว่ากูมึงไปม่อสาว “

“ อ้าว งั้นมึงกลัวอะไรวะ กลัวกูไปวุ่นวาย ? “ คำถามที่ถูกคาดเดาจากอีกคนแบบไม่ได้คิดเวิเคราะห์อะไรใดๆจากนิสัยตัวเองให้ถี่ถ้วนชวนให้เราสามคนถอนหายใจออกมาเอือมๆ “ กูแค่อยากไปดูผับอื่นบ้างเท่านั้นเอง กูอยากรู้ว่ามันเป็นไงกูไม่วุ่นวายแน่นอนจะทำตัวดีๆ สัญญาเลย “ ยื่นนิ้วก้อยขึ้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับไอ้อาฟ

“ สาบานกับกูสิ ว่าท่านี้คือท่าคนที่คิดว่า มันจะไปม่อสาว “ ทุกคนหลุดยิ้มกับคำพูดของผมก่อนไอ้อัยย์จะพูดขึ้น

“ เฮียมันไม่ได้กลัวพี่เมดไปม่อสาวหรอก ที่มันกลัวคือกลัวสาวมาฉุดพี่เมดไปปล้ำมากกว่า “

“ เออ กูเห็นสมกับความคิดมึงอัยย์ “ ผมบอก “ แล้วอีกอย่างเลยนะ พี่โก้เจ้าของผับแม่งโคตรหน้าม่อได้หมดทั้งชายทั้งหญิงด้วย สเป็กมันนี่เป็นแบบมึงเลยเมดกูจะบอกให้ ขาวๆตี๋ๆ “

“ แต่กูมีแฟนแล้วนะ “ เสียงเถียงเบาๆที่ดังขึ้นทำเอาเราหลุดหัวเราะอีกครั้ง

“ ถามจริง พี่เมดคิดจริงๆเหรอว่าแค่มีแฟน จะหยุดคนที่เข้ามาหาได้ แบบว่า พอบอกว่า มีแฟนแล้วเค้าก็จะเลิกยุ่งกับเรา “

“ ก็มันไม่ถูกเหรอวะ  การที่บอกว่ามีแฟนแล้วก็คือคำปฎิเสธว่าไม่สนใจคนที่เข้ามาจีบไม่ใช่เหรอ “

“ ไม่ถูกหรอก เพราะถ้าเค้าสนใจ ถึงมึงจะพูดว่ามีแฟนแล้ว เค้าก็ยังพยายามจีบมึงต่ออยู่ดีนั่นแหละ ก็เค้าเข้ามาจีบมึงคนเดียว ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องสนใจแฟนมึงหรอกจริงมั้ยละ “

“ เป็นงั้นไปอีก “

“ อย่าไปเลย อยู่นี่แหละ “ เสียงจริงจังของเพื่อนผมที่เอ่ยพูดขึ้นตอนที่หันมองแฟนตัวเอง อาฟก้าวขาเดินไปยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ดึงมือขึ้นมาจับ ไม่ได้ลูบหัว หรือสวมกอดอะไรแบบที่ในละครตอนดึกชอบทำ มันมีแค่คำพูดที่เอ่ยออกไปตรงๆพร้อมกับแววตาจริงจังทีสบสายตากับเมด “ กูหวง เป็นห่วงมึงด้วย “

“ โอ้แหมมมมมม “ ส่งเสียงแซวออกมาพร้อมกับไอ้อัยย์ที่จับหน้าตัวเองไว้

“ ไม่ใช่หวงธรรมดานะ เพราะห่วงด้วย ตายแล้วววววว เกิดมาชาตินี้ไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้เลยอะ  “

“ รำคาญไอ้สัด “คนโดนแซวสบถออกมา

“ แต่ก็ยังอยากไปอยู่ดีอะ “ เมดพูดขึ้นไอ้อาฟก็ถอนหายใจ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นอีกแบบ สีหน้าหาเรื่องที่บอกกับคนที่กำลังขัดใจมันว่า ‘ หยุดวอแวเดี๋ยวนี้ ’

“ มึงจะเอายังไงเมด “

“ อย่าต่อยกูนะ “ ยกมือสองมือขึ้นห้ามก่อนจะพูดแบบล้อๆ “ นี่แฟนไงอารยะ นี่แฟนเอง มินเมดไง “

“ กวนส้นตีนกูจังนะไอ้แฟน “ อีกคนสถบเมดก็ยิ้มกว้าง ความจริงเมดก็คงตัดใจไม่ไปตั้งแต่ไอ้อาฟบอกเมื่อครู่แล้ว แต่เดี๋ยวนี้เริ่มกวนตีนไง เลยขอดื้ออีกสักหน่อย

“ อย่าไปเลย อยู่นี่แหละ หิวก็ออกไปหาของกินอร่อยๆที่ซอยข้างๆก็ได้ ชวนไอ้เดย์ไอ้อัยย์ไปสักคน “ ผมลุกขึ้นจากที่นั่งพลางบอกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับก่อนจะยื่นมือมาจับไอ้อาฟไว้

“ แล้วอย่าเมามากนะมึง “ มันเตือนสั้นๆ “ แต่ถ้าเมามากก็อย่าขับรถ โทรเข้ามาเดี๋ยวให้น้องเดย์น้องอัยย์เข้าไปรับเข้าใจมั้ย “

“ กูไม่เมาหรอก “ อาฟมันบอกก่อนจะจ้องตาแฟนตัวเองที่มีแต่ความห่วงใยส่งมาให้จนสุดท้ายคนที่ไม่เคยยอมใครอย่างมันต้องยอมจำนนให้คนตรงหน้า “ โอเคครับ ผมรู้แล้ว “

“ มึงก็ด้วย อย่าเมามากนักนะเจ “

“ ครับผม ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกันสาวที่จะเข้ามาวอแวไอ้อาฟให้ด้วย “ ผมบอกแซว ไอ้อาฟก็หันไปบอกไอ้อัยย์ก่อนจะเดินออกไป
 
“ ฝากเมดด้วยนะมึง “

“ ไม่ต้องห่วงครับเฮียจะดูแลอย่างดีเลยจ้า ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม “

“ จริงเหรอวะ แต่เมื่อกี้พี่เมดโดนยุงกัดตัวนึงนะ “ เมดยกแขนให้น้องที่รับคำดูก่อนที่ไอ้อัยย์จะรับมุกด้วยการยกมีดขึ้นมาขู่

“ ไหนยุงตัวนั้นมันอยู่ไหน น้องอัยย์จะฆ่ามัน“

“ นี่ก็รับมันทุกมุกเลยนะ “ เสียงหัวเราะที่ดังไล่หลังผม หลุดยิ้มออกมาในระหว่างที่เดินออกมาด้านนอกของผับ  civic สีขาวของไอ้เมดถูกปลดล๊อค เอาเข้าจริงทรงของรถรุ่นใหม่คันนี้ชวนให้เสียดายอยู่ไม่น้อย ส่วนหน้ามันออกแบบคล้ายกับรถสปอร์ต ข้างในก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน

แอบเสียดายเหมือนกันที่ตอนนั้นไม่ฟังคำแนะนำของไอ้อาฟที่บอกให้ซื้อรถรุ่นนี้ มันบอกว่าสวยกว่าซิตี้ที่ผมเลือกจะซื้อ แถมยังเป็นรูปลักษณ์ที่จะใช้ได้นาน  แต่เพราะตอนนั้นผมรู้สึกแค่ว่า ให้มีขับก็พอแล้วอีกอย่างเอาเงินไปลงทุนกับอย่างอื่นดีกว่า เช่น คอนโด ที่ดิน อะไรแบบนั้น ทำงานหมดไปกับการผ่อนรถหมดก็ไม่ไหว ขับไปยังไงมันก็ติดไฟแดงเหมือนกันหมดนั่นแหละ

“ นี่มึงยังไม่ได้รถคืนอีกเหรอวะ “

“ ยัง “ อาฟตอบก่อนจะถอนหายใจออกมา “ เห็นไอ้เดย์บอกว่าอีกสองสามวันก็เสร็จละ “

“ โคตรนาน “

“ ก็ปกติ ทำสีรอบคันมันต้องใช้เวลาอยู่แล้ว สิบ สิบห้าวันเป็นอย่างต่ำ “

“ คิดดูว่าตั้งแต่มึงยังไม่ได้ไอ้เมดเป็นแฟน จนมึงได้ไอ้เมดเป็นแฟน มึงก็ยังไม่ได้รถคืน “ ไอ้อาฟหลุดยิ้ม

“ เหมือนจะนาน แต่มันก็แค่ไม่กี่วันมั้ยสัด “

“ แล้วเป็นไง มึงกับมัน “

“ อย่าพูดเรื่องกูเลย พูดเรื่องมึงดีกว่า มึงคุยกับมันแล้วใช่มั้ยไอ้วิวน่ะ ขู่มันไปว่าไง “ หันไปมองเพื่อนตัวเองผมยิ้ม

“ ไม่ได้ขู่ไรมากมาย แค่บอกให้มันทำตามที่กูสั่งอย่าตุกติกก็แค่นั้น “

“ คิดไงใช้แผนนี้ “ ผมเงียบไปตอนที่อีกคนถาม ไอ้อาฟหลุดยกยิ้มขึ้นมา “ หรือเพราะจะใช้บังคับให้มันไม่แรดจนเป็นอันตรายแบบที่มึงกลัว “

“ มึงก็คิดไป “ บอกปัดอีกคน แต่ก็รู้สึกว่าเหมือนตัวเองจะรู้สึกแบบนั้น ผมแค่อยากจะให้มันหยุดเลิกทำอะไรที่มันดูไม่น่ารักนั่นซะก็แค่นั้น อยากจะทำให้มันเชื่องก่อนแล้วต่อไปคิดจะทำอะไรมันก็จะง่ายขึ้น ถ้าแผนไม่แตกไปก่อนละก็นะ

“ กูว่าไอ้เด็กนั่นมันมีปัญหานะ “

“ ยังไง “

“ วันนี้ตอนไปกินข้าวกัน บางประโยคของมันที่พูดถ้าไม่คิดอะไรก็ไม่คิด แต่ถ้าคิดก็คิด แล้วกูก็รู้สึกว่า เหมือนมันชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับไอ้เมด “

“ คือมึงจะบอกว่า ที่มันกินเหล้า ลากผู้ชายขึ้นห้อง เพราะรู้สึกตัวเองมีปัญหาที่เป็นเด็กดีไม่ได้เหมือนไอ้เมดเหรอวะ “

“ ประมานนั้น “ ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ ไร้สาระ คนเราแม่งไม่ดีเหมือนพี่มันก็ควรตั้งใจเรียนสิว่ะ ไม่ใช่ทำตัวให้เหี้ยลง คิดอะไรของมัน “

“ เด็กไง ถ้ามันมีความคิด เค้าจะเรียกมันว่าเด็กทำไม “

“ ไม่เข้าใจไอ้สัด เพราะเด็กบางคนแม่งมีความคิด  แต่ก็นะเรื่องนี้ต้องถามคนมีพี่น้อง กูแม่งลูกคนเดียวด้วย ไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆวะ พวกอารมณ์กดดันจากครอบครัวที่ทำให้เครียดพวกนั้น  “ ผมส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันไปมองเพื่อนสนิทตัวเอง “ หรือว่าจริงๆ ไอ้เดย์มันก็คิดว่ามันไม่เก่งเท่ามึง “

“ ไอ้เชี้ยนั่นคิดเหี้ยอะไรแบบนั้นได้ด้วยเหรอวะ ทุกวันนี้นอกจากแดกเยลลี่ เลี้ยงแมว กกหญิง มันคิดอะไรอย่างอื่นด้วยเหรอสัด “

“ มึงก็ไปว่ามัน “ หลุดยิ้มออกมาผมเสริม “ แต่มันก็น่าคิดนะ ถ้ามันจะคิด ตอนมึงอายุเท่ามันมึงเป็นเจ้าของธุรกิจแล้ว เงินที่ป๊ามึงให้ มึงเอามาทำธุรกิจต่อยอด ไอ้เดย์เอาไปซื้อรถ คือแค่นี้ก็บอกวุฒิภาวะของแต่ละคนได้แล้วไม่ใช่เหรอวะ “

“ ที่มันเป็นแบบนั้นเพราะมันไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่า ตัวมันต้องดิ้นรน ต้องพยายาม มันคิดง่ายๆว่ามันมีป๊า และถึงไม่มีก็ยังมีกู ทุกคนซัพพอร์ตชีวิตมันได้ ไม่ต้องเรียนเก่งก็ได้ ไม่ต้องมีอะไรมันก็ไม่อดตาย สมองไอ้เชี้ยนั่นคิดแค่ว่า ยังไงซะ ครอบครัวก็ไม่ปล่อยให้มันตายแน่นอน มันก็เลยใช้ชีวิตแบบลอยตัวสุดๆไง อยากทำอะไรก็ทำ “

“ ใช้ชีวิตเต็มที่ไปเลย พี่มันก็แบกรับไปสินะ ความหวังครอบครัว “

“ แล้วตอนนี้กูก็โยนการสืบทายาทของตระกูลให้มัน จบ “

“ ไอ้สัด “ สถบด่าใส่มันก่อนที่จะหัวเราะกันออกมา

“ นี่ก็ลุ้นอยู่ทุกวัน ว่าจะมีหลุดทะลุถุงยางมาสักคนมั้ย “

“ อย่าเป็นเล่นไปไอ้สัด สงสารเด็ก สงสารผู้หญิงด้วย อีกอย่างกูก็ไม่เห็นทีท่าว่าคนอย่างไอ้เดย์จะหยุดอยู่กับใครสักคน “

“ มันไม่หยุดหรอก มันชอบความสัมพันธ์แบบนั้น “ อาฟบอก “ แต่กูก็บอกมันนะ ว่ามันจะชอบฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องให้ผู้หญิงเค้าชอบด้วย ถ้าเค้าชอบมันชอบกับความสัมพันธ์นี้ ก็โอเค ไม่มีใครห้ามพวกมึงอยู่แล้ว “

“ กูถามจริงๆ ถ้ามันเกิดหลุดทะลุถุงยางมาเกิดสักคนมึงจะทำยังไงวะ “

“ มันไม่ใช่เรื่องที่กูจะตัดสินใจได้มั้ยวะ มันเป็นเรื่องของไอ้เดย์ เรื่องของพ่อแม่กูที่จะช่วยมันตัดสินใจ “ เพื่อนผมหันมาบอก “ แต่ก็คงต้องรับผิดชอบ “

“ มึงดูจริงจังกับไอ้เมดมากนะ “ ผมหันไปยิ้มให้เพื่อนแบบแซวๆ “ จากที่มึงพูด มึงไม่คิดถึงตัวเองที่จะมีครอบครัวแบบมีลูกมีเมียเลย เหมือนสุดท้าย ไม่ว่ายังไงก็จะจบลงกับไอ้เมด “

“ กูก็อยากให้มันเป็นแบบนั้นนะ “

“ กูขอให้มันเป็นแบบนั้น “ ยิ้มให้มันก่อนจะยักคิ้ว “ แต่ว่าถ้ามีทะลุถุงยางขึ้นมาสักคนจริงๆ กูว่าพ่อแม่มึงอาจจะขอให้มึงช่วยวะ ยังไงมึงกับไอ้เมดก็ไม่มีลูก วุฒิภาวะก็สูงกว่า ให้มาเป็นลูกบุญธรรมของมึงกับไอ้เมดก็ไม่แย่นะกูว่า ยังไงก็สายเลือด อีกอย่างไอ้เมดก็ต้องเลี้ยงได้อยู่แล้วมันใจดี “

“ เรื่องอะไร หน้าที่กูมั้ยที่ต้องมารับผิดชอบสิ่งที่กูไม่ได้ทำ “ อาฟหันมาบอกผมด้วยสายตาจริงจัง “ แล้วอีกอย่างคือทำไมกูต้องแบ่งความรักของเมียกูที่จะให้กูคนเดียว ไปให้คนอื่นด้วยวะ บอกไว้ก่อนเลยว่า กูไม่แบ่งแน่นอน “

“ หวงเมียมากเว่อร์ กูยอมใจมึงละจ้า “

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 29-06-2018 20:26:48

เลี้ยวรถเข้าไปในลานจอดรถโซนหลังของแขกวีไอพีของผับดังอย่าง ‘ เลโก้ ‘  ผับขนาดกลางเป็นที่รู้จักพอๆกับ throw up ของเรา เจ้าของเป็นรุ่นพี่มหาลัยที่เราสองคนเลยรู้จักกันเป็นอย่างดี แม้บางทีผมจะรู้สึกว่าบทสนทนาของเค้า เวลาเราคุยกับเราจะเหมือนข่มไอ้อาฟเรื่องความดังของผับอยู่หน่อยๆก็ตาม แต่อะไรแบบนั้นเพื่อนผมก็ไม่สนใจอยู่แล้ว ‘ ความจริงเป็นไงก็รู้กันอยู่ กูไม่อยากพูดมาก เจ็บคอ ’ อาฟเคยบอกผมไว้

“ เดี๋ยวๆ นั่นมัน Chivas regal “ เอ่ยถามเพื่อนตอนที่มันเปิดประตูเบาะหลังคนขับแล้วหยิบกล่องเหล้าสีดำขึ้นมา “ มึงเอาขวด 25 ปี มาให้ไอ้พี่โก้มันเลย “

“ อื้ม “ อีกคนพยักหน้ารับ

“ เสี่ยสุด “

“ ปีที่แล้วมันก็ให้ไอ้เชี้ยนี่กับกู แล้วระดับ throw up มึงจะให้กูเดินถือแค่ black label ที่ขายในร้านเข้ามาได้ไงวะ “

“ กูไปขอไอ้พี่โก้ชิมสักนิดดีกว่าวะ ลาภปากจริงๆ “

“ ก็ถ้ามันยอมเปิดละก็นะ “ ไอ้อาฟผมก็ยกยิ้มให้ ก่อนที่เราจะเดินเข้าไปด้านในของผับ

“ คุณอาฟ คุณเจ สวัสดีครับ “ ผู้จัดการร้านที่หันมาเห็นเราเอ่ยทัก พยักหน้ารับมือที่ยกขึ้นไหว้นั้นก่อนอีกฝ่ายจะพูดขึ้นอย่างรู้งาน “ งานวันเกิดคุณโก้ อยู่ที่ส่วนโซฟายกระดับตรงด้านซ้ายครับ “ 

ผับเลโก้มีพื้นที่แคบกว่าผับของเรา มันเป็นผับชั้นเดียวที่แบ่งออกเป็นสามโซน คือ โซนบาร์ โซนที่นั่งด้านหน้าเวที แล้วก็โซนโซฟาสำหรับวีไอพีที่จะทำเป็นพื้นที่ยกระดับขึ้นจากโซนอื่นและวันนี้ส่วนของโซฟาทั้งหมดนั้นก็ถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่ฉลองวันเกิดของเจ้าของผับ

“ พี่โก้หวัดดีครับ “ ผมเอ่ยทักเจ้าของวันเกิด ก่อนไอ้อาฟจะยกมือขึ้นไหว้ตาม พี่โก้เป็นหนุ่มหน้าตาดีคนนึง เค้าเป็นผู้ชายใส่แว่นที่ดูภายนอกใจดีแต่เคยมีคนเตือนผมว่า รู้จักแค่ผิวเผินก็พออย่าเผลอไปสนิท เพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่เหลี่ยมจัดอยู่เหมือนกัน

“ วันนี้เจ้าของผับดังมาด้วยเว้ย ขอบใจที่มานะพวกมึง “

“ ของขวัญครับ สุขสันต์วันเกิด “ ไอ้อาฟยื่นกล่องเหล้าสีดำเรียบไปให้เค้า อีกคนที่ยิ้มกว้างก่อนจะเปิดกล่องออกดูแล้วทำตาโตทันทีที่เห็นเหล้าราคาเฉียดเหมื่นที่อยู่ในนั้น 

“ สมเป็นเจ้าของผับดังอย่าง throw up “ เค้าพูดกับมันก่อนจะตบไหล่เบาๆ “ นั่งก่อนๆ มึงด้วยไอ้เจ ตามสบายเลยนะ สั่งเลย “

เราเลือกนั่งลงตรงโต๊ะในสุดที่ว่าง ไม่มีคนร่วมโต๊ะด้วยเหมือนแค่มาเปลี่ยนบรรยากาศ เหล้า black label ถูกยกมาเสิร์ฟก่อนที่พนักงานจะถามถึงมิคเซอร์ที่ต้องการ ผมเลือกเป็นโซดาไป ส่วนไอ้อาฟไม่ต้องถามยังไงก็กินแบบเพียวๆอยู่แล้ว

“ วันนี้เหมือนคนที่ผับมันเยอะเป็นพิเศษเลยวะ “

“ กูกำลังจะพูดเลย “ ไอ้อาฟบอกมันมองไปรอบๆ ตอนนี้มีดนตรีขึ้นเล่นแล้วเป็นวงดังอยู่พอตัว ผมมองไปรอบๆร้านบรรยากาศวันนี้จัดหนักจัดเต็มมากสำหรับวันพิเศษที่เชิญเอาเจ้าของผับหลายๆผับมารวมไว้ที่นี่ คล้ายกับการอวดความดังในอีกรูปแบบหนึ่ง “ เจ “

“ ว่า “ ผมเงยหน้าจากเหล้าที่กำลังผสมมองเพื่อนตัวเองที่มองไปยังจุดหนึ่ง

“ วันนี้หลังจากที่กูพาไอ้วิวกลับไป มึงได้คุยกับไอ้วิวยัง “

“ ได้คุยทางไลน์ ถามทำไมวะ ”

“ กูอยากจะให้มึงไลน์ไปถามมันหน่อยว่าตอนนี้มันอยู่ไหน “ อีกคนถามนิ่งๆก่อนจะหันมามองผม

“ มันบอกกูว่ามันอ่านหนังสือสอบอยู่ พรุ่งนี้มันมีสอบ “

“ เหรอวะ งั้นนั่นก็คงคนหน้าคล้าย “ อาฟชี้นิ้วไปยังโต๊ะตรงส่วนของหน้าเวทีที่เมื่อกี้ผมมองแบบผ่านๆไม่ได้สนใจ ตรงโต๊ะที่ผมมองตามไป ชะงักนิ่งเล็กน้อยตอนที่เห็นร่างคุ้นตานั่งอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของคนที่เพิ่งส่งข้อความคุยกับผมเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน มันที่บอกกันว่ากำลังอ่านหนังสือแต่ตอนนี้กำลังนั่งเม้าส์กับกลุ่มเพื่อนอย่างออกรส

“ ไอ้เด็กเวร “ ผมสถบออกมาได้อาฟก็ได้ยิ้มเยาะ

“ กูว่ามันแสบเกินกว่าที่มึงจะใช้แค่แผนกุมความลับแล้วบังคับให้ทำนู้นทำนี้เพราะคิดว่าเด็กมันกลัวนะ วิวมันไม่ใช่เด็กธรรมดา ว่ามั้ย “ เพื่อนผมยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้า “ ตอนพาไปกินข้าวกูเห็นมันกดยุกยิกอยู่กับมือถือตั้งนาน ไอ้เมดบ่นก็ไม่ยอมปล่อย ที่แท้นัดกับเพื่อนมาแรดนี่เอง “

“ บอกกูว่าอ่านหนังสือ.. “ ผมพูดกับตัวเองเบาๆ “ ได้.. เดี๋ยวมึงเจอกู “

“ ว่าแต่พี่โก้มันปล่อยให้เด็กอายุน้อยเข้ามาในผับได้ยังไงวะ “ อาฟพูดขึ้นเบาๆก่อนจะยกเหล้าในแก้วขึ้นกิน

“ มันคงคิดว่ามันเส้นหนามากละมั้ง “

“ โง่ “ แก้วที่ยกขึ้นดื่มถูกวางลงบนโต๊ะเบาๆ “ ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นานจำไว้ ”

“ แต่ก็ดีนะ “ ผมเหลือบมองเพื่อนตัวเอง “ คิดในแง่ดีก็เป็นการกำจัดคู่แข่งไง กำจัดแบบที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย “

“ แล้วนี่มึงจะเอายังไงกับไอ้วิว ท่าทางมันกำลังสนุกเลยนะ “ หันไปมองอีกคนตามเพื่อนสนิท ก็ไม่ผิดจากที่พูดเท่าไหร่ เด็กนั่นกำลังเป็นแบบนั้นอยู่ มันกำลังคุยสนุกสนานต่างจากวันแรกที่ผมเจอ ปริมานเหล้าที่กินเข้าไปก็เช่นกัน สังเกตจากขวดที่วางอยู่บนโต๊ะมันพร่องลงไปมากกว่าครึ่ง

“ แจ้งตำรวจดีมั้ย แล้วเราก็ไปดักฉุดมันที่หน้าผับ ขับหนีกลับ throw up “ ไอ้อาฟยกยิ้มก่อนจะมองหน้าผมเพื่อถามย้ำ

“ มึงจะเอาอย่างงั้น “

“ น่าสนุกดีออก ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนในหนังอะไรทำนองนั้น “ ผมยิ้มก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่มบ้าง แล้วในตอนนั้นผมก็เผลอนึกขึ้นได้อีกวิธี “  หรือจะลองอีกวิธีนึง “

“ ยังไง “

“ ส่งค๊อกเทลไปให้มันแล้วบอกว่ามาจากกู คิดสภาพตอนมันหันมาเห็นกูแล้วก็มึงสิ “ ผมหลุดยิ้มตอนที่คิดถึงภาพนั้น วางแก้วลงก่อนจะผ่อนหลังลงพิงกับโซฟาตัวที่นั่ง “ คิดไม่ออกเลยว่าจะน่าสนุกแค่ไหน “

“ กูสนับสนุนวิธีหลังแล้วกัน “

“ งั้นก็จัดไป “ ตอบรับอีกคนก่อนจะหันไปเรียกพนักงาน “ น้องสั่งค๊อกเทลหน่อย “

“ ได้ครับ “

“ Clover club แก้วนึง ส่งไปให้เด็กเสื้อขาวโต๊ะมุมนั้นนะ “

“ ได้ครับ “

“ แล้วตอนที่เอาไปให้ก็บอกเค้าด้วยว่าพี่โต๊ะนี้ฝากมาให้ ชี้มาเลยนะ เค้าจะได้เห็นพี่ชัดๆ “

“ ได้ครับพี่ “ พนักงงานเสิร์ฟรับคำผมก็ยกยิ้ม

“ ขอบคุณมาก “

   สีค๊อกเทลสีชมพูดูน่ารักที่ถูกเสิร์ฟในแก้วทรง coupe สำหรับผม clover club คือค๊อกเทลที่เหมาะกับคนแบบวิวที่สุด ภายนอกดูน่ารัก แต่กลับซ่อนความเปรี้ยวของราสเบอรี่และเลม่อนไว้ข้างใน ผสมกับ gin ที่ชวนให้มัวเมาแต่ก็รู้สึกเซ็กซี่นิดๆยามที่ได้ลิ้มลองรสชาติเพราะโฟมไข่ขาวด้านบนจะมักเลอะอยู่บนขอบปากเสมอ

“ เดินเอาไปเสิร์ฟละ “ ผมพูดขึ้นตอนที่เห็นพนักงานยกค๊อกเทลตัวที่ผมสั่งเดินไปที่โต๊ะอีกคน ไอ้อาฟที่กำลังมองไปมันยกยิ้มพลางยกขาขึ้นไขว่ข้างไม่ต่างอะไรจากผมที่ตอนนี้ก็กำลังนั่งพิงโซฟาแล้วเฝ้ามองมันอยู่เช่นกัน

แก้วที่ถูกวางลงบนโต๊ะนั่นชวนให้บนสนทนาที่ดูสนุกสนานภายในโต๊ะนั่นเงียบสนิท คนที่ได้รับแก้วสีสวยนั่นยิ้มเขินตอนที่รู้ว่าเป็นของตัวเอง เสียงโห่ของเพื่อนมันต่างแซวกันออกมาก่อนที่เจ้าตัวเองจะแก้เขินด้วยการยกมือทัดหูแล้ววินาทีที่ผมรอคอยก็มาถึง

พนักงานเสิร์ฟชี้นิ้วมาทางผม สายตาของคนได้รับที่มองมาในตอนนั้นแปรเปลี่ยนจากความเขินอายเป็นนิ่งค้างไปเลยทันที รอยยิ้มที่ค่อยๆหุบลงของมัน วิวเบิกตาขึ้นในวินาทีที่ผมยิ้มให้มันก่อนจะยกแก้วเหล้าที่ถืออยู่ให้สูงขึ้นเป็นการทักทายมัน

“ สั่นใหญ่เลย “ ผมพูดเสียงเบาๆ อาฟก็หัวเราะ ก่อนที่คนที่ผมมองอยู่จะมีท่าทางเกร็งๆกับกลุ่มเพื่อนอย่างเห็นได้ชัด มันส่งยิ้มไปให้คนเหล่านั้นที่เอ่ยถามมันด้วยสายตาที่ดูเป็นห่วงเพราะท่าทีมันก็เริ่มแปลกไป แต่ทว่าคนที่โกหกผมก็แค่ส่ายหน้าไปมา พลางเหลือบมองผมเป็นระยะ ก่อนจะเดินออกมาจากโต๊ะทันทีโดยที่ไม่ฟังเพื่อนตัวเองพูดอะไรทั้งนั้น
 
“ มันลุกแล้ววะ “ อาฟบอกผมก็ลุกขึ้นจะเดินตามไป “ เดี๋ยวกูค่อยเดินออกไปแล้วกัน มึงจัดการก่อน ส่วนกูตามไปสมทบทีหลัง “

“ โอเค “

เร่งฝีเท้าเดินตามอีกฝ่ายที่เดินออกจากผับให้ทัน ผมคว้ามืออีกคนไว้ทันตอนที่มันเปิดประตูออกไปจากผับพอดี ใบหน้าน่ารักนั่นหันมามองหน้าผม ในแววตาที่ยังสั่นกลัวมันเอ่ยถามด้วยคำพูดสิ้นคิด

“ มาจับมือผมทำไมครับ “

“ ยังจะถามอีก “

“ คุณเป็นใครครับ “

“ ห๊ะ ? “ ได้แต่สถบออกมาแบบนั้นตอนที่อีกใช้มุกโง่ๆในการหลีกเลี่ยงผม “ ถามจริง นี่ต้องโง่ขนาดไหนถึงคิดอะไรแบบนี้ได้ “

“ พูดอะไรของคุณ ทักคนผิดแล้วครับ คุณปล่อยผมเถอะ เดี๋ยวพี่ชายผมมารับ “

“ พี่ชายมึงชื่อเมดมั้ย “ ผมถามกลับอีกคนก็นิ่ง แววตาสั่นๆของมันชวนให้ผมกลั้นยิ้มแม้ในเวลาที่อีกคนกำลังกลัว “ มึงจะเอายังไงอีกดีวิว คิดให้ไวๆหน่อย “

“ ไม่ ไม่ได้ชื่อวิวสักหน่อย “ มันพูดเสียงอ่อน ก่อนจะเปลี่ยนทีท่าเพราะรู้สึกว่าตัวเองต้องมั่นใจเข้าไว้เพื่อให้ผมรู้สึกว่า ผมทักคนผิดจริงๆ “ แล้วก็ไม่ได้มีพี่ชายชื่อเมดด้วย ปล่อยผมเถอะพี่ พี่ทักคนผิดแล้ว เมาแล้วปะถามจริง “ มือที่พยายามดึงให้หลุดออก เผลอก้มหน้าลงที่เห็นที่มันยังคงอ้างเหตุผลแบบนั้นด้วยความรู้สึกจนตรอกแบบไม่รู้จะทำยังไง กลั้นยิ้มจนรู้สึกเจ็บแก้มก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้ามัน

“ นี่มึงจะทำให้กูยิ้มไปถึงไหน “ คำถามที่ทำให้อีกคนนิ่ง วิวเม้มริมฝีปากก่อนจะเหลือบมองซ้ายขวามันพยายามดึงตัวเองให้หลุดออกจากการจับกุมของผมอีกครั้ง แต่เพราะมือมันถูกจับไว้แน่น โดยไร้ทางหนีใด เด็กอย่างมันเลยเลิกที่จะดิ้นรนด้วยข้ออ้างโง่ๆ แล้วเปลี่ยนมาจ้องตาผมแทน พร้อมด้วยสองมือที่ยกขึ้นไหว้ผม

“ พี่เจ วิวขอโทษ “

“ ดูน่าสมเพชจัง ไม่สมเป็นมึงเลยน้อง “ ยกยิ้มบอกมันก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ ไอ้เด็กปากดีที่ตอแหลกูมันหายไปไหนแล้ววะ “

“ ปล่อยกูไปได้มั้ย กูขอโทษที่โกหกมึง แต่ต่อไปนี้กูจะไม่โกหกมึงอีกแล้ว ปล่อยกูไปเถอะนะ พี่เจ กูไหว้ละ “

“ ถามจริง มึงคิดว่ากูจะเชื่อมึงเป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ “

“ กูขอโทษ “ มันพูดเสียงสั่นก่อนจะมองไปที่ประตูของผับที่ไม่มีการเปิดออกแต่อย่างใด “ อย่าบอกพี่อาฟเรื่องของกูได้มั้ย ขอร้องละ พี่มึงบอกพี่อาฟไปได้มั้ยว่า มึงแค่เข้าใจผิด คนที่อยู่ในนั้นไม่ใช่กู “

“ มึงคิดว่าเพื่อนกูโง่ขนาดที่จะเชื่อคำโกหกที่แม้แต่เด็กอนุบาลมันยังไม่คิดทำอย่างงั้นเหรอ “

“ พี่เจ “ อีกคนที่กำลังอ้อนวอนผม ด้วยสายตาที่มันคงคิดว่าผมจะใจอ่อน แต่ตัวผมไม่ได้อ่อนขนาดที่จะพ่ายแพ้ให้กับสายตาพวกนั้น

“ มึงทำตัวเองวิว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ ไอ้อาฟที่รู้เรื่องของมึงก็เกิดขึ้นจากตัวมึงเอง “ ผมย้ำกับมัน “ ถ้าวันนี้มึงทำตามที่บอกกู ด้วยการอ่านหนังสืออยู่ที่ห้อง ถ้ามึงไม่ตอแหล ตอนนี้มึงก็คงไม่ต้องมายืนไหว้กูอยู่ตรงนี้ แล้วก็ไม่ต้องมาให้ไอ้อาฟเห็น ให้ไอ้เมดรู้“

“ กูผิดไปแล้ว กูขอโทษ “ อีกคนที่ยังคงอ้อนวอน “ พูดกับพี่อาฟให้หน่อยได้มั้ย กูไม่อยากให้พี่เมดรู้เรื่องนี้ “


“ ไม่ได้ เพราะกูบอกมึงไปแล้วไง ว่าถ้ามึงผิดสัญญา เรื่องนี้จะถึงหูไอ้เมด แล้วกูก็จะไม่ปล่อยมึงไว้ “

“ พี่เจ ทำไมมึงถึงใจร้ายขนาดนี้วะ กูแค่ไม่อยากจะให้พี่ชายกูเสียใจ กูไม่อยากจะให้พี่เมดมารู้เรื่องของกู ”

“ จะมาร่ำร้องเรียกหาอะไร มึงทำตัวเองทั้งนั้นอะวิว มึงเริ่มเรื่องนี้ มึงเริ่มผูกปมเชือกด้วยตัวเองแต่พอวันนี้มันมีปัญหามึงกลับมาบอกว่า มึงไม่ได้ผูก มึงไม่แก้แล้ว มันใช้ได้ที่ไหนวะ เรียนผูกกูต้องเรียนแก้ดิ เป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว จะเข้าปีหนึ่งแล้วนะสัด “

“ ขอแค่ครั้งเดียว ได้โปรดเถอะนะ ปล่อยวิวไปแค่ครั้งเดียว ขอร้องพี่อาฟให้วิวหน่อย บอกพี่อาฟว่าวิวไม่ได้ตั้งใจ พี่เจสนิทกับพี่อาฟ พี่เจพูดให้วิวได้วิวรู้ นะพี่เจนะ วิวขอร้อง แล้วต่อจากนี้ไป วิวจะทำตามที่พี่เจพูดทุกอย่างเลย  วิวไม่อยากให้พี่เมดรู้ “

“ ช่วยไม่ได้ “ ผมบอกก่อนจะสบตามันแล้วยกยิ้ม “ สมควรแล้วมึงน่ะ สมน้ำหน้า “

“ พี่เจ “ เอ่ยเรียกผมด้วยเสียงอ้อนวิวยังคงไม่ยอมแพ้ แต่ทว่ามันที่ยังไม่ทันจะพูดอะไรได้ยาวกว่านั้น เสียงของรถกระบะที่ขับพุ่งเข้ามาจอดอยู่ที่ลานจอดด้านหลังก็ชวนให้เราหันไปมองเสียก่อน ตำรวจหลายนายที่กระโดดลงจากรถชวนให้คนที่ยืนอยู่กับผมนิ่งค้างไป มันที่พยายามใช้มือข้างที่ว่างหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเพื่อโทรไปเตือนเพื่อนที่อยู่ข้างใน แต่ผมกลับดึงมาไว้กลับตัวก่อน
“ เอามือถือกูมาไอ้เชี้ย กูจะโทรบอกเพื่อนกูให้มันรีบหนี “

“ เอาตัวมึงเองให้รอดเถอะ “ ผมบอกมันก่อนจะหันไปเหลือบมองกลุ่มตำรวจที่กำลังมองมา

“ เค้าหันมามองเราทำไมวะ “ วิวบอกผมเสียงสั่นมันที่กลืนน้ำลายเสียงดังด้วยความกลัวจนผมยังได้ยิน

“ มาจับมึงเพื่อให้พี่มึงต้องไปประกันตัวมึงออกมามั้ง “  พูดเสียงเบาๆตอนที่สบตามันผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของตำรวจที่เดินเข้ามาใกล้เราเรื่อยๆ “ น่าสนุกดีนะมึงว่ามั้ย จะต้องเข้าไปอยู่ในห้องขังมั้ยน้า คิดสภาพตอนไอ้เมดวิ่งขึ้นโรงพักสิ แล้วมองมึงที่ติดอยู่ในนั้น พี่ชายคนดีของมึงจะรู้สึกยังไงกันนะ น่าสงสารจังเลย “

“ มึงหยุดเลยนะ “ อีกคนบอกผมเสียงเรียบ แววตาที่กำลังหวาดกลัวแฝงความหงุดหงิดของมัน ขอบตาแดงซ้ำเพราะคิดถึงสิ่งที่ผมพูด มันอยากจะร้องไห้ออกมาเต็มทน ผมที่ได้แต่ยกยิ้มมองคนเคยเก่งอยู่แบบนั้นก่อนจะเหลือบมองตำรวจคนนั้นอีกครั้ง

“ เดินเข้ามาใกล้แล้วด้วยสิ ต้องถามแน่ๆเลย น้องครับพี่ขอตรวจบัตรประชาชนหน่อย ว่าไงละเด็กน้อย มึงมีบัตรให้เค้าตรวจมั้ย“

“ มึงช่วยกูด้วยสิไอ้สัด “

“ พูดไม่เพราะ “


“ มันใช่เวลามั้ยไอ้เหี้ย “ วิวสบถเบาๆก่อนจะถอนหายใจออกมา “ พี่เจครับ พี่เจช่วยวิวหน่อย “

“ ยังดีละครับ “

“ ยังไงก็ได้ “ อีกฝ่ายบอกก่อนจะเหลือบมองไปด้านข้างของตัวเอง เสียงของมันยิ่งสั่นขึ้นเพราะตำรวจเหมือนจะมีท่าทีสงสัยให้ตัวเรา “ เร็วๆสิ สักวิธีมึงคิดอะไรออกก็พูดมาเลย กูไม่อยากโดนจับนะ “

“ แต่กูคิดออกอยู่ทางเดียวเองนะ “

“ เออ เอาทางนั้นแหละ “

“ กูถือว่ามึงอนุญาตแล้วนะ “ สิ้นเสียงของผมที่ยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะปล่อยมือที่กุมอยู่นั้นแปรเปลี่ยนเป็นดึงเอวบางตรงหน้านั้นมากอดไว้แล้วเอียงใบหน้าเข้าไปใกล้ ผมจูบลงริมฝีปากของอีกคนที่เบิกขึ้นด้วยความตกใจ แน่นอนว่ามันไม่ได้คิดว่าผมจะจูบมัน และก็คงไม่ได้คิดว่าจูบของเราจะดูดดื่มถึงเพียงนี้

มันเป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างล่องลอย ในวินาทีที่ริมฝีปากของเราแตะกัน ยามที่เกลียวลิ้นนั้นสอดเข้าไปในริมฝีปากของอีกฝ่าย ทุกอย่างมันหมือนมืดไป ไม่มีสิ่งรอบตัวตรงนั้นอีก ไม่มีตำรวจที่เรากลัว ไม่มีใครคนอื่น มีแค่เสียงลมที่พัดไปมารอบตัว และมีแค่คนตรงหน้าที่กำลังตอบรับจูบดูดดื่มของผม

เหลือบมองตำรวจคนที่กำลังจะเดินเข้ามาผ่านหางตา ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายมีท่าทางอึดอัดใจและสุดท้ายก็เลือกที่จะไม่เดินเข้ามาใกล้เปลี่ยนใจเดินเข้าไปในผับแทน ผมเผลอยกยิ้มแล้วตอนที่ผละห่างออกจากอีกคนเพื่อเริ่มใหม่อีกครั้งก็โดนมือของคนที่อนุญาตผมเมื่อครู่ดันให้ออกห่าง

“ ออกไปไกลๆเลย ไอ้เชี้ย “

“ อะไรกัน กูช่วยมึงไว้แท้ๆ “ ผมบอกยิ้ม “ โรแมนติกดีมั้ย จูบดูดดื่มแบบช่วยชีวิตเลยนะ “

“ หุบปากเหี้ยๆของมึงลงเดี๋ยวนี้ “

“ เด็กเหี้ย ไม่เคยสำนึกบุญคุณอะไรกูเลยสินะ “ บอกมันแบบนั้นก่อนจะส่ายหน้าไปมาผมถอนหายใจ

“ ถ้ากูรู้ว่ามึงจะทำแบบนั้นกูไม่ให้มึงช่วยหรอก จำไว้ “

“ งั้นเหรอ “ พยักหน้ารับคำพูดของมันก่อนที่ผมจะดึงตัวเองเข้าไปใกล้ก่อนจะกระซิบ “ แต่มากกว่านี้ก็เคยนะ จำไม่ได้เหรอ ร้อนแรงมากเลยนะ คืนนั้นน่ะ พูดแล้วคิดถึงเลยว่ามั้ย “

“ งั้นเหรอ “ อีกฝ่ายบอกก่อนจะจ้องหน้าผมด้วยแววตาที่บอกความหมายต่อกัน “ นี่พี่เจ พี่อยากจะทวนความทรงจำวันนั้นอีกครั้งมั้ยละ “ มือที่เอื้อมขึ้นมาจับอกผม ยกยิ้มให้ท่าทางเชิญชวนนั้นผมจับมือมึง

“ สงวนตัวไว้บ้างก็ดีนะเด็กแรด “ ผมบอกมันก่อนจะหันไปมองที่ประตูผับที่ตอนนี้มีคนเริ่มทยอยออกมา และหนึ่งในนั้นก็คือเพื่อนผม “ เอาสมองไปคิดหาวิธีพูดกับพี่เขยมึงน่าจะดีกว่า ”

“ พี่เจ..”

“ เป็นยังไงบ้างข้างใน “ หันไปถามอีกคนที่ยักไหล่เหมือนจะบอกว่าก็เป็นอย่างที่คิด

“ ชิบหายกันไปหมด “ ไอ้อาฟบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา มันไม่แม้แต่จะมองไอ้วิว มือที่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบขึ้นมากดปลดล็อครถก่อนจะพูดเสียงเรียบๆ “ รีบออกไปจากที่นี่เถอะ ก่อนที่ไอ้เมดจะต้องเสียใจกับตัวไอ้วิวไปมากกว่านี้ “

   บรรยากาศภายในรถค่อนข้างเงียบเชียบ ผมมองคนที่นั่งอยู่ข้างหลังผ่านกระจกมองหลัง วิวนั่งเงียบมันไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ไม่ได้ถามถึงเพื่อนแม้จะเป็นสิ่งที่อยากรู้ มันเอาแต่ก้มหน้าแล้วปล่อยหน้ำตาไหลออกมาแบบนั้น

“ แล้วตอนตำรวจเข้าไปในผับ มันเป็นยังไงบ้างวะ “

“ ฮือฮากันใหญ่ เด็กที่อายุไม่ถึงก็โดนจับกันถ้วนหน้า “ อาฟเหลือบมองวิวผ่านกระจกหลัง “ เพื่อนมึงก็โดนนะวิว “

“ ครับ “ อีกคนตอบเสียงเบาๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ

“ แล้วไอ้พี่โก้เป็นไง “ คำถามที่ทำให้ไอ้อาฟยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้า

“ กูว่าหนัก เพราะเค้าเจอยาไอซ์ด้วย แถมยังเจอเด็กอายุไม่ถึงในผับอีก เส้นใหญ่แค่ไหนก็เหมือนจะรอดยาก เลโก้คงต้องปิดสักพัก “ ผมพยักหน้ารับก่อนจะที่อีกคนก็หันมาบอก “ ส่วนเราก็เตรียมตัวไว้ รับคนจากเลโก้ จัดโปรโมชั่นให้ทีนะมึง ขอนักร้องดังๆ ติดต่อกับสักสองอาทิตย์ จัดเต็มไปเลย “

“ ไม่มีปัญหา น้ำขึ้นต้องรีบตักอยู่แล้ว “  ผมพยักหน้ารับ “ แล้วไอ้คนข้างหลังนี้จะเอายังไง “

“ ไปเคลียร์กันที่  throw up “
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 29-06-2018 20:31:53

รถเลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานจอดของผับ throw up วินาทีที่เบรกมือถูกดึงขึ้น ผมกับอาฟก็หันมามองหน้ากัน เข้าใจความรู้สึกของเพื่อนตัวเองดี อาฟไม่ชอบยุ่งเรื่องชีวิตของคนอื่น ถ้าวิวไม่ใช่คนที่เมดรัก ไอ้อาฟจะไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าอีกฝ่ายจะโดนจับไปต่อหน้าต่อตามันก็ไม่สนใจ แต่นี่มันไม่ใช่ คนที่นั่งข้างหลังคือคือน้องชายของเมด คนที่มันเองก็รู้ว่าเมดรักมากแค่ไหน

“ ลงมา “

“ พี่อาฟ ไม่บอกเรื่องนี้กับพี่เมดได้มั้ย “ วิวเอ่ยบอก พลางมองอีกคนผ่านกระจกมองหลัง

“ ทำไม “

“ วิวไม่อยากจะทำให้พี่เมดเสียใจ “

“ แต่มึงทำไปแล้ว “ อาฟบอกอีกคนสั้นๆ “ มึงทำไอ้เมดเสียใจไปแล้ววิว มึงรู้มั้ยว่าพี่มึงรักมึงมากแค่ไหน มันห่วงมึงมากแค่ไหน ทั้งๆที่มึงแค่ไม่รับสายโทรศัพท์ ไม่ตอบข้อความ มึงรู้มั้ยว่าพี่มึงพยายามหาข้อมูลการเรียนให้มึงทุกวัน มึงที่แม่งไม่สนใจเหี้ยอะไรเลยหนำซ้ำยังทำให้มันเสียใจอีก “

“ พี่อาฟ “

“ ไม่ต้องเรียกกูด้วยเสียงปัญญาอ่อนแบบนั้น กูไม่สมเพชมึงหรอก “ อาฟดับเครื่องยนต์ก่อนจะหันไปมองอีกคน “ กูไม่สงสารใครที่ทำให้เมดเสียใจทั้งนั้น “

   ประตูรถถูกเปิดออก ผมก้าวเท้าเดินออกไปพร้อมกับคนด้านหลังที่เปิดประตูออกมาพอดี หันมองซ้ายขวาผมคิดว่าตอนนี้ไอ้เมดคงอยู่ข้างใน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่มันจะพัก ยังเร็วเกินไป เสียงล็อครถดังขึ้นหลังจากที่ทุกคนออกมาหมด ผมยืนพิงกับประตูรถ ตอนทีไอ้อาฟเดินเข้ามาแล้วยืนพิงกับรถของไอ้เดย์ที่จอดอยู่ข้างกัน เราอยู่ในที่ที่มืดพอสมควร ยืนเงียบอยู่แบบนั้นจนรู้สึกอึดอัด

“ กูถามมึงจริงๆนะวิว ทำไมถึงทำอะไรแบบนั้น “ คำถามที่เอ่ยถามขึ้นมานั้นชวนให้เด็กที่ยืนอยู่ข้างตัวผมเงยหน้าขึ้นมามอง “ กูถามว่าทำไมมึงถึงต้องทำแบบนั้น ไม่รู้เหรอว่าพี่ชายมึงโดนโกหกมาตั้งเท่าไหร่ ไม่รู้เหรอว่าพี่ชายมึงเสียใจมามากเท่าไหร่กับคำโกหก แล้วนี่มึงยังเลือกที่จะโกหกพี่มึงอีกเหรอ เลือกที่จะทำอะไรเหี้ยๆแบบนี้ ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วว่าจะทำให้พี่มึงเสียใจอย่างงั้นเหรอวะ “

“ วิวไม่ได้ตั้งใจ “

“ มึงตั้งใจ “ อาฟสวนกลับ “ กูรู้นะว่ามึงอะไรบ้าง มึงเที่ยวกลางคืน แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก มึงเข้าผับทั้งๆที่อายุยังไม่ถึง นอนกับผู้ชาย แล้วก็นอนกับไอ้เจ หนำซ้ำมึงยังขโมยเงินมันอีก “ ประโยคที่ถูกพูดขึ้นทำให้คนฟังหันมาหาผมด้วยแววตาโกรธจัดแถมยังสั่นด้วยน้ำตามันคงกล่าวโทษผมที่เอ่ยบอกความจริงทุกอย่างกับไอ้อาฟไป

“ มึงเลือกที่จะตอแหลกูก่อนนะ “ ผมพูดอีกคนก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันกลับไปหาอีกคนที่จ้องมันอยู่

“ อย่าพูดว่าตัวมึงไม่ได้ตั้งใจ ทุกอย่างมึงคิดแล้วก็วางแผน ทุกอย่างมึงตั้งใจ ตั้งใจที่จะทำตัวเหี้ยๆแบบนี้ กูว่าทางที่ดีมึงกลับไปตั้งใจเรียนเถอะ จะได้รู้ว่าคำว่า ไม่ตั้งใจ มันเป็นแบบไหน จะได้ไม่เอามาใช้ผิดๆแบบนี้ “

“ พี่อาฟ ไม่บอกพี่เมดได้มั้ย “ คนโดนถามเลี่ยงการตอบคำถามโดยการพูดเรื่องอื่นออกมา มันมองตาไอ้อาฟด้วยสายตาอ้อนวอนพยายามอย่างที่สุดเพื่อจะปิดบังเรื่องนี้ ” วิวขอร้อง พี่อาฟ วิวไม่อยากให้พี่เมดรู้ “

“ ตอบกู อย่าเปลี่ยนเรื่อง มึงทำแบบนี้ทำไม ต่อหน้าตอแหลว่าเป็นเด็กดี แต่ลับหลังมึงเข้าผับ นอนกับผู้ชาย แล้วก็ขโมยเงินเค้า ตอบคำถามกูวิว อะไรที่ทำให้มึงคิดที่จะทำอะไรแบบนั้น “

“ ตอบแล้วพี่ต้องสัญญาว่าพี่จะไม่บอกพี่เมด “

“ มึงไม่มีสิทธิ์ต่อรอง ก็แค่ตอบในสิ่งที่เพื่อนกูถาม “ ผมพูดขึ้นอีกคนก็ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองแน่น วิวก้มหน้าลง

“ ก็แค่เหงา “ มันตอบสั้นๆ “ ทุกเรื่องที่ทำวิวก็แค่เหงา ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ก็เหมือนกิจกรรมยามว่างของวัยรุ่นทั่วไป พี่สองคนตอนม.ปลายยังเคยเข้าผับเลยจริงมั้ยละ แล้วถึงไม่เข้าผับวิวก็ไปกินเหล้าหอเพื่อนอยู่ดี แล้วทุกอย่างที่ทำ นั่นเพราะ วิวก็แค่เหงา “

“ แล้วขโมยเงินไปทำไม “

“ ก็แค่อยากทำ “ คำตอบของคำถามดูไร้เหตุผลสิ้นดี อีกคนถอนหายใจออกมาตอนที่รู้สึกว่าคำพูดนั้นไม่ได้ทำให้เราเชื่อได้ “ วิวคบกับเพื่อนที่บ้านมีฐานะกันทุกคน มันมีเงินกินเหล้า มีรถขับ วิวโดนเลี้ยงเหล้ามาตลอด ก็เลยอยากจะลองเลี้ยงเพื่อนกลับบ้าง อยากลองได้เปย์คนอื่นบ้าง แล้วตอนนั้นหลังจากนอนกับพี่เจ วิวก็เห็นกระเป๋าเงินพี่เจมันตกอยู่ วิวก็เลยขโมยเงินพี่เจ “

“ เพื่อที่จะเอาไปเลี้ยงเหล้าเพื่อน “ พยักหน้ารับกับสิ่งที่ตัวเองทำ

“ ก็แค่วัยรุ่นคนนึงที่อยากมีอยากได้เหมือนคนอื่นมันก็เท่านั้น แต่ถ้ามันผิดนักแล้วละก็ วิวโอนเงินคืนให้ตอนนี้เลยก็ได้ พี่ก็ให้เลขบัญชีมากับวิวสิ จะได้จบเรื่องนี้สักที “

“ มึงคิดว่าจะจบเรื่องนี้ง่ายๆ เพราะแค่สองเหตุผล คือ ที่มึงทำเหี้ยแบบนี้ เพราะมึงเหงา กับ ขโมยเงินเพราะอยากจะไปเลี้ยงเหล้าเพื่อนงั้นเหรอ “

“ แล้วพี่ยังจะต้องการอะไรอีกวะ “ อีกคนเงยหน้าขึ้นบอก “ นี่ชีวิตกูมั้ย ทำไมกูต้องมาทำอะไรๆอยู่ในกรอบทั้งๆที่ว่า นี่ก็ชีวิตของกู ตัวของกู คือกูแดกเหล้ามันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับใครมั้ย กูเมาคนเดียว ตับกูพังก็พังคนเดียว คือชีวิตนี้เป็นของกู แล้วทำไมกูต้องแคร์ใครเยอะแยะ “

“ นั่นนะสิ “ ไอ้อาฟพูดก่อนจะยิ้ม “ แล้วมึงแคร์ไอ้เมดทำไม จะพูดทำไม ว่าไม่ให้กูบอก ชีวิตเป็นของมึงงั้นก็บอกไอ้เมดไปเลย มันจะได้รู้ว่าชีวิตนี้มันเป็นของมึงอย่ามายุ่ง อย่ามาเสียใจกับชีวิตเหลวแหลกของมึง แล้วทำไมวะ ทำไมไม่ให้กูบอก เหตุผลนั่นเพราะมึงแคร์พี่มึงไง  มึงรู้ว่าถ้าพี่มึงรู้ พี่มึงก็จะเสียใจเพราะมันรักมึงมาก ตอบกูสิว่ามึงไม่ได้คิด ว่าพี่มึงคนนั้นแหละที่แชร์ทุกความรู้สึกกับมึงเสมอ คนที่ถ้ารู้ว่าวันนี้มึงเป็นแบบนี้เค้าจะเสียใจกับมันที่สุด “ ทุกอย่างเงียบไปตอนที่ไอ้อาฟถามอีกคน วิวที่มองเราอยู่ในตอนนั้นหลุบสายตาลงต่ำ “ ว่าไง มึงแคร์มั้ยไอ้เมดน่ะ “

“ วิวรักพี่เมดมาก “ คำพูดสั้นๆที่หลุดออกมาจากคนตรงหน้าเราหลังจากที่เงียบไปสักพัก สองมือที่เคยวางนิ่งแปรเปลี่ยนเป็นจับปลายเสื้อของตัวเองไว้แน่น มันที่ตอนนี้เหมือนเด็กที่กำลังจำนนต่อความรู้สึกของตัวเอง “ พี่เมดน่ะนะ อยู่กับวิวมาตลอดเลย เราเล่นด้วย โตมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันสองคนมาตลอด กูในตอนนั้นไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องไม่มีพี่เมดในชีวิต จนกระทั้งไอ้เหี้ยนั่นเข้ามา “

“ ไอ้บิน “ ผมพูดอีกคนก็พยักหน้ารับ

“ ตอนแรกมันก็เหมือนโดนแย่งของรัก แต่สุดท้ายกูก็คิดขึ้นมาได้ว่า ในเมื่อพี่เมดรักเค้ามากขนาดนั้น กูก็ต้องรักด้วย เพราะกูยังอยากมีพี่เมดอยู่ใกล้ๆ ไม่อยากทำให้พี่เมดต้องเลือกหรือลำบากใจอะไร แต่ว่าอะไรๆก็ไม่เป็นอย่างที่เด็กอย่างกูคิด ไอ้บินมันไม่ได้ชอบกู มันชอบแค่พี่เมด มันอยากให้พี่เมดอยู่กับมันแค่สองคน ไม่ได้ชอบกูที่คอยไปเกาะติดไปด้วย กูน่ะ โดนไอ้เหี้ยนั่นไล่ออกมาหลายครั้งแต่ก็ยังหน้าด้านไปไหนมาไหนกับเค้า ก็กูรักพี่กูมากเลยนี่ตอนนั้นนะ ก็คิดแค่ว่าอยากจะอยู่กับพี่เมดเหมือนอย่างที่เคยอยู่มา จนสุดท้ายคำพูดเหี้ยๆก็หลุดออกมาจากมัน อย่างคำพูดที่ว่า ‘ ไม่อยากให้กูไปด้วย ’ หรือไม่ก็ ‘ เป็นแค่ลูกติดแม่เลี้ยงจะไปสนใจทำไม’ ”

“ แล้วมันพูดแบบนั้นเมดไม่โกรธเหรอ “ ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับ

“ ก็โกรธ แต่สุดท้ายก็คืนดีกัน เพราะพี่กูรักมันมากขาดมันแทบไม่ได้ “ วิวยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ แล้วสุดท้ายพี่เมดก็ค่อยๆห่างกับกูไปทีละนิด ทีละนิด จนความรู้สึกที่กูเคยอยากให้เค้าอยู่ด้วยมันค่อยๆหายไป ไม่ว่ายังไงพี่เมดก็ชอบอยู่กับแฟนมากกว่าอยู่กับกูอยู่แล้ว แล้วพอเป็นแบบนั้นกูก็เริ่มที่จะหาอะไรทำ ลองมีแฟนแบบที่พี่เมดมี ลองกินเหล้าครั้งแรก แล้วก็ทำมันมาตลอดจนถึงตอนนี้  “ อีกคนเว้นเสียงก่อนจะถอนหายใจ “ แต่ว่าเรื่องเงินนั่นเป็นครั้งแรกของกูนะ ก็ตามที่บอก กูอยากเลี้ยงเพื่อนบ้าง อยากเป็นสายเปย์กับเค้าบ้าง แล้วอีกอย่างก็คิดว่า กูคงไม่เวียนมาเจอกับพี่เจอีกแน่นอน กูเลยตัดสินใจทำ “

“ มึงเหมือนกำลังจะบอกพวกกูสองคนว่า ที่มึงเป็นแบบนี้เพราะไอ้เมดมีแฟนแล้วก็ทิ้งน้องอย่างมึงไว้ที่คอนโดคนเดียวเพราะติดแฟนอย่างงั้นเหรอ “

“ ไม่ใช่ “

“ ใช่ “ อาฟเถียงอีกคนกลับ “ มึงหมายความว่าอย่างงั้น สิ่งที่มึงพูดคือมึงกำลังพยายามบอกกู แล้วก็บอกไอ้เจว่า ที่มึงเป็นแบบนี้เพราะไอ้เมดมีแฟน ไอ้เมดทิ้งมึงที่เคยอยู่ด้วยกันมาตลอดไปมีแฟน มึงก็เลยเหงาแล้วก็ต้องลุกมาทำอะไรแบบนี้ เพื่อคลายความเหงา ”

   ทุกอย่างเงียบ เสียงเถียงที่ลดระดับลงหลงเหลือแค่เพียงแววตาของคนที่กำลังเถียงทั้งๆที่ในใจตัวเองลึกๆก็รู้เหตุผลดีว่ามันเป็นอย่างที่ได้ฟังทุกอย่าง

“ หรือว่ามันไม่จริงละ “ วิวพูดเสียงเรียบ “ ถ้าวันนั้นไอ้บินมันเห็นกูสำคัญ แล้วเอ็นดูในฐานะน้องพี่เมดบ้างวันนี้มันก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก เพราะมันนั่นแหละที่มาแย่งพี่เมดจากกูไป มันที่คอยแต่ผลักกูแล้วดึงให้พี่เมดออกห่างกู ทั้งๆที่กูพยายามทุกอย่างที่จะเข้ากับมันให้ได้ กูพยายามที่จะเป็นเด็กดีให้มันรู้สึกรักกูบ้างในฐานะน้องของแฟนมัน แต่มันก็ยังรังเกียจคนอย่างกู “ น้ำตาที่ไหลออกมาจากใบหน้าที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจนั่น “ ใครแม่งจะมาเข้าใจวะ พวกมึงไม่ได้มาเป็นกูในตอนนั้นสักหน่อย ไม่มีใครเข้าใจหรอก ขนาดพี่กูยังไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจสักนิดว่ากูเหงาแล้วอยากจะอยู่กับเค้ามากแค่ไหน ตอนนั้นพี่กูไม่เข้าใจกูเลยสักนิด “

“ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับเมด “ อาฟบอก “ แล้วก็ไม่เกี่ยวอะไรกับไอ้บิน  ฟังกูนะวิว เลิกโทษคนอื่น ทุกอย่างมันไม่เกี่ยวกัน มึงบอกว่าไอ้เมดมีแฟนมึงเลยเหงา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่มึงต้องไปเที่ยวผับแล้วมานอนกับผู้ชาย มึงแก้ปัญหานี้ด้วยการดูหนัง หรือว่าทำอะไรที่มันมีสาระไม่ได้เหรอ ทำไมมึงต้องแก้ปัญหาด้วยการทำอะไรเหี้ยๆแบบคนสิ้นคิดอย่างงั้น “

“ ก็กูเลยบอกไงว่าพี่มึงไม่เข้าใจหรอก มึงลองมาเป็นกูในจุดนั้นสิ ห้องเงียบๆ ไม่มีเสียงหัวเราะของเราเหมือนเคย ไม่มีครอบครัวมีแต่ตัวเรา มีแค่กู ถ้าเป็นมึง มึงจะทำยังไง บอกใครก็ไม่ได้ ได้แต่ทนอยู่เงียบๆ เป็นพี่มึงจะทำอะไร จะทำอะไรตอนที่เสียใจแบบนั้น “

“ กูจะบอก “ ผมพูดขึ้นมาก่อนจะหันไปมองมันแล้วยิ้ม “ กูจะบอกพี่ชายกู ว่ากูเหงา กูจะบอกเค้าทุกอย่างว่ากูรู้สึกยังไง เมดเป็นพี่ชายมึงไม่ใช่เหรอ มึงรู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ ว่าพี่มึงเป็นคนยังไง เค้าอบอุ่น เค้าคิดถึงแต่คนอื่น มึงเป็นน้องชายของมัน มันจะมาเห็นแฟนดีกว่ามึงได้ยังไง กูเชื่อว่าคนแบบเมด ถ้ามึงพูดว่า พี่เมด คิดถึง คืนนี้มาอยู่กับวิวได้มั้ย กูเชื่อว่าพี่มึงจะมา ต่อให้ทะเลาะกับไอ้บิน พี่มึงก็จะมา นั่นก็เพราะว่า มึงคือน้องของมันไง “

“ มันไม่เป็นแบบนั้นหรอก “

“ รู้ได้ไงว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น “ อาฟถาม “ อย่าพูดด้วยอคติ อย่าพูดเพื่อให้ตัวเองถูกต้อง มึงต้องคิดให้ดีนะ ว่าที่มึงกำลังคิดแบบนี้ นั่นเพราะเค้าผิดจริงๆ หรือเพราะแค่เพราะมึงไม่อยากรู้สึกผิดที่ตัวเองทำเรื่องเหี้ยๆแบบนี้ มึงก็เลยโยนความผิดให้พวกมัน มึงบอกว่าเพราะพวกมันมึงเลยเป็นแบบนี้ งั้นกูถามหน่อย เมดบังคับให้ไปเที่ยวผับเหรอ มันบังคับให้มึงนอนกับผู้ชายเหรอ หรือบังคับให้มึงขโมยเงินไอ้เจรึไง “ วิวส่ายหน้าไปมาตอนที่เพื่อนผมถามมัน “ อย่าโยนความผิดของตัวเองไปให้คนอื่น เพื่อให้ตัวมึงที่ทำเรื่องเหี้ยๆไม่รู้สึกผิดกับเรื่องที่ทำ “

   ก็จริงอย่างที่อาฟบอก ผมก็คิดว่ามันเป็นแบบนั้น เพราะทุกอย่างมันไม่ใช่เหตุผล อาจจะจริงอยู่ที่ตอนนั้นเมื่อสี่ปีก่อนมันอาจจะยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจการปรับเปลี่ยนของชีวิต และเด็กเกินกว่าจะแก้ไขปัญหาไปในทางที่ถูกต้อง วิวเหมือนคนที่ตกใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น มันที่ตอนนั้นพยายามเดินหน้าแต่ก็ถูกผลักออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า บวกกับความเป็นเด็กที่ไม่สามารถหาเหตุผล หรือความเข้าใจอะไรมารองรับ มันเลยโซซัดโซเซไปทางอื่นไปหาเพื่อนที่ตอนนั้นก็เจอเข้ากับกลุ่มเที่ยว แทนที่จะเป็นเพื่อนที่ดีที่ชวนมันทำอะไรดีๆ 

แต่มันก็เหมือนกับที่อาฟบอกไว้อีกนั่นแหละ ต่อให้ทางเดินนี้ของมันจะผิดพลาด แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเมดที่มีแฟน หรือบินที่คอยผลักมันออกไปจากความสัมพันธ์ของพี่ชาย  นี่เป็นความผิดของมัน ผิดที่มันเลือกที่จะเดินทางนี้เอง ทางที่มันก็รู้ดีว่าผิดและไม่สมควรทำ

“ อย่าโยนความผิดนั้นมาให้เมด “ อาฟพูดเสียงเรียบ “ มันไม่ได้ผิดอะไร คิดใหม่ได้แล้ว ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำได้แล้ว มึงโตแล้วนะวิว อีกไม่กี่เดือนมึงจะกลายเป็นผู้ใหญ่ เป็นเด็กมหาลัยแล้ว เริ่มคิดที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำได้แล้ว อย่ามาโยนให้คนอื่น “

“ แต่พี่อาฟไม่บอกพี่เมดได้มั้ย “ เสียงของอีกคนที่เอ่ยขึ้นมา “ วิวไม่อยากให้พี่เมดรู้ ว่าวิวเป็นแบบนี้ วิวยอมรับผิดแล้ว ทุกอย่างมันเป็นเพราะวิวที่เลือกจะเป็นแบบนี้เอง แต่ไม่บอกพี่เมดได้มั้ย วิวไม่อยากจะให้พี่เมดเสียใจ “

“ กูจะไม่โกหกเมด “ คำพูดสั้นๆของไอ้อาฟที่เอ่ยบอกคนตรงหน้า น้ำตาที่ไหลออกมาของวิวมือเดินเข้าไปหาเพื่อนผม สองมือที่ยกขึ้นไหว้มันพยายามจะขอร้องอย่างไม่ลดละ

“ วิวขอโทษที่คิดทำอะไรแบบนั้น วิวขอโทษนะพี่อาฟ แต่วิว..”

ผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมๆกับไอ้อาฟที่อยู่ตรงหน้ากัน ผมหันไปอีกฝั่งและอย่างไม่ทันตั้งตัวขาที่ผ่อนอยู่ก็ดึงตัวเองให้ยืนตรงขึ้นอัตโนมัติ คนที่อีกคนไม่อยากจะให้ได้ยินยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว ในมือของเมดกำลังถือเต้าฮวยมะพร้าวอ่อนแก้วใหญ่ไว้ในมือ ผมไม่รู้ว่ามันมานานเท่าไหร่แล้ว ไม่รู้ว่ามันได้ยินอะไรบ้าง แต่ที่รู้คือ ตอนนี้มันคงรู้แล้วว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ผมมองจากสีหน้าของไอ้อัยย์ที่ยืนอยู่ข้างกัน มันมีท่าทางหนักใจตอนที่มองไอ้เมดสลับกับเราตลอด

“ เมด “ ผมเอ่ยพูดเสียงเบาๆ คนที่กำลังร้องไห้แล้วไหว้ขอร้องไอ้อาฟก็เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะหันไปมอง ในแววตาแดงกกล่ำของเด็กคนนั้น น้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสายในวินาทีที่มันเอ่ยชื่อของใครอีกคน

“ พี่เมด “

“ กูว่าคนที่มึงควรขอโทษ ที่มึงคิดแล้วที่มึงทำอะไรแบบนั้น ไม่ใช่ไอ้อาฟแล้วละวิว “

“ บอกกูหน่อย ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ “

................................................................

เขียนท้ายตอนไม่ถูกเลย หลากหลายความรู้สึกเกินไป ฮ่าๆๆๆ
เพราะงั้นยังไงก็ ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่า 

 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 29-06-2018 21:34:04
เห้ออออ เด็กน้อเด็ก นอกจากโลกมันจะกลมแล้ว ความลับมันยังไม่มีในโลกด้วย
กล้าที่เลือกเดินทางนี้ ก็ต้องพร้อมรับอิมแพคจากมันด้วย
อาฟเป็นพี่ชายที่ดีมากๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-06-2018 21:43:29
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 29-06-2018 22:02:43
โห ตอนนี้หลากหลายอารมณ์มากๆค่ะ สงสารเมดมากเลย
  อาฟกับเจ สมกับเป็นเพื่อนกันมาก เด็ดขาดมากที่ไม่ใจอ่อนต่อคำร้องขอของวิว
ชอบคำพูดของอาฟที่พูดกับวิวมากเลย เราคิดว่าวิวจะต้องเจอแบบนี้ถึงจะคิดและเปลี่ยนตัวเองใหม่ได้ ต้องเจอคนที่เอาจริง ยิ่งตอนนี้เมดมาได้ยินแล้วด้วย วิวคงเลิกทำตัวเหลวแหลกได้จริงๆสักที สงสารเมดมากอ่ะ
น้องอัยย์ก็น่ารัก  น้องเดย์กับน้องอัยจะมีคู่กับเขาบ้างมั้ยเนี่ยย เราชอบโมเม้นพี่น้องอาฟเตอร์เดย์ตอนที่อัยย์เล่ามากเลย ตอนที่พี่น้องหอมแก้มกัน น่ารักและหาดูยากจริงๆ 555

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ ขอชื่นชมคนเขียนที่ถ่ายทอดเรื่องราวในตอนนี้ออกมาได้ถึงอารมณ์มากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-06-2018 22:05:37
วิวต้องเจอแบบนี้  อย่าโยนความผิดให้คนอื่นนะลูก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 29-06-2018 22:56:35
"กูจะไม่โกหกเมด"
ชอบที่สุด
อาฟไม่ทำให้เมดผิดหวัง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 29-06-2018 22:56:55
"กูจะไม่โกหกเมด"
ชอบที่สุด
อาฟไม่ทำให้เมดผิดหวัง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 29-06-2018 23:15:05
เข้าใจวิวนะ ตอนนั้นยังเด็กเกินไปที่จะคิดได้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปไม่ถูก
แต่ก็สงสารเมดเหลือเกิน จะต้องเสียใจอีกกี่ครั้งถึงจะพอ
พี่อาฟจ๋า โอ๋นุ้งเมดเร็ววววว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 29-06-2018 23:21:48
วิวยังเด็กอะนะ ทำอะไรน่าจะไม่ได้คิดอะไรเยอะ แต่จากนี้ก็กลับตัวกลับใจซะนะ ทุกคนพร้อมให้อภัยแหล่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 30-06-2018 02:43:27
กลับหลังไปขอโทษเมดซะน้องวิว ดีกว่าให้เมดรู้จากปากคนอื่นทำให้เมดคิดมากแล้วโทษตัวเองได้ว่าทำน้องเหงาจนเหลวแหลก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-06-2018 02:55:33
ครบองค์ประชุมแล้ว เริ่มประชุมได้  :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 30-06-2018 04:46:58
หวังว่าวิวจะทำตัวดีขึ้น สงสารเมดจริงๆมีน้องแบบนี้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-06-2018 05:37:21
เจอยาแรง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 30-06-2018 08:21:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 30-06-2018 08:55:01
ตอนนั้นวิวคงเหมือนโดนตีหัวแล้วถูกจับลงโลงที่ตอกฝาปิดตายอ่ะ
ทั้งมึนงง ว่าทำอะไรผิด พยายามทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็โดนกันออกไปเหมือนถูกทิ้ง
แต่ก็อย่างที่ว่า ทำผิดเอง เลือกทางนี้เอง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 30-06-2018 09:18:37
สภาพแวดบ้อมต่างกันนะ บางคนอาจเหลวแหลกกว่าวิวก็ได้ แต่ใช่ว่าคนดีกว่าก็ไม่มี ยังดีที่เจอพวกพี่เจก่อน ไม่งั้นคงถอยหลังลงคลองเพราะเพื่อนหมาๆ สมแล้วที่โดนจับ ส่วนวิวก็ควรเริ่มต้นใหม่กับเมด เมดเสียใจแน่นอนเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-06-2018 09:47:11
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-06-2018 10:17:26
วิวก็น่าสงสารนะแต่เลือกวิธีผิดไป  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 30-06-2018 13:11:43
เข้าใจน้องนะ ต้องให้เวลาหน่อย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 30-06-2018 14:23:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 30-06-2018 14:24:26
เรื่องนี้คนที่น่าอิจฉาที่สุดคือ น้องเดย์ ..~~~~~~ ชีวิตดี๊ดี
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 30-06-2018 14:29:52
เด็กเอ๋ยเด็กน้อย เมดก็เจอแต่ละอย่าง เฮ้อ! :z3:                                                                                                                 
      :กอด1: คนเขียน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 30-06-2018 17:51:18
น้องเมดดดดดของพี่ๆๆๆๆ
ทำไมมมมม เรื่องอีบินยังไม่ทันหาย
เรื่องน้องวิวมาอีกกก

ให้พี่เจดูแลวิวให้ละกันเมดรับรอง ดี
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-06-2018 22:30:05
วิว ทำตัวเลวเองแล้วไม่ยอมรับความจริง
ไปโทษนั่นนี่ ไม่โทษตัวเอง   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
แล้วไม่อยากให้เมดรู้
แต่เหมือนเมดจะฟังไม่หมดนะ   :z3: :z3: :z3:

คราวนี้วิว คงกลับตัวได้นะ
อาฟ เจ เอาจริงไม่ยอมตามใจวิว ยอดมาก   :katai2-1:

อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 27 :: up! 24-6-61} #หน้า 19
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 30-06-2018 23:35:30
 :sad4: กรี๊ดดด  :o12:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 01-07-2018 10:06:44
………


ไม่ได้โกหก แต่ไม่ต้องบอกหมดได้ไหม

เอาแค่เจอว่าหนีไปเที่ยวเลโก้ก้อพอ

ให้โอกาสน้องวิวปรับปรุงตัว

แล้วพี่เมดก้อเสียใจนิดหน่อยที่น้องหนีเที่ยว ไม่สนใจเรียนน่ะ

เรื่องอย่างอื่น เก็บให้เป็นบทเรียนของวิว

เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องแถลงข่าวขุดคุ้ยกันนะ

#สงสารน้องวิว.  #เห็นใจพี่เมด


……


 :ling2:  :ling2:  :ling2:  :ling2:  :ling2:  :ling2:



.
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 01-07-2018 13:51:43
วิวเอ้ยยย ปรับปรุงตัวนะ ไม่ทำแบบนี้นะ เมทรักวิวมากไม่รู้หรอฮึ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 01-07-2018 14:10:29
ตอนนี้อาฟพูดสั่งสอนได้ดีจริง ถูกทุกอย่าง เถียงไม่ออกเลย ดีแล้วที่อาฟและเจทำแบบนี้ไม่ใจอ่อนปล่อยวิวไป เรียกมาว่ากล่าว //นี้ก็ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจวิวนะ เข้าใจก็คือถ้าคิดว่าเราเจอแบบวิวคงเสียใจเหมือนกัน แค่บางทีเพื่อนสนิทเราไปสนิทอีกคนก็เหมือนโดนแย่งของรักแล้วอ่ะ555 วิวเองก็พยายามจะเป็นที่รักของแฟนพี่แต่กลับโดนแบบนั้นมันก็เสียใจและก็ยังเด็กด้วยคิดไม่ได้ไงบางทีก็เลยออกแบบประชดทำพลาดไป แต่ก็อย่างว่าประชดด้วยการทำตัวแย่ก็ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องไปโทษใคร ยอมรับว่าเราอะผิดจริง สิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดี รู้อยู่แล้วแต่ก็ยังทำ ขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆ ดีแล้วที่เจออาฟกับเจจัดการก่อนที่จะสายไปยังทันนะถ้าจะปรับปรุงตัว ก็อยากให้เมดได้ยินนะจะได้เข้าใจปัญหาแล้วปรับความเข้าใจกับวิวซะให้เคลียร์แล้วเริ่มใหม่ อาฟนี้รักจริงเว้ยเฮ้ยทำเพื่อเมดปกป้องใจเมด อูยยยยย หล่ออ่ะหล่อเลย 5555 รออ่านตอนต่อไปค่ะ สนุกมาก ชอบ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 01-07-2018 18:57:46
หูยยย ค้างมากกก แต่สงสารน้องวิวอ่ะ สงสารน้องเมดด้วย ฮืออ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-07-2018 20:19:31
ในเมื่อเมดรู้แล้วหวังว่าวิวจะยอมรับผิดแล้วเปิดใจบอกทุกอย่างกับเมด เปลี่ยนตัวเองซะ ขอให้ผ่านไปด้วยดี
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: c4jeab ที่ 01-07-2018 20:45:40
ชอบที่อาฟสอนวิวมาก
เมดคงเสียใจแต่ก็คงให้อภัยวิวอยู่ดี
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 02-07-2018 11:11:21
พี่อาฟพระเอกเลย สอนน้องแฟนได้ดีอ่ะ
แต่เมื่อเมดได้รู้ความจริงแล้วก็ถึงเวลา 2 พี่น้องได้ปรับความเข้าใจกันซักที
น้องวิวจะได้ไม่น้อยอกน้อยใจ แล้วแก้ปัญหาในแบบผิดๆอีก
ส่วนที่เมดก็จะได้เข้าใจน้องมากขึ้น ว่าที่ผ่านมาน้องมีความรู้สึกยังไง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 02-07-2018 13:05:21
วิวยอมรับผิดกับเมดไปเลย พี่เค้ารักวิวมาก เค้าอภัยให้น้องอยู่แล้ว รักเมดรักพี่อาฟ :impress2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 05-07-2018 09:06:57
รอน้องเมด :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-07-2018 21:32:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 21
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 06-07-2018 20:24:36

ตอนที่ 29

“ เต้าฮวยนมสดร้านนี้อร่อยดีนะพี่เมด ปกติเห็นแต่แบบเค้าทำเป็นถ้วยให้ตัก นี่ทำเป็นแบบดูดอะ สะดวกดี “ คนข้างๆผมเอ่ยบอกในตอนที่เรายกแก้วในมือขึ้นมาดูดพร้อมกัน พยักหน้ารับเห็นด้วยกับน้องอัยย์ที่วันนี้ชวนผมออกมากินข้าวเร็วกว่าปกติ เพราะน้องยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เย็น

“ หมูตุ๋นวันนี้ก็อร่อยสุดๆไปเลย ป้าให้ตรงกระดูกอ่อนมาทั้งนั้น “ ผมบอกอีกคนก็พยักหน้ารับ

“ ก็แน่ละ ลูกค้าประจำ มันต้องซื้อใจกันหน่อย “ ยกมือทำท่าเก็กหล่อส่งไปให้น้องอัยย์ที่ก็เอาแต่ยิ้ม เราเดินลัดเข้าไปทางด้านหลังของผับเหมือนทุกที ก่อนที่เสียงสนทนาที่คุ้นชินจะทำให้ผมหันไปมอง

ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่กับเสียงของอาฟกับเจ ที่เหมือนกำลังคุยกับใครสักคนอยู่ ผมคิดว่าคงเป็นเพื่อนไม่ก็เด็กเสิร์ฟสักคน แต่ว่าไม่ใช่ เพราะเสียงตอบรับกลับมานั้นเป็นเสียงของน้องชายผม

“ ทำไมวิวมายืนอยู่ตรงนั้นวะ “ หันไปถามคนข้างๆที่ก็ผละปากออกจากหลอดก่อนจะให้ไปมองด้วยท่าทางตกใจ ผมที่ทำทีจะเดินเข้าไปใกล้แต่ทว่าก็โดนน้องอัยย์ดึงมือไว้ก่อน

“ พี่เมดจะไปไหน “

“ จะไปเข้าไปถามว่าทำไมวิวมาอยู่ที่นี่ “ หันไปบอกน้องที่ก็มีท่าทางอึดอัด “ รู้อะไรมารึเปล่าวะน้องอัยย์ “

“ ไม่มี ไม่มีเลย “ อีกคนส่ายหน้าไปมา “ แต่แค่ไม่อยากจะให้พี่เมดเข้าไปก่อน เผื่อเค้าคุยเรื่องสำคัญกัน “

“ เรื่องสำคัญอะไร มันมีอะไรให้สำคัญวะ ไอ้อาฟคุยกับวิวตั้งแต่เจอกันไม่ถึงสามสิบประโยคเลย เจก็ด้วย “

“ นับตอนที่พี่เมดไม่เห็นด้วยสิครับ “ เสียงเบาๆที่พูดคนเดียวอยู่ข้างกันทำให้ผมหันไปมอง น้องอัยย์ยิ้มกว้าง “ เอาน่าๆ เรายืนฟังตรงนี้แหละ เชื่อน้องอัยย์เถอะ อย่าเข้าไปเลยบางทีเค้าคุยเรื่องซีเรียสกันอยู่มันเสียมารยาทนะถ้าเข้าไปขัดน่ะ “

“ รู้จักอะไรแบบนั้นด้วยเหรอวะ “

“ ต่อยกันหน่อยมั้ยพี่เมด “ ประโยคที่ชวนให้ผมยิ้มก่อนจะหันไปมองคนสามคนที่กำลังพูดคุยกันด้วยท่าทางเคร่งเครียด

“ อยู่ตรงนี้ไม่ค่อยได้ยินเลยวะ “ บอกกับตัวเองก่อนจะขยับตัวเองเข้าไปใกล้อีกหน่อย

ลานจอดรถด้านหลังของ throw up จะเป็นลานจอดแบบสองฝั่ง ฝั่งที่ติดกับหลังร้านส่วนใหญ่จะเป็นรถของพวกเราที่จอดกันไว้นั่นก็คือฝั่งที่คนทั้งสามคนกำลังยืนอยู่ ส่วนฝั่งที่ผมยืนอยู่จะเป็นฝั่งที่ให้แขกในร้านมาจอด ขยับตัวไปยืนเบียดกับกระจกมองข้างของรถผมบ่นเบาๆด้วยความสงสัย

“ แล้วทำไมวิวมันมาอยู่ที่นี่วะ ตอนนั้นก็ไปส่งที่คอนโดแล้วนี่หว่า แล้วทำไมตอนนี้มันมากับอาฟแล้วก็เจ ไหนบอกมันไปผับกัน หรือว่ามันเจอวิวที่ผับเหรอวะ “ ขมวดคิ้วกับการตั้งคำถามของตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้คิดหาคำตอบอะไร เสียงของบทสนานั่นก็ชวนให้ผมหันไปสนใจเสียก่อน

“ สิ่งที่มึงพูดคือมึงกำลังพยายามบอกกู แล้วก็บอกไอ้เจว่า ที่มึงเป็นแบบนี้เพราะไอ้เมดมีแฟน ไอ้เมดทิ้งมึงที่เคยอยู่ด้วยกันมาตลอดไปมีแฟน มึงก็เลยเหงาแล้วก็ต้องลุกมาทำอะไรแบบนี้ เพื่อคลายความเหงา ”

ดึงตัวเองขึ้นจากความสนใจตรงหน้าตอนที่ได้ยินประโยคนั้น ผมที่นิ่งไปรู้สึกเหมือนใครเอาท่อนไม้หนักๆมาทุบลงที่หลังอย่างแรง เผลอสถบกับตัวเองว่า ‘ นี่มันเรื่องอะไรกันวะ ’ ก่อนคำตอบกลับของน้องชายจะทำให้ผมนิ่งค้างไป

“ หรือว่ามันไม่จริงละ  ถ้าวันนั้นไอ้บินมันเห็นกูสำคัญ แล้วเอ็นดูในฐานะน้องพี่เมดบ้าง วันนี้มันก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก เพราะมันนั่นแหละที่มาแย่งพี่เมดจากกูไป มันที่คอยแต่ผลักกูแล้วดึงให้พี่เมดออกห่างกู ทั้งๆที่กูพยายามทุกอย่างที่จะเข้ากับมันให้ได้ กูพยายามที่จะเป็นเด็กดีให้มันรู้สึกรักกูบ้างในฐานะน้องของแฟนมัน แต่มันก็ยังรังเกียจคนอย่างกู  ใครแม่งจะมาเข้าใจวะ พวกมึงไม่ได้มาเป็นกูในตอนนั้นสักหน่อย ไม่มีใครเข้าใจหรอก ขนาดพี่กูยังไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจสักนิดว่ากูเหงาแล้วอยากจะอยู่กับเค้ามากแค่ไหน ตอนนั้นพี่กูไม่เข้าใจกูเลยสักนิด “

ผมไม่รู้ว่าวิวเป็นอะไร ผมไม่รู้ว่าในสิ่งที่อาฟพูดก่อนหน้านี้คืออะไร ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ที่ผมรู้คือวิวกำลังเจ็บปวด และที่มันต้องเป็นแบบนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะผมตามคำบอกเล่าของมัน 

วิวที่เป็นแบบนั้นเพราะผม 

ช่างเป็นคำที่ทำให้ความรู้สึกชาแล่นไปทั่วร่างจนไม่สามารถเคลื่อนไหว ผมตระหนักได้ดีว่า นี่คงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เสียงของน้องชายที่กำลังเจ็บปวดกับทุกคำพูดที่มันพูดออกมาด้วยอารมณ์นั้นเป็นความเสียใจอย่างที่สุดของมัน

“ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับเมด แล้วก็ไม่เกี่ยวอะไรกับไอ้บิน  ฟังกูนะวิว เลิกโทษคนอื่น ทุกอย่างมันไม่เกี่ยวกัน มึงบอกว่าไอ้เมดมีแฟนมึงเลยเหงา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่มึงต้องไปเที่ยวผับแล้วมานอนกับผู้ชาย มึงแก้ปัญหานี้ด้วยการดูหนัง หรือว่าทำอะไรที่มันมีสาระไม่ได้เหรอ ทำไมมึงต้องแก้ปัญหาด้วยการทำอะไรเหี้ยๆแบบคนสิ้นคิดอย่างงั้น “

   เรื่องทั้งหมดที่ผมสงสัยถูกไขกระจ่างไปด้วยคำพูดของอาฟที่เอ่ยตอบอีกคน หัวใจของผมเต้นแรง ‘ น้องกูนอนกับผู้ชาย ไปเที่ยวผับ เพราะกูมีแฟนแล้วทิ้งให้มันอยู่คนเดียวอย่างงั้นเหรอวะ ‘ มันก็จริงอยู่ที่อาฟพูดว่าผมไม่เกี่ยว วิวเลือกทางของตัวเอง แต่อาฟเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าตอนนั้นเด็กคนนั้นเป็นยังไง

บางทีความผิดเดียวของผมอาจจะเป็นเพราะ ผมไม่เคยหันมามองดูมัน ตอนที่มีความรักครั้งแรก สำหรับผมทุกอย่างมันสดใสไปหมด ราวกับว่า แค่มีเราสองคนก็พอไม่อยากจะมีใครอีก ฟังแล้วก็อาจจะเห็นแก่ตัวแต่ทุกอย่างก็คือเรื่องจริง ตอนนั้นผมไม่ได้คิดถึงใครอื่น ไม่ได้คิดว่าพ่อแม่บินจะรับผมได้มั้ย หรือคนในครอบครับผมจะรับได้มั้ย ผมไม่ได้มีความคิดอะไรแบบนั้น เพราะสิ่งเดียวที่ผมคิดคือ ผมรักเขาเรารักกันเท่านั้นพอ นั่นคือความคิดของเด็กคนนึงที่เพิ่งมีความรักอย่างผม จนวันนี้ผมโตขึ้น ผมก็ได้รู้ว่า เท่านั้นไม่พอหรอก แล้วนี่คือคำตอบว่าทำไม มันถึงไม่พอ

ผมยังจำวันนั้นได้ดี ตอนนั้นวิวยังอยู่แค่ม.สอง สำหรับบางคนอาจจะโตแล้ว แต่ไม่ใช่กับวิว มันยังเป็นเด็กที่ติดพี่อย่างผม แล้วคำพูดในวันที่รู้ว่าผมมีแฟน เด็กคนนั้นก็แค่พูดว่า  ‘ พี่เมดรักใครวิวก็จะรักคนนั้นด้วย ’ ทั้งที่มันพูดกับผมด้วยรอยยิ้ม แล้วก็พยายามทำทุกอย่างแล้วแท้ๆ ที่จะเข้าไปหาผู้ชายคนนั้น แต่สุดท้ายก็ถูกผลักออกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แล้วตอนนั้นผมทำอะไรอยู่กันวะ ทำไมยังคิดจะรักผู้ชายคนนั้นอยู่ ทั้งๆที่ตอนนั้นก็พอดูออกว่ามันไม่ชอบวิว แต่ผมก็ทำได้แค่พยายามดึงคนสองคนให้ออกห่างกัน แบ่งเวลาให้ทั้งคู่ที่สำคัญกับผมเพราะไม่อยากจะเสียใครไปทั้งนั้น

“ พี่เมด “ เสียงของน้องอัยย์ที่เอ่ยทัก คงเห็นว่าผมเงียบไปนานแล้วหลังจากได้ยินประโยคนั้นของอีกคน หันไปยิ้มให้อีกคนสายตาเป็นห่วงเป็นใยนั่นก็ส่งมาให้ผม

“ ไม่ต้องห่วง พี่เมดโอเค “

“ งั้นเหรอครับ “ ถามย้ำกันแบบไม่เชื่อ แต่เพราะผมไม่อยากจะโกหกเลยไม่ได้พูดอะไรตอบออกไปอีก  ไม่มีใครรู้สึกดีหรอก ที่มาได้ยินคนในครอบครัวตัวเองพูดว่า ที่ทุกอย่างมันต้องเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะเรา 

เราที่ตอนนั้นหลงรักแฟนและมีความสุขอยู่กับชีวิตรัก จนไม่ได้หันมามองเลยว่าข้างหลังเป็นยังไง วิวไม่ใช่คนที่พูดอะไรอยู่แล้ว ข้อนั้นผมรู้ดีที่สุด ตั้งแต่เด็กจนโตมันไม่ใช่คนเงียบก็จริง มันสดใสร่าเริงมากก็จริง แต่วิวก็เป็นคิดมาก ขี้กังวล แถมยังขี้เหงา ทั้งๆผมรู้ดีที่สุด แต่ก็ยังละเลย ผมละเลยทุกความรู้สึกของเด็กคนนั้น คนที่ผมควรจะให้ความสำคัญมากที่สุด ให้เหมือนกับที่วิวให้ความสำคัญกับผมเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร น้องก็จะรับฟังผมเสมอ

 “ แต่เฮียพูดโดนใจมากเลยวะ “ น้องอัยย์บอกผมก็มองหน้าน้อง “ น้องอัยย์คิดเหมือนกับที่เฮียพูดนะพี่เมด มันไม่ใช่ความผิดของพี่เมดหรอก การที่พี่เมดมีใครสักคนมันไม่ผิดหรอก มันมีอีกตั้งหลายทางที่คนเราจะทำได้เพื่อกำจัดความเหงา ไม่งั้นเด็กที่ไม่โดนใส่ใจมันก็เที่ยวผับ มั่วผู้ชายกันหมดทั้งโลกแล้วอะดิ จริงมั้ยละ “

“ ความรู้สึกของคนเรามันละเอียดอ่อนนะน้องอัยย์ ไม่รู้สิ แต่พี่เมดเข้าใจความรู้สึกของวิวนะ “ ผมก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจ “ มันอาจจะผิดที่เค้าเลือกทางเดินนั้น แต่ว่าบางทีในช่วงเวลาที่เราแย่มากๆ ใครยื่นมือลงมาถึงเราก่อน เราก็จับมันไว้ทั้งนั้นแหละ โดยที่เราไม่ทันได้คิดหรอกว่ามันจะดีหรือไม่ดี “

“ โทษตัวเองอยู่รึเปล่า ที่ทำให้วิวต้องเป็นแบบนั้น “

“ แค่นิดนึงน่ะ แต่ไม่ทั้งหมดหรอก เพราะบางเรื่องวิวเองก็ผิดเหมือนกัน “

“ ดีแล้วที่คิดอะไรได้แบบนั้น “

“ แต่พี่อาฟไม่บอกพี่เมดได้มั้ย วิวไม่อยากให้พี่เมดรู้ ว่าวิวเป็นแบบนี้ วิวยอมรับผิดแล้ว ทุกอย่างมันเป็นเพราะวิวที่เลือกจะเป็นแบบนี้เอง แต่ไม่บอกพี่เมดได้มั้ย วิวไม่อยากจะให้พี่เมดเสียใจ “

คำพูดของวิวชวนให้ผมหันไปมองมันที่กำลังอ้อนวอนอย่างสุดกำลังกับคนตรงหน้าที่กุมความลับนั่นอยู่ แววตาคมมองอีกคนด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ ผมเข้าใจอาฟดี ใครคนนั้นไม่ชอบอะไรทั้งนั้นที่ทำให้ตัวผมรู้สึกไม่ดี แต่เพราะเรื่องวิวคือเรื่องของครอบครัวที่ไม่ว่ายังไงถ้าเกิดว่าผมรู้ ผมก็ต้องเสียใจอยู่แล้วแบบไม่มีทางแก้อื่น

“ ทำไมไอ้เชี้ยนั่น ถึงได้รักกูขนาดนั้นวะ “ ผมพูดกับตัวเอง น้องอัยย์ก็ยิ้มกว้างออกมา ท่าทางของอาฟที่กำลังหนักใจผมคิดอะไรไม่ออกตอนที่ได้แต่มองหน้าของมันที่กำลังสับสนนั้น มันหนักแน่นก็จริง แต่มันก็มีเรื่องกังวลเต็มไปหมดทั้งๆที่พูดออกไปเต็มปากเต็มคำว่า ‘ กูจะไม่โกหกเมด ’

‘ ถ้าพูดออกไปแล้ว เมดก็คงเสียใจมาก แต่ถ้าไม่พูด ถ้าโกหกเมดก็ต้องเสียใจมากเหมือนกัน เคยโดนโกหกมาเยอะขนาดนั้นแล้ว ไม่อยากจะโกหกเลย แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่อยากจะให้เสียใจ ’ ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกำลังคิดแบบนี้แน่นอนผมมั่นใจ และเพราะอาฟที่เป็นแบบนั้น มันก็ทำให้ผมรู้สึกอะไรได้อย่างนึงในตอนนี้ ‘ ในช่วงเวลานี้จะเสียใจมากแค่ไหน แต่ก็ยังมีใครบางคนกำลังพยายามเป็นความสบายใจให้เราอยู่ ’

“ เท่มากเลย ตอนที่พูดว่า กูจะไม่โกหกเมด “

“ เอาใจพี่เมดไปเลย “

“ ไม่ได้เอาไปตั้งแต่แรกแล้วเหรอพี่เมด “ หันไปมองคำแซวของน้อง ผมยิ้มกว้างออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ

“ นั่นสิ ลืมไปเลยว่าเอาไปนานแล้ว “

“ ขนาดใจยังลืมว่าอยู่กับเค้า งั้นตอนที่รักเค้าก็ไม่รู้ตัวน่ะสิว่าตอนไหน “

“  เหนื่อยกับเด็ก throw up วะ “ ผมพูดกับอีกคนก่อนจะหันไปมองวิวที่กำลังอ้อนวอนข้อร้องกับอาฟอยู่ วิวที่ไม่อยากจะให้ผมเสียใจ มันที่กำลังยกมือไหว้อาฟแบบขอร้องเพื่อปกป้องความรู้สึกของผม ทั้งๆที่ตัวมันก็ไม่ชอบทำอะไรแบบนั้น  วิวไม่ใช่คนขอร้องและอ้อนวอนใคร “ ไปจบเรื่องนี้กันเถอะน้องอัยย์ “

“ พี่เมด เดี๋ยว..” มือที่จะคว้ามือผมไว้ แต่ไม่ทัน น้องอัยย์เดินตามผมมา ตอนอนที่หยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น ผมสบสายตากับเจที่หันมาเห็นก่อนเป็นคนแรก อีกคนเอ่ยเรียกผมด้วยท่าทางตกใจ

“ เมด “

“ พี่เมด “ วิวหันมาเรียกชื่อผมทั้งน้ำตา แววตาที่ผมเคยชอบเด็กช่างอ้อนคนนั้น ตอนนี้มันหน้าแดงไปหมด ตัวของมันสั่น มือที่จับชายเสื้อของตัวเองไว้แน่นเหมือนตอนเด็กๆเวลาที่วิ่งออกไปเล่นแล้วโดนแม่เล็กดุ

“ บอกกูหน่อย นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ “

ผมไม่ได้รับคำตอบในคำถามที่เอ่ยถามออกไปนั้น ไม่ว่าจะมองไปที่อาฟ เจ หรือแม้แต่วิวก็ไม่มีใครพูดอะไรอออกมาทั้งนั้น มันที่ก้มหน้าลงน้ำตาหยดใสไหลลงมาเรื่อยๆ ความเสียใจเกาะกินหัวใจของมันจนไม่แม้จะสู้หน้าผม วิวคงคิดถึงคำพูดของอาฟที่พูดกับมัน ความรู้สึกที่กำลังถาโถมเข้าใส่ร่างเล็กๆนั่น ตอนนั้นผมเดินเข้าไปกอดน้องชายผมไว้แน่น

“ พี่เมด “ เสียงเครือที่เอ่ยออกมาเบาๆ เอื้อมมือลูบหลังอีกคนเบาๆเหมือนตอนเด็กๆที่ผมชอบปลอบมันเวลาที่มันโดนตี ไม่ก็โดนดุจนร้องไห้ต้องงอแง “ วิว ขอโทษ “

“ ไม่เป็นไร “ นั่นคือคำตอบจากผม “ ไม่ต้องร้องไห้ ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่เมดเข้าใจวิวดี หยุดร้องไห้เถอะนะ “

เหลือบมองอาฟ เจ แล้วก็น้องอัยย์ที่ยืนมองเราอยู่ก่อนที่คนเหล่านั้นจะถอนหายใจออกมาในตอนที่ผมยิ้มให้ สีหน้าที่บอกกับคนพวกนั้นว่า ‘ ผมไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องกังวลใจขนาดนั้น ’ แล้วตอนนั้นอาฟก็หันไปบอกเจ

“ คืนนี้ฝากร้านด้วยนะมึง กูจะพาเมดกับวิวกลับบ้าน “

“ อื้ม ตามสบาย “ เจตอบรับสั้นๆ ก่อนจะยิ้มให้ผมแล้วเหลือบมองวิวที่ก็เอาแต่ร้องไห้ มันถอนหายใจออกมายิ้มๆก่อนจะเดินออกไปกอดคอน้องอัยย์ที่ยืนอยู่คนเดียว “ ไปกันมึง มายืนอู้อยู่ได้ “

“ อู้เหี้ยไร กูทำหน้าที่ดูแลพี่เมดอยู่ “


“ อัยย์ “ อาฟเรียกอีกคนก็หยุดเดินทันที

“ ครับเฮีย “

“ ฝากบอกไอ้เดย์ด้วยว่าวันนี้ไม่ต้องกลับคอนโด “

“ เอ๊ะ ? “ ทั้งน้องอัยย์กับเจหันมองหน้ากันก่อนจะสถบคำนั้นออกมา มันหันมาเหลือบมองอาฟที่ก็ถอนหายใจออกมาเหมือนรู้ว่าเพื่อนตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่

“ รีบไปก่อนที่ตีนกูจะยันลงบนหน้าพวกมึง “

“ สั่งไม่ให้น้องเดย์กลับบ้านทำไมวะ “ ผมหันไปถามอีกคนก็เดินวนไปที่ฝั่งคนขับ อาฟปลดล็อครถก่อนจะเปิดประตู

“ คืนนี้วิวจะได้นอนห้องไอ้เดย์ไง “

“ ก็คิดว่ามึงจะไปส่งพวกกูที่คอนโดกู “

“ แฟนมึงไม่ได้ผลิตน้ำมันใช้เองนะครับ “

“ โอเคจ้า “ ผมเผลอยิ้มกับคำตอบกวนๆของมัน แต่เอาจริงถึงมันไปส่งให้ผมก็คงขอบอกปัดว่าให้ไปส่งแค่ที่คอนโดของอาฟก็พอ ช่วงเวลานี้ทางกลับคอนโดเราคงรถติดบรรลัย ไม่ต้องคิดเลยว่า เดินทางไปกลับจะใช้เวลาขนาดไหน แล้วถ้าให้เดาก็คงสองชั่วโมงเป็นอย่างต่ำแน่นอน “ วิว เข้าไปในรถนะ “

“ พี่เมด “

“ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว “ บอกแบบนั้นผมยิ้มให้มันตอนที่ดึงอีกคนออกมาจากตัว เช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มนั้นก่อนจะหยิกแก้มไปทีนึง “ เรากลับไปคุยกันที่บ้านโอเคมั้ย ”

“ อื้ม “

ขับรถกลับมาถึงคอนโดของอาฟ เปิดประตูเข้าไปในห้องของน้องเดย์ที่ไม่ได้รกอย่างที่ผมคิดไว้เท่าไหร่นัก อาจเพราะเจ้าของห้องไม่ค่อยอยู่ด้วยส่วนนึง มากสุดก็แค่กลับมาอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะออกไปเรียนก็เท่านั้น

“ คืนนี้มึงนอนห้องพี่เดย์นะวิว “ ผมบอกน้องที่ก็พยักหน้ารับ วิวเดินเข้าไปในห้องผมก็จัดการเดินไปหยิบผ้าขนหนูกับของใช้จำเป็นที่ห้องมาให้ “ ผ้าขนหนูชุดนอนแล้วก็ชุดวันพรุ่งนี้ “

“ งั้นวิวไปอาบน้ำก่อนนะ “

“ อื้ม “

เสียงประตูห้องน้ำถูกปิดลง ผมเองก็เดินกลับมาที่ห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกัน ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องของอีกคน แล้วหย่นตัวเองนั่งลงบนเตียงก่อนที่เสียงประตูถูกเลื่อนจะดึงความสนใจให้หันไปมอง วิวที่ใส่ชุดนอนหัวเปียกๆของมันมีหยดน้ำเกาะอยู่บนผมนั้น

“ พี่เมด “

“ เช็ดหัวให้แห้งก่อนสิวะ ห้องน้องเดย์ไม่มีไดร์ทเป่าผมเหรอ “ ผมถามก่อนจะเอื้อมมือไปจับผ้าขนหนูผืนเล็กที่ตั้งอยู่บนหัวของอีกฝ่าย ขยี้ไปมาวิวก็เอาแต่มองผม มันมองอยู่แบบนั้นเงียบๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมดึงลงมากุมไว้บนตักของมัน

“ พี่เมด วิวขอโทษนะ “ เสียงเบาๆที่เอ่ยบอกกัน สบแววตาของอีกคนก็ก่อนจะถาม

“ ก่อนที่มึงจะขอโทษกู มึงต้องบอกกูก่อน ว่ามึงน่ะทำผิดอะไรกับกู ถึงต้องมาขอโทษกูด้วย “

“ วิวเป็นเด็กไม่ดี “ มันบอกก่อนจะก้มหน้าลง “ วิวไปเที่ยวผับทั้งๆที่อายุยังไม่ถึง พี่อาฟกับพี่เจไปเจอวิวที่ผับเลโก้วันนี้ ก็เลยพาวิวมาที่นี่ แล้ววิวก็เกือบโดนตำรวจจับ แต่พี่เจก็ช่วยวิวได้ทัน “

“ อื้ม แล้วเรื่องที่อาฟพูดละ เรื่องที่มึงนอนกับผู้ชาย “ เอียงหน้าถามน้องยิ้มๆ ผมไม่อยากให้มันรู้สึกว่า นี่คือการสารภาพ ผมอยากจะให้วิวเล่าผม เล่าเหมือนเรื่องทั่วๆไปที่เราเคยเล่ากัน เหมือนผมที่เล่าเรื่องของอาฟให้มันฟัง “ เล่ากูมาได้เลย กูอยากฟัง “

“ ไม่ใช่เรื่องน่าฟังสักหน่อย “

“ ตอนกูโดนไอ้บินนอกใจ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าฟัง มึงยังฟังเลย “

“ มันไม่เหมือนกันมั้ยพี่เมด “

“ ก็ทำให้มันเหมือนกันสิวะ “ ผมเถียงมันกลับอีกคนก็ถอนหายใจออกมาเตรียมตัวที่จะเล่าเรื่องทั้งหมด  “ เล่าตั้งแต่ต้นเลยนะ “

“ วิวเริ่มไปกินเหล้ากับเพื่อนตอนม.สี่ “

“ ตอนที่พี่เริ่มย้ายไปอยู่กับบิน “

“ อื้ม “

“ ตอนนั้นมันแค่เหงาน่ะ แบบว่าเมื่อก่อนเราชอบดูหนังอะไรกันแบบนี้ ทำนู้นทำนี้ด้วยกัน พอไม่ได้ทำมันก็เบื่อๆ แต่แรกๆวิวก็หาอะไรทำคนเดียวนะ แต่พอเพื่อนมาชวนไปกินเหล้าที่คอนโดวิวก็แบบ ไปสักหน่อยเบื่อๆ แต่พอไปก็รู้สึกว่า สนุกดี มันก็ได้คุย ได้เม้าส์กันอะไรแบบนี้ ไม่ต้องคิดอะไรมากด้วย พอเป็นแบบนั้นรู้ตัวอีกทีนึงก็เหมือนชอบอะไรแบบนั้นไปแล้ว จนลองไปเข้าผับครั้งแรก “

“ แล้วมึงไม่กลัวเหรอ แบบ กลัวโดนจับอะไรแบบนี้ “

“ ไม่กลัวหรอก ก็เพื่อนวิวมันเส้นใหญ่อะ เลยพาเข้าไปได้ จ่ายเงินยามนิดหน่อยก็เข้าได้แล้ว เพื่อนจ่ายให้ด้วยไปครั้งแรกน่ะก็เลย แบบเออ ไปก็ไป “

“ แล้วความรู้สึกเป็นไงไปผับครั้งแรก “

“ สนุกดี โคตรตื่นตาตื่นใจ ได้ลองกินค๊อกเทลแบบแปลกๆอะพี่เมด จำได้ว่าแพงมากต้องแบ่งๆกับเพื่อนกิน “

“ พี่เมดก็เคยกินนะ แต่อันนั้นฟรี มันก็อร่อยดีนะ “

“ แล้วพี่เมดกินอะไร “

“ ไม่รู้วะ น้องอัยย์ชงให้กิน ก็กินไปตามนั้น “ ผมบอกก่อนจะยิ้มให้อีกคน “ แล้วยังไงอีก “

“ ก็นั่นแหละครั้งแรกที่ไปผับ แล้วคราวนี้ช่วงนั้นวิวก็เลิกกับแฟนพอดี “

“ ไม่เคยเล่ากูเลยน้า เรื่องมีแฟนน่ะ “ ผมแซวอีกคนก็ส่ายหน้าไปมา

“ ไม่ใช่แฟนแบบที่อยากจะพามาอวดพี่เมดหรอก “

“ ถ้าเป็นแฟนมึงจะเป็นยังไงกูก็อยากรู้จักนะ “

“ ไว้รอบหน้านะ มีแฟนใหม่เมื่อไหร่จะแนะนำให้รู้จักโอเคมั้ย “ พยักหน้ารับวิวก็เล่าต่อด้วยสีหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไป “ ตอนนั้นพอเลิกกับแฟนวิวก็เที่ยวผับปกตินี่แหละ แล้วก็ไปเจอกับผู้ชายคนนึง เค้าหล่อมากเลยพี่เมด เราได้คุยกัน มันจะพูดว่าไงดีวะแบบที่ใครๆเค้าชอบพูดกัน “

“ พูดคุยกันถูกคอ “

“ อื้ม “ น้องชายผมพยักหน้ารับ “ ประมานนั้น คือพูดคุยกันแล้วถูกคอ คุยไปคุยมามันมีความรู้สึกบางอย่างน่ะ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าอะไร คงอารมณ์พาไปมั้ง อะไรแบบนั้น ตอนนั้นก็เลยเป็นครั้งแรกที่วิวมีอะไรกับคนอื่นแบบวันไนท์ “

“ วันไนท์คือ มีอะไรกันคืนเดียวไม่ผูกมัดถูกมั้ย แค่มีเซ็กส์ด้วยกัน “ พยักหน้ารับคำพูดของผม วิวเงียบไปสักพัก “ แล้วไงต่อ “

“ แล้วต่อจากนั้นวิวก็ กินเหล้ามาเรื่อยๆ จนเมื่ออาทิตย์ก่อน วิวไปเจอกับพี่เจที่ผับ “

“ เจ ? “

“ ก็พี่เจเพื่อนที่อาฟนั้นแหละ “ อีกคนบอก ผมก็ได้แต่นิ่งไป เริ่มจับใจความอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา ผมคิดถึงวันนั้น วันที่ทั้งผมน้องเดย์แล้วเจคุยกันเรื่องของวิว จำไว้ว่าก่อนหน้านั้นเจหยุดงานแล้วไปเที่ยวผับอื่นมาและดูท่าทางวันหยุดนั้นจะเป็นวันที่ทั้งสองคนเจอกัน แบบนั้นพอผมพาวิวมาที่นี่เจก็เลยทักวิวเหมือนจะรู้จักกันมาก่อน

“ วิวมีอะไรกับพี่เจ “

“ ห๊ะ !? “ ความตกใจที่ชวนให้อ้างปากค้าง ผมหุบปากตัวเองลงตอนที่เห็นสีหน้าของน้องที่ดูไม่ดี “ อะ เล่าต่อๆ “

“ คือตอนนั้นวิวก็ไม่ได้รู้จักพี่เจหรอกเค้ามากับกลุ่มเพื่อน เราเจอกันหลังผับแล้วเราก็คุยกัน วิวกำลังเซ็งๆอยู่พอดี แล้ววิวก็ถูกใจเค้าด้วย แบบว่าตอนนั้นมัน ทั้งคำพูด ท่าทางของเค้า มันดูเท่ดี จะว่าไงดีละ “

“ กูเข้าใจ “ ผมบอกออกไปก่อนจะพยักหน้ารับ “ เรื่องอะไรแบบนั้น มันพูดไม่ถูกจริงๆว่า เป็นความรู้สึกยังไงกันแน่ มีหลายๆอย่างรวมกันอยู่ ท่าทางเท่ๆ คำพูดตรงใจ ช่วงเวลาตอนนั้น ความรู้สึกของเรา คือทุกอย่างมันรวมกันจนกลายเป็นคำว่า แม่ง ชอบมันวะ “

“ อื้ม นั่นแหละ วิวมีอะไรกับเค้าที่คอนโดเรา “

“ มึงแม่ง “ ส่ายหน้าไปมาก่อนจะถอนหายใจออกมาแบบยิ้มๆ

“ แล้วคราวนี้ตอนเช้าที่วิวออกมาจากห้อง วิวก็เจอเข้ากับกระเป๋าเงินพี่เจ ตอนนั้นมันมีความคิดที่ว่า ถ้าขโมยเงินอีกคนไปก็คงไม่เป็นอะไรหรอก วิวอยากได้เงินเยอะๆไปเลี้ยงเหล้าเพื่อนบ้าง เพราะมีแต่เพื่อนที่เลี้ยงเหล้าวิวตลอดเลย ตอนนั้นก็เลยหยิบเงินออกจากระเป๋าเงินพี่เจไปห้าพัน “

“ ถามจริงทำไมถึงกล้าขโมยของของคนอื่นวะ รู้มั้ยว่าทำแบบนั้น มึงเหมือนขายตัวเลยนะ “

“ ขอโทษครับ “ อีกคนก้มหน้าลงตอนที่ผมเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงจริงจัง “ ตอนนั้นวิวไม่คิดว่าจะต้องมาเจอพี่เจอีก ไม่รู้ด้วยว่าพี่เจเป็นเพื่อนพี่อาฟแล้วก็เพื่อนพี่เมด “

“ ต่อให้มึงจะไม่เจอเจอีก แล้วต่อให้เจไม่ใช่คนที่กูกับอาฟรู้จัก มึงก็ขโมยเงินเค้าไปไม่ได้วิว “ ผมบอกน้องก่อนจะถอนหายใจออกมา “ โอเค  กูเข้าใจทั้งหมดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วที่กูอยากจะบอกมึงเลยนะวิว กูไม่โกรธที่มึงไปเข้าผับทั้งๆที่อายุไม่ถึง ไม่ได้โกรธที่มึงจะไปวันไนท์กับใคร ก็จริงอยู่ที่มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่เด็กน่ารักๆเค้าทำกันแล้วกูก็ไม่คิดว่ามึงจะทำ แต่ตอนนี้กูรู้แล้วว่ามึงทำ งั้นกูขอได้มั้ย จากวันนี้เป็นต้นไป ไม่เข้าผับได้มั้ย รอให้อายุถึงแล้วค่อยเข้าไปได้รึเปล่า “

“ ได้ “ วิวพยักหน้ารับแบบแข็งขัน มันเอานิ้วก้อยตัวเองมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของผม “ วิวสัญญา วิวจะไม่ทำแบบนั้นอีก จะไม่ทำแบบนั้นจนกว่าจะได้เข้ามหาลัย แล้วจนกว่าอายุจะถึง “

“ ส่วนเรื่องที่รู้สึกไม่โอเค คือเรื่องที่มึงขโมยเงินเจ ทีหลังอย่าทำแบบนั้นอีก เงินไม่พออยากเลี้ยงข้าวเพื่อน บอกกูสิ กูให้มึงได้นะ ทำไมต้องไปขโมยวะวิว มึงมีกูไปทำไม ทำไมไม่มาขอกู กูเป็นพี่ชายมึงนะ “

“ ขอโทษ วิวขอโทษพี่เมด “


“ แล้วนี่คืนเงินพี่เจยัง “ ผมถามอีกคนก็ส่ายหน้า

“ พี่เจบอกว่าไม่ต้องคืน “

“ งั้นเดี๋ยวกูจัดการเอง เพราะยังไงก็ต้องคืน ส่วนมึงไปขอโทษพี่เจซะเข้าใจมั้ย “

“ ครับ “ พยักหน้ารับกับผม ก่อนที่เราทั้งสองคนจะเงียบไปสองมือของวิวที่เอื้อมมาจับมือผมไว้แน่น “ ขอโทษนะพี่เมด ขอโทษที่วิวโกหกพี่เมดมาตลอดเลย ขอโทษที่เป็นเด็กไม่ดี ขอโทษที่วิวทำตัวแบบนั้น ขอโทษที่ทั้งๆที่ตัวเองเลือกที่จะทำแบบนั้นเอง แต่วิวกลับโยนความผิดไปให้พี่เมด วิวบอกกับตัวเองว่า วิวเหงาเพราะพี่เมดมีแฟน ทั้งๆที่จริงแล้ว มันไม่เกี่ยวอะไรกับพี่เมดเลย วิวเลือกที่จะทำแบบนั้นเอง ทั้งๆที่มันมีหลายวิธีให้เลือก วิวขอโทษนะ อึก ขอโทษนะพี่เมด ฮือๆ วิว ขอ โทษ “ ร่างบางดึงตัวเองเข้ามากอดผมไว้ สองแขนที่กอดกันไว้แน่น ผมพยักหน้ารับก่อนจะลูบหลังของคนเป็นน้อง

“ มันก็เป็นความผิดของกูด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่ว่ามึงผิดคนเดียวหรอกวิว “

“ ไม่ วิวผิดคนเดียว วิวเลือกทำในสิ่งที่ไม่ดีเอง มันไม่เกี่ยวอะไรกับพี่เมดเลยจริงๆนะ “ ดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดของอีกคน ผมยิ้มให้มันก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ ตอนนั้นมึงเองยังเด็ก เราอยู่ด้วยกันมาตลอด มันก็ไม่แปลกหรอกที่มึงจะเหงา ถ้าวันนั้นกูใช้วิธีค่อยๆดึงตัวเองออกมาจากมึง เห็นความสำคัญบ้าง บางทีมันอาจจะดีกว่านี้ ถ้าวันนั้นกูคอยอยู่เป็นที่ปรึกษาให้มึง หรือสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของน้องชายกูสักนิด วันนี้มันอาจจะไม่เป็นแบบนี้กูได้ กูเองก็ขอโทษนะ แต่ว่า กูเองก็ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว จริงๆก็ทั้งมึงทั้งกูนั่นแหละที่ย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว เพราะงั้นกูยกโทษให้มึง กูไม่โกรธ ไม่เสียใจ แล้วก็ไม่เสียความรู้สึกที่มึงเป็นแบบนั้น มึงยังเป็นน้องชายที่น่ารักของกูเหมือนเดิม ทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยน แต่มึงยกโทษให้กูด้วยได้มั้ย ขอโทษนะวิว ที่ครั้งนึงกูเคยทำให้มึงต้องเหงา เคยทำให้มึงเจ็บปวดที่กูไม่สนใจ กูโทษนะนะ ให้อภัยกูได้มั้ย “

“ ให้อภัยอะไร พี่เมดไม่ผิดเลย ไม่ผิดเลยสักนิด “

“ เราผิดกันคนละครึ่ง “ ยังคงย้ำมันแบบนั้น เพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เราผิดกันคนละครึ่ง มันมีส่วนของวิวที่ตัดสินใจผิด ส่วนผมก็ผิดเหมือนกันที่ไม่ได้สนใจความเปลี่ยนแปลงของอีกคนจนเรื่องทั้งหมดต้องกลายมาเป็นแบบนี้ “ เรายกโทษกันนะ กูยกโทษให้มึง  มึงยกโทษให้กู ต่อจากนี้เรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ อดีตแก้ไขไม่ได้ปล่อยมันไปเถอะ คิดว่าเป็นบทเรียนแล้วกัน มึงก็อย่าทำอะไรแบบนั้นอีก “

วิวดึงเข้ามากอดไว้แน่นหลังจากที่พูดประโยคนั้นจบด้วยรอยยิ้ม เสียงร้องไห้โยเยของมันคงโล่งใจไม่น้อยที่ผลตอบรับมันไม่ได้แย่อย่างมันที่คิดไปเองคนเดียว แล้วผมก็คิดว่าตัวเองทำถูกแล้วที่ไม่พูดทุกอย่างด้วยความตึงเครียด เพราะไม่ว่ายังไงก็ยังอยากจะเป็นครอบครัวที่มันรู้สึกสบายใจเสมอในตอนที่มันรู้สึกแย่ที่สุด

ก็ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ผมคิดอย่างที่ตัวเองพูดออกไปกับมัน เพราะถึงผมจะรู้สึกผิดมากแค่ไหน ทุกอย่างก็เกิดขึ้นแล้ว วิวเองก็เหมือนกันต่อให้รู้สึกผิดแค่ไหนกับเรื่องที่มันทำทุกอย่างก็เกิดขึ้นแล้ว เราทำอะไรไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะงั้นมีทางเดียวก็คือ เริ่มต้นใหม่ โดยเอาอดีตที่เกิดขึ้นนั้น มาเป็นบทเรียนว่าจะไม่ทำผิดอีกเป็นครั้งที่สอง



หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 06-07-2018 20:25:26

“ ทำอะไรอยู่วะ “ เอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ในห้องหลังจากที่เคลียร์กับน้องชายตัวเองเรียบร้อย วิวตอนนี้หลับไปแล้ว มันคงเพลียกับการร้องไห้อย่างหนักบวกกับความเครียดอะไรหลายๆอย่าง ผมเลยให้มันกินยาคลายเครียดแล้วหลับไป

“ เป็นไง “

“ หลับไปแล้ว “ ผมตอบเพราะคิดว่าอาฟจะหลายถึงน้องชายผม แต่ก็เปล่า

“ หมายถึงมึง “

“ ไม่เป็นอะไร โอเคดี “ หย่นตัวนั่งขัดสมาธิลงบนเตียงของอีกคนที่ก็มองกันด้วยสายตาที่ไม่เชื่อเท่าไหร่ ผมหลุดยิ้มออกมากับท่าทางนั้นก่อนจะเอียงหน้าแล้วดึงตัวเองเข้าไปให้มันมองใกล้ๆ “ มึงคิดว่ากูจะเป็นอะไร “

“ อย่างมึงก็คงจะ เอาแต่โทษตัวเอง แล้วก็ร้องไห้ก่อนจะบอกว่า ความผิดทุกอย่างเป็นเพราะมึง อะไรพวกนั้น “

“ ตอนแรกกูก็คิดว่าตัวกูจะเป็นแบบนั้นนะ “

“ แล้วทำไมไม่เป็น “

“ เออ ก็หาคำตอบอยู่เหมือนกันวะ “

“ ประสาท “ ผมยิ้มตอนที่อีกคนสบถออกมาแล้วส่ายหน้าใส่

“ มันเหมือนกับตอนแรกที่ได้ยินที่ลานจอดรถ ตกใจมั้ยก็ตกใจนะ ไม่คิดว่ามันจะเป็นถึงขนาดนั้น ตอนที่ฟังมันพูดว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะกู ก็แอบคิดโทษตัวเองเหมือนกันทั้งๆที่มึงก็บอกว่าไม่ใช่ความผิดกู ตอนก่อนจะเดินเข้าไปก็คิดแค่ว่า ไม่อยากจะให้วิวโกหก ไม่อยากให้มึงโกหกกูด้วย กูเลยเดินออกไปเผชิญหน้ากับทุกอย่าง เรื่องมันจะได้จบ “

“ กูไม่โกหกมึงอยู่แล้ว “

“ เออ คำพูดนั้นโคตรเท่เลย “ ผมถือโอกาสแซวมันอีกคนก็ทำทีเป็นหันหน้าไปทางอื่น  ก่อนที่ผมจะพยายามดัดเสียงเข้มๆแบบมันในตอนนั้น แล้วพูดล้อ “ กูจะไม่โกหกเมด “

“ ส้นตีน “ หูแดงๆของคนฟัง ชวนให้ผมหัวเราะออกมา “ พูดไปงั้น ไม่ต้องมาดีใจ “

“ นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นแฟนกันอยู่แล้ว กูคงขอมึงเป็นแฟนอะ โคตรเท่ ใจกูตอนได้ฟัง ตะโกนแบบสุดเสียงว่า พี่อาฟฟฟฟฟฟ ”


“ เคยมีใครบอกมั้ย ว่าช่วงนี้มึงเริ่มจะกวนตีน “

“ ก็บอกกันหลายคนอยู่ “ เราที่ยิ้มให้กัน ก่อนที่อาฟจะถามขึ้น

“ ยิ้มได้แบบนี้แสดงว่าไม่ได้คิดมากจริงๆ  แล้วยังไงต่อ “

“ ก็ตอนที่เรานั่งรถกันกลับมาที่นี่กูก็นั่งคิดว่าจะพูดยังไงกับวิวดี แล้วตอนนั้นกูก็คิดได้ว่า ทำไมกูไม่ทำให้มันเป็นเรื่องธรรมดา แทนที่จะคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แก้ไขอะไรก็ไม่ได้แล้ว คิดไปก็หนักสมองเปล่าๆ “

“ มึงคิดว่าการที่น้องมึงเป็นแบบนั้นคือเรื่องธรรมดาเหรอ “ อาฟถามย้ำผมก็พยักหน้ารับก่อนจะยิ้ม

“ ธรรมดาเพราะมันเกิดขึ้นแล้วไงมึง อย่าที่บอก กูแก้ไขอะไรก็ไม่ได้แล้ว จะย้อนกลับไปในอดีตก็ไม่ได้ เพราะงั้นจะไปทำให้มันเครียดทำไม เครียดไปทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม “

“ งั้นเหรอ “

“ มันก็เหมือนผ้าใบผืนนึง ที่กูร่างแบบเป็นรูปทะเลมีต้นมะพร้าว แต่กูที่ดันลงสีมะพร้าวผิดเป็นสีแดงทั้งๆที่มันควรเป็นสีเขียว “
“ โง่จังนะ “

“ เออสัด นั่นแหละ แล้วกูจะทำอะไรกับมันได้อีกวะ ต่อให้กูร้องไห้ โมโห มันก็เป็นสีแดงอยู่ดี มันย้อนเวลากลับไปไม่ได้อะมึง ต่อให้เอาสีขาวมาลงปิดทับยังไง มันก็ไม่หายไปแถมยังกลายเป็นสีชมพูไปอีก ลงสีดำก็ไม่ได้ยิ่งแย่  เพราะงั้นก็ยอมรับไปเลยดีกว่า ว่า ลงสีผิดไปแล้ว คิดง่ายๆว่าก็แปลกสีเหมือนกันลูกมะพร้าวสีแดง “

“ มึงคิดได้แบบนั้นก็ดี “

“ แต่ส่วนเรื่องที่มันขโมยเงินเจ อันนั้นมันยังแก้ไขได้ เราก็ต้องแก้ไข กูสอนมันไปแล้ว และที่สำคัญคือ จากนี้ไปก็ขอให้มันปรับตัวให้ได้แล้วกัน แต่กูเชื่อว่าน้องกูทำได้นะ มันคงไม่ทำอะไรแบบนั้นแล้วละ “  อาฟพยักหน้ารับสีหน้ากังวลของมันคลายลง ผมรู้ดีว่ามันก็คงคิดอยู่ว่าผลตอบรับของเรื่องนี้คงจะแย่ มันคงคิดถึงตอนที่ผมเลิกกับบิน ผมที่ตอนนั้นเหมือนควบคุมสติตัวเองไม่ได้แบบนี้ ผมที่ร้องไห้อย่างหนัก คงทำให้มันกังวล แต่ตอนนี้มันคงไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เหมือนที่ใครเคยบอก คนเราพอผ่านเรื่องที่มันเลวร้ายมากๆมาได้ สติ และภูมิต้านทานเกี่ยวกับการรับมือกับปัญหามันจะเพิ่มมากขึ้น แล้วตอนนั้นผมก็แค่เป็นแบบนั้น  “ อาฟ ขอบคุณนะมึง “

“ เรื่อง ? “

“ รู้อยู่แล้วยังมาทำเก็กอีก เชื่อแม่งเลย “ ผมเหล่มองมันรู้สึกหมั่นไส้เหลือเกินกับไอ้ท่าทางไม่สนใจอะไรนั่น แต่ครั้งนี้จะยอมเค้าหน่อยแล้วกัน “ ก็เรื่องที่มึงใส่ใจความรู้สึกกูขนาดนั้น แล้วก็เรื่องที่มึงพูดเตือนสติกับวิวด้วย “

“ ขอบคุณที่กูด่าน้องมึงงั้นเหรอวะ “

“ อื้ม “ ผมพยักหน้ารับ “ ก็เพราะว่านั่นมันเป็นน้องชายกูไม่ใช่เหรอมึงถึงพูดออกไป คุณอารยะที่กูรู้จักไม่สนใจใครหรอก ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คนที่ตัวเองรู้สึกว่าสำคัญ มึงจะไม่พูดกับวิวเลยถ้ามึงไม่รู้สึกว่าวิวก็คือน้องมึงเหมือนกัน “

“ กูก็แค่ love you love your dog “

“ น้องกูไม่ใช่หมาไอ้เชี้ย “ ผมด่ามันก่อนจะหลุดยิ้มกว้างออกมาพลางเอื้อมมือไปจิ้มที่ไหล่ของอีกคน “ แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ได้ยินอะไร love you บอกรักกูเหรอวะ “

“ หูเพี้ยนเหรอเมด เบลอก็ไปนอนนะมึง “ เผลอแบะปากกับความปากแข็งของมัน ถ้าทำได้วินาทีนี้ก็อยากจะเอื้อมมือไปขยี้หัวคนตรงหน้า บีบคอด้วยความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งหมั่นไส้ในตัวตนของมัน

“ เอาจริงๆ เวลาแบบนี้มึงควรหัดพูดหวานๆกับกูนะ ปลอบกูอะไรทำนองนั้น เพราะกูเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา “

“ รำคาญมึงว่ะ “

“ แสดงว่าเขิน “ ผมบอกมันอีกคนก็เหล่ก่อนจะยกยิ้ม เราเงียบให้กันอยู่แบบนั้นจนกระทั่งผมถอนหายใจออกมาแล้วบอกมัน “ เรากอดกันหน่อยมั้ยมึง เหมือนทุกครั้งเวลาที่กูผ่านเรื่องร้ายๆมา แล้วมึงจะกอดกูไว้ไง “

“ อยากพูดตรงๆได้อย่างมึงบ้างวะ “ อาฟบอกก่อนจะดึงตัวเองเข้ามากอดผมไว้ มันเป็นกอดที่ไม่แน่น แต่ก็ไม่หลวมจนเกินไป กอดพอดีๆที่มาพร้อมกับจูบที่กดลงบนไหล่แล้วก็แก้มของผม

“ ก็แค่พูดไม่เห็นมีอะไรยาก “

“ ยาก “

“ แต่แบบที่มึงเป็น กูว่าก็สมกับที่เป็นมึงดีนะ “ แซวมันแบบนั้นก่อนจะหอมแก้มอีกคนกลับไปเช่นกัน

ไม่รู้ว่ามันจะจำได้รึเปล่า เหตุผลที่ผมขอกอดมัน นั่นก็เพราะว่าตั้งแต่ที่เราเจอกัน ทุกครั้งที่ผมเจอเรื่องร้ายๆ ไม่ว่าจะตอนเลิกกับบิน ทะเลาะกับจิงแล้วก็ยีนส์ อาฟก็จะดึงผมเข้ามากอดไว้แบบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจผมอยู่คนเดียว เหมือนกับว่า ‘มีอาฟอยู่ตรงนี้ทั้งคน ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็ผ่านไป’ 


“ อาฟ กูอยากรู้วะ “

“ ว่า “

“ ทำไมมึงถึงรักกูจังวะ “ ทุกอย่างเงียบไปตอนที่ผมเอ่ยถามคำถามนั้น

ผมพยายามหาคำตอบ ผมเองก็พยายามถามตัวเองอยู่หลายครั้งสำหรับหลายๆอย่างที่ผู้ชายคนนี้ทำให้ เราเจอกันไม่นาน เราคบกันไม่นาน แต่อาฟให้อะไรผมมากมายจนรู้สึกว่า เหมือนเราคบกันมานานแล้ว นานกว่าความเป็นจริงที่เป็นอยู่

“ ตอนนี้มีความสุขมั้ย “

“ มีสิวะ “

“ แล้วจะไปอยากรู้ทำไมว่าทำไมกูถึงรักมึง “

“ ก็..”

“ กูทำให้ก็แค่รับไป บางทีอาจจะแค่เพราะเป็นมึงกูเลยทำ เหตุผลก็แค่นั้น “

หัวใจที่เต้นแรงของผมเคยสงสัยเหมือนกันว่ามันจะเต้นแรงได้มากกว่านี้รึเปล่า  สายตาที่สั่นไหวของเราทั้งคู่ในตอนที่มองสบกัน ทุกความรู้สึกมันล้นเอ่อ ราวกับน้ำเปล่าในแก้วใสที่ทะลักออกมา เราดึงตัวเองให้เข้ามาใกล้กัน

เคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเวลาคนเราจูบกันหรือมีเซ็กส์มันเริ่มต้นมาจากอะไร คำตอบจริงๆพวกนั้นอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างกัน ก็คงเหมือนกับตอนนี้ที่ริมฝีปากของเราแนบสนิทเข้าด้วยกัน

เมื่อกี้เราพูดเรื่องโรแมนติกกันงั้นเหรอ

ผมไม่รู้หรอก

รู้แค่ว่า ยามที่ลิ้นชื้นแทรกตัวเข้ามาในตอนที่ผมผละริมฝีปากออกต้อนรับมันนั้น ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีราวกับได้โบยบิน ไม่เคยรู้สึกดีกับจูบของใครได้เท่ากับจูบของอาฟ ความดูดดื่มที่ผสมไปด้วยความดุดันและอบอุ่น สองแขนของมันที่เอื้อมมากอดผมไว้ ยามที่ผ่ามือหนาลูบไปตามแผ่นหลัง ชวนให้ผมเอื้อมมือไปกอดรอบคอของมันไว้เช่นด้วยกัน

เราเหมือนจะลืมไปหมดซึ่งทุกอย่าง ในช่วงเวลาที่ผละออกจากกัน พักหายใจเพียงครู่ในช่วงเวลาที่มองตากันเรามีความรู้สึกเดียวกันที่เอ่ยบอกผ่านแววตานั้น ‘ อีกรอบนะ ’

จูบกันอีกครั้งอย่างไม่เขินอายต่อความต้องการ จูบกันอย่างมีความสุข จูบเท่าที่ความรู้สึกต้องการจะให้เป็น แล้วตอนที่ผละออกอีกครั้ง อาฟยกยิ้มให้ผมมันจูบที่ข้างแก้ม ก่อนจะไล่มาที่ริมฝีปาก เราไม่ได้ผละสายตาออกจากกัน แม้แต่อ้อมกอดก็ยังกอดกันไว้แบบนั้น

 “ เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ได้ฟังอะไรแบบนี้จากมึง โดยที่ไม่อ้อมโลกหรือต้องแปลความหมายอะไร “

“ แล้วมึงถามทำไม “

“ ก็แค่อยากรู้ “

“ เหรอ “ อาฟยกยิ้ม มันจูบผมที่ริมฝีปากอีกครั้งก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น ใบหน้าคมของมันซบลงที่ไหล่ผม อาฟจูบลงบนนั้น “ กูเป็นแบบนี้แค่เฉพาะกับมึงเท่านั้น ไม่ใช่กับทุกคนหรอก “

“ งั้นก็ดีแล้ว “ ผมยิ้มกว้างออกมาก่อนจะกอดมันแน่นขึ้นเช่นกัน  “ กูอยากจะให้อารยะเป็นของกูแค่คนเดียว ”

“ กูตามใจมึงอยู่แล้ว “

................................................................

ตั้งแต่เขียนนิยายมาจนถึงตอนนี้ ก็ยังพูดเหมือนเดิมคือ “ อยากมีแฟนแบบพี่อาฟ ”
เค้าอาจจะไม่ใช่คนหวาน พูดจาน่ารัก ออกจะกวนตีน แต่ทุกการกระทำของเค้าคือ เรา คือ รักเรา
ชอบความคิดเมดพาสนี้ ตั้งใจเขียนให้เมด รู้สึกผิดนั่นแหละตามนิสัย แต่เพราะผ่านเรื่องแย่กว่านี้มามาก
ชีวิตเลย มีระบบจัดการความรู้สึกตัวเอง คิดได้มากขึ้น เป็นมุมมองของเมดที่โตขึ้นมาจากตอนแรก
โอเค จบดราม่าน้องวิว เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้า
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 28 :: up! 29-6-61} #หน้า 20
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-07-2018 22:02:29
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 07-07-2018 01:14:02
#อวยแฟน #เหม็นกลิ่นความรัก
น้องเมดโตขึ้นเยอะ ประสบการณ์แรงๆ ทำให้แกร่งขึ้นเนอะ
อาฟเท่ห์มากอ่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-07-2018 01:31:37
ใจบางไปหมดแล้วค่ะ ตอนนี้ดีมากเลยนะ

ชีวิตของทีม throw up ถึงจะใช้ชีวิตแย่ยังไง ก็ดูแลตัวเองเป็น
อาฟพูดได้ดี สอนได้ดี และโดนใจมาก ขุดรากซะลึกเลย
เจก็ชัดเจนดี ไม่โกหกกัน ก็ทำตามสัญญา แต่ในเมื่อพูดไม่จริง ก็ต้องเจอ

สงสารวิวนะ แต่ก็นั่นแหละ มีอีกหลายทางให้เลือก แต่ก็เลือกทำแบบนี้เอง
เมดก็มีพลาด เพราะรักแรก ก็ไปไว หลงไว คิดข้ามไปหลายอย่าง สมองเบลอ

น้องอัยย์ทำไมกวนพี่เมดแบบนั้นล่ะคะ 5555
เดย์เอ้ยย พี่อาฟว่าซะพรุนเลย แต่น้องเดย์คือความหวังของพี่อาฟนะ

น้ำตาร่วงเลยค่ะ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ พูดคุยกันดีที่สุด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 07-07-2018 01:44:26
รักพี่อาฟ เราว่าเมดได้มารักพี่อาฟหลักจากเลิกกับบินก็ดีเนอะ ถ้ารักกันตั้งแต่ ม.ปลาย ปานนี้คงเลิกกันแล้วก็ได้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 07-07-2018 01:52:18
ชอบเหล่า Throw UP ทุกคนเลย
วิธีรับมือของเมดคือดี
แต่อาฟ อารยะ มาที่หนึ่งค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-07-2018 02:05:33
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-07-2018 02:07:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 07-07-2018 02:11:20
ดีใจจังที่เมดเข้าใจ นึกว่าเมดจะฟูมฟายแบบตอนไอ้บินซะแล้ว คิดว่านางจะเอาแต่โทษตัวเองอย่างเดียว เราคงสงสารนางมากขึ้นไปอีกถ้าเมดต้องผิดหวังซ้ำๆ ดีใจมากเลยที่เห็นเมดเข้มแข็ง อีกอย่างก็พราะมีกำลังใจดี มีคนเข้าใจและอยู่เคียงข้างอย่างชาวคณะ throw up พี่อาฟนี่ทำเราหลงรักหึวปัพหัวปำเลย 5555 คำพูดที่อาฟพูดออกมาตอนที่สอนวิวมันใช่เลย หรือตอนซึนเดเระเวลาอยู่กับเมด ก็สมกับเป็นอาฟจริงๆ คือยิ่งอ่านยิ่งหลงพี่อาฟหนักมากกก ชอบบบ 555

อยากพูดถึงชาวผับนี้นิดนึงค่ะ
คือชอบชาวคณะ throw up ทุกคนเลย อยากชื่นชมนักเขียนมากค่ะ โดยปกติแล้วนิยายทั่วไปที่มีเหล่าเพือนฝูงของตัวเอก มันมักจะมีช่วงน่าเบื่อกับตัวละครเหล่านั้น แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ค่ะ เราไม่มีความรู้สึกเบื่อกับพวกเขาเหล่านี้เลย ตรงกันข้ามกลับชอบด้วยซ้ำ ยิ่งเวลาชาวคณะแชทคุยกันมันฮาจริงๆค่ะ ตัวละครที่ความน่ารักในแบบของตัวเอง ไม่ได้น่ารักแบบบอบบางน่าถนุถนอมอะไร ความกวนโอ้ย คำพูด บุคลิกที่ดูเหมิอนไม่เอาใหน แต่จริงๆแล้วจิตใจดีและพึ่งพาได้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-07-2018 02:45:25
พี่น้องดีกันแล้ว  :m4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-07-2018 06:02:44
ใจบางไปหมดแล้วค่ะ ตอนนี้ดีมากเลยนะ

ชีวิตของทีม throw up ถึงจะใช้ชีวิตแย่ยังไง ก็ดูแลตัวเองเป็น
อาฟพูดได้ดี สอนได้ดี และโดนใจมาก ขุดรากซะลึกเลย
เจก็ชัดเจนดี ไม่โกหกกัน ก็ทำตามสัญญา แต่ในเมื่อพูดไม่จริง ก็ต้องเจอ

สงสารวิวนะ แต่ก็นั่นแหละ มีอีกหลายทางให้เลือก แต่ก็เลือกทำแบบนี้เอง
เมดก็มีพลาด เพราะรักแรก ก็ไปไว หลงไว คิดข้ามไปหลายอย่าง สมองเบลอ
..................

คิดเหมือน 
อาฟ สมเป็นอาฟ อบอุ่น น่ารัก   :mew1: :impress2:
“กูเป็นแบบนี้แค่เฉพาะกับมึงเท่านั้น ไม่ใช่กับทุกคนหรอก ”
“ กูอยากจะให้อารยะเป็นของกูแค่คนเดียว ”
“ กูตามใจมึงอยู่แล้ว ” 

อาฟ เมด  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 07-07-2018 06:27:11
พี่อาฟ
หาได้ที่ไหน
ส่งมาให้ที
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: c4jeab ที่ 07-07-2018 06:54:31
อาฟอบอุ่นเว่อร์
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 07-07-2018 07:28:03
ตอนนี้น้องเดย์ค่าตัวแพง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-07-2018 07:48:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-07-2018 08:49:50
ดีจังที่เคลียร์กันได้โดยที่เมดไม่โทษว่าเป็นความผิดตัวเอง
วันพี่เพื่อนสนิทอาฟกลับมาเมดจะรู้ว่าทำไมอาฟรักเมดมากขนาดนี้
และใครที่เป็นคนให้นมช็อคกับเมด

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 07-07-2018 09:34:55
ดีใจนะที่เรื่องวิวจบด้วยดี แต่จะไมดีต้องพี่เจจะตามจีบน้องมั้ย เมดจะหวงน้องรึป่าว
แต่อาฟนี่ช่างดาเมจทำลายใจมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 07-07-2018 09:35:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-07-2018 10:10:44
รักพี่อาฟ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-07-2018 12:42:13
ดีนะที่พี่เมดมีความคิดดีๆแบบนี้ ไม่ใช้อารมณ์นการแก้ปัญหาของวิว ไม่งั้นอาจไม่จบแบบนี้ วิวเปิดใจพูดกับพี่เมดแล้ว อะไรผิดก็แก้ไขนะแล้วอย่าทำอีก :กอด1:
อยากมีแฟนแบบพี่อาฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 07-07-2018 15:03:10
อาฟฟฟ คือดีย์ ~~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 07-07-2018 15:30:52
พี่อาฟอบอุ่นมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 07-07-2018 21:07:06
โอ้ยยยย เขินเลออ ชอบความพี่อาฟโคตร
เป็นนิยายที่แต่งแล้วชอบมากอ่ะ ในบทของพี่เจก็ชอบ ส่วนมากไม่ค่อยชอบนิยายที่พระรองมีบทเท่าไหร่ แต่นี่คือโคตรชอบบบ บรรยายดีอ่ะ อ่านไปเรื่อยๆ คือดจียยย ชอบๆ เฟบไว้เลย
รอตอนต่อไปนะ รักก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 07-07-2018 21:13:07
ชอบพี่อาฟ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 07-07-2018 21:42:28
ชอบตอนนี้จัดมันรู้สึกอบอุ่น ทั้งเมดกับน้องและเมดกับอาฟ เมดน่ารักเข้มแข็งขึ้นเยอะเลย
 :hao5: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 08-07-2018 00:41:23
โอ้ย อาฟฟฟ ใจบ้างไปหมดแล้วงืออออออออ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-07-2018 14:47:09
งื้อ~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: akashita ที่ 10-07-2018 02:18:02
อยากได้แฟนแบบพี่อาฟฟฟฟฟฟ ดีย์ต่อใจจังค่ะ งื้ออออ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 10-07-2018 04:33:45
พี่อาฟคือที่สุดดดดดด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 10-07-2018 16:13:43
เย้ แฮปปี้กลัวดาม่า


เมดเก่งขึ้นเยอะเลยนะ


เลิกโทษตัวเองแล้ว แล้วมองความเป็นจริง

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 13-07-2018 02:00:19
ตางี้ร้อนผ่าวๆเลยค่ะคุณพี่
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 13-07-2018 16:00:05
เมดได้อาฟมาเป็นปั๋ว
เหมือนถูกหวย 30 ล้าน 3 งวดติด

แฟนอะไร..ดีงาม ดีเฟ่ออออร์
เว่อวัง อลังมากกกกกกกกกก

อิจฉาชิ๊บ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 13-07-2018 20:28:30

ตอนที่ 30


[ เป็นยังไงบ้าง ] ข้อความที่ปรากฏอยู่ในหน้าจอมือถือของผมเป็นข้อความของพี่เจที่ส่งเข้ามาถามกันตั้งแต่เมื่อคืน หลังจากที่ลืมตาตื่นขึ้นมาผมหยิบมือถือมาดูเวลาก็เห็นข้อความนี้อยู่ด้านบนสุดของหน้าจอมือถือ รวมถึงข้อความของกลุ่มเพื่อนกินเหล้าที่ก็ส่งเข้ามาทั้งในกลุ่มแล้วก็ส่วนตัว

ผมเลือกที่จะไล่อ่านข้อความของกลุ่มเพื่อนก่อน พวกมันถามกันว่าผมหายหัวไปไหน แล้วก็เล่าเรื่องที่ตัวเองโดนจับจนต้องให้พ่อแม่มารับเรื่องที่โรงพัก ผมเผลอถอนหายใจออกมาตอนที่มีคนในกลุ่มเหมือนจะแสดงความคิดเห็นแบบเสียดสีกับผมที่รอดพ้นเรื่องนี้อยู่คนเดียวแม้จะพูดทุกอย่างตามความจริงออกไปทั้งหมดแล้วก็ตาม

แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องแคร์อะไรอีก ผมเล่าตามความจริงไปแล้ว จะเชื่อไม่เชื่อ หรือจะรู้สึกยังไงกับผมนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ควบคุมได้อยู่แล้ว

[ ถามทำไม เสือกจังลุง ] ส่งข้อความตอบกลับไปแบบนั้น วางมือถือลงข้างตัวก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปนอกห้องนอน

กลิ่นของกาแฟหอมคลุ้งไปทั้งส่วนกลางของห้อง ผมเผลอยิ้มออกมาตอนที่เห็นแผ่นหลังคุ้นตาของพี่ชายตัวเองกำลังยืนอยู่ในห้องครัว ย่องเข้าไปหาอีกคนด้วยปลายเท้าแล้วก่อนจะถึงตัว มือผมก็เอื้อมจับไหล่ขาวนั่นพร้อมตะโกนเรียกเสียงดังให้ตกใจ

“ พี่เมด! ”

“ ไอ้เชี้ย! ตกใจหมด เล่นอะไรของมึง “ หันมาดุกันด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันกลับไปให้ความสนใจกับเครื่องชงกาแฟตรงหน้าต่อ  “ เป็นไง หลับสบายมั้ยมึง “

“ สบายที่สุดในรอบหลายปีเลยครับ “ พูดแบบนั้นพี่เมดก็เหล่มองมาผมที่ส่งยิ้มกว้างไปให้ “ แล้วนี่พี่เมดกินกาแฟตั้งแต่เมื่อไหร่ “

“ ไม่ใช่ของกู ของอาฟ “

“ อ๋อออ แล้วชงตั้งแต่ตอนนี้กว่าพี่อาฟจะกินมันไม่เย็นพอดีเหรอวะ “

“ อาฟไม่ชอบกินกาแฟตอนร้อนมากๆอยู่แล้ว มันชอบกินตอนอุ่นๆ “ อีกคนหันมาอธิบายผมก็แซว

“ รู้ใจกันมากเว่อร์จ้า “

“ แล้วมึงจะกินอะไรเช้านี้ โกโก้มั้ย หรือช็อคโกเล็ตร้อนดี “

“ เอาช็อคโกเล็ตร้อนดีกว่า “ ผมบอก พี่เมดก็พยักหน้ารับก่อนจะหยิบแก้วที่เค้าเตอร์ชั้นบนลงมาชงให้ ท่าทางที่ดูคล่องแคล่วของอีกคนชวนให้ผมยิ้ม พี่เมดเป็นคนชอบดูแลคนอื่นมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เวลาอยู่บ้านหน้าที่ของเค้าคือการทำเครื่องดื่มมื้อเช้าสำหรับทุกคน “ นี่พี่เมด ถามอะไรหน่อยสิ “

“ ว่า “ ผมเหลือบมองไปที่ประตูห้องพี่อาฟ คนโดนถามก็มองตามก่อนที่ผมจะเอื้อมตัวไปกระซิบแล้วถามเบาๆ

“ พี่เมดมีอะไรกับพี่อาฟยังอะ “

“ ยังเว้ย “ อีกคนตอบเสียงไม่เบานัก ก่อนจะหันไปมองที่ประตูแบบแก้มแดงๆ “ แก่แดดจริงๆเลยมึง ถามเหี้ยอะไรของมึงวะ “

“ ปกติเปล่าวะ  เรื่องเมีเซ็กส์กับคนรักมันคือเรื่องธรรมดานะเว้ย แปลกตรงไหน “ เถียงอีกคนกลับก่อนจะรับช็อคโกเล็ตร้อนที่พี่เมดยื่นให้ ผมก้มลงดมกลิ่นหอมๆของมันเพราะตอนนี้ก็ยังร้อนเกินกว่าจะกินเข้าไปได้ “ ก็เห็นรักกันมากขนาดนั้น แล้วดูท่าทางพี่อาฟก็จริงจังกับพี่เมดมากเลยด้วย วิวก็คิดว่าแบบ เออ คงถึงเรื่องนั้นกันแล้ว ถัดไปคือกำลังจะพาเข้าบ้านไปแนะนำกับพ่ออะไรแบบนั้น “

“ ยังไม่ถึงขั้นนั้นเว้ย “ อีกคนส่ายหน้าไปมาก่อนจะยกช็อคโกเล็ตในแก้วของตัวเองที่คงอุ่นพอดีแล้วขึ้นกิน พี่เมดเงยหน้าขึ้นจากแก้วตอนที่ชิมมันเข้าไปเค้าหันมามองหน้าผม “ มึงว่าอาฟเป็นไง ในความรู้สึกของมึง “

“ ถามทำไมวะ “

“ ก็อยากรู้ มึงว่าพ่อจะชอบอาฟมั้ย “

“ กลัวเหรอ “ ผมถามอีกคนก็ถอนหายใจออกมา “ ประสบการณ์จากการที่พ่อไม่ชอบแฟนเก่าอะเนอะ “

“ อื้ม “

“ ไม่เอาน่า มันคนละคนกันอะพี่เมด ก็ใช่ว่าพ่อจะไม่ชอบทุกคนสักหน่อย “ ปลอบอีกคนออกไปก่อนจะยกช็อคโกเล็ตร้อนของตัวเองขึ้นมากินบ้าง “ จำที่แม่บอกไม่ได้เหรอ ที่พ่อไม่ชอบไอ้เหี้ยนั่นก็เพราะเค้ารู้สึกว่ามันดูไม่จริงจังกับพี่เมดเท่าไหร่ก็แค่นั้น แต่กับพี่อาฟอาจจะไม่เป็นอย่างงั้นก็ได้ “

“ กังวลเพราะอาฟมันไม่ใช่คนชอบพูดนี่แหละ แถมยังไม่เข้าหาใครด้วย กลัวมันจะเข้ากับพ่อไม่ได้ “

“ คนพูดมากก็ใช่ว่าจะดี เพราะมันดีแต่พูด แต่พอเอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้ “ ยักคิ้วบอกอีกคนแบบไม่ต้องเอ่ยชื่อ แต่คนตรงหน้าก็คงรู้ว่าผมหมายถึงใคร “ ส่วนตัววิวคิดว่าพี่อาฟเป็นคนที่แสดงออกชัดเจนมากนะ สิ่งที่วิวชอบในตัวพี่เค้าคือ หนึ่งเค้าดูจริงจังกับพี่เมดมาก สองเค้าดูแคร์พี่เมดมากจริงๆ จากเมื่อวานที่เค้าพูดกับวิว วิวก็รู้แล้วว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเค้าห่วงความรู้สึกพี่เมด เค้าคงไม่พูดกับวิวแบบนั้น คงไม่สนใจวิวด้วยซ้ำมั้ง “

“ ดีใจที่มึงชอบแล้วก็เข้าใจมันนะ “

“ รวยด้วยแหละ อันนี้สำคัญสุดเลย “ พี่เมดถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้า

“ มึงนี่แม่งแบบ.. กูพูดไม่ออกเลย เหมือนจะดีนะ แต่ชอบมาเหี้ยตอนท้าย ทำไมวะ “

“ ฮ่าๆ น้องก็ล้อเล่นไง “

“ แต่กูก็แอบเครียดนะ “ อีกคนพูดเบาๆก่อนจะหันไปมองที่ประตูห้อง แล้วหันกลับมามองหน้าผม “ กูกลัวว่าตัวเองจะมาตายกับเรื่องอย่างว่าวะ กูไม่เก่งอะมึง ค่อนไปทางแย่ด้วยนะ “

“ เออ อันนี้ก็ไม่รู้วะ เพราะวิวรู้สึกว่าตัวเองค่อนไปทางดี “ เหลือบมองพี่ชายตัวเองที่มองอยู่ ใบหน้าน่ารักที่นิ่งไปเหมือนจะพยายามดุกันในสิ่งที่ผมพูด แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ผมกลัวได้หรอกเพราะหน้าพี่เมดตอนนี้มันออกจะไปทางน่ารักมากกว่าสำหรับผม “ ซีเรียสน่า เรื่องแบบนี้เราควรปล่อยไปตามหัวใจตัวเองเปล่าวะ “

“ มึงอย่าลืมว่ากูกับบินมีปัญหากันเพราะเรื่องอย่างว่ากูไม่เก่ง “

“ มันไม่มีน้ำยาเปล่าเถอะถามจริง มันเคยโทษตัวเองมั้ยว่าเป็นเพราะมัน “

“ คงไม่ เพราะกับยีนส์กูก็เห็นมันเอากันมาได้ตั้งเป็นปีๆ งั้นก็คงเป็นเพราะกูมั้ย “

“ โอยยยยยยยยย “ ผมถอนหายใจมาเซ็งๆกับคำพูดที่เอาแต่โทษตัวเองของอีกคน “ คือมึงฟังกูนะพี่เมด เซ็กส์แม่งก็เหมือนจิ๊กซอร์อะ บางทีไม่ต้องดีหรอก แต่ถ้าเราชอบแบบนี้ แม่งก็คือ โอเคแล้ว “

“ งั้นเหรอวะ “

“ เออ เชื่อวิวเถอะ คนบางคนก็ชอบคนที่เก่งๆ เอาใจ ยั่วยวน ลีลาเยอะ แต่บางคนก็ชอบคนที่แบบใสๆทำอะไรไม่เป็น เซ็กส์คือสไตส์เว้ย แม่งไม่ชอบความรุนแรงหรือจิตวิปริตก็พอแล้วมั้ย “

“ ก็จริง “

“ มึงเลิกซีเรียสเถอะพี่เมด เอาเป็นว่าเตรียมตัวให้พร้อมก็พอ “ ผมบอกก่อนจะยักคิ้ว อีกคนก็หันมาทำหน้างงใส่

“ เตรียมตัวให้พร้อมคือ ? “

“ ก็หมายถึงว่า เตรียมใจ เตรียมร่างกายตัวเองให้พร้อม เพราะเราก็ไม่รู้ว่าอารมณ์มันจะสตาร์ทกันตอนไหนถูกมั้ย เพราะงั้นเราต้องพร้อมตลอดเวลา อย่าให้มีเหตุการณ์ที่ว่า อารมณ์มา เริ่มโน้มลงเตียงกันละ แต่พี่มึงแบบ อาฟ คือไม่ได้กูรู้สึกว่ากูปวดขี้ “

“ ไอ้สัด ฮ่าๆ “ พี่ชายผมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะยกมือปิดปากตัวเองไว้เพราะกลัวจะรบกวนคนที่นอนอยู่ในห้อง

“ เอ้า กูพูดจริงๆนะ คือเหตุการณ์นั้นไม่ควรเกิดขึ้นกับพี่มึงอะ เพราะงั้นคือพี่มึงต้องพร้อม พออารมณ์มันเริ่มสตาร์ทก็จะได้ต่อเนื่องไปเลย แล้วหลังจากนั้นพี่เมดก็ปล่อยให้พี่อาฟเค้านำพาไป จะเตียงจ จะโต๊ะ หรือระเบียงก็ว่าไป “

“ ไอ้บ้า บนเตียงก็พอมั้ย “

“ เซ็กส์ไม่ใช่แค่เรื่องเตียง ไประเบียงบ้างก็ได้ “ ส่งยิ้มกว้างไปให้พี่ชาย ผมเผลอถอนหายใจออกมาก่อจจะคิดจินตนาการไปคนเดียวถึงความรู้สึกสุขในช่วงเวลาแบบนั้น

“ มึงดูมีประสบการณ์ที่ดีกับเซ็กส์นะวิว “

“ จะว่าแบบนั้นก็ได้นะพี่เมด “ ผมบอก “ โชคดีของวิวที่ไม่เคยเจอด้านร้ายๆของมันอะ แบบ เออ คนที่มีอะไรกับเราเค้าก็ให้ความสุขเราได้ “

“ รวมถึงเจด้วยมั้ย “

“ โอยยยยยยยยย “ ผมลากเสียงยาวด้วยท่าทางหงุดหงิด ก่อนจะถอนหายใจออกมาตอนเห็นพี่ชายตัวเองยักคิ้วกวนตีนมาให้

“ ว่าไง มันเป็นไงวะ เด็ดมั้ย “

“ เด็ดนะ ก็เด็ดสุดอะ แม่งมีเสน่ห์ “

“ อ๋อเหรออออ “ เสียงที่ลากแซวกันผมก็ได้แต่บอกปัด

“ เปลี่ยนเรื่องๆ ไม่คุยเรื่องนี้เว้ย “ หันไปมองหน้าอีกคน ผมรู้ว่าพี่เมดกำลังกังวลใจอยู่ไม่น้อย แต่มันก็ไม่แปลกหรอกพี่เมดมีประสบการณ์ในเรื่องแบบนั้นไปในทางที่ค่อนข้างแย่ ถึงจะไม่ใช่ในแบบที่โหดร้ายแต่ก็ไม่เคยมีความสุขกับเรื่องแบบนั้นเลยสักครั้ง สำหรับพี่เมด เซ็กส์ คือสิ่งที่ต้องจำใจทำมาตลอด ไม่ใช่สิ่งที่เค้าอยากทำ  “ จำไว้อย่างนึงนะพี่เมด เซ็กส์ที่ดี คือเซ็กส์ที่ทำให้ทั้งเราทั้งเค้ามีความสุข ไม่ใช่การที่ทำให้ใครคนใดคนนึงมีความสุขอย่างเดียว ไม่ต้องไปกังวลอะไรหรอกเชื่อวิวเถอะ พี่อาฟรักพี่เมดขนาดนี้ แล้วกับเรื่องแค่นั้นเค้าจะทำให้พี่เมดไม่มีความสุขได้ยังไงจริงมั้ย “

“ อื้ม ก็จริงของมึง แต่ก็เพราะมันรักกูไง กูเลยอยากจะให้มันมีความสุขด้วย  “

“ เอาน่า ทำตามที่วิวบอก ทำใจสบายๆ แล้วปล่อยให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นไปตามอารมณ์ของเราและเค้าในอนาคตตตตตตต “

“ เสียงดังอะไรกันตั้งแต่เช้าวะ “ เสียงทุ้มที่ดังมาจากประตูของห้องที่เปิดออก พี่อาฟเดินออกมาในชุดที่พร้อมออกไปข้างนอก เอาเข้าจริงตอนนี้ก็เหมือนมีผมคนเดียวที่ยังไม่ได้อาบน้ำ

“ วิวกับพี่เมดกำลังคุยกับเรื่องในอนาคตน่ะพี่อาฟ “

“ แรดได้แบบนี้ก็ดี แสดงว่ามึงไม่เป็นไร “ อีกคนบอกก่อนจะเดินเข้ามาในครัว พี่อาฟหยิบแก้วกาแฟของตัวเองขึ้นดื่มก่อนจะหยิบขนมปังที่วางอยู่ไม่ไกลจากกันมานั่งที่โต๊ะในครัว

“ พอคืนดีกับพี่เมดแล้ว ก็ไม่เป็นไรแล้ว “ กอดพี่ชายตัวเองตอนที่บอกแบบนั้น ผมเหล่พี่อาฟที่ก็มองดูเราด้วยท่าทางที่ก็ยังคงเหมือนเดิมคือไม่ชอบใจเท่าไหร่ด้วยความหวงแฟน “ แล้วนี่พี่เมดกับพี่อาฟมีเรียนเช้ากันเหรอ “

“ กูน่ะ ใช่ แต่ไอ้อาฟไม่ใช่มันแค่จะไปส่งกู “ พี่เมดบอก “ ส่วนมึงน่ะ ไปอาบน้ำได้แล้วจะได้ออกไปพร้อมกัน “

“ เมด เดี๋ยววันนี้เลิกเรียนไอ้เดย์จะมารับมึงนะ มันโทรมาบอกกูว่ามึงกับมัน นัดกันจะพาไอ้หมูตุ๋นไปหาหมอ “

“ ก็ใช่อยู่ “

“ กูมีเรียนตอนสิบเอ็ดโมงพอดี วันนี้เลยไปรับมึงไม่ได้ “

“ เดี๋ยวนะ ไม่หยักรู้ว่ามึงมีเรียนวันนี้กับเค้าด้วย มึงมีเรียนกับเค้าด้วยเหรอ “ พี่เมดถามอีกคนก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้ามกัน “ แล้วสองอาทิตย์ที่มึงไปรับกูได้นั่นคือ มึงโดด “

“ ประมานนั้น “

“ กูจะด่ามึงยังไงดีวะ “

“ คิดไม่ออกก็ไม่ต้องด่า “

“ ไอ้สัด “ หน้าตาที่ไม่ได้ใส่ใจของพี่อาฟ ชวนให้ผมหลุดขำ ก่อนจะแยกตัวเดินเข้ามาในห้องนอนเพื่ออาบน้ำแต่งตัว

หยิบมือถือขึ้นมาเช็คเป็นอย่างแรกหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ ผมเผลอยิ้มกับข้อความที่ส่งเข้ามาใหม่ของไอ้ลุงจอมขี้เสือกคนเดิม [ เด็กเปรต กูถามด้วยความหวังดี ]

[ กองไว้ตรงนั้น ]

[ เดี๋ยวมึงจะโดน ] อีกฝ่ายตอบกลับมาผมก็ยกยิ้ม รอเวลาที่จะได้อาคืนนี้มานานแล้ว ช่วงเวลาที่ไม่ว่าอีกคนจะพูดอะไรผมก็จะด่ากลับได้หมดอย่างที่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเอาอะไรมาขู่กันอีก

[ มึงไม่มีสิทธิ์มาขู่อะไรกูนะ บอกไว้ก่อน กูบริสุทธิ์ ]

[ ไม่บริสุทธิ์ตั้งแต่ได้กับกูแล้วมั้ย ]

[ ไอ้เชี้ย เลว ไม่ใช่บริสุทธิ์แบบนั้นมั้ยสัดลุง ]

[ แรดได้แบบนี้แสดงว่าพี่มึงเข้าใจ ]

[ ตามนั้นอะ มึงก็รู้ว่าพี่เมดใจดี เค้ามีเหตุผล ] ผมบอกอีกคนที่ก็ส่งสติกเกอร์เป็นตัวกระต่ายยกยิ้มกลับมาให้

[ แต่ก็มีคนที่ไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองแม่งใจดีขนาดไหน  กลัวอะไรปัญญาอ่อน ]

[ อย่ามาว่ากู ] บอกปัดอีกคนไป [ ตอนแรกที่กูกลัวเพราะเมื่อก่อนพี่เมดเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนอื่น แล้วเอาทุกอย่างมาเครียดไปหมด กูเลยคิดว่าพี่เมดจะยังเป็นแบบนั้นกูก็ไม่กล้าบอกให้เค้าเสียใจ ]

[ พี่มึงผ่านเรื่องเลวร้ายมาขนาดนั้น ก็ต้องเข้มแข็งขึ้นบ้างมั้ย มึงควรขอบคุณไอ้บินนะที่ทำให้พี่มึงเป็นแบบนี้ ]

[ เหอะ ] ผมสบถใส่อีกคน [ ให้กูเอาลิ้นไปเลียกำแพงดีกว่าที่ต้องทำอะไรแบบนั้น เออ ลุง กูมีอะไรจะคุยด้วยนะ ]

[ เรื่อง ]

[ วิวขอโทษนะพี่เจ ] ผมพิมพ์คำพูดที่ตั้งจะพิมพ์ไปหาอีกคน มันเป็นความตั้งใจของผมจริงๆก็อยากจะบอกกันตอนเจอหน้าแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอเลยตัดสินใจบอกไปเลยตอนนี้ก่อนน่าจะดีกว่า

[ อะไรเข้าสิงมึงวะ เด็กเวร ]

[ สัดพี่เจ ฟังกู กำลังทำตัวน่ารัก ]

[ ว่ามา จะรอฟัง ]

[ ขอโทษสำหรับทุกอย่างนะพี่เจ วิวไม่ได้ตั้งใจจะขโมยเงินพี่ มันเป็นความคิดเหี้ยๆวูบนึงของวิวที่คิดอะไรสิ้นคิดแบบนั้น วิวขอโทษนะแต่วิวจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ไม่ว่าจะพี่เจหรือกับใครๆ วิวจะไม่โกหก จะไม่ขโมยเงินแล้วจะไม่เที่ยวผับอีกจนกว่าอายุจะถึง ]
[ เออน่ารักดี มีต่อมั้ย ]

[ มีๆ ] ผมเผลอยิ้มกับคำพูดของอีกคน [ ส่วนเรื่องเงินวิวจะโอนเงินคืนให้ ขอโทษจริงๆที่ขโมยเงินพี่เจด้วยเหตุผลไม่น่ารักแบบนั้น ขอโทษที่ทำให้พี่เจเสียความรู้สึก ขอโทษนะพี่เจนะ ]

[ เออ ให้มันได้แบบนี้ค่อยสมกับเป็นน้องไอ้เมดหน่อย ] พี่เจพิมพ์ตอบกลับมา [ มึงรู้จักขอโทษก็ดีแล้ว กูไม่โกรธมึงหรอก ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องคืน กูไม่ได้คิดจริงจังอะไร คิดว่าให้มึงในฐานะน้องไอ้เมดก็แล้วกัน ]

[ ไม่ได้ดิกูต้องคืน เพราะถ้ากูไม่คืนไม่ว่ายังไงพี่เมดก็ต้องคืนเองอยู่แล้ว แล้วแบบนั้นกูก็คงไม่โอเคอะ กูอยากจะรับผิดชอบเอง นี่เงินของมึงก็อยู่กับกูอะพี่เจ ให้กูรับผิดชอบนะให้กูจ่ายมึงเถอะ ]

[ จะเอาแบบนั้น ]

[ อื้ม จะเอาแบบนั้น อยากคืนเงินให้มึง อยากรับผิดชอบในเรื่องที่ตัวเองทำ ]


[ งั้นก็เจอหน้ากันค่อยคืน ไม่ต้องโอนมา ]

[ ต้องรับนะ ]

[ เออ เจอกันก่อนเถอะไอ้น้อง ] อีกคนบอกผมก็ถอนหายใจออกมา โล่งไปอีกเรื่องนึง ในที่สุดก็ได้ขอโทษในสิ่งที่ตัวเองทำผิดกับพี่เจหนึ่งในคนที่ผมควรจะเอ่ยขอโทษแบบจริงจังไม่แพ้พี่เมด

[ แล้วนี่ลุงมึงไม่เตรียมตัวไปเรียนเหรอ ]

[ รู้ได้ไงว่ากูมีเรียนวันนี้ ] อีกคนถาม ผมก็ส่งสติกเกอร์ใส่แว่นดำแทนอารมณ์ว่าตัวเองรู้ทันอีกคนไปให้

[ ก็กูอยู่กับพี่เมดพี่อาฟอะ พี่อาฟเตรียมตัวไปเรียนกูก็ต้องรู้สิว่าลุงมึงมีเรียน ลุงมึงเพื่อนพี่อาฟอะ ]

[ อะไรวะ กูว่าจะโดดไปกินบุพเฟ่อาหารญี่ปุ่นสักหน่อย อุตส่าห์ได้บัตรแดกฟรีมาตั้งสองใบ ]

[ ไม่มีเวลากินให้กูก็ได้นะ กูอยากกินอาหารญี่ปุ่น กูชอบกินปลาแซลม่อนอะ ]

[ เรื่องอะไรที่กูต้องให้เด็กแรดแบบมึง ] อีกคนถามผมก็แบะปากใส่ข้อความนั้น [ ไปด้วยกันก็ว่าไปอย่าง ]

[ นี่ ชวนกู ? ] ถามอีกคนกลับผมก็กลั้นยิ้มตอนที่พิมพ์แซวอีกคนไป [ ถามจริงลุง จีบกูอยู่ปะ มาชวนกูไปกินข้าวอะ ]

[ เข้าข้างตัวเองอะไรเบอร์นั้นวะวิว ]

[ เหรอออ ไม่จีบก็แล้วไป ] ผมบอกอีกคนไปแบบนั้น ไม่อยากจะบอกอีกคนเลยว่ามองจากดวงจันทร์ยังรู้ว่าอีกคนพิมพ์มาแบบนั้นเพราะอะไร ความรู้สึกของผมกับพี่เจมันเป็นอะไรที่เรียกว่า ไม่พูดกันมากกว่าว่าต่างต่างฝ่ายรู้สึกอะไร เหมือนเราผ่านจุดที่เรียกว่าเซ็กส์ที่แสนประทับใจในตัวของแต่ละฝ่ายมาด้วยกัน ถึงแม้ว่าไม่ได้ชอบ แต่ก็มั่นใจว่า ต่างฝ่ายต่างรู้สึกดีต่อกันในระดับนึง ซึ่งก็สามารถพัฒนาไปได้ ถ้ามีใครสักคนเริ่มพูดเรื่องสัมพันธ์แบบจริงจัง แต่สำหรับผมไม่ว่าจะถามหรือไม่ถาม ก็มีคำตอบที่อยากจะบอกอยู่แล้ว [ กูก็แค่อยากจะบอกไว้ก่อน ว่าถ้าลุงมึงจะจีบกู กูชอบคนรวยนะ ]

[ งั้นเหรอ บัตรเครดิตกูมีนะ  ไม่รวยมากเท่าไอ้อาฟแต่ไม่ลำบากก็แล้วกันเพราะกูขยัน ]

[ โหห ลุงแม่ง ไม่จีบเนอะ โคตรอ่อยไอ้สัด ]

[ ว่าไง จะไปไม่ไปแดกแซลม่อนอะ ] อีกคนย้ำ ผมก็ถามกลับ

[ มึงไปเรียนเถอะ วันนี้ท่าทางจะสำคัญ พี่อาฟยังไปเรียนไม่ขาดเลย ]

[ ไอ้เชี้ยนั่นมันขาดจนขาดไม่ได้แล้วสัด  ถ้าขาดอีก มันเรียนไม่จบแน่มันเลยขาดไม่ได้ ]

[ อ๋อ แบบนั้นนี่เอง ] ผมพยักหน้ารับทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่เห็น [ งั้นกูรอมึงเลิกเรียนแล้วไปด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวกูติดรถพี่อาฟไปหาลุงมึงที่มหาลัย รอมึงเลิกเรียนแล้วเราก็ค่อยไปกินข้าวด้วยกัน พอเสร็จมึงก็ค่อยไปส่งกูที่คอนโด ]

[ ก็แล้วแต่มึงแล้วกัน ]

[ เค งั้นก็เอาตามนี้นะครับ ]  ผมบอกอีกคนพี่เจก็ถามขึ้นมาหลังจากเงียบไปสักพัก

[ วิว กูถามตรงๆนะ จีบมึงได้มั้ย ]

[ ลุงมึง เมาแฟ้บเหรอ อยู่ๆถามเหี้ยอะไรแบบนั้น ไหนบอกตอนแรกไม่จีบไง แล้วนี่อะไรมาถามว่าจีบกูได้มั้ย มึงบ้าเหรอ ] หลุดหัวเราะกับคำพูดตรงๆของอีกคน ผมเคยคิดอยากจะได้คำขอเป็นแฟนแบบโรแมนติกหน่อยนะ แต่อะไรแบบนี้ค่อนข้างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ยังแอบคิดเลยว่าขนาดคนอย่างพี่อาฟขอพี่เมดเป็นแฟนยังโรแมนติกกว่า

[ กูแค่ถาม ว่ากูจีบมึงได้มั้ย ก็สมมุติว่าถูกใจ จะได้จีบเลยไม่ต้องถามอีก ]

[ สีข้างถลอกไปหมดแล้วสัดลุง ] ผมบอกอีกคนยิ้มๆ [ก็จีบได้ แต่บอกไว้ก่อนว่าตอนนี้กูให้มึงได้แค่ฐานะลุงกับหลานอะ รอกูสอบเข้ามหาลัยให้พี่เมดชื่นใจได้ก่อน กูถึงจะคิดเรื่องมีแฟนจริงจัง ตอนนี้กูจะตั้งใจเรียนหนังสือสอบเข้ามหาลัย ]

[ ดูแลระหว่างติวฟรีนะ นั่งเป็นเพื่อนที่คาเฟ่เวลาอ่านหนังสือก็ได้นะ เผื่อมึงไม่รู้ ]

[ จ้า ก็ถ้าลุงมึงจะอ่อยกูขนาดนี้ ไว้จะเรียกใช้บริการบ่อยๆเลยแล้วกันนะครับ ] ยิ้มให้กับข้อความนั้น อีกคนก็ส่งสติเกอร์หน้าหล่อกลับมาให้ ผมหลุดยิ้มออกมาก่อนจะส่งสติกเกอร์อารมณ์รับไม่ได้กลับไปให้อีกมัน 

[ เจอกันเด็กเวร ]

[ จ้า อีลุง ]


ปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือจัดการอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่พี่เมดเตรียมไว้ให้ตั้งแต่เมื่อคืน เดินออกไปนอกห้องพี่อาฟพี่เมดที่กำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอกก็หันมามองผมที่ก็ส่งยิ้มกว้างมาให้ก่อนจะพูดขึ้น

“ พี่อาฟ วิวไปมหาลัยพี่อาฟด้วยนะ “

“ เพื่อ ? “ อีกคนถามกลับพี่เมดก็หันมาฟังคำตอบด้วยความสนใจ

“ เออ จะไปทำไมวะ มันสมัครเรียนได้แล้วเหรอ “

“ ลุงจะเลี้ยงแซลม่อนวิวอะ “ ผมบอกทุกคนก็ยิ่งขมวดคิ้ว “ พี่เจจะเลี้ยงแซลม่อนวิว วิวเลยจะไปรอพี่มันที่นั่น เลิกเรียนแล้วจะได้ไปด้วยกันเลย “ พี่เมดหันมองพี่อาฟหลังจากที่ผมพูดจบ สายตายิ้มๆที่เค้ามองกันเหมือนกำลังคิดเหมือนกันว่าพี่เจกับผมมีความรู้สึกที่พิเศษให้กัน “ ไม่ต้องมามองตาแล้วนินทาวิวเลย ไม่ได้มีอะไรเว้ย แค่ลุงกับหลานเราไปกินแซลม่อนกันเฉยๆ “

“ กูกับเมดยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ “  พี่อาฟบอก พี่เมดก็เสริมแฟนตัวเอง

“ เนอะมึง ยังไม่พูดอะไรเลย รู้สึกอะไรกับเค้าแบบนั้นรึเปล่าวะวิว ถึงรู้สึกว่ากูสองคนจะคิดอะไรแบบนั้น “

“ แค่ชวนกันไปกินข้าว ไม่มีใครใช้วิธีโบราณแบบนี้จีบกันหรอก “

“ งั้นเหรอวะ “ พี่อาฟบอกยิ้มๆ ก่อนจะเดินนำออกไปก่อนที่พี่เมดจะเอ่ยบอกกัน

“ มึงไม่รู้อะไรวิวคนเราน่ะ มันก็ตกหลุมด้วยวิธีเบสิค แบบโบราณๆทั้งนั้นแหละ “

“ เว้นวิว ไว้สักคนไม่ได้เหรอ  อยากได้วิธีที่มันคลูๆ ให้สมกับวัยรุ่นสักหน่อย “ ผมเดินตามพี่ทั้งสองคนออกไป พี่เมดเป็นคนล็อคห้องตอนที่ผมบ่นแบบนั้นพี่อาฟก็บอกอีก

“ คนแก่จีบ มึงก็ต้องทำใจ “

“ พี่เจไม่ได้จีบวิวสักหน่อยเว้ย “  แล้วพอพูดออกไปแบบนั้น พี่ของผมทั้งสองคนก็พูดออกมาพร้อมกันด้วยรอยยิ้ม

“ ร้อนตัววะ “

“ ไม่ได้พูดว่ามึงสองคนจีบกันสักหน่อย “ พี่อาฟบอกย้ำก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับพี่เมด ผมที่ได้แต่มองคนคู่นั้นที่เดินออกไปข้างหน้า แม้จะรู้สึกหน้าร้อนไปหมดแต่ก็ยังหมั่นไส้ในความรวมหัวกันแกล้งของทั้งคู่

“ พวกพี่มึงแม่ง เดี๋ยวสักวันกูจะเอาคืน  “

.........................................................

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 29 :: up! 6-7-61} #หน้า 22
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 13-07-2018 20:29:03

   รถคันที่นั่งชะลอลงที่หน้าคณะของผม ปลดเข็มขัดนิรภัยหยิบเช็คของที่ต้องเอาไปเรียบร้อย ผมก็หันไปบอกคนที่มาส่งเหมือนอย่างทุกที “ ถึงแล้วส่งข้อความมาบอกกันด้วยนะครับคุณอารยะ “

“ อื้ม “ อาฟตอบสั้นๆ ผมก็หันไปบอกวิว


“ เดี๋ยวพี่ไลน์หานะวิว กินแซลม่อนให้อร่อยละ “

“ พี่เมดแม่ง “ สถบคำล้อของผมออกมา ผมยักคิ้วล้อน้องชายตัวเอง ที่ก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่นก่อนจะพูดขึ้นมาเสียงเรียบๆแบบที่ทำให้ผมเขินกลับบ้าง “ แล้วพี่เมดไม่หอมแก้มพี่อาฟหน่อยอะ “

“ หอมแก้มทำไมวะ “ บอกปัดอีกคนแบบไม่สนใจ ผมรู้สึกตัวเองหน้าร้อนไปหมดในสถานการณ์ตอนนั้นแล้ววิวที่เห็นเป็นแบบนั้นก็ไม่หยุดล้อผมง่ายๆ

“ ก็เหมือนกับที่เวลาคนเป็นแฟนกันเค้าทำกันในหนังไง หอมแก้มแฟนทีนึงบอกว่า เดี๋ยวเจอกันนะ แล้วก็ค่อยลงไป “

“ ประสาท “

“ อยากเห็นอะ ทำหน่อยสิ “ คำพูดยิ้มๆของคนข้างแกล้งผมถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปมองน้องชายตัวเองแบบหาเรื่อง “ พี่เมดหอมแก้มพี่อาฟให้วิวดูหน่อย “

“ ไร้สาระมึง กูไปเรียนแล้วเดี๋ยวไม่ทัน “ ผมบอกปัดแต่อาฟกลับพูดออกมาเสียงเรียบๆ

“ มีเวลาอีกตั้งยี่สิบนาที หกสิบวิตอนติดไฟแดงยังเคยจูบกันมาแล้วเลย “ ให้มันได้แบบนี้ ก่อนหน้านี้ที่เราแซวไอ้วิวมันยังอยู่ทีม แต่เหมือนตอนนี้มันกลับกลายไปอยู่ทีมไอ้วิวซะแล้ว ‘ ร้ายนัก ’

“ มึงแม่ง..พูดทำไมวะ ”

“ ก็กูไม่ชอบโกหก “ อาฟบอกแบบไม่ใส่ใจ

“ นี่เคยจูบกันในรถด้วย “ วิวถามก่อนจะเหล่มองผม “ พี่เมดแรดว่ะ กูจะฟ้องพ่อ “

“ มึงแม่งก็ไปฟังมัน “ หันไปปฎิเสธอีกคนแบบหูแดงๆ ผมที่ตอนนั้นกำลังจะอธิบายอีกคนแต่ทว่าคนที่ขับรถพามากลับปลดเข็มขัดนิรภัยที่ตัวเองคาดอยู่นั้นออก ก่อนจะดึงตัวเองมาหอมแก้มผมไปเต็มฟอด แบบต่อหน้าต่อตาไอ้วิวคนอยาก “ ไอ้เชี้ย “

“ กูเห็นมึงมองกูเมื่อกี้ เคยคิดว่ามึงคงอยากจะให้กูเริ่ม “

“ กูมองเพราะด่ามึงอยู่ไอ้สัด เข้าใจไว้ด้วย “

“ งั้นผมไม่รับรู้ครับ “ อีกคนบอกก่อนจะรัดเข็มขัดนิรภัยไว้ตามเดิมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้ผมอีกครั้ง  “ หอมแก้มเสร็จแล้วครับคุณ ลงไปแล้วหรือจะให้ผมจูบคุณด้วย “ 

“ หยุดความคิดของมึงไว้ตรงนั้น กูไปเดี๋ยวนี้แหละ “ ผมบอกอีกคนก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หันไปมองน้องชายตัวเองที่ก็นั่งอยู่ข้างหลังพลางยักคิ้วมาให้ “ แกล้งกูนะวิว ฝากไว้ก่อน มึงก็ด้วย “ คำสุดท้ายหันไปบอกไอ้อาฟที่ก็ดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ 

“ เดี๋ยวตอนเลิกเรียนไอ้เดย์จะมารับมึงนะอย่าลืมละ “

“ อื้ม ยังไงเดี๋ยวตอนน้องเดย์มารับ กูจะไลน์ไปบอกมึง “ เปิดประตูรถออกไปผมหันไปบอกวิว “ เจอกันนะมึง “

“ อื้ม บ๊ายบาย “

“ ไปละ “

 ปิดประตูรถลงเรียบร้อย ผมก็หันหลังเดินขึ้นตึกเรียนของตัวเองไปหลังจากที่รถคันที่มาส่งขับออกไป ขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นที่เรียน เปิดประตูเข้าไปในห้องที่ตอนนี้เริ่มมีนักศึกษามากันเกือบเต็มห้อง ผมเลือกที่นั่งที่มีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วสองคน เพราะไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับอีกทั้งสองคนที่ก็จ้องจะมานั่งข้างผมแทบจะทุกคาบ ผมถือคติชีวิตในตอนนี้ว่า ‘ ถ้ามันหน้าด้านที่จะไม่เลี่ยง ผมก็ต้องเลี่ยงเอง ’

“ เมด หวัดดี รายงานกลุ่มเสร็จยัง วันนี้ส่งแล้วนะ “ เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยทักผมตอนที่นั่งลง

“ ส่งวันนี้เหรอวะ “

“ เอออะดิ อาทิตย์ที่แล้วอาจารย์ก็บอกลืมเหรอ “ พยักหน้ารับแบบยิ้มแห้งๆ

“ ท่าทางจะไม่ได้ฟังให้ดี “

“ อย่าบอกนะว่ายังไม่เสร็จ “ เพื่อนถามผมก็ส่ายหน้า

“  เปล่าๆ เสร็จนานแล้ว แต่งานอยู่ที่ยีนส์น่ะ “ บอกแบบนั้นคนที่นั่งอยู่ข้างๆก็ส่งสายตาเป็นกังวลมาให้

“ มึงก็ไว้ใจพวกมันเนอะ ทั้งๆที่มันก็ทำมึงถึงขนาดนั้น “

“ กูไม่ได้ไว้ใจหรอก “ ผมบอกเธอก่อนจะยิ้มให้ คนฟังขมวดคิ้วงงเล็กน้อยกับสิ่งที่ผมพูดแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ตัวผมเองก้มลงมองแฟ้มที่อยู่ในมือในนั้น ผมใส่รายงานกลุ่มฉบับที่ต้องส่งมาด้วย คนเราโง่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ไม่มีทางเชื่อใจพวกมันสองคนได้อีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน 

เสียงพูดคุยในห้องเรียนเบาลงทันทีมันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเมื่อยีนส์กับจิงเดินเข้ามาภายในห้องแล้วเมื่อมันสองคนนั่งลง ทุกคนก็จะหันไปซุบซิบนินทาคนทั้งคู่เหมือนอย่างทุกครั้ง แต่หลังๆก็เหมือนคนโดนนินทาจะชินเสียจนไม่สนใจอะไรแล้ว ทั้งสองคนเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างหลังผม เราไม่ได้ทักทายอะไรกันจนกระทั่งอาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามา

“ วันนี้กำหนดส่งรายงานนะคะ เอามาส่งกันได้เลย ใครมาส่งหลังจาก 15 นาทีนี้อาจารย์ไม่รับแล้วนะคะ “

“ ยีนส์ มึงเอารายงานมากูจะเอาไปส่งให้ “ เสียงจิงที่นั่งอยู่ข้างหลังผมพูดขึ้นมากับเพื่อนคนที่นั่งอยู่ข้างๆกัน แต่เหมือนอีกคนกลับแค่พูดเสียงนิ่งๆออกมาอย่างไม่ใส่ใจก็เท่านั้น

“ กูไม่ได้เอามา ลืมไว้ที่ห้อง “

“ ห๊ะ ? มึงหมายความว่าไงวะ ลืมไว้ที่ห้อง “

“ อื้ม ก็ลืมไปที่ห้อง “

“ แล้วไหนเมื่อกี้กูถามมึงบอกว่ามึงเอามาแล้ว “ 

“ ก็ลืม “ ถ้อยเสียงที่ดูไม่ใส่ใจตั้งใจพูดให้ผมที่อยู่ข้างหน้าได้ยิน

“ แล้วจะทำยังไงมันต้องส่งอาจารย์วันนี้ “

“ ก็เดี๋ยวไปบอกอาจารย์ว่าลืม หลังคาบก็ค่อยกลับไปเอามาส่งที่ห้องพักอาจารย์ก็ได้มึง “

“ แต่อาจารย์ก็บอกว่าให้ส่งภายใน 15 นาทีนี้ ”  ผมถอนหายใจออกมาเสียงดังตอนที่ได้ฟังทั้งคู่นั่งเถียงกันอยู่แบบนั้น หันหลังไปมองยีนส์ที่ยังคงเฉยชากับเรื่องที่เกิดขึ้น มันที่มองหน้าผมแบบไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วทุกอย่างในตอนนั้นมันก็บอกกับผมว่า อีกคนตั้งใจที่จะทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว

“ เมด กูขอโทษทีเดี๋ยวกูไปบอกอาจารย์ให้นะ “ จิงที่หันมาบอกผมด้วยท่าทางลำบากใจ ก่อนที่ยีนส์จะพูดขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉยแบบยิ้มๆ

“ โทษทีนะมึง แต่ 10 คะแนนคงไม่ทำให้มึงพลาดเกียรตินิยมหรอก มันต้องได้สักอันดับแหละน่า “

“ ยังขาดกลุ่มใครที่ยังไม่ส่งอีกบ้างค่ะ “ เสียงอาจารย์ที่หน้าห้องดึงขึ้น ผมที่ยกมือขึ้นก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งเดินเอารายงานที่ตัวเองพิมพ์ออกมาเผื่อไว้อยู่แล้ว ลุกขึ้นเอาไปส่งให้อาจารย์ ก่อนจะเดินกลับมานั่งลงที่เดิม

“ เมด ขอบคุณนะมึง แล้วก็ขอโทษด้วย “ จิงพูดกับผม ตอนที่หันไปมองมันที่ยิ้มให้ ผมก็ยิ้มตอบกลับไป

“ ไม่เป็นไรหรอก แต่กูอยากเตือนมึงไว้สักอย่างนะจิง “ ถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปหายีนส์ที่นั่งอยู่ข้างๆอีกคน ท่าทางที่ดูไม่พอใจของมันแม้จะไม่พูดอะไรแต่สายตาที่กำลังหงุดหงิดก็บอกกับผมทุกอย่างแบบไม่ปิดบัง “ ถ้าทำได้ มึงเลิกคบกับไอ้ยีนส์ได้แล้วนะ ขนาดในรายงานนั้นมีชื่อมึงอยู่ มีคะแนนของมึงอยู่ มึงที่เป็นเพื่อนรักที่คอยปิดความลับของมันมาตลอด มันยังไม่แคร์เลย  มันเอาแต่ความต้องการของตัวเองที่อยากจะแค่ทำให้กูรู้สึกเหี้ย เพื่อนแบบนี้ทางที่ดีเลิกคบนะ คบไปก็ไม่น่าเจริญ เห็นแก่ตัว “
“ คิดเข้าข้างตัวเองไปแล้วมั้ง ใครอยากจะทำให้มึงรู้สึกเหี้ยกันว่ะ “

“ ไม่รู้สิ คงเป็นใครสักคนที่เลือกจะทำรายงานมาแบบเหี้ยๆ หาข้อมูลแบบไม่ตั้งใจหา แถมยังพิมพ์ตัวอักษรเหี้ยๆใส่ในเนื้อหาที่ต้องส่งมาให้กู เพราะรู้ว่ากูเป็นคนรวมเล่มแล้วก็เช็คก่อนส่งพิมพ์ ใครสักคนที่ออกตัวว่าขอปริ้นท์งานเอง เพราะก็คิดไว้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ว่าจะไม่เอามาส่ง “ ผมยิ้มให้ยีนส์ “ แต่ถ้ามึงไม่คิดอะไรแบบนั้น ก็ไม่ต้องรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องที่กูพูดหรอกจริงมั้ย “ 

ไม่มีเสียงตอบรับของอีกฝ่ายที่เถียงกลับมาอย่างทุกที เราแค่มองหน้ากันอยู่แบบนั้น ท่ามกลางเพื่อนร่วมคลาสเรียนที่ต่างก็มองมาทางเรา

“ มึงเหมือนไม่ใช่คนที่เคยเป็นเพื่อนกูเลย “

“ มึงไม่ได้เป็นเพื่อนกูมานานแล้วยีนส์ “

ยิ้มตอบรับคำพูดของอีกคน ผมนั่งลงที่เดิมของตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาแบบสะกดอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้ให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้  ทำทีเป็นเปิดเอกสารที่ต้องใช้เรียนขึ้นมาพร้อมกับกล่องปากกา ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ผมหงุดหงิดจนมือมันสั่นไปหมด ในความคิดของผมที่แบ่งออกเป็นสองความรู้สึก มีทั้งความรู้สึกแรกที่หงุดหงิดเพราะคะแนนของรายงานนั้นต้องแบ่งไปให้ไอ้ยีนส์คนที่จงใจสร้างความชิบหายให้ผม แต่อีกความคิดก็คิดปลงๆไปว่า ทำบุญไปแล้วกัน ยังไงคะแน่นนั่นก็คือคะแนนของผมด้วย ถ้าไม่ทำ ไม่ส่ง ก็คงไม่มีคะแนน คนมันบ้าก็ปล่อยให้บ้าไปคนเดียว ผมไม่ควรไปหงุดหงิดตามเกมส์ของมัน อีกอย่างก็ควรหยุดความรู้สึกทุกอย่างที่เกี่ยวกับพวกมันได้แล้ว ผมไม่อยากจะให้อาฟเสียใจอีก

[ ถึงแล้ว ] ข้อความที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมยิ้มกับสิ่งที่เห็นก่อนจะปลดล็อคหน้าจอแล้วตอบข้อความนั้นกลับ

[ ตั้งใจเรียนนะ อารยะ ]

[ เก็บคำนั้นไว้บอกตัวมึงเถอะ ]

[ จ้า พ่อคนขยัน พ่อคนไม่เคยโดดเรียน ]

[ กูไปเฝ้าแฟนกู เกี่ยวอะไรกับมึงว่ะเมด ]

[ เกี่ยวเพราะกูนี่แหละแฟนมึง ไอ้เชี้ย ] ส่งสติกเกอร์หน้าโกรธไปให้มัน อีกคนก็ส่งสติกเกอร์ที่ผมเคยซื้อให้กลับมา มันเป็นแมวน้ำหน้าตาน่าเอ็นดูที่ชวนให้ผมยิ้ม

[ แล้ววันนี้ไม่มีเรื่องฟ้องกูรึไง ไอ้เด็กขี้ฟ้อง ]

[ พูดเหมือนกูฟ้องมึงทุกครั้งที่มีเรียน ]

[ มึงเป็นแบบนั้นเมด ] ผมถอนหายใจออกมา ใจนึงก็ไม่อยากจะเล่าเลยอยากจะให้มันจบๆไปได้แล้วสำหรับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้อยากจะโกหกเพราะถ้าอาฟมาเจอผมก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าผมมีเรื่องอะไรในใจ ความรู้สึกตอนนี้ที่กลัวที่สุดคือ อาฟจะคิดไปรึเปล่าว่าผมยังใส่ใจกับเรื่องงี่เง่านั้น [ ว่าไง มีใช่มั้ย ]


[ ก็มี แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกมึง แต่ที่มึงพูดกับกูไว้คือโคตรแม่นเลยนะ ]
[ ยังไง ]

[ ก็ที่บอกให้กูพิมพ์รายงานมาเผื่อฉบับนึงเผื่อพวกมันตุกติกไม่เอามาส่งไง ] ยกยิ้มตอนที่พิมพ์ข้อความนั้น  ต้องขอบคุณไอ้อาฟจริงๆสำหรับเรื่องนี้ ถ้ามันไม่เตือนผม ตอนนั้นก็คงไม่คิดจะทำเผื่อมาแน่นอน [ สรุปคือมันตั้งใจไม่เอางานมาส่ง กูเลยต้องส่งฉบับที่กูพิมพ์มาเผื่อแทน ]

[ อื้ม ]

[ หงุดหงิดสัด กูแม่งอยากจะเอาเก้าอี้ยกขึ้นฟาดหัวพวกมันคนละที คือ ทำรายงานก็เหี้ยแล้วนะ ไม่เอางานมาส่งอีก กูควรทำไงกับมันดีอาฟ มึงช่วยคิดกูหน่อย กูควรจัดการความรู้สึกของตัวเองยังไงดี ]

[ ถ้าคิดแล้วชีวิตดีขึ้นก็คิด ]

[ สัด เหมือนด่าว่าคิดเรื่องมันทำไมชีวิตไม่ได้ดีขึ้น ]

[ เริ่มฉลาดแล้วนิ ] อาฟบอกแบบนั้นผมก็ได้แต่มองหน้าจอนั้นไม่ได้ตอบอะไร [ คิดว่าทำเพื่อตัวเอง คะแนนของตัวเอง ไม่ต้องคิดอย่างอื่น ]

[ อยากมาเรียนแล้วไม่ต้องพูดถึงมันให้มึงฟังสักครั้ง แต่ก็วอนตีนกูตลอดจ้า เหมือนสัมพเวสีขอส่วนบุญ กูพยายามไม่ยุ่งแล้วนะแต่แม่งก็พยายามหาเรื่องกูกันจัง น่าเบื่อชิบหาย ]

[ อื้ม ]

[ มันจะหยุดมั้ยมึง แบบ ตัวใครตัวมัน มันจะหยุดมั้ย ]

[ ไม่รู้ กูไม่ใช่มัน ]

[ น้องเมดเหนื่อยจังเลยอะพี่อาฟ น้องเมดรู้สึกท้อแท้  ] บอกกับอีกคนก่อนจะส่งสติกเกอร์อ้อนๆไปให้ ก่อนที่สติกเกอร์ สู้ๆ ที่ไม่เข้ากับท่าทางของมันจะถูกส่งกลับมาให้พร้อมกับข้อความที่ไม่ค่อยตรงกับใจเท่าไหร่เหมือนอย่างทุกที
 
[ งอแงเหี้ยไร ปัญญาอ่อน ]

[ เที่ยงนี้กูต้องไปกินข้าวกับน้องเดย์สินะ เพราะมึงมีเรียน ] งอแงใส่อีกคนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผมไม่รู้ว่าท่าทางที่ผมเป็นตอนนี้มันจะชอบมั้ย จะยิ้มอยู่มั้ย หรือจะถอนหายใจออกมาแบบรำคาญ แต่ที่ผมรู้ คือตอนนี้ผมอยากจะทิ้งตัวลงนั่งข้างมันมากที่สุด อยากจะเลื้อยตัวเองไปกอดอีกคนไว้ สูดกลิ่นตัวอบอุ่นของอาฟแล้วก็ให้มันกอดผมไว้แน่นๆเหมือนเมื่อคืนที่เรากอดกัน [ อยากไปกินข้าวกับมึงอะอาฟ ]

[ เช็คชื่อเสร็จเดี๋ยวออกไปหา ]


[ เรียนเถอะ กูพูดไปงั้นอะ อยากงอแงใส่มึงเฉยๆ ]

[ ขี้งอแง ] ยิ้มยอมรับกับข้อความนั้นของมัน ผมส่งสติกเกอร์อ้อนๆไปให้มันก็ส่งข้อความตอบกลับมาอีก  [ เดี๋ยวพาไปกินมื้อเย็น อยากกินอะไรก็เลือกไว้ ]

[ กอดหน่อย ]

[ อะไรเข้าสิงมึง ]

[ สัด ] ผมสถบก่อนจะสติกเกอร์หน้าโกรธไปให้มัน [ กูอ้อนอยู่ อ้อนน่ะ อ้อน เข้าใจมั้ยอารยะ กูอ้อนมึงอยู่ ]

[ ก็บอกว่าเดี๋ยวอาจารย์เช็คชื่อเสร็จกูออกไปหา ]

[ เรียนเถอะจ๊ะ ไม่อยากมีแฟนโง่ ]

[ มึงจะเอายังไงกับกู มึงวอแวอยากให้กูไปหา พอกูบอกว่ารอก่อน อาจารย์เช็คชื่อเสร็จกูจะไป มึงก็บอกอีกว่าไม่ต้องให้กูตั้งใจเรียน คือตีนกูมั้ยเมด ยังไงดี ]

[ เกรี้ยวกราดกับแฟน ] ผมแซวมัน  [ กูอ้อนตีนมึงไปงั้นแหละ เดี๋ยวตอนเย็นเจอกันครับ ]

[ งั้นติดไว้ก่อนนะ ] อาฟบอกผมก็ได้แต่ยกคิ้วงงๆ

[ ติดอะไร ]

[ กอดที่มึงขอ ติดไว้ก่อน เดี๋ยวเจอกันแล้วจะให้ ]

[ ขอแน่นๆเลยนะ ]

[ เรื่องมาก ] ข้อความที่ตอบกลับมาชวนให้ผมยิ้มตอนที่อ่าน [ แต่จะตามใจแล้วกัน ] ส่งสติกเกอร์เป็นตุ๊กตากระโดดกอดอีกคนไปเป็นการจบบทสนทนาของเรา ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างจะหันไปตั้งใจเรียน

น้องเดย์มารับผมเลทจากเวลาจริงที่ต้องมาเป็นครึ่งชั่วโมง แต่ผมกลับกลั้นขำน้องที่มีสีหน้าบอกบุญไม่รับตอนที่เห็นหน้าผม สองมือที่ยกขึ้นไหว้ด้วยสีหน้าเว้าวอนแบบขอร้อง

“ น้องเดย์ขอโทษที่มารับช้า แต่อย่าบอกพี่อาฟเลยนะพี่เมด ไม่งั้นน้องเดย์ตายแน่นอนเลย ”

“ บอกๆ จะฟ้อง “ ผมแซวอีกคนที่ก็ก้มลงมาไหว้ถึงตัว

“ น้องเดย์กราบ พี่สะใภ้นะครับ อย่าทำร้ายน้องเดย์เลยนะครับ “

“ ถามจริง ถ้าบอกไอ้อาฟ มันจะทำอะไร “

“ ไม่รู้ว่ะ “ คนขับส่ายหน้าให้ผมในระหว่างทางที่เรานั่งรถไปด้วยกัน “ อย่างสัดพี่มากสุดก็คงหักเงินเดือนอะ “

“ แต่พี่เมดเป็นคนทำเรื่องเงินเดือนของคนในผับนะ ถึงไอ้อาฟจะบอกหักเงินเดือน แต่ถ้าพี่เมดโอนเต็มก็เท่านั้นอะ “

“ ทำไมเธอร้าย “ ยกนิ้วเก็กหน้าหล่อส่งให้อีกคนแล้วยักคิ้วให้ เราแวะกินอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ไม่ไกลจากผับ ก่อนจะแวะไปรับไอ้หมูตุ๋นจับใส่กรงแล้วพามาที่โรงพยาบาลสัตว์ที่ก็อยู่ไม่ได้ไกลกันนัก  ผมเปิดประตูที่นั่งด้านหลังหยิบกรงใส่แมวขึ้นมาก่อนจะเอ่ยแซวมัน

“ นั่งเบนซ์มาหาหมอเลยนะมึงไอ้หมูตุ๋น “  เสียงตอบรับดังเมี๊ยวของมันชวนให้ผมยิ้ม ก่อนเปิดประตูเข้าไปในด้านในโรงพยาบาลสัตว์ พนักงานด้านหน้าก็เอ่ยทัก

“ สวัสดีค่ะ “

“ สวัสดีครับ พาน้องแมวมาตรวจสุขภาพครับ “ ผมบอกก่อนจะวางกรงลงบนพื้น “ พอดีเค้าท้องแก่มากแล้ว เลยอยากรู้ว่าสุขภาพแข็งแรงพอที่จะคลอดได้เองมั้ย แล้วก็อยากรู้ด้วยว่าเค้าท้องลูกกี่ตัว “

“ ได้ค่ะ ถ้าอย่างเชิญนั่งรอสักครู่นะคะ “

“ ครับผม “ พยักหน้ารับกับพนักงาน ผมหมุนตัวเองเพื่อหาที่นั่งแต่ยังไม่ทันเดินไปคนคุ้นเคยที่ไม่คิดว่าจะเจอก็ชวนให้นิ่งชะงักไปก่อนรอยยิ้มของผมที่ยิ้มอยู่หุบลง หัวใจที่แทบหยุดเต้นในตอนนั้น ผมเผลอเรียกชื่อมันก่อนจะถอนหายใจ “ บิน “

 “ ก็ว่าเสียงคุ้นๆ คิดว่าใคร เมดนี่เอง “ อีกคนบอกยิ้มๆด้วยท่าทางดีใจแต่ผมกลับไม่รู้สึกแบบนั้น เพราะตอนนั้นผมรู้สึกอย่างเดียวในใจคือ ‘ อีสัด เจอเหี้ยตัวเมียมึงเมื่อเช้า ออกจากมหาลัยยังมาเจอเหี้ยตัวผัวอีก ’ “ เดี๋ยวนี้เลี้ยงแมวแล้วเหรอ “

“ แมวที่ผับน่ะ มันท้องแก่ สงสารมัน เลยเอามาเลี้ยงไว้ “ ตอบแบบไม่อยากตอบ ผมเลือกนั่งตรงที่นั่งที่ไม่ไกลจากอีกคน เหลือบมองคนที่พยายามจะชวนคุยก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเพื่อบอกความรู้สึกอึดอัดใจทั้งหมด เหลือบมองออกไปนอกโรงพยาบาลสัตว์ที่ยังไม่เห็นแม้เงาของคนที่มาด้วยจะเดินเข้ามา

“ ยังใจดีเหมือนเดิมเลยนะ “ บินชวนผมคุย

“ อื้ม “ ผมตอบรับอีกคนก่อนจะส่งยิ้มแบบไม่อยากจะยิ้มไปให้ ท่าทางที่สื่อกับอีกคนว่าเลิกถามอะไรกูสักที กูไม่อยากตอบแต่ดูท่าทางว่าบินจะไม่ค่อยเข้าใจก็เลยยังตั้งคำถามชวนคุยกันอยู่อย่างงั้น

“ แล้วนี่มากับใคร ไอ้อาฟเหรอ “

“ เปล่า มากับน้องชายอาฟน่ะ “

“ พี่เมดอะ “ เสียงของคนที่ผมรออยู่ เดินเข้ามาพร้อมกับช็อคโกเล็ตเย็นในมือที่ยื่นให้ ก่อนจะนั่งลงข้างกัน “ เยลลี่ด้วยมั้ย “

“ ไหนมาชิม “ หยิบเยลลี่น้องกินชิ้นนึง ก่อนจะยิ้มให้อีกคนที่ก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดกล้องหน้าแล้วยื่นมือออกมาเตรียมถ่ายรูปคู่กับผม ที่ก็จะเป็นแบบนี้ทุกครั้งด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ มาถ่ายรูปไปอวดสัดพี่กันเถอะ มันต้องอกแตกตายแน่ๆ เพราะมันไม่ได้อยู่ใกล้พี่เมด ’

“ ถ่ายรูปส่งไปให้สัดพี่กันดีกว่า “ ชูมือสองนิ้วเข้ากล้อง ทุกท่าทางของเราถูกจับจ้องด้วยใครอีกคน บินจ้องเราจนน้องเดย์ยังรู้สึกแล้วหันมากระซิบผม “ พี่เมด คนนั้นเค้ามองเราทำไมวะ หรือเค้าจะคิด ว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน เพราะเราเหมาะสมกันมากเลยในจุดนี้ “

“ นั่นแฟนเก่าพี่เมด “

“ ห๊ะ ? “ คนฟังอ้าปากค้างก่อนจะเหลือบมองคนที่เราพูดถึง น้องเดย์หันมากระซิบผมอีกครั้ง “ คนที่นอนกับเพื่อนพี่เมดน่ะเหรอ “

“ อื้ม คนนั้นแหละ “

“ อ๋อออ “ แววตาสดใสแปรเปลี่ยนเป็นหาเรื่องอีกฝ่ายทันทีตอนที่รู้เรื่อง น้องเดย์หันไปมองอีกคนแบบไม่ชอบใจมือนึงที่ยัดเยลลี่เข้าไปในปาก ผมหลุดยิ้มกับท่าทางของน้องคือจะบอกว่า มันก็น่ากลัวอยู่นะน้องเดย์ท่าทางมึงอะพอจะต่อยกับมันได้แต่ไอ้เยลลี่ในมือนี่พี่เมดว่ามันไม่น่าจะใช่เท่าไหร่วะ “ มันจะมองอะไรเรานักหนาวะ “

“ ช่างมันเถอะ “ บอกปัดแบบไม่สนใจ ผมก้มลงมองไอ้หมูตุ๋นที่อยู่ในกรง ยื่นนิ้วเข้าไปลูบขนมันก่อนจะหันไปถามคนนั่งข้างกัน “ น้องเดย์ว่ามันจะท้องลูกกี่ตัว “

“ สี่ตัว “

“ เยอะขนาดนั้นเลยเหรอวะ “

“ ก็ท้องมันโตอะพี่เมด น้องเดย์ว่านะบางทีอาจจะมากกว่านั้น แบบ หกเจ็ดตัว “

“ แล้วเราจะเลี้ยงมันยังไงวะ “ หันมองน้องเดย์ที่ก็ยักไหล่ขึ้นมาแบบไม่รู้เหมือนกัน “ ถ้าออกมาเจ็ดตัวจริงๆ ไอ้อาฟมีวอร์แน่นอนงานนี้ เตรียมตัวรอได้เลย “

“ พี่เมดก็อ้อนสัดพี่สิ น่ะอาฟน้า เลี้ยงเถอะน้า หอมแก้มสัดพี่สักฟอดสองฟอด ถ้าทำแบบนั้นร้อยตัวก็ให้เลี้ยง เชื่อน้องเดย์ “ หลุดหัวเราะเสียงดังกับท่าทางของคนที่นั่งข้างๆ ก่อนจะหุบยิ้มตัวเองลงตอนที่เห็นว่าบินมองอยู่ น้องเดย์หันไปมองอีกคนก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ มองอะไรพี่สะใภ้กูนักหนาวะ “ คนโดนถามยิ้มกว้างก่อนจะตอบออกมาแบบยั่วโมโหคนถามอยู่หน่อยๆ

“ มองแฟนเก่ากูไง “ บินยิ้มให้ผมตอนที่ตอบ ตั้งแต่คบกันมาผมก็รู้ว่าอีกคนก็เป็นคนกวนตีนอยู่ไม่น้อย ตอนสมัยที่เรายังคบกันก็มีอยู่หลายครั้งที่มันเกือบโดนต่อยเพราะความปากหมาของตัวมันเอง

“ กวนตีน “

“ น้องทามะค่ะ “ เสียงของพนักงานในโรงพยาบาลสัตว์เอ่ยเรียกแมวตัวที่อีกคนพามา บินลุกขึ้นเต็มความสูงในตอนนั้นกระเป๋าใส่แมวของมันก็ถูกหิ้วเข้าไป ผมจำแมวตัวนั้นได้ดี มันเป็นแมวของยีนส์จำได้ว่ามันซื้อมาเลี้ยงเมื่อสามปีก่อน ยีนส์เป็นคนชอบแมวมากแล้วมันก็มีความสุขมากๆตอนที่ได้แมวตัวนี้มา เห็นบอกว่าคนสำคัญซื้อให้ ตอนแรกผมคิดว่าพ่อของมันที่ทำงานอยู่ที่จีนซื้อให้ แต่ตอนนี้พอมานั่งคิดๆก็คงจะไม่ใช่หรอก คนสำคัญที่มันบอก ก็คงเป็น บินนั่นแหละ

“ ขอตัวก่อนนะ “

“ จะไปตายที่ไหนก็ไปเถอะครับ “ น้องเดย์พูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะหันมามองผมที่มองอีกคนอยู่ “ ถ้าไม่มีพี่เมดนะ บอกเลยเลยตีนเหยียบหน้ามันไปละ “

“ เก่งจังวะ นั่งกินเยลลี่ให้หมดไป “ ผมบอกอีกคนที่ก็หยิบเยลลี่เข้าปากไปอย่างว่าง่าย

“ พี่เมด โอเคนะ “

“ โอเคสิ ถามทำไมอย่างั้นวะ “ เอียงหน้ามองหน้าที่กำลังจ้องหน้าผม “ ทำไม ? หน้าตาพี่เมดดูไม่โอเคเหรอวะ “

“ น้องเดย์ว่า แววตาดูไม่สดใสเหมือนเดิมอะ ”

“ แค่สงสารตัวเองน่ะ “ ผมบอกอีกคน “ ตอนสมัยคบกันเค้าไม่เห็นเคยทำอะไรให้พี่เมดเลย แต่ดูสิ เค้าพาแมวของเพื่อนพี่เมดมาหาหมอให้อะ พอกับพี่เมดน่ะ ให้ซื้อของขึ้นไปทั้งๆที่เป็นทางผ่านอยู่แล้ว ยังบ่นแล้วบ่นอีกเลย “

“ เค้าก็แค่ไม่รักพี่เมดอะ “ คนข้างๆผมบอกก่อนจะยักไหล่ “ เพราะถ้าเค้ารักเรา อะไรที่เค้าทำให้เราได้ เค้าก็ทำให้เราหมดนั่นแหละ ดูอย่างสัดพี่อาฟสิ นั่นแหละความแตกต่างระหว่าคนที่เค้ารักพี่เมดกับคนที่เค้าไม่รักพี่เมด “

“ สมที่เป็นน้องพี่อาฟ อวยพี่มันสุดๆ “ ผมแซวอีกคน ที่ก็โบกมือไปมาปฎิเสธ

“ ก็พูดไปตามที่เห็นอะ ไม่ได้อยากอวดสัดพี่เลยเถอะ “

“ จ้าๆ พี่เมดก็คิดแบบน้องเดย์คิดนั่นแหละ “  ผมพยักหน้ารับน้องชายที่นั่งกันเอื้อมมือไปหยิบเยลลี่นั่นมากิน เรานั่งรออยู่ไม่นานสักพักบินก็เดินออกมาพร้อมกับแมวของยีนส์ มันยิ้มให้ผมก่อนจะเอ่ยบอก

“ เมด ไว้ว่างๆ นัดเจอกันนะ อยากคุยด้วย “

“ ไม่จำเป็น เพราะไม่มีอะไรที่พี่เมดจะต้องคุยกับมึง ใช่มั้ยพี่เมด “ น้องเดย์ตอบแทนก่อนจะหันมามองหน้าผม ที่ก็พยักหน้ารับคำพูดนั้นแต่เหมือนบินจะไม่ได้ใส่ใจคำพูดนั้นสักเท่าไหร่ มันแค่ยกยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ผม

“ งั้นเดี๋ยวว่างๆ กูไปที่ผับ throw up  แล้วกัน “ บินบอกก่อนจะยิ้มให้ผม “ คงไม่มีใครห้ามลูกค้าเข้าร้านหรอกใช่มั้ย “

“ น้องหมูตุ๋น เข้าตรวจได้แล้วนะคะ “ เสียงของพนักงานที่เอ่ยเรียกเรา ผมเบือนหน้าหนีคนที่พูดหาเรื่อง แต่ยังไม่ทันจะก้าวเดินออกไปบินก็คว้าแขนของผมไว้ก่อน

“ แล้วเจอกันที่ throw up นะเมด “

“ กูไม่ได้อยากเจอมึง “

“ แต่กูอยากเจอ “ บินบอกก่อนจะยิ้ม “ ไอ้อาฟน่ะ อยากคุยให้มันฟังสักหน่อยว่าเมดของบินน่ะเป็นยังไงตอนที่คบกัน เผื่อแฟนใหม่อย่างไอ้อาฟ จะได้รู้ว่าตัวเองต้องเจอกับอะไรบ้าง “

“ ปล่อยแขนพี่สะใภ้กู ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัว “ เอื้อมมือไปจับมือของอีกคนตอนที่พูดออกมาแบบนั้น แววตาหาเรื่องของหาเดย์ ทำให้บินปล่อยแขนออกจากมือผมทันที ก่อนที่มันจะยกสองมือยอมเหมือนพวกเจอตำรวจ

“ ไปเถอะน้องเดย์ อย่าไปสนใจหมามันเห่าเลยว่ะ “

“ แล้วเจอกันนะเมด ฝากบอกอาฟด้วย  “  เสียงที่ตะโกนไล่หลังเรามา ทำทีเป็นไม่สนใจแล้วเดินเข้าไปในห้องตรวจที่ตอนนี้คุณหมอรอเจ้าหมูตุ๋นอยู่ แต่ในใจของผมกลับเอาแต่คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ บินอยากบอกอาฟ  แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะต่อความรู้สึกของอาฟ

..................................... ................

ครบทุกรสมีทุกอารมณ์
ตอนที่แล้วมีคนถามเรื่องเจวิว ตอนนี้คงได้คำตอบแล้วเนอะ แต่เราไม่ทิ้งคู่ไหนที่เริ่มความสัมพันธ์ไว้แน่นอนค่า
อาจจะไม่ได้เด่นชัด แต่มีความสรุปในตัวบทของมัน เจวิวเองก็จะมีให้อ่านเรื่อย ๆ แต่อาจจะไม่ได้เด่นแบบคู่หลัก แต่จะมีบ้างเป็นตอนส่วนตัว แต่โดยรวมก็จะโผล่มาให้เห็นว่า ทั้งสองคนอยู่ในความสัมพันธ์แบบไหนกันอยู่ ไปถึงอะไรให้ขั้นไหนแล้วอะไรทำนองนั้น เพราะตอนนี้ และ จากนี้ไปสักพัก เราจะเข้าสู่เนื้อหาหลักส่วนท้ายของอาฟเมดแล้วจ้า
และนี่คือทางไปนิยายแชทจอยลดา http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6
ป.ล. ยังไม่จบ ต่อให้เป็นส่วนท้าย มันก็ยังไม่จบ แค่เนื้อหาจะเข้มข้นขึ้นเฉยๆ

สปอยตอนหน้า

“ เออ ที่สำคัญมันบอกพี่เมดด้วยนะ ว่ามันอยากจะเจอพี่เมด มันอยากคุยด้วย แต่พอกูบอกว่าไม่ต้องมา แม่งก็บอกจะมาที่นี่อะ “
“ งั้นเหรอ “ ผมพยักหน้ารับคำพูดของน้องชายก่อนจะยิ้มให้พวกมันสองคน “ ก็ดีนะ throw up ยินดีต้อนรับอยู่แล้ว “

โอเค เจอกันตอนหน้าค่า
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม นะคะ  เจอกันตอนหน้า #ยิ้มร้าย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 13-07-2018 21:06:12
ช่างหน้าทนเสียนี่กระไรคุณบิน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-07-2018 21:54:29
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 13-07-2018 22:25:56
เมดดูเข้มแข็งขึ้น มีแคร์ความรู้สึกอาฟ
เชื่อว่าอาฟจะรับมือได้
ดูนิสัยบินแล้วคงไม่พ้นพูดให้เจ็บใจ อย่างเรื่องบนเตียง!! แบบหยาม!!

เมื่อไหร่ความจริงจะเปิดเผย
เพื่อนคนนั้นกลับมาได้แล้ว ให้ว่องนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 13-07-2018 22:30:25
เชี่ยตัวเมียกับเชี่ยตัวผู้ พวกคุณ2ตัว ควรเดินเกี่ยวตูดกันลงน้ำนะ ไม่ควรมาระรานเลย พี่อาฟจัดสักหน่อยดิ๊
แม่งวอแวมากอ่ะ ต้องสักทีนะพี่ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 13-07-2018 22:37:27
ลากกันลงไปสมสู่ในน้ำให้มันส์ไปเหอะ..เหี้ยผู้กับเหี้ยเมีย
แมร่งงงงง เหมาะสมกันดีชิ้บหาย
เหี้ยคบกับเหี้ย ดีออก

อย่าเอาตัวเองมาเปรียเทียบกับเฮียอาฟ(ของตรู อิอิ)
ต่างสปีชีส์กัน อย่าเอามาเปรียบกัน มันม่ายยยยยยยด้ายยยยย
หุหุ

อย่าเผลอโผล่หัวขึ้นมาจากน้ำแล้วมากัดกันให้น้องเมดดูนะ
ตรูจะให้เฮียอาฟ(ของตรู) เขวี้ยงไม้ทิ่มดากให้ตูดแหกตายทั้งสองตัวรุย
ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-07-2018 22:57:40
สัดบิน เทคแคร์ดูแลสัดยีนส์ซะขนาดนี้  :really2:
ยังละเมอหลงว่าตัวเองรักเมด  นี่โง่ หรือโง่สุดๆกันนี่   :m20: :laugh: :pigha2:
ยังคิดไปเป่าหูอาฟเพื่อแกล้งเมด เลวชนิดนรกกลัวเลย  :fire: :fire: :fire:

คิดถูกจริงๆเรื่องรายงาน
ว่าสุดเลวยีนส์เพื่อนทรยศจะไม่ส่งงาน เพื่อแกล้งเมด
ทั้งที่มีคะแนนทั้งของตัวเอง ทั้งของจิง เชื่อว่าเลวจริงไรจริงแท้ทรู   :z3: :z3: :z3:

แล้วลุงเจ ก็ขอจีบหลานวิว  :ling1:

อาฟ เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 13-07-2018 23:01:59
ตอนหน้ามันส์แน่ๆ แต่นะเกลียดบินอ่ะ จบแล้วให้มันจบๆไปไม่ได้รึไง แม่งมาวนเวียนเป็นเจ้ากรรมนายเวรอยู่นั่น
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 13-07-2018 23:21:00
และตอนนี้ก็เป็นตอนที่หัวร้อนอีกหนึ่งตอน  :fire:  :m31: อยากเอามีดกระซวกๆทั้งสองตัวคนอะไรหน้ามึนดีแท้
วิวเริ่มน่ารักแล้วชอบๆ เมดเข้มแข็งขึ้นเยอะแต่ยังขี้ฟ้องเหมือนเดิมรึว่าขี้อ้อนหน๊า~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-07-2018 23:26:29
พกโลงติดตัวไว้ด้วยนะ บิน  :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 14-07-2018 00:22:06
สัดบิน โทรบอกสุริยาหีบศพ เอาโลงศพมาส่งด้วยเลย บอกไซส์ตัวเองไปด้วย  :m16:

คิดว่าอาฟจะปล่อยให้ออกจากผับด้วยสภาพครบสามสิบสองหรอ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-07-2018 00:54:21
มาเลยจ้า~ คุณอารยะรอก่อwarอยู่จ้า~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 14-07-2018 01:01:30
ฉันว่านายไปหาเรื่องเจ็บตัวมากกว่านะบิน ตีนตั้งกี่คู่ที่ Throw UP มันจะรุมกระทึบนายนะบิน :eiei1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 14-07-2018 01:27:15
บินนี่อะไรของมันวะ มันเคยรักเมดบ้างมั้ย ทำไมทำแบบนี้ เลวจริงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 14-07-2018 01:39:42
น้องเดย์เจอครั้งแรกยังทักทายดีแบบนี้
ถ้าไปที่ร้านอาฟต้องปูพรมรอต้อนรับแน่ๆ

 :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 14-07-2018 05:12:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-07-2018 08:52:50
ไอ้เหี้ยยยยบิน  :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:
ถ้าจะมาป่วนขอให้โดนอาฟจัดหนักจัดเต็มให้สาแก่ใจทีเถอะ กวนตีนทั้งผัวทั้งเมีย เมดไม่ยุ่งด้วยแล้วยังเสือกวอแวไม่เลิก
เมดพูดถูกจิงก็เลิกเป็นเพือนกับไอ้เหี้ยยีนส์เถอะ ขนาดรายงานแม่งยังแกล้งไม่เอามาส่ง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-07-2018 09:20:51
ผีเน่ากับโลงผุเลย ยีนส์กับบิน  :m16:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 14-07-2018 09:43:22
อยากให้เจอกันไวๆๆๆๆๆ อาฟจะได้จัดการให้จบไปเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-07-2018 10:30:06
ไอ้บินมันยังไม่ตายอีกเหรอ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 14-07-2018 10:47:27
เกลียดอ่ะ ทั้งผ.ทั้งม.เลย จะมาวนเวียนของส่วนบุญเมดไปถึงไหน ลำ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 14-07-2018 10:49:08
อีบินนน เกลียดดดดด  :angry2:
เดี๋ยวมึงได้เจอพี่อาฟแน่  :m31:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 14-07-2018 10:51:05
มาครบทั้งผีเน่า และโลงผุ =_=
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 14-07-2018 11:37:09
ของหายอยากได้คืนหรือไงจ้า
แต่ระวังน้า พี่เมดน่ะเจ้าที่แรง!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 14-07-2018 11:47:57
ตอนที่บินตอบว่า มองแฟนเก่ากูไง นึกว่าน้องเดย์จะบอกว่า
" อ๋อ แฟนคนที่มึงนอกใจเขาไปเอากับเพื่อนเขาคนนั้นเหรอ " ซะอีกนะ
เพราะสกิลกวนตีนของน้องเดย์คงไม่แพ้ใคร ว้า  เดาผิดเลย 5555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 14-07-2018 11:51:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 14-07-2018 12:24:11
อดีตแฟนกับอดีตเพื่อนคนนั้นดูเหมาะสมกันดีจัง
อย่างนี้น้องเดย์บอก คนมันไม่รัก มันก็ไม่ใส่ใจเนอะพี่เมด
ถือว่าได้เริ่มต้นใหม่กับคนที่จริงใจซะที

ชอบบรรยากาศตอนอาฟ เมด วิว อยู่ด้วยกัน
และตอนที่น้องเดย์มาเทคแคร์พี่เมดแทนพี่อาฟก็น่ารัก
ดูเป็นครอบครัวดีจัง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Ampaiem33 ที่ 14-07-2018 12:41:10
 :katai1:อดใจรอตอนต่อไปแทบไม่ไหว งื้ออยากอ่านเร็ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-07-2018 12:49:49
ผีเน่ากับโลงผุจริงๆ ผัวเมียคู่นี้ สมกันมากเลวทั้งคู่ เมดพ้นไปได้นี่ชีวิตเจริญแล้ว สงสัยบินจะบอกอาฟเรื่องเซ็กซ์ของเมดแน่เลยที่เมดไม่ค่อยเก่งอ่ะ คิดดีแล้วใช่มะที่จะเข้าถ้ำเสือ o3
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 14-07-2018 13:27:46
อิบิ๊น!  :z6: :beat:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-07-2018 14:44:02
55555 เจไม่ได้จีบเนาะ แค่ถามเผื่อไว้ก่อน
วิวก็นะ อารมณ์เด็กน้อยถูกทิ้งเลยเคว้ง แต่น้องไม่ได้เกเร

ตลกเมด อ้อนนะเข้าใจไว้ด้วย ทำไมอาฟไม่เข้าใจ
รออาฟมากอดเมดนะ ขอแน่นๆ แบบที่อาฟจะจัดให้น่ะ

ตอนนี้เมดทำได้ดีมาก และเข้มแข็งเยอะมาก หักหน้ายีนส์ได้ดี
จิงก็ทนได้เนาะ ทั้งที่เจอมาขนาดนี้ หรือมีอะไรมากกว่านี้

บินคะ ต้องเป็นคนยังไงหรอ ถึงยังทำหน้าระรื่นได้ขนาดนี้
น้องเดย์คะ ตอนจะต่อยเค้า ก็ช่วยเก็บเยลลี่ไว้ก่อน ไม่ใช่อะไร เสียดาย  :hao4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 14-07-2018 14:48:56
เราชอบบรรยากาศของเรื่องนี้มากๆเลยอะ ชอบเวลาที่คนในThrow up อยู่ด้วยกัน
มันดีมากๆเลยค่ะ บรรยากาศมันแบบบ แงงง โคตรชอบๆๆๆๆๆๆ
มันดูสบายใจ ดูมีความสุข ดูเป็นความรู้สึกน่าเข้าไปอยู่ในวงนั้นอะ
ปล.ตอนเพิ่มขึ้น พี่เมดก็ร้ายมากขึ้นนะคะ 555555555555555
ขำน้องเดย์ ทำเป็นโหดแต่อยู่โหมดนั่งกินเยลลี่ 5555555555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 14-07-2018 15:15:40
ีโหอีควายอีบิน ไปตายเหอะมึง
เอาแมวอีเพื่อนเลวมาหาหมอแล้วยังมายุ่งกะเมด
สันดาน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 15-07-2018 00:03:31
โอ๊ยยยยสนุกอ่า. เมื่อไหร่กรรมตะตามอิผีเน่าโลงผุ คู่นี้สักที
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 15-07-2018 03:40:37
บิน แกจะทำอะไรอี๊กกก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 15-07-2018 17:39:17
โอ้ยอดใจรอตอนหน้าไม่ไหว จัดเต็มเลยเฮีย หมั่นใสมานานแหละ ไอ้แฟนเก่าน่ะ เมื่อไหร่จะเลิกจองเวรซักที

ขอบคุณจ้ะ  :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: akashita ที่ 17-07-2018 10:38:47
บินกะยีนส์ นี่แบบ สมกันอย่างกะผีเน่าโลงผุอ่ะ
นิสัย เชี่ยด้วยกันทั้งคู่ เฮ้อ ๆ หว้งว่าพี่อาฟจะมีวิธีแก้เผ็ดเอาให้หน้าหงายไปตาม ๆ กัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 17-07-2018 13:49:12
คิดว่าบินจะจบ ทำไมไม่จบวะ

คือนี่มั่นไส้มากอะ รู้สึกเสียใจ หน่อยๆ ตอนที่เมดเล่าเรื่อง แมวของยีนส์ กับการฝากซื้อของ ของตัวเอง


คือ งง ใน งง


ไม่รักไม่ชอบแล้วมาจีบทำพีชผักสวนครัวอะไรวะ


หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 17-07-2018 23:28:23
ส่งจีจี้ไปกัด...มัน บักห่านกินหัวมึงเอ่ย โพดโพกับความจัญหรอกจัญไร โผล่มาเมื่อไหร่เอาไม้หน้าสามฟาดให้แม่งหัวแบ่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: mookim ที่ 19-07-2018 13:00:22
อย่าคิดจะทำอะไรเมดนะเฟ้ย อารยะเดือดละจะหาว่าไม่เตือน 55+ งานนี้หมี่เหลือง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 20-07-2018 20:26:42
ตอนที่ 31


เปิดประตูเข้าไปทางด้านหน้าของผับในช่วงบ่ายสามของวัน ภายในร้านที่ค่อนข้างเงียบเชียบมีเพียงแค่คนสามคนที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะกลางร้าน ท่ามกลางโต๊ะตัวอื่นๆที่ถูกยกเก้าอี้ขึ้นมาไว้ด้านบน

ผมเผลอยิ้มตอนที่มองไปยังแผ่นหลังของคนที่วอแวอยากจะให้กอดกันอยู่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนอยู่สักพัก เมดที่กำลังตั้งใจทำงานของตัวเอง มือของมันกดพิมพ์ไปตามหน้าจอของไอแพต ส่วนข้างซ้ายของจอก็เป็นแมวตัวอ้วนสีเทาแซมดำที่ก็คลอเคลียใกล้ๆไม่มีห่าง ส่วนไอ้บาร์เทนเดอร์สองตัวที่ผมสั่งให้มาอยู่เป็นเพื่อน ทั้งไอ้เดย์ไอ้อัยย์ก็นั่งแข่งเกมส์ด้วยกันที่เก้าอี้ตัวถัดไป

“ อ้าวเฮีย กลับมาแล้วเหรอ “ ไอ้อัยย์ที่เงยหน้าขึ้นจากจอเกมส์ของมันพอดี เอ่ยทักผมที่ก็ยักคิ้วให้มันเป็นคำตอบก่อนจะเดินเข้าไปใกล้อีกคนที่ก็เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอทันทีเตอนที่ได้ยินชื่อผม เมดยิ้มก่อนจะถาม

“ กินอะไรมายัง “

“ ยัง เพราะมีคนวอแวกูตั้งแต่เช้าบอกให้พาไปกินข้าวเย็นด้วย “ คนฟังยิ้มกว้างออกมาก่อนที่ผมจะเชิดหน้าไปทางแมวอ้วนตัวกลมที่พอสบสายตากับผมมันก็ลุกขึ้นจากที่นอนบนโต๊ะกระโดดลงไปนั่งบนตักคนตัวขาวทันที เหมือนมันจะรู้ว่าในผับนี้มีแค่เมดเท่านั้นที่จะช่วยมันได้ถ้าเกิดต้องมามีเรื่องกับผมเข้า

“ แล้วนี่มันเป็นยังไงบ้าง “ พอผมเอ่ยถามถึงเจ้าหมูตุ๋นก็เอาแต่ซุกไอ้เมดด้วยท่าทางที่เหมือนจะกลัวกัน ทั้งๆที่ความเป็นจริงผมไม่เคยจับมันแรงๆ หรือไปทำอะไรให้มันเจ็บเลยสักครั้ง มากสุดก็แค่มอง แต่มันก็ชอบทำท่าทางกลัวพร้อมอ้อนไอ้เมดจนผมอยากจะยกตีนขึ้นถีบมันให้กลิ้งไปไกลๆ ก็ถ้าไม่ติดว่าท้องแก่ ก็คงทำไปแล้ว

“ ไอ้หมูตุ๋นซุกพี่เมดใหญ่เลยสงสัยกลัวเฮีย “ ไอ้อัยย์ที่หันมาสังเกตุเห็นเอ่ยล้อๆก่อนที่ไอ้เดย์ที่จดจ้องกับการเล่นเกมส์จะเงยหน้าขึ้นมาบอกก่อนจะยกยิ้ม

“ แมวแม่งมีเซ็นส์เว้ย มันรู้ว่าใครเป็นตัวอันตราย มันเลยไม่อยากจะเข้าใกล้สัดพี่ไง กลัวสัดพี่ถีบมัน พวกคนร้ายกาจก็งี้แหละ “

“ แล้วก่อนกูจะถีบไอ้หมูตุ๋น กูจะถีบมึงก่อนสัดเดย์ “ ผมบอก เมดก็หัวเราะออกมาก่อนจะตอบคำถามที่ผมเคยถามมันไป

“ หมอบอกว่ามันสุขภาพแข็งแรงดี อ้วนถ้วนสมบูรณ์ดีทั้งแม่แล้วก็ลูกในท้องเลย “

“ แล้วเรื่องคลอดหมอว่าไง “

“ หมอบอกว่าหมูตุ๋นค่อนข้างกลัวคน เค้ากลัวมันรู้สึกเครียดแล้วคลอดเองไม่ได้ถ้าอยู่โรงพยาบาล เลยแนะนำให้มาคลอดที่บ้านดีกว่า มันจะได้สบายใจ เพราะหมอมั่นใจว่ามันคลอดเองได้แน่นอนมันแข็งแรง “ บอกแบบนั้นก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้ผม เมดก้มลงลูบขนแมวในตักก่อนจะพูดด้วยเสียงเล็กๆที่ผมโคตรน่ารำคาญเวลาเห็นไอ้เดย์พูดกับแมวตัวเอง “ เนอะตุ๋นเนอะ ตุ๋นจะคลอดเองเนอะ “ แต่พอเป็นเมด ผมกลับรู้สึกว่าแม่ง ‘ น่ารักว่ะ ’

“ แล้วหมอบอกว่ามันมีลูกกี่ตัว “

“ สาม “ ชูนิ้วขึ้นมาบอกผม ที่ก็พยักหน้ารับส่งไปให้มัน “ กูตั้งชื่อให้มันแล้วด้วยนะ “ คำพูดที่เหมือนจะบอกกับผมกลายๆว่า เราจะเลี้ยงลูกมันทั้งสามตัวแน่นอน จับตั้งชื่อเรียบร้อยโดยไม่ถามเจ้าของผับอย่างผมสักคำว่าจะให้เลี้ยงมั้ย เป็นการยัดเยียดทางอ้อมแบบที่คนตรงหน้ารู้ดีว่า ถ้าเป็นมัน ยังไงผมก็ยอมให้อยู่แล้ว 

“ ตั้งชื่อทำไมใครให้เลี้ยง “

“ มึงแม่งอย่าพูดให้แมวเครียดสิวะ “ เมดดุผม “ เดี๋ยวมันคลอดลูกไม่ออกพอดี กลัวมึงไม่ชอบลูกมัน “

“ ประสาท “ ผมสถบอีกคนก็ก้มลงลูบหัวแมวปลอบๆ

“ ไม่ต้องเครียดนะหมูตุ๋น คลอดลูกออกมาให้ได้ทั้งสามตัวเลยนะ เมดอยากเห็น “ ท่าทางอบอุ่นของอีกคนชวนให้ผมยิ้ม ก่อนจะทำทีเป็นเบือนหน้าไปทางอื่น จะให้เมดรู้ไม่ได้ว่าผมกำลังตกหลุมรักมันอีกครั้งเพราะความใส่ใจเล็กๆที่มันมีให้แมวที่นอนอยู่บนตัก

“ แล้วมึงตั้งชื่อลูกมันว่าอะไร “

“ เครป ฝอยทอง นูเทล่า “ ประโยคที่เอ่ยออกมาด้วยความตั้งใจชวนให้เราทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นจ้องมองมันด้วยสายตาที่ไม่อยากจะคิดว่าชื่ออะไรแบบนี้จะเป็นชื่อของแมวได้

“ ถามจริงพี่เมด หิวเหรอ “ ไอ้อัยย์เอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆที่ก็ยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ

“ นิดนึง “ คนตอบหัวเราะก่อนจะอธิบาย “ ก็แม่มันชื่อหมูตุ๋น แล้วทุกครั้งที่พี่เมดไปกินหมูตุ๋น พอกินเสร็จพี่เมดก็จะเดินไปซื้อเครปไง เลยตั้งว่า เครป นูเทล่า ฝอยทอง  นี่ถ้าสี่ตัวจะพอดีเลยนะ เพราะจะมีไอ้กล้วยหอม ด้วย “

“ สงสารไอ้ฝอยทอง ชื่อไทยอยู่ตัวเดียว “ น้องชายผมบอกก่อนจะดัดเสียงตอนที่พูดชื่อนั้น  “ อีกตัวก็ชื่อเท่มากเลย นูเทล่า ”

“ คนตั้งก็เท่ “ เมดยกมือขึ้นเก็กหล่อ แต่เหมือนจะไม่มีใครสนใจมันเท่าไหร่กับคำพูดนั้น

“ แต่ถ้าน้องเดย์เป็นไอ้เครปน้องเดย์โกรธนะพี่เมด “

“ ทำไมวะ “

“ ก็ทำไมหนูชื่อเครปมีพยางค์เดียว พี่น้องคนอื่นมีมากกว่าสองพยางค์กันหมดเลย แม่ไม่รักหนูใช่มั้ย น้อยใจ “ ไอ้เดย์ทำท่าประกอบไหล่กว้างของมันห่อตัวลงทำให้ดูตัวเล็ก เสียงสองที่น่ารำคาญของมันชวนให้ถอนหายใจออกมา

“ น่ารำคาญไอ้สัด “

“ ความสองมาตรฐานของสัดพี่กูอะเนอะ พี่เมดทำแล้วยิ้ม กูทำบอกน่ารำคาญ ใช่สิ! “ เสียงย้ำออกมาด้วยอารมณ์ “ เดย์เป็นแค่น้องที่คลานตามกันมาจะไปสำคัญเท่าแฟนได้ยังไง ใช่สิ!”

“ ปัญญาอ่อน “

“ แล้วหลังจากไอ้หมูตุ๋นคลอดแล้วเฮียจะทำไงอะ “ คำถามที่ทำให้ทุกคนหันมามองหน้าผม รวมถึงแมวตัวอ้วนที่ก็หันมามองด้วยสายตาอยากรู้ไม่ต่างอะไรจากคนที่อุ้มมันไว้เท่า

ผมก็อยากจะตอบตรงๆนะว่า “ จะให้ทำไงได้วะ มึงก็รู้ว่ากูแพ้แฟนกูจะตาย ถ้าเมดอยากเลี้ยงแล้วมาอ้อนกู กูก็คงต้องให้เลี้ยง กูขัดใจแฟนกูได้ที่ไหน กูไปไหนไม่รอดหรอก กูแพ้มัน ไอ้เมดน่ะ กูแพ้มากๆ “ แต่คนแบบผมก็ไม่ใช่คนแบบที่จะพูดอะไรออกไปตรงๆแบบนั้นได้ ก็เลยทำได้แค่จ้องหน้าคนที่เป็นเหตุผลของทุกอย่างสลับกับหน้าแมวตัวอ้วนอยู่แบบนั้น จนต้องหลุดยิ้มออกมาเพราะรู้สึกว่า หน้ามันก็ออกจะคล้ายกันอยู่หน่อยๆ

“ หน้ามึงเหมือนกันเลยนะ “

“  ห๊ะ ?  อะไรหน้าเหมือนกัน กูกับไอ้หมูตุ๋นน่ะเหรอที่เหมือนกัน “

“ อื้ม “ เมดก้มหน้าลงมองแมวตอนที่ผมตอบรับ ไอ้หมูตุ๋นเงยหน้ามองเจ้าของมันก่อนที่เมดจะเหนียงมันให้ยืดออกแล้วล้อ

“ งั้นมึงก็ชมกูน่ารักน่ะสิวะ เพราะไอ้หมูตุ๋นของกูมันน่ารักมากกกก “

“ อื้ม ก็ตามนั้น “ คำตอบของผมชวนให้คนฟังอย่างไอ้เดย์ไอ้อัยย์หันมองหน้ากันก่อนจะเบิกตาใส่กันแล้วหันมายิ้มล้อผมที่ก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วบอกปัด “ ไว้คลอดออกมาแล้วค่อยว่ากัน “

“ เพราะถ้าเมดบอกว่าจะเลี้ยง อาฟก็จะถามว่า ซื้อคอนโดแมวกี่อันดี ต้องซื้อห้องน้ำแมวเพิ่มมั้ย หรือจะสร้างบ้านให้แมวอยู่ไปเลยดี “ อัยย์มันแซวก่อนน้องชายผมจะบอก

“ แต่ถ้าเดย์บอกว่าจะเลี้ยง อาฟก็จะบอกว่า ไปตายไอ้สัด “  เสียงหัวเราะที่ดังออกมาด้วยความถูกใจของมันสองคนที่ดังขึ้น ชวนให้เมดยิ้มกว้างก่อนจะหันมาถามผม   

“ แล้วเย็นนี้มึงจะไปกินอะไร “

“ อยากกินพิซซ่า “ ไอ้อัยย์บอก

“ สปาเก็ตตี้ และของทอดต่างๆด้วย ไม่ก็พวกชาบู แต่ควันจะติดตัว มาทำงานต่อคงไม่ดี ขอกินอะไรที่กลิ่นจะไม่ติดตัวดีกว่าครับ “ เดย์เสริมเพื่อนมันที่ก็พยักหน้ารับกันตามเหมือนฝาแฝดที่อยู่ในหนังหลังพูดจบ

“ ใครชวนพวกมึง “ ผมถามไอ้สองตัวนั้นก็หันไปบอกคนที่มันก็คิดว่าจะช่วยมันได้ สองมือพวกมันที่ยื่นไปจับมืออีกคนไว้

“ พี่เมด น้องอัยย์ไปด้วยนะครับ “

“ น้องเดย์ก็ไปด้วยนะพี่เมดนะ “

“ กูว่า พวกมึงนี่ก็กวนตีนมันนะ “ เมดบอกคนที่อ้อนมันอยู่ก่อนจะถอนหายใจแล้วเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม ด้วยสายตาที่บอกกันว่า ให้พวกมันไปเถอะนะ ที่ฉายมองกันตั้งแต่ที่ยังไม่ได้พูดอะไร  “ ให้น้องไปด้วยก็แล้วกันนะมึงนะ “

“ รำคาญสัด “

“ เย้ๆ “ เสียงดีใจที่ดังออกมาพร้อมกับคนได้กินของฟรีทั้งไอ้เดย์ไอ้อัยย์ลุกขึ้นไปกอดไอ้เมดไว้ ท่าทางใกล้ชิดที่ทำให้ผมดูมันนิ่งๆ จนต้องพูดออกไปในตอนที่ไม่มีใครหยุดกอดแฟนผม

“ ถอยออกมา “

“  ขี้หวงเนอะ แหม กับน้องกับนุ่งไง “

“ ของกู “ คำสั้นๆที่บอกกับพวกมัน ผมจ้องเมดที่ก็ทำทีเป็นมองไปทางอื่นไม่ได้สนใจอะไร แก้มของมันแดงจัดในตอนที่อีกคนเหลือบมามองผมแต่ผมยังมองจ้องมันอยู่แบบนั้นไม่ได้หลบไปไหน ท่าทางที่ดูทำตัวไม่ถูกของเมด มันก้มหน้าลงทำทีเป็นกระชับกอดไอ้หมูตุ๋นก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ กูอุ้มไอ้หมูตุ๋นไปไว้ในห้องก่อนดีกว่าว่ะ เราจะได้ไปกินข้าวเย็นกัน เดี๋ยวมานะ “


“ หนีเหรอจ๊ะ เขินก็บอกมา “ อัยย์แซวอีกคนไล่หลัง เมดก็ตะโกนกลับ


“ ไม่ได้เขินเว้ย “

“ แล้วหน้าแดงทำไมอะ “ น้องชายผมเถียงกลับ

“ ร้อนเฟ้ย!! “ คำตอบของเมดทำให้คนฟังสองคนตาโตก่อนจะโบกมือไม่เชื่อพร้อมกับเสียงตอแหลแบบที่กระเทยแรดๆเค้าทำกัน

“ ไม่เชื่อจ้า “

“ รำคาญชิบหาย “ ผมสถบเบาๆกับพวกมันตอนที่เอามือเขี่ยหูเพราะความแหลมของเสียงที่ได้ยิน ก่อนไอ้เดย์ก็หันมาถาม

“ รำคาญพี่เมดใช่มั้ย “

“ พวกมึงนั่นแหละสัด “ บอกแบบนั้นผมเหลือบมองเดย์ก่อนจะถาม “ แล้ววันนี้เป็นไง ไปกินอะไรกันมาตอนเที่ยง “

“ ก็อาหารญี่ปุ่นไง ก็ที่ส่งภาพให้สัดพี่มึงดูในไลน์อะ “

“ เห็นปกติส่งมาอวดกูทุกวิตอนอยู่กับไอ้เมด แล้วทำไมตอนไปถึงร้านหมอสัตว์ถึงส่งมาแค่ภาพเดียว “

“ ช่างสังเกตสัดๆ “ เดย์สถบก่อนจะถอนหายใจ “ แต่ก็เรื่องเมียอะเนอะ ”

“ ยังไง “

“ ก็นะ มีเรื่องนิดนิดหน่อย “

“ เรื่องอะไร “ ผมถามอีกคนที่ก็เหลือบสายตาไปทางที่ไอ้เมดเดินเข้าไป มันพูดเสียงเบาแบบให้เราๆได้ยินกันแค่สามคน

“ กูเจอไอ้บินแฟนเก่าพี่เมดที่นั่นด้วยนะ “

“ งั้นเหรอ “ ผมตอบก่อนจะพยักหน้ารับ “ แล้วมันไปทำไมวะ ผ่าหมาออกจากปาก ? “

“ อันนั้นต้องมึงมั้ยสัดพี่ “ น้องชายบอกผมก็ยกยิ้ม “ ยังจะยิ้มได้อีกนะไอ้สัด ”

“ ทำไม ? ท่าทางไอ้เมดบอกกับมึงว่ามันจะรีเทิร์นรึไง กูถึงต้องไม่ยิ้ม “

“ ก็เปล่า พี่เมดก็ไม่ได้คุยอะไรกับมันหรอก แต่มันจ้องพี่เมดตลอดเวลาเลยสัดพี่ ขนาดกูทำตาขวางใส่ มันก็ยังมอง ไม่สนอะไรกูเลย ตอนนั้นกูคิดแบบถ้าทำได้นะ กูจะจับพี่เมดปั้นเป็นก้อนแล้วเก็บใส่เป๋า ไม่ก็จับแดกเข้าไปเลยจะได้ไม่ต้องมอง แล้วค่อยคายออกมาตอนเจอสัดพี่มึงอะ “

“ บางทีมึงก็อ่านการ์ตูนเยอะนะ มึงควรพักบ้างนะเดย์ “


“ ถ้าเป็นพี่มึงคงมากกว่ากลืนเข้าไป พี่มึงคงลุกขึ้นไปต่อยมันแล้วกูจะบอกไว้ให้ เล่นมามองพี่เมดแบบนั้นอะ “

“ กูว่าพี่เมดแม่งคงเกร็งแน่ๆ ถ้าแม่งเล่นจ้องตลอดขนาดนั้น “ ไอ้อัยย์เสริม “ แล้วมันไปทำอะไรโรงพยาบาลสัตว์วะ มันมีหมามีแมวด้วยอะ “

“ มีแมว แต่เห็นพี่เมดบอกกูว่า แมวของแฟนมัน คนที่เป็นเพื่อนพี่เมดอะ “ ผมพยักหน้ารับ “ เออ ที่สำคัญมันบอกพี่เมดด้วยนะ ว่ามันอยากจะเจอพี่เมด มันอยากคุยด้วย แต่พอกูบอกว่าไม่ต้องมา แม่งก็บอกจะมาที่นี่อะ “

“ งั้นเหรอ “ ผมพยักหน้ารับคำพูดของน้องก่อนจะยิ้มให้พวกมันสองคน “ ก็ดีนะ throw up ยินดีต้อนรับอยู่แล้ว “

“ กูว่าน่ากลัวแทนแม่งละ ไอ้สัด ”

“ ก็ถ้ามันอยากจะเจอเมด กูก็อยากจะเจอมันเหมือนกัน ”

   กลับเข้ามาในผับในช่วงบ่ายห้าโมงกว่าๆ หลังจากที่กินมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อย สุดท้ายเราก็ต้องเลือกกินพิซซ่ากันตามคำร้องเรียกที่โคตรจะน่ารำคาญของไอ้เด็กสองตัวที่ผมต้องจำใจพามันไปด้วย เปิดประตูเข้ามาในห้องบนผับชั้นสาม เมดเดินไปกดเปิดแอร์เป็นอย่างแรกก่อนจะเดินมาที่โต๊ะของตัวเอง หยิบเอาลูกอมที่อยู่ในกล่องบนโต๊ะขึ้นมากินก่อนจะหันมามองผมที่ก็เดินตามมันเข้ามา

“ ลูกอมหน่อยมั้ย “

“ ไม่อยากได้เม็ดนั้น “ ผมบอกก่อนจะเดินนั่งลงที่ขอบโต๊ะตัวที่เมดยืนอยู่ เอื้อมมือไปดึงอีกคนเข้ามายืนอยู่ระหว่างขาผมกอดเอวมันเมดก็ยิ้ม “ ได้เวลาจ่ายหนี้ที่มึงติดกูไว้แล้วนะ “

“ หนี้อะไรวะ “ หน้าตาติดงงของคนฟังเหมือนจะลืมในสิ่งที่เคยพูดกันไปหมดแล้ว ผมดึงตัวเมดเข้ามากอด

“ วันนี้มีคนส่งข้อความไปวอแวว่าอยากจะให้กูกอด ลืมไปแล้วรึไง “

“ แต่มึงก็ยังจำได้ “ เมดบอกก่อนจะเอื้อมมือมากอดคอมผมไว้ มันถอนหายใจออกมาก่อนจะก้มตัวลงมาซบที่ไหล่ผม “ วันนี้กูโคตรเหนื่อย เจอแต่เรื่องเหี้ยๆทั้งวัน “

“ มึงเจอเรื่องเหี้ยมาทั้งวันหรือเก็บเรื่องเหี้ยๆนั่นมาคิดทั้งวันกันแน่ “ คำถามของผมทำให้คนที่กอดกันอยู่นคลายความแน่นของแรงกอดนั้นลง

“ รู้เรื่องที่กูเจอไอ้บินแล้วใช่มั้ย “

“ อื้ม “ ผมตอบรับ เมดก็ดึงตัวเองขึ้นมาจ้องหน้าผม สีหน้าที่ไม่สู้ดีของคนที่กำลังหนักใจชวนให้ผมหลุดยิ้ม “ ทำหน้าแบบนั้นเป็นเหี้ยอะไร เจ็บขี้เหรอ “

“ ไอ้สัด “ สถบด่าออกมาก่อนจะยิ้ม “ กูกลัวมึงคิดมากตังหากไอ้เวร เจ็บขี้พ่อมึงสิ คนเค้าเป็นห่วงความรู้สึก ไอ้สัดนี่ “

“ มึงคิดว่ากูคิดอะไร “

“ ก็..” คำพูดที่ถูกลิดรอนไปจากความคิดที่เหมือนคนตรงหน้ากำลังตั้งสติให้ดีในการพูดออกมา เพราะมันก็รู้ดีว่าผมอ่อนไหวอยู่ไมน้อยสำหรับเรื่องคนในอดีตของมัน “ กูเจอมันก่อนที่น้องเดย์จะเดินเข้ามา “

“ แล้วตอนนั้นไอ้เดย์ไปไหน “

“ ไปซื้อช็อคโกเล็ตเย็นให้กู “

“ แล้ว ? “

“ แล้วมันก็ไม่ได้ถามอะไรกูมากมายนะ แค่คุยกันว่า กูเลี้ยงแมวแล้วเหรอ กูก็บอกว่าเปล่า แมวที่ผับเฉยๆ แล้วหลังจากนั้นมันก็พูดว่า กูยังใจดีเหมือนเดิมเลยนะ “ ผมขมวดคิ้วกับคำพูดนั้นก่อนเมดจะโบกมือปฎิเสธไปมา “ แต่ไม่มีอะไรนะมึง กูก็ไม่ได้ตอบอะไรด้วย ไม่ได้ยิ้มเลยสักนิดเดียว ยังคิดด้วยว่า เมื่อไหร่แม่งจะหยุดพูด ”

“ อื้ม “

“ ไม่สบายใจรึเปล่า “ เมดถามเสียงเบา “ กูอยากเล่ามึงให้หมด ไม่อยากให้มึงมารู้ทีหลัง แล้วรู้สึกไม่ดี ไม่อยากโกหกมึงด้วย “

“ มึงคิดว่ามันจะมาอย่างที่มันพูดใช่มั้ย “ ผมถาม อีกคนก็พยักหน้ารับ แววตาที่ไม่โกหกของเมดผมไม่ได้รู้สึกแย่กับสิ่งที่มันพูด ออกจะรู้สึกดีที่มันพูดความจริงออกมาทั้งหมดแบบที่ผมไม่ต้องถามด้วยความรู้สึกแบบที่ไม่อยากจะให้เข้าใจผิดกัน “ กลัวมั้ย ที่มันจะมา “

“ กลัวมันทำให้มึงรู้สึกไม่ดี “

“ งั้นก็ไม่ต้องกลัว “ ผมบอกยิ้มๆก่อนจะดึงหน้าเข้าไปใกล้มัน “ มึงเป็นของกู ไม่มีอะไรที่ทำให้กูรู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว “
 
จูบลงบนริมฝีปากสีสวยนั่นหลังจากที่พูดจบ กอดเอวของคนตรงหน้าให้แน่นขึ้นไม่ต่างอะไรกับอีกคน เมดกอดรอบคอของผม รสชาติเปรี้ยวอมหวานที่อยู่ปากอาจเพราะลูกอมที่ค่อยๆละลายอยู่ในนั้น น่าแปลกที่จริงมันควรจะเกะกะที่มีอะไรกลมๆมาขวางการจูบของเรา แต่ทว่าตอนนี้มันกลับทำให้รู้สึกดีไปอีกแบบ

ใช้ลิ้นกอดเกี่ยวลิ้นของอีกฝ่ายช่วงชิงลูกอมเม็ดนั้นเข้ามาอยู่ในปากของผมแทน เราจูบกันอยู่แบบนั้นด้วยความรู้สึกดูดดื่มอย่างไม่มีเขินอาย แต่ทว่าตอนที่ผมไล้มือเข้าไปสัมผัสผิวกายขาวละเอียดนั้น เมดกลับหดตัวเกร็ง แต่ก็ยังหลับตาแน่นตอบจูบผมอยู่แบบนั้นไม่ผละออกไปไหน

“ กลัวเหรอไง “ กระซิบลงข้างหูเพื่อถาม อีกคนก็แค่ส่ายหน้าก่อนจะตอบเสียงเบา

“ เปล่าเลย “

“ รู้มั้ย ว่าเป็นคนตอแหลไม่เก่ง “ ผมบอกก่อนจะจูบลงข้างแก้มของอีกคน ก่อนจะเลื่อนมาจูบที่ริมฝีปากอีกครั้ง แก้มขาวแดงจัด ผมดึงอีกคนมากอดไว้แล้วซบลงไปบนไหล่นั้น จูบลงที่ต้นคอเมดก็ย้ำ

“ ไม่ได้กลัวเว้ย จริงๆนะ “ สายตาเรียวที่จ้องมองผมบอกกันด้วยความจริงจัง มันจะรู้มั้ยว่านั่นคือคำเชิญชวน ผมเผลอยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ครับ แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก “ จูบที่ข้างแก้มเนียนที่ก็เอาแต่ขมวดคิ้ว เมดคงรู้สึกว่าผมก็ดูเหมือนต้องการ แต่ในเมื่อมันเองก็ไม่ได้ห้ามแล้วทำไมถึงไม่ได้ “ ที่นี่ไม่เหมาะกับมึงหรอก  เตียงนั่น ไม่เหมาะกับมึง “ เชิดหน้าไปที่เตียงขาวหกฟุตที่อยู่ไม่ไกล เมดหันไปมองก่อนจะหันกลับมาพยักหน้ารับให้ผม หวังว่ามันจะเข้าใจถึงคำพูดที่แฝงความหมายพิเศษที่ไม่ได้ยืดยาวเท่าไหร่นั่นความหมายที่ว่า

‘ มันคือคนพิเศษที่สำคัญสำหรับผม มากกว่าใครต่อใครที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต ’
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 30:: up! 13-7-61} #หน้า 23
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 20-07-2018 20:28:22

เสียงคีย์บอร์ดดังเป็นจังหวะภายในห้องที่กำลังเปิดเพลงคลอเบาๆไประหว่างการทำงาน ผมกับเมดฟังเพลงคนละแนวกัน ผมเน้นเพลงที่มีจังหวะที่ค่อนข้างหนัก เสียงกลอง เสียงเบส ต่างกับเมดที่ชอบฟังเพลงสบายๆ ที่มีความหมายลึกซึ้ง เพลงที่เคยน่าเบื่อสำหรับผมแต่มาวันนี้ผมกลับรู้สึกว่า มันก็เพราะดีเหมือนกัน เพราะบางเพลงซึ้งกินใจเสียจนอยากจะเดินไปกอดคนที่นั่งด้วยกันเอาไว้ หอมแก้มมันสักฟอด แต่ก็ได้แค่ยิ้มเยาะกับตัวเองในตอนที่หันไปมองใบหน้าน่ารักนั่นเพราะไม่กล้า

เมดร้องเพลงคลอไปตามจังหวะเพลงนั้นเบาๆตอนที่ถึงช่วงฮุกของเนื้อร้อง บ่อยๆที่มันจะร้องเพลงออกมาให้ผมฟังโดยไม่รู้ตัว แล้วนั่นก็ทำให้ผมรู้ ‘ เมดก็เป็นคนนึงที่ร้องเพลงเพราะ ’

“ มองอะไรวะ “ คนโดนแอบมองเม้มริมฝีปากตัวเองทันทีตอนที่เห็นว่าผมมองมันอยู่ “ จะแซวว่ากูร้องเพลงเหี้ยก็พูดมา “

“ ยังไม่ได้พูด “ ส่งยิ้มล้อให้มัน ผมส่ายหน้า “ ร้อนตัว “

“ ไม่ได้ร้อนตัว เค้าเรียกรู้ทันเว้ย “ อีกฝ่ายเถียงก่อนจะทำหน้าติดงอนนิดหน่อย เมดก้มลงทำงานของตัวเองต่อผมก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเอง

วันนี้รู้สึกเบื่อกับเกมส์ที่เล่นจนไม่อยากจะทำอะไรและดูเหมือนสิ่งน่าสนใจกว่าเกมส์ก็คือการแกล้งใครคนที่อยู่ด้วยกันมากกว่า ก้าวออกมายืนข้างตัวของร่างขาว ผมก้มตัวลงแนบแก้มเข้าไปแก้มของอีกคน เลื่อนมือจากแขนเนียนลงไปประสานมือของเมดแล้วกระชับมันไว้แบบนั้น จูบลงข้างแก้มอีกคนก่อนจะถอนหายใจเบาๆเป่ารดบริเวนคอจนอีกฝ่ายเกร็ง

“ รู้มั้ยครับ เสียงตอนร้องเพลงของเมดน่ะนะ มันช่าง.. “ ผมเว้นเสียงไปก่อนจะกระซิบคนที่เอาแต่แก้มแดงจัดด้วยความเขิน “ ดังเหมือนแม่เป็ดออกไข่เลย “

“ ไอ้สัด “ ดึงตัวเองออกห่างก่อนจะด่าผม แก้มแดงๆนั่นหายไป เหลือไว้แค่ใบหน้าติดเซ็งของอีกคนที่ดึงมือข้างที่ผมจับออก เปลี่ยนมาหมุนสกอร์บาร์ของโน๊ตบุ๊คเล่นๆแทนด้วยความเซ็ง

“ เพราะงั้นทีหลัง.. “

“ เออ ไม่ต้องพูด ทีหลังไม่ร้องให้ฟังแล้ว “ อีกคนบอกก่อนจะยกมือค้ำหน้าตัวเอง เผลอยกยิ้มกับท่าทางหงุดหงิดที่ไม่เป็นไปดั่งใจที่คิดว่า ทุกอย่างจะออกมาโรแมนติก ผมกระซิบที่ข้างหูมัน

“ เพราะงั้นทีหลัง อย่าไปร้องให้ใครฟัง ร้องให้ผมฟังแค่คนเดียวก็พอ เข้าใจมั้ยครับ “ จูบลงที่ข้างแก้มนั้น เมดที่เบิกตาขึ้นเล็กเล็กน้อย ส่วนผมก็ดึงตัวเองขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้คนขี้เขินได้หน้าแดงมากที่สุดเท่าที่ใจต้องการอยู่ในห้องนั้นเพียงแค่คนเดียว

   ชั้นล่างของผับวันนี้มีแขกเยอะมากเป็นพิเศษ อาจเพราะผับเลโก้ที่ต้องปิดแบบไม่มีกำหนด เสียงเพลงเพราะๆบนเวทีของนักร้องจากค่ายดังชวนให้ผมยืนนิ่งฟังอยู่นานตรงท่อนนึงของเพลงที่ถูกร้องมันชวนให้ผมยิ้ม
 
‘ ตั้งแต่เมื่อฉันรู้จักและฉันได้มาพบเธอ มันทำให้ฉันต้องเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงหัวใจฉันไป ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ที่ฉันไม่เคยพบเจอ เพราะสำหรับฉันแต่ก่อน ความรักคือการคว้ามาแต่ในวันนี้ฉันเปลี่ยน ความรักคือการให้ไป เพิ่งจะรู้และเข้าใจเมื่อฉันได้มาพบเธอ ’
 
“ อ้าว ไอ้อาฟ “ เสียงไม่คุ้นที่เอ่ยเรียกชวนให้ตัวผมที่ยืนนิ่งหันไปมอง ความรู้สึกสุขใจลดฮวบลงตอนที่เห็นหน้ามันแต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาทันที

“ อ้าว  มึงมาจริงๆสินะ “

“ หมายความว่าไงวะ “ คนถามขมวดคิ้วยิ้มๆก่อนจะเข้าใจได้เองโดยที่มีต้องพูดอะไร “ เข้าใจละ น้องชายมึงคงบอกมึงแล้ว ว่ากูจะมา “

“ แฟนกูบอก “ ผมบอกมันอีกคนก็พยักหน้ารับยิ้มๆ

“ เมดสินะ “

“ แฟนกูมีคนเดียว อย่าพูดเหมือนแฟนกูมีหลายคนแบบนั้นสิวะ “ ยักคิ้วให้ไอ้บิน ผมยิ้มก่อนจะเดินออกไปจากจุดที่ยืน อยากจะหาพื้นที่เหมาะสมในการคุยกันมากกว่าการยืนอยู่ริมทางเดินแบบนั้น เพราะผมรู้สึกได้ว่าการที่มันมาถึงที่นี่ คงไม่ได้ตั้งใจมาพูดเรื่องที่ดีเกี่ยวกับคนที่ผมรักอยู่แล้ว 

“ รักกันดีเลยสินะมึงกับแฟนเก่ากู “ ยิ้มรับคำพูดข่มนั้น ผมพยักหน้ารับกับคนตรงหน้าที่นอกจากเรื่องของที่ตัวเองเคยเป็นแฟนคนแรกของเมดแล้ว มันก็เหมือนจะไม่มีเรื่องอะไรอีกที่เหนือกว่าผมและเอามาข่มกันได้

“ แน่นอนอยู่แล้ว “ ตอบแบบนั้นก่อนจะถามกลับ “ แล้วมึงมาที่นี่ทำไม “

“ อะไรกันวะ ขนาดเจ้าของผับยังพูดแบบนี้ เสียความรู้สึกชิบหาย กูแขกนะเว้ย “

“ ไม่เอาน่า “ ผมยิ้มกว้างที่ก็ไม่ต่างอะไรกับอีกคนที่กำลังยกยิ้มมองกันอยู่  “ มึงไม่เลือกมาที่นี่ เพราะแค่อยากจะเมาหรอก ถ้าไม่อยากเห็นหน้าแฟนกู  ก็คงอยากจะคุยกับแฟนกู ถามจริง นี่มึงยังคิดถึงโอกาสที่จะได้คืนดีกันอยู่อีกเหรอวะ “

“ ไม่เอาน่า อย่าคิดอะไรในแง่ร้ายอย่างงั้น บางทีกูอาจจะแค่อยากจะมาคุยกับมึง ตามประสาของคนที่เคยมีประสบการณ์การคบกับเมดมาก่อน “

“ งั้นเหรอ “ พยักหน้ารับอีกคน ก่อนจะเรียกพี่ซองผู้จัดการร้านที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ให้ตรงเข้ามาหา

“ ครับ คุณอาฟ “

“ โซนโซฟาชั้นล่าง พอมีโต๊ะว่างสักโต๊ะมั้ยพี่ซอง “ คนโดนถามหันไปมองชุดโต๊ะโซฟาตามที่ผมบอก พี่ซองผู้จัดการร้านกวาดสายตาไปโดยรอบก่อนจะเห็นการจัดเก็บของโต๊ะตัวนึงที่อยู่ด้านในสุด

“ ว่างพอดีเลยครับ “

“ จัดแบล็คมาชุดนึง “ ผมบอกบอกก่อนจะเชิดหน้าไปที่คนตรงหน้า “ มึงกินมิกซ์อะไร “

“ กูชอบไม่ผสม “

“ ไม่เอามิกซ์เสิร์ฟที่โต๊ะนั้นนะ “

“ ครับ คุณอาฟ “

“ จะเลี้ยงเหล้ากูเหรอวะ “ พยักหน้ารับคำถามของไอ้บิน ผมเดินนำไปที่โต๊ะก่อนจะนั่งลงบนโซฟา เราเลือกนั่งคนละฝั่งกัน บินมองไปรอบๆเหมือนกำลังมองหาใครบางคนที่อยากจะเจอ “ แล้วนี่เมดอยู่ไหนวะ “

“ มึงไม่จำเป็นต้องรู้หรอก “ เหล้าถูกยกมาเสิร์ฟ แก้วที่ถูกวางลงตรงหน้าเราคนละใบ น้ำแข็งถูกจัดใส่โดยพนักงานที่เมื่อรินเหล้าเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกไป เหลือไว้แค่ผมกับไอ้บินที่ตอนนี้อีกคนก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาหมุนเบาๆก่อนจะยกขึ้นดื่ม

“ โชคดีเป็นของกูจริงๆ มาถึงผับดังขนาดนี้ แถมเจ้าของผับยังเลี้ยงเหล้าอีก “

“ กูเลี้ยงขอบคุณมึงน่ะ “

“ เรื่อง ? “ แก้วที่กำลังจะเอาเข้าปากชะงักลง ผมยกยิ้ม

“ เรื่องที่มึงไปเอากับเพื่อนเมดจนต้องเลิกกัน แล้วเมดก็ได้มาเป็นแฟนกู ” ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นกินบ้าง “ ตอนแรกคิดว่ากว่าจะลืมแฟนเก่าแบบมึงได้ เมดคงต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ผิดคาด มึงแม่งเหี้ยมาก เมดก็เลยตัดใจได้เร็วจนกูคิดอยากจะขอบคุณมึงเลย แล้ววันนี้ก็ได้เลี้ยงเหล้าขอบคุณมึงจริงๆ “ วางแก้วเหล้าลง สบสายตากับอีกคน ผมยิ้มจางๆ “ ขอบคุณที่เหี้ยขนาดนั้นนะ “

“ ถามจริง คิดยังไงมาเอาไอ้เมด “

“ คงเป็นคำตอบเดียวกับมึง ที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากจะปล่อยมันไปละมั้ง “ พิงตัวเองลงกับพนักพิงของโซฟา ก็ใช่ว่าผมจะไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ จากคำพูด แววตา หรือแม้แต่ตัวมันที่มายืนอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างมันทำให้ผมรู้ว่า เหตุผลเดียวที่อีกคนยังคงดึงดัน ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน นั่นก็แค่เพราะเมดคือคนที่มันขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ยังอยากได้คืน

สำหรับความรัก บางคนก็เลือกที่ปล่อยให้คนรักไปเจอคนที่ดีกว่า และยอมจำนนต่อความรู้สึกผิดที่พลาดเอง แต่สำหรับบางคนทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองผิด แต่ก็ยังเสียดาย แล้วไม่ว่ายังไงก็ยังอยากได้กลับไปอยู่แบบนั้น  แล้วบินก็เป็นแบบนั้น เป็นแบบข้อหลังที่ผมพูดไป

“ ใครว่า “ มันยิ้มเยาะพลางส่ายหน้า “ กูถามมึงจริงๆเถอะ ไม่รำคาญมันบ้างรึไง กูเดาได้เลยว่า มันต้องคอยจัดการนู้นนี่ให้มึงจนมึงต้องรู้สึกเบื่อ “

“ กูไม่รำคาญนะ “

“ มันแค่เพิ่งเริ่มต้นไง เดี๋ยวมึงจะค่อยๆรู้สึกรำคาญมันไปเรื่อยๆ เพราะมันจะดูแลมึง จนมึงอึดอัดแทบอ้วกเลยกูจะบอกไว้ ” ผมยิ้ม ตอนที่ยกแก้วเหล้าขึ้นกินบินที่มองอยู่ก็ถาม คำถามที่ทำให้แววตาของมันเปลี่ยนไป เป็นคำถามที่มันอยากรู้ “ หรือว่ามันไม่ทำอะไรแบบนั้นให้มึงเลย “

“ ทำไมคิดงั้น “ บินยักไหล่

“ ก็มันทำให้แค่เฉพาะกูคนเดียว คนที่มันรัก “

“ อย่าเอาอดีตมาช่มกูบิน มึงแค่อดีต เพราะปัจจุบันกูคือคนที่มันรัก  “ ผมบอกก่อนจะยิ้มกว้าง “ กูเป็นคนที่เมดจะจูบก่อนจะลุกจากเตียง คนที่เค้าตื่นไปชงกาแฟอร่อยๆให้กิน เตรียมอาหารเช้าที่กูชอบไว้ให้ จัดเสื้อผ้าในชุดที่ต้องใส่ หรือแม้แต่บีบยาสีฟันเตรียมไว้ให้ในห้องน้ำ ถ้ามึงบอกว่าเมดทำให้แค่คนที่รัก งั้นมึงก็ควรรู้เอาไว้ว่าอดีตไม่สำคัญมันย้อนคืนไปไม่ได้ แล้วปัจจุบันมันทำให้แค่กู ”

“ นั่นมันไม่ใช่เรื่องที่กูชอบหรอก ไร้สาระ “

“ งั้นเหรอ “ ผมพยักหน้ารับกับอีกคนก่อนจะเปิดฝาเหล้าเพื่อเติมเหล้าที่พร่องลงไปในแก้วของตัวเอง “ กูคิดว่ามึงจะแอบดีใจซะอีก ถ้ายินได้กูพูดว่า  เมดไม่เคยทำอะไรแบบนั้นให้กู “

“ ทำไมกูต้องดีใจกับอะไรแบบนั้น “

“ ก็มึงยังคิดไม่ใช่รึไง ว่าเมดยังรักมึง ไม่งั้นมึงจะมาที่นี่ทำไม จริงมั้ย “ สบสายตาพลางยิ้มให้บินที่หลบตาไปทางอื่น ผมถอนหายใจออกมา “ ทำไมวะ เบื่อแล้วเหรอ เพื่อนไอ้เมดน่ะ ลองหาคนใหม่สิ มึงชอบไม่ใช่เหรอไง แบบมีให้กินหลายๆคน “

“ บังเอิญว่า ถ้าเป็นความสัมพันธ์นี้กูอยากให้มันเป็นแค่เมดวะ “

“ เหี้ยดี “ ผมชมมัน “ เหมือนมึงจะพูดว่า อยากให้เป็นแค่ไอ้เมดคนเดียวที่ต้องมาเสียใจกับเรื่องแบบนี้ “

“ ก็ใครมันเสือกมากำหนดว่า คนเรามันต้องมีแฟนอยู่คนเดียว กูมันก็แค่คนที่เลือกไม่ได้ กูก็รักมันทั้งคู่ เมดมีอะไรหลายอย่างที่กูชอบ แต่บางอย่างก็ไม่มี ส่วนยีนส์ก็มาทดแทนในส่วนนั้น ส่วนที่เมดมันไม่มี แล้วนั่นคือเหตุผลที่กูต้องมีมันทั้งสองคน ”

“ จะด่ามึงว่าเหี้ย กูยังเหี้ยเลยรู้มั้ย ”

“ กูแค่กล้าที่จะพูดความจริง “ บินบอกแบบไม่รู้ผิด ผมก็ได้แต่ยิ้ม “ เมดมีอีกหลายอย่างที่น่าเบื่อ ”

“ ไม่รู้ว่ะ กูไม่เคยมีความรู้สึกนี้ “

“ มึงยังคบกับเมดไม่นาน มันยังมีข้อเสียอีกเยอะที่มึงไม่รู้ ตอนนี้มึงยังหลงมัน เพราะมันทั้งน่ารักแล้วก็ใส่ใจ แต่พอนานไปมึงก็จะรู้สึกเบื่อ ”

“ มึงรู้สึกอย่างงั้น “

“ ใช่ “

“ เบื่อแล้วทำไมตอนนั้นมึงไม่เลิก “ ผมถามคำถามที่ตัวเองอยากรู้ “ มึงบอกว่ามึงเบื่อ มันน่ารำคาญ ใส่ใจมึงมากเกินไป แล้วตอนนั้นทำไมไม่บอกเลิก นอกใจมันทำไม มึงเก็บมันไว้ทำไม ถ้ามึงรำคาญมันถึงขนาดนั้นก็บอกเลิกมันเลยสิ “

“ ก็แค่ยังรัก มันน่ารำคาญ แต่กูก็ยังรักมัน “

“ ไม่ใช่เพราะว่า เวลามึงเบื่อที่จะมีอะไรกับเพื่อนมันแล้ว มึงก็จะได้มาเอามันต่อหรอกเหรอวะ “

“ อาฟ เซ็กส์ของเมดไม่ได้ทำให้กูติดใจขนาดนั้น “ มันว่าพลางชะงักแก้วเหล้าที่กินอยู่ในตอนนั้น ก่อนมองผมนิ่งๆแล้วยิ้ม “ อย่าบอกนะว่ามึงยังไม่มีอะไรกับเมด “

“ ทำไมถึงคิดอะไรแบบนั้น “

“ ถ้ามึงมีอะไรกับเมดแล้ว มึงจะไม่มาพูดกับกูแบบนี้ “ อีกคนส่ายหน้า “ มันทั้งเสร็จช้า ชอบปฎิเสธ แถมยังไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมอีก เป็นเหี้ยอะไรที่น่าเบื่ออย่างที่สุด “

“ มึงไม่เก่งรึเปล่า “ ผมถามอีกคนก็ขมวดคิ้ว

“ แล้วมึงรู้รึเปล่าว่าจุดอ่อนไหวที่สุดของเมดคือตรงไหน ”

“ โทษทีนะ เรื่องแบบนั้นของแฟน มันไม่ใช่เรื่องที่กูจะเอามาอวดใคร “ ยักคิ้วให้มันกลับอีกคนก็แบะปากใส่ผม ก่อนจะทำทีเป็นยกเหล้าขึ้นกินตอนที่วางแก้วลงผมก็บอก “ มึงรู้เอาไว้ก็พอว่า เวลาที่เราจูบกันไม่เคยมีสักครั้งที่เมดไม่ชอบใจ ไม่มีเคยมีสักครั้งที่มันจะบอกว่า ไม่ แล้วทุกครั้งเวลาที่เรามีอะไรกัน เวลาที่กูจูบลงบนต้นคอ หน้าอก หรือแม้แต่ขา เมดจะแค่จะครางชื่อกูออกมาเบาๆ พร้อมกับลมหายใจหอบเหนื่อยด้วยความตื่นเต้น แล้วตอนที่มือกูลูบไล้ไปบนขาของมัน หรือแม้แต่ตอนที่ขยำก้นกลมนั้น เค้าก็เอาแต่ยิ้ม ยังไม่นับรวมตอนที่กูสอดใส่เค้าก็ทำได้แค่กอดกูไว้แน่น แล้วก็เอาแต่บอกว่าเค้า รัก และมีความสุขกับเซ็กส์ของกูขนาดไหน นี่ยังไม่นับรวมถึงตอนที่ครางเรียกแต่ชื่อกูอีกนะ “ ผมยิ้มให้มัน “ ความรู้สึกตอนนั้น มัน... แน่นมากเลย “

“ มึงก็แค่คนที่เพิ่งคบ “ เสียงที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้าทำให้ผมยิ้ม

“ ส่วนมึงก็แค่คนที่ยังอยากได้มันคืนไป แต่ยิ่งพูดข่มกูเท่าไหร่ มันก็ไม่ได้ผล “ เว้นเสียงที่พูดกับอีกฝ่าย ผมนั่งมองมันอยู่ “ ที่มึงมาวันนี้ คงคิดว่าถ้าได้เจอเมดก็คงขอคุยอะไรสักอย่าง คำพูดที่มึงเตรียมมา คำว่าขอโทษ ผิดไปแล้ว หรือแม้แต่คำพูดที่ว่า กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย มึงขาดมันไม่ได้ แต่ที่กูอยากจะบอกมึงก็คือ มึงจะไม่มีวันได้เมดกลับไปอีก เพราะกูจะไม่มีวันปล่อยเค้าไปไหนเด็ดขาด ต่อให้อดีตมันจะเป็นของมึง แต่จำไว้ ปัจจุบันและอนาคต เมดคือคนของกู “

“ อย่ามั่นใจให้มาก มึงเพิ่งคบกับมันแค่สองเดือน “

“ แต่ถ้ามึงจะบอกว่า มึงคบมาสี่ปี ยังเลิกเพราะทนเมดไม่ได้อันนั้นกูคิดว่าไม่จริง “ ยักคิ้วบอกมัน อีกคนก็ทำทีเป็นสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด บินกำลังโกรธ “ มึงแค่ยังรักแฟนกูบิน มึงยังเสียดายที่วันนั้นเมดเลือกที่จะไปจากมึง ไม่เหมือนอย่างทุกทีที่เค้าทน มึงคิดถึงเวลาที่มันดูแลมึง มึงคิดถึงทุกอย่างแล้วอยากจะได้เมดกลับไป แต่วันนี้มึงไม่มีโอกาสแล้ว มึงก็เลยเลือกที่จะเอาอดีตมาพูดข่มกู ทั้งๆที่มึงก็คงลืมไปว่า มึงมันอดีต ส่วนกูมันปัจจุบัน “ พิงหลังตัวเองลงกับโซฟาผมจ้องหน้ามัน

 “ มันไม่เกี่ยวหรอกว่ามึงจะคบมันมานานแค่ไหน ไม่ต้องเอามันมาช่มกู การที่มึงนอกใจมันไปเอากับเพื่อนมัน นอนกับมันไปพร้อมกับเพื่อนของมัน อะไรแบบนั้นไม่ได้ทำให้กูรู้สึกว่า มึงแม่งเจ๋ง ไม่มีใครมองมึงเจ๋ง เค้ามองมึงเป็นแค่ไอ้เหี้ยตัวนึงเท่านั้น และถ้าจะมีอะไรที่ทำให้กูอิจฉาได้ นั่นก็คือ มึงเป็นคนดีที่รักอยู่กับเมดคนที่กูรัก แต่มันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้เมดเป็นของกู แล้วนั่นก็ไม่มีอะไรที่กูต้องอิจฉา เพราะถ้าให้กูเลือกอิจฉาใครสักคน กูตอบได้เลยว่า กูอิจฉาตัวเอง อิจฉาที่ตัวเองมีคนน่ารักๆแบบเมดเป็นแฟน คนในแบบที่มึงอยากมี แต่ว่ามีไม่ได้แล้ว หึ ฮ่าๆ “ หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ผมยิ้มกว้างออกมาก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง “ กูสมเพชมึงจังเลยวะ มึงแม่งเหมือนคนที่กำลังเรียกร้องความสนใจจากหมาตัวที่เคยเลี้ยง ทั้งๆที่มึงแม่งก็เลือกที่ทิ้งมันไปเอง “

“ มึง.. ไอ้สัดอาฟ “ เสียงลอดไรฟันของอีกคน มือคู่นั้นคว้าเอาขวดเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความโกรธที่กำลังประทุมันหมายจะฟาดมาทางตัวผม แต่มันคงลืมไปว่าผมยืนอยู่แล้วจากมุมที่ยืนก็เร็วกว่าที่จะยกเท้าขึ้นถีบมันไปเต็มแรง จนอีกฝ่ายล้มลงไปนั่งลงบนโซฟาตามเดิม ก่อนที่ผมจะใช้เท้าข้างนั้นเหยียบลงที่คอของมัน  ความหนักของรองเท้าหนังกดแรงทั้งหมดลงที่ร่างของอีกคนจนต้องกัดฟันทนด้วยความเจ็บปวด

“ มึงอยากจะเข้าเผือกคอหรืออยากจะนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลดีละ “ ผมถามก่อนจะยกยิ้มมองมันที่ได้แต่นอนนิ่งอยู่แบบนั้น บินคงกำลังรู้สึกแพ้และโกรธในเวลาเดียวกัน

ผม เหลือบมองไปทางบาร์สบตาเข้ากับเพื่อนสนิทของตัวเองก่อนจะเชิดหน้าไปทางด้านนอกของผับ เป็นการบอกใบ้กับมันว่าให้เรียกการ์ดที่อยู่ด้านนอกมาจัดการคนตรงหน้านี้ให้หน่อย

“ คุณอาฟครับ “ หัวหน้าการ์ดของผับอย่างพี่แบล็คเดินเข้ามาทัก ผมปล่อยเท้าออกจากคอของไอ้บินก่อนจะหันไปบอก
“ จัดการให้หน่อย แล้วอย่าปล่อยให้หลุดเข้าผับมาอีก ”

“ ได้ครับ “ สิ้นคำตอบรับนั้น คนที่อยู่ตรงหน้าผมก็ถูกดึงขึ้นจากโซฟามันมองผมด้วยหางตา ต่างจากผมที่แค่ยิ้มมองมัน

“ ฝากไว้ก่อนเถอะมึง “

“ กูไม่รับฝาก ” บอกอีกคนแบบนั้น ท่ามกลางสายตาของคนในผับที่หันมามองทางเรา ร่างสูงถูกนำตัวออกไปทางด้านหลังของผับ แล้วในตอนที่กำลังจะก้าวเดินไป ประตูสต๊าฟของทางขึ้นชั้นสามก็ถูกเปิดออก เมดเดินลงมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะชะงักไปตอนที่เห็นบินถูกจับกุมอยู่โดยหัวหน้าการ์ดของผับ

“ เมด “ เสียงเบาๆของบินที่เรียกอีกคนฟังดูน่าสมเพชจนทำให้ผมแค่ยกยิ้ม มันทำหน้าตาน่าสงสารใส่อีกคนเหมือนจะบอกผ่านทางแววตาว่ามันโดยทำร้ายจากผม

“ เกิดอะไรขึ้นวะ  “ คำถามของคนมาใหม่เอ่ยถามขึ้น ผมไม่ได้ตอบอะไรแม้ว่าอีกฝ่ายจะมองมาแต่กลับก้าวขาเดินไปนั่งลงข้างเพื่อนสนิทตัวเองที่นั่งอยู่บาร์แทน แต่ถึงอย่างงั้นเมดก็ยังเดินมายืนอยู่ใกล้ๆผม ก่อนจะหันมองไปทางบินที่ก็ตอบแทนผมทุกอย่าง

“ กูก็แค่มากินเหล้า แต่ไอ้อาฟมันกลับถีบกูแล้วก็เสือกเรียกการ์ดมาจับกูอีก “

“ เหรอ ? “ เมดหันมาถามผมก่อนจะขมวดคิ้ว “ แล้วมึงกวนตีนอาฟด้วยมั้ยละ “

“ หมายความว่าไง “ คำถามของบินที่มองเมดแบบหาเรื่อง ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองร่างโปร่งข้างๆ ไม่ต่างอะไรจากไอ้เจไอ้เดย์อัยย์ที่ก็หันมองมันเหมือนกัน

“ ก็อาฟไม่ใช่คนที่ทำใครก่อน เป็นไปไม่ได้เลยที่อาฟจะเดินไปต่อยมึงทั้งๆที่มึงไม่ได้ทำอะไรมัน เพราะงั้นมึงก็ต้องทำมันก่อน ไม่ก็พูดจากวนตีนมันก่อน ใช่มั้ยเจ “ เมดถามเพื่อนผมที่มันก็คงคิดว่าอยู่ในเหตุการณ์ด้วยแน่นอน

“ คงงั้นมั้ง “ เพื่อนผมตอบก่อนจะยกแก้วเหล้าที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นกิน

“ มึงคิดว่าตัวเองรู้จักมันดีมากรึไง ไอ้อาฟน่ะ ” เมดหันไปมองบินอีกครั้งตอนที่อีกฝ่ายถามออกมาแบบนั้น มันมองอยู่สักพักก่อนจะยิ้มจางๆ

“ คิดว่าน่าจะรู้จักดีกว่ามึง เพราะกูไม่เคยรู้จักตัวตนจริงๆของมึงบิน ไม่เคยรู้เลยว่ามึงเป็นคนนิสัยแบบนี้ทั้งๆที่รู้จักกันมาตั้งนาน “

“ งั้นก็อย่าลืมเตรียมใจไว้ตอนโดนคนที่มึงรู้จักดีทิ้งก็แล้วกัน “ คำพูดทิ้งท้ายทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างผมนิ่งไป เมดหันมามองผมแล้วยิ้มเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร ในตอนที่มันเห็นว่าผมกำลังมองมันอยู่

“ วันนี้กูอนุมัติให้มึงกลับบ้านเร็ววันนึง ”

“ กูไม่ได้อยากกลับบ้านเร็วสักหน่อย “ คนที่ยืนอยู่พูดก่อนจะเหล่มองผมแบบยิ้มๆ ทั้งๆที่ในใจมีคำถามที่อยากจะถามอีกเป็นร้อยเป็นพัน “ มึงอยากกลับเร็วก็บอก แล้วเอากูมาอ้าง “

“ หรือว่ามึงไม่อยากรู้ ว่าไอ้บินมันพูดอะไรถึงมึงให้กูฟังบ้าง ”


..............................................................................

ใจจริงอยากจะเขียนให้ยาวกว่านี้ แต่เราลองเขียนออกมาแล้ว มันไม่ได้ตามเป้าหมายที่เราคิดไว้
คือเขียนออกมาไม่ดี เราเลยลบมันออกไปทั้งหมด แล้วก็ยกยอดออกไปในตอนที่ 32 เพื่อเขียนใหม่ ขอโทษด้วยนะคะ
เดี๋ยวมาอ่านกันต่อในศุกร์หน้านะ รวมถึง พี่อาฟจะอธิบายเมดยังไง ต้องมาติดตามอ่านกัน

และในส่วนของพาสนี้คือ เขียนยากเหมือนเดิม เพราะด้วยคำจำกัดความที่มันต้องเป็น อาฟเตอร์ อารยะด้วยละ คือไม่ว่าจะเขียนอะไร พึงระลึกไว้ว่านี่คือ พี่อาฟ ด่ายังต้องมีสติในการด่าเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ หวังว่าจะเป้นอีกตอนที่ทุกคนชอบนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่า
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 20-07-2018 21:25:48
อีบินนี่ไม่จบ ไม่เข็ดและวอนโดนตีนพี่อาฟตลอด

สงสารหมูตุ๋นมีความกลัวพี่อาฟ 55555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-07-2018 21:46:59
สะใจ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 20-07-2018 21:54:32
แด่ อาฟ อารยะ
เอ้า! ชน!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 20-07-2018 22:26:10
ทำไม่ไอ้แฟนเก่าสารเลวกับเพื่อนชั่วๆ
ไม่ไปให้พ้นๆซะที
รำคาญ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 20-07-2018 22:39:46
บินไปฝึกมาใหม่
ถ้าจะชนกับคนที่น่ากลัวที่สุดใน throw up
อ่อนแอก็แพ้ไปนะจ้ะ
 
จากที่บินเล่ามาเมดดีแต่อ่อนเรื่องบนเตียง
งั้นยีนส์ก็มีดีแค่เรื่องนั้นอ่ะดิ

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-07-2018 22:43:30
แค่นี้ยังโดนน้อยไป น่าจะจัดหนักให้สมกับความกวนตีนนี้ :m16:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-07-2018 22:55:16
คิดมานานแล้ว.......... 
ว่าบินไม่เก่งเรื่องเซ็กส์ เอ๊ย......เรื่องทำรัก
คงแบบตะลุยๆลูกเดียว  / ว่าไปนั่น
ไม่สนใจเรื่องทำให้คนรักมีอารมณ์ ไม่สนใจความรู้สึกของคนรัก
ผลคือทำให้เมดกลัว ขยาดเซ็กส์ของบิน :serius2: :serius2: :serius2:

ที่บินมาบบอกอาฟว่าเมดน่าเบื่อ งั้น งี้ งู้น
ถ้าเมดน่าเบื่อจริง  บินต้องดีใจสิที่เมดเลิกกับตัวเอง
นี่ยังมาตามง้อขอคืนดี
สะใจที่อาฟถามบิน เพราะมึงไม่เก่งหรือเปล่า   กร๊ากกกกกก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ตกลงบินตั้งใจมาประจานความไม่ดีของเมด
แต่กลับมาให้อาฟเหยียบหน้าเล่น  :m20: :laugh:   

อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-07-2018 22:55:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 20-07-2018 23:00:26
ไอ่บิน..เมิงนี่เลวขุมนรกจริงๆ
อิยีนส์เมียเมิงด้วย
สึดพอๆกัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-07-2018 23:30:17
อาฟแบดแต่ดีอ่ะ มาอีกกี่บินก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างว่าละนะแม่งเหี้ยไงพูดอะไรไปใครจะสนยิ่งมาว่าร้ายเมดด้วยแล้ว ไม่โดนกระทืบก็ดีเท่าไหร่แล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24เพราะ
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 20-07-2018 23:40:25
อย่างอาฟ ไม่ทำใครก่อนแบบที่คนรักเขาบอกนั่นแหละ
เมดแม่งน่ารักกกก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 21-07-2018 00:07:21
ทำยังไงมันถึงจะไป เหนื่อย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 21-07-2018 00:08:08
พี่อาฟ นี่สามีแห่งชาตินะ ถ้าผ่าหมาในปากออก55555 โอ๋ๆๆๆ พี่อาฟคนดี ยังไงหนูก็เชียร์พี่กับน้องเมดนะคะ 
เหี้ยก็ควรอยู่ควรเหี้ยนะคะบิน เชิญเดินลงบ่อค่ะ
 :hao3:  :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-07-2018 00:11:24
บิน แกจะได้บินสมชื่อ บินลอยละล่องเลย555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 21-07-2018 00:54:31
บินเอาเรื่องบนเตียงของเมดมาแฉนี่เลววะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 21-07-2018 01:20:46
เกลียดบิน เป็นคนที่ไม่มีดีอะไรเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 21-07-2018 01:27:52
 o13 อาฟนี่อย่างดีอะ...ตั้งรับคนชั่วได้อย่างมีสติ  o13 เมื่อไหร่คนอย่าบิน จะโดนดีแบบเละๆสักวันนะนิสัยอย่างแย่  :m16: เมดสู้ๆนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 21-07-2018 03:48:03
รบกวนพี่แบล็ค ช่วยกระทืบให้ปางตายไปเลยนะคะ
5555

อาฟจะอธิบายว่าอะไรน้าาาา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-07-2018 04:51:41
อยากให้เพื่อนของอาฟที่ไปเรียนต่างประเทศกลับมาตอกหน้าหมาบินจัง ว่าใครเป็นเจ้าของนมเป็นแท้จริง  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 21-07-2018 07:12:29
พี่อาฟแฟนดีเด่นแห่งปี
สรุปถึงตอนนี้พี่อาฟเทศน์ไปกี่คนแล้วนะ 5555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 21-07-2018 08:17:10
ความเป็นอาฟเตอร์ อารยะ มันได้อ่ะ
มีความสุดในทุกเรื่อง
ด่าแบบผู้ดี ที่ฟังแล้วหน้าจะชาหน่อยๆ
มีความคูลในแบบตัวเอง
รักพระเอกเรื่องนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-07-2018 08:27:11
จ๊ะ พ่ออาฟเตอร์ อารยะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 21-07-2018 09:13:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 21-07-2018 09:55:12
สมน้ำหน้าบิน ของหายอยากได้คืน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 21-07-2018 11:31:57
อาฟสุดยอดอ่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 21-07-2018 14:26:04
ชอบค่ะ แต่อาฟจัดน้อยไปนิสเอาให้กระอักเลือดตายไปเลยยิ่งดี(โหดไปไหน)  :z2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 21-07-2018 19:01:59
เป็นอาฟนี่จะตีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-07-2018 22:06:35
 :katai2-1: อาฟพูดดีมากอ่ะ ส่วนบินนั้น  :beat: :z6:

เมื่อไรนางจะหายไปจากชีวิตเมดกับอาฟอ่ะ หัวร้อนมากบอกเลย

ยีนส์ก็อีกคน อยากตบด้วยเปลือกทุเรียนพอกันทั้งคู่

นี่เฝ้ารออีกอันคือ รอวันที่เมดจะรู้ว่าคนให้นมช็อคโกแลตน่ะไม่ใช่บิน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-07-2018 00:12:32
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 23-07-2018 11:33:40
อาจเป็นพระเอก ที่พระเอกจริงๆอะ

พูดแต่เรื่องดีๆ พอคนเอาเรื่องไม่ดีมาพูด ก็ไม่ขึ้น ไม่สนใจ


สนใจแต่ปัจจุบัน


สุดท้ายตัวร้ายก็ต้องแพ้ภัยตัวเอง

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: WaterProof ที่ 23-07-2018 16:23:26
รักเมดมากอ่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 26-07-2018 12:42:22
โฮ้ลี่ชีททท ไอ้บิน
จุดๆนี้ต้องได้กันเเล้วแหละ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 26-07-2018 14:44:09
คือ บิน ต้องการอะไรเหรอ ปากแบบนี้ไม่น่าโดนเหยียบแค่ที่คอ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 27-07-2018 20:28:31
ตอนที่ 32

เปิดประตูเข้ามาภายในคอนโดที่เงียบสงบ ผมจัดการเปิดไฟก่อนจะเดินเข้าไปในครัว หยิบแก้วใสที่วางอยู่บนเค้าเตอร์ ก่อนจะกดน้ำดื่ม ที่เครื่องกดก็ติดอยู่กับผนังตู้เย็นขึ้นมากิน ทั้งผมทั้งอาฟยังคงเงียบให้กัน ความจริงเราก็เงียบมาตั้งแต่ในรถแล้ว บทสนทนาส่วนใหญ่ระหว่างเดินทางไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากรู้ มันเป็นเรื่องทั่วไป หรือเรื่องงานเสียมากกว่า

บางทีอาจเพราะเรื่องของบิน คือเรื่องที่อาฟอยากจะคุยกับผมต่อหน้ามากกว่าที่จะคุยกันแบบไม่ได้มองตากันเลยเพราะต่างฝ่ายก็ต่างมองออกไปนอกหน้าต่างรถ

“ น้ำหน่อยมั้ยมึง “ ผมถามอีกคนตอนที่เดินถือแก้วน้ำไปให้ อาฟมองมันก่อนจะยกแก้วน้ำนั้นออกจากมือผมแล้ววางไว้บนเค้าเตอร์ที่อยู่ใกล้กัน มือเรียวเอื้อมมือมาจับมือผมโดยที่ไม่พูดอะไร อาฟดึงผมเข้าไปกอด ปลายจมูกที่ฝังลงไปบนแก้วมันผละลงจูบที่ต้นคอก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผมในตอนที่เอ่ยถามเรื่องที่อยากรู้ “ จะเล่าได้รึยัง “

“ อยากรู้มากขนาดนั้นเลย “ คำถามที่มาพร้อมกับแววตาขี้เล่นที่กำลังยิ้มให้กันชวนให้ผมสบายใจได้ระดับนึงว่า อาฟคงไม่ได้รู้สึกแย่กับการพูดคุยกับคนคนนั้นมากนัก

“ ก็ อื้ม “ พยักหน้ารับยอมรับก่อนจะถามย้ำให้แน่ใจ “ มึงไม่ได้รู้สึกไม่โอเคใช่มั้ย “

“ ความจำสั้นรึไง “ อาฟถาม “ ก็บอกอยู่ว่าตอนนี้มึงเป็นของกู ไม่มีอะไรที่ทำให้กูรู้สึกไม่โอเค ”

“ งั้นพวกมึงคุยเรื่องอะไรกันบ้างวะ เล่าหน่อย “ คนตอบถอนหายใจตอนที่ผมถามย้ำ อาฟเลื่อนตัวเองไปนั่งพิงลงกับโต๊ะก่อนจะดึงผมเข้าไปยืนตรงระหว่างขาของมันก่อนจะยกยิ้มแล้วเริ่มเล่า

“ มันก็เข้ามาทักกู ถามถึงมึงว่ามึงอยู่ไหน กูเห็นท่าทางมันน่าจะคุยกับกูยาว กูเลยจัดการเลี้ยงเหล้ามันไป “

“ เลี้ยงทำไมวะ “ ผมถามอาฟงงๆก่อนจะเอียงหน้ามองมัน

“ เลี้ยงขอบคุณที่มันเลิกกับมึงไง ไม่งั้นมึงจะได้มาเป็นแฟนกูเหรอ “ พยักหน้ารับยิ้มๆผมกัดฟันในปากตัวเองแน่นด้วยความรู้สึกเขินที่ตอนนี้แก้มคงแดงไปหมด ถึงจะเกลียดเวลามันพูดไม่ตรงกับใจ แต่พอมาได้ยินพูดอะไรตรงๆแบบนี้ก็ดูเหมือนจะไปไม่เป็นเหมือนกัน

“ แล้ว.. แล้วพอมึงบอกแบบนั้นบินมันว่าไงละ “

“ มันก็ข่มกูตามนิสัยมันนั่นแหละ บอกมึงว่าน่ารำคาญบ้าง เจ้ากี้เจ้าการไปหมด มันโทษทุกอย่าง โทษทุกสิ่ง ยกเว้นตัวมันเอง “ อาฟที่ยิ้มให้ผมที่ก็เอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ดูไม่เข้าทรงนั้นให้ “ แล้วมันก็พูดถึงความเหี้ยของมัน อย่างเรื่องที่ว่า ใครแม่งกำหนดให้คนเรามีคนรักได้แค่คนเดียว “

“ ประสาท “ ผมสบถออกมาก่อนจะถอนหายใจ ไม่ต่างอะไรกับตราบาปของชีวิตเลยสักนิด สำหรับผมตอนนี้บินเป็นอะไรแบบนั้น เป็นคนที่ถ้าทำได้ ผมอยากจะลบมันออกไปจากชีวิต ความรู้สึกมันเหมือนก้าวพลาดลงไปในหลุมลึกที่ครั้งนึงเคยหลงรักคนแบบนั้นจนหมดใจ

“ แล้วมันก็พูดข่มกู “

“ มีอะไรให้ข่มด้วยเหรอวะ “ อาฟเงียบไปตอนที่ผมถาม แววตาที่มองมาของมันผมเองก็มองลึกลงไปในแววตานั้นก่อนที่อีกคนจะส่ายหน้า “ ก็เพราะว่ามันไม่มีไง มันก็เลยทำให้กูรู้สึกอิจฉาไม่ได้ “

“ อย่างงั้นเหรอ “ ผมรู้ว่ามันแอบปิดบัง คงมีหลายประโยคที่อีกฝ่ายพูดข่มแล้วมันรู้สึกไม่พอใจ บินไม่ใช่คนที่ผมรู้จักแบบผิวเผิน ไอ้เหี้ยนั่นขึ้นชื่อเรื่องความกวนตีนที่ไม่เป็นสองรองใคร แต่แค่กระดูกมันคนละเบอร์ถ้าเปรียบเทียบกับอาฟ คล้ายๆกับคนโง่กับคนฉลาดมาทะเลาะกัน ไม่มีทางที่คนโง่และมีวุฒิภาวะต่ำอย่างบินจะชนะอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างงั้นก็ใช่คนฉลาดอย่างอาฟมันจะไม่เจ็บ

“ อื้ม “

“ แล้วยังไงต่ออีก มันพูดแค่นั้น ? “

“ ก็แค่นั้น “ อาฟที่บอกปัดกัน ผมก็เอาแต่เหล่มองแบบจับผิด

“ กูไม่เชื่อ มันต้องพูดอะไรมากกว่านี้ มันต้องมีคำพูดเด็ดๆ ที่ฟังแล้วจี๊ด ไม่งั้นมึงจะโมโหมันจนถีบมันเลยรึไง “

“ ที่กูถีบมัน เพราะไอ้เหี้ยนั้นมันตั้งใจจะเอาขวดเหล้าฟาดหัวกูตังหาก “ ผมเปลี่ยนสีหน้าตอนที่อาฟพูด หันไปมองตามตัวมันที่ก็ไม่ได้มีแผลอะไรผมก็ถอนหายใจโล่งก่อนจะถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“ แต่มึงไม่โดนใช่มั้ยวะ “

“ ไม่ได้โดน “ อาฟบอกปัด ผมก็ถอนหายใจออกมา

ก็พอรู้ว่ามันมีหลายประโยคที่บินคงพูดข่มมันอีกเยอะ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่อยากจะเล่าให้ผมรู้สึกไม่ดีเสียมากกว่า แล้วถ้าเป็นแบบนั้นผมก็รู้สึกว่า งั้นก็ไม่รู้จะฟังไปทำไม ถ้าฟังแล้วไม่สบายใจ ไม่ฟังดีกว่า ถามมากไปพอเสียใจเดี๋ยวจะทำให้อาฟคิดมากอีกว่าผมยังมีใจ ทั้งๆที่บางทีมันก็ไม่มีอะไรไปมากกว่าคำว่า ‘แค้น’

“ แล้วมึงไปพูดว่าอะไรวะ มันถึงขั้นจะยกเหล้าฟาดหัวมึงเลย “ คำถามที่ทำให้อาฟยกยิ้ม มันมองตาผมก่อนจะตอบ

“ พูดว่าสมเพชคนที่เป็นแค่อดีตอย่างมัน เพราะกูคือปัจจุบันและอนาคตของมึง ”

“ ขี้อวด “ เอ่ยแซวมันอีกคนก็ถามกลับ

“ หรือมึงว่าไม่จริง “

“ ก็ถูกหมดทั้งประโยคที่พูดออกไปนั่นแหละครับคุณ “

คนตรงหน้าผมได้แต่ยิ้มมันไม่ได้พูดอะไรอีก มีเพียงแค่แววตาคมที่มองมาที่ผม รอยยิ้มร้ายที่แปลออกมาด้วยหนึ่งความหมายคือ ‘ ต้องการ ’  ผมหลุบตามองต่ำตอนที่อีกคนจดจ้องอยู่ที่ริมฝีปาก ต้นคอ หรือแม้แต่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ผมสวมใส่ 

มือที่เคยวางนิ่งอยู่ที่ช่วงเอวตอนนี้มันเริ่มขยับมาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของผมก่อนจะเลื่อนตัวเข้าไปด้านในเพื่อสัมผัสกับผิวกายที่หดเกร็งยามที่มือเรียวนั้นเลื่อนผ่าน

“ อาฟ “ เอ่ยชื่อเรียกอีกคนที่ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้มลงจูบที่ริมฝีปากของผมราวกับจะขอขัดค้านการห้ามปรามใดๆที่กำลังจะหลุดออกมา

“ ส่วนที่มึงอ่อนไหวที่สุดคือส่วนไหนเหรอวะ “ คำถามที่เอ่ยถามกันตอนที่มันผละริมฝีปากออก ผมไม่ได้ตอบอะไรเพราะในตอนนั้นรูปปากได้ถูกปิดสนิทลงอีกครั้งและคราวนี้มันไม่ใช่จูบเพียงผิวเผินแต่เป็นจูบที่กดย้ำลงกับริมฝีปากของผมอย่างยากที่หนีหรือทัดทานใดๆ

    ลิ้นชื้นสอดผ่านเข้ามาตามลำดับความต้องการของคนตรงหน้า ความอุ่นที่กอดเกี่ยวกันและกันเอาไว้ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่มีใครยอมใคร ผมได้ยินแค่เสียงน้ำลายที่กำลังหล่อลื่นความสุขพวกนั้นให้ไหลไปอย่างไม่มีสะดุด

มือของผมเริ่มรู้สึกว่ามันเกะกะอย่างไม่รู้ว่าจะเอามันไปตั้งนิ่งไว้ที่ไหน ต่างจากมือของอาฟที่กำลังลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของผม ก่อนจะเลื่อนมาด้านหน้า มันลูบขึ้นไปด้านบนก่อนจะใช้นิ้วสะกิดยอดอกจนผมต้องหดตัวหนีจนปากของเราที่กำลังจูบอยู่ถึงกับต้องผละออกจากกัน อาฟยิ้มตอนที่ผมกำลังเม้มริมฝีปาก

“ ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรที่มึงจะต้องกลัวทั้งนั้น “

“ มึงจะทำเหรอ “ เสียงของผมมันสั่น ในตอนที่พยายามอธิบายอีกคนเอาแต่ยิ้ม “ คือ กูหมายถึงมึงจะทำ แบบนั้น คือ เรื่องแบบนั้น อะไรอย่างงั้นกับกู “

“ ทำไมคนเราชอบคำถามทั้งๆที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว “ อาฟตอบแบบนั้นด้วยสายตาที่ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน “ แต่ถ้ามึงอยากฟังละก็.. ใช่ อย่างที่มึงกำลังคิด “ ร่างโปร่งที่แนบเข้ามาใกล้ผม มือคู่นั้นกระชับกอดเอวของผมให้แน่นขึ้นก่อนใบหน้าคมที่ชวนให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะจะเอียงลงเพื่อมอบสัมผัสที่ลึกซึ้งให้ผมอีกครั้ง แต่ทว่าผม ก็เอ่ยขัดขึ้นก่อน

“ แต่กูไม่เก่งหรอกนะ “ ผมมองตามัน ก็อยากมีอะไรกับอาฟนะใจของผมมันตะโกนออกมาแบบนั้น ผมอยากมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับคนที่ผมรักเช่นมัน แต่เพราะทุกอย่างในเรื่องนี้มันเคยแย่ ผมเคยทรมานจากคำด่าทอต่างๆที่ฝังอยู่ในหัว ก็จริงอยู่ที่คนละคนกันมันไม่เหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าความรุนแรงที่เคยโดยกระทำจะหายไปจากใจง่ายๆเพียงแค่คิดอะไรแบบนั้น

ความทรงจำไม่ใช่สิ่งที่เราบอกให้ลืม แล้วมันจะลืม แต่ความทรงจำคือสิ่งที่เรายิ่งอยากจะลืมเท่าไหร่ มันก็ยิ่งจำ ก็เหมือนกับเรื่องนี้ที่ไม่ว่านานเท่าไหร่มันก็ยังอยู่ในใจของผม

“ ถามหน่อยได้มั้ย ว่าเกิดอะไรขึ้น “ อาฟถามเสียงเบามันจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่อยากรู้ “ บอกกูหน่อยได้มั้ย ว่ามันทำอะไร ทำไมมึงถึงกลัวแบบนี้ “

“ ไม่เอา ไม่อยากเล่า “ ส่ายหน้าบอกอีกคน มือคู่นั้นก็ทำได้แค่ดึงผมมากอดไว้

“ ถ้าบอก กูสัญญาว่ากูจะไม่เป็นแบบนั้น แล้วกูจะทำให้มึงลืมทุกอย่างพวกนั้นไปหมด เพราะงั้นบอกกูหน่อยได้มั้ยเมด ว่าทำไมมึงถึงดูกลัวแบบนี้ ทำไมตัวมึงถึงสั่นแบบนี้ “

“ มันชอบใส่เข้ามาตอนที่กูไม่มีอารมณ์แล้วคือมันเจ็บมากเลยอาฟ “ ผมบอกมันก่อนจะซบหน้าลงไปบนไหล่ คำพูดที่เอ่ยออกมาทั้งน้ำตาของผม “ บางทีที่มันอยากแต่กูไม่อยาก มันก็แค่ดึงกูลงไปนอนที่เตียง จูบแค่ไม่กี่ทีแล้วก็ใส่ตรงนั้นเข้ามา พอกูบอกว่าเจ็บมันก็ยังดัน เอาแต่บอกว่าเพราะกูมีอารมณ์ช้าถ้ามันรอกูมีอารมณ์มันก็หมดอารมณ์พอดี “ ไม่มีคำพูดอะไรที่หลุดออกมาจากปากคนที่กอดผมไว้แน่น จมูกคมหอมลงที่ข้างแก้มซ้ำๆราวกับจะปลอบโยนด้วยคำพูดนับพันเพื่อบอกกันว่า ‘ ไม่เป็นไร  จะไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นกับผมอีกแล้วอย่างเด็ดขาด ’ “ ขอโทษนะมึง “

“ ขอโทษทำไมครับ “ ประโยคถามกลับสั้นๆที่อบอุ่นของมันชวนให้ผมกอดมันไว้แน่นขึ้น ก่อนจะเงยหน้าบอกแบบที่ไม่ต่างอะไรกับเด็กที่กำลังงอแงคนนึง

“ กูขอโทษที่กูร้องไห้ ทั้งๆที่เคยสัญญากับมึงไว้แล้วว่ากูจะไม่ร้องไห้ ให้คนแบบนั้นอีก ขอโทษ ขอโทษนะอาฟนะ กูขอโทษ “

“ วันนี้กูจะทำให้มึงลืมมันไปเอง “ มือที่ยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มให้กันพูดแบบนั้นก่อนจะยิ้มจางๆ อาฟไม่ได้รู้สึกดีผมรู้ ไม่มีใครรู้สึกดีหรอกที่ได้ยินแฟนตัวเองพูดถึงอดีตแบบนั้น แล้วยิ่งตัวมันที่รักผมมากขนาดนี้มันก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี และเพราะเป็นแบบนั้นมันก็ยิ่งทำให้ผมกลัว

“ อาฟ “

   ไม่มีเสียงตอบรับอะไรอีก มีเพียงแค่จูบที่ประทับลงบนริมฝีปากผมอย่างนุ่มนวลซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีคำบอกรักหรือคำหวานหูใดๆ และเพราะนี่คืออาฟทุกอย่างจึงออกมาในรูปแบบของการกระทำ

อ้อมกอดที่กอดรัดผมไว้แน่น มันไล้มือเข้าไปด้านในเสื้อของผมอีกครั้ง ไอมืออุ่นที่ลูบไล้ไปตามผิวกาย ผมหอบหายใจเบาๆ ยามที่มือนั้นเลื่อนลงต่ำไปยังขอบกางเกงแล้วก็ต้องกัดปากแน่นในตอนที่มันสอดเข้าไปด้านในแล้วสัมผัสกับก้นกลมกลึงของผม อาฟบีบมันเบาๆเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เลื่อนตัวเองจากที่ยืนอยู่นิ่งให้ถอยหลังจนชิดประตูห้องนอน

ผละมือออกจากบั้นนท้ายกลม อาฟไล้มือขึ้นสูงอีกครั้งก่อนจะเลื่อนมาด้านหน้า ใช้นิ้วสะกิดยอดอกที่แข็งชันขึ้นด้วยอารมณ์ จูบปากที่กำลังหอบหายใจนั้นปิดมันลงด้วยความดูดดื่มอยู่นานพอๆกับนิ้วสองข้างที่กำลังบี้ยอดอกของผมจนได้แต่ครางในลำคอแบบไม่เป็นภาษา

“ อ๊า อาฟ “ หลุดปากบอกตอนที่ริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เอื้อมมือจับที่ไหล่ของคนที่เลื่อนมาจูบกันตรงข้างแก้ม ก่อนจะผละมือออกเพียงข้างแล้วใช้ปากก้มลงขบเม้มแทนมือนั้นตรงยอดอกที่ทำให้ผมแทบไร้เรี่ยวแรงที่จะยืนนิ่งต่อไป เท้าจิกลงกับพื้นห้องทุกอย่างปั่นป่วนไปหมด ผมได้แต่หอบหายใจ จนต้องดึงมือตัวเองขึ้นมากัดไว้ในตอนที่ความต้องการรุนแรงมากขึ้นทุกที “ อาฟ พอก่อน กูว่า กู มัน “

“ ไม่ไหวแล้วงั้นเหรอครับ “ ผละปากออกจากยอดอกของผมแล้วบอก อาฟยิ้มก่อนจะก้มลงไปจูบมันอีกครั้งพลางใช้มือข้างที่ว่างเลื่อนมาจับส่วนกลางของผมไว้ ถูเบาๆจนโป่งพองก่อนกระดุมกางเกงตัวที่สวมจะถูกปลดออกด้วยมือข้างนั้นที่ก็สอดล้วงเข้าไปด้านในเพื่อสัมผัสมันโดยไม่มีเนื้อผ้าใดปกปิด

“ อาฟ  เมด..” ผมรู้สึกเหมือนร่างจะแตกตอนที่เอ่ยชื่อมัน สัมผัสเบาๆที่ถูขึ้นลงไม่ต่างอะไรกับการหยอกล้อที่เหมือนจะทำให้ผมขาดใจตายลงไปกับความต้องการที่บีบรัดไว้แทบทั้งร่าง อาฟเริ่มขยับขาอีกครั้ง คราวนี้ประตูห้องถูกเปิดออก เสียงล็อคที่ผมได้ยินมันดังขึ้นไม่นานแล้วหลังจากนั้นแผ่นหลังของผมก็นอนราบลงกับเตียงกว้าง

กระดุมเสื้อที่ถูกสวมใส่โดนปลดไปหมดอย่างรวดเร็ว ยอดอกถูกจูบอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับเป็นลิ้นชื้นที่วนไปรอบๆพื้นที่ด้านข้างก่อนจะกลับมาดูดดึงยอดอกของผมสลับกับการขบเม้มจนทำได้แต่กำผ้าปูเตียงไว้แน่นเพราะมือข้างที่จับส่วนกลางไว้มันก็ยังไม่ผละออกไปไหน หนำซ้ำยังถูกร่อนให้กางเกงที่สวมใส่อยู่หลุดออกไปจากตัวจนเหลือแต่ส่วนล่างเปลือยเปล่าเพียงเท่านั้น
“ มาตามหาส่วนอ่อนไหวของมึงกันดีกว่า “ อาฟบอกตอนที่ผละปากออกจากยอดอกของผม
 
ริมฝีปากบางเลื่อนตัวเองขึ้นจูบที่เหนืออก สูงขึ้นมาที่ลำคอ ผมหายใจออกมาแรงๆตอนที่จมูกคมกรีดไปตามรอบคอ ลมหายใจอุ่นเป่ารดผิวเบาๆ ผมอยากจะกรีดร้องกับตัวเองตอนที่จำใจต้องยกขาทั้งสองข้างขึ้นตั้งชัน เพราะมือที่สัมผัสส่วนกลางเริ่มใช้นิ้วไล้ลงไปถูกเบาๆที่ช่องทางหลัง

 ทุกอย่างมันน่าอายราวกับว่าร่างกายของผมทุกส่วนมันอ่อนไหวไปทั้งหมดถ้าเป็นผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นจูบที่ดูดดื่มจากทั้งริมฝีปากหรือต้นคอ ยอดอกที่กำลังตั้งชันราวกับกำลังเรียกร้องให้ขบเม้มอย่างเอาแต่ใจไม่ต่างไปจากส่วนล่างที่เปิดทางราวกับบอกกันว่า ‘ มากกว่านี้อีก สัมผัสทุกส่วนให้มากกว่านี้อีก ใส่เข้ามาสิ กูต้องการมึง ’

“ อาฟ “ ผมเรียกอีกคนเสียงสั่น ก่อนจะใช้มือประคองใบหน้าคมที่กำลังจูบอยู่ที่ซอกคอนนั้นให้ขึ้นมาสบตากัน ดึงตัวเองเข้าไปกัดริมฝีปากล่างของอาฟเบาๆ ก่อนที่มันจะก้มลงมาจูบผมแล้วยกยิ้มให้

“ ว่าไงครับ “

“ เมดไม่ไหวแล้ว ได้โปรดเถอะ ใส่มันเข้ามาทีได้มั้ย “

“ ไหนใครบอกกูว่ามึงมันห่วยเรื่องแบบนี้ “ ร่างโปร่งที่ดึงตัวเองขึ้นบอก มันจูบลงข้างแก้มของผมก่อนจะเลียที่ใบหูเบาๆ “ มันไม่มีน้ำยามากกว่า เพราะมึงแม่งเซ็กซี่สุดๆไปเลย กูจะบอกให้ “ คำชมที่มันพร้อมกับนิ้วมือที่ถูกเบาๆลงบนช่องทางหลัง ผมเชิดหน้าขึ้นตอนที่มันขยับขึ้นลงอยู่แบบนั้น เม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่นสกัดกั้นเสียงครางของตัวเองเอาไว้

ผมเห็นอาฟเอื้อมหยิบกล่องวาสลีนสีเหลืองขึ้นจากในลิ้นชักหัวเตียง นิ้วสองนิ้วตักขึ้นก้อนใหญ่ก่อนจะใช้นิ้วที่เหลือช่วยกันทามันจนทั่ว แล้วไม่ต้องให้สงสัยนานนิ้วชี้ที่เคลือบด้วยครีมนั้นก็ถูกสอดเข้าไปตรงช่องทางหลังของผมจนได้แต่อ้างปากค้าง พร้อมกับนิ้วที่สองสามจะถูกสอดใส่เข้ามาตามลำดับ อาฟขยับมันเข้าออกช้าๆเบาๆอยู่นาน ก่อนจะดึงขาข้างนึงของผมขึ้นไว้บนบ่า นิ้วขยับเข้าไปลึกขึ้น หมุนวนอยู่ในนั้นจนผมได้แต่ขยำผ้าปูเตียงไว้แน่นเพื่อระบายความรู้สึกแปลกที่ยิ่งกว่าการที่โดนจูบหรือแม้แต่สัมผัสใดๆ

“ อ๊ะ อื้อ อ๊ะ ตรงนั้น ตรงนั้นมัน อะ อาฟ อื้อ อย่าย้ำ อ๊า “ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ นิ้วนั้นถูกกดย้ำลงไปในส่วนที่อาจจะเรียกว่าจุดกระสัน ผมเม้มริมฝีปากแน่นในตอนที่นิ้วทั้งสามสอดเข้าสอดออกเป็นจังหวะอยู่แบบนั้นอย่างไม่ยอมผละออกไปไหน  ยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้ ผมกัดฟันส่งเสียงความทรมานทั้งหมดออกมา “ พะ พอแล้ว อ๊ะ อ๊ะ  อาฟ  เหมือนมันจะ อ๊ะ จะเสร็จ ละ แล้วกูไม่อยากเสร็จ อ๊ะ ด้วยนิ้ว อื้อ อะ เอาออกไปก่อน “

“ ไม่อยากจะเสร็จด้วยนิ้วเหรอครับ “ ถือว่าได้ผลชะงักอาฟหยุดที่จะเคลื่อนไหวมัน ผมไม่ได้ตอบอะไรออกมาเป็นคำพูดแค่พยักหน้ารับอีกคนที่ก็ยิ้มกว้างก่อนจะก้มลงมาจูบที่ริมฝีปากของผมอีกครั้ง อาฟโยนกระเป๋าเงินของมันลงที่ด้านล่างของเตียงในจังหวะที่มันกำลังจูบผมอยู่ และตอนนั้นผมก็ได้รู้ว่า มือที่ไม่อยู่ว่างของมันเมื่อครู่ได้จัดการถุงยางไว้ที่ส่วนกลางแล้วเรียบร้อยแล้ว
“ อาฟ “  ไม่รู้ทำไมถึงเอ่ยเรียกอีกคนแบบนั้นในตอนที่อาฟแค่ผละออกพักจูบที่ดูดดื่มของเรา แต่อาฟเองก็ชะงักไปเหมือนกันมันมองตาผมอยู่สักพัก

โดยที่ไม่พูดอะไร มือข้างนึงก็ดึงมือของผมที่กำผ้าปูที่นานไว้แน่นขึ้นมา อาฟจูบลงบนฝ่ามือราวกับจะขออนุญาติ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจูบดูดดื่มลงบนฝ่ามือนั้นจนมันขึ้นเป็นรอยรักสีแดงอ่อนๆที่ตัดกับผิวขาวของผม วางมือลงที่เดิมช้าๆแล้วเลื่อนตัวมาจูบลงบนริมฝีปากอีกครั้งในตอนที่สอดใส่ส่วนกลางของตัวเองเข้ามาในร่างของผมจนมิดด้าม

อาฟผละจูบออกมันดึงตัวเองขึ้นนั่งขยับให้ได้ท่าที่เหมาะสม ขาสองข้างของผมพาดอยู่บนไหล่นั้น ล๊อคไว้ด้วยมือของมันที่จับอยู่ตรงเอวที่ดึงร่างของผมให้ขยับเข้าออกช้าๆในจังหวะแรง ผมนอนมองคนที่อยู่ด้านบนที่กำลังสอดใส่กันอยู่ในร่าง อาฟทำได้แค่ยิ้มบนใบหน้าคมที่มีเม็ดเหงื่อเกาะอยู่ไม่มาก ริมฝีปากบางนั้นจูบลงบนท่อนขา แต่งแต้มรอยสีแดงไปทั่วข้างทั้งสองขางของผมอย่างเอาใจก่อนจะที่จังหวะนั้นจะเริ่มเปลี่ยนไป มันเร็วขึ้นอีกนิด และอีกนิดในตอนที่อาฟเริ่มกัดริมฝีปาก

“ อื้อ “ เสียงครางเบาๆของอีกคนชวนให้ผมกัดริมฝีปาก ก็ไม่ได้โชว์เรือนร่างเหมือนกับผม ออกจะขี้โกงไปหน่อยที่อีกฝ่ายยังใส่ครบแล้วมีแค่ผมที่เปลือยเปล่า แต่ถึงอย่างั้นมันก็เป็นอะไรที่ชวนให้ใจเต้นแรงเหลือเกิน เป็นความเท่ห์ที่ชวนให้ปั่นป่วนและมีความสุขไปในเวลาเดียวกัน


“ อ๊ะ อาฟ เริ่มเร็วไป ละ แล้ว นะ อ๊ะ อ๊ะ “ ลำตัวของผมเริ่มสั่นเพราะถูกขยับขึ้นลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่องทางหลังถูกสอดใส่จากส่วนกลางจนเสียงกระทบของมันดังลั่นห้องนอนของเราที่ตอนนี้ไม่ได้เปิดแม้เครื่องปรับอากาศ เหงื่อของผมไหลไปตามเนื้อตัว ไม่ต่างอะไรกับอาฟ แต่เราก็ยังขยับเข้าออกอยู่แบบนั้นแล้วมันก็รุนแรงมากขึ้น ตามอารมณ์ของคนที่บังคับมันอยู่ด้านบน ผมเลื่อนมือคว้าเอาผ้าปูที่นอนมากำไว้แน่นกับมือทั้งสองข้าง ในใจของผมมีคำพูดนับพันที่กระดากอายเหลือเกินที่จะพูดออกไป เพราะถ้าทำได้ผมอยากจะพูดออกไปแบบไม่หยุดปากเลยว่า ‘ แรงอีก มากกว่านั้น แรงอีก ใส่เข้ามาอีก ลึกกว่านี้ ’

“ อ๊า อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อื้อออ อะ อาฟ อ๊าห์ “ ผมเด้งตัวเองขึ้นจากพื้นเตียงเล็กน้อยก่อนจะปล่อยตัวเองลงนอนอย่างหมดแรงในตอนที่น้ำสีขุ่นของความต้องการจะถูกฉีดออกมาจากส่วนกลางของตัวผม และไม่ต่างอะไรกับอีกคน อาฟเองก็ดันส่วนกลางของตัวเองฝังเข้ามาในร่างของผมจนสุดมันปลดปล่อยออกมาภายในถุงยางนั้น ก่อนจะหอบหายใจแรงๆ พลางเลียปากด้วยท่าทางที่ชวนให้ใจเต้นแรง


ก้มตัวลงมาจูบที่ริมฝีปากของกันและกันอีกครั้ง ลำตัวของเราที่แนบสนิทกันไม่มีใครสนว่าตอนนี้เหงื่อของเราจะออกมาเยอะเท่าไหร่ หรือแม้แต่ว่าตอนนี้อาฟจะนอนทับเศษน้ำความต้องการของผมที่เปรอะอยู่บนตัว เราแค่จูบกันเป็นการจูบที่ดูดดื่มและมีความสุขอย่างที่สุด ผมกอดคอของอาฟไว้ไม่ต่างอะไรกับอีกคนที่กอดเอวของผมไว้เช่นกัน แล้วในตอนที่เราผละออกกันเพื่อพักผมก็บอกมัน

“ อาฟ กูมีความสุขจัง มึงทำให้กูมีความสุขมากๆเลยรู้มั้ย “ คำพูดที่ทำให้คนที่กำลังก้มลงมาจูบต่อชะงัก มันเม้มริมฝีปากตัวเองก่อนจะหลุดยิ้มออกมาด้วยหูแดงๆ ที่ก็รีบซุกกับไหล่ผมทันทีตอนที่ผมยิ้มกว้างให้มัน อาฟเงียบอยู่สักพักก่อนจะพูดออกมาเสียงเบาๆ

“ กูแม่งมีความสุขมากกว่าตอนที่มึงชมว่ากูหล่อซะอีก “

“ ฮ่าๆ “ หลุดหัวเราะเสียงดังในตอนที่อีกคนดึงหน้าขึ้นมาจากไหล่ผมอาฟจูบเบาๆลงที่ริมฝีปากอีกครั้งด้วยแววตาที่มีความหมายของมัน ก่อนจะก้มลงจูบที่ข้างแก้มทั้งสองข้าง ดวงตา จมูก ก่อนจะวนกลับมาที่ริมฝีปาก

น่าแปลกที่คนบางคน ไม่ต้องมีคำพูดอะไรมากมายเลย แต่ทุกการกระกลับบอกความรู้สึกทุกอย่างได้เป็นอย่างดี แล้วอารยะของผมก็เป็นแบบนั้น เป็นคนที่ไม่ต้องพูดอะไรเลย แต่การกระทำทุกอย่างกลับบอกทุกความหมายให้ผมว่า รักมากแค่ไหน

“ ยิ้มอะไรของมึง “ เอ่ยถามคนที่นิ่งแล้วเอาแต่ยิ้มอยู่แบบนั้น อาฟก้มหน้าลงก่อนจะเปลี่ยนแววตามาเป็นคนขี้เล่นแบบที่ชอบแกล้งผมให้หัวเสียทุกที

“ ยุ่งอะไรด้วย กูคิดถึงแฟนกู ”


“ อ้าว ก็กูไง ” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอีกคนก็หัวเราะ ผมก็ได้แต่เอียงหน้างง อาฟจูบผมอีกครั้งมันกอดผมไว้แน่น

“ ตอนแรกกูคิด ว่ากูสเป็คเปลี่ยนถึงได้มาชอบไอ้เด็กหน้าซาลาเปา นิ้วสั้นเล็บกุดอย่างมึงเข้า ทั้งๆที่จริงๆ กูชอบคนมือสวยเล็บสวย แต่จริงๆก็ไม่ใช่ “ คนด้านบนบอกก่อนจะดึงตัวเองขึ้นสบตากับผมที่ก็ดึงมือตัวเองขึ้นมาดูจะว่าไปมันก็สั้นนิดหน่อยเมื่อเทียบกับอาฟที่ตอนนี้ก็ยิ้มให้ผมก่อนจะดึงมือข้างนั้นขึ้นไปจูบ  “ กูก็ยังชอบคนที่มีมือสวยเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่แค่ตอนนี้กูชอบมึง
มากกว่า ทุกอย่างที่เป็นมึง มันเลยสวยไปหมดสำหรับกู แล้วกูก็ชอบมันทั้งหมดนั้น ทั้งหมดที่เป็นมึง “

“ เชี้ยอาฟ หัวใจกูเต้นแรงกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ ” ผมจูบมันตอนที่อีกคนพูดคำนั้น “ ใจร้ายจังมึง ทำให้กูรักมากขึ้นอีกแล้ว “

...........................................................
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 27-07-2018 20:32:01

ลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพราะรู้สึกได้ถึงแรงกดจมูกของคนนอนข้างๆที่ก็หอมกันในทุกเช้าตรงช่วงแก้ม ผมเผลอถอนหายใจออกมาเพราะมันรบกวนการนอนหลับที่แม้จะเช้าแล้วแต่ก็ยังอยากจะนอนต่อไปแบบนี้เรื่อยๆเพราะความรู้สึกเพลียอย่างที่สุดแถมยังรู้สึกเจ็บจุกนิดหน่อยตรงช่วงล่างและโดยที่ไม่ต้องหาเหตุผลอะไรให้มาก คนที่ทำให้ร่างกายผมต้องเป็นแบบนี้ก็คือคนที่ตอนนี้พยายามดึงตัวเองขึ้นมาหอมแก้มผมอีกข้างแถมยังกดจมูกหอมลงไปเต็มฟอดอีกต่างหาก

“ อาฟ “ เอ่ยท้วงเจ้าตัวการเสียงเบา แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ได้รับแค่การหอมแก้มที่กดแรงเพิ่มลงไปก็เท่านั้น แบบที่คนทำก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยว่ากำลังรบกวนการนอนหลับของผมอยู่ “ อื้ออออ อาฟ กูจะนอน ”

บอกกันแบบนั้นทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา ผมได้ยินเสียงอีกคนหัวเราะก่อนมือเรียวข้างนึงของอาฟจะกระชับเอวของผมแล้วดึงเข้าไปใกล้ตัวมัน  เผลอยิ้มออกมากับท่าทางทั้งหมดนั้น ผมไม่รู้ว่าก่อนจะรู้สึกตัวโดนหอมแก้มไปแล้วกี่ครั้ง แต่มันก็เป็นแบบนี้ทุกเช้าและมันก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่แม้ว่าเมื่อคืนเราจะก้าวข้ามความสัมพันธ์ขึ้นไปในอีกระดับนึง

มันเป็นความรู้สึกที่จำกัดความได้เพียงสั้นๆอย่างไม่ต้องยืดยาวว่า ‘ มีความสุข ’ ราวกับว่าอาฟได้ลบความคิดเก่าๆของผมทิ้งไปเสียหมด เซ็กส์ในความรู้สึกที่เคยมีแต่สีหม่นหมอง ทั้งน่ากลัวและเจ็บปวด แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปหมด เพียงช่วงข้ามคืน เซ็กส์ในความรู้สึกผมกลับกลายเป็นสีพาสเทลที่ดูอบอุ่น อ้อมกอดของอาฟที่กอดกันไว้ รอยจูบ หรือแม้แต่สัมผัสยามต้องเรือนร่าง ผมรู้สึกตัวเองเหมือนของมีค่า ที่ถูกทะนุถนอมอย่างที่สุด จากคนชายคนนึงที่ใครๆต่างรู้สึกว่า ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น

“ ไม่หิวรึไง จะเที่ยงแล้วนะ “

“ ไม่หิว “ ผมบอกเสียงเบาก่อนจะพลิกตัวเองช้าๆ แล้วหันไปกอดคนที่เอ่ยถาม ซุกตัวเข้าไปในอก สูดกลิ่นตัวอบอุ่นเข้าไปช้าๆ รู้สึกอยากนอนอยู่แบบนั้นและไม่อยากจะทำอะไรแบบนั้นอีก “ วันนี้กูขอไม่ลุกขึ้นไปชงกาแฟให้นะ มึงหากินเองแล้วกัน “

“ ใครห้ามมึง “ อาฟบอกแบบนั้นก่อนผมจะรู้สึกได้ถือไออุ่นจากมือที่แนบลงกับหน้าผากและข้างแก้ม เสียงบ่นพึมพำเบาๆของคุณหมอจำเป็นชวนให้ผมยิ้ม “ ตัวก็ไม่ร้อน มึงปวดหัวรึเปล่า “ ท้ายประโยคที่ถามกันด้วยเสียงห่วงใยผมส่ายหน้าปฎิเสธ

“ ไม่ปวดหัว ปวดตัว “ สิ้นคำพูดนั้นคนที่ผมกอดอยู่ก็เริ่มขยับตัว บรือตามองมันที่เดินออกไปนอกห้องโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ อาฟหายไปสักพักใหญ่ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องแล้วหยิบโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ตรงลิ้นชักหัวเตียงก่อนเดินออกไปข้างนอกอีกครั้ง

“ ไอ้เจ ระหว่างยาที่ชื่อซาร่ากับยาที่ชื่อไทลินอล ยาตัวไหนเค้าให้กินตอนปวดตัววะ “ ผมเผลอยิ้มออกมาตอนที่ยินประโยคนั้นที่ดังมาจากหน้าห้อง ดึงผ้าห่มที่ห่มอยู่ขึ้นมาปิดหน้าตัวเองที่ตอนนี้กำลังแดงจัด ‘ ไอ้เชี้ย ทำไมมึงถึงได้น่ารักขนาดนั้นวะ  ’ “ เสือก จะปวดตัวเพราะอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของมึง ตอบคำถามที่กูถาม “ ท่าทางปลายสายจะถามว่าทำไมถึงต้องกินแน่นอนสำหรับไอ้คำตอบแบบนี้ “ คลายกล้ามเนื้อพ่อมึง เอาดีๆ กูไม่เล่น จะรีบเอาไปให้ไอ้เมดกิน ซาร่าเหรอวะ มันยังไม่ได้กินข้าวก็กินได้ใช่มั้ย ”

“ กินได้ เพราะมันโฆษณาว่ามไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ไม่เคยฟังรึไงครับคุณ ” ผมแซวมัน ทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่ได้ยิน เผลอคิดแค่ว่า ก็น่าจะถามผมจะได้ไม่ต้องเปลืองค่าโทร แต่ลืมไปว่าอะไรแบบนั้นมันดูไม่คลูเท่าไหร่ สำหรับคุณอารยะ   

“ เมด “ เสียงที่มาพร้อมกับมือที่จับลงที่ผ้าห่ม ผมหลับตาลงทันทีก่อนจะพลิกตัวไปอีกทางตอนที่มือนั้นดึงผ้าห่มที่ปิดตัวผมอยู่ลง “ ลุกขึ้นมากินยา “

“ ไม่เอา ไม่อยากกิน “ แกล้งบอกปัดมันเพราะอยากรู้ว่าอีกคนจะทำไง  แต่ก็ลืมไปว่า แฟนเป็นคนไม่หวาน

“ หรืออยากให้กูจับกรอก ? “

“ รุนแรงไอ้สัด “ ลืมตาขึ้นมามองคนตรงหน้า โชคดีที่อาฟไม่คิดแม้จะเปิดไฟหรือเปิดม่านใดๆในตอนนี้ หยิบยาในมือที่ถูกแกะแล้วขึ้นมาใส่ปากก่อนจะกินน้ำที่อีกคนกดให้ตามลงไป แต่ที่อยากถามมันคือ “ ใครเค้าเอาน้ำเย็นมาให้คนป่วยแดกบ้างวะ เค้ากินน้ำอุณหภูมิห้อง ไม่ก็น้ำอุ่นกันทั้งนั้น “

“ เหรอวะ “ สบถออกมาแบบไม่รู้ แต่ผมยิ้มก่อนกินน้ำนั่นเข้าไปจนหมดแก้ว แค่มันดูแลกันตอนป่วยก็เหนือความคาดหมายแล้ว อาฟเป็นคนดูแลชีวิตตัวเองในเรื่องแบบนี้ไม่เก่ง ขอท้าเลยว่ามันต้องไม่รู้แน่นอนว่า แอสไพรินกับพาราเซตามอลมันเป็นยาลดไข้ที่แตกต่างกัน

“ แต่กูไม่ป่วย แค่ปวดตัว น้ำเย็นก็คงได้แหละ “

“ คราวนี้ก็นอนสักพัก “ แก้วในมือถูกดึงเอาไปตั้งไว้ที่ลิ้นชักข้างเตียง ผมพยักหน้ารับก่อนจะนอนลงตามคำสั่งของอีกคน  พลิกตัวมองอาฟที่ก็มองผมอยู่ “ มองอะไร “

“ มึงมานอนด้วยกันสิวะ มึงยังนอนต่อได้กูรู้ “ บอกแบบนั้นก่อนจะตบลงบนพื้นที่ข้างตัวที่ว่าง ยักคิ้วให้คนที่ยืนอยู่มันก็ทำทีเป็นนิ่งทั้งๆที่จริงก็อยากจะนอนลงมาเหมือนกัน

“ มึงขอให้กูนอนลงเองนะ กูไม่ได้อยากจะนอนต่อ “ หลุดยิ้มกับความขี้เก็กของมันผมพยักหน้ารับ อาฟก็นอนลงข้างกันแล้วในวินาทีถัดมาผมก็ดึงตัวเองเข้าไปซุกอยู่ใกล้อกของมัน ซบหน้าลงบนเสื้อนอนที่มีแต่กลิ่นกายอุ่นๆก่อนจะเอ่ยแซวในสิ่งที่ได้ยิน

“ หัวใจมึงเต้นโคตรแรงเลยว่ะ “

“ อย่าไปบอกใครละกัน “ อาฟพูดเสียงเบาผมก็เงยหน้ามองมัน สบสายตากับคนที่ก้มลงมาพูดแบบหน้านิ่งๆ  “ กูอายแฟนกู “

“ เออ ไม่บอกหรอกน่า “ แล้วก็เป็นผมทุกทีที่ต้องเขินมันแทน

   ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงบ่าย หลังจากหลับต่อไปเพราะฤทธิ์ของยาแก้ปวด ร่างกายที่เคยปวดเมื่อยเหมือนจะหายสนิทหลังจากได้รับยาเข้าไป ผมดึงตัวเองขึ้นจากเตียงก่อนจะหันไปมองคนข้างๆที่ก็ยังคงหลับสนิท มือที่พาดอยู่กับเอว ผมแซวมัน
“ ก็ไม่ได้อยากจะนอนต่อจริงๆด้วย “ พูดแบบนั้นก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง นึกขอบคุณตัวเองที่เมื่อคืนตัดสินใจไปอาบน้ำหลังจากนอนไปสักพักแล้วมันไม่หลับ ไม่อยากจะนึกเลยว่าการนอนนานๆด้วยร่างเปลือยเปล่าที่มีแต่คราบเหงื่อกับคราบของความต้องการนั้นจะเป็นยังไง ให้เดาว่ามันคงไม่สดใสอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่ๆ

“ อ้าว พี่เมด ตื่นแล้วเหรอ “ เสียงทักทายแรกที่ผมได้ยินตอนที่เปิดห้องนอนออกไปเป็นของน้องเดย์ที่อยู่ในชุดนอนและดูเหมือนเมื่อคืนน้องจะกลับมานอนที่คอนโดต่างจากปกติที่เหมือนจะแค่กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

“ อ้าว เมื่อคืนกลับคอนโดด้วยเหรอน้องเดย์ “

“ ใช่แล้วครับ แต่ถึงนี่ก็ตีสี่แล้วมั้ง ไปหาโจ๊กโต้รุ่งกินกับไอ้อัยย์แล้วก็ไอ้พี่เจมา โคตรอร่อยอะพี่เมด “

“ เหรอ “ ผมตอบน้องก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ตอนนี้หิวมากผมต้องการเติมอะไรร้อนๆลงท้องเป็นอย่างยิ่ง

“ เด็ดสุดเลยคือหนังไก่ทอดกรอบ รองลงมาคือหมูหวาน แล้วรองลงมาจากนั้นอีกคือยำไข่เค็ม ตบด้วยลอดช่องน้ำกะทิในเซเว่น คือพี่เมดมันแบบ เหนือคำบรรยาย ความรู้สึกตอนได้กินมันแบบ น้องเดย์ไม่ได้ต้องมีแฟนก็ได้ แค่น้องเดย์ขอให้มีอาหารอร่อยๆกินตลอดไปก็พอแล้ว “

“ ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลยเหรอวะ “ หันไปแซวน้องยิ้มๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แต่จะว่าไปหิวเหมือนกัน เริ่มแสบท้องแล้วด้วย “

“ ก็นี่มันบ่ายเข้าไปแล้ว ยังไม่ได้กินอะไรเลย ไม่หิวก็แปลกแล้ว “

“ ต้องหาอะไรกินก่อน ไม่ไหวแล้วโว้ยยย “ บอกตัวเองพลางชงโกโกร้อนด้วยมือที่ค่อนข้างสั่นๆ ผมหยิบขนมปังกรอบที่ซื้อติดตู้เย็นไว้มาบีบนมข้นหวานใส่ลงไปก่อนจะกินเข้าไปด้วยความหิว

“ พี่เมดทำให้ด้วย น้องเดย์กินด้วย “ เด็กยักษ์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเดินเข้ามาหาก่อนจะชะงักอยู่ที่หน้าเค้าเตอร์ครัวตอนที่น้องเห็นขาผม “ พี่เมดขาเป็นอะไรวะ ทำไมมันแดงเป็นจุดๆอย่างงั้นอะ “ ผมก้มลงมองขาตัวเองตอนที่ยัดขนมปังกรอบใส่ปากก็ได้แค่คิดหาคำตอบดีๆ คำตอบที่ไม่ใช่คำตอบจริงๆที่น้องเดย์เองก็คงรู้ เพราะไม่งั้นน้องคงไม่มองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์อย่างงั้น

“ เอ่อ.. ยุงกัด “ คำตอบสิ้นคิดที่หลุดออกมา ผมสบตาน้องที่ยิ้มแห้งๆให้ผม

“ ยุงแม่งคงตัวใหญ่น่าดู คงสูงร้อยเจ็ดห้าสิบอัพ แถมยังปากหมา “

“ แล้วแม่งก็ชื่ออารายะด้วย “ เสียงที่ดังมาจากประตูห้องนอนชวนให้คนที่กำลังพูดกับผมเบิกตาขึ้นก่อนจะปั้นหน้าล้อเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะได้ยินคำพูดนั้น ก่อนที่น้องเดย์จะวิ่งออกไปที่ประตูฝั่งระเบียงเอื้อมมือเปิดผ้าม่านออกจนหมด
 
“ วันนี้แม่งพายุเข้าแน่ สัดพี่กูพูดตรงๆกับเค้าด้วย โอ๊ย “ เสียงสบถช่วงท้าย คือเสียงที่หมอนใบใหญ่ตรงโซฟาที่เขวี้ยงลงหัวคนเป็นน้องแบบแม่นยำ น้องเดย์หันมายิ้มล้อๆพี่ชายตัวเองก่อนจะกำมือแน่นแล้วเชิดหน้ากวนตีนแบบไม่มีที่สิ้นสุด “ วันนี้ที่รอคอย “

“ เดี๋ยวมึงจะโดนเตะ ” อาฟชี้นิ้วคาดโทษน้องชายตัวผมเองก็หลุดยิ้มตอนที่เจ้าตัวการวิ่งมาหลบหลังผม มือที่จับไหล่กันไว้ ก่อนจะพูดเสียงเล็กเสียงน้อย

“ พี่เมด ช่วยน้องเดย์ด้วย น้องเดย์กลัว “ เอาจริงถ้าผมเป็นไอ้อาฟจะไม่แค่เขวี้ยงหมอน กูจะถีบให้ด้วย หมั่นไส้เหลือเกินแล้ว

“ อย่าทะเลาะกันได้มั้ยวะ กูรำคาญญญญ “ ลากเสียงยาวเหมือนตะโกนออกไปก่อนจะถอนหายใจออกมา “  กูว่ามาสั่งอะไรกินกันดีกว่า หิวแล้ว กินอะไรกันดีพวกมึง ”

 “ แล้วแต่มึงกับไอ้เดย์ “ อาฟบอกแบบนั้น ผมก็หันไปถามน้องเดย์ที่ตอนนี้อีกคนก็เอาแต่ยิ้มก่อนจะมองขาผมแล้วเอ่ยบอกแบบตรงๆ

“ ขาพี่เมดสวยดีจังเลยว่ะ ขาวด้วย เนียนแบบไม่มีขนเลย “ มองตาคนชมที่ก็จดจ้องอยู่กับขาผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์พร้อมกับการกลืนน้ำลาย ผมหันไปมองอาฟที่มองน้องเดย์อยู่เหมือนกันก่อนที่มันจะหันมาถามผมแบบสั้นๆ

“ มีดในครัวอยู่ตรงไหนวะ “

“ จะเอามาทำอะไร “ ผมถามอาฟก็หันไปมองน้องชายตัวเองที่ตอนนั้นก็เงยหน้าขึ้นพอดี

“ เอามาฆ่าไอ้สัดเดย์ “ มันพูดเสียงเรียบตอนที่จ้องตาอีกคนที่ก็แค่ยิ้มแห้งๆตอนที่รู้ตัวว่ากำลังทำให้พี่ชายตัวเองไม่พอใจ “ จะเลิกมองขาแฟนกูได้ยัง ”

“ หวงจริงๆ นี่น้องไง นี่น้องเอง น้องเดย์ของพี่อาฟอะครับ “

“ ตอนนี้กูไม่นับ “ อาฟบอก ผมก็ยิ้มขำกับท่าทางของน้องที่เบิกตาขึ้นพร้อมกับเอามือทาบอกก่อนที่มันจะหันมาบอกกันด้วยแววตาไม่ชอบใจ “ มึงก็เหมือนกัน “

“ เกี่ยวอะกับกูอีกละครับ “

“ ใส่ทำไมขาสั้นขนาดนั้น ชอบโชว์มากนักรึไง “ ก้มลงมองกางเกงที่ตัวเองใส่อยู่ ถามว่าสั้นมั้ย ? ก็ไม่เห็นจะสั้นเลยสักนิดเหนือเข่าขึ้นมาสักครึ่งฝ่ามือเอง ถ้าสั้นจนน่าเกลียดสำหรับผมมันต้องแค่คืบจากเอว ไม่ก็สั้นประมานใส่บ๊อกเซอร์

“ กูว่า..มันก็ไม่ได้สั้น “

“ มันสั้นสำหรับกู “ อาฟบอกแค่นั้นก่อนจะหันไปมองน้องชายตัวเอง “ แล้วก็สั้นสำหรับคนที่ชอบคนขาสวยแบบไอ้สัดเดย์ด้วย “
“ อุ้ย “ น้องเดย์ดึงสายตาที่ก็ยังเหลือบมองขาผมขึ้นมามองหน้าพี่ชายตัวเองก่อนจะยิ้มแห้ง “ สัดพี่รู้สเป็คกูด้วยอะ แจ๋มไปเลยเนอะพี่เมด ฮ่าๆ ”

“ ไม่ตลก “

“ โอ๊ยยยยยยย ซีเรียสน่า “ น้องบอกปัด “ สัดพี่มึงแม่งก็หวงพี่เมดเกินไปรึเปล่า กูก็แค่มองมั้ย ก็ขาพี่เมดสวยจริงอะ “

“ นี่มึงยังจะเถียง ยังไม่หยุด ? “

“ ก็สัดพี่มึงไม่มีเหตุผลอะ หวงอะไรไม่เข้าท่า มึงคิดหน่อยสิวะ กูก็แค่มองอะ ไม่ได้เอาไปได้สักหน่อย มึงหวงพี่เมดขนาดนี้สักวันพี่เมดจะอึดอัดจำไว้ “ น้องเดย์ที่เถียงกลับพี่ชายตัวเอง ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าต่างฝ่ายก็กำลังมองหน้ากันแบบไม่มีใครยอมใครทั้งนั้น ก่อนที่อาฟก็พูดขึ้นเสียงนิ่ง


“ เมดเป็นแฟนกู “

“ เข้าใจว่าหวงแฟน แต่มันมากเกินไป ถ้าแค่ยังมองไม่ได้ทีหลังก็จับขังไว้ให้อยู่แต่ในห้องไปเลยสิวะ “ อาฟเงียบไป มันไม่ยอมหรอกผมรู้ แต่มันคงรู้สึกแค่ว่าเถียงกับเด็กที่ไม่ยอมใครแบบน้องเดย์ เถียงไปมันก็เหนื่อยเปล่าๆ “ มันก็จริงอยู่ที่กูชอบคนขาสวย แล้วกูก็รู้สึกว่าขาพี่เมดสวย แต่มันก็ทำได้แค่มองมั้ยวะ มึงแม่งเกินไป นับวันก็จะยิ่งเกินไป  แล้วกูขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ระวังพี่เมดจะทนมึงไม่ไหว “

“ เดย์ “ เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกน้องชายตัวเองก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้าไปใกล้อีกคน ใบหน้านิ่งของมันผมรู้สึกว่ามันต้องมีเรื่องแน่ถ้าผมไม่คิดจะหยุดไว้เสียก่อน

“ เชี้ยอาฟ “ จับแขนอีกคนไว้ ผมส่ายหน้าไปมาก่อนจะยิ้มให้มันตอนที่แววตาไม่สบอารมณ์นั้นหันมามองกัน “ กูไปเปลี่ยนกางเกงก็ได้มึง “

“ พี่เมดดดด “ เสียงลากยาวของคนเป็นน้องเรียกผมเหมือนกับจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ที่ผมยอม “ พี่เมดแม่งเอาใจสัดพี่มากเกินไปรู้ตัวมั้ย คิดว่าตัวเองจะทน..”

“ เดย์ หยุดเถอะวะ  “ ผมหันไปบอกน้องที่กำลังจะพูดคำพูดที่ทำให้อีกคนอารมณ์เสียขึ้นอีก แล้วนั่นก็คือคำว่า ‘ คิดว่าตัวเองจะทนตามใจกับความเอาใจแต่ใจนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ’ และผมก็คิดว่าถ้าอาฟได้ยินมันคงไม่หยุดนิ่งอยู่แบบนี้แน่ๆ  “ นั่งเลยสัด มึงทั้งคู่นั่นแหละ “ เสียงถอนหายใจของคนที่นั่งลงตามคำขอของผมหลังจากที่จ้องกันอยู่สักพัก สายตาที่กำลังฟาดฟันของคนทั้งคู่เหมือนกับถ้าใครคนนึงเริ่มออกหมัด อีกคนก็ต้องซัดกลับมาแน่นอน และพอมาคิดว่า แม่งจะต่อยกันเพราะต้นเรื่องมาจาก ผมที่ใส่กางเกงขาสั้น ก็อยากจะวิ่งไปกินผงซักฟอกสักสิบช้อนให้ตายไปกับความไร้สาระนี้ “ โคตรไร้สาระ กูว่านั่งคิดดีกว่าว่าจะแดกอะไรกัน เพราะกูว่าความหิวนี้แหละที่ทำให้พวกมึงแม่งเป็นบ้า ”

   ผมเดินเข้าไปในห้องนอนรีบเปลี่ยนกางเกงตัวที่ใส่เป็นกางเกงนอนขายาวสีดำหลังแทนหลังจากพูดจบ เผลอถอนหายใจใส่กางเกงที่ไม่ได้ขาสั้นเลยในความคิดแต่ก็ต้องตามใจเพราะไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด ถึงดึงดันไปก็มีแต่รำคาญ หิวก็หิวยังต้องมาห้ามคนไร้สาระทะเลาะกันอีก โคตรบ้า
 
แต่เอาเข้าจริงผมก็เข้าใจทั้งความรู้สึกของน้องเดย์แล้วก็ไอ้อาฟนั่นแหละ มันไม่มีใครผิดหรอก อาฟก็หวงผมมากไปอย่างที่น้องเดย์บอกนั่นก็จริงอยู่ แต่เพราะตั้งแต่ที่เรารู้จักกันมันก็เป็นแบบนี้ ถ้าจะพูดว่า ‘ ชิน’ ก็เป็นอะไรที่ไม่เกินจากที่รู้สึกเท่าไหร่ ถึงบางทีจะรู้สึกว่ามากเกินไปแต่ก็ยังเป็นระดับที่รับได้ แต่ผมก็ยังเห็นด้วยกับน้องเดย์ว่าบางทีมันก็มากเกินไปจนทำให้ผมอึดอัด ผมรู้ว่าน้องเดย์ก็เตือนเราด้วยความหวังดี ส่วนตัวผมเองก็ได้แต่คิดเหมือนกัน ว่าตอนนี้ยังไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ มันก็ยังโอเค แต่ถ้ามากกว่านี้ จะตัวผมจะยังไหวอยู่รึเปล่า

ออกมาจากห้องด้วยกางเกงตัวใหม่แบบรีบเร่งเพราะกลัวจะเกิดศึก แต่ภาพที่เห็นกลับทำให้นิ่งไปสักพัก ไม่ได้มีการต่อสู้หรือสายตาต่อสู้กันอะไรทั้งนั้น มีแค่พี่น้องสองคนที่ย้ายไปนั่งตรงโซฟาหน้าทีวีแล้วในมือก็ถือจอยของเครื่องเล่น PSP ไว้ทั้งคู่และในนั้นเกมส์ต่อสู้ดุเดือดแบบไม่มีใครยอมใครก็กำลังดำเนินไป

“ มึงมาเลยสัดพี่ มึงมา  “

“ มึงอะ เข้ามาพูดมากอยู่ได้น่ารำคาญ “ 

“ เอาจริงดิ “ ผมสบถออกมาเบาๆ นี่กูเป็นคนเดียวที่กลัวพวกมึงจะต่อยตีกันถูกมั้ยวะ ผ่อนลมหายใจออกมาเซ็งๆ พลางเกาหัวตัวเองก่อนจะหลุดยิ้ม พี่น้องแม่งยังไงก็คือพี่น้องจริงๆว่ะ ทะเลาะกันยังไงสุดท้ายแม่งก็ยังรักกัน “ แล้วตกลงพวกมึงจะกินอะไรกัน “

“ น้องเดย์อยากกินไก่เคเอฟซีอะพี่เมด ขอชุดใหญ่นะ ข้าวสวยด้วย “

“ กินไก่ทอดแล้วกันนะ “ หันไปบอกอาฟที่หันมามองผม แต่อีกคนก็แค่พยักหน้ารับ ส่วนผมไม่มีอะไรที่อยากจะกินเป็นพิเศษเพราะหิวขนาดนี้ จะกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นขอให้ได้กินเถอะ

หยิบโทรศัพท์มือถือจัดการโทรสั่งอาหารที่ในระหว่างนั้นผมก็มองออกไปดูวิวด้านนอกผ่านประตูกระจกของห้อง ท้องฟ้าที่ครึ้มไปหมดแล้วในตอนนี้ดูน่ากลัวอยู่เหมือนกันไม่รู้ฝนจะเทลงมาเมื่อไหร่

“ กูว่าพายุน่าจะเข้า มันครึ้มไปหมดเลยวะ “

“ ก็ครึ้มตั้งแต่สัดพี่มันแสดงความเป็นเจ้าของพี่เมดแบบตรงๆแล้วมั้ยละ ฟ้าฝนยังตกใจต้องออกมาแสดงความยินดีด้วยการตกอย่างหนัก “ น้องเดย์ที่นั่งอยู่หันมาบอกผมก่อนจะโดนไอ้อาฟเอาจอยเกมส์เคาะหัวไปแบบแรงๆ “ โอ๊ย กูเจ็บนะไอ้สัดพี่ “

“ พูดมากไอ้สัดกูรำคาญ ”

“ เขินก็บอก แล้วทำมาปกปิดน้อง ” หมอนที่วางอยู่ข้างตัวโดนฟาดเข้าไปที่หน้าของคนแซวแบบเต็มๆ

“ กูว่าวันนี้รีบกินแล้วรีบออกไปผับกันดีกว่า ออกช้า รถติดบรรลัยแน่นอน ”

“ น้องเดย์เห็นด้วยกับพี่เมดครับ “ กระพริบตาให้กันข้างนึงก่อนจะโดนถีบจากพี่ชายเข้าให้อีกครั้ง
 
เสียงโอดโอยของน้องเดย์ที่ผมได้ยินชวนให้ถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินเข้าไปหาอะไรกินต่อในครัว เพราะจะให้นั่งรออาหารเฉยๆแล้วมองสองพี่น้องทะเลาะกัน ก็เป็นอะไรที่ไร้สาระเกินไป ตอนนี้หิวจนจะกินหมูได้ทั้งตัวอยู่แล้วและจะกินพวกมันเข้าไปด้วยถ้ามันเกิดทำให้ผมหงุดหงิด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 27-07-2018 20:39:50

   เราออกจากคอนโดกันเร็วกว่าปกติเรียกได้ว่ากินข้าวเสร็จ อาบน้ำแล้วก็ออกกันมาเลย และในวินาทีที่ขาเราย่างเข้าไปในผับเรียบร้อยแถมยังไม่ได้เอ่ยทักใครทั้งนั้น พายุฝนรอบใหญ่ก็เทลงมาอย่างหนักตามที่คาดคิดเอาไว้

“ ฝนตกโคตรหนัก อยู่ในผับยังดังชัดขนาดนี้ ข้างนอกต้องไม่ธรรมดา ”  ผมพยักหน้ารับกับคำพูดของเจที่เอ่ยขึ้นมา อาฟที่นั่งข้างเพื่อนตัวเอง มันถอนหายใจออกมาก่อนจะขยับตัวบิดไปมาราวกับจะปวดเมื่อยเหลือเกิน “ เป็นเหี้ยอะไรของมึง ดูล้าๆ มึงใช้แรงเยอะมากเลยสินะเมื่อคืน “

“ ส้นตีนเถอะ ไอ้สัด “ เจยกมือขึ้นปิดปากตัวเองมันหัวเราะแบบกวนตีนกับอีกคนที่ทำได้แค่ยกมือขึ้นค้ำกับโต๊ะแล้วหลับตาลง “ กูไม่ได้เป็นเชี้ยอะไรทั้งนั้น ”

“ แต่กูก็ว่ามึงดูล้าๆนะ “ ผมบอกก่อนจะเดินเข้าไปใกล้มันอาฟลืมตาขึ้นมามองผม วันนี้อาฟดูแปลกไปจากทุกที ผมรู้สึกว่ามันดูเหนื่อยๆแถมยังกินข้าวได้น้อยทั้งๆที่ปกติมันก็เป็นคนที่กินเยอะกว่านั้นมาก บวกกับท่าทางที่ดูไม่สบายตัวเท่าไหร่เพราะมันเอาแต่ถอนหายใจออกมา แถมยังหลับตาลงเหมือนจะพักสายตาอยู่บ่อยๆแม้แต่ตอนขับรถในช่วงติดไฟแดง 

“ พี่เมดดดดดดดดดดด พี่เมดดดด ไอ้หมูตุ๋นคลอดลูกแล้ววว พี่เมดๆ ”  เสียงดังของน้องอัยย์ที่วิ่งออกมาจากห้องสต๊าฟชวนให้มือของผมที่กำลังจะเอื้อมมือขึ้นจับที่หน้าผากของอาฟเพื่อวัดไข้ชะงักลงทันที

“ จริงเหรอวะ เฮ้ย ! ไปดูกัน“ เจที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืนก่อนที่มันดึงผมที่ยืนอยู่ให้วิ่งเข้าไปในห้องสต๊าฟด้วยกัน สองขาที่ถูกดึงให้วิ่งไปเช่นเดียวกันกับความสนใจของผมที่ก็ถูกดึงไปหาแมวอ้วนที่ก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะคลอด

ภายในห้องสต๊าฟที่ตอนนี้มีพนักงานกำลังเตรียมตัวกันอยู่ไม่กี่คน แต่ทุกสายตากลับหันไปจับจ้องกรงแมวที่อยู่ตรงมุมห้องเหมือนกันหมด และหนึ่งในนั้นคือผู้จัดการร้านอย่างพี่ซองที่หันมายิ้มให้ผมอย่างใจดีเหมือนทุกที

“ เหมือนไอ้หมูตุ๋นมันจะคลอดออกมาตั้งแต่กลางวันของวันนี้แล้วละน้องเมด ”

“ เหรอครับ “ ตอบรับพี่เค้าด้วยรอยยิ้มที่กลั้นไว้ไม่ไหว ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้กรงที่เราใส่มัน ลูกแมวตัวเล็กที่เพิ่งคลอดนอนอยู่ในอ้อมกอดของแม่ทั้งสามตัว ผมเผลอยิ้มออกมาก่อนจะขยี้หัวแม่แมวอย่างหมูตุ๋นด้วยความรู้สึกชื่นชมมัน “ เก่งจังเลยมึง ไอ้หมูตุ๋น ”

“ มันเลียมือพี่เมดด้วยอะ เหมือนมันจะขอบคุณพี่เมดเลย “ น้องอัยย์ที่นั่งลงข้างผมพูดขึ้นในตอนนั้นผมก็ได้ยิ้ม รู้สึกดียังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก เป็นความตื้นตันที่อยู่ในอก มันเป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างพิเศษสำหรับผม เหมือนเราได้ช่วยเหลือมันไว้แล้วมันก็ขอบคุณเหลือสำหรับความเมตตานั้น

“ ก็ถ้ามันไม่ได้ไอ้เมด ตอนนี้มันคงไปคลอดลูกอยู่ตามโพรงไม้ที่ไหนสักที่ แล้วฝนตกหนักแบบนี้อีก “

“ ไม่ต้องขอบคุณกูหรอกหมูตุ๋น ทุกคนเค้าก็รักหมูตุ๋นทั้งนั้น “

“ ยกเว้นไอ้อาฟไว้คนนะ “ เจพูดขึ้นมาก่อนจะยักคิ้วล้อ “ เพราะรายนั้นมันแค่ตามใจมึงเท่านั้นแหละเมด “

“ พูดอีกก็ถูกอีกจ้า “ น้องอัยย์ว่าเสริม

“ ไหนๆ ไอ้หมูตุ๋นของกูคลอดแล้วเหรอ “ เสียงโวยวายของเดย์ที่ดังเข้ามาพร้อมกับเจ้าตัวที่ก็นั่งแทรกลงข้างผมที่ก็เอื้อมมือเปลี่ยนผ้าขนหนูผืนใหม่ให้แม่แมวเพราะผืนเก่ามีแต่คราบเลือดเต็มไปหมด แต่เพราะร่างหนาที่แทรกเข้ามาตรงกลางระหว่างผมกับน้องอัยย์ที่ช่วยเปลี่ยนผ้าขนหนูกันอยู่พอดี มันเลยทำให้คนเป็นเพื่อนสนิทถึงกับต้องเซออกไป

“ โห ไอ้สัดเดย์มารยาทหน่อยมั้ยไอ้เชี้ย “

“ ซอรี่น้าเพื่อนอัยย์ กูตื่นเต้นอะ “ น้องบอกก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาดูลูกแมวใกล้ๆ “ น่ารักจังเลยวะ นี่คลอดนานแล้วอะดิ “

“ พี่คิดว่าน่าจะตั้งแต่เช้านะ เพราะพี่ก็เพิ่งเข้ามาเห็นตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเห็นเหมือนกัน ตอนนั้นเข้ามาลูกแมวก็ดูดนมแม่มันอยู่แล้วอะ ” พี่ซองบอกน้องเดย์ที่ก็มองลูกของไอ้หมูตุ๋นอยู่แบบนั้นไม่วางตา

“ ลูกมึงสวยมากเลยไอ้หมูตุ๋น “

“ เออ พี่เมดก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่ะ ” ผมบอกน้องแบบนั้นเพราะรู้สึกว่า สีขนหรือแม้แต่หน้าตายังดูน่ารักผิดจากแมวจรทั่วไปหน้ามันดูสั้นๆแถมยังดูขนฟูแปลกๆ “ ถามจริงหมูตุ๋นนี่มึงไปได้กับหมุ่นไฮโซบ้านไหนมารึเปล่าวะ มันทำมึงท้องแล้วมันทิ้งมึงใช่มั้ย “

“ พี่เมดแม่ง “ น้องอัยย์หัวเราะผมก็ยิ้ม

“ ก็คิดแบบนั้นจริงๆ แบบโดนแมวหนุ่มไฮโซทำให้ท้องแล้วหนีอะไรแบบนี้ “

“ แถวนี้มีแต่คนมีเงินซะด้วย กูว่าต้องใช่แน่ “ เจจ้องหน้าแมวที่นั่งอยู่บนพื้นห้องเพราะโดนย้ายออกมา ท่าทางที่ดูเหมือนกำลังดุอีกฝ่าย “ ไหนบอกกูสิ มึงโดนแมวหนุ่มไฮโซที่ไหนอึ๊บมา มึงโดนมันปล้ำใช่มั้ย มันเป็นใครกูจะไปลากตัวมันมารับผิดชอบ ”

“ อย่าถามมันให้มันซอกซ้ำใจสิวะไอ้พี่เจ ยังไงมันก็ท้องไปแล้วอะ ”  น้องอัยย์เสริมผมก็ได้แต่ถอนหายใจกับความปัญญาอ่อนของพวกมันที่รับส่งมุขกันอย่างดี “ คนเราก้าวพลาดกันได้เว้ย แมวสามตัวแค่นี้พวกเราเลี้ยงได้ ไม่ง้อพ่อมันหรอก “ 

“ กูเหนื่อยหน่ายใจกับพวกมึงจังวะ “ ผมบอกปลงๆก่อนจะจัดการเอาลูกแมวทั้งสามตัวเอาไปใส่ไว้ในกรงตามเดิมหลังจากเปลี่ยนผ้าขนหนูเสร็จ

“ สีมันสวยนะพี่เมด มีทั้งสีเทาล้วนแล้วก็สีขาวล้วนเลย สีดำแซมเทาแบบแม่มันก็มี ” น้องเดย์บอกแต่สายตาก็เอาแต่มองไม่หยุด ผมรู้ว่าอีกคนชอบแมวมาก แต่ก็เพิ่งมาสังเกตว่าจริงๆ มุมอ่อนโยนของน้องเดย์มันก็มีเหมือนกันโดยเฉพาะเวลาเห็นแมวตัวเล็กๆ มันแตกต่างกับตอนที่โคตรจะกวนตีน ไม่ก็ท่าทางเจ้าเล่ห์แบบที่ชอบใช้คุยกับลูกค้าที่นั่งบาร์ ซึ่งผมว่ามุมแบบนี้ก็ดูน่ารักดี ดูเป็นเด็กสมวัยหน่อย “ อยากเลี้ยงเลยวะ “

“ ก็เลี้ยงสิ “ ผมบอกน้องอีกคนก็หันมามองหน้าผม ด้วยสายตาที่เหมือนจะบอกกันว่า เป็นไปไม่ได้ “ อยากเลี้ยงก็เลี้ยงเลย “

“ มีอยู่สองตัวตอนนี้แม่ก็เลี้ยงให้ เอาไปเพิ่มแม่ฆ่าพอดี “

“ ลองถามแม่ก่อน ค่อยตัดสินใจ “ ยักคิ้วบอกน้อง “ เพราะยังไงพี่เมดก็จะเลี้ยง “

“ สวดมนต์ให้ไอ้อาฟเลยกู “ เจบอกผมก็หันไปยิ้มก่อนจะยักคิ้วให้ “ ไม่รอดแน่เพื่อนกู ”

“ เออ เมื่อกี้น้องเดย์เข้ามาคนสุดท้าย เห็นไอ้อาฟรึเปล่า “

“ เห็น ก็เมื่อกี้สัดพี่เป็นคนบอกน้องเดย์เองว่า ไอ้หมูตุ๋นคลอดแล้ว แต่พอน้องเดย์วิ่งมาสัดพี่มันก็เดินขึ้นไปชั้นบนเลย ”

“ เหรอ “ ผมพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะยิ้มแห้งๆกับความรู้สึกตัวเองที่เหมือนจะคิดขึ้นมาได้ “ รู้สึกเหมือนงานจะเข้า ”

“ คิดเหมือนกูเลย ” เจหันมาบอกผมก่อนจะยักคิ้วให้

“ ทำไมกันวะ “ น้องอัยย์ถาม ผมก็ไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจัดการเอาลูกของไอ้หมูตุ๋นไส่กรงไว้ที่เดิมพร้อมด้วยตัวแม่แมว ลูบมันสองสามทีก่อนจะเอ่ยบอก

“ เมดไปหาอาฟก่อนนะ เดี๋ยวว่างๆเมดมาหาใหม่ ”

“ ตอนป่วยมันจะเรื่องมากหน่อย เพราะงั้นก็..โชคดีนะครับคุณเลขา “ เจที่หันมาบอก ผมขมวดคิ้วใส่อีกคนที่ก็หันไปสนใจแมวที่อยู่ในกรงแทนที่จะพูดอะไรต่อ

เปิดประตูเข้าไปในห้องของชั้นสาม ความเย็นของแอร์ที่ปะทะเข้ากับร่างชวนให้ผมชะงัก ก่อนจะเดินไปหยิบรีโมตที่ตั้งอยู่แล้วกดเพิ่มระดับแอร์ให้อยู่ในอนุหภูมิปกติ เจ้าของตอนนี้ไม่ได้นั่งเล่นเกมส์อยู่ที่คอมพิวเตอร์ตัวเก่งอย่างทุกทีแต่กลับนอนยกท่อนมือคาดตาอยู่บนเตียงกว้างที่อยู่อีกฝั่งนึงของโต๊ะทำงาน

“ เป็นอะไร “ ผมเอ่ยถามมันที่ก็ลดท่อนแขนลง แล้วมองหน้าผมที่ก็นั่งลงข้างเตียง

“ ไอ้หมูตุ๋นเป็นไง “

“ ก็ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก เดี๋ยวสักวันสองวันพอลูกมันเริ่มโอเค น้องเดย์น้องอัยย์ก็คงพาไปหาหมอ ” บอกมันแบบนั้นก่อนจะได้รับเสียงตอบรับเบาๆออกมาจากในลำคอ

“ อื้ม “

“ ลูกมันน่ารักมากเลยนะมึง กูว่ามันต้องเป็นลูกของแมวพันธุ์ดีๆแน่นอนเลยอะ สีก็สวย ”

“ แล้วทำไมไม่ดูมันต่อละ ขึ้นมาทำไม ” คำถามที่ทำให้ผมเงียบแล้วเอาแต่ยิ้ม.. รู้สึกคล้ายจะมีคนงอนหนึ่งอัตรา

“ ก็ขึ้นมาดูมึง เห็นเมื่อกี้กูเห็นท่าทางมึงดูเพลียๆ อยากรู้ว่าป่วยรึเปล่า ”

“ กูไม่ได้เป็นอะไร แมวมันคลอดลูกมันสำคัญกว่า มึงไปดูเถอะ ”

“ ถามจริง นี่งอนกู ? ” ผมถามมันที่ก็หันหน้ามามองหน้าผม

“ กูจะไปงอนอะไรกับการที่มึงเห็นแมวตัวนั้น มันสำคัญกว่ากู ”

“ โห มาเต็ม นี่ขนาดไม่ได้งอนนะ “ ยิ้มล้อมันก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่หน้าผากของอีกคน ไอความร้อนที่ระบายขึ้นมาผ่านมือผมชวนให้ผมเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจ “ อาฟ นี่มึงป่วยนี่ ตัวร้อนมากเลยสัด “

“ กินยาเดี๋ยวก็หาย “

“ แล้วกินยาเข้าไปยัง “

“ ยัง “ มันบอกสั้นๆ “ ไม่รู้ว่าอยู่ไหน เลยรอคนไปดูแมวคลอดลูกกลับมาเอาให้อยู่ ” ถอนหายใจออกมากับคำพูดนั้น ผมทำได้แค่มองมันยิ้มๆ รู้สึกตลกกับความน้อยใจแบบเด็กๆของมัน และไม่คิดด้วยว่าคนแบบมันจะมีมุมนี้ มุมที่งอนผมกับเรื่องแค่ว่า ไปดูแมวที่เพิ่งคลอดลูกแทนที่จะหันมาสนใจมันเป็นที่กำลังป่วย 

“  แขวะทุกคำเลย แต่ก็ไม่ได้งอนเนอะ  ” ผมบอกคนป่วยก็หันมามองกันแบบตาขวางๆ “ อารยะไม่ได้งอนเลย สักนิดในใจของอารยะก็ไม่มี ”

“ ใครจะไปงอน กับแค่เรื่องที่มึงสนใจแมวนั่นมากกว่ากู ”

“ ครับ ก็ใครสักคนที่อยู่ตรงหน้ากูนี่แหละ ” บอกมันแบบนั้นก่อนจะพยักหน้ารับ อยู่ๆก็คิดถึงคำพูดไอ้เจที่พูดกันก่อนที่ผมจะขึ้นมาชั้นบน “ กูว่า กูเริ่มเข้าใจคำพูดของไอ้เจละ ”

“ ยังไง “

“ ไม่บอก “ ลุกขึ้นจากที่นอนหลังจากพูดจบ ผมบอกมัน “ กูจะลงไปเอายาข้างล่างให้ รอแปปนึงนะ ”

“ อื้ม “ อาฟบอกก่อนจะมองหน้าผมที่ก็กำลังมัน “ กูปวดหัวมากเลยเมด “

“ ครับ รู้แล้ว “

“ แต่ถ้ามึงจะเล่นกับแมวก็ได้นะ ”  ยิ้มหน่ายๆกับประโยคประชดประชันนั้น ผมหันไปมองทางอื่นก่อนจะถอนหายใจออกมาทั้งๆที่ก็ยังหุบยิ้มไม่ได้เลย

“ แล้วยังจะมีหน้ามาบอกกูอีกนะ ว่าไม่ได้งอน “

......................................................................




วันนี้ที่รอคอย.. ไม่รู้จะพูดอะไรเลย เราเขิน
คือเราพยายามเขียนให้ฉากตอนนั้นมันหวานๆ แต่ก็แอบมีความเปรี้ยวนิดๆ แล้วก็ความเป็นคุณอารยะที่ยังคงเก่งการกระทำอยู่
หวังว่าจะเป็นอีกฉากที่ทุกคนคนประทับใจ และสำหรับการป่วยของพี่อาฟนั้น.. บอกได้คำเดียวเลยว่า ‘ อารยะ อย่างอแง ’
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านแล้วคอมเม้นท์ค่า
ทางกลับจอย..  http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6  (http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6)
ทางกลับเด็กดี.. https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1769936&chapter=32  (https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1769936&chapter=32)

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่า




หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 27-07-2018 21:01:09
เย่ๆ คิดว่าวันนี้จะไม่มาซะแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 27-07-2018 21:18:16
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 27-07-2018 21:56:00
อารยะนี่มันคนซึน 2018  จริงๆ พี่เมดต้องต้องเอาใจน้องอาฟมากๆนะฮับบบบบบ เดี๋ยวน้องอาฟมันงอน!!
อิอิ   :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 27-07-2018 22:12:55
ได้กันแร้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เย้ๆๆๆๆๆ ฉลองค่าาา ปิดซอยเรยๆๆๆ 555555555555555
ขำพี่อาฟเค้านะคะ ไม่ได้งอนจริงๆๆๆ 55555555555555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-07-2018 22:39:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-07-2018 22:54:54
คนป่วยแห่งชาติปรากฏขึ้นแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-07-2018 23:02:12
งื้อออออ...............มันดีต่อใจจริงๆ  :o8: :-[ :impress2:

ว่าแล้ว ว่าบินมันไม่ได้เก่งเรื่องทำรักเลย   :m20: :laugh:
ไม่เล้าโลมจนอีกฝ่ายเกิดอารมณ์  จนมีความต้องการ
ก็ตะบี้ตะบันใส่ ซอย อีกฝ่ายก็ต้องเจ็บ แล้วขยาดที่จะมีเซ็กส์กับบินแน่นอน   :fire: :fire: :fire:
บินว่าเมดห่วย งั้นมานอนให้เมดใส่ แบบที่ตัวบินทำสิ
พนันกันได้เลย ว่าก็ต้องเจ็บเหมือนที่เมดเจ็บ  ยังไม่สำนึก  ไอ้เชี่ยเอ้ยยยย   :angry2: :angry2: :angry2:
ที่ยีนส์ยอมมีเซ็กส์กับบิน สงสัยซาดิสถ์ ชอบเจ็บตัวแล้วมีความสุขหรือเปล่า  o22 o22 o22

กลับกัน อาฟ เก่งมาก  เจ๋งมากกกกกกกกกกกก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ร้อยเรียงด้วยรัก จนเมดมีความสุขแบบที่บินทำไม่ได้  สุดยอดดดดด   :pighaun: :haun4: :jul1:
อาฟ เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:   
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-07-2018 23:26:41
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :z1: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-07-2018 23:35:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 27-07-2018 23:38:34
เอ่อ งอนเมดกัยแมวเนี่ยนะ อารยะ 555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-07-2018 23:57:50
5555 ไม่งอนเนาะ ไม่ได้ประชดอะไรเลย
อาฟไม่ควรป่วยนะ คนป่วยน่าจะเป็นเมดไหม
หรือตื่นเต้นมากไป จนไข้ขึ้น

อาฟหวงมากก็ไม่แปลก กว่าจะสมหวัง
รอมาตั้งนาน แล้วไม่คิดว่าจะมีวันนี้ด้วย

เมดน่ารักดี ขี้อ้อน ตาใสเลยนะ ไม่แพ้ทางไงไหว
เมดอย่าไปคิดมากตามเดย์ ถึงเวลานั้นถ้ามากไป ก็คุยกัน

เจไม่ค่อยรู้ทันเท่าไหร่เลยเนาะ
อาฟคะ ยาพาราก็คือพารานะ แค่ยี่ห้อต่างกัน เพลียแท้ 5555


หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 28-07-2018 00:31:08
ฮือออ ในที่สุด! /จุดพลุฉลอง 555
ทำไมอ่านๆไปแล้วเรารู้สึกว่านุ้งเมดของพี่อาฟจะเฟียสตอนอยู่บนเตียงได้มากกว่านี้จังเลยคะ  :z1:

ว่าแต่นุงเมดจับรับมือกับเด็กชายอารยะตอนป่วยยังไงดีน้า ต้องพยาบาลบนเตียงเลยรึเปล่าไข้จะไดลดไวๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 28-07-2018 01:37:18
โอ้โห อาฟป่วยแล้วงอแงขนาดนี้ สู้ๆนะเมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 28-07-2018 01:58:40
พี่อาฟ ป่วยแล้วน่ารักน่ะเรา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-07-2018 02:18:25
 :pig4:ในทีสุดเมดกับอาฟก็ได้เป็นหนี่งเดียว  ไอ้บินมันไร้น้ำยาและเห็นแก่ตัวในเรื่องเซ็กคนรักกันจริงต้องมีความสุขร่วมกันในเรื่องบนเตียงไม่ใช่เสร็จอยู่ฝ่ายเดียว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 28-07-2018 02:43:54
น่ารักเบอร์แรง เขินมากตอนนี้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 28-07-2018 02:51:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: wwll ที่ 28-07-2018 07:15:33
ตอนที่อาฟบอกว่าเมดเซกซี่มาก
ดันเผลอไปคิดภาพตามแล้ว เลือดกำเดาแทบพุ่ง :haun4:
รู้เลยว่าเออถ้าคนเรารักกัน บรรยากาศมันจะฟรุ้งฟริ้งๆ
เป็นไปตามธรรมชาติเอง (แต่หลังจากนี้คาดว่าสัตว์พี่จะดุดันขึ้นเรื่อยๆ ตามเวิลเมดแน่ๆ อิอิ)

ส่วนไอ้บินก็สมกับยีนส์แล้ว ชอบคนแรงๆไม่ต้องบิ้วทำได้เลย ก็เชิญเถอะนะ
แต่ยังข้องใจกับเหตุผลของบิน ที่ต้องคบซ้อนเพราะเมดก็มีสิ่งที่ยีนไม่มี ยีนก็มีสิ่งที่เมดไม่มี
อยากรู้ว่าตกลงอะไรของเมดหรอที่ยีนไม่มีแล้วมันดึงให้อยู่ต่อ
เรื่องอย่างว่าก็ด่า ดูแลใส่ใจสารพัดก็บ่น
ไม่ใช่อะไรคือก็แค่ทิ้งเมดไปตั้งนานแล้วก็จบป่ะ เสียดายเวลาจริงๆ (อินกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว)

ว่าแต่เคยได้ยินแต่แพ้ท้องแทนเมีย
ป่วยแทนก็ได้ด้วย  :katai2-1:
งอลแมวก็ได้ด้วย
ก็เนอะเค้ารักของเค้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 28-07-2018 08:20:19
โอ๋ โอ๋ นะ คุณอารยะ  ป่วยแล้วอย่างอแง  :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-07-2018 09:21:45
โอ้โห คุณอารยะ มาเต็มมากจ้าาา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-07-2018 09:28:05
จะต้องเป็นเมดมากกว่าไหมที่ป่วย ไหงกลายเป็นอาฟไปซะได้สงสัยอาฟเป็นคนออกแรงเยอะกว่าเลยป่วย

 :o8: :o8: :o8:


 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-07-2018 09:43:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 28-07-2018 12:38:36
โถ พี่อาฟงอน  :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 28-07-2018 13:06:18
 :m25:  :-[  มาแบบไม่ทันตั้งตัวเลือดเกือบหมดตัว อารยะบอกแล้วอารยะไม่ได้งอน(กัดฟัน)
หวังว่าหลังจากนี้จะไม่มีอะไรมาทำให้ควันออกหูอีกนะ เอ๊ะ!หรือจะมาแบบหนวงโอ้ยกลัวใจคนเขียนจัง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 28-07-2018 13:20:10
วันนี้ที่รอคอยจิงๆ ค่ะ 5555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-07-2018 13:45:14
จ้า คนไม่งอนที่คุณแฟนรีบไปดูแมวคลอดลูกสำคัญกว่าตัวเอง :hao3: ไหนคือตอนแรกอาฟคนคูลอยู่ไหนเห็นแต่เด็กป่วยแล้วงอแง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: mookim ที่ 28-07-2018 14:31:22
วันนี้ที้รอคอย ...


เป็นตอนที่บอกเลยว่า แก้มจะแตก
 ยิ้มจนเมื่อยแก้มค่ะ


คุณอารยะงอนได้น่ารักมากกกก เมี๊ยว~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 31:: up! 20-7-61} #หน้า 24
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-07-2018 14:38:28
 :sad4: กรี๊ดดดดดด  เซิ้งรอบบ้าน ฮือ ในที่สุด! ฉากที่เรารอคอย

ปริ่ม นี่ไงอาฟพิสูจน์แล้วนี่ไงเมด ว่าใครกันแน่ที่มันห่วย

ส่วนตอนอาฟหวงนั้น โอ้ยตายยย  :-[ ไหนจะตอนงอนอีก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-07-2018 16:17:32
ป่วยแล้วขี้งอนนะอารยะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 28-07-2018 16:27:07
คิดอยู่ว่าอาฟต้องคิดมากเรื่องจุดอ่อนไหวของเมด
ตอนนี้เลยค้นซะทั่วเลยสินะ

คนตัวโตแต่ขี้งอนนี่น่ารักมินเมด ^^
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 28-07-2018 17:32:09
อาการป่วยทำให้อาฟงอแงได้  ชอบพี่อาฟ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 29-07-2018 08:17:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-07-2018 12:32:17
เขาได้กันแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 30-07-2018 07:03:47
 :jul3: :jul3: :jul3: อารยะงอน งอแง  8.9 ริกเตอร์ เมดปลอบขวัญด่วน ๆ ด้วยนะ  :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-07-2018 13:04:22
พี่อาฟเขาก็แซะเก่ง5555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 30-07-2018 13:15:09
น่ารักกกจริง 555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 31-07-2018 15:12:07
อารยะคนอ้อนแฟน 2018


ปกติก็มีอ้อนบ้างอยุ่แล้ว พอป่วยแล้วอาการหนัก


55555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 03-08-2018 20:24:49
ตอนที่ 33

เดินลงไปชั้นล่างของผับด้วยรอยยิ้มที่หุบไม่ลงเลยสักวินาทีเดียว ผมรู้สึกว่ามันทั้งตลกแล้วก็น่าเอ็นดูสำหรับคนที่กำลังงอนกันแต่ก็บอกปัดอยู่ตลอดว่าไม่ได้งอน แม้คำพูดที่พูดออกมาทุกคำจะบอกกับผมว่า มันกำลังงอนอย่างที่สุดที่ผมไปสนใจไอ้หมูตุ๋นมากกว่ามัน

“ พี่ซองครับ “ ผมเอ่ยเรียกอีกคนที่กำลังยืนเคลียร์เอกสารอยู่ที่โต๊ะตรงส่วนของแคชเชียร์ เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะยิ้มแล้วขานรับ

“ ครับ น้องเมด ”

“ มียาลดไข้มั้ยครับ เมดขอสักเม็ดสิ พอดีอาฟมันป่วย แล้วก็ขอผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่ของพนักงานสักผืนด้วยครับ ”

“ อ้าว คุณอาฟไม่สบายเหรอ ” พยักหน้ารับอีกก็รีบวางเอกสารที่ทำอยู่ในมือทันที “ แปปนะ เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้ ”

“ ครับผม “ ยืนรอพี่ซองอยู่ไม่นานของที่ผมต้องการก็ถูกนำมาให้ มันเป็นยาลดไข้ที่อยู่ในแผงแล้วก็ผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวที่ยังอยู่ในถุง “ ขอบคุณครับ “

“ เออ แล้วพี่บอกเรารึยังว่าอีกสองสามวันจะมีเซลล์เข้ามานะ “

“ ยังเลยนะ “ ส่ายหน้าไปมาช้าๆ คนฟังก็ได้แต่ขมวดคิ้วแล้วถามย้ำกันอีกที

“ พี่ยังไม่ได้บอกเหรอ “

“ ยังครับ “ เรายิ้มแห้งๆให้กันก่อนพี่ซองจะตบเข้าที่หน้าผากตัวเองเหมือนเรียกสติให้กลับมา

“ ดีนะที่พูดขึ้นมาไม่งั้นตายแน่ “

“ ทำงานจนแฮงค์ไปหมดแล้ว พักบ้างพี่ “ ผมบอกอีกคนก็พยักหน้ารับยิ้มๆ พี่ซองเป็นผู้จัดการร้านที่โคตรขยันสำหรับผม และเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผับ throw up ประสบความสำเร็จส่วนหนึ่งก็มาจากความขยันของพี่แก ทั้งเทคแคร์ลูกค้าเก่ง ดูแลลูกน้องก็เก่ง และพอถึงเวลาดุก็ดุแบบมีเหตุผล ไม่ใช่คนที่เอาแต่ดุและใช้คำพูดหยาบคาย เป็นคนที่ไม่ว่าจะไปทำงานที่ไหนก็ถือเป็นความโชคดีของเจ้าของกิจการ

“ งั้นบอกตอนนี้เลยแล้วกัน อีกสองสามวันเซลล์ขายเหล้าจะเข้ามาคุยเรื่องเหล้าตัวใหม่ที่จะเอามาลงที่ผับ ฝากน้องเมดบอกคุณอาฟด้วยนะ “

“ เซลล์เหล้าที่เข้ามาใหม่นี่ ใช่คนเดียวกับที่ชื่อฮารุรึเปล่า คนที่เซ็กซี่ๆหน่อย ” ผมถามอีกคนที่ก็นิ่งไปก่อนจะเหล่มองด้วยแววตาที่เหมือนจะแซวกัน

“ ทำไม ? หึงเหรอ “

“ เปล่าสักหน่อย “ บอกอีกคนเสียงสูงแต่ในใจก็เถียงแบบขึ้นมาทันควันเลยว่า ‘ ตอแหล ’ มองมาจากดาวอังคารยังรู้ว่าคิดอะไรอยู่ และความจริงตอนนี้ตัวผมก็กำลังคิดถึงตัวเธอที่เจอกันในวันนั้น ตรงลานจอดรถที่สาวเจ้ากำลังอยู่ในชุดรัดรูปและกำลังยืนเบียดแนบชิดพูดคุยกับอาฟด้วยท่าทางเย้ายวนที่ผ่านทางสายตาและริมฝีปากสีแดงสด

“ บอกเปล่า แต่หน้าตาไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยนะน้องเมด “

“ ก็แค่จะได้บอกอาฟถูกเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรหรอกครับ ”  บอกอีกคนแบบนั้นแต่เหมือนพี่ซองจะเอาแต่จ้องหน้าผมไม่เลิก “ แล้วตกลงเป็นคุณฮารุเหรอครับ “ ถามย้ำพี่ซองแต่อีกคนก็แค่ส่ายหน้าส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจโล่งออกมา

“ บอกว่าเปล่าสักหน่อย แต่ถึงขั้นถอนหายใจโล่งกันเลยทีเดียว.. “ ยิ้มแห้งๆส่งให้ผู้จัดการร้าน พี่ซองก็หลุดขำ “ อันนี้มันเหล้าคนละยี่ห้อกัน เค้าบอกว่าจะเข้ามาช่วงสองทุ่มไม่เกินสาม แต่ยังไงเดี๋ยวเค้าคงจะติดต่อมาอีกที เพราะพี่ให้เบอร์พี่กับเค้าไป แอบไม่กล้าให้เบอร์ส่วนตัวน้องเมด งั้นยังไงพี่บอกเราอีกทีนะ “

“ โอเคได้เลย เดี๋ยวเมดบอกอาฟให้นะครับ “

“ แต่จะว่าไปน้องเมดน่าจะซื้อมือถืออีกสักเครื่องนะ แบบเอาไว้ติดต่องานกับเซลล์ เผื่อเซลล์เค้าจะติดต่ออะไรจะนัดเวลาเสนอเหล้าเค้าก็ได้โทรมาหาได้เลย แล้วก็จะได้สั่งของด้วย ปกตินี่ใช้เบอร์มือถือตัวเองเป็นเบอร์เดียวกับเบอร์สั่งของไม่ใช่เหรอ “

“ ก็ใช่นะครับ “

ผมก็แอบคิดเหมือนพี่ซอง หลังๆมาเบอร์มือถือผมกลายเป็นเบอร์เดียวกับเบอร์ของผับไปแล้ว เวลาใครติดต่องานในผับก็โทรเข้ามาหาผม เดี๋ยวนี้เบอร์แปลกโทรเข้ามาทุกวันรับสายแบบไม่รู้เลยใครเป็นใคร ซึ่งบางทีพออีกฝ่ายบันทึกเบอร์ของผมไปก็ดันมีไลน์เด้งเข้ามาด้วย เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการส่งเกมส์ต่างๆ ซึ่งบางคนจะบล็อกก็ไม่ได้เพราะต้องสั่งของเข้าร้าน เป็นอะไรบางทีก็เหนื่อยหน่ายเต็มทน เป็นของส่วนตัวแท้ๆแต่ไม่ส่วนตัวเลยสักนิด

“ ซื้อเลย จะได้ให้เบอร์ลูกค้าที่จะมาติดต่องานแบบสบายใจไง ยังไงมันก็ไม่ใช่เบอร์เรา ”

“ ไว้ไปขอมือถือเครื่องเก่าๆของอาฟแล้วค่อยทำแบบที่พี่ซองแนะนำแล้วกันครับ เผื่อเครื่องเก่าของมันจะยังมี ไม่ต้องซื้อใหม่ด้วย ”

“ ดีเลย เพราะพี่แบบเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว คือมันเป็นอะไรที่เหี้ยมาก เช่น การส่งเกมส์ช่วงเช้าที่เรากำลังจะนอนจากไลน์โรงน้ำแข็งเจ๊ภา ไม่ก็สวัสดีตอนเช้าอะไรพวกนั้นจากเจ๊แก “ ผมหลุดหัวเราะออกมาเข้ามา ก่อนจะยื่นมือไปจับมืออีกคนเหมือนเห็นด้วย

“ เมื่อเช้าเพิ่งเจอเลย “

“ คือเจ๊แกชอบส่ง จนบางทีก็อยากจะบอกว่า แค่พ่อแม่กูกับไลน์ครอบครัวก็เต็มกลืนแล้ว นี่ต้องพ่วงเจ๊เข้าไปอีกคือ ถ้าเจ๊จะกรุณาก็อยากจะให้พอเถอะนะครับ ”

“ ฮ่าๆ “ หัวเราะออกมาเสียงดังจนพนักงานที่อยู่แถวนั้นหันมามอง “ พี่ซองตลกว่ะ ฮ่าๆ แล้วปิดเสียงไม่ได้ด้วยนะ เพราะเจ๊แกชอบส่งไลน์มาคุยเรื่องส่งน้ำแข็งอะ วันนั้นเมดปิดเสียงเจ๊แกก็โทรไลน์เข้ามาเลยพี่ซอง ทำไมน้องเมดไม่ตอบข้อความเจ๊ นี่เรื่องสำคัญนะคะ ”

“ ก็น่าจะบอกไปว่า เรื่องสำคัญแล้วทำไมไม่โทรมา “

“ เมดว่าพี่ซองดูอัดอั้นวะ “

“ มากกกก “ อีกคนว่าผมก็พยักหน้ารับยิ้มๆ

“ งั้นผมขึ้นไปชั้นสามก่อนดีกว่า เอายาไปให้อาฟ แล้วเดี๋ยวจะดูด้วยว่ามีมือถือสักเครื่องมั้ย ถ้ามีจะโละออกให้หมดเลยไอ้พวกติดต่องานทั้งหลาย มือถือจะได้กลับมาเป็นของเมดคนเดียวสักที “

“ จัดไป “ ยิ้มให้อีกคน ผมก้มหน้าคล้ายบอกลาก่อนจะหันหลังแล้วเดินขึ้นมาที่ชั้นสามที่ก็ไม่รู้ ตอนนี้ว่าคนขี้งอนจะแอบคิดไปเองรึเปล่าว่าที่ผมมัวชักช้าเพราะเอาแต่แอบไปดูแมวแทนที่จะรีบขึ้นมาดูแลมัน

“ อาฟ “ เอ่ยเรียกมันเสียงเบาๆ แต่ภาพที่เห็นคือร่างสูงนั้นแค่นอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่ได้รับรู้ถึงการมาของผมแต่อย่างใด ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ อาฟห่มผ้าห่มถึงคอด้วยใบหน้าที่แสดงอาการว่ากำลังเจ็บป่วย ลองเอื้อมมือไปจับหน้าผากเพื่อวัดไข้ ผมรู้สึกถึงความร้อนที่ร้อนกว่าเมื่อครู่นี้เสียอีก “ เหมือนไข้จะขึ้นเลยว่ะ “

“ อาฟ ลุกขึ้นมากินยาก่อนมึง “ รินน้ำอนุหภูมิห้องใส่แก้วที่วางอยู่ ก่อนจะนั่งลงบนเตียงแล้วยื่นน้ำให้มันที่ก็ต้องเอื้อมมือไปเขย่าตัวถึงจะรู้สึกตัวแล้วลืมตาขึ้นมากินได้ “ กินยาก่อน “

“ อื้ม “ ดึงตัวเองขึ้นจากเตียงด้วยสีหน้าที่บอกกับผมว่า สภาพชีวิตตอนนี้ของมันแย่มาก ใบหน้าคมขมวดคิ้วด้วยความปวดหัว อาฟถอนหายใจออกมายาวๆก่อนจะเอียงหัวไปมาเพื่อคลายความเมื่อยล้า มันเอื้อมมือมาหยิบแก้วน้ำในมือของผมพร้อมกับยาแล้วกินเข้าไปอย่างว่าง่าย

“ เช็ดตัวหน่อยมั้ยมึง “ พูดแบบนั้นแต่กลับไม่ได้รอคำตอบอะไรจากอีกคนเลย ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำเปิดก๊อกตรงอ่างเพื่อให้น้ำไหลลงบนผ้าขนหนูผืนเล็กก่อนจะบิดมันจนแห้งแล้วเอามาเช็ดลงบนใบหน้าคมของอีกคนเพื่อให้คลายความร้อนลงบ้าง

เสียงถอนหายใจที่รู้สึกไม่สบายตัวถูกผ่อนออกมา ก่อนอาฟจะนอนลงบนหมอนหลังจากที่ผมเช็ดหน้าให้มันเสร็จ เอื้อมมือไปลูบหัว คนที่ป่วยก็ลืมตาขึ้นมองก่อนจะเลื่อนตัวเองมานอนหนุนตักผม สองแขนของอาฟกอดเอวผมไว้พร้อมกับซุกตัวด้วยการเอาหน้าเข้ามาบี้กับท้องของผมจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆที่กำลังผ่อนเข้าออกของอีกคน

“ ปวดหัว “

“ กินยาเข้าไปแล้วเดี๋ยวก็หาย “ บอกมันแบบนั้นก่อนจะเผลอยิ้มออกมา เอาเข้าจริง ก็รู้สึกใจเต้นแปลกๆกับท่าทางแบบนี้เหมือนกัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ทั้งๆที่ปกติเป็นคนปากหมาแล้วพูดจาขวางโลก แต่พอป่วยมันกลับมีมุมที่ขี้อ้อนแบบนี้

“ ห้ามไปไหนนะ “

“ จะไปไหนได้วะ ก็อยู่กับมึงนั่นแหละ “ ผมบอกมันทั้งๆที่ก็เอาแต่ยิ้มกว้างไม่หยุด ในใจผมได้แต่คิดว่า ‘ ป่วยทุกวันเลยได้มั้ยวะ น่ารักดี ดีกว่าตอนปากหมาขี้เก็กตั้งเยอะ ’

“ พูดแล้วห้ามคืนคำ “

“ ไม่คืนหรอก “ ลูบหัวมันอยู่แบบนั้นก่อนจะเลื่อนมือมาจับที่คอ ความร้อนที่ดูเหมือนไม่มีทีท่าว่าจะลดลงไป ผมเอาผ้าขนหนูเมื่อครู่มาพับก่อนจะตั้งไว้บนต้นคอของอาฟ เพราะเหมือนมันจะเป็นส่วนเดียวที่ตอนนี้ผมสัมผัสได้ ส่วนใบหน้าคมของมันตอนนี้ก็เอาแต่ซุกอยู่กับเอวผมแล้วใช้มือกอดกันไว้แน่นแบบชนิดที่ไม่ห่างไปไหนไม่ต่างอะไรกับเด็กเล็กๆเลย “ แล้วทำไมอยู่ๆมึงป่วยได้วะ งงเลยกู “ พูดออกมาเสียงเบาๆด้วยความสงสัย ก่อนจะเอาผ้าเช็ดไปตามท่อนแขนของมัน อาฟเองก็ไม่ได้ตอบอะไร 

เผลอถอนหายใจออกมาด้วยความกังวลหลังจากที่มองมันอยู่สักพัก ผมมองออกไปตรงที่ผ้าม่านฝั่งระเบียงด้านนอก ฝนที่กำลังตกแม้จะไม่หนักเท่าไหร่ บางทีอาจเพราะช่วงนี้อากาศมันเปลี่ยนแปลงบ่อยก็ได้ บางวันก็ร้อนจัด บางวันก็ฝนตกหนักทั้งวัน แล้วบางทีที่เราออกไปในที่ที่ร้อนมากๆหลังจากนั้นก็วิ่งเข้าห้องแอร์แบบฉับพลัน ในรถก็เปิดแอร์เย็นเฉียบอีก ไม่นับเวลานอนที่ปัจจุบันผมก็แทบจะใส่เสื้อหนาวนอนอยู่แล้ว แล้วอากาศที่ขึ้นสุดลงสุดแบบนี้ละ อาจจะมีผลทำให้มันป่วยก็เป็นได้ เพราะเมื่อคืนผมก็รู้สึกว่าตัวมันอุ่นมากกว่าปกติในตอนที่เรานอนกอดกัน แม้ตอนแรกผมจะคิดว่าเพราะมันใช้แรงเยอะเลยร้อนก็เถอะนะ

“ กูว่าเดี๋ยวถ้าตื่นขึ้นมาแล้วอาการมึงยังไม่ดีขึ้น เราไปหาหมอกันดีกว่านะ ลองให้หมอตรวจ เผื่อต้องฉีดยาสักเข็มแล้วจะได้ดีขึ้น”
“ ไม่ “ คำตอบสั้นๆของคนป่วยพูดออกมาแบบนั้นพร้อมกับมือที่กระชับแขนที่กอดเอวผมไว้แน่นขึ้น

“ อาฟอย่าดื้อ “

“ กูไม่ดื้อ “

“ อารยะมึงต้องรีบหายยย “ มันบอกมันยิ้มๆก่อนจะก้มลงไปมองอีกคน มันจะแปลกมั้ยถ้าผมจะรู้สึกว่า มันน่ารักมากเหลือเกิน น่ารักจนอยากจะเอามือถือมาถ่ายคลิปไว้ดูตอนมันปากหมาใส่ เอาไปย้ำกับตัวเองว่า แฟนเราก็มีมุมน่ารักกับเค้าเหมือนกันนะ
“ เดี๋ยวอีกสองสามวันจะมีเซลล์เอาเหล้าใหม่มาเสนอมึง ถ้าไม่หายกูไม่ให้กินจริงๆด้วย “

“ ขู่เก่ง “

“ มึงก็ดื้อเก่ง “

“ ไม่ได้ดื้อ “

“ ดื้อ “ ผมย้ำกับมันแบบนั้นสั้นๆ คนที่นอนอยู่บนตักก็ดึงตัวเองออกมาจ้องหน้าผมที่ก็ยักคิ้วให้มันแบบไม่ยอมแพ้

“ ปวดหัว “

“ ก็รู้แล้วครับว่าปวดหัว เมดก็เลยอยากจะให้ไปอาฟโรงพยาบาลไง หมอจะได้ตรวจอาฟจะได้รู้ว่าอาฟป่วยเป็นอะไรทำไมตัวร้อนแบบนี้ “ พยายามพูดกับมันแบบใจเย็นแต่เหมือนว่าจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่

“ หวัดธรรมดา “

“ มึงเป็นหมอรึไง” ผมถามมันอีกคนก็เงียบ พูดดีก็แล้วพูดเหี้ยก็แล้วไม่มีฟังกันเลยไอ้สัด “ ไม่รู้ละ เดี๋ยวกูให้มึงนอนสักพักแล้วตื่นขึ้นมาถ้ายังตัวร้อนแบบนี้กูจะขับรถพามึงไปโรงพยาบาล ”

“ กูยังไม่อยากตาย “

“ ไอ้สัด “ ผมด่ามันก่อนจะถอนหายใจออกมา คือมันต้องให้ด่ากันให้ได้ถูกต้องมั้ย

“ กูขับได้ กูขับเอง “

“ กูเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะอาฟ ” บอกมันแบบนั้นอีกคนก็หลุดยิ้มกว้างออกมาก่อนจะพลิกตัวกลับมาซุกตัวผมอีกครั้ง “ กูยังต้องตอบแทนบุญคุณพ่อที่เลี้ยงกูมา กูยังไม่อยากจะตายเหมือนกันนะ “

“ กูจำได้ว่าเมื่อคืนก็ไม่ได้ปล่อยใน “ ผมขมวดคิ้วกับคำพูดของมันตอนที่ได้ยิน ก่อนที่อาฟจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากันแล้วยกยิ้ม “ แต่ทำไมความปากหมาของกูถึงแพร่เชื้อไปถึงมึงได้วะ “

“ ไอ้เหี้ยนี่ “ ผลักมันให้ออกไปจากตักแต่ดูเหมือนอีกคนจะนิ่งอยู่แบบนั้นไม่ขยับไปไหน “ ไปนอนดีๆเลย ไม่ต้องมากอดกู “

“ จะกอด “ ว่าแบบนั้นก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น

“ อาฟ มึงอย่าวอแวได้มั้ย ทำไมป่วยแล้วเป็นแบบนี้วะ “ แต่ยิ่งพูดก็เหมือนอีกคนยิ่งกอดแน่นแล้วนั่นมันก็ทำให้ผมได้แต่ถอนหายใจ “ คือกูต้องไปเคลียร์บัญชีไง มันจะสิ้นเดือนแล้ว ”

“ ไม่ให้ไป ”

“ อาฟ อย่างอแง ”

“ ไม่ให้ไป ”

“ อารยะกูบอกว่าอย่างอแง “ ผมย้ำคำหลังก่อนที่คนป่วยจะแค่ยิ้มแล้วก็ลืมตาขึ้นมาถามผม

“ กูถามจริง ทำไมมึงต้องใช้คำว่างอแงด้วยวะ “ เป็นคำถามเหมือนจะสงสัยมานาน เพราะเหมือนกับว่าเวลาที่เถียงกันแล้วอาฟไม่ยอมทำตามไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรผมก็จะพูดกับมันแบบนั้นตลอดนั่นคือคำว่า ‘ อย่างอแง ’

“ ก็มึงงอแงอะ “

“ กูไม่ได้ปัญญาอ่อนแบบนั้น ”

“ ตอนนี้มึงมันยิ่งกว่านั้นจ้า กูบอกเลย “ เถียงมันก่อนจะดันหัวคนที่หนุนตักผมให้หันกลับไปหนุนหมอนบนเตียงให้ดี แต่เหมือนอีกฝ่ายจะแค่ขืนตัวไว้ “ อาฟ “

“ อยู่แบบนี้ก่อน... ได้มั้ย ให้กูหลับก่อนแล้วเดี๋ยวมึงค่อยไป ”

“ ขี้อ้อน ” แล้วสุดท้ายก็เป็นผมที่ต้องยอมมันทุกที เผลอถอนหายใจออกมาอาฟที่นอนนิ่งแบบนั้นผมลูบหัวมันเบาๆ ด้วยความรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก อยากจะก้มลงหอมแก้มมันสักสิบฟอด เอ็นดูเหลือเกินแล้ว

“ หลับตาลงซะ นอนพักผ่อน ถ้ายังไม่หายกูจะขับรถพามึงไปโรงพยาบาล “

“ งั้นก็ไม่ต้องหรอก “  มันพูดทั้งๆที่ปิดตาอยู่

“ ทำไม ? “

“ เพราะรถคงแหกโค้งแล้วกูก็ต้องไปนอนหยอดข้าวต้มที่โรงพยาบาลอยู่ดี “

“ ปากเสีย เดี๋ยวกูแม่งก็เอายาฆ่าแมลงกรอกปากให้กินซะเลย “ ผมยกยิ้มพูดกับอาฟที่ยิ้มอยู่แบบนั้น

“ คิดให้ดีก่อน ไม่มีใครรักมึงได้เท่ากูแล้วเมด “ ใบหูแดงๆของคนพูดมาพร้อมกับตัวมันที่ซุกหน้าเข้ากับเอวของผม ก็รู้ดีว่านั่นไม่ใช่อาการที่เกิดจากการป่วยไข้ แต่มันกับมาจากประโยคที่อีกคนพูดมาเพราะว่าในตอนนั้นผมก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน

“ ก็จริงของมึง“ พยักหน้ารับตอนที่พูด ผมนั่งอยู่แบบนั้นนานจนรู้สึกถึงลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอของอีกคน อาฟคงหลับแล้วและตอนนั้นผมก็ค่อยๆเลื่อนมันให้ไปนอนที่หมอน แต่ผมคิดว่าอาฟคงรู้ตัวเพราะมันเองก็เป็นคนที่ออกแรงดึงตัวเองไปนอนที่หมอนก่อนจะท้วงกันแบบเอาแต่ใจ

“ กูยังไม่หลับเลย ไหนบอกจะให้หนุนจนหลับ “

“ งั้นก็หลับได้แล้วครับคุณ “ ก้มลงไปจูบริมฝีปากนั้นก่อนจะลุกออกจากเตียงไปทำงาน แล้วตอนนั้นคนป่วยก็พูดบ่นด้วยใบหน้าที่แดงแทบจะทั้งหน้า

“ มึงแม่ง แล้วใครมันจะไปหลับลง ”

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 03-08-2018 20:26:33
   เวลาสองชั่วโมงผ่านไปเร็วราวกับโกหก ฝนที่เคยตกกระหน่ำตอนนี้หลงเหลือไว้แค่ความเปียกชื้นของหยดน้ำ ผมหันมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังหลังจากที่เคลียร์งานทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย เผลอถอนหายใจออกมาเบาๆตอนที่หันไปมองคนป่วยที่ยังนอนนิ่งอยู่แบบนั้น เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ผมลองเดินไปเอามือไปจับที่หน้าผากของอาฟ แล้วก็พบว่าพิษไข้นั้นไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ผมลองเช็ดตัวให้มันอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม อาการไม่ได้ดีขึ้นเลย

“ ไปหาหมอหน่อยมั้ยมึง “ ย่อตัวลงนั่งข้างเตียงก่อนที่ผมจะเอื้อมมือไปจับหน้าผากของคนที่นอนอยู่ อาฟพลิกตัวกลับไปอีกทางผมก็เริ่มออกแรงเขย่าแขนคนดื้อดึงที่ยังนิ่ง “ อาฟ ไปหาหมอกัน ”

 “ ไม่ “ ปฎิเสธออกมาสั้นๆ ก่อนจะถอนหายใจ “ นอนอีกชั่วโมงคงดีขึ้น ” คำพูดเอาแต่ใจของมันที่ชวนให้ผมถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปจับหน้าผากนั้น

“ งั้นกูให้มึงนอนอีกชั่วโมงนึง แล้วถ้ายังไม่ดีขึ้นต่อให้มึงไม่ยอมกูก็จะตีหัวมึงให้สลบแล้วลากพาไปหาหมออยู่ดี ” ไม่มีคำตอบอะไรหลุดออกมาจากปากคนช่างเถียง ผมเดินกลับไปทำงานที่โต๊ะต่อยังเหลือเอกสารของวันพรุ่งนี้ที่คิดว่าคงทำให้เสร็จไปตั้งแต่วันนี้เลยก็ท่าจะดีเผื่อพรุ่งนี้ต้องดูแลอาฟทั้งวันผมก็จะได้ไม่ต้องพะวงกับงานที่ค้างอยู่

หนึ่งชั่วโมงที่บอกกันไปผ่านไปแล้ว ผมที่นั่งอยู่บนเตียงมองดูคนที่หลับสนิทก่อนจะเอื้อมมือไปเขย่าตัวคนป่วยที่ก็ลืมตาขึ้นมามองกันด้วยความอ่อนแรง

“ ไปโรงพยาบาล “

“ ไม่ “ กูว่าแล้ว ว่าต้องตอบแบบนี้

“ งั้นถ้ามึงไม่ไปกูจะโทรเรียกรถพยาบาลให้มารับมึงที่ผับ “ บอกแบบนั้นคนที่นอนอยู่ก็มองเหล่ผม “ คิดให้ดีนะว่าถ้ากูเรียกมา มันจะต้องเปิดสัญญาณขอทางมาเลยนะ จากโรงพยาบาลถึงนี่ก็ไกลอยู่ แล้วพอมาจอดที่ผับ คนเค้าต้องสงสัยแน่นอนว่ามีอะไร หนำซ้ำพยาบาลก็ต้องขึ้นมาหิ้วปีกมึงจากบนนี้ลงไป ผ่านลูกค้าเป็นสิบๆคนที่นั่งกินเหล้าอยู่ ผ่านคนที่ทำงานในผับ แล้วแบบนั้นพอไอ้เจ น้องเดย์หรือว่าน้องอัยย์เห็นมันก็ต้องซุบซิบแล้วก็ล้อมึงว่า ไอ้อาฟแม่งมีอะไรกับไอ้เมดเมื่อคืนวันนี้ป่วยเลยแน่นอน แม่ง อ่อนชิบหาย ” คนที่ฟังผมพูดนิ่งไปผมรู้ว่าอาฟกำลังคิดภาพตามที่ผมบอก

“ กูป่วยอยู่แล้วมั้ย ”

“ มึง ปากคนมันไปไวนะ ” ผมขู่มันซ้ำ “ น้องเดย์น้องอัยย์รู้ก็เท่ากับโลกรู้แล้วมั้ยละ มึงจะยอมเสียฟอร์มจริงๆเหรอ มึงเป็นเจ้าของผับ throw up นะเว้ย คิดให้ดีอาฟ ”

“ พูดจบยัง “ อาฟลุกขึ้นนั่งก่อนจะถาม

“ จะไปแล้วใช่มั้ย ” ไม่มีคำตอบจากคนป่วยใบหน้าคมฉายสีหน้าและแววตาที่สุดแสนจะเบื่อหน่ายใส่ผม อาฟลุกขึ้นจากเตียงมันถอนหายใจก่อนจะหันมาถามผมที่นั่งอยู่

“ จะไปมั้ยโรงพยาบาลน่ะ ”

“ ก็แค่นั้นอะ ” ผมบอกก่อนจะยิ้ม “ ว่าง่ายๆแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย ”

   เดินลงมาชั้นล่างพร้อมกันหลังจากที่ผมหยิบของสำคัญใส่กระเป๋าเรียบร้อย อาฟไม่ได้แสดงออกถึงอาการปวดหัวจนต้องพยุงทั้งๆที่ร่างกายมันไม่ไหว แต่มันก็คือมัน ที่ไม่แสดงความอ่อนแอออกให้ใครเห็นแน่นอนไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไร ทุกอย่างถูกปกปิดไว้บนใบหน้าคมที่เรียบนิ่งนั้นจนดูเหมือนมันไม่มีความรู้สึกอะไร

“ ไหวเปล่าวะนั่น ” เจเดินเข้ามาถามตอนที่อาฟเดินเอามาล้วงกระเป๋าลงมาถึงชั้นล่าง สายตาคมที่หันไปมองเพื่อนก่อนจะส่ายหน้าไปมาทำเหมือนไม่ได้เป็นอะไร

“ กูไม่ได้เป็นอะไร ”

“ กูเอาเอกสารไปให้พี่ซองก่อน มึงยืนรออยู่ตรงนี้ แปปนึงนะ ”

“ เร็วๆนะ ” เสียงทุ้มติดอ้อนนั้นชวนให้ผมยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้ารับ

“ จ้าๆ พี่ไปนานหรอก น้องอาฟรอพี่เมดแปปน้า ” แกล้งแซวมันก่อนจะเดินตรงออกไปหาพี่ซองแล้วปล่อยให้เพื่อนซี้สองคนยืนคุยกัน มันเป็นเอกสารเกี่ยวกับบัญชีของเดือนใหม่ ที่พอขึ้นเดือนใหม่เราก็ต้องเปลี่ยนสมุดที่จดรายละเอียดสำหรับสต๊อกกันใหม่เพราะมีเหล้าบางตัวที่เพิ่มเข้ามาและต้องเช็ควันต่อวัน

“ หน้ามึงโคตรไม่ไหวไอ้สัดอาฟ ” เจบอกอีกคนที่ก็ส่ายหน้าไปมาไม่ยอมรับ

“ กูไม่ได้เป็นเหี้ยอะไรทั้งนั้น ฝากร้านด้วยนะ วันนี้คงกลับเร็ว ”

“ ปากแข็งจริงไอ้สัด จะล้มอยู่แล้ว ”

“ กูไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นมั้ย ”

“ หรือเพราะมึงตากฝนวันก่อน ” คนโดนถามหันมามองผม ก็คงมีอะไรปิดบังกันอยู่นั่นแหละ แต่ไม่อยากจะโดนผมดุไง เลยต้องเงียบไว้

“ พูดมากไอ้สัด ”

“ ก็คือจะมีความกลัวเมียเบาๆ ” เจหันมาเหล่ผมที่ทำทีเป็นไม่ได้ยินแล้วคุยกับพี่ซองไปเรื่อยเพื่อความสบายของคนโดนเพื่อนล้อ

“ แค่ไม่อยากบอก เรื่องไร้สาระ ”

“ ก็ถ้าเมดรู้ว่ามึงไปเล่นเตะบอลกลางฝนจนหวัดแดกก็คงโดนด่าเพราะทำตัวไร้สาระจริงๆนั่นแหละสัด ”

“ มึงก็เล่นทำไมยังพูดมากได้วะ ”

“ นี่ใคร ” ชี้มือเข้าหาตัวเอง “ กูพี่เจ ”

“ มึงยังไม่รู้จักตัวเองแล้วใครจะไปรู้จักไอ้สัด ”

“ มีมงมีมุก ไม่เจียมสังขารเลยพ่อคุณ สะกิดก็ล้มละไอ้สัด กลับบ้านไปนอนพักผ่อนไป ”

“ ก็กูบอกอยู่ว่าไม่ได้เป็นอะไร ” คนป่วยเถียงเพื่อนด้วยใบหน้าไม่สู้ดี ส่วนผมที่ตอนนั้นอธิบายงานกับผู้จัดการผับเสร็จพอดี ก็เลยเดินตรงเข้าไปหาคนป่วยที่ก็ยืนรออยู่ แล้ววินาทีที่อาฟหันมาเห็นผมเดินมายืนข้างๆมันก็บอก

“เมด ปวดหัวจังเลยว่ะ ” ไม่ทำแค่พูดแต่ทว่ามันกลับยื่นมือของมันมากอดคอผมไว้ก่อนจะซบลงกับไหล่ ท่าทางที่ทำให้เจได้แต่อ้าปากค้าง

“ โอ้โห ออสก้าร์เอามาก เพื่อนถามบอกไม่เป็นไร แต่พอเมียถามบอกปวดหัวจัง ยืนก็แทบไม่ไหวต้องกอด เสมือนใกล้ตายแล้ว ”
“ เสือก ” อาฟหันไปบอกอีกคนที่ก็แบะปากคว่ำหมั่นไส้เพื่อนตัวเองอยู่มาก

“ พาอาฟไปหาหมอก่อน ฝากร้านด้วยนะเจ ”


“ ได้ครับ ” อีกคนบอกก่อนจะยักคิ้วให้ผม “ ฝากไอ้อาฟด้วยนะเมด ถามหมอด้วยก็ดีว่าต้องงดใช้แรงในร่มผ้ารึเปล่า ”

“ ไม่งดเว้ย ” คนป่วยที่ยังไม่เจียมสังขารหันไปบอก ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินพามันมาที่รถก่อนจะดันร่างคนป่วยที่ทำทีเหมือนใกล้ตายให้พิงประตูฝั่งคนนั่งข้างก่อนจะจับไปบนหน้าขาของอีกคน

“ กุญแจรถอยู่ไหนวะ ”

“ กระเป๋าขวา ”

“ ล้วงออกมาให้หน่อย ”

“ ไม่มีแรง ปวดหัว ”  พูดแบบนั้นก่อนจะพิงรถแล้วหลับตาอยู่แบบนั้น เอาจริงๆก็คือโคตรน่าหมั่นไส้ หรือผมควรปล่อยให้มันตายไปทั้งแบบนี้ดี

“ โคตรแสดงไอ้สัด เมื่อกี้กูเห็นมึงยังเถียงไอ้เจบอกไม่เป็นไรอยู่เลย ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้านขวาของมันอยู่ดี กางเกงขาเดฟที่ค่อนข้างฟิตทำให้ล้วงมือเข้าไปยากหนำซ้ำคนป่วยก็ดูเหมือนจะยืนนิ่งอยู่แบบนั้นโดยไม่ช่วยอะไรทั้งนั้น


“ ก็ช่วยขยับตัวหน่อยสิวะ กูจะได้ล้วงง่ายๆ”
“ ไม่มีแรง ” บอกกันแบบนั้นก่อนจะยกยิ้มขึ้นมองผม แกล้งกันอยู่ชัดๆแค่ดูก็รู้แล้ว

“ มึงแม่ง “ เผลอถอนหายใจแล้วล้วงเข้าไปให้ลึกขึ้น อาฟยิ้มกว้างก่อนจะกระซิบ

“ ล้วงดีๆนะ ถ้าตรงนั้นตื่นขึ้นมา เมดต้องรับผิดชอบนะรู้มั้ย ”

“ เอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อนมั้ยอาฟ ” ผมบอกมันที่หลุดยิ้มออกมา

“ กูสู้ตายนะบอกไว้ก่อน ” คำพูดที่กระซิบลงข้างหูพร้อมกับมือที่เอื้อมมากอดเอวกันไว้ ไอร้อนจากลมหายใจของอีกฝ่ายเป่ารดใบหูของผมที่ก็ต้องเอียงหลบทันทีในตอนที่อีกคนกดจมูกลงหอมแก้มแล้วตอนที่มันกำลังไล้ลงมาที่คอแบบแกล้งกัน ผมก็หยิบกุญแจขึ้นได้พอดี

“ ได้แล้ว ” ดึงกุญแจออกจากกระเป๋ากางเกงของคนป่วยได้สำเร็จ กดปลดล็อครถอย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดประตูให้อีกคนเข้าไปนั่ง“ เข้าไปเลยไป “ บอกแบบนั้นแต่เหมือนอีกฝ่ายจะยังขืนตัว ผมก็เงยหน้ามองมัน “ อะไรอีกครับคุณชายอารยะ เข้าไปสิว่ะ อย่าเรื่องมากนักเลยนะ ”

“ ข้างนี้ ” ชี้ที่แก้มข้างขวาของตัวเอง มันมองผมด้วยสายตาที่โคตรจะอ่อนแรงเพราะอาการป่วยแต่ถึงอย่างงั้นมันก็ยังยิ้มแบบมีความสุขที่ได้กวนตีนผม

“ มึงแม่งโคตรรรรรรวอแวเลย ”


“ ข้างนี้ ” ย้ำแบบนั้นอย่างไม่ยอมแพ้ผมก็ได้ถอนหายใจ ก่อนจะมองซ้ายดูขวาว่าไม่มีใครเดินผ่านมารึเปล่า เพราะมันคงดูแปลกแน่นอน ถ้ามีผู้ชายสองคนมายืนเบียดกันอยู่แบบนี้ถึงจะเป็นแฟนกันก็เถอะ “ ข้างนี้ “

“ เออๆ “ หอมแก้มอีกคนไปเต็มฟอด อาฟยิ้มก่อนจะชี้ไปที่อีกข้าง

“ ข้างนี้ด้วย “

“ มึงแม่งกูประสาทจะแดกอยู่แล้วนะไอ้สัด ” จับหน้ามันมาหอมซ้ายหอมขวาด้วยความหงุดหงิดแถมจูบที่ปากไปด้วยหนึ่งทีเพื่อไม่ให้มันต้องขออีก “ พอแล้วนะ เข้าไปในรถเลย อย่าให้กูต้องโมโหนะ “

“ แรดว่ะ กูยังไม่ได้สั่งเลย จูบกูด้วย ” มองกันเหล่ๆมันก็ยิ้มก่อนจะมองตาผมที่ก็จ้องมันแบบหาเรื่อง

“ อาฟ ” เรียกมันด้วยเสียงทุ้มที่กำลังหงุดหงิด ก่อนริมฝีปากอุ่นของคนป่วยจะแนบลงบนริมฝีปากของผม ไม่ใช่การจูบแบบดูดดื่มมันไร้การรุกล้ำ แต่ทว่ามันกลับลิดรอนความคิดของผมที่ว่า อยากจะวิ่งไปเอาไม้หน้าสามมาฟาดหัวคนป่วยจอมงอแงนี้ให้สลบสักทีจะได้จัดการพาไปโรงพยาบาลได้ง่ายๆ “ แรดว่ะ “ ผมบอกมันตอนที่อีกคนถอนจูบออก “ กูยังไม่ได้สั่งเลย จูบกูด้วย ”

“ จูบแฟนใครเค้านับกัน ” เบือนหน้าไปอีกทางผมถอนหายใจออกมาเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าแดงเพราะแค่คำพูดสั้นๆนั้นกับแววตาคมที่กำลังมองกันอย่างมีความหมายแม้กำลังเจ็บป่วย

“ ขึ้นรถไปได้แล้วไป จะได้ไปมั้ย โรงพยาบาลน่ะไอ้สัด  เรื่องมากจริง ” ว่าแบบนั้นก่อนจะผลักมันเข้าไปในรถเสียงหัวเราะที่ดังมาจากคนป่วยที่ชวนให้ผมหัวเสียเพราะอีกคนคงรู้ดีว่า ที่ผมบอกปัดเพราะเขินกับคำพูดนั้นของมันก็เท่านั้น

ถอนหายใจอยู่หลังพวงมาลัยที่ไม่ได้ขับนานแล้ว เหล่มองอาฟที่นั่งพิงเบาะยิ้มๆกับท่าทางของผม มันดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดตัวเองก่อนจะจ้องมองกันตั้งแต่ที่เริ่มสตาร์ทรถ

“ มึงอย่ามองกันขนาดนี้สิวะ กูเกร็งนะ ”

“ กูจะถึงโรงพยาบาลเพื่อเข้าตรวจว่าป่วยเป็นอะไรใช่มั้ย “ มันถามผมที่ก็พยักหน้ารับ “ ไม่ใช่เพราะโดนรถชนนะ ”

“ ไอ้สัด ปากปีจอจริงมึง กูไม่ขับรถพามึงไปคว่ำที่ไหนหรอก ”

“ งั้นเหรอ ” ท่าทางที่ดูไม่เชื่อกัน ผมเอื้อมมือมาเปิดแอร์ของรถก่อนจะขับเกียร์เป็นถอยหลังแล้วค่อยๆเคลื่อนตัวออก และจังหวะที่กำลังหมุนพวงมาลัย “ ไม่ต้องหมุนพวงมาลัย ถอยตรงไปก่อน หน้ารถมึงยาว เดี๋ยวก็ไปฝากรอยไว้กับรถไอ้เดย์อีก นั้นก็เบนซ์อย่าเพิ่มหนี้อีกเลย ”


“ ถอยตรงไปก่อน ” พูดกับตัวเองแบบนั้น ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของคนที่นั่งข้างกัน

“ เตรียมจูบท้ายคันหน้าไว้ได้เลย ”

“ ไม่มีทาง กูมีใบขับขี่นะบอกไว้ก่อน ”

“ กูให้มึงหมื่นนึงเลย ถ้ามึงขับเข้าช่องจอดแบบตอนสอบใบขับขี่ได้ในครั้งเดียว ” หันไปมองมันที่ยักคิ้วให้กัน แน่นอนว่าผมทำไม่ได้หรอก จำได้ว่าตอนนั้นผมสอบใบขับขี่ด้วยรถแบบเกียร์กระปุกและจดจำไปอย่างดีเรียกว่าเป็นสเต๊ปกันเลยทีเดียว ซึ่งถามว่าตอนนี้จำได้มั้ยก็ขอบอกเลยว่า คืนคุณครูสอนขับรถไปหมดแล้ว

“ นั่งนิ่งๆอย่าพูดมาก กูต้องการสมาธิในการขับรถ ” ผมถอยตรงออกมาเรื่อยๆตอนที่คิดว่าหน้ารถน่าจะอยู่ในระยะปลอดภัยแล้วเพราะท้ายรถตอนนี้ก็เหมือนจะเข้าไปใกล้รถที่อยู่ด้านหลังมากขึ้น

“ หน้ารถไม่ผ่าน ใส่เกียร์แล้วขับขึ้นหน้าไปก่อน ”

“ มึงแม่งเข้ามาจอดในที่แคบทำไมวะ ”

“ ทำไมไม่ลองโทษตัวเองก่อนว่า ทำไมมึงถึงขับรถไม่เก่งแบบนี้ ” อยากจะเถียงกลับคำพูดของมันเหมือนกันว่า แล้วใครกันที่ชอบขับรถพาผมไปนู้นไปนี่แบบที่ไม่ให้ขับเองเลยแบบนั้นมันเลยไม่ได้ฝึกแล้วมันก็เลยไม่เก่ง แต่ว่าจะโทษมันฝั่งเดียวก็ไม่ถูกเพราะมันดูเหมือนตัวผมเองด้วยที่ชอบให้มันเป็นแบบนั้น “ ขับรถขึ้นไปข้างหน้า “

“ ขับขึ้นไปข้างหน้า ” ผมพูดก่อนจะทำตามที่อีกคนสั่ง

“ แล้วระหว่างถอยก็หักพวงมาลัยไปทางซ้ายให้สุด ”

“ เย้ ออกมาได้ละ ” หันไปยิ้มให้มันที่ก็ถอนหายใจออกมา ผมขับขยับเปลี่ยนเกียร์ให้เดินหน้า “ ไปละนะ ”

“ หวังว่านรกจะไม่อยู่ข้างหน้า ”

“ ไอ้สัด ปากเสีย ” พูดออกไปแบบนั้นแต่ทว่ามันก็ไม่ค่อยผิดจากที่อาฟพูดเท่าไหร่ อาจจะไม่ถึงขั้นเรียกว่านรกแต่นั่นก็ใกล้เคียง เพราะผมเล่นเบรกแรงจนคนป่วยแทบจะพุ่งไปชนคอนโซลรถเป็นสิบครั้งถ้าคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้

จอดรถลงที่ลานจอดของโรงพยาบาลผมเลือกจอดในที่ที่กว้างที่สุดเลยเพื่อการถอยออกอย่างปลอดภัย หันไปยิ้มกว้างให้คนป่วยที่ก็มองผมนิ่งๆเพราะมันต้องเดินไกลสักหน่อย

“ ถ้าจะจอดไกลขนาดนี้ทีหลังก็ให้เดินมาจากผับเลยก็ได้ ”

“ กูบอกให้มึงลงที่หน้าโรงพยาบาลก่อนนะ แต่มึงบอกเองว่าไม่ลงจะลงพร้อมกู ” หันไปเถียงมันอีกคนก็ถอดหายใจพลางปลดเข็มขัดนิรภัยออก อาฟบ่นเบาๆ

“ ยังกับทัวร์นรก ”

“ แต่กูก็พามึงมาถึงโดยที่ไม่ชนรถสักคันเลย ” ยิ้มกว้างให้มันอย่างคนหน้าด้านที่ยังคงความภูมิใจเอาไว้ ผมกดล็อครถก่อนจะเดินไปยืนข้างมันที่ตอนนั้นก็เอื้อมมือมากอดคอผมไว้ “ ปวดหัวอยู่มั้ย ”

“ หนักกว่าเดิม ” มันบอกผมก็ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปจับหน้ามันไว้ ลูบแก้มอีกคนเบาๆ

“ มาหาหมอเดี๋ยวก็หายแล้ว ”

“ พูดเหมือนหมอมีพลังวิเศษเสกให้กูหายป่วยได้ ”


“ แต่อย่างน้อยเราได้รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ต้องกินยาอะไรถึงจะหาย หรือว่าต้องฉีดยา ”

“ ไม่มีทาง ” คำพูดของคนที่เดินอยู่ข้างกันพูดขึ้นผมก็หันไปมอง

“ อะไรไม่มีทาง ”

“ กูไม่ฉีดยาแน่นอนบอกไว้ก่อน ”

“ ทำไมอะ ? บางทีมันต้องฉีดนะ กินยาอย่างเดียวมันไม่หาย ”

“ ไม่ฉีด ” ย้ำกันอย่างงั้นผมก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะเถียงมันไปเท่าไหร่อีกคนก็คงเอาแต่บอกว่าไม่ฉีดอยู่แล้ว แบบนั้นก็ให้หมอจัดการแล้วกันถ้าหมอบอกว่าฉีดก็คือต้องฉีดยังไงซะมันก็เถียงไม่ได้อยู่แล้ว

เดินขึ้นตึกของโรงพยาบาลเอกชนที่เคยได้ยินมาว่ามันแพงสุดๆสำหรับค่ารักษา เอ่ยสอบถามข้อมูลกับพนักงานที่อยู่ด้านในก่อนที่เธอจะเดินนำเราให้มานั่งที่หน้าห้องตรวจห้องนึงที่ตอนนี้ก็แทบไม่มีใครเลยยังเว้นพยาบาลที่เค้าเตอร์


“ มึงนั่งนี่ก่อน กูจะไปกรอกรายละเอียดคนป่วย ”

“ อื้ม “ อาฟหลับตาลงมันเอนตัวนอนพักอยู่กับเก้าอี้ ส่วนผมก็เดินไปหาพยาบาลที่เค้าเตอร์เพื่อกรอกรายละเอียดของคนป่วยที่ต้องการเข้าตรวจ ผมกรอกชื่อ อายุ เบอร์โทรศัพท์ก่อนจะกรอกส่วนสูงที่รู้ลงไป

“ อาฟ มึงหนักเท่าไหร่ ” ผมเดินกลับมาถามมันอีกคนก็ส่ายหน้า

“ ไม่รู้ ไม่ได้ชั่งนานแล้ว ”

“ งั้นก็ลุกขึ้นมาชั่งก่อน ” ดึงมือมันขึ้นมาอีกคนก็เดินไปชั่งน้ำหนักแบบดิจิตอลที่เมื่อตัวเลขปรากฏขึ้นผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆกับตัวเองและในตอนที่กรอกเลขสองหลักลงไปนั้นสมองผมก็คิด โมเม้นท์อุ้มท่าเจ้าหญิงจะไม่เกิดกับชีวิตกูอย่างแน่นอนในจุดนี้ ขี่หลังยังไม่รู้เลยว่าจะรอดเปล่า บางทีหลังอาจจะหักไปก่อนก็ได้ และที่สำคัญผมจะไม่ชั่งน้ำหนักให้ไอ้อาฟรู้เด็ดขาดไม่อย่างงั้น ชื่อเรียกหมวยตื่นได้แล้วในตอนเช้าอาจจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน

“ มึงชั่งสิเมด ”

“ ชั่งทำไมกูไม่ได้ป่วย มึงกลับไปนั่งไป ” ผมบอกปัดมัน ให้ตายก็ไม่ชั่งบอกไว้เลย “ นี่ครับ ” ยื่นเอกสารไปให้พนักงานที่ก็รับไปก่อนจะยิ้ม

“ นั่งรอสักครู่นะคะ ”

“ ครับผม ” เดินกลับไปนั่งข้างอีกคนที่ถอนหายใจออกมา อาฟเอียงหน้าลงมาพิงที่ไหล่ผมก็ยื่นมือไปจับที่หน้าผากมัน

“ ปวดหัว จูบหน่อย ”


“ ตลกแดกละนี่โรงพยาบาลไม่ใช่บ้านมึง ” บอกแบบนั้นก่อนอีกคนก็ดึงตัวเองขึ้นจากไหล่แล้วก็ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ อาฟเอียงหน้ามองผมแบบหาเรื่อง “ มองอะไร “

“ อยากมอง มึงมีปัญหาอะไร กูมองแฟนกู ”

“ เดี๋ยวเข้าไปหาหมอกูจะให้เค้าฉีดยาวัคซีนกันพิษสุนัขบ้าให้มึงด้วย ” เอื้อมมือไปจับแก้มร้อนๆของอีกคนอาฟก็ยกยิ้ม “ หรือว่าเข้าห้องผ่าตัดผ่าหมาออกไปจากปากดี เผื่อจะหยุดปากเสียได้บ้าง ”


“ งั้นมึงก็ผ่าความน่ารักของมึงทิ้งไปด้วยสิ ” คำพูดที่ทำให้ผมนิ่งไปก่อนจะหันไปทางอื่นด้วยแก้มแดงๆ

“ พูดอะไรของมึง ”

“ พูดตอแหลไง ” หยุดความเขินไว้แค่นั้นตอนได้ฟังผมหันมามองมันตาขวางแต่อาฟก็แค่ยักคิ้วให้ “ แต่กูไม่ฉีดยานะบอกไว้ก่อน ถ้ามึงบอกให้หมอฉีด กูจะฉีดมึงด้วย ”

“ จะมาฉีดอะไรกู มึงมีเข็มรึไง ”

“ มี ” ไม่เพียงแค่พูดมันเล่นจับมือผมมาตั้งไว้บนส่วนกลางของมัน “ นี่ไง เมื่อคืนก็ฉีดมึงอยู่ ”

“ ไอ้สัด นี่มันโรงพยาบาล ” พูดเสียงลอดไรฟันตอนที่ดึงมือออกอย่างเร็ว ผมหันไปมองรอบๆก็ยังโชคดีที่ไม่มีใครมาสังเกตเห็น

“ มึงก็อย่าไปปากมากบอกหมอแล้วกัน ไม่ใช่พอหมอบอกว่า กินยาก็หาย ส่วนมึงก็พูดขึ้นว่าฉีดยาไปเลย ”

“ ทำไมวะ ”

“ จบไม่สวยแน่ครับ ผมบอกคุณไว้ก่อน ” เอื้อมมือมาบีบแก้มจนปากผมจู๋แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังเถียงมัน

“ หมอเค้าไม่แนะนำอะไรแบบนั้นหรอก ที่ต้องฉีดเพราะบางทีกินยาอย่างเดียวมันไม่หาย มันต้องฉีดยาควบคู่ตังหาก ”จ้องมองอีกคนที่ก็เงียบไป อาฟคลายมือที่บีบปากผมออกก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยท่าทางที่ดูเหมือนไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ แต่จริงๆมันก็ดูไม่โอเคกับการมาโรงพยาบาลเท่าไหร่แล้วหนำซ้ำยังย้ำนักย้ำหนาว่าไม่ยอมฉีดยาแน่นอน หรือว่า.. “ ถามจริง มึงกลัวเข็มฉีดยาเหรอวะ ”

“ ใครกลัว ” ปฎิเสธออกมาทันควันด้วยสายตาที่หลบไปมองทางอื่น อาฟนิ่งผมก็แกล้งขยับตัวเข้าไปใกล้มันก่อนจะจิ้มลงที่แขนทีสองที


“ กลัวเข็มจริงๆเหรอวะ ”

“ กูไม่ได้กลัว ” สีหน้าจริงจังที่หันมาบอกกัน ผมดึงตัวเองเข้าไปจ้องตามันใกล้ๆ ใช้สายตาจับผิดราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่อีกคนบอกทำให้อาฟหันไปทางอื่นก่อนจะถอนหายใจ “ ใครจะไปกลัวอะไรปัญญาอ่อนแบบนั้น ”

“ มึงไม่กลัวก็ดี ” ทำทีเป็นพยักหน้ารับให้คนไม่ยอมรับความจริง “ เพราะถ้ามึงไม่กลัวเดี๋ยวพอหมอบอกว่า ฉีดยาด้วยก็ดี กูก็จะบอกเลยว่า ฉีดเลยจะได้หายไวๆ ”

“ ต่อยกับกูมั้ยเมด ”

“ ไม่กลัวไม่ใช่เหรอวะ เข็มเล็กนิดเดียวซีเรียสอะไร ” ทุกอย่างนิ่งไปผมได้ยินแต่เสียงถอนหายใจของอีกคนที่เอาแต่พิงหลังกับพนักพิงของเก้าอี้แบบครุ่นคิด “ ถ้ามึงกลัวเข็ม กูจะได้ช่วยพูดกับพยาบาลแบบ ไม่ฉีดได้มั้ยครับ พอดีสะดวกกินยา อะไรก็ว่าไป แต่ถ้าไม่บอกให้รู้ ถ้าหมอบอกว่าฉีดมั้ย กูก็จะบอกเลยว่า ฉีดเลย ฉีดมันเลย ”

ความเงียบเข้ามาปกคลุมเราในช่วงระยะเวลานั้นผมเหล่มองอีกคนที่ก็นั่งนิ่งด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก อาฟเงียบอยู่นานตรงหน้าห้องที่เรากำลังรอเรียกชื่อ สองมือของมันที่ตั้งอยู่บนตักขยับไปมาราวกับใช้ความคิดไม่ต่างกับสายตาที่ก็เหลือบมองผมอยู่ตลอดในช่วงเวลาที่มันนั่งนิ่ง

“ ไม่รู้หมอที่นี่จะมือหนักรึเปล่า เมื่อก่อนกูเคยมาฉีดยาที่นี่เหมือนกัน หมอฉีดเจ็บมาก มือโคตรหนัก ” ไซโคความกลัวใส่มันเข้าไป ตอแหลทั้งนั้นกูเคยเข้าที่ไหนโรงพยาบาลแพงขนาดนี้

“ เหรอวะ ”

“ ก็หวังว่ามึงจะไม่เจอหมอคนนั้นนะ ” ผมเหล่มองมันที่ตอนนี้เหงื่อเริ่มซึมออกมาทั้งๆที่ในห้องก็ค่อนข้างเย็น “ แต่มึงไม่กลัวเข็มก็คงไม่เป็นหรอก ”

“ กลัว ” คำพูดสั้นๆที่หลุดออกมาจากปากอีกคน มันเบาเสียจนผมต้องกัดฟันตัวเองไว้แน่นเพราะไม่อยากจะยิ้มกว้างออกไปให้มันคิดว่าผมกำลังล้อเลียนความกลัวของมันทั้งๆที่มันก็ดูไม่เข้ากับหน้ามันเลยสักนิด ก็ออกจะเท่ห์แต่เสือกกลัวเข็มฉีดยา
คะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 32:: up! 27-7-61} #หน้า 25
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 03-08-2018 20:27:02

“ ว่าไงนะ “ ทำทีเป็นถามย้ำทั้งๆที่สีหน้ากำลังยิ้มขำ อาฟหันมามองหน้าผมด้วยความไม่ชอบใจถอนหายใจออกมาใส่กันก่อนจะย้ำ
“ กูกลัวเข็ม พอใจยัง ”

“ ฮึก..แปปนะ ” ยกมือขึ้นเบรกมันก่อนจะหันไปอีกทางแล้วเผลอยิ้มกว้างพร้อมกับเสียงหัวเราะเงียบๆคนเดียวอยู่สักพัก ผมสูดลมหายใจเข้าไปปอดตั้งสติไม่ยิ้มให้มันเห็นเพราะอาจจะทำร้ายจิตใจหนุ่มสุดคลูเข้าให้

“ อยากจะหัวเราะก็หัวเราะออกมา จะกั้นอยู่ทำไม จะหัวเราะเยาะกูก็ทำเลย ”

“กูไมได้หัวเราะเยาะมึงสักหน่อย ” ผมบอกมันแบบนั้นอีกคนก็ถอนหายใจและยิ่งเซ็งเข้าไปใหญ่เพราะตอนนี้มันเอาแต่หันไปมองทางอื่นและไม่มองผมเลย “ อาฟ ไม่เอาน่ามึง ” เอ่ยเรียกเสียงอ่อนแต่อีกคนก็ไม่ทีท่าว่าจะหันมา “ อาฟครับ ”

“ อะไร รำคาญจะพูดก็พูดเลยเรียกอยู่ได้ ”

“ หงุดหงิดอะไร ก็แค่กลัวเข็มกูไม่ได้หัวเราะเยาะเย้ยมึงสักหน่อย ”

“ อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้มึงไม่ได้หันไปหัวเราะ ” มันถามด้วยท่าทางหาเรื่อง “ แล้วหันไปทำไม ”

“ ก็หันไปยิ้ม แต่ยิ้มเพราะกูเห็นว่ามันน่ารักดี แบบผู้ชายอย่างมึงกลัวเข็ม มันก็น่ารักออก”

“ ไม่เท่ห์เลย ” มันพูดเสียงเบาผมก็เอียงหน้ามองก่อนจะยิ้มกว้างกับท่าทางที่ดูเป็นเด็กของมัน ก็คงไม่ชอบใจที่ตัวเองเป็นแบบนี้หรอกอาฟคงคิดแบบนั้น ในสายตาของมันก็คงอยากจะดูเท่ห์ให้แฟนอย่างผมรู้สึกว่า มันไม่มีข้อติอะไร แต่สำหรับผม ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น ผมรู้สึกแค่ว่า ดีซะอีก อย่างน้อยก็ยังมีช่วงเวลาเล็กๆที่ผมจะปกป้องมันได้แม้ว่าจะเป็นแค่เข็มฉีดยาอันเล็กๆนั่นก็เถอะ

“ ยังไงมึงก็เท่ห์เสมอสำหรับกู ” ผมบอกมันแบบนั้นอาฟก็หันมามอง “ คนเรามันไม่จำเป็นต้องเท่ห์ทุกเรื่องนี่ จะให้มึงปกป้องกูอยู่คนเดียวมันก็ไม่แฟร์มั้ยวะ ให้กูปกป้องมึงบ้างสิ ถึงจะเป็นแค่เข็มฉีดยากูก็จะจับมือมึงไว้แน่นๆเลยจะไม่ไปไหนเด็ดขาด ถึงหมอจะไล่กู แต่พี่เมดจะไม่ทิ้งน้องอาฟไปไหนหรอกนะ ”

“ ปัญญาอ่อน ”

“ กูชอบที่ได้เห็นมึงทุกมุมนะ ”

“ เมด ” เสียงที่เรียกผมหลังจากที่เงียบไปนาน ใบหน้าคมดึงตัวเองเข้ามาจูบที่ริมฝีปากก่อนที่มันจะยกยิ้มแล้วหันไปทางอื่น อาฟพูดเสียงเบาๆ “ มึงจะน่ารักไปไหนวะ ”

ใบหน้าของผมแดงจัดตอนที่มันหันมามองกันอีกครั้งหลังจากที่พูดคำนั้นจบ ผมก้มหน้าลงเพราะไม่สามารถทนมองสายตานั้นได้ ก็นึกว่าจะรอดแล้ว สุดท้ายก็แพ้ให้มันอยู่ดี ทำไมกันวะ ไม่มีวันไหนที่จะชนะใสๆได้เลยรึไง วันที่ผมจะไม่เขินกับการกระทำของผู้ชายคนนี้

“ แล้ว ทำไมมึงถึงกลัวเข็มวะ ” เลือกถามคำถามที่ตัวเองอยากรู้ อาฟที่มองหน้ากันอยู่ก็ถอนหายใจออกมา “ สัญญาจะไม่บอกใคร ” เอานิ้วก้อยไปเกี่ยวนิ้วมันไว้แล้วพยักหน้ารับเชิญชวนให้มันเล่า “ บอกหน่อยน่า กูอยากรู้ ”

“ ตอนเด็กๆ กูเคยมาฉีดยาแล้วเหมือนพยาบาลคนนั้นจะเป็นมือใหม่ เค้าฉีดยากูเจ็บมาก มือโคตรหนัก ”

“ เข้าใจอยู่ เพราะเจ็บมากๆมึงเลยกลัวการฉีดยาไปเลยสินะ ” พยักหน้ารับเข้าใจมัน วิวเองมันก็กลัวเข็มเหมือนกันเพราะตอนเด็กๆโดนพยาบาลจับมัดแล้วฉีดยากลายเป็นว่าตอนเด็กๆถ้าแม่พามันมาที่โรงพยาบาลมันจะร้องไห้ตั้งแต่ล้อรถยังไม่ทันเข้ามาในเขตโรงพยาบาลเลยก็ว่าได้ ทั้งดีดทั้งดิ้นกลายเป็นความทรงจำเลวร้ายของมันมาจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว แม้กระทั้งตอนนี้ก็เหมือนว่าจะยังไม่มีใครเอามันอยู่สักคน แม้แต่ผมก็เถอะ  “ งั้นพี่เมดจะอยู่กับน้องอาฟเองนะครับ ”

“ ไม่ต้องมาปัญญาอ่อน” บอกแบบนั้นแต่กลับเอื้อมมือมาจับมือผมไว้แน่นแม้จะไม่หันมามองกันก็ตาม

“ มึงชอบน่ากูรู้ ” สะกิดเข้าที่แขนของอีกคนก่อนที่เสียงเรียกจากพยาบาลจะทำให้ทั้งผมทั้งมันหันไปมอง

“ คุณอารยะคะ ”

“ ไปกันเค้าเรียกแล้ว ” ดึงอีกคนขึ้นมาจากที่นั่ง เราเดินเข้าไปในห้องตรวจที่ตอนนี้มีคุณหมอผู้หญิงวัยกลางคนนั่งยิ้มต้อนรับอยู่ อาฟที่หันมามองผมตอนที่เอ่ยทักเธอ

“ สวัสดีครับคุณหมอ ”

“ สวัสดีค่ะ ” เธอตอบรับผมก็นั่งลงตรงเก้าอี้ แล้วตอนนี้อาฟก็กระซิบถาม

“ คนนี้รึเปล่า ”

“ อะไรคือคนนี้รึเปล่า ”
 
“ ที่มึงบอกว่ามึงเคยมาฉีดยาแล้วเค้าฉีดเจ็บมาก ”

“ อ้อ “ ผมหันไปยิ้มแห้งๆให้มัน จะบอกว่าตอแหลก็กลัวโดนด่าที่ปั่นมันให้กลัวซะใหญ่โต ตอนนั้นเลยพูดได้แค่ว่า “ ไม่ใช่หรอก คนละคนกัน ” ลมหายใจที่ผ่อนออกมาอย่างโล่งอก ผมนึกเอ็นดูกับความกลัวของมันจนอยากจะดึงมาหอมหัวแล้วพูดให้กำลังใจว่า ‘ไม่เป็นนะครับนะคนเก่งพี่เมดอยู่นี่เดี๋ยวจะกอดน้องอาฟเตอร์ไว้เอง’  แต่ครั้นว่าจะดูปัญญาอ่อนไปหน่อยเลยได้แต่ยิ้มให้กำลังใจมันอยู่แบบนี้

“ เป็นอะไรมาคะ ”

“ ไม่สบายน่ะครับ ” ไม่ใช่เสียงคนป่วยแต่เป็นผมเองที่พูดกับคุณหมอ “ พอดีว่าปวดหัวมากๆแล้วก็ตัวร้อน กินยาลดไข้ไปแล้วแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ลดเลยครับหมอ ”

“ มีอาการเจ็บคอมั้ย ” ผมหันไปมองอาฟ หมอที่นั่งอยู่ก็งง

“ อ้าว ไม่ใช่คนนี้ป่วยเหรอ ” เธอชี้มาทางผมที่ก็ส่ายหน้าไปมาก่อนจะชี้นิ้วไปยังคนข้างๆ
 
“ คนนี้ครับ ที่ป่วย ”

“ ก็เจ็บครับ ”

“ มีอาการไอมั้ยคะ ”

“ นิดหน่อยครับ แต่ไม่มีน้ำมูก ”

“ งั้นหมอขออนุญาตินะคะ ” เธอหยิบเครื่องทางการแพทย์ขึ้นมาตรวจอีกคน ก่อนจะสอบถามอาการเบื้องต้นอีกหลายอย่างพร้อมจดรายละเอียดลงไปแฟ้มที่ตั้งอยู่ข้างหน้าซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นอาการทั้งหมดบวกกับการสั่งจ่ายยา “ หมอคิดว่าน่าจะเป็นไข้หวัดธรรมดานะคะ เพราะช่วงนี้อาการเปลี่ยนแปลงบ่อยด้วย แนะนำให้กินยาตามที่สั่งแล้วก็พักผ่อนเยอะๆ ดื่มน้ำอุ่นให้มากๆ สักสี่ห้าวันไข้จะค่อยๆลดลงแล้วค่ะ ”

“ ไม่ค่อยชอบป่วยนานน่ะครับ มีวิธีที่ทำให้หายป่วยเร็วกว่านี้มั้ย ”

“ ถ้าอยากจะหายป่วยเร็ว หมอแนะนำให้ฉีดยานะคะ แต่ว่าไม่ควรฉีดบ่อยนะเพราะมันจะทำให้ดื้อยา อดทนรอสักสามสี่วันพักผ่อนให้เยอะๆน่าจะดีกว่า ” ผมหันมองอาฟ มองจากสายตาก็รู้ว่ามันอยากจะหายป่วยให้เร็วกว่านี้การที่ต้องนอนซมสามสี่วันมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เรามีงานที่ต้องทำ หนังสือก็ต้องเรียน จะให้มานอนป่วยนับวันรอให้หายป่วยมันก็ไม่ไหว แต่ครั้นจะให้ฉีดยา ก็ไม่ใช่วิถีทางที่อาฟอยากจะเลือกเท่าไหร่เหมือนกัน

“ จะฉีดยามั้ย ” ผมหันไปกระซิบถามอาฟอีกคนก็มองผมนิ่งๆ มันที่ใจนึงก็กลัวแต่อีกใจก็อยากหายเร็วๆก็ได้แต่นิ่งไม่ได้ตอบอะไร “ ถ้าฉีดก็ได้นะ ” เอื้อมมือไปจับมือมันไว้ผมบีบแน่น “ ก็มีกูอยู่ข้างๆไง ไม่เป็นอะไรหรอก ”
 
“ กลัวเข็มเหรอคะ ”

“ เปล่าหรอกครับ ” ผมยิ้มให้คุณหมอ “ คุณหมอฉีดยาให้หน่อยได้มั้ย พอดีว่าเราป่วยนานไม่ได้น่ะครับ มีสอบวันมะรืนด้วย ถ้าฉีดยาวันนี้กลับไปนอนพักพรุ่งนี้จะได้ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือแล้วไปสอบวันมะรืนได้ทัน ”

“ งั้นก็ได้ค่ะ ” เธอว่าแบบนั้นก่อนจะเขียนอะไรสักอย่างลงบนกระดาษแล้วยื่นให้พยาบาลก่อนจะถอยเก้าอี้ไปหลายหลังก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเตรียมยา แล้วตอนนั้นอาฟก็หันมาถามย้ำกับผม

“ ไม่ใช่คนนี้แน่นะ คนที่มึงบอกว่าฉีดยาเจ็บ ”

“ ไม่ใช่แน่นอน ” บอกย้ำมันแบบนั้นก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือที่เย็บเฉียบของมันไว้แน่น อาฟเหลือบมองผมก่อนจะทำท่าทีไม่สนใจเสมือนตัวเองไม่ได้กลัวเข็มแต่อย่างใด ทั้งๆที่มันไม่รู้หรอกว่าหมอเค้าก็ดูออกหมดนั่นแหละ มันเล่นหน้าซีดเป็นไก่ต้มขนาดนั้น

“ ไม่ได้กลัวเข็มแน่นะ ”

“ ครับ “ ตอบครับแต่จับมือกูแน่นมาก ถ้าไม่ติดว่ามันกลัวอยู่ ผมคงร้องบอกให้ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย เพราะเจ็บจนกระดูกกูจะหักอยู่แล้ว

“ โอเค “ คุณหมอพยักหน้ารับยิ้มๆ แล้วก็เลื่อนเก้าอี้มาใกล้และยิ่งวินาทีที่แขนเสื้อของอาฟถูกดึงขึ้นพร้อมด้วยแอลกฮอล์ที่ทาลงบนแผลมันก็ยิ่งกำมือผมแน่นขึ้นไปอีก มันแน่นจนผมรู้สึกอยากจะร้องตะโกนแต่ถึงอย่างงั้นผมกลับยิ้มกว้างออกมาตอนที่เห็นมันสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วหลับตาแน่นอยู่บนเก้าอี้

อาฟก็คืออาฟนั่นแหละ ผมรู้สึกแบบนั้นตอนที่กำลังมองมัน ในสายตาของคนอื่นมันเข้มแข็งจนแทบไม่เป็นอะไร แต่จริงๆกลับไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลย มันก็มุมที่อ่อนแอของมัน มุมที่มันเองก็ไม่อยากจะให้ใครเห็นได้เห็น

“ เสร็จแล้วค่ะ ” คุณหมอบอกตอนที่ฉีดยาเสร็จ เสียงถอนหายใจของอาฟดังออกมาลั่นห้องมันผ่อนตัวลงกับเก้าอี้ที่นั่งจนคุณหมอยังแอบขำ ก็ไม่ได้กลัวหรอก ไม่ได้กลัวนิดเดียวน่ะครับ แต่กลัวมาก

“ หมอสั่งจ่ายยาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ยังไงถ้ายังไม่หายก็มาหาใหม่นะคะ และที่สำคัญก็คือพักผ่อนให้เยอะๆละ ”

“ ครับผม ขอบคุณมากครับ ” ยกมือขึ้นไหว้คุณหมอผมลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับคนป่วยที่บอกได้คำเดียวเลยว่า หมดแรงจะก้าวเดิน “ นั่งรอตรงนี้กูจะไปจ่ายค่ายาจะได้กลับบ้าน ”

“ ไม่อยากให้ไป ” มือที่คว้ากันไว้ผมก็หลุดขำ

“ ให้กูไปเถอะ รีบไปเอายา รีบกลับบ้าน จะอ้อนกูตรงนี้จริงดิ ? ไม่อายเค้าเหรอไงอารยะ ”

“ รีบไปรีบกลับ ”

“ จ้า พี่เมดรู้แล้วครับ ” ผมขานรับก่อนจะเดินไปที่เค้าเตอร์จ่ายยาที่พนักงานก็อธิบายกับผมว่ายาสามถุงที่ได้มามีอะไรบ้าง มันเป็นยาที่ต้องกินทุกสี่ชั่วโมงและมีทั้งยากินก่อนและหลังอาหารควบคู่ด้วย  จัดการจ่ายเงินทั้งหมดซึ้งราคาก็เรียกได้ว่าคงเส้นคงวากับมาตรฐานโรงพยาบาลเอกชน

“ ขอบคุณมากค่ะ ”

“ ขอบคุณครับ ” เก็บทุกอย่างใส่ในกระเป๋าเงินก่อนจะเดินกลับมาหาคนป่วยที่ก็ยังมีสีหน้าไม่สู้ดี เอื้อมมือไปจับมือมันผมยิ้มบอก “ ไปกันมึง เสร็จแล้ว ”

“ อื้ม ”

มือเรียวเอื้อมมือมากอดคอผมตอนที่เราเดินออกไปจากโรงพยาบาลผมปลดล็อครถ อาฟก็เข้าไปนั่งด้านในพร้อมกับผมที่ก็เข้าไปนั่งตรงที่นั่งคนขับเช่นกัน วางถุงยาไว้ตรงที่วางน้ำข้างเกียร์ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่มันคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ
“ ทำไมท่าทางมึงดูไม่ดีเลยวะ หมอฉีดยาเจ็บมากเลยเหรอ”

“ เปล่า ” มันส่ายหน้าก่อนจะหันมามองผม “ แค่ยังไม่ได้รางวัลปลอบใจจากแฟนก็แค่นั้น ”

“ ถามจริง ” ผมยิ้มบอกมัน “ มึงป่วยหรือใครเข้าสิงมึงวะอาฟ ”

“ จูบหน่อย ” คำพูดที่พูดออกมาตรงๆของมันชวนให้ผมนิ่งไปตอนที่อีกคนก็แค่หันมามองหน้ากัน กำลังคิดว่าตัวผมเคยจูบอาฟก่อนมั้ยนะ นี่เป็นครั้งแรกรึเปล่า ทำไมหัวใจมันถึงได้เต้นแรงขนาดนี้ ผมทำทีเป็นมองซ้ายขวาทั้งๆที่มีอะไรให้มอง ก่อนจะกลืนน้ำลายแล้วค่อยๆดึงตัวเองเข้าไปใกล้อีกคน ผมจูบลงบนริมฝีปากอุ่นนั้น ช่างว่าง่ายเสียจริงหัวใจ แค่บอกว่าจูบหน่อย ก็จูบให้แล้ว “ เจ็บมากเลย ” อาฟบอกตอนที่ผมผละริมฝีปากออก “ ตรงที่หมอฉีดยากูมันเจ็บมากเลย ”

“ ตอแหล ” ผมบอกมัน “ เมื่อกี้กูถามยังบอกว่าเปล่า “ กูจูบเสร็จมึงเจ็บเลยนะ นี่ถ้าจูบมากกว่านี้ต้องเจ็บมากกว่านี้แน่ เพราะอาการสำออยมันกำเริบขึ้นมาไงไอ้สัด ” คนป่วยหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะยื่นมือขึ้นมาขยี้หัวผม

“ เซ็งสัด ” อาฟพูดเสียงเบาก่อนจะหันไปมองด้านนอกของเรา “ วันนี้กูเป็นแฟนที่ไม่เท่ห์เลย ”

“ ยังไงวะ ”

“ ก็กลัวเข็ม”

“ ที่มึงต้องกลัวก็เพื่อให้กูคนที่ไม่กลัวเข็มจับมือมึงไว้ตลอดไง ” บอกแบบนั้นอีกคนก็หันมามองหน้ากัน

“ งั้นเหรอ ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับแบบนั้นผมดึงตัวเองเข้าไปกอดอีกคนไว้ อาฟกำลังรู้สึกไม่รู้หรอกผมรู้ ทั้งอาการเจ็บป่วยทางร่างกายแล้วก็จิตใจของมัน “ ให้กูเป็นคนที่จำเป็นต้องมีสำหรับมึงบ้างสิวะ อย่ามีแค่มึงคนเดียวที่กูจำเป็นต้องมี ”

“ เอางั้นเหรอ ”

“ เออ ” อาฟเงียบไปในตอนที่ผมพยักหน้ารับตอบรับแล้วดึงตัวเองขึ้นมามองหน้ามัน “ แต่กูชอบนะได้เห็นมึงที่เป็นแบบนี้ ”
“ ชอบที่กูดูปัญญาอ่อน ”

“ ไม่ใช่แบบนั้น ” ผมส่ายหน้า “ มึงคิดไปคนเดียวมากกว่าว่ามันดูไม่เท่ห์ทั้งๆที่จริงแล้ว คนเราจะเท่ห์ไม่เท่ห์มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่กลัว กลัวก็แค่กลัว มันก็ไม่แปลกเปล่าวะทุกคนมันก็มีสิ่งที่กลัวเหมือนกันอะ ” ยักคิ้วมองมันที่ก็เอาแต่มองผมไม่พูดอะไร “ แล้วที่กูรู้สึกชอบที่ได้เห็นว่ามึงกลัวอะไรแบบนี้กับเค้าเหมือนกัน นั่นก็เพราะว่ากูจะได้เห็นมึงอีกด้านนึง ด้านที่ต้องมาเป็นแฟนเท่านั้นถึงจะเห็น แล้วกูก็รู้สึกว่ามันดีมากเลยที่เราได้เป็นแฟนกัน ”

“ มึงเพิ่งรู้เหรอ ” อาฟถามก่อนจะดึงตัวเองเข้ามาจูบผมไว้ “ กูรู้มาตั้งแต่ขอมึงเป็นแฟนแล้ว ว่ามันดีมากเลยที่เป็นมึง ”

“ เอาจริงๆนะมึง” แกล้งทำหน้าหงุดหงิดใส่มันตอนที่อีกคนผละริมฝีปากออก “ ไม่ทำให้กูเขินสักวัน มึงจะตายมั้ยวะ ”


..............................................................

ก็คือพี่อาฟนั้นเป็นคนน่ารัก
เราเขียนตอนนี้ความรู้สึกที่ว่า อยากให้มีสักมุมที่ผู้ชายคนนี้จะน่ารักกับแฟนของเค้า
สักมุมที่เมดจะได้ปกป้องอาฟบ้าง มันอาจจะดูเล็กน้อย แต่เราอยากจะให้เห็นว่าความสัมพันธ์นึงมันค่อนข้างไม่มีอะไรที่พิเศษเลย เพราะแค่รักกัน นั่นก็คือความพิเศษแล้ว ฮิ้ววววววว
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตเตอร์ด้วยนะ
 :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 03-08-2018 20:37:23
หูยยยยย พี่อาฟฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 03-08-2018 21:19:48
น่ารักมากเลย พี่อาฟมุ้งมิ้งเว่อร์ :hao5: :hao5: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-08-2018 21:26:04
 :m4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 03-08-2018 21:51:36
เหม็นความรักจ้าาาาาา :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-08-2018 22:01:58
 :-[ :-[ :-[


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 03-08-2018 22:36:58
โถวววว อารยะวันนี้หมดสภาพ เหลือแต่ความน่ารักของน้องอาฟเตอร์เท่านั้นเองงงงง :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 03-08-2018 23:05:35
ให้รางวัลคนรักเมีย :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 03-08-2018 23:33:28
อาฟน่ารักกก ขี้อ้อนมากกกกกกกกก  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-08-2018 23:48:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-08-2018 23:53:37
อาฟ  น่ารักมากกกกกก   :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 04-08-2018 00:25:59
อารยะกับความอ้อนของเขา
หายไวๆ นะ เดี๋ยวจะมีเซลล์เอาเหล้ามาเสนอ จะเป็นผช. หรือเปล่านะ หรืออาจจะไม่เกี่ยวไม่มีบท กังวลเล็กน้อย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-08-2018 01:31:05
อาฟป่วย อ้อนใหญ่เลยนิ  o18
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-08-2018 02:04:52
หวานแม้ยามเจ็บป่วย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 04-08-2018 02:18:42
เค้ารักกัน

รักกันๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 04-08-2018 04:50:21
เมดได้เห็นอารยะมุมนี้ โคตรพิเศษเลยนะ เมดเขินแค่ไหนเราเขินตามเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: FRODO ที่ 04-08-2018 07:26:34
 :o8: :ling2: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-08-2018 09:35:58
  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-08-2018 12:33:06
น้องอาฟของพี่เมดน่ารักจังเลย :กอด1: ขยันทำให้พี่เมดเขินได้ตลอด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 04-08-2018 12:47:58
โอ้ยยยย ดีต่อใจมาก ละมุน ชอบอาฟโหมดนี้มาก ช่วยด้วย

 :o12:  :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 04-08-2018 15:31:51
อาฟก็คืออาฟ กลัวแต่ความอาฟมันค้ำคอ ตอนนี้อาฟน่ารักเมดดูแมนขึ้นมานิดนึง 55555
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-08-2018 18:17:14
 :hao6: :hao6: :hao6:  ด.ช. อาฟงอแง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 04-08-2018 21:06:25
ตอนนี้พี่อาฟน่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 04-08-2018 21:53:12
เหม็นคนจีบกัน ขนาดเป็นแฟนกันแล้วก็ยังจีบ โอ้ยยย  :z1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 04-08-2018 22:10:45
อุ้ยยย กลิ่นฟามรักตลบอบอวลมากมาย ต้องเขินกันเบอไหน หยอดกันไปกันมาตลอด ขอให้รักให้เข้าใจกันมากๆนะอะไรมันเกินพอดีก็ประบตัวหากัน คิดเยอะๆกว่าจะมาถึงตอนนี้เจ็บกันมาเท่าไหร่ รักษาคสามรุ้สึก ความรักนี้ไว้นานๆนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 04-08-2018 23:29:25
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 05-08-2018 22:02:22
ขอแบบพี่อาฟ 1 คน ใส่ห่อกลับบ้านจ้าาาาา :hao6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-08-2018 00:36:52
อาฟมุมนี้น่ารักดี
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 06-08-2018 06:04:11
 :-[ :-[ :-[ มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง  :mew1: กรุ้งกริ้ง วุ้งวิ้ง :L1: กระจาย  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-08-2018 07:33:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-08-2018 05:16:02
เฮียอาฟ~ กรีดร้องแปป
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 10-08-2018 09:50:36
รู้สึกสงสารสาวๆที่ผ่านมาของอารยะเลยค่ะ

ที่ไม่ได้เจอมุมนี้ให้เห็น


ชอบจัง เป็นคนที่แสดงออกว่ารัก ได้อย่างเต็มที่มาก


ไม่สงสัยเลย 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-08-2018 10:54:09
อาฟฟฟ แก ป่วย แล้วโคตรมุ้งมิ้งงง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 10-08-2018 20:21:11

ตอนที่ 34

ภายในห้องเรียนที่ได้ยินแต่เสียงน่าเบื่อของอาจารย์ประจำวิชาที่กำลังอ่านสไลด์บนหน้าจอ ผมหลับตาลงด้วยใจที่อยากจะฟุบหลับไปหลายครั้ง เพราะด้วยอาการป่วยที่เพิ่งทุเลาลง ผมรู้ตัวว่าร่างกายยังไม่แข็งแรงเต็มร้อย แต่จะให้เอาแต่นอนก็คงไม่ได้ ไม่มีวันให้ขาดเรียนแล้ว แม้ว่าจะติดใจคุณบุรุษพยาบาลส่วนตัวที่เอาใจเก่งมากแค่ไหนก็ตามที

[ อาธีร์บอกว่ารถเสร็จแล้ว ค่าทำสีรอบคันแสนนึงนะ โอนเงินให้อาด้วย ] ข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าจอมือถือ ดึงความสนใจของผมให้ก้มลงไปมองมันก่อนจะบ่นกับตัวเองยิ้มๆตอนที่ได้อ่าน “ ได้สักทีไอ้สัด รถกู”

[ โอเค ]

[ แล้วจะให้เอาไง ] น้องชายผมถามกลับมา [ จะให้กูเอารถไปให้ที่คอนโดเลยมั้ย หรือสัดพี่จะมาเอาเอง ] อ่านข้อความนั้นแล้วเอาแต่คิดว่าจะทำยังไง

ใจนึงก็อยากจะไปเอาเองเพราะอยากจะเช็คความเรียบร้อยด้วยตัวเอง แต่ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ต้องให้เมดขับรถของมันกลับซึ่งแบบนั้นไม่มีทางที่ผมจะยอมอยู่แล้ว เมดขับรถไม่ถนัด แถมร้านทำรถเจ้าประจำก็อยู่นอกเขตเมือง แถวนั้นรถส่วนใหญ่เลยค่อนข้างจะขับเร็ว ขับรถได้ระดับเมดมีหวังไม่สอยท้ายรถคนอื่น ก็คงโดนสอยท้ายรถตัวเองแน่นอน ขนาดให้จอดเทียบข้างฟุตปาธง่ายๆมันยังจอดไกลเป็นเมตร แถมยังขับช้าเป็นเต่า

[ มึงขับมาไว้ที่คอนโดกูเลยก็แล้วกัน แล้วเช็คให้ดีนะ ]

[ โอเคจ้า ]

[ แล้วมึงจะไปยังไง ]

[ ก็เดี๋ยวกูขับรถไปหาไอ้อัยย์ที่คอนโดก่อน มันจะได้ขับรถกูกลับไง คือกูไม่ได้โง่เนอะ แต่มึงอย่าลืมบอกพี่เมดให้โอนเงินให้อาธีร์แล้วกันสัดพี่ ]

[ เออ ไม่ลืม ] ตอบมันแบบปัดรำคาญ ก่อนจะกดออกจากหน้าจอเพื่อไปคุยกับอีกคนที่เหมือนจะกำลังตั้งใจเรียนอยู่ในวันนี้ เพราะตั้งแต่ที่ผมไปส่งมันที่มหาลัยเมดก็ไม่มีข้อความอะไรส่งกลับมาอีกเลย ยกเว้นตัวผมที่ส่งข้อความไปบอกมันว่า ‘ ถึงแล้ว ’ อย่างปลอดภัยเหมือนทุกที ทั้งๆที่ปกติมันจะส่งข้อความมาหาผมตลอดและบ่นทุกเรื่องแบบเด็กขี้ฟ้อง

[ ไอ้ขี้ฟ้อง ] ผมทักมันอีกคนก็ส่งสติกเกอร์หน้าหงุดหงิดกลับมาให้ เผลอยิ้มออกมาตอนที่ท้าวคางมองดูภาพเล็กๆของคนที่ผมกำลังคุยอยู่

ภาพดิสของเมดในไลน์เป็นภาพที่มันกำลังหลับตาแล้วชูสองนิ้วให้ไว้ที่ตาเรียวสองข้าง มันใช้ภาพนี้ตั้งแต่ที่เรารู้จักกันและทุกครั้งที่เราได้คุยกันผ่านไลน์ สิ่งที่ผมจะทำเสมอก็คือ กดภาพหน้าดิสนั่นให้ขยายขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วมองอยู่แบบนั้นทั้งๆที่มันก็เป็นภาพเดิม

[ ขี้ฟ้องอะไร วันนี้กูยังไม่ได้ฟ้องอะไรเลยเถอะสัด ]

[ แล้วไม่มีอะไรให้ฟ้องรึไง ] ผมแกล้งถามเพราะบางทีมันก็มีเรื่องที่มันไม่ชอบใจเท่าไหร่เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องเพื่อนสนิทของมันที่ชอบมารังควานอยู่ใกล้ๆ แต่ช่วงหลังเหมือนเมดจะแค่เก็บมันไว้ทำเป็นไม่สนใจอะไรแบบนั้น เพราะไม่อยากจะเล่าให้ผมต้องรู้สึกไม่ดี

[ มึงดูยัดเยียดให้กูต้องพูดนะอาฟ ทำไม ? ชอบเวลาที่กูวอแวแล้วละสิ น่ารักดีใช่มั้ยละครับ ] อีกคนพิมพ์ตอบกลับมาผมก็เผลอยิ้ม

[ หลงตัวเอง ]

[ แต่เสียใจด้วยนะ เพราะวันนี้จะไม่มีใครมาทำให้กูอารมณ์เสียทั้งนั้น ]

[ ยกเว้นกู ] ผมบอกก่อนจะยกยิ้ม [ โอนเงินค่าทำสีรถให้กูด้วย รถกูเสร็จแล้ว ]

[ เท่าไหร่ ]

[ แสนนึง ] ข้อความที่ส่งไปขึ้นว่าอ่านแต่กับไม่มีข้อความตอบรับกลับมา ผมเผลอกลั้นยิ้มเพราะคิดถึงสีหน้าของคนอ่านที่ตอนนี้คงช็อคตาตั้งกับสิ่งที่เห็นไปแล้ว

[ มึงอำกูใช่มั้ยสัดอาฟ แสนนึงเลยเหรอ แค่ทำสีรถรอบคันเองนะ ]

[ มึงใช้คำว่าเองนะ กับการทำสีรถซูปเปอร์คาร์เหรอวะเมด ] ผมถามย้ำมันอีกคนก็ส่งสติกเกอร์แบบไม่เชื่อใจกันมาให้

[ ไม่ใช่ว่าใส่ศูนย์เพิ่มไปตัวนึงนะ ]

[ โอนไปบัญชีนี้แสนนึง ] ผมส่งรูปภาพรายละเอียดการโอนไปให้มัน [ แล้วก็ตั้งใจเรียน จะได้ไม่คิดอะไรโง่ๆแบบนั้นอีก ]
 
[ ก็คนอย่างมึงมันเจ้าเล่ห์ เชื่อได้ที่ไหน ] ก็จริงอยู่ผมไม่เถียงหรอก แต่ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้มันเป็นแฟนไง ตอนนี้ได้แล้ว แผนโง่ๆพวกนั้นมันจำเป็นที่ไหน มันไม่จำเป็นแล้ว

[ โอนแล้วส่งภาพสลิปกลับมาให้กูด้วย ]

[ ครับ ] เมดตอบรับมันหายไปนานก่อนจะส่งภาพสลิปเงินมาให้ผม [ เรียบร้อยครับ ]

[ อื้ม ] ส่งข้อความรับรู้ตอบกลับไป แต่ยังไม่ทันกดปิดหน้าจออีกฝ่ายก็ส่งข้อความตอบกลับมาก่อน

[ แล้วกูต้องทำยังไงกับเรื่องเงินวะ ] สติกเกอร์รูปหมีแก้มพองๆสีขาวที่ดูท่าทางกำลังหนักใจถูกส่งมาให้ผมที่ก็เผลอยิ้มออกมาเพราะคิดไปว่ามันช่างหน้าตาเหมือนกับคนส่งเหลือเกิน

มันเป็นในหนึ่งเหตุผลที่ผมชอบหันไปมองเมดตอนที่มันนั่งอยู่ข้างๆกันในรถ คนตัวขาวกับแก้มกลมๆ ปากแหลมที่บางทีก็ชอบชี้ชวนให้ผมดูนู้นดูนี่ระหว่างทาง ไม่ก็ตั้งใจทำงานกับหน้าจอไอแพต เป็นคนข้างๆที่ไม่ว่าจะมองไปเมื่อไหร่ ก็รู้สึกได้ว่า ‘ น่ารัก ’

[ นั่นสิ จะแบ่งจ่ายยังไงดีนะ ] ผมแกล้งถามมันกลับไปทั้งๆที่จริงแล้ว ผมไม่เคยคิดจะเอาเงินมันจริงๆตั้งแต่แรก

หลังจากที่เมดเข้ามาทำงานที่ผับ เราไปเปิดบัญชีเพื่อแยกสัดส่วนของเงินทั้งหมดที่ต้องแบ่งออกเป็นรายรับ รายง่าย เงินเก็บ ส่วนอีกบัญชีคือหนี้ที่เมดจะโอนเข้ามาให้เพื่อบอกว่ามันได้จ่ายหนี้ผมตามที่เราตกลงกันไว้แล้ว ซึ่งเงินพวกนั้นผมตั้งใจเอาไว้ว่าถ้าเมดจ่ายครบเมื่อไหร่ ผมก็จะคืนให้มันอยู่ดี

[ แบบเดิมได้มั้ยมึง ] หลุดยิ้มกับประโยคที่เห็นบนหน้าจอพร้อมกับไอ้หมีขาวตัวน่ารักที่มันส่งมาอ้อนกัน ก็ถือว่าเป็นโชคดีของผมที่ยังโดนอ้อนผ่านหน้าจอ เพราะคิดว่าสภาพว่าถ้ามันมาอยู่ตรงหน้าแล้วพูดคำนี้ ท่าทางผมคงไม่น่าไหว

[ คิดดูก่อน ]

[ ก็จ่ายแบบเดิมนั่นแหละอารยะ ก็ผ่อนจนครบแสนไง ยังไงกูก็ไม่ไปไหนอยู่แล้วมั้ย ]  และถึงจะไปก็ไม่ให้ไปให้อยู่แล้ว มันเป็นคำที่ผมอยากพิมพ์แต่ก็ได้แค่คิดไปในตอนที่อ่านข้อความนั้นของมัน

[ แล้วเย็นนี้จะกินอะไร ]

[ ชาบูได้มั้ย กูอยากกิน ]

[ ตามใจ ] ก็ไม่เคยปฎิเสธอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ ผมกดปิดหน้าจอมือถือของตัวเองตอนที่คว่ำมันไว้กับโต๊ะเรียน เผลอยิ้มออกมาตอนที่คิดถึงท่าทางดีใจของมันที่ตอนนี้ก็คงจะยิ้มกว้างอยู่กับหน้าจอ

“ มีความสุขจังนะ ” หันไปเหล่มองเพื่อนสนิทที่นั่งข้างกัน ไอ้เจที่กำลังยิ้มล้อผมที่ทำทีเป็นไม่ใส่ใจด้วยการปั้นหน้านิ่งเหมือนอย่างทุกที “ จะเก็กไปไหนไอ้สัด ทำเป็นกลบเกลื่อนทั้งๆที่ในใจนี่แทบติดปีกบิน ”

“ พูดมากจังไอ้สัด “ ผมบอกปัดอีกคนก็ดึงตัวเองเข้ามาใกล้เพื่อเหล่มอง “ กูแค่ดีใจที่รถกูเสร็จแล้ว ”

“ อ้อเหรอ  ” พยักหน้ารับแบบไม่เชื่อ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจตอนที่มองหน้ามัน

“ มีใครบอกมึงบ้างมั้ยว่า ช่วงนี้มึงมีความสุขจนดูน่ารำคาญ ” เจยิ้มกว้างให้ผมมันยักคิ้วด้วยความสุขเหมือนกับว่าไม่มีคำพูดใด หรืออะไรทั้งนั้นจะมาทำให้คนอย่างมันรู้สึกแย่ได้ “ กับไอ้วิวนี่คือดีมากจนทำให้มึงเป็นบ้าได้เลย ”

“ กูดูมีความสุขขนาดนั้นเลย ” ผมยกยิ้มมองคนที่ถามคำถามสิ้นคิดนั้นออกมา ถ้ามีกระจกก็อยากจะยื่นให้แต่ติดที่ว่าไม่มี มันคงไม่ทันสังเกตว่าตัวมันเองเป็นคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ตอนนี้มันกลับมีความสุขมากขึ้นแม้มันจะต้องวุ่นวายมากขึ้นก็ตาม

จากที่ทุกเย็นที่มันจะแค่หาข้าวกินในมหาลัยกับเพื่อน แต่เดี๋ยวนี้มันรีบไปที่ลานจอดรถพร้อมผมหลังเลิกเรียกทุกวัน แล้วสถานที่นัดของมันส่วนใหญ่ก็คือร้านกาแฟเงียบๆ ที่ไอ้วิวน้องของเมดเลือกที่จะไปอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ เป็นช่วงเวลาที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงเบื่อกับการไปนั่งดูใครทำอะไรสักอย่างนิ่งๆ แต่กลับกันที่ในตอนนี้มันไม่เบื่อเลย สังเกตได้จากสตอรี่ไอจีของมันที่เมดเอามาให้ผมดูตลอด แล้วผมก็จะทำหน้าอ้วกใส่คนที่พูดด้วยทุกครั้ง เวลาเมดอ่านแคปชั่นที่เพื่อนตัวเองเขียนถึงอีกคนให้ฟัง

“ ถามจริง เอากันแล้วทำไมยังเป็นแค่คนคุยวะ ”

“ คือพอเอากับไอ้เมดแล้วก็ข่มกูเลยว่างั้น ” หันมาถามยิ้มๆผมก็ยักคิ้วใส่ ก็ไม่ปฎิเสธหรอก มีความรู้สึกแบบนั้นอยู่เหมือนกัน “ กูว่ามันไม่เชิงว่าแค่คนคุยวะ เพราะเดี๋ยวนี้ทุกวันศุกร์กับเสาร์มันก็มานอนห้องกู ”

“ แรดสมเป็นไอ้วิว ” ผมยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมาตอนที่คิดถึงหน้าไอ้เด็กนั่น “ แล้วไอ้เมดรู้มั้ยว่ามันมานอนกับมึง ”

“ คงรู้เฉพาะวันที่ถาม ไม่ถามก็คงไม่รู้ แต่กูถือว่าไม่แรดนะ เพราะกูได้กำไร ”

“ ก็สมเป็นคนเหี้ยอย่างมึง ”

“ พูดอะไรดูตัวเองก่อนมั้ยครับ เพื่อนอาฟ ” เจว่า “ เมื่อก่อนมึงยังวางแผนใส่ศูนย์ในบิลให้ไอ้เมดต้องอยู่ใช้หนี้เลยสัด ไม่นับเจาะยางรถเค้าอีก ของกูมันพูดกันตรงๆ เข้าใจกันตรงๆ ”

“ เข้าใจว่า ”

“ เข้าใจว่ามันอยากจะโฟกัสกับเรื่องเรียนก่อน อยากจะสอบเข้ามหาลัยให้ได้ พอเรื่องวุ่นวายในชีวิตมันจบก็ค่อยมาพูดถึงสถานะจริงจัง ”

“ ก็หวังว่ามันจะไม่หันไปสนใจรุ่นพี่ในมหาลัยแทนลุงแก่ๆอย่างมึงที่มันชอบเรียกก็แล้วกัน ”

“ อย่าเอาชีวิตมึงมาเป็นไม้บรรทัดให้ชีวิตกูสิครับ ” คนข้างๆผมยักคิ้วแบบคนเหนือกว่าให้ “ กูมันพวกปากกับใจตรงกัน พูดคุยด้วยเหตุผล ไม่ใช่เหี้ยอะไรก็พูดอ้อมโลก แถมไม่รู้จะเผลอด่าเมียด้วยคำแรงๆวันไหน ขีดความอดทนของคนมันมีจำกัดนะกูบอกไว้ ”

“ ต้องแคร์ด้วยเหรอวะ ” หันไปถามอีกคนที่ก็ยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ไว้กูจะคอยสมน้ำหน้าไอ้คนที่บอกว่าไม่ต้องแคร์ วันที่แม่งมาถามกูว่าต้องทำยังไงดีเพื่อง้อไอ้เมดก็แล้วกัน ไอ้สัด ” ทำทีเป็นไม่สนใจอะไรในคำพูดของเพื่อนอะไร ผมรู้ว่าเจมันรู้ดีอยู่แล้วว่าผมจะเป็นยังไงถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น “ แล้วมึงคิดได้รึยังว่าจะซื้ออะไร ”

“ อะไร ? ” ขมวดคิ้วงงก่อนจะหันไปหามันด้วยความไม่เข้าใจ เจที่นิ่งไปสักพักก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา

“ ไม่มุกใช่มั้ย ”

“ มุกเหี้ยอะไร ”

“ อีกสามวันวันเกิดไอ้เมด อย่าบอกนะว่ามึงไม่รู้ ” ทุกอย่างเงียบไปหมดในตอนนั้นแม้แต่เสียงอาจารย์หน้าห้องก็ยังขาดช่วงไป ผมที่ได้แต่มองตาเพื่อนสนิทแล้วนั่นก็คงเป็นคำตอบอย่างดีให้กับอีกคนแล้ว ไอ้เจถามถอนหายใจออกมามันส่ายหน้า “ รับรางวัลผัวดีเด่นแห่งปีไปเลยครับสัด ” ไม่พูดเปล่ามันเอื้อมมือมาจับไหล่ผมก่อนจะบีบแน่นราวกับจะบอกว่า ‘ กูยอมแพ้แล้วกับความไม่ใส่ใจของมึงแล้วจริงๆ ’

“ แล้วมึงรู้ได้ยังไง ”

“ ไอ้วิวชวนกูไปหาซื้อของขวัญให้พี่มันเย็นนี้ ”

“ แล้ววิวจะซื้ออะไร ” คำถามที่ทำให้คนตอบได้แต่ยักไหล่พลางส่ายหน้าเพราะมันเองก็คงไม่รู้ ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดูในส่วนของปฎิทินที่ตัวเองเคยบันทึกเอาไว้ แล้วมันก็เป็นอย่างที่เพื่อนผมพูด ไม่ได้มีการโกหกกันแต่อย่างใด แล้วกูจะซื้ออะไรดีวะ ?

   รู้สึกหนักใจกับคำถามที่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาตั้งแต่เรียน ในสมองผมมีแค่คำถามก่อนหน้านั้นวนไปวนมาอยู่ตลอด ผมกำลังคิดถึงของที่เมดชอบ ของที่คิดว่าควรจะซื้อให้มันในวันเกิด แต่เหมือนจะไม่มีอะไรดีๆเข้ามาในสมองสักอย่างเดียว

‘ อาฟ กินสิ มึงเหม่ออะไรอยู่ ’ คนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เอ่ยถามกันตอนที่ผมเอาแต่จ้องหน้ามันในช่วงมื้อเย็นที่เราไปกินชาบูด้วยกัน เมดดึงมือขึ้นจับแก้มตัวเองตอนที่ผมได้สติแล้วหันมาสนใจชาบูในหม้อต่อ ‘ หรือว่าหน้ากูติดอะไรอยู่ หรือมึงคิดจะแกล้งอะไรกูอยู่ ’

‘ หน้ามึงติดอะไรอยู่ ’ ผมแกล้งบอกมันทั้งๆที่ไม่ใช่ เมดเอื้อมมือหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเปิดกล้องหน้าแล้วส่องไปมาตามหน้าตัวเอง
‘ ติดอะไรวะ ไม่เห็นมี ’

‘ ความอ้วน ’

‘ ไอ้สัด ’ สถบด่าออกมาแบบนั้น ทำทีไม่พอใจแต่ก็ยังคีบเบคอนเข้าปากไปเต็มคำ ปากที่เคี้ยวไม่หยุดดูน่ารักจนผมหลุดยิ้มแล้วต้องหันไปมองอีกทาง

ก็ถ้าถามผมว่าตั้งแต่รู้จักกับคนตรงหน้ามาสิ่งที่ทำให้เมดมีความสุขที่สุดคืออะไร ผมจะตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า ‘ ของกิน ’ แต่ว่าอะไรแบบนั้นก็ไม่น่าจะใช่ของขวัญวันเกิดแบบที่คนอย่างเมดจะอยากได้เท่าไหร่

ถึงจะดูเหมือนว่าถ้าเป็นผมให้จะเป็นอะไรก็ได้ แต่ใจจริงผมก็พอรู้ว่ามันก็ชอบอะไรที่ดูใส่ใจและโรแมนติก เมดชอบให้เอาใจ ชอบคำพูดหวานๆ แต่น่าเศร้า ที่คนอย่างผมไม่มีอะไรที่เป็นแบบนั้นสักอย่างเดียว

“ ทำไมเอาแต่นั่งเงียบวะสัดพี่ ” น้องชายผมเอ่ยถามตอนที่เห็นว่าผมนั่งนิ่งอยู่นานตรงส่วนบาร์ ผมเหลือบมองแก้วเบียร์ที่อยู่ตรงหน้าและก็พบว่าความเย็นที่เคยมีมันหายไปหมดแล้ว

“ พี่มึงกำลังมีเรื่องให้ต้องคิดหนัก ” ไอ้เจที่นั่งข้างกันบอกยิ้มๆ ก่อนไอ้เดย์จะถามกลับอย่างอยากรู้

“ เรื่อง ? ”

“ เสือก ” ผมบอกปัดมันอีกคนก็ทำทีเป็นเบิกตาใส่ ก่อนไอ้เจจะหันมาบอกผม

“ ให้ไอ้เดย์ช่วยคิดก็ดีนะ เผื่อมันมีความคิดดีๆ ”

“ แล้วตกลงวันนี้ไอ้วิวซื้ออะไร ”

“ เสื้อเชิ้ตลายทาง ”

“ ก็ทั้งตู้แล้วไอ้สัด ” บอกมันแบบนั้นก่อนจะหยิบแก้วเบียร์ขึ้นมากิน

เมดเป็นคนชอบใส่เสื้อลายทางมากในความรู้สึกของผม มันมีทั้งแบบเสื้อยืดแขนยาว แขนสั้น และแบบเชิ้ต มีทั้งลายทางยาวแนวตั้ง แนวนอน เยอะจนผมรู้สึกว่าตอนซื้อคงไปเหมามาแบบยกโหลแบบที่มันมีทุกสีมาจากประตูน้ำ แต่ถึงอย่างงั้นก็ยอมรับว่าเวลามันใส่ก็ดูน่ารักดี ผมชอบเวลาที่มันไว้แล้วเสื้อแขนยาวพวกนั้นจะปิดมือมันทั้งหมด จนเห็นแค่ปลายนิ้ว เป็นอะไรที่ก็...โคตรน่ารัก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 33 :: up! 3-8-61} #หน้า 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 10-08-2018 20:22:28
“ มันก็ต้องซื้อของที่พี่มันชอบสิว่ะ “ เจบอก “ แต่กูโดนรวมเงินซื้อเสื้อนี่ให้ไอ้เมดด้วยนะ ”

“ ให้กูเดา มึงออกมามากกว่าครึ่ง ”

“ เดาเก่งไอ้หน้าเหี้ย ” เจหันมาด่าผมก็ยิ้ม

“ แล้วกูขอเดาเลยว่า ตอนเด็กวิวเอามาให้พี่เมดมันต้องแบบ พี่เมดนี่คือของขวัญของวิวบวกเงินพี่เจอีกนิดหน่อย ”

“ นิดหน่อยพ่อมึง 70 เปอร์เซ็นต์คือเงินกู ” เพื่อนผมหันไปเถียงไอ้เดย์ที่พูดออกมายิ้มๆ

“ ก็กูบอกอยู่ว่านั่นมันเด็กวิว มีแค่มันที่ทำได้ มึงยังจำวันก่อนที่พี่เจมึงจะเลี้ยงข้าวกูได้มั้ยละ ตอนนั้นเด็กวิวบอกกู เงินเดือนพี่เดย์ก็มีให้พี่เจเลี้ยงทำไมอะ ”

“ คือน้องมึงเกือบเอาขวดน้ำเขวี้ยงใส่หัวน้องไอ้เมดกูขอบอกแค่นี้” เจบอกผมที่ก็ถอนหายใจหน่ายๆกับความวุ่นวายของพวกมันตอนที่หันมาเล่า “ แต่ก่อนหน้านั้นสัดเดย์มึงแม่งก็พูดก่อนนะ มึงเป็นเด็กเสี่ยเหรอวิวทำไมต้องให้พี่เจเลี้ยงวะ ”

“ กูหยอกไง เด็กมันน่ารัก ใครจะคิดว่าเด็กมันจะปากหมาขนาดนั้น ”

“ มึงหยอกผิดคนแล้วไอ้เหี้ย มันไม่ยอมให้มึงหยอกแล้วนั่งติ๋มๆให้มึงแกล้งหรอกสัด ” เจส่ายหน้าใส่น้องชายผม “ แต่สมน้ำสมเนื้อดีนะ คนอย่างมึงต้องเจอแบบไอ้วิว นั่งเขินๆให้มึงหยอกนี่ไม่ใช่แนว อะไรแบบนั้นกูไม่ชอบ ”

“ พอเป็นเมียมึงอะไรแม่งก็ดีหมดนั่นแหละ ตบหน้ากูยังดีเลยมั้ง ” ไอ้เจยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับคำพูดของไอ้เดย์ก่อนจะยกนิ้วให้ “ ตอนแรกกูเห็นมันเงียบๆคิดว่า แนวน่ารัก ที่ไหนได้ปากร้ายชิบหาย เผลอแปปเดียวเรียกกู สัดพี่เดย์ พ่อแม่ไม่สั่งสอนไม่รู้ว่ามาเป็นน้องพี่เมดที่แสนน่ารักของกูได้ยังไง ยังกับจับฉลากได้มาไอ้สัด ”

“ ถ้ากูพูดมึงจะหาว่ากูเข้ามามันมั้ย ” เจถามอีกคน “ ก็มึงด่ามันก่อนมั้ยว่ามันเป็นเด็กแรด เอาจริงๆพวกมึงแม่งก็ปากหมาทั้งคู่ กูโคตรรำคาญไอ้สัด”

“ คือใดๆ กูก็ผิด กูผิดคนเดียว ใช่สิ กูมันแค่น้องจะไปสู้อะไรเท่าเมียเด็กแรดของพี่มึง ” น้องผมว่าแบบนั้น “ สู้พี่เมดก็ไม่ได้ พี่เมดของน้องเดย์ที่แสนใจดีและน่ารักคนนั้น ”

“ แล้วมึงซื้ออะไรให้พี่สะใภ้มึงวันเกิด ” คำถามของไอ้เจทำให้ผมหันไปมองน้องชายผมที่ก็หันมามองผมทันที เดย์เปลี่ยนสีหน้าเป็นเจ้าเล่ห์มันยักคิ้วให้ผม

“ แน่นอน ระดับน้องเขยที่ต้องการจะเคลมพี่สะใภ้ทุกวินาทีอย่างกูต้องไม่พลาด ซื้อเรียบร้อยครับ หารเงินกับเพื่อนอัยย์ ห่อของขวัญสวยงามให้เพื่อนที่มหาลัยทำให้ น่ารักใสๆด้วยโบว์สีชมพู คิ้วๆ ”

“ รำคาญ ” บอกมันที่จ้องหน้าผมในตอนพี่พูดประโยคนั้นราวกับจะอวดว่า ตัวมันที่เป็นแค่น้องยังพร้อมกว่าผมที่เป็นแฟนเสียอีก

“ ปากบอกรำคาญคิดได้ยังว่าจะซื้ออะไร ”

“ แล้วมึงซื้ออะไร ”

“ บอกแล้วกูจะได้อะไร ” เดย์ถามผมไอ้เจก็ถอนหายใจออกมา

“ อย่าหน้าเงินนักเลยไอ้สัดเดย์ ”

“ ชีวิตมันต้องดิ้นรน ต้องกินต้องใช้ รถกูเติมน้ำมันไม่ใช่น้ำเปล่า ข้าวกูก็ต้องซื้อแดกไม่ได้ขอใครมาฟรี ”

“ อัยย์ ” ผมเอ่ยเรียกบาร์เทนเดอร์อีกคนที่ยืนอยู่อีกฝั่ง น้องหันมาผมที่ก็กวักมือเรียกให้เข้ามาใกล้ๆ

“ ครับเฮีย ”

“ มึงซื้ออะไรให้ไอ้เมด ” คำถามของผมมาพร้อมกับเงินหนึ่งพันบาทที่ยื่นไปให้ ผ่านหน้าน้องชายตัวเองที่ได้แต่อ้าปากค้างที่เห็นผมทำแบบนั้น

“ ที่รวมเงินซื้อกับไอ้เดย์น่ะเหรอ ” ผมพยักหน้ารับ “ ถุงยางอนามัยแบบบางเฉียบแพ็คนึง ”

“ พวกหน้าเหี้ย ” ไอ้เจหลุดยิ้มกว้างก่อนจะส่ายหน้าแล้วยกเหล้าตรงหน้าขึ้นกิน

“ เอาไป ” ยื่นเงินให้ไอ้อัยย์ก่อนจะหันไปยักคิ้วให้น้องชายตัวเองที่ก็ได้แต่จ้องหน้าผมด้วยสายตาหงุดหงิด

“ สัดพี่มึงแม่ง ”

“ กูหมั่นไส้มึง ” ไม่ลุกขึ้นถีบให้ก็บุญแล้ว เล่นลิ้นแบบวอนตีนกูเหลือเกินไอ้น้องเหี้ย “ แล้วคิดเหี้ยอะไรถึงซื้ออะไรแบบนั้นให้มัน ” ผมถามคำถามที่อยากรู้น้องชายผมก็ทำทีเป็นมองไปทางอื่น

“ ไม่ได้ตังค์ ไม่อยากตอบ ”

“ อัยย์ ” เอ่ยเรียกอีกคนอีกครั้ง เดย์ก็หันมายกมือห้าม “ กูแจกได้ทั้งคืนนะ ถ้ามึงยังกวนตีนกูอยู่แบบนี้ ”

“ ก็ให้กูบ้างสิว่ะ นี่น้องไง น้องเดย์ที่ครั้งนึงพี่อาฟเคยรักมาก ”

“ ไม่เคย ” ผมบอกก่อนจะเชิดหน้าไปทางไอ้อัยย์ “ ไปแบ่งกับแม่งคนละห้าร้อย  อัยย์ ” ท้ายประโยคผมเรียกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับเข้าใจให้สิ่งที่ผมจะสื่ออยู่แล้ว

“ แบ่งให้ไอ้เหี้ยเดย์ด้วย ”

“ ไม่อยากเลยเอาจริง กูควรได้พันนึงคนเดียวมั้ยวะ ”

“ แบ่งกูด้วยไอ้สัด ถ้ากูไม่กวนตีนสัดพี่มึงจะได้มั้ย ” เดย์หันไปเถียงเพื่อนตัวเองผมก็ถอนหายใจ

“ ค่อยไปเถียงกันในนรกได้มั้ยไอ้สัด ตอบกูก่อน คิดเหี้ยอะไรถึงซื้อไอ้นั่นให้ไอ้เมด ” มองหน้าพวกมันที่ยิ้มด้วยความรู้สึกดีอย่างที่สุดราวกับว่าของขวัญชิ้นนั้นที่มันซื้อ มันผ่านการคิดนอนคิดมาอย่างดี ทั้งๆที่จริง ก็แค่เด็กกวนตีนสองคนที่อยากจะเลือกซื้ออะไรที่ดูกวนตีนที่สุดก็เท่านั้น

“ สัดพี่ นี่มึงไม่เห็นถึงความหมายน่ารักที่ซ่อนอยู่ของถุงยางอนามันเลยเหรอวะ ” เดย์ถามผมก็ส่ายหน้า

“ กูเห็นแต่ความขี้เงี่ยน ”

“ ไม่ลึกซึ้ง ” นิ้วชี้ส่ายไปมาตรงหน้าผมพร้อมหน้าตาที่ทำท่าทางเหมือนกับคำที่พูด “ กูจะบอกให้มว่าถุงยางอนามัยคือสิ่งที่คนเราควรให้แฟนในวันวาเลนไทน์ที่สุดแล้ว เพราะมันบอกหมดทุกความรู้สึกแล้ว ว่าเราทั้งรักทั้งต้องการแล้วก็ห่วงใยเค้ามากแค่ไหน ”

“ ไอ้สัด ” ผมสถบออกมาพร้อมไอ้เจที่ก็ส่ายหน้าไปมาในคำอธิบายของคนตรงหน้า

“ หรือมึงว่าไม่จริง จะมีอะไรที่แทนความรู้สึกว่าเราต้องการเค้ามากแค่ไหนได้เท่าถุงอนามัยวะ ไม่มีแล้ว เป็นความต้องการที่มาในรูปแบบของความห่วงใยด้วยนะมึง ไม่อยากให้เธอติดโรค ”

“ ถามจริงนะเดย์ มึงตายไปนี่นรกจะรับมั้ย ” เพื่อนผมถามอีกคนที่ก็ส่ายหน้าไปมา

“ กูก็ทำดีด้วยการพาคนขึ้นสวรรค์ไปแล้วไง “

“ ไอ้สัด เหนื่อยจะพูดกับมึง ” เจบอกก่อนจะหันมาหาผมที่ตอนนี้ก็ได้แต่คิดถึงของขวัญดีๆสักชิ้นที่ตัวเองอยากจะซื้อให้อีกคน “ คิดหนักไอ้สัด คิดหนัก ”

“ กูไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ” หันไปบอกทั้งไอ้เจไอ้เดย์ที่กำลังมองผมก่อนที่น้องชายผมจะพูดขึ้น

“ กูว่ามึงไม่เห็นต้องคิดมากเลย ถ้าเป็นมึง ถึงจะไม่ให้อะไรแต่แค่จำวันเกิดเค้าได้ แค่พูดว่า สุขสันต์วันเกิดนะ กับคนที่ไม่ใส่ใจอะไรเลยอย่างมึง พี่เมดแม่งก็ดีใจมากๆแล้วเชื่อกู ”

“ เหมือนมึงกำลังด่ากู ” ผมถามน้องที่ก็พยักหน้ารับ

“ กูก็ไม่ได้ชมมึงไง ”

“ กูว่าลองทำตามใจมัน มันก็แฮปปี้แล้วไอ้เมดอะ ” เจบอกแบบนั้นผมก็พยักหน้ารับก่อนจะหยิบเบียร์ตรงหน้าขึ้นกินอีกครั้ง

“ เหมือนอย่างวันก่อนไง ไอ้สัดพี่มันป่วยใช่มั้ย ”

“ สัดเดย์ ” ผมพูดขัดมันเพราะว่าอีกคนกำลังจะพูดเรื่องอะไร ไอ้เดย์ยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะหันไปพูดกับไอ้เจที่ทำท่าทางเหมือนกำลังอยากรู้

“ แล้วคราวนี้นะพี่เจ กูกลับบ้านไปเห็นสัดพี่มันนอนตักพี่เมดอยู่เว้ย แต่พี่เมดอะนั่งดูหนังอยู่ กูเลยเข้าไปนั่งดูหนังกับพี่เมดแล้วคราวนี้มันก็อินไง กูก็นั่งดูยาวๆ จนสัดพี่มันตื่น แล้วรู้มั้ยตอนมันตื่นมันทำไง มันกอดพี่เมดเอวจ้า แล้วก็บอกว่า เมดครับ ปวดหัว ตอนนั้นคือกูแบบ อีเชี้ยยยยยย มึงเป็นใคร นี่มันไม่ใช่พี่ชายที่กูคลานตามออกมา  ”

“ ฮ่าๆ ” ไอ้เจหัวเราะเสียงดังมันหันมาแซวผม “ อ้อนเมียมากเว่อร์จ้า ”

“ ทำตัวเหมือนใกล้ตายอะ แรงจะเดินจะยืนก็ไม่ค่อยมี พี่เมดชงกาแฟคือต้องกอดไว้ บ่นปวดหัวทุกสามวิ กับความเรื่องมากอีกร้อยอย่าง พี่เมดไม่เอาแก้วเขวี้ยงใส่หัว กูว่านับเป็นบุญ ไม่รู้ป่วยหรือจะตาย คือกูงงมาก ”

“ หยุดพูดได้ยัง ” ผมบอกมันก่อนจะถอนหายใจ เอาจริงๆ ตอนนี้สำหรับผมไอ้เดย์คือเหตุผลเดียวเลยที่ทำให้ผมอยากจะย้ายคอนโดออกไปอยู่กับเมดแบบสองคน ปากหมาชิบหายไอ้เด็กเวร

“ เออ หยุดพูดได้ยังพี่มึงเขินหมดละ ”

“ รำคาญพวกมึง ” ผมลุกจากเก้าอี้ตรงส่วนบาร์ตอนที่พูดออกมาแบบนั้น ไม่มีอะไรที่ช่วยได้สักอย่าง ผมคิดในใจแบบนั้นตอนที่สมองยังเปล่า สำหรับของขวัญสักชิ้นที่อยากจะซื้อให้เมดในวันพิเศษของมัน

   อาจจะจริงที่บอกกันว่าคนไม่ใส่ใจอย่างผมซื้ออะไรให้คนได้รับก็คงดีใจทั้งนั้น แต่ถึงอย่างงั้นผมก็อยากจะให้อะไรสักอย่างที่คนอย่างมันจะเอาแต่พูดถึงไม่หยุดปากและทุกครั้งที่คิดถึงมัน เมดก็จะเอาแต่ยิ้มอย่างมีความสุข ผมอยากจะให้อะไรสักอย่างที่ทำให้มันเป็นอะไรแบบนั้นได้

“ วันนี้ข้างล่างคนเยอะมั้ย ” คำถามที่เอ่ยถามกันตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง เสียงนิ้วที่กำลังพิมพ์งานอยู่บนคีย์บอร์ดเมดเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะก้มลงไปทำงานต่อราวกับว่าคำถามที่ถามนั้นเป็นเพียงแค่การชวนคุย ไม่ใช่คำถามที่อยากจะรู้จริงๆ

“ เยอะ ” ผมบอกก่อนจะเดินมานั่งลงที่โต๊ะทำงานของอีกคน “ เต็มทุกโต๊ะ ”

“ มีไรวะ ” อีกคนเงยหน้าขึ้นมาถาม คงเห็นว่าอยู่ๆผมมานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของมัน

“ อีกสามวัน วันเกิดมึง อยากได้อะไรเป็นของขวัญ ”

“ ถามจริง คิดจะโรแมนติกกับกูหน่อยมั้ยอะ ” เมดหันมามองหน้าผมก่อนจะยิ้มกว้างในแววตาของมันที่มีแต่ความสุขนั้นชวนให้ผมแอบอมยิ้มตาม

“ ยังไง ”

“ ก็อารมณ์ที่ว่าเซอร์ไฟส์วันเกิดด้วยของขวัญสุดพิเศษอะไรทำนองนั้น ”

“ นอนมั้ย ? แล้วฝันเอา ”

“ ไอ้สัด ” ด่าออกมาแบบไม่มีเสียง ท่าทางที่เปลี่ยนไปเป็นหาเรื่องของมัน เมดมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปจับเม้าส์แล้วเลื่อนไปมาอยู่ที่หน้าจอ “ จริงๆ ไม่ต้องให้อะไรก็ได้ กูไม่ได้มีอะไรจะอยากได้เป็นพิเศษหรอก ขอแค่เราไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อก็พอแล้ว ”

“ งั้นเหรอ ”

“ อื้ม ” อีกคนพยักหน้ารับก่อนจะหันมายิ้มให้ผม “ แค่มึงจำวันเกิดกูได้แม่งก็โคตรวิเศษแล้วอาฟ ทั้งๆที่ปกติ วันนี้วันอะไรมึงยังไม่รู้เลย ”


“ จริงๆไอ้เจบอกกูเลยรู้ ” ผมก้มลงบอกมันที่ก็เงยหน้าขึ้นมองกันแบบยิ้มๆ

“ ก็สมเป็นมึงอะ ”

“ อยากได้แค่ไปกินข้าวมื้อเดียวกันจริงๆเหรอวะ ปกติก็กินด้วยกันอยู่แล้วไม่ใช่รึไง ”

“ก็แสดงว่าทุกวันมันพิเศษสำหรับเราไง ”

“ อ้วกได้มั้ยวะ ถังขยะอยู่ไหน ”

“ ชิส์ ” เมดจิ๊ปากไม่พอใจมันหันมามองผมด้วยหางตาก่อนจะเอียงหน้ามาจ้องกัน “ มึงอยากจะให้กูบอกจริงๆใช่มั้ยว่าอยากจะได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด ”

“ ก็แค่รู้ว่าอยากจะได้อะไร ถ้าทำได้ก็จะทำให้ ”

“ ยกเลิกหนี้ให้กูสิ ”

“ ตลกจังครับคุณมินเมด สองพันรึไงหนี้มึงอะ ” ผมยิ้มให้มันที่ก็หุบยิ้มลงทันที

“ อะไรวะไม่สายเปย์เลย ” เราเงียบให้กันสักพักตอนที่มันทำทีเป็นบ่นแล้วหันไปทำงานต่อ ผมที่ตอนนั้นเอาแต่มองมันเพราะไม่คิดว่ามันจะอยากให้ยกหนี้ให้จริงๆ

 “ อยากให้กูยกหนี้ให้จริงๆเหรอ ”

“ ไม่อะ กูพูดเล่น ” อีกคนส่ายหน้าไปมา “ ยังไงกูก็อยากจะรับผิดชอบในสิ่งที่กูทำเองมากกว่า ”

“ อื้ม ”

“ แต่ถ้าถามว่ากูอยากจะได้อะไรจากมึงเป็นของขวัญ มันไม่ได้อยากจะได้อะไรเป็นชิ้นๆเลยวะ กูแค่อยากจะให้วันนั้นมันเป็นวันดีๆของกูก็แค่นั้น แบบว่า มึงที่ไม่กวนตีนกูสักวัน แค่นั้นก็เป็นอะไรที่วิเศษที่สุดสำหรับกูแล้วละครับ ”

“ เหรอ งั้นก็เอาสิ ”

“ ห๊ะ ? ยังไง ” ใบหน้าน่ารักที่เงยหน้าขึ้นมามองกันด้วยสายตางงๆ ผมเอื้อมมือไปหยิบนามบัตรของผับที่ตั้งอยู่ในกล่องบนโต๊ะขึ้นมาแผ่นนึง ด้านหลังของมันที่มีพื้นที่ว่างอยู่ ก่อนจะใช้ปากกาสีเขียนลงไปบนนั้น ‘ บัตรขอพร ขอได้หนึ่งข้อ มีอายุการใช้งานหนึ่งวันในวันเกิด ’  ผมยื่นให้มัน “ เอาจริงดิ ”

“ ขอได้แค่ข้อเดียว คิดให้ดี ”

“ ปัญญาอ่อน ” เมดบอกผมตอนที่เงยหน้าขึ้นมามองผมยิ้มๆก่อนจะก้มลงไปมองกระดาษแผ่นนั้นแล้วยิ้มกว้างแบบนั้นอยู่นาน “ แต่น่ารักดีว่ะ ไว้วันเกิดมึงกูทำบ้าง ”

“ เลียนแบบ ” ก้มหน้าลงไปบอกมันก่อนจะจูบที่ริมฝีปากของอีกคนก่อนจะลุกออกเดินออกจากมาห้อง ทั้งๆที่เพิ่งเดินขึ้นมาแต่คิดถ้าต้องมาเห็นเมดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับของขวัญงี่เง่าชิ้นนั้น ผมคงทนไม่ไหว เพราะมันเป็นท่าทางที่น่ารักมากเกินไป   

   นั่งอยู่ในรถที่กำลังขับกลับคอนโดในช่วงเวลาหลังเลิกงาน เมดที่นั่งข้างผมยังคงดูตื่นเต้นกับบัตรขอพรได้หนึ่งข้อที่ผมให้เป็นของขวัญวันเกิด มันที่มองออกไปนอกหน้าต่างเป็นระยะเหมือนกำลังคิดอยู่ตลอดเวลาว่า พรหนึ่งข้อนั้นมันจะขออะไรดี

“ เอามือลงมันบังกระจกข้าง ” เอื้อมมือไปดึงมือมันที่ยกขึ้นเพื่อดูการ์ดนั้นอยู่ลงแต่แทนที่จะดึงมือกลับผมกลับแค่จับมือมันไว้ ก็เหตุผลจริงๆมันก็ไม่มีอะไร นอกเสียจาก ผมอยากจะจับมือมันในช่วงเวลาติดไฟแดงที่น่าเบื่อนี้ก็เท่านั้น

“ หรือกูควรขอให้มึงพูดตามใจปากหนึ่งวัน ” เมดบอกก่อนจะหันมามองหน้าผมแบบล้อๆ “ แบบว่าถ้ามึงอยากจะจับมือกู ก็ต้องพูดว่า เมดครับอาฟขอจับมือหน่อย ”

“ ถามจริง ? ใครอยากจะจับมือมึง ” ผมถามมันทั้งๆที่มือของตัวเองก็ยังกุมมือของอีกคนอยู่

“ งั้นก็ปล่อย ” ทำทีเป็นดึงมือตัวเองออก แต่ผมก็กลับไว้แน่นทำทีเป็นหันไปทางอื่นไม่สนใจ คนที่นั่งข้างกันก็ได้ถอนหายใจ “ กูแม่งอยากจะมีบัตรเชี้ยนี่สักสามสิบใบ แล้วกูจะนั่งเขียนนิสัยเหี้ยๆของมึงตั้งแต่ใบแรกยันใบสุดท้ายเลย กูจะเปลี่ยนมันให้หมด ”

“ งั้นเหรอ แต่เสียใจด้วยนะที่มีใบเดียว ”

“ เออ เพราะแม่งมีใบเดียวนี่แหละ เลยไม่รู้จะเขียนอะไรลงไปดี เพราะข้อเสียของมึงที่กูอยากจะเปลี่ยนมีเป็นล้านได้ ”

“ จริงๆถ้าเขียนได้หลายใบ อยากให้มึงช่วยเขียนให้ข้อนึงเหมือนกัน ” ผมพิงกับเบาะรถก่อนจะหันไปมองหน้ามันที่ก็หันมามองหน้าผมด้วยความสบแววตาไม่สบอารมณ์

“ เขียนว่าอะไร ” เมดถามยิ้มๆ “ กูรู้นะ มึงจะแกล้งอะไรกูอีก ”

“ เขียนสั่งให้มึงเลิกน่ารักวันนึงได้มั้ย กูจะได้พักบ้าง ” สิ้นคำพูดของผมอีกผม อีกคนก็ทำทีเป็นกลั้นยิ้มก่อนจะหันไปทางอื่น มือของผมที่จับมือมันกุมแน่นมากขึ้นเมดก็บอกทั้งๆที่แก้มมันกำลังแดงไปหมด

“ ไม่ได้ บัตรนี่ของกู กูไม่เขียนให้ใครทั้งนั้นอะ ”

“ ขี้เหนียว ”

“ มึงแม่ง ” บ่นกับตัวเองเบาๆตอนที่ก้มหน้าลงแล้วขยับที่นั่งไปมาเหมือนคนทำตัวไม่ถูก เมดมองสัญญาณไฟที่อยู่ตรงหน้าที่กำลังจะหมดเวลาของไฟสีแดง “ ไฟใกล้เขียวแล้ว หันไปมองนอกถนนได้แล้วไป ”

“ อยากมองมึงอะ ” ผมยังคงแกล้งเย้าอีกคนที่ก็หันไปยิ้มกับนอกหน้าต่างท่าทางที่กำลังเขินจนตอนนี้ความแดงของหน้าก็เริ่มลามลงสู่คอ

“ อะไรของมึงวะสัดอาฟ ไม่ต้องเลย ” เมดบอกปัด แล้วตอนที่มันหันมามองหน้ากันผมก็บอก

“ อยากมองหน้ามึงอยู่แบบนี้  น่ากินดี ไม่รู้คนหรือซาลาเปา ” ดึงมือที่จับมือมันอยู่ออก ผมหยิกแก้มมันเบาๆ “ หมูสับหรือหมูแดงก็ไม่รู้เนอะ ”


“ ไอ้เหี้ย ” ปล่อยให้คนข้างๆนั่งหงุดหงิดอยู่แบบนั้น ส่วนผมที่ทำเป็นไม่ใส่ใจอะไรแต่กลับกลั้นยิ้มอยู่แบบนั้นจนเมื่อยแก้มไปหมด “ ไว้ถึงวันเกิดกูเมื่อไหร่ กูจะเอาคืนมึงให้สาสม ”

“งั้นเหรอ แล้วกูจะคอยดู ” พูดแบบนั้นแล้วตอนที่หันหน้าไปมองอีกคน ก็พบว่ามันกำลังมองกันด้วยสายตาที่กำลังอาฆาตแค้นน่าดู


   แวะเข้ามาในห้างคนเดียว ตอนช่วงก่อนวันเกิดของอีกคนแค่หนึ่งวันทั้งๆที่จริงตัวผม ไม่ใช่คนชอบเดินห้างสักเท่าไหร่ ‘ วันเกิดไอ้เมด มึงให้อะไรมันคิดได้ยัง พรุ่งนี้แล้วนะ ’ เจเอ่ยพูดกับผมตอนช่วงเย็นของเมื่อวานที่มีเรียน หันไปมองหน้ามันที่ก็ยังคงยักคิ้วกวนตีนให้แต่ผมที่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา ‘ ถ้ายังไม่มี ซื้อรองเท้าสักคู่ก็ได้ ไอ้เมดชอบรองเท้า วันนั้นกูเห็นไอ้วิวมันตัดสินใจอยู่นานระหว่างร้องเท้ากับเสื้อ ’

‘ อื้ม ’ ตอบอีกคนสั้นๆ ทำเป็นไม่ได้สนใจอะไร แต่สุดท้ายผมกลับมายืนอยู่หน้าร้านแบรนด์ดังเจ้าของรองเท้าคู่ที่ตัวเองดันไปเปิดดูหลังจากที่เพื่อนพูดจบ แล้วตอนนี้ผมก็กำลังพูดกับตัวเองอยู่ในใจว่า ‘ ก็แค่เห็นว่าถ้าได้ใส่ก็คงสวยดี แล้วแค่พรนั้นมันงี่เง่าไปก็แค่นั้น ’ ไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่นแบบที่ อยากจะให้มันดีใจเพราะได้ของที่ชอบมากๆ หรืออะไรทั้งนั้น 

“ สวัสดีค่ะ ” พนักงานร้านเอ่ยทักกันด้วยรอยยิ้ม ในตอนที่ผมเดินเข้าไปด้านใน พยักหน้ารับคำทักทายนั้นก่อนจะหันไปยื่นมือถือที่ฉายภาพแคปหน้าจอของรองเท้าคู่ที่ชอบไปให้

“ มาซื้อรองเท้าคู่นี้ครับ ”

“ ทางด้านนี้เลยค่ะ ” ผมเดินตามเธอไปก่อนจะเจอเข้ากับโซนรองเท้าในแบบที่อยากซื้ออยู่สองสามคู่ ผมยืนนิ่งมองมันอยู่แบบนั้นเพราะกำลังคิดจินตนาการไปว่าลวดลายไหนจะเข้ากับอีกคนมากที่สุด “ ไม่ทราบว่าสนใจแบบไหนคะ ”

“ แบบนี้ครับ ” ผมชี้ไปที่รองเท้าผ้าใบแบบคาดสีเขียวแดงตามยี่ห้อแบรนด์ แต่ที่ลังเลก็ลายปักที่อยู่บนรองเท้า ผมกำลังคิดว่าระหว่างงูกับเสือควรเป็นแบบไหนดี เมดจะเป็นคนที่กลัวงูจนมองภาพงูไม่ได้รึเปล่า หรืออาจจะไม่ชอบสีเหลืองที่ตัดกันแบบนั้น

“ แล้วไม่ทราบว่า..”

“ ผมไม่รู้ว่าระหว่างลายปักงูกับเสือ แฟนผมจะชอบอันไหน ”

“ ถ้าซื้อให้คุณผู้หญิงแนะนำว่า..”

“ แฟนผมเป็นผู้ชายครับ ” ผมหันไปบอกเธอที่ก็นิ่งไปก่อนจะยิ้มแล้วพยักหน้ารับ “ พอดีจะซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ”

“ แล้วลักษณะของคุณแฟนเป็นแบบไหนคะ เผื่อดิฉันจะช่วยแนะนำได้ ”

“ ก็..” ผมคิดถึงคนที่ถูกถามถึง ผมคิดถึงเมื่อเช้าที่เรานั่งกินซาลาเปาในรถระหว่างทางไปเรียนด้วยกัน คิดถึงตอนที่มันนั่งเคี้ยวซาลาเปาหมูแดงด้วยแก้มตุ๋ยๆ กับแววตาที่มองออกไปข้างนอกพร้อมกับชี้ไปที่ร้านโจ๊กข้างทางแล้วก็บอกกับผมว่าตัวมันอยากกินมากแค่ไหน ก่อนจะเล่าถึงโจ๊กหมูในแบบที่ชอบ ระดับความสุกของไข่ที่อยู่ในโจ๊กว่าแบบไหนถึงจะอร่อย เป็นความทรงจำล่าสุดที่ทำให้ผมยิ้ม แล้วตอนที่เงยหน้าขึ้นมองพนักงานผมก็ได้คำจำกัดความสั้นๆสำหรับอีกคนแค่ว่า “ เค้าก็แค่น่ารักน่ะครับ ”

“ งั้นเอาเป็นปักลายเสือมั้ยคะ น่ารักดีนะคะ สีตัดกันดูสดใสดีด้วยค่ะ ” ผมมองไปที่รองเท้าคู่นั้น หยิบขึ้นมันขึ้นมาดูใกล้สำหรับรองเท้าผ้าใบส้นเตี้ยคู่นั่น ก็จริงอย่างที่พนักงานบอกมันดูสดใสดี

“ เอาแบบนี้แล้วกันครับ เค้าใส่เบอร์ประมาน 42.5 ”

“ ประมานไซส์ 9.5 นะคะ ”

 “ ครับ ” แล้วสุดท้ายรองเท้าคู่นั้นก็เข้ามาอยู่ในรถของผม มันถูกซ่อนไว้ที่เบาะหลังของคนขับในรถของ gtr ของผม คิดไม่ออกเลยว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง แต่ถ้าขอได้ ก็อยากจะให้เป็นวันดีๆสำหรับเจ้าของขวัญไปทั้งวัน

............................................................................
ถ้าถามว่าทำไมถึงต้องเป็น 34.1 นั่นก็เพราะมันจะมี 34.2 ในวันอาทิตย์นี้ ( อย่าลืมเข้ามาอ่านกันนะ )
และถ้าถามว่า อ้าว.. แล้วทำไมไม่ลงให้หมดเหมือนทุกที คำตอบก็คือ แต่งแล้วแต่ยังไม่เสร็จ อีกอย่างคือยังไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ เลยขอแบ่งออกเป็นสองพาสนะคะ

สุดท้ายนี้ สุขสันต์วันเกิดนะคะ น้องมินเมดของแม่ เจอกันอีกทีวันอาทิตย์ค่ะ

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณมากจ้า   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 10-08-2018 21:09:58
ชอบความปากร้ายแต่น่ารักของคุณๆเค้านะคะ o18
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-08-2018 21:54:56
ความอาฟ นี่บางทีก็เกินบรรยาย ดีนะเมดยังเข้าใจ แต่ถ้าไม่ปรับปรุงบ้างไรบ้างสักวันมันต้องมีวันไม่เข้าใจกันแน่
แต่ยังก็ตามขอให้พรุ่งนี้เป็นวันเกิดที่ดีสุดของเมดนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-08-2018 22:27:46
ความปากแข็งนี้ ปากไม่ตรงกับใจเลย ดีนะที่เมดเข้าใจ แต่พอป่วยนี่เมดยังกะมีลูกเลยอ้อนสุด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 10-08-2018 22:56:32
บางทีความเป็นอาฟก็น่ารักดี
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-08-2018 23:00:37
อาฟ แกจำวันเกิดแฟนแกไม่ได้เรอะ!!!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-08-2018 23:21:00
ปากหนอปาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-08-2018 23:35:28
อาฟ แหย่เมดน่ารักดี  :mew1:

เดย์  วิว  ปากร้ายพอกัน  สมน้ำสมเนื้อ   :katai2-1:

ให้สงสัย ยีนส์ กับแฟนเก่าเมด จะรู้คิด
ว่าต่างคนต่างอยู่หรือเปล่า เลยเงียบไป  แต่ไม่น่าเป็นไปได้   :z3: :เฮ้อ: :really2:

อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-08-2018 23:37:30
โอ๊ยยย ป๊ามากๆ ซื้อกุดชี่ให้เลยอะ อยากได้บ้าง อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 10-08-2018 23:46:44
นุรอวันอาทิตย์ใจจดใจจ่อเลยค่ะะะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 11-08-2018 00:01:46
บอกได้อย่างเดียวเลยว่าน่ารัก....................ก อาฟทำไมน่ารักแบบนี้  :o8: อิจฉาเมดแรงมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 11-08-2018 02:11:12
ทำไมอาฟต้องทำให้เขินพอๆกับเมดเลยอ้ะ
น่ารักเกินไปแล้วนะคู่นี้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-08-2018 02:24:09
เอาจริง ๆ นี่อาฟไม่รู้วันเกิดเมด แล้วคนอื่นรู้ได้ไง รู้จากวิวกันทุกคนหรอ  :hao4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 11-08-2018 05:07:28
อาฟฟฟฟ ทำไมนับวันน่ารักจังอ่ะ จิตใจอ่อนไหว  :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-08-2018 06:08:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 11-08-2018 08:45:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 11-08-2018 09:34:30
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-08-2018 10:37:27
ปากแข็งตลอด~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 11-08-2018 14:49:41
สัดพี่ปากแข็งจริงๆ​  รอวันอาทิตย์นะ​ :z1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 11-08-2018 18:41:53
ฝีปากชาว Throw UP แต่ละคน คือกินกันไม่ลง วิวสู้ได้คือสุดยอด

อยากให้ถึงวันเกิดเมดเร็วๆจะดูคนปากแข็งจะทำอะไรให้สุดที่รัก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-08-2018 02:44:04
5555 อ้อนเบอร์แรงมากค่ะ แต่เมดก็เอ็นดู ชอบให้อาฟมีมุมนี้
อาฟเอ้ย พยายามมากค่ะ ชอบนะ เวลาใครทำอะไรเพื่อเราแบบนี้
เมดก็ไม่คงรู้สึกแบบเดียวกัน วันดีๆ หนึ่งวันที่มีแต่สีสันและความสุข

เมดจะต้องเขินไปอีกนาน และอาฟก็ต้องเก๊กไปจนโลกลืม

แต่ละคนมีความร้ายนะคะ ตลกเดย์อัยย์ สมควรแล้วที่เป็นคู่ซี้
เจคือรู้ทันทุกอย่าง รู้ไปหมด แล้วช่วยชีวิตอาฟได้ตลอด 5555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 12-08-2018 05:43:05
ตามอ่านทันแล้วค่ะ อ่านแล้วหลงรักเลยค่ะ อาฟเค้าก็โรแมนติกในแบบของเค้าน๊า เป็นคนที่รักเมดแบบหนั่งรากลึกจริงๆ ประทับใจค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 12-08-2018 12:04:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 12-08-2018 13:19:31
ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักสัดพี่
เฮียอาฟ..อยากได้อ่ะ
อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 12-08-2018 20:33:17
ตอนที่ 34.2
SP: HBD’ minmade



ข้อมูลของเครื่องเติมเบียร์แบบอัตโนมัติฉายอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของผมที่กำลังให้ความสนใจมัน ด้วยความอยากจะเพิ่มลูกเล่นใหม่ให้กับส่วนบาร์ของผับ มันเป็นเครื่องเติมเบียร์แบบที่แค่วางแก้วลงไปบนเครื่องเบียร์ก็จะถูกดันขึ้นมาจากก้นแก้ว เป็นเทคโนโลยีที่เจ๋งดีในความรู้สึกผม น่าจะเรียกคนได้จากการแชร์คลิปในทางโซเซียลได้เยอะพอดู ผมวนดูคลิปวิดีโอที่ถูกแนบมาอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะหมุนหน้าจอนั้นไปหาอีกคนที่ก็นั่งอยู่ข้างกันเพื่ออวดความเจ๋งของมัน แต่ทว่าเมดกลับไม่ได้ทำงานอยู่อย่างที่ผมคิด 

มองตามสายตาเรียวที่กำลังจดจ้องอยู่กับเข็มนาฬิกาบนผนัง เมดมองมันราวกับอยากจะขอให้มันผ่านวันนี้ไปให้ไวที่สุด และไม่ต้องหาเหตุผลอะไรให้นาน ผมคิดว่าเพราะมันอยากจะวันเกิดของมันมาถึงเลยในตอนนี้ มือที่กำลังหมุนมือถือที่ถืออยู่ไปเรื่อย ด้านหลังเคสใสนั่นมันมีการ์ดของขวัญของผมอยู่ คงอยากจะใช้ จนอดใจไม่ไหวแล้ว

“ ตั้งใจทำงานหน่อยครับคุณเลขา ”

“ กูทำงานเสร็จแล้ว ” บอกกันแบบนั้น ก่อนจะพับหน้าจอคอมของตัวเองลง แล้วหันมาสนใจหน้าจอของผม “ นั่นอะไรวะ ทำไมเบียร์มันขึ้นมาจากก้นแก้วได้ ”

“ เครื่องเติมเบียร์ที่กูซื้อมาติดไว้ในบาร์ ”

“ เฮ้ย เจ๋ง ” อีกคนบอกก่อนจะจดจ้องหน้าจอคอมของผมอยู่สักพัก เมดหันมาเหมือบมองกันในตอนนั้นผมก็สบตากับมันพอดี

“ มีอะไร ”

“ เปล่ามี ” ส่ายหน้าไปมายิ้มๆ ผมก็ยกยิ้มถามอีกครั้งเพราะรู้ดีว่าอีกคนคงมีอะไรที่กำลังคิดจะพูดอยู่ และผมก็คิดว่าผมเดาไม่ผิด

“ แน่ใจ ”

“ คือจริงๆก็มีนิดหน่อย ” บอกแบบนั้นก่อนจะเม้มริมฝีปากไว้แน่นนัยน์แววตาที่กำลังยิ้มนั้น “ ยังไงวันนี้กูก็ไม่มีงานอะไร มึงเองก็ไม่มีงาน งั้นเรากลับบ้านเร็วกันสักวันมั้ย ”

“ เผื่อมึงลืม พรุ่งนี้มึงไม่มีเรียน ไม่จำเป็นต้องกลับบ้านเร็ว ”

“ ก็แบบ..”

“ กลัวใช้การ์ดที่กูให้ไม่คุ้ม ” เอียงหน้าถามมันอีกคนก็เบิกตาโตเพราะผมดันไปรู้ทัน เมดส่ายหน้าไปก่อนจะยกมือขึ้นปัดแบบปฎิเสธ

“ บ้า มึงก็คิดมาก  ใครมันจะไปคิดอะไรแบบนั้น ”
 
“ มึงไง ” บอกอีกคนแบบนั้นก่อนจะหันกลับมามองคอมพิวเตอร์ตัวเอง จัดการเซฟข้อมูลทั้งหมดที่สนใจไว้ก่อนจะเลื่อนเม้าส์ไปกดปิดแล้วก็ลุกขึ้นเต็มความสูงเมื่อคอมนั้นดับลง “ อยากกลับก็ลุกขึ้น ”

“ เยส ” สองมือที่กำแน่นแสดงออกถึงความรู้สึกดีใจอย่างเต็มเปี่ยม แต่ตอนที่เงยหน้าขึ้นมามองผม เมดก็แค่ยิ้มน้อยๆเหมือนตัวเองไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรเท่าไหร่

ผมพอรู้ว่ามันจะขออะไรในการ์ดนั้น คงไม่พ้นขอให้ผมเป็นแฟนแบบที่ชอบหรือไม่ก็ต้องทำอะไรแบบที่ฝืนใจทำ เพราะเมดดูสนุกเหลือเกินแล้วก็คิดไว้แล้วว่า แผนของมันจะต้องทำให้ผมหงุดหงิดแน่นอน แต่มันคงลืมไปว่า ผม ไม่ใช่คนที่มันจะจัดการได้ง่ายๆแบบที่คิด

“ ทุกคน กลับแล้วนะ ” เมดเดินไปบอกไอ้เจแล้วก็บาร์เทนเดอร์อีกสองคนที่ยืนอยู่ที่บาร์ มือขาวกระชับประเป๋าผ้าสีขาวของตัวเองที่ใช้ใส่ของก่อนจะยิ้มกว้างด้วยความสุข

“ อ้าว ทำไมวันนี้กลับกันเร็วจังวะ ” ไอ้เจหันมาถาม มันที่เหลือบมามองผมที่ก็ได้แต่ยกยิ้มให้

“ มันมีคนบางคน อยากจะใช้ของขวัญให้คุ้ม ”

“ ไม่เกี่ยวเว้ย ” คนโดนพูดถึงยังคงปฎิเสธอยู่แบบนั้น ก่อนที่น้องชายผมจะทักขึ้น

“ พรุ่งนี้วันเกิดพี่เมดแล้ว น้องเดย์กับไอ้อัยย์เตรียมของขวัญสุดพิเศษไว้ให้แล้วนะ ”

“ เป็นของขวัญที่พี่เมดจะต้องดีใจมากๆแน่นอน ตอนที่เปิดออกมา พี่เมดจะต้องร้อง ว้าว ” ไอ้อัยย์เสริมแต่ผมกับไอ้เจได้แต่ยกยิ้มแล้วส่ายหน้า

“ จริงเหรอ ”

“ อย่าคาดหวัง ” ผมบอกมันอีกคนก็หันมาขมวดคิ้วใส่

“ ทำไมวะ ”

“ เอาง่ายๆคือมึงไม่ควรคาดหวังอะไรกับไอ้เชี้ยสองตัวนี้ ” เพื่อนผมบอกก่อนจะยักคิ้วให้อีกคนที่ก็เหลือบมองไอ้บาร์เทนเดอร์สองตัวที่ก็ทำหน้าใสซื่อพลางส่งสายตาแบบกระพริบปริบๆราวกับลูกหมามาให้

“ พี่เมดอย่าไปเชื่อนะพี่เมดต้องเชื่อน้องเดย์ ”


“ กูเชื่อเหี้ยอะไรคนในผับนี้ได้บ้าง กูถามแค่นี้ ” เมดหันมาบอกผม “ ทั้งมึงสองคน ทั้งน้องเดย์ น้องอัยย์ คือกูเลือกเชื่อใครได้บ้าง ”

“ เชื่อน้องเดย์น้องอัยย์ ” สองเสียงที่ประสานกันบอก ผมก็ปัดมือไล่ให้มันสองคนไปทำงาน

“ ไปทำงานไป กูรำคาญ ”

“ พรุ่งนี้พี่เมดมาที่ผับนะ น้องเดย์กับน้องอัยย์จะเอาของขวัญให้ ”

“ โอเค งั้นเจอกันพรุ่งนี้ ” เมดบอกแบบนั้นก่อนที่พวกมันสองคนจะยิ้มพลางส่งมือที่ที่ประสานเป็นรูปหัวใจมาให้
 
“ กูอยากจะอ้วก ” ผมบอกก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินหันหลังหนีพวกมันออกมาจากผับ เมดจะเดินตามออกมาหลังจากนั้น กดปลดล๊อครถของตัวเองตอนที่เข้าไปนั่งด้านในแล้วสตาร์ทรถเพื่อถอยหลังออกจากลานจอด เมดก็เอ่ยถาม

“ เมื่อกี้มึงบอกว่าจะอ้วก กูถามจริงๆเพราะตัวเองไม่เคยทำรึเปล่าวะ ”

“ ทำอะไร ”

“ ก็พวกท่าส่งหัวใจแบบนี้ไง ” นิ้วท่าบี้หัวนมในความคิดผมถูกส่งมาให้

“ จะขอบี้หัวนมกู ? ”

“ ไอ้สัด ” เมดหลุดขำเสียงดัง “ เค้าเรียกมินิฮาร์ทเว้ย มึงแม่ง ”

“ ใครจะรู้ คิดว่าจะขอบี้หัวนม ”

“ งั้นพรุ่งนี้กูให้ทำ ” คนข้างกันยักคิ้วล้อๆ ก่อนจะทำมือแบบมินนิฮาร์ทที่มันว่า แล้วเปลี่ยนมาเป็นสองมือที่ประสานกันจนเป็นรูปหัวใจ ไปจนถึงเอามือขึ้นไปตั้งบนหัว ซึ่งอะไรแบบนี้ก็บอกได้เลยว่า เข้าไม่ถึงจริงๆ

“ ประสาท ”

“ ตื่นเต้นเว้ย กูจะถ่ายภาพมึงสักร้อยรูปเลยจำไว้ ” ยิ้มกว้างที่หันมามองกัน ทำทีเป็นไม่ใส่ใจตอนที่หันมองออกไปนอกหน้าต่างรถ จะว่าไปก็อดใจรอวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน อยากจะรู้ว่าระหว่างมันกับผมใครจะมีความสุขมากกว่ากันในวันพรุ่งนี้

   กลับมาถึงที่คอนโดตอนช่วงห้าทุ่มที่กำลังจะเข้าวันใหม่ เมดที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยวันนี้มันชุดนอนเป็นเสื้อยืดกับกางเกงบอลเหมือนอย่างเดิม มันยืนเท้าสะเอวของตัวเองมองดูนาฬิกาอยู่สักพักก่อนจะหันมามองผม

“ อีกสามสิบนาทีสุดท้ายเท่านั้น ”

“ กูไปอาบน้ำละ ”

“ เดี๋ยวก่อนๆ มึงรีบไปไหน ” บอกกันแบบนั้นผมก็เหล่มองมันที่เหลือบไปมองทางอื่นเ เมดคงรู้ตัวว่ามันกำลังทำให้ผมจับได้ในความมีพิรุธของมัน “ หนังเรื่องนี้กูเคยดูจะถึงจุดไคลแม็กซ์แล้วนะเว้ย ลุกออกไปตอนนี้กลับมาดูอีกทีไม่รู้เรื่องแน่นอน ”

“ ให้มันจริง ” บอกมันแบบนั้นอีกคนก็พยักหน้ารับเต็มกำลัง

“ ทำไมกูต้องหลอกมึงอะอาฟ ” หันไปมองหน้าทีวีแต่ตอนที่เหลือบมองมัน เมดก็แค่ยิ้มกว้างกับตัวเองแม้ตาจะมองดูทีวีอยู่ก็ตาม

เพลินไปกับเรื่องราวที่กำลังฉายจนตอนที่เหลือบตาขึ้นไปมองนาฬิกาอีกที ผมพบว่ามันเข้าสู่วันใหม่แล้ว เมดที่นั่งอยู่ข้างผม  เสี้ยวใบหน้าที่กำลังจดจ่ออยู่กับหนังที่ชอบไม่ได้รู้ตัวเลยว่าช่วงเวลาที่มันรอคอยได้มาถึงแล้ว ริมฝีปากของผมแห้งจนต้องเลียมันซ้ำๆ ชอบเป็นแบบนี้ทุกทีเวลาที่ตื่นเต้น ไม่รู้ทำไม ทั้งๆที่ใจอยากทำแท้ๆแต่กลับรู้สึกว่า มันอาจจะดูตลกรึเปล่า ถ้าเป็นผม

“ สุขสันต์วันเกิด ” หลุดพูดออกไปเสียงไม่เบานัก เจ้าของวันเกิดหันมามองผมด้วยสายตางงๆ ก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง เมดที่ยิ้มกว้างออกมาแต่ก่อนที่มันจะพูดอะไรผมก็ช่วงชิงความพูดพวกนั้นไปเสียก่อน ปิดริมฝีปากด้วยจูบที่ประทับลงบนริมฝีปากสีชมพูอมส้มนั้น แววตาเรียวที่หลับลงเมดเผยอริมฝีปากตอบรับมันอย่างรู้งาน ลิ้นชิ้นแทรกตัวเข้าไปกอดเกี่ยวเปลี่ยนให้จูบธรรมดานั้นกลายเป็นจูบดูดดื่มที่ลึกซึ้ง

ผละริมฝีปากออก ผมจูบเมดอีกครั้งก่อนจะมองลึกลงในในแววตาเรียวที่กำลังหอบหายใจ มันมีคำพูดอีกมากมายที่ผมอยากจะพูดเป็นคำพูดที่ไม่รู้ว่าถ้าพูดออกไปแล้วจะดูแปลกรึเปล่า เพราะนี่คือวันเกิด ก็เคยได้ยินแต่ใครๆบอกกันว่า ‘ มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง ขอให้รวย เรียนให้เก่ง ’ แต่ทำพูดพวกนั้นผมไม่ได้อยากจะพูดเลยสักนิด ในใจมันมีแค่ว่า ‘ รู้มั้ยว่าสำคัญมากนะ รู้มั้ยว่าทำให้หมดทุกอย่างแล้วทั้งๆที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน ไปซื้อของขวัญวันเกิดมาให้ด้วยนะ ไปอวดพนักงานมาด้วยว่าแฟนน่ารักมาก ’

“ อาฟ ” เมดเรียกผมให้ดึงสติกลับมา

“ เอาการ์ดขึ้นมาสิ มึงจะขออะไร ” หันเหความสนใจของอีกคนที่ก็ถือว่าได้ผล เมดก้มหน้าลงแล้วหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา แกะการ์ดที่มันใส่ไว้หลังเคสนั่นก่อนจะยื่นมาให้ผม

“ ขอให้มึงเป็นแฟนในแบบที่กูชอบ หนึ่งวัน ” คิ้วที่ยักขึ้นให้ผมหลังจากที่พูดจบ

“ ยังไง ” ผมไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่มันพูดสักเท่าไหร่ “ แฟนในแบบที่มึงชอบต้องเป็นยังไง ”

“ ก็ต้องเป็นคนที่ไม่กวนตีน พูดเพราะ อ่อนโยนกับกู แล้วก็เอาใจกู “ เมดบอกก่อนจะทำท่าคิด “ ตามใจกูด้วยนะ ไม่ทำให้กูหงุดหงิดด้วยการที่ล้อกูว่าหน้าเหมือนซาลาเปา ”  หลุดยิ้มขำออกมา มันคงเคืองน่าดูเวลาผมล้อมันแบบนั้น ทั้งๆที่จริงแล้วก็ไม่ได้ไม่ชอบ ผมชอบที่มันเป็นแบบนั้น รู้สึกว่าน่ารักดีด้วยซ้ำไป

“ เรื่องมาก ” แกล้งพูดออกมาเบาๆ ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบการ์ดแล้วทำท่าจะฉีกมันทิ้ง แต่เมดก็ดึงกลับมาก่อน

“ มึงจะทำอะไรกับของขวัญของกู ”

“ บัตรใช้แล้วก็ต้องฉีกสิวะ จะเก็บไว้ทำเหี้ยอะไร ”

“ ไม่ได้ นี่มันของขวัญของกู กูจะเก็บเอาไว้ ” เมดเถียงออกมาผมก็มองหน้ามัน “ กูไม่ใช่ซ้าหรอกน่า มึงทำเหมือนมีหลายใบไอ้เชี้ย ก็แค่บัตรเดียวมั้ย ”

“ ใครจะไปรู้ เผื่อมึงทำขึ้นมาอันใหม่แล้วบอกกูให้ กูก็เสียเปรียบสิว่ะ ”

“ กูไม่ใช่มึง ” คนที่อยู่ตรงหน้าเถียง สีหน้าที่ไม่พอใจของมันเมดหันดูซ้ายขวาก่อนจะเดินไปหยิบปากกาเมจิสีแดงที่มันใช้เน้นข้ความในหนังสือเรียนมาให้ผม “ เขียนลงไปว่า ใช้แล้ว ”

“ โอเค ” รับปากากนั้นมาผมเขียนลงไปบนการ์ดนั้นตามที่อีกคนสั่งก่อนจะทำทีเป็นบ่นก่อนจะยื่นของคืนไปให้มัน “ ของปัญญาอ่อนจะเก็บไว้ทำไมก็ไม่รู้ ”

“ ปัญญาอ่อนกว่านี้กูก็จะเก็บไว้ ของขวัญชิ้นแรกที่มึงให้กูนะ ไม่สำคัญได้ยังไง ” เมดเดินไปเก็บปากกาไว้ที่เดิม มันเอาการ์ดใส่ลงไปในหลังเคสเหมือนเก่า ผมที่ลุกขึ้นตอนที่มันพูดแบบนั้นไม่รู้ทำไมแต่รู้สึกอยากจะกอดมันไว้สักหน่อย กอดจากด้านหลังแบบที่เมดชอบแล้วก็จูบลงข้างแก้มจนอีกคนต้องยกไหล่ขึ้นมา “ กอดกูทำไม ”

“ ไม่ได้อยากกอด ”

“ตามกฎคือมึงต้องพูดตรงๆ ” หันมามองกันยิ้มๆก่อนจะพูด ผมนิ่งไปเพราะรู้สึกตัวเองเผลอตกลงไปในหลุมแรกเข้าให้แล้วแล้วยิ่งผมถอนหายใจออกมาเซ็งๆพลางปล่อยมือที่กอดมันไว้ เมดก็ยิ่งได้ใจถามย้ำ “ กอดกูทำไม ”

“ อยากกอด ” ผมมองมันก่อนจะยกยิ้ม “ ก็มึงน่ารัก ”

“ ไปอาบน้ำเลยไป ” คนหน้าแดงพูดแบบนั้นหลังจากตั้งสติได้ เมดหันไปมองทางอื่นทำทีเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่พูด ผมว่าผมเจอจุดอ่อนเข้าแล้ว จุดอ่อนที่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่า ก็เดี๋ยวมาดูกันว่าระหว่างผมกับมันใครจะแกล้งใครกันแน่

เดินเข้าไปอาบน้ำตามคำสั่งของการเป็นแฟนที่ดี แต่ทว่าตอนที่เดินออกมา ชุดนอนสีเขียวลายการ์ตูนก็ถูกเอามาแขวนไว้อยู่หน้าตู้ เมดที่ยิ้มให้ผมมันยื่นให้

“ ใส่ตัวนี้นะมึง ”

“ ไม่ ” ผมบอกปัดความปัญญาอ่อนที่ยื่นมาให้ เมดก็ยัดมันมาใส่มือ

“ ไม่มีคำว่าไม่ แฟนที่ดีต้องตามใจ ”

“ นี่คิดดีแล้วใช่มั้ย ” ถามมันกลับไปด้วยสายตานิ่งๆ


“ หมายความว่าไงวะ ”

“ คิดว่ากูจะไม่เอาคืนตอนวันเกิดกูรึไง ” ถามแบบนั้นอีกคนก็เงียบไป แต่เมดก็ยังเป็นเมดในบางเวลามันก็ดื้อเหมือนกัน และอยากจะเอาชนะเหมือนกัน

“ ไม่มีทางกลัว ”

“ ได้ ” จัดการใส่ชุดนอนลายการ์ตูนนั่นด้วยความหงุดหงิดใจ ผมมองตัวเองในกระจกที่ตอนนี้เจ้าของวันเกิดกำลังหัวเราะคิกคักถูกใจ

“ หันมานี่หน่อย ” เมดบอกผมก็หันไปแล้วก็เจอมันกำลังยื่นกล้องมาข้างหน้า ผมเอามือล้วงกระเป๋าสีหน้าที่กำลังหาเรื่องแบบไม่สบอารมณ์ยิ่งทำให้มันหัวเราะ “ ยิ้มหน่อยน่า น่ารักจะตาย คิ้วๆ เหมาะกับอารยะสุดอะไรสุด ”

“ มึงเคยตายมั้ย ”

“ ไม่ ฮ่าๆ ” เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นของเมด ผมก้มลงมองชุดที่ตัวเองใส่อีกครั้ง จำได้ว่ามันเป็นชุดที่แม่ซื้อให้เมื่อนานมากแล้ว และผมไม่เคยใส่เลยสักครั้งเดียว ผิดกับไอ้เดย์ที่ไม่ว่าแม่จะซื้อลายเหี้ยอะไรให้มัน มันก็ใส่ได้หมด แถมยังบอกให้แม่ซื้อให้อีกเยอะๆ เพราะมันชอบ ใส่แล้วนอนสบายมันเคยบอกผมไว้  “ กูไม่เคยคิดเลยว่ามึงจะมีชุดนอนแบบนี้ในตู้ ”

“ แม่กูซื้อให้ ”

“ ถ่ายรูปหน่อย ” เมดบอก “ ต้องเก็บไว้เป็นที่ระทึกสักนิด ” ผมยืนนิ่งตอนที่อีกคนบอกส่วนคนถ่ายที่กลั้นยิ้มก็เอียงหน้าออกจากหน้ากล้องมาบอกกัน “ ทำมือมินฮาร์ทหน่อยสิอารยะ ”

“ มินิฮาร์ทอะไร ”

“ ท่าบี้หัวนมของมึงอะสัด ”

“ อ๋อ ” ดึงนิ้วขึ้นมาทำท่าแบบที่มันต้องการ ผมยกยิ้มตอนที่อีกคนกลั้นขำจนหน้าแดงส่วนมือก็กดชัตเตอร์แบบรัวๆด้วยความถูกใจ “ เสร็จยัง ”

“ เกรี้ยวกราด ” เมดบอกก่อนจะหยุดมือถือที่กำลังถ่ายรูปอยู่นั้นลง ขาที่เดินออกไปด้านนอกของห้องเมดนอนลงบนเตียงก่อนจะเลื่อนรูปที่ถ่ายเมื่อคู่ไปมา “ กูต้องอัพสักรูป ใส่แคปชั่นอะไรดี ”

“ ขอบี้หัวนมหน่อย ” บอกมันแบบนั้นตอนที่นอนลงข้างอีกคนเมดก็หันมาด่า

“ ไอ้สัด ” รอยยิ้มที่ยิ้มให้กันเมดหันหน้าจอมือถือมาให้ดู มันเป็นภาพผมที่ถ้าดูแค่หน้าก็โอเค เพราะเท่ห์ดี แต่ที่ไม่โอเคเลยคือไอ้ท่าบี้หัวนมนั่น “ เอาภาพนี้นะเท่ห์ดี ”

“ อื้ม ”

“ แคปชั่นอะไร มึงช่วยคิดหน่อย ”

“ ก็ขอบี้หัวนมหน่อย ”

“ ไม่เอาดิวะอาฟ ”

“ มาย มินิฮาร์ท ” ผมบอก อีกคนก็หันมายิ้มให้

“ แจ๋ม ” เมดว่าแบบนั้นก่อนจะกดยุกยิกอยู่บนมือถืออยู่นาน ผมคิดว่ามันคงกำลังอัพภาพแล้วในตอนที่คิดขึ้นได้ผมก็หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาดู แล้วตอนที่เมดวางมือถือลงข้างตัวผมกดเข้าไปดูไอ้อินสตราแกรมส่วนตัวของผม ก็พบว่า ข้อความก็เป็นอย่างที่ตัวผมบอกไป ‘ my mini heart  w./ #ชุดนอนที่แสนน่ารักของอารยะ ’  ถ้าให้พูดตามความจริง ก็คือ กูโคตรเกลียดแท็กของมึงเลยวะเมด

“ ดูแล้วก็อย่าลืมกดไลค์ให้ด้วยนะครับ ”

“ ปัญญาอ่อน ” ผมบอกก่อนที่เมดจะดึงตัวเองขึ้นจากเตียงมามองกน้ากัน “ อะไรของมึง ”

“ พูดใหม่ วันนี้มึงต้องพูดตรงๆกับกู เป็นแฟนที่น่ารักหน่อยอารยะ ”

“ กวนตีน ” บอกมันแบบนั้นอีกคนก็ยิ้มก่อนจะยกนิ้วขึ้นส่ายไปมาตรงหน้าผม

“ กวนตีนก็ไม่พูดนะมึง  มันไม่ใช่คำสุภาพที่แฟนที่ดีเค้าพูดกัน ”

“ แล้วถ้าแฟนกวนตีนจะให้กูพูดว่าไง ”

“ ทำไมเมดทำแบบนี้ละครับ หื้ม แล้วก็เอื้อมมือมึงขึ้นมา ” มือของเมดจับมือของผมมาไว้ที่แก้มมัน “ หยิกแก้มกูเบาๆแล้วบอกว่า นี่แหน่ะ ”  หลุดหัวเราะกับท่าทางซื่อๆของมัน ผมไม่รู้ว่ามันอาจจะให้ทำแบบนี้ หรือแค่คิดอะไรที่มันตลกๆ เพื่อให้ผมอายกันแน่ แต่ที่รู้คือทั้งหมดนั่น บอกตรงๆเลยว่า โคตรน่ารัก

“ มึงเอาจริงดิ ”

“ ค่อนข้างอายอยู่เหมือนกันว่ะ ” คนบอกให้ทำหลุดยิ้มออกมาก่อนจะเม้มมันไว้ หน้าแดงๆของอีกคนเมดยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง

“ นี่แหน่ะ ” มือของผมหยิกแก้มมันตอนที่พูดคำนั้น เมดที่นิ่งค้างไป เราที่มองหน้ากันก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังในช่วงเวลาที่ต่างฝ่าย ต่างก็รับความไม่เป็นตัวเองนี้ไม่ได้

“ อารยะ มึงแม่ง ” มือที่เอื้อมมือมาตีผมด้วยความถูกใจ ส่ายหน้าไปมากับความปัญญาอ่อนนั้นก่อนจะปิดไฟในห้องให้มืดลง

“ นอนได้แล้ว พรุ่งนี้จะได้ตื่นเร็วๆ แล้วใช้การ์ดนั้นให้คุ้ม ”

“ มึงทำเหมือนกูแม่ง อยากจะใช้การ์ดนั่นจนตัวสั่น ”

“ หรือว่าไม่จริง ” ผมถามมันท่ามกลางความมืดแต่ถึงอย่างงั้นก็ยังพอมองเห็นใบหน้าขาวๆของอีกคนอยู่ เมดที่ยิ้มหว้างให้ผม

“ จริง ” ตอบออกมาแบบนั้นก่อนจะพลิกตัวมามองผมที่ก็หันไปมองมัน

“ มีอะไร ”

“ ก็แบบว่าแฟนที่ดีอะมึง ” เมดบอกก่อนจะยักคิ้วให้ผม “ มึงว่าแฟนที่ดีเค้าจะทำอะไรตอนจะนอน ”

“ เอากัน ”

“ ไอ้สัด ไม่ใช่สิว่ะ ” หลุดหัวเราะออกมากับหัวเสียนั้น ผมดึงมันเข้ามากอดก่อนจะกดหน้ามันลงไปที่อกของตัวเอง มือที่ลูบหัวมันเบาๆ

“ พอใจยัง ”

“ ก็ทำเป็นนี่หว่า แล้วมากวนตีนกู ”

“ บอกให้กูพูดเพราะๆ งั้นมึงก็ช่วยพูดเพราะๆกับกูด้วยแล้วกัน ” บอกมันแบบนั้นอีกคนก็เงยหน้าขึ้นมามองกัน “ ถ้ามึงพูดเพราะๆกับกู กูก็จะพูดเพราะๆกับมึง ตกลงมั้ย ”

“ ประโยคก่อนหน้านี้เหมือนไม่ใช่มึง ”

“ แล้วกูต้องพูดยังไง ”

“ ถ้าจะอยากให้กูพูดเพราะๆมึงก็พูดก่อน ไม่งั้นกูไม่พูด ” เมดบอกผมก็หลุดยิ้ม “ แต่เอาจริงๆ พอมาลองคิดว่า ถ้าเรียกมึงว่า อาฟ เมดว่านะเราแบบนั้น เราแบบนี้ หรือไม่ก็ อาฟอยากพูดแบบนี้กับเมดสิ เมดไม่ชอบเลย คือแบบ.. เอาจริงๆนะ โคตรไม่เราเลยวะ ”

“ ก็แค่ไม่เคยพูด ถ้าพูดบ่อยๆมันก็ชิน ”

“ วันเดียวคงไม่ชิน งั้นพูดตามสบายก็พอ แค่อย่ากวนตีนกัน แล้วก็ไม่เป็นซาลาเปาวันนึง ห้ามฟัดแก้มกูตอนเช้าแล้วบอก ไอ้หมวยตื่นไปขายซาลาเปา ห้ามบอกว่า ป๊ามึงเรียกไปขายซาลาเปา ไม่ขายโจ๊กด้วย ”

“ งั้นเอาอะไรดี ” ผมถามมันก่อนจะหลุดยิ้มขึ้นมาตอนที่คิดถึงตุ๊กตาตัวนึงที่ดูเหมือนเมดจากคำบอกเล่าของไอ้วิวที่เคยพูดกับไอ้เจ “ ตื่นได้แล้วมูมิน ”

“ ไอ้สัด ไม่เอา มึงแม่ง ”

“ ฮ่าๆ ” หลุดหัวเราะออกมา แล้วยิ่งก้มลงไปมองอีกคนที่ทำหน้าไม่พอใจมันก็ยิ่งตลก เอาจริงๆ สำหรับผม เมดก็เหมือนทุกอย่างที่ขาว นุ่ม แล้วก็กลม “ อย่าชื่อเลยมินเมดอะ ชื่อมูมินเถอะ กูว่าเข้าดี ”

“ ไม่ ” เสียงที่เถียงกันออกมาด้วยความไม่พอใจ “ ห้ามเรียก มึงเรียกกูจะฆ่ามึงสัดอาฟ ”

“ แล้วจะให้เรียกอะไร ”

“ แค่เมด แค่ชื่อกูนี่แหละ ไม่หมวยนะ เรียก เมด ”

“ อ่าห๊ะ ”พยักหน้าบอกมัน “ ก็ถ้าไม่ลืม ”

“ คนอย่างมึงไม่ลืมหรอก ยกเว้นว่าจะแกล้งลืมไอ้สัด ” หลุดยิ้มออกมากับความรู้ดีนั่น เมดเงียบไปสักพักก่อนจะบอก “ แล้วพรุ่งนี้ขออะไรอย่าง ”

“ อะไร ”

“ ช่วยจัดชุดให้หน่อยสิ ”

“ ชุดอะไร ” ผมถาม “ ชุดที่มึงต้องใส่น่ะเหรอ ”

“ ใช่ ” คนสั่งพยักหน้ารับ “ กูอยากรู้ว่ามึงจะชอบให้กูแต่งตัวแบบไหน ”

“ งั้นก็ไม่จัด ”

“ อ้าว ”

“ กูชอบแบบที่มึงไม่ใส่อะไรเลย ”

“ ไอ้หน้าเหี้ย ” เสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นมา ผมหัวเราะกับท่าทางเซ็งๆนั่นของอีกคน “ ทำไมมึงต้องกวนตีนกูอยู่เรื่อยเลยวะ ”

“ กูแค่พูดความจริง ก็มึงถามว่าชอบให้มึงใส่แบบไหน ก็กูชอบตอนไม่ใส่เสื้อผ้ามากกว่านี่ แล้วกูผิดตรงไหนวะ ”

“ คุยกับมึงแล้วโคตรปวดหัว ” เมดซุกเข้ามาใกล้ผมที่ก็ดึงแขนที่มันหมุนอยู่ออก สายตาที่เหมือนประท้วงเงยหน้าขึ้นมามองกัน “ ขอโมเม้นท์นอนหนุนแขนหน่อยสิว่ะมึง ”

“ หัวเมดก็ไม่ได้หนักสองขีดไงครับ ตะคริวจะแดกกูเอาไงประเด็นน่ะ ” ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ผมก็เลือกจะวางแขนไว้บนหัวมันแบบนั้น ผมชอบเวลาที่เมดซุกเข้ากับอกผม ชอบตอนที่ได้นอนอยู่ในระดับที่สูงกว่ามันเพราะจะได้เห็นหน้าอีกคนชัดๆ

“ พรุ่งนี้ตื่นไปตักบาตรกันนะ ปลุกกูด้วยนะมึง ”

“ แล้วทำไมต้อง..”

“ หน้าที่แฟนที่ดี ” เงยหน้าขึ้นมาจูบใต้คางของผมที่ก็ถอนหายใจออกมา

เมดหลับตาลงไปแล้ว จะว่าไปเราไม่ค่อยได้นอนกอดกันเลย คงเพราะส่วนใหญ่เราเหนื่อยจัดมากับการทำงาน ต่างคนพอถึงบ้าน ก็อาบน้ำแล้วก็นอน การกอดกันของเราเลยเกิดขึ้นในช่วงเวลาเช้าที่ผมตื่นก่อน หรือแม้แต่การจูบ เมดจะชอบจูบตอนที่คิดว่าผมหลับ

การทำอะไรตรงๆต่อกันสำหรับเราเป็นอะไรที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นเท่าไหร่ อาจเพราะเราไม่ใช่คนพูดหวานด้วยกันทั้งคู่ แถมยังรู้สึกว่าการทำอะไรแบบนั้นมันไม่ใช่ตัวเอง แต่ว่าการทำอะไรอย่างที่อยากทำบ้างก็ใช่ว่าจะไม่ดีหรอก มันดีนะ อย่างน้อยตอนนี้ ผมก็รู้สึกดีกับมัน

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 12-08-2018 20:35:01
ครืน ครืน ครืน

เสียงนาฬิกาปลุกที่ทั้งสั่นทั้งส่งเสียงดังอยู่บนหัวเตียงที่ผมตั้งปลุกเอาไว้ พลิกตัวหนีไปกอดคนข้างกายไว้ รู้สึกยังไม่อยากจะลืมตาตื่นขึ้นมาเลย ทั้งๆที่สมองก็สั่งบอกให้ปิดเสียงนั่นแต่ถึงอย่างงั้นสิ่งที่ทำก็มีแค่การกระชับรอบเอวของเมดไว้ จนกระทั่งร่างกายอยู่เริ่มขยับตัว ผมได้ยินเสียงถอนหายใจก่อนที่เสียงรบกวนนั่นจะดับลง 

“ ก็บอกว่าให้ปลุกด้วย ” อีกคนบ่นกับตัวเองเมดคงเป็นคนเอื้อมมือไปปิดเสียงรบกวนนั้นถึงได้บ่นออกมา “ หลับสบายเชียวนะไอ้เหี้ย ”  คำพูดที่มาพร้อมกับความอุ่นของริมฝีปากที่แนบลงที่ริมฝีปากของผม เอาเข้าจริงในตอนนั้นก็พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ยิ้มอย่างมีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ อาบน้ำดีกว่า ”

เมดเคลื่อนลงจากเตียงหลังจากคำพูดนั้น ผมได้ยินเสียงประตูห้องแต่งตัวถูกเลื่อน ก่อนเสียงน้ำจะดังขึ้นเป็นเสียงถัดมาภายในไม่ถึงห้านาทีนั้น พลิกตัวแล้วผ่อนลมหายใจออกมา ผมคิดว่าตัวเองควรนอนต่ออีกสักหน่อยเพราะยังง่วงอยู่มากกับการตื่นเช้าแบบนี้

แรงเขย่าของคนที่เข้าไปอาบน้ำเมื่อครู่ออกมามายืนข้างเตียงแล้วในตอนนี้  บรือตามองคนที่ตอนนี้แต่งตัวเรียบร้อย วันนี้เมดใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวลายทางน้ำเงินขาวแบบแขนยาวพ้นมืออย่างที่ชอบ ข้างในนั้นคงเป็นเสื้อคอกลมสีดำ ส่วนกางเกงก็เป็นแบบแนบตัวสีดำ

“ ตื่นไปตักบาตรทำบุญกัน ” อีกคนบอกแบบนั้นด้วยรอยยิ้มสดใสเสียจนผมต้องเผลอยิ้มไปด้วย พยักหน้ารับมันแบบนั้นก่อนจะพลิกตัวไปอีกฝั่ง เอาจริงๆก็ยังไม่อยากตื่น เมื่อคืนกว่าจะนอนก็ใช่ว่าจะเร็ว หนำซ้ำพอหลับไปแล้วก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกรอบเพราะเหน็บชาที่นอนในท่าเดิมนานเกินไป  “ อาฟ ตื่น เดี๋ยวไม่ทันใส่บาตร ”

“ อื้ม ”

“ อื้ม ก็ตื่นสิว่ะยังจะนอนขดเป็นกุ้งเพื่อ ” โดนดึงแขนให้ลุกขึ้นจากที่นอน ผมถอนหายใจหน่ายๆออกมา “ ไปอาบน้ำได้แล้ว วันนี้กูไม่ทำอะไรนะ เดี๋ยวเราออกไปกินอาหารเช้าอร่อยๆข้างนอกกัน ”

“ เอากาแฟ ” ผมบอกมันทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ ไม่ว่ายังไงก็ต้องกินกาแฟ กลายเป็นคนติดเครื่องดื่มไปแล้วตั้งแต่ที่เผลอไปซื้อเครื่องทำกาแฟมาให้เมด ตอนนั้นเมดเห็นผมชอบกินกาแฟคาราเมลมัคคิอาโต้มาก มันก็เลยบอกกันว่า ‘ ก็ถ้าจะกินทุกวันขนาดนี้ ซื้อเครื่องทำสิ เดี๋ยวกูทำให้กินเอง ถูกกว่า กูทำอร่อยนะ ’

ตอนแรกก็คิดว่ามุกที่บอกว่าทำอร่อย แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ซื้อให้ด้วยความตามใจ วันแรกก็ไม่อร่อยอย่างที่คิดแต่ทำหลายวันเข้าตอนนี้เลยกลายเป็นว่า ผมติดรสคาราเมลมัคคิอาโต้ที่เมดชงให้แล้ว เป็นอะไรที่ต้องกินทุกวันเหมือนแปรงฟันและอาบน้ำ

“ โอเค เดี๋ยวทำให้มึงไปอาบน้ำเลยนะ เดี๋ยวไม่ทันตักบาตร ”

“ ไม่ทันก็เข้าไปในวัดสิว่ะ ” ผมบอกปัดมันก่อนจะถอนหายใจออกมา “ จริงๆถ้าจะทำบุญแค่แวะไปถวายสังฆทานแบบคราวก่อนก็ได้แล้ว ”

“ อาฟ ” เมดเรียกผมเสียงเบา “ มึงเข้าวัดไม่ได้ มันร้อน ตักบาตรนี่แหละดีที่สุด เราจะได้ไม่ต้องเข้าวัด ”

“ เมด ” เอื้อมมือไปหยิกแก้มมัน ผมยกยิ้มด้วยสีหน้าที่ชอบพูดกับมันด้วยคำว่า ‘ ต่อยกับกูมั้ย ’ เวลาที่มันกวนตีนใส่ผม

“ อย่าต่อยกูนะ ” ยื่นมือมาห้ามผมที่ก็ได้แต่นิ่ง

“ มอร์นิ่งคิสกันหน่อยมั้ย ” ผมถามตอนที่คว้ามืออีกคนที่ยกห้ามอยู่นั้นให้เข้ามาใกล้ เมดก็ส่ายหน้า

“จะให้กูจูบกับน้ำลายบูดนี่เหรอวะ ”

“ หึ ” หลุดยิ้มตอนที่ได้ยินแล้วก็แอบคิดว่าก็จริงอย่างที่มัน เมดออกแรงจับมือผมให้ลุกขึ้นจากเตียงมายืนอยู่บนพื้น แต่ก่อนที่มันจะสั่งให้ผมไปอาบน้ำอีกครั้ง ตอนนั้นผมก็ชิงจูบมัน “ อ้าว.. โดนน้ำลายบูดของกูละ ”

“ ไอ้สัด กวนตีนละมึง ”

จัดการอาบน้ำกินกาแฟอร่อยๆเป็นอย่างแรกของวันตอนช่วงตีห้ากว่าๆ แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด ผมอ้าปากหาวอยู่ข้างถนนบนฟุตปาธที่ตอนนี้คนที่ยืนข้างกันอย่างเมดกำลังมองซ้ายดูขวาเพื่อหาร้านขายของสำหรับการทำบุญที่มันตั้งใจ

“ ขอไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง แปปนึง ”

“ จะกิน ? ” ผมถามมันอีกคนก็ส่ายหน้า

“ ตักบาตรสิว่ะ ” เมดเดินออกไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งหอบกลับมาสามชุด มันที่มายืนอยู่ข้างผมยักคิ้วให้แบบอารมณ์ดีก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือของผมไปตั้งไว้บนแขนของมัน “ จับกูไว้นะ เดี๋ยวกูขอพรแล้วจะแบ่งส่วนบุญให้ ”

“ ไม่ได้เป็นประโยคที่ทำให้รู้สึกอยากได้เลยว่ะ ”

“ รับไปเถอะน่า อยากให้ “ ยิ้มกวนตีนที่ส่งมาให้กันเมดตบที่แขนผมเหมือนจะบอกว่าได้จับไว้ดีๆเดี๋ยวบุญไม่ถึง “ ถึงบุญจะไปถึงคนอย่างมึงยาก แต่กูจะพยายามตั้งใจอธิษฐานอย่างดีเลย ”

“ ถามจริงนะครับเมด ” ผมเอียงหน้ายิ้มให้มัน “ บอกให้อาฟเป็นคนดี เพื่อให้เมดกวนตีนอาฟใช่มั้ย ” คำถามที่ทำให้อีกฝ่ายหัวเราะจนตัวโย

“ พอมึงพูดแบบนี้แล้วโคตรไม่เป็นมึงเลยวะ แต่น่ารักดี กูชอบ ” ท้ายประโยคที่มันพูดเบาๆก่อนจะสูดลมหายใจเพื่อตั้งใจของพรตามหวัง ผมที่มองมันอยู่ในตอนนั้นก็เอื้อมมือข้างที่ไม่ได้จับแขนมันไปเช็ดน้ำตาที่หางตาเพราะเมื่อครู่เอาแต่หัวเราะ

“ มองอะไร ขอพรสิ ”

“ โอเค ” ชูหมูปิ้งที่อยู่ในมือขึ้นเหนือหัว ผมไม่รู้ว่าเมดจะขอพรอะไรในวันเกิดปีนี้ของมัน แต่ที่ผมรู้คือปากที่กำลังพูดอะไรสักอย่างนั้นคงพูดความต้องการของตัวเองเต็มไปหมด แล้วถ้ามีอะไรสักอย่างที่ผมจะขอได้ มันคงเป็นคำขอสั้นๆแค่ว่า ‘ ขอให้เมดมีแต่ความสุข และไม่มีความทุกข์ ’ ก็เท่านั้น “ เรียบร้อย ”

 “ กูถามจริงๆ คนเราแม่งจะได้บุญ ด้วยการขอพรจากข้าวเหนียวหมูปิ้งนี่จริงๆเหรอวะ ”

“ เข้าไม่ถึงบุญจริงๆ ” เมดส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันมาอธิบายผม “ บุญมันอยู่ที่ใจ คนเราทำบุญก็เหมือนกัน เราทำเพื่อให้เราสบายใจ เหมือนวันเกิดก็ทำบุญเพื่อให้ทุกวันหลังจากนี้เป็นวันที่ดี  เรียกว่าเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ”

“ สาธุ ” ผมยกมือไหว้มันอีกคนก็ยิ้มกว้างมาก่อนจะถอนหายใจแล้วดัดเสียงเข้มใส่ผม

“ วันนี้ห้ามกวนตีน ” แต่ถึงอย่างงั้นเมดก็ยังหลุดยิ้มออกมาตอนที่หันไปมองเห็นพระสามรูปกำลังดินเข้ามา

“ แล้วทำไมไม่ซื้อหาอาหารเป็นชุดๆตรงนั้น ” เชิดหน้าไปที่ร้านขายอาหารทำบุญเป้นชุดที่อยู่ไม่ไกลกัน เพราะผมเห็นว่าใครๆก็ซื้อมาจากตรงนั้นกันทั้งนั้น

“ กูว่าพระคงเบื่อแล้ว มึงไม่เห็นเหรอ ใครๆก็ใส่ทั้งนั้นอะ แม่เล็กเคยบอกว่าคนเราใส่บาตรก็ควรใส่ของที่เราอยากกิน ”

“ จากมึงนี่แหละ ครั้งแรก ”

“ คนที่ตีนข้างนึงเหยียบอยู่ปากทางเข้านรกก็จะประมานนี้ ”

“ หึ ” ผมหลุดยิ้มกับคำพูดของอีกคนแต่ก่อนจะพูดอะไรออกไป เมดก็ขัดขึ้นก่อน

“ พระท่านมาแล้ว จับแขนกูไว้เร็ว ” เมดของเมดที่จับมือของผมไว้ก่อนจะปล่อยก็ตอนที่พระท่านเดินเข้ามาใกล้ เราใส่บาตรด้วยกันครบทั้งสามรูป ฟังคำพระที่แปลกไม่ออกแต่รู้สึกได้ว่ามันคือคำพูดที่ดีอย่างแน่นอน เพราะคนที่อยู่ข้างผมก็ยิ้มกว้างสบายใจอยู่แบบนั้นก่อนจะหันมาถามกัน

“ กินอะไรกันดีวะ มึงอยากกินอะไรเช้านี้ ”

“ เอาที่มึงอยากกิน ”

“ งั้นเราไปกินโจ๊กกันนะ ” ยักคิ้วให้มัน ก่อนจะก้าวเดินอกไปพร้อมกันตรงทางเดินข้างหน้าที่ตอนนี้คนยังบางเบาอยู่มากทั้งๆที่ปกติมันจะเป็นทางเท้าที่มีแต่ผู้คนเดินเบียดเสียดไปมาด้วยความรีบเร่ง เราไม่ได้เร่งฝีเท้ากันมากนักมันเป็นการเดินที่ค่อนข้างสบายๆ สบายจนผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศดีๆที่แม้สิ่งรอบข้างจะไม่ใช่สวนดอกไม้หรืออะไรที่โรแมนติก มือที่เผลอไปแตะมือโดนมือซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะค่อยทำเนียนจับไว้แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนอย่างเคย “ จับมือทำไมวะ ” เมดถามออกมาด้วยหน้าตาเขินๆที่กำลังกลั้นยิ้มจนหน้าแดงไปหมด

“ ทำตัวเป็นแฟนที่ดี ” ก็โชคดีที่ยังมีเหตุผลนี่ให้อ้างได้

   แวะกินโจ๊กร้านที่เจ้าของวันเกิดอยากจะกินมานาน ร้านที่ถูกตกแต่งแบบทันสมัยสไตส์จีน เราสั่งโจ๊กใส่ไข่ไม่ใส่ขิงมากินคนละถ้วย พร้อมด้วยขนมปังนึ่งกับสังขยา

“กินเสร็จแล้วไปไหนกันดีวะ ” เมดถามตอนที่มันกำลังนั่งดูดช็อคโกเล็ตเย็นในแก้วอยู่ตรงหน้าผมที่ก็กำลังก้มลงอ่านไลน์กลุ่มที่วันนี้เหมือนในผับจะมีแผนเซอร์ไฟส์วันเกิดของอีกคนกัน ก็เลยอยากจะให้ผมพาเมดไปที่ผับให้เร็วกว่าปกติ

“ กลับบ้าน นอน ” บอกแบบนั้นอีกคนก็ทำหน้านิ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แล้วมึง..แล้วเมดจะไปไหนละครับ ”

“ ไปดูหนังสักเรื่องได้มั้ย ตั้งแต่คบกันมาเราไม่เคยไปดูหนังในโรงด้วยกันเลยนะ ”

“ แค่ดูหนัง ? ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับตกลงอีกคนเมดก็ยิ้มกว้างออกมา “ แต่ถ้าอาฟเล็งเห็นว่า วันเกิดเมดทั้งที มีแค่นี้เองเหรอแล้วอาฟรู้สึกว่าต้องการให้มากกว่านี้ งั้นเราไปชอปปิ้งกันต่อก็ได้นะ แล้วอาฟก็จ่ายเงินให้เมดดีมั้ยครับ ”

“ หึ ” ผมยกยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มมันออกแรงบีบจนเจ้าของแก้มต้องตีมือผม

“ กูเจ็บ ไอ้เชี้ย ปล่อยแก้มกู ” ยักคิ้วเป็นคำเตือนให้มันว่าอย่ากวนตีนให้มาก ตอนนั้นเมดก็บอก “ ทีหลังไม่ให้จับแก้มกูแล้วไอ้เชี้ยอาฟ มึงแม่งเล่นแรง ”

   กลับเข้าคอนโดมานอนต่อกันสักพักก่อนจะออกไปข้างนอกตอนช่วงประมานสิบโมงกว่า ผมดึงเบรคมือขึ้นในตอนที่รถติดยาวจนแทบจะมองสัญญาณไฟข้างหน้าไม่เห็น

“ วันนี้วันอะไรวะ ทำไมรถโคตรติด ”

“ วันเกิดมึง ” ผมตอบอีกคนก็หันมามองก่อนจะยื่นด้านหลังมือถือที่ใส่การ์ดนั้นขึ้นมาให้ผมดูเหมือนจะย้ำกันว่าอย่ากวนตีน  “ กูพูดตรงไหน ก็วันนี้วันเกิดมึง ”

“ เหมือนมึงจะกวนตีนกูอะอาฟ ” เมดบอกก่อนจะพลิกตัวมาหาผม “ นี่ เรามาพูดเพราะกันมั้ย ”

“ ยังไงอีก ”

“ อย่าทำเหมือนรำคาญไปเลยน่า พูดแบบไม่มึงกู แค่เรียกอาฟกับเมด ”

“ เรียกมูมินได้มั้ย ” เมดเงียบไปมันทำหน้านิ่ง ผมก็ดันหลุดหัวเราะเสียงดังเพราะไปคิดถึงตัวการ์ตูนนั่นเวลาโกรธขึ้นมาได้

“ ถูกใจเหี้ยอะไรขนาดนั้นไอ้สัด ช่วยเป็นแฟนที่ดีกันหน่อยได้มั้ยอาฟ นะมึง อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง น่าจะจักกะจี้ดี ”

“ ก็ได้ ” พยักหน้ารับมัน เมดก็พลิกตัวไปนั่งพิงกับเบาะรถ

“ เริ่มแล้วนะ หนึ่ง สอง สาม ” ทุกอย่างในรถเงียบตอนที่อีกคนพูดจบ เมดเหลือบมองผมที่ก็กำลังนั่งมองหน้ามัน “ พูดอะไรหน่อยสิอาฟ ”

“ ไม่มีอะไรจะพูด ” ส่ายหน้าเป็นคำตอบมันก็ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ เมดเหมือนเด็กน้อยที่พยายามแกล้งผมแต่เหมือนจะไม่ได้ผลสักอย่าง เอื้อมมือไปมือมันตั้งเอาไว้บนตักผมลูบเบาๆ “ ขอจับมือหน่อยสิครับ ”

“ หูย ” คำพูดที่ไม่ออกเสียงแต่ท่าทางมันก็ตกใจจนต้องสบถออกมาแบบนั้น

“ หึ ” หลุดยิ้มกับท่าทางตกใจนั้น ผมจ้องมองสายตาเรียวนั้นก่อนจะยกมือขึ้นมาหอม ผมไมได้พูดอะไรสักคำแต่คนโดนสัมผัสกลับเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะหันมองไปทางอื่นแล้วพูดออกมาเบาๆ “ มึงแม่งกูพูดไม่ออกเลย ”

“ ไหนบอกจะพูดกันเพราะๆไง ”

“ คือเมดพูดไม่ออกเลย อาฟอะ คือแบบ..”

“ เขิน ”

“ ไม่มั้ง พอๆ กูไม่เล่นพูดเพราะอะไรเหี้ยนี่ละ มึงเล่นมองตากูเยิ้มขนาดนั้น ” อีกคนท้วงก่อนจะหันมามองหน้ากัน

“ ก็ไหนบอกว่าอยากจะให้ทำ ”

“ ก็อยาก ” เมดบอกเสียงเรียบ “ แต่มึงไม่อึดอัดเหรอ กูว่ามันโคตรอึดอัดเลยนะ แบบเราไม่ค่อยพูดกันอะ คล้ายๆมึงผีเข้าเลย กูกลัว ”

“ ปัญญาอ่อน ”

“ ก็มันจริง ” เมดว่าแบบนั้นก่อนจะหันออกไปนอกหน้าต่างรถ “ จะว่าไปมึงนี่ก็ตามใจกูมากเลยนะ ”

“ เพิ่งรู้ตัวเหรอ ”

“ เออ เพิ่งรู้ ” พยักหน้ารับยิ้มๆ “ แบบ อย่างเรื่องของกินมึงก็ไม่เคยขัดกูเลยนะ จนกูสงสัยว่ามึงแม่งอยากกินจริงๆรึเปล่า หรือแค่ชอบกินตามกู ”

“ กูกินได้ทั้งนั้น ”

“ แล้วมีอะไรที่มึงไม่ชอบมั้ย ”

“ ไม่ชอบร้านที่ต้องต่อคิวนานๆ ไม่ชอบร้านที่มันสกปรก ไม่มีอาหารที่ไม่ชอบ แต่ถ้าแปลกมากก็ไม่กิน กูชอบกินอาหารทั่วไป ”

“ มึงตอบได้กว้างมากจริงๆ ชอบอาหารทั่วไป ” พยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออกว่ากำลังด่าหรือกำลังชม ผมหันไปมองมัน

“ งั้นขอถามบ้าง ”

“ ก่อนจะถามกูขอคั่นแปป ”
 
“ ว่า ”

“ไม่คิดจะพูดมึงกูกับกูแล้วจริงดิ พูดได้นะ อาฟอึดอัดมั้ยอะเมดเป็นห่วงนะ ”

“ กวนตีนเก่งจังนะครับ” พอผมบอกอีกคนก็ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมาจับไหล่

“ นี่แหละอาฟ ”

“ ประสาท ” บ่นออกมาเบาๆก่อนจะถอนหายใจ ตัวเองบอกให้ทำเองเองทั้งนั้นแต่พอไม่พูดก็มาวอแวว่าไม่เหมือนตัวผม เชื่อเค้าเลย เอาใจยากขั้นสุด

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.1:: up! 10-8-61} #หน้า 28
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 12-08-2018 20:35:37
“ แล้วที่จะถามคือ..”

“ ทำไมไม่ใช้การ์ดนั่น ขอเหี้ยอะไรที่มันดีกว่านี้ ”

“ กูขอน้อยไปเหรอ ? ” เจ้าของวันเกิดหันมาถามด้วยสีหน้าสงสัย “ ทำไมวะ มึงอยากจะให้กูขออะไร ”

“ ขอที่มันมีสาระกล่าวนี้ อาจจะขอให้กูเป็นทาสมึง ทำตามที่สั่งแล้วมึงก็จิกหัวใช้กู ไม่ก็ขอให้กูซื้อของที่มึงอยากจะได้ให้ทั้งหมด”

“ กูว่าที่กูขอมันก็โอเคแล้ว ” เมดยิ้มให้ผม “  กูว่ากูขอเยอะแล้วนะ สำหรับการขอให้มึงเป็นแฟนที่ดี ”

“ มึงทำเหมือนปกติกูเหี้ยมาก ”

“ ไม่เอาน่าอาฟ อย่าให้กูต้องพูดเลย ” มือที่เอื้อมมาจับไหล่ ผมถอนหายใจออกมาอีกคนก็หลุดขำ

“ มึงขอให้กูเป็นแฟนที่ดี เอาใจมึง พูดเพราะๆ ไม่กวนตีน แต่พอกูทำมึงก็บอกไม่เอา มึงอึดอัด แล้วแบบนั้นมันจะคุ้มมั้ย ”

“ ก็ไม่คุ้มหรอก แต่กูไมได้อยากได้อะไรที่มันพิเศษมากกว่านี้แล้วอะมึง ” พิงตัวเองกับรถเมดถอนหายใจออกมา “ คือจะพูดแค่ครั้งเดียวนะ ตั้งใจฟัง ”

“ อื้ม ”

“ การมีมึงอยู่สำหรับกูมันก็พิเศษแล้ว มึงตามใจกูทุกอย่าง ขับรถไปรับไปส่งไม่บ่นเลย อยากได้อะไรมึงก็ซื้อให้ อยากกินอะไรมึงก็พาไป กูเลยไม่รู้ว่าจะอยากได้อะไรอีกก็เท่าที่มีก็พอแล้ว “ เมดก้มลงมองการ์ดที่อยู่ในมือของตัวเอง “ แต่กูชอบของขวัญที่มึงให้กูมากเลยนะ เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้กูรู้สึกว่า มึงจะพร้อมทำทุกอย่างให้กูไม่ว่าจะเป็นอะไรทั้งนั้น “ เอื้อมมือมาจับปลายผมของผมที่อยู่ตรงข้างหูเมดยิ้มให้ “ กูไม่ได้อะไรจากมึงเพิ่มหรอกอาฟ ขอให้ที่เป็นอยู่มันเหมือนเดิมไปทุกวันก็พอ ”

“ มึงไปหันพูดคำพูดที่ชวนให้ใจเต้นแรงแบบนี้มากจากไหนวะ ”

“ มึงนั่นแหละพูดบ่อย กูเลยต้องหัดบ้าง ” เมดบอก “ แต่ว่ากูก็คิดอยู่หลายวันมากเลยนะว่าจะขออะไรมึง แต่ว่าคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก อยากจะให้เป็นทาสนั่นแหละ แต่พอบอกมึงว่า อาฟพาไปหาวิวหน่อย มึงก็พาไปอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องใช้การ์ดเลย หรือจะให้ไม่เป็นตัวเองที่กูแกล้งๆมึง มันก็แค่เอาสนุกอะ เพราะให้จริงจังกูก็ไม่ชอบหรอก ยังไงการที่มึงเป็นมึงสำหรับกูมันก็ดีที่สุดแล้ว ไม่งั้นกูจะชอบเหรอจริงมั้ยละ ”

“ คงงั้น ”

“ แล้วอย่าไปใครบอกนะ ” เมดบอกผมที่ก็ยกคิ้วขึ้นมาด้วยความไม่เข้าใจในรูปประโยคที่มันพูด “ เรื่องนี้รู้แค่เราสองคนพอเข้าใจมั้ย เดี๋ยวคนอื่นเค้ารู้หมดว่ากูแม่ง เห่อแฟน ”

“ นับวันยิ่งร้ายกาจ ” บอกมันแบบนั้นก่อนจะดึงตัวเองเข้าไปหมายจูบมันแต่ทว่าไม่ทัน รถคันหลังดันบีบแตรใส่เสียก่อนจะเราทั้งคู่สะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ “ ส้นตีน เสือกไฟเขียวอีก ”

“ จอดข้างทางสิวะ ”

“ คุณยั่วผมเหรอครับ ”

“ ชื่ออารยะใช่มั้ย ถ้าใช่คงเป็นงั้น ” ตีไฟเลี้ยวออกจอดข้างทางผมปลดเข็มขัดนิรภัยขยับเกียร์เข้าไปสู่การจอดนิ่งก่อนจะดึงเบรคมือขึ้นอย่างเร็วจนเมดได้แต่ยิ้มแล้วยกมือขึ้นกันตัวผมที่ก็จูบลงบนริมฝีปากของอีกคนทันทีโดยไม่ต้องพูดอะไรให้มากเป็นความดูดดื่มที่ไม่มีใครยอมใครไม่ว่าจะเป็นรสจูบหรือแม้แต่ฝ่ามืออุ่นที่ลูบไล้ไปบนเรือนกาย

   แวะเข้าไปในห้างที่อยู่ไม่ไกลจากผับเท่าไหร่ มันเป็นห้างใหญ่ที่ครั้งก่อนเราเคยมาวิวมากินข้าวด้วยกันที่นี่ ผมจอดรถตรงชั้นของโรงหนัง ซื้อตั๋วหนังที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไร แต่เมดบอกว่ามันอยากดูหนังเรื่องนี้มาก เพราะเคยดูมาแล้วตอนที่มันเป็นภาคแรก

“ กูไปซื้อบ๊อปคอร์นแปปนึง มึงจะกินน้ำอะไร ”

“ ไปด้วยกัน ” เดินกอดคอมันเดินมาที่ร้านขายเมดซื้อบ๊อปคอร์นถังกลางแล้วก็น้ำอัดลม

“ กินด้วยกันก็ได้มั้ง เยอะอะ กูคงกินไม่หมดหรอก ” บอกแบบนั้นแต่มือก็ยัดบ๊อปคอร์นเข้าไปด้วยความเร็วแสง หนังยังไม่ทันฉาย ตัวยังไม่ทันเข้าโรง ก็แดกขนาดนี้แล้ว

“ ที่บอกว่ากินด้วยกันกูจะได้กินถึงสามชิ้นมั้ยเมด ”

“ ก็กินเข้าไปตอนนี้สิ ” ยัดบ๊อปคอร์นใส่ปากผมเคี้ยวอีกคนก็ยิ้ม “ ไปดูหนังกันมึง โรงหรูๆ กูตื่นเต้น จะไปดูว่าข้างในเป็นไง ”

“ ถามจริง โรงหนังเข้าไปถึงแถวบ้านเหรอ ”

“ แฟนที่ดีต้องไม่กวนตีนกู มาเร็ว ” ดึงมือผมเข้าไปข้างใน เรานั่งดูหนังฉายจนจบแบบที่ต่างฝ่ายก็ต่างเงียบ ก่อนจะออกมาหาอะไรกินอร่อยๆกันที่ใต้ห้าง ก่อนที่เมดจะชวนผมไปเดินย่อยในความคิดของมัน ส่วนความคิดของผมก็แค่การเดินชอปปิ้งที่ซึ่งส่วนใหญ่ของที่ซื้อก็จะเป็นเสื้อผ้าของผม และแน่นอนว่าทุกถุงที่เรากำลังถือ มันไม่ได้ถามผมสักคำว่าอยากจะใส่รึเปล่า

“ ไปไหนกันดี ”

“ ทำงานสิครับ ” หันไปบอกอีกคนก่อนจะเอื้อมมือไปกอดแล้วดึงเข้ามาใกล้ ผมหอมแก้มมันไปเต็มฟอดด้วยความหมั่นเขี้ยวเพราะวันนี้มันดูมีความสุขทั้งวัน ปากที่พูดไม่หยุดผมชอบมองในเวลานั้น และมีหลายครั้งที่อยากจะเอื้อมมือไปหยิบปากที่ช่างพูดของมัน ไม่ก็จูบสักที แต่ต้องหยุดความคิดเพราะมันไม่ใช่ทีสาธารณะ

“ ทำไมไปเร็วจังวะ แค่สี่โมงเย็นเอง มึงรีบเหรอ ”

“ รีบ กูมีธุระที่ต้องทำ ”

“ ธุระอะไรวะ ”

“ ว่าจะโทรคุยเรื่องเครื่องเติมเบียร์ที่จะเอามาลงไว้ที่เค้าเตอร์บาร์ ” เมดผ่อนลมหายใจออกมาเซ็งๆ ทั้งที่จริงผมก็ไม่ได้มีอะไรแบบนั้นที่ต้องทำหรอก แต่เพราะตอนนี้ทั้งไอ้เจไอ้เดย์ไอ้อัยย์หรือแม้แต่ไอ้วิวกำลังรอเซอร์ไฟส์มันอยู่ที่ผับตังหากเลยต้องพามันไปที่นั่นก่อน

“ ขอกลับก่อนนะครับ ”

“ เออ ก็ได้ แต่ตอนดึกๆ ออกมากินเครปกับหมูตุ๋นกันนะ ”

“ เอาสิ ”

“ โอเค งั้นกลับ ” ชี้นิ้วตรงไปข้างหน้า ผมยิ้มกับท่าทางนั้นของมันจนเผลอนั่งคิดว่า วันนี้คงเป็นวันที่ผมยิ้มเยอะที่สุดแล้วก็ได้ แต่ว่าไม่น่าใช่หรอก ต้องบอกว่าตั้งแต่มีเมดเข้ามา ผมยิ้มจนเหมือนจะเป็นบ้าอยู่ทุกวัน น่าจะถูก 

   ขับรถเข้ามาจอดในลานจอดรถของผับ ผมส่งข้อความเข้าไปในกลุ่มว่าตอนนี้ผมถึงแล้ว แต่เมดที่หันไปเจอรถของคนที่ไม่ค่อยมาก่อนเวลา มันก็ดูสงสัยไม่น้อย

“ ทำไมวันนี้พวกน้องเดย์กับเจมันเร็วกันจังวะ ”

“ นัดกันมาแดกเหี้ยอะไรกันอีกละมั้ง ” ผมบอกปัดก่อนจะเดินลงไปจากรถ ตามหลังเมดที่ก็เปิดประตูด้านหลังของผับเข้าไปก่อน เดินกันเข้ามาเรื่อยๆตอนที่กำลังจะเลี้ยวเดินขึ้นไปชั้นสามผมก็เรียกมันไว้

“ เมด ”

“ พี่เมด! แฮปปี้เบิร์ดเดย์!!!! ” เสียงที่ดังมาจากด้านในของบาร์ เสียงพุแบบดึงถูกกระชากออก ก่อนเสียงร้องเพลงวันเกิดที่นำโดยน้องชายผมจะดังขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนประสานเสียง

“ เชี้ย แม่ง กูก็ว่าทำไมมาผับเร็วเป็นพิเศษ ” เมดหันมามองผมแบบคาดโทษ ก่อนที่วิวน้องชายของมันจะเดินเอาเค้กที่จุดเทียนเท่าอายุวันเกิดมาให้

“ นั่นก็เพราะวิวอยู่ดึกไม่ได้ไง ”

“ มึงมากับเจเหรอ ” เมดถามวิวที่พยักหน้ารับ ตอนนั้นเดย์น้องชายผมมันก็ท้วงขึ้น

“ อธิษฐานแล้วเป่าก่อนพี่เมด เค้กละลายเดี๋ยวมันไม่อร่อย ”

“ อย่าเห็นแก่แดกดิพี่เดย์ ”

“ เอ้า ไอ้เด็กเวรนี่ ”

“ พอๆ อย่าเถียงกัน กูอธิษฐานก่อน ” เจ้าของวันเกิดว่าแบบนั้นก่อนจะหลับตาลงแล้วขอพร

“ ไม่ต้องขออารยะนะ มีแล้ว ” ไอ้อัยย์บอก เราที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็หลุดขำ เมดเป่าเทียบทั้งหมดให้ดับลงก่อนเสียงโห่ร้องและปรบมือจะดังขึ้น

“ สุขสันต์วันเกิดนะพี่เมด มีความสุขมากๆ รักพี่เมดมากๆเลยนะ รักที่สุดที่โลกเลย ” วิวกอดพี่ชายตัวเองไว้มันแอบหอมแก้มเมดไปเต็มฟอดก่อนจะยื่นของขวัญให้ “ อันนี้เป็นของขวัญ ลุงกับวิวช่วยกันเลือกแล้วซื้อมาให้ ”

“ บอกพี่เมดด้วยดิว่าเงินพี่เจ 70 เปอร์ ”

“ พี่เดย์ วิวสงสัยว่าพี่เดย์เงียบแล้วจะตายมั้ยอะ ”

“ อย่าทะเลาะกันกูรำคาญ ” เมดบอกก่อนจะรับของขวัญไป “ ขอบใจนะมึง  ขอบใจมึงด้วยนะเจ ”

“ ไม่มีปัญหา ” เพื่อนผมบอกก่อนจะยักคิ้วให้เจ้าของวันเกิดอีกที

“ ส่วนอันนี้เป็นของขวัญของน้องเดย์น้องอัยย์ที่ตั้งใจซื้อมาให้พี่เมด มีความสุขมากๆนะครับ ” ของขวัญที่ถูกยื่นมาให้ เมดมันพลิกไปมาด้วยความไม่เชื่อใจก่อนจะเหล่มองไอ้เด็กสองตัวข้างหน้า

“ ของดีน่า ขอให้ไว้ใจ ”

“ ไม่น่าเชื่อถือเลยว่ะ แต่ก็ขอบคุณนะครับ ”

“ อยากได้แบบไอ้เด็กวิวนะ แบบได้หอมอะ แต่เกรงใจ กลัวประตูนรกเปิด ” ไอ้อัยย์บอกก่อนจะหันมาเหล่ผม “ งั้นก็ในจินตนาการแล้วกัน ”

“ มึงไม่หอมแก้มเมดมันหน่อยอะ ” ไอ้เจทัก ทุกคนก็หันมามองผม

“ ต้องเหรอวะ ? ” ผมถามซื่อๆก่อนจะเดินเข้าไปใกล้อีกคน ตอนนั้นไอ้เดย์ไอ้อัยย์ก็ปรบมือเป็นจังหวะ

“ จูบเลย จูบเลย จูบเลย ”

“ อย่านะไอ้สัด ” เมดบอก แต่นั่นก็เหมือนจะช้าเกินไป เพราะผมก้มหน้าลงไปจูบมันแล้วเรียบร้อย

“ โทษทีนะ กูมันพวกหยามไม่ได้ ”

“ นิสัย ”

“ ก็คือว่านี่ก็ยุเล่นๆ แต่นี่คือเอาจริง ” เจเอามือทาบอกก่อนจะเหลือบไปมองทางอื่น

“ กูไม่ได้ขาดทุนทำไมต้องไม่ทำว่ะ ”

“ ชั่วร้ายสมกับที่เป็นอารยะ ” น้องชายผมว่าก่อนที่คนหน้าแดงจะบอกปัดให้เราพูดกันเรื่องอื่น

“ แล้วนี่กินไรกันยัง สั่งอะไรมากินกันมั้ยกูเลี้ยงเอง พิซซ่า KFC หรือจะสั่งไลน์แมน อะไรก็ได้ สั่งเลยเดี๋ยวเลี้ยง ”

“ กินพิซซ่ามั้ยเร็วดี ” วิวบอกทุกคนก็ได้แต่พยักหน้ารับ

“ งั้นวิวสั่งนะ เดี๋ยวพี่เมดเอาของไปเก็บที่รถก่อน เดี๋ยวมา ” เจ้าของวันเกิดที่โดนผมจูบต่อหน้าทุกคนเดินออกไปโดยที่ไม่ชวนผมสักคำ มันเขินจนลืมไปแล้วว่ารถผมมันเปิดไม่ได้ถ้าไม่มีกุญแจกดปลดล็อค

“ เดี๋ยวกูมา ”

“ ฟิล์มดำเปล่า ห่วงใยนะ “ ไอ้เดย์ที่ตะโกนมาเสริมด้วยไอ้อัยย์ที่ก็มีแต่ความคิดเหี้ยๆ อยู่ในสมอง

“ รถสั่นตอนนี้ ชาวบ้านจะแตกตื่นกันนะเฮีย ไม่มีใครคิดว่าผีเข้ารถนะ  ”

“ พวกส้นตีน ” ผมบ่นกับตัวเองตอนที่เดินตามหลังอีกคนออกมา เมดยืนนิ่งอยู่ประตูรถผมที่กดล็อครถอีกคนก็หันมามอง “ เอาของมาเห็บที่รถแต่ไม่เรียกเจ้าของรถมาด้วย มึงจะเก็บยังไงกูถามหน่อย ”

“ มึงแม่ง ”

“ อะไร ” เดินเข้าไปยืนใกล้มันก่อนจะเอียงหน้าถามเหมือนไม่รู้เรื่องว่าอีกคนกำลังหมายถึงเรื่องอะไร

“ ไม่อยากจะคุยกับมึงแล้วไอ้เชี้ย ”

“ งั้นนั่งลงหน่อย ” ผมบอกมันก่อนจะเปิดประตูรถฝั่งที่มันนั่งให้

“ มีอะไรวะ ”

“ เขินไม่ใช่เหรอ ก็นั่งพักก่อนไง ก็แค่นั้น ” ผมบอกเมดก็เงยหน้าขึ้นมามองกันอยู่สักพัก “ มึงช่วยหยิบถุงที่อยู่หลังเบาะรถกูขึ้นมาหน่อย ”

“ ถุงอะไร ”

“ ใช้อะไรก็ทำให้เถอะครับ ถามมากจัง ”  เมดเอียงตัวลงไปหยิบถุงที่อยู่ด้านหลังเบาะของผมขึ้นมา มันที่กำลังยิ้มตอนที่มองยี่ห้อของถุง เจ้าตัวก็เม้มริมฝีปากแน่น “ ยิ้มอะไร ”

“ ของกูเปล่า ”

“ เปิดดูก่อนว่าอยากได้มั้ย ”

“ มึงแม่งแบบ.. ” คนมีความสุขเริ่มออกออกอาการอยู่ไม่นิ่ง ตอนที่กล่องใหญ่ถูกดึงออกมาเมดเงยหน้ามองผมก่อนที่มันจะเปิดออกแล้วเห็นรองเท้าผ้าใบอยู่ในนั้น รอยยิ้มกว้างที่ปิดไม่มิดมันเงยหน้าขึ้นมาถามผม “ กูถามจริง มึงให้กู ”

   ผมไม่ได้ตอบอะไรในสิ่งที่อีกคนถาม สิ่งที่ทำต่อจากนั้นคือผมแค่นั่งย่อตัวลงตรงหน้ามัน ปลดเชือกรองเท้าคู่ที่เมดสวมถอดมันออก ก่อนจะหยิบรองเท้าคู่ที่อยู่ในกล่องนั่นใส่ให้มันแล้วก็ผูกเชือกให้เรียบร้อยทั้งสองข้าง

“ ใส่พอดีมั้ย ”

“ โคตรพอดี ” คนที่ได้รับบอกด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะดึงตัวเองเข้ามากอดผมไว้แน่น “ อาฟ ดีใจมากเลย ไม่คิดว่าจะได้ ชอบมากๆ ชอบรองเท้าคู่นี้มากๆ อยากได้มานานมากแต่คิดว่าชาตินี้คงไมได้ใส่เพราะไม่มีตังค์ซื้อ แต่มึงซื้อให้ อาฟ ดีใจ ดีใจมากๆ พูดไม่ถูกแล้ว ฮือ มึง กูจะร้องไห้ ”

“ ประสาท ” ผมบอกมันก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้หัวอีกคนจนยุ่ง

“ แล้วทำไมถึงซื้อรองเท้าให้อะมึง วิวบอกเหรอว่ากูชอบรองเท้า ”

“ วิวบอกด้วยแล้วกูก็คิดด้วย ”

“ คิดว่า ? ” 

“ ก็ซื้อรองเท้าให้ มึงจะได้เอาไว้เดินไปด้วยกันกับกู ”  ไม่มีคำพูดอะไรจากเจ้าของวันเกิดทั้งนั้น ผมเห็นแค่รอยยิ้มของมันในตอนที่เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าน่ารักที่กำลังมีความสุข เมดก้มลงมากอดผม มันหอมแก้มแล้วจูบ จูบที่ค่อนข้างดูดดื่มในแบบของเรา จูบที่บอกทุกความรู้สึกที่ผมมีให้เมด และที่เมดมีให้ผม

คืนนั้นก่อนจะผ่านพ้นวันเกิดของมันไป ภาพสุดท้ายที่เมดอัพในไอจี เป็นภาพที่ผมใส่รองเท้าให้มันพร้อมกับข้อความที่บอกว่า ‘ สุขสันต์วันเกิดนะมินเมด ขอบคุณที่เกิดมาเจอและเดินไปกับคนคนนี้นะ ขอบคุณที่ทำให้มีความสุขมากขนาดนี้  ’  แล้วตอนนั้นผมก็เม้นท์ตอบกลับมันไป ด้วยหัวใจหนึ่งดวง

...............................................................

ก็คือยาวมาก และเพิ่งเสร็จเลยจริงๆ เหมือนวิ่งเข้าโรงเรียนตอนประตูจะปิด
ลากเลือดมาก และ ยาวมาก ยาวจนบอกกับตัวเองว่า พี่อาฟคะ พี่เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ได้มั้ย 55555
หยอกกกกก
ตอนนี้อาจจะมีคำผิดเยอะ แน่นอน เพราะเรายังไม่ได้เช็คเลย แต่ถ้ารอเราเช็ค คงพรุ่งนี้เย็น เพราะเป็นคนที่ทำอะไรแบบนี้ค่อนข้างนานเลยลงก่อน แก้ทีหลังละกันเนอะ
สุดท้ายนี้ สุขสันต์วันเกิดอิมเมจของน้องเมด

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่า
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 12-08-2018 21:04:33
พี่อาฟหวานได้โล่ห์ วุ้ยเขิลลลลลลลลลลลลลล :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 12-08-2018 21:45:48
เป็นวันเกิดที่ยิ้มได้ตลอดวันจริงๆ  พออาฟหวานทีก็เขินแทนเมนทุกที  :-[

อยากได้แบบอาฟเตอร์สักคน  :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 12-08-2018 21:57:39
หวาน และเขินมาก ละลายแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-08-2018 22:58:50
อาฟ เมด   น่ารักมากกกกกกกกกกกกก   :mew1:

อาฟ เมด    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 12-08-2018 23:04:38
“ ก็ซื้อรองเท้าให้ มึงจะได้เอาไว้เดินไปด้วยกันกับกู "  โอยเป็นคำพูดที่ทำเอาละลายเลยบอกถึงความรักที่ให้จะอยุ่กันจนแก่งะเมดโชคดึมากน้าที่มีพี่อาฟดีกว่าไอ้บินอีกทีปากหวานเห็นแก่ตัว แต่พี่อาฟก็โรแมนติกแบบห่ามๆแต่รักจริงใจ :n1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: p_rchan ที่ 13-08-2018 00:04:27
ฮืออออออออออออ ฟินนนนนนนนนนนนนน
ฟินมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
รักพี่อาฟ รักน้องเมด
กัดหมอนนนนนนนนนนนนนนนนนน  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-08-2018 00:09:11
พี่อาฟยืนหนึ่ง จ้ะ งานนี้ 555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 13-08-2018 00:11:33
โอ้ยๆมดไต่ตาเต็มไปหมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-08-2018 00:51:41
อิจฉา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-08-2018 01:19:21
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 13-08-2018 01:59:24
คือดี ขอให้ประคับประคองกันต่อไปได้ด้วยดีนะ
รอวันเมดรักอาฟ
วันที่รู้ความจริงยังรออยู่ หวังว่าเมดคงเข้าใจ
เอาใจช่วยอาฟ อารยะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-08-2018 02:48:04
ฟินกับฉากใส่รองเท้าให้ นางซินก็นางซินเถอะ มินเมดเริดกว่า  :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 13-08-2018 03:41:53
ฮปดพี่เมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 13-08-2018 03:48:23
ก็คิดนะว่าตอนให้ของขวัญคงให้เมดเจอเอง แต่ไม่คิดว่าพี่อาฟจะลงทุนคุกเข่าใส่ให้
ประทับใจตั้งแต่บัตรขอพรแล้ว นี่อารยะตัวจริงใช่มั้ยยย :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 13-08-2018 05:57:18
อาฟเค้ารักเมดมากๆเลยนะ อบอุ่นในแบบตัวของอาฟ เมดเค้าก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 13-08-2018 06:17:07
ก็ยังยืนยันคำเดิมอิจฉาเมด  o18
วิวกับเดย์นี้เจอกับแล้วตลกเหมือนที่คิดไว้เลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 13-08-2018 06:55:20
พี่อาฟลุคเดิมก็กร้าวใจมากพอแล้ว
มาเจออาฟเวอร์นี้เข้าไป ...
โอยยยย รถโรง'บาล เรียกรถโรง'บาลมาที

จินตนาการว่าเป็นมูมินโอ้โฮ ใจสั่นเหมือนกินกาแฟเข้าไปสิบแก้ว
ผู้ชายแบบอาฟมีขายในลาซาด้ามั้ยถามจริง!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-08-2018 06:59:08
ก็น่ารักไปสิ ไม่หวานแหว แต่ไม่ทิ้งหวานเลยนะ
อาฟ ตัวจริงใช่ไหม แต่อารยะพูดแบบนี้บ่อย
เมดตัวจะลอยแล้วนะ ดีใจเบอร์แรงขนาดนั้น

น่ารักมากเลยค่ะ เป็นวันที่อยู่ด้วยกันแล้วสนุก สุข
เมดมีความย้อนแย้ง นี่ถ้าอาฟไม่รักนะ 5555
เป็นอีกวันที่มีเวลาของสองคน ปลื้ม

ยาวมากจริงๆ ค่ะ เราขอบคุณคนเขียนมาก และเราก็ชอบมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-08-2018 07:13:30
ชอบมินกับอาฟ ความคิดมินที่เกี่ยวกับอาฟคือดี รักคู่นี้ น่ารัก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 13-08-2018 09:20:57
 :hao5: :hao5: :hao5: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 13-08-2018 10:39:08
คือดีมากกก หวานมากกก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-08-2018 11:08:42
น่ารักจริงคู่นี้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 13-08-2018 13:05:33
ตอนนี้อาฟน่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-08-2018 13:21:32
สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะมินเมด :HBD2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-08-2018 13:33:30
ของขวัญอารยะมีมดเกาะมาด้วยไหมเนี่ย

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 13-08-2018 15:04:56
พี่มึงงงงง​หวานเว้ออออออ :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 13-08-2018 17:15:57
อาฟ น่ารักๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 14-08-2018 11:03:24
เมทมีความสุขเราก็มีความสุขค่ะ


หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 14-08-2018 18:34:33
HBD น้องเมดดด มีความสุขมากๆนะ แงงง อิสสาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากเป็นน้องเมดดดด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-08-2018 22:46:41
เหมือนจะไม่หวานแต่ก็หว้านหวานเรอะ อาฟนี่แบ่บ เมดโชคดีมากๆ หวังว่าจะไม่มีมาม่าอะไรมาเซอไพรส์ที่หลังนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 17-08-2018 20:20:49
ตอนที่ 35

[ ถึงแล้วนะพี่เมด ] ข้อความจากน้องชายเด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของผม ตอนเหลือบสายตาหันไปมองหน้าจอที่ปลดล๊อคผมก็กดเข้าไปตอบมัน

[ ทำไมส่งข้อความมาตอบช้าจังเลยว่ะ ไอ้เจถึงเป็นชาติแล้วนะ ] ประโยคที่ส่งไปขึ้นว่าอ่านแล้ว แต่กลับไม่มีข้อความตอบกลับมา ผมเผลอยิ้มเพราะคิดถึงท่าทางตกประหม่าของอีกฝ่ายออก

ก็ใช่ว่าไม่รู้ ว่าตอนนี้เจกับวิวอยู่ในสถานะความสัมพันธ์แบบไหน แต่ผมก็แค่ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับชีวิตของวิวมากมายจนกลายเป็นความอึดอัด

ผมพอรู้ว่าช่วงวันหยุดมันจะมาอยู่กับเจ ใช้ชีวิตแบบไปเรียนพิเศษตอนเช้า หลังเลิกเรียนเจก็มารับแล้วก็ไปกินข้าวด้วยกัน ค้างคืนจนหมดช่วงวันหยุด ผมเคยลองถามวิวดูแล้วเหมือนกัน ถึงคำจำกัดความแต่น้องชายก็บอกแค่ว่า ‘ รอสอบเข้าให้ได้ก่อน ชีวิตไม่วุ่นวายเมื่อไหร่ก็ค่อยเลื่อนสถานะกันอีกที ’ แต่ผมว่านั่นก็แค่ข้ออ้างนึงของที่เคยมีวันไนท์ด้วยกันมาแต่พอจะขยับสถานะมาเป็นแฟนเลยแบบที่ไม่ได้จีบ มันก็รู้สึกแปลกต่อกันก็เท่านั้น เพราะสิ่งที่มันสองคนเป็นอยู่ ก็ไม่ต่างอะไรแบบที่ผมกับอาฟกำลังเป็น

[ พี่เจถึงผับนานเป็นชาติแล้วเหรอ ]

[ มันไปเร็วมาเร็วจนกูรู้เลยว่า มึงแม่งนอนคอนโดมัน ]

[ ไอ้สัดนี่ กูก็บอกแล้วว่าให้แวะที่อื่นก่อน ]

[ มันมีธุระต้องคุยกับอาฟ เรื่องเครื่องเติมเบียร์ นี่ก็ให้กูโทรเรียกช่างมาดูเรียบร้อยแล้วว่าจะติดตั้งตรงไหน ] อธิบายน้องชายตัวเองไปก่อนจะส่งสติกเกอร์เหล่มองแบบจับผิดไปให้ [ นี่คิดจะโกหกพี่อีกแล้วเหรอครับน้องวิว ]

[ บ้า พี่มึงก็คิดมาก ไม่ได้จะโกหก ]

[ แต่ถ้าไม่ทักก็คือไม่พูดเนอะ ]

[ แงงงงง ก็กลัวพี่เมดจะว่าน้องแรดที่มานอนบ้านผู้ชายทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ]

[ กูว่ามันก็แฟน แต่มึงแค่ยังไม่อยากจะยอมรับสถานะกับตัวเองก็แค่นั้น ]

[ จะว่างั้นก็ได้ ไม่เถียงหรอก ]

[ แล้วงั้นทำไมไม่เป็นแฟนกันไปเลย มึงโอเคเหรอกูถามหน่อย โอเคกับการไม่มีสถานะจริงๆเหรอวะ ]

[ เอาตรงๆคือ กูพูดให้ตัวกูดูดีไปแบบนั้นแหละไอ้เรื่องที่บอกว่า ขอโฟกัสเรื่องเรียนก่อน ทั้งๆที่จริงอะพี่เมด กูแค่กลัวว่าพี่เจมันจะรับนิสัยจริงๆกูไม่ได้ไง เลยแบบ เออ งั้นมาลองคบแบบไม่มีสถานะกันก่อนดีกว่า ]

[ อย่างงั้นนี่เอง ]

[ กูเป็นคนเอาแต่ใจไง กูรู้ตัวแหละ มันอาจจะไม่หนักขนาดไม่มีเหตุผลเหี้ยอะไรเลยก็จริง แต่กูก็พูดกับมันแล้วนะ ว่ากูไม่ใช่คนนิสัยดีแบบพี่เมด คืออย่ามาคาดหวังว่ากูจะแบบ น่ารักเรียบร้อยแบบพี่มึงเพราะมันจะไม่ได้อะไรแบบนั้นเด็ดขาด ]

[ มึงอย่าพูดเหมือนกูเรียบร้อย กูไม่ได้เรียบร้อยขนาดนั้น ]

[ ยั๊วะอีกพี่กู ]

[ คือบางทีกูแค่ไม่เหมือนคนอื่น นั่นหมายความว่ากูเรียบร้อยเหรอวะ ไม่ใช่มั้ง ] เอาเข้าจริงก็ไม่ชอบเลย ไม่ชอบเวลาได้ยินใครๆบอกว่าผมเรียบร้อย หรือไม่ก็นิสัยเหมือนผู้หญิง อะไรทำนองนั้น

ผู้ชายในโลกนี้ไม่มีแบบเดียว มันมีผู้ชายที่ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ชอบเที่ยวหญิง ไม่ชอบเข้าผับ ชอบอยู่บ้าน อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ชอบดูแลคนอื่น และผมก็แค่เป็นแบบแค่คนนึงในผู้ชายประเภทนั้นก็เท่านั้น ไม่ได้เป็นคนเรียบร้อยแบบที่ใครๆต่างยกยอกันเกิดเหตุ

[ คนพูดมันก็เอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานไง อย่างพี่เดย์ที่มันบอกว่า พี่มึงเหมือนต้นแบบเจ้าหญิงดิสนี่ย์ทุกตัวในโลก นั่นก็เพราะว่าไอ้เหี้ยพี่เดย์มันไม่ได้เป็นแบบมึงไง แล้วคนรอบข้างมัน พี่อาฟ ไอ้ลุง พี่อัยย์ แม้แต่เพื่อนมันก็ไม่ได้เป็นแบบมึง ขนาดกูก็ยังไม่เป็นเลย พี่เดย์แล้วก็คนอื่นๆมันก็เลยรู้สึกว่ามึงอะดีมากๆ เข้าใจมั้ย ]

[ เข้าใจก็ได้ ]

[ อย่าซีเรียสกับแค่ใครแซวว่าเป็นคนดีสิว่ะพี่เมด แค่สังคมที่มึงอยู่ไม่มีใครเหมือนมึงก็เท่านั้น มึงเลยเป็นคนดีสำหรับพวกมันมากๆ แล้วคือจะให้เค้ารู้สึกว่ามึงเหี้ยได้ไง ก็มึงไม่เหี้ยอะ ]

[ กูแค่รู้สึกว่ามันพูดเหมือนกูดีมากแบบ ไม่มีจริงในโลก ทั้งๆที่จริงกูกวนตีนไอ้อาฟจะตายห่าแต่ก็แค่ทำตอนอยู่ด้วยกันสองคนก็แค่นั้น ]

[ ก็มึงใส่หน้ากากหาพวกแม่งอะ พวกแม่งก็ต้องหาว่ามึงดีอะดิ ]

[ เดี๋ยววว นี่ด่ากู ]

[ หยอกกกกก ] หลุดยิ้มกับสติกเกอร์น่ารักที่ส่งมา ก่อนที่วิวจะพิมพ์ต่อ [ นั่นแหละ เรื่องของกู สุดท้ายมันก็แค่คนคนนึงที่เอาแต่ใจ แล้วกูก็ไม่อยากจะเจ็บมากกับการที่กูทุ่มเทความรู้สึกไปให้มัน เราเลยตกลงกันว่า ช่วงนี้คบกันไปก่อนแบบไม่มีสถานะนี่แหละ คบกันแบบเป็นตัวเองให้สุดทั้งพี่เจทั้งวิว จะได้รู้ว่าไปด้วยกันได้มั้ย ]

[ อื้ม ]

[ แต่ก็นะ ข้อเสียของมันคือ ความรักเป็นอะไรที่พอเริ่มให้แล้วเราจะกำหนดไม่ได้ว่า พอแล้ว ให้เท่านี้พอ มันเป็นอะไรที่พอเปิดใจแล้ว เราก็จะให้เค้าไปหมดเลยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จนกูรู้สึกว่าถ้าถึงวันนั้นที่อะไรมันลงตัว แล้วกูมานั่งคุยกับพี่เจเรื่องสถานะ ถ้าสุดท้ายกลายเป็นว่า พี่เจบอกว่าไปด้วยกันกับกูไม่ได้ ตอนนั้นกูจะทำยังไงวะ ต้องเสียใจมากแน่ แล้วจะโทษใครก็ไม่ได้ด้วยนะ เพราะตัดสินใจเองว่าจะไม่มีสถานะ ]

[ มันก็มีทั้งดีทั้งเสียในทุกการตัดสินใจนั่นแหละมึงอย่าไปคิดมาก เพราะต่อให้มึงคบกับมันเป็นแฟน วันนึงเจมันรับนิสัยไม่ได้หรือมีคนใหม่ มันก็บอกเลิกมึงอยู่ดี เอาแค่วันนี้ก็พอ แก้ไขได้ก็แก้ไข ไม่เป็นตัวเองมากไปก็บอก ก็แค่นั้น ]

[ เป็นคำสอนจากคนที่จัดการพี่อาฟเตอร์ เจ้าของผับ throw up อยู่หมัดเปล่าวะ ]

[ ประสาท ] ส่ายหน้าคำแซวของน้องก่อนจะถอนหายใจยิ้มๆ

[ มึงควรไปออกหนังสือ สิ้นลายคาสโนว่าอะพี่เมด ]

[ เอาจริงๆมั้ย ตั้งแต่กูคบกับอาฟมา กูไม่เคยคิดว่ามันเป็นแบบที่ใครๆพูดถึงมันเลย ]

[ หมายความว่าไงวะ ]

[ อาฟ เหมือนโชคร้ายที่คนภายบอก ตัดสินทุกอย่างของมันจากรูปลักษณ์อย่างเดียวอะมึง คือเป็นเจ้าของผับดัง ขับรถหรู ทำตัวหยิ่งๆ คนส่วนใหญ่เลยมองว่า ไอ้เชี้ยนี้ต้องฟันผู้หญิงเก่ง เจ้าชู้ แล้วก็นิสัยเหี้ยแน่นอน ซึ่งตอนแรกที่กูรู้จักมัน กูก็คิดแบบนั้นแหละ ]

[ อ้าว 555555555555 ]

[ ก็รูปลักษณ์มันได้อะมึง มึงมองหน้ามันดิ เอาแบบไม่รู้จัก ไม่ได้คุย ใครๆก็มองว่ามันแบบนั้นกันทั้งนั้น ]

[ ก็จริง เพื่อนวิวยังบอกว่าเค้าเจ้าชู้มาก ซึ่งไม่รู้ไปเอามาจากไหนเหมือนกัน ]

[ ใช่มั้ยละ ]

[ แล้วที่บอกว่าไม่เหมือนอย่างที่คิดนี่คือ ]

[ มันไม่ใช่คนแบบที่ใครๆตัดสินมันเลยอะ สาวๆที่เข้ามาหามัน ก็เป็นคนที่เสนอตัวให้มันก่อน มันที่ตอนนั้นไม่ผูกมัดกับใครก็ไม่แปลกรึเปล่าวะที่จะสนองกลับไป... หรือกูจะคิดเข้าข้างแฟนกูมากเกินไป ]

[ 555555555555 อีพี่เมดแม่ง ]

[ คือกูว่ามันไม่แฟร์เท่าไหร่ไง จะมาบอกว่า พวกมีอะไรกับใครแบบวันไนท์คือคนเจ้าชู้ คนไม่ดี เพราะวันไนท์มันคือการตกลงกันของคนสองฝ่ายแล้วว่าจะเอากันแบบไม่ผูกมัด  ซึ่งมันก็ไม่ได้เกิดจากการบังคับเปล่าวะ แต่ถ้ามันมีกูอยู่แล้วมันนอกใจกูไปเอากับคนอื่นไปทั่ว อันนั้นมันก็เริ่มจะเหี้ยละถูกมั้ย ]

[ ก็ถูก จากที่กูเคยผ่านมา มันก็คือการเอากันด้วยความพึงพอใจของคนทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ ส่วนถ้าใครติดใจแล้วอยากจะเอาต่ออันนั้นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ถ้าอีกคนจะไม่เล่นด้วย เพราะกฎของวันไนท์คือ ไม่ผูกมัด แต่นั่นแหละ พอมีใครคนนึงเจ็บ อีกฝ่ายที่ไม่เจ็บแม่งก็เหี้ยเสมอ โคตรไม่ยุติธรรม ทั้งๆที่มึงแม่งก็ไม่รักษากฎก่อน วันไนท์ใครเค้ารักกัน โดนเอาแล้วถูกใจอยากจะสานต่อ แต่พอเค้าไม่เล่นด้วยแล้วโวยวายว่าอีกฝ่ายเหี้ย มึงนั่นแหละที่เหี้ย ]

[ มึงดูอิน ]

[ 5555555555 ก็มันจริงอะพี่เมด คือถ้าใช้สมองใคร่ครวญสักนิดจะเข้าใจว่าวันไนท์คืออะไร มันไม่ได้เลวร้ายอะ  มันไม่ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอวะ ที่คนสองคนจะเริ่มต้นมีอะไรกันแบบไม่ผูกมัด แต่สุดท้ายคนคนนึงต้องมาผิด เพียงเพราะแค่ไปทำให้อีกคนถูกใจในเซ็กส์ หน้าตา ความรวย อยากจะจับทำผัวจริงๆ แต่เค้าไม่ได้ชอบเลยปฎิเสธ แบบนั้นพออีกฝ่ายเสียใจ ร้องไห้ ก็มาบอกว่าเค้าเจ้าชู้ ไม่ดี ฮัลโหลลล ก็มึงบอกเค้าจะเป็นแค่วันไนท์มั้ย ไม่ได้บอกว่าจะมาคบกัน ไอ้สัด ]

[ ก็จริงของมึง แสดงว่ากูไมได้เข้าข้างแฟนกูถูกมั้ย ]

[ ไม่อะ มึงก็คิดถูกแล้วว่าพี่อาฟมันก็ไม่ได้ผิดอะไร  แต่คือต้องเข้าใจอะ พี่อาฟมันรวย สาวคนไหนที่เข้ามาคุยกับมันแล้ว มันคุยด้วย หรือตอบตกลงขึ้นห้องกันได้ มันก็มีความหวังแล้วเปล่าวะ ว่า พี่อาฟก็เริ่มสนใจ ]

[ คงจริง เพราะมันเป็นคนที่ถ้าไม่สนใจ มันก็ไม่ชายตามองเลย ]

[ แล้วยังไงต่อ ที่พี่เมดบอกว่าเค้าไม่เหมือนอย่างที่คิด ]

[ คือมึงรุ้มั้ยว่าอาฟเป็นคนโรแมนติกมากเลยนะ ทุกวันนี้เวลามันตื่นนอนก่อนกู ก็จะหอมแก้มกูทุกเช้าเลยแบบไม่ให้กูรู้ตัวด้วยนะ เพราะมันเขิน ]

[ กูถามจริง ]

[ เออ จริงๆ แล้วมันเป็นคนที่ตามใจกูมาก แบบ อยากจะกินอะไรก็แค่บอก มันก็จะพาไป  ไม่เรื่องมาก ไม่ขี้บ่นด้วย แล้วเป็นคนที่แบบใส่ใจกูทุกเรื่องอะ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆอาฟมันก็ใส่ใจ ]

[ นั่นเพราะว่าเป็นพี่เมดไง ] วิวบอก [ ก็เค้าชอบพี่เมด เค้าก็ทุ่มเทให้พี่เมดทั้งหมดอะ ให้หมดทุกอย่างที่เค้ามี ]

[ อื้ม อาฟก็เป็นแบบนั้นจริงๆ จนบางทีกูรุ้สึกว่า อาฟคนที่กูรู้จักเป็นคนละคนกับที่คนอื่นรู้จักด้วยซ้ำ ]

อาฟที่ใครๆรู้จัก คือผู้ชายที่นั่งกินเหล้าเงียบๆ อยู่ที่มุมนึงของบาร์ในผับ เค้ามักจะยิ้มบ้างกับเพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆ แต่นั่นก็เป็นแค่การยกยิ้มเท่ห์ๆ ที่มีให้กลับคนสนิทเท่านั้น  แต่ถ้าไม่ใช่คนสนิทด้วยก็แทบจะไม่ชายตาหันไปมองเลยด้วยซ้ำ ส่วนอาฟคนที่ผมรู้จักมันคือคนที่ทั้งใจดี อบอุ่น แต่ก็กวนตีน แล้วก็ชอบแกล้ง คนที่มีหลายมุมมองแต่ทุกมุมมองนั้นถูกประกอบขึ้นมาจากตัวผมในแต่ละช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน

[ กูถามจริงพี่เมด คือที่มานั่งอวดให้ฟังนี่ มีความสุขเพราะแฟนซื้อรองเท้าให้ปะ ]

[ ไม่เว้ย กูแค่มานั่งคิดๆ แล้วแบบไม่รู้จะอวดใครเลยพูดกับมึง มันดีกับกูอะมึง ดีมากๆ แล้วพอรู้สึกว่า ในสิ่งที่มันทำ มันทำให้กูคนเดียว มันก็เป็นอะไรที่กูรู้สึกว่า นี่กูไปเสียเวลากับไอ้เหี้ยบินทำไมตั้งสี่ปี ทำไมกูไม่ขับรถชน ชนรถแม่งตั้งแต่ตอนที่กูหัดขับรถตอนม.หกว่ะ หรือว่าทำไมเราไม่เจอกันตอนกูอยู่ม.ปลายเลย ทำไมกูต้องมาเจอไอ้เชี้ยบิน ทำไมกูต้องมาเสียใจก่อนถึงจะมาเจออาฟ ]

[ คงเพราะชาติที่แล้วมึงไปทำอะไรไอ้เหี้ยบินเหี้ยยีนส์ไว้ไง ชาตินี้เลยต้องมาใช้กรรม นี่ใช้หมดแล้ว ก็ได้เจอพี่อาฟละ ]

[ มาใช้กรรมที่ติดไอ้อาฟไว้ต่อ ]

[ ไอ้สัด 5555555555 ไหนบอกแฟนดี ]

[ ก็ดี แต่มันยังไม่เห็นกันทุกด้านไง คือมันก็มีแหละสิ่งที่ทำให้กูรู้สึกว่า หงุดหงิดบ้างเพราอาฟเป็นคนสุดทุกอย่างสำหรับกูอะ ]

[ ยังไงวะ สุดทุกอย่าง ]

[ กับกูคือมันแบบ อบอุ่นที่สุด ใจดีที่สุด แต่ยังไม่เคยเห็นมุมที่มันโกรธที่สุด หึงที่สุดไง ขนาดเรื่องความปากหมาของมันที่กูได้รับทุกวันนี้ยังไม่ใช่ที่สุดเลย มันยังหมากว่านี้ได้อีกกูมั่นใจ ]

[ พี่มึงแม่ง 5555555555 ] วิวหัวเราะผมก็หลุดขำตามเลขห้าที่อีกคนแสดงอารมณ์ออกมา

[ แสดงว่าพี่มึงก็ยังไม่รู้ว่าอะไรที่รับไม่ได้คืออะไร เพราะยังมาไม่ถึงแต่สรุปโดยรวมตอนนี้คือดีมาก ]

[ ใช่ ] ผมยิ้มตอนที่พิมพ์ตอบน้องชาย [ แต่กูก็คิดว่าช่างมันเถอะ เวลามันจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองอะ ว่าไปกันได้มั้ย ]

[ ถ้ารักกันมากพอ มันก็พยายามจนรักกันได้นั่นแหละ ดูอย่างพี่เมดตอนรักไอ้บินดิ ใครจะด่าว่าโง่ จะโดนทำเหี้ยๆเท่าไหร่ มึงก็ยังรัก ยังรับตัวเพื่อมันได้อะ ]

[ ก็จริงของมึง ] ผมตอบรับน้อง [ แต่กูไม่ขออะไรแบบนั้นแล้วนะ ขอคนดีๆในชีวิตกูหน่อย คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจอะ ]

[ มันคงไม่มีใครเหี้ยถึงขั้นนั้นแล้วมั้ย ก็ถ้าพี่อาฟมันเหี้ยเหมือนไอ้สัดบิน มึงก็ไม่ต้องมีใครแล้วพี่เมดชาตินี้ อยู่คนเดียวไปเถอะ ]

[ กูก็คิดแบบนั้น ]

[ เอาจริงๆ คนเรามันมีทั้งดีทั้งเสียแหละ มันต้องดูไปนานๆทั้งนั้น ตอนนี้มึงแฮปปี้กับมันนั่นก็ดีแล้ว ก็อยู่กับมันไป เหมือนที่พี่เมดบอกวิวไง อะไรไม่ใช่ก็ปรับ ปรับไม่ได้หรืออึดอัด ก็บอก ]

[ อื้ม แบบนั้น ]

[ แล้วกูถามหน่อย ]

[ ว่า ]

[ พี่เดย์พี่อัยย์มันซื้อกล่องถุงยางให้มึงจริงๆเหรอวะ ]  ผมถอนหายใจออกมาตอนเห็นคำถามของน้องชายตัวเอง

[ จริง ] ตอบออกไปแบบนั้น นึกแล้วอยากจะเอากล่องของขวัญไปเขกหัวไอ้เด็กพวกนั้นสักอย่างสามที คิดไงซื้ออะไรแบบนั้นมาให้

[ พี่มันคงคิดว่า ซื้อของที่ได้ใช้ดีที่สุด ]

[ ไอ้วิว... ]

[ 55555555555555 ก็มันจริง แล้วถามหน่อย มึงมีอะไรกับพี่อาฟแล้วถูกมั้ย ] ผมเงียบไปตอนที่หน้าถาม ทำทีไปเหลือบมองทางอื่นทั้งๆที่ตอนนี้ก็นั่งอยู่ในห้องทำงานคนเดียว รู้สึกเขินยังไงก็ไม่รู้ที่ต้องตอบว่า ใช่ [ เงียบ แสดงว่ามีแล้ว ]

[ เออ ก็มีแล้ว ]

[ แล้วเป็นไง รีวิวหน่อย ]

[ คือวิว เรื่องแบบนี้กูต้องรีวิวด้วยเหรอไอ้น้องเวร ไม่ได้ไปกินข้าวร้านหรูไงมึง ]

[ 555555 ก็อยากรู้อะ ว่าคนแบบพี่อาฟจะเป็นไง ]

[ ก็สมเป็นอาฟเตอร์ อารยะ อะมึง ]

[ จำกัดความได้เท่ห์มากพี่กู ] หลุดขำออกมาตอนที่ได้อ่าน วิวก็แซว [ ก็ถ้าไม่รู้ว่าพี่มันเป็นคนมีมุมอบอุ่น คงคิดว่า พี่มันร้อนแรงมาก โซ่แซ่กุญแจมือ ตีตูดไปเอากันไป ]

[ ไอ้สัด ไม่ขนาดนั้นเว้ย แต่มันก็อบอุ่นแหละ ]

[ มีความสุขใช่มั้ยตอนนั้น ]

[ มากๆ ] พิมพ์ข้อความนั้นแล้วนิ่งมองอยู่สักพัก ผมเผลอคิดถึงช่วงเวลาอบอุ่นพวกนั้น ช่วงเวลาที่เราโอบกอดกันและกันไว้ มันไม่ได้เรียกว่าความสุขอย่างเดียว มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น โดยที่ไม่สามารถจำกัดความได้ด้วยประโยคใดประโยคนึง [ กูไม่เคยรู้สึกเลยว่าเซ็กส์แม่งคือสิ่งที่ดี มันคือสิ่งที่กูเกลียดอะมึงเข้าใจมั้ย จนคืนนั้นที่กูมีอะไรอาฟ แล้วพอตื่นขึ้นมา กูก็รู้สึกเลยว่า เซ็กส์มันดีจังว่ะ แล้วนั่นก็เพราะอาฟ ที่ทำให้กูรู้สึกอย่างงั้น ]

[ เล่ากูๆ อยากฟังงงง ]

[ อื้ม มากเลย กูชอบตอนที่อาฟจับมือกูขึ้นมาจูบ ชอบตอนที่มันมองตากัน ชอบทุกๆอย่างที่มันทำให้กูในคืนนั้น ชอบจนเข้าใจเลยว่า ทำไมคนบางคนถึงมองว่าเซ็กส์ดี เข้าใจเลยว่าการที่ใครบอกว่ามีความสุขจากเซ็กส์มันคืออะไร แล้วที่ผ่านมาสำหรับกูมันไม่ใช่เซ็กส์เลย นั่นแค่การติดสัตว์ ] 

[ แรงงงงงง ] วิวบอกผมก็ยิ้มออกมาตอนที่มองข้อความนั้นแล้วก็ได้แต่หวนคิดถึงชีวิตเก่าๆของตัวเองที่เคยทนอยู่ในสภาพแย่ๆ แล้วยิ่งคิดเท่าไหร่มันก็ยิ่งเกลียดตัวเองเข้าไปทุกครั้ง เหมือนผมตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำๆว่า ‘ ตอนนั้นทนไปทำไม ’ ทั้งๆที่มันเป็นอดีตที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วก็เถอะ [ แล้วถามได้มั้ย ]

[ ถามว่า ]

[ พี่มึงมีอะไรกับพี่อาฟมากี่ครั้งแล้ววะ ]

[ สองครั้ง ] ตอบออกไปตามตรง เพราะทั้งสองครั้งก็เป็นอะไรที่ยังอยู่ในความรู้สึกของผม เป็นอะไรที่อบอุ่นแต่ก็ร้อนแรงจนลืมไม่ลงกันเลย [ ครั้งแรกแล้วก็ หลังจากที่อาฟฟื้นไข้ ]

[ งั้นครั้งนี้ก็สาม ]

[ ไอ้น้องเวร ] ผมพิมพ์ด่าอีกคนที่ก็ส่งสติกเกอร์หัวเราะมาให้ [ ไปอ่านหนังสือได้แล้วไป กูจะทำงานแล้วเดี๋ยวไม่เสร็จ ]

[ 555555555555 โอเค คุยกันนะ ]

[ มีอะไรบอกพี่เมดนะวิว บอกได้ทุกเรื่องนั่นแหละ กูไม่ว่ามึงหรอก เพราะกูรู้ดีอยู่แล้วว่าน้องกูเป็นยังไง ]

[ ครับผม รักพี่เมดนะ สุขสันต์วันเกิดอีกที เสื้อนั่นใส่ด้วยนะ ถึงมันจะไม่แพงเท่ารองเท้าที่ใส่อยู่ก็เถอะ ]

[ แซวจริงเว้ย ใส่แน่นอน เพราะกูชอบมากกกกกกกกก ] ลากเสียงยาวในท้ายประโยคที่พิมพ์ ก่อนสติกเกอร์น่ารักของวิวจะส่งมาปิดท้ายบทสนทนานั่นลง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 17-08-2018 20:23:04
ผมเงยมองเวลาที่ตอนนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงสองทุ่มก่อนจะหันกลับมามองงานที่ยังคงค้างอยู่ในหน้าจอของตัวเอง ขยับตัวบิดขี้เกียจแล้วก็เริ่มต้นทำงานของตัวเองอีกครั้ง ตั้งใจไว้ว่าทำงานเสร็จจะอ่านหนังสือเรียนสักหน่อย ต้องทบทวนบทเรียนที่เรียนไป จะได้ไม่ต้องอ่านเยอะตอนช่วงสอบที่กำลังจะมาถึง

“ กลับบ้านกัน ” เงยหน้าขึ้นจากเอกสารการเรียนที่กำลังอ่าน อาฟเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆโต๊ะทำงานของผม มือที่กำลังหมุนปากกาเน้นข้อความนั่นก็หยุดลงทันที ก่อนจะเงยหน้ามองเวลาที่ตอนนี้บอกเวลาตีสองกว่าเข้าไปแล้ว

 “ ทำไมวันนี้เวลามันผ่านไปเร็วจังเลยวะ ”

“ ทำไม ? ไม่อยากให้มันผ่านไปรึไง “ คนถามนั่งลงบนโต๊ะ มันมองเอกสารในมือของผมแล้วขมวดคิ้วเพราะความไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆก่อนจะมองหน้ากัน “ กลัวถึงวันเกิดกูเหรอ ”

“ ทำไมต้องกลัววะ ” เอียงหน้าถามมัน อาฟก็แค่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กัน “ ยิ้มโคตรเหี้ย รู้เลยว่ามีแผนชั่วอยู่ในใจ ”

“ คิดไปเองรึเปล่า ”

“ สันดานมึงเป็นไง กูก็พอรู้ดีอยู่แล้ว ” ผมบอกมันแต่ถึงอย่างงั้นในใจลึกๆมันก็อยากรู้ “ แล้วมึงจะให้กูทำอะไร ”

“ ทำไมกูต้องบอก ยังไม่ถึงวันเกิดเลย ”

“ กูจะได้เตรียมใจไง ”

ใบหน้าคมดึงเข้ามาใกล้ผม แววตาเจ้าเล่ห์นั้นมองไปทั่วตั้งแต่แววตา จมูก หรือแม้แต่ริมฝีปาก มันเป็นแววตาที่บอกถึงความต้องการที่อยากสัมผัสอย่างลึกซึ้งแบบไม่ปิดบัง ผมที่ได้แต่มองตาอีกคนด้วยแววตาสั่นๆอย่างไม่คิดหลบให้อีกฝ่ายรู้ว่ากลัว แต่มันก็คงไม่ต่างอะไรจากลูกแมวที่นั่งนิ่งตัวสั่นอยู่วงขดตัวของงูเห่าเจ้าเล่ห์ก็เท่านั้น
 
“ อื้มมมม ” เสียงทุ้มในลำคอครางออกมายาวๆก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ นิ้วทั้งห้าสอดประสานเข้าหากันก่อนจะถามเสียงเบาราวกับจะกระซิบ “ ไม่ให้ใส่เสื้อผ้าวันนึงดีมั้ย หรือว่าใส่แค่ผ้ากันเปื้อนสักผืนก็พอ วันนั้นกูจะไล่ไอ้เดย์ออกไปจากห้องเลย วันทั้งวันเราก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เอากันอย่างเดียวเลย ดีมั้ย ? ”

“ เป็นคนอุบาทว์แบบนี้เองเหรอวะ “ ผมถามมันอีกคนก็ยกยิ้ม

“ เพราะใครกันละ ”

“ อย่ามาโทษกู เพราะสันดานมึงล้วนๆมากกว่า ”

“ งั้นเหรอ แย่จังนะ มึงดันมามีแฟนสันดานแย่ซะได้ ”

“ ด่าอะไรไปก็ช่วยรู้สึกเจ็บหน่อยได้มั้ยวะอาฟ ” ลุกขึ้นเต็มความสูงหลังจากที่พูดจบ ผมเก็บของทุกอย่างลงไปในกระเป๋า ตอนที่ยกมันขึ้นสะพายไหล่อีกคนก็มองกันยิ้มๆ “ มองอะไร ”

“ เปล่านี่ ”

“ มีเงื่อนงำนะมึง ”

“ อยากให้ถึงวันเกิดกูเร็วๆจังเลยน้า ” อาฟบอกก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินนำผมออกไป

“ ถ้ามึงทำอะไรกูแบบที่มึงพูดกับกูละก็ กูจะหนีไปให้ไกล แล้วไม่ให้มึงเจอได้อีกเลย ”

“ งั้นเหรอ ” รอยยิ้มที่หันมายิ้มให้กัน มันแปลความหมายออกมาว่า ไม่มีทางที่ผมจะได้โอกาสหนีแน่นอน

“ กูรู้นะ ว่ามึงคิดจะป่วนประสาทให้กูกลัวแม่งตั้งแต่วันนี้ มึงไม่ทำจริงๆหรอก ”

“ ก็ไม่รู้สินะ ”

“ อยากถีบมึงชิบหายไอ้สัด ” เกลียดรอยยิ้มจางๆ ที่แปลความหมายเหี้ยอะไรไม่ออกนั่นชะมัด ผมรู้แค่ว่าจะไม่มีทางรอดพ้นไม่ว่ามันคิดจะให้ทำอะไรก็ต้องทำ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าอะไรแบบนั้นมันก็พูดปั่นประสาทให้ผมกลัวไปแบบนั้น แต่ถึงอย่างงั้นก็อดวิตกไม่ได้ว่ามันอาจจะทำจริงๆขึ้นมา
 
“ หรือว่าจะใช้เครื่องดี พวกดิลโด้ เสียบไว้ทั้งวันเลย ”

“ ไม่เอา ไอ้เหี้ย ” คำพูดที่ตะโกนออกไปด้วยความหงุดหงิด แต่คนข้างๆกับแค่หัวเราะออกมาเสียงดัง

“ สะใจชิบหายไอ้สัด ฮ่าๆ ”

“ มึงแม่ง... ชอบแกล้งกูทุกทีเลย ”

วางกระเป๋าที่ถือมาด้วยลงบนโต๊ะในห้องแต่งตัวตอนที่เดินเข้าไปห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำหลังจากที่มาถึงคอนโด แต่ก่อนได้จะถอดนาฬิกาที่ใส่หรือแม้แต่เสื้อตัวที่สวม คนที่คิดว่าอยู่ข้างนอกก็เปิดประตูเข้ามาด้านใน อาฟยกยิ้มมองผมก่อนจะเดินเข้ามากอดกันไว้จากด้านหลังโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ แต่ท่าทางนั้นก็บอกได้ถึงความต้องการทั้งหมดที่กำลังจะเกิดขึ้น

คงเพราะลมหายใจที่เป่ารดตรงต้นคอ มันอุ่นจนผมได้ยืนนิ่ง ยามที่จมูกคมก้มลงหอมที่ข้างแก้ม อาฟไล่ลงต่ำไปเรื่อยตามลำคอ ผมก็ได้แต่เม้มริมฝีปากพลางมองดูเงาตัวเองที่กำลังสะอ้อนอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่นั้น

“ เมดครับ “ เสียงทุ้มที่กระซิบลงข้างหูก่อนจะขบเม้มเบาๆ อาฟสบตาผมผ่านกระจกก่อนจะไล้มือปลดกระดุมทุกเม็ดของเสื้อเชิ้ตตัวที่ผมสวม ดึงสาบเสื้อทั้งสองข้างออกไปเหลือแต่ส่วนบนเปลือยเปล่า แล้วจูบลงที่หัวไหล่นั้น จูบอยู่นานจนขึ้นรอยสีแดงชัดเจน

ทุกอย่างมันปั่นป่วนอย่างไม่เคยเป็น เพียงแค่สายตานั้นผละขึ้นสบมองกันผ่านกระจกทั้งร่างของผมก็เหมือนจะตื่นตัวขึ้นมา อยากให้สัมผัสมากนี้ ในตอนที่อีกคนยังลูบไล้อยู่บนรอบเอว

“ อาฟ ” ผมเรียกชื่อคนที่กำลังกอดกันเอาไว้ เอียงหน้าจูบริมฝีปากที่ก็ดึงลงมาจูบดูดดื่มกันอย่างรู้ใจ เอื้อมมือจับมือของอีกคนมาจับที่ขอบกางเกงอย่างเชิญชวนให้สัมผัสกันให้มากกว่านี้ด้วยความโจ่งแจ้งแบบไม่เคยเป็น

ผมหลับตาลงเพื่อซ่อนความอายทั้งหมดนั้น ไม่กล้าแม้จะมองตัวเองในกระจกเบื้องหน้า แม้แต่ในแววตาตาคมที่กำลังมองสบกันผมก็ไม่กล้าจะมองดู ร่างกายไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยรู้สึกต้องการขนาดนี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างนั้นมันกำลังเกิดขึ้น เกิดขึ้นเพราะคนตรงหน้าที่ผมกำลังกอดจูบผมอย่างดูดดื่ม

ตอนนั้นผมไม่ได้อาบน้ำอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่กลับถูกย้ายมาที่เตียงกว้างในห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำไว้แทน เหมือนอย่างที่วิวทำนายไว้ มันเป็นเซ็กส์ครั้งที่สามของผม

...........................................................................

“ ว้าววววววว ” เสียงของทุกคนที่ร้องดังขึ้นมา ตอนที่เห็นเบียร์สีทองถูกเติมขึ้นจากท้ายแก้วราวกับมีเวทมนตร์

วันนี้เป็นวันที่เครื่องเติมเบียร์จะถูกนำมาใช้ในผับเป็นวันแรก เราติดมันไว้รอบโซนบาร์เพื่อทดลองก่อนจะมีแผนเพิ่มเข้ามาอีกเซ็ตใหญ่เพื่อเปิดโซนบาร์ใหม่สำหรับคอเบียร์โดยเฉพาะ เจ้าของผับที่นั่งข้างกันยกยิ้มด้วยความถูกใจกับความสำเร็จที่ตัวเองคิด

“ โคตรเท่ห์ “ ผมบอกก่อนจะหยิบแก้วที่ถูกเติมเบียร์เย็นๆจนเต็มนั้นขึ้นมามาดู

กลไกของเครื่องเติมเบียร์อัตโนมัติเพียงแค่ตั้งแก้วลงไปบนเครื่องที่คล้ายกับที่รองจานนั้นก็คือ ด้านบนของบาร์จะเป็นเหมือนที่รองจานเป็นหลุมแต่จะมีรูเล็กๆ ส่วนแก้วก็จะเป็นแก้วเฉพาะที่ส่วนท้ายจะมีรูเล็กๆเพื่อต่อกับเครื่องแต่ก็ใช้แผ่นแผ่นอะลูมิเนียมที่สกรีนชื่อผับ throw up แบบเท่ห์ๆ วางปิดไว้ไม่ให้เห็นรูนั้น แต่พอนำไปวางไว้บนเครื่องแผ่นอลูมิเนียมนั้นจะยกตัวเพื่อสามารถปล่อยเบียร์เข้ามาได้แต่พอเต็มแก้วมันก็ดันตัวลงเพื่อกดปิด

เป็นความเจ๋งที่ลงทุนไปไม่น้อยเลยทีเดียว แต่อาฟก็พูดกันแค่ว่า พลังของโซเซี่ยลของการอัพไอจีสตอรี่จะดูดกำไรกลับมาให้เราเอง ถึงมันจะเป็นอะไรที่ฉาบฉวย แต่ก็เป็นการโกยเงินในช่วงเวลาสั้นๆได้ดีที่สุด และอาจจะอยู่เป็นกระแสได้นานถ้าติดลมบน

“ กูรู้สึกยืดมากเลยอะ รู้สึกว่าตัวเองแม่งโคตรเท่ห์ ” น้องเดย์บอกก่อนจะยิ้มกว้างออกมา “ คือตอนที่เอาแก้วมาตั้งให้เบียร์มาดูดขึ้นมา กูรู้สึกเหมือนตัวเองคือแฮรี่พอตเตอร์ แล้วนี่คือร้านไม้กวาดสามอัน มันได้มาก มันใช่เลย ”

“ แล้วเบียร์นี่คือเลือกได้เลยใช่มั้ย “ ผมถามคนนั่งข้างๆ อาฟก็พยักหน้ารับ

“ ใต้เค้าเตอร์มันมีที่ใส่เบียร์จะเสิร์ฟทีนึงเป็นเหงือก เครื่องนึงก็เหมาะกับกินสองคนแต่ถ้ามึงจะกินคนเดียวก็ได้ ”

“ ถ้าอยู่ข้างใต้แบบนั้น งั้นต้องรักษาความสะอาดให้ดีเลยนะ “ หันไปบอกน้องเดย์น้องอัยย์ที่ก็พยักหน้ารับกันอย่างแข็งขัน

“ มีระบบป้องกันอย่างดีครับไม่ต้องกลัว ”

“ แต่กูชอบตัวอักษรตรงชื่อ throw up ที่ท้ายแก้วนี่ว่ะ โคตรเท่ห์ ” เจที่กินเบียร์จนหมดเอียงแก้วมาให้เราดู “ กูว่าน่าจะเอามาทำพวกที่รองแก้วของบาร์ทั้งหมดเลย สกรีนลายลงทิชชูด้วยอะไรแบบนั้น

“ เออ กูเห็นด้วยนะ ” ผมหันไปบอกอีกคนก็พยักหน้ารับ กราฟฟิคชื่อที่ผับที่ถูกออกแบบ มันไม่ได้ดูฉูดฉาดมากด้วยลายเส้นของอักษรแบบแข็งๆ แต่กูเป็นอักษรที่ให้ความเท่ห์แบบผู้ใหญ่ ที่ก็ดูไม่จริงจังจนเกินไป ซึ่งกว่าจะได้มาเป็นลายที่อาฟพึงพอใจ ผมก็ไปทะเลาะตบตีด้วยวาจากับคนออกแบบอยู่นานพอดู

เป็นช่วงเวลาที่ถ้าการถอนหายใจออกมาเยอะๆจะทำให้ตายเร็ว ไม่ช้าไม่นานผมคงจากโลกนี้ไปอย่างสงบ

“ มึงจัดการแล้วกัน ” อาฟบอก ผมก็พยักหน้ารับ

“ โอเค ” จดสิ่งที่ถูกสั่งลงไปในสมุดเล่มเล็ก ที่พกอยู่ประจำ ก่อนจะหันไปเห็นกำหนดการประจำวันนี้ที่ผมจดไว้เมื่อหลายวันก่อน “ อาฟ วันนี้จะมีเซลล์เข้ามาคุยกับมึงนะ เซลล์เหล้า เค้าจะเอาเหล้าตัวใหม่มาเสนอมึง ”

“ กี่โมง ”

“ ช่วงสามทุ่ม ” ผมบอก “ เดี๋ยวกูจองโต๊ะตรงวีไอพีชั้นสองไว้ให้เหมือนเดิมนะ ”

“ อื้ม ”

“ เซลล์เหล้านี่มันก็ขยันเอามาขายจริงๆเลยว่ะ ” น้องอัยย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมบอก “ เดือนนึงเฮียเจอเซลล์เข้าเหล้ากี่เจ้าวะ ถามจริง ”

“ เดือนนี้รวมคนนี้ก็ห้าแล้ว ” ผมยิ้มก่อนจะยกไหล่ให้น้อง


“ มันก็งานของเค้า อีกอย่างถ้าขายเหล้าในผับดังได้ ยอดมันก็ขึ้นอยู่แล้วในกรณีที่รสชาติมันถูกใจ แล้วเป็นกระแสกำลังมา อย่างเหล้าตัวที่คนไทยทำเองที่มันเป็นกระแสอยู่พักนึงที่เราเอามาขาย มันก็ขายดีมากนะ เพราะคนอยากลองชิมว่าเป็นยังไง ”

“ แล้วพอเราขายได้ ผับอื่นก็ต้องอยากจะได้ตาม มันคือกลไกการขายอย่างนึง ” ผมเสริมคำพูดของเจ ที่ก็พยักหน้ารับตาม แต่ไม่ใช่กับทั้งน้องเดย์น้องอัยย์ “ ทำไมทำหน้าอึ้งอย่างงั้นวะ ”

“ มันโง่ มันไม่เข้าใจที่พวกมึงพูดกันหรอก เหมือนสีซอให้ควายฟังนั่นแหละ ”

“ แรงมากสัดพี่มึง ” น้องเดย์เอามือกุมอกตัวเองก่อนจะมองพี่ชายที่ก็ถอนหายใจออกมาหน่ายๆ “ แต่ถึงอยากจะเถียงว่าไม่ใช่ กูก็ได้แต่เก็บนิ่ง เพราะ ใช่ กูไม่เข้าใจอะไรเลยที่พูดกัน ”

“ สงสารพ่อกับแม่ที่ต้องควายเรียนจริงๆ ” เจบอกเสริม

“ งั้นพวกพี่มึงฉลาดๆ ก็มาชงเหล้าขายแทนกูทีมา ” น้องอัยย์พูดขึ้นด้วยท่าทางหาเรื่อง ผมก็ได้แต่ยกนิ้วโป้งให้

“ เอาอีกๆ ” ผมยุ

“ ถ้าไม่มีพวกกูที่ชงเหล้าเก่งๆ throw up มันก็ไม่ดังหรอกเว้ย ”

“ ยอดเยี่ยม ” ปรบมือให้น้องที่ก็กอดอกเชิดหน้าใส่ทั้งไอ้อาฟไอ้เจที่ก็เหลือบมองคนตรงหน้าแบบยกยิ้ม

“ นับวันๆ ก็ยิ่งจะกวนตีน ” อาฟพูดตอนที่วางเบียร์ลงกับที่รองแก้ว

“ หมายถึงน้องอัยย์ ? ” ผมหันไปถาม

“ มึงนั่นแหละ ”

“ กูไม่ได้กวนตีน ก็พวกมึงแม่งชอบพูดไม่รักษาน้ำใจน้อง พอคุยอะไรกันแล้วพวกมันไม่รู้เรื่องมึงก็ด่ามันควายละ คนเรามันมีอะไรที่ถนัดไม่เหมือนกัน แล้วควายมันฉลาดจะตาย มันไม่ได้โง่เลยไม่งั้นมันจะไถนาได้เหรอวะถามจริง ”

“ อะเมด ” เจยื่นขวดน้ำที่ตั้งอยู่ไม่ไกลให้ผม “รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพโลก “ เสียงปรบที่ดังขึ้นมาจากทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่เว้นแม้แต่ไอ้อาฟที่ก็เอากับเค้าด้วย

“ ไอ้สัด ” ผมหลุดยิ้มออกมาก่อนจะเอาขวดน้ำนั่นไปตั้งไว้ที่เดิม

“ พี่เมดปกป้องน้องตลอดเลย เนี้ย เลิกกับสัดพี่เมื่อไหร่ แอดไลน์มานะ ดีจุดดีเอวาย มีวายสี่ตัวนะไม่มีแอดข้างหน้านะครับ ”

“ ได้ “ ตอบรับออกไป คนพูดก็เม้มริมฝีปากก่อนจะหันไปมองพี่ชายตัวเอง

“ กูไม่ผิดนะ พี่เมดอ่อยกูก่อน ”

“ กลับไปนอนฝันมั้ย ” อาฟบอกผมก่อนจะหันไปมองน้องชายตัวเอง “ อะไรแบบนั้นพวกมึงไปนอนฝันน่าจะเกิดขึ้นง่ายกว่า ”

“ ก็คือ จะไม่ทางเลิกกับเมดนั่นเองนะครัช ” เจพูดแซวเพื่อตัวเองก่อนจะยกเบียร์ขึ้นกินแบบยิ้มๆ ตอนนั้นทั้งผมทั้งอาฟก็ได้แต่เงียบทำทีเป็นไม่สนใจเสียงโห่แซวที่ดังขึ้นมา แล้วก็นั่งแข่งกันว่า หูใครจะแดงกว่ากัน

เงยหน้าจากงานเอกสารตรงหน้า ตอนที่เหลือบมองเวลาจากหน้าจอที่ใกล้จะสามทุ่ม จัดการเซฟงานของตัวเองที่เสร็จแล้วเรียบร้อย พับหน้าจอคอมลงก่อนจะหยิบเอาสมุดจดงานที่เผื่อต้องจดอะไรเกี่ยวกับการสั่งเหล้าที่ต้องคุยกับเซลล์วันนี้ ผมลุกเดินลงไปชั้นล่าง

วันนี้ที่ผับคนเยอะมากอย่างไม่ต้องคาดเดา อาฟไม่ขึ้นมาชั้นบนเลย ทั้งๆที่ปกติมันจะขึ้นมาเล่นเกมส์บ้าง ไม่ก็ตรวจบัญชีแต่คืนนี้มันกลับนั่งภูมิอกภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองคิดและนั่งดูผลตอบรับอย่างไม่วางตาด้วยความสุข แต่ถ้าเป็นผมก็คงต้องเป็นอย่างงั้น เริ่มยอมรับแล้วว่ามันเป็นคนเก่งมากจริงๆ สำหรับ throw up อาฟช่างสรรหาสิ่งใหม่ๆ กล้าลงทุนแล้วก็พัฒนาอยู่ตลอดเลย

“ น้องเมด เซลล์มาแล้วนะ ” พี่ซองเดินเข้ามาทักตอนที่ผมปิดประตูตรงส่วนของทางขึ้นชั้นสามลงพอดี ผู้จัดการร้านเชิดหน้าไปด้านหลัง ผมก็สบตากับผู้ชายคนนั้นพอดี เราก้มหน้าทักทายกัน

“ สวัสดีครับ ” อีกคนเอ่ยทักก่อนจะยกมือไหว้ผมที่ก็ยกมือไหว้ตอบรับ

“ นี่น้องเมดนะครับ เป็นเลขาของคุณอาฟเจ้าของผับ ” พี่ซองแนะนำผมกับอีกคนที่ก็ส่งยิ้มกว้างมาให้ “ ส่วนนี่น้องต่อนะน้องเมดเป็นเซลล์ที่นัดเราไว้ ”

“ สวัสดีครับ แต่เมดน่าจะอายุน้อยกว่า งั้นเรียกพี่ว่า พี่ต่อนะ ”

“ ได้เลยครับผม ” อีกคนยิ้มรับ มือก็กระชับกระเป๋าของตัวเองไว้ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว

มองการแต่งตัวที่ดูรับการรูปร่างบวกกับท่าทางนั้นผมก็ได้แต่คิดในใจว่าเค้าคงทำงานนี้มาหลายปีแล้วแน่นอน รอยยิ้มที่ดูมีเสน่ห์เหมาะสมกับการเป็นเซลล์แบบชนิดที่ว่า ถ้าเจ้าของผับเป็นผู้หญิงเค้าคงพูดจาหวานๆ เพื่อให้ซื้อเหล้าไปในที่สุดแน่นอน บวกกับใบหน้าหล่อคมที่รับกับคิ้วเข้มนั้นแล้วด้วย ท่าทางต้องหลงอยู่ในวังวนแบบมีตัวอย่างเหล้าเท่าไหร่ก็ต้องขอซื้อไว้หมด ขนาดสาวๆลูกค้าในผับยังหันมามองเค้าตาไม่กระพริบเลย

“ งั้นขึ้นไปคุยงานกันข้างบนดีกว่าครับ เมดจองโต๊ะไว้ให้แล้ว ”

“ โอเคครับ ” ผมเดินนำขึ้นไปด้านบนชั้นสองที่เป็นส่วนของวีไอพีที่ค่อนข้างจะเงียบกว่าโซนอื่นสักหน่อย ตรงโต๊ะตัวในสุดที่ค่อนข้างส่วนตัว ผมผายมือออกไป

“ เชิญนั่งเลยครับพี่ต่อ ” อีกฝ่ายนั่งลงก่อน ก่อนที่ผมจะนั่งลงที่ฝั่งตรงกันข้าม หนุ่มร่างสูงหันไปมองรอบๆไม่รู้ว่าเค้าจะคิดว่ามันเสียงดังเกิดไปรึเปล่า แต่ผมเองก็เคยบอกกับอาฟแล้วว่าให้ไปคุยกันที่ชั้นสาม แต่อาฟก็บอกปัดแค่ว่า มันไม่ได้อารมณ์ในการกินเหล้าเท่าไหร่ ไม่ค่อยรู้รสถ้าไม่มีเสียงเพลง ซึ่งก็ไม่เข้าใจหรอกว่าอะไรแบบนั้นมันมีในโลกด้วยเหรอ

“ ที่นี่คนเยอะมากเลยนะครับ ”

“ พี่เพิ่งเคยมาครั้งแรกเหรอครับ ” ผมชวนเค้าคุยอีกคนก็หันมายิ้มให้

“ ใช่ครับ พอดีพี่ไม่ได้วิ่งโซนนี้น่ะ เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งงานแล้วก็มาวิ่งโซนนี้เป็นเดือนแรกเลย ” ผมขมวดคิ้วน้อยๆกับคำว่าวิ่งโซนนี้ของเค้า อีกคนก็ยิ้ม “ คงไม่เข้าใจคำว่าวิ่งโซนนี้ใช่มั้ยครับ ”

“ ครับ ”

“ ปกติพี่ไม่ได้ขายเหล้าให้ผับโซนนี้น่ะ ขายให้กับโซนอื่น ” พยักหน้ารับเข้าใจ ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะกดพิมพ์ข้อความส่งไปให้เจ้าของผับที่นั่งอยู่ด้านล่าง

‘ ขึ้นมาที่ชั้นสองได้แล้ว เซลล์มาถึงแล้ว ’ กดปิดหน้าจอมือถือหลังจากที่ส่งข้อความนั่นเสร็จ ผมเงยหน้าขึ้นคุยกับคนตรงหน้าอีกครั้ง “ แล้วพี่ต่อทำงานเป็นเซลล์มานานแล้วเหรอครับ ”

“ ก็ตั้งแต่เรียนจบเลยครับก็ สัก สี่ปีได้แล้ว ”

“ นานอยู่เหมือนกันนะครับ”

“ แล้วน้องเมดละ เพิ่งเรียนจบเหรอ ”

“ ผมยังเรียนไม่จบเลยครับ ยังเรียนอยู่ปีสี่อยู่เลย แต่ได้ทำงานไปด้วยแล้วก็เรียนไปด้วยกันน่ะ ”

“ ก็ว่าทำไมหน้ายังเด็กอยู่ ” พยักหน้ารับแบบยิ้มๆ ส่วนเจ้าของผับอายุเท่ากันแต่ไม่สามารถอ้างอิงอายุจากหน้าได้อย่างแน่นอน “ แล้วเจ้าของผับเค้าเป็นไง ดุมั้ย ”

คำถามที่ทำให้ผมหลุดยิ้ม กำลังคิดอยู่ว่าจะตอบยังไงดี ให้ดูไม่น่าเกลียด เพราะถามว่าดุมั้ย ก็บอกได้ว่า เป็นเสือยิ้มยากมากกว่า และถ้าถามว่ายิ้มดีกว่าหรือไม่ยิ้มดีกว่า ก็ขอตอบว่า ไม่ยิ้ม เพราะเวลาอาฟยิ้มให้คนไม่สนิท ก็มักไม่มีเรื่องที่ดีเลย

“ เค้าเป็นคนไม่ชอบยิ้มน่ะครับ ” ตอบออกไปแบบนั้นอีกคนก็พยักหน้ารับ “ แต่ก็มีเหตุผล คุยง่ายครับ ”

“ ตื้อได้ใช่มั้ย ”

“ ไม่คิดว่าจะได้ครับ ” ส่ายหน้าเป็นคำตอบพี่ต่อก็ยิ้มกว้างมาให้ผม “ ผมว่าพี่ต่อน่าจะฟังใครๆพูดมาบ้างแล้วเกี่ยวกับเจ้าของผับ ผมพูดถูกมั้ย ”

“ ก็ถูก ” อีกคนพยักหน้ารับ ตอนที่จ้องหน้าผมเค้าก็เอ่ยชม “ เป็นคนเดาสถานการณ์จากสายตาได้เก่งนะเราน่ะ ”

“ ขอบคุณครับ ” ผมยิ้มรับคำชม “ แต่ใครๆก็เป็นไม่ใช่เหรอครับพี่ แบบว่า ถ้าเรารู้จักคนในสายงานเดียวกันแล้วเค้าเป็นคนที่เคยทำงานกับคนที่เราจะร่วมงานด้วยมาแล้ว เราก็ต้องถามอยู่แล้วว่าอีกคนเป็นยังไง แล้วก็มีอะไรที่เราต้องระวังบ้าง ”

“ ก็ใช่ ”

“ แล้วพี่ฟังมา เค้าว่าเจ้าของผับนี้เป็นยังไงละ ” ถามด้วยความอยากรู้ อีกคนก็นิ่งไปตอนที่ผมยิ้มให้

“ เพื่อนพี่บอกว่าเค้าไม่ชอบคนพูดตื้อๆ แต่ชอบคนพูดด้วยเหตุผลมากกว่า แต่เหมือนเพื่อนพี่จะลืมบอกอย่างนึง ”

“ อะไรครับ ”

“ มันลืมบอกว่า เลขาเจ้าของผับน่ารักมาก ” บทสนทนาที่ลื่นไหลเงียบลงไปทันทีตอนที่เค้าพูดแบบนั้น ผมที่กำลังยิ้มอยู่หุบยิ้มลงทันที แตกต่างจากอีกฝ่ายก็ไม่ได้รู้สึกว่าคำพูดนั้นเป็นอะไรที่สมควรพูดสักเท่าไหร่ พี่ต่อยังคงถามผมต่อไป “ แล้วน้องเมดมีแฟนรึยังครับ ”

“ มีแล้ว ” ไม่ใช่เสียงผมที่ตอบแต่กลับเป็นเสียงของคนมาใหม่อย่างอาฟที่เดินเข้ามาใกล้เรา มันที่ยิ้มให้กับคนตรงหน้าผมก่อนจะตอบคำตอบนั้นให้ชัดเจนมากขึ้น “ แล้วก็ผมเองครับ ที่เป็นแฟนเมด ”

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 34.2:: up! 12-8-61} #หน้า 28,29
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 17-08-2018 20:23:29
ทุกอย่างดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างฉับพลัน สายตาของอาฟที่มองเซลล์ขายเหล้าอย่างไม่วางตตา ชวนให้ผมลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง แม้กระทั้งพี่ต่อเองก็ยังเม้มริมฝีปากด้วยท่าทางที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง เค้าคงพอเดาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นออกว่ามันคือการหึงหวง แต่ที่เค้าอาจจะไม่รู้ก็คือ คนตรงหน้าที่กำลังจ้องด้วยสายตานิ่งๆนั่นคือเจ้าของผับ

“ เอ่อ พี่ต่อครับ นี่คุณอาฟ เจ้าของผับ แล้วก็ อาฟนี่พี่ต่อเซลล์ขายเหล้าที่มาติดต่อเราไว้ ”

“ สวัสดีครับ คุณอาฟ ผมเป็นตัวแทนมาจาก..”

“ ไม่ซื้อ ” อาฟบอกตัดประโยคก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบด้วยซ้ำ นามบัตรที่เหมือนจะถูกดึงขึ้นจากกระเป๋าเสื้อนั่นถูกชะงักหยุดไปแทบจะทันที แต่เพราะเสียงเพลงที่ดังอยู่ด้านล่างกับสถานการณ์ที่ควรเกิดขึ้นเลยทำให้คนเป็นเซลล์เอ่ยถามย้ำ แล้วยิ้มงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนว่า เค้าอาจจะกำลังจะเข้าใจผิดไป

“ อะไรนะครับ ”

“ ไม่ซื้อ เหล้าของคุณผมไม่ซื้อ ” พูดแบบนั้นเสียงเรียบๆก่อนจะหันมามองผมแล้วคว้าเข้าที่ข้อมือ อาฟออกแรงดึงให้ผมเดินออกมาจากตรงนั้นแต่ทว่าก็โดนพี่ต่อขัดไว้ก่อน

“ เดี๋ยวก่อนสิครับ คุณยังไม่ได้ฟังเลยว่าผมมาจากไหน บริษัทอะไร ไม่ซื้อแล้วเหรอครับ ”

“ ใช่ ” อีกคนบอกก่อนจะส่งยกยิ้มมุมปากไปให้ “ กูมีสิทธิ์จะซื้อหรือว่าไม่ซื้อเหล้าของใครอยู่แล้ว เพราะกูเป็นเจ้าของผับถูกมั้ย แล้วกูก็ไม่ซื้อของมึง ”

“ อาฟ ” ผมจับมืออีกคนเรียกสติให้พูดคุยกับอีกฝ่ายดีๆ แต่เหมือนมันที่กำลังหงุดหงิดจะแค่หันมามองผมด้วยแววตาที่เหมือนบอกกันว่าให้ผมเงียบไปท่าจะดีกว่า

“ มึงเงียบปากไปเลยเมด ”

“ แล้วเหตุผลที่คุณจะไม่ฟังผมเลยนี่คือ.. ”

“ เพราะมึงมายุ่งกับแฟนกู ซึ่งนั่นเป็นสิ่งต้องห้าม ” พูดแบบนั้นด้วยเสียงนิ่งๆ จนคนเป็นเซลล์ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เค้าหันไปมองทางอื่นราวกับจะบอกว่า นี่มันเป็นเหตุผลที่ไร้สาระจนเค้าไม่อยากจะรับได้ว่ามันคือเหตุผล

“ ผมไม่ได้ยุ่งกับแฟนคุณเลย ก็แค่ถาม ชวนคุยเพราะเค้าก็เป็นคนช่างพูด  แล้วก็ชมในสิ่งที่เค้าเป็น ก็เค้าน่ารัก การชมที่ชมว่าใครคนนึงน่ารัก ไม่ได้บอกว่าผมจะชอบเค้านะครับคุณ ”

“ งั้นคนของกูก็ร่านไปคุยกับมึงเองงั้นสิ ” อาฟหันมามองผมตอนที่มันพูดคำนั้น สายตาของเราสบกันแต่ผมกลับไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ได้แต่มองมันที่กล่าวโทษผมด้วยคำพูดเหี้ยๆนั่นออกมาด้วยความรู้สึกที่เหมือนจะชาไปทั้งร่าง ก็พอรู้ว่าอาฟเป็นคนปากร้ายเวลาหงุดหงิด แต่ที่ไม่คิดว่ามันจะด่าผมต่อหน้าคนอื่นแบบนั้น

อาฟในตอนนี้มันเหมือนคนที่กำลังหึงหวงอย่างขาดสติ ไม่รู้หรอกว่ามันได้ยินพี่ต่อพูดตั้งแต่ตอนไหน จะเป็นคำที่เค้าชม หรือจะเป็นประโยคที่ถาม ผมไม่รู้เลยว่าอะไรคือสิ่งที่จุดชนวนความรู้สึกหงุดหงิดนั้น แต่ไม่ว่าจะเป้นอะไรก็ตามทุกอย่างดูเล็กน้อยไปหมด ก็เหมือนอย่างที่ผมบอกวิว อาฟเป็นคนที่สุดกับสุดอย่างสำหรับผม และตอนนี้มันกำลังหึงหวงผมอย่างที่สุด จนทำให้ผมรู้สึกว่า  .. มันกำลังมากเกินไป

“ พูดให้มันดีๆหน่อย นั่นแฟนคุณนะครับ ให้เกียรติเค้าด้วย ”

“ ไม่ต้องเสือก กูจะพูดอะไรมันก็เรื่องของกู ” อาฟยังคงต่อคำพูดกับอีกคนอย่างไม่ยอมแพ้มันที่มองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆด้วยแววตาที่ลดละความโกรธ แล้วต่อให้ผมเอื้อมมืออีกข้างมาจับมันไว้อาฟก็ยังไม่เย็นลง

“ คุณอาฟครับ ผมว่าเรามาคุยเรื่องเหล้ากันดีกว่ามั้ย ” พี่ต่อที่เงียบไปหลายนาทีเพื่อตั้งสติหันมาคุยกับอีกคนอย่างใจเย็น แต่ทว่าอาฟก็ไม่ได้เป็นคนที่พูดง่ายขนาดนั้น ตอนนี้อารมณ์มันกำลังขึ้นสูงและไม่มีทีท่าเลยว่าจะลด “ ผมขอโทษแล้วกันที่ชมแฟนคุณ “

“ กูไม่ซื้อ จะให้กูต้องพูดอีกกี่ครั้ง ไม่ซื้อก็คือไม่ซื้อ แล้วก็เอาเหล้ามึงกลับไปได้แล้ว รำคาญ ” บอกปัดแบบนั้นก่อนจะย้ำเสียงคำสุดท้ายด้วยท่าทางที่พร้อมจะสวนหมัดใส่อีกฝ่ายทันทีถ้าเกิดว่าเค้าพูดอะไรไม่เข้าหูหรือสั่งสอนมันด้วยคำพูดมีเหตุผลอีกสักครั้ง

“ มึง “

“ เงียบ! ” เสียงนั้นที่หันมาตะคอกผมได้แต่นิ่งไปในตอนที่อาฟดึงผมให้เดินออกมาจากตรงนั้น ท่าทางหงุดหงิดของมันชวนให้คนที่กำลังเดินผ่านไปมาถึงกลับต้องก้มหน้าแล้วก็หยุดนิ่งไม่กล้าจะเข้าใกล้

มือนั่นที่กำข้อมือของผมมันกำไว้แรงด้วยความหงุดหงิดที่มือจนผมรู้สึกเจ็บ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับความรู้สึกปวดหนึบที่อยู่ในใจของผมตอนนี้ ที่กำลังร้องไห้และผ่อนลมหายใจเหนื่อยอ่อนอย่างที่สุดกับสิ่งที่ได้เจอ ‘ อีกแล้วเหรอวะ ไม่ว่ายังไงก็หนีคนประเภทนี้ไม่พ้นเหรอวะ ’

เปิดประตูเดินขึ้นไปที่ชั้นสามที่เงียบจนได้ยินแต่เสียงของลมหายใจ และวินาทีที่ประตูห้องถูกเปิดและปิดลงตัวผมก็ถูกเหวี่ยงเข้ามาในห้อง ข้อมือของผมถูกปลดออกจากการจับกุมแล้วตอนที่ก้มลงมองดูผมพบว่ามันขึ้นสีแดงขึ้นชัดเจนเพราะการถูกกดรัดอย่างแรง

“ ถามจริง มึงเป็นเหี้ยอะไรขึ้นมาวะ ” ผมถามมันตอนที่เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าที่มีแต่คำถามจ้องแววตาคมที่ผละสายตาจากการมองข้อมือผมขึ้นมาสบตากัน อาฟนิ่งไป “ มึงกำลังทำให้ตัวมึงดูเหมือนคนบ้านะรู้ตัวมั้ย มีสติหน่อย คิดหน่อยสิวะ ว่าอะไรควรไม่ควร มีสติหน่อยสิมึง ”

 “ กูมากกว่ามั้งที่ต้องถามว่ามึงเป็นเหี้ยอะไรถึงได้ไปยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับไอ้เหี้ยนั่นตั้งนานสองนาน  ทำไม ? ” เสียงทุ้มถาม “ ชอบมันเหรอ อยากจะตอบรึเปล่าว่ายังไม่มีแฟน ตอนเค้าชมว่าน่ารักก็เห็นทำท่าทางจะชอบนี่ แต่ก็อย่างว่า มึงชอบนี่พวกผู้ชายท่าทางดีๆแล้วก็ปากหวานๆ ”

“ อาฟเลิกดูถูกกู ”

“ แล้วที่กูพูดมันผิดตรงไหน ”  อีกคนเอียงหน้ายิ้มๆ เหมือนกำลังจะดูถูกกัน “ ถามจริง มึงสั่นไปหมดทั้งตัวแล้วรึเปล่าตอนที่ได้ฟังมันชม ว่าน่ารัก ”

“ หยุดพูดเหี้ยๆแบบนั้นกับกูนะไอ้สัด! ” ตะโกนออกไปใส่อีกคนอย่างไม่เคยทำ อาฟที่ก็นิ่งไป ผมจ้องมองมันด้วยแววตาที่สั่นไหวไปหมด โกรธก็โกรธ เสียใจก็เสียใจ ทุกความรู้สึกปะปนจนแยกไม่ออกแล้วว่าอะไรมันมากกว่ากัน ผมสูดลมหายใจเข้าปอดกำหมัดที่ตัวเองกำลังโกรธนั่นแน่นก่อนจะคลายออกเบาๆ ผมรู้ว่าอาฟเป็นยังไง ผมพยายามบอกตัวเองแบบนั้น มันกำลังโกรธถ้าผมโกรธด้วยทุกอย่างจะพัง เพราะงั้นมันต้องตั้งสติ ผมต้องมีพูดด้วยเหตุผล “ มึงด่าเหมือนกูแม่งไปอ่อยเค้าทั้งๆที่กูไม่ได้ทำอะไรเลย ก็คุยไปตามปกติ ”

“ คนปกติมันชมว่ามึงน่ารักงั้นเหรอ ” อีกคนยกยิ้มถาม “ คำถามมีเป็นร้อยเป็นเหี้ยอะไรถึงต้องมาถามว่ามึงมีแฟนรึยัง ”

“ เค้าก็แค่ถาม อย่าไปสนใจนักได้มั้ยวะ แล้วแค่เค้าถามแค่นี้ มึงถึงขั้นด่าว่ากูร่านเลยเหรอวะ มึงด่ากูต่อหน้าเค้า มึงคิดบ้างมั้ยวะ ว่ากูจะอาย คิดถึงใจกูบ้างมั้ย ว่ากูจะรู้สึกยังไง  ”

“ แล้วทำไมมึงไม่ด่ากลับ มึงจะยืนเงียบทำไม ”

“ กูไม่ทำ ” ผมเถียงมัน “ เพราะกูรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ที่กูยืนนิ่งเพราะกูคิดว่ากูไม่อยากจะเอาเรื่องส่วนตัวของกู ไปยืนด่ามึงในที่สาธารณะแบบนั้น ไม่ควรยืนด่ามึงต่อหน้าอื่น ไม่ควรให้เค้ารู้ว่าแฟนกูมันเหี้ยยังไง แล้วมึงละ กูเป็นอย่างที่มึงพูดจริงๆเหรอ หรือว่ามึงก็แค่พูดไปเป็นคำพูดติดปากไปแล้ว เวลาใครเข้ามายุ่งกับกู กูก็ร่านแล้วทั้งๆที่กูไม่ได้เคยเข้าไปยุ่งกับใครก่อนเลย ” อีกคนถอนหายใจออกมายาวๆ อาฟหันไปทางอื่นสักพักก่อนจะหันมามองผม ” แล้วคิดดูว่าเมื่อกี้ คนที่ปกป้องกูเป็นเค้าอะ มึงทำให้คนอื่นมาปกป้องกูทั้งๆที่มันควรจะเป็นมึงที่ต้องปกป้องกูอะอาฟ ”

“ มึงก็น่าจะชอบไม่ใช่เหรอ อะไรแบบนั้น ”

“ ไอ้สัด! ฟังกูบ้างสิวะ ฟังที่กูพูดบ้าง ” ผมตะโกนใส่มัน “ สิ่งที่มึงทำมันทุเรศรู้ตัวบ้างมั้ย ”

“ นั่นมันเรื่องของกู ” ผมถอนหายใจออกมาตอนที่อีกคนบอกปัดแบบนั้นอย่างไม่ยอมแพ้

“ มันไม่ใช่แค่เรื่องของมึง นี่มันงานนะเว้ยนี่มันคือเรื่องของธุรกิจ แล้วก็เรื่องภาพลักษณ์ของเจ้าของผับอย่างมึง มึงจะให้คนอื่นเค้าพูดถึงถึงมึงรึไงว่าเป็นพวกหวงแฟนจนเสียสติ มึงจะให้เค้ามองกูว่าเป็นพวกแตะต้องไม่ได้ มึงจะให้เค้ามามองว่าแฟนมึงอย่างกูเป็นพวกร่านที่ชอบมาคุย แต่อย่าไปชวนคุยด้วยงั้นเหรออาฟ ” ถามมันออกไปอีกคนก็ได้แต่นิ่ง “ มึงจะมาทำแบบนั้นกับพี่ต่อไม่ได้นะ ”

“ พี่ต่อเลยเหรอวะ ” อาฟหันมาถามพลางยกยิ้ม “ นี่มึงรู้ชื่อมันด้วยเหรอ ”  ถอนหายใจออกมาตอนที่ดูเหมือนว่าอาฟจะไม่ฟังอะไรเลยถึงเหตุผลที่ตัวเองทำผิดไป มันยังคงเอาแต่ความคิดตัวเอง แล้วก็คิดอยู่ตลอดทุกวินาทีในตอนนี้ว่าคนคนนั้นเป็นคนในแบบที่ผมชอบ มันที่มั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องสนใจผม จากคำพูดและคำถามที่อีกคนเอ่ยถามและชมอย่างไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงความคิดนี้ได้

“ ก็เค้าแนะนำตัวให้กูรู้จัก ” ถอนหายใจออกมาผมเหมือนหมดแรงที่จะพูดคุยกับมันลงไปทุกทีแล้ว “ คือมันไม่มีอะไรไง มีเหตุผลหน่อยสิวะมึง อย่าคิดว่าคนที่เข้ามาคุยกับกูเค้าจะชอบกูอย่างเดียว บางทีเราก็แค่คุยกันเฉยๆ  เค้าก็ชมไปอย่างงั้นแหละ เพราะมันก็เป็นแค่ประโยคนึงที่ไม่มีอะไร อย่าทำให้มันต้องเป็นเรื่องใหญ่ได้มั้ย ลงไปคุยกับเค้าเถอะ ขอโทษเค้าสักคำ ”

“ กูไม่ทำ ” เสียงทุ้มนั้นพูดออกมาสั้นๆ “ ทำไมกูต้องไปขอโทษคนที่มันจะมาจีบเมียกูด้วย ”
 
เราเงียบให้กันหลังจากที่ผมได้ยินประโยคนั้น อาฟยืนอยู่ฝั่งนึง ผมเองก็ยืนอยู่อีกฝั่งนึง เรามองหน้ากันแต่กลับไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำเดียว หวนคิดถึงคำพูดที่พูดกับน้องชายตัวเองไว้เมื่อหลายวันก่อนที่ผมชมมันว่าอาฟเป็นแฟนที่ดีแค่ไหน ‘ แต่มันยังไม่เห็นกันทุกด้านไง ’  ใช่ มันเป็นแบบที่พูดไว้ไม่ผิดเลย แล้วตอนนี้ผมก็กำลังจะได้เห็นอีกด้านนึงที่ตัวเองไม่คิดเลยว่าจะอยากเห็น

“ เค้าไม่ได้จีบกูอาฟ เค้าแค่มาขายเหล้ามึง แล้วที่เค้าชมกูว่าน่ารักเค้าก็แค่ชมไปตามมารยาทมากกว่า ส่วนคำถามที่เค้าถามว่า กูมีแฟนรึยัง นั่นก็เป็นคำถามที่ต้องถามต่อมามันก็เท่านั้น แล้วกูก็คิดว่า แค่กูตอบว่ามีแฟนแล้ว นั่นก็คือจบ ”

“ มึงคิดแง่ดีเกินไปรึเปล่า หรือจะให้มันส่งข้อความมาจีบมึงก่อน โทรมาหามึงก่อน แล้วก็รอให้มึงรู้สึกชอบมันก่อนกูถึงจะเริ่มรู้สึกได้ว่า กูต้องหึง ”

“ มึงพูดเหมือนกูแม่ง เป็นคนที่ใจง่ายโคตรๆ แบบที่แค่เค้าคุยด้วยกูก็ยอมคุยด้วยแล้ว มึงพูดเหมือนกูโง่ ดูไม่ออกว่าคนนี้เข้ามาจีบหรือจะเข้ามาคุยงาน ” ผมเถียงมัน “ มึงบอกต่อหน้าเค้าว่ากูแม่งร่านอะ ตอนนั้นกูโคตรอยากจะต่อยมึงเลย แต่กูก็ไม่พูดอะไรเพราะกูให้เกียรติมึง ทั้งๆกูไม่รู้ว่ากูจะให้เกียรติมึงไปทำไม มึงกำลังหยามกูด้วยซ้ำ มึงกำลังด่ากูว่ากูร่านอะอาฟ ตั้งแต่คบกันมา กูเคยทำอะไรที่เรียกว่า ร่านเลยเหรอวะ กูอ่อยใครให้ให้มึงดูเหรอวะ กูไม่เคยเลย แต่มึงว่ากูอะ มึงคิดว่ามึงทำถูกแล้วเหรอ มึงคิดว่าไอ้สิ่งที่มึงกำลังทำทุกอย่างอยู่ตอนนี้ มึงคิดว่ามึงทำถูกแล้วเหรอ ” ตะโกนถามด้วยอารมณ์ที่อีกฝ่ายก็ได้แต่นิ่ง “ มีเหตุผลหน่อยสิวะ กูขอร้องละมึง ถ้ามึงยังไม่มีเหตุผลต่อไปแบบนี้ เราจะอยู่ด้วยกันลำบากนะมึง อย่าทำให้เราต้องมาอึดอัดต่อกันสิว่ะ มึงกำลังทำให้เรารักเราพังนะ มีเหตุผลหน่อยสิ ”

“ แล้วทำไมมึงไม่ยอมวะ ” คำถามของอีกฝ่ายทำให้ผมจุกไปจนแทบพูดอะไรไม่ออก “ ทำไมไม่คิดบ้างวะ ว่าเพราะกูรู้สึกกับมึงมากขนาดนี้ไง กูถึงต้องเป็นแบบนี้ กูต้องเหมือนคนบ้าขนาดนี้ ที่กูไม่อยากจะให้ใครใกล้มึง ไม่อยากจะให้ใครมายุ่ง เพราะว่ากูรักมึงมากไง มึงเป็นแฟนกู มึงเป็นคนคนของกู ทำไมกูต้องมาให้คนอื่นชม ทำไมกูต้องให้คนอื่นมันมาทำให้มึงรู้สึกดีกับคำพูดพวกนั้น ใครจะทนได้ก็ทนไป กูไม่ทน กูไม่ชอบ! ”

“ อาฟ ” เอื้อมมือไปจับมือมันแล้วพยายามใจเย็นอย่างที่สุด “ แต่ทุกอย่างมันต้องมีความพอดีนะ มึงจะหึงกูก็ได้แต่มันต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่เพราะเค้ามาชมกู ”

“ แล้วมันต้องขนาดไหนกูถึงหึงมึงได้ หึงมันก็คือหึง ก็กูหึง มันก็เท่านั้น มึงจะให้กูใช้เหตุผลอะไรมากมาย กูรักของกู กูก็หึง กูก็หวงของของกู ”

“ กูรู้ กูก็หึงมึงเหมือนกัน ถ้ามีใครมายุ่งก็กูไม่ชอบ แต่ไม่ใช่แค่ว่าลูกค้าเข้ามาคุยกับมึง บอกว่ามึงหล่อกูจะโกรธมึงเป็นฝืนเป็นไฟแล้ว คือมันไม่ใช่ไงอาฟ ” ผมบอกมันก่อนจะถอนหายใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบ ” คือมึงก็ไม่ผิดที่มึงจะหึงกูหรือจะหวงเพราะเราเป็นแฟนกัน แต่มันมากเกินไปนะอาฟกูไม่อยากให้เราอยู่แบบอึดอัด ลดหน่อยเถอะว่ะ กูไม่อยากอยู่แบบต้องทนอยู่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ”

“ แล้วทำไมพอเป็นกูมึงทนไม่ได้วะ ” สายตาคมนั่นหันมาถาม “ ทำไมพอเป็นไอ้บินมึงทนแม่งได้ทุกอย่าง มึงทนมันได้สารพัด แต่ทำไมพอเป็นกูกับเรื่องแค่นี้มึงก็ทนไม่ได้แล้ว ทำไมวะเมด เพราะมึงไม่ได้รักกูเท่ามันเหรอ ” มือของผมที่กุมมือของอีกคนไว้ถูกปล่อยลงตอนที่อีกคนถามกันออกมาแบบนั้น

ราวกับเชือกหนาที่เรากำด้านปลายไว้คนละฝั่ง ยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมแพ้ ผมมีความต้องการนึง อาฟมีความต้องการนึง ผมยอมในสิ่งที่มันขอร้องไม่ได้และอาฟเองก็เช่นกัน และสุดท้ายเชือกที่เรายื้อยึดกันอยู่นานมันก็ขาดสะบั้นลงอย่างสิ้นเชิง

ผมมองหน้าคนตรงหน้าด้วยแววตาสั่นไหว มันชาไปทั้งใจ รู้สึกจุกราวกับโดนใครต่อยอัดลงอย่างแรงแบบไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะเอ่ยถามเสียงสั่นๆกับประโยคคำถามเห็นแก่ตัวที่อาฟพูดออกมา

“ แล้วกูไม่มีสิทธิ์จะมีความรักดีๆกับเค้าบ้างเลยเหรอวะ ” น้ำตาที่ถูกกลั้นไว้ไหลออกมาตอนที่เอ่ยปากพูด ก็แค่อยากรู้ว่าจะไม่มีสิทธิ์จริงๆใช่มั้ย ที่จะมีความสุขบนความสัมพันธ์ในแบบที่ฝัน มันเป็นคำถามที่อยากจะรู้เหลือเกิน หัวใจที่บีบรัดไปหมดตอนนี้มีแค่คำถามเดียวนี้เท่านั้นที่อยากรู้ “ ไม่ว่ากูจะไปรักกับใคร สุดท้ายกูก็ต้องทนเหรอวะ  คนอย่างกูมันไม่มีสิทธิ์ที่จะมีรักดีๆกับเค้าจริงๆเหรอมึง กูขอมากไปเหรออาฟ ก็กูแค่อยากจะมีแฟนที่กูไม่ต้องอดทนอะไรทั้งนั้น คนที่ทั้งเค้าและกูจะปรับตัวเข้าหากันแล้วเป็นความสบายใจของกันและกัน กูแค่อยากจะมีแฟนที่เป็นแบบนั้น มันจะเป็นไปไม่ได้เลยเหรอ มึงเองก็ให้กูไม่ได้เหรอวะ ”

“ เมด ”

“ สุดท้ายถ้ามึงต้องเป็นแบบมันกูก็ไม่ไหวหรอกอาฟ ถ้าอนาคตกูต้องกลับไปอยู่แบบในอดีตอีกครั้ง กูไม่เอาแล้ว พอแล้วมึง ไม่ไหวแล้ว กูทนเสียใจแบบนั้นไม่ไหวหรอก ” ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาของตัวเอง แล้วตอนที่อีกคนเอื้อมมือจะมาจับมือผมไว้ ขามันก็เริ่มถอยหลังห่าง “ ถ้าต้องเป็นอะไรแบบนั้นอีก เราก็พอแค่นี้แล้วกัน  ไม่ต้องไปต่อหรอก ”

ผมเดินออกมาจากห้องตอนที่พูดจบ เปิดประตูนั้นแล้วยืนพิงประตูที่ปิดสนิทด้วยมือตัวเองก่อนจะร้องไห้ออกมาเงียบๆ ด้วยหัวใจที่บีบรัดจนแทบจะขาดและท่ามกลางเสียงร้องไห้ของผม เสียงโครมครามภายในห้องที่เหมือนเก้าอี้ตัวนึงโดนถีบอย่างแรงจนมันชนเข้ากับกำแพงอย่างจังด้วยฝีมือของอาฟ คนที่กำลังเสียใจไม่แพ้กัน

เมื่อหลายวันก่อนยังมีความสุขอยู่กับชีวิตราวกับความฝัน แต่พอมาวันนี้ผมรู้แล้วว่า ยิ่งเรามีความสุขกับความรักมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งต้องจ่ายกลับมันไปด้วยความทุกข์และความเสียใจมากมายกว่านั้น
............................................................................

ด่าได้แต่อย่าแรง ความรักมันก็มีหลายมุม รักมากก็หวงมาก มันเป็นธรรมดา
พี่อาฟก็มีหลายด้าน และ นี่คืออีกด้านนึงของพี่อาฟ
ทุกคนต่างมีเหตุผลทั้งนั้น ทั้งอาฟทั้งเมด

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
เจอกันวันศุกร์หน้านะคะ #ยิ้มอ่อน
 
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: MmBb ที่ 17-08-2018 20:56:40
อาฟควรคิดถึงวันที่ขอเมดเป็นแฟนอ่ะ วันที่ขอให้เค้าใส่รองเท้าส้นเตี้ยเพื่อตัวเองน่ะ ปากร้ายน่ะได้แต่พาลไปทั่วไม่มีสติน่ะไม่ได้นะ ทำดีกับเค้าให้สมกับที่รอมาตลอดหน่อยดิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 17-08-2018 21:02:06
  :z3: :ling1: :katai1: :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 17-08-2018 21:27:30
ว่าแล้ว ...
อาฟหึงแรง พูดกับเมดไม่ดีเลย คำว่าร่านนี่ ฟังแล้ว ยังเคือง
เข้าใจเมด แค่อยากอยู่กับคนที่สบายใจ ไม่ต้องอดทนหรือต้องทนอยู่ด้วยกัน
งานนี้อาฟ อารยะ ลำบากแน่ๆ
ว่าแล้ว ...

มาก่อนวันศุกร์ได้ไหมคะ ทรมาน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 17-08-2018 21:52:06
ทุกคนคงเข้าข้างเมดอะสิ แต่เรากลับเข้าใจอาฟนะ รักมากหวงมากก็หึงมาก มันอาจพูดจาเกินไปหน่อยแต่ก็เพราะรักไง เป็นเราเราก็ด่าทั้งเมดและอิเซลขายเหล้านะ มาขายของเจือกมายืนจีบคนในร้าน ถึงเมดจะบอกว่าไม่ได้จีบก็เหอะ เลิกเลยค่ะถ้าเมดคิดว่าอาฟทำเกินไป อาฟก็เลิกเลยค่ะถ้าคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ อยู่ไปก็เลิกกันอยู่ดีถ้า2คนยังคิดแบบนี้ จบแบบดราม่าไปเลยค่ะ :katai2-1:  :katai3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 17-08-2018 21:58:10
กรีดร้องงง เข้าใจทั้งเมดทั้งอาฟ กุมมือเอาใจช่วยให้ผ่านไปได้นะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-08-2018 22:17:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 17-08-2018 22:18:07
เดี๋ยวพออาฟอารณ์เย็นลงค่อยมาพูดมาปรับความเข้าใจกันใหม่นะ โอย!แล้วคืนนี้เค้าจะหลับลงไหมล่ะนี่ แงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-08-2018 22:18:55
ว่าแล้วไงว่ามาม่าจะมา อาฟก็เกินไปจริงๆเข้าใจว่ารักมากแต่แค่รักมันไม่พอไง มันมีอีกหลายอย่างต้องประกอบประคองไปด้วยกันก็หวังว่าจะหาความพอดีเจอได้ในเร็ววัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 17-08-2018 22:22:41
รู้สึกเข้าข้างอาฟอ่ะ เพราะรักจึงหึงหวง น้องเมดก็โลกสวยได้อีก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 17-08-2018 23:14:06
แล้วก็มานั่งเสียใจทีหลังอาฟเอ๋ย หวังว่าคงไม่ให้กินมาม่านานนะสงสารเมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 17-08-2018 23:20:59
ไม่อ่ะ เข้าข้างเมด ด่าแฟนต่อหน้าคนอื่นว่าร่านนี่รับไม่ได้ว่ะ  เสร็จก็ขอโทษงี้เหรอ  ใครรับได้ก็รับไป
 :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: MENTA ที่ 17-08-2018 23:41:45
ทั้งสองคนคงเจ็บพอๆกัน ให้อารมณ์เย็นก่อน ค่อยกลับมาคุยกันดีกว่า รักนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 18-08-2018 00:27:40
เฮ้อออออ ด้านมืดเปิดเผย
คนเรามันไม่ได้สมบูรณ์แบบถูกม่ะ
อาฟเป็นคนใจร้อน เหตุผลคงใช้ไม่ได้อ่ะ

ส่วนเมดคงมองเห็นปัญหานี้ตั้งแต่ตอนเดย์ชมขาแล้วอ่ะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ไง
หัวร้อน+ปากร้าย หูยยยยย ไม่เหลืออ่ะ

ค่อยๆ ปรับเนอะ ก่อนจะทำอะไร
คิดถึงวันที่ขอเป็นแฟนกันดิ วันนั้นอ่ะ
มีความสุขมากไม่ใช่เหรอ
อย่าหันหลังให้กันนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 18-08-2018 00:42:52
สะเทือนใจ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 18-08-2018 00:47:45
เจ็บทั้งคู่ ผ่านมันไปให้ได้นะ เป็นความสบายใจของกันและกันต่อไปนะ  ❤️
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 18-08-2018 01:01:43
ว่าแล้วว ว่าความหึงของอาฟ ต้องมีวันนี้ วันที่เมดทนไม่ไหว
เฮ้อออ
สงสัยต้องพึ่งเจกับวิว 5555 มาช่วยเร็วววว

พึ่งทะเลาะกันครั้งแรกเอง ปรับๆไปเน้อ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 18-08-2018 01:01:52
เจอกันคนละครึ่งทางนะ ร้องไห้กับเมดเลย ต่างคนต่างก็หวังให้ความรักออกมาในรูปแบบที่ตัวเองหวัง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-08-2018 01:23:40
 :angry2:  เป็นบ้าอะไรคะคุณ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 18-08-2018 01:45:25
กรี๊ดดดดดด ทำไมมาทิ้งระเบิดไว้แบบนี้คะ ฮือ  :o12:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-08-2018 03:28:40
ถ้าไม่มีคำว่า "ร่าน กับ "บิน" เรื่องคงจะพูดกันง่ายกว่านี้นะ ห่างกันไปซักพักแล้วกัน  :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 18-08-2018 03:30:56
ความหีงขออาฟถึงขั้นด่าแฟนว่าร่านต่อหน้าคนอื่น เราเองก็รับไม่ได้นะ เหมือนประจานเลยมันอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ว่าร่านจริงจนขนาดแฟนยังด่า  มันเป็นธรรมดาของพวกเซลล์แมนอยู่แล้วที่ปากหวานนะเวลาขายของพวกนี้เก่งมากพูดจาบางทีจีบหลอกๆให้เราหลงจนยอมซื้อของมันได้งะ พอมันขายได้หายหน้าไปเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-08-2018 03:42:18
คราวนี้แหละ เมด ถอยห่างของจริง ปากพาซวยนะอาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-08-2018 08:15:24
หวานกันอยู่ดีๆ มาม่าก็มาเยือนซะงั้น  :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-08-2018 09:06:37
อาฟพลาดมากนะ ต่อให้หึงแรงแค่ไหน
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปด่าคนของตัวเองต่อหน้าคนอื่น
ถ้าความหึงหวงคือการด่าให้เจ็บ ให้สมใจกับที่รู้สึก
อาฟควรอยู่ตัวคนเดียวมากกว่าแล้วล่ะ
ขาดสติมาก ไม่มีเหตุผลมาก และไม่ให้เกียรติมาก
ขนาดเมดพูดแบบนี้แล้ว อธิบายก็แล้ว อาฟยังพัง

สงสารเมดค่ะ เมดพูดถูกนะ ต่อให้หึงหวง
ก็ต้องมีเหตุผล แยกได้ ไม่เหมารวมไปทุกเรื่อง

เฮ้ออออ พึ่งผ่านวันชื่นไปไม่เท่าไหร่
มุมร้ายแสดงออกให้เค้ารู้ว่ารับได้ไหม มันก็ดี
แต่พอร้ายแล้วกู่ไม่กลับ ขนาดคนของเรา เรายังไม่ฟัง มันพังนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: mookim ที่ 18-08-2018 09:24:55
มาม่าชามใหญ่ก็มา ~~~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-08-2018 10:31:52
ห่างกันสักพักก็แล้วกัน :ling2: :ling2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 18-08-2018 11:17:09
โอยยย ไอพี่อาฟ ไปง้อเลย อะไรวะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 18-08-2018 13:40:51
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: ในที่สุดความหึงแบบหน้ามืดตามัวก็ก่อเหตุจนได้  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: SNOFFY_ ที่ 18-08-2018 13:42:57
มาม่ามาแล้ววว เข้าข้างพี่เมด ฮืออออ ไปว่านุ้งต่อน่าคนอื่นไม่น่ารักเลยนะพี่อาฟฟฟ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 18-08-2018 15:11:24
ห่างกันสักพักดีแล้ว ช่วงที่ห่างกันอาฟควรทบทวนตัวเองว่าทำถูกหรือไม่
กับการด่าว่า ร่าน กับเอาความเลวของตัวเองไปเปรียบเทียบเทียบกับความเลวของไอ้บิน
สรุปอยากเลวแบบไอ้บินว่างั้นเถอะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-08-2018 15:14:53
คิดแล้วว่าซักวันต้องมีวันที่ทะเลาะกันเพราะความปากหมาของอาฟ หึงได้แต่ควรจะพูดว่าเมดแรงๆ ให้เมดอับอายและเสียใจหรา แคร์มาก หึงมาก หวงมากแล้วงัยถ้าจะพูดไม่คิดถึงใจอีกฝ่ายแบบนี้ก็พัง :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 18-08-2018 17:11:29
อิสัดพี่ โอ๊ยยยย เกรียวกราดอ่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-08-2018 18:10:26
ว่าแล้วต้องมีอะไร เฮ้อ~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-08-2018 21:28:46
รักมากแล้วมีสิทธิด่าคนรักตัวเองว่า ร่าน  หรือ

ทั้งที่รู้นิสัยคนรักตัวเอง ทั้งที่รู้ความเลวของบินทำให้เมดเจ็บช้ำ
ยังพูดให้สะเทือนใจว่าทีบิน ทำไมเมดทนได้
ปัดโธ่เอ๊ยอาฟ.........มีสมองแค่ไว้คั่นหูเท่านั้นใช่ไหม
เมดอธิบายยังไงก็ยังทื่อ ทึ่ม โกรธ หึงตะบี้ตะบัน  :เฮ้อ:
สมแล้วที่จะโดนบอกเลิก  :angry2: :angry2: :angry2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Christa ที่ 18-08-2018 22:24:06
เราเข้าใจทั้งสองฝั่งนะ

แฟนที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์มันไม่มีหรอก เท่าที่ผ่านมาที่อาฟทำให้เมดเราว่าอาฟเป็นแฟนที่ดีมากคนหนึ่งแล้วนะ

แต่ข้อเสียที่อาฟมีมันก็รุนแรงเกินไปเหมือนกัน ควรลดๆลงบ้าง ส่วนเมดคงต้องใช้ความเข้าใจ และก็ขอโอกาสให้อาฟด้วยนะ T^T

ปล.อย่าดราม่านานนะคะ พี่อาฟคือพระเอกในดวงใจเรา ฮือออออออ
ปล.2 ถ้าเป็นไปได้เราขอซีนที่แสดงให้เห็นว่าเมดก็รักอาฟมากๆเหมือนกัน เพราะในความรู้สึกเรา เราว่าอาฟอาจจะยังไม่รู้สึกถึงจุดนี้ ที่ผ่านมาเหมือนเมดรักอาฟเพราะอาฟรักเมด ให้เมดทุกอย่าง อะไรประมาณนี้ ดูได้จากตอนล่าสุด อาฟยังคิดว่าเมดรักบินมากกว่าอยู่เลย ฮืออออ ปลอบใจพี่อาฟเค้าหน่อยนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 18-08-2018 23:36:43
โอยยยย ไม่เอาๆ อย่าทะเลาะกันนน นังอาฟก็พูดกับน้องเมดดีๆหน่อย นี่ก็ปากเสียละเกินนน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 19-08-2018 00:55:28
อาฟเคยเสียเมดไปไงตั้งแต่ช่วงมัธยมทั้งๆที่คอยส่องคอยเฝ้ามอง คงกลัวเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมก็เลยระแวงเรื่องมีคนมาจีบเมด ทำให้หึงแรงและด้วยความปากเสียไม่ระวังคำพูดเรื่องเลยไปกันใหญ่  :katai1:

ซึ่งตอนที่อาฟถามเมดว่าทำไมพอเป็นอาฟแล้วเมดทนไม่ได้เหมือนตอนที่ทนกับบิน มันทำให้รู้เลยว่าลึกๆอาฟก็ยังกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของเมดกับตัวเองอยู่ กังวลว่าเมดจะไม่รักตัวเองเท่าตอนคบกับบิน
เพราะคบกันมา4ปีถ้าเมดไม่รักมากตอนนั้นเมดคงไม่ทน แต่สำหรับเมดเรื่องนั้นมันคืออดีตที่เมดไม่อยากนึกถึง ไม่อยากกลับไปอยู่ในสภาพนั้นไม่อยากอดทนกับเรื่องต่างๆอยู่ฝ่ายเดียวอีกแล้ว ผลก็อย่างที่เห็น ระเบิดตู้มเป็นโกโกครั้น  :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: qxrb ที่ 19-08-2018 21:32:43
นี่งอแงกับเพื่อนเพราะอาฟกับเมดจะเลิกกัน ไม่อยากอ่านต่อแล้ว รับไม่ไหว เหมือนตัวเองจะเลิกกับแฟนเลย ฮือออ ให้คืนดีกันไวๆนะ :z3: :sad4: :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 20-08-2018 19:43:03
มาม่า มาเป็นโต๊ะจีนเลยจ้าาา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 20-08-2018 23:40:30
……

น้องเมดก้อใสเกิ้นไป.  มีอย่างที่ไหน_มาถามว่ามีแฟนหรือยัง

คำถามแบบนี้ เซลไม่ควรถามเพราะมันไม่สุภาพ ไม่ใช่คำถามตามมารยาทเลย

อาฟก้อปากร้าย จะด่าก้อด่าอีตาเซลคนเดียวดิ

มาด่าคนของตัวเองทำไม

เมดน่ารัก ช่างคุย ใสๆ อ่ะ ใครเห็นก้อชอบ นิสัยคุยง่ายไม่ใช่ร่านนะ

สรุป อย่าไปซื้อเหล้ามันเลย ใสหัวอีตาเซลเนี่ยไปห่างๆ

 :z6:  :z6:  :z6:  :z6:  :z6:   :z6:  :z6:


แล้วกลับมาทำความเข้าใจกันนะ. ต่างก้อรักกัน

อย่าเอาทิฐิมาตั้งกำแพงกันเลย…


 :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:





หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 21-08-2018 01:52:47
แงง ร้องไห้เลยย เข้าใจทั้งคู่นะ แงงงง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 21-08-2018 11:12:46
ขอทุบอาฟสักที

เมื่อตอนก่อนหน้านี้ตอนไอ้บินมาหาที่ผับ


เบน นี่อวยอาฟหนักมาก

พระเอกที่เป็นพระเอกจริงๆ ไม่หึงพร่ำเพื่อ มีสติ

ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี ไม่ไหลตามอารมณ์หยอกเย้า

พูดถึงเมดแต่ในแง่ดีๆ


โคตรอวยอะตอนนั้น ชอบมากคือดีงามมาก



พอมาตอนนี้ นี่เงิบเลยค่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองมีคนมตบหัว แล้วบอก "เบน มึงตื่นได้แล้ว "

ถึงกับอุทาน นี่มันเหี้ยอะไรวะเนี่ย ช็อกกับคนว่าร่านไม่พอ

เจอกับประโยคเอาแต่ใจ ทำไมพอเป็นกูแล้วมึงทนไม่ได้


พอเมดบอกว่า แล้วก็ไม่สิทธิจะเจอรักดีๆเลยหรอ นี่กูต้องทนตลอดเลยหรอ


นี่ขึ้นเลยค่ะ องค์เบนลงมาก 





กอดน้องเมดค่ะ ทีมน้องเมดเสมอๆเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 21-08-2018 14:13:28
เมื่อวันก่อนอยากได้แฟนแบบพี่อาฟ 

แต่ทำไมตอนนี้อยากถีบพี่อาฟมากๆๆเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: rodoubles ที่ 21-08-2018 20:04:05
อ่ะนี่เข้าใจในมุมของอารยะนะ ก่อนหน้านี้ที่บินมาหา พี่มันมีสติเพราะมันก็ยังรู้สึกว่าเอ้อเนี่ย กับเมดก็ยังไม่สุด คือตอนนั้นความสัมพันธ์ยังไม่สุดจริงๆ แต่ตอนนี้คือพี่มันได้ครอบครองทุกอย่างที่เป็นเมดแล้ว พี่มันก็คิดเข้าข้างตัวเองแล้วว่าทั้งหมดคือของกูนะ และจากนี้จะไม่ปล่อยเมดไปให้ใครหน้าไหนได้แตะต้อง ไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอีก พี่มันถึงโมโหร้าย หึงหน้ามืดตามัว เป็นบ้าขาดสติยั้งคิดยั้งทำแบบนี้

แต่คือพี่มึงก็ต้องคิดถึงใจเมดจริงๆ อ่ะ ถ้าให้นับเวลาจริงๆ เมดก็เพิ่งเลิกกับบินได้ไม่นาน แถมเพิ่งศึกษาดูใจกับอาฟได้แค่แปบเดียว ก็ไม่แปลกที่จะยังมีรอยแผลอยู่ คือเมดน่ะอาจจะหมดรักบินไปละ แต่แผลเป็นอ่ะแผลเป็น ต่อให้ลูบไปมันจะไม่เจ็บแล้ว แต่ถ้ามีอะไรคมๆ มาบาดมันก็ยังเจ็บได้อยู่ป่ะวะ

แต่ก็นะ.. ในส่วนของทางนี้จะด่าอารยะก็ด่าได้ไม่เต็มปาก นังโมโหก็มีเหตุผลของนาง เมดก็มีเหตุผลของเมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็วอนไรท์เตอร์อย่าทำให้คนอ่านช้ำนานเลย ปวดใจเหลือเกิน T-T
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 24-08-2018 20:46:02
ตอนที่ 36

ทุกอย่างมันเงียบเชียบ อาจเพราะความรู้สึกเสียใจที่กำลังดำดิ่งเลยทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น ทั้งๆที่มีเสียงเพลงที่ดังอยู่ข้างล่างจะดังทะลุผ่านบันไดขึ้นมาแต่ผมกลับรู้สึกว่าทุกอย่างมันดูเงียบไปหมด เสียงโครมครามก่อนหน้านี้เงียบลงไปแล้วแม้แต่น้ำตาของผมก็เหือดแห้งไป สูดลมหายใจผ่านฝ่ามือที่ยกขึ้นปิดหน้าผมดึงตัวเองขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะก้าวขาเดินลงมาชั้นล่าง

อาฟไม่ได้เดินออกมาจากห้องนั้นเพื่อง้อกัน แต่ผมคิดว่านั่นก็ดีแล้ว อารมณ์ของเรายังคงร้อนพูดไปตอนนี้ก็คงมีแต่อารมณ์ของความต้องการที่ต่างฝ่ายก็ต่างอยากจะให้อีกคนเป็นอย่างที่ตัวเองอยากจะให้เป็น

ทุกความรู้สึกเกิดขึ้นง่ายอย่างน่ากลัว เมื่อเช้าอาฟยังหอมแก้มผมอยู่บนเตียง ผมที่ตื่นขึ้นมาแล้วยิ้มให้มันอย่างมีความสุข เราจูบกับบนรถตอนที่มันมาส่งผมที่มหาลัยด้วยการขอจูบแบบคนปากแข็งอย่างมัน หัวเราะกันตอนแวะกินข้าวเที่ยงในร้านอาหารญี่ปุ่นที่พอเปิดถ้วยน้ำซุปมิโซะจะกินแต่พนักงานดันลืมใส่มาให้ หรือแม้ตอนที่นั่งตื่นตาตื่นใจกับเครื่องเติมเบียร์ แต่พอมาตอนนี้ ความสุขพวกนั้นกลับหายไปหมดเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ และหลงเหลือไว้ซึ่งแค่ความเสียใจที่กำลังเจ็บปวด

“ น้องเมด ” ผมหันไปตามเสียงตอนที่ปิดประตูลง คนที่เอ่ยทักทำให้ผมยิ้มจางๆกับท่าทางไม่สบายใจของเค้า พี่ต่อคนเป็นเซลล์ยืนอยู่ตรงหน้าผมก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ “ พี่ขอโทษนะ ”

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ไม่ผิดหรอก ผมเองมากกว่าที่ต้องขอโทษ ขอโทษแทนคุณอาฟด้วยนะครับ ที่เค้าใจร้อนไปหน่อย ”

“ เราไม่เป็นไรแน่นะ ” ถามเหมือนจะขอความแน่ใจแต่ผมก็รู้ว่าอีกคนรู้ว่ามันไม่ได้มีอะไรโอเคทั้งนั้น ดูได้จากสายตา และปลายจมูกแดงๆของผมที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักนั่นก็พอเดาได้แล้ว “ พี่ไม่น่าถามเลย หมายถึงคำถามพวกนั้น พี่ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ”

“ มีอะไรกันวะ ” เจที่นั่งอยู่ตรงส่วนบาร์เดินเข้ามาหาเราก่อนจะถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาตอนที่หันไปมองอีกคนแล้วหันกลับไปมองเซลล์ขายเหล้าอีกครั้ง

“ พี่ต่อ เรื่องเสนอเหล้าเมดว่าไว้โอกาสหน้าดีกว่านะครับ ขอโทษด้วยจริงๆ ”

“ ไม่เป็นไรครับ พี่มากกว่าที่ต้องขอโทษน้องเมดด้วยที่ทำให้น้องเมดลำบาก ”

“ ไม่เป็นไรครับ ” ส่ายหน้าเป็นคำตอบให้เค้าอีกคนก็ก้มหน้าลงให้ผมกับเจก่อนจะเดินออกไปจากผับ เสียงถอนหายใจของผมที่ผ่อนตามออกมาคนที่ยืนข้างๆก็พูดขึ้น

“ ไม่ใช่เรื่องดีถูกมั้ย ”

“ อื้ม ” ผมบอกมันก่อนจะพยักหน้ารับ

“ เหมือนกูจะพอเดาได้เลยว่ะว่าเรื่องอะไร ” เจยกไหล่ก่อนจะถอนหายใจออก “ แล้วนี่จะไปไหน กูจะได้บอกไอ้อาฟไปง้อถูก “

“ กูแค่อยากจะไปอยู่ในที่เงียบๆสักพัก ” ยิ้มจางๆให้คนตรงหน้าที่ก็เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ผมรู้ว่าเจคงไม่อยากจะให้ผมไปไหน ในใจของมันคงคิดอยากจะให้ผมอยู่ เพราะมันคงรู้ดีว่าเพื่อนมันไม่ใช่คนที่จะง้อเก่งอะไร “ ปล่อยกูไปเถอะมึง พูดอะไรไปตอนนี้เพื่อนมึงก็เถียงจะเอาชนะกูอย่างเดียว แล้วกูเองก็ไม่ยอมด้วย ”

“ งั้นตามใจแล้วกัน ” คนฟังถอนหายใจออกมาราวกับถอดใจที่จะรั้งผมไว้

“ ฝากบอกอาฟด้วยนะ ว่ากูขอลางาน ”

“ แล้วนั่นมึงจะไปไหน บอกกูหน่อยได้มั้ยกูเป็นห่วง ”

“ ไปหาคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ” เจพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำผมออกไป

“ กูไปส่ง ”

“ ไม่ต้องหรอกมันไกลมึง เปลืองตังค์ รถก็ติด ” บอกปัดอีกคนไป “ กูนั่งบีทีเอสก็ได้ คอนโดกูมันติดบีทีเอส ”

“ งั้นนั่งแท็กซี่ไปดิ ”

“ แล้วมันจะต่างอะไรกับที่มึงไปส่งกูวะเจ” ยิ้มบอกอีกคนก่อนจะเดินออกไปจากผับโดยที่มีอีกคนเดินตามหลังกันออกมา

“ งั้นกูไปส่งมึงที่บีทีเอสแล้วกัน ” ผมหันมาทำทีจะเถียงมันว่ายุ่งยาก แต่เหมือนอีกคนจะรู้ทัน “ กูแค่เดินไปส่ง ”

“ โอเค ”

“ เดี๋ยวไอ้อาฟแม่งฆ่ากู โทษฐานที่ปล่อยแฟนมันให้เดินออกไปคนเดียว ”
 
“ ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง ” บอกอีกคนยิ้มๆ เจก็เหลือบมอง

“ มึงคิดงั้นจริงดิ ”

“ คิดอะไร ”

“ ก็คิดว่าไอ้อาฟมันไม่ได้หวงมึงขนาดนั้นอย่างที่มึงบอก ” คนถามยิ้มกว้างก่อนจะยักคิ้วให้ “ กูว่ามึงน่าจะรู้ดีนะ ”

“ อื้ม กูรู้ดี ” พยักหน้ารับก่อนจะหันไปยิ้มให้อีกคน ผมรู้ดีว่าตัวเองถูกรักมากแค่ไหน ถึงจะไม่เคยมีคำพูดหวานใดๆมาคอยย้ำ แต่ทุกการกระทำก็บอกกันว่า สำคัญมากที่สุดและทำแบบนี้ให้ผมแค่คนเดียว

ครั้งนึงเมื่อนานมาแล้ว ผมเองก็เคยคิดว่าอยากจะเป็นคนที่ถูกรักมากที่สุด ครั้งนั้นผมจินตนาการว่าถ้าเป็นคนที่ถูกรักมากตัวผมจะมีความสุขแค่ไหน แต่วันนี้ผมก็ได้รู้ อะไรที่มากไปมันไม่ดีหรอก อย่าอยากได้อะไรที่มันมากเกินไปเลย

“ เมด ”

“ ขอบคุณที่เดินมาส่งกูนะมึง ” ผมหันไปบอกเจตอนที่พยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองตอนที่คิดเรื่องพวกนั้น เจเองที่นิ่งมองกันมันเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง “ มึงมองกูเหมือนจะพูดอะไร ”

“ อาฟมันรักมึงนะ ” อีกคนบอกแบบนั้น “ จริงอยู่ที่มันดูเกินไปทุกเรื่อง ห่วงมึงเกินไป หวงมึงเกินไป แล้วบางทีก็รักมึงมากเกินไป แต่นั่นเพราะ มันไม่เคยจริงจังกับใครมาก่อน ก็เลยไม่รู้ว่าอะไรคือความพอดี มันคิดว่า มันรัก ก็ให้ทุกอย่างที่มี อาฟมันก็คิดแค่นั้นแหละ ”

“ สมเป็นเพื่อนรักคุณอารยะ ” เอ่ยแซวอีกคนที่ทำทีไปมองทางอื่น ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ กูก็พูดไปตามที่คิด ”

“ กูไปละ ขอบคุณอีกที ”

เดินขึ้นบันไดเลื่อนก่อนจะซื้อบัตรโดยสาร ผมสอดบัตรผ่านเข้าไปรอรถไฟฟ้าที่กำลังจะเข้ามาเทียบสถานีพอดี ผ่อนลมหายใจกับจำนวนประชากรที่ดูท่าทางว่าไม่น่าจะมีเก้าอี้ว่างให้นั่ง แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ไม่ได้แย่ อย่างน้อยก็ยังมีมุมยืนพิงที่ติดกับประตูอีกฝั่งที่ยังว่างอยู่ ผมเดินไปยืนตรงนั้นก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างของรถโดยสาร

‘ บรรยากาศแม่งโคตรเหงา ’ ภายในใจมันคิดตอนที่มองไปเห็นดวงไฟสีส้มที่ตัดกับท้องฟ้ามืดสนิท ปกติตอนอยู่ในรถกับอาฟไม่เห็นรู้สึกแบบนี้ แต่พอวันนี้กลับรู้สึกว่ามันโคตรเหงา คงจริงอย่างที่ใครบอก วิวเดียวกันแต่ก็มองกันไปคนละแบบ เพราะมันขึ้นอยู่ที่อารมณ์คนมองในตอนนั้นว่าเป็นแบบไหน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เคาะประตูคอนโดตัวเองสองสามครั้ง ยืนรอไม่นานคนที่อยู่ในห้องก็เดินมาเปิดให้ด้วยรอยยิ้ม “ วิวกำลังจะโทรถามพี่เมดพอดีว่าพี่เมดอยู่ไหน ”

“ เจบอกเหรอวะ ว่าพี่จะมา ” ถามน้องที่ก็พยักหน้ารับ เราเดินเข้าไปในห้อง ผมหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ กินอะไรมายัง โทรสั่งอะไรกินมั้ย หรือว่าจะออกไปหาอะไรกิน ”

“ ไม่อะ กูไม่หิว ” หันไปบอกวิวก็นั่งลงข้างกัน เรามองหน้า ผมยิ้มให้น้องแต่ในแววตานั้นกลับมีแต่หยดน้ำตาคลอเต็มไปหมด ฟันของผมกัดกันแน่น เอาจริงๆก็ไม่อยากจะร้องไห้เลย แต่ทำไมพอเห็นหน้าอีกคนในใจถึงอ่อนแอลงอย่างงั้นวะ

“ โอ๋ๆ กอดนะพี่เมด ” สองแขนที่ดึงตัวเองเข้ามากอดผม น้ำตาที่ไหลออกมาผมซบลงที่ไหล่ของน้องชายตัวเอง “ พี่อาฟทำอะไรมึง ไหนเล่ามาเลย กูจะไปตบมันให้ ”

“ ตัวแค่นี้ไอ้อาฟผลักมึงก็กระเด็นแล้ววิว ” เผลอหลุดยิ้มออกมาก่อนจะดึงตัวเองออกมามองหน้าอีกคน ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองแล้วเอียงตัวลงพิงกับโซฟาตัวที่นั่งอยู่

“ เกิดอะไรขึ้นวะ ทะเลาะอะไรกัน ”

“ มึงว่าใครผิดวะ ” ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้วิวฟังตั้งแต่ตอนที่พี่ต่อเข้ามาทักผมจนถึงตอนที่ผมตัดสินใจเดินออกมา คนฟังที่ฟังด้วยสีหน้าจริงจังก่อนจะพูดออกมาแค่สั้นๆ

“ พูดยากว่ะ ”

“ มึงคิดว่า อาฟมันไม่ได้ผิดเหรอ ” ผิดคาดจากที่คิดไว้หมือนกัน ผมคิดว่าวิวจะด่าอาฟออกมาทันทีหลังจากที่มันฟังจบ

“ เปล่าหรอก คือกูว่าพี่อาฟก็ผิดนั่นแหละ มันไม่ควรด่ามึงแบบนั้น ไม่ควรด่ามึงต่อหน้าคนอื่น ไม่ควรดูถูกมึง แต่ว่ามึงเอง ก็คาดหวังความสมบูรณ์แบบเกินไปรึเปล่าวะพี่เมด ”

“ ไม่นะ กูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น กูก็รู้ว่าอาฟมันปากไม่ดี แต่สิ่งที่มันพูดมันเกินไปอะมึง มันไม่ฟังอะไรเลย ไม่ฟังเหตุผล มันด่ากูร่าน ด่าต่อหน้าคนอื่นด้วย แล้วยังมีคำพูดดูถูกกูอีก ”

“ กูไม่ได้หมายถึงการคาดหวังแบบนั้น กูหมายถึงว่ามึงกำลังคาดหวังพี่อาฟ ว่าพี่อาฟต้องเป็นคนในแบบที่มึงต้องการรึเปล่า ” ผมเงียบไป วิวก็เอียงหน้ามองกัน “ กูว่ามึงเหมือนกำลังเสียใจที่พี่อาฟมันไม่ยอมลงให้มึงเหมือนทุกทีมากกว่า แบบเสียใจที่พี่อาฟไม่เป็นไปอย่างที่มึงคิด มึงเหมือนกำหนดทุกอย่างของพี่อาฟอยู่ในใจ กำหนดความรักในแบบที่มึงอยากได้ด้วยความสมบูรณ์แบบ  คือปากหมาได้เท่านี้ เหี้ยได้เท่านี้ แล้วถ้ามากกว่านั้น มึงก็จะรู้สึกไม่โอเคละ เหมือนอย่างวันนี้ที่มึงกำลังรู้สึก ”

“ กูคิดแบบนั้นเหรอวะ ” ผมไม่เห็นเคยรู้ตัวเลย ตั้งแต่คบกับอาฟมา ทุกอย่างดูเรียบง่ายไปหมดจนผมไม่ทันสังเกตเลยว่าตัวผมจะเป็นแบบที่วิวบอก แต่อาจเพราะความเรียบง่ายที่ไม่เคยมีปัญหาก็ได้ เลยทำให้ผมรู้สึกเริ่มคาดหวังกับอาฟมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

“ กูก็ไม่รู้ มึงลองถามตัวเองดูว่าตัวมึงกำลังคาดหวังอะไรอยู่รึเปล่า คาดหวังจะมีชีวิตดีๆ ความรักดีๆ แบบที่ต้องไม่เสียใจอีก คาดหวังว่าพี่อาฟจะเป็นคนในแบบที่มึงคาดหวังว่าอยากจะให้เค้าเป็นรึเปล่า แบบคนที่รักมึง ห่วงใยมึง ดูแลมึง ส่วนมึงก็ดูแลเค้า เวลาทะเลาะกันก็คุยกันด้วยเหตุผล จับเข่าคุยกัน แต่พี่เมด มึงคิดว่าอะไรแบบนั้นมันมีในตัวพี่อาฟรึเปล่า ”

“ มันก็มีนะมึง อะไรแบบนั้น อาฟมันก็ดูแลกูเหมือนกัน ”

“ แล้วเพราะการที่เค้าเป็นแบบที่มึงชอบมาตลอด ทำให้มึงลืมไปรึเปล่า ว่าจริงๆ พี่เค้าเป็นคนยังไง ” วิวมองตาผม “ มึงรู้สึกว่าพี่อาฟเป็นแบบนั้นเหรอ กูไม่หรอก มึงรู้ไม่ใช่เหรอว่าเค้าปากหมาได้มากกว่าที่ด่ามึงวันนี้ และ ใจร้ายกว่านี้ได้อีกเยอะ ถามจริงเค้าดีกับมึงจนมึงลืมไปแล้วรึเปล่าว่าเค้าก็มีมุมแบบนี้เหมือนกัน  ความรักมันไม่ได้มีแต่ด้านดีๆแบบที่มึงจินตนาการไว้นะ  ”

“ แต่กูไม่อยากจะกลับไปอดทนกับอะไรแบบนั้นแล้วไง ให้กูกลับไปทนมันอีกคนกูไม่ไหว มันไม่มีความสุขเลย  พอได้แล้วมั้ยวะมึง อะไรแบบนั้นอะ ”

“ เออ กูเข้าใจ มันไม่ผิดหรอกที่มึงจะรู้สึกไม่อยากจะเจอกับอะไรแบบนั้นแล้ว ถอยออกมาแล้วไม่มีใครอยากจะกลับไปเจอคนเหี้ยๆอีกหรอก แต่พี่เมด นี่พี่อาฟไง ไม่ใช่ไอ้บินนะ ” ท้ายประโยคที่ทำให้ผมจุกจนเอาแต่นิ่งค้าง วิวที่ก็มองหน้าผมอยู่มันถอนหายใจออกมา “ อย่าเอาไอ้บินมาเป็นตัวกำหนดว่าพี่อาฟต้องเป็นแบบนั้น ถ้าเกิดมึงยอมให้เค้า อย่าเอาความทรงจำร้ายๆที่เพราะครั้งนึงมึงเคยยอมทุกอย่างมันเลยแย่ มาเป็นตัวตัดสินว่า ถ้าครั้งนี้มึงยอม มันจะกลับไปเป็นแบบนั้นอีก เพราะนี่ไม่ใช่ไอ้บิน นี่พี่อาฟนะ ”

“ แล้วกูต้องยอมให้มันด่ากูอย่างงั้นเหรอวะ ”

“ ไม่ใช่แบบนั้น ที่พี่อาฟมันด่ามึง อันนั้นพี่อาฟมันก็ผิด มันควรมาขอโทษมึง เพราะถ้าเป็นกูแล้วโดนพี่เจด่าแบบนั้นกูจะหยิบขวดเหล้าที่ตั้งอยู่แถวนั้นฟาดหัวมันให้ตายเลย ”

“ สงสารไอ้เจล่วงหน้าเลยกู ”
 
“ แต่ที่กูพูดให้มึงคิด คือ กูอยากให้มึงอ่อนบ้าง ไม่ใช่คิดยึดติดว่า กูไม่เอาแล้วผัวแบบไอ้บิน เพราะนี่ไม่ใช่ไอ้บินไง นี่คือพี่อาฟ กูอยากให้มึงค่อยๆ ใจเย็นๆ มันก็ดีแล้วที่มึงออกมาแบบนี้ เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งทะเลาะ แต่การที่มึงบอกพี่อาฟว่า ‘ ถ้าต้องเป็นอะไรแบบนั้นอีก เราก็พอแค่นี้แล้วกัน  ไม่ต้องไปต่อหรอก ’ อะไรแบบนั้นมันดูเหมือนมึงไม่รักพี่อาฟเลยอะ เหมือนมึงตัดเค้าออกไปได้ง่ายๆ ไม่แคร์ไม่สนใจ ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากจะเสียใจแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่อะ ก่อนที่มึงจะมีความรักที่ดี มึงก็ต้องปรับ แล้วก่อนที่จะได้ปรับมึงก็เจอปัญหาอยู่แล้ว ถ้ามึงไม่เจอปัญหาเลยมึงจะรักจะเข้าใจ หรือจะเป็นความสบายใจแบบที่อยากจะเป็นได้ไง มันไม่ได้หรอกพี่เมด มึงต้องรู้จักตัวตนของเค้าทั้งหมดก่อนสิว่ะ ”

“ พอฟังมึงพูดแล้วกูรู้สึกเหมือน นี่กูทำอะไรลงไปวะ กูเหมือนคนที่ลืมไปแล้วว่าจริงๆ อาฟมันเป็นยังไง กูเหมือนคนที่คิดแค่จะเอาแต่ความสุข แล้วพอเจอความทุกข์กูก็ไม่เอามันแล้ว ”

“ มันไม่ใช่มึงผิดคนเดียวพี่เมด อย่างที่กูบอกไงว่าเรื่องนี้มันพูดยาก พี่อาฟเองก็เหี้ยเกินที่พูดออกมาว่าให้มึงทน ทำไมเป็นพอเป็นเค้ามึงทนไม่ได้ คนเราโดนด่าว่าร่านมันไม่มีใครทนอยู่แล้ว ไหนจะคำดูถูกอีก อันนั้นมันก็ต้องมาขอโทษมาเคลียร์กับมึง แต่ที่กูพูด กูพูดถึงมึงที่บอกพี่อาฟก่อนที่มึงจะออกมาจากผับ ว่ามึงก็ไม่ควรรู้สึกว่าพอเค้าไม่เป็นดั่งใจที่มึงคาดหวังว่าอยากจะได้ มึงก็จะแบบ เออ ไม่เอาแล้ว พอ จบ เลิก มันไม่ได้ไง “ วิวเอื้อมมือมาจับไหล่ผม

 “ อย่ายึดติดว่ามันจะมีแต่ความสุขสิวะพี่เมด ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เฟอร์เฟ็คหรอก ทุกอย่างมันต้องหันหน้าเข้าหากันแล้วปรับกันทั้งนั้น ถ้าปรับแล้วไม่ได้ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ยังไม่ปรับเลย มึงก็ไม่เอาแล้วเหรอ มึงทำเหมือนพี่อาฟแม่งเฟอร์เฟ็คสุดๆ ไม่มีอะไรที่ทำให้มึงเสียใจแน่นอน ทั้งๆที่มึงก็รู้ว่ามันปากหมาจะตายห่าแล้วแค่วันนี้มันปากหมามากกว่าที่มึงคาดคิดไว้ก็เท่านั้น แต่ว่านั่นมันก็คือ ตัวตนของพี่อาฟแฟนมึงนะ มึงก็แค่ต้องเคลียร์กับมันว่ามึงไม่โอเคเรื่องอะไรบ้าง ไม่ใช่ไปบอกเค้าว่าไม่เอาเค้าแล้ว “

“ ทำไมพอเวลากูมีปัญหามึงถึงพูดปลอบกูเก่งจังวะวิว ”

“ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของกูไงพี่เมด” น้องชายผมยิ้ม “ คนรักกันมันใกล้กันก็จริงแต่ก็มองอะไรแบบแคบๆเพราะอคติแล้วก็อารมณ์ ส่วนคนอื่นเค้าก็มองกว้างกว่า เพราะไม่มีอคติอะไร ลองให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับวิว วิวก็เป็นแบบพี่เมดนั่นแหละ แล้วพี่เมดก็ต้องพูดแบบที่วิวพูด ”

“ ขอบใจนะมึง ”

“ จะมาขอบใจทำไม วิวเป็นน้องพี่เมดนะ เวลาพี่เมดไม่สบายใจวิวก็ต้องช่วยพี่เมดสิ ”

“ เด็กดี ” เอื้อมมือไปขยี้หัวของน้องชาย เราที่ยิ้มให้กันก่อนที่ผมจะถอนหายใจออกมา

“ พอมานั่งคุยกับมึงแล้ว กูก็มานั่งคิดว่าที่อาฟพูดออกมาว่า ทำไมกับมันกูไม่ยอม แล้วทำไมกับบินกูยอมทุกอย่าง มึงว่ามันจะยังคิดอยู่รึเปล่าว่ากูยังรักไอ้บินอยู่ ”

“ ทำไมพี่อาฟจะไม่คิด ขนาดกูฟัง กูยังคิดเลย ” ผมหันไปหาวิว แต่ก่อนจะพูดอะไรอีกคนก็พูดขึ้นก่อน “ ก็เหมือนอย่างที่บอก มึงดูตัดพี่อาฟได้ง่ายอะด้วยคำพูดที่มึงพูด พอพี่อาฟไม่ได้ดั่งใจมึงก็พูดแล้วว่าพอแค่นี้ ไม่อยากจะเสียใจอีก คนเราถ้ารักกันมันตัดไม่ง่ายๆขนาดนั้นอะพี่เมด ”

“ แต่กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับไอ้บินแล้วนะ ” ผมเถียงอีกคนกลับ “ แล้วแบบนั้นมึงจะให้กูอดทนไม่พูดอะไรเหรอวะ ”

“ มีอีกตั้งหลายประโยคที่มึงพูดได้ มึงอาจจะเงียบไปตอนที่พูดว่ามึงไม่มีสิทธิ์จะมีความรักดีๆเลยเหรอ ไม่ก็บอกว่าไอ้บินไม่เกี่ยวนี่เรื่องของมึงกับพี่อาฟ หรือค่อยมาคุยกันอีกทีตอนอารมณ์มันเย็นๆ ” น้องชายผมเงียบไปก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แต่กูก็เข้าใจนะ ”

“ เข้าใจว่า ”

“ อารมณ์มันเป็นใหญ่ พูดอะไรก็ไม่คิดให้ดีหรอก ทั้งมึงทั้งพี่อาฟนั่นแหละ ”

“ แต่กูไม่ได้รักไอ้บินนะ ไม่มีความรู้สึกรักอะไรแล้ว ”

“ ถ้าคิดให้ดีก็เข้าใจแหละ ว่ามึงแค่เอามันมาเป็นเกณฑ์ตัดสินพี่อาฟว่าไม่อยากได้อะไรแบบนั้นแล้ว แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร การที่แฟนเก่ายังเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิต ต่อให้เป็นแค่ความคิด ก็ไม่มีแฟนใหม่คนไหนชอบหรอกจริงมั้ย ”

“ ก็จริง ” ผมเผลอถอนหายใจออกมาก่อนจะพลิกตัวเองแล้วเงยหน้ามองเพดานของห้องที่กำลังว่างเปล่า ไม่มีอะไรที่วิวพูดผิดไปเลย

สุดท้ายผมเป็นอย่างงั้น เป็นคนที่ยังเอาอดีตมาตัดสินปัจจุบัน แล้วคิดว่าตัวเองจะมีแต่ความสุขในทุกวันกับคนที่รัก ผมมองอาฟราวกับรูปปั้นที่ตัวเองปั้นไว้สวยดั่งใจ ทั้งๆที่มันไม่ใช่ อาฟก็คืออาฟ มันเป็นคนคนนึงที่ไม่ได้ดีไปหมด มันมีข้อเสียของมันแล้วข้อเสียนั้นบางทีก็เกินที่ผมจะรับไหว แต่ตอนนั้นผมกลับไม่คิดว่าเราจะต้องมาปรับตัวกัน คิดแค่ว่าไม่ได้ดั่งใจ คิดแค่ว่าทำไมเราไม่มีความสุขกันเหมือนกัน  แล้วพอคิดแบบนั้นก็ไม่อยากจะทนแล้ว ทั้งๆที่ตัวเองพูดบ่อยๆ ว่า ‘ สมกับเป็นอารยะ ’ แต่นั่นก็แค่ อารยะในความคิดผมเท่านั้น ไม่ใช่ อารยะตัวจริงแบบที่อีกคนเป็นเลยสักนิด

“ มึงยังเจอพี่อาฟอีกหลายมุมพี่เมด พี่อาฟด้วยมันก็ต้องเจอมึงในอีกหลายมุม ”

“ ก็คือต้องทะเลาะกันไปจนกว่าจะรู้จักกันดีพอเหรอวะ ”

“ คนที่เค้ารักกันมันก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอวะ ทะเลาะกันไปง้อกันไป ปรับกันไป จนรู้จักและเข้าใจกันดีในที่สุด” วิวหันมาบอกผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเงียบ

“ มึงว่าอาฟจะมาง้อกูมั้ย ”

“ มาสิ ” วิวบอกผมก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปในครัว “ แต่หลังจากที่สำนึกได้นะ ”

...................................................................
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 24-08-2018 20:46:37

‘ แล้วกูไม่มีสิทธิ์จะมีความรักดีๆกับเค้าบ้างเลยเหรอวะ ’

ประโยคนี้วนเวียนอยู่ในสมองของผมที่ยืนนิ่งอยู่กลางห้องทำงาน ผมไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่แบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เก้าอี้ที่ถูกถีบระบายอารมณ์เมื่อตอนที่เมดเดินออกไปไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น ผมถอนหายใจออกมา ก่อนจะลูบหน้าลูบตาตัวเองแรงๆด้วยความหงุดหงิด

‘ สุดท้ายก็เป็นคนที่ทำให้ร้องไห้ซะเอง ทั้งๆที่เคยบอกว่าไม่ชอบเห็นน้ำตางี่เง่านั่น ’  สุดท้ายคนที่ทำให้เมดร้องไห้ก็คือผมที่ก็ไม่ดีไปกว่าไอ้เชี้ยบินเท่าไหร่ วาดฝันว่าตัวเองจะเป็นคนที่ดีกับเค้าไปก็เท่านั้น ตัวตนยังไงมันก็คือตัวตนอยู่แล้ว น่าสมเพชสิ้นดีที่ตัวเองกลับคิดว่า ‘ ไม่ใช่แค่ดี แต่ต้องดีที่สุด ดีกว่าใครทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของเมด ’ แต่สุดท้ายมันกลับไม่ต่างอะไรกันเลย ไม่ต่างอะไรกับไอ้เหี้ยนั่นที่ทำให้เมดเสียใจมาตลอด

 ก้าวเท้าเดินออกไปที่ประตูห้องมือที่เอื้อมจับลูกบิดประตู ผมไม่รู้หรอกว่าถ้าเจอใครอีกคนนั่งร้องไห้อยู่ผมจะทำยังไง หรือคำพูดแรกที่พูดออกไปควรจะเป็นอะไร ผมไม่ได้คิดอะไรเผื่อไว้ทั้งนั้น เพราะสิ่งที่คิดมันมีแค่ว่า ‘ ไม่ว่ายังไงก็เสียไปไม่ได้ ’ แต่ทว่าเมดก็ไม่ได้นั่งอยู่อย่างที่คิด หน้าห้องไม่มีใครอยู่ มันว่างเปล่า

ผมเดินลงไปชั้นล่างเดินตรงไปที่ห้องพนักงานที่มีแมวอ้วนอย่างไอ้หมูตุ๋นอยู่ เพราะทุกวันเวลาทำงานเสร็จอีกคนจะมานั่งเล่นกับลูกแมวที่นี่ แต่ว่าในห้องนั้นก็ไม่มีเหมือนกัน

“ ไอ้เจ ไอ้เมดอยู่ไหน ” เดินออกมาเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ที่บาร์ มันที่หันมามองผมก่อนจะยกยิ้มแล้วก็พูดสั้นๆ

“ จนได้นะมึง ”

“ กูถามว่าไอ้เมดอยู่ไหน ”

“ ไม่ต้องบอกพี่เจ “ น้องชายผมที่อยู่ด้านในของบาร์บอก “ คนปากแบบสัดพี่บอกว่าพี่เมดอยู่ไหน แม่งก็ตามไปทำร้ายความรู้สึกพี่เมดอีกนั่นแหละ ”

“ เสือก ” ผมจ้องอีกคนก่อนจะพูดสั้นๆ เหลือบมองเพื่อนสนิทอีกครั้ง “ บอกกูมา ”

“ บอกก็ได้ แต่มึงต้องบอกกูก่อนว่ามึงทำผิดอะไรกับไอ้เมด ” ถอนหายใจออกมาผมหันไปทางอื่นตอนที่ได้ยิน

“ ทำไมกูต้องบอก นี่มันเรื่องของกู แฟนกูไม่ใช่แฟนมึง  ”

“ งั้นกูก็ไม่บอก เพราะนี่ก็ไม่ใช่เรื่องของกูเหมือนกัน ”

“ ไอ้เจ ” ผมเรียกเพื่อนสนิทเสียงเรียบ เสียงที่จะบอกกับมันว่า อย่ากวนตีนคนอารมณ์ไม่ดีอย่างผมไปมากกว่านี้

“ บอกมึงไป มึงแน่ใจเหรอว่าจะไปพูดกับมันด้วยเหตุผล กูถามจริงๆ ตอนนี้มึงรู้รึยังว่า เมดมันโกรธมึงเรื่องอะไร หรือแค่คิดว่า มึงทำมันร้องไห้ เมดโกรธ เลยต้องไปง้อ เพราะเสียไปไม่ได้ “ ไม่ได้ตอบอะไรอีกคน เรามองหน้ากันนิ่งๆก่อนไอ้เจเชิดหน้ามาที่เก้าอี้ตัวข้างมัน “ นั่งลงก่อนมั้ยสัด มีสติแล้วค่อยไป เพราะถ้าไปแล้วทำให้แย่ลง มึงอยู่นิ่งๆที่นี่เถอะ อย่าไปทำร้ายเค้าเลย ”

“ มองอะไรกูไอ้เชี้ยเดย์ ” ผมถามน้องชายตัวเองตอนที่นั่งลงตรงเก้าอี้ตัวที่ไอ้เจบอกอย่างช่วยไม่ได้ คงจริงอย่างที่มันบอก นั่งให้มีสติแล้วค่อยไป

“ มองไอ้เหี้ยตัวนึงที่ทำให้พี่เมดของกูต้องเสียใจ ”

“ เหล้าหน่อยมั้ย ” ไอ้เจถามผมก็ส่ายหน้า

“ กูอยากจะคุยกับเมดให้รู้เรื่อง อารมณ์กูตอนนี้แดกไปก็เมา ”

“ มึงหึงไอ้เมดกับเซลล์ที่ชื่อต่อถูกมั้ย ” คนข้างๆถามผมก็หันไปมองหน้ามัน “ ที่กูรู้เพราะกูเห็น ตอนที่เมดเดินลงมาเซลล์คนนั้นมันก็เดินมาคุยกับเมด ”

“ มึงว่าไงนะ..”

“ ใจเย็นๆ มึงแม่งพอเรื่องไอ้เมดแล้วโคตรใจร้อน เบาๆหน่อยเถอะสัด ฟังกูก่อน ” ถอนหายใจออกมาอีกครั้งผมนิ่งไปเจก็พูดต่อ “ เซลล์คนนั้นมันเดินมาขอโทษไอ้เมด ที่เหมือนมันจะพูดอะไรสักอย่างที่ทำให้มึงกับไอ้เมดทะเลาะกัน มึงพูดอะไร ” เจหันมาถามผมในท้ายประโยคที่ก็นิ่งไปก่อนจะพูดเสียงเรียบๆ

“ ร่าน ” ผมบอกมัน “ ประมานว่า งั้นคนของกูก็ร่านไปคุยกับมึงเองงั้นสิ กูด่ามันต่อหน้าไอ้เชี้ยนั่น ”

“ สมเป็นมึงไอ้สัดอาฟ ”

“ ก่อนหน้านั้นกูเดินขึ้นไปชั้นสอง กูได้ยินไอ้เหี้ยนั่นพูดกับเมดว่า เพื่อนมันลืมบอกว่าเลขาผับนี้น่ารัก แล้วก็ถามต่อว่า มีแฟนรึยัง ” ผมหลุดยกยิ้มออกมาตอนที่คิดถึงภาพที่เห็นแล้วก็เสียงที่ผมได้ยิน ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นที่มองเมดด้วยสายตาชื่นชอบ และที่ผมเกลียดที่สุดก็คือ มันคนนั้น คือคนในแบบที่เมดชอบ เป็นท่าทางคนใจดีที่ช่างพูด แถมยังดูอบอุ่น คนที่ไม่ใช่คนในแบบผม

“ สติมึงก็เลยขาดเพราะเกิดอาการหึงหวงสินะ ”

“ มันควรรู้ว่าข้อห้ามของผับนี้คือ ห้ามยุ่งกับเลขากู ”

“ ทำไวนิลมาติดเลยมั้ย ขึงป้ายเอาตัวใหญ่ๆ ตรงระเบียงชั้นสอง ด้วยสโลแกน รักชีวิตอย่าคิดยุ่งกับเมียพี่อาฟ ” เจหันมาบอกผมก่อนจะยกเบียร์ที่อยู่ตรงหน้ามันขึ้นกิน “ ช่วยเล่าให้กูฟังตั้งแต่ต้นจนจบหน่อยเรื่องมันเป็นมายัง ขอละเอียดๆนะ แล้วอย่าเล่าข้ามละไอ้สัด ”

“ เพื่อ ? “

“ เพื่อให้ตอนที่มึงพูดออกมา มึงจะได้นั่งคิดว่าสิ่งที่มึงทำมันเหี้ยแค่ไหน ” ผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คนข้างๆอย่างจำยอม พร้อมกับไอ้เดย์ที่ก็ไม่ยอมเดินไปไหนเพราะความอยากรู้

“ ด่าเหี้ยยังสงสารเหี้ยเลย ” น้องชายผมบอกตอนที่ผมเล่าจบ “ มึงด่าพี่เมดของกูต่อหน้าคนอื่นอะ ทั้งๆที่เค้าไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยอะสัดพี่ แล้วเค้าก็พูดกับมึงด้วยเหตุผลด้วยซ้ำอะ แต่มึงไม่ฟังอะไรเค้าเลย แถมยังไปดูถูกเค้าอีก มึงแม่งแบบ กูจะสรรหาคำไหนมาด่ามึงดีวะ ”

“ งั้นก็เงียบปากไป ” บอกปัดน้องชายตัวเอง ก่อนจะนั่งเงียบๆแล้วก็คิดทบทวน

หงุดหงิดตัวเองที่ตอนนั้นขาดสติไปทุกอย่าง ทำไมถึงได้พูดเหี้ยอะไรแบบนั้นออกมาวะ ยิ่งคำพูดที่บอกออกไปว่า ทำไมพอเป็นผมถึงไม่ทน มันยิ่งทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากแค่ไหน เหมือนกับช่วงเวลานั้นผมไม่ได้แคร์มัน คิดแค่ว่า อยากจะให้ยอมกันเหมือนอย่างที่มันเคยยอมให้ไอ้บิน ทั้งๆที่ก็บอกตัวเองตลอดว่าไม่อยากจะเป็นแบบนั้น

“ มึงทำเหมือนไอ้เมดเป็นตุ๊กตาอะ ” เจหันมาพูดกับผม “ ตุ๊กตาที่มึงเคยอยากได้มาก แต่มึงไม่เคยได้ตอนเด็กๆ พอวันนึงมึงไปเจอมันโดนทิ้งอยู่ สภาพไม่ดี แต่เพราะมึงชอบมากก็เลยเก็บกลับมา มึงเอามันมาซักทำความสะอาด ดูแลทุกอย่างให้อย่างดี จนมันสวยเหมือนเดิม  แล้วมึงก็คิดว่า ตุ๊กตาตัวนี้ต้องทำตามความต้องการของมึงทุกอย่าง เพราะมึงก็ไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร แต่มึงลืมไปรึเปล่า เมดมันก็มีหัวใจนะมันไม่ใช่ตุ๊กตา ” ผมนั่งฟังอีกคนพูดแบบเงียบๆ “ มึงด่ามันแบบนั้นด้วยอารมณ์โกรธทั้งๆที่มันพยายามจะทำให้มึงใจเย็น แต่มึงก็ยังบอกให้มันคิดอย่างที่มึงต้องการ มึงบอกให้มันยอมมึงทั้งๆที่มึงก็รู้ว่ามันเคยเจ็บกับการยอมไอ้เชี้ยบินมา แล้วมึงยังจะมาทำร้ายมันอีกเหรอวะ  .. ไอ้อาฟ กูถามจริงๆ มึงกลัวอะไรรึเปล่า ”

“ กลัวอะไร ” ผมหันไปมองอีกคนที่ก็หมุนเก้าอี้มามองหน้าผม

“ กลัวว่ามึงจะไม่ดีพอในความรู้สึกเมด กลัวว่าเมดจะไปจากมึงถ้าเจอคนที่ดีกว่า ”

“ จะกลัวทำไม กูก็ไม่ได้ดีอะไรอยู่แล้ว ” ตอแหลสิ้นดี ทั้งๆที่ทั้งหมดมันก็เป็นแบบนั้น

ผมกลัวการที่ไม่มีเมดอยู่ข้างกัน มันคงเหมือนกับเสือตัวนึงที่เผลอไปเจอลูกแมวตัวนึงเข้า ในใจที่อยากจะได้แมวตัวนั้นมาอยู่ด้วย แต่จะดูแลยังไงก็รู้ ก็เลยลองทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ลูกแมวตัวนั้นดูชอบสิ่งที่ผมทำ แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังกลัว ว่าถ้าลูกแมวตัวนี้ไปเจอแมวอีกตัวที่ถูกใจเข้า มันก็คงไป และเพราะไม่อยากจะให้เป็นแบบนั้น ก็เลยขู่คำรามกับทุกคนที่เข้ามาใกล้ รักและหวงแหนมากเกินไป จนสุดท้ายมันก็กลายเป็นความอึดอัด

“ สิ่งที่มึงทำกับเมดแบบที่มึงไม่เคยทำให้ใคร มันดีอยู่แล้ว แต่บางอย่างมันมากเกินไป อย่างเรื่องที่มึงหึงมันจนพูดด่ามันต่อหน้าคนอื่น แล้วก็ไปพูดดูถูกมันว่าเหมือนมันชอบเค้า ทั้งๆที่มันไม่ได้คิดอะไร กูถามจริงๆ จากใจเลยนะ มึงคิดว่าไอ้เมดชอบเค้า หรือมึงแค่กลัวไปว่าไอ้เมดจะชอบเค้าจนโมโหแล้วด่ามัน ”

“ อย่างหลัง ” เจถอนหายใจออกมาตอนที่ผมตอบ

“ มีสติหน่อยสัด ถ้าเมดมาหึงมึงแบบปัญญาอ่อนมึงก็ไม่ชอบหรอก เอาใจเค้ามาใส่ใจเราซะบ้าง วันนี้ถ้ามึงเป็นเมดมึงจะรู้สึกยังไง หัวร้อนไม่เข้าท่า มึงเป็นเจ้าของผับนะเวลางานก็ช่วยจริงจังหน่อยสิวะ มึงก็บอกมันไปแล้วว่าเมดมีแฟนแล้วนั่นก็จบแล้ว มึงจะพาลไปถึงเรื่องซื้อเหล้า ด่าไอ้เมด คือมึงแบบขาดสติชิบหาย มึงรักไอ้เมดจนขาดสติไปแล้วอะสัดอาฟ ”

“ อื้ม ” ผมยอมรับว่าตัวเองเป็นอย่างที่เพื่อนพูด รักจนขาดสติไปแล้ว “ แล้วอะไรคือความรักแบบที่มันพอดีวะ ” อยากรู้เหมือนกันว่ามันเป็นยังไง ผมไม่รู้จักอะไรพวกนั้น สิ่งที่รู้มีแค่ ผมรักเมดและถ้ามีอะไรผมจะให้มันทั้งหมด ผมรู้อยู่แค่นั้น

“ มึงต้องหันเรียนรู้ที่จะรักอย่างพอดี มีเหตุผล แล้วก็มีสติ ควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ถ้าไม่เข้าใจก็คิดให้มากๆเวลาโมโห เมดจะเสียใจ เมดจะเสียใจ ท่องไว้จะได้ใจเย็นๆ ” ไอ้เจส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูดเหมือนบ่น “ มึงมีเหตุผลกับทุกเรื่องทำไมพอเป็นเรื่องไอ้เมดนิดๆหน่อยๆมึงเหมือนผีเข้าขนาดนั้น ”

“ เพราะนั่นคือเมดไง ” หันบอกอีกคนสั้นๆ “ มันคือคนที่อยู่อีกฝากนึงของถนนสำหรับกูมาตลอด ” เป็นคนที่ไม่เคยเอื้อมถึงแต่พอวันนี้ได้มีมันมาอยู่ใกล้ๆ ทุกอย่างมันก็มากไปหมดจนทำให้อีกคนเสียใจ

“ แต่วันนี้เมดมันยืนอยู่ข้างมึงแล้วไงอาฟ รักษาไว้ให้ดีสิวะ อย่าขาดสติบ่อย ไม่มีใครชอบที่โดนดูถูกหรอก ยิ่งมันมาจากคนที่รักก็ยิ่งไม่ชอบ ”

“ มึงว่ากูดีพอสำหรับเมดรึยังวะ ”

“ ตอบไม่ได้ไม่ใช่ไอ้เมด ” เพื่อนผมบอกก่อนจะยกเบียร์ขึ้นกิน “ แต่ที่กูพอจะบอกได้ก็คือ เมดมันมีความสุขเวลาที่อยู่กับมึงมากๆ ดูจากแววตามันตอนมองมึงก็รู้ ”

“ แล้วกูกับไอ้บินใครดีกว่ากัน ”

“ มึงจะลดตัวเองลงไปเทียบกับเหี้ยทำไมวะ ”

“ ก็ถ้าไอ้เมดมันยังรักเหี้ยกูก็ต้องเทียบรึเปล่า ” หันไปมองอีกคนที่ก็เงียบไปตอนที่ผมพูด เจถอนหายใจออกมา มันคงรู้สึกไม่ต่างอะไรจากผม ก็พอรู้ว่ามันไม่ได้รักแล้ว แต่ก็ยังคิดถึงอยู่ดี และไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกแบบไหนที่อีกคนคิดถึง ผมก็รู้สึกไม่ชอบใจทั้งนั้น แต่ที่เหี้ยยิ่งกว่าคือ ผมไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงเพื่อให้มันหายไปจากความคิดของเมด

“ แล้วทำไมมึงต้องแคร์วะสัดพี่ ” ไอ้เดย์ที่ยืนฟังอยู่พูดขึ้น “ มึงแม่งโคตรไม่ใช่มึงเลยอะ กูจะบอกให้นะมึงแม่งอ่อนด๋อยมากอะที่มีความคิดแบบนี้ ความมั่นใจของมึงมันหายไปไหนหมด พี่ชายกูแม่งเคยเท่ห์กว่านี้อะ ถามหน่อยมึงคนที่มั่นใจว่าต้องทำได้แน่นอนกับทุกเรื่องหายไปไหนแล้ววะ ไอ้เหี้ยนั่นมันมีอะไรดีให้พี่เมดกลับไปคิดถึงยกเว้นความเหี้ยวะ แล้วตัดภาพมาเทียบกับมึงที่เป็นเจ้าของผับ ขับ GTR คันละเป็นสิบล้าน ที่บ้านพ่อสะสมรถยุโรป ทำธุรกิจอสังหา มีน้องชายที่หล่อและน่ารักแถมยังเข้ากันได้แบบสุดๆ แล้วมันจะมีอะไรให้พี่เมดต้องกลับไปคิดถึงไอ้เหี้ยนั่นวะกูถามหน่อย ”

“ อยากยืนปรบมือให้มึง แต่ต้องหยุดความคิดตอนที่มึงบอกว่า มีน้องชายหล่อ ” เจบอกแซว ไอ้เดย์ก็ถอนหายใจมันที่ยังจ้องหน้าผม

“ แล้วที่ตอนนี้พี่เมดก็อยู่กับมึงอะสัดพี่  มึงที่แม่งรักพี่เมดมากๆอะ แต่แค่ปากหมามากไปหน่อย ไม่นับรวมนิสัยเหี้ยอื่นๆอีกเป็นร้อยแต่ก็โอเคอะ อันนั้นมึงแค่ต้องปรับมั้ยวะ กูไม่คิดว่าพี่เมดจะใจร้ายขนาดไม่ทนมึงที่กำลังปรับตัวอะ เค้าก็รู้อยู่แล้วมั้ยว่ามึงก็เหี้ยอะ ขนาดมึงด่าเค้า เค้ายังใจเย็นเลย นั่นมันก็เพราะว่าเค้าไม่อยากจะเสียมึงไปแล้วเค้าก็รักมึงไม่ใช่เหรอ ทำไมโง่วะ คิดแค่นี้ก็ไม่ได้ พี่เมดมีความสุขจะตายตอนอยู่กับมึงยังมาคิดว่าตัวเองเหมือนไม่ดีพออีก กูจะอ้วก ไอ้สัด เก็บความคิดพระเอกแบบน้ำเน่าของมึงลงโถส้วมไปเถอะ ถ้าเราดีจริงไม่มีอะไรที่เราจะไม่ได้มาเว้ย จำไว้ ”

“ เดย์ มึงแม่งมาว่ะ ”

“ ตอนที่มึงบอกว่าจะคบกับพี่เมด ตอนที่มึงบอกกูว่า มึงจะจริงจังกับเค้าทั้งๆที่ตลอดเวลามึงแม่งไม่เคยจริงจังกับใครเลย มึงในตอนนั้นสำหรับกูมันเท่ห์มากเลยนะ แล้ววันนี้มึงจะเท่ห์มากกว่านั้นอีก ถ้ามึงยอมไปขอโทษพี่เมดแล้วฟังเรื่องที่เค้าต้องการเพื่อปรับตัวมึงให้อยู่กับเค้าให้ได้ ”

“ งั้นกูคงต้องไปแล้วว่ะ ” ผมลุกขึ้นยืนตอนที่พูดคำนั้น “ เพราะนานๆทีน้องชายกูจะมีสาระแล้วเห็นว่ากูเท่ห์เหมือนคนอื่น ”

“ เมดอยู่กับไอ้วิวนะ ที่คอนโดของพวกมัน ” พยักหน้ารับคำพูดของเพื่อนที่ตะโกนไล่หลังมา ผมหันหลังเดินออกมาจากผับทันทีในตอนนั้น เหมือนอย่างที่ไอ้เดย์พูด ‘ ถ้าเราดีจริงไม่มีอะไรที่เราจะไม่ได้มา ’

จอดรถอยู่ที่หน้าคอนโดของอีกคน ผมมาถึงได้สักพักแล้วแต่ไม่รู้จะเข้าไปยังไง หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา หน้าจอที่ถูกปลดล็อคฉายโปรแกรมมากมายบนนั้น แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะโทรศัพท์มากกว่าจะพิมพ์คุยกันแบบไม่ได้ยินเสียง

“ ฮัลโหล ” เสียงปลายสายที่ตอบรับชวนให้ผมนิ่งไป เดาอารมณ์ได้จากเสียงสั้นๆนั้นว่าอีกฝ่ายยังคงตึงแต่คงไม่โกรธมากเพราะอย่างน้อยมันก็รับโทรศัพท์ “ ถ้าไม่พูดกูจะวางนะ ”

“ อยู่ข้างล่าง ”

“ มาทำไม ”

“ มีอะไรจะคุยด้วย ขอ..” ผมรู้สึกตื่นเต้นจนต้องกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ ไม่เคยง้อใครเลย นี่เป็นครั้งสองที่ผมง้อเมด และครั้งแรกก็คือมันนั่นแหละที่ผมง้อ “ ขอคุยกับมึงหน่อย ”

“ พูดคราวนี้ มึงจะมีเหตุผลใช่มั้ย ”

“ อื้ม ”

“ งั้นเดี๋ยวลงไป ” สายสนทนาถูกตัดลง ผมเดินออกไปยืนรอนอกรถ แล้วไม่นานนักประตูคอนโดก็ถูกเปิดออก เมดยังใส่ชุดเดิมตัวที่เราทะเลาะกัน แววตาที่ดูไม่สดใสเหมือนก่อนของมันชวนให้ผมนิ่งค้าง ก่อนที่เมดจะทักขึ้น “ เข้ามาสิมึง ”

“ อื้ม ” เดินตรงเข้าไปหาอีกคน ผมเดินผ่านประตูนั้นเข้าไปจนถึงลิฟต์ เราเงียบไม่ได้พูดอะไรกันเลยระหว่างรอลิฟต์ที่ขึ้นไปให้ลงมา แม้แต่ตอนที่เดินเข้าไปด้านใน เมดกดชั้นที่ไม่ใช่ชั้นห้องของมันแต่ก่อนที่ผมจะถามอะไรอีกคนก็บอก

“ วิวอยู่บนห้อง กูว่าคุยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ไปคุยที่สวนของคอนโดแล้วกัน ”

ประตูถูกเปิดออกมันเป็นสวนลอยฟ้าของคอนโดที่ฝั่งนึงถูกแต่งเป็นสระว่ายน้ำ ส่วนอีกฝั่งเป็นสวนแบบทำที่นั่งไว้ล้อมรอบต้นไม้ เมดเดินนำไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งที่หันออกไปเห็นวิวเมืองทั้งหมด ส่วนตัวผมกลับยืนอยู่ตรงหน้ามันแล้วเลือกที่จะพิงตัวเองเข้ากับระเบียง อยากจะมองหน้าของอีกคนตอนที่เราพูดเรื่องนี้

“ มีอะไรก็พูดมา ” เมดที่เงยหน้าขึ้นมาถามกันแต่ผมกลับทำได้แค่นิ่งไปเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นประโยคยังไง ทั้งๆที่ตอนด่าออกไปไม่เห็นจะเคยคิดอะไรแบบนี้ ด่าเสร็จถึงจะมานั่งคิดว่าไม่ควรทำแต่ถึงอย่างงั้นความรู้สึกของอีกคนมันก็เสียไป คำพูดเป็นสิ่งที่เมื่อพูดไปแล้วเราเอามันกลับคืนมาไม่ได้ “ อาฟ ”

“ ขอ.. ขอโทษ ” ผมบอกมันก่อนจะถอนหายใจแล้วหันไปมองทางอื่นอยู่สักพัก ผมพยายามทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เวลาง้อเมดมันยากทุกครั้งที่แค่คิดว่าทำยังไงให้อีกคนหายโกรธ “ ขอโทษที่พูดแบบนั้น ” หันไปพูดแบบนั้นด้วยเสียงจริงจังตอนที่หันมองหน้าเมด แต่อีกคนก็แค่นิ่งฟังและท่าทางแบบนั้น มันก็ยิ่งทำให้ผมต้องเม้มริมฝีปากระงับความตื่นเต้นที่ทำให้ใจเต้นแรง “ กู  กูไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษนะ คือ ขอโทษ ขอโทษจริงๆ กูขอโทษ ”

“ รู้แล้ว ” เมดบอก “ แต่มึงไม่มีอะไรที่จะพูดมากกว่าคำว่าขอโทษเหรอวะ ” คำถามที่ทำให้คนถามหันไปมองทางอื่นอยู่สักพัก มันถอนหายใจก่อนจะหันมามองหน้าผม ” ถามจริงมึงรู้รึเปล่าว่าตัวเองผิดเรื่องอะไร ”

 “ ขอโทษที่พูดแบบนั้น ขอโทษที่ด่ามึงออกไปต่อหน้าคนอื่น ขอโทษที่ตอนนั้นกูไม่ได้ฟังอะไรเลย ขอโทษที่เอาแต่ดูถูกมึงทั้งๆที่มึงก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น กูขอโทษที่มันคงมากเกินไปสำหรับความรู้สึกที่กูมี แต่กูจะพยายามทำให้มันพอดี กูหมายถึงเรื่องของเราทั้งหมด ”

“ มันจะมีครั้งหน้าอีกมั้ยมึง ”

“ กูไม่รู้ ” บอกมันออกไปตามตรง แต่คนฟังก็ได้แต่ก้มหน้าลงแล้วถอนหายใจ “ อยากจะบอกมึงเหมือนกันว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก แต่กลัวว่าพอถึงตอนที่โมโหมากๆ กูจะเผลอทำไป แล้วจะทำให้มึงยิ่งเสียใจไปอีก เพราะเคยสัญญากันไปแล้วว่าจะไม่ทำ แต่กู..จะพยายามนะ จะพยายามไม่พูดอะไรแบบนั้น แล้วจะมีสติมากกว่าเดิม ”

“ กูจะทำยังไงกับมึงดีวะ ” เมดถามผม “ กูแม่งนึกหงุดหงิดตอนที่ฟังมึงพูดว่ามึงไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะเผลอหลุดปากด่ากูอีกมั้ย  แต่พอฟังมึงพูดจบ กูกลับรู้สึกว่า เออ ก็จริงของมึง สัญญากันไปก็ไม่มีความหมายถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องสัญญาดีกว่า คนฟังอย่างกูมันคาดหวัง ”

“ แต่กูจะพยายาม ” ผมย้ำบอกมัน “ ถึงจะเปลี่ยนสันดานไม่ได้ แต่จะพยายามให้มันมีสติกว่านี้ ”

“ กูรู้ว่ามึงรู้สึกยังไงนะอาฟ กูรู้ว่ามึงไม่ชอบที่มีคนเข้ามาคุยกับกู มึงจะหึงกูก็ได้กูไม่ว่าหรอก แต่อาฟอย่าหึงเหมือนวันนี้อีกนะ กูเข้าใจว่าเวลาหึงมันไม่มีสติหรอก แต่มึงกูเจ็บมากเลยนะ ตอนที่มึงด่ากู กูในตอนนั้นถามตัวเอง มึงแม่งเป็นคนคนเดียวกันกับเมื่อเช้าที่ทำให้กูมีความสุขรึเปล่า มันเหมือนคนละคนกันเลยกูจะบอกให้ ” เมดบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา “ กูรู้ว่ามึงปากไว แต่ด่าคำอื่นได้มั้ย ทำไมต้องร่านว่ะ กูไม่ได้ไปอ่อยใครสักหน่อย กูก็คุยปกติ ถ้ามึงรู้สึกว่าไม่ชอบคำพูดของคนที่ชมกู มึงด่าเค้าแทนได้มั้ยวะ แบบ อย่าชมแฟนกู แต่อย่าด่ากูร่านได้มั้ย กูไม่ชอบเลย เพราะกูไม่ได้เป็นแบบนั้น กูไม่เคยมีใครนอกจากมึง ”

“ ขอโทษ ”

“ แล้วที่มึงบอกว่ากูชอบคนท่าทางแบบพี่ต่อเพราะเค้าดูอบอุ่นเป็นผู้ใหญ่อะไรพวกนั้น มึงคิดผิดแล้วอาฟ กูไม่ชอบคนแบบนั้น ตอนนี้กูชอบคนแบบมึง ” แววตาเรียวที่เงยหน้าขึ้นมามองกันถึงกับทำให้ผมปั้นสีหน้าไม่ถูกกับอารมณ์ที่อยู่ๆก็เปลื่ยนไปฉับพลัน

ริมฝีปากที่เหมือนกับกำลังจะยิ้มแต่ก็ต้องกลั้นไว้ ทำทีเป็นหันไปทางอื่น ก็พอเข้าใจอีกคนเวลาผมแกล้งให้มันเขินแบบไม่ทันตั้งตัวแล้ว อาการมันก็คงประมานนี้หัวใจที่เต้นแรงนั่นก็ด้วย
 
“ หันหน้าหนีกู มึงเข้าใจที่กูรึเปล่าวะ  กูไม่ได้บอกว่าห้ามหึงนะ ก็หึงได้แต่มีสติหน่อย ไม่ใช่มาด่ากูแบบนั้น กูไม่ชอบเวลากูดูถูกกู มันเหมือนกูไม่มีค่าเลย ”

“ เมด ” ผมเอ่ยเรียกมันตอนที่อีกคนพูดจบ ผมรู้สึกผิดจนมีแค่คำว่า ขอโทษเป็นพันๆคำลอยไปมาอยู่ในสมอง รวมถึงคำด่าทอตัวเองที่ทำให้อีกคนต้องรู้สึกอย่างงั้น “ อาฟขอโทษเรื่องวันนี้นะเมด” เอื้อมมือไปจับมือของอีกคนเมดก็เอาแต่นิ่งมองหน้าผม “ กูก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไรได้นอกจากคำนี้ เพราะกูย้อนเวลากลับไปแก้ไขในสิ่งที่กูพูดหรือทำไม่ได้ กูเลยได้แต่บอกมึงว่ากูขอโทษ ขอโทษที่พูดดูถูกมึงต่อหน้าคนอื่น แล้วก็พูดว่ามึงชอบคนอื่นทั้งๆที่มึงไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ขอโทษที่เห็นแก่ตัว ที่กูพูดเรื่องที่ให้มึงอดทนทั้งๆที่กูก็รู้ว่ามึงเจอเรื่องอะไรมาก็มาก ขอโทษที่พูดถึงไอ้เหี้ยนั่นกับมึง ขอโทษนะเมด อาฟขอโทษจริงๆ ”

“ กูให้อภัยมึงก็ได้อาฟ แต่อย่าพูดบ่อยนักนะ คำว่าขอโทษของมึงน่ะ ไม่ใช่ว่าวันนี้ขอโทษ แล้วอีกไม่กี่วันมึงก็ทำผิดอีก แล้วมึงก็มาขอโทษอีก ความอดทนของกูมันมีจำกัด ให้อภัยมึงไม่ได้ทุกรอบหรอกนะ ”

“ กูจะพยายามไม่ทำแบบนั้นอีก ”

“ อื้ม ” เมดพยักหน้ารับก่อนจะกำมือผมที่จับมือมันอยู่ไว้แน่น “ แล้วอีกอย่างที่วันนี้กูให้อภัยมึง เพราะกูเชื่อที่มึงพูดนะว่ามึงจะพยายาม แล้วเหตุผลที่กูเชื่อแบบนั้น ก็เพราะความดีของมึงที่ทำให้กูเห็นมาตลอดตั้งแต่ที่เรารู้จักกันมา ”

“ ขอบคุณครับ ” ถอนหายใจโล่งออกมา ตอนเดินไปนั่งลงข้างอีกคนเมดก็หันมามอง

“ แล้วมีอีกอย่างที่กูอยากจะบอกมึง ”

“ อะไร ” หันไปมองหน้าอีกคนที่ก็หันมามองผมเหมือนกัน

“ ที่กูพูดว่าถ้ามึงเป็นแบบบินกูไม่ไหวหรอก ถ้าต้องเจ็บแบบนั้นกูขอเดินออกมาตอนนี้ดีกว่า ที่กูพูดแบบนั้น กูขอโทษนะ กูไม่รู้ว่ามึงจะคิดไปถึงว่า กูยังคิดถึงไอ้บินอยู่มั้ย แต่กูก็อยากจะยืนยันกับมึงนะอาฟ ว่ากูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับมันแล้ว และความรู้สึกที่กูให้มันได้ตอนนี้ ก็มีแต่ความเกลียด ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับอีกคนที่พูดเรื่องนั้นออกมา เหมือนกับรู้ว่าผมรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้

หันไปมองวิวตรงหน้า รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกภาพที่เห็นมันเป็นอะไรที่แตกต่างจากตอนที่ขับรถมาอย่างสิ้นเชิงทั้งๆที่มันก็เป็นวิวเดียวกัน แต่ตอนนี้มันไม่ได้ดูเหงาและเคร่งเครียดกลับกัน ผมรู้สึกว่ามันสวยยิ่งกว่าตอนไหนที่เคยมอง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศโล่งใจ หรือมุมวิวที่แตกต่างไปจากที่เคยมองกันแน่

“ มาพยายามปรับตัวไปด้วยกันนะมึง ” ยกคิ้วเป็นคำตอบให้อีกคน เมดที่ถอนหายใจออกมามันมองไปยังวิวข้างหน้าเหมือนผม “ รู้สึกว่าวิวคืนนี้แม่งสวยกว่าตอนที่มองมาจากบีทีเอสเยอะมากๆ ”

“ มึง ” ผมเอ่ยเรียกอีกคนตอนที่ยื่นนิ้วก้อยไปให้เมดก็ได้แต่ขมวดคิ้วมองผมยิ้มๆ

“ อะไรของมึง ”

“ อย่าถามทั้งๆที่รู้ ” บอกมันแบบนั้นด้วยความรู้สึกร้อนๆที่หน้าแต่ก็ไม่ดึงมือกลับไปไหน “ ดีกันแล้วเกี่ยวก้อยกัน ”

“ มึงแม่งเล่นอะไรเป็นเด็กๆ ”

“ อย่าทำให้กูต้องอายไปมากกว่านี้ ” มือที่ยื่นเข้าไปใกล้มันอีกนิดเชิญชวนให้อีกคนเกี่ยวนิ้วก้อยของตัวเองกลับ “ ตอนเด็กๆไม่เคยทำเหรอ กูตอนเด็กๆเวลาทะเลาะกับไอ้เดย์ แม่ให้เกี่ยวก้อยคืนดีกันประจำ มาสิ เราดีกันแล้ว ต้องเกี่ยวก้อยคืนดีกันนะ ”

“ ปัญญาอ่อน “ พูดแบบนั้นแต่ก็ยอมยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับผม

“ มึงชอบไม่ใช่เหรอ เวลาที่กูทำอะไรแบบนี้ ”

“ นั่นเพราะกูชอบมึงตังหาก ” ทุกอย่างในตอนนั้นเงียบไปหมด ผมรู้สึกเหวอมันเหมือนจะได้ยินแต่เสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงจนกลัวว่ามันจะดังจนคนที่นั่งข้างกันได้ยิน

“ วันนี้มึงแม่งท๊อปฟอร์มว่ะ ” ตั้งแต่ที่ทำให้โมโหแทบบ้าจนมาถึงทำให้หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก ความรู้สึกที่เหวี่ยงให้ตัวผมมีทั้งความสุขและความทุกข์แบบชนิดที่ขึ้นสุดและลงสุด ดูเหมือนจะมีแค่เฉพาะคนที่นั่งข้างกันเท่านั้นที่จะได้ “ กูยอมแพ้มึงแล้วเมด จากใจเลย ”

.......................................................................

ตอนแรกกังวลมากว่าคนอ่านจะเข้าใจมั้ย เพราะตอนที่แล้วหลายๆคนคิดว่า อาฟผิดคนเดียว แต่หนมมองว่ามันมีส่วนที่เมดผิดนะ แต่มันไม่ใช่ความผิดแบบอาฟ คือเราว่าเมดคาดหวังกับอาฟแบบที่วิวพูด ส่วนอาฟก็ผิดแบบที่เจพูด อยากให้ความรักของคู่นี้ไปในทิศทางที่ค่อยๆเข้าใจ มันผิดบ้างถูกบ้างก็ปรับๆกัน
สุดท้ายนี้ ขอมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้น้องวิวและพี่เจ ส่วนน้องเดย์เอาใจพี่ไปนะลูก
เกี่ยวก้อยแล้วเนอะ ดีกันๆ ดีกันๆ
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-08-2018 21:52:10
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 24-08-2018 21:52:59
ดีกันแล้ว ก็ขอตอนหวานๆให้เบาหวานขึ้นตาคนอ่านไปเลยนะคะคนเขียน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: rodoubles ที่ 24-08-2018 21:55:34
แงงงงงงง ขอบคุณมากเลยนะที่ยอมวางทิฐิลงแล้วกลับมาคุยกัน หลังจากนี้คงจะมีปัญหาเข้ามาอีกเรื่อยๆ แต่อยากให้จับมือกันไปแบบนี้ตลอดๆ เลย คุณแม่จะเอาใจช่วยทั้งคู่เองงงง

// ชูป้ายทีมแม่น้องเมดและน้องอาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 24-08-2018 22:17:29
มอบโล่ให้น้องวิว พี่เจ น้องเดย์ค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-08-2018 22:17:44
ดีแล้วที่เข้าใจกันได้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 24-08-2018 22:17:56
ดีกันแล้วค่อยโล่งใจหน่อย
วิวกับเจนี่บุคคลแห่งชาติเลย ปรบมือ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 24-08-2018 22:22:44
อย่างน้อยที่ทะเลาะกันก็ไม่ข้ามวัน ดีจัง
ขอบคุณวิว เจ และน้องเดย์

อาฟ อารยะ คะ ไม่เอาแบบนี้อีกแล้วนะคะ คำพูดมันทำร้ายจิตใจจริงๆ ค่ะ เราเชื่อว่า อาฟ อารยะ จะจัดการควบคุมอามณ์และปากของตัวเองได้ ใช้ให้ถูกทางเนอะ เอาใจช่วยค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 24-08-2018 22:31:09
คืนดีกันแล้วๆๆๆ ดีจัง เค้าชอบให้อาฟหวานๆกับเมดจัง อบอุ่นดีค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 24-08-2018 22:49:05
ชอบที่คนแต่งมองว่ามันเป็นความผิดของทั้งสองคน ❤️❤️❤️
 เพราะถ้าใครสักคนต้องเป็นคนปรับคนเดียว ต่อไปถ้าทะเลาะกันอีกแล้วปรับคนเดียวก็ไม่ไหว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: wwll ที่ 24-08-2018 23:00:34
ก่อนอื่นต้องบอกว่า มันดีมากค่ะ :katai2-1:

คือปกติเป็นคนไทยที่อ่านหนังสือเฉลีี่ยปีละ8บรรทัด
ไม่ค่อยชอบอ่านบรรยาย อ่านบทพูดกันยาวๆ บางทียาวมากก็ข้ามๆไป
แต่แบบคือเรื่องนี้เราอ่านทุกตัวอักษรจริงๆ บางทีอ่านซ้ำๆด้วยซ้ำ

ชอบความคิดของทุกตัวละคร ชอบตรรกะ ชอบวิธีการพูด
คือบางคนตรรกะดี แต่ถ้าเรียบเรียงไม่ดี มันก็จะไม่สุด
บางคนพูดยาวไป บางคนพูดสั้นไป
แต่อันนี้มันไม่ใช่แบบนั้น มันพอดี มันต้องเท่านี้จริงๆ

ตอนได้ยินคำว่า ''ร่าน'' จากอาฟ สภาพคือ :z6:
ไรเนี่ยเหี้ยพี่อาฟ (จับมาเขย่าๆๆๆๆๆๆ) ไม่คูลเลย
แบบเห้ยเจ้าของผับนะเว้ย (แต่ก็ลืมไปว่านางก็ยังเป็นแค่เด็กมหาลัย)
 (แล้วก็จำขึ้นมาได้ว่าเรื่องบัญชี รายรับรายจ่ายอะไรนางยังเคยไม่สนใจเลย กะอีแค่กร่างใส่เซลไม่ซื้อเว้ยจบมั้ยทำไมจะทำไม่ได้)
เอาเรื่องส่วนตัวมาปนแบบนี้เลยหรอวะ เมดคือแบบพยายามจะปกป้องภาพลักษณ์ความเป็นเจ้าของผับให้อยู่นะ
(แต่ก็ลืมไปว่านางคือพี่อาฟอ่ะ ต้องการอะไรจากนางหรอ)

ขอบคุณน้องวิวจริงๆ น้องวิวไม่ได้แค่เตือนสติเมด แต่เตือนสติคนอ่านด้วย
คือแยกความผิดส่วนความผิด ในส่วนที่เมดพูดก็เอามาวิเคราะห์แล้วที่เหลือก็ให้เมดไปคิดเอง
มันดีอ่ะ คือมันแบบเออว่ะ แบบคล้อยตามเลย ความโกรธคือลงเลย
แบบยังโกรธ(อินนึกว่าตัวเองเป็นเมด) แต่แบบเออในส่วนความคาดหวังต่ออาฟก็แบบต้องมีทบทวนกันใหม่จริง

"สำหรับตอนนี้ ไรท์ท็อปฟอร์มมากค่ะ'' อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 24-08-2018 23:28:15
ถ้าน้องวิวไม่พูดเราก็ไม่คิดในมุมนั้นเหมือนกันว่าเมดก็มีส่วนผิดที่คาดหวังกับอาฟแล้วเหมือนตัดใจง่ายๆ ดีที่เมดกับอาฟมีเพื่อนๆน้องๆคอยช่วยให้คำปรึกษา ผงเข้าตาตัวเองมันเขี่ยไม่ได้ o13 ปรับความเข้าใจขอโทษกันก็ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-08-2018 00:47:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-08-2018 01:04:10
ไม่ดราม่าแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 25-08-2018 01:09:16
อาฟกับเมดโชคดีมีเพื่อนมีน้องดีเป็นกาวใจให้ :mc3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-08-2018 02:00:50
ร้องไห้เลยค่ะ คนหัวร้อนกับคนคาดหวัง

เจวิวมอบโล่เลยนะคะ วิวพูดถูกนะ
ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เลยมองออกมากกว่า

อาฟพลาดไปแล้ว แล้วเจก็ช่วยชีวิตได้
แต่ที่ให้มากกว่าคือน้องเดย์ค่ะ วันนี้น้องเดย์มาแรง  o13

มาเกี่ยวก้อยกัน แบบคืนดี แต่ไม่ใช่สัญญานะ
มาพยายามไปด้วยกัน ทีมนี้เค้ามีเพื่อนดี
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 25-08-2018 02:33:55
โอ้ยใจหายใจคว่ำ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-08-2018 03:10:16
ดีนะที่คืนดีกันได้เร็ว ยกความดีให้เจ, วิว และน้องเดย์ไปเลย  o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-08-2018 07:01:37
อาฟ เมด ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกัน  ดีกันแล้ว  เย้ๆๆๆๆ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
รู้คิด กับเรื่องที่พูดจาทำร้ายจิตใจกัน ขอโทษกัน  สุดยอดดดดด

วิว ยอดเยี่ยมมาก  :katai2-1:
แทนที่จะเข้าข้างพี่ตัวเองอย่างคนทั่วไป
กลับเป็นที่ปรึกษาปัญหาเรื่องความรักได้เต็มร้อย    :mew1:
เดย์ ก็เช่นกัน มีคำพูดที่ทั้งด่าอาฟ แนะนำอาฟ ได้ดีมากๆ  :katai2-1:

ไรท์ เก่งมากๆ ขอปรบมือให้เลย  :m4: :m4: :m4:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 25-08-2018 07:05:40
อาฟอย่าปากพล่อยอีกละกัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 25-08-2018 08:08:00
ทำไมรู้สึกเข้าใจฮาฟอ่ะ
หรือเป็นคนที่หึงรุนแรง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-08-2018 08:49:50
เกี่ยวก้อยดีกันแล้วๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-08-2018 09:22:17
ดีแล้วที่เข้าใจกันได้ ต้องขอบคุณวิว เจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้องเดย์ที่พูดเตือนสติพี่อาฟ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 25-08-2018 12:10:32
ทีมสนับสนุนคือดีงามม
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 25-08-2018 13:20:24
เกือบไปละ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-08-2018 20:40:17
 :mc4: คว่ำชามมาม่าแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 25-08-2018 22:13:29
ตรงอาฟขอเกี้ยวก้อยนั่งยิ้มเป็นคนบ้าเลย เข้าใจกันก็ดีแลัวพยายามปรับตัวกันนะจะได้อ่านตอนหวานๆเยอะๆดีนะที่ทั้งอาฟเมดมีคนให้ปรึกษาไม่งั้ยได้กินมาม่ายาวแน่ ขอมอบรางวัลให้เจ-วิว-เดย์ o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 26-08-2018 00:05:38
คุณอารยะเขาก็มีมุมแบบนี้นะเออ
ดีงามตรงที่โกรธกันไม่ทันข้ามคืนก็ดีกันแล้ว
ตอนนี้ต้องขอปรบมือรัวๆ ให้กับสามกูรูของเรามาก ไหนจะน้อยงเดย์ที่วันนี้ท็อปฟอร์มมากลูก
มาให้จุ๊บเหม่งเป็นรางวัลซิ
นานๆ จะเป็นผู้เป็นคนกับเขาสักที
ต่อไปเราต้องติดแท็กอันนี้ให้กับคุณอารยะมั้ย
#หงอกับเมียhereกับเพื่อน
ถ้าจะใช้เดี๋ยวไปขอคุณทักรี่ของน้องกุ้งมาให้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-08-2018 05:11:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: P.S. ที่ 26-08-2018 15:18:24
ขุ่นพระ! เอามือทาบอก เลิกซึนได้แล้วนะคุณอาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 27-08-2018 14:37:14
ตบมือค่ะ


มีเพื่อนดีน้องดี เป็นอะไรที่ดีมากๆแล้ว


เวลาทำผิด มีคนว่ากล่าวตักเตือน พูดให้คิดได้  ย่อมดีกว่าคนที่เข้าข้างทุกอย่างแม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่ผิด


กอดดคร่าาา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 27-08-2018 15:30:44
เคลียร์กันแล้ว ดีใจมากกกก
มีเพื่อนพี่น้องที่ดีกันนะ คอยปลอบ คอยให้สติกัน
ขอให้อารยะและมินเมดค่อยๆปรับกันไปได้ด้วยดีนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 01-09-2018 00:52:04
อาทิตย์นี้จะมามั๊ยน้อออออ คิดถึงงงงง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 01-09-2018 20:12:30
ตอนที่ 37

ที่โต๊ะหน้าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ผมนั่งมองบรรยากาศโดยรอบอย่างเรื่อยเปื่อยเพื่อฆ่าเวลารออาฟที่กำลังขับรถมารับเพราะวันนี้อีกฝ่ายก็มีเรียนเหมือนกันเลยไม่ได้มานั่งรอกันเหมือนปกติ

เอาเข้าจริง บางทีผมก็คิดว่าตัวเองเหมือนย้ายกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ตอนเช้าคุณพ่อมาส่ง แล้วพอตอนเย็นคุณพ่อก็มารับกลับแต่ถ้าถามว่าชอบมั้ยกับการใช้ชีวิตแบบนี้เอาจริงๆมันก็กึ่งๆ ก็ชอบเพราะผมไม่ต้องขับรถเอง แถมการอยู่กับอาฟก็เป็นอะไรที่ผมมีความสุขและสบายใจอยู่แล้ว

แต่ที่ไม่ดีก็คงเป็นในเรื่องที่ว่า ตัวผมเริ่มชินกับการใช้ชีวิตในแบบนี้เข้าไปทุกที ชีวิตแบบที่ไม่ต้องขับรถไปไหนเอง ไปไหนมาไหนเราก็ไปด้วยกัน มีอาฟมีผม จนกลายเป็นว่า รถที่เคยขับได้แต่ไม่คล่อง ล่าสุด ก็คือไม่คล่องยิ่งกว่าเดิม ส่วนรถที่เคยอยากได้มาตลอด ตอนนี้ก็ถูกจอดทิ้งไว้เฉยๆ จนกลัวว่าสักวันเครื่องมันจะพังเอา

[ ติดไฟแดงอยู่ ] เสียงเตือนจากมือถือทำให้ผมที่กำลังคิดอะไรเพลินๆก้มหน้าลงไปมอง หน้าจอฉายข้อความแชทที่ถูกส่งเข้ามาจากคนที่ผมกำลังคอยอยู่

วันก่อนผมเปลี่ยนชื่อแชทของอาฟจาก AFTER ธรรมดาด้วยการใส่ หัวใจห้อยท้ายไปตัวนึงแล้วก็ปักหมุดไว้บนสุด เพราะเราไม่ค่อยได้คุยกันผ่านแชทเท่าไหร่เลยกลายเป็นว่า แชทของอาฟชอบตกไปอยู่ข้างล่างตลอด แต่พอมานั่งคิดว่า เพราะเราอยู่ด้วยตลอด แชทเลยไม่ใช่อะไรที่จำเป็นมันก็ชวนให้ยิ้มออกมามากกว่าเก่า

[ กูก็คอยมึงอยู่ ] ยิ้มตอนที่พิมพ์ข้อความตอบกลับมันไป อาฟก็ส่งกลับมาอีกครั้ง

[ หิว ]

[ กูก็หิว ]

[ เบื่อ ]

[ เบื่ออะไร ] ผมถามมันพร้อมกับส่งสติกเกอร์หน้ากระต่ายงงไปให้ [ เรื่องที่เรียนมันยากเหรอวะ หรือว่ามีสอบแล้วทำไม่ได้ แต่แบบนั้นไม่ใช่เพราะมึงโง่เองเหรอวะ ]

[ ยังอยากจะให้กูไปรับมั้ย ]

[ น้องเมดก็ล้อพี่อาฟเล่นเฉยๆเองครับ ] หลุดหัวเราะกับคำที่พิมพ์ คิดถึงหน้าอีกคนออกเลยว่าคงกำลังยิ้มอยู่เหมือนกันแน่ๆ

[ เบื่อติดไฟแดง ]

[ มันก็ปกติ มึงทำเหมือนปกติมันไม่ติด ]

[ ที่กูเบื่อเพราะไม่มีมึง ] ผมยิ้มกว้างก่อนจะคว่ำหน้าจอมือถือลงทันทีตอนที่อ่านจบ

เอาจริงๆบางทีก็เกลียดความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน เป็นวินาทีที่หัวใจของผมมันชารวมถึงมือหรือเท้าก็มีอาการเดียวกันไปหมด จะหุบยิ้มกว้างๆของตัวเองก็ไม่ได้ ยิ่งอยู่ต่อหน้าก็ไม่รู้ว่าจะเอาตาไปมองที่ไหนได้แต่ถอนหายใจออกมาซ้ำๆ เป็นอาการของคนที่ใจถูกเล่นงานเข้าอย่างจัง

ผมพลิกหน้าจอมือถือขึ้นมามองอีกครั้ง เป็นช่วงเวลาดีๆที่อยากจะส่งสติกเกอร์น่ารักให้มันสักตัวแต่ว่าอีกฝ่ายก็ส่งข้อความกลับมาก่อน [ เบื่อที่ไม่มีเสียงบ่นเป็นหมีกินผึ้งของมึง ] แล้วนั่นก็คือ อารยะ ..

[ สัด ] เปลี่ยนใจจากทุกอย่างแล้วส่งไปแค่คำนั้น ทุกความรู้สึกจบลงแค่นั้น ผมคว่ำมือถือลงตอนที่คิดถึงหน้าคนส่งที่ตอนนี้คงนั่งยกยิ้มแล้วหัวเราะกันอยู่ “ ชอบกวนตีนกูจริงๆ ไอ้แฟนเหี้ย ”

ผ่อนลมหายใจลงอีกครั้งผมฟุบหน้านอนบนกระเป๋าของตัวเองก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดหน้าจอเฟสบุ๊คเล่นแก้เซ็ง เลื่อนหน้าจอขึ้นไปเรื่อยๆเพื่ออัพเดทเรื่องราวชีวิตของเพื่อนร่วมสังคม ก่อนจะกดเข้าไปที่ปุ่มแจ้งเตือน ที่มีทั้งคนมาไลค์แล้วก็การแจ้งเตือนให้อวยพรวันเกิดให้เพื่อนสมัยมัธยมคนนึง

‘ จะว่าไปก็ใกล้วันเกิดอาฟแล้วนี่หว่า ’  พูดกับตัวเองในใจก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เอาเข้าจริงก็นึกขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และก็นั่งคิดไม่ตกเลยว่า ของขวัญที่ดีสำหรับคนแบบนั้นควรจะเป็นอะไร ลำพังการ์ดตามคำขอใบเดียวคงไม่พอ ขนาดอาฟยังให้รองเท้าผมมาเป็นของขวัญเลย แล้วตัวผมเองก็อยากจะให้มันเหมือนกันด้วย แต่ติดตรงที่ว่า ไม่รู้เลยว่าจะให้อะไร

“ เมด ” เงยหน้าขึ้นจากกระเป๋าตอนได้ยินเสียงทัก จิงที่เดินผ่านมายิ้มให้ผมที่ก็นิ่งไปก่อนจะส่งยิ้มจางๆแบบที่ไม่อยากจะยิ้มกลับไปให้มันตามมารยาท “ ยังไม่กลับเหรอวะ ”

“ ยัง มึงก็ยังไม่กลับเหรอ ” จิงนิ่งไปตอนที่ผมถามกลับ เหมือนไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ อีกคนพยักหน้ารับแล้วยิ้มกว้าง “ พอดีกูรอสอนคณิตน้องคนนึงที่สยามแต่ขี้เกียจไปนั่งในร้านนานๆเลยคิดว่านั่งทำงานที่มหาลัยดีกว่า ใกล้ถึงเวลาก็ค่อยไป ”

“ อื้ม ”

“ กูไปนะ มึงก็กลับบ้านดีๆละ ” จะไปไหนก็ไปเถอะ ผมตอบอีกคนในใจก่อนจะพยักหน้ารับแล้วมองแผ่นหลังนั้นเดินไปนั่งตรงโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลจากผมเท่าไหร่ แล้วโต๊ะนั่นก็มียีนส์นั่งอยู่ข้างบิน

ผมนิ่งตอนที่เห็นว่ายีนส์มองมาทางผมก่อนจะหันไปยิ้มคุยกับบินด้วยความตั้งใจที่อยากจะให้ผมเห็น เผลอยกยิ้มออกมาตอนที่เห็นท่าทางอวดแบบงี่เง่านั้น และอยากจะถามมันที่กำลังยิ้มอยู่ด้วยคำถามสั้นๆแค่ว่า ‘ มันมีอะไรให้น่าอวดวะ ’

[ หน้ามหาลัย ] ข้อความสั้นๆจากอาฟที่แจ้งเตือนขึ้นบนหน้าจอมือถือของผมอีกครั้ง ยิ้มกว้างออกมาตอนที่เห็นมันก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายบ่า ใจจริงตอนแรกก็คิดว่าจะยืนรออยู่ตรงนี้นิ่งๆแต่พอนึกถึงหน้าของไอ้ยีนส์เมื่อครู่แล้ว มันก็ทำให้นึกคิดสนุกขึ้นมา

ผมเดินเข้าไปตรงแถวโต๊ะที่พวกมันนั่งอยู่ แล้วหยุดยืนอยู่บนฟุตปาธด้านหน้าตรงนั้น ก่อนที่รถซูปเปอร์คาร์สีดำอย่าง GTR จะจอดเทียบลงตรงหน้า เอื้อมมือไปเปิดประตูรถ ผมหันไปยิ้มให้พวกมันก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ ตอนที่ปิดประตูลงผมคิดว่า อะไรแบบนี้มากกว่าที่มันน่าอวด

“ ออกรถสิมึง ” ผมหันไปหาอาฟที่ก็หันมามองผมด้วยสายตายิ้มๆแบบที่รู้ทันว่าเมื่อกี้ผมคิดอะไรอยู่ “ ออกรถเถอะ กูหิวข้าวแล้ว ”

“ ขี้อวด ” อาฟพูดแค่นั้นสั้นๆ ผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วพิงตัวเองเข้ากับเบาะที่ก็นั่งดึงสายรัดนิรภัยมารัดก่อนจะมองคนพวกนั้นผ่านจากในรถ

“ ก่อนมึงจะมาไอ้ยีนส์นั่งยิ้มให้กูเหมือนจะอวดว่าบินนั่งข้างมันแล้วก็เป็นของมัน แต่คือมึง กูถามจริงๆ แม่งมีอะไรให้อวดวะ มันน่าภูมิใจตรงไหนกับการไปแย่งของคนอื่นมา แล้วกับคนนิสัยแบบนั้นอีก กูละงง ”

“ มันคงคิดว่ามันชนะมึง ”

“ ชนะด้วยการได้เหี้ยไปอะนะ ” ผมหันไปถามอาฟยิ้มๆ “ คิดก่อนดีมั้ยวะ อย่างไอ้บินมีใครอยากได้บ้าง ”

“ แต่อย่างน้อยครั้งนึงมันก็มีคนเสียใจที่ถูกแย่งไป ” อาฟหันมามองผมก่อนจะยักคิ้วให้ “ หรือมึงว่าไม่จริง ”

“ แต่ก็ไม่ใช่ตอนนี้ ” เพราะตอนนี้กูมีมึงอยู่แล้ว  มันเป็นคำพูดที่อยากจะพูดต่อออกไป ก็กลัวว่าอีกคนจะไม่เข้าใจ แต่คงไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมคิดว่าอาฟเข้าใจดี เพราะตอนนี้มันดึงตัวเองเข้ามาจูบผม เป็นจูบบนริมฝีปากเบาๆแล้วตอนที่ผละออก เราก็สบตากันก่อนที่ผมจะเอ่ยบอก “ หิวข้าวแล้ววะ ”

“ จะหัดกวนตีนเหมือนกูถูกมั้ย..” อาฟบอกก่อนจะหันกลับไปขับรถหลังจากที่จอดนิ่งอยู่นาน “ แล้วจะกินอะไร ”

“ ไปกินอาหารไทยกันมั้ย กูอยากจะกินข้าวผัด กับแกงจืดอร่อยๆ ”

“ เลือกร้านมา ” พูดแค่นั้นสั้นๆ ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาดูรีวิวทันทีสำหรับมื้อเที่ยงของเราในวันนี้

ผมยังยืนยันว่าอะไรแบบนี้มันน่าอวดมากกว่า ถึงมันจะมีเรื่องให้ทะเลาะอย่างเมื่อต้นอาทิตย์แต่พอมาคิดดีๆก็เป็นอย่างที่วิวบอก ความรักมันต้องค่อยๆปรับตัวเข้าหากัน เพิ่มบ้าง ลดบ้าง เดี๋ยวมันก็เข้ากันได้พอดี

ช่วงบ่ายสามครึ่งที่ภายในผับกำลังถูกจัดเตรียมร้าน ผมกลับมาจากกินข้าวกับอาฟได้สักพักแล้วและตอนนี้ก็กำลังนั่งอยู่ที่โซนของบาร์ข้างๆเด็กผู้หญิงตัวเล็กในวัยอนุบาลสองที่ก็กำลังระบายสีลงบนการบ้านที่คุณครูให้มาอย่างขะมักเขม้น ‘ น้องคิดดี ’ เป็นหลานสาวของพี่ซองผู้จัดการร้าน เห็นบอกว่าวันนี้คุณแม่น้องติดงานกลับช่วงห้าโมงเย็น เลยวานให้พี่ซองไปรับเธอจากโรงเรียนมาที่นี่ก่อนเพราะน้องเลิกบ่ายสาม

“ คิดดีครับ อาเมดช่วยมั้ย ”

“ ขอบคุณค่ะอาเมด แต่ว่าคุณครูบอกว่าคิดดีต้องทำเองเพราะเป็นการบ้านของคิดดี ” เด็กน้อยตากลมถักเปียสองข้างหันมาบอกผมเสียงเจื้อยแจ้ว เผลอยิ้มออกมากับท่าทางนั้นอดใจไม่ไหวจนต้องก้มไปแอบหยิกแก้มกลมนั่นเบาๆ หมั่นเขี้ยวเอามากเด็กอะไร แก้มแดงน่าหยิก “ อาเมดอยากระบายสีเหรอคะ ”

“ ทำไมคิดดีถึงคิดอย่างงั้นละครับ ”

“ ก็อาเมดบอกว่าจะช่วยคิดดีระบายสี คิดดีเลยคิดว่า อาเมดต้องอยากระบายสีแน่นอนเลย ” น้องหันมาบอกก่อนจะเปิดกระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆ แล้วหยิบสมุดขึ้นมา มันเหมือนสมุดวาดรูปที่กระดาษจะดูแข็งหน่อยแต่ฉีกได้เป็นแผ่นๆ “ คิดดีให้อาเมดระบายสีนะ นี่สี อาเมดใช้ได้เลย คิดดีไม่หวง ”

“ ใจดีสุดๆ ขอบคุณนะครับ ” รับกระดาษนั้นมา เอาจริงๆก็ไม่ได้อยากจะวาดหรอก แค่นั่งว่างๆไม่มีอะไรทำเลยอยากจะช่วยน้องสักหน่อยเท่านั้น แต่พอได้กระดาษมาแล้วก็คิดขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทำการ์ดขอพรอะไรนั่นให้อาฟเลย เพราะงั้นต้องงัดวิชาศิลปะจัดให้แบบสวยๆสักหน่อย

 “ สาวสวยคนนั้น ใช่น้องคิดดีของพี่เดย์รึเปล่าน้า ” เสียงของคนมาใหม่ดังมาจากประตูทางเข้าสต๊าฟ เด็กน้อยเจ้าของชื่อหันไปมองก่อนจะยิ้มกว้างออกมาแล้วกระโดดลงจากเก้าอี้ทันทีตอนที่เห็นร่างหนาเดินเข้ามาใกล้ สองขาเล็กวิ่งเข้าไปสู่อ้อมกอดของอีกคนก่อนจะกอดกันไว้แน่น ซึ่งแน่นอน ภาพนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกับคุณอารยะ เพราะน้องคิดดีกลัวมันจนเอาแต่หลบอยู่หลังพี่ซองตลอดตอนที่เห็นหน้า

ผมแอบขำเวลาเห็นแววตากลมๆนั่นมองลอดผ่านซอกขาคุณอาตัวเองเพื่อดูว่าอาฟกำลังมองตัวเองอยู่มั้ยด้วยท่าทางกลัวๆ แบบชนิดที่ว่าเธอจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้นและจะขอให้พี่ซองอุ้มตลอดถ้าอาฟยังอยู่ตรงนี้ จนผมต้องขอให้คนน่ากลัวขึ้นไปเล่นเกมส์ที่ห้องก่อนในระหว่างนี้ เพราะไม่งั้นพี่ซองคงไม่ได้เริ่มทำงานแน่นอน

“ พี่เดย์ ไปโรงเรียนมาเหรอคะ ”

“ ใช่ครับผม คิดถึงคิดดีจังเลย เราไม่เจอกันมากี่วันแล้วนะ ” คำถามที่ทำให้เด็กน้อยยกมือเล็กๆขึ้นมานับก่อนจะตอบ

“ ตั้งห้าวันเลยค่ะ ”

“ งั้นขอหอมห้าทีเลย ” โดนหอมแก้มซ้ายขวาอยู่นาน ก่อนที่น้องเดย์จะอุ้มคิดดีมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมแล้วก้มลงมองในสมุด “ โอ้โห คิดดีระบายสีสวยจังเลยครับ ”

“ อันนี้เป็นการบ้านค่ะพี่เดย์ คุณครูให้คิดดีระบายสีตรงนี้ ”

“ เก่งจังครับ ” อีกคนบอกก่อนจะเดินเข้าไปในส่วนของบาร์ด้านใน ผมเหลือบมองอีกคนยิ้มๆ น้องเดย์ก็หันมาจ้องผม “ มองอะไรครับพี่เมดสุดที่น่ารักของน้องเดย์ ”

“ ไม่ๆ อาเมดไม่ใช่ของพี่เดย์นะ ” คิดดีที่นั่งอยู่ยกมือปฎิเสธเราสองคน “ อาเมดเป็นของอาอาฟ ”

“ ไปเอามาจากไหนเนี้ย ” หันไปมองน้องพูดออกมาแบบสายตาซื่อๆผิดกับผู้ใหญ่อีกคนที่ชมออกมา

“ ทำดีมากคิดดี ถ้าอาอาฟได้ยินเอาไปเลยสามร้อย ” พูดจบก็ยกนิ้วโป้งให้น้องอีก ส่วนผมที่หันมองเด็กน้อยก็ได้แต่ปิดปากหัวเราะไม่ตอบอะไร

“ คิดดี ไม่พูดแบบนี้นะรู้มั้ย ”

“ ทำไมคะอาเมด มันไม่ใช่เรื่องจริงเหรอ อาเมดไม่ใช่ของอาอาฟเหรอ ”

“ โกหกเด็กไม่ดีน้า ” เสียงน้องเดย์ขัดผมด้วยเสียงล้อเลียนพร้อมกับสายตายิ้มๆ

“ ไม่ใช่แบบนั้นครับ คือมันก็จริงนั่นแหละ ” รู้สึกหูแดงไปหมดตอนที่พูดคำนั้น ถึงขั้นต้องเงียบไปสักพักเพราะว่าเขิน “ แต่ว่านะคำพูดนี้เด็กเค้าไม่พูดกัน น้องคิดดียังเป็นเด็ก พูดไม่ได้นะ ”

“ งั้นคิดดีจะพูดว่าอะไรถ้าจะบออกว่าอาเมดเป็นของอาอาฟ ”

“ เอ่อ..”

“ ก็พูดว่าอาเมดเป็นแฟนอาอาฟสิครับ ” น้องเดย์บอกในตอนที่ผมใบ้กินเพราะไม่รู้จะตอบอะไร หันไปมองหน้าคนตอบที่ก็ยักคิ้วให้แบบไม่ได้รู้ว่าผิดอะไร

“ งั้นอาเมดเป็นแฟนอาอาฟ ” ว่าสรุปแบบนั้นก่อนจะหันไปนั่งระบายสีต่อแบบสบายใจ ปล่อยให้ผมนั่งหูแดงอยู่คนเดียวแบบที่มีเสียงหัวเราะถูกใจของอีกคนเป็นเสียงพื้นหลัง

“ เด็กมันยังรู้เลยคิดดูว่าความรักมันชัดเจนขนาดไหน ” น้องเดย์ว่าก่อนจะยื่นเอาน้ำหวานใส่แก้วมาให้อีกคนที่ก็ยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มเฉ่งให้แบบน่ารัก “ พี่เมดเอาด้วยมั้ยสักแก้ว ”

“ ไม่ครับ ขอบคุณมาก ” ส่ายหน้าปฎิเสธแล้วนั่งมองคนถามยืนมองนั่งน้องคิดดีด้วยสายตายิ้มๆ “ เอาจริงๆ ไม่คิดเลยว่าน้องเดย์จะมีมุมรักเด็กกับเค้าด้วย ”

“ มีสิครับพี่เมด เพราะเด็กคนไหนน่ารักน้องเดย์ก็รักหมด จะม.ปลาย หรือปีหนึ่ง ก็ได้หมดเลยนะ ” ยักคิ้วให้หลังพูดจบก่อนจะยกยิ้มมองกัน “ แต่ถ้าเป็นพี่เมด ไม่เด็กก็รักนะครับ ”

“ หมายถึงเด็กเล็กๆสิว่ะ ”

“ ก็น้องคิดดีน่ารักอะ จริงๆน้องเดย์อยากมีน้องสาว แต่แม่บอกปิดอู่ไปตั้งแต่วันคลอดน้องเดย์แล้ว ” ผมยิ้มออกมาตอนที่อีกคนเอื้อมมือมาหยิกแก้มเด็กผู้หญิงข้างๆ

“ งั้นถ้ามีน้องสาวต้องชื่อ ทูมอโร่อะดิ ”

“ ทำไมวะ ”

“ ก็มีอาฟเตอร์เดย์แล้วก็ต้องมีทูมอโร่สิ ” คนฟังนิ่งไปก่อนจะขมวดคิ้วงงๆ เหมือนกำลังนึกว่า ‘ ได้เหรอวะ ’  สำหรับคำพูดของผมที่น้องได้ยิน

“ แน่ใจนะ ว่าไม่ได้เอามาจากหนังเรื่อง the day after tomorrow วิกฤติวันสิ้นโลกอะไรนั้น ”

“ ไม่รู้ว่ะ ก็อยู่ๆชื่อนี้มันโผล่เข้ามาในสมอง แต่ก็เข้าดีนะ ” คิดสภาพว่าเกิดมาสองคนยังแสบกันทั้งพี่ทั้งน้อง มีสามขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ดับเบิ้ลขึ้นไปอีก แล้วแบบนั้นจะไปต่างอะไรกับสิ่งที่เรียกว่า วิกฤติว่ะ

“ เออ ได้ก็ได้วะ ”  พยักหน้ารับงงๆ ผมก็ยิ้มก่อนจะก้มหน้าลงหยิบดินสอมาร่างการ์ดที่จะทำลงบนกระดาษ ตั้งใจว่าจะระบายขอบสวยๆ แล้วค่อยเอาไปตัดให้เป็นอันเล็กๆขนาดเท่านามบัตร จะได้เป็นขนาดเดียวกันกับที่อาฟเคยให้ผม “ แล้วนี่คิดได้ยังว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญวันเกิดให้ไอ้สัดพี่ ”

“ ต่อหน้าเด็กเล็กนะ ไม่พูดคำหยาบสิครับน้องเดย์ ”

“ แล้วพี่เมดจะซื้ออะไรให้พี่อาฟละครับ ”

“ อยากอัดเสียงไปให้อาฟมันฟังมาก มันต้องดีใจแน่นอน “ หลุดหัวเราะก่อนจะยิ้มแซวอีกคน แต่ถึงอย่างงั้นคนฟังก็ได้แค่ถอนหายใจออกมา

“ เอาจริงๆ บางทีน้องเดย์ก็แอบคิดว่า พี่เมดก็เริ่มจะกวนตีน ”

“ ฮ่าๆ “ ผมหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบให้คำถามของอีกคน “ ยังไม่รู้เลย แล้วน้องเดย์ซื้ออะไร ”

“ ไม่ซื้ออะ บอกสุขสันต์วันเกิดเฉยๆ เพราะคนให้ของสัดพี่เยอะมากทุกปีอยู่แล้ว น้องเดย์เลยไม่รู้จะซื้ออะไร ส่วนของที่มันอยากได้มันก็มีหมดแล้วอะ ”

“ คนให้ของขวัญอาฟเยอะมากเหรอวะ ” น้องพยักหน้ารับกับคำถามของผม “ ก็เจ้าของผับอะพี่เมด มันก็มีทั้งเพื่อนร่วมธุรกิจ แล้วก็เพื่อนในแวววงเดียวกัน เค้าก็เอาของขวัญมาให้เป็นปกติอยู่แล้ว ไหนจะของพ่อกับแม่อีกละ ”

“ แล้วอาฟไม่มีของที่ชอบเหรอวะ ”

“ พี่เมด ”

“ หื้ม ? ” ยกคิ้วถามคนที่เรียกผม แต่น้องเดย์ก็แค่ยิ้มกว้าง

“ ของที่สัดพี่ชอบ ก็คือพี่เมดไง ”

“ เอามุกนั่นไปกดทิ้งลงชักโครกได้แล้วไป ” ผมบอกปัดแต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกร้อนหน้าจนหูแดงไปหมด

“ แต่ก็เขินเนอะ ”

“ เงียบไปเลย ”

“ งั้นถ้าอาอาฟชอบอาเมด อาเมดก็เอาริบบิ้นมาผูกไว้ที่ตัวสิค่ะ แล้วก็ให้อาอาฟไปเลย อาอาฟต้องดีใจแน่นอน ” เบิกตาให้กับความคิดของเด็กน้อยที่นั่งข้างกันตอนที่ทั้งผมทั้งน้องเดย์ต่างพากันหันไปมองน้อง

 ทั้งๆที่มันเป็นความคิดใสซื่อของเด็กที่ก็คงคิดไม่คิดอะไรมาก แต่มันไม่ใช่กับผู้ใหญ่ใจบาปที่ก็แน่นอนว่าทั้งผมทั้งน้องเดย์ไม่คิดแน่ๆว่า การผูกโบว์ที่ตัวจะจบลงที่อะไรน่ารักๆแบบหอมแก้มสักฟอด เพราะขนาดผมเองยังคิดไปถึงเตียงกว้างกับร่างกายเปลืองเปล่า แล้วคนอย่างน้องเดย์จะไม่คิดได้ยัวไง มันคงยิ่งกว่านั้น เพราะดูจากท่าทางตอนนี้ที่หายใจเข้าออกจนจมูกกว้างแต่ก็ยังปรบมือถูกใจ

“ ยอดเยี่ยมครับน้องคิดดี ความคิดสุดยอดไปเลย ฉลาดสุดๆ ฉลาดมากๆ อาอาฟได้ยินนี่ไม่ใช่สามร้อยแล้ว งานนี้ต้องสามพัน ” ยื่นมือมาจับมือน้องที่ก็ยิ้มกว้างกับคำชมนั้น  ส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจในตอนที่เจ้าน้องชายหันมาบอก “ พี่เมด จัดการเลยเอาแบบนี้แหละ เด็ดสุดแล้ว ”

“ ไม่เอาเว้ย ”

“ น่า มันเด็ดนะคือพอคิดถึงตอนแกะของขวัญ.. ” ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันก่อนจะเหลือบตาขึ้นด้านบน ท่าทางเหมือนคนหื่นสมกับที่กำลังคิดถึงเรื่องอย่างว่า

“ เลิกคิดอะไรแบบนั้นเลยน้องเดย์ ” ผมบอกอีกคนที่จ้องหน้ากันเซ็งๆ “ มันไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นหรอก เอาอะไรที่เป็นสิ่งของสิวะ ”

 “ สิ่งของเหรอวะ ” น้องเดย์ทำท่านึกอยู่สักพัก “ คิดออกแค่รถอะ พวกของแต่งรถ แบบว่า รถ ล้อแม็ก อะไรพวกนั้น ”

“ แล้วล้อแม็กแพงมากมั้ยวะ ” น้องเดย์ยิ้มตอนที่ผมถาม

“ เอาเป็นว่า ไม่ต้องซื้อหรอกครับพี่เมด จริงๆ แค่บอกว่า สุขสันต์วันเกิดนะอาฟ กอดมันจากด้านหลัง แล้วก็หอมแก้มซ้ายหอมแก้มขวาเท่านี้ก็พอแล้ว เชื่อน้องเดย์ไม่ต้องคิดมากเลย สัดพี่มันไม่อะไรกับของขวัญหรอก เพราะมันเคยบอกว่าถ้าซื้อของให้มัน ให้เงินมันดีกว่า ซึ่งระดับเจ้าของผับอย่างมัน เราจะให้เงินมันไปทำไม เอาไปแค่คำอวยพรนั่นแหละดีแล้ว  แต่ถ้าพี่เมดคิดมากก็ให้สัดพี่จิ้มสักทีสองที มันก็โอเคแล้ว เชื่อน้องเดย์เถอะครับ ” พูดจบคนให้ปรึกษาก็เดินไปเช็คเหล้าอีกฝั่งของโซนบาร์ ปล่อยให้ผมนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นคนเดียวกับความคิดที่ยังว่างเปล่า

ก็อยากจะให้ของขวัญไง ไอ้คำตอบที่ว่า ไม่ต้องซื้ออะไรให้หรอก ผมไม่ได้อยากจะฟังเท่าไหร่เลย ก็รู้แหละว่าวันเกิดเจ้าของผับดังทั้งทีมันต้องมีคนให้ของขวัญเยอะแยะ แล้วพ่อแม่รวยระดับนั้นเงินที่ให้ก็คงไม่ใช่น้อย แต่เพราะเป็นแฟนไง การที่เดินเข้าไปอวยพรเฉยๆ ไม่ใช่อะไรที่ผมอยากจะทำเลย ก็แค่อยากจะมีของขวัญสักชิ้นที่พออีกคนได้รับ มันจะดีใจมากๆเหมือนกับผมที่เคยดีใจมากๆตอนที่อาฟให้ของขวัญกัน 

ถอนหายใจออกมาอีกครั้งกับสมองที่ยังว่างเปล่าซึ่งความคิดดีๆ ผมก้มหน้าลงมองกระดาษที่แต่งแต้มสียังไม่เสร็จ ผมนิ่งมองมันอยู่แบบนั้นเสียนานจนคนข้างๆทัก

“ อาเมดอยากจะซื้อของขวัญวันเกิดให้อาอาฟเหรอคะ ”

“ ใช่ครับ ” ผมหันไปยิ้มให้อีกคนที่มองกันตาแป๋ว “ แต่อาเมดไม่รู้จะซื้ออะไรนะสิ อาเมดอยากซื้อของที่อาอาฟเห็นแล้วจะดีใจ ”

“ แต่พี่เดย์บอกว่า อาอาฟชอบอาเมด ” ถอนหายใจออกมากับคำพูดใสซื่อนั่น อยากจะหยิบมีดแทงไอ้คนพูดจริงๆ กวนกันจนได้เรื่อง

“ แต่ของขวัญมันให้เป็นคนไม่ได้ครับคิดดี  เราต้องซื้อมันเป็นสิ่งของ ”

“ อาเมดก็เป็นเด็กดีของอาอาฟสิค่ะ ” น้องบอกผมแบบนั้นก่อนจะหันมายิ้มกว้าง “ ตอนวันเกิดคิดดีนะ คิดดีก็ถามคุณแม่เหมือนกันว่าคุณแม่อยากจะได้อะไร แต่คุณแม่ก็บอกว่าคิดดีแค่ว่า คุณแม่ไม่ได้อยากได้อะไร ขอให้คิดดีเป็นเด็กดีก็พอแล้ว ”

“ แบบนั้นนี่เอง ”

“ ใช่แล้ว อาเมดก็ต้องเป็นเด็กดีของอาอาฟนะ ไม่ดื้อไม่งอแง ”

“ ฮ่าๆ แต่อาเมดไม่ดื้อนะ อาอาฟต่างหากที่ชอบดื้อกับอาเมดประจำ ดื้อมากๆด้วย ”

“ งั้นรอถึงวันเกิดอาเมด อาเมดก็บอกให้อาอาฟเป็นเด็กดีสิค่ะ อาอาฟจะได้ไม่ดื้อกับอาเมด ” ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ครับ ผมอยากจะตอบน้องแบบนั้นแต่ก็ทำได้แค่ยิ้มกว้างแล้วเออออไปตามเรื่องตามราว

“ จริงด้วยนะ ”

ก็พอรู้ว่าอาฟก็คงคิดแบบที่น้องคิดดีบอกผมหรือแม้แต่น้องเดย์บอก ถ้าเกิดถามก็คงบอกว่าไม่อยากจะได้อะไรทั้งนั้น และของขวัญที่ดีที่สุดก็คือการกระทำที่ทำให้กันทุกวัน แต่ถึงอย่างงั้นในใจก็ยังคิดไม่ตกอยู่ดี ไม่ว่ายังไงก็อยากจะให้อะไรสักอย่างกับอาฟ ผมคิดว่ามันต้องมีสักอย่างที่ผมสามารถซื้อได้และอาฟก็ต้องดีใจที่ได้มัน

แต่ตอนนี้ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ออก...

 “ จะนั่งจ้องหน้ากูอีกนานมั้ย ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นขัดความเงียบนั้นทำให้ผมที่นั่งจ้องหน้าอาฟอยู่นานอย่างไม่รู้ตัว เบือนสายตาหนีไปทางอื่นก่อนจะหันกลับมามองงานตัวเองแล้วเริ่มกดนู้นกดนี่ไปเรื่อยอย่างไม่รู้จะทำอะไร “ มึงมีอะไร ”

“ เปล่า ไม่มี มีอะไรเลยมึง ”

“ กูไม่ได้อยากจะได้อะไรเป็นพิเศษนะ” อาฟบอกแบบนั้นผมก็เงยหน้ามองหน้ามันที่ก็จ้องหน้าผมอยู่ “ ถ้ามึงกำลังคิดไม่ตกเรื่องของขวัญวันเกิดกู ก็ไม่ต้องคิด เพราะกูไม่ได้อยากได้อะไร ”

“ ใครบอกกูคิด กูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นสักหน่อย” ทำทีเป็นเหล่มองมันด้วยสายตาที่เหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังหลงตัวเองแบบสุดๆ แต่อาฟก็แค่ยกยิ้มตอนที่เห็น มันลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะของผมแล้วหยิบเอากระดาษการ์ดของผมที่ระบายสีไว้เสร็จแล้วขึ้นมา

“ เอาแค่อันนี้ก็พอ ” อีกคนบอกก่อนจะยื่นมันกลับมาให้ผมที่ก็เอื้อมมือไปรับมันไว้

“ มึงกูถามอะไรหน่อย ”

“ ว่า ”

“ มีของอะไรบ้างวะที่มึงอยากได้เป็นของขวัญวันเกิด ” อาฟมองผมตอนที่ถามออกไปแบบนั้น สายตาล้อเลียนของมันเหมือนจะบอกกันว่า ที่มันเดาไว้ตั้งแต่ต้นก็ไม่ผิดจากที่พูดเท่าไหร่ ผมกำลังคิดเรื่องนั้นอยู่จริงๆ  “ กูก็แค่ถามดู ไหนๆก็คุยกันเรื่องนี้แล้วไง ทีมึงตอนนั้นยังถามกูตรงๆเลยว่าอยากจะได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด”

“ อยากได้ลัมโบกินี อเวทาดอร์ เอส 2018 น่ะ ที่คันนึงสิบกว่าล้าน ” หันมามองหน้าผมยิ้มๆก่อนจะยักคิ้วให้

“ ไปขอพ่อมึงนะอาฟ ”

“ ฮ่าๆ ” คนฟังหลุดหัวเราะผมก็ได้แต่ถอนหายใจ

“ เอาอะไรที่มันถูกกว่านั้นสิ มึงจะให้ที่แค่หนี้แสนเดียวยังไม่มีเงินจ่าย ซื้อรถเป็นสิบล้านให้มึง มึงจะบ้าเหรอ นอนแล้วฝันเอามั้ย ”

“ งั้นของบแต่งรถแล้วกัน ”

“ เท่าไหร่ๆ ”

“ ห้าแสน ” ถอนหายใจออกมาตอนที่ได้ฟัง

“ ถ้าสักสามพัยยังจะพอโอเค ”

“ ค่าพวงมาลัยดอกมะลิไม้หน้ารถเหรอ สามพัน ”  ถอนหายใจออกมาผมหยิบปากกาสีดำในที่ใส่บนโต๊ะมาเขียนลงบนการ์ดตามใจหนึ่งวันของตัวเองที่ทำไว้ ผมเขียนเหมือนกับที่อาฟเคยให้ผม แต่ก็แอบเขียนเพิ่มเติมไป ‘ บัตรขอพร ขอได้หนึ่งข้อ มีอายุการใช้งานหนึ่งวันในวันเกิด **พรที่ขอต้องได้รับการยินยอมจากผู้ถูกขอเท่านั้น ’ 

“ งั้นมึงก็เอาไปแค่นี้พอ ” ยื่นการ์ดให้มัน อาฟก้มลงดูมันยิ้มๆ

“ ไม่แน่จริงนี่หว่า ”

“ อะไรไม่แน่จริง ” การ์ดที่ยื่นให้ถูกยกขึ้นมาอ่าน

“ พรที่ขอต้องได้รับการยินยอมจากผู้ถูกขอเท่านั้น  ทำไม ? กลัวโดนให้ใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่บ้านทั้งวันเหรอ ” คนถามมองกันยิ้มๆเหมือนจะแซว ผมก็ได้แต่นิ่งก่อนจะตอบออกไปเสียงดังฟังชัด

“ เออ! ” อาฟหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังตอนที่ผมพูดแบบนั้นและยิ่งหัวเราะดังขึ้นไปอีกตอนที่เห็นหน้าผมงอใส่ “ก็มึงมันไว้ใจไม่ได้ คิดจะทำอะไรกับกูก็ไม่รู้ กูก็ต้องเซฟตัวเองสิว่ะ ”

“ คิดว่าผมจะทำอะไรคุณเหรอครับ คุณมินเมด ” ใบหน้าคมดึงเข้ามาใกล้พร้อมกับการยกยิ้มแบบที่ชอบแกล้งกัน สบสายตาคนที่จ้องมองมา ทำทีเป็นไม่รู้สึกอะไรที่โดนขู่แบบนั้น “ ไม่เคยรู้สึกอยากจะให้วันเกิดปีไหนมาถึงเร็วเท่าปีนี้เลย ”

“ ถามจริง มึงคิดจะทำอะไรกู ” คำถามที่ทำให้อาฟยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะกระซิบข้างหู

“ ความลับ ”

“ มีแผนชั่วแน่ๆ ไอ้สัด ” ผมบอกตอนที่อีกคนดึงตัวเองกลับมาเผชิญหน้ากัน

“ กูดูเลวขนาดนั้นเชียว ”

“ มันยิ่งกว่านั้น ” อาฟพยักหน้ารับตอนที่ผมบอกก่อนทำทีเป็นคิดอะไรอยู่สักพักแล้วเอียงหน้าถามแบบนิ่งๆ

“ ว่าแต่มึงชอบแบบขรุขระมั้ย อันใหญ่ หรือ อันเล็ก แล้วความลั่นระดับที่ชอบคือระดับไหนวะ ”  นิ่งมองมันไม่ได้ตอบอะไร แต่สีหน้าผมคงอยู่ในระดับที่คนแกล้งคงพอใจไม่น้อย อาฟเลยหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างงั้น

“ กวนตีนนะมึง ” ผมบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แล้ววันเกิดมึงปีนี้คิดว่าจะทำอะไรบ้าง ”

“ มึงคิดสิ ”

“ วันเกิดมึงแล้วเกี่ยวอะไรกับกู มึงอยากจะทำอะไรมึงก็คิด ” ขมวดคิ้วบอกมันก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ มึงจะไปทำบุญ ปล่อยปลา ปล่อยนก ให้อาหารปลา หรือว่าจะไปไหว้แม่ กินข้าวกับครอบครัว อะไรก็ว่าไป ”

“ มีมึงอยู่ในอันไหนก็เอาอันนั้น ” อาฟบอก “ แต่ไม่เห็นต้องทำอะไรให้มันพิเศษมาก กูโอเคกับทุกวันที่เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ” ผมได้แต่นิ่งเขินตอนที่อีกคนพูดประโยคที่เหมือนจะธรรมดานั้น มันเหมือนกับอาฟจะบอกว่าทุกวันนี้ที่เรามีกันอยู่มันก็พิเศษมากพออยู่แล้ว และมันไม่ได้ต้องการอะไรมากมายกว่านั้น

“ แล้วของขวัญอะไรที่มึงดีใจที่สุดตั้งแต่เคยได้มาในชีวิต ” คำถามทำลายความเงียบของผม อาฟที่คิดอยู่นานก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ ไม่มี ”

“ ไม่มีเลยเหรอวะ ”

“ ตั้งแต่เข้าม.ต้น พ่อกับแม่ให้ของขวัญกูเป็นเงินตลอด อยากจะได้อะไรก็เอาเงินไปซื้อ ส่วนตอนเด็กๆกูจำไม่ได้ แต่ก็คงเป็นอะไรที่สมัยนั้นฮิตๆมั้ง ”

“ ก็บ้านมึงรวยอะนะ อยากได้อะไรพ่อแม่ก็คงซื้อให้อยู่แล้ว ก็ไม่แปลกที่มึงจะไม่มีอะไรที่อยากจะได้เป็นพิเศษเลย ”

“ มันก็มีของที่กูอยากจะได้ ” อาฟบอกผมก็เงยขึ้นมองหน้ามัน “ แต่แค่มันใช้เงินซื้อไม่ได้ ต้องรอเท่านั้น ” ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าแต่ผมรู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างที่ออกมาจากสายตานั้นที่มองกัน แต่อาฟก็แค่ยิ้มก่อนจะลุกเดินออกไปจากห้อง “ กูจะลงไปคุยงานกับไอ้เจข้างล่างหน่อย มึงก็ทำงานให้เสร็จ อย่ามัวแต่คิดไร้สาระ ”

“ ไม่ใช่เรื่องไร้สาระสักหน่อย ” บ่นเบาๆตอนที่อีกคนเดินออกไปผมก็ผ่อนตัวเองพิงกับเก้าอี้ที่นั่ง “ นี่เป็นวันเกิดของมึงเลยนะ มันจะไม่สำคัญสำหรับกูได้ยังไงว่ะ ”
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 01-09-2018 20:14:44

นั่งอยู่ในร้านอาหารร้านนึงที่ห้างใหญ่ใจกลางเมือง ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่พยายามคิดถึงสิ่งที่ตัวเองพอจะซื้อได้และภายในไม่กี่ชั่วโมงนี้ผมต้องคิดให้ออก เพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันเกิดของอาฟแล้ว ซึ่งการที่สมองของผมยังว่างเปล่าแบบนี้ทำให้อาหารที่วางอยู่ข้างหน้าไม่ค่อยอร่อยสักเท่าไหร่ มันเซ็งไปหมด

“ ทำหน้าเหมือนคนขี้ไม่ออกเลยพี่เมด ก็แล้วทำไมไม่ลองเขียนสิ่งที่พี่อาฟชอบทำลงไปในกระดาษแล้วก็ลองดูว่าซื้ออะไรได้บ้างละ ” วิวที่นั่งอยู่ข้างหน้าผมในตอนนี้เอ่ยบอก วันนี้ผมไม่มีเรียนส่วนอาฟก็ออกไปเรียนช่วงบ่าย ประจวบเหมาะกับวิวที่โทรชวนผมออกมากินข้าวพอดีก็เลยจัดการรวบหัวรวมหางอีกคนมาช่วยกันคิดของขวัญที่จะซื้อแต่เหมือนแม้แต่วิวเองก็ยังไม่มีความคิดที่ดี

 “ กูทำแล้ว แต่เหมือนไม่มีอะไรในตัวอาฟที่กูรู้เลยวะ ” ยิ้มแห้งๆให้น้องชายก่อนจะยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นมากิน “ กูรู้แค่ว่ามันชอบกินคาราเมลมัคคิอาโต้ ส่วนอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรที่กูรู้แล้ว จะซื้อเสื้อสักตัวกูยังไม่รู้เลยว่ามันชอบแบบไหนไม่ชอบแบบไหน ขนาดของกินมันยังกินตามกูเลย กูอยากกินอะไรมันก็กินได้หมด ไม่มีเคยพูดเลยว่า ไม่อยากกิน ”

“ เชื่อเค้าเลยว่ะ ตามใจกันสุดๆ ” วิวบอกยิ้มๆก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา “ กูถามลุงให้มั้ย ”

“ เออๆลองถามเจดู เผื่อมันมีอะไรแจ๋มๆ ”

“ แต่กูไม่เห็นลุงแม่งจะซื้ออะไรเลยนะ เอาจริงๆถ้าพี่เมดไม่บอกวิวก็ไม่รู้หรอกว่าวันเกิดพี่อาฟ ” น้องชายผมบอกก่อนจะก้มหน้าลงหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์อยู่สักพัก

“ ลุงบอกว่ามันแค่เลี้ยงเหล้า ” ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนได้ฟัง คือมึงเลี้ยงเหล้าเพื่อนมึงที่ก็เป็นเจ้าของผับแถมเหล้าที่เลี้ยงก็ได้ราคาพิเศษของพนักงานอะนะ

“ สมกับที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ” ไม่ต้องอะไรมาก ง่ายๆ ชิลๆ

“ ไอ้เชี้ยลุงบอกให้พี่เมดซื้อถุงยางไปให้พี่อาฟวันเกิด ”

“ บอกมันว่าไอ้สัด ” วิวหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะพิมพ์ลงไปในมือถือ มันคุยกับในจอนั่นสักพัก ส่วนผมก็หันไปมองรอบๆอยากซื้ออะไรสักอย่างที่อาฟใช้จริงๆ แล้วก็จะดีมากถ้ามันจะได้ใช้ทุกวัน  ผ่อนลมหายใจออกมาเซ็งๆด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะหยุดสายตาลงกับร้านเค้กที่มีคนจำนวนนึงนั่งอยู่ในนั้น เหมือนผมจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เมื่อเห็นพนักงานเดินเอามาเสิร์ฟชายคนนึง ‘ ก็โง่อยู่ตั้งนาน ’ 

“ กูถามจริง ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับกับน้องชายตัวเองตอนที่เรายืนอยู่ที่โซนขายแก้วในห้าง ผมตัดสินใจเลือกแก้วมัคสีขาวสำหรับกินกาแฟเป็นของขวัญวันเกิดให้อาฟ แต่อยากจะทำให้มันพิเศษหน่อยด้วยการวาดรูปลงไปบนแก้วนั่นจะได้เป็นแก้วใบเดียวในโลก แต่ที่ตอนนี้กำลังลังเลก็คือ “ มึงว่าระหว่างแก้วที่สกีนลายตัวเอ กับ แก้วสีขาวธรรมดา อะไรดีกว่ากันวะ ”

“ พี่เมดคือก่อนอื่นนะ วิวอยากจะเตือนว่า พี่มึงไม่มีความสามารถทางศิลปะ ” ผมนิ่งไปตอนที่น้องชายบอก มันยิ้มแห้งๆให้ผม “ ตอนสมัยม.ปลาย ขนาดวาดวงกลมมันยังออกมาเป็นวงรีเลยนะ ”

“ แต่มันอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้นะเว้ย ”

“ เปลี่ยนไปได้ไง มึงไม่เคยฝึก ” เสียงถอนหายใจของคนข้างๆ ผมก็แอบคิดเหมือนกันว่าถ้ามันเละแล้วผมจะทำยังไง “ แล้วทำไมถึงซื้อแก้ว ไม่ซื้ออย่างอื่นอะแบบว่า เสื้อมั้ย ”

“อยากมีแก้วที่อาฟจะได้ใช้คนเดียวทุกวัน เพราะกูเองก็ชงกาแฟให้มันกินอยู่คนเดียวทุกวัน ” ผมยิ้มตอนที่คิดอะไรปัญญาอ่อนแบบนั้น “ คือแบบ..”

“ แบบ..” วิวถามย้ำผมก็ยกมือเกาแก้มแบบเขินๆ

“ อย่าไปบอกใครนะ ”

“ เออน่า ”

“ ก็แบบ กาแฟของกู แก้วของกู เพื่อมัน ที่เป็นแฟนกู อะไรแบบนั้น ”

“ โอ้แหมมมมม หมั่นไส้เจอจ้า ” วิวบอกพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา “ ยังไงน้องก็ขอตัวไปอ้วกแปปน้า ”

“ อย่าดิ มึงว่ามันโอเคมั้ยวะ กูไม่รู้อะ มันก็มีแต่อะไรแบบนี้ที่กูทำได้ แพงกว่านี้กูก็ไม่มีตังค์ซื้อแล้ว ”

“ งั้นก็แค่ซื้อ ” คนข้างกันบอก “ ในเมื่อมันไม่มีออะไรที่ดีกว่านี้ แล้วพี่เมดก็คิดว่า อยากจะให้อะไรแบบนี้แหละ งั้นก็แค่ซื้อ ”

“ งั้นเอาแบบไหนดี ” ผมถามก่อนจะชี้ไปที่แก้วข้างหน้า “ แบบมีลาย กับ แบบไม่มีลาย ”

“ แบบมีลาย แต่ไม่เอาตัวเอนะ เอาตัวเอ็มไปสิ ”

“ เอาตัวเอ็มทำไม อาฟเตอร์มันตัวเอ ”

“ ก็ไหนบอกแก้วของพี่มึง ถ้าแก้วของพี่มึงก็ต้องตัวเอ็มสิ ” ผมนิ่งไปกับความคิดของวิว สลับกับการคิดถึงหน้าของอาฟที่ยกแก้วที่เป็นตัวเอ็มขึ้นกิน ความรู้สึกแปรปวนในท้องมันวุ่นวายไปหมดจนผมได้แต่ส่ายหน้า

“ ไม่เอาอะ เอาตัวเอนี่แหละ กูเขิน ”

“ เอาจริงๆ มึงควรจะเขินตั้งแต่คิดอะไรที่โคตรเลี่ยนแบบนั้นได้แล้วต่างหาก ” วิวที่พูดออกมาเสียงเบา ส่วนผมก็เลือกแก้วสกรีนลายตัวเองแบบสวยๆหนึ่งใบ เน้นเลือกขอบปากที่ไม่หนามากผมรู้สึกแก้วแบบนั้นกินกาแฟอร่อยกว่าแก้วที่มีขอบปากหนาๆ

“ เอาใบนี้ ” หยิบขึ้นมาจากชั้นวางก่อนจะมองหน้าพนักงานคิดเงิน “ พอคิดเงินเสร็จก็ไปซื้อปากกามานั่งวาด ”

“ แล้วก็จะตายที่ตรงนั้นแหละ ” วิวพูดผมก็หันไปมองมันแล้วถอนหายใจเซ็งๆ

“ อย่ามาดูถูกกูน่า ”

“ กูไม่ดูผิดหรอก ”

แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆอย่างที่วิวบอก มันดูไม่ผิดจริงๆ ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในห้องที่คอนโดคนเดียวแบบเงียบๆ หลังจากแยกย้ายกับวิวตอนที่ซื้อปากกาเสร็จเรียบร้อย ก่อนนั้นในระหว่างทางตอนนั่งรถไฟฟ้าผมคิดมาอย่างดีว่าจะวาดรูปอะไรบ้าง ผมลองหาวิธีวาดง่ายๆจากในเน็ต แต่พอเอาเข้าจริง.. ก็อย่างที่วิวบอก วงกลมยังไม่กลมเลย แล้วปากกาเขียนแล้วลบไม่ได้ด้วย..แล้วพอยิ่งแก้ทุกอย่างก็เหมือนจะเละไปหมด

“ ชิบหายไปเลยไอ้สัด ” ผ่อนลมหายใจออกกมามองแก้วของตัวเองที่ตอนนี้ดูรกรุงรังไปหมด สัตว์สี่ขาที่ดูไม่ออกมาว่าเป็นหมาหรือแมว ดาวที่มีหลายๆแฉก มันยิ่งกว่าผลงานของเด็กอนุบาลซะอีก “ ก็น่าจะซื้อมาสักสองสามใบไว้แก้มือ ”

ผ่อนลมหายใจออกมารอบที่ล้าน ผมพยายามขีดเขียนทุกอย่างลงไปอย่างต่อเนื่องด้วยความรู้สึกที่ว่า ‘ รกไปรกมาเดี๋ยวมันก็สวยเอง ’ เขียนภาษาอังกฤษเป็นคำบอกรักลงไปบนนั้น ผมยิ้มอยู่กับตัวเอง ตอนที่เห็นว่าแก้วขาวเมื่อครู่มันแทบไม่มีพื้นที่ว่างเหลืออยู่เลย แล้วพอมันแห้ง ผมก็จำกัดความมันได้สั้นๆแค่ว่า “ โคตรเหี้ย ”

กริ้ง กริ้ง กริ้ง

เสียงกริ่งตรงประตูทำให้ผมที่นั่งเซ็งๆกับผลงานของตัวเองลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตกใจ หันไปมองหน้าประตูเป็นอย่างแรกก่อนจะหันมองนาฬิกาเป็นอย่างที่สอง สมองประมวลผลในตอนนั้นว่าอาฟคงกลับมาแล้ว และสิ่งแรกที่ผมหยิบนั่นคือแก้วที่ผมวาด มองซ้ายมองขวาอย่างไม่รู้จะซ่อนที่ไหนจนสุดท้ายก็เอาไปยัดในเค้าเตอร์บนซิงค์ล้างจานแล้ววินาทีที่ปิดตู้ลง ประตูห้องมันก็ถูกเปิดออก

“ อยู่แล้วทำไมไม่เปิดประตู ”

“ กู.. กำลังจะไปเปิด ” ผมบอกก่อนจะยิ้มแห้งๆให้คนที่เดินเข้ามาใหม่ ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเม้มริมฝีปากแล้วทำทีเป็นหยิบแก้วน้ำที่อยู่แถวนั้นเดินมากดน้ำที่หน้าตู้เย็นขึ้นกิน “ มึงกลับมาเร็วจังว่ะ เรียนเป็นไงบ้างวันนี้ ”

“ กูกลับสายนะ ” อาฟบอกก่อนจะเชิดไปที่นาฬิกา “ เลทจากปกติครึ่งชั่วโมง ”

“ อ้อเหรอ “ ผมทำทีเป็นตกใจก่อนจะหันมองนาฬิกาบ้าง “ กูแม่งก็บ้าสับสนไปหมดละ ”

“ มึงทำอะไรอยู่ ”

“ เปล่าทำ ไม่ได้ทำอะไรเลย ” ส่ายหน้าให้มันก่อนจะยกน้ำขึ้นกิน “ กูแค่หิวน้ำเลยลุกขึ้นมากินน้ำก็เท่านั้น ”

“ อื้ม ” อาฟพยักหน้ารับ ก่อนจะเหลือบไปที่โต๊ะกินข้าวที่ยังมีปากกาสีสำหรับเขียนแก้ววางอยู่เพราะผมยังไม่ทันที่จะเก็บ “ แล้วนี่คือ..”

“ อ้อ กูกำลังวาดรูปน่ะ พอดีช่วงนี้กู.. กูกำลังอินกับงานศิลปะ ”

“ งั้นเหรอว่ะ ”

“ ช่ายยย เค้าบอกวาดรูปจะทำให้อารมณ์ดี เมื่อกี้ออกไปห้างกับวิวขากลับก็เลยลองซื้อสีมาวาดรูปดู ไม่มีอะไรเลยมึง ”

“ อื้ม “ อาฟพยักหน้ารับยิ้มๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหาผมที่ก็ยังทำทีเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ผมคิดว่าตัวเองไม่น่าจะมีพิรุธหรอก แต่ตอนนั้นอาฟก็แค่ดึงตัวเองเข้ามาใกล้แล้วกระซิบลงข้างหูเบาๆ “ ตอแหลไม่เนียน ”

“ ไอ้สัด ”ผมจิ๊ปากตอนที่มันดึงตัวเองมามองหน้ากันยิ้มๆ

“ ก็เผื่อมึงไม่รู้ ”

.........................................................

 นั่งมองนาฬิกาที่ฉายอยู่มุมข้างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ตัวเองกำลังทำงาน ใกล้จะหมดวันเข้ามาทุกทีแล้ว ผมนึกถึงของขวัญที่ตัวเองเอาไปซ่อนเพราะรู้สึกอยากจะทำใหม่เหลือเกินแต่ก็คงเป็นได้แค่ฝันเพราะมันก็คงไม่ทันแล้ว

 “ กลับบ้านได้ละ ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นขัดกับความเงียบรอบตัวของเรา ผมเงยดูเวลาที่ยังไม่ทันจะเข้าวันใหม่ก่อนจะมองคนที่ลุกขึ้นเต็มความสูงยิ้มๆ

“ รีบจังว่ะ ทำไม ? กลัวจะใช้การ์ดที่กูให้ไม่คุ้มเหรอ ” แซวมันเหมือนกับที่แซวผมแต่อีกคนก็ตอบออกมาตรงๆ

“ ใช่ ” อาฟบอกก่อนจะเชิดหน้ามาที่หน้าจอคอมของผม “ มึงเสร็จรึยัง ถ้าเสร็จก็ปิดคอม จะได้กลับบ้าน ”

“ เสร็จแล้วครับผม จะปิดเดี๋ยวนี้แหละครับคุณเจ้านาย ” จัดการปิดคอมของตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับหยิบกระเป๋าขึ้นมา พลางเช็คดูว่ารอบห้องไม่มีอะไรที่เปิดทิ้งไว้ แล้วหลังจากเดินออกไปผมก็ล็อคมันเรียบร้อย

“ จะกลับกันแล้วเหรอวะ ” เสียงของเจทักเราตอนที่เห็นเดินลงมาชั้นล่าง อาฟพยักหน้ารับ “ งั้นยังไงก็สุข..”

“ มึงไม่ต้องพูด ” อาฟยกมือขึ้นห้ามเพื่อนตัวเองที่ก็อ้าปากค้างไปทันที “ กูไม่ได้อยากจะได้ยินจากมึงเป็นคนแรก ”

“  ไอ้สัด ” ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆกับคำสบถของเจ เอาเข้าจริงถ้าเป็นกูจะทำยิ่งกว่านั้น อาจจะบออกว่า ‘ ไปตาย ’ ก็เป็นได้ มีอย่างที่ไหนเพื่อนจะอวยพรวันเกิด แม่งบอกไม่ต้องพูด

“ เจอกัน ” อาฟบอกเจแบบนั้นก่อนจะเดินนำผมออกไปที่ผับ มันกดปุ่มปลดล็อครถแล้วตอนที่เราทั้งคู่เข้าไปนั่งในรถอีกคนก็แค่สตาร์ทรถแต่กลับไม่ขยับปรับเกียร์เพื่อขับไปไหน

“ ทำไมไม่ออกรถวะ ” หันไปถามอีกคนที่ก็แค่หยิบมือถือแล้วยื่นมาให้ผม บนหน้าจอนั้นฉายเวลาที่บอกกันว่าตอนนี้เราเข้าสู่วันใหม่แล้วเรียบร้อย

“ ถ้ามึงพูดตอนนี้ มึงจะเป็นคนแรกนะ ” ผมกลั้นยิ้มตอนที่ถูกเชิญชวนจากเจ้าของวันเกิด อาฟที่กำลังหูแดงมันไม่ได้หันมามองผมแต่กลับเอาแต่มองไปข้างนอก  “ ยังทันนะ ยังไม่มีใครพูด ”

“ ไอ้เจจะพูดเมื่อกี้ แต่มึงเสือกไม่ได้มันพูดเองไม่ใช่เหรอวะ ”

“ อยากให้เป็นมึง ”

“ มึงแม่งแบบ.. ” ผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมกับยิ้มกว้างที่กลั้นไว้ไม่ไหว ก็เป็นซะแบบนี้แล้วจะให้ไม่มีความสุขตอนที่อยู่กับมึงได้ยังไงว่ะอาฟ

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงบอกกับเจว่า ตัวมันไม่อยากฟัง เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงบอกออกไปว่า ไม่อยากจะฟังจากเจเป็นคนแรก เพราะอะไรแบบนั้นมันกำลังเว้นว่างไว้ให้ผม ได้พูดกับมันเป็นคนแรกในวันนี้

“ สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณอารยะ มีความสุขมากๆ ขอให้ผับเจริญรุ่งเรืองรายได้เยอะกว่านี้อีกสองสามเท่า กิจการยิ่งใหญ่เกรียงไกร สุขภาพแข็งแรง ลดความเหี้ยลงบ้าง เพิ่มความหวานขึ้นก็ดี แล้วความปากแข็งก็ขอให้ลดๆลงหน่อย ” อาฟหันมามองหน้าผมที่ก็ยักคิ้วให้มัน “ จะเอาอะไรอีก เดี๋ยวจะอวยพรให้ ”

“ คำอวยพรใครมันให้คนถูกอวยพรขอบ้างละไอ้สัด ”

“ ทีมึงยังบอกให้กูอวยพรได้เลย ” เถียงมันกลับไปเราที่มองหน้ากัน ผมมีความคิดถึงแล่นข้ามาให้หัว “ กูต้องกอดมึงมั้ย ”

“ จูบด้วยก็ดี ”

“ โอเค งั้นมา ” ดึงตัวเองเข้าไปกอดอีกคนไว้แน่น ผมผ่อนลมหายใจออกมาในตอนที่ซบลงที่ไหล่อีกคน “ มีความสุขมากๆนะอาฟ เป็นเด็กดีของกูนะรู้มั้ย ”  เสียงหัวเราะของอีกคนดังขึ้นผมก็ดึงตัวเองออกห่างจากมัน เอียงหน้าจูบที่ริมฝีปากนั้นตามคำขอเป็นแค่จูบสั้นๆที่ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรแต่อาฟกลับมองผมด้วยสายตายิ้มๆจนผมต้องหันหน้าไปทางอื่นเพราะรู้สึกว่าแก้มร้อนไปหมด

“ แล้วของขวัญ ” มือที่ยื่นมาตรงหน้า ผมก็ขมวดคิ้ว

“ ก็ให้ไปแล้วไง การ์ดตามใจที่กูทำให้ ”

“ แค่นั้น ”

“ จะต้องมีอะไรมากกว่านั้น มึงบอกเองว่าไม่อยากจะได้อะไร ” ผมบอกอีกคนก็พยักหน้ารับเหมือนจะเข้าใจแต่ถึงอย่างงั้นก็พูดออกมาเบาๆคล้ายจะจับผิด

“ ก็คิดว่าวันนี้ที่ออกไปกับไอ้วิว มึงจะได้อะไรติดมือมาให้กูสักชิ้น ”

“ ไม่มี กูแค่ไปกินข้าวกับน้องเฉยๆ ” ก็หวังว่าคำพูดปฎิเสธของผมจะไม่เสียงสูงเกินไปจนหลุดพิรุธออกมาอีกครั้ง

กลับมาถึงห้องเราจัดการอาบน้ำกันเรียบร้อยก่อนจะนั่งดูทีวีรอบดึกกันแบบเงียบๆโดยที่ไม่มีใครพูดกับใคร ก่อนที่หนังจะตัดจบไปแล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ในตอนที่กำลังจะเอนตัวลงนอน

“ พรุ่งนี้ตักบาตรกันมั้ยมึง ” ผมถามอาฟที่ก็หันมามองกันด้วยสีหน้าที่บอกว่า ขี้เกียจแบบสุดๆ

“ ถ้ากูบอกว่าไม่ ”

“ ทำเถอะ ปีเดียวทำสักครั้งก็ยังดี ตายไปจะได้บอกยมบาลในนรกได้ว่ามึงก็ทำบุญเหมือนกัน ”

“ กูนี่เลวขนาดนั้นเลย ”

“ ไม่เอาน่า อย่าถามคำถามที่มึงก็รู้อยู่แก่ใจตัวเองอยู่แล้วสิว่ะ ” ยิ้มให้มันก่อนจะยักคิ้วอีกฝ่ายก็แค่ถอนหายใจออกมายิ้มๆ

“ กวนตีน ”

“ แล้วตกลงมึงจะขออะไร ” ผมเอ่ยถามอีกคนตอนที่ขยับตัวมานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้า อาฟที่หันมามองเหมือนมันจะลืมไป “ การ์ดตามใจที่กูให้ไง อย่าบอกนะว่ามึงลืม ”

“ อ้อ.. ” มันว่าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเงินของตัวเองออกมาแล้วหยิบการ์ดนั้นขึ้นมา มันยิ้มก่อนจะยื่นให้ผม “ ขอให้เหมือนเดิม ”

“ ห๊ะ ? ” ถึงขั้นสบถออกมาด้วยความงงหลังจากฟังจบ “ หมายความว่าไงวะ ”

“ ก็ขอให้เหมือนเดิม เหมือนอย่างทุกวันที่เป็นอยู่ กูขออะไรแค่นั้น ”

ผมรู้สึกได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองดังอยู่เพียงอย่างเดียวในห้องนี้ นั่งมองการ์ดที่ถูกยื่นมาให้ผมกับคำขอที่วนอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ‘ ขอให้เหมือนเดิม ’

“ ไม่อยากจะได้อะไรมากกว่านี้แล้วเหรอวะ ” ผมถามมันอีกคนก็แค่ส่ายหน้าไปมา “ ก็ไหนบอกว่าจะให้กูใส่ผ้ากันเปื้อนอะไรแบบนั้นก็ไม่อยากให้ทำเหรอวะ แล้วเรื่องที่ขู่กูอีก ”

“ มึงอยากทำ ? ” อาฟถามผมก็ส่ายหน้า

“ เปล่า แต่กูว่ามันน้อยไป ตอนกูยังขอให้มึงไม่เป็นตัวเองเลย แล้วคนอย่างมึงก็ควรแกล้งกูไม่ใช่เหรอวะ ” สายตาคมที่มองหน้าผมตอนที่พูดออกมาแบบนั้น อาฟยิ้มมันเป็นยิ้มที่ชวนให้หัวใจของผมพองโตอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเครื่องปั้มลมที่อัดอากาศเข้ามาในลูกโป่ง มันล่องลอย

“ มึงว่าน้อยเหรอ แต่กูว่าที่กูขอมันก็เยอะนะ ” มันยืนยันอย่างงั้น “ ตื่นเช้าขึ้นมาอาบน้ำก่อนกู บีบยาสีฟันไว้ให้กู จัดชุดให้กู ชงกาแฟให้กู ออกไปข้างนอกกับกู นั่งกินข้าวกับกู เลือกของกินเผื่อกู นั่งบ่นตอนรถติดเป็นเพื่อนกู หัวเราะไปกับกู แล้วกู อยู่ข้างๆกู ”

“ มึงแม่ง..” ผมก้มหน้าลงตอนที่ได้ฟัง หัวใจพองโตจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก แล้วตอนที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้ามัน มือที่เอื้อมกอดอาฟไว้ก็ทำได้แค่กอดมันแน่นไว้แบบนั้น “ มันเหี้ยมากเลยที่กูรู้สึกดีจนอยากจะร้องไห้เพราะคำพูดของมึงไอ้สัดอาฟ ”

“ อย่ามางอแง ”

“ ก็มันมีความสุข มึงโจมตีหัวใจกูรู้มั้ย ” ผมบอก “ แล้วจะเอาแค่นี้จริงๆเหรอวะ ” ถามย้ำตอนที่ดึงตัวเองออกห่างจากมัน

“ หรือมึงจะให้กูขอให้มึงใส่ผ้ากันเปื้อนชิ้นเดียวแล้วเดินไปเดินมาในห้อง แบบนั้นก็ได้นะ กูชอบอยู่แล้ว ”

“ ไม่! ” ผมตะโกนขึ้นมาก่อนจะรีบหันไปหยิบปากกาขึ้นมาเขียนลงไปบนการ์ดว่าใช้แล้ว แล้วตอนที่ยื่นให้มันคืออาฟก็เอาเก็บไว้ในกระเป๋าเงินตามเดิม “ ก็น่าจะขออะไรที่มันสนุกๆหน่อย เช่นขอให้กูทำอะไรที่มันไม่เป็นตัวเอง ”

“ กูชอบมึงแบบนี้ แล้วกูจะอยากให้มึงเป็นอย่างอื่นไปทำไม ”

“ ถามจริง มึงถนัดทำให้กูใจเต้นแรงรึเปล่าอาฟ ” แล้วเหมือนจะทะลุออกมานอกอกด้วยในตอนนี้

“ หึ ” อาฟยกยิ้มก่อนจะยักคิ้วให้

“ แล้วพอมาคิดว่าตอนวันเกิดกู กูขอให้มึงเป็นอย่างอื่น ” ผมพูดเสียงเบาๆ “ มันเหมือนว่ากูไม่ได้ชอบมึงแบบที่มึงเป็นเลย ”

“ วันนั้นมึงก็แค่กวนตีนกูไม่ใช่รึไง  ” อาฟบอกก่อนจะดึงตัวเองลงนอน มันปิดไฟที่หัวเตียงจนทั้งห้องมืดสนิท แล้วท่ามกลางความเงียบในตอนนั้นมันก็เอื้อมมือมาจับมือผมดึงลงไปนอนในอ้อมกอดของมัน “ ถ้ามึงไม่ชอบ แล้วเราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ได้ยังไง คิดอะไรโง่ๆ ”

ก็คงจะจริงอย่างงั้น ผมกอดอาฟไว้ในตอนที่คิดว่า ตอนนั้นตัวผมเองก็แค่หงุดหงิดที่มันชอบพูดกวนตีนกันทุกวันจนอยากจะแกล้งให้มันพูดเพราะๆแล้วก็ลองไม่กวนตีนผมดูบ้าง แต่สุดท้ายก็เหมือนจะเป็นตัวผมเองที่บอกให้หยุด เพราะรับไม่ได้ที่ต้องเห็นอีกคนเป็นอะไรในแบบที่ไม่ชินตา ก็ต้องมีมุมที่ปากหมาและกวนตีนจนน่ารำคาญนั่นแหละ มันถึงเป็นอารยะ คนที่วันนั้นผมตอบรับรักไป

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 36:: up! 24-8-61} #หน้า 31
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 01-09-2018 20:15:51

สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ก่อนจะเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจผมพบว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่ควรตักบาตรอย่างที่วางแผน เพราะตอนนี้มันเก้าโมงเช้าเข้าไปแล้ว ผมผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความเซ็งแต่ก็คงโทษใครไม่ได้เพราะเสือกลืมตั้งนาฬิกาปลุกเอง

“ ส้นตีน ” ได้แต่บ่นออกมาแบบนั้นก่อนจะหันไปมองคนที่นอนหลับสนิทชนิดที่ว่า ต่อให้แผ่นดินไหวอาฟก็จะไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาเด็ดขาดคงนอนตายอยู่ในซากตึกถล่มนี้

เกาหัวตัวเองเซ็งๆเอาเป็นว่าค่อยออกไปถวายสังฆทานก็แล้วกัน ผมพาตัวเองลุกขึ้นไปอาบน้ำใส่เสื้อยืดธรรมดากับกางเกงขายาว แล้วก็จัดการเสื้อผ้าให้อาฟเหมือนปกติ ก่อนจะค่อยๆย่องออกไปนอกห้อง ผมคิดว่าเมื่อคืนห้องเดย์คงไม่กลับห้องเพราะไม่มีรองเท้าวางอยู่หน้าห้อง และเมื่อเช็ครอบข้างอย่างดีแล้ว มือก็ค่อยๆเอื้อมไปเปิดตู้ด้านบนแล้วหยิบแก้วที่ตัวเองทำเอาไว้ออกมาดู ผมถอนหายใจใส่มัน กำลังนั่งคิดว่าจะเอาใส่กล่องผูกโบว์เป็นของขวัญให้อีกคนดีมั้ย แต่ของขวัญหน้าตาแบบนี้ ถ้าให้เหมือนจะดูถูกผู้รับมั้ยวะ

หยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเปิดกล้อง ในเมื่อคิดเองก็ไม่ได้ก็ต้องถามคนที่จะให้คำปรึกษาได้ ผมถ่ายแก้วแบบทุกมุมอยู่สองสามรูปก่อนจะส่งไปให้วิว ในโปรแกรมแชทแต่แน่นอนว่าตอนนี้ยังเช้าอยู่อีกคนก็ไม่น่าจะตื่นเหมือนกัน

[ มึงดูแก้วกู มึงว่าให้ดีมั้ย หรือว่าไม่ให้ดี มันน่าเกลียดอะมึง กูว่านะ ]  ส่งข้อความออกไปถาม ผมวางมือถือลงบนโต๊ะก่อนจะเดินไปหยิบกล่องของขวัญมาใส่แก้วไว้เรียบร้อย แล้วจัดการยัดใส่ลงไปในเป้ของตัวเอง ผมคิดจะให้มันหลังจากที่รอคำตอบของวิวก่อน

“ ทำอะไร ” สะดุ้งสุดตัวตอนที่หันไปมองต้นเสียงที่เอ่ยทัก อาฟยืนอยู่ที่หน้าห้องและยังคงใส่ชุดนอนตัวเดิมอยู่
 
“ ตกใจหมดไอ้เชี้ย ” ผมบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา ทำทีเป็นดึงกระเป๋าตัวเองออกมาตั้งไว้บนเก้าอี้ “ แล้วยังไม่อาบน้ำอีกเหรอวะ ”

“ แล้วไหนตักบาตรของมึง ”

“ ลืมตั้งนาฬิาปลุก ” บอกแบบนั้นอาฟก็หลุดยิ้มออกมาก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ “ แต่ค่อยไปถวายสังฆทานกันที่วัดก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก ”

“ อื้ม ” ขานรับกันสั้นๆ ก่อนจะเดินมายืนช้อนกันจากข้างหลังแล้วใช้สองมือกอดเอวผมเอาไว้แน่น ใบหน้าคมนั้นซบลงที่ไหล่อาฟจูบที่ข้างแก้มของผม เอาเข้าจริงก็โคตรเกลียดช่วงแบบนี้เลย หัวใจที่เต้นแรงแทบทะลุอก ไม่นับรวมอาการทำตัวไม่ถูกที่ไม่รู้จะเอามือไปตั้งไว้ตรงไหน ปากก็เหมือนจะใบ้กินไป ผมยืนนิ่งๆที่ให้อีกคนหอมแก้มอยู่แบบนั้นซ้ำๆ แม้จะโดนจูบเบาๆที่ต้นคอ ก็ไม่ได้เปล่งเสียงห้ามปรามใดออกมา “ ไม่มีของขวัญสำหรับกูจริงๆเหรอ ”

“ ไหนมึงบอกว่าไม่อยากได้อะไรไง ”

“ ก็เผื่อฟลุ๊คคิดว่ามึงจะซ่อนมันไว้ในกระเป๋า ”

“ ไม่มีหรอก ถ้ามีก็ต้องให้แล้วจริงมั้ย ” หันไปยิ้มให้มันอาฟไม่ได้ตอบอะไร นอกจากแค่ก้มลงมาจูบผมก่อนที่มันจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอน แล้วตอนนั้นผมก็คิดขึ้นมาได้ว่า ‘ หรือว่ามันจะเห็น ’ แต่ไม่หรอกน่า เพราะถ้าเห็นก็ต้องบอกให้เอาออกมาให้แล้ว ไม่น่าจะแค่หลอกถามกัน

ออกจากคอนโดในช่วงบ่ายเพราะวันนี้เราไม่มีเรียนด้วยกันทั้งคู่ แวะถวายสังฆทานในวันเกิดที่วัดใกล้คอนโด วันนี้ผมได้ขอพรให้อาฟด้วยเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ขอพรแบบจริงจังเท่านัก เราแวะกินอาหารญี่ปุ่นในร้านที่เคยมาตั้งแต่รู้จักกันแรกๆแถมนี่ยังเป็นครั้งแรกที่อาฟเอ่ยปากชวนผมทั้งๆที่ปกติมันจะเป็นคนให้ผมเลือกว่าจะกินอะไร

“ ไปกินอาหารญี่ปุ่นนะ กูอยากกิน ”

“ แล้วจะขัดเจ้าของวันเกิดได้ยังไงวะ มันต้องได้อยู่แล้ว ” เลือกกินข้าวหน้าปลาไหลกันคนละจาน พร้อมด้วยเซ็ตซูซิหน้ารวมที่ขอบอกเลยว่า อร่อยอย่างที่สุด แต่จะว่าไปวันนี้ดูเหมือนวันธรรมดาเกินไปจนแทบไม่รู้สึกเลยว่า จะเป็นวันสำคัญของคนข้างๆกัน

“ แม่งธรรมดาไปเปล่าวะ ” เหมือนผมจะเผลอพูดคำนั้นออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัวจนคนขับรถที่นั่งนิ่งๆถึงกับหันมามอง

“ ยังคิดอะไรไร้สาระอยู่อีกนะมึง ”

“ กูก็แค่รู้สึกว่ามันธรรมดาไป ”

“ มึงก็แค่เอาความพิเศษใส่ลงไปในวันธรรมดาวันนึง แล้วก็คิดอยู่ตลอดว่า มันต้องพิเศษ ทั้งๆที่มันก็ไม่มีอะไรพิเศษ เวลาเดินเท่าเดิม แล้วเราก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ” อาฟหันมามองบอก “ สำหรับกูวันเกิดก็แค่วันที่บอกกูว่า กูแก่ขึ้นอีกปีแล้วก็แค่นั้น ”

“ ความคิดมึงก็ผู้ใหญ่เกินไปนะ เหมือนเกิดมาแล้ว 59 ปี แล้ววันนี้ก็คือวันครบรอบวันเกิดปีที่ 60 แซยิดพอดี ”

“ กวนตีนจังนะ ” เอื้อมมือมาหยิกแก้มแบบหมั่นเขี้ยวก่อนจะลูบอยู่แบบนั้นเบาๆ

“ แต่สำหรับคนเป็นแฟนมันสำคัญนะ มึงอาจจะมองว่าไม่สำคัญ แต่มึงจะเถียงกูเหรอวะ ว่าตอนวันเกิดกู มึงไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรให้กูมีความสุข แล้วมึงก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นวันธรรมดาแบบวันเกิดมึงด้วย มึงคิดว่ามันเป็นวันพิเศษของกู วันที่กูควรมีความสุขไปทั้งวัน ” อาฟนิ่งไปตอนที่ผมบอก มันไม่ได้ตอบอะไรออกมา แล้วผมก็คิดว่ามันคงจะคิดแบบเดียวกับที่ผมพูด “ กูก็แค่อยากจะให้แฟนกูมีความสุขที่สุดในวันพิเศษของเค้า ไม่ต่างจากมึงในวันนั้นหรอก ”

“ ขอบคุณครับ ” อาฟตอบผมสั้นๆ ก่อนจะดึงตัวเองมาจูบลงที่ริมฝีปาก

“ ขอบคุณทำไมเป็นแฟนกูเหรอ ” ผมแกล้งมันตอนที่อีกคนดึงตัวเองออกห่าง อาฟยิ้มกว้างออกมาเพราะคงไม่คิดว่าผมจะพูดออะไรแบบนี้

“ กูชื่ออาฟเตอร์ อารยะ ใช่แฟนมึงมั้ยละ ” เราที่ยิ้มให้กันในตอนนั้น ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างก็หลุดหัวเราะกันออกมา

“ งั้นก็ใช่ ”

“ กวนตีน ” บอกกันแบบนั้นก่อนจะดึงมือผมไปจับแล้วจูบเบาๆที่หลังฝ่ามือ เรากุมมือกันไปแบบนั้นในระหว่างเดินทางบนถนนเส้นที่ติดบ้างและโล่งบ้างเหมือนปกติที่ชอบทำอย่างเช่นทุกที

.....................................................................

ช่วงเวลาสามทุ่มที่ภายในผับค่อนข้างคึกคักเป็นพิเศษ วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้าของผับ อาฟไม่ได้จัดงานวันเกิดอะไรเหมือนอย่างที่ผมคิดว่ามันคงจัดเหมือนกับเจ้าของผับที่มันกับเจเคยไป แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังมีทั้งเพื่อนในวงการผับเข้ามาให้ของขวัญมัน ซึ่งของส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเหล้าแบรนด์ต่างๆที่ค่อนข้างแพง 

“ ให้เหล้าโคตรเยอะ ” ผมพูดเสียงเบาๆกับน้องอัยย์ที่ตอนนี้ทั้งผมแล้วก็น้องกำลังเช็คเหล้ามาใหม่ในบาร์กันอยู่ “ นี่ถ้าให้เหล้าเท่ากับแช่งพรุ่งนี้ไอ้อาฟไม่น่ารอด ”

“ คงไม่รอดตั้งแต่คืนนี้ ” น้องบอกก่อนจะเชิดหน้ามาข้างหน้า “ เยอะจนล้นบาร์ตรงที่เฮียนั่งเลย ”

“ ขนกลับยังไงวะนั่น ”

“ ขาย ” น้องหันมากระซิบ “ เฮียไม่เอากลับ เฮียเก็บไว้ขาย แล้วก็กินนิดๆหน่อยๆวันละแก้วสองแก้วตามอารมณ์ ”

“ เหรอ ”

“ ไม่ต้องกังวลนะ น้องรู้ว่าพี่เมดก็คือห่วงเฮียในใจลึกๆ ” ผมถอนหายใจออกมาตอนที่อีกคนพูด “ แต่น้องอัยย์ไม่ได้โกหกจริงๆนะ เฮียกินไม่หมดหรอกครับพี่เมด กินหมดคงตับแข็งตายพอดี เชื่อน้องอัยย์ เฮียเน้นขาย เฮียเน้นสร้างรายได้ ”

“ ยังไม่ได้บอกเลยว่าไม่เชื่อ ” ผมบอกอีกคนก่อนจะหันไปมองขวดเหล้าที่ตั้งอยู่ไม่ไกล แต่ละขวดที่ดูถึงผมจะไม่ใช่พวกกินเหล้า ก็พอดูออกว่ามันเหมือนจะมีแต่ของแพงๆทั้งนั้น

“ ของขวัญวันเกิดเฮียมีแต่ของดีๆแพงๆทั้งนั้น แต่มันก็เหมาะสมกับฐานเค้าอะนะ เจ้าของผับให้เจ้าของผับมันจะให้ของไม่ดีได้ไง ” เหลือบมองคนพูดที่ก็ก้มหน้าเช็คเหล้าที่อยู่ตรงหน้าต่อเหมือนกับแค่บ่นออกมา ผมเหลือบมองอาฟที่กำลังยิ้มรับกับคำอวยพรแล้วก็คำทักทายของหลายคนที่เข้ามาอวยพรมัน “ แล้วพี่เมดซื้ออะไรให้เฮียวันเกิดเหรอ ”

“ ไม่ได้ซื้อหรอก ”

“ อ้าว ” ยิ้มให้ตอนที่อีกคนเหมือนสบถออกมา

“ ก็อาฟบอกไม่ต้องซื้อ พี่เมดก็เลยไม่ซื้อ ไม่รู้จะซื้ออะไรด้วย ” ผมหันไปมองของขวัญที่วางเรียงอยู่บนเค้าเตอร์บาร์ที่อีกคนนั่งก่อนจะหันมาบอกน้องแบบยิ้มๆ “ ไม่มีตังค์ ”

“ ฮ่าๆ ” น้องอัยย์หัวเราะก่อนจะพยักหน้ารับ “ แต่พวกเราก็ไม่ได้ให้หรอก แค่อวยพรเฮียเฉยๆ เพราะเฮียไม่ชอบให้ใครซื้อของขวัญให้ เฮียบอกว่ามันไร้สาระ ซื้อมาก็ไม่รู้จะชอบมั้ย เปลืองเงินเปล่าๆ ”

“ ก็จริงนะ ”

“ อันนี้เหล้าใหม่ตัวสุดท้ายแล้วพี่เมด ”

“ โอเค ” จดรายละเอียดลงไปในไอแพตที่กำลังถือ

“ ดูท่าว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะต้องมามาทำสต๊อกกันอีกว่ะพี่เมด ดูจากกองเหล้าที่ได้ คือบอกเลยว่า หนัก ”

“ งั้นก็กองไว้ตรงนั้นก่อนไม่ต้องไปเลื่อนมันแค่นับไว้ว่ามีกี่ขวด แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาแยกสต๊อกกัน เผื่ออาฟมันจะเก็บไว้บางขวดก็ไม่แน่ ” เงยหน้าบอกน้องก่อนจะปิดหน้าจอไอแพตที่ทำงานเสร็จแล้วลง “ งั้นสต๊อกวันนี้ก็เสร็จแล้วนะ ”

“ ครับผม ”

“ พี่เมดขึ้นไปทำงานเอกสารต่อก่อนแล้วกันนะ ”

“ ครับผม สู้ๆนะ คุณเลขา ” น้องอัยย์บอกผมก็ยิ้มก่อนจะเดินออกไปจากส่วนของบาร์

เดินขึ้นไปบนชั้นสามก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง หยิบมือถือขึ้นมาดูผมพบว่ามันมีข้อความแจ้งเตือนมาจากน้องชาย มันเป็นคำตอบของคำถามที่ผมถามไปเมื่อเช้า [ ให้ไปเลย ของที่มาจากพี่เมดยังไงพี่อาฟก็ต้องชอบ ไม่ชอบก็ด่ามันเลยว่าไม่ลึกซึ้งทางศิลปะ ]
 
“ เหรอวะ ” ผมพูดกับตัวเองตอนที่อ่านข้อความนั้น ก่อนจะหันไปมองกระเป๋าที่ตั้งอยู่ข้างๆผมหยิบกล่องของขวัญออกมาแล้วก็มองมันอยู่แบบนั้น คิดถึงของขวัญที่กองอยู่ตรงโซนบาร์ข้างล่างแล้วผมคิดว่าไม่ให้น่าจะดีกว่า ให้ไปก็น่าอายเปล่าๆ อาฟเห็นก็น่าจะขำมากกกว่าจะชอบมันด้วย ถอนหายใจออกมาเซ็งๆนิด ผมเปิดกระเป๋าก่อนจะยัดมันกลับเข้าไปแต่ยังไม่ทันจะเก็บเรียบร้อยประตูห้องก็เปิดออกแบบที่ไม่เคาะให้สัญญาณกันเลยสักนิด

“ นั่นอะไร ” ผมรีบยัดกล่องนั้นเข้าไปในกระเป๋าทันทีตอนที่อีกคนถามส่ายหน้าไปมาก่อนจะถามกลบเกลื่อน

“ มึงแม่งเข้ามาก็ไม่เคาะประตูนะ ”

“ เอามาให้กูดู ”  อาฟเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะคว้าเอากระเป๋าของผมที่ก็ตอนนี้ผมเองก็จับมันไม่ยอมปล่อย

“ มันไม่มีอะไร ”

“ กูเห็นเหมือนกล่องของขวัญ ”

“ มึงอยากได้ของขวัญจากกูจนตาฟาดแล้วอาฟ ” ผมบอกปัดมันอีกคนก็เอาแต่จ้องตากันไม่ยอมหลบไปไหน

“ ถ้าไม่มีอะไรอย่างที่มึงพูดก็ปล่อยมือ เพราะกูจะดู มึงคงรู้ว่ายิ่งยื้อ กูก็ยิ่งไม่ปล่อย  ” จ้องหน้าอีกคนก็พอรู้ว่ามันต้องเป็นแบบนั้น แล้วเมื่อสุดหนทางจริงๆผมก็ต้องปล่อยมือ อาฟเปิดกระเป๋าผมขึ้นมาแล้วแน่นอนว่ากล่องของขวัญมันก็ตั้งอยู่ในนั้น อีกคนหยิบออกมามันเป็นกล่องสีขาวที่คาดโบว์สีน้ำเงิน มันยิ้มตอนที่เห็นก่อนจะเอ่ยถามกัน “ ไหนบอกไม่ซื้อ ”

“ ก็แค่เดินผ่านแล้วเห็น กูไม่ได้ตั้งใจจะซื้อสักนิด ”

“ งั้นเหรอ ” อีกคนพยักหน้ารับก่อนจะยื่นกล่องของขวัญนั้นกลับมาให้ผม “ ยื่นให้กูหน่อยสิ ”

“ มึงก็เอาไปแล้วจะให้ทำพิธีรีตองอะไรให้มากความว่ะ ” บ่นแบบนั้นแต่ก็รับกล่องของขวัญนั่นมา ผมยื่นให้อาฟที่นั่งอยู่บนโต๊ะตรงหน้ากัน “ สุขสันต์วันเกิดนะมึง ”

“ ขอบคุณครับ ” อาฟที่รับของขวัญไปมันก้มหน้าลงมองกล่องนั้นอยู่สักพัก ก่อนจะเอามือลูบโบว์อยู่สองสามทีด้วยรอยยิ้มจางๆ มันดูมีความสุขจนผมยังรู้สึกใจเต้นแรง “ มึงผูกเองมั้ยไอ้โบว์นี่ ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับกับอีกคน

“ ไม่อยากแกะละ ”

“ อย่ามาประสาท แกะไปเถอะน่า ” อาฟยกยิ้มก่อนเอียงซ้ายเอียงขวาดูโบว์นั่นว่าจะแกะออกยังไง “ มึงก็แค่ดึงตรงนี้ ” ผมชี้อีกคนก็ดึงออก ต่อด้วยฝากล่องกระดาษสีขาวก็ถูกเปิดออกมา แก้วกาแฟวางอยู่ในนั้น ตอนแรกที่เห็นอาฟมองมันด้วยความแปลกใจแล้วตอนที่มันหยิบขึ้นมาอีกคนก็ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะหัวเราะ

“ นี่มันเหี้ยอะไรว่ะ ฮ่าๆ ”

“ ไม่ต้องมาหัวเราะเลย ไม่ชอบก็เอาคืนมา มึงแม่งเสียมารยาท เห็นของขวัญของคนอื่นแล้วหัวเราะ ” ผมบอกแบบนั้นแต่เหมือนอีกคนก็แค่เบี่ยงตัวหลบไม่ให้ผมเอื้อมมือไปแย่งแก้วใบนั้นคืนมาได้ มันมองภาพที่ผมวาดพวกนั้นทีละภาพ

“ นี่มึงวาดเอง ”

“ อื้ม ”

“ นี่หมาหรือแมววะ ” มันชี้ไปที่ไอ้ตัวกลมๆที่ดูไม่ออกว่าเป็นตัวอะไร

“ ไม่ต้องแซวเลยสัด ”

“ มีสายรุ้งด้วย ก้อนเมฆ ต้นไม้ ฮ่าๆ ถามจริงที่ชั่วโมงศิลปะตอนอนุบาลเหรอวะ ”

“ ก็กูมีปัญญาทำให้มึงได้แค่นี้นี่ไอ้สัด ถ้ารวยก็จะซื้อเหล้าแพงๆให้มึงเหมือนกัน แต่ไม่มีตังค์ เลยให้มึงได้แค่นี้.. ” เสียงของผมที่หยุดไปเพราะมือข้างนึงที่ดึงใบหน้าผมเข้าไปจูบราวกับจะให้หยุดพูดออะไรพวกนั้น แล้วตอนที่ผละออกคนตรงหน้าก็แค่ยิ้ม

“ แล้วกูบอกเหรอ ว่าอยากได้ของแพงๆจากมึง ” ส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบ อาฟก็ปล่อยมือจากตัวผมแล้วก้มลงไปมองแก้วใบนั้นอีกครั้ง มันมองภาพทุกภาพที่ผมวาดด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมันทำกับของชิ้นไหน ดูมีความสุขเหมือนเป็นแก้วใบเป็นแสนที่มันอยอากจะได้เอามากๆ ทั้งๆที่รวมทุกอย่างแล้วยังไม่ถึงห้าร้อยด้วยซ้ำ

“ อันนี้จริงรึเปล่า ” ชี้ไปที่ตัวอักษรภาษาอังกฤษสี่ตัวอย่าง LOVE มันหันมามองกัน

“ จริงสิว่ะ ”

“ แล้วทำไมซื้อแก้วกาแฟ ”

“ ก็จะได้เอาไว้ชงกาแฟให้มึงกินทุกวันเลยไง ”

“ งั้นต้องชงให้กูกินทุกวันนะ ห้ามไปไหนซะละ ” อาฟหันมาบอก ผมก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับก่อนจะบ่นเบาๆ

“ มึงอยากกินให้ได้ทุกวันก็แล้วกัน ”

“ จะท้าแข่งกันได้ไม่มีปัญหานะ ” มองอีกคนที่มองกันแบบท้าทายด้วยการส่งยักคิ้วล้อๆมาให้ ผมผ่อนหายใจออกมาในตอนที่มองดูมันที่ยังคงจดจ้องกับของขวัญที่ผมให้อยู่นั้น   “ ของขวัญมันอยู่ที่คนให้ ” อาฟบอกผม “ สำหรับกู ถ้าเป็นมึง ให้อะไรกูก็ชอบทั้งนั้น ”

ลุกขึ้นจากโต๊ะที่นั่ง อาฟเดินออกไปจากห้องทันทีด้วยท่าทางที่ดีใจเหมือนเด็กหลังจากที่พูดจบ ผมเห็นอาฟวิ่งลงไปชั้นล่าง ผ่านกล้องวงจรปิดที่ฉายอยู่ในห้อง ตอนแรกผมไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่อาฟพูดเท่าไหร่แต่ภาพที่เห็นก็เหมือนจะไขคำตอบของความสงสัยได้ดี

อาฟวิ่งลงไปหาเจที่นั่งอยู่บาร์ มันสะกิดอีกคนก่อนจะยื่นแก้วใบที่ผมให้เป็นของขวัญให้เพื่อนสนิทตัวเองดู ทุกคนที่หัวเราะมันแต่มันก็ยังแค่ยิ้มในแบบของตัวเองอย่างมีความสุข พลางตีมือเพื่อนหรือใครๆที่กำลังเอื้อมมือมาแตะต้องแก้วใบนั้นที่ผมให้มันเป็นของขวัญ แก้วที่ใช้ศิลปะงี่เง่าของผมบรรจงวาดลงไปเพราะอยากจะทำอะไรสักอย่างให้มันแค่คนเดียวที่มีของชิ้นนี้
 
ของขวัญ ค่าของมันอยู่ที่ว่าใครเป็นคนให้ เพราะยิ่งมีความสำคัญกับใจของคนรับเท่าไหร่ ของขวัญชิ้นนั้นก็ยิ่งมีค่ามากเท่านั้น แล้วแก้วใบนั้นสำหรับอาฟก็เป็นอะไรแบบนั้น มันสำคัญเพราะผมเป็นคนให้มัน

ก็ลองคิดแค่ว่า ถ้ารองเท้าคู่ที่ใส่อยู่เป็นแค่รองเท้านันยางที่มีรูปหัวใจสีแดงที่อาฟวาดให้ ผมก็คงดีใจไม่ต่างอะไรกับที่ได้รับรองเท้าคู่แพงนี้ เพราะมันไม่ได้อยู่ที่ราคา มันอยุ่ที่ว่า อาฟเป็นคนให้มันกับผมต่างหาก

“ เมดทำให้กู ” ปากที่ขยับอวดเพื่อนของอาฟในหน้าจอทีวีของก้องวงจรปิด ชวนให้ผมถอนหายใจออกมายิ้มๆ ถึงจะน่าอายที่อีกคนเล่นเอาไปอวดโชว์ราวกับจะประจานความสามารถพิเศษทางศิลปะของผมก็เถอะ แต่จะยกโทษให้สักวันแล้วกัน

“ เห็นว่าเป็นวันพิเศษของมึงหรอกนะอาฟ ”
............................................................................
สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณอารยะ
ชอบความอาฟเมดที่แกล้งกัน แซวกัน มันน่ารักดี
ในพาสนี้ก็คือเคยเขียนถึงวันเกิดเมดไปไง แล้วทั้งอาฟทั้งเมดเกิดในเดือนเดียวกัน ไม่เขียนก็จะกลายเป็นว่า ไม่รักพี่อาฟกันหรือยังไง แม้จะผ่านเดือนสิงหามาแล้วก็เถอะ เอาน่าแค่วันเดียว ก็เมื่อวานมันไม่เสร็จอะเนอะ 555

ตอนนี้มาช้าไปหน่อย เพราะเราไม่สบายเลยคิดนิยายไม่ค่อยออก ตอนนี้เลยไม่รู้จะออกมางงๆรึเปล่า
แต่อยากจะเขียนหวานๆ คลายเครียดกันสักนิด
และมีเรื่องจะประกาศนิดนึงนะคะ ศุกร์นี้หนมจะงดอัพนิยายนะคะ เจอกันในศุกร์หน้าเลย
เพราะว่าไม่สบายหนักมาก เลยคิดว่าศุกร์นี้ไม่น่าจะอัพทันแน่นอน ไม่มีสต๊อกนิยายด้วย
เพราะงั้นเจอกันในศุกร์ถัดไปนะคะ ขอไปพักผ่อนเอาแรงนิดนึง
สุดท้ายนี้ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-09-2018 20:56:43
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 01-09-2018 21:04:08
พักผ่อนน้าาา จะได้หายไวๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 01-09-2018 21:11:17
อาฟน่ารักกับเมดมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-09-2018 21:16:15
 o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 01-09-2018 21:22:22
อีตรวแก้วเนี่ย มันน่ารัก น่ารักทั้งแก้ว ทั้งเมท แล้วอาฟมันก็น่ารัก  :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 01-09-2018 21:23:00
ชอบค่ะ ชอบแบบนี้น่ารักทั้งสองคนเลย  :mew1:   

หายไวๆนะคะคนเขียน  :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 01-09-2018 21:39:30
โอ้โห ตอนนี้คุณอารยะชนะเลิศ แบบอยากขอคุณอารยะห่อกลับบ้าน 1 ที่เลย 55555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 01-09-2018 22:15:23
มีความสุขจนน่าอิจฉาแบบนี้ไปนานๆ ล่ะ
สุขสันต์วันเกิดนะคุณอารยะ
ขอให้แฟนรักแฟนหลง (แม้จะหลงอยู่แล้วก็เถอะ)
#เหม็นความรัก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-09-2018 22:52:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 01-09-2018 23:25:44
อ่านตอนนี้ทั้งขำทั้งเขิน น่ารักมากๆๆ ชอบให้อาฟกับเมดหวานชื่นกันแบบนี้ตลอดไปเลย ชอบมากๆค่ะ
ปล.คุณผู้เขียนค่ะ ทานยาและพักผ่อนให้เยอะๆนะค่ะ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยมากๆ ใส่เสื้อหนาๆ หายไวๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 01-09-2018 23:43:11
น่ารักกกกันจริงๆ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-09-2018 00:02:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 02-09-2018 01:10:35
มีเอาของไปอวดด้วยยยย พี่จะน่ารักเกินไปแล้วนะะะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 02-09-2018 01:37:02
เด็กชายอาฟมีความสุขผิดคาด นึกว่าจะทวงของขวัญบนเตียงซะแล้ว
เอ๊ะ หรือว่าตอนต่อไปกันนะ :hao6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-09-2018 02:21:13
Hbdนะคุณอารยะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-09-2018 03:03:51
อาฟ คนอวดของ 2018  :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 02-09-2018 04:49:03
HBD นะคุณอารยะ

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-09-2018 08:08:08
สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณอารยะ :HBD1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 02-09-2018 08:20:00
ความ อาฟ อาระยะ นี่มัน



ดีต่อใจจริงๆ



ถึงจะปากหมาและนิสัยเสีย




แต่อาฟก็เป็นผู้ขายที่รักจริงนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 02-09-2018 09:33:30
 o13 พบคนขี้อวด 2018 จ้า น่ารักจริงคู่นี้  :katai2-1:
 :L2:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 02-09-2018 10:11:02
น่ารักอีกแล้วน้องเมด ขอให้หายป่วยเร็วๆนะคะคุณคนเขียน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-09-2018 14:27:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 02-09-2018 15:21:32
อาฟน่ารักอ่ะ รีบเอาไปอวดเพื่อนเลยว่าเมดทำให้ o18 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-09-2018 15:56:21
น่ารักๆมากๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากเห็นบรรยากาศแบบนีทุกๆวัน มันเรียบง่ายแต่อบอุ่นอบอวลด้วยรักมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-09-2018 16:26:47
โอ๊ยยยย พี่อาฟคนหล่อ คนดีของมินเมด
ทำอะไรก็ได้ ที่มีเมดอยู่ ทุกวันพิเศษหมด ถ้ามีเมดอยู่

ถึงขั้นตามติด ให้เมดหลุดว่ามีของขวัญไหม
เมดพลาดจนได้ อาฟส่องมาดีแล้ว ต้องแบบไม่ให้รู้ตัว

แล้วพีคสุด น่ารักสุด คือเอาของขวัญไปอวดเพื่อน อวดน้องจ้า

เมดก็ยิ้มไปเหอะ ทุกอย่างทุกที่ ที่เมดทำ ที่เมดอยู่
ได้หยอก ได้แกล้ง ได้กอดได้หอม แค่นี้อาฟก็ดีใจสุดแล้ว

เหมือนอาฟบอก ที่อยากได้ต้องรอเวลา และกว่าจะได้มา
อาฟไม่พลาดอีกหรอกเนาะ คุ้มค่า และถูกเวลา เงินก็ซื้อไม่ได้

อยากฟังเจ เดย์ อัยย์ แซวพี่อาฟมากกก

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ หายป่วยไวๆ จ้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 02-09-2018 16:37:08
หวานชื่นจริงๆ อะไร ที่ไหนที่มีเมดพิเศษหมดเขินแทนเมดค่า อารยะจริงๆอะไรๆก็เมด

คนเขียนรักษาสุขภาพด้วยนะคะขอให้หายไวๆ :กอด1: หายก่อนค่อยมาก็ได้รออ่านได้เสมอ :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-09-2018 22:56:46
ไรท์ ไม่สบายหนักต้องหาหมอนะ.......
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงมาก เจอคนไม่สบายหลายคนเลย
ไรท์ พักผ่อนให้หายไข้ หายจากอาการไม่สบายนะ  :mew1: :mew1: :mew1:
 
อ่านแล้วยิ้มเป็นบ้าเลย...........  :laugh:
ยาวจุใจ.........ชอบบบบบบบบบ   :katai2-1:

จริงๆด้วย  ของขวัญอยู่ที่ใครเป็นคนให้  :hao3:
อาฟรักเมดสุดๆ .......
รักแรกรักเดียว....... รอเมดคนเดียว ..........
อาฟ เมด  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 03-09-2018 01:16:45
HBD น้าา อารยะ ผู้ชายที่รักเมดที่สุดในโลกกกกก  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 03-09-2018 06:30:18
 :-[  :L1: :-[  ก็ขี้อวดพอกันแหละ อารยะ  :jul3: :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-09-2018 09:20:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 03-09-2018 09:28:54
โอยน่ารักโว๊ยยยย


คือเราก๊ากมากตอนเปิดมา แล้วอาฟ แบบ นี่มันอะไรวะเนี่ย


55555 คือเราจิตนาการไว้บ้างแล้วแหละ เรื่องของศิลปะ

เพราะเราก็ห่วยแตกเหมือนกัน


55555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-09-2018 10:01:21
น่ารักกกก~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 03-09-2018 21:24:32
นั่งยิ้มจนนนนนน้ำตาปริ่ม ฟินมากจริง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 04-09-2018 08:48:03
อาฟ มุ้งมิ้ง 5555 ฟิล เอาไปอวดเพื่อน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 05-09-2018 20:43:31
เมื่อไหร่เพื่อนคนที่ไปเรียนตปท.จะกลับมาคะ ชื่ออะไรนะ

เอ็มหรือเปล่า คือแบบอยากให้เมดรู้สักทีอะว่าเจ้าของนมคืออาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 14-09-2018 14:43:58
คิดถึงคุณผู้เขียน เข้ามารออาฟกับเมดจ้ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 14-09-2018 22:43:18
ตอนที่ 38

“ กูได้ข่าวว่าไอ้วิวห้องห้ามันเป็นเด็กเสี่ย ” คำถามที่ทำให้ผมที่นั่งอยู่ในห้องน้ำของโรงเรียนขมวดคิ้วกับตัวเอง มือที่กำลังขยับเล่นเกมส์หยุดลงก่อนจะกดปิดหน้าจอแล้วตั้งใจฟังสิ่งที่คนสองคนนอกห้องน้ำกำลังพูดทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร

“ มึงไปเอามาจากไหน ” คู่สนทนาพูดขึ้นมันเป็นคำถามเดียวกับที่ผมอยากรู้เหมือนกัน ว่ามึงไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน

“ ก็เห็นเค้าพูดๆกัน ”

“ แล้วเค้าคนนั้น แม่งคือใครวะ ” พูดขึ้นไปทั้งๆที่ด้วยยังนั่งอยู่ในห้องน้ำ ผมเปิดประตูห้องน้ำออกมามองคนสองคนที่ยืนนิ่งอยู่ตรงที่ล้างหน้า คุ้นหน้าว่าเราคงอยู่ชั้นเดียวกันแต่ก็ไม่เคยคุยด้วยกันสักครั้ง ความจริงผมไม่ได้ปวดท้องเข้าห้องน้ำหรืออะไรหรอกแค่เบื่อๆ วิชาเลขก็เลยขออาจารย์ออกมาเข้าห้องน้ำ แต่แทนที่จะได้ใช้เวลาสิบนาทีก่อนเลิกเรียนกับเกมส์ที่กำลังผ่านด่านแสนยากกลับกลายเป็นว่าต้องมาหงุดหงิดกับเรื่องได้ยิน ผมยืนมองหน้าคนสองคนที่เหมือนใบ้กินต่างกับตอนที่เกริ่นพูดเรื่องของผมเมื่อครู่ “ ว่าไงวะ ตกลงเค้าคนนั้นแม่งคือใคร ”

“ เอ่อ.. ”  คนนินทาเหลือบมองเพื่อนตัวเองที่นิ่งพอกัน “ มันคงเป็นเรื่องไม่จริงอะมึง กูคิดว่างั้น ” ยกยิ้มกับความเปลี่ยนสีเร็วของคนเล่าที่เมื่อกี้ตอนขึ้นต้นเรื่องมันยังพูดด้วยน้ำเสียงที่อยากจะเม้าส์กันอยู่เลย

“ งั้นเล่าให้กูฟังหน่อย กูอยากจะรู้ว่ามันพูดถึงกูว่าอะไร ”

“ ก็.. ก็พูดประมานว่ามึงเป็นเด็กเสี่ย แล้วทุกวันศุกร์มึงจะขึ้นบีทีเอสไปนอนที่คอนโดของเสี่ยมึง  แล้ว แล้วก็มีเด็กในโรงเรียนเราเคยได้ยินด้วยว่า มึงเรียกอีกคนว่า ลุง ”  ปลายเสียงที่พูดออกมาเบาๆ ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่ได้ฟัง คือไม่รู้ต้นขั๋วของข่าวลือหรอก แต่ถ้ารู้ก็อยากจะบอกมันเลยว่า มึงปั้นข่าวลือได้เหี้ยมาก พี่เจแม่งเพิ่งปีสี่เองไอ้สัดพูดอะไรเกรงใจหนังหน้ามันด้วย ถ้าเป็นพี่อาฟกูจะไม่ว่าเลย เพราะรายนั้นก็หน้าแก่อยู่พอจะเป็นเสี่ยให้กันได้

“ งั้นมึงก็เอาไปเล่าต่อหน่อยว่า นั่นคือสรรพนามที่กูเรียกเพื่อนของแฟนพี่ชายกู กูกิ๊กกับมันอยู่ แล้วแม่งก็เพิ่งปีสี่ ไม่ใช่เสี่ยเหี้ยไรทั้งนั้น ”

“ อ่า..โอเค ”

“ ฝากไปกระจายข่าวด้วย เอาให้ดังเหมือนตอนลือว่ากูเป็นเด็กเสี่ยเลยนะพวกมึง ฝากด้วย ” ยิ้มให้คนสองคนที่ก็ได้แต่พยักหน้ารับแล้วยิ้มแห้งๆ ผมเดินออกมาจากห้องน้ำขึ้นไปบนห้องเรียนที่ก็พบว่าวิชาเลขที่น่าเบื่อในความคิดได้จบลงไปแล้ว

“ กูคิดว่ามึงตกถังขี้ไปแล้วไอ้วิว ” บี้เพื่อนผมที่นั่งเรียนอยู่ข้างกันถามขึ้นมา มันที่ขวดคิ้วกับท่าทางหงุดหงิดของผม “ เป็นเหี้ยอะไรวะ ยังไม่หายปวดท้องเหรอ ”

“ เปล่าไอ้สัด มึงก็รู้กูโดดไปนั่งเล่นเกมส์ในห้องส้วม ” ผมบอกมันอีกคนก็เหลือบมองเพื่อนรอบๆ

“ กูต้องเนียนไง แล้วมึงเป็นอะไรทำไมทำหน้าเซ็งอย่างงั้นวะ ” 

“ กูโดนลือว่าเป็นเด็กเสี่ย ”

“ ห๊ะ ? ” เพื่อนสนิทเอียงหน้างงใส่ แววตาเรียวที่เบิกกว้าง ผมก็พยักหน้ารับใส่ “ ใครเป็นเสี่ยของมึง พี่เจ ? ”

“ อื้ม มีคนบอกว่าได้ยินกูคุยโทรศัพท์กับเชี้ยลุงบนบีทีเอสแล้วกูเรียกลุง เลยคิดว่ากูเป็นเด็กเสี่ย ”

“ คือแค่นั้นอะนะ ไม่คิดว่าคุยกับญาติเหรอวะ ”

“ สงสัยหน้าตากูจะชวนให้มองในแง่ดีไม่ได้ นี่ถ้าเผลอเรียกพ่อว่า แด็ดดี้ก็ต้องเป็น แด็ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อแน่ๆเลยสัด ” ผมหันไปพูดด้วยหน้าเซ็งๆ แต่อีกคนก็ได้แค่หลุดยิ้มแล้วสบถออกมา

“ มึงแม่ง ”

“ กูบอกมันด้วยนะ ว่าให้กระจายข่าวไปด้วยว่า แค่กิ๊กกัน แม่งก็ยังเรียนแค่ปีสี่ แล้วกูก็ไม่ใช่เด็กเสี่ยที่ไหน”

“ พูดว่าเป็นแค่กิ๊กแต่ไปหาเค้าทุกวันศุกร์ แถมพออาทิตย์ไหนหยุดยาวก็ไปอยู่กับเค้าตลอด ” เหลือบมองคนพูดที่ก็เหลือบมองผมกลับเช่นกัน “ สิ่งที่มึงเป็นไม่มีใครเรียกว่ากิ๊กอะ มึงกับเค้าเหมือนเป็นแฟนกันมากกว่า แต่แค่ไม่ยอมรับมั้ย ”

“ ไม่รู้ ” ผมบอกปัดเพราะไม่อยากจะพูดถึงชื่อของความสัมพันธ์ระหว่างเรา ทั้งๆที่บางทีผมก็ถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่ากำลังรออะไรอยู่ ผมรอในสิ่งที่ตัวเองคิดจริงๆเหรอ คำพูดที่ว่า ‘ สอบติดมหาลัยแล้วค่อยมาเคลียร์กันว่าจะเอายังไง ’ หรือจริงๆแล้ว ก็แค่เขินที่จะพูดออกไปว่า ‘เป็นแฟนกัน’ เพียงเพราะแค่เราเริ่มต้นมาจากความสัมพันธ์ที่เรียกว่า วันไนท์สแตน

“ ปากแข็ง มึงแม่งโคตรฟอร์มอะวิว ” เพื่อนผมบอกก่อนจะก้มลงนอนลงบนโต๊ะแล้วพูดเสียงเบาๆ “ มึงจะแคร์ทำไม เริ่มมาจากวันไนท์ไม่ได้จีบแบบคนทั่วไปแล้วมันยังไงวะ แค่เค้าชอบมึง มึงชอบเค้า มันก็โอเคแล้วมั้ย ”

“ กูไม่รู้ว่ะ กูก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าจริงๆ กูคิดอะไรอยู่ เหมือนบางทีกูก็แค่อาจจะอ้างไปเรื่อย ” หันไปบอกเพื่อนก่อนจะหันไปมองนอกหน้าต่างของห้องเรียน “ คนเราแม่งก็อยากจะมีความทรงจำดีๆเกี่ยวกับความรักไม่ใช่เหรอวะ แต่ของกูมันไม่มีอะไรเลย เหมือนแค่คนขี้เงี่ยนสองคนที่ถูกใจกันก็เท่านั้น ”

เสียงดังวุ่นวายในช่วงเวลาเลิกเรียนผมเก็บทุกอย่างใส่ลงไปในกระเป๋าเป้ของตัวเองก่อนจะดึงมันขึ้นมาสะพายหลัง วันนี้เป็นวันศุกร์แล้วมันก็เหมือนกันกับทุกอาทิตย์ที่ผมจะต้องไปนอนที่คอนโดใครอีกคนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

“ มึงวันนี้แดกเจมส์ชีสกันกูอยากกิน ” ไอ้บี้ที่ยืนอยู่ข้างผมบนรถไฟฟ้าเอ่ยบอก

“ เอาดิ กูก็อยากกินเหมือนกัน ” วันนี้ผมมีเรียนภาษาอังกฤษช่วงทุ่มนึงที่ร้านกาแฟในห้าง คนสอนเป็นนักศึกษามหาลัยเดียวกันกับพี่เมด แถมพี่เมดยังเป็นคนติดต่อแล้วก็ออกค่าเรียนพิเศษให้ด้วย ส่วนไอ้บี้วันนี้มันมีเรียนเลขในห้างเดียวกันกับผมแต่อยู่คนละร้านกันและเพราะแบบนั้นทุกวันศุกร์เราก็จะกลับบ้านด้วยกันตลอด

ช่วงนี้เด็กม.หกอย่างผมค่อนข้างขยันเป็นพิเศษ จากที่ไม่เคยเรียนพิเศษอะไรมาก่อนในชีวิตก็เริ่มคิดที่อยากจะเรียนในวิชาที่ไม่ค่อยเข้าใจ

เมื่อก่อนผมไม่ค่อยคาดหวังอะไรกับตัวเอง เหมือนแค่ใช้ชีวิตไปวันๆ จนหลังจากที่ได้คุยกับพี่ชายตัวเอง ได้พูดเรื่องที่อยู่ในใจมาตลอด วินาทีที่ได้รับเข้าใจขนาดนั้น ผมก็คิดแค่ว่า อยากจะลองพยายามดูสักครั้ง อย่างน้อยก็ให้พี่เมดดีใจ

แต่ทว่ายิ่งได้ลองสมัครสอบ แล้วเข้าไปสอบเยอะเท่าไหร่ มันเหมือนกับว่า ผมมาคิดได้ตอนที่มันสายไปแล้ว ถ้าให้เปรียบกับสนามรบ ผมคือคนที่ฝึกฟันดาบมาหนึ่งเดือน ส่วนคู่ต่อสู้ฝึกมาแล้วทั้งชีวิต ในขณะที่คนข้างตัวทำข้อสอบอย่างแข็งขันมั่นใจ ผมก็นั่งคิดแล้วคิดอีก กับโจทย์ข้อเดียวกันนั้น ซึ่งแน่นอนว่า ผลคะแนนที่ออกมา ก็ย่อมต้องตอบแทนคนที่พยายามมากกว่าซึ่งนั้นก็ไม่ใช่ผม

“ มึงคิดว่าตัวเองจะสอบติดมั้ยวะวิว” คำถามของคนตรงหน้าที่ลดมือถือลงแล้วใส่ถุงมือเตรียมกินซี่โครงหมูพันชีสเรียบร้อยทั้งๆที่อาหารก็ยังไม่มา” กูไม่มีความคิดเลยอะ ท้อจนอยากจะไปสมัครเอกชนให้มันรู้แล้วรู้รอด เหนื่อยจะพยายาม ”

“ เหอะ ไม่มีอะ ” ส่ายหน้าบอกมันผมก็หยิบถุงมือขึ้นมาใส่บ้าง “ แต่กูตั้งใจจะเรียนอินเตอร์ในเอกชนไง เลยต้องเรียนภาษาอังกฤษให้แน่นๆ ”

“ แต่มึงก็เก่งอังกฤษอยู่แล้วนะ มันก็ได้แหละกูว่า ”

“ กูตั้งใจไว้ว่าจะพยายามเรียนให้ได้ดีๆว่ะ อยากจะเรียนเก่งๆ เลยอยากจะปูพื้นฐานวิชาสำคัญให้แน่น”

“ แล้วที่บ้านมึงโอเคเหรอวะ ”

“ ไม่ค่อย แต่พี่ชายกูเค้าพูดให้ แม่ก็เลยเข้าใจ พี่กูเค้าอยากให้กูเรียนอินเตอร์ อยากให้กูได้ภาษาแบบแน่นๆ เค้าอยากให้กูไปเรียนต่อนอกอะไรแบบนั้นด้วย ”

“ ดีว่ะ กูอยากจะไปเรียนต่อนอกบ้างเหมือนกัน แต่เพราะเรื่องคราวนั้น ตอนนี้ที่บ้านก็ยังไม่ไว้ใจกูเลย ” เสียงถอนหายใจของคนตรงหน้าทำให้ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ

เรื่องคราวนั้นของมันก็คือตอนที่โดนตำรวจจับเพราะเข้าผับทั้งๆที่อายุไม่ถึง บี้กลับมาเล่าให้ผมฟังว่ามันโดนตรวจฉี่ สารพัดแล้วยังโดนแจ้งผู้ปกครองให้มารับกลับ โรงเรียนก็สั่งพักการเรียนเป็นอาทิตย์ แต่โชคดีที่มันยังเข้าใจผมอยู่บ้าง เพราะมันก็เป็นคนพูดเองให้ผมออกไปในตอนที่เราเจอพี่อาฟกับพี่เจ แต่เหมือนคนอื่นจะไม่ได้เป็นแบบนั้น แล้วตอนนี้ก็เหมือนไอ้พวกนั้นเกลียดผมไปแล้ว เจอหน้ายังไม่หันมอง ทั้งๆที่วันนั้นพวกมันก็เป็นคนบอกกับผมเองว่าให้ผมออกไปก่อน ไอ้บี้บอกว่าพวกมันคงรู้สึกไม่แฟร์ที่มีผมคนเดียวที่รอด

“ มึงก็ใช้ช่วงเวลาสี่ปีนี้ทำให้เค้ามั่นใจสิว่ะ พอจบมหาลัยเค้าก็ปล่อยมึงเองอะ ”

“ เหรอวะ ” คนฟังพยักหน้ารับก่อนจะก้มหน้าลงกิน “ แต่กูก็สนใจอยากจะเรียนอินเตอร์นะ หรือกูจะเอาแบบมึงดี กูไม่ชอบเรียนเลขเลย เรียนเท่าไหร่แม่งก็ไม่เข้าหัว โคตรโง่ ”

“ ลองคุยกับพ่อแม่สิวะ ”

“ เออ แล้วคนที่มาสอนมึงสอนดีมั้ย ”

“ สอนดีมาก เข้าใจง่ายนะ แต่เค้าไม่รับสอนใคร ที่มาสอนกูเพราะพี่กูไปขอให้เค้ามาช่วยสอน เหมือนจะเป็นเพื่อนพี่กูตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลาย แต่ถ้ามึงอยากเรียนกูจะลองพูดให้ ”

“ พี่มึงนี่โคตรแสนดีเลย ” ยักคิ้วให้คนตรงหน้าผมยกซี่โครงขึ้นมากินแล้วแอบเผลอคิดว่าถ้าพี่เมดมาฟังคำชมของไอ้บี้เค้าก็ต้องขมวดคิ้วแน่ๆ รายนั้นไม่ชอบให้ใครมาชมว่าตัวเองแสนดี แถมยังจะบอกอีกด้วยว่า ในโลกนี้มีผู้ชายหลายแบบ

“ อื้ม กูเองยังอยากมีแฟนแสนดีแบบพี่ชายกูบ้างเลย ” แล้วบางทีก็อยากจะเป็นอะไรแบบนั้นให้ได้บ้าง เป็นคนที่ไม่ว่าใครมองมาก็จะรู้สึกว่า โชคดีที่ได้ผมเป็นแฟน 

“ แต่สันดานมึงชั่ว มันก็ยากหน่อยนะวิว ”

“ ไอ้สัด ” สถบออกไปยิ้มๆ ก็อาจจะจริงอย่างที่คนตรงหน้า อะไรแบบนั้น สำหรับผมมันก็ยากหน่อย

ปิดหนังสือเรียนภาษาอังกฤษลงหลังจากที่เรียนพิเศษเสร็จ เก็บของทุกอย่างลงใส่กระเป๋าก่อนจะปิดซิปแล้วลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับคนตรงหน้า พี่มิกซ์เป็นผู้ชายตัวเล็กที่สูงไล่เรี่ยกับผม เค้าเป็นผู้ชายที่ไม่ได้หล่อมากแต่ก็ไม่ใช่คนในแบบที่ดูไม่ดี สำหรับผม เค้าเป็นคนเฟรนลี่แถมยังสอนสนุก จนแอบเสียดายมากที่เค้าไม่รับสอนใครเลย ยกเว้นผมที่ถ้าพี่เมดไม่ขอร้องก็คงไม่รับสอนเหมือนกัน

“ เก่งขึ้นเยอะเลยวิว ที่บอกว่าไม่ค่อยได้ทวน โกหกพี่ใช่มั้ย ” ผมยิ้มกว้างให้อีกคนที่ก็ชี้หน้ากันเหมือนจะคาดโทษกัน “ แต่ดีแล้ว ทบทวนเยอะๆ อย่างที่พี่บอก เห็นอะไรก็หยิบขึ้นมาอ่าน ไม่รู้ก็เปิดดิกแล้วลองจดคำนั้นใส่สมุดดู นานๆไป ศัพท์ที่เรารู้มันก็จะเยอะขึ้น ”

“ แล้ววิวพอจะเรียนอินเตอร์ไหวมั้ยพี่มิกซ์ ”

“ พี่ว่าไหว แต่มันขึ้นอยู่ว่าเราจะเรียนคณะอะไรด้วยนะ ”

“ ยังไม่รู้เลยครับ ” ผมบอกอีกคนก่อนจะยิ้มแห้งๆ

“ แล้วพี่เมดมันว่าไงละ ”

“ ก็ไม่ว่าอะไรหรอก รายนั้นตามใจจะตาย เรียนอะไรก็ได้แหละ ”

“ งั้นก็ลองคิดดูว่าตัวเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ยังมีเวลาให้คิดอยู่ “ อีกคนบอก “ พี่ว่าเราเก่งภาษานะ บุคลิคภาพก็ดูเป็นคนมั่นใจแต่ก็ไม่ถึงว่ามั่นใจจนไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ ถ้าชอบท่องเที่ยว ลองเรียนเสริมอีกสักภาษา แล้วไปสมัครเป็นสจ๊วตสิ ”
 
“ ก็น่าสนใจนะ ”

“ แต่เราต้องเข้าใจก่อนนะ มันไม่มีงานอะไรสบาย แม้แต่งานตัวเอง หรือฟรีแล๊นซ์ที่อยู่กับบ้านเฉยๆ ” ถอนหายใจออกมากับอีกคน ผมพยักหน้ารับ

“ วิวแค่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบที่จะทำอะไรบ้าง หรืออยากจะเป็นอะไร ตอนนี้วิวมีความรู้สึกแค่ว่า วิวชอบภาษาอังกฤษ วิวทำมันได้ดี แต่ถ้าถามว่า งั้นจะเอาภาษาอังกฤษที่ชอบไปต่อยอดอะไรได้บ้าง คำตอบคือ วิวไม่รู้ วิวไม่ชอบสอนคนอื่น ตัดครูออกไป จะไปเรียนบริหาร วิวก็ไม่เก่งเลขอีก ”

“ งั้นรองจากภาษาอังกฤษละ ชอบอะไร ”

“ ก็ชอบวาดรูปมั้ง วิววาดรูปสวยนะบอกไว้ก่อน ” หันไปอวดคนที่ยืนข้างกันผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาก่อนจะเปิดภาพวาดให้อีกคนดู “ นี่ฝีมือวิว ”

“ เก่งนี่ ”

“ ธรรมดา ” ยักไหล่แบบไม่ถ่อมตัวอีกคนก็หัวเราะ  “ วิวชอบวาดรูปเล่นตอนที่ไม่มีอะไรทำน่ะ ตอนที่เบื่อๆอะไรแบบนี้ ”

“ แล้วชอบออกแบบมั้ยละ หรือแต่งตัว ”

“ ก็ชอบนะ ”

“ งั้นลองไปเรียนวาดรูปดูสิ แล้วก็เรียนพื้นฐานออกแบบ ก็เอาเป็นคอร์สสั้นๆ เราจะได้รู้ว่าเราชอบมันมั้ย ”

“ น่าสนใจ ” พี่มิกซ์ยักคิ้วให้ผม “ ต้องไปปรึกษาผู้มีอุปการะคุณก่อน ”

“ นั่นคือไอ้เมดนั่นเอง ”

“ ถูกต้องนะคร๊าบบบบ ” ชี้นิ้วใส่อีกคนที่ก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง “ ว่าแต่พี่มิกซ์กับพี่เมดสนิทได้ยังไงอะ ดูคนละแบบกันเลย เรียนก็คนละคณะกันด้วยใช่มั้ย พี่เมดเรียนบัญชี พี่มิกซ์เรียนอักษร ”

“ ใช่เรียนคนละคณะ แต่เคยเป็นสต๊าฟฝ่ายจัดซื้อตอนงานกีฬาด้วยกันมัยม.ปลาย เรียกได้ว่าฝ่าฟันเรื่องราวกันเลวร้ายมาด้วยกัน ”

“ ขนาดนั้นเลยเหรอ ”

“ ตอนนั้นพี่โดนด่าเรื่องซื้อของไม่จำเป็น ทั้งๆที่ฝ่ายกองเซียร์ก็เป็นคนมาสั่งให้ซื้อ แต่พอซื้อมา ไอ้พวกฝ่ายเชียร์แม่งบอก ไม่ได้สั่ง พี่เลยโดนประธานสีด่ายับ ซึ่งไอ้เหี้ยนั่นไม่ฟังอะไรเลย เกือบจะต่อยกัน ”

“ ให้เดาว่าพี่เมดต้องออกมาคลี่คลายในตอนนี้ ”

“ เออ ถูก ”

“ บทเค้าละ ออกโรงเคลียร์ตอนมีปัญหาตลอด ที่บ้านก็เป็นแบบนี้นะ ถ้าวิวเกิดเถียงกับแม่ พี่เมดจะเดินมาละ บอกใจเย็นๆก่อน ด้วยเสียงเบาๆแบบปลอบๆตามสไตส์เค้า ”

“ ฮ่าๆ “ อีกคนหัวเราะก่อนจะยิ้มเมื่อพูดถึงพี่ชายผม  “ เมดมันใจดี แล้วก็เป็นคนใจเย็น จำได้ว่าวันนั้นมันบอกพี่ว่าให้พี่ใจเย็นๆก่อนมันจะช่วยเอง แล้วจากมันก็เอามือถือพี่ไปหาข้อความที่คุยกับฝ่ายเชียร์ หาข้อความที่คุยกับมัน แคปเป็นหลักฐานมายืนยันว่าฝ่ายเชียร์สั่งจริง ก็เลยรอดพ้นมาด้วยกัน ”

“ แบบนี้รึเปล่าพี่มิกซ์เลยรับสอนวิว ”

“ ก็ด้วย ” อีกคนสารภาพออกมาตามตรง “ แต่พี่คิดแค่ว่า เมดมันเป็นเพื่อนพี่ เราเป็นน้องมัน ก็เหมือนเราเป็นน้องพี่ คิดแบบนั้นเลยช่วยสอนให้ จริงๆจะไม่เอาเงินหรอก แต้ไอ้เมดก็ไม่ยอม บอกค่ากาแฟ ถ้าไม่รับจะไม่ขอให้ช่วยอะไรอีก เลยต้องรับเงินมันมา ”

“ ดีว่ะ ” ผมเผลอพูดอีกคนหันมามองหน้ายิ้มๆเหมือนจะหาความหมายในคำว่าดีของผม “ คือ วิวหมายถึง วิวดีใจที่พี่เมดมีเพื่อนดีๆกับเค้าบ้าง ”

“ อะไรที่เหี้ยๆ ก็ลืมมันไปเถอะน้อง ” อีกคนบอกผมก็หันไปมองหน้า “ เราหมายถึงไอ้สองตัวนั้นที่มันทำเมดใช่มั้ยละ ”

“ พี่รู้ด้วย ”

“ เรื่องดังในมหาลัยทำไมจะไม่รู้ ” พี่มิกซ์บอก “ พี่ก็บอกมันเหมือนกันว่าถือว่าฟาดเคราะห์ ตอนนี้มันก็ไปได้ดีกับแฟนใหม่ของมันนี่ชื่ออะไรนะ อาฟ ใช่มั้ย ”

“ ใช่ ”

“ ถ้าไม่เลิกกับไอ้เชี้ยบิน ก็คงไม่เจอใช่มั้ยละ งั้นก็คิดว่าเป็นเรื่องหลุดพ้นอะไรแบบนั้นไปดีกว่า คนใจดีแบบไอ้เมด ต้องเจออะไรดีๆอยู่แล้ว มันไม่เคยคิดร้ายกับใคร ”

“ ดีจังเลยว่ะ พี่รู้มั้ยวิวชอบมากเวลาฟังใครพูดถึงพี่เมด เพราะไม่เคยมีคนพูดถึงเค้าไม่ดีเลย มีแต่คนพูดถึงเค้าแต่เรื่องดีๆทั้งนั้น เรื่องที่เค้าช่วยคนอื่น เรื่องที่เค้าใจดี แต่พอคิดว่าคนแบบนั้นต้องมาเจอเหี้ยอะไรแบบนี้มันก็หงุดหงิดทุกที ” มือหนาเอื้อมมือมาขยี้หัวผมตอนที่พูดแบบนั้น ก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยแซว

“ รักพี่เหมือนกันนะเราน่ะ ”

“ รักสิ ก็มีคนเดียวจะไม่รักได้ไง ”

“ งั้นก็ตั้งใจเรียน เมดมันเป็นห่วงวิวมากเลยนะ ตอนที่มาขอให้พี่สอนก็พูดตั้งนาน บอกว่าอยากจะให้น้องชายตัวเองมีพื้นฐานภาษาอังกฤษแน่นๆมันก็ไม่รู้จักใครที่ถนัดด้านนี้เท่าพี่แล้วเลยมาขอให้ช่วย แถมยังบอกอีกว่าให้ช่วยดูให้หน่อยว่า วิวพอจะชอบทางไหนบ้าง มันห่วงอนาคตเรามากเลยนะ ”

“ ตั้งใจอยู่แล้ว จะไม่ให้พี่เมดเสียเงินฟรีสักบาทเดียวเลย ” ผมบอกก่อนจะมาหยุดอยู่ทางขึ้นบีทีเอส เราไปคนละฝั่งกันพี่มิกซ์ไปทางนึง ส่วนผมไปอีกทางนึง “ ขอบคุณนะครับพี่มิกซ์ เจอกันวันศุกร์หน้า ”

“ ครับผม เจอกันนะ ไม่เข้าใจตรงไหนไลน์มาหาพี่ได้เลยนะ ”

“ โอเคเลย ” ก้มหน้าลาคนตรงหน้าอีกครั้ง ผมเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปและในระหว่างทางก็หยิบมือถือขึ้นมากดข้อความไปหาเจ้าของห้องที่ตอนนี้ก็คงกำลังทำงานอยู่ [ ลุง เรียนพิเศษเสร็จแล้วนะ กำลังกลับคอนโด ]

[ ถึงแล้วก็อาบน้ำแล้วกินนมนอนซะ ]

[ ส่วนมึงก็เลิกได้แล้วไอ้โฮการ์เด้นตรงหน้ามึงอะ จะแดกอะไรนักหนา หน้ามึงไม่คลู แดกแค่น้ำเปล่าก็หรูแล้วมั้ง ]

[ เป็นห่วง น่าจะพิมพ์สั้นกว่าประโยคข้างบนนะเด็กแรด ]

[ รู้แล้วก็เลิกสั่งสักที ถ้านั่งบาร์แล้วต้องสั่ง มึงก็ย้ายตัวเองขึ้นไปทำงานที่ชั้นสามซะ ]

[ ให้กูนั่งเป็นกขค.คนอื่นมันบาปนะวิว ]  ผมยกยิ้มมองคนที่พิมพ์ข้อความนั่นตอบกลับมา อยากจะพิมพ์ตอบกลับไปว่า อ้าง เพราะจริงๆอีกคนเป็นประเภทชอบฟังเพลงแล้วก็นั่งคุยกับพี่เดย์พี่อัยย์ก็แค่นั้น พี่เจไม่ใช่พวกชอบนั่งทำงานเงียบๆ [ แต่วันนี้กูไม่ได้กินนะ แล้วเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ทุกวันด้วย กินแค่เฉพาะตอนอยากกิน ]

[ อะไรที่ทำให้ลุงมึงคิดที่จะทำอะไรแบบนั้น ]

[ มึงไง ] ได้แต่มองข้อความนั้นโดยที่ไม่ตอบอะไร หัวใจผมเต้นแรง ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่ข้อความที่ไร้เสียงหรือแม้แต่สายตาที่ชวนให้ต้องเขินอาย แต่ผมกลับรู้สึกว่าตอนนี้แก้มมันร้อนไปหมด อาการไม่ดีจนได้แต่สบถอยู่ในใจตัวเอง ‘ ไอ้สัดลุงแม่ง เหี้ยจริง ’ [ แล้วก็เงียบ ]

[ เสือก ]

[ เขิน กูแก้ให้ ] อีกคนว่าแบบนั้นหน้าผมก็ยิ่งแดงเพราะรู้สึกว่าจะโดนจับได้เข้าให้แล้ว [ ก็มึงเป็นคนบอก ว่าเป็นห่วง ไม่อยากจะให้กินเหล้ากินเบียร์ทุกวัน ]

[ มึงเพ้อเหรอสัดลุง กูไปพูดออะไรแบบนั้นเมื่อไหร่ ]

[ ไม่รู้สิ อาจจะเป็นสักคืนนึงในวันศุกร์ที่มึงอยู่ใต้ร่างกู แล้วตอนที่เราจูบกันมึงก็บอกว่า กลิ่นเหล้ากูแรงชิบหาย มึงที่บอกว่าให้กูดื่มน้อยลงหน่อย เพราะไม่อยากมีผัวหลายคนในชีวิต ]

[ มั่วซั่วสัดลุง กูไม่พูดอะไรแบบนั้นหรอก แฟนมึงยังไม่ได้เป็นเลยอย่าข้ามขั้นได้มั้ย ]

[ งั้นก็เป็นดิ ] มือที่กำลังพิมพ์หยุดนิ่งตอนที่อ่านข้อความนั้น นิ้วที่กำลังจะกดข้อความตอบกลับถูกขั้นด้วยรถไฟฟ้าขบวนที่รอเคลื่อนตัวเข้ามาในสถานีพอดี ผมจำใจกดล็อคหน้าจอแล้วเดินเข้าไปด้านในเพราะตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเวลารีบเร่งถ้าผมมัวช้าเพราะกดเล่นโทรศัพท์ คนข้างหลังคงสาปเช่งอยู่ในใจ [ ไว้รอมึงพร้อมก่อนก็ได้ ] มือถือสั่นเตือนข้อความนั้นบนหน้าจอ ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาตอนเห็นก่อนจะปลดล็อคแล้วส่งข้อความกลับไป

[ เมื่อกี้กูขึ้นรถพอดี ]

[ แล้ว ? ]

[ เผื่อมึงคิดว่าทำไมกูไม่ตอบ ]  ข้อความนั้นขึ้นว่าอ่านอยู่สักพัก ก่อนที่ผมจะส่งข้อความใหม่ที่ยืนคิดอยู่นานว่าจะส่งดีหรือไม่ดี [ จะถามใหม่อีกทีก็ได้นะลุง ]

[ ไว้มึงพร้อมแล้วกัน ] ผมอ่านประโยคที่ส่งกลับมานั้นอยู่สักพักโดยที่ไม่คิดตอบกลับอะไร [ ถึงคอนโดกูแล้วบอกด้วยนะวิว ]

[ โอเค ] ตอบกลับไปแค่นั้นผมปิดหน้าจอมือถือของตัวเองลงก่อนจะมองออกไปข้างนอกหน้าต่างรถไฟฟ้าตรงที่ตัวเองกำลังยืนอยู่ ก่อนหน้านี้บรรยากาศมันไม่ได้เศร้าขนาดนี้ แต่ทำไมตอนนี้มันถึงดูเหมือนเศร้าขึ้นมาวะ แค่เพราะกำลังคิดว่าใครบางคนอาจจะกำลังเข้าใจผิดงั้นเหรอ “ ก็เลือกที่จะเป็นแบบนี้เองไม่ใช่เหรอวะ จะมาเสียใจอะไรวะวิว ” แล้วนั่นก็เป็นคำพูดสั้นๆ ที่ผมบอกกับตัวเอง

   
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 14-09-2018 22:46:04

วางกระเป๋าลงบนโซฟากลางห้อง ไม่ลืมส่งข้อความไปหาคนที่สั่งเอาไว้ว่าให้บอกเมื่อเดินทางถึงแล้ว ผมกดล็อคหน้าจอมือถือหลังจากที่ทำสิ่งที่ถูกสั่งมาเสร็จเรียบร้อย ยัดมันลงใส่กระเป๋านักเรียนก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็นขนาดใหญ่ในห้อง กดน้ำขึ้นกินก่อนจะเอียงคอไปมาด้วยความปวดเมื่อย

   คอนโดของพี่เจเป็นคอนโดที่ติดกับรถไฟฟ้าการเดินทางไปไหนมาไหนสำหรับผมเลยสะดวกสุดๆ เพราะสามารถเดินเชื่อมออกจากสถานีได้เลย แถมห้องที่พักก็ยังกว้างขวาง แยกส่วนของห้องชัดเจนมีสไตส์ในการตกแต่งเป็นออะไรแค่มองก็ดูรู้ว่าอีกคนตั้งใจซื้อและตกแต่งมันอย่างดี ผมหย่นตัวลงนั่งที่โซฟาเงยหน้ามองเพดานก่อนจะคิดอะไรเรื่องเปื่อย จะว่าไปก็ค่อนข้างอธิบายความเป็นผู้ชายคนนี้ไม่ค่อยถูกเหมือนกัน

บางทีก็ดูเหมือนขี้เล่น ไม่คิดอะไร มีบางทีที่กวนตีนแต่ในบางทีก็มีเหตุผลและจริงจังจนรู้สึกเหมือนเป็นคนละคนกัน พี่เจไม่ใช่ผู้ชายพูดมาก ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าสเป็คมั้ย แต่ก็เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ผมไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบที่เป็นอยู่ยังไง ถ้าจำไม่ผิดก็คงเป็นวันที่เราไปกินอาหารญี่ปุ่นด้วยกัน แล้วหลังจากนั้นเราก็คุยโทรศัพท์กันมาตลอด และบางทีก็ถูกชวนไปที่คาเฟ่ โดยอ้างว่าอยากให้เปลี่ยนบรรยากาศอ่านหนังสือ

ความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวยจากวันไนท์สแตนของเรา ค่อยๆดีขึ้น เรารู้จักกันมากขึ้น แลกเปลี่ยนความรู้สึกชอบไม่ชอบต่อกัน จำได้ว่าเคยคุยกันถึงความสัมพันธ์ของเราครั้งนึง โดยที่อีกฝ่ายเป็นคนเริ่มก่อน และจำได้ว่าวันที่พูดคือตอนที่ตื่นขึ้นมาหลังจากเรามีอะไรกันอีกครั้ง

‘ เรามาคบกันเป็นแฟนมั้ย ’ มันเป็นประโยคสั้นๆที่อีกคนถามขึ้นในวันนั้น พี่เจนั่งอยู่บนเตียงส่วนผมก็กำลังนอนคว่ำเล่นมือถืออยู่ ทุกอย่างในห้องมัน ณ เวลานั้นมันเงียบไป ตัวผมในตอนนั้นหัวใจมันเต้นแรงจนแทบจะทะลุอกแต่ก็ทำทีเป็นพูดออกไปยิ้มๆ ราวกับว่าสิ่งที่อีกคนพูดคือเรื่องขำขัน

‘ อะไรของมึงสัดลุง ’ ผมถามอีกคนก็หันมามองก่อนจะดึงหน้าเข้ามาใกล้กัน สายตาของเราสบกันจูบนุ่มที่แนบลงบนริมฝีปาก ผมหลับตาลงอยู่แบบนั้นในตอนที่มันแนบสนิทอยู่แบบนั้นจนกว่าที่ถูกผละออกไปถึงได้ลืมตาขึ้นมา ‘ จริงจังเหรอวะ ’ ผมมองตาอีกคนที่ก็ไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับจ้องกันอยู่แบบนั้น ‘ กูหมายถึงมึงจะจริงจังกับกูเหรอ แน่ใจแล้วนะ ’

‘ อะไรในตัวกูที่ทำให้มึงไม่มั่นใจ ’ คำถามที่ตอบไม่ได้ แต่จะพูดว่าไม่มีก็ไม่ใช่ มันเหมือนไม่ใช่ไม่มั่นใจตัวอีกคน มันเหมือนไม่มั่นใจในตัวเองมากกว่า ไม่มั่นใจเพราะว่าเราไม่ได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยการเรียนรู้แบบที่ความรักทั่วไปต้องเป็น แต่เราเริ่มต้นมาจากเซ็กส์ ที่แค่ถูกใจกันเพราะหน้าตา ไม่มีอย่างอื่น

‘ มึงจะรับนิสัยกูได้เหรอลุง บอกไว้ก่อนว่ากูไม่ได้เป็นแบบพี่เมดนะ ’

‘ กูไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น ’ อีกคนหันมายกยิ้มให้ผมพลางส่ายหน้าไปมา ‘ ไม่เคยมีอะไรแบบนั้นอยู่ในสมองกู ’

‘ ส้นตีนเถอะสัดลุง ’ ขยับเท้าถีบอีกคนที่นั่งอยู่ก่อนจะจิ๊ปากใส่ แต่ก็ได้ยินแต่เสียงหัวเราะตอบกลับมา ‘ กูก็แค่อยากจะบอกมึงว่า กูไม่ได้ชอบดูแลใครแบบพี่เมดก็แค่นั้น ’

‘ มึงพูดเหมือนไอ้เมดมันชอบดูแล ’

‘ พี่อาฟไม่เล่าให้ลุงมึงฟังบ้างเหรอไง เรื่องความชอบดูแลของพี่กูน่ะ นี่มันระดับห้าดาวเลยนะเว้ย พี่เมดแม่งชอบดูแลคนอื่นมากๆ มันชอบใส่ใจ ’

‘ ถ้าไม่มีปัญหา ไม่ต้องการคำปรึกษา ไอ้อาฟจะไม่เล่าเรื่องส่วนตัว มันชอบเก็บไว้มีความสุขคนเดียว มันเคยบอกกูแบบนั้น ’

‘ ก็น่าจะเม้าส์บ้าง แบบว่านินทาแฟนให้ลุงมึงฟังไง ’

‘ พี่เขยมึงดูเป็นคนช่างเม้าส์มากเลยสินะเด็กแรด ’ หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังตอนที่อีกคนพูดออกมาแบบนั้น ก่อนที่ทุกอย่างในห้องนอนจะเงียบไป ผมขยับตัวขึ้นนั่ง

‘ ลองศึกษานิสัยกันดูก่อนมั้ยละ ’ บอกอีกคนออกไปแบบนั้นด้วยท่าทางจริงจัง ‘ กูน่ะทั้งเอาแต่ใจแล้วก็เป็นพวกปากดีมากเลยนะลุง ไม่เกรงใจใครด้วย ’

‘ เท่าที่ฟังมึงพูดกับกูก็พอรู้ว่ามึงมันเป็นเด็กไม่มีมารยาท ’

‘ ส้นตีน’ ผมสบถก่อนถอนหายใจออกมา ‘ ไม่ต้องมีสถานะไปก่อนมั้ย ไม่ต้องเกรงใจกัน ลุงก็เป็นตัวเองในสุด กูเองก็จะเป็นตัวเองให้สุดเหมือนกัน แล้วถ้าเรารับได้ว่าต่างฝ่ายต่างเป็นแบบนี้ก็ค่อยมาตกลงกันอีกที ’

‘ เมื่อไหร่ ’ อีกฝ่ายถามสั้นๆ ‘ เราจะตกลงกันได้อีกทีเมื่อไหร่ ’

‘ หลังจากที่กูเข้ามหาลัยเป็นไง ไม่ช้าเกิน แล้วก็ไม่นานเกิน ’

‘ แล้วมึงรู้ได้ไงว่ามันไม่ช้าเกิน ’ คนตรงหน้ายกคิ้วขึ้นถามยิ้มๆ ก่อนจะพยักหน้ารับเคารพสิทธิในการตัดสินใจของผม ‘ ถ้าคิดว่าดีก็ทำไป กูไม่อยากเร่งรัดมึง แต่ขอบอกไว้ก่อนนะสิ่งที่มึงคิดแม่งโคตรงี่เง่า แต่ก็สมกับการเป็นเด็ก ที่กลัวอะไรไม่เข้าท่า ’

‘ หมายความว่ายังไงวะ มันก็ดีกับลุงมึงด้วยไม่ใช่รึไง ถ้ามึงไม่โอเคกับกูขึ้นมา มึงก็จะได้ตัดกูออกไปเลยง่ายๆ ไม่ต้องมานั่งทน มานั่งถนอมน้ำใจกันเพราะว่าเราเป็นแฟนกันไปแล้ว ’

‘ รู้มั้ยว่าคนบางคนมันยากที่จะตัด ต่อให้ไม่มีสถานะอะไรก้ตาม ’ มือที่ยื่นตั้งไว้บนหัวของผมเข้าขยับข้อมือดึงผมให้หันมาเผชิญหน้า ‘ ยกตัวอย่างเช่นเรา ’

 ‘ หลงตัวเอง ’ ผมจ้องหน้าอีกคนราวกับไม่เห็นด้วยในสิ่งที่อีกคนพูดสักเท่าไหร่ ‘ มึงคิดว่ากูจะตัดมึงไม่ได้สินะสัดลุง ฝันไปเถอะนะ ’

‘ ถึงตอนนั้นก็เก่งไม่รู้สึกอะไรให้ได้แบบที่ตอแหลกูแล้วกัน ’

ในตอนนั้นที่ฟังผมไม่ได้มีโอกาสเถียงอะไรออกไปสักคำ เพราะริมฝีปากได้ถูกปิดสนิทด้วยอวัยวะเดียวกับอีกคน เรือนร่างที่ถูกกอดรัดนั้นในช่วงเวลานั้น น่าแปลกที่ผมรู้สึกเต็มใจไม่ว่าจะเป็นสัมผัสหรืออะไร ราวกับว่า ถ้าเป็นคนตรงหน้า ไม่ว่าอะไรก็ยินยอมทั้งนั้น จนคิดไปเหมือนกันว่า บางทีทุกอย่างที่กล่าวพูดไป มันก็แค่ข้ออ้าง ของคนที่ไม่อยากจะเจ็บปวดหรือเสียอะไรไป

.........................................................

แรงยุบของเตียงทำให้ผมที่กำลังหลับสนิทลืมตาขึ้นมองเจ้าของห้องที่ก็เพิ่งกลับมาจากทำงาน กลิ่นสบู่หอมๆบอกกับผมว่าอีกคนอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว

“ ตีเท่าไหร่แล้ววะ ” เสียงติดงัวเงียของผมชวนให้พี่เจยิ้ม ก่อนจะโดนดึงเข้าไปกอดแล้วผ้าห่มผืนที่กำลังห่มอยู่ตรงเอวก็ถูกดึงขึ้นห่มให้จนถึงไหล่พร้อมกับอ้อมกอดที่กอดกันไว้

“ จะตีสี่แล้ว มึงนอนต่อเถอะ ”

“ อื้อ ” รู้สึกอุ่นที่ข้างแก้มตอนที่ตอบรับ ผมขยับตัวเข้าหาไออุ่นที่คิดถึงตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาแล้วหลับสนิทไปอีกครั้ง ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาเกือบสิบโมงหลังจากหรี่ตามองดูอยู่นานสำหรับนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนัง

ครืน ครืน ครืน

เสียงโทรศัพท์มือถือที่สั่นอยู่ตรงหัวเตียงผมเอื้อมตัวไปหยิบมันมาดูแล้วพบว่ามันคือข้อความของพี่มิกซ์ที่ส่งเข้ามาหาผม ไฟล์การบ้านภาษาอังกฤษที่มาในรูปแบบของไฟล์ pdf. ที่ทุกช่วงวันหยุดอีกคนจะให้ผมเอามาทำเสมอเพื่อเป็นการฝึกภาษา ผมเปิดดูก่อนจะส่งสติกเกอร์งอแงไปตามฉบับเพราะความยากในเนื้อหา

[ ไม่ต้องงอแงเลย อย่าลืมทำนะครับ ]

[ โอเคครับผม ]

[ แล้วก็อย่าลืมดูหนังหนึ่งเรื่องแล้วส่งสรุปเนื้อหาที่ดู ข้อคิดที่ได้ แล้วก็คำศัพท์อีก 20 คำพร้อมคำแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะครับนักเรียนของคุณครู ]

“ นักเรียนของคุณครูเลยเหรอวะ ” คำพูดของคนที่นอนอยู่ข้างกันทำให้ผมที่นอนอ่านมือถืออยู่ดึงมันลงทันทีด้วยความตกใจก่อนจะหันไปมองพี่เจที่จ้องกันอยู่ “ กับคุณครูของมึงนี่ แค่ครูแน่นะ ”

“ คิดอะไรอัปปีย์แบบนั้น ก็ต้องแค่ครูสิวะ ” ผมหันไปบอกแต่อีกฝ่ายกับเงียบให้กัน “ อย่ามาหาเรื่องนะลุง มึงจะไร้สาระมากนะถ้ามึงหึงกูกับพี่มิกซ์ ”

“ งั้นเหรอ ” ถ้อยเสียงที่ดูไม่พอใจของอีกคนตอบออกมาก่อนจะขยับตัวขึ้นนั่งแล้วจ้องมองกันอยู่แบบนั้น

“ เพราะมันไม่มีอะไรไง กูกับพี่มิกซ์ก็คุยกันแบบนี้ปกติ เค้าก็เอ็นดูกูเหมือนน้องคนนึง ”

“ งั้นก็เป็นการคุยกันที่น่ารักดี ” อีกฝ่ายบอก “ ไว้กูจะเอาไปใช้พูดกับเด็กเสิร์ฟในผับบ้าง ว่ามันเป็นของกู ”

“ ทำไมมึงต้องแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาแล้วชวนกูทะเลาะวะลุง ไม่ได้นั่งรถไฟฟ้ามาอยู่กับมึงช่วงเสาร์อาทิตย์เพื่อให้ตัวเองหงุดหงิดนะเว้ย ”

“ งั้นกูถามอะไรสักอย่าง ” คนที่นั่งอยู่หน้าผมพูดเสียงเรียบ “ กูหึงมึงได้มั้ย ”  คำถามที่ทำให้ผมเงียบไปแล้วก็ทำได้แต่จ้องมองอีกคนอยู่แบบนั้น “ มึงบอกว่าเราคบกันแบบไม่มีสถานะให้รู้จักนิสัยกันก่อน แล้วถ้ากูไม่ชอบที่มึงคุยกับนั้นกับไอ้ครูนั่น กูหึงมึงได้มั้ย หรือว่าไมได้อีก เพราะเราไม่ได้เป็นอะไร ”

“ มันไม่ใช่อย่างงั้นไง มึงก็มีเหตุผลหน่อย พี่มิกซ์กับกูก็แค่พี่น้อง มึงอย่าอคติสิว่ะ เพราะมึงอคติ มึงไม่ชอบเค้า มึงเลยมองว่าประโยคนั้นมันมีอะไร ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรไงลุง ”

“ ถ้ามึงมาเห็นข้อความในมือถือกู เขียนตอบโต้กับเด็กเสิร์ฟในผับแบบนั้นมึงจะรู้สึกยังไง สมมุติมันชื่อ ก๊อต แล้วกูบอกว่า ก๊อตของพี่ มึงจะคิดอะไรมั้ย ”

“ กูก็ต้องดูก่อนว่ามันเป็นใครรึเปล่าละ ถ้ามันชอบมึงกูก็คงหึงแน่นอน แต่ถ้าเป็นเพื่อนมึงกูจะหึงทำไมก็แค่พูดเล่นมั้ยละ ”
“ กูไม่คิดว่ามึงจะเป็นแบบนั้นวิว ”

“ กูก้มีเหตุผลนะเว้ย ”

“ คือมึงจะไม่ผิดเลยถูกมั้ย ”

“ นี่มึงเป็นอะไรมึงอะลุง กูไม่ได้เถียงเพื่อให้ตัวเองถูกนะ นี่กูกำลังคุยด้วยเหตุผลนะเว้ย ” ผมถอนหายใจใส่อีกคน “ คือพี่มิกซ์มึงก็เคยเห็นว่าเค้าเป็นเพื่อนพี่เมด ที่มาสอนภาษาอังกฤษกูทุกวันศุกร์ ซึ่งมันไม่มีอะไรมากกว่าการคุยกันแบบพี่น้อง แต่ตอนนี้มึงเหมือนกำลังยัดเยียดว่า เค้าต้องคิดอะไรกับกูแน่นอน เพียงเพราะมึงเห็นประโยคนั้น แล้วมึงก็กำลังพยายามพูดให้กูรู้สึกเหมือนมึง ว่ากูต้องหึงทุกคนที่พูดอะไรแบบนั้นกับมึง ซึ่งพอกูอธิบายมึงว่าต้องดูก่อนว่าใครพูด มึงก็เหมือนไม่ฟัง จะให้กูเห็นด้วยอย่างเดียวเลย มันใช่มั้ยละลุง คิดก่อนมั้ยอ่ะ ”

“ โทษที ” อีกคนพูดขึ้นมาสั้นๆหลังจากเงียบไปสักพักหลังจากที่ผมพูด เค้าลูบหน้าลูบตาตัวเองด้วยมือแรงๆ พี่เจหลับตาอยู่แบบนั้นสักพักราวกับพยายามดึงสติที่เหมือนจะขาดหายไป เค้าดึงผ้าห่มที่คลุมตัวเองอยู่ออกแต่ตอนที่กำลังจะลุกขึ้นผมก็จับมืออีกฝ่ายไว้

“ ไม่มีอะไรจริงๆนะมึง เราไม่ได้รู้สึกอะไรกัน พี่มิกซ์แค่พี่กู ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ”

“ อื้ม เข้าใจแล้ว ”

“ เป็นอะไรรึเปล่า มึงแปลกไปตั้งแต่คุยไลน์กับกูเมื่อวานแล้วนะลุง ” เว้นช่วงความคิดของตัวเองลง ก่อนจะถามในสิ่งที่คิดอยู่ในใจ “ หงุดหงิดเรื่องที่กูไม่ตอบคำถามมึงเมื่อวานรึเปล่า ”

“ ที่กูถามว่าเป็นแฟนกันมั้ย ” ผมพยักหน้ารับ อีกคนก็ถอนหายใจออกมา

“ ก็มีส่วน แต่ก็เข้าใจว่ามึงก็ยังไม่พร้อม แล้วกูก็ควรทำตามที่พูดตั้งแต่แรกคือ ไม่ควรเร่งรัดมึง ” พี่เจบอก “ แต่กูก็แค่เซ็ง เพราะบางทีการที่ตัวกูไม่ได้เป็นอะไรกับมึงเลย มันก็เหมือนกูไม่รู้ว่าตัวเองจะเอาชีวิตไปตั้งอยู่ตรงไหนในพื้นที่ของมึง กูไม่รู้ว่ากูเป็นใครสำหรับมึง แล้วตอนนี้มันก็กลายเป็นว่า กูไม่รู้เลยว่า ขอบเขตที่จะทำได้หรือรู้สึกกับมึงได้ มันคือแค่ไหน ”

“ ลุง..”

“ ความรักแม่งเหี้ยวิว สำหรับกูมันมากขึ้นทุกวัน แต่มึงไม่ได้รู้สึกเหมือนกู ไม่รู้จะเข้าใจที่กูพูดรึเปล่า ”

ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมมากไปกว่านั้น พี่เจเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวก่อนจะเสียงเปิดประตูห้องน้ำจะดังขึ้นเป็นลำดับต่อมา ผมที่ได้แต่ถอนหายใจออกมาตอนที่มองหน้าจอมือถือตัวเอง มันมีข้อความของพี่มิกซ์ขึ้นมาอีกครั้ง

[ อ่านไม่ตอบ งั้นพี่ถือว่าเรารับรู้การบ้านที่สั่งแล้วนะ อย่าลืมทำมาส่งวันศุกร์นะครับน้องวิว เจอกันครับ ]

[ ครับ พี่มิกซ์ ] ส่งข้อความตอบรับนั้นไป แล้วก็นั่งเลื่อนดูข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาให้

ผมไม่รับรู้ถึงความรู้สึกอะไรนอกเหนือไปจากพี่ชายคนนึงที่เอ็นดูผม และไม่เข้าใจว่าแค่ประโยคสั้นๆอย่าง ‘ นักเรียนของคุณครู ’ มันจะทำให้เราทะเลาะกันขึ้นมา

พยายามคิดตามว่าถ้าเป็นพี่เจพูดกับใครสักคนผมจะรู้สึกยังไง แต่ก็ได้คำตอบอย่างที่พูดกับอีกคนไป นั่นคือต้องดูก่อนว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ถ้าไม่ใช่แฟนเก่า หรือคนที่แอบชอบอีกฝ่าย ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ต้องหึง แต่ไม่รู้ว่าเพราะไม่เคยเจอกับตัวรึเปล่า ถึงยังคิดในแง่ดีได้อย่างงี้ 

“ วิว กูขอโทษนะ ” ประโยคสั้นๆที่เอ่ยบอกกันในตอนที่อีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ ผมที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนเตียงแต่เหมือนจะปล่อยให้ทีวีดูผมมากกว่าเพราะมัวแต่คิดถึงคำพูดที่อีกคนพูดเหมือนกำลังเสียใจ เงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ก็นั่งลงข้างกัน “ กูคิดมากไป โทษทีนะ ที่พูดแบบนั้นกับมึง ”

“ เข้าไปนั่งวิปัสสนาในส้วมแล้วก็เลยรู้แจ้งเหรอ หรือยังไง ” เอียงหน้าถามอีกคนที่ก็ถอนหายใจออกมา แล้วก็พยักหน้ารับ

“ อื้ม ” พี่เจพูดตอบรับแบบเสียงอยู่ในคอ “ กูมานั่งคิดตามที่มึงพูด แล้วกูก็รู้สึกว่ากูไม่มีเหตุผลมากเกินไป เพราะแค่ประโยคนั้นจะบอกว่าไอ้เชี้ยนั่นชอบมึงก็คงไม่ใช่ กูไร้สาระมากเกินไป ”

“ ขอบคุณที่ลุงมึงยังรู้ตัว ” อีกคนเงยหน้าขึ้นมามองผมที่ก็ส่งยิ้มไปให้

“ อีกอย่างเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ได้มีสถานะ มันก็ไม่แปลกถ้ามึงจะรู้สึกชอบใคร หรือถูกใจใครมากกว่ากู ” รอยยิ้มของผมหุบลงกะทันหันตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น ตอนแรกแอบคิดว่าอีกคนเข้าใจ แต่กลายเป็นว่า ก็เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด

“ การที่ไม่มีสถานะระหว่างเรา กูไม่ได้หมายความว่า กูจะมีสิทธิ์เอามึงมาเป็นตัวเลือกนะลุง กูไม่ได้มองเห็นว่ามึงเป็นตัวเลือกหรืออะไร แต่กูแค่ให้เราศึกษานิสัยของกันและกัน ว่าเรารับได้มั้ยเท่านั้น  มึงเข้าใจสิ่งที่กูจะสื่อมั้ยถามจริง ”

“ เข้าใจ ”

“ เหนื่อยจะคุยกับคนแก่ ” ผมผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะมองไปทางอื่น “ กูไม่ชอบใครในระหว่างที่ยังศึกษามึงหรอกลุง แล้วถ้ากูคิดถูกใจใครที่ไม่ใช่มึง บอกไว้ก่อนเลยว่า กูคงมาบอกเลิกยุ่งกับมึงก่อนแล้วค่อยคบ ถึงกูจะแรดแล้วเคยเป็นเด็กที่วันไนท์กับชาวบ้านมาก่อน แต่กูก็ไม่แรดขนาดคบกับใครหลายคนหรอก ”

“ ก็ดี ”

“ ไม่อยากพูดกับลุงมึงแล้วเหนื่อย อาบน้ำแล้วออกไปหาอะไรแดกเหอะ อยู่ในห้องมีแต่เครียดกับเครียดแน่ โอเคนะ ”

“ แล้วแต่มึงเถอะ ทุกวันเสาร์อาทิตย์กูยกให้มึงอยู่แล้ว ”

“ งั้นกูอาบน้ำก่อน ” เดินลุกออกไปจากเตียง แล้วตอนนั้นผมก็ปล่อยให้เรื่องของเรามันติดค้างไว้แบบนั้น โดยที่ไม่คิดพูดเคลียร์อะไรต่อกันให้เข้าใจอย่างที่มันควรเป็นเลยสักนิด

เราออกมากินอาหารญี่ปุ่นแบบบุฟเฟ่สำหรับมื้อเที่ยง ต่อด้วยบิงซูเจ้าอร่อยที่ผมอยากจะกินมาหลายวัน ก่อนอีกฝ่ายจะขอแวะเข้าไปในผับ throw up ในช่วงบ่ายสาม เพราะวันนี้จะมีนักร้องดังมาที่ผับ ส่วนพี่เจที่รับผิดชอบเรื่องนี้เลยต้องเข้าผับมาจัดการไวเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่เราอย่างที่ผมคิด เพราะพนักงานหลายคนก็เริ่มเข้ามาจัดเตรียมร้านกันแล้ว

ผมดูจากรถที่ตอนนี่จอดเรียงกันอยู่ด้านหลัง เหมือนจะมีทั้งพี่ซองผู้จัดการร้าน พี่เดย์พี่อัยย์ แต่ที่แปลกคือ มีรถพี่อาฟจอดอยู่ด้วย แล้วนั่นก็ทำให้ผมยิ้มกว้าง เพราะมันทำให้รู้ว่า พี่เมดก็คงต้องมาทำงานแล้วเหมือนกัน

“ วันนี้พี่เขยกับพี่ชายมึงมาทำงานกันเร็วชิบ ” คนที่เดินนำผมออกไปพูดแบบนั้น เราเดินกันเข้าไปทางหลังของบาร์ ผมยกมือไหว้พี่ซองผู้จัดการร้าน เพราะเห็นเค้าเป็นคนแรก

“ พี่ซองหวัดดีครับ ”

“ ว่าไงไอ้เด็กแรด ” ยิ้มรับกับพี่ซองไม่ทันเสร็จเสียงทักจากคนที่โซนบาร์ก็ดังขึ้น ผมหันไปเหลือบมองพี่เดย์คนที่เอ่ยเรียกก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ “ เจอกันก็ไหว้กูหน่อยมั้ยวิวยังไงดี  ”

“ พ่อสอนว่าเป็นคนไม่ควรไหว้หมา ”

“ เด็กเปรต ”

“ ว่าตัวเองทำไมอะพี่เดย์ ขาดความอบอุ่นเหรอ ” ผมเถียงกลับแบบไม่ยอมอีกคนก็จ้องหน้ากันแบบหาเรื่อง ความสัมพันธ์ของพี่เดย์กับผมมันเหมือน ถ้าอยู่เฉยๆ แล้วจะไม่มีความสุข ต้องด่ากันถึงจะสบายใจ

“ จะมีสักครั้งมั้ยที่พวกมึงเจอกันแล้วจะไม่ด่ากัน ”

“ ไม่มี! ” ไม่ใช่แค่ผมที่ตอบพี่เจ แต่เป็นเสียงประสานระหว่างผมกับพี่เดย์ที่ตอบออกมาพร้อมกัน จนคนถามได้แต่ถอนหายใจออกมา

“ แล้วนี่พี่มึงพาไอ้เด็กแรดมันไปกินอะไรมา ”

“ เสือกชีวิตคนอื่นทำไมพี่เดย์ ”

“ อย่าเสือกได้มั้ยวิว กูไม่ได้ถามมึง ”

“ วิวจะเสือกเพราะพี่เดย์ถามแฟนวิว ” ผมเถียงออกไป แต่อีกคนก็ตอบสวนกลับออกมาเร็วราวกับอัตโนมัติ

“ แฟนอะไร มึงไม่ได้เป็นอะไรกับพี่เจสักหน่อย ก็แค่คนคุยเจียมตัวหน่อยน้อง ”

“ ไอ้สัด ” ผมพูดคำนั้นออกมาเบาๆ พูดอะไรไม่ออกมาแล้วหลังจากนั้นยกเว้นสิ่งที่คิดอยู่ในใจคือ ‘ เป็นคำที่เจ็บชิบหาย ไอ้สัดพี่เดย์ ไอ้หน้าเหี้ย’ ทั้งๆที่เป็นแค่คำพูดแต่รู้เหมือนโดนต่อยกลายสี่แยกอนุเสาวรีย์ชัย มันเถียงไม่ออกเลยสักคำ โดยเฉพาะคำที่ว่า ‘ เป็นแค่คนคุยก็เจียมตัวหน่อยน้อง ’

“ เถียงสิครับน้องวิว ว่าไม่ใช่ ”

“ มึงเอาการ์ดนี่ไปวิว ” พี่เจยื่นคีย์การ์ดใบนึงให้ผมจำได้ว่าเป็นตัวสแกนผ่านประตุที่ขึ้นไปชั้นสาม “ ขึ้นไปบนชั้นสาม แล้วบอกไอ้อาฟว่าให้ลงมา กูมีเรื่องจะคุยกับมันเกี่ยวกับนักร้องที่จะมาคืนนี้ ส่วนมึงก็อยู่คุยกับพี่มึงไป เพราะกูรำคาญฟังมึงสองคนทะเลาะกัน ”

“ อะไรวะสัดพี่เจ กูกำลังชนะแล้วมึงอย่าเพิ่งให้มันไปไหนสิ ” พี่เดย์บอกผมก็ได้แต่ยืนมองพี่เจนิ่งๆ อีกคนที่ถอนหายใจออกมา ยกมือปัดเชิงไล่ให้ผมไปได้แล้ว ขาที่เดินออกไปแต่ยังไม่ทันพ้นทางพี่อัยย์ก็พูดขึ้นมา

“ ยัง ยังไม่รู้ตัวอีกสัดเดย์ มึงพูดอะไรออกมา เอาหัวแม่ตีนคิดเหรอไอ้หน้าหมา ”

“ พูดอะไร พูดความจริงไง ”

“ พอมั้ยสัดเดย์ ” พี่เจพูดสั้นๆก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้บาร์ อีกคนก็ยิ้มแห้งๆเพราะเหมือนจะเพิ่งคิดได้ว่าพูดอะไรออกมา

“ โถ่พี่ชายกู มึงโดนเด็กมันป้ายยาขนาดนี้เลยสินะ ” อีกคนบอกด้วยเสียงเศร้าๆแต่ผมว่ามันกำลังแกล้งมากกว่า “ กูเมื่อวานได้ข่าวว่าขอไปแล้วรอบนึงแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกไปซะเฉยๆอย่างงั้น ”

“ อยากเอาตีนกูนาบหน้าสักทีมั้ยเดย์ ”

“ น้องขอโทษน่า ตอนนั้นน้องก็ก็ให้เหล้าเข้มๆแล้วไง ปลอบใจที่บอบซ้ำ ”

“ ปลอบซ้ำเหี้ยอะไร กูเข้าใจเรื่องของกูกับมันดีอยู่แล้ว ”

‘ เหรอวะ ? ’ ผมพูดกับตัวเองแบบนั้นตอนที่ฟังอีกคนพูดตอบกลับอีกฝ่าย ยื่นการ์ดไปแตะตรงที่เครื่องก่อนจะผลักประตูเข้าไปด้านใน ก้าวขึ้นบันไดไปเรื่อยๆในสมองก็เอาแต่ทบทวนประโยคที่ได้ยิน ทำได้ก็อยากจะตอบออกไปเหมือนกันว่า ‘ มึงไม่ได้เข้าใจอย่างที่พูดหรอกออกมาหรอกสัดลุง ที่มึงพูดวันนี้ก็ด้วย มึงก็แค่ต้องทำเป็นเข้าใจมากกว่า ไม่ได้จะเข้าใจจริงๆ ’

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 37 :: up! 1-9-61} #หน้า 32
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 14-09-2018 22:47:18
ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปในห้องตรงชั้นสามที่เพียงแค่แง้มความเย็นก็ปะทะใบหน้า ผมชอบความเย็นในห้องนี้มากมาทุกครั้งก็อยากจะอยู่นานๆ แต่เหมือนว่าครั้งนี้มันจะผิดเวลาไปสักหน่อย

“ พะ..” ตั้งใจจะเปล่งเสียงออกไปว่า ‘พี่เมดดดดด’ แต่ก็ต้องเก็บปากเงียบไปตอนที่เห็นพี่ชายตัวเองกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะแล้วจูบกับพี่อาฟที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าด้วยความดูดดื่ม สองแขนของพี่ชายผมกอดคออีกฝ่ายไม่ต่างอะไรกับพี่อาฟที่ก็กอดเอวพี่เมดไว้

“ จิ๊ ” เสียงจิ๊ปากไม่พอใจของพี่อาฟหลุดออกมาตอนที่พี่เมดดึงตัวเองออกแล้วหันมามองผมที่ก็ยืนนิ่งไปแล้ว และตอนที่สบเข้ากับสายตาคมของพี่อาฟ เค้าก็มองมาราวกับจะบอกว่า ‘ เข้ามาขัดจังหวะกูทำไมไอ้เด็กเวร กูจะฆ่ามึง ’

“ วิวไม่ผิดนะ วิวเคาะประตูแล้ว แต่พี่อาฟพี่เมดไม่ได้ยินเอง ”

“ วันนี้มาเร็วจังมึง ” พี่เมดหันมาพูดแบบเปลี่ยนเรื่อง ริมฝีปากที่แดงจัด อีกฝ่ายเลียมันเบาๆก่อนจะยิ้มให้ผมเหมือนจะทำให้รู้สึกว่า ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

“ ก็นะ ” ผมยิ้มแห้งๆก่อนจะหันไปหาพี่อาฟอีกครั้ง “ พี่อาฟ ลุงมันบอกว่าให้พี่อาฟลงไปข้างล่างด้วย ลุงมันจะคุยเรื่องนักร้องที่มาร้องเพลงที่ผับวันนี้ ”

“ อื้ม ” เสียงตอบรับสั้นๆของอีกคน พร้อมด้วยท่าทางเซ็งๆที่เดินออกไปจากห้อง แล้วตอนที่ประตูนั้นปิดลงผมก็เหล่มองพี่ชายตัวเองที่ก็ทำทีเป็นกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เปิดคอมทำงานด้วยท่าทางยุ่งๆเพราะไม่อยากจะให้ผมแซวเรื่องที่เห็นเมื่อครู่

“ ใจแตกใหญ่แล้วนะพี่เมด ” คำพูดแรกของผมที่บอกอีกคนตอนที่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเองที่ว่าง “ จูบกับพี่อาฟดูดดื่มขนาดนั้น แสดงว่าบ่อยแน่ๆใช่มั้ย ”

“ พูดอะไรของมึงวะวิว ไม่ได้จูบดูดดื่มอะไรทั้งนั้น มันแค่มุมกล้อง แค่จุ๊บๆ ” ถอนหายใจออกมาก่อนจะเหลือบมองบนกับคำอ้างนั้น

“ ถามจริง พี่เมด นี่คิดว่าจะหลอกกันได้ด้วยมุกนี้จริงๆเหรอวะ ” ผมถามตอนที่เอียงหน้าเพื่อจ้องตาพี่ชายตัวเองที่ก็หันมามองกัน “ พี่เมดเห็นวิวอยู่ ป. 4 เหรอถามจริง ”

“ มึงก็อย่าทักสิวิว กูเขินเป็นไง  ”

“ ฮ่าๆ พี่เมดมึงแม่งน่ารัก ” ยื่นมือสองข้างไปจับแก้มอีกคนก่อนจะยืดออกแล้วเอาแต่หัวเราะ เหลือบมองด้านในเสื้อที่มีรอยแดงปะปรายให้เห็น ผมก็ได้แต่ยิ้มล้อ แต่เหมือนอีกคนจะรู้ทันเลยชวนเปลี่ยนเรื่องไปก่อน

“ แล้วเป็นยังไงบ้าง เมื่อวานไอ้มิกซ์ส่งข้อความมาบอกว่า อยากให้มึงลองไปเรียนวาดภาพดู สนใจเหรอ อยากเรียนจริงๆมั้ยกูจะหาที่เรียนให้ ” คำพูดของอีกคนที่พูดถึงใครคนนั้นทำให้ผมเงียบไป พี่เมดเอียงหน้ามองกันตอนที่เห็นท่าทางของแปลกๆ “ มีอะไรหรือเปล่าวิว ”

“ นี่พี่เมด พี่เมดเคยกลัวที่จะเสียใจมั้ย ตอนที่พี่อาฟขอเป็นแฟน กลัวรึเปล่าว่าสักวันพี่อาฟจะทิ้งพี่เมดไป ” ก้มหน้าลงต่ำตอนที่เอ่ยถามประโยคนั้นกับพี่ชายตัวเอง ทุกอย่างในตอนนั้นมันเงียบพี่เมดไม่ได้พูดออะไรออกมาทันที แต่กลับแค่จับมือผมก่อนจะเอียงหน้ามองแล้วยิ้ม

“ คิดสิว่ะ ” เค้าตอบแบบนั้น “ ตอนนั้นกูเพิ่งเลิกกับบินนะวิว กูจะไม่กลัวได้ยังไง กูโคตรกลัวเลยรู้มั้ย เพราะไอ้เหี้ยนั่นก็ไม่ใช่ผู้ชายแบบเห็นแล้วรู้สึกดี มองไปก็มีแต่ความเหี้ยมากมายเต็มไปหมด มีคำว่าไม่น่าคบกันรอดอยู่เต็มหัว ” เสียงหัวเราะหลังพูดจบทำให้ผมหัวเราะตาม “ แต่เรื่องแบบนี้มันต้องเสี่ยงไม่ใช่เหรอวะ มึงบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าเราต้องปรับตัว ”

“ วิวมีปัญหากับพี่เจ ” ผมบอกพี่ชายตัวเอง “ มันเหมือนว่าสิ่งที่พี่เมดเคยพูดมันจะเกิดขึ้นแล้ว ”

“ กูเคยพูดเหรอ ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับกับอีกคน “ พี่เมดเคยบอกว่า ไม่ว่าใครก็อยากจะได้ความชัดเจน ”

“ เจมันอยากได้ความชัดเจนจากมึงสินะ”

“ คงงั้น แต่เค้าก็ไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นออกมาหรอก ” ผมถอนหายใจออกมาตอนที่คิดถึงเรื่องราวที่มันหนักอก “ เมื่อวานเราคุยกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้แต่อยู่ๆ ก็วกเข้าเรื่องสถานะ พี่เจขอวิวเป็นแฟน ตอนนั้นก็ว่าจะตอบออกไปว่าเป็นพอดี แต่ว่ารถไฟฟ้าดันมาก่อนเลยไม่ได้ตอบ พี่เจเลยคิดว่าวิวไม่อยากจะเป็น  พอวิวถาม เค้าก็บอกแค่ว่า เค้าเข้าใจไม่อยากเร่งรัด เราบอกปัดกันไปแบบที่ไม่ได้เคลียร์ แล้วเมื่อเช้าพี่มิกซ์ส่งข้อความมาหาวิว พี่เจเห็นประโยคที่ว่า นักเรียนของคุณครู เราก็ทะเลาะกันอีก แต่เคลียร์กันไม่ทันลงตัว เค้าก็บอกว่า เค้าเข้าใจ ว่าเค้าไม่มีสิทธิ์จะหึงหวงอะไรวิวมากเพราะเราไม่ใช่แฟนกัน ”

“ ประเด็นแรกคือ กูคิดไม่ออกเลยว่าไอ้มิกซ์จะมาชอบมึงยังไง ” พี่เมดพูดก่อนจะยิ้มแห้งๆ “ คือมันไม่ได้มีแฟนก็จริง แต่กูเชื่อว่ามันไม่ได้คิดอะไรกับมึงหรอก มันก็เอ็นดูมึงในฐานะน้องกู ”

“ กูก็คิดแบบนั้น คือตั้งแต่เรียนกันมาพี่มิกซ์ไม่เคยพูดอะไรในเชิงที่จะให้รู้สึกว่ามันจีบ มันชอบ ก็คุยกันธรรมดา เรื่องเรียนเท่านั้นจริงๆ หนึ่งอาทิตย์มันทักวิวมาสองครั้งตามสเต๊ปตลอด ทักวันศุกร์บอกว่าเดี๋ยวเจอกันนะ  แล้วก็ทักมาวันเสาร์ตอนเช้าส่งการบ้านมา จบ ถ้ามากกว่านั้นคือวิวถาม ซึ้งก็ถามแค่การบ้านอะพี่เมด ไม่มีประเด็นอะไรที่ทำให้รู้สึกเลยว่าเค้าสนใจ ”

“ แต่มึงก็ต้องเข้าใจด้วยว่า เจมันไม่รู้ มันไม่รู้ว่าเค้าทักมึงอาทิตย์ละสองครั้ง และเพราะมันไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ตรงไหน สำคัญยังไง  มันเลยทำได้แค่กังวล แล้วก็กลัว นั่นก็เพราะว่ามึงไม่ชัดเจนกับมันไง แบบนั้นมันก็ไม่แปลกเปล่าวะ ที่มันจะกลัวกับแค่ประโยคสั้นๆของมิกซ์ที่ส่งมาให้มึง มันที่กลัวว่ามิกซ์ที่คอยให้คำปรึกษามึงจะสำคัญกว่านั้นก็ไม่แปลกเลยนะ”

“ แต่ก็น่าจะถามหน่อยมั้ยวะ ทำไมต้องคิดไปเอง ”

“ มันไม่ได้อยู่ในฐานะจะถามอะไรมึงได้มากมายไง ” พี่เมดบอกผมก็ได้แต่ถอนหายใจ น่าแปลกที่ผมรู้สึกตัวเองไม่ละเอียดอ่อนเลยสักนิดทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เรื่องพี่เมดพี่อาฟ ผมละเอียดอ่อนยิ่งกว่าอะไร

“ แล้วทำไมมันต้องคิดว่าตัวเอง มีตำแหน่งแค่นั้น ได้แค่นี้ ทำไมชอบคิดไปเอง อยากทำอะไรก็ทำสิ ถ้ากูไม่ชอบก็เดี๋ยวบอกเองว่ามากเกินไป ”

“ แล้วนั่นมันไม่ใช่เพราะว่าไอ้เจมันอยากจะเป็นความสบายใจของมึงเหรอ มันไม่ใช่เพราะว่า มันอยากจะให้มึงรู้สึกสบายใจในการอยู่กับมันเหรอ มันเลยไม่เร่งเร้ามึงน่ะ ” ผมเงียบไปตอนที่อีกคนพูด “ กูรู้จักมิกซ์ กูเลยไม่คิดว่ามิกซ์จะชอบมึง มึงรู้จักมิกซ์มึงก็เลยไม่คิดเหมือนกัน แต่มึงอย่าลืมว่าเจมันไม่รู้ มันไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระหว่างมึงกับมันจะเป็นยังไงอนาคต มันที่กลัวไม่มีมึงอยู่ในอนาคต ตอนนี้ก็พยายามประคับประคองทุกอย่างแบบสุดๆไม่ใช่เหรอวะ มันที่ไม่บังคับอะไรมึง ยอมตามใจมึง โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุผลของมึงคืออะไร” พี่เมดเว้นเสียงไปก่อนจะถอนหายใจ “ กูว่ามึงต้องถามตัวเองมากกว่ามั๊ยว่าตัวมึงอะ รออะไรอยู่ แล้วก็คิดอยู่ ทำไมถึงไม่ยอมตกลงเป็นเรื่องราวสักที ”

มองตาพี่ชายตัวเองที่เอียงหน้าถามกัน ผมที่ได้แต่ถอนหายใจออกมาในตอนนั้นได้แต่คิดหาเหตุผลของตัวเองในคำถามที่ได้ยิน นั่นสิ ผมกำลังรออะไรอยู่ แล้วกำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่า กำลังกลัวอะไร

“ บางทีวิวก็แค่ไม่อยากเสียพี่เจไปมั้ง ” ได้แต่ตอบอีกคนเสียงเรียบตอนที่คิดถึงเรื่องต่างๆของเราอยู่ในหัว สมองมันก็ฉายภาพความสุขต่างๆมากมายจนทำให้รู้สึกปวดที่หัวใจ มันบรรยายออกมาเป็นความรู้สึกที่รวบรัดไม่ได้ มันเป็นหลากหลายความรู้สึกที่กระจัดกระจายกันอยู่ “ วิวไม่ใช่คนนิสัยน่ารักแบบพี่เมด วิวไม่ได้มีมุมที่ทำให้ใครรักได้ วิวขี้หึง วิวปากร้าย วิวชอบพูดไม่คิด ชอบดื้อ วิวกลัวว่าถ้าตัดสินใจคบกันไป แล้ววันนึงพี่เจทนไมได้ พี่เจจะบอกเลิกวิว เราไม่เคยมีช่วงเวลาแบบที่แฟนทั่วไปเค้ามีกัน เราเป็นแค่คนที่รู้จักกันผ่านวันไนท์ เราที่ถูกใจกันเพราะเรื่องแบบนั้น วิวไม่แน่ใจว่ามันจะพอรึเปล่า ที่จะทำให้รักมันไปรอด แต่เพราะวิวไม่อยากเสียพี่เจไปไงพี่เมด วิวเลยอยากให้เค้ารู้จักวิวให้ดีก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ ”

“ แล้วมึงไม่เจ็บรึไง ถ้ามันไม่ชอบมึงขึ้นมาน่ะ ” ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาตอนที่พี่ชายถาม “ มึงคิดเยอะเกินไปนะวิว มึงบอกมึงว่าไม่มีความทรงจำดีๆ งั้นก็สร้างกันใหม่สิ กูกับอาฟก็ไม่มี ยังไม่เห็นมีใครแคร์เลย เราไม่ได้จีบกันแบบที่คนทั่วไปทำด้วยซ้ำ มึงเคยบอกกูว่าความรักมันไม่เฟอร์เฟ็คไง แต่นี่มึงกำลังเอามันมาเป็นบรรทัดฐาน เพียงเพราะรู้สึกว่ารักของมึงมันไม่เฟอร์เฟ็คเหมือนใครนะเหรอ เคยบอกกูว่ายังไง บอกตัวเองด้วยสิวิว  ”

“ วิว วิวแค่กลัว มันมีหลายอย่าง ทั้งนิสัยด้วย วิวไม่มั่นใจว่ามันจะโอเค ”

“ กูก็เคยบอกมึงไปแล้วใช่มั้ย ว่าต่อให้ทำความรู้จักกันไปก่อน หรือ คบเป็นแฟนเลย ถ้ามันต้องเลิกยังไงมันก็ต้องเลิก ” ผมพยักหน้ารับอีกคน ก่อนจะเงยหน้ามองพี่ชายตัวเองที่ก็เอื้อมมาลูบหัวปลอบเพราะเห็นว่าผมกำลังร้องไห้ “ กูเข้าใจว่าคนเรามันก็เป็นแบบนี้ พอเรื่องตัวเองแล้วมองไม่เห็นปัญหา แต่มึงถ้านิสัยไม่ดี ก็เปลี่ยนแปลงสิว่ะ มันไม่ยากเลย ถ้ามึงพร้อมเปลี่ยนเจก็พร้อมจะเข้าใจมึงอยู่แล้ว ” เงยหน้ามองอีกคน พี่เมดที่ยิ้มให้ผม “ กูเข้าใจว่ามึงกลัว กูก็เองก็ไม่ได้เก่งขนาดจะบอกให้มึงกล้าที่จะเสี่ยงมัน ไม่กล้าจะบอกกับมึงว่า ไม่ลองก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่กูบอกมึงได้ตอนนี้ก็คือ ไม่มีมีใครอยากจะอยู่ในสถานะที่ไม่ชัดเจนหรอก คนเราทุกคนก็อยากจะมีสถานะที่ชัดเจนในความสัมพันธ์กันทั้งนั้น แล้วนี่คือสิ่งที่มึงต้องเริ่มเปลี่ยนมันเป็นอย่างแรก ”

“  อื้ม ” ก็คงจริงอย่างงั้น ไม่มีใครอยากจะอยู่ในสถานะที่ไม่ชัดเจน แต่ตลอดมาที่พี่เจยอมให้ผมมาตลอด นั่นเพราะเค้าอยากจะเป็นความสบายใจให้กับผม  ไม่ใช่ว่าไม่รู้ถึงความไม่สบายใจ แต่เพราะรู้ว่าไม่สบายใจ ก็เลยไม่พยายามเร่งรัดกันมาตลอด

 “ หรือตัวมึงเองอยากจะอยู่ในสถานะที่ไม่ชัดเจนแบบนี้ ” ผมส่ายหน้าไปมา พี่เมดก็ขยี้หัวผมจนยุ่งไปหมด “ ถ้าเค้าสำคัญสำหรับมึง ก็บอกไปเลยว่ามันมากแค่ไหน อย่าปล่อยให้นานกว่านี้ เดี๋ยวมันจะสายเกินไป มึงต้องหัดทำอะไรให้มันชัดเจนนะเข้าใจมั้ย ”

เพิ่งมารู้ว่าตัวเองยืนย้ำอยู่กับที่มาตลอด คำที่เคยพูดว่า ‘ เรียนรู้กันไปก่อน ’ แท้จริงมันไม่ใช่การเรียนรู้อะไรเลย มันเป็นแค่กำแพงนึงที่ผมสร้างขึ้นมา เพื่อปกป้องไม่ให้ตัวเองเจ็บปวดก็เท่านั้น แต่ดันลืมไปว่า ความรักที่ไม่ต้องผ่านความเจ็บปวดนั้น มันไม่มี

เดินลงมาชั้นล่างพร้อมกับอีกคนที่อยู่ๆก็เกิดหิวขึ้นมาเพราะยังไมได้กินมื้อเย็น ผมตั้งใจว่าจะคุยกับพี่เจเรื่องสถานะให้รู้เรื่องภายในวันพรุ่งนี้หรือไม่ก็คืนนี้ตามที่พูดกับพี่เมด อยากจะพูดตอนที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกันนานๆ และพูดทุกอย่างที่ค้างคาอยู่ในความรู้สึก พูดในสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างต้องการให้มันออกมาทั้งหมด

“ ผับยังไม่เปิดแต่ทำไมตรงนั้นวุ่นวายจังวะ ” พี่เมดพูดขึ้นเบาๆ ตอนที่มองไปที่ส่วนของบาร์ที่ตอนนี้เหมือนจะมีคนมาใหม่ที่ไม่คุ้นตามานั่งอยู่ตรงกลางระหว่างที่นั่งประจำของพี่อาฟกับพี่เจที่จะนั่งข้างกันเสมอ

มองจากด้านหลัง เธอเป็นผู้หญิงผมยาวตัวเล็กที่หน้าตาน่าจะน่ารักเพราะแค่มุมข้างที่เห็นก็รู้สึกได้เลยว่าเป็นคนที่มีเสน่ห์ชวนมอง เสื้อผ้าที่สวมดูทันสมัยแต่ดูเรียบง่าย รอยยิ้มกว้างของเธอหันมองทุกคนที่พูดคุยด้วยราวกับรู้จักกันมานาน

“ สาวที่ไหนวะนั่น ” พี่เมดพูดก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ผมที่เดินตามหลังไปยังไม่ได้พูดอะไร พี่เดย์ที่เห็นเราเดินเข้ามาก็เอ่ยทักก่อน

“ นั่นไงพี่เมดมาละ ”

“ ไหนๆ ” เสียงของสาวคนนั้นพูด เธอหันมายิ้มให้เรา พี่เมดก็ยิ้มออกมาผมเองก็ทำแบบนั้นด้วยตามมารยาท “ ทุกคนเงียบนะ ไหนอาฟ แนะนำให้ข้าวรู้จักหน่อยสิ ”

“ มึงเล่นงี้เลยนะ ” พี่เจที่นั่งอยู่ข้างเธอพูดยิ้มๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ แสบเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ”

“ เอาน่า ” คนโดนพูดถึงหันมาบอกก่อนจะหันกลับมาเชิดหน้าใส่พี่อาฟ “ ว่าไงอาฟ แนะนำให้ข้าวรู้จักหน่อยสิ คนนั้นน่ะ ”


“ รำคาญ ” อีกฝ่ายพูดปัดแต่ถึงอย่างงั้นก็เอื้อมมือมาจับมือพี่เมดแล้วดึงเข้าไปใกล้ ท่าทางที่ทำให้ทุกคนกลั้นยิ้มอยู่แบบนั้น มองจากมุมนี้ผมเองก็เห็นว่าหูอีกคนแดงจัด “ นี่เมด แฟนกู ”

“ อ๋า สวัสดีค่ะ ” เธอพยักหน้ารับพี่เมดเองก็ก้มหน้าลงทักเหมือนกัน แล้วตอนนั้นพี่อาฟหันไปบอก

“ นี่ข้าว เป็น..” เค้าเว้นเสียงก่อนจะทำท่าคิด “ เป็นอะไรดีวะ ”

“ เพื่อนสมัยม.ปลาย ” เธอว่าก่อนจะทำหน้าเหมือนหาเรื่องอีกคน “ เดี๋ยวเมดก็คิดว่าเราเป็นแฟนกัน ”

“ ใครจะเอามึง ” พี่อาฟบอก แต่พี่อัยย์ก็สวนขึ้น

“ มีนะเว้ย ”

“ แต่ก็ไม่ใช่แฟนไอ้อาฟนะเมดสบายใจได้ ” เธอว่าแบบนั้นพี่เมดก็แค่ยิ้ม

“ แนะนำคนหลังด้วยสิ น้องวิวของกูยืนนิ่งเลย ” พี่เดย์ที่หันมาเห็นผมเอ่ยพูดขึ้นมา ผมก็พูดแบบไม่ออกเสียงตอบกลับไป

‘ เสือก ’

“ ได้วิว มึงได้ ” อีกคนพูดก่อนจะหันไปพูดกับพี่เจ “ สัดพี่เจ มึงแนะนำไอ้วิวดิ ” สบสายตากับอีกคนที่มองมาหากัน หัวใจของผมเต้นแรง แค่รู้สึกว่ามันคงดีนะ ถ้าพี่เจเอื้อมมือมาจับมือผม แบบที่พี่อาฟทำกับพี่เมด แล้วก็แนะนำว่าผมอยู่ในสถานะสำคัญสักสถานะ

“ ข้าว นั่นวิว น้องชายไอ้เมดแฟนไอ้อาฟ ” แต่ผมก็ลืมไป เราไม่ได้อยู่ในสถานะที่พิเศษต่อกัน แล้วมันก็จริงที่ผมเป็นแค่นั้น และนั่นคือสิ่งที่ผมเลือกเองมาตลอด “ ส่วนวิว นี่ข้าว.. แฟนเก่ากู ”

ทุกอย่างตรงนั้นเงียบไปหมด ผมที่ได้แต่ยืนนิ่ง ไม่มีใครคิดว่าพี่เจจะพูดแบบนั้นหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ พี่เมดที่หันมามองผม แต่ตอนนี้สายตาของผมไมได้มองใคร เพราะตอนนี้มันกลับจับจ้องไปแค่ที่เค้าสองคนที่กำลังมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันด้วยแววตาที่แสนเศร้าสร้อย

บางทีอาจจะกำลังคิดถึงอดีตรักหวานซึ้งที่เคยเกิดขึ้น หรือบางทีอาจจะคิดถึงสถานะที่อยากจะกลับมาเป็น มันก็ถูกแล้วเพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันก็ถูกแล้วที่ถูกแนะนำแบบนั้น ผมคือน้องพี่เมดแฟนพี่อาฟ ส่วนอีกคนคือ พี่ข้าว คนที่เป็นแฟนเก่าพี่เจ

ผมคิดถึงคำพูดของพี่เมดถามกันเมื่อครู่ ‘ หรือตัวมึงเองอยากจะอยู่ในสถานะที่ไม่ชัดเจนแบบนี้ ? ’  แล้วคำตอบก็คือสิ่งที่อีกคนบอกไว้ มันไม่ผิดจากที่ได้ฟัเลยสักนิด  ‘ไม่มีมีใครอยากจะอยู่ในสถานะที่ไม่ชัดเจนหรอก คนเราทุกคนก็อยากจะมีสถานะที่ชัดเจนในความสัมพันธ์กันทั้งนั้น ’

แล้วผมก็เข้าใจแล้ว ว่าถ้าไม่ชัดเจนมันจะเจ็บปวดยังไง

.......................................................................

มาแล้วจ้า ขอโทษที่ช้า พอดีว่าหยุดไปอาทิตย์หนึ่งแล้ว สมองเหมือนเขียนนิยายไม่ปะติดปะต่อ
เลยเขียนนานกว่าเดินมากๆ ขอโทษนะคะ พาสนี้ขอยกให้เป็น เจวิวไป สำหรับสถานะที่ไม่ชัดเจน ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเป็นละเนอะ

หนมมี่กลับมาแล้วค่า ทุกคนนนนนน กลับมาอัพนิยายทุกวันศุกร์  เหมือนเดิมแล้วจ้า
แต่จะพยายามกลับไปเวลาเดิมนะคะ TT ขอโทษจริงๆ เราแก้นานมาก มันมีส่วนที่ต้องเสริมเยอะมากจริงๆ

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า

ป.ล. คิดถึงพี่อาฟ กันละสิ เรารู้นะ แต่ขอพระรองผู้แสนดีมาตลอดเรื่องมีบทบาทบ้างน้า  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-09-2018 23:33:48
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 14-09-2018 23:40:25
ว๊าปปป ไปวันศุกร์หน้าเลยได้ไหมคะ
แม้จะคิดถึงอาฟอารยะ แต่มีความอยากอ่านต่อ น่าจะยังเป็นเจวิวอยู่?

อยากรู้ว่าความไม่ชัดเจน จะเปลี่ยนชัดเจนไหม
หรือจะยังเจ็บปวดอยู่ ไม่ดีกับทั้งสองฝ่ายแน่ๆ
อ่านแล้วรู้สึกเศร้าค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 14-09-2018 23:57:49
วิวคุยกับลุงเถอะนะว่าวิวคิดยังงัย ลุงอ่ะรักวิวและวิวก็รักลุงมากนะ ต่างรักกันทั้งคู่
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 15-09-2018 00:01:22
กรี๊ดดดด  :o12: เหมือนโดนปาระเบิดทิ้งไว้ ฮือออ  :sad4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-09-2018 01:01:43
ทีใครทีมัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 15-09-2018 01:17:03
……


น่านนนนนน้องวิวแดกจุดไปสามจุดเลย…

ลุงเขาก้อทำตามที่ตกลงไง ศึกษากันไป ไม่มีสถานะอะไร

ลุงผิดตรงไหนอ่ะ


 :ruready  :ruready  :ruready  :ruready  :ruready  :ruready


ครานี้น้องวิวจะอยากให้ชัดเจนก้อต้องเคลียร์สถานะออกมาละนะ


………







หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 15-09-2018 01:41:07
 :ling3:เจวิว โคตรหน่วงเลย
 ตอนพี่เจแนะนำข้าว รู้สึกว่าตัวเองเป็นวิวหน้าชาไปเลย
อีกนิดนึงจะร้องไห้แล้วอินตาม :mew6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-09-2018 04:05:35
โทษเจไม่ได้อ่ะ เขาแนะนำฐานะของวิวให้ข้าวฟัง ก็ถูกอย่างที่เขาว่า  o16
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 15-09-2018 05:50:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 15-09-2018 07:56:37
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 15-09-2018 07:59:02
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :a5:  หมดคำจะบรรยายในความไม่ชัดเจนจริงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 15-09-2018 08:21:38
เจทำดีที่สุดแล้วนะ  ทำตามที่วิวขอทุกอย่าง 
เหลือวิวแล้วที่จะทำความเข้าใจกันใหม่ไหม
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 15-09-2018 08:51:02
โอ้โห ตอนนี้อย่างพีค
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 15-09-2018 08:53:47
คนในอดีตคนนั้นเหรอ?
เอาแล้วไง บ่วงที่ตัวเองทำไว้กำลังจะรัดคอหรือเปล่าน้องวิว
แม้พาร์ทนี้ อารยะ จะมาแค่ติ่งแต่ก็มาให้หายคิดถึงนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-09-2018 11:03:11
แฟนเก่าลุงปรากฎตัวมาแบบนี้วิวมีหึงแน่ๆ คราวนี้สถานะจะชัดเจนขึ้นได้หรือยังหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 15-09-2018 13:39:40
โดนกะตัวเองซะแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 15-09-2018 14:03:39
จอดเลยน้องวิวนุ ฮือออออออ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-09-2018 14:41:02
สุดยอด
พี่เจ มันต้องแบบนี้
ใหนๆจะเจ็บแล้ว
มันต้องเจ็บไปด้วยกัน
อยากอยู่แบบไม่ชัดเจน
ก็จัดให้ไปเลย ตามใจเด็กแรด
กั๊กเอง ก็ เจ็บ เองซิน้องเอ๊ย
ทีมลุงเจชัดเจน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-09-2018 16:46:51
ดราม่าซะงั้น
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-09-2018 18:04:48
……น่านนนนน น้องวิวแดกจุดไปสามจุดเลย…
ลุงเขาก้อทำตามที่ตกลงไง ศึกษากันไป ไม่มีสถานะอะไร
ลุงผิดตรงไหนอ่ะ
 :ruready  :ruready  :ruready  :ruready  :ruready  :ruready
ครานี้น้องวิวจะอยากให้ชัดเจนก้อต้องเคลียร์สถานะออกมาละนะ………

ใช่เลย...........วิวเจ็บใช่ไหม.....
ก็เข้าใจว่าวิวกลัวเจ็บ
แต่ยังไง.....มันก็เจ็บ
เพียงแต่เจ็บเพราะมาจากตัวเองเรื่องมากเอง  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-09-2018 21:47:14
แนะนำได้เจ็บปวดมาก เจไม่ได้ต้องการอะไร
บอกกล่าวแค่นั้นเองเนาะ
เจจริงจัง เริ่มเข้าหาก่อน สนใจ อยากใช้เวลาด้วย
วิวก็คงกลัวมากไป คิดมากไป เลยไม่บรรจบกันสักที

เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นเรื่องคนอื่นได้ง่ายกว่า
เหมือนตอนที่วิวบอกเมด กลับกัน
เมดบอกและคิดว่าวิวก็น่าจะทำได้

เจอหมัดเด็ดไปหนึ่งดอก ตอนเดย์พูด
เจอสองดอกไปตอนแนะนำตัว วิวยังจะกลับกับเจไหม
ยังกลับบ้านไหวไหม

พี่เจ อย่าพึ่งทำร้ายน้อง กระตุ้นแบบนี้ น้องนอยด์นะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 15-09-2018 23:39:51
น้องหนีพี่เจขึ้นมา บอกเลยว่า หมาเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-09-2018 13:32:18
เจ็บ จุก ทีนี้มีสถานะได้รึยังน้องวิว อย่าให้พี่เจรอนาน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 16-09-2018 21:30:58
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 16-09-2018 21:45:24
เดดแอร์ ไป 3 วิ

เจอแบบนี้จะทำไงต่อวิว คนรอมันเหนื่อยเป็นนะเหวยยย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 17-09-2018 06:59:19
 :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 17-09-2018 10:40:28
กอดน้องวิวเลยค่ะ

อาการหึงขึ้นหน้าขึ้นตามันเป็นยังไง รู้เรื่องเลย


ไอ้พี่เจ หัวขวด แนะนำตัวแบบนี้มันได้หรอ นี่มันแผนอะไรใครปะเนี่ย หรือว่าบังเอิญ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 17-09-2018 23:36:29
เข้าใจนะว่าวิวยังเด็กต้องกลัวการสูญเสียแต่ชัดเจนหน่อยไหม เจอแบบนี้หน้าชาไปเลยทีนี้ก็เคลียร์กันซะนะ  รักกันๆเอาแรงไว้ไปตีกับพวกงูเห่าทั้งสามตัวดีกว่า(เผื่อคนเขียนเอามาให้เมดปวดหัวอีก)
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-09-2018 00:22:19
โถน้องวิวลูกกกก :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 19-09-2018 00:18:43
สงสารน้องวิว  :mew4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 21-09-2018 20:20:39
ตอนที่ 39


“ ส่วนวิว นี่ข้าว.. แฟนเก่ากู ”

คนโดนแนะนำหันมามองหน้าผมหลังจากที่สบตามองกับคนข้างตัวอยู่สักพัก ใบหน้าน่ารักที่ยิ้มแย้มของเธอดูสวยหวานในความรู้สึก และทั้งๆที่ควรยกมือขึ้นไหว้แนะนำตัวผมกลับนิ่งไป ใบหน้าที่ควรจะยิ้มรับนั่นก็ด้วย มันแค่แสดงสีหน้าเรียบเฉยด้วยนิสัยเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยน ‘ ผมเก็บอาการไม่เก่ง  รู้สึกยังไง ก็แสดงสีหน้าอย่างงั้น ’ซึ่งตอนนี้ทุกอย่างมันก็แปลออกมาได้อย่างเดียวเลยว่า ‘ไม่ชอบใจ ’

“ วิว ” เสียงที่เอ่ยเรียกผม เหลือบมองพี่ชายตัวเองที่ก็มองหน้าแล้วส่งสายตาเหมือนจะบอกกันว่าให้ยกมือไหว้เธอสักหน่อย

“ อ้อ.. สวัสดีครับ ” ยกมือขึ้นไหว้เธอก่อนจะยิ้มนิดๆ สีหน้าเปลี่ยนไปของคนที่ยกมือรับไหว้กันนั้น เธอหันไปมองพี่เจเหมือนจะถามว่าผมไม่พอใจในตัวเธอรึเปล่ารอยยิ้มเจื่อนๆที่ส่งไป แต่นั่นก็ไม่มีคำตอบอะไรทั้งนั้น จนพี่อาฟที่นั่งอยู่ตรงนั้นหันไปพูดกับพี่เมด ซึ่งผมก็รู้ว่าเค้าคงไม่ได้ตั้งใจอธิบายพี่เมด แต่เค้าตั้งใจอธิบายให้ผมฟัง

 “ ข้าวเพิ่งกลับมาจากอังกฤษเลยเอาของฝากมาให้ไอ้เดย์ไอ้อัยย์ ”

 “พอดีข้าวเรียนดนตรีอยู่ที่อังกฤษน่ะ แล้วช่วงนี้กลับมาเยี่ยมที่บ้านพอดี ” เธอบอกเสริมพี่เมดก็ยิ้มก่อนจะเหลือบมองผมอีกครั้ง ก่อนจะหันไปพูดคุยกับอีกคนตามมารยาท

“ แล้วข้าวเรียนเอกดนตรีอะไรเหรอ ”

“ เรียนเปียโนค่ะ ”

 “ เก่งระดับเล่นวงออร์เคสตร้าเลยนะพี่เมด คนนี้น่ะสุดยอดไปเลย ”  พี่เดย์บอกก่อนจะยกนิ้วโป้งให้ทั้งสองนิ้ว

“ ไม่ขนาดนั้นหรอก ” คนโดนชมส่ายหน้าไปมา แต่พี่เจที่นั่งอยู่ก็แค่ยิ้มแล้วย้ำกับเธอ

“ ขนาดนั้นแหละ ไม่ต้องมาถ่อมตัวหรอก ”

“ แล้วนี่ได้กลับบ้านบ้างรึเปล่า ” คำถามที่เอ่ยถามขึ้นเป็นคำถามส่วนตัวที่ทำให้ทุกคนที่นั่งตรงนั้นเหลือบมองผมสลับกับพี่เจพี่ข้าวที่นั่งคุยกัน คนโดนถามไม่ได้ตอบอะไรแล้วตอนนั้นพี่ข้าวก็ระบายยิ้มออกมา

“ ไม่ใช่เด็กแล้วนะเจ อย่างอนไปหน่อยเลยน่า กลับบ้านไปหาท่านบ้าง แม่บ่นคิดถึงนะรู้มั้ย ”

“ ไปมาแล้ว แล้วจะถามทำไมวะข้าว ”

“ ก็แค่แวะเอาของฝากไปให้อาจารย์น่ะ ” ถ้อยเสียงที่อ่อนโยนมือเล็กที่เอื้อมไปจับแก้มอีกคนก่อนที่เธอจะใช้เกลี่ยเบาๆแล้วยิ้ม

“ เจอกันกี่ครั้ง ข้าวก็ไม่เคยเห็นเจพ้นสภาพค้างคาวเลย ใต้ตาดำไปหมดแล้ว ดูแลตัวเองดีๆสิ ”

 “ ไม่ต้องแคร์กูก็ได้นะ ” คำพูดของผมที่เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ระวังปาก ไม่ใช่คนสองคนที่สนทนากันอย่างส่วนตัวจะหันมามองแต่มันคือทุกคนที่อยู่ตรงนั้น หัวใจของผมมันเต้นแรงตอนที่มองพี่เจที่หันมามองผม

 “ ถามจริงมึงกับพี่ข้าวกำลังปั่นกูอยู่ถูกมั้ย”

 “ พูดอะไรของมึง ” อีกคนตอบ “ แล้วข้าวเกี่ยวอะไรด้วย ”

 “ ไม่รู้สิ บางทีพวกมึงอาจจะกำลังแสดงฉากห่วงใยกันหวานซึ้งเพื่อให้กูคิดขึ้นมาก็ได้ว่า ถ้าไม่รีบจับจองสถานะอะไรไว้ สักวันอาจจะไม่ทันคงเป็นอะไรทำนองนั้น ” แววตาของเราสบกัน ผมเผลอกัดริมฝีปากด้านในของตัวเองจนเจ็บไปหมด

 ‘ ทำเป็นปากดีทั้งๆที่ใจจริงตอนมองภาพนั้นก็เจ็บไปหมด ’  ก็ไม่ใช่คนที่ปากเก่งอย่างที่แสดงออกไปจริงๆหรอก ประโยคพูดอวดเก่งราวกับไม่สนใครพวกนั้น เป็นแค่กำแพงกั้นตัวตนที่กำลังร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่งก็เท่านั้น

เพราะในความเป็นจริง ถ้าทำได้ก็อยากจะทำมากกว่าที่พูด อยากเดินไปกระชากมือนั้นออกจากหน้าของอีกคน ยืนบังสายตาห่วงใยที่เค้าส่งถึงกัน แล้วตะโกนออกไปว่า อย่ามายุ่งกับคนของผม แต่กลับทำอะไรแบบนั้นไม่ได้เลย ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในสถานะที่ทำได้ ผมไม่ใช่แฟนพี่เจ มันจริงอย่างที่เค้าแนะนำ ผมเป็นแค่คนรู้จัก

 “ กูไม่เคยบังคับมึงสำหรับสถานะของเรา แล้วมึงเองก็เป็นคนพูดว่าต้องการแบบนี้กูพูดถูกมั้ย ” ผมเงียบไม่ได้ตอบ เราได้แต่มองกันอยู่แบบนั้น

 “ สถานะมันไม่สำคัญสำหรับมึงไม่ใช่เหรอ แล้ววันนี้มึงจะแคร์อะไรกับแค่ข้าวที่มีสถานะเป็นแฟนเก่ากูละ ”

 “ พี่เจ ”

 “ กูกับข้าว เราไม่ได้รู้สึกอะไรแบบที่มึงกำลังคิด แต่มึงเองมากกว่าที่กำลังรู้สึกแล้วคิดไปเอง ”

 “ คิดไปเองอะไร ? ”

 “ ไม่รู้สิ ” พี่เจยิ้ม “ อาจจะกำลังกลัวว่าแฟนเก่าจะขึ้นมาเป็นเป็นแฟนใหม่ละมั้ง ”

 “ แล้วทำไมกูต้องคิดอะไรแบบนั้นด้วย ” เสียงของผมสั่น ไม่ได้เก่งจริงอย่างที่พูดออกไปเลยสักนิด น้ำตาที่กำลังไหลผมพยายามกั้นเอาไว้เพราะไม่อยากจะให้ใครมองว่าตัวเองกำลังรู้สึกเจ็บอย่างที่สุด มันเจ็บเพราะคำพูดตรงใจ มันเจ็บเพราะกลัวว่า มันจะเป็นแบบนั้น แบบที่อีกคนพูด

 “ นั่นน่ะสิ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน จะมาคิดอะไรแบบนั้นต่อกันทำไม มันไม่ได้หรอก ”

 ก็แปลกดีอยู่เหมือนกัน ทั้งๆไม่มีคำพูดรุนแรงสักคำแต่น้ำตากลับไหลออกมา

 แล้วแม้จะพยายามฝืนยังไงก็ปิดบังความรู้สึกเจ็บจุกนี้ไว้ไม่อยู่ อาจเพราะมันทำให้ผมคิด คิดถึงเรื่องราวเมื่อเช้าของเรา คำถามที่อีกคนถามผม ‘ แล้วกูหึงมึงได้มั้ย ถ้ากูไม่ชอบมันกูหึงมึงได้รึเปล่า ’ แล้วก็อีกประโยคที่ผมคิด จนต้องร้องไห้ออกมาหนักกว่าเก่า คือคำพูดที่ผมเคยไม่เข้าใจมันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมเข้าใจ
มันแล้ว ‘ บางทีการที่ตัวกูไม่ได้เป็นอะไรกับมึงเลย มันก็เหมือนกูไม่รู้ว่าตัวเองจะเอาชีวิตไปตั้งอยู่ตรงไหนในพื้นที่ของมึง กูไม่รู้ว่ากูเป็นใครสำหรับมึง แล้วตอนนี้มันก็กลายเป็นว่า กูไม่รู้เลยว่า ขอบเขตที่จะทำได้หรือรู้สึกกับมึงได้ มันคือแค่ไหน ’

 “ มึงมันใจร้าย มึงแม่งโคตรใจร้ายเลยไอ้สัดลุง ” ใจร้ายที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เอาแต่ตามใจกันมาตลอด ใจร้ายที่ปล่อยให้ผมทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจโดยคิดถึงแต่ตัวเองเพียงคนเดียว

 “ กูไม่ได้ใจร้าย ” พี่เจบอกแบบนั้น

 “ มึงถามตัวเองสิวิว ว่าทำไมมึงใจร้าย ” นั่นนะสิ.. ทำไมใจร้ายได้ขนาดนี้วะวิว

 รอบตัวตรงนั้นมีแต่ความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาทั้งนั้น ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง ไม่ได้อายที่น้ำตาของตัวเองไหลออกมาหนักขนาดนั้น มันคงเป็นเหมือนเรื่องบางเรื่องที่ถ้าห้ามไม่ได้เราก็แค่ต้องปล่อยให้มันเป็นไป ไม่ต่างอะไรกับความเสียใจที่เกิด ก็เลือกให้มันเป็นแบบนี้เอง ก็ต้องยอมรับ

 ฝ่ามืออุ่นสอดเข้าจับกับมือของผม ตอนที่หันไปพี่ชายตัวเองที่กำลังยิ้มให้กันนั้น เค้าพูดเสียงเบาๆ

 “ ออกไปหาอะไรกินอร่อยๆกันดีกว่านะ ”   ในความคิดพี่เมด ก็คงอยากจะพาผมให้เดินออกไปจากตรงนี้ ถ้าจะพูดอะไรก็จะได้พูด เค้าจะปลอบอะไรก็จะปลอบ เราจะได้ตอบโดต้ทุกความรู้สึกทั้งหมดแบบส่วนตัว มันดีกว่าตรงนี้ที่ใครต่อใครต่างกำลังมองมาทางผม

 “ งั้นข้าวขอตัวกลับก่อนดีกว่า คืนนี้มีนัดกินข้าวกับเพื่อนสมัยม.ปลายด้วย ” คนที่นั่งนิ่งอยู่นานลุกขึ้นจากเก้าอี้เธอหันมายิ้มให้ผมจางๆแต่ตอนนั้นผมกลับไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรทั้งนั้น มันเรียบเฉยเสียจนเธอต้องหันไปมองทางอื่น

“ ขอบคุณนะครับพี่ข้าวที่แวะเอาน้ำหอมของเดย์กับอัยย์ที่ฝากซื้อมาให้ ” พี่เดย์พูดแบบนั้นเธอก็หันไปพยักหน้ารับแบบยิ้มๆ

“ ไม่เป็นไรหรอก ไว้เดี๋ยวรอบหน้าพี่กลับ จะบอกอีกทีนะ ฝากซื้ออะไรก็บอกอมาได้เลย ”

“ น่ารักใจดี ขอบคุณนะครับ ” พี่อัยย์ที่ยืนอยู่ข้างๆพูดขึ้น เธอก็ยิ้มก่อนจะหยิบเอากระเป๋าผ้าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาสะพาย

“ ไว้เจอกันนะน้องเดย์น้องอัยย์ ” กล่าวคำอำลาก่อนจะหันมามองพี่อาฟ

“ เจอกันนะอาฟ ” แล้วตอนที่หันมามองพี่เจเธอยิ้มให้ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ โชคดีนะเจ ”

น่าแปลก ไม่รู้ด้วยอคติหรือว่าอะไร ผมรู้สึกมีความห่วงใยอยู่ในสายตานั้นอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าเบื้องหลังความสัมพันธ์นี้คือคนสองคนที่ยังรักกัน แต่ก็มีอะไรสักอย่างมาให้รู้สึกว่าต้องแยกออกจากกัน

“ แล้วจะกลับยังไง เอารถมาเหรอ ” อีกถามเธอก็ส่ายหน้าไปมา

“ เอามาได้ไง กลับมารอบที่แล้วก็เพิ่งขับไปชนข้างทางมา พ่อคงให้ขับหรอก ”

“ งั้นเดี๋ยวไปส่ง จะไปกินข้าวกับเพื่อนร้านไหนละ ”

“ เอ่อ..” พี่ข้าวเหลือบมองผมก่อนจะหันกลับมามองอีกคน “ ไม่ต้องหรอกเจ เดี๋ยวข้าวเรียกแท็กซี่เองก็ได้ เกรงใจ”

“ ไม่ต้องเกรงใจ ยังไงเจก็ต้องไปส่งวิวที่คอนโดอยู่แล้ว ข้าวก็ไปด้วยกันเลยจะไปเรียกแท็กซี่ทำไม  ”

“ แต่วิวจะไป.. ” พี่เมดที่ยืนอยู่ข้างผมหันไปพูดอีกคนที่ตอนนั้นผมก็ขัดขึ้น

“ ไว้วิวมาหาพี่เมดพรุ่งนี้นะ ” ผมบอกพี่ชายที่ก็หันมามองกันทันทีด้วยสายตาห่วงใย คงรู้สึกอยากจะปลอบผมก่อนแล้วพอไม่ได้ทำก็เป็นห่วงอยู่ลึกๆ ผมที่ทำได้แค่ยิ้มให้ไปก่อนจะพยักหน้ารับ

“ วิวจะกลับแล้วพี่เมดเพราะอีกไม่นานผับก็เปิด แล้วพี่เจต้องรีบกลับมาทำงานด้วย ”

“ แต่ว่ามึงกำลัง.. ”

“ วิวโอเค ไม่ต้องห่วงนะ ”

ก็มีความรู้สึกที่ไม่อยากไปเหมือนกัน แต่สิ่งที่รู้สึกมากกว่าคือ ‘ ผมแค่ไม่รู้จะหนีไปทำไม ’ ประวิงเวลานั่งคำปลอบใจทั้งๆที่ตัวเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไรก็เหมือนกับการเสียเวลาเปล่า สู้เดินเข้าหาความจริง แล้วเคลียร์กับทุกอย่างคงจะดีกว่า ในเมื่อรู้ดีอยู่แล้วว่าต้องร้องไห้ จะร้องในอีกสามสิบนาที หรือ จะร้องในอีกสามชั่วโมง ถ้ามันต้องร้องไห้ยังไงก็ต้องร้องไห้อยู่แล้ว

ไม่อยากเป็นเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว  เพราะผมรู้แล้วว่า สำหรับความเสียใจยิ่งปล่อยไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่า มันยิ่งเจ็บเท่านั้น และสิ่งเดียวที่ตอนนี้ถ้าย้อนกลับไปทำได้ก็คงมีแค่อย่างเดียว ‘เมื่อเช้าเราน่าจะพูดกันให้รู้เรื่อง ไม่ปล่อยไว้เลย’

อย่างน้อยก็น่าจะบอกเค้าไปสักหน่อยว่ารักเค้าเหมือนกัน แล้วมีความสุขแค่ไหนกับการได้อยู่กับเค้า

“ มึงมานี่มาเมด อย่าไปเสือกเรื่องคนอื่น ” พี่อาฟเรียกคนข้างผมที่ก็หันไปขมวดคิ้วใส่คนพูดทันที ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่เห็นว่าพี่เมดมองกันมาอีกครั้งด้วยสายตาเป็นห่วง ในฐานะพี่ชายเค้าคงอยากเป็นพี่พึ่งพิงให้ เหมือนผมที่เป็นที่พึ่งพิงให้เค้าเวลามีปัญหา

“ เดี๋ยวถึงคอนโดแล้วจะโทรมาหา ” ผมบอกก่อนจะดึงตัวเองขึ้นกระซิบ “ วิวอยากพูดกับพี่เจให้รู้เรื่องก่อน ขอไปพูดกับพี่เจอก่อนนะ ”

“ โอเค ” พอพูดแบบนั้นอีกคนถึงยอมพยักหน้ารับตามใจกัน “ ถึงแล้วก็โทรมาบอก ”

“ อื้ม ”

“ งั้นกูไปก่อนเดี๋ยวมา ” พี่เจหันไปบอกทุกคนในผับ ตอนนั้นพี่อาฟก็แค่ยิ้ม

“ อย่าช้ามากแล้วกัน งานวันนี้หน้าที่มึงต้องรับผิดชอบ ”

“ กูรู้น่า ” อีกคนบอกแต่ตอนที่เรากำลังเดินออกมา เท้านั้นก็ชะงักตอนที่พี่อาฟพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่ใช่แค่พี่เจหรอก ทั้งผมทั้งพี่ข้าวก็ชะงักไปเหมือนกันกับประโยคนั้น

“ คนรักกัน มันจะสบายใจอยู่คนเดียวไม่ได้นะ ”ไม่มีเสียงตอบรับของใครทั้งนั้น เหมือนเราแค่ฟังก่อนจะก้าวเดินต่อไป

พี่เจกับพี่ข้าวเดินอยู่ข้างหน้าผม มองจากข้างหลังจะว่าไปก็ดูเหมาะสมกันดี แต่ด้วยความที่อีกคนไม่ใช่ผู้ชายที่สูงมากอยู่แล้วการที่เค้าคบกับพี่ข้าวที่ตัวเล็กๆมันเลยดูเหมาะสมกันมาก แต่ทว่าในความคิดผมตอนนี้ เธอดูไม่เหมาะสมสักนิดเดียว และก็ใช่ ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมาะสมกว่า แล้วถึงใครจะไม่มองอย่างงั้น แต่ผมก็จะคิดแบบนั้น อย่างเอาแต่ใจที่สุด

“ น้องวิวไปนั่งหน้ามั้ยคะ เดี๋ยวพี่ข้าวนั่งข้างหลังเอง ” สาวที่ยืนข้างกันเสนอพูดเสนอขึ้น ผมหันมองเธอก่อนจะยิ้มให้

“ ก็คงต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วครับ ”

“ อ่าจ๊ะ ” เธออ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่านั่นคือคำตอบที่คิดว่าจะได้ฟัง  พี่ข้าวยิ้มจางๆตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งตรงที่นั่งด้านหน้า หันมองพี่เจที่ก็เข้ามานั่งพร้อมกันอีกฝ่ายสตาร์ทเครื่องยนต์ก่อนจะเอียงตัวมากระซิบผม

“ คำพูดของมึงไม่ได้น่ารัก ”

“ ในสายตามึง กูก็ไม่ได้น่ารักอยู่แล้วจะแคร์ทำไม ”  ผมหันไปบอกก่อนที่เราจะหันกลับไปมองข้างหน้าตอนที่ประตูด้านหลังถูกเปิดออก พี่ข้าวเข้ามานั่งภายในรถ เธอนั่งเงียบๆอยู่ด้านหลังตั้งแต่ที่พี่เจขับรถออกจากผับ ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความอึดอัดคงเพราะไม่มีใครคุยอะไรกัน ผมเหลือบมองคนด้านหลังที่เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง

ทุกอย่างเงียบ แม้แต่เพลงเราก็ไม่ได้เปิด บนถนนที่รถค่อนข้างติดแล้วในตอนนั้นคนขับก็ชวนคนข้างหลังพูดขึ้น “ ร้านที่ไปนี่ สุขุมวิท 38 ใช่มั้ย ”

“ ใช่ ร้านเดิมนั่นแหละ ” พี่ข้าวตอบทั้งๆที่สายตายังมองออกไปนอกหน้าต่าง

“ ชอบจริงๆเลยนะ ร้านนี้ ”

“ เพื่อนๆในกลุ่มก็ชอบด้วยละ ” เธอบอกก่อนจะหันมายิ้มให้อีกคนผ่านกระจกมองหลัง “ เจก็ชอบไม่ใช่เหรอ ไว้ว่างๆพาน้องวิวมากินสิ ”

“ อร่อยเหรอครับ ” ผมพูดขึ้นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ก่อนจะหันไปมองคนพูด พี่ข้าวยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ไม่ได้กินมานานแล้วไม่รู้อร่อยเหมือนเดิมรึเปล่า ”

“ ก็ยังอร่อยเหมือนเดิม ทุกครั้งที่ไปข้าวยังสั่งกินทุกครั้งเลยนะ ของที่เจชอบ ”  เธอพูดขึ้นก่อนจะเงียบไปในตอนที่หลุดท้ายประโยคนั้นออกมา 

“ หมายถึงเมนูเด็ดของร้านน่ะ ”

“ จำได้ว่าเป็นไก่ทอดแล้วก็ราดซอสอะไรสักอย่างเค็มๆหน่อย อร่อยดี ”

“ อื้ม อันนั้นแหละ ”

“ ไว้เดี๋ยวว่างๆกูพามึงไปกิน ”  พี่เจหันมาบอกผมที่ก็นิ่งไปเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะหันมาพูดกันแบบนั้น พยักหน้ารับไปอย่างว่าง่าย คงเพราะไม่อยากให้ผมรู้สึกไม่ดีที่ตอนนี้ทุกคำพูดที่ได้ยิน มันเหมือนว่าต่างฝ่ายต่างคิดถึงอดีต ที่เคยมีความสุขร่วมกัน ความสุขที่ในช่วงเวลานั้น มันไม่มีผม

“ ขนมที่นั่นก็อร่อยนะน้องวิว ไปแล้วก็อย่าลืมกินละ ”

“ ได้ครับพี่ข้าว ” ผมตอบรับเธอที่ก็ส่งยิ้มมาให้ผ่านกระจกมองหลัง “ แล้วพี่ข้าวไปเรียนอังกฤษนานแล้วเหรอครับ ”

“ ก็ตั้งแต่ได้ทุนเลย ช่วงปีสองน่ะ ”

“ งั้นก็ไปเรียนต่อปีสองที่นู้นเลยเหรอครับ ”

“ เปล่าค่ะ ” เธอตอบก่อนจะส่ายหน้า “ ต้องไปเริ่มเรียนปีหนึ่งใหม่เลย ”

“ แล้วไม่เสียดายเวลาเหรอครับ ” คำถามที่ทำให้ทุกคนนิ่งไป ผมไม่เข้าใจว่าคำถามนั้นเป็นคำถามที่ไม่ควรถามรึเปล่า เพราะเธอหันมองพี่เจที่ก็นิ่งไปส่วนพี่ข้าวที่ก็ก้มหน้ายิ้มก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ มันก็เสียดายอยู่เหมือนกัน แต่ว่าเพื่อความฝันแล้ว พี่ก็อยากทุ่มเทให้มันมากกว่า ถึงจะต้องดูเป็นคนเห็นแก่ตัวมากๆก็ตาม ”

“ ไม่มีใครมองว่า ความฝันเป็นเรื่องเห็นแก่ตัวหรอกครับ ” ผมบอกเธอ

“ ถ้าใครมองว่าความฝันเป็นเรื่องไร้สาระ ผมมองว่าคนนั้นคงไม่ได้รักพี่ข้าวจริงๆหรอก เพราะคนที่เค้ารักพี่ข้าวจริงๆ ต้องสนับสนุนพี่ข้าวอยู่แล้ว ”

“ ใช่ มันต้องเป็นแบบนั้น ”  พี่เจพูดขึ้นแล้วตอนนั้นในรถของเราก็เงียบไปอีกครั้ง ผมมองคนสองคนที่ยิ้มจางๆให้กันผ่านกระจกหลัง บางประโยคที่ผมพูดคงไปย้ำเรื่องราวในอดีตของทั้งสองคน ที่ซึ่งตัวผมไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าความรู้สึกในใจนั้นเป็นยังไง จะรักอยู่ หรือหลงเหลือไว้เพียงแค่ความทรงจำ

 ผมถอนหายใจออกมาตอนที่เบือนหน้าหนีออกจากภาพนั้นตัดสินใจหันไปมองนอกหน้าต่างรถ แล้วตอนที่สัญญาณไฟสีแดงฉายขึ้น คนที่ขับรถอยู่ก็เอื้อมมือข้างนึงมาจับมือผมไว้ หัวใจมันพองโตขึ้นกะทันหันหัน ผมหันมองพี่เจที่ไม่ได้หันมามองผมแต่อย่างใดเค้าที่แค่มองตรงไปข้างหน้าแต่กลับทำให้รู้สึกว่าตัวเองก็สำคัญเหมือนกันแม้ไม่ต้องพูดอะไรมาก 

 มันมีคำถามมากมายที่ผมอยากรู้ และเหนือความอยากรู้ก็ยังมีสิ่งที่อยากบอก ผมกระชับกุมมือนั้น ‘ ไม่อยากจะปล่อยไปไหนนะ ’ แต่ไม่รู้อีกฝ่ายจะเข้าใจรึเปล่า

 “ ขอบคุณที่มาส่งนะเจ ”  พี่ข้าวที่พูดขึ้นคนข้างตัวผมก็ยิ้มก่อนจะหันไปพยักหน้ารับ  หันไปมองด้านนอก รถจอดเทียบหน้าร้านอาหารที่มีดีไซน์ผสานระหว่างไม้กับอิฐสีแดงผสมปูนเปลือย ดูไปก็คล้ายๆกับอาคารในฟาร์มตามหนังฝรั่ง

 “ ไม่เป็นไรครับ ”

 “ พี่ไปก่อนนะน้องวิว ” เธอบอกผมที่ก็หันไปยกมือไหว้ลา

“ แล้วจะกลับอังกฤษเมื่อไหร่ ” พี่เจถาม

 “ อีกสามอาทิตย์ก็ต้องกลับแล้ว ต้องกลับไปซ้อมรวมวง แล้วก็คงไม่ได้กลับมาอีกนานเลย ” ผมเห็นคนสองคนยิ้มให้กัน ก่อนที่พี่เจจะพูดขึ้น

 “ โชคดีนะข้าว ”

  “ เจเองก็ด้วย โชคดีนะ ”

 “ ครับ ”  ประตูถูกเปิดออก ผมเห็นพี่เจมองเธอลงไปจากรถแล้วมองตามอยู่แบบนั้นจนร่างเล็กของผู้หญิงคนนั้นหายไป

 สิ่งหนึ่งที่ผมไม่แน่ใจคือ ความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มองใครคนนั้นที่เป็นรักครั้งเก่า  ผมไม่รู้ว่าพี่เจกำลังรู้สึกอะไร ผมไม่รู้ว่าเค้าอาลัยอาวอนต่อสิ่งที่จากไปแล้วนั่นมากแค่ไหน แต่ที่ผมมั่นใจ คือหัวใจของผมกำลัง
เจ็บปวด มันเจ็บที่เห็นว่าเค้ากำลังเสียใจอยู่กับคนรักเก่า ซึ่งผมที่มาใหม่ยังไม่มีสถานะ  และไม่สามารถทำอะไรได้เลย ยกเว้นยอมรับ

รถเคลื่อนออกจากที่จอด ขับมุ่งตรงไปที่คอนโดของเรา พี่เจจอดรถตรงที่จอดประจำ เค้าปรับเกียร์ขยับขึ้นไปให้รถหยุดนิ่งก่อนจะดึงเบรคมือขึ้น ผมได้ยินเสียงถอนหายใจออกมา เบื้องหน้าของผมเป็นเพียงแค่ชั้นจอดรถที่ตอนนี้มีคู่รักคู่นึงกำลังหัวเราะมีความสุขผ่านหน้าเราไป … บรรยากาศนั้นช่างแตกต่างกับในรถที่กำลังเป็น

 “ วิว ”

 “ ช่วยเล่าเรื่องมึงกับพี่ข้าวให้กูฟังหน่อยได้มั้ย ” มันเป็นคำถามแรกที่ผมถาม พี่เจที่นิ่งไปผมก็หันไปมองอีกคน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 38 :: up! 14-9-61} #หน้า 34
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 21-09-2018 20:21:13
 “ ช่วยเล่าเรื่องมึงกับพี่ข้าวให้กูฟังหน่อยได้มั้ย ” มันเป็นคำถามแรกที่ผมถาม พี่เจที่นิ่งไปผมก็หันไปมองอีกคน

 “ ทำไมมึงรักพี่ข้าวจังวะ กูอยากรู้ ”

 “ พูดว่าเคยรักดีกว่า ” อีกคนบอก

 “ งั้นเหรอ ” ผมยิ้มกับคำพูดนั้น

 “ แต่สายตามึงที่มองเค้า ไม่ได้ทำให้กูรู้สึกว่ามันแค่เคยเลยว่ะ มันเหมือน มึงยังรักเค้า ”

 “ พ่อกูเป็นนักเปียโน ที่อยากจะเปิดโรงเรียนสอนเปียโนแล้วก็ดนตรีอื่นๆ แต่ว่าที่บ้านเราไม่ได้มีเงินขนาดนั้น ทั้งบ้านก็เลยมีแต่เปียโนอยู่ตัวเดียว พ่อมีความหวังว่าถ้ามีเด็กมาเรียนเปียโนเค้าจะสะสมเงินจากตรงนั้นซื้อเครื่องดนตรีอื่น แต่ก็ไม่มีใครมาเรียน ” พี่เจยิ้มก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ ข้าวเป็นเด็กที่อยู่ในละแวกหมู่บ้านเดียวกับกู แล้วในละแวกนั้นบ้านข้าวก็รวยที่สุด ทุกวันหลังเลิกเรียนกูจะไปยืนแจกใบปลิวคอร์ดเรียนเปียโนให้พ่อ ใบปลิวที่ไม่มีคนรับแล้วตอนนั้นข้าวก็รับมันไป แล้วไม่กี่วันต่อมา ข้าวก็มาเรียนเปียโนที่บ้านเรา ”

“ แล้วลุงมึงก็เลยสนิทกับพี่ข้าวตอนนั้น ”

“ ใช่ กูสนิทกับข้าวมาก เราคุยแชทกันทุกวันจนม.สอง กูก็ขอข้าวเป็นแฟนแล้วเธอก็ตอบตกลง เราคบกันลับๆไม่มีใครรที่บ้านรู้มีแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นที่เราบอก กูกับข้าวใช้ช่วงเวลาเรียนพิเศษเปียโนคุยกันต่อหน้า จนข้าวเริ่มไปสอบโรงเรียนดนตรี แล้วก็จริงจังมากขึ้นกับความฝัน กูเองก็ทะเลาะกับที่บ้าน”

“ ทะเลาะกันเรื่อง”

“พออยากให้กูเรียนดนตรี เพราะตอนนั้นโรงเรียนเราเริ่มดัง เค้าอยากให้กูเหมือนข้าว เก่งเปียโน ไปเรียนเมืองนอก จะได้มาทำงานต่อจากเค้า แต่กูไม่ได้ชอบไง  ไม่ได้ชอบขนาดทำเป็นอาชีพ เราเลยทะเลาะกัน ยิ่งกูออกมาทำงานผับเค้าก็ยิ่งไม่ชอบ ”

“ เข้าใจละ ”

“ แล้วจนเข้าปีสอง ข้าวก็ได้ทุนไปเรียนมหาลัยเกี่ยวกับดนตรีที่อังกฤษ ”

“ ก็เลยเลิกกัน ”

“ อื้ม ” พี่เจพยักหน้ารับ

“ เค้าให้เหตุผลว่ากูไม่มีอนาคตและความฝันอะไร เค้าอยากให้กูลองคิดถึงตัวเองแล้วก็วางแผนเผื่ออนาคตบ้าง แต่ว่าเค้าคงไม่รู้หรอกว่าจริงๆ อนาคตของกูก็คือเค้านั่นแหละ กูแค่อยากมีเค้าในชีวิตที่ดีได้ทำตามที่ฝันแล้วกูก็ซัพพอร์ตมัน นั่นคือสิ่งที่กูคิดแต่มันมีวันเป็นจริงแล้วละ ส่วนอีกเหตุผลนึง ก็คือเผื่อกูเจอคนที่อยากจะคบด้วย จะได้ไม่ลังเลที่มีเค้าอยู่ ”

“ แต่นั่นมันก็คือเหตุผลเดียวกันกับเค้าไม่ใช่เหรอวะ ” ผมบอกพี่เจก็หันมามองหน้า

“ ที่เค้าพูดแบบนั้นนั่นก็เพราะว่า เค้าก็คิดว่าถ้าเค้าเจอคนใหม่ เค้าก็จะไปเหมือนกัน โดยที่ไม่ต้องมานั่งแคร์มา เค้ายังมีลุงอยู่ ”

“ ก็คงเป็นอย่างงั้น” อีกคนก้มหน้าบอกยิ้มๆ “ เราเลิกกันก่อนวันที่ข้าวจะบินไปอังกฤษ ”

“ เค้าเห็นแก่ตัวดีนะ ”

“ เมื่อกี้มึงยังพูดเลยว่าเค้าไม่ได้เห็นแก่ตัว ” พี่เจหันมายิ้มแซวผมก่อนจะยื่นมือมาขยี้หัวกัน

“ ก็ตอนนั้นกูยังไม่ทันฟังว่าเรื่องมึงกับเค้าเป็นยังไง แต่ถ้ากูฟังแล้วกูจะไม่มีทางเข้าข้างเค้าเด็ดขาด ”

“ แต่สิ่งที่มึงพูดมันก็ถูก การทำตามความฝันไม่ใช่เรื่องที่เห็นแก่ตัวหรอก กูเข้าใจเค้านั่นแหละ เพราะคนเรามันย่อมหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองอยู่แล้วซึ้งกูไม่ใช่อะไรแบบนั้นสำหรับข้าว ”

“ อื้ม ” ผมขานรับความคิดนั้นในคอก่อนที่ทั้งรถจะเงียบไปแล้วหลงเหลือไว้เพียงแค่ความอึดอัด มันมีคำถามนึงที่ผมอยากถาม   “แล้วลุงยังรักเค้าอยู่มั้ย ”

“ ไม่ได้รัก ” หัวใจของผมมันเต้นแรงตอนที่ได้ฟัง หันมองอีกคนตอนที่หันมามองหน้าผม

“ ไม่อยากเชื่อเลย ” ผมบอกอีกคนแบบนั้นก่อนจะยิ้มให้

“ รู้มั้ยสายตาของมึงตอนมองพี่ข้าวมันยังบอกกับกูว่ามึงยังรักเค้ามาก ทั้งรักทั้งเป็นห่วง แล้วก็คิดถึงตอนที่มึงกับเค้าคบกัน ”

“ กูกับข้าวแค่เลิกกันในฐานะแฟน แต่ไม่ได้เลิกเป็นห่วงกันในฐานะเพื่อน ”

“ งั้นเหรอว่ะ ” ผมผ่นลมหายใจออกมากับคำพูดนั้นที่ได้ฟัง “ แต่กูไม่อยากให้มึงเป็นแบบนั้น ไม่อยากให้มึงรู้สึกแบบนั้น ”

“ วิว ”

“ ถามจริงๆเถอะ ทำไมกูต้องมานั่งตรงนี้แล้วเห็นมึงมองเค้าด้วยความห่วงใยขนาดนั้นด้วย กูกำลังขึ้นมาเป็นคนใหม่นะเว้ย ถึงจะยังไม่ได้เป็นอะไรกับมึง ไม่มีสถานะ แต่กูก็ไม่ปล่อยมึงไปแน่ๆ แล้วคำถามคือ ทำไมกูต้องมานั่งเห็นมึงแบ่งความห่วงใยที่มีให้กูคนเดียว ไปให้คนอื่น มันไม่เหี้ยเกินไปหน่อยเหรอ กับคำพูดสวยหรูของมึงอะลุง ” ผมหันออกไปนอกหน้าต่างทั้งๆที่มันไม่ได้มีอะไรให้มอง ทุกความรู้สึกมันจุกอยู่ในอก หลายเรื่องหลายราวมันอัดอยู่ในนี้

“ แล้วแบบนั้นสถานะระหว่างเรามันจะไปสำคัญอะไรวะ ถ้ามึงยังคิดถึงเค้า กูอยู่ในสถานะไหนก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ”

“ แต่กูว่ามันสำคัญนะ ” อีกคนบอก

“ ข้าวอยู่ในสถานะแฟนเก่าของกู แล้วนั่นคือสถานะที่กูให้ข้าวเพื่อที่จะบอกกับมึง หรือแม้แต่ใครๆว่า ข้าวเป็นแค่ความทรงจำในอดีตของกู เป็นแค่แฟนเก่าที่จะไม่มีวันกลับมา แล้วนั่นก็คือสถานะที่กูให้ข้าว ส่วนมึง มึงคือคนที่กูอยากจะให้สถานะว่าเป็นแฟน ไม่ใช่เก่า ไม่ใช่ใหม่ เป็นแค่แฟน เป็นคนในปัจจุบันของกู ” ผมหันไปมองอีกคน พี่เจที่กำลังจ้องมองผมด้วยสายตาที่มุ่งมั่น

“ แล้วถ้าถามว่า สถานะ มันสำคัญยังไง คำตอบของกูก็คือ กูแค่อยากให้มึงเรียกกูว่า แฟน อยากจะเป็นคนที่หึงมึงได้เวลาที่มีใครเข้ามาใกล้ กูอยากครอบครองมึงไว้ แล้วก็อยากจะมึงเป็นคนครอบครองกูไว้ แล้วที่กูอยากจะถามมึง นั่นคือ แล้วมึงละ รู้สึกอะไรแบบนั้นกับกูบ้างมั้ย ”

“ รู้สึก ”

“ กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับข้าว ในความคิดที่อยากจะกลับไปมันไม่มี โอเค อาจจะเป็นห่วง แต่ไม่ใช่ความคิดที่คิดวนเวียนในหัว มันเกิดขึ้นตอนเห็นหน้า เหมือนเวลามึงเจอเพื่อนเก่าก็เท่านั้น”

“ เหรอ”

“ ไม่เชื่อใช่มั้ย”

“ ใครจะไปทำใจเชื่อลง”

“ เหมือนมึงกับไอ้มิกซ์ มึงบอกกูเหมือนกันว่าไม่มีอะไร”

“ แต่อันนั้นมันไม่มีอะไรจริงๆนะมึง” ผมหันไปเถียง

“ เรารู้ใจเราดี แต่การทำให้ใครอีกคนเชื่อใจมันยาก แล้วยิ่งไม่มีสถานะอะไรมันไม่ใช่ไม่เชื่อใจ แต่มันกลัว  กลัวแค่คิดไปเอง กลัวแม้แค่เห็นเค้ามองคนอื่น”

“ พี่เจ”

“ เข้าใจความรู้สึกกูรึยัง เมื่อเช้ากูก็รู้สึกแบบนั้น แบบที่มึงกำลังรู้สึก”

“ มันคงจริงอย่างที่ใครบอก ไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้ ” ผมบอกก่อนจะถอนหายใจ “ ยังจำวันที่กูมีนอนคอนโดมึงแล้วเรามีอะไรกันได้มั้ย ”

“ จำได้ วันนั้นกูขอมึงเป็นแฟน ”

“ อื้ม  ที่วันนั้นกูบอกกับมึงว่าให้เราลองคบกันก่อน เป็นตัวเองให้สุดก่อน แล้วค่อยมาตกลงกันว่าจะเอายังไง วันนั้นที่พูดไปแบบนั้น เพราะกูก็แค่กลัว ” ผมยิ้มออกมาก่อนจะก้มหน้าลง สองมือที่จับเข้าหากันก่อนจะบีบมันเพื่อระบายความรู้สึกที่คิดอยู่ในอกอย่างตรงไปตรงมา

“ ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากจะเป็นนะ แฟนมึงน่ะ กูอยากเป็นลุง อยากเป็นมากๆ แต่เพราะกูไม่ใช่คนในแบบที่ใครจะมาจริงจังด้วยได้ กูมันเอาแต่ใจ พูดอะไรก็ไม่เคยคิด กูเลยคิดว่ามึงคงทนกูไม่ได้หรอก แต่เพราะกูชอบมึง ทั้งๆที่คิดไม่รอดแน่ แต่ก็ยังอยากจะอยู่กับมึง กูเลยบอกออกไปแบบนั้น บอกออกไปว่า มาลองคบกันดูก่อน กูคิดว่าถ้ามึงทนไม่ไหว มึงจะไปกูก็คงไม่เจ็บมากเท่าไหร่ เพราะเรายังไม่ใช่แฟนกัน แต่กูแม่งโง่มากเลยลุง ”

“ วิว ” อีกคนเรียกผมก่อนจะดึงเข้าไปกอด

“ อึก.. คือกู กูเพิ่งรู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ถ้ามึงไม่อยู่กับกูแล้ว กูก็เสียใจทั้งนั้น นั่นก็เพราะว่ากูรักมึงไปแล้ว รักจนไม่อยากจะเสียมึงไป แต่เพราะกูรู้ว่ากูไม่ใช่เด็กน่ารัก กูก็กลัวว่ามึงจะไม่ชอบ กูกลัวไม่มีมึงอยู่ข้างๆ อึก ฮือๆ”

“ ไอ้เด็กโง่เอ้ย ” อีกคนบอกก่อนจะดึงผมออกจากอ้อมกอดนั่น พี่เจมองผมที่ตอนนี้เอาแต่ร้องไห้เค้าถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มแล้วเช็ดน้ำตาให้

“ มึงแม่ง โคตรสมเป็นเด็กเลยรู้มั้ย ”

“ มึงไม่เข้าใจหรอก ถ้าวันนึงมึงเหี้ยมากๆ แล้วมึงรักใครเข้า มึงจะกลัวไปหมดทุกอย่างนั่นแหละ “  ยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เหลือตอนที่มองหน้าอีกคนที่ก็แค่ยิ้มให้

“ ไอ้อาฟเหี้ยขนาดนั้น มันยังไม่กลัวว่าไอ้เมดจะไม่รักมันเลย ”

“ ก็นั่นมันพี่อาฟอะ เค้าก็รักพี่เมดเปล่าวะ เค้าก็ปรับตัวเพื่อพี่เมดอะ ”

“ แล้วมึงไม่รักกูเหรอ ”

“ รักสิไอ้สัด ” ผมตอบก่อนจะนิ่งไปตอนที่อีกคนเอาแต่จ้องตากัน

“ แล้วทำไมถึงคิดว่าตัวเองจะปรับตัวเพื่อกูไม่ได้ ” อีกคนเอียงหน้าถาม

“ มึงเป็นคนบอกเมดใช่มั้ย ว่าคนเรามันไม่ได้สมบูรณ์แบบ มันมีสิ่งที่ต้องปรับแล้วต้องแก้ไข ความรักมันต้องเจอปัญหา มันไม่ได้มีความสุข มึงบอกเมดได้แล้วทำไมมึงไม่ยอมบอกตัวเองละ ”

“ กู..”

“ อย่ากลัวอะไรไม่เข้าท่าสิว่ะ มีกูอยู่ข้างๆจะไปกลัวอะไร  กูยังไม่กลัวที่จะคบกับเด็กแรดอย่างมึงเลย เพราะสิ่งที่กูกลัวนั่นก็คือการที่กูจะไม่ได้เป็นแฟนมึงต่างหาก มึงไม่เห็นเหรอว่าการไม่ได้เป็นอะไรเลย การที่ไม่ได้มีสถานะอะไรเลยมันแม่งแย่แค่ไหน ” อีกฝ่ายบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ มาพูดเรื่องนี้อีกรอบเผื่อมึงยังไม่เข้าใจมันจริงๆ มึงบอกกูว่า เพราะกูไม่รู้จักไอ้มิกซ์กูก็เลยไม่เชื่อแล้วกำลังคิดไปเอง ว่ามันชอบมึง แล้วกูถามมึงหน่อยวิว มึงเชื่อกูมั้ยที่กูบอกว่า กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับข้าวแล้ว “

“ แต่กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่มิกซ์จริงๆ ”

“ กูก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับข้าวเกินกว่าคำว่าแฟนเก่าเหมือนกัน ” พี่เจบอก

“ แต่มึงก็ยังหึงถูกมั้ย มึงไม่เชื่อ มึงไม่มั่นใจว่ามันจะจริงอย่างงั้น กูก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน แล้วนั่นก็เพราะว่าเราไม่มีสถานะต่อกัน กูหึงได้รึเปล่าวะ นั่นคือสิ่งที่มึงรู้สึก ตอนที่มึงเห็นข้าว มึงหงุดหงิด ไม่ชอบใจ อยากจะทำอะไรสักอย่าง แต่มึงก็รู้สึกว่าไม่มีสิทธิ์เพราะไม่ใช่แฟน แล้วถามหน่อย กูไม่เคยพูดเหรอ ว่าไม่อยากเป็นแฟนมึง กูเคยบอกมั้ยว่า ไม่อยากจะให้มึงมาผูกมัดกู ไม่ให้มึงมามีสิทธิ์อะไรกับกู ”

“ ไม่เคย ” ผมพูดเสียงเบา

“ แล้วแบบนั้นมึงทรมานตัวเองไปทำไม มึงจะอยู่เป็นคนที่ไม่มีสถานะไปทำไม ในเมื่อกูอยากจะให้สถานะมึงจะตายอยู่แล้ว อย่าคิดให้มันเยอะได้มั้ยวะ ความรักมันไม่ได้ยาก อย่าทำให้ยากวิว ”

มองหน้าคนตรงหน้าที่พูดออกมา แล้วก็ได้แต่นิ่ง ไม่มีประโยคไหนที่พี่เจพูดออกมาแล้วมันจะไม่ใช่ ทุกอย่างมันคือเรื่องจริง ‘ ความรักมันไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่ผมเองที่ทำให้มันดูยาก ’ และทั้งๆที่มีคนอยากจะให้ผูกมัดอยู่ตลอด แต่ตัวเองก็ยังไม่อยากผูกมัดเพรากลัวอะไรงี่เง่า เป็นเหมือนเด็กที่ไม่กล้าแตะต้องของเล่นเพราะกลัวมันจะพัง ทั้งๆที่จริงแล้ว ไม่ว่าอะไรก็ตามในดลกนี้ ถ้าเราระมัดระวัง ใส่ใจ และรักษา มันไม่มีทางที่จะพังแน่นอนอยู่แล้ว เว้นเสียแต่ว่าหายไป แล้วนั่นมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

“ ขอโทษ ” ผมพูดได้แต่คำนี้

“ วิวเข้าใจหมดแล้ว อึก.. วิว วิวขอโทษนะพี่เจ เจ็บมากใช่มั้ย อึก ฮือๆ ขอ..ขอโทษ ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแย่ขนาดนี้ ขอโทษที่ตอนนั้นมึงหึงกูกับพี่มิกซ์แต่กูพูดว่ามึงไม่มีเหตุผล ทั้งๆที่ กูเองตอนที่เห็นมึงอยู่กับพี่ข้าว กูก็ไม่มีเหตุผลเหมือนกัน กูขอโทษแต่กูรู้แล้วว่าที่กูพูดออกไปแบบนั้นได้ นั่นเพราะกูไม่เจอกับตัวเองมากกว่า ขอโทษนะพี่เจ ทั้งๆที่ตอนนั้นกูควรแคร์มึง คงรใส่ใจมึงแต่กูก็เถียงเพื่อให้ตัวเองชนะตลอดเลย อึก ฮือๆ ขอโทษ  วิวขอโทษ ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแย่ขนาดนี้ ขอโทษที่เล่นตัวทั้งๆที่ก็ไมได้น่ารัก ขอโทษจริงๆ ”

“ ก็ยังดีที่มึงรู้ตัว ” ผมเงยหน้ามองคนที่อยู่ๆก็ยิ้มขึ้นมา

“ รู้ตัวว่าไม่ควรเล่นตัวทั้งๆที่ก็ไม่ได้น่ารัก”

“ มึงควรบอกว่า ไม่สิ วิวน่ารักนะ แบบนั้นมั้ยละไอ้เหี้ย ”

“ ฮ่าๆ ” พี่เจหลุดหัวเราะ เค้าหัวเราะเสียงดังออกมาจนเซพิงเบาะรถเหมือนคำที่ผมพูดมันขำเอามาก ยื่นไปตีแขนอีกคนด้วยความอายเพราะไม่รู้คำพูดนั้นจะขำอะไรนักหนา

“ หัวเราะเหี้ยอะไรนักหนา ขำมากรึไง ”

“ ไม่ได้ขำมาก แต่มึงแม่งน่ารัก เหมือนคนสติไม่ครบ เข้าๆออกๆ ”

“ มึงว่ากู  หน้าเหี้ย! ”

“ หน้าเหี้ยก็แฟนมึง ”

“ ไม่ได้เป็น มึงยังไม่ได้ขอ ” ผมพูดออกไป ก่อนที่เราจะจ้องตากันตอนนั้นพี่เจเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้แล้วคำพูดเบาๆของผมก็ถูกเอ่ยออกไป

“ ขอวิวเป็นแฟนอีกสักครั้งได้มั้ยพี่เจ ” ไม่มีเสียงอะไรตอบออกมาผมเห็นอีกคนที่กำลังยิ้มให้ผม ก่อนที่มือข้างนึงจะเอื้อมขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้กัน เราที่มองตากันนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่เงียบเสียจนได้ยินเสียงหัวใจชัดเจน ผมรู้สึกเขินไปหมด

“ เป็นแฟนกันมั้ยวิว ” ถ้อยเสียงทุ้มที่บอกกัน ผมยิ้มออกมาก่อนจะดึงตัวเองพุ่งเข้าไปกอดอีกคนไว้อย่างแรง

“ เป็น! ” ผมตอบเสียงดังฟังชัด  “ วิวจะเป็นแฟนพี่เจ ”

อ้อมกอดที่กอดผมไว้แน่น ทำมันมีความสุขขึ้นมาฉับพลันแต่ก็ยังเสียใจอยู่ลึกๆ ได้แค่รู้สึกผิดในใจแล้วกระชับอ้อมกอดนั้นไว้ จูบลงบนไหล่ของอีกฝ่ายผ่อนลมหายใจของความเสียใจและรู้สึกผิดกับเรื่องราวที่ผ่านมา เราผละออกจากกันยังคงอยากจะบอกขอโทษอีกคนอยู่ซ้ำๆ

“ เลิกรู้สึกผิดได้แล้ว มึงไม่ผิดที่รักตัวเอง ”

“ มึงจะบอกว่า มึงผิดเองที่ตอบตกลงกูน่ะเหรอ ”

“ ใช่ ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ

“ แต่กูก็ไม่เห็นว่ามีใครจะผิด เราแค่ลอง เราตกลงกันทั้งคู่ว่าเราจะลองรักกันดูแบบไม่มีสถานะ แต่วันนึงแค่ความรู้สึกกับมันมากขึ้น เราจะชัดเจนขึ้น มันจะผิดอะไร ถ้าเราจะมาทำความเข้าใจกัน แล้วตกลงในสิ่งที่เราเคยพูดกันว่า ไว้ค่อยคุย แล้วตอนนี้เราแค่อยากเลื่อนมันเร็วขึ้น ทุกอย่างมันก็เท่านั้น ไม่มีอะไรเลย ”

“ แต่กูทำมึงเจ็บ ” ผมเหลือบไปมองทางอื่นตอนที่พูดคำนั้น

“ กูเข้าใจในสิ่งที่มึงพูด แต่กูแค่รู้สึกแย่ กูมานั่งคิดถึงตอนที่มึงพูดขอกูเป็นแฟน ถึงตอนนั้นกูจะขึ้นบีทีเอสเลยไม่ได้ตอบ แต่พอคิดว่ากูส่งไปบ้าง แล้วต้องนั่งคอย คือมันก็เหี้ยไง กูมานั่งคิดถึงตอนที่กูพูดกับมึงเรื่องพี่มิกซ์ มึงที่บอกเข้าใจ กูมานั่งคิดว่า เออ ถ้ามึงมาพูดกับกูแบบนั้น กูจะเข้าใจมันจริงๆเหรอ คำตอบคือไม่อยู่แล้ว กูรู้สึกผิดที่...”

เสียงของผมมันขาดช่วง หายไปเพราะริมฝีปากของคนตรงข้ามที่ดึงเข้ามาจูบกันอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว ความอ่อนนุ่มที่ชวนให้หลับตาราวกับจะบอกว่า หยุดความคิดพวกนั้นได้แล้ว สิ่งที่แนบทับเริ่มขยับ ตัวผมเองที่เห็นเป็นแบบนั้นก็เผยอริมฝีปากนั้นตอบรับลิ้นของอีกฝ่าย ลมหายใจขาดช่วงไป ไม่ต่างกับใจที่หลุดตกลงจากที่สูง จมูกที่แนบกัน ดูดดื่มเสียจนไม่มีใครยอมใครจนตอนที่ผละออกเราลืมตามองกันแล้วตอนนั้นอีกฝ่ายก็แค่ยิ้มก่อนจะจูบซ้ำลงอีกครั้ง

“ หยุดพูดสิ่งที่แก้ไขไม่ได้แล้วเริ่มต้นได้หรือยัง ”  ถอนหายใจออกมายิ้มๆ ผมพยักหน้ารับกับคำพูดนั้น แล้วตอนที่ดึงตัวเองไปจูบริมฝีปากนั้นอีกครั้งผมก็บอก

“ เริ่มได้แล้วครับ ”
 
................................................................
 
 
ผับ throw up ในช่วงบ่ายสามของวันอาทิตย์ ผมเดินลงจากรถของพี่เจหลังจากเราแวะไปกินอาหารที่ร้านตรงซอยสุขุมวิท 38 ที่เมื่อวานเราไปส่งพี่ช้าว ผมได้ชิมเมนูโปรดของพี่เจแล้วก็ค้นพบว่ามันอร่อยมากจริงๆ แต่ถ้าให้ชอบก็คงชอบสปาเก็ตตี้มากกว่า แล้วก็สลัดที่ออกจะรสจัดหน่อยๆ รสชาติเลยตัดเลี่ยนไก่ของพี่เจได้ดีมาก
“ วันนี้เหล้ามาลงเยอะจังวะ ” ผมพูดขึ้นตอนที่เห็นรถขนเหล้าที่ตอนนี้คนงานขนเข้าไปในร้านไม่ขาด แต่พี่เจคนที่อยู่ข้างกันก็แค่ยักคิ้วตอบรับ
“ เมื่อวานของหมดหลายอย่าง พี่มึงกว่าจะได้กลับ เช็คสต๊อกของขาดเกือบหกโมงเช้า ” สายตาที่หันไปมองที่ลานจอด “ ก็ไม่แปลกที่วันนี้ยังไม่มา ”
ผมพอดูออกว่าเมื่อวานคนคงเยอะมาก เพราะปกติแล้วพี่เจเวลากลับไปคอนโดในช่วงวันเสาร์เราจะมีกิจกรรมบนเตียงกันเบาๆ แล้วยิ่งสถานะของเราชัดเจนขึ้น ความรู้สึกภายในใจมันก็ชวนให้กอดจูบกันอยู่แล้ว แต่ทว่าเมื่อคืนหลังจากอาบน้ำเสร็จอีกคนก็แค่หอมแก้มผมแล้วก็หลับไปเลย หลับไปเพราะความเหนื่อยมากจนไม่มีแรงจะทำอะไร
“ มาแล้วเหรอจ๊ะเด็กแรด ” เสียงของคนที่กำลังจัดเหล้าที่ฝั่งบาร์เอ่ยทัก เผลอตอนหายใจออกมาตอนที่เห็นหน้าตาล้อเลียนนั่นของพี่เดย์ที่มองมา
“ ไม่มาแล้วจะเห็นได้ไงอะ ก่อนพูดนี่คิดแล้วใช่มั้ย ”
“ เมื่อวานตอนเจอพี่ข้าวไม่เห็นปากเก่งแบบนี้เลย มีโมเม้นร้องด้วย สมเป็นเด็กน้อยจริงๆ ” อีกคนว่าก่อนจะทำท่าเช็ดน้ำตาล้อผมราวกับมีปมโดนล้อมาตอนเด็กๆ แล้วตอนนี้ก็เลยอยากจะลองล้อคนอื่นบ้าง
“ แต่เมื่อวานไม่รู้ใครเมื่อกัน ก็ช่วยพูดขึ้นมาว่า พี่ข้าวแค่เอาของมาให้ตัวเองไม่ได้มาหาพี่เจเลย ไม่รู้จะถนอมน้ำใจเรารึเปล่า แบบว่ากลัวเราคิดมาก ว่าพี่เจกับพี่ข้าวจะนัดกัน ” เหล่มองคนตรงหน้าที่ก็ยกยิ้มแล้วหันไปทางอื่นแบบไม่สนใจ
“ ปากหมาไม่จริงนี่หว่า ที่แท้ก็แอบเอ็นดูเราเหมือนกันอะเนอะ ”
“ เข้าข้างตัวเองอย่สงที่สุด” อีกคนบอกแต่ถึงอย่างงั้นทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็แค่ยิ้มออกมา เพราะรู้กันดีว่าที่เราด่ากันอรงๆมันก็แค่เล่นกัน  จริงๆพี่เดย์มันก็ใจดีกับผมอยู่
“ ไม่อยากจะให้ใครมาเข้าใจผิดเพื่อนพี่กูก็เท่านั้นอะ ”
“ อ๋อเหรออออออ ” ผมลากเสียงยาวก่อนจะพยักหน้ารับ “ จะเชื่อแล้วกันนะ แต่ก็ ขอบคุณแล้วกัน ที่ถนอมน้ำใจน้อง ” พูดเสียงเบาในท้ายประโยคคนตรงหน้าก็แค่หันมายิ้มให้
“ มึงไม่ได้เป็นแฟนพี่กูอย่าพูดให้มันมาก ”
“ ข่าวใหม่นะ กูเป็นแฟนพี่เจแล้ว! ” ย้ำแบบนั้นตอนที่หันไปหาอีกคน พี่เจก็เดินเข้ามาใกล้พอดี ผมเอื้อมมือไปกอดแขนอีกคนไว้ก่อนจะซบแล้วยักคิ้วให้อีกฝ่ายเหมือนเหนือกว่า
“ กว่าจะรักกันได้ กูคิดว่าต้องรอประธานมาตัดริบบิ้นถึงจะเปิดตัวคบกัน ”
“ มึงไม่เคยมีความรัก มึงจะไปรู้อะพี่เดย์ ทุกอย่างมีอ่อนไหวนะเว้ย ”
“ ถ้ามีความรักแล้วต้องปัญญาอ่อนแบบมึงกูไม่มีดีกว่าจ้าเด็กแรด กูจะอยู่ต่อไปแบบนี้ละ”
“ เออ มึงรู้ข่าวกันยัง ” พี่อัยย์ที่จัดเหล้าอยู่อีกฝั่งหันกลับมา
“ เฮียบอกให้พี่เมดติดต่อเซลล์ขายเหล้าที่วันก่อนเต๊าะพี่เมด เข้ามาใหม่แล้วนะ เห็นบอกว่าคราวนี้จะให้มาเสนอขายละ ”
“ เหรอวะ ” พี่เจที่ยืนข้างผมพูดขึ้นยิ้มๆ “ มันจะไม่ลุกขึ้นต่อยเค้าอีกถูกมั้ย ”
“ ไม่รู้อะ แต่ที่แซ่บกว่านั้นคือ มึงยังจำเซลล์ชื่อมิกิที่เคยวันไนท์กับเฮียเมื่อนานมาแล้ว แต่เค้าก็ชอบเฮียมากๆ แบบยั่วยวนเฮียสุดๆเพราะอยากเป็นตัวจริงมั้ย ”
“ ที่ชอบใส่ชุดโป๊ๆ เสนอเหล้าทีก็แทบจะเอานมหนีบหน้าสัดพี่กูอะนะ ”
“ นั่นแหละ ” พี่อัยย์ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับ
“ พี่ซองบอกกูว่าคนนั้นก็จะเข้ามาเสนอเหล้าเฮียเหมือนกัน แต่คำถามคือ..มึงว่าพี่เมดเวลาหึงจะเป็นยังไงวะ”
“ ไม่มีทางยังไงพี่เมดของกูก็มีเหตุผลมั้ย  ” พี่เดย์พูดขึ้นก่อนจะส่ายหน้า ผมที่ได้แต่ยิ้มในตอนนั้นก่อนจะพูดในสิ่งที่คิดท่ามกลางความเงียบของทุกคน
“ ไม่แน่หรอกพี่เดย์ ความรักอะมึง มันเปลี่ยนคนให้โง่มาเยอะแล้ว ”
 

...................................................
 



กู้ระเบิดที่นึง และ วางระเบิดลงอีกทีนึง
#ยิ้มกว้าง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์นะคะ
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยน้า
❤❤❤❤❤❤❤❤

 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-09-2018 20:37:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-09-2018 20:53:25
ตอนหน้าสนุกแน่ๆ เมดเตรียมหึงอาฟได้เลย  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-09-2018 21:15:45
 o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 21-09-2018 21:23:19
มิชชั่นคอมพลีทไปคู่นึง รออีกคู่นึงเลยจ้า เรื่องนี้นี่เหมือนค่อยๆ ปูให้ทุกตัวละครเรียนรู้กันเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-09-2018 21:33:11
ตอนหน้าจะมีระเบิดลงไหม  :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 21-09-2018 21:34:57
โอยๆแค่พาร์ทน้องวิวมีข้าวออกมายังบีบหัวใจขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นพาร์ทของเมดบ้างเค้าจะปวดมจขนาดไหนนี่ คุณผู้แต่งค่ะขอเบาๆได้ไหมค่ะ เดี๋ยวเค้านอนไม่หลับ แหะๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 21-09-2018 21:40:59
 :hao7:  :hao7:  :hao7: โอ๊ย....ลุ้น  :katai5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-09-2018 21:50:46
อูยยยยยยย........รอเมดหึงอาฟเลย
ใครจะหึงแรงกว่ากันนะ.....
ที่แนๆ อาฟน่าจะร้อนรนมากๆ  :m20: :laugh:
แล้วก็ดีใจหน้าบานที่เมดหึงตัวเอง   :hao3:
อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:

วิว พี่เจ ตกลงเป็นแฟนกันได้สักที
แบบวิวตกผลึกทางความคิดสินะ เข้าใจกันแล้วยิ่งรักกันๆ  :mew1:
ว่าแต่เดย์ อัยย์ จะมีความรักเหมือนคนอื่นๆไหมนะ  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-09-2018 21:53:25
รอดูเมดหึง

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 21-09-2018 22:28:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 21-09-2018 22:33:33
เมดจะหึงแรงขนาดไหนต้องรอดูกัน o18
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 21-09-2018 23:24:10
ความบ้าบิของทีมงาน Throw up #ผับชั้นสาม
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 21-09-2018 23:44:10
จะรอดูพี่เมดหึง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 22-09-2018 00:09:20
อยากเห็นเมดหึงแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 22-09-2018 00:23:42
จะทั้งกู้ทั้งวางแบบนี้ไม่ได้นะคะ :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 22-09-2018 00:26:38
อ้าว ระเบิดลูกนี้จะเป็นยังไงนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 22-09-2018 01:17:14
ไหงงั้น  :o12: ผัดกันม่ารึ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-09-2018 04:04:55
ตอนหน้ามารจุติในร่างเมดแน่ ๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-09-2018 05:38:29
เมดหึงจะเป็นยังไงน๊าาาา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 22-09-2018 06:40:01
นิวเครียร์ลงไม่ใช่ระเบิดธรรมดา :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 22-09-2018 08:48:05
อยากเห็นเมดหึงจะน่ากลัวขนาดไหน

เข้าใจกันแล้วเนาะเจ-วิว เป็นแฟนกันสักที :mc4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-09-2018 09:21:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 22-09-2018 09:21:36
มันอยู่ที่ระเบิดจะตกลงที่ใคร
อาฟ เมด หรือเหล่าเซลล์
แต่ยังไงตอนหน้าก็เบิ้มแน่ๆ

ยินดีกับพี่เจและเด็กแรดไว้นะที่นี้ด้วยจ้า
คบกันสักทีเนอะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-09-2018 09:41:51
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: poi12111 ที่ 22-09-2018 09:44:45
 :z3: :z3: :z3: น้องเมดกับพี่อาฟเมื่อไหร่จะมา คิดถึงงงงงง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-09-2018 19:02:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 22-09-2018 21:24:18
จ้า ชนวนเริ่มมีควัน จะบึ้มที่ใครรร
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 22-09-2018 22:44:43
ลุงเจกับน้องวิว ปรับความเข้าใจกันดีเป็นแฟนกันแล้ว
ดีจายยยยยยยยยยยยยย

ลุ้นด้วยอีกคน..ตอนหน้าระเบิดจะลงที่ใคร
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-09-2018 03:10:07
ลงตัวสักที เจพูดก็ถูกนะ ความไม่ชัดเจนจะทำอะไรก็ลำบาก

วิวอัดอั้นเต็มที่แล้ว ยังมาเจอกระตุ้นแบบนี้อีก
ถึงเจจะไม่ได้ตั้งใจให้เกิด แต่มันพอดีมาก ได้จังหวะมาก
และในที่สุดก็ได้คำตอบสักทีอะเนาะ เข้าใจกันแล้ว ขอคบแล้ว
เป็นแฟนกันแล้วจ้า  o13

แล้วอะไร ยังไงคะ ทำไมให้เซลล์มาพร้อมกัน
ระเบิดจะลงที่ใครก่อนล่ะ อาฟเมดเตรียมรับมือด้วยนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 25-09-2018 10:29:39
ตกลงข้าวเรียนที่อังกฤษหรืออเมริกาคะ?
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 25-09-2018 16:48:15
อูยยย

ระเบิดลูกใหม่
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 26-09-2018 09:47:01
จุดพลุฉลองง

ดีกันแล้วเย้


กับแฟนเก่านี่หวั่นไหวเสมอ

ไม่ใช่ว่าอยากกลับมาครบกันหรืออะไรนะ

แต่มันอด ห่วงอยุ่ไม่ได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 27-09-2018 09:04:29
ไม่ได้บึ้มใครหรอก บึ้มคนอ่านนี่แหละ โธ่เอ้ย เพิ่งกะผ่านวิวมา เมดต่อเลยรึ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 28-09-2018 11:21:10
มารออาฟกับเมดค่ะ คุณผู้เขียนจ๋า อย่าหนักหน่วงมากน๊า เค้ากลัวจะนอนไม่หลับ สงสารเก๊าเถอะนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 29-09-2018 21:25:44
อยากอ่านแล้วค่ะ รอตั้งแต่เมื่อวาน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 30-09-2018 08:07:56
ระเบิดตู้มตามมมมมม :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 05-10-2018 20:44:46
ตอนที่ 40

ผมรู้สึกร้อน เหงื่อเม็ดเล็กถูกขับออกมาเพื่อบรรเทาความรู้สึกที่ร่างกายในตอนนี้กำลังเผชิญ มันเป็นทั้งความสุข ความทรมาน ผสมปนเปไปกับความต้องการจนแยกไม่ออก จูบที่ลึกซึ้งและดูดดื่ม ผมห่อไหล่ของตัวเองสลับผลัดเปลี่ยนไปกับการผ่อนมันลงเป็นจังหวะราวกับกำลังอยู่ในเกมส์ต่อสู้ที่กำลังผลักรุกผลัดรับอย่างดุเดือด และถึงจะไม่เชี่ยวชาญเท่ากับผู้ร่วมเล่น แต่ถึงอย่างงั้น ผมก็จะไม่ขอยอมแพ้ในเกมส์นี้เด็ดขาด

กิจกรรมบนเตียงยังคงดำเนินไป ร่างกายเปลือยเปล่าเองก็เช่นกัน มันยังคังเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกต้องการ บนเตียงขนาดใหญ่ในห้องของเรา แอร์เปิดในอนุหภูมิปกติเหมือนทุกวันแต่ตอนนี้มันกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกเย็นสบายแต่อย่างใด ร่างของผมนั่งทับอยู่บนร่างโปร่งของอาฟที่ตอนนี้เริ่มกระชับมือที่จับอยู่ตรงเอวของผมให้แน่นขึ้นเพื่อช่วยควบคุมจังหวะให้ผม ที่เหมือนกำลังถูกสั่งทำโทษให้ต้องดึงตัวเองขึ้นลงอยู่แบบนั้นโดยมีแค่ส่วนเชื่อมต่อของความต้องการสอดเกี่ยวกันไว้

ความเจ็บปวดจากแรงเสียดสีของส่วนกลางที่สอดเข้าออกมาในร่าง ราวกับการยัดนิ้วลงไปในปากขวดแก้วที่คับแน่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันมีความคิดส่วนนึงของสมองสั่งการว่าให้ ‘ หยุด ’ ในตอนที่กำลังดึงตัวเองขึ้นลงท่ามกลางความร้อนรุ่มนี้ แต่ทว่าความต้องการของจิตใจก็ไม่สามารถสั่งการให้หยุดมันได้ จะมีก็แต่การเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจแบบไม่สิ้นสุดว่า ‘ มากกว่านี้ เร็วกว่า และ ลึกกว่านี้อีก ’

“ อาฟ..” เสียงของผมเบาราวกับจะมีแต่ลมออกมาตอนที่เอ่ยชื่อเรียกอีกคน ยามที่แผ่นหลังถูกดึงให้นอนราบ หัวเข่าก็ถูกดันออกให้ได้องศา จังหวะร้อนแรงอย่างใจต้องการเร่งตัวสอดเข้าออกเพิ่มมากขึ้นจนผมได้แต่กัดริมฝีปากล่างของตัวเองแน่นเพื่อระบายความรู้สึกที่แทบจะระเบิดออก

แรงสอดใส่ทำให้สองมือของผมโอบกอดรอบคอของอีกฝ่ายเอาไว้ เผยกดจิกเล็บสั้นกุดของตัวเองลงบนลาดไหล่นั้นอย่างไร้ความปราณีใดเมื่อแรงสอดนั่นเพิ่มมากขึ้นอีกระดับ รอยข่วนแดงมากมายคงตีตราจองร่างของชายที่อยู่เหนือตัวผม และเช่นกันรอยจูบสีกุหลาบมากมายก็คงตีตราอยู่บนตัวผมไม่ต่างกัน

ร่องรอยที่ตอกย้ำว่าทั้งจิตใจและร่างกายนี้ มีคนตรงหน้าของกันและกันเป็นเจ้าของ แต่เพียงผู้เดียว
ลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่พยายามหลับไปสักพัก แต่เพราะความเหนียวตัวจากเหงื่อที่ยังไม่ทันแห้ง แม้หัวใจที่เคยเต้นแรงหลังปลอดปล่อยจะค่อยๆลดอัตราเร็วลงแล้ว แต่ความเหนื่อยอ่อนพวกนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมหลับแต่อย่างใด ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่กระชับรอบเอวของอีกฝ่ายไว้ ' ไม่อยากจะลุกเลยไอ้สัด '

“ จะไปไหน ” เสียงทุ้มของคนที่ผมคิดว่าหลับเอ่ยทักขึ้น อาฟกระชับอ้อมกอดของผมมันพลิกตัวมาหอมแก้มกันก่อนจะจูบเบาๆ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาแต่อย่างใด ไล่จูบลงต่ำไปที่ซอกคอ ผมเองก็พลิกตัวเองขึ้นไปนอนกอดอาฟไว้ ก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆด้วยความขี้เกียจ “ เป็นอะไร ”

“ ขี้เกียจลุกไปอาบน้ำ ”

“ ก็ไม่ต้องอาบ ” บอกกันแบบนั้นก่อนจะหอมแก้มผม

เอาเข้าจริงก็โคตรชอบช่วงเวลาแบบนี้ หลังจากที่เราจบภารกิจของสิ่งที่เรียกว่า เซ็กส์ เราจะนอนกอดกันแบบที่ไม่มีใครลุกไปไหน บางทีก็เหนื่อยมากจนหลับแต่ไม่มีครั้งไหนที่ผมจะนอนยิงยาวแบบเต็มอิ่ม ไม่ว่ายังไงก็ต้องตื่นขึ้นมาอาบน้ำ การนอนจมกองเหงื่อกับคราบน้ำต่างๆที่เลอะช่วงท้องเพราะการปลดปล่อยของตัวเอง ไม่ใช่อะไรที่ผมฝืนทำได้

“ กูไม่ได้ซกมกเหมือนมึง ” ว่าแบบนั้น ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนแล้วขยับหมุนหัวไปมา หันมองดูอีกคนที่ก็นอนมองกันเรายิ้มให้กันก่อนที่ผมจะก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากของอีกคน “ นอนได้แล้วมึง จะหกโมงเช้าแล้ว ”

“ รีบไปอาบน้ำ กูต้องการกอดกลิ่นแป้งเด็ก ”

“ เดี๋ยวกูเดินไปหยิบไปกระป๋องแป้งมาให้มึงนอนกอด ” ผมบอกทั้งๆที่รู้ว่าอีกคนหมายความว่าอะไร ถึงความสัมพันธ์ของเราจะคืบหน้าไปเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่เปลี่ยนไป คือความปากแข็งของคุณอารยะ อย่าฝันถึงคำพูดที่ว่า ‘ รีบไปอาบน้ำแล้วกลับมาให้กูนอนกอด ’ เพราะมันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน

“ กวนตีน ” ลุกขึ้นจากเตียงนอนทั้งๆที่ร่างเปลือยเปล่า ผมไม่ได้สนใจจะหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ตรงทางเดินขึ้นมาสวม แต่เลือกจะเดินตรงไปทั้งอย่างงั้น และอะไรแบบนั้นมันทำให้อาฟได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆไปเสียทุกครั้งตอนที่เห็น “ จะยั่วกูให้ทำอีกรอบรึไงเมด ”

“ ส้นตีนเถอะ ” หันไปบอกอีกคนตอนที่เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วหยิบเอาผ้าขนหนูสีขาวมาผูกปิดส่วนล่างไว้ตรงเอว อาฟพลิกตัวเองแล้วมองผมไม่ละสายตาจากเตียงตรงนั้นจนทำให้ผมต้องหันไปมอง “ มึงเข้ามากูถีบจริงๆนะบอกไว้ก่อน ”

“ กลัวจัง แรงเท่ามดผลัก ”

“ อะไรที่ทำให้มึงคิดว่ากูแรงเท่ามดผลัก ”

“ ตอนที่มึงบอกว่า อาฟอย่า เมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้านี้มั้ง ” หันไปสบตาอีกคนที่ก็ยักคิ้วให้กันตอนที่พูดออกมา ผมยกยิ้มขึ้นมากับหน้ากระจก

อยากจะบอกเหมือนกันว่า คุณราชสีย์เอ๋ย ใช่ว่าแมวตัวเล็กที่คิดว่าจัดการง่ายในอ้อมกอดมันจะไม่มีกรงเล็บ เพราะถึงจะเล็กแต่ถ้าได้ออกแรงแบบเต็มที่ก็คงฝากรอยให้แสบผิวอยู่เหมือนกัน  แต่เพราะว่ายอมให้ต่างหาก ถึงไม่คิดจะทำอะไร ยอมนิ่งแบบหูลู่หางตก เพื่อเอาอกเอาใจแบบที่ห้อีกฝ่ายคิดว่าตัวเองชนะแล้วจะคิดจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ

พจนานุกรมขอคำว่า ‘ อย่า ’ แล้วออกแรงผลักเบาๆ ตอนที่เริ่มทำเรื่องอย่างว่า  มันไม่ได้แปลว่าอย่าจริงๆหรอก แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องพูดคำว่าอย่าตอนที่ตัวเองกำลังโดนกอดจูบ ทั้งที่ในใจจริงๆแล้วก็สวนทางกับสิ่งที่พูดนั่นเหลือเกิน หรือบางทีอย่าที่ว่า อาจจะไม่ใช่ อย่าทำ แต่เป็น อย่าช้า

“ ถามจริง หลอกขายกูรึเปล่า เรื่องที่มึงกลัวเรื่องการมีเซ็กส์ ”

“ อ้าว มึงรู้แล้วเหรอ ” ทำหน้าตกใจใส่อีกคน ผมยิ้มกว้างก่อนจะเดินออกมาเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ในห้อง โยนลงใส่ตะกร้าแต่ก่อนที่จะปิดประตูเพื่ออาบน้ำ ผมก็ไม่ลืมเอียงหน้าบอกอาฟ “ กูว่านั่นคงเพราะมึงนั่นแหละ ”

ไม่รู้ว่าคำพูดนั้นจะทำให้คนฟังหน้าแดงไปถึงไหน แต่ถ้าให้เดามันคงนอนหัวใจเต้นแรงด้วยความภูมิใจแบบสุดๆอยู่บนเตียง และนั่นก็ไม่เกินไปจากที่พูดเท่าไหร่หรอก จะบอกว่าเริ่มชอบมันด้วยซ้ำไป

ก็ผมชอบตอนที่อาฟกอด หรือแม้แต่จูบ ชอบตอนที่มันจะค่อยๆทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมอย่างใจเย็น และเพราะทุกอย่างมันน่าหลงใหลราวกับอยู่ในหนังโรแมนติกสักเรื่องที่ผสมปนเปไปกับจังหวะน่าตื่นเต้นและเข้มข้นของการสวมกอดที่แสนตราตรึง นั่นจึงไม่มีอะไรที่ทำให้ผมรู้สึก ไม่ชอบ แต่ความรู้สึกแบบนี้ ก็คงมีแค่อาฟ ที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นได้

“ ยังไม่นอนอีก ” เปิดประตูห้องแต่งตัวออกมา ผมพบว่าคนที่คิดว่าจะนอนกลับนอนเล่นมือถืออยู่ อาฟกดปิดหน้าจอตอนที่เห็นผม มันบิดขี้เกียจก่อนจะวางมือถือไว้บนโต๊ะข้างเตียง

“ นอนไม่หลับ ” คนฟอร์มจัดว่าแบบนั้นทั้งๆปากก็อ้าหาวออกมาเต็มที่ ผมนั่งลงบนเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างอีกคนจัดผ้าห่มเรียบร้อยก่อนจะเหล่มองอาฟ ก็พอรู้ว่ามันคอยกันอยู่ทั้งๆที่ง่วงขนาดนั้นก็ไม่ยอมนอนหลับไปก่อน แต่ก็ฟอร์มจัดเหลือเกิน เลยขอแกล้องหน่อย

“ อื้ม ” ขานรับในลำคอ ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเล่นบ้าง ทำทีเป็นกดนู้นกดนี่ไปเรื่อยอีกฝ่ายก็ถาม

“ ทำไมไม่นอน ”

“ ก็เพิ่งอาบน้ำมา มันก็หายง่วงนิดๆอะมึง ” ว่าแบบนั้นก่อนจะเหล่มองอีกคนที่ก็ตาจะปิดอยู่แล้ว “ มึงง่วงก็นอนก่อนได้เลย จะถ่างตารอกูทำไม ”

“ ใครรอ  กูแค่เล่นเกมส์เพราะนอนไม่หลับ ”

“ งั้นเหรอ ” พยักหน้ารับยิ้มๆ ผมทำทีเป็นกดเล่นมือถือต่อ เราต่างต่างฝ่ายเงียบให้กัน เอาเข้าจริงแค่พูดว่า ‘ นอนกันเถอะมึง ง่วง มาให้กูกอดหน่อยมา ’ แค่นี้ก็ได้ดึงผมเข้าไปกอดแล้ว แต่เพราะว่านี่คือ อารยะ มันก็เลยออกมาให้รูปแบบที่ว่า

“ นอน ” พูดแบบนั้นก่อนจะหยิบมือถือผมขึ้นจากมือ มันกดล็อคหน้าจอแล้วเอาไปวางไว้ที่ฝั่งมัน และก่อนที่ผมจะได้เถียงอะไรต่อมือทั้งสองข้างนั่นก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้จนจมอก อาฟขยับตัวให้ตัวเองนอนได้ในท่าสบาย

“ เชี้ยอาฟ แม่ง บังคับกูจริง ”

“ นอนนน ” เสียงลากยาวที่บอกออกมา ก่อนใบหน้าคมจะก้มลงฝังจมูกดมที่หัว แถมยังดึงตัวเองขึ้นมาหอมแก้มอีกข้างแบบสูดลมหายใจเข้าไปแบบเต็มปอด หลุดหัวเราะตอนที่อีกคนปล่อยลมหายใจออกมาเหมือนโล่งใจ อาฟกระชับอ้อมกอดที่กอดผมไว้

“ พูดว่า นอนได้แล้วจะได้นอนกอดกันก็สิ้นเรื่องแล้วมั้ยสัด ”

“ ใครว่ากูอยากกอดมึง ” อาฟบอก “ กูแค่อยากจะนอนดมกลิ่นแป้งจากตัวแฟนกูต่างหาก ”

“ เผื่อมึงลืม กูคือแฟนมึง ”

“ ไหนมาเช็ค ” โดนหอมแก้มไปอีกฟอดแบบแรงๆ แต่ถึงอย่างงั้นต่างฝ่ายต่างก็แค่ยิ้มออกมา

“ อื้ม ใช่แฟนกูจริงๆด้วย ”   แล้วสุดท้าย ผมก็ไม่เคยชนะมันได้จริงๆสักที ‘ จีบเก่งนักนะคุณอารยะ ฝากไว้ก่อนเถอะ ’ ว่าแต่ว่า..

“ นี่มึงจะนอนทั้งๆที่แก้ผ้าแบบนี้เหรออาฟ ”  ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก และไม่ว่าจะติดต่อยังไงก็คงเป็นแบบเดิม คือกูไม่ได้อาบน้ำมาเพื่อนอนดมกลิ่นเหงื่อมึงไง ไอ้แฟนเวร

ช่วงเวลาบ่ายสองที่ผมกำลังนั่งอยู่บนรถ GTR คันหรูและกำลังมุ่งตรงไปที่เอกมัยซอย.12 เพื่อไปกินเมนูอาหารที่อยากจะกินมาทั้งอาทิตย์ นั่นคือหมูกรอบผัดพริกไข่ออนเซ็น มือที่หมุนปากกาที่ใช้กับไอแพตในมือ ผมฮัมเพลงที่กำลังเปิดพลางกดๆเขียนๆสิ่งที่ต้องทำวันนี้ลงไปในแอปตารางงาน ยอมรับว่าพอใช้เป็น ไอแพตก็เป็นอะไรที่ สะดวกมากๆ เพราะตอนนี้นอกจากทำงานในผับ ผมยังเอามันมาเรียน เสมือนเป็นของส่วนตัว จนลืมไปแล้วด้วยว่าเจ้านายซื้อไว้ให้ใช้ทำงาน

“ รถติดสัด ” คนขับรถบ่นเบาๆตอนที่ดึงเบรคมือขึ้นมา ก่อนจะหันมามองหน้าผม “ ถ้าไม่อร่อยกูจะฟาดมึง ไอ้เมด ”

“ อร่อย!! ” ผมหันไปย้ำมันด้วยความมั่นใจทั้งๆที่ไม่เคยได้กิน “ คนเค้ารีวิวกันเยอะแยะมึง มันต้องอร่อยสิวะ ”

“ แน่ใจนะว่าไม่ใช่พวกหน้าม้าได้เงินมารีวิว ” ยกยิ้มถามพลางยักคิ้วล้อเลียนเหมือนจะย้ำกันว่า แน่ใจแล้วนะกับสิ่งที่คิด ก่อนที่มันจะหันกลับไปมองบนถนนตรงหน้า

“ แต่ว่ามันก็น่ากินนะมึง แบบหมูกรอบชิ้นใหญ่มากอะผัดกับพริกสับที่ในน้ำมันจะมีรสซอสปรุงรสต่างๆแล้วราดลงบนข้าวสวยร้อนๆ โป๊ะด้วยไข่ออนเซ็น มึงลองคิดสภาพว่า เวลาเอาช้อนไปตักมันก็จะเยิ้มลงมาบนข้าวสวยร้อนๆ แล้วเราก็ตักมันกินพร้อมกับหมูกรอบ โอยยยยยยยยยย หิวข้าวววว รถไปสักที ไปได้แล้ว ไป๊ ” ชูมือขึ้นผลักรถคันหน้าราวกับมันจะเคลื่อนตัวออกไปได้จริงๆ อาฟที่หลุดยิ้มกว้างออกมามันส่ายหน้าไปมากับความบ้าบอของผม

ผมอยากจะกินอาหารร้านที่ว่านี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว หลังจากดูรูปรีวิวในเน็ตก็บอกกับอาฟไว้ว่า เราต้องไปกินข้าวที่นี่ให้ได้ แต่เพราะช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาทั้งผมทั้งอาฟเรายุ่งกับงานที่ผับแล้วก็เรื่องเรียนที่มหาลัยกันมากก็เลยเพิ่งได้ว่างมากิน แล้วผมก็คาดหวังกับมันไว้สูงมาก ถึงขนาดนั่งนับวันคอย แล้วพูดกรอกหูอาฟตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่า ยังไงวันนี้ก็ต้องมากิน

“ ถึงซอยแล้วเลี้ยวเข้าไปเลย ” ผมบอกตอนที่อาฟเลี้ยวรถเข้าไปด้านใน

“ ช่วยมองร้านหน่อย ” คนขับสั่งการผมก็ทำตามหน้าที่แต่เหมือนว่าจะไม่จำเป็นเพราะเข้าซอยมาไม่นาน อาฟก็จอดลงที่หน้าร้าน ผมเอียงตัวมองดูป้ายจากรถ วินาทีแรกที่เห็นรู้สึกเลยว่า ‘ มึงจะมินิมอลไปไหน ’

ลักษณะร้านเป็นโทนเหมือนบ้านสีขาวสองชั้น ป้ายชื่อร้านเป็นตัวภาษาอังกฤษเล็กๆสีดำ ผมต้นไม้ยังเหมือนจะบังมันอีก ด้านหน้าร้านมีรถจอดอยู่หลายคัน อาฟถอยเข้าจอด ตอนที่เบรคมือถูกดึงขึ้นผมก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มกว้าง

“ ตื่นเต้นๆ จะได้กินแล้ว ”

“ ปัญญาอ่อน” คนขับบ่นยิ้มๆพลางเปิดประตูรถออกไปด้านนอก

กดล็อครถเรียบร้อย ผมก็เดินไปยืนข้างอีกคนด้วยท่าทางตื่นเต้น เราเดินขึ้นไปเกือบถึงประตูแต่ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูเข้าร้าน กลับกลายเป็นว่าประตูไม้นั้นกลับเปิดออกมาก่อน ลูกค้าผู้ชายสามคนที่เหมือนจะกินเสร็จแล้วเดินสวนเราออกมา ผมที่ยิ้มให้เค้าตามมารยาทแล้วเดินสวนเข้าไปแต่ยังไม่ทันที่อาฟจะเข้ามาแล้วปิดประตู เสียงของหนึ่งในคนที่เดินสวนกันนั้นก็พูดกับเพื่อนข้างกายแบบไม่เบานัก

“ พวกมึง คนเดินนำเข้าร้าน น่ารักว่ะ ” ผมหันมองไปที่อาฟเป็นคนแรกตอนได้ยิน อีกฝ่ายที่ยกยิ้มมองผมก่อนจะหันไปตวัดสายตาคมใส่คนที่พูดด้วยความไม่พอใจ มันที่เหมือนจะเอ่ยอะไรออกมาตอนที่มองคนพวกนั้นที่หันมามองเราแบบตกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้ยิน บรรยากาศที่ชวนให้อึดอัดนั้นผมรีบเอื้อมมือไปดึงอีกคนให้เข้ามาก่อนที่อาฟจะเผลอทำอะไรแบบไม่คิดอีก แต่ทว่าทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น

อาฟแค่มองแล้วหันกลับมาก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไร เหมือนอีกคนจะนึกขึ้นมาได้ว่าผมไม่ชอบให้ตัวมันแสดงอาการแบบคนขาดสติ สายตาคมที่มองกันนิ่งๆ อาฟเอื้อมมือมากอดเอวผมแล้วดึงให้เดินเข้าไปในร้านแทน

“ หรือกูควรเก็บมึงไว้ที่บ้านดี ” หันมาพูดเสียงเบาๆ ด้วยท่าทางนิ่งๆ ผมก็ได้แต่ยิ้ม

“ ไม่เอา กูชอบไปไหนมาไหนกับมึง ”

ถ้าเป็นอาฟก่อนหน้านี้ที่จะเราทะเลาะกัน ผมว่ามันคงแสดงอาการหงุดหงิดกว่านี้ ไม่แน่ตอนนี้คงเอาแต่ยืนจ้องผู้ชายพวกนั้นจนไม่เข้าร้าน หรือไม่ก็หันมาด่าผมตอนที่ดึงให้เดินเข้าร้าน ด้วยคำพูดเจ็บแสบแบบคนไม่คิดก่อนพูดและถนัดทำร้ายจิตใจคนอื่นอย่างมันชอบทำ แต่อาฟที่ควบคุมสติได้แบบนี้ ก็บอกกับผมว่า อีกคนก็กำลังปรับตัวเองอยู่

“ ไปกินข้าวหมูกรอบกันดีกว่า มาๆ ” ลากมันมาที่เค้าเตอร์ร้านที่ด้านในค่อนข้างเล็ก จนผมรู้สึกว่ามองไปรอบๆยังอึดอัด และตอนที่ผมกำลังจะเปิดเมนูอยู่ที่หน้าเค้าเตอร์ พนักงานก็ได้พูดในสิ่งที่ผมไม่ได้อยากจะฟังออกมา

“ วันนี้ข้าวหมดแล้วนะครับ ”

“ ห๊ะ ? ” หันไปมองคนพูดแบบหน้าเสีย ใบหน้าของพนักงานร่างอวบก็แค่ยิ้มก่อนจะย้ำกับผมเหมือนเดิม

“ ข้าวหมดแล้วครับวันนี้ เหลือแค่เค้กกับเครื่องดื่มครับ ” ปล่อยมือลงจากเมนูที่กำลังดู ผมรู้สึกสิ้นหวังและหมดแรงอย่างไม่ที่เคยรู้สึกมาก่อน

ใบหน้าที่บอกบุญไม่รับชวนให้คนที่มาด้วยกลั้นยิ้มขำอยู่แบบนั้น แต่ผมไม่ได้สนใจแล้ว หันมองไปรอบๆยังมีคนกินอยู่เลย แสดงว่ามาช้าแค่นิดหน่อยเท่านั้นถูกมั้ย ผมถามตัวเองพลางถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะเงยหน้ามองอาฟที่ก็เอื้อมมือมาจับหัวผมแล้วขยี้ มันคงทั้งขำทั้งสงสาร ก็เล่นบ่นว่าอยากจะมาแดกทั้งอาทิตย์ ไม่นับเมื่อเช้าที่พูดกรอกหูกันตั้งแต่ตื่นนอน

“ จะกินมั้ย ”

“ อยากกินข้าวหมูกรอบ ” ผมบอกอีกคนเสียงเบา ตอนที่หันไปหาพนักงานอีกคนก็แค่ยิ้มเหมือนจะขอโทษแต่ผมไม่อยากจะรับรู้อะไรแล้ว

“ มันหมด ” อาฟบอก “ ไปกินอย่างอื่นแล้วกัน ”

“ อื้อ ” ตอบสั้นๆ ผมหันไปมองพนักงานที่แค่ยิ้ม แต่ในใจของผมอยากจะตะโกนออกไปสุดเสียงว่า ไม่ต้องมายิ้มเลย ทำไมมึงไม่ทำเยอะๆนี่มันแค่บ่ายสองเองนะเว้ย ไม่โอเคเลย กูโกรธ โกรธมากๆ

เดินออกมาจากร้านด้วยความเศร้า ผมเข้าไปนั่งในรถแบบไม่พูดจา จนคนข้างๆที่ยิ้มขำได้แต่หันมาจ้องกันอยู่แบบนั้น ผมที่หันมองหน้าอาฟจนอีกคนหลุดหัวเราะออกมากับสีหน้าเศร้าๆของผม

“ มึงเจ็บขี้เหรอเมด ”

“ ไม่ตลกไอ้สัด ” ผมบอกมันก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ ปัญญาอ่อนมึง ทำหน้าเหมือนใครจะตาย แค่ไม่ได้แดกข้าวหมูกรอบ ”

“ มึงไม่เข้าใจอะอาฟ มึงไม่อ่อนโยน ” หันไปบอกมันอีกคนก็แค่ถอนหายใจยิ้มๆ “ คือกูรอมาทั้งอาทิตย์ อยากกินมาตลอด แล้วสุดท้ายพอว่างได้มากิน คือแม่ง ของหมดเหรอวะ ไอ้เหี้ย แล้วที่กูรออะมึง ทำไมมันไม่ทำให้เยอะๆวะ ส้นตีน ไอ้สัดเอ้ย หงุดหงิดชิบหาย ” ถอนหายใจออกมาอีกครั้งยังคงรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ จนอยากจะตะโกนโวยวายให้มากกว่านี้ถ้าทำได้ แต่มันคงดูว่าเยอะเกินไป สำหรับเรื่องแค่นี้ แต่ว่านั่นแหละ.. ข้างๆกันก็แฟน เราควรเป็นตัวที่สุด “ มึง กูถามจริงๆนะอาฟ ถ้ากูร้องไห้เพราะไม่ได้แดกข้าวหมูกรอบนี่ กูจะดูปัญญาอ่อนมั้ยวะ ”

“ ไอ้ที่เป็นอยู่ก็เรียกว่าปัญญาอ่อน ” อีกคนหันมาบอก อาฟที่ยิ้มอยู่แบบนั้นไม่รู้จะมีความสุขอะไรนักหนา เหมือนมันหุบยิ้มไม่ได้กับท่าทางของผมที่ไม่ได้กินข้าวหมูกรอบในตอนนี้

“ ปลอบหน่อยสิมึง ช่วยปลอบใจกูที ”

“ ปลอบเรื่อง? ” ถามยิ้มๆพร้อมกับถอนหายใจหน่ายๆ

“ เรื่องที่กูไม่ได้แดกข้าวหมูกรอบ ”

“ ปัญญาอ่อนชิบหายไอ้สัด ” นั่งมองกันอยู่แบบนั้น ก่อนจะยื่นมือมาจับหัวผมที่ก็ดึงตัวเองเข้าไปกอดอีกคนไว้ อาฟหลุดหัวเราะจนไหล่สั่น “ มึงแม่ง..”

“ กูเศร้าอะมึง มันเสียใจจริงๆนะเว้ยอาฟ แบบ คือกูอยากกินอะ ทำไมวะ แล้วจะได้กินอีกเมื่อไหร่ ”

“ ก็พรุ่งนี้เดี๋ยวมาใหม่ ” เจ้าของเสียงทุ้มปลอบกันแบบนั้น “ พรุ่งนี้พามาตั้งแต่เก้าโมงเลย จะได้กินตอนสิบโมงดีมั้ย ” ใจบางไปหมดแล้ว เป็นคำว่า ‘ ดีมั้ย ’ ที่อ่อนโยนที่สุดตั้งแต่คบกันมาเลย

“ แล้วถ้ามันหมดอีกอะมึง ”

“ วันถัดไปก็มาใหม่ ”

“ แล้วถ้ามันหมดอีกอะ ”

“ ก็ไม่ต้องแดกแล้วไอ้สัด ” ผมหลุดหัวเราะออกมา อาฟก็ยิ้มก่อนจะดึงตัวเองออกจากตัวผม “ ไปนั่งนิ่งๆ แล้วคิดใหม่ว่าจะกินอะไร ”

“ อยากกินข้าวหมูกรอบ ” หันไปมองประตูร้าน ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมามองอีกคน “ มึงอยากจะกินอะไรมั้ย กูคิดไม่ออกแล้ววะ มันท้อ ”

“ ปัญญาอ่อนซะจริง ”

“ มึงไม่เคยมีโมเม้นท์แบบนี้เหรอ แบบว่าตั้งใจจะทำอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายกลับไม่ได้ทำ มันเฟลนะเว้ย กูโคตรไม่ชอบเลย เวลาวางแผนอะไรในชีวิตแล้วไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ ” พิงหลังตัวเองลงกับเบาะ รถที่เคลื่อนตัวออกจากหน้าร้านเข้าสู่ตัวถนนใหญ่ อาฟที่ตอนนั้นเอาแต่มองไปข้างหน้าก็พูดขึ้น

“ ก็เคย แต่เรื่องกูมันไม่ใช่เรื่องปัญญาอ่อนแบบมึง ”

“ เค้าเรียกว่า ให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กๆ ” เถียงมันออกไปแบบนั้นก่อนที่ผมจะโดนอีกคนหันมามองแล้วได้แต่ส่ายหน้า

“ ช่างเถียง ”

“ แล้วมึงมีเรื่องอะไรของมึงที่เคยเฟลแบบสุดๆทั้งๆที่มันก็เป็นเรื่องไร้สาระมั้ยวะ ” ผมถามด้วยความอยากรู้ เพราะคนทุกคนมันต้องเรื่องไร้สาระที่เราจริงจังสักเรื่องในชีวิต เรื่องที่พอหวนกลับมาคิดถึง เราก็ได้แต่ถามตัวเองว่า นี่กูหงุดหงิดขนาดนั้นได้ยังไงกัน

“ ขี้เสือกจัง ”

“ อยากรู้เรื่องแฟนไม่ได้เหรอ ” พูดแซวกับคนที่เหลือบมองกันทันที ผมที่เอียงหน้ายิ้มมองหน้ามันแต่อาฟก็ยังเก็กไม่สนใจแม้จะหูแดงจนลามไปถึงคอแล้วก็ตาม “ ไม่ต้องกลั้นยิ้ม จะยิ้มก็ยิ้มออกมาเลย เขินกูก็บอกอารยะ ”

“ โดนกูถีบสักทีดีมั้ยเมด กวนตีนกูจัง ” หันมาบอกกันยิ้มๆ ผมก็ได้แต่หัวเราะก่อนจะเอานิ้วไปจิ้มที่ไหล่มัน

“ น้องเมดก็ล้อพี่อาฟเล่น เห็นพี่อาฟเขินแล้วมีความสุข ”

“ ที่เป็นอยู่นั่นก็เพราะมึง ” อีกคนพูดเสียงทุ้มก่อนจะดึงเบรคมือขึ้นเพราะข้างหน้าฉายสัญญาณไฟสีแดงขึ้นมา มือที่จับเบรคเปลี่ยนมาจับมือผม แล้วตอนที่ใบหน้าคมนั่นดึงหน้าเข้ามาใกล้ อาฟก็ยกยิ้มพร้อมกับเลื่อนเข้ามาใกล้กัน สายตาคมที่มีความหมายนั่นจ้องมองผม “ ที่พี่อาฟเป็นแบบนี้ก็เพราะน้องเมดไงครับ ”
 
“ โอเค มึงชนะอาฟ ” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะหันไปมองทางอื่นทันที เสียงหัวเราะถูกใจของคนขับรถดังลั่นรถ  ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วเอาแต่บอกใจตัวเองให้เต้นเบาลงหน่อย อย่าไปหลงกลให้กับคนกวนประสาทพรรคนั้น นั่นมันไม่ใช่ร่างจริงของมันสักหน่อย มันตอแหล

“ ตกลงจะกินอะไร ”

“ ซีjโครงหมูมั้ย อยากกินสเต็กซี่โครงหมูอร่อยๆ กับข้าวผัดกระเทียม ”

“ งั้นพี่แวะห้างนะครับน้องเมด ”

“ เงียบไปเลยไอ้สัด ” ยื่นมือไปปิดปากมันอีกคนก็เอายิ้มกับท่าทางหงุดหงิดของผม อาฟจูบที่ฝ่ามือที่ผมปิดปากมันไว้ก่อนจะจับแล้วดึงมันลงกุมกันไว้ แววตาขี้เล่นยังคงปั่นประสาทกันไม่เลิก มันรู้ดีว่าผมแพ้เวลาที่ตัวมันใช้คำพูดแทนตัวที่มันดูน่ารักแล้วก็คำพูดหวานๆ

“ สั่งให้พี่อาฟเงียบทำไมละครับ น้องเมดไม่ชอบเหรอ ”

“ มึงแม่ง พอแล้ว กูเขินไอ้เหี้ยอาฟ ” หันหน้าไปอีกทาง หัวใจผมเต้นแรงไปหมด แก้มแดงจนเพราะการถูกแกล้งจนอีกคนยังยกมืออีกข้างที่ว่างขึ้นมาจับแล้วหยิกมันเบาๆ อาฟยิ้มตอนที่ผมหันไปมองมันด้วยหางตาก่อนจะฝากคำดูถูกไว้ให้จำสั้นๆ

“ ไอ้อ่อน ”

“ กูแค่ไม่คิดสู้มึงเท่านั้นแหละสัด ” ยังคงปากเก่ง ทั้งๆที่ก็รู้ว่าตัวเองไม่ถนัดเก็บอาการ อาฟเบิกตาขึ้นมันมองผมยิ้มๆพลางพยักหน้ารับคำพูดนั้น

“ อย่าดีแต่ปากแล้วกัน ”

“ พี่อาฟก็อย่าแกล้งน้องเมดสิครับ ” ผมพูดเสียงอ่อนแบบไม่ให้อีกคนตั้งตัว จ้องตาอีกคนแบบที่เด็กเล็กๆชอบทำเวลาออดอ้อน มันไม่ใช่ท่าทางที่ผมเคยทำ เพราะรู้สึกปัญญาอ่อนจนเกินจะรับไหว แต่ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลเกินคาด เพราะตอนนี้คนโดน โจมตีเหมือนนิ่งไปแล้ว อาฟยกมือขึ้นจับหัวตัวเองมันหันไปมองนอกหน้าต่าง ผมรู้ว่ามันกำลังกลั้นยิ้ม และนี่ก็เป็นเวลาที่ดีที่สุด “ พี่อาฟคร๊าบ พี่อาฟของน้องเมด พี่อาฟจ๋า อย่าแกล้งน้องเมดเลยนะ ” เอาหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น อาฟเหล่มองผมก่อนจะหันตัวเองมากอดคอผมแล้วดึงเข้าไปจูบ

“ ทำไมน่ารักขนาดนี้ละครับไอ้สัด ” ราวกับคำสบถที่พูดออกมา ริมฝีปากที่แนบสนิทพยายามจะดันลิ้นให้เข้ามาในปากผม ก็แบบนี้ทุกที สู้ไม่ได้ด้วยคำพูดมันก็ชอบเล่นโกงด้วยด้วยจูบกัน แต่สุดท้ายคนแพ้ก็คือผมที่เผลอไผลไปกับจูบดูดดื่มนั้น และเหมือนว่ามันจะกินเวลายาวนานจนสัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้นอาฟถึงจะยอมปล่อย

“ เล่นโกงกับกูตลอดเลยไอ้เหี้ย ” ผมบอกตอนที่อาฟหันไปขยับเกียร์แล้วขับรถ กัดริมฝีปากล่างของตัวเองเบาๆจ้องหน้าอีกคนแบบไม่พอใจแต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่รับรู้ อาฟแค่ยักคิ้วให้ผมก่อนจะเอื้อมมือมาจับแก้มแล้วเขย่า “ พอกูจะชนะมึงก็แม่งแบบนี้ทุกทีเลย ”

“ สู้ด้วยการยั่วยวนกูกลับสิ กูอาจจะแพ้ก็ได้นะ ”

“ ไม่มีทาง! ”

“ ทำไมมึงไม่ลองอยากจะเอาชนะกูแบบขาดลอยบ้างละ ”

“ ทำแล้วกูจะได้อะไร มีแต่เสียเปรียบ มึงแม่งก็ได้กำไรอยู่คนเดียว ไม่ว่ามึงจะหอมแก้มกู หรือกูจะหอมแก้มมึง ก็มีแต่มึงได้กำไรคนเดียวไม่แฟร์เลยสัด ”

“ แย่จัง เหยื่อรู้ตัว ” ทำทีเป็นตีหน้าเศร้ากวนตีนก่อนจะหันมาบอกเสียงอ่อนคล้ายจะอ้อน “ แล้วน้องเมดไม่อยากให้พี่อาฟหอมแก้มเหรอครับ ” ได้แต่มองหน้าอาฟนิ่งๆ เอาเข้าจริงตอนนี้มันอยู่ในอาการมีความสุข ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากจูบผม จนอยากจะตบหัวมันแรงๆสักทีด้วยความหมั่นไส้

“ ถามจริงๆ มึงชอบสินะ เวลาได้ยินใครพูดพี่อาฟคะ พี่อาฟขา ใจอ่อนยวบเลยสิ ” ผมเหล่มองมันหลังจากเงียบไปสักพัก อาฟที่หันมายิ้มให้ผมมันไม่ได้ตอบอะไร “ กับพวกสาวๆที่มึงเคยนอนด้วย เค้าพูดเอาใจมึงแบบนี้หมดรึเปล่าวะ ”

“ มึงไม่รู้เหรอ ว่ากูแพ้อะไรแบบนี้กับแค่คนที่กูชอบ ” สายตาที่หันมามองกัน มันจริงจังจนผมไม่กล้าพูดออกไปว่า ‘ ยังไม่เลิกจะเอาชนะกันอีกรึไง นี่ก็ให้ชนะแล้ว ชนะไปเลย จะมาน็อคเอ้าท์อะไรกูอีก ไม่ต้องแล้ว ยอมแล้วอาฟ เมดยอมอาฟแล้วครับ ’

“ งั้นถ้าคืนนี้มึงยอมซื้อเหล้า เพราะแค่เซลล์อ้อนมึง กูจะเอาขวดเหล้านั่น ทุบหัวมึง ” คนขับรถที่เอาแต่มองไปยังทางข้างหน้า หลุดหัวเราะออกมาก่อนจะหันมามองกันอีกครั้งในตอนนั้นอาฟยกยิ้ม

“ อย่ามาหึงไม่มีเหตุผล ” พูดสั้นๆแค่นั้น ก่อนจะดึงตัวเองเข้ามาจูบผมอีกครั้ง มันยักคิ้วให้กัน “ มึงเป็นคนบอกไว้ จำไม่ได้เหรอ ”

ผมได้แต่นิ่งไม่ตอบอะไร เสียงเพลงที่ดังขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศในนั้น แต่ผมกลับไม่ได้ฟังเลยว่ามันคือเพลงอะไร หรือมีทำนองแบบไหน ยอมรับเลยว่า ถ้ามันคือการปั่นประสาทเล่นๆ ตามประสาคนกวนตีนแบบอาฟ ผมถือว่ามันได้ผล แต่ถ้ามันคือคำพูดเตือน ผมเองก็ไม่รู้หรอก ว่าถึงคราวตัวเองบ้าง จะยังมีเหตุผลกับเรื่องพวกนั้นแบบที่เคยมีอยู่หรือเปล่า


หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 05-10-2018 20:46:11
เข้ามาในผับ throw up ตอนช่วงบ่ายห้าโมงหลังจากที่กินสเต็กซี่โครงหมูสุดแสนอร่อยกับข้าวผัดกระเทียมเป็นมื้อเย็น ผมตบท้ายมื้อด้วยชานมไข่มุกแก้วใหญ่ที่อาฟบอกกันตอนที่เดินดูดอยู่ข้างๆแบบสั้นๆว่า ‘ อ้วน ’  ซึ่งก็ไม่เถียง อ้วนจริงๆ ช่วงนี้แก้มเป็นแก้ม กินดีอยู่ดีที่สุด

“ พี่เมดจ๋า มาแล้วเหรอจ๊ะ ”

“ มึงเห็นมั้ยละ ” ไม่ใช่ผมที่ตอบคนถามอย่างน้องเดย์ที่ตะโกนทักจากส่วนของบาร์แต่เป็นพี่ชายของเจ้าตัวที่ยืนอยู่ข้างๆผม อาฟยักคิ้วให้คนน้องก่อนจะเดินนำขึ้นไปที่ชั้นสาม

“ ไอ้สัดพี่ เสือก ” ผมยิ้มกับคำด่าไล่หลังอีกคนของน้องเดย์ แต่ตอนที่กำลังจะเดินตามไปอีกคนก็กวักมือเรียกให้เดินเข้าไปใกล้เสียก่อน 

“ วันนี้แต่งตัวเร็วจังว่ะ ” ทักอีกคนที่วันนี้ใส่ชุดบาร์เทนเดอร์เรียบร้อย ทั้งๆที่ปกติผมจะเห็นอีกคนวิ่งไปใส่ชุดตอนเปิดผับแล้วตลอด “ น้องอัยย์ยังไม่มาเหรอน้องเดย์ ”

“ อยู่นี่! ” โผล่ขึ้นมาจากใต้เค้าเตอร์ ผมก็ส่ายหน้าไปมากับความขี้เล่นที่ก็ทำตัวเหมือนเด็กเล็กๆของพวกมัน “ เช็คเครื่องเติมเบียร์อยู่ครับผม สะอาดเอี่ยมบอกเลย ”

“ พี่เมดนั่งๆ มีอะไรจะถาม ” น้องเดย์บอก ท่าทางของเด็กสองคนดูกระตือรือร้นจนผมได้แต่ขมวดคิ้ว

“ มีอะไรวะ ”

“ นั่งก่อนน่า ” น้องอัยย์ชี้ที่เก้าอี้ตัวตรงหน้าผม ที่พอนั่งลงเด็กสองคนก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกัน จนผมต้องดึงตัวเองไปข้างหลัง

“ มีอะไร ”

“ วันนี้มีเซลล์เข้ามาใช่มั้ยพี่เมด ” พยักหน้ารับคนถามที่ก็หันมองหน้าคนข้างกายทันที บาร์เทนเดอร์สองคนยกยิ้มให้กันก่อนน้องเดย์จะถามต่อ “ แล้วชื่อมิกิใช่เปล่า ”

“ ก็..ใช่ ” ผมตอบ “ มีอะไรรึเปล่า ”

“ เปล๊า ” เสียงสูงประสานบ่งบอกกับผมว่า คำที่พูดนั่น ต้องโกหกแน่นอน

“ บอกมา ” พูดเสียงเข้มแต่คนตรงหน้าก็แค่ส่ายหน้าไปมา “ ไม่บอกตัดเงินเดือน ”

“ คิดว่ามีอำนาจแล้วจะใช้ในทางที่ไม่ชอบได้เหรอ ” น้องอัยย์บอก “ น้องจะฟ้องกรมแรงงาน ”

“ มีอะไร ” เมื่อขู่ไม่ได้ก็พูดเสียงอ่อนใส่ “ บอกพี่เมดหน่อย อยากรู้อะ ”

“ ก็ไม่มีอะไรหรอก ” ไม่ใช่เสียงของบาร์เทนเดอร์ที่พูดแต่กลับเป็นเสียงของเจที่เดินเข้ามาในผับ อีกคนนั่งลงข้างผมที่ก็หันไปมองทันที สายตาที่มีแต่คำถามจ้องอีกคนที่ก็ยกยิ้มให้ “ ก็แค่เราพนันกันว่ามึงจะหึงเซลล์ที่ชื่อมิกิกับไอ้อาฟมั้ย ”

“ พวกเหี้ย ” สบถออกมาเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา เหล่มองเด็กสองคนที่ก็ยิ้มกว้างออกมาแบบหน้าด้านๆ

“ แต่น้องเดย์ถือหางพี่เมดนะครับ ” น้องบอก “ น้องเดย์ถือหางฝั่งพี่เมดไม่หึง ห้าพัน ”

“ ห้าพันเลยเหรอวะ ”

“ แต่กูพนันฝั่งหึงนะ ” เจบอกก่อนจะยกคิ้วให้ผม “ ไม่รอดแน่นอน  “

“ พี่เมดมีเหตุผล พี่เมดไม่หึงหรอก เค้าก็แค่ขายเหล้าอะพี่เมด ก็ไม่แปลกที่เค้าจะพูดอ้อนๆสัดพี่ จริงมั้ย ”

“ ก็จริง ”

“ พูดเสียงไม่หนักแน่นเลยวะ ” น้องอัยย์บอกก่อนจะหันไปทางเพื่อนตัวเอง “ หน้ามึงก็ดูซีดๆนะเดย์ ดวงเหมือนกำลังจะเสียทรัพย์ ”

“ แล้วทำไมต้องมาพนันกันเรื่องความรู้สึกกูด้วยวะ ” ผมถามก่อนจะมองทุกคนที่ก็ไม่ตอบอะไร “ ใครแม่งช่างคิด ”

“ เด็กวิว ! ” เสียงประสานที่ดังขึ้นมา ผมก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วกรอกตามองบนแทน

“ เด็กวิวบอกว่า พี่เมดจะหึงแน่นอน แต่น้องเดย์มั่นใจในตัวพี่เมดว่าพี่เมดต้องไม่หึง เพราะพี่เมดของน้องเดย์เป็นคนมีเหตุผลและพี่เมดจัดการได้ ” เหล่มองคนที่มั่นใจในตัวผมน้องเดย์ที่ยิ้มให้กัน “ สัดพี่มันไม่สนใจใครยกเว้นพี่เมดหรอก ต่อให้สาวคนนั้นจะเอานมมาเบียดแขนมันก็ตาม เชื่อน้องเดย์ อย่าได้หวั่นไหวนะ! ”

“ มึงแม่งโกงไอ้สัดเดย์ ” น้องอัยย์หันไปบอกเพื่อน “ มึงอย่าพูดแบบนั้นสิวะ มึงต้องให้พี่เมดทำตามความรู้สึกของตัวเอง เราคนพนันก็ดูแค่ผลลัพธ์ของมันก็พอ ปล่อยไปตามใจรู้สึกเลยพี่เมด ” หันมาบอกกันตรงประโยคสุดท้าย ผมก็หันไปถามเจ
 
“ แล้วคุณมิกินี่เป็นคนยังไงวะ ”

“ เป็นคนสวยและเซ็กซี่ ”

“ อดีตวันไนท์สแตนของเฮียอะพี่เมด ” น้องอัยย์เสริม

“ พวกมึงอย่าพูดให้พี่เมดไม่มั่นใจในตัวสัดพี่สิว่ะ ” น้องเดย์ท้งขึ้นมาบ้าง “ บอกกูว่าอย่าโกง พวกมึงแม่งโกง จริงๆทุกอย่างมันก็แค่อดีตอะพี่เมดจริงมั้ย วันไนท์จะมาสู้ตัวจริงได้ไง ”

“ ปวดหัว ” ผมบ่นก่อนจะถอนหายใจออกมา “ ไร้สาระกันจริงๆพวกมึง เรื่องของความรู้สึกใครเค้าเอามาพนันกัน ” ลุกออกจากที่นั่งตรงเค้าเตอร์ ผมเดินขึ้นไปตรงชั้นสาม เอาเข้าจริงก็ไม่ได้สนใจเรื่องที่มันพนันกันหรอก สนใจเรื่องที่เซลล์คนนั้นเป็นคนสวยเซ็กซี่แถมยังเป็นวันไนทน์สแตนเก่าของไอ้อาฟมากกว่า แน่นอนว่า เธอคงเป็นคนที่อีกฝ่ายสนใจอยู่ไม่น้อย ไม่งั้นอาฟก็คงไม่นอนด้วยหรอก

“ ทำหน้าเหมือนปวดขี้อีกแล้ว ” เปิดประตูเข้าไปในห้องแต่ยังไม่ทันปิด คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานก็ทักขึ้น ผมหันไปมองหน้าจอคอมของอีกคนที่ตอนนี้กำลังอ่านรายละเอียดที่ถ้าจำไม่ผิดก็เป็นเหล้าตัวที่กำลังถูกเสนอจากเซลล์ที่นัดเราไว้วันนี้
 
“ มึง เวลาที่เค้าเสนอเหล้ามันต้องทำอะไรบ้างวะ ”

“ ก็นั่งฟังเซลล์พูด แล้วก็ชิมว่ารสชาติมันเป็นยังไง ” พยักหน้ารับอีกคน ผมก็เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง

“ แล้วเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้มึงตัดสินใจซื้อละ ”

“ ความต้องการของตลาด รสชาติ บางตัวก็กำลังดังในต่างประเทศ หรือบางตัวก็เอามาทำค๊อกเทลที่กำลังดัง ”

“ แล้วมีมั้ย แบบ ประมานว่า ” ผมเว้นเสียงไปเพราะไม่รู้จะพูดคำพูดไหนออกมาดี อาฟมองหน้าผมมันที่เลิกคิ้วเหมือนกำลังสงสัยในท่าทาง

“ ประมานว่า..”

“ ก็ประมานว่าซื้อเพราะโดนอ้อน แบบ ซื้อนะคะพี่อาฟขา ” อาฟหลุดยิ้มออกมา สายตาคมที่มองกัน อีกฝ่ายจะลุกยืนเต็มความสูงแล้วย้ายตัวเองมานั่งลงบนโต๊ะผมก่อนจะโน้มตัวเองลงมาถาม

“ หึงผมเหรอครับคุณ ”

“ ก็แค่ถามมั้ย ” ผมทำทีเป็นมองไปทางอื่น “ หลงตัวเองสัด ”

“ เงินกูน่ะเมด ” อาฟบอก “ ถ้ากูต้องจ่าย กูต้องคิดแล้ว ว่าสิ่งที่กูได้กลับมา มันต้องคุ้ม ”

“ รวมถึงกูด้วยมั้ย ”

“ แล้วมึงคิดว่าไงละ ลองใช้สมองดู เดี๋ยวมันฝ่อ ”

“ ไอ้สัดนรก ” พูดเสียงเบาทิ้งท้ายตอนที่อีกคนหันกลับไปนั่งที่เดิมแบบยิ้มๆ

ผมมองอาฟที่กำลังนั่งทำงาน จะว่าไปมันก็คิดได้สองแง่มุมสำหรับเรื่องราวของเรา ประโยคที่ว่า ‘ถ้ากูต้องจ่าย กูต้องคิดแล้ว ว่าสิ่งที่กูได้กลับมา มันต้องคุ้ม ’ ถ้าพูดแบบเข้าข้างตัวเอง ที่อีกฝ่ายใจดีออกค่าทำสีรถให้ก่อน ซื้อมือถือให้ก่อน แล้วให้โอกาสมาทำงาน นั่นเพราะคิดว่าจะจีบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหรือเปล่า เพราะคนอย่างอาฟ คงคิดแล้วว่า การลงทุนย่อมต้องได้กำไร ซึ่งนั่นก็คือตัวผม

แต่พอมาคิดว่า ตอนนี้มันไม่เห็นจะได้อะไรเลย จากการที่ทำให้ผมในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการตามใจ หรือการดูแลเอาใจกัน เพราะบางทีมันเหนื่อยเกินไป และไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ หรือเพราะมันกำลังทำให้ผมตกหลุมรักมันจนถอนตัวไม่ขึ้น ต้องใช่แน่นอน

แรกเริ่มคือการขุดหลุมให้ตกลงไปก่อน ด้วยการทำให้อยู่ใกล้ๆ พอตกหลุมรักเข้าไปก็เอาใจใส่แล้วก็ตามใจจนถอนตัวไม่ขึ้น แผนการของมันต้องเป็นแบบนี้แน่ ร้ายนักนะ อารยะ..

แล้วผมก็ดันตกลงไปในหลุมจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วด้วยสิ
 
“ เป็นบ้าอะไร นั่งยิ้มคนเดียว ” อาฟทัก ผมก็เปิดไอแพตของตัวเองขึ้นมาทำงานเหมือนกันบ้างไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับมัน ปวดประสาท นั่งอ่านข้อมูลของเหล้าที่กำลังจะถูกนำมาเสนอบ้าง แต่ผมไม่เข้าใจมันเท่าไหร่หรอก

“ อาฟ แล้วมึงจะรู้ได้ยังไงว่าเหล้าอันไหนมันอร่อย ”

“ ก็ดมแล้วก็ชิม ”

“ มันไม่เหมือนกันหมดเหรอวะ กูว่าอันไหนก็ขมไปหมดนั่นแหละ ” คนฟังหลุดหัวเราะก่อนจะหันมาบอกกัน

“ งั้นก็นั่งเฉยๆ แล้วก็จดออเดอร์ที่กูสั่ง ”

นาฬิกาบอกเวลาสองทุ่มครึ่ง ผมหันไปมองโทรศัพท์มือถือที่กำลังสั่นอยู่บนโต๊ะ สายโทรเข้าเป็นเบอร์ของพี่ซองผู้จัดการร้านที่โทรเข้ามา

“ ครับ พี่ซอง ” ตอบรับปลายสายอีกฝ่ายก็พูดขึ้น

“ น้องเมด เซลล์มาแล้วนะครับ ตอนนี้พี่ให้รออยู่ที่ชั้นสองของผับนะ โต๊ะตัวในเหมือนเดิม ”

“ ครับผม ขอบคุณมากครับพี่ซอง ” กดวางสาย ก่อนจะหยิบไอแพตที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ผมหันไปหาอาฟที่ยังไม่ทันจะพูดอะไรอีกคนก็พูดขึ้นเสียก่อน

“ มาแล้วใช่มั้ย ไป ”

“ เชิญเดินนำไปเลยครับผม ”ผายมือให้อีกคนเดินนำออกไปก่อน แต่อาฟก็จะก็แค่เอื้อมมือมากอดคอผมไว้แล้วบอกกันสั้นๆ

“ ไปด้วยกัน ”

ตรงชั้นสองของผับที่โต๊ะด้านในสุดที่จะถูกจับจองไว้สำหรับเซลล์ที่มาเสนอเหล้าเสมอ หญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีดำนั่งอยู่ที่โซฟาด้วยท่าทางนั่งไขว่ห้างอย่างมั่นใจ สายเดี่ยวของชุดยาวมาจนถึงเนินอกมันเน้นสัดส่วนและรูปร่างของเจ้าของร่างอย่างชัดเจน กระโปรงยาวเหนือเข่าแต่ก็แหวกสูงจนต้องกลืนน้ำลายเวลาขยับเปลี่ยนท่าทาง

“ เปรี้ยวสุด ” พูดกับตัวเองเสียงเบา อาฟที่ก็คงได้ยินมันหัวเราะก่อนจะดันตัวผมให้เดินเข้าไปใกล้

“ คุณอาฟ สวัสดีคะ ” ใบหน้ามีเสน่ห์ที่มีแต่ความมั่นใจนั้นยิ้มให้เรา ผมดัดลอนสวยของเธอถูกปัดไปข้างนึงตอนที่ยกมือไหว้คนข้างผม

“ สวัสดีครับคุณมิกิ ” อาฟบอกก่อนจะหันมาหาผม “ นี่เมดครับ เลขาผม ”

“ สวัสดีค่ะ ” เธอพยักหน้ารับทักผมที่ก็พยักหน้ารับทักทายเธอเช่นกัน เราหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามกัน เธอที่ก็มองมาทางผมก่อนจะหันไปหาอาฟ “ เดี๋ยวนี้รับสมัครเลขาแล้วเหรอคะ ไม่เห็นบอกกันบ้างเหรอ ไหนอาฟเคยบอกว่า ถ้าเปิดรับแล้วจะบอกไง มิกิเตรียมตัวมาสมัครอยู่รู้มั้ยคะ ”

“ ไมได้ตั้งใจว่าจะมีหรอก ” คนข้างๆผมบอก ก่อนจะยิ้ม “ พอดีเมดเป็นแฟนผม แล้วเค้าเรียนบัญชีพอดี ก็เลยให้มาจัดการงานตรงนี้ให้ ”

“ อ๋อออ ” เสียงตอบรับที่เบาหวิวพร้อมกับใบหน้าที่ตกใจอยู่ไม่น้อยของคนฟัง คุณมิกิตวัดสายตามามองผมอย่างพิจารณา คงมีแต่คำว่า ‘ นี่มันอะไรกันวะ ’ ในสมองเธอ แต่ทว่าตอนที่สบตากับผมอีกคนก็แค่ยิ้มจางๆ “ ไม่คิดว่าคุณอาฟจะมีรสนิยมแบบนี้ด้วย ”

“ ไม่แปลกหรอกครับ คุณไม่ได้รู้จักผมดีขนาดนั้น ”


 ‘ รู้สึกดีชิบหาย ’ ผมพูดกับตัวเองในตอนที่ก้มหน้าลงเพื่อยิ้มกว้างอยู่แบบนั้น หัวใจมันพองโตกับคำพูดของอีกคนเหลือเกิน ทั้งๆที่ความจริงอาฟไม่ใช่คนพูดตรง ค่อนข้างจะไปทางปากหมา ปากเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มันกลับเลือกจะพูดออกมาตรงๆในตอนที่มันควรพูดที่สุด


พูดเพื่อแสดงความชันเจนในสถานะของเรา และพูดเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผม ว่ามันไม่ได้สนใจอะไรในตัวของคนตรงหน้า


“ แล้วคบกันได้ไงคะ ตกใจมากเลย รอบที่แล้วยัง..” ทำทีเป็นเว้นเสียงให้คิด เธอเหลือบมองอาฟที่มองหน้าเธอนิ่งๆก่อนจะมองผมแบบยิ้มๆก่อนจะก้มหน้าลงขอโทษ “ ขอโทษค่ะ มิกิ คงพูดมากไป ”

“ เข้าเรื่องงานเถอะ ผมไม่ได้มีเวลามากขนาดมานั่งฟังอดีตไร้สาระพวกนั้น ”

“ ดุจัง ” เธอพูดเย้า ก่อนจะหันไปเปิดกระเป๋าแล้วหยิบกล่องเหล้าสามกล่องขึ้นมาให้ผมดู ไล่เปิดทีละขวด เธอแนะนำมันอย่างละเอียดด้วยคำพูดชักจูงที่แม้ผมจะอ่านข้อมูลพวกนั้นมาแล้ว ยังแอบให้ความสนใจในสิ่งที่เธอนำเสนอ

เหล้านอกแบรนด์เดียวกัน แต่ระยะเวลาการบ่มแตกต่างกันมันเป็นสินค้าของบริษัทลูกของเหล้าแบรนด์ใหญ่ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นฝั่งยุโรป เป็นเหล้าราคาสูงพอสมควรแต่บริษัทเธอก็ได้นำเข้ามาเป้นเจ้าแรก และตอนนี้ก็เหมือนว่า throw up จะได้เป็นที่แรก ที่ได้นำมาเสนอ

“ ลองชิมก่อนนะคะ ”

“ เดี๋ยวผมขอแก้วให้ครับ ” เอ่ยบอกแบบนั้น ก่อนจะยกมือเรียนพนักงานที่อยู่ที่แถวนั้นพอดี “ น้องชาร์จ ”

“ ครับ พี่เมด ”

“ ขอแก้วเหล้าสามใบ คุณอาฟจะลองเทสเหล้า ”

“ ได้ครับ ” น้องพนักงานวิ่งออกไป เธอที่หันมองผม

“ คุณเมดพูดกับคุณอาฟห่างเหินจังเลยนะคะ เหมือนไม่ใช่แฟนกันเลย ”

“ ก็ในเวลางานน่ะครับ ก็ต้องพูดให้เกียรติกันเพราะอาฟเค้าก็เป็นเจ้าของผับ ”

“ มิกิก็แอบคิดไปไกลว่าปั้นเรื่องโกหกมิกิรึเปล่า ”

“ มันไม่จำเป็นที่ต้องทำขนาดนั้น ” คนที่นั่งข้างผมบอกก่อนจะสบสายตากับสาวสวยตรงหน้า “ หรือถ้าให้พูดตรงๆก็ต้องพูดว่า คุณไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ”

“ ไม่เอาน่า อย่าใจร้ายขนาดนั้นสิ ”

“ แก้วครับพี่เมด ” แก้วทรงตรงเตี้ยสามใบถูกยื่นมาให้ผม บรรยากาศภายในโต๊ะหยุดชะงักขึ้นทันที จะว่าไปก็รู้สึกแปลก ราวกับว่าทั้งอาฟกับคุณมิกิมีอะไรกันมากกว่าคำว่าคู่นอนแบบวันไนท์ ผมรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น

“ ขอบคุณครับ ” หันไปบอกน้องพนักงานที่ยิ้มรับก่อนจะเดินออกไป วางแก้วลงบนโต๊ะต้องหน้าเซลล์ที่เสนอเหล้าที่เทเหล้าให้อาฟชิมทีละตัว ผมนั่งมองอีกคนดื่มมันเข้าไปพร้อมด้วยท่าทางคิดตามถึงในสิ่งที่อีกฝ่ายบรรยายถึงรสชาติของมัน ว่าทั้งหอม ละมุน และมีรสชาติที่กลมกล่อม
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 39 :: up! 21-9-61} #หน้า 35
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 05-10-2018 20:57:45

“ ลองมั้ย ” อาฟยื่นแก้วมาให้ผม ที่ก็ตัดสินใจชิมไปนิดหน่อยทั้งสามแบบ ซึ่งข้อสรุปที่ได้จากการชิมมัน ก็บอกได้แค่ว่า ขม ขมหมดทุกแก้วเลย ไม่เห็นจะแตกต่างอย่างที่คนขายพูดสักนิด แต่อาฟมันเหมือนจะเห็นด้วยมั้ย ผู้ช่ำชองอย่างมันคงเข้าใจถึงรสชาติที่ได้ชิมนั่นเป็นอย่างดีว่าแตกต่างกันยังไง

“ เป็นไงบ้างคะ น้องเมด ”

“ ผมไม่ค่อยกินเหล้า ไม่รู้หรอกครับ  ” ส่ายหน้าเชิงปฎิเสธให้เธอที่ก็หัวเราะเยาะออกมา

“ ไม่ค่อยกินเหล้าแต่มาทำงานที่ผับ แบบนี้จะไหวเหรอคะ ” เธอบอก “ แปลกๆนะมิกิว่าน่ะ ”   

“ แปลกมากเหรอครับ ” ผมถามแบบหน้านิ่งอีกคนก็พยักหน้ารับ เอาจริงๆก็อยากจะถามเธอเหมือนกัน ว่ามึงเกลียดอะไรกูมากมั้ย คำพูดคำจาเหมือนจะหาเรื่องกันตลอด ทั้งๆที่ผมพยายามตอบเลี่ยงๆงานจะได้เสร็จไวๆ แล้วเธอจะได้ไปสักที

“ มิกิว่ามันก็แปลกนะคะ คนทำงานในผับก็ต้องรู้เรื่องเหล้าอะไรแบบนี้สิ ”

“ ไม่เห็นแปลก ” อาฟพูดขึ้นตอนที่วางแก้วอีกใบลงหลังจากที่ชิมมันเข้าไปอีกครั้ง “ ผู้จัดการร้านผมรู้จักเหล้าทุกตัว แนะนำเหล้ากับลูกค้าได้หมด แต่เค้าก็ไม่ใช่คนกินเหล้าอะไรมากมาย แล้วพนักงานเสิร์ฟส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่คนชอบกินเหล้าด้วย ก็แค่คนอยากทำงานพิเศษเพิ่ม ไม่ก็นักศึกษาหารายได้ทั้งนั้น ”

“ ปกป้องกันจังเลยนะคะ ” คนตรงหน้าบอกก่อนจะท้าวคางกับเข่าของตัวเองที่ยกขึ้นไขว่ห้าง เธอมองผม “ ชักอิจฉาคุณเมดแล้วสิที่มีคุณอาฟเป็นแฟน ”

“ ยังอยากจะขายเหล้ามั้ยครับคุณมิกิ ”

“ ดุอีกแล้วนะคะอาฟ ” สรรพนามเริ่มเปลี่ยนไป ผมเห็นคนสองคนจ้องตากันแล้วตอนนั้นก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่คิดมันต้องเป็นอะไรสักอย่าง

“ ขอโทษนะครับ ขอขัดหน่อย ” เสียงของคนมาใหม่เอ่ยทักขึ้น เจที่เดินขึ้นมาจากชั้นล่างกระซิบอะไรสักอย่างกับอีกคน ก่อนที่อาฟจะหันลงไปมองข้างล่างแล้วเจอเข้ากับกลุ่มคนกลุ่มนึงที่ดูเหมือนว่ากำลังจะมีเรื่องกัน เพราะผมเห็นพี่แบล็คก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย

“ คนใหญ่คนโตเค้ามีเรื่องกัน ” อาฟหันมากระซิบผมที่พยักหน้ารับ “ ไปกับกู ”

“ กูต้องไปด้วยเหรอ ” ผมถามอีกคนก็มองสาวที่อยู่ตรงหน้าเหมือนอาฟพยายามจะบอกว่า แล้วจะนั่งอยู่ให้อีกคนพูดถึงมัน ให้หงุดหงิดใจทำไม ไปด้วยกันดีกว่า

“ มึงไปเถอะ กูไปก็วุ่นวายเปล่าๆ กูทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ” บอกอีกคนแบบนั้นอาฟก็นิ่งไป ผมรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากปล่อยช่องว่างให้เกินขึ้น ทางนั้นคงรอเวลานี้ด้วยความใจเต้นเพราะอยากจะพูดโอ้อวดทุกอย่างกับผมอย่างหนำใจ และนั่นก็คือสิ่งที่ผมอยากรู้ เลยตัดสินใจที่จะอยู่ตรงนี้

“ แน่ใจนะ ” อาฟถามย้ำผมก็พยักหน้ารับ “ อย่าคิดมากแล้วกัน ” มันพูดทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนะจะเดินลงไปกับเจ ผมมองอีกคนเดินลงไปจนถึงชั้นล่าง อาฟพูดอะไรไม่รู้กับคนพวกนั้นผมไม่ได้ยินแต่มันไม่ใช่คำพูดยืดยาวเท่าไหร่ เพราะไม่นานคนทุกคนก็ยอมออกไปจากผับแต่โดยดี แต่เหมือนว่าก็คงไปเคลียร์กันต่อที่ข้างนอก

“ คุณอาฟนี่เท่ห์จังเลยนะคะ ” คนตรงหน้าพูด ผมก็หันไปมองเธอ “ ลงไปแปปเดียวก็จัดการได้แล้ว ”

“ คุณมิกิ เป็นเซลล์มานานแล้วเหรอครับ ” ผมชวนคุยอีกฝ่ายก็ยิ้ม

“ ประมานสองปีกว่าๆแล้วค่ะ ก็ตั้งแต่ throw up เปิดใหม่ๆ ” เธอบอกก่อนจะมองไปรอบๆ “ เมื่อก่อนไม่มีชั้นสองตรงนี้นะคะ จำได้ว่าเป็นแค่พื้นที่โล่งๆ ไว้ให้แค่ดีเจเล่นแผ่นขึ้นมาแสดง แต่ส่วนใหญ่มิกิไม่ค่อยอยู่ชั้นสองหรอกคะ มาทีไรอยู่ชั้นสามตลอด ”

“ อ๋อ ” คือจะบอกว่า มาทีไรมาเอากันตลอดนั่นเองสิครับ ผมตอบอีกคนในใจ

“ คุณเมดคงเห็นสินะคะว่ามันมีเตียงอยู่ ”

“ ครับ แล้วผมก็รู้ด้วยว่ามันเคยถูกใช้ทำอะไร ” ดักความคิดของเธอที่จะพูดก่อนจะยิ้มให้

“ เคยถูกใช้ทำอะไรเหรอคะ ” เธอถามผมด้วยแววตาที่เหมือนกำลังจะต้อนให้จนมุม ท่าทางที่บอกว่า ฉันนี่แหละคือคนที่เคยร่วมหลับนอนกับเค้าบนเตียงนั่น

“ อาฟ เจ น้องเดย์แล้วก็น้องอัยย์ เวลาวันไนท์กับใครก็ชอบขึ้นไปเอากันที่ชั้นสาม พวกไม่จริงจังนะครับเลยอยู่ได้แค่ตรงนั้นแหละ ”

“ งั้นเหรอคะ ” เสียงตอบกลับนิ่ง แววตานั่นสั่นเบาๆตอนที่ฟังผมพูด

“ แต่ผมไม่เคยนะครับ ” โบกมือไปมาต่อหน้าเธอด้วยรอยยิ้มกว้าง “ เพราะอาฟบอกว่าตรงนั้นมีไว้แค่คนที่มันไม่จริงจังด้วย ซึ่งนั่นไม่ใช่ผม ”

“ ร้ายเหมือนกันนะคะคุณเมด  ” เธอพูดตอนที่จ้องหน้าผมด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป แต่ผมก็แค่ยิ้มไม่ได้ตอบกลับอะไรออกไปทั้งนั้น “ แต่ว่าจะนับว่ามิกิเป็นวันไนท์ก็ไม่ถูกนะคะ เพราะทุกครั้งที่มาเสนอเหล้า ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะไม่ได้ใช้บริการเตียงนั่น อ้อ ลืมไป ไม่ใช่แค่เตียงนั่นสิ รอบนอกที่โรงแรมหรู ก็เคยนะคะ ”

“ แล้วครั้งล่าสุดเมื่อไหร่เหรอครับ ”

“ ก็คงสักห้าเดือนที่แล้ว ” เธอว่ายิ้มๆก่อนจะท้าวคางมองผมแล้วยิ้มให้

“ งั้นก็แค่อดีต ผมเพิ่งคบกันอาฟได้แค่สามเดือนเอง  เพราะงั้นเราควรอยู่กับปัจจุบันถูกมั้ยครับ ” เธอหุบยิ้มลงส่วนผมก็ยิ้มตอบกลับไป “ ผมไม่รู้ว่าคุณมิกิคิดยังไงกับผม แต่ผมว่าเราเลิกพูดเรื่องอดีตไร้สาระนี้เถอะครับ  การที่คุณเอาอดีตมาพูด มันไม่ได้ทำให้คุณชนะนะครับ แต่กลับกัน ผมรู้สึกคุณไม่มีค่ามากๆเลย เหมือน..” เลือกที่จะเว้นเสียงไปพลางมองพิจารณาคนตรงหน้า “ ขอโทษนะครับ แต่คุณดูง่ายมากๆ เหมือนถ้าจะเอาก็ให้เอา ซึ่งผมมองว่าอาฟที่ตอนนั้นไม่มีแฟน มันคงไม่พลาดโอกาสนี้หรอกครับ ของฟรีไม่ต้องจ่ายเงิน คุ้มจะตายไป ”

“ นี่ คุณกำลังดูถูกฉันนะ ” อีกคนพูดเสียงนิ่งผมก็ได้แต่ยิ้ม

“ ลองคิดดูให้ดีก่อน ว่าผมดูถูกคุณ หรือ คุณกันแน่ที่กำลังดูถูกตัวเอง ตั้งแต่ที่นั่งคุยกันมากี่ครั้งที่คุณพูดสื่อถึงเรื่องอย่างว่า กี่ครั้งที่คุณรู้สึกว่าเรื่องแบบนั้น คุณเหนือกว่าผม ทั้งๆที่คุณไม่รู้หรอกว่าคุณไม่มีอะไรที่เหนือกว่าผมเลย ” เว้นเสียงที่บอกอีกคนไป ผมยิ้มให้เธอ “ คุณมิกิเงียบแล้วก็ขายเหล้าไปเถอะครับ อย่าให้ผมต้องหงุดหงิด เพราะถ้าผมหงุดหงิด ผมจะไม่ให้อาฟสั่งเหล้าคุณแล้วไปดีลกับเจ้าอื่นแทน เงินทั้งนั้นนะครับ คิดให้ดี ”

“ คุณเก่งนะคะ ” อีกคนบอกก่อนจะพิงร่างลงกับโซฟาตัวที่นั่ง “ ใช้มารยาเก่งมากเลย เหมือนรู้ว่าควรทำอะไรตอนไหน และไม่ควรทำอะไรตอนไหน นี่ฉันชมจากใจเลยนะคะ เก่งมากจริงๆ ”

“ ครับ ” ผมไม่ได้ตอบอะไรมากกว่านี้ จะบอกว่าตัวผมเองก็ไม่ได้รู้สึกคิดต่างจากที่อีกคนพูดเท่าไหร่นัก แต่จะพูดว่ามารยาก็คงจะเป็นคำที่ดูเกินไปหน่อย เพราะผมแค่ไม่ชอบโดนรังแกก็เท่านั้น ในเมื่ออีกฝ่ายคิดจะทำร้ายความรู้สึกผมก่อน แล้วแบบนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องนั่งนิ่งให้ตัวเองจมลงไปกับความรู้สึกแย่ที่อีกฝ่ายปลุกปั่น

“ แต่มีอย่างหนึ่งที่อยากจะบอก การเป็นตัวจริง ก็เหมือนอยู่บนที่สูง ระวังไว้นะคะ ว่าตกลงมา มันเจ็บ ” เธอย้ำคำสุดท้ายกับผมก่อนจะยิ้มให้ “ แล้วอีกอย่างคุณอาฟน่ะ เค้าชอบความร้อนแรง นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมสำหรับเรามันถึงไม่ได้จบแค่วันไนท์สแตน คุณเมดน่ะ เก่งพอจะจับผู้ชายคนนี้อยู่เหรอคะ ไฟมันร้อน ไม่มีใครถือไว้ได้นานหรอกค่ะ ”

“ งั้นก็ดับไฟสิครับ อย่าโง่ ”

“ หึ ” เธอหลุดหัวเราะก่อนจะยกยิ้มตอนที่ผมสวนกลับ “ คุณเมด ไฟไม่ได้ลุกโชนไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ร้อนนะคะ รอเวลาลมพัดก่อนเถอะ มันลุกโชนขึ้นมาเมื่อไหร่ คุณที่อยู่บนที่สูงก็ระวังตกลงมาแล้วกัน ฉันน่ะเตือนด้วยความหวังดีนะคะ ”

“ งั้นก็ขอบคุณมากครับ ”

ไม่มีคำพูดอะไรที่หลุดออกมาจากปากของเราอีก มันไร้การโต้เถียงมีแค่เราที่ยังคงมองหน้ากันอยู่แบบนั้น ผมเข้าใจความหมายของคำพูดนั่นดี คำที่เธอบอกว่า เธอเตือนผมด้วยความหวังดี

‘ ยังไม่เคยทำให้อะไรอีกคนโกรธ ยังไม่เคยถูกลดความสำคัญ ก็อย่ามั่นใจอะไรให้มาก ว่าแค่การที่เค้ารักจะควบคุมเค้าได้ทุกอย่าง เพราะความจริงแล้ว ผมต้องคิดไว้เสมอว่า อาฟ ไม่ใช่คนที่ผมจะควบคุมได้ ไม่รู้ว่าถ้าวันนึงมันเกิดโกรธผมขึ้นมา แค่คำพูดที่อธิบายด้วยเหตุผล จะพอรั้งมันไว้ให้อยู่ได้หรือเปล่า ’ 

“ ขอโทษครับ ช้าไปหน่อย ” เสียงของอาฟที่เดินเข้ามาหย่อนตัวลงนั่งข้างผมที่ก็หันไปมองหน้ามัน ผมกำลังคิดถึงที่คุณมิกิกำลังพูด  เธอเปรียบเทียบตัวตนของอีกคน ได้ชัดเจนมากจริงๆ ‘ อาฟเหมือนไฟ ที่แม้จะสงบ แล้วให้ความอบอุ่นมากแค่ไหน แต่เมื่อลมพัดแรงไฟนั่นก็พร้อมจะลุกโชน และแผดเผาทุกอย่างให้ราบไป ’  แล้วบางทีนั่น ก็อาจจะเป็นความรู้สึกของผม ก็เป็นได้

“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะมิกิก็คุยกับคุณเมดกำลังเพลินเลย” คุณมิกิตอบ ก่อนจะพูดเข้าเรื่องเหล้าทั้งสามตัวที่กำลังตั้งอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง รายละเอียดของการสั่งในส่วนสรุป อาฟตัดสินใจสั่งมันมาลองขายแบบละ 3 โหล จบการขายคุณมิกิก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณอีกคน “ งั้นมิกิขอตัวกลับก่อนนะคะ พอดีมีเสนอขายเหล้าต่ออีกผับหนึ่ง ”

“ ครับ ”

“ ไว้เจอกันนะคะอาฟ ” สาวสวยเดินออกมาเธอจับแขนอีกคนก่อนจะกระซิบ “ วันที่คุณเมดไม่อยู่แล้วน่ะ ”

“ หมายความว่าเราจะไม่เจอกันแล้วงั้นเหรอ ” อาฟบอก คนตรงหน้าก็หลุดหัวเราะ

“ อย่ามั่นใจอะไรขนาดนั้นสิ ทะเลาะกันแรงๆสักครั้งก่อน แล้วค่อยพูดน่าจะดีกว่านะคะ ” เธอก้มหน้าลงก่อนจะปล่อยมือลงจากแขนอีกคน คุณมิกิเอียงหน้ามาหาผม “ กลับนะคะคุณเมด ไว้เจอกันค่ะ หวังว่ารอบหน้าจะยังมั่นใจแบบนี้อยู่อีกนะคะ ”

“ ครับ ” ตอบเธอสั้นๆ อีกคนก็เดินไป อาฟหันมามองหน้าผมมันมีคำถามมากมายอยู่ในนั้น

“ ตอนกูไม่อยู่คุยอะไรกัน ”

“ หลายเรื่อง ” ผมบอกมันก่อนจะหยิบเอาไอแพตขึ้นมาถือแล้วทำทีจะเดินออกไป ยอมรับความโคตรปวดหัวแถมยังมีอาการไม่สบายใจแทรกซ้อนอีก

“ เล่าให้ฟังหน่อย ” มือหนาดึงแขนผมที่กำลังเดินออกไปไว้ เผลอถอนหายใจออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ที่ชั้นสามนะ ตรงนี้จะได้ว่าง ลูกค้าจะได้เข้ามานั่ง ”

“ อื้ม ”

นั่งลงบนโต๊ะของตัวเองตอนที่เดินมาถึงชั้นสาม ผมมองเตียงนั่นจนอาฟเดินเข้ามายืนบังมันไว้ ใบหน้าคมก้มลงมามองกันก่อนจะถามย้ำ

“ มันคุยอะไรกับมึง ”

“ มึงกับคุณมิกิไม่ใช่แค่วันไนท์ใช่มั้ย ” ผมถามอีกคนก็เลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้ารับตามตรง

“ เคยเอากันประมาน 5 ครั้งมั้ง ล่าสุดเจอกันงานแต่งพวกเจ้าของผับ แล้วก็เปิดห้องเอากันที่โรงแรมจัดงาน ”

“ มึงตรงไปมั้ยวะอาฟ ” บอกมันยิ้มๆก่อนจะถอนหายใจ ก็รู้ว่าอีกคนเป็นคนไม่ปิดบัง ถ้าถามอาฟจะตอบหมดเพื่อให้สบายใจ แต่บางทีมันก็ตอบแบบตรงไป ตอบเหมือนผมถามมันว่า วันนี้ไปเรียนเป็นยังไงบ้าง

“ กูไม่ชอบตอแหล แล้วถ้าถามว่าทำไมเอากันบ่อย ก็มันชวนกู เสนอเหล้าทีปกติจะชอบมานั่งใกล้ๆแล้วก็นัวเนียกันสุดท้ายก็เอากัน วันงานแต่งเมื่อห้าเดือนก่อนก็เป็นแบบนั้น เราคุยกัน มันชวนกู กูไม่มีธุระไปไหนต่อพอดี ก็เลยไปต่อ ”

“ ไม่มีเหตุผลอื่นเหรอวะ ”

“ ลีลาเด็ด นมใหญ่ ตูดก็ใหญ่ ” ขมวดคิ้วมองมันที่ก็ยักคิ้วให้ “ คิดมากเรื่องอะไร อย่าบอกนะว่ามันเอาเรื่องนี้มาพูดข่มมึง ”

“ ก็ใช่ แต่กูไม่ได้คิดมากเรื่องนี้นะ คือเข้าใจว่าอดีต แล้วเรื่องที่มันอวดคือ อวดกูว่าเป็นคู่นอนมึง ทั้งๆที่มึงไม่เคยจริงจังกันมัน แล้วถ้ากูโกรธมึงเรื่องนี้ กูว่ามันคงไม่ใช่วะ ”

“ แล้วเรื่องอะไร ” อาฟถามผมก็เงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ ถอนหายใจออกมาก่อนจะก้มหน้าลงแล้วเอาหัวชนอกของอีกคน เงียบอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะบอก

“ เค้าบอกว่ากูยังไม่เคยทะเลาะกับมึงแบบแรงๆ อย่ามั่นใจมันมากว่าตัวเองสำคัญกับมึง เพราะสักวันกูอาจจะถูกลดความสำคัญลงก็ได้ สักวันอาจจะไม่มีความสำคัญอะไรกับมึงอีก ”

“ ปัญญาอ่อน ” ผมบอกก่อนจะยกยิ้มแล้วส่ายหน้า “ เมื่อไหร่จะเลิกสักทีไอ้นิสัยกังวลอนาคต ”

“ มึง ถ้าวันนึงกูทำให้มึงโกรธ มึงจะทำยังไงกับกูวะ ” เงยหน้ามองหน้ามันที่ก็นิ่งไม่ได้ตอบอะไร “ มันจะเป็นยังไงถ้ามึงโกรธกูมากๆ ”

“ ไม่รู้ ” อาฟบอกสั้นๆ “ มันยังไม่เกิด กูบอกไม่ได้หรอก แต่ที่บอกได้ก็คือ มึงรู้ว่าอะไรที่กูชอบ แล้วกูไม่ชอบ เพราะฉะนั้นมึงเลือกได้ว่าจะทำหรือไม่ทำ แล้วถ้ามึงเลือกทำในสิ่งที่กูบอกแล้วว่าไม่ชอบ มึงก็ต้องรับผลของมัน ทุกอย่างมันก็แค่นั้น ”

“ มันเหี้ยมาก ตรงที่กูซัดแม่งจนเหมือนชนะแล้ว กูไม่ได้หึงเลยถึงมันจะพูดว่ามันจะเคยนอนกับมึงเพราะกูก็รู้ว่ามันเป็นอดีตแล้วตอนนี้คือมึงก็มีแค่กู แต่สุดท้ายกูแม่งมาตายเพราะมันพูดว่า ให้กูระวังมึงไว้ให้ดี คือแม่งความรู้สึกมันแบบ กูไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย ไม่อยากจะไม่สำคัญกับมึง กูอยากเป็นคนที่สำคัญกับมึงไปตลอด ”

“ งอแงเหี้ยอะไร ก็ให้เป็นอยู่นี่ไงครับ ” หลุดยิ้มออกกมาในท้ายที่สุด ผมถอนหายใจใส่มันเฮือกใหญ่อาฟสบตากับผม ที่ตอนนั้นเอื้อมมือไปกอดคอมันเอาไว้ ‘ ผมว่า ผมไม่ควรกังวลเรื่องอนาคตให้มันมากเกินไป เดี๋ยวมันจะทำลายความสุขของวันนี้ไปจนหมด ’

“ น้องเมดเขินพี่อาฟพูดครับจังเลยว่ะ ” กอดคออีกคนไว้ตอนที่ซบไปที่ไหล่ ผมคิดอะไรขำๆขึ้นมา “ ต่อไปถ้ามึงพูดครับ กูจะเรียกมึงว่า พี่อาฟ แล้วแทนตัวกูว่าน้องเมด ดีมั้ย ”

“ ปัญญาอ่อน ” อีกคนบอกปัดแบบนั้น ผมก็ดึงตัวเองออกมามองหน้ามันแล้วถามความเห็น

“ มึงไม่ชอบ ”

“ จะทำก็เรื่องของมึง.. สิครับ ” ท้ายเสียงแสนเบาผมหลุดขำก่อนจะกอดคอมันไว้แน่นด้วยความมันเขี้ยวในความขี้เก็กนั่น

“ พี่อาฟแม่ง น้องเมดยอมแล้วครับ ”

“ ดี ”

“ มึงแม่งปากแข็งสุดยอดจริงๆ ” ดึงตัวเองออกห่างจากมันแต่ยังไม่ทันจะพูดแซวว่ามันชอบจริงๆ เวลาให้ผมเรียกมันว่าพี่แล้วแทนตัวเองว่าน้อง ริมฝีปากที่ผมบอกว่าแข็งนั้นก็จูบลงบนสิ่งเดียวกันนั่นคือริมฝีปากของผม ภายใต้ความเงียบของชั้นสาม ตอนนั้นอาฟถามผมเสียงเบาหลังจากที่มันผละจูบออกจากกัน

“ แข็งมั้ย มึงคิดว่าไง ”

“ ร้ายนักนะ อารยะ ”  แล้วตอนนั้นผมก็ได้คำตอบว่าริมฝีปากนั้น อบอุ่นเหลือเกิน

......................................................................

ถ้าถามว่า ไอ้ที่เกริ่นมาเมื่ออาทิตย์แล้วคืออะไร.. คำตอบคือ บ้า แกอะคิดมาก
จริงๆ ก็รู้สึกว่ามันคือน้ำ ไม่มีเนื้อหาอะไรเป็นพิเศษ แต่ อยากจะบอกว่า ทุกบรรทัดที่เขียน
คือแฝงทุกสิ่งไว้หมดแล้ว เพราะมันกำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของเรื่องแล้วจ้า ซึ่งจะไม่บอกว่าเป็นยังไง

ส่วนการหึงของน้องเมด ตอนแรกก็อยากจะเขียนให้หึง แต่หนมรู้สึกว่ามันไม่ใช่เมดเท่าไหร่ เมดเป็นคนมีสติในจุดนึง ซึ่งความรักกับพี่อาฟที่ให้เค้าคือ ชัดเจน มันแทบไม่มีอะไรต้องหึงเลย  แตกต่างกับเจวิวก่อนหน้านี้ที่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่เลยมีอาการ อยากให้เห็นความต่างกันของสองคู่ด้วยละ ภาพจะได้ชัดขึ้น

อาฟเมดน่ารักเนอะ ชอบอะ ความแฟนที่รักกัน แกล้งกัน ความสุขกัน บ้าจริง สีชมพูอบอวลไปหมด

อาทิตย์ที่แล้วขอโทษที่ไม่ได้อัพนะคะ หนมมี่เสียใจ พอดีไปงานแต่งเพื่อนมาเลยแต่งไม่ทันน่ะ TT

สุดท้ายนี้ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า   :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-10-2018 21:30:46
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 05-10-2018 22:09:07
น้องเมดอย่าคิดมาก  ส่วนพี่อาฟก็นับวันน่ารักขึ้นนะนี่  :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 05-10-2018 22:44:30
น่ารัก หวานกันจนน่าอิจฉา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-10-2018 22:59:43
อ่านไปลุ้นไปว่าเมดจะหึงมั้ย แต่สุดท้ายไม่หึงก็คิดเหมือนกันว่านี่แหล่ะความเป้นเมด ตอนท้ายยังมาหวานกันอีก โอ๊ยสำลักความสุข
แต่พอมาพูดถึงโค้งสุดท้ายก็แอบกลัวอยู่หน่อยๆ อาฟนี่เป็นไฟจริงๆนั่นแหล่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-10-2018 23:06:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-10-2018 00:04:56
เขินกันไป เขินกันมา
หึงเล็กๆกรุบกริบ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 06-10-2018 00:40:55
พี่อาฟน้องเมด ตายแน่ๆ น่ารักตายไปเล้ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 06-10-2018 00:41:10
        อาฟไม่เลิกรักเมดง่ายๆหรอกอย่าบ้าตามปากมิกิ
        อาฟแอบรักเมดมาตั้งแต่ม.ปลายไม่ใช่มารักตอนสามเดือนที่อยู่ด้วยกัน
        ดีแล้วที่เมดดึงสติได้ไม่หลงกลมิกิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 06-10-2018 01:25:39
ฮือ...อารยะ ฉันรักเค้าาาาา
นี่รอเพื่อนพี่อาฟกลับมาจากนอกมากมาย อยากให้น้องเมดรู้ว่าพี่อาฟรักเมดมากขนาดไหน
อยากรู้ว่าเมดจะคิดมากกับอดีตที่ผิดที่ผิดเวลาด้วยรึเปล่า รอร้อรอออ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 06-10-2018 01:38:31
จากที่เขียนไว้ เดาเอาว่า มันต้องมีอะไรทำให้เมดทำให้อาฟไม่ชอบ ทั้งที่บอกแล้ว โดยเฉพาะความวิตกจริต ขี้กังวลในอนาคต คิดว่าตัวเองไม่สำคัญ
แต่อาฟอารยะก็รักเมดของเขามาตลอด รักมานานแล้ว
เพื่อน เพื่อนคนนั้น น่าจะเป็นคนมาไขมายืนยันให้เมดเข้าใจและรับรู้ ออกโรงได้แล้วพ่อ key person กลับมาจากเมืองนอกได้แล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-10-2018 03:02:46
อยู่ที่คนกลางแล้วล่ะว่า ถ้าชะนีมันโหยหวนเรียกหา จะไปตามเสียงร้องไหม  :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 06-10-2018 05:32:12
มิกิเธอนิสัยไม่ดี เธอควรปรับปรุงตัวเองโดยด่วน
เมด ที่เป็นกังวลก็เพราะรัก อยากให้เมดมีแต่รอยยิ้ม แต่ชอบอาฟมากๆเลยค่ะ ชัดตรง ทุกประเด็น
จะโค้งสุดท้ายแล้วเหรอค่ะ อยากอ่านอาฟกับเมดไปอีกนานๆๆเลยค่ะ ไม่อยากให้ไปไหนเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 06-10-2018 06:23:16
จะเข้าโค้งสุดท้ายนี้คือเมดจะรู้แล้วใช่ไหมว่านมรสนั้นแท้จริงเป็นของใคร คงไม่ทะเราะกันขั้นรุนแรงนะ คุณหนมอย่าให้มันเป็นม่ามาชามโตเลยนะ โอ้ย!ไม่อยากจะคิด :mew6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: poi12111 ที่ 06-10-2018 12:45:22
ความรักที่หวานในแบบคุณอารยะ อ่านแล้วมีความสุข อมยิ้มได้ตลอดเวลา น้องเมดนิสัยโครตน่ารัก ติดที่เป็นคนคิดมากไปหน่อย อาจเป็นเพราะเคยเจ็บกับความรักครั้งก่อน มาจนแสนสาหัส ก็คงไม่อยากเสียใจอีก แต่นิสัยพี่อาฟเป็นคนปากร้ายเว่อร์ อย่าเกรี้ยวกราดใส่น้องเมดหนักนะ ไม่รู้เมดจะเจอความดาร์กพี่เค้าแบบไหน กุมพระไว้รอ ..อดีตที่เคยเจ็บ แอบรักมานานหลายปีกับสามเดือนของการเป็นแฟนกัน อย่าทำมันพังนะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 06-10-2018 15:16:01
โอยยยยย เมด อิพี่มันแอบรักแอบตามมานาน

ตอนนี้ทันสมหวังอล้ว มันจะไม่รักษาไว้ได้ไง

อย่าคิดมาก อนาคต ยังมาไม่ถึง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-10-2018 15:34:29
จากอาฟจะโกรธเมด นี่คิดว่าเมดจะโกรธอาฟมากกว่านะ
โดยเฉพาะเรื่องที่อาฟเป็นคนซื้อนมให้เมดไม่ใช่บักบิน



 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-10-2018 17:17:54
น่ารักมาจ๊ะพี่อาฟจ๋า 555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 06-10-2018 17:47:33
คิดว่าตอนนี้คือแบบว่าบึ้มแน่ๆ
และก็บึ้มจริง หึๆ เตียงแทบหัก
ส่วนเรื่องหึงนั้น น้องเดย์เป็นผู้ชนะ
คนอะไร เก็บอารมณ์เก๊งเก่ง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-10-2018 18:04:00
โล่งใจ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-10-2018 18:24:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-10-2018 00:40:48
เมดสตรองมาก~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-10-2018 10:53:35
อาฟชัดเจนอยุ่แล้ว

ยิ่งตอนถาม แล้วเล่าแบบหมดเปือกขนาดนั้น


ไม่รุ้จะหึงหรือมั่นไส้ดี


5555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 08-10-2018 12:17:22
เราเชื่อใจพี่อาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-10-2018 22:36:53
มีเหตุผลสมเป็นน้องเมดและมีความตรงสมกับเป็นพี่อาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 12-10-2018 01:34:12
นี่มันคลื่นใต้น้ำชัดๆ ฮือออออออ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 12-10-2018 20:24:15
ตอนที่ 41

“ สีหน้าของคนรวยมันจะประมานนี้เองเหรอวะ ” ท่าทางน่าหมั่นไส้ของน้องเดย์กำลังยกมือขึ้นลูบคางตัวเองแล้วเอียงซ้ายเอียงขวาพิจารณาใบหน้าของตนผ่านกระจกที่ตกแต่งของส่วนบาร์ มือข้างนึงถือเงินเป็นหมื่นกำมันไว้แน่นก่อนจะถอนหายใจแล้วคลี่นับมันทีละใบด้วยความเชื่องช้าก่อนจะพับเก็บมันใส่กระเป๋าไป แต่ก็ไม่วายหันมาพูดอวดคนที่นั่งอยู่อย่างเจแล้วก็น้องอัยย์ที่ก็ยืนมองอยู่ข้างๆแบบเซ็งๆ “ ขอบคุณมากนะครับสำหรับเงิน ”

“ กูฝากสักทีอัยย์ ” เจพูดแบบนั้นและไม่ต้องรอนานเท้าของน้องอัยย์ก็ถีบเข้าไปด้านหลังของน้องเดย์แบบเต็มๆ อีกคนที่ก็เซไปจนเกือบล้มแต่ถึงอย่างงั้นก็มีแต่เสียงหัวเราะของความสุขที่ได้เป็นผู้ชนะในการพนันครั้งนี้

“ มีความสุขจริงโว้ยยยยยย ฮ่าๆ ”

“ อย่าลืมเลี้ยงหนมพี่เมดนะเว้ยน้องเดย์ ” ผมบอกอีกคนก็ยื่นมือทั้งสองข้างมาหยิกแก้มด้วยรอยยิ้มแบบตาปิดก่อนจะพูด

“ ได้เลยจ้า พี่จะเหมาร้านเครปทั้งร้านให้หนูเมดก็ย่อมได้ ”

“ หมั่นไส้ชิบหายไอ้สัด ” เจพูดยิ้มๆ มือยกเบียร์ในขวดตรงหน้าขึ้นกินแล้ววางด้วยความรู้สึกเซ็งอย่างที่สุด แต่มันก็ไม่แปลกหรอก ลงทุนพนันไปตั้งห้าพันในฝั่งที่คิดว่าตัวเองต้องชนะแน่นอน แต่สุดท้ายต้องมาแพ้แบบนี้ เป็นใครมันก็ต้องรู้สึกเซ็งเป็นธรรมดา

“ กูแม่งยอมลงทุนห้าพันเพราะเชื่อใจเด็กวิวแท้ๆ ” น้องอัยย์ว่าก่อนจะส่ายหน้าไปมา แล้วตอนนั้นมือของน้องเดย์ก็กอดคอเพื่อนสนิทไว้

“ เพื่อนรัก คนที่มึงไม่ควรเชื่อที่สุดคือ เด็กวิว จำไว้นะ เพราะมันชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง คิดว่าใครๆก็ต้องเป็นแบบมัน มันหึงไอ้พี่เจแบบงี่เง่า พี่เมดก็เลยต้องหึงสัดพี่ตามแบบงี่เง่า แต่มันจะเป็นไปได้ไง ในเมื่อพี่เมดกู น่ารัก ใจดี มีเหตุผลขนาดนั้น เนอะพี่เมดของน้องเดย์เนอะ  ” ท้ายประโยคที่หันมายิ้มให้ผมที่ก็ต้องหลุดยิ้มทันทีก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ เลียจนหน้าแข้งไอ้เมดเนียนไปหมดแล้วสัดเดย์ ” เจบอก แต่เหมือนอีกคนจะได้สนใจอะไรทำได้แค่ยักไหล่แบบเหนือกว่าเท่านั้น ก็คงอย่างที่ใครเคยบอก ถ้าเราชนะเราจะทำอะไรก็ได้ เพราะไม่ว่ายังไงเราก็ชนะ  “ แล้วทำไมมึงถึงคิดว่าไอ้เมดมันจะไม่หึง ”

“ เออ อันนี้กูก็อยากรู้ ” ผมบอกก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมอีกคนคิดไม่เหมือนคนอื่น ทั้งๆที่ถ้ามองไปในแง่ของความเป็นจริงก็แทบจะเป็นไปไมได้ถึงเรื่องที่ผมจะไม่หึง ไม่มีใครนั่งนิ่งในตอนที่โดนคู่นอนเก่าของแฟนพูดอวดได้หรอก ขนาดผมยังอยากจะลุกขึ้นแล้วถามว่า ‘ มึงเป็นอะไรมากมั้ย ’ ตั้งหลายครั้ง

“ หรือเพราะว่ามึงวางแผนกับเฮียเอาไว้ ” น้องอัยย์หันไปมองเพื่อนตัวเอง “ คนชั่วๆอย่างมึง มันต้องใช่แน่ ”

“ เป็นไปได้ ” เจจ้องอีกคนที่ทำทีเป็นถอนหายใจก่อนจะตอบ

“ ถ้าพวกมึงใช้สมองที่มีอยู่น้อยนิดใคร่ครวญดูสักนิดว่า ถ้าเกิดกูแค่ไปบอกกว่าจะทำ สัดพี่มันจะยอมทำมั้ยกับการที่พวกเราไปเล่นกับความรู้สึกของพี่เมด แฟนสุดที่รักของมัน ” ผายมือมาทางผมก่อนจะเอียงมองหน้าเจทีนึงแล้วก็น้องอัยย์อีกทีนึง “ ดีไม่ดีมันจะมาจัดการพวกมึงอีก ที่มาพูดให้พี่เมดฟังว่าเซลล์ขายเหล้าเคยเป็นคู่นอนมันจริงมั้ย ”

“ ก็จริงของมึง ” น้องอัยย์คิดตามแล้วพยักหน้ารับ “ แล้วทำไมมึงถึงมั่นใจนักวะ ว่าพี่เมดจะไม่หึง ”

“ แล้วมันมีอะไรต้องหึง พวกมึงคิดว่าสัดพี่มันจะทำให้พี่เมดเสียใจเหรอวะ ทั้งๆที่มันก็รู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไง มันก็ต้องเลือกที่จะปกป้องพี่เมดก่อนสิ จริงมั้ย ” น้องเดย์ถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ ไม่ฉลาดเลยพวกมึง คิดง่ายๆ ไม่ต้องคิดเยอะ ยกตัวอย่างเช่นมึงพี่เจ สมมุติว่าพี่เบลแฟนเก่ามึงอีกคนมาเจอมึงโดยบังเอิญในตอนที่มึงอยู่กับเด็กวิว แล้วพี่เบลเค้าก็มากอดแขนมึงแบบว่า ‘ เจเป็นยังไงบ้าง พาน้องมากินข้าวเหรอคะ ’ ” คนพูดออกท่าทางไปจับแขนน้องอัยย์ทำท่าทางไม่ต่างจากผู้หญิงจนผมหลุดหัวเราะ

“ ขนลุกไอ้สัดเดย์ ” คนโดนกอดบอกก่อนจะดึงมือตัวเองออกทำท่าทางเหมือนรังเกียจ

“ นั่นแหละ ถ้าเป็นมึง มึงจะพูดอะไรในตอนนั้น มึงก็ต้องพูดว่า ‘ เบลมาคนเดียวเหรอ เจมากับแฟนชื่อวิวนะ ’ มึงต้องพูดแบบนี้เพื่อให้แฟนมึงรู้สึกว่า เราไม่ได้เกรงใจแฟนเก่าจนไม่กล้าแนะนำเค้ากับแฟนใหม่จริงมั้ย  มึงต้องทำให้เค้ามั่นใจว่าเราไม่ได้แคร์เค้าเลย แล้วในกรณีสัดพี่ที่รักที่หลงพี่เมดขนาดนั้น มันก็ต้องคิดแล้วว่าจะทำยังไง ตอนที่เจอกัน เพื่อให้พี่เมดรู้สึกว่า มันไม่ได้สนใจเซลล์คนนั้นแล้ว ซึ่งมันก็ต้องแสดงออกแบบชัดเจนในระดับนึงอะ ”

“ จากใจนะ ” เจพูดขึ้นหลังจากอีกคนพูดจบ “ อยู่ๆมึงก็ฉลาดขึ้นมา กูแม่งไม่ค่อยชินเลย ”

“ สัด ” ผมหลดหัวเราะออกกับคำสบถของน้องเดย์ “ แต่มันเป็นเรื่องปกติของคนมีความรักเปล่าวะ กูแค่คิดว่าถ้ากูมีคนที่จริงจังด้วย กูก็คงทำแบบนี้ กูคงไม่อยากจะให้เค้าคิดมากเรื่องเก่าๆกับกู เพราะปัจจุบันกูก็รักแค่เค้าอะ ”

“ เฉียบ ” เจยกนิ้วโป้งให้น้องที่ก็กอดอกตัวเองแล้วเชิดหน้าขึ้นทันที

“ หล่อเลยกู ”

“ งั้นเฮียก็ต้องรักซ้อมากเลยอะดิจริงมั้ย ไม่งั้นจะปกป้องพี่เมดจากทุกความรู้สึกที่จะทำให้พี่เมดเสียใจได้อย่างไรกัน ” เสียงล้อที่มาพร้อมกับแววตาของคนทั้งสามคนที่หันมายิ้มล้อเลียนผมที่ก็ทำทีเป็นหันไปมองทางอื่นแบบไมได้สนใจอะไร ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเอง ก่อนจะทำทีเป็นเขียนงานไปเรื่อย

“ ทำเป็นไม่สน แต่แก้มแดงไปหมดแล้วครับคุณเมด ” เจแซว ผมก็หันไปมองด้วยหางตาก่อนจะพูดหยิบกระดาษที่อยู่แถวนั้นขึ้นมาพัดหน้าตัวเอง

“ ร้อน ”

“ เปลี่ยนมุกบ้างพี่เมด ” น้องเดย์บอกก่อนจะยักคิ้วยิ้มๆ “ ทางที่ดีบอกออกมาเลย อะไรของพวกมึงว่ะ กูเขินนะไอ้สัด ”

“ เหรอ ” ผมหันไปตอบรับคำพูดของน้อง “  งั้น...  เออ กูเขินนะเว้ย พวกมึงแม่งเลิกมองกูได้แล้ว ใจจะหลุดออกจากอกแล้วตอนนี้ ยิ่งพูดยิ่งมีความสุขไอ้สัด ” บอกแบบนั้นเสียงดัง ก่อนเสียงหัวเราะของคนทั้งสามคนจะดังขึ้นมาเพราะไม่คิดว่าผมจะทำตามความคิดเห็นของน้องเดย์

แต่จริงๆมันก็รู้สึกแบบนั้น ยิ่งได้ฟังคำพูดที่ว่า ‘ ก็เพราะรักมาก เลยอยากปกป้องจากทุกความรู้สึกที่จะทำให้
เสียใจ ’ แล้วพอคิดถึงการกระทำทุกอย่าง หัวใจของผมมันก็ฟูขึ้นมาไม่ต่างอะไรกับลูกโป่งถูกเป่าลมที่ล่องลอยไปในอากาศ มีความสุขมากจนอยากจะเดินขึ้นไปบนห้อง แล้วกอดคนที่ตอนนี้คงนั่งดูหนังอยู่ หอมแก้มอาฟสักสิบฟอด ถ้าไม่ติดว่าอาฟคงลำบากเก็กหน้านิ่งๆแล้วด่าว่า ‘ เป็นเหี้ยอะไร ’ ทั้งๆที่ในใจมันคงเต้นแรง ผมคงทำไปแล้ว

“ แต่กูถามจริง มึงไม่หึงเหรอวะเมด ” คำถามของเจที่หันมาถามกันแบบขมวดคิ้วตอนที่น้องสองคนตรงหน้าเราเดินออกไปจัดเหล้าที่บาร์อีกฝั่ง “ กูไปเล่าน้องมึง มันยังบอกไม่เชื่อเลยว่ามึงจะไม่หึง ”

“ ก็มันไม่มีอะไรให้หึงไง แล้วมึงจะให้กูไปหึงอะไรมันวะ ”

“ แล้วมิกิไม่ยั่วไอ้อาฟเหรอ ” เจหันมาถามผมเพื่อความมั่นใจ วางขวดเบียร์ที่ถืออยู่ลงก่อนจะหันมามองหน้าผม “ กูว่ามันน่าจะพูดอะไรกับมึงนะเมด ตอนกูไปเรียกไอ้อาฟลงมาก็เห็นท่าทางมันเหมือนรออยู่แล้วที่จะให้อาฟออกไป ทางจะได้สะดวก ”

“ มันก็พูด แต่ก่อนหน้านั้นที่อาฟมันแนะนำกูกับเค้า มันก็ชัดเจนไงว่ากูเป็นใคร กูเลยไม่ได้รู้สึกว่าต้องหึง แล้วเรื่องที่มันอวดแต่ละเรื่อง ก็ไม่ได้มีอะไรให้น่าหึง คือ ง่ายๆว่าดวงมึงกับดวงน้องอัยย์จะเสียทรัพย์มากกว่า ”

“ สัด ” เจสบถก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วพูดเบาๆ “ คงจะจริงของมึง โคตรเหี้ย ไม่มันส์เลย ”

“ อย่าให้ชีวิตกูต้องมันส์มากเลย แค่นี้ก็พอแล้ว ให้กูได้ใช้ชีวิตสงบๆบ้าง วันรับมือกับไอ้เชี้ยอาฟกูก็จะตายแล้ว ”

คนที่ไม่รู้ผีจะเข้าผีจะออกตอนไหน วันไหนอารมณ์ดีมากๆก็ชอบมาทำให้ผมใจเต้นแรง แล้วอย่าคิดไปแกล้งกลับเพราะไม่มีทางที่จะชนะแน่ แล้วบางทีก็ชอบมากอดมาหอมกันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่นับคำพูดคำจาที่ชอบทำให้หงุดหงิดจนอยากจะต่อยนับครั้งไม่ถ้วน

ยอมรับเลยว่าเป็นคนที่รับมือด้วยยาก ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หรือหัวใจ ชวนให้ทั้งรักทั้งเกลียดตลอดเวลา

“ แต่ก็ดีแล้วที่มึงไม่งี่เง่า อดีตก็ส่วนอดีตอย่าเอามารวมกับปัจจุบัน ” ประโยคที่พูดขึ้นราวกับบ่นของคนข้างตัวชวนให้ผมชะงักสิ่งที่คิดจะทำไปทันที อยู่ๆคำถามที่ผมอยากรู้มันก็ผุดขึ้น

“ มึงถามหน่อย ”

“ ว่า ”

“ เวลาที่อาฟโกรธมากๆมันเป็นยังไงวะ ”

“ ถามทำไมวะ ” เจหันมาถามยิ้มๆ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

“ คือกูไม่หึงอาฟก็จริง แต่นั่นเพราะอาฟมันก็ให้ความชัดเจนกับกูมากๆเลยไง มันแนะนำกูว่ากูเป็นแฟน แล้วเรื่องที่อีกคนอวดมันก็อดีตทั้งนั้น ก่อนคบกับกูอีก คุยกันก็มีแต่เรื่องงาน แล้วแบบนั้นกูจะไปหึงอะไร จะหึงที่มันเคยเอากับเค้ากูว่ามันงี่เง่าเปล่าว่ะ ”

“ ก็จริง ”

“ แต่คุณมิกิก็พูดนะ ว่ากูยังไม่เคยทะเลาะกับอาฟแบบแรงๆ อย่ามั่นใจว่าจะควบคุมอาฟได้ทุกอย่าง อย่าคิดว่าแค่อาฟให้ความสำคัญแล้วคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ ”

“ ขู่เหมือนรู้จักเพื่อนกูดีทั้งๆที่ก็แค่เอากันอย่างเดียวไม่เคยรู้จักนิสัยลึกๆสักนิด ” เจพูดพลางส่ายหน้าไป “ ฟังนะเมด อาฟเป็นไงมึงคนที่คบรู้ดีที่สุด อย่าฟังคนอื่นให้มากเพราะไม่เคยมีใครมาอยู่ในฐานะเดียวกับมึง ทุกคนเป็นแค่คู่นอนที่รู้จักมันแค่ผิวเผิน ”

“ อื้ม ” ผมพยักรับคำพูดของอีกคนที่บอก

“ แล้วมึงจะอยากรู้ไปทำไมว่าตอนไอ้อาฟโกรธมากๆเป็นยังไง ”

“ ก็อยากรู้ มึงสนิทกับอาฟมาตั้งแต่เด็ก มึงน่าจะเคยเห็นว่ามันเป็นยังไง ”

“ มึงเลยอยากรู้ว่าเวลาไอ้อาฟโกรธมากๆมันจะเป็นยังไง ”

“ จะเตรียมพร้อมรับมือ ? ”

“ หึ ” ผมส่ายหน้าเพราะรู้ดีว่าไม่มีทางรับมือคนอย่างมันได้หรอก อย่างตอนพี่ต่อเซ ลล์ขายเหล้าที่พูดแซวผมนิดหน่อย มันก็โกรธเป็นฝืนเป็นไฟ มีเหตุผลยังไงก็เอาไม่อยู่สักอย่าง “ กูจะได้ระวังตัวไม่ทำให้มันโมโหแบบขีดสุดต่างหาก ”

“ เอาจริงๆกูก็ไม่เคยเห็นหรอก ”

“ อ้าว ” ผ่อนตัวเองลงพร้อมคำพูดนั้นอย่างฉับพลัน เจก็ถึงขึ้นหลุดหัวเราะ

“ มากสุดที่กูเคยเห็นก็แค่เข้าไปต่อยเพื่อนจนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลแต่นั่นก็เด็กแบบเลือดร้อนทะเลาะกับเพื่อน แต่ถ้าโกรธขีดสุดเพราะการหึงหวงกูไม่เคยเห็นหรอก ” เจพูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผม “ แต่เรื่องแบบนี้มันก็อยู่ที่ว่าใครเป็นคนทำให้โกรธไม่ใช่เหรอวะ บางทีเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นคนที่รักมากๆทำให้เจ็บ มันก็ต้องเจ็บแล้วก็โกรธมากกว่าคนธรรมดาอยู่แล้ว ”

“ อื้ม ” ตอบรับเสียงเบาก่อนจะถอนหายใจออกมา ช่วงเวลาหนึ่งในตอนนั้นผมกลืนน้ำลายอย่างตกประหม่าทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่มีเรื่องทำผิดอะไร

“ เพราะมันจริงจังกับมึงเป็นคนแรก กูเลยไม่รู้เหมือนกันว่าเวลามันโกรธมึงสุดๆจะเป็นไง แต่ถ้ามึงอยากรู้กูลองสิ กูก็อยากเห็นเหมือนกัน ” เจที่ยิ้มให้ผมที่ตอนนั้นก็ได้แต่สบถออกไป

“ สัด ” ไม่แปลกเลยที่พวกมึงจะคบกันได้ เหี้ยเหมือนกันมาจริงๆ 

“ แล้วนี่คิดยังไงถึงมาทำงานข้างล่างวะพี่เมด ” น้องอัยย์ที่เดินเข้ามาจัดเหล้าอยู่ตรงหน้าพวกผมถามขึ้นมา มันคงดูแปลกตาอยู่ไม่น้อย ทั้งๆที่ปกติผมชอบนั่งทำงานอยู่คนเดียวแบบเงียบๆบนชั้นสาม แต่วันนี้กลับพางานตัวเองมานั่งในผับที่เปิดเพลงเสียงดังแบบนี้

“ อาฟมันดูหนัง แล้วพี่เมดโคตรไม่มีสมาธิเลย ทำงานสามวิ หันไปดูหนังอีกครึ่งชั่วโมง นี่แค่พิมพ์วันหยุดวันลาของพนักงานจะได้เก็บไว้จ่ายเงินเดือนยังไม่เสร็จเลย ทั้งๆที่พี่ซองก็เขียนมาให้หมดแล้ว ” หยิบกระดาษหลักฐานขึ้นมา ผมส่ายหน้าไปมากับตัวเอง ก่อนจะเริ่มตั้งใจทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จ

“ อยู่ข้างล่างยังมีสมาธิมากกว่าว่างั้น ”

“ ไม่รู้ แต่ตั้งแต่ลงมายังไม่ได้ทำเหี้ยอะไรเลย มัวคุยกับพวกมึงเนี้ย” ผมบอกเสียงดุแต่เหมือนจะมีแค่รอยยิ้มที่ส่งกลับมาให้ ก่อนที่เจจะบอก

“ งั้นก็เชิญทำงานของคุณเลขาต่อเลยครับ พวกผมไม่กวนละ ”

“ เดี๋ยวพักแล้วไปกินหมูตุ๋นกันพี่เมด น้องเดย์เลี้ยงเอง ”

“ จัดไป ” ชี้นิ้วไปที่หน้าน้องเป็นอันตอบตกลง น้องเดย์ที่หันไปมองเพื่อนข้างๆ ก่อนจะหันกลับมาเจที่นั่งข้างผม

“ ส่วนมึงสองคนก็อดไปนะ เพราะกูจะไปเดทกับพี่เมดแค่สองคน ฮิฮิ ”

“ โทรหาไอ้อาฟแปป หมั่นไส้มึงสัดเดย์ ” แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยิบมือถือขึ้นมาโทรจริงๆแต่อย่างใด ทุกคนจะแยกย้ายออกไปทำงาน แล้วตอนนั้นผมก็ได้ฤกษ์เริ่มต้นทำงานอย่างที่ตั้งใจเสียที

บรรยากาศในซอยข้างผับที่มีแต่ของกินยังคงคึกคักแม้จะเป็นช่วงเวลาห้าทุ่ม ผมมองไปรอบๆเหมือนทุกทีในใจที่ถามตัวเองว่าจะกินอะไรดีแต่สุดท้ายก็หย่อนตัวเองลงนั่งที่ร้านหมูตุ๋นร้านเดิมแทบทุกครั้งที่มา

“ น้องเมด วันนี้กินอะไร ” ป้าเจ้าของร้านเอ่ยทักกัน จากที่ไม่รู้จักในครั้งแรกแต่ตอนนี้สนิทกันจนเอ่ยเรียกทุกครั้งที่เห็นหน้า “ เหมือนเดิมมั้ย ”

“ ครับผม เหมือนเดิม ” ผมบอกก่อนจะหันไปหาน้องเดย์ “ น้องเดย์เอาอะไร ”

“ เอาเหมือนพี่เมดครับ ”

“ สองเลยครับ ขอกระดูกอ่อนเยอะๆเลยนะครับป้า ”  ยิ้มกว้างให้อีกทีเธอก็พยักหน้ารับก่อนที่ผมจะเดินมานั่งตรงโต๊ะตัวประจำ “ อยากกินเตาฮวยนมสดมะพร้าวอ่อนวะน้องเดย์ ”

“ เดี๋ยวกินหมูตุ๋นเสร็จเราไปกินกัน ”

“ เครปก็อยากกิน ”

“ ถามจริงนะ กินหรือยัดวะพี่เมด ” น้องเอ่ยถามผมก็ได้แต่ยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาเจ้าของผับที่ตอนนี้ก็หายเงียบไปเลยเพราะมัวแต่จดจ่อกับหนังเรื่องโปรด

“ ว่าไง ” ปลายสายที่ตอบรับ ผมก็ทำทีเป็นปรับเสียงจริงจัง

“ นี่คือเสียงตอบรับอัตโนมัติ  ไม่ทราบว่าคุณลูกค้า.. ” มือถือถูกตัดสายไปตั้งแต่ยังพูดไม่ทันจบ ดึงมือถือออกมาดูหน้าจอที่ถูกตัดสาย ทั้งผมแล้วก็น้องเดย์ก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ผมกดโทรออกไปอีกครั้ง แล้วตอนที่มันรับ ผมก็ไม่ต้องรอให้มันพูดอะไรทั้ง “ ไอ้สัด ”

“ ว่างมากก็ขึ้นมาหากูเมด ”

“ ไม่ไปเว้ย ” ผมบอก “ คนอุตส่าห์จะโทรไปถามว่าจะกินอะไร จะได้ซื้อไปให้ ตัดสายกูเฉย แกล้งเล่นนิดเดียว ”

“ นี่ไม่ได้อยู่ข้างล่าง ” อาฟถาม ผมเดาว่ามันต้องหันไปมองกล้องวงจรปิดตอนที่ถามประโยคนั้นกับผม “ นี่มึงอยู่ไหน ”

“ มากินหมู่ตุ๋นกับน้องเดย์ที่ซอยข้างๆ มึงจะกินอะไรมั้ยกูจะซื้อเข้าไปให้ ” ไม่มีเสียงตอบรับอะไรทั้งนั้นถ้าให้เดาอีก อาฟคงอยู่ในอารมณ์ที่เรียกว่า ไม่พอใจเป็นแน่ “ อาฟ ”

“ เอาอะไรก็ได้ ” ผมพูดคำตอบของอีกคนออกมาพร้อมคำตอบที่ได้ฟัง เอาจริงๆก็ไม่ต้องโทรไปถามหรอก เพราะทุกครั้งที่ถามก็คำตอบเดิมคือ ‘ อะไรก็ได้ ’

“ มึงไม่มีอะไรอยากกินเป็นพิเศษนะ ”

“ มึง ”

“ ว่า ” ถามกลับเพราะรู้สึกเหมือนโดนเรียก แต่ปลายสายก็แค่เงียบ ผมได้ยินแต่เสียงลมหายใจที่บอกกันว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้ม “ ว่าไง อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย เอาขนมโตเกียวเปล่า ”

“ มึง ”

“ อะไรวะ เรียกกูอยู่นั่น ” ขมวดคิ้วกับเสียงเรียกครั้งที่สองก่อนจะคลายลงตอนที่ได้คำตอบ

“ กูไม่ได้เรียกมึง กูตอบคำถามที่มึงถาม กูอยากกินมึงเป็นพิเศษ ”

“ ไปตายนะอาฟ ” ผมบอกมันแค่นั้นแต่ก็ยิ้มกว้างออกมา พร้อมกับนั่งฟังปลายสายหัวเราะอยู่แบบนั้นสักพัก “ เดี๋ยวซื้อเข้าไปให้แล้วกัน แค่นี้แหละครับ ”

“ เสร็จแล้วก็รีบมา ”

“ มีอะไรรึเปล่าวะ ” ถามออกไปเพราะคิดว่าเรื่องงาน แต่ทว่ามันก็ไม่ใช่

“ กูไม่ชอบให้ที่นั่งข้างกูมันว่าง ” เป็นแค่คนปากแข็งคนนึงที่ฟอร์มจัดเสมอ ผมถอนหายใจออกกมาในตอนนั้น แกล้งตอบกลับไปแบบทำทีเป็นไม่รู้ว่าประโยคนั้นมันหมายถึง ‘ เหงา ขึ้นมานั่งด้วยกันหน่อย ’

“ เดี๋ยวกูโทรไปบอกเจให้ขึ้นไปนั่งเป็นเพื่อนมึง ”

“ ได้ ” อีกคนบอก “ แต่กูอยากให้เป็นมึงมากกว่านะ ”

“ กูยอมมึงแล้วอารยะ ” เอื้อมมือปิดหน้าตัวเองที่กำลังเขินจนตกเป็นเป้าสายตาของคนตรงหน้าที่ตอนแรกก้มลงไปเล่นเกมส์อยู่แท้ๆ ผมพูดเสียงเบาๆกับปลายสาย “ แพ้มึงทุกทีเลยสัด ”

“ รีบมา ”

“ ครับผม ขอกินสามสิบนาที ” เสียงอื้มที่ตอบรับ ผมกดวางสายลงในตอนนั้นน้องเดย์ที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็ปิดมือถือเตรียมแซวกันทันที

“ หวานกันจริงเว้ย ”

“ น้องเดย์เรียกความกวนตีนว่าหวานเหรอวะ ” ผมถามน้องก็หัวเราะ

“ ก็หวานแบบสัดพี่กับพี่เมดไง  มันเป็นสไตส์เว้ย ” หมูตุ๋นถูกยกมาเสิร์ฟหลังที่อีกคนตอบ เนื้อหมูชิ้นนุ่มที่เห็นกระดูกอ่อนสีขาวลอยอยู่เต็มชามจำกัดความได้ว่าจัดเต็มอย่างที่สั่ง ผมเช็ดช้อนตะเกียบส่งไปให้น้องก่อนจะทำให้ตัวเอง “ น่ากินสัดๆ ”

“ ถ่ายลงไอจีดีกว่า ” ผมยกมือถือขึ้นมา ก่อนจะกดอัพลงไอจีสตอรี่ของตัวเอง กดจิ้มอยู่สักพักก่อนจะปิดหน้าจอแล้วเริ่มกินของที่อยู่ตรงหน้า น้ำซุปที่ตักเข้าปากพร้อมกับชิ้นเนื้อหมู บอกได้คำเดียวเลยว่า ‘ อร่อยสุดๆ ’

“ อร่อยมากเลยวะ ” น้องเดย์บอกก่อนจะซัดเข้าไปคำใหญ่ “ อยากกินข้าวเปล่าด้วยอะพี่เมด ”

“ แปปนึงนะ ” บอกน้องก่อนจะหันไปสั่งข้าวเปล่าเพิ่มให้อีกถ้วย

“ พี่สะใภ้ของน้องเดย์น่ารักที่สุด ” ผมหลุดยิ้มตอนที่น้องเรียกแบบนั้น ไปๆมาก็ชักจะชินกับคำนั้น ทั้งๆที่ตอนแรก ผมว่ามันแปลกอยู่เหมือนกันเพราะตัวเองก็เป็นผู้ชาย แต่พอทุกครั้งที่เห็นน้องเดย์เรียกแล้วยิ้มตาปิดให้กัน  มันทำให้รู้สึกแค่ว่า น้องเดย์ก็ยอมรับผมในฐานะแฟนของพี่ชาย เพราะงั้นก็ไม่ควรมีเหตุผลอะไรที่ต้องไม่ชอบ “ เออ พี่เมด เดย์คุยกับแม่เรื่องหมูตุ๋นกับลูกมันแล้วนะ แม่บอกกว่าให้เอาไปเลี้ยงไว้ที่บ้านได้เลย ”

“ เหรอ ” ชะงักตะเกียบที่กำลังจะกินอยู่ทันที ผมยิ้มให้น้องที่ยักคิ้วให้

รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก สำหรับสิ่งที่ได้ยิน ผมแอบคิดหาทางออกเรื่องนี้กับน้องเดย์มาสักพักแล้ว เพราะว่าลูกหมูตุ๋นมันก็เริ่มโต ความน่ารักของลูกแมวพันธุ์ผสมเปอร์เซียชวนให้พนักงานในผับ เข้ามาขอจะเอาไปเลี้ยงกันแทบทุกวัน บ้างก็บอกจะเอาไปให้แฟน และอีกสารพัดเหตุผล แต่ผมไม่ค่อยอยากจะให้เท่าไหร่ เพราะกลัวว่าคนเอาไปแล้ว จะเลี้ยงไม่ดี น้องเดย์เลยอาสาจะไปถามแม่ตัวเองที่ก็เลี้ยงแมวสองตัวอยู่แล้วที่บ้าน แล้วผลสรุปที่ได้ มันก็คือข่าวดี

“ น้องเดย์นะพี่เมด นวดขาแม่อยู่สองชั่วโมง แต่สุดท้ายแม่ใจอ่อนจะเลี้ยงเพราะเห็นหน้าไอ้หมูตุ๋นที่เดย์เคยถ่ายไว้อะ ”

“ ไอ้หมูตุ๋นมันน่ารักไง กลมๆอ้วนๆน่าฟัดแก้มจะตายไป ” ผมบอกก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ ดล่งอกไปที อยู่บ้านน้องเดย์ ยังไงก็ไว้ใจได้ว่าจะเลี้ยงดูอย่างดีอยู่แล้ว ”

“ พี่เมดก็ไปหามันได้บ่อยๆเลยด้วย เพราะมันก็เหมือนบ้านพี่เมด ”

“ มันจะไปเหมือนได้ไงวะน้องเดย์ ”

“ แล้วมันจะไม่เหมือนยังไงวะ พี่เมดเป็นแฟนแฟนสัดพี่ งั้นเราก็ต้องเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันสิ ”

‘ ถามพ่อแม่มึงก่อนมั้ย ว่าจะยอมรับกูเปล่า ’ ผมตอบน้องในใจ ก่อนจะส่งไปแค่ยิ้มแห้งๆ

ผมไม่เคยมีประสบการณ์การไปหาพ่อแม่แฟนมาก่อน ครั้งเดียวที่เคยถูกแนะนำก็ไม่ใช่คำว่าแฟน ตอนคบกับบินแล้วตอนนั้นเราเผลอไปเจอญาติมันซึ่งก็เป็นพี่สาวพ่อ  วันนั้นบินแนะนำกับเธอแค่ว่า ผมเป็นรูมเมท แล้วให้เหตุผลที่ไม่พาไปหาครอบครัวแค่ว่า ‘ พ่อแม่บินเป็นคนเชื้อจีน เค้ายอมรับเมดที่เป็นผู้ชายไม่ได้หรอก ไปก็เสียใจเปล่าๆ ไม่ต้องไปหรอก แอบคบกันไปแบบนี้แหละ สบายใจดี  ’

คำอธิบายที่ได้ฟังตอนนั้น เพราะทั้งรักและหลงมันอย่างที่สุด ผมเลยคิดแค่ว่ามันคงจริง บินคงกำลังปกป้องความรู้สึกของผมอยู่ ทั้งๆที่จริง ถ้าลองคิดให้ดี ผมเองในตอนนั้นก็ชวนมันไปที่บ้าน แนะนำกับพ่อ บอกกับเค้าว่า ผมรักคนคนนี้ แม้พ่อจะบอกว่า ไม่ชอบ แต่ผมก็ยังดื้อ แล้วบอกกับเค้าแค่ว่า ไม่ว่าจะยังไงก็จะรัก จะพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่ารักกันจริง แล้วทำให้พ่อชอบเค้าให้ได้ ผมที่เลือกพยายามฝ่าฟันเพื่อรักของเรา แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้คิดแบบเดียวกัน บินเลือกที่จะไม่พยายามอะไร ในเรื่องของเราสักอย่างเดียว

เหมือนผมไม่ได้สำคัญ เป็นคนที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ในอนาคต
 
“ โง่จริงๆ ไอ้สัดเมด ตอนนั้นก็เสือกคิดว่าเค้ารักอยู่ได้ ” ผมส่ายหน้าไปมากับตัวเองตอนที่คิดถึงเรื่องอดีตที่เหมือนจะหาข้อดีในตัวอีกฝ่ายไม่เจอ ผมรู้สึกตัวเองโง่ แล้วทุกครั้งที่นึกถึงหน้าผู้ชายคนนั้น ผมจะรู้สึกว่าเกลียดมัน เกลียดจนไม่อยากจะพูดหรืนึกถึง

“ พี่เมดว่าไงนะ ”

“ เปล่าๆ ” ผมส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้อีกคนที่ก็ตักข้าวกินกับหมูตุ๋นเข้าไปคำโต

“ เดี๋ยวอีกไม่นานสัดพี่มันก็ต้องพาพี่เมดเข้าบ้านไปแนะนำแน่นอน เชื่อน้องเดย์ ” ท่าทางมั่นใจที่ออกมาทางสีหน้า “ คิดถึงหน้าแม่ไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง ตอนที่เจอหน้าพี่เมด ต้องอึ้งแดก ”

“ พูดอะอไรแบบนั้นวะ นั่นแม่นะเว้ย ” ผมว่าก่อนจะหลุดหัวเราะ “ แล้วอาฟมันเคยพาใครเข้าบ้านมั้ยวะน้องเดย์ ”

“ ไม่เคย ” อีกคนส่ายหน้า “ มันเป็นกฏของพี่บ้าน ไม่จริงจังไม่ต้องพาเข้ามา แม่บอกไว้ ”

“ แล้วที่บ้านเป็นยังไงวะ แบบ พ่อแม่ ความสัมพันธ์ของครอบครัว ” คนโดนถามเหล่มองผมยิ้มๆ ก่อนจะตักข้าวกินต่อ

“ หลอกถามเหรอพี่เมด ”

“ นิดนึง ” พูดเสียงเบาน้องก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

“ ก็ถ้าถามว่าลูกรักแม่คือใคร ตอบอย่างมั่นใจเลยว่า น้องเดย์ แต่ถ้าถามว่าลูกรักพ่อคือใคร ไม่ค่อยมั่นใจแต่คิดว่าน่าจะรักสัดพี่มากกว่าน้องเดย์ละนะ อื้มมม “ อีกคนลากเสียงเหมือนกำลังพยายามคิดว่าจะแนะนำครอบครัวตัวเองยังไงดี “ พ่อเป็นคนเงียบๆ เหมือนดุแต่ใจดีนะ ให้อิสระทางความคิดเต็มที่เลย แม่ก็เหมือนกันแต่เค้าจะเข้มงวดเป็นเรื่องๆเฉพาะเรื่องสำคัญเท่านั้น แต่บ้านน้องเดย์มีแต่คนดีนะ ไม่ต้องห่วง เห็นพี่เมดบุ๊ปรับรองต้องรักเลย ”

“ เหรอ ” ไม่อยากจะบอกเลยว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างงั้น ยิ่งพาผู้ชายเข้าบ้านยิ่งไม่ง่ายเลย มันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับกันง่ายแบบนั้น

“ แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอกพี่เมด สัดพี่มันไม่สนใครอยู่แล้ว ต่อให้พ่อแม่ไม่ชอบพี่เมด มันก็รักพี่เมดอยู่ดี ไอ้สัดพี่มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ไม่แคร์ไม่สนใครทั้งนั้น เหมือนประเทศที่ปกครองตนเอง แต่ก็มีบ้างที่มีปัญหาและต้องเข้าไปพึ่งพาประเทศเพื่อนบ้านที่ใหญ่กว่าแล้วนั่นก็คือพ่อนั่นเอง ”

“ ช่วงนี้ดูมีความรู้นะเราน่ะ เปรียบเทียบอะไรก็ดูเป็นหลักเป็นการ ดีๆ แสดงว่าสมองเริ่มพัฒนาแล้ว ” ผมแซวอีกคนเล่นๆ ตอนที่ก้มหน้าลงกินอาหารตรงหน้าต่อ น้องเดย์ก็นิ่งไปก่อนจะเอียงหน้าถาม

“ เอ๊ะ ? นี่ด่าถูกมั้ย ”

“ บ้าน่า ชมทั้งนั้น ” หลุดหัวเราะออกมากับคนตรงหน้าผมก็พูดปัด “ รีบกินๆ เดี๋ยวพี่เมดจะไปต่อคิวซื้อข้าวให้อาฟอีก ”

“ เมียที่ดี ” ยกนิ้วให้กันแค่นั้นแต่ผมก็เลือกที่จะไม่เถียงอะไรอีกคนในยืดยาวกว่านั้น



หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 40 :: up! 5-10-61} #หน้า 36
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 12-10-2018 20:24:52
หยิบแก้วน้ำมากินหลังจากที่กินข้าวเสร็จ ก่อนจะเปิดมือถือขึ้นเล่นฆ่าเวลาเพื่อรอใครอีกคนกินข้าวให้เสร็จ ผมเข้าไปในไอจีของตัวเองกดดูสตอรี่ที่อัพเมื่อครู่ก่อนจะพบว่าหนึ่งในจำนวนคนที่เข้ามาดูมีคนคุ้นเคยอย่าง ‘ ยีนส์ ’ เข้ามาดูด้วย

‘ ยังไม่บล็อคกันไปอีกเหรอวะ ’ ผมคิดอยู่ในใจก่อนจะกดออกมาจากหน้าจอสตอรี่แบบไม่สนใจแล้วหันมาดูอัพเดททั่วไปที่หน้าจอแรกแทน แต่ในตอนที่กำลังกดไลค์ภาพล่าสุดของวิวที่อัพ ผมก็ต้องขมวดคิ้วกับการกดไลค์จากยีนส์ที่เหมือนว่ามันกำลังจะเล่นโปรแกรมนี้อยู่

ผมไม่ได้คิดว่ามันเป็นการเผลอกดหรืออะไร เพราะภาพที่กดถูกใจ เป็นภาพนานแล้ว และเป็นแค่ข้อความภาษาอังกฤษที่เขียนว่า ‘ Time doesn’t change us , it just unfolds us.’ มันแปลว่า ‘ เวลาไม่ได้เปลี่ยนคน แค่เปิดเผยตัวตนของคนออกมา ’ แล้วนั่นก็เป็นข้อความแรกที่ผมโพสหลังจากร้องไห้เหมือนคนบ้ามาเป็นอาทิตย์หลังจากที่รู้ความจริงเรื่องของมันกับบิน

“ น้องเดย์ ยังจำคนที่มันไปนอนกับแฟนเก่าพี่เมดได้มั้ยวะ ”

“ จำได้ ” คนตรงหน้าพยักหน้ารับผมก็เงยหน้าขึ้นถาม

“ มันมากดไลค์ภาพพี่เมดในไอจีวะ เพื่ออะไรวะ ”

“ เพื่อให้พี่เมดสนใจมั้ง ไม่ก็..” น้องเดย์เว้นเสียงก่อนจะยกยิ้ม “ มีอะไรอยู่ในไอจีมัน แล้วมันก็อยากให้พี่เมดเข้าไปดู ”
กดเข้าหน้าโปรไฟล์ของอีกคนตามที่น้องบอก แล้วนั่นก็ทำให้ผมต้องคว่ำปากทันทีตอนที่เห็นภาพที่เพิ่งอัพขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนั้น มันเป็นของยีนส์กำลังยกมือข้างนึงปิดปากอยู่ข้างๆกับบินแฟนเก่าผมที่ทำท่านั้นเหมือนกันสองคนนั้นกำลังยิ้ม และคำว่า ‘ MINE ’ ก็เป็นแค่สเตตัสสั้นๆที่อีกคนเขียน

“ กูจะอ้วก ” ผมพูดกับตัวเองก่อนจะหันภาพไปให้น้องเดย์ดู “ ผีเน่ากับโลงผุชัดๆ ”

“ สนใจเหี้ยอะไรวะพี่เมด บล็อคแม่งไปเลย มันทำเพื่อที่จะอวดพี่เมดชัดๆอะ ” ผมก้มลงมองภาพนั้นอีกรอบ ก็อยากจะบล็อคแต่ก็อยากรู้ความเคลื่อนไหวของมันอยู่ดี เลยไม่อยากจะทำแบบนั้น 

มันมีความคิดถึงนึงโผล่ขึ้นมาในสมอง หรือผมควรจะกดไลค์มันกลับไปดี เป็นการบอกให้รู้ว่า กูก็รับรู้ในความเหี้ยของมึงแล้วนะ หรือว่าจะทำเป็นเงียบไม่สนใจแบบที่น้องเดย์บอก และอีกวิธีนึงที่คิดออกคือ อัพรูปแฟนตัวเองอวดมันไปบ้าง

กดเข้าไปในอัลบั้มรูปตัวเองหลังจากที่ความคิดนั้นโผล่ขึ้นมา ก่อนจะพบว่าในนั้น นอกจากของกิน กับภาพเก่าๆในเครื่องเก่าที่ถูกย้ายโอนมาตอนเปลี่ยนมือถือก็แทบไม่มีอะไรเลย ผมไม่เคยถ่ายรูปกับอาฟเลยสักภาพเดียว

“ มีอะไรรึเปล่าวะพี่เมด ” น้องเดย์ที่ชะงักการกินอาหารตรงหน้าเงยหน้าขึ้นถาม คงเห็นผมนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนไม่สบายใจอะไร “ ไอ้เหี้ยนั่นส่งข้อความมาด่าเหรอวะ ”

“ เปล่าๆ ” ส่ายหน้าบอกน้อง “ แต่กำลังคิดว่าจะทำยังไงดี ”

“ อะไรทำยังไง ”

“ จะกดไลค์ถูกใจว่ารับรู้แล้ว จะอัพภาพโต้ตอบมันไป หรือว่าจะเงียบไปดี ”

“ เงียบไปดีกว่า อย่าไปสนใจมันเลย ไร้สาระ ” น้องบอกผมก่อนจะส่ายหน้า “ อย่าโดนมันดึงจมูกสิวะ อย่าไปแสดงว่าเรารู้สึกอะไร คนพวกนี้ยิ่งเราด่า ยิ่งเราตอบโต้ แม่งยิ่งชอบ เพราะมันเหมือนพี่เมดยังรักยังแคร์ แล้วก็ยังเจ็บกับพวกมันอยู่ ”

“ มันแค่แค้นเว้ย ” ผมเถียงกลับน้อง “ ไม่ได้รักแล้ว ไม่ได้แคร์ด้วย พี่เมดเกลียดพี่พวกมัน ทั้งเกลียดทั้งขยะแขยง แล้วก็ไม่ได้อยากจะเป็นฝ่ายที่ถูกปั่นหัวอยู่คนเดียว ”

“ แต่มันไม่ได้คิดแบบนั้นไง ถ้าพี่เมดไปกดไลค์หรืออัพภาพสัดพี่ไปสักภาพ มันก็คงจะแค่ยกยิ้มแล้วก็มองว่าพี่เมดยังแคร์ ยังดิ้นตามเกมส์ของมัน มันไม่ได้คิดว่าพี่เมดเกลียดมันหรอกแต่ถึงจะคิด มันก็ไม่แคร์ เพราะมันก็อยากจะให้เป็นแบบนั้น คนพวกนี้มันบ้า ทางที่ดีเงียบๆไปดีกว่า อย่าไปสนใจ ปล่อยให้มันนั่งรอไปว่าเมื่อไหร่พี่เมดจะเดือด ”

“ เหรอว่ะ ” ตอบรับออกไปแบบนั้น แต่ก็รู้สึกไม่สะใจเลยวะ ผมอยากจะทำอะไรที่มันสะใจบ้าง อยากอยู่ในฐานะของคนที่ได้ยกยิ้มมองพวกมันดิ้นบ้าง แต่ก็เห็นด้วยกับสิ่งที่น้องเดย์พูด ถ้าแสดงผลตอบรับอะไรออกไปก็ไม่พ้นโดนเข้าใจว่าทั้งรักทั้งแคร์อยู่ ทั้งๆที่ความจริง มีแค่ความเกลียดชังเท่านั้นที่ผมรู้สึกกับพวกมัน

“ เออ อย่าไปสนใจ ”

ก้มหน้าลงมองมือถือตัวเอง ผมกดเข้าไปในไลน์น้องชาย ตอนที่คิดจะเริ่มเล่าเรื่องที่เจอ ผมก็คิดอย่างขบขันจนต้องอมยิ้มกับตัวเอง ‘ คนเราก็แปลก เวลาตัดสินใจอะไร ทั้งๆที่มันมีสิ่งที่คิดไว้อยู่แล้ว แต่กลับไปถามความคิดเห็นของคนรอบข้างเพื่อสนับสนุน ทั้งๆที่ต่อให้คนคนนั้นเลือกสิ่งที่ไม่ตรงใจ เราก็เลือกจะทำตามที่ใจเราคิด หรือไม่ก็ถามใครคนอื่นเพื่อหาคนที่คิดเหมือนกันเป็นพวกอยู่ดี ’

[ วิว ] ผมกดพิมพ์เข้าไปในไลน์ของน้องชายตัวเอง [ มีอะไรจะเล่าให้ฟัง ]

[ ว่ามา ] ข้อความตอบรับกลับมาชวนให้ผมยกยิ้มก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ก่อนจะถามคำถามเดียวกันกับที่ถามน้องเดย์เมื่อครู่ว่าผมควรทำยังไงต่อไปดี [ ถ้าเป็นวิวจะไลค์แล้วก็เม้นท์ไปว่า น่าเหี้ยดีจัง ] ผมยกยิ้มขึ้นมาตอนที่อ่านจบ

[ น่าสนใจ ]

[ เอาจริงๆ มันเป็นบ้าอะไรรึเปล่า ถึงยังวอแวกับพี่เมดอยู่แบบนี้ เหมือนมันคิดอยู่ตลอดว่า เจ็บปวดสิมึง ทุกข์สิมึง เห็นมั้ยกูมีความสุขมากเลยนะ คืออยากเข้าไปถามมันมากว่าเป็นอะไรรึเปล่า เมื่อคืนมึงไม่ได้นอนเหรอ สมองถึงได้ขาดความคิดในส่วนผิดชอบชั่วดีไปขนาดนี้ ]

[ มันบ้า คงคิดว่าพี่เมดต้องยังรักไอ้เชี้ยบินอยู่เต็มหัวใจ แล้วพี่เมดต้องเสียใจแน่ๆ ถ้าเห็นมันกับไอ้บินมีความสุข ]

[ ไม่ก็อยากให้พี่เมดเห็นว่าตัวมันเองมีความสุขมากขนาดไหน ทั้งๆที่ความจริงความรู้สึกในตอนนั้นมันอาจจะกำลังแย่สุดๆก็ได้ ไม่ก็อาจจะกำลังกลัวอะไรอยู่ ]

[ ยังไงวะ ]

[ ยกตัวอย่างนะ สมมุติไอ้เชี้ยสองตัวยีนส์กับจิงบอกว่าพี่เมดกับพี่อาฟไปกันไม่รอดหรอก แต่พี่เมดก็ไม่สนใจ ไม่แคร์ แต่พอวันนึงมันเหมือนจะไม่รอดจริงๆ พี่เมดก็ไม่อยากจะให้มันสองคนที่เคยดูถูกมาสมน้ำหน้า พี่เมดก็ต้องอัพภาพ เพื่อสร้างภาพ ว่ารักของพี่เมดยังมั่นคงอยู่ ไม่ได้เป็นอะไร ก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้เชี้ยยีนส์อะ มันก็คงอยากจะสร้างภาพให้พี่เมด หรือใครๆ ที่ด่าว่ามันแย่งของของเพื่อนมา รู้สึกว่า มันรักกับไอ้เชี้ยบินดีอยู่ ไม่ได้เป็นอะไร ทั้งๆที่จริงมันก็คงคิดอยู่ตลอดว่ามันแย่งของเพื่อนมา  มันก็คงกลัวแหละ ว่ามันจะถูกแย่งไป ไม่ก็กลัวว่าพี่บินยังรักพี่เมดอยู่ ]

[ คนเหี้ยๆอย่างมัน จะคิดกลัวอะไรแบบนั้นด้วยเหรอวะ]

[ คนเหี้ยก็มีหัวใจนะพี่เมด ก็คนทำเลวอะมึง มันต้องกลัวกรรมตามสนอง แล้วระแวงทุกอย่างอยู่แล้ว ]

[ อื้ม ]

[ แล้วพื้นฐานมนุษย์อะ ฆ่าได้หยามไม่ได้ พี่เมดก็ลองถามตัวเองสิ ว่าตอนที่ทะเลาะกับพี่อาฟ จะกล้าอัพลงไอจีมั้ยว่าตัวเองทุกข์ใจมากแค่ไหน ] ผมไม่ตอบอะไร น้องชายตัวเองก็พิมพ์ย้ำคำตอบในใจของผมขึ้นมา [ พี่มึงก็ไม่กล้าใช่มั้ยละ ความรู้สึกแรกของมึงยังคิดเลยว่า มึงจะให้ไอ้จิงไอ้ยีนส์มาสมเพชมึงไม่ได้ ]

 [ ก็จริงของมึง ]

คนเราก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น เราอัพเดทความสุขลงในสื่อโซเซี่ยลเพื่ออวดผู้คน ทั้งๆที่ความจริงเราเองก็ไม่ได้รู้สึกมีความสุขขนาดนั้น และบางทีก็อาจจะอัพเพื่อปิดบังความรู้สึกแย่ๆในใจ อย่างคำพูดที่ผมเคยโพสขึ้นไปเหมือนกัน

 ‘ Time doesn’t change us , it just unfolds us.’ ประโยคที่ดูเหมือนไม่เสียใจ ไม่แคร์ และ ทำใจได้ ทั้งที่จริงแล้ว หัวใจของผมยังคงร้องไห้อย่างหนักและความโศกเศร้าก็ยังคงหมุนวนอยู่อย่างงั้นในใจไม่หายไปไหน

[ แต่ถ้าวิวเป็นพี่เมดนะ วิวจะอัพภาพกุมมือพี่อาฟให้เห็นพวกมาลัยรถ GTR แล้วขึ้นสเตตัสว่า MINE เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ MINE ที่แปลของฉันนะ แต่ MINE ที่แปลว่า กูก็มีเหมือนกัน ดีกว่ามึงด้วย อีสัด ]

ผมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังจนน้องเดย์ที่กินข้าวเสร็จยังเอียงหน้างง โบกมือไปมาตรงหน้าคนที่มีแต่ความสงสัย ผมเรียกป้าเก็บเงินแล้วตอนที่รอเงินทอนผมก็ตอบน้องชายตัวเองออกไปด้วยสติกเกอร์มีเสียงหัวเราะและประโยคที่คิดอยู่ในใจ

 [ มึงแม่งช่างคิด ไว้เดี๋ยวกูจะทำตามบ้าง ]

“ หัวเราะอะไรวะพี่เมด ” น้องเดย์เอ่ยถามผมตอนที่เราเดินเข้าไปท้ายซอยลึกขึ้นเพราะอีกคนอยากจะกินไอติมกระทิไข่แข็งราดของเชื่อมตบท้ายมื้ออาหาร ส่วนผมเองก็อยากจะกินเต้าฮวยนมสดมะพร้าวอ่อนในร้านเดียวกันนั้นด้วยเหมือนกัน

“ พี่เมดคุยกับวิวแล้วมันพูดตลก ” บอกน้องแค่นั้นอีกคนก็พยักหน้ารับไม่ถามอะไรต่อ ผมมองไปรอบๆ คิดว่าจะซื้อข้าวสวยไก่กรอบแล้วก็เกาเหลาหมูไปให้อาฟกินเพราะที่ร้านจะให้กล่องแบบที่แค่เปิดก็กินได้เลย แถมมันยังเป็นร้านเจ้าอร่อยที่ผมชอบฝากเด็กๆในผับซื้อมาให้กินกันตายเวลาต้องทำงานแบบที่ยุ่งชนิดว่าไม่ได้ไปไหน  “ ขอแวะสั่งข้าวแปปนึง ”

“ โอเคครับ ” 

“ เอาข้าวสวยไก่กรอบพิเศษหนึ่งกล่องแล้วก็ต้มเลือดหมูใส่แค่หมูไม่ใส่เครื่องในกับเลือดหนึ่งถ้วยครับ ขอช้อนด้วยนะครับ ”

“ ได้ครับ ” คนรับออเดอร์ยิ้มรับกับผม

“ เดี๋ยวพี่มาเอานะ ”

“ ครับ ”

เดินลึกเข้าไปจนสุดซอยเราเดินถึงร้านไอติมที่คนข้างผมอยากกินแต่ยังไม่ทันจะได้สั่ง กลุ่มเด็กมหาลัยสี่คนที่ยืนอยู่ในร้านก็เอ่ยทักขึ้นมาก่อน

“ อ้าว ไอ้เดย์มึง ” เสียงของเด็กผู้หญิงในกลุ่มนั้นเอ่ยทักอีกคนที่ก็เบิกตาด้วยความตกใจทันทีก่อนจะยิ้มให้

“ อ้าว พวกมึง มาแดกอะไรกันวะ ”

“ ข้าวไก่กรอบร้านนั้น ” ผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มเป็นคนตอบก่อนจะชี้ไปที่ร้านที่ผมเพิ่งแวะสั่งข้าวให้อาฟเมื่อครู่ “ อร่อยมากเลยมึง ไก่กรอบโคตรชิ้นใหญ่ แล้วนี่มึงมายังไง มากินอะไร ”

“ มากินบะหมี่หมูตุ๋น ” น้องตอบก่อนที่เพื่อนทั้งสี่คนจะหันมาเหล่มองผม

“ แล้วจะไม่แนะนำแฟนให้พวกกูรู้จักหน่อยเหรอ ” เป็นเด็กผู้หญิงคนเดิมที่เอ่ยทักขึ้นมาด้วยรอยยิ้มล้อๆ ผมเหลือบมองน้องเดย์ที่ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนั้นยังไง แต่แววตาเรียวเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกใจก่อนจะตอบออกไปเสียงดัง

“ ไอ้พวกเชี้ย นี่พี่สะใภ้กู ”

“ อ้าว แฟนพี่อาฟเหรอ ” ทุกคนที่ดูตกใจก่อนจะหันมายกมือไหว้ผม

“ เออ นี่พี่เมดพี่สะใภ้กู ส่วนพี่เมดนี่เพื่อนน้องเดย์ที่มหาลัยครับ ” ผมยกมือรับไหว้ทุกคนก่อนที่น้องเดย์จะหันมาพูดกับผมเพื่อแกล้งเพื่อน “ พี่เมดเดี๋ยวกับไปบอกสัดพี่ด้วยนะว่าเพื่อนน้องเดย์กลุ่มมหาลัยมันบอกว่า พี่เมดเป็นแฟนน้องเดย์ ”

“ พี่เมดอย่านะคะ ไหว้แล้วค่ะ อย่าทำอะไรแบบนั้นเชียวนะคะ ” หนึ่งในเพื่อนของน้องเดย์บอกก่อนจะตีหลังคนชอบแกล้งทันที “ พี่เมดอย่าไปฟังไอ้เชี้ยเดย์นะคะ ไม่งั้นพวกหนูถึงตายเลยนะ ”

“ ไม่ขนาดนั้นมั้ง ” ผมบอกยิ้มๆน้องก็เถียง

“ ขนาดนั้นแหละพี่เมด ภาพที่พี่เค้ามองพวกเราด้วยหางตาทั้งๆที่แซวเล่นเรื่องที่เค้าโหดยังจำอยู่ในสมองไม่มีลืมเลย ”

‘ สมกับเป็นอารยะผู้ซึ่งเป็นที่หวาดกลัวของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลก ’ ยิ้มกับตัวเองตอนที่คิดขึ้นมาในใจแบบนั้น แล้วนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไม ผมถึงชอบบอกให้อาฟยิ้มให้คนอื่นบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ทำหน้าดุแล้วบอกว่า ‘ ก็ไม่รู้จักกูจะไปยิ้มให้มันทำไม ’

ผมเดินฮัมเพลงขึ้นบันไดมาจนถึงห้องทำงานบนชั้นสาม มือข้างที่ถือถุงกับข้าวผมดูดเตาฮวยนมสดที่ชอบมาด้วยแบบไม่หยุดปาก เปิดประตูเข้าไปในห้องวางถุงข้าวลงบนโต๊ะของคุณเจ้าของผับที่ก็แค่ปรายตามามองกัน ผมเห็นว่ามันไม่ได้ดูหนังเรื่องที่ชอบแล้ว และตอนนี้มันแค่นั่งนิ่งๆเหมือนกำลังรอผมกลับมา

“ หิว ” มันพูดสั้นๆ ผมก็ผละปากออกจากหลอด พลางเอียงหน้างง แล้วเชิดหน้าไปที่ถุงกับข้าวที่ตั้งอยู่ตรงหน้า

“ ก็เปิดขึ้นมากินสิว่ะ ”

“ ไม่อยากกินคนเดียว ”  พูดแบบนั้นก่อนจะทำทีเป็นหันไปมองคอมพิวเตอร์ที่อยู่เบื้องหน้าทั้งๆที่ก็ไม่ได้เปิดโปรแกรมอะไรทิ้งไว้ทั้งนั้น ท่าทางที่บอกกกับผมว่าอีกคนกำลังงอน

“ งอนอะไรกูอาฟ ก็ซื้อข้าวมาให้แล้วไง ไม่ชอบเหรอ ของโปรดด้วยนะ ” หยิบกล่องพลาสติกที่ซื้อมา ผมจัดการเปิดทั้งข้าวแล้วก็ถ้วยเกาหลาให้มันเรียบร้อย แต่อีกคนก็ยังนิ่ง “ ยังไงอีกครับคุณ ”

“ ไปกินข้าวอร่อยมั้ย ” เสียงนิ่งที่เอ่ยถาม ผมนิ่งไปสักพักเพราะไม่รู้จะตอบยังไงให้อีกคนพอใจ แต่สุดท้ายก็เลือกตอบความจริงออกไป

“ อร่อยสิ อร่อยมาก ป้าให้หมูตุ๋นกูมาเพียบเลย ” แต่ยิ่งพูดก็ดูเหมือนอีกคนจะยิ่งหน้านิ่งไปกันใหญ่ ผมเลยทำได้แค่เม้มปากตัวเองสนิทไปในตอนนั้น

“ มึงไปกินข้าวกับคนอื่นแล้วรู้สึกอร่อยได้ไงวะ ” อาฟถามเสียงนิ่งก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาแล้วขยับตัวเข้าใกล้โต๊ะ มันที่กำลังจะเริ่มกิน “ ทั้งๆที่กูต้องมีมึงนั่งอยู่ข้างหน้าเท่านั้นถึงจะอร่อย ”

“ ว่าไงนะ ” ได้ยินทุกอย่างชัดเจนแม้จะเอ่ยถามออกไปแบบนั้น ผมหุบยิ้มไม่ได้เลยใบหูที่เริ่มแดงจัด ตอนนั้นอาฟที่กำลังตักข้าวขึ้นกินมันก็เงยหน้าขึ้นบอก

“ หูหนวกก็ไปหาหมอ ”

“ ทำมาเป็นไล่ ไม่มีกูนั่งอยู่ข้างหน้าเดี๋ยวก็กินไม่อร่อยหรอก ” เลื่อนเก้าอี้มานั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าอาฟ ผมดึงตัวเข้าไปใกล้ก่อนจะอ้าปากเพื่อบอกให้อีกคนป้อนข้าวให้ชิมหน่อย อาฟลังเลอยู่นานด้วยหูแดงจัดแต่สุดท้ายมันก็ตักเอาชิ้นเนื้อหมูในน้ำซุปใส่ปากผมให้ เคี้ยวอยู่แบบนั้นสักพัก ผมรอจนอาฟเคี้ยวเสร็จก่อนจะถาม “ อร่อยขึ้นแล้วยัง ”

“ ก็ดี ”

“ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปกินด้วยกัน วันนี้เห็นมึงติดหนังไง กูเลยไม่อยากกวนแล้วไปกับน้องเดย์เพราะน้องมันก็พักพอดี ”

“ แต่กูอยากให้มึงกวนนะ ” อาฟพูดแค่นั้นสั้นๆทั้งที่กำลังก้มหน้าลงกินข้าว “ แค่เฉพาะมึงเท่านั้น ” ก้มหน้าลงฟุบกับโต๊ะแทบจะทันที โดนทำให้หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิดอีกแล้ว  ผมในตอนนั้นทรงตัวให้นั่งจ้องหน้าคนตรงข้ามกันไม่ได้เลย

ข้าวคำสุดท้ายถูกตักเข้าไปในปากของคนตรงหน้า อาฟจัดการปิดฝากล่องอาหารที่มันกินเองจนเกลี้ยง ผมเองก็ลุกขึ้นพยายามบริการมันเต็มที่แบบเอาใจเพราะอยากให้มันลืมเรื่องที่ผมทิ้งมันไปกินข้าวกับน้องเดย์ซะเฉยๆแบบไม่บอก

“ เออ จะเล่าอะไรให้ฟังเมื่อกี้ตอนกูกินข้าวเสร็จกูแวะเข้าไปกินไอติมไข่แข็ง แล้วกูเจอเพื่อนมหาลัยของน้องเดย์ด้วย ”  เอ่ยชวนมันคุยตอนที่เก็บกล่องใส่ถุงแล้วมัดให้แน่นหนาก่อนจะเอาไปตั้งไว้หน้าห้องเพื่อรอทิ้ง 

“ แล้วยังไง ” อาฟถามในตอนที่ดึงเต้าฮวยนมสดของผมขึ้นมาดูด

“ เพื่อนน้องเดย์คิดว่ากูเป็นแฟนน้องเดย์ ถามน้องเดย์ด้วยนะว่าทำไมไม่แนะนำแฟนให้รู้จัก มึงต้องเห็นหน้าน้องเดย์ที่ตาโตขึ้นมา โคตรตลก ฮ่าๆ ” ผมหัวเราะเสียงดังแต่เหมือนอาฟจะไมได้ตลกด้วย มันนั่งมองผม มองอยู่นานมากจนผมรู้สึกว่า หรือคำพูดที่ออกไปจะไม่ใช่เรื่องที่น่าเล่ากันวะ ผมเริ่มเม้มริมฝีปากเพราะถูกจ้องอยู่นานมากเกินไป อาฟตอนนั้นยื่นมือมาจับมือผม

“ มานั่งนี่มา ” มันพูดเสียงเรียบ ผมก็ได้แต่เบิกตาเชิงถาม

“ นั่งไหน ? ”

“ ตรงนี้ ” ก้มลงมองตามสายตาของมันที่บอก แล้วบนตักของอาฟคือจุดหมายของคำตอบนั้น

“ ไม่เอา กูหนัก ขามึงหักพอดี ”

“ กูจะตัดสินใจเอง ว่ามึงหนักหรือเบา ” ผมยืนลังเลอยู่นานกับการที่ต้องนั่งลงไป ขาของอาฟที่อยู่บนเก้าอี้แค่เห็นด้วยตาก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะรับน้ำหนักของผมได้ไหว เผลอถอนหายใจออกมาในตอนที่สบตาเข้า อีกคนก็แค่พูดเร่งรัด “ เร็ว วันนี้มึงทำกูหงุดหงิดหลายเรื่องแล้วนะ ”

“ กูไปทำอะไรให้มึง ไม่เห็นรู้เรื่อง ” พูดแบบนั้นก่อนจะขยับไปอยู่ข้างหน้าอีกคน แล้วค่อยหย่อนตัวลงนั่งบนขานั่นอย่างเชื่องช้าและไม่มั่นใจแต่ยังไม่ทันถึง คนกวนตีนก็พูดขึ้นก่อน

“ เออ หนักจริง ”

“ ไอ้เชี้ย ! กูยังไม่ได้นั่งเลย ” หันไปมองอีกคนตาขวางแต่อาฟก็แค่ยิ้มกว้างก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาตอนโดนผมด่า “ ไอ้สัดอาฟ มึงแม่งแกล้งกูอีกแล้วนะ  ”

“ มานี่มา ” คนชอบแกล้งขยับตัวเข้าไปจนสุดเก้าอี้มันกางขาออกกว้างจนเหลือพื้นที่ว่าง “ นั่งลงตรงนี้ ”

“ แล้วทำไมกูต้องนั่งด้วยวะ ” หูของผมแดงตอนที่พูดคำนั้น

ช่วงเวลาที่นั่งลงไปนั้น ผมถอนหายใจออกมาด้วยหัวใจที่เต้นแรง ทุกอย่างดูขัดแข้งในท่าทีที่ดูเหมือนรำคาญและไม่เข้าใจและจริงๆผมก็เขินเกินกว่าจะเอ่ยพูดหรือหันไปมองคนที่ก็เอื้อมมือมากอดเอวกันแล้วตั้งคางไว้บนไหล่ของผมได้ อาฟขยับเท้าขึ้นไปตั้งไว้บนโต๊ะด้วยท่าทางสบายใจ มันหอมแก้มผม

“ ทีหลังอย่าไปกินข้าวกับใครอีกนะ ” อาฟพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบนั้น “ จะให้เค้าเข้าใจผิด คิดว่ามึงเป็นแฟนคนอื่นได้ไง มึงเป็นแฟนกูนะ ”

“ โอเค รู้แล้ว ” ทำได้แค่ตอบออกไปเสียงเบาๆ เราที่นั่งอยู่แบบนั้น ผมคิดขึ้นมาได้ว่า ตัวเองไม่น่าเล่าเรื่องนั้นให้อีกคนฟังเลย หาเรื่องให้ตัวเองรักผู้ชายคนนี้เพิ่มขึ้นแท้ๆ ไอ้เมด

ช่วงเวลาเกือบตีสี่เป็นช่วงเวลาที่ผับปิดอย่างเสร็จสิ้น ไม่มีลูกค้าอยู่ที่นี่แล้ว มีแค่พี่ยามสองคนที่คอยเฝ้าไว้ ผมกับอาฟเดินออกมาขึ้นรถ ตอนที่ปิดประตูลงผมหันไปมองที่ลานจอดตอนนี้มีเพียงแค่รถของพี่ซองผู้จัดการอยู่คันเดียวแล้ว ซึ่งพี่ซองต้องกลับเป็นคนสุดท้ายในทุกวัน

“ กูกลับไปนะ กูจะอาบน้ำแล้วกูก็จะนอนเลย ” อาฟยกยิ้มตอนที่ผมพูด เราขับรถออกจากผับ ผมก็มองไปนอกหน้าต่างเหมือนอย่างเคย กลายเป็นคนที่ชอบช่วงเวลาใกล้สว่างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ผมชอบความเงียบของท้องถนนที่มีแสงไฟสาดส่องลงมาบนพื้นที่ว่างเปล่าเบื้องหน้า

ความเงียบภายในรถมีเพลงโปรดของเราคลอไปเบาๆ อาฟยื่นมือมาจับมือผมตอนที่มันพิงตัวเองกับเบาะเพื่อรอไฟแดง นิ้วโป้งลูบเบาๆที่หลังฝ่ามือเป็นความเงียบที่มีค่อนข้างโรแมนติกจนทำให้ผมหุบยิ้มไม่ได้

“ มึง ขอกูถ่ายรูปหน่อย ” บอกมันแบบนั้นผมก็เอียงตัวเองไปซบที่ไหล่มัน ถ่ายภาพตัวเองกับอาฟที่เห็นแค่ช่วงปากลงมา ผมชอบถ่ายภาพแบบนี้ มันดูน่ารักมากกว่าการถ่ายภาพให้เห็นหน้าชัดๆในความรู้สึกผม กดถ่ายอยู่สองสามภาพ ก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ “ อยู่นิ่งๆนะ ” บอกแบบนั้นก่อนจะกดเช็ตกล้องแบบนับเวลาถอยหลัง ผมเอามันไว้วางที่หลังรถ อยากจะให้มุมภาพที่เห็นทั้งถนน ทั้งมือของเราที่จับกันแล้วก็คอนโซลรถ

“ เป็นเหี้ยอะไร ถึงคิดจะถ่ายรูป ปกติไม่เห็นจะทำ ”

“ ก็คนมันอยากถ่าย ” ผมบอกอีกคนแบบนั้นก่อนจะหันไปหยิบมือถือตัวเองมาดูภาพที่ถ่าย เผลอยิ้มออกมาตอนที่เห็นว่ามันสวยกว่าที่คิดไว้เสียอีก “ มึงดู ภาพดีอะ ”

“ อื้ม ดี ” อาฟบอกแค่นั้นก่อนจะขยับปรับเกียร์เมื่อสัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้น

“ เราไม่ค่อยมีภาพถ่ายคู่กันเลย กูว่าต่อไปนี้เรามาถ่ายรูปด้วยกันเก็บไว้บ้างดีกว่า มือถือกูแทบไม่มีรูปมึงเลย ”

“ ก็คงแค่มึงคนเดียว ”  ชะงักมือข้างที่กำลังจะเล่นมือถือทันทีตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น

“ หมายความว่าไงวะ ”

“ เสร็จรึยัง เอามือมายืมจับหน่อย ” ยื่นมือมาทางผมที่ก็วางมือลงบนมือของอาฟอย่างว่าง่าย อีกคนที่กุมมือผมไว้ ตอนนั้นผมไม่ได้ถามอะไรในสิ่งที่สงสัย ทำได้แค่ก้มหน้าลงมองหน้าจอ ตกแต่งรูปก่อนจะอัพมันลงไปในอินสตาแกรมด้วยสเตตัสแค่สั้นๆ ว่า ‘ MINE ’

‘ เงียบไปดีกว่า อย่าไปสนใจเลย ’ คำพูดของน้องเดย์ที่พูดกับผมผุดขึ้นมาในตอนที่นั่งมองภาพที่ตัวเองอัพด้วยความสะใจ

ผมกดปิดหน้าจอมือถือของตัวเอง ก่อนจะดึงตัวเองเอียงซบลงไปบนไหล่ของอาฟที่กำลังขับรถอยู่ คนทุกคนก็เป็นแบบนี้ ‘ ถ้ามันไม่ใช่เรื่องของเรา ถ้าเราไม่ใช่คนที่ถูกทำร้าย เราจะบอกให้เค้าหยุด แล้วอย่าสนใจ แต่ถ้ามันเป็นเรื่องของเรา เราจะคิดหนทางสักทางเพื่อตอบโต้อีกฝ่ายให้เจ็บแสบไม่ต่างจากเรา ’

ไม่มีใครยอมทนโดนทำร้ายไปจนตายหรอก
ผมก็เหมือนกัน

“ เจอกันตอนบ่ายห้าโมงนะอารยะ ” หันไปบอกอาฟหลังจากที่รถจอดสนิทลงที่คณะบัญชีของผม วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่ายสองอาฟเองก็เหมือนกัน

“ มีอะไรจะถาม ” อาฟพูดขึ้นก่อนจะขยับเกียร์ให้รถจอดนิ่งแล้วดึงเบรคมือขึ้น ท่าทางที่บอกกับผมว่าอีกคนกำลังจริงจังกับคำถาม และไม่ต้องการได้รับคำตอบที่พูดปัดแบบขอให้ผ่านไปที

“ ว่า ” ผมหันไปมอง อาฟก็ก้มหน้าลงกดมือถือก่อนจะชูหน้าจอของโปรแกรมที่ชื่อว่าอินสตาแกรมขึ้นมา ในนั้นปรากฏภาพที่ผมอัพล่าสุดสเตตัสที่เขียนว่า ‘ MINE ’ ที่ไม่ได้แปลว่า ‘ ของฉัน ’ แต่แปลด้วยความหมายของวิวที่บอกกัน ‘ กูก็มีของกูเหมือนกัน แถมยังดีกว่าด้วย ’

“ หมายความว่าไง ” อาฟถามด้วยท่าทางยิ้มๆ “ ปกติเป็นคนชอบอวดแบบนี้เหรอ ” มันคงรู้ว่า นี่ไม่ใช่นิสัยผม มากสุดในไอจีที่ผมอัพเป็นแค่สตอรี่ของกิน ส่วนภาพจะอัพแค่ความทรงจำพิเศษเท่านั้น

“ ไม่ได้อวด ” ผมบอกมัน “ แต่เมื่อวานกูมีความสุขมากไงเลยเขียนสเตตัสว่า mine ไง mine ที่แปลว่า อารยะของกู ” ดึงตัวเองเข้าไปกอดคออีกคนไว้แล้วยิ้มกว้างให้ ตอนที่ซบเข้ากับไหล่ อาฟก็แค่ยกยิ้มก่อนจะเปิดไอจีของยีนส์ขึ้นมาแล้วยื่นมาให้ผมดู หัวใจผมตอนนั้นมันหล่นวูบ แต่อาฟก็แค่ยกยิ้ม

“ คิดว่าจะประชดไอ้เหี้ยนี่ซะอีก ”

“ ใครว่า ” บอกปัดมันแบบนั้นก่อนจะดึงตัวเองออกเพื่อมองอีกคน “ มึงมีไอจีมันด้วยเหรอ ”

“ มีสิ ไม่งั้นจะรู้เหรอว่าแฟนกูยังแคร์พวกมันขนาดนี้ ”

“ กูไม่ได้แคร์ ” ผมเถียง “ เมื่อคืนมันกดไลค์ไอจีกูเพื่อจะให้กูเข้าไปดูในไอจีมันแล้วเห็นภาพนี้ ”

“ แล้วมึงก็เลยอัพภาพกูกับมึงเพื่อตอบกลับมัน ” อาฟถามกลับ “ ถามจริงทำอะไรแบบนี้เรียกไม่แคร์เหรอ แต่กูว่ามึงกำลังแคร์มันมากเลยนะ ไม่อย่างงั้นมึงจะสนใจทำไม ”

“ แล้วทำไมกูต้องนั่งอยู่เฉยๆ เพื่อรอให้มันจะทำเหี้ยอะไรกับกูก็ได้วะ มึงคิดว่าคนแบบเชี้ยยีนส์มันจะจบแค่นี้เหรอ ”

“ เมด ” อีกฝ่ายเรียกผมเสียงนิ่ง “ ถ้ามึงอัพภาพกูเพื่อบอกรักกู กูจะไม่ว่าอะไรเลย แต่อย่าอัพภาพกูแล้วบอกรักกู เพื่อประชดคนที่มึงเคยรัก ”

“ อาฟมันไม่ใช่แบบนั้นนะเว้ย คือ.. ” ผมที่กำลังอธิบายแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับพูดขึ้นมาก่อน

“ ถ้ากูขอมึงจะทำให้กูได้มั้ย ” ภายในรถนั้นเงียบ อาฟแค่มองตาผมแล้วพูดอย่างจริงจังที่สุด “ ไม่สนใจพวกมัน แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กับกูได้มั้ย ”

..............................................................................

อยู่ทีมไหนกันดี ทีมพี่อาฟ ทีมน้องเมด ทีมน้องเดย์
ในบางทีคนแบบยีนส์ก็เป็นแบบที่เมดบอก คือมันต้องจัดการสักครั้ง  แต่การที่เดย์บอกว่าเงียบไปดีกว่า คือทางแห่งสันติที่ดีที่สุด แต่ทำได้ยากมากกกกกกกก ลองคิดง่ายๆว่าถ้าเราเป็นเมด เราจะทำยังไง
แต่สุดท้ายนี้ ไม่ว่าทางไหน ก็สงสารพี่อาฟ พี่อาฟที่รู้ว่า เมื่อคืนที่แฟนถ่ายรูปเรา ลงรูปเรา คือแฟนประชดแฟนเก่า ทั้งๆที่ปกติแฟนเราไม่เคยทำ ซ้ำในไปสิ

เจอกันตอนหน้านะคะทุกคน
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-10-2018 21:09:52
ทำงานเข้าตัวเองอีกแล้วนะเมดเอ๊ยยย น่าจะรู้ว่าคุณอารยะเขาชอบคิดมากเรื่องไอ้บิน  :เฮ้อ:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 12-10-2018 21:14:09
อ่านตอนนี้จบแล้วคงไปต่อแถว ทีมอาฟ ทันทีค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-10-2018 21:15:12
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 12-10-2018 21:22:34
อยู่ทีมพี่อาฟ  ปล่อยไปอย่าไปสนใจคนพวกนี้เลยเมด  ถ้ายังสนใจก็แสดงว่ายังแคร์ แต่ถ้าไม่สนใจไม่รักไม่เกลียดจะเฉยๆได้

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-10-2018 21:24:53
เป็นเรื่อง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 12-10-2018 21:40:21
ทีมพี่อาฟจากต้นจนจบเรื่องปิดผับฉลอง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 12-10-2018 21:52:49
ต่างคนต่างความคิด พยายามปรับกันนะคุยกันดีๆอย่าทะเราะกันรักเมดอาฟ รักคนเขียน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 12-10-2018 22:13:10
ที่อาฟขอ เมดต้องเยสอยู่แล้ว

จะว่าไปก็เข้าใจนะ อยากเอาชนะ อยากสุดๆ อยากโต้ตอบ ไม่ใช่แคร์ แต่คนข้างตัวรอบข้าง ก็จะมองว่าเราเต้นตาม ลามไปถึงยังแคร์อยู่ ... ความเข้าใจกันจะสวนทาง ...

เมดพลาดแล้ว ปล่อยให้จิตใจอยากเอาชนะอยากเอาคืนครอบงำ ... แน่ๆ ลืมนึกถึงความรู้สึกของอาฟ ทำให้อาฟรู้สึกว่าเมดไม่ชัดเจน ... อาฟย่อมกังวลอยู่แล้ว กังวลมานานแล้วตั้งแต่ที่เมดเลือกบิน คงกลัวมากๆ ในส่วนลึก แถมเจอแบบนี้อีก ... สงสาร

เราไม่รู้ว่า ถ้าอาฟโกรธจะเหมือนกับที่โมโหคุณเซลนั่นหรือเปล่า แต่เราเชื่อว่า ถ้าอาฟผิดหวังน้อยใจ อาฟจะเลือกหายไปมากกว่า แต่เราก็เชื่ออีก ยังไงอาฟก็ต้องกลับมา ทนคิดถึงไม่ได้หรอก และอาฟน่าจะเข้าใจว่าตัวเองก็ต้องรู้จักนิสัยเมดให้มากกว่านี้ รักกันยังไม่นานเลยนะ

ต้องผ่านมันไปให้ได้สิ ...

เมดจะชัดเจน และอาฟจะไม่กังวลว่าเมดยังมีเยื่อใยกับบิน เมื่อเมดทราบความจริง ... กลับมาได้แล้ว เพื่อนคนนั้น รีบมาหน่อย ส่งตั๋วไปให้ไหม

สนุกมาก เอาจริงๆ ทีมอาฟค่ะ
 :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 12-10-2018 22:39:46
งานจะเข้าอีกแล้ว  :mew5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 12-10-2018 23:22:19
เข้าใจทั้งเมดทั้งอาฟ แงงงงงง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 13-10-2018 00:03:31
เอ้า เชื่อน้องเดย์ก็ดีแล้วนะเมด ไม่น่าหาเรื่องให้ตัวเองเลย จะเห็นอารยะโกรธสุดๆมั่ยคราวนี้ อย่าทะเลาะกันเลยนะ แค่คราวก่อนก็ลุ้นจนปวดใจไปหมด ปรับความเข้าใจกันดีๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-10-2018 00:51:13
รอพ้นม่าก่อนนะคะ  :hao5: จิตใจบอบบาง

เมื่อไรเอ็มหรือแอมนะจะกลับมา จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ตอนไหน

ไถหาไม่เจอ รู้สึกว่าเป็นคนที่ค่าตัวแพงมาก 555 เรารอนาย

รอนายมาตลอด อยากให้เมดรู้เรื่องนมช็อคโกแลตใจจะขาด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 13-10-2018 00:58:26
ฟังน้องเดย์ก้ดีอยู่แล้วววเอาจิงงง
เฮ้อออออ
วิวเน้อวิว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 13-10-2018 01:53:37
ไม่มาคุนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 13-10-2018 02:36:17
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-10-2018 03:22:14
น่าจะได้เจออาฟในหมวด "องค์ลง" อย่างที่เมดต้องการจะเจอแล้วล่ะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-10-2018 07:49:51
เมด........ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
อยู่นิ่งๆแบบเดย์บอก ก็ดีแล้วแท้ๆ
ถึงจะตอบโต้ด้วยความแค้น แต่มันก็ไม่สิ้นสุด
ยังเป็นชนวนไปถึงอาฟอีกว่าทำไมยังผูกพัน ยังไม่ลืมบิน
มันมองได้สองด้านจริงๆ  :serius2: :z3: o22 :really2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-10-2018 08:28:40
นั่นไง หวานชื่น มีความสุขอยู่ดีๆ
ก็ต้องมีเรื่องให้ทำความเข้าใจกันอีก
เกิดเรื่องขึ้นมาแบบนี้ก็ดีนะ จะได้คุยกัน

เข้าใจเมดนะ ว่าทำไมเราต้องเฉย
แต่เหมือนเดย์กับอาฟบอก
ถ้ายิ่งดิ้น คือยิ่งสนใจ
เหมือนยังผูกติดอยู่แบบนั้น

พี่อาฟอย่าปล่อยให้น้องเมดลอยนวลนะ
และน้องเมดก็พูดกับพี่อาฟให้เข้าใจด้วย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-10-2018 11:48:33
ก็บางทีไม่ได้สนใจหรอกแต่แบบว่าขอนิดนึงเนอะน้องเมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 13-10-2018 15:30:49
แง่วๆกะแล้ว เมดต้องอัพรูปโต้ตอบไปแน่ อาฟยิ่งอ่อนไหวกับปมนี้อยู่ ไม่เอานะอย่าอึมครึมกันนานนะ แงๆเค้าชอบให้หวานๆกันมากกว่า เมดอ่ะ อยู่นิ่งๆเงียบๆอย่าไปดิ้นตามคนพวกนั้นเลยนะ บล็อคคนพวกนั้นไปเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 13-10-2018 15:47:03
ทำงานเข้าตัวเองแล้วคุณเมด :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 13-10-2018 21:01:29
ทีม อารยะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 14-10-2018 03:04:25
เข้าใจอารยะเลย
อาฟคงรู้สึก .. ว่าเมดยังคิดถึงสองคนนั้นอยู่แน่ๆ แม้เมดจะบอกว่าไม่ใช่ หรือว่าในใจไม่คิดก็ตาม .. แต่คนมอง
ภายนอกก็ยังคิดว่าตัวเองยังแคร์ความรู้สึกสองคนนั้นอยู่
ให้เมดรอรับแรงกะแทกผลกระทบสำหรับการแก้แค้นครั้งนี้ .. เพื่อจะได้คิดเยอะๆ กว่านี้ในการคิดจะทำอะไรต่อ
ประโยคสุดท้าย สงสารจิตใจอารยะขึ้นมาเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 14-10-2018 12:44:35
คนส่งนมแทนพี่อาฟในตอนนั้น...กลับมาได้ล้าวววววว :katai1: :katai1:  :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 14-10-2018 13:24:24
ทีมอารยะ เพราะรักเมดที่สุดดดดดด เหมือนได้อยู่ 2 ทีม อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 14-10-2018 13:52:30
รอติดตามตอนต่อไป  o13 o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 14-10-2018 17:57:46
#ทีมอารยะ คือบางคนมันก็มีความสุขที่ได้เห็นเราดิ้นตามมัน เราหยุดเขาไม่ได้ แต่ตัวเรา เราหยุดเองได้นะปล่อยให้เขาดิ้นรนแล้วเราเป็นฝ่ายเฝ้ามอง ดีกว่าเราไปดิ้นรนให้เขาดูน้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-10-2018 09:48:29
ยังไงล่ะเมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: Chamind1306 ที่ 16-10-2018 17:55:09
แต่นี่ทีมเมดนะ ก็ไม่ได้แคร์ไงแค่อยากจะเอาคืนบ้างนิดๆหน่อยๆเอง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 17-10-2018 14:18:29
รอบนี้ทีมอาฟ ทีมน้องเดย์ค่ะ

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 19-10-2018 20:28:23
ตอนที่ 42

“ ถ้ากูขอ มึงจะทำให้กูได้มั้ย ไม่สนใจพวกมันแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กับกูได้มั้ย ”

ได้แต่จดจ้องแววตานั้นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับสิ่งที่ได้ยิน อาฟไม่ได้ร้องไห้ มันไม่ได้ตีหน้าเศร้า และไม่แม้จะใช้สายตาอ้อนวอนกัน แต่ทว่าผมกลับรู้สึกเจ็บปวดราวกับใครฟาดไม้ลงบนแผ่นหลังของตัวเองจนเจ็บจุก พยักหน้ารับลงกับคำถามนั้นอย่างว่าง่ายก่อนนิ่งไปนาน เป็นความรู้สึกที่แทบหายใจไม่ออก

ผมหวนคิดถึงคำพูดที่อาฟเคยพูดไว้ตอนที่เราคบกันใหม่ๆ วันนั้นผมมีเรื่องกับยีนส์ ผมที่ตอนนั้นยังคงเจ็บปวดกับเรื่องที่มันทำ จนเอามาพูดเพ้อเจ้อถึงอดีตที่เสียใจจนทำให้อาฟต้องเจ็บปวด

 ‘ มึงยังเจ็บอยู่กับอดีตเมด กูเข้าใจ แต่กูก็เจ็บอยู่กับปัจจุบันเหมือนกัน ปัจจุบันที่กูรู้สึกว่า มึงไม่ได้มีกูอยู่ในหัวใจเลย แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะมี ’

ทั้งๆที่เป็นคำพูดที่เคยพูดมานาน แต่ทว่าวันนี้อาฟกลับยังรู้สึกแบบนั้นอยู่  รู้สึกว่าผมยังแคร์คนพวกนั้น แคร์เรื่องราวในอดีตพวกนั้น และไม่ได้รักมันคนในปัจจุบันเลยสักนิด ทั้งๆที่ในความคิดผม มันไม่เกี่ยวกันเลย ในตอนนี้ ไม่มีอะไรที่มันเกี่ยวกันทั้งนั้นอีกแล้ว

ผมไม่ได้เสียใจ มันเป็นแค่ความแค้นที่รู้สึกอยากจะเอาคืนบ้าง ตามความรู้สึกของคนคนนึงที่ไม่อยากจะให้ใครรังแกอยู่ฝ่ายเดียว แต่เหมือนอีกคนจะไม่ได้คิดแบบนั้น

 “ อาฟ ฟังกันก่อนได้มั้ย กูว่ามึงกำลังเข้าใจกูผิด ” อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไร ผมจึงพูดต่อในสิ่งที่คิด “ กูยอมรับว่ากูลงภาพเพราะอยากจะตอบกลับไอ้ยีนส์มัน  เพราะตั้งแต่ที่เลิกคบกัน ยีนส์ไม่เคยมายุ่งวุ่นวายอะไรในไอจีกูเลย ไม่เคยดูสตอรี่ที่กูอัพทุกวัน ไม่เคยกดไลค์ภาพสักภาพ จนกูคิดว่ามันบล๊อคกูไปแล้วด้วยซ้ำ แต่อยู่ๆ มันก็เข้ามาดูไอจีสตอรี่กู แล้วไม่นานก็เข้ามาไลค์ภาพกูที่ก็อัพไปตั้งนานแล้ว มันเป็นภาพที่กูเขียนข้อความถึงมัน แล้วพอกูเข้าไปดูในไอจีมัน ถึงรู้ว่าที่มันมากดไลค์ภาพกูแบบนั้น ก็เพราะแค่อยากจะให้กูเข้าไปดูไอจีมันที่อัพภาพตัวเองกับไอ้บิน ”

อาฟยังคงเงียบมันแค่ถอนหายใจออกมาหลังจากที่ผมอธิบาย สายตาคมนั้นไม่ได้มองกันอีกแล้ว มันเบือนหนีไปมองถนนตรงหน้าที่ตอนนี้มีนิสิตในมหาลัยเดินผ่านไปมา ผมรู้ว่าอาฟคงคิดต่างจากผม ไม่ว่ายังไงมันก็คงเห็นว่าการกระทำนี้คือการที่ผมยังแคร์อีกฝ่ายอยู่มาก เลยยังเสียใจและต้องการเอาคืนแบบนั้น

“ มึงจะคิดว่ากูเป็นเด็กไม่รู้จักโตที่ทำเรื่องแบบนั้นก็ได้ แต่อย่าคิดว่ากูยังรักแล้วก็ยังแคร์พวกมันอยู่ได้มั้ย เพราะมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย กูไม่ได้รัก แล้วกูก็ไม่ได้แคร์ ไม่ได้แคร์ว่ามันจะมีความสุข หรือจะรักกันขนาดไหน ต่อให้มันลงภาพเป็นร้อยล้านภาพต่อวันกูก็จะไม่สนใจเลย แต่ทำไมมันต้องมาเชิญชวนกูไปดู ทำไมต้องมาคอยหาเรื่องกู แล้วมึงจะให้กูคนที่ก็มีมือมีตีนเหมือนกัน ทนอยู่นิ่งๆไม่ทำอะไรเลยงั้นเหรอ กูต้องทนให้มันทำอะไรกูก็ได้ เหย้าแหย่กูแค่ไหนก็ได้ มึงคิดเหรอว่าถ้ากูทำแบบนั้นคนแบบยีนส์มันจะหยุด ” ผมยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้า “ มันไม่มีวันหยุดหรอก กูรู้จักคนอย่างมันดี ถ้าไม่ตายกันไปข้าง ยีนส์ไม่มีวันหยุดหรอก ”

“ แล้วมึงคิดว่ายีนส์มันรู้สึกยังไงกับการเห็นมึงอัพภาพกูเพื่อตอบกลับพร้อมด้วยสเตตัสที่เหมือนกันกับมัน มึงคิดว่ามันจะรู้สึกเจ็บใจเหรอ ? มึงคิดว่ามันจะรู้สึกว่า ‘ เมดมันมีแฟนที่ดีกว่ากูวะ กูคงต้องถอยแล้ว ’ เหรอ ? มึงคิดว่ามันคิดแบบนั้นเหรอ ” อาฟหันมาถามผมก่อนจะหัวเราะในคอ “ สิ้นคิด.. ตอนนี้เพื่อนมึงคงจะนั่งมีความสุข เพราะทำให้มึงเจ็บปวดได้ มันคงนั่งคิดว่า มึงยังแคร์ ยังเสียใจ ก็เลยอัพภาพกูเพื่อประชด คนที่มันเหี้ย เค้าไม่คิดอะไรอย่างที่มึงคิดหรอกเมด คนเหี้ยก็คือคนเหี้ย มันคิดเข้าข้างตัวเองทั้งนั้น มันทำเพราะอยากให้มึงเจ็บปวด แล้วการที่มึงดิ้นตามมัน นั่นก็คือ มึงกำลังเจ็บปวด แล้วตอนนี้มันก็คิด ว่ามันประสบความสำเร็จแล้ว ก็แค่นั้น ”

“ แต่กูไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น กูไม่ได้แคร์มันเลย กูอยากบอกให้มันรู้ว่า กูไม่สน กูมีคนใหม่แล้ว เรารักกันแล้วตอนนี้กูก็มีความสุขดี สุขกว่ามันที่ไม่รู้ว่าจริงๆ มีความสุขอยู่รึเปล่า กูอยากจะให้มันเอาตัวเองให้รอดเถอะ ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับกูอีก การอัพภาพของกูมันเป็นแค่ความรู้สึกแบบนั้น กูแค่อยากจะบอกมันแบบนั้น ” ผมพิงหลังกับเบาะรถก่อนจะถอนหายใจออกมา “ ทำไมมันถึงอยู่คนละโลกกันไม่ได้วะ ทำไมมันต้องหาเรื่องกู ทำไมกูต้องเป็นฝ่ายที่ต้องทนคนเดียวด้วย อะไรๆก็กูคนเดียวเลย มันทำกูเจ็บ กูต้องทน ทำเหี้ยแค่ไหน กูก็ต้องทน  กูต้องเข้มแข็งขนาดไหนวะ ทั้งๆที่กูก็เป็นคนคนนึงที่เจ็บเป็น กูเองก็แค้นเป็น ทำไมวะ ทำไมมันต้องเป็นกูด้วย กูแม่งผิดอะไรนักมันถึงไม่ปล่อยกูไปแบบนี้ ” 
 
“ เพราะมันเกลียดมึงไง ” อาฟพูดเสียงเรียบหลังจากที่ผมระบายความรู้สึกในใจออกมา  “ มันเกลียดตั้งแต่ที่มึงคบกับไอ้บิน แล้วมันต้องเป็นเมียน้อยอยู่ลับหลังมาหลายปีทั้งๆที่ก็คงอยากจะได้ชูคอบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่ใช่ตัวจริง แล้วพอมึงจับได้มันก็โดนว่าอีก ว่าแย่งผัวเพื่อน แม้แต่ตอนนี้มึงจะมีคนใหม่แล้ว มันได้ชูคอควงไอ้บินออกนอกหน้าบ้าง แต่มันก็ยังถูกตีหน้าว่าแย่งของเพื่อนมาอยู่ดี มันที่โดนสาปแช่ง ว่าสักวันต้องเลิกกับไอ้บินแน่ๆ สักวันต้องถูกแย่งไปแน่ๆ ลึกๆมันก็กลัว มันไม่ได้มีความสุขหรอกยีนส์น่ะ มันทุกข์กว่ามึงเป็นร้อยเท่า และความสุขเดียวของมันที่มีคือการที่มึงยังแคร์มันกับไอ้บินอยู่ แคร์ทุกๆการกระทำของพวกมัน มันเลยพยายามแหย่มึง พยายามหาเรื่องมึง เพราะนี่เป็นสิ่งเดียวที่มันรู้สึกชนะมึง ชนะด้วยการได้ครอบครองควายโง่ๆอย่างไอ้บิน” อาฟหลุดยกยิ้มออกมาตอนที่พูดจบ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วหันมามองผม “ แล้วตอนนี้มึงก็แพ้มันเมด มึงยังคงเป็นเบี้ยล่างให้มัน ทำไมถึงยอมลดตัวไปเป็นเห็บหมาวะ ทั้งๆที่กูยกให้มึงเป็นถึงราชินี ”

“ อาฟ ” ผมได้แต่อ้าปากค้างตอนที่อีกคนเอ่ยด่าออกมาแบบนั้น “ มึงด่ากูแรงไปเปล่าวะ”

“ เรื่องจริงจะแรงอะไร ก็มึงทำตัวเป็นแบบนั้นเอง ยีนส์มันก็เหมือนหมา ส่วนมึงก็เหมือนเห็บหมา ที่ตามติดหมาไปตลอด ไม่ว่าหมามันจะทำอะไร จะบุกน้ำลุยโคลนเห็บหมามันก็ต้องทำด้วย ต่างอะไรกับมึงที่ยังรู้สึกดิ้นตามไอ้ยีนส์ไม่ว่ามันจะทำอะไรวะ ”

ภายในรถกลับมาเงียบอีกครั้ง ผมเถียงไม่ออกแม้ว่าตัวเองจะโดนเปรียบเทียบว่าเป็นเห็บหมาก็ตาม คงเพราะว่าผมคิดว่ามันก็คงจริง ไม่มีอะไรที่อาฟพูดออกกมาแล้วผิดสักอย่าง มันพูดเรื่องจริง ผมยังคงดิ้นตามยีนส์ ผมคิดว่าตัวเองสะใจ ผมคิดว่าตัวเองได้เอาคืน แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่ ผมแค่ตกลงไปหลุมที่มันขุดอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วตอนนี้ก็เหมือนอย่างที่อาฟบอก    ยีนส์คงกำลังสมน้ำหน้าผม และคงกำลังคิดเข้าข้างตัวเองว่า ‘ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผมก็ยังคงเจ็บปวดเสมอที่มันแย่งบินไป ’ แม้มันจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย

“ ลองคิดดูดีๆ ว่าที่มึงบอกว่า มึงทำแบบนี้มึงสะใจ มึงได้เอาคืน ได้ทำให้มันรู้ว่ามึงไม่ได้งอมืองอเท้าให้มันรังแกอยู่ฝ่ายเดียว จริงๆแล้ว มึงได้อะไรกลับมาบ้าง ลองถามตัวเองว่าที่ทำลงไป มันได้อะไรกลับมา แต่ถ้าคิดไม่ออก สมองยังทึบ ก็ลองหันมามองหน้ากู ” ผมหันไปมองหน้าคนพูดทันที แล้วตอนนั้นอาฟก็พูดแค่สั้นๆ “ สิ่งที่มึงได้ คือมึงทำกูเจ็บปวดเมด มากๆด้วย ”

“ ขอโทษ ” มีเพียงคำนี้ที่พูดออกมา ตอนที่ได้แต่จ้องมองใบหน้านั้นที่เริ่มฉายความเจ็บปวดออกมาทางแววตา สายตาคมเบือนหน้าหนีผม ในตอนนั้นผมก็ทำได้แค่ก้มหน้าลงไม่กล้าแม้จะมองหน้ามันอีก ทุกอย่างในรถเงียบลงอีกครั้ง ผมเหลือบมองมือหนาที่ตั้งอยู่ตรงพวงมาลัยรถ อาฟกำมันไว้แน่น เพราะตอนนี้กำลังพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่แสดงสีหน้าเจ็บปวดอะไรออกมาทั้งนั้น

บางทีในมุมนึง ผมเป็นเด็กดื้อ ที่ถูกอีกคนเอาใจและตามใจอย่างที่สุด จนคิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้ เป็นเด็กที่ขาดความคิดรอบคอบ เหมือนเด็กที่คิดเอาแค่ความสะใจของตัวเอง โดยไม่ได้หันมองรอบข้าง ไม่ได้สนว่าใครจะเสียใจ สิ่งเดียวที่ผมสนใจเหมือนมีเพียงแค่ใครสักคนที่ซัพพอร์ตความต้องการของผมเพียงเท่านั้น โดยลืมเลือนไปเลยว่า จริงๆแล้ว เราควรมองคนที่เรารักมาเป็นอันดับหนึ่ง ควรมองว่าเค้ารู้สึกยังไง ควรมองว่าเค้าจะเจ็บปวดมั้ย ถ้าเราเผลอทำอะไรสักอย่างออกไป

“ ขอโทษที่เอาแต่ความคิดของตัวเอง ” ผมพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบนั้น ขอบตาของผมร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อออกมาคลอเต็มไปหมด แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังไม่กล้าจะมองหน้าอาฟ  “ ขอโทษที่ไม่ได้คิดถึงมึงเลย ไม่ได้คิดว่ามึงจะรู้สึกยังไงกับการกระทำของกู ขอโทษที่คิดแค่อยากจะเอาชนะ อาฟ กู..”

“ เมื่อคืนตอนที่มึงบอกว่า มาถ่ายรูปกัน กูเผลอยิ้มออกมาเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังมีความสุขมาก หัวใจกูเต้นแรงสุดๆตอนที่มึงเอียงหัวมาซบกันที่ไหล่แล้วถ่ายรูป ภาพที่มึงบอกว่าสวย ตอนที่เราจับมือกันแล้วมึงตั้งกล้องไว้ข้างหลัง  กูอยากเห็นชัดๆ แต่ไม่กล้าจะขอมึงดู เพราะกลัวมึงจะรู้ว่ากูมีความสุขมากขนาดไหนกับการที่มึงแค่ถ่ายรูปของเรา ”

อาฟยิ้มออกมาหลังจากที่พูดประโยคนั้น มันไม่ใช่รอยยิ้มที่มีความสุขอะไร แต่เหมือนเป็นรอยยิ้มที่อีกคนกำลังรู้สึกสมเพชตัวเองเสียเหลือเกินเมื่อคิดถึงความรู้สึกของตัวเองในตอนนั้น

“ กูกลับมาถึงคอนโด กูรีบเปิดไอจีของตัวเองแล้วเข้าไปที่หน้าหลักของมึง กูกดลากลงเพื่อรีเฟรสหน้านั้นเกือบทุกวินาทีเพื่อรอว่าเมื่อไหร่มึงจะอัพภาพ แล้วสุดท้ายมึงก็อัพ มึงอัพภาพแรกของเราด้วยสเตตัสสั้นๆแบบคำว่า ‘ mine ’ ตอนที่เห็นมัน กูหยุดยิ้มไม่ได้เลย กูออกไปหน้าห้อง กูไปแอบยิ้มคนเดียวอยู่ในครัว เพราะตอนนั้นมึงกำลังอาบน้ำ กูกลัวมึงออกมาเห็นแล้วแซวกู ช่วงเวลานั้นกูคิดนะรู้มั้ย ความสุขแม่งไม่ต้องยาวเลย มันสั้นมากๆ แค่คำว่า mine ก็ทำให้คนอย่างกูมีความสุขมากๆแล้ว ”

“ อาฟ..” ผมบีบมือมันที่กำลังจับอยู่แน่น มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกผิดอีกแล้ว มันไม่ได้รักษาได้ด้วยคำว่าขอโทษอีก ผมไม่รู้จะพูดอะไรทั้งนั้น ทำได้อย่างเดียวคือร้องไห้ออกมาเพียงเท่านั้น พร้อมกับคำพูดที่กร่อนด่าตัวเองในสิ่งที่ทำลงไป ผมถามตัวเองเป็นสิบๆครั้ง ผมอยากจะตบตัวเองด้วยซ้ำถ้าทำได้

“ ภาพแรกของเราที่มึงอัพ ภาพที่มันจะไม่หายไปเหมือนสตอรี่ที่มึงอัพทุกวัน ภาพที่จะเป็นความทรงจำของเรา ภาพที่บอกกับเราว่า วันนั้นเป็นวันที่เรามีความสุขมาก แต่หลังจากนั้นไม่นาน ยีนส์ก็ส่งข้อความเข้ามาหากู มันแคปภาพไอจีของมัน มาให้กูดู แล้วก็บอกกับกูแค่ว่า ‘ เมียมึงขาดความรักเหรออาฟ ถึงว่างมาอัพรูปประชดกู ’ ”

“ ห๊ะ ? ” ผมเผลอสบถออกมาตอนที่ฟังประโยคสุดท้ายนั้นจบ ขมวดคิ้วมองอีกคนด้วยความรู้สึกนิ่งค้าง “ กูคิดว่ามึงมีไอจียีนส์มึงถึงรู้ แต่นี่มันถึงขั้นสร้างเรื่องสร้างราวให้เราทะเลาะกันเลยไม่ใช่เหรอ ”

“ ก็ใช่ แต่มันจะเกิดมั้ยเมด ถ้ามึงไม่ไปดิ้นตามมัน แต่เพราะมึงดิ้นตามมันไม่ใช่เหรอ มันถึงทำอะไรแบบนั้นได้ ”  พยักหน้ารับตามคำพูดของอีกคน อาฟหันมามองผม “ ความสุขกูหายไปนะรู้มั้ย แล้วมึงก็เป็นคนทำให้มันหายไป ”

“ อาฟ ”

“ ตอนที่กูรู้ มันเหมือนกูโดนไม้หน้าสามฟาดใส่หน้า มีคำพูดนึงที่เหมือนใครบางคนตะโกนเข้ามาใส่กูว่ากูมันโง่ คิดว่าเมดจะบอกรักกูจริงๆเหรอ เมดไม่ได้รักกูขนาดนั้นมั้ย ”

“ ทำไมมึงคิดแบบนี้วะ มึงอย่าไปดิ้นตามไอ้ยีนส์มันสิ ไหนบอกกูอย่าไปดิ้น มึงเองก็ดิ้นตามมันเหมือนกัน กูจะไม่รักมึงได้ยังไง กูรักมึงนะอาฟ อย่าคิดอะไรแบบนั้นสิวะ ” หันไปเถียงใส่อีกคนเสียงดัง ผมจับแขนมันไว้แน่นในตอนที่พูดคำพูดพวกนั้น จ้องสายตาที่หันมามองกันก่อนจะซบลงไปหัวไหล่ “ กูจะไม่รักมึงได้ยังไง กูรักมึงมากเลยนะ ถึงกูจะงี่เง่าที่เขียนสเตตัสเหมือนยีนส์เพราะจะประชดมัน แต่ไม่ได้หมายความว่า กูจะเขียนไปโดยไม่ได้รู้สึกอะไร กูรักมึงจริงๆ ไม่ได้เขียนเพราะแค่จะประชด กูเขียนเพราะกูรู้สึกว่ากูเองก็มีมึงเป็นของกูเหมือนกัน อึก จะโกรธกูก็ได้ แต่ขอร้องอย่าคิดว่ากูไม่รักมึงเลย อึก กูรักมึงนะ รักจริงๆนะอาฟ ฮือๆ ”

ผมรู้สึกเจ็บ มันเจ็บยิ่งกว่าอะไรคำพูดอะไรทั้งหมดตั้งแต่ได้ฟังอีกคนพูดมา เจ็บอยู่ในใจจนได้แต่ร้องไห้ออกมาอยู่แบบนั้น ผมบีบแขนของอาฟที่จับไว้แน่น คำพูดที่มีแต่คำว่ารักเบาๆ หลุดออกมาจากปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า เข้าใจถึงความรู้สึกของคนที่เสียใจเวลาได้ยินคนที่เรารักบอกว่า เราไม่ได้รัก ทั้งๆที่เรารักเองก็รักเค้ามาก ผมรู้แล้วว่ามันเป็นยังไง

“ เมด ”

“ ขอโทษ ขอโทษจริงๆ กูคิดน้อย กูขอโทษอาฟ แต่กูไม่ได้ไม่รักมึงนะ กูรักมึง กูรักมึงจริงๆ เชื่อกูเถอะ ต่อไปนี้กูจะไม่ทำอีก จะไม่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นอีก กูจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับยีนส์ จะไม่ตอบกลับอะไรมันอีก ต่อให้มันทำอะไรกู กูก็จะอดทนไม่สนใจ อาฟ.. ”

“ พอแล้วไม่ต้องพูด แล้วก็ไม่ต้องร้องไห้ด้วย ” อีกคนบอกแบบนั้นก่อนจะเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมที่ยังสะอึกสะอื้นอยู่แบบนั้น “ เมื่อคืนกูไม่ได้ตอบอะไรไอ้ยีนส์ เพราะกูจะไม่เดินตามเกมส์ที่มันวางไว้ กูเลือกที่จะคุยกับมึงด้วยเหตุผลเมด กูพูดกับมึงตรงๆ กูไม่ได้โกรธ ”

“ ตอนที่มึงโกรธกูครั้งแรกมึงก็พูดแบบนี้ มึงบอกว่ามึงไม่ได้โกรธแต่มึงไม่คุยกับกูเลย ” อาฟถอนหายใจออกมาตอนที่ผมบอกแบบนั้น “ กูย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว กูขอโทษที่ทำได้แค่ลบรูปนั้น แต่กูทำให้มึงกลับมารู้สึกกับกูเหมือนเดิมไม่ได้อีก กูขอโทษอาฟ ผิดไปแล้วจริงๆ ”

“ คนเราแม่งก็เป็นแบบนี้ทุกคนกันทุกคนสินะ ” อาฟพูดขึ้นมาตอนที่ถอนหายใจออกมาแล้วมองออกไปด้านหน้ารถ “ เราทำผิด แล้วเราก็ขอโทษ กูอธิบายมึงเป็นร้อยเป็นพันว่าทำทำไมตอนที่เราทะเลาะกันแล้วสุดท้ายกูก็จบมันด้วยคำว่า กูขอโทษ ตอนนั้นกูคิดอย่างเดียวคืออยากให้มึงหายโกรธ แต่ตอนนี้พอกูมาเป็นคนที่ต้องฟังคำว่าขอโทษบ้าง กูคิดถึงคำพูดมึงตอนที่มึง ถาม ว่าทำไมถึงพูดแต่คำว่าขอโทษ แล้วกูก็ได้คำตอบว่า แม่งก็พูดได้แต่คำนี้จริงๆ ”

“ อาฟ ”

“ ไม่ต้องพูดขอโทษแล้ว พูดในสิ่งที่กูขอดีกว่า ที่กูขอว่า เพื่อกู อย่าไปยุ่งกับไอ้เหี้ยพวกนั้น มึงทำให้กูได้มั้ย ”

“ ได้ ” ผมบอกมันเสียงหนักแน่น “ กูจะไม่ยุ่งกับพวกมันอีก ”

“ อื้ม ”

“ อย่าโกรธกันเลยนะมึง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ทำอะไรแบบนั้น แต่เพราะทำไม่ได้ กูทำอะไรไม่ได้เลย ยกเว้นยอมรับว่ากูผิด กูขอโทษ แล้วกูจะไม่ทำแบบนั้นอีก ” ผมเช็ดน้ำตาตัวเองที่เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง อาฟที่หันมามองหน้ากัน

“ กูไม่โกรธมึงหรอกเมด เพราะกูจะไม่ดิ้นตามเกมส์ของไอ้ยีนส์มัน แต่กูแค่เสียใจ ที่เผลอไปดีใจกับรูปของเราที่มีมึงลง ”

“ ขอโทษ ”

“ เลิกพูดได้แล้ว ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วมึงเองก็ควรลงไปเรียน ” เชิดหน้าไปทางตึกคณะของผม ถอนหายใจออกมาตอนที่อีกคนพูดแบบนั้นผมก็เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่อยากจะไปเรียนเลย ตอนนี้สมองผมไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ในใจมันอัดแน่นไปด้วยความไม่สบายใจ ผมรู้ว่าอาฟยังเสียใจ ยังโกรธ แต่ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้ยกเว้นยอมรับว่าตัวเองผิด

“ แต่ว่า..”

“ กูไมได้ขับรถมาเพื่อพามึงกลับไป มันเปลืองน้ำมัน ”

“ โดดสักคาบไม่เป็นไรหรอกมั้ง กูไม่สบายใจอะมึง เราเป็นแบบนี้จะให้กูไปเรียนได้ไง ”

“ มึงทำอะไรไม่ได้เมด ยกเว้นปล่อยให้เวลามันรักษาความรู้สึกของกู มันเกิดขึ้นแล้ว มึงก็ทำเท่าที่ทำได้นั่นคือการขอโทษ จะให้กูรู้สึกดีขึ้นมาฉับพลันโดยไม่รู้สึกอะไรมันไม่ได้หรอก เพราะกูยังเจ็บ แต่เดี๋ยวมันก็หาย ”

“ กูสามารถทำให้มันหายเร็วๆได้มั้ย มีวิธีไหนบ้างวะ ไม่อยากจะให้มึงเจ็บเลย ไม่อยากให้มึงเป็นแบบนี้ ”

“ ทีหลังก็คิดให้มากๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งร้องไห้แล้วบอกกูว่า ไม่อยากให้กูเป็นแบบนี้ทั้งๆที่มึงก็ทำมันไปแล้ว ”

“ ขอโทษ ”

“ ลงไปเรียนไป ” อาฟเอ่ยปากไล่อีกครั้ง “ กูก็จะไปเรียนเหมือนกัน ” มองตามคนที่ไม่ว่ายังไงก็ยังคงยืนยันคำพูดนั้น ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะถอดใจจะดึงดันทุกอย่างให้ไปต่อก่อนจะพยักหน้ารับกับอีกคน

“ กูไปก็ได้ ”

“ ให้ไปเรียน แล้วเดี๋ยวจะมารับกลับ ไม่ได้ให้ไปไหนไกลเข้าใจมั้ย ”

“ อื้อ รู้แล้ว กูไม่ไปไหนหรอก ไม่อยากไปไหนแล้ว ” มือหนาเอื้อมมือมาลูบหัวอีกคนขยี้เบาๆ แต่มันไมได้ทำให้จิตใจของผมรู้สึกดีขึ้นมาเลยสักนิด ในใจของผมอยากจะคืนดีกับอีกคนเร็วๆ ทั้งที่ก็รู้ดีว่า สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม คือเวลา และการทำตัวเองให้ดีขึ้น เหมือนอาฟที่ทำให้ผมหายโกรธเพราะมันก็ลดความปากหมาใจร้อนนั่นลงไปเยอะ

“ เดี๋ยว ” อาฟจับแขนผมตอนที่กำลังจะเปิดประตูรถลงไป “ ทำหน้าให้มันดีๆ อย่าให้ไอ้ยีนส์รู้ว่าแผนที่มันอยากจะให้เราทะเลาะกันมันสำเร็จ ”

“ กูไม่มีแรงจะเชิดหน้าหรอกอาฟ ” ผมหันไปบอกอีกคน “ ช่างมันเถอะ กูไม่อยากจะสนใจอะไรอีกแล้ว ต่อให้มันสมน้ำหน้ากู ต่อให้มันหัวเราะสะใจกู กูก็ไม่แคร์แล้ว ”

“ นี่ประชด ? ”

“ เปล่าเลยยยย ” ผมลากเสียงด้วยความรู้สึกเหนื่อยอ่อน จิตใจมันไม่ไหวแล้วตอนนี้ถ้าทำได้ผมแค่อยากจะกลับไปที่คอนโดชวนอาฟนอนลงบนเตียงแล้วกอดอีกคนไว้แบบนั้น กอดจนกว่าอีกคนจะหายโกรธแล้วกลับมารู้สึกกับผมเหมือนเดิม แต่เพราะทำไม่ได้ ก็เลยอยากจะติดทุกอย่างที่ทำให้รู้สึกหนักใจออกไปให้หมด มันพอแล้ว ผมไม่อยากจะแบกอะไรอีก ใครอยากจะคิดอะไรก็ให้เค้าคิดไป เราห้ามอะไรไมได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะคนแบบยีนส์ “ มึงดูตากูก่อน บวมขนาดนี้ใครจะไม่รู้บ้างว่าร้องไห้มา แล้วกูคิดว่าถ้ากูลงไปทำหน้าเชิดๆ เหมือนไม่มีอะไรคนแบบยีนส์ก็ยิ่งได้ใจ แล้วก็สมเพชมากกว่าเดิม แล้วอีกอย่าง มึงบอกเองว่าให้เลิกใส่ใจมัน เพราะงั้นเราก็ควรมองข้ามมันไป ไม่ต้องสนว่ามันรู้สึกยังไงจริงมั้ย ”

“ อื้ม ” อาฟตอบเสียงเบา ผมเองที่มองหน้ามันอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะดึงตัวเองยืดขึ้นหอมแก้มอีกคนที่ก็แค่ปรายตามามองกัน

“ ไปนะ แล้วเจอกัน ”

ปิดประตูรถเรียบร้อยผมยืนนิ่งมองอีกคนจนกระทั้งรถคันนั้นขับออกไปจากหน้าตึกคณะ ผมหันตัวกลับมาเดินเข้าตึกเรียน กดลิฟต์เตรียมขึ้นไปชั้นบน แล้วในระหว่างรอก็เผลอถอนหายใจออกมากับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ผมนวดขมับตัวเองด้วยความปวดหัวเพราะเมื่อครู่ก็ร้องไห้มาอย่างหนัก

“ อ้าว เมด ” เสียงของจิงที่เอ่ยทักผม มันยิ้มให้กันผมก็นิ่งไปสักพัก่อนยิ้มตอบกลับไป “ เป็นอะไรวะ หน้าตามึงดูไม่ดีเลย ”

“ ทะเลาะกับอาฟ ” ไม่รู้ทำไมผมถึงบอกออกไปตรงๆแบบนั้น แต่มันไม่อยากจะปิดอะไรแล้ว ผมเหนื่อยจะสร้างเรื่องราวปิดบังความจริงที่เกิดขึ้น เพราะยิ่งทำก็ยิ่งรู้สึกตัวเองน่าสมเพช

“ มึงไหวนะ ”

“ เพราะเพื่อนซี๊มึงนั่นแหละ กัดกูไม่ปล่อยเลย ”

“ มันทำอะไร ” ผมยกยิ้มขึ้นมาตอนที่อีกคนถามกลับมา ผมกำลังขบขันตัวเองที่อยู่ๆกลับกำลังจะอ้าปากเล่าเรื่องทั้งหมดให้คนของไอ้ยีนส์ฟัง ทั้งๆที่ก็รู้ว่าพอเอ่ยเล่าไปมันก็ต้องเอาไปเล่าต่ออีกคนแน่ๆ

“ กูต้องเล่าด้วยเหรอวะ มึงไม่ได้วางแผนนี้กับไอ้ยีนส์หรอกเหรอ ”

“ แผนอะไรกูไม่รู้เรื่อง ” จิงตีหน้างง ผมไม่รู้มันพูดจริงหรือเล่น จิงเป็นคนคบไม่ได้ตั้งแต่วันนั้นสำหรับผม แต่ถ้าให้พูดจริงๆ ก็คงต้องบอกว่าผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในชีวิต

“ เดี๋ยวยีนส์ก็เล่ามึงด้วยความสะใจเองนั่นแหละ มึงรอฟังเถอะ ฟังจากกูมันไม่สนุก ไอ้ยีนส์เล่าน่าจะสนุกกว่า ”

“ เมด ” อีกคนพูดเสียงเบา “ เป็นห่วงมึงจริงๆ มีอะไรก็พูดกับกูได้ กูไม่บอกยีนส์หรอก ”

“ จิง กูแม่งจะเชื่อมึงได้ยังไงวะ ” ผมหันไปถามอีกคนยิ้มๆ “ มึงคิดก่อนสิวะ จะพูดอะไรน่ะ กูไม่เชื่อมึงหรอก มึงทำกับกูขนาดนี้กูจะไปเชื่อมึงได้ยังไง ”

“ ก็จริงของมึง ” อีกคนถอนหายใจออกมาก่อนจะก้มหน้าลง แล้ววินาทีนั้นผมก็เห็นรอยแดงที่คอของอีกฝ่าย และด้วยความปากไว ผมก็หลุดถามออกไป

“ มึง มีแฟนแล้วเหรอ ”

“ บ้า ไม่มี มึงคิดอะไรอย่างงั้น ใครมันจะมาสนใจกู ”  ส่ายหน้าปฎิเสธให้กันผมก็ชี้ที่คอของผมเพื่อตอบคำถามที่อีกฝ่ายถามว่าทำไมคิดอะไรแบบนั้น ผมรู้สึกจิงหน้าซีดขึ้นฉับพลัน มันกลืนน้ำลายก่อนจะตั้งปกคอเสื้อนักศึกษาที่ใส่มาเพื่อปิดมันไว้ก่อนจะยิ้มให้ผม “ ยุงกัดน่ะ ”

“ อื้ม ” ตอบแบบนั้นก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์ตัวที่มาถึงพอดี
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 19-10-2018 20:29:38

เราขึ้นไปถึงห้องพร้อมกัน เปิดประตูทางด้านหลังเข้าไปพร้อมกับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เปิดประตูเข้ามาทางด้านหน้า มองหาที่นั่งที่ตอนนี้ก็ยังมีที่ว่างเหมาะๆอยู่บ้าง ผมเดินเข้าไปนั่งแล้ววินาทีที่หย่อนตัวลงนั่งเรียบร้อย คนที่อยู่เยื้องผมก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นยีนส์ที่กำลังคุยกับเพื่อนร่วมคณะคนอื่นอย่างออกรส

“ มึงคิดว่าเมดจะคบไอ้เจ้าของผับนั่นเพราะรักกันจริงๆเหรอวะ กูว่าไม่หรอกมันก็แค่อยากจะประชดกูกับบินเท่านั้นแหละ ทำให้เห็นว่าไม่แคร์ไม่สนมีคนที่รวยกว่า มันเค้าคบก็เพราะเค้ารวยเท่านั้น แล้วเจ้าของผับคนนั้นก็คงแค่อยากจะได้ตัวมันเหมือนของเล่นนั่นแหละ เค้ารวยขนาดนั้นจะมาสนใจมันจริงๆได้ไง ไม่งั้นเมื่อวานกูอัพภาพกับบินมันจะประชดด้วยการอัพภาพมันกับแฟนกลับมาทำไม ถ้ายังไม่รัก ร้อยวันพันปีไม่เคยอัพ ”

“ ยีนส์ ” เสียงของจิงที่ดังขัดเพื่อนของตัวเองตอนที่เดินไปถึง มันเอื้อมมือไปจับไหล่ของอีกคนแล้วเขย่าก่อนจะเชิดหน้ามาทางผม “ เมดมันนั่งอยู่นะ ”

ทุกคนหันมาหาผมตอนที่ได้ยินแบบนั้น คนที่นั่งฟังอยู่หรือแม้แต่ยีนส์ก็หยุดพูดทุกอย่างไปทันที แต่ผมไม่ได้สนใจอะไร ทำเป็นนั่งนิ่งๆแล้วเปิดไอแพตขึ้นมาเพื่อเตรียมจดวิชาที่ต้องเรียนวันนี้ เพื่อนหลายคนหันมามองทางผมก่อนจะหันไปไปคุยกับคนที่อยู่ข้างตัวในเรื่องราวที่ยีนส์เล่า  ผมเงยหน้ามองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดจ้องตากับอีกคนที่ก็เหมือนจ้องผมอยู่นานแล้ว

“ ตาบวมๆ ทะเลาะกับอาฟเหรอเมด ” คงเป็นคำที่มันเตรียมเยาะเย้ยกันตั้งแต่เมื่อคืนที่ตัวมันทำเรื่องแบบนั้น

“ ใช่ ” ผมพยักหน้ารับมัน อีกคนก็แค่ยิ้ม “ ก็เป็นไปตามแผนของมึงนั่นแหละ ร้อยวันพันปีไม่เคยเข้าไปดูไอจีกู แต่พออัพรูปคู่ผัวที่แย่งเพื่อนไป กลับเข้ามากดไลค์ไอจีกูเฉยๆซะอย่างงั้น ไม่บอกก็ยังรู้ ว่ามึงตั้งใจจะให้กูเข้าไปเห็น อยากให้กุรู้สึกอะไรวะ ถามจริง อิจฉามึงเหรอ ? แล้วมันน่าอิจฉาเปล่าวะ ใครมันในห้องนี้อิจฉามึงบ้างวะ โดนด่าว่าแย่งผัวเพื่อน เวลาใครพูดถึงมึง บอกว่ายีนส์บัญชี ไม่มีใครคิดออกหรอก แต่พอบอกกว่า ยีนส์ที่แย่งผัวเพื่อนมันไง ใครๆก็นึกหน้ามึงทั้งนั้น หรือว่าไม่จริง ”

ภายในห้อง ณ วินาทีนั้นมันเงียบไปหมด คงเพราะผมไม่เคยทะเลาะกับยีนส์ต่อหน้าใคร และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมเปิดปากด่าอีกคนต่อนหน้าเพื่อนๆในห้อง แล้วนั่นก็ทำให้ยีนส์ที่ยิ้มอยู่หุบยิ้มลงทันที มันนิ่งไป แล้วเอาแต่มองหน้าผมนิ่งๆ มือของมันกำแน่นด้วยความรู้สึกโกรธ

“ เอาตัวเองให้รอดเถอะมึง ยังรักคนเก่าอยู่แบบนี้ ระวังคนใหม่มันทนไม่ไหว แล้วเรื่องที่คบเค้าบังหน้ามันจะโป๊ะแตกขึ้นมาจริงๆ ”

“ กูไม่กลัว เพราะกูไม่ได้คบอาฟบังหน้าใครอยู่แล้ว เหตุผลเดียวที่กูคบมัน คือกูชอบมัน แล้วใครจะคิดยังไงกูไม่สน จะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของเค้า อีกอย่างกูจะทะเลาะกับอาฟมันก็เรื่องปกติ คนเราเป็นแฟนกันใครมันจะมีความสุขกันทุกวัน พูดเหมือนมึงกับไอ้บินมีความสุขกันทุกวัน ”

“ พวกกูมีความสุขกันทุกวันตั้งแต่ไม่มีมึง ” อีกฝ่ายพูดหน้าตายผมก็ได้แต่ยกยิ้ม

“ มีความสุขทั้งๆที่ไม่กล้าแม้จะนั่งกินข้าวในมหาลัยแบบสองต่อสองเพราะมีแต่คนหันมามองน่ะเหรอวะ เป็นความสุขที่แปลกดีเหมือนกันนะมึง ทั้งๆที่แย่งเพื่อนไปได้แล้ว แต่ยังต้องถูกตราหน้าไปไหนก็มีแต่คนมอง วันๆก็คอยแต่กลัวว่าบินมันจะนอกใจมึงไปหาใครอีก  ความสุขของมึงแปลกดี โชคดีที่กูไม่ใช่คนที่ชอบอะไรแปลกๆแบบนั้น ”

“ เมด ” ยีนส์ลุกขึ้นเต็มความสูง “ มึงจะเอายังไงกับกู ”

“ ถามตัวเองสิว่ามึงจะเอายังไงกับกู ” ผมถามอีกคนกลับ “ มึงเชิญชวนกูไปดูภาพมึงกับไอ้บิน เพื่อต้องการอะไรกันแน่วะ ต้องการให้กูอัพภาพของกูกับอาฟ เพื่อที่จะให้มึงแคปภาพนั้นส่งไปให้ไอ้อาฟ หาเรื่องให้เราทะเลาะกัน มึงว่างนักเหรอวะ ขาดความรักความใส่ใจเหรอ กูถามหน่อย ”

“ พวกมึงทะเลาะกันสินะถึงด่ากูขนาดนี้ แต่นั่นมันก็หมายความว่ามึงยังรักบินอยู่ไงไม่ใช่รึไง มึงยังแคร์มัน ที่มันมีความสุขกับกู มึงเลยอัพภาพมึงกับอาฟเพื่อประชดพวกกู ”

“ ยีนส์  บินไม่ใช่ผู้ชายที่ดีขนาดนั้นมึง มันไม่ได้ดีขนาดที่กูต้องเสียดาย เหมือนถมน้ำลายลงไปในคลองน้ำเน่า ใครันจะเก้บขึ้นมาวะถามหน่อย ” ผมเลิกคิ้วถามมัน  “ การที่กูอัพภาพตอบโต้มึง นั่นเพราะมึงหาเรื่องกูก่อน มึงจงใจทำให้กูเห็น แล้วที่กูอัพภาพตอบโต้กลับเพราะกูแค่อยากให้มึงเห็นว่า กูก็มีคนของกูแล้ว ไม่จำเป็นที่มึงจะต้องมาทำอะไรแบบนั้นเพื่อหาเรื่องกู ” สายตาจริงจังของผมจ้องมองมันในตอนที่พักหายใจ

มันมีคำด่าอีกร้อยล้านคำ มีหลายร้อยความรู้สึกที่อยากจะด่าว่ามันออกไปในตอนนี้ อยากหาคำที่ด่าแล้วเจ็บที่สุดในโลกมาตะโกนใส่มัน แต่พอผมคิดถึงอาฟ ผมก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ประโยชน์อะไรหรอก แล้วผมก็ควรหยุดได้แล้ว หยุดอย่างที่อาฟขอร้องกับผม ‘ ไม่สนใจพวกมันแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กับกูได้มั้ย ’

“ เมด ”

“ กูขอได้มั้ยยีนส์ ” เอ่ยประโยคด้วยเสียงจริงจัง ก่อนจะจ้องตาอีกคนด้วยความรู้สึกที่ก็จริงจังไม่แพ้คำพูด  “ ต่อจากนี้ไป ต่างคนต่างอยู่ได้มั้ยมึง มึงก็อยู่กับบินไปไม่ต้องมาสนใจกู ส่วนกูเอง กูก็จะใช้ชีวิตของกู เราไม่ต้องมาวุ่นวายกับชีวิตของกันและกันได้มั้ยวะ ”

“ เมดแม่ง ยอมง่ายว่ะ ด่าอีกสิว่ะ  ” เสียงที่มาจากด้านหลัง แต่เพราะภายในห้องเงียบมันเลยทำให้ทั้งผมทั้งยีนส์ยินชัดแต่ถึงอย่างงั้นเราก็ไม่ได้หันไปมองว่าเป็นใคร

“ ยืนทำอะไร ทะเลาะกันเหรอ” เสียงของอาจารย์ประจำภาควิชาเดินเข้ามาขัดก่อนที่ใครจะพูดอะไรขึ้นมา ยีนส์หันไปมองอาจารย์มันนั่งลงตรงที่นั่งของมันที่อยู่เยื้องกับผม เราไม่ได้ข้อสรุปของเรื่องนั้นในท้ายสุด แล้วนั่นก็ทำให้ผมต้องถอนหายใจออกมา
แผ่นหลังที่คุ้นเคย ชวนให้คิดถึงความเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กของเรา สมัยมีมือถือใหม่ๆผมเคยนอนคุยโทรศัพท์กับมันด้วยเรื่องไร้สาระมากกว่าครึ่งวัน ยีนส์เป็นคนที่เคยยกให้เป็นเพื่อนที่รักที่สุด และเช่นกันวันนี้มันคือคนเดียวกัน ที่ทำให้ผมเสียใจที่สุด เสียใจในการกระทำทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น ทั้งเรื่องบิน แล้วก็เรื่องของอาฟ

เพราะครั้งนึงผมเคยคิดว่าถ้ามันไม่ใช่ยีนส์ก็คงดี ความเสียใจที่มีในวันนั้น มันคงไม่เจ็บปวดอย่างงั้นก็ได้ ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่ยีนส์ เพื่อนรักของผม

บางที พระเจ้าก็ช่างใจร้าย ทำไมถึงทำร้ายผมได้โหดร้ายอย่างงั้น

“ เด็ดมากเลยเมด ตอนมึงด่ามัน ” คนข้างตัวผมสะกิด ก่อนที่เธอบอกจะบอกออกมาแบบนั้น แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรทำได้แค่ยิ้ม จนเธอเอ่ยพูดต่อ  “ แต่มึงไม่น่ายอมมันง่ายอย่างงั้น ”

“ กูแค่ไม่รู้ว่าข้อดีของการไม่ยอมมันคืออะไร กูเห็นแค่ข้อเสียของมัน ”

“ หมายความว่าไงวะ ”

“ ไม่มีอะไรหรอก แต่ยอมดีกว่า เรื่องมันจะได้จบๆ จะได้ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ กูว่ามันดีที่สุดแล้ว ”  เพื่อนคนนั้นไม่ถามอะไรผมต่ออีก ต่างคนก็ต่างตั้งใจเรียนในเนื้อหาก็ถูกเปิดขึ้นสไลค์อยู่ที่ด้านหน้าชั้นเรียน และผมที่ตอนนี้พยายามตั้งสมาธิกับสิ่งที่เห็นแต่ทว่ามันก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่ เพราะสายตาที่หันไปมองมือถือทุกๆสองนาที หวังแค่ว่าใครบางคนจะตอบกลับมา

ผมรู้ว่าอาฟโกรธ แล้วผมก็รู้ว่าเวลาเท่านั้นถึงจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่ถึงอย่างงั้นในใจลึกๆก็อดใจไม่ไหวที่อยากจะให้อะไรๆของเรามันกลับไปเป็นเหมือนเก่า แค่เร็วกว่าที่จะเป็นสักหนึ่งวินาที ผมก็ดีใจแล้ว

[ ทำอะไรอยู่ ] ในที่สุดก็ทนไม่ไหวส่งข้อความไปหาอีกคนที่ก็ขึ้นว่าอ่านแล้วแต่กลับไม่มีอะไรตอบกลับมา ผมส่งสติเกอร์หน้าอ้อนไป [ หายโกรธน้องเมดนะพี่อาฟ ]

[ ไปตั้งใจเรียน ] คำพูดสั้นๆนั้นตอบกลับมา ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ เผลอนั่งคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น คิดถึงคำพูดของอาฟที่เล่าให้ฟังว่ามีความสุขแค่ไหนที่เห็นว่าผมอัพภาพของมัน นั่งคิดทบทวนว่าถ้าเป็นตัวเองจะรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหน และพอคิดแค่นั้นใบหน้าของคนที่ไม่แม้จะร้องไห้ให้กันเห็น และไม่เคยขอร้องอะไร ก็ฉายขึ้นมาในใจจนชวนให้เจ็บซ้ำเหมือนย้ำลงจุด

‘ ถ้าวันนั้น ผมฟังน้องเดย์ก็คงดี ’ แต่เราก็ย้อนกลับไปทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว เป็นแค่คำว่า ‘ ถ้า ’ ที่ใช้ปลอบใจตัวเองเพียงเท่านั้น แต่กลับช่วยอะไรในความจริงให้ดีขึ้นไม่ได้เลย

นั่งรออยู่ที่หน้าคณะของตัวเองเงียบๆ หลังเรียนเสร็จ  ผมแวะซื้อคาราเมลมัคคิอาโต้จากร้านที่อาฟเคยบอกว่าชอบกิน แต่เหมือนจะซื้อเร็วไปหน่อยตอนนี้น้ำแข็งในแก้วมันก็เลยเริ่มละลายออกมาแล้วแต่ทว่าคนที่ผมตั้งใจซื้อมาง้อ ยังไม่มีทีท่าว่าจะส่งข้อความตอบกลับมา แม้ผมจะถามไปนานแล้วว่า [ อยู่ไหนแล้วครับ ]

เวลาโกรธก็ชอบเป็นแบบนี้ ปากบอกไม่โกรธ แต่กลับไม่พูดอะไร ทำทีเป็นนิ่ง แต่พอง้อ ก็ตอบแบบปัดรำคาญว่า ‘ ไม่ได้โกรธ ’

“ ไม่โกรธพ่อมึงสิ งอนแม่งอย่างกับตุ๊ด ” บ่นออกมาเสียงเบาๆก่อนจะฟุบลงกับกระเป๋าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตัวเอง “ แต่กูก็ผิดเอง แม่งก็สมควรแล้ว ”

[ พี่เมด วิวขอโทษ ] ข้อความของวิวเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ ผมกดเข้าไปอ่านตอนนั้นอีกคนก็ส่งสติกเกอร์ร้องไห้มาให้อีกครั้ง [ คืนดีกับพี่อาฟยัง วิวขอโทษนะ ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้อะ ]

[ มึงไม่ได้ผิดอะไรจะขอโทษทำไม ] ผมบอกน้อง มันไม่ใช่ความผิดของวิวเลยถึงมันจะแนะนำมาแบบนั้น แต่ถ้าผมไม่ทำตามคำแนะนำซะอย่างก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น [ แล้วนี่รู้ได้ยังไงว่ากูทะเลาะกับพี่อาฟ ]

[ ไอ้สัดพี่เจด่ากูน่ะสิ มันบอกว่าพี่อาฟฝากมาบอกกูว่า ถ้ากูเสือกออกความคิดดีๆไม่ได้ให้เงียบปากไปน่าจะดีกว่า แล้วก็จัดการสั่งสอนกูใหญ่โตเลย มันบอกกูว่าทำตามอารมณ์ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี ไม่เคยคิดถึงสิ่งที่จะตาม กูเป็นคนที่คิดเอาแต่สะใจเท่านั้น ส่วนอะไรจะเกิดขึ้นตามมาทีหลังก็ค่อยเคลียร์ มันบอกว่ากูจะเป็นแบบนั้นก็ได้แต่เฉพาะเรื่องของกู อย่าเอาเรื่องแบบนี้ไปใส่ในหัวสมองพี่มึงอะ ]

[ สงสารมึง เหมือนทำให้มึงโดนด่าไปด้วย ] ผมยิ้มแห้งๆก่อนจะถอนหายใจออกมา ในตอนที่พิมพ์ไปแบบนั้น [ แต่ไม่ต้องขอโทษกูวิว มึงไม่ได้ผิดอะไรจริง ]

[ กูไม่ระคายหรอกมันด่ากูแค่นี้ แต่มันก็จริงอย่างที่พี่เจพูดอย่างนึง ]

[ พูดอะไรวะ ]

[ มันบอกว่ากูเป็นแค่คนอื่น จะคิดให้ทำแบบไหนก็ได้ จะพูดอะไรก็ได้เพราะมันไม่ใช่เรื่องของกู ไม่ต้องคิดซับซ้อน ไม่ต้องคิดถึงใคร  กูจะคิดถึงแค่ความสะใจอย่างเดียว แต่มึงทำแบบนั้นไม่ได้ มึงคือคนที่ต้องทำ มันบอกว่า มึงต้องคิดให้เยอะ ต้องคิดถึงความร็สึกของพี่อาฟให้มากๆ เพราะความรู้สึกของคนเรามันเปราะบาง ]

[ อื้ม จริงของเจมัน ]

[ แต่ตอนนั้นกูเถียงด้วยนะ ]

[ เถียงว่าไรวะ ]

[ ก็เถียงว่าหน้าตาแบบพี่อาฟ ไม่น่าเปราะบางกับเรื่องแบบนี้หรอก หน้าดูหนา ๆ ไม่น่าสะทกสะท้านง่ายๆ ]

[ ไอ้น้องเหี้ย ] ผมพิมพ์ออกไป ก่อนจะส่งสติกเกอร์หัวเราะไปให้มันเพราะผมก็กำลังยิ้มกว้างอยู่

[ แล้วคราวนี้พี่เจก็ด่ากลับกูอีกว่า ไม่รู้เรื่องเค้าทั้งหมดทีหลังอย่าเสือกออกความคิดเห็น ถึงพี่อาฟจะหน้าเหี้ยแต่กับพี่มึงมันก็เปราะบาง อย่าแนะนำให้พี่เมดทำอะไรแบบนั้นอีก เรื่องแบบนี้มันต้องให้พี่เมดคิดเองว่าจะทำหรือไม่ทำ กูแค่ให้คำปรึกษาเวลามึงทะเลาะกับพี่อาฟพอ แล้วถ้ากูไม่ฟังยังดื้อ มันบอกว่า มันจะหยิกหัวนมกูให้เขียวเลย ฮืออออออ มึงดูมันสิพี่เมด กูจะฟ้องแม่ ]

“ พวกมึงแม่ง ” หลุดสถบออกมาตอนที่อ่านจบ ผมหัวเราะจนไหล่สั่น วิวก็พิมพ์เล่าต่อ

[ แต่กูก็เถียงออกไปอีกนั่นแหละว่า ถ้ามึงกล้าหยิกหัวนมกู กูเองก็จะหยิกไข่มันเหมือนกัน เอาให้ตั้งไม่ได้เลย ]

[ มึงจะลำบากเอานะวิว ] ผมแซว แต่อีกคนก็ส่งสติกเกอร์แบบหน้าไม่ใส่ใจกลับมาให้

[ ไม่ได้มีอันเดียวในโลกไงพี่เมด ไม่แคร์ครับผม ]

[ ให้มันจริง วันก่อนแค่เค้าไม่แนะนำว่าเป็นแฟน กูเห็นร้องไห้ขี้มูกโป่ง กว่าจะอธิบายกันรู้เรื่อง โคตรเปลืองน้ำลาย ]

[ อย่าว่าน้อง ] วิวพิมพ์ตอบกลับมากับคำแซวของผม [ แล้วนั่นดีกับพี่อาฟยัง ]

[ ยังเลย มันไม่คุยกับกูเนี้ย ส่งข้อความอะไรไป อ่านแล้วก็ไม่ตอบ โคตรงอน แต่ปากก็บอกกว่าไม่โกรธ ]

[ ธรรมดา คนปากแข็งก็งี้ พี่มึงก็ขยันง้อหน่อยแล้วกัน ให้เวลาค่อยๆปลอบประโลมเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น ]

[ กูไม่ชอบเลย ]

[ ไม่ชอบอะไรวะ ]

[ ไม่ชอบที่เวลาโกรธกัน แล้วมันค้างคาแบบนี้ไง  คืออาฟมันเป็นพวก ปากบอกไม่โกรธ แต่หน้านี่โคตรงอน ทำไมเราไม่เคลียร์กันให้จบๆไปเลยวะ อย่างกูตอนทะเลาะกับมันเคลียร์กันดีกัน ก็คือจบแล้ว ไม่มีอะไรต้องยืดยาวเลย ]

[ แล้วความรู้สึกมึงมันจบจริงๆเหรอวะ หรือแค่ตัดจบไปเพราะ ไม่อยากจะค้างคา ]

ผมอ่านข้อความของวิวไม่ได้ตอบกลับอะไรออกไป หวนคิดถึงตอนที่เรามีปัญหากันในตอนนั้น ผมที่คืนดีกับอาฟเพราะรู้สึกว่าต่อให้งอนมากกว่านั้นหรือโกรธกันมากกว่านี้ อีกคนก็คงพูดได้คำว่า ขอโทษ อนาคตไม่ได้เกิดขึ้นในวินาทีต่อมาเพื่อแสดงให้มั่นใจว่ามันจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก ผมเลยตัดใจที่จะไม่โกรธมากมายกว่านั้นแล้วเลือกที่จะให้โอกาสมัน แม้ใจที่หวนคิดจะยังหงุดหงิดอยู่มากก็ตาม

[ คนเรามันมีสองแบบนะพี่เมด คือปากบอกหายโกรธแต่ในใจยังโกรธ แล้วก็ทำทีเป็นไม่โกรธเพื่อตัดปัญหา กับอีกอย่างคือ รู้สึกยังไงก็แสดงออกมาแบบนั้น ก็ยังไม่หายโกรธ ยังรู้สึกไม่ดี แล้ววิวคิดว่าแบบหลังมันดีกว่านะ อย่างน้อยเราก็มั่นใจได้ว่า ตอนนี้เค้ารู้สึกยังไงถ้าโกรธก็จะได้ง้อ ดีกว่ายิ้มให้เราคิดว่าเค้าไม่รู้สึกอะไร แต่จริงๆก็รู้สึกไม่ดีกับเราอยู่ ]

[ ก็จริงของมึง ]

[ เพราะงั้น แบบนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยพี่เมดก็ได้รู้ไง ว่ายังคงต้องง้อพี่อาฟอยู่ ]

[ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า กูไม่รู้ว่ามันต้องง้อยังไงนี่น่ะสิ อาฟแม่งง้อโคตรยาก ]

[ เอาน่า พี่อาฟโกรธพี่เมดไม่นานหรอก เค้ารักพี่เมดจะตาย เชื่อสิ ]

[ โอเค ] ผมพิมพ์ตอบกลับไป แต่ในใจก็เอ่ยประโยคเถียงน้องชายออกไปว่า  ‘ มึงคงไม่เคยได้ยินคำว่า รักมากเกลียดมากสินะวิว ’

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 41 :: up! 12-10-61} #หน้า 37
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 19-10-2018 20:31:27
รถคันคุ้นตาจอดเทียบหน้าคณะ ผมหันไปยิ้มให้คนขับที่แม้จะมองเข้าไปไม่เห็นก็ตาม หยิบกระเป๋ากับกาแฟที่ตั้งใจจะซื้อไปให้อีกคนขึ้นมา ตอนที่จะก้าวเท้าออกจากเก้าอี้ เสียงทุ้มของบินที่คงเดินมาหายีนส์ที่คณะก็เอ่ยทักผม

“ เมด ” ผมทำเป็นไม่ได้ยินเสียงนั้น ไม่แม้จะหันไปมองว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าแบบไหน ก้าวขายาวๆเดินมาที่รถเปิดประตูก่อนจะเข้าไปนั่ง แล้วยื่นกาแฟที่ซื้อมาให้อีกคน
 
“ กูซื้อกาแฟมาฝากมึง ” บอกแบบนั้นแต่อาฟกลับไม่ได้หันมามองผมเลย มันมองไปที่บิน ที่ตอนนี้กำลังยืนมองเราอยู่จากด้านนอก “ อาฟ ”

“ มันทักมึง ”

“ ใช่ ” ผมพยักหน้ารับ “ มันทักกูว่าเมด แต่กูไม่ได้ตอบอะไรมันนะ ไม่ได้หันไปมองด้วย ”

“ ยังไม่ได้ว่าอะไร ” คนถามหันมาบอกก่อนจะหยิบกาแฟที่ผมถือไปกิน อาฟดูดก่อนจะเขย่าน้ำแข็งที่ละลายเป็นชั้นให้ผสมกับกาแฟ “ นี่กาแฟหรือน้ำเปล่า ”

“ ก็ส่งข้อความไปมึงก็ไม่ตอบ คนจะซื้อให้ก็กะเวลาซื้อไม่ถูกน่ะสิวะ ” แก้วกาแฟถูกวางลงตรงที่ตั้งแก้ว ก่อนที่อาฟจะขยับปรับเกียร์แล้วเคลื่อนรถไปข้างหน้า

ภายในรถมีแต่ความเงียบเชียบ ทั้งที่ทุกอย่างก็ดูเป็นปกติเหมือนทุกวัน เพลงยังคงเปิดเบาๆเหมือนเดิม ผมเองก็ยังคงก้มหน้าทำงานเหมือนเดิม  แล้วเราก็เงียบไม่ได้พูดอะไรกันเท่าไหร่เหมือนอย่างเดิม แต่ทว่าความรู้สึกทุกอย่างมันกลับไม่เหมือนเดิม คงเพราะคนขับที่ชอบยื่นมือมาบีบแก้มกันระหว่างไฟแดง ไม่ทำแบบนั้นอีก มือที่วางเปล่าของผมมันตั้งไว้นิ่งๆทั้งๆที่ปกติจะถูกดึงไปกุมกันไว้เวลาติดไฟแดง

“ เรากินอะไรกันดี ” เอื้อมมือไปจับมือมันก่อน ผมถามเพื่อทำลายความเงียบนั้น แต่อาฟก็แค่มองออกไปรอบๆแล้วหันมาบอกกันเหมือนทุกที

“ ตามใจมึงแล้วกัน ”

“ มึงไม่มีอะไรที่อยากจะกินจริงๆเหรอวะ ถ้ามึงอยากจะกินอะไรกูก็กินได้นะ ” ผมถามอาฟก็นิ่ง

“ ยังไม่หิวเท่าไหร่ ไว้ค่อยไปกินมื้อดึกแล้วกัน ” บอกปัดกันก่อนจะขยับเปลี่ยนเกียร์ให้ขับขึ้นตรงไปข้างหน้า ผมมองสัญญาณไฟสีเขียวที่ฉายขึ้นมา ก่อนจะดึงตัวเองพิงหลังลงกับเบาะที่นั่ง อาฟยังคงหงุดหงิดอยู่สำหรับเรื่องที่ผมทำ มันยังคงไม่อยากจะพูดอะไรกับผม เหมือนอยากจะจมอยู่กับตัวเองแบบนั้น

“ นี่มึง..”

“ ไม่ต้องพูดเรื่องนั้นแล้ว ” อีกฝ่ายถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขัด “ กูเบื่อจะฟัง แม่งฟังมาทั้งวันแล้ว ” อาฟเงียบไปส่วนผมเองก็ทำให้ได้แต่มองหน้ามันอยู่อย่างงั้น จนอีกฝ่ายหันมามองกัน “ ขอเวลากูหน่อยเมด ขอกูอยู่เงียบๆสักพัก ”

“ อื้ม ” ขานรับอีกคนสั้นๆ อยากถามเหมือนกันว่า แล้วเมื่อไหร่หาย ผมไม่อยากจะปล่อยอาฟไว้เลย อาจจะเห็นแก่ตัว แต่ก็แค่กลัวว่ามันจะหายไปจริงๆ
 
ผมเดินขึ้นไปที่ชั้นบนของผับหลังจากมาถึง เปิดคอมทำงานฆ่าเวลาที่ใจรู้สึกยาวนานเพราะการรอคอยนั่น ผมทำงานทุกอย่างที่ทั้งจำเป็นและไม่จำเป็น ทำมันไปเรื่อยๆโดยไม่พูดไม่จากับคนที่บอกว่า ‘ ขออยู่เงียบๆสักพัก ’ มันน่าหงุดหงิดที่อาฟทำตามอย่างที่พูดได้อย่างดี ต่างกับผมที่ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน แต่กับหันไปมองคนที่อยู่ตรงกันข้ามทุกสามวินาที เผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันอาจจะยิ้มมาให้ แล้วเราก็จะได้คืนดีกันสักที แต่มันก็ไมได้เป็นแบบนั้นจนกระทั่งงานผมเสร็จหมดทุกอย่าง

“ อาฟ ไปกินข้าวกันมั้ย ” ผมหันมองเวลาที่ตอนนี้บอกเวลาห้าทุ่มกว่า คนโดนเรียกหันไปมองนาฬิกามันกดเซฟทุกอย่างก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้

“ ไปสิ ”

“ เรากินอะไรกันดี ” ผมชวนคุยตอนที่เราเดินลงไปจากชั้นสาม

“ เอาของโปรดมึงก็ได้ ”

“ เมื่อวานก็เพิ่งกินไป เราเปลี่ยนเมนูบ้างมั้ย มึงอยากกินอะไร กูอยากให้มึงเลือกบ้าง ” เดินไปยืนข้างมัน แต่อาฟก็แค่ปรายตามอง มันคงไม่เชื่อว่าคนอย่างผมจะเกิดเบื่อก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นขึ้นมากระทันหัน แล้วนั่นก็จริง ผมไม่ได้เบื่อหรอก แค่อยากจะคุยกับมันให้ได้มากขึ้น เลยพยายามจะสร้างเรื่องราวออกไป

“ ไม่รู้ ลองเดินไปดูก่อนแล้วกัน ”

“ โอเคเลย ”

“ ไอ้อาฟ ไอ้เมด พักกันแล้วเหรอวะ ” เจที่นั่งอยู่ที่ตรงโซนบาร์ตะโกนมาถาม อาฟก็หันไปพยักหน้ารับก่อนจะถาม

“ จะไปด้วยกันมั้ย ”

“ ตามสบายจ้า ” คนโดนถามบอกอาฟก็เดินออกไป ผมหันไปยิ้มให้ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงที่โซนบาร์ทั้งน้องเดย์น้องอัยย์หรือแม้แต่เจ ในตอนนั้นไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทุกคนแค่ยิ้ม ก่อนจะยกสองนิ้วให้ผมเหมือนจะบอกกันว่าให้ ‘ สู้ๆนะ ’

เราเดินหาของกินเข้าไปตั้งแต่ต้นซอย เดินผ่านหน้าร้านหมูตุ๋นที่ผมชอบแวะกิน เข้าไปด้านในลึกๆ ชี้ชวนให้มันดูอาหารหลายๆอย่าง แต่อีกคนก็เงียบไม่ได้ตอบอะไร จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ร้านโจ๊กหม้อดิน

“ มึงจะกินโจ๊กเหรอ ”

“ อยากกินมั้ย ” อาฟถามผมก็พยักหน้ารับ

“ ได้เลย กูกินได้ทั้งนั้น ” ผมบอกก่อนจะยิ้มกว้าง เราเดินเข้าไปด้านในร้านสั่งโจ๊กคนละถ้วยแล้วนั่งกินมันเงียบๆโดยที่ไม่มีใครชวนใครพูดทั้งนั้น 

เรากินกันจนเสร็จง่ายเงินแล้วก็เดินกลับผับด้วยความเงียบ ผมนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม แล้วนิ่งอยู่แบบนั้น มันอึดอัด ภายในใจของผมพร้อมตะโกนออกไปให้สุดเสียง แต่ทำได้แค่ปัดอารมณ์พวกนั้นให้ออกไป ‘ ทำผิดเองก็ทำได้แค่อดทน เดี๋ยวเวลาก็ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น ’ ผมเตือนตัวเองครั้งที่หนึ่งว่าอย่าหงุดหงิดและอย่ารีบร้อนอะไรไปมากกว่านี้ เราผิดเอง เถียงอะไรไปเดี๋ยวมันจะพังทุกอย่าง

ความเงียบกลับมาสู่ภายในห้องนี้อีกครั้ง ความอึดอัดที่มีมากขึ้นเพราะจากเดิมที่ยังมีงานทำให้พอวุ่นวาย แต่ตอนนี้งานทุกอย่างมันเสร็จไปแล้ว แม้แต่การบ้านก็ยังไม่มี ผมเปิดหนังสือเรียนขึ้นอ่านทั้งๆที่ไม่มีสมาธิ ก่อนจะทำได้แค่ฟุบหน้าลงไปบนโต๊ะ แล้วไม่นานหลังจากนั้น ผมก็หลับไปอย่างไม่รู้ตัว

“ เมด ” เสียงที่เอ่ยเรียกกัน ผมลืมตาขึ้นด้วยความสะลึมสะลือก่อนจะพบเข้ากับอาฟที่ยืนอยู่ข้างๆ “ กลับบ้าน ” มันพูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังเดินออกไป แต่ผมก็คว้ามือมันไว้ก่อนจะเอ่ยถามคำถามแรก

“ หายโกรธกันยัง ”

“ ไม่ได้โกรธ ” อาฟยังคงตอบเหมือนเดิม แล้วตอนที่ผมจะได้เอ่ยเถียงว่าไม่ได้โกรธได้ไง มันที่เหมือนรู้ตัวเลยพูดขัดขึ้นก่อน “ กูแค่อยากอยู่เงียบๆ ”

“ แล้วเมื่อไหร่เราจะกลับมาเป็นปกติวะ ” ไม่มีคำตอบเหมือนจะบอกกันว่า มันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จนผมได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วเดินตามมันไปนิ่งๆ

เราเข้าไปนั่งในรถที่เคลื่อนตัวออกไปนอกผับเพราะตอนนี้เป็นเวลาปิดร้านแล้ว เพิ่งมารู้ตัวตอนที่เปิดหน้าจอดูเวลา ว่าตัวผมหลับนานหลายชั่วโมงพอดู แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหนื่อยสะสมจากงาน หรือเพราะจากความเครียดที่รุมเร้าจิตใจอยู่ตอนนี้กันแน่

ถนนที่ดูเงียบเชียบกว่าเก่า รถขับในอัตราเร็วเท่าเดิม แต่ผมไม่รู้จะพูดอะไรอีก เลยปล่อยให้ทุกอย่างมันเงียบไปแบบนั้น จิตใจที่คิดประชดประชันว่า ‘ ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด ’ แต่ถึงอย่างงั้นกับรู้สึกเหมือนมีใครมาขุดหลุมลึกในใจ หลุมที่ทำให้จิตใจมันว่างเปล่าไปหมด จนรู้สึกแค่ว่า ถ้าเลือกได้ก็อยากจะร้องไห้ออกกมาให้หนัก เผื่อความรู้สึกที่อัดอั้นมันจะดีขึ้นมาบ้าง

“ วันนี้กูขอกลับไปนอนที่คอนโดตัวเองนะ ” ผมเอ่ยพูดออกมาเสียงเบาๆ ตอนที่อาฟจอดรถลงใต้ตึกคอนโด ข้างๆกับรถของผมที่จอดนิ่งอยู่

“ อย่าทำตัวเหมือนเด็กที่ไม่ได้ดั่งใจอะไรก็จะกลับบ้านได้มั้ย ” อาฟถาม ผมก็หันไปมองหน้ามันที่เอ่ยพูดคำนั้นออกมา ทั้งๆที่มันไม่ใช่คำพูดรุนแรงอะไรเลย แต่ผมกลับรู้สึกเจ็บ เจ็บเพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็กลายเป็นว่าตัวเองผิดไปหมดทุกอย่างแล้วในตอนนี้ ในตอนนั้นผมมองมันอาฟอยู่นาน นานจนอีกคนหันมามองหน้ากัน

“ กูไม่ได้รู้สึกว่า โกรธมึงแล้วจะกลับบ้าน ” ผมบอก “ แต่กูแค่อึดอัดกับการที่จะอยู่กับมึงแบบนี้ เราไม่พูด ไม่คุย มึงทำตัวเหมือนโกรธกู แต่พอกูถาม มึงก็บอกกูว่ามึงไม่ได้โกรธ มึงบอกว่ามึงแค่อยากจะอยู่เงียบๆ งั้นถ้ามึงอยากอยู่เงียบๆ เราก็แยกกันอยู่สักพักดีกว่ามั้ย ไว้มึงอยากจะอยู่กับกูเมื่อไหร่ โทรไปหากูแล้วกัน เราก็ค่อยกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ” อาฟถอนหายใจออกมาตอนที่ผมพูด ส่วนผมเองก็ได้แต่เม้มริมฝีปากที่ในใจมันอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่เจ็บอยู่ในอกนี้   

“ มันอึดอัดนนะมึง ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้วะ กูขอโทษมึง กูรับผิดกับมึง กูบอกว่ากูจะไม่ทำอีก แต่มันเหมือนว่ากูยังไม่ได้ขอโทษมึงเลยสักคำ ทั้งๆที่กูก็รู้ว่าความเสียใจมันไม่ได้จบลงแค่ การพูดว่าขอโทษ หรือการจะบอกว่าไม่ทำอีก แต่ว่ากูก็ทำได้แค่นั้น  แล้วถ้ากูทำได้มากกว่านี้กูก็คงอยากจะย้อนเวลากลับไปให้มึงเหมือนกัน กูอยากกลับไปแก้ไขให้เราไม่ต้องเป็นแบบนี้ ทำไมมันยากนักวะ กับการที่เราจะกลับมาเข้าใจกัน เราที่หันมาคุยกัน ให้อภัยกัน ทำไมมันถึงยากขนาดนี้ กูแม่งไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว มึงไม่พูดแบบนี้ กูอึดอัดนะอาฟ อึดอัดมากๆที่มันต้องเป็นแบบนี้ ”

ผมหอบหายใจออกมากับการพูดความในใจของตัวเองออกไปทั้งหมดนั่น ยกมือสองข้างขึ้นปิดหน้ามันเป็นทั้งความอึดอัดและทรมาน ผมรู้อยู่เต็มอกว่าผมผิด และต้องยอมรับผลที่ทำ แต่มันก็อึดอัดเกินไปที่จะอยู่กันไปแบบนี้ อยู่ไปด้วยความรู้สึกที่ว่าไม่รู้เมื่อไหร่ อีกคนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

“ ทำไมมึงไม่ลองมองคนอื่นดูบ้างวะ ” ผมหันไปมองหน้าอาฟที่ตอนนี้หันกลับไปมองตรงทางด้านหน้า “ คนอื่นที่เค้ารักกันเวลาที่เค้าโกรธกัน เค้าจะหันหน้าเข้าหากันเพื่อปรับความเข้าใจกัน ปรับมุมมองหรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันเป็นปัญหา แต่มึงกลับหันหน้าเข้ามุม แล้วจมอยู่กับความเสียใจพวกนั้น ทั้งๆที่มึงก็รู้ว่ากูแก้ไขอะไรให้ไมได้ ยกเว้นว่าทำให้อนาคตมันดีขึ้นซึ้งแน่นอนว่ามันบริสูทธิ์ไม่ได้ในวินาทีนี้แน่ๆ เพราะมันยังไม่มาถึง แต่ทำไมมึงไม่ลองหันหน้ามาหากู  มึงจะเงียบอยู่แบบนี้ทำไม มันมีแต่ยิ่งทำให้เราห่างกันไปนะอาฟ ”

“ กูไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นยังไงในโลกใบนี้ ” อาฟพูดขึ้น มันที่หันมามองหน้าผม “ เพราะกูชอบแค่มึง กูไม่ได้ชอบโลกทั้งใบ แล้วถ้าถามว่าทำไมกูถึงยังไม่พูด ทำไมไม่เหมือนเดิม คำตอบของกูก็คือ เพราะมึงคือโลกทั้งใบของกูไงเมด กูเลยยังรู้สึกยังเจ็บอยู่แบบนี้ ”

ความเงียบแทรกซึมระหว่างเราอีกครั้ง สายตาสบตากันแล้วนาน แต่จู่ๆผมก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก หัวใจของผมมันถูกบีบรัดด้วยคำพูดพวกนั้น และในวินาทีต่อมาอาฟก็แค่ดึงผมเข้าไปกอดไว้ มันดึงให้หน้าของผมซบลงที่ไหล่ของมัน ทั้งๆที่ไม่ใช่ประโยคยืดยาวอะไร แต่กลับอธิบายความรู้สึกทั้งหมดของคนคนนี้ออกมาจนหมดสิ้น

‘  นั่นเพราะว่าคุณคือโลกทั้งใบของผม โลกที่จะกำหนดให้ผมมีความสุขที่สุด  หรือจะมีความทุกข์ที่สุดก็ได้ ’

“ ขอโทษ ขอโทษจริงๆอาฟ ขอโทษที่ทำให้มึงเสียใจขนาดนี้ กูขอโทษ ” แล้วคำถามที่ว่าทำไมตลอดมา ผู้ชายคนนี้ถึงดูร้ายกับคนทั้งโลกแต่กลับแสนดีกับผมอยู่คนเดียว วันนี้ ผมก็ได้คำตอบนั่นแล้ว

......................................................


ฉันไม่ได้ชอบโลกใบนี้ ฉันแค่ชอบเธอ
พี่อาฟฟฟฟ #อุดปากกรี๊ดในใจเงียบๆ เมดไม่รักทักแชทมาหาน้อง
ความรู้สึกตอนนี้มันมีหลายอย่าง แต่หนักหน่วงที่สุดคงเป็นความรู้สึกของพี่อาฟ
ด่าแฟนอย่างมีสติมั้งนะ 5555 นิ่งๆ แบบสั่งสอน โตขึ้นอีกขั้นแล้วคุณอารยะ
แต่ก็เหมือนที่อาฟบอก จะไม่เดินตามยีนส์ เจ็บแค่ไหนก็ไม่โวยวายโกรธเมด ไม่เป็นอารยะคนปากร้ายมากๆ เหมือนวันก่อนที่ทำให้เค้าเสียใจ
แต่ก็ต้องทำให้เมดได้รู้ว่าเมดผิด น้องผิดนะลูก ไม่น่ารักเลย แต่พี่เชื่อว่านี่คือบทเรียนของหนู หนูก็จะเข้มแข็งขึ้นอีก และจะโตขึ้นอีก  ความรักที่ดี จะสอนให้เราโตขึ้นเอง
#ความรักน้องเมด #ความไม่หยาบคายใส่น้อง #ความให้พี่อาฟหยาบใส่คนเดียวก็เกินพอแล้ว
แต่ก็สงสารน้องเมดนะ สงสารอาฟด้วย แล้วก็แอบสงสารยีนส์ตอนที่อาฟพูดว่ายีนส์เป็นยังไง

เรื่องนี้ก็จะดำเนินต่อไป

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม  ในทวิตด้วยนะคะ

และช่วงตอบคำถามจากเม้นท์ ที่แอบอ่านอยู่เสมอ

ร้านหมูตุ๋นอร่อยๆ หนมก็ไม่รู้จ้า รู้แค่ว่าโลเคชั่นที่เอามาทำดินแดนของกินในเรื่องผับคือ สุขุมวิท 38 ไอติมไข่แข็ง อร่อยมากก ท๊อปปิ้งของเชื่อมคือเด็ด   
สุดท้ายนี้ สำหรับคนอ่านที่อยากเลี้ยงข้าว หนมก็อยากให้เลี้ยงจ้า 555555 #ส่งมินิฮาร์ท


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: qxrb ที่ 19-10-2018 21:09:44
การตอบกลับที่สะใจที่สุดคือการใช้ชีวิตให้มีความสุขนะเมด ทีหลังอย่าทำอีก ความรู้สึกคนมันไม่ได้ซ่อมง่ายเหมือนสิ่งของนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 19-10-2018 21:40:56
ตอนนี้ถ่ายทอดความรู้สึกได้เยอะมาก ...

เข้าใจอาฟมาก เป็นขั้นกว่าของการเปลี่ยนแปลงตัวเองจากเดิมจริงๆ เล่นเอาหายโกรธจากที่เคยด่าเมดแรงๆ ตอนนั้นเลย ความเงียบจะว่าไปน่ากลัวมากสำหรับคู่ต่อสู้ ... ก็เขารักของเขา รักมานาน รักน้องคนเดียว ...

สำหรับเมด ไม่ว่ายังไง อย่าห่างอาฟนะ เอาใจ ง้องอน ชวนคุย ชวนทำการบ้านไปเรื่อยๆ แต่เชื่อเถอะ การทำอะไรเพื่อคนที่เรารัก เราจะได้กลับมาเสมอ และเมื่อเอมกลับมา เมดจะเข้าใจยิ่งกว่านี้ว่าทำไมโลกของอาฟถึงมีแต่เมดคนเดียว ... เอม กลัยมาได้แล้ว ...

ตอนหน้าขึ้นต้นบนเตียงเลยค่ะ อาฟต้องรุนแรงแน่ๆ ...

เอาใจช่วยนะ ...

(บินนี่แอบไปยุ่งกับจิงอีก? สงสัย สงสัย)
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-10-2018 21:45:29
สุดยอดดดดดดดดดด..........  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ไรท์ สุดยอด  ชอบบบบบบบบบ
เขียนได้กินใจ ถึงแก่น หน่วง เศร้าตาม น้ำตาไหลเลย  :hao5:

“ กูไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นยังไงในโลกใบนี้ ”
 “ เพราะกูชอบแค่มึง กูไม่ได้ชอบโลกทั้งใบ แล้วถ้าถามว่าทำไมกูถึงยังไม่พูด ทำไมไม่เหมือนเดิม
คำตอบของกูก็คือ เพราะมึงคือโลกทั้งใบของกูไงเมด กูเลยยังรู้สึกยังเจ็บอยู่แบบนี้ ”


‘ นั่นเพราะว่าคุณคือโลกทั้งใบของผม โลกที่จะกำหนดให้ผมมีความสุขที่สุด  หรือจะมีความทุกข์ที่สุดก็ได้ ’

อาฟ   น่ารักที่สุด รักเดียว ใจเดียว ซื่อตรงต่อคนรักเท่านั้น  :o8: :-[ :impress2:
อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-10-2018 22:10:51
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 19-10-2018 22:20:02
จิงเสร็จบินอีกคนหรือเปล่าเนี่ย แบบว่าสันดานแก้ยาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 19-10-2018 22:21:36
อึมครึม หน่วง อึดอัด เสียใจ แงๆ ค่อยๆเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากันเนอะ เมดอย่ากลับไปอยู่คอนโดเลย ยิ่งทิ้งช่วงเวลามันจะยิ่งแย่ลง อยู่กับอาฟนะ เดี๋ยวช่วงเวลานี้มันก็จะผ่านไป
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 19-10-2018 22:23:52
ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนอีกบทนะเมดอย่าบ้าจี้ดิ้นตามยีนต์ตัวอิจฉา อาฟถึงจะแข็งกระด้างปากหนักไปมากแต่รักเมดจริงๆ ถึงขนาดให้เป็นโลกทั้งใบในใจอาฟได้แฟนดีขนาดนี้โชคดีมากนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 19-10-2018 22:57:17
อึมครึมกันไปอีก แงๆๆ ดีกันไวๆนะ เข้าใจแหล่ะว่ามันต้องไปเจอจุดพีคของความรุ้สึกแต่แบบนี้มันเจ็บอ่ะ ปรับความเข้าใจกันให้ดี เมดก็น้าาไม่น่าทำลงไปเลย เอาใจช่วยแล้วกัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 19-10-2018 23:46:44
รู้สึกอึดอัดไปพร้อมกับเมดด้วยเลยมีแอบน้ำตาไหลตามด้วยอ่ะสงสารก็สงสารแต่ดีแล้วเมดจะได้เรียนรู้ไปอีกขั้นเอาใจเขามาใส่ใจเรามะเมดเวลาคิดจะทำอะไรจะได้คิดเยอะๆเมดสู้ๆ

“ กูไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นยังไงในโลกใบนี้ ”
 “ เพราะกูชอบแค่มึง กูไม่ได้ชอบโลกทั้งใบ แล้วถ้าถามว่าทำไมกูถึงยังไม่พูด ทำไมไม่เหมือนเดิม
คำตอบของกูก็คือ เพราะมึงคือโลกทั้งใบของกูไงเมด กูเลยยังรู้สึกยังเจ็บอยู่แบบนี้ ”

"นั่นเพราะว่าคุณคือโลกทั้งใบของผม โลกที่จะกำหนดให้ผมมีความสุขที่สุด  หรือจะมีความทุกข์ที่สุดก็ได้ "
เจอประโยคนี้เข้าอยากให้เมดรู้เลยว่าเมดเป็นโลกทั้งใบของอาฟมานานแล้ว เมื่อไหร่เพื่อนอาฟจะกลับมา :mew2:
อย่าบอกนะว่านังยีนส์โดนตีท้ายครัวถ้าเป็นแบบนั้นจริงนี้สั...นหมามาก :katai3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-10-2018 23:49:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-10-2018 00:26:30
ปัญหาผัวเมีย   :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 20-10-2018 01:17:23
มันหน่วงมาเกือบทั้งตอน
พอเจอย่อหน้าสุดท้ายไป
ยิ้มออกเฉยยยยยย

#ความโลกทั้งใบของอารยะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 20-10-2018 01:21:36
ร้องไห้ตามไปจ่าาาา

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 20-10-2018 02:17:55
แงง น้ำตาคลอตลอดตอนเลย ได้บทเรียนกันนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 20-10-2018 03:31:47
 :katai1: สู้ๆนะ...ทั้งคู่เลย....  :ruready
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 20-10-2018 03:56:48
เข้าใจความรู้สึกของอาฟ. และการที่เมดต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็อึดอัดมากแล้ว
ตัวเองเป็นโลกทั้งใบให้กับอีกคนมันยิ่งใหญ่มากเลยนะ

เป็นกำลังใจให้สู้ๆแล้วผ่านเรื่องร้ายๆนี้ไปให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 20-10-2018 10:57:29
...
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 20-10-2018 13:38:29
เรียนรู้แล้วเติบโตน้าาามินเมด
สนใจแค่คนของเราก็พอเนอะ

แอบตงิดเรื่องจิง น่ากลัวจะเสร็จบิน อย่านะ อย่าเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: Chatcha ที่ 20-10-2018 16:28:35
เรื่องจิง จะเสร็จใครก็ได้ ขออย่าเป็นแก้งค์ Throw UP เลยละกัน

แบบว่า ไม่อยากให้เมดรู้สึกไม่ดีถ้านังจิงต้องมาอยู่กลุ่มนี้ด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 20-10-2018 17:33:18
พูดเลยว่าเรท  ทีมพี่อาฟ


ถึงพี่อาฟจะปากหมา


แต่พี่อาฟก็ชัดเจนนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-10-2018 19:17:34
รู้สึกถึงความอึดอัด อึมครึม :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: akashita ที่ 21-10-2018 04:20:34
ไม่ใช่ว่า จิงก็โดนบินไปอีกคนอะ เป็นห่วงจริงๆ
และบินจะมาทักเมดอีกทำไม ทำเอาไว้ขนาดนี้แล้วแท้ๆ ไม่มีสำนึกเล๊ยยย
หรือตอนนี้เกิดมาเสียดายขึ้นมาอีก เฮอะ!!!

พี่อาฟ ลงโทษน้องเมดโดยการไม่คุยมาทั้งวันขนาดนี้แล้ว ก็สงสารน้องเมดบ้างนะ คืนดีได้แล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-10-2018 20:48:13
อาฟ ดราม่าคิงมาแล้ว รักมากเจ็บมาก
โลกทั้งใบคือเมด รักมานาน รักมาตลอด
ไม่คิดจะมีโอกาส วันนี้คว้าไว้ได้ แต่ก็มีระแวงบ้าง
และสุดท้ายเวลานี้ก็ตอกย้ำ ความเข้าใจนั้น เจ็บไปอีก

เมดไม่ผิดที่อยากจะเอาคืน แต่ก็นั่นแหละ
ความคิดชั่ววูบ มันแปบเดียวจริง ๆ ไม่ทันคิดมากหรอก

คุยกันในรถตอนไปส่งเรียน ยังเจ็บไม่เท่า
คุยกันตอนขอห่างเลย เมดพูดแบบนี้ คืออึดอัด
แต่เมดลืมว่าอาฟฝังใจ และเจ็บไม่ต่างกัน

โอ๊ยยยยย บอกเลยตอนนี้สงสารอาฟมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-10-2018 22:20:13
 o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-10-2018 08:27:04
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-10-2018 03:34:27
คำพูดพี่อาฟ บอกได้คำเดียวว่า เฉียบบบบบ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 24-10-2018 15:44:28
จิง รอยนั้น หวังว่าจะไม่เกี่ยวกับบินนะ

คือนี่จะไม่สะใจยีนเลย

แต่แมร่งจะโคตรพีค คือแมร่งจะเอาทุกคนรอบตัวเลยหรือยังไง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 27-10-2018 07:29:42
อาทิตย์นี้จะมามั้ยน้อออ รอพี่อาฟกับน้องเมดอยู่น้าาา  :katai5:

อยากให้ดีกันไวๆ  :mew6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 27-10-2018 20:44:35
ตอนที่ 43

น้ำตาซึมผ่านเสื้อลงมาตรงช่วงไหล่ ความเปียกที่แผ่กระจายเป็นวงนั้น มองด้วยตาอาจจะเห็นแค่วงกลมขนาดกลางนั้นอยู่แค่บนเสื้อ แต่ความจริงมันกลับขยายวงกว้างจนกัดกินใจผมไปหมด  เสียงสะอึกสะอื้นยังคงไม่จางหายไป มันยังคงดังก้องอยู่ภายในรถแคบๆนี้

ครั้งล่าสุดที่เมดร้องไห้อย่างหนักขนาดนี้ เท่าที่จำได้ คือตอนที่มันบอกตัดขาดกับคนรักเก่าด้วยความกล้าหาญทั้งที่ใจยังเจ็บช้ำ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนมันจะร้องไห้หนักกว่าครั้งนั้นหลายเท่านัก

“ ขอโทษอาฟ กูขอโทษ กูจะไม่ทำอีก จะไม่ทำอีกแล้ว ขอโทษนะ ขอโทษที่ ที่ อึก ที่ทำให้มึงเสียใจขนาดนี้ ขอโทษ กูขอโทษนะ กูไม่ได้ตั้งใจ ต่อไปนี้กูจะคิดให้มากกว่านี้ จะไม่คิดอะไรเอาแต่ใจแบบนี้อีก ฮือๆ ” ประโยคที่ฟังดูวกวนและไม่ได้ศัพท์อะไรนั่นถูกพูดออกมาทั้งน้ำตาที่ไหลไม่มีหยุด

หัวใจมันว่างเปล่า ผมรู้สึกสับสน ภายในใจนี้ไม่ต่างอะไรกับกล่องสี่เหลี่ยมที่ถูกอัดแน่นไปด้วยชิ้นส่วนของความรู้สึกที่แตกต่างกัน มันเป็นทั้งคนรักที่ไม่อยากให้เสียใจ และเป็นความเสียใจที่เกิดจากคนรัก

“ ขอโทษ ” ผมเอ่ยบอกคนในอ้อมกอดออกไปอย่างงั้น อยู่ๆปากก็พูดออกไปแบบนั้นเมื่อได้นิ่งเงียบแล้วคิดถึงอะไรหลายอย่าง ราวกับเป็นจิตใจที่สั่งให้ทำไม่ใช่สมอง “ ขอโทษที่ตอนนั้นบอกว่ามึงไม่รักกู ทั้งๆที่จริงมึงก็รัก ”

แต่แค่ในความรัก ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกมากกว่าอยู่แล้ว  ทุกอย่างมันเลยออกมาในรูปแบบที่กำลังเป็น

 ‘ ก็เสือกเลือกอยู่ในตำแหน่งนี้เองจะโทษใคร ’ 

ตำแหน่งที่รักมากกว่า และ ให้ไปมากกว่า สุดท้ายก็ต้องเจ็บมากกว่า นั่นคือสัจธรรม

เมดเองก็ไม่ได้ขอ ว่าอยากจะมาเป็นโลกทั้งใบของผม ไม่เคยพูด ว่าอยากจะมีความสำคัญที่สุดในชีวิต ไม่เคยแม้จะบอกว่า ต้องรักเค้ามากที่สุดและต้องให้เค้าทุกอย่างในสิ่งที่ผมมี เมดไม่เคยบอกอะไรแบบนั้น มีแค่ผมเองที่เลือกจะให้เค้าไป ให้ไปโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ร้องขออะไรทั้งนั้น ให้จนบางทีก็ลืมไปว่า ในความรัก คนที่รักมากกว่าไม่ใช่ผู้ชนะ แต่เป็นแค่คนเจ็บมากกว่า และ อ่อนไหวมากกว่า ไม่ว่าจะเจอกับปัญหาอะไร

‘ มึงไม่ผิดอะไรแล้วเมด ไม่ต้องร้องไห้ มึงขอโทษกูแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้ว จากนี้ไปก็ไปพิสูจน์กันอีกทีในอนาคต ส่วนความเสียใจที่มันยังหลงเหลืออยู่ตอนนี้ มันเป็นความผิดของกูเองมากกว่า กูผิด ที่กูรักมึงมากเกินไป ’ 

กอดรัดร่างในอ้อมกอดนั่นแน่นขึ้นในตอนที่คิดถึงประโยคนี้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายขอโทษ ผมไม่ได้โกรธอย่างที่ตัวเองพูด แต่ผมแค่ยังรู้สึกเจ็บ กับสิ่งที่มันเกิดขึ้น และเพราะมันยังเป็นแบบนั้น เลยทำได้แค่เงียบ ผมไม่ได้อยากยิ้ม ไม่ได้อยากจะหัวเราะ หรือแม้แต่พูดอะไร แค่อยากจะปล่อยให้เวลามันผ่านไป ผมคิดว่าอะไรมันคงดีขึ้นเอง แต่นั่น คงเป็นความอึดอัดของเมด

มันไม่แปลกอะไรหรอก เพราะทุกคนก็ย่อมต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เมื่อเราทำให้คนที่รักเสียใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ก็ไม่มีใครอยู่เฉยๆได้ทั้งนั้น ต่างคนก็ต่างพยายามทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมเข้าใจทุกอย่างนั่นดี อยากจะลืมมันไปเหมือนกันกับความรู้สึกที่ยังคงเสียใจอยู่แบบนี้ แต่เพราะมันยังอยู่ ทำยังไงก็ไม่หายไป จนผมคิดขึ้นมาได้ว่า ‘ หรือบางทีเราควรพักก่อนสักพัก ’ เหมือนอย่างที่เมดบอกว่า ‘ ขอกลับบ้านได้มั้ย ’ กลับไปนั่งพักในที่ที่สบายใจสักหน่อย เผื่ออะไรมันจะดีขึ้น

“ อาฟ ”

“ อยากกลับบ้านจริงๆมั้ย ” ผมถามคนที่เอ่ยเรียกชื่อกัน เมดดึงตัวเองออกจากช่วงไหล่ แววตาเรียวที่เคยยิ้มกว้างให้ผมมันบวมแดงเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เอื้อมมือไปลูบหัวอีกฝ่ายนึงเบาๆ ผมไม่ได้อยากจะทำในสิ่งที่คิดหรอก ไม่อยากจะให้มันห่างตัวด้วยซ้ำ ผมกลัวเมดคิดมากเมื่อต้องอยู่คนเดียว แต่ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วมันแย่ งั้นจะดีกว่ามั้ยถ้าต่างคนต่างคนลองกลับไปอยู่กับตัวเองสักชั่วโมงสองชั่วโมงหรือมากกว่านั้น

บางทีชิ้นส่วนที่มันไม่ลงล็อกตอนนี้ เมื่อนั่งพักให้ความคิดมันตกตะกอน ทั้งผมทั้งเมดอาจจะกลับมาต่อกันติดได้เหมือนเดิม เพราะเราก็ไม่ได้ปล่อยมือ แค่คลายความแรงของการดึงเชือกที่เรากำลังจับอยู่คนละฝั่งนั่นลง เพื่อให้เราได้นั่งคิดอะไรบ้าง

“ หมายความว่ายังไง ” เมดถามเสียงสั่น แววตาของมันวูบไหวไปกับความรู้สึกที่เดาทางคนอย่างผมไม่ออก “ ไม่ได้หมายความว่าจะเลิกกันใช่มั้ย ”

“ ใจเย็นก่อน ” ผมบอกมันก่อนจะจ้องลงไปในแววตานั้น “ มึงบอกอยากจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอ ถ้ามันดีกว่าการอยู่กับกู งั้นก็กลับ กูจะพามึงไปส่งเอง ”

ในรถนั้นเงียบไป เป็นหลากหลายความรู้สึกของเราที่เกิดขึ้นภายในนาทีสั้นๆนั้น ผมเองก็ไม่อยากจะให้มันรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ ไม่อยากจะให้มันเครียด ร้องไห้ หรือฝืนทนอึดอัดอยู่กับผม คนที่ยังไม่อยากจะพูดอะไรทั้งนั้นในตอนนี้  มันมีแต่จะยิ่งทำให้ทุกอย่างของเราแย่ลงเรื่อยๆ

เรื่องบางเรื่องควรยอมรับว่าคือปัญหา ดีกว่าดึงดันจะไปต่อด้วยความรู้สึกดื้อดึงไม่ยอมรับ ทั้งๆที่ยังไร้ทางออก

“ มึงว่ามันดีมั้ย ” ผมเอ่ยถาม เพราะอยากให้มันรู้สึกว่านี่คือเรื่องของเรา ที่ต้องตัดสินใจด้วยกันไม่ใช่ความคิดของใครคนใดคนนึง

“ กูไม่รู้ ” เมดส่ายหน้าไปมา “ กูแค่อยากจะให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ทั้งๆที่กูเองก็รู้ว่ามันยากที่จะทำให้เราเป็นแบบนั้นภายในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง  กูมันคนเห็นแก่ตัวกูรู้ กูเอาแต่ใจกูก็รู้ แต่ว่าอาฟ มึงจะหายไปนานมั้ยวะ แล้วจะกลับมาใช่มั้ย ”

“ กูไม่เคยหายไปไหน ” ถอนหายใจออกมาตอนที่มองสบกับแววตานั้น

ตั้งแต่ที่เราเจอกันจนถึงตอนนี้ ผมไม่เคยหายไปไหนไกลจากเมด เหมือนอย่างที่เมด ก็ไม่เคยหายไปไหนไกลจากใจของผม ทั้งๆที่เคยคิดว่าลืมไปแล้ว แต่พอมาเจอกัน ผมถึงรู้ว่าภายในใจ เมดก็ยังอยู่ตรงนั้น ตรงที่หลังโรงเรียน เหมือนในวันที่เราเจอกันครั้งแรก ไม่เคยหายไปไหน 

“ แต่กูไม่อยากจะให้มึงรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้อีก ขอโทษที่บอกว่ามึงเป็นเด็กที่เอาแต่หนีปัญหา แต่กูมานั่งคิดว่าถ้าเราดึงดันที่จะอยู่ด้วยกัน แต่กูก็ไม่มีอารมณ์จะพูดคุยเล่นๆกับมึงเหมือนเดิม ไม่มีอารมณ์จะยิ้มกับมึง หรือคุยกับมึง กูว่าเราควรห่างกันสักพักก่อนอย่างที่มึงบอกก็น่าจะดีกว่า เผื่อจะคิดอะไรได้มากขึ้น ”

“ ไม่เลิกกันนะ ” มันถามย้ำด้วยความกลัวที่อยู่ในใจ เมดเอื้อมมือมาจับมือของผม มันบีบแน่นเท่ากับความรู้สึกที่ตัวเองกำลังรู้สึกก่อนจะก้มหน้าลง “ ตอนแรกกูคิดว่ามันอึดอัด เลยอยากจะห่างกันสักพัก กูคิดว่าตัวเองอยากจะไปนั่งพักสักสองสามชั่วโมงแล้วค่อยกลับมาสู้ใหม่  แต่พอมึงบอกจะห่างจริงๆ กูกลับรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูกเลยวะ ”

“ เมด ”

“ ก็ตั้งแต่ที่เราคบกันมา ไม่ว่าเราจะมีปัญหาอะไรกัน มึงไม่เคยปล่อยกูให้ห่างจากมึงไปไหนเลยสักครั้ง แต่พอตอนนี้กูมานั่งฟังมึงบอก ว่างั้นก็ลองถอยไปพักดู กูรู้นะว่ามันคือทางที่ดีที่สุด เราตอนนี้คือต้องถอยออกมาก่อนเพื่อให้ทั้งมึงแล้วก็กูได้คิดอะไรเงียบๆ แต่มันก็อดกลัวไม่ได้เลย ไม่รู้ทำไม คงเพราะกูผิดด้วยมั้ง ก็กูทำผิดกับมึง กูเลยกลัวว่ามึงจะไม่กลับมาอีก ”

ดึงมือที่ถูกกุมนั้นออก ผมเอื้อมไปประคองใบหน้าที่ก้มอยู่นั้นให้เงยขึ้นมา แววตาที่แดงก่ำ หน้าตาของอีกคนมีแต่คราบน้ำตาที่ดูแทบไม่ได้ ผมเผลอยกยิ้มเล็กๆกับตัวเองเพราะคิดอยากจะพูดออกไปว่า ‘ ถ้ามึงรู้ว่ากูรักมึงมากขนาดไหน มึงจะไม่กลัวอะไรแบบนี้เลย ’ แต่เพราะมีหลายอย่างที่มึงยังไม่รู้ เลยทำให้มึงกลัวแบบนี้

จูบลงไปที่แก้มข้างนึง ก่อนจะย้ายไปจูบที่อีกข้าง ผมไล่ลงต่ำมาจูบที่ริมฝีปากโดยไม่พูดอะไรสักคำ อ้อมแขนนั้นกอดเมดไว้แน่น แน่นจนรู้สึกว่าอีกคนคงจะอึดอัด แต่ผมแค่อยากจะบอกมันด้วยจากทั้งการกระทำและคำพูดเพื่อให้อีกคนมั่นใจ

“ จำไว้ว่าสิ่งที่มึงคิด มันจะไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น ” 

เพราะกูมั่นใจในตัวเองมาก ไม่ว่าจะเจ็บแค่ไหน สุดท้ายกูก็ยังรักแค่มึง

ผละออกจากอีกคนหลังจากที่พูดจบ เมดถอนหายใจออกมาในตอนนั้นมันจ้องมองผมอยู่นานก่อนจะดึงตัวเองเข้ามากอดอีกครั้ง จูบลงที่ริมฝีปากของผมก่อนจะดึงตัวเองไปนั่งนิ่งที่เบาะรถเหมือนเดิม ราวกับจะบอกกันว่ามันพร้อมแล้วสำหรับการตัดสินใจที่ต่างฝ่ายจะไปห่างกันไปพักก่อนของเรา แต่ถึงอย่างงั้นสองมือขาวก็ยังกำเข้าหากันไว้แน่น

เมดไม่ใช่คนเข้มแข็งอะไรผมรู้ดี แม้ในตอนนี้มันก็ยังกลัวในสิ่งที่คิดและบอกกันเมื่อครู่ แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ไม่ได้อ่อนแอ ถึงขนาดไม่ฟังเหตุผล เมดรู้ดีว่าตอนนี้ระหว่างเราควรทำอะไรสักอย่าง แล้วในตอนนั้นผมก็เอื้อมมือไปจับมือขาวนั่นไว้ บีบมันแน่นอยู่สักพักก่อนจะปล่อยออก แล้วเปลี่ยนมาจับเกียร์ ขยับมันเพื่อให้รถออกตัวเคลื่อนไปข้างหน้า

ในระยะทางไกลที่ไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยหรือเสียงหัวเราะเหมือนอย่างเคย เราไม่แม้จะเปิดเพลง แต่กลับปล่อยให้ความเงียบดึงเราให้จมลงไปกับความคิดที่ไม่มีเสียงใด ผมจอดลงที่หน้าคอนโดของเมด เกียร์ถูกขยับเปลี่ยนเป็นจอดนิ่ง เบรคมือที่ดึงขึ้นส่งสัญญาณบอกกับคนข้างตัวผมว่า ‘ ได้เวลาลงไปแล้ว ’ แต่ถึงอย่างงั้นเราก็ยังเงียบให้กัน แล้วก็นั่งนิ่งอยู่แบบนั้นไม่ไปไหน

บางทีความเงียบคงเป็นสิ่งดีที่สุดแล้วในตอนนี้ ไม่ต้องมีคำพูดอะไร เพราะไม่ว่าจะประโยคไหนก็ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจนี้ เพราะเราต่างก็รู้ดีว่าไม่มีใครที่ไม่เสียใจ

ผมเอื้อมมือไปจับมือของเมดที่วางนิ่งไว้บนตักนั้น เมดเองที่ก็เอื้อมมือมาจับมือของผม เราออกแรงบีบมือของกันและกันส่งผ่านกันเป็นคำพูดที่อยากเอื้อนเอ่ยทั้งหมด มันเป็นทั้งความรู้สึกรัก ความรู้สึกกลัว และความรู้สึกที่ไม่อยากจะให้ไปไหน เป็นความเสียใจที่รู้ว่าเพราะมันไม่มีทางเลี่ยงแล้ว และนี้คือทางที่ดีที่สุด

เรานิ่งเงียบอยู่นาน นานจนต่างฝ่ายต่างค่อยๆคลายมือที่บีบกันนั่นลง เมดปล่อยมือข้างนึงจากมือของผม มันเอื้อมไปเปิดประตู ก่อนจะลุกเดินออกไปจากรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เสียงประตูที่ปิดลง คือเสียงที่ดังที่สุดในตอนนั้น ผมไม่แม้จะหันไปมองข้างตัว ไม่แม้จะดึงมือตัวเองที่วางอยู่บนเบาะออกจากที่ที่อีกคนเคยกุมมันไว้ ความรู้สึกทรมานของการไม่มีกัน พุ่งเข้าชนรวดเร็วเพียงแค่วินาทีถัดมาหลังจากได้ยินเสียงนั้น

น่าแปลก ที่น้ำตาของผมไหลออกมาช้าๆ อย่างไม่รู้ตัว เผลอหันไปมองข้างตัวนั้นที่มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีเมดอีกแล้ว เค้าเดินออกไปแล้ว แต่ทุกอย่างยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ

ภาพที่อีกคนนั่งมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ส่งยิ้มให้กับสรรพสิ่งรอบตัว แล้วก็หันมายิ้มให้ผมพลางชี้ชวนดูบางสิ่งที่สนใจ ทุกอย่างราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ ทั้งๆที่ตลอดทั้งวันนี้ไม่ได้มีอะไรแบบนั้น แต่มือที่เราเอื้อมจับกันนั้นยังคงรู้สึกอุ่นอยู่ ผมกำมือข้างนั้นของตัวเองเบาๆ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา หน้าจอที่ปลดล็อกฉายภาพคนที่นั่งข้างกันแล้วเอียงยิ้มมาให้ ตรงหน้าจอเมนูที่แอบตั้งเอาไว้ 

ผมเผลอยิ้มให้ภาพนั้น ก็จริงอย่างที่ใครบางคนบอก สำหรับคนบางคน จากเราไปได้แค่ตัว เพราะเค้ายังคงอยู่เสมอในความทรงจำ เหมือนภาพถ่ายของเราในวันเก่า ที่ความรู้สึกในรูปนั้นมันจะยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงไป

และนี่ คือ การไม่มีกันและกัน
เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึก ว่ามันเศร้าขนาดนี้

หย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาภายในห้องที่มืดมิด ไม่รู้ว่าระยะทางจากคอนโดเมดกลับมาที่คอนโดของผมคันเร่งที่เหยียบนั้นมันมีอัตราเร่งเท่าไหร่ ผมไม่ได้มองเข็มที่เหวี่ยงไปมาอยู่บนหน้าจอนั่น รู้แค่ว่าไม่มีไฟแดงแยกไหนที่หยุดผมไว้ได้สักแยก ผมนั่งนิ่งอยู่นาน นานจนแสงแดดจากภายนอกสอดผ่านม่านเข้ามาจนทำให้ทั้งห้องสว่างขึ้นทันตา

ในสมองของผมว่างเปล่า มันไม่มีอะไรทั้งนั้นที่ควรคิด เพราะสิ่งเดียวที่มีคือหน้าของคนที่คอยอยู่ข้างกันมาตลอด ผมเผลอมองไปที่ครัว ปกติในช่วงเช้าที่มีเรียนอีกคนจะยืนชงกาแฟอยู่ตรงนั้น ใบหน้ายิ้มแย้มที่บทจะกวนตีนก็ต้องเอ่ยบอกว่า ‘ รำคาญ ’กันเป็นประจำ ทั้งๆที่ตอนนั้นผมเองก็ใจเต้นแรง

ครืน ครืน ครืน

สายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาปลุกให้ผมที่กำลังดำดิ่งลงสู่ความเศร้านั้นหันไปสนใจ หน้าจอฉายแสงสว่างของชื่อเพื่อนสนิท เจ เป็นคนโทรเข้ามา ผมเผลอถอนหายใจออกมา ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นเด็กวิวที่โทรไปหามัน แล้วบอกเล่าเรื่องของผมกับเมดให้ฟัง มันเลยโทรมาหาผม

“ ว่าไง ” ตอบปลายสายหลังจากที่กดรับ อีกฝั่งก็หัวเราะออกมา “ ถ้ามึงจะโทรมาเพื่อหัวเราะก็วางไป ”

“ อยากกินชีวาสรีกัลขวด 25 ปีในห้องมึงมีมั้ย ” ถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปที่เคาน์เตอร์ครัวแล้วเห็นว่ามันวางอยู่ขวดนึง

“ มี ”

“ อีกยี่สิบนาทีถึง ”

“ ใครอนุญาตให้มึงมา ”

“ เมด ” คำตอบสั้นๆนั้นชวนให้ผมขมวดคิ้ว “ เมื่อกี้เมดโทรมาหากู บอกให้ช่วยไปดูมึงหน่อย มันไม่อยากให้มึงอยู่คนเดียว เชี่ยเดย์มันก็ไม่อยู่ห้อง ”

“ คนอย่างมึงน่าจะปล่อยให้กูตายไป ”

“ ตอนแรกกูก็คิดอย่างงั้น เพราะถ้ามึงตายไอ้เมดมันก็โสดอีกครั้ง กูก็จะได้จีบต่อ แต่พอมาคิดว่า ยังไงกูก็มีเด็กวิวอยู่แล้ว พี่น้องจะขัดใจกันคงไม่ได้ คนดีอย่างกูเลยไปหามึงดีกว่า ปล่อยให้มึงตายได้ไง ใครจะจ่ายเงินเดือนกูจริงมั้ย ”

“ พูดมาก จะมาก็รีบมา ” ผมกดวางสายก่อนจะโยนมือถือลงที่โซฟาข้างตัว

นั่งอยู่แบบนั้นไม่นานประตูหน้าห้องก็เปิดออก ถือว่าโชคดีที่ผมเคยให้กุญแจห้องกับคีย์การ์ดของคอนโดนี้ไว้กับเจเผื่อเวลาฉุกเฉิน รอยยิ้มของเพื่อนสนิทยกยิ้มราวกับจะสมน้ำหน้า เจไม่ได้ทักผม มันเดินตรงไปที่ในครัว หยิบแก้วเหล้ามาสองใบพร้อมกับเหล้าที่อยู่บนตู้ มันทำเหมือนที่นี่คือบ้านตัวเอง

“ กินเป็นเพื่อนกูหน่อย กินคนเดียวเหงา ”

“ มึงไม่หลับไม่นอนหรือไง ” เจวางแก้วลงบนโต๊ะมันรินเหล้าให้ผมในตอนที่เอ่ยถาม

“ ถามตัวเองก่อนมั้ยว่าทำไมไม่หลับไม่นอน ” ยักคิ้วให้กันก่อนจะยื่นเหล้าให้ผมที่ก็รับมา เจดึงแก้วเหล้าขึ้นมาชนแก้วผมจนเกิดเสียง มันชูขึ้นก่อนจะกิน “ กูแค่นอนไม่หลับเลยอยากแดกเหล้าให้หลับสักหน่อย ”

“ เมดมันเป็นไง ” ผมหลุดถามในสิ่งที่อยากรู้ออกไป คนตรงหน้าก็เหลือบมองกัน “ กูหมายถึงน้ำเสียง ”

“ เหมือนไม่สบาย เสียงก็อู้อี้ตามประสาคนร้องไห้ ”

“ อื้ม ” รอบตัวเราเงียบลงอีกครั้ง ผมยกเหล้าในมือขึ้นมากินก่อนจะเปิดฝาขวดแล้วรินมันใส่แก้วอีกครั้ง ตอนนั้นเจที่มองผมอยู่นานก็เอ่ยถาม

“ ถามจริง ตอนนี้อาการเป็นไงบ้าง ” เหลือบมองคนถามอีกคนก็ขยายความ “ ทั้งมึงทั้งไอ้เมด ”

“ มึงเสือกอะไรวะ ” ผมบอกมัน “ ก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติม เหมือนที่เล่าไปวันนี้ทั้งหมด ทุกอย่างมันก็มีแค่นั้น ”

“ เหรอวะ ” เจตอบรับแค่นั้นก่อนที่มันยกเหล้าขึ้นดื่ม “ แล้วทำไมมึงยังเป็นแบบนี้วะ เมดมันก็ขอโทษมึงแล้วไม่ใช่เหรอไง “

“ อื้ม ขอโทษแล้ว ”

“ แล้วทำไมมึงยังอยู่ในสภาพแบบนี้วะ มึงกับไอ้เมดนี่ยังไง ”

“ แล้วไอ้เมดมันบอกมึงว่าไง ” หันไปมองอีกคนที่ก็ถอนหายใจออกมา ผมเชื่อว่ามันต้องถามอีกฝ่ายมาแล้ว ไม่งั้นไอ้เจคงไม่มาที่นี่ แค่คำสั่งของไอ้เมด ไม่ได้ทำให้อีกคนแสดงความเป็นคนดีขนาดนี้ แต่เจต้องคิดแล้วว่าอาการผมคงหนัก มันเลยมา

“ บอกว่าห่างกันสักพัก ”

“ ก็ตามนั้น ”

“ กูพามันไปส่งที่คอนโด กูว่าห่างกันสักพักไปนั่งคิดอะไรเงียบๆน่าจะดี ” บอกแบบนั้นอีกคนก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับเสียงเกาหัวที่ก็คงหาความเข้าใจอะไรไม่ได้ในสิ่งที่เราสองคนกำลังเป็นอยู่ตอนนี้

“ จะห่างกันทำเหี้ยอะไรวะ ยิ่งห่างมันยิ่งดีเหรอวะ ไม่ใช่ยิ่งคิดมากเหรอสัดกูถามหน่อย ที่ไอ้เมดมันยังร้องไห้ก็เพราะห่างกัน แล้วมึงอยู่ในสภาพเหี้ยแบบนี้ก็เพราะห่างกันไม่ใช่เหรอวะ ”

“ ถ้าอยู่ใกล้ๆแล้วมันเหี้ย มึงจะให้มันอยู่กับกูทำไม ” ผมหันไปถามเพื่อน “ อยู่ใกล้กัน แสดงออกว่าเข้าใจกันทั้งๆที่ไม่ได้เข้าใจจริงๆ สุดท้ายทุกอย่างมันก็ยังเหมือนเดิม เลิกทะเลาะกันตอนนี้ ไม่พ้นสามเดือนก็คงทะเลาะกันเรื่องนี้อีก มันก็วนอยู่เหมือนเดิมซ้ำๆ แล้วเมื่อไหร่เรื่องนี้มันจะจบ ”

 “ มึงก็เลยห่างกันเพื่อมานั่งทำความเข้าใจ งั้นกูขอถาม มึงเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างมั้ย ” ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไรเพื่อนสนิท ในตอนนั้นอีกคนก็แค่พูดขึ้น “ ให้อภัยเมดมันได้แล้วสัดอาฟ ”

“ ให้อภัยทำไม กูไม่ได้โกรธเมด ที่กูห่างกับมันตอนนี้ กูไมได้โกรธมัน ” ผมบอก อีกคนก็ชะงักเหล้าที่กินก่อนจะยกยิ้มแล้วหันมามองกัน เจคงคิดว่าสิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่ผมพูด ผมที่กำลังหน้านิ่งอยู่ตอนนี้ มือที่กำลังจับแก้วเหล้าแต่ไม่ได้ยกมันขึ้นมาดื่มแต่อย่างใด ผมที่กำลังคิดว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไร “ กูไม่ได้โกรธเมด ” ย้ำบอกมันแบบนั้น “ กูเข้าใจทุกอย่างในสิ่งที่มันทำ ในสิ่งที่มันคิด กูรู้ว่ามันรักกูจริงๆถึงแม้มันจะตั้งใจถ่ายภาพพวกนั้นเพื่อจะอัพให้เพื่อนมันดู กูเข้าใจว่ามันเจ็บปวดในสิ่งที่เพื่อนมันเยาะเย้ยมัน กูเข้าใจทุกอย่าง กูไม่ได้โกรธ กูรู้ว่ามันขอโทษกูแล้ว ทุกอย่างไปดูกันในอนาคตว่ามันจะปรับตัวมั้ย แต่ถึงอย่างงั้นกูก็เจ็บ มึงเข้าใจมั้ยว่ากูกำลังเจ็บ แต่มันเพราะอะไรวะ มันเพราะอะไรกัน ทำไมกูยังเจ็บอยู่แบบนี้ เพราะกูรักมากเลยเหรอวะ  หรือเพราะกูคาดหวังอะไรจากมันวะ กูถึงยังเจ็บแบบนี้ กูคาดหวังว่าจะเห็นภาพของเรา คาดหวังว่าคำพูดนั้นจะหมายถึงกู แต่สุดท้าย ทุกอย่างมันไม่ใช่ เมดบอกรักกูเพื่อคนอื่น ” ผมหยุดหัวเราะก่อนจะก้มหน้าลง “ แม่งเหี้ยดี เหี้ยตรงที่ว่า กูตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าวันนั้นเพื่อนมันไม่เยาะเย้ย เมดจะอัพภาพคู่ของเรารึเปล่า แล้วคำตอบที่กูรู้สึก นั่นก็คือ ไม่ ”

“ สัดอาฟ ” เจนิ่งไปตอนที่พูดออกมาราวกับคำสบถในตอนที่ผมพูดจบ มันรินเหล้าให้ผม เป็นคำปลอบโยนที่ไม่ต้องพูดอะไรให้ยืดยาวกว่านั้น

“ กูไม่ได้โกรธมัน ทุกอย่างผ่านไปแล้ว แก้ไขเหี้ยอะไรไม่ได้ แต่กูก็ยังมีสิทธิ์เจ็บไม่ใช่เหรอวะ กูมีสิทธิ์เจ็บในสิ่งที่มันทำกับกู กูมีสิทธิ์ที่กูจะยังไม่ลืม ทั้งๆที่กูก็รู้ว่าการที่กูเป็นแบบนี้มันยิ่งแย่ลง กูเองก็พยายามหาทางอยู่เหมือนกันว่าต้องทำยังไง แต่เพราะกูไม่รู้ไงมึง กูเลยได้แต่เงียบให้มัน ไม่อยากจะพูดอะไรกับมัน กูกลัวว่าถ้ากูพูดออกไป กูจะพูดอะไรแบบนี้  พูดว่ากูเจ็บ เจ็บที่มันทำกับกู แล้วผลจากการที่กูพูดคืออะไร เมดก็ร้องไห้ แล้วก็บอกอีก ว่า ขอโทษ ” ผมหยุดยิ้มออกมาก่อนจะหัวเราะ “ ถ้าคำขอโทษมันทำให้กูหายเจ็บได้มึงพูดเถอะ กูก็อยากฟัง แต่ช่วยอะไรไม่ได้เลย กูยังเจ็บอยู่ ต่อให้แม่งขอโทษกูอีกสิบล้านครั้ง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว และที่เหี้ยกว่านั้นคืออะไรรู้มั้ย ” ผมมองหน้าเจที่มันเองก็มองหน้าผม “ ที่มันเหี้ยกว่านั้นคือ กูแม่งไม่อยากทำให้เมดร้องไห้อีกแล้ว กูเลยพยายามจะนิ่งไว้ ทั้งๆที่ตอนนั้น กูแม่งจะขาดใจอยู่แล้ว ”

ความรักมันก็เหี้ยแบบนี้ ผมกัดฟันตัวเองแน่นตอนที่มองไปออกไปทางอื่น คนที่รักมากมันก็เหี้ยแบบนี้ เรามองข้ามความเจ็บปวดของตัวเองไปหมด แล้วมองแค่ความเจ็บปวดของคนที่เรารัก

ในตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับดอกธนูดอกเดียวที่ปักอยู่บนตัวเมด แต่สำหรับผมมันมีดอกธนูเป็นร้อยดอกปักอยู่ แต่ถึงอย่างงั้น ผมกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความเจ็บปวดของมัน แม้มันจะไม่ได้ครึ่งนึงของผมเลย หนำซ้ำผมยังคงปกป้องมันไว้ เพื่อไม่ให้มันเจ็บปวดอีก

“ กูรักมันมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน มันกลายเป็นว่า เพราะกูรักมันมาก กูเลยทุ่มเทให้มันมากไป กูเลยยังเสียใจแบบนี้ แล้วกูผิดเหรอวะ ที่กูรักมันมาก กูผิดเหรอวะ ที่กูทุ่มเท ก็กูรักของกู ” ผมถอนหายใจออกมาตอนที่หลับตาแล้วก็นิ่งคิด “ กูจะทำให้ทุกอย่างมันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ยังไงวะ กูถามตัวเอง แต่กูไม่ได้คำตอบเลย กูหันมองมันตอนที่กูไปส่งมัน กูไม่อยากให้มันลงไปจนกูถามตัวเองว่า หรือกูควรทนเจ็บ ทนๆไปเดี๋ยวมันก็ลืมแล้วก็หาย แต่ถ้าเมดอัพภาพกูกับมัน วันนั้นกูจะเข้าไปดูไอจีไอ้ยีนส์รึเปล่า ดูว่ามันอัพภาพของมันกับผัวมั้ย เมดอัพภาพกูกับมันเพื่ออะไร บอกรักจริงๆ หรือเยาะเย้ยใครอีก กูที่ต้องอยู่กับความรู้สึกแบบนั้น แล้วถ้ากูไม่อยากเป็นกูต้องทำไง กูต้องรักมันให้น้อยลงเหรอวะ กูควรคาดหวังกับมันให้น้อยลง หรือว่ายังไง กูทำอะไรได้บ้างในตอนนี้ กูเลือกทางไหนได้บ้าง ” 

“ กูเข้าใจที่มึงรู้สึกนะสัดอาฟ ” เจพูดก่อนจะถอนหายใจแล้ววางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ “ มึงไม่เคยจริงจังกับใคร แล้วพอมึงมาจริงจังกับเมด มึงก็ทุ่มให้เค้าแบบไม่คิด มึงไม่รู้ว่าสิ่งที่มึงให้มันไป มันเยอะมากไปหรือน้อยไป มึงไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น กูรู้ มึงคิดแค่ว่า มึงอยากให้มันไป ให้ไปทั้งหมดในสิ่งที่มึงมี แต่การที่มันเกิดปัญหาขึ้น มึงจะมาบอกว่า พอแล้ว ให้ความรักน้อยลงดีกว่า มันใช่เหรอวะ กูว่ามันไม่ใช่เลย ทางที่ดีมึงนั่งคิดดีกว่าว่าอะไรคือ ต้นเหตุของปัญหา อย่าแก้ที่ปลายเหตุสิวะ การที่มึงรักมันมาก ไม่ใช่เรื่องที่ผิดนะสัด ”

“ เหรอวะ ”

“ มึงลองคิดดูให้ดีก่อนมันเริ่มต้นจากอะไร ก่อนที่มึงกับเมดจะมามีปัญหากันแบบนี้ มันเริ่มจากไอ้ยีนส์ใช่มั้ย ไอ้ยีนส์มันทำไอ้เมดก่อน ไอ้เมดก็เลยตอบโต้กลับ โอเค มันผิดที่ลงภาพคู่มึง แต่ทำเพื่อเยาะเย้ยคนอื่น กูว่าอันนั้นมันก็น่าตี แต่การที่มึงเสียใจอยู่ตอนนี้ มันเป็นเพราะเมดอัพภาพแรกของมึงกับมันเพื่อเยาะเย้ยคนอื่น หรือเพราะมึงคิดว่าเมดยังรักไอ้บินอยู่กันแน่วะ ”
 
แก้วเหล้าที่กำลังจะถูกยกขึ้นมาถูกวางนิ่งลงบนโต๊ะตอนที่เจเอ่ยถามผม “ ลองคิดให้ดีก่อนว่าตอนนี้ ที่มึงกำลังเสียใจอยู่ มึงเสียใจเพราะอะไรกันแน่ เมดทำมันผิดจริง แต่มันแค่เยาะเย้ยเพื่อนมัน ว่ามันก็มีแฟนที่ดีอย่างมึงอยู่ข้างๆ ไม่ใช่เหรอ แต่มึงละ มึงคิดอะไร มึงคิดว่า เมดอัพภาพมึงเพราะไม่ได้รักมึงจริงๆ มึงคิดว่าเค้าอัพเพราะแค่เยาะเย้ยกันเท่านั้น ไม่ได้คิดจะถ่ายรูปมึงจริงๆ มึงเลยเศร้า เสียใจ มึงคิดอะไรแบบนั้นมั้ย ถ้าใช่ กูว่าไม่ใช่เมดคนเดียวหรอกที่ควรเริ่มต้นใหม่ มึงเองก็ด้วยอาฟ มึงเองก็ควรเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว เมดเป็นแฟนมึงนะ ตอนนี้มันเป็นแฟนมึง แล้วมึงจะยังคิดอยู่ทำไม ว่าเค้ายังรัก ยังแคร์คนเก่าอยู่ เลิกคิดได้แล้วสัด คิดว่าเมดรักมึงได้แล้ว อย่าคิดเข้าข้างตัวเองว่ามึงรักเค้ามากสิ คิดด้วย ว่าเค้าเองก็รักมึง มันไม่รักมึง มันไม่อยู่กับคนอย่างมึงหรอก ” คนที่พูดเตือนสติถอนหายใจออกมา มันยกเหล้าขึ้นดื่มก่อนจะรินใหม่แล้วกินเข้าไปอย่างต่อเนื่อง 

ทุกอย่างในตอนนั้นมันเงียบ ผมเองก็ได้แต่จมอยู่กับความคิดของตัวเองในคำพูดที่ถูกถามไถ่ ‘ มันก็มีส่วนจริงอย่างงั้น ’ เพราะยังคิดก็เลยยังอ่อนไหว ไม่ใช่เพราะเมดไม่ชัดเจนหรอก

ตลอดเวลามันก็ชัดเจนมาตลอดสำหรับความรู้สึกที่ให้กัน มันมีเหตุผล รับฟังกันทุกอย่าง ในบางครั้งผมยังรู้สึกเลยว่า เราไม่ได้เหมือนแฟนเท่าไหร่ แต่มันเหมือนคนรัก ที่กำลังอยู่ด้วยกันในฐานะคู่ชีวิตที่จริงจัง แต่ทว่าทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ไม่ว่าจะหนักเบาแค่ไหน ชื่อของคนคนนั้นก็ผุดขึ้นมาเป็นบุคคลที่สามระหว่างเราเสมอ โดยตัวผมเองที่เริ่มคิด ว่าอีกฝ่ายคงยังรัก ผมยังติดอยู่ในอดีตที่เจ็บปวดเหล่านั้น ทั้งที่ปากก็บอกให้เมดเริ่มต้นใหม่ แต่เหมือนผมเองจะยังไม่ได้เริ่มต้นเลย ผมยังคงติดอยู่กับวันเก่าที่เห็นเมดกับใครคนนั้นรักกัน ทั้งๆที่วันนี้ คนที่ยืนข้างเมดคือผม ไม่ใช่มัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 42 :: up! 19-10-61} #หน้า 38
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 27-10-2018 20:45:07

“ ถ้ามึงเป็นเมด มึงจะทำยังไง ”

“ หมายถึง ”

“ ก็หมายถึงว่าถ้ามึงเป็นไอ้เมดแล้วเจอไอ้ยีนส์ทำแบบที่ทำกับไอ้เมด มึงจะตอบโต้มันยังไง ” คนข้างผมทำท่าคิดก่อนจะตอบยิ้มๆ “ ถ้าให้คำปรึกษากูจะบอกว่า ช่างหัวมันเถอะสัด ปล่อยให้แม่งดิ้นไป แต่ถ้าเป็นกูแล้วละก็.. กูจะอัพนิ้วกลางของตัวเองแล้วเขียนสเตตัสว่า ‘ K ’ ”

“ หึ ” หลุดหัวเราะก่อนจะส่ายหน้าแล้วยกเหล้าขึ้นกิน

“ แล้วมึงละ ถ้าเป็นมึงจะทำยังไง ”

“ กูเหรอวะ ” ผมกำลังคิดกลับกันว่าถ้าเพื่อนสนิทแย่งเมดไปหรือเมดไปนอนด้วยกับมันแล้วมันทำแบบนั้นเพื่อเย้ยผม ผมจะทำยังไง “ แน่นอนว่ามันไม่มีสิทธิ์อัพภาพนั้น เพราะคงตายไปแล้วทั้งคู่ด้วยฝีมือกูที่ยิงมันตั้งแต่เห็นว่านอนเอากันแล้ว ”

“ ไอ้สัด ” อีกคนหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะพยักหน้ารับ “ จริงของมึง ฮ่าๆ แต่คนเราแม่งก็เป็นแบบนี้ทุกคน คนที่แค้นมันก็คิดหาทางจะแก้แค้นนั้นแหละ อยู่ที่ว่า คิดแล้วจะทำจริงๆรึเปล่าก็เท่านั้น แล้วกูก็มั่นใจว่าถ้าเป็นไอ้วิว แม่งไม่หยุดแค่อัพภาพแน่ ”

“ มึงคงต้องขึ้นโรงพัก ”

“ ให้พี่มันไปแล้วกันกูไม่เกี่ยว ” หลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน เจเงียบไปสักพักมันจับแก้วเหล้าหมุนไปมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม “ กูขอโทษแทนวิวด้วยนะ ”

“ เรื่อง ? ”

“ ก็เรื่องที่มันทำนั่นแหละ มันคิดน้อยไป ไอ้เด็กนั่นคิดแค่ความสะใจมาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่เคยคิดหน้าคิดหลัง ไม่เคยคิดถึงใคร มันคิดแค่ว่า ไอ้ยีนส์ทำพี่มัน ก็ต้องเอาคืน มันคิดแค่นั้น กูขอโทษแทนมันด้วย ที่มันเป็นต้นเหตุที่ทำให้มึงกับไอ้เมดมีปัญหากัน

“ เจ อย่าแสนดี หน้าเหี้ยๆแบบมึง ไม่เหมาะกับบทนี้หรอกสัด ” ผมยิ้มบอกมันอีกคนก็ยิ้มกว้างก่อนจะด่าผมแบบไม่ออกเสียง

“ K ”

หยิบเหล้าตรงหน้าขึ้นกิน ไม่แปลกเลยสักนิดที่มันจะพูดขอโทษออกมาแบบนั้น เจเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง มันค่อนข้างจริงจัง แล้วก็ชัดเจน แต่ถึงอย่างงั้นก็เป็นคนที่แคร์ความรู้สึกของคนรอบข้าง เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันก็คงคิดว่าเป็นความผิดของแฟนตัวเองอยู่เหมือนกัน ที่ออกความเห็นให้เมดต้องทำแบบนั้น มันเลยอยากจะขอโทษผม ทั้งๆที่จริงมันก็ไม่เกี่ยวหรอก ผมมองว่าเรื่องแบบนี้ มันอยู่ที่ตัวคนทำมากกว่า ไม่ใช่คนแนะนำ เพราะคำแนะนำเป็นสิ่งที่เราจะนำไปใช้ก็ได้ไม่ใช้ก็ได้ สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนนั้น ว่าจะทำ หรือ ไม่ทำ

“ แล้วมึงคิดได้รึยัง ”

“ เรื่องอะไร ”

“ ก็เรื่องไอ้เมด ” ผมถอนหายใจออกมาอีกคนก็ยิ้มก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะ “ เสียเวลาว่ะสัดอาฟ มึงคิดว่าดีแล้วเหรอวะ ที่มึงจะจมอยู่แบบนี้ แล้วปล่อยให้ความสุขที่มึงควรมีมันหายไป ทั้งๆที่ตอนนี้มึงควรจะนอนอยู่ในห้อง กอดไอ้เมดแล้วก็หอมมัน หรืออาจจะมีอะไรกับมัน  แต่กลับกลายเป็นว่า มึงต้องเสียเวลาพวกนั้นมานั่งกินเหล้า นั่งเครียดคิดถึงเรื่องที่มันจะกลับมาไม่ได้อีกแล้ว ” เจเอื้อมมือมาจับไหล่ผมมันบีบราวกับจะเตือนสติกันเพราะอยากให้ผมคิดให้ดีที่สุด  “ ทำไมไม่ลองปิดตาสักข้างวะ ปิดตาสักข้างมองผ่านความทุกข์ตรงนี้ไป ลืมมันไปซะ บอกให้ไอ้เมดเลิกยุ่งเลิกสนใจกับไอ้เหี้ยนั่น มึงเองก็ลืมมันได้แล้วเรื่องที่ไอ้เมดมันรักไอ้บิน เริ่มต้นใหม่ได้แล้วมึงทั้งคู่ ชีวิตมันจะได้ไปต่อ ”

“ อื้ม ” ขานรับสั้นๆ ผมพยักหน้ารับเพื่อนสนิท

“ กูไม่รู้ว่า มึงเข้าใจในสิ่งที่กูพูดมั้ย แต่กูแค่อยากเตือนมึง ว่าอย่าจมอยู่กับปัญหา ไม่ว่าอะไรมันก็มีทางออกอยู่แล้ว ความรักมันเหี้ยเว้ย จนบางอย่างเราก็ต้องทำเป็นไม่เห็นจะได้เดินต่อไปได้ แล้วบางทีมึงก็ต้องยอมลดทิฐิของตัวเองลงบ้าง มึงไม่ผิดนั่นแหละ แต่บางทีถ้าไม่อ่อนให้เลย ทุกอย่างมันก็ไปต่อไม่ได้ แล้วถ้ามึงจมอยู่ตรงนี้ มันก็จะหยุดอยู่ตรงนี้ แล้วมึงยอมเหรอถามจริง มึงยอมเสียไอ้เมดไปจริงๆเหรอ ” ผมส่ายหน้า อีกคนก็นิ่ง “ เพื่อตัวมึงเองนะ เพื่อตัวมึงที่จะได้มีความสุขมากขึ้น ลองนั่งคิดดู กูไปละ ”

“ มึงไม่นอนห้องไอ้เดย์ละ ”

“ ไม่ละ กูชอบนอนที่เตียงกูมากกว่า มันหลับสบาย ” เจบอกก่อนจะยกเหล้าในแก้วที่รินไว้ขึ้นกิน ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง มันที่เดินออกไปจากห้องผมแต่ยังไม่ทันจะถึงประตู อีกฝ่ายก็หยุดชะงักเหมือนคิดอะไรขึ้นได้ ก่อนจะหันมาบอกกัน “ กูลืมบอกมึงไปอีกอย่าง ”

“ อะไร ”

“ ว่าแต่ไอ้เมดเก่งนัก มึงนั่นแหละที่กำลังตกอยู่ในแผนของไอ้สัดยีนส์ ถ้าตอนนี้มันรู้ว่ามึงกับไอ้เมดทะเลาะกัน มันคงนั่งหัวเราะสมเพชพวกมึงจนฟันร่วง เข้าใจมั้ย ไอ้เห็บหมา ”

“ ไอ้สัด ” ผมสบถใส่มันก่อนจะหันกลับมายกเหล้าในแก้วขึ้นกิน วินาทีต่อมานั้นผมหยิบกุญแจรถของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูห้องของตัวเองออกไปพร้อมกับเพื่อนสนิทที่กำลังจะกลับบ้าน หัวสมองผมในตอนนั้นมันคิด คิดถึงสิ่งที่ไอ้เจพูด คิดทบทวนถึงทุกอย่าง ก่อนจะได้คำตอบแค่ว่า ‘ นั่งอยู่แบบนี้มันเสียเวลานะสัด เอาเวลาไปมีความสุขไม่ดีกว่าเหรอวะ ในเมื่ออดีตมันหวนคืนมาไม่ได้ มึงก็แค่ต้องลืม แล้วเดินออกไปหาอนาคตก็เท่านั้น อย่าโง่อยู่เลย ’

“ สัดอาฟ ” เสียงเจที่กำลังจะเดินไปที่รถของตัวเอง ชวนให้ผมหันไปมองอีกคนที่ก็โยนคีย์การ์ดอันนึงมาให้ผม มันยกคิ้วให้ “ เอามาคืนกูด้วยนะ อันนี้วิวให้กูมา แล้วกูก็มีอันเดียว ใช้ให้ดีนะมึง ”

“ อื้ม ”
 
ขับรถจากคอนโดของตัวเองกลับมาที่คอนโดของเมด ในช่วงเช้าที่ลานจอดด้านล่างค่อนข้างว่างเพราะเหมือนคนทั่วไปก็คงทยอยออกไปทำงาน ผมนั่งนิ่งอยู่ในรถด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะเริ่มต้นยังไง นิ่งอยู่นานจนต้องหยิบบุหรี่ที่อยู่ในกล่องตรงที่ใส่ของของรถขึ้นมา ผมออกไปนอกรถก่อนจะจุดมันแล้วสูบเข้าไปเต็มปอดเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกตึงเครียดนี้

มองบุหรี่ในมือที่ไม่ได้สูบนานจนกลายเป็นความเคยชิน เมดแพ้กลิ่นบุหรี่ มันไม่ชอบให้คนที่สูบบุหรี่มาอยู่ใกล้ๆ ไม่ชอบให้จูบหลังสูบบุหรี่เสร็จ แล้วนั่นคือคำตอบง่ายๆที่ผมยอมห่างจากมัน เพราะแค่อยากจะอยู่ใกล้อีกคนตลอดเวลา นึกอยากจูบเมื่อไหร่ก็จะได้จูบ ผมคิดแค่นี้เท่านั้น เลยยอมทิ้งขว้างมันไปหมด

กดลิฟต์ขึ้นไปบนชั้นที่จำได้ดี หลังจากที่ใช้คีย์การ์ดปลดล็อกประตูที่อยู่ด้านหลังของคอนโด ก้าวขาออกจากลิฟต์ ผมยืนนิ่งอยู่ที่ประตูของห้อง นิ่งอยู่นานก่อนจะเอื้อมมือไปกดออดสัญญาณ ผมได้ยินเสียงมันดังอยู่ในห้องอยู่นาน ก่อนที่เจ้าของห้องจะเปิดประตูออกมาต้อนรับ

“ อาฟ ” แววตาเรียวนั่นสั่นไหวตอนที่เห็นหน้าผม เมดเปิดประตูออกให้กว้างขึ้น ผมก็เดินเข้าไปในห้องที่มีแต่ความเงียบเชียบ มองไปรอบๆไม่เห็นแม้เงาน้องชายตัวดีของอีกคน

“ ไอ้วิวไปไหน มันไม่ได้อยู่กับมึงเหรอ ”

“ อาบน้ำอยู่ในห้อง วันนี้มันมีสอบ ”

“ อื้ม ” ผมตอบรับ ในวินาทีต่อมานั้นทุกอย่างระหว่างเราก็เงียบไปหมด เมดมองผม ผมเองก็มองมัน ราวกับไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอะไรต่อกันก่อน ต่างฝ่ายเลยเป็นแบบนี้ “ กูมารับมึงกะ..” ยังไม่ทันพูดจบคนตรงหน้าก็พุ่งเข้ามากอดผมไว้แน่น เมดร้องไห้ออกมา ปล่อยเสียงสะสึกสะอื้นอย่างไม่อายลงบนไหล่ของผม

“ กูคิดว่ามึงจะไม่มาแล้ว กูคิดว่ามึงจะหายไปแล้ว ”

“ บอกว่าจะมา ก็ต้องมาสิวะ ” ผมบอกเมดก็ดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดของผม เราสบตากันอีกครั้งแววตาแดงที่บวมช้ำนั้นผมถึงขั้นถอนหายใจออกมาตอนที่เห็น เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้มัน “ หยุดร้อง ตอนนี้หน้ามึงเหมือนซาลาเปาไส้หมูแดงที่มันคลุกโคลนเลยรู้มั้ย ”

“ ไอ้สัด อย่าว่ากู ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่มันก็ยังทำได้แค่สูดขี้มูกเข้าไป ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผม “ มึงหายโกรธกูแล้วใช่มั้ยวะ ”

“ กูบอกมึงกี่ครั้งแล้วว่าไม่ได้โกรธ  กูแค่เสียใจ แต่ตอนนี้กูคิดแค่ว่าช่างมันเถอะ คิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา แถมยังเสียเวลามีความสุข อีกอย่างไอ้ยีนส์มันต้องการให้เราทะเลาะกันอยู่แล้ว ถ้ากูยิ่งจม มันก็ยิ่งหัวเราะเยาะเรา หรือมึงว่าไม่จริง ” คนฟังเงียบไปเมดไม่พูดอะไรสักอย่าง ผมเองก็ทำได้แค่จ้องมองแววตานั้น “ กูขอโทษที่บางทีก็เอาแต่บอกมึงว่า ให้มึงลืมคนพวกนั้น ทั้งๆที่จริงแล้ว ทุกครั้งที่เราทะเลาะกันกูก็มักจะคิดถึงแต่พวกมัน กูคิดว่ามึงยังแคร์ ยังรัก ทั้งๆที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่ กูที่เอาแต่บอกให้มึงเริ่มต้นใหม่ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่เคยจะเริ่มต้นใหม่เลย เพราะงั้น กูเองก็ควรเริ่มต้นใหม่เหมือนกัน งั้นเรามาเริ่มต้นไปด้วยกันมั้ย ทั้งมึงทั้งกู ”

“ อื้ม ” เมดพยักหน้ารับ มันยิ้มกว้างออกมาในตอนที่ผมบอก

“ ทั้งกูทั้งมึง ลืมคนพวกนั้นไปซะ ตกลงมั้ย ”

“ ตกลง ”

“ ส่วนเรื่องภาพของมึง ”

“ กูลบแล้วนะ ” เมดพูดสวนขึ้นมา “ กูลบมันออกจากไอจีกูแล้ว ”

“ งั้นก็ช่วยลบออกไปจากความทรงจำของกูหน่อยได้มั้ย ” คนตรงหน้าเงียบไปในตอนนั้นเมดคลายมือที่จับมือผมแต่เป็นผมเองที่กระชับมือมันไว้ ก่อนจะก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากของอีกคนที่ก็หลับตาลงทันทีที่ได้รับสัมผัสนั้น มันไม่ใช่จูบที่ดูดดื่มอะไรทั้งนั้นเป็นแค่สัมผัสเบาๆที่กดเน้นย้ำลงไป ก่อนที่ผมผละออก " กูปล่อยความเสียใจนั่นไปแล้ว แค่มึงจำไว้ว่าอย่าทำอีกก็พอ รูปมันลบออกจากแอปได้ แต่ความเสียใจมันลบออกจากใจกูไม่ได้แบบนั้น เข้าใจมั้ย ”

“ อื้ม ”

“ แต่เพราะกูปล่อยมันไปแล้ว กูปล่อยมันไปเพราะอยากจะรักมึงต่อ กูอยากจะมีความสุขต่อไป แล้วที่กูทำทั้งหมด นั่นเพราะกูอยากให้มึงอยู่ในชีวิตกูต่อไป เข้าใจมั้ยเมด ”

“ เข้าใจแล้ว ” อีกคนบอกเสียงเบาก่อนจะดึงตัวเองเข้ามากอดผมไว้ “ เพราะกูเองก็อยากจะอยู่ในชีวิตมึงต่อไปเหมือนกัน ”

ไม่มีคำว่า ขอโทษอีก มันเพียงพอแล้ว สำหรับคำพูดนั้นเพราะถ้าจะเดินไปต่อก็ควรเก็บทุกอย่างนั้นไว้เป็นแค่ความทรงจำที่มีไว้ให้เราคิดให้รอบคอบมากขึ้น ผมมองหน้าเมดมันมีอีกหลายคำพูดที่ผมอยากพูด ผมอยากบอกว่า ‘ กูรักมึง แล้วกูก็อยากจะรักมึงต่อไปในทุกวัน ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนถึงหลับตาลง กูก็อยากมีมึงอยู่ในชีวิตประจำวันนั้นทุกวัน ’

เอียงหน้าลงจูบคนตรงหน้าอีกครั้ง ลิ้นชื้นที่เริ่มขยับตัวผมเผยอริมฝีปากเพื่อจะส่งมันออกไปด้านนอกก่อนจะหยุดชะงักแล้วดึงตัวเองกลับมายืนนิ่งเหมือนเดิม

“ กูเพิ่งสูบบุหรี่มา ” ผมบอกเมดแบบนั้น อีกคนก็แค่ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมากอดคอผมแล้วจูบลงที่ริมฝีปาก

“ กูรู้ตั้งแต่มึงเริ่มพูดแล้ว แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้กูไม่อยากจะสนใจแล้ว ” ริมฝีปากนั้นจูบผมก่อนเผยอตัวขึ้นราวกับจะเชิญชวนให้มอบสัมผัสของความดูดดื่มให้กัน เกลียวลิ้นที่สอดเกี่ยวกันและกันในโพรงปากมันผลัดกันรุกรับราวกับจะบอกถึงความรู้สึกทุกอย่างที่มีให้กัน เมดจูบเก่งขึ้นผมรู้สึกว่าเป็นอย่างนั้น อย่างน้อยอีกคนก็ไม่นิ่งให้ผมได้หยอกล้อฝ่ายเดียวอีกต่อไป เมดเองก็พยายามที่จะจูบแล้วนั่นก็ชวนให้ผมหลุดยิ้ม เพราะมันช่างน่ารักเสียเหลือเกินในความรู้สึก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยคือเอวบางที่ยังคงหดเกร็งยามที่มือของผมลูบไล้ลงบนผิวเนียนนั่น

“ ชะ เชี่ย ” เสียงสบถที่ดังขัดผมหันไปมองต้นเสียงของคนที่เปิดประตูห้องนอนออกมา วิวใส่ชุดนักเรียนมันยกมืออุดปากตัวเองที่เผลอส่งเสียง ก่อนจะดึงมือตัวเองออกแล้วทำทีเป็นกระชับสายสะพายกระเป๋าเป้แล้วเอียงหน้าแซวอย่างเป็นต่อ “ ทำอะไรเกรงใจเด็กหน่อย วิวยังเป็นเยาวชนนะ เผื่อลืม”

“ ไปเรียนไป ” ผมถอนหายใจออกเซ็งๆ ตอนนั้นเมดก็แค่ก้มหน้าลงไม่พูดอะไรทั้งนั้น มันคงเขินเพราะตอนนี้หูมันก็แดงไปหมด “ ไปได้แล้วอย่าเสือกเรื่องของผู้ใหญ่ให้มันมาก ”

“ เสือกอะไรนี่บ้านวิวเหมือนกันนะ มายืนจูบกันกลางบ้าน ไม่เรียกว่าอีกฝ่ายเสือกหรอกก ” อีกฝ่ายยังคงกวนตีนแบบไม่รู้จักเวลา ผมก็หันไปสบตาก่อนจะพูดเสียงเบาๆ

“ อย่าลืมว่าเรื่องที่มันเกิดขึ้น มึงก็มีส่วนผิด หรือว่าต้องให้กู..”

“ ไปแล้วจ้า ขอให้รักกันตลอดไปเลยนะ อย่าได้ทะเลาะกันอีกเลย ” วิวเดินตัวปลิวออกไป มันยกมือไหว้ผมกับเมดก่อนจะออกไป

“ กวนส้นตีนจริงๆน้องมึง ”

“ มันยังเด็กน่ะ ”

“ มีผัวกูไม่เรียกเด็ก ” เมดทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ เราไม่ได้พูดอะไร เพราะงั้นความเงียบเลยกลับมาสู่ห้องที่มีแต่เราอีกครั้ง เมดถอนหายใจออกมา ไม่ต่างจากผม เราหันมองสบตากัน แล้วตอนนั้นความรู้สึกต้องการก็เกิดขึ้นทั้งๆที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน กับเมดผมไม่ใช่พวกเคลียร์บนเตียง ไม่ชอบการง้อบนเตียง ผมรู้สึกว่าเราควรคุยกันด้วยเหตุผล ไม่ใช่ร่างกาย ผมเลยมักจะเว้นระยะไม่ให้มันใกล้กันเท่าไหร่ สำหรับการมีเซ็กซ์หลังจากที่เราคืนดีกันไม่ว่าจะเป็นการโกรธ หรือแค่งอน

แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้ว หน้าตาของเมดน่ารักเกินไป แก้มกลมที่มีแค่คราบน้ำตา ริมฝีปากแหลมสีชมพูที่เจ่อขึ้นเพราะแรงจูบ ผิวกายที่ได้สัมผัสเมื่อครู่มันเรียบเนียนจนอยากจะสัมผัสให้มากกว่านี้ ความรู้สึกที่ยังอยากจะจูบกันอยู่และต้องการให้ดูดดื่มมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่ริมฝีปาก แต่เป็นทั้งเรือนร่างนั้น สิ่งที่เคยคิดเอาไว้ว่าจะไม่ทำ ถูกคนที่ทำสัญญา ฉีดสัญญานั้นทิ้งอย่างป่นปี้

“ ซ้ายกับขวา ห้องมึงห้องไหน ”

“ ซ้าย ถามทำไมวะ ” แววตาเรียวนั้นถามกันแบบไม่รู้ ผมเผลอยิ้มกับความซื่อของมันในบางที แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรให้มากกว่านี้ เราจูบกันอีกครั้งหนึ่ง และ จูบครั้งนี้ค่อนข้างดูดดื่มและลึกซึ้งมากกว่าจูบเมื่อครู่ที่เป็น 

ผมเองก็ไม่ได้รู้ความหมายของโลกทั้งใบในมุมมองของคนอื่นเท่าไหร่ แต่สำหรับผม โลกทั้งใบของผมคือเมด คนที่สามารถกำหนดได้ทั้งความสุขและความเสียใจ แต่นั่นก็ไม่ใช่ความโชคดีอะไรทั้งนั้น

“ เมด มึงรู้มั้ยว่ากำลังโดนผูกมัดนะ ” เอ่ยถามอีกคนที่กำลังนอนอยู่ใต้ร่าง การผูกมัดที่ว่านั่นคือการโดนผูกมัดให้เป็นโลกทั้งใบของผมคนที่ต้องอยู่ข้างผมไปตลอด  แรงหอบหายใจที่เพิ่งได้พักยกของอีกคน ผมยกมือขึ้นปัดหน้าม้าที่มีแต่เหงื่อของเมด ก่อนจะจูบลงบนข้างแก้มที่หลงรัก แล้วตอนที่สบตาผมก็เห็นแค่รอยยิ้มนั้นที่ผมหลงรักมาเนิ่นนาน เมดพยักหน้ารับคำพูดของผม

“ รู้ ” เค้าตอบ “ แต่ไม่เป็นไร เพราะกูเต็มใจให้มึงผูกมัด ”

 ในวันนั้น เมดบอกผม ว่ามันเต็มใจที่จะอยู่ข้างผม ตลอดไป 

.....................................................................
เขียนยากมาก จนจะร้องไห้ออกมา
เดินออกจากบ้าน คนแถวบ้านยังทักในสภาพ ที่เหมือนทำศึกสงครามทุกวันของตัวดิฉัน
เมื่อวานขอโทษด้วยมากๆ ที่ไม่สามารถลงนิยายตามเวลาที่กำหนดได้ หนมเขียนไม่ออกจริงๆ ความรู้สึกของพี่อาฟมันล้นทะลักออกมาจนแบบ ตะโกนอยู่ในใจว่า “ พี่อาฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ ” แต่ชีวิตมันต้องเดินต่อ ความรักมันก็เป็นแบบนี้ เราต้องหาทางไปให้ได้ บางทีก็ต้องอ่อนกันบ้าง ไม่งั้นมันก็ไม่ได้ไปต่อ อย่างที่พี่เจพูดนั่นแหละ
ตอนนี้พี่อาฟอาจจะพูดเยอะที่สุดแล้ว แต่หนมอยากจะเขียนให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่มันล้นทะลักออกมา ของผู้ชายคนนึงที่ไม่คีพลุคอะไรทั้งนั้น ผู้ชายคนนึงที่เสียใจจริงๆ
 ฝากคอมเม้นท์ และฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิต ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
เจอกันตอนหน้าจ้า 
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 27-10-2018 21:11:40
สนุกมากกก ลุ้นไปกับพี่อาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-10-2018 21:36:39
 o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 27-10-2018 21:58:24
เจ็บไปกับพี่อาฟ ตอนที่แล้วน้ำตาซึมแล้วนะ ตอนนี้ยิ่งกว่าอีก  :mew6:
แต่ในทุกความไม่เข้าใจกันมันทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น
จะรอรวมเล่มนะก๊ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 27-10-2018 22:29:11
ชอบความคิดพี่อาฟที่ไม่ง้อบนเตียง(เซ๊กซ์)แต่ง้อแบบพูดคุยด้วยเหตุผลนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 27-10-2018 22:30:31
พี่อาฟจะค่อยๆโตไป รักแรกก้งี้แหละ 555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 27-10-2018 23:04:56
โอ้วววววว พี่เจย์ตอนนี้พี่หล่อมากกกก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 27-10-2018 23:08:47
ดีกันแล้ว ฮืออออ ต้องขอบคุณพี่เจ แต่กว่าจะดีกันได้น้ำตาเราทะลักหมดแล้ว ขอบคุณมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 27-10-2018 23:10:32



พี่อาฟเจ็บ แต่น้องเมดตาบวมร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนหนักกว่าไหม

ที่เจว่า ก้อจริงทุกอย่าง แต่ปล่อยเวลาให้ได้คิดและไตร่ตรองกันหน่อยก้อดี

ความรักจะหนักแน่นก้อต้องทั้งสองคนรักและเชื่อใจกันนะ





 :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:


หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 28-10-2018 00:58:02
ถึงกับถอนหายใจออกมาเลยค่ะ ความอึดอัดความอึมออกไปแย้ว เย้ กลับมาเป็นอาฟกับเมดที่กุ๊กกิ๊กและกวนๆเหมือนเดิมซะที อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ถือว่าเป็นบทเรียนเนอะ ฟ้าสดใสแล้ว ดีใจค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 28-10-2018 01:20:53
ลุ้นมาก กลัวพี่อาฟไม่ยอดหลุดจากอารมณ์แบบนี้ 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 28-10-2018 03:49:34
อยากตามเข้าไปในห้องงงงงงงงงง   5555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-10-2018 04:06:28
เรื่องของครอบครัวนี้ ต้องให้พี่เจเป็นคนจัดการ ส่วนถ้าเป็นเรื่องครอบครัวพี่เจ ก็ต้องให้พี่เจนั่นแหล่ะจัดการ  :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-10-2018 04:28:40
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 28-10-2018 07:16:34
อ่านตอนนี้แล้วแบบนำ้ตาซึมเลยอ่ะ  ของคุณคนเขียนมากค่ะ  ได้อารมณ์เศร้าเลยตอนนี้   o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 28-10-2018 11:26:01
แงงงง ดีกันนะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 28-10-2018 12:12:57
ดีกัน ก็ดีแล้ว อย่าทะเลาะกันนานคนอ่านใจไม่ดี

อิบิน ต้องให้มาเป็เมียน้องเดย์กับน้องอัยย์ กามนัก

เพื่อนฝูงแตกแยกกันก็เพราะไอ้กามบินนี่แหละ

ส่งน้องเดย์กับน้องอัยย์ไปเป็นผัวนางเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-10-2018 13:58:03
เมื่อไหร่ไอ้ยีนส์จะรับกรรมซะที
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 28-10-2018 16:19:17
เป็นตอนที่อ่านแล้วอึดอัดมาก

ได้คิดตลอดตั้งแต่ต้น
ทำไมอาฟไม่ทำงั้น ทำไมเมดไม่ทำงี้
แต่ก็นั่นแหละ เราไม่ใช่ทั้งคู่ ไม่สามารถรู้ถึงความรู้สึกของทั้งคู่ได้หมด

แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของทั้งคู่ที่แสดงออกมา
อาฟบอกว่าอาฟรักมาก แต่อาฟคงเสียใจมาก แล้วคิดว่า ขอปล่อยมือที่เคยกอดเมดไว้มากอดตัวเองบ้างได้มั้ย 

เมดคงแบบถ้าคนที่เรารักต้องการแบบไหน .. เราก็พร้อมจะทำให้ แม้เราจะต้องร้องไห้ขนาดไหนก็ตาม

ยอมมมมม เรื่องนี้เลยจริง อ่านแล้วดูดพลังมาก แต่ก็ยังรอคนเขียนมาอัพตลอด .. และเข้าใจว่ามันต้องมีดราม่าอีกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-10-2018 22:10:37
ต้องกราบเจย์งามๆนะเนี่ยะ ลุ้นเว่อว่าอาฟจะทำยังไง ดีแล้วปล่อยความเจ้บปวดไปแล้วเริ่มต้นใหม่กันดีๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-10-2018 23:09:08
ดีนะที่พี่เจช่วยดึงสติพี่อาฟได้ ไม่งั้นไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น ลืมเรื่องทั้งหมดแล้วจับมือกันเดินต่อนะพี่อาฟน้องเมด :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-10-2018 12:05:42
โล่งอกกกกก~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-10-2018 15:11:22
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:  โล่งเลยยยยยยยยยยย   

ดีกัน ๆ อย่างเจว่าถูกต้อง   :katai2-1:
ดันตกหลุม ที่สาระเลวยีนส์วางกับดักจนได้
รู้ตัวแล้วปีนขึ้นมา รักกันๆให้มันผิดหวังดีกว่า   :hao3:
อย่าเสียเวลากับความเสียใจที่ทั้งเมด อาฟก็ไม่อยากให้เกิด
บล็อกมันไปเลย คนชั่วกับคนเลวที่ไม่ควรมาอยู่ในสมอง
ให้มันอยู่ในหลุมนรกของมันปาย :m20: :laugh:

อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 30-10-2018 07:45:19
ิอึดอัด สงสาร เห็นใจ โล่ง เขัาใจกันจริงๆสักทีอย่าให้คนที่เคยทำเหี้ยๆมามีอิทธิพลอีกนะทั้งสองคนปล่อยให้มันอยู่กับความเหี้ยของตัวเองแบบนั้นแหล่ะเดี๋ยวมันก็ได้รับผลกรรมที่มันก่อเอง(ตัวจันไรโผล่ออมมาเมื่อไหร่เมดร้องไห้หนักทุกที)
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-11-2018 06:31:23
เราโคตรเข้าใจอาฟเลย มันเข้าใจเหตุผลเขานะ เข้าใจ แต่เรายังเจ็บไง เข้าใจแล้วเจ็บไม่ได้เลยเหรอ เข้าใจแล้วน้อยใจไม่ได้เหรอ เราเข้าใจ แต่เรารู้สึกไง เราห้ามมันไม่ได้

แต่ก็เข้าใจเมดแหละ

ดีกันแล้วก็ดีแล้ว อย่าทำอีกนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-11-2018 15:57:47
แผนของนังเพื่อนเห็บหมาเกือบได้ผล ดีที่ได้เจมาเตือนสติ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 02-11-2018 21:03:03
ตอนที่ 44

ภายในห้องนอนที่ค่อนข้างเงียบ อากาศเย็นชวนให้ผมห่อตัวเข้ากับผ้าห่มผืนหนา ก่อนที่แขนของคนที่นอนอยู่ข้างกันจะเอื้อมมากอดเอวผมไว้แล้วดึงให้เข้าไปใกล้จนแผ่นหลังของผมแนบชิดลงกับอก ท่าทางที่บอกว่าคนที่นอนอยู่ด้วยกันคงตื่นนอนแล้ว และกำลังเริ่มกิจวัตรประจำวันของเค้า นั่นคือการจูบที่ต้นคอของผมเป็นอย่างแรก ก่อนจะตามมาด้วยการกดจูบลงไปที่ข้างแก้มเป็นลำดับต่อมา

 “ หมวย ตื่นไปช่วยป๊าขายซาลาเปาได้แล้ว ” พ่อของผมไม่เคยเปลี่ยนอาชีพเลย ตั้งแต่คบกับอาฟมา พ่อผมขายของอยู่สองอย่างเท่านั้นในตอนเช้า นั่นคือซาลาเปากับโจ๊ก และมันก็จะมาพร้อมกับแรงหอมที่ฝังลงไปบนข้างแก้มแบบเต็มแรง แรงแบบชนิดที่ว่าแก้มของผมมันยุบลงไปจนทำให้ปากจู๋

ในความคิดอาฟ มันคงคิดแค่ว่าผมเป็นพวกนอนขี้เซาแบบไม่ยอมตื่นนอนถ้ายังไม่ถึงเวลา มันเลยคิดว่าตัวมันจะทำอะไรก็ได้ จะหอมแก้มกันแบบแรงแค่ไหน หรือนานเท่าไหร่ก็ได้ ผมก็จะไม่มีวันตื่นขึ้นมาเห็นตัวมันที่ชอบทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาด ทั้งๆที่มันคงไม่ได้คิดหรอกว่า  ‘ หอมแก้มแรงขนาดนั้น ไม่มีใครไม่ตื่น ยกเว้นคนตายแล้ว ’

“ อื้ม ” ทำทีเป็นสะเมอแล้วพลิกกลับตัวมากอดอีกคนไว้ เอาจริงๆเหตุผลที่ไม่ยอมบอกความจริงว่าตัวเองตื่นแล้ว ก็คงพ่วงด้วยเหตุผลนี้

ผมเองก็ชอบที่จะทำแบบนี้ในทุกเช้า ชอบการที่ตัวเองจะซุกอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนแล้วสูดดมกลิ่นตัวอุ่นๆในยามตื่นนอนของอาฟ เป็นช่วงเวลาที่ดีๆที่ไม่อยากจะให้หายไปไหนทั้งนั้น เตียงนุ่ม อากาศเย็น และอ้อมกอดของคนที่เรารัก มีความสุขที่สุดแล้ว

“ ตื่นแล้วก็ลุก ” ก็ถ้าไม่นับว่า วิธีนี้มันไม่เคยเนียนเลย อาฟรู้ตัวตลอดว่าผมตื่นนอนแล้ว

เผลอถอนหายใจออกมาแต่ก็ทำทีเป็นหลับทั้งๆที่ไม่เนียน ผมซุกหน้าอยู่กับซอกคอของอีกคนก่อนจะกอดไว้แบบนั้น ทำตัวเหมือนลูกแมว แม้ว่าคนที่ผมกอดไว้จะไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น

“ มึงคิดว่ามึงเป็นลูกแมวตัวเล็กๆรึไง ลุกออกไปไอ้ลูกหมู กูหายใจไม่ออก ”

“ ไอ้สัด ” สบถด่าออกมาในที่สุด ผมเริ่มคิดอย่างจริงจังแล้วว่าอาฟคงอยู่ไม่ได้จริงๆถ้ามันไม่ได้ยินเสียงด่าของผม

จำใจเลื่อนหัวตัวเองมานอนที่หมอนอย่างเซ็งๆ หมดกันความรู้สึกหวานซึ้งในตอนเช้า ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะลืมตาแล้วพยายามปรับดวงตาให้เข้ากับแสงภายในห้องแต่ก็ไม่ไหวสุดท้ายก็พลิกตัวหันไปหลบเข้ากับอกคนข้างตัวอยู่ดี อาฟหลุดหัวเราะออกมาตอนที่เห็นแบบนั้น มันดึงตัวเองเข้ามาใกล้ผม พยายามยกตัวเองให้สูงขึ้นเพื่อให้อกอยู่ในมุมที่ทำให้ผมซุกตัวได้ถนัดขึ้น แล้วก็แอบยกยิ้มอยู่คนเดียว ตอนที่ผมซุกตัวเข้าไปใกล้

ผมจะไม่มีวันบอกมันหรอก ว่าผมรู้ว่ามันตั้งใจทำแบบนั้นให้กันในทุกเช้าเพราะอยากให้ผมนอนหลับเต็มอิ่ม และจะไม่มีวันบอกด้วยว่าผมรู้สึกตัวอยู่ตลอดไม่ได้หลับแต่อย่างใด ผมรู้ว่ามันลูบหัว รู้แม้กระทั้งว่ามันชอบก้มลงมาจูบ ก่อนจะเปลี่ยนไปนอนนิ่งๆทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรอย่างงั้น มันคงบอกตัวเองว่า ‘ ก็แค่ขยับตัวเพื่อนอนเล่น ’  คนแบบนั้นก็คงมีแต่ข้ออ้างแบบนี้เพื่อหลบหลีกความเขินอาย

“ กี่โมงแล้ววะ ” หลับตาอยู่นานก่อนจะลืมตาขึ้นถามคนที่นอนด้วยกัน ผมพลิกตัวไปหยิบมือถือที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงขึ้นมาเปิดดู อาฟเองก็เปลี่ยนท่าทางทำเป็นหลับต่อด้วยการก้มลงมาซุกที่ซอกคอแล้วกอดเอวกันไว้แน่น มันที่หายใจเข้าออกสม่ำเสมอชวนให้ผมยิ้มเพราะรู้สึกว่ามันเหมือนอยากจะหลับต่อจริงๆ

เวลาเกือบบ่ายสองฉายขึ้นบนหน้าจอรู้สึกขี้เกียจอย่างบอกไม่ถูก อยากนอนโง่ๆบนเตียงถ้าทำได้ แต่นั่นคงเป็นแค่ฝัน เพราะความจริงที่ต้องเจอคือแจ้งเตือนของงานมากมายของวันนี้ที่ปรากฏอยู่บนแล้วหน้าจอ

ผมเปิดเข้าไปในไลน์กลุ่มของสต๊าฟผับ throw up เป็นอย่างแรก เพราะปกติพี่ซองผู้จัดการร้านจะเป็นแจ้งรายละเอียดต่างๆประจำวันไว้ให้ แม้ทุกคนจะมีตารางงานอยู่แล้ว แต่ก็มีบ้างที่มีลืม ยกตัวอย่างเช่นผมในตอนนี้ ที่กำลังตาโตกับสิ่งที่เห็นบนหน้าจอ

[ คืนนี้ รายละเอียดงานจะเริ่มตั้งแต่สองทุ่มนะครับ  สองทุ่มดีเจเปิดแผ่น สามทุ่มถึงสี่ทุ่มวง the need ขึ้นแสดง จากนั้น ห้าทุ่มจนถึงเที่ยงคืน ส้มฉุน จะขึ้นแสดงนะครับ โต๊ะ VIP เต็มหมดทุกโต๊ะ ส่วนแขกขาจรเก็บค่าเข้า 500 นะครับฟรีสเมอร์นอฟหนึ่งขวด ตรงส่วนนี้อินกับน้องนายแคชเชียร์จะเป็นคนดูแลนะ ส่วนแบบเหมาโต๊ะ ไม่รับแล้วนะครับ เต็มแล้ว ]

   ทั้งประโยคยาวเยียดนั่นที่ได้อ่าน สาบานว่าผมสนใจแค่คำว่า ‘ ส้มฉุน ’ เพียงเท่านั้น ก่อนจะนิ่งไปแล้วอ่านมันซ้ำๆว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดหรือเข้าใจผิดแต่อย่างใด มือของผมชา หัวใจของผมมันสั่นรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก จนเผลอย้ำถามกับคนที่นอนกอดกันออกไป

“ อาฟ วันนี้นักร้องที่ชื่อพี่ส้มฉุนเค้าจะมาที่ผับเราเหรอวะ ”

“ อื้ม ” อีกคนบอกแบบไม่ใส่ใจแต่ในใจของผมมันกลับยิ่งเต้นรัว คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัว ‘ จริงเหรอวะ นี่พี่ส้มฉุนจะมาที่ผับเราเหรอวะ พี่ส้มฉุนอะนะ พี่ส้มฉุนที่กูชอบมากๆน่ะนะ จริงเหรอ นี่เรื่องจริงเหรอวะ  ’  “ เป็นอะไร ”

คำถามที่ทำให้ผมหันไปมองคนที่หันก็มามองกัน  แววตาคมที่สบกันนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถระงับอาการความดีใจได้ ปากมันอยากจะพูดระบายความรู้สึกดีใจทั้งหมดออกไปให้หมดเปลือก แต่ทุกอย่างก็ถูกชะงักไว้กับความคิดที่โผล่ขึ้นว่า ‘ ผมไม่คิดว่าอาฟจะโอเคถ้ามันรู้ว่าผมชอบพี่ส้มฉุน ’

“ เปล่า ” ส่ายหน้าเป็นคนคำตอบให้อีกคน ก่อนจะพยายามสงบจิตใจให้นิ่งไว้

‘ ส้มฉุน ’ คือนักร้องและนักแต่งเพลงที่หลายคนรู้จักเป็นอย่างดี ผมไม่ได้เข้าใจแนวเพลงของเค้าว่ามันเรียกว่าอะไร  แต่ไว้ว่าจะเป็นเพลงอะไรที่เค้าร้องผมก็ชอบมันทั้งหมด ผมชอบเสียง ผมชอบเนื้อหาในเพลง แล้วก็ชอบความมีสไตส์ของเค้า รูปลักษณ์ภายนอกของพี่ส้มฉุน ไม่ใช่คนหล่อ แต่เค้าดูน่ารัก เป็นหนุ่มเซอร์ที่ไม่ได้ไว้หนวดเคราแต่มีกีต้าร์สะพายอยู่กับตัวเป็นอิมเมจที่เหมือนจะแยกจากเค้าไปไม่ได้

เค้าเป็นนักร้องคนแรกที่ผมชอบ ชอบถึงขนาดซื้อซีดีทุกแผ่นที่วางขาย โหลดเพลงเต็มอัลบั้มไว้ในมือถือ และก็เป็นนักร้องคนเดียวในชีวิตที่คิดว่า สักครั้งต้องไปเห็นเค้าร้องเพลงสดๆกับตาให้ได้ แต่ทว่าตั้งแต่ชอบเค้ามา ผมก็ไม่เคยมีโอกาสได้ไปดูเค้าเลยสักครั้ง แม้จะเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ก็ตาม 

“ มึงเป็นอะไรรึเปล่า ? ”

“ ห๊ะ ? มีอะไร ” หันไปถามอีกคนอาฟก็แค่ขมวดคิ้ว

“ มึงดูแปลกๆ ”

“ แปลกอะไร ไม่มี๊ ” ผมบอกเสียงสูงก่อนจะล็อคหน้าจอมือถือทำทีเป็นไม่สนใจอะไร “ วันนี้กูว่าเข้าผับเร็วหน่อยดีกว่า ”

“ เข้าไปเพื่อ ? ”

“ ก็มันมีนักร้องมา เผื่อกูช่วยอะไรพวกมันได้ ”

“ งานมึงเมื่อไหร่ งานไอ้เจมัน ”

“ ก็เข้าไปช่วยไง เผื่อมีอะไรให้กูช่วย แบบงานเล็กๆน้อยๆ ”

“ คนช่วยมันเยอะแยะ ” อาฟบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา “ คนเรามันมีหน้าที่เป็นของตัวเอง เราแค่ปล่อยให้เค้าทำงานในหน้าที่ของเค้า ไม่อย่างงั้นกูจะจ้างคนเยอะแยะทำไม ถ้ามึงไปช่วยงานเค้าทำหมด เราก็ไม่ต้องแบ่งหน้าที่กันทำงานหรอก  ” 

“ แปลได้ว่า อย่าเสือกงานไอ้เจ แล้วอยู่เฉยๆทำงานของมึงไปรึเปล่าวะ ” ผมถาม อาฟก็แค่ยิ้มก่อนจะก้มลงมาจูบหน้าหน้าผาก

“ ฉลาดขึ้นแล้วนี่ ”

“ ไอ้สัด ” ได้แต่ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ทั้งๆที่อยากจะเถียงต่อออกไปเหลือเกินว่า ที่กูอยากจะเข้าผับเร็ว กูไม่ได้อยากจะเข้าไปช่วยอะไรเจมันหรอก กูก็อ้างไปแบบนั้น แต่กูแค่อยากจะทำงานของกูให้เสร็จเร็วๆมากกว่า แล้วพอห้าทุ่มกูจะได้ว่างแล้วลงมานั่งฟังพี่ส้มฉุนร้องเพลง เพราะกูชอบพี่เค้า กูชอบเพลงเค้า กูอยากฟังเพลงของไอดอลกู

ลุกตัวเองขึ้นจากเตียง ต่างจากทุกวันที่ผมมักจะงัวเงียอยู่นาน บางทีนี่อาจจะเป็นของขวัญจากพระเจ้า ท่านคงเห็นว่าผมเศร้าอยู่หลายวันแล้วกับปัญหาร้อยแปดก็เลยส่งพี่ส้มฉุนมาให้ปลอบใจ ผมเดินเข้าไปอาบน้ำในตอนนั้นก็ฮัมเพลงโปรดของตัวเองไปด้วย หยุดยิ้มกับตัวเองไม่ได้เลยสักวินาที ในตอนที่ออกจากห้องน้ำแล้วเปิดประตูเสื้อผ้าก่อนจะยืนคิดอยู่นานว่าจะใส่ชุดไหนดี
“ อาฟ ” เอ่ยเรียกอีกคนที่นอนดูทีวีไม่ยอมลุกไปไหน ผมชูเสื้อสองตัวไปให้มันดู “ มึงว่ากูใส่ตัวไหนดูดีกว่ากัน ”

“ มันต่างกันยังไง ” คนตอบถามกลับด้วยท่าทางสงสัย ผมก็ก้มลงมองเสื้อที่ตัวเองถืออยู่ ตัวนึงเป็นเสื้อยืดคอกลมแบบแขนยาวลายขวางสีขาวดำ ส่วนอีกตัวเป็นผ้าเป็นเสื้อเชิ้ต ลายขวางเหมือนกันแต่เป็นทางยาวสีน้ำเงินกับขาว

“ มันต่างกันนะเว้ย ตามึงมีปัญหาเหรออาฟ ทำไมแยกแยะไม่ได้วะ ”

“ ไปหาที่มันต่างกว่านี้มาไป ” เข้าไปในห้องแต่งตัวอีกครั้งคราวนี้ผมหยิบแบบแขนสั้นลายขวางมาแล้วก็แขวนเสื้อลายขวางสีน้ำเงินขาวที่หยิบออกไปเมื่อครู่ไว้ที่เดิม

“ ต่างพอยัง  มึงว่าแขนสั้นหรือแขนยาวดี ” ผมยิ้มให้มันตอนที่ถาม อาฟเองก็หันมาทำหน้านิ่งก่อนจะถาม

“ ถามจริงๆนะ ชาติหน้ามึงอยากเกิดม้าลายเหรอ ”

“ มึงแม่ง กูก็ไม่ได้ใส่เสื้อลายขวางบ่อยขนาดนั้นเปล่าวะ ” เถียงมันออกไปแบบยิ้มๆ ทั้งที่ก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนพวกบ้าเสื้อขวางอย่างจริงจัง เห็นเป็นไม่ได้ ชอบเหลือเกิน ไม่ว่าจะยี่ห้อไหนก็อยากจะซื้อ อีกอย่างผมรู้สึกว่ามันคือเสื้อแนวกันตายของผม ใส่ยังไงก็รอด ไม่ดูเชย

“ ไม่บ่อยหรอก ก็แค่อาทิตย์หนึ่งเจ็ดวัน มึงใส่เสื้อลายขวางไปแล้วห้า ”

“ แม่ง ฮ่าๆ ” ได้แต่หัวเราะออกมาเสียงดังกับคำพูดนั้น ผมเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวอีกครั้ง แล้วยืนตัดสินใจเลือกเสื้อสองตัวที่ดูไปดูมามันเก็เหมือนกันอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจแขวนเสื้อแขนสั้นแล้วก็เหลือไว้แค่เสื้อแขนยาวลายขวางตัวที่ใส่บ่อยๆ ชุดเก่งที่รู้สึกว่าใส่เมื่อไหร่ก็ดูดี ก่อนจะหยิบเอาเสื้อสีเทาแขนยาวออกมา ผมออกไปข้างนอกอีกครั้ง “ อาฟ ว่าไง คราวนี้ต่างละ ”

“ ลายขวาง ” อีกคนปรายตาจากจอทีวีมามองก่อนจะตอบแค่สั้นๆ

“ เห็นมั้ย ไม่ว่ายังไงมึงก็ยังเลือกลายขวางให้กูใส่อยู่ดี ถึงกูจะใส่บ่อยๆก็เถอะ นั้นก็เพราะว่ากูใส่แล้วเหมาะถูกมั้ย ”

“ เพราะมึงเดินออกมาให้กูเลือกสามรอบแล้วสำหรับเสื้อเหี้ยนี่ งั้นก็แสดงว่ามึงอยากใส่มันที่สุด กูก็เลยเลือกมัน ” คำพูดที่ทำให้ผมนิ่งก่อนจะหันไปมองเสื้อที่อยู่ในมือ ก็คงจริงแบบนั้น ผมตอบตัวเองในใจ และตอนนั้นเองที่เห็นอาฟยกยิ้มด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจก่อนจะหันมามองผมแล้วพูดแบบอวดอย่างรู้ใจ  “ แล้วก็ต้องใส่กับกางเกงสีดำปลายบานตัวนั้น แล้วก็รองเท้าที่กูซื้อให้ตอนวันเกิดคู่เดิม ”

“ รู้ใจขนาดนี้ไม่สมเป็นมึงเลยนะอารยะ ” ผมบอกแบบนั้นอีกคนก็ยิ่งได้ใจ อาฟส่ายหน้าไปมาก่อนจะถอนหายใจออกมา เป็นท่าทางที่เหมือนจะบอกกันว่า ‘ เรื่องแค่นี้เป็นเรื่องง่ายๆสำหรับมัน ’

ทั้งๆที่จริงวันนี้ตั้งใจจะใส่กางเกงขอเดฟกับรองเท้าอดิดาสคุมโทนดำขาวตั้งแต่หัวจรดเท้าสักหน่อย แต่ก็เอาว่ะ กูจะยอมใส่กางเกงขาบานเหนือตาตุ๋มตัวนั้นกับรองเท้าตอนมึงให้ตอนวันเกิดก็ได้ ไม่อยากจะทำลายความมั่นใจที่แสนภาคภูมิใจของอีกคน
“ เสร็จแล้ว ” ผมเดินออกมาด้วยชุดที่มันบอก อาฟหันมามองกันด้วยหางตา รอยยิ้มที่บอกกันว่า คิดไม่ผิดเลยว่าต้องชุดนี้ ฉายออกมาจากแววตานั้น “ มึงว่าเป็นไง ”

“ อะไรเป็นไง ”

“ หมายถึงชุดกู ”

“ ก็เหมือนทุกครั้งที่ใส่ ” อาฟบอกแบบปัดๆ ผมก็ได้แต่ก้มลงมองชุดที่ใส่อยู่ ถึงมันจะเป็นชุดเก่งที่ใส่อยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่อยู่ดี คงเพราะวันนี้มันไม่ใช่วันธรรมดาทั่วไป ผมตั้งใจอยากจะแต่งตัวให้มันดูดีสักหน่อย เพราะตั้งใจไว้ว่า จะขอเข้าไปถ่ายรูปคู่กับพี่ส้มฉุนสักรูป ถ้าทำได้ละก็นะ

“ แล้วมึงว่ามันเป็นไง แบบ หล่อ ก็ดี หรือยังไง ” คำโดนถามลุกขึ้นจากเตียงตอนที่ผมพูดแบบนั้น อาฟมองหน้าผมอยู่นานก่อนจะไล่สายตามองตั้งแต่เสื้อจรดปลายเท้า ก่อนจะมองกลับขึ้นมาสบตากันอีกครั้ง ความเงียบในตอนนั้นชวนให้ผมเลียปากไปมาเพราะเริ่มทำตัวไม่ถูก “ มันพูดยากเหรอวะ หรือยังไง กูเกร็งนะ มึงอย่าเสือกคิดนาน..”

“ น่ารัก ” มันขัดคำพูดที่กำลังพูดอยู่ของผม เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้อีกคนแล้วตอนที่กำลังแซวว่า ‘ อะไรนะ ไม่ได้ยิน ’ เพื่อให้มันพูดซ้ำ อาฟก็บอกปัดแค่สั้นๆ ว่า “ ไม่พูดซ้ำ ” ก่อนจะเดินเข้าไปห้องน้ำไปด้วยอาการหูแดงจนมันลามมาที่หน้า   

 ครืน ครืน ครืน

เสียงโทรศัพท์ของผมดังอยู่ในรถที่กำลังขับตรงไปที่ผับ ปากที่กำลังฮัมเพลงโปรดไม่หยุดปากถอนหายใจออกมากับสายที่โทรเข้ามาขัดตอนที่ถึงท่อนฮุกของเพลงพอดี

“ กำลังได้ฟิวเลย แม่งโทรมาขัดทำไมวะ คนกำลังจะร้องเพลง ” ผมบ่น แต่ตอนนั้นอาฟก็แค่ยิ้มก่อนจะพูดเบาๆ

“ งั้นกูก็คงต้องขอบคุณมันแล้วละ ”

“ อารยะไม่น่ารัก ”  เอื้อมมือไปจับคางมันอาฟที่สะบัดออกก่อนจะพูดแบบไม่สนใจ

“ นั่นมันหน้าที่มึงไม่ใช่หน้าที่กู ” ยักคิ้วให้ตอนที่พูดเสร็จ ก่อนจะเชิดหน้าไปที่มือถือที่ก็สั่นไม่หยุด “ แล้วก็รับสักที กูรำคาญ ”

ก้มหน้าลงมองมือถือทันทีก่อนจะได้พูดอะไรต่อ บนหน้าจอนั้นฉายภาพของน้องชายผมเป็นคนโทรเข้ามา ผมกดรับ “ ว่าไงครับน้องวิว ”

“ พี่เมดมึงอยู่ไหน ”
 
“ กำลังจะไปผับ ” ผมตอบอีกคนก่อนกดเบาเสียงพูดของอีกคนที่เหมือนจะก้องออกมาจากลำโพงของมือถือ

“ วันนี้พี่ส้มฉุนมาที่ร้านมึงรู้ยัง ” ปลายสายพูดด้วยความดีใจ ผมก็ทำทีเป็นนิ่งทั้งที่ในใจอยากจะตะโกนบอกความรู้สึกทั้งหมดที่มีออกไป อยากบอกวิวด้วยซ้ำว่าตอนนี้ถ้าผมทำได้คงย้ายเวลาไปห้าทุ่มแล้ว เพราะผมอยากจะเจอเค้าใจจะขาดอยู่แล้ว แต่ทว่าความจริงสิ่งที่ทำได้มีแค่

“ เออ รู้แล้ว ”

“ อะไรวะ มึงไม่ดีดี๊เลยอะพี่เมด ปกติมึงต้องกรีดร้องแล้วไม่ใช่เหรอวะ นี่พี่ส้มฉุนนะเว้ย ”

“ กูอยู่กับอาฟ ” ผมบอกอีกคนเป็นประโยคสั้นๆ วิวก็เงียบไปก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ พี่อาฟยังไม่รู้สินะว่ามึงติ่งพี่ส้มฉุน ”

“ เออ ” ผมบอก

“ ถ้ารู้มีหวังมึงต้องนั่งแห้งอยู่ในห้องที่ชั้นสามแน่ๆ ”

“ ไว้ถ้ามันทำแบบนั้น กูจะโทรมาร้องไห้ให้มึงฟังนะ ”

“ ฮ่าๆ ” อีกฝ่ายหัวเราะเสียงดัง “ กลัวอะไร พี่มึงก็ดื้อบ้างสิ ”

“ ดื้อเหี้ยอะไร เรื่องเก่ากูเพิ่งเคลียร์ ”

“ อะ พอพูดเรื่องเก่า กูคิดว่ากูเองก็ควรนิ่งแล้วไม่ควรออกความคิดเห็นเหี้ยอะไรทั้งนั้น เอาที่พี่เมดคิดว่าดีเลยจ้า ” ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่อีกคนบอกกันด้วยเสียงล้อเลียน

“ แล้วนี่มึงโทรมาทำไม ”

“ เอ้อ เกือบลืม! กูมีอะไรจะบอก วันนี้กูไปฟิวที่รังสิตมากับพี่เจ แล้วมึงรู้มั้ยตอนกูกินบอนชอนอยู่ใครเดินมานั่งในร้าน ”

“ ใครวะ ”

“ เจออีเชี้ยบินกับผู้หญิงนางนึงจ้าอีพี่มึง ” ผมถอนหายใจออกมาตอนที่ได้ยิน ทำไมซื้อหวยไม่ถูกบ้างวะ ผมคิดว่าถ้าไม่ใช่บิน ก็คงเป็นยีนส์ไม่ก็จิงแน่นอนสำหรับคนที่มันเจอแล้วต้องโทรมาบอกกันแบบนี้ “ แล้วคือกูว่าชะนีนางนั้นต้องเป็นแฟนมัน คือมีความพูดตลอดว่า บินคะบินขา  แล้วไม่นั่งตรงข้ามนะจ๊ะ นั่งข้างกันเลยมึงทั้งที่มากันสองคน แล้วคือแบบออเซาะตลอดเวลา ”

“ เหรอ ” บอกน้องแบบนั้นพราะไม่รู้จะมีรีเอ็กชั่นกับเรื่องนี้ยังไง  ไม่อยากจะใส่ใจแล้วสำหรับเรื่องนั้น ชีวิตมันจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ใช่สิ่งที่อยากรู้อีก  ผมเบื่อที่จะฟังชื่อคนพวกนั้นด้วยซ้ำ ฟังไปชีวิตก็ไม่ได้ดีขึ้นจากที่เป็นเท่าไหร่ แต่วิวก็เหมือนจะพูดยิงยาวแบบไม่มีช่วงหยุดให้แทรกบอกได้เลย

“ แต่มันก็ยังไม่เลิกสันดานเหี้ยๆเนอะพี่เมด ยังคั่วยังมั่วเหมือนเดิม แต่ก็สมควรละของแบบนี้ก็เหมาะกับเชี้ยยีนส์ดีแล้ว มันต้องได้รับความเสียใจอย่างสาสมที่มาทำร้ายคนแบบมึงละพี่เมด แล้วนี่กูถ่ายภาพเชี้ยบินกับผู้หญิงคนนั้นมาด้วยนะ ถ้าเกิดว่ามึงอยากดู...”

“ ลบไปเถอะมึง ” ผมบอกวิว  “ อย่าไปสนใจมันเลย ชีวิตของเค้าเราไม่เกี่ยวจะเป็นยังไงก็เป็นเรื่องของเค้า อีกอย่างรู้ไปก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตกูดีขึ้นด้วย มีแต่ทำให้แย่ลง ”

“ เดี๋ยวนะ..ปกติมึงต้องอยากเห็นหน้าของผู้หญิงไม่ใช่เหรอวะ คือ โอเค มึงไม่ใช่ชอบหาเรื่องคนกูรู้ แต่แบบกูถ่ายรูปมาอะ ปกติมึงต้องขอดูว่าหน้าตาเป็นยังไงนะ แต่นี่พี่มึงเปลี่ยนไปอะ อะไรที่ทำให้พี่มึงเป็นแบบนี้ไปได้วะ ”

“ การทะเลาะกับไอ้อาฟครั้งที่แล้วไงไอ้สัดที่มันทำให้กูเปลี่ยนไป ” ปลายสายที่ได้ฟังหัวเราะออกมาจนเสียงดังจนผมเองต้องเผลอยิ้มแล้วหันไปมองคนข้างกันที่ก็หันมามองผมพอดี คงเพราะมีชื่อมันอยู่ในบทสนทนาของเราอาฟก็เลยให้ความสนใจ แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ บทเรียนราคาแพงเนอะ ”

“ ไม่เอาอีกแล้วจ้า ” ผมลากเสียงยาว ปลายสายที่ฟังก็เงียบไปผมได้ยินเสียงของวิวถอนหายใจออกมา

“ แต่ก็ดีแล้วละพี่เมด ตอบโต้กันไปตอบโต้กันมามันไม่มีวันจบ พี่อาฟไม่ชอบก็อย่าไปยุ่งมันก็ดีแล้ว ต่างคนต่างอยู่เพราะยังไงคนพวกนั้นมันก็ไม่มีวันเจริญหรอก มันทำร้ายพี่เมดแบบนั้นสักวันกรรมมันก็ต้องตามสนอง ”

“ อื้ม ” ผมตอบ “ ปล่อยมันไปเถอะ กูมีความคิดว่าสนใจมันไปชีวิตกูก็ไม่ได้ดีขึ้น มีแต่แย่ลงด้วยซ้ำ อีกอย่างกูเดินออกมาแล้วกูก็ไม่ควรหันหลังกลับไปสนใจอีก สิ่งที่กูควรทำคือเดินหน้าต่อไป ”

“ เฉียบ ”

“ มึงเองก็ด้วยวิว เลิกสนใจพวกมันเถอะ อย่าเอามันเข้ามาเป็นส่วนนึงในชีวิตเลยวะกูว่า แล้วทีหลังกูขอเลยนะ ถ้ามึงเจอมันก็ไม่ต้องบอกกู กูไม่อยากรับรู้ ไม่อยากจะสนใจด้วย มันจะเป็นตายร้ายดียังไงก็เรื่องของพวกมัน ไม่มีเกี่ยวอะไรกับกูอีก ”

“ โอเคเข้าใจแล้ว ”  อีกคนพูดตอบกลับเสียงเบา

“ แล้วภาพนั้นก็ลบเลยนะ ไม่ต้องเก็บไว้ มึงอย่าไปเอาปัญหาของคนอื่นมาทำให้เป็นปัญหาของเรา ต่างคนต่างอยู่มันดีที่สุดแล้ว เข้าใจมั้ย ”

“ เข้าใจแล้วครับ น้องเข้าใจแล้ว น้องจะลบทันทีเลยหลังจากที่พี่เมดวางสายไปโอเคมั้ย ”

“ อื้ม ดีมาก ”

“ แต่วิวถามหน่อยสิพี่เมด ”

“ ว่า ”

“ แล้วถ้าพวกมันยังแกล้งพี่เมดอยู่เหมือนเดิม ยังวอแวอ้อนตีนกันอยู่แบบนี้ไม่ยอมปล่อย พี่เมดจะทำยังไง จะทนต่อไปเหรอ ”

“ อื้ม ก็คงงั้น ” ผมตอบ “ กูคงทำเป็นเฉยๆ เหมือนมองไม่เห็นไปนั่นแหหละ เพราะว่าถ้าเราไม่สนใจมันนานๆไป มันก็เบื่อแล้วก็เลิกสนใจเราเองนั่นแหละมั้ง ”

“ ก็คงมั้งนะจริงๆสำหรับคนพวกนั้น ” วิวถอนหายใจออกมาตอนที่บอก “ แต่จำคำวิวไว้นะพี่เมด ถ้ามันทำอะไรเกินขอบเขตขึ้นมาเมื่อไหร่ วิวไม่ปล่อยมันไม่แน่ แล้วก็ไม่สนใจด้วยว่าจะมีหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนมาห้าม ”

“ หน้าไอ้เจอะ ”

“ อันนั้นกูก็ไม่สนหรอก เพราะกูจะไม่มีวันปล่อยให้ใครมารังแกมึงเกินขอบแขตแน่นอน พี่กู กูรังแกได้คนเดียวคนอื่นกูห้าม มันไม่มีสิทธิ์ ”

“ เท่ห์สุดน้องวิวกู ” ผมเอ่ยแซวมันก่อนจะหัวเราะ “ แต่อย่าสร้างปัญหาเลยมึง กูพูดจริงๆนะ อีกไม่นานกูก็จบปีสี่แล้ว นี่ก็เทอมสุดท้ายแล้ว ทนๆไปเถอะ จบจากตรงนี้กูก็ไม่เจอมันแล้วละ ”

“ ไม่รู้ไม่ชี้ ”

“ เดี๋ยวกูจะฝากให้ไอ้เจคอยดูแลมึง กูจะอนุญาตให้มันหยิกหัวนมมึงได้ตามสบายถ้ามึงดื้อ ”

“ อีพี่เวร ฮ่าๆ ” อีกฝ่ายสบถออกมาก่อนจะตามด้วยเสียงหัวเราะ “ มึงต้องปกป้องกูสิ นี่น้องไง น้องวิวที่จะคอยปกป้องพี่เมด ”

“ ขอบใจมึงมากนะ แต่.. ”

“ แต่ไม่ต้องเสือกเรื่องกู  มึงจะพูดแบบนี้ใช่มั้ยพี่เมด โอเค กูเก็ตเลย  ” มีแต่เสียงหัวเราะที่ดังลั่นออกมาตอนที่มันพูดแบบนั้น ไม่อยากจะบอกอว่า ใช่ นั่นแหละคำที่กูจะพูดเลย แต่เพราะผมกลัวว่ามันจะโดนตอบกลับจากอีกฝ่ายแรงๆมากกว่า ถ้าเกิดยื่นมือเข้าไปเกี่ยว ไหนจะเจอีก ผมไม่อยากให้มันสองคนทะเลาะกันในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของมัน “ งั้นแค่นี้ก่อนแหละ มึงก็มีความสุขกับการดูพี่ส้มฉุนให้มากๆแล้ว แต่ระวังอย่าให้พี่อาฟรู้ละ ไม่งั้นโดนขังไว้ชั้นสามแน่นอน เชื่อกู ”

“ เออน่า แค่นี้แหละ ไว้คุยกัน ดูแลตัวเองด้วยนะ ”

“ พี่เมดด้วยนะ เข้าใจว่าพี่อาฟร้อนแรง แต่ก็อย่ามัวแต่จิ้มกับพี่อาฟละ แบบวันก่อนที่วิวกลับมายังอยู่กันในห้องไม่ออกมาแม้มันจะเที่ยงแล้ว แบบนั้นไม่เอาแล้วนะ ”

“ กูนอนมั้ย ไม่ได้เอากันไอ้บ้า ”

“ น้องได้ยินเสียงงงงง ” ผมส่ายหน้าไปมากับปลายสายที่พูดขึ้นมา “ ไม่รู้ละพี่เมดต้องตั้งใจเรียนด้วยนะ ”

“ มึงไปบอกตัวเถอะ แค่นี้แหละไอ้ตัวดี ”

“ รักพี่เมดนะ จุ๊บๆ ”

“ เออ จุ๊บๆ ” กดวางสายของไอ้น้องจอมป่วนนั่นลง ก่อนจะส่ายหน้ากับตัวเองแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างรถที่ตอนนี้เคลื่อนไปช้ากว่าทุกทีก่อนที่มันจะจอดลงเพราะสัญญาณไฟแดงด้านหน้าที่ฉายขึ้น อาฟดึงมือลงจากพวงมาลัยที่จับอยู่ แล้วในวินาทีต่อมามันก็ขยับเกียร์เข้าสู่โหมดจอด ก่อนจะดึงเบรคมือขึ้น แล้วก็นั่งนิ่งอยู่แบบนั้น

เราไม่ได้พูดอะไรกันแต่น่าแปลกที่มันกลับไม่อึดอัดเลยสักนิด คงเพราะเพลงที่เปิดอยู่ หรือบางทีอาจจะเป็นเมือหนาของอีกคนที่เอื้อมมือมาจับมือของผมไว้ อาฟกุมมือของผมหลวมๆ เป็นความรู้สึกที่ชวนให้อบอุ่นอย่างที่สุด แล้วในวินาทีที่เราสบตากันอีกคนก็ชี้ชวนให้ผมหันไปมองอีกฝั่ง

“ ดูนู้นสิ ”

“ อะไร ” เผลอหันไปมองแล้ววินาทีนั้น มือข้างที่กุมอยู่ก็โดนดึงขึ้นไปจูบแบบรวดเร็วก่อนจะโดนลดลงมาที่เดิม ในตอนที่ผมหันไปหันกลับไปมอง คนที่กระทำการนั้นก็แค่ตีหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนผมได้แต่กลั้นขำ “ อารยะ มึงไม่เนียนนะ ”

“ อะไรไม่เนียน ” ยังคงตีหน้าซื่อต่อไป ปล่อยให้ผมกลั้นยิ้มจนหูแดงหูแดงอยู่แบบนั้นกับความรู้สึกปั่นป่วนในท้องราวกับมีผีเสื้อเป็นฝูงบินไปวนไปมา

“ มึงจูบมือกู กูรู้นะ ”

“ แบบนี้น่ะเหรอ ” ถามออกมาก่อนจะดึงมือผมขึ้นจูบบนหลังฝ่ามือ แววตาคมนั้นจดจ้องกันก่อนจะยกยิ้มบอก “ กูไม่ได้ทำสักหน่อย ”

“ อารยะ มึงนี่มัน.. ” หน้าผมแดงไปทั้งหน้าในตอนนั้น บอกเลยว่า แพ้น็อคอย่างราบคาบ แต่ในใจก็ยังกร่อนด่าอีกคนด้วยความแค้น ‘ ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้สัด ’
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 02-11-2018 21:04:16
ผับ throw up ในช่วงเวลาก่อนเปิดร้านสำหรับวันที่มีอีเว้นท์ค่อนข้างวุ่นวายทุกครั้ง พนักงานเสิร์ฟที่กำลังวิ่งวุ่นกับการจัดการโต๊ะ หัวเรือใหญ่ของงานวันนี้อย่างเจ ยืนมองการทำงานของทุกคนอยู่ข้างๆพี่ซอง เวทีวันนี้ถูกต่อเติมออกมาเพราะต้องจัดตั้งเครื่องดนตรีแบบครบชุด

“ ทำอะไรอยู่ครับคุณแฟน ” คนมาใหม่ที่เอ่ยทักพร้อมกับแขนหนาที่กอดเข้าที่รอบคอ ผมหันไปมองน้องเดย์ที่ก็หันมายกยิ้มให้ก่อนที่จะมีแขนอีกแขนเอื้อมมาปัดมันออกไปแล้วกอดคอมเข้าแทนที่

“ ยุ่งไรกับแฟนกูเชี้ยเดย์ ” น้องอัยย์บอกแบบนั้นก่อนจะหันมายิ้มให้ผมที่ก็ได้แต่ถอนหายใจกับความขี้เล่นบาร์เทนเดอร์สองคนที่ก็ผลัดกันปัดมือของอีกคนให้ออกจากไหล่อยู่แบบนั้น

“ แฟนกู มึงอะถอยไปสัดอัยย์ ”

“ แฟนกู มึงนั่นแหละถอยไปไอ้เชี้ยเดย์ ”

“ เอ่อ ขอโทษนะครับ พอดีมีผัวแล้ว ”  ผมบอกน้องหน้านิ่งๆพร้อมกับสองมือที่ก็ยกขึ้นห้ามเด็กสองคนข้างตัวที่นิ่งไปแต่ถึงอย่างงั้นก็ยังรับมุกอย่างต่อเนื่อง

“ หนูบอกอเค้าไปสิ ว่าพี่คือผัวหนู ” น้องเดย์บอกน้องอัยย์ก็คว้ามือผมไปจับ

“ หนูเมด หนูบอกบอกเค้าสิค่ะ ว่าเมื่อคืนหนูบอกพี่ว่า ‘ yes daddy hit me harder ’ ” ได้แต่หันไปมองคนพูดแบบตาโต ก่อนจะหันไปมองที่ประตูทางเข้าผับแล้วทำทีเป็นตกก่อนจะพูดขึ้นทั้งๆที่ไม่มีใครมา

“ อ้าว อาฟ ”

“ สัดพี่ไอ้เชี้ยอัยย์มันลามกใส่พี่เมด มันบอกพี่เมดว่า yes daddy hit me harder สัดพี่ สัดพี่มาจัดการมันเลย สัดพี่!!! ”เสียงน้องเดย์ที่โวยวายออกมาเสียงดังแบบไม่ทันหันไปมองประตูว่าคนที่ผมพูดถึงเดินเข้ามาจริงๆมั้ย แต่นั่นก็ทำให้เพื่อนสนิทถึงขั้นเลิกลั่กก่อนจะชี้หน้าด่าเพื่อนตัวเองออกมา

“ ไอ้เชี้ยยยยยย ไอ้เพื่อนเหี้ยย มึงก็พูดไอ้สัด ” ว่าแบบนั้นก่อนจะหันไปมองประตูก่อนจะพบว่าไม่มีใครมา “ อ้าว แล้วไหนเฮีย ” มือที่กำลังชี้ด่าเพื่อนลดระดับลงหน้าตาเลิกลั่กที่กำลังกลั่วนั่นก็ด้วย น้องอัยย์หันมามองเราสองที่ก็ได้แต่หัวเราะท่าทางนั้นด้วยความถูกใจ

“ ฮ่าๆ ว๊ายยยยย โง่นี่ ”
“ K ” สถบออกมาใส่เพื่อนแค่นั้นก่อนจะหันมาจ้องผมตาแขม็งแบบโกรธๆ “ พี่เมดแกล้งน้องอัยย์เหรอ เดี๋ยวก็ทำให้ตกหลุมรักซะเลยดีมั้ยครับ ”

“ งั้นก็ต้องขอโทษทีนะน้องอัยย์ พี่เมดติดอยู่ในหลุมรักไอ้อาฟ คงออกไปตกในหลุมน้องอัยย์ไม่ได้หรอกนะครับ ”

“ โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย จิกตีนแล้วตัวกู ” สองเสียงของเพื่อนซี้ที่ประสานขึ้นแซวชวนให้ผมได้แต่ยิ้มขำก่อนจะส่ายหน้าบ่นเบาๆ

“ รำคาญพวกมึงชิบหาย แม่ง โคตรหนวกหู ไปทำงานได้แล้วไป ” โบกมือไล่แต่เหมือนจะไม่มีใครยอม ทั้งน้องเดย์น้องอัยย์ต่างก็กอดแขนผมไว้ไม่มีปล่อย ก่อนจะส่งเสียงแบบเด็กน้อยที่น่ารำคาญยิ่งกว่าสิ่งใดๆในโลกออกมา

“ น้องไม่ไป น้องจะอยู่กับพี่เมด พี่เมดของน้องเดย์ ” น้องเดย์บอกก่อนจะเอาหัวมาถูแล้วส่ายหน้าไปมาแขนผม ส่วนน้องอัยย์ก็เช่นกัน

“ ใช่ๆ น้องจะอยู่กับพี่เมด น้องอัยย์จะอยู่กับพี่เมด  ”

“ โว๊ยยยยยย กูรำคาญญญญญญญญ ปล่อยกู ” สะบัดแขนออกเสียงหัวเราะดังลั่นออกมาด้วยความถูกใจของคนช่างกวนตีนที่ก็สรรหามาให้ปวดหัวไม่มีหยุด

“ เออ วันนี้พี่ส้มฉุนมานี่หว่า ” น้องเดย์ที่หันมองตรงเวทีเอ่ยบอก ตอนนั้นน้องอัยย์ก็พูดขึ้น

“ กูโคตรชอบเพลงเค้าเลย เพลงความคิดอะโคตรเพราะ ”

“ ใช่มั้ย พี่เมดก็ชอบเพลงเค้ามากเหมือนกัน ” หันบอกน้องอัยย์คนที่มีความคิดเดียวกัน “ เพลงความคิดนะเป็นเพลงที่โคตรดีฟังกี่ครั้งก็เศร้าอะ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้อกหักเหี้ยอะไรหรอก ”

“ จริง แล้วทุกเพลงคือดังทุกเพลงเลยอะ ขนาดไปร้องร่วมกับคนอื่นแค่มีเสียงเค้าก็ยังรู้สึกเพราะเลย ”

“ ใช่มั้ยน้องอัยย์นี่พี่เมดคิดว่าพี่เมดคิดไปคนเดียว คือเสียงเค้ามีเอกลักษณ์มากๆอะ  พี่เมดนะชอบทุกเพลงของเค้าเลยรู้มั้ย แล้วมันก็ดีไปหมดเลยเนอะ ไม่ว่าจะเป็นทำนองเนื้อร้องดนตรี ออกเพลงใหม่มากี่ครั้งก็ไม่เคยผิดหวังอะ นี่ขนาดให้พี่เมดเลือกเพลงที่ชอบที่สุดพี่เมดยังเลือกไม่ได้เลย แล้วก็นะ..”

“ เดี๋ยวนะ นี่พี่เมดเป็นแฟนคลับพี่ส้มฉุนเหรอวะ ”

ในตอนนั้นผมได้แต่อ้าปากค้างกับคำถามของน้องที่ถามกันออกมาแบบยิ้มๆ ในใจก็ได้แต่สบถออกว่า ‘ ชิบหาย ’ แล้วมองซ้ายทีขวาทีอย่างไม่รู้จะอ้างอะไรออกมาในวินาทีนั้น ครั้นจะบอกความจริงก็คิดขึ้นมาได้ว่า ‘ ถ้าพวกมันรู้ อาฟแม่งก็ต้องรู้ ’

“ เปล่า ” ส่ายหน้าบอกก่อนจะส่งยิ้มไปให้ “ แต่แค่ชอบฟังเพลงเค้าเฉยๆไง ไม่ได้ซื้อหรอกพวกซีดี โหลดเพลงอะไรแบบนั้น แค่ฟังเพลงเฉยๆ ”

“ รู้มั้ยว่าเป็นคนโกหกไม่เนียน ” น้องเดย์บอก ผมก็ได้แต่ทำทีเป็นเกาคอแล้วมองไปทางอื่น สายตาที่จ้องมาแบบจับผิดของเด็กสองคน

“ ไม่ได้โกหก แค่ชอบฟังเพลงเค้าเฉยๆเท่านั้นจริงๆ ” ยังคงย้ำแบบนั้นแม้จะไม่ได้รับสายตาที่เชื่อถือกลับมาเลยก็ตาม “ ไปๆ แยกย้ายไปทำงาน พี่เมดขึ้นชั้นสามละ บัญชีเยอะมากจะสิ้นเดือนแล้วด้วย ” หันหลังเดินออกมาจากเด็กสองคนนั้นก่อนจะถอนหายใจโล่งอกออกมาเฮือกใหญ่ตอนที่แตะคีย์การ์ดผ่านเข้ามาตรงทางขึ้นชั้นสามได้  “ รอดตายไปกู ”

“ ห๊ะ ว่าไงนะ ? ” เสียงถามที่ทำให้ผมสะดุ้งด้วยความตกใจ หัวใจที่แทบจะหยุดเต้นผมจับที่อกตัวเองก่อนจะมองคนที่เดินลงบันไดเข้ามาใกล้

“ ตกใจหมดเลย ไอ้เชี้ยเอ้ย ”

“ เป็นบ้าอะไร กูต้องถามมึงมากกว่าเป็นอะไรถึงมายืนบ่นอยู่คนเดียว ” คำถามที่ทำให้ผมส่ายหน้าไปมาแรงๆก่อนจะตอบ

“ เปล่าเป็น ”

“ รู้มั้ยว่าเป็นคนโกหกไม่เนียน ” คำพูดเหมือนน้องเดย์ถูกพูดขึ้น ผมก็หันไปมองอาฟที่หยุดยืนอยู่ตรงบันไดสองขั้นสุดท้าย คนที่ตัวสูงกว่าในตอนนั้นกอดอกก่อนจะก้มมองกันด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะบอกกันว่ามันรู้เรื่องผมดีทุกเรื่อง แล้วนั่น แม่งก็เป็นอะไรที่โคตรน่าหมั่นไส้

“ กูโกหกไม่เนียนยังไงวะ ก็กูไม่ได้โกหกสักหน่อย ”

“ งั้นไหนลองพูดเรื่องโกหกให้กูฟังสักข้อ ”

“ กูเกลียดมึง ” บอกแบบนั้นแต่คนที่อยู่ตรงหน้าก็แค่ยิ้ม ก่อนจะก้มลงมาใกล้กันมากขึ้น สายตาคมนั้นจ้องลงไปลึกในสายตาของผม มันบอก

“ ไม่เนียน ”

“ งั้นมึงก็คงโกหกแนบเนียนมากเลยสินะ ” อีกฝ่ายไม่ตอบอะไร อาฟแค่ขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นก่อนจะเอียงหน้าเพื่อบรรจงจูบลงบนริมฝีปากอย่างแผ่วเบา

“ กูรักมึง ” พูดแค่นั้นก่อนจะผละออกแล้วก็เดินออกไปจากตรงบันได ทิ้งไว้แค่ผมที่ยังคงยืนนิ่งอยู่แบบนั้นไม่ไปไหน เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ร่างกายมันชา แม้แต่หัวใจยังเหมือนจะจมหายไปที่สักที่ มันเป็นครั้งแรกที่อาฟบอกรักผม แต่ว่านะ..

“ เมื่อกี้กูแม่งให้มันพูดโกหกไม่ใช่เหรอวะ ” ขมวดคิ้วกับตัวเอง ความตื่นเต้นเมื่อครู่หายไป ผมได้สติ “ แล้วนี่ตกลงแม่งรักกูเปล่าวะ ”

เก็บคำถามนั้นเดินคิดขึ้นมาจนถึงห้องทำงาน ผมเปิดคอมก่อนจะหันไปมองเวลาที่กำลังเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆอย่างช้าๆ   ผมคิดขึ้นได้ว่าตัวเองควรปล่อยทุกอย่างไปก่อน ตอนนี้ควรรีบทำงานให้เสร็จแล้วสักสี่ทุ่มครึ่งก็ทำทีลงไปทำสต๊อกเหล้าที่บาร์ จัดเรื่อยๆ นานๆ จัดไปฟังเพลงที่ส้มฉุนไปอย่างแนบเนียน แผนวันนี้ ผมตั้งใจไว้แบบนั้น

“ อ้าว พี่เมด ” เสียงทักของน้องเดย์เอ่ยทักผมตอนที่เดินเข้ามาส่วนบาร์ในช่วงเวลาสี่ทุ่มครึ่งตามเวลาที่กำหนดไว้พอดี

“ มาเช็คสต๊อกเหล้าน่ะ ”

“ เพิ่งเช็คไปเมื่อสองวันก่อนไม่ใช่เหรอวะ ” คำถามของน้องทำให้ผมหวนคิดว่ามันก็จริงอย่างงั้น ช่างเป็นคนที่วางแผนได้โง่ๆมากเลยไอ้เมด  “ เหล้าใหม่ก็ยังไม่ลงไม่ใช่เหรอ ในบาร์ก็ไม่มีอะไรเพิ่มนะ ไม่ต้องเช็คหรอกพี่เมด ”

“ เพื่อความมั่นใจไง เดี๋ยวสต๊อกผิด ”

“ ไม่ผิดหรอกวันนั้นก็เช็คตั้งหลายรอบแล้ว ” น้องอัยย์บอกผม “ พี่เมดขึ้นไปพักผ่อนข้างบนเถอะ ไม่มีอะไรแล้ววันนี้อะ อีกอย่างพี่ส้มฉุนมาเช็คไปก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดีคนเค้ากรี๊ดกัน ไว้เช็คพรุ่งนี้ ”

“ อยากเช็ค ”ผมบอกน้องเสียงเบา ก่อนจะส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ “ เช็ควันนี้เถอะ นะ เช็ควันนี้ ”

“ ก็บอกน้องไปว่าชอบพี่ส้มฉุน เช็คเลยวันนี้ ” หันไปมองต้นเสียงที่เอ่ยบอกกัน เจที่กำลังนั่งท้าวคางอยู่ที่โต๊ะอีกฝั่งนึงของบาร์มันยิ้มให้ผม ส่วนคนที่นั่งข้างกันเป็นไอ้อาฟที่นั่งกินเหล้าอยู่

“ แล้วทำไมมานั่งฝั่งนี้วะนั่น ”

“ ก็จะได้ให้น้องเมดแฟนพี่อาฟนั่งดูพี่ส้มฉุนถนัดๆไงละครับ ”

“ หมายความว่าไงวะ ” ผมหลุดถามออกไปด้วยความงุนงง คิ้วของผมขมวดเข้าหากันก่อนจะเอียงหน้ามองคนพูดที่ก็ยังยิ้มอยู่แบบนั้น เหลือบไปมองอาฟมันก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วตอนนั้นน้องเดย์ก็บอกผม

“ พี่เมดไปนั่งข้างสัดพี่ไป สัดพี่มันเหลือที่นั่งไว้ให้ที่หนึ่ง ”

“ เดี๋ยวนะ นี่รู้กันหมดแล้วเหรอ ” ไมได้เดินไปตามแรงผลักของน้องแต่ผมกลับเอ่ยถามเจออกไปด้วยความงุนงง “ คือ ช่วยเล่ากูก่อน กูงง แล้วที่กูปิดบังอยู่นี่คือ พวกมึงรู้กันหมดแล้ว ”

“ ก็บอกอยู่ว่ามึงเป็นคนโกหกไม่เนียน ” อาฟบอกก่อนจะยกเหล้าที่ตั้งอยู่ตรงหน้าขึ้นกิน มันถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้าแล้วมองผม “ โง่ซะจริง ”

“ เอ้า ไอ้สัด ”

“ คืออย่างงี้นะ เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนที่กูนั่งคิดว่าจะติดต่อศิลปินคนไหนให้มาเล่นดนตรีในผับดี วิวมันก็เสนอว่าให้เอาพี่ส้มฉุนมา เพราะพี่ชายมันชอบ กูเลยเอามาบอกเจ้าของผับ throw up แล้วพอเค้ารู้ว่าแฟนเค้าชอบ เค้าก็ปฎิเสธเลย บอกว่า ไม่ ทำไมกูต้องไปจ้างคนที่ไอ้เมดชอบมาทำให้มันมีความสุขทั้งๆที่มันควรเป็นกูที่ทำได้คนเดียว ” ผมเหล่มองอาฟตอนที่เจพูดออกมาแบบนั้น แต่อีกคนก็แค่เอื้อมมือไปตบหัวเพื่อนก่อนจะบอก

“ เงียบปากมึงไปไอ้สัด ”

“ แล้วคราวนี้พอไอ้วิวรู้ ด้วยความรักพี่ชายอยากให้พี่ชายได้เจอพี่ส้มฉุนไอดอลในดวงใจ มันก็เลยเอามือถือกูโทรไปบอกไอ้อาฟด้วยเสียงตอแหลว่า ช่วงนี้พี่อาฟไม่สังเกตเหรอว่าพี่เมดไม่ค่อยร่าเริงเลย แถมยังเจอแต่เรื่องแย่ๆอีก พี่อาฟควรทำให้บรรยากาศระหว่างพี่อาฟกับพี่เมดกลับมาเหมือนเดิมสิ จ้างพี่ส้มฉุนเถอะ เค้ามีเมียแต่งงานแล้วไม่ต้องหึงหรอก พี่เมดก็ชอบแค่เพลงเท่านั้น บลาๆ เท่านั้นแหละ ”

“ จ้างพี่ส้มฉุนเลย ” น้องอัยย์บอก เจก็ส่ายหน้า

“ วางสายใส่ไอ้วิวไปเลย ” หลุดขำออกมาทั้งโต๊ะไม่เว้นแม้แต่แขกที่นั่งอยู่ที่บาร์ที่ก็ได้ยินเสียงสนทนาของเรา “ แล้วหลังจากนั้นไม่นาน สักห้านาที พี่อาฟคนเดิมก็โทรกลับมาหากูแล้วก็บอกให้จ้างพี่ส้มฉุนมาที่ผับ ”

“ มันคงเป็นความรักเนอะ ” น้องเดย์หันมาแซวผมด้วยชื่อเพลงนึงของพี่ส้มฉุน

“ แล้วก็ไม่บอกกูตั้งแต่แรกนะไอ้สัดอาฟ ปล่อยให้กูคิดว่ามึงไม่รู้ตั้งนาน ” บอกอีกคนที่ก็ยกยิ้มขึ้นมา อาฟวางแก้วเหล้าที่กำลังถือ

“ ถ้ากูไม่รู้ กูไม่เลือกชุดนี้ให้มึงใส่หรอก ” อาฟยักคิ้วให้ผมที่ก็ก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเอง “ ถามจริง มึงไม่คิดว่ามันดูเก่าบ้างรึไง ใส่จนสีมันซีดหมดแล้ว ตัวสีเทาใส่แล้วดูดีกว่าอีก ”

“ ก็แล้วทำไมมึงไม่บอกกุละไอ้สัด ”

“ บอกให้โง่เหรอ ” อาฟหันมาปรายตามองผมก่อนจะพูดเสียงเบา “ ทำไมกูต้องทำให้มึงดูน่ารักในสายตาคนอื่นด้วย ให้มันอยู่แค่ในสายตากูคนเดียวก็พอแล้ว “

คำพูดนั้นทำให้ผมนิ่งแล้วก็ได้แต่ยืนถอนหายใจเบาๆออกมา หน้าแดงที่ไม่รู้จะเอาสายตาไปมองทางไหนไม่ต่างกับอาฟที่ก็เอาแต่มองไปทางอื่นเช่นกัน ในช่วงเวลานั้นคนสามคนที่ได้ยินอย่างน้องเดย์ น้องอัยย์แล้วเจ ได้แต่ตาโตก่อนจะทำท่าอ้วกแบบไม่มีเสียงกันถ้วนหน้า

“ มานั่งนี่ อีกสิบนาทีแม่งก็ขึ้นแล้ว ไปยืนเกะกะอยู่ในบาร์อยู่ได้ ”

“ เพราะงั้นก็ไปนั่งเกะกะอยู่ข้างๆสัดพี่ไป๊ ” น้องเดย์หันมาบอกผม ที่ก็เดินไปออกไปจากบาร์แล้วก็นั่งลงข้างอาฟอย่างว่าง่าย

“ ขยับชิดๆหน่อย คนจะมานั่งบาร์ ” เจบอกก่อนจะขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้อาฟมากกว่าขึ้น จนอีกคนขยับตัวเข้ามาใกล้ผม จนแขนเราเบียดกัน ไม่ต่างอะไรกับฉากรักของเด็กมัธยมต้นที่เวลาเพื่อนได้นั่งข้างคนที่ชอบ คนที่เหลือก็จะพยายามเบียดๆให้เราได้ใกล้กัน แต่ว่านะ.. กูสองคนก็ได้กันแล้วไง อะไรแบบนี้ก็คงไม่ต้องแล้วมั้ง เบียดกว่านี้ก็เคยมาแล้ว

“ พี่เมดกินอะไรมั้ย ค๊อกเทลสักแก้วสิเวลาแบบนี้ ”

“ เสือก ” อาฟบอกน้องอัยย์ที่ก็เสนอตัวจะชงค็อกเทลให้ผม

“ น่าเฮีย ให้มันเข้ากับบรรยากาศ ”

“ เอาสเมอร์นอฟมาขวดนึง ” ผมบอกน้องอัยย์ อาฟก็หันมามองหน้าผมเหมือนจะดุกันด้วยสายตา “ ขวดเดียวเองมึง ไม่เมาหรอก นานๆจะกินสักครั้ง ”

“ เออ ขวดเดียวเอง ให้พี่เมดกินๆไปเถอะน่า เฮียก็นั่งเฝ้าอยู่ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเมาก็นู้นเลย ชั้นสาม เตียงยังว่างเพื่อเธอ ” คนยุยงวางเจ้าขวดที่ผมสั่งลงตรงหน้า อาฟที่มองกันไม่วางตาตอนนั้นผมก็หยิบขวดไปชนกับแก้วของมันเหมือนชวนให้ดื่ม ก่อนที่ผมเองจะยกมันดื่มเข้าไป

รสชาติประหลาดไหลลงคอ ขมนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ ไม่อร่อยเท่าไหร่ แต่เพื่อบรรยากาศผมก็กินได้ จดจ้องไปบนเวทีด้วยความตื่นเต้น ท่าทางที่ทำให้น้องอัยย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้ากันเอ่ยทัก

“ พี่เมดนี่ ท่าทางจะชอบพี่ส้มฉุนมากนะ มองไม่วางตาเลย ”

“ ชอบมาสิ ชอบมาตั้งแต่สมัยม.ปลายแล้ว ชอบเพลงเค้า ชอบมากๆ ” บอกแบบนั้นผมก็หันไปมองอาฟที่ก็ทำหน้านิ่งไม่สนใจ แล้วตอนนั้นเจก็หัวเราะ

“ ทำเป็นนิ่งไอ้สัด หึงก็บอกไป ”

“ หึงเหี้ยอะไร ไร้สาระ ”

“ อ๋อเหรออออ ไว้กูจะคอยดูคนไม่หึงนะครับพี่อาฟ ” ลากเสียงยาวแบบยียวนกวนประสาทก็เลยโดยตบหัวไปฉาดหนึ่งแบบแรงๆ

“ ขึ้นละ ” เสียงของผมพูดขึ้นพร้อมกับเสียงกรี๊ดที่ดังขึ้นมาจากคนรอบๆผับ ผมหยุดยิ้มไม่ได้เลยตอนที่เห็นเค้าอยู่บนเวทีตรงนั้น ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับในภาพที่เห็นหรือสื่อทีวีเท่าไหร่นัก แต่น่าแปลกที่หัวใจของผมกลับเต้นเร็วจนต้องจับมันไว้ ใบหน้าที่หยุดยิ้มไม่ได้ของผม เพลงแรกที่เปิดแสดงเป็นหนึ่งในเพลงที่ผมชอบที่สุด

“ ชื่อเพลงอะไรวะพี่เมด ” น้องอัยย์ถามผม

“ เพลงให้ตายสิพับผ่า ” คำตอบที่ได้รับทำให้น้องยกนิ้วโป้งให้ ปากของผมฮัมเพลงพร้อมกับโยกหัวไปตามจังหวะของเพลง ก่อนที่เพลงนั้นจะจบลงแล้วต่อขึ้นประโยคขึ้นต้นเพลงที่แสนคุ้นเคย ผมร้องตามคนที่ร้องอยู่บนเวทีสายตาที่ไม่ละออกไปไหนแต่ในตอนนั้นก็รู้สึกมีสายตานึงหันมามองกันอยู่ตลอด

“ มองอะไร ” ผมหันไปมองอาฟ “ หึงเหรอวะ กูแค่มองคิลปินที่กูชอบเองนะ ”

“ กูไม่ได้ว่าอะไร มึงก็มองไปสิ ” อีกคนบอกแต่ก็ยังมองผมอยู่แบบนั้น “ กูก็กำลังมองคนที่กูชอบอยู่เหมือนกัน ”

“ ท๊อปฟอร์มเกินไปแล้วมั้งไอ้สัด หัวใจกูระเบิดขึ้นมาทำไง ” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกคนตอนที่บอกแบบนั้น แต่อาฟกลับไม่ได้ตอบอะไรมันแค่จับมือผม

“ เงียบ แล้วฟัง  ”

‘ มันคงเป็นความรักที่ทำให้ตัวฉันยังยืนอยู่ตรงนี้ มันคงเป็นความรักที่ทำให้ตัวฉันไม่ยอมหยุดเสียที
แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส แม้ว่าฉันต้องพลาดไปอีกสักที แต่ว่าความรักก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้
ที่จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมันให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม
หากสุดท้ายเธอไม่เปลี่ยนใจ ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม
เธอรอให้ฉันหยุดหัวใจ คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน ’

ทำได้แค่สบตากันอยู่แบบนั้น ผมไม่ได้หันไปมองเวทีตั้งแต่นั้น ทั้งผมทั้งอาฟไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้นแต่รอบตัวเรากลับอบอุ่นราวกับกำลังโอบกอดและบอกรักกันด้วยคำพูดแสนหวาน ทั้งๆที่มีเพียงแค่สายตา และมือที่กุมกันเอาไว้ เป็นความเงียบที่อยู่ในความรู้สึกที่กำลังรายล้อมอยู่รอบตัวเรา แล้วในตอนนั้นอาฟก็ถามผม

“ ชื่อเพลงอะไรนะ ”

“ มันคงเป็นความรัก ” ผมบอกอีกคนก็ยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ

“ อื้ม มันคงเป็นความรัก ”

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 43 :: up! 27-10-61} #หน้า 39
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 02-11-2018 21:07:51
หัวใจของผมมันอ่อนแรงลง ได้แต่ถอนหายใจออกมาช้าๆ อยากเอ่ยปากร้องเรียนมันว่า ‘ พอได้แล้ว ไม่ไหวแล้ว หัวใจจะระเบิดออกมาแล้ว ’ แต่เหมือนจะไม่มีใครรับฟังคำกล่าวนั้นเลย อาฟยังคงจับมือผมไว้แล้วจับไว้แน่นแบบนั้นไม่ยอมปล่อย

“ มึง ”

“ ว่า ” อีกคนหันมามองตอนที่ผมเรียก

“ กอดหน่อยได้มั้ยวะ ” มันเป็นความต้องการของผมที่รู้สึกอยากจะทำมันเหลือเกินในตอนนี้ ผมอยากกอดอาฟแต่เขินเกินกว่าจะเอื้อมมือเข้าไปกอดมันไว้ทั้งๆที่มีผู้คนรายล้อมเราไว้แต่ ณ ขณะนั้นผมลืมมันไปแทบทุกอย่าง ราวกับมีเราแค่สองคนในตอนที่อาฟยกยิ้มแล้วก็เอื้อมมือมากอดไหล่ผมไว้ก่อนที่มันจะดึงผมให้เข้าไปซบลงตรงไหล่ “ กูโคตรอินเพลงเลยว่ะ ไม่ว่าเพลงไหนที่เค้าร้อง ก็เหมือนแม่งต้องมีสักท่อนที่หมายถึงกูกับมึง ”

“ งั้นเหรอ ”

“ คงจริงอย่างที่ใครเค้าพูดกันมั้ง ”

“ พูดว่า ”

“ คนเราเวลารักใคร เค้าจะเข้าไปอยู่ในเพลงโปรดของเรา แล้วก็เป็นคนในเพลงโปรดเพลงนั้น ” อาฟไม่ได้ตอบอะไรผมเองก็ได้แต่เงียบไป จนเพลงที่แสนไพเราะนั่นจบลง ด้วยชื่อเพลงของมัน ‘ มันคงเป็นความรัก ’

“ ไหนใครที่นี่รู้สึกว่า แฟนปัจจุบันที่มีมันดีกว่าแฟนเก่าบ้าง ” พี่ส้มฉุนพูดขึ้นบนเวที ผมที่ตอนนั้นดึงตัวเองขึ้นจากอกของอาฟก่อนจะยกมือขึ้นแบบสุดแขน

“ ผมครับ! ” เสียงตอบของผมตะโกนออกไปพร้อมกับแขกคนอื่นๆ

“ พี่เมดดด ” บาร์เทนเดอร์สองคนประสานเสียงกันขึ้นมาก่อนจะตบมือถูกใจไม่ต่างอะไรกับเจที่ก็ถึงขั้นสำลักเหล้าที่กำลังกินอยู่ อาฟเองก็นิ่งไปก่อนจะถามผมแบบยิ้มๆด้วยอาการหูแดงกำเริบ

“ มึงเมาเหรอเมด ”

“ ไม่ได้เมา เมาอะไรกูกินไปคำเดียวเอง กูพูดเรื่องจริงต่างหาก ”

“ สุดยอดเลยพี่เมดกู ” น้องเดย์บอกก่อนจะยื่นมือมาจับมือผมด้วยความชอบใจ  ผมที่ตอนนั้นหันไปมองอาฟก่อนจะยักคิ้วให้

“ ไม่ยอมให้มึงท๊อปฟอร์มคนเดียวหรอกอาฟ ” ทำนองสนุกของเพลงดังขึ้นผมโยกหัวไปตามทำนองนั้น ก่อนจะกอดคออาฟไว้ตอนที่ร้องเพลงท่อน ‘ ฉันมีความสุขดีอยู่แล้วกับคนปัจจุบัน ’

“ มึงแน่ใจนะ ” อาฟถามผมตอนที่ยกเหล้าขึ้นกิน

“ แน่ใจสิ ทำไม ? มึงคิดว่ากูไม่แน่ใจ ”

“ ก็เห็นอาทิตย์ที่แล้วร้องไห้เหมือนจะตายให้ได้ ”

“ โห สภาพมึงต่างกับกูมากเลย ” ผมแซวอีกคนก็หันมามองหน้า “ แต่ความรักมันก็แบบนี้แหละมึง สุขบ้างเศร้าบ้าง ไม่งั้นมันจะเรียกว่าการเรียนรู้เหรอ ”

“ กูว่ามึงเมา ” คนข้างตัวหัวเราะมันบอกย้ำแบบนั้นกก่อนจะดึงหน้าเข้ามาหอมแก้มผมเบาๆ

“ กูว่ามึงมากกว่าที่เมา ” บอกอาฟก่อนจะหันไปมองที่เวทีอีกครั้งก่อนจะถูกอีกคนเรียกชวนคุยอีกครั้ง

“ นี่เมด ”

“ มึงเลิกชวนพี่เมดคุยได้มั้ยสัดพี่ กูไม่เห็นพี่เมดได้ดูพี่ส้มฉุนดีๆเลย พอเค้าตั้งใจดูมึงก็เรียก วอแวอยู่นั่นอะ ” น้องเดย์บอกก่อนจะส่ายหน้าไปมา แล้วตอนนั้นเจก็พูดขึ้น

“ มันหึงไง มันไม่อยากให้แฟนมันไปจดจ้องคนอื่นมากกว่ามัน ”

“ กูไมได้หึงปัญญาอ่อนขนาดนั้น ” อาฟเถียงกลับน้องชายตัวเองกับเพื่อนสนิทก่อนจะทำเป็นยกเหล้าขึ้นกินแบบไม่ใส่ใจ

“ งั้นมึงก็เงียบๆไปสักที ให้พี่เมดได้ตั้งใจดูสักเพลงสองเพลงก็ยังดีนะสัดพี่ ” พอน้องบอกแบบนั้น คนที่กำลังจะชวนผมคุยก็ต้องเงียบไป 

ผมนึกขอบคุณน้องเดย์ที่หยุดมัน แต่ก็แอบสงสารมันเหมือนกันที่ทำได้แค่นิ่งอยู่แบบนั้น อาฟเป็นคนขี้หวงผมรู้ว่ามันไม่ชอบหรอกที่ผมจะไปจดจ้องใครคนอื่นที่ไม่ใช่มันแบบนานๆด้วยสายตาชื่นชม และเพราะเป็นแบบนั้นมันก็เลยต้องแอบมองผมสลับกับพี่ส้มฉุนอยู่ทุกห้านาที ในใจตอนนั้นมันคงบ่นไม่หยุด เพราะอยากจะให้การแสดงนี้มันจบลงซะที

“ เพลงสุดท้ายแล้วอะ ” ผมพูดออกมาก่อนจะถอนหายใจ เพลงฮิตของเค้าถูกร้องขึ้นมา ผมร้องเพลงตามเค้าไปเรื่อยๆมีความสุขจนอธิบายไม่ถูก มันเหมือนได้รับพลังอะไรสักอย่าง เป็นความรู้สึกที่พองโตอยู่ในหัวใจ เสียงปรบมือดังมาจากทั่วทุกทิศตอนที่เค้าแสดงจบลงผมเองก็นั่งปรบมืออยู่แบบนั้นจนกระทั้งเจหันมาถาม

“ เมด ถ่ายรูปกับพี่ส้มฉุนสักรูปมั้ย ”

“ ได้เหรอ ”

“ หันมาถามกูสิ ” อาฟพูดขัดขึ้นผมก็หันไปมองหน้ามันที่ก็ทำหน้านิ่งแบบไม่พอใจอยู่

“ นะ ขอถ่ายรูปสักใบสิ อยากถ่ายอะ นะอาฟนะ ขอกูถ่ายสักใบ ”

“ ไม่หึงเนอะ บ้าน่า กูไม่หึงอะไรปัญญาอ่อนหรอก ” น้องเดย์บอกก่อนจะยักคิ้วท้าพี่ชายตัวเองที่ก็พอหันไปมองน้องตัวเองแล้ว จะกลับคำเห็นทีว่าจะไม่ได้แล้ว

“ จะถ่ายก็ถ่ายสิ ”

“ เยส! ” ก่อนจะยื่นมือถือไปให้เจ แต่อาฟกลับคว้ามันไว้ก่อน

“ กูถ่ายให้เอง ” มันบอกแบบนั้นเราทุกคนก็หันมองหน้ากันเพราไม่ไว้ใจในตัวมันเท่าไหร่ แต่ในตอนนั้นผมก็พยักหน้ารับ

“ โอเคได้ ”

“ เดี๋ยวกูไปตามให้ พวกมึงอยู่นี่แหละ ” เจเดินออกไปจากเก้าอี้ที่นั่งผมในตอนนั้นก็ผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อระงับความตื่นเต้นทั้งหมดที่มียกมือขึ้นเช็ตผมตัวเองปัดไปมาให้เข้าที่ก่อนจะหันไปถามอาฟ

“ มึงเป็นไง หน้าตากูมันโอเคยัง ”

“ ยัง ” เสียงไม่สบอารมณ์บอกก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้หัวผมจนยุ่ง

“ โอ๊ยยย ปล่อยหัวกูไอ้สัดอาฟ ”   ดึงหัวตัวเองออกจากมือของอีกคนผมหันไปมองกระจกข้างๆที่นั่งแล้วพบว่าตอนนี้สภาพหัวผมมันยุ่งซะจนดูไมได้เลย “ มึงแม่งกวนตีน ทำผมกูยุ่งหมด ”

“ อาฟ ” เสียงของเจทักอีกคนที่หันไปมอง ข้างๆเจมีพี่ส้มฉุนยืนอยู่ “ นี่คุณอาฟครับเป็นเจ้าของผับ throw up ”

“ สวัสดีครับ ”

“ สวัสดีครับ ” คนสองคนที่เอ่ยทักกันก่อนที่เจจะหันมามองผม

“ ส่วนคนนี้เป็นคนที่อยากจะถ่ายรูปด้วย คุณเมดเป็นเล..”

“ เป็นแฟนผมครับ ” อาฟพูดแทรกขึ้นไปเจก็ได้แต่เม้มริมฝีปากตัวเองกลั้นขำไว้ มันคงคิดเหมือนผมกับคำที่อาฟพูด ‘ ไม่ได้ขี้หึงขนาดนั้น ’ 

“ สวัสดีครับ ” ก้มหน้าลงทักอีกคนที่ก็เอ่ยตอบรับกลับ

“ สวัสดีครับ ”

“ คนนี้เค้าเป็นแฟนคลับของคุณส้มฉุนมานานแล้วนะครับ เค้าชอบคุณมากเลย ”

“ แค่ชอบเพลง ” อาฟบอกเสริมคำพูดเจที่อีกคนก็ถึงกับนิ่งไปเลย เพราะปรับสีหน้ากับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ค่อยถูก มันเงียบอยู่สักพัก ขนาดพี่ส้มฉุนก็ยังต้องยืนยิ้มแห้งๆ ก่อนที่เจจะดึงสติตัวเองกลับมาได้ แล้วพูดขึ้น

“ ขออนุญาติคุณส้มฉุนช่วยถ่ายภาพกับคุณเมดสักรูปนะครับ ”

“ ได้เลยครับ ไม่มีปัญหา ” พี่ส้มฉุนบอกอย่างดีเค้าเดินเข้ามายืนข้างผม ที่ตอนนั้นทำได้แต่เม้มปากตัวเองแน่นก่อนจะยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“ ถ่ายสิครับคุณอาฟ ” เจบอกอีกคนที่ก็ยกกล้องขึ้น อาฟกดถ่ายก่อนจะล็อคหน้าจอแล้วส่งคืนให้ผม

“ เดี๋ยวขอกล้องนี้ด้วยครับ ” เจยกมือถือตัวเองขึ้นมามันกดถ่ายรูปผมไปสองสามรูปก่อนจะพยักหน้ารับขอบคุณพี่ส้มฉุน ผมเองก็ยกมือไหว้เค้าปากหนักจนพูดอะไรไม่ออกเลย แม้คำพูดที่จะบอกว่า ‘ ผมชอบเพลงพี่มากๆ ขอบคุณที่ทำเพลงดีๆมาให้ฟังตลอดเลยนะครับ ’  ทุกอย่างนั้นมันถูกความตื่นเต้นกลืนไปจนหมด  เหลือไว้แค่คำพูดสั้นๆ

“ ขอบคุณมากครับ ” เพียงเท่านั้น ก่อนที่พี่ส้มฉุนจะเดินออกไปพร้อมกับผู้จัดการร้านของเราที่มีหน้าที่เดินไปส่ง ส่วนผมก็ได้แต่มองเค้าไปจนสุดสายตาที่เค้าออกไปจากประตูหลังของผับ

“ พี่เมด ไหนขอดูรูปหน่อย ” น้องอัยย์ที่ยืนอยู่ในบาร์ยื่นมือมาขอดูภาพผม ที่ก็หยิบขึ้นมาดูด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขในใจที่พูดกับตัวเองแค่ว่า ‘ ภาพใบแรกที่ถ่ายคู่กับพี่ส้มฉุน ภาพใบแรก..’ แต่ทว่าผมก็ต้องนิ่งไปตอนที่ได้เห็นภาพตัวเองที่อยู่ในนั้น

“ กูถามจริงดิ ” เงยหน้ามองอาฟที่ตอนนี้กลับไปนั่งกินเหล้าตรงที่เก้าอี้ของตัวเอง น้องเดย์น้องอัยย์หรือแม้แต่เจชะโงกหน้าเข้ามาดูมือถือผมด้วยความสงสัยก่อนที่ทุกคนจะหัวเราะออกมาเสียงดังตอนที่เห็นภาพนั้น

มันเป็นภาพคู่ของผมกับพี่ส้มฉุน ที่ไม่มีส้มฉุนอยู่ในนั้น ใช่แล้ว อาฟมันถ่ายแค่ผม แค่ผมคนเดียวเท่านั้น

“ แล้วก็บอกว่าไม่หึงปัญญาอ่อน โถ่ไอ้สัด มึงนั่นแหละตัวปัญญาอ่อนเลยไอ้เหี้ยอาฟ ” เจที่พูดออกมาก่อนจะเดินไปผลักหัวเพื่อนแล้วนั่งลงข้างกัน

“ กูไม่ได้หึง ” อาฟยังคงยืนยัน ผมในตอนนั้นบรรยายความรู้สึกตัวเองไม่ออกเลย ได้แต่ถอนหายใจออกมา คือมันก็เสียดาย แต่มันก็น่าตลกมากกว่า ผมก็เลยได้แต่บ่นเบาๆ ออกมากับภาพนั้นแบบยิ้มๆ

“ มึงนั่นแหละ โกหกไม่เนียนเลยไอ้สัดอาฟ ”

ในคืนวันนั้นผมกดอัพภาพนั้นลงไปในอินสตราแกรมของผม ภาพถ่ายใบแรกของผมกับพี่ส้มฉุน ที่ไม่มีพี่ส้มฉุนอยู่ในนั้น ด้วยแคปชั่นที่ว่า ‘ อาฟ ช่วยถ่ายภาพกูกับพี่ส้มฉุนให้หน่อย ’  ก็ยังถูกจัดว่าเป็นคืนดีๆ คืนหนึ่งของผมครับ

Jjjjjjjing.pv ได้กดถูกใจรูปภาพของคุณ
..............................................................................

ชื่อตอนคือ ดราม่าเหนื่อยนัก ก็พักหน่อย
มีความตั้งใจจะเขียนพาสนี้แค่ห้าหน้า และจะเขียน บรรทัดสุดท้ายอีกห้าหน้า
สรุป เราจับพาสนี้ที่ 14 หน้า หนมไม่รู้ว่าหนมเป็นคนเวิ่นเว่อ หรือยังไง แต่แบบเราตั้งใจจะเขียนการปล่อยวางของเมด และ ฉากความสุขของอาฟเมด แต่มันก็ยาวจนแบบ..
ต้องยกไปเขียนตอนหน้า จนได้
โอเค เจอกันตอนหน้าจ้า    
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-11-2018 21:57:58
กลับมาคืนดีกันแล้วก็น่ารักก๊งกิ๊งๆดีๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 02-11-2018 22:26:46
ปากอาฟร้ายกาจจริงความที่ใส่เสื้อลายขวางบ่อยก็ด่าหยอกๆเป็นม้าลาย ขำมากนี่ถ้าไม่ใช่แฟนมีโกรธนะ

เช้าๆเนียนจูบเนียนหอมแถมเรียกหมวยช่างเป็นการแสดงความรักได้น่ารักมาก

หึงได้ไม่เนียนเข้าขั้นปัญญาอ่อนเหมือนเพื่อนๆว่านั่นแหละปากแข็งจริงอาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 02-11-2018 22:30:44
ความอารยะอย่างแท้ทรู 555 น่ารักดี

ว่าแต่ Jjjjjjjing.pv ต้องมีอะไรแน่ๆ มากดไลค์ ... อยากได้เพื่อนกลับ?
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-11-2018 22:53:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-11-2018 22:55:44
 :pig4: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 03-11-2018 00:06:31
ว่าแล้วว่าคุณอารยะต้องไม่ธรรมดา 555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-11-2018 00:14:43
 :m31:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-11-2018 00:27:46
อาฟขี้หึงเว่อร์
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 03-11-2018 00:43:14
ว่าแล้วววววว ว่าแล้วว่าต้องถ่ายออกมาแบบนี้ 55555 ขำลั่นเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 03-11-2018 00:54:23
ชอบๆๆ อ่านตอนนี้แล้วยิ้มไม่หุบเลย ชอบอ่ะ อาฟแบบว่าหึงได้น่ารักมากเลย ชอบบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความสุขรอบๆตัวอาฟกับเมดแบบนี้จัง
อ่านที่วิวพูดแล้วเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นมาอีกเลย ฝ่ายนู้นจะออกฤทธิ์อะไรกันอีกนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-11-2018 01:00:11
นี่สิอารยะตัวจริง5555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-11-2018 02:16:32
ชอบๆๆ อ่านตอนนี้แล้วยิ้มไม่หุบเลย ชอบอ่ะ อาฟแบบว่าหึงได้น่ารักมากเลย ชอบบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความสุขรอบๆตัวอาฟกับเมดแบบนี้จัง
อ่านที่วิวพูดแล้วเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นมาอีกเลย ฝ่ายนู้นจะออกฤทธิ์อะไรกันอีกนะ

ชอบบบบบบบบบบบ.....เหมือนกันเลย
นึกแล้ว.....อาฟต้องรู้เรื่องส้มฉุน ก็เพราะวิวปากมาก
เรื่องถ่ายรูปก็ออกมาอย่างที่คิดจริงๆ  :m20:
ขำความหึงของอาฟ ยังปากแข็งได้อีก :laugh: :pigha2:

อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 03-11-2018 02:46:00
  :pig4:

 Made & Af(ter) are sensitized to each other and easily hurt just by small slights from each other,
and still also highly fear of losing each other

 รักกันมากก็เป็นเรื่องน่าอิจฉา แต่ก็น่าเหนื่อยเช่นกัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-11-2018 03:13:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-11-2018 03:17:20
สวดยอดพระเอกขี้หึง  o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 03-11-2018 09:21:59
#ไม่หึงไร้สาระ #โกหกไม่เนียน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: LomaPakpao ที่ 03-11-2018 12:40:16

อ่านแล้วปวดหัว เครียด ไม่ชอบเลย เลิกติดตามเรื่องนี้ค่ะ!!!!!
.
.
จะทำใจไม่ได้แล้ว//กำพระ
 อบอุ่นเกิ๊นนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 03-11-2018 13:27:36
ดีนะที่อ่านตอนนี้ที่ห้อง ยิ้มคนเมื่อยแก้ม สลับกับหัวเราะเหมือนคนบ้า 5555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 03-11-2018 15:10:44
ความสุขของเมดคือความสุขของอาฟถึงจะหึงก็ต้องทน โกหกไม่เนียนเลยอารยะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 03-11-2018 15:17:55
ดราม่าอยู่ที่บรรทัดสุดท้ายใช่ม่ะ
แต่ตอนนี้ขอมีความสุขกับ#คนโกหกไม่เนียนทั้งคู่
 อาฟก็เป็นอาฟอ่ะเนอะ ช่วงนี้นางท็อปฟอร์มขั้นขยันจีบกันอย่างจริงจัง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 03-11-2018 16:12:48
กรี๊ด พี่ส้มฉุนด้วย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-11-2018 21:37:54
มันคือสิ่งที่คนโกหกไม่เนียนทำกัน  :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 03-11-2018 23:22:03
หลีกทางให้คนซึนด้วยนะคะ ขอโทษแทนความซึนของพี่พระเอกเราด้วย 55555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-11-2018 23:55:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 04-11-2018 07:42:58
ไม่เวิ่นเว้อค่ะ เราชอบ อ่านไปเรื่อยให้อินไปด้วยกัน

วั้ยยยยย พบคนไม่หึงหนึ่งอัตรา
รูปนี้คงต้องจารึกไว้ให้หลานได้ดู 555

พอดีกันแล้ว น่ารักมาก ความเกรียน ความกวน
มีไม่ขาด มาได้ตลอด แบบแหย่ไปเหอะ ไม่โกรธหรอก

เห็นเมดปลื้มอะไรแบบนี้ คือเมดจริงๆ มีความ fc หนักมาก
อาฟคือคนปากแข็ง แต่การกระทำไปหมดจ้า
จ้างร้อยจ้างล้าน ใครเค้าจะเชื่อลง

เจมาในเวลาที่ใช่ตลอดเลย กระตุ้นความคิดได้ดี
วิวก็กวนประสาทไปอีก คนบ้าบอ
ตลกที่อาฟบอก วิวไม่เด็กแล้วนะ

แล้วทิ้งท้ายให้มีดราม่ารอบใหม่อีกไหมคะ
คนมากดหัวใจให้น่ะ มาทำไม
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-11-2018 08:39:47
จ้าาาา พี่อาฟไม่หึงไร้สาระเลยจ้าาาาา มีสาระสุดๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 09-11-2018 20:24:20
ตอนที่ 45

    ‘ อาฟ ช่วยถ่ายภาพกูกับพี่ส้มฉุนให้หน่อย ’   

ข้อความกับภาพที่เห็น ผมเผลอยกยิ้มให้กับมัน อดีตเพื่อนสนิทที่กำลังยืนยิ้มกว้างคนเดียวนั้นข้างๆกายคงเป็นพี่ส้มฉุนนักร้องขวัญใจที่มันชอบเอามากๆมาตั้งแต่สมัยม.ปลาย แต่ดูเหมือนว่าคนถ่ายภาพนี้ให้จะไม่ค่อยอยากจะให้มันมีภาพคู่กับพี่ส้มฉุนสักเท่าไหร่ ก็เลยถ่ายภาพนั้นออกมาเป็นแบบนี้ ผมจดจ้องกับหน้าจอมือถือนั้นอยู่นาน เผลอแบะปากในความสุขพวกนั้น ก่อนจะกดล็อคหน้าจอนั่นแล้ว วางมันลงข้างตัว

ไม่ได้กดถูกใจ หรือแสดงความคิดเห็นอะไรทั้งนั้น เพราะใช้ไอจีอันเก่าที่ไม่ได้ใช้มานานแล้วกดเข้าไปดู อินตราแกรมของเมดตอนนี้มันล็อคทุกอย่างไว้ หนำซ้ำยังบล็อคผมกับจิงไม่ให้เข้ามาดูภาพของมันได้อีก แต่เมดคงลืมไปว่าผมมีแอคเค้าท์อันเก่าอันนี้อยู่ รวมถึงไอจีส่วนตัวอีกอันของไอ้จิงด้วยที่มันลืมบล็อคไป

สำหรับเราสองคน ก็มีแค่นี้ที่ยังคงหลงเหลือให้ได้ติดตามอีกฝ่ายได้อยู่ เพราะหนทางอื่นก็ดูเหมือนเมดจะเป็นคนบล็อคมันไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นไลน์ ทวิตเตอร์ หรือเฟสบุ๊ค ไม่มีอะไรหลงเหลือไว้อีกแล้ว ‘ ความเป็นเพื่อนก็เหมือนกัน ’

“ ถอนหายใจอะไรนักหนาวะมึง เครียดเหรอ ? ” คำถามที่ทำให้ผมหันไปมองคนพูด ก่อนจะพลิกเอื้อมมือไปกอดเอวอีกคนไว้พลางขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วสูดกลิ่นอุ่นจากช่วงคอที่ชอบ

‘ บิน ’ เป็นผู้ชายตัวสูงที่มีดีกรีนักกีฬาบาสของมหาลัย ผมไม่ได้เจอมันครั้งแรกในฐานะของแฟนเพื่อนสนิท แต่ผมเจอมันครั้งแรกที่งานแข่งบาสระหว่างโรงเรียนผมกับโรงเรียนของอีกคนที่อยู่ตรงข้ามกัน

จำได้ว่าวันนั้นเพื่อนในห้องที่เป็นนักกีฬาบาสก็ลงแข่งเป็นตัวจริงด้วย พวกเราสามคนกับเพื่อนในห้องอีกเป็นสิบก็เลยยกขบวนไปเชียร์กันหลังเลิกเรียน 

วันนั้น บนอัฒจันทร์ฝั่งของโรงเรียนที่ผมนั่งอยู่มองลงไปเห็นอีกคนอยู่อีกฝากนึงของสนาม ผมจำได้อย่างดีว่าอีกคนใส่เสื้อบาสสีน้ำเงินเข้าชุดสกีนเลข 4 ข้างหลังพร้อมกับชื่อเล่นของเจ้าตัว ผมจ้องมันอยู่นานอย่างละสายตาไม่ได้ ผมไม่ได้หันไปมองที่อื่นเลยจนสายตาของเราสบกัน และผมก็มั่นใจว่าเรายิ้มให้กัน และมีอีกหลายครั้งในระหว่างการแข่งขันที่บินหันมามองผมก่อน แต่ทว่าผมก็มารู้ความจริงในอีกสองวันให้หลังนั้นว่า คนที่เค้ามองแล้วยิ้มให้ไม่ใช่ผม แต่เป็น เมด เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างกัน

“ เรื่องจริงเหรอวะ กูยังไม่อยากจะเชื่อเลย ” ผมกรอกเสียงไปตามสายในตอนที่เราโทรรวมสายกัน เมดเล่าเรื่องราวที่มันเจอวันนี้ด้วยน้ำเสียงที่ยังคงตื่นเต้น ปกติหลังเลิกเรียนอีกคนจะไปยืนคอยนมช็อกโกเล็ตที่หลังโรงเรียนทุกวัน นมรสที่ชอบมาพร้อมกับหนุ่มนักกีฬาบาสและคำพูดเดิมๆที่พูดทุกวันก็คือ ‘ เพื่อนฝากมาให้ ’ แต่ผมก็เคยบอกเมดไปว่า ถ้าไม่ใช่เพื่อนจริงๆ ก็คงเป็นของเจ้าตัวเองนั่นแหละ แต่เค้าไม่กล้าบอก และสุดท้ายวันนี้ทุกอย่างก็บอกกับผมว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหก แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเท่าไหร่ในความรู้สึกนัก

“ แล้วสรุปก็คือ บินฝากนมกับคนที่ชื่อเอมมาให้มึงทุกวันเลยอย่างงั้นสินะ ” จิงที่ถามออกไปในตอนนั้น ผมได้ยินเสียงอ้อมแอ้มที่กำลังเขินอยู่มากมายของปลายสายแค่

“ อื้ม ” เป็นคำตอบ

“ แล้วมึงมั่นใจได้ไงว่าเป็นของไอ้บินจริงๆ ” ผมถาม เพราะรู้สึกว่าจากที่ฟังใครพูดถึง ผู้ชายคนนั้น มันไม่ใช่คนในแบบที่จะทำอะไรแบบนั้นเลย บินเป็นคนมั่นใจในหน้าตาและความโด่งดังของตัวเองในระดับหนึ่ง แล้วผมก็มองว่าคนแบบนั้นกล้าพอที่จะเข้าไปจีบคนที่ชอบตรงๆ เพราะเค้าคิดว่าเค้าเด่นดังพอที่จะไม่ได้รับการปฎิเสธแน่นอน และมันก็ดูเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำที่ผู้ชายที่มั่นใจในตัวเองแบบนั้นจะให้เพื่อนมาเป็นพ่อสื่อส่งนมให้อยู่หลายอาทิตย์

“ กูมันถามแล้ว ”

“ ถามว่า ”

“ ก็ถามว่า มันเป็นคนที่ฝากนมกับเพื่อนในทีมบาสมาให้กูตลอดหรือเปล่า แล้วมันก็ตอบว่าใช่ ”

“ ง่อวววววว  ตอนนั้นเขินมากเลยอะดิมึง ”

“ ก็เออสิว่ะ แม่ง เอาจริงๆกูไม่คิดว่าจะเป็นบินด้วยอะ กูคิดว่าเป็นคนอื่น ไม่คิดว่าจะเป็นคนดังขนาดนี้ ”

“ ไม่คิดยังไง ตอนนี้มึงก็ตอบรับเป็นแฟนเค้าแล้วนะเมด ”

“ ก็กูยังงงๆอยู่ไง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พวกมึงรู้มั้ยตอนที่ เอมตรงมาหากูแล้วบินเดินเข้ามาหยิบนมไปอะ กูแม่งใจสั่นไปหมด กูแบบไม่กล้าสบตาเลย ในสมองตอนนั้นมันแบบ ใช่เหรอวะ ไม่น่าใช่น่า ไม่ใช่มั้ง แต่พอมันบอกเท่านั้นแหละ อีสัด ใช่ว่ะ ”

“ มึงพูดเหมือนอวดพวกกูอะเมด ” ผมบอกตามความรู้สึกแต่อีกคนกลับเงียบไป ก่อนจะพูดตอบกลับขึ้นมาเสียงเบาๆ

“ ขอโทษ แต่กูไม่ได้คิดจะอวดพวกมึงนะเว้ย ” สายที่ตอบกลับมานั่นเงียบลง ความสนุกสนานในบทสนทนาเริ่มไม่เหมือนเก่า จนผมที่ฟังอยู่ตอนนั้นรู้สึกผิดขึ้นมากะทันหัน ‘ เพื่อนกำลังดีใจที่มีแฟน แถมยังเป็นคนที่รอมาตลอดหลายอาทิตย์ มันก็ไม่แปลกเปล่าวะที่จะพูดด้วยเสียงที่ทั้งดีใจแล้วก็มีความสุข ’ อีกอย่างเพื่อนก็ไม่ได้มารับรู้ด้วยว่าตอนนี้คนฟังอย่างผมรู้สึกยังไง

“  เมด กูแกล้งเล่น ฮ่าๆ ” ผมทำทีเป็นหัวเราะเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจของอีกฝ่ายที่ดังลอดออกมา

“ มึงแม่งชอบแกล้งกูไอ้สัดยีนส์ ”

“ ฮ่าๆ กูมึงแม่งมีความสุขมากเกินไปอะ หมั่นไส้ไอ้สัด ”

“ ก็คนมันเพิ่งเคยโดนสารภาพครั้งแรกอะ มันไม่แปลกเปล่าวะ ” จิงพูดขึ้น “ อีกอย่างมึงก็ดูรอคอยไอ้เจ้าของนมช็อกโกเล็ตอะไรนี่ปรากกฏตัวมาตั้งนานแล้วละ ”

“ ก็เค้าดูมีความพยายามดี ฝนตกแดดออก ยังไงก็มา กูก็แลยอยากเจอเค้า แต่ไม่คิดว่า พอเจอแล้วจะโดนสารภาพรักเลย ”

“ จะอะไรก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้มึงมีแฟนแล้วครับไอ้เมด วิ้วววววววว ” เสียงของจิงที่ล้อมันดังขึ้นเพื่อขัดความเงียบนั้น แต่ในใจผม วินาทีนั้นมันกลับอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกเสียใจและความรู้สึกอิจฉาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หวนคิดโกรธไปถึงพระเจ้า ว่าทำไมถึงทรงมอบสิ่งที่ผมอยากได้อยากมีไปให้กับคนที่ชื่อ เมด  ทำไมถึงไม่มอบให้ผม แต่ถึงอย่างงั้นตามมารยาทของความเพื่อน ก็ต้องตอบมันกลับไปแค่ว่า

“ อื้ม ยินดีด้วยมึง ”

ผมเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง ไม่ว่าจะเจอเข้ากับสถานการณ์อะไรตรงหน้า ผมก็สามารถเก็บทุกความรู้สึกนั้นไว้ได้ ผมทำเป็นเฉยได้แม้จะเห็นคนที่ชอบกับเพื่อนสนิทนั่งยิ้มให้กันอยู่ตรงหน้า ทั้งๆที่เสี้ยวนึงในใจผมกลับรู้สึก ว่าอยากจะให้เป็นผม แต่ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปในวันนั้น วันที่ผมกับบินกลับบ้านด้วยกันเป็นครั้งแรก

บนเมล์ที่ผู้คนเบียดเสียด สภาพอากาศในวันนั้นแย่เพราะฝนที่เทกระหน่ำลงมาแต่ที่แย่กว่านั้นคือตัวผมที่กำลังแนบชิดอยู่กับบินบนรถคันนี้ และด้วยความสูงของอีกฝ่ายผมเลยอยู่ในระดับอกของอีกคนพอดี เราโอดเอนไปตามรถที่เคลื่อนตัว ทุกอย่างดูเหมือนปกติแต่คงไม่ใช่กับส่วนกลางที่กำลังตื่นตัวของอีกคนที่กำลังแนบชิดอยู่กับขาของผม

ในตอนนั้นเราดูดีว่าความรู้สึกที่ไม่ควรรู้สึกนี้มันกำลังเกิดขึ้น เพราะงั้นจึงไม่มีใครพูดอะไรในคืนนั้น เราทำได้แค่สบตากันตอนที่ผมต้องก้าวลงจากรถเมล์คันนั้นแล้วบินเองที่ต้องเดินทางต่อไป ผมได้แต่เก็บเรื่องนี้เป็นความลับของตัวเองเงียบๆ ผมไม่ได้เจอบินอีกหลังจากวันนั้น แต่คงเพราะอีกฝ่ายหลีกเลี่ยงที่จะมาเจอกันมากกว่าในความรู้สึกผม

จนกระทั่งวันที่เราเรียนจบม.ปลาย งานฉลองเล็กๆของเราสี่คนที่สอบติดมหาลัยชั้นนำแห่งเดียวกันก็ถูกจัดขึ้น ที่คอนโดผม เพราะเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ไม่ต้องอยู่กับครอบครัว

“ ยีนส์ เรื่องวันนั้นกูขอโทษนะ ” ผมเผลอนึกอยากจะหันไปต่อยมันตอนที่พูดออกมาแบบนั้น พร้อมกับบอกแค่ว่า ‘ เรื่องมันผ่านมาเป็นเดือนแล้วจะมารื้อฟื้นให้กูรู้สึกอีกทำไมวะ ทั้งๆที่กูพยายามกดมันเอาไว้แล้ว ทั้งๆที่กูกำลังทำเป็นไม่รู้สึกอะไรอยู่ มึงจะมาพูดอีกทำไม ’ แต่ทว่าตอนนั้นผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร

“ ช่างมันเถอะ ”ผมบอกอีกคน ก่อนจะหันไปยิ้มให้ “ มึงคงไม่ได้ตั้งใจ ” บินไม่พูดอะไรมันปล่อยให้ทุกอย่างเงียบอยู่นาน จนผมเองที่ยิ้มให้มันต้องหุบยิ้มแล้วหันมาจัดการกับของที่กำลังจะเอาใส่หม้อทอดแบบไร้น้ำมัน

“ จริงๆกูพยายามลืมเรื่องวันนั้น แต่มันลืมไม่ได้เลย ” อีกคนพูดพลางเดินเข้ามาใกล้ผม สองมือของอีกคนที่เอื้อมมากอดเอวกันนั้น ทำให้ผมหายใจไม่ออกไม่ชั่วขณะ มันตกใจจนได้แต่นิ่งกว่าจะรวบรวมสติขึ้นมาได้ก็หลายนาที

“ บิน มึงหยุดก่อน ” ผมพยายามดึงมืออีกคนออกตามคำสั่งของสมองที่บอกว่าอย่าไปยุ่งกับแฟนเของพื่อน แต่ทว่าความรู้สึกในใจที่เก็บกักไว้มันกลับล้นทะลักออกมา

ช่วงจังหวะที่โดนจูบลงที่ต้นคอมันชวนให้ผมแข็งทื่อ กลิ่นน้ำหอมของอีกคนที่ได้กลิ่นมันปลุกให้ทุกอย่างในร่างกายของสั่นสะท้านด้วยความต้องการบางอย่าง  ความต้องการที่ปกปิดเอาไว้มาตลอด วินาทีนั้นมันคล้ายกับการปลดล็อกทุกอย่างเหมือนถูกปลอดปล่อย เป็นวินาทีที่ฝ่ามือของอีกคนก็เริ่มรุกล้ำผ่านเข้าไปในขอบกางเกงสีน้ำเงินเข้มของผม

“ กูลืมกลิ่นของมึงไม่ได้เลย กูพยายามแล้วที่จะหลบหน้ามึง ไม่ยอมไปหาเมดที่โรงเรียนเหมือนทุกครั้ง แต่บอกให้มันมาหาแทน กูคิดโง่ๆว่ากูคงลืมกลิ่นของมึง ลืมสัมผัสของเราในวันนั้นได้ จนวันนี้ที่กูมาเจอมึง แล้วก็กำลังกอดมึงอยู่ตอนนี้ กูเพิ่งรู้กูไม่ได้ลืมมึงไปเลย กูแค่ ปกปิดมันไว้ก็เท่านั้น ” โดนดึงให้หันไปเผชิญหน้าอีกคนในตอนนั้น แล้วคำถามที่ไม่อยากตอบก็หลุดออกมาจากปากอีกคน “ แล้วมึงรู้สึกเหมือนกูมั้ยยีนส์ ”

“ กู ..” ผมได้แต่ก้มหน้า ในใจมันมีคำตอบอยู่แล้ว เป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดในชีวิต แต่ผมก็รู้ว่าตัวผมไม่ควรจะพูดแบบนั้นออกไป ไม่ว่ายังไง บินก็คือแฟนของเมด เค้าเป็นแฟนเพื่อนสนิทของผม

“ ไม่ต้องคิดถึงเมด ลืมเรื่องของกูกับเมดไปก่อน คิดแค่เรื่องของเรา ความรู้สึกของเรา แล้วตอบคำถามของกู ”

“ ไม่ต้องคิดถึงเมดได้ไง มึงอย่าเห็นแก่ตัวสิวะ จะให้กูลืมเมดไปได้ยังไง นั่นเพื่อนกูนะ  แค่สิ่งที่กูรู้สึกกับมึง มันก็เหี้ยพอแล้ว มึงยังจะให้กูพูดมันออกมาอีกเหรอ ว่ากูรู้สึกยังไง ” แต่ทุกอย่างก็ถูกเปิดเผยออกไปแล้ว ผมได้แต่นิ่งตอนที่มองตาอีกคน เราที่เงียบให้กันตรงช่วงเวลานั้น ผมเป็นคนเบือนหน้าหนีไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วขยี้หัวแรงๆกับสิ่งที่พลั้งเผลอพูดออกไป ในตอนนั้น ผมบอกปัดบิน “ ช่างมันเถอะ ต่อให้เรารู้สึกอะไร ก็ควรหยุดไว้ตรงนี้ แล้วมึงก็ควร..”

ประโยคที่กำลังจะพูดว่า ‘ แล้วมึงก็ควรลืมเรื่องนี้ซะ กูเองก็จะลืมด้วย ’ ถูกกลืนลงไปในคอทั้งหมด เพราะริมฝีปากของอีกคนที่แนบชิดลงมา ผมเบิกตากว้างในวินาทีนั้นและพยายามอย่างที่สุดจะเม้มริมฝีปากตัวเองเพื่อไม่ให้อีกคนได้ลึกล้ำเข้ามาดูดดื่มกับความรู้สึกได้มากกว่านี้ แรงมือที่พยายามดันมันไม่ได้ห่างไปเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งเสียงตรงหน้าประตูดังขึ้น

“ เมด มาแล้ว ปล่อยกู ”

“ ยีนส์ กูรู้สึกกับมึงนะ กู..” ยังไม่ทันได้พูดจบแต่อีกคนก็ต้องถอยออกไปยืนให้ไกลจากผมเสียก่อน เพราะประตูบานนั้นถูกเปิดออก จิงเดินเข้ามาคนแรกมันมองผมกับบินสลับกันด้วยท่าทางสงสัย แต่ก่อนที่มันจะได้รู้อะไรมากกว่านั้น เมดก็เหมือนจะช่วยชีวิตของผมไว้ด้วยการสะดุดเท้าตัวเองเกือบล้มลงจนทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหันไปสนใจมัน แล้วหัวเราะกับท่าทางเด๋อด๋านั่นก่อน

งานฉลองถูกดำเนินไปด้วยความรู้สึกสนุกสนาน เรานั่งดูรายการตลกไปเรื่อยๆ สายตาของทุกคนจดจ้องอยู่ที่หน้าจอแต่หลายครั้งที่ผมรู้สึกว่าบินมองผมอยู่ แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ช่วงเวลาพูดคุยผ่านไปเรื่อยๆ เหล้าถูกลดจำนวนลงจากที่ซื้อมา จนสุดท้ายโซฟาที่เรานั่งดูทีวีด้วยกัน ก็เหลือแค่ผมกับจิงสองคน

“ ดูนู้นสิ ” จิงเอ่ยบอกผมก่อนจะเชิดหน้าไปที่ระเบียงของห้องที่ตอนนี้ เมดกับบินกำลังยืนอยู่ตรงนั้น คนสองคนในชุดนักเรียนกำลังยืนคุยกันด้วยรอยยิ้ม “ หวานซะ ”

“ อื้ม ”

“ จะว่าไปมันก็เหมาะสมกันดีนะ ”

“ อื้ม ” ตอบซ้ำคำตอบแบบเดิม จิงก็เริ่มเอียงหน้ามองผมด้วยท่าทางสงสัย “ มองอะไรของมึง ”

“ เป็นอะไรของมึง ดูไม่เอ็นจอยเลย ”

“ นี่กูยังดูไม่เอ็นจอยอีกเหรอวะ มึงจะให้กูเอ็นจอยยังไงอี๊ก ถอดเสื้อแล้วโบกบนโต๊ะเหรอสัด ” อีกคนหัวเราะออกมาตอนที่ผมบอกแล้วส่ายหน้าไปมา เผลอหันไปมองคนสองคนที่นอกหน้าต่างอีกครั้ง คนทั้งคู่ที่หันหลังให้เรา มองไม่ออกมาแค่กำลังคุยหรือจูบกันอยู่

“ มึงว่ามันสองคนจะจูบกันเปล่าวะ ”

“ ก็เรื่องของมันเปล่าวะ แฟนกันจะจูบกันก็ไม่แปลก ถ้าไม่ใช่แฟนกันสิวะถึงจะแปลก ” ประโยคสุดท้ายที่พูดออกไปเบาๆจิงมันก็ก้มหน้าลงมามองผมเราที่จ้องตากัน

“ แต่กูว่าไม่แปลก ” ผมขมวดคิ้วกับคำพูดของอีกคน “ คนเราจูบกันไม่จำเป็นต้องแฟนกันสักหน่อย บางทีเราแค่รู้สึกชอบ แล้วก็จูบกัน ถ้ามันเป็นความรู้สึกของคนสองคนมันก็ไม่แปลกเปล่าวะ ”

“ เหรอวะ ”

“ อื้ม ” อีกคนพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองทีวีด้านหน้า ที่กำลังฉายหนังเรื่องหนึ่ง “ ถ้าจูบมันจำกัดแค่คนที่มีแฟนเท่านั้น มันก็ไม่มีคำว่า วันไนท์สแตนหรอกจริงมั้ย ”

“ มั้ง ” ตอบแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจแล้วพิงหลังลงกับโซฟาที่นั่ง ผมหันเหลือบไปมองด้านนอกนั่นอีกครั้งแล้วภาพที่เห็นก็คือภาพของคนสองคนที่กำลังจูบกัน มันไม่ใช่จูบที่ดูดดื่มอะไร แต่เป็นจูบเล็กๆที่ดูน่ารักสมกับคนที่กำลังโดนจูบ แก้มกลมที่ยกขึ้นตอนที่อีกคนผละออก เมดแก้มแดงจนลามไปทั้งหน้าก่อนที่มันจะหันไปมองทางอื่นแล้วบินก็เอื้อมมือมากอดคอเมดไว้ ก่อนจะให้เข้าไปใกล้ตัว

ภาพที่ชวนให้ผมหลับตาลงเพราะเจ็บปวดใจเกินทนไหว ผมคิดหัวเราะเยาะตัวเอง ที่เมื่อครู่ก็โดนจูบแบบนั้น แต่ต่างกันที่มันไม่ใช่ความรู้สึกน่ารักอะไรแบบนั้นเลยสักนิด เป็นแค่ความใคร่และความต้องการที่ดูไม่ได้น่ารักอะไรทั้งนั้น ผมหันกลับมามองทีวีที่ฉายอีกครั้ง

“ กูถามอะไรมึงหน่อยสิ ”

“ ว่า ”

“ ถ้ามึงแอบชอบแฟนเพื่อน แล้วมีโอกาสได้จูบกัน มึงจะทำมั้ย ” คำถามที่ทำให้ผมชาไปหมดทุกส่วน หัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะทะลุกอกนั้น ผมพยายามควบคุมให้ทุกอย่างนิ่งที่สุด ก่อนจะหันไปยิ้มแบบเบิกตากว้างด้วยความรู้สึกที่ว่า ‘ คำถามพวกนี้แม่งหลุดออกมาจากปากมึงได้ยังไง ’

“ ต้องไม่ทำสิวะ แฟนเพื่อนนะเว้ย มึงจะบ้าเหรอไอ้สัดจิง ”

“ อ้าว กูก็แค่ถามเล่นๆ กูรู้ว่าคนแบบมึงไม่ทำหรอก  ” อีกคนบอกยิ้มๆ  “ แต่คนเรา ความรู้สึกมันห้ามไม่ได้หรอกมึง รู้สึกก็คือรู้สึก แล้วถ้าเป็นกูนะ ถ้าโอกาสมันมาถึง กูจะคว้ามันไว้ เพื่อทำตามความรู้สึกของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าผิดหรือถูก ”

“ ทำไมมึงเป็นคนแบบนั้นวะจิง ” ผมถามมันเพราะไม่คิดว่าคำพูดพวกนั้นจะหลุดออกมาจากปากเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

ยอมรับว่าบางครั้ง จิงเป็นคนสุดโต่งทางความคิด มันชอบคิดอะไรที่แปลก และแตกต่าง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกเลยคือ มันเป็นคนรักเพื่อน ไม่ว่าเราผิดจะถูกยังไง จิงจะเห็นด้วยกับเราเสมอ จนเมดเคยพูดกับผมว่า บางทีแบบนั้นก็ไม่ได้ ผิดก็ว่าไปตามผิด แต่ผมก็บอกอีกคนไปว่า เพราะจิงกลัวไม่มีเพื่อนมันเลยเป็นแบบนั้น

ครั้งหนึ่งผมกับเมดเคยลงความเห็นกันว่า บางทีจิงเหมือนก็โดนกดดันจากที่บ้านมากเกินไปจนน่าสงสาร เพราะพ่อแม่คาดหวังกับทุกอย่างมันและเห็นมันเป็นแค่เครื่องประดับทางสังคมเท่านั้น ต้องเรียนเก่ง ต้องไม่ทำให้ขายหน้า มันเลยต้องพยายามมากกว่าคนอื่นจนบางทีก็เครียดไป และก็หลายครั้งที่มันชอบพูดว่า มันอิจฉาชีวิตที่ไม่ต้องถูกคาดหวังแต่ยังเรียนเก่งและนิสัยดีอย่างเมดเสียเหลือเกิน

“ คนเราทุกคนสามารถมีความสุขไม่ใช่เหรอวะ แล้วมันจะเป็นอะไรไป ถ้าเราเลือกที่จะมีความสุขสักครั้ง โดยที่ไม่ต้องแคร์ใครเลย ”

“ แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเราน่ะเหรอวะ ”

“ อื้ม ใช่ ” อีกฝ่ายตอบรับ “ เวลาที่เรามีความสุขกับคนที่เรารัก ก็มีแค่เรากับเค้าไม่ได้มีเพื่อนสักหน่อย แล้วแบบนั้นเราจะไปแคร์ทำไมวะ ”

“ กูว่ายังไงมันก็ไม่ควรอยู่ดี ยังไงก็เพื่อน ” ผมส่ายหน้าบอกอีกคน ที่ก็พยักหน้ารับคำพูดของผม

“ เอาจริงๆ มันก็ไม่ควรหรอกมึง มันเหมือนเราทำร้ายเพื่อน แต่กูแค่พูดในมุมมองของคนหนึ่งคน คนที่แอบรักแฟนเพื่อน ” ผมทำทีเป็นหันไปมองทางอื่นตอนที่อีกคนพูดออกมาแบบนั้น “ เราไม่มีสิทธิ์เลือกความทุกข์ที่ต้องเห็นเพื่อนเรารักกับคนที่ชอบก็จริง แต่ถ้าสักครั้ง ที่เรามีสิทธิ์เลือกความสุขได้ เราจะไม่คว้ามันไว้หน่อยเหรอวะ ต่อให้ผิด แต่โอกาสน่ะ มันไม่มีเข้ามาบ่อยๆหรอก แล้วพอเข้ามา ถ้าเป็นกู กูจะคว้ามันไว้ มันก็แค่ครั้งเดียวเองที่เราจะทำตามใจตัวเอง เพื่อให้เรามีความสุขบ้างจริงมั้ย ”

“ ใครแม่งคิดแบบนี้ได้ แม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลย ” ผมบอกอีกคนที่ก็ยิ้มออกมา ก่อนจะเอียงหน้างง

“ นี่มึงด่ากูเปล่าวะ ”

“ เออน่ะสิไอ้สัด ” ย้ำแบบนั้น แต่จิงก็แค่หัวเราะเสียงดังออกมา

“ แต่พวกแอบรักแฟนเพื่อนมันก็อนาจนะมึง เราเลือกไม่ได้ว่าจะไม่รู้สึกกับเค้า เราเลยยอมทุกข์อยู่แบบนั้น แล้วมองดูเค้ามีความสุข เรายอมเจ็บ แต่พอทางไหนที่จะทำให้เรามีความสุขได้บ้าง เราก็ทำไม่ได้อีกเพราะว่านั่นคือแฟนเพื่อน ทำได้อย่างเดียวเลย คือ ทุกข์ใจอยู่แบบนั้น โคตรไม่แฟร์เลยว่ะ ว่ามั้ย ”

“ คงเป็นกรรมอะ ”

“ พอทีเถอะคำพูดนี้ หาทางไม่ออก ก็โทษเวรโทษกรรมไว้ก่อน ” อีกคนบอกก่อนจะหัวเราะ

“ ก็ความรักมันเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้นะมึง ”

“ ก็เลยโทษเวรโทษกรรม ของชาติที่แล้วอะไรแบบนั้นเหรอวะ เหอะ ตลกอะ ” คนข้างผมส่ายหน้าไปมา “ คนที่มึงควรโทษ คือตัวเองที่แอบไปมีใจให้เค้า จำไว้ ”

“ ก็จริงของมึง ” กูเองก็ควรโทษตัวเองมากกว่าที่เสือกไปหลงรักคนมีเจ้าของแล้ว เลยทำให้ชีวิตที่มีมันอนาจแบบนี้

ครืน ครืน ครืน

เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งของไอ้เมดดังขึ้นขัดการพูดคุยของเรา ผมหันไปมองอีกคนก่อนที่ไอ้จิงจะหยิบเครื่องสื่อสารเครื่องนั้นไปให้เจ้าของมันที่ยืนอยู่ตรงระเบียง ผมเห็นเมดกดรับแล้วพูดอยู่สักพักก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมกับบิน

“ กูกลับบ้านละ พ่อมารับแล้ว ” อีกคนบอกแบบนั้น เราทุกคนก็พยักหน้ารับ บินลงไปส่งเมดที่ด้านล่างพร้อมกับจิงที่ก็มีคนขับรถของที่บ้านมารับแล้วเช่นกัน “ กูขอโทษ ไม่ได้อยู่ช่วยเก็บของมึงเลยไอ้ยีนส์ หรือกูโทรไปบอกพ่อก่อนดีให้รอแปปนึง กูช่วยเก็บของมึงก่อน ”

“ ไม่ต้องๆ ” ผมบอกบอกปัด “ อย่าให้พ่อมึงรอเลย สงสารเค้า มึงกลับไปกันเถอะ ของก็ไม่ได้เยอะ กูเก็บได้ ของใช้แล้วทิ้งทั้งนั้นอะ ได้ได้ล้างเยอะอะไร ”

“ เดี๋ยวกูขึ้นมาช่วยเก็บแล้วกัน ” บินที่ยืนอยู่บอกแบบนั้นก่อนจะหันมามองหน้าผมที่ก็หันไปมองหน้ามัน ในแววตานั้นที่ดูไม่มีอะไรในความรู้สึกของคนอื่น แต่แตกต่างกันในความรู้สึกของผม ราวกับอีกคนจะบอกกันว่า ‘ อีกเดี๋ยวมันจะขึ้นมาเพื่อเคลียร์ความรู้สึกระหว่างผมกับมันแน่นอน ’

“ เออ ก็ดีนะ ” เมดบอกแบบนั้นก่อนจะหันไปยิ้มให้แฟนตัวเอง มันพิจารณาหน้าอีกคนอยู่นาน ก่อนจะเอื้อมมือไปจับแก้ม “ หน้าแดงขนาดนี้ มึงเมาหรือเปล่ากูถามจริง อย่ามาอ้วกให้ไอ้ยีนส์เก็บนะ  ให้ขึ้นมาช่วยทำความสะอาดเข้าใจมั้ยคุณบิน ”

“ ไม่เมาหรอกน่าคุณเมด ”  ตอบรับแบบนั้นผมเห็นคนสองคนที่ยิ้มให้กันก่อนที่บินจะกอดคอเพื่อนผมแล้วดึงเข้าไปหอมลงที่ผมสีเข้มนั้น

“ แล้วเจอกันนะมึง ” จิงบอกผมก่อนจะยิ้มให้

ทุกคนที่เดินออกไปแต่ผมกลับไม่ได้ไปไหนไกลจากหน้าประตูตรงนั้น ในสมองของผมมันสับสน กำลังคิดทบทวนว่าต้องทำยังไงกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น แล้วในช่วงเวลานั้นผมก็ตัดสินใจไปล็อคประตูห้องของตัวเองเอาไว้

หัวใจที่เต้นแรงไม่มีหยุด หลากหลายความคิดแล่นผ่านเข้ามาในสมองของผม ฝั่งหนึ่งมันบอกกันว่า ‘ อย่าคิดที่จะเปิดประตูนี้  อย่าทำในสิ่งที่ผิด คนรักเราหาใหม่ได้ แต่เพื่อนแบบเมด จะไม่มีทางหาใหม่ได้อีก ’ แต่อีกความคิดหนึ่งก็โผล่ขึ้นมา มันเป็นคำพูดของจิงที่สะท้อนก้องอยู่ในหัวของผม ‘ โอกาสน่ะ มันไม่มีเข้ามาบ่อยๆหรอก แล้วพอเข้ามา ถ้าเป็นกู กูจะคว้ามันไว้ มันก็แค่ครั้งเดียวเองที่เราจะทำตามใจตัวเอง เพื่อให้เรามีความสุขบ้าง ’

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูที่ทำให้ผมสะดุ้งตัว ก่อนจะดังขึ้นอีกครั้งในตอนที่เห็นว่าผมเงียบไป ในใจที่อยากจะเอื้อมมือไปเปิด แต่คำพูดนึงของตัวผมมันก็ชวนให้ชะงักมือนั้น  ‘ ใครแม่งคิดแบบนี้ได้ แม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลย ’ และมันก็สลับสับเปลี่ยนกับคำพูดของจิงที่พูดอีกครั้ง ‘ มันก็แค่ครั้งเดียวเองที่เราจะทำตามใจตัวเอง เพื่อให้เรามีความสุขบ้าง ’

“ มันก็แค่ครั้งเดียวมั้ยวะ ” ผมพูดกับตัวเอง  โอกาสมาถึงแล้ว ก็แค่ครั้งเดียวที่ผมจะมีความสุขบ้าง   แล้วในตอนนั้นมือของผมก็ตัดสินใจเอื้อมไปเปิดประตูบานนั้น เพื่อให้โอกาส สิ่งที่ตอนนั้นผมเรียกมันว่าความสุขสักครั้งในชีวิตให้เข้ามา

“ กูกับมึงก็แค่เมา ตกลงมั้ย ” แล้วนั่นมันก็เป็นประโยคเห็นแก่ตัวของผม ที่เอ่ยบอกกับอีกคนในคืนนั้น

ผมเคยคิดว่าจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ที่เราจะกระทำการกอดจูบอย่างลึกซึ้งบนโซฟาหรือแม้แต่บนเตียงนอนของผม ในตอนนั้นผมคิดว่าตัวผมคงลืมไปว่า ‘ มนุษย์เรานั้นเมื่อกล้าทำผิดในครั้งแรกแล้ว ก็ย่อมต้องมีครั้งที่สองตามมา ’  แล้วครั้งสองมันจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในเช้าวันถัดมาที่เราตื่นนอน และครั้งต่อไปก็ตามเรื่อยๆ จนกระทั้ง วันที่ความจริง มันถูกเปิดเผย ไม่ต่างจากทฤษฎีที่ใครๆต่างก็รู้ดี ‘ ความลับมันไม่มีในโลก ’
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 09-11-2018 20:25:40
“ ยีนส์ ” เสียงเรียกของคนที่นอนอยู่ข้างกันในปัจจุบันเอ่ยเรียกผมที่หวนคิดถึงอดีตอยู่นาน ผมหันไปมองบินที่กำลังขมวดคิ้วใส่กัน ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงสงสัย “ เป็นอะไร กูเรียกตั้งหลายครั้ง เหม่ออะไรของมึงอยู่ ”

“ เปล่า ” ผมแค่ส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้มันแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง “ กูแค่คิดอะไรเพลินๆ ”

“ คิดอะไร ” หันถามคนที่ก็พลิกตัวหันมาหากันด้วยความสนใจ ไม่อยากจะพูดความจริงออกไปเลยทำได้แค่จดจ้องมันอยู่แบบนั้น ก่อนจะเลือกถามคำถามหนึ่งที่อยากรู้มานานแต่ไม่เคยได้ถามมันสักครั้ง

“ บิน กูถามอะไรหน่อยสิ ”

“ ว่า ”

“ ทำไมตอนม.หกมึงถึงซื้อนมช็อกโกเล็ตไปให้ไอ้เมดทุกวันเลยวะ ” คำถามที่ทำให้อีกคนนิ่งไป บินถอนหายใจออกมาก่อนจะเกาหัวตัวเองแล้วยิ้มออกมา ใบหน้าที่กำลังรู้สึกผิดของมันชวนให้ผมขมวดคิ้ว

“ เอาความจริงนะ ”

“ อื้ม ”

“ กูไมได้เป็นคนซื้อนมนั่นไปให้เมดหรอก ”

“ ห๊ะ ? ” ได้แต่อ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน  “ เดี๋ยวนะ หมายความว่ายังไงวะ มึงไม่ได้ซื้อนมไปให้มันหรอกเหรอ ไหนเมดบอกว่า มึงเป็นคนซื้อนมไปให้มันไง นี่โกหกมันเหรอ ” ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับ บินที่ยิ้มออกมาชวนให้ผมหลุดหัวเราะไม่ต่างกับมันที่หัวเราะออกมา “ ไอ้เหี้ย มึงนี่มันจริงๆเลย ”

“ ก็จะให้ทำไงได้วะ ตอนนั้นสถานการณ์แม่งโคตรบีบบังคับกู เพื่อนๆก็มุงดู ทั้งคนในโรงเรียนกู คนในโรงเรียนมึง เมดที่ถามออกมาว่า กูเป็นคนซื้อนมช็อกโกเล็ตนั่นให้มันเหรอ คือตอนนั้นกูรู้เลยไง ว่าถ้าบอกว่า ไม่ใช่ เมดมันก็ต้องปฎิเสธ แบบนั้นมันก็น่าอายสิว่ะ กูแม่งเป็นถึงนักบาสโรงเรียนนะเว้ย จะให้โดนปฎิเสธได้ไง ตอนนั้นก็เลยตอบส่งๆไปก็เท่านั้นอะว่า ใช่ ”

“ เลวจริงๆไอ้สัด ”

“ เอาจริงๆ ทุกวันนี้กูยังไม่รู้เลย ว่าไอ้นมช็อกโกเล็ตเหี้ยนั่นมันยี่ห้ออะไร รู้แค่ว่า กูแย่งมาจากเพื่อนอีกที ”

“ แย่งมาจากเพื่อนเหรอ ”

“ อื้ม ” อีกคนพยักหน้ารับ “ ก็ไอ้เอมเพื่อนในชมรมบาสของกูมันถือนมอยู่พอดี กูตอนนั้นตื่นเต้นไง ไม่ได้ถืออะไรไป เลยไปคว้านมที่มันถือมา ก็ใครแม่งจะรู้วะ ว่านมนั่นคือนมที่ไอ้เอมเพื่อนกูมันเอาไปให้ไอ้เมดทุกวันอยู่แล้ว โคตรโชคดีเลย ถึงจะเสียเพื่อนไปก็เถอะ ”

“ มึงเสียเพื่อนคนนั้นไปเลยเหรอ ” ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับ “ แต่ก็สมควรละ มึงแม่งไปแย่งคนที่มันมาจีบอยู่ตั้งนาน ”

“ ช่วยไมได้เปล่าวะ ใครบอกให้มันจีบช้าๆแบบนั้น ส่งนมให้ทุกวันโคตรปัญญาอ่อน แล้วอีกอย่างตอนนั้นกูเองก็ขายหน้าไม่ได้ด้วย ”

“ รู้อะไรมั้ย วิธีที่มึงบอกปัญญาอ่อน แต่เป็นวิธีที่มัดใจไอ้เมดไว้ได้แน่นมากเลยนะ ” บินหันมามองผมตอนที่พูดคำนั้น “ ตอนนั้นเมดมันก็มีเด็กในโรงเรียนมาจีบอยู่เหมือนกัน แต่เพราะว่ามันดันไปตกหลุมรักไอ้คนที่ให้นมมันนี่แหละ แล้วก็หวังว่าจะเจอเค้าสักวัน ก็เลยปฎิเสธคนคนนั้นไป เมดไปรอรับนมนั่นทุกวัน มันมีความสุขแล้วก็หวังที่อยากจะเจอเค้ามากๆเลยด้วย ”

“ แบบนั้นมันก็เลยตอบรับรักกู เพราะกูบอกว่า กูเป็นคนซื้อนมไปให้มันใช่มั้ย ”

“ อื้ม ”

“ โชคดีเป็นของกูจริงๆ ” อีกคนบอกยิ้มๆ

“ แต่โชคร้ายเป็นของไอ้เมด ไอ้สัด ” ผมบอกก่อนจะต่อยลงไปที่แขนอีกคนเบาๆ “ แต่พอมาคิดๆแล้วก็สงสารมันนะ ”

“ ยังไงวะ”

“ เมดเป็นคนน่ารักนะมึง ไม่เห็นแก่ตัว ชอบช่วยเหลือคนอื่น ไม่เอาเปรียบเพื่อน ไม่อิจฉาใคร นิ่งๆ เงียบๆ ถ้าเสี่ยงจะต้องมีปัญหา มันก็ชอบที่จะยอม บอกกูตลอดว่า ขี้เกียจไปสร้างปัญหา ถึงจะชอบเอาคนนั้นมานินทาเวลาไม่พอใจสุดๆ มากสุดของมันก็แค่เอามาพูดกับเพื่อนสนิทอย่างพวกกูสองคน แต่ก็ไม่เคยไปทำอะไรให้เค้าไม่สบายใจอะ ”

“ อื้ม ”

“ แล้วพอคิดว่า คนอย่างมันต้องมาเจอมึงหลอก แล้วรักมึงอยู่ตั้งหลายปีเพราะคิดว่ามึงคือคนที่ให้นมช็อกโกเล็ตนั่น ทั้งๆที่มันอาจจะได้เจอคนที่รักมันมากแล้วดูแลมันอย่างดีก็ได้ พอคิดได้แบบนั้นก็โคตรสงสารมันเลย ไหนจะเรื่องของเราที่ทำให้มันเสียใจอีกละ ”

“ มันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงหรอก ” เอียงหน้ามองอีกคนที่พูดออกมาแบบนั้น

“ แล้วตอนนี้เพื่อนของมึงเป็นยังไง เจ้าของนมตัวจริง ”

“ มันออกจากชมรมไปหลังจากที่กูเป็นแฟนกับเมดได้สักอาทิตย์มั้งแต่ก็ดีนะ ความลับกูไม่แตก ”

“ พูดจริงๆนะ ด่ามึงว่าเหี้ยกูยังสงสารเหี้ยเลยบิน ”

“ ทำไงได้วะ กูตอนนั้นขายหน้าไม่ได้นี่ ” อีกคนบอกย้ำ “ แต่จำได้ว่าตอนนั้นกูกับมันเล่นบาสทีมเดียวกันแต่ไม่คุยกันเลย แล้วตอนเล่นมันก็เสือกไม่ส่งบาสให้กูด้วย จนโค๊ชต้องเรียกถามว่ามีอะไรกัน แต่เอมมันก็ไม่พูดอะไรนะ แล้วก็ออกจากชมรมไปเลย ทั้งๆที่ตอนนั้นมันก็เป็นดาวเด่นในชมรมแล้วก็มีมหาลัยหลายมหาลัยมาติดต่อให้มันไปสอบเพื่อเป็นนักกีฬามหาลัยด้วยนะ ”

“ คงเกลียดขี้หน้ามึงมาก ”

“ แต่ล่าสุดที่กูรู้เกี่ยวกับมัน คือวันที่กูเจอเพื่อนในชมรมตอนม.ปลาย มันบอกว่าไอ้เอมไปเรียนต่อเมืองนอกไม่กลับมาเลยตั้งหลายปีแล้ว ”

“ เหรอวะ ”

“ อื้ม ” บินพยักหน้ารับมันเงียบไปสักพักก่อนจะหันมามองหน้าผมเหมือนกับคิดอะไรขึ้นมาได้ “ เออ แล้วไอ้เชี้ยนั่นมันเป็นเพื่อนไอ้อาฟด้วยนะ ”

“ อาฟไหน ? ” ผมถาม “ อาฟ แฟนไอ้เมดน่ะเหรอ ”

“ เอออะดิ ”

“ มึงพูดจริงดิ ”

“ พูดจริงๆ มันสนิทกันมากด้วยนะ เมื่อก่อนไอ้อาฟกลุ่มมันมีสามคน ไอ้เจเพื่อนมันตอนนี้ที่ทำงานอยู่ในผับ แล้วก็ไอ้เอมเพื่อนในชมรมเดียวกับกูคนที่ส่งนมให้เมด ”

“ แล้วแบบนี้ไอ้เมดมันจะรู้สึกยังไงวะ ”

“ อะไรรู้สึกยังไง ” อีกฝ่ายทำหน้างง ผมก็ยิ้ม

“ ก็ถ้ามันรู้ว่าจริงๆแล้วเจ้าของนมไม่ใช่มึง แต่มันเข้าใจผิดมาตลอด แล้วความจริงคือ เจ้าของนมนั่นเป็นเพื่อนสนิทของอาฟ คนในปัจจุบันของมัน ”

“ อย่าคิดที่จะทำอะไรเหี้ยๆ ” บินพูดแค่นั้นผมก็ได้แต่เหลือบมองมัน

“ ปกป้องจังนะกับคนนี้น่ะ รักเหลือเกินนะ ” เว้นเสียงไป ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ รักกูแบบที่มึงรักเมดบ้างสิบิน ”

“ แล้วใครบอกว่ากูไม่รักมึงละ ”

“ การกระทำของมึงมั้ง ” ผมบอกมันอีกคนก็ดึงผมเข้าไปกอด “ กูรู้นะวันที่มึงบอกว่า มึงไปหาเพื่อนที่รังสิต แต่จริงๆมึงไปหาใคร ” หันไปสบตากับบินที่ก็นิ่งไปก่อนอีกฝ่ายจะก้มลงมาหอมแก้มผม

บิน เป็นคนเจ้าชู้ ด้วยท่าทางและลักษณะนิสัยที่เข้ากับคนอื่นง่าย ผมรู้ดีอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา นอกจากเมดที่เป็นตัวจริงของมัน แล้วผมที่เป็นตัวสำรองมันก็ยังมีผู้หญิงและผู้ชายอีกเยอะแยะที่มันแอบคุยแล้วก็แอบคบด้วย มีหลายครั้งที่เมดเอาเรื่องพวกนั้นมาปรึกษาผม และอีกหลายครั้งที่ผมรู้มันด้วยตัวเอง อย่างเรื่องล่าสุดที่มันไปกินข้าวกับเด็กมหาลัยแถวรังสิตนั่น ผมก็รู้มา เพราะไอ้จิง เป็นคนเอามาบอกกัน

“ เลิกได้แล้วมั้ง มึงก็น่าจะรู้ว่ากูไม่ได้ใจดีเหมือนเมดที่จะทนมึงได้ทุกอย่างหรอกนะ ” ขู่ไปแบบนั้น แต่จริงๆ ผมก็ไม่ต่างอะไรกับเมด ที่ก็ทนมันอยู่เสมอมา แม้ทุกวันนี้จะโดนด่าว่า และถูกมองมาด้วยสายตาดูถูกยังไง ผมก็ยังไม่คิดที่จะทิ้งมันไปไหน แล้วข้อนั้น บินก็รู้ดี ว่าคำขู่ของผม มันก็เป็นแค่คำขู่ ทุกอย่างมันก็เลยเป็นแบบนี้

“ กูยอมรับว่าไปหาทางนั้นจริง ” บินพูดออกก่อนจะกดจมูกลงไปผมแก้มอีกครั้ง “ แต่กูไปเพื่อบอกกับเค้าว่า กูจะเลิกยุ่งกับเค้าแล้ว และครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่กูไปหาเค้า ”

“ อื้ม ” ผมตอบรับอีกคนด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วบินคงรู้ว่าผมไม่ได้เชื่อมัน

“ เชื่อกูหน่อย กูเลิกยุ่งแล้วจริงๆ ต่อไปนี้จะมึงคนเดียว ”

“ ถึงกูไม่เชื่อ กูก็ไม่ไปไหนจากมึงอยู่แล้ว ” หันไปบอกมันก่อนจะยื่นมือขึ้นไปประคองใบหน้านั้น เงยหน้าขึ้นจูบบนริมฝีปากของอีกคน “ แต่วันไหนที่กูหมดความอดทนขึ้นมา จำไว้ว่ามึงก็รั้งกูกลับมาไม่ได้เหมือนกัน ”  อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรเราทำได้แค่กอดกันไว้แบบนั้น

ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเรามันอยู่ในรูปแบบไหน มันเป็นแบบนี้มานานแล้วจนผมเริ่มชินชา ไม่รู้จะเรียกว่า รัก  ผูกพัน หรือแค่เหงา ต้องการ หรืออะไรสักอย่างผมไม่ใจ แต่เราอยู่ด้วยกัน กับความรู้สึกพวกนั้นมาตลอด อยู่ด้วยกัน กับความเข้าใจที่ว่า ผมเป็นรองเมด เรื่องนี้คือความลับ และอีกคนเป็นคนเจ้าชู้ที่ถ้าทนได้ก็ทน ทนไม่ไหวก็ไป แต่จะให้ไปไม่ได้ไปมันก็อีกเรื่อง ไม่ได้จำกัดความรู้สึกชัดเจน แม้กระทั้งตอนนี้ ก็ยังเป็นเหมือนวันนั้น แค่ขยับฐานะขึ้น มาเป็นที่หนึ่งแทนเมด 

“ แล้วเรื่องของเมด ถ้ามึงคิดจะทำอะไร กูขอนะ อย่าไปทำอะไรมัน ” ผมหันไปมองอีกคนยิ้มๆตอนที่บินพูดแบบนั้นท่ากลางเราที่เงียบไปนาน

“ ทำไมวะ ? มึงกลัวว่าเมดจะรู้ความจริงเหรอ เรื่องมึงไม่ใช่เจ้าของนมนั่น ”

“ แล้วมึงคิดว่า ถ้ามันรู้ความจริงกูจะได้อะไรละ ”

“ เมดก็จะเกลียดมึงไง ”

“ ตอนนี้มันก็เกลียดกูอยู่แล้ว แต่กูแค่ไม่อยากจะให้มึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับไอ้เมดอีก หยุดได้แล้ว มึงจะไปหาเรื่องมันอีกทำไม มันก็อยู่ของมันนิ่งๆ ”

“ มึงคงไม่เห็นตอนที่มันขึ้นไอจีตอบกลับกูสินะ ”

“ แต่นั่นเพราะมึงไปทำมันก่อนไม่ใช่เหรอ ” บินก้มลงมามองผมตอนที่เงยหน้าขึ้นไปมองมันพอดี ในแววตานั้นผมรู้ดีว่าไม่มีวันเข้าไปแทนคนที่อยู่ในใจมันอย่างเมดได้ไม่ว่านานเท่าไหร่ บินอาจจะรักผม แต่มันรักเมดมากกว่า แล้วผมก็ต้องเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งที่สองแบบนี้ไปตลอด

“ ถามอะไรสักอย่างสิมึง ”

“ อะไร ”

“ ถ้าวันหนึ่ง มึงต้องเลือกระหว่างกูกับเมด มึงจะเลือกใคร ”

“ ไม่มีทางได้เลือกหรอก ” อีกคนพูดยิ้มๆ “ เพราะเมดมันจะไม่มีกลับมาหากูอีกแล้ว ”

“ ใครจะรู้ ”

‘ อะไรที่เราคิดว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ มันอาจจะเป็นไปได้เสมอ ’  ในชีวิตผมคิดแบบนี้อยู่ตลอด ขนาดเรื่องผมกับบินที่เมดยังคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันยังเป็นไปได้ แล้วทำไมเรื่องอื่นที่คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันจะเกิดขึ้นไม่ได้

“ แต่ที่กูขอมึงเรื่องเมด เพราะกูอยากจะให้เราเลิกยุ่งกับเมดได้แล้ว เราอยู่ของเราดีกว่า ก็ปล่อยเมดให้อยู่ของมันไป ถ้ามึงทำได้ ทุกอย่างมันก็จบแล้ว มึงจะไปหาเรื่องกันอีกทำไม มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย ”

“ กูถามจริงนะ ขอถามมึงจริงๆ ที่มึงไม่หยุดพูดเรื่องนี้ ทั้งๆปกติเวลามึงเตือนอะไรกู มึงจะพูดครั้งเดียว มันเป็นเพราะเมดเปล่าวะ ทำไมอะ ? มึงกลัวมันเสียใจเหรอ ถ้ามันรู้ความจริงเรื่องทั้งหมด ”

“ ใช่ แล้วมึงไม่สงสารมันบ้างเหรอ มันเป็นเพื่อนมึงนะยีนส์ ” คำพูดที่ทำให้ผมนิ่งไป “ ไหนมึงบอกว่ามันเป็นเพื่อนที่น่ารัก ไม่เอาเปรียบใคร ช่วยเหลือคนอื่น แล้วทำไมวันนี้มึงถึงจ้องจะทำร้ายมัน เหมือนมันทำร้ายให้มึงเจ็บ แล้วก็เป็นเพื่อนที่เหี้ยแบบไม่มีข้อดีขนาดนั้นวะ หรือทุกอย่างมันเป็นเพราะกู ” หันหน้าไปอีกทางตอนที่บินพูดแบบนั้น

 ก็จริงอย่างที่อีกคนพูด มันถูกต้องทั้งหมด ผมหวนถามตัวเองในวินาทีสั้นๆนั่นเช่นกันว่า ทำไมวะ .. นั่นสิ ทั้งๆที่เมดเป็นเพื่อนที่ดีมาตลอด แต่ทำไมผมเองถึงจ้องที่จะทำร้ายมันอยู่ตลอดเวลาด้วย มันเพราะอะไรวะ เพราะอิจฉามันงั้นเหรอ อิจฉาที่มันมีความสุขกับคนที่มันรัก ผมเลยอยากจะให้รักมันพังเหมือนที่ผมกำลังรู้สึกว่ารักของตัวเองมันไม่ได้เป็นอย่างที่ใจคิด ผมรู้สึกอยากให้มันเป็นขี้ปากชาวบ้านอย่างที่ผมเป็นบ้าง อยากให้ใครต่างก็มองมันด้วยท่าทางรังเกียจ ไม่ใช่สงสารแล้วเห็นใจแบบนี้ หรือเพราะว่า ผมคิดอยู่ตลอดว่าบินรักเมด ผมเลยรู้สึกเกลียดมันอยู่แบบนี้

“ ถ้ามันเป็นเพื่อนที่ดีกับมึง อย่างที่มึงบอกกูจริงๆ เพื่อเพื่อนที่ดีคนหนึ่งในชีวิตของมึง ปล่อยมันไปเถอะ อย่างที่มันพูดขอร้องมึงไง ว่าต่อไปนี้ให้คนต่างอยู่ได้มั้ย มึงทำให้มันเถอะ ตอบแทนความเป็นเพื่อนที่ดีของเมดที่ตลอดทั้งชีวิต มันให้มึงมาตลอด ”

“ แล้วมึงละ ”

“ กูทำไม ”

“ ไม่อยากจะได้เมดกลับมาเหรอ ” คำถามทีทำให้คนฟังถอนหายใจออกมา บินมองหน้าผมอยู่สักพักก่อนจะยิ้มแล้วก็ตอบ

“ ถ้าถามว่าอยากได้กลับมามั้ย ตอนแรกที่มันบอกเลิกกูที่ใต้คอนโด เมดพูดคำหนึ่งกับกู มันบอกว่าถ้ารักมันจริงๆอย่างที่พูดก็ขอให้ปล่อยมันไป ตอนนั้นกูคิดว่า ‘ อื้ม ก็จะทำให้อย่างที่ขอ ’ แต่พอกูมาเจอมันอีกครั้งที่โรงพยาบาลสัตว์ กูเห็นมันมีความสุขอยู่กับน้องชายไอ้อาฟ กูเห็นมันโดนดูแล โดนเอาใจ ทั้งๆที่มันเป็นแค่น้องไอ้อาฟ แล้วลองคิดดูว่าถ้าเป็นไอ้อาฟมันจะดูแลขนาดไหนวะ พอคิดแบบนั้น กูแม่งก็รู้สึกว่ากูอยากทำอะไรแบบนั้นบ้าง กูอยากกลับไปดูแลเมด กูอยากอยู่กับเมด กูเลยตัดสินใจไปหามันที่ throw up กูคิดโง่ๆว่า กูเหนือกว่าไอ้อาฟทุกอย่างเมดต้องกลับมาหากูแน่นอน ” อีกคนยกยิ้มราวกับกำลังจะหัวเราะตัวเอง

“ แล้วนั่นแม่งก็เป็นความคิดที่โง่ที่สุดในชีวิตกูเลย ตอนที่กูได้เจออาฟที่นั่น กูพูดโอ้อวดทุกอย่างทั้งๆที่กูไม่มีอะไรเทียบมันได้สักอย่างเดียว อาฟมีมากกว่ากู ให้ได้มากกว่ากู มันทั้งรัก แล้วก็ปกป้องเมด ผิดกับกูที่แม้ตอนนั้นอยากได้เค้ากลับมา แต่กูกลับพูดให้ร้ายเค้า แล้วพอสุดท้ายกูเจอเมด สิ่งที่กูเห็นจากแววตานั้น คือเมดที่ไม่ได้มองกูเลย มันมองแค่ไอ้อาฟเท่านั้น มันยิ้ม แล้วมันก็หัวเราะให้กับไอ้อาฟ เมดดูมีความสุขโดยที่ไมได้หันมามองกูเลยสักนิด แล้วตอนนั้นมันก็ทำให้กูได้รู้ ว่าเมดไม่ได้รักกูอีกแล้ว คืนนั้นก็โดนพาตัวออกจากผับ กูเข้าไปนั่งในรถตัวเอง กูนั่งอยู่นาน แล้วกูก็คิดถึงคำพูดของเมด ‘ ถ้ารักกันจริงๆ ก็ขอให้ปล่อยมันไป ’ แล้วกูก็ควรทำแบบนั้นไม่ใช่เหรอวะ ในฐานะที่ครั้งหนึ่ง เมดเคยเป็นแฟนที่ดีมากๆ แล้วกูก็ควรปล่อยให้เค้าได้รักกับคนที่มันเหมาะสมแล้วก็รักเค้าจริงๆ ”

“ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของมึง ” บินยกยิ้มตอนที่ผมพูด มือหนานั่นเอื้อมขึ้นมาลูบหัวผม “ แต่บางทีมึงแม่งก็โคตรใจร้ายนะบิน กล้าสารภาพกับกูตรงๆว่าอยากได้ไอ้เมดกลับมาทั้งๆที่ ตอนนี้กูก็อยู่กับมึง นี่ถ้าเมดกลับมาจริงๆ มึงจะทิ้งกูใช่มั้ย ”

“ คงงั้น ”

“ ก็เหี้ยดี ” บอกอีกคนก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วหันไปมองทางอื่น

“ เราไม่มีอะไรที่ต้องโกหกกันนี่ มึงรู้จักกูดี แล้วมึงก็รู้คำตอบพวกนั้น แล้วจะให้กูโกหกมึงทำไม ” บินจับไหล่ผมก่อนจะดึงให้นอนราบลงกับเตียง ร่างสูงที่พลิกตัวขึ้นมาค่อมทับร่างของผม บินเริ่มกอดและจูบพลางใช้มือข้างนึงสอดเข้าไปใต้เสื้อที่ผมสวมใส่ ก่อนจะกระซิบข้างหูผมในตอนนั้น “ ปล่อยเมดมันไปเถอะ เรามาใช้ชีวิตของเราดีกว่า ”

ช่วงเวลาบ่ายโมงภายโต้ต้นไม้ใหญ่โต๊ะหน้าคณะที่ผมกำลังนั่งอยู่ มันไม่ถึงกับเงียบเชียบแต่ไม่เสียงดังมากมายจนรู้สึกรำคาญ สายตาของผมไล่ไปตามตัวอักษรของหนังสือที่กำลังอ่านทบทวน ข้างๆเป็นไอ้จิงเพื่อนสนิทที่เหลือเพียงคนเดียว และตอนนี้มันกำลังพักสายตาด้วยการเล่นไอแพตของตัวเอง

“ ไอ้เมดอัพไอจีอีกละ ” อีกคนบอกผมก็เงยหน้าจากหนังสือที่อ่านขึ้นไปมองอีกคนที่ก็ยื่นภาพนั้นจากจอไอแพตให้ผมดู “ ขนมปังเนยโสด แต่คนกินไม่โสดแล้วนะครับ วิ้ววว ” จิงอ่านออกเสียงสำหรับแคปชั่นในภาพนั้น ภาพที่ไม่ใช่ภาพของเมด แต่เป็นภาพของอาฟแฟนมันที่กำลังคาบขนมปังเนยสดของร้านดังอยู่ในปากด้วยท่าทางที่นิ่งจนแทบดูไม่ออกว่า อร่อยหรือไม่อร่อย เป็นภาพอีกภาพนึงที่ถ้าไม่อคติก็รู้สึกว่าน่ารักดี

“ มึงไปกดไลค์มันอีกอะดิ ”

“ ไม่อะ รอบที่แล้วแค่เผลอมือมันไปโดนแค่นั้น ” ผมพยักหน้ารับ “ มีคนเม้นท์ถามมันด้วย ว่าตกลงอร่อยหรือเปล่า เพราะหน้าแฟนมันดูเหมือนไม่อยากจะแดกเท่าไหร่ ”

“ แล้วไอ้เมดว่าไง ”

“ มันบอกอร่อย ไอ้อาฟกินไปตั้งสามชิ้น ” จิงเงยหน้าขึ้นบอกผม “ แต่ไอ้เมดมีอะไรบ้างที่ไม่อร่อย เชี้ยนั่นแม่งก็อร่อยทุกอย่าง ”

“ ก็จริงของมึง ”

“ จำตอนสมัยปีสองที่เราไปทัวร์กินที่วังหลังได้มั้ย ”

“ จำได้ ไอ้เชี้ยเมดถึงขั้นต้องซื้อกระเป๋าผ้าแล้วแบกของกินกลับบ้าน มันเคี้ยวไม่หยุดปาก แดกจนปวดท้องเพราะจุก ” ผมกับจิงหลุดยิ้มให้กัน ก่อนอีกคนจะหันกลับไปมองภาพนั้นแล้วพูดขึ้นมา

“ กูถามอะไรมึงหน่อยสิ ”

“ ว่า ”

“ มันเป็นไปได้เหรอวะที่เมดมันจะลืมบล็อกไอจีเก่าของเราแบบนี้ทั้งๆที่มันก็น่าจะจำได้ว่าเรามี ไอจีลับที่ฟอลมันไว้อีกคนละอัน ” ผมหันไปมองหน้าจิงที่ก็เอียงหน้าถามกันยิ้มๆ “ กูว่ามันเหมือนจงใจ ยังเหลือไว้ให้เราได้เห็น ว่ามันมีความสุขมากแค่ไหนกับไอ้อาฟ ”

“ มันอาจจะลืมจริงๆก็ได้ เราก็ไม่ได้เล่นไอจีนี้นานมากแล้วนะมึง ”

“ เหรอวะ ” จิงพูดแบบนั้นก่อนจะพยักหน้ารับ

“ กูว่าเราเลิกสนใจมันเถอะ เราควรทำตามที่มันขอร้อง ” ผมเว้นเสียงไปก่อนจะหันไปมองคนข้างๆ “ อย่างที่เมดบอก ต่างคนต่างอยู่น่าจะดีที่สุด ”

“ อะไรที่ทำให้มึงคิดแบบนี้วะ ”

“ บินบอกว่าให้กูเลิกยุ่งกับเมดได้แล้ว ปล่อยมันไป แล้วก็ใช้ชีวิตของเราดีกว่า ”

“ แล้วที่มันพูดแบบนั้นไม่ใช่ว่ามันยังรักเมดอยู่หรอกเหรอวะ ” ผมหันไปมองจิงที่พูดสิ่งที่อยู่ในใจของผมออกมา

“ มึงก็คิดแบบนั้นเหรอ ”

“ แล้วไอ้บินมันพูดอะไรกับมึงบ้างละ ”  คำถามนั้นชวนให้ผมเล่าทุกอย่างออกไปในคำพูดของบินทั้งหมดที่พูดกับผมเมื่อวันก่อน จิงที่นั่งฟังเงียบๆ มันพูดขึ้นหลังจากที่ผมพูดจบ “ กูว่ามันก็แค่ยังรักเมด ก็เลยต้องปกป้องเมดจากมึง หรือว่ามึงไม่คิดแบบนั้น อย่าโกหกกูเลย กูรู้ว่ามึงรู้สึก มึงเองก็ยังคิดว่าบินยังรักไอ้เมดอยู่ ” 

“ อื้ม กูคิด ” พยักหน้ารับคำพูดของอีกคนก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แต่มันก็ควรหยุดได้แล้วหรือเปล่าวะ ไอ้เมดมันก็ไม่ได้มายุ่งอะไรกับเราอีกแล้ว มันก็อยู่ของมัน มีความสุขของมัน กูว่ามันควรจะพอได้แล้ว แบบที่บินว่า ”

“ เกิดเป็นเมดแม่งก็โชคดีนะมึงว่ามั้ย มีแต่คนปกป้อง ”  ผมนิ่งตอนที่อีกคนพูดแทรกขึ้น “ ขนาดไอ้บินที่ตอนนี้เป็นแฟนมึงแล้ว ยังปกป้องเมดมากกว่ามึงเลย ถามจริงๆเถอะวะ มันเคยปกป้องมึงจากคนที่นินทา หรือจากสายตาของคนอื่นแบบที่มันปกป้องไอ้เมดบ้างมั้ยวะ ”

ได้แต่หลับตาลงตอนที่ฟังคำพูดนั้น ผมถอนหายใจเพราะตัวเองไม่มีคำตอบ ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปในตอนนั้น มันก็จริงอยู่ที่อีกคนพูด ผมไม่เคยถูกปกป้องเลย ไม่เคยมีใครสงสาร ทุกสายตาที่มองมา มีแต่ความเกลียดชังและสมเพชตัวผม และเพราะแบบนั้น บินกับผมในตอนนี้เลยเลิกที่จะนั่งกินข้าวด้วยกันที่มหาลัย เราห่างกันมากขึ้น และตัดสินใจกินข้าวแค่ในห้อง หรือร้านอาหารข้างนอก เพื่อหลบเลี่ยงสายตาด่าทอของใครๆ ก็อย่างที่เมดเคยบอก ที่นี่ เค้ารู้จักผมในชื่อของ ‘ ยีนส์บัญชีคนที่แย่งแฟนเพื่อน ’ เท่านั้น

“ ถึงมึงจะเหี้ยที่เอากับแฟนเพื่อน แต่ก็ใช่ว่ามึงจะต้องไม่ได้รับการปกป้องนะยีนส์ ” จิงบอกผม “ กูว่าบินมันควรปกป้องมึงมากกว่าเมดไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมึงต้องยอมฟังคำสั่งบิน เพื่อตอบรับการปกป้องไอ้เมดจากไอ้บินด้วยวะ ”

 “ มึงคิดว่าเมดเป็นเพื่อนที่ดีมั้ยวะจิง ” ผมถามอีกคนที่ก็นิ่งไป “ ตั้งแต่เด็กจนโตที่เรารู้จักกันมา มึงคิดว่าเมดมันเป็นเพื่อนที่ดีมั้ย ”

“ ก็.. ก็ดี ” อีกฝ่ายพูดเสียงเบา ผมก็พยักหน้ารับ

“ นั่นคือคำถามของบิน ตอนที่ขอร้องให้กูเลิกยุ่งกับเมด กูมานั่งคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา มันเป็นเพื่อนที่ดีของกูคนหนึ่ง แล้วกูก็ควรหยุดได้แล้ว ควรหยุดอย่างที่มันขอ หยุด เพื่อตอบแทนความเป็นเพื่อนที่ดีของมัน ชีวิตมันน่าสงสารพอแล้ว ”

“ ยังไงวะ ”

“ บินไม่ใช่คนที่ให้นมช็อกโกเล็ตนั่นกับมัน ไอ้บินโกหกมัน แล้วคนที่ให้จริงๆ คือเพื่อนสนิทไอ้อาฟ ที่ตอนนี้เป็นแฟนมัน แล้วมึงลองคิดดูสิ ตอนนั้นเมดที่ทนไอ้บินมาตลอด เพราะคิดว่าไอ้บินให้นมช็อกโกเล็ตขวดนั้นกับมัน มันจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่าความจริงแล้ว บินก็แค่โกหกมัน ”

“ แล้วมึงไม่คิดบ้างเหรอ ว่าสิ่งที่ไอ้บินมันกำลังปิดบังอยู่มันไม่ได้กลัวไอ้เมดเสียใจหรอก มันแค่กลัวว่าเมดจะเกลียดมันก็เท่านั้น เพราะสิ่งเดียวที่เมดยังรู้สึกดีกับมัน นั่นก็เพราะ เมดคิดว่า บินเป็นเจ้าของนมนั่น ” จิงเอื้อมมือมาจับไหล่ผม มันกระซิบ “ บินมันก็แค่ยังรักเมดเท่านั้นแหละ มันเลยยังปกป้องเมดแล้วก็ปกป้องตัวมันในความทรงจำของไอ้เมด แล้วมึงคิดดีแล้วเหรอวะ ที่จะปล่อยให้มันเป็นแบบนั้น ความทรงจำดีๆ ก็เหมือนกับความรู้สึกดีๆ ถ้ามันยังอยู่ มันก็มีสิทธิ์กลับมา แล้ววันนั้นมึงคิดว่า บินจะเลือกมึงเหรอ ไม่ทางหรอก ยังไงมันก็เลือกไอ้เมด ”

“ มึงคิดจะให้กูทำอะไรมันกันแน่วะจิง ” ผมหันไปถามอีกคน จิงมองผมด้วยแววตาที่เหมือนจะยิ้มแต่ทว่าสีหน้านั้นกลับเรียบเฉยไร้อารมณ์ใด

“ ถ้าเป็นกู กูจะบอกเมด เรื่องความจริงที่ไอ้บินไม่ใช่เจ้าของนมนั่น ”

“ แต่ไอ้เมดมันจะเสียใจมากนะ เพราะตลอดเวลาที่มันทนไอ้บินได้ขนาดนั้นก็เพราะมันคิดว่า ไอ้บินซื้อนมนั่นให้มัน มันคิดว่าไอ้บินรัก แล้วพยายามเพื่อมัน.. ”

“ หรือมึงจะยอมเสียใจเองละยีนส์ ” จิงพูดขัดผม “ ถ้าสักวันหนึ่งเมดกลับมารักกับบิน มึงเองก็คือคนที่ถูกทิ้งนะ เมดเสียใจไม่ใช่มึงเสียใจสักหน่อย แล้วมันควรขอบคุณมึงด้วยซ้ำ ที่ทำให้มันรู้ความจริง ” ผมเงียบในตอนนั้นตัวเองก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา “ มึงบอกว่าเมดเป็นเพื่อนดี เพราะงั้น เราก็ไม่ควรให้มันเข้าใจผิดอยู่แบบนี้หรือเปล่าวะ ”

“ แต่ว่า ”

“ ลองคิดดูให้ดี ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เมดจะเกลียดบินและยิ่งไม่อยากจะยุ่งไอ้บินอีก มึงก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเหลือเหยื่อใยดีๆให้กัน ต่อให้มันเลิกกับไอ้อาฟมันก็ไม่มีวันจะกลับมารักกัน เมดเองมันก็จะได้เลิกเข้าใจผิดสักที ถึงมันจะเสียใจมากก็เถอะ แต่นั่นก็ไม่ใช่มึงปะ ”

ในเสี้ยววินาทีนั้นผมคิดขึ้นมาได้ว่า ‘ เมดจะเกลียดผมได้มากกว่าที่มันเป็นอยู่หรือเปล่า ’

...............................................................................

ไม่รู้ว่าเมดจะเกลียดยีนส์มั้ย แต่ที่รู้ เราเกลียด
เป็นตอนที่เขียนด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจมาก น้องเมดไม่ได้ออกฉากเลย แค่พูดถึง แต่กลับสงสารน้องเมดมาก แล้วก็สงสารยีนส์ในมุมมองหนึ่ง เราตัดสินใจนานมากกับการจะเขียนพาสของยีนส์ เพราะรู้สึกว่า คนอ่านคงไม่อยากอ่านหรอก  ตอนแรกคิดว่าจะไม่เขียนด้วย จะเขียนในมุมมองคนอื่นแทน แต่เราคิดว่า การมองผ่านมุมมองของยีนส์จะทำให้ทุกคนเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น มากกว่าใครๆ ( หนมคิดว่างั้นนะ )
 

สุดท้ายนี้ ขอฝากไว้ว่า “ คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณทิตพาไปหาผล

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ เจอกันตอนหน้าจ้า ตัวเธอว์

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 09-11-2018 20:45:16
ตกลงจิงน่าจะร้ายกว่ายีนส์นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-11-2018 20:59:11
จิงนี่คือตัวเสี้ยมเลยอ่ะ ตั้งแต่แรกเลยจนถึงตอนนี้ยีนส์จะไม่บอกเรื่องนมแต่จิงก็ยังเสี้ยมให้บอกอยู่นั่นแหละ ยีนส์ก็คิดเองบ้างดิก็พูดเองว่าเมดเป็นเพื่อนที่ดี อย่าทำร้ายเพื่อนซ้ำๆ ต่างคนต่างอยู่ จบนะ  ส่วนจิงต้องมีปมอะไรซักอย่างแน่เลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 09-11-2018 21:02:35
โอ้โห~~~ คดีพลิก!!
คือบินกับยีนส์ก็ไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว
แต่จิงนี่ยิ่งกว่า!! หาความจริงใจใดๆ ไม่ได้เลย ผู้ร้ายตัวจริงที่แท้ทรู!!

คนที่เสี้ยมยืมมือคนอื่นทำให้อีกคนเจ็บใจและสูญเสีย ไม่ควรมีที่ยืนจริงๆ อ่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-11-2018 21:08:15
ตอนแรกยังคิดว่าจิงยังพอหลงเหลือความเป็นเพื่อนให้เมดนะแต่อ่านพาสยีนส์แล้วกลายเป็นว่าจิงคือคนที่เรียกได้ว่ายุให้ยีนส์เหี้ยกับเมดอ่ะ พูดชี้ทางให้ยีนส์แอบแดกแฟนเพื่อน นี่ยังพูดชี้ทางให้ยีนส์ฟ้องเมดเรื่องที่บินไม่ใช่เจ้าของนมอีก
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 09-11-2018 21:14:41
สารภาพเลยว่าไม่ได้ตอนแรกๆเลย กลัวรับไม่ได้ กลัวอินจนคิดมากอีก เพราะเคยอินจนปวดหัวมากๆกับตอนที่ยีนส์พูดแย่ๆใส่เมดว่าเมดดีเกินไปเลยไม่มีใครทนได้
มาครั้งนี้เลือกอ่านเมเนก่อน แล้วค่อยๆอ่านจากล่างขึ้นบน55555555สุดท้ายก็อ่านจากล่างได้นิดเดียวจริงๆไม่กล้าอ่านต่อ เพราะทนไม่ได้55555
หมดคำพูดกับคนแบบจิง ยีนส์ บินแล้วอ่ะ ก็ให้ชีวิตอย่าเจออะไรแบบนี้เลย555555555555555 อยากดูบทเรียนราคาแพงของ3คนนี้อ่ะ โดยเฉพาะจิง ควรต้องซมซานมาขอโทษเมดอ่ะแล้วโดนอิอาฟกระทืบซ้ำ :fire:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 44 :: up! 2-11-61} #หน้า 40
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 09-11-2018 21:25:02
หูยยยย จิงสินะที่ร้ายลึก!!
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวซะเองเลย ไม่ต้องลงมือทำอะไร แค่ยุเบาๆ แถมยุมาตลอด ...

เมื่อเมดรับรู้ เมดจะได้ไม่หวนคืนหาบินหากเลิกกับอาฟ ยีนส์กลัวแค่ตรงจุดนี้ ...

ส่วนยีนส์ ตกเป็นเครื่องมือของจิง ลงมือทำร้ายเมดอีกครั้ง ไม่ฟังบินแม้จะคิดได้ ลืมไปว่าจะส่งผลกับตัวอย่างไร แค่อยากเป็นที่หนึ่ง อิจฉานี่แหละตัวดี ...

สำหรับจิง เธอคงเสร็จบินไปแล้ว เธอร้าย เธออยู่เบื้องหลัง เธอจิตมาก นี่กับคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อนนะ เราว่าวิธีคิดแบบนี้ไม่เรียกสุดโต่ง และไม่ควรเรียกว่าเป็นคนรักเพื่อนด้วย ไม่ใช่เลย!! ...

แด่เอม กลายเป็นคนที่มาจีบเมดไปซะแล้ว! เรารออยู่นะว่านายจะกลับไทยเมื่อใด เอมผู้ไขปริศนา ...

อาฟ ถึงวันนั้น เชื่อว่าจะอยู่ข้างเมด คอยอยู่ข้างๆ
อย่างแน่นอน อาฟรักของอาฟ อาฟดูแลได้อย่างดี อาฟจะไม่ปล่อยมือ ว่าแต่ อาฟจะกล้าบอกความจริงไหมเมื่อวันนั้นมาถึง ...

เมด แค่ผิดหวังที่ถูกหลอกก็พอนะ อย่าได้เสียใจ สงสารอาฟ รู้ความจริงเมื่อไหร่เมดจะดีใจ และจะรักอาฟมากขึ้นอีกเยอะ ...
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 09-11-2018 21:34:27
 :m31: โกรธมากกกก ทำไม่จิงเป็นคนที่แย่แบบนี้....  :m31: แล้วนี่ก็นะ... ถ้าน้องโดนทำร้ายจิตใจอีด อาฟก็จะให้น่องเฉยๆอีกเหรอ....   :ling1:  :ling2:  :ling2: คือพาน้องไปบวชไหมมม ถ้าจะเย็นได้ขนาดนี้  :m16:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-11-2018 21:38:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-11-2018 21:38:51
โอโหห พลิกล๊อคกันน่าดู ถล่มทลาย อิอิ จิงคือผู้ร้านตัวจริง :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-11-2018 21:53:55
คือเห็นมาอัพตอนใหม่ กดเข้ามาก็ไถอ่านคห. ก่อนอ่าน

ละคือ จ้าาาา  :z6: จิง! สุดยอดจริงๆ ดีที่อ่านคห.ก่อน

ไม่งั้นหัวร้อนค้างแน่ๆ อ้อหอ ไม่กล้าอ่านเลยค่ะสารภาพ

ขอดองไปอีกตอนนะ แบบรอให้ผ่านพวก 3 คนนี้ก่อน

หัวร้อนมาก ขนาดแค่ยีนส์ก่อนๆ หน้ายังหัวร้อนจนปวดหัว

เจอจิงไปนี่เราคงไมเกรนขึ้น ขอดองค่ะ 555 ขอผ่านก่อน

แต่มาเม้นให้กำลังใจผู้แต่งค่ะ เขียนดีละเกิน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-11-2018 22:22:54
โอ๊ะโอ...........จิง เลวที่สุดที่แท้ทรูจิงๆ
สรุปเพื่อนรักร่วมกลุ่มของเมด มีความดำมืดในจิตทั้งยีนส์ ทั้งจิง  o22 o22 o22
เมด ใสซื่อสุด เป็นนางฟ้าเลย  :mew1:
บิน ไม่ใช่มีแค่เมด ยีนส์ ยังมีทั้งชายหญิงอีกเพียบ  :serius2:
ตอนนั้นทำไมทั้งเมด ทั้งยีนส์ยอมรับได้นะ เพราะรักเหรอ  :fire:
รักเราแต่มั่วเซ็กส์ไปหมด ส่ำส่อนอย่างนี้มันเอาเปรียบ เห็นแก่ตัวสัดๆ  :z6:
แล้วจิงจะแค่เสี้ยมแค่นั้นหรือ ไม่ใช่ถูกบินกินเรียบไปแล้วแต่ไม่เปิดเผยนะ   :m20: :laugh:

เอม แน่มาก ตัดเพื่อนกับบินไปเลย  :katai2-1:
จิงแนะนำยีนส์ เพื่อให้เรื่องมันแตกร้าวกันไปอีก
แต่ก็ดีนะความลับสมควรเปิดเผยแล้ว ตัวจริงฝังเก็บเงียบลึกสุดๆซะ   :z3:

อาฟ  เมด  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 09-11-2018 22:27:54
จิงเป็นคนที่นิสัยไม่ดีมากๆเลย อยากจะบอกเมดกันนักใช่ไหม บอกไปเลย ดีซะอีกเมดจะได้รู้ซะทีว่าแท้ที่จริงอาฟตางหาก แต่ก็นะ อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ อาฟพวกนั้นไม่หยุดที่จะทำร้ายเมด คงต้องให้อาฟให้บทเรียนคนพวกนั้นบ้างแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 09-11-2018 22:49:57
สรุปแล้วจิงเหี้ยสุด

ปั่นทุกทาง
เผลอๆ นางก็ชอบบิน แล้วรอยที่คอตอนก่อนหน้านั่น ก็อาจจะเป็นของบิน

พออ่านพาร์ทยีน นี่เข้าใจยีนมากขึ้นนะ .. และได้รู้สันดานจิงเพิ่มมากขึ้นด้วย ว่านางคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง

แต่นี่คิดว่าให้ยีนบอกเรื่องนมผิดกล่องก็ดีนะ
บางเรื่องหรือหลายๆ เรื่อง อาจจะเฉลยความจริงตอนนั้นเลยก็ได้

อดใจรอทิตหน้าไม่ไหวแล้วอ่ะ
ไม่น่าแวปมาอ่านก่อนเลย
โคตรค้าง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 09-11-2018 23:06:23
ว่าแล้วสงสัยจิงมาแต่แรกแล้วตัวเสี้ยม
ยืมมือยีนต์ทำลายเมดตัวอิจฉาเงียบๆ
แปลกๆทำตัวง้อเมดตลอดเวลาให้เมดมองดูตัวเองเป็นกลางทำให้เมดมองยีนต์เลวแต่เมดกลับเกลียดทั้งคู่นี่ยังสงสัยอยู่นะว่าน่าจะนอนกับบินแล้วด้วย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-11-2018 23:15:31
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 09-11-2018 23:16:20
จิงเป็นแบบนี้เราเลยรู้สึกว่า...จริงๆแล้วจิงกับบินนี่มันต้องมีอะไรแน่ๆ
ยิ่งถ้ายีนส์บอกเมดไป...เราว่าบินต้องไม่โอเคแน่ๆ แล้วสุดท้าย...บินคงมาอยู่กับจิงอ่ะ ไม่ใช่ยีนส์

อยากจะบอกว่า...พี่เอ๊มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม กลับมาได้แล้ววววววววววว~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 09-11-2018 23:20:31
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ชอบพาร์ทนี้มากเอาจริงๆ คือพี่ขนมเขียนพาร์ทนี้ดีมาก

ดีใจที่มีพาร์ทของยีนส์อ่ะ อยากรู้มานานแล้วว่า เพราะไรวะอยู่เอาผัวเพื่อนไปกิน เห้ย มันใช่หรอวะยังไง ไหนที่ไปที่มา
นั่น...แล้วมันก็มาค่ะยู้วววววว คือเอาจริงๆ เราสงสารยีนส์อ่ะ สงสารก็ไม่ได้บอกว่ายีนส์ไม่ผิดนะ ยีนส์ผิด แต่ว่าถ้าเราลองมอง
ในมุมมองของยีนส์อ่ะ นี่คิดนะว่ายีนส์คงชอบบินตั้งแต่เห็นแล้ว อยู่ๆวันนึงคนๆนั้นแม่งกลายมาเป็นเเฟนเพื่อนสนิท เวนเอ๊ย
เงิบๆๆๆ o22 เราคิดว่าในโลกนี้ทุกคนต้องมีมุมเห็นแก่ตัวอ่ะ ทุกคนรักตัวเองทั้งนั้น แต่ทุกคนต่างกันในจุดที่ว่าจะมีความเห็นแก่ตัวมากหรือน้อยเท่านั้นเอง แล้วเรื่องของความรักอ่ะ มันยากมากเลยนะ มันเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ ถ้าเราเลือกรักใครได้ นี่คิดว่ายียส์ก็คงไม่เลือกรักบินหรอก แต่แล้วไง ในเมื่อมันทำแบบนั้นไม่ได้อ่ะ ยีนส์มันก็เลือกเลิกรักบินไม่ได้ คือในจุดนี้น่าสงสาร แต่ยีนส์ผิดที่ยีนส์แอบไปอ๊อดๆตะติ้งแกรชแสคชกับบินอ่ะ คือคิดน้อยอ่ะ มันไม่มีหรอกครั้งเดียวถ้ามันได้มี1มันต้องมี2 คือนั่นแหล่ะยีนส์ผิด และอิบินก็ผิดอ่ะ แต่ๆๆๆ จิงแม่งแบบ...มึ๊งงง ตะไมขี้เสี้ยม เป็นไรอ่ะคุณ คำพูดที่จิงพูดกับยันส์โคตรต่างเวลาคุยกับเมดอ่ะ คือมันแบบ...อินี่มันร้ายนะคะหัวหน้า ตบมัน! :z6: ........ เราสงสารยีนส์ หวังว่าสักวันอิบินจะหยุดอยู่ที่ยีนส์จริงๆนะ แต่ว่าตอนนี้พอได้อ่านแล้วก็แบบ เออบินมันก็มีมุมความคิดได้นะ คิดเสมอว่า คนเลว...มันต้องเลวเสมอหรอวะ นี่ไงที่ไปที่มา คือพี่ขนมเขียนได้ดีมาก มันมีแก่น มีเนื้อหามีสาระมีความเป็นไปอ่ะ  ... แล้วนี่ถ้าเป็นยีนส์ก็อยากถามเหมือนกันว่ามึงสงสารเมด แล้วมึงไม่สงสารกูหรอ เราสงสารยีนส์ในจุดนี้อ่ะ ไม่ใช่ว่าคนผิดจะไม่น่าสงสารอ่ะ

รอนะจ๊ะ รอว่าจะอะไรยังไงทำไม จะได้พุ่งเข้ามาตบจิงไหม เอ๊ะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 09-11-2018 23:48:25
กลายเป็นจิงแสบสุด ปั่นหัวยีนส์ให้ทำในสิ่งที่ผิดจนโดนเกลียดไปทั่ว แล้วยังทำตัวเป็นคนดีกับเมดกับคนอื่น ดูเป็นคนรักเพื่อน ที่ไหนได้ปั่นหัวทุกคน
อดสงสัยไม่ได้ว่าจิงก็แอบรักบินไปด้วยอีกคน น่าจะแอบไปมีอะไรกับบินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 09-11-2018 23:51:38
ตอนนี้ทำเซอร์ไพรส์มากกกกก
จิงออกมาแรกๆ คือ นางดี นางใสๆ
นางแค่ตามเพื่อน แต่ตอนนี้นะคือ
กลายเป็นเหมือนจิงเป็นผู้ชักใยอ่ะ
ที่พูดเรื่องแอบรักแฟนเพื่อนงี้ น่าจะเพราะเห็นสายตาของยีนส์กับบินอ่ะ แล้วพูดยุส่ง
คือถ้าเป็นไอ้พี่เจ คงจะตบไหล่แล้วบอกให้ทำใจออกห่างแฟนเพื่อน แต่นี่นางกลับยุส่งอ่ะ
แล้วเรื่องนมนี่อีก คือยุให้ยีนส์พูด เมดเสียใจ
ยีนส์ถูกเกลียด แต่นางไม่มีผลกระทบเพราะเป็นผู้ชมเท่านั้น
#ร้ายกาจ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 09-11-2018 23:55:55
สั้นๆคำเดียวเลย เพื่อนเหี้ย จิงนี่น่าจะอาการหนักเอาเรื่องเลยนะ สรุปสุดท้ายคนที่บินไปหาที่รังสิตคือจิงจ้าาาา กินรอบวงเลย อาจจะเจ็บใจที่บินบอกให้เลิกกันขาดๆเลยมายุให้ทะเลาะอีกแล้ว เป็นบ้าสินะจิง...  :angry2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 10-11-2018 00:01:05
น่านนนนนนน ลาสบอสคือจิงนี่เอง เสี้ยมมากอ่ะ เก็บกดอะไรมาจากที่บ้านแล้วมาลงที่เพื่องงี้เลยเหรอ :z3: เมดคิดถูกแล้วที่เลิกคบกับจิง  :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 10-11-2018 00:27:56
โฮฮฮฮฮฮฮ เกมเปลี่ยน คนที่ร้ายยังไม่ใช่คนที่ร้ายที่สุด คิดว่ารักแต่ไม่รักที่สุด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 10-11-2018 03:20:50
โหจิง เลวสุดเลยนี่หว่า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: Ampaiem33 ที่ 10-11-2018 07:23:24
จิงร้ายที่สุดในเรื่องเลย คอนยุให้คนตีกันส่วนตัวเอกทำตัวเป็นคนดี
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-11-2018 08:00:04
อ้าวๆ หนูหนมมาหย่อนระเบิดต่อมอยากแล้วจากไป ทำให้คิดอีกแล้ว  :katai1:
ทำไมจิงเป็นคนแบบนี้ อะไรทำให้คิดร้ายๆกับเพื่อนตัวเองได้ ส่วนเอมก็กลับมาได้แล้ว มาเฉลยความลับที่ปกปิดไว้เสียที
แต่มาคิดเล่นๆ หรือจิงจะชอบเอม  :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-11-2018 08:16:13
เจอคนร้ายตัวจริงแล้วค่ะ คนที่คอยสอยอยู่ใต้ต้น
อยู่นี่ไง จิง เพื่อนคนดีที่อยู่เคียงข้างยีนส์มาตลอด

จิงแอบชอบบินมาตลอดใช่ไหม รอเวลาให้บินหันมา
ตอนนี้ก็คงสมใจแล้วหรือเปล่า เดาจากรอยที่เมดเห็นวันนั้น
ยีนส์ยังมีความยั้งคิด แต่จิงคือจัดเต็ม แบบนี้สินะ
เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ แค่พูดแต่ไม่ได้ทำ
คนทำโดนก่อนเลย แล้วเมดก็เกลียดยีนส์มากกว่าจิง

ตอนแรก มองไม่ค่อยออกว่าจิงดีจริงไหม ที่ช่วยเคลียร์ให้
แต่ไม่ได้รู้สึกว่า จิงดีน่ะ มันมีความรู้สึกบางอย่างแอบแฝง

สุดท้ายคนที่โดนหลอกไม่ใช่ใคร ไม่ใช่เมดด้วย แต่เป็นยีนส์

บอกเลยจ้า แล้วพี่อาฟจะปกป้องน้องเมดเองนะ
อยากให้เมดรู้เหมือนกันว่าคนส่งนมเป็นใคร
เป็นรักนี้ที่ยาวนาน เมดรู้แล้วเมดจะยิ่งรักอาฟ
แล้วจะรู้ว่า อาฟทำไมรักเมดมากขนาดนี้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 10-11-2018 11:23:33
เปิดตัวผู้ร้ายที่แท้จริง *0*
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-11-2018 12:33:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 10-11-2018 13:25:33
มีเพื่อน แต่ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ไม่มีความดี ก็พากันลงเหว  :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 10-11-2018 13:41:11
บอกเลย

บอกเลย

เมดจะได้หายโง่

พวกแกก็จะได้ไม่เหลือใคร

เรื่องแดงออกมาพวกแกก็มีแต่

โดนรังเกียจทั้งสามคน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 10-11-2018 13:54:26
เลวสุดคือจิงใช่ไหม แล้วจิงก็เป็นเมียเก็บของบินด้วยใช่หรือป่าว?
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-11-2018 19:44:39
เปิดความจริงออกมาแล้ว จิงคือลาสบอส จอมเสี้ยมอยู่นี่เอง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-11-2018 19:49:26
พลิกสถดอะไรสุด จิงแม่งคนร้ายตัวจริงอ่ะ เลวได้อีก ทำไปทำไมวะ
เมดเจอบทสทดสอบหลายอย่างมากมายเกินไปจริงๆ
แต่นะพ่อนมชอคตัวจริง เมดจะได้รุ้ว่าที่จริงแล้วอาฟรักมันขนาดไหน หวังอย่างเดียวอย่าทะเลาะกันอีกละ อิชั้นปวดใจ เจ็บช้ำบ่อยๆไม่ไหว หวานๆกวนๆกันนะดีที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 10-11-2018 23:26:15
จิง เป็นตัวละครที่ทำให้เราพูดไม่ออกอะ ....
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: akashita ที่ 11-11-2018 09:35:13
คนที่ร้ายที่สุดคือจิงนี่แหละ ยุเก่ง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 11-11-2018 23:33:44
นั้นไงง
คนร้ายตัวจริง
อีจินนี่เองงง
ยีนต์ก้โง่เน้อ 55555

แต่ดีนะ ที่เมด ฉลาดแล้ว รอดูนะ ว่าจะทำไง เรื่องนมช๊อคโกแลต
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 12-11-2018 06:13:50
เอ้าาา จิงนี่ร้ายสุด หลอกใช้เพื่อนรึเปล่าเนี่ย หลอกให้ยีนส์ไปบอกความจริงเมด
คราวนี้ยีนส์ก็ไม่เหลือใครจริงๆ เพราะบินกับเมดก็จะเกลียดกัน ผลพลอยได้ บินก็คงโกรธยีนส์ไปด้วย
คราวนี้ก็ทางสะดวกสำหรับจิง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 12-11-2018 19:53:21
อ่านพาร์ทเมดเหมือนจิงจะเป็นคนอยากให้เพื่อนกลับมาเป็นเพื่อนกัน แต่พออ่านพาร์ทนังยีนส์แล้ว เฮ้ย!นี้มันบ่างชัดๆเสี้ยมดีจริงๆ คือนางต้องการอะไรอยากให้เขาเลิกกันแล้วตัวเองจะได้เสียบเหรอสงสัยตั้งแต่ตอนคุยกับนังยีนส์ตอนแรกละคือนางเห็นใช่ไหมเลยยุอ่ะ เฮ้อ!อดีตเพื่อนเมดแต่ละคนต่อหน้าอย่างลับหลังอย่างจริงตอนนี้เปิดเผยตัวตนของนังจิงใช่ป่ะอันนี้คือตัวตนจริงๆใช่ม่ะสงสารเมดอ่ะ :hao7:

ปล.ตอนแรกว่าจะไม่อ่านละ แต่เอาว่ะอยากรู้ว่านังนี้คิดอะไรอยู่ทนอ่านแล้วกันก็ยังอยากตบอยู่ดีอาจคูณสิบอ่ะบอกเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 13-11-2018 09:04:27
ก็คิดอยู่ว่าต้องจิงนี่แปลกๆ ที่แท้ก็คือบอสลับนี่เอง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-11-2018 09:29:44
รู้แล้วว่าใครเหี้ยที่สุด!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 35:: up! 17-8-61} #หน้า 30
เริ่มหัวข้อโดย: nEwkoi29 ที่ 15-11-2018 20:54:10
สงสารอาฟ ไม่รุ้ดิ จะว่าลำเอียงก็ได้ :o12: :sad4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-11-2018 02:31:42
จิง คนเหี้ย2019  :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 16-11-2018 14:39:09
omg เราเจอตัวร้ายที่สุดในเรื่องแล้วค่ะ


โอ้โห สุดยอดนักปั่นแห่งประเทศไทยเลยค่ะ


ทำไปเพื่ออะไรวะ เอาจริงๆ


รู้สึกตัวเองเป็น สาวโลกสวยวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์มาทั้ง หมด 45 ตอน

เพราะคิดว่า จิง ควรออกมายีนส์ได้แล้ว


โอ้โหหววววว


นี่หัวร้อนขึ้นมาเลย มันจะปั่นช่วยชาติหรือไง คนอะไรจะขนาดนั้น

ปั่นเมดไม่ขึ้นก็เลยมาปั่นยีนส์แทนสินะ


นางเป้นคนขี้อิจฉาเบอร์ใหญ่ไฟกระพริบไปเลย ดูดีในสายตาของทุกคน แต่คนอื่นรอบตัวเชี่ยสุดๆไปเลย

หัวขวด




ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 16-11-2018 20:25:53
ตอนที่ 46


“ ครับ  สองวันเหรอ ก็มี แต่คงพอหยุดได้อยู่  อื้ม ครับ ครับ ” เสียงจริงจังของคนข้างกันที่กำลังพูดผ่านสายโทรศัพท์ชวนให้ผมที่กำลังเล่นไอแพตในระหว่างรถติดนี้เงยหน้าขึ้นไปมอง อาฟกดวางสายลงในตอนนั้น มันวางมือถือลงกับช่องเปิดประตูข้างตัว ก่อนจะหันมาบอกผม “ กูจะไปสิงคโปร์กับพ่อสองวันนะ ”

“ เหรอ ” พยักหน้ารับคำพูดนั้นก่อนจะนิ่งไป ความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นในใจผมอย่างฉับพลัน  ราวกับว่าอยู่ๆหัวใจมันก็ตกลงจากที่สูงอย่างรวดเร็ว เป็นอาการชาที่ชวนให้เผลอยิ้มออกมาเพราะรู้สึกว่า ‘ อะไรมันจะขนาดนั้นวะ  ติดแฟนอ๋อมึง ไอ้เมด ’

“ เดี๋ยวกูจะให้ไอ้เดย์มารับมาส่งมึง เพราะมันไม่ต้องไป ”

“ เฮ้ย ไม่ต้องๆ ” หันไปโบกมือให้อีกคน “ กูจัดการชีวิตตัวเองได้ เดี๋ยวกูจะกลับไปนอนคอนโดตัวเองแล้วกัน ”

“ แล้วทำไมไม่อยู่คอนโดกู กลับไปทำไม ” อาฟหันมาถามด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจในสิ่งผมพูดหรือคิดสักเท่าไหร่ 

“ ก็คือกูเป็นคนนอกไง ” คิ้วเข้มนั้นขมวดกับคำตอบของผมที่ได้ยิน “ คือกูหมายถึงว่าเจ้าของคอนโดอย่างมึงไม่อยู่ แต่กูเป็นคนนอกดันมาอยู่แทน กูว่ามันแปลกๆ ”

“ กูจะให้โอกาสมึงพูดอีกที ” อาฟหันมาจ้องหน้าผม มันถามย้ำ “ มึงเป็นคนนอกเหรอ ”

“ ก็..”

“ แฟนกูไม่ใช่คนนอก หรือมึงไม่ใช่แฟนกู ”

“ ก็ใช่.. ” หมดปัญญาจะเถียงอะไรต่อ ได้แต่ยิ้มออกมากับอีกคนที่ก็มองออกไปตรงทางข้างหน้าเหมือนเดิม ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวเลยด้วยซ้ำว่าทำให้ผมหูแดงไปหมด อาฟขยับเกียร์ให้รถเคลื่อนไป  “ กูนอนคอนโดมึงก็ได้ แต่มึงไม่ต้องให้น้องเดย์มารับมาส่งกูหรอก ”

“ ทำไม ? ”

“ เกรงใจน้องไง น้องเดย์มันก็มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำ จะให้มันมารับมาส่งกูทำไมวะ รถกูก็มี กูขับไปผับเองก็ได้ แล้วคอนโดมึงก็ติดรถไฟฟ้าขนาดนั้น กูขึ้นรถไฟฟ้าไปเรียนเองสะดวกกว่า ไม่ต้องให้น้องเดย์มารับหรอก ”

“ ขับแบบมึง คืออยากจะไปฝากรอยไว้กับรถคันไหนอีกใช่มั้ย ถึงได้กล้าที่จะขับไปเอง ” อาฟหันมาเหล่มองกันด้วยสายตาเชิงดูถูก รอยยิ้มที่ยกยิ้มพลางส่ายหน้านั้น ผมนึกอยากจะสบถคำหยาบสักคำใส่มัน แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่นิ่งแล้วเปลี่ยนท่าทางให้ดูจริงจัง

“ มึงคิดว่ากูเป็นคนแบบนั้นเหรอ มึงคิดใช่มั้ยวะ ว่ากูจขับรถไปฝากรอยไว้บนรถคนอื่น แล้วสุดท้ายกูจะใจง่ายชอบเค้าแบบที่กูชอบมึง ” ถามด้วยเสียงคล้ายโกรธ ในตอนนั้นอาฟก็หันมามองก่อนจะถอนหายใจ มันหันกลับไปมองนอกหน้าต่างรถเหมือนเดิม คล้ายกับว่าสิ่งที่ผมพูดนั้น ช่างปัญญาอ่อนเกินว่าที่มันจะใส่ใจมองดู แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังพูดต่อไป ด้วยท่าทางที่คิดว่า นี่คืออาการของคนน้อยใจแบบสุดๆ  “ ทำไมมึงแม่งไม่เชื่อใจกูเลยวะ หรือมึงคิดว่าเจ้าของรถเค้าจะมาชอบกูแบบที่มึงชอบกู งั้นมึงก็คิดเหรอวะ ว่ากูจะชอบเค้ากลับแบบที่กูชอบมึงด้วยน่ะ ”

   คนฟังไม่ได้ตอบอะไรกลับมา อาฟแค่ขับรถไปนิ่งๆแล้วจอดรถลงอีกครั้ง เพราะติดไฟแดงในแยกใหม่ เกียร์ถูกเปลี่ยนให้จอดนิ่ง ก่อนมือหนาจะดึงเบรคมือขึ้นมาแล้วดึงตัวเองเข้ามากระซิบข้างหูผม

“ ไม่ต้องแสดง มึงตอแหลไม่เนียนเมด ”

“ ไอ้สัด ” หลุดสบถออกไปก่อนจะถามยิ้มๆ “ เชื่อหน่อยสิวะ นี่กำลังเล่นบทน้อยใจที่มึงพูดหมาๆ แล้วไม่เชื่อใจในตัวกูอยู่ไง ”

“ ปัญญาอ่อน ” ว่าแบบนั้นก่อนจะโดนผลักหัวจนเกือบต้องเอนไปอีกทาง

“ แต่กูพูดจริงๆนะ ไม่ต้องไปรบกวนน้องเดย์หรอกมึง กูใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้ แค่สองวันเอง ” ยิ้มกว้างให้อีกคนเพื่อเสริมความมั่นใจ แต่ทว่าก็ไม่มีคำตอบอะไรตอบกลับมา ราวกับเป็นคำบอกใบ้ที่ว่า ‘ สิ่งที่มึงร้องขอจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอนไอ้เมด ’

จะว่าไปผมก็ไม่ค่อยชอบเลย เวลาที่โดนอีกฝ่ายดูแลในแบบที่เรียกว่า ‘ ดีเกินไป ’  อย่างงี้ ตั้งแต่เราคบกันมามันเป็นปกติที่เราจะไปไหนมาไหนด้วยกัน ไม่ว่าจะไปเรียน กินข้าว หรือไปทำงาน อาฟทำหน้าที่ที่มันคิดว่า นี่คือส่วนของมันที่ต้องดูแลผมอย่างดี เป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากในเรื่องของการขับรถ พาไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ก็มากไปหน่อยตรงที่ว่า ถ้าตัวมันไม่ว่างทำ มันก็จะส่งคนอื่นที่มันไว้ใจมาดูแลผมแทน

ทั้งๆที่ตัวผมก็บอกอยู่ตลอดว่า ‘ ไม่ต้อง กูทำเองได้ ’ แต่เหมือนคำพูดนั้นก็เป็นแค่คำพูดที่ผ่านเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาเท่านั้น ไม่ได้ทำให้อาฟหยุดสิ่งที่คิดจะทำเลยสักนิดไม่ว่าจะเป็นครั้งไหน แล้วการไปสิงคโปร์สองวันนี้ก็เช่นกัน

“ อาฟพรุ่งนี้มึงบินไฟล์ทกี่โมง ” เอ่ยถามคนที่ยังคงดูทีวีอยู่บนเตียงอย่างไม่ใส่ใจที่จะจัดกระเป๋าแต่อย่างใด ทั้งๆที่เรากลับบ้านมาตั้งแต่สองทุ่ม แต่นี่สามทุ่มเข้าไปแล้วก็ยังไม่วี่แววว่าอีกคนจะทำอะไร ทั้งๆที่ผมเองตั้งแต่กลับมาก็อาบน้ำเสร็จไปแล้ว “ อาฟ มึงยังไม่จัดเสื้อผ้าเลยนะ มาจัดเสื้อผ้าก่อนสิวะ ”

“ จัดให้หน่อย ”

“ ไม่ มาจัดเอง กูไม่รู้ว่ามึงต้องเอาอะไรไปบ้าง ” บอกแบบนั้นอีกคนก็หันมามอง “ อะไร ”

“ มีชุดที่ใส่ไปชุดหนึ่ง ชุดไปงานวันเกิดเพื่อนพ่อเป็นสูทชุดหนึ่งใส่ตอนกลางคืน แล้วก็ชุดใส่กลับชุดหนึ่ง จบ ”

“ แล้วไม่เอาชุดนอนไปเหรอวะ ” เลิกคิ้วถามอีกคนก็นิ่ง “ แล้วกางเกงในละ  หรือมึงจะไม่ใส่กางเกงในเหรอ น้ำหอมจะเอาติดไปหน่อยมั้ย แล้วเอากลิ่นไหนไป  ของใช้ส่วนตัวอะ แล้วเข็มขัดด้วยมั้ย พาสสปอร์ตอีกอะ  ”

“ อื้ม มึงก็รู้ งั้นมึงจัด ”

“ K ” ด่าอีกคนออกไป ก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกย้ำ “ ของของมึง ก็มาจัดเอง เผื่อขาดเผื่อเหลืออะไรจะได้ไม่ต้องโทษกัน ”

“ จัดให้หน่อย ” ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าโทนเสียงนี้ดูเหมือนจะอ้อนกันอยู่หน่อยๆ 

“ นี่อ้อนกูเหรอวะ ”

“ ประสาท ” บอกกันแบบนั้นก่อนเจ้าของสายตาคมจะหันมามองแล้วยิ้มให้กัน “ อ้อนเหี้ยอะไร กูแค่อยากจะใส่ชุดที่มึงจัดให้เหมือนทุกวันก็เท่านั้น ”

“ สัด ” สบถออกมาอย่างคนแพ้ก่อนจะพาตัวเองที่หน้าแดงจัดมายืนอยู่ตรงตู้เสื้อผ้าในห้องแต่งตัว ถอนหายใจออกมาช้าๆพยายามควบคุมจิตใจ แล้วในตอนนั้นอาฟก็ตะโกนมาจากในห้องนอน

“ จัดให้ด้วยนะ  ”

“ เออ ก็ยืนทำอยู่ให้นี่ไง เดี๋ยวกูก็ทำเป็นลืมกางเกงในแม่งเลย ” ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนชอบกวนตีนหลังจากที่บอกกลับไป ผมเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วในตอนที่ยืนคิดอยู่ว่าจะจัดยังไง อาฟก็เดินเข้ามาพอดี มันที่หยิบผ้าขนหนูเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ ผมก็หันไปถาม “ กูจัดไม่ถูกอะ มึงจะไปไหนบ้างวะ ”

“ เอาแบบที่มันเป็นทางการหน่อย กูต้องใส่ไปทำธุระ มีเจอพวกผู้ใหญ่หลายคน ”

“ งั้นเสื้อเชิ้ตแล้วกัน สีสุภาพหน่อย แล้วก็ใส่เสื้อคลุมทับสีเข้มไปอีกตัว ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับกันแค่นั้น อาฟก็เดินไปอาบน้ำส่วนผมก็จัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กให้มันจนสุดท้ายมาเหลืออยู่แค่สูทสองตัวที่เลือกไม่ได้สักทีว่าจะเลือกตัวไหน “ นี่มึงยังไม่เสร็จอีกเหรอวะ ”

“ มึงไม่ได้อาบน้ำนานสัดอาฟ ” ผมบอกก่อนจะหันไปหามัน “ มึงจะใส่สูทสีดำ หรือ น้ำเงิน

“ สีดำ ”

“ โอเค งั้นเอาน้ำเงินไป ”

“ กวนตีนนะมึงไอ้เมด ” ผมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังตอนที่อีกคนบอกแบบนั้น “ แล้วจะถามทำเหี้ยอะไร ”

“ ก็ถามดูไง มึงตอบสีอะไรออกมาก็แสดงว่ามึงใส่สีนั้นบ่อยสุด เพราะมึงมันพวกชอบเลือกใส่อะไรที่เคยชิน ” หันไปยักคิ้วให้ก่อนผมจะจัดการพับสูทตัวนั้นใส่กระเป๋า มันเป็นสูทสีน้ำเงินแบบมีเสื้อกั๊กอยู่ด้านใน

แอบจินตนาการไปว่าถึงตอนที่อีกคนใส่แล้วรู้สึกว่าน่าจะดูเป็นคุณชายหน่อย แม้หนังหน้าจะออกไปแนวของผู้ร้ายมากก็ตาม ผมจัดการเช็คทุกอย่างเป็นรอบสุดท้าย คิดว่าตัวเองไม่น่าจะลืมอะไรที่จำเป็นสำหรับอีกคน แล้วในตอนที่กำลังปิดซิปผมก็ถาม
“ นี่มึงจะเปิดเบอร์โทรต่างประเทศหรือเปล่า ”

“ ถามทำไม ” 

“ ก็ถ้าเปิด ตอนถึงที่นู้นแล้วก็อย่าลืมส่งข้อความมาบอกกูด้วยนะ แล้วตอนที่ไปงานก็อย่าลืมถ่ายรูปใส่สูทส่งมาให้กูดูด้วย กูอยากเห็นว่าเป็นไง แล้วก็อย่าลืมกิน..” คำพูดของผมหยุดชะงักไปในตอนที่โดนกอดจากด้านหลัง โดยคนที่คิดว่ากำลังแต่งตัวอยู่ แต่มันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น หยดน้ำเล็กๆยังคงเกาะอยู่บนตัวของอาฟ ความเย็นจากผิวที่ได้สัมผัสชวนให้ผมหันไปมองดู แต่อีกคนก็พูดห้ามไว้

“ ไม่ต้องหันมา ”

“ อะไรของมึง ” พูดขึ้นมายิ้มๆแต่ตอนนั้นก็ได้แต่เงียบไปเพราะรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงของอีกฝ่ายที่แนบอยู่ตรงแผ่นหลัง “ อาฟ..”

“ กูว่าแม่งแปลกวะ ”

“ ยังไง อะไรแปลก ”

“ ทำไมอยู่ๆกูถึงไม่อยากไปก็ไม่รู้ ปกติทุกปีก็ไปตลอด บางทีปีหนึ่งก็ไปตั้งหลายครั้ง แต่หนนี้แปลก ” หยุดพูดไปครู่ใหญ่ผมได้ยินแต่เสียงของลมหายใจที่ผ่อนออกมา ก่อนจมูกคมจะก้มลงมาหอมกันที่ข้างแก้ม เอวที่กอดรัดนั่นแน่นขึ้นไปอีกระดับ อาฟบอกผม “ ทำไมตอนนี้กูรู้สึกไม่อยากไปเลยวะ มันอยากอยู่กับมึงมากกว่า ”

“ ติดกูแล้วไง ” ปากดีเอ่ยแซวทั้งๆที่ใจเต้นแรงไม่มีหยุด ผมได้ยินเสียงอาฟยิ้มก่อนจะตอบเสียงเบา

“ ท่าจะจริง ” ว่าแบบนั้นก่อนจะดึงตัวผมให้หันมาเผชิญหน้ากัน จะว่าไปแล้วคนเราก็แปลกดี ตอนที่เค้ากวนตีนก็ไม่ชอบ แต่พอเค้าตอบตรงๆกลับทำตัวไม่ถูก ไปไม่เป็นเสียอย่างงั้น

เป็นวินาทีที่ทุกอย่างเหมือนถูกปิดไว้ ปากที่เคยขยับก็ได้แต่นิ่ง มีแต่สิ่งเดียวที่ยังเคลื่อนไหวได้ นั่นคือหัวใจที่เต้นแรงไม่มีหยุด ในตอนที่อาฟจ้องมองผม คำพูดที่บอกว่า ‘ ต้องการ ’ กันนั้น มันสื่อออกมาทางสายตาโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น แล้ววินาทีที่ผมค่อยๆหลับตาลงเพื่อตอบรับคำขอนั้น ภาพสุดท้ายที่เห็นคือใบหน้าคมค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนจะบรรจงมอบจูบอย่างอ่อนโยนลงบนริมฝีปากผมที่เน้นย้ำมันอยู่แบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะผละออกมาจูบลงที่ข้างแก้ม แล้วไล่ต่ำลงไปที่ต้นคอ อาฟจูบมันจนเป็นรอยเล็กๆ ก่อนจะเลื่อนไปที่ลาดไหล่ เพื่อทำร่องรอยที่ใหญ่ขึ้นเพราะเป็นใต้ร่มผ้า

มือสอดเข้าไปในเสื้อนอนตัวที่ผมสวม ลูบไล้จากขอบกางเกงตัวที่ใส่ขึ้นไปด้านบนก่อนจะสะกิดยอดอกอย่างหยอกล้อจนทำให้ผมได้แต่หดเกร็งหน้าท้องของตัวเองกับความปั่นป่วนที่ชวนให้ต้องกัดริมฝีปากของตัวเองไว้ เพราะความต้องการที่เริ่มเพิ่มขึ้น อาฟไล่มือลงไปต่ำอีกครั้งผ่านแผ่นหลังจนถึงขอบกางเกงก่อนจะสอดมือเข้าไปด้านในนั้นแล้วจับก้มกลมด้วยมือทั้งสองข้าง ออกแรงบีบเบาๆ ผมก็ได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมา พลางเอ่ยเรียกชื่อของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา

“ อาฟ ”  ใบหน้าคมที่กำลังจูบอยู่ตรงต้นคอของผมดึงตัวเองขึ้นมาจูบที่ริมฝีปากอีกครั้งตอนที่ถูกเรียก จูบดูดดื่มถูกบรรเลงขึ้น ในตอนนั้นมือที่สัมผัสไปทั่วเรือนร่างถูกย้ายมาจับตรงเอวก่อนจะดึงให้ออกเดินจากที่ที่ยืนอยู่

ผมใช้จังหวะนั้นกอดรอบคอของอาฟไว้ ก่อนจะถูกดันให้นอนราบลงบนเตียงกว้าง มือหนาทำหน้าที่ของมันอย่างดีโดยการปลดเปลื้องเสื้อผ้าทุกชิ้นที่อยู่บนเรือนร่างของผม เพื่อเปิดทางให้ริมฝีปากนั้นได้ไล่จูบไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ขอบขาด้านในก่อนที่มันโดนดึงให้งอเข่าตั้งชันขึ้นเพื่อเปิดรับส่วนอ่อนไหวที่แค่ปลดผ้าขนหนูผืนสีขาวที่คาดเอวนั้นออก มันก็พร้อมที่จะสอดใส่เข้ามา เพื่อเน้นย้ำทุกความรู้สึกของเราแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ความรู้สึกที่เป็นทั้งความต้องการ ความทรมาน และก็ความสุข ในค่ำคืนนี้

 “ เมด กูจะไปแล้วนะ ” เสียงทุ้มที่ดังบอกอยู่ข้างหู แต่ผมกลับลืมตาตื่นมาในตอนที่โดนหอมแก้มเข้าอย่างแรงจนต้องยกมือขึ้นจับมันแล้วตัวเองพลิกตัวเองหนีไปอีกทาง

สันนิฐานว่าคงโดนหอมแก้มมามากกว่าหนึ่งครั้งในเช้านี้ แล้วแต่ผมไม่รู้ตัว เพราะการกระทำเมื่อคืนที่ชวนให้เพลียเอามากๆ สาบานเลยว่าถ้าทำได้ก็ไม่อยากจะลืมตาตื่นขึ้นมาเลย แต่อาฟจะเดินทางแล้ว และพอคิดแบบนั้นเลยจำใจต้องดึงตัวเองขึ้นมานั่งทั้งๆที่ยังเจ็บช่วงล่างจนต้องค่อยผ่อนลมหายใจตัวเองออกมาเพื่อบรรเทาความเจ็บนี้

ผมโกยผ้าห่มขึ้นมาห่มตัวเพราะความหนาวเย็นของแอร์ในห้องที่เปิดอนุหภูมิเกินพอดีจนดูเหมือนก้อนอะไรสักอย่าง เป็นท่าทางที่ชวนให้คนมองดูยิ้มอยู่แบบนั้นก่อนจะขยี้หัวกันแล้วเดินพาตัวเองเข้าไปในห้องแต่งตัวที่เปิดประตูเอาไว้เพื่อให้มองเห็นกัน อาฟอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว และตอนนี้มันก็กำลังเซ็ตผมอยู่ เป็นการเซ็ตที่โคตรบรรจงกว่าทุกครั้งที่ผมเห็น จนเกิดคำถามที่อยู่ๆก็สงสัยขึ้นมา

“ ทำไมวันนี้มึงเซ็ตผมนานจังวะ ” เอ่ยถามมันอีกคนก็หันมามองยิ้มๆ

“ เผื่อได้แฟนใหม่เป็นแอร์ ”

“ อ๋อครับไอ้สัด ” ผมตอบรับมันอีกคนก็ได้แต่หัวเราะ “ มึงไม่กวนตีนกูสักวัน มึงไม่ตายนะบอกไว้ก่อน เผื่อมึงไม่รู้ ”

“ กวนตีนเหี้ยอะไรพูดจริง ” หันมายักคิ้วให้กันก่อนจะเดินมานั่งลงบนเตียงข้างกัน อาฟจูบลงที่ริมฝีปากของผม อาการตอแหลไม่เนียนเกิดขึ้นอีกแล้ว ผมที่ได้แต่ถอนหายใจยิ้มๆก่อนจะล้มตัวนอนลงบนเตียงอีกคนก็แค่ยกยิ้มก่อนจะยื่นมือมาลูบหัวกัน

อาฟที่มองกันอยู่แบบนั้น เราไม่พูดอะไรกันอีก แล้วอยู่ๆผมก็เกิดความรู้สึกที่ชวนให้คิดว่า ก็แปลกดีเหมือนกันที่ผมไม่เคยหึงอาฟเลย ตั้งแต่คบกันมา มันไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงหรือผู้ชายที่ทำให้ผมรู้สึกโกรธเลยสักครั้ง และถึงมันจะพูดถึงคนอื่นยังไง คำพูดพวกนั้นก็จะเป็นแค่อาการกวนตีนของมันที่จะไม่เกิดขึ้นจริงแน่นอน มันน่าเหลือเชื่อที่ผมจะไว้ใจมันมากขนาดนั้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีแฟนเจ้าชู้มาก่อน แต่ส่วนนึงก็คงเพราะการกระทำของมันด้วยละมั้ง การกระทำของอาฟมันทำให้ผมเชื่อใจ

“ ได้แล้วทิ้งเหรอสัด ” ผมถามตามเกมส์มันอีกคนก็แค่ยิ้มก่อนจะก้มลงมาจูบที่ปากกันอีกครั้ง เอาเข้าจริงก็โคตรเกลียดช่วงเวลาแบบนี้เลย แบบที่อีกคนจะไม่พูดอะไรเท่าไหร่ อาฟทำแค่มองตา ยิ้มให้กัน แล้วก็ก้มลงมาจูบ มันเป็นอะไรที่ชวนให้หัวใจผมเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้ มันไม่โอเคยเลยสักนิด “ แล้วนี่ใครมารับมึง ”

“ ไอ้เดย์ ”

“ แล้วพ่อมึงละ ”

“ ไอ้เดย์ ” อีกคนตอบย้ำ “ เมื่อคืนเดย์มันกลับไปนอนที่บ้าน เพราะต้องมาส่งพ่อที่สนามบินแล้วเดี๋ยวมันก็แวะรับกู ”

“ นี่น้องหรือคนขับรถ ”

“ เก็บมาเลี้ยงให้เป็นคนขับรถ ”

“ ฟ้องน้องเดย์แน่ ” ผมขู่แต่อีกคนก็แค่ลุกจากนั่งไม่ได้เถียงอะไรออกมาทั้งนั้น อาฟเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวอีกครั้งมันหยิบนาฬิกาขึ้นมาใส่ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางที่ผมจัดไว้ให้ออกมา “ ของไม่ครบก็ไม่ซื้อเอานะ เช่น กางเกงในที่กูไม่ได้ใส่ไปให้ ”

“ เอาตีนนาบปากสักทีมั้ยเมด มึงดูกวนตีนกูเก่ง ” ได้แต่เม้มริมฝีปากส่งไปให้ อาฟนั่งบนเตียงอีกครั้งก่อนจะหันมามองผม

“ มองอะไร ”

“ อยากพามึงไปด้วย ” คนตรงหน้าบอกก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาจับแก้มกัน มันบีบเบาๆด้วยสีหน้าที่ผมรู้สึกว่า อาฟพูดจริงแล้วตอนนี้มันก็กำลังงอแงสุดๆเพราะไม่อยากจะจากกันไปไหน “ แต่คิดว่าไม่น่าพอ ”

“ อะไรไม่น่าพอ ”

“ ไม่น่าจะยัดใส่กระเป๋าได้พอ โหลดใต้เครื่องใช้ใบ 30 นิ้ว ก็คงไม่ได้ น่าจะติดแก้ม ”

“ สัด ” ด่ามันแบบนั้นทั้งๆที่ก็ยังโดนดึงแก้มอยู่ ผมบ่นออกมาเบาๆ “ ไอ้เราก็คิดว่าแม่งไม่อยากไปเพราะไม่อยากห่างกัน ทีไหนได้ แค่มุขกวนตีนกู ”

“ แค่สองวันเองมั้ย ” อาฟบอกก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาจากในกระเป๋าหลังของกางเกง หน้าจอที่ฉายแสงวาบขึ้นมานั้น ผมเห็นมันกดอะไรสักอย่างก่อนจะยัดมือถือลงในกระเป๋าตามเดิม “ แต่กูคิดว่ามันคงเหมือนสองอาทิตย์สำหรับกูแน่ๆ ” ได้แต่เงียบตอนที่อีกคนพูดคำนั้น ผมยิ้มกว้างให้อาฟ

“ กูก็เหมือนกัน ” ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกำลังโดนบอกว่า คิดถึง ทั้งๆที่มันไม่มีคำว่าคิดถึงก็ไม่รู้ เหมือนอาฟจะบอกว่า มันต้องคิดถึงผมมากจนสองวันที่ต้องไปยาวนานเหมือนสองอาทิตย์เลย “ แล้วอย่าเผลอตื่นขึ้นมาหอมแก้มพ่อเพราะคิดว่าเป็นกูนะอารยะ ”

“ พ่อกูไม่ได้แก้มอ้วนเหมือนมึงเมด ”

“ แก้มอ้วนเลยเหรอวะไอ้สัด ”

“ อื้ม ”

“ ว่ากูอีกแล้วนะ ” บอกด้วยเสียงโกรธๆแต่อีกคนก็แค่ยักคิ้วให้ก่อนจะยกนาฬิกาตรงข้อมือขึ้นมาดู

“ ไปละ แล้วเดี๋ยวไอ้เดย์ส่งกูเสร็จมันจะมารับมึงไปกินเข้าวแล้วก็ไปเรียนนะ ” ผมพยักหน้ารับ “ แล้วอย่าให้รู้ว่ามึงบอกมันว่าไม่ต้องมาเหมือนครั้งก่อน ”

“ บ้าน่า คิดมาก ” บอกปัดแบบนั้นอาฟก็แค่ยกยิ้ม แล้วพูดเสียงเบา

“ ไหนหลับตาหน่อย ”

“ ไม่ ” ผมปฎิเสธ “ อยากจะจูบกูก็จูบเลยไม่ต้องเขินหรอก เมื่อคืนมึงเล่นขนาดนั้นแล้ว ตอนนี้จะมาเขินอะไรอีก ”

“ หน้าด้าน คือช่วยเขินกูหน่อยได้มั้ย ” หลุดยิ้มออกมากับท่าทางจริงจังของอีกคน ผมหันหน้าไปทางอื่นแล้วตอนที่หันมาอาฟก็จูบลงที่ริมฝีปากแล้วก็ข้างแก้ม “ อีกสองวันเจอกัน ”

“ ถึงแล้วส่งข้อความาบอกด้วยนะ แล้วขากลับอย่าลืมซื้อ irvins มาฝากกูด้วยนะ ”

“ เชี้ยอะไรอีก ”

“ หนังปลากรอบซอสไข่เค็มมันขายที่สนามบินเลย อย่าลืมซื้อนะ ไม่มีหนังปลาเอามันฝรั่งก็ได้ โอเคมั้ย ”

“ ตังค์ ” ยื่นมือออกมา ผมก็ยื่นมือไปให้มันจับก่อนจะดึงอีกคนเข้ามาจูบที่ริมฝีปาก ในตอนนั้นอาฟที่นิ่งอึ้งไปผมก็บอกมัน

“ จ่ายละ ”

“ ร้ายนักนะมึง ” บอกกันแบบนั้น อาฟถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกเดินไปลากกระเป๋าออกจากห้องนอน ส่วนผมก็ลุกจากเตียงเดินไปส่งมันที่หน้าห้อง

“ เดินทางปลอดภัยนะ ถึงแล้วก็ส่งข้อความมาบอกด้วย แล้วห้ามเลื่อนไฟลท์กลับ ต้องกลับมาหากูเร็วๆนะมึง ”

“ อื้ม ” ผมโดนขยี้หัวจนยุ่งในตอนที่อาฟตอบแบบนั้นก่อนจะเดินออกไป

ปิดประตูลงก่อนจะพาตัวเองมานอนบนเตียงที่เดิมด้วยความรู้สึกที่แปลกไป อาจเพราะความเงียบที่คืบคลานเข้ามาสบทบกับความเหงาเลยทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ ข้างตัวที่ไม่มีกัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเรายังหัวเราะและพูดคุย พลิกตัวไปมองห้องแต่งตัวที่ไม่ใคร คอนโดที่เงียบยิ่งกว่าวันไหนๆ ในวินาทีต่อมานั้นผมดึงหมอนที่เจ้าของมันไม่อยู่เข้ามากอดไว้  ก็เคยคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนติดแฟน แต่ตอนนี้เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าจริงๆมันเป็นแบบนั้นมั้ย

ครืน ครืน ครืน

เสียงโทรศัพท์ที่กำลังดังปลุกให้ผมที่เผลอหลับไปตื่นขึ้นมา เบอร์โทรเข้าฉายชื่อที่บันทึกไว้อยู่บนหน้าจอ ‘ throwup : DAY ’ ผมกดรับ

“ ครับ น้องเดย์ ”

“ สวัสดีครับนี่คือเสียงของผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลก ”

“ ขอวางสาย ” ผมบอกอีกคนที่หัวเราะออกมาเสียงดังก่อนห้ามปรามกันไว้

“ เดี๋ยวววว พี่เมดแม่งอย่าเป็นคนน่ารักที่มักจะใจร้ายสิ ” เผลอถอนหายใจแล้วยิ้มออกมากับความปัญญาอ่อนของปลายสาย พี่น้องกันแท้ๆแต่ทำไมมันต่างกันนักวะ โคตรจะสงสัย “ น้องเดย์จะโทรมาถามพี่เมดว่า พี่เมดตื่นยังครับ ออกไปกินข้าวกันเถอะ ”

“ แล้วนั่นน้องเดย์อยู่ไหน ”

“ ห้องน้องแพมครับผม ” อีกคนบอก ผมก็ได้แต่ขมวดคิ้ว และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้เลยอธิบายออกมา “ ห้องสาวน่ะ ”

“ อ๋อออ ”

“ ประมานไม่เกิน 45 นาที น้องเดย์คงถึง แล้วนั่นพี่เมดอาบน้ำยัง  ”

“ ไม่ต้องมารับก็ได้น้องเดย์อยู่กับน้องแพมเถอะ เดี๋ยวพี่เมดไปกินที่มหาลัยทีเดียว แล้วก็จะเข้าเรียนเลย ”

“ ไม่ได้ๆ สัดพี่สั่งไว้ ไม่ทำตามเดี๋ยวมันฆ่าน้องเดย์อีก มาเถอะ ไปกัน อยากกินอะไร กินได้หมด พี่เมดเลี้ยงเอาบัตรสัดพี่รูดไปเลย ” ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาตอนที่ได้ฟังอีกคนพูด เงยหน้าหันไปมองเวลาที่ตอนนี้ก็บอกเวลาสิบโมงพอดี

“ พี่เมดเกรงใจอะ ไม่ต้องมาหรอก  พี่เมดไม่บอกพี่อาฟแน่นอน น้องเดย์อยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ ”

“ ก็คืออยากจะไปกินข้าวกับพี่เมดไง ” อีกฝ่ายอ้อน “ อย่าดื้อน่า ยังไม่อาบน้ำใช่มั้ย อาบน้ำๆ เดี๋ยวไปรับ แค่นี้แหละครับพี่สะใภ้ ”

“ งั้นคิดของที่จะกินไว้เลยนะ ”

“ ครับผม ” กดวางสาย ในท้ายที่สุดก็ไม่สำเร็จผมควรคิดได้ว่าไม่เคยมีใครขัดคำสั่งไอ้อาฟได้สักคน เถอนหายใจออกมาเซ็งๆกับความขี้เกียจที่ลุกขึ้นจากเตียงไปอาบน้ำ แต่ก่อนหน้านั้นผมก็ไม่ลืมเปิดโปรแกรมไลน์ของตัวเองเพื่อดูแจ้งเตือนของแชทอันบนสุดที่ปักหมุดไว้ มันเป็นแชทของคนที่ตอนนี้เดินทางถึงสิงคโปร์แล้วเป็นที่เรียบร้อย

[ ถึงแล้ว กำลังจะไปโรงแรม ]

[ ถึงโรงแรมแล้ว กำลังจะออกไปคุยกับเพื่อนพ่อ ที่ภัตตาคารในโรงแรม ]

[ ถึงร้านอาหารแล้ว ]

“ กวนตีนกูอยู่เปล่าวะถามจริง ” ผมพูดกับตัวเองตอนที่เห็นสามข้อความนั้นของอีกคน แล้วถึงกับต้องส่ายหน้าที่มันก้รายงานกันถึงขั้นนั้น [ มึงไม่บอกด้วยอะ ว่าแดกอะไรบ้าง ]

[ กำลังพิมพ์ ]

[ K ] ส่งข้อความตอบกลับไปไม่ลืมส่งสติกเกอร์หน้าโกรธไปให้มันด้วย ส่วนอีกคนก็ส่งสติกเกอร์แมวน้ำที่มีคำว่า รัก ตอบกลับมาแต่ก่อนที่ผมจะพิมพ์แซวอะไรไป อาฟก็คืออาฟ

[ ส่งผิด ]

[ อ๋อจ้า เชื่อได้มากเลย ] ผมแซวมัน

[ เพิ่งตื่นใช่มั้ย ]

[ ใช่ กำลังจะไปอาบน้ำ เดี๋ยวน้องเดย์มารับไปกินข้าว ]

[ อื้ม ]

[ ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา ] พิมพ์ตอบกลับไปแบบนั้น ก่อนที่วิดีโอคอลจะถูกโทรเข้ามาโดยอีกคน ผมกดตัดสายเพราะคิดว่าอาฟคงกดผิด [ โทรวิดีโอเข้ามาทำไม มึงกดผิดเหรอ ]

[ ก็มึงบอกจะอาบน้ำ ]

[ ไปตายนะไอ้สัด ] ส่งข้อความไปพร้อมสติกเกอร์หน้าโกรธ แต่เหมือนอีกคนจะไม่ฟังกัน อาฟยังโทรวิดีโอคอลเข้ามาเรื่อยๆ เป็นคนที่แม้ตัวไม่อยู่แต่ก็ยังหาวิธีมากวนตีนกันได้อย่างไม่มีที่สุดจริงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 16-11-2018 20:26:30

ผมเดินลงมาชั้นล่างของคอนโดหลังจากอาบน้ำเสร็จ ตรงลานจอดรถที่มีรถของผมกับอาฟจอดอยู่นั้น ตอนนี้มันมีรถเบ็นซ์ป้ายทะเบียนคุ้นตาคันนึงมาจอดอยู่ข้างๆกันด้วย ผมเคาะกระจกรถบอกคนด้านในก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่ง

“ กินอะไรกันดีครับที่รัก ” น้องเดย์ที่วันนี้ดูจากการแต่งตัวเหมือนไม่มีเรียนหันมาถามก่อนจะยักคิ้วให้ผมที่ก็ยิ้มให้น้อง ก่อนจะยกมือถือขึ้นมา

“ อัดเสียงไว้ละ เดี๋ยวส่งให้ไอ้อาฟฟัง ”

“ ที่รักของสัดพี่อาฟสุดที่รักของน้องเดย์ไง  ยังไงพูดไม่จบเฉยๆ ” น้องบอกขึ้นทันควันผมก็หัวเราะออกมาเสียงดังจนพิงกับเบาะที่นั่ง “ หัวเราะอะไรขนาดนั้น แกล้งน้องเดย์ปะพี่เมด ”

“ เออ แกล้ง ”

“ ร้ายนัก เดี๋ยวจับรักซะให้เข็ด ” เม้มริมฝีปากตอนที่พูดผมก็แต่ขมวดคิ้วก่อนจะถาม

“ แล้วตกลงจะกินอะไร ”

“ ราเมงมั้ย น้องเดย์อยากกิน มีร้านหนึ่งน้ำซุปกระดูกหมูโคตรเด็ด เดี๋ยวพาไปชิม ”

“ โอเค ได้เลย ” พยักหน้าบอกรับน้องอีกคนก็ถอยรถออกจากที่จอดทันที ผมถอนหายใจออกมาตอนที่คาดเข็มขัดนิรภัยน้องเดย์ก็หันมายิ้มให้

“ หงุดหงิดเหรอพี่เมด ”

“ เปล่านี่ ทำไมคิดงั้นวะ ”

“ ก็เห็นถอนหายใจ เลยคิดว่าไม่อยากจะให้น้องเดย์มารับหรือเปล่า แบบเกรงใจ แต่ก็ขัดสัดพี่ไม่ได้ อะไรทำนองนั้น ”

“ พี่เมดไม่ได้ถอนหายใจเพราะเรื่องนั้น ถอนหายใจเฉยๆนี่แหละไม่มีอะไรหรอก แต่ว่าพี่เมดก็คิดแบบที่น้องเดย์บอกนะ พี่เมดไม่อยากให้น้องเดย์มารับ พี่เมดเกรงใจ ”

“ ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรสักหน่อยเปล่าวะ ” น้องบอกผม “ แค่มารับไปกินข้าว ไปส่งที่มหาลัยแล้วก็ไปรับกลับตอนเลิกเรียน ต่อด้วยกินข้าวเย็นแล้วก็มาทำงานที่ผับซึ่งก็ปกติน้องเดย์ก็มาอยู่แล้วอะ แล้วพอเลิกงานก็พากลับไปส่งคอนโด แค่นี้เอง ”

“ แค่นี้เองเหรอวะ แต่ทำไมพี่เมดไม่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องแค่นี้เองเลยวะ คือรู้สึกว่า ตัวเองเหมือนเป็นคนที่ต้องถูกดูแลอยู่ตลอดเวลาอะ เหมือนคนที่พ่อแม่เลี้ยงแบบไข่ในหิน ใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียวไม่ได้ ทั้งๆที่ว่า กูก็ทำได้นะ ก่อนจะคบมันพี่เมดไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด เมื่อก่อนนี้ไปซื้อของ กินข้าว ไปเรียน ก็ไปคนเดียวตลอด แต่ตอนนี้อะไรแบบนั้นคือลืมไปได้เลย คือพี่ชายน้องเดย์ดูแลพี่เมดจนจะเป็นง่อยอยู่แล้ว ”

“ ฮ่าๆ แต่มันก็ไม่เห็นแปลกที่จะเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอวะ ” น้องเดย์หันมาบอกผมก่อนจะยักคิ้วให้ “ ก็เมื่อก่อนพี่เมดไม่มีสัดพี่ พี่เมดก็ต้องดูแลตัวเอง ต้องทำอะไรด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้พี่เมดมีสัดพี่คอยดูแลแล้ว สัดพี่มันก็เข้ามาทำหน้าที่ของมัน ก็ไม่แปลกเปล่าวะ ”

“ ก็..” ผมไม่รู้จะเถียงอะไร มันก็จริงของน้อง บางทีสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบตัวของผมในตอนนี้ มันก็เหมือนกับสิ่งที่บอกว่า ตอนนี้ผมมีแฟนแล้ว แล้วเค้าก็ชื่อ อาฟเตอร์ อารยะ คนที่ทำอะไรแบบนี้ให้กันเสมอ

“ รู้มั้ยว่าทำไมน้องเดย์ไม่อยากจะขัดใจสัดพี่เวลามันใช้ให้ทำอะไรให้มัน ”

“ ได้เงิน ” ผมตอบ น้องก็หัวเราะออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ก็ขอไปแบบนั้นแหละพี่เมด ไม่ให้ก็ทำให้ แค่ไปรับไปส่งพี่เมดเอง ไม่ได้หนักหนาเท่าไหร่หรอก พี่เจ หรือแม้แต่ไอ้อัยย์มันก็คิดแบบนั้น เพราะสัดพี่ไม่ใช่พวกที่ขอร้องคนอื่นด้วยละ มันมีแต่ทำให้คนอื่น ขออะไรมันถ้ามันให้ได้มันก็ให้ แล้วแบบนั้นเวลาที่มันขอให้ช่วยดูแลพี่เมดแทนมัน ทุกคนก็เลยอยากจะช่วยมัน ”

“ อื้ม ”

“ คนอย่างสัดพี่ถ้าไม่ไว้ใจมันไม่ให้เข้ามาใกล้พี่เมดหรอกจะบอกให้ มันรักพี่เมดมากนะ น้องเดย์ขอบอกเลยว่าทั้งชีวิตของมัน มันไม่เคยทำให้ใครแบบที่ทำให้พี่เมดเลย พี่เมดอาจจะมองรำคาญว่ะ อะไรจะขนาดนั้นวะ ทำไมต้องดูแลกูขนาดนี้ กูไม่ได้เป็นง่อยสักหน่อย กูทำได้เอง จะห่วงอะไรกันนักหนา แต่ว่า นี่มันก็คือความรักของสัดพี่ที่มีให้พี่เมดไม่ใช่เหรอวะ มันก็แค่อยากจะดูแลคนที่มันรักให้ดีที่สุดอะ แล้วตอนนี้พี่เมดก็แค่รับมันไปก็เท่านั้น ”

“ พูดไม่ออกเลยกู ” ผมได้แต่พูดคำนั้นออกมาเบาๆ ในตอนนั้นน้องเดย์ที่หันยกมือเก็กหล่อให้กันมันไม่ได้ชวนให้ผมขำแต่อย่างใด ก็คงจะจริงอย่างงั้น ทั้งหมดนี่คือความรักของอาฟที่มีให้ผม แล้วผมก็ควรรับมันไว้

“ แล้วอย่าบอกสัดพี่ว่าน้องพูดงี้นะ ”

“ เสียใจนะ อัดเสียงไว้แล้ว ” ทำทีเป็นยกมือถือขึ้นมาแกล้ง อีกคนก็หันมาจ้องแบบหาเรื่อง

“ กวนตีนกูละนะพี่สะใภ้ ”

“ ฮ่าๆ ” เราที่หัวเราะให้กันภายในรถที่เคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ จนมาถึงร้านราเมงที่อีกคนบอกว่าเด็ด มันตั้งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดของเราเท่าไหร่นัก เป็นร้านขนาดกลางที่มาจากญี่ปุ่นแท้ๆ ผมกับน้องเดย์เลือกโต๊ะที่นั่งด้านในสุดของร้าน สั่งราเมงแบบน้ำซุปกระดูกหมูคนละที่พร้อมกับเกี๊ยวซ่าแล้วก็ของทอดอื่นมาเป็นจานกลาง

“ น้องเดย์มากินที่นี่บ่อยเหรอ ” ผมถามอีกคนก็ส่ายหน้า

“ ไม่อะ แต่เคยมากินครั้งหนึ่งกับสาว อร่อยดีเลยพาพี่เมดมาด้วย ”

“ สาวที่ว่าคือ น้องคนที่ชื่อแพมใช่มั้ย ”

“ ใช่แล้ว ” ท่าชี้นิ้วแบบถูกต้องนะครับถูกชี้มาทางผม “ แต่ว่าไม่ใช่แฟนนะเป็นแค่กิ๊ก ”

“ จริงอะ ”

“ จริง ” อีกคนพยักหน้ารับบอก “ น้องเดย์ไม่ชอบการผูกมัดอะพี่เมดเลยไม่มีแฟน แล้วแพมเองก็ไม่ชอบด้วย แบบนั้นเราก็เลยอยู่กันไปแบบ กิ๊กๆกันนี่แหละสบายใจดี ”

“ แปลกดี ”

“ แปลกตรงไหนวะ ”

“ ก็ไม่มีใครคิดที่จะจริงจังเลยเหรอ แบบว่า รู้สึกเกินกว่าสิ่งที่ตกลงกันไว้ อยู่กันมานานเท่าไหร่แล้วละ น้องเดย์กับน้องแพมน่ะ ”

“ ก็สักแปดเดือนแล้วมั้ง แต่ก็ไม่เห็นมีใครอยากจะเลื่อนขั้นมากกว่านี้ อีกอย่างน้องเดย์กับแพมมันก็เป็นแนวแบบ เพื่อนที่เอากันได้ อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ แต่ไม่หึงหวง ไม่วุ่นวาย แต่ถ้ามีคนที่อยากจะจริงจังด้วยเมื่อไหร่ เราก็แค่แยกทาง ”

“ เหรอ ” แต่คนเรามันจะมีเหรอวะ คนที่เค้าไม่รู้สึกอะไรแล้วเอากัน กอดจูบกันจะไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอวะ แต่มันก็คงมีมั้ง ไม่งั้นคงไม่มีวันไนท์สแตน แต่ว่านี่ก็มีอะไรกันตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่ใช่วันไนท์เปล่าวะ แล้วคืออะไร งงกับคำว่า เพื่อนที่เอากันได้ แต่เพื่อนกันแม่งก็ไม่เอากันเปล่าวะ  ผมที่ได้แต่คิดอยู่คนเดียวในตอนนั้นน้องเดย์ที่เหล่มองมาก็ยิ้ม

“ เอาน่า อย่าสนใจเรื่องน้องเดย์เลย เรามานินทาสัดพี่กันดีกว่า ”

“ นินทาเรื่องไรวะ ” ผมถามอีกคนก็ยิ้ม


“ ก็มีอะไรบ้างที่พี่เมดอยากรู้อะ เดี๋ยวน้องเดย์จะเล่าให้ฟังหมดเลย ถ้ารู้นะ ”

“ เรื่องที่อยากรู้เหรอวะ ” ผมที่พยายามคิดถึงสิ่งที่อยากรู้ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้คำถามหนึ่ง “ รักครั้งแรกของอาฟเป็นไงวะ ”

“ ยากละ ” อีกคนหลุดสบถผมก็ถามกลับด้วยความสงสัย

“ ทำไมวะ ”

“ ก็ไม่มั่นใจว่าจะเรียกว่ารักครั้งแรกได้หรือเปล่า มันห้าสิบห้าสิบ แบบ มันมีความรักเหรอ ”

“ มันต้องมีสิ พี่อาฟเคยบอกพี่เมดว่ามี มันเล่าด้วยนะว่าหน้าเป็นยังไง ”

“ ยังไงๆ มันเล่าว่าไง ”

“ แล้วน้องเดย์ไม่เคยเห็นเลย ” อีกคนส่ายหน้าผมก็ได้แต่ยิ้ม “ ก็เล่าเป็นคนตัวสูง ขาว แล้วเวลายิ้มตาจะเป็นขีด แก้มตรงนี้ก็จะกลม ท่าทางเด็กๆ ดูหมวยๆ น่ารักๆ ”

“ พี่พูดมานั่นไม่ใช่พี่เมดเหรอวะ ”

“ บ้า จะใช่ได้ไงเล่า ”

“ เอ้า ก็ที่พูดมาพี่เมดชัดๆ แต่ถ้าไม่ใช่พี่เมด ก็แสดงว่าสเป็คไอ้สัดพี่แม่งก็ต้องแบบสไตส์พี่เมดอะ หมวยๆตี๋ๆกันไป ” น้องเดย์บอกในตอนนั้นอาหารที่เราสั่งก็ถูกยกมาเสิร์ฟพอดี บทสนาที่ผมอยากฟังต่อก็เป็นอันว่าต้องสะดุดลงเพราะอาหารตรงหน้าที่โชยกลิ่นหอมจนต้องหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่าย ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาเป็นลำดับต่อไปเพื่อชิมรสชาติ “ เป็นไง อร่อยมั้ย ”

“ อร่อยๆ โคตรเข้มข้นอะ ” ตอบแบบนั้นน้องเดย์ก็ชูกล้องมาทางผมที่ก็ชูสองนิ้วส่งไปให้อีกคน ที่ไม่บอกก็รู้ว่าคงส่งไปรายงานพี่ชายที่อยู่ต่างประเทศแน่นอน

“ ดีใจที่พี่เมดชอบ ”

“ แล้วเรื่องนั้นว่าไงต่อ ” ผมถาม “ รักครั้งแรกของไอ้อาฟที่ตอนแรกน้องเดย์บอกว่า ไม่มั่นใจว่ารักครั้งแรกหรือเปล่า ”

“ อ๋อ เพราะตอนนั้นน้องเดย์ไม่รู้ว่ามันอกหักหรือเปล่า แต่อาการมันนะโคตรเหมือนคนอกหักเลย ” อีกคนเล่าเปิดเรื่องอย่างออกรส
“ จำได้สัดพี่อยู่ม.หกมั้ง น้องเดย์ก็อยู่ม.สี่ ปกติกลับมาเราจะเล่นเกมส์ด้วยกัน แต่วันนั้นมันไม่พูดไม่จากับใครเลย เดินเงียบๆเข้าไปในห้องแล้วก็ไม่ออกมาอีกเลย เช้าตื่นขึ้นมามันก็ไปโรงเรียนปกติ แต่แม่งไม่คุยกับน้องเดย์จนคิดว่ามันโกรธอะ แต่พอไปถามเพื่อนมัน เพื่อนมันก็บอกว่า สัดพี่ก็มีอาการแบบเดียวกันนี้กับพวกพี่มันเหมือนกัน แล้วพอน้องเดย์ถามว่า อกหักหรือเปล่า มันก็แค่บอกว่า อกหักเหี้ยอะไรเค้ายังไม่รู้จักกูเลย น้องเดย์เลยสันนิฐานว่า คงไปชอบใครแล้วโดนตัดหน้าแหละ ความรักวัยรุ่นก็เงี้ยพี่เมด จะเฮิร์ทๆหน่อย ”

“ อยากรู้เลยว่าคนคนนั้นเป็นใคร ”

“ อยากรู้เหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะได้รู้หรอก อีกอย่างนะเรื่องมันก็นานมากแล้วอะ บางทีสัดพี่อาจจะลืมหน้าเค้าไปแล้วก็ได้ มันใส่ใจคนอื่นที่ไหนกัน ”

“ ใครจะรู้วะ รักครั้งแรกนะน้องเดย์ ไม่มีใครลืมได้หรอก ”

“ แบบพี่เมดปะ ? ” คำถามที่ทำให้สถานการณ์ในตอนนั้นเปลี่ยนไปแบบทันที ผมนิ่ง น้องเดย์เองก็ได้แต่เบิกตาขึ้นมา ก่อนจะยกมือไหว้ผม ในตอนที่คิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่ควรพูดอะไรแบบนั้นออกมา “ น้องเดย์ขอโทษพี่เมด น้องเดย์ไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษครับ ”

“ ไม่เป็นไร ” ผมบอกอีกคนยิ้มๆ ก่อนจะส่ายหน้า “ พี่เมดไม่ได้คิดอะไรแล้วจริงๆ ”

“ เหรอ ”

“ อื้ม ให้เล่ายังเล่าได้เลย ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วละ ตอนนี้ก็มีไอ้อาฟแล้ว แม่งก็แค่ความทรงจำอะ ”

“ เล่าได้จริงอะ อยากฟังนะ ”

“ จะฟังเรื่องอะไรละ ” ผมคีบเกี๊ยวซ่าเข้าไปในปากหลังจากที่ถามอีกคน น้องเดย์นั่งนึกอยู่สักพักก่อนจะหันกลับมาจ้องกัน

“ พี่เมดกับไอ้เชี้ยนั่นคบกันได้ไงวะ ” คำถามที่ทำให้ผมหวนนึกถึงวันเวลาเหล่านั้น ภาพของตัวเองที่ยืนอยู่ตรงหลังโรงเรียนฉายขึ้นมาในสมอง แม้แต่ความรู้สึกใจเต้นแรงในวันนั้นผมก็ยังคงจดจำมันได้ดี ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ ช่วงเวลานั้นก็ถูกจัดเป็นช่วงเวลาที่ดีอีกช่วงหนึ่งในชีวิตเสมอ

“ หลังเลิกเรียนตอนม.หก มันให้เพื่อนคนหนึ่งในชมรมมาถามชื่อเมดว่า ชื่ออะไร เรียนห้องไหน  ” น้องเดย์ที่นั่งอยู่ตรงหน้าพยักหน้ารับ “ แต่ตอนนั้นก็ไม่มั่นใจหรอกว่าเป็นมัน แบบไม่กล้าเข้าข้างตัวเอง เพราะตอนที่คนคนนั้นมาถาม เค้าเดินข้ามถนนไปเจอบินแต่เหมือนจะไม่ได้ตั้งใจเจอมากกว่า มามั่นใจก็ตอนที่สารภาพรักนั่นแหละ ว่าเป็นมันที่มาถามชื่อตอนแรกแล้วก็ซื้อนมมาให้ด้วย ”
“ ซื้อนมจีบกันเหรอวะ ”

“ ประมานนั้น ” ผมบอก “ ตอนนั้นพี่เมดโดนเด็กที่โรงเรียนชนตอนที่จะดูดนมเข้าปากแล้วด้วยนะ โคตรเซ็งเลยตอนนั้นคิดว่าจะอดแดกละ แต่สุดท้ายก็เพื่อนของบินคนที่มาถามชื่อนี่แหละ ก็วิ่งเอานมขวดใหม่มาให้ เค้าบอกว่า ‘ เพื่อนเราชอบเมดอะ เพื่อนเราฝากมาให้ ’ แล้วก็ย้ำด้วยนะว่า ‘ อย่าทิ้งละ ’ ”

“ แล้วพี่เมดก็ถามตอนนั้นเหรอว่าเพื่อนมันเป็นใคร ”

“ ก็ถามแต่มันก็ไม่ตอบหรอก บอกแค่ว่า เพื่อนไม่ให้บอก เดี๋ยววันไหนให้บอกก็จะมาบอก ”

“ โคตรป๊อดเลย เป็นน้องเดย์บอกไปละ ชื่อเดย์ รูปหล่อ พ่อรวย พี่ชายปากหมา คบแล้วจะมีให้ทุกอย่าง ยกเว้นอนาคต ”    

“ ฮ่าๆ ” หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังกับคำพูดและท่าทางเก็กหล่อของอีกคน   

“ ต่อๆ  แล้วตอนนั้นเป็นไง เขินเลยดิ ”

“ โคตรๆ ” ผมบอก “ หน้านี่แดงไปหมด เหมือนเลือดจากทุกส่วนในร่างกายขึ้นมากองอยู่ตรงหน้า แล้วหลังจากวันนั้นคนคนนั้นก็เอานมมาให้พี่เมดทุกวันเลย จะฝนตก แดดออก ก็เอามาให้ จะเลิกสายก็รอ พี่เมดเองก็ออกไปรอนมนั่นทุกวันเหมือนกันนะ มันเป็นอะไรที่แบบ จะว่ายังไงดีวะ สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขในทุกวันมั้ง อื้ม.. พูดอย่างงั้นก็ได้แหละ เพราะไม่ว่าวันนั้นจะเจอเรื่องแย่แค่ไหน หรือจะทะเลาะกับใครมา แต่พอคิดว่าตอนเย็นจะมีคนมาคอยเราอยู่ คนที่คอยซื้อนมให้เราทุกวัน คนที่คอยเป็นห่วงแล้วถามว่าวันนี้เราทำอะไร เป็นยังไงบ้าง ถึงจะได้ตอบแค่คำสั้นๆแต่มันก็ดีมากเลยนะ พี่เมดชอบความพยายามของเค้า ชอบความใส่ใจของเค้า เป็นครั้งแรกเลยที่ตกหลุมรักใครสักคนโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร ”

“ น่ารักจังว่ะ ”

“ แล้วบางวันที่ต้องไปยืนรอเค้าตรงหลังโรงเรียน พี่เมดก็เคยแอบคิดด้วยนะ ว่าเค้าอาจจะเป็นใครสักคนที่เดินอยู่แถวๆนั้นแล้วแอบมองเราอยู่ก็ได้ เป็นอะไรที่โคตรมีความสุขอะ เหมือนเค้าเป็นคนที่ทำให้พี่เมดรู้สึกอยากจะนอนเร็วๆ แล้วตื่นขึ้นมาเรียนในตอนเช้า เพื่อรอเวลาเย็นที่ต้องไปรอรับนมของเค้าก่อนกลับบ้าน เป็นทำให้วันจันทร์ถึงวันศุกร์ในตอนนั้นมีความหมายอะ ”

“ เขินเลยตัวกู ”

“ แต่ว่าพี่เมดก็จำไม่ได้แล้วนะ ว่ามันนานแค่ไหนที่เป็นอยู่แบบนั้น จนวันนึงที่พี่เมดคอยรับนมอยู่ปกตินี่แหละ ตอนนั้นก็เห็นคนส่งนมเดินถือนมมาแล้ว แต่ว่าบินก็เดินเข้ามาคว้านมจากมือเค้าไปเลย มันพูดอะไรสักอย่างกับเพื่อนแล้วก็ตรงมาหาพี่เมดเลย ”

“ ฉากสารภาพรักมาละ ”

“ อื้ม  ตอนนั้นมันก็บอกชอบ เป็นแฟนกันมั้ย ”

“ แล้วพี่เมดว่าไง เซย์เยสเลยสิท่า ”

“ ตอนนั้นก็ยังไม่มั่นใจนะ คือ เข้าใจมั้ยว่า ตอนแรกที่เห็นที่คิดว่ามาถามชื่อพี่เมดคิดว่าตัวเองคิดไปเอง แต่พอมันมายืนอยู่ตรงหน้าจริงๆก็ช็อคไปเหมือนกัน เพราะว่าบินตอนนั้นมันดังมาก เป็นนักบาสของโรงเรียนตรงกันข้ามด้วย เลยรู้สึกว่าไม่น่าใช่ จำได้ว่าพี่เมดถามมันเพื่อความแน่ใจด้วยนะ ”

“ ถามว่าไรวะ เรื่องนมน่ะเหรอ ”

“ อื้ม ก็ถามว่ามันเป็นคนที่ฝากนมมากับเพื่อนในพี่เมดทุกวันเลยเหรอ แล้วพออีกคนบอกว่าใช่เท่านั้นแหละ เข้าใจเลยว่าไอ้ความรู้สึกที่เค้าบอกว่าหัวใจเต้นแรงแทบทะลุอกมันเป็นยังไง แล้วพอโดนถามซ้ำว่า คบกันมั้ยก็เลยตอบตกลงไปเลยว่า คบจ้า ”

“ ฮ่าๆ ” 

เสียงหัวเราะที่ดังประสานขึ้นของเรา ชวนให้ผมคิดถึงความรู้สึกในวันนั้นที่จำกัดความได้สั้นๆว่า ‘ มีความสุขที่สุด ’ แม้ตอนนี้จะเป็นได้เพียงแค่ความทรงจำแล้วก็ตาม

“ แต่หลังจากคบกัน บินมันก็ดีได้ไม่ถึงปี แม่งก็เริ่มเหี้ยละ เหี้ยแบบ เหี้ยมากๆ ทั้งเจ้าชู้ เอากับผู้หญิงคนอื่น พาผู้หญิงไปเลี้ยงเหล้า ชอบด่าพี่เมดแบบ คือมันด่าจากไอ้อาฟนะ อาฟด่าแบบกวนตีน อันนี้ด่าแบบ ด่าจริงๆ ด่าเหมือนเราไม่ได้รักกัน ” ผมพูดยิ้มๆ “ แล้วก็ยังมีสารพัดเรื่องที่มันจะทำให้เสียใจ แล้วหนักสุดก็เรื่องนั่นแหละ เรื่องที่คุณก็รู้ว่าเรื่องอะไร ”

“ แล้วทำไมพี่เมดยังทนวะ ” น้องเดย์ถาม “ คือหมายถึงตอนที่ยังไม่รู้ว่ามันแอบเอากับเพื่อนสนิทอะ คือพี่เมดบอกว่า มันเหี้ยแบบ เหี้ยมากๆ  แต่ทำไมยังทนคบอยู่กับมันได้ตั้งนานวะ ”

“ ไม่รู้เหมือนกันวะ บางทีคงเพราะมันเคยเป็นความสุขของพี่เมดมั้ง ” ผมยิ้มให้คนตรงหน้า “ ก็ถึงแม้มันจะเหี้ยมากแค่ไหน แต่ในช่วงเวลาหนึ่งมันก็เคยเป็นคนที่ทำให้พี่เมดยิ้มได้ เป็นคนทำให้พี่เมดมีความสุข แล้วพอคิดว่าครั้งหนึ่งมันเคยพยายามบังคับเพื่อนให้เอานมมาให้พี่เมดได้ทุกวัน ไม่เคยลืมเลยสักวัน  พี่เมดก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า สักวันบินก็คงเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นั่นแหละ แต่นั่นเป็นความคิดที่โคตรโง่เลย พี่เมดน่าจะรู้ว่า สันดานแม่งเป็นสิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้ ”

“ ถามจริงๆนะ เกลียดมันมั้ย ไอ้เชี้ยนั่นนะ ”

“ เกลียดสิ  พี่เมดเกลียดสิ่งที่มันทำ เกลียดที่มันหักหลังกัน แล้วที่เกลียดที่สุดก็คือ มันไม่ได้แค่ทำลายความรักของพี่เมด แต่มันทำลายคำว่าเพื่อนของพี่เมดด้วย ” ผมบอกน้อง “ แต่ว่ามันก็ทำให้พี่เมดเข้าใจคำว่า puppy love นะ เป็นคนที่ทำให้ช่วงเวลาสั้นๆช่วงหนึ่งตอนม.หก มีความหมาย ”

“ พี่เมดดูเป็นคนที่มั่นคงในความรักมากเลยวะ ” น้องเดย์บอก “ นี่ถ้ามันไม่ไปนอนกับเพื่อนสนิทแล้วเห็นคาตาก็คงไม่เลิกกับมันหรอกใช่มั้ย ”

“ คงงั้นมั้ง พี่เมดว่า พี่เมดก็เหมือนคนโง่คนหนึ่งอะน้องเดย์ เรายึดติดกับคนคนหนึ่งเพราะเราคิดแบบเด็กๆ แบบในนิยายรักที่เราอ่าน ว่าเราจะรักเค้าตลอดไป แล้วเราก็คิดว่าถ้าเราอดทน เราก็จะฝ่าฟันทุกอย่างไปได้ เหมือนในละครที่พระเอกเหี้ยมากแต่สุดท้ายพอเค้าคิดได้ เค้าก็กลับมารักกับนางเอกตลอดไป แต่ว่านี่ชีวิตจริงมันไม่ใช่ละครเว้ย ชีวิตจริงคือ เมื่อคุณทำผิดพลาดมันมีสองทางหลังจากนั้นให้เลือก คือ กลับตัวเป็นคนใหม่ กับ ทำซ้ำอีกครั้งอย่างไม่กลัว แล้วบินก็เป็นแบบอย่างหลัง มันคิดแค่ว่า ‘ ไม่เป็นไร ไม่ว่ายังไง เมดก็รักกู ’ แต่มันคงลืมไปว่า ไม่ใช่ทุกความผิดที่จะถูกให้อภัย เพราะบางอย่างมันก็เกิดกว่าจะให้อภัยได้ ”

“ เพราะแค่ไอ้นมช็อกโกเล็ตขวดเดียวแท้ๆ ที่เสือกมาสร้างความทรงจำดีๆให้ยึดติดกับแม่งไว้ เหี้ยจริงๆ ”

“ มันไม่ใช่แค่นมช็อกโกเล็ตขวดเดียวหรอกนะน้องเดย์ ”

ในความรู้สึกผมมันเป็นเฉกเช่นนั้น นมช็อคโกเล็ต ไม่ใช่แค่นมช็อกโกเล็ตเท่านั้น แต่มันมีความรู้สึกที่ฝังติดมา นม กินเสร็จแล้วเราก็ทิ้ง แต่สิ่งที่หลงเหลืออยู่ คือความรู้สึกมีความสุขที่ค่อยๆเติบโตขึ้น แล้วยึดครองหัวใจของผมไว้ ด้วยการฝังรากของมันลงเป็นความทรงจำที่ไม่ว่านานเท่าไหร่ก็ไม่มีทางลืม

ความทรงจำที่ครั้งหนึ่งมันเคยทำให้ผมให้อภัยคนคนหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นความทรงจำที่แม้แต่ตอนนี้ จะเกลียดกันแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยลืมได้เลยว่า ครั้งหนึ่ง มันก็เคยเป็นความสุขของผม

“ แต่ถ้าคิดในแง่ดี มันก็ดีนะที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น  ไม่งั้นตอนนี้พี่เมดก็ไม่หลุดพ้นจากไอ้เชี้ยนั่นหรอก แล้วก็ยังต้องเสียใจอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ ”

“ ก็จริงนะ ” ผมยิ้ม “ แล้วมันก็ทำให้พี่เมดเข้มแข็งขึ้นด้วย ”

“ แล้วก็ทำให้พี่เมดมาเป็นพี่สะใภ้ของน้องเดย์ ” น้องส่งทำมือรูปหัวใจมาให้ผมด้วยท่าที่ไอ้อาฟชอบบอกบ่อยๆว่ามันเหมือน ท่าขอบี้หัวนม

หลุดยิ้มออกมาในตอนนั้น เผลอคิดถึงคนไกลกันอีกแล้ว เวลาหวนคิดถึงอดีตเมื่อไหร่ เวลาที่นึกเสียใจ ก็ชอบคิดถึงหน้าของอีกคนแล้วคิดขึ้นมาว่า ดีแล้วที่เป็นแบบนี้ อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้เจอสิ่งที่ดีกว่า เป็นความรู้สึกที่ถ้าอาฟอยู่ข้างๆ ผมก็คงจะเลื่อนตัวเข้าไปกอดมันไว้ ถึงจะโดนถามว่า ‘ เป็นเหี้ยอะไร ’ แต่มันก็มักจะกอดตอบกันทุกครั้งโดยไม่ถามหาเหตุผลอะไรอีก

ผมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดไลน์ตัวเองที่ไม่มีข้อความตอบกลับจากคนไกล มันคงยุ่งจนไม่ได้จับมือถือ ไม่ก็ทำธุระอยุ่กับพ่อแล้วไม่สามารถหยิบมือถือขึ้นมาดูได้ ในตอนนั้นกดส่งข้อความไปหามัน

[ คิดถึงคนทางนั้นจังเลยว่ะ ]

 จะว่าไปก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกที่อีกคนบอกว่า สองวันเหมือนสองอาทิตย์มันเป็นยังไง ก็คงประมานนี้ เป็นความรู้สึกที่ว่า เข็มนาฬิกาจะเดินช้ากว่าตอนที่เราอยู่ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 45 :: up! 9-11-61} #หน้า 41
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 16-11-2018 20:26:52

“ บ่ายสี่โมงเจอกันนะพี่เมด น้องเดย์จะขับรถมาจอดตรงนี้นะ ” คนขับรถที่มาจอดส่งผมที่หน้าคณะบอก วันนี้ผมมาเรียนช่วงบ่ายสอง หลังจากที่เรากินข้าวเสร็จ บวกด้วยการไปเดินซื้อขนมกินอีกนิดหน่อย ก็ได้เวลาที่อีกคนจะพาผมมาส่งที่มหาลัย

“ โอเคครับ แล้วนี่จะไปไหนต่อ ” หันไปถามน้องตอนที่ปลดเข็มขัดนิรภัย อีกคนก็แค่มองไปรอบๆ

“ คงไปหาร้านกาแฟ แล้วนั่งเล่นเกมส์แถวๆนี้แหละ ขี้เกียจไปไกล รถติด ”

“ โอเค งั้นเลิกเรียนพี่เมดส่งข้อความไปหานะ ”

“ ครับ ”

“ ตั้งใจเรียนนะพี่เมด อย่ามัวแต่คิดถึงสัดพี่ละ ”

“ โอเค ขับรถดีๆ ”

ปิดประตูรถลงผมก็หันหลังเดินเข้าตึกคณะทันที ภายในห้องที่นิสิตยังมากันมาครบ ผมเลือกที่นั่งที่ว่างก่อนจะนั่งลงแล้วหยิบไอแพตขึ้นมาเปิดเล่นเกมส์ที่โหลดไว้แก้เบื่อแบบไม่รู้จะทำอะไร ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสายตาที่กำลังมองมาอยู่นานแล้ว ตอนนั้นผมสบสายตาเข้าจิงที่มองมา ในวินาทีนั้นผมไม่รู้ว่าตัวเองคิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่ามันกำลังมีอะไรที่อยากบอกผม อะไรสักอย่างที่ท่าทางมันก็ดูเหมือนกังวลใจอยู่ไม่น้อย

“ ไอ้จิงมองมึงทำไมวะเมด ” เสียงของเพื่อนที่นั่งข้างกันถาม ผมก็หันไปมองเธอก่อนจะส่ายหน้า

“ ไม่รู้เหมือนกันวะ ” ตอบแบบนั้นก่อนจะก้มลงเล่มเกมส์ต่อทำเป็นไม่สนใจ แล้วหลังจากนั้นไม่นาน อาจารย์ประภาควิชาก็เดินเข้ามาเพื่อเริ่มทำการสอน

จากชั่วโมงเลื่อนเป็นสองจนถึงเวลาเลิกเรียน โชคดีที่วันนี้ไม่มีการสั่งงานอะไรจากอาจารย์เพิ่ม เพราะเท่านี้ก็รู้สึกปวดหัวกับเนื้อหาการเรียนที่ค่อนข้างยากจนรู้สึกเหมือนตัวเองจะไข้ขึ้นแบบฉับพลัน ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะบิดคอไปมาเพราะความเมื่อยล้า ปิดหน้าจอไอแพตที่ใช้จดแทนสมุดลงก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความไปหาน้องเดย์หลังจากที่เรียนเสร็จแล้วพลางลุกขึ้นจากที่นั่ง

“ กลับแล้วเหรอเมด ” เพื่อนร่วมห้องถามผมที่ก็พยักหน้ารับก่อนจะยิ้ม

“ อื้ม กลับละ เจอกันนะ ”

“ จ้า ” โบกมือลาเพื่อนก่อนจะเดินออกไปนอกห้องเรียน แต่ทว่าก็ต้องมาหยุดดูคนสองคนที่เหมือนจะทะเลาะกันอยู่ตรงริมทางเดินลงตึก ยีนส์ที่กำลังทำหน้าหัวเสียในตอนนั้น ผมเห็นมันถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายกับจิงที่ก็จ้องมันอยู่ด้วยสายตาที่เอาจริงเอาจัง

ก็คงเป็นเรื่องที่เถียงกันแล้วความเห็นมันไม่ลงรอยกัน ไม่ต่างอะไรกับตอนที่เรายังเป็นเพื่อนกัน ตอนนั้นเวลาที่มันสองคนทะเลาะกันก็ชอบทำหน้าเบื่อหน่ายใส่กันแบบนี้ คนหนึ่งคิดอีกแบบ ส่วนอีกคนหนึ่งก็คิดอีกแบบ ส่วนผมเมื่อก่อนก็ได้เป็นคนกลางตลอด แต่ตอนนี้คงไม่ใช่แล้ว

“ แล้วทำไมมึงถึงไม่บอก ถ้าแค่ไม่อยากจะทำร้ายความรู้สึกของเมด ถามจริงๆเถอะ มันไม่สายไปแล้วเหรอวะ มึงก็ทำร้ายความรู้สึกมันมาตลอด ยิ่งกว่านี้ก็เคย ” ขมวดคิ้วงงกับชื่อของตัวเองที่ไปอยู่ในบทสนานั่น หรือเพราะแบบนี้เลยทำให้จิงมองผมตอนที่เข้าไปในนั่งในห้องก่อนที่อาจารย์จะเข้าสอน

“ มันก็เพราะแบบนั้นแหละ กูถึงไม่อยากจะให้มันเสียความรู้สึกอีก ก็พอได้แล้วเปล่าวะ ลืมๆไปเถอะ อดีตก็คืออดีตรื้อฟื้นให้มันได้อะไรขึ้นมาวะมึง มันก็มีแค่เจ็บกับเจ็บไม่ใช่เหรอ ”

“ กูอยากด่ามึงว่าโง่ชิบหายสัดยีนส์ ” อีกคนบอกด้วยเสียงโกรธ ก่อนจะพูดเสียงเบาลง “ จะเหลือเชื้อไฟไว้ทำไมวะ ”

ไม่เข้าใจ แต่ก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ผมไม่ได้อยากรู้ว่าทำไมตัวเองถึงไปอยู่ในบทสนานั่น แต่สิ่งที่ผมอยากทำ ก็คือการที่เดินผ่านคนสองคนนั่นออกไปเพื่อลงไปยังชั้นล่าง เบื่อที่จะสืบเรื่องราวอะไรนั่นแล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ผมคิดแบบนั้นตอนที่สูดหายใจเข้าปอดไปลึกๆ ก่อนจะผ่อนออกมาแล้วก้าวเดินออกไปจากที่ที่ตัวเองยืน และในตอนที่กำลังจะเดินผ่านทั้งสองคนนั้น จิงก็คว้าแขนผมไว้

“ ไอ้จิง ”  ยีนส์เป็นคนทักขึ้นตอนที่เห็นอีกคนจับแขนผมไว้ คนโดนเรียกหันไปมองเพื่อนตัวเองก่อนจะหันมามองผมที่มองพวกมันสลับกัน

“ อะไรกันวะ กูไม่อยากจะยุ่งกับพวกมึงนะ ” คำพูดของผมไม่มีใครตอบอะไร เรียกว่ามันไม่มีใครสนใจด้วยซ้ำ มีแค่ยีนส์ที่ตอนนี้กำลังส่ายหน้าไปมาให้จิงที่ก็ถอนหายใจออกมา

“ กูจะไม่ให้เพื่อนกูโดนหลอกอีกแล้ว มันควรพอได้แล้ว กูจะบอกความจริงกับเมด ”

‘ ความจริงอะไรวะ ’ มันคือคำถามที่อยู่ในใจของผม ในตอนนั้นทุกอย่างดูอึดอัดไปหมด ผมหันมองคนสองคนที่จดจ้องกันอยู่ ไม่มีใครพูดอะไร แต่ทุกอย่างมันสื่อออกมาทางสายตาของคนทั้งคู่ ก่อนที่ยีนส์จะถอนหายใจออกมาอย่างแรงแล้วเอ่ยบอกปัด

" งั้นก็ตามใจมึงแล้วกัน คิดว่าดีก็ทำไปแล้วกันไอ้สัด " ประโยคที่อีกคนพูดก่อนจะเดินออกไปตรงทางเดินลงตึก ผมมองตามยีนส์จนอีกคนหายไปจากสายตาถึงจะหันมามองจิงที่ยังคงจับแขนผมอยู่ด้วยความรู้สึกงุนงง มันในตอนนั้นถอนหายใจออกมา ก่อนจะหลับตาลงราวกับหนักใจเหลือเกินที่พูดบางอย่างที่มันเรียกว่า ‘ ความจริง ’  กับผม มือเลื่อนจากแขนลงมาเป็นมือแล้วนิ่งอยู่แบบนั้นเป็นนาที

“ มีอะไร จะพูดก็รีบพูด ”

“ กูมีอะไรจะบอกมึงนะเมด ” สายตาของอีกคนในตอนนั้นบอกกับผมว่า สิ่งที่กำลังจะได้ยินต่อจากนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดี หัวใจของผมเร่งอัตราขึ้นด้วยความตื่นเต้น ฝืนกลืนน้ำลายที่ค้างอยู่ตรงคอลงไปก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา ผมปลอบตัวเองในห้วงวินาทีสั้นๆนั่นว่า ‘ คงไม่มีอะไรที่น่าเสียใจไปมากกว่าการเห็นบินกับยีนส์เอากันอีกแล้ว ’

“ ว่ามาเลย ” แล้วตอนนั้นผมก็บอกอีกคนออกไป   

“ คือกูเพิ่งรู้ความจริงบางอย่าง ก่อนหน้านี้ยีนส์ห้ามกูไว้ไม่ให้บอกมึง เพราะมันอยากจะให้มึงเสียใจอยู่แบบนั้น แต่กูไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นอีกแล้ว กูอยากบอกมึง ถึงกูรู้ว่ามึงจะเสียใจ แต่กูก็ไม่อยากจะให้มึงเป็นคนโง่ในสายตาของไอ้ยีนส์หรือของไอ้บีนอีกต่อไป ” ผมขมวดคิ้วตอนที่มองหน้าอีกคนที่พูดออกมา จิงถอนหายใจ “ เมด ไอ้บินไม่ใช่คนที่ให้นมช็อคโกเล็ตกับมึงนะ วันนั้นมันโกหกมึง เพราะมันอยากจะให้มึงตอบรับรักมัน บินมันโกหกมึงเมด บินมันไม่ใช่คนคนนั้น บินไม่ใช่คนที่ให้นมนั่นกับมึง ” 

ไม่มีเสียงใดที่หลุดออกมาจากปากผม สายตาที่สั่นไหวไปมามีแต่ความรู้สึกที่ว่า ‘ ไม่จริงใช่มั้ยวะ ’ ดังก้องไปทั้งหู ผมไม่ได้ถามย้ำกับสิ่งที่อีกคนพูดว่าจริงหรือไม่จริง ผมได้แต่นิ่งแล้วรับรู้ถึงความรู้สึกที่ไร้เรี่ยวแรงไปทุกส่วน ร่างกายของผมมันชา

“ เมด ” เสียงที่อีกคนเรียกไม่มีความหมายใดในตอนนั้น มีแต่คำพูดย้ำที่เหมือนมีดปักย้ำลงไปในใจผม “ ไอ้บินมันหลอกมึงมาตลอดเลยเมด มันหลอกให้มึงทนอยู่กับมันเหมือนคนโง่คนหนึ่งก็เท่านั้น ” ดึงมือตัวเองที่ถูกอีกคนจับไว้นั่นออก ผมหันหลังเดินออกจากตรงนั้น ก้าวขาออกมาไกลเรื่อยๆ น้ำตาเองในตอนนี้มันก็ไหลออกมาเรื่อยๆเช่นกัน “ ขอโทษ ” จิงพูดไล่หลังผมมา “ แต่กูไม่อยากจะให้มึงเสียใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว ”

ก่อนหน้านี้ผมเคยคิด ‘ คงไม่มีอะไรที่น่าเสียใจไปมากกว่าการเห็นบินกับยีนส์เอากันอีกแล้ว ’ ตลอดมาผมคิดว่านี่คือความเสียใจที่สุดในชีวิตผม แต่ทว่าตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แล้ว ความเสียใจที่วินาทีนี้รู้สึกมันเหมือนจะมากกว่านั้น

ผมหวนคิดถึงความสุขของตัวเองในวันนั้น วันที่ยังไม่รู้ว่าเจ้าของความสุขในตอนเย็นของวันที่ไปรอรับทุกตอนม.หกเป็นใคร ผมที่เฝ้ารอเค้า แล้วเฝ้าฝันถึงเค้า แล้ววันหนึ่งผมก็ได้เห็นเค้ามายืนตรงหน้า เค้าที่ผมมอบตำแหน่งของคำว่ารักครั้งแรกไปให้อย่างเต็มใจ  และก็เป็นเค้า คนที่ผมเคยอดทนทุกอย่าง ไม่ว่าจะทำให้เจ็บซ้ำแค่ไหน ก็ยังเป็นคนที่ผมบอกกับตัวเองเสมอว่า ‘ เค้าจะกลับมารักเรา เหมือนอย่างที่เค้าเคยทำอะไรให้เรามีความสุขเหมือนเดิม เหมือนวันที่ได้ให้นมช็อคโกเล็ตขวดนั้นกับผม ’ แต่ทว่าทุกอย่างมันไม่ใช่แบบนั้น บินไม่ใช่ใครคนคนนั้น แล้วตลอดเวลา ผมเองที่รักคนผิดมาตลอด

‘ เหมือนคนโง่คนหนึ่งก็เท่านั้น ’  ใช่ อย่างจิงบอก ไม่มีผิดเลย ผมเป็นแค่อะไรแบบนั้น

“ เมด ” เสียงที่เอ่ยเรียกผมตรงริมกำแพงทางลงไปชั้นล่าง คนที่ผมคิดว่าเดินจากไปแล้วแต่มันยังคงยืนอยู่ ยีนส์ยืนอยู่ตรงนั้นแต่ทว่ามันกลับไม่ได้ส่งสายตาสมเพชอะไรให้ผมทั้งนั้น แล้วนั่นก็ทำให้ผมยิ่งรู้เจ็บมากขึ้นไปอีก เพราะมันคือสิ่งที่บอกย้ำกันว่า จิงไม่ได้พูดโกหก

“ มึง ” เอ่ยเรียกอีกคนเสียงเบา ผมถามย้ำกับยีนส์ " จริงเหรอวะ  นี่เรื่องจริงเหรอวะ "

“ อื้ม เรื่องจริง ”

ในหนังสือเล่มหนึ่งที่เคยอ่าน เขียนไว้ว่า ‘ อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่ย้อนกลับมา แต่ที่เรายังเสียใจอยู่กับอดีต นั่นก็เพราะว่า ความจริงที่เราเจ็บปวดอยู่ในปัจจุบัน มันทำให้เราคิดอยากเปลี่ยนแปลงอดีตอยู่เสมอ เปลี่ยน เพื่อหวังว่า เราจะได้ไม่ต้องพบพานกับความเสียใจแบบในวันนี้ ’

 แล้วตอนนี้ผมเองก็คิดแบบนั้น


มันไม่มีอีกแล้ว คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นความสุข  ทุกอย่างนั้นได้หายไปและหลงเหลือไว้เพียงแค่ ความทุกข์ทรมานที่ฝากฝังเอาไว้ในหัวใจของผม

....................................................................

ปวดหัวใจยังไงไม่รู้ หลังจากเขียนตอนนี้เสร็จ เราอึนไปเลย ปกติจะเขียนตอนต่อไปขึ้นต้นไว้นิดหน่อยเพื่อเป็นทิศทางตอนเขียนจริง แต่เราเขียนตอนนี้เสร็จ เราเขียนต่อไม่ได้เลย ทั้งๆที่ปกติเราเป็นพวกชอบบีบครั้นความรู้สึกแบบชนิดที่ว่า เจ็บเหรอ ก็จะบีบให้เจ็บกว่านี้ แต่ตอนนี้มันรู้สึกแบบ สงสารว่ะ แค่คิดว่าถ้าสมมุติ เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเรา เราจะรู้สึกยังไงกันวะ เป็นความรู้สึกที่ไม่รู้จะตั้งสติยังไงเลย เจ็บว่ะ

เจอกันตอนหน้านะคะ

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยน้า
ฝากแชร์ ฝากไลค์ด้วยย

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
หนมมี่ผู้ใสซื่อจ้า
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 16-11-2018 21:39:49
สารภาพว่าลุ้นตั้งแต่บรรทัดแรกด้วยความหวาดหวั่นมากๆ ...

เมด รู้ว่าเสียใจนะ แต่จะทำอย่างไรให้มันดีขึ้นล่ะ ทุกข์ได้ สมเพชตัวเองได้ แต่ก็ต้องมีทางให้กับความรู้สึกของตัวเองนะ กอดตัวเอง คิดด้านบวก ต้องมีสติ อะไรก็ได้ในแง่ดีน่ะ แต่อย่าลืมนึกด้วยว่าจะกระทบอาฟอย่างไรด้วยนะ ...
เชื่อเหอะ อาฟเข้าใจ อาฟรักเมดนะ รักมากด้วย เดี๋ยวก็ต้องรีบกลับมา ...
ไม่นาน คงจะรู้ว่าต่างเป็นรักแรกของกันและกัน ... อาฟเมด หากันจนเจอ ...

เราแก้อดีตไม่ได้ แต่เราจัดการความรู้สึกของเราเองได้ ...
น้องเดย์อยู่ไหน รีบมาหาพี่เมดเลย ...
เอม กลับมาได้แล้ว นะ นะ ...

#มาต่อเลยได้ไหมคะ ต่อเป็นพิเศษ ศุกร์หน้ามันอีกนานมาก อึดอัดค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-11-2018 21:40:50
ความจริง เมด น่าจะโล่ง.......
ที่อะไรทุกอย่างของบิน มันไม่จริง มันหลอกทุกสิ่งอย่าง
แต่กลายเป็นเมด เสียใจซ้ำซ้อนเข้าไปอีก  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ความจริงของอาฟ น่าจะเผยตัวตนได้แล้ว  :mew1: :mew1: :mew1:

อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-11-2018 21:48:32
แหมมมม จิงทำเป็นอยากบอกเพราะไม่อยากให้เมดดูโง่ ธธธธธ จริงๆก็แค่อยากทำให้เมดเสียใจอีกนั่นแหละ ทำไมไม่ปล่อยให้มันจบๆไปเกลียดอะไรเมดนักหนา :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 16-11-2018 21:49:20
อาฟรีบกลับมาเถอะ เมดกำลังอ่อนแอมาก คนพวกนั้นไม่หวังดีกับเมดเลย แต่มองอีกมุมอาจทำให้ได้รู้ว่าคนที่ส่งนมให้เมดทุกวันเป็นอาฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-11-2018 21:49:55
 :mew6: :mew6: :mew5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 16-11-2018 21:56:38
ร้องไห้ไปกับเมด  :sad4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 16-11-2018 22:06:26
เดินออกแล้ว สัมภเวสีก็ไม่ควรเอาเรื่องเชี่ยๆเข้ามาหรอกหูหลอกหลอนป่ะวะ  โถ่ววว อิคนดี ขอให้แม่งโดนหนักสุด!!!!  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 16-11-2018 22:23:23
เราว่าเมดนิสัยออกแนวเฟมอนีนหญิงๆ มากๆ
ถ้าเป็นเราๆ จะโกรธและแค้นมากกว่า
เชี่ย ไม่ได้รักกูแล้วยังมาหลอกกู
อะไรประมาณนี้แหละ
จะเสียใจกว่าที่ทำให้พลาดโอกาสได้ทำความรู้จักกับรักแรก
คือถึงไม่รู้ว่าเป็นอาฟ แต่ความทรงจำดีๆ ยังอยู่ไง
และไม่ได้แปดปื้อนไปเพราะบินด้วย
เราจะรู้สึกโล่งอกมากกว่า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-11-2018 22:24:48
บอกตรงๆกลัวใจเมดอ่ะ ต้องคิดมากมายอะไรเยอะแยะแน่ อารยะก็ไม่อยู่ กลับมาเป็นเรื่องอีกซะละมั้งเนี่ยะ
ใครก็ได้เอาจิงไปถ่วงน้ำหน่อย :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-11-2018 22:49:05
ตัดขาดจากบินแล้วจะมาคิดมากอะไรกับนมกล่องอีกใครจะเป็นคนให้จริงมันไม่สำคัญแล้วเพราะมันคืออดีตที่เมดควรลืมอยู่กับปัจจุบันนั่นคืออาฟเมดอ่อนแองะโดนปั่นหัวง่ายมาก :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 16-11-2018 22:50:01
อารยะรีบกลับมาเร็วว แงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-11-2018 23:25:11
เดี๋ยวความจริงที่ปรากฏจะยิ่งทำให้เมดมีความสุข
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 17-11-2018 00:02:34
เมื่อไหร่เมดจะรู้ซักที ว่าคนๆนั้นคือ อาฟ มีเพื่อนแบบจิง นี่ต้องมีตบสั่งลากันมั้งแหละ :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 17-11-2018 00:06:23
มันยังไม่พออ่ะ
ขออีกได้มั้ย

มันแบบจุกและอึนไปเลย
ถ้าเราเป็นเมด เราคงยิ่งกว่าอ่ะ
อยากให้เมดรู้ความจริงทั้งหมด เร็วๆ แล้วอ่ะ
แต่ก็อยากให้อาฟอยู่ด้วยนะ
อยู่ในช่วงเวลาที่เมดไม่ไหวอ่ะ
แล้วคือตอนนี้อาฟไม่อยู่ ตอนหน้าเมดจะเป็นไงอ่ะ
แค่คิดก็จะร้องแทนแล้ว

อยากให้ถึงพหัสหน้าเร็วๆเลย
ลุ้นทุกประโยค
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-11-2018 00:07:48
พนักงานส่งนม รีบ ๆ กลับมาได้แล้วนะ เป็นคนเดียวที่จะตอบข้อสงสัยในทุก ๆ เรื่องได้  :m5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 17-11-2018 00:10:56
ดีนะ ที่เรื่องเกิดตอนอาฟไม่อยู่
ใครจะเฉลยดี
เจมะ
หรือรออาฟกลับมา
ดี
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 17-11-2018 00:52:31
ลุ้นเหลือเกินตอนที่จิงบอกเมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-11-2018 08:44:21
โอ๊ยยยย ดันมาดราม่าตอนอาฟไม่อยู่อีก
กำลังหวาน กำลังอิน ฟินเรื่องความรักที่สดใสกับเดย์อยู่เลย
แต่เชื่อว่าเดย์กับเจจะช่วยได้ ในเวลาที่อาฟไม่อยู่

แล้วเมดจะได้รู้ความจริงว่าความเสียใจนี้
น้อยกว่าความจริงใจของอาฟมาก

จิงคือตัวร้าย คือคนร้ายที่แท้จริง
ยีนส์กับเมดคือผู้ถูกชักใย

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-11-2018 09:51:28
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 17-11-2018 10:33:42
น้องเดย์นี้เป็นตัวแทนด้านคำพูดของอาฟป่าวนิเหมือนเอาความคิดของอาฟมาตีแผ่โดยน้องเดย์เลยอะ
   นังจิงนังเห็นแก่ตัวมากอ่ะบอกเลยทำเป็นมาบอกห่วงความรู้สึกเมดไม่อยากให้เมดเสียใจอีกแล้วเป็นไงพอบอกแล้วอาการหนักเลย นางคงสะใจสินะที่ทำให้เมดเสียใจอีกครั้งแล้วที่นี้ก็เข้าทางไอ้บินก็คงติดว่านังยีนส์เป็นคนบอกเพราะนางมีประเด็นกันแล้วก็คงทะเลาะกันแล้วก็เลิกใช่ม่ะแล้วตัวเองก็เข้่าแซกนังอสรพิษจิงเอ๋ย(555 มโนเป็นเริศ)ึ
  เมดจะเป็นยังไงบางตอนนี้ไม่ใช่โทษตัวเองอีกนะไม่อยากให้เมดคิดแบบนั้นถือว่ามันเป็นความเหี้ยของไอ้บินนะที่เอาเปียบคนอื่นแบบนี้ ฮื้อๆๆสงสารเมด :monkeysad: น้องเดย์รีบมาดูเมดทีดูแลเมดแทนอาฟด้วย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-11-2018 12:04:18
เอ้า!!! อีจิง อีเฮี้ยยยย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 17-11-2018 12:32:05
จัดคนไปกระทืบไอ้บินซะ


เพราะมันคือคนที่ทำให้


รักแรกแสนหวานเป็นฝันร้าย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 17-11-2018 13:36:35
……


จิงแค้นอะไรเมดนักหนา.

ตั้งใจทำให้เมดเจ็บช้ำจนถึงที่สุด

คงต้องมีพาร์ทจิงหน่อยแล้วละ

ความอิจฉาหรืออะไรกัน ที่คบกันมาไม่มีความจริงใจเลย

แล้วก้อใช้ยีนส์เป็นหมากในการทำร้ายเมด

โอ้ยยยย……


 :z6:  :a5:  :z6:  :a5:  :z6:  :a5:  :z6:  :a5:  :z6:  :a5:


………

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 17-11-2018 16:55:30
เฮ้อ....อาฟมาเร็วๆ มากอดเมดให้หน่อย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-11-2018 19:35:43
ค้างคาแบบนี้ไม่ดี  :เฮ้อ: ขออีกซักตอนในเคลียร์ไปเลยได้ไหม
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 22-11-2018 17:16:01
 
  :pig4:

 เอาจริง ใครจะคิดจะทำอะไรกับเรา ก็ไม่น่ากังวลเท่ากับ ตัวเราเองคิดกับตัวเองยังไงอ่ะนะ

 จะรอดูว่าเมดจะทำได้อย่างที่เคยพูดกับอาฟไหม (เอ๊ะ รึว่าเรื่องนี้ไม่นับ)

  ..เจ็บปวดกันมาเท่าไรที่ทำไม่ได้อย่างที่สัญญา

 

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 23-11-2018 13:58:36
เราเคยหวังว่าความจริงๆ จะมาจากปากเพื่อนของอาฟที่ไปเมืองนอก

มันคงแฮปปี้เอนดิ้งแบบเขิลตายไปข้าง

พอมาเจอความจริงในลักษณะแบบนี้


เหมือนเอาปื่นจ่อหัว แล้ว โป้งงง


ตายไปเลย  กูทนทำไมวะเนี่ยกลับใครก็ไม่รู้ที่มาทำร้ายจิตใจซ่ำแล้วซ่ำเล่า

ที่ทนเพราะเคยหลงรักเพราะคิดว่าเค้าคือคนนั้น


คงช็อก ไปไม่เป็นเลยจ๊าาา


น้องเดย์อยู่ไหน มาหาพี่เมดเร็ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 23-11-2018 20:13:21
 :sad11:
สงสารน้องเมดอ่ะ

เป็นเราก็ช็อค อหหห กุนี้โดนหลอกแล้วหลอกอีก
หลอกในหลอก โง่ในโง่
น้องงงง อาฟมาโอ๋ด่วนๆเลย

อิเพื่อนงูพิษมันน่าจะได้รับกรรมหนักๆ
เป็นเด็กพ่อแม่ไม่รัก แล้วมาลงที่เพื่อนตัวเองที่ใครๆก็รักอย่างงี้เหรอ
มึงนี้ขี้อิจฉาสุดๆ  :z6:
เกลียดอ่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 23-11-2018 21:25:22
ตอนที่ 47

 
ก้าวขาเดินลงบันไดไปทีละขั้นอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกว่างเปล่าที่กำลังรู้สึกนี้ไม่ต่างอะไรไปจากวันนั้น วันที่เปิดประตูคอนโดเข้าไปเจอเข้ากับเสื้อผ้าที่ถูกปลดเปลื้องกระจายไปทั่วห้อง และในห้องนอนของผมนั้น บนเตียงก็มีคนสองคนกำลังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอยู่ซึ่งคนหนึ่งคือคนรักและอีกคนก็คือเพื่อนสนิท
 
คงจะจริงที่ว่าความลับไม่มีในโลก และไม่ว่าเมื่อไหร่ความจริงก็คือสิ่งที่เราต้องเผชิญอยู่แล้ว แม้บางครั้งมันจะพร้อมกับเรื่องน่าเศร้าก็ตาม
 
‘ บินไม่ใช่คนคนนั้น มันโกหกมึง ’ เสียงของจิงที่ดังอยู่ในหัวของผม ไม่ต่างอะไรจากการตั้งค่าเล่นซ้ำเพลงโปรดในเพลย์ลิสต์ แต่ก็ผิดตรงที่ว่า ท่อนเนื้อหาที่กำลังเล่นซ้ำอยู่นี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากฟัง และภาพประกอบที่กำลังฉายอยู่ในหัวก็เช่นกัน มันไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากจะเห็นอีก
 
ภาพวันที่บินกำลังเดินตรงเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มและคำสารภาพรักพร้อมกับนมขวดนั้นในมือที่ถูกยื่นมาให้ บรรยากาศแสนสุขในวันนั้น ถูกถมกลบด้วยความจริงที่ได้รู้ในวันนี้ว่า นั่นมันก็แค่เรื่องโกหก ไม่มีผู้ชายคนที่ได้ชื่อว่า puppy love ไม่มีคนที่พยายามเพื่อผม ไม่มีคนที่มั่นคงอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างเป็นแค่ภาพลวงตา และคำที่ผมเคยปลอบใจตัวเองในวันที่เสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหล่านั้นก็เช่นกัน  มันเป็นแค่คำพูดงี่เง่าของคนโง่ที่ไม่เคยรู้อะไรเลยอย่างผม
 
หวนคิดถึงตอนที่นั่งกินมื้อเที่ยงกับน้องเดย์ ผมที่เล่าเรื่องราวแห่งความทรงจำด้วยความสุข ผมที่บอกกับน้องว่า ‘ ถึงมันจะเคยเหี้ยยังไง แต่ครั้งหนึ่งมันก็เคยเป็นความสุขของผม ’
 
ช่างน่าตลกสิ้นดี พอคิดว่าตัวเองก็เอาความสุขนั้นมาเป็นข้ออ้างแล้วทนอยู่กับชีวิตรักเหี้ยๆ นั่นถึงสี่ปี ทั้งๆ ที่หลายครั้งผมเคยสงสัยและตั้งคำถาม ‘ ความพยายามกับความมั่นคงของมึงที่เคยทำอะไรเพื่อกู ความรักที่มึงเคยให้กู แบบก่อนที่เราจะคบกันมันหายไปไหนหมดวะ ’ แล้ววันนี้ผมก็ได้รู้คำตอบ
 
ไม่มีอะไรหายไปหรอก มันก็แค่ไม่เคยเกิดขึ้นก็เท่านั้น
 
ครืด ครืน ครืน
 
เสียงสั่นของโทรศัพท์ที่ดังอยู่ในกระเป๋ากางเกงปลุกผมที่กำลังเดินลงบันไดอย่างเชื่องช้าหยุดนิ่งลงแล้วหยิบมือถือที่กำลังสั่นนั้นขึ้นมาดู บนหน้าจอที่ปรากฏชื่อของคนที่โทรเข้ามาชวนให้ผมสูดลมหายใจเข้าไปเพื่อลบเลือนความรู้สึกที่กำลังเศร้าพวกนั้น ยกมืออีกข้างปาดน้ำตาลวกๆ แล้วกลืนน้ำลายเพื่อปรับเสียงก่อนจะกดรับ
 
“ ครับ น้องเดย์ ”
 
“ พี่เมดอยู่ไหน น้องเดย์รออยู่ที่หน้าคณะแล้วนะ ”
 
“แป๊บนึงนะ อาจารย์ขอคุยกับพี่เมดน่ะ ”
 
“ ทำไมเสียงแปลกๆ  ร้องไห้เหรอ ” คำถามที่ทำให้นิ่งก่อนจะยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมาให้กับปลายสาย
 
“ เปล่าๆ ในห้องอากาศมันเย็นมาก แน่นจมูกไปหมดละ ”
 
“ โอเค จอดรอที่เดิมนะ ลงมาแล้วจะเห็นคนที่หล่อที่สุดในโลกนั่งคอยอยู่ในรถสุดเท่ ”
 
“ ขอวางสาย ”
 
“ ฮ่าๆ ” เสียงหัวเราะที่ส่งกลับมาชวนให้ยิ้มแม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังรู้สึกแย่มากแค่ไหนก็ตาม ผมกดวางสายที่โทรเข้ามานั้นลงก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
 
เอาเข้าจริงก็ไม่อยากจะไปไหนเลย ผมแค่อยากจะนั่งลงนิ่งๆ แล้วปล่อยให้น้ำตาที่อยากจะไหล ไหลลงมาเท่าที่ใจกำลังเจ็บปวด โดยไม่ต้องใช้สมองขบคิดหรือหาเหตุผลอื่นใด เพราะผมก็แค่คนสูญเสียที่ตอนนี้ไม่สามารถหาเหตุผลอะไรให้กับความรักครั้งก่อนได้อีกแล้ว
 
‘ ถึงมันจะเหี้ย แต่ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นความสุขของผม ’ เพราะต่อจากนี้ ประโยคนี้ก็จะใช้เป็นเหตุผลไม่ได้อีก
 
ผมพาตัวเองเดินตรงมาที่ห้องน้ำ บนกระจกใสตรงอ่างล้างหน้าที่สะท้อนใบหน้าที่มีแต่คราบน้ำตานั้น ผมเปิดก๊อกน้ำก่อนจะก้มลงล้างหน้าตัวเองให้ความเศร้าพวกนั้นมันหายไป ยิ่งนึกถึงอดีตก็ยิ่งเวทนา ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าทนอยู่ทำไม แค่ครั้งเดียวที่เสียใจเพราะแฟนนอกใจไปหาคนอื่น คนปกติก็ให้โอกาสกันแค่ครั้งสองครั้ง แต่ผมกลับให้โอกาสมันหลายครั้งจนแทบจะนับไม่ไหว แล้วพอคิดว่าเหตุผลที่กล่าวอ้างกับตัวเองในวันนั้นคือแค่นมขวดเดียวขวดนั้น ทั้งๆ ที่มันก็แค่โกหก มือของผมเริ่มถูหน้าตัวเองแรงขึ้น ผมอยากจะลบทุกอย่างออกไปให้หมด  ลบเลือนทั้งความเสียใจ และความทรงจำนี้ให้กลายเป็นคนที่ไม่รู้สึกอะไรเลยก็ยิ่งดี
 
เพราะผมพาตัวเองที่อยู่ในสภาพนี้ออกไปหาคนที่รอกันอยู่ไม่ได้ อาฟเองก็ไม่ควรรู้เรื่องนี้ รู้ไปก็ไม่ได้ทำให้มันรู้สึกดีขึ้น โดยเฉพาะถ้าออกจากปากผมที่เอ่ยเล่ามันด้วยน้ำเสียงเศร้าอย่างเช่นตอนนี้ ทั้งๆ ที่จริงผมเองก็อยากจะกอดมันไว้แล้วบอกเล่าเรื่องเจ็บปวดพวกนี้ให้มันฟัง บอกกับมันว่าผมทรมานที่สุดที่ต้องทิ้งเวลาหลายปีแล้วจมปลักอยู่แบบนั้นกับคนที่ไม่แม้จะเคยคิดทำอะไรเพื่อผม คนที่ฉกฉวยความรักของผมไปด้วยคำโกหก คนที่ได้ทุกอย่างจากผมไปเป็นคนแรกแล้วก็ย่ำยีทำลายมันโดยไม่เห็นค่าอะไรทั้งนั้น มันที่เอาความพยายามของคนอื่นที่รักผม มาทำลายผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบไม่เหลือชิ้นดี ทั้งๆ ที่คนที่เป็นเจ้าของความสุขของผมจริงๆ นั้น ไม่เคยได้ทำมันเลยสักครั้ง
 
แต่เพราะอาฟไม่ชอบให้ผมพูดถึงบิน ไม่ชอบให้ผมพูดถึงอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้องกับอดีตพวกนั้น เราที่สัญญากันเอาไว้ว่าจะเดินไปข้างหน้า และถ้าวันนี้ผมเผลอหลุดปากพูดออกไปอย่างเอาแต่ใจ เพียงแค่อยากจะให้มันกอดปลอบ ก็ไม่รู้ว่าในความรู้สึกจริงๆ ของอาฟจะเข้าใจไปในทางเดียวกันกับคนพูดอย่างผมรึเปล่า และถ้าเราต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้อีกครั้ง ผมว่า ตัวผมก็ควรเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวคนเดียวคงจะดีกว่า
 
หยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดหน้าตอนที่ถอนหายใจออกมากับตัวเองตรงหน้ากระจกนั้น สูดลมหายใจแล้วยิ้มให้กับคนในนั้น ผมพูดกับตัวเองอยู่ในใจ ‘ เข้มแข็งไว้นะมึง เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ’ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องน้ำแล้วตรงไปหาคนที่ตอนนี้ออกมานั่งคอยกันอยู่ที่เก้าอี้ว่างตรงหน้าตึกคณะแทนที่จะเป็นบนรถแบบที่บอกกันเอาไว้
 
“ น้องเดย์ ขอโทษที ” ผมเอ่ยทัก คนที่เหมือนจะก้มหน้าเล่นเกมอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองกันแล้วยิ้มให้
 
“ ไม่เป็นไร แล้วนี่คุยกับอาจารย์เสร็จแล้วเหรอ ”
 
“ อื้ม ” พยักหน้ารับอีก “ ไปกันเถอะ ”
 
“ โอเค ” น้องเดย์เดินนำผมออกไปตรงลานจอดรถ ที่อยู่ไม่ไกลจากที่อีกคนนั่งเท่าไหร่ เราเข้าไปนั่งด้านในพร้อมกันแล้วตอนที่เครื่องยนต์ถูกสตาร์ท น้องก็หันมาถามผม " พี่เมดร้องไห้เหรอ ”
 
ผมนิ่งไปตอนที่ได้ยินคำนั้น สายตาเลิ่กลั่กที่หันไปมองรอบข้างแบบซ้ายทีขวาทีก่อนจะทำเป็นยิ้มกว้างออกมาพลางตีหน้างง แม้ใจจะเต้นแรงแค่ไหนก็ตาม เพราะผมรู้ดีว่าถ้าน้องเดย์รู้ มันก็ต้องบอกอาฟ แล้วผมก็ไม่อยากจะให้มันเป็นแบบนั้น
 
“ ไปเอามาจากไหน ” หันไปถาม แต่อีกคนก็แค่ขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วพิงหลังลงกับเบาะรถ
 
“ กูว่าแล้ว โดนหลอกแน่ๆ ดีนะยังไม่บอกไอ้สัดพี่ ”
 
“ ห๊ะ ? ” ได้แต่สบถงงๆ กับสิ่งที่ได้ยิน แม้จะนึกโล่งใจที่น้องไม่ได้รู้สึกเห็นความเปลี่ยนแปลงของผม แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังงงกับสิ่งที่ได้ยินอยู่ดี “ หมายความว่าไงวะ อะไรโดนหลอก ”
 
“ ก็เมื่อกี้ตอนที่น้องเดย์นั่งรอพี่เมดอยู่ที่โต๊ะ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของพี่เมดก็เข้ามาหาน้องเดย์แล้วก็ถามว่า มารับพี่เมดเหรอ เดย์ก็ตอบไปว่า ครับ แล้วเค้าก็บอกว่า งั้นต้องรอสักพักนะ เพราะพี่เมดไม่รู้ไปร้องไห้อยู่ที่ไหนเหมือนกัน ”
 
“ ใครวะ ไอ้ยีนส์เหรอ ” ผมถามน้องเดย์ก็ส่ายหน้า
 
“ น้องเดย์ไม่รู้หรอก แต่คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดกับพี่เมดเพราะเค้ามาทักน้องเดย์ไง ” อีกคนว่าก่อนจะยักคิ้วให้ เบรกมือที่ถูกดึงลงก่อนจะขยับเปลี่ยนเกียร์เพื่อให้รถเคลื่อนตัวออกจากที่จอด
 
“ แล้วไม่ใช่คนที่วันนั้นพี่เมดเคยให้ดูรูปเหรอ คนที่ถ่ายรูปคู่กับแฟนเก่าพี่เมดน่ะ ”
 
“ จำไม่ได้แล้ววะ วันนั้นก็เห็นแป๊บเดียวเอง ” น้องว่ายิ้มๆ “ แต่เพื่อนพี่เมดนี่ คือดูก็รู้เลยนะว่าไม่น่าจะคิดเรื่องดีอยู่ในหัว ตอนที่เค้าเข้ามาพูดกับน้องเดย์นะ รู้มั้ยว่าท่าทางเค้าแม่งเหมือนจะเยาะเย้ยกันเลย สายตาที่มองนี่แบบ โคตรเหยียดหยามอะ เป็นลักษณะของคนที่ถ้าพูดอะไรกับเรา ไม่รู้ว่าเชื่อได้สัก 10% มั้ย โคตรไม่น่าไว้ใจเลย ”
 
“ เหรอวะ ” ได้แต่พูดออกมาเสียงเบาๆ กับประโยคสุดท้ายที่คนข้างกันพูด อยู่ๆ ในใจก็คิดลังเลขึ้นมาถึงเรื่องที่วันนี้จิงเอามาบอกกัน จะเป็นไปได้มั้ย คือยีนส์หลอกจิง แล้วจิงก็หวังดีกับผมเลยมาบอกผมอีกทีนึง “ นี่น้องเดย์ ”
 
“ ครับ ”
 
“ ถ้าสมมุติว่าเพื่อนที่เหี้ยกับน้องเดย์มากๆ มาบอกเรื่องอะไรสักอย่างกับน้องเดย์ น้องเดย์จะเชื่อมันมั้ย ”
 
“ ถามอะไรอย่างงั้นพี่เมด เอางี้ดีกว่า ใครแม่งจะโง่เชื่อบ้างวะ ” กูไง.. ผมได้แต่ตอบน้องในใจตอนที่อีกคนหันมาพูดยิ้มๆ “ แต่มันก็ต้องดูด้วยนะว่าเพื่อนคนนั้นเป็นใคร สมมุติมันเหี้ยกับเราก็จริงแต่ว่ามันก็เคยดีกับเรา ก็อาจจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก็ต้องดูด้วยว่าเรื่องนั้นสำคัญสำหรับเรามั้ย ถ้าไม่สำคัญ ก็ไม่มีความหมายอะไรที่ต้องสืบความเรื่องนั้นว่ามันจริงหรือไม่จริง แต่ถ้าเรื่องสำคัญก็คงต้องสืบ ว่าจริงหรือมั่ว ชัวร์หรือไม่ ”
 
“ งั้นเหรอ ”
 
“ แล้วพี่เมดถามทำไมอะ ” คำถามที่ทำให้ผมหันไปหาน้องที่ตอนนั้นก็มองผมอยู่เช่นกัน “ เพื่อนมาพูดอะไรกับพี่เมดรึเปล่า ”
 
“ เปล่า ” ผมบอกอีกคนไปตามสัญชาตญาณที่ต้องหลบเลี่ยง “ แค่อยู่ๆ นึกขึ้นมาได้น่ะ ก็น้องเดย์พูดว่า เพื่อนพี่เมดดูไม่น่าไว้ใจ เชื่อไม่ได้ ”
 
“ แล้ววันนี้มันเข้ามายุ่งกับพี่เมดมั้ย ”
 
“ ไม่เลย วันนี้เรียนหนักจะตายมันไม่มีแรงมายุ่งหรอก ” ผมส่ายหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วพิงตัวเองลงกับเบาะที่นั่ง ผมหลับตาลงทั้งที่สมองยังตั้งคำถามให้ครุ่นคิดอยู่แต่เรื่องนั้น ‘ แล้วคนอย่างพวกมึง กูควรเชื่อได้มากแค่ไหนวะ ’
 
“ ถ้าง่วงขยับเบาะนอนเลยก็ได้นะพี่เมด ตอนเย็นรถติด คงอีกนานกว่าจะถึง ”
 
“ ไม่ได้ง่วงหรอก ” ผมบอกน้องก่อนจะถอนหายใจทั้งๆ ที่หลับตาอยู่แบบนั้น “ แค่พักสายตาน่ะ พอดีปวดหัว ”
 
“ เรียนหนักมากเลยสินะวันนี้ ”
 
“ อื้ม มันยากมากๆ เลย ” แต่ไม่ใช่เรื่องเรียนหรอก เรื่องความรู้สึกน่ะ ที่มันหนักมาก
 
“ งั้นวันนี้ก็ไม่ต้องไปผับมั้ยละ เดี๋ยวน้องเดย์พาไปกินข้าวแล้วจะพาไปส่งที่คอนโดเลย พี่เมดจะได้อาบน้ำกินยาแล้วก็นอนพักสักหน่อย เพราะถ้าไปทำงานต่อน้องเดย์ว่าไม่น่าไหวแล้วนะตอนนี้ หน้าพี่เมดคือดูโคตรเหนื่อยอะ ”
 
“ ก็ดีเหมือนกันนะ ” ผมตอบแบบไม่คิดอะไรให้มาก ตอนนี้ใจทั้งใจมันอยากจะนอนนิ่งๆ อยู่คนเดียวมากกว่าไปยืนฉีกยิ้มทักทายใครๆ ในผับ แล้วอีกอย่างถ้าไปอยู่ตรงนั้นผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเผลอแสดงความรู้สึกอะไรออกมา คนน่ากลัวที่สุดก็คือ เจ มันไม่ใช่คนที่ผมหลบเลี่ยงได้ง่ายๆ เลย แล้วถ้าเจรู้อาฟก็ต้องรู้อีก เพราะฉะนั้นตัดไฟตั้งแต่ต้นลมน่าจะดี นั่นคือ ไม่ไปดีกว่า
 
“ แล้วนี่กินอะไรกันดี ”
 
“ เอาคำตอบจริงๆ มั้ย ” ผมลืมตาตอนที่หันไปบอกอีกคน “ ไม่อยากจะกินอะไรเลยว่ะ อยากนอน ”
 
“ งั้นทางนี้ก็จะตอบจริงๆ เหมือนกันจ้ะว่า ไม่ได้จ้า เดี๋ยวสัดพี่ฆ่าน้อง ” หลุดยิ้มออกมากับคำพูดนั้น ก่อนที่ผมจะหันออกไปมองนอกหน้าต่างรถ
 
ท้องฟ้าที่ดูไม่สดใสเท่าไหร่ ฝนที่เหมือนกำลังตั้งเค้า ทุกอย่างดูอึมครึมเป็นสีหม่นเทาไปหมด ท่าทางว่าอีกไม่นานฝนก็คงจะตกลงมา แล้วคนที่เดินอยู่ข้างนอกนั่นก็คงต้องหาที่กำบังกันยกใหญ่
 
หัวใจของผมก็คงเหมือนกับอากาศวันนี้สินะ ทั้งมืดครึ้มและหม่นเทา ฝนที่กำลังตกหนักอยู่ในตอนนี้ ผมไม่มีที่หลบไปไหนเลย ทำได้แค่ยืนเปียกปอนอยู่แบบนั้น เพราะคนที่เป็นร่มของผมวันนี้เค้าไม่อยู่
 
“ คิดถึงอาฟว่ะ อยากกอดมัน ” น้ำตาของผมไหลทั้งๆ ที่พยายามกัดฟันเพื่อจะไม่ร้องไห้ แต่แล้วมันก็กลั้นไว้ไม่ไหว แค่อยากจะกอดมันไว้จริงๆ อยากร้องไห้บนไหล่นั้น อยากได้รับอ้อมกอดและคำปลอบโยนที่ถึงจะมาในรูปแบบของการกวนตีนก็อยากฟัง ผมแค่อยากจะมีมันอยู่ข้างกันในวินาทีนี้ วินาทีที่สภาพอากาศภายในใจมีแต่ลมแห่งความเศร้ากำลังกระโชกแรง
 
“ พี่เมดร้องไห้ทำไมวะ เฮ้ย พี่เมด พี่เมดร้องไห้ทำไม ” เสียงที่ดูตกใจของน้องเดย์ทำให้ผมแค่ส่ายหน้าก่อนจะก้มหน้าลง “ พี่เมด ”
 
“ แค่คิดถึงอาฟน่ะ คิดถึงมากๆ เลย ”
 
“ โอ๋ๆ ไม่ต้องร้องไห้นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นๆ สัดพี่มันก็กลับแล้ว อย่าร้องไห้เลยนะ ”
 
“ อื้ม ” พยักหน้ารับคำตอบนั้นอย่างว่าง่าย พลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปในปอดแล้วหันไปมองอีกคนที่กำลังมองผมด้วยสายตาเป็นห่วง “ ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ น้องเดย์ พี่ไม่ได้เป็นอะไรแค่คิดถึงไอ้อาฟเฉยๆ ”
 
“ ก็เป็นห่วงพี่เมดไง แล้วนี่วันทั้งวันนี้ สัดพี่มันไม่ได้ติดต่อพี่เมดมาเลยเหรอ ”
 
“ ก็ทักมาตอนเช้าแล้วก็หายไปเลย ”
 
“ ส้นตีน ” อีกฝ่ายสบถ “ เห้ออ แต่ว่ามันก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ เวลาไปสิงคโปร์กับพ่อก็มีแต่ธุระกับนักธุรกิจที่นั่นทั้งวัน เอามือถือมาเล่นก็ไม่ได้เพราะว่ามันจะดูเหมือนเราไม่สนใจ ”
 
“ พี่เมดเข้าใจ มันก็แค่คิดถึงน่ะ ยิ่งเจอเรื่องหนักๆ ก็ยิ่งอยากมีมันอยู่ใกล้ๆ เหมือนทุกวัน ”
 
“ หมายถึงเรื่องเรียนใช่มั้ย ”
 
“ อื้ม ” พยักหน้ารับน้องก่อนจะเช็ดน้ำตาตัวเองอีกครั้ง ผมทำเป็นหัวเราะออกมา “ โคตรน่าอายเลยว่ะ อย่าไปบอกใครนะ ว่าพี่เมดร้องไห้หามัน โดยเฉพาะไอ้อาฟ ถ้ามันรู้ว่าพี่เมดร้องไห้เพราะคิดถึงมัน แม่งต้องล้อไม่หยุดแน่ ”
 
“ ไม่บอกหรอก แต่อย่าร้องไห้อีกนะเพราะสัดพี่มันก็ต้องคิดถึงพี่เมดเหมือนกันนั่นแหละ ” น้องเดย์บอกผมยิ้มๆ ที่ก็พยักหน้ารับคำพูดนั้น  “ งั้นเราไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ พี่เมดอยากจะกินอะไร ”
 
“ ข้าวหน้าหมูชาชู ”
 
“ โอเค แวะห้างนี้เลยแล้วกัน ” ผมหันไปมองห้างที่น้องเดย์บอกมันเป็นห้างใหญ่ที่ไม่ไกลจากมหา’ลัยผมเท่าไหร่นัก แต่ทว่าตอนนี้เราต้องมาชะลอรถก่อนถึงห้างเพราะติดไฟแดงพอดี
 
“ นี่น้องเดย์ พี่เมดถามหน่อยสิ ”
 
“ ถามว่า ”
 
“ น้องเดย์เคยร้องไห้เสียใจกับอดีตมั้ย ”
 
“ หมายถึงยังไงวะ ”
 
“ ก็แบบ.. อื้ม พวกเรื่องที่ถึงแม้เราจะรู้ว่าแก้ไขไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังเสียใจอยู่ดี ” คำถามที่ทำให้คนข้างตัวผมหันมายิ้มให้
 
“ ใครแม่งไม่มีเรื่องเสียใจในอดีตบ้างวะ ทุกคนแม่งก็มีเรื่องเหี้ยๆ ในอดีตที่อยากจะเปลี่ยนเป็นของตัวเองทั้งนั้น อย่างพี่เมดเองถ้าทำได้ก็คงไม่อยากจะเป็นแฟนกับไอ้เชี้ยบินนั่นหรอกใช่มั้ยละ ”
 
“ อื้ม ” ผมหันไปยิ้มให้น้อง “ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้แล้วละก็ วันนั้นจะไม่ไปหลังโรงเรียนหรอก จะไปกินชาบูร้านเปิดใหม่แทน ”
 
“ ฮ่าๆ ” คนข้างๆ หัวเราะออกมาผมก็หันไปย้ำ
 
“ จริงๆ นะ ไม่ก็ พอตอนที่ไอ้เหี้ยนั่นบอกว่า มันเป็นคนซื้อนมมาให้พี่เมดทุกวัน พี่เมดก็จะเดินไปถามเพื่อนคนที่มันฝากมาให้ว่าจริงมั้ย ไม่ก็ตั้งคำถามอะไรสักอย่างเช่นว่า เมื่อวานมึงฝากเพื่อนมึงมาบอกกูว่าอะไร ”
 
“ แล้วพี่เมดรู้มั้ย อดีตแบบไหนเหี้ยที่สุด ”
 
“ แบบไหน ”
 
“ ก็แบบที่ว่าถึงมันจะเป็นอดีตไปแล้วแต่ก็ยังกลับมาทำให้เราเสียใจในปัจจุบันไง ” ยกยิ้มให้กับคำตอบนั้นก่อนจะพยักหน้ารับขึ้นลง
 
“ อื้ม จริงที่สุดเลย ”
 
“ จะเล่าอะไรให้ฟังนะ น้องเดย์กับไอ้อัยย์สนิทกับมาตั้งแต่เด็กแล้วใช่มั้ยละ แล้วสมัยม.ปลายเราก็มีกลุ่มเพื่อนแบบใหญ่มากเป็นสิบคนเลย แล้ววันหนึ่งไอ้เหี้ยอัยย์มันก็ไปชอบผู้หญิงคนหนึ่งเข้า หน้าตาน่ารักมาก เค้าบอกมันว่าโสด พวกมันเลยคบกัน คบกันนานด้วยนะสักแปดเดือนได้มั้ง ผู้หญิงคนนั้นนะตรงสเปกมันสุดๆ แต่แล้วสุดท้ายผู้หญิงก็ขอเลิกกันแบบงงๆ งงว่าผิดอะไรทั้งๆ ที่ก็รักกันดีอยู่ ตอนนั้นมันก็เฮิร์ทมาก อารมณ์แบบ กูดีเกินไปเหรอวะเค้าถึงไม่ชอบ แล้วสุดท้ายพอทำใจได้นะ แม่งก็มารู้ว่าที่โดนบอกเลิกอะ เพราะผู้หญิงคนนั้นกลัวแฟนจับได้ว่าคบซ้อน ”
 
“ ห๊ะ ? ” ผมเอียงหน้างงตอนที่น้องเดย์เล่าถึงตรงนั้น “ หมายถึงว่าผู้หญิงคนนั้นคบกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะมาคบกับน้องอัยย์อย่างงั้นเหรอ ”
 
“ ใช่ แต่ที่พีคที่สุดก็คือ แฟนของแม่ง ก็คือเพื่อนในกลุ่มเรานั่นแหละ ส่วนที่บอกเลิกกับไอ้อัยย์นั่นก็เพราะว่ามันใกล้ตัวมากเกินไป ผู้หญิงกลัวแฟนจะจับได้เลยขอเลิกไปก่อน ”
 
“ งั้นถ้าไม่ใกล้ตัวก็คงจะคบซ้อนไปแบบนั้นสินะ ”
 
“ คิดว่าน่าจะใช่ ” คนเล่าพยักหน้ารับ
 
“ แล้วตอนนั้นน้องอัยย์เป็นไง ”
 
“ แม่งก็คงรู้สึกเหี้ยน่าดูอะ แต่มันก็ไม่แปลกเปล่าวะ เป็นใครแม่งก็ต้องรู้สึกเหี้ยทั้งนั้น ตอนแรกเข้าใจว่าเลิกกันเพราะเราดีเกินไป แต่พอทำใจได้ ก็เสือกมารู้ว่าจริงๆ แม่งคบซ้อน เป็นควายให้จูงอยู่ตั้งหลายเดือน สงสารมันเหมือนกันนะพี่เมด น้องเดย์ยังจำได้เลยว่ามันพูดกับน้องเดย์ว่า กูอุตส่าห์ทำใจได้แล้วแต่ยังเสือกกลับมาทำให้เจ็บอีก เหี้ยดีจริงๆ ตอนนั้นไม่น่าไปคบกับแม่งเลย ”
 
“ พี่เมดเข้าใจเลยว่ะ ” ผมบอกแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วพยักหน้ารับ “ ความรู้สึกของน้องอัยย์ตอนที่พูดว่า อุตส่าห์ทำใจได้แล้วแต่ยังเสือกกลับมาทำให้เจ็บอีก อะไรแบบนั้นมันแบบ..” ผมนึกถึงเรื่องตัวเองขึ้นมาในวินาทีนั้น “ อื้ม เหี้ยดีจริงๆ นั่นแหละ ”
 
“ แต่จะทำยังไงได้วะ หัวใจแม่งก็เหมือนห้องห้องหนึ่งนั่นแหละพี่เมด ก็มันไปเสือกเปิดประตูต้อนรับเค้าให้เข้าไปเอง สุดท้ายพอเค้าเข้ามาทำพัง ทำรก แล้วจะไปโทษใครได้ มันก็ต้องโทษตัวเองนั่นแหละที่ไปอนุญาตให้เค้ามา ” คนข้างกันบอกแบบนั้นก่อนจะดึงเบรกมือลงแล้วเคลื่อนรถไปข้างหน้าในตอนที่สัญญาณไฟเปลี่ยนสี
 
“ นั่นสินะ ” ผมเองก็คงเป็นแบบนั้นที่ดันไปเปิดประตูอนุญาตให้คนอื่นเข้ามาในห้อง มันที่ตอนนั้นทำรก ทำพังไปหมดทุกอย่าง แต่ไม่คิดจะไล่ออก เพราะคิดว่าเป็นเจ้าของห้อง แล้วทุกอย่างในวันนั้นผมก็ตัดสินใจด้วยตัวเองทั้งหมด ตัดสินใจที่รักและให้อภัยด้วยตัวเอง ก็อย่างที่น้องเดย์บอก ‘ แล้วแบบนั้นจะโทษใครได้ ตัวเองก็ทำตัวเองทั้งนั้น ’
 
“ แล้วตอนนั้นไอ้พี่เจมันก็ด่าไอ้อัยย์ด้วยนะ มันบอกว่าจะไปเสียใจให้กับอดีตทำไมไร้สาระ มูฟออนได้แล้ว ฟังแล้วโคตรอยากจะถมน้ำลายใส่หน้า เก่งนักเรื่องชาวบ้าน ตอนนั้นตัวเองก็ใช่ว่าจะมูฟออนจากพี่ข้าวได้ที่ไหน คนมันเสียใจก็ปล่อยให้มันเสียใจไปสิวะ มันจะร้องไห้เพราะเรื่องในอดีตที่แก้ไขไม่ได้แล้วมันจะทำไม ก็ปัจจุบันมันเจ็บอะ มันก็แค่ต้องร้องไห้เปล่าวะ มึงแม่งไม่ใช่คนเสียใจก็ปากดีได้สิวะ ทำแบบนั้นสิ ทำแบบนู้นสิ มูฟออนสิ Kเถอะ ไม่ใช่เรื่องตัวเองแม่งก็พูดได้หมดแหละว่าต้องทำยังไง แล้วถามว่าคนเสียใจมันรู้มั้ยว่าต้องทำยังไง มันรู้ มันรู้หมดนั่นแหละ มันก็ทำอย่างที่มึงพูดมาว่าต้องมูฟออน แต่มันก็ไม่ได้ทำง่ายอย่างที่พูดขนาดนั้นไง ”
 
“ อื้ม ”
 
“ ไอ้อัยย์เองกว่าจะลืมได้ก็ตั้งนานนะพี่เมด แต่เห็นชัดว่าลืมจริงๆ ก็ตอนที่เข้ามหา’ลัยแล้วมันไม่ได้เจอเพื่อนตอนม.ปลายแล้วนั่นแหละ คือพอเราไม่เจอสิ่งที่ทำให้เสียใจ เหมือนห่างออกมา มันก็ลืมได้ง่ายขึ้น ” อีกคนพูดก่อนจะยักไหล่ “ น้องเดย์ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ต้องไปเร่งเร้าให้มันลืมหรอก เพราะสุดท้ายแม่งก็มีแค่เวลากับจังหวะชีวิตเท่านั้นแหละ ที่จะทำให้เรามูฟออนออกมาจากความเสียใจนั้นจริงๆ ”  คนพูดถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้าราวกับเรื่องที่เล่าเป็นเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดทุกครั้งที่พูดถึง  “โชคยังดีที่พอเข้ามหา’ลัยจังหวะชีวิตมันเปลี่ยน ไม่ต้องเจอเพื่อนกลุ่มเดิม แล้วพอไม่เห็นอะไรเดิมๆ ทุกอย่างมันก็เปลี่ยน นี่ถ้ายังอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ดูท่าว่ามันก็คงยังไม่มูฟออนหรอก เพราะยิ่งเห็นยิ่งได้รู้อะไรมากขึ้นมันก็ยิ่งเสียใจ ”
 
“ อื้ม ”
 
“ พี่เมด ทำไมเงียบไปเลยวะ ” น้องเดย์หันมามองกันตอนที่เห็นว่าผมได้แต่ตอบรับคำพูดที่อีกคนเอ่ยแบบสั้นๆ
 
“ ตกใจ ที่น้องเดย์มีสาระน่ะ ”
 
“ นี่ชมใช่มั้ย ”
 
“ ชมสิ ” ผมบอกแต่อีกคนก็แค่หันกลับมองตรงทางข้างหน้าแล้วขมวดคิ้วคิดอยู่แบบนั้น
 
“ ทำไมน้องเดย์ไม่ค่อยมั่นใจเลย ” ประโยคที่หลุดออกจากปากอีกคนชวนให้เสียงหัวเราะดังลั่นของผมเกิดขึ้นในรถคันนี้เป็นช่วงเวลาดีๆ แบบสั้นๆ ที่ทำให้บรรยากาศอึมครึมในใจของผมมันหายไปอย่างฉับพลัน
 
กลับมาถึงคอนโดหลังจากที่แวะกินข้าวหน้าหมูชาชูกันเสร็จเรียบร้อย ผมเดินขึ้นมาบนห้องแล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงเป็นอย่างแรกในตอนที่มาถึง ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะนอนลงบนเตียงทั้งอย่างงั้น ฝ้าเพดานขาวที่มองดูอยู่ชวนให้รู้สึกเหงายังไงบอกไม่ถูก ความเงียบที่ดูอ้างว้าง แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรฟุ้งซ่านไปมากกว่านั้น มือถือที่วางอยู่ข้างตัวก็สั่นเพราะสายโทรเข้า
 
ครืน ครืน ครืน
 
“ ได้ข่าวว่าโดดงานเหรอคุณเลขา ” สาบานเลยว่านี่ไม่ใช่ประโยคที่ผมอยากฟัง แต่ถึงอย่างงั้นผมกลับยิ้มกว้างออกมาตอนที่ยินเสียงจากปลายสายนั่น  หัวใจที่กำลังหดหู่มันพองโตราวกับดอกไม้นับพันในสวนที่บานขึ้นพร้อมกัน อยากจะเอื้อมมือไปกอดมันเหลือเกินแต่ก็ทำได้แค่ดึงหมอนของอีกคนที่วางไว้ข้างตัวเข้ามากอดไว้แทน “ เมด ”
 
“ อาฟ กูคิดถึงมึง ” มันเป็นความรู้สึกสั้นๆ ของผมในตอนนี้ที่พอจะบอกอีกคนได้ แต่ทว่าปลายสายนั้นกลับเงียบไป อาฟไม่ได้พูดอะไรต่อ และถ้าหากไม่ใช่การเข้าข้างตัวเองจนมากเกินไป ผมคิดว่าคนที่สิงคโปร์คงกำลังยิ้มกว้างอยู่
 
“ เมื่อเช้ามีคนปากดีบอกกูว่าแค่สองวัน มึงคุ้นๆ มั้ยว่าใคร ” แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นผมที่หลุดยิ้มออกมาบ้างกับคำพูดของอีกคน
 
“ ใช่กูเป็นคนพูดเหรอ แต่ถ้าใช่ไอ้เชี้ยนั่นก็คงวิ่งไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ”
 
“ แล้วทำไมไม่ไปทำงาน ”
 
“ น้องเดย์บอกมึงว่าไงละ ”
 
“ ยอกย้อน ” อาฟบอกกัน “ แล้วกินยารึยัง ”
 
“ ยังเลย ” สารภาพออกไปตามตรงก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ใจหนึ่งก็อยากจะให้อาฟเปิดวิดีโอคอลแบบเห็นหน้า แต่ความคิดนั้นเป็นอันต้องหยุดลงเพราะรู้สึกว่า ถ้าเกิดว่าผมเห็นหน้าอีกคนตอนนี้น้ำตาที่ไม่อยากจะให้ไหลออกมาอีกแล้วต้องพรั่งพรูออกมาไม่ต่างอะไรกับพายุเข้าแน่ๆ
 
“ ไปกิน ”
 
“ ขี้เกียจ ”
 
“ ดื้อ ” ทุกอย่างเงียบไปในตอนนั้น ผมนอนฟังเสียงลมที่ดังมาจากอีกฝั่งอาฟคงอยู่ข้างนอก ตรงที่ไหนสักที่หนึ่งของสิงคโปร์
 
“ แล้วตอนนี้มึงทำอะไรอยู่ ”
 
“ รอเวลาเข้างาน ”
 
“ งานวันเกิดของเพื่อนพ่อน่ะเหรอวะ ”
 
“ อื้ม ”
 
“ งั้นก็ต้องใส่สูทแล้วสิ ถ่ายมาให้กูดูด้วยนะ อยากรู้ว่าหล่อสู้กูได้เปล่า ”
 
“ คงเหมือนมึงเอาอาหารระดับภัตตาคารในโรงแรมหรูห้าดาวไปเปรียบเทียบกับซาลาเปาในตู้ของเซเว่นที่แม่งนึ่งแล้วนึ่งอีกนั่นแหละ ” หลุดยิ้มออกมากับคำเปรียบเทียบที่ได้ยิน ผมส่ายหน้าและอดไม่ได้เลยที่จะด่ามัน
 
“ มั่นหน้า เปรียบเทียบตัวเป็นร้านอาหารหรู เบ้าหน้ามึงตอนตื่นนอนกูให้มากสุดก็ได้แค่ลาบเป็ดยโสธรแหละไอ้สัด ”  เสียงหัวเราะเบาๆ ที่ดังมาจากปลายสาย ชวนให้ผมยิ้มตามก่อนจะย้ำ “ ถ่ายรูปมาให้กูดูด้วยนะ อยากรู้ว่าใส่สูทแล้วแฟนกูจะหล่อมากเปล่า ”
 
“ อื้ม รู้แล้ว ”
 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 23-11-2018 21:26:18
“ แล้ววันนี้มึงเป็นยังไง ไปทำอะไรที่ไหนมาบ้าง แล้วเหนื่อยมั้ย ” ได้ยินเสียงลมหายใจที่ผ่อนออก อาฟคงกำลังยิ้มก่อนจะตอบ
 
“ ก็เหนื่อย แต่ตอนนี้หายแล้ว ”
 
“ เหรอ ”
 
“ วันนี้ก็คุยกับเพื่อนพ่อ แล้วก็ทำความรู้จักกับพวกนักธุรกิจสองสามคน ”
 
“ แล้วเป็นไง ระหว่างธุรกิจของพ่อกับผับ throw up ชอบอะไรมากกว่ากัน ”
 
“ ชอบหมด เพราะได้เงิน ”
 
“ เออ สมเป็นมึงดี ” ผมยกยิ้ม ก่อนอีกฝ่ายจะถามกลับบ้าง
 
“ แล้ววันนี้มึงเป็นยังไง เหนื่อยมั้ย ” ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อกี้อาฟถึงผ่อนลมหายใจออกมา เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงไม่ได้ตอบคำถามของผมทันทีในตอนที่ถาม ‘ เหนื่อยมั้ย ’ ไม่ใช่คำพูดที่ชวนให้รู้สึกหวานเลย แต่กลับรู้สึกดีเอามากๆเหมือนมีใครบางคนคอยเป็นห่วงอยู่ข้างๆกัน
 
“ ก็เหนื่อย แต่ตอนนี้หายแล้วเหมือนกัน ” เป็นคำตอบที่ไมได้ต่างอะไรไปจากอีกคน  แถมความหมายก็คงยังเหมือนกันด้วยซ้ำ ‘ วันนี้มันเหนื่อยมาก แต่ตอนนี้พอได้ยินเสียงมึงก็รู้สึกหายเหนื่อยแล้ว ’
 
“ เลียนแบบ ”
 
“ วันนี้กูเหนื่อยมาก ” ผมบอกอาฟก่อนจะถอนหายใจออกมา “ วิชาที่กูเรียนมันยากมากเลยมึง ทั้งๆ ที่กูก็เคยเรียนเรื่องยากแบบนี้ผ่านมาแล้วรอบนึงนะ กูก็คิดว่ามันคงไม่มีแล้วละ แต่สุดท้ายวันนี้แม่งเสือกยากกว่าเรื่องที่แล้วที่เคยเรียนอีก ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าต้องทำยังไงกับมัน ถึงจะผ่านไปได้ ”
 
“ แล้วเรื่องที่แล้วมึงผ่านมันมาได้ยังไง ” คำถามที่ทำให้ผมนิ่งไปของอาฟ มันคงคิดว่าผมพูดถึงเรื่องการเรียนจริงๆและคำตอบที่มันคิดอยู่ในใจตอนนี้ก็คือ เพราะผมขยันอ่านหนังสือทุกวันหลังทำงานเสร็จ แถมยังทดลองหาคำถามเพื่อดูความเข้าใจของตัวเองผ่านในเน็ตอยู่บ่อยๆ ผมเลยผ่านการเรียนยากๆ ในความคิดมันมาได้ แต่เพราะผมไม่ได้พูดเรื่องการเรียนจริงๆ อย่างที่อีกคนเข้าใจ คำตอบมันจึงต่างออกไปจากที่อีกคนคิด
 
‘ เพราะกูมีมึงอยู่ข้างๆ ไง กูเลยผ่านเรื่องที่มันยากมากๆ นั่นมาได้ ’ แล้วนี่ ก็คือคำตอบในใจของผม
 

“ ได้คำตอบยัง ” อาฟถามตอนที่เห็นว่าผมไม่ได้ตอบอะไรมันกลับไป
 
“ อื้ม ได้แล้ว ”
 
“ คราวนี้ก็เหมือนกัน มึงจะผ่านเรื่องยากๆ นี้ไปเหมือนกับครั้งที่แล้วที่มึงผ่านมันไปได้นั่นแหละ ”
 
“ งั้นเหรอ ” ผมยิ้มออกมาก่อนจะก้มหน้าลงซุกกับหมอนใบโตที่กอดไว้แน่น หมอนที่มีกลิ่นของอาฟอยู่
 
“ อื้ม ”
 
“ งั้นมึงก็รีบกลับมาแล้วกัน ” บอกอีกคนไปแค่นั้น แล้วกลืนคำอธิบายยืดยาวที่เหลือนั่นเก็บเอาไว้ในใจ ประโยคที่ว่า ‘ งั้นมึงก็รีบกลับมาแล้วกัน กลับมาอยู่ข้างๆ แล้วจับมือกู พากูผ่านเรื่องยากๆนี้ไป เหมือนอย่างที่กูเคยผ่านมันมาได้เพราะมีมึง ’
 
“ งอแง ”
 
“ แล้วเสือกอะไรกับมึง กูงอแงกับแฟนกู ” อาฟหลุดหัวเราะตอนที่ได้ยินผมเถียงแบบนั้น
 
“ รู้สึกไม่ได้ยินคำนี้จากปากมึงนานแล้ว ”
 
“ จะว่าไปเราก็เพิ่งคบกันได้ไม่นานนะ แต่กูรู้สึกว่ามันนานมากเลย ทั้งๆ ที่นับจริงๆ ก็ไม่กี่เดือนเองเปล่าวะ ” อาจเพราะเราสนิทกันมากและคบหากันด้วยความรู้สึกที่เป็นได้ทั้งเพื่อนและแฟน ความใกล้ชิดที่อยู่ด้วยกันตลอดแปรเปลี่ยนเป็นความเคยชินที่ทำให้รู้สึกเหมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันมีมานานแล้ว
 
“ ใช่ หนี้ยังจ่ายไม่หมดเลยด้วย ”
 
“ ไอ้สัด ” สบถด่ามัน ผมกัดฟันตัวเองแล้วอยากจะเอื้อมมือไปบีบคอคนพูดแรงๆ สักที อุตส่าห์พูดเรื่องชวนโรแมนติกสุดท้ายเสือกชวนให้หงุดหงิดทุกที แต่เหมือนจะเป็นแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกอะไรแบบนั้น ปลายสายที่หัวเราะถูกใจไม่ได้หงุดหงิดไปด้วยหรอก อาฟมีความสุขจะตายเวลามันได้กวนตีนผม
 
น่าแปลกที่อยู่ๆ ก็หวนคิดถึงครั้งแรกที่เราเจอกัน วันที่ร้องไห้จนแทบจะมองไม่เห็นอะไรหลังจากวางสายของคนรักเก่าที่โทรมาขอคืนดีด้วยเบอร์ใหม่ คำพูดที่เอ่ยว่า ขอโทษและจะไม่ทำแบบนั้นอีก คือประโยคเดิมๆ ที่ใครคนนั้นเคยพูด และพูดมาตลอดเวลาที่ทำผิด ผมวางสายนั่นลง ร้องไห้เพราะรู้สึกตัวเองโง่งมที่ให้อภัยเค้ามาตลอด แล้วตอนนั้นที่พยายามจะถอยรถออกจากที่จอดด้วยความโมโหและไม่ดูให้ดี ก็ดันไปฝากรอยไว้กับรถคนข้างๆ ไว้  ตอนนั้นผมคิดว่ามันคือขีดสุดของความซวยในชีวิตผมที่ต้องมาเจออะไรแบบนั้น
 
“ ทำไมเงียบไป ”
 
“ เปล่า แค่คิดอะไรเพลินๆ ”
 
“ อย่ามัวทำอะไรไร้สาระ รีบอาบน้ำ กินยา แล้วก็นอนซะ ”
 
“ แล้วนั่นมึงจะไปงานแล้วเหรอ ”
 
“ อื้ม ”
 
“ แล้วอย่าลืมถ่ายชุดสูทส่งมาให้กูดูด้วยนะ ”
 
“ ย้ำจัง ” อีกฝ่ายบ่น ผมก็หลุดยิ้ม
 
“ ทำเป็นเล่นตัว เอาน่า แฟนอยากเห็นไง ถ่ายมาให้แฟนดูหน่อยแล้วกันนะอารยะ ”
 
“ อื้ม ”
 
“ แล้วก็อย่าลืมซื้อ irvins มาฝากกูนะ หนังปลากรอบซอสไข่เค็ม ไม่มีก็เอาแบบมันฝรั่งมาก็ได้นะ แต่กูว่ามึงก็ซื้อมาทั้งสองแบบนั่นแหและ มีแบบไหนก็ซื้อมาให้หมดเลยนะ ”
 
“ เรื่องมาก ”
 
“ อย่าลืมนะมึง ” ผมย้ำก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจผ่านสายมา “ ถ้ามึงลืม หรือไม่ยอมซื้อมาให้ กูจะไม่ให้มึงเข้าคอนโด ไม่ให้เข้าผับ throw up ด้วย จำไว้ ”
 
“ ใหญ่มาจากไหน มึงเป็นเจ้าของ throw up รึไง ถึงมาสั่งกู ” น้ำเสียงที่ดูหาเรื่อง ผมเองก็ตอบกลับอย่างมั่นใจ
 
“ จะบอกให้รู้ไว้ กูใหญ่กว่าเจ้าของผับ throw up อีก ”
 
“ แล้วมึงเป็นใคร ”
 
“ เมียเจ้าของผับ throw up ” คำตอบที่ทำให้อีกฝ่ายหลุดยิ้ม อาฟหัวเราะเบาๆ “ เป็นไงใหญ่พอยัง ”
 
“ เออ กูยอมมึง ”
                                                                                                           
“ ก็แค่นั้นอะ ฮ่าๆ ” ทั้งผมทั้งอาฟที่หัวเราะให้กันก่อนเสียงนั่นจะค่อยๆเงียบลงไป แต่ต่างคนก็ต่างไม่พูดอะไรออกมา ผมรู้ว่าอาฟต้องวางแล้ว แต่ก็ไม่อยากจะพูดคำว่า ‘ แค่นี้ก่อนนะ ’ ออกไปเลย ผมไม่อยากจะวางสาย ผมยังอยากคุยกับมัน อยากมีอาฟอยู่ใกล้ๆ ไม่อยากจะอยู่คนเดียวกับความรู้สึกที่เตรียมจะหวนกลับมาให้คิดถึงเมื่อต้องเหงาและอยู่เงียบๆ “ ไม่อยากจะวางสายเลยมึง ”
 
“ เด็กขี้งอแง ”
 
“ แล้วถ้ากูยอมรับกับมึงตรงๆ มึงจะปลอบกูมั้ยวะ ”
 
“ ทำไม่เป็น ” อีกคนบอก ผมก็ได้แต่ยิ้ม คิดถึงตอนคบกันแรกๆ เวลาให้ทำอะไรให้อาฟก็พูดแบบนี้ตลอด “ แล้วจะให้กูปลอบยังไง ”
 
“ จริงๆ ไม่มีอะไรให้ปลอบ กูแค่อยากให้มึงอยู่ด้วย อยู่กับกูหน่อยได้มั้ยวะ ” ปลายสายไม่ได้พูดอะไร ผมเองก็รู้ตัวว่าไม่ควรจะมาเอาแต่ใจอะไรตอนนี้อีกฝ่ายเองก็มีงาน แล้วตอนนี้ไม่รู้ว่าผมจะทำให้มันลำบากใจรึเปล่าและพอคิดได้ผมก็รู้สึกว่าตัวเองต้องตัดใจ “ แต่กูเข้าใจ มึงไปทำงานเถอะ เมื่อกี้บอกว่าจะไปเข้างานแล้วนี่ ”
 
“ จะอยู่แค่ถึงมึงหลับเท่านั้นนะ ” อีกคนตอบกลับมา “ มึงไปอาบน้ำ กินยา ได้แล้วไป ”
 
“ แล้วมึง ”
 
“ ก็จะอยู่ตรงนี้ไม่วางสายไปไหนหรอก ไปอาบน้ำได้แล้ว ”
 
“ โอเค งั้นเดี๋ยวมานะ ” กดเปิดลำโพงของมือถือไว้ ผมเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนอน ก่อนจะออกไปกินยาคลายเครียดเข้าไปหนึ่งเม็ดแล้วกลับมานอนลงบนเตียง จัดการห่มผ้าห่มเรียบร้อยถึงจะหยิบมือถือขึ้นมา “ มาแล้ว ”
 
“ อื้ม ”
 
“ แล้วนั่นมึงอยู่ไหน ”
 
“ ในงานนี่แหละ แต่โซนข้างนอกเสียงมันเลยเบาหน่อย ”
 
“ งานเค้าเป็นแบบไหนกันวะ ” ผมตั้งคำถามด้วยความสงสัย “ กูอยากรู้มานานแล้วว่าคนที่รวยมากๆ  เค้าจัดการวันเกิดเป็นแบบไหนกัน ”
 
“ ก็บุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ มีทั้งเบียร์ ไวน์ ”
 
“ มีเค้กมั้ย ” อาฟยิ้มตอนผมถามมัน
 
“ มีสิ ”
 
“ แล้วมีอะไรอีก ”
 
“ ก็มีเพลงให้ฟัง ”
 
“ คล้ายๆ งานแต่งเลย ”
 
“ ก็ประมาณนั้น แขกส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนในแวดวงธุรกิจเดียวกัน ”
 
“ แล้วมีการแสดงเปียโนของลูกสาวเจ้าของวันเกิดมั้ย ”
 
“ ไปเอามาจากไหนของมึงอีกละ ” คนตอบถามกลับด้วยน้ำเสียงติดจะเอ็นดูกันอยู่หน่อยๆ
 
“ ในละครไง ในละครเวลาวันเกิดคนใหญ่คนโตนางเอกที่เป็นลูกไม่ก็หลานจะถูกเชิญขึ้นไปเล่นเปียโนเพื่ออวยพรให้ไง ” อาฟยิ้มตอนที่ผมอธิบาย “ ที่นั่นไม่มีเหรอ ”
 
“ มี ”
 
“ สวยมั้ย ”
 
“ ก็สวยดี ”
 
“ เหรอ ” ไม่แน่ใจว่าน้ำเสียงที่ตอบจะดูแข็งเกินไปหรือเปล่า “ สเปกมึงเลยละสิ ”
 
“ แก้มไม่ค่อยอ้วนเท่าไหร่ ” อาฟตอบผมก็ได้แต่ยิ้ม “ อีกอย่างกูไม่ชอบคนผูกจุกสองข้างแถมสูงไม่ถึง 130 เซ็น ”
 
“ นั่นมันเด็กไม่ใช่รึไงละสัด ”
 
“ ก็สัก 5 ขวบได้มั้ง ”
 
“ ต้องน่ารักมากแน่ๆ เลยวะ ” ผมคิดถึงเด็กผู้หญิงใส่กระโปรงพองๆ ผูกจุดสองข้างแล้วรู้สึกเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก “ แล้วในงานมีอะไรอร่อยบ้าง มึงกินอะไรไปบ้างแล้วละ ”
 
“ ไวน์สามแก้ว ”
 
“ ของคาวละ ”
 
“ แฮมย่างประมาณสี่ห้าชิ้น ”
 
“ มึงน่าจะไปซัดให้แหลก เป็นกูจะกินให้ทุกอย่างเลย ”
 
“ ก็นั่นมันมึง ไม่ใช่กู กูไม่ได้ตะกละขนาดนั้น ”
 
“ สัด ” ด่าปลายสายเบาๆ ผมที่ถอนหายใจออกมาก่อนหน้าจอมือถือจะขึ้นข้อความขออนุญาตเพื่อเปลี่ยนเป็นการโทรแบบวิดีโอ ผมชั่งใจอยู่สักพักแต่ก็กดตอบรับแบบไม่ให้มันสงสัย แต่ที่ผิดจากที่คาดคือ ผมไม่ได้เห็นอาฟ ผมเห็นแค่วิวของเมืองสิงคโปร์ที่ถ่ายจากมุมสูง “ ให้ดูกูดูอะไรวะนั่น ”
 
“ สิงคโปร์ไง ” อีกคนบอก ก่อนจะชูกล้องขึ้นไปบนฟ้ามืดมิดที่มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ก่อนเสียงทุ้มนุ่มๆ จะพูดขึ้นมา “ หลับได้แล้ว ”
 
“ โอเค ” ผมผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะยิ้มให้กล้องเพราะรู้ว่าตอนนี้คนอีกฝั่งก็คงกำลังมองผมอยู่ จัดวางมือถือให้ตั้งอยู่แบบนั้นโดยไม่ต้องถือ ผมบอกมัน “ กูหลับแล้วก็เข้าไปหาอะไรหนักๆ กินสักหน่อยนะ คืนนี้มึงคงต้องกินไวน์กินเบียร์อีกเยอะแน่ๆ เดี๋ยวจะปวดท้องเอา ”
 
“ อื้ม ”
 
“ ดูแลตัวเองด้วยนะมึง ” อาฟไม่ได้ตอบอะไรกลับมาในตอนนั้น ผมหลับตาลงมันพอดีกับยาคลายเครียดที่กินเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์แล้วก่อนที่สติจะหลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทราที่จะไม่มีเรื่องอะไรมากวนใจให้ต้องเจ็บปวด ผมก็ได้ยินเสียงของคนไกลพูดขึ้นเบาๆ ว่า
 
“ ฝันดีครับ ”
 
ก็เหมือนอย่างที่อาฟบอก ครั้งที่แล้วผมผ่านเรื่องยากๆ นั่นมายังไง ครั้งนี้ผมก็จะผ่านมันไปแบบนั้น
 
ครั้งหนึ่งผมเคยคิดว่าการที่ตัวเองอกหักแถมยังต้องมาใช้หนี้เพราะขับรถไปฝากรอยไว้กับรถหรูคันข้างๆ เป็นเรื่องที่โคตรซวยที่สุดในชีวิต แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกว่า เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันก็ไม่ได้แย่อย่างคิดเท่าไหร่
 
.....................................
 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 46 :: up! 16-11-61} #หน้า 42
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 23-11-2018 21:26:53
ช่วงบ่ายโมงที่อากาศข้างนอกกำลังร้อน ผมเดินทะลุจากมหา’ลัยขึ้นมาบนทางเชื่อมบีทีเอสเพื่อเดินต่อไปยังห้างใหญ่ วันนี้ผมมีเรียนเก้าโมงแล้วมันก็เสร็จสิ้นไปแล้ว ส่วนน้องเดย์มีเรียนตอนเที่ยงและหลังจากเรียนเสร็จจะตรงไปรับคุณพ่อและพี่ชายที่กลับจากสิงคโปร์ไปส่งที่บ้านก่อนจะกลับมารับผม ซึ่งก็เหมือนเดิมที่ผมก็บอกไปแล้วว่าเดี๋ยวกลับเอง แต่น้องเดย์ก็ตอบกลับแค่ว่า “ รอที่ห้างเถอะ อยากไปรับ ” และเพราะแบบนั้นเลยทำให้ผมต้องมาเดินหาอะไรทำแก้เบื่ออยู่ที่นี่ ยกตัวอย่างก็เช่น การเดินหลงห้าง
 
[ พี่เมดรออยู่ที่ร้านหนังสือชั้นบนของห้างนะครับ ที่มันมีร้านกาแฟในร้านน่ะ ] ส่งข้อความไปบอกน้อง ก่อนจะบ่นกับตัวเอง
 
“ แล้วไอ้ร้านหนังสือนั่นมันอยู่ไหนแล้ววะ ” ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ตอนที่มองไปรอบๆ ตรงที่ตัวเองยืน จะว่าไปก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ผมจะมาที่นี่แล้วไม่หลง ช่างเป็นห้างที่แผนผังสลับซับซ้อนจนน่าปวดหัว รับรองได้เลยว่าถ้าชวนไอ้อาฟมาเดินหาอะไรสักอย่าง ไอ้เหี้ยนั่นต้องพูดแน่นอนว่า ‘ มึงเดินผ่านตรงนี้รอบที่สามแล้วนะ ’ ผมว่ามันต้องเกิดขึ้น
 
“ เมด ” เสียงไม่คุ้นที่เอ่ยเรียกผมตอนที่กำลังก้มหาข้อมูลของร้านหนังสือที่ต้องการจะไปในมือถือ  แล้วตอนที่หันไปเห็นคนที่เอ่ยเรียกนั้นร่างกายของผมมันก็เหมือนจะนิ่งไปหมดทุกส่วน ห้างที่เคยเสียงดังเงียบลงจนรู้สึกอึดอัด ผมเหลือบมองไปรอบๆ เป็นท่าทางที่ชวนให้คนทักรู้สึกแย่ไม่น้อย มันเลยทำได้แค่ยิ้มแก้เก้อกับความเงียบของผม
 
‘ บิน ’ ในสมองของผมเอ่ยเรียกอีกคนแต่กลับไม่ได้พูดออกเสียงไป หัวใจผมมันไม่ได้เต้นแรงในตอนนั้นแต่กลับรู้สึกชาไปหมดจนชวนหายใจไม่ออก อาจเพราะไม่ได้คิดว่าเราจะมาเจอกันเลยไม่รู้ว่าต้องแสดงสีหน้ายังไงตอนที่อีกฝ่ายทักอย่างไม่ทันตั้งตัวแบบนี้
 
“ แล้วนี่มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ” อีกคนถามยิ้มๆ ด้วยท่าทางที่ค่อนข้างอึดอัด บินทำทีเป็นมองไปรอบๆ “ มากินข้าวกับไอ้อาฟเหรอ ”
 
“ เปล่า ” ผมส่ายหน้า “ แค่กำลังหาว่าร้านหนังสืออยู่ตรงไหน ”
 
“ ชั้นเจ็ด ” อีกคนตอบก่อนจะชี้ขึ้นไปด้านบน ผมที่มองตามก่อนจะพยักหน้ารับ
 
“ เหรอ ขอบคุณนะ ”
 
“ จะไปด้วยกันมั้ยละ ” คำชวนที่ทำให้ผมนิ่งพร้อมทั้งสายตาของความไม่ไว้วางใจที่ส่งไปทำให้อีกคนแค่หลุดยิ้มก่อนจะอธิบาย “ กูกำลังจะขึ้นไปซื้อหนังสือพอดีเหมือนกัน มาเถอะ มันก็ดีกว่าหาจากกลูเกิ้ลไม่ใช่เหรอวะ ” ผมไม่ได้ตอบตกลงกับคำชวนนั้น บินที่แค่ยิ้มมันเดินนำผมออกไป ส่วนผมก็แค่เดินตามแบบเว้นระยะห่าง
 
ผมรู้สึกว่าส่วนโซนด้านบนไม่ได้ครึกครื้นเหมือนอย่างโซนด้านล่างเท่าไหร่ ร่างสูงที่เดินนำผมไปอยู่ในชุดนักศึกษามองจากภายนอกมันก็ยังเป็นคนดูดีเหมือนเดิม ยังคงชอบใส่เสื้อนักศึกษาแบบแขนยาวแล้วพับครึ่งไว้ตรงข้อศอกเหมือนทุกครั้ง แล้วกางเกงก็ยังเป็นสีดำแนบตัวอย่างที่ชอบ ส่วนรองเท้าคู่ที่ใส่ก็ยังเป็นรองเท้าผ้าใบยี่ห้อโปรดที่จะใส่แค่มาเรียนเท่านั้น
 
“ ถึงละ ” อีกคนหันมาบอกผมที่พอโดนทักขึ้นมาถึงรู้ว่าตัวเองเดินเพลินจนลืมรักษาระยะห่าง ทั้งๆ ที่อีกแค่ก้าวเดียวก็จะเดินไปชนแผ่นหลังของคนเดินนำอยู่แล้ว ผมผละตัวเองถอยหลังมาก้าวหนึ่งบินก็หลุดยิ้ม “ นี่ก็ยังชอบเดินเพลินเหมือนเดิมเลย ” คำพูดของบินชวนให้ผมนิ่งก่อนจะหันไปจ้องหน้ามัน “ ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ พอมีคนเดินนำมึงก็ชอบเดินเพลินมองอย่างอื่นไม่เคยมองทางเลยแล้วสุดท้ายมึงก็ชนหลังกูประจำ ”
 
“ ประจำเลยเลยเหรอวะ ” ผมถามกลับมันเพราะดูเหมือนว่าความทรงจำของผมกับมันจะไม่ตรงกันสักเท่าไหร่ เท่าที่จำได้ผมกับบินไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนด้วยกันจนสามารถใช้คำว่าประจำได้ มันก็แค่ไม่กี่ครั้ง หนึ่งปีบางทีก็ไม่ถึงสามครั้งด้วยซ้ำ
 
“ ใช่ ” อีกคนยังคงย้ำด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ เป็นท่าทางที่ชวนให้ผมนึกขำเพราะมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เอาดีเข้าตัวยังไง ก็ยังคงเป็นแบบนั้นอย่างเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
 
“ งั้นก็ขอบใจที่นำทางมานะ ”
 
“ ไม่เป็นไรยังไงก็ทางเดียวกัน ” บอกแบบนั้นอีกคนก็มองผมอยู่สักพักด้วยสายตาที่เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เหมือนมันจะถูกกลืนลงคอไปในตอนที่อีกคนยิ้มขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเดินหันหลังไป
 
ผมมองแผ่นหลังที่กำลังเดินไกลออกไปเรื่อยๆ ก่อนคำถามในใจจะถูกตั้งขึ้นมาภายในวินาทีสั้นๆ นั่น ‘ ทำไมผมถึงตัดสินความผิดของคนคนหนึ่งจากคำบอกเล่าของคนอื่น ทั้งๆ ที่ยังไม่ถามคนคนนั้นสักคำ ว่ามันจริงหรือไม่จริงกันนะ ’ แล้วตอนนั้น มันก็ไวเท่ากับที่ใจคิดปากของผมเอ่ยเรียกอีกคนออกไปเสียงดัง
 
“ บิน ” เจ้าของชื่อหยุดชะงักที่จะเดินต่อ ร่างสูงนั้นหันกลับมามองผมพร้อมทั้งพนักงานในร้านหนังสือหรือแม้แต่ลูกค้าที่อยู่ในละแวกนั้น ผมรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนิดหน่อยในวินาทีนั้นเลยจำใจเดินเข้าไปหาอีกคนอย่างช่วยไม่ได้
 
“ มีอะไร ” อีกฝ่ายถาม ผมก็มองไปรอบๆ ร้านหนังสือก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าที่นี่มีร้านกาแฟดังตั้งอยู่ด้านใน เป็นร้านเล็กๆ ที่ก็กำลังโชยกลิ่นกาแฟหอมๆ ออกมาเป็นระยะ
 
“ อยากจะคุยด้วยหน่อย มึงพอมีเวลาสักหน่อยมั้ย ไปกินอะไรกัน ”
 
“ ได้สิ ” คำตอบนั้นมาพร้อมรอยยิ้มของอีกคนที่ก็ก้าวมายืนอยู่ข้างกัน เราเดินตรงไปที่ร้านกาแฟต่างคนที่ต่างเงยมองเมนูที่ต้องการแต่ก่อนที่ผมจะพูดอะไรบินก็เป็นคนสั่งขึ้นก่อน “ hot green tea latte ครับ ไซส์ grande ”  มันหันมามองหน้าผมตอนที่พูดจบ “ สั่งให้มั้ย ”
 
“ ไม่เป็นไร กูสั่งเองได้ ”
 
“ กูรู้ว่ามึงจะสั่งอะไร มึงก็สั่งเหมือนเดิมทุกทีที่มา เดี๋ยวกูสั่งให้นะ กูอยากเลี้ยงมึงด้วย ” ว่าแบบนั้นก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมา มันหยิบบัตรก่อนจะสั่งออกไปว่า “ เหมือนกันสองแก้วครับ ” ได้แต่ยืนนิ่งไปในตอนที่ได้ยิน ผมเผลอถอนหายใจก่อนจะอมยิ้มกับตัวเองอยู่นานในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น ทั้งๆ ที่อยากจะบอกมันเหลือเกินว่า ‘ กูไม่แดกชาเขียวร้อนไอ้สัด แล้วทุกครั้งที่มากูแดกแค่ช็อคโกแลตชิฟปั่นเท่านั้นเว้ย ’ ทำมาเป็นโชว์ความรู้ใจทั้งๆ ที่ปริมาณเรื่องนี้รู้ก็มีน้อยจนถึงขั้นติดลบ แต่นั่นก็ไม่แปลกที่อีกคนจะไม่รู้ เพราะทุกครั้งที่มา บินจะแค่เดินเข้าร้านไปหาเก้าอี้นั่งส่วนผมก็เป็นคนสั่งแล้วก็จ่ายเงินตลอด “ มึงไปนั่งเลย เดี๋ยวกูรอแล้วจะยกไปให้ ”
 
“ อื้ม ” ตอบอีกคนสั้นๆ ผมก็เดินไปนั่งตรงเก้าอี้แบบโซฟาที่อยู่ด้านในร้าน แล้วมองมันที่ยืนรอของที่สั่งอยู่คนเดียว ทั้งๆ ที่มันจะมานั่งก่อนก็ได้แต่เหมือนอีกคนจะรู้สึกถึงบรรยากาศเกร็งๆ เลยเลือกที่จะรออยู่แบบนั้น
 
“ ได้แล้ว ” แก้วถูกวางลงตรงหน้าผม กลิ่นไอของชาเขียวร้อนๆ หอมแบบมีเอกลักษณ์ผมยกมันขึ้นมาดม แต่ก็ร้อนเกินไปที่จะชิมก็เลยตั้งมันไว้แบบนั้น
 
“ จริงๆ ไม่ต้องเลี้ยงก็ได้เอาไปเถอะ ” ผมยื่นเงินให้มันอีกคนก็ส่ายหน้า
 
“ อยากเลี้ยงให้เลี้ยงบ้างเถอะ ” บินบอกปัด มันทำเป็นไม่ใส่ใจเงินผมแต่ผมก็ไม่ได้เก็บใส่กระเป๋าตัวเองแต่อย่างใด ก็ตั้งมันไว้บนโต๊ะแบบนั้น
 
“ กูตั้งไว้นี่แล้วกัน ถ้ามึงไม่เอาก็ให้พนักงานไป ”
 
“ ดื้อเหมือนเดิม ” อีกคนว่าก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบเงินแล้วเอาใส่กระเป๋าเสื้อไว้ “ แล้วนี่เป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย ” บินถามผมด้วยสายตาเป็นห่วง แต่นั่นก็ไม่ใช่ท่าทางที่ชวนให้อึดอัดแต่อย่างใด  เหมือนแค่ได้เจอคนรู้จักที่ไม่ได้เจอกันนานสักคน แล้วเราก็ถามไถ่กันตามมารยาท
 
จะว่าไปมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้แบบเมื่อคืนนั่นแหละ ถ้าเรามองในแง่มันก็ดี มองในแง่ร้ายมันก็ร้าย เหมือนมองว่าสีชมพูสวยมันก็สวย มองว่าสีชมพูไม่สวยมันก็ไม่สวย เรื่องของผมกับบินก็เหมือนกัน มันเจ็บปวดก็จริงอยู่ มันแย่มากที่โดนหลอกในทนอยู่แบบนั้นเสียหลายปี แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ผ่านมาแล้ว จะรู้สึกแย่มากยังไง สุดท้ายก็ผ่านมาแล้ว และถ้ามองในแง่ดี วันนี้ผมคงไม่ได้คบกับอาฟ ถ้าเรื่องเหี้ยๆ นี่มันไม่เกิดขึ้น
 
“ เมด ” อีกคนทักขึ้นมาอีกครั้งตอนที่เห็นผมเงียบไป
 
“ ก็สบายดีนะ ” ผมยิ้ม “ จริงๆ มันก็ดีมากเลยละ ”
 
“ งั้นเหรอ อื้ม ก็ดีแล้วละ ”
 
“ แล้วมึงสบายดีมั้ย ”
 
“ ก็เรื่อยๆ ไม่ได้ดี แต่ก็ไม่ได้แย่ ” อีกคนบอกก่อนจะส่งยิ้มกลับมาให้กัน บินก้มลงไปหยิบเครื่องดื่มตรงหน้าขึ้นมาเป่าก่อนจะชิมแล้ววางมันลง “ แล้วที่บอกมีเรื่องจะคุย เรื่องอะไรเหรอ ”
 
“ จริงๆ กูอยากถามมึงน่ะ ” ผมจ้องตาอีกคนตอนที่กำลังถามคำถามนั้น “  ตอนม.หกที่มึงสารภาพรักกู ตอนที่กูถามมึงว่า มึงเป็นคนเอานมฝากเพื่อนมาให้กูทุกวันเลยเหรอ วันนั้นที่มึงบอกว่า ใช่ จริงๆ มึงโกหกกูเหรอ ” อีกฝ่ายเงียบมันคงไม่ได้คิดว่าผมจะถามคำถามนี้กับมัน บินทำได้แค่จ้องหน้าผม มันไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น แต่นั่นก็คือคำตอบ “ วันนั้นมึงโกหกกูสินะ ”
 
“ ขอโทษ ” เป็นแค่คำพูดสั้นๆ ที่หลุดออกมาจากปากของอีกคน
 
สุดท้ายแล้วก็มีเพียงแค่เท่านั้น ต่อให้ผมจะเจ็บซ้ำแค่ไหน หรือต่อให้รู้สึกเหมือนหัวใจทั้งดวงมันแตกยับยังไง คำพูดเดียวที่ได้ฟังจากปากของคนคนนี้ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็มีแค่คำว่า ขอโทษ
 
ทำไมมันช่างเป็นคำพูดที่ไม่มีค่าอะไรเลย คำว่าขอโทษจากปากคนตรงหน้า ไม่ได้มีความหมายอะไรทั้งนั้น ไม่ได้ทำให้รู้สึกดี มันไม่ได้ย้อนเอาเวลาที่เคยเสียไปแล้วกลับคืนมาให้ผม คงเพราะมันเป็นแค่คำว่า ขอโทษ ที่พูดว่าขอโทษ หมายถึง ขอโทษ เท่านั้นจริงๆ ขอโทษโดยที่ไม่มีโอกาสให้แก้ไขอะไรได้อีกแล้ว
 
“ โกหกกันทำไมวะ ” ผมถามมันกลับสั้นๆ อีกคนก็ก้มหน้าลง
 
“ ขอโทษ ”
 
“ ทำไมวันนั้นถึงเลือกที่จะโกหกกู แล้วทำไมตอนที่คบกันถึงไม่เลือกที่จะพูดความจริงออกมาบ้างเลย มึงไม่รู้สึกผิดเลยเหหรอ เวลาที่กูพูดว่า ทำไมมึงไม่เหมือนตอนที่ซื้อนมให้กู ทำไมมึงไม่เหมือนตอนที่พยายามเพื่อกู ตอนนั้นที่ได้ฟัง ไม่รู้สึกผิดอะไรเลยเหรอ ”
 
“ เพราะว่ากูรักมึงมากไงเมด ” บินบอกแบบนั้น “ ชอบตั้งแต่เห็นครั้งแรก ก็เลยอยากจะสารภาพรัก แต่ก็รู้ว่าเมดไม่ตอบตกลงแน่ๆ เพราะเหมือนจะชอบคนที่ส่งนมอยู่ ก็เลยต้องโกหกเพราะไม่อยากจะอายเพื่อน แล้วตอนที่คบกัน ก็เคยคิดอยากจะบอกหลายครั้ง แต่มันก็เพราะเมดคิดว่าบินคือคนส่งนมนี่ไม่ใช่เหรอวะ เมดถึงให้อภัยบินได้ตลอด แล้วแบบนั้นบินจะบอกเมดทำไมว่าความจริงมันคืออะไร เพราะบินรู้ไงเมด ว่าถ้าบอกไปแล้ว เมดก็จะไม่อยู่กับบิน แล้วแบบนั้นจะให้บินบอกทำไม ”
 
“ นั่นไม่ได้เรียกว่ารักหรอก ” ผมบอกอีกคนที่ก็นิ่งไป “ สิ่งที่มึงทำกับกูตลอดมา มันไม่ได้เรียกว่ารัก ไม่ต้องเอามันมาอ้าง มึงก็แค่อายเพื่อนที่คนดังอย่างมึงจะถูกปฏิเสธ มึงก็เลยโกหก แล้วต่อมามึงก็เอามันมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองได้ทำความผิดซ้ำๆ อย่างคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง มึงที่พยายามผูกกูไว้กับตัวมึง ไม่ใช่เพราะมึงรัก แต่เพราะมึงเห็นว่ากูคือทางเลือกสุดท้าย เป็นของตายตอนที่มึงไม่มีใคร มึงที่คิดแบบนี้อย่างคนเห็นแก่ตัว เลยไม่บอกความจริงทั้งๆ ที่มึงก็รู้ ว่าที่กูให้อภัยมึง นั่นก็เพราะว่า กูรักมึง และมึงก็คือรักแรกของกูคนที่กูคิดว่าส่งนมมาจีบกู ”
 
“ ขอโทษ ”
 
“ ไม่ต้องพูดหรอก มันไม่ได้มีความหมายอะไรแล้ว ”
 
“ แต่บินก็รักเมดนะ ” อีกคนยังย้ำบอกแบบนั้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าผม “ บินไม่ได้พูดให้เมดกลับมา แต่บินแค่อยากขอบคุณ ขอบคุณที่เป็นแฟนที่ดีให้กันตลอด ขอบคุณที่ให้อภัยในความผิดซ้ำซากของบิน ขอบคุณที่ให้โอกาส เมดอาจจะมองว่าบินเห็นแก่ตัว ไม่ได้รักเมด แต่จริงๆ บินรักเมดนะ รักในแบบที่เมดเป็นเมดนั่นแหละ เมดที่แสนดีและน่ารัก คนที่คอยดูแลกันแล้วก็ห่วงใยกันเสมอ แล้วเมดละ เคยถามตัวเองมั้ยว่าจริงๆ ที่เมดอยู่กับบิน เมดรักบินจริงๆ หรือรักเพราะคิดว่าบินเป็นเจ้าของนมนั่น ”
 
“ ตอนแรกกูตอบรับรักมึงเพราะมึงคือคนที่ส่งนมให้กู ต่อมากูชอบที่มึงเป็นคนช่างเอาใจแล้วก็โรแมนติก กูก็รักมึงเพิ่มมากขึ้น จนเราเริ่มทะเลาะกัน จากครั้งแรก ครั้งที่สอง แล้วก็หลายๆ ครั้ง จนความช่างเอาแต่ใจของมึงที่กูเคยชอบ กูเริ่มไม่ชอบเพราะมึงจะทำแค่ตอนที่กูโกรธ มึงเริ่มเหี้ยกับกูมาก จนความดีของมึงที่เคยทำให้กูมันไม่พอจะยึดใจกูให้อยู่กับมึงได้อีก สุดท้ายมันก็เลยเหลือแค่อดีตที่มึงเคยทำไว้ ซึ่งจริงๆ แล้ว มึงก็ไม่ได้ทำ ” ผมยิ้มให้อีกคน “ ถามว่ารักมั้ย กูไม่ได้รักบินคนที่อยู่กับเค้ามาสี่ปีหรอก กูรักบินคนที่กูคิดว่าคือเจ้าของนมต่างหาก นั่นแหละ บินคนที่กูรัก ”
 
“ เข้าใจแล้ว ” อีกคนยิ้มให้ผมเป็นรอยยิ้มดูคล้ายว่าอีกคนจะสมน้ำหน้าตัวเองอยู่ไม่น้อย “ แต่มันก็สมควรแล้วละ ที่ต้องเป็นแบบนั้น บินก็ทำตัวแบบนั้นเอง เมดจะไม่รักก็ไม่แปลก ”
 
“ อื้ม ”
 
“ งั้นขอถามอีกข้อได้มั้ย ”
 
“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับบินที่นั่งอยู่ตรงหน้ากันก็ยิ้ม
 
“ แบบไม่อายเลยนะ ระหว่างบินคนที่เมดคิดว่าให้นมเมด กับ ไอ้อาฟ เมดรักใครมากกว่ากัน ” คำถามที่ทำให้ผมถอนหายใจออกมา ในห้วงความคิดหนึ่ง ผมคิดว่ามันก็ช่างกล้าถาม แต่ว่าถ้าต้องตอบจริงๆ ผมก็คิดว่าตัวเองมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว “ ขอคำตอบแบบจริงจังนะ ”
 
“ คำถามของมึงโคตรไม่แฟร์เลยรู้มั้ย กูจะไปตอบได้ยังไง กูเพิ่งคบกับอาฟไม่นาน ส่วนมึงคนที่กูคิดว่าให้นมกับกู กูคบมาตั้งสี่ปี เอาไว้กูคบกับอาฟครบสี่ปีเมื่อไหร่กูจะบอกแล้วกัน ว่ารักใครมากกว่ากัน แต่กูว่าถึงตอนนั้นมึงก็คงรู้คำตอบอยู่แล้วละมั้ง ”
 
“ ก็จริง ”
 
“ แต่ถ้าถามว่าใครทำให้รู้จักคำว่ารัก กูบอกแบบไม่ต้องรอเลยว่าคือ มึง ” ผมยิ้มให้บิน “ มึงคือคนที่ทำให้กูเข้าใจคำว่ารักนะ รักในแบบที่เป็นความรักจริงๆ รักที่มันมีทั้งความโง่ ความหลง ความบ้า กูที่ไม่ฟังใครแม้แต่ครอบครัวที่คอยห้ามว่าให้เลิกกับคนแบบมึง กูที่ไม่รักตัวเองแล้วรักแค่มึง หลงแค่มึง กูที่ทำทุกๆ อย่างเพื่อมึง แล้วให้อภัยมึงซ้ำๆ กับความผิดที่ใครๆ ก็มองว่ากูโง่งม กูรู้ว่ามึงมีใครก็ทนไม่พูดอะไร กูที่ทำได้แบบนั้น กูที่รักมึงมากกว่าตัวเอง กูเป็นที่ได้ขนาดนั้น กูว่านั่นแหละ คือความหมายของคำว่ารักจริงๆ เป็นความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งหลง แล้วมึงก็คือคนนั้นนะ แม้แต่วันนี้มึงก็ยังเป็นคนนั้น คนที่ทำให้กูเข้าใจว่า นี่แหละคือความรักจริงๆ ”
 
“ ขอโทษนะ ” หลังจากเงียบไปนานอีกฝ่ายก็พูดออกมาแบบนั้น ผมที่ได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา
 
“ ไม่เป็นไรหรอก ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว มันก็เป็นแค่ความทรงจำของกู ที่สอนให้ต่อไปนี้กูต้องใช้ชีวิตแบบระมัดระวังมากขึ้น ” ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่ง บินที่มองตามอีกคนก็ถาม
 
“ จะไปแล้วเหรอ ”
 
“ อื้ม กูจะไปซื้อหนังสือหน่อย มันมีหนังสือที่กูอยากจะได้อยู่น่ะ ไปก่อนนะ ” บอกแบบนั้นก่อนจะหันหลังเดินไปแต่บินก็ยังเรียกผมไว้
 
“ เมด ” เสียงเรียกมาพร้อมกับแก้วชาเขียวร้อนของผมที่ถูกชูขึ้นมา ตอนนี้มันคงอุ่นจนเกือบจะเย็นแล้ว “ ไม่เอาชาเขียวไปด้วยละ ”
 
“ ไม่ละ มันไม่ใช่ของที่กูชอบ กูคงไม่เอามันไปด้วยหรอก ” ไม่ต่างกับคนที่ซื้อมันมาให้ผม นั่นก็จะเป็นสิ่งที่ผมจะไม่จดจำมันอีกแล้ว บินวางมันลงที่เดิมก่อนจะยิ้มให้ แล้วถามออกมาเสียงเบาในตอนที่เราสบตากันครั้งสุดท้าย
 
“ เรายังเป็นเพื่อนกันได้มั้ย ”
 
“ อย่าเลยมึง เราเป็นแค่เพื่อนร่วมโลกที่รู้จักกันก็พอแล้ว ” ยิ้มให้มันเป็นครั้งสุดท้าย ผมเดินหันหลังออกมาแล้วก็ไม่ได้หันกลับไปมองอีกเลย
 
ทุกอย่างจะไม่หวนคืนมาอีกทั้งๆ ที่ผมอยากจะถามมันเหมือนกันว่า แล้วตกลงนมนั่นเป็นของใคร ของเอมเหรอ หรือว่าเป็นเพื่อนของเอม แล้วเพื่อนของเอมละ เป็นใคร แต่ผมก็ไม่ได้เอ่ยถามคำถามพวกนั้น เพราะมันก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรแล้ว ต่อให้ตอนนี้รู้ว่าเค้าเป็นใคร ผมก็คงทำได้แค่ขอโทษที่วันนั้น ผมเชื่อคนผิดไป และตอนนี้ผมก็ไม่สามารถตอบแทนความรู้สึกของเค้าได้อีกแล้ว เพราะตอนนี้ผมก็มีคนที่ผมรักของผม และก็คงไม่สามารถรักใครได้อีก
 
เวลาผ่านมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว เป็นหนึ่งชั่วโมงที่ผมยืนอยู่ที่ล็อกหนังสือขายดี มันมีหนังสือที่ผมต้องการซื้อถือในมืออยู่แล้วสามเล่มและไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะอ่านหมด ทั้งที่คิดช่างใจจะเอาไปเล่มเดียวแต่มันก็อดใจไมได้เมื่อได้อ่านคำโปรยด้านหลังปกเลยตัดสินใจซื้อมา โดยใช้คติที่พูดกับตัวเองบ่อยๆ ว่า ‘ ซื้อแล้วไม่ได้อ่านดีกว่าตอนอยากอ่านแต่รู้สึกผิดเพราะไม่ได้ซื้อ ’
 
ครืน ครืน ครืน
 
“ ครับ น้องเดย์ ” กรอกเสียงไปตามสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา ปลายสายที่เหมือนกำลังหงุดหงิดก็ถามกลับมา
 
“ พี่เมดอยู่ไหน ”
 
“ อยู่ร้านหนังสือที่ชั้นเจ็ด ก็ส่งข้อความไปบอกน้องเดย์แล้วไง ”
 
“ อะไรของมันวะ ” อีกฝ่ายที่เหมือนสบถออกมา ผมก็ได้แต่ขมวดคิ้ว
 
“ มีอะไรหรือเปล่า ”
 
“ ก็ไอ้สัดพี่น่ะสิ  ตอนน้องเดย์ไปรับมันกับพ่อที่สนามบิน น้องเดย์ก็มาส่งมันที่คอนโดก่อน มันบอกว่ามันจะไปรับพี่เมดเอง แต่อยู่ๆ เมื่อกี้ก็โทรมาบอกน้องเดย์ว่า มันไม่ไปรับพี่เมดแล้ว และก็สั่งด้วยนะว่าน้องเดย์ก็ไม่ต้องไปรับพี่เมด น้องเดย์เลยคิดว่าสงสัยพี่เจไม่ก็ไอ้อัยย์คงไปแล้ว แต่พอวางสายไปสักสามนาทีแม่งก็โทรมาใหม่ บอกให้ไปรับพี่เมดด้วย น้องเดย์งงกับมัน ไอ้สัดเอ้ย ”
 
“ ไม่ต้องมารับพี่เมดก็ได้เดี๋ยวกลับเอง ก็เจอกันที่ throw up เลยก็ได้ ”
 
“ ไม่ต้องๆ น้องเดย์จะลงทางด่วนแล้วแป๊บเดียวก็ถึงพี่เมดรอที่นั่นแหละ เดี๋ยวไปรับ ”
 
“ โอเค ” ผมตอบน้องเสียงเบา อีกฝ่ายก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะบ่น
 
“ ไม่รู้ไปหงุดหงิดอะไรมาอีก เอาใจยากชิบหายพี่ชายกู ”
 
“ น้องเดย์ แล้วพี่อาฟรู้เหรอว่าพี่เมดอยู่ที่นี่ ”
 
“ รู้สิ ก็น้องเดย์บอก มันบอกจะไปเซอร์ไพรส์พี่เมดน่ะ ” ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา มีแต่ความกังวลแบบแง่ลบลอยเต็มหัวไปหมดในวินาทีนั้น หรือว่าอาฟจะเห็นผมนั่งคุยกับบินก็เลยเดินออกไปหลังจากที่เห็นโดยที่ไม่ได้เข้ามาทัก “ ไม่รู้มันทะเลาะกับพ่อเปล่า เพราะพ่อด่ามันว่า มันอะบ้าเมียไม่ยอมกลับบ้านไปหาแม่บ้าง แล้วพ่อก็บอกให้มันพาพี่เมดไปที่บ้านได้แล้ว แถมยังบอกด้วยว่ามันอะปีกกล้าขาแข็งคิดว่ามีธุรกิจ มีเงินไม่ต้องพึ่งที่บ้านก็ได้เลยไม่ได้แคร์ใคร บลาๆ อีกเยอะแยะ ”
 
“ งั้นเหรอ ”
 
“ พี่เมดๆ น้องเดย์จะถึงละ พี่เมดอยู่ใกล้ร้านกาแฟมั้ยซื้อน้ำส้มให้น้องเดย์แก้วหนึ่งได้มั้ย น้องเดย์อยากจะกินอะไรเปรี้ยวๆ ”
 
“ ได้สิ เดี๋ยวพี่เมดซื้อน้ำส้มให้นะ ”
 
“ โอเค จะจอดรถละ 20 นาทีถึงแน่นอนครับพี่สะใภ้ เจอกัน ”
 
“ ครับ เจอกัน “ ในตอนที่กดวางสาย ในใจของผมภาวนาว่าอาฟคงแค่ทะเลาะกับพ่ออย่างที่น้องเดย์บอก ไม่ได้เกี่ยวกับผมแต่อย่างใด
 
........................................................................
 
อธิษฐานเอานะ
 
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
หนมมี่ผู้ใสซื่อ

 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 23-11-2018 22:09:58
บินต้องเห็นอาฟแน่ เลยถามนำให้เมดตอบทำอาฟน่อยไป
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-11-2018 22:10:52
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 23-11-2018 22:17:31
เหนื่อยใจ...รอจบค่อยกลับมาอ่านดักว่า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 23-11-2018 22:23:56
เห็นชัวร์ๆ บทมาแบบนี้ ยิ่งมีบอกน้องเดย์ไม่ต้องไปรับด้วย ไม่ต้องสืบเลย ...
อาฟเอ๋ย ใจเย็นๆ นะ ... ต้องฟังเมด คุยดีๆ ...
เรื่องเจ้าของนม จวนเปิดเผยแล้ว ...

อธิษฐาน ให้ถึงศุกร์หน้าไวๆ ค่ะ ... มาก่อนได้ไหมคะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 23-11-2018 23:06:35
สงสารอาฟ กลับมาเหนื่อยๆ


มาเจอเมียกับผัวเก่าคุยเรื่องรักๆ


เป็นเราเป็นพี่อาฟก็ไม่ใหวจะเข้าใจเหมือนกัน


จังหวะมันให้เข้าใจผิดเกิ๊น
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-11-2018 23:47:09
นังพี่อาฟคงจะมาได้ฟังตอนคำถามและคำตอบเด็ดๆ จากนู๋เมดแน่ ๆ ถ้าได้ฟังมาตั้งแต่แรกคงจะไม่หลบไปแบบนี้แน่ ๆ  :katai1:
แล้วก็ให้คิด ๆ แกมสงสัยว่าใครที่เป็นฝ่ายมาคุยกับเดย์ จะเป็น ยีนส์ หรือ จิง กันน่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 24-11-2018 00:12:36
ม่าอีกละ ม่าแน่ๆ แงๆๆๆจะรักกันดีๆนานๆราบรื่นๆไม่เลยเลยเหรอ
อย่าทะเลาะกันเลยนะได้โปรด  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 24-11-2018 00:14:24
บินเห็นอาฟชัวร์
และอาฟได้ยิน
เฮ้อออออ
ได้ยินไม่หมดแน่นอน

โอ้ยยย พึ่งดีกันไม่เท่าไหร่ เอาอีกละ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 24-11-2018 01:24:17
พี่เอ๊มมมมมมมมมมมมมมมม...อยากให้กลับมาแล้ววววววววววว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-11-2018 01:30:45
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 24-11-2018 01:32:56
มาแนวนี้ไม่ต้องสืบ เสร็จแน่เมดน้อย  :hao4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 24-11-2018 02:32:18
อารยะต้องใจเย็นๆน้าาา แงงงงงงงงงงงง มาต่อเร็วๆนะคะ คิดถึงพี่อาฟแล้วววววว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 24-11-2018 02:45:32
เห็นแน่อ่ะแบบนี้ หึงชัวร์ แต่จะเห็นและได้ฟังจนจบหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-11-2018 08:51:33
...........มันช่างประวบเหมาะจริงๆ............  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

อาฟ มีสตินะ ....  :hao3:
อย่าคิดแต่ว่าเมด ผิดสัญญา   มีเหตุผลนะอาฟ ....   :serius2:
คราวนี้ ถ้าเมด บอก อาฟดีๆ ว่าทำไมคุยกับบิน
เมด จะได้รู้จักคนที่เคยส่งนมให้เมดหรือเปล่านะ  :z3:  :z3: :z3:

อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-11-2018 09:11:52
เออเนาะ พอดีไปหมด พอดีไปทุกอย่าง
ก็ดีนะ เมดจะได้เคลียร์สักที

อาฟเอ้ยย มาไม่ถูกเวลาไม่พอ มีความมโนอีกแน่เลย
หวังว่าเมดจะบอกนะ ไม่อยากให้นอยด์กันอีก
เผื่อเมดจะได้รู้ว่าคนส่งนม เป็นใคร

เดย์เป็นคนจริงจังที่ตลก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 24-11-2018 10:52:40
อ่านคอมเม้นท์แล้วไม่กล้าตอนล่าสุดเลย ..
ขอทำใจก่อนแปป
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 24-11-2018 12:31:43
มีแววจะทะเลาะกันอีกแหละ  อาฟเมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 24-11-2018 13:06:57
…….


บินกับเมดจบกันได้ด้วยดี. ดีแล้วนะ ปิดอดีตรักอย่างสงบนิ่ง

เหลือที่ต้องเคลียร์กับเพื่อนรักแทงหลังนั่นละ ว่าจิงคิดอะไรอยู่ ร้ายกว่ายีนส์เยอะเลย

ส่วนอาฟค่อยเป็นค่อยไป ความจริงเฉลย รักแรกนั้นจะกลับมาได้อย่างลึกซึ้งนะ


 :katai2-1:  :katai3:  :katai2-1:  :katai3:  :katai2-1:  :katai3:  :katai2-1:  :katai3:


……
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 24-11-2018 13:27:13
ก็ดีนะ เคลียร์ให้หมด หัวใจจะได้เป็นของคนที่ควรจะได้มันจริงๆ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 24-11-2018 17:26:44
 :katai1: ตอนนี้ไม่อยากพิมพ์ไรมากมันอึดอัด :ling2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 24-11-2018 17:28:51
 :katai1:
อะไรกันอีกกกก อธิฐานเอาเถอะ
ขอให้คุยกันด้วยเหตุผลเด้อ
เอาใจช่วยทั้งคู่เลย :mew2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-11-2018 21:39:25
อาฟมาเห็นแน่เลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 25-11-2018 00:45:28
อาฟต้องเห็นบินอยู่กับเมดแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 25-11-2018 06:10:11
 
  :pig4:

 เข้าใจแล้วว่าทำไมต้อง Throw Up

 มันไม่เกี่ยวกับเหล้า แต่มันคือ รักล้วนๆ สินะ

 love / lie / wrong is screwing up our relationships
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-11-2018 10:09:30
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-11-2018 21:20:56
เมดจ๊ะ น่าจะเกี่ยวกับเมดเต็มๆ :mew5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-11-2018 22:46:46
ทำไมชอบปั่นประสาทนะพวกนี้ :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-11-2018 06:34:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 26-11-2018 09:16:14
ไอ้เห็นอะไม่เท่าไหร

แต่ประโยคบอกรัก แล้วคุยเรื่องอดีตนั้นอะ


เต็มๆ


ถ้านี่ได้ยินก็อดน้อยใจไม่ได้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 26-11-2018 10:40:28
อาฟ ฟังเมดก่อน คุยกันก่อน กำลังหวานๆกันเลย เพราะเพื่อนที่แย่ๆแบบจิงน่ะสิ คนนิสัยไม่ดี แต่คิดว่าเพราะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลยจะทำให้ได้รู้ความจริงกันว่าใครคือคนส่งนมตัวจริง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 27-11-2018 07:47:01
ตอนแรกทำใจไม่ได้ที่เห็นเม้นท์ไม่โอเค
ตอนนี้ทำใจได้ล่ะ เลยแวะมาอ่าน
ก็ไม่ม่าอย่างที่คิดนะ

อาฟอาจจะเห็นจริง ได้ยินจริง งอลจริง แต่ไม่คิดว่าโกรธอ่ะ .. คงแค่ขอกลับไปทำใจ.. ให้อารมณ์ดาวน์ลงก่อนมั้ง .. เพราะส่วนตัวอาฟคือคนที่เข้าใจเมดมากที่สุด.. ไม่น่าโกรธเรื่องที่ได้ยิน.. จะทั้งหมดหรือแค่ไม่กี่ประโยค.. นี่คิดว่าอาฟคงแค่แบบเจ็บนิดๆ ที่รู้ว่าเมดยังรักบินอยู่ .. ต้องให้ทั้งคู่คุยกันอีกทีอ่ะ .. กว่าจะเข้าใจ

หวังว่าตอนหน้าจะไม่ดราม่าหนักนะ ..
ถือว่าตอนนี่ยังไม่ม่าเท่าตอนก่อนๆ เน๊อะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: Bambooyamy ที่ 28-11-2018 12:50:51
 :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 30-11-2018 22:03:09
มารอค่ะ เข้าใจกันรักกันหวานๆเหมือนเดิมเถอะนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 01-12-2018 10:34:12
รอๆๆๆ รอน้องเมดง้อพี่อาฟ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 02-12-2018 20:24:14
ตอนที่ 48

บนหน้าจอมือถือที่ปรากฏเวลาปัจจุบันของประเทศสิงคโปร์ ผมเผลอยิ้มให้กับภาพหน้าจอของตัวเองที่ตั้งใจเปลี่ยนมันก่อนมาที่นี่ ภาพของคนรักที่แอบถ่ายไว้เมื่อวานก่อนผมจะอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเดินทางมาทำงานที่นี่กับพ่อ เมดในตอนนั้นกำลังหลับสนิทแก้มขาวที่ผมชอบหอมแบบสุดแรงในตอนเช้าของทุกวันแนบกับหมอนนุ่มจนปากสีชมพูนั้นห่อตัว เป็นท่าทางที่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเด็กเล็กเลยสักนิดในความคิดผม

อดใจไม่ได้เลยในวินาทีนั้นที่จะก้มลงไปหอมแก้มมันแบบสุดแรงอย่างที่ชอบทำ แต่เมดก็ไม่ได้รู้สึกตัวแต่อย่างใดคงเพราะความเหนื่อยจากกิจกรรมเมื่อคืนที่ทำให้เป็นแบบนั้น

เมดไม่เคยรู้ตัวว่าตัวมันเองเป็นคนที่มีท่าทางหลับน่ารักขนาดไหน ไม่เคยรู้เลยว่า เหตุผลเดียวที่ผมยอมตื่นเช้าก่อนมันทุกวันนั่นก็เพราะว่า ผมชอบตื่นมาดูมันหลับ แล้วได้หอมแก้มมันซ้ำๆ แบบไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมาอ้างอย่างที่ต้องทำอย่างในตอนที่มันตื่น

“ เสร็จแล้วเหรอครับ ” ผมลดมือถือลงก่อนจะเอ่ยถามผู้ชายร่างสูงลักษณะภูมิฐานสมวัยที่ยืนอยู่ข้างหลังเก้าอี้ตัวที่กำลังนั่ง พ่อของผมหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเบนสายตาที่เมื่อครู่กำลังสอดส่องหน้าจอมือถือของผมอย่างคนไม่มีมารยาทไปทางอื่น

“ จะหวงอะไรนักหนา ” อีกคนพูดเชิงบ่น ก่อนจะพยักหน้ารับ “ ฉันเช็กเอาท์เรียบร้อย เดี๋ยวอีกสักพักแท็กซี่ก็คงมาถึง ”

“ ครับ ” ตอบรับแค่นั้นพ่อก็เดินลงไปนั่งลงตรงโซฟาตัวตรงข้ามกับผม หยิบเอาอาหารเช้าง่ายๆ อย่างแซนด์วิชขึ้นมากิน สลับกับกาแฟดำแบบไม่ใส่ไม่น้ำตาลอย่างที่ชอบ

พ่อเป็นคนที่คล้ายกับผมมากเกินกว่าที่ผมจะรู้ตัว แม่เคยบอกกันไว้แบบนั้น ผู้ชายลักษณะภูมิฐานในวัย 50 กลางท่าทางภายนอกที่ดูน่าเกรงขามจนเกินกว่าจะพูดเล่นหรือหยอกล้อแต่ที่จริงกลับใจดีและมีเหตุผลมากกว่าที่คิด พ่อเป็นคนที่แยกสิ่งที่เล่นกับสิ่งที่ต้องจริงจังชัดเจนที่สุดในบ้านเรา ใช้ระบบการเลี้ยงลูกแบบเปิดกว้าง ด้วยการให้ทำทุกอย่างแบบที่อยากทำ แต่ก็คอยเฝ้าระวังห่างๆ ในฐานะของพ่อที่ก็ยังเป็นห่วงลูก

อย่าง Throw up เองก็เปิดขึ้นด้วยแรงสนับสนุนของเค้า ท่ามกลางเสียงคัดค้านของแม่ผมที่ให้เหตุผลว่า เปิดธุรกิจสีเทาตั้งแต่วัยแค่นี้มันไม่เหมาะสม แต่พ่อกลับไม่ได้คิดแบบนั้น เค้าพูดกับแม่แค่ว่า ‘ ก็ปล่อยให้มันได้ลอง ’ วันนั้นแม่บอกว่าพ่อตามใจผม แต่เค้าก็แค่ยิ้มไม่ได้พูดอะไรอีก

พ่อยกที่ดินสร้างผับให้ผม ก่อนจะแนะนำเพื่อนสนิทติดยศสูงของตัวเองเพื่อขอเส้นสายในการคุ้มครอง ทั้งๆ ที่ในความคิดของผู้ชายคนนี้ เค้าเองก็รู้ดีว่าการสนับสนุนลูกชายที่มีความมุ่งมั่นแบบวัยรุ่นย่อมเป็นอะไรที่เสี่ยง เพื่อนของเค้าเองที่เป็นตำรวจก็ยังถามว่าเค้าคิดยังไงถึงสนับสนุน แต่ตอนนั้นพ่อก็แค่ยิ้ม ‘ กูไม่ได้เชื่อมั่นในตัวมันหรอก กูแค่อยากให้มันลอง เพราะสุดท้ายผลลัพธ์ออกมายังไง ก็มีแต่ตัวมันที่จะได้ประโยชน์ ’

เพราะพ่อเชื่อว่า การทำธุรกิจก็เหมือนกับเด็กในตอนหัดเดินที่ต้องมีล้มแล้วก็มีลุก กว่าจะเดินได้เก่งและกว่าจะออกวิ่งได้ทุกอย่างต้องใช้ประสบการณ์และเวลา แบบนั้นเค้าก็เลยอยากให้ผมได้ลองจากธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองก่อน สิ่งที่เค้าคาดหวังจึงมีเพียงแค่ประสบการณ์การล้มลุกในการบริหารธุรกิจเท่านั้น

เอาเข้าจริง พ่อคงคิดว่าธุรกิจผับของผมคงเจ๊งตั้งแต่ปีแรกที่เปิด แต่ที่ไม่คัดค้านอะไรเพราะเค้าก็ต้องการให้ผมได้ลองผิดหวัง จะได้เอาบทเรียนในการทำธุรกิจครั้งนี้มาปรับใช้กับการรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว แต่พลิกล็อกไปหน่อยก็ตรงที่ว่า ผมกลับประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ ผิดจากสิ่งที่พ่อคิดไว้

“ แล้วตอนนี้ธุรกิจเป็นยังไง ”

“ ก็ดีครับ ” ผมตอบก่อนจะหยิบเอาแซนด์วิชตรงหน้าขึ้นมากินบ้าง มันเป็นคลับแซนด์วิชอย่างดีที่มีผักสดใบเขียว ไข่ทอด และแฮมจัดเรียงชั้นอยู่ในนั้น อาหารเช้าที่รสชาติอร่อย แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังคิดถึงขนมปังแผ่นบางที่ชอบทาแยมไม่ก็นูเทล่าแบบเต็มแผ่น กับคาราเมลมัคคิอาโต้หอมๆ แล้วก็รอยยิ้มของคนที่นั่งอยู่ข้างหน้ามากกว่าอยู่ดี

“ ยิ้มอะไร ” รีบเปลี่ยนสีหน้าที่กำลังคิดถึงบางคนทันที ผมขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งแล้วก็ตั้งใจกินของตรงหน้าต่อไม่พูดอะไร พ่อที่เห็นแบบนั้นเค้าเองก็ยิ้ม “ เดย์เล่าให้ฟังว่าที่ผับมีพนักงานบัญชีมาใหม่ เห็นบอกว่าทำงานดีจน throw up ที่ไม่เป็นระบบ เป็นระบบขึ้นมาเพียงแค่ไม่กี่เดือน ”

“ ก็ครับ ” ผมพยักหน้ารับ

“ หวานใจแกสินะ ” เงยหน้าขึ้นมองพ่อที่ถามคำถามนั้น ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง

“ ครับ ”

“ เป็นผู้ชายด้วยใช่มั้ย ”

“ ครับ ”

“ แล้วเค้าเป็นยังไง ”

คำถามที่ทำให้ผมนิ่งไป แต่ก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ตอบไม่ได้หรอก แต่แค่กำลังคิดว่าจะตอบคนตรงหน้าว่าอะไรดี แค่คำว่า ‘ น่ารัก ’ ที่ผุดขึ้นในหัวเป็นคำตอบแรกคงไม่ใช่คำตอบที่ผู้ใหญ่อย่างพ่ออยากได้ยิน ผมควรแสดงความจริงจังออกไปให้เค้าได้เห็นมากกว่าสิ่งที่อยากจะตอบว่า ‘ น่ารัก ทำอะไรก็น่ารักไปหมด ’ แบบนั้นมันดูไม่จริงจังเท่าไหร่

“ ไม่รู้สิ ” ผมเลือกจะปฏิเสธออกไปในตอนที่ยังคิดประโยคดีๆ ไม่ออก ก้มหน้าลงมองหน้าจอมือถือของตัวเองในตอนนั้น ภาพของเมดที่ผมเห็นชวนให้ยิ้ม “ ก่อนจะเจอเค้า ผมคิดแค่ว่าอยากได้รถ  GTR ก็เลยตัดสินใจทำผับ ผมมีความมุ่งมั่นแค่อยากจะได้รถ แล้วพอได้มันมาจริงๆ ความจริงจังในการทำผับมันก็หายไป ผมแค่ทำมันต่อไปแบบนั้นเพราะยังได้เงิน แต่ก็ไม่คิดจะพัฒนาอะไรเท่าไหร่ ผมคิดง่ายๆ ว่าเรียนจบก็ต้องมาทำงานกับพ่ออยู่แล้วเลยไม่ได้สนใจ จนวันที่ผมมาเจอเค้า แล้วก็ได้อยู่ใกล้เค้า ได้กินข้าวด้วยกัน ได้ไปรับไปส่งเค้าไปไหนมาไหน ได้เห็นเค้านั่งอยู่ข้างๆ กันในรถ แล้วก็ได้ทำอะไรด้วย

อยู่ๆ ผมเกิดความคิดขึ้นว่า ผมอยากจะให้มันเป็นแบบนี้ไปตลอด เค้าทำให้ผมเริ่มคิดถึงอนาคตขึ้นมา คิดถึงความไม่แน่นอน คิดว่าถ้าพ่อแม่ไม่ชอบเค้าผมจะทำยังไง มันเลยทำให้ผมหันกลับมาสนใจผับนี้อีกครั้งเพียงเพราะแค่ว่า ผมอยากมีเงินเพื่อดูแลเค้าให้สบายไปตลอด  จนตอนนี้ผับของเราเป็นระบบมากขึ้น เพราะเค้าทำทั้งรายรับรายจ่าย ทำระบบการเข้าออกของสินค้าทุกตัวในร้านเรา คำนวณรายได้ทั้งต่อเดือนและต่อปี เรามีบัญชีที่เป็นทั้งเงินใช้จ่ายและเงินเก็บ เงินเก็บที่เค้าบอกผมว่า เผื่อในอนาคตผมอยากจะต่อเติมอะไร

มันก็แปลกดีทั้งๆ ที่ไม่ใช่คำพูดหวานๆ แต่ฟังแล้วกลับรู้สึกว่า ผมอยากจะตั้งใจทำงานเพื่อเค้า พัฒนาสิ่งที่มี หรือต่อยอดอะไรสักอย่าง เพื่ออนาคตของเราสองคน ผมว่าตอนนี้เค้าเป็นอะไรแบบนั้นในความรู้สึกของผม เป็นทั้งคนที่ผมจะมีอยู่ในปัจจุบันแล้วก็อนาคต ”

“ อื้ม ” คำตอบสั้นๆ ของคนเป็นพ่อที่ยิ้มให้ผม ในแววตาที่ดูอบอุ่นคู่นั้นจ้องกันอยู่สักพักก่อนจะหันออกไปมองวิวตรงกำแพงกระจกด้านข้างที่เรานั่งอยู่ “ เป็นความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่ฉันเจอแม่แกเลย ”

“ งั้นเหรอครับ ”

“ อื้ม มันไม่ต่างกันเลยละ ” พ่อหันกลับมามองผมอีกครั้ง ก่อนจะยกกาแฟดำในแก้วตรงหน้าขึ้นมากิน  ประจวบเหมาะกับแท็กซี่ที่เรียกไว้ขับเข้ามาจอดพอดี เราวางของกินทั้งหมดลงก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถเพื่อตรงไปที่สนามบิน

[ อยู่บนเครื่องบินแล้วกำลังออกจากสิงคโปร์ ] ผมส่งข้อความจากไลน์ไปหาน้องชายตัวเองที่ก็อ่านข้อความนั้นไม่นานหลังจากที่ส่งไป

[ รับทราบ งั้นสัดพี่มึงคงถึงที่นี้ประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าๆ เกือบเที่ยงสินะ ]

[ ราวๆ นั้น ] ผมตอบกลับไป [ แล้วเมดเป็นยังไงบ้าง ]

[ น่ารักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคืออยากได้พี่สะใภ้เป็นเมียละ ]

[ ไอ้สัด ]

[ แหม ก็หยอกมั้ย เกรี้ยวกราดจริงๆ นี่ก็ทำตามแผนให้แล้วไง กูโกหกพี่เมดไปว่ามีเรียนทั้งๆ ที่จริงวันนี้กูโดดจ้า  แต่กูบอกพี่เมดไว้แล้วว่าให้ไปเดินเล่นที่ห้างก่อน เพราะกูจะไปแวะรับพ่อกับสัดพี่มึงที่สนามบินแล้วค่อยไปรับ พี่เมดก็อื้มๆ เออๆ ไปตามเรื่องตามราวแล้วก็บอกว่าถึงห้างแล้วจะส่งข้อความมาบอกกูอีกทีว่าอยู่ไหน ]

[ อื้ม ] ผมเผลอยิ้มออกมาตอนที่คิดภาพตามคำพูดของน้อง สารภาพว่าคิดถึงแก้มนุ่มๆ นั่นจนใจจะขาดอยู่แล้ว

[ เพราะงั้นกูจะไปส่งสัดพี่มึงที่คอนโดก่อน มึงก็ตรงไปรับพี่สะใภ้กูเลยนะ อย่าให้พี่เมดคอยนาน เข้าใจมั้ย แล้วขอเตือนไว้ก่อน ]

[ อะไร ]

[ อดใจไว้นะสัดพี่มึง กูเข้าใจว่าคิดถึงเมียม๊ากมาก แต่ต้องฮึบไว้นะ เพราะห้องน้ำห้างมันไม่โอเค ฮึบนะ ฮึบ! ]

[ รำคาญมึงชิบหายสัดเดย์ ]

[ รำคาญยังไงก็น้องชายมึง เจอกันจ้า ]

สุวรรณภูมิในตอนเที่ยงวัน ผมกับพ่อที่ลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากด้านในก็เจอเข้ากับป้ายตอนรับที่เขียนด้วยลายมือกวนตีนของน้องชายที่มารอรับกับประโยคที่ว่า ‘ ยินดีต้อนรับคุณดนัย และคุณอารยะ กลับบ้าน ’ หนำซ้ำมันยังตะโกนเรียก

“ พ่อทางนี้!! เดย์อยู่นี่!! ”

“ อย่าบอกใครนะว่ามันเป็นลูกกู ” พ่อพูดเสียงเบาๆ ผมก็ได้แต่ส่ายหน้ายกยิ้มให้กับน้องชายที่ก็วิ่งเข้ามาหา

“ สัดพี่ นี่มึงซื้อ irvins มาฝากกูด้วยเหรอ ” เดย์ถามตอนที่ก้มลงมองขนมถุงใหญ่สีเหลืองสดที่ผมถือมา ยกยิ้มให้มันตอนที่อีกคนยิ้มให้แบบมีความหวัง

“ มึงฝันเหรอ ”

“ สัด ” มันสบถ “ แล้วซื้อมาฝากใคร พี่เมด? ”

“ อื้ม ”

“ รักแฟนเนอะ น้องที่คลานตามกันมาให้ความสำคัญแบบนี้บ้างอะไรบ้าง ”

“ เมดมันฝากกูซื้อ ” ผมบอกปัดอีกคนก็ทำเป็นเหล่ไปหาพ่อผมที่ก็ยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ มึงก็ตอแหลน้องเหมือนปกติมึงเป็นพวกเดินหาของฝากให้ใครอย่างงั้นละ ” พ่อที่เดินออกไปเดย์มันก็ยิ้มเยาะผมก่อนจะหันไปมองพ่อแล้วพยักหน้ารับอย่างชื่นชมก่อนจะยกนิ้วให้

“ เฉียบ ”

บนรถที่กำลังมุ่งตรงออกจากสนามบิน ผมนั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับอย่างไอ้เดย์ที่กำลังโยกหัวไปตามเพลงเบาๆ ที่มันเปิดเพื่อฆ่าความเงียบที่กำลังเกิดขึ้นในรถ ผมเหลือบมองพ่อที่กำลังนั่งเล่นมือถือผ่านกระจกหลัง คงกำลังส่งข้อความหาแม่เพื่อบอกว่าถึงแล้ว ในตอนนั้นผมเองก็อยากจะส่งข้อความไปหาใครอีกคนบ้าง แต่ก็อดใจไว้เพราะอยากจะไปเซอร์ไพรส์มันตามแผนที่วางไว้มากกว่า

“ เดี๋ยวมึงไปส่งกูก่อนนะ ” ผมหันไปย้ำกับน้องชายที่ก็พยักหน้ารับ

“ แล้วทำไมไม่กลับบ้านก่อน ” พ่อถามผมก็ได้แต่เงียบ “ กลับบ้านบ้างนะอาฟ แม่มึงจะจำหน้าไม่ได้อยู่แล้ว ”

“ สัดพี่มันจะไปรับแฟนมันไงพ่อ เค้าจะไปเซอร์ไพรส์แฟนเค้า ”

“ แล้วนี่ไม่คิดจะพาเด็กคนนั้นมาแนะนำให้ฉันกับแม่แกรู้จักหน่อยเหรอ ”

“ จำเป็นด้วยเหรอ ” คำถามกลับที่ทำให้เดย์หันมามองผมก่อนจะเหลือบมองพ่อที่นั่งอยู่ด้านหลังแล้วหันกลับมามองผมอีกครั้ง ในแววตานั้นถ้าออกเสียงได้มันคงดังประมาณว่า ‘ พูดอะไรของมึงวะ ไอ้สัดพี่! เดี๋ยวพ่อก็ถีบมึงหรอก ’

“ ถ้าคบกันจริงจัง มันก็จำเป็นไม่ใช่เหรอ  สักวันทางนั้นก็ต้องพาแกไปแนะนำให้ทางบ้านของเค้ารู้จัก แล้วแกจะตอบเค้าว่าอะไรถ้าพ่อของเด็กคนนั้นถามว่า แล้วพ่อแม่ของคุณรับลูกชายของผมได้รึเปล่า ”

“ ตอบว่าไม่แคร์สิ ”

“ ไม่ติดว่านั่งอยู่ในรถกูคงถีบมึงไปแล้ว ” ผมยกยิ้มก่อนจะก้มหน้าลงในตอนนั้นพ่อก็พูดเสริม “ ถ้ามึงจริงจังกับเค้า มึงก็ควรทำอะไรให้มันเป็นเรื่องเป็นราว  ไม่มีพ่อแม่คนไหนเค้าอยากจะฝากลูกไว้กับคนที่ตอบว่า ผมไม่แคร์ว่าพ่อแม่ผมจะรู้สึกยังไงหรอก ”

“ แต่ผมไม่เห็นจะคิดแบบนั้น ตอนนี้ผมมีธุรกิจ มีเงิน มีความมั่นคง การที่ไม่ได้บอกพ่อแม่ มันไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่จริงจัง ผมแค่รู้สึกว่ามันไม่ได้สำคัญ เพราะต่อให้พ่อแม่ผมไม่ชอบเค้า ยังไงผมก็เลือกเค้าอยู่ดี แล้วนี่สิที่สำคัญ ”

“ ลูกชาย... มึงอย่าปีกกล้าขาแข็งให้มันมากนัก วันนี้มึงมีธุรกิจ มีเงิน กิจการมึงรุ่งเรือง แล้วมึงคิดถึงเวลาที่มันล้มลงบ้างมั้ย ทุกอย่างมันไม่ได้ยั่งยืนอาฟ อย่าคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ ไม่มีพ่อแม่คนไหนรู้สึกดีที่รู้ว่าลูกของตัวเองยังไม่รู้จะออกหัวหรือก้อยกับครอบครัวของแฟนหรอก ไม่ว่ายังไงเค้าก็ต้องการความสบายใจ ที่ได้รู้ว่า ลูกของเค้าก็เป็นที่รักของครอบครัวอีกฝั่ง พ่อแม่มันเป็นแบบนั้น เค้าไม่คิดแค่ตัวมึงรักลูกเค้ามั้ย มึงมีเงินเท่าไหร่ เค้าคิดถึงสังคมของลูกเค้า เค้าคิดถึงสิ่งรอบตัว เค้าคิดมากกว่าสิ่งที่มึงคิดหลายเท่านัก เพราะนั่นคือลูกเค้า สุดที่รักของเค้า จำไว้ ”

“ พ่อพูดก็ถูกนะ ” เดย์มันหันมาพูดกับผมเสียงเบาๆ ที่ตอนนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วมองออกไปข้างนอกหน้าต่างนั่น ก็คิดวางแผนไว้แล้วว่าจะพาเมดไปแนะนำให้ที่บ้านรู้จัก ผมไม่ห่วงพ่อหรอก เพราะพ่อตามใจผมอยู่แล้ว แต่คนที่ห่วงคือแม่ต่างหาก รายนั้นไม่รู้จะคิดยังไง ในตอนที่ได้เห็นเมด

“ ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก เพราะสิ่งที่น่ากังวลที่สุด คือความคิดในแง่ลบของมึงที่กำลังกังวลว่ามันจะเป็นยังไงต่างหาก ” พ่อยิ้มให้ผมในตอนที่เงยหน้าขึ้นมองเค้าผ่านกระจกมองหลัง “ ความรักมันไม่ใช่การปกป้องใครอยู่ผ่านเดียวหรอกอาฟ บางทีมึงก็ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาไปพร้อมๆ กัน มึงแมนกูรู้ มึงรักเค้ามาก อยากปกป้องเค้า แต่บางเรื่องมึงเป็นทัพหน้าคนเดียวไม่ได้ มันต้องมาคู่กัน ”

“ เฉียบอีกแล้ว ” เดย์มันจอดรถพอดีในตอนที่พูดคำนั้น ข้างหน้าที่ติดไฟแดง น้องชายผมก็หันไปปรบมือให้พ่อแบบจริงจัง และถ้าไม่ติดว่านั่งอยู่ในรถผมว่าตอนนี้มันคงยืนขึ้นแน่นอน

“ แล้วในความคิดมึงเค้าเป็นไงเดย์ ”

“ พี่เมดน่ะเหรอ ” น้องชายผมหันไปถาม พ่อที่ก็พยักหน้ารับ “ พี่เมดเป็นคนน่ารักแบบที่ถ้าเลิกกับสัดพี่เมื่อไหร่เดย์ก็อยากจะได้เป็นเมียอะ ” ผั๊วะ! ไวเท่าความคิดผมตบหัวน้องชายตัวเองที่ร้องออกมาเสียงดังในตอนนั้น “ โอ๊ย! กูเจ็บนะมึง สัดพี่แม่งเล่นแรงตลอดเลย พ่อดูมันสิ มันตีเดย์อีกแล้ว  ”

“ พวกมึงนี่จริงๆ เลย เด็กจนโตไม่เคยเปลี่ยน ”

“ ปากมึงส้นตีนเอง มือกูเลยไปแบบอัตโนมัติ ”

“ K ” หันมาด่าแบบไม่ออกเสียงใส่หน้าผม ก่อนที่มันจะหันไปพูดกับพ่อต่อ “ พี่เมดน่ารักมากพ่อ นิสัยดีสุดๆ เมื่อเช้าตอนเดย์มารับพอบอกว่ายังไม่ได้กินอะไรมา พี่เมดก็ทำขนมปังแล้วก็โกโก้ร้อนใส่แก้วแบบเก็บความร้อนมาให้ด้วย เค้าเป็นคนใส่ใจอะ มีเหตุผลด้วย ใจเย็น รอบคอบ ”

“ ดูเป็นคนดี แบบที่ไม่น่ามาคบกับพี่มึงได้นะ ”

“ ใครๆ เค้าก็คิดแบบนั้นทั้งนั้นแหละ ”

“ แล้วคิดว่าแม่จะชอบมั้ย ” คำถามที่ทำให้น้องชายผมเงียบไป มันเหลือบมองผม ในแววตานั้นมีความไม่มั่นใจแฝงอยู่

“ ไม่รู้เหมือนกัน ” อีกคนตอบผมก็ได้แต่ยกยิ้ม “ แต่ว่าพี่เมดเป็นคนน่ารัก เดย์เลยคิดว่าถ้าแม่ได้รู้จักพี่เมดจริงๆ อย่างที่เดย์รู้จัก แม่ต้องชอบพี่เมดแน่ๆ ”

“ งั้นเหรอ ” พ่อพยักหน้ารับคำตอบของมัน ก่อนจะเหลือบมองผมที่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น

ประโยคของเดย์ชวนให้ถอนหายใจออกมา มันคงรู้ว่าผมกังวลกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยและมันคงอยากจะปลอบกันว่า ไม่มีอะไรที่น่ากังวลขนาดนั้น นั่นก็เพราะว่าแฟนของผมเป็นคนดีและน่ารัก มันเลยเชื่อว่าเมดกับผมจะผ่านเรื่องนี้ไปได้แน่นอน แม้ว่าแม่จะไม่ชอบก็ตาม

แต่เพราะทุกอย่างมันเป็นเรื่องของอนาคตพูดง่ายๆ ก็คือยังไม่ถึงเวลาที่เราจะไปกังวลถึงเรื่องนั้น ผมเลยไม่อยากจะคิดอะไรให้มันหนักใจไปมากกว่าที่เป็น แต่ก็เห็นด้วยกับความคิดของพ่อที่ว่า ยังไงก็ต้องพาไปแนะนำนั่นแหละ ไม่ใช่แค่อยากให้พ่อแม่รู้จัก แต่อยากให้เมดมั่นใจด้วยว่าไม่ว่ายังไงผมก็เลือกที่จะให้มันอยู่ข้างกันไปตลอด

“ แล้วนี่เมดมันส่งข้อความมาบอกมึงรึยังว่ามันอยู่ไหน ”

“ เรียบร้อย ” น้องชายผมพยักหน้ารับ “ ร้านหนังสือชั้นเจ็ด อยู่ตรงที่ร้านขายกาแฟในนั้น พี่เมดคงคิดว่านานแหละกูว่า เค้าเลยจะไปนั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลา ”

“ โอเค ” ผมตอบรับรถก็เลี้ยวเข้าไปในคอนโดของเรา เดย์จอดลงที่ลานจอดผมก็หันหลังไปไหว้คนเป็นพ่อ “ เจอกันครับ ”

“ อย่าลืมพาเด็กคนนั้นไปแนะนำกันละ ” ไม่ได้ตอบอะไรแต่ในแววตาของผมคงฉายความดื้อดึงอยู่ไม่น้อยพ่อเลยได้แต่ยกยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา “ ปีกกล้าขาแข็งจริงๆ กูละอยากจะถีบมึงสักทีไอ้ลูกเวร ” มันเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนรถที่ขับมาส่งจะขับออกไป

เผลอถอนหายใจออกมาอีกครั้งอย่างเคยตัว ผมลากกระเป๋าเข้าไปในคอนโดแล้วในระหว่างขึ้นลิฟต์ก็หยิบมือถือที่ยังคงฉายภาพพื้นหลังเดิมขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงเข้าไปแล้ว ผมเปิดประตูเข้าห้องไปวางกระเป๋าไว้อย่างไม่สนใจก่อนจะหยิบเอากุญแจรถที่วางอยู่ตรงโต๊ะหน้าทีวีขึ้นมาแล้วรีบออกไปทันที

เข้าใจถึงคำพูดที่พูดว่า ‘ คิดถึงจะตายอยู่แล้ว ’ อาการเป็นยังไงก็ตอนนี้  เราที่กำลังจะได้เจอกันแม้มันจะเป็นแค่หนึ่งวินาที แต่ผมก็ยังอยากจะให้มันเร็วขึ้น

รถจอดลงที่ห้างตรงลานจอดของซุปเปอร์คาร์แบบทุกครั้ง ผมกดลิฟต์ไปที่ชั้นเจ็ดของห้างแล้วผ่อนลมหายใจที่แสนจะตื่นเต้นนั้นออกมา พยายามระงับความรู้สึกของตัวเองด้วยใบหน้านิ่งเฉยแต่ก็ต้องเผลอยิ้มกว้างออกมาทุกครั้งในตอนที่คิดเล่นๆ ว่าอีกสักครู่ใบหน้าของคนที่คิดถึงนั้นจะเป็นยังไง เมดคงปั้นหน้างง ไม่ก็อ้าปากค้างในตอนที่เห็นหน้าผม แต่ที่น่าตื่นเต้นมากกว่านั้นคือ ผมจะระงับความรู้สึกอยากกอดหรือแม้แต่อยากจะจูบยังไงดีในตอนที่เจอหน้ามัน

ลิฟต์มาถึงชั้นที่หมาย ผมก้าวขาออกเดินตรงไปที่ร้านหนังสือ ภายในนั้นกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นเป็นตัวชี้ไปถึงจุดหมายที่ผมคิดถึง หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุในตอนที่เห็นแค่แผ่นหลังคุ้นตานั้นอยู่ไม่ไกล ใบหน้านิ่งที่ตั้งใจปั้นมา เผลอยิ้มกว้างแบบที่ต้องโดนแซวไปอีกหลายวันถ้าใครคนนั้นหันมาเห็นเข้า ผมเดินเข้าไปใกล้เมดอีกก้าว และอีกก้าว ก่อนที่ทุกอย่างในตอนนั้นจะหยุดเคลื่อนไหวอย่างชะงักงัน

หัวใจที่เต้นแรงแผ่วลงราวกับหลุดหายไปที่ไหนสักแห่ง ขาที่ก้าวเดินนิ่งชาจนไม่สามารถก้าวต่อไปไหนได้ แม้แต่รอยยิ้มที่มีความสุข หรือสิ่งที่คิดฝันไว้ก็เลือนหายไปอย่างฉับพลัน เพียงแค่วินาทีเดียวที่ผมเห็นภาพตรงหน้า

มันไม่ใช่ภาพที่ผมคาดหวัง  ภาพของเมดคนที่ผมทั้งรักและคิดถึงกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าคนรักเก่าอย่างไอ้บิน ราวกับถูกสาปนิ่งไป เป็นความรู้สึกที่จุกแน่นอยู่ในอกราวกับใครต่อยลงอย่างแรง แววตาของผมสั่นระริกเป็นทั้งความตกใจและเสียใจปนเปกันจนแยกไม่ออก และในตอนนั้นผมที่ได้แต่ยืนนิ่งก็เอ่ยถามตัวเองโง่ๆ ด้วยหนึ่งคำถาม

‘ แล้วกูจะคิดถึงมึงไปทำไมวะ ’

กูจะคิดถึงคนที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าแฟนเก่า โดยไม่คิดถึงความรู้สึกของกูเลยสักนิด ทั้งๆ ที่เราก็เคยให้คำสัญญากันเอาไว้แล้ว ว่าเราจะไม่กลับไปสนใจคนพวกนั้นอีก หรือว่าผมเองที่ผิด ที่ไปหลงเชื่อมันตั้งแต่แรก หลงเชื่อ คำสัญญาที่ไม่มีลายลักษณ์อักษรนั่น แล้วสุดท้ายวันนี้มันก็ถูกฉีกทำลายด้วยคนที่ร่างสัญญาฉบับนั้นขึ้นมาเอง ‘ กูจะไม่กลับไปยุ่งกับพวกมันอีก ’ เสียงของเมดในวันนั้นยังคงก้องอยู่ในหูผม สลับกับภาพตรงหน้าที่บอกกันว่าทุกอย่างที่อีกคนพูดนั้น ‘ มันไม่จริง ’

ผมก้าวขาเดินเข้าไปใกล้คนสองคนอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเดินเข้าไปทำไมด้วยซ้ำทั้งๆ ที่ภาพที่เห็นมันก็ชวนให้เจ็บจุกอยู่แล้ว แต่เหมือนว่ามันยังไม่พอ ผมยังเจ็บได้มากกว่านี้อีก ช่างเป็นความปากกล้าที่ตัวเองพูดไปอย่างไม่กลัวทั้งๆ ที่จริงในตอนนั้นหัวใจมันก็แค่ยังหวัง ผมคิดเข้าข้างตัวเองว่า บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดไว้

ไม่รู้โชคดีเป็นของใคร แต่มุมที่ผมยืนอยู่คือข้างชั้นหนังสือที่ติดกับที่นั่งของคนทั้งคู่ ใบหน้าที่ไม่ได้แสดงถึงความเจ็บปวดของเมด แต่ก็ไม่ได้ยินดีจนดูรื่นเริงนั้นเพิ่มอัตราเต้นแรงให้หัวใจของผม บางทีเมดอาจจะกำลังบอกกับอีกคนว่ารักผมมากแค่ไหน นั่นคือสิ่งที่ผมภาวนาในตอนที่เดินเข้าไปใกล้มันเรื่อยๆจนเพียงพอที่ได้จะได้ยินคำพูดที่อีกฝ่ายกำลังพูดอยู่

“ กูที่รักมึงมากกว่าตัวเอง กูที่เป็นได้ขนาดนั้น กูว่านั่นแหละ คือความหมายของคำว่ารักจริงๆ เป็นความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งหลง แล้วมึงก็คือคนนั้นนะ คนที่ทำให้กูเข้าใจว่า นี่แหละคือความรักจริงๆ ”

แต่ทว่า ความเมตตานั้น มักจะไม่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เราร้องขอ

“ ไม่ใช่กูหรอกเหรอ ” ในห้วงหัวใจนั้นเอ่ยถามกันอย่างบางเบา คนที่เมดทั้งรักทั้งหลง คนที่เป็นความหมายของคำว่ารักในความรู้สึกของคนที่ผมรักอย่างสุดหัวใจนั้น ไม่ใช่ผมหรอกเหรอ

งั้นผมเป็นใครละ
ผมเป็นใครในความรู้สึกของคนที่ผมรัก

ไม่มีเสียงตอบรับของคำถามที่หัวใจผมเอ่ยถามออกไป ในตอนนั้นแม้แต่คนที่สนทนากันอยู่ก็ยังเงียบให้กัน ไม่ต่างอะไรกับรอบตัวที่มืดดับลงราวกับหมดแล้วซึ่งงานฉลองอันรื่นเริง ผมพาตัวเองหันหลังกลับมา เมื่อจบงานเราก็แค่ต้องกลับไปในที่ที่เราเคยอยู่

ผมก้าวขาเดินออกจากตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ ด้วยความรู้สึกที่แตกสลายลงอย่างไม่เหลือชิ้นดี

เปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งภายในรถที่ไม่มีใครกลับมาด้วยกันอย่างที่คิดฝัน ผมสตาร์ตเครื่องยนต์ของรถก่อนจะหันไปมองดอกกุหลาบสีขาวที่วางอยู่บนเบาะนั่งข้างกันอย่างใส่ใจ หลายนาทีก่อนที่ผมจะมาถึงที่นี่ ตรงแยกไฟแดงที่ยาวเหยียด เด็กประถมที่เคาะกระจกรถหลายคันเพื่อวอนขอให้ซื้อพวงมาลัยและดอกไม้สดที่เธอถืออยู่ ขายได้บ้าง ไม่ได้บ้าง จนมาถึงรถผม

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ ซื้อดอกไม้หรือพวงมาลัยมั้ยคะ ” เธอถามด้วยรอยยิ้มในวินาทีที่ผมเลื่อนเปิดกระจกรถทั้งๆ ที่ปกติไม่คิดจะเปิดหรือสนใจ ผมเชื่อเสมอว่าถ้าเราไม่สนับสนุน สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นนี้มันจะหายไป แต่ตอนนั้นเด็กคนนั้นก็พูดขึ้น “ ซื้อดอกไม้ไปให้แฟนมั้ยคะ ถ้าแฟนของพี่ชายได้รับต้องดีใจมากแน่ๆ เลยค่ะ ”

ในตอนนั้นผมยื่นแบงค์ร้อยไปอย่างไม่รีรอ เพื่อแลกกับสิ่งที่เธอบอก ‘ ถ้าแฟนของพี่ชายได้รับต้องดีใจมากแน่ๆเลยค่ะ ’

แต่ตอนนั้นผมน่าจะถามเธอสักประโยค ‘ แล้วถ้าพี่ต้องเสียใจ เธอพอจะมีอะไรขายเพื่อรักษาหัวใจพี่บ้างมั้ย ’  คงเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ เหมือนกับน้ำตาที่ไหลออกมาตอนนี้ น้ำตาที่ไหลออกมาจากความรู้สึกที่เจ็บค้างอยู่ในใจของผม น้ำตาที่มาจากคำพูดของคนรักที่ผมได้ยินชัดและยังคงดังก้องหู

‘ แล้วมึงก็คือคนนั้นนะ คนที่ทำให้กูเข้าใจว่า นี่แหละคือความรักจริงๆ ’

“ แล้วมันก็ไม่ใช่กู มันไม่ใช่กู มัน! ไม่! ใช่! กู! ” ผมตะโกนออกมาก่อนจะทุบลงไปบนพวงมาลัยของรถอย่างแรง ก่อนจะก้มหน้าลงแล้วร้องไห้อยู่แบบนั้น ผมร้องแบบที่ไม่เคยร้องให้ใคร ร้องออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้นที่ทั้งน่าอายและน่าสมเพช พลางใช้เท้าเหยียบลงตรงคันเร่งของรถ ผมเหยียบมันซ้ำๆ เหยียบให้เท่ากับที่ใจกำลังรู้สึก เหยียบเพื่อกลบเสียงร้องไห้ที่กำลังเจ็บปวดของตัวเอง ผมเหยียบมันสุดแรง ในใจตอนนั้นผมก็แค่หวัง ขอให้เสียงเครื่องยนต์นี้กลบเสียงสะอึกสะอื้นที่กำลังดังอยู่ตอนนี้ให้หายไป

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ คุณครับ คุณ คุณครับ ” เสียงของคนที่เรียกกันอยู่นอกรถทำให้ผมดึงตัวเองขึ้นจากพวงมาลัยรถทันที ขาของผมหยุดชะงักลง ผมรู้ดีว่าทำไมยามของห้างถึงมาเคาะกระจกรถผม เสียงการเร่งเครื่องยนต์มันคงดังมากและดังนานเกินไปจนผิดปกติ ผมหันไปมองยามที่กำลังรอให้ลดกระจกลงเพื่อพูดคุย แต่ตอนนั้นสิ่งที่ผมทำก็คือแค่ขยับเกียร์ให้รถเดินหน้าและขับออกไปโดยที่ไม่คิดเปิดกระจกเพื่ออธิบายอะไรให้ยืดยาวทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 02-12-2018 20:25:11

ภายในผับ throw up ที่ยังคงเงียบ นาฬิกาที่ตกแต่งไว้ในส่วนของบาร์บอกเวลาบ่ายสองครึ่งในตอนที่ผมมาถึง มันไม่ใช่เวลาเข้างาน ผมเดินเชื่องช้าขึ้นไปบนชั้นสาม เอื้อมมือเปิดประตูห้องที่ไม่มีใครอยู่ในนั้น ตรงโต๊ะที่เรียบร้อยและถูกจัดวางทุกอย่างแบบเป็นระเบียบด้วยนิสัยของเจ้าของโต๊ะ ผมนึกอยากจะกวาดทุกอย่างทิ้งไปให้หมดอย่างคนก้าวร้าว แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่หย่อนตัวนั่งลงเงียบๆ อยู่อย่างงั้น ก่อนจะหยิบมือถือในกระเป๋าของตัวเองขึ้นมา ผมกดโทรออกไปหาน้องชาย

“ ครับ ”

“ กูไม่ได้ไปรับไอ้เมด มึงเองก็ไม่ต้องไปรับมันนะ ”

“ ห๊ะ ? ” กดวางสายนั่นลงหลังจากที่ได้ยินเสียงสงสัยนั้น ผมกำมือถือตัวเองไว้แน่นแล้วมองดูภาพที่ตัวเองไม่ได้เปลี่ยนกลับด้วยความรู้สึกที่ยังเจ็บไปทั้งใจ ‘ ไม่คิดสักนิดเลยเหรอ ว่ากูจะเสียใจ ’ ผมตั้งคำถามนั้นกับตัวเอง แต่น่าแปลกที่มันถูกกลบลงด้วยความรู้สึกเป็นห่วงที่แทรกซึมเข้ามาอย่างไม่รู้จักเวล่ำเวลา

ตอนนี้จะชะเง้อคอคอยอยู่หรือเปล่า จะกำลังคิดไม่สบายใจอยู่มั้ยว่าทำไมถึงยังไม่มาสักที ทั้งๆ ที่ผมเองก็ไม่ควรจะสนใจอะไรพวกนั้น ทั้งๆ ที่ผมควรคิดว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงก็เรื่องของมัน

แต่สุดท้าย คนที่น่าสมเพชก็คือผม และมันก็ช่างน่าสมเพชเสียเหลือเกิน

“ เดย์ ” ผมโทรออกไปหาน้องชายอีกครั้ง

“ ว่าไงสัดพี่ ”

“ ไปรับเมดด้วยนะ ”

“ อะไรของมึงวะ ตกลงจะให้กูไปรับหรือไม่ไปรับกันแน่ ”

“ ไปรับเมดด้วย ” ผมย้ำอีกครั้ง ก่อนจะกดวางสายคนที่กำลังโมโหนั่นไป

แล้วภาพบนหน้าจอก็ฉายขึ้นมาอีกครั้ง ผมยิ้มให้สิ่งที่เห็นพร้อมกับฝ่ามือที่บีบมันไว้แน่น ‘ เจ็บยังไงก็ยังรัก ต่อให้เจ็บให้ตายยังไงไม่ว่ายังไงก็ยังเป็นห่วง ’ 

ห่วง ทั้งๆ ที่เค้าไม่เคยห่วงผมเลย ไม่ห่วงเลยว่าผมจะรู้สึกยังไงถ้าต้องมาเห็นมันนั่งอยู่กับใครคนนั้น หรือบางทีนี่อาจจะเป็นความผิดของผม ผิดที่รีบร้อนออกไปขนาดนั้น ผิดที่คิดว่าถ้าเจอมันเร็วขึ้นสักหนึ่งวินาทีก็คงดี

บางทีอาจจะเป็นอย่างงั้น

ถ้ารู้ว่าตอนนี้จะเจ็บขนาดนี้ ตอนนั้นผมจะนั่งลงที่โซฟาในห้องแล้วพักผ่อนเสียหน่อยก่อนจะออกไปรับมัน ผมจะขับรถช้าๆ ไม่ก็เดินเรื่อยเปื่อยอยู่ในห้างสักพัก เพราะถ้าทำแบบนั้นบางทีอาจจะไม่ทันได้เห็นภาพพวกนั้น และถึงสุดท้ายจะกลายเป็นคนโง่ แต่ที่แน่ๆคือ ผมจะไม่ใช่คนที่จะต้องเสียใจอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่คนที่ต้องมารับรู้ว่า แท้จริงแล้ว ในความรู้สึกของเมด ผมไม่เคยได้เป็นอะไรเลย แม้แต่ความรัก   

หวนคิดถึงตัวเองในตอนเช้าที่ลืมตาตื่น ผมที่แอบดึงหมอนที่อยู่ข้างตัวเข้ามาหอมพลางนึกจินตนาการว่าเป็นแก้มนุ่มของคนรักที่เคยได้หอมอยู่ทุกวัน แล้วในตอนที่หยิบมือถือขึ้นมาดู ผมที่เผลอยิ้มกับภาพนี้อยู่นาน ในตอนที่คิดว่าอีกฝั่งเองก็คงคิดถึงกัน ผมเผลอหอมมันผ่านหน้าจอนั้นไป

 ตุบ !

เสียงของมือถือที่ถูกโยนอัดกำแพงอย่างแรงดังขึ้นในวินาทีถัดมานั้น หน้าจอที่แตกละเอียดมืดสนิทไป ผมไม่ได้เดินไปดูว่ามันเป็นยังไง ผมปล่อยมันไว้อย่างงั้นแล้วนั่งอยู่ที่เดิมนิ่งๆ โดยไม่คิดสนใจอะไรอีก

ความเงียบกลืนกินทุกอย่างรอบตัวของผมแม้แต่เวลาที่เดินไป เข็มวินาทีของนาฬิกาในห้องที่หมุนไปเรื่อย ผมไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่ตอนที่รู้ตัวอีกทีก็คือตอนที่ประตูห้องที่ปิดสนิทอยู่นานนั้น ถูกเปิดออก

“ อาฟ มึงงงงง ” เสียงสดใสดังขึ้นในตอนที่ประตูนั้นปิดลง ผมหันไปมองใบหน้าที่กำลังยิ้มกว้างนั้นอย่างไม่มีการตอบโต้ใด ขาที่ก้าวเข้ามาหา เมดที่กำลังจะเอ่ยพูดอะไรสักอย่างนิ่งลงในตอนที่มันสบตาผม แววตาของความกังวลฉายชัดขึ้นมาบนหน้านั้นอย่างฉับพลัน คงรู้ตัวอยู่ก่อน ท่าทางจะคิดมาแล้วว่าอาจจะมีเรื่อง แล้วตอนนั้นโทนเสียงที่ก็เรียกเบาลง “ อาฟ ”

“ ไปหาแฟนเก่ามาเป็นยังไงบ้างละ ” คำถามของผมทำให้อีกคนเบิกตาขึ้นเล็กน้อย ผมยิ้มก่อนลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินตรงเข้าไปหาคนที่ไม่มีทีท่าว่าจะตอบอะไรออกมา เสียงถามของผมดังขึ้นและเหมือนจะดังขึ้นเรื่อยๆตามอารมณ์ “ กูถาม ว่าไปหาแฟนเก่ามาเป็นยังไงบ้าง กูถามว่ามึงไปนั่งบอกรักกันกลางห้างแบบนั้นมีความสุขมากมั้ย กูถาม! กูถามก็ตอบ! ”

“ อาฟ ”

“ ไม่ต้องเรียกชื่อกู ” ผมบอกก่อนจะปัดมืออีกคนที่กำลังเอื้อมมาจับกันไว้ “ ไม่ต้องมาจับ! กูถามอะไรก็ตอบ ”

“ มึง..” เมดถอนหายใจออกมา มันมองมือของตัวเองที่โดนปัดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม “ ช่วยใจเย็นแล้วฟังกันก่อนได้มั้ยวะ ใจเย็นๆก่อนอาฟ มึงเอาแต่ขึ้นเสียงแบบนี้กูจะไปคุยกับมึงได้ยังไง ถ้ามีแต่อารมณ์พูดไปมันก็ไม่รู้เรื่อง ”

“ ใจเย็น ? ใจเย็นงั้นเหรอวะ  ” ทวนคำพูดนั้นของอีกคนก่อนจะยกยิ้มหัวเราะ “ ใจเย็นอะไร มึงจะให้กูใจเย็นอะไรอีกเมด! ” ผมตะโกนใส่มัน “ มึงรู้มั้ยว่ากูคิดถึงมึงมากแค่ไหน  ตอนที่กลับมาถึงที่นี่ กูไม่คิดเรื่องอื่นเลย ยกเว้นว่าอยากจะไปหามึงคนที่กูโคตรจะคิดถึง กูไม่นั่งพัก กูไม่ทำอะไรเลยเพราะกูคิดว่ามันเสียเวลา กูอยากเจอมึง ใจกูมันรีบ กูรีบขับรถจากคอนโดหลังจากไอ้เดย์มาส่ง กูรีบตรงไปหามึงที่ห้าง แล้วรู้มั้ยกูเจออะไร ” ผมเว้นเสียงแต่อีกฝ่ายก็ยังนิ่ง “ กูไปเจอมึงกำลังนั่งคุยอยู่กับไอ้เหี้ยนั่น ไอ้เหี้ยที่เป็นแฟนเก่าของมึง แล้วมึงก็พูดกับมันว่า มันคือความรักของมึง ”

“ อาฟ คือ ”

“ มันคือความรักของมึงเหรอเมด แล้วกูละ กูแม่งไม่ใช่เหรอวะ ” ตะโกนถามมันด้วยอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยราวกับระเบิดออก มือทุบลงบนหน้าอกของตัวเองตอนที่ตั้งคำถามนั้น ในแววตาปวดร้าวของผมจ้องมองมัน “ แล้วตอนนี้มึงยังจะให้กูใจเย็นได้ยังไงวะ กูจะเย็นได้ยังไง ทั้งๆที่คนที่กูรักกำลังบอกรักคนอื่น เค้าบอกรักคนอื่นทั้งๆ ที่กูรักเค้ามาก กูที่เสียใจขนาดนี้มึงยังจะให้กูใจเย็นได้อีกเหรอ  ตอบสิวะ ได้อีกเหรอ ได้อีกเหรอมึง!!  ”

“ อาฟ มันไม่ใช่แบบนั้น มึงกำลังเข้าใจกูผิดนะ ” เสียงของเมดเบาลง มันเอื้อมมือมาจับมือของผมด้วยสองมือก่อนจะบีบมันไว้แน่น ในแววตาที่กำลังแดงก่ำของผม แต่เมดเองก็ไม่ต่างกัน มันทั้งสั่นไหวและมีน้ำตาไหลออกมา

“ มึงทำได้ยังไงวะ ” สบสายตานั่นแล้วถามออกไป “ ตอนนั้นทำได้ยังไง มึงคิดบ้างมั้ยว่ากูจะเห็น คิดบ้างมั้ยว่าถ้ากูมาฟังเรื่องที่มึงพูด กูจะเสียใจ ตอนนั้นมึงทำได้ไงวะ ทั้งๆที่กูแค่คิดภาพว่า ถ้ามึงจะต้องมาเห็นกูนั่งอยู่กับแฟนเก่า กูก็ไม่กล้าทำแล้ว เพราะกูกลัวเสียใจ แล้วมึงละ ตอนนั้นมึงทำได้ยังไงวะเมด มึงทำได้ยังไง มึงทำแบบนี้กับกูได้ยังไง! ” 

“ อาฟฟังกูก่อน ขอร้อง กูรู้ว่ามึงโกรธกูมากที่เห็นกูไปนั่งอยู่กับไอ้บิน แต่ใจเย็นก่อนได้มั้ย กูไม่ได้ตั้งใจจะไปเจอบินเลย กูบังเอิญเจอมันตอนที่กูกำลังจะไปที่ร้านหนังสือ แล้วกูก็มีคำถามที่อยากจะถามมันอยู่ กูก็เลยชวนมันไปนั่งคุยที่ร้านกาแฟ ”

“ คำถาม คำถามอะไร คำถามที่ว่ามึงกับมันรักกันขนาดไหนงั้นเหรอ ”

“ ไม่ใช่นะ ” อีกฝ่ายเถียงก่อนจะถอนหายใจออกมา “ เมื่อวานหลังเลิกเรียน จิงมันเดินมาบอกกูว่า มันมีเรื่องนึงที่บินโกหกกูมาตลอด จิงมันไม่อยากให้กูถูกหลอกอีกแล้วก็เลยเอาความจริงมาบอก จิงบอกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา กูเข้าใจผิด กูเข้าใจผิดที่คิดว่าไอ้บินเป็นคนจีบกูด้วยนมช็อกโกแลตตอนม.หก แต่จริงๆ มันไม่ใช่ บินโกหก มันไม่ใช่คนคนนั้น แล้วพอวันนี้กูเจอบิน กูเลยตัดสินใจถามมันให้แน่ใจเท่านั้นเอง ส่วนประโยคที่มึงได้ยิน ความหมายของมันจริงๆ คือกูไม่ได้บอกรักมัน กูพูดกับมันว่า มันคือคนที่ทำให้กูเข้าใจคำว่ารัก รักที่มันไม่ได้มีแต่ความสวยงามอย่างเดียวแบบที่กูเคยคิด รักที่มันมีทั้งความโง่ ความบ้า ความหลง ความรักที่มันเคยทำให้กูทุ่มเททุกอย่างจนลืมว่าจริงๆ แล้วกูควรทำอะไร มันเป็นความรักแบบที่สอนให้กูรู้ว่า จริงๆ แล้ว คนที่กูควรรักคือตัวเองไม่ใช่คนแบบนั้น ”

“ กูรู้สึกว่ามึงดูอยากรู้มากเลยนะว่าไอ้เจ้าของนมช็อกโกแลตเหี้ยไรนั่นมันเป็นใคร ” ผมที่เอ่ยถามพลางเดินเข้าไปใกล้อีกคนที่ก็เดินถอยร่นไปเรื่อยก่อนจะมาหยุดนิ่งอยู่ที่ปลายเตียงกว้างอย่างไร้ทางหนี

“ อาฟ ” ผมผลักเมดนั่งบนเตียงกว้างตอนที่เอ่ยเรียกกัน ก่อนจะจับมือทั้งสองนั้นขึ้นมาอย่างแรงแล้วดึงให้อีกคนนอนลงบนผืนผ้าสีขาวนั้นอย่างไร้ความห่วงใยว่าอีกฝ่ายจะเจ็บ มือของผมกำข้อมือขาวนั่นแน่น ในแววตาที่สั่นไหวนั้นเมดที่เหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ผมก็แค่ยกยิ้มกลับไปเท่านั้น  “ กูจะบอกอะไรให้เอาบุญนะเมด คนที่ฝากนมเหี้ยนั่นไปให้มึง คนที่เค้าให้ไอ้เชี่ยเอมไปบอกมึงว่า เพื่อนเราคนที่ชอบเมดฝากมาให้ คนที่เค้าบอกให้มันถามมึงตลอดทุกครั้งว่าวันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง  คนที่ฝากนมไปให้มึงคนนั้นน่ะ ก็คือกูเอง ”

แววตานั้นเบิกกว้างในตอนที่ได้ฟังมันสั่นไหวราวกับไม่เชื่อกันในสิ่งที่ผมพูด เมดเลยเอาแต่มองกันในตอนนั้น มันคงช็อกจนพูดอะไรไม่ออกแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจากตาช้าๆ เป็นท่าทางที่ทำให้ผมยิ่งยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะพูดย้ำซ้ำมันลงไป

“ กูคือคนคนนั้น คนที่ให้ไอ้เชี่ยเอมเอานมไปให้มึงทุกวัน กูคือคนคนนั้นเองเมด คนที่ไม่เคยได้อยู่ในความทรงจำของมึงเลย ทั้งๆที่เป็นคนที่รักมึงมาตลอด ” สบสายตาที่กำลังมองกัน ผมย้ำ “ กูที่รักมึงมาตลอด แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้กูก็ยังเป็นแค่อะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ไอ้เหี้ยนั่นเหี้ยขนาดนั้นแต่มึงกลับบอกว่ามันคือคนที่ทำให้มึงเข้าใจความรัก งั้นแล้วกูละ กูที่รักมึงอยู่ตรงนี้ มีความหมายอะไรกับมึงบ้างวะ เป็นคนที่ทำให้มึงเข้าใจอะไรได้บ้างรึเปล่า กูเป็นคนสำคัญของมึงบ้างมั้ย กูได้เป็นบ้างมั้ยเมด ”

“ อาฟ..”

“ มึงบอกว่า มึงเข้าใจความรัก  มึงบอกว่า มึงรู้ว่าความรักนั้นมันเป็นยังไง เพราะไอ้เชี่ยนั่นสอนให้มึงรู้ มึงบอกว่า ความรักจริงๆ คือการที่เราจะลืมความเป็นตัวเอง รักที่มันทั้งโง่ ทั้งบ้า รักที่ต่อให้เจ็บแค่ไหนมึงก็ยังรักมัน งั้นสำหรับกู มึงเองก็คือความรักของกูสินะ คนที่สอนให้กูรู้จักคำว่ารักจริงๆ รักที่ไม่ว่าจะต้องเจ็บปวดสักแค่ไหน กูก็ยังรักมึงอยู่ ” ผมยิ้มให้มัน “ ก็เหี้ยดีนะ ที่ไอ้บินคือความรักของมึง ทั้งๆ ที่มึง คือความรักของกู ”

น้ำตาของผมหยดใส่แก้มขาวที่ก็ร้องไห้ออกมาไม่ต่างกัน ผมมองคนใต้ร่างด้วยความรู้สึกเจ็บอย่างเงียบงัน ผมก็แค่อยากจะเป็นคนที่เมดรัก รักให้เหมือนอย่างที่ผมรักเมด ผมที่คิดว่า ‘ เมื่อเราให้อะไรไป เราจะได้สิ่งนั้นกลับมาตอบแทน ’ แต่แท้จริงแล้วมันใช้ไม่ได้กับทุกอย่าง เมดไม่ได้รักผมขนาดนั้น ไม่ได้รักผมเท่ากับที่ผมรักเค้า

แก้วที่มีน้ำอยู่แล้วครึ่งแก้ว ไม่สามารถใส่น้ำที่มีอยู่เต็มแก้วได้หมด แล้วเมดก็เป็นแบบนั้น

มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บจนต้องกัดฟันตัวเองแน่น เป็นความรู้สึกที่อัดอยู่ในใจจนอยากจะตะโกนออกเสียงดังให้เท่ากับที่รู้สึก หรือกรีดร้องให้ดังเพื่อระบายสิ่งเจ็บค้างอยู่ในใจนี้

“ ทำไมถึงทำแบบนี้วะ ทำไมถึงทำกับกูได้ขนาดนี้ ”  ผมถาม ถามทั้งๆที่มือก็ออกแรงบีบข้อมือขาวที่กุมอยู่นั้นให้แน่นขึ้น ก่อนจะก้มจูบลงไปที่ต้นคออีกคนที่ก็ดิ้นขลุกขลักไปมาด้วยความตกใจ

“ อาฟ อย่า มึงจะทำอะไร  อย่านะ มึงจะทำอะไรกู ”

“ ทำให้มึงเสียใจบ้างไง ”  ตะโกนตอบออกไป แต่แทนที่จะส่งเสียงห้ามปรามใดกลับมาคนใต้ร่างที่ผมกำลังก้มลงกอดจูบอย่างบ้าคลั่งนั้นกับนิ่งเงียบไปราวกับชะงัก เมดผ่อนตัวเองที่กำลังดิ้นหนีนั่นลง ทั้งมือ เท้า ที่ดิ้นไปมาเมื่อครู่ทุกอย่างนั้นหยุดนิ่งลงเหมือนสมัครใจให้ผมทำอะไรกับมันก็ได้ ถ้าต้องการ

เมดร้องไห้หนักขึ้นอย่างเงียบๆในตอนนั้น แล้วก็เป็นผมเองที่ต้องหยุดทุกอย่างไว้เพียงแค่นั้น มือที่จับกุมอีกฝ่ายอยู่นั้นผ่อนลงก่อนที่จะดึงตัวเองขึ้นมานั่งบนเตียงนิ่งๆ แล้วหัวเราะเยาะสมเพชตัวเอง

“ กูอยากลองทำให้มึงเสียใจดูบ้าง แบบที่มึงทำกูให้เสียใจ กูคิดจะเอามึงที่นี่ ที่ที่กูไม่เคยคิดจะเอามึงมานอน เพราะมันเคยมีไว้ใช้กับคนที่กูไม่จริงจัง กูคิดอยากจะทำร้ายความรู้สึกของมึงด้วยคำพูดแรงๆแบบที่มึงเกลียด แบบที่เราเคยทะเลาะกัน แบบที่กูทำให้มึงโกรธอย่างตอนนั้น คำพูดว่ามึงร่าน มึงมันเลว แต่กูก็ทำไม่ได้ กูจ้องหน้ามึงแล้วพูดคำพวกนั้นหรือแม้แต่จะทำอะไรเหี้ยๆ แบบนั้น กูก็ทำไม่ได้ ” ผมก้มหน้าลงแล้วยกมือขยี้หน้าตัวเองด้วยความรู้สึกโกรธ น้ำตาที่เปื้อนมือพวกนั้น ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเงยหน้าขึ้น แล้วพยักหน้ายอมรับกับตัวเอง ว่าสุดท้ายก็เป็นผมอยู่ดีที่แพ้ให้มัน “ แม่งก็เหี้ยดีนะ ทั้งๆ ที่มึงทำให้กูเสียใจขนาดนี้ แต่กูกลับให้มึงเสียใจไม่ได้เลย ทำไมกันวะ โง่จริงๆ เลยกู ”  ผมลุกขึ้นจากเตียงที่นั่งหลังจากที่พูดจบ แต่ทว่าตอนนั้นคนที่นอนอยู่กลับลุกขึ้นมาแล้วเอื้อมมือจับกันไว้แน่น

“ จะไปไหนวะ ”

“ ปล่อยกู ” ผมบอกก่อนจะปัดมือนั้นออกแต่เมดก็ยังจับมันไว้แล้วก็ยิ่งจับแน่น จนผมต้องหันไปมองมัน ใบหน้าขาวนั้นเปื้อนน้ำตา เมดที่กำลังบีบมือผมเหมือนขอร้องให้ผมอย่าทิ้งมันไป “ มีอะไรอีก มึงจะให้กูต้องฟังอะไรอีก พอแล้วเมด กูไม่อยากฟัง กูไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ”

“ แล้วมึงจะไปไหน ” อีกคนยังคงถามย้ำ

“ นั่นมันเรื่องของกู! ” หันมาตะโกนใส่อีกคนที่ก็สะดุ้งตอนที่ผมพูดออกไปแบบนั้น เราที่นิ่งให้กัน 

“ ถ้ามึงคิดจะลงไปคุยกับเจเหมือนทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน งั้นครั้งนี้กูขอได้มั้ย มึงไม่ไปได้รึเปล่า ” ถ้อยเสียงที่กำลังอ้อนวอนนั้นเอ่ยพูด “ ครั้งนี้ขอให้เราเคลียร์กันเองแบบสองต่อสองได้มั้ย ”

“ แล้วทำไมกูต้องทำอะไรแบบนั้น ทั้งๆที่กูไม่อยากทำ ”

“ ก็มึงยังไม่ฟังกูพูดเลย ”

“ กูฟังแล้ว! กูฟังมันพูดมาพอแล้วเมด ”

“ มึงยังไม่ฟัง! มึงไม่แม้จะใจเย็นแล้วนั่งฟังกูสักนิดเลยด้วยซ้ำ ” ผมถอนหายใจออกมาตอนที่อีกคนเถียงกลับ ก่อนจะหันไปทางอื่น “ เรามาลองคุยกันในตอนที่เราทะเลาะ แบบสองคนสักครั้งเถอะมึง ก็นี่มันเป็นปัญหาของเราไม่ใช่เหรอวะ มันเป็นความรักของเรา แล้วทำไมเราต้องดึงคนอื่นให้เข้ามาช่วย ทั้งๆ ที่เราควรเคลียร์กันเอง ”


ผมหันไปมองอีกคนที่พูดออกมาแบบนั้น เมดออกแรงบีบมือที่กุมผมให้แน่นขึ้นไปอีกราวกับย้ำความต้องการนั้นของตัวเอง

“ จะทะเลาะกันแรงๆ ก็ไม่เป็นไรหรอก แต่เคลียร์กันเองเถอะนะอาฟ เจไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดทุกครั้งที่เรามีปัญหากันนะมึง แต่คนที่จะอยู่ทุกครั้งคือเรา เพราะงั้นเราก็ควรมานั่งเคลียร์กันเองดูบ้าง มึงก็พูดในสิ่งที่มึงรู้สึกแบบใจเย็นๆ แล้วกูก็พูดในสิ่งที่กูรู้สึกอย่างใจเย็น
 เจไม่ใช่กูมันตอบไม่ได้ทุกคำถามหรอก กูสิ ที่ตอบมึงได้ทุกคำถาม ถึงมันจะจริงอยู่ที่กูไม่ใช่เพื่อนสนิทมึงที่รู้ใจมึงไปหมด แต่กูคือคนรักของมึงนะ แล้วนี่ก็คือปัญหาของเราไม่ใช่เหรอ เราต้องช่วยกันแก้สิวะ อย่ามัวแต่ไปร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเลย เค้าไม่ใช่เรา เค้าไม่ได้เข้าใจเราไปหมดหรอก ”

“ แต่กูก็ไม่ได้อยากจะคุยกับมึงอย่างใจเย็น ” ผมยกยิ้มบอกอีกคน “ กูไม่อยากจะฟังเหี้ยอะไรอยากมึงทั้งนั้น กูไม่แม้แต่อยากเห็นหน้ามึงด้วยซ้ำเมด ”

“ แล้วเราจะมาจบลงกันตรงนี้น่ะเหรอ ตรงที่ไม่มีใครคิดจะฟังใครงั้นเหรอวะ ” เรามองหน้ากัน “ มึงอาจจะมองว่านี่คือคำแก้ตัว กูรู้ว่ามึงไม่อยากจะอยู่ตรงนี้เพราะมันจะทำให้มึงยิ่งหงุดหงิด กูรู้ว่าทุกครั้งที่เราทะเลาะมึงต้องเดินหนีเพราะมึงไม่อยากจะพูดรุนแรงกับกู แต่ครั้งนี้ช่วยนั่งฟังมันสักครั้งจะได้มั้ย ช่วยฟังในสิ่งที่กูพูดสักครั้งเถอะนะ ”

ผมไม่ได้อยากฟัง ผมยังคงยืนยันคำนี้ที่ออกมาจากในความรู้สึก ผมเหนื่อยที่จะยืน ผมแค่อยากผ่อนตัวเองลงนอนสักพัก ถึงมันจะจริงอย่างที่อีกคนพูดว่านี่คือเรื่องของเรา มันก็มีแค่เราที่ต้องหันหน้าเข้าหากันแล้วพูดคุยและไม่ควรดึงคนอื่นเข้ามาช่วยเหลือ มันจริงอยู่ที่คนอื่นพวกนั้นถึงแม้จะเป็นเพื่อนแต่ก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลา แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ไม่ได้อยากจะหันหลังให้เมด

‘ หัวใจกูแม่งต้องเจ็บอีกเท่าไหร่กันวะ พอก่อนได้มั้ย ’ ผมแค่อยากจะขอร้องมัน แต่ถึงอย่างงั้นมือนั้นก็ยังฉุดกันให้นั่งลง ก่อนที่เมดจะบีบมือผมเบาๆ แล้วในตอนที่หันไปมองมันนั้นอีกคนก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาที่ไหลเปื้อนแก้ม

“ นั่งพักให้ใจเย็นก่อนก็ได้ แต่อยู่ด้วยกันตรงนี้นะมึง อย่าไปไหนเลย ” อยากเอ่ยถามมันว่าทำไมต้องใจเย็น คำก็ใจเย็น สองคำก้ใจเย็น ใจเย็นเหี้ยอะไรกูเห็นเมียกูนั่งอยู่กับผัวเก่า แต่ทว่าคำถามนั้นผมเองก็รู้คำตอบอยู่แล้ว

ทุกปัญหาในชีวิตคนเมื่อเกิดขึ้นก็ต้องใจเย็น ต้องมีสติ เพราะมันจะทำให้เราได้คุยกันอย่างเปิดกว้างแบบที่ไร้การตอบโต้ชวนทะเลาะและหวังจะเอาชนะอีกฝ่ายแต่เพียงอย่างเดียว

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 02-12-2018 20:25:30
ผมถอนหายใจออกมา ไม่ว่ายังไงก็ขัดขืนสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้ เอาเข้าจริงมันก็แค่ฟัง แต่ที่ยากกว่าคำว่าฟัง คือการรับรู้อะไรก็ตาม ที่บางครั้งเราเองก็ไม่อยากรับรู้และไม่อยากนึกถึง แต่ถึงอย่างงั้น เราก็ต้องฟัง  ในตอนนั้นเมดปล่อยมือลงจากผม ก่อนจะขยับตัวมานั่งอยู่ข้างกันอย่างเว้นระยะห่างแบบไม่มาก เรามองหน้ากันก่อนที่เมดจะเป็นคนเอ่ยถามขึ้นก่อน

“ ใจเย็นลงบ้างยัง ” ไม่ได้ตอบคำถามนั้น ผมแค่นิ่ง “ จริงเหรอวะ ที่มึงเป็นคนส่งนมนั่นมาให้กู ”

“ อื้ม ”

“ งั้นเอมก็เป็นเพื่อนมึงงั้นเหรอ ”

“ อื้ม เพื่อนอีกคนที่ยังไม่ได้แนะนำให้รู้จัก ” ผมบอกมัน “ คนที่กูเคยบอกมึงว่ามีเพื่อนคนนึงแต่ไว้เจอกันแล้วค่อยแนะนำ ”

“ จำได้ ” เมดบอก “ แล้วทำไมตอนนั้นไม่บอก ”

“ ไม่อยากให้มึงเสียใจ ” ไมได้หันไปมองอีกคนในตอนที่ตอบ สายตาของผมมันแค่มองไปข้างหน้า “ ยังไงก็ผ่านไปแล้ว พูดไปมึงก็เสียใจเปล่าๆ กูเลยไม่อยากพูด ”

“ งั้นเหรอ งั้นเพื่อนคนนั้นคือเอมสินะ แล้วมึงรู้ได้ไงว่า กูชอบกินนมช็อกโกแลตยี่ห้อนั้น ”

“ ก็กูมองมึงอยู่ตลอด ” คำตอบของผมทำให้อีกคนเงียบไป ตอนที่เหลือบไปมองมันเมดถอนหายใจออกมามันหลับตาลงอยู่สักพัก

“ อาฟ มันไม่จริงหรอกนะที่มึงพูดน่ะ ” ผมเงียบในตอนที่อีกคนเอ่ยบอก “ ที่บอกว่ามึงไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง ไม่ได้มีความสำคัญในชีวิตกู เรื่องที่มึงเสียใจอยู่ มันไม่จริงหรอกนะ ”

“ เหรอ ” ในใจที่ยังคัดค้านตอบออกไปแบบนั้น เมดก็ถอนหายใจออกมา

“ เมื่อวานมันแย่มากเลยมึง ตอนที่จิงเดินเข้ามาหากูแล้วบอกความจริงเรื่องนมนั่น กูแม่งโคตรช็อก กูร้องไห้อยู่คนเดียวเงียบๆ ตั้งนาน มันเป็นความรู้สึกที่ว่า กูทนอยู่กับไอ้เหี้ยนั่นทำไมตั้งนาน ทั้งๆ ที่มันทำกับกูถึงขนาดนั้น กูรู้สึกเสียดายเวลา แล้วกูก็รู้สึกอายตัวเองที่ก่อนหน้านี้กูบอกกับตัวเองว่า ที่กูทนอยู่กับบินได้นานเพราะกูคิดว่ามันคือคนที่ให้นมนั่นกับกู คนที่เป็นรักครั้งแรกของกู กูเล่าน้องเดย์ว่า เพราะมันเคยเป็นความสุขของกูเหมือนกันกูเลยยังทนมันได้ในตอนนั้น แต่พอกูรู้ความจริงว่า จริงๆ แล้วมันไม่ใช่คนนั้น กูแม่งโคตรอายเลย มันเหมือนไม่เหลือเหตุผลอะไรให้กูอ้างอีก คำพูดที่อ้างว่าทำไมกูถึงโง่อย่างงั้นในตอนนั้น อ้างว่าทำไมกูถึงทนอยู่ได้ตั้งนาน มันไม่มีเหตุผลอะไรอีก แล้วสุดท้ายกูก็ต้องยอมรับ ว่ากูมันทั้งโง่ ทั้งเสียเวลา แต่เพราะกูสัญญากับมึงไว้แล้วว่ากูจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้อีก กูเลยต้องทำเป็นไม่สนใจ แล้วก็เดินลงไปหาน้องเดย์ที่มารับ ทั้งๆ ที่ตอนนั้น กูแม่งโคตรคิดถึงมึงเลย ”  ผมหันไปมองอีกคนในตอนนั้น เมดยิ้มกับตัวเอง

“ กูแค่อยากให้มันเป็นมึงที่มารับกู รู้มั้ยว่าตอนนั้นกูอยากจะกอดมึงมากๆเลยอาฟ กูอยากให้มึงปลอบกูต่อให้เป็นคำพูดเหี้ยๆ อย่างที่มึงชอบพูด กูก็ยังอยากฟัง มันเหมือนขอแค่กูมีมึงอยู่ข้างๆ ก็พอ กูแค่อยากมีมึงเท่านั้น ยังจำตอนที่เราคุยโทรศัพท์กันได้มั้ย เมื่อคืนที่กูบอกมึงว่า วันนี้กูเหนื่อยมากน่ะ ”

“ อื้ม ”

“ มึงคงคิดว่ากูพูดถึงเรื่องเรียนใช่มั้ย ”

“ อื้ม ” ผมตอบมันซ้ำคำเดิม ตอนนั้นก็คิดแบบที่มันพูดจริงๆ ผมคิดว่าเมดเครียดเรื่องเรียน เพราะวิชาที่มันเรียนอยู่ผมเคยฟังมันบ่นบ่อยๆ ว่ายากมาก แล้วมันก็ไม่ค่อยเข้าใจ เจ้าตัวเลยใช้วิธีอ่านหนังสือเยอะๆ เพื่อทำความเข้าใจมันตลอด

“ จริงๆ กูพูดถึงเรื่องนี้นะ เรื่องยากๆ ที่เคยผ่านมาแล้ว ก็คือ ตอนที่กูรู้ว่ามันเอากับยีนส์ ส่วนเรื่องที่ยากมากแล้วไม่รู้ว่าจะผ่านมันยังไง ก็คือเรื่องที่กูรู้ความจริง ว่าตลอดมากูโดนหลอก ”

“ อื้ม ”

“ ตอนนั้นมึงถามกลับกูว่า แล้วที่ผ่านมากูผ่านเรื่องนั้นมาได้ยังไง รู้มั้ยกูคิดถึงมึงเป็นคนแรกเลยนะ กูตอบกลับตัวเองว่า กูผ่านมันมาได้เพราะกูมีมึงอยู่ แล้วนั่นก็คือคำตอบของกู คืนนั้นก่อนที่กูจะหลับ มึงที่อยู่กับกูถึงจะเป็นแค่ผ่านสายโทรศัพท์ แต่กูก็นึกขอบคุณชีวิตเหี้ยๆพวกนั้น เพราะกูรู้สึกว่าจริงๆ ชีวิตกูมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก แล้วที่กูคิดได้แบบนั้น นั่นก็เพราะว่ากูมีมึงอยู่ข้างๆ กันนะ ” เมดหันมายิ้มให้ผม “ มึงทำให้กูตื่นขึ้นมาแล้วคิดได้ว่า ช่างมันเถอะ ก็ดีเหมือนกันที่รู้ตอนนี้กูไม่เควรเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวเพื่อให้ค่าคนอย่างงั้น  แล้วอีกอย่างคือ ถ้ารู้เร็วกว่านี้บางทีกูอาจจะไมได้เสียใจขนาดนั้น แล้วก็คงจะไม่ได้ขับรถไปฝากรอยไว้กับรถของมึง กูคิดในแง่ดีว่า ก็คิดซะว่า ความเสียใจพวกนั้น มันทำให้กูได้มาเจอกับมึงก็แล้วกัน ”

“ แล้วเรื่องไอ้บิน ” ผมถามคำถามที่ตัวเองอยากรู้ออกไป อีกคนก็หันมามองหน้ากัน

“ ก็อย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้ กูไม่ได้ตั้งใจจะเจอมัน กูไปห้าง หาร้านหนังสือไม่เจอ แล้วเราก็เจอมันพอดี มันเลยเดินนำทางกูไปเพราะมันจะไปซื้อหนังสือเหมือนกัน แล้วตอนนั้นกูก็คิดว่า กูควรถามมันตรงๆ มากกว่าที่จะเชื่อคำพูดจากปากของจิงคนเดียว ”

“ อื้ม ”

“ กูก็ไม่รู้ว่ากูเอาความกล้ามาจากไหนทั้งๆ ที่ปกติกูไม่คิดจะยุ่งกับมัน แต่อาจจะเพราะว่ากูไมได้สนใจมันแล้วมั้ง คือต่อให้จริงหรือไม่จริง กูก็ไม่ได้กลับไปสนใจมันอีก กูเลยกล้าที่เดินเข้าไปถามมันตรงๆ แล้วตอนที่มันสารภาพออกมา ถามว่าเสียใจมั้ย มันก็นิดนึงนั่นแหละ เป็นความรู้สึกแบบที่ว่า ‘ เชี่ย เรื่องจริงวะ ’ ตอนนั้นมันขอโทษกูหลายครั้งมากๆ เหมือนว่าพูดได้แค่คำว่าขอโทษ ขอโทษที่ทำแบบนั้น ขอโทษที่ไม่บอกความจริง เป็นคำขอโทษที่กูรู้สึกเจ็บแค่เพราะว่ามันไม่สามารถย้อนเอาวันเวลาของกูกลับมาได้อีกแล้ว เป็นความรู้สึกแบบที่เสียดายเวลา เสียดายอดีตที่ควรจะเจอคนดีๆมากกว่าจมอยู่กับมันแบบนั้น  ”

“ แล้วที่มึงตอบมันคืออะไร ”

“ คำพูดที่มึงได้ยิน กูไม่รู้ว่ามึงได้ยินจากไหนถึงไหน แต่ความหมายของกูตอนที่กูพูด มันไม่ได้มีความหมายแบบที่มึงฟังแล้วตีความไปหรอก กูบอกมันไปว่า ถ้าถามว่าใครทำให้กูรู้จักคำว่ารัก คำตอบของกูก็คือมัน คำพูดที่กูพูดในความหมายนั้นคือ กูเข้าใจแล้วว่ารักจริงๆ มันไม่ได้สวยงามอย่างที่กูเคยคิด แต่มันมีทั้งความโง่ ความหลง ความบ้า เป็นความรู้สึกที่ว่า ไม่ว่าใครจะพูดยังไงหรือเตือนยังไง กูก็ยังรักมันแบบไม่สนใจใครทั้งนั้น ความรักจริงๆ มันเป็นแบบนี้ต่างหาก มันไม่ได้สวยงามเลย มันเหี้ยเอามากๆ ด้วยซ้ำไป มันทำให้เราหลง เหมือนติดอยู่ในเขาวงกต นี่แหละคือรัก ความหมายจริงๆ มันเหี้ยมากกว่าจะเป็นสีชมพูแล้วก็เป็นรูปหัวใจแบบที่ใครๆ บอกว่ามันทั้งสวยทั้งน่ารัก  ”

“ อื้ม ”

“ แล้วกูก็พูดว่ามันคือคนนั้น คนที่ทำให้กูเข้าใจว่า นี่แหละคือรักจริงๆ แล้วตอนนี้ก็ยังเป็นมันอยู่ นั่นก็เพราะ มึงไม่ได้เหี้ยขนาดนั้นไงอาฟ มึงไม่ได้สอนให้กูรู้จักความรักในมุมมองนั้น มึงให้แต่สิ่งดีๆกับกู มึงที่ปรับตัวเองตอนเรามีปัญหา มึงพยายามเข้าใจในตอนที่เราทะเลาะ มึงที่เป็นมุมมองความรักที่สวยงามอย่างที่กูเคยคิดแล้วก็ฝันไว้  คำพูดที่มึงได้ยินกูไม่ได้ชื่นชมมันหรอก กูก็แค่บอกมันว่ามันทำให้กูได้รู้ว่าความรักมันไม่สวยงามไปหมดก็เท่านั้น ” เมดถอนหายใจออกมา มันที่ยิ้มกับแววตาที่มองตรงไปข้างหน้า “ สำหรับบินกูได้เรียนรู้ว่าความรักจริงๆ นั่นคือการที่เราต้องรู้จักรักตัวเองก่อน เมื่อเรารักตัวเองแล้ว เราถึงจะหยิบยื่นความรักของเราไปให้คนอื่น เพราะถ้าเราคิดจะรักแต่คนอื่น โดยไม่รักตัวเองอย่างที่กูเคยเป็น มันก็ต้องเจ็บปวดแบบนั้นแหละ ก็ขนาดตัวเราเอง เรายังไม่รักมันแล้วปล่อยให้คนอื่นมาทำร้ายซ้ำๆเลย และแบบนั้นเราจะไปคิดไปหวังให้ใครมารักเราได้ไง มันไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก แล้วที่มึงถาม...”

“ อะไร ” ผมถามอีกคนในตอนที่เห็นว่ามันเงียบไป

“ ที่มึงถามว่าแล้วมึงละเป็นอะไรสำหรับกูบ้าง คำตอบของกูก็คือสิ่งที่กูพูดมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด  มึงคือบ้านของกูไงอาฟ มึงคือความสบายใจ เป็นคนที่ทำให้กูรู้สึกว่าแค่เรามีกันและกันอยู่ข้างๆ กูก็ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น มึงเป็นทั้งที่พักพิง เป็นความสุข  แล้วก็เป็นคนสำคัญที่กูจะขาดไปไม่ได้อีกแล้วในชีวิตนี้  เป็นคนที่สอนให้กูรู้ว่า ความรักที่ดีกับคนรักที่ดีมันเป็นยังไง ” มือข้างนึงเอื้อมมาจับมือของผม เมดสอดมือกอบกุมกันไว้ในตอนนั้น “ กูขอโทษนะที่ทำให้มึงเสียใจ ขอโทษที่หลายๆ ครั้งเพราะความอ่อนไหวของกูเลยทำให้มึงเจ็บปวด แต่สิ่งหนึ่งที่กูอยากจะขอให้มึงเชื่อกู คือตั้งแต่วันที่เราเจอกัน จนเป็นแฟนกัน กูไม่เคยคิดอยากจะจากมึงไปไหนทั้งนั้น แล้วก็ไม่เคยคิดจะกลับไป หรือเปลี่ยนใจจากมึงไปรักใครคนอื่น  มึงไม่ได้เพอร์เฟคหรอก แต่สำหรับกู มึงมันพอดีแล้ว ”

ความเสียใจของผมคล้ายจะเบาบางลง เป็นความรู้สึกที่เหมือนโดนกอดกันไว้ แล้วมือก็ค่อยๆ ลูบแผ่นหลังของผมอย่างใจเย็น ผมไม่มีคำถามที่ผมสงสัย เมดพูดทุกอย่างออกมาหมดแล้วในสิ่งที่ผมอยากรู้ และเหมือนมันจะมีแค่ตัวผมเท่านั้น ที่ต้องตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อในสิ่งที่อีกคนเล่ามา ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจของผมจะตัดสินว่าจะรู้สึกยังไงต่อไป

ผมไม่มีคำตอบที่จริงจังและมั่นใจในตอนนั้น แต่สิ่งที่คิดและรับรู้ได้ในตอนนี้คือ เราเองก็ต่างเจ็บปวดกับเรื่องนี้ เรื่องที่เป็นทั้งอดีตและปัจจุบันของเรา

ผมอาจจะเผชิญโลกสีเทามามากกว่าเมด อาจจะพบเจอใครหลายคน หรือทำเรื่องคาวๆอย่างไม่จริงจังกับใคร แต่ในเรื่องความรัก ต้องยอมรับว่าเมดผ่านมามากกว่าผม ประสบการณ์จากรักครั้งเก่าสอนให้มันมีเหตุผลกับรักครั้งใหม่ของเรา รักที่ไม่ใช่แค่มอบให้ไปเท่านั้น แต่เป็นรักที่เราต้องช่วยกันค่อยๆ ปรับเปลี่ยน ที่บางทีก็ต้องตัดส่วนไม่ดีทิ้งไป แล้วก็ต่อเติมส่วนที่ขาดหายไป จนชิ้นส่วนหัวใจของเรามันต่อกันจนลงล็อกพอดี

“ ตอนที่นั่งคุยกับบินอยู่ มันถามกูด้วยนะ ”

“ ถามว่าอะไร ”   

“ ถามว่า ‘ เมดรักบินจริงๆ หรือรักเพราะคิดว่าบินเป็นเจ้าของนมนั่น ’ ” คำถามที่ทำให้ผมหันไปมองอีกคน เมดที่ยิ้มให้กันในตอนนั้น “ ทำไมมึงถึงไม่มาได้ยินคำถามกับคำตอบตอนนี้กันวะ ทำไมถึงไปได้ยินแต่คำตอบเหี้ยนั่นอยู่แค่นั้น ”

“ แล้วตอนนั้นมึงตอบมันไปว่าอะไร ”

“ กูตอบมันไปว่า กูไม่ได้รักบินคนที่กูคบเค้ามาสี่ปีหรอก กูรักบินคนที่กูคิดว่าเค้าคือเจ้าของนมต่างหาก” เมดยิ้มให้ผม  “ แล้วนั่นก็คือมึงถูกมั้ยอาฟ ”

“ อื้ม ”

“ แล้วทำไมวันนั้นมึงไม่ข้ามถนนมาหากูวะ ” ในแววตาที่ตั้งคำถามนั้นสั่นไหว ภายใต้รอยยิ้มที่กำลังยิ้มให้กันคงเกิดคำถามนับพันอยู่ในนั้น เป็นทั้งความเสียดายและความเสียใจที่ถาโถมเข้ามาใส่

เพียงแค่หวนคิดว่าบางทีเราอาจจะรักกันมาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้  เราที่ได้สร้างความทรงจำดีๆ ต่อกันมากมาย เราที่มีความสุขและไม่ต้องทุกข์ทรมานกับเรื่องน่าเศร้าพวกนั้น มันที่ตอนนี้อาจจะยังมีเพื่อนสนิท เราที่รักกันมากกว่าที่กำลังเป็น และรู้จักมากกว่าที่รู้จัก เราที่ได้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขและยาวนานตั้งแต่วันนั้น และเพียงแค่คิดแค่นั้น น้ำตาของคนที่เอ่ยถามก็ไหลออกมา ในตอนนั้นผมไม่มีคำอธิบายอะไรทั้งนั้น เพราะคำตอบเดียวที่พูดได้ก็คงมีแค่

“ ขอโทษ ” ก่อนที่จะดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้แน่นโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก

ทั้งๆ ที่ว่าบางทีมันอาจจะดีแล้วที่เราเจอกันตอนนี้ ตอนที่เราโตพอจะเข้าใจความรู้สึกของคำว่ารัก โตพอที่จะแยกแยะออกได้ว่า แฟน กับ คู่ชีวิต มันต่างกันและความรักก็ไม่ได้มีแค่ คำว่ารักเท่านั้นที่จะทำให้คนสองคนไปด้วยกันได้ แต่ทว่านั่นมันก็แค่ข้ออ้างเท่านั้น ตอนนั้นผมก็แค่ไม่กล้าพอ ทุกอย่างระหว่างเรามันก็เลยเป็นแบบนี้

“ งั้นต่อไปนี้ไถ่โทษด้วยการรักกูตลอดไปเลยได้มั้ย เพราะกูเองก็จะไถ่โทษที่วันนั้นกูเข้าใจผิดไป ด้วยการรักมึงตลอดไปเหมือนกัน ”

‘ กูรักมึงมาตลอดอยู่แล้วเมด ’  แล้วนั่นคือความรู้สึกของผมในตอนที่เราโอบกอดกันไว้

............................................................

“ พี่เดย์มึงอยู่ไหนเนี้ย กูหิวแล้วเด้อ แดกชาตินี้ไม่ได้แดกชาติหน้านะ ” ผมกรอกเสียงไปตามสายด้วยความหงุดหงิด วันนี้เป็นวันจันทร์ธรรมดาที่ผมไม่ได้ไปเรียนก็เลยพาตัวเองมานอนที่คอนโดของพี่เจตั้งแต่ศุกร์ที่แล้ว แต่เพราะเกิดอาการอยากจะเดินห้างแล้วก็กินไก่ทอดกับชานมไข่มุก ก็เลยลองชวนพี่เจแต่อีกคนกลับติดเรียนไม่สามารถมาด้วยได้

เอาจริงๆ การไปเที่ยวคนเดียวมันก็ได้แหละ แต่บังเอิญว่าตอนที่ถามนั้น ผมเข้าไปนั่งเล่นใน throw up ช่วงก่อนเปิดผับพอดี คนที่เป็นบาร์เทนเดอร์ก็เลยได้ยินเข้า

‘ งั้นกูไปด้วย กูอยากกินชานมไข่มุกที่ดังๆ ’

‘ ไม่ได้ชวนมึงเลยพี่เดย์ ’ ผมบอกอีกคนก็ที่ก็ลอยหน้าลอยตาไปทางอื่น

‘ แล้วไงอะ กูจะไป กี่โมงว่ามา ไอ้อัยย์มึงไปมั้ย ’ หันไปถามเพื่อนตัวเองที่ก็พยักหน้ารับ

‘ เออ ไปดิ  ’

‘ แม่ง พวกพี่มึงคือฟังกูมั้ยเนี้ย ’ เสียงหัวเราะของพี่เจในวันนั้น ยังคงก้องอยู่ในหูผมจวบจนวันนี้ และตอนนี้ผมก็กำลังเดินวนอยู่ที่หน้าร้านไก่บอนชอนที่อยากกินแต่กลับไร้รี่แววของคนที่บอกว่าจะมา

“ อีกสามนาทีครับเด็กแรด ” อีกคนตอบผมก็ได้แต่จิ๊ปากเพราะรู้สึกว่ารอบข้างอีกคนเงียบแบบนั้น ก็คงไม่พ้นอยู่ในรถ

“ โอยยย มึงนี่นะพี่เดย์ แล้วพี่อัยย์อะอยู่ไหน หรือมึงมาพร้อมกัน ”

“ ไอ้อัยย์ไม่มา มีแค่มึงกับกูนี่แหละ คิดว่าเดทกันแล้วกัน ”
“ ใครอยากเดทกับมึง กูไม่นอกใจพี่เจเด็ดขาด แล้วมึงนี่ช้าตลอด ไม่เคยตรงเวลาเลยนะ ”

“ น่าๆ รถมันติดไง ใครมันให้กรุงเทพรถติดแบบนี้ละน้อง ”

“ ก็ถึงออกให้มันก่อนเวาสิวะทีหลังน่ะ ”

“ บ่นจัง เนี้ยๆ ถึงแล้วไง ” ถอนหายใจออกมา บอกถึงแล้วแต่รอบข้างมึงเงียบกริบ ห้างหรือโรงศพกันแน่ อยากจะถามมันแต่ก็เท่านั้น เพราะถามไปยังไงก็ต้องรออยู่ดี  ในตอนนั้นผมก่อนจะมองไปรอบๆ แล้วก็เจอเข้ากับร้านหนังสือที่อยู่อีกชั้น

“ งั้นกูรอพี่มึงในร้านหนังสือนะแถวนี้นะ ”

“ เค ”

“ เค ” วางสายไปก่อนจะเก็บมือถือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่าง เพื่อตรงเข้าไปในร้านหนังสือ ผมเผลอถอนหายใจออกมาก่อนมองดูหนังสือขายดีที่ก็ไม่ใช่แนวตัวเองสักเท่าไหร่ เป็นโรคไม่ถูกกับหนังสือมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เปิดอ่านทีไรก็หลับตลอด แต่คงไม่ใช่พี่เมดรายนั้นชอบอ่านหนังสือ นอนว่างๆ ก็หยิบหนังสือมาอ่าน “ ไปดู copic ดีกว่า ”

ผมเดินลึกเข้าไปด้านในตรงโซนเครื่องเขียน ก่อนจะหันไปดูขนมลดราคาผมยืนดูมันอยู่สักพักแล้วเลือกมาสองสามห่อเพราะคิดว่าพี่เจคงชอบกินเลยจะซื้อไปฝากมันสักหน่อย

“ อยู่ที่ไง ” ก้มลงดูปากกาหลายสีผมหยิบมันมาดูก่อนจะที่เสียงพูดคุยที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่จะชวนให้ผมหันไปมอง

“ มึงพูดหมาๆ แบบนี้ออกมาได้ไงวะ พูดออกมาได้ไงว่าให้จบกันแค่นี้ ” คำพูดที่ได้ยินชวนให้ผมหันไปมองก่อนจะขมวดคิ้วงงกับคนที่เห็น พี่จิงเพื่อนพี่เมดยืนอยู่ตรงนั้นแล้วก็กำลังคุยกับใครสักคนด้วยท่าทางจริงจัง สีหน้าไม่สู้ดีฉายออกมาจากทั้งแววตาและท่าทาง มือของเค้าเอื้อมไปจับคู่สนทนาก่อนจะถูกปัดออก

“ กูว่าเราควรจบได้แล้ว มันควรพอได้สักทีแล้วมึง ตอนนี้กูมีคนที่อยากจะจริงจังแล้ว ” เสียงคุ้นๆ ที่ตอบกลับมาชวนให้ผมสนใจจนต้องเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น ตรงชั้นหนังสือในโซนที่ไม่มีใครตรงนั้น ผมมองผ่านข้างชั้นวางก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นตอนที่เห็นว่ามันคือ

“ ไอ้เชี่ยบิน ” ผมพูดออกมาเบาๆ ก่อนอุดปากตัวเองไว้แน่นด้วยความตกใจ

“ คนที่มึงจะจริงจังด้วย ใคร ? ไอ้ยีนส์น่ะเหรอ แล้วทำไมมันไม่เป็นกูละ กูเองก็เป็นให้มึงได้นะ คนที่มึงจะจริงจังน่ะ มึงก็แค่ไม่เลือกกู เพราะเบื่อที่จะเอากันแล้วใช่มั้ยมึงก็เลยจะเขี่ยทิ้ง ทั้งๆที่ตลอดมากูก็อยู่ในฐานะที่ไม่ต่างอะไรกับไอ้ยีนส์เลย”

“ จิง ฟังกูนะ กูเหนื่อยแล้ว แล้วกูก็ไม่อยากจะคบใครทีละหลายๆ คนแล้ว กูอยากจะจริงจังกับยีนส์เข้าใจที่จะพูดมั้ย ”

“ เพราะอะไร ทำไมต้องเป็นยีนส์วะ เพราะ..”   

“ เพราะกูคิดว่ากูรักยีนส์  กูไม่เคยสงสารใคร แต่ตอนนี้กูสงสารยีนส์ แล้วนั่นก็เป็นเพราะว่า กูรักยีนส์ ” พี่จิงเงียบไป เค้าที่เงียบนิ่งอยู่นานก่อนจะถอนหายใจออกมา ตอนนั้นน้ำตาของอีกคนมันไหล

“ แล้วกูละ มึงไม่สงสารกูเลยเหรอ กูเองก็รักมึงเหมือนกัน แล้วทำไมมันไม่ใช่กูละ กูเองก็มีอะไรกับมึงลับหลังเมดเหมือนกันกับไอ้ยีนส์แต่ทำไมสุดท้ายถึงเลือกยีนส์แต่ไม่ใช่กูละวะบิน  ”


“ เสือกเรื่องชาวบ้านอยู่เหรอเด็กแรด ” เสียงกระซิบที่ดังขึ้นอยู่ข้างหู ผมหันไปมองทันทีด้วยความตกใจขาที่ถอยหนีชนเข้ากับชั้นหนังสือแต่โชคดีที่พี่เดย์อุดปากผมที่กำลังร้องด่าไปก่อนไม่ต่างกับผมที่ก็เอื้อมมืออุดปากอีกคนไว้เหมือนกัน เพราะกลัวว่าจะส่งเสียงอะไรออกไปจนทำให้อีกฝ่ายรู้ เราที่มองหน้ากันใช้สายตาพูดคุยและตกลงกันว่าจะไม่ส่งเสียงอะไรออกมาก่อนที่ต่างคนจะค่อยๆ ปล่อยมือออกจากกัน แล้วตอนนั้นพี่เดย์ก็กระซิบกับผม “ นั่นมันคนที่เข้ามาคุยกับกูเรื่องพี่เมดวันก่อนนี่หว่า ”

“ ห๊ะ ? ใครวะ เชี้ยบินเหรอ ”

“ เปล่า อีกคน ” คนข้างๆ ชี้ไปที่พี่จิงผมที่เห็นแบบนั้นก็เลยดึงอีกคนให้เดินออกมาจากตรงนั้น เราออกมานอกร้านก่อนจะขึ้นบันไดเลื่อน ผมแค่อยากจะไปให้ไกลที่สุดก่อนที่จะพูด

“ มึงหมายความว่าไงอะพี่เดย์ พี่จิงมาพูดอะไรกับมึง ”

“ ก็เมื่ออาทิตย์ก่อนตอนสัดพี่ไปสิงคโปร์กูก็ทำหน้าที่ไปรับไปส่งพี่เมดใช่มั้ย ” พยักหน้ารับอีกคนก็เล่าต่อ “ แล้วตอนนั้นที่ไปนั่งรอรับพี่เมอที่หน้าคณะ คนคนนี้ก็เข้ามาคุยกับกู มันถามว่ามารับเมดเหรอ แล้วก็บอกว่า คงนานหน่อยเพราะไม่รู้ไปร้องไห้อยู่ที่ไหน ”

“ เหรอวะ ”

“ แต่ตอนนั้นกูไม่รู้ว่าเรื่องอะไรไง แล้วตกลงมันเรื่องอะไรวะ ” คำถามที่ทำให้ผมนิ่งไป และเพราะไม่รู้จะเป็นอย่างที่คิดหรือเปล่า ผมก็เลยทำได้แค่ส่ายหน้า

“ ไม่มีอะไรหรอกมึง กูแค่เห็นว่ามันเป็นแฟนเก่าพี่กู กูก็เลยยืนฟังเท่านั้นอะ ”

“ อ๋อ ขี้เสือกนี่เอง ” พี่เดย์บอกก่อนจะเอื้อมมือมากอดคอผม “ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย งั้นเราไปกินไก่กันเถอะ กูโคตรรรรรหิวเลย แล้วเดี๋ยวขับรถไปซื้อชาไข่มุกด้วยกันนะ มึงอยากจะกินร้านไหนเด็กแรดเลือกเลยนะ ป๋าเดย์เลี้ยงเองครับ ” ผมไม่ได้ตอบในสิ่งที่พี่เดย์ชวนคุยในตอนนั้น เพราะสมองมันเอาแต่คิดทบทวนกับสิ่งที่ได้ยิน

‘ แม่ง.. นี่เรื่องจริงเหรอวะ ’ สรุปว่า นอกจากไอ้ยีนส์ ก็ยังมีไอ้จิงด้วยเหรอวะ ที่ไอ้เหี้ยบินนอกใจพี่เมดไปเอาด้วย
 
.......................................................................

ช้าก่อน อานนท์

ก่อนอื่นขอโทษที่นิยายมาไม่ทันวันศุกร์นะคะ นิยายเข้าสู่ช่วงจบแล้ว คิดว่าอีกสองตอนจะจบ แต่ว่า นิยายก็ยังไม่หยุดอัพหรอกนะคะ เพราะว่า เราก็ยังจะอัพเรื่องราวของอาฟเมดต่อไป ในตอนพิเศษ เพราะฉะนั้น ฝากติดตามตอนจบไปจนถึงตอนพิเศษสุดท้ายที่จะลงเลยนะคะ

ป.ล. สิ่งที่เขียนไปทั้งหมด อาจจะดูไม่เกี่ยวข้อง แต่มันมีความหมายเสมอ

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า 
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-12-2018 20:57:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  บินนี้เหี้ยจริงๆ เอาเพื่อนทั้ง 3 คนเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 02-12-2018 21:04:12
ขอบคุณเมดที่รั้งอาฟไว้ให้ฟังให้ได้
ไม่งั้นก็คงไปกันใหญ่ ไม่เข้าใจกันอีก

จิง ตัวร้ายจริงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 02-12-2018 21:15:09
เพื้อนเมดแต่ละคนคือแบบ...... ก็เหี้ยดี  :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 02-12-2018 21:15:52
 ……

ดีจริงที่เมดกับอาฟเข้าใจกันได้ เคลียร์กันเองคุยกันเอง จับมือกันเดินต่อ

คู่บิน ยีนส์ จิง ก้อคงต้องรับกับวิบากกรรมกันไปนะ

ความจริงเฉลยทุกอย่าง … เชียร์สสสส


 :katai2-1:  :katai3:  :katai2-1:  :katai3:  :katai2-1:  :katai3:  :katai2-1:  :katai3:


……
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-12-2018 21:34:51
ในที่สุด ความจริงก็เปิดเผย
สมใจไหมจิง สุดท้ายแล้วก็ไม่เหลืออะไร
ร้ายที่สุดคือจิง น่าสงสารสุดคือเมด
แต่คนที่เจ็บสุดคือยีนส์ เพื่อนที่รักและไว้ใจ

เมดเอ้ยยย สู้มากค่ะหนู ยอมแล้ว
ต้องแบบนี้สิ ปล่อยให้อาฟโวยไป
แต่อย่าปล่อยให้หายไป ถูกแล้ว
ต่อให้โกรธขนาดไหน ก็อย่าหนีหน้า
เอ็นดูเมดมาก เมดใจเย็นมากเพื่อให้ได้บอกอาฟ

อาฟบางทีก็กลายเป็นคนโง่แบบโง่เลย
ไม่ฟัง ไม่สนใดๆ ประสบการณ์เยอะน้อยไม่ช่วยนะ
ถึงอาฟจะไม่เคยรัก แต่ต้องเรียนรู้ที่จะรักนะ
มันใช่ที่ทุกอย่างคือการแลกเปลี่ยน
ไม่ใช่ให้อย่างเดียว รับด้วย เข้าใจด้วย

วิวคือผู้เผือกที่แท้จริง และเจอของจริงตลอด

รอดูอาฟจะแก้ตัวกับความจัดเต็มไปรอบนี้ ยังไง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-12-2018 21:36:29
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 02-12-2018 21:37:25
โอ้ยยย ขอบคุณมากมายเลยค่ะ นึกว่าจะได้กินมาม่าอีก
หายใจหายคอโล่งเลย โตขึ้นแล้วนะคะทั้งสองคน
ส่วนจิง นางน่าจะขาดความอบอุ่นนะ ดูจะอิจฉาเพื่อนไปหมด   :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-12-2018 21:42:51
ว่าแล้วตัวร้ายสุดคิอจิง จริงๆ  :z6: :z6: :z6:
แล้วที่ว่าเป็นอีกคนที่บินไปยุ่ง นอกใจเมด กลุ่มเพื่อนเมด ก็ใช่จิงจริงๆ  OMG
เพื่อนรักที่เป็นเพื่อนชั่ว หักเหลี่ยมโหด
บิน นี่โคตรเลว โคตรชั่วสุดๆของการเป็นคนรักเลย
สรุปรอบตัวเมด มีแต่คนชั่วช้าสาระเลว เมดมีประกายออร่าวิ้งๆเลย
นี่แสดงว่ายีนส์ ก็ไม่รู้เรื่องที่บินนอกใจกับจิงมาตลอดเหรอ  :really2:
โอ้......สุดท้ายจิงก็ถูกบินทิ้ง กร๊ากกกกกกกกกกกกก 
นี่มันสมองคนเลว คิดพลาดได้ นรกตอบแทนนายแล้ว     :m20: :laugh: :pigha2:
ไปลงนรกเสียเถอะจิง ยินดีด้วย ฮ่าๆๆ  นายทำตัวเองนะ  :pigha2: :laugh: :m20:

เมด ทำให้อาฟเข้าใจได้ด้วยตัวเอง
ไม่ต้องผ่านเพื่อนสนิทอย่างเจ เยี่ยมมากกกกก
อาฟนี่ เก่ง ดีแต่โมโหร้าย ไม่พยายามเข้าใจเมดซะเลย  :เฮ้อ:
ดีนะ ที่เมดใจเย็น ไม่งั้น ก็ทางใครทางมันไปแล้ว
อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 02-12-2018 21:46:02
เข้าใจกันแล้ว   :katai2-1: :mew1:    ส่วนบินและเมียๆก็ปล่อยไปเถอะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-12-2018 21:53:52
ไม่เข้าใจเลย บินมีดีตรงไหน หักหลังเพื่อนกันได้ทั้งคู่
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 02-12-2018 21:57:24
 :pig4: :mc4: :mc4: :pig4:


ดีใจที่ในตอนนี้เห็นการปรับตัวของทั้งอาฟและเมด แถมเรื่องราวคนส่งนมที่เป็นประเด็นมานานถูกเปิดเผยสักที
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 02-12-2018 21:58:00
พี่อาฟมาหวานกับพี่เมดเร็วๆๆ  ส่วนคู่ ยีน บิน ของ ช่างแม่งเหอะ อ่านแล้วปวดตับกับความสัมพันธ์มากกกกกกกก   จะคบจะเลิกจะจริงจัง ก็เรื่องของมึงงง
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: NiNJA ที่ 02-12-2018 22:20:09
สนุกมากเยยย ละคือฉากเรียกน้ำตาเยอะมาก
ร้องไห้จนตาบวมกันไปเลยจ่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-12-2018 22:23:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: Yoghurt ที่ 02-12-2018 22:31:38
ชอบน้องเดย์ อยากได้น้องเดย์ ไอ้เด็กบ้าเอ๊ยยย
แล้วร้องไห้ไปพร้อมพี่อาฟเลยอ่ะ หัวใจพี่แม่งได้อ่ะ
แล้วบินนะ ตั้งแต่อ่านมาทั้งเรื่อง คือไม่เคยคิดเลยอ่ะว่าจะได้ยินบินบอกว่าอยากจริงจังกับใครสักคนบ้างแล้ว
คือน้ำตาจะไหล แบบมึงเอ๊ย มันคิดได้ว่ะ ส่วนจิงมาถามว่าทำไมต้องเป็นยีนส์ๆ เอ้า ก็มึงบ้าอ่ะ อิบินไม่เอาก็ถูกแล้ว

ปล.ชอบน้องเดย์กับเด็กแรด ไอ้บ้าเอ๊ย เอา2คนนี้มาเจอกันนี่แบบ เหมือนคงความบ้าบอที่แข็งแกร่ง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 02-12-2018 22:41:32
เอ่อ ตอนนี้สงสารยีนส์แล้ว รู้มั้ยเพื่อนสนิทมันร้ายขนาดนี้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-12-2018 22:55:07
ใจแป้วมากตอนอาฟอาละวาด กะว่าอีกแล้วรอบนี้จะแตกหักมั้ยรอยร้าวเยอะเหลือเกิน ดีใจมานิดนึงที่ปรับความเข้าใจกันได้แต่ก็นะลึกๆก็กลัว มันมีช่องว่างมีรอยร้าวในความสัมพันธ์มากจริงๆ เอาใจช่วยนะยังไงก็ตาม
ส่วนเรื่องเพื่อนๆเมดนี่แบบเกินเยียวขาจริงๆ เลวกันสุดมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-12-2018 22:57:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-12-2018 23:09:34
เวรกรรมลงโทษไอ้เหี้ยทีเถอะ แบบสายด่วยมาเลยได้ไหม
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 02-12-2018 23:10:23
โป๊ะแตกแล้วคุณบิน ทำไมซื้อหวยไม่ถูกล่ะเนี่ยแล้วคนรู้ดันเป็นเด็กแรดอีก :hao7: เสียน้ำตาไปเยอะมากกับตอนนี้  :hao5:อาฟใจเย็นขึ้น ดีแล้วๆ พอเปิดใจกันมากขึ้นจะรักกันยิ่งกว่าเดิม รอความหวานน้ำตาลขึ้นของคู่นี้นะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 02-12-2018 23:24:28
ฮืออออออออออออออออ ในที่สุดก็มาแล้วคิดถึงมากๆเลยค่ะ มาตามดูทุกวันเลยยย
จิงจริงๆด้วยยยยยย แงงงงง ทำไมทำกับเมดกันแบบนี้
ชื่นชมพี่อาฟตอนนี้มาก เรานึกว่าจะดราม่าไปไกลแล้วว พี่อาฟเติบโตขึ้นอีกสเต็ปแล้วว
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 02-12-2018 23:48:12
ดีใจที่อาฟฟังเมด ดีใจที่อาฟอดทนใจเย็น รักแบบรักที่น่ารัก
❤️
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 03-12-2018 00:11:01
     ชอบคุณพ่ออาฟเหมือนเป็นเพื่อนมากกว่าคุยกัน กู มึงกันได้ไม่หัวโบราณรับลูกสะไภ้ผู้ชายได้
     ปัญหานมกล่องก็คลี่คลายหายคาใจเมดแล้ว
     รอดูความแตกหักของจิงกับยีนต์หลังจากบินปฎิเสธจิงเราว่าจิงต้องไปบอกความจริงใช้สามีร่วมกันมานานกับยียต์แน่ๆเพื่อนสนิทตอแหลหักหลังดามเหล็กก็เอาไม่อยู่แล้ว
        จะตีพิมพ์รวมเล่มมั้ยจะได้รอจ่าย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 03-12-2018 00:40:18
คำว่ารักมาอยู่ตลอดของพี่อาฟคือจบทุกปัญหาจริงๆ
ตอนแรกคิดว่าต้องรอเอมมาเฉลยเรื่องนมแล้วซะอีก

จิงควรกรรมตามสนองอย่างสาสมในฐานะร้ายกว่าใคร

ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้เดย์จะปรองดอง555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 03-12-2018 01:17:05
อาฟเมดหลุดพ้นแล้วใช่ม่ะสรุป แถมเก่งขึ้นจนสามารถนั่งเคลียร์กันเองโดยไม่ต้องพึ่งพี่เจกับน้อง
วิวด้วย แถมอีกนิดพี่อาฟเฉลยปริศนาเรื่องนมเองเสร็จสรรพ
ที่เหลือคือ...จิง เหลือแค่เราแล้วล่ะว่าจะเอายังไง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 03-12-2018 01:51:43
โห้ยยยย ดีใจที่ไม่ต้องรอวันศุกร์หน้า
และคุ้มค่ากับที่รอคอย
มีปมดราม่า .. สรุปดราม่า.. รู้ความจริงเจ้าของนมในตอนเดียว ดีมาก ดีมากจริง .. ไม่ต้อง อึนๆ ไปอีกอาทิตนึง เราชอบแบบนี้ ให้เคลียกันให้จบเร็วๆ เพราะเราเชื่อว่าทั้งคู่ คงไม่อยากทะเลาะกันไปนานๆหรอก เราก็เหมือนกัน
ส่วนดราม่าใหม่ ที่ไม่น่าร้ายแรงและไม่น่าเกี่ยวกะเมด.. คงไม่ทำให้เราอึนอีกแล้ว
ขอบคุณนะ
แต่งเก่งมาก ผูกปม คลายปม .. ได้ดี
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-12-2018 03:32:51
ว่ายีนส์เฮี้ยแล้วนะ จิ้งเฮี้ยคูณสิบ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 03-12-2018 06:05:01
พัฒนาการดีขึ้นมากๆ ดีแล้วที่เคลียร์กันเอง ดีแล้ว อาฟใจเย็นขึ้นนะ ดีแล้วดีจริงๆ เข้าใจและเคลียร์ทุกอย่างแล้วนะ โล่งอกเลย... คุณผู้เขียนค้ะ จะทำเป็นหนังสือด้วยไหมจ้ะ เค้าอยากเก็บไว้อ่ะเป็นเรื่องที่มีคุณค่ากับจิตใจเค้ามากๆเลยค่ะ ทำเป็นหนังสือเถอะนะจ้ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-12-2018 06:15:22
อยากได้น้องเดย์ ๆๆๆๆ  :katai3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 03-12-2018 07:45:19
จิงโป๊ะแตกละ บินนี่เหี้ยซ้ำซ้อนจิงๆ เพื่อนกัน 3 คนนี่ทำได้ไง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-12-2018 10:08:07
ช็อคกับความจริง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 03-12-2018 10:28:06
สนุกมากเลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 03-12-2018 11:10:02
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดกันจริงๆ
สรุปแล้ว..อิบิน เชี่ยสุด

สมเพชอิยีนส์ อิจิง
แย่งกันจะเอาตัวเชี่ย
คิดจะจริงจังแล้ว..ขำว่ะ

อาฟกะเมด คู่นี้ดิจริงจัง
คู่จริง อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 04-12-2018 03:02:17
แล้วยีนส์รู้เรื่องของบินกับจิงยัง
ถ้ารู้แล้ว  ยังรักบินต่อได้นี่  ไม่อยากจะเซดเลย  จะรักจะหลงอะไรขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 04-12-2018 08:03:14
  :pig4:

 อึ่ม ก็เข้าใจว่าถ้ารักที่จะอยู่ด้วยกันแล้ว หากมีปัญหาขัดข้องเคืองใจก็ต้องหันหน้าพูดคุยกัน (หรือด่าทอก็แล้วแต่)

 คือแบบว่า ไดอะลอคแต่ละคนยาวววววเป็นพะระกราฟเลย

 ..บุญบาป

 นี่เองก็อยากเข้าใจในเหตุและผลด้วยคนนะ
แต่หลังๆนี่คิดตามพวกเธอไม่ทันแล้ว /ปล่อยผ่านเลย แค่happyก็ok
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: PK.Kenaf ที่ 04-12-2018 09:35:10
เอิบบบบ เพื่อนเมดแต่ละคน หาดีไม่ได้เลยเนาะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-12-2018 10:32:26
 :a5: ไอ้จิงก็1ในเมียไอ้บินเหรอเนี่ย

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-12-2018 11:06:35
สรุปคือแกเอาทุกคนเลยเหรอบิน..
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 04-12-2018 11:27:58
555555555


ว่าแล้วเชียว หลังจากที่รู้ธาตุแท้ของนาง

ตอนนี้มองนางไม่ดีทุกทาง

แล้วก็เดาถูกด้วย

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-12-2018 19:27:34
คราวนี้เมดกับอาฟพัฒนาให้สามารถคุยและจบปัญหากันได้เอง

แต่สำหรับจิง เลวจริงเลวจัง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 04-12-2018 21:48:22
อยากเอาก้านมะยมมาตีอาฟอ่ะพูดเลย ฟันไม่หมดก็ไปโมโหใส่เมดอีกดีนะที่เมดใจเย็นพอที่จะเคลียร์กัน ก็อยากจะถามเหมือนเมดนะว่าตอนนั้นทำไมไม่เดินเข้าไปบอกบิน"เฮ้ย! นี้นมกูมึงทำเหี้ยไรว่ะ" แต่ก็ดีแล้วตอนนั้นอาจไม่ใช่พรหมลิขิตก็ได้ แอบสงสารเมดตอนอาฟตะคอกใส่ฟังไม่หมดเองแท้ๆแต่ก็ดีทีเคลียร์กันได้รักกันๆ
 และก็เป็นไปอยากที่คิดไว้จริงๆว่าไอ้บินมันเหี้ยได้อีก และเมดมีเพื่อนที่สาระเลวมากคนเหี้ยไรหักหลังเพื่่อนได้ไอ้เหี้ยนั้นใครให้ก็เอาหมดพอแหล่ะกับคนแบบนี้ไม่อยากอ่านแล้วตอนที่เหลือของเป็นเมดกับพวกพ้องนะไม่เอาพวกสั..านหมาแล้ว ไม่อยากให้วิวเอาเรื่องนี่ไปบอกเมดเลยไม่อยากให้เมดเสียความรู้สึกไปมากกว่านี้
 :กอด1: คนเขียนจะรออ่านให้หมดทุกตอนจ้าเมดน่ารัก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-12-2018 00:34:12
ตอนแรกก็หวั่นๆว่าอาฟจะฟังเมดพูดมั๊ย ดีนะที่ฟังไม่งั้นจะหน่วงกว่านี้ เข้าใจกันแล้วก็ถึงเวลาหวานซะทีนะ

ว่าแล้วจิงต้องเป็นอีกคนที่หักหลังเมด ที่ไม่บอกเมดเรื่องยีนต์ตอนนั้นเพราะตัวเองก็แอบกินแฟนเพื่อนเหมือนกัน โคตรเลวทั้งสามคนเลย สุดท้ายก็ต้องโดนทิ้งคนแบบนี้ ปล่อยผ่าน :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 07-12-2018 21:13:15
ตอนที่ 49

ถุงขนมที่ซื้อมาจากห้างถูกวางอยู่บนโต๊ะกินข้าวตรงโซนครัว ผมหันมองนาฬิกาที่กำลังบอกเวลาบ่ายห้าโมงเย็น ดูท่าว่าวันนี้เจ้าของห้องก็คงกลับมาอีกทีคือช่วงตีสามหลังเลิกงานเหมือนเดิม จะว่าไปตั้งแต่มีชีวิตมาบนโลกใบนี้และได้รู้จักใครสักคนที่ได้ขึ้นว่าแฟน ไม่ว่าจะเป็นทั้งของตัวเองหรือเพื่อน  ก็รู้สึกได้เลยว่าความรักของผมกับพี่เจช่างเป็นอะไรที่เรียบง่ายเสียเหลือเกิน และมันก็เรียบง่ายแบบชนิดที่ผมเองยังนึกกลัว

เพราะเคยอ่านประโยคหนึ่งในหนังสือที่เขียนไว้ ว่ารักที่ไม่มีความตื่นเต้นเลย จะมีความเบื่อหน่ายต่อกันในท้ายที่สุดแล้วก็เลิกรากันไปแบบไร้เหตุผล ไม่ได้นอกใจ ไม่ได้เสียใจ เป็นความรู้สึกเพียงแค่ ก็ไม่มีความสุขที่จะอยู่ด้วยกันอีกแล้ว ก็เลยแยกทางกัน

คุณเจตฎ์ ผู้ชายที่ทำหน้าที่ด้านการตลาดและ PR ของผับดังอย่าง throw up  ท่าทางภายนอกที่ดูเหมือนจะคนคลูแบบเท่ห์ๆที่ใช้ชีวิตแบบเข้าหาคนอื่น รักการสังสรรค์ เอาใจคนเก่ง และมีเพื่อนฝูงมากมาย แต่เอาเข้าจริง เพื่อนสนิทคนเดียวที่มันมีคือ พี่อาฟ เจ้าของผับ พี่เจไม่ใช่คนชอบเอาใจใคร และสิ่งเดียวที่มันรัก คือ การอยู่บ้านแบบชิวๆ

วันหยุดของพี่เจไม่มีอะไรมากกว่าการที่เราจะทำอาหารกินด้วยกัน เลือกหนังจาก netflix ดูสักเรื่อง เบื่อหน่อยก็ออกไปเดินตามสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้คอนโดแล้วปั่นจักรยานกันไปรอบๆนั้น ใช้หูฟังคนละข้างจากเพลย์ลิตต์ที่เราตั้งไว้ด้วยกันเพราะชอบเพลงสไตส์เดียวกัน แล้วก็นอนดูวิวท้องฟ้าด้วยการหนุนตักผม ต่อด้วยการหาร้านอาหารอร่อยๆ กินด้วยกัน จากนั้นก็กลับเข้าบ้านมาดูหนังอีกสักเรื่อง  อาจจะต่อด้วยเซ็กส์ในบางครั้ง แล้วเราก็หลับไป

มันเป็นผู้ชายที่เรียบง่ายมาก จนผมเคยพูดกับพี่เมดด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ ‘ มันเรียบง่ายขนาดนี้ได้ยังไงกันวะ ’ แล้วตอนนั้นพี่ชายผมก็แค่หัวเราะก่อนจะพูดขึ้น

‘ อย่าให้ต้องตื่นเต้นมากเหมือนชีวิตกูเลย อะไรแบบนั้นมันก็ดีแล้ว เชื่อเถอะ ’ ในตอนนั้นผมเถียงออกไป

‘ เหรอวะ ’ แต่ปลายสายก็แค่ตอบรับว่า

‘ อื้ม ’ เบาๆในคอ ‘ ความรักมันเป็นอะไรแบบที่ว่า ถ้ามึงคิดว่ามันน่าเบื่อ มันก็จะน่าเบื่อตามความรู้สึกของมึง ’

‘ ก็คงจริงแบบนั้นมั้ง คือตอนที่กูคิดถึงว่าอยู่กับพี่เจแล้วได้ทำอะไรบ้างมันก็เบื่อนะ เพราะมันเหมือนไม่มีอะไรเลย แต่พอได้ทำจริงๆ กูกลับรู้สึกว่า มันก็ดีแล้วนะอะไรแบบนี้น่ะ  แล้วก็โคตรแปลกที่คนอย่างกูจะมาชอบอะไรแบบนี้อะพี่เมด ’

‘ มึงก็แค่ชอบเจ ’ อีกคนบอกแบบนั้น ‘ บางทีมึงก็ไม่ได้ชอบสิ่งที่มึงทำกับมันหรอก แต่มึงแค่อยากอยู่กับมัน ก็เลยกลายเป็นว่ามึงทำอะไรก็ได้แค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอ กูพูดถูกมั้ย ’ ยอมรับว่าเผลอเบะปากแล้วได้แต่ยิ้มไม่หุบกับสิ่งที่ได้ยิน ใบหน้าที่ร้อนจัดของผมมันเขินจนต้องทำทีเป็นชวนไปคุยเรื่องอื่น

‘ ตั้งแต่คบกับพี่อาฟ รู้สึกพี่มึงจะพูดจี้ใจดำเก่งขึ้นนะ  ’

‘ แน่นอน เพราะความเป็น throw up มันหล่อหลอม ’ พี่เมดที่หัวเราะออกมาตอนนั้น ผมเองก็เผลอยิ้มกว้างไปด้วย อยากจะบอกว่าไม่ใช่แค่พูดเก่งขึ้นหรอก แต่พี่เมดหัวเราะเก่งขึ้นด้วย แล้วก็มีความสุขในทุกครั้งที่เราคุยกันเลย ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่คุยกันทุกครั้งก็มีแต่เสียงถอนหายใจแบบเบื่อหน่ายที่ไม่ค่อยจะความสุขสักเท่าไหร่

ผมเผลอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างหนักใจในตอนที่เผลอคิดถึงพี่ชายตัวเอง ทุกความคิดในอดีตนั้นถูกกดหยุดลงราวกับมีปุ่ม เพียงเพราะผมแค่คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อช่วงเที่ยงวัน

ภาพของพี่จิงเพื่อนสนิทพี่เมดกับไอ้เชี้ยบินคนรักเก่า บทสนทนาที่ได้ฟังไม่ต้องฉลาดมากก็พอรู้ว่าเรื่องราวนั้นเป็นยังไง คล้ายความรู้สึกชวนอาเจียนที่แน่นอยู่ในอกผม มันกระอักกระอ่วมอย่างบอกไม่ถูก เพียงแค่คิดว่าเรื่องนั้นคือเรื่องจริง ก็ขยะแขยงความเป็นมุนษย์ที่เหมือนจะมีน้อยนิดของผู้กระทำ

“ จะเล่าหรือไม่เล่าดีวะ ” หยิบมือถือขึ้นมาตอนที่พูดขึ้นกับตัวเองอย่างงั้น พี่เจเคยบอกผมไว้ว่า เวลาจะพูดไม่ดีกับใครให้เราคิดว่าถ้าเราเป็นคนฟัง เราจะอยากฟังมันมั้ย ถ้าไม่ ก็ให้เงียบปากไป ไม่ต้องพูด “ แต่นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีไม่ใช่เหรอวะ มันก็แค่ความจริงที่ฟังแล้วอาจจะรู้สึกแย่นิดๆหน่อยๆ ...หรือว่ามาก ” ถอนหายใจออกมากับตัวเองอีกครั้งกับความคิดสุดท้ายที่พูดออกมา ก่อนจะเกาหัวอย่างแรงเพราะไม่รู้จะทำยังไง “ แต่ถ้ารู้แล้วไม่บอก วันหนึ่งพี่เมดโดนไอ้เชี้ยบินพูดว่า กูเอาพวกมึงมาทั้งกลุ่มแล้ว พี่เมดก็ต้องรู้สึกแย่นะเว้ย แต่ว่าพี่เมดก็มีพี่อาฟอยู่ก็อาจจะไม่เป็นไรแล้วก็ได้ อารมณ์ไม่แคร์ ” มองโทรศัพท์ตัวเองอีกครั้ง ในห้วงความรู้สึกหนึ่งผมก็แค่กลัวว่าพี่เมดจะโดนทำร้ายอีก ผมไม่อยากให้พี่เมดเป็นเหยื่อของคนพวกนั้น ไม่อยากให้ต้องมามีเรื่องทะเลาะกับพี่อาฟด้วย แล้วยังไงการรู้ความจริงมันก็เซฟกว่า “ เอาว่ะ! เป็นไงเป็นกัน พี่ชายกูจะโง่ไม่ได้สิ พี่ชายกูต้องรู้เท่าทันพวกแม่ง  ”

หยิบโทรศัพท์มากดโทรออกในตอนนั้น ผมรอสายอยู่ไม่นาน เจ้าของเบอร์ก็รับแต่ทว่าเสียงตอบกลับมากับไม่ใช่เสียงทักทายกันแบบปกติ แต่กลับเป็นเสียงหัวเราะที่กำลังมีความสุขอยู่

“ ฮ่าๆ ไอ้สัดอาฟ ไอ้เหี้ย ฮ่าๆ อย่า แกล้ง กู  ปล่อยก่อนวิวโทรมา ” สิ่งที่อยากพูดถูกกลืนลงไปในคออย่างอัตโนมัติทำได้แค่ยิ้มแห้งๆกับตัวเองในตอนนั้น “ ว่าไงวิว ”

“ ทำอะไรกันอยู่วะ ดูมีความสุขกันสุดๆ ”

“ ไอ้เชี้ยอาฟแม่งกวนตีนกูอยู่น่ะสิ เอามาตอหนวดมาถูคอกู.. ฮ่าๆ  จักกะจี้ ไอ้สัด ฮ่าๆ กูจะคุยกับน้อง มึงแม่งอย่าทำตัวไร้มารยาทสิวะอารยะ ”

“ ไม่มีอยู่แล้วจะแคร์อะไร ” พี่อาฟพูดเข้ามาในสาย ผมก็ได้แต่ยกยิ้ม แล้วตอนนั้นผมก็พูด

“ ก็จริงของพี่มันนะพี่เมด ”

“ ไอ้วิวบอกว่า ก็จริงของมึงอะ ฮ่าๆ ” เสียงหัวเราะดังในท้ายประโยคของอีกฝ่ายเงียบไปสักพักก่อนเสียงจูบดูดดื่มแบบเบาๆจะดังขึ้นมาแทน จนทำให้ผมได้แต่เม้มริมฝีปาก

‘ แต่คือการที่กูเห็นด้วยว่าพี่มึงไม่ต้องแคร์เพราะไม่มีมารยาทอยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่าพี่มึงจะมาจูบกันผ่านสายให้กูได้ยินได้นะเว้ย! ’ ผมคิดอยู่ในใจแล้วทำทีเป็นเงียบอยู่แบบนั้นจนพี่เมดพูดขึ้นเสียงไม่เบานัก

“ พอแล้วสัด ไปโกนหนวดได้แล้วไป เดี๋ยวต้องออกไป throw up อีก ”

“ นั่นยังไม่ไปผับกันอีกเหรอวะ ”

“ ยัง ไอ้เชี้ยอาฟขี้แตก สุดแสนจะเรื่องมากให้ขี้ที่ร้านข้าวก็ไม่ขี้ ต้องกลับมาขี้คอนโด ”

“ นี่พี่มึงพูดเรื่องนี้แบบธรรมดาได้ไงวะ ”

“ ทำไมอะมึง เรื่องขี้มันก็ธรรมดานะ ใครๆต่างก็ต้องขี้ทั้งนั้น ” อีกคนบอกเสียงใส ผมก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วทำทีเป็นพูดเรื่องอื่น

“ แล้วคือตัดภาพมาที่แฟนกูไปตั้งแต่ยังไม่ห้าโมง ส่วนเจ้าของผับกับแฟนของเค้ายังไม่เข้าไปเลย งั้นปลายเดือนก็อย่าลืมเพิ่มโบนัสให้พี่เจของกูด้วยนะ ”

“ อะไรของกูนะ ” พี่เมดแซว

“ กวนตีนละไอ้พี่เมด ” ผมบอกปัดปลายสายก็หัวเราะถูกใจที่ได้แกล้งกัน เอาจริงๆ ตอนแรกก็ไม่คิดจะเล่าเพราะอยากให้มีความสุขต่อ แต่ตอนนี้เริ่มหมั่นไส้มันละ เป็นความรู้สึกสุขแบบที่ ‘ มึงมีความสุขมากใช่มั้ยพี่เมด ได้เลยเดี๋ยวกูเล่าความทุกข์ให้ฟังเองจ๊ะ ’

“ แล้วโทรมามีอะไรครับน้องวิว ” แต่พออีกคนถามขึ้นมาจริงๆ ผมก็ได้แค่ยิ้มกับตัวเอง

“ ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึงพี่เมดอะ ” ยังไงก็คงไม่กล้าเล่าอยู่ดี และต่อให้มีความสุขจนน่าหมั่นไส้มากกว่านี้ก็ยังอยากให้พี่เมดมีความสุขต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ ไม่อยากจะให้มาทุกข์ใจกับเรื่องอะไรเลย

“ คิดถึงมึงเหมือนกัน หรือว่าเราไปดูหนังกันมั้ย ”

“ ไม่เอาอะ วิวขี้เกียจออกไป ” แต่ความจริงก็คือกลัวหลุดปากพูดเรื่องนั้นออกไปมากกว่า “ แค่โทรมาบอกว่าคิดถึงเฉยๆนั่นแหละ ช่วงนี้มีความสุขดีใช่มั้ย ”

“ มีความสุขดี มีเรื่องเข้าใจผิดกับอาฟนิดนึงแต่กูสองคนเคลียร์กันไปละ ตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว ”

“ งั้นก็ดีแล้ว ”


“ แล้วมึงอะเป็นยังไงบ้าง ได้ข่าววันนี้ไปกินข้าวกับน้องเดย์ ”

“ สุขสบายดีไม่มีอะไรเพิ่มเติม เหมือนเดิมแบบที่เคยบอกพี่เมดไป ส่วนวันนี้กูแทบจะหักคอน้องเขยของพี่มึง กวนตีนกูจัง แถมยังแดกดุชิบหาย ดีนะมันเลี้ยงไม่งั้นกูก็ไม่มีตังค์หารจ้า ”

“ อ้าว แล้วทำไมไม่บอก เท่าไหร่ๆเดี๋ยวกูไปจ่ายน้องเดย์เอง ”

“ ไม่ต้องหรอกมั้ง เห็นพี่เดย์บอกกูว่าพี่อาฟให้เงินมาอีกทีอะ ตอนแรกจะมากันสามคนแต่พี่อัยย์เสือกขี้เกียจเพราะอยากกกสาวมากกว่าเลยเทพวกกูสองคนไม่ออกมาซะงั้น”

“ เหรอ ” พี่เมดพูดเสียงเบา ก่อนที่ผมจะได้ยินอีกคนถามพี่อาฟ “ อาฟ วันนี้ให้เงินน้องเดย์ไปเลี้ยงข้าววิวเหรอ ”

“ เปล่า ” เสียงอีกคนตอบกลับมาผมก็ได้แค่ขมวดคิ้ว “ เงินไอ้สัดเจไม่ใช่เงินกู ”

“ อ้าว ” เสียงพี่เมดสบถออกมาตามสาย “ แล้วทำไมน้องเดย์ต้องบอกว่าของมึง ”

“ ถามไอ้เจสิ กูใช่ไอ้เจที่ไหน ”

“ สัด ” สบถใส่แฟนตัวเองก่อนกลับมาพูดต่อกับผม “ เจคงให้เพราะเห็นว่าเดย์กับอัยย์เป็นคนพามึงไปนั่นแหละ มันเลยจ่ายให้พวกมึงจะได้กินกันเต็มที่ มันคงกลัวแฟนมันไม่สนุกเวลาไม่มีมันไง ”

“ นี่ก็อวยเก่งจริงๆ ” ผมบอก “ แต่วิวก็คิดว่างั้น ไอ้เจแม่งชอบทำแบบนี้เวลาวิวไปไหนกับพี่เดย์พี่อัยย์เพราะไปกับพี่มันไม่ได้ มันชอบให้ตังค์บอกจะได้กินกันสนุกๆ แต่ที่กูไม่เข้าใจอะ ทำไมมันไม่เอาเงินให้กู กูจะได้เอาไปหารกับพวกพี่มัน แล้วนี่เงินทอนอยู่ไหน ได้กูมั้ย ก็ไม่ ได้พวกพี่มัน คือเหมือนพี่เจให้ทิปมันที่กวนส้นตีนกูเก่งทั้งวันอะพี่เมด ผีมากจ้า ”

“ นี่ก็บ่นเก่งจริงๆ ”

“ งั้นกูโทรไปหาพี่เจก่อนละ แค่นี้ก่อนนะพี่เมด ไว้คุยกันครับ ”

“ โอเค มีอะไรโทรมา ”

“ โอเคครับ ” ผมตอบรับแต่ก่อนจะวางสายก็ไม่ลืมเอ่ยถามอีกคน “ นี่พี่เมด ตอนนี้พี่เมดมีความสุขมั้ย ”

“ ถามทำไมวะ ก็ต้องมีสิ ”

“ เปล่า วิวแค่มีความสุขม๊ากมาก เลยอยากให้พี่เมดมีความสุขด้วยไง ก็วิวไม่ค่อยได้โทรหาพี่เมดเลยเพราะมัวแต่แบบอยู่กับพี่เจ กลัวพี่เมดมีอะไรไม่สบายใจมั้ย เป็นห่วงอะ ”

“ คิดมากน่ามึง กูตอนนี้มีความสุขม๊ากมาก ” อีกคนเลียนแบบเสียงผมก่อนจะหัวเราะ “ อีกอย่างนะถ้ามึงมีความสุขกับการอยู่ตรงนั้น กูโอเค ไม่ต้องคิดมากหรอก แต่ว่าถ้าไม่สบายใจอะไรถึงแม้จะแค่นิดเดียวกูอยากให้มึงคิดถึงกูนะ เข้าใจที่พี่เมดจะพูดมั้ยครับน้องวิว ”

“ เข้าใจครับผม รักพี่เมดนะ ”

“ รักเหมือนกัน ” สายโทรศัพท์ของเราถูกวางไปหลังพูดจบ ผมลดมือถือลงแล้ววางมันลงที่บนโต๊ะและไม่ได้โทรไปหาพี่เจอย่างที่บอกอีกคนไป


ความจริงเป็นสิ่งที่ต้องบอกเล่านั่นก็จริงอยู่
แต่ความจริงที่คนฟังต้องเสียใจ ยิ่งเรารักเค้ามากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งไม่อยากเล่ามากเท่านั้น

ช่วงเวลาตีสามกว่าที่ภายนอกห้องนอนมีการเคลื่อนไหว ผมขยับตัวเองที่กำลังนอนดูซี่รีส์ยาวจากช่องโปรแกรมรายเดือนเบือนสายตาไปมองประตูห้องนอนที่ถูกเปิดออก เจ้าของห้องขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนที่เห็นว่าผมยังไม่หลับ พี่เจยกยิ้มก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเค้าหย่อนตัวลงนั่งตรงเตียงฝั่งตัวเองก่อนจะโน้มตัวมาจูบลงที่ริมฝีปาก

“ ทำไมยังไม่นอน ” พูดแค่นั้นก่อนจะหันไปมองทีวี พี่เจยิ้ม “ ไม่ปวดตารึไงไอ้เด็กติดซีรี่ส์ ”

“ นิดนึงอะ ” มือเรียวเอื้อมขึ้นจับแก้มก่อนจะยิ้มในตอนที่ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยไปมา “ แล้ววันนี้ที่ผับเป็นไงบ้างอะ ”

“ โคตรยุ่ง ” บอกแบบนั้นก่อนจะขยับตัวบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาที ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะพูดทั้งที่มือก็ขยับถอดกระดุมเสื้อที่ใส่อยู่ “ วันนี้มีทั้งโปรโมตเหล้าตัวใหม่ แล้วไหนจะมีวงดนตรีมาอีก ”

“ งั้นก็รีบไปอาบน้ำจะได้มานอน ”

“ ครับๆ ” อีกคนตอบ “ แต่พรุ่งนี้กูไม่มีเรียนนะ เราไปไหนกันดี ” ผมทำท่าคิดก่อนจะส่ายหน้าบอกอีกคน

“ ยังคิดไม่ออก ถึงพรุ่งนี้แล้วค่อยว่ากัน ”

“ โอเค ” ตอบรับกันสั้นๆพี่เจก็หายเข้าไปในส่วนของห้องน้ำ ในตอนนั้นผมก็ปิดทีวีที่กำลังดูนั่นลงก่อนจะขยับตัวนอนรออีกคนที่ก็อาบน้ำไม่นานและเรียกได้ว่าน่าจะเดินผ่านน้ำมากกว่า ชุดนอนแบบเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นอย่างที่ใส่ประจำเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วนั่งลงบนเตียงก่อนจะเอนตัวลงนอนทันที

“ นี่พี่เจ ”

“ ว่าไง ” อีกคนตอบรับเสียงในคอแต่ทว่าดวงตานั้นกลับไปไม่ได้ลืมขึ้นมามองกันแต่อย่างใด มือที่เอื้อมมือมากอดผมก่อนจะดึงเข้าไปใกล้ ลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่เหนื่อยมาจากการทำงานทำให้ผมเลือกที่จะเงียบแทนที่จะพูดปรึกษาในสิ่งที่กำลังคิดไม่ตกจนนอนไม่หลับแล้วก็ทำได้แค่ขยับตัวเข้าไปซุกในอกของอีกคน

“ นอนเถอะ ไม่มีอะไรหรอก ” เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกัน

แดดจัดจากข้างนอกส่องผ่านทะลุผ้าม่านเข้ามาในห้องของเรา ผมเลือกขยับตัวเข้าไปซุกคนข้างตัวแทนที่จะลืมตาสู้กับแสงแดดนั่น แต่สุดท้ายก็เหมือนต้องพ่ายแพ้แล้วลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ผมผ่อนลมหายใจอย่างคาดโทษกับแสงแดดที่สาดลงมาบนเตียงพลางมองผ้าม่านในห้องที่ไม่ค่อยจะบดบังแสงแดดสักเท่าไหร่

ผมว่า ผมหาคำตอบได้แล้วสำหรับคำถามที่ว่า ‘ วันนี้อยากไปไหน ’ ที่อีกคนถามกันเมื่อคืน บอกได้คำเดียวเลยว่า ในสมองตอนนี้แค่คำตอบก็คือ  ‘ ไปห้าง กูจะไปซื้อม่านใหม่!  ’

“ นี่ก็นอนไม่สะท้านเลย ” ถอนหายใจออกมากับอีกคนที่ยังคงนอนนิ่งไม่ขยับไปไหน พี่เจเป็นพวกนอนหลับง่ายและหลับที่ไหนก็ได้โดยเฉพาะเวลามันหลับ ต่อให้ข้างๆพื้นที่คอนโดมีการเจาะเสาเข็มมันก็ไม่ตื่นขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว เพราะงั้นแสงแดดแค่นี้ทำอะไรมันที่กำลังนอนไม่ได้ทั้งนั้น

จำใจลุกขึ้นจากที่นอน ผมหยิบเอายางผูกผมที่เส้นเล็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาผูกจุกผมตรงหน้าม้าที่ชอบยุ่งเหยิงไปมาในตอนที่ตื่นก่อนจะพาตัวเองไปล้างหน้าแล้วก็เข้าครัวไปหาอะไรกิน หยิบนมจากในตู้เย็นออกมาเป็นอย่างแรก ผมเจาะเปิดมันก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบขนมแบบเวเฟอร์ช็อกโกเล็ตที่ซื้อตั้งแต่เมื่อวานมาเปิดถุงออก แต่ในตอนที่ดูดนมเข้าไปแต่ยังไม่ทันกัดขนม มือเรียวของคนที่นอนข้างกันก็กอดเข้าที่เอวจากด้านหลังอย่างไม่ทันรู้ตัวว่าอีกฝ่ายลุกขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน

“ พี่เจ ” หันไปหาอีกคนแต่กลับไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมายกเว้นริมฝีปากของคนเพิ่งตื่นนอนที่แนบลงมาบนริมฝีปากของผม

เผลอเผยอปากรับลิ้นที่สอดเข้ามานั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ เกลียวลิ้นของเรากอดเกี่ยวกันอย่างออกรสไม่ต่างอะไรกับฝ่ามือของคนที่กอดเอวผมอยู่ พี่เจไล่มันลงไปต่ำไปข้างเพียงข้าง เค้าสอดมือเข้าไปในขอบกางเกงนอนยางยืดของผมก่อนจะบีบเบาๆลงที่ก้นกลมแล้วใช้มืออีกข้างลูบขึ้นสูงมาที่ยอดอก นิ้วชี้ของเค้าสะกิดติ่งกลางอกในแข็งชันอย่างหยอกล้อ เป็นสถานการณ์ล่อแหลมที่ผมต้องเอ่ยห้ามไว้ก่อนจะเกินเลยไปมากกว่านี้

“ พอเลยมึง ”

“ มีอารมณ์กับกูหน่อย ”

“ ไม่มีเว้ย ปล่อยเลยนะพี่มึง ” พูดแบบนั้นแต่อีกคนก็เพียงแค่ผละมือออกจากส่วนอ่อนไหวทั้งหมดนั้นแล้วแปรเปลี่ยนมาเป็นกอดเอวกันไว้หลวมแทนๆ ใบหน้าของพี่เจตั้งอยู่บนไหล่ผมก่อนจะหอมแก้มแล้วถาม

“ เมื่อคืนมีอะไร ”

“ อะไรมีอะไร ” ขมวดคิ้วตอนที่หันไปถามอีกคนก็ยกยิ้ม

“ ก็เมื่อคืนเหมือนมึงจะพูดอะไรสักอย่าง ”

“ ก็ยังจำได้นะ ”  ผมแซวมัน “ ท่าทางมึงตอนนั้นคือโคตรไม่มีสติอะไร เหมือนจะหลับอย่างเดียวให้ได้ ”

“ กูเหนื่อยไง โทษทีที่ไม่ได้ฟังมึง ” อีกคนบอกยิ้มๆก่อนจะปล่อยมือจากเอวผมแล้วเดินไปหยิบนมจากในตู้เย็นมากินบ้าง
 
“ กูก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เข้าใจอยู่แล้วเรื่องที่พี่มึงจะเหนื่อย ” บอกแบบนั้นก่อนจะดึงตัวเองขึ้นไปนั่งบนเค้าเตอร์ครัวส่วนที่ว่างแล้วดึงขนมที่เปิดไว้นานแล้วขึ้นมากิน

“ แล้วมีอะไรจะพูดกับกู ”

“ กูมีเรื่องจะปรึกษา ” อีกคนพยักหน้ารับทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองหน้ากัน “ เรื่องพี่เมด ” ใบหน้าเพิ่งตื่นหันมามองหน้ากัน พี่เจขมวดคิ้วตอนมองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจออกมา ตอนเห็นความไม่สบายใจที่ฉายอยู่บนหน้าผม

“ เรื่องเหี้ยถูกมั้ย ”

“ เหี้ยมากด้วย ” หลอดนมที่เจาะอยู่บนกล่องถูกชะงักที่จะดูดเข้าไปอีกคนเหลือบมองผม

“ ว่ามา ”

“ เมื่อวานตอนกูไปห้างระหว่างรอพี่เดย์อยู่ กูเจอไอ้เชี้ยบินกับเพื่อนพี่เมดที่ชื่อจิง มันสองคนคุยกันอยู่ที่ร้านหนังสือ ” ผมถอนหายใจออกมาในตอนที่เล่า “ เนื้อหามันเหมือนว่า เชี้ยบินมาบอกเลิกกับพี่จิง เพราะจะจริงจังกับพี่ยีนส์คนที่ตอนนั้นพี่เมดเห็นว่าเอากันอยู่ในห้อง ” คนฟังขมวดคิ้วในตอนที่ผมเล่า “ แล้วพี่จิงก็พูดขึ้นว่า ‘ กูเองก็มีอะไรกับมึงลับหลังเมดเหมือนกันกับไอ้ยีนส์แต่ทำไมสุดท้ายถึงเลือกยีนส์แต่ไม่ใช่กูละวะบิน ’ ”

“ เชี้ย เดี๋ยวนะ ” พี่เจชะงักนมที่ถือ เค้านิ่งไปนานเหมือนกำลังประมวลผลในสิ่งที่ฟัง “ คือมึงจะบอกกูว่า นอกจากไอ้บินมันจะเอากับไอ้ยีนส์ มันก็ยังเอากับไอ้จิงด้วย ซึ่งตอนนั้นไอ้บินมันก็ยังคบกับไอ้เมดแล้วตอนนั้นไอ้สองคนนี้ก็คือยังเป็นเพื่อนที่ดีของไอ้เมดอยู่ถูกมั้ย ”

“ อื้ม ”

“ เชี้ย ” พี่เจสบถออกมาก่อนจะถอนหายใจ “ ต้องเหี้ยยังไงถึงทำได้ขนาดนั้นวะ แล้วนี่ยังไงบอกไอ้เมดรึยัง ” ผมส่ายหน้าไปมากับคำถามนั้น

“ ไม่กล้า เมื่อวานตั้งจะโทรไปบอกแต่ก็ไม่กล้า ” ก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจออกมา “ พอพี่เมดรับสายจริงๆ เสียงเค้ามีความสุขมากเลยมึง กูไม่กล้าบอกอะ กูไม่อยากทำให้พี่เมดไม่มีความสุข แต่กูก็ไม่อยากให้พี่เมดโดนใครทำร้ายอีกเหมือนกัน กูกลัวว่าถ้าพี่เมดรู้ความจริงพี่เมดจะตกใจ กูกลัวอะไรหลายๆอย่างที่กูไม่รู้ว่าตอนนี้พี่กูรู้สึกยังไง กูกลัวว่าพี่เมดจะทะเลาะกับพี่อาฟด้วย ”

“ กูเข้าใจ ” คนที่ยืนอยู่ข้างกันเดินเข้ามากอดผมไว้ มือที่ลูบหลังของเค้าทำให้ผมเอื้อมมือไปกอดตอบอีกคนไว้แน่น

“ สงสารพี่เมดอะมึง ทำไมพี่กูต้องมาเจอเรื่องที่มันเหี้ยแบบนี้ด้วยวะ พี่กูไปทำอะไรให้พวกมันนักหนา ทำไมถึงจ้องแต่จะทำร้ายพี่กูด้วย ทั้งๆที่พี่ชายกูมีแต่ความหวังดีให้พวกมัน พี่กูไม่เคยเอาเปรียบใคร ถ้าให้อะไรได้พี่กูก็ให้ตลอด ตอนสอบพี่เมดก็คอยนั่งทำสรุปเก็งข้อสอบให้พวกมัน ต้องอ่านหนังสือเยอะกว่าใครเพื่อจะได้ไปสอนพวกมันอีกที แล้วมึงดูสิ่งที่พวกมันทำกับพี่กูสิ อึก.. ทำไม ทำไมมันเหี้ยกับพี่กูขนาดนี้ ทำไมใจร้ายขนาดนี้  อึก ทำไมวะพี่เจ ทำไม อึก ทำไมต้องทำให้พี่เมดเสียใจด้วยวะ ฮือๆ กูสงสารพี่เมดอะมึง ทำไมมันไม่สงสารพี่เมดบ้างเลย ”

“ ใจเย็นก่อน กูเข้าใจว่ามึงเสียใจ แต่ใจเย็นก่อน ไม่ต้องร้องไห้ ” มือที่เอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้กัน อีกคนขยี้หัวผม “ กูรู้ว่ามึงรักพี่ชายมึงมาก ปกติถ้าเป็นมึงก็ต้องพูดออกไปแล้ว แต่ครั้งนี้มีคิดก่อนพูด ดีมากเลยกูขอชมนะวิว ”

“ กูแค่ไม่อยากให้พี่เมดเสียใจ ” เงยหน้าขึ้นเถียงอีกคนพลางปาดน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่ตรงข้างแก้มด้วยหลังมือ “ แล้วทำยังไงดี มึงว่ากูควรเล่ามั้ยพี่เจ พี่เมดควรรู้เรื่องนี้มั้ย หรือมึงคิดว่ายังไง ”

“ กูก็ไม่รู้ ” อีกคนบอกผมก็ได้แต่ถอนหายใจ “ เราไม่ใช่ไอ้เมดนะวิว เราไม่รู้หรอกว่ามันจะรู้สึกยังไงเมื่อได้ฟัง อาจจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว หรือบางทีอาจจะรู้สึกมากเราก็ไม่รู้ เพราะงั้นการที่มึงคิดอย่างดีก่อนที่จะพูดแบบนี้ มันดีที่สุดแล้ว ความจริงไม่ใช่สิ่งที่ควรพูดเสมอไปหรอก มันต้องดูอะไรหลายๆอย่าง เวลา ความรู้สึกของคนฟัง ” ผมพยักหน้ารับอีกคนในตอนนั้นพี่เจก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจ มันคงรู้สึกแย่กับเรื่องนี้ไม่ต่างจากผม  “ แต่ความจริงแม่งไม่ใช่สิ่งที่รู้แล้วจะดีเสมอไปจริงๆวะ บางทีความจริงแม่งก็เหี้ยมาก ส้นตีนจริงๆ ”

“ แล้วเราจะทำยังไง ไม่บอกแบบนี้น่ะเหรอ ”

“ กูบอกไอ้อาฟได้มั้ย ” คำถามที่ทำให้ผมนิ่ง “ เพราะกูเชื่อว่า มันรู้ว่าต้องทำยังไง ”

“ แล้วถ้าตอนที่พี่อาฟเล่าแล้วพี่เมดเกิดเสียใจขึ้นมา พี่อาฟจะไม่คิดมากอีกเหรอวะ ว่าพี่เมดยังรักไอ้เชี้ยบินอะ ”

“ ไม่หรอก ” พี่เจบอกผม “ มันไม่ได้เพิ่งผ่านเรื่องเหี้ยๆนี่มา มันผ่านกันมาหลายครั้งแล้ว กูเชื่อว่าอาฟน่าจะรู้ว่าต้องทำยังไง มั่นใจในตัวพี่เขยมึงหน่อย ”

“ เหรอ ”

“ อย่าลืมสิวิวว่าตอนนี้คนที่ไม่อยากให้ไอ้เมดเสียใจไม่ได้มีแค่มึงคนเดียวแล้วนะ แต่มันมีไอ้อาฟเพื่อนกูด้วยจริงมั้ย ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะถอนหายใจอย่างเบาใจออกมาเพียงแค่ได้ยินประโยคนั้น “ งั้นพี่มึงก็เล่าพี่อาฟนะ กูจะเล่ามึงแบบละเอียด มึงก็เอาไปเล่าให้พี่อาฟฟังแล้วกัน ”

นั่งเล่าเรื่องราวพวกนั้นให้พี่เจฟัง ผมอธิบายแม้แต่สายตาเจ็บปวดของพี่จิงที่ตัวเองได้เห็น ก่อนจะถอนหายใจโล่งอกออกมาตอนที่เล่าจบ ก็อย่างที่พี่เจบอก ‘ พี่เมดยังมีพี่อาฟที่ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ทำให้เสียใจ แล้วสำหรับเรื่องนี้เค้าคงคิดหาทางบอกให้พี่เมดรู้แบบไม่เสียใจ หรือไม่ก็เสียใจน้อยที่สุดแน่นอน ’

“ ว่าแต่ เป็นไอ้เหี้ยบินนี่ก็คุ้มดีนะ ได้หมดครบวงเลย มันแน่นอนจริงๆ ” พี่เจว่ายิ้มๆผมก็แต่แบะปากแล้วเหล่มองอีกคน

“ มึงอยากลองเป็นมันดูบ้างมั้ยละ แต่บอกไว้ก่อนว่ากูไม่ใจดีนะ ไอ้โมเม้นท์แบบที่เห็นแล้วช็อกแบบที่เมดที่เดินออกไปมันจะไม่เกิดขึ้นกับกูหรอกนะ เพราะถ้าเป็นกู คือกูจะเดินไปหยิบมีดแล้วก็มันตัดKมึงทิ้งซะจำไว้ ”

“ ตัวแค่นี้ทำไมโหดจัง ” โดนพี่เจดึงเข้าไปกอดก่อนจะหอมแก้ม วินาทีนั้นผมมองหน้าอีกคนแบบหาเรื่อง “ กูไม่ทำหรอก กูไม่ใช่พวกวิตถาร ”

“ มึงว่าไอ้เชี้ยบินเป็นวิตถารเหรอ ”

“ แล้วคนปกติที่ไหนจะชอบเอากับคนใกล้ตัวแฟนแบบมัน คนเดียวยังพอว่าแต่นี่ทั้งสองคน งั้นแสดงว่ามันก็คงเป็นพวกชอบเซ็กส์แบบที่ต้องหลบๆซ่อนๆ มีอารมณ์กับคนใกล้ตัวแฟนแต่กับแฟนตัวเองก็ไม่ค่อยมีอารมณ์เท่าไหร่รึเปล่า ”

“ พี่เมดเคยเล่าว่ามันชอบชวนพี่เมดเอากันแบบในที่สาธารณะ พวกห้องน้ำห้าง ห้องน้ำมหาลัย แต่พี่เมดไม่ชอบเลยไม่เคยเอากับมันเลย แล้วมันก็เป็นพวกที่ชอบมีอะไรกับคนที่ยังไม่พร้อมอะ มันไม่เล้าโลมด้วยนะ คือเหมือนจะใส่ก็ใส่เลย พี่เมดเลยไม่ค่อยมีอะไรกับมัน เหมือนกลัวด้วยละ สี่ปีที่คบมาคงไม่ถึงห้าครั้งมั้ง แล้วเพราะแบบนั้นไง มันเลยนอกใจพี่เมดบ่อยๆ ”

“ ดีนะที่แม่งเลิกกันได้ ”

“ เออ กูแม่งโล่งอกโล่งใจ แล้วถึงพี่อาฟแม่งจะปากเหี้ยแบบไม่หน่อยแต่ก็เอาวะ ยังไงแม่งก็รักพี่เมดของกู รายนี้ถนอมยิ่งกว่าพ่ออีกมั้ง ”

“ แต่กูเองก็ไม่ต่างจากอาฟนะ ” มือที่เริ่มเลื้อยเข้ามากอดเอว พี่เจจูบลงบนริมฝีปากของผมที่ก็มองมันก่อนจะถาม

“ อะไรที่ว่าไม่ต่าง ”

“ ความรักที่กูมีให้มึงไง ”

“ งั้นพิสูจน์หน่อยสิ ” เอื้อมมือไปกอดรอบคออีกคนไว้ก่อนจะใช้เท้าเกี่ยวเข้ากอดที่เอว “ พอดีกูเชื่อคนที่การกระทำมากกว่าคำพูด ”


“ งั้นคงต้องไปที่เตียง เพราะการทำให้ใครสักคนเชื่อใจ มันทำรอบเดียวไม่ได้อยู่แล้ว ”

.............................................................

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 07-12-2018 21:14:03
นอกหน้าต่างรถที่เคลื่อนไปมีแต่ความเบื่อหน่ายผสมกับความเขี้เกียจลอยคุ้งเต็มไปหมดในความรู้สึกของผม ‘ ไม่เคยเกลียดการเรียนเช้าเท่าวันนี้เลย ’ ในใจที่พูดกับตัวเองแบบนั้น ผมก้มลงกัดแซนด์วิชแฮมชีสในมือก่อนจะเคี้ยวแล้วหันไปหยิบนมช็อกโกแล็ตขวดเดิมที่เคยได้รับตอนสมัยม.ปลายขึ้นมาดูดก่อนจะวางมันลงตรงที่วางแก้วข้างๆกับแก้วกาแฟคาราเมลมัคคิอาโต้ของคุณอารยะที่ตอนนี้กำลังเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยไปตามจังหวะเพลงที่กำลังเปิด ‘ ช่างมีความสุขเหลือเกินพ่อคุณ ’

แต่เมื่อคืนมึงเล่นจัดการกูขนาดนั้น มึงจะไม่มีความสุขได้ยังไง มีแค่กูนี่แหละ ที่ทั้งเหนื่อย ทั้งง่วง ทั้งๆที่ได้กลับบ้านตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืน แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะยังไงก็ได้นอนตอนตีสามอยู่ดี แม้เอาเข้าจริงผมไม่ควรที่จะเบื่อกับมาเรียนเช้าขนาดนั้น เพราะอาฟขับรถมาส่งผมทั้งๆที่ไม่มีเรียนมันยังไม่เบื่อเลย ทั้งๆที่ธุระของตัวเองก็ไม่ใช่

“ หิว ” คนขับรถพูดเสียงเบาออกมาคล้ายบ่น  ทั้งๆที่แซนด์วิชของมันก็ตั้งอยู่บนตักผม และผมเองก็บอกมันแล้วว่าให้หยิบไปกินแต่อาฟก็คืออาฟ ในช่วงเวลาแบบนี้ข้ออ้างร้อยแปดของมันก็ถูกพูดออกมาแบบไม่หยุดปาก ขับรถอยู่บ้าง ไม่ถนัดบ้าง ทั้งๆที่จริงมันก็แค่ต้องการให้ผมป้อนมันก็เท่านั้น

“ กินสิ ” เชิดหน้าไปที่แซนด์วิชที่ตั้งอยู่ อีกคนก็เหลือบมอง

“ ขับรถ ”

“ ตอนนี้ติดไฟแดง ”

“ เดี๋ยวก็เคลื่อนแล้ว ” หันไปมองเลขสีแดงที่กำลังนับถอยหลังทั้งๆที่ยังคงเป็นเลขสามหลัก

“ เลขสามหลัก ไม่น่าเดี๋ยว เชิญครับคุณอารยะ ” ผมหยิบถุงแซนด์วิชยื่นให้มัน แต่อีกคนยังนิ่ง “ อย่าให้พี่มิณทร์ต้องดุหนูนะครับ ”

“ ปัญญาอ่อน ” มันว่ายิ้มๆก่อนจะดึงเบรคมือขึ้นแล้วดึงตัวเองเข้ามาจูบผม สายตาที่สบกันของเรา จะต้องให้พูดอีกสักกี่ครั้งก็ขอยืนยันว่าเกลียดช่วงเวลาแบบนี้จริงๆ ความรู้สึกตอนโดนจู่โจมแล้วหัวใจเต้นแรงแบบนี้ ผมเป็นฝ่ายเหลือบตาไปมองฝั่งอื่นในท้ายที่สุดแบบคนแพ้ ในตอนนั้นอาฟก็บอก “ ป้อนหน่อย ”

“ มีมือก็ไม่แดกเอง เรื่องมากจริงๆ ” จำใจหยิบแซนด์วิชของมันขึ้นมาในท้ายที่สุด แล้วคนที่อ่อนให้ก็คือผมในทุกครั้งอยู่ดี จัดการเปิดถุงอาหารเช้าก่อนจะฉีกกระดาษตามรอยเปิดที่มีให้ ผมยื่นไปทางมัน อาฟก้มลงมากัดแล้วเคี้ยวอยู่สักพักก่อนจะถาม

“ เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนปวดขี้ ”

“ กูขี้เกียจ ” สารภาพออกไปตามความจริง “ กูแบบขี้เกียจมาเรียนมากกกกก เบื่อรถติดด้วย กูอยากนอน กูปวดตัว วิชานี้แม่งชอบให้งานกลุ่ม โคตรน่าเบื่อ ”

“ อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้วไง ” มือหนาเอื้อมมาขยี้หัวกันเบาๆเหมือนจะปลอบให้อดทนหน่อย

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับ “ มึงวางแพลนอนาคตหลังเรียนจบไว้ว่ายังไงวะ เรียนต่อมั้ย หรือยังไง ”

“ ไม่รู้แต่คงไม่เรียนต่อ ขี้เกียจ ”

“ กูก็คิดว่าคงไม่เรียนต่อเหมือนกัน แต่ว่าจะไปสอบเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี ถึงมันจะยากมากกกกกกกก็เถอะ แต่ยังไงกูก็คิดว่าจะลองสอบไว้ ” ผ่อนลมหายใจออกมาในตอนที่คิดถึงอนาคตที่ยังไม่สามารถวางแพลนอะไรได้แน่นอน แต่คิดว่าตัวคงจะเหนื่อยน้อยลงกว่านี้หน่อย  อย่างน้อยเลยก็คือไม่มีเรียนแล้วจะได้พักผ่อนเต็มที่แม้จะต้องแปลงร่างเป็นมนุษย์กลางคืนแบบเต็มสูบก็ตาม

รถเลี้ยวเข้าไปในเขตมหาลัยของผมหลังจากขับมานาน แซนด์วิชที่ผมป้อนอาฟอยู่ก็มาถึงคำสุดท้ายพอดีเช่นกัน และตอนที่รถจอดลงที่หน้าคณะผมอีกคนก็บอก

“ เลิกเรียนเจอกัน ”

“ แล้วนี่มึงจะไปไหน ”

“ กลับบ้านไปนอน ” บอกกันแบบนั้นแต่ผมก็รู้ว่ามันไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะสิ่งที่อาฟทำทุกครั้งคือไม่หาร้านกาแฟนั่งก็ไปวนหาที่จอดรถก่อนจะถือไอแพตมานั่งเล่นเกมส์อยู่หน้าคณะผม

“ ให้มันจริงเถอะครับ ” หันไปบอกก่อนจะเก็บเอาของกินทุกอย่างใส่ถุงใบเดียว แต่ยังไม่ทันเปิดประตูคนขับก็จับแขนกันไว้ก่อน

“ เหมือนมึงจะลืมอะไร ” อาฟบอกแต่ผมยังไม่ทันจะถามอะไร อีกคนก็ดึงตัวเองเข้ามาจูบกันแล้วดึงตัวเองกลับไปประจำที่เดิมเหมือนเมื่อครู่แบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆที่หูมันแดงจัด

“ อาฟ มึงแม่ง..” สุดท้ายก็ได้แต่สบถก่อนจะถอนหายใจแล้วดึงตัวเองเข้าไปหอมแก้มมันที่ก็หันมามองแบบตกใจอยู่ไม่น้อย “ เดี๋ยวเจอกัน ”

“ ตั้งใจเรียน ”

“ ครับผม ”

ภายในห้องเรียนที่กำลังจะเริ่มการสอนในอีกไม่นาน ผมมองหาโต๊ะเลคเชอร์ตัวที่ว่างก่อนจะหันไปเห็นโต๊ะตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้เพื่อนที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว

“ ฝ้าย นั่งด้วยคน ” ผมทักเธออีกคนที่ก็หันมายิ้มกว้างให้ก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ทำไมวันนี้มาสายวะ แฟนมาส่งสายเหรอ ”

“ อื้ม แต่กูตื่นสายด้วยละ ” ยิ้มแห้งๆให้คนข้างตัวที่ก็เอียงเข้ามาใกล้ก่อนจะแซวกัน

“ นี่เมดกูเพิ่งเห็นแฟนมึงชัดๆ ชื่ออะไรนะ อาร์ค ? ”

“ อาฟ ชื่อ อาฟ ” ผมบอกเธอที่ก็พยักหน้ารับแบบตื่นเต้น

“ นั่นแหละๆ ปกติกูไม่เคยเห็นเค้าใช่มั้ยแต่ใครๆก็ลืกกันว่าหล่อ กูก็ไปจินตนาการต่อยอดเอาเอง ” ขมวดคิ้วกับคำพูดอีกคนแบบงงๆแต่ก็ยังยิ้มกว้าง ผมสบถอยู่ในใจ

‘ ยังไงวะนั่น ’

“ แล้วคราวนี้เมื่อวันก่อนกูเข้าเฟสบุ๊คแล้วเพจคิ้วบอยมหาลัยมันอัพภาพผู้ชายคนนึงขึ้นมา แล้วโคตรหล่อเลยมึง แต่พอเลื่อนไปอ่านคอมเม้นท์ สรุปว่าเป็นแฟนมึงอะ แค่คนแอบถ่ายคิดว่าเป็นเด็กมหาลัยเรา แล้วตอนนั้นก็มีเพจของมหาลัยของเค้ามาแชร์ต่อด้วยเว้ย คนกรี๊ดกันตรึมจ้า ”

“ เหรอวะ ”

“ จริง นี่กูแคปไว้ด้วยนะ ” ฝ้ายบอกแบบนั้นก่อนจะหยิบมือถือของตัวเองแล้วก็ยื่นภาพที่แคปไว้มาให้ผมดู “ นี่ไง หล่อเนอะ มึงหามาจากไหนเนี้ย อิจฉาเลยอะ ”

“ แถวลานจอดรถใต้ห้างอะ ” บอกอีกคนเสียงเรียบๆ อีกคนก็เอียงหน้าเข้ามาใกล้เหมือนได้ยินไม่ชัด

“ มึงว่าอะไรนะ อะไรห้างๆ ”

“ ก็มึงถามว่ากูหาได้จากไหน ตอนเจอกันวันแรกกูเจอมันที่ลานจอดรถใต้ห้าง ”

“ อ๋อออ แบบนี้นี่เอง แต่เค้าหล่อมากเลยนะ แต่มองดูดีๆก็ดูดุๆนะ ตัวจริงดุมั้ย ”

“ มันหน้าดุ แต่จริงๆมันใจดี แล้วก็ชอบกวนตีนด้วย ”

“ เฉพาะมึงเปล่า ที่บอกว่าใจดีอะ ” หลุดหัวเราะออกมากับคำแซวนั้นก่อนจะยิ้มกว้างแล้วเอื้อมมือไปดึงหูตัวเองที่แดงจัดเพื่อระบายความรู้สึกเขินอายนั้น จะบอกว่าดีแค่กับผมมันก็ไม่ผิดหรอกมั้ง ก็อาฟเป็นแบบนั้นจริงๆ “ หน้าแดงใหญ่ อิจฉาเว้ย หมั่นไส้ๆ ”

“ อย่าแซวๆ พอได้แล้ว ”

“ ตั้งแต่มีแฟนใหม่คนนี้มึงดูมีความสุขมากเลยรู้มั้ย ” เสียงของฝ้ายเปลี่ยนเป็นจริงจังในตอนที่เราเงียบไปสักพัก เธอยิ้มให้ผม มันเป็นรอยยิ้มแสดงความยินดีที่แววตานั้นฉายออกมาอย่างจริงใจ “ แบบเมื่อก่อน เวลามึงเดินเข้าห้องมามึงจะชอบนั่งหน้ายุ่งบ่อยๆ บางทีก็ล้าๆเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจตลอดเวลา แต่เดี๋ยวเวลามึงเดินเข้ามา มึงยิ้มเข้ามาตลอด ตามึงก็ยิ้ม เหมือนมีความสุขจริงๆอะ ”

“ อื้ม กูมีความสุข ” ผมบอกอีกคน “ ถึงจะมีบ้างที่ทะเลาะกัน แต่มันก็แค่ตามประสาแฟนปกติ ยังไงถ้าเอามาเปรียบเทียบกันกูก็มีความสุขมากกว่ามีความทุกข์มากๆอะ ”

“ ก็คือ อิจฉาจ้า กูบอกเลย ” ฝ้ายบอกยิ้มๆ “ อยากมีแฟนดีๆบ้างอะไรบ้าง ”

“ มันไม่มีดีที่สุดหรอก แต่มันมีคนที่เหมาะกับมึงอยู่ เชื่อกูสิ ”

“ สาธุบุญนะเมด ขอให้มันเป็นคนที่เกิดมาแล้วด้วยนะ เพราะตั้งแต่เกิดมากูยังไม่เคยมีแฟนเลยอะ ” มือที่พนมกันก่อนจะยกขึ้นจรดระหว่างคิ้วในตอนที่พูด ผมหลุดหัวเราะท่าทางนั้นก่อนจะหันไปมองข้างหลังแล้วพบว่าตอนนี้ จิง อดีตเพื่อนสนิทกำลังมองผมอยู่ ผมยิ้มให้มัน อีกคนก็ยิ้มกลับ ส่วนยีนส์ที่นั่งข้างกันก็กำลังนั่งเล่นเกมส์อยู่ในมือถือ มันไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่

“ มีความสุขจังเลยนะมึงน่ะ ” ผมพูดของจิงที่พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบตรงนั้นทำให้แม้แต่ยีนส์ที่เล่นเกมส์มือถืออยู่ยังเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนข้างตัวของตัวเองสลับกับหน้าผมที่ก็เหลือบสบตามองฝ้ายที่ก็ทำหน้างงไม่แพ้กัน

ก็แค่ไม่เข้าใจประโยคที่อีกคนพูด จิงไม่ได้พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอะไร มันพูดด้วยใบหน้านิ่งเฉย และไม่รู้ว่าตัวเองคิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าวันนี้หน้าตามันดูเครียดแถมใต้ตายังบวมแถมนัยน์ตายังแดงแตกต่างไปจากทุกทีที่เจอกัน

“ มึง ” ยีนส์เอ่ยเรียกคนข้างตัว ส่วนคนโดนเรียกก็แค่หันไปแสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจใส่เท่าไหร่จนต้องถาม “ เป็นอะไร ”
“ เปล่า ” คำตอบสั้นๆจากปากของจิง มันหันมายิ้มให้ผม “ กูแค่มีความสุขมากๆ ที่ไอ้เมดมันมีความสุข รวมถึงมึงด้วย ” ท้ายประโยคมันหันไปหายีนส์ที่ก็ได้แต่ขมวดคิ้ว ในตอนนั้นเสียงเบาๆจากปากของจิงดูเหมือนเป็นคำพูดทีเล่นทีจริง “ พวกมึงมีความสุขจนกูอิจฉาเลยรู้มั้ย ”

“ เป็นอะไรของมันวะ ” ฝ้ายหันมากระซิบผมเสียงเบาๆ ในตอนนั้นผมก็ส่ายหน้า

“ ไม่รู้วะ ”

“ ผีเข้าแน่ อยู่ๆมาแสดงความยินดีกับมึงทั้งๆที่มันก็ทำเหี้ยกับมึง ” หลุดหัวเราะออกมาในตอนนั้น เราไม่ได้พูดอะไรกันต่อเพราะในตอนนั้นอาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาพอดี

การเรียนการสอนเริ่มต้นขึ้นด้วยความเบื่อหน่าย ผมจดๆเขียนๆทุกอย่างลงไปในไอแพตขีดๆข้อความสำคัญและตกแต่งมันไปเรื่อยเปื่อย เริ่มใช้ถนัดขึ้นแล้วจากเมื่อก่อนที่จดไม่ค่อยถนัดแต่ตอนนี้ก็รู้สึกว่ามันสะดวกมาก มากจนผมเผลอคิดว่ารู้แบบนี้ก็น่าจะซื้อมาใช้นานแล้ว

“ นี่เมด ” เสียงของคนที่นั่งข้างกันเอียงหน้าเข้ามาทัก ผมหยุดมือที่กำลังขีดเน้นข้อความก่อนจะเอียงไปหาคนเรียก “ กูรู้สึกว่าไอ้จิงไอ้ยีนส์มันมองมึงตลอดเลย ”

“ เหรอ ” ผมตอบกลับแต่ก็ไม่ได้เหล่มองไปข้างหลังอะไร “ ทางผ่านสายตาไปอ่านสไลค์ข้างหน้ามากกว่าละมั้ง ไม่มีอะไรหรอก ”

“ เหรอ ” เธอตอบอย่างไม่แน่ใจแต่ก็ยอมพยักหน้ารับลง เราหันกลับไปสนใจเรียนต่อ ช่วงเวลาผ่านล่วงเลยจากชั่วโมงเข้าสู่สองชั่วโมงจนมาถึงสไลค์หน้าสุดท้ายที่ถูกสอนจบลง เวลาที่เหลืออยู่ประมาน 20 นาทีในตอนนั้นอาจารย์หน้าห้องก็พูดขึ้น

“ เดี๋ยวอาจารย์จะให้จับกลุ่ม 4 – 5 คนเพื่อทำรายงานกลุ่มตามหัวข้อในสไลค์ตรงแผ่นที่ 14 นะคะ เพราะงั้นจับคู่กับเพื่อนแล้วเขียนชื่อของตัวเองและรหัสนักศึกษามาส่งที่อาจารย์ก่อนหมดคาบด้วยนะ ”

“ โอยยยย ” ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะพิงหลังจากกับเก้าอี้ที่นั่งแล้วหันไปมองข้างตัวเองเป็นอันดับแรก “ จับคู่กันนะฝ้าย ”

“ เอาสิ เดี๋ยวหาเพื่อนก่อน ” เธอบอกก่อนจะไปสะกิดคนข้างหน้าเพื่อถามไถ่แต่ทว่าดูเหมือนคนพวกนั้นจะมีกลุ่มแล้ว ผมหันมาข้างหลังมองผ่านเลยคนสองคนเพื่อถามคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งแต่เหมือนว่าคนพวกนั้นก็จะมีกลุ่มแล้วเหมือนกัน

“ มีใครจะไม่มีกลุ่มมั้ย กูกับเมดขาดอยู่ 3 ไม่ก็ 2 คนก็ได้ ” เธอบอกแบบนั้นก่อนที่จิงจะพูดขึ้น

“ กลุ่มกูขาดอยู่สองคน ถ้าไม่คิดมากอะไร อยู่ด้วยกันก็ได้ ” คำพูดนั้นทำให้ฝ้ายหันมามองผมอย่างลังเลที่จะตัดสินใจ เธอคงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่ต้องรวมกลุ่มกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่ทรยศผม

“ ก็ดีนะ ” ผมบอก ฝ้ายก็ได้แต่นิ่งแต่ตอนนั้นผมยิ้ม “ กูโอเค มึงโอเคมั้ย ”

“ ขนาดมึงยังโอเค งั้นกูก็ต้องโอเค ” เธอบอกก่อนจะก้มลงหยิบกระดาษขึ้นมาก่อนจะเขียนชื่อของตัวเองลงไปเป็นลำดับแรก แล้วก็ยื่นมาให้ผม “ เขียนมานะจะได้เอาไปส่งอาจารย์ ”

“ โอเค ” ก้มหน้าลงเขียนชื่อตัวเองพร้อมรหัสก่อนจะส่งให้คนข้างหลัง ที่พอเขียนเสร็จยีนส์ก็เป็นตัวแทนกลุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเอาไปส่งให้อาจารย์ด้านหน้า

“ งั้นกูเอาไปส่งนะ ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับอีกคนก็นิ่งไปก่อนจะเดินออกไปข้างหน้า ในตอนนั้นฝ้ายก็หันมาถาม   

“ โอเคแน่เหรอเมด ”

“ โอเคสิ ” ยิ้มให้คนที่ดูเป็นห่วง “ กูไม่คิดอะไรแล้วละมึง ไม่ต้องห่วง ”

“ ให้มันแน่ ”

“ ยิ่งกว่าแน่ ” ยักคิ้วอย่างมั่นใจแต่ผมก็รู้สึกแบบนั้นอย่างที่บอกไป

‘ ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ’ ไม่ได้รู้สึกไม่อยากทำงานร่วมกันหรือแม้แต่รังเกียจอย่างที่เคยเป็นก็ไม่ได้มีอยู่ในความคิด ผมรู้สึกเฉยๆต่อให้ต้องโดนแกล้งเหมือนรอบที่แล้วผมก็คงแก้เนื้อหาและไปส่งอาจารย์เหมือนเดิม อีกอย่างผมรู้สึกว่ายีนส์เองก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นแล้วด้วย ถึงแม้ใครจะพูดว่า ‘ อย่าคิดไปเอง ไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน และมั่นใจได้ยังไงก็เถอะ ’

“ งั้นเรื่องรายงาน เรานัดคุยกันเรื่องหัวข้อที่จะทำทีเดียวเลยแล้วกัน หาเวลาว่างสักวันมาทำช่วยกันหาข้อมูลแล้วแยกย้ายไปพิมพ์กูว่าน่าจะเสร็จ ” ฝ้ายพูดขึ้นหลังจากหมดเวลาเรียน  อาจารย์ออกไปจากห้องแล้ว ทุกคนที่เหลือจะค่อยๆทยอยออกไป ผมเองที่ลุกขึ้นพร้อมฝ้าย จิงกับยีนส์ก็พยักหน้ารับไม่ได้พูดอะไร “ ยังไงกูจะติดต่อไปทางไลน์แล้วกันนะ ”

“ โอเค ” ได้ยินเสียงตอบรับแค่นั้น เราสองคนก็เดินออกมาจากห้องแต่ทว่าผมก็หยุดชะงักก่อนเพราะคิดขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ส่งข้อความไปหาคนมารับเลย

“ เลิกเรียนแล้วจะไปไหนต่อ ” ฝ้ายหันมาถามตอนที่เห็นว่าผมหยุดเดิน

“ อาฟมันมารับน่ะ ”

“ โอเค งั้นกูไปก่อน เจอกันนะ ”

“ เจอกัน ” ผมโบกมือลาอีกคนก็เดินลงชั้นล่างไป เหลือแค่ผมที่หยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะกดโทรออกไปหาอาฟ เสียงรอสายที่ดังอยู่ไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ

“ ว่าไง ”

“ เลิกเรียนแล้วละ ”

“ ก็ลงมา ”

“ รออยู่ที่หน้าคณะกูแล้วเหรอ ”

“ อื้ม ”

“ อารยะเด็กดี ”

“ ปัญญาอ่อน ” อีกฝ่ายตอบกลับมาผมก็ได้แต่ยิ้ม

“ ไปกินคากิโกริกัน อยากกินน้ำแข็งไส ”

“ ขาหมูอะนะ ” คนฟังบอกผมก็ได้แต่ถอนหายใจกับความเชยของมัน

“ คากิมันขาหมู แต่อันนี้ไม่ใช่คากิ อันนี้ คากิโกริ ” อีกคนเงียบ “ ไม่รู้จักอะดิ มาครับน้องเมดจะทำการพรีเซ้นให้พี่อาฟฟังนะ คากิโกริก็คือน้ำแข้งไสแบบญี่ปุ่นครับผม ไปกินกันนะกูอยากกิน ”

“ อื้ม แต่กูหิว เที่ยงแล้วต้องกินข้าวก่อน ”

“ งั้นแวะกินข้าวกันก่อนก็ได้เอาที่สยามนี่แหละ เพราะร้านน้ำแข็งไสกูก็อยู่ตรงนั้น ”

“ งั้นก็รีบลงมา ” อีกฝ่ายบอกผมก็แกล้งทำเป็นแซวมัน

“ คิดถึงกูแล้วก็บอก ไม่ต้องทำมาเป็นเร่งเร้า ”

“ อื้ม คิดถึง ” สายที่ตัดลงไปผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาแล้วถอนหายใจใส่หน้าจอมือถือ ไม่เคยแกล้งแม่งสำเร็จเลย สุดท้ายก็เป็นกูทุกทีที่เขินมึง ไอ้บ้าเอ้ย

“ เมด ” เสียงคุ้นของจิงที่เอ่ยรียกผมที่ก็ยิ้มให้มัน อีกฝ่ายก็เดินตรงมาหา ผมไม่เห็นยีนส์คู่หูของอีกฝ่ายตรงแถวนั้นแล้วตอนที่มองหาเหมือนจิงเองก็จะรู้ “ ไอ้ยีนส์มันไปข้าห้องน้ำน่ะ ”

“ อ๋อ แล้วมึงยังไม่กลับเหรอ ”

“ ยัง ว่าจะไปหาอะไรกินกับไอ้ยีนส์ก่อน มึงละ ”

“ กำลังกลับ อาฟมารับแล้ว ”

“ นี่กูมีอะไรจะบอกมึงหน่อย ” สีหน้าที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนั้นเอ่ยพูดขึ้น ผมก็ได้แต่นิ่ง “ เมื่อวานกูเจอแฟนมึงด้วย ”

“ อาฟน่ะเหรอวะ ”

“ อื้ม ”

“ ที่ไหนวะ ”

“ ที่ห้างแถวพร้อมพงษ์เหมือนจะไปกินข้าวกับใครสักคน ว่าแต่อาฟมันมีน้องสาวด้วยเหรอวะ ” คำถามขออีกคนทำให้ผมนิ่งคิดก่อนจะส่ายหน้า

“ ไม่มีนะ แล้วมึงเจอมันช่วงกี่โมง ”

“ คงเป็นเที่ยง ” อีกคนว่าด้วยสีหน้าแบบไม่สู้ดีนักเหมือนว่า ตัวมันก็ไม่ค่อยอยากจะเล่าเท่าไหร่ “ กูคิดอยู่นานว่าจะเล่ามึงมั้ย กลัวมึงรู้สึกไม่ดี ”

“ แต่กูว่ามึงคงจำคนผิดมากกว่านะ ” ผมยิ้มบอกจิงที่ก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที “ เมื่อวานตอนเที่ยงอาฟมีเรียนแล้วกูก็ไปกับมันด้วย เพราะงั้นถ้าเป็นระหว่างเรียนก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นอยู่แล้วเพราะกุญแจรถอาฟอยู่กับกู กระเป๋าเงินมันก็อยู่กับกู ส่วนถ้าบอกว่าเป็นหลังมันเลิกเรียนก็ไม่น่าใช่ เพราะพอมันเรียนเสร็จเราก็ไปกินชาบูกันที่ทองหล่อเลย ”

“ งั้นเหรอ ” สีหน้านิ่งของคนตรงหน้านั้นพูด ในสายตานั้นแข็งกร้าวอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็แอบซ่อนความรู้สึกผิดหวังไว้

“ แล้วอีกอย่างนะมึงต่อให้เป็นมันจริงๆ กูก็คงคิดว่าเป็นญาติ ไม่ก็การติดต่อธุรกิจอะไรสักอย่างมากกว่ามันจะนอกใจกูอยู่แล้ว ”

“ ทำไมวะ ทำไมมึงถึงมั่นใจนัก ขนาดไอ้บินเอง..”

“ ความเชื่อใจน่ะ ” ผมพูดขึ้นตั้งแต่มันยังพูดไม่จบ “ แล้วก็เพราะว่า นี่คืออาฟ ไม่ใช่บิน ” ยิ้มกว้างให้เพื่อนตรงหน้า “ ขอบใจที่มึงหวังดีนะ งั้นกูไปก่อนนะ อาฟคอยนานแล้ว ”

“ อื้ม ” เสียงตอบเบาๆนั่นผมไม่ได้ให้ความสนใจหรืออยากจะชักถามในความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าหรือแม้แต่ท่าทางของอีกคนเท่าไหร่ ในใจของผมมันอยากจะลงไปข้างล่าง เพราะตอนนี้ท่าทางว่าคนรอคงจะหันมองมาตรงทางลงตึกแบบนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

“ มาแล้วครับผม ไปกัน ” ผมบอกคนที่นั่งเล่นเกมส์อยู่อย่างจริงจัง อาฟปิดหน้าจอที่เล่นอยู่ทันทีมันลุกขึ้นเต็มสูง

“ ช้าชิบหาย คิดว่าตกส้วมไม่ก็ตกบันไดตายไปแล้ว ” มันว่าก่อนจะถอนหายใจ “ นี่กูก็กำลังมองหาเลย ”

“ มองหากูน่ะเหรอ ” ผมถาม แต่อีกคนก็แค่ส่ายหน้า

“ หาเมียใหม่ ”

“ ไอ้สัด ” อีกคนหลุดยิ้มออกมากับคำด่าของผม เป็นคนที่มีความสุขได้ง่ายมากๆ แค่ผมด่าอาฟก็มีความสุขแล้ว “ ท่าจะบ้าชอบให้กูด่า ” ผมบอกแต่อาฟก็ไม่ตอบอะไรมันแค่เอื้อมมือมากอดคอผมไว้ ก่อนจะยกยิ้มกวนตีนให้กันแล้วเอามือข้างที่กอดคอกันอยู่มาบีบแก้มผมที่ก็เบี่ยงหน้าออกแล้วทำทีจะไปกัดนิ้วมัน แต่อาฟที่หลบทันมันก็แค่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

ในตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้ตัวเลย ว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังมองอยู่

“ แล้ววันนี้เรียนเป็นไง ” อาฟถามขึ้นในตอนที่เราเข้ามานั่งในรถเรียบร้อย ผมคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะหันไปบอกมัน

“ กูมีงานกลุ่มอีกแล้ว ซึ่งคนในกลุ่มกูนั้นก็คือ..”

“ ซี้มึง ? ”

“ ไอ้สัด เออ! ” ทำตาโตใส่ตอนพูดอีกคนก็หัวเราะ “ โคตรเหี้ยทำไมไม่มีใครคิดจะมาอยู่กลุ่มกูเลยยังเว้นพวกแม่งที่ไม่มีใครคบเนี้ย ทั้งๆที่กูว่า กูก็ช่วยทำงานกลุ่มนะ หรือเรพาะก่อนหน้านี้กูไม่เคยอยู่กลุ่มคนอื่นเลย  แต่ก็โชคยังดีนะที่ได้เพื่อนผู้หญิงมาอีกคนนึง ”

“ แล้วเป็นไง ”

“ อะไรเป็นไง ” สบสายตาคมที่ตั้งคำถามนั้น อย่างไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมผมก็เข้าใจในสิ่งที่อาฟถามได้ในทันทีมันคงรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของผมที่ต้องทำงานกับทั้งจิงทั้งยีนส์ แล้วก็คงนึกถึงในตอนที่เราเคยทำงานร่วมกัน ผมที่ตอนนี้เคยเสียใจที่ต้องทำงานกับมัน “ กูจะไม่เป็นแบบครั้งก่อนแล้วมึง ตอนนั้นกูเสียใจก็จริงแต่ครั้งนี้ไม่มีอะไรทำให้กูเสียใจได้ทั้งนั้น เพราะมันไม่ได้มีค่าอะไรในชีวิตกูอีกพี่อารยะไม่ต้องเป็นห่วงน้องมิณทร์นะ ”

“ ใครห่วงมึง ” อีกคนเถียงผมก็ทำทีเป็นเหล่ ”

“ มองมาจากดาวอังคารยังรู้จ้าพ่อ ” ผมว่าเราก็ยิ้มให้กับ “ แต่ครั้งนี้มึงไม่ต้องห่วงจริงๆ กูไม่รู้สึกเหี้ยอะไรทั้งนั้น จริงๆนะมึง ไม่รู้สึกอะไรเลย ตอนนี้กูยังไงก็ได้ แค่มาทำงานกลุ่มแบบทำงานกลุ่มจริงๆเถอะ กูอยากให้งานมันออกมาดี คะแนนกูจะได้ดีๆด้วย ”

“ คิดได้แบบนั้นก็ดี ” อาฟบอกก่อนจะหันไปสตาร์ทรถก่อนที่จะขับออกไป ในตอนนั้นผมก็หันไปชวนอาฟคุย

“ แต่ว่านะมึง ไอ้จิงแม่งแปลกมากเลยอะ ไม่รู้กูคิดไปรึเปล่า ”

“ แปลกยังไง ”

“ ก็วันนี้มันมองกูแปลกๆ ทั้งคาบเลย แล้วก็ยังพูดอะไรแปลกๆกับกูอีก แล้วที่กูลงมาจากตึกช้านั่นก็เพราะมันนี่แหละที่มัวแต่ชวนกูคุย ”

“ คุยว่า ? ”

“ มันเข้ามาบอกกูว่ามันเจอมึงนั่งกินข้าวกับสาว ”

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 48 :: up! 2-12-61} #หน้า 45
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 07-12-2018 21:14:23
“ กู ? ” คนถูกพาดพิงหันมามองพลางขมวดคิ้วใส่ผมที่ก็พยักหน้ารับ

“ อื้ม มันบอกว่าเมื่อวานมันเจอมึงไปนั่งกินข้าวกับสาวที่ห้างแถวพร้อมพงษ์ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แหกขี้ตาตื่นมามึงก็ลากกูมาเรียนด้วยอะ แถมยังเอากุญแจรถ เอากระเป๋ามาไว้ที่กู แล้วมึงจะไปเลี้ยงข้าวสาวที่ไหนได้ พอเลิกเรียนเสร็จเราก็ยังไปกินชาบูด้วยกันอยู่เลย กูเลยบอกมันไปว่า มันคงเห็นผิดคนไป ”

“ อาจจะเป็นกูก็ได้ แบบกูยืมเงินไอ้เจไปใช้ก่อนแล้วก็อาจจะขับรถไอ้เจไป ” คนขับหันมายักคิ้วให้ผมที่ก็หันมองมันก่อนจะยิ้ม “ อย่ามั่นใจในตัวกูขนาดนั้นสิ ”

“ กูไม่ได้มั่นใจ แต่กูเชื่อใจมึงต่างหาก ” บอกแบบนั้นอาฟที่ก็นิ่งไป “ ก็มึงไม่ใช่คนเจ้าชู้ เงินมึงทุกบาทที่เข้าออกมันผ่านบัตรซึ่งกูก็เห็นอยู่แล้ว เงินสดที่มึงมีในกระเป๋ากูก็เป็นคนถอนใส่ไว้ให้ ใช้เท่าไหร่กูก็รู้หมด แต่ถึงจะไม่รู้เรื่องเงินมึงก็เป็นพวกไม่ค่อยชอบขับรถคนอื่น ยิ่งถ้าพาสาวไปด้วย คนอย่างมึงก็ต้องห่วงรูปลักษณ์ของตัวเองไว้ก่อน มึงต้องอยากขับ gtr ไปมากกว่าอยู่แล้ว อีกอย่างมึงไม่ชอบเดินห้างตรงพร้อมพงษ์ ขนาดเราไปกินเครปเค้กไมโลกันวันก่อนมึงยังบอกเลยว่าถ้าไม่มีกูมาด้วยก็ไม่อยากจะมาอีก เพราะมึงรู้สึกว่ามันยุ่งยากแล้วมึงก็ไม่ชอบทำอะไรแบบนั้น มึงเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวาย ” ผมยิ้ม  “ เพราะกูรู้จักแฟนกูดี กูเลยทั้งมั่นใจแล้วก็เชื่อใจไง ว่านั่นต้องไม่ใช่มึงแน่นอน ”

สัญญาณไฟเลี้ยวให้สัญญาณเข้าเลนซ้ายของถนนหลังจากที่ผมพูดประโยคนั้นจบ เบรคมือถูกดึงขึ้นตอนที่รถนั้นจอดสนิท เข็มขัดนิรภัยของอาฟจะถูกปลดออกก่อนร่างเพรียวของคนขับจะดึงมือผมให้เข้าไปใกล้แล้วเอียงหน้าลงจูบที่ริมฝีปาก

“ อาฟ ” เสียงที่เอ่ยที่เรียกด้วยความตกใจเป็นเหมือนกับการเปิดช่องทางให้ลิ้นชื้นของอีกฝ่ายผ่านเข้ามาในโพรงปากเพื่อส่งมอบความดูดดื่มที่กอดเกี่ยวกันและกันเอาไว้

ความเงียบไม่มีเสียงเพลงใดขัด แม้แต่เสียงแอร์ที่ได้ยินก็ไม่ได้ทำให้ความรุ่มร้อนที่อีกคนจู่โจ่มลดลงได้แม้แต่น้อย มือหนาที่จับข้อมือของผมไว้ปล่อยลงข้างตัวก่อนจะเปลี่ยนไปดึงชายเสื้อนักศึกษาของผมขึ้นจากขอบกางเกง อาฟล้วงเข้าไปด้านในเสื้อนั้นมือที่ค่อนข้างกร้านลูบไล้ไปบนรูปร่างของผมอย่างคุ้นชิน ไม่ว่าจะเป็นแผ่นหลัง เอวคอด หรือแม้แต่ยอดอกที่กำลังแข็งชันเพราะปลายนิ้วซุกซนที่สะกิดมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างรู้ดีว่านี่คือจุดอ่อนไหว

“ นี่ อาฟ ” ได้ทีเอ่ยเรียกอีกครั้งก็ตอนที่ริมฝีปากนั้นผละออกมาจูบกันที่ซอกคอ สาบเสื้อถูกปลดกระดุมบนให้กว้างขึ้นอาฟไล่จูบลงมาที่ใต้สันกระดูกไหปลาร้า ลมหายใจที่เป่ารดกับลิ้นชื้นที่ดูดเลียบนเนื้อผิว แอร์เย็นที่ต้องกายที่ไร้อาภารณ์ใดปกปิด ผมหายใจแผ่วเบาอยู่อย่างงั้นด้วยความอึดอัด ไม่ว่ายังไงก็แพ้ให้กับการเล้าโลมนี้ไปเสียทุกครั้ง มันร้อนไปทั้งหน้า

แล้วในตอนที่สบเข้ากับสายตาคม อาฟก็แค่เลื่อนมาจูบเบาๆที่เปลือกตาของผม ก่อนจะไล่มาที่ปลายจมูกแล้วก็ข้างแก้ม ริมฝีปากแนบลงอีกครั้งก่อนจะบรรเลงจูบดูดดื่มด้วยทำนองเดิมของมันและในครั้งนี้ผมเองก็เอื้อมมือไปกอดรอบคอของอีกฝ่ายไว้เพื่อร่วมดื่มด่ำไปกับความสุขสมนั้น

“ รู้มั้ย ว่ามีอย่างนึงในตัวกูที่มึงไม่รู้” อาฟกระซิบผมในตอนที่ผละริมฝีปากออกจากกัน ผมหอบหายใจเบาๆเราสบสายตากันทั้งที่ห่างกันแค่ปลายจมูกของกันและกัน “ อย่าน่ารักมากไปกว่านี้เมด เพราะกูอดใจไว้ไม่เก่ง ”

“ ส้นตีน ” เบือนหน้าหนีมันกับคำพูดนั้น คนเราแค่จะแสดงความรักมันต้องจู่โจมกันเบอร์นี้เลยเหรอวะ ผมหันไปคาดโทษมันด้วยสายตาอีกครั้งแต่ก็ใช่ว่าคุณอารยะจะแคร์ อาฟแค่ก้มลงมาหอมแก้มผมแบบเต็มฟอดก่อนจะดึงตัวเองกลับไปคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วขับรถต่อไป ปล่อยให้ผมนั่งหัวยุ่งเหยิงแบบงงๆอยู่อย่างงั้น “ เอาแต่ใจชิบหายไอ้สัด คิดจะจูบก็จูบกู ”

แม้มันจะสมเป็นมึงมากๆก็เถอะ ไอ้สัดอารยะ
 
ผมมาทำงานอย่างอารมณ์ดีในช่วงเย็นเพราะมื้อเที่ยงวันนี้เป็นข้าวหน้าหมูแบบที่อยากกินมานาน ตบด้วยน้ำแข็งไสญี่ปุ่นรถไมโลที่อยากกินทำเอาผมแทบกลิ้งขึ้นรถ แถมก่อนจะมาทำงานยังได้แวะไปกินมื้อเย็นเป็นข้าวปลาไหลอีก ภาพในสตอรี่ไอจีของผมในวันนี้ก็เลยมีแต่ของกินนั้น และตอนนี้มันก็ถูกจัดหมวดหมู่ไว้เป็นอย่างดี แต่ภาพที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมที่สุดก็คงหนีไปพ้นคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันทั้งสามร้าน

วันนี้ผมอัพภาพคุณอาฟ เจ้าของผับ throw up สามภาพ เป็นภาพที่มันนั่งอยู่หน้าผมในทุกร้าน พร้อมกับแคปชั่นหัวใจหนึ่งดวง และชื่อร้านนั้นๆ

จะว่าไปก็ลองคิดเล่นๆว่า ตัวผมน่าจะทำไอจีลับแล้วถ่ายภาพอาฟที่ไปนั่งกินข้าวกับผมทุกที่ในทุกวัน มันคงจะดีไม่น้อยถ้าอีกสิบปีข้างหน้าโปรแกรมนี้จะยังคงอยู่ ผมอยากจะย้อนมาดูความทรงจำของเรา ที่คงได้เห็นใบหน้าทีเหมือนจะแก่อยู่แล้ว แก่ขึ้นไปอีกในทุกปี นั่นคงเป็นอะไรที่มีความสุขไปอีกแบบ

“ ยิ้มเหี้ยอะไร เมาปลาไหลเหรอ ” ถอนหายใจออกมาตอนได้ยินคำนั้น ผมหันไปมองหน้ามันก่อนจะลดมือถือที่ถืออยู่นั่นลง ‘ กูกลัวจะอยู่กับมึงไม่ถึงสิบปีเพราะปากมึงนี่แหละไอ้สัด ’

“ วันนี้กูลงภาพมึงไนไอจีกูตั้งสามรูป ” ผมบอกหันหน้าจอไปหามัน “ มีคนไลค์เต็มเลย จะว่าไปมึงก็ดังเหมือนกันนะ พี่อาฟเตอร์เจ้าของ throw up ”

“ ไร้สาระ ” บอกแบบนั้นแต่ก็ยกมือขึ้นเสยผมตัวเองอย่างมั่นใจ

“ เคยมีใครบอกมั้ยว่ามึงหน้าแก่ ”

“ เคยได้ยินแต่คำว่าหล่อ ”

“ ถ้าไม่ติดว่ากูเสียดายปลาไหลละก็นะ ” ลูบอกตัวเองในตอนที่พูดทำทีเหมือนจะพยายามไม่อ้วกออกมาเพราะคำพูดของอีกคน ในตอนนั้นอาฟก็เอื้อมมือมาหยิกแก้มกันมันยิ้มจางๆ

“ หน้าตัวเองเหมือนซาลาลาเปาไส้หมูแดงยังมีหน้ามาวิจารณ์หน้ากูอีกเหรอ ”

“ เห็นหน้าแบบนี้กูเคยลงเพจคิ้วบอยมหาลัยนะเว้ย พี่เมด บัญชีอะ ก็ในระดับนึงนะมึง ” ผมพูดอวด “ ก็มีแต่มึงเท่านั้นแหละสัด ที่มองว่าหน้ากูเหมือนซาลาเปา จริงๆกูมันแค่ผู้ชายมีแก้ม ”

“ กูว่าซาลาเปามันดูขาวๆน่ารักดี ” อีกคนบอกก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออกมาในตอนที่เราขับรถมาถึงผับพอดี ประตูรถที่กำลังจะเปิดออกของมันแต่อาฟก็หยุดนิ่งก่อนจะหันมามองหน้าผม มือมันเอื้อมมาขยี้หัวกัน “ แล้วนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมกูถึงบอกว่ามึงเหมือนซาลาเปาไง ”

“ ก็มีแต่มึงนั่นแหละที่มองว่าซาลาเปามันดูน่ารัก ”

“ แล้วไม่ดีรึไง น่ารักที่สุดในโลกของกูเลยนะ ” ผมได้แต่นั่งนิ่งตอนที่อีกคนบอก เสียงกาน้ำร้อนหวีดเวลาน้ำในนั้นถูกต้มสุกจนจุดเดือดดังอยู่ในหูผม หน้าแดงจัดที่เหมือนเลือดจากปลายเท้าจะแล่นขึ้นมากองรวมกันที่หน้า

“ คนเราตายเพราะหัวใจเต้นแรงได้มั้ยวะ ” แต่ถ้าได้มันต้องน่าอายมากแน่นอนที่ต้องไปบอกยมบาลว่า สาเหตุการตายก็คือการมีความสุขมากเกินไปจากคนรักที่ทำให้เขิน

“ ไอ้แก้มอ้วน ” โดนหยิกแก้มแล้วดึงออกอย่างแรง แต่ยังไม่ทันจะร้องโวยวายบอกให้ปล่อยอาฟมันก็พูดขึ้นก่อน “ ทำไมวันนี้ไอ้เจมันมาเร็วจังวะ ”

“ เออ จริงด้วย ” ผมหันไปมองทั้งๆที่มีมืออาฟหยิกแก้มอยู่ “ แต่วันนี้ที่ผับก็ไม่มีอะไรนะ ไม่มีนักร้องด้วย แค่เปิดแผ่นเฉยๆอะ ”  ปล่อยมือจากแก้มผมตอนที่พูดจบอาฟเปิดประตูออกไปนอกรถ ตามด้วยผมที่พอปิดประตูอีกคนก็กดล็อก

เราเดินเข้าไปด้านในพร้อมกันแล้วในตอนที่ผมกำลังสอดส่องหาคนที่กำลังมาถึงก่อน ก็โดนร่างเล็กที่เหมือนจะแอบอยู่ตรงแถวประตูทางเข้าพุ่งเข้ามาใส่แบบเต็มแรงพร้อมกับจมูกที่ฝังลงที่แก้ม

“ พี่เมดดดดด คิดถึงจังเลย ”

“ ตกใจหมดไอ้น้องเวร ” ผมหันไปบอกอีกคนที่ก็กอดแน่นขึ้น

“ โคตรของโคตรคิดถึงแบบว่ามากมาย ”

“ เว่อร์ ” อาฟบอกแค่นั้นก่อนจะเดินตรงเข้าไปด้านใน เจเองที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้อีกฝั่งนึงก็เดินไปสบทบเพื่อนสนิทตัวเอง ทั้งคู่นั่งลงที่บาร์ วิวที่มองแฟนตัวเองอยู่สักพัก จนเจหันมามองมันแล้ววิวก็หันมาบอกผมแบบยิ้มกว้าง

“ พี่เมดไปเซเว่นเป็นเพื่อนวิวหน่อย วิวอยากกินหนม ”

“ ไปสิ ” ผมบอกน้องอีกคนก็ยักคิ้ว

“ งั้นขอตัวพาพี่เมดไปข้างนอกนะครับ ”

“ ไม่ต้องคิดพาไปขายนะเพราะไม่ได้ราคา ” คนปากหมาว่าแบบนั้นวิวมันก็แบะปาก    

“ ถ้าขายจริงๆ ก็มีแต่พี่อาฟมึงนั่นแหละที่จะมาฆ่ากู หวงนัก หอมแก้มนิดๆหน่อยๆยังมองแรง ” วิวมันแซวก่อนจะหอมแก้มผมไปอีกฟอด

“ ไปก่อนที่รองเท้ากูจะปลิวไปโดนหัวมึง ”

“ พอๆ ” ผมบอก “ ไปกัน กูเหนื่อยจะฟังพวกมึงทะเลาะกัน ”

“ ไปกันพี่เมดเลี้ยง เย้! ” โดนลากออกจากผับหลังจากที่เข้าไปไม่ถึงห้านาที ผมกับวิวเดินไปตามทางจูงมือก่อนที่คนข้างๆจะจับมือมือผมไว้ “ จูงมือข้ามถนนเหมือนตอนเด็กๆนะ ”

“ เอาสิ ” ผมกระชับมือน้อง ก่อนจะมองซ้ายทีขวาที เมื่อปลอดภัยแล้วถึงจะข้าม “ เมื่อก่อนนะกูโคตรกลัวเวลาพามึงข้ามถนน รถแถวบ้านเก่าเราแม่งก็โคตรเร็ว กับเด็กก็ไม่มีชะลอเลย ”

“ จริง เวลามากับพี่เมดวิวนี่กำมือพี่เมดแน่นเลย วิวกลัว ”

“ ตอนนั้นกูเลยชอบบอกให้บ้านร้านขายข้าวที่อยู่ตรงข้ามเซเว่นมาช่วยส่งข้ามถนนทุกครั้งเลยไง ” หันไปบอกน้องอีกคนก็พยักหน้ารับ “ แล้วนี่ทำไมมึงมากับเจ ”

“ ก็คิดถึงพี่เมดไง ” ว่าแบบนั้นก่อนจะเอียงหน้าเข้ามาซบแบบอ้อนๆ

“ ท่าทางแบบนี้ น้องวิวจะเอาอะไรไหนบอกพี่มาสิครับ ”

“ เห็นน้องเป็นคนยังไงกันวะไอ้พี่นี่ ”

“ เป็นเด็กขี้อ้อนที่ชอบบอกว่า วิวมีเงินแค่ยี่สิบบาทเอง พี่เมดออกให้วิวอีกห้าบาทได้มั้ย วิวจะได้กินสเลิฟปี้ด้วยกับขนมด้วย นะๆพี่เมดนะ แล้วสุดท้ายพี่ก็แพ้ลูกอ้อนได้กินแค่สิบห้าบาทเอง ส่วนคนขอเงินเราไปก็ขี้เหนียวตลอด ขอกินนิดเดียวบอก พี่เมดกินเยอะไปแล้วให้น้องวิวกินบ้างนะๆ ”

“ พี่เมด จำละเอียดสัด ” เราหัวเราะไปตามทางเดินที่ไม่ไกลเท่าไหร่ ก่อนจะแวะเข้าไปเซเว่นแล้วหยิบขนมหรือแม้แต่ไอติมเข้ามาใส่ตะกร้า วิวที่ยืนเลือกหนมอยู่นานทั้งๆที่ปกติมันเป็นคนที่เลือกกินของแค่ไม่กี่อย่างจนผมแซวว่า เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปแล้วเหรอ มีการอ่านโภชนาการอาหารก่อนซื้อซะด้วย แต่อีกคนก็แค่ยิ้มเขินก่อนจะหยิบเอาขนมห่อเดิมที่กินบ่อยๆใส่ตะกร้า “ จ่ายเงินเถอะ ”

“ โอเค ”  พยักหน้ารับก่อนจะเอาไปจ่ายเงินแล้วเดินกินไอติมกันมาสองคนแบบเรื่อยเปื่อย “ น้องเดย์น้องอัยย์มาแล้ววะ ” ผมมองไปที่รถมาใหม่ที่จอดอยู่สองคันตรงลานจอดรถ ปากที่กินไอติมไปเรื่อยนั่นหยุดลง ผมเดินไปที่ประตูแล้วตอนที่เปิดประตูเข้าไป เสียงสนทนาของคนทั้งสี่ที่กำลังคุยกันอยู่ด้วยสายตาเคร่งเครียดนั้นเงียบลงอย่างอัตโนมัติเมื่อเห็นหน้าผม ผมเผลอยิ้มออกมากับท่าทางตกใจของพวกมัน “ คือกูไม่ใช่ผีนะ ”

“ ก็พี่เมดเล่นมาเงียบๆตกใจหมด ” น้องอัยย์พูดขึ้นก่อนจะยิ้ม

“ ไม่ใช่ว่าพวกมึงกำลังคุยเรื่องลับกันเหรอ ” วิวบอก “ แบบว่า เรื่องสาวพริตตี้ทรงโตสักคนอะไรแบบนี้ ”

“ อ๋อ เรื่องนมที่มึงไม่มีอะนะ ” น้องเดย์พูดขึ้นมาก่อนพยักหน้ารับ “ ความลับในใจถูกเปิดเผยแล้ว ”

“ กวนส้นตีนกูอีกแล้วพี่เดย์ เดี๋ยวกูเอาไอติมยัดปาก ”

“ เชิญจ้ากูชอบ ”  ไม่พูดเปล่าคนกวนตีนมีอ้าปากรอด้วย และในตอนนั้นไอ้วิวเองมันก็ทำทีเป็นถุยน้ำลายลงไปก่อนจะยัดใส่ปากอีกคนที่ก็ไม่ทันระวังตัวต้องกินไปทั้งอัน “ ไอ้เชี้ย!! ” เสียงโวยวายของเดย์ชวนให้เราทุกคนที่อยู่ตรงนั้นขำกันเสียงดังลั่น ยกเว้นก็แค่เจ้าของผับที่กำลังมองผมอยู่

“ มองอะไร ” ผมถามอีกคนที่ก็แค่ส่ายหน้า

“ เปล่า ”

“ ส้นตีนไอ้เด็กเปรตสักวันกูจะฆ่ามึง ”

“ ก็พี่มึงบอกว่าชอบเองน้า ช่วยไม่ได้อะ ” วิวว่าเสียงใสในคำท้ายก่อนจะยักคิ้วท้าทายอีกคน

“ หรือกูจะเอาผัวมึงทำเมียดีไอ้เด็กแรด ”

“ เดย์ เห็นแบบนี้กูก็เลือกนะ ” เจบอกแบบนั้นก่อนจะส่งมือห้ามไปทางน้อง มันเป็นท่าทางเหมือนอีกจะอ้วกเลยเรียกเสียงหัวเราะให้เราอีกครั้งในตอนนั้น แต่ทว่าอาฟก็ยังเหมือนเดิมมันไม่ได้หัวเราะอะไรแต่เหมือนจะนั่งเหม่อแบบคิดอะไรสักอย่างอยู่ ท่าทางที่ชวนให้ผมเป็นห่วงจนผมเดินเข้าไปใกล้แล้วถามมันเสียงเบาๆ ท่ามกลางเสียงเถียงและหัวเราะของทุกคนที่ดังจนกลบเสียงพูดคุยของเรา

“ เป็นอะไรของมึง ไม่ขำสักหน่อยเหรอ ” เอียงหน้ามองอีกคน “ คิดอะไรอยู่รึเปล่า ” คำถามนั้นทำให้อาฟมองผมอยู่สักพักก่อนจะส่ายหน้า

“ กูแค่ไม่ขำมุกปัญญาอ่อนนั่น  มึงก็คิดว่ากูคิดอะไรแล้วเหรอ ” อาฟที่ยักคิ้วให้กันมันยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมากอดเอวผมแล้วดึงให้เข้าไปอยู่ใกล้ๆ มันมองไปที่ทุกคนที่กำลังพูดคุยกัน แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่กำลังคิดไม่ตกอยู่ เป็นท่าทางแปลกๆที่ชวนให้ผมคิด ว่าอีกคนกำลังไม่สบายใจอะไรอยู่หรือเปล่า

..........................................................................


เป็นแค่ 49.1 ไปก่อนเพราะ 49.2 จะตามมาในอาทิตย์หน้า
ตอนแรกเราเขียนเข้าเรื่องเลย แต่พอเขียนไปหนึ่งหน้าก็รู้สึกว่า คนเรามันต้องชั่งใจในการเล่าเรื่องไม่มีดีกับคนที่เรารักเปล่าวะ คือถ้ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย จะบอกเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องแบบนี้เราจะชั่งใจนิดนึง คือมันไม่ใช่การถูกหลอก มันเป็นแค่การบอกความจริง ที่ความจริงนั้น มันแบบ ไม่บอกก็ได้นะมึง แต่ถ้าบอกแม่งก็ดีละมั้ง อะไรทำนองนั้น
แต่พอไม่ต้องเข้าเรื่องก่อน ความรู้สึกมีความสุขที่เค้าสองคนรักกันมาก็ล้นทะลักออกมา มีทั้งความหวานในความขมฝาดสำหรับตอนนี้
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์

เหนื่อยดราม่านัก ก็พักก่อน เย้
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 07-12-2018 22:15:29
กลัวจิงจะทำอะไรอีกจังเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-12-2018 22:36:14
 :3123: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 07-12-2018 22:41:48
ไม่มีอะไรเนอะ ไม่มี เรื่องแบบนั้นไม่สามารถทำอะไรเมดได้หรอก เพราะเมดเป็นคนดีเลยมีคนที่รักเมดทั้งหลายช่วยกันปกป้องเมด เมดต้องผ่านมันไปได้แน่นอน อาฟนายไปจัดการจิงเลย อาฟอ่านเกมออกอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 07-12-2018 22:45:24
พัฒนาการของตัวละคร  o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: NiNJA ที่ 07-12-2018 22:51:28
อีจิงน่าจบสุด :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 07-12-2018 23:10:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 07-12-2018 23:23:08
อยากให้อาฟเล่าให้เมดฟังเร็วๆ
กลัวจิงจะทำอะไรแปลกๆอีก
ไม่อยากให้เมดดราม่าแล้วอ่ะ
สงสาร เจอมาเยอะเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 07-12-2018 23:27:17
คุณอารยะกำลังคิดเรื่องนั้นแน่เลย
คนที่รักเมดไม่ได้มีแค่น้องวิวคนเดียวแล้ว
และน้องวิวเริ่มโตขึ้น ตัวละครทุกตัวมีพัฒนาการ
❤️
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-12-2018 23:41:18
ชื่นชมน้องวิวนะที่รู้จักคิดก่อนที่จะพูดแล้ว บางเรื่องไม่ต้องพูดก็ได้ ปล่อยเป็นหน้าที่พี่อาฟไป จิงคือโรคจิตโดยแท้เห็นเพื่อนมีความสุขไม่ได้ อิจฉาตลอด :z6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 07-12-2018 23:59:28
จิงนี่มารร้ายชัดๆ น่าจะคิดการชั่วอยู่
นางดูจิตมากๆ ดูไม่ปกติ น่ากลัว!!

เป็นห่วงเมดนะตอนนี้
แต่เชื่อว่าเมดสตรองขึ้นกว่าเดิมแล้ว
และเชื่อว่า อาฟ อารยะ ต้องจัดการได้

เดอะแก๊งค์ Throw Up สู้ๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-12-2018 00:34:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-12-2018 00:50:47
รอบนี้จิงตอแหลไม่เนี่ยนน๊าาา :m20:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 08-12-2018 01:00:13
แต่ละคนมีความเติบโตอ่ะ
เหลือแค่ไม่กี่คนที่ยังเล่นอะไรเป็นเด็กๆ
แบบที่เรียกว่า. แพ้แล้วพาล
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-12-2018 01:15:49
รอวิธีการแก้ปัญหาของเฮียอาฟว่าจะทำอย่างไร แต่ก็อยากจะให้จัดการก่อนที่เมดจะรู้เรื่อง  o18
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: Sorth ที่ 08-12-2018 01:56:17
...มาดูกันว่าคุณ อารยะ จะจัดการยังไงกับเรื่องราวคราวนี้.. o18
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: PK.Kenaf ที่ 08-12-2018 03:35:37
ก็จริง บางเรื่องที่ไม่แน่ใจว่าควรพูดดีไหม เราก็จะเงียบรอไปก่อน
แต่คือเหม็นความรัก ชอบเวลาเมดใส่ใจอาฟ ชอบเวลา2คนนี้งุ้งงิ้งกัน น่ารัก
ส่วนจิงนี่นิสัยขี้อิจฉาป่ะ เขามีความสุข ใจนางก็ดูร้อนรุ่มไปเลยจ้า สะใจนักตอนเมดตอบจิง ยุยงเก่งงงงง :m31:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-12-2018 10:59:21
จิง เป็นเพื่อนที่เลว ยังๆไม่พอ (ไม่สมกับความดำมืดในจิตใจ น่าไปพบจิตแพทย์ได้แล้ว)
ยังเลวน้อยไป ต้องพูดว่าเลวโคตรๆ  :fire: :angry2: :m31:
ตัวเองแอบกินผัวเพื่อน แล้วถูกบอกเลิก มีความทุกข์
แล้วเห็นเพื่อนที่ตัวเองแอบกินผัวเขาได้ดีมีความสุข ก็อิจฉา  :เฮ้อ: :really2: :serius2:
มากุเล่าเรื่องอาฟพาสาวไปกินข้าวให้เมดฟัง
ดีที่เล่าเรื่องโกหกมันค้านกับที่เมดรู้  เลยหน้าแตกซะ
หวังให้คู่รักเขาแตกแยก ไม่มีความสุขเหมือนที่ตัวเองไม่มีความสุข
ช่างเป็นหมาหางด้วนแท้ทรู  เลววววววสัดๆ  :fire: :fire: :fire:

วิว มีพัฒนาโตขึ้น รู้จักคิด รู้จักยับยั้งช่างใจ
ปรึกษาเจเสียก่อน ดีมากกกกกกกก

อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-12-2018 11:21:00
ชื่อจิงผู้ไม่เคยจริงใจกับใครแม้แต่กับเพื่อนที่เรียกได้ว่า เพื่อนสนิท :beat: :beat:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-12-2018 11:48:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 08-12-2018 13:37:26
ความห่วงพี่ของน้องจะบอกก็กลัวพี่เสียความรู้สึกไม่บอกแต่พอพี่รู้ความจริงที่หลังก็กลัวพี่เจ็บกว่าเดิม แต่ดีเลยที่ยังไม่บอกเอามาปรึกษาหลายๆคนแบบนี้ดีกว่าหลายความคิดหลายทางออกดีกว่าหาทางออกไม่เจอแล้วมันจะแย่กว่าเดิมน้องวิวเริ่มคิดเป็นแล้ว
  หวานกันแบบไม่แคร์สื่อจริงๆทำไมอาฟมันน่ารักแบบนี้แต่ยังไงก็ปกป้องเมดด้วยนะตอนนี้เมดกำลังมีมารมาคอยรังควานอีกแล้ว เมื่อไหร่มารพวกนี้จะไปจากเมดสักทีหรือต้องให้อารยะจักการให้สิ้นซากไปเลยดี
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-12-2018 15:44:05
เรื่องพีคแต่ละเรื่อง ทำเมดเจ็บใจตลอด
แต่ดีที่วิวยังไม่เล่า คุยกับเจก่อน พัฒนานะวิว 5555
ตลกวิว จะให้ตื่นเต้นขนาดไหนล่ะ
ให้พี่เจพาไปเล่นสวนสนุกหรอ
เจเอ็นดูวิวมากเลยนะ และออกปากว่ารัก

เมดเป็นคนน่ารัก น่าเอ็นดู และน่าแกล้งไปพร้อมกัน
ตอกหน้าจิงได้ซื่อมากเลย ไม่ได้อยากให้เจ็บ แค่บอก
อาฟคือคนเท่ห์ ที่ปากแข็งตลอดกาล บ้าบอด้วย
แหมม ปลื้มล่ะสิที่เมดบอกเชื่อใจ และพูดยาวสามกิโล
ถึงขั้นต้องจอดรถให้รางวัลกันเลยทีเดียว

จิง บางทีก็ต้องหยุดนะ ก่อนที่จะไม่เหลือใคร
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 08-12-2018 16:21:03
น้องวิวตอนนี้ได้ใจแม่ยกไปเต็มๆเลยจ้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-12-2018 18:36:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 08-12-2018 19:54:22
เอาจริงๆถ้าเราไม่รัก ไม่มีเยื่อใยแล้ว ต่อให้รู้เรื่องว่าตอนนั้นทำอะไรกับเราไว้ เราก็แค่ อืม... แบบ เฉยๆอ่ะ แบบเออชีวิตที่ผ่านมากูมีเรื่องแบบนี้เคยเกิดด้วยอ่ะ แต่มันคืออดีต แก้ไขไม่ได้ ทุกข์ใจแล้วได้อัลไลลลล  จริงป่ะ!!!!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 08-12-2018 20:07:26
อาฟจะทำยังไงนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: moonoi1000 ที่ 09-12-2018 15:36:38
สนุกมากกกก อ่านรวดเดียวแบบตาแฉะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: mookim ที่ 09-12-2018 20:24:02
มีคำผิดอยู่นิดนึงค่ะ


หรือเรพาะ(เพราะ)ก่อนหน้านี้กูไม่เคยอยู่กลุ่มคนอื่นเลย



. . . . . . . . . . . . . . . .
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-12-2018 21:14:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-12-2018 23:53:37
อาฟจะบอกเมดมั้ย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 11-12-2018 13:51:51
ตามทันแล้วววว :hao7: :hao7:  ขอโทษค่ะที่หายไปนาน ตามอ่านแล้วก็เม้นท์แล้วจ้าาาา :mew1:
อดีตเพื่อนเนี้ยตามจองล้างจองผลาญดีจังเลย เราเชื่อว่าสัดพี่ต้องบอกเมดแน่ๆตามสไตล์​นางแต่ก็จะมีวิธีนับมือด้วยเหมือนกัน :กอด1: :man1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-12-2018 18:05:41
ถ้าไม่ติดว่าคนของวิวคือพี่เจ

เราเชียร์เดอะเดย์ให้น้องวิวแล้ว

เคมีเข้ากันสุดๆคู่กัดที่ทัดเทียม

รอเพื่อนอาฟกลับจากนอก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsang ที่ 13-12-2018 21:28:25
ขอตบ นังจิงซักทีได้ไหม
ในฐานะเด็กพี่อาฟก็ได้ 

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 14-12-2018 13:11:06
ความรักดีๆ ก็มีได้

ไม่ไปหาเอากับคนอื่นวะ

จะมาคอยแย่งชาวบ้านเค้าทำไง


งงใจ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 14-12-2018 21:47:20
คิดว่าครั่งนี้อาฟจะทำให้คนพวกนั้นไม่มายุ่งกับเมดอีก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 14-12-2018 22:07:19

บทเพลงเศร้าที่กำลังเปิดอยู่ภายในผับ กล่อมคลอความรู้สึกของผมที่กำลังนั่งเงียบและใช้ความคิดคนเดียวแบบที่ไม่มีใครพูดเอ่ยรบกวน แม้แต่เพื่อนสนิทที่นั่งข้างกันก็ยังแค่ยกเบียร์ขวดโปรดของตัวเองขึ้นดื่มโดยไม่พูดอะไรมาก มันคงรู้ดีว่าผมต้องใช้ความคิด เจเลยไม่คิดจะพูดขัดอะไร

‘ เมื่อวานตอนไอ้วิวไปห้าง ระหว่างรอไอ้เดย์มันเจอไอ้บินที่ร้านหนังสือ กำลังคุยกับไอ้จิง มันได้ยินไอ้บินขอเลิกกับไอ้จิง แต่ไอ้จิงดูเหมือนจะไม่ยอม จิงบอกว่า ทำไมมันถึงเลือกยีนส์ ทั้งๆที่มันเองก็มีหักหลังไอ้เมด แล้วมีอะไรกับไอ้บินมาพร้อมๆกับไอ้ยีนส์ ’

จำได้ว่าตอนที่ฟัง ผมนั่งนิ่งอยู่สักพักก่อนจะหันไปมองคนพูดทันทีหลังจากจบประโยคนั้น สบสายตาเพื่อนสนิทที่หันมามองกันแล้วถอนหายใจแผ่วเบาอย่างหนักใจออกมาราวกับก้อนน้ำแข็งใหญ่จุกคือที่คอของผม ‘ วิวมันไม่กล้าเล่า ฝากมึงหน่อยแล้วกัน ’

ขีดสูงสุดในความเศร้าของชีวิตคนมันอยู่ตรงไหนกันวะ ทำไมเรื่องที่คิดว่าทั้งเศร้า ทั้งน่าสมเพช มันยังมีเรื่องที่ชวนให้น่าสมเพชยิ่งกว่า ราวกับไม่มีจุดสูงสุดใดทั้งนั้น

ทนคบกับผู้ชายที่เหี้ยมากๆมา 4 ปี ก่อนจะเจอมันนอนอยู่กับเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตบนเตียงของตัวเอง จากนั้นก็มารู้ว่าเพื่อนที่เคยคิดว่ารักกัน กับไม่ได้จริงใจกับตัวเองเลยมาตลอดเวลาที่คบ หนำซ้ำยังทั้งคอยแกล้งทั้งรังคราน ทั้งๆที่ตัวเองก็พยายามออกห่าง ต่อมาก็มารู้ความจริงว่า 4 ปีที่ทนรักกับผู้ชายคนนึงมา เรื่องที่เค้าทำให้และเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวความสุขของตัวเองมาตลอด นั่นคือเรื่องโกหก และตอนนี้ก็ต้องได้รู้อีกว่า เพื่อนอีกคนที่เหมือนจะดีกับตัวเอง แท้จริงก็คือคนที่หักหลังด้วยเช่นกัน

ผมถอนหายใจออกมา พลางมองน้ำแข็งที่ละลายตรงหน้าผสมกับเหล้าครึ่งแก้วที่ยังกินไม่หมด เอื้อมมือไปหยิบมันมาเขย่าไปมา แล้วดื่มมันเข้าไปจนหมดแก้ว แม้รสชาติของความขมจะไม่ได้ดีเหมือนเดิมเพราะมันถูกเจือจางด้วยน้ำแข็งในแก้วที่น้ำแข็งละลายเป็นน้ำเข้ามาผสม แต่ถึงอย่างงั้น เหล้าก็คือเหล้า มันก็ยังไม่ทิ้งรสชาติของมันไปอยู่ดี

“ ยังไงก็ต้องเสียใจ ” เพื่อนสนิทที่นั่งข้างกันพูดขึ้น ผมหันไปมองมันที่ก็ยกยิ้ม “ มันไม่มีที่ไม่เสียใจหรอก อยู่ที่ว่ามากหรือน้อยก็แค่นั้น ”

“ เหรอ ” ก็คงไม่ต่างอะไรกับเหล้าเมื่อครู่ที่ผมดื่มเข้าไป “ เดย์ เอามาอีกแก้ว ”

“ จะเอาอีกเหรอ แก้วที่สี่แล้วนะ พี่เมดสั่งไว้ว่าไม่ให้สัดพี่มึงกินเหล้าเยอะไม่ใช่เหรอวะ ”  น้องชายผมบอกแต่ถึงอย่างงั้นมือก็เปิดขวดเหล้าแล้วรินให้ตามปกติ “ เดี๋ยวก็โดนพี่เมดงอนอีก ”

“ แล้วตกลงเฮียจะทำยังไง ” ไอ้อัยย์บาร์เทนเดอร์อีกคนที่ยืนอยู่ข้างน้องชายผมถามขึ้นด้วยสีหน้าหนักใจ “ จะบอกความจริงเลยเหรอ ”

“ พวกมึงคิดว่ายังไง ” ผมถามกลับพวกมัน “ ถ้าเป็นพวกมึง พวกมึงจะทำยังไง ” มีเพียงแค่เสียงถอนหายใจตอนที่ได้ฟังคำถาม ผมยกยิ้มขึ้นมากับความรู้สึกของทุกคนที่ต่างเข้าใจกันดีแม้ไม่ต้องพูดอะไรให้ยืดยาว

แท้จริงแล้ว การพูดความจริงที่ต้องเสียใจนั้นจะง่ายจะยากขึ้นอยู่กับความรู้สึกของเราที่มีต่อคนฟัง 

สำหรับคนอย่างผมมันไม่ยากหรอก การพูดความจริงอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่เรื่องยากอะไร กลับกันที่ว่ามันง่ายมากด้วยซ้ำ สำหรับคนที่ยึดคติที่ว่า ‘ ความจริงไม่ว่ายังไงมันก็คือความจริง เราก็แค่ต้องยอมรับ ’ ผมที่เคยพูดตรงๆอย่างไม่คิดอะไร แต่พอตอนนี้คนฟังเป็นเมด ก็รู้เลยว่า แท้จริงแล้วการพูดความจริงมันไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะความจริงที่ต้องทำให้คนที่รักเสียใจ

ไม่ต่างอะไรกับทุกคนที่รู้ความจริงแล้วในตอนนี้ ทุกคนคงคิดไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ ‘ เมดเจอความเสียใจมาเยอะแล้ว เยอะจนสงสารและไม่อยากจะให้รู้อะไรอีก ’ และเพราะแบบนั้นทุกคนก็เลยคิด ว่าจะทำยังไง ให้อีกฝ่ายเสียใจน้อยที่สุด ถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้เลย 

บางทีผมก็คิด ว่าตัวผมก็เป็นแค่คนเห็นแก่ตัวคนนึง เห็นแก่ตัวที่อยากจะเก็บรอยยิ้ม และความสุขนั่นไว้ โดยไม่อยากจะให้อะไรมาพรากมันไปจากใจของอีกคน

“ ก็บอกตรงๆไปเลย บอกเสร็จถ้าซ้อร้องไห้ เฮียแม่งก็กอดซ้อไว้แน่นๆเลยเว้ย ”

“ แล้วถ้าพี่เมดร้องไห้ไม่หยุดอะ แบบสะอึกสะอื้น ” น้องชายผมให้ไปถามเพื่อนของมัน ไอ้อัยย์ที่ยิ้มอย่างที่เลศนัยในตอนนั้น

“ ก็ค่อยโน้มลงเตียง จูบที่ข้างแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะบอกว่า มาทำอย่างอื่นเพื่อลืมเถอะ วิ้วววว ”

“ วิ้วพ่อมึง ” ไอ้เจเพื่อนผมบอกก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วส่ายหน้า “ เค้าเครียดกันจะตายไอ้สัดอัยย์ มึงยังจะเล่น ”

“ ก็กูไม่มีความคิดเห็นอื่นยกเว้นบอกความจริง แล้วพวกมึงเองก็รู้ดีไม่ใช่เหรอวะ ไม่ว่าจะยังไง พวกพี่มึงก็ต้องบอก ” ทุกคนเงียบคนพูดก็ถอนหายใจ  “ กูเข้าใจว่าพวกพี่มึงคิดมาก แต่อย่าลืมสิวะ พี่เมดไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น แล้วก็ไม่ได้เป็นคนที่ไม่ยอมรับความจริงอะไร มันจริงอยู่ที่เค้าจะเศร้า จะเสียใจ ก็แน่นอนอยู่แล้ว เพราะเรื่องที่ต้องฟังมันเหี้ย มันทำร้ายความรู้สึก แต่มันก็เรื่องปกติของคนที่รู้ความจริงในเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอวะ แต่พอเวลามันผ่านไป เค้าก็จะลุกขึ้นมาได้แล้วก็ยิ้มเหมือนเดิม ”

“ ก็จริงของมึงนะ ” น้องชายผมหันไปบอกเพื่อนตัวเอง ไอ้อัยย์ถอนหายใจ

“ จะกลัวอะไรวะ คนเราอะ ความรักแม่งมันยังหายไปได้เลย นับภาษาอะไรกับความเสียใจ ถ้ามันมีเข้ามา สักวันมันก็ต้องหายไปเหมือนกัน ”

“ โคตรเฉียบ ” ไอ้เจบอกก่อนจะยิ้มให้คนตรงหน้า แต่ผมเองก็เช่นกัน 

“ ก่อนอื่นพวกพี่มึงแม่งต้องแยกให้ออกก่อนนะว่าตอนนี้ พวกพี่มึงต้องการอะไร ถ้าต้องการให้พี่เมดรู้ความจริงแบบไม่เสียใจ กูตอบได้เลยว่า เลิกคิดเพราะมันไม่มีทางอยู่แล้ว พวกพี่มึงก็รู้ดี ”

“ จริงของมึง ” น้องชายผมพยักหน้ารับ ในตอนนั้นผมก็ยกเหล้าขึ้นมากินเป็นจังหวะที่ไอ้อัยย์หันมามองกันพอดี

“ แต่ถ้าเฮียคิดว่าจะทำยังไงให้พี่เมดเจ็บน้อยสุด กูขอเสนอให้บอก แต่ก็แค่ดูเวลาให้ดี คืออย่าบอกตอนพี่เมดกำลังมีความสุขมากๆ หรือบอกตอนที่กำลังทุกข์มากๆ ให้บอกเหมือนว่ามันเคือรื่องทั่วไป ก็คุยนู้นนี่ไปก่อนแล้วค่อยบอก บอกเสร็จเฮียมึงก็กอดพี่เมดไว้หน่อย บอกเค้าว่าถ้าจะร้องไห้ ก็ให้ร้องออกมา เฮียมึงจะอยู่ข้างๆกับเค้าเอง จะไม่ไปไหน บอกเค้าว่าไม่เป็นไร เรื่องผ่านไปแล้ว แค่นั้น กูว่าเท่านี้มันน่าจะโอเคแล้วนะ ”

“ พี่อัยย์ของน้อง ” ไอ้เดย์หันไปกอดแขนเพื่อนตัวเองก่อนจะซบลงที่ไหล่ “ เท่ห์อะไรขนาดนั้นครับเนี้ย ”

“ ส้นตีน ”ดึงแขนออกจากเพื่อนแบบรังเกียจแต่เหมือนคนกอดจะไม่ปล่อยง่ายๆ มันยังคงวอแวและวุ่นวายตามนิสัย

“ ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ” เจบอกมันหันมาเหลือบมองผม

“ สิ่งที่สำคัญคือเฮียต้องคิดว่า เรื่องนี้ไม่มีทางที่พี่เมดจะไม่เสียใจ เค้าเสียใจอยู่แล้วแค่จะมากหรือน้อย เพราะถ้าเฮียมัวแต่คิดว่ามันต้องมีสักทางที่ทำให้ไม่เสียใจ กูบอกไว้เลยนะ มึงคงไม่ได้บอกหรอก  ”

ผมไม่ได้ตอบอะไรกับคำพูดนั้น แค่ยกเหล้าในแก้วตรงหน้าขึ้นมาดื่มจนหมดก่อนจะวางมันลงแล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินไปที่ประตูทางขึ้นชั้นสาม เอื้อมมือกดรหัสปลดล็อกประตู ก้าวเดินขึ้นบันไดไปทีละขั้นอย่างใช้ความคิดก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูห้อง ในตอนนั้นผมพยายามลืมสิ่งที่คิดมาทั้งหมด ปรับสีหน้าของตัวเองให้เรียบเฉย แล้วตอนที่เปิดประตูเข้าไปด้านในผมพบว่าคนที่ต้องทำงานอยู่ตรงโต๊ะทำงานกลับมานอนเล่นอยู่บนเตียงแล้วหัวเราะคิกคักกับจอไอแพตที่เหมือนกำลังฉายอะไรบางอย่าง

“ ทำงานเสร็จแล้วรึไง ” คำถามที่ทำให้คนที่นอนอยู่หันมามองกันด้วยรอยยิ้มพร้อมกับหยาดน้ำตาที่หางตา เดาว่ามันคงหัวเราะจนน้ำตาไหลกับสิ่งที่มันกำลังดูอยู่ เมดลุกขึ้นจากเตียงที่นอนอยู่มานั่งก่อนยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่หางตาของตัวเอง

“ เสร็จแล้ว วันนี้มีงานไม่เยอะ แค่ทำบัญชีเมื่อวานกับสต๊อกของนิดหน่อย ”

“ แล้วมึงดูอะไรอยู่ ท่าทางจะหัวเราะเหมือนคนบ้าเลย ”

“ เห็นรึไงสัดถึงมาว่ากูอะ ” อีกคนเถียงกลับด้วยสีหน้าหาเรื่องตามฉบับ ก่อนจะยื่นเอาไอแพตให้ผมดูพร้อมกับเปลี่ยนท่าทางเป็นเด็กเล็กที่กระตือรืนร้นไม่ต่างอะไรกับการอวดของเล่นใหม่ “ ดูอันนี้ รายการวาไรตี้เกาหลีอะ โคตรตลก กูขำจนน้ำตาไหล ฮ่าๆ ” พูดไปก็หัวเราะราวกับว่าในตอนที่พูดมันก็คิดถึงสิ่งที่ทำให้หัวเราะไปด้วย เป็นท่าทางมีความสุขที่ชวนให้ผมยิ้มจนต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันแล้วจูบลงบนริมฝีปาก อย่างคนที่หวงแหนรอยยิ้มนั้น

‘ บอกตอนนี้เลยเป็นไง ’  ในใจของผมคิดในตอนที่จ้องแววตาใสของอีกคนที่ก็ยิ้มให้กันแบบตาปิดจนเป็นขีด เมดเป็นคนตาเรียว เวลายิ้มแบบมีความสุขก็เลยชอบเป็นแบบนั้น เหมือนอาหมวยลูกเจ้าของร้านซาลาเปาไม่มีผิด

“ มึงมีอะไร ” แล้วนั่นก็เป็นคำถามที่ทำให้ผมต้องพับทุกอย่างเก็บไป ราวกับทำมันหลุดหายไปที่ไหนสักแห่ง

เข้าใจในสิ่งที่ต้องเผชิญตรงนี้ดี อย่างที่ไอ้อัยย์บอก ถ้าได้รู้ความจริงมันไม่มีทางที่จะไม่เสียใจอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ไม่อยากจะให้อีกคนเสียใจอยู่ดี ก็แค่อยากจะให้ยิ้ม หัวเราะ แล้วก็มีความสุขต่อไปในทุกวัน และในห้วงวินาทีนั้นผมก็เกิดคำถามตอนที่มองหน้ามันอยู่ในขณะนี้ ‘ ทำไมถึงต้องเป็นมึงด้วยวะ ทำไมคนที่กูรักจะต้องมาเสียใจกับเรื่องเหี้ยๆพวกนี้ด้วย ทำไมต้องเป็นมึงทุกที ’

“ มึงมาดูด้วยกันสิ ” อีกคนบอกก่อนจะวางหน้าจอไอแพตลงบนเตียงตามเดิม มันกดเล่นวิดีโอนั้นที่กำลังฉาย คนหลายคนที่ใส่ชุดแยกสีเพื่อบอกความเป็นทีม และทุกคนในนั้นก็กำลังทำกิจกรรมที่ก็ทั้งสกปรกและดูใช้กำลังแบบสุดตัว แต่ถึงอย่างงั้นเมดก็ยังหัวเราะไม่มีหยุด

“ เล่นเหี้ยอะไรกันวะ ” ผมเผลอพูดอีกคนก็หันมามองหน้ากัน “ ไอ้เหี้ยนั่นมันโกงนี่ ”

“ มันเป็นอิจเมจในรายการของเค้า เค้าเล่นเป็นคนขี้โกงอะ ”

“ แล้วมึงก็ตลกกับความขี้โกงนี่น่ะเหรอ ” คำถามที่ทำให้อีกคนนิ่ง แล้วก็พูดออกมาไม่เต็มเสียง

“ ก็นะ แต่บางครั้งมันก็ไม่ได้โกงนะ มันตลกดี ก็แค่บางครั้งเอง เรียกว่าแค่เจ้าเล่ห์ละมั้ง ”

“ คนเราพอชอบอะไร มันก็ดูดี แล้วก็ข้อแก้ตัวให้ไปหมดนั่นแหละ ”

“ มึงแม่งจะซีเรียสยันรายการวาไรตี้เลยเหรอวะ ” เมดหันมาถอนหายใจใส่ “ เค้าดูแบบให้ตลก คลายเครียด เค้าใส่เสียงให้มันขี้เล่น เข้าใจมั้ยครับคุณ ” มือนั่นเอื้อมมาหยิกแก้มผมที่ก็เหล่มองมันพร้อมกับส่งสัญญาณเตือนทางสายตาให้ปล่อย แต่เหมือนว่าเมดจะไมได้สนใจอะไร

“ ยังไม่ปล่อยอีก ”

“ หงุดหงิดง่ายซะจริงๆเลยยยยยย วันนี้เครียดอะไรมาอีกละ ” ลากเสียงในประโยคสุดท้ายพร้อมกับมือหยิกแก้มอยู่ก็ขยับไปมาแบบล้อๆ ก่อนจะปล่อยลง

“ เปล่า ”

“ รู้ตัวมั้ยว่าบางครั้งมึงแม่งอารมณ์โคตรสวิงเลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวหงุดหงิดชั่วโมงหนึ่งเหมือนเปลี่ยนไปสามสิบอารมณ์ ” อีกคนบ่นก่อนจะหันไปดูรายการตลกที่หน้าจอ “ แต่ว่ากูก็เข้าใจมึงอยู่นะ ”

“ เข้าใจอะไร ”

“ ก็เข้าใจว่ามึงเป็นคนแบบนี้ไง ไม่งั้นเราจะอยู่ด้วยกันได้เหรอวะ ” เมดบอกก่อนจะหันมามองกันอีกครั้ง “ เพราะถึงมึงจะหงุดหงิด หรือทำหน้าดุใส่กู แต่กูก็รู้ว่า ถ้าเป็นกู มึงก็ไม่จริงจังหรอก อีกอย่างมึงโกรธกูไม่นานด้วย ”

“ งั้นเหรอ ”

“ ใช่แล้ว ” เมดยิ้มอย่างภูมิใจ “ กูมานั่งคิดๆแล้วนะ ว่ากูเนี้ยก็เก่งเหมือนกันที่อยู่กับมึงได้ ”

“ หลงตัวเอง ”
 
“ มึงไม่รู้หรอกว่าการใช้ชีวิตอยู่กับใครคนนึงมันต้องใช้จิตวิทยาขั้นสูงเลยนะเว้ย คนเราชอบบอกว่าคนรักกันจริงๆก็ควรมีแค่ความรัก แต่จริงๆกูว่ามันก็มีทุกอย่างนั่นแหละ มีทั้งความรักที่ต้องเติมให้กันบ่อยๆ มีความเชื่อใจ มีความเข้าใจ แล้วก็การผ่อนหนักผ่อนเบา แบบว่า ”

“ แบบว่าถ้ามึงเกิดโมโหหิวขึ้นมา แล้วหงุดหงิดจะร้องไห้เพราะไม่ได้แดกไอ้ข้าวหมูกรอบนั่น กูก็ต้องเข้าใจแล้วอย่าไปถือสาว่าปัญญาอ่อน เพราะช้างแค่กำลังตกมัน ”

“ ไอ้สัด ” อีกคนด่าก่อนจะขมวดคิ้ว เมดบ่นเสียงเบา “ ชอบแกล้งกูทุกทีเลยไอ้แฟนเหี้ย ”

“ แต่มันมีอย่างนึงที่กูไม่เข้าใจนะ ” เอื้อมมือไปจับแก้มมัน ผมใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆด้วยความเอ็นดู “ ทำไมคนเราต้องทำร้ายกันด้วยวะ ทั้งๆที่คนที่ถูกทำร้ายก็เป็นคนดี ไม่เคยทำร้ายใคร ”

“ นี่มึงหรอกด่ากูเปล่าวะ แบบ มึงหมายถึงกูที่ทำร้ายมึงหรือเปล่า ” หลุดยิ้มออกมากับคำถามของคนตรงหน้าที่กำลังขมวดคิ้วมองเหล่มาจับผิด

“ วัวสันหลังหวะว่ะ ”

“ แต่กูไม่ได้ทำร้ายมึงนะ ”

“ แน่ใจ ”

“ นิดๆหน่อยๆ คนเรามันก็ต้องปรับตัวเข้าหากันบ้างไรบ้าง ” อีกคนตอบเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้ผม เมดหันไปดูหน้าจอไอแพตของตัวเองต่อ มันที่นอนคว่ำลงก่อนจะพูดออกมาเหมือนบ่น “ แต่กูว่าการทำร้ายคนที่รักกันไม่ว่าจะเป็นแฟน หรือเพื่อน ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องมีเหตุผล แต่แค่เราไม่รู้เหตุผลก็เท่านั้นแหละ ”

“ มึงคิดงั้นเหรอ ”

“ อื้ม ” เมดพลิกตัวมามองหน้าผมก่อนจะอธิบายต่อ “ ก็เพราะเวลาคนคนนึงคิดจะทำร้ายใคร มันไม่ได้มีเหตุผลว่าโดนกระทำไม่ดีเลยแก้แค้นอย่างเดียวหรอกจริงมั้ย แต่มันมีเหตุผลที่มาจากความรู้สึกด้วย ”

“ ความรู้สึกอะไร ”

“ ไม่เคยได้ยินเหรอวะ ความอิจฉาน่ะ  บางทีก็ความอยากได้อยากมี ความแค้นแบบแค่หมั่นไส้ กูว่าอะไรแบบนั้นมันน่ากลัวกว่าการทำร้ายกันแบบซึ่งๆหน้าอีกนะ เพราะเราจะไม่รู้เลยว่า ใครที่รู้สึกแบบนี้กับเรา บางทีอาจจะเป็นเพื่อนที่รักเรามาก หรือคนในครอบครัวของเราก็ได้ มันเป็นใครก็ได้ ”

“ งั้นเหรอ ”

“ ก็ความรู้สึกมันเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น แถมจะเปลี่ยนแปลงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ บางทีดูเหมือนเค้ารักเค้าหวังดี แต่เผลอแปปๆก็เกลียดเรา แล้วก็ทำร้ายเราแล้ว โดยที่เรายังไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรผิด เป็นอะไรที่โคตรเข้าใจยาก ”

“ คนมันจะเกลียดก็แค่เกลียด ”

“ นั่นแหละคือสิ่งที่กูจะบอก บางทีเราก็แค่ต้องยอมรับให้ได้ว่าโดนเกลียด ถึงจะไม่รู้เหตุผลก็เถอะ เพราะถ้าเราจะมาหวังให้คนทั้งโลกเข้าใจ หรือรัก มันก็ไม่มีทางเกิดขึ้นอยู่แล้ว ”

“ เหมือนกูกำลังนั่งพูดกับคนที่บรรลุทางธรรมแล้ว ” ผมแซวมันอีกคนก็ยิ้มเท่ห์ๆก่อนจะเอื้อมมือมาจับที่ไหล่

“ ความเจ็บปวดจะทำให้เจ้าแข็งแกร่ง อารยะ ”

“ กวนส้นตีน ” เมดหัวเราะตอนผมบอก มันที่หันไปดูทีวีต่อแบบตั้งใจอีกครั้ง ผมเองก็จมลึกสู่การคิดใคร่ครวญเช่นกัน

ความจริงคนตรงหน้าก็คงเหมือนกับที่ไอ้อัยย์บอก เมดไม่ได้อ่อนแอจนรับฟังอะไรไม่ได้ ไม่ได้ทำตัวเองให้น่าสมเพชจนต้องเวทนา แต่เป็นคนคนนึงที่มีเหตุผลและทำความเข้าใจเรื่องราวที่ต้องเผชิญอยู่ได้แม้ต้องใช้เวลา มันอาจจะช้าบ้างในบางครั้งที่ต้องทำใจยอมรับให้ได้โดยเฉพาะบางเรื่องที่หนักหนา แต่นั่นก็ยังผ่านมาได้ ผมว่ามันคงจริงที่คนหลายคนบอกว่า มนุษย์เติบโตขึ้นจากความเจ็บปวด และเมดก็เป็นแบบนั้น

“ เมด ” ผมเอ่ยเรียกมันอีกคนก็หันมามองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ‘ แต่คำพูดกับการกระทำมันต่างกันนะ ตอนพูดก็มีเหตุผล ดูเหมือนจะเข้าใจความเสียใจได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ได้หมายความว่าพอได้ฟังเรื่องเสียใจจริงๆ มันจะรับได้อย่างที่พูด คำพูดก็ส่วนคำพูด การกระทำก็ส่วนการกระทำ การันตีไม่ได้ว่าจะเหมือนกัน สุดท้ายพอรู้ความจริงมันอาจจะเป็นแค่คนคนนึงที่ลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าเคยพูดอะไรไว้ ’

“ มีไรวะ เรียกแล้วเสือกเงียบอีก ”

“ พรุ่งนี้ไปทะเลกัน ”

“ ห๊ะ ? ” คนฟังไอ้แต่อ้าปากค้าง มันหันไปมองจอที่ตัวเองกำลังอยู่ บนหน้าจอนั่นฉายเกมส์วาไรตี้เดิมแต่เปลี่ยนเป็นฉากทะเลและผู้เข้าแข่งขันนั้นกำลังกินอาหารทะเลกันอยู่ “ อย่าบอกนะว่ามึงเห็นเค้าแดกแล้วมึงอยากแดก ”

“ อื้ม ” ตอบแบบสั้นๆง่ายๆ อีกฝ่ายก็ได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจ “ ไม่อยากไป ? ”

“ อยาก! ” หันมาตอบเสียงดังก่อนจะหัวเราะ “ กูก็อยากกินเหมือนกัน อยากกินกุ้ง! อีกอย่างนะตั้งแต่คบกันมาเรายังไม่เคยไปเที่ยวไหนกันเลยมึง ยกเว้นเดินห้าง ”

“ อื้ม ” ยักคิ้วให้เป็นการตอบรับ

เหมือนเคยได้ยินใครบางคนบอกว่า ถ้าเรากำลังเศร้าก็ให้เอามันไปทิ้งทะเล การมองคลื่นซัดฝั่งในบรรยากาศเงียบๆจะทำให้จิตใจดีขึ้น ที่สำคัญถ้าเกิดว่าเมดร้องไห้ขึ้นมา เสียงสะอึกสะอื้นพวกนั้นที่ผมไม่อยากได้ยินก็คงโดนเสียงทะเลกลบไปจนหมด

‘ กูกลัวอะไรกันแน่วะ ’ กูกลัวว่าเมดจะเสียใจ หรือกูกลัวว่าตัวเองจะต้องเห็นเมดเสียใจกันแน่ แท้จริงแล้วตัวผมที่ยังคงไม่กล้าบอกแบบนี้ และพยายามคิดหาทางอยู่อย่างงี้ มันเพราะอะไร กลัวอะไรอยู่กัน

“ แต่พรุ่งนี้กูมีเรียนสิบโมงแล้วเลิกบ่ายโมง เราไปหลังจากกูเลิกเรียนได้มั้ย ”

“ ได้สิ ”

“ เย้! งั้นคืนนี้กูจะกลับไปจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไว้เลยดีมั้ย ไปไหนๆ พัทยา หัวหิน ”

“ หัวหิน ”

“ ไปสักสองวันนะ ” อีกคนบอกด้วยความกระตือรือร้น เมดเปลี่ยนตัวเองลุกขึ้นมานั่งเรียบร้อย “ เราจะได้ไปหาของกินอร่อยๆเยอะๆไง ไปวันเดียวไม่ได้แดกเหี้ยอะไรต้องกลับละ ”

“ มึงนี่นะ หวงแดกจริงๆ ” ได้แต่ส่ายหน้ากับความช่างกินของมัน แต่ในตอนนั้นเมดก็ไม่ได้สนใจอะไร มันแค่หยิบไอแพตขึ้นมาแล้วกดออกจากหน้าจอที่กำลังดูอยู่เปลี่ยนไปเข้ากลูเกิ้ลเพื่อค้นหา และสิ่งที่มันพิมพ์ลงไปในนั้นก็คือ ‘ ของกินอร่อยๆหัวหิน ’

ช่วงเวลาสามทุ่ม ที่แสงไฟในห้องยังคงสว่างทั้งที่เวลานี้คนที่กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ในห้องแต่งตัวควรนอนอยู่ข้างผม แต่เพราะความตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวทะเลทำให้ตอนนี้เมดกลับยืนอยู่ที่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว มันกำลังเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ลงไปในกระเป๋าแค่สามชุดแต่ก็นานกว่า 40 นาทีแล้ว

“ หัวหินไม่ใช่ญี่ปุ่น ” ผมบอกแต่อีกคนก็แค่หันมามองแล้วก็ยิ้มให้

“ มึงว่าเสื้อตัวนี้กับตัวนี้ ตัวไหนดีกว่ากัน ” เสื้อยืดสีขาวคนละลายถูกยื่นออกมาตรงหน้า ผมชี้แบบสุ่มๆไปอย่างไม่ใส่ใจเพราะมันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ แต่คนที่เลือกไว้แล้วก็ถามออกมา “ ตัวนี้ไม่สวยเหรอวะ ”

“ ถ้าเลือกไว้แล้วก็ไม่ต้องถาม ”

“ ก็เพื่อความมั่นใจไง ” เมดบอก “ นี่จะเป็นการไปเที่ยวครั้งแรกของเรานะเว้ย ต้องถ่ายรูปเยอะแน่ๆ เพราะงั้นต้องเลือกเสื้อผ้าดีๆ ”

“ ถามจริง ไม่เคยหัวหินรึไงวะ ”

“ เคย แต่ไม่เคยไปกับมึง ” ผมเงียบคนตรงหน้าที่แค่ยักคิ้วให้เมดชูเสื้อสองตัวนั่นขึ้นมาอีกครั้ง มันยิ้ม “ เลือกให้หน่อย เอาตัวไหนดี ”

“ ตัวขวา สีมันสด คงเข้ากับทะเลดี ”

“ โอเค ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับมันเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วเงียบอยู่สักพักก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับปิดประตูแล้วนอนลงบนเตียง “ เรียบร้อย ” เมดเอ่ยบอกตอนที่ดึงผ้าห่มขึ้นห่มตัวเองแล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะพลิกตัวมามองผม “ ตื่นเต้นวะ ”

“ จัดเสื้อผ้ากูแล้วเหรอ ”

“ เรียบร้อย ของมึงจัดเสร็จนานละ ไม่ต้องเลือกเยอะ ” ผมขมวดคิ้วตอนที่อีกคนบอก “ เพราะแต่งหล่อไปก็เท่านั้นอะ  แต่งธรรมดาพอกูหวง ”

“ ไร้สาระ ” บอกแบบนั้นแต่ก็อดยิ้มหว้างไม่ได้เลย ผมเอื้อมมือไปดึงคนที่นอนข้างๆมากอดกันเอาไว้ เมดที่หัวเราะมันซุกเข้ามาอกผม

“ เขินก็บอก ”

“ นอนได้แล้ว ” ปิดไฟหลังจากที่พูด ผมขยับตัวเตรียมจะหลับตาลงแต่ก็โดนคนในวงแขนเรียกไว้

“ อาฟ ” ผมก้มลงไปมองแล้วตอนที่สบเข้ากับแววตาใสนั่น เมดก็ดึงตัวเองขึ้นมาจูบกัน “ กูมีความสุขว่ะ ” มันเป็นคำพูดสั้นๆที่ทำให้ผมยิ้มอย่างไม่ต้องอธิบายด้วยเหตุผลอะไร หรือหาคำตอบว่าทำไม เป็นความรู้สึกที่ว่า ‘ แค่เมดมีความสุขไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร มันก็ดีทั้งนั้น ’  “ หน้าแดงอยู่แน่ๆ ”

“ กูบอกว่าให้นอน ”

ตอนนั้นผมนึกขอบคุณที่ตัวเอง ปิดไฟแล้ว

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.1 :: up! 7-12-61} #หน้า 46
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 14-12-2018 22:07:58
บรรยากาศตอนเช้าภายในร้านคาเฟ่ที่เพิ่งเปิดค่อนข้างสบายเพราะความเงียบเชียบ แม้ตอนนี้เวลาจะผ่านเลยเข้าสู่ช่วงบ่ายโมงเข้าไปแล้ว ผมผ่อนหลังลงนั่งกับเก้าอี้ วันนี้หลังจากที่ส่งคนมีเรียนที่หน้าคณะเสร็จเรียบร้อย ตัวเองก็วนรถมาที่ร้านกาแฟประจำที่จะเปิดหลัง 9 โมงเช้าเป็นต้นไป

กาแฟคาราเมลมัคคิอาโต้แบบเย็นที่วางลงตรงหน้าพร่องลงไปแล้วครึ่งแก้วในระหว่างที่รอ ผมหลับตาลงเพื่อพักสายตาหลังจากที่เล่นเกมส์ติดต่อกันมานานเป็นชั่วโมงจนรู้สึกล้าไปหมด ปกติผมจะมาที่นี่แค่เฉพาะช่วงที่เมดมีเรียนหลัง 10 โมงเท่านั้น ส่วนเวลามันมีเรียนเช้า ผมจะแค่นั่งคอยอยู่หน้าคณะเพราะไม่ชอบย้ายที่ไปไหนมาไหนหลายครั้ง

ครืน ครืน ครืน

สายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา ปรากฏขึ้นทั้งเบอร์และภาพหน้าจอที่เจ้าของเบอร์เป็นคนเจ้ากี้เจ้าการตั้งไว้อย่างไม่ต้องร้องขอ ผมเผลอยิ้มกับภาพน่ารักนั่นแม้จะเคยบอกมันว่าเอาซาลาเปาไส้หมูแดงมาตั้งไว้ที่หน้าจอผมทำไมก็ตาม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย

“ ว่าไง ”

“ เรียนเสร็จแล้ว ไปเที่ยวหัวหินกันนนนน ” ปลายสายที่ยังคงตื่นเต้น ผมส่ายหน้าไปมากับความเป็นเด็กของมัน ตั้งแต่ตื่นจนถึงก่อนลงรถไปเรียน คนข้างๆก็เอาแต่พูดจ้อเรื่องทะเลไม่มีหยุด มันถามผมว่า ผมจะลงเล่นน้ำทะเลมั้ย หรือจะลงเล่นน้ำในสระ มันถามแม้ว่าโรงแรมที่จองเป็นยังไง ห้องเป็นแบบไหน ไปถึงจะทำอะไรก่อน จะกิน จะอาบน้ำ หรือว่าไปเที่ยวตลาดกลางคืน แพลนของมันมีเป็นร้อย เยอะชนิดที่ว่า แค่เอ่ยปากบอกว่า จะกินอะไร มันก็จะมีร้านดังเสนอขึ้นมาได้ทันที ไม่ค่อยจะตื่นเต้นเท่าไหร่ ไม่ต่างอะไรกับเด็กเล็กเลยสักนิด ‘ ไอ้ตัวน่ารักเอ้ย ’
 
“ เมด ” ผมแกล้งปั้นเสียงเศร้า ปลายสายเองที่ได้ฟังก็นิ่งไป “ คือ กูมีอะไรจะบอก ”

“ อย่าบอกนะว่าจะไม่ได้ไปหัวหินแล้วน่ะ ” มันพูดดัก ผมก็ได้แต่เงียบ “ ทำไมเงียบไปวะ ”

“ ก็มึงบอกว่าอย่าบอก ”

“ อะไรวะ จริงเหรอมึง ทำไมอะ ที่ผับมีปัญหาอะไรวะ ” น้ำเสียงเป็นห่วงแต่ก็ติดจะเสียดายอยู่หน่อยๆ ชวนให้ผมยิ้มกว้างในตอนที่อีกคนพูดพร้อมกับถอนหายใจเซ็งๆออกมา

“ ขอโทษที ”

“ เออๆ ไม่เป็นไร กูเข้าใจ งั้นเดี๋ยวค่อยคุยกัน มึงมารับกูเถอะ ”

“ ขอโทษที่ต้องโกหก ”

“ อ้าวยังไงวะ ” เมดพูด ก่อนจะเงียบไปสักพัก “ คือมึงตอแหลกูเหรอไอ้สัดอารยะ ”

“ ฉลาดจัง ”

“ K ” มันว่าแค่นั้นก่อนจะวางสายไปด้วยความน้ำเสียงหงุดหงิด ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มกว้าง ก็อย่างที่เมดบอก การแกล้งมันคือความสุขที่สุดของผมในทุกวัน

ขับรถมาจอดที่หน้าคณะที่มีคนโดนโกหกยืนรออยู่ด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่เหมือนจะเป็นการปั้นหน้าให้หงุดหงิดมากกว่าจะรู้สึกจริงๆ ในใจที่เต้นเป็นลิงโลดเพราะจะได้ไปเที่ยวมันฝืนตัวเองไม่ให้ยิ้มด้วยการกัดฟันทนเอาไว้ ในตอนที่เปิดประตูขึ้นมาบนรถมันก็มองผม

“ สีหน้าดูปวดขี้ ไม่ต้องไปแล้วมั้งหัวหิน ”

“ ไป! ไอ้สัดอาฟแม่งแกล้งกู ” อีกคนบ่นก่อนจะมองมาด้วยหางตา

“ งั้นยิ้มก่อน ”

“ ยิ้มเหี้ยอะไร ” พูดออกมาแบบนั้นแต่กลับยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะหันไปทางอื่นแล้วสบถในตอนที่ผมเองก็ยิ้มตาม “ มึงแม่ง ” ขยับเกียร์เปลี่ยนให้เดินหน้าผมขับรถออกไปจากหน้าคณะมันแต่ยังไม่ทันถึงทางออกมหาลัยเสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์เมดก็ดังขึ้น

“ อะไรวะ ” คนที่พลิกมือถือขึ้นมาดูพูดขึ้น มือที่กดพิมพ์ข้อความด้วยสีหน้าหงุดหงิดชวนให้ผมชะลอรถก่อนจะกดไฟเลี้ยวซ้ายเข้าจอดข้างทาง

“ มีอะไร ”

“ อาฟ วนกลับไปคณะกูก่อนได้มั้ย ”

“ ทำไม ” ผมถามอีกคนก็ถอนหายใจก่อนจะหันมาบอก

“ ไอ้ฝ้ายส่งข้อความมาบอกกูว่าจะคุยเรื่องรายงานกลุ่มตอนนี้ ”

“ อื้ม ” เมดพยักหน้ารับก่อนจะเกาหัว แล้วก้มหน้าลงพิมพ์ข้อความลงไปในมือถือ “ แต่วันนี้ตอนที่นั่งข้างมันไอ้ฝ้ายไม่เห็นพูดอะไรเลย กูยังบอกมันเลยว่าจะไปหัวหิน ทำไมอยู่ๆเปลี่ยนใจขึ้นมาวะ ”

“ ก็ลองถามมัน ”

“ มันไม่ตอบ ” ผมถอนหายใจก่อนจะเลี้ยวรถกลับไปจอดที่หน้าคณะเหมือนเดิม แล้วตอนที่ดึงเบรคมือขึ้นเมดก็บอก “ มึงขึ้นไปกับกูนะ ”

“ ขึ้นได้ ? ”

“ ขึ้นได้สิ ไม่ได้ขึ้นไปเรียนขึ้นได้อยู่แล้ว ”

“ อื้ม ” ปลดสายเข็มขัดนิรภัยตามคำขอของคนข้างกัน กดล็อกประตูรถในตอนที่เดินออกมาแล้วเข้าไปในตึกที่ก็รอลิฟต์อยู่ไม่นานก็ถึงชั้นที่อีกคนถูกนัดมาให้มาเจอ ห้องเรียนที่ไม่มีใครอยู่ประตูที่ถูกแง้มไว้ราวกับมีคนที่มาก่อนหน้านั้นแล้ว เมดผลักประตูเข้าไปในและไม่ต้องหาคำตอบอะไรให้นาน คำตอบก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า คนที่มาถึงก่อนหันมามองเราที่เข้ามาใหม่ ไอ้บินนั่งอยู่บนโต๊ะตัวหนึ่งพร้อมกับยีนส์อดีตเพื่อนสนิทของเมดที่ก็ยังอยู่บนเก้าอี้ตัวที่ติดกับโต๊ะนั่นคนที่ทั้งคู่ที่กำลังยิ้มให้กันแต่ก็ต้องหุบลงตอนที่เห็นหน้าพวกเรา

“ อ้าว เมด ” ไอ้บินเอ่ยทักคนตรงหน้าผมที่ก็ยิ้มให้ก่อนจะก้มหน้าลงทักกลับไป เมื่อเอื้อมมือตัวเองมาจับมือของผมไว้แน่นในตอนนั้น สายตาที่หันไปมองอีกคนก็หันมามองผมพอดี เมดยิ้มกว้างราวกับจะบอกคนที่มองดูเราอยู่ตอนนี้ว่าผมคือแฟนของมัน และก็อยากจะให้ผมมั่นใจว่า ผมสำคัญที่สุดและมันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น

“ ฝ้ายส่งข้อความนัดมึงมาเหมือนกันยีนส์ ” เมดถามอีกคนที่ก็ขมวดคิ้วก่อนจะส่ายหน้า

“ ไม่นะ ไอ้จิงบอกกู แต่มันก็บอกนะว่าฝ้ายนัดมา ”

“ เหรอวะ ” พยักหน้ารับกับอีกคนก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนผมก็นั่งลงบนโต๊ะตัวข้างหลังเมดที่ก็หันมาชวนคุย “ เดี๋ยวเราจะไปกินข้าวกันที่นู้นมื้อเย็นทีเดียว หรือว่าจะหาอะไรกินกันไปก่อน ”

“ หาอะไรกินก่อนสิ ตอนเที่ยงยังไม่กินอะไรเลย ”

“ งั้นหาไรกินแถวนี้นะ จะได้ขับรถออกไปเลย ”

“ ผ่านร้านไหนน่ากินก็แวะเอา ” ผมบอกอีกคนก็พยักหน้ารับก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาแล้วเอาแต่ขมวดคิ้ว

“ ทำไมช้าจังวะ อยากไปหัวหินแล้วเนี้ย ” เมดเริ่มบ่นก่อนจะส่งข้อความไปหาเพื่อนคนที่นัด

“ มากันแล้วเหรอ ” เสียงที่ดังมาจากประตูไม่ใช่คนที่นัดแต่เป็นเพื่อนอีกคนของเมดที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จิงปิดประตูห้องลง แล้วเดินตรงเข้ามาหาเราทั้งสี่คนที่ตอนนี้นั่งอยู่เป็นคู่ ฝั่งขวาเป็นไอ้บินไอ้ยีนส์ ส่วนฝั่งซ้ายเป็นผมกับเมด  “ ทำไมพาแฟนมาด้วยวะ จะเย้ยกูเหรอ ”

“ อะไรวะ ” ยีนส์สบถออกมายิ้มๆตอนที่เพื่อนของตัวเองพูดแบบนั้น

ห้องเลคเชอร์เล็กๆมีประตูทางออกเดียว ทำให้พวกเราไม่ได้อยู่ห่างกันเท่าไหร่ จิงเดินมาหยุดอยู่ตรงกลางนั้นมันยังคงยิ้มอยู่แบบนั้น ก่อนจะหัวเราะออกมา แล้วผมก็รู้สึกในตอนนี้ ว่าผม ช้าเกินไป

“ ก็พวกมึงเล่นพาแฟนมาเป็นคู่ ทั้งๆที่กูนัดมาคนเดียวแบบนี้ ถ้าไม่เย้ยกันมันจะอะไรวะ จะมาข่มกูที่แฟนทิ้งเหรอ ”

“ แล้วฝ้ายละ ” ไอ้บินพูดดักขึ้นมาในตอนนั้นจิงก็ยกยิ้ม

“ รีบปัดเชียวน้า ”

“ เดี๋ยวนะกูงง มึงบอกว่าแฟนทิ้งมึงเหรอ มึงมีแฟนแล้ว ? ” ยีนส์ถามเพื่อนตัวเองก่อนจะยิ้มกว้างพลางมองไปเชิงล้อ “ ไม่บอกเลยนะสัด เขินเหรอวะ ถึงไปคบกันเงียบๆแบบนั้น ใครอะไรยังไง ไม่เล่าเลย ”

“ กูพูดไปมึงก็เสียใจสิวะ ” คำพูดที่คนโดนแซวแค่ยิ้มออกมาให้คนถามก่อนจะหันมามองเมด “ เมดเองก็คงเสียใจเหมือนกัน ”

“ กูเหรอ ” คนโดนพาดพิงอย่างเมด เอียงหน้างง

“ กลับเถอะ กูว่าแบบนี้ ฝ้ายไม่น่ามาแล้วละ ” ผมพูดขึ้นตอนที่ลุกขึ้นจากนั่งก็ดึงแขนคนตรงหน้าให้ลุกขึ้นตามด้วย แต่เมดที่ยังงงๆมันหันมามองผมด้วยสายตาไม่เข้าใจเท่าไหร่

“ ใช่ ฝ้ายไม่มีทางมาหรอก ” จิงพูดขึ้นก่อนจะพยักหน้ารับแล้วยิ้มให้ผม ก่อนจะลองไปทางเมด  “ เพราะกูเป็นคนเอามือถือส่งข้อความไปหามึงเองแหละ ด้วยการบอกแบตหมดแล้วก็ต้องใช้มันโทรหาไอ้ยีนส์ ”  ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องเงียบลงไปอย่างรู้ตัวแล้วว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น จิงเองที่ยังคงยิ้ม “ แต่แน่ใจเหรอเมดว่ากลับ กูว่ามึงอยู่ฟังความจริงดีกว่า เดี๋ยวมารู้อะไรทีหลังแล้วจะเสียใจอีก ”

“ กลับเถอะ ” ผมบอกแต่เมดก็ยังนิ่ง เราสบตากันในแววตานั้นของคนตรงหน้ามันบอกผมว่า ‘ อยากฟัง ’

“ กูว่ามึงพอเถอะ ” บินพูดสวนขึ้นทันทีแล้วนั่นก็ทำให้คนโดนห้ามหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ มึงกลัวเหรอบิน ” จิงยิ้มถาม “ มึงกลัวสิ มึงกลัวว่าความจริงมันจะถูกเปิดเผยออกมาก็เลยบอกให้กูหยุด มึงคิดจะกลับตัวเป็นคนดี กูจะบอกอะไรให้นะ ตัวเปื้อนโคลนอย่างมึงใส่เสื้อผ้าใหม่ยังไงมันก็สกปรก แล้วต่อให้มึงอาบน้ำ กลิ่นเหม็นโคลนมันก็ยังติดตัวมึงอยู่ดีจำไว้ ”

“ มึงจะพูดอะไรกันแน่วะจิง ” ยีนส์ถามก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“ กูก็จะพูดว่าทั้งๆที่ตอนนั้นยังเป็นแฟนไอ้เมดอยู่ แต่กลับมาแอบเอากับมึงที่เป็นเพื่อนไอ้เมด แล้วนอกจากนั้นก็ยังมาเอากับกูที่ก็เป็นเพื่อนด้วยไง ”

“ นี่มึง..หมายความว่า ”

“ พวกเราน่ะครั้งหนึ่งก็เคยมีผัวคนเดียวกันนะรู้มั้ย เราทั้งสามคนเลย สมเป็นเพื่อนรักกันเลยเนอะ ”

ได้แต่ถอนหายใจออกมาตอนที่ได้ฟัง คิดไว้แล้วว่าประโยคนั้นต้องหลุดออกมา ในที่สุดอีกคนต้องมารู้แบบที่ไม่ได้ตั้งตัวอะไรเลยสักนิด ไม่น่าเลี้ยวรถกลับมาเลยกู ผมถอนหายใจออกมาในตอนที่หันไปมองหน้าเมดที่ยังยืนนิ่งไม่ไปไหน แต่ทว่าคนที่คิดเอาไว้ว่าจะเสียใจ กลับไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจอะไรทั้งนั้น เมดไม่แม้จะร้องไห้ มันแค่ยืนมองคนสามคนนั้นนิ่งๆ ต่างกับยีนส์ที่พูดออกมาจากปากสั่นๆด้วยคำพูดซ้ำๆ

“ ไม่จริง ไม่จริงใช่มั้ย ”

“ จริง ไม่เชื่อก็ถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆมึงสิ ว่าไงบิน บอกเลย ความจริงเรื่องของเราน่ะ ” ยีนส์มองบินในตอนนั้นอีกคนก็ไม่พูดอะไร มันก้มหน้าลงแล้วนั่นก็คือคำตอบของทุกอย่าง

“ นี่พวกมึง ”

“ มึงไม่มีวันจะได้รักกันหรอก ทำเหี้ยก็ต้องได้รับผลกรรมสิวะ จะมาบอกว่า ขอเลิกกับกู ไม่อยากจะเอากูลับๆไอ้ยีนส์ จะปรับตัว จะเป็นคนดี มึงเหี้ยมาหลายปีแต่มาบอกกูว่าจะเป็นคนดี  ฝันไปเถอะ กูไม่มีทางให้พวกมึงเสวยสุขอยู่กันสองคนหรอก จำไว้ เพราะกูจะไม่มีวันเสียใจคนเดียว ”

“ แบบนี้นี่เอง ” คำตอบที่หลุดออกมาจากคนข้างกายผมทำให้จิงหันมามองด้วยความรู้สึกแบบขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่คิดว่าต้องเสียใจอย่างมันถึงไม่ได้ร้องไห้อะไรทั้งนั้น

 “ อย่าแสดงทำเป็นเข้มแข็งไปหน่อยเลยเมด กูรู้ว่ามึงช็อคแล้วก็เสียใจ นึกไม่ถึงละสิว่ากูเองก็จะเป็นหนึ่งในเพื่อนที่ทรยศมึงด้วย ”

“ ก็ตกใจ แต่ไม่ได้เสียใจนะ ” เมดตอบ “ ก็มึงทรยศกูมาตั้งแล้วนานไม่ใช่เหรอ มันก็ไม่ได้ต้องเสียใจอะไรนี่ ” คำอธิบายที่เพิ่มเติมที่พูดออกมายิ้มๆ ร่างเพรียวคนมองตรงหน้า “ กูไม่รู้สึกอะไรนะ ก็บินโกหกกูเรื่องที่บอกว่าให้นมกู ยีนส์แอบเอากับบินหลับหลังกู ส่วนมึงที่ตอนแรกเก็บความลับให้ไอ้ยีนส์ไอ้บิน ตั้งแต่ที่กูรู้ว่าพวกมึงเป็นแบบนี้ พวกมึงแม่งก็ตายไปจากชีวิตกูแล้ว คือพวกมึงไม่ใช่คนที่กูเรียกว่าเพื่อน ไม่ใช่คนรัก ไม่ใช่คนที่กูให้ค่าให้ความสำคัญอะไร อีกอย่างตั้งแต่วันนั้นกูก็ไม่เคยมองมึงเป็นคนดีเลยจิง ” มันส่ายหน้าไปมาตอนที่พูด “ อย่างที่กูเคยบอกไง เพื่อนที่ดีเค้าจะไม่ทำให้เพื่อนต้องเสียใจหรอก เพื่อนที่ดีคือเพื่อนที่ต้องเคอยเตือนกันเวลาที่รู้ว่าเพื่อนจะทำไม่ดี หรือกำลังเดินทางผิด แต่เพื่อนแบบมึง คือเพื่อนที่ปล่อยให้กูเดินหลงอยู่ในทางโง่ๆนั้น ทั้งๆที่มึงก็รู้ว่ายีนส์คบกับบินอยู่ แล้วต่อให้วันนี้กูรู้ว่ามึงก็คือคนที่ได้กับบินด้วย กูก็ไม่ตกใจ เพราะถ้าเป็นคนแบบมึง ก็ว่ามันก็ไม่เห็นแปลก ”

“ เมด ” จิงเอ่ยชื่ออีกคนเสียงเบา

“ แต่ยีนส์ก็น่าสงสารหน่อย  เพราะมันไม่รู้เรื่องอะไรเลย  ไม่รู้เลนว่าว่าจริงๆ เพื่อนที่อยู่ข้างมันมาตลอด ก็แค่อยากจะปกปิดสิ่งที่ตัวเองก็ทำอยู่ก็เท่านั้น นั่นคือการแอบกินกับไอ้บิน ไม่ใช่เพราะว่าเข้าข้างมันอย่างที่มันเข้าใจ  ”

“ มึงเข้าใจผิดแล้วเมด ” จิงพูดสวนขึ้นก่อนจะยกยิ้ม คนโดนเรียกก็หันไปมอง “ มึงเข้าใจผิดทั้งหมด มึงคิดว่าคนแบบไอ้ยีนส์มันจะกล้าเอากับไอ้บินเหรอ ถ้ากูไม่พูด ไม่บอกว่าทำได้ ไม่ยุยงมัน ไอ้ยีนส์คนรักเพื่อนก็คงไม่กล้าเอากับไอ้บินหรอก แล้วทุกอย่างที่มันทำ กูเองนี่แหละที่เป็นคนบอกให้มันทำ  เพราะว่ากูอยากให้มึงไม่มีเพื่อนที่ดีสักคนไง ”

“ หมายความว่าไงวะ ”

“ เรียนก็ดี หน้าตาก็ดี ทำอะไรใครๆก็มอง ชมกันไม่ขาดปาก จนกูอยากจะอ้วก พ่อแม่กูเองก็พูดกรอกหูกูทุกวัน ตั้งแต่วันแรกที่กูเข้าโรงเรียนมาแล้วเจอมึง ‘ ไม่ว่ายังไงก็ต้องคบกับเด็กคนนั้นให้ได้นะเพราะว่าพ่อสมัยเด็กๆก็เคยแข่งเรียนกับพ่อเค้ามา แล้วก้ต้องเอาชนะให้ได้นะ ’ แล้วพอได้เป็นเพื่อนกัน สอบทีไรนอกจากคะแนนของกูเค้าก็จะถามถึงคะแนนของมึง คะแนนของเมดเป็นยังไงบ้างละ เป็นยังไงชนะมั้ย แล้วสุดท้ายกูก็คือคนแพ้ทุกที ‘ ทำไมไม่เรียนให้เก่งได้เท่าน้องเมดละ ’ กูฟังคำนี้เป็นร้อยรอบ ‘ ขยันเข้าสิ ’ ‘ ไปเรียนพิเศษให้เยอะๆเลยนะ ’ ‘ ลองเอาชนะน้องเมดให้ได้สักครั้งสิ ’ แต่คนอย่างกูจะไปชนะอะไรมึงได้วะ ตั้งแต่เด็กจนโต มึงเรียนเก่งกว่าใคร เป็นที่หนึ่งของห้อง ไม่ว่าจะวิชาอะไรก็ถนัด หน้าตาก็ดีได้ทำกิจกรรมเป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียนตลอด แถมชีวิตครอบครัวก็มีความสุข ทั้งๆที่แม่ตาย แม่เลี้ยงก็ต้องเหี้ยหน่อย แต่เสือกมีแม่เลี้ยงดี น้องบุญธรรมก็ดี ชีวิตที่มีดีไปหมดของมึง ทำไมถึงมีความสุขได้ทั้งๆที่กูแม่งรวยกว่า ทุกอย่างพร้อมกว่า แต่กลับไม่ได้มีอะไรเหมือนมึงเลย ”

“ ประสาท ” ผมพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบนั้นอีกคนก็หันมาจ้องหน้ากัน

“ แล้วมึงจะทำไม มึงไม่เข้าใจชีวิตที่ถูกกดดันของกูหรอก กูที่อยากจะทำลายไอ้เพื่อนเหี้ยคนนี้ให้มันเจอเรื่องเลวร้ายบ้าง ให้มันเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้กู เรื่องกดดันแบบนี้ เรื่องที่ทำให้ต้องร้องไห้ ” จิงยิ้ม “ แล้วอยู่ๆ นรกแม่งก็ส่งไอ้เชี้ยบินให้เข้ามาจีบไอ้เมด ไอ้ยีนส์ตอนนั้นก็ดูท่าทางจะชอบไอ้สัดนั่นสุดๆ ทุกอย่างแม่งก็เลยเข้าทางกู แล้วไอ้บินแม่งก็โคตรเหี้ย ทำร้ายจิตใจไอ้เมดตลอด สารพัดความเหี้ย แต่กูก็ชอบบอกให้มึงทน จะได้ทรมานนานๆไง แม่งเอาคนนู้น คนนี้ไปทั่ว กูรู้หมดแหละ ที่เอามาบอกมึงทุกครั้ง ที่ให้คนอื่นมาบอกมึงบ้าง นั่นก็กูจ้างทั้งนั้น รู้มั้ยกูเคยภาวนาขอให้มึงติดเอดส์ด้วยนะ ชีวิตจะได้ล่มจมแบบกู่ไม่กลับไง ตายแบบหมาทุเรศๆ ที่สุดท้ายยังโดนเพื่อนรักหักหลังอีกถึงสองคน ”

“ จิง มึงคิดถึงขนาดนี้เลยเหรอ ”

“ ถามจริงๆ มึงคิดเหรอ ว่ายีนส์มันจะกล้าไปเอากับไอ้บินในห้องมึงถ้ากูไม่ได้เป็นคนบอกว่า ให้ไปเอากันให้ห้องมึงแล้วกูจะเป็นคนดึงตัวมึงไว้ให้เอง เพราะทุกอย่างมันก็คือแผนของกูเอง แผ่นที่จะทำให้มึงเสียใจจนจะเป็นบ้า กูบอกให้มึงกลับไปเอาหนังสือทั้งๆที่มันไม่ต้องใช้ กูจงใจให้มึงเห็น ให้มึงเสียใจ กูอยากให้ชีวิตมึงแม่งบัดซบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กูอยากให้คนอย่างมึง ต้องสูญเสียทุกอย่าง กูหมั่นไส้มึง หมั่นไส้คนอย่างมึงที่มันดีไปหมด กูเกลียดมึงเมด กูเกลียดที่ใครๆก็เอาแต่เปรียบเทียบกูกับมึง แล้วกูก็อยากให้คนพวกนั้นพูดว่า ดีแล้วที่ไม่มีชีวิตแบบคนอย่างมึง แล้วจำไว้นะ กูไม่เคยอยากจะเป็นเพื่อนกับคนอย่างมึงเลยสักครั้ง ”

“ อื้ม ” เป็นแค่เสียงตอบรับสั้นๆที่ออกมาจากปากคนฟังพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาจากแววตาแดงกล่ำนั่น เมดที่ยังคงยิ้มมันพยายามกลั้นน้ำตาแต่มันก็ยาก เวลาจริงใจกับใครแล้วเค้าไม่จริงใจด้วยมันก็เหี้ยแบบนี้  เหี้ยจนบรรยายความรู้สึกไม่ออก ผมเข้าใจมันว่าตอนนี้อึดอัดแค่ไหน คงเสียใจกว่าการที่แฟนเอากับเพื่อน เสียใจกว่าทุกอย่าง นั่นเพราะความเป็นเพื่อนที่เคยให้กัน ที่เคยคิดว่า มันไม่เคยมีอยู่จริงเลยแม้แต่น้อย  “ แต่ตอนนั้นกูอยากเป็นเพื่อนกับมึงจริงๆนะ ”

“ เหรอ ”

“ ตั้งแต่เด็กที่เรารู้จักกัน วันที่มึงเข้ามาทักกูตอนเปิดเทอมวันแรก กูดีใจมาก ตอนที่บอกว่าจะเป็นเพื่อนกับกู ตอนนั้นคิดว่ามึงคือเพื่อนรัก แล้วก็ไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่นเลย ไม่เคยรู้สึกอะไรนอกจากอยากให้เราเป็นเพื่อนรักกันไปตลอด  กูไม่เคยคิดอยากจะทำร้ายมึง ไม่เคยเลย ”

“ เพราะมึงมันโง่ไง มันไม่มีใครอยากจะเป็นเพื่อนกับมึงไปตลอดหรอก คนอย่างมึงเป็นเพื่อนไปก็มีแต่ทำให้เพื่อนโดนลดคุณค่า เหมือนโดนกดอยู่ตลอดเวลาใครมันจะไปอยากมี เพื่อนที่ทำอะไรก็เด่นไปหมด เชิดหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไรตอนที่โดนนอกใจน่ะ กูแม่งโคตรสะใจเลยรู้มั้ย ”

“ มึงสิโง่ ” ผมพูดตอกกลับอีกคนไป “ ที่ทิ้งเพื่อนที่จริงใจที่สุดในชีวิตไป มึงโง่มากๆ ที่ทำแบบนั้น เพราะต่อจากนี้ไปทั้งชีวิต มึงจะไม่มีวันมีใครที่เรียกเค้าได้ว่าเพื่อนอีก เพื่อนที่อยู่ข้างมึงเวลาที่มึงมีปัญหา เพื่อนที่ช่วยเหลือมึง ” จิงมองหน้าผม มันก็แค่อยากจะเอาชนะอย่างไม่ยอมแพ้ ทั้งๆที่มันก็รู้อยู่แก่ใจว่าเมดเป็นเพื่อนที่ดีแค่ไหน “ กูว่ากูไม่ต้องอธิบายหรอก ว่าเมดมันดีกับมึงยังไง มึงคงรู้คำตอบ แต่กูจะบอกอะไรให้ฟังนะ สิ่งเดียวที่ทำให้เมดโดดเด่นคือความเหี้ยๆของมึงที่คิดกับมันแบบนั้น เมดที่สว่างท่ามกลางความมืดในใจมึง เมดที่ทำดีกับมึง มันก็เลยโดดเด่นสำหรับมึงที่คิดแต่จะทำร้ายมันก็เท่านั้นเอง ”

“ หึ ”

“ ยิ้มไปเถอะ ถ้าความโดดเดี่ยวทำให้มึงรู้สึกชนะ มึงก็ยิ้มต่อไป ” ผมยิ้มให้มัน “ เพื่อนน่ะ มันต้องจริงใจต่อกัน มันถึงจะเรียกว่าเพื่อน ส่วนมึงน่ะ มันไม่ใช่ มึงมันเป็นแค่คนขี้อิจฉาที่ไม่ว่าจะทำยังไงสุดท้าย มึงก็ได้แค่อิจฉา แล้วจำไว้นะว่าต่อไปนี้เมดจะมีแต่ความสุขมากกว่ามึงไม่ว่าจะด้วยเป็นเรื่องอะไรก็ตาม จำคำกูไว้ ”

แววตาโกรธที่จ้องมองผมไม่ได้หลบสายตาไปไหน จิงมีความโกรธอยู่ในใจเต็มร้อยแบบชนิดที่ถ้าเป็นไฟมันก็ร้อนจนขีดสุด เพราะสิ่งเดียวที่ขัดขวางมันตอนนี้คือผม ผมที่ทำให้เมดคนที่มันเกลียกมีความสุข อย่างที่มันไม่อยากจะให้เป็น

“ อาฟ ” เมดก็เอื้อมมือมาจับมือผมแล้วส่ายหน้าไปมาราวกับจะบอกให้หยุด  “ กลับเถอะวะ คงไม่มีอะไรแล้วละ ” ดึงมือผมให้เดินออกมาในตอนที่ปาดน้ำตาแล้วสูดน้ำมูกเข้าไปนั้น มันที่ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะยิ้มให้ผมอย่างเข้มแข็งที่สุด ตอนนั้นมันเอียงหน้าไปมองยีนส์ “ ยีนส์ กุรู้ว่ามึงคงเจ็บมาก แต่มันจะหายไปนะมึง เพราะงั้นรักตัวเองให้มากๆนะ แล้วสุดท้ายในตอนที่มึงหลุดออกมาจากขุมนรกนั่น มึงจะรู้ว่า สิ่งที่กูพูดมันจริงที่สุด ”

ยีนส์ไม่ได้พูดอะไร มันแค่มองอีกคนด้วยสายตาสั่นไหว ว่ากันว่า เรื่องบางเรื่อง ถ้าไม่เจอกับตัวเราจะไม่มีทางรู้ว่ามันเจ็บปวดยังไง

“ เมด กูขอโทษ ”

“ ไม่เป็นไร กูขอให้มึงโชคดีแล้วกัน ”

“ จะไม่เสียใจหน่อยเหรอวะ ” พูดคำที่ทำให้ขาที่กำลังเดินไปของเราสองคนหยุดชะงัก เมดหันกลับมามองจิงที่ก้มหน้าพูดออกมาแบบนั้นทั้งน้ำตา คนที่ทำให้ผมถอนหายใจออกมาเพราะรู้สึกว่ามันเหมือนคนบ้าที่กำลังเสียสติ กับเรื่องที่ไม่เป็นไปอย่างที่วางแผนไว้ “ ทำไมมึงถึงไม่เสียใจในสิ่งที่ได้ยินจากกูบ้าง กูเป็นคนที่โกหกมึงไงเมด กูที่เคยเป็นเพื่อนที่แสนดีของมึงไง คนที่มึงเคยไว้ใจแล้วเล่าทุกอย่างมาตลอดชีวิตแต่กลับไม่เคยจริงใจกับมึงเลย ทำไมมึงไม่เสียใจบ้างวะ มึงจะมาร้องไห้แค่นี้ แล้วตัดใจไม่ได้ มึงต้องเสียใจให้ได้แบบที่กูอยากจะให้มึงเสียใจ มึงต้องเสียใจกับชีวิตบัดซบของมึง มึงต้องเสียใจที่มึงต้องมาเจอกับเรื่องพวกนี้  ทำไมมึงไม่เสียใจ..”

“ กูคงผ่านมันมาแล้วมั้ง ความเสียใจพวกนั้นน่ะ อีกอย่างพวกมึงเองก็ไม่มีค่าอะไรในชีวิตกูแล้ว แบบนั้นกูจะไปเสียใจไปทำไมวะ กูเองก็เต็มที่กับฐานะเพื่อนมาตลอด แต่มึงไม่เห็นค่างั้นก็ช่างมันเถอะ กูมีเพื่อนอีกเยอะแยะ ปล่อยให้คนที่เค้าเห็นมึงมีค่าเสียใจเถอะ ” มันเชิดหน้าไปทางยีนส์แล้วในตอนที่หันกลับมา ปลายกระบอกโลหะก็จ่อมาทางคนข้างตัวผมในระยะประชิด

“ เมด! หลบ! ปืนปากกา ” คว้าเอาตัวคนที่เอ่ยเรียกชื่อเข้ามาอยู่ในวงแขน แล้วใช้แผ่นหลังของตัวเองบังเอาไว้ด้วยความรู้สึกว่าต้องปกป้องไว้เป็นอย่างแรก

ปัง!

อ้อมกอดผมกอดรัดเมดไว้แน่นในตอนที่ได้ยินเสียงนั้น ทุกอย่างมันเงียบไปหมด ผมไม่แน่ใจว่าเสียงของปืนชวนให้มีอาการหูอื้อหรือเปล่า แต่ภาพของคนในอ้อมกอด ณ วินาทีนั้นมันช่างเลือนลางจนแทบจะไม่เห็นรูปร่างใดชัดเจน ผมเห็นเพียงแค่แววตาใสนั้นที่เงยขึ้นมองกันตอนที่ผมก้มลงไปดู น้ำตาที่เริ่มไหลของเมด ผมได้ยินเสียงของอีกคน

“ อาฟ ไม่นะ  ไม่นะ อาฟ  ไม่นะ ไม่ๆ อย่าเป็นอะไรนะ ”

“ เมด มึงเป็นอะไรมั้ย ” มันเป็นคำถามแรกที่ผมอยากรู้ในตอนที่เอื้อมมือไปจับใบหน้านั้น แล้วลูบไปตามตัวของอีกคนเพื่อตรวจเช็ก แต่คนตรงหน้าก็แค่ส่ายหน้าไปมา

“ ไม่ กูไม่ได้เป็นอะไร ”

“ งั้นก็ดีแล้ว ”  คำพูดสุดท้ายของผมเอ่ยออกไป ก่อนความเจ็บหน่วงที่ช่วงท้องจะแล่นขึ้นแกนสมองราวกับสั่งให้รับรู้ว่าเสียงปืนเมื่อครู่ที่ได้ยินนั้น ตอนนี้ลูกกระสุนนั้นมันฝากฝังอยู่ในตัวผมแล้วและกำลังมีเลือดอุ่นที่เริ่มซึมออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้ของคนตรงหน้าที่กำลังลนไปกับทุกสิ่งมันจะค่อยๆชัดเจนขึ้น มือของแมดจับที่แผลของผม มันที่พยายามหาอะไรบางอย่างที่ผมคิดว่าคงเป็นมือถือ

“ ช่วยด้วย ช่วยด้วยมีคนโดนยิง ช่วยด้วยมีคนโดนยิง ช่วยด้วย ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย ” ประโยคที่วนไปวนมาแบบนั้นก่อนที่มือถือจะถูกดึงไปจากมือมัน ก่อนจะรายละเอียดที่จำเป็นจะถูกพูดออกไปตามสายโดยไอ้บินเป็นคนพูดให้ เมดหันมามองผมมือที่จับกันไว้แน่น มันหอมไปบนมือ หน้า และริมฝีปากของผมทั้งน้ำตา “ หมอกำลังจะมานะ มึงจะไม่เป็นอะไรหรอก ไม่เป็นอะไรหรอกนะ อดทนนะอาฟนะ บอกกูว่าจะพากูไปเที่ยวหัวหินไง เราต้องได้ไปกันนะ เข้าใจมั้ย ห้ามทิ้งกูไปไหน นี่คือคำสั่ง เข้าใจรึเปล่า ” 

“ ยิ้มให้ดูหน่อย ” ผมบอกอีกคนก็ยิ้มกว้างออกมาตามที่บอก ในตอนนั้นผมยิ้ม “ ห้ามร้องไห้นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไร ก็อย่าร้องไห้เด็ดขาด เพราะกูเกลียดนน้ำตาของมึงที่สุด ” แล้วนั่นคือคำพูดและรอยยิ้มสุดท้ายของผม ก่อนสติทั้งหมดมันจะดับวูบไป

...........................................................

พี่อาฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
คิดว่าตอนหน้าน่าจะจบเนื้อเรื่องหลัก แต่ไม่เป็นไรนะ ตอนพิเศษมีให้อ่านอีกเพียบ #บีบมือให้กำลังใจน้องเมดต่อไป

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-12-2018 22:24:09
อย่ามาม่าอีกก็พอ ครั้งนี้อารยะคงมีสติไม่ทะเลาะโวยวายกันอีกนะ หวานๆกวนๆแบบนี้แหล่ะดีที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-12-2018 22:36:37
 :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 14-12-2018 22:46:09
เห้ย นี่เกลียดกันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ
ตอนแรกนึกว่าริษยาที่เพื่อนดีกว่า แต่นี่ถึงกับจะฆ่ากันเลย เกินเยียวยาแล้วววว
ว่าแต่พี่อาฟฟฟฟ อย่าเป็นอะไรนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-12-2018 22:50:37
เอ้า ทำท่าจะดีแต่ไหงมาทำให้อารยะเจ็บให้เมดเสียใจอีกง่ะ โอ๊ยยยยย :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: Sorasora ที่ 14-12-2018 23:09:53
"...เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องคลายปมกันทั้งเรื่องจริงๆ กำลังจะสงบสุข อ้าวมีเรื่องอีกแล้ว เฮ้อ...อ่านแล้วก็ลุ้นว่าเมื่อไหร่ อาฟเมดจะอยู่กันอย่างสงบสุขสักที ต้องรอถึงตอนจบจริงๆหรือ"  :ling1: :ling1:  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 14-12-2018 23:14:52
สัดพี่ ตายไม่ได้นะ ทำไมสั่งเสียแบบนั้น!!
เมดเข้มแข็งไว้นะ อาฟเจ็บนี่ เมดทุกข์ใจยิ่งกว่าเรื่องเพื่อนทรยศอีก ...

อีกเจ็ดวันๆ ท่องไว้ แปร๊บเดียว ...
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 14-12-2018 23:37:00
เหี้ยดีไม่มีที่สิ้นสุดจะมีคนที่เหี้ยแบบเหี้ยจิงอยู่มั้ยเข้าหาเพราะต้องการเอาชนะโดนสอนมาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่นี้เอง
  อาฟต้องไม่เป็นไรนะต้องพาเมดไปเที่ยวนะสัญญาแล้ว อาฟเมดสู้ๆ :mew6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 14-12-2018 23:44:58
เสียสติไปล่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 14-12-2018 23:51:15
โว้ยยยย อิจิง มรึงงงงงงงงง
ทำร้ายจิตใจเมดก็แย่แล้ว นี่ยิงโดนพี่อาฟ อภัยให้ไม่ได้!!!!!!!   :angry2:

แต่อยากจะบอกว่าคำพูดเสียดสีที่มีผลกระทบต่อจิตใจคนเรามากที่สุด มักมาจากครอบครัวคนใกล้ตัวอย่างไม่คาดคิดนะ
ความคาดหวังลมๆแล้งๆกับชีวิตลูกนี่น่ากลัวมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-12-2018 00:07:27
อาฟอย่าเป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: PK.Kenaf ที่ 15-12-2018 00:10:37
เนี้ย ขี้อิจฉาจริงๆด้วย รับโทษหนักๆเลยนะ จิตใจต่ำตมมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 15-12-2018 00:15:36
อ่านเรื่องของจิงแล้วรำคาญ   รำคาญคำพูด รำคาญเหตุผลของจิง ทำเหมือนตัวเองฉลาด ต้องมาอ่านเรื่องของจิงตั้งหลายบท  ไม่อยากรู้  นี่คลิกเมาส์เลื่อนๆเอา  รำคาญการมาแย่งผู้ชายเหี้ยๆกันด้วย เบื่อบท3คนเลวๆนี้มาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 15-12-2018 00:25:55
คนเรามันสามารถอิจฉาริษยาคนๆนึง ได้ขนาดนี้เลยหรอ ?

แต่เมดเข้มแข็งขึ้นล้ะเนอะ อาจะด้วยเพราะ สิ่งที่เจอมาโดยตลอด และคนข้างๆเมตอนนี้ ที่ดีจนไม่สามารถทำให้เมดรู้สึกเสียใจได้อีกต่อไป

อีกอย่าง ฝากน้องหนม อ่านทวนอีกสักรอบนึงนะ เหมือนจะมีบางประโยค บางคำ ที่ไม่สมูท ไม่ต่อเนื่องกันอยู่
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: Abella ที่ 15-12-2018 00:33:25
ดราม่ามา18ตลบจะจบแล้วเหรอ เสียใจจัง   o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-12-2018 02:55:50
ระเบิดมาหมดหรือยัง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 15-12-2018 05:25:18
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 15-12-2018 06:01:25
กำลังจะได้ไปเที่ยวกันแล้ว ดันมีมารมาขวางอีก อาฟอย่าเป็นอะไรไปนะ อย่าเป็น แงๆ ความอิจฉาของคนเรานี่มันน่ากลัวมากๆเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-12-2018 07:21:39
คนแบบจิง ชีวิตนี้อยู่คนเดียวไปเถอะ ในคุกนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 15-12-2018 07:30:21
ระเบิดลงส่งท้าย แงงงง พรี่อาฟของน้องงง  ไม่เป็นอะไรนะคะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 15-12-2018 08:31:33
แงงงงๆๆๆๆๆๆๆๆฟ. อาฟอย่าเป็นอะไรนะะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 15-12-2018 10:00:32
บทสรุปของ พ่อแม่รังแกฉัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 15-12-2018 10:45:45
จิงอนาคตดับเลยเพราะพ่อที่ยัดความขี้อิจฉารุ่นพ่อมาส่งต่อให้ลูกรับผิดชอบแทน อาฟพระเอกมากๆๆๆ ถ้าจบแล้วรวมเล่มนะคะคุณนักเขียน  :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 15-12-2018 11:45:48
พี่อาฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

พระเอกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

เมดเก่งมาก เข้มแข็งมาก เพื่อนเหี้ยๆ อย่าไปเสียใจ ทำดี เข้าใจโลกมาก
เราว่า อย่างที่เมดพูด เมดเข้าใจชีวิตมากขึ้นผ่านการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-12-2018 13:00:49
เห้ย นี่เกลียดกันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ
ตอนแรกนึกว่าริษยาที่เพื่อนดีกว่า แต่นี่ถึงกับจะฆ่ากันเลย เกินเยียวยาแล้วววว
ว่าแต่พี่อาฟฟฟฟ อย่าเป็นอะไรนะ  :katai1:

จิง.....โคตรเหี้ยยยยยยย  ต่ำตมสุดๆ   :fire: :m31: :angry2:
เพื่อนแท้ อย่างเมด แม่งก็ไม่ซึมซับความดีของเพื่อนเข้ากมลสันดานมันเลย
มีแต่ความอิจฉา ริษยา ความเกลียดชังเข้ามาในความคิด
เพราะถูกพ่อแม่ตัวเองเปรียบเทียบตั้งแต่เด็กมาตลอด
จิตใจเลยเกินเยียวยา......ต้องไปเยียวยาด้วยนักโทษอุกฉกรรจ์ในคุก  :z6: :z6: :z6:
แต่จิง ก็คงโทษเมดอีกนั่นแหละ ว่าทำให้ตัวเองเข้าคุก
เพราะตัวเองไม่มีความเลว ความชั่วใดๆทั้งสิ้น เป็นเพราะเมดคนเดียว แม่ง...โคตรเหี้ยสัดๆ 
พ่อแม่ที่ชอบเปรียบเทียบลูกคนอื่นกับลูกตัวเอง
ก็คิดว่าทำเพราะอยากให้ลูกเก่งขึ้น แต่มันเป็นลบ มากกว่าบวกนะ  :serius2: o22 :a5:
ก็เป็นพ่อแม่รังแกลูก ในอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง  :mew2: :เฮ้อ: :really2:

อาฟ  เมด    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-12-2018 14:29:13
อารยะ โดนยิง

อิจิง อิผีบ้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 15-12-2018 14:34:41
เพราะความอิจฉาเพื่อนแท้ๆเลย ทำให้จิงต้องไปสำนึกผิดในคุก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-12-2018 17:02:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-12-2018 17:42:05
มีดีกว่าทุกอย่าง จริงๆ แต่จิตใจจิงสกปรก และบอบช้ำมาก
ทำแค่เพราะถูกกดันหรอ ทำแบบเมดไม่ได้ ก็ทำอย่างอื่นให้ดีสิ
ไม่รู้จะบอกว่า พ่อแม่รังแกฉัน หรือจิงทำตัวเอง แต่ผสมรวมออกมา เป็นจิง

จิงความคิดร้ายกาจมาก ซับซ้อนมากด้วย อยากทำร้ายเมดคนเดียว
แต่กระทบคนอีกหลายคน อย่างน้อย ยีนส์ ก็เพื่อนทั้งคนนะ ผิดอะไร

เมดเสียใจซ้ำๆ แต่ไม่เป็นไรแล้วนะ ความจริงเปิดหมดแล้ว
เหลือแค่ใจที่ช้ำจากการกระทำของคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อน
แล้วความเสียใจที่อาฟต้องมาเจ็บหนักเพราะตัวเอง

อาฟเอ้ยย พังเลย อุตส่าห์จะพาไปเที่ยวทะเล
เอาความทุกข์ไปทิ้ง เอาคลื่นกลบเสียงร้องไห้

ตอนนี้อะไรก็กลบไม่ได้แล้วค่ะ อาฟเจ็บ

สงสารยีนส์ เป็นหมากที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-12-2018 19:28:54
จิงเข้าขั้นโรคจิตแล้วนะนี่ หมกมุ่นยาวนานได้ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 15-12-2018 21:00:26
อ้าวววววววววว
อีจิง

ชื่อเธอนี่ย่อมาจาก  (เลว)จิงๆ  ใช่มั๊ยห๊ะ!!!!!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 15-12-2018 21:37:16
ห้ะ! ตอนหน้าจบ!!! แต่ตอนนี้ พี่อาฟโดนยิงนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 15-12-2018 21:40:37
อีจิงอีเพื่อนเลว :z6: :beat:   :z6:
สัดพี่อย่าเป็นอะไรนะ :3123:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-12-2018 23:41:20
อะไรกันเนี่ย?
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 16-12-2018 12:28:04
ทำขนาดนี้แล้วเป็นไง ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว
แต่ คุณอารยะ อย่าเป็นอะไรนะ ต้อวงพาพี่เมดไปทะเลนะ
 :mew4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-12-2018 13:40:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-12-2018 17:05:11
ให้อิจฉาหรือเกลียดแค่ไหนก็ไม่น่าถึงกับจะต้องฆ่ากัน จิงต้องมีอาการโรคจิตร่วมด้วยแล้ว ความดำมืดในจิตใจกัดกินไปหมดแล้ว พี่อาฟอย่าเป็นอะไรมากนะ :o12:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1 :: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 21-12-2018 20:25:41
ตอนที่ 50

เสียงลั่นไกดังลั่นที่ดับลง แปรเปลี่ยนเป็นความวูบโหวงในตอนที่ผมเงยหน้าขึ้นจากวงแขนที่กอดรัดกันไว้แน่น ความสั่นของร่างกายบอกถึงความตกใจและความกลัวได้เป็นอย่างดี ลมหายใจของผมติดขัด แต่ถึงอย่างงั้นคนที่กอดกันไว้ก็ยังคงไม่ปล่อยไปไหน ราวกับว่าถ้ายังไม่มั่นใจในความปลอดภัยอาฟก็จะกอดผมไว้แบบนี้

เงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ยิ้มให้กันในตอนนั้นราวกับจะปลอบว่าไม่ต้องกังวลอะไร ปากของผมที่กำลังเอ่ยถามถูกกลืนหายไปราวกับมันปลิวไปกับเสียงปืนนัดนั้น ตอนที่เอื้อมมือไปกอดอาฟไว้หัวใจของผมก็ยังสั่นระรัว มือสะเปะสะปะลูบไปบนแผ่นหลังนั้นก่อนจะหยุดลงตอนที่สัมผัสเข้ากับความอุ่นร้อนของบางสิ่งและกลิ่นคาวไม่คุ้นเคยที่กำลังคละคลุ้ง

ผมดึงมือสั่นๆกลับเข้ามาดูเพื่อความแน่ใจ และตอนนั้นสิ่งที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นในชีวิตก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างไร้ความปราณีใด เลือดสีแดงบนมือของผมที่ซึมออกมาจากด้านหลังของอาฟ ผมรับรู้ได้ว่าคนที่กอดกันไว้แน่นเพื่อปกป้อง โดนยิงเข้าที่เอวอย่างจัง   

“ อาฟ ” เสียงสั่นของผมตอนเอ่ยเรียกเจ้าของชื่อ น้ำตามากมายเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ ผมดึงตัวเองขึ้นมามองดูอีกคนอย่างไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อน มือพยายามจับตัวอีกคนที่เหมือนจะเริ่มอ่อนแรงลง ปากก็พร่ำบอกอย่างคนไม่มีสติใด ทั้งๆที่ปกติก็ไม่ได้เป็นคนแบบนี้ “ ไม่นะ อาฟ ไม่นะ ไม่ๆ อย่าเป็นอะไรนะ ”

บางที นี่อาจจะเป็นความเสียใจในแบบที่จิงอยากจะให้เกิดขึ้นก็เป็นได้ 

“ เมด มึงเป็นอะไรมั้ย ” เสียงถามที่เบาหวิวเอ่ยถามกันในตอนที่ผมกำลังลนลานเพื่อหาทางทำให้เลือดที่ไหลออกมานั้นหยุดไหล มือที่ดูเกะกะ มันไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนหรือหยิบจับอะไร ผมหันซ้ายดูขวาอย่างคนสมองทึบ แต่ทว่าคนที่เจ็บหนักกลับแค่เอื้อมมือมาประคองหน้าให้มองกันไว้

“ ไม่ ” ผมส่ายหน้าบอก “ กูไม่ได้เป็นอะไร ”

“ งั้นก็ดีแล้ว ” คำพูดที่มาพร้อมกับรอยยิ้มอย่างเช่นทุกทีชวนให้ผมนิ่งค้าง

ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน หรือจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่อาฟทำก็คือการปกป้องกันไว้ก่อนเป็นอันดับแรกเสมอเลย  ทำไมถึงคิดถึงผมเป็นคนแรกทั้งๆที่ควรเป็นตัวเอง ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ทำไมถึงรักกันได้ขนาดนี้วะอาฟ

ผมก้มหน้าลงทั้งๆที่หยาดน้ำตากำลังลบเลือนการมองเห็นให้ต่ำลง มือลูบไปตามกระเป๋าเสื้อและกางเกงตัวผมพยายามสูดหายใจแล้วตั้งสติของตัวเองเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ก่อนจะคว้าเอามือถือขึ้นมาเป็นอย่างแรก ผมกดเบอร์ของโรงพยาบาลที่คิดออกก่อนจะกดโทรไป แล้วตอนที่ปลายสายรับ ผมก็พูดออกไปอย่างยากที่จะจับใจความให้เข้าใจ

“ ช่วยด้วย ช่วยด้วยครับมีคนโดนยิง  ช่วยด้วย ช่วยเราด้วยครับ ช่วยอาฟด้วย ช่วยที ได้โปรดมาช่วยเราด้วย ” ผมแค่อยากให้ใครสักคนมาช่วยผม มาช่วยคนรักของผมที ใครก็ได้ “ ช่วยด้วย อึก ช่วย ช่วยครับ ช่วยด้วย ฮือๆ ”

“ ใจเย็นๆนะคะ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ทางเราจะไปช่วยให้เร็วที่สุดคะ ” เสียงที่ฟังดูปลอบประโลมแต่ไม่ได้ทำให้ผมมีสติ จนกระทั่งมือนึงได้ดึงโทรศัพท์ของผมไป ผมเงยหน้ามองบินที่เดินเข้ามาในตอนนั้น มันกรอกเสียงไปตามสายที่ผมไม่สามารถตอบอะไรได้เมื่อครู่ ในช่วงจังหวะนั้นผมเอื้อมมือไปจับขากางเกงของอีกคน แล้วตอนที่บินก้มลงมามองผมก็ร้องบอก “ ช่วยอาฟด้วย ช่วยอาฟด้วยนะ ช่วยอาฟ ”

บินไม่ได้บอกให้ผมใจเย็น มันแค่พูดกับผมด้วยสายตาว่าไม่ต้องเป็นห่วงและกรอกเสียงบอกสถานที่ไปกับปลายสาย ก่อนจะย้ำว่าให้มาเร็วที่สุด  มือถือถูกยื่นมาคืนผม บินจับที่ไหล่ผมอย่างปลอบโยนก่อนจะเดินตรงไปหาจิงที่ตอนนี้ทรุดนั่งลงอยู่กับพื้นห้อง แล้วในตอนนั้นผมก็ไม่ได้หันมองใครอีก ไม่หันไปมองบินที่กำลังคุยกับจิงและบอกให้อีกคนทิ้งปืนปากกาที่ถืออยู่นั่นไป

ผมดึงคนที่หมดเรี่ยวแรงลงเรื่อยๆขึ้นมานอนบนตัก ก่อนจะพูดปลอบใจตัวเองพร้อมๆกับอีกคน “ หมอกำลังจะมานะ มึงจะไม่เป็นอะไรหรอก ไม่เป็นอะไรหรอกนะ ” ผมจับมือมันขึ้นมาแล้วจูบลงไปบนมือนั่น ก่อนจะกดย้ำจูบลงที่แก้ม ริมฝีปาก พลางผมพูดพร่ำซ้ำๆ “ อดทนนะอาฟนะ บอกกูว่าจะพากูไปเที่ยวหัวหินไง เราต้องได้ไปกันนะ เข้าใจมั้ย ห้ามทิ้งกูไปไหน นี่คือคำสั่ง เข้าใจรึเปล่า ”

“ ยิ้มให้ดูหน่อย ” แล้วนั่นก็เป็นคำพูดที่ผมได้ยิน ผมยิ้มให้อีกคนอย่างไม่มีเงื่อนไข ในตอนนั้นผมเห็นอาฟยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่เราชอบยิ้มให้กันในทุกวัน “ ห้ามร้องไห้นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไร ก็อย่าร้องไห้เด็ดขาด เพราะกูเกลียดน้ำตาของมึงที่สุด ”

“ อาฟ! ” ตะโกนเสียงเรียกพลางเขย่าตัวคนที่สติดับวูบไป “ อาฟ ไม่นะ ไม่ๆ ไม่นะ หมอ ทำไมหมอยังไม่ถึงสักที ทำไมรถพยาบาลไม่มาสักที อาฟ ขอร้อง มึงอย่าเป็นอะไรนะ ”

ผมเงยหน้าขึ้นมองรอบๆห้องที่ตอนนี้มีผู้คนบางส่วนเดินเข้ามา แสงแดดที่ส่องเข้ามาทางประตูผมไม่ได้สนใจว่าข้างนอกนั้นจะมีสายตาของใครมองมา ไม่ได้สนใจว่าทั้งอาจารย์ ยาม หรือแม้แต่รุ่นพี่ในคณะจะเดินเข้ามาสักกี่คน ทุกคนที่กำลังถามไถ่มีเพียงบินคนเดียวที่ตอบคำถามพวกนั้นได้ ทุกอย่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับความรู้สึกผม ในใจที่เฝ้ารอจนกระทั่งผู้ช่วยเหลือเดินทางมาถึง

“ ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย ” ผมบอกพยาบาลที่ก้มลงปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้คนเจ็บทันทีที่มาถึง เธอตรวจเช็คชีพจรก่อนจะใส่เครื่องช่วยหายใจด้วยความเป็นมืออาชีพและรวดเร็ว

“ ผู้บาดเจ็บแค่หมดสติไป ไม่ต้องตกใจไปนะ ” พยาบาลคนนึงที่หันมามองผมเอ่ยถาม “ แล้วน้องเจ็บตรงไหนรึเปล่า มีแผลมั้ย ”

“ ไม่มีครับ ” ผมส่ายหน้าบอก ในตอนนั้นอาฟก็โดนเหล่าคนช่วยเหลือยกตัวขึ้นไปนอนบนเปลเพื่อเคลื่อนย้ายอย่างเร่งด่วน ผมเดินตามคนพวกนั้นไปอย่างรีบเร่ง ส่วนจิงในตอนนั้นก็โดนจับกุมอยู่โดยยาม และคิดว่าอีกสักพักตำรวจก็คงเดินทางมาถึง

รถพยาบาลขับอย่างเร็วเข้าสู่โรงพยาบาลใกล้เคียง ก่อนจะจอดลงที่หน้าห้องฉุกเฉินแล้วร่างที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงนั้นก็ถูกเข็นเข้าไปด้านในด้วยความรวดเร็ว ผมยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินที่ไม่มีใครอนุญาตให้เข้าไปอย่างไม่อยากจะย้ายตัวไปไหน ผมหยุดไม่ได้แม้แต่น้ำตาของตัวเองที่ไหลออกมา จนกระทั่งนางพยาบาลที่อยู่บริเวนใกล้เคียงเดินเข้ามาหาแล้วปลอบประโลมกันด้วยการถามไถ่ก่อนจะดึงให้ไปนั่งพักให้ใจเย็น อยู่ที่เก้าอี้หน้าห้อง

ครืน ครืน ครืน

แรงสั่นของมือถือที่ดังอยู่ในกระเป๋า ผมเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาดู บนหน้าจอนั้นปรากฏชื่อของเพื่อนสนิทอาฟโทรเข้ามา ‘ throwup : J ’

“ เมด ” เสียงที่เอ่ยเรียกกันในตอนที่ผมกดรับ “ บอกไอ้อาฟให้รับสายโทรศัพท์กูที ”

“ เจ ” ผมเรียกอีกคนเสียงสั่น ปลายก็นิ่ง “ อาฟโดนยิง ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล มันยังไม่ออกมาจากห้องฉุกเฉินเลย อึก ฮือๆ เจ อึก อาฟ อาฟโดนยิง ”

“ ว่าไงนะ ” คำถามทวนซ้ำที่เหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“ อาฟโดนยิง ” ผมบอกซ้ำ “ อยู่ที่โรงพยาบาล ”

“ โรงพยาบาลอะไร ” เอ่ยชื่อโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ออกไป ในตอนนนั้นเจก็แค่ตอบรับ “ ใจเย็นๆ กูจะรีบไป มึงไม่ต้องกลัวนะเมด คนอย่างไอ้อาฟแม่งไม่เป็นอะไรหรอก มันรักมึงจะตาย มันไม่ปล่อยให้มึงอยู่คนเดียวหรอก เชื่อกู ”

‘ จริงด้วยสินะ ’ เสียงในใจของผมตอบรับกลับไปในตอนที่สายนั้นตัดลง หันมองประตูหน้าห้องฉุกเฉินที่ยังไม่มีใครออกมาอีกครั้ง ผมจ้องมองมันอยู่แบบนั้น ในใจก็ภาวนาอยู่ทุกวินาทีที่เคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้านั้นแค่ว่า ขอประตูเปิดออกมาเสียที

“ พี่เมด ” เสียงของคนมาใหม่ที่เอ่ยเรียกชื่อกัน ผมหันไปมองต้นเสียงนั้น น้องเดย์เป็นคนเอ่ยเรียก โดยมีน้องอัยย์แล้วก็เจวิ่งตามกันเข้ามา แล้วทุกคนก็ได้แต่นิ่งไปในตอนเห็นเลือดที่เปื้อนอยู่บนเสื้อผม มีเพียงคนเดียวที่ควบคุมสติได้ในตอนนั้นคือ เจ มันเอ่ยถาม

“ ไอ้อาฟมันยังไม่ออกมาอีกเหรอ ”

“ ยัง ” ผมส่ายหน้าในตอนนั้นน้องเดย์ก็เดินมากอดผมไว้

“ ไม่เป็นไรหรอกนะพี่เมด ” น้องบอกกันแบบนั้นด้วยเสียงสั่นๆที่กำลังร้องไห้ออกมา “ สัดพี่มันไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ ”

“ แต่พี่เมดก็กลัวอยู่ดี  อึก มันเข้าไปนานมากแล้วนะ เมื่อไหร่หมอจะออกมาสักทีก็ไม่รู้ อึก ฮือๆ ” ร้องไห้บนไหล่หนานั้นอีกคนก็ได้แต่ลูบหลังปลอบกัน “ อาฟจะไม่ทิ้งพี่เมดใช่มั้ย จะไม่ทิ้งพี่เมดใช่มั้ยน้องเดย์ ”

“ ไม่ทิ้งหรอก ไม่ต้องร้องไห้นะ ” น้องบอกก่อนจะดึงผมให้มาเผชิญหน้ากัน มือหนาทั้งสองข้างยกเช็ดน้ำตาให้ “ เดี๋ยวสัดพี่ออกมาเห็นพี่เมดร้องไห้มันต้องหงุดหงิดแน่ๆเลยเว้ย ไม่ต้องร้องนะ ไม่เอาครับ พอแล้วนะ ”

“ ใช่ๆ พี่เมดอย่างร้องไห้เลยนะ ” น้องอัยย์บอกผมทั้งๆที่ตัวเองก็ยังคงน้ำตาคลอ

“ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมไอ้อาฟถึงโดนยิง ” เจถามผมในตอนที่น้องเดย์ดึงให้นั่งตรงที่เก้าอี้ตรงหน้าห้อง “ แล้วนี่มึงเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ยเมด ”

“ ไม่ กูไม่ได้เจ็บตรงไหนเพราะมันบังกูไว้ ” ผมส่ายหน้าไปมาก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้คนมาใหม่ทั้งสามคนฟังที่ก็ถอนหายใจออกมาตอนที่ฟังเรื่องราวเหล่านั้นจบลง

“ เหี้ยจริงๆ แล้วนั่นมันไปเอาของแบบนั้นมาจากไหนวะ ” น้องอัยย์พูดขึ้น เจก็ตอบ

“ ปืนปากกาสมัยนี้ซื้อหาง่ายจะตายไปตามเว็บใต้ดินก็มี แล้วถ้ามีคนรู้จักสักหน่อยก็ซื้อได้แล้ว อีกอย่างพวกเด็กช่างก็ทำได้ แค่มึงมีเงินจ่ายมัน ”

“ แล้วนี่จะเอายังไงต่อ ” น้องเดย์ที่นั่งข้างผมเอ่ยถามกัน “ จะจัดการยังไงกับเรื่องนี้พี่เมดจะเอาเรื่องมันมั้ย ”

“ ต้องเอาความสิวะ ” น้องอัยย์เถียงขึ้น “ มึงจะปล่อยไปทำเหี้ยอะไร ให้ดำเนินการตามกฏหมายไปเลยพี่เมด ”

“ เดี๋ยวให้อาฟตัดสินใจแล้วกัน ” ผมบอกแค่นั้นก่อนจะมองไปที่ประตูฉุกเฉินอีกครั้ง มันไม่ใช่เรื่องผมอยากจะสนใจ เรื่องผมสนใจคือเรื่องของคนที่อยู่ในห้องนั้นเท่านั้น 

ทุกอย่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าด้วยความเงียบอยู่นาน แล้วในตอนนั้นประตูที่เฝ้ารอให้เปิดออก ก็มาพร้อมกับคุณหมอในชุดผ่าตัดสีเขียวที่เดินออกมา แววตาของผมเบิกขึ้นด้วยความหวังก่อนจะลุกวิ่งขึ้นไปหาคุณหมอคนนั้นด้วยความรวดเร็ว “ อาฟเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ ปลอดภัยแล้วใช่มั้ยครับ ”

“ ครับ ตอนนี้ผู้บาดเจ็บปลอดภัยแล้วครับ หมอนำกระสุนออกเรียบร้อย โชคดีที่โดนยิงตรงส่วนที่ไม่ใช่อวัยวะสำคัญ ส่วนอาการข้างเคียงอื่นๆ ต้องรอให้คนไข้ได้สติก่อน แล้วหมอถึงจะขอตรวจอีกครั้งนะครับ ” 

“ ครับ ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ ขอบคุณครับ ” ราวกับคำพูดที่ดีที่สุดในชีวิต ผมยกมือไหว้คุณหมอที่ก็ยิ้มให้ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินอีกครั้ง ขาที่ไร้เรี่ยวแรงผมแทบจะทรุดลงตรงนั้นด้วยความโล่งใจ ไม่ต่างจากทุกคนที่อยู่ด้วยกัน ผมได้ยินเสียงถอนหายใจโล่งนั้นดังออกมาตรงหน้าห้องเงียบๆนั่น

“ แล้วนี่สัดพี่จะย้ายไปห้องพิเศษเลยมั้ย ”

“ ไม่ต้องเข้า ICU ก่อนเหรอวะ แล้วพอแน่ใจแล้วว่าไม่เป็นอะไร ถึงจะย้ายไปห้องพิเศษ รอออกจากโรงพยาบาล ”  น้องอัยย์หันไปตอบเพื่อนสนิท แต่อีกคนก็แค่ยักไหล่เพราะไม่มีใครรู้ถึงระบบลำดับขั้นนั้นของโรงพยาบาล  ในตอนนั้นเจเอื้อมมือมาจับไหล่ผมก่อนจะยิ้มให้

“ ไม่เป็นไรแล้วนะ ”

“ อื้ม ” ในตอนนั้นผมเองก็พยักหน้ารับทั้งน้ำตาให้อีกคนที่ยิ้มให้กัน ไม่เคยคิดเลยว่า แค่คำว่า ‘ ปลอดภัยแล้ว’ กับ ‘ ไม่เป็นอะไรแล้ว ’ จะทำให้มีความสุขมากมายขนาดนี้

หน้าห้อง ICU แบ่งเวลาเข้าเยี่ยมตามช่วงเวลาเป็นรอบๆ อาฟตอนนี้ถูกย้ายเข้ามาในห้องนี้แล้ว และผมกำลังรอเวลาเพื่อที่จะได้เข้าเยี่ยมในรอบถัดไปที่ก็ต้องรอนานนับชั่วโมง

“ พี่เมดไปอาบน้ำก่อนมั้ย ” น้องเดย์ที่นั่งข้างกันเอ่ยพูดขึ้น ผมก็ก้มลงมองดูตัวเองที่ตอนนี้เสื้อขาวของนักศึกษาที่สวมใส่อยู่รวมทั้งกางเกงสีดำแนบตัวก็มีแต่เลือดสีแดงที่แห้งกรังติดอยู่ ทั้งมือหรือแม้แต่หน้าเองก็ยังมีคราบเลือดที่เปื้อนอยู่เพราะไม่ทันเช็ดออกไปได้หมด

“ เออนั่นสิ กลับไปอาบน้ำก่อนนะพี่เมด ” น้องอัยย์เสริม

“ ไม่เอา ” ผมส่ายหน้าปฎิเสธน้องๆ “ กว่าจะไปกว่าจะมา จากคอนโดกลับมาที่นี่ก็ตั้งไกล ให้กูเยี่ยมอาฟก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยว่ากัน ”

“ เค้าจะไม่ให้มึงเข้าเพราะสภาพแบบนี้แหละ ” เจบอกผม “ ICU มันเป็นห้องปลอดเชื้อ มึงสกปรกขนาดนี้จะได้เข้าเหรอ ไม่ได้เข้ารอเก้อเลยนะ จะดีเหรอวะ ”

“ กูเกลียดพวกมึงวะ ” ผมพูดออกมาก่อนจะถอนหายใจ ยิ่งอยู่ด้วยกันนานไป ยิ่งสนิท ก็ยิ่งรู้ว่าทำยังไง มีจุดอ่อนตรงไหน ที่จะพอล่อได้ ก็ชอบเอามาล่อ มากดดันกัน “ กูกลัวมันนานไงมึง ”

“ เสื้อผ้าพี่เมดในกระเป๋าที่จะไปหัวหินไง ” น้องเดย์พูดขัดขึ้น “ อยู่ในรถสัดพี่ไม่ใช่เหรอ ”

“ ก็ใช่ แต่กูไม่มีกุญแจ..” ท้ายเสียงที่เงียบไปนั้นผมจับเข้าที่กระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นหลังจากอาฟล็อกรถเรียบร้อยมันก็เอากุญแจมาฝากไว้ที่ผม ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะดึงเอากุญแจรถออกมาผมยื่นให้น้องเดย์ “ น้องเดย์กับน้องอัยย์ไปเอาให้หน่อย รถจอดอยู่ที่หน้าคณะพี่เมดนะ กระเป๋าอยู่ข้างหลังรถ ”

“ โอเค รับทราบ ” คนโดนไหว้วานเอื้อมมือมาหยิบกุญแจก่อนจะเดินออกไปพร้อมกัน เหลือไว้แค่ผมกับเจสองคนที่นั่งกันอยู่เงียบๆ ก่อนที่อีกคนจะถามขึ้นเพื่อขัดความเงียบ

“ นี่ตำรวจยังไม่มาอีกเหรอวะ เค้าน่าจะติดต่อมึงมาได้แล้วนะ ยังไงมึงก็เป็นพยานอีกคนหนึ่ง  ” ผมหันไปมองเจ สาบานว่าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยสักนิด เพิ่งจะมานึกได้ก็ตอนนี้ที่อีกคนเอ่ยถาม

“ ไม่รู้เหมือนกัน กูไม่รู้เลยว่าตรงนั้นเรื่องจะเป็นยังไงบ้าง ”

“ เพื่อนมึงก็คงฝากขังก่อนแน่นอน มันยื่นประกันตัวไม่ได้อยู่แล้ว เพราะนี่เป็นคดีอาญา แล้วก็ต้องถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าคนที่มันจะฆ่าคือมึงไม่ใช่ไอ้สัดอาฟก็เถอะ ”

ผมถอนหายใจออกมาในตอนที่ได้ยินเจพูดแบบนั้น ชีวิตคนเราพลิกพันไปง่ายดายไม่ต่างอะไรกับการพลิกฝ่ามือเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆที่กำลังจะเรียนจบในอีกไม่กี่เดือนอยู่แล้ว จิงเองก็มีแพลนจะไปเรียนต่อเมืองนอกที่บอกกันไว้ตั้งแต่ปีสาม แต่แบบนี้ทางมหาลัยเองก็คงไม่น่าลดหย่อนอะไรทั้งนั้น คงไล่ออกให้พ้นสภาพนักศึกษาของทางมหาลัยแต่เพียงอย่างเดียว อนาคตที่กำลังจะถึงฝั่งดับวูบลงไม่มีเหลือเลย 

“ สวัสดีครับ  ไม่ทราบว่าคุณคือหนึ่งในผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์คดีที่นักศึกษาใช้ปืนปากกายิงผู้อื่นโดยเจตนาหรือเปล่าครับ ” ร่างสูงในชุดเครื่องแบบเต็มยศท่าทานภูมิฐานสองคนเดินเข้ามาก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวพร้อมทั้งตั้งคำถามกับผมและเจที่กำลังนั่งอยู่ตรงนั้น เราเหลือบมองกันก่อนที่ผมจะพยักหน้ารับแล้วเอ่ยตอบ

“ ครับ ผมเอง ”

“ ทางเราจะมาสืบสวนพยานในที่เกิดเหตุ ขอเวลาคุณสักครู่นะครับ ”

“ ครับ ” พยักหน้ารับอีกครั้งก่อนจะที่ตัวผมจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปนั่งตรงเก้าอี้โซฟาอีกฝั่งหนึ่งเพื่อให้ความสะดวกแก่การสอบสวนของคุณตำรวจ “ เรามาเริ่มกันเลยนะครับ ก่อนอื่นผมขอถามก่อนคุณเป็นอะไรกับผู้ต้องหาครับ ”

“ เป็นเพื่อนครับ ”

“ แล้วกับผู้บาดเจ็บละครับ ”

“ เป็นแฟนครับ ”

“ ช่วยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เราฟังด้วยครับ ตั้งแต่เริ่มต้นเลยนะครับ ” ผมเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับคนตรงหน้าฟังอย่างละเอียด ก่อนจะถูกซักข้อมูลถามกลับมาในส่วนที่เป็นข้อสงสัยทั้งหมด แต่คิดว่าเรื่องราวที่ผมเล่าคงจะเป็นเรื่องราวที่ไม่ต่างอะไรกับ บิน และ ยีนส์ ที่เป็นพยานคนก่อนเท่าไหร่ ทางตำรวจเลยไม่ได้ดูแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินอีกครั้ง

“ ขอบคุณมากที่ให้ความร่วมมือนะครับ ” เมื่อสอบสวนเสร็จทางคุณตำรวจก็ยืนขึ้นก่อนจะก้มหน้าให้ผมที่ก็ยกมือไหว้กลับไป  “ แล้วตอนนี้ทางผู้บาดเจ็บเป็นยังไงบ้างครับ ”

“ ปลอดภัยแล้วครับ ตอนนี้ผมก็กำลังรอเข้าเยี่ยมอยู่ ”

“ งั้นทางเราจะมาสอบปากคำอีกครั้งหลังจากผู้บาดเจ็บออกจากห้อง ICU นะครับ ”

“ ครับ แล้ว..” ผมเว้นเสียงไปคนตรงหน้าก็เอียงหน้าถาม

“ ครับ ? ”

“ ผู้ต้องหาตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ ”

“ ทางเรานำไปฝากขังไว้ที่สน.แล้วครับ มีการยื่นขอประกันตัวแล้วแต่เพราะเป็นคดีอาญาจึงไม่มีสิทธิ์ได้รับการประกันตัวอยู่แล้วครับ ”

“ ครับ ขอบคุณมากครับ ” ยกมือไหว้คุณตำรวจอีกครั้งก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินออกไป ผมตอนนั้นที่ก็ได้แค่ถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปหาเจที่ก็ยิ้มถาม

“ กังวลเรื่องไอ้เหี้ยนั่นเหรอวะ ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับ “ สงสารมันนะ ไม่น่ามาเป็นแบบนี้เลยวะ พอคิดว่ากำลังจะเรียนจบแล้ว จะมีอนาคตที่ดี กูก็รู้สึกว่า กูสงสารมัน ถึงมันจะทำเหี้ยกับกูมากๆก็เถอะ ”

“ ก็มันเคยเป็นเพื่อนมึง ถึงมันจะเคยคิดไม่ดีกับมึง แต่ความรู้สึกของมึงก็ไม่ใช่ไง ” เจบอกผมก็หันไปมองหน้ามันก่อนจะพยักหน้ารับ “ แต่มันก็ทำตัวมันเองมั้ย ไม่ได้มีใครบังคับให้มันทำ ”

“ ความกดดันไงมึง ” ตอบคนข้างตัวไป เจก็ได้แต่ขมวดคิ้ว “ สภาพสังคม ครอบครัว ที่บีบบังคับมันมีส่วนที่ทำให้มันต้องเป็นแบบนี้นะ ตอนแรกเริ่มทำเพื่อให้ตัวเองสะใจแบบเล็กๆน้อยๆ จนเรื่องที่ทำมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายก็ทำอะไรแบบที่ห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่ ”

“ ชีวิตมันมีทางเลือกให้เดินเยอะแยะ แต่มันเลือกที่จะเดินทางนี้เอง เลือกที่จะเป็นคนแบบนี้เอง ”

“ แต่คนเราน่ะ มันมีทางเลือกให้เดินเยอะแยะจริงๆเหรอวะ ” ผมพูดเสียงเบาๆออกมาในตอนนั้น

ก็แค่รู้สึกว่าบางทีทางเลือกเดินมันไม่ได้มีเยอะแยะขนาดนั้น ก็เหมือนกับวิวที่เลือกจะออกไปกินเหล้ากับเพื่อน และใช้ชีวิตแบบที่หลายๆคนก็ถามเหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกไปในทางนั้น ทำไมไม่เลือกทางที่ดี ทางที่มันไม่ส่งผลเสียกับตัวเอง แล้วนั่นก็คงเป็นคำตอบเดียวกันกับที่ผมเคยรู้สึกกับเรื่องของน้องชายตัวเอง ‘ ในช่วงเวลาที่แย่ ทางไหนที่มาถึงก่อนเราก็เลือกที่จะไปทางนั้น ’

วิว โชคดีที่วันนั้นคนที่มันเจอยังเป็นอาฟกับเจและช่วยเหลือมันไว้ได้ทันก่อนที่ตำรวจจะเข้าตรวจค้นผับนั่น มันที่หลงเดินเข้าไปในทางแย่ๆแบบไม่ถลำลึก มีสิทธิ์กลับตัวเพียงแค่เปลี่ยนความคิด แต่สำหรับจิง ทุกอย่างมันถลำลึก จนไม่แม้จะสามารถกลับตัวเดินออกมาได้อีก ทำได้แค่ชดใช้ความผิดนั้น แล้วก็ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ในท้ายที่สุด

“ พี่เมด น้องเดย์น้องอัยย์เอาเสื้อมาให้แล้วครับ ” เสียงประสานที่พยายามทำให้ยิ้ม มาพร้อมถุงผ้าที่ถูกยื่นมาให้ผมที่กำลังก้มหน้าลงคิดอะไรเพลินๆ เงยหน้าขึ้นยิ้มกว้างให้ทั้งสองคนก่อนจะรับถุงผ้านั่นมาเปิดดู แล้วพบว่ามันมีเสื้อผ้าของผมอยู่หนึ่งชุดแล้วก็ของพวกของใช้จำเป็น

“ ขอบคุณนะครับ ” ผมบอก ก่อนจะลุกขึ้น “ งั้นไปอาบน้ำก่อนนะเดี๋ยวมา ”

“ โอเคครับ ” น้องเดย์ตอบรับผมก่อนจะยิ้ม “ อาบน้ำหอมๆเลยนะ ถ้ากลับมาน้องเดย์หอมแก้มแล้วไม่หอม น้องเดย์จะไปอาบให้ใหม่น้า ”

“ งั้นตายคาตีนพี่เมดก่อนน้า ” ตอบกลับน้องยิ้มๆอีกคนก็เบิกตาโตขึ้นก่อนจะเหลือบมองไปทางเพื่อนตัวเองที่ก็บอกเสริมแค่ว่า

“ นอกจากตีนพี่เมดแล้ว ก็ยังเจอตีนเฮียด้วยจ้า ซึ่งของพี่เมดอาจจะแค่เจ็บเบาๆ เข้าโรงพยาบาลใสๆ แต่ของเฮียนี่คือบอกเลยว่า จองศาลาวัดกับวันเผาได้เลยจ้าเพื่อนมึง ”

“ งั้นก็กลัวแล้วจ้า น้องไหว้ ” ยกมือไหว้ผมด้วยความเรียบร้อย เราหลุดหัวเราะกันเสียงดังก่อนที่ผมจะเดินไปหาห้องน้ำเพื่ออาบน้ำล้างคราบเลือดทั้งหมดให้เรียบร้อย 

ชุดที่ตั้งใจจะเอาไปใส่เที่ยวทะเลถูกเอามาเปลี่ยนใส่ที่โรงพยาบาล ผมมองดูลายเสื้อยืดสีสันสดใสที่อาฟเป็นคนเลือกให้เมื่อวานผ่านกระจกในห้องน้ำก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา มันก็ถูกแล้วที่ใครๆจะพูดว่า ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร

ทั้งๆที่เมื่อคืนเรายังหัวเราะสนุกสนาน แล้วหยอกล้อกันด้วยมุกที่ชวนให้ใจเต้นแรง อาฟยังนอนกอดผมบนเตียง เมื่อเช้ามาก็หอมแก้มผมเพื่อปลุกแบบที่ทำทุกวัน เรากินมื้อเช้าอร่อยๆอยู่ตรงข้ามกัน แล้วก็มอบจูบให้กันในตอนที่อีกคนมาส่งที่หน้าคณะ เป็นช่วงเวลามีความสุขที่ไม่คิดเลยว่า อีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“ พี่เมด เข้าเยี่ยมเฮียได้แล้วนะ ” น้องอัยย์วิ่งหอบเข้ามาหาผมที่ก็รีบยัดทุกอย่างใส่ถุงผ้าโดยทันที เราวิ่งกันออกมาจากห้องน้ำ ผมวางของไว้ที่เก้าอี้หน้าห้องที่เข้าเยี่ยมเพราะมันไม่มีอะไรสำคัญ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในที่ก็ต้องผ่านการฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาล้างมือแล้วใส่ชุดตามที่ทางโรงพยาบาลกำหนด

“ พวกเราดูเหมือนหมอเลย ” น้องเดย์พูดขึ้นหลังจากที่ใส่ชุดเสร็จ ก่อนที่เจจะแค่ยกยิ้มแล้วพูดสั้นๆ

“ ติดแค่หน้าตามึงดูโง่ไปหน่อยเท่านั้นเองละนะ ”

“ เอ๊ะ ? แม่งด่ากูเปล่าวะ ” หันไปถามเพื่อนตัวเองที่ก็ทำได้แค่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมาในตอนนั้น ส่วนผมที่มองภาพนั้นก็ผ่อนลมหายใจออกมาเหมือนกัน แต่ก็คงเป็นคนละความรู้สึกกับคนสองคนที่ก็ยังคงเล่นกันอยู่

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 21-12-2018 20:26:30

เตียงสีขาววางยาวเป็นแนวสองฝั่ง มันเป็นภาพที่ชวนให้หัวใจของผมเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ช่วงเวลาที่เดินเข้าไปในห้องที่มีแต่เสียงชวนวูบโหวงน่าใจหายมากมายนั้น เป็นความรู้สึกบีบรัดที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดอะไรไม่ได้ ผมหยุดยืนนิ่งที่ข้างเตียงของอาฟอยู่นาน บนตัวมันที่มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ใบหน้าคมยังคงมีเครื่องช่วยหายใจถูกใส่ไว้ รวมถึงหน้าจอที่แสดงผลอะไรสักอย่างที่ผมไม่เข้าใจ แต่ทุกอย่างที่เห็นนั้นบีบให้น้ำตาของผมไหลออกมาอัตโนมัติ

เพียงแค่คิดว่านี่คือคนที่ก่อนหน้านี้ยังคงกวนตีนแกล้งกันบอกว่า จะไม่พาไปทะเลแล้ว ผมที่แกล้งงอนมัน ทั้งๆที่ในใจยังคงตื่นเต้นแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะเราจะได้ไปเที่ยวทะเลครั้งแรก ทั้งๆที่ใบหน้าคมยังคงหล่อเหลาเหมือนเดิม  แต่กลับไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยสักนิด

“ อาฟ ” ผมเอ่ยเรียกอีกคนที่ยังคงหลับสนิท ตอนที่ยกมือมันขึ้นมาแนบบนแก้ม ผมหอมลงไปบนหลังฝ่ามือนั่น แล้วร้องไห้ออกมาท่ามกลางความเงียบของทุกคน ทั้งๆที่หมอก็บอกว่าปลอดภัยแล้ว แต่พอได้เห็นมันที่อยู่ในสภาพนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจอะไรมากมายอย่างที่คิด

บางทีเหนือกว่าคำพูดว่าปลอดภัยแล้ว ผมคงต้องการสิ่งที่เหนือกว่านั้น ตอนนี้ผมอยากจะเห็นมันลืมตาขึ้นมามองกัน แล้วยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง เอ่ยเสียงที่ชอบกวนตีน แล้วบอกกันว่า ซาลาเปาไส้หมูแดงของมันเปียกน้ำไปแล้ว ไม่ก็ หยุดร้องไห้สักทีมันน่ารำคาญ

พอเป็นคนที่รักก็เคยพออะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกอะไรก็ไม่เคยพอ
 
“ พี่เมด ” น้องอัยย์จับไหล่ผมเหมือนจะเอ่ยปลอบ แต่กลับไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น

“ นี่ มึงลืมตาขึ้นมาหน่อยได้มั้ยวะ ” ผมบอกคนที่นอนอยู่ “ ลืมตาขึ้นมามองกูแล้วด่ากูหน่อยสิอาฟ กูร้องไห้เยอะแยะเลยทั้งๆที่มึงสั่งไว้ว่าห้ามร้อง กูขัดคำสั่งมึงเลยนะ จะไม่ทำอะไรกูจริงๆเหรอวะอาฟ ”

“ สัดพี่ พี่เมดเอาชุดตอนไปหัวหินมาใส่ก่อนมึงแล้วอะ ” น้องเดย์พูดขึ้นตอนที่เอื้อมมือมาจับขาพี่ชายตัวเองแล้วเขย่า “ มึงตื่นมาจัดการพี่เมดเลย เค้าเอาเสื้อมาใส่ตัดหน้ามึงอะ ”

“ วันนี้จริงๆกูมีเรื่องจะเซอไพร์สมึงด้วยนะ ” เจพูดพร้อมกับรอยยิ้ม “ แต่มึงเสือกมาเซอไพร์สกูแทน หน้าเชี้ยจริงๆเลยนะไอ้สัด ”

“ เฮีย ถ้ามึงฟื้นขึ้นมาตอนนี้มึงจะได้ดูของดีนะ  ” น้องอัยย์บอกก่อนจะหันไปมองทุกคนในตอนนั้น “ พวกกูเรียงหน้ากันร้องไห้ให้เฮียมึงอยู่ ลืมตามาด่ากันหน่อยว่า หน้าเหี้ย ”

ยิ้มกับคำพูดของทุกคนแต่ไม่ทีท่าว่าคนที่หลับอยู่จะตื่นขึ้นมาฟัง “ ง่วงนอนมากเลยเหรอวะอาฟ แต่ช่วงนี้มึงก็นอนน้อยตลอดเลยเนอะ ต้องตื่นไปส่งกูตอนเช้า กลางคืนก็ต้องไปผับอีก ตอนนี้ก็เลยนอนไม่ยอมตื่นสักที งั้นวันนี้ก็นอนให้เต็มอิ่มเลยดีมั้ย แล้วก็ค่อยตื่นขึ้นมาหากูก็ได้ แต่ต้องตื่นนะ เพราะกูจะคอยมึงอยู่ตรงนี้ จะไม่ไปไหนเลย ”

“ กูออกไปข้างนอกนะ ” เจหันหลังพูดก่อนจะเดินออกไป น้องเดย์เองก็นั่งลงบนเตียงก่อนจะยิ้มมองพี่ชายตัวเอง

“ มึงทำพี่เจร้องไห้แล้วสัดพี่ ”

“ พี่เมดหิวข้าวมั้ยครับ น้องอัยย์จะออกไปซื้อมาไว้ให้ ” ผมส่ายหน้าไปมาตอนที่อีกคนถาม

“ ไม่หิวหรอก ”

“ ตื่นขึ้นมาจัดการพี่เมดเลยเฮีย ไม่ยอมกินข้าวแล้วเนี้ย ” ยิ้มกับคำพูดของน้องก่อนจะหอมลงไปบนมือที่กุมกันไว้ ผมมองคนป่วยที่ยังคงนอนนิ่งอย่างไม่สนใจเวลาที่เคลื่อนผ่านไป จนกระทั่งนางพยาบาลเดินเข้าหา

“ ขออนุญาตนะคะ หมดเวลาเยี่ยมแล้วค่ะ ”

“ ครับ ” หันไปพยักหน้ารับกับเธอ ก่อนจะหันมามองคนป่วยอีกครั้ง ผมกระซิบข้างหูอาฟ “ โดนไล่แล้วว่ะ กูออกไปรอข้างนอกนะ เดี๋ยวถึงเวลาเยี่ยมจะเข้ามาหาใหม่ ” หอมลงแก้มของอีกคนหลังจากพูดจบ แล้วสอดมือที่ตัวเองกุมอยู่นั้นลงไปใต้ผ้าห่มก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา แล้วเดินออกไปข้างนอกที่ก็ต้องชะงักค้างทันทีตอนที่ก้าวพ้นประตูออกมาเจอคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ นั่งอยู่ตรงนั้น

“ น้องเมด ” แม่ของจิงที่กำลังนั่งอยู่ข้างเจเอ่ยเรียกผม ก่อนจะลุกจากที่นั่งรอเข้ามาหากันทั้งน้ำตา รวมทั้งพ่อของจิงเองก็เดินตามเข้ามาหาด้วย

“ สวัสดีครับ ” ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคน น้องเดย์ที่ยืนอยู่ข้างหลังก็กระซิบถาม

“ ใครวะพี่เมด ”

“ พ่อแม่ของพี่จิง ”

“ อ๋อ ”

“ พ่อกับแม่อยากจะมาคุยกับน้องเมดเรื่องของน้องจิง แม่เสียใจด้วยนะ แฟนของน้องเมดเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยแล้วใช่มั้ย พ่อกับแม่ยินดีช่วยเหลือค่าใช้จ่ายเต็มที่เลยนะ บอกมาได้เลยนะลูกถ้าขาดเหลืออะไร ”

“ คุณแม่ใจเย็นๆก่อนนะครับ ” ผมจับมือเธอที่จับอยู่บนแขนผมเพื่อปลอบความตกใจของเธอที่ถามออกมาจนผมไม่รู้จะตอบอะไรเป็นอย่างแรก

“ แล้วแฟนน้องเมดเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยแล้วใช่มั้ย ”

“ ครับ ปลอดภัยแล้วแต่ยังไม่ฟื้น ” สีหน้าหนักใจของทั้งสองคนฉายขึ้น ท่านทั้งคนมองหน้าผม ก่อนคุณอาผู้ชายจะยื่นมือมาจับที่มือก่อนจะบีบแน่น

“ น้องเมดครับ อาขอโทษแทนจิงด้วยนะ ขอโทษแทนลูกชายของอาที่ทำเรื่องแบบนั้นลงไปนะ ”

ได้แต่เงียบในตอนที่ได้ยิน ผมอยากเอ่ยบอกว่า ‘ ไม่เป็นไรครับ ’ ตามธรรมเนียมปฎิบัติ แต่ในใจมันก็คัดค้าน ก็กำลังเป็นจะบอกว่าไม่เป็นได้ยังไง ตัวเองก็เป็นคนทำแท้ๆ เรื่องมันก็เลยมาถึงจุดนี้ เลี้ยงลูกแบบกดดัน พยายามให้ชนะกันตลอด ยกยอคนอื่นข่มลูกตัวเองมาเนิ่นนานจนสุดท้ายสิ่งที่ทำมันก็ออกดอกผลมาเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น

“ น้องเมด ” คุณอาผู้หญิงเรียกผมเสียงเบา “ เห็นแก่ความเพื่อนนะลูกให้อภัยน้องจิงได้มั้ย ”

“ ขอโทษนะครับ แต่ผมยังไม่อยากจะพูดอะไรตอนนี้เลย ” ทำได้แค่บอกปัดไปแบบนั้น เพราะผมไม่มีคำตอบที่เธอต้องการจะฟัง มันมีแต่ความรู้สึกจริงๆที่ผมรู้สึก เห็นแก่ความเป็นเพื่อนอะไรวะ ทำไมตอนที่มันจะยิงกัน มันไม่เห็นถึงความเป็นเพื่อนของเราบ้าง จิงที่ตั้งใจจะฆ่าผม คงไม่มีคำว่าเพื่อนอยู่ในนั้นแล้วด้วยซ้ำ

“ น้องเมด ”

“ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะครับ ” ผมห้ามคำพูดนั้นที่กำลังจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงขอร้อง “ ผมรู้ว่าคุณอารู้สึกเสียใจ แล้วก็รู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น คุณอาที่อยากจะได้ยินคำพูดที่ผมพูดว่า ‘ ไม่เป็นไรครับ ผมให้อภัยจิงครับ เพราะเค้าก็เคยเป็นเพื่อนผมมาก่อน ’  ทั้งหมดที่คุณอาต้องการเพื่อความสบายใจของตัวเองนั้น ผมเข้าใจครับ แต่ผมตอบแบบนั้นในตอนนี้ไม่ได้ ”

“ น้องเมด ”

“ ผมรู้ครับ ว่ามันควรที่จะพูดกับผู้ใหญ่แบบนี้ แล้วผมก็เข้าใจครับว่ากับผู้ใหญ่เราต้องทำยังไง แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ มันจะไม่เป็นอะไรได้ยังไงกัน แฟนผมยังไม่ได้สติเลย เพราะงั้นมันต้องเป็นสิ เค้าเจ็บนะครับ ทั้งๆที่เค้าไม่ควรต้องมาเจ็บตัวกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ แล้วจะผมให้อภัยจิงในฐานะเพื่อน ทั้งๆที่จิงจะยิงผมและไม่เคยเห็นผมเป็นเพื่อนเลยน่ะเหรอ ทำไมคุณอาถึงได้พูดขอร้องอย่างคนเห็นแก่ตัวแบบนั้นออกมาละครับ ทำไมถึงได้มาบีบบังคับคำตอบจากผมเพื่อความสบายใจของตัวเอง ทั้งๆที่ผมยังไม่สบายใจด้วยซ้ำ ”

“ อาขอโทษ ขอโทษนะน้องเมดนะ ” คุณอาผู้หญิงร้องไห้ออกมาในตอนที่ผมพูดแบบนั้น เธอโดนสามีดึงเข้าไปกอดไว้ ผมเองก็ได้แต่ก้มหน้าลงแล้วเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างเจที่ก็มองเหตุการณ์นั้นนิ่งๆ มันเอื้อมมือมาจับมือผมก่อนจะหันมาพูด

“ ใจเย็นๆ ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แล้วนี่พ่อแม่อาฟว่าไงบ้าง น้องเดย์โทรบอกพ่อกับแม่รึยัง ”

“ ยัง ” น้องชายตัวดีตอบแถมด้วยรอยยิ้มแห้งๆ ผมเองก็ขมวดคิ้วแล้วตอนที่กำลังจะเอ่ยปากถามต่อ คนที่รู้ว่าผิดก็ยกมือขึ้นห้ามกันก่อน “ แต่ฟังก่อนนะครับพี่เมด คือที่น้องเดย์ไม่ได้บอกพ่อ เพราะว่ากลัวเค้าเป็นห่วง แม่เองถ้าได้ยินต้องเป็นลมแน่ๆ นี่สัดพี่มันก็ปลอดภัยแล้ว ยังไง ให้มันบอกเองดีกว่า ”

“ อีกอย่างไอ้สัดอาฟมันไม่อยากให้พ่อแม่มันรู้หรอก ไม่บอกน่ะดีแล้ว เดี๋ยวแม่มันเป็นลม ”

“ เหรอ ” ได้แต่ตอบรับอีกคนไปแบบนั้น ก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ของจิงที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวที่อยู่ไม่ไกลจากเราคุณอาผู้หญิงนั่งร้องไห้ตัวโยไม่ต่างจากคุณอาผู้ชายที่คอยลูบไหล่ปลอบอยู่แบบนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดจนผมต้องหันไปหาเจก่อนจะกระซิบถามอีกคน “ เจ เมื่อกี้กูพูดแรงไปเปล่าวะ ”

“ ก็แรง แต่นั่นมันก็คือความรู้สึกของมึงไม่ใช่เหรอ ” อีกคนตอบ ผมก็พยักหน้ารับอย่างรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ในตอนนั้นคนข้างกันก็พิงหลังลงกับเก้าอี้ที่นั่งก่อนจะเหลือบมองทั้งสองคนแล้วหันมาหาผม “ คนเรามันมีสิ่งที่ควรพูดแยกออกจากสิ่งที่รู้สึก แล้วเราก็เรียกสิ่งพวกนั้นว่า มารยาทในการพูด ซึ่งถูกกำหนดออกมาว่า นี่คือสิ่งที่คนดีควรทำ แล้วโดยเฉพาะกับผู้ใหญ่เราก็ควรนอบน้อม รักษาน้ำใจ และควรคิดถึงใจเค้าใจเราให้มากๆ แล้วความเป็นคนดีพวกนี้แหละ ที่ทำให้คนเราต้องนึกถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ คนเราเลยมักถนอมใจคนอื่น โดยไม่คิดถนอมใจตัวเอง แล้วเมื่อกี้มึงก็แค่ถนอมใจตัวเอง มันก็แค่นั้น ”

“ กูแค่มานั่งคิดว่า เรื่องที่คุณอาเจอมันก็คงหนักอยู่แล้ว อยู่ๆลูกที่เป็นเด็กดี เชื่อฟังมาตลอดก็ก่อคดีฆ่าคนโดยเจตนา เค้าที่คงต้องไปโรงพักมาแล้วเพื่อไปยื่นประกันตัวไอ้จิง แต่ก็คงโดนคัดค้าน แล้วยังจะต้องมาขอโทษกู แล้วมาฟังกูพูดแบบนั้นอีก กูว่า กูก็พูดแรงไป ”

“ ความคิดสมกับที่เป็นมึง ” เจพูดแค่นั้นก่อนจะเอื้อมมือจับไหล่ผม “ แต่ไม่ต้องคิดมากหรอก มันเป็นสิ่งที่เค้าต้องเจอและก็รับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่เคยได้ยินเหรอวะ ลูกก็เหมือนต้นไม้ ปลูกอะไร ก็ได้กินอย่างงั้น ”

เวลานับชั่วโมงผ่านไปอย่างเชื่องช้า ตรงที่นั่งรอหน้าห้องมีน้องเดย์น้องอัยย์ที่กำลังเล่นเกมส์แข่งกันอย่างงเมามันส์แบบชนิดที่เรียกได้ว่าหัวชนหัว พ่อแม่ของจิงกลับไปแล้วเพราะต้องไปเยี่ยมจิงที่ถูกขังอยู่ที่โรงพักและตอนนี้เหมือนทางนั้นจะมีอาการหวาดกลัวจนต้องนำส่งโรงพยาบาล ส่วนเจบอกกับผมแค่ว่า จะออกไปทำธุระสักหน่อยเดี๋ยวกลับมาแต่ก็เหมือนจะหายไปสักพักใหญ่แล้ว

“ พี่เมดไม่หิวบ้างเหรอ ” น้องเดย์ยัดเยลลี่ใส่ปากพลางเคี้ยวแล้วถามผม ที่ก็ส่ายหน้าไปมา “ กินหน่อยเถอะน่า อะไรก็ได้ง่ายๆ “ ข้างล่างก็มีสตาร์บั๊คนะ แซนด์วิชสักชิ้นมั้ย น้องเดย์ไปซื้อให้ ”

“ ใช่ๆ พี่เมดควรกินอะไรบ้างนะ เดี๋ยวเฮียตื่น ดีใจจนไม่มีแรงล้มพับไป เฮียแม่งต้องกระโดดจากเตียงมาช่วยอีก จากนั้นแผลก็จะฉีก นอนไอซียูต่ออีกน่า เอาเหรอ ”

“ พวกมึงนี่นะ เป็นตุเป็นตะ ” ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงอย่างยอมแพ้เพราะเผลอไปคิดตามจริงๆ “ งั้นพี่เมดไปหาอะไรกินหน่อยแล้วกัน เด็กๆจะเอาอะไรมั้ย ”

“ ไม่ครับผม ” ตอบอย่างพร้อมเพียงกัน ก็รู้อยู่แล้วละว่าต้องตอบแบบนี้ แค่มีเกมส์กับขนม ก็ไม่อยากจะลุกไปไหนหรอก ตอนกลางคืนต่อให้เป็นบาร์เทนเดออร์สุดเท่ห์ยังไง แต่ชีวิตจริงก็แค่เด็กน้อยธรรมดาที่ก็ยังมีมุมนิสัยไม่โตสักทีนั่นแหละ

ผมเดินลงไปชั้นล่างของตึกพลางมอบไปรอบๆเพื่อมองหาร้านน่ากินสักร้าน ผมตั้งใจจะกินอะไรง่ายๆและรวดเร็ว แต่ในตอนที่ยังคงช่างใจระหว่างสองร้านตรงหน้า ผมก็ต้องนิ่งไปในตอนที่เห็นผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มที่คุ้นเคย

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 21-12-2018 20:27:51
ในวินาทีนั้นเหมือนทุกอย่างมันหยุดนิ่งไป เป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างอะไรกับตอนม.6 เลยสักนิด ทุกอย่างในวันเก่านั้นวนกลับมา ผมยังคงจำใบหน้าที่แสนคุ้นเคยนั้นได้ดี แม้มันจะหล่อเหลากว่าตอนเป็นเด็กอยู่มากก็ตาม แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยทักทายอะไร มือที่ถือนมช็อกโกแลตขวดเดิมที่เคยโดนไหว้วานจากเพื่อนให้เอามาส่งให้ทุกเย็น ก็ยื่นมันมาให้ผมเหมือนอย่างเช่นวันนั้น

“ แต่รอบนี้เพื่อนเราไม่ได้ฝากมาให้นะ ” เอม คนส่งนมพูดออกแบบนั้น ผมเองก็หลุดยิ้มกว้างออกมาก่อนจะยื่นมือออกไปรับมันเอาไว้ “ แล้วรอบนี้เพื่อนเราก็ไม่มีคำถามอะไรมาฝากถามแล้วด้วย แต่เรามีคำถามจะถามเมดอยู่นะ ”

“ ว่า ”

“ เป็นยังไงบ้าง ”

“ อยากตอบว่าสบายดี แต่ก็ไม่คงไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ” ผมตอบอีกคนที่ก็ยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“ เหี้ยจริงๆ คิดว่าจะมาเซอไพร์สมันสักหน่อย แต่เสือกมาตัดหน้ากันได้ ”

“ ตื่นขึ้นมา ก็ฝากจัดการให้หนักเลยนะ ”

“ แน่ใจนะว่าจะให้ทำน่ะ ” ไม่ได้ตอบอะไรอีกคน ผมแค่ก้มหน้าลงยิ้มเท่านั้น เป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างแปลกดีในตอนที่เรามาเจอกันอีกครั้งในตอนนี้ ผมพอรู้มาบ้างว่าเอมไปเรียนต่อเมืองนอก เพราะเคยถามกับบินว่าเพื่อนคนที่ส่งนมหายไปไหน แต่พอถามอะไรต่อมากกว่านั้นบินก็ชอบชวนไปคุยเรื่องอื่นทุกครั้ง

“ แล้วนี่กำลังทำอะไรอยู่ ”

“ กำลังหาของกินน่ะ เอมกินอะไรมายัง ไปกินอะไรกันมั้ย ”

“ ไปกินข้าวกับเมดสองต่อสองแบบนี้ ไอ้อาฟตื่นมามันจะฆ่าเอมมั้ยอะ ” อีกคนเอามือจับอกแล้วทำท่าครุ่นคิดจนผมต้องกลั้นยิ้ม

“ มีนิสัยขี้เว่อร์แบบนี้กันทั้งกลุ่มเลยเหรอวะ ”

“ ฮ่าๆ ” อีกคนหัวเราะผมก็ถามสิ่งที่อยากรู้

“ แล้วนี่เจคงไปรับมาใช่มั้ย เพราะเมื่อกี้เจบอกว่าขอออกไปทำธุระหน่อย ” นิ้วท่าถูกต้องนะครับชี้มาทางผมก่อนอีกฝ่ายพูดย้ำ

“ ถูกต้องนะครับ ”

“ แล้วเอมมีอะไรอยากจะกินเป็นพิเศษมั้ย ”

“ ไม่ครับ ” อีกฝ่ายส่ายหน้า “ เมดอยากกินอะไรก็เลือกเลย เอมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ”

“ งั้นแซนด์วิชง่ายๆแล้วกันนะ ”

“ โอเค ” เอมบอกก่อนจะเดินนำเข้าไปในร้านกาแฟชื่อดังที่อยู่ไม่ไกลจากที่ที่เรายืน “ สั่งของก่อนมั้ย เมดจะกินอะไร ”

“ แซนด์วิชแฮมชีส มัฟฟินช็อกโกแล็ต แล้วก็ช็อกโกแลตร้อนครับ ”

“ คาราเมลมัคคิอาโต้เย็นครับ ”

“ กินเหมือนอาฟเลยว่ะ ” ผมทักอีกคนก็ยักคิ้วรับ

“ เพื่อนกันมันจะต่างอะไรกันมากมายละครับ สไตส์มันก็ต้องคล้ายๆกันอยู่แล้วถึงจะคบกันได้ ” เอมบอกก่อนยิ้ม “ แต่ยกเว้นสเป็กคนที่ชอบอะนะ เพราะถ้าชอบเหมือนกันไอ้สัดอาฟฆ่าตายก่อนไม่ทันได้เป็นเพื่อนมัน ”

“ นี่ก็เว่อร์ ” บอกแบบนั้นเอมก็หัวเราะ

“ เอมว่าเมดน่าจะรู้ดีว่าไอ้เชี้ยอาฟเป็นยังไง โดยที่เอมไม่ต้องอธิบายจริงมั้ยครับ ” หลุดหัวเราะออกมากับคำพูดนั้น ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โต๊ะโซฟาตัวที่ว่างอยู่

“ แล้วนี่เจอยู่ไหนวะ ”

“ ขึ้นไปเฝ้าไอ้สัดอาฟอยู่หน้าห้อง ICU แล้วครับ เมื่อกี้ตอนเดินขึ้นมาเห็นเมดยืนอยู่ไอ้เจมันเลยบอกให้เอมมานั่งคุยเป็นเพื่อนเมดหน่อย มันเห็นเมดซึมๆ ได้คุยเอมเผื่อเมดจะรู้สึกดีขึ้นมันว่างั้น  ”

“ งั้นเหรอ ”

“ เอมเลยต้องเดินไปซื้อนมนั่นมาไง กลัวเข้ามาทักแล้วจำกันไม่ได้ ” เชิดหน้ามาที่ขวดนมที่ผมถืออยู่ อีกคนก็ยิ้ม

มันเป็นความรู้สึกอบอุ่นหัวใจจนชวนให้ผมยิ้มจางๆออกมาอย่างรู้สึกดี โลกของผมเปลี่ยนไปก็ตอนที่อาฟเข้ามาในชีวิต ผมมีเพื่อนและน้องชายที่ดีเพิ่มขึ้น คนที่คิดถึงความรู้สึกของผม คนที่ห่วงใยกันด้วยความรู้สึกจริงๆ ไม่ใช่แค่เพราะเกรงใจกันด้วยฐานะของผมที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของอาฟ

“ ขนมมาละ เอมไปหยิบให้นะ ” ไม่ต้องรอให้ตกลงคนอาสาก็ลุกขึ้นเดินออกไปเอาขนมให้อย่างรวดเร็ว เอมเดินมาเสิร์ฟให้ผม ที่ก็เริ่มมองของตรงหน้าด้วยความรู้สึกอิ่มขึ้นมากะทันหัน “ ไม่กินละ ถ้ามันเย็นมันจะไม่อร่อยนะ ”

“ เหมือนจะอิ่มๆเลยวะ ”

“ ไม่ต้องอ้างเลย ซื้อแล้วต้องกิน ได้ข่าวยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ ” บอกกันแบบนั้นก่อนจะหมุนจานแซนด์วิชมาตรงหน้าผม

“ แล้วนี่เอมจะกลับมาอยู่ที่นี่กี่วัน ”

“ คงแค่สามอาทิตย์มั้ง ” ผมพยักหน้ารับอีกคนก่อนจะหยิบแซนด์วิชในจานขึ้นมากินอย่างไม่รู้จะชวนคุยอะไรต่อ ในตอนนั้นเอมเองก็หยิบเอากาแฟตรงหน้าของตัวเองขึ้นมากิน แล้วจ้องมองผมยิ้มๆจนผมต้องยกคิ้วเชิงถาม แต่อีกคนก็แค่หัวเราะก่อนจะส่ายหน้า “ แค่ไม่คิดว่าไอ้อาฟจะได้คบกับเมดจริงๆน่ะ ”

“ ทำไมวะ กูกับมันดูไม่เข้ากันเหรอ ”

“ เปล่าๆ ” อีกคนส่ายหน้าก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ “ ไม่ใช่แบบนั้น แค่เคยคิดว่ามันคงจะลืมเมดไปแล้ว  ไม่คิดว่าจะกลับมารักกันอีก แต่ก็นะ ใครมันจะลืมรักครั้งแรกของตัวเองได้วะจริงมั้ย ” เอมยิ้มให้ผม “ รู้มั้ยว่าเอมยังจำวันนั้นได้อยู่เลยนะ แล้วก็ยังรู้สึกผิดมากๆอยู่เลย ขอโทษนะเมด ”

“ รู้สึกผิดอะไรวะ ไม่ต้องขอโทษเลย ไม่ใช่ความผิดของเอมหรอก ”

“ ไม่ต้องปลอบหรอก ” อีกคนบอกปัด “ ถ้าตอนนั้นเอมไม่ได้นิ่ง แล้วบอกออกไปว่านมนั่นเป็นของไอ้อาฟ เรื่องอาจจะไม่เป็นแบบนี้ เอมทำเพื่อนตัวเองเสียใจ เมดก็ด้วย ” สายตาหนักใจขัดแย้งกับรอยยิ้มส่งมาทางผม “ ถ้าวันนั้นเอมเลือกที่จะพูดอะไรสักอย่าง เช่นคำว่า ไม่ใช่นะเว้ย นั่นของไอ้อาฟเพื่อนกู หรือว่าอะไรสักอย่างก็ได้ที่คัดค้านออกมา ตอนนี้เมดอาจจะมีความสุขกว่านี้จริงมั้ย ”

“ อาจจะไม่จริงก็ได้ ” ผมบอก “ คนเรามันขัดแจ้งว่ะว่ามั้ย  “

“ ยังไงครับ ”

“ คือก่อนหน้านี้เมดก็คิดนะ ว่าถ้าตอนนั้นรู้ความจริงทั้งหมดก็คงมีความสุขกว่านี้ไปแล้ว ไม่ต้องเจอเรื่องเหี้ยๆแบบที่กำลังเจออยู่ แต่พอมาคิดดูอีกที ตอนนี้อาจจะดีแล้วก็ได้ เพราะตอนนั้นอาฟนิสัยเป็นแบบนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เมดเองจะเป็นคนที่เข้าใจในตัวมันได้อย่างที่เข้าใจตอนนี้มั้ย  พอมาคิดๆแล้วมันเหมือนว่าพอเราโตขึ้น เราเจออะไรเหี้ยๆในชีวิตมากขึ้น มุมมองเรามันก็เปลี่ยนไป เราปรับตัวที่จะไม่คาดหวังกับความสมบูรณ์ แล้วเลือกเอาแค่พอดีกับตัวเรา บิดเบี้ยวบ้างก็ช่างมัน เพราะเราก็เข้าใจแล้วว่า ความรักมันไม่ได้สมบูรณ์แบบไปทั้งหมด ”

“ งั้นเหรอ ”

“ แล้วอีกอย่าง เรื่องที่เกิดมันก็ไม่ได้แย่เสมอไปหรอก เพราะมันก็มันให้เมดกับอาฟรู้จักกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้นแล้วก็ปรับตัวกันได้มากขึ้นผ่านปัญหาเหล่านั้น ” ผมยิ้ม “ เอาเข้าจริงๆ มันก็บอกไม่ได้หรอกว่าเรื่องในอดีต มันดีแล้วที่เกิดขึ้นหรือว่ามันไม่ดี แต่สิ่งที่บอกได้ก็คือ วันนี้ที่เป็นอยู่ มันดีที่สุดแล้วละ ” เอมยิ้มให้ผม มันก้มหน้าลงแล้วยิ้มกว้างขึ้นจนผมต้องเอียงหน้ามองตามอย่างสงสัย “ ยิ้มอะไรขนาดนั้นวะ คำพูดโดนใจเหรอ ”

“ เมดโตขึ้นนะ ” อีกคนบอกตอนที่เงยหน้าขึ้นมา “ สมัยที่เอมเอานมไปส่งเมด ตอนนั้นเมดเป็นเด็กใสๆมากเลย เมดที่ชอบรับนมจากเอมด้วยท่าทางอายๆเหมือนจะมุดดินหนี หูเมดจะแดง แก้มก็แดง แล้วก็ชอบเหลือบมองไปรอบๆ เหมือนหาเจ้าของนมตลอด ยังจำเสียงอ้อมแอ้มที่ถามว่า แล้วเมื่อไหร่จะรู้ว่าเป็นใครละ ได้เลย ตอนนั้นโคตรน่ารักเลยรู้มั้ย ”

“ เหรอ แบ๋วๆใสๆละเนอะ ฮ่าๆ ” ผมหลุดหัวเราะออกมา

“ แต่วันนี้พอมาฟังเมดพูด เมดโคตรขึ้นเลยวะ มีเหตุผลขึ้นด้วย ”

“ กว่าจะมาถึงตรงนี้บอกเลยว่า พี่เจ็บมาเยอะ ” เอมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังในตอนที่ผมเล่นมุขนั่น “ ตอนที่มาคบกับอาฟแรกๆ ตอนนั้นก็โคตรอ่อนแอเลย เมดทำให้มันเจ็บตั้งเยอะ ทั้งคำพูดแล้วก็การกระทำด้วยนะ พอมาคิดว่าคนคนนึงที่รักเรามาตลอดต้องมาเห็นเราเจ็บปวดกับคนรักเก่าทั้งๆที่ที่ตรงนั้นมันคือที่ของเค้าที่ถูกแย่งไป แล้วก็ต้องมาฟังคำพูดอะไรก็ไม่รู้ ไหนจะการกระทำสิ้นคิดอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสงสารมัน ”

“ อย่าพูดเหมือนไอ้อาฟมันต้องทนเมดอยู่ฝ่ายเดียวอย่างงั้นสิวะ ”

“ ก็...”

“ เอมรู้จักอาฟดี มันปากหมาจะตายห่า ไม่นับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของมัน ที่ก็โคตรเหวี่ยงไปมา แถมตอนโกรธก็ยังร้อนสุดๆ แล้วแบบนั้นเมดจะเถียงเหรอ ว่าเมดไม่ได้ใช้ความอดทนแล้วความเข้าใจว่าไอ้อาฟมันเป็นแบบนั้น ”

“ ก็ใช้ ” ผมตอบเสียงเบา

“ มันเสียเวลานะ ถ้าเราจะมานั่งคิดหรือนั่งเปรียบเทียบว่าแฟนเราดีกับเรามากขนาดนั้น ขนาดนี้ เก็บไว้ในใจเถอะ แล้วรักเค้าอย่างที่อยากรักไปน่าจะดีกว่า ไม่ต้องมีเท่ากันไปหมดหรอก เท่ากันไป หรือเหมือนกันไป ก็ใช่ว่าจะดีนะ โดยเฉพาะนิสัย”

“ เหรอ ”

“ อย่างไอ้อาฟกับเมดนิสัยก็ต่างกันสุดขั๋วเลยไม่ใช่เหรอ เคยคิดบ้างมั้ยวะ ว่าแบบนี่เราสองคนเข้ากันได้ยังไงวะ คนนึงโคตรร้อนอีกคนก็โคตรเย็น ”

“ ก็เคยคิดนะ ”

“ แล้วได้คำตอบมั้ย ”

“ คิดว่ามันคือการลดหย่อนผ่อนปรนกันน่ะ คือถ้าร้อนกับร้อนแม่งก็พังดิ ”

“ อย่างที่คิดนั่นแหละ ถ้ามันร้อนทั้งคู่ตอนทะเลาะกันก็มีแต่ตายกันไปข้างนึง ไม่มีใครยอมใคร แล้วแบบนั้นรักมันก็ไปกันไม่รอดหรอก เพราะต่างฝ่ายต่างอยากจะเอาชนะกัน เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว สมบูรณ์แบบมากเลยรู้มั้ย ”

“ เหรอ ”

“ อื้ม ” อีกคนพยักหน้ารับก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาดูด “ เห็นเมดแบบนี้แล้วคิดถึงสมัยเรียนม.ปลายเลย เอมยังจำวันที่ไอ้อาฟเจอเมดครั้งแรกได้เลยนะ วันนั้นมันเอาแต่ยืนนิ่งมองเมดตาไม่กระพริบเลย จนเอมถามมันว่า ‘ ชอบเหรอวะ ’  แต่ไอ้สัดนั่นก็บอกแค่ว่า ‘ เสือก ’ ฮ่าๆ ”

“ ตอบสมเป็นสัดอาฟ ”

“ แล้วตอนนั้นเอมก็บอกว่า งั้นเดี๋ยวกูไปถามชื่อให้ แต่พอวิ่งข้ามถนนไปถามให้ไอ้สัดนั่นก็โคตรป๊อดแม่งเดินไปหาไอ้เจเฉยเลย สงสัยจะกลัวเมดรู้ว่าเป็นมัน ” เอมยิ้มก่อนจะส่ายหน้า “ แล้วพอเดินกลับไปหามันนะ ตอนเอมบอกมันว่าชื่อเมด มันพูดด้วยนะว่า แค่ชื่อยังน่ารักเลย ”

“ เดี๋ยวนะ ” ผมเบรกอีกคน ก่อนจะพิงหลังลงกับเก้าอี้ตัวที่นั่งแล้วเอามือปิดหน้า “ กูว่ากูเขินแล้วว่ะ ”

“ ฮ่าๆ มีให้เขินมากกว่านี้อีก ” เอมบอกผมก็ลดมือลง “ เมื่อก่อนตอนเอานมไปให้เมด มันจะฝากถามใช่มั้ย ว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง แล้วเคยมีอยู่วันหนึ่งนะ เมดบอกไม่สบาย ปวดหัว จำได้มั้ย ” ผมส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบให้อีกคน “ วันนั้นไอ้อาฟไปส่งเมดจนถึงบ้านเลยนะ ”

“ เหรอ ”

“ อื้ม แต่พอถามไอ้เหี้ยนั่นก็บอกแค่ว่า กูกับไอ้เดย์แค่ไม่อยากกลับบ้านเร็ว ก็เลยจะไปเดินเล่นที่ห้างสักหน่อย สุดท้ายความแตกเพราะไอ้เชี้ยเดย์มาแฉว่าเมื่อวานโดนพี่ชายตัวเองทิ้งให้กลับบ้านคนเดียว ”

“ ป๊อดจริงๆเลยวะ คนอะไรวะ ไม่สมกับเป็นพี่อาฟเตอร์เจ้าของผับ throw up เลย ”

“ สมัยเกรียนก็เงี้ย ” เอมบอกก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง “ แล้วมันเคยลงเรียนพิเศษที่เดียวกับเมดด้วยนะ ก็ลงทุกรอบ แค่เมดบอกว่าเมดเรียนอะไร แม้มันจะเก่งจะเข้าใจอยู่แล้ว มันก็ยังไปลงเรียน ”

“ ประสาท ” ผมส่ายหน้าไปมากับไม่กล้าของมันในตอนนั้น เป็นความรู้สึกที่ทั้งขำทั้งหงุดหงิด “ แต่ที่จำได้แม่นเลยคือมีครั้งนึงอาฟไม่ได้ถามอะไรเอมมา แค่ฝากกระดาษมาให้แผ่นนึง ตอนนั้นดีใจมาก เพราะคิดว่าคงให้ไลน์มั้ง เมดก็คิดว่าคงได้คุยกับมันแล้วละ แต่สุดท้ายแม่งเป็นโจทย์เลขอะ แล้วก็เขียนว่า ตอบอะไรวะ ”

“ อ๋อ อันนั้น แต่เมดก็ส่งกลับไปนี่ แล้วส่งคำตอบกลับไปเหรอวะ ”

“ เออ คำตอบ ” ผมพยักหน้ารับ “ แต่ก็เขียนไปด้วยนะ เขียนว่า ถ้าไม่เข้าใจแอดไลน์มานะ แล้วก็ใส่ไลน์ไปด้วย เบอร์โทรด้วย ”

“ เฮ้ย อันนี้ไม่รู้เลย แม่งเปรี้ยววะเมด ”

“ แต่แม่งก็ไม่แอดมานะ ” เอมทำหน้างง ผมก็พยักหน้ารับ “ ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมมันไม่แอดมา สงสัยจะเก็บไว้แทงหวย ”

“ ฮ่าๆ ”

“ นี่ พอเอมมาถามก็นึกขึ้นได้ เดี๋ยวมันหายดีจะเอาเรื่องมันสักหน่อย ”

“ จัดการให้หนักๆเลยนะ ” อีกคนบอกก่อนจะยิ้มกว้าง “ ดีใจว่ะ จริงๆนะ ดีใจที่วันนี้ไอ้อาฟได้คบกับเมดจริงๆ เอมยังจำวันนั้นได้เลย จำได้ว่าชั่วโมงพละมั้ง แล้วอาจารย์ไม่มาเราเลยว่าง ไปเล่นกันที่สนามบาสตรงสนามนอก แล้วตรงนั้นมันมีอัฒจันทร์ที่จะหันออกไปฝั่งโรงเรียนเมดพอดี เอมกับไอ้อาฟนั่งด้วยอยู่กันเพราะขี้เกียจเล่น เอมถามมันว่า ทำไมไม่บอกเมดสักทีว่า มันคือคนที่ชอบ แล้วรู้มั้ยมันบอกว่าอะไร ” ผมส่ายหน้า “ มันบอกว่า มันกลัวว่าถ้าบอกไปเมดแล้วจะไม่ชอบมัน แล้วเมดจะรู้สึกไม่ดี เพราะมันก็แค่อยากเห็นรอยยิ้มของเมดในทุกวันเท่านั้น มันเลยไม่อยากบอก ”

“  ไอ้บ้าเอ้ย ” ผมพูดออกมาในตอนที่ก้มหน้ามองมองช็อกโกแลตร้อนตรงหน้าที่ตอนนี้กลายเป็นอุ่นไปแล้ว “ ทำไมกูจะไม่ชอบ ตอนนั้นกูชอบมึงจะตายอยู่แล้ว ป๊อดไม่เข้าท่าเลยไอ้สัด ”

“ นั่นน่ะสินะ ”

“ แต่ว่า อาฟก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยเนอะ”

“ ยังไงวะ ”

“ เอมบอกว่าเมดโตขึ้น แต่ทำไมเมดว่าอาฟมันไม่เปลี่ยนไปเลยว่ะ ” ผมเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้อีกคน “ เมื่อก่อนเคยรักเมดยัง ตอนนี้มันก็ยังรักเมดอย่างงั้น ”

“ อื้ม ถ้าเป็นเรื่องนี้ อาฟมันไม่เคยเปลี่ยนไปจริงๆว่ะ ”

“ พี่เมด! ” เสียงเรียกชื่อผมของน้องเดย์ที่วิ่งเข้ามาในร้านกาแฟทำให้ทั้งผมกับทั้งเอม แม้แต่คนอื่นที่นั่งอยู่หันไปมองเป็นตาเดียว แววตาของคนเป็นน้องสั่น แรงหอบหายใจแรงๆนั่นชวนให้ทุกอย่างเงียบกริบ ก่อนที่อีกคนจะพูดออกมา “ สัดพี่ ฟื้นแล้ว ”

“ อาฟ ” ลุกขึ้นจากที่นั่งโดยไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น ก่อนจะออกวิ่งไปตามทางอย่างไม่สนใจคนที่มองมา ผมเข้าไปในห้อง ICU. ก่อนจะใส่เสื้อผ้าด้วยความร้อนรนแล้วตอนที่พ้นประตูนั่นคนที่เคยนอนนิ่งตรงเตียงก็หันมามองกันด้วยรอยยิ้มชัดเจนแบบที่ไม่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจแต่อย่างใด

ผมไม่รู้ว่าน้ำตาของผมไหลออกมาตั้งแต่ตอนไหน บางทีอาจจะไหลออกมาตั้งแต่ตอนที่วิ่งมา หรืออาจจะตอนที่เห็นว่ามันลืมตาตื่นขึ้นมามองกันได้แล้วก็เป็นได้ ขาของผมก้าวเดินออกไปหามันด้วยความเชื่องช้า ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียงแล้วในตอนนั้น คนป่วยปากดีคนเดิมก็เอ่ยบอก

“ ว่าไง ไอ้ซาลาเปาไส้หมูแดง  ” ก้มหน้าลงไปกอดมันไว้ในตอนนั้นโดยที่ไม่ตอบอะไร น้ำตาที่ไหลออกมามากมายของผมเสียงสะอึกสะอื้นที่ดังจนรบกวนคนอื่นๆแต่ตอนนั้นความมีมารยาทใดก็ไม่ได้เข้ามาในความสมองของผมทั้งสิ้น มีแค่ความโล่งใจที่ทำได้แค่หลั่งน้ำตาออกมาอยู่แบบนั้นอย่างห้ามไม่อยู่ มันไหลจนเปียกปอนเสื้อคนป่วยไปหมด จนคนป่วยนอนอยู่นั้นต้องยื่นมือมาลูบหลังปลอบกัน “ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง แต่กูไม่เป็นไรแล้วเมด เลิกร้องไห้ได้แล้ว ” ดึงตัวเองขึ้นมองใบหน้าคมที่ก็ยังคงยิ้มมองกัน อาฟดึงมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่แก้มผมก่อนจะจูบลงบนริมฝีปากแล้วตอนนั้นอีกคนก็บอกคำพูดที่ทำให้อุ่นไปทั้งใจ “ มึงก็น่าจะรู้ ว่ากูไม่มีวันทิ้งมึงไปไหนหรอก ”

.................................................................

ก็คิดนะ ว่ามันจะจบทั้งหมดในตอนเดียว
แต่พอเขียน ก็ได้เข้าใจว่า อ๋อออ เนื้อหาที่ต้องทำเยอะมากจนไม่สามารถเขียนได้หมด
เราเองก็พยายามบีบเนื้อหา แต่ก็รู้สึกว่า ถ้าตัดไปมันจะไม่สนุก เลยตัดสินใจเขียนทั้งหมดเลย
เพื่อความเต็มอิ่มนี้
เพราะฉะนั้น เอาจุดหนึ่งไปก่อน จุดสองจะตามมาในอาทิตย์หน้านะคะ
ยังเหลืออีกหลายคนที่ คนอ่านก็คงต้องคิดเนอะ ว่าเรื่องราวของเค้าจะเป็นยังไงในท้ายที่สุด
เพราะงั้นจะได้อ่านแน่นอน

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 21-12-2018 21:14:16
อารมณ์สวิงมาก! เครียด กดดัน ยิ้ม และดีใจ คือแบบอินตามหนูเมทมาก!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 21-12-2018 21:15:51
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 21-12-2018 21:25:10
ดีใจที่ปลอดภัย อาฟเก่งอยู่แล้ว

ขอบคุณเอมที่กลับมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ในครั้งกระโน้น

เรื่องของจิง เราอยากให้เป็นไปตามกฎหมาย ผิดก็ว่าไปตามผิด

แต่เราอยากรู้ว่าถ้าพ่อแม่ของอาฟรู้จะเป็นยังไงบ้าง พ่อแม่ก็คือพ่อแม่ ห่วงใยแน่นอน แม้ไม่มีบท ก็เชื่อว่า อาฟเอาอยู่

สนุกมากๆ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 21-12-2018 21:36:57
เอมบอกยังเขินขนาดนี้...แล้วอาฟฟื้นแล้วแบบนี้เมดเขินหนักแน่ๆ

อาฟเก่งอยู่แล้วเนอะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 21-12-2018 21:51:01
อาฟฟื้นแล้ว   :katai2-1: :katai2-1:   ในที่สุดเอมก็มาแม้จะช้าไปหน่อย

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-12-2018 21:58:26
 o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 21-12-2018 21:58:41
อิจฉาอาฟนะมีเพื่อนๆและน้องดีแถมคนรักก็น่ารักอีก อาฟคนเหล็กฆ่าไม่ตาย :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-12-2018 22:12:06
อาฟ ยังไงก็เป็นอาฟ.......
ที่ปากแข็ง ปากร้าย ........
ในอดีตไม่กล้าเข้าหาเมด คนที่ตัวเองชอบ
แต่อาฟ เป็นคนที่รักปักใจ  รักจริง ไม่ลืมรักครั้งแรก
นี่ถ้าเมดไม่ขับรถเฉี่ยวรถอาฟ
คงไม่มีทางมารักกันได้   :z3: :mew2: :เฮ้อ:

อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-12-2018 22:31:04
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 21-12-2018 23:22:46
อาฟเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น
ความเซอร์ไพรส์ในการกลับมารวมกันของเพื่อนๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 22-12-2018 00:10:01
โล่งอก อาฟฟื้นแล้ว อ่านตอนนี้แล้วอบอุ่นจัง เอมกลับมาได้มานั่งคุยกับเมด เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปเลย ฟังที่เอมเล่าโอย อบอุ่นมากๆ ...ยังเหลือด่านคุณแม่ของอาฟอีกอ่ะ อย่าให้มีอะไรเลยน๊า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-12-2018 01:01:46
ในที่สุดเอมก็มาเสียที ถึงบทจะน้อย แต่ก็สำคัญนะเอม  o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 22-12-2018 01:22:22
ดีใจที่อาฟปลอดภัยค่ะและดีใจมากที่กามเทพกลับมาหาเพื่อนรักทั้งสอง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-12-2018 03:25:02
คุณอารยะ o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 47 :: up! 23-11-61} #หน้า 43
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 22-12-2018 03:37:52
อ่าา ไม่ต้องรอเอมแล้วนะ นมช็อคโกแลตเฉลยออกมาแล้ว :mc2: :mc3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 49.2 :: up! 14-12-61} #หน้า 47
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 22-12-2018 04:26:30
โอ้โห จิง  :z6: พ่อแม่ก็มีส่วนนะที่กดดันแบบนั้น
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-12-2018 09:02:15
ไม่ตัดออก ดีแล้วค่ะ เราชอบ 5555

โอยยยย บีบหัวใจ ทั้งที่รู้ว่าจะปลอดภัย
สงสารเมดจับจิตจับใจเลย ต่อหน้าต่อตาน่ะ
แล้วยังมาไม่ฟื้นอีก จะให้สบายใจเลย มันยาก

เมดไม่ผิดหรอก ที่บอกกับพ่อแม่จิงแบบนั้น
ก็คนไม่รู้สึกแบบนั้จะให้บอกแล้วจบไป ก็ทำไม่ได้

เจ เดย์ อัยย์ คือดีมากจริงๆ เป็นเพื่อนเป็นน้องยามสุขและทุกข์
เจพูดได้ดีนะ เรื่องเมดคุยกับพ่อแม่จิง และส่งเอมมาช่วยเมดได้ด้วย

เจกะจะเซอร์ไพรส์ แต่เจอเซอร์ไพรส์กว่าไปอีก
แล้วดูเจ เดย์ อัยย์ หลอกล่อเมดสิ เอ็นดู
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-12-2018 10:13:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 22-12-2018 10:35:58
เอมแม่งต้องมีคู่ว่ะ

เพื่อนดีๆแบบนี้เนื้อคู่ต้องงอกออกมา

น้องเดย์น้องอัยย์จัดไป1คน

เย้ๆๆๆ สัดพี่ฟื้นแล้วเว๊ย~~~~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 22-12-2018 11:15:47



จิงเล่นบทโหดไปหน่อยอ่ะ กะเล่นถึงตาย เก็บกดและกดกัดสุดๆ

เมดพูดไปตามความรู้สึกกับพ่อแม่จิงแบบนั้นน่ะดีแล้ว เพราะจิงเองก้ออาจพูดได้ไม่เท่าเม็ด

แบบที่เจบอก.  ปลูกอะไรได้อย่างนั้น

เห็นเอมกลับมาตอนท้าย มาระลึกความหลังสมัยเป็นmassenger ให้อาฟนี่น่ารักจริงๆ

อาฟเป็นอะไรไปไหนไม่ได้หรอกนะ รักเมดมานานมากและรักมากขนาดนี้

วุ้ย. ใครว่าฉากเศร้า. เขาว่าฉากฟินออก 555


 :o8:  :-[  :impress2:  :man1:  :กอด1:  :L2:  :3123:  :n1:


………
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 22-12-2018 15:23:17
เอมมาแล้ว อาฟก็ฟื้นแล้วว แงงงงงงงงงงงงงง
ตามมาดูทุกวันเลยนะคะ TTT
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 22-12-2018 16:09:02
ตอนนี้เป็นตอนทีี่อารมณ์ขึ้นๆลงๆมากเดี๋ยวน้ำตาไหลเดี๋ยวหัวเราะสลับกันอยู่แบบนี้ แต่ดีใจอาฟตื้นแล้วแถมเมดยังได้รู้ความลับของอาฟอีก ฮือๆร้องไห้ดีใจแบป :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 22-12-2018 17:39:40
ตอนนี้เป็นตอนที่รวมทุกอารมณ์จริง ดีใจจังอาฟฟื้นแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-12-2018 18:41:26
เป็นครึ่งตอนที่อึมครึมมาก โคดีที่เอมมาแล้วห็ดีใจที่อาฟปลอดภัยแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 22-12-2018 20:27:13
พี่อาฟฟฟฟฟ ปลอดภัยแล้วเนอะ (ToT)
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-12-2018 22:25:08
ตอนนี้คือมีทุกอารมณ์เลย เศร้า ร้องไห้ อึดอัด โกรธ ดีใจ ปริ่ม ชอบที่พี่อาฟบอกว่าไม่ทิ้งเมดอยู่แล้ว :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 22-12-2018 22:27:27
ชอบมากเลย
พออ่านเรื่องเก่าๆ ที่เล่าให้ฟังกัน
แล้วรู้สึกดีอ่ะ
เข้าใจถึงความรัก แต่การรอคอยมากเลย

ได้ข้อคิดดีๆ จากเรื่องนี้เยอะเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 22-12-2018 23:08:49
ฮือออออออออออ ร้องไห้อีกแล้ว 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 23-12-2018 01:44:53
โล่งอก นึกว่าจะมีม่าไรเพิ่มอีก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-12-2018 16:59:08
 :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 23-12-2018 18:35:00
รักเลย
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-12-2018 20:27:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 23-12-2018 22:33:15
ผิดก็ว่าไปตามผิด  :เฮ้อ:
แต่เรื่องนี้สนุกมากค่ะ อ่านจากที่อื่นมาแน้วว
เพิ่งเห็นว่ามีในเล้าด้วย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-12-2018 23:28:49
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 28-12-2018 21:57:58
มารออาฟกับเมดค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 28-12-2018 22:34:30
มารอจ้า  :katai5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-12-2018 05:29:07
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-12-2018 12:17:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: ultraman ที่ 29-12-2018 20:40:36
เข้ามารอสัดพี่อาฟ กับ ซาลาเปาใส้หมูแดง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 (ตอนจบ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 31-12-2018 20:27:14
ภายในห้องพิเศษของโรงพยาบาลที่ค่อนข้างครึกครื้นรอบเตียงของผู้ป่วยที่เพิ่งถูกย้ายมา ตอนนี้รายล้อมไปด้วยทั้งเพื่อนทั้งน้องที่ก็ขยันพูดขยันคุยกันแบบเสียงดังอย่างไม่เกรงใจห้องข้างๆ แม้จะมีผมคอยบอกให้เบาเสียงหน่อย แต่ก็เหมือนจะเบาลงแค่ตอนที่เตือน เพราะพอได้คุยกันก็ลืม แล้วเสียงนั่นก็ดังขึ้นมาใหม่ แต่ถึงอย่างงั้นก็ต้องยอมรับว่า เพราะสถานการณ์มันชวนให้มีความสุขมากกว่าความรู้สึกอื่นใดในตอนนี้  เรามีแค่ความยินดี ที่ถึงแม้ว่าผมจะทำได้แค่นั่งมองภาพเหล่านั้นจากมุมโซฟาเงียบๆ เพราะไม่สามารถแทรกพูดเข้าร่วมบทสนทนาได้เลยก็ตาม 

“ แล้วนี่มึงกลับมาอยู่ไทยกี่วัน ” อาฟเอ่ยถามเอมที่กำลังยืนกอดคอน้องเดย์อยู่ในตอนนั้น อีกฝ่ายก็ยิ้มตอบ

“ คงสักสามอาทิตย์ ”

“ หาวันว่างสักวันไปแข่งรถกันด้วยนะพี่มึง ” คนถูกชวนพยักหน้ารับคำพูดของน้องคนที่ยืนกอดคออยู่ แล้วตอนนั้นอาฟก็เสริม

“ ไว้กูเลี้ยงเหล้า ” คำพูดของคนป่วยทำให้ผมเหลือบมอง และมันก็เป็นจังหวะเดียวกันพอดีที่เอมหันมามองผม

“ พูดอะไรถามเมดก่อนมั้ยเอ่ย พอมึงบอกจะกินเหล้า แม่งหันมามองกูตาเขียวปั๊ดเลย ” เอมว่าแบบนั้นทุกคนก็หันมามองผม

“ มึงก็เว่อร์ ” เอ่ยบอกปัดไป ในตอนนั้นเจก็หันมายิ้มแซวก่อนจะพูดล้อ

“ พูดออกมาเลยครับคุณเมดว่า ห้ามแดก ”

“ กูไม่ได้คิดจะพูดเลย ”

“ แต่ก็รู้สึกกกกกก ” น้องอัยย์พูดเสริม เจก็หันไปจับไหล่น้องแล้วทำท่าทางอธิบายอย่างจริงจัง

“ มึงก็ต้องเข้าใจ คนเค้ามีแฟนค่อยเป็นห่วง เพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็หวังอยากจะให้ร่างกายของคุณแฟนพักผ่อนเต็มที่ก่อน ร่างกายฟื้น 100% ก็ค่อยว่ากัน ”

“ อ๋อออ คนเป็นแฟนเค้าชอบพูดไม่ตรงกับใจกันเหรอวะ ” เอมพูดรับมุกของเพื่อนสนิท พลางยกมือขึ้นชี้ที่ขมับทำท่าคิดด้วยหน้าตาที่ผมอยากจะเรียกว่า ‘ ท่าตอแหล ’  “ พอดีเอมไม่มีแฟนอะครับ เอมเลยไม่ค่อยเข้าใจ ”

“ น้องเดย์ก็ไม่มีแฟน น้องเดย์ก็ไม่เข้าใจอะครับ ” น้องเดย์ทำตามเพื่อนพี่ชาย ในตอนนั้นน้องอัยย์ที่เหลืออยู่ก็เอากับเค้าด้วย

“ น้องอัยย์ก็ด้วยครับ ”

“ ส่วนกูก็อยากจะถีบพวกมึงจริงๆเลยอะครับ ” ผมบอก ทุกคนในห้องก็หัวเราะออกมายกเว้นอาฟที่แค่ยกยิ้มมองผม ก่อนจะหันไปบอกเพื่อน

“ พวกมึงออกไปได้แล้วไป ”

“ อยากจะฟัดเมียใจจะขาดแล้วใช่มั้ย กูดูออก ” เจบอก แต่แทนที่คนป่วยจะปฎิเสธ อาฟแค่ยักคิ้วยอมรับไปก็เท่านั้น เป็นท่าทางที่ชวนให้คนรอบเตียงโห่แซวออกมาจนผมต้องหันสายตาไปมองทางอื่นแล้วสบถอยู่ในใจ

‘ ไอ้Kเอ้ย ’

“ เป็นคู่รักที่ร้อนแรงจริงๆเลยอะครับ แอร์โรงพยาบาลแม่งก็เอาไม่อยู่แล้วในจุดนี้ ” น้องอัยย์พูดก่อนที่น้องเดย์จะเสริมต่อ

“ แม่งก็ร้อนแรงมาตั้งแต่ ICU แล้วมั้ยละสัด เค้าน๊วบๆกันใหญ่เลยน้า ตอนนั้นน่ะ ”

“ ไม่ใช่แค่มึงที่เห็นมั้ย เพราะเค้าก็เห็นกันทั้ง ICU. ” เจหันมาเหล่มองผม “ โชคดีแค่ไหนที่ปู่เตียงข้างๆไม่ตื่นหันมาเจอ แล้วหัวใจวายตาย  ”

 “ พวกมึงแม่ง ” พูดเสียงเบาเพราะไม่รู้จะเถียงยังไง ก็ทุกอย่างมันจริงอย่างงั้น

ผมยอมรับว่าตอนนั้นมันไม่ทันได้คิดอะไรจริงๆ มีแค่ความรู้สึกดีใจมากที่อาฟฟื้น ก็เลยร้องไห้ออกมาแบบไม่เกรงใจใครแถมยังเผลอไปจูบดูดดื่มกันต่อหน้าทุกคนที่ล้อมอยู่รอบเตียงอีกต่างหาก มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พยาบาลเดินเข้ามาแล้วบอกว่าจะย้ายผู้ป่วยไปที่ห้องพิเศษนั่นแหละ ผมถึงได้สติเต็มที่

ตอนนั้นบอกได้เลยว่า แทบไม่รู้ว่าต้องเอาสายตาตัวเองไปมองอะไร เลยทำได้แค่ก้มหน้าลงแล้วลุกขึ้นจากเตียง แถมตอนที่เผลอหันไปมองตาทุกคนเข้า ผมก็เห็นแค่เห็นรอยยิ้มแซวๆที่กำลังเม้มริมฝีปากไว้แน่น และพอจะพูดอธิบายอะไรออกไป ปากมันก็เอ่ยแบบจับใจความอะไรไม่ค่อยได้ แก้มเองก็แดงจัด  ‘ คือมันแบบว่านะ คือพวกมึง... ’ 

เสียงติดๆขัดในตอนนั้นน้องเดย์ก็ส่ายหน้าบอก ‘ พวกเราไม่เห็นหรอกพี่เมด ’ คำพูดมาพร้อมท่าทางกลั้นยิ้มที่ดูออกเลยว่าตอแหล แล้วนั่นก็ยิ่งเรียกเลือดทั้งร่างให้ขึ้นมากองรวมกันอยู่บนหน้าผมแบบไม่ยาก หนำซ้ำเจเองก็ยังพูดซ้ำ ‘ ไม่เป็นไร พวกกูเข้าใจแหละว่ามึงดีใจ ’

“ อย่าแกล้งเมด ”  แล้วเสียงของอาฟก็พูดขึ้นในตอนนั้นเพื่อช่วยผม  เป็นเหมือนกันกับตอนนี้ไม่มีผิด แต่ทว่าก็เหมือนเดิม ในสถานการณ์แบบนี้ คำนั้นก็เป็นแค่คำเรียกเสียงโห่แซวให้ดังขึ้นมาอีกรอบมากกว่า

“ กูว่ามันมีคนอยากอยู่ด้วยกันแบบสองต่อสองว่ะ ” เจพูดขึ้นหลังจากเสียงโห่เบาลง

“ รู้ตัวก็ดี ” บอกแบบนั้นทุกคนก็โห่ออกมาอีกครั้ง

“ จ้า ไปเดี๋ยวนี้แล้วจ้า พวกกูนี่มันช่างเป็น ก ข ค จริงๆเลยยยย ” เอมบอกเพื่อนตัวเองด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ งั้นพวกกูไปหาอะไรกินก่อน จะได้ไปทำงานอีก ” เจพูดขึ้นอาฟก็หันไปพยักหน้ารับ

“ ฝากงานที่ผับด้วยมึง ”

“ ไม่ต้องห่วง ” ยักคิ้วให้คนป่วยที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่ไหล่ “ มึงก็หายไวๆแล้วกันไอ้หน้าเหี้ย ไว้พรุ่งนี้กูมาเยี่ยมใหม่ ”

“ อื้ม ”

“ แล้วเจอกันนะครับเพื่อนอาฟ ” เอมบอก ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม “ ส่วนทางนี้ก็อย่าไปตามใจไอ้สัดนี่ให้มากนักนะครับ เดี๋ยวเพื่อนผมจะนิสัยเสียแล้วเอาแต่ใจกับคุณมากไปกว่านี้ ”

“ เสือก ” ไม่ต้องรอให้ผมพยักหน้ารับ คนป่วยก็เป็นคนตอบขึ้นก่อน

“ ไปนะสัดพี่ พรุ่งนี้มาใหม่ ” น้องเดย์บอกก่อนจะตามด้วยน้องอัยย์

“ ไปละนะเฮีย ”

“ ขับรถกันดีๆ แล้วก็ตั้งใจทำงานด้วยนะ ” ผมบอกน้อง ทั้งสองคนก็ขานรับพร้อมกัน

“ ค้าบบบบบบ ”

ความเงียบเชียบกลับเข้ามาพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดลง ราวกับพายุลูกใหญ่ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ผมเผลอถอนหายใจออกมายิ้มๆก่อนจะหันไปมองคนป่วยที่ก็ยื่นมือมาให้ในช่วงเวลานั้นเหมือนเป็นการบอกใบ้ให้เดินเข้าไปหา ผมดึงตัวเองขึ้นจากโซฟาทันทีอย่างไม่รีรอ แต่ก่อนจะได้เอ่ยถามอะไร อาฟก็แค่คว้าเข้าที่แขนแล้วก็ดึงให้นั่งลงบนเตียงตรงข้างตัว

“ มีอะไร ” ผมเอ่ยถามแต่กลับไม่ได้คำตอบอะไรทั้งนั้น คนป่วยปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างเงียบเชียบแต่ทว่ามันกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด คงเพราะสายตาที่กำลังมองมาพร้อมรอยยิ้มจาง และฝ่ามือที่จับกันอยู่ก็เหมือนจะถูกกุมไว้หลวมๆ หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะใบหน้าที่กำลังลดลงแล้วเอียงเข้ามาจูบกันเบาๆที่ริมฝีปาก

ทุกอย่างถูกลำดับเป็นขั้นตอนราวกับกำลังโดนบอกรักด้วยคำพูดหวานๆ  แต่ทว่านี่คือ รักที่ไร้ซึ่งคำพูดใด แต่เป็นเพียงแค่การกระทำทั้งหมดที่กำลังแสดงออกมาอย่างตรงไปตรงมาของผู้ชายที่ชื่อ อารยะ

 ริมฝีปากบางจูบผมซ้ำๆก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจในตอนที่ผละออกมาสบตา อาฟจูบย้ำลงไปอีกครั้ง อย่างไร้การลุกล้ำดูดดื่ม  จูบแนบชิดที่เนิ่นนานจนฝ่ามือที่กุมกันไว้นิ่งเริ่มเคลื่อนขึ้นมาจับที่แก้มของผม แก้มที่อีกคนชอบหอมในตอนตื่นเช้า นิ้วโป้งเกลี่ยมันเบาๆ ช่างเป็นการกระทำอบอุ่นที่ชวนให้ดึงหน้าเข้าซบอย่างเผลอไผล

แล้วในตอนที่ผมหลับตาลง จูบที่นิ่งค้างไว้นั้นก็เปลี่ยนตัวเองให้เริ่มขยับเผยอเปิดริมฝีปากขึ้นเพื่อตอบรับเรียวลิ้นของแต่ละฝ่ายที่กำลังแทรกตัวเข้ามาหากันเพื่อกอดเกี่ยว จูบดูดดื่มของเราที่ไม่ได้เร่งเร้าอย่างเช่นทุกทีเริ่มต้นขึ้น เป็นความรู้สึกราวกับว่า  ถ้าจูบคือคำว่ารักที่เราต่างผลัดกันบอก ตอนนี้ก็คงไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดจะยอมแพ้

“ อาฟ ” ผมเอ่ยเรียกอีกคนในตอนที่ผละริมฝีปากออก แต่เจ้าของชื่อก็ทำได้เพียงแค่ยกคิ้วเชิงถามก่อนจะหอมลงบนแก้มแล้วเลื่อนมาจูบที่ริมฝีปากกันอีกครั้ง

“ แก้มหอมจังว่ะ ”

“ เหรอ ”

“ อื้ม ” อาฟยกยิ้มก่อนจะหอมลงบนแก้มผมอีกฝั่งพลางถอนหายใจออกมา “ เข้าใจเลยว่าทำไมเวลาทหารไปรบแล้วรอดตายกลับมาต้องเข้าไปกอดเมียเป็นคนแรก ”

“ เมียเลยเหรอวะ ”

“ กูกับมึงได้กันมาหลายครั้งแล้วนะ ” เป็นคำตอบที่ทำให้ผมได้แต่สบถออกมา

“ ไอ้สัด ” ถอนหายใจกับอีกคนที่แค่ยิ้มกว้าง อยากจะด่าว่ารอดตายกลับมาก็เริ่มกวนตีนกูเลยนะ แต่ไม่เพราะอยากจะให้เสียเรื่องที่อยากจะพูดจริงๆ เลยได้แต่ทำเป็นไม่สนใจก่อนจะเอ่ยคำที่อยากพูดออกไป “ มึง ขอบคุณที่ช่วยชีวิตกูไว้นะ ”

“ ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ที่บอกว่ากูช่วยมึง ” อาฟเงียบไปหลังจากที่บอกแบบนั้น ส่วนผมที่กำลังจะเถียงแต่กลับต้องเงียบเพราะอีกคนพูดแทรกขึ้นก่อน “ จะพูดแค่ครั้งเดียว ตั้งใจฟัง ”

“ อะไรอีก ”

“ กูช่วยหัวใจตัวเองไว้ ไม่ได้ช่วยมึง ” หลุดยิ้มออกมาตอนที่ฟังก่อนต่างฝ่ายต่างจะหันไปคนละทางด้วยอาการหูแดงพอๆกัน ผมที่ตอนนั้นก้มหน้าลง พยายามอย่างที่สุดแล้วจะเม้มปากไม่ให้ยิ้มกว้างออกไปมากไปกว่านั้น ก่อนจะหันไปแซวอาฟที่ก็ยังไม่ยอมหันกลับมากันสักที

“ ก็ถ้าฟังจากประโยคที่มึงพูด ชาตินี้กูคงได้ฟังรอบเดียวจริงๆนั่นแหละสัด ”  หันไปยิ้มมองอีกคนที่ก็กำลังมองกันอยู่ วินาทีนั้นความเงียบงันผสมเข้าความรู้สึกบางอย่างที่อัดแน่นอยู่ในใจ ผมที่ตอนนั้นได้แต่ดึงตัวเองเข้าไปกอดอาฟไว้แน่น สองมือที่กำเสื้อของผู้ป่วยด้านหลังไว้ราวกับว่ากำลังกลัวเสียมากมาย ว่าคนในอ้อมกอดนี้จะหายไปอีก

“ เมด ”

“ กูแค่อยากกอดมึงไว้ อยากกอดมึงไว้แน่นๆ ไม่อยากจะปล่อยให้มึงไปไหนอีก กูไม่อยากให้มึงหายไปไหน ” ผ่อนลมหายใจออกมาในตอนนั้น ผมซบลงกับไหล่ของอาฟ “ ตอนที่ไม่มีมึงอยู่ ตอนที่รู้สึกว่ามึงอาจจะหายไป ความรู้สึกของกูตอนนั้นมันแย่มากเลย  ต่อไปนี้อย่าหายไปอีกนะ อย่าทิ้งกูไว้คนเดียวแบบนั้นอีกนะอาฟ ”

“ ตอนนั้น มึงคงกลัวมากเลยสินะ ” พยักหน้ารับกับเสียงทุ้มที่พูดออกมา ฝ่ามือนั้นลูบลงบนหัว “ ขอโทษ ”

“ ขอโทษอะไรมึงไม่ผิด ไม่มีอะไรที่มึงผิดทั้งนั้น ” บอกแบบนั้นตอนที่ดึงตัวเองออกจากไหล่ของอีกคน อาฟยกยิ้มกับใบหน้าของผมตอนที่มันจ้องมองอยู่ ก่อนจะจูบลงบนริมฝีปากโดยที่ไม่ได้พูดอะไร แต่นั่นกลับอธิบายความรู้สึกทุกอย่างของเราได้ทั้งหมด ว่าสิ่งที่เราทำให้กันทั้งหมด หรือแม้แต่สิ่งที่รู้สึกอยู่ในใจ ณ ขณะนี้ คงไม่มีเหตุผลอะไรที่มากกว่า คำว่า ‘ เรารักกัน ’
 
“ แล้วนี่ตำรวจมาคุยกับมึงหรือยัง ”

“ คุยแล้ว ” ผมตอบก่อนจะจะถอนหายใจออกมา “ กูว่าพรุ่งนี้เค้าคงมาคุยกับมึง เพราะเค้าบอกไว้ว่าเค้าจะมาสอบสวนมึงอีกทีหลังจากที่ออกจาก ICU. ”

“ อื้ม ”

“ แล้วมึงจะเอายังไงต่อไป ”

“ อะไรคือเอายังไง ”

“ ก็เรื่องของจิง ” คำถามที่ทำให้คนป่วยนิ่ง ก่อนจะดึงตัวเองลงไปพิงกับหมอนพลางจ้องมองกันด้วยสายตาจริงจัง

“ แล้วมึงจะให้กูทำยังไง จะให้กูจัดการได้เต็มที่ หรือจะขอให้กูปล่อยมันไป ”

“ กูอยากให้มึงตัดสินใจเอง ” ผมบอก “ กูไม่อยากยุ่ง ”

“ มึงรู้ใช่มั้ยว่าถ้าตามใจกู กูจะทำยังไง ” ได้แต่นิ่งไปในตอนที่ได้ฟัง ความรู้สึกในใจผมตอนนี้มันค่อนข้างทับซ้อนและยากที่จะตัดสินใจให้เป็นไปในทางใดทางหนึ่งเพียงแค่ทางเดียว

มีความคิดบางส่วนที่อยากจะให้จัดการกับจิงขั้นเด็ดขาด เพราะผมรู้สึกโกรธที่มันมาทำแบบนี้กับผมจนอาฟต้องมารับเคาระห์แทน และยิ่งกว่าความรู้สึกโกรธคือตลอดมามันไม่แม้จะเคยคิดเป็นเพื่อนที่ดี หนำซ้ำยังมุ่งร้ายคอยแต่จะทำให้ผมเสียใจ ความรู้สึกแค้นเคืองพวกนั้นอัดอยู่ในใจด้วยเหตุผล ‘ ก็เสือกทำเหี้ยใส่กันก่อน ตอนนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้รับการอภัยกลับไป ’

แต่ทว่าอีกความคิดหนึ่ง ก็รู้สึกแค่ว่า ‘ จบเรื่องนี้ได้แล้ว ’  อย่าดึงความยาวสาวความยืดให้ต้องไปเจอ ไปวุ่นวาย เหมือนที่ผ่านมากเลย เพราะถ้าทำอย่างงั้น เราก็ต้องไปขึ้นศาล ไปทำอะไรต่างๆที่ต้องเจอหน้ากันอีกหลายครั้ง

ผมแค่อยากจะหยุด หยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น ไม่ได้เชิงว่าให้อภัยแบบฉบับของคนดี แต่ทำเพื่อให้ตัวเองจะได้หลุดออกจากวงโคจรของความสัมพันธ์เหี้ยๆนี้เสียที เมื่อก่อนผมเลือกเพื่อนผิด เชื่อใจคนผิด แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว และผมแค่อยากจะมีชีวิตใหม่ ชีวิตที่ไม่ต้องกลับมาเจอคนพวกนี้อีกก็เท่านั้น

“ เมด ”

“ อื้ม กูรู้ ” ผมพยักหน้ารับ “ มึงคงไม่ปล่อยมันไว้ แล้วก็คงเล่นมันจนถึงที่สุด เท่าที่กฏหมายสูงสุดจะสามารถเอาผิดมันได้ ”

“ แล้วนั่นก็เพราะว่ามันตั้งใจจะฆ่ามึง ” อาฟจ้องมองผมจริงจังในตอนที่พูด “ กูจะไม่มีวันปล่อยมันไป แล้วมันต้องสาสมกับสิ่งที่มันคิดจะทำกับมึง  ”

“ งั้นเอาแต่พอดีได้มั้ย ” ผมเอื้อมมือไปจับมันไว้ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ คือกูก็โกรธมันนะอาฟ โกรธที่มันทำให้มึงเจ็บ โกรธที่มันทำให้มึงเกือบต้องหายไป กูโกรธที่มันคิดร้ายกับกู แต่ถึงอย่างงั้นกูก็ไม่อยากให้เราเอาชีวิตไปคิดเครียดกับเรื่องพวกนั้นอีก ”

“ เมด ”

“ พอลองมาคิดว่า มึงต้องหาทนายไปว่าความตอนขึ้นศาลเพื่อหาทางทำอะไรสักอย่างให้ฝั่งนั้นรับผิดให้ได้มากที่สุด ต้องคอยปรึกษากับเค้าว่าทำยังไง จะเอาช่องว่างทางกฎมายข้อไหนเล่นงานมัน กูรู้ว่ามึงคงเครียดแล้วหงุดหงิดเวลาที่ทำอะไรมันไม่ได้ออกมาเหมือนดั่งใจคิด แล้วลองคิดดูว่ามันมีกี่ศาล กว่าเรื่องราวมันจะตัดสินได้ มันจะใช้เวลานานแค่ไหน กว่าจะถึงบทสรุป แล้วช่วงเวลาตรงนั้นเราจะมีความสุขมั้ยที่คอยแต่หาทางแก้แค้นใครคนนึงที่สุดท้าย เค้าก็ไม่ได้เข้ามาอยู่ในชีวิตของเราอีก ”

“ มึงจะให้กูให้อภัยมัน ”

“ เปล่าเลย ” ผมส่ายหน้า “ กูแค่อยากให้มึงอยู่ตรงกลางมากกว่า จิงต้องได้รับโทษตามสิ่งที่มันทำอยู่แล้ว และกูอยากจะให้มึงยอมรับมัน ไม่ว่าศาลจะตัดสินโทษยังไง กูก็อยากให้มึงปล่อยมันไป ไม่ต้องไปทำให้มันได้รับโทษอย่างที่มึงคิดว่า มันควรจะได้รับ ”

“ รู้จักกูดีจังนะ ”

“ ก็กูเป็นแฟนมึง ” อาฟยกยิ้มตอนที่ผมพูดคำนั้น “ กูพูดจริงๆนะอาฟ กูไม่อยากให้เราต้องเอาความสุขไปทุ่มให้กับเรื่องของมันอีก ปล่อยไปเถอะ ศาลตัดสินยังไงก็ให้ไปเป็นตามกระบวนการของเค้า ไม่ต้องไปคิดว่าแค่นี้มันไม่พอหรอก ยังไม่สาสม ” ถอนหายใจออกมาตอนที่คิดถึงหน้าคนที่ทำความผิดที่ตอนนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง “ มันตั้งใจจะฆ่ากูก็จริงอยู่ แต่กูก็ไม่อยากจะเอาชีวิตส่วนหนึ่งไปผูกใจเจ็บแล้วคิดแค้นกับมัน เพราะเราจะเหมือนไปจดจ้องอยู่แต่กับความทุกข์ที่ว่า ทำไมไม่เป็นไปตามใจ ทำไมไม่สาสมใจ  ทั้งๆที่ มันยังมีอีกหลายอย่างรอบตัวเราที่กำลังรอให้สนใจและมีความสุขไปกับมัน ”

“ เข้าใจแล้วครับ ” อาฟพูดสั้นๆแค่นั้นก่อนจะดึงผมเข้ามากอดไว้ราวกับเข้าใจทุกอย่าง และไม่ต้องการให้ผมอธิบายอะไร

“ อาฟ ”

“ ออกจากโรงพยาบาลอยากจะทำอะไรก่อนเป็นอย่างแรก ”

“ คงไปทำบุญ ” แล้วคำตอบนั้นก็เรียกเสียงหัวเราะของคนป่วยในวินาทีนั้น ให้ดังสั่นไปทั้งห้อง

...................................................................

กลิ่นโจ๊กหอมฉุยของมื้อเช้าในวันใหม่คุ้งไปทั้งห้องของผู้ป่วยที่ตอนนี้กำลังนั่งหน้านิ่งบอกบุญไม่รับอยู่บนเตียง มันเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากเมื่อคืนที่อีกฝ่ายพยายามอย่างที่สุดที่จะให้ผมขึ้นมานอนด้วยกันบนเตียง แต่เพราะกลัวว่าคุณพยาบาลจะเข้ามาตรวจเช็คตอนกลางคืนในช่วงเวลาที่หลับ ผมเลยปฎิเสธไป ก็ไม่อยากจะให้มันดูน่าเกลียด อีกอย่างก็คือ เตียงเล็กนิดเดียว มันเองก็เจ็บแผลเลยอยากจะให้ได้นอนสบายๆ

แต่อาฟก็คืออาฟ มันไม่มีทางยอมไม่ว่าผมจะยกเหตุผลประมานสามล้านอย่างขึ้นมาพูดก็ตาม จนสุดท้ายก็ต้องยอมนอนลงไปด้วย แต่แค่นอนจนอีกคนหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาเท่านั้น ถึงจะดึงตัวเองออกมานอนต่อบนโซฟา และเช้านี้ก็ดูเหมือนว่าอาฟจะจับได้ และไม่เชื่อกันเท่าไหร่ ในสิ่งที่ผมบอกว่า ‘ กูนอนให้มึงกอดทั้งคืนเลย ’

“ กินข้าวได้แล้ว มึงจะนั่งทำหน้าหมาไม่รับส่วนบุญไปถึงไหน ”

“ ปวดมือ ” ผมได้แต่ถอนหายใจออกมายิ้มๆกับคำพูดนั้น เจ้าพ่อของความเรื่องมากและเรื่องเยอะตอนที่ป่วยคัมแบคสเตจอีกแล้วสินะไอ้สัด


“ คือเผื่อมึงลืม มึงโดนยิงที่ท้อง ”

“ แต่เมื่อคืนมึงนอนทับแขนกู ” 

‘ พ่อมึงไอ้สัด ตอแหลทั้งนั้น เมื่อคืนกูไม่ได้นอนกับมึงสักหน่อยจะไปนอนทับแขนมึงได้ไง ’ เถียงแบบนั้นอยู่ในใจเพราะพูดออกไปไม่ได้ ตอนนั้นก็เลยได้แต่ยิ้มกัดฟันแค้นอยู่ในใจ

“ หรือว่ามึงไม่ได้นอนกับกูจริงๆ ” อาฟถามด้วยสายตาจับผิด “ ตอแหลใช่มั้ย กูตื่นมาข้างๆไม่เห็นมีรอยคนนอน ”

“ ก็บอกว่านอน แต่กูตื่นก่อนมึงเป็นชั่วโมงรอยมันก็หายไปแล้วสิว่ะ ” เถียงกลับออกไป ผมตัดปัญหาด้วยการพาตัวเองไปยืนข้างๆโต๊ะกินข้าวก่อนจะคนโจ๊กที่ดูท่าทางน่ากินนั้นตักขึ้นมาอย่างพอดีคำ ก่อนจะเป่าเบาๆแล้วป้อนคนป่วยที่รับไปกินอย่างว่าง่าย ซึ่งต่างจากหาข้ออ้างเหตุผลร้อยแปดพันเก้าของมัน “ อร่อยมั้ย ”

“ ดีกว่าอ้วกหมา ”

“ เคยแดกอ้วกหมาเหรอ ถึงบอกว่าดีกว่า ” เบิกตาถามมันอีกคนก็ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมาหยิกที่แก้มมันออกแรงบีบจนผมร้อง “ เจ็บๆ โอ้ย ไอ้เหี้ยอาฟ กูเจ็บนะ ” ยกมือขึ้นปิดแก้มตัวเอง อีกคนก็ยกยิ้มมองกัน

“ อย่าคิดว่ากูโง่ คนนอนขี้เซาอย่างมึงนี่น่ะเหรอ จะตื่นก่อนกูเป็นชั่วโมง  เป็นไปไม่ได้ ”

“ แต่มันก็เป็นไปแล้ว คือก่อนอื่นมึงต้องยอมรับก่อนว่ามึงป่วย มึงก็เลยนอนนานไงอาฟ เมื่อเช้ากูหอมแก้มแบบที่มึงหอมแก้มกูด้วยนะ ไม่เห็นมึงจะตื่นเลย แถมกูยังบอกด้วยนะ ”

“ บอกอะไร ”

“ บอกว่า จ้อยตื่นได้แล้ว พ่อเรียกไปขายข้าวมันไก่ ”

“ เมดเผื่อมึงจะลืม กูโดนยิงที่ท้องนะ ตอนนี้ยังถีบมึงได้สบายๆ ” เม้มริมฝีปากของตัวเองแน่นก่อนจะตักข้าวต้มในจานเข้าปากตัวเองเพื่อชิม ก่อนจะตักอีกคำเพื่อป้อนคนป่วย

“ ไม่เห็นจะเหมือนอ้วกหมาตรงไหน ” ผมว่ารสชาติมันก็ไม่ได้แย่หรอก ออกจะอร่อยด้วยซ้ำ แม้จะไม่ได้เข้มข้นแบบถึงรสชาติและหอมพริกไทยอะไรมากมายแบบข้างนอกก็เถอะ

“ แล้วนี่มึงจะกินอะไร ”

“ คงลงไปซื้อหนมปังแล้วก็ช็อกโกแล็ตร้อนที่ร้านกาแฟข้างล่าง ”

“ อื้ม ”  อาฟพยักหน้ารับ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบรีโมตทีวีขึ้นมากดเปิดดู ก่อนจะเลื่อนไปยังช่องต่างๆที่สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ช่องหนึ่งที่กำลังฉายหนังแอคชั่นเรื่องดังอยู่พอดี

ช่างเป็นสภาพที่ไม่ต่างอะไรกับการมีลูกเล็กๆเลยสักนิด สายตาคมที่เอาแต่ดูทีวีปากก็อ้าออกแค่ตอนที่ผมป้อนข้าวให้ แต่ก็นะ ไม่ใช่แค่ท่าทางหรอก นิสัยแม่งตอนป่วยก็เหมือนเด็ก แล้วลองคิดภาพเล่นๆว่า ถ้ามันป่วยหนักเป็นอาทิตย์ แน่นอนเลยว่าคนที่หายดีคือมัน ส่วนคนที่ประสาทแดกไปก่อนคือผม อย่างแน่นอน

“ เออ นี่ มึงโทรไปบอกพ่อกับแม่หรือยัง ”

“ เรื่องอะไร ”

“ ก็เรื่องที่เข้าโรงพยาบาลไง ” คำถามที่ทำให้กำลังกินชะงักไป อาฟหยิบแก้วน้ำขึ้นมากินราวกับว่าอิ่มขึ้นมากะทันหัน

“ ไม่จำเป็นหรอก ”

“ ไม่จำเป็นได้ไง มึงโดนยิงนะจะไม่บอกพ่อกับแม่หน่อยเหรอ บอกเถอะ ท่านเป็นห่วงนะ ”

“ เพราะไม่อยากจะให้เป็นห่วงไง เลยไม่อยากบอก ” อาฟหันมาบอกผม “ ยังไงก็ปลอดภัยแล้ว เดี๋ยวแผลหายสนิทเมื่อไหร่กูค่อยเข้าไปหาเค้าที่บ้านแล้วกัน แล้วจะพามึงเข้าไปด้วย ” ท้ายประโยคนั้นทำให้ผมนิ่งไป สิ่งที่ต้องบอกให้อาฟทำ ปลิวหายไปหมด เหลือแค่ผมที่เกิดอาการวิตกขึ้นมาอย่างฉับพลัน

“ พากูเข้าไปทำไม กูว่าไม่ต้องไปหรอก  ”

“ อย่าถามคำถามที่ตัวมึงก็รู้คำตอบอยู่แล้ว ” อาฟเงยหน้าขึ้นบอกผม “ กูจริงจังกับมึง  คิดสร้างครอบครัวด้วย เพราะงั้นไม่ว่ายังไงก็ต้องพาเข้าไปแนะนำอยู่แล้ว มึงต้องรู้จักพ่อแม่กู เพราะมึงต้องเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวของเรา พ่อแม่มึงก็ด้วย กูจะไปแนะนำตัวกับเค้า  แต่กูอยากไปหาพ่อแม่กูก่อน ตอนที่ไปหาพ่อแม่มึงเค้าจะได้เชื่อใจในตัวกู  ”

“ เหรอ ”

“ ทำไม มึงมีอะไร ”

“ เปล่า ” ส่ายหน้าไปมากับคำถามนั้น “ กูแค่ไม่รู้จะตอบยังไง คือมันก็เขินๆนะมึง ” ผมยกนิ้วชี้ขึ้นเกาที่ข้างแก้มก่อนจะยิ้มแห้งๆ “ คำพูดมึงจริงจังปราศจากการกวนตีน แถมยังพูดว่า จริงจังกับกู จะสร้างครอบครัวกับกู จะไปคุยกับพ่อแม่กู จะพากูเข้าบ้านมึง คือทุกคำพูดของมึงอะ กูทั้งเขินทั้งกลัว แม่งตีรวนไปหมด ”

“ ประสาท ” พูดแบบนั้นยิ้มๆ ก่อนจะพิงร่างตัวเองลงกับที่นอน “ ไม่มีอะไรทั้งน่ากลัวหรอก เพราะนอกจากมึงกูก็ไม่แคร์ใครอยู่แล้ว แค่ไปบอกให้รับรู้ไว้ก็เท่านั้น ”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เสียงเคาะประตูเอ่ยขัดผมที่จะถามต่อถึงคำพูดที่อีกคนพูดออกมา แต่ตอนที่หันไปตรงประตูห้อง คุณตำรวจสองนายที่เคยมาสอบสวนผมเมื่อวานก็เดินเข้ามาเสียก่อน เค้าก้มหน้าลงทักเรา ในตอนนั้นผมเองก็ยกมือขึ้นไหว้ทักทายเค้า

“ เป็นยังไงบ้างครับ ”

“ ปลอดภัยดีแล้วครับ ” ผมบอกก่อนจะหันไปหาอาฟ “ อาฟตำรวจมา ” คนป่วยปิดทีวีลงในตอนนั้นก่อนจะหันมายกมือไหว้คนที่เดินเข้ามา

“ สวัสดีครับผมเป็นตำรวจที่ดูแลคดีของนักศึกษาที่ยิงกันในมหาวิทยาลัย ไม่ทราบว่าเป็นยังไงบ้างครับ ”

“ โอเคแล้วครับ ”

“ งั้นถ้าทางเราจะขอสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ทราบว่าพอจะสะดวกมั้ยครับ ”

“ สะดวกครับ ” อีกคนตอบผมก็เลื่อนเอาโต๊ะกินข้าวที่กินเรียบร้อยแล้วมาไว้ที่มุมห้อง ก่อนจะหันไปยิ้มให้คุณตำรวจ

“ งั้นผมขอตัวออกไปข้างนอกก่อนนะครับ ” ผมหันไปมองอาฟตอนที่พูดคำนั้นจบ “ กูลงไปหาอะไรกินข้างล่างนะ ”

“ เอาโทรศัพท์ไปด้วย ”

“ โอเค ” ตอบรับแบบนั้นก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ผมปิดประตูด้วยความเบามือที่สุดก่อนออกเดินไปตามทางของโรงพยาบาลแต่ทว่ายังไม่ทันจะลงเดินไปถึงที่หมายชั้นล่าง ร่างเล็กของน้องชายผมก็วิ่งตรงเข้ามาหาก่อนจะกอดกันไว้แน่นโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ

“ วิว ” ผมเอ่ยเรียกอีกคนแต่ก่อนจะถามอะไรออกไปก็รู้สึกถึงน้ำตาของคนที่กอดกันไว้

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 31-12-2018 20:28:24
“ พี่เมด อึก วิว เป็นห่วง เป็นห่วงพี่เมดมากๆเลย ฮือๆ พี่อาฟด้วย ทำไมมันเหี้ยขนาดนี้ ทำไมมันต้องคิดฆ่าพี่เมดของวิวด้วย วิวเกลียดมัน ไอ้เหี้ยจิง ไอ้เลว ”

“ ไม่ต้องร้อง พี่ไม่ได้เป็นอะไร พี่อาฟก็ปลอดภัยแล้ว ” ลูบแผ่นหลังบางนั้นอีกคนก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียจนตัวโย แล้วในตอนนั้นเองที่เจกับเอมก็เดินตรงเข้ามาหา สิ้นคำถามที่ผมนึกสงสัยว่าไอ้ตัวดีมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง

“ รบเร้ากูตั้งแต่เมื่อคืนบอกจะมาหามึงให้ได้ กูบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว ปลอดภัยแล้วก็ไม่ยอมจะมาให้เห็นกับตา ”

“ ก็พี่เมดไม่ใช่พี่มึงก็พูดได้สิว่าให้ใจเย็น นี่พี่ชายกูทั้งคนนะ จะให้กูนอนหลับได้ยังไง มึงแม่งไม่เคยเข้าใจอะไรเลยพี่เจ ” วิวหันไปเถียงใส่แฟนตัวเองที่ตอนนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

“ ก็กูบอกมึงว่ารอให้เช้าก่อน ตอนนั้นกูก็ทำงาน มึงจะให้กูเลิกงานตอนตีสามแล้วพามึงมาโรงพยาบาลเพื่อรบกวนพวกมันที่กำลังพักผ่อนเหรอไง ”

“ กูไม่ได้รบเร้าให้มึงพามาสักหน่อย ตอนนั้นกูก็บอกแล้วว่าจะมาเอง แต่มึงก็ไม่ยอม ”

“ ก็ตอนนั้นมึงอยู่คอนโดตัวเอง แล้วมันก็ไกล กว่าจะถึงก็นาน แล้วเอมมันก็นอนที่ห้องกู มึงจะไปนอนอยู่ในนั้นได้ยังไง หรือมึงจะนอนโรงพยาบาล ก็ลำบากพี่มึงอีกมั้ย ”

“ ก็กูเป็นห่วงพี่กู มันไม่ต้องใช้เหตุผลอะไรแบบมึงหรอก มึงได้เยี่ยมแล้วมึงก็สบายใจได้สิ แต่กูยังไม่ได้เยี่ยมเลยนะ ”

“ เอาน่าๆ ไม่ต้องทะเลาะกัน ” ผมบอกปัดมันทั้งคู่แต่เหมือนความเป็นเด็กของวิวยังไงก็คือเด็ก มันที่ยังไม่ยอม หันไปมองเจด้วยความไม่พอใจก่อนจะหันไปกอดผมไว้ไม่ต่างอะไรกับเด็กเล็กที่กำลังงอแง “ พวกมึงมาเยี่ยมอาฟกันเหรอ ”

“ อื้ม แล้วนี่มึงจะไปไหน ” เจถามในตอนนั้นเอมที่ยืนอยู่ข้างๆก็หาวออกมาก่อนจะถามต่อ

“ แล้วไอ้อาฟอะ ”

“ กูจะลงไปหาอะไรกิน ส่วนอาฟกำลังให้การกับตำรวจอยู่ ” ทุกคนพยักหน้ารับ ในตอนนั้นเอมก็หาวออกมาอีกครั้งจนผมต้องหลุดยิ้มกับท่าทางงัวเงียของมึง “ เอม คือมึงดูง่วงง่วงมาก ”

“ เออดิ กว่าจะกลับบ้านมาก็ดึก พอจะนอน ไอ้สัดเจก็เสือกโทรคุยกับเมียแล้วทะเลาะกันอีก แถมยังลากเอมออกไปรับเมียแม่งตั้งแต่ไก่โห่ พอขึ้นรถคิดว่าได้นอน เพราะมันไกล ก็เปล่าเลย เพราะมันสองคนเล่นทะเลาะกันแล้วก็คุยกันมาตลอดทางเลย ”

“ มึงนี่นะ ” ผมหันไปดุน้องชายตัวเอง แต่วิวก็แค่กอดผมแน่นขึ้น

“ ก็วิวเป็นห่วงพี่เมด ”

“ งั้นกูเข้าไปนอนในห้องไอ้อาฟหน่อยแล้วกัน ” เอมบอกแบบนั้น ก่อนจะเดินนำไปตามด้วยเจที่ก็เอื้อมมือมาขยี้หัววิวอีกครั้งแล้วบอก

“ อย่างอแงให้มันมาก พี่มึงเหนื่อยแล้ว เข้าใจมั้ย ”

“ รู้แล้ว ไม่ใช่เด็กสักหน่อย ”

“ มึงนั่นแหละที่โคตรเด็ก ” หันไปส่งสายตาหาเรื่องอย่างไม่พอใจแต่เหมือนว่าเจจะไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ มันแค่ยิ้มไปตามประสา ก่อนจะเดินออกไปเหลือไว้แค่ผมกับน้องชายตัวเอง ที่พอมองอีกคนแบบคาดโทษเข้าหน่อย วิวก็กอดผมไว้แน่นเหมือนไม่อยากจะให้ดุกัน

“ กูต้องขอโทษเจแล้วมั้ง ที่เลี้ยงมึงมาแบบตามใจมากเกินไปหน่อย ”

“ พี่เมดไม่ผิดอะไร ” วิวบอกแบบนั้น “ มันเป็นแค่ความรู้สึกของพี่น้องที่ห่วงใย มันคือเรื่องปกติ คือพี่ชายกูโดนคนจะฆ่าแต่แฟนช่วยไว้ทัน มึงจะกูสบายใจ นอนหลับ สบายๆ เหรอวะ บ้าเปล่า กูต้องอยากเห็นมึง อยากจะได้สบายใจสิ มึงเล่นปิดเครื่องอีกจะโทรก็ไม่ได้ ”

“ สงสัยแบตกูจะหมด ” ผมหยิบมือถือขึ้นมาจากในกระเป๋าแล้วพบว่าหน้าจอตอนนี้มืดสนิท เปิดไม่ติดแต่อย่างใด “ แล้วตอนที่รู้มันกี่ทุ่มแล้ว ”

“ สักสามทุ่ม ก็ยังไม่ดึกนะ ”

“ ก็ไม่ดึก แต่เจมันก็ต้องทำงาน อาฟเข้าโรงพยาบาลเมื่อคืนเจมันก็เหนื่อยนะ เพราะต้องดูแลงานในผับแทนทั้งหมดเลย ไหนเอมที่เพิ่งเดินทางมาจากเมืองนอกอีก มันก็อยากจะพักผ่อน  อย่าไปหงุดหงิดมันเลยเจน่ะ กูเข้าใจว่ามึงเป็นห่วงกู ก็พี่มึงทั้งคน แต่มึงก็ต้องเข้าใจเจมันด้วย ”

“ รู้แล้วครับ ก็ไม่ได้ไม่เข้าใจอะไรสักหน่อย ” วิวพูดเสียงเบาก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ แต่ก็แอบงอนมันนิดๆ ที่ไม่โดนตามใจ ”

“ ไปหาอะไรกันดีกว่า พี่เมดยังไมได้กินอะไรเลยใช่มั้ยละ ” น้องชายตัวดีเปลี่ยนเรื่องพลางยิ้มให้กัน ก่อนจะจูงมือผมลากให้เดินลงไปชั้นล่างตรงโซนร้านอาหาร “ พี่เมดอยากจะกินอะไร ”

“ ขอขนมปัง ไม่ก็อะไรง่ายๆก็พอ ”

“ งั้นก็นั่นแล้วกัน ” เชิดหน้าไปที่ร้านกาแฟร้านเดิมที่มาเมื่อวาน ผมก็ได้แต่ส่ายหน้า

“ แซนวิชตรงนี้ดีกว่า อยากกินอะไรที่มันหนักหน่อย เมื่อวานยังไม่ได้กินอะไรเลย ”

“ อ้าว ยังไมได้กินเลยเหรอ ” วิวถามด้วยท่าทีตกใจ ผมก็พยักหน้ารับ

“ มันวุ่นจนกูลืมหิวไปเลย เพิ่งมาคิดได้ก็ตอนนี้แหละว่า เมื่อวานกินเข้าไปแค่มื้อเช้ามื้อเดียวเอง เพราะตอนที่มานั่งกินขนมกับเอม กูก็ไม่ทันได้กินอะไรเข้าไปเลย อาฟก็ฟื้นพอดี ตอนนั้นคือโคตรยุ่ง ”

“ งั้นก็ไปกินแฮมเบอร์เกอร์ตรงนู้นดีกว่า มันมีของทอดด้วย พี่เมดจะได้กินเยอะหน่อย อร่อยกว่าด้วย ”

“ เอาสิ ” พยักหน้ารับน้อง เราเดินไปที่ร้านเบอร์เกอร์ร้านดังสีเขียวที่ตอนนี้ยังไม่มีใครนั่งอยู่ในร้าน ผมจัดการสั่งชุดแฮมเบอร์เกอร์แบบง่ายๆ แล้วพาตัวเองพร้อมบอกคิวอาหารมาหาโต๊ะเงียบๆนั่งกัน

“ แล้วนี่อีเหี้ยจิงมันเป็นยังไงบ้าง ”

“ ไม่รู้เหมือนกัน เพราะกูไม่ได้สนใจเลย กูรู้แค่ว่า มันโดนจับ แต่เรื่องอื่นๆของมันตอนนี้กูไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันโดนประกันตัวออกมาหรือว่ายังไง ”

“ แล้ว..” วิวนิ่งไปตอนที่พูดออกมา ผมก็ได้แต่จ้องหน้าอีกคน

“ มีอะไร ”

“ คือพี่เมดรู้ความจริงแล้วใช่มั้ย เรื่องของไอ้เหี้ยบินกับไอ้เหี้ยจิง ที่มัน คือ ที่มัน ”

“ ได้กันลับหลังกูตั้งแต่สมัยที่กูยังคบกับบินน่ะเหรอ ”

“ อื้ม ” เสียงของวิวเบาในตอนนั้นผมก็ได้แต่ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวน้องชายตัวเอง

“ วิว รู้อยู่ก่อนแล้วใช่มั้ยมึงน่ะ เรื่องของบินกับจิง รู้แล้วก็เลยเอามาบอกเจ แล้วเจก็เอามาบอกอาฟใช่มั้ย ”

“ ขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่เมดก่อน ” คนตรงหน้าก้มหน้าลง “ ตอนนั้นวิวกลัวพี่เมดเสียใจ แล้ววิวก็ไม่อยากจะให้พี่เมดร้องไห้อีกแล้ว กลัวพี่เมดจะทะเลาะกับพี่อาฟด้วย กลัวพี่อาฟบอกว่าทำไมพี่เมดยังเสียใจกับเรื่องนั้นเหมือนทุกครั้ง วิวเลยไม่กล้าบอก ”

“ ทำไมน้องวิวถึงได้เป็นน้องชายที่น่ารักขนาดนี้นะ ” ผมพูดเชิงล้อก่อนจะเลื่อนตัวเองที่นั่งอยู่ตรงข้ามอีกคนไปนั่งลงข้างๆกันแล้วเอื้อมมือกอดไหล่คนเป็นน้องไว้ “ ทำไมพี่เมดต้องโกรธคนที่หวังดีกับพี่เมดด้วยละ ไม่โกรธหรอก เข้าใจด้วยว่าทำไมถึงไม่บอก ”

“ เหรอ จริงๆนะ ”

“ จริงสิ ก็พอมาคิดว่า ทุกคนแม่งโคตรปกป้องกูจากความเสียใจขนาดนี้ แล้วกูจะไปโกรธได้ยังไง ถึงตอนนี้จะเข้าใจแล้วว่า ทำไมอยู่ๆไอ้อาฟถึงชวนไปทะเลก็เถอะ ”

“ ก็คงตั้งใจจะบอกที่ทะเลนั่นแหละ ”

“ แต่ก็โดนไอ้จิงบอกตัดหน้าก่อน น่าสงสารจริงๆเลยนะ แฟนกู ” ผมบอกแบบนั้นก่อนจะยิ้ม ในตอนนั้นวิวก็เอื้อมมือมาจับผมก่อนจะถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“ แล้วพี่เมดเสียใจมั้ย ตอนที่รู้ความจริงรู้สึกเป็นยังไง ”

“ ถามว่าเสียใจมั้ย คำตอบคือไม่เสียใจ แต่ตกใจมากกว่า ” สารภาพบอกอีกคนไปตามที่รู้สึกในตอนนั้น “ มันเหมือนกูรู้สึกแค่ว่า ‘ มึงก็ด้วยเหรอวะ ’ เป็นความรู้สึกแบบนั้นมากกว่าจะเป็นความรู้สึกแบบอื่น ” ผมยิ้มให้น้อง “ แต่คงเพราะว่ากูไม่ได้คิดว่าพวกมันคือเพื่อนมาตั้งแต่วันนั้นแล้วก็ได้ กูเลยไม่ได้ผิดหวังเท่าไหร่ เหมือนพอไม่ได้สำคัญแล้วก็เลยทำให้รู้สึกไม่ได้นั่นแหละ แล้วก็คงเพราะว่า..”

“ คงเพราะว่า ? ” วิวเอ่ยถามผมในตอนที่เห็นว่าเงียบไป

“ คงเพราะว่าคนสำคัญของกูมันเปลี่ยนไปแล้วด้วยมั้ง มันเปลี่ยนจากคนพวกนั้น มาเป็นอาฟ แบบที่ไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรอีกแล้ว ” ผมหันกลับมามองโต๊ะที่ว่างเปล่าตรงหน้า “  กูไม่รู้สึกเสียใจเรื่องจิงเลยรู้มั้ยวิว กูคิดแค่เรื่องของกูกับอาฟ กูจัดการแค่เรื่องของกูกับอาฟเท่านั้น เอาจริงๆ ถ้ามึงไม่ถามตอนนี้กูก็คงลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เพิ่งมาคิดได้ก็ตอนที่กูมึงถามนี่แหละ ”

“ ดีจังว่ะ ที่ในที่สุดพี่เมดก็หลุดออกมาได้จริงๆสักที ”

“ ต้องขอบคุณอาฟ ” ผมหันไปบอกน้อง “ ขอบคุณที่ไม่ว่ายังไง มันก็ไม่ยอมปล่อยมือกูไปไหน ต่อให้เราจะเจอเรื่องอะไรก็ตาม ขอบคุณที่มันอดทน ขอบคุณที่มันรัก รักคนอย่างกู ”

“ พี่เมด ” วิวเอื้อมมือมาจับกันที่ไหล่

ผมไม่ได้ร้องไห้หรอกก็แค่รู้สึกมีอะไรอัดแน่นอยู่ในใจ มันเป็นคำพูดที่อธิบายออกไปได้ยาก คล้ายกับว่า มันมีทั้งคำว่า ขอบคุณ และขอโทษอยู่ในนี้ เป็นความรู้สึกที่อยากจะขอบคุณมันในหลายๆเรื่อง และอยากจะขอโทษมันในหลายๆอย่าง แต่ผมจะไม่เอามันมาขบคิดอีก ก็อย่างที่เอมบอกไว้เมื่อวาน ไม่ต้องคิดอะไรให้มากแล้ว ‘ แค่รักให้เต็มที่ในทุกวันก็พอ ’

“ อาหารที่สั่งได้แล้วครับ ” แฮมเบอเกอร์ส่งกลิ่นหอมถูกวางไว้ตรงหน้าเรา ก่อนที่พนักงานจะหยิบเอาป้ายแสดงชื่อโต๊ะออกมา ผมเปลี่ยนความรู้สึกในตอนนั้นมาเป็นดมกลิ่นอาหารหอมๆตรงหน้า ก่อนจะหยิบขึ้นมากิน

“ หอมจัง ” วิวพยักหน้ารับในตอนที่ผมบอก “ พอไม่มีเรื่องเครียด ท้องแม่งก็หิวขึ้นมาทันที แล้วไม่ว่าอะไรก็น่าดูกินไปหมด ”

“ เนอะ งั้นก็กินเยอะๆเลย ”

“ พี่ขอบคุณวิวด้วยนะ ” น้องหันมาเลิกคิ้วใส่ผมราวกับจะถามด้วยความสงสัยว่ามาขอบคุณกันเรื่องอะไร “ ก็ขอบคุณที่ว่าเมื่อไหร่ ก็อยู่ข้างกันไม่ไปไหนไง ”

“ บอกกี่ทีแล้วพี่เมด ว่าเราคือครอบครัว ”

“ นั่นน่ะสินะ ” กัดอาหารในมือเข้าไปรสชาติความอร่อยแทรกซึมเข้าไปในปากจนผมต้องถอนหายใจออกมา “ แต่จะว่าไปกูก็อยากจะขอบคุณมันนะ ไอ้สามคนนั้นน่ะ ”

“ ไปขอบคุณมันเรื่องอะไรวะ ”

“ ขอบคุณที่มันเหี้ยขนาดนั้น ” ผมยิ้ม “ ก็ถ้ามันไม่เหี้ยขนาดนั้น พี่เมดก็คงไม่ได้เห็นว่าในโลกใบนี้มันยังมีคนดีที่พร้อมจะเข้ามาเป็นคนรอบตัวของเรา เพียงแค่เราเปิดใจก็เท่านั้น แล้วก็คงไม่ได้รู้ว่าชีวิตที่ดีจริงๆมันเป็นยังไง ไม่ได้รู้ว่ามันความสุขมากขนาดไหน ตอนที่เราได้เจอคนที่รักเราจริงๆ  กูว่า ยังไงกูก็ต้องขอบคุณพวกมันนั่นแหละ ”

“ มีความสุขก็ดี ” วิวบอกผมก่อนจะหยิบเอาทิชชูขึ้นมาเช็ดปากให้ “ เป็นเด็กหรือไง กินเลอะหมดเล่า ”

“ บ่นจังว่ะ ”

“ พี่เมดทำมากกว่าวิวอีก ” คนเป็นน้องบอก “ เดี๋ยวเราขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า ป่านนี้คุณตำรวจคงออกไปแล้วมั้ง ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับลงผมก็รีบกินอาหารตรงหน้าเข้าไป แล้วจากนั้นก็เดินแวะไปซื้อช็อกโกแลตเย็นแบบที่ชอบแก้วใหญ่คนละแก้วกับน้องชาย ก่อนจะเดินขึ้นชั้นบนตรงไปที่ห้องของผู้ป่วย ที่ตอนนี้เหมือนจะคุยอยู่เพื่อนสนิทในห้อง

“ ประตูปิดไม่สนิทว่ะ ” วิวบอกก่อนจะหันมาเหล่ผม

“ คงเพราะตำรวจเพิ่งออกไปแล้วเค้าปิดไม่สนิทละมั้ง ”

“ ไปแอบฟังหน่อยว่าพวกมันนินทาอะไรวิวมั้ย ”

“ ไอ้วิว ” ผมที่กำลังจะพูดปรามแต่ไอ้ตัวแสบก็แค่หันมาทำท่าจุ๊ๆใส่ แล้วในตอนที่จะพูดอะไรมากกว่านั้น เสียงสนทนาในห้องก็ชวนให้ผมต้องหยุดนิ่งฟัง

“ มึงจะไม่บอกพ่อกับแม่มึงจริงๆเหรอวะ ” เสียงของเอมที่เอ่ยถาม อาฟก็ตอบแค่ ‘ อื้ม ’ สั้นๆ อย่างที่อีกฝ่ายตอบกับผมก่อนหน้านี้ “ มันจะดีเหรอ ถ้าพ่อกับแม่มึงรู้มันจะเป็นเรื่องใหญ่นะ คิดให้ดี ”

“ มึงมีเหตุผลอะไรที่ไม่บอกวะ ” เจถาม แต่เหมือนคนตอบจะแค่เงียบไป

“ ให้เริ่มจากศูนย์ ดีกว่าติดลบไม่ใช่เหรอวะ ”

“ หมายความว่าไง ”

“ มึงจะชอบคนที่ทำให้ลูกมึงโดนยิงเหรอวะ ” ทุกอย่างในห้องนั้นเงียบ แม้แต่ข้างนอกห้องเองก็เงียบไปไม่ต่างกันในตอนนั้นวิวเอื้อมมือมาจับมือผม “ มันก็จริงอยู่ที่ลูกมึงรักเค้ามากเลยเอาตัวเองไปบังกระสุนให้ แต่มึงคิดว่าแม่กูจะใจกว้างมากขนาดนั้นเลยเหรอ พวกมึงรู้จักแม่กูดี กูคิดว่าพวกมึงคงจะมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วจริงมั้ย ”

“ แต่เมดเป็นคนน่ารัก ”

“ ใช่ เมดเป็นคนน่ารัก เมดเป็นนิสัยดี แล้วพวกเค้าก็ควรเจอเมดครั้งแรก ด้วยความรู้สึกแบบนั้น ความรู้สึกที่ว่า แฟนกูทั้งน่ารักและนิสัยดี ไม่ใช่ความรู้สึกที่มันจะติดลบแบบนี้ เพราะความรู้สึก พอมันติดลบแล้ว มันยากที่เพิ่มขึ้น มากที่สุดก็คงหยุดแค่ที่ศูนย์ แต่ถ้าเริ่มที่ศูนย์มันไม่ยากที่จะขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ”

“ พูดไม่ออกเลยกู ” เอมพูดออกมาก่อนจะถอนหายใจ

“ กูจะปกป้องเมด แล้วมันก็มีแค่นั้นสำหรับคำถามที่ว่าทำไมถึงไม่บอกพวกเค้า ”

“ ถ้ามึงคิดว่าอย่างงั้นกูก็โอเค ” เสียงของเจที่พูดขึ้น แล้วตอนนั้นในห้องนั้นก็เหมือนจะเงียบไปอีกครั้ง ก่อนที่อาฟเองจะพูดขึ้น

“ หรือบางทีอาจจะเป็นกูที่กำลังปกป้องตัวเองวะ ”

“ ยังไง ” เอมถาม

“ ก็เพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่ไม่ชอบแฟนกูไง กูเลยไม่บอก ไม่แน่จริงเหมือนที่บอกไว้เลย ว่าไม่แคร์ ไม่ว่าเค้าจะคิดยังไง ”

“ นั่นก็เพราะว่า คนที่มึงจะแนะนำคือเมดไง เมดที่ว่ายังไงก็จะพยายามทำให้พ่อกับแม่ของมึงชอบ เมดคนที่มึงไม่อยากจะให้เค้ารู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องอะไรอีกแล้ว ”

“ กูขอตัวไปอ้วกได้มั้ย ” เอมพูดขึ้นในตอนนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมา “ แต่กูว่าแม่มึงต้องชอบเมดนะ ตอนแรกอาจจะไม่ชอบเพราะเป็นผู้ชาย หรืออาจจะหวงลูกชายตามประสาของเค้า แต่สุดท้ายเค้าก็จะรักเมด เพราะเมดเป็นคนน่ารัก กูมั่นใจ ว่าเมดทำให้แม่มึงรักได้แน่นอน ”

“ กูก็คิดแบบนั้น ”

“ คิดว่าแฟนน่ารักเหรอ ” เอมถามขึ้นมา แต่ในตอนนั้นอาฟก็แค่พูดสั้นๆอย่างที่มันเป็น

“ เสือก ”

“ พี่เมด ” วิวเอื้อมมือมาจับมือผม “ โอเคมั้ยวะ ”

“ หงุดหงิดไอ้เชี้ยนั่น ” ผมบอกน้อง “ จะรักอะไรพี่เมดนักหนา ”

“ แต่เรื่องนี้วิวเห็นด้วยกับพี่อาฟนะ ” วิวหันมาบอกกัน “ เจอกันตอนนี้เค้าคงรู้สึกแย่กับพี่เมดที่มีส่วนทำให้ลูกเค้าต้องเจ็บ ตัว ก็ลูกเค้าเจ็บทั้งคนไม่มีใครไม่เสียใจหรอกจริงมั้ย แล้วแบบนั้นความรู้สึกมันจะเริ่มจากติดลบ ต่อให้พี่เมดดียังไงมันก็ยากที่เค้าจะชอบ แต่ถ้าเริ่มจากความรู้สึกเฉยๆ มันก็จะกลายเป็นชอบได้ง่ายขึ้น เพียงแค่เค้าเปิดใจ ”

“ แต่สักวันเค้าก็ต้องรู้ แล้วตอนนั้นเค้าจะไม่ยิ่งเกลียดพี่เมดเหรอ ที่ปิดบังเค้า”

“ มันไม่เหมือนกันหรอกนะพี่เมด เราไม่ได้โกหกเค้า เราแค่ไม่บอกเค้าให้รู้เรื่องนี้ก่อน เพราะพอเค้าชอบพี่เมดแล้ว ความรู้สึกต่อเรื่องนี้ของเค้าจะเปลี่ยนไป ถ้าเค้ารู้วันนี้เค้าจะมองพี่เมดคือต้นเหตุที่ทำให้ลูกชายเค้าเจ็บตัว แต่ถ้าเค้ารู้ในวันที่เค้ารักพี่เมด เค้าจะมองแค่ว่า ลูกชายเค้ารักพี่เมดมากก็เลยตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป  ”

“ เหตุผลจริงๆที่เราไม่บอก นั่นก็เพราะแค่ปกป้องตัวเองเท่านั้นแหละ ” ผมยิ้ม “ แต่พี่เมดเข้าใจนะ ว่าเรื่องบางเรื่อง เราพูดความจริงออกไปไม่ได้ทั้งหมดหรอก บางทีมันก็อยู่ในสถานการณ์จำเป็นที่ต้องทำเหมือนกัน การที่เราพูดทุกอย่างออกไป บางครั้งมันก็ทำให้เราลำบาก แล้วมันก็ยากที่จะแก้ไข แล้วพี่เมดก็เข้าใจอาฟด้วยว่าไม่มีใครอยากจะให้พ่อแม่รู้สึกไม่ดีกับแฟนตัวเองหรอก ”

“ อื้ม ”

“ พอคิดแบบนั้น พี่เมดก็เคารพและเข้าใจในเหตุผลของมันอยู่นะ ”

“ ไม่โกรธพี่อาฟนะ ”

“ ไม่โกรธหรอก ก็สิ่งที่มันทำก็เพื่อพี่เมด จะโกรธได้ยังไงจริงมั้ย ”

“ ยอดเยี่ยมที่สุด ” น้องชายตัวดีบีบมือผมแน่น

“ แต่พี่เมดจะพยายามทำให้พ่อแม่อาฟชอบนะ ” ผมบอกน้อง “ แม้จะฟังดูแล้ว มันเหมือนจะยากมากก็เถอะ เพราะดูทรงว่า แม่มันคงจะเอาเรื่องน่าดู แต่เรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องเผชิญหน้าไปด้วยกัน ก็พื้นฐานของชีวิตคู่ล่ะนะ เพราะอาฟเองก็คงพยายามทำให้พ่อเราชอบมันเหมือนกัน ”

“ นั่นนะสิเนอะ ” พยักหน้ารับยิ้มๆกับน้องที่ก็เอื้อมมือขึ้นไปเคาะประตูห้องก่อนจะเปิดประตูเข้าไป 

ในวินาทีนั้นผมพูดปลอบกับตัวเองแค่ว่า เรื่องบางเรื่องเราควรปล่อยมันไปให้มันเป็นเรื่องของอนาคต อย่ากังวลอะไรในตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลาคิด ก็แค่วางมันไว้ตรงนั้นก่อน แล้วผมก็ยิ้มกว้างออกมาในตอนที่เดินตามวิวเข้าไป

“ พี่อาฟเป็นยังไงบ้าง ” คำถามแรกที่วิวเอ่ยถามคนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียงในห้องพลางยกน้ำในมือขึ้นดูด ท่าทางที่ดูไม่ทุกข์ร้อนชวนให้อาฟถอนหายใจออกมาก่อนจะยกยิ้ม

“ มึงดูห่วงกูมากเลย ”

“ ประชดถูกมั้ย ” น้องผมถาม “ ก็พี่อาฟไม่ใช่ผัว ห่วงไรนักหนาอะ ”

“ เผื่อมึงไม่รู้ กูถีบมึงได้นะวิว ”

“ ขอโทษครับ น้องก็แหย่เล่นิดๆหน่อยๆ ” บอกแบบนั้นก่อนจะยกมือไหว้อีกคน ก่อนจะพูด “ ขอบคุณพี่อาฟที่ช่วยพี่เมดไว้นะ ขอบคุณที่ดูแลพี่ชายวิวอย่างดีเลย ”

“ กูต้องช่วยแฟนกูอยู่แล้ว ”

“ จ้า ” ตอบรับแค่นั้น ผมก็ได้แต่ยิ้มก่อนจะดึงตัวเองลงนั่งบนเตียงข้างตัวคนป่วยที่ว่างอยู่ ก่อนจะยื่นช็อกโกแลตเย็นที่ถืออยู่ให้อีกคนแต่ทว่าอาฟก็แค่ส่ายหน้าไปมา

“ แล้วนี่ตำรวจว่ายังไงบ้าง ” ภายในห้องเงียบลงทันทีตอนที่ผมตั้งคำถามนั้น วิวหันมามองตากันด้วยความรู้สึกว่ามีพิรุธก่อนที่ผมจะมองอาฟสลับกับเพื่อนอีกคนสอง “ ถึงขั้นต้องเงียบเลยเหรอวะ ”

“ ก็ไม่ได้ว่าอะไร ” ผู้ป่วยบอกเกริ่นขึ้น “ ก็แค่สอบสวนทั่วไปแบบที่เค้าสอบสวนมึงนั่นแหละ ตอนเกิดเหตุเวลาเท่าไหร่ เกิดเหตุที่ไหน กูเป็นอะไรกับผู้ต้องหา มาอยู่ในเหตุการณ์ได้ยังไง มีความสัมพันธ์อะไรกับมึงทำไมต้องไปบังกระสุนให้ เคยมีเรื่องบาดหมางกับผู้ต้องหามามั้ย อะไรทำนองนั้น ”

“ เวลาเค้าสอบสวนจะสอบกันประมานนี้เหรอ ” วิวหันไปถามแฟนตัวเอง ตอนนั้นเจก็พยักหน้ารับ

“ ก็ประมานนี้ ”

“ แล้วพี่เมดก็โดนถามประมานนี้เหมือนกันเหรอ ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับ “ ก็ถามแบบนี้เหมือนกัน แล้วก็ถามว่ามีเรื่องบาดหมางอะไรมั้ย ก็เล่าไปว่าไม่เชิงว่าบาดหมางแต่เราก็ไม่รู้ว่าเค้าเกลียดเราอยู่ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะถูกลวงมาฆ่า ”

“ แล้วสุดท้ายตำรวจก็ตั้งข้อหาจิง ในคดีพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยพลาด คดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอานุญาต แล้วก็คดีพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในที่สาธารณะ ตอนนี้เบื้องต้นเห็นว่าทางมหาลัยทำโทษโดยการให้พ้นสภาพการเป็นนักศึกษาไปแล้ว ”

“ ตำรวจว่างั้นเหรอ ” ผมหันไปถามอาฟหลังจากที่เอมอธิบายจบ อีกคนก็พยักหน้ารับ “ แล้วตำรวจเค้าถามมั้ยว่ามึงจะเอายังไงต่อไป ”

“ กูบอกแค่ว่าให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับอีกคน “ แล้วตำรวจได้บอกมั้ยว่าตอนนี้จิงเป็นยังไงบ้าง ”

“ ก็บอก ” อาฟพูดขึ้น “ ตอนนี้ทางจิงอยู่โรงพยาบาล ทางตำรวจเห็นว่ามีอาการทางจิตคิดอยากทำร้ายตัวเองอยู่ตลอดเวลา เค้าเลยอนุญาตให้นำตัวออกไปรักษา ”

“ แต่เผื่อใจไว้หน่อยนะว่าเจ็บตัวฟรี ” เจพูดขึ้น แล้วตอนนั้นวิวก็ถาม

“ ทำไมวะ ”

“ เพราะทางจิงมีประวัติการรักษาโรคทางจิตเวชน่ะสิ  ซึ่งถ้าพ่อแม่ใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง จิงก็สามารถมีโอกาสรอดได้ ”

“ งั้นเหรอ ” ผมพูดเสียงเบา “ แต่กูไม่เคยรู้เลยนะ ว่ามันต้องหาหมอเฉพาะทางแบบนั้นด้วย ”

“ มันคงบอกให้ตัวมันดูแย่หรอก ” วิวบอก “ สำหรับคนแบบนั้นที่เกลียดพี่เมด แล้วอยากจะมีอะไรเหนือกว่าพี่เมด มันไม่มีทางเอาเรื่องที่มันรู้สึกว่ามันแย่ มาพูดกับพี่เมดหรอก แล้วอีกอย่างนะอาการของคนแบบนี้ ก็คือ ต้องยอมรับก่อนว่าเป็น มันถึงจะเข้าสู่กระบวนการรักษาแต่ถ้าไม่ มันก็ยิ่งหนักนั่นแหละ ”

“ อื้ม”

“ แล้วแบบนี้พี่อาฟโอเคเหรอ เจ็บตัวฟรีเลยนะ ” คำถามของน้องชายผมทำให้ทุกคนในห้องเงียบไป แม้แต่คนป่วยเองยังนิ่งไปสักพักก่อนจะหันมามองผม

“ ถ้าทุกอย่างมันจะจบแค่นี้ กูไม่คิดว่ามันจะเรียกว่าการเจ็บตัวฟรี ”

“ ทุกคนมันก็ได้รับบทเรียนกันทั้งนั้นแหละ ถ้าคิดได้ละก็นะ ” เจพูดขึ้นก่อนจะลูบหัวแฟนตัวเอง ที่ก็หันไปเถียงอย่างทุกที

“ คนแบบนั้นน่ะเหรอ จะคิดได้ พวกพี่มึงคิดแบบนั้นกันจริงๆเหรอ ”

“ นั่นเค้าถึงเรียกมันว่าโอกาสไงครับ ” เอมพูดขึ้น “ โอกาสที่มอบให้คนทำผิดได้ปรับตัว ”

“ ถ้าเป็นวิวจะจัดการให้สาสม พี่อาฟเองก็ต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ ทำไมรอบนี้ใจดีจัง ”

“ ถามพี่ชายมึงสิ ” คนป่วยเชิดหน้ามาทางผมวิวก็ยิ้ม

 “ งั้นน้องก็ไม่สงสัยละ เพราะถ้าเป็นคนนั้น มันก็คงต้องออกมาเป็นรูปแบบนี้แหละ ”

“ กูก็แค่ไม่อยากจะเอาชีวิตไปอยู่กับความแค้น มันมีอะไรหลายๆอย่างที่กูอยากทำร่วมกับอาฟ กับพวกมึง ถ้ากูมัวเอาเวลาไปขึ้นศาล จ้างทนาย ไปต่อสู้ วันๆก็คิดแต่จะทำยังไงให้มันได้รับโทษสูงสุด หงุดหงิดเวลาศาลตัดสินว่าให้มันรอดเพราะมันเป็นโรคทางจิตเวช กูว่าถ้ามันเป็นแบบนั้น กูปล่อยมันไปดีกว่า ยังไงมันก็ต้องได้รับโทษของมันอยู่แล้ว ”

“ รับโทษอะไร ”

“ โทษที่มันจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวแบบคนไม่มีใครไปตลอดชีวิตไง ” ยิ้มให้วิวที่เอ่ยถามกัน ก่อนที่ตัวผมจะมองออกไปนอกหน้าต่าง “ แล้วกูว่าชีวิตที่ต้องเป็นแบบนั้นมันก็น่าเศร้าพอแล้ว ”

..............................................

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 31-12-2018 20:28:58
อากาศภายในห้องที่ค่อนข้างเย็นแต่ไม่ได้ทำให้คนป่วยละสายตาออกจากทีวีได้เลย ผมเผลอยิ้มออกมาตอนที่เห็นอาฟจดจ้องอยู่กับหนังเรื่องโปรด มือที่ถือผลไม้อยู่นั้นไม่ยอมเอาเข้าปากไปเสียที แต่นี่ก็เหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้มันหายเบื่อได้บ้าง เพราะอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว 

จะว่าไปก็แอบสงสารมันเหมือนกัน นี่ก็เข้าสู่วันที่สามแล้วที่มันต้องนอนอยู่บนเตียงแบบนั้น ทั้งที่ปกติก็ยุ่งอยู่ตลอด ทั้งทำงาน ไปเรียน แต่ตอนนี้กลับต้องมานั่งนิ่งๆแล้วทำกิจวัตรเดิมทุกวันที่มีแค่ นั่งนิ่งๆบนเตียง กินข้าว กินยา ทำแผล ดูหนัง เล่นมือถือ มีอยู่แค่นั้น ไม่มีอย่างอื่นเลย อ้อ.. แต่เพิ่มกิจกรรมการแกล้งผมเข้าไปอีกอย่าง แล้วเหมือนมันจะมีความสุขมากกับกิจกรรมนี้

“ วันนี้กูไปเรียนนะ ” ผมเอ่ยบอกอาฟตอนที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนักศึกษา ก่อนจะเดินไปยืนข้างเตียงของอีกคนแล้วหยิบกลีบส้มที่ปอกเอาไว้ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำขึ้นมากิน

“ ไอ้เดย์มารับใช่มั้ย ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับอีกคน “ แต่กูจะกลับสายหน่อยนะ เพราะกูจะอยู่ทำรายงาน ”

“ ให้ไม่เกินสามสิบนาที ”

“ ตลกแล้วครับคุณอารยะ กูมีสองมือทำเร็วสุดก็สองชั่วโมง ” ผมบอกก่อนจะยิ้มเหล่มองคนป่วยที่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยใบหน้าเซ็งๆ จนผมต้องแซว “ ทำไมครับ เหงาเหรอไม่มีน้องเมดอยู่ด้วยนะ ”

“ ใครสอนให้สำคัญตัวผิดอย่างงั้น ” ว่าแบบนั้นก่อนจะดึงมือมากอดเอวกันไว้ อาฟออกแรงดึงให้ผมนั่งลงข้างตัวของมันบนเตียง “ แต่ห้ามเลทกว่าสองชั่วโมงที่บอกไว้ ”

“ คิดถึงก็บอก พูดยากนักก็บอก I miss you ” ไม่มีคำตอบอะไรหลุดออกมาจากสายตาคมที่จ้องมองกัน มีเพียงแค่ริมฝีปากที่จูบลงบนข้างแก้มของผมแล้วนั่นก็คือคำตอบของคำถามที่ผมแซวอีกคนไป

“ แล้วงานที่ว่ามีใครทำบ้าง ”

“ ก็มียีนส์แล้วก็ฝ้าย ”

“ ไอ้เดย์จะไปเฝ้านะ ” พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เพราะมันคือความสบายใจของอีกคน และผมก็พนันได้เลยว่า ถ้ามันไปเองได้ อาฟก็อยากจะไปเองมากกว่าให้น้องเดย์ไป

“ แล้วอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย ขากลับจะแวะซื้อเข้ามาให้ ”

“ มึง ”

“ บ้า ให้หายป่วยก่อนสิ พี่อาฟละก็ ” ทำทีเป็นผลักที่ไหล่มันก่อนจะมองไปทางอื่น ทั้งๆที่เขินจริงๆแต่กลับทำเป็นเขินเล่นๆไป แต่ตอนนั้นคนเจ้าเล่ห์อย่างคุณอารยะก็ไม่ปล่อยให้มันเป็นเรื่องเล่นๆ อาฟใช้สองมือกอดเข้าที่เอวของผมก่อนจะออกแรงดึงให้เข้ามาใกล้ ใบหน้าคมที่ซุกลงระหว่างซอกคอ มันจูบเน้นย้ำจนเป็นรอยพลางหายใจเป่ารดเบาๆจนชวนให้เลือดในร่างปั่นป่วนก่อนจะกระซิบ

“ มึงก็ขึ้นขย่มสิ ”

“ เบาหน่อยพี่มึง นี่โรงพยาบาล ” ไม่ใช่เสียงของผมแต่เป็นเสียงของน้องเดย์ที่เปิดประตูเข้ามาโดยไม่เคาะขออนุญาตแต่อย่างใด ผมดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดของคนป่วยทันทีในตอนนั้น แล้วนั่นก็ทำให้คนที่กอดกันไว้ถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหันไปด่าน้องตัวเอง

“ สันดานของมึงนี่นะ ”

“ ว่าน้องอีกแล้ว ว่าน้องทำไม ”

“ เข้าห้องคนอื่นทำไมไม่เคาะประตู ”

“ ก็..”

“ ถ้ากูเอากับไอ้เมดอยู่จะทำยังไง ”

“ ก็ดีสิ กูก็อยากเห็นร่างของพี่เมดอยู่นะ ต้องเอ็กซ์มากแน่ๆ เพราะขาพี่เมดสวยสุดๆ ” รอยยิ้มกว้างเริ่มหดลงกลายเป็นเม้มปากสนิท คำพูดที่อยากจะพูดต่อถูกกลืนหายไปในตอนที่โดนพี่ชายจ้องมองแบบชนิดที่ว่าอยากให้สำนึกและเลิกพูดเล่นเสียที

“ ขอโทษครับ ” เสียงพูดเบาๆของน้องเดย์ชวนให้ผมหลุดยิ้ม “ คราวหน้าคราวหลังน้องเดย์จะเคาะประตูอย่างแน่นอน ”

“ งั้นกูไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวสาย มึงก็นั่งดูหนังรอเอมไปก่อน เดี๋ยวมันจะเข้ามาเล่นเกมส์เป็นเพื่อน ”

“ ถึงแล้วส่งข้อความมาบอกด้วย ” อาฟบอกแค่นั้นผมก็พยักหน้ารับ

“ งั้นกูไปนะ ” เดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองที่โซฟาแต่ยังไม่ทันจะเดินออกไปคนป่วยก็พูดขึ้นก่อน

“ ทำไงก่อน ” ผมหันไปเหลือบมองน้องเดย์ตอนที่อาฟพูดคำนั้น ก็รู้ว่ามันคืออะไร แต่จะให้ทำตรงนี้มันก็เกรงใจ ไม่ได้อยู่กันสองคนสักหน่อย แต่ทว่าเหมือนน้องชายตัวดีจะรู้ตัวว่าจะเกิดอะไร ก็เลยหันไปทางอื่นแทบจะทันทีเป็นการแสดงอาการที่บอกกันว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้สนใจ ทั้งๆที่สายตาก็เหลือบมองอยู่ตลอด “ เร็ว เดี๋ยวสาย ”

“ มันจะไม่สายถ้ามึงปล่อยกูไปเรียนแบบสบายๆ ” พูดแบบนั้นแต่ก็ยอมเดินไปจูบที่ริมฝีปากของอีกคน แล้วพูดเหมือนปกติทุกวันเวลาที่เราต้องห่างกันไปไหน “ แล้วเจอกันนะ ”

“ ตั้งใจเรียน ”

“ มึงก็ตั้งใจดูหนัง เล่นเกมส์แล้วกัน ” พูดแบบนั้นก่อนจะเดินออกไป อาฟก็เรียกน้องเดย์ไว้

“ เดย์ ”

“ ครับ ”

“ ฝากเมดด้วย ”

“ จ้า จะดูแลอย่างดีที่สุด ปูพรมแดงให้เดิน ออกแดดก็จะกางร่มให้ ตกลงมั้ย ” แต่เหมือนคนเป็นพี่จะไม่ได้ตอบอะไร น้องชายเลยได้แต่ยิ้มกว้าง “ จะดูแลอย่างดีจ้า ไม่ได้ห่วงน้า ”

บรรยากาศในมหาลัยยังคงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิมเท่าไหร่ ก็คงเป็นหลายสายตาที่จ้องมองมาแล้วพากันหันไปซุบซิบ และเรื่องที่ว่าก็คงไม่เดาว่าเรื่องไหน มันคงไม่พ้นคดีดังเมื่อหลายวันก่อนที่ตอนนี้เรื่องคงแพร่กระจายไปทั้งมหาลัย ผมที่ถอนหายใจออกมากับความอึดอัดในตอนนั้นน้องเดย์ที่หันมายิ้มให้ พลางเอื้อมมือมาจับไหล่ราวกับจะบอกว่าไม่ต้องไปแคร์ ผมก็แต่ยิ้มแล้วบอกน้อง

“ พี่เมดโอเค น้องเดย์นั่งอยู่ข้างล่างนี้นะ เดี๋ยวเรียนเสร็จพี่เมดจะลงมาทำรายงานต่อข้างล่าง จองโต๊ะไว้ให้ด้วยละ ”

“ ครับผม ”

“ ตั้งใจเรียนนะพี่สะใภ้ ”

“ ครับผม ”

เปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วในตอนที่ทุกคนหันมาเห็นผม ห้องทั้งห้องก็อยู่ในอาการเงียบกริบจนผมต้องนิ่งไปแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง แต่ตอนนั้นเพื่อนคนหนึ่งในห้องที่ทักขึ้นด้วยรอยยิ้มก็เปลี่ยนสีของบรรยากาศหม่นหมองสำหรับผมให้สดใสขึ้นอย่างฉับพลัน

“ เมดเป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย ”

“ สบายดี ” ผมตอบก่อนจะยิ้มให้เธอ แล้วก็ทุกคนที่หันมายิ้มให้กันพลางกวาดสายตาไปทั่วห้องเพื่อหาโต๊ะที่ว่างแล้วตอนนั้น ฝ้ายที่นั่งอยู่กลางห้องตรงโต๊ะเล็คเชอร์ตัวในสุดจะยกมือขึ้นทักกัน

“ เมด ทางนี้ ”

“ ฝ้าย มานานแล้วเหรอ ”

“ สักพักแล้ว นี่เป็นยังไงบ้าง หายตกใจยัง ”

“ หายแล้ว ” ผมบอกก่อนจะนั่งที่โต๊ะตัวข้างเธอ “ แล้วฝ้ายเป็นไงบ้าง ”

“ ตอนแรกก็กลัวนิดหน่อย เพราะไอ้จิงดันเอามือถือฝ้ายไปส่งข้อความหาเมด ตำรวจเลยมาสอบสวนฝ้ายด้วย วุ่นวายไปหมดเลย กลัวแทบแย่ เค้าคิดว่าฝ่ายสมรู้ร่วมคิดกับไอ้จิงด้วยนะ ” อีกคนบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แต่โชคยังดีนะ ที่มันมีพยานรู้เห็นว่าตอนนั้นจิงมายืมมือถือฝ้าย เพราะฝ้ายก็ยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนด้วย มีทั้งพยานบุคคลแล้วก็กล้องวงจรปิด ไม่งั้นนะ แย่แน่ๆ ”

“ อื้ม ”

“ กูนะ โคตรเกลียดมัน ที่มาทำให้กูเกือบเข้าคุกไปด้วยทั้งๆที่กูไม่เกี่ยวอะไรเลย แต่พอมาคิดว่าถ้าคิดแบบนั้น มึงก็ต้องโทษตัวเองอีก เพราะว่าช่วงหลังๆเราคุยกันมากขึ้น มึงจะคิดมากหรือเปล่าเพราะเหมือนกูต้องมาลำบากเพราะมึง แล้วพอคิดแบบนั้น กูเลยปลงๆไป เพราะมันก็มีหลักฐานพร้อมที่กูจะรอดอยู่แล้ว อีกอย่างเลยคือกูสงสารมึง ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับมึง แม่งโคตรหนักเลยอะ กูไม่อยากจะให้มึงต้องแย่ไปมากกว่านี้อีกแล้ว ”

“ ขอบใจนะฝ้าย ”

“ เออ ไม่เป็นไร ” อีกคนพยักหน้ารับ “ จะจบแล้วด้วย อะไรที่มันไม่ควรเอามาใส่ใจก็ปล่อยๆมันไปเถอะ กูคิดว่าอย่างงั้นคงดีกว่า ”

“ อื้ม ”

“ เพราะงั้นเย็นนี้ก็อยู่ทำรายงานตัวจบก่อนกลับบ้านด้วยนะคุณมิณทร์ ”

“ ครับผม ”  ผมยิ้มให้เธออีกคนก็ยิ้มกว้าออกมา

“ แล้วนี่อาฟเป็นยังไงบ้าง สบายดีแล้วใช่มั้ย ”

“ สบายดีแล้ว อีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วละ ” แต่ควรบอกว่ายิ่งกว่าสบายอีกมั้ง แม่งเล่นกวนตีนกูเก่งทุกวัน กว่าจะได้นอนแต่ละคืนก็แทบประสาทแดก ยิ่งกว่าจับเด็กเล็กให้อยู่นิ่ง เพราะอาฟจะไม่ยอมนอนเลยถ้าผมไม่ขึ้นไปนอนบนเตียงกับมัน แล้วพอล้มตัวลงนอนทั้งมือทั้งขาก็ยื่นมากอดกันไว้จนสุดท้ายเราก็หลับไปด้วยกันบนเตียง

จนตอนนี้กลายเป็นว่าทุกคืนเราก็ต้องนอนกอดกันบนเตียงในห้องของโรงพยาบาล กลายเป็นเรื่องเม้าส์ของพี่พยาบาลในหัวข้อ ‘ น้องห้อง 4043 ’

“ แล้วนี่มึงคุยกับยีนส์มันบ้างมั้ย ”

“ ไม่เลย ” ผมส่ายหน้าไปมาก่อนจะคิดขึ้นมาได้ ก็เลยเริ่มหันไปมองหามัน “ ช่วงที่กูไม่มามันมาเรียนบ้างมั้ย ”

“ ไม่มาเหมือนกันเพิ่งมาวันนี้แหละ นั่งอยู่หลังสุดเลย หันไปสิแถวเดียวกับเรานี่แหละ ”  ผมหันไปมองตามที่ฝ้ายบอก ยีนส์นั่งอยู่แถวหลังสุดของห้องคนเดียวเงียบๆ อย่างไม่พูดคุยกับใคร มันที่ก้มหน้าสนใจแต่มือถือ

“ กูรู้ว่ามึงคงสงสาร แต่ว่านะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมจริงมั้ย ” ผมไม่ได้ตอบอะไรฝ้าย ทำได้แค่ยิ้มให้และในตอนนั้นอาจารย์ประจำภาควิชาของเราก็เดินเข้ามาพอดี จากที่พูดคุยเสียงดังเลยเปลี่ยนเป็นเงียบลงแล้วเราก็เริ่มเรียนเนื้อหาที่ถูกเปิดขึ้นสอนในวันนี้

เวลาสองชั่วโมงกว่าเคลื่อนผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย ผมขยับมือบิดขี้เกียจเอาสุดแรงก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ฝ้ายที่หันมายิ้มให้กันในตอนนั้นผมก็หันไปมองยีนส์ที่เดินเข้ามาหา

“ ทำรายงานข้างล่างใช่มั้ย ”

“ ใช่ ” ผมตอบในตอนนั้นยีนส์ก็พยักหน้ารับ แล้วก็เดินตามเรามาเงียบๆจนถึงด้านล่างของตึกหน้าคณะตรงโต๊ะม้าหินที่ถูกจับจองจนเต็ม

“ โต๊ะเต็มหมดเลยว่ะ ” ฝ้ายพูด ในตอนนั้นผมก็ชี้ไปที่โต๊ะของน้องเดย์ที่ตอนนี้กำลังนั่งเล่นเกมส์ในเครื่องนินเทนโด้อย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ข้างตัวก็ที่มีทั้งขนม เยลลี่ แล้วก็น้ำอัดลม

“ น้องกูนั่งจองไว้ให้ละ ”

“ เดี๋ยวๆ น้องมึงหล่อขนาดนี้เลยเหรอ ” ฝ้ายจับมือผมไว้ก่อนจะถาม สาวเจ้าเม้มปากจนหน้าแดงผมก็หลุดยิ้มขำ

“ น้องชายอาฟ ”

“ พรีเมี่ยมทั้งบ้าน กูยอมแล้วจ้า แต่เดี๋ยวกูมานะ ”

“ ไปไหนวะ ” หันไปถามตอนนั้นฝ้ายก็แค่ยิ้ม

“ ไปแต่งหน้า ”

“ ขนาดหนัก ” พูดเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะหันไปสบตากับยีนส์พอดีเพราะเหมือนทางนั้นจะมองอยู่ แล้วในตอนนั้นเราก็เกิดอาการเงียบให้กันไปชั่วขณะหนึ่ง ความอึดอัดส่งผ่านทางสายตาของเราหลงเหลือแค่รอยยิ้มที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา จนผมต้องเอ่ยชวน “ ไปนั่งที่โต๊ะกันมึง ”

“ เมด ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้มั้ยวะ ” ผมนิ่งไปในตอนนั้น ก่อนจะเหลือบไปมองน้องเดย์ที่ก็เงยหน้าขึ้นมามองทางผมพอดี ในตอนนั้นผมพยักหน้ารับกับยีนส์

“ ว่ามาเลยมีอะไร ” แต่ทว่าพอถาม คนที่เอ่ยขอกลับนิ่งไป ผมรู้ว่ายีนส์ไม่ได้ไม่อยากพูดแต่มันมีเรื่องที่อยากจะพูดเยอะแยะไปหมดจนไม่สามารถเรียบเรียงได้เลยต่างหาก ในแววตาของมันบอกผมว่าอย่างงั้น “ ไม่เป็นไร ค่อยๆพูดก็ได้มึง ”

“ กูขอโทษนะ ” มันเป็นคำพูดสั้นๆที่อีกคนเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง “ กูรู้ว่ามันคงสายไปที่จะพูดคำนี้ แล้วมันก็ทดแทนไม่ได้เลยกับสิ่งที่กูทำ แต่กูก็ยังอยากจะขอโทษมึงนะ ขอโทษอย่างจริงจัง ขอโทษจริงๆนะเมด ขอโทษที่กูทำร้ายมึงขนาดนั้น ขอโทษที่ปล่อยให้ความรู้สึกของกูมันมาทำร้ายความเป็นเพื่อนของเรา ”

“ ไม่เป็นไร ” ผมยิ้มให้อีกคน ยีนส์ก็นิ่งไปอีกครั้ง และหนนี้มันนิ่งไปนานราวกับจะไม่พูดต่อแล้ว แต่ทว่าอยู่ๆน้ำตาของคนตรงหน้านั้นกลับไหลออกมา “ มึง..”

“ ทั้งๆที่กูทำเรื่องเหี้ยกับมึงขนาดนี้ แต่วันนี้มึงยังยิ้มให้กูแล้วบอกว่าไม่เป็นไรได้ไงวะ ทำไมถึงได้ใจดีขนาดนั้น ทำไมถึงยังได้ใจดีกับคนอย่างกูขนาดนี้ ”

“ เพราะว่าความเจ็บปวดของกูมันผ่านไปแล้วไง กูถึงบอกมึงได้ว่าไม่เป็นไร ” ผมบอกอีกคนก่อนจะเอื้อมมือไปจับไหล่อีกคนที่ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก “ แล้วอีกไม่นานความเจ็บปวดของมึงก็จะผ่านไปเหมือนกัน ”

“ เหรอ ”

“ อื้ม ” ยีนส์ยิ้มให้ผมก่อนจะถอนหายใจออกมา พลางยกมือขึ้นปากน้ำตาที่ไหล

“ กูเลิกกับบินแล้วนะ ”

“ เหรอ ” ผมยิ้มอย่างเข้าใจในสิ่งที่อีกคนกำลังรู้สึก

“ สุดท้ายแล้วพอมันเป็นเรื่องของกู กูก็ทำใจยอมรับไม่ได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนพอเป็นมึง กูเคยคิดปากดีว่าเรื่องแค่นี้เอง แต่พอมันเป็นเรื่องของกู มันไม่แค่นี้เลย มันเหี้ยมาก เหี้ยจนกูคิดว่า กูทำแบบนั้นกับมึงได้ยังไง ”

“ ยีนส์ ”

“ แต่มึงไม่ต้องห่วงนะ กูไม่ได้คิดจะมาขอมึงเป็นเพื่อน กูแค่อยากจะขอโทษมึงจริงๆ แล้วก็อยากจะขอบคุณ ” ผมนิ่งไปบ้างในตอนที่อีกคนบอก “ ขอบคุณที่ตั้งแต่เด็กจนโต มึงเป็นเพื่อนที่ดีของกูมาตลอด แล้วกูคิดว่าต่อไปนี้ กูคงไม่สามารถหาเพื่อนที่ดีแบบมึงได้อีกแล้ว กูขอโทษที่ทำลายความเป็นเพื่อนของเรา แล้วกูก็อยากให้มึงรู้ว่า ถ้ากูย้อนกลับไปแก้ไขอะไรในอดีตได้สักอย่าง สิ่งเดียวที่กูอยากแก้ไข ก็คือความเป็นเพื่อนของเรา ถ้าเลือกได้อีกครั้ง กูจะไม่ทำลายมันเหมือนอย่างวันนี้ ”

“ อื้ม ” ได้แต่ตอบอีกคนสั้นๆ ในตอนนั้นยีนส์ก็ยิ้มให้ผม

“ ขอบคุณนะ ที่ครั้งหนึ่งมึงเคยเข้ามาทำให้คนอย่างกูเข้าใจ ว่าเพื่อนที่ดีควรเป็นกันยังไง แค่นี้แหละที่อยากจะบอก ขอบคุณแล้วก็ขอโทษนะ จากใจกูเลยเมด ”

“ แล้วบินโอเคเหรอ ? กูหมายถึงเรื่องที่มึงเลิกกับมัน ”

“ เราเลิกกันด้วยความเข้าใจน่ะ ต่างคนแค่ต่างก็ต้องไปมีชีวิตใหม่ แล้วกูคิดว่านั่นมันดีที่สุดแล้ว ”

“ อื้ม ” ผมยิ้มให้คนตรงหน้า “ กูขอให้มึงโชคดีนะ ”

“ มึงเองก็ด้วยนะ ” พยักหน้ารับให้กัน แต่ในตอนที่กำลังจะเดินออกไปนั่งที่โต๊ะผมเองก็หยุดขาที่จะก้าวนั้นไว้ก่อน “ ยีนส์ ”

“ หื้ม ? ” ท่าทางสงสัยของคนโดนเรียกปรากฏขึ้นบนหน้าจนผมหลุดยิ้มออกมา

“ เราอาจจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้แล้ว แต่ว่าเรายังเป็นคนรู้จักกันได้นะ ในอนาคตถ้าเจอกัน อย่าลืมทักทายกันบ้างนะ ”

“ อื้ม ได้สิ ”

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.1:: up! 21-12-61} #หน้า 49
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 31-12-2018 20:29:40
จากหนึ่งวันเคลื่อนเข้าสู่หนึ่งอาทิตย์ จากที่ต้องนอนนิ่งๆอยู่ที่บนเตียงในโรงพยาบาลตอนนี้ก็ได้เวลาที่คนป่วยจะได้กลับบ้านเสียที คุณอารยะที่ดูสดชื่นและสดใสกว่าทุกวันใส่เสื้อยืดสีดำตัวโปรดกับกางเกงสีเดียวกัน และตอนนี้ก็กำลังจัดการใส่เข็มขัดของตัวเองอยู่

เสียงฮัมดนตรีได้ยินเบาๆเป็นระบะบจนผมต้องหลุดยิ้ม ท่าทางมีความสุขนั้น อาจเพราะอีกฝ่ายจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมตั้งแต่เมื่อวานด้วยการโทรบอกน้องชายตัวเองให้เอารถมาให้ เพราะตั้งใจไว้ว่าจะขับรถกลับบ้านด้วยตัวเอง ส่วนผมเองก็จัดกระเป๋ากลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืน ไม่ค่อยอยากจะกลับเท่าไหร่เหมือนกัน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ ครับ ” ผมเดินไปบอกเปิดประตูห้องของตัวเอง ก็พบกับคุณตำรวจสองคนคนเดิมที่เคยมาสอบสวนเรา มายืนอยู่ที่หน้าห้อง

“ สวัสดีครับ ” ใบหน้านั้นก้มลงทักผมก็ยักมือไหว้ ก่อนที่คุณตำรวจจะแนะนำตัวแล้วเดินเข้ามาหา “ วันนี้จะออกจากโรงพยาบาลกันแล้วเหรอครับ ”

“ ครับผม คุณตำรวจเดินทางมา มีอะไรหรือเปล่าครับ ”

“ ผมมีเรื่องที่อยากจะคุยกับคุณอารยะครับ ”

“ ครับ” คนโดนเอ่ยชื่อเดินออกมาจากเตียง ก่อนจะยกมือไหว้คุณตำรวจที่ก็ก้มหน้าลงทัก

“ ผมจะมารายงานผลการสอบสวนของคดีที่เกิดขึ้นครับ ” คุณตำรวจว่าแบบนั้น ผมก็ได้แค่ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปสบตาอาฟที่ก็หันมามองกันเพียงครู่ แล้วก็หันไปพยักหน้ารับให้คนพูด “ ตอนนี้ทางเราได้ดำเนินการทางคดีเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ และก็ได้ส่งเรื่องไปให้อัยการพิจารณาในการสั่งแล้วในเช้าวันนี้ "

“ งั้นเหรอครับ ”

“ ทางคุณอารยะเองก็สามารถยื่นคำร้องเพื่อเรียกค่าเสียหายได้นะครับ ”

“ สำหรับเรื่องนั้นคงไม่ต้องหรอกครับ ทางผมได้รับการติดต่อจากพ่อแม่ของทางนั้นแล้ว และเค้าก็ยินดีชดใช้ค่าเสียหายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลทั้งหมด ซึ่งผมก็ต้องการให้รับผิดชอบแค่นั้น ”

“ แล้ว ตอนนี้ผู้ต้องหา เป็นยังไงบ้างเหรอครับ ”

“ อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีครับ ”

“ เหรอครับ ” ผมพูดเสียงเบาออกมาในตอนที่ได้ฟัง เข้าใจอยู่เหมือนกันว่าไม่สามารถที่จะรู้เรื่องราวความเป็นไปนั้นได้ทั้งหมด

“ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ”

“ ครับ ขอบคุณมากนะครับ ” อาฟยกมือไหว้คุณตำรวจ ผมเองก็เช่นกัน ประตูถูกปิดลงอีกครั้ง ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วตอนนั้นอาฟก็พูดแค่สั้นๆ “ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทำอะไรไว้ ก็ต้องได้รับผลอย่างงั้น ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับอีกคนก็หันไปมองแล้วเปลี่ยนเรื่อง “ ได้กลับบ้านสักทีเนอะมึง โคตรเบื่อเลย ”

“ กูว่าก็โอเคออก ได้นอนห้องหรูตั้งหลายวัน ” คนป่วยยักไหล่ ผมก็ได้แต่มองไปรอบๆห้อง ก็สมกับที่เป็นคุณอารยะ ในวันที่พ่อแม่จิงหอบกระเช้ามาเยี่ยมมัน พออีกฝ่ายเอ่ยว่าจะช่วยเหลือค่ารักษาเต็มที่ มันก็จัดการบอกพยาบาลขอย้ายห้องไปอยู่ห้องที่แพงที่สุดทันที แถมยังบอกหมออีกว่า มันจะอยู่จนหายสนิทถึงจะออกไป ตอนนั้นทางพ่อแม่จิงก็แค่ยิ้มแห้งๆ ส่วนคนที่พูดออกมาแบบนั้นก็พูดสั้นๆแค่ว่า ‘ ช่วยจ่ายเต็มที่อย่างที่บอกด้วยนะครับ ’

“ แล้วนี่เราไปไหนก่อน แวะกินข้าวก่อนมั้ย หรือว่าจะกลับคอนโดเลย ” เอ่ยถามอีกคนตอนที่ก้มลงไปรูดซิปกระเป๋า ผมเงยหน้าขึ้นมองอาฟที่ก็เดินเข้ามากอดคอผมไว้

“ กูจะไปที่ที่หนึ่งก่อน วันนี้กูนัดกับคนคนนึงไว้ ”

“ ใครวะ ? ”  ไม่มีคำตอบจากคำถามนั้น มีเพียงแค่รถสปอร์ตสีดำคันเดิมที่ถูกขับไปตามทางที่ไกลออกไปจากเส้นถนนสุขุมวิท ผมมองรอบข้างที่ค่อนข้างคุ้นชินเพราะมันคือทางกลับคอนโด แล้วนั่นก็ทำให้ผมขมวดคิ้วแล้วต้องเอ่ยถามคนขับอีกครั้ง “ นี่มึงจะพากูกลับคอนโดเหรอ ? มึงนัดวิวไว้เหรอ ”

“ นิ่งๆน่า ” ตอบแค่นั้นก่อนจะดึงมือผมข้างนึงไปจับไว้แล้วขับรถต่อไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายมันก็มาจอดอยู่ด้านหลังของโรงเรียนมัธยมเก่าของผมที่อยู่ตรงกันข้ามกับโรงเรียนของอีกคน

“ เดี๋ยวนะ มึงนัดใครที่โรงเรียนเหรอ ”

“ ลงไปเดี๋ยวมึงก็รู้ ” อาฟบอกก่อนจะปรับเกียร์แล้วดึงเบรคมือขึ้น สายเข็มขัดนิรภัยของเราถูกปลดพร้อมกันแล้วในตอนที่ผมก้าวออกไปข้างนอก ก็พบว่าวันนี้เป็นธรรมดาที่อีกไม่นานก็ใกล้เวลาเลิกเรียนแล้ว นั่นก็เพราะรถขายของกินที่กำลังจอดเรียงรายอยู่ข้างฟุธบาท มันมีทั้งของกินที่ผมเคยชอบ แล้วก็ของกินใหม่ๆ รวมถึงพื้นที่ว่างที่ตอนนี้กลายเป็นคาเฟ่น่ารักๆ ที่คงมาเปิดได้ไม่นาน

“ ไม่ได้มานานเปลี่ยนไปโคตรเยอะ ”

“ เหรอ ” คนที่เดินมายืนข้างกันพูดขึ้นก่อนจะมองไปรอบๆบ้าง “ จำได้มาเมื่อก่อนยังไม่มีร้านคาเฟ่ตรงนั้น ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับตาม “ แล้วก็ยังไม่มีร้านขายน้ำตรงนั้นด้วย ”

“ อื้ม ”

“ แล้วโรงเรียนกูก็คือ เปลี่ยนไปมาก มีตึกใหม่ด้วย ตอนกูอยู่ไม่เห็นแม่งจะพัฒนาเหี้ยอะไร แต่พอกูออกบุ๊ป มีตึกใหม่บั๊ป ”
“ ขี้บ่น ” อาฟพูดเสียงเบา “ แต่โรงเรียนกูก็มีตึกใหม่เหมือนกัน ” บอกแบบนั้นก่อนจะมองไปด้านหลัง ที่ตอนนั้นผมก็มองตามมันไปเหมือนกัน ตึกสูงสีขาวที่ดูสวยงามชวนให้เรามองอยู่นานจะผมต้องหันมาถามอีกคนด้วยคำถามที่ก็ยังคงสงสัยอยู่

“ แล้วตกลงมึงนัดเจอใครที่นี่ ”

“ นั่นร้านชานมที่มึงชอบซื้อไม่ใช่เหรอ ” คนข้างกันเชิดหน้าเปลี่ยนเรื่องไปที่ร้านชานมเจ้าประจำของผมที่เคยซื้อเกือบทุกวันสมัยอยู่ม.ปลาย “ ไม่อยากกินเหรอวะ ไม่มีคนนะ ”

“ มึงแม่งอย่าพูดดิวะ คนกำลังไดเอทไอ้สัด ” เสียงหัวเราะของคนข้างตัว ผมก็มองไปรอบๆ “ รอให้คนที่มึงนัดมาก่อนก็ได้ เสร็จธุระแล้วค่อยไปซื้อ ”

“ เค้ายังไม่ออกมาหรอก ถ้ามึงยังไม่ข้ามถนนไปอีกฝั่ง ”

“ ไม่เข้าใจ ”

“ ก็ลองข้ามถนนไปแล้วเดี๋ยวจะเข้าใจเอง ” เลิกคิ้วสงสัยอีกคน

“ เค้าเป็นคนขี้อายเหรอ ”

“ ตอนนี้ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงใช่ กูเห็นเค้าชอบก้มหน้างุดทุกทีเวลา..ได้ของ ”

“ งั้นกูไปซื้อชานมก่อนก็ได้ เสร็จแล้วเรียกนะ ”

“ อื้ม ” อาฟยักคิ้วให้ผมที่ก็เดินข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง ก่อนจะหยุดยืนนิ่งบนฟุธบาทแล้วเงยหน้ามองดูโรงเรียนของตัวเองในมุมใกล้ๆอยู่สักพัก

ทุกอย่างที่นี่มีความทรงจำ แม้มันจะทำให้รู้สึกทุกข์แต่ว่าตอนนั้นมันทั้งสนุกและมีความสุขอย่างที่สุดแม้หวนกลับมาคิดถึงในตอนนี้ ผมเผลอถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปมองอาฟที่ยืนอยู่อีกฝากหนึ่งของถนนเพื่อดูคนที่นัดเจอ แล้วในตอนนั้น รอยยิ้มของอาฟที่มอบให้กัน ก็ทำให้ผมเข้าใจทุกอย่าง

บรรยากาศตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับสี่ปีเลยสักนิด ผมยืนอยู่ตรงนี้ แล้วอาฟก็ยืนอยู่ตรงนั้น ‘ อย่างงี้นี่เอง ’ ผมพูดกับตัวเองในใจ รู้แล้วว่าคนที่อีกฝ่ายนัดเจอคือใคร เข้าใจแล้วว่าทำไมถ้าผมไม่ข้ามถนนมาก็คงไม่เจอ แล้วเข้าใจด้วยว่าเค้าเป็นคนที่ขี้เขินแค่ไหนในตอนที่รับของ เพราะคนคนนั้นก็คือผม คนที่เมื่อสี่ปีก่อนมีนัดกับอาฟในทุกวันตอนเย็น

“ แม่ง เล่นกูอีกละ ” เผลอสบถออกมา แต่ทว่าดูเหมือนครั้งนี้มันจะต่างกันไปจากทุกครั้งอยู่หน่อย อาจเพราะครั้งนี้ไม่ต้องมีคนส่งนมแล้ว ไม่มีแม้แต่เด็กคนอื่นที่จะชวนให้ผมเบนสายตาไปมองและคิดว่า อาจจะเป็นเค้าคนนั้น เพราะวันนี้คนที่อยู่ตรงข้ามกันข้างหน้ามีแค่ผู้ชายที่ชื่อ อารยะ แค่เพียงคนเดียว

วินาทีนั้นความวุ่นวายของสิ่งแวดล้อมรอบตัวถูกเบาเสียงลงอย่างกระทันหัน แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นคืออัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มจังหวะให้ดังขึ้นทุกที เพียงแค่ผมจ้องมองคนที่อยู่ตรงข้ามกันเพียงเท่านั้น  ท่าทางตกประหม่าของผู้ชายที่ปกติทั้งแสนขี้เก็กและค่อนข้างปากหมา มองจากตรงนี้ อาฟกำลังกลืนน้ำลายลงและเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นไว้แน่น สายตาที่มองมาหากันอย่างจริงจัง ก่อนที่ขานั้นจะค่อยๆก้าวเดินออกมาหลังจากที่มองซ้ายขวา อย่างมั่นใจ

“ นี่นะเหรอ คนที่มึงนัดไว้ ” แล้วนั่นก็เป็นคำถามแรกที่ผมเอ่ยถามอีกคน แล้วตอนนั้นคนที่ถอนหายใจออกมาก็พยักหน้ารับ

“ อื้ม ” มันเป็นเสียงขานรับในคอที่บางเบาจนชวนให้ผมยิ้ม “ ก็เมื่อก่อนไม่เคยกล้าเดินเข้ามาหาเลย วันนี้เลยอยากจะลองเดินเข้ามาหาดู ”

 ช่างเป็นเหตุผลที่ฟังแล้วชวนให้ยิ้มกว้างกว่าเก่า

“ มึงแม่ง.. ” ทำได้แค่สบถแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นก่อน

“ ยืนรอตรงนี้ แปปนึงนะ ” พูดจบก็หันหลังเดินออกไป แผ่นหลังนั้นเดินผ่านร้านข้างทางแล้วหายเข้าไปในเซเว่นที่อยู่แถวนั้นสักพัก ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับนมช็อกโกแลตแบบที่ไม่ต้องเดา ผมก้มหน้าลงยิ้มกว้างตอนที่เห็น คนเอามาให้เองก็ก้มหน้าก้มตาเดินมาเหมือนกัน หูแดงจัดที่ห้ามความรู้สึกเขินอายไว้ไม่อยู่แล้วตอนที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า อาฟก็ยื่นมันมาให้ผม

“ กูถามจริงๆนะ ทำไมมึงถึง..”

“ ก็กูย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว ” มันเป็นคำพูดสั้นๆที่อีกคนพูดกับผมในตอนนั้น คำพูดที่ทำให้รอยยิ้มของผมที่อยากจะเอ่ยล้อมันหายลับไปแล้วทำได้แค่เพียงยืนฟังมันนิ่งๆ “ แต่ก็อยากให้มึงรู้ว่า ถึงกูจะย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว แต่วันนี้ กูทำให้ได้นะ แม้ว่าตอนนั้นจะพลาด ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คิดไว้ แต่ต่อไปนี้ จะทำให้นะ จะทำอย่างที่เคยคิดว่าจะทำกับมึงมาตลอด แล้วนี่ก็คือทสิ่งแรกที่กูอยากทำ ” นมที่ถืออยู่ถูกยัดมาในมือผม “ กูซื้อมาให้ ”

“ แล้ว.. มึงชื่ออะไรเหรอ ” อาฟนิ่งไปตอนที่ผมถาม “ ก็ไม่เคยได้พูดเลยไม่ใช่เหรอ คำนี้น่ะ ”

“ อาฟเตอร์ ” เจ้าของชื่อพูดเสียงเบา ก่อนกลืนน้ำลายตกประหม่านั้นลงคอแล้วเน้นย้ำอย่างมั่นใจออกมาอีกครั้ง “ ชื่ออาฟเตอร์ อารยะ ”

“ อื้ม กูชื่อเมดนะ ”

“ ชอบ ” คำสั้นๆที่เหมือนหลุดออกมาชวนให้ผมเองหลุดยิ้ม ส่วนอาฟเองก็เหลือบไปมองทางอื่น ตอนที่ผมมองตามไปจ้องตามันเพื่อทำทีเป็นแกล้งไม่ได้ยิน อีกก่อนก็สูดลมหายใจเข้าไปในปอดจนลึกแล้วหันกลับมาบอกอีกครั้ง “ กูชอบมึง ”

“ เรื่องนั้นกูรู้อยู่แล้ว ” อาฟหลุดยิ้มออกมา คนตรงหน้าที่ถอนหายใจในตอนนั้นมันเกาหัวตัวเองแก้เก้อกับสิ่งที่อยู่ๆก็พูดออกมา ส่วนผมเองก็ก้มหน้าลงเจาะนมที่ตัวเองถืออยู่ก่อนจะยกขึ้นดูดแล้วตอนนั้นคนข้างกันก็เอื้อมมือมากอดคอกันไว้ “ เออ กูว่าจะถามหน่อย ”

“ ว่า ”

“ เมื่อก่อนมึงเคยส่งโจทย์เลขมาให้กูแก้สมการให้ ท้ายกระดาษที่กูส่งไป กูเขียนไอดีไลน์แล้วก็เบอร์โทรไว้ด้วยนะ ตอนนั้นมึงไม่เห็นเหรอ ”

“ เห็น ” คำตอบที่ทำให้ผมขมวดคิ้ว

“ แล้วทำไมไม่แอดไลน์มา ”

“ ใครจะกล้า ”

“ อะไรวะ ไม่สมเป็นเจ้าของผับ throw up เลยนะ อารยะ ” ส่ายหน้าไปมากับความป๊อดของอีกคน แต่ในตอนนั้นอาฟก็แค่ยิ้มให้ผม

“ ช่วยไม่ได้ ก็ตอนนั้นกูเป็นแค่ไอ้อาฟเตอร์ ห้องสี่ศิลป์คำนวนที่ชอบเด็กโรงเรียนตรงข้ามที่ชื่อเมดก็เท่านั้น ”

“ นั่นก็จริงของมึง ”

ความเงียบคืบคลานเข้าปกคลุมเราที่ยืนอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง แต่ทว่าตอนนี้มันกลับเป็นความรู้สึกอบอุ่นใจที่เหมือนกำลังโอบกอดเราสองคนอะไร โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรสักคำ แล้วตอนนั้นอาฟเอื้อมมือมาจับมือผม

“ มึงน่ะ คิดยังไงกับรักครั้งแรกวะ ” ขมวดคิ้วในตอนที่อยู่ๆ ก็โดนอีกฝ่ายถามขึ้นมากะทันหัน ผมหันไปมองอาฟที่ไม่ได้หันหน้ามามองผมในตอนนั้น ก่อนจะคิดหาคำตอบอยู่สักพัก

“ คงเป็นรักที่ลืมได้ยาก แล้วก็จบลงด้วยความไม่สมหวังเป็นส่วนใหญ่ละมั้ง ”

“ เหรอ ”

“ อื้ม ”

“ แต่สำหรับกู รักครั้งแรก คือ รักครั้งเดียวของชีวิต แล้วมันก็เกิดขึ้นตรงนั้น ” ใบหน้าคมเชิดหน้าไปตรงฟุธบาทที่ถนนฝั่งตรงข้าม “ มันก็เกิดขึ้นในวันที่กูเดินมาหยุดอยู่ตรงนั้น ตอนที่ห็นมึงยืนอยู่ตรงนี้ เมื่อสี่ปีที่แล้ว ”

“ อาฟ รู้มั้ยว่ามึงน่ะสมเป็นเจ้าของผับ throw up จริงนะๆ ” ผมก้มหน้าลงตอนที่พูดแบบนั้น “ ภายนอกดูน่ากลัว แต่ข้างใน กลับอบอุ่น ”

“ งั้นเหรอ ”

“ แล้วที่ที่ throw up อบอุ่นที่สุดสำหรับกูก็คือ ชั้นสาม เพราะที่ชั้นสามตรงนั้น มันมีมึงอยู่ ” ผมถอนหายใจพลางยิ้มออกมา ก่อนจะหันไปหาอาฟ “ เพราะงั้นสัญญาอะไรกับกูสักข้อได้มั้ย ”

“ อะไร ”

“ อยู่ด้วยกันอย่างงี้ไปตลอดนะ ”
   
“ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ จนถึงตอนนี้ กูไม่เคยคิดจะไปไหน ” แล้วนั่นก็คือคำตอบ ที่ไม่ได้บอกกันเพื่อให้มั่นใจในอนาคต แต่เป็นคำตอบที่บอกกันว่า อดีตเคยเป็นมายังไง ต่อไปนี้ก็จะยังคงเป็นไปอย่างงั้น ‘ เคยรักกันยังไง ก็จะรักไม่เสื่อมคลายไปอย่างงั้น ’   เพื่อให้สมกับที่พูดว่า นี่คือรักครั้งแรก และก็จะเป็น รักครั้งสุดท้ายของชีวิต


-------------- The end --------------




ในที่สุดก็มาทันสิ้นปี
นิยายเรื่องยาวในปีนี้ จบลงทันปี 2018 จนได้
ก่อนอื่นเราขอขอบคุณคนอ่านที่แสนจะน่ารักของเรา ที่อยู่ติดตามกันมาตลอด
ขอบคุณที่เป็นบ่อพลังงานและแรงใจให้เราอย่างสม่ำเสมอ
ทุกคอมเม้นท์ที่เขียนถึงกันทุกตอน จากทุกช่องทางที่อัพ
กำลังใจในวันที่เขียนนิยายไม่ทัน เมนชั่นเข้ามาให้เสมอผ่านช่องทางทวิตเตอร์
หนมขอขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ เราอาจจะตอบกลับไม่หมด แต่เราอ่านข้อความของทุกคน จากทุกแท็ก ที่ทุกคนแท็กให้
ขอบคุณที่คอยช่วยผลักดัน ให้นิยายเรื่องเสร็จสมบูรณ์

และตอนนี้ก็อยากจะถือโอกาส ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ไปกับทุกคน
สวัสดีปีใหม่นะคะ สำหรับปี 2019 ผับชั้นสาม ยังคงเปิดทำการเหมือนเดิม
เพิ่มเติมคือความสนุกของตอนพิเศษ ที่เนื้อหาเข้มข้นแน่นอน
ฝากติดตามด้วยนะคะ
และสำหรับใครที่สนใจ เนื้อหาในส่วนของการรวมเล่ม หนมจะอัพรายละเอียดทั้งหมด
ในตอนที่อัพตอนพิเศษแรกให้อ่านกันนะคะ คิดว่า น่าจะเริ่มในวันศุกร์ที่ 5 มกราคม
สุดท้ายนี้ สวัสดีปีใหม่นะคะ happy new year ค่ะทุกคน
รักนะคะ

อย่าลืมแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า 
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-12-2018 20:55:25
 :pig4: :pig4: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 31-12-2018 21:43:05
เพราะรักคำเดียวจริงๆ

อาฟ อารยะ ผู้ชายขี้เก๊ก แต่ขี้อายสุดๆ สำคัญคือรักเดียวใจเดียว
เมด ถือเป็นคนที่โชคดี ความผิดพลาดที่ผ่านมาเป็นครูจริงๆ

ชอบตัวละครทุกตัว มีชีวิตชีวาดี เสียดายเอมมาช้า แต่ก็มา

ขอบคุณนะคะ รออ่านตอนพิเศษและเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 31-12-2018 22:01:40
 :pig4: :pig4: :L1:ชอบมากอาฟพาเมดมาสร้างบรรยากาศหน้าโรงเรียนถึงจะย้อนกลับไม่ได้แต่สร้างใหม่ได้จบเสียแล้วรอตามรวมเล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-12-2018 22:02:26
 :3123: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-12-2018 22:04:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-12-2018 22:22:31
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๒ ค่ะ ไรท์ 
ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต......
ร่ำรวยเงินทอง สุขภาพแข็งแรงนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1:

จบแล้ว  Happy Ending  :impress2:
จริงเลยที่ โกรธ เกลียด แค้น เหลานี้มีแต่ทำให้เราไม่มีความสุข
ไม่คิดเครียด อาฆาตพยาบาท ก็จบกัน
ใครทำได้ ก็ใจก็สบาย แต่ทำยากมากๆ

อาฟ  เมด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์มาก
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 01-01-2019 00:15:18
หวาน เนียนๆ กันไป ก็จบซะแล้ว
ขอบคุณกับเรื่องสนุกๆ เต็มไปด้วยอารมณ์สีสันมากมาย ให้ได้ลุ้นได้เล็งไปทั้งเรื่อง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 01-01-2019 00:24:12
……


แล้วเราก้อได้ฉลองปีใหม่ โดยอ่านนิยายข้ามปี เย้………

อ่านตอนจบของ Throw up ในคืนวันที่31 ต่อวันที่1 จบแบบเนียนๆฟินๆ

ให้ไรท์ได้มีความรักที่ยั่งยืนยาวนานมั่นคงเหมือนที่เมดได้จากอาฟน้าาาาา

ให้มีกำลังใจเขียนนิยายดีๆให้ออกมาเรื่อยๆจ้าาาา


 :bye2:   :bye2:   :bye2:   :bye2:   :bye2:   :bye2:   :bye2:   :bye2:


……
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-01-2019 01:17:53
สุขสันต์ไปกันทั่วหน้า รอบหน้าขอเป็นตาของน้องเดย์ กับ น้องอัยย์ บ้างซิ  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 01-01-2019 01:56:05
 :katai2-1: ขอบคุณมากนะคะและก็สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 01-01-2019 02:04:46
พี่อาฟกับน้องเมดปิดปี2018 และเริ่มเริ่มปี2019ได้อย่างสวยงาม
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 01-01-2019 03:40:01
จบสวยงามค่ะ ได้ข้อคิดเยอะเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
สวัสดีปีใหม่ค่า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 01-01-2019 05:22:33
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

จบได้สวยมาก  งื้อออออออ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 01-01-2019 05:44:34
จบแล้ว รักเมดจ้าขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆจ้า :pig4:

Happy New Year ขอให้น้องหนมมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงมีแต่เรื่องดีๆเข้ามาจ้า :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 01-01-2019 07:59:16
ดีมากกกก ชอบ
ชอบรักที่มั่นคงของอาฟเตอร์ อารยะมาก
รักครั้งแรก และครั้งเดียวของชีวิต
ขอให้ใช้ชีวิตมีความสุขกันทั้งคู่เลยนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: btoey ที่ 01-01-2019 10:06:12
 :katai1: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 01-01-2019 10:21:22
เป็นเรื่องราวที่มีคำหยาบอยู่มากมาย มากแบบมากจริงๆ แต่ให้ความรู้สึกมุ้งมิ้ง อย่าง ไอ้สัดพี่ ที่น้องเดย์เรียกพี่ชายสุดที่รัก 5555

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่ถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษรให้เราเดินตามเรื่องราวที่เรียกมือเรียกเท้า เรียกเสียงหัวเราะ แม้แต่เรียกน้ำตา

ขอบคุณและสวัสดีปีใหม่
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-01-2019 11:07:10
จบแล้วจบแบบเขินๆ น่ารักมากเว่ออ่ะอารยะ ไม่อยากให้จบเลยยยยยยย ขอตอนพิเศษบ่อยๆนะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-01-2019 12:37:46
สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :mew3:

จบได้น่ารักมากค่ะ ไม่ว่าจะเริ่มต้นแบบไหน
แต่ก็ยังรักไม่เปลี่ยนแปลงและไม่หมดลง

อาฟคือผู้ชายที่มั่นคงในรักมากนะ
แต่แค่ไม่ขวนขวายที่จะได้มา
พอโชคชะตาพาเมดกลับมา
ยิ่งทำให้อาฟปล่อยไปไม่ได้
รักครั้งแรกและครั้งเดียวของอาฟเตอร์
คือมิณทร์เมดจ้า ตัวจริงเสียงจริง จับต้องได้
เป็นเจ้าซาลาเปาให้อาฟได้หอมแก้มทุกเช้า
เป็นเลขาร้านให้อาฟได้จ้องมอง
คือทุกเวลาของอาฟมีแต่เมด

เมดได้เจออาฟ ทั้งที่ไม่เคยรู้ว่าอาฟมีตัวตน
แต่เมดทำได้ดี ที่พลาดไป เมดก็ปรับได้ดี
และทิ้งเรื่องเก่า สร้างเรื่องใหม่ไปพร้อมกัน
เมดทำให้อาฟเข้าใจการใช้ชีวิตคู่มากขึ้นนะ
เพราะต่างคนต่างฝังใจ และคาดหวังกับรักครั้งนี้

อาฟเมดคือความลงตัว ถึงไม่พอดี
แต่อาฟขาดเมดไม่ได้
เหมือนที่เมดก็ขาดอาฟไม่ได้แล้ว

เจคือเพื่อนแท้ ไม่ทิ้ง ไม่หาย
ให้ข้อคิดและพร้อมลุยไปด้วยกัน
เอมกลับมาสักทีนะ อย่างน้อยก็ได้กลับมาเจอกัน
ตอนที่อาฟต้องการเพื่อน ถึงแม้จะไม่เอ่ยปากเลย
และเอมก็เป็นคนยืนยันสิ่งที่เคยเกิดให้เมดได้รับรู้

วิวคือคนที่ป่วน กวนประสาท และงอแงเก่ง
แต่รักพี่เมดและพี่เจมาก บอกเลย

เดย์กับอัยย์คือน้องชายที่เกิดมาเพื่ออยู่กับพี่จริงๆ
ทีมสนับสนุน กำลังเสริม และความป่วนประสาท

ขอบคุณคุณหนมมากนะคะ สำหรับนิยายเรื่องนี้
พลิกหลายตอน ลุ้นก็หลายตอน รอตอนพิเศษจ้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 01-01-2019 15:22:25
จบแล้ว ดีงาม ปลื้มปริ่มมาก ขอบคุณนักเขียนที่สร้างสรรค์นิยายดีๆ ให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 01-01-2019 15:23:58
จบแล้ว ใจหายมากๆเลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีเรื่องนี้นะคะตัวเอง
นอกจากความสนุกแล้ว เราได้อะไรจากการอ่านเรื่องนี้เยอะมากๆเลย
ต้องคิดถึงอารยะกับน้องเมดมากแน่ๆ แงงงง ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 01-01-2019 15:53:04
อบอุ่นหัวใจ อบอุ่นมากๆ ความรักที่อาฟมีให้เมดมันอบอุ่นหัวใจ อ่านไปยิ้มไป ยิ้มต้อนรับปีใหม่กันเลย เมดเค้าเป็นคนดีเค้าเลยได้รับสิ่งดีๆ ...อยากได้หนังสือค่ะ เค้าอยากได้ รอตอนพิเศษด้วยค่ะ ขอแบบอ่านไปอมยิ้มไปได้ไหมค่ะ แบบนี้มันเติมพลังชีวิตได้ดีมากๆเลยค่ะ
ปล.สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณผู้เขียน ขอให้คุณผู้เขียนพบเจอแต่คนดีๆและสิ่งดีๆตลอดปี2562 เลยนะค่ะ แล้วก็ขอขอบคุณคุณผู้เขียนจากหัวใจเลยนะค่ะ ขอบคุณที่ได้เขียนเรื่องราวดีๆอบอุ่นแบบนี้ให้พวกเราได้อ่าน เรื่องนี้เค้าอ่านมา 5 รอบค่ะ อ่านกี่ครั้งก็อบอุ่นและอมยิ้มตลอดเลย ทุกวันศุกร์เค้าก็จะใจจดใจจ่อมารออาฟกับเมดมากๆ พออ่านตอนอาฟกับเมดมีเรื่องไม่เข้าใจกัน เค้าล่ะเครียดนอนไม่ค่อยจะหลับเลย แต่พออ่านตอนอาฟกับเมดหยอดกันเค้าก็หลับสบายเลยค่ะ ไม่อยากให้เมดกับอาฟไปไหนเลยค่ะ อยากมาอ่านเมดกับอาฟทุกวันศุกร์ตลอดไปจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 01-01-2019 17:03:40
เอ้าจบแล้ว น้องเมดยังไม่ได้เจอพ่อแม่เลย
จะมีตอนพิเศษมั้ยน้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 02-01-2019 00:15:04
เป็นการจบแบบเหมือนได้ย้อนเวลาไปทำสิ่งที่อยากทำ ได้บอกว่าชอบ บอกชื่อ มีความสุขมากๆ จริงๆยังไม่อยากให้จบเลยอ่ะ อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆจนถึงเมดกับอาฟได้เจอพ่อแม่ของกันและกัน รอตอนพิเศษนะคะ ขอบคุณค่ะรักเรื่องนี้ :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-01-2019 10:56:48
จบแล้ว สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 02-01-2019 11:37:22
จบแล้ว เป็นเนื้อเรื่องที่ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับความรักได้มากขึ้นเลยว่า คนนอกกับคนในทำไมถึงคิดต่างกัน

ชอบมากจริงๆค่ะ จะรอติดตามเรื่องใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-01-2019 12:23:00
ซีนจบคือ หวีดมาก เฮียอาฟเป็นคนอ่อนโยนซักที5555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 02-01-2019 16:46:52
อาฟเตอร์มุมนี้  ทำให้อิจฉาเมดมากกกก
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่านค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: clairon ที่ 02-01-2019 18:25:13
 :impress2:
งุ้ยยย เขินตามเลย หมดทุกข์แล้ว ทิ้งเรื่องร้ายๆในปีเก่า เริ่มต้นกันใหม่กับชีวิตที่ดีกว่า ในปี2019 นะคะ
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆนะคะ
ชอบความน้องเมดมากๆ น้องเมดคือความพอดีของอาฟจริงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 02-01-2019 22:18:15
ขอขอบคุณคนแต่งที่สร้างสรรค์ผลงานดี ๆ เรื่องนี้ให้เราได้อ่าน เราได้ฉุกคิด ได้ทบทวน ได้ข้อคิด และอีกมากมายจากนิยายเรื่องนี้ทั้งมุมมองต่อความรัก การใช้ชีวิตของคนเป็นแฟน หรือการดำเนินชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับเพื่อน อดีต แม้กระทั่งเรื่องราวในปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่ หรือการมองไปถึงอนาคต
อาฟและเมดได้เคลียร์เรื่องที่ค้างอยู่ในใจก็โอเคแล้ว เป็นตอนจบที่โอเคมาก มีความสุข แอบใจหายนิด ๆ ที่นิยายจบแล้ว จะรอติดตามตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 03-01-2019 08:35:23
 :mew1: ผู้ชายร้าย ๆ ดูแบดๆ แต่รักเดียวใจเดียว จะยังมีเหลืออยู่หรือเปล่าคะ 555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 03-01-2019 11:12:43
ในที่สุดก็ happy

 :L2: :L2:

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 04-01-2019 00:13:42
รักพี่อาฟรักน้องเมด รักๆๆๆๆๆๆๆ
รอตอนพิเศษที่แสนอบอุ่นแบบนี้ :L1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-01-2019 02:20:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 05-01-2019 10:50:08
 o13 รักและคิดถึงอาฟเมดนะคะ จุ้บ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 05-01-2019 16:21:47
มารอจ้ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { ตอนที่ 50.2 ( ตอนจบ ) :: up! 31-12-61} #หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 05-01-2019 16:48:00
สนุกเข้มข้นมาก อาฟโคตรดีกับเมด แบบโคตรรักจริงๆ ดูแล ปกป้องทุกสิ่ง
ชอบเวลาอาฟทำเป็นพูดกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง น่าร้ากกกก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
บวก1จ้า^^
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: { เปิดจองนิยาย :: up! 5 -1-62} #หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 05-01-2019 21:16:29
(https://scontent.furt1-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/49472181_1904824249615410_5956491908606853120_n.jpg?_nc_cat=110&_nc_eui2=AeH7nZpbZr0KWbhOmbu0SGqVgOmPvf3DeejApxpSPLPlElPDzQI9XOC_wpmuZGgRHOw1uQ8d2qxJNPe4p3hLtlVgZX2Jq0tDDoPqSa6PY6w5Lg&_nc_ht=scontent.furt1-1.fna&oh=0952e84f7d0a5b6ed8e98563a9676e63&oe=5CD74257)

ประกาศรวมเล่มนิยาย ' throw up #ผับชั้นสาม '


 เปิดจองตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2562 - 5 มีนาคม 2562 

       นิยายเรื่องนี้ ไม่มีการจ่ายมัดจำเพื่อจองคิว  จ่ายเต็มจำนวนเท่านั้น ( * เพื่อความสะดวกในการรวบรวมจำนวนหนังสือ )

รายละเอียดโดยรวม + ราคา

หนังสือ ' throw up #ผับชั้นสาม ' เป็นหนังสือชุดมี 3 เล่ม ราคาชุดละ 1500 บาท
ค่าจัดส่งหนังสือ 150 บาท  ( หนังสือหนักมากกว่า 2 kg. ไม่สามารถส่งแบบลงทะเบียนได้ )

= ราคารวมค่าจัดส่ง 1650 บาท =

  #ตัวอย่างรูปแบบปกยังไม่เสร็จสมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถอัพโหลดได้
          ***รอก่อนนะคะ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะอัพเดทให้ชมเลยค่ะ

รายละเอียดของหนังสือ
 
- เนื้อหาหลัก 50 ตอน ตอนพิเศษ 18 ตอน รวม 68 ตอน
***จำนวน 1500+ หน้า ( แบ่งเป็นเล่มละ 500 หน้า )

**เนื้อหาตอนพิเศษสงวนสิทธิ์ให้อ่านในหนังสือเท่านั้นมากกว่า 10 ตอน
 ***ตอนพิเศษอาจจะมากกว่านี้จะแจ้งอีกทีเมื่อนิยายเสร็จสมบูรณ์แต่จะไม่น้อยกว่านี้ค่ะ

- ปลอกสวม  1 ชิ้น ( สำหรับใส่ชุดหนังสือ 3 เล่มจบ )
- ที่คั่น 3 ชิ้น

ของแถม

*สำหรับ 80 คนแรก
 
-โปสการ์ดพิเศษ 1 ใบ

**สำหรับการสั่งจองหนังสือในรอบแรกเท่านั้น ( ตั้งแต่วันที่ 4 มกรา 62 - 4 มีนา  62 )

-โปสการ์ดพิเศษ 2 ใบ
-ตอนพิเศษ 1 ตอน ( ยังไม่กำหนดจำนวนหน้า แต่ไม่ต่ำกว่า 5 หน้า A5 )

***สำหรับการสั่งจองหนังสือในรอบอื่น ( สำหรับรีปริ้น )

-       คูปอง throw up 1 ใบ
- Throw up Guide book ภาพการ์ตูน พิมพ์สี  3 หน้า

#สั่งภายใน 80 คนแรก ได้ครบทุกชิ้น
#สั่งไม่ทัน 80 คนแรก ขาดแค่โปสการ์ดพิเศษใบเดียวที่เหลือได้ครบค่ะ

#ทั้งนี้ไม่ขายหนังสือ และของแถม แยกชุด ไม่ว่าในกรณีใดๆทั้งสิ้น

รายละเอียดการสั่งจอง + โอนเงิน

1. เมื่ออ่านรายละเอียดเรียบร้อบแล้ว ให้โอนเงินมาที่บัญชี #พร้อมถ่ายสลิปหลักฐานการโอนเงินไว้ด้วยนะคะ
ชื่อบัญชี นางสาวอรชา ภูมิมาตร
ธนาคารไทยพานิชย์ สาขา บางจาก
เลขที่บัญชี 0892649044

**( ไม่ใช่เบอร์โทรศัพท์และไม่มีพร้อมเพย์ )

#สำคัญมาก " ถ่ายสลิปหลักฐานการโอนเงินเก็บไว้ด้วยนะคะ "

2. แจ้งโอนเงิน และกรอกข้อมูลด้านล่าง {. ในลิงค์  https://goo.gl/forms/KAoz8z3z0vd9awOt2  }

3. อัพเดทการแจ้งโอนในภายใน 3 วัน และ ถ้าหากไม่มีชื่อขึ้นในฟอร์มภายใน 3 วัน
กรุณาติดต่อที่ DM twitter : @realkanom หรือ กล่องข้อความ facebook : หนมมี่ผู้ใสซื่อ

#ทั้งนี้ที่ 1. หนังสือสามารถโอนเงินได้เลย

#ทั้งนี้ที่ 2. รายชื่อของคนโอนเงินแล้วจะอัพเดทลงฟอร์มให้ทุก 3 วัน โดยประมาณ

#ทั้งนี้ที่ 3. หนังสือในรอบแรกนี้จะพิมพ์มาเผื่อฉุกเฉิกในจำนวนที่พอเหมาะเท่านั้น ไม่พิมพ์ที่ในจำนวนเยอะเหมือนเรื่องก่อนแล้วค่ะ เพื่อตัดปัญหาการเสื่อมล้ำทางการสั่งจอง

 เช็ค และ ติดตามความคืบหนังสือของได้ทางเพจ fb " หนมมี่ผู้ใสซื่อ " และ ทวิตเตอร์ “ realkanom ”

หากมีข้อสงสัย ติดต่อ
twitter : @realkanom
facebook : หนมมี่ผู้ใสซื่อ

ขอบคุณมากค่ะ




หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {เปิดจองนิยาย :: up! 5-1-62} #หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: TuEyyy ที่ 06-01-2019 00:55:01
รักกันตลอดไปน๊าาา ขอบคุณนะคะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {เปิดจองนิยาย :: up! 5-1-62} #หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 06-01-2019 19:19:14
ขอบคุณ​สำห​รับ​นิยายเขินๆห่ามๆแบบนี้​ สมเป็น​อารยะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {เปิดจองนิยาย :: up! 5-1-62} #หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 06-01-2019 20:28:07
โอ้ยยยยยยย คือดีมากกก

เปิดเรื่องมา นึกว่าอิอาฟจะเลว ที่ไหนได้

อบอุ่น อ่อนโยน ดูแลดีมากกกกกกกกก

อยากเป็นเมดเลย เมดก็ดีเสมอต้นเสมอปลาย

ฝั่งพระเอกคืองานดีทั้งหมด อยากได้มาไว้ในครอบครอง

เมดเจ้าไปคือดอกไม้งามในหมู่โจร แต่เป็นโจรที่ดีนะ อิจเบาๆ

ขอบคุณคนเขียนมากกกกกกกก สนุกมากกกกก  o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {เปิดจองนิยาย :: up! 5-1-62} #หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 07-01-2019 15:23:52
ตอนจบละมุนเกิน  :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {เปิดจองนิยาย :: up! 5-1-62} #หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 10-01-2019 06:36:09
ในชีวิตเมดนี้จะมรสุมอะไรขนาดน้านนนนนนนนน สุดๆ ดีที่อาฟเข้ามา

เราอ่านไปอ่านมาละรู้สึกจิ้นบุคลิกอาฟเปลี่ยนไปอ่ะ ทั้งๆที่อาฟอาจเตี้ยกว่าเมด 5555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {เปิดจองนิยาย :: up! 5-1-62} #หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 10-01-2019 12:06:37
สนุกมาก ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {เปิดจองนิยาย :: up! 5-1-62} #หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 10-01-2019 14:19:57
เป็นนิยายที่ยาวมากแต่ก็รู้สึกไม่เบื่อเลย ได้จ้อคิดเยอะด้วย ขอบคุณนะคะที่เขียนนิยายเรื่องนี้ออกมาให้ได้อ่าน เเละขอเป็นกำลังใจให้สำหรับการสร้างสรรค์นิยายเรื่องต่อๆไปคะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {เปิดจองนิยาย :: up! 5-1-62} #หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: littlepink ที่ 10-01-2019 17:10:06
สนุก ตลก อบอุ่น ได้ข้อคิด ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 12-01-2019 20:23:38

ตอนพิเศษ
 1

ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศชวนให้ผมซุกตัวเข้ากับผ้าห่มหนาผืนใหญ่และความไออุ่นจากคนข้างกาย ที่เพียงแค่ขยับตัวเข้าไปใกล้เสียหน่อยก็เอื้อมมือมากอดเอวกันไว้แน่นอย่างอัตโนมัติ คนเรานั้นมักเปลี่ยนแปลงอริยาบทไปมาบนเตียงเพื่อหามุมนอนสบาย เช่นเดียวกับผมที่ตอนนี้กำลังพลิกตัวไปมาเพื่อหามุมที่จะนอนสบายที่สุดในอ้อมกอดของคนรัก

“ เลือกสักท่า ” เสียงทุ่มติดแหบเอ่ยบอกกัน แต่ผมก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาสนใจแต่อย่างใด ทำได้แค่พลิกตัวไปมาอยู่อย่างงั้นจนสุดท้าย ท่าที่หน้าซุกเข้าตรงซอกคอของอาฟก็เป็นท่าทางที่สบายที่สุด

วันนี้ผมเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการโดนปลุกแบบอีกฝ่ายหอมแก้มแรงๆจนต้องรู้สึกตัวเหมือนอย่างเดิม และประโยคคุ้นหูที่ได้ยินก็ไม่เคยเปลี่ยน  ‘ หมวย ตื่นขึ้นไปช่วยป๊าขายซาลาเปา ’ ทุกอย่างยังคงเป็นแบบนั้น แม้กระทั้งตัวผมที่พลิกตัวหันหนีไปอีกทางก็เช่นกัน

“ นี่เที่ยงแล้วเหรอวะ ” เอื้อมมือไปหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดดูเวลาก่อนจะกดล็อคหน้าจอแล้วคว่ำมันลงข้างตัว ผมหันไปกอดอาฟที่กำลังนอนเล่นมือถืออยู่อีกครั้งก่อนจะลืมตาสู้แสงขึ้นมองหน้าจอมือถือที่อีกฝ่ายกำลังเล่นในนั้นปรากฏโปรแกรมอินสตาแกรมที่อีกคนกำลังเลื่อนดู นิ้วโป้งเลื่อนภาพขึ้นไปเรื่อยๆกดไลค์ในภาพรถคันที่ชอบ ไม่ก็ภาพเพื่อนพ้องที่ติดตามกันอยู่ และมาหยุดนิ้วที่ภาพของผมที่เพิ่งอัพก่อนจะนอนเมื่อคืน

มันเป็นภาพถ่ายเซลฟี่ของผมในรถตอนขากลับจากผับมาคอนโดโดยที่พื้นหลังนั้นก็เป็นคนขับที่กำลังตั้งใจขับไปตามทางเลยเห็นแค่เสี้ยวหน้า ในนั้นผมเขียนสเตตัสสั้นๆเป็น ภาพอีโมจิคนขับรถ กับหัวใจหนึ่งดวง และในตอนนั้นคนที่กำลังดูก็ทำทีเป็นจะเลื่อนผ่านไป

“ เดี๋ยวๆ มึงไม่กดไลค์ภาพกูหน่อยเหรออารยะ ”

“ กดไลค์เหี้ยไร กูไม่ได้ถูกใจ ” หันมาบอกกันด้วยหางตา ผมก็ทำได้แค่จ้องมันกลับไป เราเงียบให้กันไปชั่วขณะหนึ่งจนผมต้องถามต่อด้วยความสงสัย

“ ทำไมไม่ถูกใจวะ หน้ามึงหน้าเกลียดเหรอ ไหนมาดู ” ดึงตัวเองเข้าไปดูภาพนั้นใกล้ๆแต่ก็โดนคนที่ถือมือถืออยู่เอามือถือนั้นเข้ามาเคาะกันที่หัวเบาๆ “ ก็ไม่เห็นจะหน้าเกลียด มุมข้างมึงดูดีนะกูว่า อีกอย่าง.. ”

“ ไม่ถูกใจเพราะแฟนกูน่ารัก แล้วกูไม่ชอบให้มันไปเสนอหน้าน่ารักแบบนั้นให้คนอื่นเห็น ” คนข้างกันหันมาบอกด้วยสีหน้าจริงจังทำทีเป็นไม่ได้รู้สึกเขินอะไร ทั้งที่หูยังแดงจัดและไม่นับท่าทางประหม่าที่ต้องกลืนน้ำลายก่อนจะเก็กหน้าบอกกันแบบหาเรื่อง “ จบมั้ยครับ ”

“ จบก็ได้ครับผม ” กลั้นยิ้มตอนที่พูดออกมาแบบนั้นก่อนจะซุกตัวเข้าไปกอดกันแน่นขึ้น “ มึงแม่ง เล่นกูตั้งแต่เช้าเลยนะ ”

“ เล่นไร กูพูดถึงแฟนกู ใช่มึงที่ไหน ”

“ มุกนี้อีกละ ” ว่าเซ็งๆพลางถอนหายใจก่อนจะบอกเสียงดัง “ ก็กูนี่แหละแฟนมึง ”

“ พูดเหมือนเบื่อแต่กูก็รับมุกกูทุกที ” เสียงล็อคหน้าจอดังขึ้นหลังจากพูดคำนั้น ก่อนสองแขนของคนที่ผมกอดไว้จะเอื้อมมากอดเอวผมเช่นกัน แล้วในตอนนั้นผมก็บอก

“ ใครบอกว่ากูเบื่อ กูไม่เคยเบื่อเลย ” ท้ายประโยคนั้นเสียงเบา แต่ทว่าความรู้สึกสุขมันกลับล้นออกมาราวกับน้ำที่ล้นแก้ว และถึงใครจะบอกว่าหวานเลี่ยนยังไง ผมก็ยังยืนยันว่าช่วงเวลาแบบนี้คือช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดและไม่เคยเบื่อเลยสักครั้ง

ผมชอบที่จะได้สูดกลิ่นอุ่นๆของคนที่นอนข้างกันในตอนเช้า อาฟมีกลิ่นตัวอุ่นๆที่ผมก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่ามันคือกลิ่นที่คล้ายกับอะไร แต่มันเป็นกลิ่นที่ดมแล้วรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก  แล้วถ้าใครบอกว่าเตียงมีพลังดึงดูดในตอนเช้า ผมว่าอาฟเองก็ไม่ต่างกับอะไรแบบนั้นในความรู้สึกผม มีอ้อมกอดที่ดึงดูดกันไว้ จนอยากจะนอนกอดกันอยู่แบบนั้นไม่ไปไหนแม้จะปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปเป็นครึ่งค่อนวัน

“ เที่ยงนี้กินอะไรกันดี ” ผมคำถามที่ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของอีกคน สมองที่กำลังประมวลคำตอบแต่ทว่าก็ไม่มีอะไรอย่างที่รู้สึกอยากกินเลยในเที่ยงวันนี้

“ ไม่รู้เลยว่ะ ”

“ เหมือนกูเพิ่งเคยได้ยินประโยคนี้เป็นครั้งแรก ” เสียงแซวที่มาพร้อมการยกยิ้มที่หอมลงไปตรงข้างแก้มของผม ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นจากเตียงมานั่งขยับคอไปมา ก่อนจะหันมามองกัน “ ข้าวหน้าปาไหลมั้ยละ เมื่อวานมึงบ่นว่าอยากกินไม่ใช่หรือไง ”

“ เออ อยากกิน ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะหันไปหยิบมือถือที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมา จำได้ว่ามันเป็นรีวิวที่ผมเห็นผ่านในเพจแนะนำอาหารของเฟสบุ๊คเลยบอกอาฟไปตั้งแต่เมื่อวาน แต่เพราะตอนนั้นเรานั่งกินข้าวกันอยู่แล้ว ก็เลยต้องยกยอดมันไปไว้วันอื่น “ ดีนะที่มึงจำได้ กูลืมไปด้วยนะ ”

“ แปลกจัง มึงลืมของที่อยากแดกได้ด้วย ”

“ หมายความว่าไงวะ ” เหลือบตามองอีกคนที่ก็แค่ยกยิ้ม ก่อนจะก้มหน้าลงหอมแก้มผม “ ลองส่องกระจกดูสิ ไอ้แก้มอ้วน ”

“ K ” สบถออกมาแบบไม่ออกเสียง ก่อนจะบ่นต่ออยู่ในใจ ‘ ว่ากูอ้วนอีกแล้วนะไอ้เหี้ย ’ ทั้งๆที่ผมไม่เห็นรู้สึกว่าตัวเองจะอ้วนขึ้นตรงไหน ออกจากจะผอมลงไปด้วยซ้ำ เพราะช่วงที่อาฟเข้าโรงพยาบาล ผมกินไม่ค่อยได้นอนก็ไม่ค่อยหลับ กางเกงที่เคยใส่ไม่ได้เพราะคับ ช่วงนี้ก็เลยใส่ได้หมดทุกตัว แต่ที่สงสัยคือทำไมทุกส่วนในร่างกายลดหมด แต่แก้มไม่เห็นลดเลย ทำไมก็ไม่รู้

กรรมพันธุ์แน่ๆ ไม่ใช่ความผิดของผมหรอก

มหาวิทยาลัยเอกชนในช่วงบ่ายโมงดูครึกครื้นกว่าทุกครั้งที่ผมมา ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าวันนี้ต่างจากทุกครั้งที่มา เพราะมองไปทางไหนก็เหมือนแต่จะมีนักศึกษาจับกลุ่มเดินไปมา ทั้งที่ปกติมันจะเงียบกว่านี้

“ วันนี้ที่มหาลัยมึงเหมือนมีงานอะไรเลย ”

“ เหรอ ”

“ คนมันเยอะแปลกๆ ”

“ ช่วงเวลาพักพอดีมั้ง ” อาฟว่าแบบนั้นก่อนจะกดล็อครถแล้วเดินออกไปตามทางเดิน ผมเปิดประตูเข้าไปในคาเฟ่ตามปกติอย่างทุกที แล้วก็เป็นอย่างที่คิดในใจ โต๊ะด้านในวันนี้เต็มทั้งหมด

“ พี่เมด ” เสียงคุ้นหูเอ่ยเรียกชื่อผมในตอนที่กำลังจะหันหลังเดินออก แล้วตอนที่หันไปตามเสียงนั่นตรงมุมร้านที่โต๊ะโซฟาตัวนั้น ผมก็พบคู่หูตัวป่วนอย่างบาร์เทนเดอร์ของ throw up นั่งอยู่ด้วยกันสองคน ‘ ลืมไปเลยว่าน้องเดย์น้องอัยย์เรียนที่นี่ ’ คิดแบบนั้นอยู่ในใจก่อนจะเดินตรงไปหาแล้วนั่งลงข้างน้องเดย์ที่เป็นเก้าอี้ว่าง

“ ปกติมีเรียนวันนี้กันด้วยเหรอวะ ”

“ มีสิครับผม ” น้องตอบผมก็ขมวดคิ้ว เพราะมาที่นี่ในวันนี้ก็หลายครั้งแต่ไม่เห็นจะเคยเห็นทั้งคู่มานั่งอยู่แบบนี้เลย

“ ปกติน้องอัยย์กับไอ้เดย์จะกลับก่อนเพราะว่าชอบกลับไปนอนเอาแรง แต่วันนี้น้องอัยย์เห็นว่าที่คาเฟ่คนเยอะ ก็เลยชวนไอ้เดย์มานั่งจองโต๊ะให้พี่เมดไง เพราะไม่ว่ายังไงเฮียก็ต้องหนีบพี่เมดมาอยู่แล้วละ จริงมั้ย ”

“ นี่คิดถึงพี่เมดขนาดนี้เลยเหรอวะ ” ผมแอบภูมิใจแต่ในขณะนั้นเองคนที่ยืนอยู่ข้างเก้าอี้ผมก็หัวเราะหึในคอออกมา อาฟยกยิ้ม

“ ถ้าเพื่อนไม่นัดทำรายงาน พวกมึงก็คงต้องนัดใครไว้สักคน กูพูดถูกมั้ย ” สายตาเลิ่กลั่กที่มองกันของเจ้าตัวแสบที่โกหก ผม ชวนให้ถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้า

“ ไอ้เราก็คิดว่าคิดถึงเรา ”

“ มึงฝันไปเถอะ อะไรแบบนั้นในโลกใบนี้มันมีแค่กูเท่านั้นละที่ทำได้ ” คำพูดที่พูดออกมาพลางเอามือล้วงกระเป๋าดูเหมือนไม่ค่อยตั้งใจเท่าไหร่ แต่เพราะในร้านเงียบมันเลยทำให้เราได้ยินคำพูดนั้นชัดเจน แล้วตัวเองผมก็ทำทีเป็นเอียงตัวแซวมัน

“ มึงว่าไงนะ  อะไรมีแต่มึงเท่านั้นที่ทำได้นะ ”

“ กวนตีน ” อาฟหันมาบอกกันก่อนจะเชิดหน้าไปที่เค้าท์เตอร์ของร้านคาเฟ่ด้วยหูแดงๆอย่างเปลี่ยนเรื่องคุย “ เค้กมะพร้าวของโปรดมึงชิ้นสุดท้ายแล้วนะ ไม่ลุกไปตอนนี้อาจจะไม่ได้แดกนะ  ”

“ เชี้ย ” ผมที่หันมองตามสบถออกมาอย่างงั้นก่อนจะผุดลุกขึ้นทันที แต่ก็ไม่ลืมถามอีกคน “ มึงเอาคาราเมลมัคคิอาโต้ด้วยนะ ”

“ อื้ม ”

“ เด็กๆเอาไรมั้ย ”

“ ไม่ละคร้าบ ” ทั้งน้องเดย์น้องอัยย์เขย่าแก้วที่ตัวเองกินอยู่ใส่ผม เพื่อบอกใบ้ว่าของตัวเองมีแล้ว

“ งั้นเดี๋ยวมานะ ”

“ ไปเร็วๆนะจ๊ะ ทางนี้คิดถึง ”

“ เอาตีนกูก่อนมั้ย ”  แล้วคำถามของคนเป็นพี่ทำให้คนพูดอย่างน้องอัยย์ถึงกับปิดปากก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ อันนี้ไม่เอาจ้า น้องเกรงใจ ”

เค้กมะพร้าวสีขาวถูกยกมาตั้งไว้ตรงหน้าพร้อมกับช็อคโกเล็ตเย็นหนึ่งแก้วแล้วก็คาราเมลมัคคิอาโต้ ที่อาฟบอกบ่อยๆว่าไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ผมชงอร่อยกว่าเยอะ แต่ก็เห็นด้วยว่ามันเป็นอย่างงั้นอย่างคนไม่หลงตัวเอง แต่เพราะชอบกินเค้กมะพร้าวของที่นี่มาก ครั้นจะกินแค่เค้กมะพร้าวก็กลัวจะติดคอ เลยจำใจสั่งช็อกโกแลตเย็นไปอีกแก้ว ทั้งๆที่ร้านน้ำปั่นหลังมหาลัยอร่อยกว่าเป็นกองแถมถูกกว่าด้วย

“ แล้วนี่พวกมึงมานั่งทำอะไรกันอยู่ตรงนี้ ” อาฟเอ่ยถามน้องที่ก็ช่วยกันกินเค้กในจานผมคนละคำสองคำแบบที่ไม่ได้ร้องขอ น้องเดย์ที่ตอนนั้นตักเค้กเข้าไปคำโตด้วยความอร่อยหันไปตอบพี่ชาย

“ นัดทำรายการกลุ่มอะ แต่เสร็จละ นี่ว่าจะนัดกันไปหาอะไรกิน ”

“ กูว่าไปกินชาบูดีกว่า นางในๆ ” น้องอัยย์บอกผมก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงไปในคอ คิดจินตนาการไปถึงสามชั้นสไลค์ที่ถูกคีบเอาลงไปแกว่งเบาๆในน้ำสุกี้สีดำแล้วจิ้มน้ำจิ้มสูตรเด็ดก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอไปด้วยความอยากอาหาร

“ รู้สึกเหมือนมีคนอยากกินว่ะ ” ทำทีเป็นหันไปมองรอบๆตอนที่น้องเดย์พูดแบบนั้นก่อนจะที่น้องอัยย์จะตะโกนเสียงดัง
“ พี่เมดนั่นแหละ! ”

“ ไปกินด้วยกันมั้ยละ ”  น้องเดย์หันมาถาม ผมก็ได้แต่ส่ายหน้า

“ เพิ่งกินข้าวหน้าปลาไหลมา ”

“ ถ้าแดกอีกพวกมึงก็ไม่ได้เอามาส่งกูนะ ” อาฟที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันพูดขึ้นเสียงเรียบๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผมแบบยิ้มๆ “ เอาไปส่งโรงเชือดได้เลย ”

“ ไอ้สัด ”

“ เนื้อแก้มตอนนี้คือแบบสไลค์ให้บางเหวี่ยงสามทีคงกินได้เลย ” น้องเดย์ที่หันมามองหน้าผมพูดเสริม ในตอนนั้นทุกคนก็หันมามองจนผมต้องเอามือปิดหน้า

“ คือพวกมึงจะหิวก็ได้ แต่พวกมึจะหิวจนอยากจะแดกแก้มกูไม่ได้ ”

“ ก็น่าบีบจังเลยยยยยย ” ไม่พูดเปล่าแต่มือหนาของน้องเดย์กลับยื่นมาบีบแก้มผมด้วย แต่ทว่ายังไม่ทันจะพูดเย้าอะไรสายตาของคนพี่ที่มองมาก็เหมือนจะเป็นคำสั่งที่บอกให้คนเป็นน้องปล่อยมือลง

“ พี่เมดบอกสัดพี่สิว่าไม่เจ็บเลยสักนิดเดียว ”

“ เจ็บอะ โอ้ย เจ็บ เจ็บมากๆ จะตายแล้ว เรียกรถโรงพยาบาลให้ที เนื้อแก้มจะหลุดออกมาแล้ว โอ้ยยย ” ทรุดหน้าลงกับเข่า ตอนที่ร้องโอดโอยออกมาก็ส่งเสียงโอเว่อร์เสียจนนักแสดงเจ้าบทบาทยังยอมแพ้

“ ออสก้ามากพี่สะใภ้กู ” แล้วคำพูดเบาๆพลางส่ายหน้าไปมานั้นก็ทำให้คนที่นั่งร่วมโต๊ะหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างห้ามไม่อยู่

“ อ้าว ไอ้อาฟ ” เสียงทักดังขัดเสียงหัวเราะของเราหรือแม้แต่การพูดคุยนั่นให้หยุดชะงัก ชายร่างสูงที่เดินเข้ามาสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีฟอกที่ดูธรรมดาแต่กลับดูดี อาจเพราะทรงผมที่เช็ตมาอย่างดีนั่นมันเข้ากันกับหน้าตาหล่อเหลาที่แค่พูดก็รู้สึกว่าต้องเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างมีเสน่ห์ในระดับหนึ่ง

“ พี่กิต หวัดดีพี่ ” คนตรงหน้าผมยกมือขึ้นไหว้คนที่ทักด้วยรอยยิ้มก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงอย่างยินดี มือที่เอื้อมจับมือของอีกคนที่เอื้อมมือมาจับกันในตอนนั้นน้องเดย์ก็กระซิบผม

“ รุ่นพี่ของสัดพี่ตั้งแต่สมัยม.ปลาย แล้วก็เป็นคนในแก้งค์แข่งรถด้วย ”

“ แก้งค์แข่งรถ ? ” หันไปถามน้องแต่ยังไม่ทันจะได้คำตอบอะไร น้องเดย์ก็จับไหล่ผมให้หันไปมองคนสองคนที่ก็หันมามองกันพอดี

“ เมด นี่พี่กิต ” อาฟแนะนำอีกฝ่าย ผมก็ยกมือไหว้“ พี่กิต นี่เมดแฟนผม ”

“ อ๋อ แฟนมึง ”  พี่เค้าบอกก่อนจะพยักหน้ารับให้ผมแบบยิ้มๆ ในแววตาที่มีแต่คำแซวนั้นชวนให้มันหูแดงก่อนจะหันไปทางอื่น “ สวัสดีครับ ”

“ ไม่เจอพี่กิตนาน หล่อขึ้นเลยว่ะ ออร่าของความเป็นเจ้าของรีสอร์ทมันเปล่งประกายสุดๆ ”

“ มึงนี่นะไอ้สัดเดย์ ” พี่กิตชี้หน้าน้องชายข้างผมอย่างคาดโทษ ก่อนอาฟจะเอ่ยถามเปลี่ยนเรื่อง

“ แล้วพี่มาทำอะไรที่นี่วะ เรียนจบไปเป็นปีแล้วไม่ใช่เหรอ จะกลับมาต่อโทหรือไง ”

“ มึงถามคนที่แค่ตรียังไม่ค่อยจะรอดเหรอไอ้สัด ” พี่เค้าบอกก่อนจะหัวเราะ “ กูมารับเมียกู ”

“ มั่นใจเลยดิคนนี้ ” น้องอัยย์ถามคนตอบก็หันซ้ายดูขวา ก่อนจะยักคิ้วเป็นคำตอบโดบไม่พูดอะไร แต่นั่นก็เรียกรอยยิ้มแล้วก็เสียงโห่ของพวกเราขึ้นมาทันที

“ ว่าแต่กู กูก็ไม่เจอพวกมึงนานเหมือนกัน โดยเฉพาะมึงไอ้สัดอาฟหายหัวไปเลยนะ ปกติเดือนนึงต้องเจอที่สนามแข่งรถสักครั้ง ไม่ก็สองสามครั้งไม่ใช่เหรอวะ ”

“ ไม่ค่อยว่างพี่ ”

“ ติดแฟนก็สารภาพมาไอ้สัด ” เชิดหน้ามาทางผม แต่คนโดนถามก็ไม่ได้พูดปฎิเสธอะไร เหมือนจะบอกเป็นนัยว่ามันก็รู้สึกแบบนั้น “ กิจการผับมึงเป็นยังไงบ้าง กูไม่ได้ไปนาน โทษทีนะ แม่งโคตรยุ่งกับรีสอร์ทเลยว่ะ พ่อกูก็ขยันเปิดใหม่ชิบหาย ”

“ คนรวยพูดยาก ” อาฟบอกยิ้มๆ “ แต่กิจการดีพี่ เลขาผมเก่ง ”

“ มึงจะชมเมียมึงก็ได้นะสัดพี่ แต่มึงจะข้ามหน้าข้ามตาคนชงเหล้าที่นั่งอยู่ตรงนี้อย่างพวกกูสองคนกับการตลาดอย่างพี่เจ รวมถึงผู้จัดการและคนเสิร์ฟอื่นๆไม่ได้ เข้าใจมั้ย”

“ เสือก ” อาฟตอบ

“ ไม่ใช่เมียมันก็ยากหน่อยละสัดเดย์ที่มันจะใส่ใจ ” พี่กิตบอกก่อนจะยิ้มให้ผมที่ก็ทำได้แค่ยิ้มรับ เค้าก็หันไปมองอาฟ “ หลงน่าดูนะสัด ”

“ พูดมากว่ะ ”

“ ยังไงถ้าวันนี้มึงว่างไปจอยกันหน่อยมั้ยละ ไม่ได้ขับแข่งกันนานแล้วนะ ”

“ ว่ามา สนามไหน ”

“ พีระเซอร์กิตพัทยา ”

“ เอาสิ ” อาฟพยักหน้ารับก่อนจะเหล่มองผม “ ติดหนี้ต้องพาเด็กไปเที่ยวทะเลอยู่พอดี ”

“ โอเค ”

“ ว่าแต่เช่าสนามชล นัดพวกพี่บาสเหรอวะ ”

“ เออ มึงไปก็ดีนะ พวกมันอยากเจอมึงหลายครั้งแล้ว ไม่ได้วัดฝีเท้ากันนาน ”

“ จัดไปครับพี่ ”

“ เจอกันมึง ” พี่กิตพูดตอบรับพลางตบไหล่อาฟ ก่อนจะหันมาก้มหน้าลงเราที่ก็ยกมือไหว้ลาคนเป็นพี่เช่นกัน ในตอนนั้นผมเห็นอาฟมองคนที่เดินออกไปสุดสายตา มันยิ้มแบบที่บอกกันว่ากำลังมีความสุขอย่างที่สุดเพราะฉายชัดออกมาแบบไม่ต้องให้ผมเดาว่าอีกฝ่ายคงกำลังจินตนาการถึงช่วงเวลาที่กำลังมาถึงในไม่ช้า แล้วนั่นก็คือการขับรถในสนามแข่งนั่นเอง

“ กูไปเรียนก่อน เดี๋ยวเจอกัน ”

“ ตั้งใจเรียน ” ผมบอกแบบนั้นอีกคนก็ยกยิ้มก่อนจะเดินออกไปจากร้านทันที  เผลอถอนหายใจออกมาตอนที่มองอีกคนเดินไปจนน้องอัยย์ที่นั่งอยู่ตรงหน้าต้องเอ่ยถามกับสีหน้าหนักใจของผม

“ พี่เมดไม่สบายใจอะไรเปล่า ”

“ เปล่า ” ผมส่ายหน้าแต่เด็กสองคนข้างกันก็แค่ยิ้มออกมาก่อนจะส่ายหน้า

“ เป็นห่วงก็บอก ” น้องเดย์แซว “ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะครับ การขับรถแม่งเป็นงานอดิเรกของไอ้สัดพี่ตั้งแต่มันทำใบขับขี่ได้แล้ว มันเป็นสายชอบแข่งรถ ”

“ แต่ดูจากรถที่เฮียซื้อพี่เมดก็น่าจะรู้นะ GTR มันรถสำหรับสายพวกรักความเร็ว ไม่ก็พวกแข่งอยู่แล้วอะ ”

“ เหรอ ” คือจะสารภาพยังไงดีว่ากูไม่รู้อะไรพวกนั้นหรอก ขนาดครั้งแรกที่คุยกันยังบอกอีกคนไปหน้าตาเฉยว่าแค่รถนิสสัน แล้วพออีกคนบอกว่านี่คือ GTR ผมยังงงอยู่เลยว่าทำไมรถนิสสันราคาตั้งเกือบสิบล้าน

“ ไม่ต้องคิดมากน่า ตอนสัดพี่แข่งรถมันเท่ห์มากเลยนะเว้ย แล้วมันต้องเอาที่หนึ่งมาให้พี่เมดแน่นอน เชื่อน้องเดย์ได้เลย ” ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้น้องทั้งๆที่ในใจอยากตะโกนว่า มึงมีงานอดิเรกเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรือไง หุ่นยนต์ ฟิกเกอร์ ทำไมไม่สะสม เกมส์หัดเล่นบ้างก็ได้ หรือจะถ่ายรูป ดูหนัง มีอีกเป็นร้อยอย่าง ทำไมต้องแข่งรถ แล้วเอาชีวิตไปเสี่ยงแบบนั้น 

ผมเผลอนั่งคิดไปถึงฉากที่อีกคนแข่งรถเข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่ง แม้คำพูดที่พูดว่า ‘ ชัยชนะครั้งนี้กูให้มึง ’ จะไม่หลุดออกจากปากคุณอารยะ แต่ก็อดคิดไม่ได้เลยว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริง คนที่รับบทแฟนอย่างผมจะทำหน้ายังไงดี ‘ ขอบคุณนะ ’ พร้อมทำหน้าเขินๆ แต่ในใจก็พูดว่า ‘ แต่ช่วยกลับไปนั่งแดกเหล้าที่ throw up เถอะ ไอ้สัด ’

บนถนนเส้นทางหลวงที่มุ่งหน้าสู่จังหวัดชลบุรี หลังเลิกเรียนเรากลับเข้าคอนโดไปเก็บเสื้อผ้าแล้วรีบออกมาอย่างรวดเร็วแบบชนิดที่ว่า ผมหวนคิดลังเลว่าเมื่อครู่หยิบกางเกงในมาครบแล้วหรือยัง พลางหันไปมองคนขับที่กำลังเหยียบคันเร่งของเครื่องยนต์ให้เร็วกว่าทุกครั้งที่นั่งรถด้วยกัน  สายตามีความสุขของอาฟชวนให้ผมยิ้มตาม จนเผลอคิดละเลยความห่วงใยในตัวอีกคนไปจนหมด

ก็ดูท่าว่าความเร็วในตอนขับรถจะเป็นความสุขของมันจริงๆ แม้ผมจะไม่เข้าใจว่า การเสี่ยงอันตรายด้วยการเหยียบคันเร่งให้สุดเท้า มันจะเป็นความสุขแบบไหนได้ แต่ว่า มันคงจริงอย่างที่ใครบอก  ‘ ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลของความสุข เพราะความสุขมักไม่ใช่สิ่งที่ซับซ้อน ’

“ ขับช้าลงหน่อยดีมั้ย ” ผมบอกอาฟที่ก็เหลือบมามองกันพลางยกยิ้ม

“ กลัวเหรอ ” คำถามที่มาพร้อมกับตัวรถที่เริ่มชะลอความเร็วลง “ ก็นะปกติกูไม่เคยขับรถเร็วขนาดนี้ ”

“ เปล่า ไม่ได้กลัว คนขับเป็นมึงกูไม่กลัวหรอก แต่กูหมายถึงคนอื่นต่างหาก ” คนขับขมวดคิ้วมองกันตอนที่ผมพูดแบบนั้น “ ถนนทางตรง มันว่างก็จริง มึงเองก็รู้ว่าความเร็วแค่ไหนที่มึงควบคุมได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า คนอื่นเค้าจะรู้เหมือนมึงสักหน่อย คนบางคนมีใบขับขี่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะขับรถเก่งนะ ”

“ เหมือนมึง ” อาฟบอก “ พวกขับรถได้ แต่ไม่ใช่พวกขับรถเป็น ”

“ ยังไง ”

“ พวกขับรถได้ก็คือขับแบบที่มึงขับ ขับไปบนถนนได้ รู้ว่าถ้าจะเลี้ยวก็ต้องกดไฟบอกสัญญาณ เถ้าไฟแดงก้ต้องเบรคจอด สามารถขับให้อยู่ในเลนส์ถนนได้ แต่ว่า ถ้ารถยางระเบิดจะทำยังไง ” คำถามที่ถามทำให้ผมนิ่ง แล้วตอนนั้นในใจของผมมันพูดขึ้น

‘ เออ ทำไงวะ ’

“ ไม่รู้ใช่มั้ย ”

“ รู้ ” ผมพยักหน้ารับมันยิ้มๆ “ ก่อนอื่นก็หยิบมือถือ กดเบอร์โทรหามึงแล้วบอก ‘ อาฟ รถกูยางแตก มาช่วยที ’

“ ก็ถ้ามึงไม่ชนเข้ากับเสาไฟฟ้าสักต้นหรือหลักกิโลไปก่อนละก็นะ ”

“ แล้วเค้าทำยังไงเวลายางรถแตก ”

“ ตั้งสติ ”

“ ยากตั้งแต่อันที่หนึ่งแล้วมั้ยละ มันโบ้มขึ้นมาใครๆก็ต้องตกใจ ”

“ ก็เลยบอกไงว่าให้ตั้งสติ ”

“ แล้วไงต่อ ”

“ จับพวงมาลัยรถ ควบคุมให้ดีอย่าให้ตกไหล่ทาง แล้วก็อย่าให้เบี่ยงไปชนคันข้างๆ ที่สำคัญอย่าเหยียบเบรค ”

“ แล้วถ้าตกใจเผลอเหยียบละ ”

“ รถมึงก็จะหมุนไง เพราะงั้นก็แค่ชะลอความเร็วรถให้ต่ำลง ตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง แล้วก็ค่อยๆเบรค ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหากู ”

“ จะว่าไปมันก็น่ากลัวนะ ” คิดจินตนาการไปว่าถ้าตัวเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ผมจะประคองสติทำอย่างที่อีกคนพูดได้มั้ย “ ไม่รู้ว่าถ้าเกิดขึ้นจริงๆ กูจะจำที่มึงสอนได้มั้ย ”

“ แต่กูมีวิธีที่มึงจะไม่ต้องเจอเรื่องแบบนั้น ” คำพูดที่ทำให้ผมหันไปมองอีกคนอย่างสนใจ ในตอนนั้นอาฟก็บอก “ มึงก็ไม่ต้องขับรถสิ ”

“ K ” ผมสบถออกมาก่อนจะถอนหายใจ “ อันนั้นใครๆก็รู้ไอ้สัด ”  เบือนหน้าหนีไปมองนอกหน้าต่างที่รถกำลังเคลื่อนผ่านไปเรื่อย ผมสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดอย่างผ่อนคลายทั้งๆที่อยู่ในรถ คงเพราะแค่คิดว่าได้มาพักผ่อน หัวใจมันก็บินไปรออยู่ที่โรงแรมแล้วก็ชายหาดแล้ว

“ เดี๋ยวเราจะไปไหนกันก่อนวะ ”

“  ไปสนามแข่งก่อน ” ผมพยักหน้ารับกับคนขับก่อนจะหยิบมือถือที่กำลังเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นเพลงในรถขึ้นมากดค้นหาเพลงที่อยากฟัง

“ ฟ้งเพลงอะไรกันดี ” ผมถาม “ มึงอยากฟังเพลงอะไร ”

“ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เพลงพี่ส้มฉุน ”

“ ฮ่าๆ ” หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะตั้งแต่ที่เราขับรถมาเพลงที่ฟังก็มีแค่เพลงพี่ส้มฉุนเพราะมันเชื่อมต่อมาจากเพลย์ลิลต์ในมือถือของผม “ พี่อาฟหึงก็บอกสิครับ ” เอียงไหล่เข้าไปชนไหล่มันสายตาคมก็หันมาเหล่มองกัน ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มกว้าง “ เรามาเลือกเพลงให้กันมั้ย ”

“ ยังไง ”

“ ก็มึงเลือกเพลงให้กู ส่วนกูก็จะเลือกเพลงให้มึง ”

“ เพลงอะไร ”

“ ก็เพลงที่เหมาะกับกูไง เพลงที่มึงอยากให้กูอะไรแบบนั้น ”

“ ไม่มี ” อาฟบอกผมก็ถอนหายใจออกมาพลางกดเข้าไปในโปรแกรมฟังเพลงนั้น เลื่อนนิ้วหาเพลงฮิตที่กำลังดังในช่วงนี้ แต่ยังไม่ทันจะตัดสินใจเลือกเพลงอะไรแล้วในตอนนั้นคนที่กำลังขับรถก็พูดขึ้น “ เปิดเพลงนั้นสิ ”

“ เพลงอะไร ”

“ เพลงของพี่ส้มฉุน เพลงใหม่ล่าสุด ” ผมทำท่าคิด ในตอนนั้นรถก็ชะลอความเร็วลงเพราะสัญญาณไฟจราจรสีแดงที่ปรากฏขึ้นพอดี อาฟดึงมือถือที่ผมถืออยู่ไป ก่อนจะกดลงบนหน้าจออยู่สักพักแล้วยื่นคืนมาให้ แล้วตอนนั้นเสียงดนตรีทำนองคุ้นหูก็ดังขึ้นมา

เพลงที่ทำให้ผมต้องกัดฟันตัวเองแน่นอยู่ด้านในเพราะไม่อยากจะยิ้มกว้างออกไปให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังเขินอยู่มากแค่ไหนกับเพลงที่อีกคนเลือก ‘ เพลงภูเขาบังเส้นผม ’

“ ไม่ต้องยิ้ม กูไม่ได้เปิดเพลงนี้ให้มึง ไม่ได้ฟังมันแล้วจะนึกถึงมึงด้วย ” พูดแบบนั้นพร้อมกับวางมือลงบนตักของผมก่อนจะคว้าเอามือที่ว่างอยู่มากุมกันไว้หลวมๆ ด้วยนิสัยตามฉบับของคนที่ชอบพูดไม่ตรงกับใจ อาฟย้ำประโยคที่ตรงกันข้ามออกมา ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งตามฉบับ  “ ตั้งแต่ขึ้นต้นจนจบเพลงกูไม่ได้ฟังแล้วรู้สึกถึงมึงนะ ”

“ ทำไมต้องพูดยาวๆ พูดว่าฟังแล้วคิดถึงกู ไม่ง่ายกว่าเหรอวะ ”

“ งั้นเหรอ ” ดึงมือที่กุมกันไว้ขึ้นมาจูบเบาๆโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้โต้เถียงอะไร

ช่วงเวลานั้นเราปล่อยให้เสียงของตัวเองเงียบลง และจดจ่ออยู่กับท่วงทำนวงและเนื้อเพลงที่มีความหมายนั่น ใจของผมเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ความตื่นเต้นเองก็แล่นเข้าจุกที่คอจนทำได้แค่กลืนน้ำลายเหนียวลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหูหรือแม้แต่แก้มก็แดงจัดจนควบคุมไม่ได้ของตัวผม ทั้งที่อยากจะหันไปมองนอกหน้าต่างรถก็ยังไม่กล้า เพราะรู้ว่าแค่เงาสะท้อนของคนจ้องมองกันก็คงทำให้เขินยิ่งไปกว่าเก่า  จนสุดท้ายเลยทำได้แค่ก้มหน้างุดจนคางชิดกับคอ

ส่วนคนขับที่คิดว่าจะนั่งกุมมือกันอยู่เฉยๆกลับดึงตัวเองเข้ามาใกล้ อาฟชกชิงความหอมจากผิวแก้มของผมไปเต็มฟอดก่อนจะกระซิบคำพูดที่เป็นประโยคเดียวกันกำลังในเพลงที่กำลังดังอยู่ในขณะนั้น

“ อยากจะเอาภูเขามาบังเส้นผม ไม่ให้ใครชื่นชม แม้เส้นเดียว ”

“ มึงแม่ง ” เบือนหน้าหนีออกไปทางอื่นเพราะทัดทานความหวานที่ชวนวาบวามในหัวใจไม่ไหว ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะเม้มริมฝีปากของตัวเองแน่น แล้วในตอนนั้นอาฟก็ยกยิ้มบอกกัน

“ แต่ไม่คิดว่าจะมิดหรอก ” ผมหันไปมองคนที่พูดแบบนั้นด้วยใบหน้าสงสัย ก่อนมือที่จับกันอยู่จะถูกย้ายขึ้นมาจับที่แก้ม อาฟบีบมันก่อนจะดึง “ แก้มมึงย้อยขนาดนี้ ภูเขาต้องบังไม่มิดแน่ๆ ”

“ ไอ้เหี้ย ” พูดแบบไม่ออกเสียงพร้อมกับใช้สายตามองมันแบบคาดโทษอย่างไม่คิดจะให้อภัย แต่ถึงอย่างงั้นคุณอารยะก็แค่หัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะขับรถต่อไปในตอนที่สัญญาณไฟเขียวปรากฎขึ้น ในตอนนั้นผมเองก็เลยทำได้แค่พิงตัวเองลงกับเบาะรถแล้วถอนหายใจออกมาเซ็งๆ อย่างทุกที “ แกล้งกูอีกแล้วไอ้สัดอาฟ ”

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {เปิดจองนิยาย :: up! 5-1-62} #หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 12-01-2019 20:25:09
สนามแข่งรถขนาดใหญ่ที่เราเดินทางมาถึงไม่ได้ดูครึกครื้นอย่างที่ผมคิดว่ามันจะเหมือนในหนังฝรั่งสักเรื่องที่เคยดู ฉากที่มีผู้คนมากมายที่กำลังโห่ร้องกับการแข่งขัน แม้แต่รถที่กำลังกดคันเร่งเพื่อเร่งเครื่องยนต์แข่งกันเพื่อข่มขวัญ หรือโชว์สมรรถภาพของรถแบบเสียงดังจนต้องอุดหูก็ไม่มี ทุกอย่างดูเงียบเชียบและมีคนน้อยกว่าที่ผมคิดไว้มาก แถมรถที่กำลังจอดเรียงรายอยู่ในตอนนี้ ก็เหมือนจะเป็นรถยุโรป ไม่ก็รถสำหรับการแข่งขันที่ไม่ได้ตกแต่งกันแบบสีจัดจ้านอะไร

“ เดี๋ยวกูจะแนะนำพวกพี่ๆให้มึงรู้จัก ” อาฟหันมาบอกกันตอนที่ดึงเบรคมือขึ้นแล้วดับครื่องยนต์ของรถลงเรียบร้อย ผมพยักหน้ารับในตอนนั้น ก่อนจะเปิดประตูออกไปแล้วยิ้มให้กับคนหลายคนที่มองมา

“ มาถึงเร็วกว่าที่กูคิดนะ ” พี่กิตคนที่เราเจอกันที่มหาลัยเอ่ยทักกัน ผมก็ยกมือไหว้พี่เค้าที่ก็ยกมือขึ้นทักกลับก่อนจะเชิดไปทางกลุ่มเพื่อนที่ก็ยิ้มแย้มอย่างยินดีที่เห็นอาฟยกมือไหว้

“ หวัดดีพี่ ”

“ ตั้งแต่เป็นเจ้าของผับดังก็กิจการรุ่งเรืองแบบไม่แวะมาเจอกันเลยนะมึงไอ้สัดอาฟ ” ผู้ชายรูปร่างท้วมเอ่ยทักมันก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วเอื้อมมือตบไหล่อีกคนที่ก็ยิ้มรับอย่างไม่พูดอะไรมากตามนิสัย ผมมองดูผู้คนมากมายที่เดินเข้ามาทักทายมันด้วยความยินดีอยู่นานก่อนผู้หญิงคนนึงจะพูดขึ้น

“ แล้วนี่ไม่คิดจะแนะนำ คนที่พามาหน่อยเหรออาฟ ” คำพูดของเธอทำให้ทุกคนหยุดชะงักแม้แต่ผมเองก็ทำได้แต่ยิ้มเจื่อนๆเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงหมายถึงกัน สาวสวยหน้าตามีเสน่ห์คนนั้นคงเป็นแฟนพี่กิตไม่ผิดแน่นอน เธอสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงเข้ารูปสีดำ ปล่อยผมยาวตรงสีน้ำตาลสวยไปข้างหลัง ท่าทางที่ดูคุ้นเคยกับทุกคนเป็นอย่างดี ชวนให้รู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ทั้งสวยก็แล้วเท่ห์ในเวลาเดียวกันเลย

“ นี่เมด แฟนผม ” อาฟพูดแค่นั้นสั้นๆ ผมก็ได้แต่ยกมือขึ้นไหว้ทุกคน ก่อนชื่อของกลุ่มนักแข่งที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะถูกแนะนำให้รู้จัก และข้อมูลใหม่ที่ผมได้รู้หลังจากที่ได้รู้จักชื่อทุกคนก็คือ อาฟเป็นหนึ่งในทีมแข่งรถที่ชื่อว่า singha blue ซึ่งทุกคนก็เป็นรุ่นพี่ของมันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วและรู้จักกันได้ก็เพราะว่าเจแนะนำให้รู้จักอีกที หมดข้อสงสัยที่ว่า คนที่ผูกความสัมพันธ์กับใครแบบติดลบอย่างมันจะเข้าไปทักทายก่อน

“ งั้นมาเริ่มแข่งเลยมั้ย อย่าเสียเวลา ” พี่กิตบอกทุกคนก็พยักหน้ารับ “ แบ่งกลุ่มกันก่อนแล้วกัน ”

“ ของรางวัลรอบนี้เป็นอะไรวะ ” อาฟถามขึ้นทุกคนก็ยกยิ้ม ก่อนที่พี่ผู้ชายคนนึงจะพูดขึ้น

“ ชนะก็เอาไปเลยห้าหมื่น เรามีสิบคนพอดี ก็คนละห้าพันให้คนชนะมันไป ตกลงมั้ย ” ทุกคนหันมองหน้ากัน ผมที่ได้ฟังตอนนั้นก็ได้แต่สบถในใจตัวเอง ‘ ของเล่นพวกมีเงินมันก็ประมานนี้นี่เองสินะ ’

“ ได้สิ ” ไม่ใช่ใครที่ไหน แฟนผมนี่แหละ ตกลงคนแรกเลย ไม่ได้หันมามองคนทำควบคุมบัญชีอย่างผมสักนิดด้วยซ้ำ

“ น้อยไปเปล่าวะ มึงให้ที่สองที่สามด้วยสิ ” พี่กิตท้วง ในตอนนั้นอาฟก็ยิ้มบอก

“ สนามนี้ไม่เคยมีที่สอง ไม่ใช่เหรอวะ ” ทุกคนหันมองหน้ามันในตอนนั้น “ พวกเราจดจำแค่ที่หนึ่งเท่านั้น ”

“ เฉียบสัด กูชักกลัวไอ้อาฟแล้วเนี้ย ” พี่ผู้ชายคนหนึ่งบอกในตอนนั้น พี่กิตเองก็ก้มหน้าลงพูดอะไรกับแฟนตัวเองที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะส่งสายตามาทางผม แล้ววินาทีต่อมานั้นเธอก็เดินตรงเข้ามาหากัน

“ เมด ไปนั่งข้างบนกันมั้ย ตรงนั้นน่ะ ” ชี้ไปบนอัฒจรรย์ของสนามแข่ง อาฟที่ได้ยินก็หันมามองกันพอดี

“ มึงไปนั่งกับจอยนะ ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับ อาฟก็หันไปบอกสาวคนที่เข้ามาทักกัน

“ ฝากด้วยนะจอย ”

“ เดี๋ยวชวนคุยให้เองไม่ต้องห่วงว่าจะเงหา ” เธอว่าแบบนั้นอาฟก็ยิ้มก่อนจะหันมามองกันอีกครั้ง  ในช่วงวินาทีสั้นๆนั้นผมรู้สึกทุกอย่างมันเงียบเชียบลงแต่ก็คงเพราะความเป็นห่วงของผมมันเริ่มเพิ่มระดับขึ้นเหลือความรู้สึกอื่น รถหรูหลายคันที่จอดเรียงกันอยู่ หนึ่งในนั้นมีรถคันหนึ่งถูกเร่งเครื่องยนต์เพื่อประกอบการพูดคุยอะไรสักอย่างเหมือนกำลังโชว์เครื่องยนต์เต็มสูบของตัวเอง ผมหันมองภาพนั้นด้วยสายตาที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่ แต่เหมือนว่าคนตรงหน้าจะจับความรู้สึกกันได้ อาฟก็เลยส่งยิ้มมาให้กัน

“ ไม่เป็นไร ” มันพูดแค่นั้น “ กูจะไม่ผิดสัญญากับมึงรอบสองแน่นอน ”

“ อื้ม ” คำตอบสั้นๆของผมที่ยิ้มให้คนตรงหน้า สารภาพว่าคำพูดนั้นไม่ได้ทำให้สบายใจขึ้นมาหรอก แต่มันก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า นี่คือความชอบและโลกอีกใบหนึ่งของอาฟที่แนะนำให้ผมรู้จัก ตอนนั้นก็เลยได้แต่พูดสิ่งที่ควรพูดที่สุดออกไป “ สู้ๆนะ ถ้าชนะ เอาเงินมาเลี้ยงข้าวกูด้วยนะ ”

“ ดินเนอร์มื้อดึกนี้เลยแล้วกัน ”

“ จัดไปครับ คุณอารยะ ” 

เดินตามสาวสวยขึ้นมานั่งลงบนอัฒจรรย์ที่สูงพอจะเห็นภาพของสนามแข่งทั้งหมดในมุมกว้าง เท่าที่ความรู้พอติดตัวจะมีสนามแข่งรถที่นี่เป็นสนามมาตรฐานสำหรับการแข่งรถแห่งแรกในประเทศ ซึ่งคนทั่วไปก็สามารถจองเข้ามาใช้บริการกันได้ แต่ค่าเช่าต่อวันก็จัดว่าราคาสูงต้องรวมกลุ่มกันมาแข่งแบบนี้ถึงจะคุ้ม โดยส่วนตัวมันก็เหมาะดีนะผมว่า อย่างน้อยก็สามารถเร่งความเร็วรถในแบบที่ชอบได้โดยไม่ต้องทำให้คนในท้องถนนคนอื่นต้องเดือดร้อน แถมยังมีสัญญาณไฟให้ออกตัวอีก

“ ตื่นเต้นเหรอ ” คำพูดของคนข้างๆเอ่ยทักผมตอนที่เห็นว่าเอาแต่มองลงไปที่สนามด้านล่างแบบไม่ละสายตา “ แต่ครั้งแรกที่จอยมาก็เป็นแบบนี้แหละ ตื่นเต้นมาก แต่พอดูไปดูมาก็สนุกนะ ”

“ จอยคบกับพี่กิตมานานแล้วเหรอ ” ผมหันไปชวนเธอคุยบ้าง อีกคนก็พยักหน้ารับก่อนจะยิ้ม

“ นานแล้ว ตั้งแต่เรียนอยู่ปีสองมั้ง ก็สักสามปีแล้วละนะ แล้วเมดละ ”

“ เพิ่งคบเอง ไม่ถึงครึ่งปีเลย ” เธอยิ้มให้กัน ก่อนจะชี้ไปที่สนาม “ เริ่มแข่งละนั่น ”

“ เค้าดูกันยังไงวะ ”

“ ก็แบ่งทีมกันก่อน เป็นสองทีม เค้าก็จะแข่งกันมาเรื่อยๆ จนได้ผู้ชนะของแต่ละทีม แล้วก็มาแข่งแชมป์กันอีกทีหนึ่งครั้ง ก็ประมานนี้ ”

“ จอยคงมาดูบ่อยเลยสินะ ”

“ ตั้งแต่คบกับพี่กิตมาก็มาดูทุกครั้งเลย ” เธอว่า “ ตอนแรกๆก็เป็นห่วงแบบที่เมดเป็นนั่นแหละ กังวลมากนั่งไม่ติดที่เลย ก็นะ คำพูดที่บอกว่า กูไม่เป็นอะไรหรอกน่า ก็ไมได้การันตีว่ามันจะไม่เป็นอะไรจริงๆสักหน่อย ”

“ ก็จริงนะ ” ผมยิ้มให้เธอที่ก็มองออกไปบนสนาม ก่อนจะโบกมือไปมาให้กับพี่กิตที่อยู่ด้านล่างสนามที่ก็โบกมือกลับมาเช่นกัน

“ จอยเคยคิดด้วยนะว่าทำไมแม่งไม่มีงานอดิเรกอย่างอื่นว่ะ ถ้าชอบรถมาก ก็แต่งรถมั้ย สะสมรถก็ได้ แต่เสือกมาชอบแข่งรถซะงั้น ”

“ คิดเหมือนกันเลยว่ะ ”

“ เมดเคยทะเลาะกับอาฟเรื่องนี้มั้ย ” ส่ายหน้าเป็นคำตอบให้อีกคนก่อนจะพิงหลังลงกับที่นั่ง

“ จะทะเลาะได้ไง ก็เพิ่งรู้ว่าแม่งชอบแข่งรถก็วันนี้แหละ ยังไม่ทันได้ทะเลาะหรอก”

“ ฮ่าๆ ” เธอหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะหันมองผม

“ แล้วจอยเคยทะเลาะกับพี่กิตเรื่องนี้เหรอ ”

“ บ่อยไป ” อีกคนบอก “ เคยทะเลาะกันหนักมากๆด้วยถึงขั้นขู่เลิกก็มี ตอนนั้นจำได้ว่าเค้าไปแข่งรถกับอีกกลุ่มนึง แล้วบังเอิญว่าเค้าชนะ เพื่อนๆก็ชวนไปกินเลี้ยงกันต่อเพื่อฉลอง พี่กิตน่ะเป็นพวกมั่นใจในตัวเองสูง ”

“ เหมือนอาฟเลย ”

“ อื้ม แต่มากไปก็ไม่ดีหรอก เพราะวันนั้นเค้าขับรถออกจากร้านทั้งๆที่ตัวเองก็เมา แล้วก็เพราะความมั่นใจมากเกินไปที่คิดว่า กูไม่เป็นไร กูควบคุมได้ ไม่ได้เมาหรอกนั่นแหละ ที่ทำให้เค้าชนเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทาง ”

“ น่ากลัวว่ะ ”

“ คนพวกนี้มันคะนองตัวเมด มันคิดว่าตัวมันเองเก่ง แล้วก็เจ๋งมากพอ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรก็ควบคุมได้ แต่มันก็คงลืมคิดไปแหละว่า ความหมายของคำว่าอุบัติเหตุก็คือ สิ่งที่เราไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น ”

“ แล้วตอนนั้นเป็นยังไง ”

“ ก็นอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน ใส่เฝือกด้วยนะ หายซ่าส์ไปหลายวัน ” คนข้างผมพูดยิ้มๆก่อนจะมองออกไปบนสนามอีกครั้ง “ ตอนนั้นด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะให้เค้าแข่งรถอยู่แล้ว จอยก็เลยยื่นคำขาดไปว่า ถ้าเค้าแข่งรถอีกก็เลิกกันไปเลย เพราะเราทนรับสภาพที่ต้องคอยเป็นห่วงไม่ไหวแล้ว มันทรมานนะ พอเค้าโทรมาบอกว่าจะไปแข่งรถ เราก้คอยแต่มองนาฬิกาว่าเมื่อไหร่กลับ คอยเป็นห่วงว่าที่ช้าๆ เพราะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า โทรศัพท์จากเพื่อนเค้า จอยไม่อยากรับเลย กลัวเป็นข่าวร้าย แล้วที่ต้องเห็นเค้าอยู่ในห้องไอซียูโดยที่ไม่รู้จะได้ออกมาหรือเปล่า แล้วทุกครั้งที่แข่งก็ไม่ได้มีระบบเซฟตี้ขนาดนั้น ก็แค่เข็มขัดนิรภัยเส้นเดียวเอง ”

“ แล้วตอนนั้นพี่กิตยอมเหรอ ”

“ ก็ยอมนะ เค้ารับปากว่าจะไม่แข่งรถอีก จะห่างออกมาจากสนาม แต่สุดท้ายมันกลายเป็นว่าจอยไปพรากความสุขของเค้ามากกว่า  ”

“ ยังไงละ ”

“ พี่กิตชอบแข่งรถมาก เป็นชีวิตจิตใจเลยก็ว่าได้ เค้าไปดูแข่งรถในต่างประเทศบ่อยมากๆ แล้ววันหนึ่งคนที่ชอบแข่งรถคนนั้น กลับต้องมานั่งอยู่เฉยๆ เวลามาสนามกับเพื่อนก็ได้แต่นั่งมองรถผ่านไปมา ไม่ได้ขับอย่างที่เคยเป็น ต้องคอยปฎิเสธเพื่อนทุกคนว่าจะไม่แข่งรถแล้วเพราะเบื่อ ทั้งๆที่ใครๆก็รู้ดีว่า คนเราไม่มีวันเบื่อสิ่งที่เป็นความสุขของตัวเองหรอก ” เธอยิ้มก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ว่างเปล่า “ มันแย่มากนะ กับการที่เราเห็นคนที่เรารักไม่มีความสุขเลย ทั้งๆที่เค้ายังยิ้มให้เราเหมือนเดิม แต่เราก็รู้สึกว่าเหมือนเค้าขาดอะไรไป ”

“ พอเข้าใจอยู่ ”

“ มันทรมานนะ การไม่ได้ทำให้สิ่งที่รักน่ะ ตอนนั้นจอยคิดนะว่ามันดีจริงๆเหรอ ที่เราเอาความรักของเค้าที่ให้เราไปผูกเค้าไว้กับตัวเราด้วยคำว่าเป็นห่วง ทั้งๆที่ว่านั่นมันก็คือความสุขของเค้า ”

“ เรื่องนี้มันพูดยากนะ ” ผมบอกเธอ “ มันเหมือนต้องเข้าใจอย่างเดียวเลยว่ะ ”

“ อื้ม ต้องทำความเข้าใจกับมัน ”

“ อาฟเองมันชอบกินเหล้ามาก กินแบบไม่ผสมด้วยนะ เวลาลงไปนั่งที่บาร์ของผับบางคืนก็กินตั้งหลายแก้ว เมดน่ะ อยากให้มันอยู่กับเมดนานๆ แต่คนที่มันกินเหล้า มันก็ยากที่จะเลิกอยู่ดี ”

“ ก็จริง แล้วเคยคุยกันมั้ยเรื่องกินเหล้า ”

“ เคย แต่ก็แค่บอกว่าลดลงหน่อยมั้นเท่านั้นแหละ ปกติกินสามสี่แก้วต่อคืนก็ให้ลดเหลือแก้วสองแก้ว หลังๆเลยน้อยลงหน่อยละ บางวันไม่กินก็มี บางทีไม่กินทั้งอาทิตย์ก็ทำได้แล้วตอนนี้ ”

“ ดีแล้ว พี่กิตเองก็ไม่กินเหล้าเลยตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น เบียร์ยังไม่แตะเลย ”

“ ดีแล้วละ ” ผมบอก “ ของแบบนี้กินเข้าไปเยอะๆมันไม่ดีหรอก ”

“ จอยกับเค้าทำสัญญากันไว้ว่า ถ้าอยากแข่งรถก็ได้ แต่ให้แข่งในความเร็วที่ตัวเองไหวอย่าเกินตัว แพ้ชนะอย่าเอามาสำคัญให้คิดถึงตัวเองเป็นหลัก คิดถึงเรา ถ้าเค้าเป็นอะไรไป เราจะอยู่ยังไง ”

“ จอยดูมีความเป็นผู้ใหญ่จังว่ะ ” อดชื่นชมความคิดของคนที่นั่งข้างกันไม่ได้ ผมชอบผู้หญิงมีเหตุผลแบบนี้ รู้สึกว่าไม่เอาแต่ใจมากเกินไป มีมุมที่ลดหย่อนให้ความรู้สึกของคนรัก แต่ก็ไม่มากเกินไปจนลืมความต้องการของตัวเองไปหมด

“ อีกความหมายนึงคือ แก่ปะ ”

“ ไม่ใช่เว้ย ” ผมบอกปัดเธอ อีกคนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

“ ก็ความรักมันต้องเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเราต้องเข้าใจเค้า แล้วเค้าก็ต้องเข้าใจเรา เพราะถ้าคนสองคนเข้าใจกันและกันได้ ทุกอย่างมันก็ไปกันได้ ความรักน่ะ ยึดหลักแค่เรื่องเอาใจเค้ามาใส่เราให้มากๆ มันก็ไปกันรอดแล้ว ”

“ อื้ม ก็จริง ”

“ แต่การแข่งรถมันก็มีเรื่องดีๆนะ ” เธอหันมาบอกกันด้วยแววตาขี้เล่น “ เพราะเราจะเห็นเด็กสามขวบอวดของเล่นทุกครั้งที่แข่งเสร็จ ”

“ ไม่เข้าใจ ” ส่ายหน้าเป็นคำตอบให้อีกคน ในตอนนั้นผมไม่ได้รับคำตอบอะไรจากจอยอีก มีพียงแค่รอยยิ้มกว้างก่อนที่เธอจะชี้ชวนให้ไปดูที่สนามแข่งรถ

“ ดูนั่น อาฟจะแข่งแล้วเมด ”

“ ไหนๆ ”

บนสนามที่ผมมองไปมีรถ GTR สีดำคันคุ้นตาที่กำลังเร่งเครื่องยนต์เสียงดังแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ส่วนคู่แข่งเป็นรถยนต์ยี่ห้อเดียวกันแต่คันสีส้ม และวินาทีที่สัญญาณไฟออกตัวฉายขึ้น รถที่ถูกเร่งความเร็วอยู่นานก็เคลื่อนตัวออกไปข้างหน้าด้วยความเร้วแบบชนิดที่ผมมองตามแทบไม่ทัน ทั้งทางตรงหรือทางโค้งรถสองคันก็เหมือนจะผลัดกันขึ้นนำไม่ก็ตามอย่างไม่มีใครยอมกัน ก่อนจะมาถึงทางตรงสุดท้าย รถคันที่กำลังนำก็เข้าเส้นชัยอย่างขาดลอย แล้วนั่นก็ไปไม่ใช่ระใครที่ไหน เป็น GTR สีดำของคุณอารยะแฟนผมเอง

“ สุดยอด ” เผลอพูดออกมาก่อนจะปรบมือเสียงดัง จนจอยถึงกับหลุดหัวเราะ “ นี่มันเก่งขนาดนี้เลยเหรอวะ ”

“ เก่งสิ ไอ้อาฟมันระดับคิงของสนามเลยนะ ”

“ แบบว่าเก่งมากน่ะเหรอ ” หันไปถามแบบตาโต อีกคนก็พยักหน้ารับอย่างแข่งขัน

“ ช่ายยย ” เธอพูดลากเสียง “ ประมานว่าสถิติแพ้มันน้อยน่ะ ส่วนใหญ่มันจะชนะ ”

“ แบบนี้นี่เอง ” พยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นยืนเพราะตอนนั้นผมเห็นอาฟเดินออกมาจากรถพอดี แล้วด้วยความดีใจก็เลยตะโกนเรียกมันไป “ อาฟ!!! มึงสุดยอดมากเลย ”  ไม่มีเสียงตอบรับอะไรมาจากคนด้านล่าง มีเพียงแค่รอยยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจของมันที่ทำทีเป็นเก็กด้วยการเอามือล้วงเข้าไปใส่ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาพี่ๆร่วมกลุ่มที่ก็คงเอ่ยชมมันไม่ต่างอะไรกับผม “ จอยแล้วแบบนี้เค้าต้องแข่งกันกี่รอบวะ ”

“ ก็สองถึงสามรอบ แล้วก็บวกรอบชิงไปอีกหนึ่งรอบ ” เธอพูดแบบนั้นก่อนจะชี้ไปที่สนาม “ อย่างตอนนี้ทีมอาฟมันมีห้าคนใช่มั้ยละ ก็จับคู่กัน ส่วนเศษหนึ่งก็ไปรอเลยไม่ต้องแข่ง เมื่อกี้อาฟชนะพี่นัทแล้ว อาฟก็ไปรอ แล้วเดี๋ยวพอพี่โก้กับพี่มิลแข่งกัน ใครชนะก็ไปเป่ายิ้งฉุบกับอาฟ ใครที่แพ้ก็ต้องไปแข่งกับคนที่เป็นเศษ นั่นก็คือพี่ม่อนคนที่ยังไม่แข่ง แล้วสุดท้ายใครชนะก็ไปแข่งกับคนที่เป่ายิ้งฉุบชนะเมื่อกี้ เพื่อหาแชมป์ของทีม ซึ่งสุดท้าย แชมป์ของทั้งสองทีมก็จะมาแข่งกัน เพื่อหาที่หนึ่งครับผม ”

“ แข่งหลายรอบเหมือนกันนะ ”

“ ก็นั่งจนเซ็งอะ ” เธอบอกก่อนจะหัวเราะออกมา “ ถ้ากำลังท้องก็รอจนลูกคลอดเลยละมั้งนานเกิ๊น ”

ในตอนนั้นผมได้แต่ยิ้มแล้วก็หัวเราะให้กับมุกเปรียบเทียบที่เกินจริงของเธอ แต่สุดท้ายผมก็ตะหนักได้ว่าสิ่งที่พูดไม่มีอะไรเกินจริงทั้งนั้น เพราะหลังจากที่ผมเอางานขึ้นมาทำและอัพเดทสต๊อกสินค้าเรียบร้อย  การแข่งขันด้านล่างนั้นก็ยังไม่ถึงช่วงเวลาเข้าชิงเสียที

“ สุดยอดเลย ” เสียงจอยที่พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น ทำให้ผมเงยหน้าจากหน้าจอไอแพตที่กำลังทำงาน เบื้องหน้านั้นเป็นสนามที่การแข่งขันเพิ่งจบไป เสียงโห่ร้องดีใจที่แว่วได้ยินจากผู้เข้าแข่งขันด้านล่าง “ รอบชิงเป็นพี่บาสแข่งกับอาฟแหละเมด ”

“ เหรอ ” ผมมองไปที่สนามอีกครั้ง “ เค้าเก่งมากมั้ยคนนั้นน่ะ ”

“ เก่งสิ แต่ก็สูสีคู่คี่มากับอาฟละนะ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาตลอดเลยคู่นี้ ”

“ แล้วจอยคิดว่าใครจะชนะ ”

“ พี่บาสละมั้ง ” เธอบอก “ ก็พี่บาสเจนสนามมากกว่าอาฟ เค้าแข่งเกือบทุกอาทิตย์เลย แต่ก็ไม่แน่หรอก อาฟมันก็แข่งมาหลายรอบแล้ว ไอ้นั่นมันเจ้าวางแผนซะด้วย ”

“ ถ้าเรื่องเจ้าวางแผนไม่เถียงหรอก ” ผมบอกก่อนจะปิดหน้าจองานที่ทำเสร็จทันที

ในที่สุดเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง ช่วงแข่งรอบชิงของรถสองคันที่ตอนนี้กำลังเตรียมตัวอยู่กันบนสนาม เสียงเร่งเครื่องยนต์ที่ดังจนปวดหู ผมลุกขึ้นจากที่นั่งไปยืนอยู่ในมุมที่ใกล้ที่สุด สัญญาณของการแข่งขันถูกปล่อยตัว ควันสีขาวที่ถูกเร่งเครื่องคุ้งไปหมด รถยนต์คันหรูสองคันไล่บี้สู่สีไปบนถนนเรียบยาวผ่านทางโค้งของสนามที่ผลัดกันแซงและตามกันแบบไม่มีใครยอมใคร มีช่วงเวลาอาฟโดนขับแบบดักหน้าไม่ให้แซง แต่ก็แก้เกมส์ขึ้นมาแซงได้จนมาถึงทางตรงสุดท้ายที่แทบจะมองไม่ออกว่าใครเป็นผ่านชนะ จนต้องตัดสินกันด้วยภาพช้า และผมสรุปสุดท้ายรถคันที่เข้าเส้นชัยไปก็เป็นรถของพี่บาส ไม่ใช่อาฟแต่อย่างใด

“ โอ้ยยยยยยยย เสียดาย นิดเดียวเองงงงง ” จอยที่อยู่ข้างกันตะโกนออกมาเสียงดัง ผมในตอนนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจเซ็งออกมา “ ล้อรถพี่บาสเข้าก่อนแค่ไม่กี่เซ็นเอง แม่งเอ้ย ”

“ เสียดาย ” ผมพูดเบาๆ เธอก็เอื้อมมือมาจับไหล่

“ สนุกสุดๆไปเลยรอบสุดท้ายนี้ แต่ก็มีแพ้มีชนะน่า ไปข้างล่างกันเถอะ ”

เสียงพูดคุยและหัวเราะสนุกสนานของคนชนะ ช่างแตกต่างจากคนแพ้โดยสิ้นเชิง ใบหน้าที่เรียกได้ว่าเซ็งสุดๆของอาฟชวนให้ผมหลุดยิ้มออกมาในตอนที่เดินไปยืนอยู่ข้างมัน

“ ไหนอะ ดินเนอร์สุดหรูของกู ”

“ แดกตีนกูก่อนมั้ย มีให้เลยตอนนี้ ” หลุดยิ้มกว้างกับคำพูดนั้นก่อนจะเอื้อมมือไปกอดคอเชิงปลอบ

“ ไม่เป็นไรน่า ไม่เป็นที่หนึ่งในสนามก็ไม่เป็นไรหรอกเนอะ เพราะยังไงพี่อาฟก็เป็นที่หนึ่งในใจน้องเมดอยู่แล้วละนะ ” ยักคิ้วให้มัน สายตาคมก็ทำทีเป็นมองไปทางอื่นทันที อาฟหลุดยิ้มออกมาในตอนนั้นมันพยักหน้ารับ ผมก็เอียงหน้าไปย้ำ “ ที่หนึ่งเหมือนกันแหละจริงมั้ย ”

“ อื้ม ” ตอบแค่นั้นสั้นๆก่อนจะเอียงหน้าเข้ามาหอมแก้มกันแบบไม่สนใจเลยว่าใครจะมองมา ในตอนนั้นผมเอียงตัวหลบก่อนจะมองไปรอบๆแล้วถอนหายใจโล่งออกมาเพราะไม่มีใครหันมามองเพราะเหมือนทุกคนจะเอาแต่สนใจแชมป์ของการแข่งขันนี้กันอยู่

“ ส้นตีนจริงไอ้สัด ”

“ เดี๋ยวโอนเงินให้พี่บาสด้วย ” อาฟยกยิ้มก่อนจะบอก มันเชิดหน้าไปที่พี่เค้าก่อนจะเอ่ยเรียก “ ขอเลขที่บัญชีด้วยครับแชมป์ ”

“ ไอ้สัด ” คนโดนเรียนสบถออกมาก่อนจะส่ายหน้า “ ตอนแรกว่าจะไม่เก็บพวกมึง เพราะนานๆทีมึงมาแข่งก็อยากจะให้สนุกๆกันสักหน่อย แต่พูดแซวกูแบบนี้ชักอยากจะเปลี่ยนใจ ”

“ เอาจริงอะ ” พี่กิตพูดเย้าเพื่อน “ เสี่ยบาสคนจริงว่ะ ”

“ เออ ไม่ต้องจ่ายหรอก หารค่าสนามก็พอ มาสนุกๆกัน ”

“ ขอบคุณนะครับเพื่อน ” เพื่อนทุกคนยกมือไหว้พี่บาสพร้อมกับวางนิ้วไปบนตามตัวพี่แกแบบกวนๆ ก่อนพี่กิตจะพูดขึ้น “ ดีนะที่มึงชนะ นี่ถ้าเป็นไอ้อาฟ กูต้องจ่ายแล้วห้าพัน ”

“ ค่าดินเนอร์ไง ” คนโดนพาดพิงเชิดหน้ามาทางผม “  สัญญากับกระเป๋าตังค์ไว้ ”

“ น้องเมดคือกระเป๋าตังค์มึงเหรอวะ ไอ้สัดเอ้ย เข้าใจผิดตั้งนาน กูคิดว่าเมียมึง ”

“ พี่มึงไม่ฝากตังค์ไว้กับเมียเหรอ ” อาฟถามก่อนจะเหล่มองด้วยสายตากวนตีนตามฉบับ “ ปกติต่อวันจอยให้ใช้แค่ ยี่สิบบาทไม่ใช่เหรอวะ ”

“ มึงกวนตีนกูละไอ้น้อง ”

“ ไอ้อาฟบ้า! ” จอยเถียงขึ้น ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ทั้งกลุ่มหัวเราะออกมาเสียงดัง “ พูดความจริงทำไมวะ ”

เสียงพูดคุยของกลุ่มแข่งรถดังอยู่แบบนั้นสักพัก ผมที่ได้แต่นั่งเงียบๆมีพูดคุยบ้าง ตอบบ้าง ตามคำถามที่พี่ๆถาม แต่ก็ไมได้เยอะแยะอะไร ไม่ต่างอะไรกับจอยที่ก็ทำได้แค่ฟังเหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่เรื่องที่คุยก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับรถและสมรรถภาพของมันในการแข่งขันวันนี้ ทุกคนที่กำลังเล่าถึงช่วงที่ตัวเองขับอย่างมันส์เมา ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่

“ งั้นกลับก่อนนะพี่ ไว้เจอกันครับ ” อาฟบอกลาพี่ๆทุกคนที่ก็ทยอยขึ้นรถของตัวเองไป ผมเองก็ยกมือไหว้แต่ก็ไม่วายโดนแซว

“ แฟนน่ารักจังเลย ทีหลังพามาอีกบ่อยๆนะครับน้องอาฟ ”

“ K ” มันพูดแบบไม่ออกเสียงใส่พี่กิต ที่ก็ทำได้แค่หลุดหัวเราะเสียงดังออกมา ผมเดินไปเปิดประตูรถตอนที่เข้าไปนั่งด้านในผมได้ยินเสียงถอนหายใจโล่งของคนขับที่มาพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็น

“ มึงชอบแข่งรถมากเลยเหรอวะ ”

“ ก็นะ ” มันพูดแบบบอกปัดแต่สายตากลับมองไปที่สนามด้านหน้า “ ชอบสิวะ ชอบมากๆเลย ”

“ ความรู้สึกตอนนั้นมันเป็นยังไงวะ กูอยากรู้ ”

“ มันส์ ” คำตอบสั้นๆของคนที่สตาร์ทรถก่อนจะขยับเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนไปข้างหน้า บนถนนที่เรากำลังเดินทางไปยังโรงแรมที่อาฟจองไว้ เวลาเย็นที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ทำไมให้ท้องฟ้าสีครามเจือปนด้วยสีส้มอ่อนๆดูสบายตาไปอีกแบบ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างในตอนนั้นอาฟก็พูดขึ้น “ ตอนที่กูยังไม่เข้าเกียร์แล้วได้แต่กดคันเร่งนะ มึงรู้มั้ยว่ามันโคตรมันส์ สะใจชิบหาย ช่วงแข่งแรกคิดว่าจะแพ้แล้ว เพราะกูห่างสนามนาน แต่โชคดีที่กูแซงตรงโค้งสุดท้ายได้ ตรงทางตรงกูเลยเหยียบมิดเลย ”

“ กูดูอยู่ ตอนนั้นมึงโคตรเท่ห์ รถนี่ขับไปเสียงดังฟิ้ว เหมือนในหนังเลย ”

“ ฮ่าๆ ” เสียงหัวเราะของคนขับหันมามองกัน ผมรู้สึกเหมือนมีคนนึงยังคงติดอยู่ในสนามแข่งรถที่นั่น อย่างไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่อง “ การแข่งรถแม่งสนุกตรงไหนรู้มั้ย ”

“ ตรงไหนวะ ”

“ ก็ตอนที่มึงต้องเร็วในทุกช่วงเวลา ตอนเปลี่ยนเกียร์ก็ต้องเร็วกว่ารถคันข้างๆ แต่ช่วงที่ต้องระวังคือช่วงเข้าโค้งของสนาม เพราะตรงนั้นมันเป็นช่วงที่คู่แข่งจะแซงมึงได้มากที่สุด แต่ถ้ามึงตามมันอยู่ ตอนเข้าโค้งคือจุดที่มึงต้องเร่งความเร็วแล้วแซงมันให้ได้ อย่างตอนที่กูแข่งกับพี่บาส กูแม่งก็ตามมันอยู่นิดนึงเหมือนกัน เลยมาอาศัยแซงช่วงโค้ง ”

“ แต่กูว่ามึงกับพี่บาสก็เข้าเส้นชัยพร้อมๆกันนะ นิดเดียวจริงๆ ถ้าไม่กล้องจับภาพช้า ไม่มีทางรู้หรอกว่ามึงแพ้ ”

“ มึงคิดอย่างงั้นเหรอ ” แววตามีความสุขแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นหันมาถามกันอย่างสนใจ ผมที่หลุดยิ้มออกมาอัตโนมัติก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างแข่งขัน

“ แน่นอน เพราะอารยะของกูต้องเจ๋งที่สุดในพีระเซอร์กิต ”

“ ฮ่าๆ แต่การแข่งรถแม่งมันส์จริงๆนะ ตอนกูเหยียบคันเร่งจนมิดแล้วพุ่งตรงไปข้างหน้าความรู้สึกมันสุดยอดมาก เป็นอะไรที่ GTR นี่แหละที่ให้รู้สึกอย่างงั้นได้ การออกตัว การเปลี่ยนเกียร์ของมัน ทำมาเพื่อการแข่งแบบนี้จริงๆ ”

“ กูก็ว่างั้น ”

“ แต่มันมีอยู่ช่วงนึงที่รถกูเกือบเกี่ยวกับรถพี่บาสด้วยนะ ช่วงโค้งที่กูแซงมันอะ แต่กูประคองรัถดีเลยไม่เกี่ยว ไม่งั้นต้องซ่อมรถอีกแน่นอน ”

“ งั้นก็ดีแล้วที่ไม่เกี่ยว แต่มึงก็โคตรเก่งเลยนะรู้มั้ย กูไม่คิดว่ามึงจะเก่งขนาดนี้ โคตรเท่ห์ ”

“ แน่นอน กูของมึงเท่ห็อยู่แล้วเมด ” คำตอบรับอย่างมั่นใจของคนขับที่ยิ้มกว้างออกมา แค่พูดเอาใจเข้าหน่อย กูพูดตอบกลับมาเป็นต่อยหอยอย่างไม่เคยเป็น ผมว่า ผมเข้าใจคำพูดของจอยที่พูดไว้ก่อนหน้าแล้วละ คำที่บอกว่า ‘ เพราะเราจะเห็นเด็กสามขวบอวดของเล่นทุกครั้งที่แข่งเสร็จ ’ ก็ตอนนี้เหมือนเด็กสามขวบคนนั้นกำลังนั่งอยู่ข้างผมเหมือนกัน

ตรงลานจอดรถของโรงแรมหรูติดริมชายหาด ผมเริ่มชะงักพลางหันมองโดยรอบด้วยความรู้สึกไม่แน่ใจจนไม่กล้าลงไปจากรถ เพราะกลัวคนที่มีความสุขมากเกินไปอย่างอาฟจะแกล้งกัน เลยต้องรอให้คนขับรถที่อย่างมันลงไปก่อน ถึงจะเปิดประตูรถเดินตามออกไป แล้วในตอนที่อาฟเปิดประตูหลังเพื่อหยิบกระเป๋าเดินทางออกมาแต่ยังไม่ทันจะเอื้อมมือหยิบ  พนักงานต้อนรับชายก็วิ่งเข้ามาทักทายแล้วบริการอย่างดี

“ สวัสดีครับ ” อาฟพยักหน้ารับพนักงานที่ก็ก้มรับแล้วก็หยิบกระเป๋าไปถือไว้ให้ “ คุณผู้ชายมีกระเป๋าแค่ใบเดียวใช่มั้ยครับ ”

“ ครับ ”

“ เชิญทางด้านนี้เลยครับ ” ผายมือออกเพื่อบอกเส้นทางให้เราเดินตามไป ในตอนนั้นผมก็คว้าเข้าที่แขนของคนที่เดินอยู่ข้างกันก่อนจะหันไปกระซิบ

“ เราจะพักที่นี่เหรอวะ ”

“ ทำไม ไม่ชอบเหรอ ”

“ เปล่า ก็ชอบ ไม่ทำไมหรอก ” ผมที่ตอบอีกคนที่หันมามองกันด้วยสายตาที่ตั้งคำถามประมานว่า ‘ แปลกเหรอ ’ แต่ตอนนี้ถึงจะอยากแสดงความคิดเห็นว่า แพงเกินไป หรือย้ายที่พักเถอะ ก็คงไม่ทันแล้ว เพราะตอนนี้พนักงานต้อนรับที่หิ้วกระเป๋าเราอยู่ ก็เดินตัวปลิวไปที่หน้าเค้าเตอร์เช็คอินแล้วเรียบร้อย

“ ปกติกูมาแข่งรถ กูก็พักที่นี่ตลอด ” ก็สมเป็นคนใช้เงินแบบคุณอารยะนั่นแหละครับ ผมพูดอยู่ในใจ ตอนนั้น อาฟก็ชี้ไปอีกฝั่งของโรงแรม “ ห้องอาหารริมทะเลตรงนั้น อาหารทะเลอร่อยมากเลยนะ ”

“ เหรอ ” ความคิดขัดแย้งของการใช้เงินสิ้นเปลืองเมื่อครู่ถูกกลืนลงไป หลงเหลือแค่ความอยากกินอาหารอร่อยเข้ามาแทนที่ ในตอนนั้นใจของผมมันคิด ‘ กุ้งเผาที่นี่จะตัวโตแล้วอร่อยมากขนาดไหนกันนะ ’

“ พอบอกของกินอร่อย เงียบกริบไปเลย ”

“ หมายความว่ากูห่วงแดกเหรอ ” หันไปถามอีกคนที่ก็ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น อาฟแค่ก้มหน้าลงในตอนนั้นมันยิ้มกว้างเหมือนกำลังจะกลั้นขำ

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {เปิดจองนิยาย :: up! 5-1-62} #หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 12-01-2019 20:26:12
ห้องพักสุดหรูสมราคาปรากฏสู่สายตาตอนที่เราเดินเข้าไปด้านใน ผมมองซ้ายดูขวาอย่างรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นเด็กๆในขณะที่ร่างสูงที่เดินตามหลังมา ก็ทำได้แค่ยิ้มกับท่าทีของผมก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินยื่นทิปไปให้พนักงานขนกระเป๋าที่บริการกันอย่างดี

“ โคตรสวย ” หลุดพูดออกมาตอนที่เห็นวิวยามค่ำคืนของพื้นที่โดยรอบผ่านกระจกบานสูงของห้อง ทะเลยามเย็นมีความเหงาไปอีกแบบ สีครามที่กำลังหม่นมืดลงชวนให้ผมถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปมองรอบห้องในส่วนอื่น ความเจ๋งของห้องนี้คงเป็นห้องน้ำแบบที่อ่างน้ำสามารถแช่ตัวไปด้วยและชมวิวทะเลสุดลูกหูลูกตาได้ด้วย แถมยังแยกเป็นสัดส่วนกับห้องแต่งตัวชัดเจน “ ปกติที่มา มึงก็พักห้องแบบนี้เหรอ ”

“ เปล่า พักห้องธรรมดา ” อาฟบอกก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง

“ แล้วทำไมรอบนี้ไม่เลือกแบบธรรมดา ”

“ ก็ครั้งแรกของเราไม่ใช่เหรอ ” คนที่ทำเป็นหยิบมือถือขึ้นมาเล่นพูดแบบนั้นอย่างไม่สนใจ เราที่เงียบไปในตอนนั้น อาฟที่เห็นว่าผมไม่ถามอะไรต่อมันก็เงยหน้าขึ้นมองกัน ในช่วงเวลาที่เราสบตากันนั้น คนขี้เก็กของผมก็หันไปสนใจอย่างอื่นอีกครั้ง “ จะไม่ถามต่อหน่อยเหรอวะ ”

“ มึงแม่ง ” หลุดยิ้มออกมาจนได้ ผมหัวเราะ “ อะๆ ครั้งแรกอะไรเหรอครับพี่อาฟ ”

“ กวนตีน ” ว่าแบบนั้นทั้งๆที่หูแดงไปหมด อาฟลุกขึ้นมาจากโซฟาที่นั่ง มันเดินตรงเข้ามาใกล้กันก่อนจะคว้าเอาเอวผมเข้าไปกอดชิดตัวมันไว้ ผมที่ได้นิ่งไปอีกคนก็พูดชิดแก้ม “ ครั้งแรกที่เรามาเที่ยวทะเลด้วยกันไงครับน้องเมด ” ผมโดนช่วงชิงความหอมจากแก้มอีกครั้งแต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าหัวใจจะเสียหายหนักกว่าทุกครั้งที่โดนอีกคนพูดคำหวานใส่ ‘ บ้าจริง ผมแพ้ราบคาบกับคำว่าน้องเมดมาก ทำยังไงดี ’

“ น้องเมดอะไรวะ ” สุดท้ายก็ได้แต่พูดปัดแล้วหันเหสายตาไปทางอื่นแบบทุกที อาฟที่ตอนนั้นเอาแต่ยิ้มมันกอดผมแน่นขึ้นก่อนจะเอียงหน้าจูบกันบนริมฝีปากแล้วเชิดหน้าไปวิวฝั่งทะเล

“ มึงดูสิบรรยากาศดีมากเลย ”

“ อื้ม ดี ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองมันที่เหมือนจะพูดอะไรออกมาต่อ แต่ตอนนั้นผมก็พูดขัดขึ้นก่อน “ หิวแล้วอะ ไปกุ้งเผากันเถอะ ”

“ ส้นตีน ” อาฟสบถออกมาเบาๆ ราวกับว่าคำพูดของผมทำให้มันเสียอารมณ์ที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างไปหมด ก็ตอนนั้นท้องที่เริ่มปั่นป่วนเพราะความหิว ทำได้แค่จับที่แขนของมันที่กอดเอวกันไว้ก่อนจะเขย่าเบาๆ

“ นะๆ หิวแล้วอะมึง ไปหาของกินอร่อยๆกันเถอะ ”

“ อื้ม ” เสียงตอบสั้นๆแบบเซ็งๆนั่น ผมว่ามันคงอยากจะกอดผมต่อสักหน่อย แต่เสียใจด้วยนะอารยะ กองทัพต้องเดินด้วยท้องว่ะ

ห้องอาหารแบบติดริมทะเลบรรยากาศดีจนทำให้ผมยิ้มไม่หุบ พื้นไม้ระแนงกว้างขวางสีน้ำตาลเข้มถูกจัดวางด้วยโซฟาสีตัดกันสองตัวที่ตัวโต๊ะก็หันหน้าเข้ากับวิวทะเล โดยส่วนตัวผมชอบโซฟาที่จะทำให้เรานั่งติดกันมากกว่านั่งตรงกันข้ามเป็นกันไหนๆ แล้วยิ่งบรรยากาศแบบนี้ ก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความพิเศษของช่วงเวลา

“ เมนูอาหารครับ ”

“ ขอบคุณครับ ” คว้ามาเปิดดูด้วยความตื่นเต้น เมนูส่วนใหญ่ก็มีทั้งอาหารไทยแล้วก็ต่างชาติ ในสมองตอนนี้เลยแทบไม่รู้จะไปทางไหน สปาเก็ตตี้ก็อยากกิน สเต็กก็น่าสนใจ แต่เมนูต้มยำกุ้งกับข้าวผัดก็เป็นอะไรที่อยากลิ้มลอง

“ ในชีวิตคิดมากที่สุดก็คือเรื่องแดกถูกมั้ย ”

“ มึงช่วยคิดหน่อย คือสปาเก็ตตี้ซอสไข่กุ้งก็น่ากิน แต่ว่า ข้าวผัดก็อยากกิน ”

“ อยากกินก็สั่ง ”

“ มันไม่เข้ากันนะมึง ” หันไปเถียงคนข้างๆก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนจะหยิบเอาเมนูที่ผมถือปิดลงแล้วเคาะเข้าที่หัวเบาๆ

“ แดกเข้าไปมันก็รวมกันอยู่ในกระเพาะมึงอยู่ดีนั่นแหละ ”

“ นั่นก็จริง ” ยกมือขึ้นเรียกพนักงาน แต่สุดท้ายก็สั่งอาหารไทยไปแบบครบชุด แต่เมนูที่ผมรอที่สุดคงหนีไม่พ้น กุ้งถัง อยากกินมานานแล้วจำได้ว่าเคยกินครั้งหนึ่ง แต่คิดว่าพอมากินในสถานที่ที่ติดทะเลแบบนี้มันต้องได้บรรยากาศไปอีกแบบแน่นอน “ มึงจะกินน้ำอะไร ”

“ โฮการ์เด้น ”

“ งั้นกูเอาน้ำสัปปะรดปั่น ” จัดการสั่งเมนูเรียบร้อย ผมก็พิงหลังลงกับโซฟาที่นั่งก่อนจะโดนคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วยกมือขึ้นโอบไหล่ก่อนจะดึงให้เข้าไปใกล้กัน

ช่างเป็นช่วงเวลามีความสุขที่อดจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บไว้ไม่ได้ ผมซบลงไปที่อกของคนข้างตัว ดูมุมภาพที่จะเห็นแค่ช่วงปากของอาฟลงมา เป็นมุมของอีกคนที่ผมถ่ายภาพคู่ด้วยบ่อยที่สุด แล้วตอนที่กำลังจะกดชัตเตอร์คนที่ดูเหมือนไม่ได้สนใจอะไรในกล้องก็ดึงแก้มผมตรงข้างที่มันกอดไหล่กันอยู่

“ แก้มอ้วน ” มือกดชัตเตอร์ไปแล้วตอนที่ได้ยินคำนั้น ผมดึงตัวเองออกห่างอาฟก่อนจะมองมันด้วยหางหา แต่เหมือนว่าอีกคนจะไม่สนใจอะไรเหมือนอย่างที่แกล้งกันอยู่ประจำ ในตอนนั้นอาฟแค่ยิ้มก่อนจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปใบหน้าหงุดหงิดของผมไว้ ก่อนจะเอื้อมมือมากอดผมแล้วดึงเข้าไปใกล้อีกครั้ง “ ดูทะเลนู้น ”

“ ไม่ต้องมาง้อ ”

“ ง้อเหี้ยอะไร กูชวนมึงดูทะเล ” พูดแบบนั้นยิ้มๆ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เพราะสุดท้ายไม่ว่าทำยังไงก็พ่ายแพ้คนกวนตีนอย่างมันอยู่ดี ผมซบลงที่ไหล่นั่นพลางมองดูทะเลตามที่อีกคนบอก ท้องฟ้าสีสวยตอนนี้มืดลงไปแล้ว เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังเว้นระยะ ไกลสุดตาที่ผมเห็นตอนนี้คงเป็นเรือประมงสองสามลำที่เปิดไฟสว่าง

“ ไม่รู้ที่ผับเป็นยังไงบ้างนะ ”

“ คนก็คงเยอะเหมือนทุกวัน ” เจ้าของผับว่าแบบนั้นผมก็ได้ยิ้มกับคำพูดอวดของมัน

“ กูถามอะไรหน่อยสิ ”

“ ว่า ”

“ มึงคิดจะปรับปรุง throw up มั้ย ” คำถามที่ทำให้อาฟก้มหน้าลงมามองกันเหมือนไม่เข้าใจคำถามที่ถาม ในตอนนั้นผมเองก็ดึงตัวเองขึ้นเพื่อจ้องหน้าอีกคนอย่างจริงจัง “ กูแค่คิดว่าเราควรปรับปรุงร้านมั้ย ”

“ แล้วในความหมายของการปรับปรุงคืออะไร จะเพิ่มอะไรเข้ามา ”

“ พื้นที่ข้างๆของเรามันว่าง ตึกเราสามชั้นก็จริงแต่มันก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่ กูว่ามันดีกว่ามั้นถ้าเราต่อเติมจากส่วนที่ว่างนั้นออกไป ทำบันไดขึ้นด้านข้างเลียบตึกผับแล้วทำเป็นร้านอาหารเหมือนอยู่บนชั้นดาดฟ้าตึก ”

“ ร้านอาหาร ”

“ อื้ม กูคิดว่าเราควรเจาะกลุ่มลูกค้าหลายๆแบบ เรามีพื้นที่เหลือตั้งเยอะ จะเจาะแค่กลุ่มนักศึกษาแล้วก็วัยทำงานที่ชอบเต้น ชอบดื่ม อย่างเดียวมันไม่ได้หรอก เรามีลูกค้าในมืออยู่แล้ว ทำไมเราไม่ทำให้มันมีลูกค้าเพิ่มขึ้นละ ทำร้านอาหารสไตส์นั่งชิล มีดนตรีสด กูว่าก็ดีนะ น่าจะเพิ่มรายได้มากขึ้น ”

“ ก่อนที่มึงจะลงทุนทำอะไรสักอย่าง ก่อนอื่นต้องคิดแบบไม่วาดฝัน ”

“ มึงพูดแบบนี้กับกู ทั้งๆที่มึงบ้าบิ่นขนาดเอาเงินสามล้านมาลงทุนผับอย่างวาดฝันว่ามันจะรุ่งเรืองน่ะเหรอ ”

“ นั่นมันกูตอนเด็ก ” อาฟบอก “ มึงต้องคิดด้วยว่า ถ้าเราต่อเติม มันกระทบผับหลักมั้ย ต้องหยุดผับมั้ย โครงการก่อสร้างละ จะยาวนานแค่ไหน จะมีผลได้ผลเสียอะไร เชฟละ เราจะไม่หามาจากไหน ร้านอาหารจะเป็นร้านสไตส์ยังไง ไทย ฝรั่ง จีน แขก มึงต้องคิดเยอะๆ ”

“ ก็พอรู้ ” ผมพูดเสียงอ่อน อีกคนก็ยิ้ม

“ งั้นก็ลองทำแผนการขึ้นมาสิ ”

“ ลองทำแผนเหรอ ”

“ ถ้ามึงอยากทำ กูก็อยากทำ แต่มึงต้องวางแผนการ ต้องรู้ว่าข้อดี ข้อเสียของมันว่าคืออะไร หาข้อมูลก่อน ดูว่าตลาดต้องการอะไร อย่างผับเรามันอยู่ใกล้ตลาดขายของกิน ถ้าเราขายแพงกว่าตลาด คนก็ออกไปนั่งกินที่ตลาดไม่ดีกว่าเหรอ มีข้อเสียของจุดนั้นด้วยถูกมั้ย แล้วดนตรีสดมันเสียงดังรบกวนคนอื่นมั้ย ถ้าจะทำแนวดาดฟ้าพ้อยของมันคือการเปิดโล่ง งั้นถ้าฝนตกละ ฝนตกหนักจะทำยังไง คิดดีๆ เพราะเราจะไม่เล่นกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เข้าใจมั้ย ”

“ ก็จริงของมึง ” ผมพยักหน้ารับกับอาฟ ยอมรับว่าความคิดมันง่ายแต่พอคิดให้ดีๆเหมือนมันจะไม่ง่ายเลย

“ ลองทำแผนมาก่อน แล้วกูจะช่วยว่ามึงควรเพิ่มตรงไหนลดตรงไหน ”

“ สนใจจะทำจริงๆเหรอวะ ”

“ สนใจ เพราะกูก็เคยคิดเหมือนมึง เราควรเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ด้วย ” อาฟบอกในตอนนั้นอาหารที่เราสั่งก็ถูกยกมาเสิร์ฟพอดี “ ที่นั่นมีคนหลายคน คนที่ภาระหน้าที่เป็นของตัวเอง ทั้งเรียน ทั้งทำงาน  แล้วบางคนก็มีครอบครัวที่ต้องดูแล กูอยากสร้าง throw up ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ พัฒนามันไว้ เพื่อให้คนพวกนี้ดูแลตัวเองได้ไง ”

“ โหย ไอ้เหี้ย ” ผมเอามืออุดปากก่อนจะนิ่งไป “ ไม่คิดเลยว่าชาตินี้จะได้มาฟังคำพูดที่แสนอบอุ่นและเป็นห่วงเป็นใยทุกคนจากผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าน่ากลัวที่สุดในผับ ถ้าทุกคนที่ทำงานมาได้ยินคำนี้ เค้าต้องหลั่งน้ำ.. อ๊า ไอ้เชี้ย! ”ทอดมันกุ้งถูกยัดใส่ปากตอนที่ผมกำลังพูดมากแบบไม่หยุด  ความร้อนของมันทำให้ผมคายมันลงแต่เพราะว่ามันคือของกินปฎิกิริยาของร่างกายก็ยังตอบสนองด้วยการยื่นมือไปรองมันไว้อย่างเสียดาย ก่อนจะเคี้ยวเศษที่อยู่ในปากไปด้วย “ อื้ม อร่อยอะ ”

“ พูดมาก ”

“ เขินก็บอก ” ขยับไหล่ไปชนมัน อีกคนก็เหล่มองกันก่อนจะส่ายหน้าแล้วก็ตักอาหารรสชาติดีตรงหน้าขึ้นกิน ก่อนจะเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องแข่งรถอีกครั้ง โดยมีผมที่ได้แต่พยักหน้ารับแล้วตอบรับมันคำสองคำเท่านั้น ก็นานๆทีอาฟจะพูดมาก เพราะงั้นผมจะไม่ขัดมันแต่อย่างใด

เดินขึ้นห้องพักด้วยสภาพที่แทบจะเรียกว่าคลาน อาหารสองสามอย่างหมดเกลี้ยงด้วยฝีมือเราสองคน ผมเสียบคีย์การ์ดเปิดประตูแล้ววินาทีที่เปิดประตูออก ผมก็วิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำไปทันทีโดยไม่รอคนที่เดินตามหลังเข้ามา ข้าศึกออกมารอที่ประตูแล้ว ผมเป็นพวกท่อตรงอย่างที่สุดโดยเฉพาะตอนที่กินเยอะ

“ โอย กูแทบหมดแรงจะก้าวเดิน ”

“ เสียดายตังค์ชิบหาย ” อาฟบอกตอนที่เห็นผมเดินออกมาเพื่อหยิบกระเป๋าเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ

“ เสียดายงั้นมึงก็เก็บไว้ดิ ไม่ต้องขี้ ” ยักคิ้วบอกมันก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง จัดการอาบน้ำด้วยสบู่หอมๆเรียบร้อย ไม่ลืมทาแป้งเด็กกลิ่นโปรดที่เอาติดตัวมา ก่อนจะใส่ชุดนอนแล้วกระโจนลงบนเตียงทันที หน้าท้องแบนราบราวกับไมได้กินอะไรมาก่อน ผมมองคนที่ยังคงเล่นมือถืออยู่ที่โซฟา อาฟยังคงไม่ลุกไปไหน “ อาฟมึงไปอาบน้ำสิ ”

“ อื้ม ” เสียงแบบนี้รอไปเลยอีกหนึ่งชั่วโมงมันก็ไม่อาบ แต่เหมือนจะผิดคาดเพราะหลังจากพูดแค่สักห้านาที อาฟกลับเดินไปอาบน้ำแบบว่าง่ายก่อนจะใส่ชุดนอนเดินออกมา พร้อมกับยกรีโมตกดเปิดทีวีแล้วค้นหาช่องที่อยากดูจนสุดท้ายก็มาหยุดที่ช่องหนังเจ้าประจำที่ช่วงนี้มันติดเป็นพิเศษ

“ พรุ่งนี้ไปไหนกันดี ”

“ อยากไปไหนละ หรือว่ามึงจะไปหาเพื่อน ”

“ เพื่อนกูเหรอ ? ” ขมวดคิ้วถามมัน อาฟก็พยักหน้ารับ

“ สวนนงนุชห่างจากที่นี่ ไม่กี่กิโลเมตรเองนะ เดี๋ยวกูดูตารางเวลาโชว์ช้างให้ ”

“ ไปตายนะไอ้สัด ” โยนหมอนใส่อีกคนที่หัวเราะออกมาเสียงดัง อาฟเดินไปนั่งตรงที่โซฟาเหมือนเดิม ส่วนผมก็ได้แต่เซ็งอยู่คนเดียวก่อนจะลุกขึ้นไปเก็บหมอนที่โยนไปมาไว้ที่เดิม แล้วตรงไปเปิดตู้เย็นพร้อมกับหยิบขวดน้ำขึ้นมา ผมยกมันขึ้นดื่มพลางเดินไปที่ประตูกระจกตรงระเบียงที่กำลังฉายวิวด้านนอกนั่น วิวสีดำที่เห็นแสงไฟเป็นจุดๆแล้วในตอนที่ละสายตากลับมา เงาสะท้อนของกระจกก็ฉายร่างสูงที่กำลังนั่งมองกันอยู่บนโซฟาแบบไม่ละสายตาไปไหน

“ มองอะไรวะ ” หันไปถามมันที่ก็ยกยิ้มให้กันแต่ไม่พูดอะไรออกมา อาฟลุกขึ้นเต็มความสูงหลังจากวินาทีนั้นก่อนจะดินมายืนซ้อนทับด้านหลังพลางเอื้อมมือมากอดเอวกันไว้ แล้วในตอนที่ก้มลงหอมแก้มกัน เสียงทุ้มก็เอ่ยถาม

“ มองแฟนไม่ได้เหรอวะ ”

“ มุกนี้อีกแล้วนะสัด ” ผมแซวก่อนพลิกตัวเองหันหลังไปกอดคออีกคนไว้หลวมๆราวกับจะตอบรับบางสิ่งที่ตัวเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {เปิดจองนิยาย :: up! 5-1-62} #หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 12-01-2019 20:26:38

ในแววตาของเราจดจ้อง โดยไม่ต้องหาคำอธิบายหรือคำตอบใดก็พอรู้ได้ ว่ากำลังรู้สึกอะอไรต่อกัน ความหวั่นไหวที่วูบวามนั้น เป็นความรู้สึกประหลาดที่มาจากความรัก มันที่ดึงดูดในเราแนบชิดและหลงใหลไปกับทั้งสัมผัสและความต้องการที่อยู่ลึกลงไป แล้วเราก็เพียงแค่ต้องยอมรับว่ารู้สึกอย่าง อย่างตรงไปตรงมา อย่างเช่นตอนนี้เองที่ทั้งผมและอาฟกำลังดึงใบหน้าเข้ากันแล้วและบรรจงมอบจูบดูดดื่มให้กันอย่างบรรจงและเชื่องช้าโดยไม่คิดปฎิเสธอะไร

ริมฝีปากไร้รส แม้แต่ลิ้นที่กอดเกี่ยวอย่างดูดดื่มจากได้ยินแต่เสียงน้ำลายก็ไม่ได้มีรสชาติอื่นใด ยกเว้นความเปล่งแปลก แต่ทว่ารสนั้นกลับทำให้หัวใจที่กำลังเต้นแรง รู้สึกชาราวกับจะหลุดหายไปที่ไหนสักแห่งอย่างล่องลอย

มือหนาของอาฟซุกซนและลดระดับจากการกอดเอวนิ่งๆมาเป็นสอดตัวเข้าไปในชายเสื้อนอนของผมอย่างไร้การห้ามปรามของฝ่ามือของผู้เป็นเจ้าของ มันลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง ก่อนจะลดระดับลงมาเป็นขอบกางเกงยางยืด ในตอนนั้นอาฟสอดมือเข้าไปใต้ร่มผ้านั้นก่อนจะออกแรงบีบนวดก้นกลมของผมเบาๆจนต้องเผลอครางออกมาเสียงแผ่ว

“ อาฟ ” แล้วสุดท้ายผมก็โดนปลดกางเกงน่ารำคาญนั่นให้ตกลงไปกองที่ข้อเท้า ช่วงล่างเปลือยเปล่าไปแล้ว ต่อมามือนั่นก็เลื่อนขึ้นจัดการเสื้อตัวที่กำลังใส่ด้วยการร่อนมันขึ้นมาตามแนวผิวของเอวคอด ก่อนจะถอดมันทิ้งอย่างไม่ใยดีอะไร สุดท้ายร่างทั้งร่างก็มีแค่ความเปลือยเปล่าจผมอดคาดโทษคนกระทำไม่ได้  “ นิสัยไม่ดีแบบนี้ทุกที ”

ผละริมฝีปากบอกกัน แต่อีกฝ่ายก็แค่ยกยิ้มก่อนจะก้มจูบอีกกันครั้งอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมด้วยการลูบไล้ไปบนผิวของผมเสียทั่ว ตั้งแต่แผ่นหลัง ช่วงเอวแล้วไล่ร่อนลงต่ำมาถึงก้นกลม หรือแม้แต่ขาเรียวก็ไม่รอดพ้นจากสัมผัสนั้น ก่อนที่อาฟจะหยุดชะงักที่ข้อพับขาพลางดึงมันขึ้นมาแนบชิดกับข้างลำตัวสูงของตัวเองที่ก็ไม่หยุดมอบจูบดูดดื่มจนต้องเป็นผมเองที่ต้องดึงริมฝีปากของตัวเองออกมาเองอย่างไม่ไหวที่จะต่อกรด้วย

“ อาฟ ” เสียงเบาๆที่มาพร้อมกับลมหายใจแผ่วอ่อน ความอุ่นของริมฝีปากเริ่มซุกซนด้วยการจูบไล้ไปบนไหล่ แต่งแต้มจุดสีแดงจางของการแสดงความเป็นเจ้าของอย่างพิจารณาไม่ต่างอะไรกับห้องเรียนวิชาศิลปะผิดแปลกก็ตรงที่ นี่ไม่ใช่ผืนผ้าใบ แต่เป็นผิวกายของผมที่ก็ไม่ต้องใช้พู่กันแต่อย่างใด เพราะใช้แค่ริมฝีปาก ส่วนมือที่ยึดขาให้แนบอยู่กับลำตัวก็จับไว้แน่นแล้วยกขึ้นสูงเพื่อเปิดช่องทางหลังให้ชัดเจนขึ้น ก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างอีกข้าง ส่งนิ้วถูเบาๆที่ปากทางเข้านั้น จนผมต้องหดเกร็งกับความรู้สึกที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน

 “ อะ อาฟ อ๊า อย่าเล่นแบบนี้  ” แทบหมดแรงยืนจนต้องกอดรอบคอของอีกคนไว้แน่น ผมที่ซบหน้าไปบนลาดไหล่นั้น บรือตาขึ้นมองหน้าด้านของตัวเองก็เห็นเพียงแค่กระจกบานสูงที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่กำลังแดงจัดอ้าปากค้างและค่อยๆผ่อนลมหายใจด้วยแรงอารมณ์ของความต้องการออกมาอย่างปิดไม่มิด ช่วงเวลาน่าอายที่ชวนให้ต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างไม่อยากยอมรับว่าตัวเองจะกำลังต้องการมากมายขนาดนี้ ผมเอ่ยขอร้องกับอาฟ “ ช่วย ย้าย ที่ได้มั้ยวะ ”

“ ทำไมครับ ” คำถามที่มาพร้อมกับการหอมลงบนไหล่ ผมก็เลยบอกไปตามตรง

“ ข้างหน้ากูมันมีกระจก กู กูไม่ชอบเห็นหน้าตัวเองในเวลาแบบนี้ อ๊า ” มือที่เล่นอยู่ภายนอกสอดใส่เข้าไปด้วนิ้วทั้งสาม ก่อนจะหมุนวนอยู่ในนั้นจนผมต้องเด้งตัวแล้วขมิบช่องทางหวังไว้แน่น แต่เหมือนนิ้วพวกนั้นก็ยังไม่หยุด มันยังคงหมุนวนไปรอบๆเพื่อหาจุดกระสัน จนผมได้แต่ครางออกมาไม่เป็นภาษา ในตอนนั้นผมได้ยินเสียงอีกฝ่ายยกยิ้มก่อนที่อาฟจะจูบลงที่ไหล่แล้วกระซิบ

“ แบบนี้ คือแบบไหนกันนะ ” เอ่ยถามแบบนั้น “ อยากเห็นด้วยจัง ”

“ ไม่เอา ” ส่ายหน้าบอกปัดแต่เหมือนว่ายิ่งห้ามก็ยิ่งยุ อาฟดึงตัวเองไปยืนอยู่ข้างหลังทั้งที่ไม่ปล่อยให้นิ้วหลุดออกไปจากช่องทาง ร่างของเราทั้งสองคนในตอนนั้นปรากฏอยู่บนกระจกบานใหญ่นั่นอย่างเด่นชัด แต่เหมือนจะยังไม่ชัดเจน ร่างเพรียวที่อยู่ด้านหลังผมผมต้องขยับตัวให้ตัวผมเข้าไปใกล้กระจกนั้นมากขึ้น จนผมเห็นตัวเองอย่างชัดเจน เห้นแม้แต่นิ้วมมือของอีกคนที่กำลังสอดใส่อยู่ที่ด้านหลังของตัวเองในเงาสะท้อนของกระจกนั่น รวมทั้งเรือนร่างขาวที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยรักสีแดงจาง

ผมเผลอสบสายตากับแววตาคมที่กำลังจูบอยู่ที่ต้นคอ ในช่วงเวลาที่ไม่รู้จะหลบไปไหน แม้แต่มือเองสองข้างของเองก็ยังดูเกะกะจนต้องคว้าจับเข้าที่ชายเสื้อยืดของคนข้างหลังไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ยอดอกของผมกำลังแข็งชันแม้ไม่มีใครมาดูดดึงหรือบีบคลึงเคล้น อาฟที่ยกยิ้มอยากถูกใจ มันเบารดลมหายใจลงไปที่ต้นคอของผม พลางใช้มือที่สอดอยู่ในช่องทางหลังสอดเข้าออกเพื่อเคล้นความเขินอายของตัวเองให้แสดงออกมามาก

“ แบบนี้นี้เอง ไม่ชอบเห็นเวลาตัวเองมีอารมณ์งั้นเหรอ ” ผมไม่ตอบอะไรในตอนนั้นอาฟก็กระซิบ “ แต่กูชอบมากนะ ช่วงเวลามึงที่กำลังเป็นแบบนี้นะ ”

“ อ๊า อาฟ ตรงนั้นมัน ” ผมย่อเข่าลงเพื่อดึงตัวเองให้เปิดช่องทางรับนิ้วที่สอดเข้าย้ำตรงจุดกระสันด้วยความรู้สึกต้องการ หลับตาสนิทไม่มองอะไรเพราะเขินอายในตอนที่นิ้วสอดเข้าออกเริ่มเพิ่มอัตราการสอดใส่มากขึ้นจนผมได้แต่ครางออกมาเบาๆอย่างจับใจความคำพูดอะไรไม่ได้ “ อ๊ะ ตรงนั้น มัน ”

“ ตรงนี้เหรอ ” คำพูดที่พูดชิดริมหูมาพร้อมลมหายใจเป่ารดที่หมายจะแกล้งกัน อาฟเร่งจังหวะของนิ้วกดย้ำที่จุดซ้ำๆจนผมจะถึงจุดสุดยอดด้วยท่าทางที่ถึงกับต้องหุบขาตัวเองแล้วบิดตัวไปมา เสียงครางที่ดังออกมาไม่ขาดปาก แต่สุดท้ายก็โดยคนควบคุมแกล้งกันด้วยการดึงนิ้วนั่นออกมาจากช่องทางหลัง ในตอนที่ความต้องการขาดช่วงลงคนกระทำแค่ยิ้มก่อนจะขบเม้มเข้าที่ใบหูของผม “ เมดไม่ชอบเสร็จด้วยนิ้วจริงมั้ย ”

บนหน้ากระจกที่ถูกกอดรัดด้วยสองมือ ส่วนกลางของผมแข็งชันจนมีน้ำใสไหลออกมาจากปลายท่อ ลมหายใจที่กำลังหอบมอง สองแขนที่กำลังโอบกอดตัวเองอยู่แบบนั้นด้วยความรู้สึกในใจที่แสนจะวาบวาม สีผิวของอาฟตัดกับสีผิวของผมอย่างเด่นชัด สองแขนนั่นปรากฏเส้นเลือดเด่นชัดมันกอดรัดร่างของผมเอาไว้ ก่อนจะผละออกมือนึงแล้วเพื่อดึงกางเกงของตัวเองลงก่อนจะดึงให้ผมก้มลงจนต้องใช้มือจับค้ำผนังกำแพงด้านหน้า

มือหนาคว้าเอากล่องถุงยางที่อยู่ไม่ไกลฉีกแกะมันด้วยปากก่อนจะใส่ครอบส่วนกลางแข็งชันอย่างรวดเร็ว อาฟใช้นิ้วแตะน้ำลายในปากก่อนจะเอานิ้วนั้นมาถูลงที่ช่อทางหลังของผม ก่อนใช้ส่วนที่ใหญ่กว่าสอดเข้ามาในร่างช้าๆ แล้วนิ่งค้างมันไว้อย่างงั้นสักพัก ก่อนเปลี่ยนมือที่ทั้งสองข้างมาจับเข้าที่ยอดอกก่อนจะบีบมันเบาๆ ก้มจูบลงบนแผ่นหลังก่อนจะไล่ผละจากอกนั้นมาจับที่เอว แล้วเริ่มจังหวะ ควบคุมการสอดเข้าออกอย่างเชื่องช้าในเบื้องต้นนี้ แต่ทว่าก็กดเข้าไปลึกมิดด้ามจนผมกัดริมฝีปากแน่นแล้วครางออกมาไม่ขาดปากในตอนที่ถูกสอดใส่ 

“ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ”  เสียงเนื้อก้นกระทบเข้าไปลำตัวของอีกคนเป็นจังหวะและเริ่มดังขึ้น สลับกับเสียงครางของผมที่กำลังทรมานเพราะการสอดใส่  เสียงที่ดังซ้ำพวกนั้น ถูกเร่งจังหวะให้มากขึ้นและมากขึ้นจนผมทำได้แค่กัดริมฝีปากไว้แน่นกับแรงความต้องการที่โหมเข้ามาใส่อย่างต่อเนื่องและเร็วแรง

ในสมองที่หลุดเบลอไม่มีเสียงหรือแม้แต่ความรู้สึกใด ที่เข้ามากระสบโสตประสาททั้งนั้น ผมปล่อยทุกอย่างดำเนินไปตามจังหวะที่ถูกชักนำนั้นจนให้ที่สุด แรงกระแทกหนักรอบสุดท้ายก็กดย้ำลงมาพร้อมกับเสียงครางในคอของอาฟที่ประสานเข้ากับเสียงของผม พร้อมทั้งน้ำของกามอารมณ์ที่ฉีดพุ่งออกมาจากกายลงใส่กระจกเบื้องหน้าอย่างไร้การยับยั้งใด

ขาสั่นๆของผมทรุดลงกับพื้นพรมที่ยืนอยู่ในตอนที่อาฟดึงเอาส่วนกลางออกพร้อมทั้งดึงถุงยางอนามัยที่ใส่อยู่นั้นทิ้งไป มันที่ใส่ใบใหม่เข้ามา ฉุดผมให้ลุกขึ้นจากที่พื้นด้วยการดึงเข้าไปกอดจูบด้วยรอยยิ้ม

“ จะฆ่ากูใช่มั้ย หรือกูกินเยอะเกินไป มึงเลยจะเบิร์นให้ ”

“ ถามน่ารักอะไรอย่างงั้นวะเมด” คำชมที่ได้ยิน มาพร้อมกับการชักจูงไปที่โซฟา อาฟนั่งลงบนนั้นก่อนจะดึงผมให้ค่อมขึ้นมานั่งทับบนตัก โดยรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อมานั้น ก็คือการจับให้ส่วนกลางนั้นตั้งตรง ด้วยมือของตัวเอง แล้วค่อยๆกดมันให้สอดใส่เข้าไปในร่างของตัวเองที่ความลึกนั้นทำให้ต้องอ้าปากค้างกับท่านี้ “ อย่างงั้น เก่งจังครับ เด็กดี ”

“ อื้อ น้องเมดจะเป็นเด็กดีของแด๊ดดี้ ”

“ มึงแม่งท๊อปฟอร์มว่ะ ”  อาฟจูบลงบนปลายคางก่อนจะไล่ลงมาจูบกันที่ยอดอกของผมที่ก็เด้งรับริมฝีปากที่โลมเลียมันด้วยลิ้น พร้อมใช้มืออีกข้างบีบบี้มันกับอีกข้างอย่างเท่าเทียม ผมกอดรอบคอของอีกคนไว้ก่อนจะยกตัวเองขึ้นแล้วกดลงเป็นจังหวะเชี่ยงช้าเพราะความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในท้อง

โซฟาเป็นสถานที่ที่ช่วยพยุงร่างกายได้ดีที่สุดในท่าทางนี้ก็จริง แต่ถึงอย่างงั้นข้อเสียของมันก็คือ ส่วนกลางนั้นมันก็จะเข้ามาลึกกว่าทุกท่าที่เคยเป็น แล้วผมก็ไม่ถนัดเอาเสียเลยกับความปั่นป่วนที่ทั้งเสียวและเจ็บปวดนี้ จนทำได้แค่กระซิบอีกฝ่ายเสียงเบาๆ อย่างเอาแต่ใจ

“ แด๊ดดี้ ช่วยหน่อย ” พูดเสียงเบาๆข้างหูอีกคนก่อนจะจุบลงที่สันกรามของใบหน้าคมนั้นอย่างเอาใจ ผมรู้สึกความต้องการเพิ่มสูงขึ้นเพราะส่วนกลางที่ฝังอยู่ในร่างของผมมันแข็งชันขึ้นกว่าที่เป็ม อีกฝ่ายที่เผลอยกยิ้มขึ้นมากับคำพูดนั้นก่อนจะสอดมือทั้งสองข้างเข้าที่ใต้ข้อพับขาอย่างตามใจ ก่อนจะยกตัวผมให้กดลงไปสอดใส่เข้ากับส่วนกลางของมันตามแรงของคนบังคับที่ก็เพิ่มอัตราขึ้นตามความต้องการที่ไม่มียั้งแรงกันเลยสักนิด

ผมเหมือนกับคนทำผิดที่โดนสั่งลุกนั่งอยู่แบบนั้นไม่มีหยุด และแม้จะส่งเสียงครางไม่หยุดหรือร้องขอให้เบาลงหน่อยก็ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นไปตามคำสั่งนั้น จนสุดท้ายร่างกายที่ทนไม่ไหว ก็ปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดออกมาอีกครั้งจนเลอะช่วงท้องไปหมด ผมที่ซบลงบนไหล่นั่นอย่างหมดแรงในตอนนั้น และเพียงแค่เอ่ยว่า “ แด๊ดดี๊ ” อีกครั้ง อาฟก็ประซิบลงข้างหู

“ คราวนี้บนเตียงนะ ” ผมไม่ได้ตอบอะไร ทำได้แค่เดินไปตามการกอดจูบที่ไม่ลดละของอีกฝ่าย เข้าใจถึงความรู้สึกเกี่ยวกับเซ็กส์ที่ใครชอบพูดว่า ‘ ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล ’ เสียแล้ว เพราะดูเหมือนคืนนี้อาฟก็คงไม่ปล่อยผมไปง่ายๆ ไม่ต่างอะไรกับคำพูดนั้นเลย

แสงแดดจากนอกห้องพักส่องเข้ามาในห้องเพื่อบอกว่าเวลาเช้าได้มาถึงแล้ว แต่สภาพร่างกายที่เจอศึกหนักมาเมื่อคืน ผมจำใจต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แม้ว่าบรรยากาศของทะเลให้ตอนเช้านี้จะน่าเดินเล่นขนาดไหนก็คงขอบายแล้วนอนต่อไปอย่างนี้ ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาคุมร่างของตัวเองไว้ ก่อนจะซุกเข้าหาร่างสูงของคนข้างตัวอย่างรู้สึกอยากนอนต่อ เพราะร่างกายที่เหมือนจะระบมจนแทบจะเรียกว่าละเอียดกลายเป็นผง เพราะหลงกลคำว่า ‘ อีกรอบเดียวนะ ’ ทั้งๆที่มันเป็นแค่คำโกหก

ครืน ครืน ครืน

เสียงโทรศัพท์ที่กำลังทั้งสั่นและส่งเสียงอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงทำให้ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะจำใจยื่นมือออกไปจับมันมากดรับแบบไม่ทันได้ดูรายชื่อของคนโทรเข้า

“ ฮัลโหล ”

“ สายป่านี้ยังนอนอยู่อีกเหรอเมด ” เสียงคุ้นหูที่ทำให้ผมนิ่งไปสักพักเพราะกำลังประมวลถึงเสียงทุ้มคุ้นเคยนี้ว่าได้เคยยินมาจากไหน แล้วพอคิดขึ้นได้ก็รีบลดมือถือลงมาดูรายชื่อนั่นทันที แล้วสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้ต้องเด้งตัวขึ้นจากเตียงทันทีราวกับนอนทับของร้อน เพราะมันเขียนว่า ‘ DAD ’

“ พ่อ โทรมามีอะไรครับ ”

“ คิดถึงไง ก็เราเล่นหายเงียบไปเลย ไม่ติดต่อมาหาพ่อบ้าง ”

“ เมดก็คิดถึงพ่อเหมือนกัน ” ผมพูดตอบกลับ อีกฝ่ายก็เหมือนยิ้มให้กับลคำพูดของปลายสายอย่างผม

“ ไม่จริงหรอกมั้ง คิดถึงก็ต้องมาหากันบ้างสิ ” เกิดสภาวะเงียบไปในตอนที่ได้ยิน ผมยิ้มแห้งๆอยู่กับตัวเอง “ แล้วนั่นทำไมยังนอนอยู่อีก จะสิบโมงแล้วนะ วันนี้ไม่มีเรียนหรอกเหรอไง ”

“ ไม่มีครับ ก็เลยตื่นสายนิดหน่อย แล้วนี่พ่อโทรมามีอะไรเปล่า ”

“ หลายเรื่องเลยละ แต่อยากคุยกับเมดแบบเห็นหน้ามากกว่า กลับบ้านหน่อยได้มั้ย เพราะพ่อสงสัยว่าทำไม เงินในบัญชีเรามันถึงไม่ค่อยเคลื่อนไหวเลย เหลือเยอะผิดปกติมาหลายเดือนแล้วนะ มีอะไรยังไม่บอกพ่อหรือเปล่า ”

“ ก็ มีนิดหน่อยครับ ” ผมบอกเสียงอ่อนๆเพราะไม่สามารถโกหกอีกคนได้อยู่แล้ว ก็จะไม่ให้เงินในบัญชีเหลือได้ยังไง ทุกวันนี้แทบไมได้ใช้อะไรเลย ค่าใช้ง่ายมากสุดก็เหมือนจะเป็นค่าเทอมของไอ้วิว ที่ผมคะยั้นคะยอให้มันไปเรียนพิเศษเอง ส่วนค่าใช้จ่ายอย่างอื่น อาฟก็เป็นคนจ่ายให้แทบจะทั้งหมด

“ งั้นเราก็ควรคุยกันต่อหน้าจริงมั้ย ” ไม่ได้ตอบอะไรในตอนนั้น พ่อก็เลยย้ำแบบยื่นคำขาดออกมา “ ไม่เกินอาทิตย์นี้ หาวันว่างมาหาพ่อด้วยนะ ทั้งวิวแล้วก็เมดด้วย ”

“ ครับ แล้วเมดจะหาวันว่างไปนะ ”

“ ดีมาก งั้นพ่อก็ไม่กวนละ ”

“ ครับ รักพ่อนะ ดูแลสุขภาพด้วยละ ” ก่อนวางสายผมพูดไปแบบนั้น พ่อก็ตอบกลับมาตามปกติ

“ รักเหมือนกัน เราก็ดูแลตัวเองดีๆ แล้วอย่าลืมกลับมาบ้านตามที่นัดละ ”

“ ครับผม ” ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่วางสายลง ผมในตอนนั้นหันไปมองอาฟที่ยังคงหลับสนิทอยู่ข้างกัน วนสมองที่คิดถึงความน่ากังวลต่างๆที่คาดเดาไม่ได้พวกนั้น นี่ถึงเวลาแล้วเหรอวะ ที่กูต้องแนะนำมึงให้พ่อรู้จัก ในฐานะคนรักกัน “ เข้ากับคนอื่นได้ยากแบบนี้ ตอนคุยกับพ่อจะน่าอึดอัดขนาดไหน ไม่อยากจะคิดเลยกู ”

................................................................

แด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อกับแด๊ดดี้ที่แปลว่าพ่อจริงๆมาเจอกัน จะเป็นยังไงนะ
นิยายเรื่องนี้ กำลังเปิดจองอยู่นะคะ สามารถหาอ่านข้อมูลกันได้ ในตอนที่แล้วค่ะ
ตอนพิเศษอันแน่นจุงใจแน่นอน
สุดท้ายนี้ หนมมีเรื่องที่จะแจ้งให้ทราบนะคะ
นิยายเรื่อง #ผับชั้นสาม จะยังคงอัพทุกวันศุกร์เฉกเช่นเดิมนะ แต่ตอนพิเศษนี้จะอัพแบบระบบ ศุกร์เว้นศุกร์
ยกตัวอย่างเช่น ศุกร์ที่ 11 นี้ลงตอนพิเศษที่ 1 ศุกร์ที่ 25 ก็จะลงตอนพิเศษที่สอง แบบนี้นะคะ
เพื่อช่วงเว้นศุกร์ตรงกลางหนมจะได้เอาไปปั่นตอนพิเสษเข้าเล่มฮับ

ท้ายนี้ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 12-01-2019 22:15:03

  :pig4:
 
อะแฮ่ม children 's day เจอแบบนี้ก็หวิวเกิ๊น ... แต่ชอบ

 

..คิดถึงเมดม๊ากมาก

  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 12-01-2019 22:18:08
พาสองแด๊ดดี้มาจับเข่าคุยกันเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 12-01-2019 22:50:27
ตอนพิเศษ อ่านไปยิ้มแก้มแตกเลยค่ะ จริงๆแล้วอยากให้มีตอนพิเศษไปอีกเรื่อยๆ ไม่อยากให้จบเลยค่ะ ชอบอ่านที่อาฟเค้ารักเมด ไม่เน้นพูดแต่เน้นการกระทำ อบอุ่น นุ่มนวลอ่ะ ชอบมากกก อ่านแล้วมีความสุข คืนนี้นอนหลับฝันดีเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 12-01-2019 23:52:52
ตอนพิเศษมาแบบจัดเต็ม จัดแน่นมากเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-01-2019 02:35:29
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-01-2019 04:19:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-01-2019 04:54:36
ร้อนแรงมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 13-01-2019 09:57:22
 :-[หวานเวอร์มากกกก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-01-2019 10:20:39
ตายไปเลยกะคำว่าแด๊ดดี๊ของเมด  :jul1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-01-2019 11:10:07
เป็นตอนที่ได้รู้จักพี่อาฟเยอะขึ้นและได้เสียเลือดด้วย :pighaun: :haun4: แด๊ดดี้กับน้องเมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: Namnamboy ที่ 13-01-2019 12:35:18
ยาวและหวานจนจุใจ ขอบคุณค่ะ :m25:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-01-2019 12:57:18
โอ๊ย ตาย~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 13-01-2019 14:51:17
ทั้งหวานทั้งร้อน โอ้ยยยย...สุดยอด!!!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 13-01-2019 16:21:21
ตายๆๆๆๆๆๆ :pighaun: :pighaun: :pighaun:

แต่ตอนหน้าแด๊ดต้องมาเจอแด๊ดจะเป็นไงนี่
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 14-01-2019 06:04:15
อื้มมมม
ตอนพิเศษที่จัดเต็มของจริง

 อดใจรอตอนเจอพ่อแม่ไม่ไหวแล้วววว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 14-01-2019 09:16:50
 อาระยะนายมันหื่น
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 14-01-2019 09:51:15
เมดจะเปิดตัวลูกเขยให้พ่อแล้ว


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: tangMa ที่ 14-01-2019 11:01:21
ตอนพิเศษ ยาว จุใจมากกกกก
ชอบประโยค "น้องเมดจะเป็นเด็กดีของแด๊ดดี้" ที่สุดอ่ะ
 :m25:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 14-01-2019 11:14:40
แปลว่ามีตอนพิเศษอีก  อร๊ากกกก ดีใจ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 14-01-2019 11:35:38
 :impress3: คิดถึงอาฟกับเมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 15-01-2019 03:14:36
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 15-01-2019 14:02:27
โอ้ยยยยยย พี่อาฟ น้องเมด ท็อปฟอร์มทั้งคู่ไปเล้ยยยยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: afuse ที่ 15-01-2019 22:15:17
สนุกมากเลยค่ะ น่ารัก


ป.ล.อ่านแล้วแอบคิดว่าอิมเมจเป็นวนว อิ้อิ้ ฟิน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: jbook ที่ 16-01-2019 08:00:12
 :hao6: สนุกมากเลยจ้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 17-01-2019 19:06:44
ง๊าาาาาาาาาาา กำลังติดเลยยยยย
อ่านจนวางไม่ลงเพราะหลงเมดกับพี่อาฟ :katai3:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: ffern ที่ 18-01-2019 00:09:49
อ๋อยยยยพี่อาฟ เขินไปหมดเเล้วเนี่ย  :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: aft22423 ที่ 18-01-2019 01:13:01
ปกติตัวเราเองเป็นคนที่ชื่อแปลกอ่ะนะ ไม่เคยเจอใครชื่อเหมือนเลย จนมาเจอจนได้!!! พระเอกชื่อเล่นเหมือนเราเลยคร้าาาาาา อ่านไปก็แปลกๆไป5555555

แล้วก็อ่านรวดเดียวจบ ชอบมากจ้า ไว้มีเรื่องใหม่จะมาติดตามอีกน้าาาา อ่อ รอตอนพิเศษ 2 3 4 5 6 ... ด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 18-01-2019 07:57:54
เรื่องนี้ได้แนวคิดเรื่องความรัก แบบคนเราคงกันต้องคิดหลายๆด้าน บางตอนเราอ่านก็เชียร์ทีมนี้ พออ่านมุมมองของอีกคน ก็เออว่ะ ชอบมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 19-01-2019 00:34:06
สนุกมากๆ เลยค่ะ
อยากได้แฟนแบบพี่อาฟ อบอุ่น ละมุนเวอร์
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 19-01-2019 18:53:10
อาฟดีจังเลยอะ เมดโชคดีมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: Piiiimsen ที่ 19-01-2019 20:55:16
สนุกมากกก ชอบผู้ชายแบบอาฟ น่ารักไม่ไหวแล้วฮือออ ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายดีๆแบบนี้ แงงงง ชอบอาฟกับเมดมากกก รักๆๆๆ  :mew1: :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 20-01-2019 00:07:07
ฉลองวันเด็กให้เด็กชายอารยะเหรอน้องเมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 20-01-2019 06:47:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 21-01-2019 16:17:10
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วไม่อยากให้จบ อยากติดตามชีวิตกลุ่ม throw up ไปแบบนี้เรื่อยๆเลยคะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 23-01-2019 08:29:38
ชอบมากกกกกก  มีหลากหลายอารมณ์ มาอ่านรวดเดียวจบ...ฟินมากกก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 23-01-2019 09:33:04
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: chonaun ที่ 23-01-2019 13:48:44
สนุกมากๆครับ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 25-01-2019 20:23:03
 
 
ตอนพิเศษที่ 2

‘ เสาร์นี้กูกลับบ้านนะ ’ คำพูดที่ได้ยินเป็นครั้งที่สิบ ผมทำทีเป็นไม่สนใจและไม่แม้จะตอบตกลงอะไรทั้งนั้น แต่บางทีอาจเพราะการไม่ตอบตกลง คนที่รู้จักกันดีอย่างดีแบบคนที่กำลังนั่งกินเครปในมือพลางใช้นิ้วจิ้มทำงานบนหน้าจอไอแพตไปด้วยนั้นก็เลยยังคงคะนั้นคะยอที่จะต้องการคำตอบ ‘ คนแบบมึง ถ้าไม่ได้รับคำตอบว่าไปสิ พอถึงวันจะไปจริงๆ มึงก็จะบอกว่า ใครบอกให้ไป แล้วก็เอาข้ออ้างสารพัดมาอ้างกับกู จะพากูไปนู้นไปนี่บ้างละ เพราะงั้นกูเลยต้องเอาคำตอบจากมึงให้ได้ว่าจะให้กูไป ไม่งั้นกูก็จะไม่หยุดพูดเด็ดขาด ’

รู้ดี และ ร้ายกาจขึ้นทุกวันจริงๆ ไอ้แก้มอ้วน

“ แต่กูไม่มีทางให้มึงไปหรอก ” ความคิดที่ถูกเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องทำงานบนชั้นสาม ทำให้คนที่กำลังกินและทำงานไปด้วยคนนั้น เลิกคิ้วมองกันอย่างสงสัย “ มองไร ”

“ มึงนั่นแหละเป็นเหี้ยอะไร อยู่ๆพูดขึ้นมาคนเดียว ผีเข้าเหรอ ? ”

“ ส่วนมึงก็ผีตะกละเข้าถูกมั้ย ” เอื้อมมือไปเขี่ยเศษเครปที่ติดอยู่ข้างแก้มออก ผมเผลอยกยิ้มกับปฎิกริยาตอบกลับของมันที่ก็ยกมือตัวเองขึ้นปัดหน้าแบบวุ่นวายไปหมด เพราะคิดว่ายังคงมีเศษขนมติดอยู่ “ กูลงไปข้างล่างนะ ”

“ อื้ม เดี๋ยวกูจะลงตามไป วันนี้มีเช็คเหล้ากับเด็กๆ ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับให้มันก่อนจะเดินออกมา ผมเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ในห้องคนเดียวอย่างเช่นทุกที แล้วตอนที่กำลังปิดประตูลง ก็ต้องเผลอยิ้มออกมาเหมือนทุกครั้ง ที่ได้แอบมองกันแบบนี้

ผมรู้เรื่องการกลับบ้านของเมดตั้งแต่วันที่เราไปเที่ยวทะเล จำได้ว่าพอลืมตาตื่นขึ้นมา ช่วงเวลาที่กำลังจะดึงคนข้างตัวเข้ามากอดแล้วหอมแก้มเหมือนทุกที ผมกลับพบว่าเมดอาบน้ำเสร็จแล้วและกำลังนั่งดูเมนูอาหารอยู่ปลายเตียง ความหงุดหงิดแรกเริ่มคืบคลานเข้ามาหาเพราะอดที่จะได้ทำอะไรตามปกติที่อยากทำ แต่ทว่าความหงุดหงิดของจริงมันเริ่มต้นตอนที่เมดหันมายิ้มให้กัน แล้วพูดว่า ‘ เมื่อกี้พ่อกูโทรมา พ่อบอกให้กลับบ้านบ้าง กูเลยจะกลับบ้านเสาร์นี้นะ ’

ในตอนนั้นผมตอบมันแค่ว่า ‘ ไม่ให้กลับ ’ ก่อนจะดึงตัวเองเข้าไปจูบที่ริมฝีปากสีสวยนั่นแล้วลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำ แต่ในสถานการณ์อย่างงั้นเมดคงไม่คิดหรอกว่า ผมพูดจริง และไม่ได้โกหกมันแต่อย่างใด

“ อ้าวสัดพี่ กูคิดว่ามึงจะลงมาพร้อมพี่เมด ” น้องชายผมเงยหน้าขึ้นถาม พลางเช็ดแก้วเหล้าในมือไม่มีหยุดในตอนที่เห็นกัน ผมเองก็ไม่ได้ตอบอะไรกับคำทักทายนั่น แต่กลับหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเพื่อนสนิทที่กำลังเขียนอะไรสักอย่างในกระดาษ มันคงเป็นแผนงานของผับที่มันกำลังร่างไว้คร่าวๆ สำหรับงานฝ่ายการตลาดในเดือนถัดไปของ throw up

“ เอาอะไรเบาๆมาแก้ว ”

“ แก้วเปล่ามั้ยครับคุณลูกค้า ” บอกกันยิ้มๆ แบบกวนตีนชวนให้อยากจะยกเท้าขึ้นถีบ ผมมองหน้าน้องชายตัวเองนิ่งๆ เป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างอะไรกับเพื่อนสนิท

“ มึงยังไม่รู้ตัวอีกนะสัดเดย์ ” เจเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะยกยิ้มแล้วส่ายหน้า

“ หน้ากูเหมือนเพื่อนเล่นมึงมากเหรอเดย์ ”

“ โอเค วันนี้ไม่เล่นเนอะ ” น้องชายผมตอบยิ้มๆ “ เพราะงั้นก็คือหน้าไม่คล้ายเพื่อนเล่นแต่คล้ายๆพี่ชายกูมากกว่าแหละ ”

“ มึงสั่ง mojito สิ แล้วให้ไอ้เดย์ผสม blue label เข้าไป โคตรเด็ดเลยนะ วันก่อนมันทำให้กูกิน ”

“ จัดมา ” เชิดหน้าไปบอกน้องชายก็พยักหน้ารับก่อนจะหยิบแก้วขึ้นมาจากชั้นวางเพื่อเริ่มทำค๊อกเทลที่สั่ง

“ หนักบลูหน่อยนะสัดพี่ เข้มขึ้นอีกระดับจากของพี่เจ ”

“ อื้ม ”

“ อ้าวเฮีย ลงมาเร็วจังวะคิดว่าจะมาพร้อมพี่เมด ” ไอ้อัยย์ที่เอ่ยทัก มันเดินมายืนข้างเพื่อนซี้ตัวเองแล้วยิ้มให้กัน ส่วนผมที่ได้แต่มองพวกมันก็ได้แต่ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม

“ แล้วทำไมกูต้องลงมาพร้อมไอ้เมด ลำไส้ใหญ่กูติดกับมันรึไง ”

“ แหม มึงก็กล้าพูดคำนั้นนะสัดพี่ เอาจริงๆถ้าสำไส้พวกมึงสองคนผูกติดกันได้ ตอนนี้มันคงผูกติดกันไปแล้วละ เพราะกูก็เห็นว่าพี่มึงตามติดพี่เมดของกูประดุจเจ้ากรรมนายเวรเลย ไปไหนมาไหนไปส่งตลอด ลืมตาตื่นขึ้นมาเจอเธอเป็นคนแรก แล้วก่อนจะหลับตานอนก็เจอเธอเป็นคนสุดท้าย  ” เสียงเหมือนคนตอแหลที่เอ่ยล้อชวนให้เราที่อยู่ตรงนั้นหลุดยิ้ม

“ มึงมีเหรียญบาทติดมาสักเหรียญมั้ย ” หันไปถามไอ้เจ มันก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าอย่างไม่รีรอแล้วตอนที่ยื่นมาให้ ผมก็หยิบมันส่งต่อไปให้น้องชายตัวเอง

“ อมไว้เดย์  เผื่ออีกเดี๋ยวมึงจะได้ลงไปนอนเล่นในโลงศพ ”

“ เก็บไว้ใส่ปากมึงเถอะไอ้สัดพี่ ” เดย์ทำทีเป็นมองผมด้วยสายตาที่กำลังเครียดแค้นพลางหันไปบอกเพื่อน  “ สัดอัยย์ มึงไปเอายาฆ่าหญ้ามาให้กู กูจะผสมเหล้าให้มันแดก ”

“ ปัญญาอ่อน ” ผมว่าก่อนจะคืนเงินที่อีกคนไม่ได้รับไปคืนเจ้าของ แล้วตอนนั้นไอ้เจก็เอ่ยถามกัน

“ ได้ข่าวเสาร์นี้ไอ้เมดกลับบ้าน ”

“ ข่าวไวจัง” ผมพูดเสียงเบาในตอนนั้นแก้วค๊อกเทลที่สั่งก็ถูกยกมาวางไว้ตรงหน้าพอดี ผมยกมันขึ้นดื่มก่อนจะพยักรับกับความชัดเจนของรสแอลกฮอล์ที่ผสมลงไปซึ่งถูกใจกว่าแบบปกติที่เคยกิน

“ ก็เสาร์นี้วิวมันไม่ได้มาอยู่กับกู เห็นบอกว่าจะกลับบ้านพร้อมไอ้เมด”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับก่อนจะวางแก้วนั่นลงตรงหน้า “ แล้วมึงรู้ใช่มั้ย ว่าไอ้เมดจะขับรถไปเอง ”

“ รู้ ” พูดแบบนั้นก่อนจะหันมาเหล่มองกันแล้วยกยิ้มให้ “ เป็นห่วงเหรอครับเพื่อนอาฟ ” ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่คิดว่าเจคงเดาคำตอบนั่นได้ “ ไม่เอาน่าสัด ไอ้เมดมันก็ขับรถได้ ”

“ แต่ที่มึงไม่รู้ คือมันขับล่าสุดตอนวันที่กูป่วย แล้วมีรถมากกว่าสามคันที่มันเกือบจะไปชนท้าย เพราะยังกะระยะความห่างของตัวรถที่ขับกับคันข้างหน้าไม่เป็น ”

“ กูถามจริง ” ผมยกยิ้มกับคำถามนั่นก่อนจะถอนหายใจออกมา พลางยกแก้วที่ตรงอยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่มอีกครั้ง

“ มึงไปส่งมันหน่อยสิ ”

“ ได้ไงละไอ้สัด กูเคยเจอพ่อแม่มันที่ไหน ” เจบอกปัด “ แล้วทำไมมึงไม่ไปเอง ก็ไหนๆจะต้องแนะนำตัวเองกับพ่อไอ้เมดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ไปมันวันพรุ่งนี้เลยสิ ”

“ กูต้องพามันไปหาพ่อแม่กูก่อน ”

“ ไม่ต้องตามแผนมากก็ได้มั้งสัดอาฟ บางทีอะไรๆมันก็ไม่ได้เป็นไปตามสิ่งที่มึงคิด ลดหย่อนชีวิตหน่อย ไปก่อนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ”

“ แต่กูว่าเป็นนะ ” เดย์ที่ยืนอยู่ด้านหน้าเราพูดขัด “ พ่อกูบอกกับสัดพี่ในรถวันที่กลับจากสิงคโปร์ว่าให้มันพาพี่เมดมาที่บ้านเราก่อน พอรู้จักกับพ่อกับแม่เราแล้ว ค่อยไปแนะนำตัวเองกับบ้านพี่เมด เพราะไม่อย่างงั้น ถ้าพ่อพี่เมดถามว่า แล้วพ่อแม่คุณอยากจะรับลูกชายผมเข้าไปในครอบครัวเหรอครับ สัดพี่มันจะได้ตอบได้เลยว่า รับครับ พี่เมดเข้ากับครอบครัวได้ดีมาก ทางบ้านพี่เมดจะได้วางใจและมั่นใจกับความรักของมันสองคน เพราะว่าทางสัดพี่จะไปเอาลูกชายเค้ามาทำเมียอะ พ่อว่า ”

“ ประโยคหลังมึงน่าจะเติมเองมั้ย ” เจถาม น้องชายผมก็ได้แต่ยิ้มกว้าง

“ เอาน่าพี่เจ มันก็คล้ายๆกันเปล่าวะ ”

“ ไม่คล้าย  เพราะพ่อมึงไม่มีวันพูดแบบนี้อะสัด ” เจหันมามองหน้าผมหลังจากจะพูดคำนั้น มันถอนหายใจออกมา “ ถ้าเหตุผลนั้นกูก็เห็นด้วยกับพ่อนะ เพราะเหตุผลที่เค้าพูดมันก็ถูก พ่อแม่ไม่ได้มองว่าเรารักกันหรือเปล่าอยู่แล้ว เค้ามองหลายเรื่อง โดยเฉพาะอนาคตของลูกชายเค้า  งั้นมึงก็พาเมดเข้าบ้านไปสิ ” ท้ายประโยคสิ้นคิดนั่นชวนให้ผมถอนหายใจอีกครั้ง

“ คิดหน่อยสัดเจ พรุ่งนี้วันเสาร์แล้ว มึงจะให้กูปลุกแม่กูตอนตีสามเพื่อแนะนำเมดหรือไง ” เพื่อนผมหลุดหัวเราะตอนที่ได้ยินคำนั้น

“ แล้วกูก็คิดว่าแม่มึงจะยิ่งไม่โอเคกับเมด ถ้ามึงทำแบบนั้นจริงๆ ” ได้แต่ถอนหายใจออกมาตอนที่เพื่อนพูดคำนั้น คำที่บอกว่า ‘ ไม่โอเคกับเมด ’

“ มึงคิดว่าแม่กูเป็นคนยังไงวะ ” คำถามที่ทำให้เจเงียบไปสักพัก มันยกยิ้มในช่วงเวลานั้นราวกับกำลังคิดคำตอบในสิ่งที่ผมถาม แต่ก่อนจะตอบอะไรออกมาก็ไม่วายหันมาแซวกัน

“ เป็นห่วงที่สุดในชีวิตแล้วใช่มั้ยกับคนนี้ ”

“ เสือก ” ผมตอบมันก่อนจะยกแก้วค๊อกเทลตรงหน้าขึ้นมากินกลบเกลื่อน “ กูถามก็ตอบมาเถอะสัด ”

“ ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สวย แล้วก็รักลูกชายสองคนนี้มากๆ ” คำตอบสั้นๆนั้นชวนให้ผมนิ่ง “ มึงรู้คำตอบอยู่แล้วสัดอาฟว่าแม่มึงเป็นยังไง ไม่ต้องให้กูพูดหรอก ครอบครัวมึง มึงเหรอจะไม่รู้ แล้วจะพยายามทำให้ตัวเองสบายใจด้วยการหาคำตอบจากปากคนอื่นไปทำไม ”

‘ ก็จริง ’ ผมตอบตัวเองอยู่ในใจตอนที่อีกคนถาม

“ แต่ที่กูอยากพูด ในฐานะเพื่อนมึงที่รู้จักกับครอบครัวมึงมาตั้งแต่เด็กๆ ครอบครัวมึงไม่มีใครเลวร้าย แต่เรื่องบางเรื่องมันละเอียดอ่อน เราเลยต้องให้เวลาเค้าเพื่อทำความเข้าใจ และมึงจะรีบไม่ได้  จะให้แม่มึงเจอเมดครั้งแรกแล้วรักแล้วเอ็นดูตั้งแต่วินาทีแรก มันยาก ต่อให้เมดเป็นผู้หญิงกูว่ายังยากเลย แล้วนี่เป็นผู้ชายอะ ” เจบอกกันแบบนั้น ก่อนจะส่ายหน้าแล้วหันมามองผม “ เรื่องบางเรื่องมึงรีบไม่ได้หรอก แล้วต้องเข้าใจด้วยว่า ความรักมันแสดงออกมาได้หลายแบบ ความรักของพ่อแม่ก็เหมือนกัน บางแบบก็อาจจะไม่ถูกใจมึงบ้าง แต่ก็อย่าได้หงุดหงิดไปก่อนแล้วกัน ” 

“ ถึงจะยากมากสำหรับคนอย่างสัดพี่มึงก็เถอะนะ ” เดย์เสริมขึ้น ก่อนจะยักคิ้วให้กันตอนที่ผมหันไปมองหน้ามัน

“ กูว่าความรักที่มึงให้เมดจะพูดว่ามันเหมือนกับความรักที่แม่มีให้มึงก็ได้นะ หรือจะพูดว่ามันต่างกันก็ได้ ยกตัวอย่างง่ายๆก็เช่น มึงเองรู้ดีว่าการขับรถมันต้องฝึกออกถนนแล้วเผชิญกับปัญหาถึงจะเก่ง แต่มึงก็เป็นห่วงมันอยู่ดีเลยไม่ยอมไม่ให้ขับไปไหน ยอมไปรับไปส่งเอง แล้วแม่มึงก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ถึงจะรู้ว่าลูกรักเค้ามาก แต่ความกลัวที่รู้สึกว่าลูกชายต้องเผชิญหน้ากับสังคมที่มองว่าลูกชายเราชอบผู้ชายด้วยกัน มันก็ต้องมีอยู่แล้ว และทั้งมึงทั้งแม่ก็มีเหตุผลเดียวกัน นั่นคือ เป็นห่วงคนที่ตัวเองรัก กูพูดถูกมั้ย ”

“ เฉียบทุกคำ ” น้องชายผมพูดเบาๆ ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้คนพูดที่ก้ยักคิ้วเป็นการตอบรับ

“ แต่คำว่าเป็นห่วง มันก็เหมือนกับเชือกที่พันตัวคนที่เรารักไว้นั่นแหละสัด ยิ่งให้ไปมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งอึดอัดมากเท่านั้น ” เจเอื้อมมือมาตบไหล่ผม “ ปล่อยมันไปเถอะน่า โดยเฉพาะเรื่องขับรถของไอ้เมด เพราะเดี๋ยวถ้ามันชนกับใคร มันก็โทรมาหามึงให้จัดการให้เองนั่นแหละ ”

“ กูกลัวมันจะไม่แค่นั้นนะสิ ”

เพราะถนนทางกลับบ้านของเมดเป็นเส้นถนนทางหลวงเส้นใหญ่สี่เลน รถส่วนใหญ่เมื่อหลุดออกจากความวุ่นวายของเมืองหลวงก็มักจะเหยียบอัดคันเร่งกันแบบเต็มแรงในเส้นทางนั้น ลำพังคนขับไม่เก่งอย่างมันชิดซ้ายไว้ก็คงไม่เป็นไร แต่ผมก็แค่กังวลว่าถ้าเกิดในกรณีที่มันโดนขับปาดหน้าด้วยรถใหญ่แล้วตกใจจนเผลอเหยียบเบรค จนรถคันหลังสอยท้ายรถของมันแล้วอัดเข้ากับคันหน้าอย่างจังมันจะยังมีโอกาสโทรมาหากันได้อยู่มั้ย

 ยังไม่นับว่าถ้าต้องอยู่จุดยูเทิร์น มันจะตัดสินใจได้มั้ย ว่าตอนไหนมันควรออกตัว หรือไม่ควรออกตัว แล้วสัญญาณไฟสูงที่รถจะกดเพื่อบอกเป็นสัญลักษณ์นั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมดจะเข้าใจได้มั้ย ว่าเค้าให้มันไป หรือเค้าให้มันจอด

ถอนหายใจออกมาอีกครั้งตอนที่คิดเรื่องวุ่นวายนั่นไม่มีหยุดหย่อน ผมตัดสินใจลุกขึ้นจากบาร์ แล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสามไปโดยไม่ได้สนใจเสียงเรียกที่เอ่ยถามกันว่า ‘ จะรีบไปไหน ’  ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็แค่ต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างตรงไปตรงมา

“ อ้าวมึง ” เสียงสบถของคนที่ผมอยากพูดด้วยเปิดประตูห้องออกมาพอดี เมดคงกำลังเดินลงไปข้างล่างเพื่อเช็คเหล้าอย่างที่มันบอก เพราะมือข้างหนึ่งนั้น ถือเอกสารชุดหนึ่งเอาไว้ แต่ทว่ามันที่ยังไม่ทันจะเอ่ยปากถามหรือพูดอะไรกลับโดนผมดันร่างให้เดินเข้าไปด้านในก่อนจะก้มลงพูดเสียงเรียบ

“ เก็บของ แล้วกลับคอนโด ”

“ ห๊ะ ? ” อ้าปากค้างแล้วเงยมองกันแบบงงๆ ผมก็ถามย้ำ

“ กูบอกว่าไปเก็บของ เราจะกลับคอนโดกัน ”

“ เดี๋ยวสิมึง วันนี้กูมีเช็คสต๊อกเหล้านะ แล้วเสาร์อาทิตย์กูก็ลางานไว้ด้วย ”

“ ค่อยกลับมาทำวันจันทร์ ” บอกมันแบบนั้นอีกคนที่ก็ยังมีท่าทางงงๆอยู่ก็ได้แต่ยอมเดินไปหยิบไอแพตที่ตั้งอยู่บนโต๊ะพร้อมของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าผ้า เมดหันมาถามกันเสียงเรียบ

“ มีอะไรเปล่าวะ ” ไม่ได้ตอบอะไรกับคำถามที่อีกคนส่งสายตาสงสัยมาให้ ตอนนั้นผมแค่โยนกุญแจรถตัวเองให้แทนคำตอบ

“ วันนี้กูจะให้มึงขับรถกูกลับคอนโด ”

“ ไม่เอา!! ” เสียงปฎิเสธมาพร้อมกุญแจรถของผมที่ถูกโยนกลับมา เมดส่ายหน้า “ รถมึงคันละเกือบสินล้าน กูขับรถกูไปเฉี่ยวรอยเท่าแมวข่วนยังเก็บกูเป็นแสน ถ้ากูขับรถมึงขึ้นฟุธบาทไปชนเสาไฟฟ้าขึ้นมา มึงไม่คิดกูร้อยล้านเลยรึไง ไม่เอาอะ ”

“ แล้วแบบนี้พรุ่งนี้มึงจะขับรถกลับบ้านได้ยังไง ”     

“ ขับได้ เพราะนั่นมันรถกู ” เหตุผลของคนตรงหน้าชวนให้ผมถอนหายใจออกมา แล้วก็ยิ่งถอนหายใจหนักขึ้นไปอีกตอนที่ได้ฟังประโยคต่อมา “ อีกอย่างถ้าเกิดว่าเกิดอะไรขึ้นมา รถกูมันก็มีประกันอยู่แล้ว ค่อยเรียกประกันมาแล้วกัน ”

“ ไม่คิดว่าจะถึงบ้านอย่างปลอดภัยเลยรึไง ”

“ ก็คิด แต่กูสมมุติไง สมมุติว่า ถ้ามันมีอุบัติเหตุขึ้นมา รถกูมันก็ยังเป็นของกู มันก็สบายใจกว่า เพราะมันไม่ใช่รถมึง ”

บางทีก็ดูเหมือนว่า เรื่องนี้จะมีแค่ผมคนเดียวที่ยังคงทุกข์ร้อนและเครียดกับการขับรถกลับบ้านของมันในวันพรุ่งนี้ เพราะคนที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาตัวจริง ยังคงยิ้มแป้นให้กันอย่างไม่คิดกังวลถึงสิ่งใด ทั้งๆที่มันไม่ได้ขับรถนานแล้ว แถมยังจะต้องมีอีกหนึ่งชีวิตนั่งไปด้วย แต่เมดก็ยังคงไม่กลัวอะไรทั้งนั้น หนำซ้ำยังเอ่ยบอกผมเสียงหนักแน่นด้วยรอยยิ้มราวกับจะบอกว่าอย่าใส่ใจ

“ กูขับได้น่า ”

“ ไม่ไปได้มั้ย ” สุดท้ายก็พูดคำที่อยากจะพูดออกไปในที่สุด

ไม่บ่อยนักหรอก ที่ผมจะเป็นแบบนี้ ไม่บ่อยนักที่คนอย่างผมจะจดจ้องลงไปในแววตาเรียวนั้นอย่างจริงจังแล้วเอ่ยพูดคำพูดเชิงอ้อนที่ตัวเองไม่ถนัดเอาเสียเลย การกระทำที่แสนจริงจังทำให้อีกฝ่ายนิ่งไป แววตาที่สดใสและมั่นใจผ่อนลงและเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด  อาจเพราะเมดรู้ดี ว่าถ้าผมไม่ต้องการจริงๆ ก็คงไม่ทำอะไรแบบนี้ แต่ทว่าครั้งนี้มันกลับไม่ได้ตามใจผมเหมือนทุกครั้ง เมดส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“ ยังไงก็ต้องไป ” พูดแบบนั้นด้วยน้ำเสียงอ้อนกลับ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปทางอื่นแล้วสบถ

“ ดื้อชิบหายไอ้สัด ”

“ กูไม่ได้ดื้อ แต่มันจำเป็นไงมึง ” เมดอธิบายก่อนจะยื่นมือมาดึงหน้าผมให้หันไปเผชิญหน้ากัน “ ฟังกูนะอาฟ คือกูไม่ได้กลับบ้านนานมากแล้ว พ่อก็เลยมีหลายเรื่องที่จะคุยกับกู ”

“ เรื่องกูด้วยใช่มั้ย ” ผมถาม อีกคนก็นิ่งไปก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ก็นิดนึง ” รอยยิ้มที่ส่งมาให้กัน เมดหย่อนตัวลงนั่งที่ขอบโต๊ะข้างตัวผมที่ยืนอยู่ “ ตั้งแต่คบกับมึงมาเงินในบัญชีกูแทบไม่ได้ถูกถอนออกเลย ทั้งๆที่ปกติยังไม่ทันสิ้นเดือน เงินกูเหลือไม่เคยถึงพันแล้วพ่อที่เช็คเงินกูตลอดก็จะโอนเข้ามาเพิ่มไว้ให้ตลอด แต่คงเพราะหลายเดือนมานี่ เงินกูเต็มบัญชีตลอด พ่อก็เลยคงถามวิวแหละ แล้ววิวก็คงบอกไปแล้วว่า กูมีแฟนใหม่แล้ว ”

“ จะให้กูขับไปมั้ย ไปแนะนำตัวกับพ่อมึง ”

“ ไม่ต้องๆ ” เมดโบกมือปฎิเสธ ผมก็ได้แต่จ้องมัน “ คือกูคิดว่า กูอยากไปคุยกับพ่อแบบส่วนตัวก่อน อยากไปเล่าเรื่องของมึงให้เค้าฟัง ให้เค้ารู้สึกมึงแบบเบื้องต้นก่อน แล้วค่อยพามึงเข้าไปแนะนำน่ะ ”

“ งั้นกูจะให้ไอ้อัยย์ไม่ก็ไอ้เดย์ไปส่งมึง ”

“ นั่นก็ไม่ต้อง ” ยังคงปฎิเสธแบบเดิมด้วยท่าทางเดิมๆ ผมขมวดคิ้วมองมันคราวนี้สีหน้าหนักใจของเมดฉายชัดยิ่งกว่าต้องอธิบายคำถามไหนที่เคยถามมา

“ ยังไงอีก ” ถามมันสั้นๆ อีกคนก็ยิ้มแห้งๆให้กัน “ กูให้มึงครึ่งทางแล้วนะเมด ไม่อยากให้ไปก็จะไป พอกูจะไปส่งก็บอกอยากคุยกับพ่อแค่สองคนก่อน แล้วพอจะให้ไอ้อัยย์ไอ้เดย์ไปส่ง มึงก็บอกไม่ต้องอีก คราวนี้ยังไงอีกเหตุผลของมึง ”

“ กูกลัวโดนพ่อด่า ” มันว่าแบบนั้นก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น “ คือมึงเข้าใจมั้ยว่าพ่อกูซื้อรถให้กูเกือบจะหนึ่งปีแล้ว แล้วถ้าพ่อรู้ว่ากูยังขับรถไม่เก่งแบบนี้ พ่อกูเอาตายแน่เลยมึง ให้กูขับไปเถอะนะอาฟ ” ท้ายประโยคที่เอื้อมมือมาจับกันนั้นเมดบีบมือผมแน่นแล้วเอียงหน้ามองแบบอ้อนวอนกัน “ กูเคยขับกลับบ้านมาแล้ว ตั้งแต่ตอนขับเป็นใหม่ๆเลยด้วยนะ ตอนนี้มันก็ต้องขับได้เหมือนกันนั่นแหละ มึงวางใจได้ กูยังเคยขับรถพามึงไปโรงพยาบาลเลย มึงก็เห็นใช่มั้ยว่ากูขับได้ ”

“ ที่เกือบชนรถคันหน้าแล้วเบรครถแรงจนตัวกูอัดกับคอนโทรลเป็นสิบรอบทั้งๆที่กูป่วยน่ะเหรอ ”

“ มึงก็เว่อร์ไป มึงคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ มึงจะไปอัดเข้ากับคอนโทรลรถได้ไง ”

“ คือไม่ว่ายังไงก็จะขับไปเอง ” ผมถามพลางถอนหายใจใส่อีกคนที่ก็พยักหน้ารับอย่างมั่นใจ

“ แต่กูสัญญานะอาฟ ว่ากูจะขับช้าๆ กูจะไม่รีบ กูจะดูซ้ายดูขวา กูจะเว้นระยะกับรถคันหน้า จะไม่เหม่อลอย จะมีสติ จะขับถึงบ้านอย่างปลอดแล้วรายงานมึงทันทีเลยว่าถึงแล้ว จริงๆนะ ”

“ งั้นกูถามหน่อย ถ้ามึงกำลังยูเทิร์น รถทางตรงที่ขับมาเร็ว ตีไฟสูงใส่มึง มันแปลว่าไรอะไร ” คำถามที่ทำให้เมดเงียบไป มันเหลือบไปมองรอบตัวอย่างใช้ความคิด ปากสีสวยนั่นเม้มเข้าหากันอย่างไม่มั่นใจในคำตอบที่ตัวเองคิด “ ว่าไง คิดช้าแบบนี้ ถ้ามึงตายบนถนนกูไม่ไม่ดูศพนะ ”

“ ที่พูดคือปากเหรอไอ้สัด ” มันพูดก่อนจะเงียบแล้วพูดคำตอบออกมาเสียงเบาๆ “ เป็นสัญญาณบอกให้กูรีบออกไปก่อนที่มันจะถึง ”

“ รีบไปตายนะสิ ” ผมบอก “ มันเป็นสัญญาณบอกให้หยุด ห้ามออกมา เพราะมันจะไปก่อน ”

“ เหรอ โอเคกูจำจะไว้ ”

“ แล้วรู้มั้ยว่ารถมึงควรอยู่ห่างจากคันหน้าเท่าไหร่ ”

“ มันมีวิธีวัดด้วยเหรอวะ กูว่าเอาตามความรู้สึกก็พอมั้ง มึงก็แค่อย่าเข้าไปใกล้คันหน้ามากเกินไปก็พอแล้ว ”

“ วิธีวัดคือเทียบกับเสาไฟฟ้า พอรถคันข้างหน้าขับไปถึงเสาไฟฟ้าต้นข้างหน้า มึงต้องนับ 1001 1002 แล้วถ้ามึงก็ถึงเสาต้นนั้นเหมือนกัน งั้นก็แสดงว่ามึงห่างจากรถคันข้างหน้าแบบพอดีแล้ว ”

“ แล้วใครมันจะมานั่งนับอยู่แบบนั้น กูท้าเลยว่าตอนมึงขับครั้งแรกมึงเองก็ไม่นับเหมือนกัน ” เมดมองผมแบบเหล่มองจนเหมือนจะจับผิด “ ทีมึงขับอะ ถ้ามีรถขอเข้าแทรกข้างหน้ามึงหน่อย มึงยังขับไปติดคันหน้าแบบชนิดที่คนเดินยังผ่านไม่ได้เลย โคตรไร้น้ำใจ ”

“ นั่นก็เพราะว่ารถคันนั้นมันมักง่ายแซงคนอื่นมา แล้วสุดท้ายก็มาบีบบังคับกับรถคันที่ต่อคิวอยู่ไง กูเลยไม่จำเป็นต้องมีน้ำใจกับคนเหี้ยอย่างมัน ” เมดเงียบไปในตอนที่ผมอธิบายมัน “ บนถนนมันไม่ได้มีใครเคารพกฏแบบที่เราสอบใบขับขี่มาหรอก เวลามึงขับรถ มึงไม่มีทางรู้ ว่าคนที่ร่วมทางมากับมึงมันเป็นคนแบบไหน  แล้วมึงที่ยังหลบหลีกไม่ได้แบบนี้ ก็คือยังจะขับไปเหรอวะ ”

“ อื้ม ” คำตอบสั้นๆนั่นทำให้ผมนิ่งไป ก่อนจะถอนหายใจแล้วหันไปทางอื่น ไม่รู้สึกหัวเสียแบบนี้มานานแล้ว ความรู้สึกที่อยากจะเอื้อมมือไปบีบแก้มมันแรงๆแล้วดึง อัดแน่นอยู่ในใจไปหมด คำสบถเป็นร้อยเป็นพันที่คิด มีแค่คำว่า ‘ ดื้อ ’ ‘ ดื้อชิบหายไอ้สัด ’ 

“ เมด นี่มึงเข้าใจอะไรบ้างมั้ยวะ ” จดจ้องลงไปในแววตานั้น ผมถาม “ เข้าใจบ้างมั้ยเป็นห่วง ”

“ เข้าใจ ” คนตรงหน้าตอบเสียงเบา “ แต่ยังไงก็ต้องไปอยู่ดีนั่นแหละ ก็กูสัญญากับพ่อไว้แล้ว ”

“ กูไม่ได้บอกว่าห้ามไป แต่กูแค่ขอว่าอย่าขับไปเอง ”

“ อย่าทำให้ลำบากใจกันเลยมึง ” อีกคนพูด “ กูก็บอกเหตุผลมึงไปหมดแล้ว ไม่ว่ายังไงกูก็ต้องขับไปเอง คือมึงไม่ต้องเป็นห่วงหรอกอาฟ ถ้ามึงเล่นคิดแค่แง่ลบแบบนี้ มึงก็ยิ่งไม่อยากจะให้กูไป บ้านกูไม่ได้ไกลจากกรุงเทพมากขนาดนั้น ขับช้าๆ ชั่วโมงหนึ่งก็ถึงแล้ว ” ถอนหายใจก่อนจะมองไปทางอื่นตอนที่อีกคนพูด “ กูรู้ว่ามึงเป็นห่วงกูมาก แต่ทำไมไม่คิดในแง่ดีว่านี่คือการฝึกฝนว่ะ เผื่อวันนึงมึงไม่อยู่กูจะได้ขับรถไปไหนมาไหนเองไง ”

“ กูไม่มีแพลนจะห่างมึงไปไหน ”

“ แล้วถ้าต้องไปสิงคโปร์กับพ่ออีกละ ”

“ ก็ให้ไอ้เดย์มาแทน ”

“ แล้วถ้าน้องเดย์มีแฟน ”

“ ไอ้อัยย์มี ”

“ แล้วถ้าน้องอัยย์มีแฟน ไอ้เจต้องไปทำธุระกับวิวละ เห็นมั้ย มันดีกว่านะถ้ามึงให้กูหัดขับรถให้เก่งๆ กูจะได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้ แบบที่มึงไม่ต้องเป็นห่วงด้วย แล้วมันก็ควรเริ่มจากการขับรถกลับบ้านพรุ่งนี้แหละ ”

“ มึงนี่มัน..” เว้นคำพูดไปแต่ก่อนจะพูดอะไรต่อ เมดก็พูดสวนขึ้นก่อน

“ ก็เพราะมึงดูแลกูแบบเด็กสามขวบแบบนี้ไง กูเลยขับรถไม่ได้สักที เพราะงั้นอารยะก็ต้องปล่อยมิณทร์ไปบ้าง เข้าใจมั้ยครับ ”

“ คือมึงกำลังจะบอกว่าเพราะกูที่รักมึงมากเกินไป ก็เลยเป็นแบบนี้ ” ผมบอกก่อนจะยกยิ้มให้มันที่ก็นิ่งไป “ เออ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะกูจริงๆก็ได้ ”

“ อาฟ คือ มันก็..”

“ งั้นมึงไปเถอะ ตามสบาย ”

“ เดี๋ยว ไม่เอาดิ มึงอย่าตีความไปแบบนั้น กูแค่อยากจะให้มึงปล่อยกูบ้างเท่านั้นเอง แบบ ปล่อยให้กูดูแลตัวเองบ้าง ”

“ เออ กูรู้แล้ว ” ผมบอกย้ำ “ มึงก็ไปสิ  ไม่ห้ามแล้วไง เข้าใจแล้ว ว่าต้องปล่อยให้ดูแลตัวเองบ้าง ”

“ อาฟ ” ถอนหายใจออกมาตอนที่เรียกชื่อกันราวกับว่า ผมคือผู้ชายงี่เง่าคนหนึ่งที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่มันกำลังรู้สึก  เมดขับรถไม่เก่งเข้าขั้นแย่ แต่อยากจะให้ผมเข้าใจ ว่ามันไม่อยากโดนพ่อด่าเพราะขับรถไม่เป็นก็เลยอยากจะขับไปเอง เหมือนมันกำลังพยายามจะให้ผมเข้าใจไปหมด แต่ไม่ได้บอกตัวเองให้เข้าใจกัน อย่างที่ปากบอกเลยว่า ‘ กูเข้าใจมึงนะ ว่ามึงเป็นห่วงกู ’

“ กูแค่ตลกตัวเอง ตั้งแต่วันไปเที่ยวทะเลจนถึงวันนี้ กูนั่งคิดมาตลอดว่าจะทำยังไงดีให้มึงถึงบ้านปลอดภัย กูคิดหลายวิธีด้วยความเป็นห่วงมึง แต่ที่กูลืมคิดไปอย่างหนึ่งก็คือ กูไม่ควรห่วงคนที่ไม่คิดแม้จะห่วงตัวเอง  ไม่ควรห่วง คนที่ยังไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมกูถึงเป็นห่วง แล้วก็ยังพยายามที่จะบอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ทั้งๆที่กูถามหน่อยเถอะ วันที่กูแข่งรถ ทั้งๆที่กูขับเก่งขนาดนี้ มึงยังเป็นห่วงกูเลย แล้วมึงจะไม่ให้กูห่วงมึง ทั้งๆที่มึงกำลังจะออกไปขับรถในถนนที่ไม่ต่างอะไรกับสนามแข่งเลยด้วยซ้ำได้ยังไง ”

ในแววตาที่มองผม สายตาดื้อดึงของเมดนั้นเปลี่ยนไป ปากที่กำลังขยับเอ่ยคงเป็นคำอธิบายเดิมที่มันยังคงพยายามพูดให้ผมเข้าใจ ในสิ่งที่มันกำลังรู้สึก

 “ แฟนกู กูรู้จักมันดีเมด กูเลยกังวลมาก กูอยากจะบอกมึงแค่นี้แหละ แล้วมึงคนที่น่าจะรู้จักกูดีพอ ทำไมถึงพูดคำนั้นออกมา เพราะคิดว่าต้องดื้อเท่านั้นใช่มั้ย กูถึงจะยอม ถ้างั้นมึงก็ไปเถอะ แล้วทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกัน เรื่องที่บอกจะขับรถดีๆ ”

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 25-01-2019 20:23:32
ความอึดอัดแผ่กระจายออกไปทั่วคอนโดเพราะความเงียบ นาฬิกาติดผนังบอกเวลาเที่ยงคืนและอีกไม่กี่นาทีก็กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่วันใหม่ ผมอยู่ในห้องนอนและยังไม่ได้อาบน้ำเพราะเมดขออาบน้ำก่อนด้วยเหตุผลที่ว่าต้องจัดกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านในวันพรุ่งนี้ ผมไม่แม้จะเอ่ยถามมันว่าไปกี่โมง แต่เอาจริงๆเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันตั้งแต่ออกมาจากผับแล้ว

“ อาฟ มึงว่าใส่เสื้อตัวไหนดี ” เสียงที่ดังมาจากห้องแต่งตัว เสื้อสองแบบที่ต่างกัน ตัวหนึ่งเป็นลายขวางที่มันชอบ กับอีกแบบคือเสื้อสีขาวธรรมดาที่สกีนตัวเลขอยู่ตรงกลาง

“ ซ้าย ” เลือกเสื้อในแบบที่มันชอบไป อีกคนก็ถอนหายใจออกมา

“ อย่างอนกันเลยน่ามึง มันอึดอัด ”

“ ใครงอนมึง ” ผมถามก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องแต่งตัว หยิบผ้าขนหนูที่แขวนไว้ตรงประตู แต่ยังไม่ทันจะเข้าไปก็ได้ยินเสียงบ่น

“ ก็มึงนั่นแหละไอ้เหี้ย ขี้งอน ”

“ มึงว่าไงนะ ”

“ บอกว่ามึงขี้งอน ” เมดหันมามองกัน เราจ้องกันอยู่แบบนั้นก่อนคนตรงหน้าจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ “ ขอโทษที่บอกว่ามึงดูแลกูดีเกินไป จริงๆที่มึงเป็นมันก็โอเคแล้ว แต่ที่กูพูดแบบนั้นกูยอมรับว่ากูดื้อเถียงให้มึงยอม เพราะกูอยากขับไปเอง ไม่อยากให้พ่อด่ากู ”

“ ถ้ากูเป็นพ่อมึง กูจะด่ามึงที่กล้าขับมาเอง แล้วกูก็จะด่าผัวมึงที่ปล่อยให้มึงขับมา ทั้งๆที่ก็รู้ว่ามึงขับไม่เก่งขนาดนี้ ”

“ ขอแค่ครั้งเดียว แล้วครั้งต่อไปที่กูจะไปหาพ่อ กูพามึงไปด้วยทุกครั้ง ตกลงมั้ย ”

“ ตกลง ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะจ้องมองแววตาเรียวที่ก็ยังคงจ้องกัน “ ก็บอกไปแล้วตั้งแต่ที่ผับว่าตกลง ”

“ แด๊ดดี๊อะ ”

“ คำนั้นมันใช้กับกูได้แค่ตอนที่เราอยู่บนเตียงเท่านั้นแหละ ” ยักคิ้วให้มันอีกคนก็ได้แต่สบถ

“ แด๊ดดี๊แม่ง ”

“ ไว้กลับมาแล้วค่อยพูดกัน ตอนนี้กูยังไม่อยากพูดกับเด็กดื้ออย่างมึง ” บอกปัดมันแค่นั้นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ จัดการอาบน้ำเรียบร้อยแล้วใส่ชุดนอนออกมา ผมไม่ลืมหยิบมือถือที่วางไว้บนเตียงออกมาด้วย เพราะตั้งใจจะกดโทรออกไปหาไอ้อัยย์เพื่อทำตามแผนที่คิดไว้ นิ้วกดโทรออก เสียงรอสายดังอยู่สักพักก่อนที่มันจะกดรับ

“ ครับเฮีย ”

“ พรุ่งนี้กูยืมรถหน่อย ”

“ รถกูน่ะเหรอ ”

“ อื้ม ”

“ แล้วกูขับไรอะเฮีย ”

“ เอารถกูไป กุญแจอยู่ที่ไอ้เดย์ ส่วนกุญแจรถมึงฝากไอ้เชี้ยเดย์มา บอกมันตั้งไว้ที่โต๊ะข้างเตียงมัน พรุ่งนี้กูเข้าไปเอา ”

“ แปปนะเฮีย ” อัยย์พูดแบบนั้น ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนตัวเองที่ก็คงยืนอยู่ข้างกัน เพราะว่ามันยังเป็นเวลางาน “ สัดเดย์ เฮียให้กูเอารถกูไปให้เฮียอะ แล้วก็ให้มึงเอากุญแจรถเฮียให้กูขับ ”

“ GTR น่ะเหรอวะ ”

“ อื้ม ”

“ ไหน กูคุยกับมันหน่อย ” มือถือถูกเปลี่ยนเจ้าของไปอยู่ในมือน้องชายผม “ สัดพี่ มึงจะให้ไอ้อัยย์ขับ GTR จริงดิ ”

“ แล้วมึงมีปัญหาอะไรกับรถกู ”

“ เปล่าจ้า ก็พี่มึงหวงขนาดนั้น เลยคิดว่าอะไรเข้าฝัน ”

“ ความหวงเมียของมันไง ” เสียงไอ้เจพูดแทรกขึ้นผมก็ได้แต่ยกยิ้ม “ มันคงคิดจะเอารถไอ้อัยย์ขับตามเมียมันไปวันพรุ่งนี้นั่นแหละ ”

“ เป็นแบบที่พี่เจบอกเหรอวะ ”

“ เสือก ” ตอบคำถามน้องชายแค่นั้นก่อนจะย้ำ “ ทำตามที่กูบอกแล้วกัน เอากุญแจรถไอ้อัยย์ไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงมึง แล้วมึงก็ให้กุญแจรถกูให้ไอ้อัยย์ไป ”

“ บอกมันว่าจอดรับกูด้วย เพราะกูจะไปด้วย ”

“ อย่าให้ไอ้วิวรู้ บอกมันไปด้วย ” ผมบอก เดย์ก็บอกอีกคน

“ สัดพี่บอกว่าอย่าให้ไอ้เด็กแรดรู้ ”

“ อื้ม ” เสียงของเจที่ตอบรับ ผมก็ไม่ลืมฝากอีกเรื่องให้น้องชายตัวเองทำ

“ เดย์กูฝากเช็ครถให้ไอ้เมดด้วยนะ เช็คลมยางให้ด้วย กุญแจรถมันแขวนอยู่ตรงที่แขวน ”

“ ตกลงกูเป็นอะไรกันนะ ถึงได้ใช้กู.. ”

“ พันหนึ่ง ” ผมพูดขัดอีกคนที่ก็เปลี่ยนเสียงที่กำลังจะบ่นเป็นอีกเสียง

“ ได้เลยสัดพี่ น้องเดย์คนนี้จะเช็ครถพี่เมดให้อย่างดีเลยครับ ยางทั้งสี่เส้น น้ำมันรถ รวมทั้งเครื่องยนต์ ไว้ใจได้เลยไม่ต้องห่วงนะ ”  ตัดสายคนที่กำลังพูดมากไปก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแล้วก็ต้องพบว่าคนที่เคยจัดเสื้อผ้าอยู่ในตอนนั้นกำลังคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียง

“ สักสิบโมงแล้วกัน ถึงบ้านตอนเที่ยงเราจะได้กินข้าวเลย ” ปลายสายนั่นคงเป็นวิว ผมคิดว่าอย่างงั้น “เดี่ยวแวะรับหน้าคอนโด ออกมายืนรอเลยนะ กูจดเทียบมึงก็พุ่งขึ้นมาเลย รถมันเยอะเดี๋ยวโดนด่า โอเค แค่นี้นะ เจอกันครับ ”

“ นอนได้แล้ว ” ผมบอก เมดที่กดวางสายพอดีก็หันมายิ้มกว้างให้กันตอนที่ผมเอ่ยพูดด้วย ท่าทางกระตือรือร้นในการลุกไปเสียบสายชาร์จมือถือเข้ากับที่ชาร์จแล้วหันกลับมาห่มผ้านอนเรียบร้อยไม่ต่างอะไรกับเด็กที่ทำตัวเป็นเด็กดีตอนที่พ่อแม่โกรธ เป็นช่วงเวลาที่ชวนให้กลั้นยิ้มด้วยการหันไปทางอื่นก่อนจะนั่งลงบนเตียงแล้วค่อยๆเอนตัวลงนอนและอย่างไม่ต้องให้รอนานคนที่นอนอยู่ก็ดึงตัวเองเข้ามานอนใกล้กัน ซึ่งแน่นอนว่าท่าทางแบบนี้มันก็เกิดขึ้นแค่เฉพาะตอนที่ผมโกรธมัน

“ พรุ่งนี้กูไปสิบโมง กูจะรายงานสดมึงตั้งแต่ออกจากคอนโดจนถึงบ้านเลย ”

“ ใครอยากรู้ ”

“ งั้นกูไม่ต้องบอกนะ ” หันไปกดปิดไฟที่หัวเตียงแทนที่จะตอบคำถามนั้น เมดที่ถอนหายใจออกมามันนิ่งไปสักพักด้วยใบหน้าเซ็งๆท่ามกลางความมืดนั้น ก่อนจะบอกกันเสียงเบา “ แต่ยังไงกูก็จะบอกอยู่ดี มึงไม่ต้องเป็นห่วงนะ ”

“ นอนได้แล้ว ” คำเดิมที่เคยพูดชวนให้ห้องนอนของเราเงียบงันลงไป เมดถอนหายใจออกมามันคงรู้สึกงอนบ้างเหมือนกันที่ผมยังคงเป็นแบบนี้ แววตาเรียวที่หลับลงอย่างว่าง่าย คงคิดติดงอนในใจว่า ‘ ไม่ง้อมึงแล้วไอ้สัดอาฟ ’ เผลอหลุดยิ้มออกมาในความมืดให้กลับความคิดนั้น และแม้จะยังหงุดหงิดมันอยู่แค่นั้น แต่สุดท้ายผมก็อดใจไม่ไหวต้องก้มลงไปหอมแก้มมันอยู่ดี

แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา ปลุกให้ผมตื่นก่อนเสียงนาฬิกาปลุกจริงๆที่ตั้งไว้ดังขึ้น และในวินาทีที่หันไปมองคนข้างกันผมก็ต้องหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งแม้จะพยายามทำหน้านิ่งแค่ไหนก็ตาม เพราะท่าทางเหมือนเด็กที่ชอบเอามือไปรองแก้มแล้วหลับของคนข้างกันนั้น มันชวนให้ผมพลิกตัวเองหันมามองเสียและอดใจไม่ได้เลยที่ไม่จะหอมแก้มนั้นทั้งๆที่ก็ตั้งใจไว้แล้ว เช้าวันนี้จะไม่หอม จะทำเป็นโกรธมันให้มันสำนึก แต่สุดท้ายสัจจะไม่มีในหมู่โจรฉันใด มันก็ไม่มีในคนที่ชอบแอบขโมยหอมแก้มแฟนฉันนั้น  ผมก้มลงไปหอมแก้มเมดในท้ายที่สุด

“ อื้อ ” ท่าทางจะหอมแรงไปคนที่หลับอยู่ก็เลยส่งเสียงประท้วงแล้วลืมตาตื่นขึ้นมา ส่วนผมก็ใช้วิธีเดิมคือทำทีเป็นหลับต่อเหมือนยังไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด “ อาฟก็ยังไม่ตื่น ทำไมเจ็บแก้มจังวะ ” เสียงเบาที่เอ่ยพูดคนเดียวชวนให้ผมยิ้มอยู่ในใจ แต่เหมือนเมดจะยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ก็เลยลองเรียก “ อาฟ อาฟ ”

“ อื้ม ” ทำทีเป็นขานรับด้วยเสียงงัวเงีย แล้วตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็ทำทีเป็นขมวดคิ้วสู้แสงราวกับคนเพิ่งตื่นอย่างจริงจัง “ มีอะไร ”

“ เปล่า ” มันส่ายหน้าไปมาก่อนจะดึงตัวเองเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง เมดกอดกันอยู่แบบนั้นก่อนจะถอนหายใจตอนที่ผมไม่กอดกลับอย่างทุกที มันลุกขึ้นนั่งก่อนจะถอนหายใจแล้วถาม “ วันนี้ไม่หอมแก้มกูเหรอ ”

“ ไม่อยากหอม ” ตอแหลไอ้สัด มึงหอมแม่งจนมันตื่นด้วยซ้ำ กดลงไปซะเต็มแรง

“ นี่จะงอนจนกูกลับมาจริงๆเหรอวะ ” มันถาม “ แล้วถ้ากูโทรมามึงจะคุยกับกูมั้ย ”

“ ดูอารมณ์ก่อน ”

“ อยากถีบมึง ถ้าไม่ติดว่าเข้าใจว่ามึงเป็นห่วง แล้วกูก็สมควรแล้วที่โดนงอนเพราะโคตรดื้อ กูถีบมึงไปแล้วสัดอาฟ ” เมดว่าแบบนั้นก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง “ ไม่คุยก็ไม่ต้องคุยไอ้สัด หมดแรงจะง้อแล้ว ส้นตีน ”

ครืน ครืน ครืน

เสียงโทรศัพท์ของอีกคนที่กำลังชาร์จดังอยู่ไม่ไกล ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วตอนที่หยิบหน้าจอขึ้นมาดูก็พบว่าภาพที่ฉายและชื่อที่ปรากฏนั้นก็คือคนที่จะต้องเดินทางไปกับเมดวันนี้

“ ว่าไง ”

“ พี่อาฟเหรอ ” ปลายสายพูดแบบนั้นผมก็ไม่ได้ตอบอะไร “ พี่เมดละ อาบน้ำเหรอวะ ”

“ อื้ม ”

“ คือวิวจะโทรมาบอกพี่เมดว่า วิวเสร็จแล้ว ”

“ ยังพอมีเวลา มึงทำประกันยังละ ”

“ พี่อาฟ มึงอย่าพูดให้กูกลัวได้มั้ย พี่เจก็พูดจนกูกลัวไปหมดแล้ว กูไม่เซ็นประกันอะไรหรือยกเงินให้ใครทั้งนั้นไอ้พวกบ้า กูจะกลับมา! กูมั่นใจในตัวพี่เมด ”

“ อ๋อเหรอ ”

“ ไม่อยากคุยกับพี่มึงแล้ว บอกพี่เมดด้วยว่าวิวซื้อของฝากแล้วเรียบร้อย ”

“ หวังว่าของฝากจะถึงพ่อแม่มึง ”

“ ปากพี่มึงหนอ คือพี่มึงพูดเหมือนไม่แคร์ถ้าเกิดว่าพี่เมดเป็นอะไรไป ” ปลายสายถามผมก็ได้แต่นิ่ง “ กูท้าเลยว่าคนที่จะร้องไห้คนแรกคือพี่มึง กูขอท้า ”

“ ท้าจากไหนอะ โรงพยาบาลหรือโลงศพ ”

“ พี่มึงแม่ง! ” เสียงตอบกลับที่โคตรขัดใจ ผมตอนนั้นก็ได้แต่ยิ้ม

“ งั้นถ้ามึงรู้ดีอย่างงั้นก็ฝากพี่มึงด้วยแล้วกัน ช่วยกันดูทางเข้าใจมั้ย แล้วก็ช่วยกันเตือน ไม่ใช่เอาแต่นั่งเฉยๆ ”

“ อ๋อ ที่แท้ก็เป็นห่วงเนอะ ”

“ เข้าใจที่กูพูดมั้ย ” ทำเป็นไม่สนใจคำแซวนั้น ผมย้ำ “ ฝากดูแลเมดด้วย ”

“ จ้า ” วิวตอบเสียงยาว “ ไม่ต้องห่วงนะพี่อาฟ วิวกับเมดจะต้องรอดกลับมาแน่นอน เพราะว่าวิวไม่ยอมหอมแก้มพี่เจ ”

“ เกี่ยวเหี้ยอะไรกัน ”

“ พี่มึงไม่เคยได้ยินเหรอวะ ที่เค้าบอกว่าติดไว้ก่อนอะ ” วิวถาม “ แม่วิวเคยบอกว่า เวลาเราจะจากกันไปไหน ให้กอดกันแล้วบอกว่า ไว้เจอกันแล้วต้องบอกด้วยว่าจะทำอะไรสักอย่างให้ มันเป็นทริคนะ เราจะได้กลับทำให้จริงๆไง เพราะมันมีสิ่งที่ค้างคาอยู่ ”

“ ประสาท ”

“ เอ้า ไม่เชื่อย่าลบหลู่นะ ” ผมกดวางสายที่กำลังพูดนั่นลง แต่ก่อนที่จะวางมันไว้ที่เดิมคนที่เดินเข้าไปอาบน้ำก็ออกมาด้วยชุดใหม่และกระเป๋าเสื้อผ้าสำหรับสองวัน

“ ใครโทรมาวะ ”

“ วิว มันฝากบอกมึงว่า มันเสร็จแล้ว ของฝากที่มึงสั่งให้ซื้อมันก็ซื้อเสร็จแล้ว ”

“ โอเค ” เมดพยักหน้ารับก่อนจะเดินมาหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดู แล้วในตอนนั้นมันก็ถาม “ วันนี้มีขนมปังเนยโสดเหลืออยู่ กูชงกาแฟให้กินมั้ย ”

“ ไม่ต้องอะ ” ผมบอกปัดอีกคนก็ขมวดคิ้ว

“ นี่โกรธกูขนาดไม่แดกเลยเหรอวะ ”

“ กูก็ไม่ได้ปัญญาอ่อนขนาดนั้นมั้ย ” เรามองหน้ากัน สายตาของเมดที่มองกันมันเหมือนตั้งคำถามว่า ‘ ไหนลองบอกเหตุผลที่ไม่กินทั้งที่กินทุกวันมาหน่อย ’ “ ค่อยกินตอนมึงกลับมา ”

“ นี่มึงโกรธกูชัดๆอะไอ้สัด ”

“ เดี๋ยวกูไปหากินเอง อาบน้ำละ ” เลี่ยงเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ ในตอนนั้นผมคิด ว่าอะไรแบบนี้ใช่มั้ย ที่ไอ้วิวบอกกัน ว่ามันเป็นทริคให้ติดค้างอะไรสักอย่าง จะได้เดินทางปลอดภัยแล้วจะได้กลับมาทำให้กันอย่างที่ติดค้างไว้

“ กูจะไปแล้วนะ ” ตอนที่เดินออกมาจากในห้องแต่งตัว คนที่นั่งอยู่บนเตียงก็เอ่ยพูดขึ้น ผมเหลือบมองอีกคนที่ก็ลุกขึ้นเต็มความสูง เมดมองหน้าผมแต่ทว่าทุกอย่างในตอนนั้นมันกลับเงียบไปหมด เงียบจนเมดที่ถอนหายใจออกมาต้องเอ่ยถาม “ จะไม่กอดกูหน่อยเหรอวะ ”

“ จำเป็นเหรอวะ ? กลับมาค่อยกอดแล้วกัน ”

“ สุดยอดเลยไอ้เหี้ย ไอ้นิสัยโกรธแล้วไม่พูด งอนแล้วปากบอกกว่าไม่โกรธเลิกได้เลิกเถอะ ถือว่ากูขอ เพราะมันโคตรน่ารำคาญเลยจะบอกให้ ” เมดบอกก่อนจะถอนหายใจอีกครั้งออกมา  แล้วใช้สายตาจ้องมองกันอยู่แบบนั้นเหมือนตั้งใจจะให้ผมพูดอะไรออกมาสักอย่าง หลังที่มันเริ่มระเบิดอารมณ์ขึ้นมา

“ งั้นไว้มึงกลับมา เราค่อยคุยกัน ”

“ เออไอ้สัด ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด ” บอกปัดด้วยความหงุดหงิดแล้วตอนที่แผ่นหลังนั้นเดินออกไป ในใจผมก็หวังว่าสิ่งที่เราติดค้างกันไว้จะมากพอที่จะทำให้มันเดินทางปลอดภัยและไม่เป็นอะไรทั้งนั้น

ผ่านไปแล้วสิบนาทีที่ห้องทั้งห้องเงียบลง ผมเดินไปหยิบกุญแจของไอ้อัยย์ในห้องนอนของน้องชายตัวเองแล้วลงลิฟต์ไปชั้นล่าง รถของเมดยังคงจอดอยู่ที่ลานจอดรถ ในตอนนั้นผมมองผ่านกระจกคอนโดออกไปก่อนจะพบว่าคนขับสตาร์ทรถเรียบร้อยแต่กลับนิ่งแล้วก็ไม่คิดจะขับไปไหนทั้งนั้น เมดที่หลับตาลงเหมือนทำอะไรสักอย่างในตอนนั้นผมเลย กระชับหมวกสีดำที่ใส่อยู่ ก่อนจะเดินก้มหน้าไปที่รถของไอ้อัยย์ที่จอดไว้อีกฝั่ง

รถ HRV สีดำเงาวับตามประสาคนเห่อรถที่เพิ่งถอยมาใหม่ ผมไม่ได้สตาร์ทรถรอเพราะรู้ว่ามันคงใช้เวลานานพอตัวให้การออกตัว ผมตั้งใจจะให้รถเมดนำออกไปก่อนแล้วถึงจะขับตามออกไป

ครืน ครืน ครืน

สายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา ผมกดลำโพงก่อนจะวางไว้ที่คอนโทรลรถด้านหน้า สายนั้นคือสายของเพื่อนสนิทที่โทรเข้ามาหากันด้วยความสงสัย “ มึงไม่ได้ลืมรับกูใช่มั้ย ”

“ ไอ้วิวมันไปยังละ ”

“ ยัง ”

“ อื้ม ” ผมตอบกลับเพื่อนก่อนจะมองไปที่รถของเมดที่ตอนนี้อีกฝ่ายไม่เพียงแค่พึมพึมกับตัวเอง แต่กลับยกมือขึ้นพนมด้วย “ มันกำลังสวดมนต์ เห็นทำปากมุมมิบพนมมืออยู่ในรถ กูว่าคงบทยาวอยู่ สวดนานชิบหาย

“ ฮ่าๆ ไอ้เมดดดดดดดด ” เจลากเสียงก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง “ จริงๆมึงบอกมันว่าไม่ต้องก็ได้นะ ไม่ต้องสวดหรอก ไอ้วิววิบากกรรมเยอะ ยังไงก็ต้องรอดกลับมาชดใช้กรรมอยู่แล้ว ”

“ ไอ้สัด ”

“ เมื่อกี้กูจะหอมหน่อย บอกไม่ให้หอม ติดไว้อนมันกลับมาค่อยหอม ”

“ เหรอวะ ”

“ ถามจริงใครมันเชื่อทริคแบบนี้บ้างวะ กูว่าคงมีแต่พวกปัญญาอ่อนนั่นแหละ กูบอกไว้เลยว่าถ้ามึงระวังตัวยังไงก็ไม่เกิดอุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวอะไรกับทริคติดไว้ก่อนนี่หรอกไอ้สัด ” ได้แต่ถอนหายใจออกมา อยากบอกมันเหมือนกันว่า ‘ เพื่อนมึงนั่นแหละแหละสัดที่เชื่อไปแล้ว ’

“ แค่นี้ก่อนนะ ไอ้เมดออกรถละ แล้วเจอกัน ”

“ โอเค ”

ขับรถห่างจากรถของเมดอยู่สามคัน ผมไม่แน่ใจว่าเมดจำป้ายทะเบียนรถของไอ้อัยย์ได้มั้ย แต่ที่แน่ๆคือมันจะไม่มีทางหันมาเห็นผมเด็ดขาดเพราะรถคันนี้ฟิล์มดำชนิดที่ว่า ขนาดพาสาวมาเอาบนรถแล้วจอดรถในห้างก็คงไม่มีใครเห็นได้แน่นอน ดำจนผมยังสงสัยว่ามันสามารถขับได้ยังไงในเวลากลางคืน

“ รถไอ้สัดอัยย์นี่มันขับกลางคืนได้ไงวะ ฟิล์มโคตรดำ ”

“ ก็ดีแล้วไง มันจะได้ไม่เห็นเรา ”

“ ชิบหายตอนขับกลางคืนละสิไม่ว่า ” เจส่ายหน้าไปมา ตอนนี้เราเดินทางกันมาสักพักแล้ว รถของผมอยู่ห่างจากรถของเมดประมานสามคัน เอาแบบแค่ยังเห็นอีกคนในสายตา และถ้าเกิดเหตุอะไรก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเร่งสปีดช่วยมันทัน “ นี่กูถามจริงๆนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมึงจะช่วยมันยังไง ”

“ ขับรถไปปาดหน้าแล้วรับกระแทกไว้มั้ง ” ตอบคำตอบจริงๆที่คิดแต่ทำทีเหมือนพูดเล่น จนคนที่ข้างๆเอ่ยบ่น

“ กูคิดถูกหรือผิดวะไอ้สัดที่มากับมึง ”  ผมยกยิ้มแต่ตาก็ยังจดจ้องอยู่แต่กับรถคันหน้าไม่ได้หันไปสนใจคนที่พูดด้วยเท่าไหร่ จนไอ้เจต้องออกปากเตือน “ มึงมองรถคันหน้าเราด้วยนะสัด ไม่ใช่มองแค่รถไอ้เมด เพราะถ้ามึงไม่มอง จะไม่ใช่แค่ไอ้เมดที่อันตราย มันหมายถึงเราด้วย ”

“ อื้ม ” ถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปที่รถคันหน้าสลับกับรถของอีกคนที่ก็ขับไปเรื่อยๆบนทางข้างหน้า “ มึงมองมันไว้นะ ”

“ โอเค ” เจตอบรับ “ แล้วนี่มันขับไปสอยอะไรบ้างยัง ”

“ เฉี่ยวขอบฟุธบาทหน้าคอนโดไปแล้ว”

“ ยอดเยี่ยม ” เจยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ “ ลุ้นพอๆกับดูหนังผีเลยไอ้สัด ”

“ ก็หวังว่าผีมันจะไม่ออกมาแล้วกัน ”

ระยะทางเริ่มไกลออกไปเรื่อย รถร่วมทางตอนนี้เริ่มเร่งอัตราเร็วขึ้นหลังจากที่หลุดออกจากเขตเมือง และดูเหมือนว่าแม้เลนซ้ายของถนนจะถูกกำหนดให้คนที่ขับช้าขับ แต่ทว่ามันก็ยังถือว่าเป็นอัตราการขับที่เร็วอยู่ดีเมื่อเทียบกับรถของเมด เพราะตอนนี้รถหลายคันก็ขับขึ้นแซงรถของมันไปเรื่อยๆ บางคนหงุดหงิดหน่อยก็ถึงขั้นบีบแตรไล่อย่างหงุดหงิด เพราะขับช้าแล้วแถมยังไม่เบี่ยงตัวให้คันหลังแซงด้วย

 ผมท้าเลยว่าทุกคนที่แซงมันต้องบ่นสบถออกมาแน่นอนว่า ‘ ขับเหี้ยอะไรของมึงว่ะไอ้สัด ’ และเท่าที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะตกใจทุกครั้งที่ถูกส่องไฟสูงและบีบแตรใส่ เพราะเมดขับชะงักทุกครั้งที่เป็นอย่างงั้น แถมยังมีบางทีที่มันต้องเบรคแบบกระทันหันด้วยความตกใจ

“ กูยอมมึงเลยสัดอาฟ ” เจพูดขึ้นหลังจากที่เราเอาแต่เงียบเพราะมัวแต่จดจ้องรถคันข้างหน้า “ ถ้าเป็นกู กูทนไม่ได้แล้วสัด ยังไงก็ต้องแซง ไม่ก็ขอปาดหน้าด่าสัดที ขับเหี้ยอะไรของมึงซ้ายทีขวาที เข้าเลนมอเตอไซต์บ้าง เบี่ยงเข้าเลนรถทางขวาที่ขับเร็วบ้าง กูจะบ้าตาย ”

‘ ขนาดคนใจเย็นก็ยังสติแตก ’ ผมหลุดยกยิ้มออกมา ก่อนจะถอนหายใจแล้วมองไปยังรถคันหน้าตัวเอง ที่ตอนนี้เบี่ยงเข้าไปเลนขวาที่มีรถเร็วอีกครั้ง

“ กูว่าเราบอกมันให้จอดมั้ย ” เจถามผมก็ได้แต่เงียบไม่ได้ตอบอะไร “ ตีไฟเลี้ยววะ น่าจะแวะปั้มข้างหน้า ”

“ อื้ม ” ขับตามเข้าไปจอดในปั้มที่ดูเหมือนอีกคนไม่ได้เติมน้ำมันเพราะมันผ่านจุดจอดเติมน้ำมันไปจอดที่หน้าห้องห้องน้ำที่อยู่ใกล้กับร้านสะดวกซื้อชื่อดังแทน ส่วนผมเลือกจอดรถไว้ในที่ที่ไกลกว่าอีกคนจอด และตอนที่ดึงเบรคมือขึ้นผมหันไปมองเป้าหมาย ก่อนจะพบว่าวิวที่นั่งมาด้วยนั้น วิ่งเข้าไปห้องน้ำด้วยท่าทีรีบร้อน ก่อนที่เมดเองจะวิ่งตามลงไป

“ เกิดอะไรขึ้นวะ ”

“ มึงโทรไปถามไอ้วิวสิ ”

“ มันก็รู้สิไอ้เหี้ย ” ผมถอนหายใจออกมา แต่ทว่าตอนนั้นเจมันก็กดโทรออกไป “ กูจะทำทีเป็นถาม ว่าถึงไหนแล้ว ”

“ อื้ม ”

“ เงียบนะ กูจะเปิดลำโพง ”

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 1 :: up! 12-1-62} #หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 25-01-2019 20:24:20
เสียงรอสายดังอยู่ไม่นาน แต่สายตาของผมที่หันไปมองที่ห้องน้ำพบว่าเมดวิ่งออกมาจากห้องน้ำแล้วตรงเข้าไปในร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้กันด้วยสีหน้าวิตกไม่น้อย

“ พี่เจ ” เสียงไม่ค่อยสู้ดีของวิวเอ่ยขึ้นตอนรับสาย ผมที่สบตากับเพื่อนตัวเองในตอนนั้น เรารู้สึกไม่ดีพอๆกัน

“ ถึงไหนละ ”

“ ครึ่งทาง แต่มึงกูเมารถ ที่เมดขับเหวี่ยงมากไอ้สัด ซ้ายทีขวาที จะเป็นลม ” เห็นรอยยิ้มจากสีหน้านิ่งของเพื่อน เจที่กลั้นหัวเราะอยู่มันคงคิดถึงใบหน้าของคนรักตัวเองในระหว่างที่กำลังพูดคุยไปด้วย

“ กูบอกแล้วว่าให้กอดกูก่อนจะออกมา ”

“ กูจะรอดใช่มั้ย จะรอดกลับไปหามึงใช่มั้ย ”

“ ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ”

“ พี่เจคือเกิดมาชาตินี้กูไม่เคยเมารถมาก่อน จะเรือจะเครื่องบินกูก็ไม่เคยเมา แต่นี่กูเมาถึงขั้นอ้วกแตกไอ้สัด  โก่งคอกับส้วมปั้มนี่มันแบบดูไม่จืดเลยเว้ย ปวดหัวมากๆเลย เหมือนกูจะตาย แต่กุตายไม่ได้ ต้องดูทางให้พี่กูทุกหนึ่งเมตร เพราะพี่แกเล่นขับเบี่ยงไปเบี่ยงมาตลอด ”

“ แล้วกินยารึยัง ”

“ พี่เมดกำลังไปซื้อให้ ”

“ แล้วเดี๋ยวขึ้นรถก็หลับซะ ”

“ กูหลับไม่ลงหรอก มึงต้องมาเห็นพี่กูขับ คือกูต้องพูดตลอดว่า พี่เมดมึงเอียงไปหาฝั่งขวาทำไมรถมันเร็ว แล้วพอเลิกเตือนพี่กูเบี่ยงเข้าเลนมอเตอไซต์เฉยไอ้สัด ”

“ ฮ่าๆ ” เสียงหัวเราะของไอ้เจชวนให้ผมยิ้ม แล้วยิ่งปลายสายหงุดหงิดก็ยิ่งชวนให้ขำ

“ ไม่ตลกเลยไอ้เหี้ย ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายมากตอนนี้ ” วิวบอกกก่อนจะเงียบไปสักพัก “ รักมึงนะพี่เจ ” ผมหันไปมองตอนที่เสียงนั้นดังขึ้น “ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากพูด แต่อยากพูดตอนนี้เลย รักมึงนะ ”

“ กูไม่รับ ” เจพูด “ กูรับแค่ต่อหน้าเท่านั้น ไว้เจอหน้ากันก็ค่อยบอกกัน ”

“ ไหนบอกไม่เชื่อทริคอะไรแบบนั้นไง ”

“ กูพูดอะไรแบบนั้นเหรอ ” สะกิดเพื่อนตัวเองที่กำลังคุยโทรศัพท์ ผมเชิดหน้าไปที่หน้าห้องน้ำที่ตอนนี้เมดกำลังเดินเข้าไป แล้วตอนนั้นเจก็บอกปลายสาย “ แค่นี้แหละ ไว้กูจะโทรหาอีกที ส่วนมึงมีอะไรก็โทรมา ”

“ โอเค รักนะ ”

“ ก็บอกว่าไม่รับไอ้สัด ไว้มาพูดต่อหน้า ” สายนั้นถูกตัดลง ก่อนคนสองคนจะเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วนั่งลงที่หน้าร้านกาแฟ ในมือของวิวถือยาดมหน้าตาที่ดูไร้เรี่ยวแรงของมัน ชวนให้เพื่อนผมที่นั่งมองอยู่ถอนหายใจออกมาด้วยความเป็นห่วง แล้วตอนนั้นเมดเองก็ก้มพูดอะไรสักอย่างก่อนจะเดินเข้าไปในร้านกาแฟ   เอ่ยปากสั่งอะไรสักอย่างกับพนักงานผมคิดว่าคงเป็นเครื่องดื่มที่จะช่วยให้ผ่อนคลายอย่างพวกน้ำส้มที่ชวนให้ตื่น แล้วในระหว่างยืนรอเจ้าของมือขาวก็หยิบมือถือที่อยู่ในกระเป๋าออกมา

“ มันโทรมาหามึงแน่เลย ”

ครืน ครืน ครืน

“ นั่นไง ” ไอ้เจหันมายิ้มกับผมที่ก็ยกยิ้มขึ้นมาตอนที่เห็นเบอร์ของอีกคนที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ โคตรสมเป็นคุณมิณทร์เมด ‘ ขอให้ได้ดื้อก่อน แล้วถ้าเกิดปัญหาก็ค่อยโทรหาอาฟแล้วกัน ’

“ ว่าไง ”

“ ขับมาได้ครึ่งทางแล้ว ”

“ อื้ม ” ปลายสายที่ก้มหน้าอยู่ในห้องกระจกของร้านกาแฟ ผมเผลอถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มจางๆ ในใจตอนนี้ของเมดคงมีแต่ความรู้สึกผิด มันคงคิดว่าตัวมันไม่น่าจะดื้อเลย มันน่าจะเชื่อผม

“ อาฟ กูทำวิวอ้วก น้องเมารถ ”

“ อื้ม ” ก็เพราะว่าเห็นอยู่แล้วก็เลยไม่รู้จะถามอะไรกลับไป แต่เหมือนว่าการตอบกลับของผมแบบนั้นจะยิ่งทำให้คนรู้สึกผิดยิ่งรู้สึกแย่ลงไปอีก ผมเห็นเมดผ่อนลมหายใจออกมาใบหน้าที่กำลังเครียดของมัน ถึงอยากจะถามว่า ‘ ก็เลือกเองมั้ย ’ แต่นี่ก็คงไม่ใช่เวลาซ้ำเติม “ ไม่ต้องเกร็ง ”

“ หื้ม ? ”

“ ตอนขับไม่ต้องเกร็ง ปล่อยตัวตามสบาย ที่รถมันเอียงไปเอียงมาเพราะมึงเกร็งพวงมาลัยมากเกินไป แค่จับไว้เฉยๆ เบาๆแค่นั้น รถจะไม่เอียงไปมา ”

“ มึงรู้ได้ไงวะ ว่ารถกูมันเอียงไปเอียงมา ” เผลอหันไปเหลือบมองเพื่อนตัวเองที่ก็หลุดยิ้มออกมา

“ ก็มึงบอกวิวเมารถ แล้วสาเหตุที่มันเมา ก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง หนึ่งในนั้นก็คงเพราะขับเอียงไปมา ”

“ อ๋อ ” เมดตอบรับก่อนจะมองออกมานอกรอกาแฟที่ตัวเองยืน “ คิดว่ามึงตามมา ”

“ สำคัญตัวผิดเกินไปหรือเปล่าครับ ”

“ สัด ” อีกฝ่ายสบถก่อนจะถออนหายใจออกมา

“ มีสมาธิ ไม่ต้องตื่นเต้น ไม่มีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นหรอก ”

“ เหรอวะ แต่กูไม่มั่นใจเลย รถคันข้างหลังมันชอบส่องไฟสูงใส่กู แล้วพอตอนแซงได้ บางคันก็ยกนิ้วกลางใส่ กูก็ขับเลนซ้ายตลอด ทำไมแม่งต้องว่ากูด้วยวะ ถ้ารีบหนักมันก็แซงกูไปได้ กูก็ไม่ได้ขับเร็วสักนิด ” เผลอหลุดยิ้มกับคำบ่นนั้น อยากจะบอกอยู่เหมือนกันว่าเพราะมึงขับซ้ายทีขวาทีมากกว่าคนที่ขับตามหลังก็เลยยากที่จะตัดสินใจว่าจะแซงดีมั้ย

“ ไม่ต้องไปสนใจ ”

“ กลัวจังว่ะ ความมั่นใจในการขับของกูลดลงเหลือศูนย์แล้วสัด ”

“ กลัวอะไร ”

“ ก็กลัว ” ปลายสายคงอยากจะบอกว่ากลัวอุบัติเหตุแต่มันคงไม่อยากจะพูดออกมาให้เป็นห่วงกันก็เลยนิ่งไป “ ไม่มีอะไรหรอก ”

“ อื้ม ไม่มีอะไรหรอก ” ผมบอก “ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวกูจะเข้าไปช่วยมึงไว้เอง เพราะงั้นก็แค่ขับไปตามที่บอก มีสมาธิ ไม่ต้องเกร็ง มึงของกูทำได้อยู่แล้ว ”

“ คิดถึงมึง ” ปลายสายที่พูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบนั้น ชวนให้เพื่อนที่นั่งร่วมรถของผมเบิกตาขึ้นล้อ ก่อนจะทำทีเป็นหันไปทางอื่น “ กูสำเหนียกตัวเองได้แล้วว่า ชีวิตที่มันไม่มีมึงอยู่ด้วย เป็นอะไรที่โคตรบัดซบจริงๆ  ”

“ สมน้ำหน้า ” ผมบอกแบบนั้นอีกคนก็ยิ้มออกมา

“ พูดว่าสมน้ำหน้าแต่ก็เป็นห่วง กูรู้หรอก ”

“ ถ้ารู้แล้วก็ขับรถดีๆ มึงเก่งอยู่แล้ว ยังไงก็ถึงอย่างปลอดภัย ”

“ ส่งจุ๊บมาหน่อย ”

“ กลับมาค่อยเอา ” กดวางสายไปทันทีก่อนที่อีกคนจะพูดอะไรต่อ ผมหลุดยิ้มออกมากับหน้าจอที่วางสายไปไม่ต่างอะไรกับคนที่ในร้านกาแฟนั่นที่ก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน แล้วตอนนั้นไอ้เจมันก็พูดแซวขึ้นมา

“ เป็นคนอบอุ่นเหมือนกันนะครับเพื่อน ”

“ เสือก ”

รถคันหน้าที่ขับตามมาตั้งแต่กรุงเทพเริ่มขับดีขึ้นหลังจากที่ออกจากปั้ม เพราะอย่างน้อยตอนนี้มันก็ไม่ส่ายไปมาแบบขวาทีซ้ายทีจนน่าปวดหัวเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าปัญหาที่ตามมาตอนนี้ก็คือ เมดเริ่มขับเร็วขึ้นตามสภาพความคล่องตัวของถนนและความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้น

“ เริ่มขับเร็วแล้วว่ะ ”

“ อื้ม ”

“ แต่ก็ดีกว่าเก่านะ ” เจบอก ผมก็พยักหน้ารับ “ นี่แค่พูดกับมึงมันก็มีมั่นใจขึ้นขนาดนี้เลยเหรอวะ ไม่ใช่เพราะเห็นเราแล้วเหรอ ”

“ ไม่น่าจะเห็น ”

“ เมดมันจำทะเบียนรถไอ้สัดอัยย์ได้รึเปล่าวะ ” หันไปเหลือบเพื่อน คำตอบของผมคือ ‘ ก็ไม่รู้เหมือนกัน ’ เพราะว่าอัยย์เพิ่งซื้อรถใหม่มา ก็มีความเป็นไปได้ที่มันจำได้เพราะอีกฝ่ายก็เป็นพวกช่างสังเกตอยู่แล้ว และก็มีความเป็นไปไม่ได้เพราะมันยังไม่เคยนั่งรถไอ้อัยย์เลยสักครั้ง “ เลี้ยวละ ”

“ บ้านมันอยู่ที่นี่เหรอวะ ”

“ คงจะใช่ ” คำตอบของเพื่อนทำให้ผมชะลอรถลงที่หน้าหมู่บ้านใหญ่ที่ดูจากสภาพแวดล้อมภายนอก ก็คงเป็นหมู่บ้านของคนมีเงินในละแวกนี้ “ เข้าไปได้ละ ”

“ ผ่านได้เปล่าวะไอ้สัด ไม่มีสติกเกอร์ด้วย ”

“ ก็บอกไปว่าเป็นเพื่อน น้องเมดน้องวิวที่มีบ้านอยู่ที่นี่ ” เลี้ยวรถเข้าไปตามที่เพื่อนแนะนำ แต่ยังไม่ทันจะจอดรถไม้กั้นของป้อมยามที่ควรปิดและสอบถามเรา กลับถูกเปิดขึ้นให้เราขับเข้ามาแบบไม่สอบถามอะไร “ ไม่ถามอะไรหน่อยเหรอวะ มาเป็นยามหมู่บ้านกู กูจะแจ้งให้ไล่ออกไอ้สัด ”

“ ไม่ใช่คันหน้าบอกไว้แล้วเหรอว่า เดี๋ยวถ้า HRV สีดำขับตามเข้ามาให้เปิดประตูให้เลย ” เจหันมามองผมมันยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ผมขับรถเข้าไปใหมู่บ้านที่โดยรอบแวดล้อมไปด้วยต้มไม้เป็นส่วนใหญ่ บรรยายกาศร่มรื่นซึ่งแตกต่างจากหมู่บ้านทั่วไปที่จะสร้างติดๆกัน แบบบ้านเป็นบ้านสองชั้นขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่ดีไซต์สวยเสียจนผมมองเพลินแบบชนิดที่ลืมตามหาบ้านของคนที่ตั้งใจขับตามมาส่งตั้งแต่ต้น

“ หมู่บ้านสวยว่ะ ร่มรื่นดีนะมึง ”

“ เป็นแบบหมู่บ้านที่หาไม่ค่อยได้ในกรุงเทพอะสัด ”

“ แต่หมู่บ้านมึงก็ได้นะ ” เจบอกผม “ แต่ราคาก็นะ ยากแท้จะเอื้อมถึง ”

“ นั่นไงบ้านไอ้เมด ” บอกเพื่อนตอนที่กำลังจะขับผ่านบ้านหลังหนึ่งที่ตอนนี้มีรถคันที่ตามมาจอดอยู่ ผมทำทีเป็นขับผ่านไปเหมือนไม่ได้ตามมา แล้วตอนที่มองผ่านกระจกหลังผมพบว่ารถคันนั้นขับเข้าไปในบ้านหลังจากที่ประตูอัตโนมัตินั่นถูกเปิดออก

ครืน ครืน ครืน

เสียงโทรศัพท์ของผมที่ตั้งอยู่ตรงที่เปิดประตูสั่น บนหน้าจอปรากฏภาพของคนที่ก็น่าจะโทรมารายงานความคืบหน้า ว่ามันถึงบ้านเรียบร้อย เหยียบเบรคชะลอรถก่อนจะจอดลงระหว่างทางที่ไม่ไกลจากบ้านอีกคนเท่าไหร่นักแถมยังอยู่ในเส้นถนนเดียวกัน แล้วตอนที่กดรับผมก็กรอกเสียงไปตามสาย

“ ว่าไง ”

“ ขอบคุณที่มาส่งนะมึง ” ผมพูดที่ทำให้ผมนิ่ง แล้วตอนที่มองผ่านกระจกหลังไป ก็เห็นคนที่ผมขับรถตามมาตลอดมายืนอยู่บนถนนหน้าประตูบ้านตัวเอง เมดที่โบกมือให้กันเป็นท่าทางที่ทำให้ไอ้เจหัวเราะออกมาลั่นรถแต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังเถียงมัน

“ ใครมาส่งมึง ”

“ รถน้องอัยย์ HRV  สีดำ ป้ายทะเบียน ขก 5326 ”

“ รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ”

“ ตอนออกมาจากปั้ม ”

“ อื้ม ”

“ ขอบคุณที่มาส่ง ” เมดบอกกันอีกครั้ง ส่วนผมก็อยากบอกกลับไปเหมือนกันว่า ‘ ไม่เป็นไร ยังไงนี่ก็เป็นสิ่งที่อยากทำให้อยู่แล้ว ’  แต่เพราะไม่ใช่คนที่พูดอะไรตรงๆแบบนั้น ก็เลยพูดอกออกไปตามที่นิสัยตัวเองเป็น

“ ไอ้เจมันเป็นห่วงไอ้วิวเลยให้กูมา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกูสักนิด ”

“ เอามุกนั้นไปบอกควายเถอะไอ้สัด ” ผมหลุดยิ้ม “ คนอย่างมึงถ้าขี้เกียจมาช้างทั้งโขลงมาฉุดมึงก็ไม่ลุกออกจากที่นอนไปไหนหรอก ไม่ต้องเอาข้ออ้างนั้นมาบอกคนที่รู้จักคุณอาฟเตอร์อารยะดีอย่างกู ”

“ เข้าบ้านได้แล้ว กูขอให้พ่อมึงด่ามึง ”

“ ปากเสียไอ้ส้นตีน ” อีกฝ่ายบอก “ แล้วไม่เข้ามาบ้านกูหน่อยเหรอ มาถึงแล้วนะ ”

“ ก็บอกว่าอยากจะเล่าเรื่องกูให้พ่อมึงฟังก่อนจะพากูมาแนะนำไม่ใช่เหรอ ”

“ ก็ใช่ ”

“ ทำตามที่คิดไป ” บอกแบบนั้น เราก็ต่างเงียบให้กัน สายตาของผมที่มองอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลังในตอนนั้นเมดก็ถามเสียงเบา

“ อาฟ ไม่โกรธกันแล้วนะ ขอโทษที่ดื้อกับมึงขนาดนี้ ”

“ ก็สมเป็นมึงไม่ใช่เหรอ ” ผมบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา “ กูไม่เคยโกรธ ไม่เคยโกรธคนที่รู้สันดานดีอยู่แล้วว่าดื้อแค่ไหน  ” แล้วนั่นก็คือคำตอบของผมที่รู้สึกมาตลอด

ก็คงที่บ้างเราอาจจะหงุดหงิดกันด้วยเพราะนิสัยที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือความเข้าใจของเราเองที่ต่างฝ่ายก็รู้ดีว่าอีกคนนิสัยเป็นยังไง เหมือนความดื้อที่ไม่มีวันยอมลดลงถ้ายังไม่ได้ลองทำของเมด ที่ถึงแม้จะทำผมหงุดหงิดมาก แต่สุดท้ายมันก็ยังเป็นคนเดียว ที่ผมยอมใจอ่อนให้ง่ายๆ และไม่เคยโกรธมันอย่างจริงจังสักที

“ เข้าบ้านเถอะ ”

“ อื้ม ” อีกคนตอบแล้วตอนที่หันหลังเดินกลับไปผมก็บอก

“ เมด กูลืมบอกมึงไปอย่าง ”

“ อะไรวะ ”

“ ไม่มีรอบสองนะ ขากลับกูจะมารับ ” แล้วตอนนั้นเสียงตอบกลับที่มาพร้อมกับการหัวเราะแห้งๆ ก็ชวนให้มยิ้ม

“ ก็คิดว่างั้นแหละมึง น้องคงไม่ดื้อกับพี่อาฟแล้วละ ”

................................................................


กราบขออภัยที่ อาฟก็คือยังไม่ได้เจอพ่อตา
ตั้งใจไว้ว่า อยากจะพาเมดเข้าบ้านพี่อาฟก่อน #สาบานอย่างจริงจังว่าตอนหน้าแน่นอน
ส่วนตอนนี้ มีแต่ความอยากเขียนล้วนๆ ตั้งใจอยากจะเขียนเมดดื้อกับอาฟบ้าง เป็นอีกมุมหนึ่งของเมดที่แบบ ปกติเราจะเห็นแค่เมด ดูแลเอาใจพี่อาฟ ก็เลยอยากจะเขียนมุมที่เมดทำพี่อาฟปวดประสาทบ้างไรบ้าง จริงๆก็ตั้งใจจะเขียนในตอนหลักแล้วละ แต่ว่า มันยัดลงไปไม่ได้พล๊อตไม่ส่งกัน แต่ตอนนี้ละ พล๊อตส่งพอดี เพราะงั้นขอแทรกคิวก่อนนะคะ จุ๊บๆ

ท้ายนี้ มีของมาอวด นั่นคือออออออ
ความคืบหน้าของ หนังสือชุดผับชั้นสาม

(https://image.dek-d.com/27/0211/1084/128192889)
นี่คือ โปสการ์ดที่จะแถมให้กับผู้ที่สั่งจอง รอบแรกเท่านั้น
อันนี้ สองแผ่นนะคะ ไอจีอาฟแผ่นหนึ่ง ไอจีเมดแผ่นหนึ่ง

( ป.ล.พี่อาฟหล่อมาก หลัวที่แท้จริง )


และนี่คือ หนทางของการมีพี่อาฟเป็นของตัวเองนะคะ
สนใจสั่งซื้อ กดดูรายละเอียดที่สารบัญได้เลย  #ใช่ค่ะดิฉันขายของ

ท้ายนี้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์กันเสมอ
นิยายยังอัพอยู่ หายหัวไปคือ เขียนตอนพิเศษอยู่ ทุกตอนอัดแน่นและเต็มอิ่ม จากใจ
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 25-01-2019 21:25:55
ยอมใจอาฟเลย โอยๆๆๆ อาฟปากแข็งแต่อบอุ่น อาฟรักและห่วงเมดมาก สิ่งนี้คือเสน่ห์ของอาฟ อ่านเรื่องนี้ทีไรเค้ายิ้มตลอดเลย ชอบมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-01-2019 21:44:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 25-01-2019 23:00:00
น้องเมดดื้อจริงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 26-01-2019 01:52:21
 :a5:7 โคตรดื้อ นี้เราคงเป็น1ในคนที่ชูนิ้วกลางให้อ่ะ
โคตรเกลียดเลยพวกขับรถแบบนี้อ่ะ ขับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย55555555555 ขออภัยหัวร้อนนิดหน่อย
อาฟก็คงเป็นอาฟ กวนตีนเป็นที่1  อ่านแล้วฟีลกู้ด เข้าใจว่าคนรักกันมันก็งี้แหละ ต้องหาจุดสมดุลที่จะเข้าใจกัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 26-01-2019 03:28:22
น่าสงสารวิว  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-01-2019 12:32:00
พี่อาฟน่ารัก ห่วงแต่ปากแข็ง อีกคนดื้อ อีกคนปากแข็ง o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 26-01-2019 14:53:43
สงสารน้องวิวเมารถ5555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 26-01-2019 21:07:02
คนห่วงแฟน2019
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 26-01-2019 23:16:57
มีความห่วง ความฮาและความน่ารักของคุณอารยะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 26-01-2019 23:18:59
 o13 สนุกสากๆเลยจ้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-01-2019 01:15:18
ความห่วงของอาฟนั้น...
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 27-01-2019 11:19:49
พี่อาฟทำไมน่ารักกกกกก อย่างนี้ฮับบ้าน  :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-01-2019 20:07:46
 :m20:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-01-2019 01:34:12
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษมากค่ะ รอติดตามตอนเจอพ่อตา และพ่อแม่อาฟนะ

ตลกมาก คืออาฟต้องรู้จักถึงก้นบึ้งขนาดไหน ถามใจดู
ห่วงก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่รู้แน่นอน คือ ไม่รอดแน่อะไรแบบนี้
แล้วก็จริงแบบอาฟบอกด้วยไง ขำมากเลยค่ะ
อาฟก็ปากแข็ง เมดก็ดื้อมาก อยากทำให้ได้
เป็นไงล่ะ ทำวิวอ้วกได้ ไม่ธรรมดานะ ทางตรงขนาดนั้น 55555

ยอมใจอาฟเจมากค่ะ คนจริงมากค่ะ
ถึงขั้นต้องตามติด พิชิตทางกันเลย
วางแผนมาดิบดี ไม่รู้ชัวร์ เป็นไงล่ะ
เมดรู้ด้วย เห็นไหม ไม่ธรรมดานะ มิณทร์เมด

วิว มีทริคด้วย แต่ก็จริงนะ
ความเชื่อว่าไม่ได้ค่ะ มองไม่เห็นนะเรื่องแบบนี้
แล้วตลกคือเมารถทางตรง แถมบอกรักเจด้วย
คือวิวต้องเครียด ต้องหลอนขนาดไหนน่ะ 555555



หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 29-01-2019 06:40:40
ยอมใจในความดื้อของน้องเมด อยู่ใกล้จะหยิกแก้มให้ยืดเชียว
พี่อาฟก็น่ารักเป็นน้าาาา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 29-01-2019 09:02:33
ความห่วงอ่ะ แต่เป็นนี่ นี่ก็ห่วง อาจไม่ยอมอย่างพี่อาฟนะ หึหึ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 29-01-2019 09:47:34
ลุ้นตอนขับรถมาก กลัวรถคว่ำ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 29-01-2019 22:00:59
คนอ่านก็ลุ้นไปกับเมดด้วยเหมือนกัน

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 31-01-2019 18:49:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 31-01-2019 22:22:27
 :mew1:แอบอ่านจนจบ ขอบคุณนะที่เขียนเรื่องนี้ให้อ่าน
พร้อมรอตอนพิเศษต่อไป  :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: jincool ที่ 05-02-2019 01:34:07
โอ๊ยยยยยยยยย
เจ็บจนจุก เหมือนโดนดึงเข้าไปสู่อดีตที่ไม่น่าจดจำของตัวเองมากๆ เลย แต่ถึงจะเจ็บหนึบในอก ก็หยุดอ่านไม่ได้เลย
จะตามไปจองรูปเล่มแน่นอนค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: ffern ที่ 07-02-2019 08:32:46
ตามอ่านจนจบเเล้ว!!! อดใจรอมาเม้นทีเดียว สารภาพว่าเราเห็นเรื่องนี้ตั้งเเต่ยังอัพไม่จบ เลยรอให้จบเเล้วค่อยมาอ่านทีเดียว จนในที่สุดเราก็ได้อ่านจนได้!!! สนุกมากมากมาก เรายอมรับเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราชอบตัวละครมากๆ เราชอบทุกความคิดของตัวละคร มันเป็นไปอย่างดีเเบบ่าถ้าเราเป็นตัวละครตัวนี้เราก็คงจะต้องทำเเบบนี้เเน่นอน เราชอบนิสัยเมดมากๆ คนเเบบเมดมันมีอยู่จริงๆ เมดน่ารักมากอ่านไปก็ใจฟู ยิ่งอยู่กับอาฟยิ่งใจฟู อ่านไปเเก้มเเตกไป พี่เจกับน้องวิวก็เหมือนกัน กรี๊ดดดดอยากสารภาพว่าเราชอบพี่เจมาก เราชอบผู่ชายเเบบพี่เจจริงๆฮือ น่ารักมากไม่เสียใจเลยที่เราได้อ่าน เราดีใจกับตัวละครทุกตัวจริงๆที่เดินทางมาด้วยกันน๊านนาน ดีใจมากๆเลยที่เขียนนิยายดีๆออกมาให้เราได้อ่าน รักผับชั้นสามครับ  :mew1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 3 :: up! 8-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 08-02-2019 20:31:01

ตอนพิเศษที่ 3


“ สมน้ำหน้า ” เสียงของปลายสายตอบกลับมาในตอนที่ผมเล่าเรื่องที่เจอวันนี้ให้ฟัง ว่าหลังจากที่เข้าบ้านมากินข้าวเที่ยงเรียบร้อย ผมก็ได้เวลานั่งคุยกับพ่อในเรื่องของอีกคน เราคบกันได้ยังไง แล้วตอนนี้ชีวิตคู่เป็นยังไงบ้าง แต่ที่น่าแปลกใจคือรอบนี้ผิดคาดนิดหน่อยตรงที่พ่อดูเหมือนจะไม่ได้ว่าอะไรที่ผมคบกับอาฟ แถมยังให้ความสนใจในตัวอีกคนมากด้วย

ถ้าคิดให้ดี มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี  แต่มันคงดีมากถ้าไม่มาแย่ก็ตอนที่เราออกไปกินข้าวเย็นด้วยกัน แล้วผมได้รับมอบหมายให้เป็นคนขับรถ

‘ กดไฟเลี้ยวซ้ายแล้วจอดเทียบเข้าข้างทางข้างหน้าเดี๋ยวนี้เลย ’ พ่อเอ่ยบอกกันแบบหัวเสียในตอนนั้น เพราะผมเกิดอาการเกร็งตอนขับรถขึ้นมาอีกครั้งและครั้งนี้เหมือนจะหนักกว่าครั้งก่อน เพราะรู้ว่าสึกว่าพ่อคอยจับผิดกันมาตลอดทาง อาการส่ายไปส่ายมาที่จับพวงมาลัยแน่นเกินไปก็เลยแสดงออกมาให้เห็นอีกครั้ง ‘ ลงมา พ่อขับเอง ’

‘ ครับ ’ ตอบรับสั้นๆแค่นั้น ก่อนจะมานั่งสลดอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ ส่วนพ่อที่ถอนหายใจออกมาผมไม่กล้าแม้จะหันไปมองใบหน้าที่กำลังหงุดหงิดนั้นเลยสักนิด

‘ จำได้ว่าพ่อซื้อรถให้เมดจะปีนึงแล้วนะ แต่ทำไมยังขับได้แบบนี้ ปกติขับแบบนี้เหรอ ’

‘ เปล่าครับ ’ ผมส่ายหน้า ‘ ปกติ อาฟมันจะเป็นคนไปรับไปส่ง ’

‘ มันไม่ให้ยอมขับ ’

‘ ก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอกพ่อ ’ วิวที่นั่งอยู่ข้างหลังพูดขึ้น ‘ แต่ว่าส่วนใหญ่พี่อาฟพี่เมดก็ไปไหนมาด้วยกันอยู่แล้วไง ก็เลยไปด้วยกันเลย ไม่ใช้รถหลายคัน ’

‘ แล้วอาฟมันก็เป็นพวกชอบดูแลด้วย เลยไม่ค่อยให้เมดได้ขับรถเท่าไหร่ ’ ส่งยิ้มแห้งๆให้พ่ออีกครั้ง แล้วในตอนที่สบตากันอีกคนก็ถาม

‘ แต่ทั้งๆที่รู้ว่าแฟนขับรถไม่เก่ง ก็ยังปล่อยให้ขับรถทางไกลมา ที่บอกว่าชอบดูแล มันดูแลกันยังไงวะถามหน่อย ’ คล้ายๆว่าอาฟก็พูดแบบนี้ก่อนจะออกมา เตือนแล้วด้วยว่าถ้าพ่อรู้ ก็คงด่ามันที่ปล่อยให้ผมขับรถมาด้วยซ้ำ

‘ อาฟไม่ผิดหรอกพ่อ ครั้งนี้เมดผิดเอง จริงๆอาฟมันไม่ยอมขับมาด้วย ก็เสนอหลายวิธีให้เหมือนกัน ทั้งให้น้องที่ผับมาส่ง มันจะมาส่งเอง แต่เมดก็ยังดื้อกับมัน เพราะเมดกลัวพ่อด่าเมด ที่ซื้อรถให้ตั้งนานแล้วแต่ยังขับไม่เก่ง ’

‘ เมด ’

‘ ขอโทษครับ ’ ก้มหน้าลงทันทีตอนที่พ่อเอ่ยเรียก ในตอนนั้นผมได้ยินเสียงอีกคนถอนหายใจออกมา ก่อนมือที่กุมพวงมาลัยนั่นจะเอื้อมมือมาจับที่หัว

‘  ก็แค่โดนด่า แต่มันก็ดีที่ว่าเมดจะปลอดภัยไม่ใช่เหรอ ’ เงยหน้ามองพ่อที่พูดแบบนั้น ‘ โดนด่าก็ยังได้สอน ยังได้บอก ได้บอกว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะนี่ก็คือหลักฐานว่าตอนนี้เรามีคนคนนึงที่กำลังดูแลเราอยู่ เค้าที่ทำให้เรื่องที่เราควรเก่งได้แล้วให้เรา ทำให้จนเรากลายเป็นคนที่ไม่เก่งเพราะถูกดูแลดีเกินไป ’

 ‘ พ่อ ’

‘ คิดถึงตัวเองแล้วก็คนที่รักเราให้มากกว่านี้เข้าใจมั้ย ’ ย้ำกันแบบนั้นก่อนจะลูบหัวเบาๆ ‘ โชคดีนะที่ขับมาถึงบ้านได้ เพราะถ้าโชคร้าย อย่าว่าแต่โดนด่าเลย แม้แต่คำว่าพ่อรักเมด เมดก็จะไม่ได้ฟังแล้วก็ได้นะ ’

‘ ขอโทษครับ ’ ยกมือไหว้พ่อตัวเอง ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาจนทำให้พูดอะไรไม่ออก ยกเว้นเสียจะดึงตัวเองเข้าไปกอดคนข้างกายไว้ พ่อที่ถอนหายใจออกมาอีกครั้งในตอนนั้นเค้าเองก็กอดผมไว้แน่นมากขึ้น

มันถูกต้องที่สุดเลย ท้องถนนมันอันตรายมากกว่าจะแค่กลัวโดนด่าเลยรั้นที่จะขับมาเอง พอมาฟังคำพูดพ่อผมถึงกับต้องถามตัวเองว่าทำไมผมถึงได้โง่อย่างงั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนที่อาฟด่า ผมก็รู้สึกผิดแล้ว แต่ตอนที่เห็นว่าน้องต้องมาอ้วกหน้าแดงเพราะตัวเองก็ยิ่งรู้สึกแย่ไปใหญ่ แต่เหมือนอะไรพวกนั้นจะเทียบอะไรกับคำพูดของพ่อตอนนี้เลย ราวกับความเสียใจพอเป็นพ่อพูด มันคูณสิบคูณล้านเข้าไป จนทำรู้สึกผิดไปหมด ดื้อแบบที่ไอ้อาฟบอกจริงๆ ว่า ดื้อชิบหาย

‘ ต่อไปเมดจะไม่ทำแบบนี้อีก ’

‘ ก็บอกแฟนว่าไม่ต้องดูแลกันมาก ให้หัดขับรถด้วย ’

‘ ครับ ’ พยักหน้ารับก่อนจะดึงตัวเองให้ออกจากอ้อมกอดนั้น ผมยิ้มแห้งๆให้พ่อ ‘ กลับไปกรุงเทพเมื่อไหร่ จะหัดขับรถให้เก่งเลย ’

‘ โทรไปบอกให้แฟนมารับกลับด้วยแล้วกัน แต่ถ้าไม่ได้ เดี๋ยวพ่อไปส่ง ’

‘ อาฟมันคงมารับเมดนั่นแหละ ’ ผมบอก “ เพราะว่าเมื่อเช้ามันก็ขับตามมาส่ง ’

‘ งั้นเหรอ ’

‘ ครับ มันเป็นห่วงน่ะ’

‘ พ่อไม่ต้องห่วงพี่เมดหรอก เพราะพี่อาฟอะนะ ห่วงพี่เมดม๊ากกกกกกกมาก วิวเอาหัวเป็นประกันเลยว่า โคตรหวง เป็นห่วงยิ่งกว่าพ่ออีกมั้ง ’

‘ แบบนั้นก็ดีแล้ว ’ พ่อบอก ‘ ไว้พร้อมเมื่อไหร่ก็อย่าลืมพามากินข้าวที่บ้านแล้วกัน ’

‘ ครับ ’

“ แล้วพรุ่งนี้จะกลับกี่โมง ” อาฟถาม ผมก็หันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ในห้องหลังจากที่คิดถึงเรื่องเมื่อเย็นอยู่นาน จะว่าไปพรุ่งนี้ก่อนกลับก็มีไปทำบุญให้แม่ที่วัด แล้วก็คงกินอยู่กินมื้อเที่ยงอีกสักมื้อ แต่ตอนบ่ายเหมือนพ่อจะมีงานเลี้ยงกับเพื่อนในกลุ่มตีกอล์ฟ คงออกไปราวบ่ายสอง

“ มึงอยากเจอพ่อกูมั้ย ”

“ ได้ทั้งนั้น ” อีกฝ่ายตอบ

“ ถ้าอยากเจอพ่อก่อนก็ต้องเข้ามาก่อนเที่ยง เพราะเค้าจะออกรอบกับเพื่อนก๊วนตีกอล์ฟ ” นั่งมองเวลาที่กว่าอีกคนจะตื่น แม้ว่าจะไม่ได้ทำงาน แต่อาฟเป็นพวกที่ถ้าไม่ได้ทำงานจะนอนนานกว่าปกติอยู่แล้ว คิดไปคิดมาก็เหมือนว่าไม่น่าจะทัน แถมถ้าต้องมาเร่งมันก็ดูเหมือนจะเสียมารยาทต่อผู้ใหญ่อีกถ้าเผื่ออาฟมาสาย “ กูว่าไว้ค่อยมาเจอครั้งหน้าแล้วกัน กูกลัวไม่ทัน ถ้าให้พ่อรอมึง แล้วมึงมาไม่ตรงเวลาเดี๋ยวน่าเกลียด ไม่อยากจะให้มึงดูไม่ดีในสายตาพ่อกูเท่าไหร่ first impression มันสำคัญเนอะ ”

“ ก็แล้วแต่ ”

“ งั้นเจอกัน บ่ายสองแล้วกัน ออกเร็วหน่อยรถจะได้ไม่ติด ”

“ อื้ม ”

“ แต่กูไม่ได้เอารถกลับแล้วนะ พ่อบอกว่า ถ้าไม่ได้ใช้ก็ไม่ต้องเอาไป เค้าจะเอาไว้ใช้เองเพราะรถเค้าก็เก่าแล้ว ”

“ อื้ม ก็ดี ” อาฟบอก “ เอาไปก็จอดไว้เฉยๆอยู่ดี ”

“ แล้วนี่มึงนอนที่ไหน ”

“ โรงแรม ” คำตอบสั้นๆของอีกคน ทำให้ผมได้แต่พยักหน้ารับเพราะไม่รู้จะถามอะไร แต่ก้ยังนึกสงสัยอะไรบางอย่างขึ้นมา

“ แต่เดี๋ยวนะ นี่มึงจัดเสื้อผ้ามาด้วยเหรอ ”

“ เปล่า ”

“ อ้าว แล้วนอนยังไง พรุ่งนี้ใส่อะไรกลับ ”

“ ก็ตัวเดิม ”

“ กางเกงในละ ”

“ ก็ตัวเดิม ” ได้แต่ขมวดคิ้วงงกับสิ่งที่อีกคนพูด

“ มึง วันนี้ก็อับมาทั้งวันแล้วนะ จะให้อับต่อไปในคืนนี้ และอับต่อเนื่องไปถึงวันพรุ่งนี้เลยเหรอ ”

“ คืนนี้ก็ไม่ต้องใส่สิ ผึ่งลมไว้ แล้วใส่เสื้อคลุมอาบน้ำนอนแทน ”

“ ยังไงก็ไม่ได้นะมึง สงสารไข่ตัวเองบ้าง ”

“ มึงมาสงสารเหี้ยอะไรไข่กู ”  หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังกับคำพูดของอีกคน ไม่ต่างอะไรกับปลายสายที่ก็คงยิ้มออกมาเหมือนกัน

“ งั้นค่อยมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านกู อย่าใส่ชุดเดิมทั้งวันเลยขอร้อง กลัวมึงเป็นสังฆัง ”

“ สัด ”

“ ตกลงนะเพื่อสุขภาพที่ดีของไข่ท่าน ”

“ อื้ม ”  ตอบตกลงแบบว่าง่ายก่อนจะพูดเสริมขึ้นมาเสียงเรียบๆ “ แต่เปลี่ยนก็ดี เพราะพรุ่งนี้ส่งไอ้เจที่คอนโดเสร็จ กูจะกลับเข้าคอนโดเราไปเอาเสื้อผ้าแล้วออกมาเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนชุด ”

“ เอาเสื้อผ้าเหรอ ? จะไปไหนวะ ”

“ ไปบ้านกู ”

ผมสาบานได้เลยว่าในตอนนั้นทุกอย่างเงียบไป สมองของผมมันเหมือนขาดการติดต่อไปชั่วคราว สายโทรศัพท์ที่วางไป จำได้ว่าตื่นขึ้นมาผมไปวัดแบบคนเบลอๆ จนพ่อต้องเรียกกันหลายครั้งหน่อยถึงจะได้ยิน สติที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะเอาแต่คิดจินตนาการถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และคาดคะเนไปต่างๆนานา ผมกังวลจนไม่แม้จะอยากกินอะไร ถึงขนาดที่ว่าแม้อาหารมื้อเที่ยงตรงหน้าจะเป็นของโปรดอย่างก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นฝีมือแม่เล็กผมก็ยังกินไม่ลง

“ พี่เมด พี่เมด พี่เมดครับ พี่เมด ” มือที่จับอยู่ที่ข้อมือเขย่าสั่นไปมาจนผมสะดุ้ง แล้วยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่ก็เอียงหน้ามองกันแบบยิ้มๆ “ เหม่อไปถึงไหนแล้ววะนั่น ”

“ พี่เมดเหม่อเหรอ ” ผมเอ่ยถามน้องเดย์ที่นั่งอยู่ตรงหน้ากันในบาร์ของผับที่ยังไม่เปิดให้บริการ หันมองเวลาที่ตอนนี้เข้าสู่ช่วงเวลาบ่ายสามแล้ว หลังจากอาฟไปรับผมที่บ้านแล้วมาแวะส่งวิวกับเจ ก่อนหน้านี้เราขับรถตรงไปที่คอนโดเพื่อเตรียมเสื้อผ้าก่อนจะออกมาที่ผับเพื่อรอสับเปลี่ยนรถกับน้องอัยย์

อาฟขอตัวขึ้นไปเช็คงานเมื่อสิบนาทีก่อน มีเอกสารเกี่ยวกับพนักงานใหม่สามคนที่กำลังรับเข้ามาทำงานในอาทิตย์หน้าที่ต้องใช้ลายเซ็นมันเซ็นรับรองเข้าทำงานตอนนี้เลยไปคุยงานกับพี่ซองผู้จัดการผับที่ชั้นสาม ส่วนผมก็นั่งจิตตกอยู่ตรงนี้ ที่บาร์ตรงชั้นล่าสุด

“ ตื่นเต้นเหรอ ”

“ เรื่องอะไร ”

“ ก็วันนี้จะไปบ้านน้องเดย์แล้วไง หรือว่าไม่ใช่ ” อีกคนบอกยิ้มๆ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ก็ใช่นะ แล้วน้องเดย์รู้ได้ไง ”

“ รู้สิ ก็ตอนที่สัดพี่โทรไปบอกแม่ว่า เย็นนี้จะพาพี่เมดไปกินข้าวที่บ้านน้องเดย์นั่งดูหนังอยู่กับแม่พอดี ”

“ เหรอ ” ได้แต่ยิ้มแล้วพูดคำนั้นออกมาเบาๆ น้องที่เห็นท่าทางของผมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังชนิดลั่นร้านแบบที่พนักงานที่กำลังทำความสะอาดยังหันมามอง

“ ไม่ต้องกลัวๆ แม่น้องเดย์ไม่น่ากลัวขนาดนั้น ไม่ขนาดที่ว่าไล่ออกจากบ้าน พูดจารุนแรง ไม่ใช่แม่ผัวแบบที่เห็นในละครแน่นอน ”

“ แล้วแม่น้องเดย์เป็นคนยังไงเหรอ ” คำถามที่ทำให้คนตรงหน้าผมเงียบไป ใบหน้าที่คิดคำตอบ น้องเดย์ไม่ได้ดูกังวลจนคิดสงสัยว่าพยายามหาข้อดีของคนเป็นแม่อยู่หรือเปล่า แต่เหมือนคนที่กำลังคิดไม่ออกว่าจะพูดออกมายังไงดี

“ สำหรับเดย์แม่ใจดีมากกกก แต่สำหรับสัดพี่มันไม่ค่อยสนิทกับแม่เท่าไหร่ และถ้าให้พูดกันตามตรง สัดพี่ไม่สนิทกับใครในบ้านทั้งนั้น พ่อยังชอบพูดบ่อยๆเลยว่า ถ้าครอบครัวเราเหมือนประเทศ สัดพี่ก็คงเป็นชนเผ่าที่แยกตัวออกไปปกครองตัวเอง และคบค้าสมาคมกับประเทศหลักอย่างพ่อแม่ แค่เอาไว้ทำธุระและขอความช่วยเหลือเท่านั้นแหละ ”

“ เอ่อ.. ไม่รู้จะพูดอะไรเลย ”

“ อีกอย่างนะ มันมีความคิดแค่อยากจะพาพี่เมดไปแนะนำกับแม่แล้วก็พ่อให้รู้จักไว้เท่านั้นแหละ เหมือนแค่บอกให้รู้ว่านี่แฟนมันนะ คนนี้จริงจังด้วยนะ  แต่ถามว่าสนใจมั้ยความรู้สึกพ่อแม่เป็นไง บอกเลยว่า ไม่ครับ อารมณ์ ชอบไม่ชอบก็เรื่องมึงสิแต่กูชอบ ”

“ จะจริงเหรอวะ ” พูดออกไปเสียงเบาๆ เพราะผมไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นเลยสักนิด

ก็อาจจะจริงอยู่ที่ภายนอกมันดูเหมือนไม่สนใจอะไร แต่จริงๆผมว่าอาฟสนใจความรู้สึกของพ่อแม่มากพอตัวแต่มันแค่ไม่พูดออกมาก็เท่านั้น ก็ดูจากการเตรียมการของมันก็พอจะมองออกได้แล้ว

คุณอาฟเตอร์อารยะ เคยเลือกเสื้อผ้าให้ผมใส่ที่ไหน วันนี้ถึงขั้นหยิบเสื้อให้ใส่เพราะว่าจะพาไปไหว้แม่ จากเสื้อยืดธรรมดาที่ใส่มาก็เลยถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตลายขวางสีชมพูของแบรนด์ดัง ที่โคตรจะน่ารักและสดใส

“ หรือบางทีมันอาจจะเปลี่ยนไปเพราะคำพูดของพ่อก็ไม่แน่ ”

“ คำพูดของพ่อ ? ”

“ ก็ตอนที่มันกลับจากสิงคโปร์พ่อก็เริ่มพูดเรื่องพี่เมด พ่อบอกให้สัดพี่พาพี่เมดไปแนะนำตัวที่บ้าน แต่สัดพี่มันดูเหมือนไม่สน พ่อเลยบอกว่า พ่อพี่เมดจะคิดยังไงถ้าพ่อแม่เรายังไม่รู้จักกับพี่เมด พ่อพี่เมดอาจจะรู้สึกไม่ดีนะ ที่แบบว่า ทางบ้านเรายังไม่ยอมรับอะไรแบบนี้ พ่อเลยบอกว่าต้องให้ความเชื่อมั่นกับพ่อพี่เมด ว่าดูแลพี่เมดได้ พ่อพี่เมดถึงจะวางใจ อะไรทำนองนั้น ”

“ พ่อพี่เมดไม่ใช่คนคิดอะไรเยอะขนาดนั้นหรอก ” บอกยิ้มๆก่อนจะถอนหายใจออกมา

ทำไมผมรู้สึกว่านี่มันห่างไกลออกไปจากสิ่งที่รู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ  จากที่เคยคิดแค่ว่าอยากจะแนะนำแฟนให้พ่อรู้จัก แต่เหมือนอาฟจะไม่เป็นแบบนั้น ทุกสิ่งตอนนี้บอกกันว่า ไม่ใช่แค่แฟน แต่กำลังแนะนำกันในฐานะคนรักที่จะมาเป็นสมาชิกครอบครัวคนใหม่

“ คนเป็นพ่อแม่ คิดอะไรเราไม่รู้หมดหรอกน่า พ่อพี่เมดอาจจะคิดแบบที่พ่อน้องเดย์พูดก็ได้ แต่เค้าแค่ไม่พูด ” น้องบอกก่อนจะยักคิ้วให้ “ แต่จะว่าไปก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะ หรือว่าน้องเดย์กลับบ้านด้วยดี ”

“ ก็ดีนะ กลับเลยๆ ” ผมบอกก่อนจะพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน เพราะอย่างน้อยถ้ามีน้องเดย์รับรองเลยว่าโต๊ะอาหารเย็นนี้ยังไงก็ไม่มีความอึดอัด เรื่องแบบนี้หวังพึ่งไอ้สัดอาฟคงมีแต่ตายกับตาย รายนั้นไม่รู้จะรู้จักมั้ย ถึงสิ่งที่เรียกว่า ความบรรยากาศสนุกสนาน

“ ถามไอ้อัยย์ก่อนแล้วว่าถ้าอยู่คนเดียวมันเอาอยู่มั้ย ”

“ โอเค ” บอกแบบนั้นก่อนจะยิ้มกว้างให้อีกคนที่ก็ถอนหายใจออกมา

“ ตื่นเต้นว่ะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวันนี้มันจะมาถึงจริงๆ ”

“ ยังไงวะ ” ผมเอียงหน้างงตอนที่ได้ยินประโยคนั้น น้องเดย์ก็ยิ้ม

“ ตอนเด็กๆแม่มีกฏสองข้อที่วางไว้ คือหนึ่ง ห้ามแย่งคนที่ชอบคนเดียวกัน ส่วนสอง คนที่พามาแนะนำให้พ่อแม่รู้จักต้องเป็นคนที่มั่นใจแล้วว่าจะแต่งงานและมั่นใจมากแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอด ” เผลอยิ้มออกมากับคำที่น้องพูดก่อนจะหันไปมองทางอื่นอย่างไม่รู้จะทำอะไร ก็คำพูดนั้นมันดันแปลความหมายได้อย่างเดียวแค่ว่าผมก็คือคนนั้น คนที่อาฟเลือกแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

“ หน้าแดงหมดแล้วพี่เมด ”

“ เออ เขิน ” แล้วตอนที่พูดออกไปแบบนั้น ผมฟุบหน้าตัวเองลงกับโต๊ะแบบที่ไม่เงยหน้าขึ้นมาอีกเลย เป็นท่าทางที่เรียกเสียงหัวเราะของน้องเดย์แล้วก็รอยยิ้มของสต๊าฟคนอื่นในผับได้เป็นอย่างดี

“ ไอ้อัยย์มาถึงยัง ” เสียงจากประตูทางขึ้นชั้นสามดังขึ้น ผมที่หันไปมองอาฟแต่ยังไม่ทันจะตอบอะไรคนที่ถูกเอ่ยถึงก็เปิดประตูด้านหน้าเข้ามาพอดี

“ น้องอัยย์มาแล้วจ้าเฮีย ” เจ้าของฟันเขี้ยวยิ้มกว้างแล้วเดินตรงเข้าไปหาเจ้าของรถก่อนจะยื่นกุญแจให้ด้วยท่าทางกวนตีนแบบที่ย่อตัวลง “ จอดไว้ที่เดิมเรียบร้อย ไม่มีแม้แต่รอยข่วนขนแมวสักรอย ไม่ได้พาไปรับสาวที่ไหนมานั่งทับที่สุดที่รักของเฮียอย่างพี่เมดด้วยนะ มากสุดแค่ขับโฉบอวดสาวไปมาและเร่งเครื่องโชว์ใสๆ ”

“ พูดมาก ” อาฟบอกก่อนจะยื่นกุญแจรถของอีกคนคืนให้ “ กูเติมน้ำมันให้มึงแล้ว ขอบคุณมาก ”

“ ยินดีจ้า ”

“ งั้นก็ไป ”  ใบหน้าคมที่หันมามองกัน ชวนให้รอยยิ้มที่กำลังยิ้มของผมหดลงฉับพลัน แล้วหัวใจที่กำลังเต้นมันก็เพิ่มจังหวะขึ้นราวกับจะทะลุอก เป็นความรู้สึกที่ว่าถ้าตอนนี้ผมอายุสามขวบ ผมจะนั่งลงพื้นแล้วดิ้นไปมาพร้อมกับร้องไห้แล้วบอกว่า ‘ เมดไม่ไป เมดไม่ไป เมดจะกลับบ้าน ’  แต่เพราะมันทำแบบนั้นไม่ได้ ก็เลยทำได้แค่ยิ้ม แล้วตอบออกไปว่า

“ โอเคครับ ”

“ มึงจะไปด้วยกันมั้ย ” อาฟหันไปถามน้องชายที่อีกคนก็เหลือบมองเพื่อนตัวเอง

“ ต้องถามเพื่อนอัยย์ก่อนว่าคืนนี้อยู่คนเดียวได้มั้ย ”

“ จะพาพี่เมดไปกินข้าวกับพ่อแม่ใช่มั้ย ” น้องหันมองผมยิ้มๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ “ คืนนี้มีไอ้ซันกับไอ้เทียนเด็กฝึกบาร์อีกสองคนมา กูว่าน่าจะได้อยู่นะเพราะพวกมันก็เริ่มคล่องแล้ว อีกอย่างส่วนใหญ่วันจันทร์คนไม่ค่อยเยอะอยู่แล้วด้วย  ”

“ โอเค งั้นกูไปนะ จัดของให้เสร็จละ ”

“ เค ” ได้รับคำตอบรับตกลงผมก็ยิ้มกว้างโล่งใจขึ้นมาในระดับหนึ่ง  ไม่ต่างกับคนที่อยู่ด้านในบาร์ น้องเดย์รีบวางงานทุกอย่างแล้วเดินออกมาทันทีด้วยรอยยิ้มแบบนำพวกเราไปก่อน  ผมที่ได้แต่ถอนหายใจในตอนนั้นเดินออกไปหลังสุดแต่ทว่ายังไม่ทันจะก้าวเดินตามไป น้องอัยย์ก็เอ่ยเรียก “ พี่เมด ”

“ ครับ ” ไม่มีเสียงตอบรับอะไร มีแต่มือที่กำปั้นขึ้นมาด้วยสีหน้ามุ่งมั่นก่อนจะเปลี่ยนเป็นสองนิ้วเพื่อเสริมกำลังใจให้กัน ในตอนนั้นท่าทางที่เห็นปลดความอึดอัดใจไปได้อย่างฉับพลัน “ ขอบคุณครับ ”

บรรยากาศภายนอกรถระหว่างเดินทางเต็มไปด้วยความอึดอัดที่แม้แต่เพลงของพี่ส้มฉุนก็ไม่สามารถบรรเทาเบาบางให้ความรู้สึกนั้นลดลงได้ ผมเผลอถอนหายใจออกมาเบาๆพลางมองไปนอกหน้าต่างเพราะไม่รู้จะทำอะไร มันไม่มีอารมณ์แม้จะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมส์ หรือเช็คโซเซี่ยลอะไรอย่างที่ชอบทำ ไม่แม้แต่ยากจะฟังเพลงอะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่รู้สึกคือ ‘ กูอยากกลับบ้าน ’

“ นั่งให้มันนิ่งๆ ” คำสั่งของคนขับรถหันมาบอกกันก่อนจะเอื้อมมือมาจับไว้ เพิ่งสังเกตว่ารถจอดติดไฟแดงอยู่ที่แยกหนึ่ง ผมหันหน้าไปมองหน้าอาฟที่ก็มองกันอยู่

“ กูก็ไม่ได้นั่งขยับไปไหนสักนิด ” เหลือบลงมองมือของมันที่จับกันไว้แน่นผมแซว “ อ้างจะจับมือกูก็บอก ”

“ ก็รู้ดีนี่ ” ยกยิ้มให้กันกับประโยคนั้น ก่อนจะปล่อยให้ความเงียบคืบคลานเข้ามาอีกครั้ง “ หลุดแยกนี้ เลี้ยวซ้ายก็เข้าหมู่บ้านกูแล้วนะ ”

‘ แต่ถ้าจะทำลายความเงียบด้วยประโยคนี้ กูก็ขอบอกเลยว่า อย่า ’

“ ปวดท้องแล้วตัวกู ” พูดแบบนั้นก่อนจะดึงมืออีกข้างขึ้นมาจับที่ท้อง ท่าทางที่ทำให้คนข้างกันยิ้มก่อนจะดึงมือที่กุมกันอยู่นั้นขึ้นมาหอม “ มึง ”

“ ว่า ”

“ กูถามหน่อยได้มั้ยว่าพ่อแม่มึงเป็นคนยังไง แบบเค้าดุมั้ย ”

“ ไม่ดุ ” อีกคนบอก “ พ่อไม่ค่อยสุสิงคนคนเท่าไหร่ นิสัยคล้ายๆกู ส่วนแม่ก็เหมือนไอ้เดย์มั้ง ”

“ ก็ต้องช่างพูดหน่อยเหรอ เข้ากับคนง่ายๆ เฟรนลี่ อะไรทำนองนั้น”

“ แต่ก็ไม่ใช่กับทุกคน ” จบประโยคนั้นผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะหันมองนอกหน้าต่างแล้วคิดขึ้นมาในใจว่า แล้วหนึ่งในคนที่จะไม่ดีด้วยนั้น ก็ต้องเป็นกูแน่นอน

รถสปอร์ตเริ่มชะลอความเร็วลงและเปลี่ยนช่องทางการเดินรถจากขวาไปยังทางซ้ายก่อนจะกดไฟสัญญาณเพื่อบอกทิศทางให้กับคันหลัง ผมมองไปนอกกระจกอย่างพิจารณาในช่วงเวลานั้น ภาพเบื้องหน้าเป็นหมู่บ้านใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ใจกลางกรุงเทพเสียทีเดียวแต่กลับแวดล้อมไปด้วยต้นไม้และบรรยากาศยามเย็มที่ค่อนข้างร่มรื่น

รถขับผ่านทางเข้าด้านหน้าของตู้ยามที่ดูดีสมเป็นหมู่บ้านจากโครงการมีระดับ เข้าสู่ภายในที่บ้านแต่ละหลังจะปลูกห่างกันพอสมควรราวกับเน้นความเป็นธรรมชาติไว้มากกว่า และที่ทำให้ละสายตาไปไม่ได้เลยก็คือ ขนาดตัวบ้านที่ได้เห็นผ่านสายตา มันเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นของจริง

ตั้งแต่เด็กเพื่อนที่รวยที่สุดของผมคือ จิง บ้านสองชั้นที่มีบริเวณของมันราคาประมานแปดหลัก ในห้องนอนที่มีทั้งห้องแต่งตัวและห้องน้ำแยกส่วนตัว แถมยังมีแม่บ้านสองคนคอยดูแลทุกอย่าง ผมเลยมีความคิดฝังหัวมาตั้งแต่นั้นว่านี่คือบ้านของเศรษฐี แต่วันนี้สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันทำให้ผมรู้ว่า บ้านของเศรษฐีจริงๆ มันต้องเป็นแบบนี้ต่างหาก

ประตูรั้วสีดำถูกกดเปิดอัตโนมัติ บ้านเดี่ยวหลังใหญ่โตปรากฏชัดขึ้นตรงหน้า แต่ยังไม่ทันหายตกใจกับขนาดบ้าน ผมกลับต้องมาตกใจมากกว่ากับจำนวนรถสปอร์ตหรูที่จอดเรียงรายกันอยู่ในส่วนจอดรถ และที่ตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่านั้นคือ ที่จอดรถมันมีสองชั้น

“ สุดยอด ที่จอดรถสองชั้น ”

“ บ้านนอก มึงพึ่งไม่เคยเห็นเหรอ ” คนขับหันมาบอกกันผมก็ได้แต่มองดูมันแบบไม่ละสายตาแล้วพยักหน้ารับเป็นคำตอบ

“ แล้วทำไมมันเป็นสองชั้นได้วะ ”

“ เค้าเรียกว่าลิฟท์จอดรถ เดี๋ยวจะทำให้ดู ” พูดแบบนั้นคนขับก็ถอยหลังรถเข้าไปจอดในที่จอดที่ว่าง ดึงเบรคมือเรียบร้อยมันก็ปลดสายเข็มขัดนิรภัยก่อนจะหันมาถามผมที่ยังมองดูรอบตัวแบบนิ่งๆ “ มึงจะไม่ลงเหรอ ”

“ ไม่ต้องนั่งในรถแล้วให้มันเคลื่อนขึ้นไปเหรอวะ ”

“ แล้วมึงจะเสด็จลงมายังไง ”

“ ก็จริง ” ได้แต่ยิ้มแห้งๆก่อนจะปลดสายเข็มขัดนิรภัยของตัวเองแล้วลงมาจากรถ อาฟกดล็อครถของตัวเอง เราออกมายืนอยู่ข้างนอกก่อนจะอาฟจะเดินเข้าไปกดปุ่มที่เสา จากนั้นฐานลิฟท์ที่รองรถอยู่ก็ถูกเลื่อนขึ้นไปแล้วหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น เว้นเพื่อที่เหลือเฟลือไว้ด้านล่างเพื่อให้จอดได้อีกคันหนึ่ง  “ สุดยอดเลยวะ แต่มันก็เหมือนในร้านซ่อมรถมั้ยวะ ”

“ ก็ประมานนั้น แต่ส่วนใหญ่คนที่รถเยอะกว่าที่จอดก็จะซื้อมันมาติดตั้งไว้ ยกตัวอย่างเช่นพ่อกู ”

“ หมายความว่ารถทั้งหมดนี้ของพ่อมึงหมดเลยเหรอ ”

“ ใช่ ” ผมใช้สายตากวาดมองลานจอดรถทั้งสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งจอดเต็มทั้งสองชั้น นับได้ 8 คัน ส่วนอีกฝั่งมีแค่ 6 คัน นับของอาฟก็เป็น 7 ส่วนราคาแม้จะไม่ใช่คนที่รู้เรื่องรถเลย ก็พอเดาได้ว่าแต่ละคันคงไม่ต่ำกว่าเจ็ดหลักแน่นอน “ พ่อกูสะสมรถ เค้าชอบรถมาก ”

“ อย่างงั้นเหรอ ” ผมพยักหน้ารับ “ งั้นมึงก็ได้รับอิทธิพลมาจากพ่อน่ะสิ มึงก็ชอบรถเหมือนกัน ”

“ คงงั้น ” ตอบรับแบบนั้นก่อนจะเอื้อมมือมากอดคอผม ในตอนนั้นร่างที่ถูกดันให้เดินไปตามทางข้างหน้า แต่มันก็มีบางอย่างที่ยังค้างคา และยังไม่หายสงสัยอยู่ดี “ แล้วนั่นมึงไม่เอารถลงมาเหรอ ”

“ เดี๋ยวไอ้เดย์เอาเข้ามาจอด ” อาฟบอก “ ปกติใครมาก่อนก็ต้องเอารถขึ้นไปจอดชั้นบน คนมาหลังจะได้มีที่จอด พ่อไม่ให้จอดรถตากน้ำค้าง ”

“ แบบนี้นี่เอง ”
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 08-02-2019 20:31:39
ก้าวขาเดินไปตามทางจากลานจอดรถตรงขึ้นไปที่บันไดขั้นสั้นๆก่อนจะดึงประตูไม้หน้าบ้านสองบานนั้นให้เปิดออก ผมก็สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดในช่วงวินาทีนั้น ก่อนจะชะงักหยุดขาตัวเองจนคนข้างกายหันมามอง ความตื่นเต้นตีรื้นขึ้นจนทำให้ขาของผมมันแข็ง ลำคอที่แห้งเป็นผงราวกับขาดน้ำ ผมกลืนน้ำลายลงไปในคอแล้วตอนที่ค่อยๆผ่อนลมหายใจออก มือหนาที่กอดอยู่ก็ลดระดับลงมาจับที่มือของผมไว้

ไม่มีคำพูดอะไรเลยที่ออกมาจากปากของอาฟ ไม่มีคำปลอบโยน หรือให้กำลังใจ มีแค่สายตาที่มองจ้องกันแล้วยิ้มให้ ยิ้มอบอุ่นของมันที่มาพร้อมกับใบหน้าคมที่ลดลงมาอยู่ที่ริมฝีปากก่อนจะผละออก มือหนาข้างนั้นกระชับมือของผมไว้แน่น

ไม่มีคำพูดมีแค่การกระทำ และเป็นการกระทำที่บอกว่า
‘ จะอยู่ข้างๆอย่างนี้ ไม่ไปไหน ’

“ หวังว่าสีมงคลวันนี้จะเป็นสีชมพูนะ ” คำพูดที่ทำให้อาฟหลุดยิ้ม ผมแค่ไม่อยากให้เราเกร็งแม้ในใจของผมจะไม่เหลือสติอยู่แล้วก็ตาม

มือหนาเปิดประตูไม้บานใหญ่ของตัวเองเข้าไปในบ้าน ผ่านหน้าที่เป็นชั้นวางรองเท้า อาฟเปิดมันหยิบรองเท้าใส่ภายในบ้านทั้งของผมแล้วก็มันมาวาง ส่วนผมที่ถอดรองเท้าแล้วก็จัดรองเท้าตัวเองชิดมุมในไว้เรียบร้อย เราใส่รองเท้าแล้วมองไปรอบๆบ้าน ที่ตอนแรกคิดว่าข้างนอกอลังการแล้ว แต่มันกลับผิดกับข้างในโดนสิ้นเชิง

โคมไฟแชงเดอร์เรียหรูหรา ห้อยลงมาจากเพดานในส่วนของห้องรับแขกที่มีโซฟาชุดใหญ่ ประดับด้วยงานศิลปะอย่างดีที่ถึงแม้ไม่ใช่คนมีหัวทางด้านศิลปะผมก็พอเดาออกได้ว่า มันคงเป็นงานศิลป์ที่มีราคาพอควร บ้านของอาฟเป็นบ้านที่ตกแต่งแบบใช้ไม้สีน้ำตาลสวยตกแต่งเข้ากับกระเบื้องโทนสีขาว มันเลยดูอบอุ่นแต่ก็แฝงไปด้วยความหรูหรา ผมโดนจูงมือผ่านจุดห้องรับแขกเข้าไปในด้านในที่เป็นทางแยก อาฟหยุดอยู่ตรงกลางก่อนจะเอ่ยบอก

“ พ่อแม่คงอยู่ในห้องกินข้าว ” มันยกนาฬิกาขึ้นมาดูก่อนจะเอ่ยบอกกัน ใบหน้าคมเชิดไปทางขวาของตัวบ้าน เราเดินตรงไปตามทางนั้น เสียงทีวีที่ดังแว่วมาความรู้สึกวูบโหวงในอกตีรวนไม่มีหยุด ผมรู้สึกมือผมมันเย็นแต่เหงื่อกลับออก แล้วในวินาทีที่เท้าของคนนำทางหยุดชะงัก อาฟก็ปล่อยมือผมก่อนจะยกมือไหว้คนที่นั่งอยู่ด้านในนั้น ผมเองก็เช่นกัน

“ พ่อแม่ สวัสดีครับ ” ชายร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวแบบกลมหันมามองผมก่อนจะส่งยิ้มมาให้เค้าลูกชายตัวเองที่เอ่ยทัก แตกต่างจากผู้หญิงสวยที่นั่งอยู่ข้างกายกัน เธอแค่หันมามองแล้วยิ้มให้ลูกชาย ก่อนจะตีสีหน้านิ่งสนิทในตอนที่ใช้สายตามองผมตั้งหัวจรดปลายเท้า

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพ่อแม่ของอาฟ หลายครั้งที่ผมเคยนึกสงสัยว่าพ่อแม่ต้องหน้าดีแค่ไหนถึงได้ปั้นลูกชายสองคนออกมาได้หล่อแบบนั้น แล้ววันนี้ผมก็รู้สึกไม่นึกสงสัยอีกต่อไป เพราะพ่อของอาฟเป็นผู้ชายที่ดูดีมาก มีมาดนักธุรกิจแบบที่จินตนาการไว้ ส่วนแม่ของอาฟ เธอสวยแบบมีเสน่ห์เป็นผู้หญิงร่างเล็กที่ก็สูง เหมือนพวกคุณนายในละครหลังข่าว

“ นี่เมดแฟนผมครับ ส่วนมึงนี่ พ่อ แล้วก็แม่กู ” 

“ สวัสดีครับ ” ผมเอ่ยขึ้นไปพร้อมกับยกมือไหว้ พ่อของอาฟพยักหน้ารับ ส่วนแม่ยกมือไหวกลับด้วยใบหน้าที่ยังคงเรียบนิ่งเหมือนเดิม เป็นท่าทางที่ไม่ต่างอะไรกับที่คิดไว้ ‘ แม่มึงคงเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ยกเว้นกู ’

 “ สวัสดีครับน้องเมด นั่งลงก่อนสิ กินข้าวกันก่อน ” พ่อของอาฟบอกแบบนั้นก่อนจะผายมือชวนให้เราสองคนนั่งลง โต๊ะแบบกลมที่ที่นั่งของผมตรงกับที่นั่งของแม่ชัดเจน ผมที่ได้แต่ยิ้มสู้ให้เธออย่างไม่รู้จะทำอะไร ชวนให้บรรยากาศอึดอัดจุกแน่นอยู่ในใจของผม ท้องไส้ที่แสดงอาการปั่นป่วน เพราะอีกฝ่ายไม่มีการตอบกลับอะไรกลับมาเลย แม่ยังคงนิ่ง นิ่งเสียจนอาฟเอ่ยทัก

“ แม่จะไม่ยิ้มให้อาฟหน่อยเหรอ ” เธอหลุดยิ้มกว้างออกมาตอนที่ลูกชายทัก แล้วนั่นก็ทำให้เห็นว่า เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากในตอนที่ยิ้ม

“ กว่าจะกลับบ้านนะ พี่อาฟ แม่คิดว่า แม่จะไม่เจอพี่อาฟแล้วด้วยซ้ำ ”

“ ก็ถ้ามันไม่มีธุระมันคงไม่มาหรอก ” พ่อพูดขึ้นก่อนจะเหลือบมองผม ไม่ต่างอะไรกับคนเป็นแม่ผิดกันเพียงแค่พอแม่มองมาทางผมยิ้มที่เธอมีมันก็หุบหายไป

‘ ท่าทางวันนี้สีมงคลจะไม่ใช่สีชมพู ’  ได้แต่พูดอยู่ในใจอย่างงั้น แล้วในตอนนั้นพ่อของอาฟก็เอ่ยพูดขึ้น

“ งั้นเรามาเริ่มทานข้าวกันเลยมั้ย ”

“ อย่าเพิ่งสิคุณพี่เดย์ยังไม่มาเลยนะ ”

“ ต้องรอลูกชายสุดที่รักก่อน ” พ่อพูดกับผมเสียงเบาๆราวกับกระซิบ ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็ก้มหน้าลงรับโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา

“ คุณนี่ก็ ”

“ แล้วน้องเมดตอนนี้เรียนอยู่ใช่มั้ย ”

“ ใช่ครับ ผมเรียนบัญชี ปีสี่แล้วครับ ”  ตอบไปยิ้มไปให้กับคนถาม มือชื้นเหงื่อลูบเข้ากับขากางเกงซ้ำแล้วซ้ำเล่าในตอนนั้นอาฟก็เอื้อมมือมาจับกันไว้ ราวกับว่าจะให้ผ่อนคลายลงสักหน่อย

“ แล้วรู้จักกับพี่อาฟได้ยังไงละ ” คำถามของแม่ทำให้ผมนิ่ง แต่ยังไม่ทันจะตอบอะไร อาฟก็เป็นคนตอบขึ้นมาก่อน

“ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วแม่ ตอนอยู่ม.ปลาย ผมชอบเค้าก่อน ”

“ งั้นเหรอ ” เธอว่า ก่อนจะพยักหน้ารับ

“ แล้วตอนนี้ทำงานกับอาฟเป็นยังไงบ้างละ ไอ้นี่จัดการยากมากเลยใช่มั้ย ”

“ ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ” ผมยิ้ม “ แค่บางทีไม่ค่อยพูด แต่ว่าอาฟก็เป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับงาน ”

“ ถนัดงานบัญชีมากเลยสินะ เห็นเดย์เล่าให้พ่อฟังว่าตั้งแต่ที่เมดเข้ามาทำงาน ผับก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นเยอะ นับรายได้ชัดเจนได้หลายเดือนได้ ”

“ ก็เป็นสายที่เรียนอยู่แล้วครับ ผมเลยถนัด ”

“ แล้วทำไมเป็นผู้ชายแล้วถึงมาชอบกันเองละ ” คำถามที่ทำให้ทุกอย่างในนั้นเงียบลง ผมที่ได้แต่นิ่งมองเธออย่างไม่รู้จะตอบอะไร พ่อเองก็ได้แต่เหลือบมองแม่ด้วยสายตาห้ามปรามแต่เพราะแม่มองผมอยู่ เธอเลยไม่ได้หันไปเห็นอะไร แล้วตอนนั้นอาฟก็พูดขึ้นเสียงเรียบๆ

“ ถามอะไรก็ควรมีมารยาทนิดนึงมั้ยแม่ อาฟว่ามันไม่ควรถามนะ ”

“ อาฟ ” พ่อหันมาพูดกับมันที่ก็ถอนหายใจออกมาเสียงดังแล้วหันไปจ้องพ่อตัวเอง

“ หรือว่าพ่อว่ามันไม่จริง ”

บทสนทนาที่เอ่ยออกไปทำให้บรรยากาศบนโต๊ะของเราแย่ลงฉับพลัน คนข้างผมมองหน้าแม่ตัวเองด้วยสายตาที่เราไม่ควรใช้มองผู้ใหญ่ ผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังติเตียนแม่ตัวเองผ่านทางสายตานั้น ก่อนจะหลบไปทางอื่นในตอนที่ผมบีบมือที่เราจับกันไว้อยู่เพื่อบอกมันให้ลดความรู้สึกโกรธลงเสียหน่อย แล้วตอนที่ทุกอย่างเงียบลงเสียจนน่าอึดอัด เสียงของคนมาใหม่ก็ดังขึ้น

“ น้องเดย์มาแล้วครับทุกคนนนนนนนนนนน ” เจ้าของเสียงโผล่มาพร้อมยิ้มกว้างที่ก็ต้องหดลงไปในตอนที่ทุกคนในห้องรับประทานอาหารหันไปมอง “ เกิดอะไรขึ้นอะ น้องเดย์มาผิดจังหวะเหรอ ”

“ ถูกมากเลยต่างหาก ” พ่อบอกก่อนจะเชิดหน้ามาที่เก้าอี้ข้างคนเป็นแม่ “ นั่งลงได้แล้ว เค้ารอมึงอยู่คนเดียว ”

“ อุ้ย ขอโทษครับ ” พูดแบบนั้นก่อนจะปรี่ตัวมานั่งลงข้างแม่ตัวเอง “ แต่ก่อนอื่นนะ ขอหอมแก้มคนที่สวยที่สุดในบ้านก่อน ” ไม่พูดเปล่าแต่ทว่ามือของน้องเดย์ก็เอื้อมไปกอดคนเป็นแม่ก่อนจะหอมซ้ายหอมขวา เป็นท่าทางน่ารักที่ชวนให้ผมยิ้ม ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถหาท่าทางแบบนี้ได้จากลูกชายคนโตของบ้านอย่างคุณอารยะแน่นอน

“ ทำตัวเป็นเด็กไปได้น่าพี่เดย์ อายแขกบ้าง ” เธอพูดหน้าแดงๆ ด้วยรอยยิ้ม เป็นท่าทางมีความสุขที่แสดงออกมาหมดด้วยแววตาที่ไม่ปิดบัง

“ แขกอะไร นี่พี่สะใภ้ไง คนในครอบครัวน่าแม่ ” พูดออกมาแบบไม่ทุกร้อน แถมยังถามอย่างไม่คิดออกไปว่า “ เป็นยังไงลูกสะใภ้น่ารักปะ ” 

“ จิ๋ว เอากับข้าวออกมาได้แล้ว ” เธอพูดหันไปพูดกับแม่บ้านที่ยืนอยู่แถวนั้นแทนที่จะตอบคำถามของลูกชายคนเล็กที่กอดกันไว้ ท่าทางบอกปัดที่ทำให้น้องเดย์เบิกตาขึ้นยิ้มๆก่อนจะดึงมือตัวเองออกแล้วกลับมานั่งที่เดิม แล้วช่วงเวลาสั้นๆที่หันมามองหน้าผมนั้น อีกคนก็เหมือนจะอย่างเข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที “ วันนี้แม่เตรียมทั้งของโปรดพี่อาฟ แล้วก็ของโปรดพี่เดย์ด้วยนะ นานๆทีกลับบ้าน กินข้าวเยอะละ ”

“ น้องเมดก็กินข้าวเยอะๆนะ ไม่ต้องเกรงใจ ” พ่อที่พูดขึ้นแทนผมก็พยักหน้ารับ แม่บ้านเริ่มยกอาหารขึ้นโต๊ะทีละอย่าง ที่นี่แม่บ้านไม่ได้เหมือนกับในทีวีอย่างที่เคยดู ไมได้ใส่ชุดแม่บ้าน ใส่แค่เสื้อยืดกางเกงขาห้าส่วนธรรมดา

“ ทะเลผัดผงกระหรี่ของไอ้.. ของพี่อาฟโคตรน่ากิน ” ผมหลุดหัวเราะออกมากลางวงโต๊ะอาหารตอนที่น้องเดย์พูดคำนั้น และดันหยุดหัวเราะไม่ได้เลยต้องเอามือปิดปากตัวเองไว้แน่น เอาจริงๆ ถ้าตอนนี้ผมแซวได้ก็อยากจะบอกเหมือนกันว่า ‘ อุ้ยๆ เรียกพี่อาฟซะด้วย น่ารักจริงๆเลยเด็กน้อย ’

“ ขำอะไรเหรอน้องเมด ” แม่ถามผมก็นิ่งไปทันทีก่อนจะส่ายหน้า

“ ขอโทษที่เสียมารยาทครับ ”

“ ไอ้เดย์พูดเสียงดังกว่าไอ้เมดยังไม่เห็นขอโทษที่เสียมารยาทเลย ” อาฟพูดขึ้นเสียงเบาๆในตอนที่กินอาหาร ตอนนั้นแม่ที่กำลังกินข้าวชะงักช้อนที่กำลังจะเอาเข้าปาก เธอวางลงก่อนจะพูดเสียงเรียบ

“ ขัดคำพูดผู้ใหญ่เตือนมันไม่น่ารักนะพี่อาฟ ”

“ แล้วผู้ใหญ่ที่พูดไม่ดีกับเด็กมันน่ารักเหรอครับ ” สงครามสายตาของสองแม่ลูกที่กำลังจ้องมองกัน ผมเหลือบมองอาฟสลับกับแม่ของอีกคนก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิดเพื่อทำลายความอึดอัดนั้น “ ตักทะเลผัดผงกระหรี่ให้หน่อย ”

“ อื้ม ” คำตอบรับสั้นๆ อาฟก็เอื้อมมือไปตักกุ้งในจานมาให้ผม

 “ ปกติมึงชอบกินทะเลผัดผงกระหรี่เหรอ ” เอ่ยถามเสียงเบาๆอาฟก็แค่พยักหน้ารับ

“ อื้ม ที่บ้านทำอร่อย ”

“ ปกติมึงชอบบอกว่ากินอะไรก็ได้ทั้งนั้น ความรู้ใหม่เลยว่ามึงชอบกินอะไรแบบนี้ด้วย ”

“ น้องเมดไม่รู้หรอกเหรอ ” เธอถามผมก็ได้ยิ้มแล้วส่ายหน้า

“ คือปกติแล้วเรา..”

“ คบกันยังไงทำไมถึงไม่รู้ว่าพี่อาฟชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไรละ คงเป็นคนไม่ใส่อะไรใช่มั้ย ” เธอพูดขัดคำอธิบายของผมขึ้นมาก่อนจะยิ้ม “ แต่ก็คงไม่แปลกหรอก นิสัยผู้ชายแหละเนอะ ก็มักไม่ค่อยใส่ใจอะไรอยู่แล้ว ”

“ พอเถอะคุณ ” พ่อของอาฟพูดขึ้น ก่อนจะตักกับข้าวใส่จานของแม่ “ ทอดมันกุ้งของโปรดคุณน่ะ กินข้าวได้แล้ว อย่ามัวแต่พูดมากอีกเลย ”

ผมหยิบช้อนในจานขึ้นมาอย่างไม่รู้จะตักอะไรมากินหลังจากที่กินข้าวคำแรกเข้าไปแล้ว สาบานเลยว่านี่คงจะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเกลียดโต๊ะหมุน เพราะตอนนี้ไม่กล้าแม้จะเอื้อมมือไปหมุนอะไรมาไว้ตรงหน้า ไม่รู้ด้วยจังหวะไหนควรหมุน จังหวะไหนไม่ควรหมุน หนำซ้ำความอยากอาหารยังไม่มีอยู่ในใจทั้งๆที่อาหารตรงหน้าก็มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น ดูเหมือนตอนนี้สิ่งเดียวที่มีถ้าพอทำได้ก็คืออยากจะหายไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

‘ มันโคตรอึดอัด ’ ผมไม่ชอบความรู้สึกตอนนี้เลย  ไม่ชอบความรู้สึกที่เหมือนไม่มีใครต้อนรับ หนำซ้ำยังถูกพูดจาไม่ดีใส่ ทั้งๆที่ตัวผมก็ไม่ได้มีความผิดใดเลย เพียงแค่เดินเข้ามาแนะนำในฐานะที่คนรักของคนคนหนึ่งเท่านั้น แต่ทว่าปากผมก็ต้องถูกปิดเงียบไว้ ก้มหน้าก้มตายอมรับคำพูดสอดเสียดพร้อมทั้งแววตาไม่ชอบใจ โดยไม่แม้จะให้โอกาสทำความรู้จักกัน ผมที่ทำได้แค่ยิ้มในตอนนี้ ก้มหน้ายอมรับทุกอย่าง เพราะจะได้กลายเป็นคนที่ไม่น่ารักในสายตาผู้ใหญ่

โลกใบนี้มันก็เหี้ยแบบนี้ ผู้ใหญ่ทำตัวไม่น่ารักใส่เด็กยังไงก็ได้ แต่กลับกันที่เด็กจะไม่มีสิทธิ์ทำอะไรแบบนั้นใส่ผู้ใหญ่ได้เลย แม้ว่าเด็กจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม ทั้งๆที่บางที เป็นผู้ใหญ่ก็ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป

มนุษย์เหมือนกันแท้ๆ แต่แค่เกิดก่อน ก็มีสิทธิ์มากกว่าแล้วเหรอวะ
โลกแม่ง โคตรไม่แฟร์เลย

“ อร่อย ” หมูทอดอะไรสักอย่างถูกตักมาใส่จานผมพร้อมกับคำพูดสั้นๆของคนข้างกาย ผมหันไปยิ้มให้อาฟที่ก็ตักนู้นตักนี่มาให้ ก่อนที่พ่อจะหมุนโต๊ะที่มีถ้วยต้มยำปลามาตรงหน้าผม

“ น้องเมดกินต้มยำปลาสิ อร่อยนะ ที่นี่แม่เค้าจะให้แม่บ้านทำแบบไม่ก้างเลย กินง่ายมากเพราะผู้ชายบ้านนี้เรื่องมาก ”

“ ครับ ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเอื้อมมือไปตักมากินตามคำชวน

“ แต่น้องเมดคงรู้อยู่แล้วละนะ ว่าผู้ชายบ้านนี้เรื่องมาก ก็เพราะไอ้ที่สุดของความเรื่องมากในบ้าน มันนั่งอยู่ข้างๆทั้งคน ”

“ ใครเรื่องมากพ่อ ” อาฟถามพ่อตัวเองเหมือนไม่รู้ตัวอีกคนก็ยกยิ้ม แล้วตอนนั้นผมก็ได้รู้ว่าอาฟหน้าเหมือนพ่อมากโดยเฉพาะเวลายิ้ม

“ มึงนั่นแหละตัวเรื่องมาก ”

“ ใช่ๆ ” น้องเดย์เสริมขึ้นมาผมก็ได้แต่ยิ้ม แล้วหันไปมองคนข้างตัว

“ เมื่อก่อนตอนมันเป็นเด็ก พวกเราจะชอบไปเที่ยวทะเลกัน แล้วรู้มั้ยว่าแค่ไม่ใช่ห่วงยางสีน้ำเงิน ไอ้นี่มันก็ไม่เล่นน้ำแล้วนะ เป็นตัวทำให้ทริปกร่อยตลอด มันคือนัมเบอร์วัน ”

“ คือจะเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟังเลยใช่มั้ยพ่อ ” อาฟถามคนเป็นพ่อที่กำลังหัวเราะเสียงดังแบบท่าทางหาเรื่อง แต่พ่อก็สวนกลับ

“ มึงอย่าพูดแบบนี้ มันเหมือนมึงพาสาวเข้าบ้านมาเยอะแล้ว ทั้งๆที่จริง คนที่ทนมึงได้มีแต่น้องเมดคนเดียว ”

“ ก็จริง ” อาฟหันมายิ้มให้ผม ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวแบบไม่สนใจ “ คนที่ทนกูได้เหมือนจะมีแค่มึงเท่านั้น ”

“ แล้วเพราะแบบนั้น กูก็เลยเลือกมึงไงเป้นคนสำคัญที่สุดที่จะพามาพบพ่อกับแม่ไงจ้ะ วิ้ววววววว  ” น้องเดย์เสริมขึ้นก่อนจะเม้มปากตัวเองแน่นด้วยท่าทางล้อเลียน

“ มัวแต่คุย น้องเมดกินปลาที่พ่อบอกหรือยังครับ ลองกินนะ อร่อยมากเลย สดมาก ”

“ ได้ครับ ” ผมลองชิมปลาที่ตักมา ตอนที่เคี้ยวอยู่ในปากรสชาติมันหวานอย่างที่บอกไว้เลย สดมากแถมยังไม่มีก้างให้กวนใจเลยด้วย “ อร่อยมากเลยครับ ”

“ ทอดมันกุ้งก็อร่อยนะ เดย์ตักให้พี่สะใภ้มึงสิ ”

“ ได้เลย ” น้องเดย์ตักกับข้าวที่พ่อบอกให้ผม “ เอาน้ำจิ้มอะไรดี บ๊วย ซอสมะเขือเทศ ”

“ บ๊วย ”

“ บ๊วยน้า โอเคเลย นี่ครับผม ” ตักราดให้อย่างดี ผมที่ก้มหน้าลงกินในตอนนั้นแม่ที่นั่งเงียบอยู่นานก็รวบช้อนที่กินอยู่ทั้งๆที่กินยังไม่ถึงครึ่งจาน

“ อิ่มแล้วแม่ขอตัวนะ กินให้อร่อยกันละ ” เธอหันมายิ้มแบบปัดๆให้ผมก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะไป พวกเราที่มองตามในตอนนั้นน้องเดย์ก็ทำทีเหมือนกำลังจะรั้งและเอ่ยถามแต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร พ่อก็ส่งสายตาห้ามไว้ ก่อนจะพูดแบบไม่ออกเสียง

“ ไม่ต้องไปง้อ ”

“ ใจร้ายยยยยย ” น้องพูดขึ้นแบบใส่อารมณ์ก่อนจะหยิบจานข้าวของแม่ที่กินข้าวเหลือไว้มากวาดใส่จานตัวเองและตักกับข้าวกินต่อ “ พี่เมดจะกินอะไร บอกเลยน้องเดย์จะบริการพี่สะใภ้อย่างดีเลยนะครับ ”

“ แค่นี้ก็อิ่มแล้ว ”

“ ไม่อิ่มหรอก ” อาฟพูดขัด “ ตักทอดมันกุ้งให้มันอีก มันชอบกิน ”

“ รับทราบ พี่เมดกินเยอะๆสิ เดี๋ยวคุณนายแต๋วเสียใจนะ ” ผมขมวดคิ้วกับชื่อของบุคคลที่สามที่น้องเอ่ยถึง แล้วตอนที่หันไปหาอาฟมันก็พูดเสียงเรียบ

“ ป้าแม่บ้านที่ทำอาหาร ”

“ อย่าเพิ่งรีบอิ่มกินเข้าไปเยอะๆ วันนี้มีลอดช่องน้ำกระทิด้วยนะ อร่อยมากเลย เพราะแม่เค้าลงมือทำเอง มันเป็นของโปรดของไอ้สองตัวนี้ ”

“ อร่อยมากๆเลย ต้องกินให้ได้นะ ฝีมือทำของหวานของแม่ อร่อยเด็ดแบบเจ็ดย่านน้ำก็สู้ไม่ได้ ”

“ จริงเหรอ ” หันมาถามอาฟเสียงเบา เพราะรู้ว่ามันเคืองแม่ตัวเองอยู่ไม่น้อย แล้วผมก็อยากให้มันหายเคืองเสียที

“ อื้ม แม่ทำขนมอร่อย ”

จบมื้ออาหารด้วยลอดช่องน้ำกระทิที่อร่อยสมคำล่ำลือ ผมจัดการฟาดไปตั้งสองถ้วย ไม่นับข้าวอีกสองจาน สภาพตอนนี้ก็เลยกลายเป็นว่าต้องนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวเพราะขยับไปไหนไม่ได้เลยกางเกงแน่นมาก แน่นจนอยากจะปลอดตะขอแต่ก็เกรงใจผู้ใหญ่นั่งอยู่ตรงหน้า

“ อร่อยมั้ยน้องเมด ”

“ อร่อยมากๆเลยครับพ่อ ”

“ ดีแล้วละ งั้นก็มากินข้าวด้วยกันบ่อยๆนะ ” พ่อพูดแบบนั้นก่อนจะลุกขึ้นจากนั่งออกไป  เหลือไว้แค่ผมกับอาฟแล้วก็น้องเดย์ที่ยังคงนั่งดูทีวีพร้อมกับกินลอดช่องไปด้วย

ในบรรยากาศที่ได้ยินแต่เสียงทีวีและเสียงเก็บจานของแม่บ้าน ผมลุกขึ้นช่วยหยิบจับเพราะไม่รู้จะทำอะไรพลาง เหลือบมองลูกชายของบ้านที่ยังคงนั่งดูทีวีนิ่งๆ ก่อนจะหันสายตาไปมองรอบๆตัว ผมรู้สึกว่าบ้านของอาฟแบ่งออกเป็นสัดส่วนอย่างดี ห้องอาหารจะติดกับครัวฝรั่งเล็กๆ เหมือนไว้ใช้ทำอาหารง่ายๆ แล้วพอมองลึกเข้าไปก็ยังมีแยกออกไปอีกหลายส่วน ท่าทางว่าครัวใหญ่น่าจะอยู่ด้านหลัง

“ ลึกเข้าไปเป็นครัวใหญ่ ส่วนนั้นทั้งหมดจะเป็นฝั่งแม่บ้านหมดเลย มีทั้งห้องซักรีด ห้องพักผ่อนของเค้า แล้วก็ส่วนกลางไว้ใช้ด้วยกัน ”

“ ที่นี่มีกฏไม่ใช้งานแม่บ้านหลังหกโมงเย็น ที่บ้านเราเลยกินมื้อค่ำกันเร็วมาก บ่ายห้าก็กินแล้ว เพราะแม่บอกว่าทุกคนควรมีเวลาพักผ่อนเป็นของตัวเอง  ” น้องเดย์พูดเสริมขึ้นผมก็ถาม

“ แล้วแม่บ้านที่นี่มีกี่คนเหรอ ”

“ สามคน อยู่มาตั้งแต่เราเด็กๆแล้วด้วย ก็มีคุณนายแต๋วเป็นฝ่ายทำอาหาร พี่จอยจะดูแลห้องแม่ แล้วก็พี่ติ๊กที่ดูแลเราเมื่อก่อน ส่วนตอนนี้มาดูแลความสะอาดในบ้านละ ”

“ มีคนดูแลด้วยเหรอแบบพี่เลี้ยง ”

“ แค่จัดห้อง รีดเสื้อผ้า ซักผ้าอะไรแบบนั้น ” อาฟบอก “ แต่ตอนนี้ก็ไม่ค่อยได้ทำแล้วละ เพราะว่าเราไม่ค่อยกลับบ้านกัน ” ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมแม่บ้านมีเยอะเกินความจำเป็นขนาดนี้ ก็เพราะอยู่กันมานานแล้วนั่นเอง

“ ส่วนอีกฝั่งนึง ตรงไปจะเป็นห้องนั่งเล่นที่ไว้ดูหนังของทุกคนเป็นห้องโปรดของพ่อ ถ้าหาที่ไหนไม่เจอก็จะเจอนั่งอยู่ในห้องนั้นแหละ ถัดไปอีกเป็นห้องสังสรรค์มีคาราโอเกะ ไว้ให้เพื่อนๆมากินเหล้ากัน เสียงดังกันแบบเต็มที่เพราะเป็นห้องเก็บเสียง ” น้องเดย์เสริมขึ้นผมก็ได้แต่มองตาม

“ แต่ส่วนใหญ่ไอ้เหี้ยเดย์จะใช้เล่นเกมส์ ” อาฟพูดขัดขึ้น น้องชายคนที่พูดก็ยักคิ้วให้กันก่อนจะยกนิ้วเก็กหล่อไว้ตรงคาง

“ ส่วนถัดไปอีกก็ห้องเลี้ยงแมวของแม่ แล้วก็มีสวนข้างหลังด้วยนะ สวยมาก เพราะแม่ชอบความร่มรื่นและดอกไม้นานาพรรณ  ”

“ แต่มีห้องเลี้ยงแมวแบบนี้ งั้นไอ้หมูตุ๋นก็ต้องอยู่ในห้องนั้นด้วยสิ ”

“ ใช่แล้ว ” ผมดึงตัวเองขึ้นมาด้วยความสนใจ แต่ยังไม่ทันเอ่ยปากขอให้พาไปน้องเดย์ก็ยกมือขึ้นห้ามก่อน “ ไว้พรุ่งนี้พาไปนะ วันนี้คงไม่ได้ คุณนายคงใช้ห้องอยู่ ”

“ เหรอ ” พยักหน้ารับจำยอมไป ในตอนนั้นอาฟก็ลุกยืนเต็มความสูง

“ ขึ้นข้างบนได้แล้วไป ”

“ แล้วจะลงมาดูหนังมั้ยสัดพี่ ”

“ ไว้จะคิดดูก่อน เรื่องอะไรโทรไปแล้วกัน ” ไม่เข้าใจในบนสนทนานั้นสักเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ได้คิดถามอะไร ได้แต่เดินตามเจ้าของบ้านออกจากส่วนของห้องอาหารแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้าน และเหมือนสิ่งที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็นภาพสี่ภาพที่ติดอยู่ตรงช่วงพักของบันได

“ ภาพนี้เท่ห์ว่ะ ” ผมเอ่ยบอกตอนที่ชี้ไปอาฟก็เหลือบมองตาม ภาพที่อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมสีดำ แต่งด้วยโทนดำสุดเท่ห์ที่สองรูปบนเป็นภาพพ่อแม่ที่อยู่คนละภาพแต่กำลังหันมองกันเป็นความน่ารักที่พอถัดมาก็เป็นภาพลูกชายสองคนที่คนหนึ่งหน้านิ่งยกยิ้มหาเรื่องตากล้องสุดๆ กับอีกคนที่ก็ยิ้มกว้างอย่างน่ารัก

“ พ่อตั้งใจว่า ถ้ามีลูกสะใภ้จะเอามาติดเพิ่ม เค้าจะทำเป็นแผนภูมิครอบครัว ”

“ ความคิดโคตรเท่ห์ ” ผมพูดออกมาก่อนจะพยักหน้ารับกับความรู้สึกที่ตัวเองก็รู้สึกว่าสมแล้วที่ตั้งชื่อลูกสองคนว่า อาฟเตอร์เดย์ ที่มีความหมายกินใจอย่างงั้น

ห้องนอนของอาฟอยู่ด้านในสุดของฝั่งขวา ตรงข้ามกันข้ามกับห้องน้องเดย์ที่ก็มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในสไตส์ตั้งแต่หน้าประตู เรียกได้ว่าถึงไม่เคยมาผมยังแยกออกว่าห้องไหนห้องอาฟ ห้องไหนห้องน้องเดย์ เพราะประตูที่มีสติกเกอร์ป้ายห้ามต่างๆติดเต็มไปหมดนั้น คงไม่ใช่ห้องของคุณอารยะแน่นอน

“ ว้าว ” เผลอหลุดปากออกมาตอนที่เห็นห้องของอีกคนที่ตกห้องด้วยโทนสีดำ ผมไม่แน่ใจว่าสไตส์ห้องแบบนี้เรียกว่าอะไร แต่มันคล้ายกับบ้านในนิวยอร์กที่พื้นเป็นไม้ลายฟันปลา แต่งผนังเป็นสี่เหลี่ยมราวกับกรอบรูป ดูเท่ห์และสุขุมสมกับเจ้าของห้อง

“ ชอบเหรอ ”

“ โคตรเท่ห์ ” พูดแบบนั้นก่อนจะหันมองเข้าไปห้องน้ำที่บอกเลยว่า ทำห้องน้ำที่บ้านผมได้สามห้อง ไม่นับห้องแต่งตัวที่เหมือนจะเท่าห้องนอนบ้านผมอีก  ส่วนห้องนอนก็แบ่งมุมชัดเจนเป็นโต๊ะทำงาน ดูทีวี แล้วก็ชั้นของสะสมซึ่งส่วนใหญ่เป็นโมเดลรถ แล้วก็หุ่นยนต์ “ ชอบตรงนี้ว่ะ ” ชี้ไปที่ยกพื้นที่ทำเป็นโซฟาเข้ามุมติดกับหน้าต่าง “ นี่ถ้ากูเป็นมึงนะ กูจะอยู่แต่ในห้องไม่ไปไหนเลย ห้องโคตรสวย ”

“ บ้านอยู่สบาย ไม่ใช่อยู่ที่สถานที่แต่เป็นผู้คน ” อีกคนพูดก่อนจะนั่งลงตรงปลายเตียง “ ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือถึงมึงจะชมว่าห้องกูเท่ห์มากแค่ไหน แต่ในใจมึงก็อยากกลับคอนโดกูอยู่ดี ”

“ ก็ไม่ถูกสักทีเดียวหรอก ” บอกแบบั้นก่อนจะยิ้มแล้วเดินลงไปนั่งข้างๆกับอีกคนบนเตียง ผมชันเข่าขึ้นตั้งเท้าบนขอบเตียงพลางเอื้อมมือไปกอดขาไว้สองข้างนั้นพลางซบหน้าลงกับเข่าของตัวเอง “ ถ้ามึงบอกว่าบ้านคือผู้คน บ้านของกูก็อยู่ตรงนี้เหมือนกัน ” ชี้ไปที่ตัวของอาฟอีกฝ่ายก็ยกยิ้ม

“ ไปหัดพูดคำพูดนั้นมาจากไหน ” มือหนาเอื้อมมือจับที่ท้ายทอย ก่อนใบหน้าคมจะก้มลงมาหอมที่แก้ม “ เมด ”

“ ว่าไง ”

“ ขอโทษที เกี่ยวกับเรื่องแม่กู ”

“ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอก กูพอเข้าใจอยู่ แต่ก็แค่น้อยใจเฉยๆ ว่าทำไมต้องพูดอะไรแบบนั้น ” ยิ้มให้อีกคนที่ก็มองผมนิ่งๆ ในแววตานั้นมีแต่ความรู้สึกเจ็บปวด อาฟไม่ชอบให้ใครมาว่าผม เรื่องนั้นผมรู้ดี และตอนนี้มันก็คงรู้สึกแย่เอามากๆที่แม่ของตัวเองมาพูดแบบนั้นกับผม “ ไม่ต้องซีเรียส เดี๋ยวทุกอย่างมันต้องดีขึ้น เจอครั้งแรกไม่ชอบ ครั้งที่สอง ครั้งสาม ก็อาจจะชอบก็ได้ มันต้องมีสักทางแหละมึง ที่ทำให้เค้าชอบ ”

“ ถ้าต้องโดนซ้ำๆอย่างงั้นก็ไม่ต้องหรอก ” อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จัดการถอดนาฬิกาแล้ววางไว้กับโต๊ะ “ กูไม่ได้แคร์ที่บ้านขนาดนั้น ”

“ ครอบครัวนะมึง ลองพยายามก่อนสิ ถ้าไม่ไหวจริงๆ เราก็ค่อยหาทางที่ดีที่สุดก็ยังได้ ตอนนี้มาลองพยายามทำให้ครอบครัวเป็นครอบครัวก่อน ”

“ แล้วจะรนหาที่เจ็บปวดไปทำไม ”

“ เพราะกูรู้ไง ว่าที่มึงบอกว่าไม่สน มันก็เป็นแค่เรื่องโกหก ” ใบหน้าคมที่หันมามองกัน ผมได้แต่ยักคิ้วท้าทายราวกับจะอวดว่า ‘ กูพูดถูกใช่มั้ยละ ’  ในตอนนั้นอาฟที่ยิ้มออกมาได้แต่ส่ายหน้าไปมากับท่าทางนั้นโดยไม่พูดอะไรอีก

ในความรู้สึกลึกๆ ผมรู้สึกว่ามันยังพอมีทางอยู่ แม่ของอาฟไม่ใช่คนที่ดูใจร้ายแบบที่ไม่ฟังใคร เธอคงยังมีเหตุผลอยู่บ้าง ไม่อย่างงั้นก็คงไม่ยอมมานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันถ้าเกลียดการที่ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชายเข้าเส้นเลือด และคงไม่ลงทุนทำขนมหวานให้กิน ทั้งๆที่รู้ว่า มื้อนี้จะมีผมมากินด้วย

ถึงเธอพูดจาทำร้ายความรู้สึกกัน แต่นั่นก็ยังมีความรู้สึกคิดถึงลูกชายมาเป็นอันดับหนึ่ง ยังแคร์ความรู้สึกของคนที่รัก  คนเรามีจุดแข็งอยู่ก็จริง แต่มันก็มีจุดอ่อน และผมแค่ต้องเข้าให้ถูกจุดถูก

บางทีถ้าได้รู้ว่าชอบอะไร แล้วเอาเรื่องที่ชอบมาชวนคุย ก็น่าจะไปด้วยกันได้อยู่ ‘ ถึงแม้จะเป็นคนที่เข้าหายากมาก แต่ไม่ว่ายังไงก็อยากลองดู ’

มีความคิดแค่ว่า อยากจะลองพยายามก่อน ดีกว่าไม่พยายามอะไรแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายคิดไม่ชอบกันไปแบบนี้ ผมอยากให้อาฟมีความสุข เหมือนอย่างที่อาฟอยากให้ผมมีความสุข  และที่สำคัญผมไม่อยากให้มันต้องเลือก

เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่า คนอย่างอาฟ ถ้าต้องให้เลือกอะไรสักอย่าง
มันคงเลือกผมอยู่แล้ว

................................................................

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม

และขอประกาศเล็กน้อยนะคะ


ประกาศขยายเวลาการเปิดจอง #ผับชั้นสาม
จากเดิม กำหนดถึงวันที่ 5 มีนาคม
เราจะเลื่อนให้ยาวขึ้น เป็น ปิดจอง 5 เมษายน

ย้ำนะคะ

#ผับชั้นสาม ขยายเปิดจองจนถึงวันที่ 5 เมษายน


ด้วยเหตุผล

ทางเราเขียนตอนพิเศษไม่ทันค่ะ

เรามีธุระด่วนเข้ามาในช่วงกุมพานี้อย่างไม่คาดฝัน จนส่งผลกระทบไม่สามารถเขียนนิยายให้จบทันตามที่กำหนดไว้ เลยอยากจะขอเลื่อนไปอีก 1 เดือน

อีกทั้ง มีคนอ่านหลายคน ไม่พร้อมทางด้านการเงิน รวมถึงบางท่านอยากเห็นหน้าปกก่อนจึงจะค่อยๆทำการโอนเงิน

แต่เพราะหน้าปกหนังสือมาช่วงกลางเดือนกุมพาเลยกระชั้นชิดเกินไปสำหรับบางท่านที่ต้องการดูหน้าปกก่อน

เราจึงตัดสินใจเลื่อนการเปิดจากเดิมให้ยาวขึ้นเป็นปิดจองในวันที่ 5 เมษายนค่ะ

/ ในความล่าช้าของปก เป็นความผิดของเราที่เปลี่ยนแปลงปกกระทันหันเลยทำให้งานล่าช้าจากเดิมที่ปกควรเสร็จแล้วค่ะ /


ทั้งนี้เราจะอัพเดทความคืบหน้าต่างๆของหนังสือให้ทราบอย่างต่อเนื่อง

นิยายยังอัพตอนพิเศษแบบ ศุกร์ เว้น ศุกร์ เช่นเดิม ( เพื่อให้ทุกคนวางใจว่าเรายังอยู่ ยังไม่ไปไหนนะคะ )

ท้ายนี้ทางเราขออภัยในความผิดพลาดครั้งนี้ด้วยและจากนี้เราจะพยายามเขียนนิยายตอนพิเศษทุกตินให้ออกมาอย่างดีที่สุดค่ะ


หนมมี่ผู้ใสซื่อ 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 08-02-2019 21:41:13
น้องเมด ฮื่ออ อยากไปนั่งข้างๆ ตอนกินข้าว ให้กำลังใจน้องเมดจัง  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 09-02-2019 00:06:44
อึดอัด อึมครึม แต่ก็พอเข้าใจอยู่ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเนอะ อย่างน้อยๆคุณพ่อของอาฟก็ยินดีต้อนรับเมด ให้เวลาคุณแม่หน่อยเนอะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 09-02-2019 02:35:07
 :mew2: สู้ๆนะน้องเมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 09-02-2019 16:42:38
 o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวยุ่ง ที่ 10-02-2019 13:20:12
อ่านแบบแทบไม่หลับไม่นอนเลยจริงๆ สนุกมากๆๆๆๆๆๆ มีเรื่องให้ลุ้นตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ จนถึงตอนพิเศษ พี่อาฟคือที่สุด โคตรดี โคตรป๋า ดีใจกับหนูเมดที่ได้มาเจอแล้วก็รักกับพี่อาฟอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป ชอบตัวละครอื่นๆ ทุกคนเลย โดยเฉพาะน้องอัยย์ น้องเดย์ น่ารักมากๆๆๆ หลงรักเลย // ขอบคุณนักเขียนสำหรับนิยายสนุกๆ นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 11-02-2019 18:37:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 2 :: up! 25-1-62} #หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 22-02-2019 20:10:44
มารอจ้ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 22-02-2019 20:27:06
ตอนพิเศษที่ 4

 “ แต่จะว่าไป แม่ก็ดูรักน้องเดย์มากเลยนะ ” ผมชวนอีกคนพูดขึ้นเพื่อขัดความเงียบของอาฟที่ตอนนี้กำลังยืนเล่นมือถืออยู่กลางห้อง มันที่เหมือนคุยไลน์กับใครสักคนด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ทำเอาผมเหลือบมองด้วยความอยากรู้ว่าเป็นใครแต่ไม่ว่าจะยืดตัวมองเท่าไหร่ ก็มองไม่เห็น

“ มันเป็นสุดที่รักของแม่กูไง ” พูดออกมาแบบนั้นก่อนจะล็อคหน้าจอมือถือแล้วใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิม อาฟเดินมานั่งข้างกันตรงข้างเตียง

“ ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ”

“ สมัยเด็กมันอ้อนแม่มากกว่านี้อีก ไอ้เชี้ยนั่น ทำเหี้ยอะไรก็ถูกไปหมด คำพูดติดปากของแม่กูเมื่อก่อนก็คือ อาฟฟฟฟ ” หลุดยิ้มกว้างออกตอนที่อีกคนเอ่ยชื่อตัวเองเสียงยานเลียนแบบคนเป็นแม่ “ แล้วก้ตามด้วยคำพูด ตามใจไอ้เดย์แบบ แบ่งให้น้องเล่นด้วยสิ อย่าแกล้งน้องเดี๋ยวน้องร้องไห้ ”

“ ความพี่น้องอะเนอะ ”

“ จำได้ว่าครั้งหนึ่งพ่อเคยไปเมืองนอกแล้วซื้อเลโก้มาฝากกู เป็นเลโก้รถที่หายากมากในไทย ตอนนั้นกูดีใจมากที่ได้มาลงทุนนั่งต่ออยู่เป็นวัน พอเสร็จแล้วจะเล่น ไอ้เชี้ยนั่นไม่รู้มาจากไหน บอกจะเล่น พอกูไม่ให้เล่นก็ไปฟ้องแม่ ”

“ แล้วแม่ก็มาบังคับมึง บอกให้แบ่งน้องเล่นด้วย ” ผมพูดขึ้นยิ้มๆ อาฟก็พยักหน้ารับลง

“ สุดท้ายรถกูที่ต่อมาเป็นวันก็พังภายในวินาทีนั่นละ เพราะแม่งเอาไปชนเสาปูน ”

“ ฮ่าๆ ” หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง อาฟก็เอาแต่ยิ้ม ผมรู้ว่าในความทรงจำของมันถึงจะเป็นเรื่องน่าหัวเสียยังไงแต่เหมือนว่าอาฟก็ยังมีความสุขกับช่วงเวลานั้นอยู่ดี แม้ว่าจะปากหมา ไม่ค่อยพูด แต่อาฟก็เป็นคนใจดี โดยเฉพาะกับคนที่ตัวเองรัก “ ถามจริงๆนะ เคยคิดว่าแม่ไม่รักบ้างมั้ย แบบ แม่รักน้องมากกว่ากูว่ะ ”

“ เป็นคนขี้เสี้ยมเหรอมึงน่ะ ” หันมามองกันด้วยสีหน้าเรียบนิ่งผมก็ได้แต่ยิ้มก่อนจะกระซิบข้างหูอีกคน

“ นิดนึง ”

“ ก็เคย ” อาฟตอบตามตรงก่อนจะนอนราบลงกับเตียง  “ แต่กูไม่สนใจอยู่แล้ว อีกอย่างไอ้เดย์มันขี้อ้อนก็จริง แต่มันก็อ้อนทุกคน อ้อนกู อ้อนพ่อ อ้อนแม่บ้าน ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจตามสไตส์ลูกคนเล็กนั่นแหละ ”

“ ท่าทางตอนเด็กๆจะน่ารักมาก ” ผมเอนตัวลงไปนอนข้างอีกคนด้วยความสนใจในเรื่องราวของพี่น้อง ก่อนขยับเข้าไปใกล้อีกคน “ เล่าหน่อยอยากฟัง ”

“ เล่าอะไร ”

“ ก็เรื่องน้องเดย์กับมึงไง ตอนเด็กๆมันอ้อนมึงยังไง ”

“ เวลาทำขอพังก็ชอบมากอด แล้วพูดว่า พี่อาฟ น้องเดย์ขอโทษนะ พี่อาฟซ่อมได้ใช่มั้ย พี่อาฟเก่ง ”

“ น่ารัก แล้วตกลงซ่อมได้มั้ย ”

“ ซ่อมเหี้ยอะไรละ ตัวกับล้อไปคนละทางกันหมดแล้ว ”

“ ฮ่าๆ ”  ผมหัวเราะ “ แล้วเรื่องอะไรประสาทเสียที่สุด ”

“ เรื่องน้องฟ้าใส ”

“ น้องฟ้าใส ? ” ผมทวนคำ อีกคนก็ยักคิ้วรับ

“ ตอนนั้นกูอยู่ป.สอง ไอ้เดย์อยู่อนุบาลสาม มันไปชอบเด็กในห้องที่ชื่อฟ้าใส พอถามฟ้าใส ฟ้าใสก็บอกว่า ฟ้าใสชอบมัน มันก็ดีใจมาก รู้สึกว่าตัวเองเท่ห์มีแฟนคนแรกในห้อง ”

“ นี่เอาตั้งแต่อนุบาลสามเลยเหรอวะ ” อาฟหัวเราะตอนที่ผมแซว “ แล้วยังไงต่อ ”

“ วันนั้นตอนเย็นกูไปรับมันที่ห้องตามปกติ เพราะแม่ให้ไปรับแล้วพามารอกันที่เก้าอี้หน้าโรงเรียน ”

“ แล้วไง ? ”

“ ไอ้เชี้ยนั่นตอนนั้นก็ดีใจมากที่มีแฟน ก็เลยพาน้องฟ้าใสมาแนะนำกับกูรู้จักว่านี่คือแฟนมัน เดย์ขอตังค์กูไปซื้อหนมมาเลี้ยงแฟน ”

“ โอยยย น้อง ”

“ แต่พอน้องฟ้าใสเห็นกูยื่นตังค์ให้ น้องก็บอกว่า พี่ชายเดย์เท่ห์กว่าเดย์อีกมีเงินด้วย ตอนนั้นน้องเลยบอกเลิกไอ้เดย์แล้วก็มาขอกูเป็นแฟนต่อเลย ”

“ โอ้โห เปรี้ยวสุดจ้าฟ้าใส ” ผมแซวออกมาพร้อมกับหัวเราะ “ แล้วไงๆ น้องเดย์ไม่ช็อคไปเลยเหรอ ”

“ ช็อค มันตกใจมาก มันบอกทำไมผู้หญิงสวยใจร้าย แต่ประเด็นมันเสือกมาโกรธกูด้วยไง บอกว่าเพราะพี่อาฟหล่อเกินไปไม่ต้องมารับเลยทีหลัง น้องเดย์ไม่อยากกลับบ้านด้วยแล้ว มันว่าอย่างงั้นแล้วก็เดินหน้างอนไม่สนใจกูเลย ”

“ น่าหมั่นไส้มึงว่ะไอ้สัด  จังหวะยกยิ้มไปเล่าไปกูอยากจะถีบให้ตกเตียง ”

“ มึงไม่คิดว่าปัญญาอ่อนเหรอ ไอ้เชี้ยเดย์โกรธกูตั้งหลายวัน ฟ้องคนทั้งโคตรว่ากูแย่งแฟนมัน ส้นตีนเถอะ ฟ้าใสไม่ใช่สเป็คกูสักนิด ”

“ ให้มันน้อยๆหน่อยสัด ป.สองมึงมีสเป็คแล้วเหรอ ”

“ มี ” อาฟหันมาเถียง

“ แล้วมันเป็นยังไง ”  ผมเองก็หันไปจ้องมัน

“ ต้องแก้มกลม ” แล้วคำพูดที่หลุดออกมานั้นก็ทำให้ผมได้แต่ยิ้มพลางมองอีกคนที่ก็นิ่งอยู่แบบนั้นทั้งๆที่ก็เอื้อมมือมาจับกันไว้แน่น เราไม่พูดอะไรออกมาอีก ทั้งที่ในใจผมอยากจะแซวมันออกไปว่า ‘ จีบกูอีกแล้วนะสัดอาฟ ’  แต่ก็เหมือนจะเงียบได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในห้องก็ดังขึ้น

กริ้ง กริ้ง กริ้ง

เจ้าของห้องดึงตัวเองลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์ไร้สายที่ตั้งอยู่บนโต๊ทันที เสียงถอนหายใจหงุดหงิดที่เหมือนเสียงนั้นจะดังขัดอารมณ์ในความรู้สึกของมันทำให้ผมหลุดยิ้ม ก่อนอาฟจะยกโทรศัพท์ขึ้นรับแล้วพูดเสียงเรียบ

“ ครับ ” ไม่ได้ยินเสียงของปลายสายว่าเป็นใคร หรือพูดอะไรตอบกลับมา ผมได้ยินแค่เสียงของอาฟที่ตอบกลับไปก็เท่านั้น “ อื้ม อื้ม โอเค ”

“ ใครโทรมาวะ ” เอ่ยถามตอนที่สายโทรศัพท์นั้นถูกวางลง แต่อีกคนก็แค่เชิดหน้าไปทางประตูห้องน้ำ

“ ไปอาบน้ำ เดี๋ยวเราต้องลงไปดูหนังกัน ”

“ ดูหนัง ? ดูหนังอะไร ”

“ ที่บ้านกูชอบดูหนังด้วยกันตอนกลางคืน ”

“ แล้วทำไมต้องดูหนัง ”

“ สมัยเรียนพ่อแม่รู้จักกันเพราะอยู่ชมรมดูหนังด้วยกัน เค้าชอบดูหนังมาก ก็เลยเอามันมาเป็นกิจกรรมครอบครัว ”

“ น่ารักดีว่ะ ” ผมพูดขึ้น “ แบบนี้ใช่มั้ยที่มึงบอกน้องเดย์ก่อนขึ้นมาว่า ดูหนังเรื่องอะไรให้บอกด้วย ”

“ อื้ม ตอนแรกกูว่าจะไม่ไป แต่พ่อให้ชวนมึง ไปอาบน้ำได้แล้ว อย่าให้ผู้ใหญ่คอยนาน ”

“ โอเค จะรีบๆเลย ”

เราเดินลงมาด้านล่างตามคำชวนหลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ผมไม่ลืมปิดเสียงมือถือของตัวเองในตอนที่หยิบมันติดมือมาด้วย ห้องดูหนังที่เราเดินลงมาคือห้องนั่งเล่นใหญ่ที่น้องเดย์บอกว่าเป็นห้องโปรดของคุณพ่อ ประตูเลื่อนที่ถูกเลื่อนออกความเย็นภายในปะทะเข้ากับหน้าผมจนชวนให้สะดุ้ง  แล้วคิดขึ้นมาในช่วงเวลาสั้นๆนั้นว่า ‘ รู้แบบนี้ก็น่าจะเอาผ้าห่มติดตัวมาด้วย ’

“ หนังกำลังจะเริ่มพอดี ” พ่อหันมายิ้มให้ผม “ น้องเมดชอบดูหนังมั้ย แล้วชอบดูแนวไหนเป็นพิเศษบ้าง ”

“ ชอบครับ เมดดูได้ทุกแนวเลย ” ผมตอบก่อนจะเลือกนั่งลงบนโซฟาสีแดงข้างๆกับอาฟที่ก็ยืดขาไปกับโซฟาอีกฝั่ง เป็นการเตรียมท่าทางการดูที่เหมือนจะนอนมากกว่าอย่างอื่น

“ มาแล้วจ้า ” เสียงของคนมาใหม่ที่เปิดประตูเข้ามา น้องเดย์มาพร้อมชุดนอนลายหมีสีฟ้าที่โคตรน่ารัก ผ้าห่มที่คลุมตัวลายการณ์ตูนที่ห่มอยู่บนไหล่ ชวนให้ผมต้องเม้มปากกลั้นยิ้มจนไอ้อาฟยังหันมามองผมแล้วกระซิบข้างหูกันเบาๆ

“ ถ้าดูหนังผีกูว่าไอ้สัดนี่ น่ากลัวกว่าผีอีก ”

“ ว่าน้อง ไอ้สัด ” แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ก็อดเห็นด้วยไม่ได้เลย

เมื่อคนพร้อมห้องที่เคยสว่างก็ถูกหรี่ไฟลงด้วยรีโมตปรับแสงไฟ หลังที่ถูกพักไว้ถูกกดเล่นขึ้นและหนังเรื่องที่พ่อแม่เลือกกมาดูในคืนนี้ คือหนังที่ชื่อว่า Wonder มันเป็นเรื่องราวของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติ และต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้ง ผมเคยอ่านรีวิวมาหลายครั้ง ตัวหนังไม่ได้เสนอเรื่องเกี่ยวกับเด็กแค่เพียงคนเดียว แต่เสนอเรื่องของครอบครัว และสิ่งแวดล้อม บวกถึงความคิดของผู้คนและเด็ก จำได้ตอนที่หนังเรื่องนี้เข้าโรง ผมเคยอยากจะไปดูอยู่หลายครั้ง แต่กลับหาเวลาว่างไปดูไม่ได้เลย บวกกับอะไรหลายๆอย่าง สุดท้ายกลายเป็นว่ามันก็ลาโรงไปก่อน

ในช่วงเวลาที่ไร้การพูดคุยใด เสียงที่ได้ยินมีเพียงแค่เรื่องราวน่าประทับใจของตัวหนังที่ฉายอยู่บนทีวีจอยักษ์และกำลังชวนให้ทุกคนดื่มด่ำไปกับมัน โดยไม่สนเวลาที่เดินผ่านไปเรื่อย ความซาบซึ่งกินใจ ที่ชวนให้ใครๆต่างรู้สึกดี แต่มันก็คงจะดีมากไป หรือไม่ก็ซาบซึ้งเกินไป เลยทำให้คุณอารยะที่นั่งอยู่ข้างกันหลับคอพับคออ่อนลงมาบนไหล่ผมตั้งแต่กลางเรื่อง

“ อาฟ ” ผมเอ่ยเรียกเสียงเบาในตอนที่หนังจบลง อาฟที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนนั้นถอนหายใจออกมาก่อนจะหาวออกมาแบบไม่ปิดปากแล้วลุกขึ้นเต็มความสูงบิดขี้เกียจไปมา

“ ฝันดีนะครับ ”  ผมเอ่ยบอกผู้ใหญ่พลางก้มหน้าลงลา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องที่ตอนนี้คนเดินนำออกไปก่อนอย่างอาฟกำลังหลับตาเดินไปก็ว่าได้ ท่าทางที่ดูง่วงมากและวินาทีที่ขาก้าวเข้าไปถึงห้อง ร่างเพรียวนั้นก็ล้มตัวลงนอนต่อบนเตียงทันที “ อะไรมันจะง่วงขนาดนั้นว่ะ ”

“ ไม่ไหวแล้ว ” เสียงงัวเงียที่พูดขึ้นชวนให้ผมหลุดหัวเราะก่อนจะเดินไปเปิดไฟหัวเตียงไว้ แต่ตอนที่กำลังนั่งลงตรงที่ว่างอีกฝั่งของเตียงมือที่ล้วงเข้าไปกางเกงนอนเพื่อหามือถือที่ตั้งใจจะหยิบขึ้นมาเล่น ผมกลับพบว่าทุกอย่างมันว่างเปล่าและไม่มีแม้แต่ในกระเป๋าเสื้อแต่อย่างใด

“ ส้นตีนต้องเสือกลืมไว้ข้างล่างอีกแน่เลย โอยยยยยยยย  ” ถอนหายใจออกมากับความขี้ลืมของตัวเองก่อนจะขยี้หัวด้วยความหงุดหงิด ‘ โคตรไม่อยากจะลงไปเลยสัดเอ้ย เสือกลืมอีกเชี้ยเมด ’ ได้แต่บ่นกับตัวเองแบบนั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อกับแม่จะขึ้นมาชั้นบนหรือยัง แล้วถ้าลงไปแล้วเจอเข้าก็คงแย่แน่เพราะไม่รู้เลยว่าจะเข้าหน้าเค้ายังไง “ แค่คิดก็ปวดกระเพาะขึ้นมาเลยกู ”

แต่ไม่ว่าจะไม่อยากลงไปยังไงก็ต้องลง เพราะยังไงมันก็จำเป็น เผื่อคืนนี้ที่ผับมีอะไรฉุกเฉินแล้วผมไม่ได้รับก็คงจะยุ่ง

ก้าวขาอย่างจำใจเดินออกไปจากห้องนอนอีกครั้ง ผมคิดว่าคงวางไว้ที่โซฟาตัวที่นั่งดูหนังแน่นอน ผมพยายามสอดส่องตั้งแต่ทางขึ้นบันไดลงไปชั้นล่าง เป็นความรู้สึกที่กลัวแม้แต่จะต้องเดินสวนทางกัน ก้าวลงบันไดที่ละขั้นช้าๆด้วยความเบาอย่างที่สุดแต่ตอนที่เดินลงมาจนถึงขั้นสุดท้ายและเตรียมจะก้าวเข้าไปใกล้ประตูห้อง ผมก็ต้องชะงักหยุดอยู่กับที่เพราะได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังอยู่ไม่น้อยออกมาจากในห้องดูหนังที่ตอนนี้เปิดประตูแง้มเอาไว้เพราะคนสุดท้ายที่ออกไป ปิดไม่สนิท ซึ่งก็น่าจะเป็นผมเอง

“ เดย์ไม่ได้เถียงแม่ แต่เดย์แค่พูดด้วยอารมณ์มันก็เลยเสียงดังเฉยๆ ” เสียงของน้องเดย์ดังขึ้นมาในตอนที่ผมเดินเข้ามาหยุดนิ่งอยู่ใกล้ๆห้อง จากที่คิดว่าทุกคนคงจะขึ้น้ไปชั้นบนหมดแล้ว แต่เหมือนจะไม่แบบนั้นความรู้สึกที่ไม่รู้จะทำยังไงดีชวนให้ผมได้แต่เกาหัวแล้วยืนโง่ๆอยู่แล้ว มือถืออยู่ในห้องจะเคาะประตูแล้วเดินเข้าไปก็คงได้ แต่ครั้นจะเข้าไปตอนนี้ทั้งๆที่คนในครอบครัวกำลังทะเลาะกันก็เหมือนจะน่าเกลียดเกินไป ไม่ว่ายังไงก็ดูเหมือนเสียมารยาททั้งนั้น

“ นั่นแหละที่กำลังเถียงแม่นะ ”

“ ก็เดย์คิดไม่เหมือนแม่ เดย์ก็เลยพูดในสิ่งที่เดย์คิดไง แบบนั้นก็เรียกเถียงเหรอครับ ” เสียงของน้องเดย์ที่ดูหัวเสียบอกแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไม่ชอบพี่เมด สิ่งที่แม่ทำมันเกินไปนะ ไม่คิดแบบนั้นเหรอ ” ชื่อของผมที่ถูกเอ่ยออกมาทำให้ความคิดที่จะเข้าไปเอามือถือยังไงหลุดชะงักไปทันที ราวกับวัตถุประสงค์นั่นถูกฉกชิงไปจากความคิดชั่วขณะแล้วสมองก็สั่งการให้ทำได้แค่ยืนฟังบนสนทนานั่นเงียบๆ

“ ไม่คิด เพราะแม่แค่พูดตามที่คิด ”

“ แต่สิ่งที่คุณทำ มันดูไม่เป็นผู้ใหญ่เลยนะคุณ มันขาดวุฒิภาวะ ” เสียงของพ่ออาฟที่เสริมขึ้น ทำให้ผมรู้ว่าภายในห้องนี้คงไม่ได้มีแค่แม่กับน้องเดย์อยู่กันแค่สองคน

“ ทำไมทุกคนต้องมารุมแม่คนเดียว ทำเหมือนแม่ผิดมากมายอย่างงั้น ทั้งๆที่แม่ก็แค่พูดในสิ่งที่รู้สึกกับคนคนนั้น ”

“ แต่บางความคิดคุณก็ไม่ควรพูด ถ้ามันกระทบจิตใจคนอื่น ”

“ แม่แค่อคติ ” น้องเดย์พูดเสริม “ แม่ยังไม่รู้จักพี่เมดเลยด้วยซ้ำ คุยกันยังไม่ถึงร้อยคำ แต่แม่ก็อคติไปแล้วว่าเค้าไม่ดีแน่ๆ เพราะอะไรวะ เพราะว่าพี่เมดเป็นผู้ชายเหรอ ”

“ อย่ามาขึ้นว่ะกับแม่นะพี่เดย์ ” เธอพูดขัดลูกชายก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แล้วจะผิดอะไร ถ้าแม่จะไม่ชอบ มันเป็นสิทธิ์ของแม่ ”

“ แม่ ”

ทุกอย่างเหมือนจะเงียลงไปสักพัก ผมที่ได้แต่ยืนถอนหายใจออกมาคนเดียวนอกห้องนี้ มีความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นอยู่ในใจแบบชนิดที่พูดอะไรไม่ออก หัวใจเหมือนหล่นหายไปเป็นความรู้สึกชาที่มีเหตุผลเข้าใจมันอยู่แต่กลับใช้ปลอบใจไม่ได้ เป็นความรู้สึกเห็นแก่ตัวที่รู้ ‘ กูรู้ว่าไม่ชอบ แต่ก็ยังอยากให้ชอบอยู่ดี ’

“ เอาจริงๆ แม่ก็ไม่ได้โลกแคบขนาดไม่รู้ว่าสมัยนี้เรื่องแบบนี้มันก็มี ” เสียงของแม่เอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบในตอนนั้น “ เพื่อนของแม่เค้าก็มีลูกที่ชอบผู้ชายด้วยเหมือนกัน แล้วก็มีลูกสาวที่ชอบผู้หญิงด้วย แม่เองก็ยังเคยพูดกับเพื่อนบ่อยๆเลยว่า ก็เค้าสร้างมาให้แล้ว อีกอย่างเราไม่ควรกำหนดเพศให้กับความรักไม่หรอก ”

“ แม่..”

“  แต่วันที่พ่อมาบอกแม่ บอกว่าพี่อาฟลูกชายของแม่ก็ชอบผู้ชายเหมือนกันนะ วินาทีนั้นมันเหมือนคำปลอบโยนของแม่ที่ปลอบเพื่อนมันหายไป มันเหมือนพอมันเป็นเรื่องของแม่ เรื่องของลูกชายแม่ แม่กลับรู้สึกรับไม่ได้ แม่ตกใจ แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง ตอนนั้นเลยคิดขึ้นได้ จริงๆแม่ไม่ได้ยอมรับได้หรอก มันไม่ได้ไม่เป็นอะไร อย่างที่แม่บอกเพื่อน มันเป็น พอมันเป็นเรื่องของลูกชายแม่ มันเป็น มากๆเลยด้วย ” เสียงนั่นค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาไม่ต่างอะไรกับผมเองที่ก็รู้สึกเช่นนั้น “ จะโดนมองหน้าด้วยสายตารังเกียจมั้ยนะ สังคมจะมองเค้ายังไง จะตัดสินเค้ายังไง จะเหมือนพวกในโซเซี่ยลที่พูดถึงเค้าหรือเปล่า  แม่แค่ไม่อยากให้ลูกแม่เป็นแบบนั้น ทั้งๆที่ทำใจไว้แล้ว ในตอนที่เค้าจะพามาเจอ แต่สุดท้ายมันก็ทำใจให้กว้างเหมือนอย่างที่ตั้งใจไม่ได้ ทั้งๆที่แม่ก็รู้ดีว่าเค้าคนนั้นก็ต้องพิเศษมากที่สุดในชีวิตของพี่อาฟแล้ว เด็กคนนั้นไม่เคยยอมรับใครเข้ามาในชีวิต เพราะงั้นก็คงเป็นคนที่เลือกมาอย่างดีแล้วละ แต่ถึงจะดูดีอย่างงั้น ตอนที่เห็นหน้าจริงๆของเค้า สิ่งที่พยายามจะเป็น กลับเป็นไม่ได้ มันหงุดหงิด ทั้งๆที่เค้าก็น่ารักมาก มันนึกตั้งคำถาม  ทำไมพี่อาฟต้องเป็นแบบนี้ ทำไมพี่อาฟถึงชอบเค้า ทำไมลูกชายแม่ถึงต้องเป็นแบบนี้ แล้วพอคิดแบบนั้นแม่ก็รู้สึกไม่ชอบหน้าเค้า มันหงุดหงิด มันไม่ชอบใจ ”

“ ผมเข้าใจคุณนะ ” พ่อพูดขึ้นเสียงเบา “ ผมรู้ว่ามันยาก ผมรู้ว่าคุณเองก็สับสน และรู้ว่าคุณเองก็กำลังพยายามอยู่เหมือนกัน ผมรู้ว่าก็คุณอยากจะทำเข้าใจลูกให้ได้เหมือนกับที่คุณปลอบเพื่อน แต่มันก็ยังรู้สึกที่ว่า ก็ไม่น่าเป็นแบบนี้เลย ไม่น่าเกิดขึ้นกับลูกชายเราเลย แต่ก็เหมือนกับที่คุณปลอบเพื่อนนั่นแหละ  ความรักมันไม่มีเพศ แล้วลูกชายคุณเค้าก็สร้างน้องเมดมาให้มันเหมือนกัน ”

“ แม่ไม่ชอบพี่เมดตอนนี้ก็ได้ แค่เปิดใจให้เค้า แล้วก็อย่าพูดแบบนั้นกับเค้าก็พอ ” น้องเดย์บอก “ พี่อาฟรักพี่เมดมากเลยนะ มันรักของมันมาตั้งแต่ม.ปลาย ผ่านอุปสรรคกันมาตั้งเท่าไหร่ มันรักกันมากๆ มากแบบชนิดที่เดย์ไม่คิดว่า คนที่วันๆไม่สนใจอะไรยกเว้นตัวเอง จะรักใครสักคนได้ แล้วตั้งแต่ที่มันเจอพี่เมด ทุกอย่างในชีวิตมันก็เหมือนจะเปลี่ยนไป มันมีจุดหมายมากขึ้น จริงจังกับงานมากขึ้น มันคิดถึงคนอื่นแล้วก็คิดถึงอนาคตของตัวเอง อนาคตที่มีพี่เมดอยู่ในนั้น  แล้วแบบนี้แม่ยังจะใจร้ายกับคนที่ทำให้ลูกชายแม่มีความสุขได้อีกเหรอ ”

“ ทุกคนเค้าให้เวลาคุณ เราไม่ได้รีบร้อนให้คุณชอบน้องเมด แต่เราอยากจะให้คุณเปิดใจ แล้วลองดูว่า เหตุผลอะไร ที่ทำให้ลูกชายคุณชอบเค้ามากขนาดนี้ มากถึงขนาดเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครสักคน  ”

“ แต่ว่าฉัน ”

“ แม่ลองคิดว่าเดย์เป็นพี่เมดสิ  เดย์ไม่ได้ทำอะไรผิด ก็รักกับแฟนมาปกติแต่กลับโดนแม่ยายพูดไม่ให้เกียรติทำทีท่าแบบไม่อยากจะร่วมโต๊ะด้วย เป็นแม่ แม่ก็คงรู้สึกไม่ชอบใจอยู่แล้ว แล้วแบบนั้นแม่คิดว่าพ่อแม่พี่เมดเค้าจะชอบเหรอ ถ้าเค้ามาเห็นลูกเค้าโดนทำแบบนั้นน่ะ ”

“ พี่เดย์ ”

“ จะรักลูกตัวเองก็ได้นะแม่ จะเป็นห่วงก็ได้ แต่อย่าไปทำร้ายจิตใจลูกคนอื่นสิ เค้าก็มีพ่อมีแม่เหมือนกันนะ ”
ทุกอย่างเงียบลงไปหลังจากประโยคนั้น ไม่มีตอบโต้ของใครที่ดังขึ้นมา ทุกคนเหมือนจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนกระทั่งความเงียบนั้นถูกทำลายโดยพ่อที่พูดขึ้นมา

“ คุณอยากรู้มั้ยว่าทำไม ผมถึงไม่ว่าอะไรในตอนที่รู้ว่าลูกชอบผู้ชายด้วยกัน ” พ่อเอ่ยถาม “ ที่คุณถามผมว่าทำไมไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลย ทำไมไม่ลองเรียกเค้ามาถามดูก่อน เพราะบางทีอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบก็ได้ แล้วคำตอบของผมที่อยากจะบอกคุณก็คือ เพราะว่านั่นคืออาฟไง  ผมถึงรู้ดีว่าเราไม่จำเป็นต้องถามอะไรเพิ่มอีกแล้ว เหมือนอย่างกับคุณที่ก็รู้ดีเหมือนกัน ว่าถ้าคนอย่างอาฟถ้าตัดสินใจอะไรแล้ว มันต้องต้องมั่นใจมากพอ เพราะเราเลี้ยงเค้ามาให้เป็นอย่างงั้น ”

“ อื้ม ”

“ ตั้งแต่มันเด็กจนมันโต ไอ้บ้านั่นไม่เคยทำอะไรในสิ่งมันไม่อยากทำสักอย่าง มันเป็นตัวของตัวเอง ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แต่วันหนึ่งไอ้เด็กที่ไม่สนใจเหี้ยอะไรเลยมาบอกกับผมว่า มันคิดถึงอนาคตมากขึ้น คิดว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง คิดเอาดีกับงานที่ตัวเองมีด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่อยากจะให้คนที่รักลำบาก มันคิดพาคนที่มันรักมาหาเรา ทั้งๆที่คุณก็รู้ว่า ไอ้บ้านั่นไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเราจะคิดยังไง แต่เพราะมันอยากให้ความสำคัญกับเค้า กับครอบครัวของเค้า ว่ามันจริงจัง และรักคนคนนี้จริงๆ มันก็เลยพามาหาเรา แล้วพอแบบนั้น คุณจะให้ผมใจดำ ไม่รักคนที่ลูกรักได้ยังไง ”

พาตัวเองเดินออกมาจากตรงนั้นในตอนที่ฟังคำพูดนั้น ผมก้าวขาเดินตรงขึ้นมาตรงชั้นบนของบ้านอย่างไม่คิดที่จะใส่ใจในสิ่งของที่ตัวเองต้องการอีก ผมไม่ได้อยากได้มือถือแล้ว ทุกอย่างตอนนี้เหมือนไม่มีอะไรสำคัญอีก มือผมเอื้อมเปิดประตูห้องรู้สึกหมดแรงไปอย่างที่ไม่ได้ทำอะไร เดินตรงเข้าไปในห้องที่ฉ่ำไปด้วยอนุหภูมิของแอร์ บนเตียงกว้างกลางห้องที่มีผู้ชายคนนึงหลับสนิทอยู่

ผู้ชายคนที่ยังคงปากไม่ตรงกับใจอย่างสม่ำเสมอ คนที่ไม่เคยหวาน ไม่เคยสักครั้งที่เราจะจบประโยคด้วยการไม่กวนตีนกัน คนที่ขี้หงุดหงิด อารมณ์ร้าย แต่ก็เป็นคนเดียวกันกับคนที่คอยปกป้องผมจากทุกความรู้สึกเสียใจที่จะเข้ามา คนที่ไม่สนใจว่าใครจะเป็นยังไง แต่กลับสนใจเพียงแค่ผมคนเดียวเท่านั้น

“ หรือมึงจะแค้นกูมากเรื่องนมช็อกโกแลต ” ผมพูดติดตลกในตอนที่หย่อนตัวลงนั่งบนเตียงแล้วดึงตัวเองลงไปนอนมองใบหน้าคมของอีกคนอยู่แบบนั้น “ แค้นกูมากเลยใช่มั้ย มึงก็เลยแก้แค้นกู ด้วยการรักกูมาก รักกูแบบสุดๆ เพื่อให้กูรู้สึกผิด รู้สึกเสียดายที่เอาเวลาไปเสียให้กับไอ้คนเหี้ยๆแบบนั้นตั้งหลายปี รู้สึกโทษตัวเองว่าวันนั้นไม่ถามให้แน่ชัดว่าใครเป็นเจ้าของนมนั่น ” ผมยิ้ม “ กูว่าต้องใช่แน่ เพราะมึงมันร้ายอารยะ มึงกำลังทำให้กูรักมึงจนโงหัวไม่ขึ้น ”

ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่หลับสนิท มีเพียงผมที่ยิ้มให้กับใบหน้านั้นอยู่อย่างงั้น ก่อนจะดึงตัวเองเข้าไปจูบที่ริมฝีปากของอีกคนแล้วกอดมันไว้อย่างงั้น ด้วยความรู้สึกรักจนไม่รู้จะอธิบายมันออกมายังไง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ ครับ ” ผมขานเสียงเบาพลางลุกขึ้นจากที่นอน แล้วในตอนที่เปิดประตูออกน้องเดย์ที่ยืนอยู่หน้าห้องก็ส่งมือถือของผมมาให้

“ ทำตกไว้ข้างล่างอะพี่เมด ”

“ เหรอ ” ทำทีเป็นยิ้มให้น้องทำเหมือนไม่รู้ตัวมาก่อนว่าทำมือถือหล่นหายไป “ ไม่ทันได้สังเกตเลย ขึ้นมาก็หลับสนิทเลย ”

“ สงสัยเหนื่อยไง ”

“ คงงั้น ” ผมบอกแบบนั้นก่อนจะรับมือถือตัวเองกลับมา “ ขอบคุณนะครับ ”

“ เมื่อกี้เหมือนมีคนโทรมาด้วยนะ มันสั่นตรงที่นั่งน่ะ น้องเดย์นั่งคุยกับแม่อยู่เลยรู้ ”

“ งั้นเหรอ ” ปลดล็อคหน้าจอมือถือขึ้นมาดู มีสายที่ไม่ได้รับอยู่ในนั้นปรากฏอยู่ 1 สาย “ จริงด้วย ”

“ โทรกลับซะนะ ”

“ โอเค ฝันดีนะน้องเดย์ ”

“ ฝันถึงน้องเดย์ด้วยนะพี่เมด ”

“ ก็ถ้าคนในฝันพี่เมดอย่างพี่อาฟอนุญาตละก็นะ ” ยักคิ้วให้น้องที่ยกมือจับอกก่อนจะเบิกตาด้วยความตกใจ ผมหลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะปิดประตูนั้นลงแล้วผมก็กดโทรออกไปยังสายที่โทรเข้ามาแล้วไม่ได้รับ

“ ฮัลโหล ” ปลายสายที่เอ่ยตอบรับหลังจากที่รอสายอยู่สักพักชวนให้ผมยิ้มออกมาตอนที่ได้ยิน

“ แม่เล็ก โทรมาหาเมดมีอะไรครับ ”

“ แม่เล็กจะโทรมาถามครับ ว่าเสื้อสีขาวของแฟนน้องเมด จะให้แม่เล็กส่งไปให้มั้ย เป็นตัวสำคัญหรือเปล่า ” คำถามที่ทำให้ผมนึกคิดถึงเสื้อของอาฟที่คงใส่ไว้ในตะกร้าซักของที่บ้านตามความเคยชิน และตอนนี้มันคงถูกซักและรีดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม่เล็กเลยโทรมาถาม

“ ไม่ต้องหรอกครับ เพราะเดี๋ยวอีกไม่กี่วันเมดคงกลับบ้านแล้ว ”

“ จะพาแฟนมาแนะนำตัวแล้วเหรอ ” เสียงแซวของปลายสายทำให้ผมยิ้ม “ จะมาเมื่อไหร่ก็โทรมาบอกก่อนนะ แม่จะเตรียมต้อนรับอย่างดีเลย หมูตุ๋นน้ำแดงของโปรดน้องเมด แม่เล็กจะทำไว้ให้เป็นหม้อเลยดีมั้ย ”

“ แม่เล็ก ” ไม่ต้องตอบอะไรออกไป แต่กลับเรียกเธอออกไปทั้งอย่างงั้น

“ ว่าไงครับ ”

“ ทำยังไงถึงจะทำให้ผู้ใหญ่ชอบเราเหรอครับ ” คำถามของผมทำให้ปลายสายเงียบไป ผมรู้ว่าอีกคนคงสงสัยว่าทำไมจู่ๆผมถึงตั้งคำถามนั้นออกมา

“ กำลังจะถามว่าทำยังไงให้พ่อแม่ของแฟนชอบน้องเมดน่ะเหรอ ” ผมไม่ได้ตอบอะไร เราเงียบกันไปสักพักก่อนที่แม่เล็กจะตอบ “ แม่เล็กว่าถ้าเป็นน้องเมดแล้วละก็ แค่เป็นตัวของตัวเองก็พอแล้วละ ”

“ จริงเหรอ มันแค่นั้นเองเหรอครับ ”

“ อื้ม ” แม่เล็กตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ได้ยินผ่านปลายสายเพราะเสียงของลมหายใจ “ ยังจำครั้งแรกที่เราเจอกันได้มั้ยลูก วันนั้นเพราะคำพูดของน้องเมดนะ ที่ทำให้แม่เล็กตัดสินใจแต่งงานใหม่กับพ่อของเรา คำที่น้องเมดตอนอายุหกขวบพูดว่า ‘ มาอยู่ด้วยกันก็ดีนะ เมดจะได้ไม่เหงา อยู่ด้วยกันหลายๆคนสนุกดีออกนะ ’ ”

“ จำไม่ได้แล้วละครับ ”

“ ตอนนั้นเรากอดวิวไว้แน่นเลย แล้วก็บอกว่า ดีใจจังเลย น้องเมดจะมีน้องแล้วด้วยละ ส่วนเจ้าวิวก็กอดน้องเมดแล้วก็พูด น้องวิวก็จะมีพี่ชายแล้วนะ พี่ชาย พี่ชาย แล้วก็เรียกน้องเมดแบบนั้นอยู่ตั้งหลายวันเลย ”

“ เหรอครับ ” ผมหลุดหัวเราะออกมาตอนที่คิดถึงเรื่องราวที่แม้แต่ตัวเองก็ยังจำไม่ได้ แต่พอลองจินตนาการไปมันกลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

“ น้องเมดน่ะ เป็นคนจิตใจดี แม่เล็กก็เลยบอกเราไง ว่าถ้าสำหรับเราน่ะ แค่เป็นตัวเองก็พอแล้ว เพราะเราน่ารักอยู่แล้ว ”

“ ขอบคุณนะครับ ” ผมตอบรับคำพูดของเธอ “ ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องเลย ”

“ ก็นะ อยู่ด้วยคนหลายๆคนมันก็สนุกดีแบบนี้ละ ” หลุดยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนจะเอ่ยบอกฝันดีแล้วกดวางสายลง ผมสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดในตอนนั้นก่อนจะจัดการชาร์จแบตมือถือของตัวเอง ก่อนจะพาร่างของตัวเองไปชาร์จแบตร่างกายบนเตียงข้างๆกับร่างสูงอีกคนที่ไม่ต่างอะไรกับสายชาร์จของผมเพียงแค่เราได้นอนกอดไว้


ในคืนนี้ผมปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านไป
ปล่อยความเครียด หรือแม้ความคาดหวังว่าใครบางคนจะคิดทบทวนเรื่องของผม
อย่างที่ใครๆต่างบอกให้ลองเปิดใจ
ผมปล่อยมันไป ให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้

........................................................................

ประกาศเล็กน้อย
เพราะเนื้อหามันเชื่อมต่อกัน ศุกร์หน้าที่ 1 มีนาคม หนมจะลงให้อ่านอีกตอนนะคะ
อย่าลืมเข้ามาอ่านกัน

ก่อนหน้านี้เรามีความคิดว่าจะให้พี่อาฟจัดการ แต่สุดท้ายตัดสินใจที่จะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวมากกว่า เพราะพี่อาฟ ถ้าให้พูด คงไม่น่าจะได้พูดดีๆกันแบบนี้ แน่นอนว่า ความจิกกัดสไตส์พี่แกคงมาเต็ม เพราะอย่างงั้น น้องเดย์ที่สุด

รักความพี่น้องของ อาฟเดย์

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ

ท้ายนี้ นิยายเรื่องนี้ยังคงเปิดจอง ปิดจองวันที่ 5 เมษายน นะคะ
ขอบคุณมากจ้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 22-02-2019 20:47:06
น้องเดย์พูดดีมาก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 22-02-2019 20:56:19
 o13 ลุ้นสุดๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-02-2019 23:47:22
ตอนนี้น้องเดย์คือพระเอกเลย เป็นตัวเองก็น่ารักแล้วเมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 23-02-2019 00:05:56
รอค่า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 23-02-2019 00:22:13
น้องเมดน่ารักที่สุดเลย แค่น้องเมดเป็นตัวเองแบบนี้ ทุกคนก็จะตกหลุมรักน้องเมดแน่นอน
สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 23-02-2019 07:23:34
น้องเดย์ ที่หนึ่งในใจเลย แจกความสดใสรัวๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 23-02-2019 09:46:36
หลากหลายความรู้สึกจริงๆ น้องเดย์น่ารักมาก คุณพ่อก็จิตใจดี ให้เวลาคุณแม่หน่อยเนอะ เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้น
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 23-02-2019 13:26:31
ก็ให้เวลาแม่หน่อยนะ เมดก็เข้าหาบ่อยๆเอาให้แม่รักแม่หลงไปเลยเชื่อว่าเมดทำได้อยู่แล้ว สู้ๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 23-02-2019 15:40:07
จริงของแม่เล็ก แค่เป็นเมด แมาอาฟจะต้องรักได้แน่ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-02-2019 16:30:51
สู้ๆนะเมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-02-2019 17:09:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 23-02-2019 17:34:42
น้องเมดสู้ๆน้าาาา
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 23-02-2019 20:49:15
คนเป็นแม่คงห่วงสารพัด
แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าอะไรเป็นอะไร
แต่ก็อดห่วงไม่ได้ นี่แหละแม่ล่ะ
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่น่ารักแบบนี้ไปตลอดหรอกน่า
น้องเมดน่ารักจะตาย นอะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-02-2019 22:38:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 23-02-2019 23:22:34
ลุ้นกับคุณแม่มากอ่ะ คิดแล้วว่าน่าจะไม่ชอบ น้องเมดต้องพยายามนะสู้ๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 23-02-2019 23:39:28
รู้สึกดีนะ ที่แม่อาฟมีความคิดไม่ชอบเมด ดูเป็นจริงมากขึ้น
ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่พ่อแม่จะรับทุกอย่างที่ลูกเป็นได้ ยังมีความคาดหวังบางอย่างกับลูก
เรื่องที่ปลอบคนอื่นกับเรื่องที่ต้องเจอเอง มันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว

ขนาดแฟนเป็นผู้หญิง ยังมีกรณีแม่ผัวลูกสะใภ้
นิยายช่วงหลังแต่ละเรื่อง พ่อแม่รับกันได้ง่ายเกินไปนะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 24-02-2019 13:21:02
น้องเดย์


น่ารักฟุดๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 26-02-2019 04:53:40
 :hao5:  เมดสู้ๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: kedtawan ที่ 26-02-2019 09:54:17
มันคือเรื่องจริงที่แม่อาฟ ไม่ชอบเมด มันดูปกติ เพราะเค้าไม่เคยเห็นอาฟเป็นแบบนั้น คิดและเห็นว่าลูกตัวเองเป็นแมนมาตลอด แล้วเปิดตัวแฟน เป็นผู้ชายด้วยกัน ก็ต้องมาล่ะ เรื่องแบบนี้ แต่ชอบน้องเดย์ รักกกกน้องเดย์ตอนนี้มากกก ลูกรักอ่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 26-02-2019 10:30:17
เมดสู้ ๆ นะ
อ่านไปก็น้ำตาคลอตาม

 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 27-02-2019 00:57:36
ตอนนี้คนที่สบายใจสุดคงจะเป็นอาฟ หลับสบายสุดๆ ไม่ได้รู้อะไรกับเขาเลย 555 ปล่อยให้น้องเดย์กับคุณพ่อออกโรงแทนซะงั้น  ยกใจให้น้องเดย์ไปเลย  :L1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 01-03-2019 20:25:14
ตอนพิเศษที่ 5

ลืมตาตื่นเช้าขึ้นมาในห้องที่ไม่มีแม้แสงแดดใดส่องเข้ามาถึง ผมมองดูคนที่หลับสนิทอยู่ข้างกายกันแล้วนึกขำที่อาฟหลับได้นานขนาดนี้ หลุดยิ้มออกมากับท่าทางหลับสบายขนาดเผลออ้าปากเล็กๆจนมีความคิดอยากจะเดินไปหยิบเกลือในครัวมาหยอดใส่ปากมันสักหน่อยและรับรองได้ว่าถ้าอยู่ที่คอนโดคงทำไปแล้ว

แต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออวยให้ทำอะไรแบบนั้น ผมเลยทำได้แค่ก้มลงไปหอมแก้มอีกฝ่ายแบบสุดแรงอย่างที่มันเองก็ชอบทำให้กันทุกเช้า

“ แล้วก็ชอบบอกว่ากูขี้เซา แต่มึงแม่งก็ไม่ต่างกันหรอกสัด ” พูดกับคนที่ไม่ได้สติแบบนั้นก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วหันไปดูนาฬิกาที่ตอนนี้บอกเวลาเจ็ดโมงเช้าด้วยความรู้สึกแบบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่ “ นี่กูตื่นเช้าขนาดนี้เลยเหรอวะ ” สลัดความคิดนั้นของตัวเองออกแบบยิ้มๆ ผมตรงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวออกมาด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าแน่นอนว่าไม่ได้เช็คสีนำโชคประจำวันเกิดเหมือนเดิม เพราะจัดมาแค่นี้ “ หวังว่าวันนี้สีมงคลของคนเกิดพุธจะเป็นสีฟ้า ”

ชั้นล่างของบ้านค่อนข้างเงียบสงบในเวลาเจ็ดโมงครึ่ง ผมมองไปรอบๆตัวบ้านในตอนที่แสงสว่างส่องเข้ามาเต็มที่แล้วพบว่า ยามเย็นของเมื่อวานที่เคยชมว่าสวย แต่ตอนนี้มันสวยขึ้นกว่าเก่าเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว ห้องดูหนังที่เราดูกันเมื่อคืนด้านหลังผ้าม่านที่เคยถูกปิดทึบไว้ตอนนี้ทุกอย่างถูกเปิดออก เผยโฉมกำแพงกระจกที่มองออกไปเห็นสวนดอกไม้สวยรวมทั้งสระน้ำเลี้ยงปลาคราฟว่ายวนไปมาที่สร้างไว้โอบรอบข้างตัวบ้าน

“ คุณเมด ตื่นเร็วจังเลยคะ ” พี่จิ๋วแม่บ้านที่เดินผ่านมาเจอผมเอ่ยทักกัน แล้วตอนที่หันไปยิ้มให้เธออีกคนก็ผายมือไปฝั่งห้องครัวที่เรานั่งกินมื้อเย็นกัน “ เชิญที่ห้องอาหารมั้ยคะ คุณแม่กำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่พอดีเลยคะ ”

“ ได้ครับ ” ขานรับคำชวนของอีกฝ่าย แม้ในใจอยากจะบอกว่าไม่ครับแต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้ ผมเดินตามพี่จิ๋วเข้าไปในห้องอาหารที่ตอนนี้ส่วนครัวเล็กๆที่ผมเห็นเมื่อวาน มีคุณแม่ของอาฟกำลังยืนคนอะไรบางอย่างอยู่ที่ในหม้อตรงหน้าเตา “ ให้ผมช่วยมั้ยครับ ”

“ ตื่นเร็วจังนะ ” แม่หันมามองกันก่อนจะพูดคำนั้นแล้วหันไปดูอาหารให้หม้อต่อ “ จริงๆ ไม่ต้องรีบตื่นมาเอาใจก็ได้ พอรู้อยู่แล้วว่าทำงานกันดึก จะนอนต่อก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอก ”

“ ผมนอนไม่ค่อยหลับแล้วนะครับ ” ส่งยิ้มไปให้อีกคนที่ก็หันมาเหลือบกันพอดี ผมเอียงหน้ามองโจ๊กแบบไม่ได้พูดอะไรต่อ กลิ่นหอมอ่อนๆของอาหารเช้าในหม้อที่กำลังถูกคนวนไปมา แม่ไม่มีเสียงตอบรับในคำถามแรกให้กันว่าจะให้ช่วยหรือไม่ให้ช่วย ผมเลยทำได้แค่ยืนนิ่งๆอยู่อย่างงั้นแล้วหันซ้ายดูขวาอย่างไม่รู้จะทำอะไร

“ ติ๊กไปเตรียมชามมาให้ฉันทีนะ อีกเดี๋ยวคุณเค้าก็จะคงจะลงมาแล้วละ ”

“ ได้ค่ะคุณ ” พี่แม่บ้านที่ถูกเรียกเดินออกไป คุณแม่ถอนหายใจออกมาก่อนจะเชิดหน้าไปที่หมูต้มแล้วที่ตั้งอยู่ตรงเค้าเตอร์ตรงหน้าผม

“ ช่วยหยิบหมูก้อนมาให้หน่อยได้มั้ย ”

“ ได้ครับ ” ตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะส่งถ้วยหมูก้อนไปให้แม่ที่ก็ตักมันใส่ลงไปก่อนจะยื่นถ้วยเปล่ากลับมาให้ผม

“ กระดูกหมูอ่อน ”

“ นี่ครับ ” ยื่นของที่สั่งให้ผมก็ชวนอีกคนพูด “ เมดชอบกินกระดูกหมูอ่อนแบบนี้มากเลยครับ มันอร่อยมากเลย ”

“ งั้นเหรอ ” สีหน้าเรียบนิ่งในตอนที่พูดคำนั้นยังคงเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังยิ้มเพราะอย่างน้อยมันก็ยังมีการตอบรับที่ดีกลับมา “ ผู้ชายบ้านนี้ก็ชอบกินโจ๊กแบบนี้นะ แต่ต้องกินแค่กระดูกอ่อนแบบนี้เท่านั้น ห้ามมีกระดูกแข็งปนเด็ดขาด ” แม่ยิ้มออกมาตอนที่พูดจบ “ เรื่องมากมากเลยใช่มั้ย ”

“ ก็นะครับ ”

“ ตอบว่าใช่ครับก็ได้นะ แม่เข้าใจอยู่ ”

“ เช้าวันนี้บรรยากาศดีจัง ” เสียงของพ่อที่เดินเข้ามาเอ่ยพูดขึ้น ผมกับแม่หันไปยิ้มให้คนมาใหม่ที่ก็นั่งลงที่โต๊ะอาหาร ในตอนนั้นเองถ้วยใบกลางสีขาวถูกยื่นมาให้จากพี่ติ๊ก แม่เลือกชิ้นหมูขึ้นมาก่อนจะตักข้าว โรยตักหอม ขิง แล้วก็ผักชีลงไปเพื่อเพิ่มความน่ากิน จานใบเล็กที่ใช้รองถ้วยถูกยื่นมาให้ แม่รองมันไว้กับถ้วยใบที่ถือก่อนจะถูกส่งมาทางผม

“ เอาไปให้พ่อเค้าสิ ”

“ ได้ครับ ” เดินยกถ้วยไปให้ตามคำสั่ง ผมวางมันลงตรงหน้าคนเป็นพ่อที่ก็ยิ้มรับอย่างดี “ กินกาแฟมั้ยครับ ผมชงให้ ”

“ เอาสิ กาแฟดำนะ ใส่น้ำตาล กาแฟ อย่างละช้อน ”

“ แล้ว..” ผมหันไปมองแม่ที่ตอนที่หันมามองกันพอดอี เธอนิ่งไปก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ เรียกแม่ก็ได้ ” ว่าอย่างงั้นก่อนจะหันกลับไปมองของในหม้อต่อ “ เหมือนพ่อนั่นแหละ ใส่ทุกอย่าง อย่างละช้อน ”

“ ได้ครับ ” ขานรับกับอีกคนยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปที่มุมชงกาแฟ ผมหยิบแก้วแล้วเปิดขวดกาแฟดำราคาแพงตักใส่ลงไปในแก้วตามที่สั่ง ตักน้ำตาลในปริมานพอดีกันเป็นอย่างถัดไป ตามด้วยน้ำร้อน แล้วยกแก้วสองใบนั้นไปตั้งไว้บนโต๊ะ ส่วนแม่บ้านอย่างพี่จิ๋วก็หยิบเอานมรินใส่เหยือกใบเล็กออกเดินตามมา

“ แล้วน้องเมดจะกินแบบไหนละ ” เสียงของแม่เอ่ยถามผมที่ก็ยืนนิ่งอยู่อย่างงั้น เพราะไม่รู้ว่าอีกคนถามถึงเครื่องดื่ม หรือว่าโจ๊ก “ แม่หมายถึงโจ๊ก ”

“ กระดูกหมูอ่อนเยอะกว่าหมูก้อนครับ ”

“ แล้วใส่ขิงมั้ย ”

“ ไม่ใส่ครับ ”

“ ผักอย่างอื่นละ ”

“ แค่ต้นหอมนิดหน่อยก็พอครับ ” พูดแบบนั้นก่อนจะเดินไปหยิบถ้วยตัวเองจากมือของแม่ที่ยื่นส่งมาให้กันพอดี  ผมจ้องตาเธอตอนที่เธอหันมามองกันก่อนจะยิ้มกว้างให้ “ น่ากินมากเลยครับ ขอบคุณนะครับแม่ ”

“ แล้วจะกินเครื่องดื่มอะไร ที่นี่มีโกโก้ด้วยนะ หรือว่าจะเป็นนม ”

“ โกโก้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมชงเอง ” เอาถ้วยไปวางไว้ที่โต๊ะก่อนจะเดินไปชงโกโก้แล้วเดินมานั่งลงที่โต๊ะพร้อมกับทุกคน เวลาเช้าแบบนี้ ทีวีที่เปิดมีแต่ข่าวบ้านเมืองที่ผมก็ขอสารภาพว่าไม่ได้นั่งดูมันมานานแล้ว เพิ่งสังเกตว่าแม้วันนี้จะเป็นจันทร์แต่เหมือนพ่อก็ไม่ได้ใส่ชุดทำงานออกไปไหน ใส่เพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดาเท่านั้น

“ เมื่อวานยังคุยกันไม่ถึงไหนเลย น้องเมดบอกว่าเรียนบัญชี งั้นก็ใกล้จบแล้วใช่มั้ย ”

“ ครับ ” ผมพยักหน้ารับ

“ แล้วมีความคิดจะทำงานที่ไหนบ้างหรือยัง ” คำถามที่พ่อเอ่ยถามชวนให้มือที่กำลังคนโจ๊กไปมาของผมชะงัก ในใจที่คิดจะตอบว่า ‘ คงทำงานที่ผับต่อ ’ แต่ก็กลัวท่านจะมองว่าผมเกาะลูกเค้ากิน

“ ตอบได้ตามใจเลย ” แม่พูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของผม

“ คงทำงานที่ผับต่อครับ เพราะว่าไม่มีใครทำบัญชีแล้วก็ฝ่ายจัดซื้อให้อาฟ ”

“ ก็ดีนะ มีคนคอยคุมอยู่ เพราะลำพังพี่อาฟก็คงถนัดแต่เรื่องใช้เงิน ” แม่พูดขึ้นยิ้มๆ ก่อนจะหันมามองผม “ แล้วน้องเมดคุณพ่อทำอาชีพอะไรเหรอ แม่ถามได้มั้ย ”

“ ได้ครับ ” ผมตอบรับ “ พ่อผมเป็นคุณครูน่ะครับ ตอนนี้เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน แต่ก็ใกล้จะเกษียณแล้วครับน่าจะปีหน้านี้ ”

“ อย่างงั้นเหรอ ” เธอพยักหน้ารับ “ แล้วคุณแม่ละ ”

“ แม่ผมเสียแล้วครับ ” สัมผัสได้ถึงความเงียบในตอนที่ตอบคำถามนั้น แต่ถึงอย่างงั้นผมก็แค่ยิ้มแบบไม่ได้เสียใจอะไร “ แต่นานมากแล้วครับ ตั้งแต่ที่ผมยังเด็กมาก อีกอย่างพ่อผมก็แต่งงานใหม่นานแล้วด้วย ”

“ ไว้นัดมาทานข้าวด้วยกันสิ ทั้งสองครอบครัวเลย ” พ่อพูดขึ้นผมก็พยักหน้ารับให้กับอีกคนที่ก็ยิ้มอย่างใจดี “ แล้วอยู่กับอาฟเป็นยังไงบ้าง มันดูแลเราดีมั้ย ”

“ ดีมากเลยครับ ” ผมตอบแม่ก็ยิ้มก่อนจะเหล่มองกัน

“ ไม่ต้องโกหกก็ได้นะ ตอบได้ตามสบายเลย ”

“ ไม่ได้โกหกครับ ” ส่ายหน้าไปมาพลางหัวเราะ “ แต่อาฟก็ตามใจผมจริงๆ ถึงจะปากไม่ดีบ้าง กวนบ้าง แต่ก็เป็นใจดี แล้วก็ตามใจผมมากๆเลยครับ ดูแลกันดีมากๆด้วย ”

“ กวนที่ว่า ในใจต้องมีเสริมคำว่าตีนไปด้วยแน่ๆเลย ”

“ คุณก็ ” แม่ปรามพ่อที่ก็หัวเราะออกมาในตอนที่อีกคนกินกาแฟที่ผมชงให้จนหมดแก้ว แต่ก่อนจะวางลงแก้วนั้นลงมันก็ถูกยกขึ้นตรงหน้าพร้อมคำชม “ อร่อยมากเลยนะ กาแฟแก้วแรกที่ลูกสะใภ้คนโตชงให้ ”

“ ขอบคุณครับ ” พูดเสียงเบาๆกับอีกคนที่ก็วางแก้วลงก่อนจะลุกขึ้นออกไปจากโต๊ะอาหาร เหลือไว้แค่แม่แล้วก็ผมสองคนที่ก็ยังคงนั่งกินกาแฟแล้วก็โกโก้กันอยู่สองคนแบบเงียบๆ แล้วในตอนนั้นแม่จะเอ่ยถามขึ้น

“ แล้ววันนี้จะกลับกันกี่โมงละ ”

“ ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่ผมคิดว่าว่าจะเป็นช่วงเย็นๆ เราคงกินมื้อเย็นที่นี่ก่อนกลับ ”

“ แทนตัวเองว่าเมดสิ ” แม่หันมาบอกผม “ พูดว่า ผม มันดูห่างเหินนะ พูดว่า เมด น่ารักกว่า ”

“ ครับ ” พยักหน้ารับอีกคนที่ก็ดึงทิชชู่ขึ้นมาเช็ดปาก “ เอ่อ.. คือจะเป็นอะไรมั้ยครับ ถ้าเมดจะขอให้แม่พาเมดไปหาเจ้าหมูตุ๋นหน่อยน่ะครับ ”

“ หมูตุ๋น ” เธอทวนคำแล้วขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วยิ้มกว้างขึ้นมาทันที “ อ้า เจ้าหมูตุ๋น ลืมไปเลยว่ามันเป็นแมวมาจากผับ น้องเมดคงช่วยมันไว้สินะ ”

“ ครับ ”

“ พี่เดย์เล่าให้แม่ฟังว่ามันเป็นแมวท้องแก่ที่มาหลบฝนอยู่ที่ตู้ยามของผับ แล้วตอนที่ยามกำลังไล่มันเพราะกลัวอาฟดุ ก็ได้พนักงานบัญชีของคนเก่งของผับช่วยมันไว้  เค้าขอให้อาฟเลี้ยงมันไว้จนกว่าจะคลอด ” เธอหันมามองผม “ แล้วคนคนนั้นก็คือน้องเมดสินะ ”

“ ครับ ”

“ ตอนนั้นแม่ยังคิดเลย ว่าใครกันนะ ทำไมจิตใจดีจัง แล้วก็แอบคิดด้วยว่าต้องเป็นคนพิเศษแน่ๆ ถึงทำให้พี่อาฟเค้ายอมฟังได้ เพราะรายนั้นไม่เคยฟังใครเลย ”

“ เหรอครับ ”

“ แต่วันนี้แม่ไม่สงสัยแล้วละ ก็คนสำคัญของเค้า พูดอะไรพี่อาฟก็คงต้องฟังอยู่แล้ว ” แม่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงในตอนที่พูดจบ “ มาสิ เดี๋ยวจะพาไปหาเจ้าหมูตุ๋น ”

“ ครับ ” ลุกขึ้นเดินตามอีกคนไป ตรงทางเดินเราผ่านไปห้องดูหนังที่เคยดูด้วยกันเมื่อคืน ผ่านห้องคาราโอเกะที่เมื่อคืนอาฟบอกกว่าเป็นห้องโปรดของน้องเดย์ที่ชอบใช้เล่นเกมส์เพราะเก็บเสียง ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ห้องด้านในสุดที่ติดกับสวนด้านหลังของบ้าน ผมหยุดยืนมองมันอยู่นานกับความสวยและความร่มรื่น ที่ตกแต่งตัวต้นไม้ใหญ่ สวนดอกไม้ และน้ำตกเทียมที่ดูเหมือนจริงเอามากๆ เก้าอี้ด้านหลังอยู่ในศาลาที่มีไม้เลื้อนห้อยระยะลงมาประดับ สวยจนอยากต้องหันไปบอกกับแม่ที่ก็ยืนอยู่ข้างกัน “ สวนหลังบ้านสวยมากเลยครับแม่ ”

“ น้องเมดชอบบ้านสไตส์นี้เหมือนกันเหรอ ”

“ มากๆเลยครับ ” พยักหน้ารับบอกเธออีกคนก็ยิ้ม

“ แม่ก็ชอบ ศาลาตรงนั้นเป็นมุมโปรดเลยนะ ไว้ช่วยเย็นมานั่งกินน้ำชาด้วยกัน ”

“ ได้เลยครับ ” ตอบรับแบบนั้น ก่อนประตูห้องเลี้ยงแมวของแม่จะถูกเปิดออก ภาพตรงหน้าผมคือห้องกว้างติดกระจกที่มองเห็นวิวสวนด้านนอกเมื่อครู่ บรรดาคอนโดแมวหลากหลายแบบถูกจัดแต่งสวยงามเข้ากับตัวห้องนี้ที่ไม่ได้ต่างอะไรกับห้องดูหนัง แต่ที่แตกต่างออกไปก็คงสีสันของมันที่ใช้โทนอบอุ่นและดูหวานสบายตากว่า เพราะว่ามันคือห้องประจำของแม่ “ หมูตุ๋น ”

เอ่ยเรียกเจ้าแม่แมวสีเทาแซมดำที่เคยเลี้ยง เจ้าตัวขนฟูที่ได้ยินชื่อตัวเองเงยหน้าขึ้นจากที่นอนอย่างรู้ตัวก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนแล้วกระโดดลงมาหากันแทบจะทันที ผมที่ที่ย่อตัวลงรอรับมันในตอนนั้นแอบคิดว่า เจ้าตัวกลมที่เคยกลม กลมยิ่งกว่าเดิมเสียอีกในตอนนี้

“ วิ่งมาตัวกลมเชียวนะหมูตุ๋น ” แม่เอ่ยพูดเสียงเบาๆ ในตอนที่เห็นเจ้าแมววิ่งเข้ามาคลอเคลีย “ มันเป็นแมวที่ขี้อ้อนมากเลยนะ ช่างฝากตัวมากเลย ”

“ ตอนที่เมดเจอมันครั้งแรกมันก็เป็นแบบนั้นครับ ” หันไปเล่าแม่ที่เดินไปนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ในห้อง ดูท่าทางว่าตรงนั้นจะเป็นที่ประจำของเธอ เพราะเพียงแค่นั่งลงไปเจ้าแมวเปอร์เซียขนยาวสีขาวล้วนก็นั่งแหมะลงบนตักทันทีอย่างรู้งานว่านี่คือที่ของมัน “ แมวของคุณแม่สวยจังเลยครับ ”

“ ตัวนี้ชื่อชาร์ลอตต์นะ เป็นตัวแรกที่ได้มาเลย ” เธอว่าก่อนจะชี้ไปที่แมวตัวสวยที่กำลังนั่งนิ่งอย่างสง่างามพลางดูปลาว่ายไปมาอยู่บนคอนโดแมว “ ตัวนั้นเป็นแมววิเชียรมาศ หายากมาก แต่เพื่อนแม่เค้าเลี้ยงไว้เลยแบ่งลูกมาให้ มันชื่อโซเฟีย ”

“ ส่วนอีกสามตัวนั้นเป็นลูกของเจ้าหมูตุ๋น ” หันไปยิ้มให้เธอที่ก็ยิ้มตามพลางพยักหน้ารับ “ มันซนมั้ยครับแม่ ”

“ ตามประสาลูกแมวนั่นแหละ มีคนขอด้วยนะรู้มั้ย แต่แม่ไม่ให้หรอก ” เธอว่าก่อนจะมองไปยังเจ้าหมูตุ๋น “ สงสารเจ้าหมูตุ๋นน่ะ มันคงเสียใจถ้ามีใครเอาลูกมันไป แต่พ่อเค้าไม่เห็นด้วยนะ พ่อเค้าบอกว่า แม่ก็แค่คิดแทนเจ้าหมูตุ๋นมันก็เท่านั้นแหละ คิดแค่ว่าถ้าเป็นลูกตัวเองก็คงไม่อยากจะให้ใครเอาไปเหมือนกัน ”

“ แต่เมดก็ไม่อยากจะให้มันไปอยู่ที่อื่นนะแม่ ” ผมว่าก่อนจะก้มลงมองแมวตัวอ้วนที่ก็หลับตาพริ้มในตอนที่ผมเกาคอมัน “ ตอนนั้นเด็กที่ผับก็เข้ามาขอเหมือนกัน แต่เมดกลัวว่าเค้าจะเลี้ยงมันได้ไม่ดี บางคนเห็นมันน่ารักเลยจะเอาไปให้แฟน แต่พอเลิกกับแฟนก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายแมวมันจะไปอยู่ไหน เมดเลยไม่ให้ไป ”

“ นั่นนะสินะ ”

“ แต่ว่าจะเลี้ยงไว้ที่ผับก็ไม่ได้ ตอนนั้นน้องเดย์ก็เลยมาพูดกับแม่ รู้มั้ยครับว่าตอนที่แม่ตอบรับว่าจะรับเลี้ยงพวกมันทั้งหมด เมดดีใจมากเลย เพราะอย่างน้อยก็ได้รู้ว่า มันจะได้ไปอยู่กับคนที่รักแมวจริงๆ แล้วก็จะไม่ทิ้งพวกมันไปไหน ” หันไปยิ้มให้อีกคนที่ก็ยิ้มมองกันโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา ความเงียบเริ่มขยายวงกว้างออกไปรอบๆห้องในตอนนั้น รอยยิ้มผมก็ค่อยๆหุบลง เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองจะพูดอะไรบางอย่างผิดไป “ เอ่อ..”

“ แค่กำลังคิดว่า ทำไมถึงเป็นคนจิตใจดีขนาดนี้เท่านั้นเอง น้องเมดไม่ได้พูดอะไรผิดหรอก ”

“ ตกใจหมดเลยครับ ” ยิ้มบอกอีกคนที่ก็ส่งยิ้มกลับมาพร้อมกับใบหน้าสวยที่ส่ายหน้าไปมาราวกับจะบอกกันว่า ‘ อย่าคิดมากถึงขนาดนั้น ’

ผมมองไปรอบๆห้องในตอนที่เราเริ่มเงียบกันไป ก่อนจะมาสะดุดตากับภาพที่แขวนอยู่บนกำแพงแถวทีวีจนทำให้ต้องลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินไปดูมันใกล้ๆ ภาพของอาฟกับน้องเดย์ที่ถ่ายคู่กันชวนให้ผมยิ้มเพราะมันเป็นสองภาพที่เหมือนกัน ทั้งองค์ประกอบและเสื้อผ้า แต่ต่างกันก็ต้องที่ภาพหนึ่งเป็นภาพตอนเด็ก ส่วนอีกภาพหนึ่งคือภาพในตอนที่ทั้งคู่โตแล้ว

“ ภาพแบบนี้น่ารักจังเลยครับ ” ผมชี้ไปที่ภาพนั้นก่อนจะหันไปมองแม่ที่ก็พยักหน้ารับ

“ แต่กว่าจะถ่ายได้นะ คนเป็นพี่หงุดหงิดน่าดูเลยละตอนนั้น พี่อาฟเอาแต่พูดว่าเมื่อไหร่จะเสร็จสักที เสร็จหรือยัง เร็วๆได้มั้ย ร้อนจะตายอยู่แล้ว เป็นเด็กที่จะบ่นสุดๆ ถ้าเรื่องของคนอื่นทำให้ตัวเองต้องยุ่งยาก ”

“ งั้นเหรอครับ ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปดูภาพอื่นๆ ที่แขวนเอาไว้ และส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาพของลูกชายเจ้าของบ้านในวัยเด็กทั้งนั้นที่ก็บอกเลยว่าหน้าตาแต่ละคนกลัวตีนเอามากๆ จนผมต้องเผลอยกมือถือถ่ายไว้ โดยเฉพาะรูปใส่สูทนั่งหน้านิ่งราวกับหาเรื่องช่างกล้อง เดาได้เลยว่าหลังถ่ายเสร็จมันต้องชักหางตาใส่ตากล้องที่ถ่ายภาพมันนานเกินไปอย่างแน่นอน “ ได้พื้นหลังใหม่แล้วกู ” พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะกดตั้งค่าหน้าจอด้วยภาพนั้น ผมหลุดหัวเราะออกมาคนเดียว

“ ถ้าเห็นว่าเอาไปตั้งไว้บนหน้าจอแบบนั้น ระวังโดนเจ้าของภาพเห็นแล้ววีนเอานะ ” แม่พูดแซวผมที่ก็หันไปยิ้มให้เธอ

“ เมดว่าบ้านต้องแตกแน่นอนเลยแม่ ” แต่ถึงจะรู้ดีว่าเป็นอย่างงั้นผมก็ไม่คิดจะเอามันออกจากหน้าจอแต่อย่างใด

ผมยืนมองดูภาพหลายภาพเหล่านั้น ก่อนจะมาหยุดมองภาพครอบครัว มันให้ความรู้สึกว่าครอบครัวนี้เมื่อก่อนก็คงสนิทกันมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนพอทั้งสองคนย้ายเข้าไปเรียนมหาลัยก็เลยทำให้ระยะห่างของครอบครัวเพิ่มมากกว่า ไม่นับว่ายิ่งมีงานที่ต้องทำต้องดูแลอีก แบบนั้นครอบครัวที่เหมือนจะไปเที่ยวด้วยบ่อยๆ เลยไม่ได้ทำแบบนั้นอีก ผมว่าพ่อแม่คงจะรู้สึกเหงาน่าดู “ แม่ครับ ”

“ ครับ ”

“ ตอนเด็กๆ อาฟเป็นยังไงเหรอ ช่วยเล่าให้เมดฟังหน่อยได้มั้ย ” ผมเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวที่ว่าง ในตอนนั้นเจ้าหมูตุ๋นเองก็รู้หน้าที่ มันเดินมานั่งอยู่บนตักผมแล้วก็นอนนิ่งๆอยู่แบบนั้นราวกับจะแปลงร่างเป็นหมอนไว้ให้ผมวางมือ

“ พี่อาฟตอนเด็กๆเหรอ ” คนเป็นแม่ทำท่าคิดด้วยรอยยิ้ม ราวกับในตอนนั้นสมองของเธอกำลังคิดถึงความทรงจำที่น่ารักที่สุดของลูกชายคนโตที่ถูกถามถึง “ พี่อาฟเป็นคนเลี้ยงง่ายมากๆมาตั้งแต่เกิดแล้วละ ไม่ใช่เด็กร้องไห้งอแง ไม่ติดแม่ ไม่ติดพี่เลี้ยง และเป็นเด็กที่ไม่ชอบแสดงออก แต่ก็ไม่ใช่เด็กขี้อาย เค้าแค่ชอบทำอะไรด้วยตัวเองคนเดียว เป็นเด็กที่ไม่เข้าสังคมสุดๆ ไม่ชอบไปที่ไหนที่มีคนเยอะๆ แล้วพอเวลาเราไปงานพี่อาฟจะเอาแต่กอดแม่ไม่ยอมลงไปไหนเลย ซุกหน้าเข้ากับไหล่ไม่ทักทายกับใครทั้งนั้น ”

“ คล้ายๆกับตอนนี้เลยครับ ”

“ ใช่มั้ยละ เค้าเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เด็กๆแล้วละ ต่างกับพี่เดย์สุดๆ รายนั้นชอบมาก แม่จูงมือเค้าไปในงาน เค้าจะไหว้ทุกคนเลยนะ แนะนำตัวเองเสร็จสรรพด้วยไม่ต้องบอกเลยสักนิด ” แม่หลุดหัวเราะออกมาในตอนที่เล่าผม “ แล้วก็ตอนเด็กๆพี่อาฟเค้าเป็นพวกหวงเนื้อหวงตัวมากเลยรู้มั้ย เค้าไม่ชอบให้ใครมาหอมเค้า เวลาพ่อจะหอมเค้า เค้าจะเอามือดันหน้าพ่อไว้ไม่ให้หอม แล้วเวลาถามว่าแม่สวยมั้ย เค้าก็จะตอบแบบชัดถ้อยชัดคำเลยนะว่า ไม่สวย ”

“ ฮ่าๆ ” ผมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับแม่ที่ก็ทำสีหน้าเลียนแบบลูกชายตัวเองตอนเด็กด้วยการทำหน้าจริงจังและใช้สายตาขึงขัง

“ แล้วตอนนั้นแม่จะชอบพูดแกล้งเค้าว่า ‘ พี่อาฟ นี่แม่เองลูก แม่ของพี่อาฟที่ควรสวยที่สุดในโลกของพี่อาฟไงครับ ’ แต่พอพูดแบบนั้นนะ เค้าก็จะย้ำเหมือนทุกทีก็คือ ‘ ก็ไม่สวยอะแม่ ’ ”

“ ทำไมมันถึงเป็นเด็กที่ใจร้ายขนาดนี้ ” ผมหลุดว่ามัน แม่ก็หัวเราะก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ใจร้ายมากเลย ใจร้ายขนาดที่ว่าตอนที่พี่เดย์ชมว่าแม่สวย เค้าชอบพูดขัดน้องว่า เดย์โกหกทำไม เด็กดีเค้าไม่พูดโกหกกันหรอกนะ แล้วพอพูดแบบนั้นพี่เดย์เค้าจะร้องไห้ออกมาทุกที เพราะเค้ารู้สึกว่าพี่ชายเค้าว่าเค้า ว่าเค้าเป็นเด็กไม่ดี ”

“ น้องเดย์น่ารัก ” พูดชมคนน้องแม่ก็พยักหน้ารับ “ เมดว่าตอนเด็กๆน้องเดย์กับอาฟคงตัวติดกันมากเลยใช่มั้ยครับ ”

“ จะพูดว่าติดกันก็ไม่ถูกหรอก น่าจะพูดว่า พี่เดย์น่ะติดพี่อาฟ แต่พี่อาฟน่ะไม่ติดน้องเลย พี่เดย์เค้าเป็นเด็กขี้อ้อนเค้าจะอ้อนพี่เค้าตลอด เค้าชวนเล่น เค้าจะกอด จะวอแว แต่พี่อาฟเป็นพวกชอบเล่นคนเดียว ไม่ชอบให้ใครมาวอแว เพราะงั้นภาพตอนเด็กๆของเจ้าสองคนนี้จะเป็นภาพที่พี่อาฟทำหน้าเบื่อแบบสุดๆ แต่พี่เดย์เค้ายิ้มร่าแล้วกอดพี่ชายเค้าแน่นตลอดเลย เหมือนอย่างในรูปนั่นไง ” แม่ชี้ไปที่กรอบรูปในตอนที่พูดประโยคสุดท้าย

ภาพตรงฝาผนังเป็นภาพที่อาฟกับน้องเดย์ในตอนเด็กที่ทั้งคู่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาสีน้ำตาล อาฟถือหุ่นยนต์ในมือมันทำหน้านิ่งมองกล้องส่วนน้องเดย์ก็เอียงตัวกอดพี่ชายตัวเองไว้แน่น หลับตาพริ้มอย่างให้ความรู้สึกแบบที่บอกได้เลยว่า ‘ น้องเดย์รักพี่อาฟหมดหัวใจ ’

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 4 :: up! 22-2-62} #หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 01-03-2019 20:25:31
“ แล้วน้องเมดละมีพี่น้องมั้ย ”

“ ไม่มีพี่น้องแท้ๆหรอกครับ แต่มีน้องที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงที่อายุห่างกับเมดประมาน 4 ปีคนนึง ” แม่พยักหน้ารับในตอนที่ผมหันไปเล่าเธอ ในแววตาที่เหมือนจะเศร้าสร้อยลงไปนั้นตั้งคำถาม ผมรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ก็เลยบอกปัดความกังวลพวกนั้นออกไป “ น้องชื่อวิวครับ เป็นเด็กที่น่ารักมากๆ เรารักกันเหมือนพี่น้องแท้ๆเลยครับ เพราะโตมาด้วย ”

“ แล้วแม่เลี้ยงเป็นคนยังไง ใจดีมั้ย ”

“ ใจดีมากเลยครับ ใจดีเหมือนแม่จริงๆของเมดเลยนะแม่ เป็นคนที่ทั้งใจดี เข้าใจ แล้วก็อบอุ่นมากๆ ”

“ งั้นก็ดีแล้วละ ” เธอพูดพร้อมกับยิ้มออกมาในแววตานั้นของคนเป็นแม่เหมือนมันคลายความกังวลออกไป และนั่นก็เป็นท่าทางที่ทำให้ผมมีความสุข สุขที่ได้รับความเป็นห่วงเป็นใยจากหัวใจของอีกคนผ่านสายตาที่ไม่สามารถแกล้งทำเป็นรู้สึกได้ “ แล้วน้องเมดเป็นคนชอบดูหนังมั้ย ”

“ ชอบมากครับ แต่ว่าตั้งแต่คบกับอาฟมาก็ไม่ค่อยได้ดูเลย เพราะต้องทำงานที่ผับควบคู่ด้วย หาเวลาว่างไปดูยากมาก ”

“ แล้วน้องเมดชอบดูหนังแนวไหนละ ที่นี่มีหนังเยอะมากเลยนะ เพราะพ่อกับแม่ชอบดูหนัง ” แม่พูดแบบนั้นก่อนจะเอื้อมหยิบรีโมตที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมากดเปิดทีวี

“ ผมชอบดูหนังญี่ปุ่นครับ ” บอกอีกคนไปแบบนั้น แม่ก็หยุดชะงักแล้วหันมามองกันทันทีด้วยสายตาดีใจจนผมได้แต่งง

“ เหมือนกันเลย ” เธอยิ้ม “ มีรสนิยมนะเราน่ะ ”

“ ฮ่าๆ งั้นเหรอครับ ”

“ ที่บ้านนี้ไม่มีใครชอบดูหนังญี่ปุ่นเลยสักคน มีแม่ชอบดูคนเดียว แล้วทุกครั้งที่ดูพ่อเค้าจะเบื่อมากๆ เราก็เลยต้องสร้างห้องดูหนังสองห้องไง แยกกันดูไปเลย แนวใครแนวมัน ”

“ แต่หนังญี่ปุ่นมันเป็นสไตส์ที่ต้องตีความ บางเรื่องไม่บอกจุดจบแบบตรงๆ แต่เหมือนให้คิดเอง ไม่ว่าจะในหนังสือ หรือว่าในหนัง ก็เป็นแบบเดียวกันหมด หลายๆคนก็เลยไม่ชอบ แต่เมดว่าเสน่ห์ของมันก็อยู่ตรงนั้น อยู่ตรงที่เราจะได้คิดเองว่าเราจะรู้สึกยังไงกับมัน และได้ข้อคิดจากมัน อย่างอิสระ ”

“ ใช่เลย อย่างงั้นละ ” เธอพยักหน้ารับคำพูดของผม พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าไปในปอดก่อนจะผ่อนออกมาด้วยแววตามีความสุข “ นานๆครั้งจะมีคนเข้าใจในสิ่งที่แม่ชอบ รู้สึกดีจังเลย ”

“ แล้วแม่ชอบดูหนังเรื่องอะไรมากที่สุดครับ ”

“ จริงๆก็ชอบหลายเรื่องนะ ทั้งซีรี่ส์แล้วก็ตัวหนัง แต่ถ้ายังชอบมากก็คงเป็นเรื่อง ตับอ่อนของเธอฉันขอเถอะนะ กินใจมากเลย แต่เรื่อง พรุ่งนี้ผมจะเดตกับเธอคนเมื่อวาน ก็ชอบเหมือนกัน เลือกยากมากเลย ”

“ ผมยังไม่ได้ดูเลยครับ เรื่อตับอ่อน ผมซื้อหนังสือมาแต่ยังอ่านไม่จบเลยด้วย ”

“ แม่อยากจะได้หนังสือมาก แต่พี่เดย์บอกว่า สินค้ามันหมดไปแล้ว ” เธอหันมาบอกผมด้วยความตื่นเต้นในตอนที่รู้ว่าผมมีหนังสือ

“ งั้นแม่เอาของเมดไปอ่านมั้ยครับ ”

“ ได้เหรอ ” เธอถามย้ำด้วยแววตาที่ดูดีใจ ผมก็พยักหน้ารับ “ ให้แม่ยืมจริงๆนะ ”

“ ได้แน่นอนสิครับ แต่ว่ามันอยู่ที่บ้านเมด แม่รอก่อนได้มั้ย อีกสองสามวันเมดจะพาอาฟไปหาพ่อพอดี แล้วเมดจะเอามาให้นะ”

“ จะพาพี่อาฟไปแนะนำตัวกับที่บ้านเราเหรอ ”

“ ครับ ”

“ งั้นฝากบอกพ่อว่า จัดการลูกเขยได้เลยนะ เอาให้กลัวไปเลย ” หัวเราะออกมาตอนที่แม่เอียงตัวเข้ามากระซิบบอกกัน ในตอนนั้นผมก็อดแซวอีกคนไม่ได้

“ ทำไมแม่ใจร้าย ”

“ ก็อยากให้เจ้าลูกชายคนโตมีใครสักคนที่เจ้าตัวกลัวบ้างไง เพราะพี่อาฟน่ะนะ ไม่กลัวใครเลย แล้วพอคิดว่า คนที่ชอบทำหน้านิ่งๆไม่สนใจอะไร มากลัวพ่อตาตัวเอง มันก็น่าจะขำดีออก ” แม่ทำท่านึกด้วยความรู้สึกสนุกก่อนจะหันมามองผม “ แล้วพ่อน้องเมดเป็นคนยังไง ใจดีมั้ย ”

“ ก็ใจดีนะแม่ ” ผมบอก “ ก็คงคล้ายๆพ่อมั้งครับ ”

“ เป็นคนมีเหตุผลงั้นเหรอ ”

“ ประมานนั้นครับ ” พยักหน้ารับอีกคน แม่ก็ยิ้มให้ผมก่อนจะหันไปมองทีวีแล้วหันมาบอกกัน

“ มาดูหนังกันมั้ย เรื่องตับอ่อนของเธอไง ”

“ แต่ว่าแม่ดูแล้วไม่ใช่เหรอ ”

“ ดูอีกรอบจะเป็นอะไรไปละ หนังที่ชอบต่อให้ดูอีกสิบรอบ ก็ยังเป็นหนังที่อยากดูอยู่ดี ” อีกคนบอกก่อนจะกดรีโมตหาหนังเรื่องนั้นทันทีแต่ก็ชะงักไปในตอนที่เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ “ แต่จะว่าไปนะ แม่ยังไม่คิดเมนูอาหารเที่ยงเลย น้องเมดอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย ”

“ เมดอยากกินอาหารฝีมือแม่ครับ ” ผมพูดเชิงอ้อน “ เมื่อวานตอนเย็น เมดได้กินลอดช่องน้ำกระทิของแม่มันอร่อยมากๆเมดอยากกินอีก แต่มันหมดแล้ว ”

“ ช่างอ้อนเหมือนกันนะเรา ” เธอพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน “ งั้นเราไปหาซื้อของสดกันที่ตลาดก่อน แล้วกลับมาทำมื้อเที่ยงกันดีกว่า ส่วนหนังเราค่อยมาดูกันหลังมื้อเที่ยงดีมั้ย ”

“ งั้นเราแวะซื้อขนมมานั่งกินไปดูไปด้วยดีมั้ยแม่ ”

“ เป็นความคิดดีที่มากเลย ” เธอว่าแบบนั้นก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเงินตรงชั้นวาง ผมเองก็ลุกเดินตามออกไปนอกห้อง “ แต่น้องเมดขับรถไปนะ ”

“ ผมเหรอครับ ” ทวนคำพูดนั้นกับอีกคนด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆไปให้แม่ “ แม่ คือว่านะครับ เมดขับรถไม่เก่งขับไม่เก่งแบบ ไม่เก่งเลยนะครับแม่ ล่าสุดคือ ขับเอียงไปซ้ายทีขวาทีตลอดเลย จนต้องจอดให้น้องชายเข้าไปอ้วกในปั้ม ”

“ นั่นก็เพราะว่าเกร็งเกินไปต่างหาก ” เธอว่าก่อนจะก่อนโบกมือปัดๆแบบไม่สนใจและไม่มีความกลัวอะไรทั้งนั้น

“ เมดว่า เราไปเรียกน้องเดย์ ไม่ก็อาฟให้ลุกขึ้นมาขับรถให้เรามั้ยครับ ”

“ ไม่ต้องหรอก สองคนนั้นคงจะตื่นหลังสิบเอ็ดโมงไม่ก็เที่ยงนั่นแหละ ” แม่ยังคงย้ำแบบนั้นก่อนจะพาผมเดินออกมาที่ลานจอดรถแบบที่ไม่ได้ฟัง หรือใส่ใจในสิ่งที่ผมพูดเลย “ เอาคันไหนไปดีละ ”

“ แม่คือว่า เมดไม่กล้าขับนะแม่ รถมันแพง ”

“ งั้นเหรอ ” เธอหันมาพูดก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วมองไปรอบๆ ด้วยท่าทางที่กำลังครุ่นคิด “ งั้นไปคันนั้นแล้วกัน ” แม่ชี้ไปที่รถญี่ปุ่นคันเล็กที่เหมือนจะเป็นคันที่ถูกที่สุดแล้วในบ้านนี้ “ คันนั้นเป็นรถจ่ายตลาด เราไปคันนั้นก็ได้ ชนได้เลยไม่มีปัญหา ค่อยเรียกประกัน ”

‘ สุดยอดเลยว่ะ คนบ้านนี้ ’ ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้แม่ ในตอนนั้นเธอก็ดันหลังผมให้เดินไป

“ ไปกัน ไปกัน ช้าเสียเวลาจะได้กลับมาดูหนังอีก ”

“ แม่ไม่กลัวเหรอ ”

“ แม่ไม่กลัว ” เธอบอกก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ กลัวอะไร ตอนพี่อาฟหัดขับรถครั้งแรก แม่ก็นั่งไปด้วยนะ แล้วมันก็ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าตอนนั้นแล้ว เพราะเล่นเหยียบยังกับขับรถของเล่นเลย หัวใจแทบวาย ” พูดย้ำกันแบบนั้นก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถแล้วเอามาให้ผม “ นี่ครับ ไปเลยลูก ขับไม่เป็นก็ต้องฝึกฝนเยอะๆ จะได้เก่งๆไง มัวแต่กลัว มัวแต่คิดว่าขับไม่ได้ มันก็จะขับไม่ได้นะ ”

“ ไปก็ไปครับ ” พูดออกมาเสียงเบาๆ ก่อนจะกดล็อคประตูรถแล้วเข้าไปนั่งด้านใน ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะสตาร์ทรถแล้วเดินเครื่องไปข้างหน้าช้าๆ พร้อมกับคนข้างๆที่ก็ให้กำลังใจกันสุดๆ

“ ตลาดอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่ ไม่อันตรายหรอกเชื่อแม่ สูดหายใจเข้าลึกๆ บอกตัวเองไว้ว่าเราทำได้ แล้วเราก็จะทำได้ เดี๋ยวแม่ช่วยดูซ้ายขวา ” ยังคงย้ำกันอย่างมั่นใจ ส่วนผมก็ได้แต่ขับรถออกไปพร้อมกับท่องบทสวดมนต์ในใจไปตลอดทาง ขอพรพระด้วยบุญที่เหมือนจะสั่งสมมาทั้งชีวิตว่า ‘ ขอให้ลูกเดินทางไปกลับอย่างปลอดภัยด้วยเถอะ ’ 

“ แถวนี้มีร้านทาร์ตอร่อยๆด้วยนะ เราแวะซื้อกันขากลับดีกว่านะ ”

“ ได้เลยครับ ” พยักหน้ารับกับคนข้างๆที่ก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความสุขใจ โชคดีอีกอย่างคือบนถนนวันนี้ไม่ค่อยมีรถสัญจรเท่าไหร่ ผมกดไฟเลี้ยวเข้าไปในทางเข้าตลาดที่ห่างจากบ้านไม่ไกลมากเท่าไหร่โดยประมานคิดว่าก็น่าจะแค่ 7 กิโลเมตรเท่านั้นเอง

“ เลี้ยวเข้าไปจอดตรงนี้เลย ใกล้ๆปากทางเข้า ”

“ โอเคครับ ” จอดรถลงเรียบร้อยตามคำสั่งแม้จะเอียงอยู่นิดหน่อยแต่ก็ยังอยู่ในช่องทางจอด ผมดึงเบรคมือขึ้นแล้วตอนที่ถอนหายใจโล่งออกมาแม่ก็หันมาชม

“ เก่งมาก เห็นมั้ยว่าขับได้ ” เธอพูดเสริมความมั่นใจให้ผมก่อนจะเดินนำเข้าไปในตลาดด้านในที่ก็แตกต่างจากตลาดทั่วไปที่เคยเห็นอยู่มาก เพราะมันเป็นตลาดที่ดูสบายตาแถมยังสะอาดเอามากๆ ของทุกอย่างถูกจัดเป็นล็อคสินค้าดูน่าซื้อหา แยกโซนผลไม้ ผัก เนื้อ และอาหารปรุงสุกอย่างชัดเจน และที่สำคัญ มันคือตลาดติดแอร์

‘ สุดจริงแถวนี้ ไฮโซยันตลาด ’ คิดแบบนั้นในใจก่อนจะหันไปบอกคนข้างๆ “ ตลาดที่นี่สวยจังเลยแม่ สะอาดมากเลย ”

“ ใช่มั้ยละ ” แม่พยักหน้ารับ ก่อนจะมองไปรอบๆ “ แต่กินอะไรกันดีละมื้อเที่ยงนี้ กุ้งผัดซอสมะขามมั้ย เป็นอีกเมนูโปรดของพี่อาฟเลยนะ ”

“ งั้นก็ได้ครับ เมดอยากรู้ว่าอาฟชอบกินอะไร ” หันไปบอกแบบนั้นแม่ก็ตรงไปที่ล็อคขายอาหารทะเลทันที

“ แล้วปกติ เวลากินข้าวกัน พี่อาฟเค้าไม่บอกเหรอว่าอยากกินอะไรไม่อยากกินอะไร ”

“ ไม่เคยเลยครับ อาฟชอบพูดว่า กินอะไรก็ได้ เป็นคนที่กินง่ายที่สุดในชีวิตของเมดแล้วแม่ ตั้งแต่คบกันมานานๆครั้งถึงจะพูดออกมาสักครั้งว่าอยากจะกินอะไร ”

“ รักกันน่าดูเลยนะ ” เธอหันมาแซวผมที่ก็ยิ้มออกมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไร “ รายนั้นไม่เคยตามใจใครรู้มั้ย เป็นคนที่ทำตามใจตัวเองสุดๆ แต่เหมือนว่า พี่อาฟจะเปลี่ยนไปแล้วละนะ ตั้งแต่เจอน้องเมด ”

“ คุณนาย สวัสดีค่ะไม่เจอกันตั้งนาน วันนี้ออกมาซื้อของเองเลยนะคะ ” แม่ค้าที่เห็นแม่เดินเข้าไปใกล้เอ่ยทักเราที่กำลังคุยกัน  ผมก้มหน้าที่กำลังเขินนั่นลงก่อนจะยกมือไหว้คุณน้าขายกุ้งที่ก็พยักหน้ารับคำทักทาย “ วันนี้พาใครมาด้วยคะเนี้ย ไม่เคยเห็นหน้าเลย ”

“ เอ่อ ผมเป็นเพื่อน.. ” ปากที่กำลังตอบของผมแต่ยังไม่ทันหมดประโยคที่ตั้งใจไว้แม่ก็พูดขัดขึ้นก่อน

“ คนนี้เป็นแฟนของลูกชายน่ะค่ะ เค้าพามาแนะนำที่บ้าน ก็เลยพาออกมาชอปปิ้งของไปทำมื้อเที่ยงกันสักหน่อย ” คำพูดที่ทำให้ผมหันไปมองคนตอบนิ่งๆ แต่ในตอนนั้นแม่กลับไม่ได้สนใจสายตาของคุณป้าขายของที่มองมาด้วยสายตาอึ้งอยู่ไม่น้อย เพราะคงไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนั้น คำพูดที่อีกฝ่ายแนะนำกันในฐานะนั้น ฐานะที่อีกคนพูดออกไปจากปากเองว่า ‘ เป็นแฟนของลูกชาย ’

“ หน้าตาน่ารักจังเลยนะคะ ” แม่ค้าเอ่ยชมผมก่อนจะยิ้มให้กัน

“ ใช่ค่ะ ตอนนี้ก็มาเป็นลูกชายอีกคนหนึ่งแล้ว ”

“ แล้ววันนี้จะซื้อกุ้งไปทำอะไรกันเหรอคะ ”

“ จะซื้อไปทำกุ้งผัดซอสมะขามนะคะ ” แม่ตอบก่อนจะหันมาถามผม “ เอากุ้งลายเสือดีกว่านะน้องเมด ดูสิ ตัวอ้วนมาก เนื้อน่าจะแน่นดี ”

“ ก็ได้นะแม่ ”

“ งั้นเอาสักสองกิโล ช่วยเลือกให้ด้วยนะคะ ”

“ ได้เลยค่ะ คุณนาย ” แม่ค้ารับคำสั่งซื้อของแม่ก่อนจะเดินมาจัดการเลือกกุ้งตัวใหญ่ๆให้เราตามที่สั่ง แล้วในตอนนั้นแม่ก็หันไปเจอปลาสดๆตัวใหญ่เข้าพอดี

“ ซื้อปลาไปด้วยดีมั้ย แล่เอาแต่เนื้อคลุกแป้ง ทำปลาสามรส น่าจะอร่อยดีนะ ”

“ แล้วก็มีผัดผักอะไรสักอย่างดีมั้ยครับ แล้วก็พวกต้มจืด ไม่ก็พวกแกงที่เผ็ดหน่อย ” ผมเสนอ

“ แต่เมื่อวานก็กินต้มยำไปแล้ว เที่ยงนี้แกงจืดใส่ผักรวมน่าจะโอเคกว่านะ ส่วนผัดผักก็เป็น ผัดผักรวม แม่ว่าน่าจะเข้าท่า ”

“ ก็ได้ครับ ”  เราเดินไปซื้อของตามที่คิดเมนูไว้ ผมเป็นคนถือถุงทั้งหมดพวกนั้นให้แม่ที่ก็เดินไปยิ้มไปให้กับคนที่เอ่ย ทักทายแทบจะทุกร้าน และคำถามฮอตฮิตที่ตอบทุกร้านด้วยเช่นกันก็คือ ‘ คนนี้เป็นแฟนลูกชาย เป็นลูกชายคนใหม่ ’ คำตอบที่ชวนให้ผมได้แต่ยิ้มเขินกับแม่ค้าพ่อค้าทุกร้าน คำตอบที่ชวนให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

ในตอนนี้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิดไปแล้ว

 “ เดี๋ยวเราแวะร้านขนมที่ห้าง ข้างหน้าด้วยนะ ”

“ ได้เลยครับ ” พยักหน้ารับตามคำสั่งในตอนที่เรากลับเข้ามานั่งในรถเรียบร้อย ของเยอะแยะมากมายที่ท้ายรถชวนให้คิดจินตนาการถึงมื้อเที่ยงที่บอกเลยว่าผมแทบจะอดใจกับมื้อเที่ยงของวันนี้ไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะสละลอยแก้วที่รู้สึกถึงความสดชื่นที่ลอยขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลิ้นลอง “ แต่ว่าแม่ทำขนมไทยอร่อยมากเลยนะครับ แม่ชอบทำเหรอ ”

“ ไม่ได้ชอบอะไรหรอก ” อีกคนตอบในตอนที่ดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ “ แต่ที่ทำได้เพราะที่บ้านแม่ คุณยายของพี่อาฟ เค้าเปิดร้านอาหารไทย แล้วก็ขนมไทยน่ะ แม่ก็เลยทำมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว มันอยู่ในสายเลือด ”

“ ฮ่าๆ งั้นเหรอครับ แล้วตอนนี้ร้านยังเปิดอยู่มั้ย ”

“ เปิดนะ พี่สาวของแม่เค้าสืบต่อกิจการร้านอยู่น่ะ ก็เป็นธุรกิจในครอบครัวของทางนั้นแล้ว แต่แม่มีเมนูเด็ดด้วยนะ ”

“ อะไรเหรอครับ ”

“ ขนมเปี๊ยะ ไว้ถ้าแม่ว่างจะทำให้กินนะ รับรองว่าอร่อยเด็ดไม่มีเจ้าไหนสู้ไหนเลยละ ”

“ จะรอชิมเลยครับผม ” หันมาพูดกับแม่แบบนั้นรอยยิ้มของเราที่ยิ้มให้กัน ก่อนที่ผมจะค่อยๆชะลอรถเพราะสัญญาณไฟแดงที่ปรากฏขึ้นพอดี 

ความเงียบคืบคลานเราสองคนอีกครั้ง เป็นความอึดอัดที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนชวนให้ผมไม่กล้าแม้จะหันไปมองคนข้างตัวที่เหลือบมามองกันอยู่หลายครั้ง ท่าทางที่เหมือนอยากจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง ทำให้ผมไม่กล้าแม้จะถามออกไปด้วยซ้ำว่าไม่อะไรหรือเปล่า เพราะไม่รู้ว่ามันจะกลายเป็นการเสียมารยาทต่อผู้ใหญ่มั้ย

“ น้องเมด ” แม่เอ่ยเรียกผม แล้วในตอนที่หันไปมองเธอก็ยิ้ม “ แม่ขอโทษนะ สำหรับเรื่องเมื่อวาน ” ได้แต่ส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมาให้อีกคนด้วยความรู้สึกที่บอกกันด้วยท่าทางว่า ‘ ไม่เป็นไร ’ “ ผู้ใหญ่บางคนไม่ค่อยชอบพูดขอโทษกับเด็ก ทั้งๆที่ตัวเองก็ผิด ผู้ใหญ่หลายๆคน ชอบทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แล้วปล่อยให้ทุกอย่างมันหายไปกับกาลเวลา ตอนเด็กๆแม่ชอบผู้ใหญ่แบบนั้น แม่เลยจะไม่เป็นผู้ใหญ่แบบนั้น  เพราะงั้นแม่ขอโทษเราด้วยนะ แม่ขอโทษที่แม่พูดจาไม่ดีกับเรา พูดกระแทกใส่เรา ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ”

“ แม่ ” ผมเอื้อมมือไปมืออีกคนที่กำลังพูดขอโทษอยู่อย่างงั้นด้วยความรู้สึกผิดในใจ “ เมดเข้าใจแม่นะ เมดไม่โกรธแม่หรอกครับ ไม่เป็นไร ” ยิ้มกว้างให้เธอตอนที่พูดประโยคนั้นจบ “ ก่อนจะมาที่นี่ จริงๆเมดก็เตรียมใจมาแล้ว ว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ ”

“ แบบที่แม่ร้ายใส่เราน่ะเหรอ ”

“ เรียกว่า หวงลูกชายดีกว่า ” ผมบอก “ คนเป็นแม่ น้อยคนจะเข้าใจในครั้งแรกที่เห็นลูกสะใภ้ของตัวเองเป็นผู้ชาย เมดเข้าใจแม่ มันไม่เป็นอะไรเลยที่แม่จะรู้สึกไม่ชอบกันตั้งแต่ครั้งแรก  เพราะเมดก็ตั้งใจมาแล้วว่าจะพยายามเข้าหาแม่แล้วก็ทำให้แม่ชอบเมดให้ได้ ”

“ ทำไมละ ทำไมต้องพยายามด้วย ไม่ชอบก็ไม่เป็นไรเลยนะ สำหรับพี่อาฟเค้าไม่แคร์หรอก ”

“ คนที่บอกว่าไม่แคร์ คือคนที่แคร์ที่สุดนะครับ ” แม่ยิ้มออกมาตอนที่ผมบอกเธออย่างงั้น “ ตั้งแต่ที่คบกันมา ไม่เคยมีสักครั้งที่อาฟจะเลือกเสื้อให้ผมใส่ แต่ว่าเมื่อวาน อาฟเลือกเสื้อให้ผมใส่เป็นครั้งแรก แล้วนั่นก็คือสิ่งที่บอกกันว่า อาฟอยากให้แม่ชอบเมด เมดก็เลยอยากจะพยายามเพื่ออาฟ  อาฟที่ก็พยายามแล้วก็ดูแลเมดมาตลอด ” ถอนหายใจออกมายิ้มๆตอนที่พูดประโยคนั้น “ ผมอยากมีอาฟอยู่ในชีวิตตลอดไปเลยครับแม่ แม่ให้อาฟคบกับเมดนะ เราสัญญา ว่าเราจะดูแลกันและกันให้ดีที่สุดเลยครับ ”

“ นี่กำลังขอลูกชายแม่จากแม่เหรอ ”

“ ครับ ” ผมพยักหน้ารับกับเธอที่ก็หลุดหัวเราะออกมา

“ มันควรจะเป็น พี่อาฟเค้าไปขอน้องเมดจากพ่อแม่น้องเมดมั้ยลูก ”

“ แม่ก็รักอาฟไม่ต่างอะไรกับที่พ่อรักเมด เมดเลยคิดว่างั้นเมดก็ควรขออาฟจากแม่เหมือนกัน ” ผมหันไปจ้องเธอด้วยความรู้สึกที่มันตื้นตันอยู่ในใจ น้ำตาหยดใสรื้นขึ้นมาที่หน่วยตา ในวินาทีที่ผมจ้องเธอในแววตานั้นก็คลอไปด้วยหยดน้ำตาไม่ต่างอะไรกับผม “ เมดอาจจะไม่ใช่ผู้หญิง อาจจะไม่ได้ เหมาะสม แต่สิ่งที่เมดมีไม่แพ้ใครเลย คือความรู้สึกที่มีให้อาฟ เมดอยากมีอาฟในทุกวัน แล้วก็อยากจะมีอาฟเป็นที่รักแบบนี้ไปตลอด ขอให้เมดรักอาฟนะแม่ ขอให้เราได้รักกัน ขอให้เมดเป็นลูกแม่อีกคนได้มั้ย ”

“ ได้สิ ” เธอเอื้อมมือมาจับที่หัวของผมก่อนจะลูบเบาๆ “ ต่อไปนี้มาเป็นลูกชายแม่อีกคนนะ ”

“ ครับ ”

“ พี่อาฟน่ะ แม่ฝากน้องเมดด้วยนะ รักกันดีๆ มีอะไรก็คุยกันด้วยเหตุผล ” แม่หยุดนิ่งไปตอนที่พูดคำนั้นเธอยิ้ม “ แต่แม่คงไม่ต้องพูดอะไรเยอะหรอกเนอะ เพราะเชื่อว่า เราคงผ่านอะไรกันมาเยอะก่อนจะมาเจอแม่แล้วละ เพราะคนอย่างที่พี่อาฟ ถ้าเค้าไม่มั่นใจ เค้าคงไม่พาน้องเมดมาหาแม่ ”

“ ครับ ”

“ ขอโทษอีกนะน้องเมด ”

“ ไม่เป็นไรครับ ” ผมส่ายหน้าให้แม่อีกครั้ง แล้วตอนนั้นไฟสัญญาณสีเขียวมันก็ฉายขึ้น

“ เดี๋ยวแม่เลี้ยงทาร์ตเป็นการไถ่โทษนะ แล้วก็เค้กมะพร้าวด้วยดีมั้ย อ้อ แต่ว่าเค้กมัคคาเดเมียที่ก็อร่อยมากเหมือนกันนะ ”

“ งั้นก็กินหมดเลยครับ อะไรอร่อย เมดก็จะกินมันทั้งหมดเลย ”

“ งั้นตีไฟเลี้ยวซ้ายแวะเข้าไปที่ห้างข้างหน้าได้เลยจ้ะ ”

“ รับทราบครับ ” เสียงตอบรับของรอยยิ้มในวินาทีนั้น ความรู้สึกมีความสุขที่เกิดขึ้น เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาของชีวิตที่ผมคงจดจำมันไว้ตลอดไป

ขับกลับมาถึงบ้านในตอนที่แวะซื้อทั้งทาร์ตไข่และเค้กอย่างที่ตั้งใจไว้เสร็จ ผมจอดรถลงที่ที่จอดของมันเช่นเดิม ก่อนจะกดเปิดฝากระโปรงรถเพื่อให้พี่ๆแม่บ้านเดินมาขนของที่ซื้อมาเข้าไปในด้านใน แต่ทว่าตอนที่ผมกำลังจะช่วยขนของพวกนั้นอยู่ เสียงของลูกชายคนโตของเจ้าของบ้าน ก็เอ่ยทักกันก่อน

“ ไปไหนมา ”

“ อ้าว มึงตื่นแล้วเหรอ ” ผมยกมือถือขึ้นมาดูเวเลาที่ตอนนี้ก็บอกเวลาใกล้สิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้ว ‘ เราออกไปชอปปิ้งนานเหมือนกันนี่หว่า ’ เงยหน้ามองสายตาคมที่ยังคงจ้องมองกันอย่างต้องการคำตอบ “ ไปซื้อของกับแม่มาที่ตลาดใกล้ๆนี่ ”

“ ใครขับ ? มึง ? ”

“ ถูกต้องนะครับ ” ชี้นิ้วใส่อีกคนอาฟก็นิ่งไป “ แต่แม่ก็ไปด้วยนะ แม่บอกด้วยว่ากูขับเก่ง ไม่เห็นเหมือนที่มึงบอกว่ากูขับไม่เก่งเลย ”

“ แล้วนั่นไปสนิทกันตอนไหน ” คำถามของอีกคนที่เชิดไปทางในครัวเป็นการที่บอกให้รู้ว่าคนที่หมายถึงก็คือ ‘ แม่ ’ อย่างไม่ต้องสงสัย

“ ตอนที่มึงหลับไง ” ยักคิ้วให้อีกคนก่อนจะยิ้มกว้างให้อาฟ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรมากกว่านั้นเสียงเตือนจากมือถือก็ดังขึ้นมาก่อน ผมกับอาฟที่ก้มลงมือถือพร้อมกันในตอนนั้น บนหน้าจอที่ปรากฏชวนให้ผมยิ้มเพราะมันคือข้อความไลน์ที่แจ้งเตือนว่า ผมถูกลากเข้าไปในกรุ๊ปที่ชื่อว่า ‘ W. family ’ ที่ย่อมาจากอักษรตัวแรกของนามสกุลอาฟเป็นที่เรียบร้อย และคนที่เชิญผมเข้าไปไม่ใช่ใครที่ไหนนั่นคือ แม่คนที่ขอไลน์ผมในตอนที่เราอยู่ด้วยกันในร้านเค้ก

“ หมายความว่าไง ” อาฟเอ่ยถามตอนที่เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอ แต่ก่อนที่ผมจะตอบอะไร เสียงจากในครัวก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เสียงที่ทำให้ทั้งผมทั้งอาฟยิ้มให้กันในตอนนั้น

“ น้องเมดครับ เข้ามาช่วยแม่ในครัวหน่อย ”

“ ได้ครับแม่ ” ผมตะโกนตอบกลับก่อนจะหันมามองอีกคน “ น้องเมด ลูกชายคนใหม่ของแม่ ขอตัวก่อนนะครับพี่อาฟ ”

“ ทำได้ไงวะ ” คำถามที่อีกคนเผลอพูดออกมาแบบงงๆ ก่อนจะก้มหน้าลงในตอนที่เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ อาฟยกยิ้มขึ้นมาในตอนนั้น  “ บางทีมึงก็แค่อาจจะเป็นตัวเอง ”

แล้วนั่นก็เป็นคำพูดสั้นๆของอาฟ ในตอนที่ผมเดินออกมาครับ

................................................................
อยากเขียนด้วยความรู้สึกอบอุ่น
ของทั้งความเป็นครอบครัว และ ความเป็นแม่ยาย
น้องเมด เป็นคนที่พื้นฐานน่ารักอยู่แล้ว อย่างที่ทุกคนรู้ แล้วหนมก็ไม่อยากจะให้แม่พี่อาฟร้ายด้วย
เพราะจากการที่เลี้ยงพี่อาฟน้องเดย์ ให้ออกมามีความคิด น่ารัก แบบนี้ได้
เรามองว่าก็ต้องเป็นคนที่เหตุผลในระดับหนึ่งเหมือนกัน  เนอะ

นิยายเรื่องนี้ เปิดจองให้รวมเล่มกันอยู่นะคะ
ปิดจองวันที่ 5 เมษายนนี้ค่ะ

เจอกันตอนพิเศษหน้าในวันที่ 9 มีนาคม นะคะ

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 01-03-2019 21:24:38
น่ารักและอบอุ่นมากเลย
พอแม่เปิดใจ ได้มองท่าทาง ได้คุยกับเมด ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำความรู้จักสนิทสนมกัน

ดีใจกับแม่ที่ได้ลูกชายเพิ่ม แถมท่าทางอาฟจะโดนแม่ยึดแฟนไปอีก 555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 01-03-2019 21:40:32
ดีจังๆๆ ดีมากๆเลย คุณแม่ยอดเยี่ยมสุดๆเลยค่ะ เมดอ่ะเค้าจิตใจดีใครอยู่ด้วยก็ต้องรักแน่นอน คนดีต้องได้สิ่งดีๆตอบแทนค่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 01-03-2019 21:41:13
น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-03-2019 22:02:01
 o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 01-03-2019 22:38:39
อาฟรีบไปขอบคุณน้องเดย์กับพ่อเลยนะ ยกความดีให้สองคนนี้เลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 02-03-2019 00:40:02
 :mew1: :mew1: คุณแม่ต้องยอมแพ้ความน่สรักของเมด  o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-03-2019 02:18:05
 :katai2-1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 02-03-2019 02:40:07
น่ารักมากๆเลย
น้องเมดเป็นตัวขอฃตัวเองแบบนี้ไง ถึงมีแต่คนรัก
คุณแม่ก็แค่หวงลูกชาย แม่ฝากลูกชายให้ถูกคนแล้วนะ
น่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-03-2019 09:05:45
ตอนนี้น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 02-03-2019 09:43:26
น่ารักก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 02-03-2019 11:40:42
อรั๊ย น่ารัก


อบอุ่น

ละมุน

เย็นใจฟิลกูดมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 02-03-2019 12:10:52
บางช่วงอดน้ำตาคลอไม่ได้
ตื้นตันใจ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-03-2019 19:42:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 02-03-2019 23:35:00
เห็นป่ะล่ะะะะ น้องเมดน่ารักออก ใครที่ไหนจะไม่รัก เนอะ พี่อาฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 02-03-2019 23:43:19
ชอบแม่อาฟจัง แม่น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 03-03-2019 08:54:29
อยอุ่นจัง :o8:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 03-03-2019 08:58:03
น่ารักมากเลย อบอุ่นมาก แม้จะไม่มีซีนให้พี่อาฟมาก แต่คุณแม่กับน้องเมดก็ละมุนมาก
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-03-2019 01:02:15
เมดเก่งมาก  o13 คุณแม่ก็น่ารัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-03-2019 07:22:11
ตอนนี้อบอุ่นมาก
ช่วงที่ติดไฟแดง ที่คุยกับแม่
ทำเอาน้ำตาซึมเลย

 o13 o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 04-03-2019 14:11:41
เหมือนเมดได้พี่สาวมากกว่า น่ารัก :o8: ทั้งแม่ทั้งเมดเลย เห็นแววตกกระป๋องของลูกชาย(แท้ๆ)อยู่รำไร :laugh:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: INTHEEND ที่ 04-03-2019 21:56:51
อ่านถึงตอนที่ 4 ทนไม่ไหวแล้วจ้า  :fire: :fire: :fire:
ขออนุญาติ หยาบนะคะ เพื่อให้เข้าถึงอารมณ์ของคนที่อ่าน   :hao4:
หากรุนแรงไปขอโทษด้วยนะคะ คือมันฟิลนี้จริงๆ  :z6:

โธ่  มึงไม่ละอายใจบ้างเหรอ???? รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ปิดปากเงียบ สรุปมึงเพื่อนไอ้บินหรือเพื่อนเมด ทุเรศว่ะ บอกตรงๆถ้าเป็นเรา
เลิกตัดเพื่อนไปเลย เพื่อนที่พร้อมแทงข้างหลัง เพื่อนที่รู้ทุกอย่างแต่ไม่เตือนไม่บอกอะไรเลย อ้อมๆก็ดี ไม่พูดห่าส้นตีนอะไรเลย มันไม่ใช่ "เพื่อน" หรอก แค่ศตรูที่มาในคราบเพื่อนมากกว่า

(อ่านได้แค่ถึงตอนที่สี่ครึ่งแรก แบบ ขอมาด่าอิเพื่อนนรกซักที อันนี้ซอฟจากในหัว 80%)
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: INTHEEND ที่ 04-03-2019 22:17:14
่อ่านจบตอนที่ 4 เออ ต้องงี้ตัดแม่งไปเลยเพื่อนเหี้ยๆ เป็นกลางพ่..งมึงสิ แหมให้กูไปเย..กับเมียมึงไหม แล้วบอกว่า กูกลัวมึงเสียใจเว้ยเลยไม่ได้บอก เอางี้ไหม 

แล้วประโยคที่ เล่าตอนที่เมดบอกว่าบินไปมีใคร แล้วเพื่อนนั่งปลอบ คือคิดเหมือนเราเลยว่า มันคงด่าเราว่า อีโง่ กูนี่แหละนอนกับผัวมึงอะไรแบบนี้

เพื่อนไม่ทำกันแบบนี้......ไม่มีจิตสำนึกอะไรเลย สิ่งที่พ่นออกมาข้อแก้ตัวล้วนๆ

 ถ้าเป็น "เพื่อน" จริงๆ ขนาด "แฟนเก่า" ของเพื่อนมาจีบ หรือมาชอบแล้วก็แอบมีใจหน่อยๆ แต่ก็ไม่เกินเลยด้วยความที่เกรงใจเพื่อนกลัวเพื่อนเสียใจ แม้เพื่อนจะบอกว่าไม่ไปเป็น แต่มันก็ต้องใช้เวลาที่จะลงเอยกับแฟนเก่าเพื่อนได้

หรือต่อให้ไม่รู้ แต่มารู้ในภายหลัง ความรู้สึกมันต้องกระอักกระอวนแน่ๆ นั่นแฟนเก่าเพื่อนสนิทเลยนะ

แต่นี่ แฟนปัจจุบัน แถม มึงเมาเอากัน ครั้งเดียวไม่พอสนองความร่าน ความ.............(เติมคำในช่องว่างที่ไม่สามารถออกอากาศได้ ).................. ของมึงสองตัวได้  จริงอยากที่เมดบอก ไม่มีคนเป็นเพื่อนเมด เพราะถ้าเป็นเพื่อนจริงมันต้อ :mew5:งบอก

ขนาดเพื่อนเรา(ไม่ถือว่าสนิทจนเป็นเพื่อนตายอะไรประมาณนั้น ความสัมพันธ์เรียกได้ว่าเพื่อนจริงๆ แต่ก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ได้ไปปาร์ตี้ด้วยกัน แต่อาจดูหนังด้วยกันบางครั้งเพราะเราชอบดูหนัง ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันเพราะเราไม่ชอบ เป็นเพื่อนที่ไม่ยุ่งวุ่นวาย แต่เป็นเพื่อนที่อยู่ข้างเพื่อนเสมอ) ที่แบบแอบคบ(คุย)กับอ. แต่อ.ก็มีเมียอยู่แล้ว แต่มันรักมาก มันคิดเสมอว่าไม่มีใครรู้ แต่คนรู้เขาไม่พูดเรื่องพวกนี้ไปถึงตัวมันเลย เราก็รู้ แต่บอกแบบอ้อมๆเสมอๆ มันก็คงเริ่มรู้ตัวเลยมองหาคนใหม่ๆ จนวันหนึ่งเขาบอกเลิก (แบบไม่เจอกันอีกนะ) มันเสียใจหนักมาก เราก็บอกมันว่า มันคือโอกาสดีที่มึงจะมองหาคนที่เขารักมึง ไม่ใช่มึงรักเขาข้างเดียว มันก็เถียงยกอะไรมาพูดหลายๆอย่างเพราะยังคงรักคนๆนั้นอยู่ แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว เริ่มเปิดใจ 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: INTHEEND ที่ 05-03-2019 00:46:26
อ่านถึงตอนที่ 12 [กินบะหมี่หมูตุ๋นครึ่งแรก]

บอกได้เลยว่า ฟิน อมยิ้มแก้มแตก เขินม้วนไปหมดแล้ว ฉีกทึงผ้าห่มแทบขาด อร๊ายยยย น่ารักอ่ะแกรรรรรรร (กรุณาออกเสียง แก(ร) แบบแรดๆ )
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: INTHEEND ที่ 05-03-2019 01:38:02
อ่านถึงตอนที่ สิบสี่

นมนั่น...อาฟซื้อจีบเมดแน่ๆ แต่เมดคิดว่า ขยะ (BIN) ซื้อให้แน่ๆ  [(ถัง)ขยะของจริง คนแต่งเข้าใจคิดชื่อมากฮ่าๆ]

คือ...ถ้ามีคนอย่างเมดเดินเข้ามาในชีวิต และรักเราขนาดนี้ กูสาบานเลยว่าจะไม่ปล่อยมือจากคนๆนี้ จะไม่นอกกายนอกใจด้วย
เพราะไม่ว่าเราจะทำตัวแย่ขนาดไหนเขาก็ยังยืนอยู่ข้างเรา ไม่ว่าจะงี่เง่าขนาดไหนก็ยังคงไม่ปล่อยมือเรา.......มึงนี่โง่จริงๆ ทิ้งอัญมณีล้ำค่า ไปคว้าขยะมูลฝอยที่รีไซเคิลไม่ได้มาแทน นี่แหละ ศีลไม่ถึง



หวานต่อปายยยยย ไม่อยากให้เกิดดราม่าแก่ อาฟและเมดเลย
จริงๆแล้วเหมือนอาฟรักเมดมานานมาก ตั้งแต่ มัธยม แบบ อาจชอบสนใจ จนรักไม่รู้ตัว
แล้วการที่ทำเผื่ออีกฝ่าย ถึงจะมีประเด็นรถ อื่นๆมา เพื่อให้อยู่ใกล้ๆ (ซึ่งกลัวมากว่าประเด็นต่างๆ เมดจะจับได้รู้และโกรธ ดราม่า)
เราว่าอาฟทุ่มเทพอสมควรนะ คนอย่างอาฟจะยอมอดทนเพื่อคนๆหนึ่งขนาดนี้เลยเหรอถ้าไม่สำคัญ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: INTHEEND ที่ 05-03-2019 02:36:19
ตอนที่ 16 เห็นด้วยกับคนเขียนมากค่ะ ชอบอาฟในมุมนี้มากๆ รู้ว่าใครพิเศษสำหรับเราแล้วเลือกที่จะปกป้องรักษาไว้ ชอบผชแบบนี้มากๆ :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: INTHEEND ที่ 05-03-2019 19:18:04
อ่านถึงตอนที่ 36

ทำไมเราเข้าข้างอาฟว่ะ ปกติเราจะเข้าข้างฝ่ายรับวุ้ย

อย่างที่น้องบอก  มันไม่ผิดหรอกที่จะเอาเหตุการณ์ในอดีตมาเป็นประสบการณ์ แต่มันผิดตรงที่เอามาเปรียบเทียบกัน (ไม่ชอบตรงนี้ของเมดเท่าไหร่ แต่ก็นะ รักแรกมักจะเอามาเป็นบรรทัดฐานเสมอ)

อ่านไปจนอยากจะตะโกนออกมาว่า พี่อาฟ ส่งนมมาให้หนูเหอะ!!! 
อย่างที่วิวว่าทุกอย่าง ที่เมดเหมือนจะกำหนดไปเสียทุกอย่าง พอเขายอม พอเขาอะไรเข้าหน่อยก็ได้ใจจนลืมคิดไปว่า จริงๆแล้วเขาเป็นยังไง นี่เราถือว่าอาฟยังยั้งอยู่บ้างเพราะนี่คือคนที่มันรัก แต่ด้วยนิสัยสันดานของมัน ก็นะปากหมาไป

สาเหตุที่เข้าข้างอาฟ เราเข้าใจความรู้สึกตรงที่ว่า รอมานาน แอบส่งนมมีใจให้ตั้งแต่แรก แล้วโดนหมาคาบไปแดรก เฉย ตัวเองก็ไม่ได้แม้แต่จะได้ทำอะไรซักอย่าง ส่วนทางนู้นก็แฮปปี้กันไป (แม้จะเป็นช่วงแรกๆ)  พอวนมาเจอกันอีก การที่ไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนั้นสูญเสียแบบนั้นอีก คงทำให้พูดไม่คิดทำตามอารมณ์ และมีอารมณ์ที่รุนแรง


(เราไม่ค่อยเข้าใจเมดเท่าไหร่นัก เพราะจากประสบการณ์อะไรประมาณนี้ทำให้เราเป็นคนขี้ระแวง ไม่ไว้ใจคนอื่นง่าย เรียกว่าไม่ไว้ใจดีกว่า เฉยๆ)
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 05-03-2019 20:05:54
 :L2: สนุกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: INTHEEND ที่ 05-03-2019 21:17:57
อ่านถึงตอน 41 ก็เข้าใจเนอะ ว่าน้องสายยุแบบเด็กๆต้องเอาคืนอะไรแบบนี้
แต่ตามความคิด แบบ น่าจะฟังความคิดเห็นของเดย์นะ


บางที การไม่สนใจ อีกฝ่ายไม่อยู่ในสายตาน่าจะดีที่สุด.......แต่เมื่อยังวนเวียนคิดอยู่ย่ำอยู่กับที่อยู่อย่างนี้.....ก็มีคนหนึ่งต้องทนและเจ็บมากกว่า 

นี่เหมือนขนาดจะคิดแล้ว แต่คิดในมุมของตัวเองไม่เผื่อใจว่า คนที่อยู่ข้างกันจะรู้สึกยังไง จะว่าไงดีล่ะ เหมือนลืมไปว่าตัวเองไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะ



สงสาร อาฟสุด อาจไม่เจ็บสุดในเรื่อง แต่เจ็บยาวของจริง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: INTHEEND ที่ 05-03-2019 22:29:41
จากตอนที่ 45

จากที่ไม่อะไรกับมึงแล้ว กลายเป็นเกลียดมึงแซงทางโค้งแล้วนะไอ้สัดจิง เสี้ยมนักนะมึง
ยีนส์ อ่านในมุมของมัน  เกลียดไหม ก็เกลียด แต่ก็ดีที่มันคิดได้ว่าหยุดและพอ
แล้วมึงจะเสี้ยมทำส้นตีนอะไร กูว่านะ ที่มันพังทั้งหมด ต้นเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากมึงนี่แหละ

เอาเลย นมช็อกโกแลต ความลับนี้ จะได้รู้กัน กูรอให้เมดรู้มานานแล้ว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: INTHEEND ที่ 05-03-2019 22:51:31
แหมมมม ตอแหลหน้าตายนะมึงนังจิง
เลวกว่ายีนส์ก็มึงนี่แหละ เดาด้วยว่า ยีนส์แม่งน่าจะโดนสวมเขาเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: INTHEEND ที่ 05-03-2019 23:26:31
บินไม่ควรได้สิ่งดีๆ หรือคนที่รักมันจริงๆ ความระยำที่มันทำ ความมักมากของมัน นี่แช่งให้มันเป็นเอดส์ตายอยู่นี่ :katai1: :katai1:

สรุปแม่งเยหมด ซึ่งก็คิดไว้แล้วตั้งแต่รอยจูบนั่น สันดานเหี้- หวังไว้ยีนส์รู้แล้วทิ้งปล่อยมือมันไป
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: INTHEEND ที่ 06-03-2019 00:12:08
หนึ่งในบาปที่ร้ายแรง ความอิจฉา ตอนแรกๆก็นิดหน่อยๆ หลังๆสะสมเรื่อยๆ จนก่อเรื่อง วางแผนสารพัดได้ขนาดนี้   สี่ปีไม่ถึงห้าครั้งของเมด กูว่าไม่น่าจะติดเอดส์ เพื่อตอนนั้น ตอนที่มันได้เมด น่าจะยังไม่มั่วมาก (ช่วงแรกๆ) หลังจากนั้นส่ำส่อนเอามึงบ้างเอายีนส์บ้าง...เอาคนนู้นบ้างนี้บ้าง คนที่น่าติดเอดส์ก็พวกมึงสามตัวนี่แหละ ที่ยังเกลือกกลั้วกับมันอยู่
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: INTHEEND ที่ 06-03-2019 00:32:21
ทำไมเขียนตัวละครได้มีมิติขนาดนี้นะ (ตัวละครเอกสองตัว) 

จะว่ายังไงดีล่ะปกติเขียนมาหนึ่งเรื่อง(บางเรื่อง) มีตัวละครเอกที่มีนิสัยอะไรชัดเจนก็จริงอยู่ แต่เมื่ออ่าน อ๊ะ รู้เลยนิยาย มันก็เฉยๆ
อาจอินบ้างแต่ไม่ทั้งหมด

แต่เรื่องนี้มีมิติมาก ทั้งความคิดการกระทำ ยิ่งในตัวของเมดนี่ให้ความรู้สึกเป็นมนุษย์มาก ที่มีอารมณ์หลากหลาย ยิ่งตอนที่โพสรูปจับมือ ก่อนหน้าก็คิดแล้วว่าทำดีไหม อะไรยังไง แต่สุดท้ายก็ทำลงไป คือสื่อความรู้สึกของมนุษย์ดีมาก ด้วยอารมณ์ ด้วยอะไรหลายๆอย่าง ชอบการสร้างมิติของตัวละครมาก
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 06-03-2019 10:27:56
 :hao5: คุณแม่น่ารักผิดหูผิดตานะคะ55555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: smilepengy ที่ 07-03-2019 10:28:07
ฮืออออ มีความน่ารัก มีความเป็นครอบครัว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: peppermintt ที่ 08-03-2019 09:43:45
เขินตัวแตกไปเลยย  :-[
ชอบผชแบบคุณอารยะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: yumenari ที่ 08-03-2019 21:18:26
 :mew1:
สนุกมากกกกๆๆๆๆๆ กอไกา ล้นตัวเลยค่ะ

น่าติดตาม  ไม่สร้างปมขึ้นมาชัดจนน่าลำคาญ
แต่เกบรายละเอียดเยี่ยมมาก

น่าติดตาม ไม่มีตอนไหนน่าเบื่อเลย

ร้งไห้กับพี่อาฟ เยอะสุดละ

บางทีก็อยากได้พี่อาฟเป็นหลัว 55555555
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 10-03-2019 05:16:50
เค้ามารอจ้ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 12-03-2019 20:26:50
สนุกมากเลย มีความรู้สึกเหมือนกินเค้กส้ม เปรี้ยวอมหวาน น่ารักมากๆน้องมินเมดของป้า
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 15-03-2019 21:03:20
ตอนพิเศษที่ 6

‘ พรุ่งนี้ทุกอย่างจะไม่เหมือนเก่าอีกต่อไป ’ ผมหลับตาลงเมื่อคืนพร้อมกับคำพูดนี้ที่เอ่ยคุยกับตัวเองคนเดียวในใจนั้น และตอนนี้วินาทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมามันก็เป็นแบบนั้น ภายในห้องนอนกว้างขวางสีขาวถูกจัดตกแต่งด้วยสไตส์ที่เรียกว่า ‘ classic modern ’  ลมหายใจที่ผ่อนออกมาเบาๆก่อนจะพลิกตัวไปมองคนที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ข้างกันด้วยท่าทีเชื่องช้า เพราะร่างกายยังคงเจ็บจุกตรงช่วงล่างจากกิจกรรมฉลองขึ้นบ้านใหม่ที่คนนอนข้างกันเอ่ยอ้างออกมาในนั้น

ผมยังคงจำคำพูดของอาฟในวันนั้นได้ดี มันเป็นช่วงเดือนก่อนที่ผมจะเข้าไปแนะนำตัวเองกับที่บ้านของอาฟ เวลาเที่ยงวันหลังที่เรียนวิชาช่วงเช้าเสร็จพอดี ในรถวันนั้นที่กำลังติดไฟแดง แต่อยู่ๆอาฟก็พูดขึ้น ‘ เราจะย้ายคอนโดนะ ’

‘ ย้ายคอนโด ? ย้ายไปไหน ’

‘ ย้ายไปอยู่ด้วยกันสองคน ’ คำพูดที่ทำให้ผมหันไปมองอีกคนพลางขมวดคิ้วงง

‘ ปกติเราก็อยู่ด้วยกันสองคนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ น้องเดย์ก็ไม่ค่อยอยู่ มึงจะซื้อให้เปลืองเงินทำไม หรือว่า ’

‘ หรือว่าอะไร ’

‘ ก็หรือว่าเพราะมึงไม่โอเคที่น้องเดย์เข้ามาขัดเราวันนั้น ’ ท้ายประโยคเสียงเบาของผมนั้นทำให้อีกคนหันมายกยิ้มแล้วเหล่มองกัน

‘ ไร้สาระ กูตั้งใจไว้ตั้งนานแล้ว ตอนแรกคิดว่าจะซื้อบ้านด้วยซ้ำ แต่ขี้เกียจดูแล อีกอย่าง เราทำงานกันแถวนี้เลยคิดว่าซื้อคอนโดน่าจะดีกว่า ’ คำพูดของอาฟมาพร้อมกับมือที่กุมมือของผมแน่นขึ้น ‘ เข้าใจคำว่าครอบครัวใช่มั้ย ’

‘ อื้ม ’

‘ นั่นแหละเหตุผล ’ อาฟถอนหายใจออกมาตอนที่พูดคำนั้น มันเหลือบมองกัน เหมือนจะมีคำพูดอื่นที่จะพูดอีก แต่ก็เขินกว่าจะพูดออก ก็เลยทำทีเป็นมองไปตรงทางข้างหน้าทั้งๆที่มือชุ่มเหงื่อนั้นกระชับมือผมไว้แน่น  ‘ กูจะย้าย เพราะกูอยากอยู่กับมึง แบบครอบครัว ’

ในตอนนั้นผมจำได้ว่า หน้าของอาฟแดงไปหมดมันผ่อนลมหายใจออกกมาช้าๆราวกับกำลังควบคุมหัวใจเต้นแรงของตัวเอง มือที่กุมกันถูกปลดออกอีกฝ่ายเอามันไปลูบอยู่สองสามทีที่กางเกงก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือของผมอีกครั้ง ภายในรถที่เงียบเชียบให้วันนั้น ราวกับมีดอกไม้สีสวยผลิบานอยู่รอบตัวเราไปหมด จนผมต้องเผลอยิ้มกว้างแล้วอดไม่ได้เลยที่จะเอื้อมมือไปจิ้มแก้มอีกคน แม้จะโดนสายตาคมตาขวางใส่ก็ตาม

‘ ทำเป็นหงุดหงิดกลบเกลื่อน ทั้งๆที่ก็เขินหน้าแดง ’

‘ แล้วเสือกไรกับหน้ากู ’ มือของผมถูกกุมแน่นขึ้นในตอนนั้น ก่อนที่คนพูดจะหันทั้งหน้าและหูที่แดงจัดไปทางอื่น ‘ แล้วไปเลือกมาด้วย ว่าอยากได้ห้องแบบไหน ’

แบบคอนโดมากมายถูกส่งเข้ามาให้ผมในเย็นวันนั้น ซึ่งคอนโดทั้งหมดส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดที่อยู่ใกล้กับบีทีเอส ไม่ก็มีทางเชื่อมของบีทีเอส และอยู่ในเส้นสุขุมวิทแทบทั้งสิ้น ส่วนสไตส์ห้องที่อาฟเลือกมาเบื้องต้นมีแบบที่เป็น สองห้องนอน และ สามห้องนอน ไม่ก็แบบสองชั้น ซึ่งถ้าเอาตามใจตัวเองก็ต้องบอกว่า ผมอยากได้คอนโดแบบสองชั้นมากกว่า เพราะใฝ่ฝันมานานแล้ว อีกอย่างมันให้ความรู้สึกเหมือนบ้าน ในความรู้สึกของผมด้วย

แล้วสุดท้ายหลังจากตะเวนดูคอนโดตัวจริงอยู่หลายแห่งเราก็ตัดสินใจซื้อคอนโดสองชั้นแบบ duplex ซึ่งมีสองห้องนอนและลิฟต์ส่วนตัว แต่ที่ทำให้ผมชอบที่สุดก็คงเป็นพื้นที่กว้างขวางของมัน ตั้งแต่เปิดประตูเข้าไปด้านใน มันรู้สึกไมได้อึดอัดเหมือนอยู่คอนโด แถมวิวที่มองออกไปด้านนอกก็ติดกับสวนสาธารณะ และยังไม่ไกลกันมากนัก กับห้าง หรือแม้แต่รถสาธารณะอย่างบีทีเอส

เราใช้เวลาตกแต่งคอนโดนี้อยู่ร่วมเดือนกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นและพร้อมเข้าอยู่ ทั้งๆที่คิดเอาไว้ว่าช่วงเวลาที่ก่อนจะเสร็จก็อยากจะพาอาฟไปแนะนำกับพ่อก่อน เพราะมันให้ความรู้สึกเริ่มต้นใหม่แบบที่ว่าครอบครัวของเรารับรู้การคบหาอย่างจริงจังแล้ว แต่เหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นดั่งใจผมสักเท่าไหร่ เพราะพอทางเราว่างก็เหมือนทางพ่อจะไม่ว่างเป็นอย่างงี้อยู่ตลอดจนถึงวันนี้ที่ย้ายเข้าคอนโดใหม่แล้วก็ยังไม่ได้ไปสักที

แต่วันนี้แหละ ที่เราจะไม่พลาด

ครืน ครืน ครืน

โทรศัพท์มือถือส่งสัญญาณสายโทรเข้ามาในตอนที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ผมเอื้อมมือไปหยิบมันมาดูเบอร์ที่โทรเข้ามาบนหน้าจอนั้น ก่อนจะรีบกดรับเพราะเหมือนมันจะไปสร้างความรบกวนให้คนที่กำลังนอนอยู่อย่างอาฟเริ่มรู้สึกตัวและพลิกตัวเข้ามากันก่อนจะกอดเอวไว้แน่น

“ ครับแม่ ”

“ น้องเมด วันนี้จะพาพี่อาฟเข้าไปหาพ่อแล้วใช่มั้ยครับ ” ผมหลุดยิ้มออกมาตอนที่ได้ยินเสียงปลายสายถามกันออกมาอย่างงั้นด้วยความเป็นห่วง

ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดเหมือนกันว่าการพาอาฟไปหาพ่อคงทำให้คนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรอย่างมัน ออกอาการเกร็งและกลัวได้บ้าง แต่เหมือนว่าทุกอย่างจะกลับกันไปหมด อาฟไม่มีความรู้สึกอะไรแบบนั้นเหมือนผมในตอนที่ต้องไปแนะนำตัวกับพ่อแม่มันเลยสักนิด หนำซ้ำมันยังชิลล์ ไม่รู้สึกอะไรเลยสักอย่าง จะมีก็ผมกับแม่ของเจ้าตัวมากกว่าที่ตื่นเต้นและเป็นทุกข์เป็นร้อนแทน

อย่างเมื่อวานเอง เราก็นั่งจัดกระเซ้าผลไม้ที่สั่งจากร้านนำเข้าของญี่ปุ่นโดยตรง อะไรที่ทางร้านขายบอกว่าดี บอกว่าเด็ด แม่ก็ซื้อมันทั้งหมด มีตั้งแต่แอปเปิ้ลลูกละ 350 ยันสตอเบอรี่ที่แพ็คละ 3500 ไม่นับเนยฮอกไกโดที่ทางร้านออกตัวขายแบบสุดตัวว่า ‘ อร่อยแบบขอให้ลอง ’ แต่เท่าที่ผมลองกินไปเมื่อวานก็อร่อยสมคำยั่วยุพวกนั้นจริงๆ ขนาดตั้งใจจะกินเล่นๆแค่ลูกสองลูก สุดท้ายก็กินกันสองคนแม่จนหมดแพ็ค ไม่นับขนมปังอีกครึ่งแถวที่กินกับขนมปัง อร่อยสุดจนหยุดไม่ได้จริงๆ

 “ ใช่แล้วครับ ” ผมตอบรับก่อนจะดึงตัวเองขึ้นนั่งบนเตียง

“ แล้วอย่าลืมกระเซ้าที่แม่ซื้อไว้นะ บอกพี่อาฟด้วยนะน้องเมด ว่าให้เค้าหิ้วเข้าไปให้ด้วยตัวเอง ย้ำด้วยว่าให้ยิ้มเยอะๆ ฝากบอกคุณแม่เล็กกับคุณพ่อของน้องเมดด้วยว่า เนยอร่อยมากๆใช้ทาขนมปังเด็ดสุดเลย แล้วน้องเมดก็อย่าลืมเชียร์อัพพี่อาฟด้วยนะ บอกให้เค้าพูดเยอะๆ แล้วก็บอกให้เค้าเงียบตอนเค้าหงุดหงิดด้วยนะ ”

“ แม่ แม่ต้องใจก่อนนะ ” ได้แต่พูดยิ้มๆออกไปกับอีกคนที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นเกินไปแล้วในตอนนี้นี้

ความสัมพันธ์ของผมกับแม่หลังจากวันนั้นนับว่าพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนในมุมหนึ่งผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกรางวัลใหญ่ของฉลากกินแบ่งรัฐบาล ด้วยเพราะชอบทั้งหนังญี่ปุ่นและแมวเหมือนกัน หนำซ้ำนิสัยชอบหาของอร่อยกินก็ยังเหมือนกันอีก และเพราะแบบนั้นจากที่ดูเหมือนจะเข้ากันไม่ได้ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า เราเข้ากันได้ดีสุดๆ ถึงขนาดที่ว่าทุกวันอาทิตย์ผมจะต้องกลับไปที่บ้านอาฟ เพื่อใช้เวลาวันหยุดจันทร์ อังคาร ไปกับครอบครัวของอีกฝ่าย แต่ในเรื่องนี้ก็เหมือนจะมีคนที่ไม่ค่อยโอเคกับมันเท่าไหร่อยู่ 

ยกตัวอย่างก็เช่นคนที่นอนอยู่ข้างกันที่ชื่อคุณอารยะ  ‘ เหมือนโดนแม่แย่งมึงไปเลยสัด ’ อาฟเคยบ่นกับผมไว้อย่างงั้น

“ แล้วนี่กำลังเดินทางทางเหรอ ทำไมเงียบจัง ”

“ เปล่าครับ ยังไม่ได้เดินทางไปไหนเลยแม่ เรายังอยู่ที่คอนโด อาฟยังไม่ตื่นเลยด้วยครับ ”

“ ตายจริง รีบเดินทางกันแล้ว มันเสียมารยาทนะถ้าเราให้ผู้ใหญ่รอ ”

“ เมดนัดพ่อกับแม่เล็กไว้ตอนเที่ยงน่ะครับ อาฟก็เลยไม่ได้รีบเท่าไหร่  ” ปลายเสียงที่พูดแบบอ้อมแอ้มนั้น ชวนให้คนฟังถอนหายใจออกมา ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ

“ นิสัยเป็นเหมือนกันหมดเลยจริงๆ ทั้งพ่อทั้งลูก ถ้านัดสาย ไม่มีหรอกจะตื่นให้เร็วเพื่อเตรียมตัวอะไรบ้าง แล้วสุดท้ายก็รีบขับรถไปให้ทันเวลาที่ก็ทันแบบหวุดหวิดมากกว่า ก็แทนที่จะไปให้มันก่อนเวลา สบายๆ ไม่ต้องรีบ ”

“ เมดจะปลุกอาฟเดี๋ยวนี้เลยครับ อีกสักชั่วโมงเราคงออกกันแล้ว แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ”

“ มีน้องเมดแม่ไม่ห่วงหรอก ” ปลายสายบอก “ ฝากพี่อาฟด้วยนะครับน้องเมด ไว้คุยกันนะ ”

“ ครับแม่ สวัสดีครับ ” กดวางสายนั่นลง ผมเผลอถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มกับหน้าจอที่ดับสนิทไป แต่ตอนที่จะหันไปปลุกอีกฝ่ายอย่างที่คิด คนที่คิดว่าหลับก็ลืมตาขึ้นมองกันอยู่แล้ว “ ตื่นอยู่นานแล้วเหรอวะ ”

“ ตั้งแต่ที่แม่โทรคุยกับมึง ” อาฟบอกก่อนจะอ้าปากหาวออกมา แล้วลุกขึ้นมานั่งข้างกัน “ แม่โทรมาว่าไง ”

“ ก็เป็นห่วงเรื่องมึงนั่นแหละสัด ” ผมบอกอีกคนก็ยกยิ้ม “ แม่บอกกว่าให้มึงไปอาบน้ำ แล้วเราก็ควรออกจากคอนโดกันได้แล้ว จะไม่ได้ต้องรีบขับรถให้เร็วมาก ”

“ อื้ม ” เสียงขานรับในลำคอมาพร้อมกับหน้าตางัวเงียที่ยักคิ้วขึ้นตอบรับคำพูดของผม  อาฟค้ำมือตัวเองกับเตียงก่อนจะหยิบเอามือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดเช็คข่าวทั่วไปแบบที่มันชอบทำทุกวันในตอนที่ตื่น

“ มึงนี่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยนะ ” คำถามของผมทำให้คนที่ก้มหน้าอยู่เลิกคิ้วสูงก่อนจะหันมามอง

“ หมายความว่า ”

“ ก็หมายความว่ามึงควรที่จะตื่นเต้นสักหน่อยมั้ย ควรถามแบบ เมดพ่อมึงเป็นไง แม่เล็กละเป็นยังไง อะไรแบบนี้ ”

“ อาการแบบนั้น ไว้ให้เด็กๆเค้าเป็นเถอะ ” ปรายตามองกันตอนที่พูดว่าเด็กๆ อาฟที่ยกยิ้มเป็นท่าทางที่ผมบอกกับตัวเองแค่ว่า ‘ หมั่นไส้นักไอ้สัด กูจะไม่ช่วยมึงเลย กูจะให้มึงสัมผัสความรู้สึกกลัวจนตัวสั่นจากพ่อกู ’

“ พ่อกูดุมากนะ ” เอ่ยบอกอีกคนด้วยเสียงจริงจังและหน้าตาที่มีแต่ความวิตกกังวล ผมถอนหายใจ “ เค้าเป็นคนเข้มงวด แล้วก็ค่อนข้างจะจริงจัง ตามประสาคุณครู แม่เล็กก็ด้วย ไม่เหมือนพ่อกับแม่มึงหรอกนะ ”

“ ถ้าว่างมากขนาดมานั่งแสดงละครให้กูดู มึงไปอาบน้ำไป จะได้มีประโยชน์ ”

“ สัด ” ผมพูดเสียงลอดไรฟัน “ คอยดูกูจะพูดให้พ่อกูเกลียดมึง ให้เอาปืนลูกซองไล่ยิงมึง ”

“ เชื่อได้มาก เพราะคนที่บอกจะทำ คือคนคนเดียวกันกับที่ไปซื้อเสื้อเชิ้ตสีส้มตัวทุเรศนั่นที่มันแขวนอยู่หน้าตู้กู เพราะไปอ่านดวงคนเกิดวันศุกร์แล้วเค้าบอกกว่า ใส่สีส้มแล้วจะมีคนเอ็นดูน่ะเหรอ ”

“ ก็..” เว้นเสียงพลางยิ้มแห้งๆให้อีกคน

“ กูไม่เควี้ยงมันออกนอกคอนโดไปก็บุญเท่าไหร่แล้ว ปกติกูใส่มากเลยสินะ เสื้อสีส้ม ”

“ ก็มึง เชื่อไว้ไม่เสียหายนะเว้ย สีดำ สีเทาที่มึงชอบใส่มันเป็นสีไม่มงคล กูอ่านมาแล้ว ” อาฟผ่อนลมหายใจออกมาในตอนที่ผมพูดแบบนั้น “ ขนาดวันนั้นที่เราไปหาพ่อแม่มึง กูเพิ่งรู้ว่า เสื้อสีชมพูไม่มงคลกับกู มงคลจริงต้องสีฟ้า แล้วพอวันถัดมาใส่สีฟ้า เห็นมั้ย แม่เอ็นดูกูเลย ”

“ ปัญญาอ่อนจริงๆ แล้วถ้ามันบอกว่ามึงต้องใส่กางเกงในไว้นอกกางเกงแล้วจะมงคล มึงก็จะใส่ด้วยงั้นสิ ”

“ อันนั้นก็มากไป คนเราก็ไม่ควรงมงายขนาดนั้น ”

“ อื้ม มึงบอกคำนั้นกับตัวเองด้วยก็ดีนะ ”

“ มึงแม่ง ” สบถด่ามันก่อนจะถอนหายใจเซ็งๆออกมา ไม่ลืมเหล่มองอีกคนที่ก็ยังยังคงมองกันอยู่ อาฟลดมือถือที่กำลังอ่านอยู่นั่นลง มันถามผมยิ้มๆ

“ มีอะไร ”

“ แล้วตกลงมึงใส่ใช่มั้ย เสื้อเชิ้ตสีส้มของกู ที่กูซื้อมาให้ ” ปลายเสียงที่ค่อนข้างบางเบา รอยยิ้มกว้างที่ส่งไปให้อีกคนนั้น อาฟได้แต่ยกยิ้มเป็นคำตอบ

“ ไม่มีทาง ”

“ ได้ไง มึงใส่สีดำไม่ได้นะมันเป็นกาลกิณี ” ผมโบกมือปฎิเสธอีกคนพร้อมกับส่ายหน้า ในตอนนั้นคนฟังที่ทำได้แค่จ้องกันนิ่งๆก็ถอนหายใจออกมา

“ ตั้งแต่เด็กจนโตมึงทำเหี้ยอะไรก็ดูตารางเหี้ยนี้มาตลอดเลยเหรอ ก็ไม่ใช่นี่ จะทำอะไรเมื่อก่อนก็ไม่เคยดู อยากใส่อะไรก็ใส่ไม่ใช่เหรอ หรือมึงจะบอกว่าตอนสอบเข้ามหาลัยสิ่งที่ทำให้มึงสอบเข้าได้ไม่ใช่หัวสมอง ไม่ใช่ความพยายามที่นั่งอ่านหนังสือของมึงแต่เป็นกางเกงในสีนำโชคอย่างงั้นเหรรอ ” อาฟถามผมก็ได้แต่นิ่ง “ ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวมึง อยู่ที่ความมั่นใจของมึง ไม่เกี่ยวอะไรกับสีนำโชคทั้งนั้น แล้วก็จำไว้ด้วยว่าที่แม่กูชอบมึงนั่นก็เพราะตัวมึง ไม่เกี่ยวกับสีเสื้อเหี้ยอะไรทั้งนั้น ”

“ แล้วทำไมวันนั้นมึงให้กูใส่สีชมพู ทั้งๆที่กูไม่ชอบ ” คำถามที่ทำให้คนที่กำลังยกมือถือขึ้นอ่านข่าวชะงักไปอีกครั้ง อาฟถอนหายใจออกมา ในแววตานั้นเหมือนจะบอกกันว่าให้เลิกเถียงกันแล้วไปอาบน้ำสักที

“ สีชมพูมันเหมาะกับมึง ใส่แล้วมันดูน่ารัก.. ก็แค่นั้น ” ท้ายประโยคที่เอ่ยบอกปัด เราก็ได้นิ่งให้กันอย่างไม่มีใครพูดอะไรออกมา ก่อนที่ผมจะดึงตัวเองลงไปจากเตียงแล้วพูดทิ้งท้ายไว้สั้นๆแค่ว่า

“ อยากแซวนะ แต่ไม่แซวดีกว่า เดี๋ยวพี่อาฟจะเขิน ”

สุดท้ายอาฟก็เสือกใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสีดำอย่างที่คุ้นชินมากกว่าเสื้อเชิ้ตสีส้มที่ผมซื้อให้ เราออกเดินทางจากคอนโดช่วงก่อนเที่ยง อาฟไม่ลืมหิ้วกระเซ้าผลไม้ที่แม่ฝากมาออกไปด้วยตัวเองจากบนโต๊ะในครัวโดยที่ผมไม่ต้องออกปากบอก ทั้งที่ตอนเย็นของเมื่อวานมันจะทำทีเป็นอิดออดกับแม่เพราะไม่อยากหิ้วอะไรติดมือไปให้ยุ่งยาก หนำซ้ำยังบ่นอีกว่า ‘ แค่ความจริงใจก็พอแล้ว ’ แต่ตอนนี้มันกลับต่างจากตอนนั้น ผมรู้สึกว่าอาฟดูจริงจังและตั้งใจมากกว่าจะเอ่ยแซวออกไปได้ว่า ‘ ถือกระเซ้าเองซะด้วยพี่อารยะของกู พ่อกูต้องดีใจแน่ ’

“ เราคงเดินทางกันสักชั่วโมงนึงใช่มั้ย ”

“ ประมานนั้น ไม่ก็สัก 45 นาที ” คนขับหันมาบอกกันตอนที่ปรับเกียร์และดึงเบรคมือขึ้นเพราะสัญญาณไฟจราจรสีแดงที่เหมือนว่าอีกนานกว่าจะได้ขยับตัวไปได้อีกครั้ง “ เพราะหลุดจากแยกตรงนี้ไปก็โอเคแล้ว ”

“ ถามจริงนี่ตื่นเต้นมั้ย ” ผมหันไปมองอีกคนพร้อมกับเอื้อมมือไปกอดคอไว้แล้วใช้มือข้างนั้นบีบเข้าที่แก้มของอีกฝ่ายเชิงล้อ “ สั่งเสียไว้ก่อนได้นะ ศาลาแปดมั้ย กระเพาะปลา หรือว่าโจ๊กดี เผื่อพ่อกูเป่ากระโหลกมึง ”

“ ปากดีไปเถอะ ไม่ใช่มึงจะนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้พ่อมึงไว้ชีวิตกูหรอกนะ  ” มือของอาฟยกขึ้นจับคางของผมก่อนจะบีบเบาๆแล้วดึงใบหน้าคมนั้นเข้ามาจูบ

เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่เราได้แต่มองตากันผ่านความเงียบในรถที่ไม่ได้เปิดเพลงขับกล่อมอะไร ผมหลุดยิ้มออกมาก่อนจะดึงตัวเองเข้าไปจูบอาฟ แล้วตอนที่ผละออกจากกันนั้น เราก็ยิ้มให้กัน และผมก็โดนจูบซ้ำอีกหลายครั้ง จนต้องเผลอหลุดหัวเราะออกมาในตอนสุดท้าย ก่อนที่อาฟเปลี่ยนมาจับมือผมไว้ในตอนที่ได้เวลาเคลื่อนรถไปข้างหน้าเพราะสัญญาณไฟเขียวที่ปรากฏขึ้น

ครั้งนึงตอนเป็นเด็กผมเคยตั้งข้อสงสัยกับตัวเองว่า ‘ ทำไมฝรั่งถึงชอบจูบกันโดยไม่มีเหตุผล ’ ผมเคยคิดไปด้วยซ้ำว่าประโยคที่เค้าพูดคุยกันหรือแววตาที่เค้ามองตากันจะหวานซึ้งแค่ไหนถึงได้ดึงดูดให้คนสองคนนั้นทำแบบนั้นได้ แต่แล้ววันนี้ พอมันเกิดขึ้นกับตัวเอง ผมถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้ว มันไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ก็เป็นแค่เพียงความรู้สึกรักที่คนสองคนอยากจะมอบให้กัน โดยไม่มีเหตุผล ว่าทำไม หรือเพราะอะไรทั้งนั้น

ก็แค่รักเลยบอกรัก มันเป็นเพียงแค่เพียงอะไรแบบนั้น ก็เท่านั้น

“ วันนี้แม่เล็กทำหมูตุ๋นไว้ต้อนรับมึงด้วยนะ แล้วก็มีหอยจ๊อปูด้วย เป็นเมนูเด็ดของแม่เล็กเลย รับรองว่า มึงต้องกินข้าวสองจานแน่นอน ”

“ ทำไมชอบเอาตัวเองมาเป็นบรรทัดฐานให้กูจัง ” อาฟถาม “ กูดูตะกละขนาดนั้นเลยเหรอ ”

“ มึงว่ากูตะกละเหรอสัดอาฟ ”

“ ร้อนตัวว่ะ ”

‘ ไอ้เชี้ย ’ ได้แต่พูดไม่ออกเสียงใส่อีกคนที่ก็กระชับมือที่กุมกันไว้หลวมๆแบบไม่มีปล่อย ผมเผลอกระชับมือที่จับกันไว้ ท่ามกลางความเงียบภายในรถตอนนั้น ก่อนจะเอื้อมมือข้างที่ว่างไปกดเปิดเพลงที่ค่อยๆเริ่มเล่นดนตรีคุ้นหูขึ้นมาให้ผมได้ร้องคลอตามอยู่ในลำคอพลางหันเหสายตามองออกไปนอกหน้าต่างที่วิวรอบข้างกำลังแปรเปลี่ยนจนตึกราบ้านช่องไปเป็นพื้นที่สีเขียวให้สบายตาบ้าง

บนถนนที่รถต่างพากันเร่งความเร็วแต่ดูเหมือนคนขับของผมจะไม่ได้ทำแบบนั้น อาฟขับชิดเลนซ้าย และขับในอัตราปกติ มันไม่ได้เร่งความเร็วเหมือนทุกที หนำซ้ำยังขยับมือที่กุมกันไว้หลวมๆทุบลงบนขาของตัวเองตามจังหวะเพลงที่ฟัง ผมสังเกตว่ามันฮัมเพลงอย่างสบายใจ

“ กูเล่าเรื่องที่บ้านให้มึงฟังนะ ” ผมเอ่ยชวนอีกคนคุย “ ทีมึงยังเล่าเลยตอนนั้นที่กูไปบ้านมึง กูอยากเล่าบ้าง ”

“ ตามใจ ”


“ จริงๆกูก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแรกหรอกรู้มั้ย เพิ่งย้ายมาเมื่อสามปีก่อนเอง เมื่อก่อนกูอยู่ในกรุงเทพ”

“ กำลังจะถามพอดี ว่าอยู่ที่นี่แต่ทำไมไปเรียนไกลขนาดนั้น ”

“ เอาคำตอบแบบใจเต้นแรงมั้ย ” คิ้วของคนฟังขมวดเข้าหากันตอนที่หันมามองกันอีกครั้ง ในตอนนั้นผมก็กระชับมืออาฟไว้แน่นพลางจ้องไปในแววตาคมนั้นก่อนจะบอก “ ที่มาเรียนไกลขนาดนี้ ก็เพราะต้องมาเจอมึงไงอารยะ ”

“ ประสาท ” อีกคนว่าพลางหันไปอีกทางด้วยรอยยิ้มกว้างที่ต้องพยายามกลั้นไว้

“ จริงๆเมื่อก่อนเรียนที่นั่นเพราะว่าพ่อก็เป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนประถมในเขตแถวนั้นนั่นแหละ พ่อเห็นว่ามันใกล้บ้าน แล้วก็เป็นทางผ่านที่เค้าจะมารับกูกลับบ้านได้ก็เลยเลือกให้เรียนที่นั่น ตอนแรกจะให้เรียนโรงเรียนเดียวกับมึงด้วยนะ ”

“ แล้วทำไม่ไม่เรียน ”

“ ถ้ากูเรียนก็ไม่มีมนต์รักรสนมรสช็อคโกแล็ตสิสัด โมเม้นท์อีกฝากหนึ่งของถนนของเราสองคนจะหายไปเลยนะ ”

“ คือยังไม่หยุดเล่น ”

“ ก็เห็นมึงหน้าแดงแล้วดูน่าขนลุกดี ” ยักคิ้วให้มันอีกคนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้าแบบยิ้มๆ “ ต่อๆ แล้วคราวนี้พ่อกูเป็นข้าราชการใช่มั้ย มันเลยมีช่วงที่ต้องย้ายไปมาเอาตำแหน่งที่โรงเรียนแถวนี้พอดี ตอนแรกพ่อยังแค่ไปกลับ แต่ตอนกูขึ้นม.4 แม่เล็กก็ได้เลื่อนขั้นด้วย แล้วก็ต้องมาทำงานที่โรงเรียนแถวเดียวกับพ่อ เราก็เลยตัดสินใจขายบ้านจัดสรรหลังที่อยู่หลังเก่า แล้วเอาเงินมาซื้อคอนโดเพื่อให้กูกับวิวได้อยู่กันสองคนเพราะต้องเรียนที่นั่นแทน ”

“ คือขายเพราะเหตุผลแค่นั้น ”

“ ก็ใช่ แต่ที่สำคัญคือพ่ออยากได้บ้านใหม่ด้วย บ้านหลังเก่ามันเป็นหมู่บ้านจัดสรรอะมึง ปลูกติดๆกันเค้าไม่ชอบ เค้าอยากได้บ้านในหมู่บ้านที่มีบริเวณ ไม่อึดอัด เค้าชอบปลูกต้นไม้ด้วย เลยจะซื้อไว้เพื่อชีวิตปั้นปลาย ”

“ อื้ม ”

“ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจซื้อหลังที่อยู่ตอนนี้ กูจำราคาตอนนั้นที่ซื้อไม่ได้แต่ที่รู้คือแพงอยู่นะ แม้ตอนนี้พ่อก็ยังผ่อนอยู่เลย ”

“ สำหรับกู การซื้อบ้านถ้ามันตอบโจทย์ทุกอย่างของเรา มันก็สิ่งที่น่าลงทุน ยิ่งอยู่ในสภาพแววล้อมอย่างหมู่บ้านมึงด้วยแล้ว ถึงในอนาคตจะขายต่อ ยังไงก็ได้กำไร ”

“ คำพูดก็คือมาดนักธุรกิจมาเต็ม เหลือแค่รอเวลาสอบตัวสุดท้ายเสร็จเมื่อไหร่ก็คือเข้าทำงานกับพ่อได้เลย ”

“ คำพูดคำจามึงก็ดูเพ้อหนักขึ้นทุกวัน ลดๆหนังที่ดูกับแม่กูลงบ้างแล้วกัน ” อีกคนหันมาบอกอย่างไม่มีท่าทียอมกัน ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา แล้วจิ๊ปากเสียงเบาก่อนจะบอก

“ ฝากไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวกูจะให้พ่อกูจัดการ บอกว่ามึงรังแกกูตลอดเลย ”

“ แล้วพ่อมึงเป็นยังไงบ้างละ ”

“ หมายถึง ”

“ ก็นิสัย อะไรแบบนั้น ”

“ จะทำการรบก็ต้องรู้เค้ารู้เราใช่มั้ย เพราะรบร้อยครั้งจะได้ชนะทั้งร้อยครั้ง ” ยักคิ้วแซวอีกฝ่ายก่อนจะนิ่งคิดถึงคำจำกัดความสั้นๆของพ่อตัวเองในแบบที่อาฟถามถึง “ พ่อเหรอ..”

“ ไว้คิดออกตอนกูขับเข้าหมู่บ้านมึงเลยก็ได้นะ ” หลุดหัวเราะออกมากับคำบอกขัดในตอนนั้น

“ มึงแม่ง ” ผมสบถ “ กูว่าเค้าก็เป็นคนใจดี แล้วก็มีเหตุผลนะ ในความคิดลูกอย่างกู กูว่าพ่อกูเป็นคนที่เคารพการตัดสินใจของกูมากเลยละ หมายถึงว่าถ้าเค้าไม่โอเค แต่ถ้ากูโอเค เค้าก็จะแค่เตือน แล้วก็ปล่อยให้กูดูแลจัดการเอาเองในทุกเรื่องเลย ”

“ กำลังยกตัวอย่างเรื่องไอ้บินถูกมั้ย ” คำถามที่ทำให้ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปมองมันยิ้มๆ

“ กูไม่ได้คิดอะไรเลย ”

“ เหรอ ” คนขับรถพยักหน้ารับ “ ช่วยเล่าฟังหน่อยได้มั้ย ตอนนั้นเป็นยังไง ”

“ หมายถึง ตอนที่บินเจอพ่อกูครั้งแรกน่ะเหรอ ”

“ อื้ม ” อาฟขานรับนำคอ

“ ไม่ดราม่าถูกมั้ย ”

“ กูอยากรู้ ” จบคำพูดนั้นผมก็ทำได้แค่คิดถึงช่วงเวลานั้น เท่าที่จำได้เหมือนจะเป็นช่วงปีสองที่กำลังจะปีสาม

“ ตอนนั้นมันไม่เหมือนมึงตอนนี้เลยสักนิด มันทั้งตัวสั่น ทั้งกลัว ตอนที่เจอพ่อมันเอาแต่นั่งก้มหน้าอย่างเดียว พ่อกูถามอะไรก็ตอบแค่ไม่รู้ครับ ” ผมนิ่งไปตอนที่พูดถึงตรงนั้น ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาจนต้องก้มหน้าลงแล้วหันไปมองอาฟที่เหมือนจะมองกันแทน “ วันนั้นหลังจากที่ไอ้บินกลับไปแล้ว พ่อบอกกูคำนึงว่า คิดให้ดีนะ ถ้าจะคบกับคนคนนี้  พ่อไม่ชอบ แต่นั่นก็เป็นเรื่องของเมด ”

“ อื้ม ”

“ วันนั้นกูโกรธพ่อมากเลยรู้มั้ย กูโทษว่าเป็นความผิดเค้า กูบอกว่าเค้าจงใจที่จะถามคำถามให้ไอ้บินตอบไม่ได้ เรายังเรียนอยู่ จะตอบได้ยังไง ว่าวางแผนชีวิตกันไว้ยังไง แล้ววันนั้นพ่อพูดขึ้นมาคำนึงว่า คนเราถ้ารักกันจริงๆเค้าจะมีเราอยู่ในอนาคตทุกอย่าง แล้วพ่อก็บอกด้วยว่า จะให้ชอบคนที่ยังไม่รู้เลยว่าจะมีเมดในอนาคตหรือเปล่าน่ะเหรอ แล้วพอมาคิดว่าหลังจากนั้นปีหนึ่งกูต้องเจออะไรบ้าง มันทำให้กูรู้สึกว่า กูแม่ง เหี้ยว่ะ กูไม่น่าพูดกับพ่อแบบนั้นเลย ”

“ มันไม่แปลกที่มึงจะปกป้องคนที่มึงรัก เพราะนั่นคือคนที่มึงรัก ” อาฟบอกก่อนจะยักคิ้วให้ แต่ในตอนนั้นผมที่หันไปมองไปมองมันก็ได้แต่พูดย้ำ

“ แค่คนเคยรัก ไม่ใช่คนที่กูรัก ”

“ ยั๊วะจัง ”

“ ยั๊วะสิไอ้สัด มันเหมือนกันที่ไหนละ มึงจะมาพูดว่าไอ้บินเป็นคนที่กูรักได้ยังไง มันแค่คนที่กูเคยรักแต่ตอนนี้กูเกลียดมันไปแล้ว มึงสิที่ตอนนี้เป็นคนที่กูรัก ถ้ามึงจะพูดถึงไอ้บินมึงต้องใช้คำพูดว่า ก็มันเป็นคนที่กูเคยรัก กูเลยปกป้องมัน ถ้าพูดว่าแบบที่มึงพูดว่า กูต้องปกป้องคนที่กูรัก นั่นมันต้องหมายถึงมึงแล้วสัดอาฟ อึก ”  ประโยคยาวเหยียดที่ยังพูดไม่จบถูกสั่งให้หยุดเพียงเท่านั้นด้วยริมฝีปากของอีกคนที่ดึงตัวเองเข้ามาจูบกัน ก่อนจะผละออกแล้วตบท้ายด้วยประโยคสั้นๆที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่ชวนให้ต้องหน้าแดงไปแบบนั้นตลอดทาง

“ ครับ ผมทราบแล้ว ”

ประตูรั้วอัตโนมัติของบ้านถูกเปิดออกในตอนที่รถจอดลงตรงที่หน้าบ้านเพียงไม่นาน อาจเพราะคนด้านในรอคอยการมาถึงของเราอยู่ก่อนแล้ว ก็เลยสั่งกดปุ่มเปิดประตูรั้วได้ทันทีในตอนที่รถของเราขับมาถึง อาฟขยับเกียร์ปรับให้รถหยุดนิ่ง ก่อนจะดึงเบรคมือขึ้นในตอนที่เราจอดรถเสร็จเรียบร้อยในลานจอด ผมได้ยินเสียงถอนหายใจที่ผ่อนออกมาของอีกคน จนอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมา และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวเข้าเสียแล้วว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมยิ้มขำ

“ กูไม่ได้กลัว ”

“ ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ ” ว่าแบบนั้นก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อเลียนแบบมัน “ ใครๆก็ถอนหายใจได้จริงมั้ย ”

“ มึงเริ่มกวนตีนกูแล้วนะเมด ”

“ ไม่เป็นไรหรอกน่า ” เอื้อมมือไปจับมันก่อนจะยิ้ม “ พ่อกูใจดีมากเลย แม่เล็กก็ด้วย ”

“ เมื่อเช้ายังบอกกูเลยว่าดุ ”

“ แค่อยากให้มึงกลัว ” ผมพูดยิ้มๆ “ แต่ดูเหมือนมึงจะไม่กลัว ”

“ กูไม่ได้กลัว ” อีกคนพูดเสียงนิ่งในตอนที่มองหน้าผม “ แต่กูกังวล เพราะกูกลัวว่ากูจะไม่ดีพอ ในสายตาของพ่อมึง ”

“ ไม่เอาน่า มึงคืออาฟเตอร์อารยะนะเว้ย ” รอยยิ้มของผมทำให้คนตรงหน้าหลุดยิ้มออกมา “ มึงคือคนที่มั่นใจในตัวเองสุดๆเลยนะ ไม่ว่าอะไรมึงก็ทำได้ แล้วเรื่องแค่นี้ ”

“ เพราะมันคือเรื่องของมึง ” อาฟพูดแบบนั้นก่อนจะหันมายิ้มให้ผม “ มันเลยไม่มีหรอก กับคำว่าเรื่องแค่นี้ ”

กระเช้าผลไม้ถูกยกขึ้นมาจากด้านหลังรถ เสียงปิดประตูรถดังขึ้นจากนั้นพร้อมกับเสียงกดล็อค อาฟหันมามองหน้ากัน ในตอนนั้นผมเองก็ทำได้แค่ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือชุ่มเหงื่อของอีกคนไว้

“ ไม่เป็นไรหรอก กูมั่นใจว่าไม่เป็นไรแน่นอน ”

“ เพราะ ? ”

“ เพราะว่ามึงคือมึงไง ” ที่อาจจะไม่ใช่คนพูดเก่ง หรือช่างเอาใจ แต่เพราะว่ามึงคือมึง คนที่มีกูเป็นโลกทั้งใบ ยังไงก็ต้องผ่านไปได้ด้วยดีอยู่แล้ว

หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 5 :: up! 1-3-62} #หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 15-03-2019 21:03:59
ประตูไม้สีน้ำตาลที่ออกแบบมาเข้ากับตัวบ้านถูกเปิดออก บ้านของผมเป็นบ้านสองชั้นที่มีบริเวณ ส่วนหน้าที่เดินเข้ามาเป็นห้องรับแขกที่ถูกตกแต่งไว้อย่างดี ออกแบบมาให้แยกเป็นสัดส่วนกับพื้นที่ส่วนของคนในบ้าน มุมโปรดของบ้านที่ใช้ทั้งดูทีวี และอ่านหนังสือพิมพ์ คือมุมนั่งเล่นตรงส่วนของข้างบ้าน ที่มีประตูเปิดกว้าง มองเห็นวิวของสวนสวยที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างดีด้วยต้นไม้ทั้งใหญ่น้อยดูสบายตา

“ พ่อ สวัสดีครับ ” ผมเอ่ยทักคนที่ก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ผ่านจอไอแพตส่วนตัวของตัวเองอยู่ในตอนนั้น สายตาคมมองผ่านลอดแว่นมาเป็นท่าประจำที่บอกกันกี่ครั้งก็ไม่เคยฟังว่ามันดูดุและน่ากลัว  วันนี้พ่อของผมใส่เสื้อโปโลสีขาว มันเข้าคู่กับกางเกงสบายๆสีดำที่อีกคนชอบใส่ประจำ “ นี่อาฟ แฟนเมด ส่วนนี่คุณเมธ พ่อกู ”

“ สวัสดีครับ ”

“ สวัสดีครับ ” พ่อรับคำทักทายของอีกคนที่ก็ก้าวออกไปวางกระเซ้าผลไม้ที่เอามาด้วยวางลงบนโต๊ะ

“ กระเซ้านี้คุณแม่ผมฝากมาให้ครับ ทั้งคุณลุงแล้วก็คุณน้าครับ ”

“ ขอบคุณมากนะ ” ไอแพตในมือถูกวางลงก่อนที่พ่อจะลุกขึ้นเต็มความสูงและเอื้อมรับกระเซ้าที่อาฟส่งมาให้ “ คุณ เมดพาแฟนมาเยี่ยมแน่ะ ”

“ มาแล้วค่ะ น้องเมดกับแฟนมาถึงแล้วเหรอ ” เสียงจากในครัวที่ดังแว่วมาชวนให้ผมหันไปยิ้มให้อาฟ แม่เล็กสวมเสื้อฉลุลูกไม้ตกแต่งด้วยลายดอกไม้เล็กๆสีสดใส เข้ากับกางเกงห้าส่วนแนบตัว ผมยาวดัดลอนถูกมัดไว้ด้านหลัง เธอยิ้มและยกมือรับไหว้ในตอนที่อาฟกับผมไหว้เธอ

“ สวัสดีครับ ”

“ อาฟนี่แม่เล็ก ” ผมบอกอีกคนที่ก็พนักหน้ารับ “ ส่วนแม่เล็กครับนี่อาฟแฟนเมด ”

“ หล่อจังเลยนะ ” เธอชมก่อนจะหันมายักคิ้วให้ผม 

“ คุณแม่ฝาก กระเซ้าผลไม้มาให้ครับ ” อาฟบอกเธอที่ก็หันไปมองกระเซ้าบนโต๊ะที่ว่า

“ ผลไม้อย่างดีเลย แม่เล็กฝากขอบคุณคุณแม่ด้วยนะคะน้องอาฟ ”

“ ครับผม ” อีกคนยิ้มก่อนจะพยักรับคำพูดนั้น

“ อร่อยมากด้วยเมดชิมแล้ว สตอเบอรี่หวานฉ่ำ เนยกินกับขนมปังปิ้งก็ฟินมาก ”

“ ในโลกนี้มีอะไรที่เรากินแล้วไม่อร่อยบ้างละ ” พ่อพูดขัดขึ้น แล้วในตอนนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมาเป็นเสียงเดียวกัน แม้แต่อาฟก็ยังหลุดยิ้มออกมา

“ งั้นขอเอาไปล้างทำความสะอาดนะคะ เดี๋ยวกินข้าวกันเรียบร้อยจะเสิร์ฟเป็นของหวานหลังมื้ออาหารนะ ” แม่เล็กเอื้อมมือมาหยิบกระเซ้าผลไม้ที่ว่า แต่ยังไม่ทันจะเดินออกไปในตอนนั้นพ่อก็เอ่ยบอกกัน

“ เมดก็เข้าไปช่วยแม่ด้วยสิ ”

“ เอ่อ..” ผมเหลือบมองพ่อสลับกับอาฟ

“ พ่อจะคุยกับอาฟหน่อย แบบสองคน ”

“ โอเคครับ ” พยักหน้ารับความต้องการของอีกคน ในตอนนั้นผมก็หันไปเหล่มองคนที่มาด้วยกันและไม่ลืมชูกำปั้นให้เป็นการบอกว่า ‘ สู้นะ ’ แถมด้วยการพูดแบบไม่ออกเสียงด้วยท่าทางที่ยิ้มจนตาปิด ‘ ยิ้มเยอะๆ ยิ้มมมมม  ’ แต่ในตอนนั้นคนที่ผมบอกกลับมีแค่แววตาเอ็นดูส่งมาให้ ส่วนในความคิดของมันก็คงจะเถียงออกมาว่า

‘ จะให้กูนั่งยิ้มเหมือนคนโง่นะเหรอ มึงบ้ารึเปล่า ’

“ เชิญนั่งก่อน ” พ่อเอ่ยบอกอีกคนในตอนที่ผมยังไม่ทันจะเดินเข้าส่วนครัวไป ไม่มีเสียงของอาฟที่ขานรับมา แต่ตอนที่หันไปมองผมเห็นอีกคนก้มหน้าลงก่อนจะนั่งลงที่โซฟาตัวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามของพ่อ จะว่าไปมันก็เหมือนกับวันนั้นไม่มีผิดเลย วันที่ ผมตัดสินใจพาบินมาที่นี่ วันนั้นพ่อก็บอกให้อีกคนนั่งลงที่เก้าอี้ตัวนั้นเหมือนกัน แล้วก็ไล่ผมออกมาแบบนี้เหมือนกันด้วย

“ เป็นห่วงเหรอน้องอาฟเหรอน้องเมด ” เสียงของแม่เล็กเอ่ยบอกผมที่ก็หันกลับไปมองก่อนจะพยักหน้ารับ

“ อาฟเป็นคนพูดไม่เก่งเลยแม่เล็ก ” ผมบอกเธอ “ พูดแบบไม่มีหูรูดด้วย มันเป็นคนที่ค่อนข้างจะตรงอยู่นะ กลัวพ่อไม่ชอบ ”

“ อย่าคิดมากเลยน่า ” เธอว่า ก่อนจะหยิบถ้วยใบเล็กที่ชั้นวางก่อนจะเดินไปที่หม้อ ตักชิ้นหมูตุ๋นที่เคี่ยวจนพอดีใส่ลงไปในนั้นสองชิ้น “ ลองชิมให้แม่เล็กหน่อย ว่าอร่อยพอแล้วยัง ”

“ น่ากินจัง ” ผมบอกก่อนจะตักชิ้นหมูนั่นเข้าไปในปากแล้วเคี้ยว รสชาติกลมกล่อมกระจายอยู่ในปากรสสัมผัสของชิ้นเนื้อนุ่มๆและกระดูกอ่อนที่กำลังพอดี ทำให้ผมพยักหน้ารับ “ อร่อยมากเลย ”

“ โอเคแล้วใช่มั้ย ”

“ โอเคมากกก ” บอกแบบนั้นก่อนจะวางถ้วยลงในที่ล้าง ไม่ลืมเหลือบมองออกไปด้านนอกเป็นระยะอย่างเป็นห่วง

“ ห่วงอะไรขนาดนั้นละน้องเมด พ่อเราไม่ใช่คนใจร้ายสักหน่อย ”  แม่เล็กว่ายิ้มๆ

“ พ่อไม่ใช่คนใจร้าย แต่อาฟก็ไม่ใช่คนพูดเก่งนะแม่เล็ก ”

“ คนพูดเก่ง บางทีก็ดีแค่พูด แต่ทำอะไรจริงๆไม่ได้สักอย่าง ” เธอพูดแบบนั้นก่อนจะเริ่มตั้งกระทะเพื่อทอดหอยจ๊อปูที่หั่นเตรียมไว้ “ พูดเก่ง ไม่เก่งมันไม่เกี่ยวหรอก สิ่งที่พ่อเค้าต้องการไมได้อยู่ที่คำพูด เค้าต้องการการกระทำ ”

“ เมดแค่คิดถึงตอนที่เมดพาบินมา แล้วพ่อไม่โอเค แล้วก็กลัวว่าพ่อจะไม่โอเคกับอาฟด้วย ”

“ เค้าไม่เหมือนกัน จริงมั้ย ” แม่เล็กหันมายิ้มให้ผม “ เพราะงั้นก็ไม่เห็นต้องกลัว อีกอย่างที่พ่อเค้าไม่ชอบนั่นก็เพราะบินเค้าไม่ได้มีอะไรที่จะเป็นหลักประกันให้พ่อเค้ารู้สึกได้เลยว่า คนคนนี้รักลูกชายเค้าจริงๆ ถามอะไรก็ตอบแค่ไม่ ไม่เท่านั้น เหมือนไม่ได้วางแผนอะไรเลย มันเหมือนเค้าไม่ได้คิดจะมีน้องเมดในอนาคตเลยสักนิด ”

“ ก็จริงนะแม่เล็ก เค้าไม่ได้มีเมดในอนาคตจริงๆนั่นแหละตอนนั้น ”

“ พอพ่อเราถามว่า ทางบ้านรู้หรือยัง ก็บอกว่ายัง คิดว่าทางบ้านจะรับได้มั้ยก็บอกว่าไม่รู้ เรียนจบแล้วคิดจะทำอะไร ก็ตอบว่ายังไม่คิด คือมันไม่มีความรู้สึกดีอะไรสักอย่างที่จะทำให้เรารู้สึกชอบเค้า เพราะเค้าไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่า ลูกเราจะมีความสุขแน่นอน ถ้าเราฝากลูกเราไปกับคนคนนี้ เค้าดูไม่ได้รักน้องเมด ไม่ได้วางแผนอะไรไว้กับน้องเมด เหมือนแค่คบกันไปวันๆ ” แม่เล็กถอนหายใจออกมา เธอกดเปิดเตาแก๊ส รอน้ำมันร้อนได้ที่ก่อนจะใส่หอยจ๊อปูลงไป เสียงของทอดดังเป็นจังหวะ เธอปิดฝาเพื่อกันไม่ได้น้ำมันกระเด็น “ พ่อน่ะ เค้าไม่ได้ต้องการคนรวย คนช่างเอาใจ พูดเก่ง หรือว่าอะไรหรอก สิ่งที่เค้าต้องการมีสิ่งเดียว นั่นก็คือ คนคนนั้นคือคนที่ไม่ว่าวันนี้ หรือในอนาคต ก็เป็นคนที่อยู่ข้างๆน้องเมดไม่ไปไหน คนที่ทำให้น้องเมดมีความสุขทุกวัน นั่นแหละ คือคนในแบบที่พ่อเค้าจะชอบ ”

“ งั้นเมดก็ไม่ห่วงแล้วละ เพราะถ้าอะไรแบบนั้น อาฟมีมันอยู่ทั้งหมดเลย ” ผมบอกแม่เล็กที่ก็พยักหน้ารับให้กัน เธอเปิดฝาที่ปิดอยู่กับกระทะออก กลิ่นหอมของของทอดก็โชยเข้าจมูกผมที่รับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างในตอนนั้น พลังงานที่บอกว่า วันนี้ต้องกินข้าวมากกว่าสองจานแน่นอน “ แต่นะแม่เล็ก ”

“ ครับ ว่าไงลูก ”

“ เมดอยากรู้จัง ว่าอาฟกับพ่อ จะพูดอะไรกัน ” คำพูดที่ทำให้คนฟังถอนหายใจออกมา เธอส่ายหน้าไปมาในตอนที่ผมยิ้มแล้วพูดกับเธอเสียงเบาๆ “ ขอตัวออกไปแอบฟังก่อนนะครับ ”

“ จริงๆเลยนะ ”

ภายในห้องนั่งเล่นของบ้านที่ค่อนข้างเงียบเชียบ คนสองคนที่นั่งเผชิญหน้ากันอยู่นั้น ไม่ได้อยู่ในบรรยากาศอึดอัดแต่อย่างใด ทว่าท่าทางของอาฟก็ดูไม่ได้สบายอย่างที่ปกติมันชอบนั่ง ทุกอย่างของอีกคนต่างจากพ่อของผมที่นั่งพิงหมอนกับโซฟาแล้วชวนพูดคุย

“ ยังไม่ได้โอกาสขอบคุณเรื่องเมื่อวันก่อนเลย ” พ่อผมพูด “ อุตส่าห์ขับรถตามมา ยังไงก็ขอบคุณที่เป็นห่วงเมดนะ เข้าใจเลยว่า บทจะดื้อ รายนั้นก็ดื้อแบบไม่ฟังใครทั้งนั้น ”

“ ครับ ”

“ แล้วตอนนั้นคิดยังไงถึงตามมา ”

“ ผมคิดแค่ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่างน้อยก็ยังช่วยทัน แล้วก็อยากจะเห็นกับตาตัวเองด้วยครับ ว่าเมดถึงบ้านอย่างปลอดภัย ” รอยยิ้มของพ่อพยักหน้ารับกับคำตอบนั้นด้วยแววตาที่มองอีกฝ่ายอย่างรู้สึกดี

“ แล้วตอนนี้กำลังจะเรียนจบใช่มั้ย ”

“ ครับ ” อาฟตอบ คนฟังก็พยักหน้ารับ

“ ตอนแรกวิวมาเล่าให้พ่อฟังว่า แฟนของพี่เมดเป็นเจ้าของผับ พ่อก็คิดไปว่า คงจะเป็นคนที่ทำงานแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายังเป็นเด็กวัยรุ่น ” สรรพนามที่ใช้เรียกถูกเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ แต่ในตอนนั้นผมที่เห็นอาฟก้มหน้ารับแล้วยิ้ม เป็นท่าทางที่ดูแปลกตาไปจากเก่าอยู่มาก ไม่เหมือนคนมั่นใจที่ชอบตั้งชอบกวนตีนกัน แต่กลายเป็นคนสุภาพที่ถ้าไม่ได้มาเจอพ่อผม ก็ไม่มีทางได้เห็นแน่นอน “ แล้วทำไมถึงตัดสินใจเปิดผับละ ชอบเหรอ ”

“ มันไม่เชิงว่าชอบหรอกครับ แต่ผมอยากได้รถ เลยไปขอเงินพ่อ แต่เค้าไม่ให้ ” อาฟยิ้ม “ พ่อให้ได้แค่ในจำนวนหนึ่ง ”

“ ก็เลยเลือกเอาเงินนั้นมาทำธุรกิจงั้นเหรอ ”

“ ครับ แล้วที่เลือกทำผับเพราะผมมองว่ามันเป็นธุรกิจที่ได้เงินคืนเร็ว แต่เมดเคยบอกว่า มันเป็นเพราะผมดวงดีก็เท่านั้น ก็เลยไม่เจ๊งไปก่อน ” พ่อหลุดหัวเราะออกมาตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น “ เพราะผมเล่นไม่ทำบัญชีอะไรเลย เหมือนมีเงินเท่าไหร่ก็ใช้ไปเท่านั้น ตอนที่เค้ามาเรื่องบัญชีให้แรกๆ ผมเห็นเค้าบ่นมันทุกวันเลยครับ ”

“ ก็นิสัยเค้าละนะ ” พ่อผมบอก “ ไม่ถึงกับเรียบร้อย แต่ก็ชอบจัดการนู้นนี่นั่นให้อยู่ในที่ทางของมัน จะพูดว่า มีระเบียบก็ได้มั้ง เป็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้วด้วยนะ เมื่อก่อนตอนเค้าเป็นเด็ก สักสี่ขวบมั้ย เวลาพ่อกลับบ้าน บางทีเหนื่อยมากเราก็ไม่อยากจะเก็บอะไรให้เข้าที แล้วตอนนั้นเมดจะเดินมา เก็บรองเท้าให้เข้าที่ให้ แล้วก็เก็บกระเป๋าของพ่อให้เข้าที่ด้วยนะ ” คราวนี้กลายเป็นอาฟบ้างที่หลุดยิ้มออกมาตอนที่พ่อแอบพูดถึงผม

“ อยู่กับผมเค้าก็เป็นครับ ”

“ แล้วใกล้จะเรียนจบแบบนี้ คราวนี้ก็คงมาทำงานที่ผับเต็มตัวเลยละสิ ”

“ ผมตั้งใจจะไปรับช่วงต่อธุรกิจของพ่อครับ ” เสียงทุ้มตอบแบบนั้น “ ส่วนเมด ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้เค้าทำงานที่ผับต่อไป เพราะตอนนี้เรากำลังจะขยายกิจการครับ ”

ไม่ใช่คำพูดที่ฟังแล้วรู้สึกแย่ แต่ประโยคนั้นดูเหมือนทำให้คนฟังอย่างพ่อผมเงียบไปนาน สายตาที่เอาแต่มองคนตรงหน้าอย่างอาฟ แต่ทว่าคนโดนจ้องเองก็ไม่มีทีท่าจะหลบตาหรือแสดงออกถึงท่าทีวิตกอะไรออกมา อาฟแค่มองหน้าอีกคนด้วยสายตาที่ยังคงยิ้มและมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองพูด

“ มั่นใจแล้วเหรอว่าเป็นเมด ” แล้วคำถามที่พ่ออยากรู้ที่สุดก็หลุดออกมา “ เราเป็นคนมีความคิด พ่อชื่นชมนะ และขอขอบคุณมากๆ ที่ในอนาคตของอาฟมีเมดอยู่ในนั้น  พ่อได้ข่าวว่าเราซื้อคอนโดสร้างครอบครัวกันสองคน และถึงจะทำกันมาขนาดนี้แล้ว ถ้าพูดมันคงน่าเกลียด แต่ว่าพ่อก็อยากจะถามจริงๆ ว่ามั่นใจแล้วเหรอ มั่นใจแล้วเหรอว่าในอนาคต จะเลือกเมดไปอยู่ข้างๆ ” คนเป็นพ่อยิ้มให้อีกคน “ ลูกชายพ่อเป็นผู้ชายนะ ในอนาคตเมื่อเราโตขึ้นกว่านี้ ต้องเข้าสังคมที่มีหน้ามีตากว่านี้มันจะไม่เหมาะสมหรือเปล่า ”

“ ผมไม่เคยคิด ถึงเรื่องความเหมาะสมไม่เหมาะสม และผมไม่เคยแคร์ว่าสังคมจะมองผมกับเมดยังไง เพราะมันเป็นความคิดของคนอื่น ที่ไม่ได้สำคัญในชีวิตของเรา และอีกอย่างมันไม่เกี่ยวกับธุรกิจและหน้าตาทางสังคม ความรักเป็นเรื่องของรสนิยมส่วนตัว มันแล้วแต่บุคคล ”

“ อื้ม ”

“ ผมขอโทษนะครับ ที่บางทีผมดูเหมือนจะมั่นใจในตัวเองจนเหมือนเป็นคนก้าวร้าว แต่ไม่จะให้ตอบอีกกี่สิบครั้ง ผมก็มั่นใจว่าไม่ว่ายังไง สุดท้ายก็ต้องเป็นเมด ”

“ เหตุผลละ ? ”

“ ก็เพราะเมดครับ ” อาฟตอบสั้นๆแค่นั้น “ เค้าเป็นเหตุผลที่กำหนดให้ผมทำทุกอย่าง ”
 
“ จะบอกว่ามาที่นี่ก็เป็นเพราะเมดถูกมั้ย ”

“ ครับ ” อาฟตอบพ่อผมตามตรง “ ก่อนหน้านี้ผมไม่มีความคิดนี้เลยครับ ผมคิดว่าใครจะเป็นยังไงก็ไม่สน แค่ผมกับเมดรักกันเท่านั้นก็พอ ผมผยองตัว คิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้เพราะมีธุรกิจในมือ มีเงินเลี้ยงดูเมดได้ แค่นั้นก็พอ ผมคิดแบบนั้นจนกระทั่งวันหนึ่งที่พ่อของผมถามผมว่าจะตอบพ่อของเมดว่าอะไร ถ้าเค้าถามขึ้นมาว่า แล้วบ้านของอาฟรับเมดได้รึเปล่า ”

“ อื้ม แล้วตอนนั้นตอบไปว่าอะไร ”

“ ตอนนั้นผมบอกพ่อว่า ผมจะตอบว่าผมไม่สนว่าพ่อแม่ผมจะคิดยังไง แต่แล้วอยู่ๆผมก็มีคิดขึ้นว่า ถ้าเป็นแบบนั้นเมดก็คงไม่มีความสุข เมดไม่เหมือนผมที่จะไม่แคร์  แล้วนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้ผมกลับมาทำทุกอย่างให้เป็นอย่างที่ควรเป็น เค้าเป็นคนเดียวทำให้ผมมองไปข้างหน้าว่าจะทำยังไงให้เค้ามีความสุข และไม่ต้องลำบาก แล้วก็เป็นคนที่ทำให้ผมรู้ว่าคนรอบตัวของเราสำคัญยังไง เป็นเหมือนสีสันสดใสในชีวิตที่ค่อนข้างเทาของผม ชีวิตนี้ก็มีแค่เค้าที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ และเปลี่ยนแปลงได้ถึงขนาดนี้ แล้วนั่นก็คือคำตอบที่พ่อถามครับ ว่ามั่นใจแล้วเหรอ ที่จะให้เป็นเมด ” อาฟยิ้มออกมาในตอนที่มองคนเป็นพ่อด้วยสายตามุ่งมั่น “ ครับ ผมมั่นใจ ไม่ว่ายังไง สำหรับผม ก็ต้องเป็นเมดเท่านั้น ”

“ งั้นก็ฝากเมดด้วยแล้วกันนะอาฟ ” พ่อของผมพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มในตอนนั้นก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงโดยที่ไม่ได้พูดเรื่องอื่นอีก แต่กลับหันไปชวนอีกฝ่ายอีกข้าวแทน  “ อาหารเหมือนจะเสร็จแล้ว กินข้าวด้วยกันก่อนนะ ”

“ ครับ ” เสียงทุ้มที่เอ่ยบอกผมก็ได้แต่ยิ้มอยู่ตรงมุมเสาของบ้านจนพ่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากัน

“ คนนี้ผ่านนะ ” พ่อว่าแบบนั้นก่อนจะเอื้อมมือมาจับที่หัวของผมก่อนจะขยี้ ในช่วงวินาทีสั้นๆนั้นอีกคนก้มลงมาหอมที่หัวของผมไปเต็มฟอดไม่ต่างอะไรกับตอนเด็กๆ “ มีความสุขมากๆนะลูก ”

“ ขอบคุณครับ ” ตอบรับคำนั้น คนเป็นพ่อก็เดินผ่านไป ทิ้งไว้แค่ผมกับอาฟที่มองหน้ากันอยู่ในตอนนั้น ก่อนที่ต่างฝ่ายจะก้าวเท้าเดินเข้าไปหากัน แต่ยังไม่ทันได้พูดแซวอะไรคนที่เหมือนจะหน้าแดงไปทั้งหน้าเพราะเพิ่งรู้ว่าผมมาแอบฟังบทสนทนานั่นก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น ราวกับจะปิดบังท่าทางเขินอายพวกนั้นของตัวเอง

“ เมื่อกี้แค่พูดเอาใจพ่อมึงเฉยๆ ”

“ งยังไม่ได้พูดอะไรเลย ” ผมยกยิ้มขึ้นมาตอนที่เอื้อมมือขึ้นกอดอีกคนกลับ “ งั้นสงสัยคนที่พูดเมื่อกี้เป็นคนที่ชื่ออาฟเตอร์อารยะแน่ ไม่ใช่มึง ”

“ อื้ม ” อ้อมกอดโอบกระชับผมแน่นขึ้น ในวินาทีนั้นเหมือนทุกอย่างรอบตัวเรามันจะเงียบเชียบไป สายลมอ่อนที่โบกพัดรับรู้ได้ถึงลมที่พัดผ่านมาจากช่องหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ ก่อนคนที่กอดกันไว้จะจูบลงบนไหล่แล้วเอ่ยพูดออกมา “ เมื่อก่อนตอนที่ส่งนมไปให้ครั้งแรก กูเคยจินตนาการถึงวันนี้ ว่าตัวกูจะมีความสุขแค่ไหนที่ได้มีมึงเป็นแฟน ”

“ เหรอ ”

“ แล้ววันนี้กูก็เข้าใจแล้ว ความสุขนั้น มันก็เป็นแบบนี้เอง ”

“ อันนี้ใครพูด มึง หรือว่าอาฟเตอร์อารยะ ” ผมแซวอีกคนที่หลุดหัวเราะออกมา

“ อาฟเตอร์อารยะ ”

“ สองคนนั้นน่ะ จะกอดกันกลมไปถึงไหน มากินข้าวได้แล้ว ” เสียงของแม่เล็กเดินออกมาเอ่ยเรียกเรา ที่ก็ผละออกจากกันแล้วก็เดินไปยังโต๊ะกินข้าวโดยที่มือข้างนึงยังคงกุมมือของกันและกันไว้ไม่มีปล่อย

แผ่นหลังของคนที่จูงมือผมเดินไป มันอาจจะไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายเท่าไหร่ แต่กลับเป็นแผ่นหลังที่ทำให้รู้สึกว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า เราก็คือเรา คนที่จะเติมเต็มโลกของกันและกัน แล้วจะอยู่เคียงข้างกันไปตลอด

อาฟอาจจะไม่ใช่คนที่ผมเคยจินตนาการ ว่าตัวเองจะมีความสุขมากแค่ไหน ที่เราได้รักกัน
แต่มันคือคนที่ทำให้ผมได้รู้ว่า คนเรามีความสุขได้มากแค่ไหน เมื่อเราได้เจอกับรักดีๆ

.............................................................

เขียนว่า เสื้อสีมงคลไม่ได้ทำให้โชคดีขึ้น แต่คนเขียนเองก็ใช้วอลเปเปอร์เรียกทรัพย์ บนหน้าจอมือถือตัวเอง5555555555555555555

ใจจริงเราอยากจะเขียนสตอรี่ที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ อารมณ์เมดไปเจอครอบครัวอาฟ แต่เราก็คิดว่า พี่อาฟน่ะ ไม่มีทางกลัวหรอก มากสุดพี่เค้าคงกังวล เพราะเค้าก็รู้พื้นฐานนิสัยของตัวเอง อาจจะมีบ้างที่ดูไม่เหมือนพี่อาฟ เพราะพูดมาก และอธิบายตัวเองออกไปตรงๆ แต่คิดว่าพูดกับผู้ใหญ่ คุณอารยะน่าจะตอบอะไรตรงๆมากกว่าการอ้อมค้อม ในมุมมองหนม อยากให้จบออกมาในมุมเท่ห์ๆ ของชายหนุ่มสองคนสองวัยที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก เอาเท่าที่จำเป็น ก็พอ เลยออกมาในมุมมองแบบนี้ค่ะ

แท้จริงๆ แล้ว ตอนนี้ เป็นตอนที่ 8 ในเล่ม ช่วงต้นเลยอาจจะแปลกไปนิดหน่อย
หนังสือเล่มนี้ ยังคงเปิดจองอยู่นะคะ ปิดดจองวันที่ 5 เมษา  ใครที่สนใจ รีบเข้ามาสั่งจองกันนะคะ
เนื้อหาตอนพิเศษ จุใจและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน

ท้ายนี้ ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 15-03-2019 21:44:41
นึกถึงคอนโดของอาฟกะเมธนี่ มโนไปแล้วว่าอยู่พร้อมพงษ์ ร้านผลไม้ก็พร้อมพงษ์ 555

ละยังมาสีเสื้อ นี่ขำกลิ้งเลย เพราะตัวเราเองก็ดูสีตามวันเช่นกัน

หน้าวอลล์ก็ด้วย แต่ยังไม่มีโชคเหมือนคนอื่นเค้าเลย  :m20:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-03-2019 23:01:51
 o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 15-03-2019 23:32:08
งุ้ยยยยยยย
พี่อาฟทำให้น้องเมดเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 15-03-2019 23:36:34
ปริ่มมากกกกกกกกกกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 15-03-2019 23:48:05
คุณแม่พี่อาฟตื่นเต้นได้น่ารักมากๆค่ะ เป็นครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรักมากๆเลยค่ะ อบอุ่นหัวใจจัง
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 16-03-2019 00:51:27
 :ruready ขนาดคนอย่างพี่อาหนังเกร็ง
สงสัยกลัวว่าเค้าจะไม่ยกลูกให้
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 16-03-2019 01:33:03
เพราะอาฟเป็นอาฟ และเมดเป็นเมด
เลยน่ารักแบบนี้
เข้ากันอย่างลงตัว
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 16-03-2019 05:34:43
สมกับเป็นอาฟ o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 16-03-2019 08:23:47
พี่อาฟเท่มากจริงๆ
คุณพ่อกับแม่เล็กก็น่ารัก

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-03-2019 09:54:45
ลุ้นไปกับเมด
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-03-2019 08:37:38
อ่านตอนนี้แล้วรักพี่อาฟขึ้นมาอีกเป็นสิบๆเท่า เมดโชคดีมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 17-03-2019 15:02:59
พี่อาฟ  สุดยอด!!!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 18-03-2019 11:13:44
พี่อาฟคนดีของน้องเมด :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 18-03-2019 12:55:55
 o13 o13 o13 แล้วน้องเดย์จะอยู่กับใคร
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: smilepengy ที่ 19-03-2019 16:15:10
พี่อาฟเตอร์โคตรเท่ห์  o13
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 20-03-2019 17:52:39
ดีใจแทนพี่อาร์ฟกับน้องเมดที่ผ่านอุปสรรคมาได้และครอบครัวเข้าใจอ่านแล้วมีความสุข :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-03-2019 20:52:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: Jusjus ที่ 21-03-2019 00:16:12
 :katai2-1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 22-03-2019 00:15:55
ขอ "อาฟเตอร์อารยะ" 1ที่คะ ถ้ามีคนที่รักเราอย่างนี้คงโชคดีที่สุดแล้ว  :mew1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-03-2019 13:24:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 29-03-2019 20:27:28

ตอนพิเศษที่ 7


ทั้งชีวิตนี้ผมเคยคิดมาตลอดว่า ทุกวันที่ผ่านพ้นไปก็คือวันธรรมดาที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไร ผมไม่ใช่พวกบุคคลที่ให้ความสำคัญกับวันพิเศษ แต่เหมือนตอนนี้จะไม่เหมือนตอนนั้นอีกแล้ว ผมมีวันที่ควรให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นมาสองวัน อย่างยินดีและยอมรับ วันแรกคือวันเกิดของคนที่ได้ชื่อ คนรัก ส่วนวันที่สองคือวันครบรอบที่เราคบกัน แต่ดูเหมือนว่า 365 วัน มีวันพิเศษแค่สองวันมันดูจะน้อยไป โลกก็เลยให้หนึ่งวันพิเศษเพิ่มเข้ามา แล้วนั่นก็คือ ‘ วันวาเลนไทน์ ’

ซึ่งเดิมทีคนอย่างผมก็มองว่ามันเป็นแค่วันไร้สาระวันหนึ่งก็เท่านั้น

“ ตกลงว่าจะเอาตามนั้น ”

“ หรือมึงจะให้กูกระโดดลงจากตึกใบหยกแล้วบอกรักมัน ” คำพูดของไอ้เจสวนกลับน้องชายผมที่ก็หัวเราะพลางพยักหน้ารับคำพูดประชดของอีกคน หนำซ้ำยังแถมด้วยการยกนิ้วโป้งเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างกวนตีน “ ไปให้พ่อมึงทำนะเดย์ ”

เสียงหัวเราะถูกใจของบาร์เทนเดอร์ทั้งสองคนดังลั่นขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจแขกในร้าน จนผมต้องปรายตาไปมองเพื่อให้มันลดเสียงที่กำลังสนุกสนานนั่นลงเสียหน่อย

ตอนนี้ผมกำลังนั้นอยู่ที่บาร์ตรงมุมประจำ ส่วนหัวข้อที่กำลังพูดคุยกันก็เกี่ยวกับเรื่องวันแห่งความรักที่น่ารำคาญนั่น โดยที่ไอ้เดย์น้องชายของผมเป็นคนถามขึ้นมาก่อนหน้านี้ว่า ‘ วาเลนไทน์ปีนี้พวกพี่มึงให้อะไรเป็นของขวัญแฟนกันเหรอจ้ะ ’

‘ ก็คงสั่งดอกไม้ให้มันสักช่อ เอาช่อใหญ่ๆเลยนะ แล้วก็คงกินข้าวช่วงกลางวัน ก็ตามธรรมเนียมให้เค้าหน่อย ’ คำตอบของไอ้เจที่พูดขึ้นมันทำให้ผมคิดภาพตาม

ใบหน้าของไอ้เด็กแรดคนนั้น ที่คงจะดีใจออกนอกหน้าจนทำอะไรถูกตอนที่ได้รับดอกไม้ ไม่นับว่ามันต้องยิ้มไม่หุบแน่นอนในตอนที่ไอ้เจพามันไปกินข้าว ท่าทางที่จะมองไปรอบๆอย่างมีความสุขแบบที่ชอบทำนั้น คงเชิดหน้าจนดูเหมือนชนะคนทั้งโลก เป็นท่าทางที่ชวนให้ขำจนทำให้ผมคิดขึ้นมาได้ว่า แล้วถ้ามันเป็นเมด อาการมันจะเป็นยังไงกันวะ

“ คิดอะไรอยู่ครับสัดพี่ ” ไอ้เดย์ทักผมที่กำลังใช้ความคิด แต่ยังไม่ทันจะตอบอะไร ไอ้อัยย์เพื่อนมันที่เหล่กันอยู่นานก็พูดขึ้นด้วยท่าทางรู้ดีราวกับอ่านใจได้

“ คงกำลังคิดอยู่แน่นอนเลย ว่าวาเลนไทน์ปีนี้จะให้อะไรพี่เมดดีน้า ”

“ ปัญญาอ่อน ” ผมบอกปัดคนที่นั่งข้างกันก็ยกยิ้ม “ มึงยิ้มเหี้ยอะไรสัดเจ ”

“ พูดถูกก็ยั๊วะอีกไรวะ แบบนี้ก็ได้อ๋อ ”

“ กูไม่ได้คิดจะให้อะไรมันทั้งนั้น ไร้สาระ ”

“ พูดแบบนี้สุดท้ายก็ให้ตลอดแหละจ้า ” น้องผมบอก “ แต่กูว่าให้ก็ดีนะสัดพี่ ความรู้สึกหน้าแห้งๆของพี่เมดที่มองไปรอบๆ ในวันที่ใครๆก็ได้ของจากแฟน แต่ตัวเองมีแฟนแต่ไม่ได้ มันไม่โอเคนะเว้ย ”

“ คนอย่างกู ไม่จำเป็นต้องให้หรอก ”

“ ก็เพราะคนอย่างมึงนั่นแหละถึงยิ่งต้องให้ ” ไอ้เจที่นั่งข้างกันหันมาบอกก่อนจะยกยิ้ม “ เพราะยิ่งเค้าไม่คาดหวังอะไรในตัวมึงเท่าไหร่ แต่พอเค้าได้รับ เค้าก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น ”

“ ยกตัวอย่างเช่น เอาดอกไม้ใส่ไว้หลังรถ แล้วก็ทำเป็นบอกพี่เมดว่า ไปเอาของหลังรถให้หน่อยสิ ” ไอ้อัยย์พูดด้วยสีหน้าเพ้อฝัน “ แล้วพอพี่เมดเปิดฝากระโปรงรถออกมา พี่เมดจะอึ้งอยู่หน่อยๆใช่มั้ย ตอนนั้นเฮียก็เดินออกมาจากรถเลยเว้ย จากนั้นก็กอดพี่เมดไว้จากด้านหลัง แล้วกระซิบข้างหูพร้อมกับบอก สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับสุดที่รักของผม  ” ท้ายประโยคที่มันดัดเสียงทุ้มชวนให้ผมเบือนหน้าหนีแทบจะทันที ไม่ต่างอะไรกับไอ้เจที่ทำท่าอ้วกออกมาก่อนจะยกเหล้าขึ้นกิน

“ ไปบอกให้พ่อมึงทำแล้วกันนะ ” ผมบอกปัดอีกคนก็ทำหน้าไม่พอใจ

“ อะไรเฮีย ที่มันมุกคลาสิคเลยนะเว้ย แล้วความคลาสิคจะไม่มีวันตาย จำไว้ ”

“ กูว่าจัดเซอไพร์สในห้องดีกว่า ” ไอ้เดย์ที่ตอนแรกยืนฟังนิ่งๆ ก็เริ่มจะออกความคิดเห็นบ้าง “ จัดดอกไม้กุหลาบสีแดงสวยๆ เอาสัก เก้าพัน เก้าร้อย เก้าสิบเก้าดอก ”

“ เยอะไปไอ้สัด ” ไอ้เจบอกขัดมัน

“ ไม่เยอะ เพราะปลูกกุหลาบแดงไว้เพื่อเธอ เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก บ่งบอกความจริงที่ยิ่งใหญ่ บ่งบอกว่าใจฉันยังคงมั่น พันปีหมื่นวัน ไม่เคยหน่าย ฟ้าดินสลายหัวใจมั่นรักเธอ ”

“ นั่นมันเพลงสมัยแม่กูยังสาวเลยนะ ”

“ ใช่ แม่กูฟังบ่อยมาก ” ผมถอนหายใจออกกมาตอนที่ฟังความคิดของน้องชายตัวเองตอนที่หันไปตอบเพื่อนสนิท

“ กูว่าคนอย่างสัดอาฟ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้นหรอก แค่มึงขับรถไปกับมัน เปิดกระจกซื้อดอกไม้ที่เด็กเค้าเคาะกระจกขาย แล้วเอาให้แฟนมึง แค่นี้ จบ ”

“ แต่พอทำจริง น้องบอกมีแต่ดอกกมะลิ สัดพี่เลยซื้อมาคล้องคอพี่เมด ก่อนจะบอกกว่า มีเมียก็เหมือนมีพระในบ้าน พร้อมยกมือไหว้แล้วท่องนะโมสามจบเป็นการขอพร ”

“ ไอ้สัด ” ผมสบถออกมาใส่คนพูดที่ยกมือขึ้นไหว้ตามที่บอก

“ เลือกวิธีกูดีที่สุดเฮีย คลาสิค ”

“ ของกูสิ ” น้องชายผมหันไปบอกเพื่อนก่อนจะยักคิ้วให้ผม “ รับรองว่าเด็ด เพราะพอให้แล้ว จะได้ตัดภาพไปบนเตียงได้เลย เอิ๊กๆ ”

“ ไม่เอาวิธีไหนทั้งนั้น ปัญญาอ่อน ” ย้ำคำสุดท้ายก่อนจะยกเหล้าขึ้นกินไปจนหมดแก้วแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินไปที่ทางขึ้นชั้นสาม ผมกดรหัสปลดล็อคที่จำได้ดี ก่อนจะเปิดประตูเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนช้าๆอย่างใช้ความคิดทบทวน

ไม่ได้อยากจะทำอะไรให้อีกคนในวันแห่งความรักทั้งนั้น ก็แค่คิดไว้เล่นๆ ก็แค่นั้น

“ แล้ววันที่ 14 นี้น้องเมดก็มาทำงานเหรอครับ ” เสียงของพี่ซองที่ดูเหมือนจะขึ้นมาทำธุระกับอีกคนเอ่ยพูดขึ้นในตอนที่ผมกำลังเดินถึงหน้าห้องพอดี ประตูปิดไม่สนิทเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมได้ยินเสียงสนทนานั้นชัดเจน

 “ ทำสิครับ ” อีกฝ่ายตอบ แต่ผมกลับรู้สึกได้เลยว่าเมดคงยิ้มอยู่ในตอนที่ตอบคำถามนั้น “ ทำไมถึงคิดว่าเมดจะไม่มาทำงานละพี่ซอง ”

“ ก็วันวาเลนไทน์ ” คนตั้งคำถามพูด “ พี่ก็คิดว่าเราจะไปเดทกับคุณอาฟที่ไหนซะอีก ”

“ คนแบบอาฟ มันไม่รู้จักวันอะไรแบบนั้นหรอกพี่ซอง พนันได้เลยว่ามันต้องพูดว่าไร้สาระแน่ ถ้าใครพูดถึงวันวาเลนไทน์ ”

‘ สมเป็นเมียกู ’ ในใจของผมพูดแบบนั้นก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา แล้วหวนคิดถึงคำพูดของเพื่อนสนิทที่พูดกันไว้เมื่อครู่ ‘ ก็เพราะคนอย่างมึงนั่นแหละถึงยิ่งต้องให้ เพราะยิ่งเค้าไม่คาดหวังอะไรในตัวมึงเท่าไหร่ แต่พอเค้าได้รับ เค้าก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น ’ 

หรือบางทีผมอาจจะต้องคิดใหม่

“ อ้าว ไหงลงมาอีกแล้ววะ ” ไอ้เดย์เอ่ยทักในตอนที่เห็นผมเดินกลับลงมาอีกครั้ง บนเก้าอี้ตัวที่เพื่อนสนิทผมชอบนั่ง ตอนนี้ไม่มีมันนั่งอยู่ และเพิ่งสังเกตเห็นว่าบาร์เทนเดอร์อีกคนอย่างไอ้อัยย์ก็หายไปด้วย “ พี่เจกับไอ้อัยย์ออกไปหาอะไรกิน ”

“ อื้ม ” นั่งลงตรงเก้าอี้ตัวนั้นตอนที่ตอบรับอีกฝ่าย ผมเหลือบมองน้องชายตัวเองในวินาทีที่ไม่รู้จะทำอะไร เพราะไม่มีเหล้าตั้งอยู่ตรงหน้า และนั่นก็คงเป็นท่าทางที่ชวนให้อีกคนสงสัย

“ จะเอาเหล้าหน่อยมั้ย ถ้ามือว่างแล้วมันไม่โอเค ”

“ ไม่ ”

“ โอเค๊ ” บาร์เทนเดอร์รับคำก่อนจะพยักหน้ารับแล้วหันไปทำอย่างอื่นต่อ ส่วนผมก็ได้แต่มองรอบตัวไปเรื่อยเปื่อย
เอาเข้าจริงสิ่งที่อยากจะพูดมันก็มีอยู่แล้ว แต่แค่ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงก็เท่านั้น กับคำถามว่า ‘ มึงว่า กูจะทำอะไรให้ไอ้เมดในวันวาเลนไทน์ดี ’ แต่เพราะผมรู้สึกว่า ประโยคนั่น ช่างเป็นอะไรที่โคตรไม่ใช่ตัวผม ก็เลยทำได้แค่เหลือบมองอีกคนอย่างหาจังหวะพูดคุย แต่คงเพราะมองมากไป  คนที่กำลังยืนทำงานอยู่ก็เลยถอนหายใจออกมาหน่ายๆ ก่อนจะวางของในมือลงทุกอย่างลง แล้วหันมาถามกัน

“ สัดพี่ ”

“ อะไร ”

“ มึงมีอะไรกันแน่ กูเห็นมึงเหลือบมองกูหลายครั้งแล้วนะ ” คนเป็นน้องถามพลางถอนหายใจหน่ายๆ ก่อนจะเบิกตาขึ้นราวกับคิดอะไรขึ้นได้  “ หรือว่ามึงจะมาพูดกับกูเรื่องพี่เมด มึงจะมาด่ากูใช่มั้ย ว่าทำไมกูชอบชวนพี่เมดออกไปกินข้าวด้วยกันสองคนต่อสองดึกๆแทบทุกวัน พี่เมดอ้วนขึ้นใช่มั้ย มึงเลยไม่โอเค หรือมึงหึงกู ” เสียงนั้นเว้นช่วงไปอย่างคิดเองเออเอง เดย์ปรบมืออย่างมั่นใจในคำตอบ “ ต้องใช่แน่ แต่คือสัดพี่เอาจริงๆนะ กูไปข้างนอกพร้อมไอ้อัยย์ไม่ได้ไง แล้วกูหิวเว้ย กองทัพต้องเดินด้วยท้อง กูเลยต้องชวนพี่เมดที่ว่างที่สุดไปด้วย แล้วจะให้ชวนมึงไป กูก็แดกไม่ลงเพราะมึงชอบทำหน้านิ่วคิ้วขมวด  แต่มึงไม่ต้องหึงกูหรอกนะ กูไม่แย่งของมึงแน่นอน แม้ว่ากุจะคู่ควรกับพี่เมดมากแค่ไหนก็ตามในจุดนี้ ”

“ มึงพล่ามพอยัง ”

“ ไม่ใช่เหรอ ” ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับคำถามผมก็ได้แต่ถอนหายใจ

“ ประสาท ”

“ แล้วมึงมีเรื่องอะไร ” คราวนี้คำถามนั้นกลับทำให้ผมนิ่งจนน้องชายผมเลิกคิ้วสงสัย “ มึงมีพิรุธนะสัดพี่ ”

“ ไม่มีอะไร ” ผมบอกปัด “ กูแค่คิดเรื่อยเปื่อยว่า แบบว่าเกี่ยวกับดอกไม้ อะไร แบบนั้น ”

“ มึงสงสัยเหรอ ว่าทำไมเวลาเผาศพต้องใช้ดอกไม้จัน ”

“ มึงลองใช้ความคิดบ้างมั้ย ”

“ สัด ” น้องชายผมสบถ “ กูรู้หรอกมึงกำลังหมายถึงดอกกุหลาบวันวาเลนไทน์ใช่มั้ยละ ” ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปในตอนนั้น แต่น้องชายผมก็ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะแซว “ ทำไม มึงเปลี่ยนใจจะซื้อให้พี่เมดแล้วเหรอ ”

“ กูแค่ถาม เผื่อ เอามาจัดในผับ ให้เข้ากับบรรยากาศ ”

“ โอยยยย มึงตอแหลไม่เนียนมากสัดพี่ มึงก็เพิ่งพูดกับพี่เจเมื่อกี้ว่าธีมงานปีนี้ของ throw up มัน bed valentine ต้อนรับเฉพาะคนโสด ไอ้อัยย์ยังบอกให้เปิดเพลง โปรดส่งใครมารักฉันทีเลย มึงจะมาตอแหลกูแบบนี้ไม่ได้ เข้าใจมั้ย แล้วหน้าที่คิดธีม ไม่ใช่หน้าที่มึงครับ พี่ชาย ”

“ เหรอ ” ผมพูดขึ้น “ กูลืมบ้างสิ ”

“ ยอมรับมาเถอะ แมนๆ ปกติหน้าก็ไม่ได้บางอยู่แล้ว แคร์เหี้ยไร จะซื้อดอกไม้ให้พี่เมดก็บอก ” ผมไม่ได้ตอบอะไรกับคำพูดนั้น ทำได้แค่ถอนหายใจออกมาแทน “ กูรู้ว่ามึงคงอยากจะให้เพราะอยากจะให้พี่เมดมีความสุข แต่อีกใจมึงก็เขินที่ต้องทำอะไรแบบนี้ แบบที่มันไม่ใช่ตัวมึงเลย ”

“ มั้ง ”  น้องชายผมเบิกตาตอนที่ผมตอบ

“ ทำเป็นมาบอกว่า มั้ง ทั้งที่ในใจตอบ อื้ม ”

“ แล้วเป็นมึง มึงจะทำอะไร ” คำถามที่ผมถาม ทำให้น้องชายผมนิ่งไป เดย์จ้องหน้าผมมันทำท่าครุ่นคิดอย่างหนัก

“ ถ้าเป็นกูเหรอ กูก็คงซื้อดอกไม้สักช่อมั้ง แต่ถ้ามึงไม่อยากให้กับมือเพราะเขิน ก็ทำไมไม่สั่งให้ร้านทำดอกไม้ เอาไปส่งให้พี่เมดที่คอนโดละ แบบที่พี่เจสั่งให้ไปส่งให้ไอ้วิวละ กูว่าแบบนั้น มันดีนะเว้ย เดี๋ยวพี่เมดดีใจก็หันมากอดมึงเองแหละครับ ”

“ เหรอ ”

“ น้ำเสียงแบบไม่พอใจ ทำไม หรือมึงอยากจะได้อะไรที่มันยิ่งใหญ่กว่านี้ ”

“ แล้วมึงมีความคิดอะไรอีก ”

“ ไม่มี ” ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างในตอนนั้นผมก็ได้แต่ถอนหายใจ “ แต่เอาจริงๆ นะสัดพี่ มึงไม่เห็นต้องคิดมากมายเลย มึงแค่อยากจะทำอะไรให้เค้า มึงก็แค่ทำ ทุกอย่างมันก็มีเท่านั้นเปล่าวะ สำหรับกูมันไม่จำเป็นต้องให้ดอกไม้ด้วยซ้ำ แค่อะไรสักอย่างที่ปกติ มึงไม่ทำให้ แต่วันนี้มึงทำ แบบนั้นสำหรับเค้ามันก็พิเศษมากแล้วเว้ย บางทีแค่มึงให้เพลงสักเพลงกับเค้า นั่นก็พิเศษแล้วไม่ใช่เหรอ มันเป็นวาเลนไทน์ในแบบของมึง ”

“ เหรอ ”

“ จ้า เชื่อน้องเถอะ พี่เมดเค้ามีความสุขทั้งนั้นแหละ ถ้าสัดพี่เป็นคนให้น่ะ เพราะว่านั่นคือสัดพี่มึงไง คนที่ไม่เห็นค่าวันสำคัญเหี้ยอะไรเลย แต่กลับมาเห็นวันแห่งความรักนี้สำคัญขึ้นมา แล้วนั่นก็เพราะพี่เมด แค่นี้พี่เมดก็ร้องไห้แล้ว เชื่อกู ”

ภาพในสมองของผมฉายชัดขึ้นตอนที่เดย์พูดจบ แต่สิ่งที่คิดเป็นลำดับต่อมาคือผมจะจัดการความรู้สึกในตอนนั้นยังไงดี ในตอนที่เมดรับดอกไม้จากคนที่มาส่งตรงหน้าห้องของเรา ตอนที่เดินตรงเข้ามาหาผม เพราะการ์ดนั้นเขียนไว้ว่า ‘ จากอารยะ ’ อีกคนที่คงหน้าแดงไปหมด รอยยิ้มน่ารักที่คงซ่อนไว้ไม่ไหว มันคงพูดว่า ‘ นี่มันไม่ใช่อาฟเตอร์ อารยะเลยนะ ’

แล้วต่อจากนั้น ผมก็คงไม่รู้จะทำอะไรดี

“ คิดออกยัง ”

“ เสือก ” พูดกับน้องชาย แล้วตอนที่ลุกขึ้นยืนอีกคนก็เบิกตากว้าง

“ เมื่อกี้อุตส่าห์ช่วยคิดไอ้สัด ”

“ ต้องขอบคุณมั้ย ”

“ ถ้าแม่มึงสอนมาดี ก็ควรทำ ”

“ งั้นก็คงไม่ต้อง ”

“ Kจริงสัดพี่ มึงเป็นคนแบบนี้ได้ยังไง ทั้งๆที่เราก็ออกมาจากทางเดียวกัน แต่กูกลับทั้งนิสัยดีและน่ารักขนาดนี้  ” คำพูดนั่นชวนให้ผมยกยิ้ม แต่ในตอนที่กำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปเดย์ก็พูดขัด “ แต่ถ้ามึงจะซื้อดอกไม้ ก็ต้องรีบสั่งแล้วนะ เพราะอีกสองวันก็วาเลนไทน์ละ เดี๋ยวเค้าไม่มีคิวให้มึงนะจ้ะ ”

“ ใครจะสนเรื่องปัญญาอ่อนแบบนั้นกัน ”

“ จ้า สัดพี่ ”

บนผับชั้นสามที่มีแต่เสียงของภาพยนตร์ลาโรงฉายอยู่ในทีวีจอแบนแบบแขวนติดกำแพง ผมเหลือบมองสายตาเรียวที่จ้องมองเนื้อหาในทีวีนั้นอย่างให้ความสนใจแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันอิดออดที่จะไม่ดูเด็ดขาดเพราะยังไงก็ต้องไปดูอีกครั้งที่บ้านผมตอนต้นอาทิตย์นี้อยู่แล้ว รอยยิ้มของเมดกว้างขึ้นและหุบเล็กลงตามตามเรื่องราวนั้นที่ดู เป็นช่วงเวลาที่ผมเพลิดเพลิน ถ้าไม่ติดที่ว่า

“ มองอะไร ” ผมเบิกตาขึ้นเล็กน้อยในตอนที่โดนจ้องมองจากอีกคนที่คิดว่าดูหนังอยู่และคงไม่หันมา แต่ถึงอย่างงั้นผมก็คือผมที่ต้องทำทีเป็นเบือนหน้าไปทางอื่นก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา

“ อะไร มองอะไร ” ถามกลับไปแบบไม่รู้เรื่อง เมดก็ขมวดคิ้ว

“ ก็เห็นอยู่ชัดๆว่ามึงมองกู ”

“ แล้วมึงมองกูทำไม ”

“ กูไม่ได้มองมึง มึงนั่นแหละ มองกู ”

“ มึงไม่ได้มอง แล้วจะรู้ได้ยังไงว่ากูมองมึง ” เลิกคิ้วถามก่อนจะยกยิ้มแล้วถามกลับอีกคน “ ว่าไง มึงมองกูทำไม ”

“ กูไม่ได้มอง มึงนั่นแหละมองกู มองจนกูต้องหันไปมอง ” เมดหันมาเถียง “ มึงมองกูทำไม ”

“ อาจจะแค่สงสัยก็ได้ ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกคน สบสายตาเรียวอย่างจดจ้องลงไปในแววตานั้นจนมันสั่นไหว เมดที่แก้มแดงจัดหลับตาลงช้าๆในตอนนั้นเพราะคิดว่าผมคงจะมอบจูบดูดดื่มให้ แต่ทว่าผมกลับยิ้มกว้างกับท่าทางนั้นก่อนจะเอื้อมมือหยิบเศษคุ๊กกี้วาฟเฟิลที่ติดอยู่ข้างปากอีกคนให้ก็เท่านั้น

“ อะ ”  เมดเผลออ้าปากออกก่อนจะเปิดตามองกันตอนที่รู้ตัว

“ กูอาจแค่สงสัยก็ได้ ว่ามึงจะให้มันติดจนไปถึงที่บ้านเลยหรือเปล่า ” ดีดขนมออกจากปลายนิ้ว อีกคนก็ได้แต่สบถออกมา

“ สัด ”

“ ตะกละจริงๆนะ ” ยักคิ้วล้อมันอีกคนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วพิงหลังลงกับเก้าอี้ ก่อนจะหันไปดูทีวีต่อ

“ แล้วพอมานั่งคิดว่าพี่ซองถามกูวันนี้ว่าวาเลนไทน์ปีนี้มึงจะให้อะไรกูหรือเปล่า มันก็ถูกแล้วที่กูตอบ ” เมดหันมามองผม “  ว่าคนอย่างมึง มันไม่มีทางหรอก ”

“ งั้นเหรอ ” ยกยิ้มบอกมัน ผมหยิบมือถือขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอก่อนจะกดเข้าโปรแกรมฟังเพลงที่โหลดเก็บไว้ หยิบหูฟังไร้สายขึ้นมาจากกล่องเก็บ เชื่อมต่อมันเรียบร้อยก่อนจะผ่อนตัวลงนอนกับเก้าอี้นั่ง ไล่นิ้วไปบนหน้าจอ ผมเลือกฟังเพลงในอัมบั้ลรวมเพลงของ ‘ ส้มฉุน ’ ศิลปินคนโปรดของอีกคนทั้งหมด

ผมหลับตาลงแล้วตั้งใจฟังความหมายของเพลงทุกเพลงอย่างตั้งใจ มันมีทั้งเพลงที่เคยฟัง แล้วก็เพลงที่เพิ่งฟังครั้งแรก เพลงส่วนใหญ่ที่เป็นเพลงรักมีหลากหลายความรู้สึกซ่อนอยู่ในเนื้อหานั้น

มีครั้งหนึ่งผมเคยสงสัยว่าทำไมเมดถึงชอบฟังเพลงของผู้ชายคนนี้นัก แล้วตอนที่ถามออกไป เจ้าตัวก็ตอบแค่ว่า ชอบเพราะเสียงร้อง แล้วก็เนื้อหาเพลงที่อีกคนแต่งออกมา มันมีความหมายลึกซึ้งดี

“ ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ ” พูดกับตัวเองแบบนั้นในใจ ก่อนจะรู้สึกสะดุดใจเมื่อถึงเพลงนึงที่ทำนองขึ้นต้นค่อนข้างไปทางเพลงเก่าสมัยรุ่นพ่อแม่ผมยังหนุ่มสาว

คำร้องที่มีความหมายตั้งแต่วรรคแรก ผมเผลอยิ้มออกมา ในตอนที่คิดถึงเรื่องราวของเราที่ผ่านมา ผมที่เห็นเมดครั้งแรก รอยยิ้มของอีกคนในตอนนั้น หรือแม้แต่ตอนที่เราทะเลาะกัน จนในที่สุดผมกดบันทึกเพลงนั้นลงไปในโปรแกรม ก่อนที่หน้าจอนั้นจะปรากฏข้อความแจ้งให้ผมตั้งชื่ออัลบั้มนั้นไว้ และอย่างที่ไม่ต้องคิดอะไรให้นาน ผมตั้งชื่อมันสั้นๆแค่ว่า ‘ minmade ’

“ อาฟไปหาอะไรกินกันมึง ” ดึงสายตาจากหน้าจอตอนได้ยินคำชวนนั้น ผมกดล็อคมือถือก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วเดินตามอีกคนลงไปชั้นล่างที่มีไอ้เดย์รออยู่

บนถนนที่มีผู้คนขวักไขว้แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ดึกมาก แต่เหมือนว่าบริเวนนี้จะไม่ได้เป็นแบบนั้น ตรงซอยรวมร้านอาหาร ยังมีคนที่ใช้บริการกันแน่นเกือบทุกร้าน แต่วันนี้เราสามคนเลือกกินต้มเลือดหมูแทนบะหมี่หมูตุ๋นที่จะเลือกกินเหมือนทุกทีด้วยเหตุผลของน้องชายผมที่บอกกับอีกคนแค่ว่า ‘ ขอเปลี่ยนบ้างนะพี่เมด เบื่อแล้ว ’

“ แล้วตกลงมีใครมาสมัครเซฟฝั่งร้านอาหารบ้างยัง ” เดย์เอ่ยถามเมดที่ก็นั่งกินไปด้วยส่วนมือซ้ายก็เล่นมือถือไปด้วย อย่างที่ชอบทำ “ แล้วช่างรับเหมาบอกมั้ยสัดพี่ ว่าเมื่อไหร่เสร็จ เราต้องกั้นผ้าไว้แบบนั้นอีกนานเท่าไหร่ ”

“ อีกห้าเดือนมั้ง ”

“ นานเหมือนกันนะ ” ไอ้เดย์บอกก่อนจะหันไปหาเมดที่เคี้ยวข้าวในปากก่อนจะตอบคำถามที่อีกคนถามไว้

“ ตอนนี้ก็มีคนเข้ามาสมัครแล้วบ้างเหมือนกัน  แต่เราก็บอกเค้าไปแล้วว่า เราจะเปิดให้ทดสอบทำอาหารก่อน แล้วเดี๋ยวจะนัดไปอีกทีเรื่องวันและเวลา ”

“ ตื่นเต้นจังเลยว่ะ ” น้องชายผมพูดก่อนจะทำท่าคิด “ ไม่รู้จะออกมาเหมือนแบบมั้ยนะ อันนั้นคือโคตรสวย ”

“ มันต้องออกมาเหมือนแบบสิ ” เมดบอกก่อนจะหันมาถามย้ำกับผม “ ใช่มั้ย ”

“ ก็คงแบบนั้น ”

ส่วนต่อเติมของร้านอาหารที่กำลังก่อสร้าง ออกแบบมาในรูปแบบที่เหมือนกับดาดฟ้า เราทำบันไดทางขึ้นไว้ติดกับตัวตึกเก่าของผับ ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลของไม้และใช้เหล็กสีดำขึ้นโครงและติดกระจกโดยรอบ ตกแต่งด้านนอกเป็นลานกว้างสำหรับคนที่ชอบรับลมธรรมชาติ เสริมด้วยต้นไม้สีเขียวห้อยระย้าพอสวยงามเพื่อให้ตัวร้านดูผ่อนคลายเหมาะกับการสังสรรค์

“ ต่อไปนี้ก็เรียกผับ throw up ไม่ได้แล้วสิเพราะต้องเรียกว่า throw up pub and restaurant ”

“ ก็ตามนั้น ” เมดยิ้มก่อนจะยักคิ้วให้คนตรงหน้าพร้อมด้วยนิ้วที่ทำท่าเก็กหล่อของมัน ก็จะพูดว่าความคิดนี้เป็นผลงานของเมดเกือบจะทั้งหมดก็ไม่ผิดนัก เพราะมันจัดการทุกอย่างตั้งแต่เสนอแนวคิดกับผม ติดต่อกับคนออกแบบ สอบถามถึงความเป็นไปได้ และก็ไม่ลืมถามถึงจุดสำคัญต่างๆ รวมไปถึงการรับสมัครพนักงานของร้านในตำแหน่งที่สำคัญ เรียกได้ว่าทำเองทุกขั้นตอนโดยทีผมคอยตรวจเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“ แต่เสียดายนะพี่เมด ที่มันไม่ทันช่วงวาเลนไทน์ นี่ถ้าทัน คนต้องเต็มแน่นอน ”

“ นั่นน่ะสินะ ” อีกฝ่ายรับคำก่อนจะตักข้าวขึ้นกินต่อ “ พี่เมดก็อยากให้เห็นมันเสร็จไวๆจังเลยว่ะ อยากรู้แล้วว่ามันจะเป็นยังไงบ้าง จะประสบความสำเร็จแบบที่คิดไว้มั้ย ”

“ เนอะ ”

“ ก็คงออกมาดี ” ผมพูดก่อนจะยกน้ำขึ้นมากิน “ แล้วก็ช่วยแดกให้มันเร็วๆด้วย มึงจะแวะเซเว่นซื้อเยลลี่อีกไม่ใช่เหรอสัดเดย์ ”

“ เออ จริง ” หลังคำพูดนั้นอีกคนก็รีบจัดการข้าวในถ้วยของตัวเองเข้าไปจนหมด แก้วน้ำถูกกินอย่างรีบร้อนไอ้เดย์เคี้ยวน้ำแข็งเสียงดังชวนให้ไอ้เมดหลุดยิ้มออกมาก่อนจะเดินไปจ่ายเงินให้กับแม่ค้า

เป็นท่าทางที่ชวนให้ผมคิดถึงว่าเคยมีครั้งหนึ่งที่ผมเคยบอกกับเมดว่า มันก็เหมือนแม่ของไอ้เดย์ หลายครั้งที่อีกคนพูดทั้งๆที่กินจนต้องบอกให้หยุด แล้วบางทีก็ต้องบังคับให้ไปกินข้าว เพราะอีกฝ่ายมัวแต่กินเยลลี่มากเกินไป ส่วนผมก็มีแต่หน้าที่บอกให้อีกคนเลิกสร้างความวุ่นวายสักที เพราะมันก็โตจนจะเป็นควายอยู่แล้ว แต่พอพูดแบบนั้นทีไร อีกคนก็ชอบสวนกลับแค่ว่า ‘ ถ้ากูเป็นแม่ งั้นมึงก็เหมือนพ่อแล้วละ สัดอาฟ ’

ในร้านสะดวกซื้อที่เราแวะก่อนกลับ กลิ่นไอของความรักและสีชมพูถูกตกแต่งบนชั้นขายของที่ประดับไปด้วยดอกไม้และช็อคโกเล็ตหลากหลายแบบที่ออกว่าขายในวันสำคัญที่กำลังจะมาถึง ไอ้เดย์กับเมดแยกตัวออกจากผมไปซื้อที่ล็อกอื่น ส่วนผมก็เดินไปยังตำแหน่งประจำที่ต้องมายืนทุกครั้งเมื่อมาถึง แล้วนั่นก็คือล็อกขายลูกอมเพราะเป็นจุดที่แอร์แรงและเย็นที่สุดในร้าน
 
“ ขอโทษนะคะพี่ ขอทางหน่อยค่ะ ” เสียงของเด็กที่อายุประมานประถมต้นเอ่ยบอกผมที่พอเบี่ยงตัวหลบให้ก็เจอเด็กสองคนนั้นมาด้วยกัน แล้วในตอนนั้นเองที่เห็นเด็กคนนึงคว้าเอาลูกอมห่อหนึ่งขึ้นมาจากที่แขวน มันเป็นลูกอมแบบรูปหัวใจสีแดง

“ อันนี้ไงที่ข้างในมันเขียนคำไว้ด้วยน่ะ มีคำว่า รักนะ ด้วยนะแล้วก็มีคำว่าเป็นห่วงนะด้วย นิคกี้ก็เอาไปให้เลโก้สิ เลโก้ไม่รู้หรอกว่านิคกี้ชอบ ” ผมเผลอยกยิ้มออกมาตอนที่ได้ยินเด็กสองคนนั้นพูดคุยกันแบบนั้น ในใจที่นึกหัวเราะ ‘ ว่าตัวแค่นี้ก็คิดเอาไปลูกอมไปสารภาพรักกับผู้ชายแล้วเหรอวะ ร้ายจริงๆ ’

“ จะดีเหรอ ” เด็กที่ชื่อนิคกี้เหมือนจะลังเล ใบหน้าขาวแดงจัดตรงแก้มไปหมด แถมยังดูเป็นกังวล

“ ดีสิ ถ้าให้แบบนี้ก็ไม่ต้องบอกว่ารักตรงๆนะ ”

“ แต่ว่าในนี้มีคำว่าอะไรบ้างก็ไม่รู้ ไม่รู้จะมีคำว่ารักเปล่า ”

“ งั้นเราก็ซื้อหมดเลยสิ ”

“ ไม่มีเงินอะ ” มือที่ล้วงเข้าไปในกระเป๋านักเรียนตัวที่ใส่ในนั้นมีแค่เหรียญ์กลมๆอยู่เหรียญเดียวเท่านั้น

“ เหรอ งั้นซื้อห่อเดียวก็ได้ ” เพื่อนผู้เจ้ากี้เจ้าการว่าแบบนั้นก่อนจะหยิบเอาถุงลูกอมห่อนึงนั้นแล้วคว้าจับเพื่อนเดินออกไปจ่ายเงินทันที ส่วนผมที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้ยินแบบนั้นแล้ว ก็แอบหันซ้ายดูขวาก่อนจะรีบคว้าไปมันทั้งหมดขึ้นมา ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินที่เค้าเตอร์ทันที

แต่ทว่าพนักงานที่ยังไม่ทันจะคิดเงินไม่เสร็จ ทั้งไอ้เมดไอ้เดย์ก็เอาขนมมาวางลงบนโต๊ะคิดเงินทั้งแบบนั้นโดยที่ไม่มีการขออนุญาตใดๆ แถมตอนที่หันไปมองทั้งสองคนก็ได้รับแค่ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะพูดแค่ว่า

“ จ่ายเงินให้ด้วยนะอารยะ ขอบคุณมาก ”

“ เอ่อ  คือ จะให้คิดรวมหรือแยกคะ ”

“ รวมครับ ” สิ้นสุดเสียงนั้นคนที่ไม่ต้องจ่ายเงินก็เข้ามาบีบนวดที่แขนทันทีอย่างเอาใจ ก่อนที่ไอ้เดย์จะขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นตอนที่เห็นห่อลูกอมมากมายที่พนักงานกำลังจะเอาใส่ถุง

“ สัดพี่ ทำไมซื้อลูกอมเยอะจังวะ ”

“ ไม่ใช่ของกู ” ผมบอกกปัดก่อนจะบอกพนักงานร้าน “ ช่วยแยกถุงลูกอมด้วยนะ เพื่อนผมฝากซื้อ ”

“ พี่เจน่ะเหรอ ”

“ อื้ม ”

“ แปลกสัด เชี้ยพี่เจชอบกินลูกอมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ”

“ ไม่ใช่เอาไปให้ไอ้วิวเหรอ ” เมดพูดขึ้นไอ้เดย์ก็หันไปมอง “ ก็พรุ่งมันวันวาเลนไทน์ บนลูกอมนั้นข้างหลังมาเขียนคำเอาไว้ อาจจะเอาไปให้วิวก็ได้ ”

“ เหรอ ” น้องชายผมหันไปถามด้วยสีหน้าไม่เชื่อเท่าไหร่ “ คนอย่างพี่เจ ไม่น่าจะใช้แผนปัญญาอ่อนแบบนี้เปล่าวะ อีกอย่างมันให้ดอกไม้ช่อเบ่อเริ้มกับไอ้วิวแล้วนะ ”

“ น้องเดย์วันวาเลนไทน์น่ะ ไม่มีอะไรที่ปัญญาอ่อนหรอก เพราะไม่ว่าคนรับจะได้รับอะไร มันก็มีความสุขทั้งนั้น ”

“ พูดแบบนี้ บอกสัดพี่ไปเลยก็ได้ว่าอยากจะได้อะไร ” น้องชายผมเหล่มองเมดยิ้มๆก่อนจะดันไหล่ไปชนอีกคนที่ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วมองผมด้วยหางตา ก่อนจะหันไปบอกคนถามแค่สั้นๆว่า

“ ไม่มีทางที่มันจะให้หรอก ”

“ แต่จะว่าไปเมื่อก่อนสัดพี่ก็ได้ลูกอมแบบนี้เหมือนกันนะ แล้วก็ได้สติกเกอร์รูปหัวใจติดเต็มเสื้อไปหมดเลย หน้าเทศกาลทีไรพี่ติ๊กหัวเสียตลอดเพราะต้องนั่งแกะสติกเกอร์ผมเสื้อมัน ”

“ เหรอ ”

“ ช่ายยย แล้วพี่เจก็เคยเล่าด้วยนะพี่เมดว่าตอนนั้นเวลาใครมาติดสติกเกอร์ให้มัน มันจะทำหน้านิ่งสุดๆ พอสาวถามว่าขอติดบนเสื้ออาฟได้มั้ย มันก็หันไปทำหน้าเท่ห์ๆพร้อมด้วยเสียงทุ้มๆแค่ว่า ‘ ได้สิ ’ ”

“ คิดภาพออกเลย ได้สิ ” ใบหน้าหวานเลียนแบบเสียงผมในตอนท้าย ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆแล้วเม้มริมฝีปากแน่นในตอนที่ผมหันไปมอง “ ล้อเล่นนิดเดียวเองอารยะละก็ ”

“ กลับกันได้แล้ว มัวแต่ไร้สาระ ปัญญาอ่อน ” ผมหยิบถุงของขึ้นมา ก่อนจะเดินนำอีกสองคนออกไป
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 6 :: up! 15-3-62} #หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 29-03-2019 20:29:20
บนทางเดินที่ผมรู้สึกว่าอากาศเริ่มเย็นลง แล้วในตอนนั้นเองที่ถุงหิ้วของผมเริ่มขยับเพราะมีคนเข้ามาช่วยถือไว้ คนที่เดินคุยกับน้องชายผมตามหลังมาตลอดทาง แต่ตอนนี้เมดกลับสอดมือเข้ามาในถุงใบนั้น มันที่ช่วยถือทั้งๆที่ก็ไมได้หนักอะไร

“ มึงคิดว่ามันหนักสามกิโลหรือยังไง ถึงต้องมาช่วยกูถือ ”

“ เปล่า ” อีกคนตอบก่อนจะส่ายหน้า “ ข้ออ้างเฉยๆ แค่อยากเดินกับมึง ” เผลอหลุดยกยิ้มขึ้นมาในตอนนั้น ผมขยับมือไปจับมือของอีกคนไว้แน่น “ มึงจำได้มั้ย ช่วงแรกๆที่เราเจอกันมึงเคยซื้อทิชชูในเซเว่นนี้เพื่อจะเอาถุงมาครอบหัวกูเพราะกลัวกูจะโดนฝนด้วยนะ ”

“ กูเคยทำอะไรปัญญาอ่อนแบบนั้นด้วยเหรอ ” เหลือบไปมองอีกคน เมดก็ยกยิ้มหมั่นไส้ให้กันแล้วก็เงียบไปทั้งอย่างงั้น

 มันดูน่าแปลก ที่พอความเงียบคืบคลานเข้ามาโอบล้อมตัวเราในตอนนั้น ทั้งๆที่มีผู้คนมากมายเดินสวนทางกันไประหว่างทางไม่มีหยุด แต่ผมกลับรู้สึกว่าพื้นที่ตรงนี้มีเพียงแค่เราเท่านั้น เป็นช่วงเวลาที่ผมกระชับกุมมือเมด ก่อนอีกฝ่ายจะหันมามองกันด้วยแววตาที่เหมือนมีอะไรจะพูด “ มีอะไร ”

“ มึงโกรธเปล่าวะ ”

“ เรื่อง ? ” ผมตั้งคำถามกลับ

“ ก็ที่กูพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนอย่างมึงจะให้อะไรกูในวันวาเลนไทน์ ”

“ กูดูเป็นคนงี่เง่าขนาดนั้นเลย ”

“ ก็ไม่หรอก ” เมดตอบก่อนจะส่ายหน้า “ แค่กู กลัวว่ามึงจะรู้สึกไม่ดี ”

“ ไร้สาระ ”

“ ก็ตั้งแต่ที่คบกับมึงมา รู้มั้ยบางทีกูก็รู้สึกเหมือนกันว่าตัวเองแม่ง แปลก ”

“ แปลกยังไง ”

“ ก็แปลก ที่กลับรู้สึกว่าวันวาเลนไทน์ไม่เห็นจำเป็นอะไรเลย เพราะเราก็รักกันทุกวันอยู่แล้ว ทั้งๆที่ว่าเมื่อก่อน กูรอคอยมันมากเลยนะ รู้สึกว่าจะได้รับอะไรดีๆ มันคาดหวัง ” ไม่ใช่ครั้งแรกที่หน้าผมรู้สึกร้อน แล้วก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนข้างกันเหมือนฮุกหมัดสวนใส่กันบนเวทีมวยจนผมรู้สึกน็อคนิ่งไป แต่ทว่าผมก็คือผมต่อให้หน้าแดงจนลามไปถึงหูยังไง คำพูดที่พูดออกไปมันก็มีอยู่แค่นั้น

“ บอกกี่ทีแล้วว่าให้เลิกดูหนังกับแม่กู น้ำเน่า ”

“ มึงแม่ง ไม่โรแมนติกเอาซะเลยไอ้สัด ” คำพูดนั้นทำให้ผมหยุดเดิน ก่อนจะดึงถุงพลาสติกที่เหมือนจะเกะกะนั้นมาไว้ที่มืออีกฝั่ง แล้วใช้มือข้างที่ว่างกระชับมือของอีกคนให้แน่นชิดขึ้นแบบที่ไม่มีอะไรมาขวาง ก่อนจะออกแรงจูงเมดให้เดินออกไปตามทางอีกครั้ง

“ โรแมนติกแบบนี้ พอใช้ได้ยัง ”

“ เอาอีกแล้วนะ ” คนหน้าแดงบ่นออกมาก่อนจะเหลือบตามอง “ แล้วสุดท้ายก็ต้องเป็นกูที่แพ้มึงตลอดจริงๆ ” ใบหน้าน่ารักแดงจัดที่เอาแต่ก้มหน้าเดินอยู่ไปข้างๆกัน ลำตัวของเราแนบชิดแม้พื้นที่จะเหลือกว้างขวาง ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น มีเพียงแค่รอยยิ้มของเราที่แต่งแต้มบนหน้าของกันและกันไปตลอดทางจนถึงผับ

ถุงลูกอมที่ผมซื้อถูกดึงแยกออกมา ก่อนจะโยนให้ไอ้เจที่นั่งอยู่ มันมองถุงนั้นงงๆ ก่อนจะหันมาพวกเรา “ อะไรวะ ” เพื่อนผมถามก่อนจะเปิดถุงออกมาดู

“ อ้าว ก็ลูกอมที่มึงฝากสัดพี่ซื้อไง ลืมอีก ”

“ ห๊ะ ? กูเหรอ ? ” คำถามของเพื่อนสนิทที่หันมาหากัน ผมพยักหน้ารับลงสั้นๆ อีกฝ่ายก็ได้แต่ยกยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับหน่ายๆอย่างรู้กัน “ โอเค๊ ของกูก็ของกูจ้า ”

“ กูจะนั่งตรงนี้ ” ผมบอกเมดอีกคนก็พยักหน้ารับ

“ งั้นกูขึ้นไปดูหนังต่อข้างบนนะ ”

“ อื้ม ” ทุกคนแยกย้ายออกไปในตอนนั้น แล้ววินาทีที่ผมนั่งลงตรงที่เดิม ไอ้เจก็เท้าคางก่อนจะหันมามองอย่างจับผิด

“ ตกลงยังไง ไหนบอกไม่ซื้ออะไรให้ไงไอ้สัด ”

“ ใครบอกกูซื้อ กูแค่อยากกินลูกอมกูเลยซื้อมา ”

“ เหรอครับ แต่ก็ซื้อมาตั้งหลายห่อนะ อยากกินเป็นสิบๆเม็ดขนาดนี้เลยเหรอครับเพื่อน ”

“ พูดมากจังสัด มึงเอาขึ้นมาแกะหน่อย ”

“ หาคำว่าไรละ ” เจถามในตอนที่มันทยอยแกะถุงลูกอมทีละถุง แล้วเทลูกอมพวกนั้นลงบนโต๊ะ เราพลิกด้านหลังแล้วดูคำพวกนั้น

“ ไม่มี ” ผมบอกอีกคนก็ขมวดคิ้ว ลูกอมถุงใหม่ถูกเกะไปเรื่อยๆ แต่เท่าที่เห็นมันก็มีแต่คำว่าเป็นห่วง ดูแลตัวเองด้วยนะ ชอบนะ เป็นคำที่ผมไม่ต้องการเลยจนกระทั่งลูกอมเกือบเม็ดสุดท้ายถูกพลิกขึ้นมา แล้วในนั้นคำที่มันเขียนเอาไว้ ก็เป็นคำที่ผมต้องการพอดี “ เจอละ ” ผมคว้ามันใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงทันทีเห็น แต่คงช้ากว่าเพื่อนสนิทที่มองกันอยู่ตลอด 

“ อ๋อ หาคำว่ารัก ” อีกคนพูดแซว ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าที่กำลังกินอยู่ขึ้นมากิน “ วาเลนไทน์อะไร ปัญญาอ่อนเนอะ ”

“ เงียบไปเลยไอ้สัด ”
..............................................................

ภายในรถตอนช่วงขากลับคอนโดมีเพลงหวานหูเปิดคลออย่างไม่ค่อยเข้ากับบรรยากาศ บนท้องถนนที่การจราจรไม่ติดขัดในช่วงเวลาตีสาม แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังเลือกที่จะจอดรถติดไฟแดงอย่างเคารพต่อกฏที่มี ความว่างเปล่าเบื้องหน้าทำให้ผมหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างกัน เมดที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่างตรงนั้นเหมือนจะเป็นร้านดอกไม้ที่เปิดร้านเร็วกว่าปกติจากที่เคยเป็น จะว่าไปวันนี้ก็เข้าสู่วันแห่งความรักแบบเต็มตัวแล้ว ก็ไม่แปลกใจที่วันนี้ร้านดอกไม้จะดูตื่นตัวกันเป็นพิเศษขนาดนี้

 “ ดูสิ แม่งห่อดอกไม้กันตั้งแต่ตีสามเลย ” เมดชี้ไปที่หน้าร้านนั้นก่อนจะหันมายิ้มให้ผม “ แต่ก็ไม่แปลกใจ มันเป็นวันของเค้าจริงๆ เป็นวันที่จะขายดีที่สุด ”

“ อยากได้ดอกไม้เหรอ ” ผมถามมันตรงๆ อีกคนก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบ

“ ไม่อะ กูไม่ใช่คนประเภทที่ให้ความสนใจกับวันวาเลนไทน์เท่าไหร่ ”

“ งั้นเหรอ ”

ผมยังคงจำเสียงของตัวเองในช่วงเวลานั้นได้ดี แต่ดูเหมือนว่าคนที่พูดออกมาจะจำไม่ได้แล้ว คำพูดที่บอก ‘ กูไม่ใช่คนที่สนใจวันวาเลนไทน์เท่าไหร่ ’ ดูเหมือนจะไม่จริงอย่างงั้น  เพราะอย่างน้อยสิ่งที่เรียกว่าขนมปังทาช็อคโกเล็ตในวันนี้ก็เป็นถูกทาเป็นรูปหัวใจ ก็เป็นสิ่งที่บอกกับผมได้ดีว่า เมดให้ความสำคัญกับมัน

“ สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะอารยะ ” พูดแบบนั้นก่อนจะวางกาแฟไว้ตรงหน้าผม ส่วนมันก็ยกโกโก้ที่ตัวเองชอบขึ้นกินก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกันตามด้วยขนมปังในจานตัวเอง ก่อนจะเน้นย้ำกันอีกครั้งให้ผมรู้ “ มึงไม่ต้องซีเรียสนะ กูไม่ได้อะไรกับวันวาเลนไทน์เลย แค่อยากบอกเฉยๆ แบบ ก็วันแห่งความรักทั้งที ก็อยากจะทำตัวให้เข้าการเหตุการณ์  แต่กูก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับมันนะ แต่แบบ แค่อยากบอก ”

“ เลิกพล่ามแล้วกินซะ ” ผมบอกก่อนจะกินขนมปังนั้นเข้าไปก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้ก็เกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว

“ เที่ยงนี้กินอะไรกันดี ” เมดถามผมแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ เสียงโทรศัพท์ของคนถามก็ดังขึ้นก่อน

ครืน ครืน ครืน

“ แปปนะ ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับอีกคน เมดก็หยิบมือถือขึ้นมากดรับ

“ ครับ เข้ามาด้านในได้เลยครับ ตรงลิฟต์ตัวในสุด ใช่ครับ เดี๋ยวพี่ส่งรหัสเข้าเบอร์มือถือเรา ก็กดรหัสขึ้นมาเลยนะ โอเค ครับ สวัสดีครับ ”

“ อะไร ”

“ มีของมาส่ง แต่กูให้ขึ้นมาส่งข้างบนละ ” บอกกันแบบนั้นก่อนจะวางมือถือลงบนโต๊ะก่อนจะกิน และไม่นานเสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น

กริ้ง กริ้ง กริ้ง

“ ไปรับให้หน่อย ”

“ กู ” ผมชี้นิ้วเข้าตัวเอง อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ

“ กูยังไม่ได้อาบน้ำ น่าเกลียด มึงอาบน้ำแล้ว ออกไปรับให้ที ” ถอนหายใจออกมาตอนที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ผมเดินไปที่หน้าห้องเปิดประตูก่อนจะพบดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ที่ถูกส่งมาให้จากคนส่งของ “ อะไรเนี้ย ” เผลอสถบกับคนส่งของออกไปแบบนั้นอีกคนฝ่ายก็ยิ้ม

“ ดอกไม้มาส่งครับ ”

“ ห๊ะ ? ” ยังไงทำได้แค่เอียงหน้างง แต่มือก็เอื้อมมือไปรับดอกไม้ช่อนั้นมา มันเป้นกุหลาบสีแดงสดที่ไม่ได้ดกแต่งอะไรเพิ่มเดิม ในนั้นมีการ์ดเขียนอยู่ใบเดียว และข้อความสั้นๆบนนั้น ‘ ถึง อารยะ จาก มินเมด ’

  “ ช่วยเซ็นรับด้วยครับ ” สมุดถูกส่งมาให้ ผมเซ็นรับเรียบร้อยคนที่ส่งของก็เดินออกไป ทิ้งให้ผมยืนยิ้มแบบงงๆกับช่อดอกไม้นั้น และตอนที่เดินกลับเข้ามาตรงโต๊ะอาหาร คนที่อ้างว่าออกไปเปิดประตูไม่ได้เพราะยังไม่ได้อาบน้ำ ก็นั่งเท้าคางแล้วยักคิ้วให้กัน

“ เล่นอะไรของมึง ”

“ ก็วันนี้วันวาเลนไทน์ กูเลยไปส่งดอกไม้มาให้มึง ” เมดบอกแบบนั้น ผมก็ได้แต่ขมวดคิ้ว เพราะรู้สึกว่าวันนี้แบบนี้มันควรมีแค่ผมที่ให้อีกฝ่ายไม่ใช่ให้อีกฝ่ายมาให้ผมแบบนี้ “ กูแค่อยากจะเป็นคนที่ให้อะไรกับมึงบ้าง เพราะส่วนใหญ่เหมือนจะมีแค่มึง ที่เป็นคนให้กูตลอด ”

“ คิดอะไรมากอย่างงั้น ”

“ มึงนั่นแหละคิดอะไรมากอย่างงั้นวะ ” เมดบอก “ กูรู้นะว่ามึงคิด คิดว่าให้มึงทำไม ต้องเป็นมึงสิที่ให้ ”

“ รู้ด้วย ”

“ วันวาเลนไทน์คือวันแห่งความรัก รักใครเราก็ให้ของกับคนนั้น ไม่ได้กำหนดสักหน่อย ว่าฝ่ายไหนจะต้องให้ฝ่ายไหนจะต้องรับ แล้วเหตุผลมันก็มีแค่นั้น กูให้ดอกไม้มึง ก็เพราะว่ากูรักมึง ”

“ ท็อปฟอร์มขนาดนี้ได้ไงวะ ” ผมถามอีกคนสั้นๆ เมดก็ได้แต่ยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะยกนิ้วเก็กหล่อให้ตัวเอง “ มานี่หน่อยมา ”

“ จะจูบกูเหรอ ” ถามแบบนั้นแต่ก็ยังเดินเข้ามาหา เมดกอดเข้าที่เอวผม เรามอบจูบดูดดื่มให้กันก่อนจะกอดกันไว้แน่นอยู่อย่างงั้นจนกระทั่งอีกฝ่ายเอ่ยถาม “ วันนี้คนข้างนอกคนน่าจะเยอะ กูว่าซื้ออาหารสำเร็จรูปมากินสักมื้อมั้ย ไปเลือกเอาที่ซูปเปอร์ข้างๆด้วยกัน ”

“ ไม่อะ ” ผมบอก “ กูมีที่อยากจะไปอยู่แล้ว ”

“ ที่ไหน ? ”

“ ร้านวนิลา ”

“ ร้านที่เราเจอกันครั้งแรกใช่มั้ย ”

“ อื้ม ” พูดสั้นๆแค่นั้นอีกคนก็ขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ มึงฟังกูมั้ยสัด ก็บอกอยู่ว่าวันนี้มันวันวาเลนไทน์ คนมันเยอะทุกร้านนั้นแหละ ยิ่งร้านวนิลาไม่ต้องพูดถึง คนต้องโคตรเยอะแน่นอน ”

“ จะกลัวอะไร กูจองไว้แล้ว ”

“ ห๊ะ? ”

“ กูจองไว้ตอนบ่ายสองวันนี้ แล้วถ้ามึงมัวแต่ ห๊ะ แล้วยังไม่รีบไปอาบน้ำแต่งตัว มึงก็ไม่ต้องแดก ”

“ คือมึงจองไว้เหรอ แบบจองไว้เพื่อไปกินข้าวกับกู สองคนในวันวาเลนไทน์ ถูกมั้ย ” สายตาเรียวที่ยังคงถามกันเพื่อความแน่ใจ ผมก็ถอนหายใจออกมา แล้วในตอนที่หันหน้าแดงๆไปทางอื่นนั้น

“ แล้วกูจะจองไว้ทำไม ถ้าไม่ใช่เพื่อมึง ”

“ เชี้ย พี่อาฟหน้าแดง ”

“ ไปอาบน้ำ ” ผมพูดย้ำอีกคนก็จูบที่ริมฝีปากกันอีกครั้งก่อนจะ วิ่งขึ้นไปบนห้องทันที ทิ้งให้ผมยืนก้มหน้าอย่างหมดแรงกับช่อดอกกุหลาบสีแดงในอ้อมแขนอย่างไม่รู้จะควบคุมหัวใจตัวเองให้สงบลงจากพายุแห่งความสุขนั่นยังไง

กลิ่นน้ำหอมตลบอบอวลไปทั้งห้องตอนที่อีกคนเดินลงมา เมดใส่เสื้อเชิ้ตผ้าซาตินสีชมพูตัวที่ไปเดทกับผมครั้งแรก เข้าคู่กับกางเกงสีดำแนบตัว มันที่หันมามองกันถามไถ่ถึงชุดของตัวเองแบบไม่มั่นใจเท่าไหร่

“ มึงว่ากูดูต้อนรับวาเลนไทน์ไปมั้ย ”

“ แล้วทำไมถึงใส่สีชมพู ไม่ชอบไม่ใช่เหรอ ”

“ ก็..” เสียงที่ขาดช่วงไปนั้น มือบางยกขึ้นเกาแก้มตัวเองเบาๆ ก่อนจะมองไปทางอื่นแล้วตอบ “ มึงเคยบอกว่าใส่แล้วดูดี มึงชอบ ”

“ งั้นก็เพื่อกู ไม่ใช่ต้อนรับวาเลนไทน์จริงมั้ย ”

“ ก็อื้ม ” ตอบสั้นๆ แบบนั้นคนหูแดงก็รีบเดินออกไปจากห้องโดยที่ไม่รอให้ผมได้แซวหรือแกล้งอะไรมันได้มากกว่านี้อีก ไม่แม้จะให้เวลาได้จดจ้องใบหน้าน่ารักที่แต่งตัวได้โคตรน่ารักเลยสักนิด

“ โคตรใจร้าย ”

บนรถที่เงียบเชียบของเราในตอนเดินทาง เป็นความรู้สึกที่ผมอธิบายไม่ได้ อาจจะเรียกว่าตื่นเต้น หรืออะไรสักอย่างมีอาการแบบที่ว่ามือของผมเกิดเย็นขึ้นฉับพลัน ในตอนที่เมดกำลังเอื้อมมือไปกดเปิดเพลงเพื่อทำลายบรรยากาศนั้น ทั้งๆที่ผมเตรียมจะกดต่อมือถือกับเครื่องฟังเพลงในตอนที่จอดรถตรงไฟแดงข้างหน้า

“ ต่อมือถือกูกับเครื่องฟังเพลงให้หน่อย ” ยื่นมือถือให้อีกคนเมดก็ขมวดคิ้ว

“ มึงมีเพลงจะฟังเหรอ ”

“ ไม่ ”

“ แล้วต่อทำไมวะ ”

“ ใช้อะไรก็ทำเถอะน่า กูขับรถอยู่ ” เสียงถอนหายใจเซ็งๆนั้นดังออกมาตอนที่มันเอามือถือผมไปกดอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะยื่นกลับมาให้

“ เสร็จแล้ว ”

“ เข้าไปในโปรแกรมฟังเพลง ” ผมบอกเมดก่อนจะยื่นมือถือไปให้มันอีกครั้ง มือขาวหยิบมันขึ้นมากด ก่อนจะนิ่งไปแล้วค่อยๆยิ้มออกมา ตอนที่เห็นชื่ออัลบั้มที่ผมเซฟชื่อเอาไว้ก่อนหน้านี้ “กดเปิดอัลบั้มที่ทำให้มึงยิ้ม แล้วก็กดเปิดเพลง ”

“ เดี๋ยวนะ เพลงนี้คือ ให้กูเหรอ ” ไม่ได้ตอบคำถามนั้นในตอนนั้น แต่ผมกลับแค่ยื่นมือไปจับมือของอีกคนไว้ มือที่ค่อนข้างชุ่มเหงื่อของผมในนั้นมีลูกอมอยู่หนึ่งเม็ดในนั้น ผมจัดการยัดมันใส่มือของอีกคนก่อนจะพูดแค่สั้นๆ

“ ก็วันวาเลนไทน์ละนะ ”

เสียงดนตรีบรรเลงก่อนขึ้นคำร้องทำให้คนที่ฟังยิ้มกว้างออกมาก่อนจะพูดแบบไม่ออกเสียงแค่ว่า ‘ อารยะ แม่ง ’  เพลงที่ผมเลือกคือเพลงที่มีชื่อว่า ‘ อีกสักกี่ครั้ง ’ ส่วนนักร้องก็เป็นคนที่อีกคนชอบอยู่แล้ว ผมรู้ว่าเมดคงเคยฟังเพลงนี้มาก่อน และนั่นก็คือเหตุผลที่ผมอยากจะให้ทุกครั้งที่มันฟังเพลงนี้ มันจะคิดถึงเรื่องราวของเรา เหมือนกันกับผมที่ฟังมัน และคิดถึงแต่เรื่องราวของเรา เรื่องราวที่มันอยู่ในนั้นตั้งแต่ขึ้นต้นจนถึงท่วงทำนองสุดท้าย

“ ชอบท่อนนี้จังวะ ” เมดพูดขึ้น “ ในชีวิตนี้คงมีบางตอน บางตัวละคร อยากย้อนกลับแก้ไข แต่มีสิ่งนี้ ให้กลับกี่ทีฉันก็แน่ใจ อีกสักกี่หน อีกสักกี่ครั้ง ฉันก็จะยัง เลือกคนคนนี้ กี่ร้อยเรื่องราว ตลอดชีวี ฉันช่างโชคดี ได้เคียงข้างเธอ ”

“ เหมือนกัน ” ตอบอีกคนสั้นๆ ก่อนจะดึงมือออกจากการจับกุมนั้น ในตอนที่เพลงจบลง เมดก็ก้มลงมองลูกอมในมือของตัวเอง ก่อนจะกำมันไว้แน่นแล้วดึงตัวเองเข้ามาหาผมแล้วกอดกันไว้แน่น

“ ขี้โกงจริงๆเลยไอ้สัดอาฟ ทั้งๆที่กูคิดว่า วันนี้กูต้องชนะมึงแน่นอนแท้ๆ ”

“ ถึงมึงไม่ค่อยจะอยากอินกับวาเลนไทน์เท่าไหร่ แต่ก็ช่วยรับไปหน่อยแล้ว เพราะกูซื้อมาแล้ว ” คำพูดที่ชวนให้อีกฝ่ายยิ้มกว้างออกมาในตอนนั้นเมดสบถ

“ มึงแม่ง ส้นตีนจริง ” พูดแบบนั้นก่อนจะหยิบเอาลูกอมขึ้นมาดูข้อความนั้นชัดๆแล้วยิ้มไม่หุบอยู่แบบนั้น แก้มแดงของอีกคนลามมาถึงหู  แต่ผมเองในตอนนั้นก็ไม่ต่างกัน

“ ตามนั้นนะ ”

“ อะไรที่บอกว่าตามนั้น ”

“ ก็ข้อความบนลูกอม ”

“ รักนะ น่ะเหรอ ”

“ อื้ม รักนะ ” พูดย้ำกับมันแบบนั้นทั้งๆที่สายตาของผมยังคงมองไปข้างหน้า แต่เหมือนคนข้างกันจะไม่ยอมให้มันหยุดแค่นั้น เมดดึงตัวเองเข้ามาหากันด้วยรอยยิ้มกว้างมันที่หอมแก้มผมไปเต็มฟอดก่อนจะพูดออกมาด้วยแววตาเรียวมีแต่หยดน้ำตาเอ่อล้นอยู่ในนั้น

“ รักมึงเหมือนกัน อารยะ ในแบบที่มึงเป็นมึงนี่แหละ ”

ไม่ได้ตอบกลับอะไรอีกคน ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาเพื่อให้ความรู้สึกสุขที่ฟูฟ่องล้นอกนั้นระบายออกไป ก่อนจะ กดไฟสัญญาณเลี้ยวซ้ายเพื่อแวะจอด แล้วมอบจูบดูดดื่มให้กับอีกคน ที่ก็บอกว่าไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์สักเท่าไหร่

ก็ได้แต่หวังว่าโต๊ะในร้านอาหารที่จองไว้ เราจะไปได้ทันเวลา

.........................................................................

ตัดสินใจนานมาก ว่าคนแบบคุณอารยะน่ะ เค้าจะทำยังไงในวันแบบนี้
ความรู้สึกตอนเขียนก็คิดไว้หลายอย่างมาก แต่ต้องลบไปเพราะรู้สึกว่าไม่ใช่พี่อาฟเลย
จนมาคิดได้ว่า พี่อาฟ ก็ไม่เป็นตัวเองตั้งแต่เจอเมดแล้ว เหมือนเมดเปลี่ยนเค้า แล้วทำให้เค้าที่เคยเป็นเค้าเปลี่ยนไป เพราะงั้นสุดท้ายก็เลยออกมาในรูปแบบนี้

ท้ายนี้ พี่อาฟจะไปกินข้าวกับเมด ทันมั้ยไม่รู้
แต่สำหรับการจับจองเป็นเจ้าของหนังสือ #ผับชั้นสาม น่ะ ทันแน่นอน

ปิดจองวันที่ 5 เมษายน นี้แล้ว ใครสนใจ ตามรายละเอียดนี้เลยนะคะ
https://docs.google.com/forms/u/1/d/e/1FAIpQLSc1bZFqYuxXsXNY8pALfb0Jy0mF8R6d-kTNbqfZyiSSPoWj7w/viewform

ท้ายนี้ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-03-2019 21:49:27
 :impress2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 29-03-2019 23:36:42
เป็นวาเลนไทน์ที่แบบ...พี่อาฟอ่ะ ชนะอีกแล้ว 555
เมดกำลังได้ใจว่าเป็นฝ่ายให้บ้างแล้วเชียว
แต่ก็นั่นแหละ...รักถึงได้ทำให้ ^^
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: HydrA ที่ 30-03-2019 00:02:11
พี่อาฟก็หวานในแบบฉบับพี่อาฟแหล่ะ แค่นี้ก็อบอุ่นหัวใจแล้วจ้ะ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-03-2019 05:58:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 30-03-2019 06:41:22
 :katai2-1: อาฟเปลี่ยนเพราะเมดแต่เปลี่ยนในแบบของอาฟก็เค้ารักของเค้าเนอะ :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 30-03-2019 07:46:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 30-03-2019 10:05:56
 :hao3: คนอย่างพี่อาฟ ยังต้องพ่ายแพ้ให้วันวาเลนไทน์
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-03-2019 17:13:45
งุ้ย เขินนน~
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 31-03-2019 10:48:25
 :-[ อ่านเองเขินเองจ้า
พี่อาฟเค้าไม่หวานเล๊ยยยย จริงๆนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 31-03-2019 14:46:27
เรานึกว่าอาฟจะซื้อลูกอมให้เด็กสองคนนั้นซะอีก555 ที่แท้ซื้อให้ตัวเองแต่ก็ยังฟอร์มอะนะ  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 31-03-2019 22:10:15
ตอนนี้น่ารักน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มันหวานมันอบอุ่นมันลงตัวมันดีย์ :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: SHmnex ที่ 01-04-2019 00:07:30
โคตรเขินเลย  ทั้งพี่อาฟ น้องเมด ทำให้เขินมากเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 01-04-2019 20:21:46
อ่านไปก็บิดตัวเขินตามไปด้วย
พี่อาฟแม่ง หวานแบบเท่ๆอ่ะ

 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 02-04-2019 21:30:38
นับวันคุณอารยะยิ่งท็อปฟอร์ม
เขินตัวแตกไปสิ ฮึ่ยยยย
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 02-04-2019 22:18:15
 :กอด1:หวานกันมากๆ  พี่อาฟชนะเลิศ!!
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-04-2019 23:48:30
 :katai2-1: :L2:
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 03-04-2019 19:54:23
  :pig4:

 รักกันไปให้โลกอิจฉาเลย แสรดด  :o8:

 
หัวข้อ: Re: Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 05-04-2019 19:31:27
เขินกันไป
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: konfaibint ที่ 06-04-2019 22:00:53
รักมากมาย น้องเมดน่ารัก :haun4:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 08-04-2019 17:38:23
 :L1:ในแบบอาาาาาราาาาายะะะะะะ :z1:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 08-04-2019 21:37:00
หวานเวอร์มากอารยะโหมดนี้ชนะขาดจริงๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: smilepengy ที่ 11-04-2019 10:35:35
คุณอารยะ เค้าน่ารักนะคะ 555
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-04-2019 12:33:44
จองไม่ทันแล้วสินะ  คงต้องรอวางขายเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 14-05-2019 15:21:31
หวานกันจริงๆคู่นี้
น้องเมดกับพี่อาฟ
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 27-05-2019 21:20:05
สนุกอ่ะ  ชอบมากเลยค่าาาา.  :mew1:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 29-06-2019 12:04:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  :katai1: :katai1: :katai1: ชอบบบบบบบบบบ มากกกกกก แต่อยากอ่านเรื่องของน้องเดย์ รู้สึกว่าน้งเกย์ต้องน่ารักมากกกกกกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 17-07-2019 18:51:29
อารยะก็ยังเป็นอารยะ 5555 น่ารักทั้งคู่เลย  :hao3:

แต่สะเทือนใจฉากอาฟไปเจอเมดอยู่กับบินหลังจากกลับมาจากสิงคโปร์ อาฟเตอร์เก๋าร้องไห้เยยยย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-07-2019 19:29:21
5555 คนซึนก็แบบนี้แหละเนาะ แค่นี้ก็ยิ้มแก้มปริแล้ว
ไม่ต้องมากมาย แค่ทำให้ด้วยใจ มันดีที่สุดแล้ว

อารยะก็บ้าบอ เนียนแอบฟังเด็กน้อย แถมเอาความคิดน้องมาเล่นด้วย
ไม่ธรรมดาเลยนะ มีพัฒนาแล้วคนเรา จังหวะมันได้ ฟีลกำลังพอดี
น่ารักมาก บ้าบอมาก อยากกรีดร้องแข่งกับเมดเลย น้ำตาซึมเลย

เมดก็น่ารักไม่แพ้กันเลยนะ ทำดี ทำเนียน ก็ไม่อะไรหรอก
ก็แค่วันวาเลนไทน์ เลยสั่งดอกไม้มาให้อารยะ ให้เข้าบรรยากาศ

ขอบคุณมากนะคะ ถ่ายทอดได้ดีมากเลยค่ะ ยิ้มแก้มเบียดหมดแล้วเรา

หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: lipure ที่ 17-11-2019 05:36:11
  จิง ยีนส์และบิน อ่านแล้วให้ความรู้สึกว่า นี่มัน คนจังรายย มาเจอกันจริงๆ แต่ละคน โดยเฉพาะบิน อิจังไรแมน มีเมียแล้วยังเอาเพื่อนสนิทเมีย แล้วไม่เล่นหนึ่งน่ะ ฮีขอสอง แล้วคบทั้งสามคนมาถึงสี่ปี บร๊ะเจ้า จนมาความแตกถึงคิดได้ ซึ่งจริงๆ มันน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วมั้ย ซึ่งถึงจิง และยีนส์จะเลวที่เอากะสามีเพื่อน แต่ความจังไรเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าบินมันรู้จักห้ามใจแลไม่เห็นแก่ตัว  :katai1:
ส่วนเมดน่ะ โชคดีแล้วที่หลุดวงโคจรออกมาได้ และยังได้มาเจอกับเฮียอาฟ สุดหล่อสายเปย์ :z1:  ถึงหนูจะมีกรรม แต่ก็ยังมีบุญน่ะ

:pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: kurorri ที่ 18-11-2019 21:52:29
ชอบมากเลยค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ :: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 31-12-2019 22:04:21
Special of Special

Throw up #ผับชั้นสาม


[ ลงทะเบียนบัณทิตยังเมด ]

ข้อความของโปรแกรมแชทที่เชื่อมกับมือถือแจ้งเตือนขึ้นมา ตรงหน้าจอเล็กๆของมุมขวาจอคอมพิวเตอร์ ผมชะงักมือที่กำลังตั้งสมาธิกับตัวเลขบัญชีในวันปิดงบช่วงสิ้นเดือนไปแทบจะทันที ก่อนจะเลื่อนเม้าส์กดขยายหน้าจอแจ้งเตือนนั้นให้มันขยายใหญ่ ผมพิมพ์ตอบรับ ฝ้าย เพื่อนในมหาลัยคนเดียวที่ยังคุยกันอยู่บ้าง

[ ยังเลย ] ผมตอบ

[ อีกสามวันแล้วนะ หรือว่าเมดจะไม่เข้ารับปริญญา ]

[ ไม่รู้เลยว่ะ กำลังคิดอยู่เหมือนกัน ]

[ แล้วทำไมจะไม่รับ รับเถอะน่า เรียนจบแล้วนะ ] ผ่อนลมหายใจออกมากับข้อความนั้น เพราะมันก็คือข้อความที่ผุดขึ้นในสมองของผมเหมือนกัน

ตั้งแต่วันที่เปิดให้เริ่มลงทะเบียนจนถึงตอนนี้ที่อีกสามวันสุดท้ายจะปิดรับ ผมก็ยังคิดมาตลอด และคิดไม่ตกถึงเรื่องที่ว่า จะรับพระราชทานปริญญาบัตรดี หรือว่าไม่รับดี

ก่อนหน้านี้มหาลัยของอาฟก็มีงานรับปริญญาเหมือนกัน แต่ทั้งอาฟทั้งเจ ก็ปฎิเสธการรับไป ด้วยเหตุผลที่ว่า ขี้เกียจ และไม่ชอบความวุ่นวายอะไรแบบนั้น ซึ่งแน่นอนว่าผมเองก็คิดไว้ว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แม้จะพูดว่าเดี๋ยวไปช่วยถือของ  จะไปเป็นเบ๊ให้เองอีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนใจ และแม้จะเอาพ่อกับแม่มาอ้างว่าจะได้มีรูปมันในวันรับปริญญาติดไว้ที่บ้าน แต่ถึงอย่างงั้นคุณอารยะก็ยังคงปฎิเสธ ' ภาพกูมีเยอะแยะ อยากจะติดภาพไหนก็เอาไปติดสิ ’

[ ไว้เดี๋ยวถ้าตัดสินใจว่ารับแล้วจะบอกนะ ] สติกเกอร์ตอบกลับว่าโอเคถูกส่งกลับมาให้หลังจากที่เธอได้อ่าน ผมผ่อนหายใจออกมาก่อนจะพิงหลังลงกับเก้าอี้ที่นั่ง

เอากันตรงๆ ถ้าถามตัวเองก็อยากจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรมั้ย คำตอบในตอนนี้ก็คือ ไม่เชิง มันไม่ถึงกับอยากรับหรือว่าไม่อยากรับ แต่เป็นความรู้สึกที่ว่า มันจะรับก็ได้ไม่รับก็ได้ ถ้าพ่อมาบังคับผม บอกว่าต้องรับ ผมก็คงรับ แต่ประเด็นคือพ่อ ก็พูดแค่ว่า ตามใจ ก็แล้วแต่ความรู้สึกของเมด

อาจเป็นเพราะ พ่อรู้เรื่องของผมที่มันโคตรวุ่นวาย กับเพื่อนอดีตเพื่อนอีกสองคนรวมถึงบิน มันเลยเป็นเหตุผลง่ายๆที่พ่อไม่บังคับกัน และก็คงเข้าใจดีว่าทำไมผมถึงไม่อยากเข้ารับ เค้าเลยปล่อยให้ผมตัดสินใจด้วยตัวเอง


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูชวนให้ผมที่กำลังคิดอะไรคนเดียวเหลือบสายตาหันไปมอง แล้วตอนนั้นก็พบว่าคุณอารยะกำลังยืนพิงตัวเองอยู่กับขอบประตูของห้องด้วยท่าทางที่เท่เสียเหลือเกิน

“ รู้สึกว่ากูจะไม่ได้จ้างมาให้มึงมานั่งใจลอย ” ผ่อนหายใจออกมาตอนที่ฟังประโยคนั้น ท่าทางหน่ายๆของผมชวนให้ร่างสูงยกยิ้ม อาฟเดินเข้ามาใกล้กันก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งตรงขอบโต๊ะ “ เหม่ออะไร หิวเหรอ ”

“ หิวเหี้ยอะไรละ เพิ่งจะกินข้าวหน้าปลาไหลก่อนจะเข้าผับมาจำไม่ได้เหรอวะ ”

“ จำได้ ” อาฟตอบ ก่อนจะยื่นมือมาหยิกแก้มผม “ แต่ใครจะรู้ บางทีคนตกละอย่างมึงอาจจะหิวอีกแล้วก็ได้ ”

“ ส้นตีน ไม่หิวเว้ย ” ปัดมือออกไปก่อนจะเหลือบมองมันที่ก็ยกคิ้วท้าทายกันแบบที่ไม่รู้สึกถึงความผิดใด
 
“ แล้วเป็นเหี้ยอะไร ”

“ แล้วอะไรคือเป็นเหี้ยอะไร ” เหลือบมองอีกคนที่จ้องมองกัน ผมที่ยังคงปิดปากเงียบแม้จะรู้ว่าที่อีกคนถามมันหมายถึงอะไร สายตาที่จ้องมองอีกฝ่าย มีความรู้สึกลึกๆแค่ว่าอยากจะดัดสันดานมันสักหน่อย คนเหี้ยอะไร พูดจาไม่เคยดี

แต่ก็นั่นแหละ

เหมือนว่าอาฟมันจะรู้ตัว สายตาคมที่จ้องมองผม แล้วเอาแต่ยกยิ้มแบบนั้นก่อนเลยค่อยๆลดใบหน้าเข้ามาใกล้กันจนปลายจมูกของเราเกือบสัมผัสกัน แล้วในตอนนั้นผมก็เบี่ยงตัวออก ปลายจมูกนั้นเกลี่ยแก้มผมเบาๆ เสียงทุ้มกระซิบ “ เมดครับ ”

“ อะไร ” ผมถามกลับอีกคนก็ยกยิ้ม

“ คิดเหรอครับ ว่าถ้าเงียบแล้วกูจะพูดดีๆออกมา บอกเลยนะ ว่าไม่ได้ผล ”

“ ไอ้สัด ” สบถออกไปอีกคนก็เอาแต่หัวเราะ เป็นคนเหี้ยที่แค่ได้แกล้งผมก็เหมือนจะมีความสุขไปทั้งวัน

“ แล้วตกลงมีเรื่องอะไร ”

“ ไม่บอก ใครจะไปบอกคนอย่างมึง ” ผมว่า ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ตัวที่นั่งเข้าไปใกล้โต๊ะ พยายามที่จะทำเป็นไม่สนใจแล้วทำงานต่อ แต่เหมือนคนที่รู้จักกันดี จะไม่ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นอย่างงั้น

“ ไม่บอกก็ดี ” ว่าแบบนั้นก่อนจะทำทีเป็นไม่สนใจ อาฟเดินมานั่งลงตรงเก้าอี้ของตัวเอง เปิดคอมพิมเตอร์ของมันขึ้นมา เราเงียบให้กันอยู่สักพัก จนอีกคนทำทีเป็นหันไปมองนาฬิกา “ สั่งอะไรมากินหน่อยแล้วกัน ปู่ไข่ดองน่าจะดี ”

“ จะสั่งปู่ไข่ดองเหรอ ” หลุดถามออกไปด้วยความรู้สึกอยากกิน แล้วนั่นก็เหมือนกับว่าจะเป็นหลุมพลางที่ผมตกลงไปแบบเต็มๆ อาฟมองเหล่กัน อีกคนยิ้ม

“ ไหนบอกไม่คุยกับกู ”

“ มึงแม่ง..มึงอะ ” ผมโวย “ มึงแม่งเอาจุดอ่อนกูมาเล่น มึงก็รู้ว่ากูอยากกินปูไข่ดองเพราะกูพูดมาสองวันแล้ว มึงอะทุกทีเลย ”

“ มึงควรหงุดหงิดตัวเองมากกว่ามั้ย ที่มันตะกละจนได้เรื่อง ” ยกยิ้มให้กันมือหนาที่ยื่นมาหยิกแก้มกันนั้น เรียกรอยยิ้มให้อีกคน “ นี่..”

“ อะไร ” ผมถามกลับ แล้วอยู่ๆเจ้าของสายตาคมที่มองกันก็แบบแปลกไป อาฟเหลือบไปมองทางอื่น มันไม่ได้มองผม เสียงทุ้มนั้นค่อนข้างอ้อมแอ้มคล้ายกับไม่อยากจะพูดเท่าไหร่

“ อยากรู้ ” คนตรงหน้าพูดเสียงเบา “ มีเรื่องอะไร ”

“ ไอ้สัดเอ้ย ” หลุดยิ้มออกมากับท่าทางอย่างงั้น ก็แค่จะถามว่ามีอะไรยังฟอร์มเยอะ เชื่อเค้าเลย

“ ว่ามา ตกลงมีอะไร ”

“ ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ฝ้ายมันส่งข้อความมาถามเรื่องลงทะเบียนเข้ารับปริญญา แต่กูไม่รู้ว่าจะเข้ารับดีมั้ย ” คำถามนั้นทำให้คนฟังเลิกคิ้ว อาฟพิงหลังลงกับเก้าอี้ที่นั่งรวมถึงผมด้วย

“ แล้วทำไมถึงคิดว่าจะไม่เข้ารับ ” คำถามนั้นทำให้ผมนิ่ง “ จะเลียนแบบกูเหรอ ”

“ เลียนแบบเหี้ยอะไรละ ” ผมสวนกลับก่อนจะถอนหายใจ “ กูแค่รู้สึกไม่อยากจะจัดการอะไรหลายๆ เพราะมันยุ่งยากไหนจะช่างแต่งหน้า แล้วคนถ่ายรูปอีกละ ชุดที่ต้องใส่ รองเท้า คือทุกอย่างมันมีรายละเอียด แล้วกูมันพวกต้องเป๊ะกับทุกอย่าง กูเลยแบบ ไม่รับดีมั้ย ตัดปัญหาไม่อยากจะจัดการ ทุกอย่างมันก็แค่นั้น ”

“ แค่นั้นเหรอที่มึงคิดว่ายุ่งยาก ” คิ้วหนาที่ยกขึ้นถาม ผมก็คิด

“ ก็มีอย่างอื่นอีก ” ผมพูดเสียงเบา

“ คือ ”

“ คือมันต้องมีคนไปกับกูแล้วคนคนนั้นก็ต้องลำบาก ร้อนก็ร้อน คนก็เยอะ แล้วมันก็ตั้งหลายชั่วโมงที่ต้องไปคอย ไม่นับเรื่องเล็กน้อยอีกเยอะมาก กูเลยไม่ค่อยอยากจะรับ อีกอย่างคือ กูติดนิสัยมึงไปแล้ว เหมือนพอรู้ว่าต้องยุ่งยากก็เริ่มที่จะไม่อยากทำ ”

“ ขี้เกียจเอง แล้วโทษกูมันได้เหรอ ” คำถามของคนตรงหน้าทำให้ผมหลุดยิ้มก่อนจะเม้มปากตัวเองแล้วทำทีเป็นมองไปทางอื่นแบบคนไม่รู้ไม่ชี้

“ อาฟ ถามจริงนะ ถ้าเป็นมึง มึงรับมั้ย ”

“ รับ ” อีกคนตอบสั้นๆ

“ ตอแหลไอ้สัด ขนาดของตัวเองยังไม่รับ แล้วมาบอกว่าถ้าเป็นกูจะรับ ”

“ มึงเองก็อยากรับแค่ทำทีเป็นถามกูว่ารับดีมั้ย เพื่อให้กูบอกว่า ไปเถอะ ไปรับ ให้ความมั่นใจกับมึง ” อาฟมันว่า “ มึงเองก็คิดว่าพ่อคงอยากมีรูปรับปริญญาของมึงติดอยู่ที่ฝาบ้าน แม้เค้าจะพูดว่า ตามใจมึง แล้วที่มึงไม่อยากรับ มันไม่ใช่เพราะความยุ่งยากแบบที่มึงพูดมาเลย มึงรู้ว่ากูซัพพอร์ตมึงอยู่แล้ว แต่ที่ทำให้มึงไม่ค่อยอยากรับ เพราะมึงคิดมากกว่าว่ามันคงไม่สนุก เพราะมึงไม่มีใครอีกแล้วในมหาลัยนั่น ไม่มีเพื่อนเก่าที่เคยร่ำเรียนมาด้วยกัน คนที่จะมาถ่ายรูปสนุกๆกับมึงในวันเรียนจบ เหมือนแค่มารับ แล้วก็จบ กลับบ้านนอน ”

“ รู้ได้ไงวะ ” พูดออกไปเสียงเบาๆ คนที่รู้จักกันดีก็ยกยิ้ม อาฟลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะหันมามองกัน

“ ก็มันไม่ใช่เมื่อวานที่กูรักมึงจริงมั้ย ” ประโยคคำถามสั้นๆที่เหมือนคิดแล้วพูดออกมาทันทีนั้น ชวนให้คนที่เหมือนจะพลั้งปากถึงกับเหลือบไปมองทางอื่นด้วยท่าทางที่ดูตกใจ ความรู้สึกที่เหมือนจะหาข้ออ้างเหมือนทุกทีนั้นชวนให้ผมหลุดยิ้ม “ ยิ้มเหี้ยอะไร ”

“ เปล๊า ” พูดเสียงสูงแต่ก็ยังหยุดยิ้มไม่ได้อยู่ดี อาฟที่ถอนหายใจออกมา มันมองไปทางอื่น

“ ถ้าจะไปก็บอก กูให้ลาหยุด ”

“ แล้วมึงจะไปด้วยมั้ย ” คำถามนั้นทำให้อีกคนนิ่ง ผมรู้อยู่แล้วว่าอาฟต้องไปแน่นอน มันไม่มีทางปล่อยให้ใครไปกับผมหรอก แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังอยากจะถามออกไปอยู่ดี ขอรู้หน่อยเถอะ ว่าอีกคนจะอ้างว่ายังไง

“ ถ้าว่างก็จะไป ”

ตอบว่าอย่างงั้น  แต่หลังจากนั้นไม่นานเมื่อบอกออกไปว่า ตกลงว่าจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรนะ คนที่ตอบกลับมาสั้นๆว่า ‘ อื้ม ’ อย่างไม่ใส่ใจนั้น ก็คือคนเดียวกันกับที่กำลังนั่งเล่นกล้องถ่ายรูปที่เพิ่งซื้อมาเมื่อไม่กี่วันก่อนอยู่ตรงโซฟาในคอนโดของเราอย่างมุ่งมั่น


แชะ!

เหลือบมองเสียงที่ดังอยู่ไม่ไกล ผมหลุดยิ้มตอนที่เห็นว่าเลนส์ของกล้องหันมาทางผม กล้องที่ดีไซน์ออกมาในรูปแบบวินเทจดูเข้ากับคนถือมันอยู่ เสื้อยืดสีขาวตัวที่ใส่กับกางเกงสีดำส่งให้อีกคนดูเท่มากขึ้นไปอีก

“ แอบถ่ายกูอีกแล้วนะ ”

“ แค่ภาพมุมนี้มันสวย ” กล้องที่ถืออยู่นั้นถูกลดลง คนปากแข็งยังคงไม่สารภาพอะไรออกมาเหมือนเดิม แม้ว่าในกล้องถ่ายรูปนั้น ภาพทั้งหมดจะมีแค่ผม ที่อยู่ในทุกอริยาบทก็ตาม

“ สวยเหรอ ไหนมาดู ” หย่อนตัวลงนั่งข้างอีกคนก็ดึงกล้องจากมืออีกคนขึ้นมาดู ผมเผลอบึนปากอดรู้สึกชื่นชมไม่ได้เลยถึงความมีพรสวรรค์ของอีกฝ่าย ในขณะที่ผมถ่ายแค่กล้องมือบางภาพยังออกมาเบลอ แต่ไอ้สัดนี่เรียนด้วยตัวเองอยู่ไม่กี่วัน  ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ และเล่นแสงเป็นแล้ว “ เออ สวยจริง ”

“ มันแน่อยู่แล้ว ” พูดแบบนั้นอาฟก็ดึงกล้องออกไปจากมือผม กดปรับอะไรอยู่สองสามอย่าง ก่อนจะกดถ่ายภาพกันในมุมที่โคตรใกล้

“ ถ่ายเหี้ยอะไรของมึง กกหูเหรอ ”

“ มึงเห็นอะไรนี่มั้ย ” อาฟดึงกล้องมาให้ผมดู ภาพบนหน้าจอนั้น เหมือนจะเป็นส่วนปากแล้วก็แก้มของผม

“ อะไร ”

“ ความอ้วน ”

“ ไอ้สัด ” แทงศอกเข้าตรงท้องอีกคนก็เอาแต่ยิ้มมีความสุข ในตอนนั้นผมทำได้แค่ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะตีหน้านิ่ง

“ เออ ลืมบอกมึงไปเลย เดี๋ยววันซ้อมแล้วก็วันจริง วิวจะไปเป็นเพื่อนกูนะ มึงไม่ต้องไปก็ได้ ” คำพูดนั้นทำให้คนที่กดดูภาพอยู่ชะงักไป แม้แต่รอยยิ้มนั้นก็ด้วย อาฟหันมามองกัน ด้วยสายตาที่เหมือนจะไม่เข้าใจ “ คือกูหมายถึงว่า มึงไปถ่ายรูปกับกูแล้วก็กลับก็ได้ ไม่ต้องนั่งเฝ้าหรอก เดี๋ยวให้วิวมันนั่งคอยกูเอง มันนาน อีกอย่างมันร้อนด้วย คนก็เยอะ โคตรวุ่นวาย มึงไม่ชอบหรอก เดี๋ยวก็หงุดหงิดเปล่าๆ ให้คนเสนอตัวทำด้วยหัวใจแบบน้องวิวทำก็ได้ ”

“ อื้ม ”

ตอบกันแบบนั้นแค่สั้นๆพร้อมกับคิ้วที่ยกขึ้น ดูเป็นการตอบรับที่เหมือนไม่มีอะไร ทั้งๆที่ในใจผมก็รู้ว่าอีกคนคงอยากจะพูด ว่าไม่เป็นไร ก็เดี๋ยวมันจัดการทุกอย่างให้เอง แต่อาฟก็คืออาฟ มันไม่มีทางที่จะทำแบบนั้น ส่วนผมก็คงต้องคอยดูต่อไป ว่าคนอย่างคุณอารยะจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง

.................................

ทุกอย่างถูกจัดการไว้อย่างเรียบร้อย วันนี้เป็นวันซ้อมใหญ่เพื่อนสนิทของน้องวิวคนที่เป็นช่างแต่งหน้าจะทำหน้าที่แต่งหน้าให้ผม และแน่นอนว่า ก็ขอกันไปว่า หล่อขึ้นแบบธรรมชาติที่สุด ไม่เอาแบบตั้งใจแต่งเหมือนตื่นมาก็คือหล่อเลย ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยากมาก เรานัดหมายกันตั้งแต่ตีสี่ ซึ่งแน่นอนว่าปกติก็เป็นเวลาเข้านอนของผมพอดี

“ แล้วนี่พี่อาฟไปไหน ” คนน้องที่นั่งกินขนมปังอยู่ตรงข้ามโต๊ะกันเอ่ยถามหาเจ้าของห้องอีกคน หลังที่เข้ามาสักพักแล้วแต่ยังไม่เห็นหน้ากัน ผมเชิดหน้าไปที่ชั้นบนตอนที่ได้จังหวะ วิวเงยมองตรงห้องนอนนั้น มันพยักหน้ารับ “ ยังนอนอยู่อีกเหรอวะ ”

“ ใช่ ”

“ แล้วนี่พี่อาฟจะไปงานซ้อมรับปริญญาพี่เมดเปล่า หรือว่าจะไปวันจริงทีเดียว ” คนเป็นน้องถาม ผมก็หลุดยิ้มออกมา “ ทำไม ”

“ มันไปนั่นแหละมึง แต่แม่งคือฟอร์มเยอะชิบหาย ”

“ ยังไงวะ” วิวถาม

“ ก็ตอนกูตัดสินใจจะรับปริญญา มันก็บอกว่า ถ้าว่างแล้วจะไป แต่พี่ท่านก็ไปซื้อกล้องถ่ายรูปมาเรียบร้อยนะ  แถมยังชวนกูไปเดินสวนสาธารณะทั้งๆที่ร้อยวันพันปีไม่เคยมีโมเม้นท์นี้เกิดขึ้นเลย บอกกู เออ พกกล้องมาพอดี งั้นถ่ายรูปหน่อยแล้วกัน ”

“ คือ ทั้งๆที่เตรียมกล้องมาตั้งแต่ต้นอะนะ ”

“ เออ ” ผมพยักหย้ารับ “ คือมันดูออกมากอะว่าเตรียมตัวมาพร้อมแล้วนะ แต่จะให้พี่ยอมรับออกมาตรงๆ ว่าพี่จะไปแน่นอน ซ้อมถ่ายรูปให้แล้วเนี้ย ก็ดูจะไม่ใช่ทางของมันสักเท่าไหร่ ”

“ สมเป็นพี่อาฟ ฮ่าๆ ” น้องผมว่าพลางส่ายหน้าหัวเราะ

“ นี่กูยังคิดอยู่เลยว่ามันจะมาไม้ไหนกับการที่จะไปส่งกูที่มหาลัย ”

“ ตื่นพอดีเปล่า ” วิวมันเชิดหน้าไปทางลงบันได ซึ่งแน่นอนว่าตอนนั้นผู้ชายที่บอกว่า ถ้าว่างจะไป และการซื้อกล้องนี้ไม่ได้มีการซื้อกล้องมาถ่ายรูปผมแต่อย่างใด ก็แค่อยู่ๆ อยากซื้อไว้เฉยๆมันก็เท่านั้น อาฟเดินลงมาจากห้องด้วยชุดใหม่ที่ก็พร้อมแล้วสำหรับการออกไปข้างนอก พร้อมกับกล้องตัวแพงที่สะพายอยู่บนไหล่

“ หล่อสุด ”

ก็อย่างที่วิวบอก เสื้อสีขาวที่อีกคนใส่เป็นเสื้อตัวที่ผมไม่เคยเห็นเลยซึ่งแน่นอนว่า คงไปอบซื้อมาใหม่ มันเป็นเสื้อทรงเชิ้ตคอกลมเล่นลายด้วยเชือกสองข้างเป็นแถบยาว เข้ากันได้อย่างดีกับกางเกงสีดำและผมเปิดหน้าผากที่อีกคนทำทุกวัน มันหล่อจนน้องคนที่แต่งหน้าให้ถึงกับนิ่งชะงัก

“ มึงๆ ผัวพี่กู ” วิวมันสะกิดเพื่อน จนคนโดนทักถึงกับหันขวับไปยิ้มให้เพื่อนแล้วหันมาส่ายหน้าดุ๊กดิ๊กให้ผม

“ ไม่ได้คิดอย่างง้านนนนนนนน ”

“ คิดได้ แต่ไม่ให้จริงจังนะ ” ผมแซวน้อง ในตอนนั้นอาฟที่เดินผ่านไปแอบเหลือบมองกันด้วยรอยยิ้มน้อยๆ มันคล้ายว่าจะแซว “ มองแล้วยิ้มแบบนั้นหมายความว่าไงวะ ทำไม มึงจะแซวอะไรกูอีกไอ้สัดอาฟ ”

“ ก็ดูทรงว่าท่าทางน่าจะแต่งยาก ” มันพูดสั้นๆ เราสามคนก็ได้แต่ขมวดคิ้ว “ ไม่แปลกใจว่าทำไมต้องตื่นมาแต่งกันตั้งแต่ตีสี่ เพื่อนมึงมีความสามารถนะวิว แต่แต่งซาลาเปาให้กลายเป็นคนได้ด้วย ”

“ หน้าเหี้ย ”  ด่าอีกคนแบบไม่ออกเสียง จนน้องคนที่แต่งหน้าให้ถึงกับหลุดขำ “ แล้วนั่นจะไปไหน แต่งตัวหล่อตั้งแต่เช้า ”

“ ไปส่งมึงไง ” มันพูดแค่สั้นๆ พร้อมกับหยิบกาแฟที่วันนี้มันชงด้วยตัวเองขึ้นมาดื่ม “ กูแค่ตื่นพอดี มันนอนต่อไม่หลับ ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับคำพูดนั้น ก่อนจะหันไปมองวิวที่ก็ยิ้มออกมา มันหันมากระซิบผม

“ เหมือนที่คิดไว้เลยว่าต้องประโยคนี้ ”

“ แล้วมึงมีปัญหาอะไร ” อาฟถาม น้องผมก็หันไปมองก่อนจะยิ้มกว้าง

“ ไม่มีจ้า ใครจะกล้ามีปัญหากับพี่อาฟ ว่าแต่นะนี่จะอยู่ทั้งวันเลยมั้ย ”

“ ดูก่อน ”

“ ฮะๆ คือเป็นดูก่อนที่ดูออกมากอะ ” มันมันเหลือบมองผม “ ว่าจะอยู่ทั้งวัน ” 

ประโยคนั้นทำให้ผมได้แต่ยิ้มกว้าง ก่อนจะถอนหายใจออกมา พลางมองคนที่กำลังก้มหน้าก้มตากับกล้องถ่ายรูปของตัวเองที่ก็แน่นอนว่า ก่อนหน้านี้คงแอบถ่ายภาพผมตอนแต่งหน้าไปหลายรูปแล้ว


....................................
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษที่ 7 :: up! 29-3-62} #หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: patwo ที่ 31-12-2019 22:05:15


เราเดินทางออกจากบ้านหลังจากที่แต่งหน้าแต่งตัวกันเสร็จ ทุกอย่างถูกเช็คว่าไม่มีของสำคัญอะไรที่ผมห้ามลืมเด็ดขาด ส่วนคนขับรถที่พามาวันนี้ก็ยังเป็นคนเดิมกับที่คอยมารับมาส่งกันที่ในช่วงปลายเทอมสองของปีสี่ เป็นคนเดิมที่อ้างว่า มีเรียนอยู่แล้วก็เลยจะไปส่งทั้งๆที่จริงก็ไม่มี

ส่วนวันนี้ก็คือ ตั้งใจจะมาอยู่แล้ว แต่ก็บอกตามสไตส์ ว่า แค่ตื่นนอนมาแล้ว และนอนต่อไม่หลับ

“ ทำอะไร ” หันไปถามคนที่ไม่ยอมปล่อยมือถือ แถมยังกดยุกยิกอยู่ตลอดเวลาในตอนที่ติดไฟแดง

“ คุยกับสัดเจ ” ว่าแบบนั้น ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมที่วางนิ่งไว้อยู่ “ วิวฝากบอกมึงด้วยว่า เดี๋ยวมันจะมาพร้อมเจเลย ”

“ โอเค ” พยักหน้าตอบรับก่อนจะเหลือบมองมือนั้น “ แล้วจับมือกูทำไม ”

“ กูจับมือแฟนกู มึงมีปัญญหาเหรอ ”

“ ไม่มีหรอก เพราะกูนี่แหละสัด แฟนมึง ”

 รถของเราเคลื่อนตัวเข้าสู่มหาลัยหลังจากที่ขับมานาน  ซึ่งวันนี้แน่นอนว่าที่จอดรถเป็นอะไรที่หายากมากกว่าปกติหลายเท่าตัว และมันไม่ต่างอะไรกับการเล่นเก้าอี้ดนตรีเลยสักนิด “ กูคิดว่าเรามาเช้าแล้วนะ แต่ก็ยั๊งไม่มีที่จอดรถอยู่ดี ”

“ แล้วมึงคิดเหรอว่าคนอื่นเค้าจะไม่คิดเหมือนมึง เรื่องมาให้เร็วกว่าปกติจะได้มีที่จอด ”

“ เออ นั่นก็จริงของมึง ” ผมผ่อนลมหายใจออกมาก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นที่จอดว่างตรงหน้าคณะพอดี “ เชี้ย อาฟ นั่นๆที่จอดรถ ไปเร็วมึง ว่างแล้ว มันต้องเป็นของเรา ”

“ ประสาท ” อีกคนว่ายิ้มๆ ก่อนจะขับขึ้นไปแล้วจอดลงตรงที่ว่างหนึ่งเดียวตรงนั้นที่มี ช่องแคบๆที่อีกคนจอดได้อย่างเชี่ยวชาญซึ่งแน่นอนว่าถ้าเป็นผมก็คงต้องไปจอดที่อื่น ปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะถอนหายใจโล่งออกมา แน่นอนว่า เพราะไม่ต้องเดินไกลให้เมื่อย แล้วนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด

“ มึงโทรบอกเจด้วยสิ ว่าถ้าจะมากันหลายคน ให้มาด้วยกันให้หมด เพราะมันไม่มีที่จอด ยัดๆกันมาเลย ในรถคันเดียวนั่นแหละ ”

“ แล้วมึงคิดว่าใครมันจะมาเหรอครับ ” คำถามนั้นทำให้ผมนิ่ง ประโยคนึงผุดขึ้นมาในสมองอย่างฉับพลัน ‘ เออ ลืมไปเลยว่าไม่มีเพื่อนแล้ว ’ แต่ทว่าคนที่พูดเองก็ไม่ต่างกัน อาฟมันนิ่งไปนิดหน่อย ก่อนจะยกมือขึ้นจับหัวผม “ แต่ก็ไม่แน่หรอก ” อาฟว่าแบบนั้นก่อนจะก้มหน้าลงพิมพ์อะไรสักอย่างลงไปในมือถือของตัวเอง บนหน้าจอนั้นเป็นไลน์กลุ่มเหมือนจะเป็นที่รวมตัวของทุกคน ไม่ว่าจะเป็น เอม เจ น้องเดย์ น้องอัยย์ ผมเห็นมันพิมพ์ข้อความลงไปบนนั้น ‘ มาให้ได้ครบทุกคนนะไอ้สัด ’

เผลอยิ้มออกมาในตอนที่เห็น มันก็เป็นแบบนี้ แคร์ทุกความรู้สึกกันมากจริงๆ เลยไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน อาฟก็ใส่ใจกัน

“ งั้นกูไปลงทะเบียนก่อน มึงอยู่ตรงนี้นะ ”

“ อื้ม ” ใบหน้าคมพยักหน้ารับ ผมก็เดินไปจัดการเรื่องลงทะเบียนรับปริญญาของตัวเอง ทักทายเพื่อนร่วมคณะที่วันนี้จัดหนักจัดเต็ม รวมถึงฝ้ายที่ก็เดินเข้ามาชวนคุยแล้วก็ขอถ่ายรูปไปเสียหลายรูป ซึ่งแน่นอนว่าตากล้องของเธอก็จัดหนักจัดเต็มอีกเช่นกัน เมื่อดูจากขนาดกล้องแล้ว ของผมดูธรรมดาไปเลย

“ วันนี้ใครมาถ่ายรูปให้เมด ถ้าไม่มีถ่ายกับฝ้ายได้นะ ”

“ ไม่เป็นไร ” ผมปฎิเสธ “ อาฟมาถ่ายให้น่ะ ”

“ สุดยอดแฟนแห่งปี ทำเพื่อคนที่รักได้ทุกอย่างจริงๆ ” อีกคนแซวก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แต่ในที่สุดก็เรียนจบสักทีเนอะ ดีใจกับเมดด้วยนะ สำหรับเกียรตินิยมอันดับสอง ”

“ ขอบคุณมากครับ ”

“ เออ มีอะไรจะบอกอย่างนึง ” ดวงตาสวยที่เบิกขึ้นนิดหน่อยเหมือนกับอีกคนคิดอะไรขึ้นมาได้ ฝ้ายยิ้ม “ ไม่รู้มีใครบอกเมดยัง แต่เห็นว่ายีนส์มันไม่เข้ารับนะ เพื่อนลือๆกันใหญ่ ”

“ เหรอ ” ตอบออกไปแค่นั้น ก่อนที่บทสนาทนาของเราจะถูกขั้นด้วยการที่ต้องแยกย้ายกันไปลงทะเบียนเพราะถึงคิว ผมผ่อนลมหายใจออกมาในตอนที่ทำเรื่องต่างๆ รวมถึงการสั่งกรอบรูปสำหรับเอาไว้ติดที่บ้านเรียบร้อย

อดคิดถึงความรู้สึกในที่ได้เข้าเรียนครั้งแรกที่นี่ไม่ได้เลย ผมมองไปรอบๆอาคารหลังจากที่เดินออกมานั้น ถอนหายใจ ผ่อนความเศร้าที่ฝังอยู่ลึกๆ

พอเอาเข้าจริงก็คงเหมือนกับที่อาฟบอก เหตุผลที่ผมไม่อยากจะเข้ารับปริญญา ไม่ใช่ความยุ่งยาก แต่เพราะมันไม่ได้สนุกขนาดนั้นอีกแล้ว เพื่อนสนิททั้งสามคนที่เราเคยดีใจตอนเข้าเรียนที่นี่ด้วยกัน คนพวกนั้นไม่อยู่ข้างกันอีกแล้ว ไม่ว่ายังไง ก็ยังเสีดายอยู่ลึกๆอยู่ดี กับความเป็นเพื่อนที่หายไปนั้น

ภาพที่เคยถ่ายไว้ตอนเรียนจบม.ปลายถูกลบหายไปจากความรู้สึก ภาพที่เราเคยบอกกันว่า ถ้าเรียนจบจะหิ้วชุดครุยไปถ่ายตรงจุดเดิม  แต่พอวันนี้มาถึงจริงๆ เรากลับทำอะไรแบบนั้นไม่ได้แล้ว ก็เสียดายอยู่เหมือนกัน สำหรับความสัมพันธ์และคำว่า เพื่อน ที่จะไม่มีวันกลับมาอีกนั้น

“ พี่เมด ยินดีด้วยจ้า!!! ” เสียงดังที่ดึงสติของผมที่กำลังก้มหน้าก้มตาคิดอะไรบางอยู่ถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความตกใจ เจ้าเด็กแสบบาร์เทนเดอร์สองคน รวมถึงน้องชายผม เอม แล้วก็เจ ยืนอยู่ตรงหน้านั้นข้างๆกับคุณอาฟเตอร์ อาระที่ยิ้มให้กัน ในมือของทุกคนมีทั้งดอกไม้ช่อใหญ่ รวมถึงถูกโป่งสวยๆ

“ ปี๊ด ปี๊ด ” ผมหลุดหัวเราะออกมาตอนที่น้องเดย์หยิบแตรของเล่นเด็กคนมาเป่า และดูเหมือนเสื้อวันนี้ทุกคนจะธีมกันมาในแบบที่เรียกว่า สีสันแสบตาที่ใส่กันมาไม่ต่างอะไรกับเวทีลูกทุ่งเลสักนิด

“ เหี้ยอะไรกันเนี้ย ” ถึงกับต้องพูดออกไป แต่น้องเดย์ก็แค่ยื่นลูกโป่งมาให้กัน

“ ก้มาแสดงความยินดีกับพี่เมดไงครับ เรียนจบแล้วน้า ยินดีด้วยนะครับพี่สะใภ้คนสวยของน้องเดย์ที่ก็อยากจะเป็นผัวมากกว่าน้องเขย ”

“ จ้า ” ผมตอบรับก่อนจะรับลูกโป่งนั้นมา แต่ยังไม่ทันที่น้องอัยย์จะเข้ามา เสียงกรีดร้องของน้องเดย์ก็ดังขึ้น แน่นอนว่ามันจากคุณอารยะของผม ที่ก็ถีบน้องชายตัวเองเข้าไปเต็มแรง

“ นี่ก็หวงไม่เลิกจริง ” เจมันบอกก่อนจะเชิดหน้าไปทางไอ้อัยย์ “ ตามึงแล้วสัดอัยย์ ”

“ โอเค นี่ครับ ซ้อเมดคนสวยของผม “ ตุ๊กตาน่ารักถูกยื่นมาให้ “ น้องไม่อยากจะเป็นผัวซ้อ แต่แน่นอนว่าได้ก็ดี ”

“ พวกมึงที่ก้วอนตีนมัน ” ผมว่าก่อนจะหันไปรับของจากเจกับเอม ที่ก็ยื่นมาให้ทั้งถุง แล้วพอเปิดดูก็พบว่ามันเป็นของขวัญที่อยู่ในกล่องอีกที “ ขอบคุณครับ ”

“ พี่เมด อันนี้จากวิวนะ ” ของที่วิวให้มันเป็นเคสมือถือที่ก็เหมือนว่าอีกคนจะออกแบบเอง ผมรับมันมาก่อนจะดึงอีกคนเข้ามากอด

“ ขอบคุณนะครับ ”

“ อะไรกันน่ะ ” น้องเดย์ท้วง “ น้องเดย์ก็ให้พี่เมดนะ แต่พี่เมดกอดแค่เด็กแรด ทำไมพี่เดย์ไม่กอดน้องเดย์ละครับ แบบนี้มันหมายความว่าไง รักน้องไม่เท่ากันเหรอ แบบนี้ก็ได้เหรอ ”

“ เออๆ มาๆ ” ดึงวิวออกจากตัวก่อนจะเรียกอีกคนเข้ามา คนน้องที่ได้แต่เบิกตากว้าง ก่อนจะหันไปเหลือบมองพี่ชายตัวเอง

“ สัดพี่ พี่เมดพูดเองนะ กูไม่ได้ร้องขอมากมายเลยด้วยซ้ำ บ้าจริงนี่ไม่ได้อยากกอดอะไรเลย เกรงใจหรอก ” เดย์ดึงตัวเองเข้ามากอดผม สองแขนที่กอดเอวรัดกันแน่นเหมือนได้ทีก็ขอแบบจัดหนัก

“ ยินดีด้วยนะครับพี่เมดของน้องเดย์ เรียนจบแล้ว ”

“ ขอบคุณนะครับ ” พยักหน้ารับเจ้าเด็กที่ไม่รู้จักโต ผมเรียกน้องอัยย์เข้ามา “ น้องอัยย์ก็มาด้วยสิ ”

“ พี่เมดเรียกนะ กูบริสุทธิ์ กูบริสุทธิ์ ” อีกฝ่ายตะโกนก่อนจะเดินมากอดผมไว้แน่นเหมือนกัน ทั้งสองคนเอียงตัวเองไปมาในตอนที่เรากอดกันอยู่แบบนั้น และเหมือนว่ามันจะแนบชิดเกินไปหรือไม่ก็อาจจะนานไป ทางฝ่ายคนที่ถือกล้องแล้วยืนนิ่งก็เลยพูดขึ้น

“ นานไปแล้ว ”

“ ยังไม่ถึงห้านาทีเลยมั้ง ” เอมมันว่าก่อนจะเหลือบมองเจที่ก็ยักไหล่

“ ขี้หวงตามสไตส์แหละไอ้สัดพูดยาก เรื่องนี้มันเรื้อรัง ”

“ K ” อาฟบอกปัด ตอนนั้นไอ้เด็กแสบก็ดึงตัวเองออกจากผมพอดี น้องมันก็เลยหันไปอวด

“ พี่เมดก็คือตัวห๊อมหอม อยากจะหอมสักฟอดสองฟอด ”

“ แต่ถ้าตายกูไม่ช่วยน้า ” เจยกมือขึ้นทั้งสองมือคล้ายกับห้าม หน้าตาที่ออกจะตกใจชวนให้เราทุกคนหลุดหัวเราะออกมา ก่อนที่เอมจะหันไปมองเพื่อนตัวเอง

“ แล้วมึงไม่ให้อะไรเมดมันหน่อยเหรอสัดอาฟ ”

“ ต้องเหรอ ” คำถามพาซื่อหลุดออกมาจากปากคุณอารยะ ที่ก็เลิกคิ้วขึ้นเหมือนว่าตัวมันไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไร  “ กูก็มาแล้วนี่ไง ไม่พอเหรอ ”

“ กูละเชื่อมึงเลย ” เจบอกพลางส่ายหน้า “ ทั้งๆที่ก็ทำตัวเหมือนไม่อยากมา แต่ชวนกูไปซื้อเสื้อใหม่ ซื้อกล้องใหม่ แถมยังสั่งให้พวกกูมาอีก แล้วก็ต้องมาให้ได้ด้วยนะ ”

“ แหมมม เค้าก็อยากให้คนที่เค้ารักมีความสุขที่สุดในวันที่เรียนจบ ” เอมมันเสริมเราต่างคนก็ได้แต่หันไปทางอื่น

“ พูดมาก ” อาฟว่าเสียงเบาในตอนที่ทุกคนหันมามองมัน ใบหน้าคมถอนหายใจ “ เพื่อนเหี้ย ”

“ งั้นก็ถ่ายรูปกันหน่อยมั้ย พี่อาฟกับพี่เมดน่ะ ” วิวมันบอกกในตอนนั้นเอมมันก็ดึงกล้องที่อีกคนถืออยู่ไปถือไว้เอง แถมยังรวบรับตัดความอีกฝ่ายด้วยการเชิดหน้ามาทางผม

“ ไปยืน จะถ่ายให้ ”

“ ใครอยากถ่าย ” เอ่ยถามเพื่อนตัวเองแบบหาเรื่อง ในตอนนั้นเจมันก็ยิ้ม

“ เอาน่า ถ้ามึงเขิน ก็คิดซะว่าพวกกูบังคับ ” ก้าวเดินออกมายืนข้างผมในตอนที่เจบอก อาฟที่หน้าแดงไปหมดถอนหายใจออกมา แล้วตอนที่มันเผลอสบตากันนั้น อีกฝ่ายก็บอก

“ กูโดนบังคับมา ”

“ จ้า เชื่อได้มากเลยอารยะ ” บอกอีกคนแบบนั้น แต่อยู่ๆเราก็เหมือนเกร็งต่อกันซะมากมาย ก็ใช่ว่าไม่เคยถ่ายรูปด้วยกัน เราเคยถ่าย และก็ถ่ายบ่อยมากเลยด้วย แต่เหมือนจะไม่ใช่ภาพที่ดูจริงจังอะไรแบบนี้ เป็นแค่ที่ถ่ายเล่นๆ พวกอารมณ์ที่ซบกันแต่เห็นแค่ช่วงคาง ไม่ก็ครึ่งหน้า และถ้าเห็นหน้าเต็มๆ ก็เหมือนว่าจะเป็นแค่ภาพอีกคนเดี่ยวๆ ไม่มีหรอกที่เราจะถ่ายด้วยกันแบบจริงจังอย่างงี้

“ คือเกร็งเหมือนไม่เคยได้กันมาก่อน ” วิวมันว่า ทุกคนในที่นั้นก็หลุดหัวเราะ “ เอาไงดีพี่ช่างภาพ ”  ท้ายประโยคที่ถามเอมอีกคนก็นิ่งคิด

“ เอาแบบนี้แล้วกัน พวกมึงยืนเอียงนิดๆ แล้วก็มองหน้ากัน

“ เค ” ผมตอบรับในตอนนั้นน้องเดย์น้องอัยย์ก็วิ่งเข้ามาหา

“ เอาของมานี่ก่อน มันรก เดี๋ยวภาพไม่สวย ”

“ ขอบคุณครับ ”

“ ค้าบบบบบบ ” เสียงของเด็กน้อยที่ขานรับแล้วก็วิ่งออกไปพร้อมกับของขวัญ  ผมเหลือบมองอาฟหลังจากนั้นแต่เหมือนอาการเขินจะแพร่สู่กันอย่างรวดเร็ว หูของผมร้อนจัดแม้แต่ในท้องก็เหมือนจะวุ่นวายไปหมด คล้ายว่ามีพายุอยู่ในนั้น เราถอนหายใจใส่กันเหมือนอัดอัด 

“ เขินกันชิบหาย ตอนเอากันสัดพี่กับพี่เมดคือเขินกันแบบนี้มั้ยวะ ” น้องเดย์ถาม คนพี่ก็ส่ายหน้า

“ ไม่นะ ทั้งๆท็เปิดไฟเอากัน ”

“ ไอ้สัด แล้วมึงจะพูดทำเหี้ยอะไร ” สบถออกไปยิ้มๆ อีกคนก็หันมายิ้มให้กันอย่างคนกวนตีนแหมือนทุกครั้ง และในตอนนั้นที่เสียงชัตเตอร์ดังขึ้น

ในตอนนั้นผมรู้สึกเลยว่า ตอนเถียงกันนี่แหละ คือภาพคู่ที่คงดูเป็นเรามากที่สุด

“ น่าร๊ากกกกก ” วิวเอ่ยบอกตอนที่เอมมันกดดูภาพที่เราสองคนเพิ่งถ่ายกันไป “ ถ่ายอีกพี่มึง เอาแบบว่า หยิกแก้มมั้ย ”

“ เดี๋ยว ” ผมสั่งเบรคก่อนจะเอื้อมมือไปจับคอเสื้อของอาฟที่เหมือนจะอยู่ในลักษณะที่มันไม่สวยสักเท่าไหร่ “ โอเค เสร็จแล้ว ”

“ ถ่ายแล้ว ” เอมบอกก่อนจะหัวเราะ แล้วหลังจากนั้นผมก็อาฟก็ถ่ายรูปคู่กันไปหลายรูป ทั้งท่ายืน ท่านั่ง ตามคำสั่งของเพื่อนที่ก็พยายามมากให้ภาพคู่ของเรามันออกมาในรูปแบบที่ไม่เกร็ง และดูว่ารักกันอย่างที่สุด และปิดท้ายเซ็ตสุดท้ายด้วยการถ่ายภาพคู่กับผมแบบเรียงคนและแน่นอนว่าภาพพวกนี้คุณอารยะคนที่เตรียมตัวมาตลอดเป็นคนกดถ่ายให้ โดยที่น้องเดย์น้องอัยย์บอกว่า จะเก็บไว้บูชาอย่างดี เนื่องจากเป็นอะไรที่หาได้ยากยิ่งมาก

“ ถ่ายรูปหมู่กัน ” วิวเอ่ยพูดตอนที่เรามายืนเบียดกันเป็นก้อนๆและแน่นอนว่าผมที่ได้ยืนอยู่ตรงกลาง เหมือนว่าจะเด่นกว่าใครเลย

เวลาสนุกสนานและรอยยิ้มเคลื่อนตัวไปเรื่อยจนเราไม่รู้ เวลาที่ผมต้องเข้าหอประชุมมาถึงแล้วประกาศของทางมหาลัยที่ดังอยู่ในขณะนั้น ผมตัดสินใจมือถือ พร้อมกับเงินจำนวนนึงในกรณีถูกบูมจากรุ่นน้องในตอนที่ออกจากหอประชุม

“ งั้นเดี๋ยวกูเข้าหอประชุมก่อนนะ ”

“ งั้นพวกเรารอแถวๆนี้นะพี่เมด ” น้องเดย์บอกในตอนนั้นอาฟก็ขมวดคิ้ว มันหันไปถามน้อง

“ พวกมึงจะรอทำไม ”

“ อ้าว แน่นอนว่าพี่เมดออกจากหอประชุม เราก็ต้องไปกินข้าวกันไง เลี้ยงบัณทิต ”

“ ค่อยเลี้ยง ” ร่างสูงว่าแบบนั้นก่อนจะบอกปัด “ กลับไปได้แล้วพวกมึงน่ะ ”

“ เชี้ย แม่งโคตรไล่ ไม่เหมือนเมื่อวานเลย ” เอมมันเสริมก่อนจะปั้นหน้าขรึมแบบที่อาฟชอบทำ “ พวกมึงต้องมาให้ได้นะ งานรับปริญญาเมด ใครมากูเลี้ยงเหล้าไม่อั้น ”

“ กูก็คิดว่าที่มา รักพี่กูกัน เปล่าจ้า แดกเหล้าล้วน ” วิวมันพูดยิ้มๆ “ กูเป็นพี่เมดกูดีใจตายเลย ”

“ แหมเด็ก มึงก็ต้องคิดด้วยนิดนึง พวกกูกว่าจะเลิกงานมันกี่โมงไปแล้ว ต้องตื่นเช้าแบบนี้ ความน่ารักของพี่เมดเป็นแรงจูงใจห้าสิบเปอร์เซ็นก็จริง แต่แน่นอนว่า เหล้าก็เป็นแรงจูงใจอีกห้าสิบเปอร์เซ็นด้วยเช่นกัน ” น้องอัยย์บอกพลางยักคิ้วให้น้องผมที่ก็ถอนหายใจออกมา

“ เหล้ากินได้ที่ throw up เลย ลงบิลกูไว้ ส่วนข้าวถ้าอยากแดกก็รอวันจริง เดี๋ยวเลี้ยงทีเดียว มีพ่อแม่กู แล้วก็พ่อแม่เมดด้วย ” อาฟว่า “ รับเสร็จก็คงเหนื่อยแล้ว มึงจะให้พาไปต่อไหนอีก ”

“ ห่วงใยเก่ง ” เจมันว่า

“ แต่นั่นก็จริงนะ ” น้องเดย์ว่า ก่อนจะเหลือบมองคนที่เหลือ “ งั้นพวกเราก็กลับก็ได้มั้ง แต่ใครจะรอพี่เมดละ ”

“ กูไง ” วิวมันยกมือ ในตอนนั้นร่างสูงก็แค่ยกมือพลางปัดแบบไล่

“ มึงก็กลับไป กูอยู่เอง กูว่าง ”

“ อ๋อ คือไม่ได้อยู่หรอกใช่ปะ แต่ว่าง ก็เลยอยู่แหละ เค เก็ต ” ยักไหล่ในประโยคท้ายซึ่งดีแค่ไหนแล้วไม่โดนไอ้อาฟถีบ “ งั้นวิวกลับกับพี่เจก็ได้ เราไปหาอะไรกินกันเนอะลุง ”

“ ง่ายๆงี้เลย ” คนที่โดนวิวกอดพูดยิ้มๆ “ งั้นก็ตามนี้ สัดอาฟรอเมดเนอะ เพราะว่าง ” หลุดหัวเราะออกมากับคำแซว ผมมองมันยิ้มๆ

“ มึงไปได้แล้วเมด ”

“ งั้นขอบคุณทุกคนที่มานะ เดี๋ยวเสร็จงานเราหาวันว่างกัน พี่เมดเลี้ยงข้าวเอง โอเค๊ ” ผมบอกทุกคนก็พยักหน้ารับพร้อมกับโบกมือบ๊ายบายให้กัน

“ ตั้งใจซ้อมน้าพี่เมดของน้องเดย์ ”

“ ของน้องอัยย์ด้วย ”

“ ครับผม ” ตอบรับเด็กๆไปแบบนั้น ผมหันมองอาฟ มันที่ยกนิ้วเป็นหูโทรศัพท์ขึ้นมา

“ โทรมาแล้วกัน ”

“ โอเค งั้นไปละ ” หันหลังเดินเข้าไปในหอประชุมหลังจากที่พูดประโยคนั้น

พิธีการเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย ผมนั่งสัปหงกอยู่หลายครั้งก่อนจะมาตื่นเต้นอีกครั้งในตอนที่ถึงคิวตัวเอง แต่ทุกอย่างก็ผ่านมาอย่างราบรื่น โชคดีที่ซ้อมรับมาแล้วจากที่บ้านก็เลยผ่านฉลุยไม่มีต้องซ้อมใหม่ จนสุดท้ายทุกอย่างก็จบลง

ผมเดินออกมาจากหอประชุมหลังจากที่ถูกปล่อยตัว และสิ่งแรกที่ทำก็คือการหยิบเอามือถือมาโทรหาคนที่รอกันอยู่เสียงรอสายดังอยู่นาน ก่อนที่อาฟจะกดรับ

“ อยู่ไหน ”

“ ข้างคณะมึง ” อีกคนตอบแบบนั้นผมก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะมันก็ไกลมากอยู่จากที่ที่ตอนนี้ผมยืนอยู่

“ มึงก็เล่นไปซะไกล ”

“ เร็วๆ ” อาฟมันเร่ง ผมก็ได้แต่พยักหน้ารับ

“ คร้าบบบบ จะไปเดี๋ยวนี้แหละคุณ ” เก็บมือก่อนจะก้าวเดินออกไปเรื่อยตามทาง

บรรยากาศของความสุขและเสียงหัวเราะดังอยู่ทั่วบริเวณ ทุกมุมที่ว่าสวยถูกจับจองถ่ายรูป ไม่ต่างจากเก้าอี้ดนตรีที่พอคนนึงถ่ายเสร็จ อีกคนก็เข้ามาถ่ายแทนที่ ผมยิ้มกับบรรยากาศโดยรอบตัว พลางคิดถึงเรื่องราวในตอนที่ตัวเองเป็นนิสิตปีหนึ่งของที่นี่ ความสุขในตอนที่สอบติดในวันนั้นผมรู้สึกว่ามันไม่ต่างจากวันนี้เลย มันเป็นทั้งความสุขและความภาคภูมิใจในตัวเองอยู่ลึกๆ

“ หล่อมากเลยเนอะ แฟนใครไม่รู้ ” เสียงที่สาวที่เดินผ่านผมเรียกความสนใจให้หันไปมอง ก่อนหันกลับมาเดินต่อแล้วก้าวตรงไปข้างหน้า ผมหยุดยืนอยู่ที่หน้าคณะ ที่ตอนนี้มีคนจับจองพื้นที่เป็นที่นัดหมายกันไว้แบบชนิดที่เต็มทุกโต๊ะ สายตาที่มองซ้ายมองขวาแต่กลับไม่เจอกับคนที่บอกว่ารอกันอยู่ ผมขมวดคิ้วก่อนจะหยิบมือขึ้นมาอีกครั้ง ผมโทรออก

“ จะโทรไปไหน ” เสียงทุ้มที่คุ้นชิน แต่พอหันไปด้านหลังกับพบช่อดอกไม้สีแดงถูกยื่นออกมาตรงหน้า ในช่วงวินาทีนั้นผมหุบยิ้มไม่ลงเลย แต่มันคงต่างกับอีกคนที่ยื่นมันมาให้ คุณอารยะหูแดงไปหมด ก่อนจะพูดสั้นๆ ทั้งๆที่หันไปมองทางอื่น “ รับไปสิ ”

“ ขอบคุณนะครับ ” ว่าแบบนั้นก่อนจะรับมันมา “ ก็ว่าทำไมไล่เพื่อนกลับไปหมด เพราะเค้ามีของขวัญนี่เอง ” แกล้งเย้ามันเล่นๆ พร้อมกับรับช่อดอกสีแดงช่อโตนั้นเข้ามากอด แต่เหมือนคนตรงหน้าจะยังเขินไม่เลิก คนหลายคนหันมามองมัน

“ คนแม่งจะมองกูทำไมเยอะแยะ ”

“ ก็แฟนกูหล่อ ” ยักคิ้วให้ อีกคนก็หันมามองกัน อาฟถอนหายใจในตอนที่มองผม

“ รู้มั้ย ว่านี่คือดอกอะไร ”

“ กุหลาบ ” ตอบแบบไม่มั่นใจเท่าไหร่เพราะมันก็เหมือนจะใช่แล้วก็เหมือนจะไม่ใช่ รูปทรงไม่ใช่กุหลาบแบบตอนที่ใครๆได้รับตอนวันวาเลนไทน์เท่าไหร่

“ อื้ม กุหลาบพันปี ”

“ มีความหมายมั้ย ”

“ ไม่รู้ ” อาฟยักไหล่ ก่อนจะหันไปทางอื่นอีกคนถอนหายใจ พร้อมกับรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อพูดอะไรสักอย่างกับผม “ เมด ”

“ ว่าไง ” ตอบแบบนั้นก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือมัน สายตาคมนั้นเหล่มองกัน

“ กูไม่รู้ความหมายของกุหลาบพันปีนะ แต่โทรไปปรึกษาแม่มา แม่บอกว่ากุหลาบคือตัวแทนของความรัก แม่ให้ซื้อดอกกุหลาบให้มึง เพราะงั้นกูคิดว่ากุหลาบพันปีน่าจะดีที่สุด เผื่อเราจะได้รักกันไปถึงพันปี ”

“ เหรอ ”

“ ดีใจด้วย ที่เรียนจบ ” ว่าแบบนั้นด้วยหูที่แดงไปหมด ผมพยักหน้ารับอีกคนก็หันมามองกัน “ ไม่กอดอะ ”

“ กอด ?  กอดทำไม ”

“ มึงทำแบบนั้น ตอนที่ไอ้เดย์ ไอ้อัยย์ แล้วก็ไอ้วิวให้ของขวัญมึง ”

“ มึงแม่ง” ดึงตัวเองเข้าไปกอดอีกคน ในตอนนั้นอาฟที่จูบลงที่ไหล่ของผม เรายิ้มกว้างให้กันแบบที่ต่างฝ่ายก็ต่างไม่ให้ใครได้เห็น “ ขอบคุณนะครับ สำหรับทุกอย่างเลย ”

“ อื้ม ”

“ ว้ายยยยยยย  เราเห็นแล้วละ” เสียงดังที่ผสานกันของคนที่คิดว่ากลับไปแล้วกรูกันเข้ามาหาผมแล้วก็อาฟที่ยืนกอดกันอยู่ เราผละออกจากกันในวินาทีที่รู้ตัวหลังจากนั้นไม่ต่างอะไรกับต้องของร้อน ผมเหลือบเห้นมือถือที่ถ่ายรูปของเราไว้โดยช่างกล้องคนก่อน พร้อมกับน้องเดย์น้องอัยย์ที่ก็กอดกันกลมและแสดงท่าทางเลียนแบบเราสองคนเมื่อครู่

“ ดีใจด้วยที่เรียนจบ ” น้องอัยย์มันพูดเสียงทุ้มในแบบของอาฟ และแน่นอนว่าตอนนั้นน้องดย์ก็กอดเพื่อนตัวเองไว้แน่นเพื่อเลียนแบบผม

“ ขอบคุณนะครับ ”

“ พวกเหี้ย ” กลายเป็นว่าทั้งผมทั้งอาฟถึงขั้นต้องสถบออกมา แล้วหันไปอีกทางในตอนที่เจยกยิ้มแล้วหัวเราะเรา

“ ทำเป็นไล่พวกกู ทั้งๆที่จริงก็เตรียมดอกไม้ไว้ให้เค้า แต่ก็เขินเหลือเกินไม่กล้าเอามาให้ตรงๆ มีความสั่งให้เอามาส่งตอนที่พวกกูกลับไปแล้วด้วยนะ มองจากมุมกูคือชัดสุด ”

“ ฉากดมดอกไม้ด้วยความรักคือกูถ่ายเห็บไว้ล้อมันยันห้าสิบ ” เอมเสริม

“ แล้วเสือกไรกับมึง ”

“ ครับๆ คนฟอร์มเยอะ ”

“ แต่หวานมากเลยเอาจริง ” วิวมันพูดยิ้มๆ “ ฉากยื่นดอกไม้ ฉากกอด ก็คือพี่เอมถ่ายไปประมานสามร้อยรูปได้ ”
“ ฉากนั่งรออีกร้อย ” เอมมันว่า “ นั่งรอแบบ นั่งรอจริงๆ นั่งไม่ไปไหนเลย มือถือก็ไม่เล่น กลัวแบตหมด พาวเวอร์แบงค์ก็ไม่มี น่าสงสาร ”

“ จริงเหรอ ” หันไปถามอาฟในตอนที่ได้ยิน อีกคนที่ก็แค่ยกไหล่

“ มึงเชื่อคนอย่างพวกมันได้ด้วยเหรอ ” บอกกันแค่นั้น แต่ก็เขินกันมากมาย จนต้องคว้ามือผมมาจับกันไว้แน่น อาฟก้าวนำออกไปเหมือนว่าอยากจะหนีไปให้ไกลจากพวกชอบแซวที่ทำให้ตอนนี้หัวใจเรามันเต้นระส่ำ

“ นี่ ”

“ อะไร ”

“ ขอบใจที่มานะ ” ผมบอก อาฟก็ผ่อนเท้าที่กำลังจะเดินให้ช้าลง มันหันไปเหลือบมองกลุ่มเพื่อนที่เดินตามมาแบบไม่ใกล้กันเท่าไหร่ เพราะแน่นอนว่าเอมกำลังถ่ายรูปเราที่กำลังเดินจับมือกันอยู่

“ กูก็แค่ว่างอยู่แล้ว ”

“ เออนั่นแหละ ” ตอบรับคำอ้างนั้นก่อนจะยิ้ม “ ขอบใจที่มึงมา ขอบใจที่มึงพาทุกคนมาเพราะกลัวว่ากูจะเหงาที่ไม่มีใครมายินดีด้วย ขอบใจที่ตั้งใจเรียนถ่ายรูปด้วยตัวเองเพื่องานของกู แล้วก็ขอบใจที่ตั้งใจอยากจะมาถึงขั้นไปซื้อเสื้อใหม่ ”

“ กูบอกว่า..”

“ ขอบใจนะมึงที่ดูแลกันมาตั้งแต่ตอนที่รู้จักกันวันแรก จนถึงวันนี้ ขอบใจที่มึงคอยอยู่ข้างๆกันมาตลอดเลย ” ร่างสูงที่ฟังคำนั้นหยุดฝ่าเท้าที่กำลังเดินตรงไปของเรา ตรงหน้าส่วนจอดรถที่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ เรายิ้มให้กัน “ มึงไม่ชอบอยู่ในที่ที่คนเยอะแต่มึงก็มา ไม่ชอบนั่งคอยใครนานๆแต่มึงก็คอยกู ขอบคุณที่ทำเพื่อกูนะอาฟ ”

“ เพราะมันคือมึง ” แล้วนั่นก็เป็นคำตอบสั้นๆ ของคนที่ยืนอยู่ข้างกันและทำสิ่งมากมายเหล่านั้นให้ด้วยใจแบบที่ไม่ต้องร้องขอ ทำให้แม้ว่านี่จะไม่ใช่ตัวตน และ ทำให้เพราะแค่รู้ว่าผมจะมีความสุขยิ่งกว่าใครในวันสำคัญนี้ “ รู้ใช่มั้ย ว่ากูอยากจะให้มึงมีความสุขมากที่สุด ”

“ รู้ ”

“ อื้ม ” ใบหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้กันในตอนนั้น ผมหลับตาลงพร้อมรับจูบอบอุ่นจากริมฝีปากบางของคนตรงหน้า เสียงดังเบาๆในตอนที่เราสัมผัสกัน อาฟผละออก เรายิ้มให้กัน “ มึงรู้แล้วก็ดี ”


ในตอนนั้น ผมก็ได้แต่หวัง ว่าภาพจูบของเราจะไม่ถูกถ่ายไป โดยกลุ่มคนข้างหลังที่เฝ้ามองอยู่

......................................................................

สวัสดีปีใหม่ค่า

ทุกปีมีแค่คำอวยพร ปีนี้ทางหนมก็คือเตรียมของขวัญ ซึ่งก็คิดอยู่นานมากว่าจะเขียนพาสไหนดี
ไม่รุ้ทุกคนจำได้มั้ย แต่ผับชั้นสาม ลงตอนจบวันนี้ เมื่อปีที่แล้วเหมือนกันนะ เพราะงั้นก็ครบหนึ่งปีพอดีเลย
อีกอย่างพอดีได้กลับไปอ่านผับชั้นสาม ก็นึกคิดขึ้นมายังไม่มีพาสเลย ความอยากเขียนก็เลยประทุขึ้น แล้วกลายออกมาเป็นดอกผลให้ได้อ่านกัน
คิดถึงอาฟเมด และชาวผับชั้นสามมากจริงๆ

ท้ายนี้ ขอให้ปี 2020 เป็นปีที่ดีของทุกคนนะคะ
ขอให้เป็นปีแห่งความสมหวัง และความสุข ขอให้รอยยิ้มคงอยู่กับทุกคนไปตราบนานเท่านาน
ขอให้สุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้า และเงินทองก็ไหลเข้ามาไม่มีขาด

สำหรับปีนี้ หนมมี่ผู้ใส่ซื่อ ก็ขอฝากตัว ฝากผลงานด้วยนะคะ 

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 31-12-2019 22:51:24
อาฟน่ารักจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 01-01-2020 00:26:46
ข้ออ้างเยอะจริงๆพ่อคู๊ณณณณ ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษด้วยนะคะ สวัสดีปีใหม่ค่าา
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 01-01-2020 01:21:47
สวัสดีปีใหม่นะคะ :L1:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 01-01-2020 13:24:37
อาฟ อารยะ ก็ยังเป็นอาฟ อารยะ

ขอบคุณนะคะ รอเรื่องใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-01-2020 22:17:22
ขอขำคุนอารนะแพ้บ  แต่น่ารักอ่ะ
คิดถึงทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-01-2020 14:31:05
คิดถึง~
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 02-01-2020 15:22:31
สัสพี่อาฟ


น่ารักเว๊ยเฮ๊ยยย
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 03-01-2020 14:26:56
อาฟคือแฟนที่น่ารักมากกกกกกกกกกกกก

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 04-01-2020 07:27:35
 o13
 บอกกงๆว่าอยากได้ความรักของสัดพี่อาฟอารยะของน้แงเมดคนเน้

 ((เอาแต่ความรักนะ ไม่เอานิสัยปากคอเราะร้าย))

 :call:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-01-2020 03:06:19
น่ารัก  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวยุ่ง ที่ 06-01-2020 22:28:55
พ่อคนปากแข็ง พ่อคนซึน ทำให้เขาขนาดนี้ยังทำเก๊กนะพ่อนะ หวานซะอิจฉาตาร้อนผ่าวมากค่า
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 07-01-2020 18:22:24
โอ้ยยยยยสามี!!!!!
ฮ่าๆๆ เขินตัวแตก
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 09-01-2020 02:37:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-01-2020 06:08:18
อาฟเตอร์ พ่อคนซึน คนปกแข็ง และทำเนียนมาก
เอ็นดูความไม่ แต่ทำให้ทุกอย่าง 5555
อะไรคือซื้อชุดใหม่หมดเพื่อไปงานเมด ทั้งที่บอกแล้วแต่
ซื้อกล้องใหม่มาลอง แล้วบอกว่าซื้อมาเล่นไปงั้น

เมดน่ารักมาก ชอบแหย่ให้รู้ตัวน่ะ ความซาลาเปาเอ้ย
อาฟเอ็นดูจะแหย่แล้ว ทั้งรักทั้งหลงมากเถอะ
ถึงวันรับจะไม่มีเพื่อนสนิท แต่ก็ดีกว่ามีแล้วไม่แฮปปี้นะ

ชอบโมเมนท์ตอนอยู่ด้วยกัน ถามนั่นนี่ แล้วกวนประสาท

ตลกวิว และทีมเพื่อนอาฟ น้องอาฟ คือรอเวลานี้กันเลย
ลงทุนซ่อนเพื่อตลบหลังอะคิดดู ทุกคนรักขนาดไหน 5555

โชคดีที่ทั้งคู่มาเจอกัน และรักกันค่ะ เมดมีความสุขจริงๆ สักที

ขอบคุณมากนะคะสำหรับตอนพิเศษ คิดถึงมากเลย
ชอบความซาลาเปา ความซึน วิว ทีมเพื่อนและน้องอาฟ
รวมตัวกันเป็นก้อนแล้ววุ่นวายมากจ้า แต่สนุก

เป็นกำลังใจให้นะคะ รอติดตามเสมอจ้า
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 16-01-2020 13:00:20
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 23-01-2020 02:23:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 26-01-2020 06:52:52
 :-[
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 13:31:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 06-05-2020 17:46:07
  :o8:
เขินอะ อ่านแล้วเขิน
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 06-05-2020 19:00:27
หมันไส้ความเป็นคุณอารยะ 55555
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 06-05-2020 21:58:41
เอาใจช่วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 12-05-2020 18:35:46
ไม่หึงโนะ ไม่หึงเลย 55555555555555555555

ว่าแต่พี่ส้มฉุนนี่อิมเมทมาจากพี่แสตมป์ปะคะ ชื่อเพลงพี่แกเลย 55555
จะบอกว่าเราก็ชอบเพลงพี่แกทุกเพลงอะ เพราะมาก
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 12-05-2020 19:16:34
สรุป คนที่น่าโดนตบที่สุดในเรื่องนี้คือ จิง ว่ะ
อิตัวช่างปั่นเนี่ย
จิง นี่ไม่หวังดีกับใครสักคน เหมือนนางเก็บกดมากจากที่บ้านแล้วก็มาปั่นเพื่อนๆเล่นคลายเครียดอะ

แต่ ในส่วนนี้ เชียร์ให้ยีนไปบอกความจริงเหอะ เพราะเมดจะได้รู้ไงว่าเจ้าของนมนั่นมันคือ อาฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 12-05-2020 20:05:11
โหหหห จิง เป็นอีนก 2 หัว ตี 2 หน้า ลูกอิช่างเสี้ยมช่างปั่นที่แท้ทรู

บอกแล้วก็บอกให้หมด ว่าเอมน่ะเพื่อนใคร
เมดจะได้เปลี่ยนความเสียใจเป็นเสียดาย เอ๊ย พบพี่อาฟฟฟฟฟฟฟ เร็วๆ
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 12-05-2020 20:47:08
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 12-05-2020 21:47:06
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 12-05-2020 22:45:33
เราว่าจิงมันริษฉาเว้ย แบบคนอื่นได้ดีแล้วเราไม่มีความสุข เลยพยายามปั่นเพื่อนให้วุ่นวาย
เพราะนางไม่มีความสุขคนรอบข้างนางก็ต้องไม่เป็นสุขด้วย
โครตเลย คนแบบนี้
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 12-05-2020 23:26:26
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 13-05-2020 18:00:57
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: Bebii123 ที่ 04-06-2020 15:55:10
ความรักของคุณอารยะ  :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: Pramooknoi ที่ 07-06-2020 13:50:25
เรื่องนี้คือสนุกมากๆๆๆๆๆชอบความอึนของอาฟ ขี้ห่วงเว่อร์ มินเมดก็น่ารัก เดอะแก๊ง น่ารักทุกคนเลย ชอบๆๆ