( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 482837 ครั้ง)

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27

‘ o- o group ‘

[ มึงพลาดมากอัยย์ที่ไม่ได้มาวันนี้ กูขอบอกมาแค่นี้ พร้อมกับส่งบุญให้มึง ] ไอ้เจพิมพ์ข้อความนี้เข้ามาในกรุ๊ปไลน์ ผมที่กำลังนั่งดูอะไรเรื่อยเปื่อยชะงักมือของตัวเองกดเข้าไปดู ก็เห็นว่ามันส่งภาพคนข้างๆผมเข้าไปในกลุ่มด้วย ภาพที่อีกคนกำลังยิ้มมีความสุขกับของกินที่ตัวเองชอบ

[ ไอ้เหี้ยยยยย น่ารัก ] คนไม่ได้มาพิมพ์ตอบกลับมาในไลน์ [ กินอะไรกัน ทำไมพี่เมดดูมีความสุข บอกกูสิ กูจะไปเหมาอาหารที่เค้าชอบทั้งโลกมาให้เค้า ]

[ บะหมี่แห้งกระดูกอ่อนหมูตุ๋น ] เดย์บอก ก่อนจะส่งสติกเกอร์หน้าฟินไปให้อีกคน [ อยากให้มึงมาเห็นตอนที่เค้ากินเข้าไปคำแรก พูดได้คำเดียว น่ากินกว่าอาหารตรงหน้าคือเธอ และ น่ารักกว่าคนทั้งโลก ก็คือเธออีกนั่นแหละ ]

[ กูไปตอนนี้ทันมั้ย สัด บาร์ไม่มีคน ]

[ ไม่ได้สัด ห้ามมาแบ่งสายตาของพี่เมดที่มองกูอยู่ตอนนี้ไปเด็ดขาด ทำงานของมึงไป เดี๋ยวซื้อไปฝาก คิคิ ]

[ แบ่งบุญอย่างต่อเนื่องครับ ] เจส่งภาพคนตรงหน้าที่มันแอบถ่ายไปแบบต่อเนื่อง

[ นี่สัดพี่เจที่มึงยกมือถือขึ้นมานี่ แอบถ่ายพี่เมดหมดเลยเหรอวะ ]

[ ครับ ] คนโดนถามตอบรับง่ายๆ [ ว่าแต่นะ ขึ้นว่าอ่านครบ แต่ทำไมไอ้สัดอาฟไม่พูดอะไร ]

[ กูวางสิบบาทเฮียแม่งเซฟรูปอยู่ ] ไอ้อัยย์บอก ผมก็ได้แต่ยกยิ้มกับความแม่นราวกับตาเห็นของมัน ใช่ครับ ผมกำลังเซฟรูปพวกนั้นอยู่

[ สัดพี่ยิ้มวะ เซฟแน่ๆ ] ไอ้เดย์เสริม [ เออๆ กูลืมอวด ก่อนจะกินเมื่อกี้ พี่เมดเช็ดช้อนกับตะเกียบให้กูด้วย ]

[ ของกูมันก็เช็ดให้ครับ ได้รับความห่วงใยจากน้องเมดแหละ คิคิ ]

[ เช็ดให้กูก่อน ] ผมพิมพ์ออกไป ทุกคนก็เงียบไปสักพัก มันขึ้นอ่านแต่กลับไม่มีใครตอบ ก่อนสติกเกอร์ไลน์หน้าเหี้ยๆของพวกมันจะถูกส่งกันมาคนละตัว

[ นี่เค้ากำลังอวดเราถูกมั้ย กำลังขิงเราว่า เค้าเหนือกว่าเราถูกมั้ย ] ไอ้เจถาม อัยย์มันก็พิมพ์ขึ้นมา

[ นี่กูถามจริงๆนะเฮีย อยากจะได้คำตอบจากเฮียมึงจริงๆ ขอคำตอบชัดๆ  มึงชอบพี่เมดใช่มั้ย ]

[ คิดไปในแบบที่มึงรู้สึกเถอะสัดอัยย์ ] เจบอกอีกคน [ ถ้ามึงจะเอาคำตอบตรงๆจากไอ้อาฟ กูว่ามึงงมเข็มในมหาสมุทรน่าจะเจอก่อนมันพูด ]

[ เบื่อจะคุยเรื่องสัดพี่ มาดูสิ่งดีๆกันดีกว่า แอร๊ยยยยยย พี่เมดของน้องเดย์  ]  เดย์ส่งภาพไอ้เมดเข้ามาอีก มีทั้งภาพที่ก้มหน้ากินแล้วก็ตอนที่หันมามองผม ตอนที่หันออกไปมองถนนข้างๆตัวก็มี [ ฮุกๆ อยากจะเข้าไปนอนฮุกบนตัวเธอ ]

[ น่ารักจัง แต่ว่านะครับ .. ทุกท่าน งานนี้กระผมว่า กระผมวินสุดว่ะ ] อัยย์ส่งภาพนึงเข้ามาเป็นภาพแคปหน้าจอแชทของมันกับคนที่นั่งข้างๆผม เมดส่งข้อความเข้าไปถามมันว่า จะกินอะไรรึเปล่า จะซื้อเข้าไปให้ อยากจะกินเครปมั้ยพี่เมดจะไปซื้อให้

[ น่ารักกกก ] ไอ้เจบอก

[ พี่เมดใส่ใจน้องอัยย์ พี่เมดรักน้องอัยย์ ]

Ai เปลี่ยนชื่อกลุ่ม ‘ ชมรมคนรักพี่เมด ‘

[ สัดอัยย์ใจมึงได้ ชื่อนี้โอเค พี่เจให้ผ่าน ]

[ ขอบคุณครับพี่เจ ฮิฮิ ]

[ ตอนนี้พี่เมดยังเป็นนัมเบอร์วัน แต่พอมีคนใหม่เข้ามา แล้วน่ารักกว่า... ] ไอ้เดย์ถามเข้าไปในกลุ่ม ไอ้เจก็ตอบ

[ แน่นอนว่า ไม่.. ]

[ ไม่เปลี่ยนใจเธอคนเดียว ] ไอ้อัยย์ว่า

[ ไม่รอช้า เปลี่ยนชื่อสิครับ ไม่มีคำว่าตลอดไปสำหรับชายหนุ่มโสดนะครับ ]

[ เลวมากครับ ]

[ แล้วนี่มึงตอบเมดยัง มีมึงจะกินเครปไส้อะไร ]

[ ตอบแย้ววว ไม่ได้อ่านอ๋อที่ส่งไป  ตอบว่า ขอเครปสอดไส้ความรักของพี่เมดแบบพิเศษครับ คิคิ ]

[ ไอ้สัด สงสารเมด ว่าทำไมเมื่อกี้ทำท่าเหมือนจะอ้วกบะหมี่ ]

[ แหมไอ้สัดพี่เจ มึงเต๊าะเค้าแต่ละทีกูเห็นพี่เมดมองฟ้ามองฝน กูสั่งแบบ ไข่ไก่ หมูหยอง น้ำพริกเผา ปูอัดไป แง่มๆ ] อัยย์ตอบ [ กูชอบพี่เมดนะ กูชอบความใส่ใจของเค้า น่ารักดี มันธรรมชาติ ]

[ เออ เมดมันน่ารัก ]

[ ทำตัวสมชื่อกลุ่มสัด ชมรมคนรักพี่เมด ใครไม่รักพี่เมด ขาดคุณสมบัติ เชิญออกไป @after ] ไลน์ของผมที่ดังขึ้นมา แอบยกยิ้มกับคำพูดของน้างชายที่พิมพ์มาแบบนั้น

[ มึงไม่มีทางไล่กูออกจากกลุ่มได้หรอกเดย์ คุณสมบัติกูครบ ] ข้อความที่ถูกส่งทุกคนเงียบกันอยู่สักพักก่อนสติกเกอร์หน้าเหี้ยของพวกมันจะถูกส่งกันมากวนตีนผมกันคนละตัว [ รำคาญพวกมึง ]

   ปิดหน้าจอมือถือผมที่ก้มลงกินบะหมี่ตรงหน้าต่อหันไปมองคนข้างตัวที่ก็นั่งกินคนเดียวเงียบๆ เมดมองไปยังสองคนข้างหน้าที่ยกมือถือขึ้นบังหน้าไม่คุยอะไรกับมันสักคำ ก่อนจะหันมามองผมแล้วยิ้มแห้งๆ

“ โคตรสังคมก้มหน้ากันเลยพวกมึง “

“ อื้ม “ ผมพยักหน้ารับมันอีกคนก็คีบหมูตุ๋นชิ้นสุดท้ายในจานขึ้นกิน

“ อร่อย อยากกินอีกอะ แต่ไว้พรุ่งนี้แล้วกัน “ มันพูดกับตัวเองก่อนจะหันมาถามผม “ ปกติซอยนี้เค้าเริ่มขายกันกี่โมงวะ “

“ หกโมงเย็นก็น่าจะเริ่มตั้งร้านแล้วมั้ง “ ผมตอบอีกคนี่ก็พยักหน้ารับแบบเซ็งๆ

“ อยากจะให้เค้าเปิดเร็วกว่านี้ ถ้าเปิดก่อนเข้างาน มึงกับกูจะได้มาหาอะไรกินอร่อยๆด้วยกันก่อนไปทำงานไง
“  รอยยิ้มที่หันมายิ้มให้ผม คนบางคนเปลี่ยนคำว่า มึงกับกู ให้ฟังดูมีความหมายได้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ

“ ไว้พรุ่งนี้มาดู “ กลั้นยิ้มบอกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับก่อนจะก้มลงกินบะหมี่ในจานตัวเองต่อ มันกินหมูตุ๋นของโปรดตัวเองหมดแล้ว เป็นคนที่ชอบกินของโปรดก่อนเป็นอย่างแรก

“ ถ้าพรุ่งนี้ได้กินเป็นมื้อเย็นนะ กูจะสั่งบะหมี่แบบนี้อีก แล้วก็จะสั่งหมูตุ๋นแยกมาอีกถ้วยด้วย จะกินให้เยอะๆเลย “

“ ชอบมากเลยนะมึงน่ะ ไอ้หมูตุ๋นเนี้ย “ ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับทั้งๆที่ปากกำลังเคี้ยวอยู่ เผลอยิ้มออกมาอีกแล้วครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะคีบหมูตุ๋นในจานตัวเองแล้วส่งไปให้มันทั้งหมด “ กินให้หน่อย ขี้เกียจกิน “

“ มึงไม่ชอบเหรอ “ แววตาที่โตขึ้นมาความดีใจที่ได้กินของโปรดเพิ่มขึ้น แต่คนอย่างเมดความเกรงใจมันมีสูงเลยพูดถามออกมาแบบนั้น

“ ขี้เกียจกิน กินแทนหน่อย “

“ ขอบใจนะมึง “ ยักคิ้วให้มันเราต่างคนต่างก้มหน้าลงกินของในจาน ไปเงียบๆ แต่ก็ไม่วายโดนแซวจากไอ้สองตัวที่ก็นั่งจ้องกันอยู่นาน มันที่พยายามหาช่องว่างในการล้อเลียนการกระทำของผม

“ อยู่ๆบะหมี่ก็หวานขึ้นมาเฉยๆเลยวะสัดเดย์ “ ไอ้เจว่า อีกคนที่เคี้ยวอาหารอยู่ตรงหน้าก็พูดยิ้มๆ “ ไหนเอาหมูตุ๋นแบ่งให้กูคนที่มึงรำคาญสิ เดย์ “

“ เรื่องอะไร มันเป็นเรื่องของคนที่ชอบกันทำให้กันเท่านั้นแหละ “

“ เสือก “ ผมพูดออกไปแบบไม่ออกเสียง คนสองคนตรงหน้าก็ได้แต่แบะปากทำหน้าล้อเลียน แตกต่างจากคนข้างผมที่ตอนนี้แก้มแดแถมยังเอาแต่ก้มหน้างุดโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ

เราสี่คนกินบะหมี่กันจนเสร็จ ผมจ่ายเงินค่าอาหารของทุกคนก่อนจะเดินนำออกมาจากร้าน ไอ้เดย์ลูบพุงตัวเองพร้อมกับไอ้เจ ก่อนจะพูดแค่ว่า ‘ อิ่มจังตังค์อยู่ครบ ‘

“ พี่เมดอยากจะกินอะไรอีกมั้ย “  คนโดนถามมองไปรอบๆ ก่อนจะชี้ไปด้านใน

“ อยากกินไอติม เครป แล้วก็ขนมโตเกียว “

“ อ้วน “ ผมพูดแค่นั้นอีกคนก็หันมาทำตาขวางใส่

“ กินนิดนึงไง อย่างละนิด อย่างละหน่อย “

“ ไม่อ้วนหรอกน่า กินอีกทีนึงก็เย็นของอีกวันแล้ว ไปๆ กินๆ “ ไอ้เดย์ดันหลังเมดให้เดินออกไป เราแวะกันที่ร้านไอติม ได้ยินเมดสั่งไอติมไข่แข็งที่ท๊อปปิ้งด้วยของเชื่อมทั้งหมด ก่อนจะเดินวนออกมาที่ร้านโตเกียว คนที่บอกจะกินอย่างละนิด อย่างละหน่อย ก็ฟาดโตเกียวไปอย่างละห้าชิ้น สำหรับไส้หวาน ไส้ไข่แล้วก็ ไส้กรอก

“ อย่างละนิด อย่างละหน่อย “ ไอ้เจพูดขึ้นตอนที่เรากำลังยืนดูเมดกับน้องชายผมซื้อของกินแล้วชวนพ่อค้าที่กำลังทำอยู่พูดจ้อไม่หยุด

“ สัดพี่กูต้องกลับก่อนแล้ว ไอ้อัยย์ไลน์มาบอกว่าคนบุกบาร์ มันทำไม่ทันละ “ เดย์เดินมาบอกผม ท่าทางจริงจังของมันหันไปบอกไอ้เจที่ยืนข้างกัน “ กลับกันไอ้สัดพี่เจ “

“ อ้าว แล้วกูเกี่ยวไร ทำไมที่บาร์มีปัญหาอะไร “

“ ไม่มี แต่กูไม่อยากเดินกลับคนเดียว “ มันทำหน้าเซ็งตอนทีไอ้เดย์พูดออกมาแบบนั้นเสียงถอนหายใจที่ดังออกมาของมัน มาพร้อมกับอีกคนที่ก็ยื่นขนมโตเกียวในถุงมาตรงหน้าเรา ไอ้เดย์ไอ้เจหยิบขึ้นกินคนละอัน ก่อนที่เมดจะยื่นมาหาผม

“ กินสิ อร่อยนะ “

“ ขอชิมก่อน “ ผมบอก มันก็ยื่นอันมันกำลังกินอยู่มาป้อนผมที่ก็ก้มลงชิมไปคำนึง มันเป็นโตเกียวไส้หวานที่ผมไม่ชอบ แต่วันนี้กลับรู้สึกว่ารสชาติอร่อยดี หรือจะเป็นเพราะมีคนป้อน

“ อร่อยมั้ย “ ยักคิ้วให้มันเป็นคำตอบเมดก็ล้วงเอาโตเกียวไส้หวานในถุงมาให้ผม “ อะ ไส้หวาน “

“ บอกกูทีนี่มันเรื่องธรรมดา “ ไอ้เจกระซิบไอ้เดย์ “ คือเค้าก็แค่ป้อนเพื่อนเราธรรมดา ไม่ได้คิดอะไร แต่บังเอิญว่ากูเชียร์มันสองคนให้คบกันอยู่ กูเลยมองว่ามันไม่ธรรมดา นี่กูเข้าใจตัวเองถูกต้องมั้ย หรืออะไรยังไง หรือมันไม่ธรรมดา มึงมองเป็นยังไงสัดเดย์ “

“ มองว่า เร็วๆนี้ กูจะได้พี่สะใภ้ชื่อมินเมด “ มันยักคิ้วให้ไอ้เจที่ก็ก้มหน้าลงยิ้มเจ้าเล่ห์ให้มัน ก่อนเดย์จะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งแล้วบอก “ แต่ เอ๊ะ?  พี่เมดของกูนะสัดพี่ “

“ ห๊ะ ? “ เจ้าของชื่อที่เหมือนจะได้ยินชื่อตัวแว่วๆ เบิกตาขึ้นมองน้องชายผมที่ก็ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“ พี่เมดจะกินเครปอีกมั้ย “

“ กิน เพราะว่าน้องอัยย์ฝากซื้อด้วย “ อีกคนบอกก่อนที่เราทั้งสี่คนจะหันไปมองที่ร้านเครป คนจำนวนนึงที่ยืนคอยคิวอยู่ตรงนั้นคิดว่าคงใช้เวลามากกว่า สามสิบนาทีด้วยซ้ำในการรอ เมดมันยิ้มแห้งๆ

“ พี่เมดสู้เนอะ “ คนโดนถามยักคิ้วเป็นคำตอบไปให้ กำหมัดแน่นบอกกับคนถามว่าสู้แน่นอน “ งั้นน้องเดย์ฝากของน้องเดย์ด้วยนะ เอานูเทล่าฝอยทองกล้วยหอม “

“ ฝากของเจด้วยนะ เอา ไข่ น้ำพริกเผา แฮม เดี๋ยวต้องกลับก่อน ที่บาร์คนเยอะ “
 
“ โอเค “ คนโดนสั่งพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมามองผม “ แล้วมึงเอาอะไร “

“ ไม่กิน “ อิ่มจะตายอยู่แล้วจะให้กูยัดอะไรลงไปอีก พวกมึงแม่งกระเพาะเท่าส่วนสูงรึไงวะ

“ โอเค เดี๋ยวหิ้วเข้าไปให้นะ กลับไปก่อนทั้งสามคนเลยก็ได้ “ เมดบอกแบบนั้นก่อนจะเดินตรงไปที่ร้านแบบไม่รอใคร ผมมองมันหยิบกระดาษขึ้นมาจดเมนูที่มันต้องการจะสั่งอยู่ตรงหน้าร้าน

“ กลับกันมึง ไอ้เดย์รีบ “  เจบอกมันที่เดินนำไป ผมก็ถาม

“ ใครบอกว่ากูจะกลับ “

 “ อ้าว..”

“ อยากกินเครป “  บอกแบบนั้นตอนที่เดินตรงไปหาอีกคนที่กำลังยืนคอยเครปแบบตั้งใจ คนข้างหลังที่ยืนอยู่ก็แซวขึ้นมา

“ อยากกินเครปหรืออยากจะอยู่ใกล้ๆคนซื้อเครปกันแน่วะ! “

ถ้าในตอนนี้ คิดว่าน่าจะอย่างหลัง

   เดินมายืนข้างอีกคนที่หันมามองด้วยสีหน้าสงสัย เมดเอียงมองดูคนสองคนที่หันหลังเดินไปแล้วก่อนจะหันมาถามผม “ มึง แล้วมึงไม่ไปกับน้องเดย์แล้วก็เจเหรอ “

“ ขี้เกียจเดิน “ ผมตอบอีกคนก็ขมวดคิ้ว แล้วพูดเสียงเบาๆ

“ ยังไงเดี๋ยวแม่งก็ต้องเดินกลับปะวะ ขี้เกียจอะไรของมัน “ เหลือบมองคนที่ยืนรอของที่อยากจะกินด้วยความใจเย็น แววตาที่มีความสนใจในทุกอย่างของแม่ค้าสองคนที่กำลังทำ มันหันมาบอกผมด้วยการเอามือมาจับที่ไหล่
 “ มึงไส้ที่เค้ากำลังทำอยู่นี่ก็น่ากินนะ “

“ เหรอ “

“ แต่กูสั่งแบบน้องเดย์ไป อยากกินนูเทล่า “

“ อื้ม “ พยักหน้ารับมันอีกครั้ง เพราะไม่ใช่การสนทนาที่ต่อเนื่องอะไร คนที่ชวนพูดก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา  เมดคงเบื่อ ผมไม่ใช่คนที่ช่างคุยเหมือนไอ้เดย์ สำหรับอีกคนมันคงชอบคนที่จะชวนมันคุยในช่วงเวลาเบื่อๆที่ต้องรอแบบนี้ แต่สำหรับผม แค่ยืนข้างกัน ได้อยู่ใกล้กัน มันก็โอเคแล้ว

   หยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมส์ฆ่าเวลากันเพลินๆ ตอนที่ถึงคิวมันไอ้เมดถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มกว้างให้แม่ค้า ยื่นเงินจ่ายค่าเครปทั้งหมดได้กลับกันสักทีมันคงคิดในใจแบบนั้น

“ น่ากินนนน “ มันลากเสียงก่อนจะดึงเครปของตัวเองขึ้นมาจากถุง ก้มปากกัดเข้าไปคำโต มันยิ้มตาปิดให้ผมก่อนจะเคี้ยวแล้วบอกทั้งๆที่ยังเคี้ยวอยู่อย่างงั้น “ อร่อยย “

“ หึ “ เอื้อมมือไปเช็ดเศษแป้งเครปที่มุมปาก “ ซกมก “

“ เสือก กูเลียได้น่า “ มันเลียปากให้ผมดูเหมือนกำลังเช็ดคราบช็อคโกเล็ตที่ติดอยู่นั่นทั้งหมด โชคดีที่ช็อคโกเล็ตเป็นสีดำ ถ้าเป็นสีขาวขุ่นๆ คงแย่แน่

“ สกปรก “

“ ไม่เป็นไร ปากกูเอง กูไม่ถือ “

“ คนอย่างมึงถ้าจะกิน ก็ไม่ถือเหี้ยอะไรหรอก “ ใบหน้าหวานปั้นหน้าไม่ใส่ใจ ก่อนจะกัดเข้าไปอีกคำ แล้วยื่นมาทางผม

“ มึงกิน อร่อยมากๆ แป้งโคตรกรอบ “

“ มึงชวนกูเองนะ กูไม่ได้ขอ “

“ ไหนบอกไม่แฟน ไม่ชอบให้กินต่อกันไง “ อีกคนชะงักไปตอนที่ผมพูด มันคงลืมตัวไป ผมรู้สึกแบบนั้นได้จากแววตาของมัน ราวกับว่าอยู่ด้วยกัน อย่างสบายใจจนลืมในสิ่งที่ตัวเองตั้งกฎเอาไว้เสียแล้ว

“ เอาน่า ถามมาก อยากป้อน กินๆเข้าไปเถอะ “ ก้มลงกัดเข้าไปคำนึงเคี้ยวอยู่สักพัก “ เป็นไง “

“ อร่อยดี “ ช่วงนี้ทำไมอะไร มันก็อร่อยไปหมดเลยวะ ตั้งแต่ซูซิที่ร้าน โตเกียวเมื่อกี้ แล้วนี่ก็เครปอีก เพราะคนป้อนเหรอวะ

“ อร่อย “ ยักคิ้วให้ผมอีกทีนึงเหมือนว่า ตัวมันน่ะเก่งสุดๆแล้วที่มีของกินอร่อยๆอยู่ในมือ

“ รีบกลับได้แล้ว ฝนดูเหมือนจะตก “

“ เออจริง รีบกลับ เดี๋ยวเครปเปียกฝนมันจะไม่อร่อย “ ท้องฟ้ามันครึ้มมาได้สักพักแล้วและผมคิดว่าอีกไม่นานมันคงตก ถ้าไม่รีบเร่งฝีเท้าต้องกลับไปถึงผับไม่ทันแน่ “ เหมือนฝนมันจะตกลงปรอยๆแล้ววะ “

“ มาตรงนี้ “ คว้าแขนอีกคนให้เดินมาหลบอยู่ที่ใต้ชายคาของเซเว่นที่เรากำลังจะเดินผ่าน

“ มึงไม่ต้องแวะหรอก รีบวิ่งไปแปปนึงก็ถึงผับแล้ว “

“ ไม่ได้ “ ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินเข้าไปในเซเว่นแต่ถึงอย่างงั้นก็ยังหันมากำชับอีกครั้ง “ อย่าดื้อ แล้วอย่าไปไหน “
เดินเข้ามาในเซเว่นมือที่เดินไปหยิบร่มเพื่อจะเอามาจ่ายเงิน หยุดชะงักไปสักพักตอนที่คิดว่าบางทีใครที่คอยอยู่อาจจะรู้สึกว่าผมเป็นห่วงเค้ามากเกินไปกับแค่ฝนตกปรอยๆก็คงไม่ถึงต้องขนาดนั้น ตัดสินใจวางร่มในตอนที่คิดเปลี่ยนเป็นเสื้อกันฝนแทนแต่ก็คิดขึ้นมาได้อีกว่ามันก็คงไม่ได้ต่างอะไรกัน ตอนที่สมองกำลังคิดหาวิธีอะไรสักอย่าง ผมหันไปเห็นทิชชูแบบแพ็คพอดี แล้วตอนนั้น ผมก็ตัดสินใจซื้อมัน

ถือทิชชูแพ็คใหญ่ออกมาให้พนักงานที่คิดเงินให้พร้อมกับใส่ลงในถุงใบใหญ่ ผมหิ้วมันออกมาจากเซเว่น ตอนที่เมดเห็นมันก็หันหน้ามาถาม

“ มึงเข้าไปซื้อทิชชูนี่นะเหรอ “

“ อื้ม “

“ ซื้อทำไมวะ “

“ เอาไปใช้ในผับ “

“ ที่ผับก็มี จะซื้อให้เปลืองทำไมวะ “

“ เสือก “  บอกมันแค่นั้นก่อนจะดึงทิชชูออกจากถุง แล้วเอาถุงเซเว่นนั้นมาใส่เป็นหมวกครอบหัวให้มันไว้ เมดนิ่งไปตอนที่ผมทำแบบนั้นมันเอามือขึ้นมาจับหัวตัวเองพยายามจะดึงถึงนั่นออกมา

“ เดี๋ยวๆ ไม่ใส่ เอาออกไป เอาถุงเซเว่นมาครอบหัวกูทำไม ไม่เอา “

“ เดี๋ยวเป็นหวัด ใส่ไว้ “ มันนิ่ง ผมเองก็นิ่ง ตอนที่มองหน้าใบหน้าขาว แก้มสีขมพูของมัน รวมถึงริมฝีปากสีส้มอ่อนๆ มันขาวไปหมดจนผมรู้สึกถึง.. “ ใครแม่งเอาซาลาเปามาใส่ในถุงเซเว่นว่ะ “

“ ไอ้สัด “ หลุดหัวเราะลั่นออกมาหน้าเซเว่น คนที่โดนผมขำทำหน้างอก่อนจะทำทีเป็นถึงถุงออกแต่ผมจับไว้แน่น  “ เอาออกไปเลยไอ้เชี้ยอาฟ กูไม่ใส่ “

“ ใส่ไว้ ฝนมันตก “

“ ฝนแค่นี้ทำอะไรกูไม่ได้หรอกน่า ไปเถอะ “ เมดที่กำลังอายพยายามที่จะเอาหัวออกจากถุงที่ผมครอบหัวมันไว้

“ นิ่งๆ แล้วใส่ไว้เดี๋ยวไม่สบาย มึงอย่าดื้อ นี่กูอุตส่าห์ไปซื้อทิชชูเพื่อเอาถุง..” คนที่ได้ฟังนิ่งไป ผมเองตอนนั้นก็ได้แต่ทำหน้านิ่งแล้วได้แต่เหลือบมองไปทางอื่น “ จะเอาออกก็เรื่องของมึง “  ผมเอามือออกจากหัวมัน มือขาวก็เลื่อนขึ้นไปจับถุงนั่นผมคิดว่ามันจะเอาออก แต่เปล่าเมดแค่ขยับมันให้ดี

“ เข้าใจเหตุผลที่ไปซื้อทิชชูละ ขอบใจนะ “ มันพูดแค่นั้นก่อนจะเดินนำผมออกไป

ใช่.. ก็แค่นี้แหละเหตุผลที่เข้าไปซื้อทิชชู

แล้วตอนนั้นผมก็ได้แค่หาข้ออ้างกับตัวเองไปว่า ‘ ไม่ได้ห่วงอะไรอีกคนขนาดนั้น แค่คิดว่า ถ้าเกิดมาทำงานไม่ไหวเพราะป่วยก็ขาดทุนเรื่องค่าซ่อมรถเพราะทำงานไม่คุ้มพอดี ‘

...........................................................................

หน้าร้อนที่ไม่ใช่ฤดู น้องไม่เชื่อในสิ่งที่อาฟคิดได้มั้ยคะ
ห่วงเค้า ดูแลเค้า อยากอยู่ใกล้เค้า จีบในจีบ จีบด้วยการกระทำ แต่ชมหน้าว่าน่ารักทั้งๆที่ชมเธอ เค้าก็ไมได้พูดอะไรมากมายให้เขินนะ
แต่ทำไมเราอยากเป็นเมดว่ะ อย่างที่น้องวิวเคยบอกพี่เมดเลย ผู้ชายคนนี้อันตรายยยยยย
และนี่คือทางไปนิยายแชท http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6
สามารถดูภาพแอบถ่ายของน้องเมด และสตกต่างๆได้จากตรงนั้น
รักกกกกกกก
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตเตอร์ ด้วยนะคะ เจอกันตอนหน้าเด้อ
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หิววววววววววว เครป ติม เตี้ยว  อยากหม่ำ  :hao6:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
อื้อหือ แค่คำว่า มึงกับกู กินข้าวด้วยกัน หลุดจากปากเมด
อาฟก็ถึงกับเพ้อ ถึงกับมโนไปอีก

คนที่แย่น่าจะเป็นอาฟนะ หวงเหลือเกิน
แก้มแดงให้ชาวบ้านก็ไม่ได้
แถมกินอะไรก็อร่อย แต่คนป้อนอะต้องรอไปก่อนนะ งดชิม

เจเดย์อัยย์คือความป่วงที่แท้จริง รั่วมาก

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
คนซึนก็ยังคงเป็นคนซึนล่ะหนาาา แต่อัพเลเวลขึ้นมาหน่อยยย เริ่มพูดความจริงแล้ววววววว  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
อะโหววว มาอ่านเวลานี้ แล้วบะหมี่หมูตุ๋น  :ling1:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
พี่อาฟเริ่มพัฒนา
เนี่ย มันต้องแบบนี้ อ่อยแบบยอมรับบ้างอะไรบ้าง
เลยได้ของดีเป็นความเขินของคนน่ารักเลย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: ปากแข็งจริงๆอีอาฟ

ออฟไลน์ thejaoil

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ขำความซึนความจีบของพี่อาฟมาก

        น่ารัก  คือ ชมหมา
   หน้าแดง. คือ แรดง่ายๆ
   ถุงเซเว่น  คือ หมวกกันฝน

โอ๊ยพี่อาฟแล้วเมื่อไหร่
จะได้น้องเป็นแฟนหัดเอาใจ
ออดอ้อนหน่อยในเมื่อรู้ว่าน้องชอบ

ชอบเรื่องนี้รออัพตลอด :mew1:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao7:  อาฟนี่ ...มึนจีบได้น่าหมั่นไส้มากกกก  :hao7: :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่อาฟฟฟ  :-[

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
อยากน้วยเมด  :hao6:

ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย เขินวุ้ย   :katai3:
ไอ้น้ำสีขาวขุ่นนี่อะไรคะสัดพี่อาฟ อยากให้เปื้อนแค่ของตัวเองอะดิ เรารู้นะ :z1:

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ANIKI.

  • 兄貴
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เมดเหมือนเริ่มมีใจ อิอิ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
แหมมมมมมมมมมมม พี่อาฟ ซื้อร่มมาก็จบแล้ว เพราะยังไงก็หลุดปากออกไปอยู่ดีว่าพี่เข้าไปซื้อทิชชู่เพื่อเอาถุงน่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
งุ้ย เขินนน~

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ชมหมาขี้เรื้อนว่าน่ารัก :hao3: สีข้างพี่มันถลอกมากมั๊ย

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
อยากจะเปิดเสื้อนางดู เลือดไหลชุ่มรึยัง แถซะ ฮ่า ๆๆๆ

ออฟไลน์ tn

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โถ่ๆ พ่อคุณ เจ็บมั้ย ถลอกหมดแล้วมั้ง  :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
พี่เมดน่ารักจังว๊อยยยยยยยยยยยยยยย :ling1:

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า
 

 
ตอนที่ 14
   ปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ลงหลังจากผ่านช่วงเวลาเลิกงานไปแล้วเกือบสามสิบนาที ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนฟุบกับโต๊ะอย่างหมดแรง พักสายตาด้วยการหลับตาลงสักพัก  ไอร้อนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งปิดไป บอกถึงการทำงานอย่างหนักหน่วงของเราที่ลากยาวตั้งแต่หลังกลับมาจากพักแบบไม่ได้หยุด

งานสุมหัวที่แทบจะสูงกว่าส่วนของผมถูกเคลียร์ไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่งานที่เพิ่งถูกส่งมาใหม่ ผมลืมตาขึ้นก่อนจะดึงตัวเองขึ้นมาพิงร่างกับพนักพิงของเก้าอี้ บิดเอวไปมาคลายความเมื่อยล้าก่อนจะหันไปเหล่กองเอกสารที่พี่ซองผู้จัดการร้านเพิ่งเอามาส่งก่อนหน้านี้ 15 นาที แล้วถอนหายใจออกมาใส่พวกมันทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มีความผิดอะไร

“ งานเยอะชิบ “ บ่นออกมาเบาๆ ตอนที่หยิบเอกสารนั่นมาดูคร่าวๆ ทุกอย่างถูกจดสรุปลงไปในกระดาษแผ่นนี้ ทั้งรายการของขาดที่ต้องสั่งเข้าร้านในทันเวลาเปิด รวมถึงรายรับประจำวัน เงินจำนวนนึงที่ถูกระบุอยู่ในช่องรายรับ แบ่งออกเป็นทั้งเงินสดและจ่ายผ่านบัตร

ผมหยิบเครื่องคิดเลข ลองเอาจำนวนเงินที่ได้รับของวันนี้ตั้งแล้วลองคิดเป็นเดือน เป็นปี เพื่อสมมุติรายได้ที่อีกฝ่ายจะได้รับว่าเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ ตัวเลขที่อยู่ในหลักเจ็ดหลักแถมยังขึ้นต้นหลักด้วยตัวเลขปลายๆสำหรับรายได้หนึ่งปี ทำให้ผมตาโตขึ้นมาด้วยความตกใจพอตัว ก็พอรู้ว่ารายได้มันดี แต่ไม่คิดว่าจะดีขนาดนี้

เปลี่ยนว่าเรียกจาก เชี้ยอาฟ เป็น เสี่ยอาฟ ยังทันมั้ยวะ

“ คนเราแม่งกินเหล้าทำไมวะ “ มันเป็นคำถามที่ผมเคยตั้งคำถาม ถามตัวเองอยู่บ่อยๆ เพราะตัวเองไม่ใช่สายดื่ม สายผับ ผมกินแอลกฮอล์นิดเดียวก็เมาไม่ได้สติแล้ว เป็นพวกคออ่อนอย่างที่สุด เลยไม่ค่อยเข้าใจว่า คนเราจะเสียเงินไปกับของไร้สาระพวกนี้ทำไม กินไปก็ไม่ได้สติ เมาหนักๆบางทีก็อ้วกออกมา ไม่ได้ทำให้ร่างกายมีสุขภาพดีขึ้นเลย ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากมันเลยสักอย่าง แต่ก็นะ คิดอย่างผมทั้งโลกไอ้อาฟคงไม่รวย

   ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่ง ผมถ่ายภาพเอกสารสั่งของวันนี้ใส่ลงไปในมือถือเก่าๆของตัวเอง ปิดคอมที่เมื่อครู่ผมกดแชร์ข้อมูลกับอีเมล์ตัวเองเรียบร้อย เผื่อว่าจะได้เอาเวลาว่างๆอย่างตอนนั่งในรถมาทำงาน เพราะยังไงก็ไม่รู้จะสนทนาอะไรกับไอ้คนปากหมานั่นอยู่แล้ว ผมเผลอนึกถึงมันตอนที่หันไปเหล่ถุงเซเว่นที่ใช้ปิดหัวผมมาจากข้างนอกตอนฝนตกพร่ำก็ได้แต่ยิ้ม

“ พับเก็บไว้ดีกว่า “ หยิบถุงเซเว่นนั่นมาพับเก็บไว้เป็นสามเหลี่ยม ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับความห่วงใยนั่นหรอก แม้ว่าตอนนี้จะพับไปยิ้มไปก็เถอะ ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่เหมือนถูกใส่ใจแบบพิเศษอยู่ยังไงก็ไม่รู้

ผมเองก็พยายามเถียงตัวเองว่าอย่าคิดอะไรเข้าข้างตัวเองให้มันมาก พยายามคิดเอาเหตุผลมารองรับว่าสิ่งที่อีกคนมันก็แค่ทั่วไป แม้มันจะไม่ทั่วไปก็เถอะ ไม่มีใครเดินเข้าไปซื้อทิชชูให้คนที่ไม่รู้สึกอะไรเพียงแค่จะเอาถุงมาคลุมหัวให้เพราะไม่อยากจะให้โดนฝนหรอกมั้ง

“ พอๆ เลิกคิดน่า ไร้สาระ “ บอกตัวเองก่อนจะสูดลมหายใจแล้วเก็บเอาถุงพลาสติกนั่นหย่นลงไปในกล่องใสใบเล็กๆที่วางอยู่ตรงหน้า

 จ้องมองมันอยู่สักพักสลับกับไอ้ม้วนทิชชูแพ็คหกชิ้นที่ก็ยังตั้งอยู่บนโต๊ะ ตอนที่ขึ้นมาถึงชั้นสามหลังจากแวะแจกจ่ายเครปให้กับคนที่สั่งจนครบ อาฟก็ยื่นทิชชูมาให้ก่อนจะบอกแค่ว่า ‘ ให้ ’ แล้วมันก็เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของมัน นั่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไร ตั้งใจทำงานของตัวเองไปแบบเงียบๆ ด้วยสายตาเคร่งเครียด แต่หูกลับแดงจนไม่กล้าเอ่ยแซวอะไร เพราะตัวผมตอนนั้นก็ไม่ต่าง ก่อนสายโทรศัพท์มือถือของมันจะดังขึ้น ร่างสูงโต้ตอบกับปลายสายอยู่สักพักก่อนจะกดวางแล้วหันมาบอกผม

“ เซลล์บริษัทเหล้ามา เค้าเอาเหล้ามาเสนอ เดี๋ยวกูมา “ มันที่บอกกันแค่นั้น ผมก็ทำทีเป็นจะลุก เพราะคิดว่าเป็นเลขายังไงก็ต้องตามลงไปจดนู้นจดนี่ให้อยู่แล้ว  แต่อีกคนกลับห้ามไว้ “ มึงไม่ต้องมา ทำงานไปเถอะ เดี๋ยวเสร็จไม่ทัน จัดสต๊อกบาร์ได้ไม่ถึงครึ่งเลยไม่ใช่รึไง “ ก็จริงอย่างที่อีกคนพูดผมพยักหน้ารับ “ งั้นมึงก็ทำไปก่อน เดี๋ยวกูไปจัดการเอง จะสั่งไม่สั่งเอายังไงจะมาบอกมึงอีกที “

“ อื้ม โอเค “ พยักหน้ารับมันอีกครั้ง อาฟลุกขึ้นจากโต๊ะตอนที่มันจะเดินออกไปมือหนาก็ยื่นมาขยี้หัวผม

“ ตั้งใจทำงานไป “ หัวใจที่อยู่ๆก็เต้นแรงขึ้นมานั้น ผมเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ ก่อนจะผ่อนออกมาในตอนที่อีกคนเดินออกจากห้องไปแล้ว เอื้อมมือไปจับหัวของตัวเองตรงที่ที่อีกคนจับเมื่อครู่

“ อย่าทำแบบนี้สิวะ กูแพ้คนอบอุ่นมึงไม่รู้รึไง “

   สลัดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองออก ผมหันไปมองรอบห้องเช็คดูความเรียบร้อย ว่าไม่ได้ลืมอะไรสำคัญเอาไว้ ก่อนจะหันไปเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลที่ในนั้นมีเงินอยู่จำนวนนึง เงินรายรับที่เป็นเงินสดทั้งหมดของวันนี้อยู่ในนี้ ผมหยิบมือถือขึ้นมาคิดจะส่งข้อความเข้าไปถามเจ้าของเงินว่า เงินนี้จะได้จัดเก็บยังไง  แต่ทว่า อีกฝ่ายกลับเป็นฝ่ายทักขึ้นมาก่อน

   ‘ AFTER ‘

[ จะกลับมั้ย บ้านน่ะ หรือว่าจะนอนที่นี่ ] ก็ยังเป็นคนเดิมที่ไม่เคยพูดจาดีๆเลยสักครั้ง ผมถอนหายใจก่อนจะกดปลดล็อคแล้วพิมพ์ตอบอีกคนกลับไป

[ กำลังจะลงไปแล้ว ว่าแต่มึง ซองสีน้ำตาลที่เป็นรายรับของวันนี้จะให้เอาไปเก็บไว้ไหน ]

[ เอาลงมาด้วย จะเอาไปฝากธนาคารพรุ่งนี้ ]

[ โอเค รับทราบ ] ตอบรับอีกฝ่ายไปแบบนั้น อาฟก็ส่งข้อความเร่งผมอีกครั้ง

[ ลงมาเร็วๆ นับหนึ่งถึงสาม ถ้ากูยังไม่เห็นหน้ามึง กูจะทิ้งมึงไว้ที่นี่ ]

[ เชี้ยยยย กูวิ่งลงไปแล้ว ]

[ อย่าวิ่ง..เดี๋ยวล้ม ]

[ อะไรของมึง ไหนบอกนับหนึ่งถึงสามต้องถึง ถ้านับหนึ่งสามยังไงก็ต้องวิ่งมั้ย เดี๋ยวไม่ทัน ]

[ เปลี่ยนเป็นนับหนึ่งถึงยี่สิบ อย่าวิ่งเดี๋ยวล้ม แล้วรีบลงมา ] แอบยิ้มใส่ข้อความที่ดูห่วงใยนั่น ผมส่งสติกเกอร์ไลน์ไปให้มันเป็นการตอบรับว่าโอเค ก่อนจะหยิบเอาซองสีน้ำตาลใส่เงินสดนั้นขึ้นมาถือ หยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมาสะพายไหล่ เช็คไปรอบๆห้องว่าตัวเองไม่ได้ลืมของสำคัญอะไรไว้ ผมเดินออกไปจากห้องหลังจากที่ล็อคเรียบร้อย

แต่จะว่าไป มาอยู่ห้องนี้ได้สักพักแล้ว ก็ยังมีเรื่องที่อยากจะถามเจ้าของห้องอยู่อย่าง ในเมื่อชั้นสามของผับมันเป็นออฟฟิศ แล้วทำไมหลังม่านมู่ลี่คริสตัลนั่น ถึงมีเตียงขนาดใหญ่วะ มันมีไว้ทำไม 

“ ก็ไม่น่าจะขยันขนาดทำงานหามรุ่งหามค่ำนะ คนอย่างงั้นอะ “

   เดินลงมาจากชั้นสามของผับ ตอนนี้เหลืออยู่แค่พนักงานเสิร์ฟบางคน ผู้จัดการแบบพี่ซองที่ยังคงเช็คความเรียบร้อย แล้วก็บาร์อย่างน้องเดย์น้องอัยย์ที่ยังคงเช็ดล้างทำความสะอาดกันอยู่

“ พี่ซอง เมดกลับแล้วนะ “ ผมบอกก่อนจะยกมือไหว้เค้า อีกคนก็ก้มหน้าลงยิ้มกว้างให้

“ กลับบ้านดีๆนะน้องเมด “

“ พี่ซองด้วยนะ “ ยิ้มให้อีกคนก่อนจะหันไปบอกเจ้าเด็กขี้เล่นสุดหล่อสองคนที่บาร์ “ น้องเดย์ น้องอัยย์ พี่เมดกลับบ้านแล้วนะ “

“ ครับผม อย่าลืมฝันถึงน้องเดย์นะครับ เพราะคืนนี้น้องเดย์จะเข้าไปหาพี่เมดในฝัน “ น้องชายเจ้าของผับบอกผมก็ยิ้มกว้างออกมากับความขี้เล่นนั้น พยักหน้ารับอีกคนอย่างจำยอมน้องอัยย์ก็บอก

“ งั้นคืนนี้น้องอัยย์จะเข้าไปปกป้องพี่เมดให้ฝันเองครับ จะเข้าไปฆ่าไอ้เดย์ให้เอง “

“ โอเค งั้นเจอกันในฝันนะ “ ผมว่า น้องสองคนก็เบิกตาขึ้นก่อนจะหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มกว้างออกมา

“ พี่เมดอ่า เจอกันพรุ่งนี้น้า “

“ เจอกันนะครับพี่เมดของน้องเดย์ บอกให้สัดพี่ขับรถดีๆนะ “

“ เราสองคนก็ขับรถกลับบ้านกันดีๆนะ “

“ ครับผม “ พยักหน้ารับพร้อมกันสองคน ผมก็หันไปบอกพนักงานเสิร์ฟที่เหลือ

“ เจอกันนะครับทุกคน กลับบ้านดีๆนะ “ ผมตะโกนบอกคนที่อยู่ ก่อนจะโบกมือไปให้ทุกคนที่ก็พยักหน้ารับก่อนจะโบกมือกลับ

เดินออกมาจากทางหลังร้าน ผมที่กำลังเดินตรงไปที่รถ ชะงักตัวเองนิดหน่อยตอนที่เห็นร่างสูงเจ้าของผับที่บอกให้ผมรีบลงมาแต่ตัวเองกลับยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับผู้หญิงสวยคนนึง

เสียงพูดคุยที่ผมไม่ได้ยิน เห็นแค่เพียงรอยยิ้มของสาวสวยในชุดเดรสรัดรูปสีดำที่สั้นมากจนรู้สึกสงสัยว่า เธอลุกนั่งได้อย่างสะดวกได้ยังไง โครงใบหน้าสวยแต่งอย่างพอดีให้รับกับลิปสติกสีแดงที่เจ้าตัวทามา มือเรียวคู่นั้นเอื้อมไปจับอกชายหนุ่มตรงหน้า จัดเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายด้วยความยั่วยวน ทั้งๆที่ก็ไม่มีให้จัดทั้งนั้น ไทด์ก็ไม่ใส่ สูทก็ไม่มี เดี๋ยวก็ต้องไปอาบน้ำนอนแล้วจะจัดทำไมวะ

ผมเผลอแบะปากออกมาอย่างไม่รู้ตัว ไม่ชอบใจยังไงก็ไม่รู้ ผมไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้ แล้วก็ไม่ชอบผู้ชายแบบนั้นด้วย ผู้ชายที่ยืนนิ่งไม่ได้ห้ามปรามอะไรอีกคนสักคำทั้งๆที่กำลังโดนเชื้อเชิญทั้งด้วยสายตาแล้วก็ท่าทาง ก็น่าจะบอกให้ออกไปห่างๆ อย่าเข้ามาใกล้ อะไรแบบนี้ แต่ไม่เห็นมันจะทำอะไรเลย

ก็นะ..มันเป็นผู้ชายที่ท่าทางก็ดูชอบคนสไตส์นั้นอยู่แล้วด้วย แล้วพอหวนกลับไปคิดถึงความใส่ใจ แล้วเผลอเข้าข้างตัวเองว่ามันอาจจะชอบกัน ผมก็ได้แต่ส่ายหน้า ‘ แม่งคงไม่มาชอบคนจืดๆแบบนี้หรอก ‘

“ สัด หงุดหงิด “  พูดกับตัวเองคนเดียวในใจ ผมไม่รู้ตัวเองทำหน้างอหนักขนาดไหนแล้วในตอนนี้  หัวใจมันคันยิบๆไปหมด แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ผมหันซ้ายดูขวา ไม่มีอะไรมาสะดุดให้เกิดเสียงบ้างรึไงวะ มันจะได้ห่างๆออกจากกันสักที หน้าด้าน แม่งมาอ่อยกันถึงลานจอดรถเลยเหรอวะ ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัว เหอะ แต่ผู้ชายก็เล่นด้วยละนะ ยืนนิ่งเชียว ก็น่าจะปฎิเสธสักหน่อย

ในระหว่างที่ยืนมองอยู่ ผมถอนหายใจออกมาตอนที่เห็นว่าอีกสักครู่ อาฟคงหันมาเห็นผมแล้วขอชวนให้สาวคนนี้ขึ้นรถไปด้วยกันกับเราแน่ มันคงไปต่อกับเธอที่ไหนสักที่

แล้วถ้าเป็นแบบนั้น.. จะรั้งไม่ให้ไป ยังไงดีวะ

“ นี่คุณอาฟ..” เสียงที่ดังขึ้นของเธอ ชวนให้ผมที่กำลังคิดอะไรหลายอย่างอยู่ในสมองหันไปมอง แววตาที่กำลังออดอ้อนคนที่เธอเอ่ยชื่อเรียก แววตาคมนั้นก็หันไปมองก่อนจะยกยิ้มให้อีกฝ่าย ผมไม่ได้ยินประโยคยาวๆที่เธอพูด เห็นก็แค่อาฟที่ส่ายหน้าไปมาปฎิเสธเธอไป

ใบหน้าสวยงอง้ำลงเธอถอนหายใจก่อนจะพยักหน้ายอมรับ ราวกับว่ามันนานแล้วที่เธออ้อนอีกฝ่าย แล้วก็ควรยอมแพ้สักที ในเมื่อมันไม่มีสำเร็จ ร่างสวยดึงตัวเองออกห่างชายหนุ่มก่อนจะก้มลงมาหมายจะใช้ริมฝีปากเคลือบสีแดงนั่นประทับลงบนแก้มของอีกคน ตัวผมที่ยืนมองดูภาพนั้นด้วยสีหน้าเลิกลั่ก ก่อนจะส่งเสียงจามออกไปดังๆด้วยความสิ้นคิด

“ ฮัดชิ้ว!! “ เสียงจามของผม มองมาจากดาวอังคารก็ยังรู้ว่าแกล้งทำ ท่าทีที่ทำเป็นก้มหน้าเอามือปิดปากเงยหน้าขึ้นมองคนสองคนที่ก็หันมามองผมเช่นกัน ร่างสูงที่หันมา อาฟยกยิ้ม ผิดกับสาวเจ้าที่ทำหน้าหงุดหงิดใส่

“ มาได้สักทีนะมึง กูนับหนึ่งถึงยี่สิบ รอบที่สามสิบแล้ว “ มันบอกยิ้มๆ ผมก็ปั้นหน้าหงุดหงิดใส่ อยากจะตะโกนไปมากว่า ไม่ต้องมายิ้มมึงนับเหี้ยอะไร กูเห็นยืนออเซาะกับคนตรงหน้าจนแทบจะแดกกันเข้าไปอยู่แล้ว

“ เปิดล็อคประตูให้หน่อย จะกลับบ้านแล้ว ง่วง “ ผมบอกมัน ด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องหน้างอด้วย ตอนที่เดินไปยืนข้างรถของตัวเอง ตรงฝั่งข้างคนขับแต่ร่างสูงก็เอ่ยบอก

“ มานี่ก่อน “ อาฟขยับหน้าบอกตำแหน่งให้ผมมายืนข้างมัน แอบถอนหายใจออกมานิดๆไม่ค่อยอยากจะเดินไปเท่าไหร่ แต่ก็ขัดแม่งที่เป็นเจ้านายไม่ได้อยู่ดี “ นี่คุณฮารุ เป็นเซลล์ขายเหล้าของบริษัทที่เราดีลอยู่ “ ยกมือไหว้เธอ อีกคนก็ก้มหน้ารับไหว้ผม “ ส่วนคุณฮารุครับ นี่เมดเลขาของผม “

“ เดี๋ยวนี้มีเลขาแล้วเหรอคะคุณอาฟ “ เธอยิ้มแซวอีกฝ่ายก็ที่ก็ยกยิ้ม “ เมื่อก่อนฮารุขอมาสมัครเป็นเลขาแล้วไม่ให้นะ แสดงว่าตอนนี้งานเยอะมากเลยละสิ “

“ ก็คงงั้น “ อีกฝ่ายตอบ

“ แบบนี้ผับชั้นสามก็ไม่ว่างแล้วสินะคะ “ แววตามีเสน่ห์มองอีกฝ่ายที่ก็ไม่ตอบอะไร อาฟแค่ยิ้มให้เธอก่อนจะหันมาบอกผม

“ กลับกันเถอะ “ พยักหน้ารับอีกคนผมเดินกลับมายืนที่ประตูฝั่งคนนั่งข้างเหมือนเดิม แล้วตอนนั้นคุณฮารุก็ได้โอกาสเข้ามาใกล้มันอีกครั้ง

“ ขับรถดีๆนะคะคุณอาฟ ไว้ว่างๆเจอกัน “ เธอบอกว่าแบบนั้นก่อนจะเอียงหน้ายิ้มให้ “ ยังไงถ้าอยากจะเปลี่ยนเลขาเมื่อไหร่โทรบอกกันได้ตลอดเลยนะ ถ้าเป็นคุณอาฟจะลาออกจากงานเซลล์มาเป็นให้เลย “

“ มันไม่ใช่ตำแหน่งที่ใครก็ได้จะเป็นได้หรอกครับ “ อาฟยิ้มให้เธออีกครั้ง “ มันมีไว้ให้เฉพาะบางคนที่พิเศษเท่านั้น “

รถถูกปลดล็อค ผมที่ยืนนิ่งประมวลผลคำพูดของที่ได้ฟังอยู่นาน อยากจะเข้าข้างตัวเองนะ แต่ตอนรับตำแหน่งเป็นเลขาจากมัน ตอนนั้นอาฟมันก็แค่ไม่อยากจะประกาศเรื่องงานด้วยตัวเองลงในกรุ๊ปสต๊าฟก็แค่นั้น ก็เลยเอาเงินมาฟาดหัวผมแล้วยัดตำแหน่งนี้ให้ ไม่มีอะไรพิเศษอย่างที่บอกสาวคนนั้นสักนิด แล้วก็มาบอกเค้าว่า ตำแหน่งพิเศษมีไว้ให้แค่เฉพาะบางคนเท่านั้น

‘ เหอะ.. ไอ้หน้าม่อ ’

“ จะขึ้นมั้ยรถน่ะ บ้านอะ จะกลับมั้ย “ หันมามองหน้าคนพูดด้วยสายตาหงุดหงิดอีกครั้ง ผมเข้าไปนั่งในรถเงียบๆ ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดก่อนจะกดเปิดเพลงที่ใส่เอาไว้ แต่ทว่าคนขับกลับกดปิดมันเสียอย่างงั้น

“ มึง “

“ เป็นอะไร หงุดหงิดอะไร “

“ ใครหงุดหงิด “ ผมหันไปถามมัน อีกคนก็ยกยิ้ม เอาจริงๆผมเริ่มจะโคตรเกลียดไอ้รอยยิ้มแบบนี้ของมันขึ้นมาแล้ว รอยยิ้มที่ดูฉลาดเหมือนรู้เท่าทันคนทั้งโลก

“ พูดอยู่กับมึง กูคงหมายถึงคนอื่นมั้ง “

“ กูไม่ได้หงุดหงิด มีเหตุผลอะไรที่กูต้องหงุดหงิดวะ “ ผมถามมัน “ มึงคิดว่ากูหงุดหงิดเรื่องที่เห็นมึงยือออเซาะกับผู้หญิงคนนั้นเหรอ มึงคิดผิดแล้ว กูไม่ได้สนอยู่แล้วว่ามึงจะทำอะไรกับเธอ ไม่ได้แคร์ด้วยว่าเธอจะเอานมมาหนีบหน้ามึงอยู่แล้ว แถมยังเอามือมาจัดเสื้อมึงทั้งๆที่ไม่มีเหี้ยอะไรให้ต้องจัดสักนิดเดียว แล้วตอนที่เธอจะหอมแก้มมึง กูแค่คันจมูกขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้อยากจะขัดให้ออกห่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว “ หันไปมองหน้ามันที่ก็มองหน้าผมก่อนจะหลุดหัวเราะ  “ หัวเราะเหี้ยอะไรของมึง “

“ เปล่า “ มันบอกก่อนจะหันไปสนใจด้านหน้าของตัวเอง อาฟสตาร์ทเครื่องยนต์ของรถ มันที่ถอยหลังรถก่อนจะเลี้ยวออกจากเส้นจอดแล้วขับออกไปจากผับ

ทุกอย่างในรถนั่นเงียบ ผมอยากจะเปิดเพลงนะ แต่ว่าก็มีสิ่งที่อยากจะรู้อยู่ อยากจะถามมันเกี่ยวกับเรื่องหญิงคนนั้น แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอะไร ถอนหายใจออกดังๆผมหันไปมองนอกหน้าต่าง ก่อนจะบ่นกับตัวเองเบาๆ

“ ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยวะ “ สันดานแม่งเป็นไงดูภายนอกก็น่าจะรู้อยู่แล้ว วิวน้องชายของผมมันก็บอกกรอกหูอยู่เมื่อเช้าว่าอีกคนเป็นยังไง คนทำงานผับแบบนั้นมันก็ไม่แปลกหรอกจะมีสาวสวยอยู่ล้อมรอบตัวเอง ไม่แปลกเลยด้วยซ้ำที่จะมีคนมาเสนอตัวให้ แล้วก็ไม่แปลกด้วยที่อีกคนจะเจ้าชู้ แต่ที่กำลังอยากรู้ ที่กำลังหงุดหงิด มันเพราะอะไรวะ เพราะการกระทำใส่ใจที่เค้าทำกับเราเหรอ คำพูดที่พูดกับเราเหรอ หรือเพราะเรากำลังรู้สึกว่า อยากให้ทุกอย่างนั้นมันเกิดขึ้นกับเราแค่คนเดียว

‘ ก็แค่คำพูดของคนเจ้าชู้ทั่วไปนั่นแหละ ใส่ใจอะไรวะเมด เพื่อนในกลุ่มเค้าก็ยังเต๊าะเราเล่นๆตามประสาคนมาทำงานใหม่เลย แล้วทำไมเค้าจะไม่เป็นวะ ’

“ หน้าบูดอะไรขนาดนั้น ปวดขี้เหรอ “

“ ไอ้สัด ไม่ใช่สักหน่อย “ หันไปเถียงมัน อีกคนก็เงียบ ผมเหลือบมองอาฟ “ นี่.. ถามอะไรหน่อยสิ “

“ ว่า “

“ มึงกับผู้หญิงคนนั้นมันยังไงกันวะ “

“ อะไรยังไง “ มันถามกลับ

“ กูหมายถึงความสัมพันธ์ แบบว่าเป็นอะไรกัน “

“ กูเป็นคนซื้อเหล้า มันเป็นเซลล์ “

“ ไม่ใช่แบบนั้น แบบ.. แบบว่าเคยนอนด้วยกันเหรอวะ “ ผมถามออกไปในที่สุด อาฟก็หันมามองก่อนจะพยักหน้ารับง่ายๆแบบไม่ได้คิดอะไรมากมายทั้งนั้น เหมือนถามว่ากินข้าวยัง อีกคนก็พยักหน้ารับว่ากินแล้ว

“ ทำไม ? “

“ เปล่า งั้นเมื่อกี้เธอก็ชวนมึงสินะ แบบว่า...ไปทำเรื่องอย่างงั้น “

“ อื้ม “

“ แล้ว แล้วทำไมไม่ไปวะ “ คำถามที่ทำให้คนที่กำลังขับรถหันมามองหน้าผม แต่เป็นผมเองที่กลับเอาแต่มองไปบนถนนข้างหน้า

อยู่ๆก็รู้สึกว่าไม่อยากจะมองหน้ามันขึ้นมา ก็ยอมรับว่ากลัวคำตอบ คำตอบที่อีกอาจจะพูดว่า

‘ ก็เดี๋ยวส่งมึงเสร็จกูถึงจะไป’ 
ไม่ก็
 ‘ ก็เดี๋ยวไป ‘
อะไรทำนองนั้น

ผมแค่รู้สึกว่าไม่อยากจะฟังอะไรแบบนั้น จะบอกว่าหวงรถไม่อยากจะให้อีกคนเอาไปรับคนอื่นก็ไม่น่าใช่.. ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า หวงอะไรอยู่..

“ ไม่ไป ตอนนี้มีอะไรที่อยากจะทำมากกว่าเรื่องแบบนั้นแล้ว “

“ เรื่องอะไรวะ “ หันไปถามมัน อีกคนก็หันมาบอกแบบย้ำคำ

“ เสือก “

“ สัด กูถามดีๆ ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก ไม่ได้อยากจะรู้สักหน่อย “ หันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ผมพ่นคำด่าตัวเองในใจ ตอแหล มึงน่ะตัวอยากรู้เลยเมด แต่ถึงอย่างงั้นผมถอนหายใจโล่งอกออกมา อย่างน้อยมันก็ไม่ไป ดีเหมือนกัน.. ยังคิดคำพูดรั้งไว้ไม่ออกเลย

เราสองคนนั่งรถกันไปเงียบๆ ผมที่เอื้อมมือไปเปิดเพลงก่อนจะกดเสียงให้เบาลง หันไปมองนอกหน้าต่างที่วิวทิวทัศน์ที่วุ่นวายใจเมื่อกี้เปลี่ยนไปฉับพลันหลังจากที่ถามคำถามพวกนั้นออกไป ก่อนที่ผมจะคิดขึ้นมาได้ ว่ามีอีกหนึ่งคำถามที่ตัวเองก็ยังอยากรู้

“ อาฟ ถามอะไรหน่อย “

“ ว่า “

“ ทั้งๆที่ชั้นสามของผับเรามันเป็นออฟฟิศ แล้วทำไมมันถึงมีเตียงละ มึงชอบทำงานหามรุ่งหามค่ำเหรอ หรือว่าชอบมานอนที่ throw up “ คำถามที่ทำให้คนฟังยกยิ้ม อาฟหันมามองหน้าผม น่าแปลกที่ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันมองผมด้วยสายตากรุ่มกริ่มเหลือเกิน ลิ้นที่เลียเข้ากับริมฝีปาก ใบหน้าคมยกยิ้ม

“ มึงอยากรู้เหรอ ? ไว้อีกไม่นานกูจะพาไปหาคำตอบ “

“ ไม่อยากรู้แล้ว “ ผมบอกมันแค่นั้นเพราะรับรู้ถึงภัยที่จะเข้ามาใกล้ตัวยังไงก็ไม่รู้

ผู้ชายคนนี้อันตรายไม่ต่างกับเอามือไปเล่นไฟหรอก ประคับประคองให้ดีมันก็อบอุ่น และแน่นอนถ้าไม่ระวังหรือเผลอตัวเข้า มันอาจจะเผาไหม้ตัวเราไปทั้งหมด  อาฟที่หัวเราะขึ้นมาเบาๆ มันหันไปมองตรงถนนข้างหน้าอีกครั้ง

“ อยากรู้เถอะ เพราะถึงไม่อยากรู้ยังไง ก็ต้องได้รู้อยู่แล้ว “

.......................................................................

ขับรถถึงหน้าคอนโดในช่วงเวลาเกือบตีห้า โชคดีที่พรุ่งนี้ไม่มีเรียน ไม่งั้นคงต้องแบกสภาพชีวิตที่ใต้ตาดำคล้ำไปเรียนแน่นอน วันนี้เป็นวันแรกที่ผมรู้สึกง่วงหลังจากที่ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนี้มาสักพัก

บางทีการที่เกิดเรื่องวุ่นวายในชีวิตตอนนี้ก็เหมือนไม่ได้แย่ไปทั้งหมดหรอก คิดดูดีๆ ก็รู้สึกว่า ถ้าตอนนี้ไม่ต้องมาใช้หนี้อยู่ในผับ ตัวผมคงเอาแต่นั่งซึมอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน อาจจะดรอปเรียนไปแล้วเพราะทนรับสภาพที่ต้องเห็นทั้งอดีตเพื่อนและอดีตคนรักไม่ไหว แต่เพราะเป็นหนี้ ชีวิตก็เลยได้มาเจอกับสภาพแวดล้อมอื่น ได้เจอคนใหม่ๆที่ทำให้ยิ้มได้ แล้วบางคนก็ทำให้เข้มแข็งขึ้นทั้งๆที่ไม่คาดคิดเลยว่า คนอย่างมันจะทำให้รู้สึกแบบนั้น

กลั้นยิ้มก่อนจะถอนหายใจออกมาตอนที่คิดถึงคนข้างๆที่กำลังชะลอรถลงหน้าคอนโดของผม ถึงสักทีตอนนี้ใจขึ้นไปอยู่ในห้องแล้ว จะอาบน้ำทาแป้งให้หอมๆ นอนตาแอร์ให้ฉ่ำปอดแล้วค่อยตื่นมาตอนใกล้เวลางาน

“ ถึงสักที “ บิดขี้เกียจแรงๆ ผมก้มลงเปิดกระเป๋าเป้เพื่อหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาเตรียมเปิดประตู อาฟขับรถรถเข้าไปใกล้ทางเข้าของคอนโดมากขึ้น

“ เมด “ เสียงทุ้มของคนขับที่เอ่ยเรียกผม

“ ว่า “ ขานรับมันพร้อมกับยื่นซองสีน้ำตาลที่ใส่เงินไปให้มัน  ผมชะงักไปตอนที่อาฟเชิดหน้าไปข้างหน้า มองตามสายตานั้นของมันไปก่อนจะเจอเข้ากับคนที่ไม่อยากจะเจออีกครั้ง

“ บิน “

“ กัดไม่ปล่อยจริงๆนะ ผัวเก่ามึงน่ะ.. ด้านดี “ อาฟหันมาบอกผมที่ตอนนั้นก็ทำได้แค่ถอนหายใจออกมายาวๆ

ร่างสูงดีกรีนักบาสมหาลัยอยู่ในชุดหล่อเหลาที่ผมเคยซื้อให้แต่มันโคตรเกลียดเพราะเคยบอกว่าไม่เข้ากับสไตส์ของมันเลยสักนิด รองเท้านั้นก็ด้วย ครั้งนึงมันก็เคยบอกว่าเชยซะจนไม่กล้าใส่ บินไม่เคยหยิบพวกมันมาใส่เลย ไม่เคยเลยสักครั้งจนกระทั้งวันนี้ ในมือของมันถือช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ เดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตูทางเข้าคอนโด

เป็นเหมือนอย่างที่คิดไม่มีผิด ผมรู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์นี้มันต้องเกิดขึ้นสักวัน มันก็เหมือนทุกครั้งที่เราโกรธกัน มันจะเริ่มจากการพูดขอคืนดีก่อน ออดอ้อน ถ้าไม่ได้ผล บินจะจะขอให้ผมมองตามัน รำพันคำสัญญามากมายว่าตัวมันเองจะปรับตัว จะไม่ทำเรื่องที่อะไรทำให้ผมเสียใจอีก และถ้าแผนนี้ไม่ได้ผล มันก็จะซื้อดอกไม้มาง้อ ดอกไม้สีแดงช่อใหญ่ และตัวผมเองตลอดมา ก็ไม่เคย ชนะ แผนสุดท้ายนี้ได้สักที

“ อาฟ เอาไงดีวะ “  ผมเอ่ยถามคนข้างๆเสียงเบา ทั้งๆที่ก็มีคำตอบอยู่ในใจตัวเองอยู่แล้ว นั่นคือการลงไปเผชิญหน้ากับมันแล้วคุยกันให้รู้เรื่อง แต่ว่ามันก็ดูเป็นการกระทำที่เด็ดเดี่ยวจนต้องเอ่ยถามคนที่เข้มแข็งกว่า ว่าควรหรือไม่ควรสำหรับความคิดนี้ “ ลงไปคุยกับมันดีมั้ยวะ คุยกันให้รู้เรื่องไปเลย มันอยากจะพูดอะไรก็ให้มันพูด บอกเลิกกันให้ชัดๆ ไปเลย “

“ แน่ใจว่าจะบอกเลิก ? “ ผมหันไปมองมันที่ถามขึ้นมาแบบนั้น อาฟถอนหายใจออกมาสายตาของมันไม่ได้มองผม แต่กลับหันไปทางอื่น เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่ามันมีคำบางคำอยากจะพูดออกมา แต่ไม่กล้าพูด “ แน่ใจเหรอ ว่าทำได้ “

“ กูอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว “ บอกมันแค่นั้นก่อนจะหันไปมองที่ผู้ชายคนนั้นเหมือนเดิม “ ไม่อยากจะหนีแล้ว ไม่อยากจะหลบ ไม่อยากจะอ้าง อยากจะพูดตรงๆกับมันสักครั้ง พูดเรื่องของเรา แล้วก็พูดถึงเรื่องของเพื่อนกูกับมัน มึงว่าดีมั้ย “

“ ไม่รู้ “ อีกคนตอบนิ่งๆ “ ถ้ามึงมั่นใจว่าตัวเองจะไม่กลับไป คำตอบของกูคือดี แต่ถ้ามึงคิดจะกลับไป คำตอบของกูคือไม่ดีและไม่ต้องลงไป “ ทุกอย่างเงียบไปหลังจากที่อีกคนพูดแบบนั้น มันเงียบจนภายในรถรู้สึกอึดอัด “ ทำไมถึงคิดจะลงไปคุยกับมัน “

“ กูคิดว่า กูรู้จักคนแบบบินอยู่นะ มันเป็นคนไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ แล้วอีกอย่างคือ กูคิดว่า มันคงคิดว่ากูยังรักมันอยู่ แล้วพร้อมจะให้อภัยมันทุกอย่างเหมือนที่ผ่านมา แค่อ้อน แค่ขอร้องทำตัวเหมือนหมาเหมือนแมวแบบที่กูชอบ มันรู้จักกูดี มันรู้จุดอ่อนของกูว่ากูแพ้ทุกทีเวลามันง้อ และเพราะมันรู้ ก็เลยยังหน้าด้านมาง้อกู ทั้งๆที่ทำเรื่องเหี้ยๆนั่นไง  เพราะมันยังคิดอยู่ตลอดว่า กูรักมันมากและให้อภัยมันได้ทุกอย่าง “

“ ไม่จริงหรอก “ อาฟหันมาบอกผม “ มึงเป็นคนที่จะยอมให้ผัวไปเอากับเพื่อน แล้วก็กลับมาเอาตัวเองในวันที่ผัวมึงอยากงั้นเหรอ เป็นของตายของมันอยู่แต่ในห้องเชื่อฟัง ทำดีกับมันสารพัดเหมือนเป็นคนใช้มัน เค้าใช้ให้ทำอะไรมึงก็ทำตาม จะทำให้เสียใจแค่ไหนก็ไม่แคร์งั้นเหรอ มึงรับมันได้ทุกอย่างเพราะรักมากๆให้อภัยได้หมด มึงเป็นแบบนั้นเหรอ มึงเป็นแบบนั้นเหรอเมด “ ผมส่ายหน้าตอนที่มองอีกคนที่พูดออกมาแบบนั้น “ ถ้าไม่ใช่ งั้นก็แสดงให้มันเห็น ว่ามันไม่ได้รู้จักมึงดี จำคำกูไว้นะ มึงรู้จักตัวมึงดีที่สุด อย่าให้ใครมาคิดว่าเค้ารู้จักตัวมึงดี แล้วจะทำอะไรกับมึงก็ได้ ถ้าจะลงไป ก็ลงไปเพื่อบอกให้มันรู้ว่า คนอย่างมันไม่เคยรู้จักคนอย่างมึงเลยสักนิด “

“ อื้ม “ พยักหน้ารับให้อีกคน มันจริงอย่างที่อาฟพูดทั้งหมด เพราะบินคิดแบบนั้น คิดว่าจะทำอะไรก็ได้ สุดท้ายผมก็ยังรักและยังกลับไปหามันอยู่ แล้ววันนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ผมจะทำให้มันรู้ว่า ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกต่อไป ผมรักมันก็จริงอยู่ แต่ก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น
 
ขยับตัวเตรียมลงจากรถ ผมที่กำลังเอื้อมมือไปเปิดประตูแต่มือหนาของอีกคนที่นั่งข้างกันกลับเอื้อมมาจับไว้ก่อน ผมหันไปมองอาฟ มันที่เหมือนจะพูดอะไรออกมาสักอย่างแต่กลับนิ่งไป มือที่จับมือผมอยู่นั้น มันใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆที่หลังฝ่ามือ เอ่ยถามมันผ่านทางสายตาอีกคนก็เอาแต่เม้มริมฝีปากก่อนจะถอนหายใจออกมาหลังจากกลืนน้ำลายลงไป

“ กลับมานะ กูจะคอยมึงอยู่ตรงนี้ “ เผลอยิ้มออกมากับคำพูดสั้นๆ แต่กลับพูดยากเย็นเหลือเกินสำหรับบางคน ผมพยักหน้ารับให้มัน

“ อื้ม “ หันไปมองนอกหน้าต่างรถอีกครั้ง เผลอคิดว่าเป็นโชคดีของผมที่รถติดฟิล์มดำแบบที่คนข้างนอกจะมองเข้ามาไม่เห็น แต่ที่โชคดียิ่งกว่าคือ คนที่ยืนอยู่ข้างนอก ไม่ใส่ใจกันจนแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าทะเบียนรถผม มันเลขอะไร

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
   

“ ลงไปได้แล้ว หรือจะให้กูถีบมึงลงไป “

“ สัด “ หันไปด่ามัน ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้งกับการพูดดีได้ไม่ถึงห้านาที ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเดินลงไป วินาทีที่บินหันมาเห็นผม มันยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้ามาหา แล้วในตอนนั้นคนที่ผมคิดว่าจะคอยอยู่ในรถก็ดับเครื่องยนต์ลง อาฟเดินออกมาจากรถบินก็หันไปมองมันด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ

“ ทำไมมาด้วยกัน “ บินถามผม ก่อนจะหันไปมองไอ้อาฟที่อีกคนก็แค่เหลือบตากลับมามองโดยไม่พูดอะไร มันพาตัวเองไปยืนพิงเสาตรงลานจอดรถใต้คอนโดแล้วมองมาทางเรา

“ มีอะไร “ ผมถามอีกคนที่เหมือนจะพยายามหาเรื่องอาฟมากกว่าจะมาคุยกับผมแล้วในตอนนี้

“ ทำไมกลับดึกจัง แล้วทำไมกลับมากับไอ้อาฟ ไปไหนกันมา “

“ ไม่จำเป็นต้องสนเรื่องนั้น มึงมีอะไร “ ถามย้ำกับมันอีกครั้ง ถอนหายใจออกมาบอกกับอีกฝ่ายว่าผมเบื่อหน่ายกับการออกนอกเรื่องของมันแล้ว “ อยากพูดเรื่องของเราเหรอ “

“ อื้ม “ อีกคนบอกก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ บินคุกเข่าลงมันยื่นช่อดอกไม้ให้ผมก็รับ “ เมด บินขอโทษ ขอบินคุยกับเมดหน่อยได้มั้ย บินอยากจะอธิบายเรื่องของเรา ให้โอกาสบินพูดเรื่องของเราหน่อยได้มั้ยครับ “

“ ได้สิ “ ผมตอบสั้นๆ อีกคนก็ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง พลางถอนหายใจแล้วหันไปมองอาฟที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก สายตาของมันเหมือนกำลังอวดอีกฝ่าย ที่แน่นอนว่าคนโดนอวดก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก อาฟมันแค่ยกยิ้มแล้วก็มองมานิ่งๆเหมือนเดิม

“ บินอยากคุยกับเราแค่สองคน ไปกับบินนะ ไปที่ห้องของเรา “

“ ตรงนี้แหละ ถ้าจะคุยก็คุยกันตรงนี้ เมดก็อยากคุยกับบินเหมือนกัน “ ผมยิ้มให้อีกคน บินก็นิ่งไปในแววตาที่กำลังปฎิเสธคำพูดของผม แต่เหมือนจะคิดขึ้นมาได้ว่า ตัวเองไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะเอาแต่ใจอะไรได้มากกว่านี้ “ ถ้าบินไม่คุยตรงนี้ ก็ไม่ต้องคุยนะ จะคุยมั้ย “

“ คุย “ เค้าตอบสั้นๆ ผมก็พยักหน้ารับก่อนจะยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเค้า ที่ก็จับมือกันไว้แน่น “ เมด บินขอโทษนะ ขอโทษจริงๆที่เรื่องนี้เกิดขึ้น บินขอโทษที่ทำให้เมดเสียใจทั้งๆที่เมดรักบินขนาดนี้ ขอโทษที่ทำลายความรักของเรา ด้วยมือของบินเอง ขอโทษที่ยับยั้งความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ บินขอโทษนะเมด “

“ อื้ม “ ผมพยักหน้ารับอีกคนที่นิ่งไปตอนที่ผมตอบ

“ เมด ให้อภัยบินได้มั้ย บินสัญญาว่าต่อจากนี้ไป บินจะไม่ทำให้เมดเสียใจอีก บินสัญญาว่าบินจะมีเมดคนเดียว จะไม่มีใครคนอื่นนอกจากเมด สัญญาว่าจะดูแลเมดให้ดี สัญญาจะเป็นแฟนที่ดี บินจะ..“

“ ทำไมถึงไปเอากับยีนส์เหรอ “  ขัดคำอ้อนวอนนั้นด้วยคำถามสั้นๆ “ ทำไมถึงเป็นยีนส์ละ บินชอบยีนส์เหรอ “

“ เปล่า ไม่ได้ชอบ “

“ แล้วทำไมถึงไปเอากับยีนส์ได้มาตั้งสี่ปีละ “ ร่างสูงนิ่งไป มือที่กระชับมือผมให้แน่นขึ้น บินส่ายหน้าไปมาก่อนจะถอนหายใจ

“ อย่าพูดเรื่องของคนอื่นเลย พูดเรื่องของเราเถอะ เมดให้อภัยบินนะ กลับมารักกันเหมือนเดิมนะ บินขาดเมดไม่ได้ บินอยู่ไม่ได้หรอก รู้มั้ยบินนอนไม่หลับเลยตลอดเวลาที่ไม่มีเมดให้กอด ห้องของเรามันเงียบมากเลยนะ เตียงก็กว้างมากเลย เมด บินน่ะ.. “

“ นี่แหละเรื่องของเรา “ ผมย้ำ “ บินไปเอากับยีนส์หลับหลังเมดมาตั้งสี่ปี แล้วตอนนี้เมดจับได้แล้ว เพราะงั้นมันจะไม่ใช่เรื่องของเราได้ไง ก็เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอที่ทำให้เราต้องเป็นแบบนี้ เพราะบินไปเอายีนส์ไงเราเลยต้องมากันยืนอยู่ตรงนี้ แล้วมันจะไม่ใช่เรื่องของเรายังไง  “

“ เมด “ อีกคนเรียกชื่อผมก่อนจะถอนหายใจ บินพยักหน้ารับ “ ถ้าฟังแล้ว ขอร้องอย่างนึงนะ เมดอย่าคิดว่าบินนอกใจเมดนะ บินไม่ได้นอกใจเมด แค่นอกกาย “

หลุดยิ้มออกมากับคำพูดเห็นแก่ตัวนั้น ในใจที่เหมือนโดนต่อยอัดเข้าเต็มแรง ไม่รู้จะบรรยายความเหี้ยของมึงออกมายังไงดี ให้เท่ากับที่กำลังรู้สึก ไม่รู้จะด่าตัวเองว่าโง่กี่ครั้งดีที่ทนรักกับคนแบบนี้มาทำไมนานขนาดนี้

“ แล้วยังไงต่อ “

“ เมดฟังนะไม่ว่ายังไงบินก็ไม่ได้วันรักยีนส์หรอก ยังไงบินก็รักเมดคนเดียว บินกับยีนส์มีอะไรกันเพราะเมาในครั้งแรก  วันนั้นบินไม่ได้สติ ยีนส์ก็ไม่ได้สติ “

“ ไม่ได้สติทั้งคู่ ใส่ลงรูได้ไงวะ เก่งนะ ไม่ได้สติยังเอากันได้เลย “

“ เมด ..” อีกคนถอนหายใจออกมาตอนที่ผมพูดแบบนั้น

“ แล้วครั้งที่สองละ “

“ ครั้งที่สองยีนส์มันมาเสนอตัวให้บินเอง มันเข้ามายั่วบิน คือ ผู้ชายอะเมด เข้าใจมั้ย เสนอมาก็ต้องสนองกลับ มันธรรมดาทุกคนก็เป็น “

ไม่เห็นจะจริงแบบนั้น  ผมอยากจะเถียงมันกลับ เมื่อกี้ก่อนหน้าจะมาที่นี่ ไอ้อาฟก็มีผู้หญิงมาเสนอตัวให้ ไม่เห็นมันจะไป แต่พูดก็เหมือนเอาอีกคนเข้ามาเกี่ยว ผมเองก็ไม่รู้จักร่างสูงดีขนาดนั้น ไม่อยากจะให้บินหยิบเรื่องอื่นที่ผมไม่รู้เอามาพูดด่าอีกคนด้วยมันไม่ใช่เรื่องที่อาฟต้องมาโดนคนอื่นพาดพิงแล้วด่าว่า

“ แล้วครั้งที่สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ ถึงห้าสิบครั้งมั้ย ไม่รู้นะ.. แต่เหตุผลของครั้งหลังๆนี่ยังไงเหรอ โดนยั่วทุกครั้งเลยเหรอบิน ความอดทนมึงต่ำจังนะ ไม่สิ.. หรือจริงๆ ต้องเรียกว่า ความเป็นคนต่ำ “

“ เมด “

“ ทำไมไม่ลองโทษตัวเองดูบ้างวะ ว่ามักมาก อยากเอากับไอ้ยีนส์ ชอบเอากับไอ้ยีนส์ ทำไมไม่ลองด่าตัวเองดูบ้างวะ ว่าตัวมึงน่ะ เหี้ยขนาดไหน ทำไมไม่ลองส่องกระจกดูบ้างว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น มึงเป็นคนทำมันทั้งหมด ที่วันนี้กูต้องเสียใจ กูต้องเสียเพื่อน ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเพราะมึง มึงที่ยังกล้า ยังหน้าด้านมาขอคืนดีกูอยู่ตรงนี้ “

“ เมด “

“ เลิกเรียกชื่อกูได้แล้ว!” ผมตะโกนออกไปแบบสุดจะทน เสียงที่เหมือนดังขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์ที่เย็นมันก็ค่อยๆร้อนขึ้น ผมมองหน้าคนตรงหน้า คนที่ผมเคยรัก รักอย่างไม่เคยมีเงื่อนไขใดๆ รักจนกลายเป็นคนที่โง่เง่าคนนึง

“ กูรักมึงมากบิน รัก รักมาก หลายครั้งที่เรามีปัญหากูเฝ้าถามตัวเองว่านี่กูกำลังทำอะไรอยู่วะ ทำไมกูถึงรักคนคนนี้วะ แล้วทุกครั้ง กูก็เลิกหาคำตอบและพยายามปรับตัวที่จะอยู่กับคนอย่างมึงให้ได้ มึงที่ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของกู ไม่เคยที่จะเป็นห่วงกู สิ่งเดียวที่มึงมีคือความตอแหล ที่มึงใช้พูดหลอกกูมาตลอด
 มึงบอกว่ามึงจะปรับตัวให้ดีขึ้น แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลย ที่มึงจะทำอย่างที่พูด มึงยังคงเหมือนเดิม ทุกครั้งที่โกรธ มึงโยนของในห้องให้กูตามเก็บ มึงผลักกูแค่เพราะกูไม่ตามใจมึง เวลาที่อยาก มึงแค่ผลักกูลงเตียง มึงไม่เคยถามกูสักครั้งด้วยซ้ำว่ากูอยากมั้ย กูรู้สึกยังไงบ้าง มึงเจ้าชู้ มีผู้หญิงที่มึงติดต่ออยู่ในมือถือเป็นร้อยคน มึงพาพวกเธอไปเลี้ยงเหล้า แต่กลับกูมึงไม่เคยเลี้ยงข้าวเลยสักครั้ง แต่ทุกครั้งที่มึงเมา มึงก็กลับมาอ้วกที่ห้องให้กูเช็ดทุกครั้ง
แล้วยังมีอีกหลายเรื่อง ที่คนอย่างมึงทำกับกู มึงเคยโยนเสื้อผ้าใส่กูเพียงเพราะแค่กูไม่ได้ใส่เสื้อตัวโปรดของมึงลงไปในกระเป๋าเข้าค่าย แต่กลับเอาเสื้อที่กูซื้อให้เป็นของขวัญใส่ลงไปแทน มึงเอามามันมาโยนใส่หน้ากู มึงด่ากูว่า กูโง่ที่ใส่เสื้อเหี้ยๆตัวนั้นลงไปในกระเป๋ามึง “

“ เมด บินไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นก็บอกแล้วไงว่า ขอโทษ “

“ แล้วก็เรื่องล่าสุด ที่ไม่ใช่เรื่องล่าสุดเพราะมึงก็คงแอบเอากับเพื่อนรักกูมาตลอด กูไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้ว ที่มึงมาเอากันที่ห้องของกู บนเตียงกูและใช้ผ้าปูเตียงของกูสุขสมกัน มึงทำได้ยังวะ มึงพามันที่เป็นเพื่อนกู มาเอาบนเตียงกู ทั้งๆที่บนเตียงนั่น มีภาพมึงกับกูอยู่ ตอนที่มึงเอาอยู่บนตัวมัน มึงหันมาเห็นภาพกู แล้วรู้สึกผิดอะไรบ้างรึเปล่าวะ รู้สึกบ้างรึเปล่าวะบิน ว่ามึงกำลังทำให้กูคนนี้เสียใจมากแค่ไหน
 กู...คนที่รักมึงมาก แล้วทุกๆอย่างให้มึง ทนมึง เหมือนคนโง่ๆคนนึงที่ไม่เคยฉลาดเลยในสายตาคนอื่น มึงนึกถึงกูคนนี้บ้างมั้ยวะ คนที่มึงบอกว่ารัก คนที่มึงกำลังพูดว่าขอโทษ อึก มึงเคยคิดที่จะรักกู อย่างที่กูรักมึงบ้างมั้ยวะ เคยที่จะรักกูบ้างมั้ย ฮือๆ “

“ เมด ฟังนะ บินรักเมด รักมากจริงๆ บินให้เมดเป็นที่หนึ่ง เป็นตัวจริง คนอื่นมันก็แค่ความสนุกชั่วคราวเท่านั้น “ มือหนาที่จับแขนของผมไว้แน่น บินที่พยายามอธิบาย

“ พอแล้วไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น พอสักที! “ ผมตะโกนออกไปทั้งๆที่น้ำตานองหน้า “ กูไม่เคยอยากจะเป็นที่หนึ่ง กูแค่อยากจะเป็นคนคนเดียวที่มึงจะรัก แต่มึงไม่เคยรักกู มึงไม่เคยรักกูเลย ไม่เคยรัก อึก ฮือๆ เพราะถ้ามึงรัก มึงจะไม่ทำแบบนี้ คนที่เค้ารักกันอะ เค้าไม่ทำแบบที่มึงทำกับกูหรอก เค้าจะดูแล เค้าจะพยายามปรับตัว แล้วที่สำคัญเค้าจะไม่มีวันยอมให้ใครหน้าไหนเข้ามาในชีวิตรักของเค้า เค้าจะไม่ไปแอบเอากับคนอื่น  และทั้งหมดนั่น มันไม่มีในตัวมึง เข้าใจมั้ย มึงไม่ได้รักกู มึงไม่ได้รักกู “

กุหลาบที่ถืออยู่ผมฟาดลงไปอกของอีกคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลีบดอกของมันกระจัดกระจายไปทั่ว หลงเหลือไว้แค่ก้านดอกไว้เปล่าๆในช่อสีน้ำตาลสวย

   ทุกอย่างมันก็คล้ายความรักของเรา ที่ตอนนี้ไม่มีเหลืออะไรแล้ว เราที่มีแค่อดีต แต่ไร้ซึ่งปัจจุบันและอนาคต ทุกอย่างมันน่าเคว้งคว้างนั่นก็จริงอยู่ แรกเริ่มมันน่าเศร้าจนทำได้แค่คอยถามว่าทำไม เพราะอะไร แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ทุกเหตุผลรองรับด้วยคำพูดที่ผมบอกอีกคนซ้ำๆ ‘ เพราะเค้าไม่เคยรัก ทุกอย่างก็เลยเป็นแบบนี้ แต่ที่ยังรู้สึกเจ็บเจียนตายขนาดนี้ ก็คงเพราะมีแค่ตัวเรา ที่รักเค้าข้างเดียวมาตลอด ‘

“ เราเลิกกันนะบิน “ ผมพูดออกมาตอนที่ลดช่อกุหลาบในมือลง ก่อนที่ปล่อยมันให้ตกลงบนพื้นแหมือนกันกับกลีบดอกที่ร่วงหล่น
“ อย่ามายุ่งกับชีวิตกูอีก กูจะอโหสิกรรมในสิ่งที่มึงทำกับกู เพราะกูอยากจะให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่กูจะได้เจอมึง กูจะถือว่าเราหมดกรรมที่มีต่อกันนะ “

“ ไม่ เมด บินไม่ยอมเลิก “

“ ทำไมถึงไม่ยอม ยังจะต้องการอะไรอีก “ ผมเงยหน้าขึ้นถาม “ มึงได้ไปไม่พอเหรอ มึงให้ความรักกูได้ไม่ถึงหนึ่งในร้อยที่มึงทำให้กูเสียใจเลยนะ หรือมึงยังหลอกกูไม่พอ มึงยังเหี้ยกับกูไม่พออีกเหรอ ปล่อยกูไปได้แล้ว กูอยากมีชีวิตใหม่ ชีวิตที่ไม่มีมึง ไม่มีเพื่อนเหี้ยๆแบบมันสองคนนั้น ส่วนมึงจะกลับไปเอากับยีนส์หรือจะคบกันยังไง มันเป็นเรื่องของมึง ต่อจากนี้เราไม่มีชีวิตเกี่ยวข้องกันอีก “

“ เมด..”

“ ลองคิดดูนะ ถ้าเรื่องนี้เป็นของมึง มึงจะทำยังไง ถ้ามึงมาเป็นกู มึงที่รักกูมาก ยอมกูทุกอย่าง แต่สุดท้ายกูก็ไปเอากับเพื่อนมึง กูเอากับเพื่อนมึงหลับหลังมึงมาตลอดสี่ปี ถามหน่อยเถอะ ถ้ากูขอโทษมึง ขอคืนดี มึงยังจะคืนดีกับกูอีกเหรอ “ ผมส่ายหน้าไปก่อนจะยกยิ้มแล้วบอก “ ถ้าเป็นมึงแล้วกูทำแบบนั้น ตอนนี้กูคงไม่ได้หายใจอยู่ตรงนี้แล้วมั้ง คงตายคาตีนมึงไปแล้ว “ เว้นเสียงพลางถอนหายใจออกมา “ บิน.. ไม่มีใครที่ไหนเค้าทนได้หรอก มึงคิดว่ากูโง่มากขนาดไหน มึงถึงยังกล้ามายืนอยู่ตรงนี้วะ “

“ เมด บินไม่อยากเลิกกับเมด เมดคือคนที่ดีที่สุดในชีวิตบินนะ “

“ รู้ว่าดี แล้วทำไมไม่รักษาไว้ให้ดี “  สบสายตาอีกคนที่ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา น้ำตาของร่างสูงที่ไหลออกมามันเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นผู้ชายคนนี้ร้องไห้  “ กูถือว่ากูพูดชัดแล้ว เราเลิกกันแล้ว ถ้ามึงรักกูจริงๆอย่างที่ปากมึงพูด ถือว่าเป็นการแสดงความรักครั้งสุดท้าย เลิกกับกู ปล่อยกูไปซะ ถือว่ากูขอร้อง อย่ามายุ่งกับกูอีก “

เราที่เงียบให้กัน แล้วหน้ามองหน้ากันและกัน โดยไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรออกมา บินทำได้แค่มองหน้าผม มันไม่บอกว่าจะยอมเลิก แต่ผมก็คิดว่าตัวเองได้พูดทุกอย่างที่ควรพูดออกไปหมดแล้ว คำพูดที่บอกกับอีกฝ่ายว่า ตัวผมจะไม่มีวันกลับไปรักกับคนอย่างมันอีก

   จบลงแล้วความรักที่เคยคิดว่าจะมีอยู่ตลอดไป แต่มันก็ไม่เคยมีอยู่เลย เท่าที่มีก็มีแค่ตัวผมที่มอบให้อีกคนไปฝ่ายเดียวอย่างไม่เคยได้รับกลับ แต่วันนี้ทุกอย่างมันจบลงแล้ว ต่อไปนี้ก็เหลือเพียงแค่ตัวผม ที่จะรักตัวเองมากขึ้นกว่าที่เคย ผมก้าวขาเดินออกห่างจากมัน จะไม่มีวันเดินกลับไปอีกแล้ว

“ กูรักมึงนะเมด “ บินพูดเสียงเบาๆในตอนที่ผมกำลังจะเดินผ่านมันไป ขาที่หยุดชะงักผมเหลือบไปมองมัน “ กูรักมึงแต่รักษาไว้ไม่ได้ไม่ใช่ไม่เคยรักอย่างที่มึงเข้าใจ แต่กูมันมักมากไม่รู้จักพอ มีของดีอยู่แล้วก็ยังอยากได้อย่างอื่น ขอโทษที่เป็นแฟนที่เหี้ยขนาดนั้น ขอโทษที่ทำให้มึงเสียใจมาตลอด ขอโทษที่ไม่เคยรักมึงได้อย่างที่มึงรักกูเลย “ ผมเงียบไม่พูดอะไรออกไปทั้งนั้น บินดึงตัวเองหันมาเผชิญหน้ากับผมอีกครั้ง มันเหลือบมองอาฟ ก่อนจะหันกลับมามองผม “ คบกับไอ้อาฟก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน แต่ถ้าไม่อยากจะเสียใจแบบนี้อีก ก็รีบเลิกแล้วไปหาคนดีๆคนอื่นเถอะ เพราะการที่เมดคบมัน ก็ไม่ต่างกับการที่เมดเล่นกับไฟหรอก อยากจะเตือนเอาไว้ “

   ไม่ได้ตอบอะไร คำพูดเตือนนั้น

ผมไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับตัวตนของคนที่มันพูดถึง แต่ถึงอย่างงั้นผมก็รู้สึกว่า คนเราไม่ควรตัดสินคนคนนึงจากคำพูดของใคร  ผมเดินเข้าไปใกล้อาฟ มันที่เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะยกยิ้มให้ผม มือหนาเอื้อมมือมาจับมือผมมันเองก็ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ ผมเดินตามแรงจูงของอีกคนไปที่รถ เสียงปลดล็อครถที่ดังขึ้นอาฟเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ

ผมนั่งมองอีกคนเดินกลับไปอีกฝั่ง อาฟหันไปมองบินที่ยืนอยู่เพียงเสี้ยววินาที ผมเห็นมันยกยิ้มให้อีกคนก่อนจะเปิดประตูฝั่งคนขับเข้ามานั่ง มองบินที่มองเข้ามาในรถ ผมรู้ว่าอีกคนคงไม่เห็นผม เสียงติดเครื่องยนต์ของรถดังขึ้น ผมที่ยังมองอีกคนอยู่แบบนั้นจนกระทั่งอาฟขับรถออกไปจากคอนโด

“ ลาก่อน “  ความรักที่เคยคิดว่าดีของผม .. ลาก่อน บิน..

........................................................................................


   เส้นถนนที่เงียบเชียบ ไม่ต่างอะไรกับความเงียบภายในรถ เราขับรถออกมาจากคอนโด ได้สักพักหนึ่งแล้ว ผมไม่ทราบจุดหมายปลายทางของมันว่าคนขับรถที่เอาแต่เงียบจะขับพาผมไปไหน แต่ถึงอย่างงั้นผมก็มีบางอย่างที่อยากจะเอ่ยถามมัน
“ แล้วนี่เราจะขับรถออกมาจากคอนโดอีกทำไมวะ “

“ กูก็ไม่รู้ “ อีกคนตอบสั้นๆ  ก่อนที่ผมจะหลุดยิ้มออกมา ก็งงอยู่แล้วเหมือนกัน ว่าอยู่ๆ เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉุกคิดขึ้นได้ก็ตอนที่ขับรถออกมาจากคอนโดได้ครึ่งทางแล้ว

มองออกไปนอกหน้าต่างนั้นเงียบๆ ผมคิดถึงใบหน้าของคนที่ผมเพิ่งบอกเลิกเค้าไป มันคงดีนะ ถ้าบินเป็นคนดี ไม่ต้องดีมากก็ได้แต่เป็นคนที่รู้จักคิด และรู้จักใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นบ้าง แต่คิดไปมันก็เท่านั้น อดีตก็คืออดีต มันคงไม่หวนกลับมา
“ ถ้าจะมานั่งเศร้าแล้วจะบอกเลิกมันทำไม “

“ ไม่ได้เศร้า “ ผมตอบกลับอีกคนก่อนจะชี้ไปนอกหน้าต่างรถ “ มึงไม่เห็นเหรอ บรรยากาศชวนเหงาขนาดนี้ จะไม่ให้เหงาตามได้ไงวะ “

“ อย่าโทษบรรยากาศ “ อาฟบอก “ ถ้ามึงเศร้ามองเหี้ยอะไรมันก็เศร้าไปหมดนั่นแหละ “

“ เหรอ .. “ ตอบอีกคนเสียงเบาๆก่อนจะถอนหายใจ “ คงงั้นมั้ง “

“ จะไปเสียใจให้ผู้ชายแบบนั้นทำไมวะ “ รถจอดลงข้างทางตอนที่อีกคนบอกแบบนั้น อาฟไม่ได้หันมามองผม มันแค่มองไปยังถนนข้างหน้า เสี้ยวใบหน้าคมที่กำลังหงุดหงิดผมเห็นมันกำมือกับพวงมาลัยรถไว้แน่น ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากัน ถอนหายใจที่ผ่อนออกมามันหันออกไปนอกหน้าต่าง “ มันไม่เคยดีกับมึงเลยไม่ใช่เหรอ มันทำร้ายมึง มันหลอกมึง มันไปเอาเพื่อนของมึง แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังรักคนแบบนั้นอยู่เหรอวะ ทำไมไม่เอาความรักที่มึงให้มันสักครึ่งก็ยังดี รักตัวเองบ้างวะ “

“ อาฟ..”

“ รักตัวเองให้สมกับที่คนที่เค้ารักมึง รักหน่อยสิว่ะ “ หันไปเหลือบมองมันที่ก็เหลือบหันมามองผมพอดี “ กู... หมายถึงครอบครัวมึงพ่อแม่มึง ..แล้วก็คนอื่นๆที่เค้ารักมึง “

“ กูรู้ “ ผมบอกก่อนจะก้มหน้าลง “ กูรู้ว่ากูไม่ควรเสียใจให้คนแบบนั้น มันเหี้ยกับกูมากๆ สารพัดความเลวที่มันทำกับกูแต่กูก็ยังอดทน เพราะกูเคยคิดมาตลอดว่าถึงมันจะเหี้ยยังไง มันก็ยังรักกู เรารักกัน แล้วมันจะเปลี่ยนได้ อึก แต่กูไม่เคยคิด ว่าทั้งหมดที่กูคิด ที่กูพยายาม กูทำอยู่คนเดียวมาตลอด มันไม่ได้คิดจะเปลี่ยน หรือคิดจะทำอะไรเพื่อกูสักอย่าง
มันที่ไปเอาเพื่อนกู ตอนที่กูเห็นตอนที่รู้ความจริงทุกอย่างมันมาพร้อมกันหมด มันเร็วเกินไปอะมึง อึก ฮือๆ กูไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น ไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนรักกับคนที่รักจะมาได้กัน ไม่เคยคิดว่าจะถูกหลอกมาตลอดสี่ปี กูก็ไม่อยากร้องไห้ แต่มันเสียใจอะมึง อึก ฮือๆ ไม่คิดเลยว่าจะโดนทำแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าชีวิตต้องมาเป็นแบบนี้ มันโหดร้ายกับกูมากๆเลยมึง เสียใจขนาดที่ว่าถ้ามันตายจากกูไป กูยังไม่เสียใจเท่านี้เลย อึก ฮือๆ “


มือหนาดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่นในอ้อมกอดของมัน ฝ่ามือที่ตั้งอยู่บนหลังลูบเบาๆอยู่แบบนั้นผมก็ยิ่งร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

“ แบ่งมันมา “ อีกคนพูดแค่นั้น “ ถ้าความเสียใจมันมีมากนัก ก็แบ่งมันมาให้กูได้มั้ย “ มือที่ลูบอยู่ที่หลัง ผมรู้สึกถึงใบหน้าคมที่ซบลงที่ช่วงไหล่ เสียงถอนหายใจที่ดังออกมาของอีกคน “ กูอยากรับมันไว้เอง “

“ อาฟ..”

“ สัญญากับกูเมด ว่าจะร้องไห้ให้ไอ้เชี้ยนั่นแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แล้วต่อจากนี้อย่างร้องไห้ให้คนคนนั้นอีก ตอบตกลงกับกู แล้วกูจะให้มึงร้องไห้ให้พอใจเลย “

“ อื้ม “ พยักหน้ารับกับอีกคนทั้งๆที่ยังกอดมันไว้ ผมพูดเสียงอู้อี้ “ กูจะร้องไห้ให้มันแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แล้วต่อจากนี้ไปกูจะไม่ร้องไห้ให้กับคนแบบนั้นอีก “

“ อื้ม “ อาฟตอบเสียงเบาก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น “ งั้นกูจะกอดมึงไว้ ร้องไห้บนไหล่กูได้ตามสบายเลย “  มือที่ค่อยๆลูบชวนให้น้ำตาของผมไหลออกมา เสียงร้องไห้ที่ดังไปทั่วทั้งรถ 

มือหนาที่ลูบอยู่ที่หลังไม่รู้ทำไมแต่ผมคิดถึงพ่อของผมขึ้นมา มันเป็นคำพูดที่ไม่กี่คำที่พ่อเคยพูด ‘ ไหวมั้ยเมด โอเคมั้ยลูก ‘ แล้วคำนั้นก็เรียกน้ำตามากมายจากผมได้ตลอด

ไม่เคยได้รับความอบอุ่นแบบนี้มานานแล้ว ครั้งล่าสุดมันนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ผมไม่ใช่คนขี้แย มีอะไรก็ไม่ค่อยชอบพูด ผมไม่ชอบทำให้พ่อไม่สบายใจ ท่านทำงานหนัก อายุก็มากขึ้นแล้วด้วย ไม่อยากจะให้มาคิดมากกับเรื่องไร้สาระแบบนี้ ก็เลยไม่ค่อยพูดอะไร

เจ็บแค่ไหนก็แค่ทนไว้ กลับบ้านไปก็ไม่เคยแบกเอาความทุกข์กลับไป คิดแค่ว่านานๆทีกลับ ก็ต้องเอายิ้มกว้างๆกลับไปให้เค้า และเพราะคิดแบบนี้มาตลอดไม่ว่าเรื่องอะไรมันก็ถูกเก็บเอาไว้ จนตอนนี้ ตอนที่อาฟกอดผมไว้ ผมก็รู้สึกว่า ทุกเรื่องที่เคยเสียใจ มันล้นทะลักออกมาหมด ไม่ใช่แค่เรื่องของบินแล้ว แต่มันคือทุกเรื่องเลย


มันก็น่าแปลกดี ทำไมอ้อมกอดนี้ ถึงเป็นอ้อมกอดที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจได้ขนาดนี้กันนะ..


   นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่ผมร้องไห้ ตอนที่ดึงตัวเองออกมาจากไหล่อีกคนผมเห็นว่าเสื้อมันเปียกชุ่ม มือที่กำเสื้อของอีกคนไว้แน่นตอนร้องไห้ยับยู่ยี่ไปหมด แต่ถึงอย่างงั้นตอนที่มองสายตาคมของอีกฝ่ายที่มองกลับมา ผมเห็นอาฟมือสั่น มันที่เหมือนจะเอื้อมมือขึ้นมาแต่ชะงักไป ราวกับคิดแล้วคิดอีกว่าจะทำดีหรือไม่ดี

“ อาฟ “ พอเอ่ยเรียกอีกคนก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ผม ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยลงที่แก้มเบาๆ มันอุ่นจนชวนให้ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง มันไม่น่ากอดผมไว้เลย มันจะรู้รึเปล่าว่ากำลังทำให้ตัวเอง กลายเป็นคนที่ผมอยากจะงอแงใส่ทุกเรื่องแล้วในตอนนี้ เป็นคนที่ถ้าเศร้าก็อยากจะร้องไห้ให้มันดู ให้มันปลอบ

“ กูเช็ดไปงั้นๆ รำคาญตา “ มันบอก ผมก็หลุดยิ้มออกมา

“ อ้างว่า ไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดว่ามึงแกล้งกูอย่างเมื่อวันก่อนที่ทำก็ได้ “

“ อื้ม “ บอกแบบนั้นอีกคนก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ผมอีกครั้ง อาฟมองตาผมมันมองอยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจหันไปมองนอกหน้าต่าง “ เดี๋ยวกูมา “

   ร่างสูงเดินลงไปจากรถ ผมที่มองตามมันไป อาฟเดินเข้าไปในเซเว่นที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้น มันเข้าไปไม่นานก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับของในถุง เปิดประตูเข้ามาในรถ มันยื่นทิชชูเปียกให้ผม

“ เช็ดซะ หน้าตาดูไม่ได้ “

“ อื้ม “ แกะทิชชูนั่นขึ้นมาเช็ดหน้า ก่อนอีกคนจะยื่นทั้งถุงมาวางไว้บนตัก ในนั้นมีทั้งน้ำเปล่าขวดเล็ก แล้วก็มีนมช็อคโกเล็ตอยู่ขวดนึง ผมหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความคุ้นตา เผลอถอนหายใจอกอมาตอนที่เห็นผมยกยิ้มขึ้นมา ก็ช่างหยิบมานะมึง .. เสือกไปหยิบนมที่ไอ้เชี้ยบินมันใช้จีบกูตอนม.หกมาให้กูแดกอีก “ มึง.. นี่ตั้งใจหยิบมารึเปล่า หรือว่าไม่ตั้งใจ “ ผมหันไปถามอีกคนที่ก็คาดเข็มขัดนิรภัยเตรียมตัวขับรถออกไป ผมรู้สึกว่ามันหูแดง ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าแต่อาฟก็ตอบ

“ อื้ม ตั้งใจ “

“ มึงช่างหยิบมากอะ มึงหยิบนมที่ไอ้บินใช้จีบกูตอนม.หกมาให้ “

“ งั้นเหรอ “ อีกคนถอนหายใจก่อนจะตอบเซ็งๆ

“ อื้ม มันฝากเพื่อนในชมรมบาสมาให้กูทุกเย็นเลย แต่รู้อะไรมั้ย ตอนที่ตกลงคบกันแล้วย้ายมาอยู่คอนโดด้วยกัน วันนึงกูบอกให้มันซื้อนมนี่มาให้หน่อย แม่งเสือกจำไม่ได้ กูตอนนั้นก็เลือกจำยี่ห้อมันไม่ได้ด้วย เลยบอกว่า ก็นมที่มึงเคยซื้อมาให้กูตอนม.หกไง แต่ไอ้เชี้ยนั่นกลับไม่รู้ แล้วหงุดหงิดใส่กูใหญ่ สุดท้ายก็ซื้อผิด “

“ ก็ไม่เห็นแปลก ที่มันผิด “ อาฟว่าเสียงเบาๆก่อนจะยกยิ้ม ผมหันไปเหลือบมองมัน

“ มึงว่าอะไรนะ อะไรไม่เห็นแปลก “

“ กินนมนั่นเข้าไปซะ แต่ถ้าไม่อยากกินเพราะคิดว่าไอ้เหี้ยนั่นเคยซื้อให้ ก็ลืมๆมันไปซะ แล้วคิดใหม่ คิดว่ากูซื้อให้ ไม่ใช่มัน “

“ กินนั่นแหละ มึงซื้อให้ทำไมจะไม่กิน “ ผมบอกมันอีกคนก็ถอนหายใจออกมา รถเคลื่อนตัวออกไปจากที่จอดอีกครั้ง ผมที่เจาะนมนมในมือขึ้นกินก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วคิดขึ้นมาได้ “ แล้วนี่มึงจะพากูไปไหนวะ “

“ คอนโดกู “

“ ห๊ะ ? “

...................................................................

ถ้าถามว่า ทำไมบินที่ทำไม่ดีกับเมดตั้งมากมายทำไมเมดยังรัก
ดูสิ่งที่เมดหยิบยกมาด่าแต่ละคำสิ หมดรักคนแบบนี้ไปมันก็ดีแล้วจะเสียใจทำไม
ทำไมยังรัก
คำตอบคือ ในช่วงเวลาที่เราเสียใจจากการกระทำของอีกฝ่าย ความดีที่เค้าทำมันไม่โผล่มาให้เห็นหรอก คนเราจดจำเรื่องที่เราเสียใจมากกว่าเรื่องที่เราดีใจ เรื่องเสียใจนิดหน่อยก็จำได้ แต่เรื่องดีใจต้องมากมายจริงๆถึงจะจำได้ดี

เราชอบตอนนี้เป็นพิเศษเลย มันมีหลายมุมมองของตัวละครดี  แม้จะเป็นตอนที่เขียนเหนื่อยมากเพราะหลายความรู้สึกเกิน ทั้งความรู้สึกที่อัดแน่นของเมด ของบิน แม้แต่ของอาฟ เป็นความรู้สึกคนละอย่างกันเลย

ตอนนี้ไม่มีนิยายแชท ยังไงฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่ะ 
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนนีเนื้อเรื่องดีมากอะ...เราชอบบบ  o13 ขอให้อาฟชอบเมคจริงๆไม่ทำให้เสียใจนะ..สงสารเมค...เห็นภาพอะ  :mew2:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
อาฟเป็นคนส่งนมให้เมดตอน ม.ปลาย แน่เลย

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ไม่อยากให้เมดเสียใจอีก สัดพี่ตามน้องเดย์

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เอ้า สัดพี่อาฟของน้องเดย์ใช้นมจีบเขามาตั้งแต่ม.ปลาย แล้วเนียนแฝงตัวในเงามืดเนี่ยนะ โห~~~~~~ @#$%^&:''&^%

ออฟไลน์ ANIKI.

  • 兄貴
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
นี่รู้สึกว่านมที่ใช้จีบเมดก็มาจากอาฟอะ 555555

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด